' ม่านหมอกสีฟ้า ' update : ตอนที่ 23 (จบแล้ว) -- หน้า 7 --27/04/2018--
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ' ม่านหมอกสีฟ้า ' update : ตอนที่ 23 (จบแล้ว) -- หน้า 7 --27/04/2018--  (อ่าน 118875 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
โอ๋ๆนะลูกนะ แต่ที่บลูตอบก็ไม่ผิดนะ ก็ไม่มีใครพูดอะไรกับความสัมพันธ์นี้เลยอ่ะ หมอกก็ไม่ได้บอกอะไร แต่อยากรู้หมอกจะรู้สึกอะไรมั้ยที่ได้อ่านคำตอบนั้นจากบลู

ออฟไลน์ Zeta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หมอกต้องชัดเจนได้แล้ว ชอบหรือไงใจๆไปเลย

ออฟไลน์ Plavann

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บลูทำถูกแล้ว สถานะตอนนี้คือเพื่อน ถ้าจะพัฒนาอะไรก็ต้องคุยกันก่อน แถมอีกอย่างถ้าออกตัวแรงลงโซเชียลแล้วจะแก้ไขไม่ได้แล้ว

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่ารักดีนะคะ

ก้ถูกแล้วเนอะที่น้องบลูบอกไปแบบนั้น

เพราะหมอกไม่ชัดเจนด้วยวาจาเท่าไหร่

แต่รู้สึกว่าการแทนตัวว่าฉันกับนายมันไม่ค่อยปกติในชีวิตจริงเลยง่ะ

ยังไงก้รอติดตามนะค้าาาาา

 :katai2-1:

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


บทที่ 8
ไม่ได้อยากเป็นเพื่อน




F o g g y ’ s  T a l k




3 ปีก่อน



“ตั้งใจเรียนนะลูกๆ ขอให้โชคดีนะจ๊ะ”

แม่ของพวกเราหันมายิ้มให้กำลงใจผมและควัน พวกเราลาพ่อและแม่ก่อนจะเปิดประตูรถออกมา มองโรงเรียนใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกเรียบเฉย ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้คาดหวังว่าโรงเรียนใหม่จะดีขนาดไหน

ก็เพราะผมกับควันแทบจะย้ายโรงเรียนกันทุกปีเพราะตามพ่อแม่ไปทำงานที่ต่างจังหวัดตลอด การย้ายโรงเรียนใหม่ของผมมันเลยกลายเป็นเหมือนเรื่องชินชาไปซะแล้ว แต่คราวนี้แม่บอกว่าจะให้เรียนที่โรงเรียนนี้จนจบม.6 เลย ผมก็ได้แต่ภาวนาให้มันเป็นอย่างนั้น เพราะผมกับควันก็ขี้เกียจจะไปสร้างสัมพันไมตรีกับคนที่ไม่รู้จักอีกแล้ว

และการปรากฏตัวของผมและควันไม่ว่าจะที่ไหนล้วนแล้วแต่เหมือนกัน ผมกับควันไม่ต่างอะไรกับช่วงช่วงและหลินฮุ่ยในสวนสัตว์เชียงใหม่เลยสักนิด ทุกคนมองเราเหมือนเป็นตัวประหลาด บางทีก็แอบถ่ายรูป บางทีก็กรี๊ดเบาๆเวลาพวกผมเดินผ่าน หนักสุดก็เดินเข้ามาในห้องเรียนและเรียกชื่อผมกับควันแล้วบอกว่าอยากเห็นหน้า


นั้นมันทำให้ผมเบื่อ แต่ผมก็ชินกับมันมาตั้งนานแล้ว


ทุกสายตามักจับจ้องมาที่ผมกับควัน เรามักจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นและใช้ชีวิตปกติทั่วไปเหมือนคนอื่น พยายามไม่หงุดหงิดกับทุกเทศกาลที่มักจะมีของขวัญมาวางกองอยู่ที่โต๊ะนักเรียน วันวาเลนไทน์ก็แค่ยิ้มให้กับคนที่เอาสติกเกอร์รูปหัวใจมาแปะที่เสื้อนักเรียนจนมันเต็มไปหมด

วันวาเลนไทน์ในปีนี้ก็เช่นกัน...

ผมเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อนในช่วงเที่ยงเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แล้วก็นึกได้ว่าลืมเอากระเป๋าเงินมาด้วย เลยขอตัววิ่งขึ้นอาคารเรียนไปเอากระเป๋าเงิน ผมเดินจนมาถึงห้องก็หยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนด้อมๆมองๆอยู่ที่โต๊ะของผม ถ้าเป็นขโมยที่มาขโมยกระเป๋าเงินผม ผมก็จะได้จับได้คาหนังคาเขาเลยแหละ

ผมมองผู้ชายคนนั้นหยิบอะไรบางอย่างมาวางที่โต๊ะผม เขาหันมองไปรอบๆอย่างระแวดระวังแล้วก็เดินออกไปอีกประตูหนึ่ง ผมที่หลบอยู่หลังประตูเลยเดินออกมาแล้วไปที่โต๊ะของตัวเอง พอเห็นว่ากระเป๋าเงินยังวางอยู่ใต้โต๊ะผมก็เบาใจ คว้ากระเป๋าเงินใส่กระเป๋ากางเกง แล้วมองกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีฟ้าที่อยู่บนโต๊ะ


แปลก...วาเลนไทน์เขามีแต่สีชมพูกันทั้งนั้น นี่ทำไมถึงมาแหวกแนว


ผมเก็บความประหลาดใจไว้และยัดของขวัญลงในกระเป๋าเป้ ก่อนจะเดินกลับไปที่โรงอาหารเพื่อนกินข้าวกับเพื่อนที่คงจะรอผมกันนานแล้ว


.
..
...



“ไอ้หมอก นี่มึงไม่คิดจะมีใครหน่อยเหรอวะ ดูอย่างไอ้ควันดิ แม่งล่าแต้มไปเท่าไรแล้ว”

น็อต...เพื่อนสนิทในกลุ่มถามขึ้นเมื่อพวกเรามาแฮงค์เอ้าท์ที่ทะเลหลังจากสอบเสร็จ ผมหัวเราะเบาๆเมื่อน็อตมันพูดถึงควัน รายนั้นคบกับคนสวยจนแทบจะหมดโรงเรียนแล้วมั้ง

“ไม่รู้ดิวะ ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ”

“แล้วเมื่อไรมึงจะเจอ เบ้าหน้าทองคำอย่างพวกมึง โสดตายไปคงเสียชาติเกิด”

“เนื้อคู่อ่ะ...เดี๋ยวถึงเวลามันก็มา กูไม่รีบหาเหมือนไอ้ควันมันหรอก”

ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ถึงจะมีใครหลายต่อหลายคนมาสารภาพรัก เอาของขวัญมาให้ หรือใช้เพื่อนมาขอไอดีไลน์ แต่ผมกลับไม่รู้สึกหัวใจเต้นแรงกับใครเลยสักคน ผมคิดว่าสักวัน ถ้าคนที่ใช่เข้ามาผมจะไม่มีทางปล่อยให้เขาหลุดมือไปได้หรอก



.
..
...



เปิดเทอมมาได้สักระยะแล้ว ช่วงม.5 เป็นอะไรที่ดีสำหรับผมมากที่สุด ผมกับเพื่อนๆสนิทกันมากพอที่จะไปเที่ยว ไปพักที่บ้านของแต่ละคนได้ พวกเราทั้งเที่ยวและเรียนด้วยกัน ต่างคนต่างตั้งใจเพื่อเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ ควันก็เริ่มเทผู้หญิงและหันกลับมามุ่งมั่นอ่านหนังสือ เพราะมันประกาศกร้าวต่อหน้าพ่อแม่ไว้ว่าจะเข้าคณะแพทยศาสตร์ ส่วนผมที่มีธงปักไว้ในใจแล้วว่าอยากเข้าคณะนิติศาสตร์ก็มุ่งมั่นติวและอ่านหนังสือหนักไม่แพ้ควัน

จนวันหนึ่งหลังจากหมดคาบสุดท้าย ผมมองไปนอกหน้าต่างห้องเรียนอย่างสิ้นหวัง ใครจะไปคิดว่าฝนจะมาตกหนักตอนนี้วะ เพื่อนๆทยอยออกจากห้องกันไปหมด เหลืออยู่ในห้องไม่กี่คน ผมเลยตัดสินใจคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นหลังแล้วออกจากห้องเรียนอย่างห้าวหาญเมื่อเห็นว่าฝนมันเริ่มซาลงแล้ว

แต่พอลงมาที่ชั้นล่างเท่านั้นแหละ ฝนก็กลับมาตกหนักอีกครั้ง ผมมองทางข้างหน้าที่แทบจะเป็นสีขาวเพราะน้ำฝน ฝนตกหนักขนาดนี้คงจะไปเรียนพิเศษไม่ทันแน่ๆ ผมกำลังจะถอดใจแล้ว แต่แรงสะกิดด้านหลังก็ทำให้ผมหันไปมอง

“เราให้ยืมร่ม”

“...”

“เอาไปเถอะ จะไปเรียนพิเศษไม่ใช่เหรอ”

เขาอ่านใจผมได้รึไง...ผมมองผู้ชายที่อยู่ในเสื้อกันฝนสีฟ้า ผมนั้นลู่ลงกับหน้าผากเพราะละอองฝนที่กระเด็นเข้ามา ดวงตากลมนั้นอยู่ภายใต้กรอบแว่นที่เริ่มขึ้นฝ้า ผมเลยมองเห็นเขาไม่ค่อยชัด แถมฟันก็ยังเต็มไปด้วยเหล็กดัดฟัน เลยทำให้พูดไม่ชัดอีก

“แล้วนายไม่ใช้ร่มเหรอ” ผมถามเขากลับ

“ไม่หรอก มีเสื้อกันฝนอยู่แล้วไง เอาไปใช้เถอะ” แล้วเขาก็ยัดร่มใส่มือผมก่อนจะวิ่งฝ่าฝนออกไปจากอาคาร ผมมองตามจนเขาหายไป แล้วผมก็มองร่มสีฟ้าน้ำทะเลที่อยู่ในมือ ด้านในร่มเขียนไว้ว่า

‘BLUE’



หลังจากวันนั้นผมก็ตามหาเขา ไม่ได้ตามหาแบบพระเอกในละครหลังข่าวหรอกนะ ก็แค่มองหาคนที่เข้าข่ายนั้นแหละ อยากจะเอาร่มไปคืนแล้วก็ขอบคุณ เพราะถ้าไม่ได้ร่มคันนั้น ผมคงจะไปเรียนพิเศษไม่ทันแน่ๆ จนในที่สุดผมก็ได้รู้ว่าเจ้าของร่ม ‘BLUE’ นั้นชื่อว่าบลูอยู่ห้อง 2


ผมแอบมองเขามานานแล้ว และพบว่าเขาก็มักจะแอบมองผมอยู่บ่อยๆ แต่พอผมจับได้เขาก็ทำเป็นไม่สนใจผม


ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะมีคนมาบอกชอบผมทั้งชายและหญิง แต่คนนี้อ่ะแปลกที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ผมรู้แล้วว่าเขาชอบแอบมองผม และนั้นไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดใจเหมือนที่รู้สึกกับคนอื่นๆ ตรงกันข้ามผมอยากให้เขาเดินเข้ามาหาผมตรงๆ เลิกแอบมองผมอย่างนี้สักที

ผมได้แต่รอว่าเมื่อไรเขาจะเข้ามาหาผม


รอ...


รอจนกระทั่งวันสำเร็จการศึกษา ผมก็ยังเห็นเขามองผมอยู่ไกลๆเช่นเดิม...




จนเมื่อผมเข้ามหาวิทยาลัย สังคมในมหาวิทยาลัยนั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากมัธยมสักเท่าไร ผมกับควันยังถูกจับจ้องเหมือนช่วงช่วงและหลินฮุ่ยเช่นเดิม รู้มาอีกว่าในเฟสบุ๊คมีเพจที่ทำให้ผมกับควันด้วย ก็เข้าไปส่องบ้างเวลาเบื่อๆ ไม่คิดว่าจะมีคนที่ชอบผมกับไอ้ควันมากขนาดนี้ พวกเขาอัพเดทเรื่องราวของผมกับควัน จนบางทีผมก็คิดว่าพวกเขาก็รู้เรื่องของผมดีกว่าผมเองซะอีก...

“น้องหมอกว่างรึเปล่าจ๊ะ”

พี่ในคณะเดินเข้ามาทัก ผมจำหน้าพี่ได้แต่ผมจำชื่อพี่เขาไม่ได้ เธอยิ้มหวานหยดย้อยผมเลยต้องยิ้มตอบอย่างช่วยไม่ได้

“มีอะไรครับ”

“คือพี่ๆในสโมสรอยากให้น้องหมอกไปเป็นตัวแทนประกวดดาว-เดือนให้กับคณะเรา...”

“ไม่ครับ” ผมปฏิเสธทันทีที่ได้ยิน

“แต่ว่า...”

“ผมไม่เป็นครับ”

ผมยืนกรานหนักแน่น ผมไม่ยอมไปประกวดแน่นอน ผมไม่ใช่ยอดนักกิจกรรมที่อุทิศตนเพื่อคณะอะไรขนาดนั้น มามหาวิทยาลัยนี่มาเรียนครับ ไม่ได้มาทำกิจกรรม

“แต่ไม่มีใครเหมาะไปกว่าน้องหมอกอีกแล้วนะจ๊ะ ไปเป็นเดือน...”

“คนที่เหมาะกว่าผมมันมีแน่นอนครับ พี่ๆไปหาคนอื่นเถอะครับ”

ผมตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าสุภาพที่สุด เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วก็จากไป นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอ และวันต่อๆมาผมก็เจออีก ผลัดเปลี่ยนคนมาขอร้องอ้อนวอนให้ผมไปประกวดให้ได้ แต่ทำยังไงผมก็ไม่ยอม พวกเธอเลยถอดใจและไปคว้าไอ้เพลิง...เพื่อนสนิทของผมแทน


เลือกไอ้เพลิงตั้งแต่แรกก็จบล่ะ



และการที่ผมตัดสินใจไม่รับตำแหน่งเดือนคณะนิติศาสตร์มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมตัดสินใจพลาดที่สุดก็ตอนที่เพลิงมันกลับมาจากกองประกวดวันแรก เดือนคณะวิทยาศาสตร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้ผมตกใจไม่น้อย แต่ผมก็ซ่อนอาการของผมไว้ภายใต้สีหน้าเรียบๆได้เป็นอย่างดี


ไม่ผิดแน่...แววตาแบบนี้คือคนที่ให้ผมยืมร่มในวันนั้นแน่ๆ


“เป็นอะไรไปอ่ะบลู” เพลิงถามคนที่ดูจะตกใจมากกว่าผมเสียอีก ผมมองอากัปกิริยาที่ดูลุกลี้ลุกลนแล้วก็ตอบปฏิเสธ

“ปะ...เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร”

“อ้อ นี่หมอก เพื่อนสนิทกูเอง ส่วนนี่บลูจากคณะวิทย์”

เพลิงแนะนำคนที่ผมคุ้นหน้าให้ได้รู้จัก และก็ลงล็อกเมื่อได้รู้ว่าคนตรงหน้าชื่อบลู...ผมจำเขาได้ ไม่ว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากขนาดไหน แต่ผมก็ไม่เคยลืมแววตากลมใสหลังแว่นตาที่ฝ้าขึ้นกรอบนั้นหรอก

“เพื่อนเดือนมึงอ่ะเหรอ” ผมแสร้งถาม ทั้งๆที่พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าเพลิงไปรู้จักกับบลูได้ยังไง

“เออ บลูอยู่หอเดียวกับกูเลยแวะมาเอาการบ้านแล้วค่อยกลับพร้อมกัน”

วันนั้นผมเลยกลับจากคณะพร้อมกับเพลิงและบลู เมื่อมาถึงคอนโดผมก็เห็นควันที่กำลังนั่งดูหนังอยู่ที่โซฟา ผมเดินผ่านหน้ามันไปหยิบร่มสีฟ้าน้ำทะเลที่ผมเก็บไว้มาสองปีแล้ว กางมันออกก็เห็นคำว่า BLUE ที่เขียนด้วยปากกาเมจิคสีน้ำเงินที่เริ่มเลือนลางแล้ว

“พรุ่งนี้ฝนจะตกเหรอมึง”

ควันทักผม คงเพราะเห็นว่าผมหยิบร่มขึ้นมากางดูในห้องนั้นแหละ ผมมองมันก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา

“กูเจอเจ้าของร่มแล้วว่ะ”

“ก็เจอมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ แต่เสือกป๊อด ไม่กล้าเข้าไปหาเขาเอง”


พูดแล้วก็จี้ใจดำ...


ควันรู้ความลับทุกอย่างเกี่ยวกับผม พอๆกับที่ผมรู้ทุกเรื่องของควัน แต่เรื่องนี้ผมยังเจ็บใจจนตอนนี้ เจ็บใจที่ปล่อยให้เวลาสองปีมันสูญเปล่าโดยที่เขาเอาแต่แอบมองผม...และผมก็แอบมองเขาเช่นกัน

“ครั้งนี้กูสาบานว่ากูจะไม่ป๊อดแล้ว”

“...”

“น่ารักขึ้นเยอะเลย มึงรู้รึเปล่า”




.
..
...



วันต่อมาผมอาสาไปรับเพลิงที่กองประกวด เพราะได้ยินมันบ่นมาตั้งแต่เช้าว่าพ่อเอารถไปใช้ เผื่อบางทีผมไปรับเพลิงแล้วจะมีคนอื่นติดสอยห้อยตามมาด้วย และบลูก็ตามมาด้วยจริงๆ พวกเราไปที่ร้านเหล้ากันในคืนนั้น ในตอนที่เพลิงถามว่าผมกับบลูเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า ตอนนั้นผมก็ตกใจไม่น้อยและไม่รู้จะตอบคำถามของเพลิงยังไง

“แล้วนี่พวกมึงรู้จักกันมาก่อนเหมือนไอ้มาร์คกับไอ้เจ๋งมั้ยอ่ะ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าพวกมึงจะจบจากโรงเรียนเดียวกันนี่”
 
“เออ...” บลูอ้ำอึ้ง ผมเลยตัดปัญหานั้นด้วยคำตอบของผม

“ไม่รู้ ไม่เคยเห็นหน้า จำไม่ได้”


และจนถึงวันนี้ผมก็ยังรู้สึกผิด...พูดแรงไปรึเปล่านะ...บลูหน้าเสียหมดแล้ว...


วันนั้นหลังจากกลับจากร้านเหล้า บลูก็ขอแอดเฟสผม เฟสบุ๊คที่ผมรับเฉพาะเพื่อนของผมเท่านั้น มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ผมไม่ค่อยอยากรับใครที่ไม่รู้จักเข้ามาส่องในพื้นที่ของผม...แต่กับบลู...ผมกลับดีใจ และยินดีที่จะให้ตามที่เขาขอ

ผมแอบมองใบหน้าน่ารักที่ก้มหน้าก้มตาซ่อนความอายเอาไว้ ถึงในรถมันจะมืดยังไงผมก็ยังเห็นริ้วแดงๆที่ขึ้นอยู่บนแก้มขาวอยู่ดี หลังจากให้เฟสบุ๊คเขาเสร็จและบลูลงไปจากรถแล้วผมก็เผลอยิ้มออกมาเพียงคนเดียว กดตอบรับคำขอเป็นเพื่อนที่นานๆทีผมจะรับใครสักคนเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว

คืนนั้นบลูเข้ามารัวไลค์ในหน้าเฟสบุ๊คผม ผมที่กำลังจะนอนแล้วก็รู้สึกว่าผมคงจะต้องทำอะไรมากกว่านิ่งเฉยเหมือนเมื่อสองปีก่อน


ในเมื่อบลูเริ่มที่จะเดินเข้ามาในโลกของผมแล้ว...ผมก็ควรจะเดินเข้าไปในโลกของเขาเช่นกัน


ผมไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆเหมือนครั้งนั้นอีก

เพราะถ้าครั้งนี้ผมปล่อยให้คนที่เข้ามาวิ่งเล่นในหัวใจของผมตลอดสองปีหลุดลอยไปอีก ผมคงคว้าเขากลับมาไม่ได้อีกแล้ว


และไอ้ควันมันคงตามด่าให้กับความโง่ของผมไปอีกนาน...



.
..




“มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยเชี่ยหมอก ไปสนิทกับไอ้บลูขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรวะ”

“...”

“มึงจะจีบเพื่อนกูใช่มั้ยสาสสสส”

“อืม”

“ห๊ะ!”

“ก็อืม...จะจีบ”

หลังจากที่ไอ้เพจตามติดชีวิตผมกับควันมันเอารูปที่ผมไปกินเค้กกับบลูไปลงในเพจ เพลิงมันก็ตามมาแหกอกผมถึงคอนโด ถามอยู่นั้นว่าทำไมผมถึงได้ไปกินเค้กกับบลู ทำไมถึงต้องเช็ดปากให้กัน พอผมยอมรับตรงๆว่าผมจะจีบบลู มันก็อ้าปากค้าง หมดกัน...ภาพลักษณ์เดือนคณะผม

“มะ...มึง...มึงจะจีบไอ้บลูจริงๆเหรอ”

“อืม...กูชอบบลูมานานแล้ว”

“เห้ย! ไหนมึงบอกว่าพวกมึงไม่เคยรู้จักกันไงวะ” เพลิงมันยังคงอึ้ง แต่มันก็ซักผมไม่จบสักที ถ้าผมเป็นผ้าสกปรกๆผืนหนึ่ง ป่านนี้ผมคงขาวสะอาดแล้วแหละครับ

“ก็ไม่เคยรู้จักกันอย่างเป็นทางการ...แต่กูแอบมองเขาบ่อยๆ”

“มึงจริงจังใช่มั้ยวะ” เพลิงถามเพื่อความแน่ใจ

“แล้วมึงเห็นว่ากูล้อเล่นงั้นเหรอ” ผมถามกลับ

เพลิงมันส่ายหน้า ก่อนจะทรุดตัวลงข้างผม

“ถ้ามึงชอบมันจริงๆก็วิ่งเข้าชนเลย...บอกตามตรงนะ อยู่ในกองประกวดอ่ะ มีหลายคนมากที่มองมันอยู่ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพลังคู่จิ้นระหว่างกูกับมันครอบกะลาหัวอยู่ ไอ้บลูโดนตกไปแน่ๆ”



.
..
...



ความรู้สึกของผมที่มีต่อบลูมีเพียงแค่ควันและเพลิงเท่านั้นที่รู้ ผมไม่เคยพูดให้เขาได้ยิน แต่อาศัยการกระทำของผมเป็นการตอบแทน ผมตามรับตามส่งบลูตลอดเวลาที่อยู่ในช่วงการประกวด วันที่ประกวดผมรู้ว่าเพลงที่เขาร้องนั้นมันหมายความว่ายังไง

ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป..ทั้งสายตา...และความหมายของเนื้อเพลงที่เขาส่งมาถึงผมตลอดนั้น ผมก็คิดว่าเขาก็รู้สึกแบบเดียวกับผม

ผมเดินไปที่ซุ้มขายดอกกุหลาบ มีดอกกุหลาบอยู่ห้าสี ผมอ่านความหมายของแต่ละสี พร้อมจำนวนของดอกกุหลาบแล้วผมก็ตัดสินใจเลือกดอกกุหลาบสีแดง จำนวน 12 ดอก...


ที่หมายความว่า ผมกำลังแอบชอบขา...และเขาก็แอบชอบผม...


เหมือนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ผมกับเขา...เราไปกินหมูย่างเกาหลีด้วยกัน ไปดูหนังด้วยกัน แต่หลังจากกลับมาถึงห้อง ผมก็จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยสายตาเครียดๆ

หลังจากที่เห็นรูปที่ผมกับบลูที่ถูกถ่ายหน้าโรงหนังวันนี้มีคนแชร์ไปมากขนาดไหน พร้อมกับการตั้งคำถามของแต่ละคนว่าผมเป็นอะไรกับบลู ผมคิดว่าจะปล่อยให้คนอื่นสงสัยกันต่อไป ในเมื่อมันเป็นเรื่องระหว่างผมและบลู ทำไมคนนอกต้องรู้ แต่จากที่เห็นคอมเมนต์ที่มีคนกดถูกใจมากที่สุดแล้วผมก็ต้องนวดขมับเบาๆ


Namwhan Thitinan : เราถามบลูมาแล้วนะคะ หมอกกับบลูเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ ไม่ได้เป็นมากกว่าเพื่อนเหมือนอย่างที่ทุกคนคิดเลย ดูหลักฐานได้เลยว่าเราไปถามบลูมาจริงๆ


ผมมองภาพแคปข้อความระหว่างเธอกับบลูที่คุยโต้ตอบกัน แล้วก็รู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ



ที่ผมทำไปมันยังชัดเจนไม่พออีกเหรอว่าผมไม่ได้คิดกับเขาแค่เพื่อน...



หรือว่าผมต้องทำอะไรมากกว่านี้ใช่มั้ยเขาถึงจะได้เข้าใจว่าผมกำลังจีบ ไมได้จะเป็นเพื่อน?


คิดได้ดังนั้นผมก็รัวมือลงบนแป้นพิมพ์ ตั้งสเตตัสเฟสบุ๊คที่ไม่ได้อัพเดทมาชาติเศษ แถมคราวนี้เปิดเป็นสาธารณะด้วย จะได้แชร์ไปให้รู้ทั้งมอ เอาให้เดือนคณะวิทยาศาสตร์ปีนี้ตาสว่างด้วย


Kavi Worakul
Just now

I don’t wanna be your friend
But, I wanna be your boyfriend : )


tbc.

พาร์ทนี้เป็น flashback ในส่วนของหมอกทั้งหมดเลย
ชอบไม่ชอบ ติชมได้นะคะ จะพยายามพัฒนางานเขียนของเราไปเรื่อยๆค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน กดเฟบไว้ และคอมเมนต์มากๆนะคะ
เป็นแรงผลักดันที่ดีมากๆเลยค่ะ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2018 23:08:26 โดย Dearbliss »

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อ่าาาาานะ. กล้าๆหน่อย.

ใจตรงกัน แต่ปิดไปปิดมา ฮิ้วววว

 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:

....

.
.

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ Plavann

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Good job!!! มากหมอก ออกตัวเลยแบบนี้แหละบลูจะได้มั่นใจ การกระทำกับคำพูดสำคัญทั้งคู่นั่นแหละ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
การกระทำยังไม่มากพอ ต้องพูดให้บลูรู้ด้วยเน้อออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ต้องกล้าต้องชัดเจนแบบนี้สิ

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
หูยยยย  พี่หมอกคนจริงมาแล้วจ้า  มันต้องอย่างนี้ ๆ  :m3:
โปรดเข้าใจความเป็นน้องบลูนะจ้ะ น้องแค่ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง
เพราะงั้นหมอกต้องเป็นฝ่ายบอกความในใจก่อนน้า
ประกาศให้โลกรู้อย่างนี้ก็ดี จะให้ดียิ่งขึ้น ไปพูดกับเจ้าตัวตรง ๆ อีกทีเถอะจ้า
เป็นกำลังใจให้คนเขียน เราชอบเรื่องนี้มากนะคะ ><


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ dino94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
เขิงงงงงงงงงงงงงง
มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สนุกมากๆเลย ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0



บทที่ 9
งอนแล้วต้องง้อยังไง




Kavee Worakul
Yesterday at 23:58

I don’t wanna be your friend
But, I wanna be your boyfriend : )



สเตตัสของ กวี วรกุล ที่ผมเห็นอยู่ในตอนนี้...แค่ประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆเพียงแค่สองบรรทัด แต่คอมเมนต์นั้นปาไป 500 กว่าคอมเมนต์ คนถูกใจอีก 2000 กว่าไลค์ แชร์ไปอีก 300….

เพราะหมอกไม่เคยเปิดสเตตัสให้เป็นสาธารณะเลยสักครั้ง พอผู้ชายของทุกคนทำตัวเป็นสาธารณะแล้ว ความฮอตก็ฉุดไม่อยู่

ผมจะไม่ตกใจขนาดนี้หรอกถ้าว่านมันไม่โทรเรียกผมให้ตื่นมาดูข้อความของหมอกตั้งแต่เช้า พร้อมกับพูดกรอกหูผมตลอดเวลาว่าหมอกอัพถึงผมแน่นอน

ผมก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองนักหรอก...แต่เมื่อคืนน้ำหวานพึ่งแก้ข่าวให้ผมเองว่าผมกับหมอกเป็นแค่เพื่อนกัน แล้วหมอกก็มาอัพว่าไม่อยากเป็นแค่เพื่อน แต่อยากเป็นแฟน คือถามว่ามันรุนแรงกับหัวใจผมมากมั้ย...ก็ต้องบอกว่าเหมือนโดนหย่อนระเบิดนิวเคลียร์ลงมาที่หัวใจของผมเลยอ่ะ...


.
..



“หน้าอิ่มเอิบสัสๆ เขาทักมึงมาแล้วเหรอวันนี้อ่ะ”

ว่านทักเมื่อผมเดินเข้ามานั่งในห้องเรียน เผลอจับหน้าตัวเองตอนโดนทักว่าหน้าอิ่มเอิบ...นี่มันกำลังหลอกด่าว่าผมหน้าบานรึเปล่าวะ

“ยังไม่ได้ทักมา ถามทำไม” ผมตอบพลางหยิบชีทเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะด้วย

“ก็แหมมมม เพื่อนโดนจีบทั้งที กูก็อยากติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดน่ะสิ”

“มึงมั่นใจใช่มั้ยว่าเขาพูดถึงกู” ผมถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ผมก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองนักหรอก ต้องให้เพื่อนยืนยันความคิดของผมอีกสักที

“โหหหหห เอาหัวกูเป็นประกัน นั่งยัน นอนยัน ยังไงเขาก็อัพถึงมึง เมื่อคืนกูวางโทรศัพท์ไม่ได้เลย ประเด็นของมึงกับหมอกโคตรฮอต พอน้ำหวานมาแก้ข่าว หมอกก็อัพสเตตัสปั๊บ น้ำหวานนี่หน้าแหกกลับคณะไปเลยมั้ง เจอพ่อออกโรงเองขนาดนี้”

“มึงก็พูดเกินไป” ผมพูดเสียงเบา เพราะอาจารย์เดินเข้ามาแล้ว

“พูดเกินไปอะไร จริงกว่านี้ไม่มีอีกแล้วโว้ย”
.
..
...




ตั้งแต่วันนั้น ผ่านมา 5 วันแล้วที่หมอกหายไปจากชีวิตของผม ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะยุ่งเรื่องเรียน หรือมีธุระอะไรสักอย่างเลยไม่ว่างที่จะทักมาหาผม ทั้งๆที่มีทั้งไลน์ เบอร์ หรือแม้แต่แชทในเฟสบุ๊ค แต่เขาก็ไม่เคยทักผมมาเลยสักครั้ง

“มึงจะมานั่งเป็นหมาโดนเจ้าของทิ้งอย่างนี้ทำไมวะ เขาไม่ทักมามึงก็ทักไปเองสิ”

ว่านแนะนำหลังจากที่ผมทำการบ้านแคลคูลัสเสร็จ แล้วยื่นให้ว่านลอกต่อ ผมนอนมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มีแจ้งเตือนจากทุกคนยกเว้นคนที่ผมรอคอย นั่งมองมันมาอย่างนั้นได้ 5 วันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าหมอกจะทักมาเหมือนเช่นเดิม

“หรือกูจะลองทักไปหาเพลิงก่อนดี” ผมถามความเห็นของว่าน

“เอาที่มึงสบายใจอ่ะ อย่าพึ่งชวนคุย ขอลอกการบ้านก่อน” มันว่าอย่างนั้นแล้วก็ลงมือลอกการบ้านของผมต่อ ผมเลยหันกลับมามองโทรศัพท์อีกครั้ง และตัดสินใจลองทักเพลิงไปดูก่อน

BLUEBLUR : เพลิง ว่างรึเปล่า

Plerng : ว่าไงเหรอบลู

BLUEBLUR : ช่วงนี้พวกเพลิงมีสอบอะไรรึเปล่าอ่ะ

Plerng : ก็ไม่นะ ก็เรียนเรื่อยๆ สอบก็มิดเทอมนู้นแหละ

BLUEBLUR : อ๋อ

Plerng : มีอะไร จะมาหลอกถามถึงไอ้หมอกเหรอ


ผมเผลอสะดุ้งทั้งๆที่รู้ว่าเพลิงคงมองไม่เห็น ทำไมถึงรู้ล่ะ อ่านใจผมได้รึไง


BLUEBLUR : ไม่ได้จะถามถึงสักหน่อย

Plerng : ไม่ต้องเฉไฉหรอก เล่ามาสิว่ามีเรื่องอะไรเผื่อจะได้ช่วยได้

พอเพลิงบอกอย่างนั้นผมก็ลังเลสักพัก แล้วก็ตัดสินใจเล่าให้เพลิงฟังทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น เพลิงเงียบไปอยู่หลายนาทีก่อนจะตอบผมกลับมา

Plerng : มันงอนอยู่รึเปล่า ลองทักมันไปดิ


งั้นก็แสดงว่าหมอกโกรธผมเรื่องที่ผมตอบว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันแน่ๆเลย ผมบอกขอบคุณเพลิงก่อนจะนั่งคิดขณะรอว่านทำการบ้านเสร็จว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี

หลังจากแยกกับว่านแล้วผมก็กลับมาที่ห้อง เดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น สุดท้ายผมเลยลอกทักไลน์หมอกไปดู


BLUEBLUR : หมอก

BLUEBLUR: งอนเราเหรอ

BLUEBLUR : ขอโทษ


นั่งจ้องโทรศัพท์อยู่อย่างนั้นมา 5 นาทีหมอกก็ยังไม่ตอบผม ผมเลยลองทักแชทในเฟสบุ๊คไปอีก รออีก 10 นาทีหมอกก็ไม่มีทีท่าว่าจะอ่านข้อความของผมเลย

เหลือทางเดียวคือโทรหา...

“เอาวะ”

ผมพูดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะกดเบอร์โทรของหมอก นั่งรออยู่ไม่นานสุดท้ายหมอกก็รับโทรศัพท์ ผมแทบจะกระโดดด้วยความดีใจ แต่ปลายสายกลับเงียบใส่ผมซะอย่างนั้น ผมเลยสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะทักอีกฝั่งสายก่อน

“หมอก”

[...]

ฮืออออออ เงียบทำไม ใจไม่ดีนะเว้ย T_____T

“โกรธเราเหรอ”

[…]

เงียบอีกแล้ว...นี่ใช่เบอร์หมอกจริงๆป่ะเนี่ย

“เออ...ใช่หมอกรึเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่ผมขอ...”

[อยู่ห้องรึเปล่า]

“ห๊ะ!” ผมงงไปหมดแล้ว กำลังจะขอโทษนึกว่าโทรผิดสาย แต่เสียงที่ถามผมกลับมานั้นมันเป็นเสียงของหมอก

[หรือจะมาหาที่ห้องเรา?]

“เออ...เราไปหาก็ได้”

ผมบอกไปอย่างนั้น ผมเป็นคนผิด ผมก็ต้องไปหาเขาสิ

[เดี๋ยวรออยู่ที่ห้อง ขึ้นมาได้เลย จำห้องเราได้อยู่ใช่มั้ย]

“ดะ...ได้...จะไปตอนนี้เลย”

[อืม]

พอหมอกวางสายผมก็รีบโกยของทุกอย่างใส่กระเป๋าทันที วิ่งสี่คูณร้อยไปโบกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งที่คอนโดของหมอกซึ่งห่างออกไปจากคอนโดของผมมากพอสมควร พอมาถึงแล้วก็ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ 9 เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องหมายเลข 1 สูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งแล้วก็กดกริ่งที่ข้างประตู รอไม่นานประตูก็เปิดออก

“เข้ามาสิ”

หมอกว่าอย่างนั้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน ผมเลยเดินตามไปแล้วปิดประตูให้สนิทเหมือนเดิม มองห้องที่เงียบสนิทแล้วเลยถามหมอกเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันอึมครึมเกินไป

“ควันไม่อยู่เหรอ”

“ไปติวหนังสือกลับเพื่อน บอกว่าจะกลับพรุ่งนี้”

หมอกตอบแบบนั้นผมเลยได้แต่พยักหน้าตอบรับ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลย เรายืนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นสักพัก เหมือนหมอกจะรอให้ผมพูดก่อน แต่ผมก็ไม่ยอมปริปากสักที

“สรุปจะคุยเรื่องอะไร”

สุดท้ายหมอกก็เป็นคนถามผม ผมเหลือบตามองหมอกอีกครั้งแล้วก็รีบหลุบตาลงเหมือนเดิม บิดมือไปมาจนมันแดงไปหมด ก็มันเครียดอ่ะ ไม่เคยมีโมเมนต์อย่างนี้เลย ต้องทำยังไงผมก็ไม่รู้ สุดท้ายหมอกก็เดินเข้ามาหาแล้วดึงมือผมที่บีบกันไว้แล้วจับไว้ทั้งสองข้าง

“จะพูดอะไร เงยหน้าขึ้นมาคุยกันดีๆ”

เขาว่าอย่างนั้น ผมเลยไม่มีทางเลือกนอกจากเงยหน้ามองหมอกที่อยู่ใกล้ผมเหลือเกิน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาเขินอะไรทั้งนั้น ผมต้องรีบพูดแล้วก่อนที่หมอกจะโมโหผมที่เอาแต่เงียบเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน

“หมอก...งอนเราเหรอ”

“ใช่”

ตอบมาแบบนี้ก็ไปต่อไม่ถูกเลย...เผลอกัดปากไปที แล้วหมอกก็เอามือมาดึงปากผมที่กำลังกัดอยู่ออกจากกัน...โอ้โห...ช็อตนี้แบบตายมั้ย...บอกเลยว่าตายแบบไม่ฟื้น

“ถ้าหมอกงอนเราเรื่องที่เราบอกน้ำหวานว่าเป็นแค่เพื่อนกับหมอกเราก็ขอโทษจริงๆ...คือตอนนั้นเราไม่กล้าคิดไปไกล...เราไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง”

ผมว่าอย่างนั้นแล้วก็ก้มหน้างุด แต่คนที่อยู่ตรงหน้าก็เชยคางผมให้เราสบตากัน แววตาของคนตรงหน้านั้นมีแต่ความจริงจัง...จริงจังจนผมไม่กล้าเขินเลย

“ทุกการกระทำที่เราทำมันไม่ชัดเจนพอเหรอ”

“...”

“ตั้งแต่วันที่เราแอดเฟสกัน ตั้งแต่ที่ไปรับไปส่งที่กองประกวด ดอกกุหลาบ 12 ดอกนั้นไม่รู้ความหมายเลยเหรอ”

คำถามที่หมอกถามมามันทำให้ผมพูดไม่ออก พอคิดย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่เราคุยกัน...ใช่...หมอกชัดเจนมาตลอด มีแต่ผมที่ไม่ยอมรับ...ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองเพราะกลัวความผิดหวัง กลัวว่าถ้าหมอกจะคิดไม่เหมือนกัน ผมคงเจ็บจนทนไม่ไหว

“ขอโทษ” ผมก้มหน้างุด ได้ยินเสียงถอนหายใจของหมอกเบาๆแล้วผมก็ยิ่งรู้สึกผิด

“เลิกพูดคำว่าขอโทษสักที ได้ยินจนเบื่อแล้ว”

“แต่ไม่มีคำไหนที่เหมาะไปกว่าคำว่าขอโทษแล้ว ขอโทษจริงๆ เราขอโทษนะหมอก”

“เลิกพูดคำว่าขอโทษสักที ตั้งแต่รู้จักกันมาพูดคำนี้ไปกี่ครั้งแล้ว” หมอกพูดเสียงนิ่งๆ ผมเงยหน้าหมายจะค้าน

“แต่...”

“ถ้าพูดอีกครั้งจะจูบจริงๆด้วย” ผมกำลังจะอ้าปากประท้วง แต่น้ำเสียงนิ่งในประโยคถัดมาก็ทำเอาผมหุบปากทันที

“ไม่แล้ว...ไม่พูดแล้ว”

ผมรีบปฏิเสธและแอบมองปฏิกิริยาของหมอกอีกครั้ง เห็นแววตาของหมอกที่อ่อนลงให้ผม ผมเลยกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ติดค้างในใจออกมา

“หมอกหายงอนเราแล้วเหรอ”

“จะหายถ้าค้างที่นี่”

ผมเผลอเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเงื่อนไขของหมอก ค้างเหรอ...ค้างกับหมอกสองต่อสองเนี่ยนะ!

“เงียบทำไม หรือว่าไม่อยากง้อแล้ว”

“ยะ...อยาก...อยากสิ...ก็ได้...ค้างก็ได้ แต่ต้องหายงอนนะ” ผมตัดสินใจยอมรับเงื่อนไขของหมอก เพราะถ้าไม่ยอมรับแล้วหมอกไม่ยอมคุยกับผมอีกต่อไปจะทำยังไงล่ะ

“ครับ”

พอหมอกตอบอย่างนั้นผมก็ทำอะไรไม่ถูกเลยดิ ทำไมต้องมาพูดเพราะแล้วยิ้มหวานใส่ผมด้วยเนี่ย หัวใจผมมันไม่ได้แข็งแรงพอจะรับเรื่องแบบนี้ได้หรอกนะ

“แต่ว่าเราไม่ได้เอาอะไรมาเลยนะ” ผมแย้ง ในกระเป๋ามีแค่โทรศัพท์กับกระเป๋าเงินแค่นั้นเอง หรือผมต้องกลับห้องไปเก็บของมาก่อนรึเปล่านะ

“ไม่ต้องไปไหน อยู่นี่แหละ มีให้ทุกอย่าง”

หมอกว่าแล้วก็จูงมือผมเข้าไปห้องนอนทางด้านขวาที่คงจะเป็นห้องของหมอก ผมมองเข้าไปด้านในที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ห้องของหมอกทาด้วยสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีขาว มีเตียงหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ข้างๆกันเป็นโต๊ะหนังสือตัวยาวที่มีหนังสือกฎหมายที่ผมไม่ค่อยรู้จักวางตั้งไว้อยู่

ไม่ทันได้สำรวจอย่างละเอียด หมอกก็พาผมไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้แกะกล่องมาให้ผมถือ แล้วเขาก็เปิดตู้เสื้อผ้าเอาผ้าขนหนูที่พับอย่างเรียบร้อยยัดใส่มือผม

“ผ้าขนหนู...ซักสะอาดแล้ว”

“อ้อ...” ผมขานรับ แอบดมกลิ่นหอมๆของผ้าขนหนูขณะมองหมอกรื้อตู้เสื้อผ้าต่อ

“ชุดพวกนี้คงพอใส่ได้ใช่มั้ย”

หมอกเอาชุดของเขามาทาบลงบนตัวผม กะประเมินด้วยสายตาตัวเองแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักอยู่คนเดียว ก่อนจะดันผมเข้าไปในห้องน้ำในห้องนอนของเขา

“ไปอาบน้ำไป เสร็จแล้วจะได้ออกมากินข้าว”

“ตอนนี้เลยเหรอ” ผมเบรกเท้าไว้ก่อนขาจะก้าวเข้าไปในห้องน้ำ พอบอกว่าจะค้างก็บังคับให้อาบน้ำเลยโว้ย งงไปหมดแล้วเนี่ย

“ใช่ ตอนนี้แหละ เดี๋ยวทำกับข้าวรอ”

แล้วหมอกก็ดันผมเข้าห้องน้ำได้สำเร็จ ผมมองบานประตูที่กั้นระหว่างผมกับเขาด้วยความไม่เข้าใจ...


ไม่เข้าใจว่าผมมาถึงจุดนี้ได้ยังไง


จุดที่ต้องนอนค้างที่คอนโดหมอกเนี่ย โว้ยยยยยยยยย จะเป็นบ้าตายแล้ววววว




[มีต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ผมอาบน้ำเสร็จก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา เหลือบตามองไปทั้งห้องนอนก็ไม่เห็นหมอก เลยถือจังหวะนี้เดินสำรวจห้องนอนซะเลย ห้องของหมอกมีมุมหนังสืออีกมุมที่ไม่ใช่หนังสือเรียนแนวกฎหมายแต่เป็นพวกหนังสือการ์ตูนที่ตั้งเรียงเป็นเซ็ต ชั้นบนเป็นฟิกเกอร์สุนัขตั้งเรียงอยู่ 5-6 ตัว มีแต่ตัวน่ารักๆทั้งนั้นเลย

ผมมองแล้วก็อมยิ้มเบาๆ ไม่ได้แตะต้องพวกมันแล้วก็เดินออกมาห้องนั่งเล่น ได้กลิ่นอาหารลอยมาแตะจมูกก็ลากเท้าเดินไปดูคนตัวสูงที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตา

“ทำอะไรเหรอ” ผมถาม แล้วชะโงกดูหมอกที่กำลังผัดอะไรบางอย่างอยู่

“ผัดกระเพราหมูสับ...ตักข้าวดิ กำลังจะเสร็จแล้ว”

ผมทำตามที่หมอกสั่ง หยิบจานมาสองใบและตักข้าวสวยใส่จานในปริมาณที่พอดี หยิบช้อนและส้อมวางในแต่ละจานแล้วเอามาวางที่โต๊ะทานข้าว หมอกถือผัดกระเพราะหน้าตาน่าทานวางลงตรงกลาง ก่อนจะไปยกไข่ตุ๋นร้อนๆมาวางอีกจาน

“โหหหหหหห หมอกทำเป็นขนาดนี้เลยเหรอ” ผมมองเมนูที่อยู่ตรงหน้า เหมือนมันจะเป็นเมนูง่ายๆ แต่ผมที่ทำเป็นแค่ไข่เจียวกับต้มมาม่าก็อดตื่นเต้นไม่ได้

“ก็ไม่เห็นจะยาก ช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็กเลยจำมา...ลองชิมสิ”

ผมพยักหน้าและลองตักผัดกระเพราะหมูสับกินพร้อมข้าวสวยร้อนๆ รสชาติผัดกระเพราของหมอกอร่อยกว่าตามร้านข้างทางเป็นไหนๆ รสชาติถูกปากผมมากจริงๆ ทำได้แค่ยกนิ้วโป้งให้แล้วก็ตักไข่ตุ๋นกินตามไปด้วย พึ่งนึกได้ว่าวันนี้ผมยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน เพราะมัวแต่เครียดเรื่องหมอกอยู่นั้นแหละ อาหารมื้อนี้เลยรู้สึกว่ามันอร่อยมากกว่าปกติ


“กินช้าๆก็ได้ ไม่มีใครแย่งกินหรอก” หมอกปรามผมที่แทบจะกลืนข้าวลงคอทันทีที่เข้าปาก

“ก็คนมันหิวนี่นา”

“ไม่ได้กินข้าวเที่ยงมาเหรอ”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะตักไข่ตุ๋นคำใหญ่เข้าปาก เห็นหมอกหัวเราะเบาๆผมเลยใช้สายตาถามแทนปากว่า หัวเราะอะไร เพราะกำลังเคี้ยวข้าวอยู่เลยถามไปไม่ได้

แต่หมอกกลับไม่ตอบคำถามผมแล้วใช้มือเช็ดมุมปากผมที่มีไข่ตุ๋นชิ้นเล็กติดอยู่แล้วเอาเข้าปากของเขาซะงั้น


อ่า...กินข้าวต่อไม่ถูกเลย



หลังจากกินข้าวด้วยกันเสร็จ เราก็ช่วยกันล้างจาน เก็บจานจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ นั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟาขณะที่รอหมอกอาบน้ำ เลยหยิบโทรศัพท์มาเล่นไปพลางๆ แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อนที่ผมจะได้กดเข้าไปที่แอพไหน

“ว่าไงว่าน” เป็นว่านที่โทรเข้ามาหาผมในตอนนี้

[ไม่อยู่ห้องเหรอวะบลู เคาะห้องตั้งนานแล้วนะ]

“อืม...ไม่อยู่ มีอะไรเหรอ”

[แล้วไปไหนอ่ะ นี่ก็สามทุ่มแล้วนะ ยังไม่กลับห้องอีก]

“เออ...ตอนนี้เราอยู่ห้องหมอกน่ะ” พอผมพูดจบ ผมก็ต้องรีบดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูทันที เพราะเสียงของว่านที่ตอบกลับมาดูตกใจมากๆ

[อะไรนะบลู! อยู่ห้องหมอก! ทำไมพวกมึงไวไฟกันอย่างนี้!!]

“เดี๋ยวๆ ไวไฟอะไร กูมาง้อหมอก...เขางอนกูแบบที่คิดไว้จริงๆ”
 
[แล้วง้อสำเร็จมั้ยล่ะ] น้ำเสียงของว่านนี่อยากรู้อยากเห็นสุดๆ นั้นสิ...สำเร็จรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมยอมค้างที่นี่กับหมอกแล้ว...ก็คงจะสำเร็จแหละมั้ง

“ก็...คงสำเร็จมั้ง...แล้วมึงไปหากูที่ห้องมีอะไร”

[ว่าจะชวนไปหาอะไรกินเฉยๆ กูไปหากินเองก็ได้ อยู่กับผัว...เอ้ย! กับเพื่อนให้มีความสุขนะ แค่นี้แหละ]

พูดจบก็วางสายไปเลย ผมมองหน้าจอที่ดับสนิทแล้วก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก หันไปมองก็เห็นว่าหมอกยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของเจ้าตัว

“หมอกจะให้เรานอนตรงไหน...เรานอนที่โซฟาก็ได้นะ” ผมรีบบอกด้วยความเกรงใจเจ้าของห้อง

“มานอนในห้องนอน”

ว่าแล้วก็กวักมือเรียกผมอยู่หน้าห้องนอนนั้นแหละ ผมเลยเดินไปหาคนตัวสูง แอบส่องเข้าไปในห้องนึกว่าจะมีฟูกปูไว้ที่พื้นให้แล้วถึงเรียกให้ไปนอนที่ห้องนอน แต่กลับไม่เห็นอะไรนอกจากพื้นห้องเปล่าๆ

“เออ...ให้เรานอนบนพื้นเหรอ...มีหมอนสักใบมั้ย” ผมถามด้วยความเกรงใจ ถ้าให้นอนพื้นโดยที่ไม่มีหมอนเลย ผมขอเลือกนอนโซฟายังดีกว่า

“นอนบนพื้นอะไร นอนบนเตียงสิ” หมอกยังตอบคำถามผมอย่างใจเย็น

“แล้วถ้าเรานอนบนเตียง หมอกจะนอนที่พื้นเหรอ...หรือจะนอนโซฟาข้างนอก” ผมชี้ไปที่โซฟาที่ผมพึ่งลุกออกมา ได้ยินเสียงหมอกถอนหายใจเบาๆ แล้วก็ยกร่างของผมลอยหวือขึ้นจากพื้น เห้ยยย!!!

“ไปนอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละ เข้าใจอะไรยากจัง”

พูดจบก็อุ้มผมแล้วเดินไปที่เตียงกว้างกลางห้องนอนทันทีโดยไม่สนใจหน้าตื่นๆของผมเลยสักนิด ผมตกใจจนพูดไม่ออกตอนที่หมอกวางผมลงบนเตียง แล้วเขาก็คร่อมร่างผม...


โคตรล่อแหลม...


เรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไงครับ T________T


“เออ...” กว่าผมจะควานหาเสียงหัวเองเจอ สบตากับดวงตาเรียวของหมอกที่จ้องผมจนจะทะลุแล้ว อยากหันหน้าหนีก็ทำไม่ได้

“ยังไม่ได้ถอดคอนแทคเลนส์ใช่มั้ย”

“ห๊ะ!” ผมงงกับประโยคของหมอก พอนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ถอดคอนแทคเลนส์จริงๆก็พยักหน้าเบาๆ

หมอกดึงผมให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วเขาก็เปิดลิ้นชักข้างเตียง ผมมองการกระทำที่ไม่ได้บอกได้กล่าวอะไรให้ผมได้รับรู้ จนเมื่อหมอกแกะกล่องน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ออกแล้วก็ยื่นตลับเล็กๆให้ผม

“ยังไม่ได้ใช้เลย ไปถอดซะสิ”

“ขอบคุณ” ผมพึมพำและรับตลับคอนแทคเลนส์พร้อมน้ำยาขวดใหม่ของหมอก เดินไปถอดคอนแทคเลนส์ หมอกก็มายืนรออยู่หน้าห้องน้ำ จนเมื่อผมถอดเสร็จและล้างหน้าเรียบร้อย หมอกก็จูงมือผมเดินมาถึงเตียง

“หมอก” ผมพูดเสียงเบา เมื่อนั่งลงบนเตียงแล้ว

“ว่าอะไร”

“คือเราสายตาสั้น...ไม่ได้ตาบอด” ผมมองมือหนาที่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากมือของผมสักที

“ก็รู้อยู่ แต่ก็เป็นห่วงกลัวเดินชนเสา”

“ไม่ได้สายตาสั้นจนมองไม่เห็นอะไรสักหน่อย ตอนนี้ก็เห็นหน้าหมอกชัดเจน” ผมพูดตามที่เห็นจริงๆ ก็เรานั่งอยู่ข้างกัน ผมไม่ต้องใส่คอนแทคเลนส์ก็เห็นชัดไปถึงขนตาของหมอกเลยด้วยซ้ำ

“งั้นมองเห็นอะไรบ้าง ว่ามาสิ”

พูดไม่พอ แถมยื่นหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้ ผมเผลอถดตัวหนีคนตรงหน้า แล้วมองสำรวจใบหน้าที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นใกล้ขนาดนี้ ผิวของหมอกมันขาวเนียนละเอียด ไม่มีสิวหรือผดผื่นขึ้นเลยแม้แต่นิด ดวงตาเรียวนั้นถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่ามันเป็นตาสองชั้นจริงๆ แถมจมูกที่โด่งได้รูปก็รับกับกระจับปากสีชมพูอ่อนอีกด้วย


ทำไมคนๆนี้ต้องสมบูรณ์แบบขนาดนี้ด้วย


ไม่ยุติธรรมต่อใจผมเลยจริงๆ ให้ตายเหอะ : (


“ก็เห็นหน้าหมอกไง ถอยออกไปเลย”

ผมดันอกหนาออกเบาๆ ไม่รู้จะทำตัวยังไงในสถานการณ์อย่างนี้เลยคว้าหมอนข้างที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาวางไว้ระหว่างเราสองคน

“แบ่งเขตแล้วกัน อันนี้ฝั่งของเรา จะพยายามไม่นอนดิ้นนะ” ผมว่าแล้วนอนลงบนพื้นที่ที่แบ่งไว้ มันก็กว้างพอที่ผมจะนอนได้อย่างสบาย แต่ปกติแล้วผมชอบนอนดิ้นไง กลัวหมอกจะรำคาญเอาน่ะสิ

“ไม่ต้องมีหมอนข้างก็ได้มั้ง”

เสียงเจ้าของห้องติดจะหงุดหงิดนิดหน่อย ผมเหล่สายตามองหมอกที่พยายามจะดึงหมอนข้างออกให้ได้ แต่ผมก็ใช้ขาทับเอาไว้ไม่ยอมให้หมอกดึงได้สำเร็จ แล้วก็กระตุกแขนให้หมอกนอนได้แล้ว ไม่งั้นหมอกก็คงจะดึงจนหมอนข้างปลิวตกพื้นอีกรอบแน่ๆ

“มีหมอนข้างไว้แบบนี้แหละดีแล้วๆ นอนกันๆ”

พอผมพูดอย่างนั้นหมอกเลยยอมปล่อยหมอนข้างไว้ที่เดิม และนอนลงในพื้นที่ของหมอก พวกเรานอนมองเพดานอยู่อย่างนั้นเพราะตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานอนเลยด้วยซ้ำ

“เออ...หมอก...”

“หืม?” คนที่นอนข้างๆขานรับ ผมที่นอนมองเพดานอยู่เลยตัดสินใจถามคำถามที่ติดอยู่ในหัวตั้งแต่ยอมตกลงค้างที่นี่

“ถ้าตอนที่หมอกบอกว่าจะไปหาเราที่ห้องแล้วเราไม่บอกว่าจะมาหาเอง...หมอกก็จะค้างที่ห้องเราใช่มั้ย”

“ใช่”

แล้วเสียงทุ้มก็ตอบผมกลับมาทันที หัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้วยิ่งห้ามให้มันเต้นเร็วมากกว่าเดิมไม่ได้ ผมหันไปมองหมอกที่ก็หันมาหาผมเช่นกัน ดวงตาเรียวนั้นราวกับจะดึงดูดผมเข้าไปทุกขณะที่จ้องมอง

“เตรียมของใส่กระเป๋าตั้งแต่โดนทักมาทางไลน์ล่ะ แต่เผอิญคนอยากง้อจะมาที่นี่แทน ก็เลยได้นอนห้องตัวเองเหมือนเดิม”

หมอกพูดแล้วอมยิ้มนิดๆ จนผมอดไม่ได้ที่เหน็บแนมคนที่มีแผนการล้ำลึกข้างๆนี่เหลือเกิน

“เจ้าเล่ห์จริงๆ”

“หึ...ถ้าไม่เจ้าเล่ห์จะได้นอนกอดแบบนี้เหรอ”

“เห้ย!!”

พอสิ้นคำนั้นร่างสูงก็พลิกตัวมาทางผม แขนยาวๆของหมอกพาดผ่านหมอนข้างจนสามารถรัดรอบตัวผมได้ง่ายๆ ผมเบิกตากว้าง ร่างกายเหมือนถูกดึงให้เข้าไปใกล้ชิดหมอกมากกว่าเดิม พอจะดิ้นก็ดิ้นไม่ได้เพราะคนที่ตัวสูงกว่าใช้ทั้งขาทั้งแขนรัดร่างผมพร้อมกับหมอนข้างเอาไว้

“นอนกันเถอะ ง่วงแล้ว” เสียงทุ้มๆกระซิบข้างหูของผม ผมมองดวงตาเรียวในระยะประชิด เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหมอกแล้วก็ต้องยอมแพ้


ผมแพ้เขาจริงๆ


ไม่มีทางชนะได้เลย...


tbc.

ตอนแรกบอกว่าจะอัพวันศุกร์ แต่ว่าเราเอาคอมมาด้วย
โรงแรมก็เน็ตแรง อัพซะเลยแล้วกัน5555555555
พระเอกของเรามันร้ายค่ะ แต่งไปก็หมั่นไส้ไป
บลูตามอะไรนังหมอกทันมั้ยลูกกกกกกก
เหมือนกระต่ายหลงเข้าถ้ำเสือเลยลูกแม่

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
โถหมอกก แกล้งงอนให้บลูมาง้อรึเปล่าเนี่ยย

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
หมอกคนนิ่งได้ตายไปแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หมั่นไส้เค้านะคะ 555555555555555555555

ออฟไลน์ Zeta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เจ้าเล่ห์มากอ่ะหมอก เขินเหมือนตัวเองเป็นบลู  :-[

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตกลงใครจะทำตัวให้ไปอยู่ในสายตาใครกันแน่ค้าาาา เราชอบจังเลย น่ารักจังเลย

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พอบอกว่าจะรุก ก็รุกซะทำตัวไม่ถูกเลยน้อ

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
หูย แผนสูงจริงจริ๊งคุณหมอก  :-[
น้องบลูมาง้อถึงห้อง แถมยังได้นอนกอดอีก เขิน > <
แต่ชอบความช่างดูแลของหมอกมากกก
จัดเตรียมให้ทุกอย่าง ทำกับข้าวให้กิน
ใส่ใจกระทั่งเรื่องคอนแทคเลนส์ เตรียมน้ำยาล้างไว้ให้อีก โหย
ขอน้องบลูเป็นแฟนเลยเถอะจ้า จะได้ไม่มีหมอนข้างกั้นนะ 555

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0



บทที่ 10
โกหกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่



ปังๆๆๆๆๆ

“หมอกกกกกกกกก”

ปังๆๆๆๆๆ

“เชี่ยหมอกกกกกกก ตื่นนนนนนนนนนน”

ปังๆๆๆๆๆ

“ตื่น! เดี๋ยว! นี้! ไอ้เหี้ยหมอกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”


เสียงที่ร้องตะโกนโหวกเหวกสลับกับเสียงทุบประตูทำให้ผมที่กำลังจมดิ่งอยู่ในความฝันต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่พอจะขยับตัวกลับรู้สึกแน่นที่รอบเอว ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของใครบางคนอยู่ เปลือกตาของหมอกปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ แม้ว่าประตูห้องนอนใกล้จะพังเพราะโดนทุบเต็มที


“จะตื่นดีมั้ยๆ ไม่ตื่นจะพังประตูเข้าไปแล้วนะสาสสสส”


เสียงด้านนอกยังคงดังแทรกเข้ามา ผมที่คิดประมวลผลอยู่ไม่นาน พอรู้ว่าเสียงด้านนอกห้องนอนเป็นเสียงของใครก็ต้องเบิกตากว้าง รีบเขย่าร่างของหมอกที่ยังหลับทันที

“หมอก ตื่นได้แล้ว” ผมว่าและเขย่าร่างของหมอกไม่หยุด คนตรงหน้าถึงค่อยๆลืมตาขึ้น

“หืม?”

“ควันกลับมาแล้ว”

ผมบอก เสียงทุบประตูยังคงดังเป็นจังหวะ ได้ยินเสียงหมอกถอนหายใจแล้วคลายอ้อมกอดออกให้ผมเป็นอิสระ ขยี้ตาแล้วลูบผมที่ไม่เป็นทรงให้มันไม่ยุ่งฟูแล้วก็เดินไปเปิดประตูให้คนด้านนอก ส่วนผมก็รีบหลบอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ไม่รู้กลัวอะไร แต่ไม่อยากให้ควันรู้เลยว่าเมื่อคืนผมค้างที่นี่

“มีอะไร” ผมได้ยินเสียงหมอกถามควัน

“หิว ทำข้าวให้กูกินหน่อย”

“กูไม่ใช่ทาสมึง อยากกินก็ทำกินเองไป๊ คนจะนอน”

“แต่กูไม่อยากกินมาม่า อาหารไร้ประโยชน์แบบนั้นกินไปก็ไม่ได้เสริมสร้างสมองกูเลยสักนิด มึงทำข้าวผัดให้กูหน่อยดิ...ว่าแต่นี่ก็จะเที่ยงล่ะ ทำไมวันนี้มึงตื่นสายจังวะ ทุกทีไม่เคยตื่นเกินแปดโมง”

“เรื่องของกู ถ้าอยากกินก็อย่าถามมาก”

“โอเค งั้นกูไปนอนรอที่ห้อง เสร็จแล้วไปเรียกนะ”

“เออ!”


เสียงประตูห้องปิดลง ผมเลยลองแง้มผ้าห่มออกก็เห็นว่าหมอกยังคงมีใบหน้าที่ยุ่งเหยิง ร่างสูงเดินมาใกล้ผมแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงกว้าง ผมเลยถดตัวให้หมอกนอนได้สบายมากยิ่งขึ้น

“จะทำข้าวผัดเหรอ” ผมลองถามคนที่ยังนอนอยู่ หมอกพยักหน้าแทนคำตอบแล้วก็เด้งตัวขึ้นมานั่งข้างผม

“มีแต่เราที่ทำอาหารเป็น ส่วนไอ้ควัน...แค่ต้มมาม่าได้ก็บุญหัวมันแล้ว” เหมือนผมถูกด่าไปด้วยเลย แต่ผมยังดีกว่าควันหน่อยตรงที่ยังทอดไข่เป็นล่ะนะ

“มาช่วยทำอาหารหน่อยสิ...เดี๋ยวไปรอข้างนอก อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ตามออกมานะ เสื้อผ้าก็ค้นๆในตู้ในนั้นแหละ อยากใส่อะไรก็ใส่เลย”

พอหมอกพูดเสร็จ ร่างสูงก็ลุกออกจากห้องไปเลย ตั้งแต่รู้จักกันมานี่ชักจะทำตัวเผด็จการขึ้นทุกวัน ผมไม่เคยค้านได้ทัน หมอกก็ชิงหนีไปอย่างนี้ทุกที


แล้วผมเคยปฏิเสธเขาได้ด้วยงั้นเหรอครับ...





หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ ผมก็มองตัวเองในกระจกบานใหญ่ รู้สึกเขินๆยังไงก็ไม่รู้ที่อยู่ในชุดของหมอก พยายามหาเสื้อยืดที่พอจะมีขนาดเท่าตัวผม แต่พอใส่แล้วปลายเสื้อก็ตกเกือบถึงเข่า ผมเลยแก้ปัญหาโดยยัดปลายเสื้อเข้าในกางเกงเลที่มันสามารถใช้เชือกมัดได้ พอมั่นใจว่าทุกอย่างโอเคแล้วก็ลองแง้มประตูห้องดูว่าด้านนอกมีแค่หมอก ผมเลยกล้าเดินออกไป

“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ...มานี่สิ”

หมอกกวักมือเรียกผมที่เค้าน์เตอร์ครัว ผมเลยเดินไปดูว่าหมอกกำลังทำอะไรอยู่ เห็นหมอกกำลังหั่นแครอทเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆอยู่ ผมเลยยืนมองอย่างสนใจ

“ให้เราช่วยอะไร”

“เอาต้นหอมพวกนี้ไปล้างสิ”

หมอกชี้ต้นหอมที่อยู่ในถุงพลาสติก ผมพยักหน้าและทำตามที่หมอกสั่งอย่างตั้งใจ พอเรียบร้อยแล้วหมอกก็ไม่ให้ผมทำอะไรอีกเพราะกลัวผมจะเปื้อน สุดท้ายผมก็ได้แต่ยืนมองหมอกเตรียมวัตถุดิบต่างๆ แล้วก็ลงมือผัดข้าวในปริมาณที่มากพอสำหรับผู้ชายสามคนในมื้อนี้

“โอ๊ะ!”

ในขณะที่ผมกำลังยืนดูหมอกทำอาหารอยู่ เสียงทุ้มที่คล้ายกับหมอกจนแทบแยกไม่ออกก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง ผมหันไปมองควันที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนแล้วก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง เลยส่งยิ้มแห้งๆให้กับคนตรงหน้า

“หวัดดี” ผมทักควันก่อน

“ทำไมบลูมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ มาตั้งแต่ตอนไหน” ควันถาม ผมเลยแอบเหล่มองหมอกที่ทำเป็นไม่สนใจในบทสนทนาของผมและควัน ผมเลยหันมายิ้มให้ควันแห้งๆอีกครั้ง

“เออ...คือว่าเราพึ่งมาถึงน่ะ”

ผมปั้นน้ำเป็นตัวสุดชีวิต จะให้ควันรู้ไม่ได้ว่าเมื่อคืนผมมาค้างที่นี่ หมอกก็ไม่ได้พูดอะไรด้วยนะที่ผมโกหกอย่างนั้น เจ้าตัวยังตั้งใจผัดข้าวอยู่หน้าเตาอยู่เลย คงไม่ว่าอะไรที่ผมโกหกหรอกมั้ง

“พึ่งมาแล้วก็ใส่เสื้อหมอกเลยเหรอ...นั้นมันเสื้อตัวโปรดของหมอกเลยนะ”

ควันชี้เสื้อที่ผมใส่อยู่แล้วเดินเข้ามาใกล้ พูดไม่ออกเลยครับ ผมมองเสื้อสีฟ้าที่ใส่อยู่แล้วก็เผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ชิบหายแล้วไง

“เออ...บังเอิญจังเลย หมอกก็มีเสื้อแบบนี้เหรอ...แหะๆ”

ผมหัวเราะแห้งๆ แล้วก็หลบตาควันที่ยังไม่หยุดจ้องหน้าผม ได้ยินเสียงหมอกหัวเราะเบาๆแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อด้วย ร่างสูงยังตั้งหน้าตั้งตาผัดข้าวอยู่นั้นแหละ ไม่ช่วยกันเลยโว้ย

“ว่าไงไอ้หมอก มึงมีเสื้อแบบนี้มั้ย” ควันถามช่วย เมื่อหมอกไม่ยอมตอบคำถามผม

“อืม...มีสีขาวแบบนี้อยู่ตัวนึง” พูดพลางตักข้าวผัดใส่จานไปด้วย พอได้ยินอย่างนั้นผมก็เบาใจไปได้หน่อยหนึ่ง และช่วยหมอกยกจานข้าวมาที่โต๊ะทานข้าวด้วย

“เชื่อก็ได้ว่าเสื้อบลู กินข้าวดีกว่า หิว” ควันพูดแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าโดยไม่สนใจผมและหมอกเลย

“กินเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

หมอกบอกผม ผมพยักหน้ารับคำและมองสองแฝดที่เริ่มกินข้าวกันแล้วจึงหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวผัดสีเหลืองหน้าตาน่าทานขึ้นมาชิมดูบ้าง ควันร้อนๆพร้อมกลิ่นหอมลอยมาแตะจมูก ผมเป่าให้มันเย็นและลองกินคำแรก และเป็นอีกครั้งที่ผมประทับใจในฝีมือการทำอาหารของหมอกมาก อร่อยจนน้ำตาจะไหลเลยล่ะครับ

“ทำไว้เยอะอยู่นะ เดี๋ยวเก็บไว้ให้ในตู้เย็น”

หมอกพูดแล้วก็มองควันที่ยังก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่หยุด ควันเพียงพยักหน้าแล้วก็กินต่อ ผมเห็นความรักความห่วงใยของหมอกที่มีต่อควันแล้วก็อดรู้สึกดีไม่ได้ เห็นแล้วก็คิดถึงพี่พิ้งค์เลย...พี่พิ้งค์เป็นพี่สาวของผม เธอได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษได้เกือบปีแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ยังคงติดต่อกับพี่พิ้งค์อยู่เสมอ แต่พวกเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม เลยทำให้ผมอดคิดถึงพี่สาวคนเดียวของผมไม่ได้

“เดี๋ยวเราล้างจานให้นะ”

ผมบอกหลังจากที่ทานข้าวคำสุดท้ายในจานจนหมด ควันก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันที

“ไม่ได้ๆ จะให้แขกล้างได้ยังไง เดี๋ยวล้างเอง มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว”

“ไม่ได้หรอก เราก็กินเหมือนกันนะ” ผมแย้ง

“งั้นช่วยกันล้างก็ได้ โอเคมั้ย” ควันยื่นข้อเสนอ ผมพยักหน้าตกลงและช่วยเก็บจานไปที่ซิงค์ ส่วนหมอกนั้นก็ขอตัวไปอาบน้ำ ทิ้งให้ทั้งห้องเหลือแค่ผมและควัน

“นี่...บลู”

ควันทักผม ขณะที่ผมกำลังจะเริ่มล้างจาน ผมมองควันที่ตักข้าวที่เหลือลงในกล่องพลาสติก ดวงตาที่ถอดแบบกันมากับหมอกจ้องผมแล้วก็พูดต่อ

“จะบอกความจริงอะไรให้ฟังอย่างหนึ่ง”

“อะไรเหรอ” ผมถามพลางบีบน้ำยาล้างจานใส่ฟองน้ำไปด้วย

“เสื้อที่ใส่อ่ะ มีตัวเดียวในโลกรู้รึเปล่า”

พอควันพูดแบบนั้น ผมเลยชะงักมือและเงยหน้ามองควันที่ยืนอมยิ้มอยู่ด้านข้าง

“หมายความว่ายังไง”

“ก็หมายความว่าเสื้อตัวนี้มันมีตัวเดียวไง...ทำไมเราจะไม่รู้ว่ามันเป็นของหมอก ไอ้หมอกมันซื้อเสื้อตัวนี้ที่ญี่ปุ่นตั้งหลายปีแล้ว ความจริงเสื้อตัวนี้มันสีขาวแต่ไอ้หมอกมันเผลอเอาเสื้อตัวนี้ไปซักปนกับกางเกงยีนส์สีเลยตกใส่จนกลายเป็นสีฟ้าแบบนี้”

“...”


พูดไม่ออกเลย...


“เถียงไม่ออกเลยล่ะสิ บอกได้รึยังว่าทำไมถึงได้ใส่เสื้อไอ้หมอกได้ กางเกงเลที่ใส่มันก็ของคณะแพทย์ นี่ไม่ชอบกางเกงเลเลยเอาให้ไอ้หมอกมันเอาไปใส่นอน ถ้าไม่เชื่อก็ดูที่แถบสกรีนด้านข้างสิ”

ผมลืมสังเกตไปเลยว่ามันเป็นกางเกงเลของอะไร เห็นคำว่า MEDICINE ตัวใหญ่ๆแล้วก็อยากเอาหัวจุ่มลงในซิงค์ล้างจานให้มันรู้แล้วรู้รอด ควันหัวเราะร่วน ส่วนผมนั้นทำหน้าไม่ถูกแล้ว หมอกมาช่วยผมด้วยยยยยย

“ฮ่าฮ่า ทำหน้าอย่างนี้แล้วตลกว่ะ”

“อย่าแกล้งเราดิ” ผมตีแขนควันที่หมายจะเอื้อมมาแกล้งผม เห็นควันหัวเราะจนตาหยีแล้วผมก็ยิ่งเขิน เลยเลือกที่จะล้างจานอย่างเดียว ไม่คุยด้วยแล้ว!

“อ้าว งอนเหรอ”

“...” ผมไม่ตอบ แล้วล้างจานโดยไม่หันหน้าไปมองคนที่ยังยืนอยู่ข้างๆ ไม่รู้แหละ แกล้งผมอย่างนี้ผมก็จะแกล้งงอนคืนบ้าง

“อย่างอนเลย นี่ไม่ใช่ไอ้หมอกนะจะง้อยังไงเนี่ย”

“ยิ่งพูดยิ่งงอนบอกเลย” ผมพึมพำแล้วก็หยิบกระทะมาล้าง แกล้งไม่สนใจควันที่ยืนอยู่ด้านข้างต่อไป

“ไม่พูดแล้วก็ได้...แต่ขอถามอะไรหน่อยได้ป่ะ”

“ถามอะไร” ผมมองควันอย่างไม่ไว้ใจ เห็นสายตาอยากรู้ของเจ้าตัวแล้วผมก็แอบเสียวสันหลังขึ้นมาแปลกๆ

“สรุปว่ากับหมอกเป็นไรกันอ่ะ เป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย”

คำถามของควันทำเอาผมไปต่อไม่ถูก ผมอึกอักและหันหน้าหนีควันที่กำลังลุ้นรอคำตอบ เป็นจังหวะเดียวกับที่หมอกออกมาจากห้องนอนพอดี ผมเลยรีบเดินไปหยิบกระเป๋าของผมแล้วสับขาเร็วๆไปหาหมอก

“กลับแล้วนะหมอก” ผมยิ้มให้ และรีบผละออกมา แต่ข้อมือของผมก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวไปส่ง”

“อะ...อืม งั้นก็รีบไปกันเถอะ” ผมพยักหน้าตกลงและรีบดึงมือหมอกให้เดินตามออกมา

“เอ้า! ไม่ตอบคำถามก่อนเหรอ” ควันที่ยังยืนอยู่ที่เค้าน์เตอร์ครัวตะโกนเรียกผมไว้ ผมไม่ตอบควันแล้วพยายามจะลากหมอกออกจากห้องให้ได้ แต่หมอกกลับเบรกเท้าไว้เสียก่อน

“คำถามอะไร”

“กูถามบลูว่ามึงกับบลูเป็นแฟนกันแล้วรึเปล่า แต่บลูไม่ยอมตอบกู”

ผมมองควันที่ฟ้องหมอกและยังคงทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นในเรื่องของผมต่อไม่หยุด ใบหน้าที่ถอดแบบเดียวกันมากับหมอกส่งยิ้มให้ผม มันเป็นยิ้มที่ดูน่าหมั่นไส้มากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ผมยังคงเงียบและดึงมือหมอกยิกๆ ไม่ต้องไปตอบอะไร ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กลับเถอะ ผมไม่อยากอยู่แล้ววว

“บลูไม่ยอมตอบมึงเหรอ”

“เออ...มึงจะตอบแทนมั้ยล่ะ”


ไม่เอา ไม่ต้องตอบนะหมอกกกกกกกกก


“ตอบให้ก็ได้...ฟังดีๆล่ะ”

“...”

“ตอนนี้ยังไม่เป็น แต่ในอนาคตมึงก็รอดูเองแล้วกัน”






หลังจากได้ยินประโยคนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนว่าหูดับไปแล้ว จากที่เร่งให้หมอกรีบออกจากห้อง กลายเป็นว่าตอนนี้หมอกต้องลากผมออกมาแทน ไม่ได้สนใจเลยว่าควันจะแซวผมกับหมอกมากแค่ไหน รู้ตัวอีกทีผมก็มาถึงหน้าคอนโดของผมเสียแล้ว

“เออ...ขอบคุณที่มาส่งนะ” ผมยิ้มให้หมอกแล้วเตรียมจะลงจากรถเหมือนทุกครั้ง แต่หมอกก็จับมือผมไว้เสียก่อน

“หิวน้ำ ขอขึ้นไปกินที่ห้องได้รึเปล่า”

“น้ำในรถก็มีนี่นา” ผมชี้ไปที่ขวดน้ำที่วางอยู่เบาะหลัง แต่หมอกก็ยังไม่ยอมปล่อยมือผม

“อยากกินน้ำเย็นๆ อากาศข้างนอกมันร้อนจะตาย อยากกินอะไรที่มันสดชื่นไม่ได้เหรอ”

“แต่...”

“อยากเข้าห้องน้ำด้วย”

เหตุผลล้านแปดขนาดนี้ ถ้าผมไม่ยอมให้ขึ้นห้องก็คงจะใจร้ายเกินไปใช่มั้ยครับ ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆแล้วค่อยๆดึงมือออกจากการเกาะกุม

“ถ้าอยากขึ้นห้องเราก็บอกตรงๆก็ได้ ไม่ต้องอ้างนู้นอ้างนี้หรอก”

“ครับ อยากขึ้นห้องบลูใจจะขาดแล้ว”


บางที...ไม่ต้องตรงขนาดนี้ก็ได้มั้ง สงสารหัวใจผมบ้าง...


พอขึ้นมาถึงห้องแล้ว ผมก็ชำเลืองมองว่าหมอกจะทำอะไร เห็นว่าเจ้าตัวเดินไปเดินมาทั่วห้อง สุดท้ายก็นั่งจุมปุ๊กลงที่โซฟาเงียบๆ ผมเลยเอาน้ำเย็นๆมาเสิร์ฟให้แขกคนสำคัญแล้วนั่งลงที่พื้นที่ว่างที่เหลืออยู่

“น้ำ...เห็นว่าหิว”

“ขอบคุณที่อุตส่าห์เชื่อคำโกหกของเรา” หมอกพูดขำๆและยกแก้วน้ำขึ้นจิบ สายตามองไปรอบๆห้องของผมราวกับกำลังประเมินทางสายตาอยู่

“หมอก...”

“หืม?”

“ที่พูดกับควันที่ห้องนั้นพูดจริงๆเหรอ”

ผมถามสิ่งที่คาในใจอยู่ด้วยเสียงแผ่วเบา ถึงจะแอบดีใจที่หมอกพูดแบบนั้น แต่ผมก็อยากได้ความชัดเจนที่มากกว่านี้อีกสักหน่อย

“ทำไมถึงถามอย่างนั้น คิดว่าเราพูดเล่นๆอย่างนั้นเหรอ”

“...” ผมไม่ได้ตอบหมอกออกไป มีเพียงความเงียบที่โรยตัวอยู่รอบๆตัวเราเท่านั้น ผมมองฝ่ามือตัวเองที่ถูกหมอกดึงไปกุมเอาไว้ ก่อนที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าจะเริ่มพูด

“ที่พูดกับควันน่ะหมายความอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด...ที่ผ่านมายอมรับว่ามันคลุมเครือ มันอาจทำให้บลูไม่มั่นใจว่าระหว่างเรามันคืออะไร แต่หลังจากนี้ไปเราสัญญาว่าจะทำให้บลูเชื่อใจเราให้ได้”

“...”

ผมยังคงเงียบ ที่เงียบเพราะพูดไม่ออก ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้


“เราชอบบลูจริงๆนะ”


วันที่หมอกบอกว่าชอบผม...






.
..







“ไหน เล่าให้กระผมฟังสิครับว่าเรื่องมันเป็นไงมาไง”

หลังจากที่หมอกกลับไปแล้ว คนที่มานั่งอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ก็คือเพื่อนรักของผมคนดีคนเดิม ว่านนั่งกอดหมอนข้างอยู่ตรงหน้า ทำหน้าอยากรู้ขั้นสุด

“ก็ไม่มีอะไร” ผมเกาแก้มแก้เขิน รู้สึกทำตัวไม่ถูกยังไงก็ไม่รู้

“อย่าคิดจะตอแหลกับเพื่อนที่อยู่กับมึงมาเกือบสิบปีไอ้บลู”

“ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ กู...”

“กูเห็นว่ามึงพึ่งมาถึงห้องเมื่อชั่วโมงก่อน กูรู้ด้วยว่าเมื่อคืนมึงไม่ได้อยู่ห้อง” ว่านมันทำหน้าเหนือใส่ผม ผมที่กำลังหาทางเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็โดนต้อนจนมุม

“มึงตามติดชีวิตกูขนาดนี้เลยเหรอ”

“ใช่ กูแปลกใจตั้งแต่เมื่อคืนที่มึงไปอยู่ห้องหมอกล่ะ กูเลยลองกลับมาหามึงอีกรอบตอนเที่ยงคืนก็ไม่เห็นใคร”

ว่านพูดขนาดนี้แล้ว ผมจะแก้ตัวอะไรได้อีก ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้มันฟัง

“เออๆ...เล่าก็ได้...หมอกงอนกูเรื่องที่กู...”

สุดท้ายผมก็ต้องยอมเล่าความจริงให้ว่านฟัง ไอ้เพื่อนตัวดีตั้งอกตั้งใจฟังจนผมเล่าจบ ผมมองคนตรงหน้าที่กำลังคิดวิเคราะห์ในสิ่งที่ผมพึ่งพูดจบแล้วก็โพล่งออกมา

“สรุปว่าตอนนี้หมอกชอบมึง ไม่ได้อยากจะเป็นเพื่อนอย่างที่มึงเข้าใจตั้งแต่แรก”

“อืม” ผมพยักหน้างึกงัก

“แล้วมึงล่ะ...ชอบเขารึเปล่า”

คำถามของว่านทำผมชะงัก ความลับที่ผมเก็บเอาไว้คนเดียวตลอดมาโดยที่ไม่มีใครรู้ แม้แต่คนที่สนิทกับผมที่สุดอย่างว่านยังไม่เคยรู้เลยว่าผมแอบชอบหมอกมานานแค่ไหนแล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว มีเหตุผลอะไรอีกที่ผมต้องปิดบังความจริงข้อนี้ไว้ ในเมื่อคนที่ผมแอบชอบมานานเขาก็คิดเช่นเดียวกันกับผม

ผมสบตาว่าน...มองแววตาของเพื่อนสนิทด้วยความจริงจัง อยากให้ว่านสัมผัสได้ว่าคำพูดของผมนั้นมันซื่อสัตย์ต่อหัวใจของผมมากแค่ไหน

“กูเหรอ...”

“...”

“ตอนนี้คงเกินคำว่าชอบไปไกลมากแล้วล่ะ”




tbc.


ตอนนี้เราขอทอล์คยาวๆหน่อยนะคะ เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาเราตื่นเต้นมากจริงๆ
หลังจากที่แต่งนิยายเรื่องนี้มาได้สักพัก คอมเมนต์และยอดวิว จำนวนคนเฟบก็ค่อยๆกระเตื้องขึ้นทีละนิด
จนอาทิตย์ที่ผ่านมายอดวิว ยอดเฟบมันขึ้นเร็วมากจนเราตกใจ จนตอนนี้จำนวนแฟนคลับเกินพันคนแล้วT__T
ดีใจมากจริงๆค่ะ ที่นิยายของเราเริ่มมีคนรู้จักแล้ว ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกยอดวิวเลยนะคะ เรามีกำลังใจมากๆ

แล้วในส่วนของช่วงแรกๆที่มีคำสรรพนามเช่นฉันหรือนาย ตอนนี้เราแก้ไขหมดทุกตอนแล้วนะคะ
น้อมรับทุกคำติชม และจะปรับปรุงแก้ไขทุกอย่างให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

มีคอมเมนต์หนึ่งบอกว่าพล็อตเรื่องมันง่ายไป ไม่มีอะไรแปลกใหม่ อันนี้เราก็ยอมรับค่ะ
ซึ่งจุดประสงค์หลักจริงๆของเราในการแต่งนิยายเรื่องนี้ก็คือแนว feel good อ่านง่าย ย่อยง่ายนี่แหละค่ะ
เราอยากให้ทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่านได้ยิ้ม ได้เขินกับหมอกและบลู ได้มีความสุขทุกครั้งที่อ่านนิยายเรื่องนี้
ถ้าคนที่อ่านนิยายเรื่องนี้ยิ้มกว้างเวลาได้อ่านเรื่องราวที่เราสร้างขึ้นมา เราก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้วแหละค่ะ

ต่อไปนี้จะเป็นเวลาขายของ55555 เรื่องนี้เรากะไว้คร่าวๆว่าคงจะมีประมาณ20กว่าตอน นี่ก็มาถึงตอนที่10แล้ว
เราเลยอยากจะมาสอบถามทุกคนว่าอยากได้รูปเล่มหมอกบลูไปกอดกันมั้ยเอ่ย?
เพราะถ้ารวมเล่ม เราก็คงจะพิมพ์เอง จึงมาถามกันตั้งแต่เนิ่นๆ
เพื่อที่จะวางแผนการพิมพ์ หาคนวาดปก อาร์ตเวิร์คต่างๆ จัดรูปเล่มอีก
ซึ่งเวลาในการวาดปกค่อนข้างนาน เป็นเดือนๆเลย  เลยจะสอบถามกันตั้งแต่ตอนนี้เลย และทุกๆคนจะได้เตรียมเงินกันไว้ด้วย
เราคาดว่านิยายเรื่องนี้คงจะมีราวๆประมาณ 350-450 หน้า ตอนพิเศษยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูก่อนว่าเนื้อเรื่องหลักจะจบที่กี่หน้า
ตอนพิเศษคงจะบวกเพิ่มอีกประมาณ 50-100 หน้าค่ะ ราคาหนังสือจะราวๆ 400-500 บาท ไม่เกินนี้ค่ะ
และเวลาการเปิดพรีจริงๆก็น่าจะช่วงเมษายน ประมาณช่วงสงกรานต์เลยล่ะค่ะ
เลยมาสอบถามกันก่อนเน้อ เผื่อใครสนใจจะได้เตรียมเงินกันไว้
สำหรับคนที่สนใจและจะซื้อแน่นอน ในตอนที่เปิดพรี เราจะแถมสติกเกอร์ให้1ชื่อที่จองต่อ1แผ่นค่ะ
ซึ่งเราจะส่งอีเมล์ไปให้พร้อมกับรหัสของแต่ละคน เมื่อถึงการเปิดจองจริง
ทุกคนที่กรอกในรอบนี้ ตอนที่พรีแล้วก็กรอกรหัสจองที่เราจะส่งไปทางอีเมล์ก็จะได้สติกเกอร์กันทุกคนค่ะ
ส่วนเวลาในการสำรวจ เราจะเปิดสำรวจจนถึงวันที่ 31 มีนาคม ยาวๆไปเลย
ถ้าประเมินแล้วว่ามีจำนวนคนสนใจประมาณเท่าไร เราจะได้กะถูกว่าควรจะแบ่งงบในส่วนอาร์ตเวิร์คเท่าไรดี
อยากให้กรอกกันหน่อยนะคะ จะได้ประกอบการตัดสินใจของเรา
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่รักหมอกและบลูค่ะ
 
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfI5uF1yFlUCotfjtWgqZMZwSP7IqfxTjMkumbV0f0OnxU-oQ/viewform


ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ชอบก็จีบเลยชอบก็จีบเลยสิ ชูวับๆๆ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
รอดูคนเขาจีบกันดีกว่า

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เค้าไม่ซึนกันแล้ววว เย้ จีบกันๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ชอบก็ขอเป็นแฟนเลยจ้า เป็นแฟนกันแล้วก็จะได้ประกาศให้รู้กันทั่ว ๆ เลย  :m1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด