(ต่อนะคะ)
“ฟรี้~...” เสียงกรนเบาๆ แว่วเข้าหูผม นั่นเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายกำลังหลับสนิท
ดูเหมือนจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืนจริงๆด้วย
น่าเสียดายที่เสียงของผมไปไม่ถึงในเวลานี้
แต่ไม่เป็นไร
ถ้าเขาตื่นผมจะบอกอีกครั้งเอง...
จะบอกถึงความรู้สึกที่ชัดเจนแล้วนี่
พวกเราจะได้ก้าวเดินไปข้างหน้ากันสักที
ในตอนแรกผมทำเพียงนอนนิ่งๆ เป็นหมอนข้างรอให้เบซิลต่อแต่ไม่นานผมก็เป็นฝ่ายผล๋อยหลับไปด้วยอีกคน ความเหนื่อยล้าจากการโหมงานทำให้พวกเราหลับยาวตั้งแต่ 10 โมงยันบ่าย 3 โดยไม่มีการสะดุ้งตื่นใดๆ แม้จะตื่นขึ้นมาแต่ตัวผมยังคงถูกอ้อมกอดของเบซิลกอดแน่นและไม่มีทีท่าจะคลายอ้อมกอดนี้ง่ายๆ
“คุณกลัวผมจะหายไปรึไงกันเบซิล” ผมพึมพำระหว่างขยับตัวเพื่อออกจากอ้อมแขนนี่ อยู่ท่าเดิมมาตลอดหลายชั่วโมงร่างกายฝั่งซ้ายชาไปหมดแล้ว
“...อื้อ” เสียงครางคล้ายคำตอบนั่นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา
ขนาดหลับอยู่ยังตอบได้อีกนะคนเรา
ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าผมจะสามารถพาตัวเองออกมาจากเบซิลได้ สิ่งแรกที่ผมทำคือไปอาบน้ำและออกมาเตรียมอาหารเย็น ผมพอจะเดาได้ว่าเบซิลนอกจากจะไม่ได้นอนแล้วคงยังไม่ได้กินอะไรแน่ ตื่นมาผมคงบ่นเรื่องนี้ก่อนจะพูดเรื่องอื่น
สิ่งที่ร่างกายของมนุษย์จะขาดไม่ได้คืออาหารและการพักผ่อน เล่นขัดมันซะทุกอย่างแบบนี้ถ้าไม่ป่วยก็แปลว่าทำบ่อยจนร่างกายชินชา อาหารเย็นผมเลือกจะทำของง่ายๆ อย่างพวกต้มจืดผักกาดขาวใส่ไส้ห่อด้วยเต้าหู้ปรุงรสและทำกระเพราเห็ดกับเต้าหู้อบวุ้นเส้น ข้าวหอมมะลิที่หุ้งตั้งแต่ก่อนอาบน้ำบัดนี้สุกเรียบร้อย ที่เหลือก็แค่เอาอาหารไปตั้งบนโต๊ะแล้วไปปลุกเบซิล...
“ใบไธม์” พูดยังไม่ขาดคำเสียงเรียกก็ดังขึ้นพร้อมกับแขนสองข้างที่หมายจะสวมกอด แต่เพราะรู้ทันผมจึงเบี่ยงหลบก่อนยกผัดกระเพราะปละเต้าหู้อบวุ้นเส้นไปตั้งโต๊ะ
“ไปล้างหน้าแล้วค่อยมากินข้าว” ผมหันไปบอดเบซิลที่เกือนหน้าคะมำ
“ให้ผมกอดหน่อยสิ ไม่ได้เจอกัน 11 ชั่วโมงกับอีก 47 นาทีเลยนะ”
“พูดขนาดนั้นบอกวินาทีมาด้วยก็ได้”
“ได้ ผมไม่เจอใบไธม์มา 11 ชั่วโมง 47 นาทีกับ 39 วินาที” คำพูดประชดของผมถูกสวนกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง นี่จับเวลาอยู่จริงๆ เหรอเนี่ย
“ไปล้างหน้าแล้วอาบน้ำด้วย เสื้อผ้ายังชุดเดิมกับเมื่อวานอยู่เลย ซกมก!” ผมเพิ่มคำสั่ง พึ่งสังเกตเสื้อผ้าอีกฝ่ายตรงๆ ก็ตอนนี้เอง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตด้านในหรือเสื้อนอกแม้แต่กางเกงก็ยังเป็นตัวเดิมที่ใส่เมื่อวาน
นี่หมกมากเป็นสิบชั่วโมงโดยไม่อาบน้ำได้ยังไงเนี่ย
ถ้ารู้แบบนี้ผมถีบตกเตียงไปแล้วไม่ยอมให้กอดอยู่เป็นชั่วโมงหรอก
“...ก็ได้” เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของผมเบซิลจึงต้องยอมเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยดี
อยากจะถอนหายใจดังๆ
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะทำสักหน่อย
เบซิลใช้เวลาในการจัดการทุกอย่างไม่ถึง 20 นาทีก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดลำลองในยามปกติ เส้นผมสีเทาที่เปียกปอนนั่นแปลว่าคงสระผมด้วย เอาล่ะ ถ้าเป็นตอนนี้คงไม่มีอะไรมาขัดอีก
ผมจะให้คำตอบเบซิลแล้วนะ
“เบซิล”
“ฮืม?”
“คือ...”
โครกกกก~
เสียงท้องร้องจากเบซิลดังขึ้นตัดประโยคที่ผมใช้ความกล้าอย่างมากกว่าจะเอ่ยออกไปได้ สภาพผมในตอนนี้เหมือนรูปปั้นที่ยืนนิ่งค้างไม่ขยับเขยื่อน
“โทษทีผมไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน มีอะไรพูดมาได้เลย”
“...กินข้าวกันก่อนเถอะ” สุดท้ายผมกต้องเปลี่ยนคำพูด จะให้พูดต่อทั้งที่ท้องอีกฝ่ายยังส่งเสียงประท้วงก็คงไม่ดีนัก
“คุณเหมือนกำลังเครียดนะ” เบซิลพูดระหว่างตักเต้าหู้อบวุ้นเส้นเข้าปาก
“อืม” เครียดมากเลยแหละ
จะจริงจังทีไรดันมีเรื่องมาขัดตลอด
“เรื่องเกี่ยวกับผมสินะ”
“...มองออกเหรอ” รู้อยู่แล้วว่าคงปิดบังหรือตบตาอะไรเบซิลไม่ได้
“มองออกอยู่แล้ว เพราะผมมองใบไธม์มาตลอดนี่”
“เบซิล...”
“ถ้าเรื่องของผมทำให้เครียดก็ปล่อยมันไปเถอะ คำตอบไม่ต้องให้ผมก็ได้” อยู่น้ำเสียงของเบซิลก็เริ่มเปลี่ยนไปจะว่าเศร้าก็ไม่ใช่คล้ายกับกำลังปลงซะมากกว่า
“เข้าใจผิดแล้ว” ผมว่าเบซิลกำลังเข้าใจผิด ที่ผมเครียดไม่ใช่เพราะหาคำตอบไม่ได้หรือไม่แน่ใจในคำตอบแต่เป็นไม่มีโอกาสได้พูดออกไปต่างหาก
“...ผมว่าเข้าใจถูกนะ เพราะใบไธม์ดูมีสีหน้ากังวลอยู่ไม่น้อย”
“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ฟังผมนะเบซิล...ที่ผมเครียดไม่ใช่เพราะหาคำตอบไม่เจอแต่เป็นเพราะผมตั้งใจจะพูดแต่ดันมีอย่างอื่นมาขัดตลอด” ผมแทบจะตบโต๊ะอยู่รอมล่อ
“จะพูดอะไรใบไธม์”
“รางวัลที่คุณขอก่อนหน้านี่ผมตกลง”
“รางวัลก่อนหน้านี้หมายถึงเรื่องไหนล่ะ” เบซิลถามต่อ
“อ่ะ...คุณกำลังแกล้งผมใช่ไหมเบซิล” ผมไม่คิดว่าเขาจะลืมหรือจำไม่ได้หรอกนะ
“ผมขอรางวัลคุณเยอะจะตาย ผมจำไม่ได้หรอก”
ผมไม่รู้ว่าเบซิลกำลังแหย่ แกล้งหรือพูดเรื่องจริง สถานการณ์ในตอนนี้ผมไม่มีสติมากพอจะวิเคราะห์ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ แค่คำพูดง่ายๆ อย่าง “ตกลง” ผมก็ใช้ความกล้าทั้งหมดแล้วถ้าต้องทำมากกว่านั้น...
แต่จะให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ได้
ความสัมพันธ์ของพวกเราในตอนนี้ไม่คืบหน้าไปไหนเพราะตัวผมที่เอาแต่ไม่ชัดเจนและยืดเวลาออกไปตลอด เพราะงั้นในวันนี้ผมจะทำให้พวกเราก้าวไปข้างหน้า...
ก้าวไปด้วยกัน!
“เป็นแฟนกัน นั่นคือรางวัลที่คุณบอกว่าต้องการ...” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะค่อยๆ เอ่ยทุกอย่างออกไป เบซิลไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาทำเพีบงจับจ้องมายังผมคล้ายกำลังจะตั้งใจฟังประโยคต่อไป...
“และผมตกลงที่จะเป็นแฟนคุณ...เบซิล”
“ยังมีอย่างอื่นที่ต้องบอกผมอีกไม่ใช่เหรอ” เบซิลพูดต่อราวกับล่วงรู้ถึงความคิดของผม
ทั้งอายและเขินแต่ผมรู้ดีว่าถ้าตัวเองไม่พูดทุกอย่างก็จะไม่เปลี่ยน ดังนั้นผมจะพูด...พูดในสิ่งที่ผมได้ใช้เวลาจนหาคำตอบเจอแล้ว
“ผมชอบคุณ”
“แค่ชอบ?”
“...รัก...รักเบซิล” ทั้งร่างกายเกร็งไปหมด ไม่รู้ต้องแสดงท่าทางอะไรออกไปอีกไหม ไม่รู้อะไรทั้งนั้นในตอนนี้
ความรู้สึกแรกหลังพูดออกไปคือความโล่งก่อนจะตามมาด้วยความเขินอายที่พานให้อยากวิ่งหนีออกไปจากสถานการณ์นี้สักสองสามชั่วโมง
ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเบซิลด้วยซ้ำ
“ใบไธม์” เสียงของเบซิลดังขึ้นในระยะประชิดเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นไปก่อนจะต้องชะงักเมื่อถูกฝ่ามือทั้งสองข้างสัมผัสบริเวณแก้มซึ่งกำลังเห่อแดงพร้อมกัน
“...อืม”
“ในทีสุดก็ยอมพูดสักทีนะ ผมรอจนเกือบจะปล้ำคุณก่อนฟังคำตอบแล้ว” ใบหน้านิ่งๆ อยู่ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ในชั่วพริบตาราวกับทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง...
เดี๋ยวนะ?
นี่อย่าบอกนะว่าตั้งแต่แรกจนถึงผมสารภาพรัก...เป็นแผนการของเบซิลทั้งหมดเลยน่ะ!
“ทั้งหมดนั่นเป็นการแสดงสินะ” ผมกัดฟัดถามออกไป ทั้งน้ำเสียงเศร้าคล้ายปลงกับผมที่ไม่ยอมให้คำตอบซะเต็มประดาตลอดจนคำล่อลอกให้ผมพูดประโยคหน้าอายออกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทุกอย่างนั่นเบซิลจงใจทำเพื่อให้ผมพูด
“อย่าเรียกว่าการแสดงเลย แค่อยากได้ยินคำตอบเร็วๆ เท่านั้นเอง ไม่งอนเนอะที่รัก” เบซิลดูปฏิกิริยาของผมว่าจะเป็นยังไงต่อไป
“ไม่งอนหรอก แต่โกรธ” พูดจบผมไม่รอช้าเหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าอีกฝ่ายเต็มแรงทว่าการฝึกวิชาการต่อสู้ให้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาส่งผลให้เบซิลสามารถเบี่ยงตัวหลบหมัดได้แม้จะเป็นระยะประชิด
“คิดจะชกแฟนได้ลงคอเหรอใบไธม์” เบซิลพยายามทำให้ผมใจเย็นลงด้วยคำพูด
“ชกเสร็จจะแถมลูกถีบให้ด้วย”
“เขินแรงน่ะเนี่ย”
“เบซิล!” นี่จะกวนอารมณ์ผมจนถึงที่สุดเลยใช่ไหม
“อย่าโกรธผมเลย คุณก็รู้ว่าผมรอคำตอบมานานแค่ไหน...แค่คำว่าตกลงมันไม่พอหรอกนะ”
“เบซิล...”
“ผมรักคุณ...ใบไธม์ ในที่สุดคุณก็ยอมตกลงเป็นแฟนผม” รอยยิ้มของเบซิลต่างจากทุกที ดูอ่อนโยนขึ้นและเปี่ยมไปด้วยความสุขจนทำเอาคนมองอย่างผมถึงกับหน้าเห่อร้อนตาม
“ขอโทษที่ให้รอนานนะ” นานจริงๆ กว่าผมจะหาคำตอบให้ตัวเอง ถึงจะยอมรับแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมให้คำตอบเอาแต่หาทางยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ เบซิลต้องรอผมด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ
ถ้าให้เดาคงไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนักหรอก
“รู้สึกผิดเล็กๆ สินะ” เบซิลเดินเข้ามาประชิดพร้อมกระซิบข้างใบหู
“ถอยออกไป อ๊ะ!” ผมเตรียมจะดันอีกฝ่ายให้ขยับออกห่างแต่เบซิลกลับก้าวเข้ามาใกล้จนผมต้องก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ ไม่นานแผ่นหลังก็สัมผัสกับเคาท์เตอร์เตรียมอาหาร
“ถ้ารู้สึกผิดก็ช่วยตามใจผมสักนิดนะ” ระหว่าพูดมือข้างนึงของเบซิลเริ่มลูบไล้หน้าท้องผมและเลื่อนต่ำลงไปสัมผัสส่วนร้อนใต้กางเกงที่เริ่มตื่นตัวขึ้นทีละน้อยจากการถูกกระตุ้นด้วยความช่ำชอง
“อ๊ะ! ไม่เบซิล ตอนนี้มัน...อื้อออ~” ริมฝีปากถูกทาบทับและจาบจ้วงโดยไม่ได้รับอนุญาตสร้างความรู้สึกหยาบโลนแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต จูบอันร้อนแรงนั่นพานให้สมองเริ่มขาวโพลน เช่นเดียวกับท่อนล่างที่ถูกถอดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
รู้แค่ความรู้สึกวาบหวามกระตุ้นทุกประสาทสัมผัสให้โลดแล่นขึ้นไปเรื่อยๆ ร่างกายไม่มีแรงแม้แต่จะผลักอีกฝ่ายออกไปด้วยซ้ำ
“น่ารักจังใบไธม์ ท่าทางคุณในตอนนี้สุดยอดเลย” เบซิลพูดโดยพรหมจูบตั้งแต่หน้าผากลงมาจนถึงแผ่นอก ยอดอกถูกขบเม้มและดูดรั้งคล้ายจะทำให้สติหลุดลอย
“อ๊า!ไม่เอาเบซิล อื้อ! อ๊ะ...หยุด อึก...” นี่พวกเรากำลังกินอาหารมื้อเย็นกันอยู่ทำไมเรื่องราวถึงเลยเถิดมาถึงนี่ได้กัน
“หยุดไม่ได้แล้ว คุณเล่นส่งเสียงครางซะขนาดนี้รู้สึกดีใช่ไหม” เสียงซิบข้างใบหูมาพร้อมกับฝ่ามือรูดรั้งกระตุ้นส่วนร้อนไม่หยุด
“ไม่...อ๊ะ!”
“โกหก”
“อื้อออ~ อย่าขยับแบบนั้น อ๊า...” ความรู้สึกดีแล่นเข้ามาจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ถ้าไม่ได้เบซิลคอยช่วย เบซิลสัมผัสผมราวกับกำลังกลืนกิน ปลุกเร้าและกระตุ้นจนสมองคิดอะไรไม่ออก ยิ่งเจ้าตัวแนบส่วนร้อนของตัวเองกับของผมดวงตาสีน้ำตาลของผมก็เบิกกว้างขึ้นทันควัน
ความแข็งขืนนั่นคล้ายกำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงอารมณ์จนหยุดไม่อยู่ ผมปล่อยให้เบซิลทำตามใจเพราะตัวผมในตอนนี้ไม่มีกำลังพอที่จะหยุด และในส่วนลึกของผมก็ไม่คิดจะหยุดเช่นกัน ผมเคยคิดว่าเบซิลที่ผ่านคนมากมายเขาจะรู้สึกกับร่างกายของผู้ชายธรรมดาๆ อย่างผมได้งั้นเหรอ ร่างกายที่ไม่ได้แตกต่างจากของเขาจะทำให้เกิดความต้องการได้รึเปล่า
คำตอบเหล่านั้นผมได้รับแล้ว
“ใบไธม์ อ่า...ใบไธม์” เบซิลรวบส่วนร้อนของผมและเขาไว้แนบชิดกันก่อนจะขยับไปตามแรงอารมณ์ที่ใกล้จะปะทุเต็มที
“อึก...เบซิล...ไม่ไหว” ร่างกายผมใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มที
“ผมก็ไม่ไหวแล้ว” เสียงและลมหายใจของเบซิลดังหอบอยู่ข้างใบหู แรงเสียดสีและเคลื่อนไหวของฝ่ามือเร่งเร้าจนความต้องการปะทุออกมาในหวะเดียวกับเลซิลจูบผมอย่างดูดดื่มอีกรอบ
แม้ทุกอย่างจะสิ้นสุดทว่าความร้อนรุ่มภายในร่างกายนี้ยังคงอยู่ ทุกที่ที่เบซิลสัมผัสร้อน...ร้อนราวกับจะบอกว่ายังไม่พอ นี่ร่างกายผมเป็นเอามากขนาดนี้เลยเหรอ
“ใบไธม์...ต่อกันไหม” ดวงตาสีเขียวมรกตประสานมายังดวงตาสีน้ำตาลของผมสื่อความนัยว่ายังต้องการมากกว่านี้อีก
“...พอแล้ว” แค่นี้ก็สูบกำลังผมจนหมดตัวขืนมากกว่านี้ผมคงลุกไปทำงานไม่ไหว
“แต่ผมยังไม่พอนี่”
“หื่น” ผมนึกคำอื่นนอกจากนี้ไม่ออกแล้ว
“ไม่ปฏิเสธ...ที่หื่นก็เพราะคุณแหละใบไธม์ รู้ไหมว่าผมต้องอดกลั้นมากแค่ไหน อยู่กับคนที่รักมาตลอดมันก็ต้องมีอยากสัมผัสกันบ้าง ในเมื่อคุณยอมตกลงเป็นแฟนผมแล้วขอ...”
“หยุดพูดเลยเบซิล! นี่คุณคิดอะไรลามกมาตลอดงั้นเหรอเนี่ย!” ผมพึ่งรู้เลยนะว่าอีกฝ่ายคิดแบบนี้มาตลอด
“เพราะรักถึงต้องการ มันผิดตรงไหนล่ะ”
“ไม่ได้บอกว่าผิดเพียงแค่มันเร็วไป...ผมพึ่งตกลงเป็นแฟน” ตกลงยังไม่ถึงนาทีก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
เรื่องการเล้าโลมให้คล้อยตามนี่ไม่มีใครเกินเบซิลจริงๆ
“ทั้งที่รักผมมาตั้งนานแล้วแท้ๆ ”เบซิลพูดลอยๆ ด้วยใบหน้ายียวน
“เบซิล!” นี่คิดจะหาเรื่องกันสินะ
“ผมจะรออีกสักหน่อยเพราะผมไม่ได้ต้องการแค่เซ็กซ์ แต่เป็นหัวใจของใบไธม์” ทั้งคำพูดและสายตาที่ประสานมาเรียกหัวใจให้เต้นเร็วขึ้น
เขารู้ว่าผมกำลังคิดหรือกังวลเรื่องไหนจึงได้อธิบายทุกอย่างออกมาโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถาม ต้องบอกว่าสมแล้วกับที่เป็นเบซิล
“จะรอได้นานแค่ไหนกัน” ขนาดวันนี้ยังทำผมซะแทบแย่ อยากจะอาบน้ำอีกรอบแล้วด้วยความเปียกเยิ้มจากการถูกสัมผัสและปลดปล่อยทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้
“สักสองวันมั้ง”
“ความอดทนต่ำไปแล้ว” แค่สองวันเนี่ยนะ
“แค่เรื่องคุณหรอกที่ผมอดทนไม่ได้”
“...ถ้าทำตัวเป็นเด็กดีจะลองคิดดูก็ได้นะ” ผมพึมพำเสียงเบาหวิวก่อนจะดึงกางเกงขึ้นมาสวมแล้วตรงไปยังห้องน้ำ
“พูดจริงเหรอใบไธม์” เบซิลก้าวตามหลังมาด้วยใบหน้ามีความหวัง ยิ่งรอยยิ้มแพรวพราวนั่นยิ่งน่าโมโหซะเหลือเกิน ราวกับเด็กที่ตาเป็นประกายยามผู้ใหญ่บอกจะซื้อของที่ต้องการให้
“โกหกมั้ง” ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากินอาหารแต่ค้องหาคำตอบให้ได้ว่าอะไรดลใจผมถึงกล้าเอ่ยประโยคบ้าๆ นั่นออกไปได้
...................................................
สวัสดีค่าา
มาอัพต่อแล้ว
เรื่องนี้เนื้อหาค่อนข้างเบาสมองเรียกว่าอ่านได้เรื่อยๆ ก็ว่าได้
แต่งมาจนถึงตอนนี้แทบไม่อยากเชื่อว่าเราเคยวางนิสัยให้เบซิลเป็นคนเย็นชา
ลองมาดูตอนนี้สิ...ช่างกวยโอ้ยได้ใจซะเหลือเกิน
น่าจะกวนที่สุดในบรรดาพระเอกทุกคนที่แต่งมาเลยก็ว่าได้
หวังว่าทุกคนจะชอบตอนนี้นะคะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า
บ๊ายบายค่ะ
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪