Chapter 22: เพื่อนใหม่
เป็นอีกวันที่ภรัณยูตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกของริมฝีปากที่พรมจูบทั่วแผ่นหลังเปลือยเปล่าของตนอย่างหลงใหล ร่างโปร่งขยับตัว บ่งบอกให้ทินกรรู้ว่าเขากำลังตื่นนอน แต่แทนที่เด็กหนุ่มจะผละออกไป มือใญ่ทั้งสองข้างกลับช่วยพลิกให้เขานอนหงายแล้วตวัดขาคร่อมร่างเขาไว้เสียอย่างนั้น
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่ภัทร”
ริมฝีปากได้รูปปัดผ่านริมฝีปากนุ่มเบาๆ ก่อนจะจุมพิตปลายจมูกของเขาอย่างแผ่วเบา
“อือ..หื่นแต่เช้าเลยนะไอ้เด็กบ้า”
ภรัณยูบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ดวงตาสีน้ำตาลปรือปรอยพยามฝืนเผยอขึ้นอย่างยากลำบาก ทินกรยิ้มในใจเมื่อชายหนุ่มใต้ร่างเอียงคอให้เขาได้ดูดเม้มรอยรักสีกุหลาบทิ้งไว้ได้สะดวกขึ้น
นี่ถือเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของพวกเขาหลังจากเริ่มคบกัน เด็กหนุ่มมักจะปลุกร่างโปร่งขึ้นมารับอรุณด้วยการครอบครองยอดอกสีหวานและดูดเม้มจนกว่าคนหลับจะทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายตื่นขึ้นมาเอง เป็นการฝึกให้ร่างกายของภรัณยูเสพติดสัมผัสของเขาทีละน้อยได้อย่างดีเยี่ยม
หลังจากนั้น ภรัณยูที่เพิ่งตื่นเต็มตาจะมองค้อนเขาพอเป็นพิธี...ก่อนจะเริ่มโอนอ่อนตามสัมผัสของทินกรภายในวลาไม่ถึงนาที
อย่างเช่นในวันนี้ ที่ขาเรียวขยับแยกออกจากกันอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นช่องทางสีหวานที่ไม่ว่าจะได้สัมผัสกี่ครั้งก็ยังทำให้ทินการใจเต้นไม่เป็นส่ำในอกอยู่ร่ำไป ขาเรียวตวัดโอบรอบเอวสอบ ดวงตาสีน้ำตาลเรียวสวยที่ปรือปรอยด้วยความง่วงงุนยิ่งดูหวานฉ่ำในห้องที่มีเพียงแสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามาเพียงเล็กน้อย
“แน่ใจนะครับว่ามีแค่ผมที่หื่น...”
ทินกรยิ้มขำ กระชับขาเรียวให้เกาะเกี่ยวสะโพกของเขาให้มั่นคง โน้มตัวลงมาหาคนที่หน้าขึ้นสีจากคำพูดเมื่อครู่ ลิ้นร้อนตวัดเลียริมฝีปากเรียวของคนตรงหน้าอย่างหยอกเย้า ยิ่งถูกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายสั่นไปทั้งร่างกับสัมผัสนั้น
“พอเลย...ถะ...ถ้าไม่ทำพี่จะไปทำงานแล้วนะ” ภรัณยูเบือนหน้าหนี แต่ไม่อาจซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำไปยันใบหูได้
ทินกรยิ้ม สะกิดเขี่ยตุ่มไตท่ีบวมแดงจากการดูดเม้มก่อนหน้าจนคนใต้ร่างกระตุกเฮือกหลังไม่ติดเตียง
“ทำสิครับ...ถ้าปล่อยให้พี่ภัทรไปทำงานแบบนี้มีหวังโดนผู้ชายแถวนั้นฉุดแน่ๆ”
ภรัณยูกลอกตา ไม่อยากพูดเลยว่าสภาพของเขาหลังจากถูกทินกร ‘ปลุก’ ในแต่ละวันนั้นน่าจะสุ่มเสี่ยงกับการโดนทำมิดีมิร้ายมากกว่า
หลังจากกิจกรรมยามเช้าที่นับวันยิ่งจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทินกรก็ยอมปล่อยให้ภรัณยูได้อาบน้ำแต่งตัวทำกิจวัตรประจำวันจริงๆ
เสียที แม้ว่ากว่าจะได้ออกจากห้องน้ำร่างโปร่งจะแทบคลานออกมาก็ตาม
อันที่จริงวันนี้เขามีประชุมที่บริษัท แต่ทินกรเลือกที่จะให้คนรักล่วงหน้าไปก่อนเนื่องจากตนยังมีรายงานที่คณะต้องปั่น แม้ในจริงเด็กหนุ่มจะอยากไปส่งภรัณยูให้ถึงที่ก็ตาม
“เฮ้อ...เสร็จซะที”
ทินกรยืดตัวบิดขี้เกียจหลังจากใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงไปกับการทำงาน ร่างสูงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่คิดเสียเวลาอยู่ในห้องต่อ เวลาแค่ไม่กี่วิินาทีที่ไม่ได้เจอภรัณยูเขารู้สึกเมื่ออากาศรอบกายค่อยๆลดลงอย่างต่อเนื่อง เขาเคารพการตัดสินใจของชายหนุ่มที่ไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องของพวกเขา แต่อย่างน้อยแค่ได้พูดคุยกับภรัณยูระหว่างอยู่ที่บริษัทก็ทำให้โลกของเขาสว่างไสวขึ้นมาบ้างแล้ว
ทินกรมาถึงบริษัทในช่วงเวลาใกล้พักเที่ยงพอดี เด็กหนุ่มคิดถึงรายชื่อร้านอาหารต่างๆใกล้บริษัทที่ภรัณยูน่าจะชอบมากพอที่จะยอมไปกับเขา แต่ระหว่างที่ชายหนุ่มเดินผ่านห้องประชุมเล็กห้องหนึ่ง เสียงของเลขาของบิดาที่เขานับถือเป็นพี่ชายคนหนึ่งซึ่งดังลอดออกมาจากรอยแยกของประตูทำให้ร่างสูงชะงัก
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ คุณภรัณยู? ถ้าพลาดแค่ครั้งสองครั้งผมก็เข้าใจได้นะ นี่คุณเข้าประชุมสาย พูดจาไม่รู้เรื่อง งานก็คุณภาพแย่ลง คุณมีอะไรจะแก้ตัว?”
“ผม…ขอโทษครับ”
คนรักของเขาไม่คิดจะแก้ตัว เสียงของภรัณยูแหบพร่า และทินกรตระหนักว่าเสียงของร่างโปร่งน่าจะหายไปจากกิจกรรมยามค่ำคืนที่ลากยาวมาจนถึงเช้าของพวกเขา ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขารู้สึกว่าปฏิกิริยาตอบสนองของภรัณยูบนเตียงเร่าร้อนขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน บางครั้งลีลาของร่างโปร่งทำให้เขาสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นคนเดียวกับคนขี้อายที่ครางเสียงหวานใต้ร่างเขาก่อนหน้านี้จริงหรือไม่ แต่เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องนั้นจะมีผลอะไรกับการทำงานของภรัณยู
ทำไมพี่ภัทรถึงไม่บอกเขา?
“…รู้ใช่มั้ย ผมไม่ชอบคนที่ทำผิดพลาดซ้ำๆ” เสียงของมธุวันฟังดูอ่อนลง แต่เนื้อความนั้นไม่ได้ทำให้ทินกรอุ่นใจขึ้น “แก้ไขซะ ก่อนที่ผมจะรายงานคุณเจนจิรา”
“ครับคุณมธุวัน”
ทินกรรีบเดินหลบออกมาก่อนที่คนทั้งสองจะรู้ว่ามีใครแอบฟังอยู่ คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวล ทั้งที่ตนก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้คนรักเลือกจะปิดปากเงียบเรื่องผลกระทบที่มีต่องานคืออะไร
“โด่ เรื่องแค่นี้ใครก็รู้ป่ะวะ?”
โชคดี ที่เขามีเพื่อนอย่างพายุและวศิน เด็กหนุ่มวัยคะนองที่ทำตัวเจนสนามจนน่าหมั่นไส้ทั้งที่อายุเท่าเขาเป็นที่ปรึกษา ทั้งยังมีมีนาที่แม้จะดูพึ่งพาอะไรไม่ไดในหัวข้อนี้ แต่ยังอุตส่าห์ยอมมานั่งเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้เขา
“นั่นดิ ไอ้ซันแม่งกากว่ะ โด่ๆๆๆ” วศินได้ทีสมทบอย่างสนุกสนาน ทินกรอยากจะถามจริงๆว่ามันเป็นเพื่อนใครกันแน่
“….”
มีนาก้มลงอ่านชีทเงียบๆ แต่สีหน้าของร่างเล็กดูสับสนไม่แพ้ทินกรเลย
“…แล้วตกลงไอ้ที่ใครก็รู้นี่มันคืออะไร” ร่างสูงถามขึ้นอย่างหมดความอดทนเมื่อเพื่อนทั้งสองไม่คิดจะเฉลยโดยง่าย พายุหัวเราะ เหล่มองวศินที่เหล่ตอบด้วยสายตามีลับลมคมใน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“ก็มึงไม่ถึงขั้นไง”
“ฮะ?”
ทินกรหวังว่ามีนาที่เปรียบเสมือนล่ามภาษาไทยส่วนตัวจะเข้ามาช่วยแปลภาษาให้ แต่ร่างเล็กที่เมื่อครู่จดจ่ออยู่กับหนังสือก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างงุนงงเช่นกัน
“ก็คนคัน...มึงเกาไม่ถูกจุด เขาก็ต้องคันต่อป่ะวะ?” ร่างสูงไม่มั่นใจว่าตัวเองเข้าใจสำนวนเปรียบเปรยของเพื่อนถูกหรือไม่ แต่ดูจากใบหน้าขึ้นสีของมีนา เขาค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่พายุต้องการจะสื่อคืออะไร “ถ้าเกาตรงที่ พี่เขาก็นอนหลับสบาย ง่ายๆ”
“จะโทษไอ้ซันมันก็ไม่ได้หรอก มึงก็รู้ว่าไอ้ซันมันซื่อ” วศินหัวเราะ “ผู้ใหญ่น่ะ เขาผ่านใครมาไม่รู้ตั้งกี่คน จะให้เด็กๆอินโนเซนต์อย่างมึงตามเขาทันคงยาก”
มีนาทำหน้าเหมือนอยากจะแย้ง แต่ร่างเล็กตัดสินใจที่จะอยู่เงียบๆ ด้วยคิดว่าตนไม่น่าจะอยู่ในสถานะที่จะสามารถให้คำแนะนำอะไรใครได้
“งั้นเหรอ...”
ทินกรลากเสียงอย่างครุ่นคิดกับคำพูดของทั้งสอง ไม่นึกสงสัยเลยว่าตนกำลังโดนเพื่อนสนิทสมัยเด็กและเพื่อนสนิทในคณะรวมหัวกันกลั่นแกล้งอย่างสนุกสนาน
แค่คิดว่าพี่ภัทรของเขาเคยเป็นของใคร จิตใจของทินกรก็ร้อนรุ่มจนแทบคลั่ง เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์หึงหวงความสัมพันธ์ก่อนๆของอีกฝ่าย แต่เพียงแค่ความคิดที่ว่าเขาไม่ดีพอให้คนรักของเขาลืมอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น เขาก็อยากจะกระชากตัวภรัณยูเข้ามาบดขยี้ริมฝีปากสีหวานนั้น สลักย้ำความเป็นเจ้าของจนกว่าจะมีเพียงร่องรอยของเขาบนตัวตนของอีกฝ่าย
ทินกรสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัวอย่างรวดเร็วก่อนที่ความคิดจะบานปลายไปมากกว่านั้น แต่เขารู้ว่าหากไม่ทำอะไรสักอย่างในเร็วๆนี้ เขาอาจจะเผลอทำอะไรที่ตัวเองต้องเสียใจในภายหลังก็เป็นได้
“เรียนวันนี้เป็นไ....อื้อ...”
ภรัณยูขมวดคิ้วอย่างงุนงงเมื่อริมฝีปากของตนถูกครอบครองโดยเจ้าของห้องโดยไม่มีแม้แต่คำทักทาย ร่างสูงในชุดนักศึกษาที่ปลดเนคไทค์ออกหลวมๆรอบคอ กระดุมเม็ดบนสองสามเม็ดถูกปลดออกเผยให้เห็นกล้ามอกสมส่วนและลอนหน้าท้องสวยขยับต้อนให้คนตัวเล็กกว่าถอยชิดประตูห้องนอน มือใหญ่กำรอบข้อมือแต่ละข้างของเขายกตรึงเหนือศีรษะ
“..ทะ…ทำไมวันนี้...”
ชายหนุ่มในชุดทำงานหอบหายใจเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยเป็นอิสระ จริงอยู่ที่ทินกรเรียกได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ ‘กระตือรือร้น’ พอ
สมควร แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่เคยจู่โจมเขาตั้งแต่หน้าประตูแบบนี้
“ก็พี่ภัทรน่ารักนี่ครับ...” ใบหน้าคมคายอยู่ห่างเพียงลมหายใจกั้น ดวงตาสีควันบุหรี่ไม่ละไปจากริมฝีปากหวานที่อ้าฮุบเอาอากาศหายใจ “น่ารักจนผมอดใจไม่ไหว”
“พอเลย...นะ...น่ารักอะไร” คนถูกชมโดยไม่ทันตั้งตัวเบือนหน้าหนี รู้สึกร้อนผ่าวบริเวณแก้มทั้งสองข้าง
วันนี้...เขารู้สึกว่าท่าทีของทินกรมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“น่ารัก...”
เด็กหนุ่มยังคงยืนยันคำพูดของตน คลอเคลียซอกคอขาวรอจังหวะที่ภรัณยูสามารถปรับลมหายใจเป็นปกติได้ ก่อนจะประกบปิดริมฝีปากเรียวอีกครั้ง
“อื้อ...”
ภรัณยูรู้สึกว่ามือไม้ตัวเองเริ่มอ่อนจากการขาดอากาศหายใจ ทำให้ไม่สามารถดันคนที่ไม่รู้ว่าถูกอะไรเข้าสิงออกไปได้ ร่างโปร่งกระตุกเฮือกเมื่อทินกรสะกิดเขี่ยตุ่มไตเม็ดน้อยบนแผ่นอกแบนราบที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมา ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาครอบครองโดยไม่ยอมบอกกล่าว
“อ๊ะ!…ซะ…ซัน…”
มือเรียวขยุ้มกลุ่มผมสีรัตติกาลเพื่อระบายความรู้สึกประหลาดในช่องท้อง เมื่อลิ้นร้อนที่ไล้เลียวนอย่างหยอกเย้าถูกแทนที่ด้วยฟันคมๆ ขาเรียวสั่นระริกจากการถูกปลุกเร้า แต่ก่อนจะได้ทรุดลงไปกับพื้น ร่างสูงก็ดึงให้ขาเรียวเกี่ยวสะโพกสอบไว้เป็นที่ยึดเกาะ
“ซัน..ซั...ที่เตียง...พี่ขอ...”
ภรัณยูของร้องเสียงสั่น ตอนนี้ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนกระดูกถูกหลอมละลายจนไม่สามารถทรงตัวด้วยตัวเองได้แล้ว เขาไม่ไว้ใจตัวเองให้ยืนต่อไปนานกว่านี้
“ไม่ต้องห่วงครับ” ทินกรเลียริมฝีปาก ภรัณยูรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งร่างกัับแววตากระหายยามที่ดวงตาสีควันบุหรี่ไล่ตามเรือนร่างของเขา “ผมจะเป็นเป็นเตียงให้พี่ภัทรเอง”
“พี่ไม่ได้หมายความ...ซะ....อื้อ...”
ริมฝีปากได้รูปบดจูบปิดคำโต้แย้งของคนรัก วันนี้ต่อให้ต้องงัดอะไรออกมา เขาก็จะทำให้อีกฝ่ายสำลักความสุขในอ้อมกอดของเขาจนไม่สามารถคิดถึงอ้อมกอดที่ผ่านมาของคนอื่นได้
“…จูบเก่งขึ้นนี่”
คำชมของธีรเชษฐ์หลังจากร่างบนตักถอนริมฝีปากออกไม่ได้ทำให้มีนารู้สึกดีใจ ความอับอายจากการกระทำของตัวเองทำให้เขานึกอยากจะลุกออกไปให้พ้นๆจากตรงนี้ แต่ร่างเล็กรู้ดีว่านั่นเพียงแต่จะทำให้ร่างสูงโกรธเขามาขึ้นก็เท่านั้น
มือเล็กเอื้อมลงมาที่หัวเข็มขัดของร่างสูง แต่ธีรเชษฐ์จับข้อมือเรียวไว้พร้อมกับส่ายหน้า
“วันนี้ไม่ต้อง”
ดวงตากลมโตฉายแววประหลาดใจกับคำพูดนั้น แต่มีนาไม่อยู่ในสถานะที่จะถาม เด็กหนุ่มในชุดนอนตัวบางที่แทบไม่มีผลอะไรในการบดบังสรีระขยับลงจากตักแข็งพร้อมพึมพำขอตัวไปอาบน้ำ ดวงตาสีน้ำตาปฏิเสธจะสบตากับคนที่เป็นเหมือนเจ้าชีวิตของตัวเอง
ธีรเชษฐ์มองตามร่างเล็กไปจนลับสายตาด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่จนแล้วจนรอด คำพูดที่เขาอยากบอกอีกฝ่ายมากที่สุดก็ไม่ยอมหลุดออกจากปากของคนปากแข็งเสียที
เขาอยากขอโทษ...
แม้จะคิดได้แบบนั้น แต่การกระทำมักจะยากกว่าภาพที่วาดไว้ในหัวเสมอ
“มีนา...”
“สะ..เสร็จแล้วครับ!”
เสียงหวานที่รีบตอบจากในห้องน้ำอย่างลนลานยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด มือที่กำลังจะยกขึ้นเคาะประตูห้องน้ำลดลงมาทิ้งข้างลำตัว ตัดสินใจปล่อยให้ร่างเล็กได้ใช้เวลาส่วนตัวอันน้อยนิดที่มีอยู่กับตัวเอง
มีนากอดกระเป๋าเป๋าใบเก่าของตนไว้แนบอก การเป็นนักศึกษาปีหนึ่งทำให้เขาไม่ได้เรียนวิชาที่เป็นวิชาของคณะเพียวๆนัก แต่เมื่อโอกาสเช่นนั้นมาถึง มันทำให้เขาที่มีเพื่อนอยู่เพียงสองคนและเป็นคนนอกคณะทั้งคู่อดรู้สึกอึดอัดใจไม่ได้
โดยเฉพาะเมื่อมีสายตาหลายคู่จับจ้องเขาพร้อมคำซุบซิบนินทาที่คิดว่าเขาจะไม่ได้ยิน
“แก คนนั้นไงที่เป็นเด็กเสี่ยอ่ะ”
“อี๋ จริงอ่ะ ที่จิ๊บเล่าให้ฟังน่ะนะ”
“หน้าไม่อาย...”
“ไม่มีใครฟ้องอาจารย์เลยรึไง...”
เขาอยากจะหนีออกไปให้พ้นจากที่นี่...เขาไม่อยากอยู่ตรงนี้
ภาพชีทที่เขากำลังใช้จดเลคเชอร์เลือนรางจากคราบน้ำตาที่บดบังทัศนียภาพ แต่มีนาปฏิเสธที่จะยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้ใครเห็นถึงความอ่อนแอ
ต่อให้ใครหาว่าหน้าด้านหน้าทน เขาก็จะก้มหน้ายอมรับมัน
เพราะเขาตระหนักอยู่เสมอ ว่ามันไม่ใช่ชีวิตของเขาแค่คนเดียวที่เขาต้องคิดถึง
--------------