Chapter 5: อาจารย์ที่ปรึกษา
"ขอโทษนะครับที่ต้องรบกวน"
มีนาเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรงหลังจากที่รถของธีรเชษฐ์เคลื่อนตัวออกมาจากมหาวิทยาลัยได้ระยะหนึ่ง คนขับเหลือบมองร่างเล็กที่มีเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า ลมหายใจกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าเป็นห่วง ชายหนุ่มเอื้อมไปกดเร่งความแรงของแอร์ในรถ แต่นั่นกลับทำให้มีนากอดตัวเองอย่างหนาวสั่น ธีรเชษฐ์เหลือบมองร่างเล็กข้างๆสลับกับถนนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
"คราม มึงมาที่คอนโดกูหน่อย เปล่า ไม่ใช่เมฆ เออน่า ช่วยกูหน่อย"
สติของเด็กหนุ่มร่างเล็กเริ่มเลือนหายไปทุกขณะ เมื่อธีรเชษฐ์วางสาย มีนาก็หมดสติไปเสียแล้ว ร่างสูงอุ้มร่างที่มีเหงื่อโทรมกายออกมาจากรถ ความเบาหวิวดุจปุยนุ่นทำให้เขาแอบสงสัยว่าอีกฝ่ายได้กินอะไรบ้างหรือไม่
"อือ..."
เสียงครางผะแผ่วดังลอดออกมาจากลำคอเมื่อธีรเชษฐ์วางร่างที่ยังคงไม่ได้สติลงบนเตียง ร่างสูงตัดสินใจเตรียมน้ำอุ่นเช็ดตัวให้กับเด็กหนุ่มที่ตอนนี้เหงื่อกาฬทำให้เสื้อผ้าเหนื่อยติดตัวจนดูไม่น่าสบายตัวเท่าไหร่ โชคดีที่เขาให้มีนาขนของจากหอใส่รถเขาตั้งแต่เมื่อเช้า ทำให้เขามีชุดของเด็กหนุ่มไว้เปลี่ยนให้อีกฝ่าย
ร่องรอยสีกุหลาบที่กระจายเต็มร่างขาวบอบบางทำเอาคนทำแอบรู้สึกผิด
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เด็กนี่น่าฟัดขนาดนี้กันล่ะ
"นั่นเหรอเด็กมึง? เดี๋ยวนี้มีเซอร์วิสขนาดนี้เลยเหรอ?"
เสียงของคเชนทร์ เพื่อนของเขาซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ในมหาวิทยาลัยที่มีนาเรียนอยู่ดังขึ้นจากด้านหลังคนที่ก้มๆเงยๆถอดเสื้อผ้าให้ร่างที่ไม่ได้สติ
จะว่าไป...ทำไมเมื่อกี้มีนาถึงให้เขาไปรับแถวๆคณะแพทย์?
เขาไม่ได้ใส่ใจพอจะถามอีกฝ่ายว่าเรียนอยู่คณะอะไร แต่พอมาคิดดูตอนนี้ก็อดสงสัยไม่ได้
"ลงมาสิ กูจะได้ตรวจคนไข้"
คเชนทร์เร่ง ขยับแว่นรีไร้กรอบของตัวเองอย่างหงุดหงิดที่ถูกเรียกออกมาในวันหยุดจากเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมที่ไม่เข้าใจว่าโรงพยาบาลคืออะไร ธีรเชษฐ์ขยับลุกออกมาจากเตียง เผยให้เห็นร่างของมีนาที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ดวงตาสีดำสนิทของคเชนทร์เบิกกว้าง ก่อนจะหันมาหาเจ้าของห้องด้วยสีหน้าที่บอกได้ว่าชายหนุ่มกำลังบันดาลโทสะถึงขีดสุดแต่พยายามข่มอารมณ์ไว้ไม่ให้รบกวนคนไข้ตัวน้อย
"ออกไปรอข้างนอก เสร็จแล้วกูมีเรื่องจะคุยกับมึง"
"อือ..."
ดวงตาสีน้ำตาลปรือขึ้นอย่างยากลำบาก หัวของมีนารู้สึกหนักอึ้งเมื่อพยายามขยับตัวลุกขึ้นจากที่นอน
"อย่าเพิ่งลุกจะดีกว่านะ"
เสียงที่คุ้นเคยแต่ไม่ควรอยู่ในห้องของธีรเชษฐ์ทำให้มีนาชะงัก ร่างเล็กตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง ราวกับว่าหากเขาไม่หันไป คนที่นั่งกอดอกมองหน้าเขาอยู่นี้จะสลายหายไปเอง
"ไม่คิดเลยนะว่าจะมาเจอเธอในที่แบบนี้ มีนา"
เสียงทุ้มเจือไปด้วยความผิดหวัง และนั่นยิ่งทำให้สภาพจิตใจที่เปราะบางอยู่แล้วของคนป่วยย่ำแย่ลงไปอีก มีนาก้มหน้านิ่ง บอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้ อย่าทำให้อีกฝ่ายรู้สึกรังเกียจตัวเองไปมากกว่านี้
"มีน อยากพูดอะไรกับครูมั้ย?"
คเชนทร์ถามเสียงอ่อนโยน ซึ่งหาได้ยากจากคนเจ้าระเบียบอย่างเขา ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าเด็กคนใหม่ของธีรเชษฐ์จะเป็นนักศึกษาในความดูแลที่เขาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาอยู่ และยังเป็นเด็กที่เขาไม่มีวันคิดฝันว่าจะทำเรื่องแบบนี้
มีนาเป็นนักเรียนทุนเพียงคนเดียวของคณะในปีนี้ การที่จะได้ทุนเต็มจำนวนจากพวกเขาไม่ใช่แค่จะต้องเรียนเก่ง แต่เด็กที่เข้ามาจะต้องเป็นเด็กที่มีจิตใจดีงามและพร้อมจะช่วยเหลือสังคม ในรอบสิบปีที่เขาเป็นคณะกรรมการในการสัมภาษณ์เพื่อให้ทุนมา มีนาเป็นคนแรกที่ได้คะแนนเต็มจากอาจารย์ทุกคนไม่เว้นแม้แต่คณบดีเอง
"ผม...อึก...ขะ...ขอโทษครับ"
เสียงหวานสั่นเครือเดาได้ไม่ยากว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังกลั้นสะอื้นไว้อย่างสุดความสามารถ
"มีน เล่าให้ครูฟังได้มั้ย ทำไมถึงต้องทำแบบนี้"
หลังจากเค้นคอเอาข้อมูลออกมาจากธีรเชษฐ์ได้บางส่วน เขาค้นพบว่าอีกฝ่ายก็ไม่รู้เช่นกันว่ามีนาต้องการเงินไปทำอะไร
"แม่ผม...ต้องใช้เงินรักษา ยายผมก็ลุกไม่ไหว ไปขายของที่ตลาดไม่ได้แล้วครับ ผมกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมจะไม่มีเงินรักษาแม่กับยาย ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม..."
เสียงหวานสั่นเครือขึ้นเรื่อยๆ คเชนทร์จำได้ว่ามารดาของเด็กหนุ่มล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง ส่วนยายก็มีโรคประจำตัวมากมาย นั่นเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่พวกเขาชื่นชมร่างเล็กที่ช่วยแม่กับยายเร่ขายของมาตั้งแต่เด็ก จริงอยู่ที่พวกเขาให้ทุนค่าเทอมเต็มจำนวนกับอีกฝ่าย แต่ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นถึงแม้จะไม่รวมค่าคีโมและค่ายาราคาสูงบางตัวก็ยังสามารถทำให้คนที่ไม่มีรายได้อย่างอื่นนอกจากการขายของที่ตลาดในวันเสาร์อาทิตย์หมดทางเลือกได้เหมือนกัน
"เรื่องค่าเทอมที่ต้องจ่ายล่วงหน้า ครูจะคุยให้เอง"
มีนาเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ที่ปรึกษาของตัวเองอย่างประหลาดใจ
"ผม...ไม่ถูกไล่ออกเหรอครับ?"
"คิดมากไปแล้วมีน เธอคิดว่าคณะจะไล่เธอออกแค่เพราะเธอพยายามหาเงินช่วยแม่ของตัวเองเหรอ?"
รอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งปรากฎบนใบหน้าคมของชายหนุ่มวัยสี่สิบสองปี คเชนทร์เอื้อมมือออกมาอย่างละล้าละลัง แต่ก็วางลงบนศีรษะของร่างเล็กในที่สุด
ในกลุ่มเพื่อนสนิทที่มีอยู่น้อยนิดของธีรเชษฐ์ คเชนทร์น่าจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีคุณธรรมและน่าเชื่อถือที่สุด แต่ชายหนุ่มก็ขึ้นชื่อเรื่องการไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคนรอบกายแม้จะเป็นเรื่องที่เขาไม่เห็นด้วยเช่นกัน
ร่างสูงมีความเชื่อว่า ‘ความถูกต้อง’ ไม่สามารถตีความได้ด้วยความหมายเดียว
"เรื่องค่ารักษาพยาบาลของคุณแม่กับคุณยายของเธอ เอาจริงๆถ้าให้ครูช่วยพูดกับคณะก็น่าจะพอมีทาง...."
อย่างเช่นในตอนนี้ ดวงตากลมโตที่เปี่ยมไปด้วยความหวังทำเอาหัวใจที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับใครเขาเจ็บแปลบด้วยความสงสาร และทำให้สิ่งที่จะพูดต่อไปยากยิ่งกว่าเดิม
"....แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ยังมีค่ารักษาที่เธอยังต้องออกเองจำนวนนึง ซึ่งก็ยังถือว่าเยอะในสถานภาพทางการเงินของเธอในตอนนี้"
คเชนทร์รู้ว่าคำพูดของตนแทบจะเป็นการผลักไสให้ร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดของธีรเชษฐ์ไปครึ่งก้าว แต่นั่นเป็นสิ่งที่มีนาจะเป็นคนตัดสินใจ
"ครับ..."
ถึงแม้จะยังไม่รู้จำนวนเงิน แต่มีนาก็ยังรู้สึกว่าดีกว่าสภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ที่เขาไม่รู้ว่าจะต่อลมหายใจของมารดาไปได้อีกเท่าไหร่
"ใครบอกว่าจำเป็นจะต้องให้มึงช่วย"
ธีรเชษฐ์ที่ยืนฟังอยู่ข้างนอกเปิดประตูเข้ามา คนที่อยู่ภายในห้องนอนหันไปหาเจ้าของห้อง คเชนทร์เลิกคิ้ว
"กูว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะเชษฐ์"
"กูจะคุยกับมีน มึงกลับไปได้แล้ว" ชายหนุ่มลูกครึ่งเอ่ยเสียงเรียบ
"เชษฐ์ เด็กมันยังมีอนาคต..." ชายหนุ่มพยายามให้เพื่อนสนิทได้เห็นเด็กหนุ่มบนเตียงจากมุมมองของตน อย่างน้อยก็ให้คนที่ไม่เคยเห็นค่าของของเล่นบนเตียงมีความเมตตาต่อร่างเล็กบ้าง
"กูก็ไม่ได้บอกว่าจะทำลายอนาคตใคร" ร่างสูงขัด "ทำไม? กูจะเป็นพ่อพระให้อะไรใครโดยไม่หวังผลตอบแทนบ้างไม่ได้รึไง?"
"มึงเห็นหัวกูมีเขาเหรอ?" อาจารย์แพทย์กอดอกอย่างไม่พอใจ ธีรเชษฐ์ถอนหายใจ
"คราม กลับไปก่อน กูสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเด็กนี่ กูแค่อยากคุยให้รู้เรื่อง แล้วหลังจากนั้นจะทำอะไรก็เรื่องของมึง ตกลงมั้ย?"
ถึงแม้ธีรเชษฐ์จะไม่ใช่คนมีคุณธรรมนำจิตใจอะไร แต่คเชนทร์รู้ว่าเนื้อแม้ของเพื่อนเขาเป็นคนดี อาจารย์แพทย์เหลือบมองร่างเล็กบนเตียง ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
"ครูจะให้เธอตัดสินใจ มีอะไรก็ปรึกษาครูได้นะ"
"ครับอาจารย์ ขอบคุณมากครับ"
มีนายกมือไหว้อาจารย์ปรึกษาของตัวเอง เมื่อลับร่างของคเชนทร์ ธีรเชษฐ์ก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง มีนาสะดุ้ง กระถดตัวหนีตามสัญชาตญาณ ชายหนุ่มแค่นเสียงหึในลำคออย่างไม่สบอารมณ์
"ทีเมื่อคืนไม่เห็นหนีแบบนี้เลยนี่"
"ขอ...ขอโทษครับ"
ร่างเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองต่อจากนี้
"ขอโทษที่หลอกฉันเรื่องอายุ ขอโทษที่ไม่บอกฉันว่าตัวเองไม่มีเงินกินข้าวจนเป็นลมไป หรือขอโทษที่ทำให้ฉันโดนเพื่อนสวดรอเธอตื่นเป็นชั่วโมง หืม?"
สีหน้าหวาดหวั่นของเด็กน้อยตรงหน้าช่างปลุกสัญชาตญาณนักล่าในตัวเขาได้ดีเหลือเกิน แต่ถึงแม้ธีรเชษฐ์จะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่เขาก็ไม่ได้เลวถึงขั้นฉวยโอกาสจากเด็กตัวเล็กๆที่ถูกโชคชะตาเหยียบย่ำจนติดดินแบบนี้
"ขอโทษครับ..."
มีนาก้มหน้างุด ร่างกายที่สั่นเทาเป็นลูกนกท้าทายขีดจำกัดความอดทนอดกลั้นที่มีอยู่น้อยนิดของเขายิ่งนัก
"โลกกลมดีนะ ใครจะคิดว่าเพื่อนสนิทฉันจะกลายเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอไปซะได้"
ร่างสูงเหลือบมองปฎิกิริยาของร่างบางที่ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น
"แล้วไหวมั้ย?"
"คะ...ครับ?"
มีนาเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงงกับคำถามนั้น
"เงินส่วนต่าง เห็นว่าเยอะพอตัวเหมือนกันนี่ หาไหวเหรอ?" ชายหนุ่มเลิกคิ้ว มีนากัดริมฝีปากก่อนจะส่ายหน้า เขารู้ว่าอาจารย์อยากช่วย แต่สำหรับเขามันยังไม่พอจริงๆ
"แล้วจะไปหามาจากไหน?"ร่างสูงถามต่อ สังเกตปฎิกิริยาของเด็กหนุ่มตลอดบทสนทนานี้
"ก็คง...หากู้นอกระบบมาโปะก่อนน่ะครับ"
เขาไม่อยากทำแบบนั้น แต่เมื่อไม่มีทางเลือก สิ่งนั้นก็ดูจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ที่สุดที่เขาคิดออกในตอนนี้
ในหัวของมีนานึกถึงทรัพย์สินบ้านไม้เพิงเก่าๆที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสามคนที่จะสามารถค้ำประกันได้ แต่ในหัวของธีรเชษฐ์นั้นคิดเลยไปถึงอาเสี่ยหัวล้านที่รอเวลาให้มีนาใช้ร่างกายขัดดอกชดเชยไปแล้ว
"ไม่ได้!"
มีนาสะดุ้งกับเสียงตวาดดังลั่นของชายหนุ่ม ร่างเล็กขวัญเสียอยู่แล้วยิ่งตัวสั่นเข้าไปใหญ่
"อะ...อะไรเหรอครับ?"
"ฉันไม่ให้ทำ" ธีรเชษฐ์เอ่ยเสียงห้วนอย่างเอาแต่ใจ "กู้ไปแล้วแล้วจะเอาที่ไหนไปใช้เขา ดอกเบี้ยอีก คิดบ้างสิมีนา"
"ขอโทษครับ" คนโดนดุเอ่ยเสียงอ่อย
"ขอเสนอของฉันยังอยู่"
"เอ๊ะ?"
มีนาเอียงคออย่างประหลาดใจเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้นมาแบบนั้น
"ฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แลกกับการที่เธอมาอยู่ที่นี่ หน้าที่ของเธอคือทำอาหาร ทำความสะอาด ซักผ้ารีดผ้า เชื่อฟังฉันทุกอย่าง ฉันพาไปไหนก็ต้องไป ฉันให้ใส่อะไรก็ต้องใส่ ฟังดูดีกว่ามั้ย?"
"แต่...เงินขนาดนั้น แค่ต้องการคนรับใช้เนี่ยเหรอครับ?"
ร่างเล็กมีสีหน้าเคลือบแคลงใจ ทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นคงตะครุบข้อเสนอนั้นตั้งแต่เขายังพูดไม่จบแล้ว ธีรเชษฐ์ยิ้มอย่างพึงพอใจ
"เปล่า ฉันอยากได้สัตว์เลี้ยง"
"สัตว์...สัตว์เลี้ยงเหรอครับ?" คนฟังทวนคำอย่างงุนงง ไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ
"แค่อยากเลี้ยงอะไรน่ารักๆไว้ดูเล่นบ้าง แต่ฉันไม่มีเวลามานั่งให้อาหาร" ชายหนุ่มไหวไหล่ คนโดนชมอย่างไม่ทันตั้งตัวหน้าแดง
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ..."...เงินพวกนั้นมันก็มากเกินไปอยู่ดีนั้นแหละ
"อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะสิบแปดแล้วใช่มั้ย?"ธีรเชษฐ์ถามขึ้น
"เอ่อ..ครับ" ร่างเล็กตอบอย่างลังเล
"หลังจากวันเกิดครบรอบสิบแปดของเธอ ฉันมีทางเลือกให้สองทาง" ชายหนุ่มว่า "ทางแรกคือฉันจะรอจนเธอเรียนจบมีรายได้เป็นของตัวเอง แล้วเอาเงินมาให้ฉัน ส่วนเรื่องงานบ้านพวกนี้ฉันจะถือว่าเป็นค่าดอกเบี้ย"
"แล้ว...ทางที่สองล่ะครับ?"
ถึงแม้จะดีใจจนเนื้อเต้นกับทางออกที่หนึ่ง แต่มีนาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกทางเลือกคืออะไร
"ถ้าเธอยอมนอนกับฉัน ฉันจะให้ครั้งละสองหมื่น" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง "ฉันไม่ชอบบังคับจิตใจใคร แล้วฉันก็รู้ว่าฉันไม่จำเป็นต้องซื้อกิน แต่เห็นแก่ที่เธอเป็นเด็กดีฉันจะให้ทางปลดหนี้สบายๆนี่แล้วกัน"
"ทำไม...ถึงช่วยผมล่ะครับ"
มีนาที่รู้ดีอยู่แล้วว่าจะเลือกหนทางไหนถามอย่างไม่เข้าใจ ทำไมอีกฝ่ายถึงมาทำดีกับเขาทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่วันเดียว
"ฉันเป็นนักธุรกิจนะ" ธีรเชษฐ์โน้มเข้าไปใกล้ใบหน้าที่แดงระเรื่อเพราะพิษไข้ รอยยิ้มที่ขโมยใจสาวมานักต่อนักทำเอาท้องไส้ของมีนาปั้นป่วนโดยไม่ทันตั้งตัว "ถ้าเจอสินค้าที่ทดลองใช้แล้วคุ้มค่าต่อการลงทุน ทำไมฉันจะไม่จ่าย"
มีนาหน้าร้อนวูบเมื่อนึกถึงการ'ทดลองใช้'ของอีกฝ่ายเมื่อคืน
"แต่...แต่ผมไม่ได้บอกเลยนะครับว่าจะเลือกทางที่สอง"
มีนาแย้งเสียงสั่น ร่างสูงหัวเราะเสียงต่ำ ใบหน้าที่ใกล้จนแทบจะไม่มีช่องว่างระหว่างกันทำให้เด็กหนุ่มต้องรีบเบือนหน้าหนีด้วยกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเป็นนักธุรกิจ อะไรที่ไม่ได้กำไร ฉันไม่ทำอยู่แล้ว"
สายตาโลมเลียบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่มีความคิดสักนิดว่ามีนาจะปฎิเสธที่จะนอนกับเขา และนั่นทำให้ร่างเล็กรู้สึกว่าตัวเองไร้ศักดิ์ศรีเหลือเกินในสายตาของคนตรงหน้า
"ถ้ามีทางเลือก ผมไม่มีวันขายตัวให้คุณเพื่อใช้หนี้หรอกครับ"
เด็กหนุ่มสวนกลับอย่างมุ่งมั่นถึงแม้ร่างกายจะสั่นเป็นลูกนก ธีรเชษฐ์ยิ้มรับคำท้า
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอวันที่เธอเต็มใจขึ้นเตียงกับฉันเองฟรีๆก็แล้วกันนะ มีนา"
--------------