' ม่านหมอกสีฟ้า ' update : ตอนที่ 23 (จบแล้ว) -- หน้า 7 --27/04/2018--
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ' ม่านหมอกสีฟ้า ' update : ตอนที่ 23 (จบแล้ว) -- หน้า 7 --27/04/2018--  (อ่าน 118934 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


บทที่ 15
นายแบบจำเป็น




ในที่สุดฤดูกาลของมิดเทอมก็กำลังจะผ่านไปแล้ว วิชาสุดท้ายสำหรับการสอบคือวิชาแลปไบโอ ผมรีบทำข้อสอบด้วยความรวดเร็ว เพราะข้อสอบวิชาแลปถือว่าง่ายที่สุดในบรรดาวิชาต่างๆที่สอบผ่านมา และทุกๆคนก็คงคิดเหมือนกันกับผม นักศึกษาทุกคนจึงทยอยออกจากห้องสอบหลังจากที่เข้าไปทำข้อสอบไปเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น

“สอบเสร็จแล้วไปร้องคาราโอเกะกันมั้ยบลู”

ว่านที่ยืนรอผมอยู่หน้าห้องสอบรีบชวนทันทีเมื่อผมเปิดประตูออกมาจากห้อง ผมที่มีความคิดว่าอยากจะนอนพักให้หายเหนื่อยสักทีก็นิ่งคิดลังเลนิดนึง...หรือจะไปผ่อนคลายสักหน่อยก่อนดี

“ไปร้องคาราโอเกะตอนนี้เลยเหรอ” ผมถามว่านเพื่ออย่างสนใจ

“อืม...กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปร้องคาราโอเกะสักชั่วโมง คลายเครียดๆ”

“ไปเถอะนะทีเชอร์บลู” ผมมองโต๋ที่ยืนเป็นลูกคู่กับว่าน หลังจากสอบวิชาแคลคูลัสเสร็จ โต๋ก็แต่งตั้งตำแหน่งคุณครูส่วนตัวของมันให้ผมทันที

“บอกให้แฟนมึงรู้ด้วยล่ะ เดี๋ยวมาหาเรื่องกู กูสู้ตายจริงๆด้วย” แอลที่ยืนเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นทำเอาผมหลุดยิ้มขำ จากวันนั้นที่หอสมุด แอลก็ไม่ยอมไปไหนมาไหนกับผมสองต่อสองเลยครับ

“เออๆ ไปก็ไป แล้วก็ไม่ต้องกลัวด้วยว่าหมอกจะบุกไปถึงคาราโอเกะ”

ผมตอบรับคำชวนของทุกคน ว่านและโต๋ร้องเย้แล้วลากแขนผมคนละข้างไปที่รถของแอล ผมส่งข้อความไปบอกหมอกแล้วว่าจะไปคาราโอเกะกับเพื่อน หมอกจะสอบวิชาสุดท้ายเสร็จบ่ายนี้ครับ พวกผมร้องคาราโอเกะกันเสร็จ หมอกก็คงสอบเสร็จพอดี

ตลอดทั้งบ่ายผมใช้เวลาไปกับเพื่อนๆจนเพลิน จากตอนแรกที่ตกลงกันแค่ว่าจะร้องคาราโอเกะ ตอนนี้พวกเราก็เดินเล่นทั่วห้าง เลือกซื้อหนังสือการ์ตูนเพื่อเอาไปเก็บให้ครบเซ็ตที่ผมสะสมไว้ และปิดท้ายด้วยการดูหนังสักเรื่องก่อนแยกย้ายกัน

ดูหนังเสร็จเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงห้าโมงเย็น หลังจากออกจากโรงหนัง ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดโหมดเครื่องบินและก็พบว่าหมอกส่งข้อความเข้ามานับไม่ถ้วน ผมกดเข้าไปดูข้อความที่ส่งมาทั้งเฟสบุ๊คและไลน์แล้วก็ยิ้มออกมา จินตนาการถึงหน้าหมอกเวลาที่หงุดหงิดติดต่อผมไม่ได้มันจะเป็นยังไงกันนะ


Kavee Worakul : ร้องคาราโอเกะเสร็จ?

Kavee Worakul
: นี่สอบเสร็จแล้วนะ กลับถึงห้องยัง

Kavee Worakul : ตอบเร็วบลู ไม่ตอบจะไปพังห้องแล้วนะ


พอเปลี่ยนไปดูข้อความทางแอพลิเคชั่นไลน์ เนื้อหาที่ส่งมาก็ไม่ต่างจากแชททางเฟสบุ๊ค


Foggy : บลู ทำไมไม่ตอบ

Foggy : ตอนนี้อยู่ไหน

Foggy : อยู่ที่คณะก็เงียบ ไม่มีคนแล้ว ที่ห้องก็ไม่มี ตอนนี้อยู่ที่ไหน

Foggy : บลูครับ ตอบหน่อย

Foggy : ทำไมไม่อ่านไลน์เลย

Foggy : จะไม่ตอบจริงๆใช่มั้ย

BLUEBLUR : ตอบแล้วๆ พึ่งดูหนังเสร็จอ่ะ

ผมรีบตอบหมอกกลับไปก่อนที่หมอกจะอกแตกตายเสียก่อน พอตอบเสร็จก็ขึ้นคำว่า ‘อ่านแล้ว’ ทันที นี่นั่งเฝ้าโทรศัพท์หรือยังไงกันนะ

Foggy : ไหนบอกว่าแค่ไปร้องคาราโอเกะไง

BLUEBLUR : ก็มันติดลม เพื่อนพามาดูหนังต่อ เดี๋ยวกินบิงซูเสร็จก็จะกลับกันแล้ว

Foggy : กลับกับใคร

BLUEBLUR : แอล

พอผมตอบไปอย่างนั้นหมอกก็เงียบไปเลย ผมนึกว่าหมอกจะไม่ได้ว่าอะไร แต่เสียงโทรศัพท์ของผมที่แผดเสียงร้องกลางวงก็ทำให้ทุกๆคนสนใจได้ไม่ยาก เพื่อนๆที่กำลังนั่งกินบิงซูมองมาที่ผมเป็นจุดเดียว ผมเลยโบกมือบอกให้พวกมันไม่ต้องสนใจผม แล้วก็กดรับสายหมอก

“ว่าไง”

[อยู่ที่ไหน กินบิงซูใกล้เสร็จยัง]

หมอกเข้าประเด็นทันที ผมอมยิ้มเล็กน้อย แค่แกล้งบอกว่าจะกลับพร้อมแอล นี่ต้องโทรตามขนาดนี้เหรอ

“อยู่สยาม เดี๋ยวก็กลับแล้ว”

[ถ้ากลับกับไอ้ตี๋นั้นก็ไม่ต้องกลับ เดี๋ยวไปรับเอง รออยู่ที่นั้นแหละ]

“ไม่ได้กลับกันแค่สองคนสักหน่อย ว่านกับโต๋ก็อยู่ด้วย” ผมยอมบอกความจริง ไม่รู้ว่าคนอีกฝั่งสายกำลังหงุดหงิดขนาดไหนกัน แต่พอได้แกล้งหมอกอย่างนี้แล้วสนุกชะมัด

[แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก]

“ก็บอกไม่หมด หมอกก็โทรมาเลย”

[เดี๋ยวเถอะ กลับมาแล้วจะคิดบัญชี แค่นี้แหละ ไม่กวนแล้ว]

“ครับ”

ผมวางสายลง พวกเพื่อนๆที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็พร้อมจะสนใจในบทสนทนาของผมกับหมอกทันที ขนาดแอลที่นั่งอยู่เงียบๆยังถึงกับวางช้อนลงเตรียมพร้อมจะฟังเลย

“หมอกโทรมาเหรอมึง”

“อื้อ” ผมว่าแล้วก็ตักบิงซูเข้าปาก ยังเล่นตัวไม่ยอมเล่าให้ทั้งสามคนฟัง ว่านเลยถามจี้อีกรอบ

“แล้วว่ายังไง ทำไมมีชื่อกูกับไอ้โต๋เข้าไปเอี่ยวด้วย”

“กูว่ามีชื่อกูด้วย แต่มันไม่ได้พูดออกมาเฉยๆ” แอลเสริมทัพ

ผมมองเพื่อนทั้งสามคนแล้วก็ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แอลมันกระตุกคิ้วเล็กๆยามที่ผมแอบเอาชื่อมันไปอ้างด้วย เล่าให้ฟังจนจบ ว่านมันก็เบะปากมองผมด้วยสายตาที่เออ...น่าจะเรียกว่าหมั่นไส้ก็ได้มั้ง

“พอได้เค้าเป็นแฟนก็เล่นตัวใหญ่เลยนะมึง กูถามจริงๆนะ...”

ว่านหรี่เสียงลง และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ทุกคนเลยเผลอยื่นหน้าเข้ามาฟังประโยคที่ว่านกำลังจะพูดโดยอัตโนมัติ ว่านยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะถามคำถามที่ทำให้ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“พวกมึงได้กันยังวะ”

“จะบ้าเหรอมึง!”



.

..

...




ผมกลับมาถึงที่คอนโดก็พระอาทิตย์ตกดินแล้ว โบกมือลาว่าน โต๋ และแอลก่อนที่พวกนั้นจะขับออกไปจากคอนโดของผม พอเดินเข้าไปในคอนโดก็เห็นร่างสูงคุ้นตานั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ที่หน้าล็อบบี้ ผมค่อยๆยิองเดินเข้าไปแล้วสะกิดแผ่นหลังกว้างเบาๆ

“มานานแล้วเหรอ”

“ไม่หรอก พึ่งมา”

หมอกว่าแล้วเดินตามผมขึ้นมาที่ห้อง ผมเปิดประตูแล้ววางกระเป๋าลงบนโซฟา ก่อนจะเดินไปหาน้ำกินแก้กระหาย พอหันมากลับมาก็เห็นหมอกเปิดทีวี เปิดแอร์เรียบร้อย นี่สรุปว่าคอนโดนี้เป็นของผมหรือของหมอกกันแน่ครับ?

“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันมั้ย”

“หืม? เที่ยวที่ไหน วันนี้เราก็เที่ยวทั้งวันแล้วนะ” ผมท้วง ส่วนคนที่เสนอความคิดว่าจะไปเที่ยวนั้นก็หน้าบึ้งลงทันทีที่ผมไม่คล้อยตามไปกับคำชวนของเขา

“ไปเที่ยวกับเพื่อนได้ แล้วไปเที่ยวกับแฟนไม่ได้เหรอ” แล้วก็ทำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ ผมมองร่างเด็กโข่ง(?) นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาแล้วก็อยากจะให้คนที่ชอบหมอกมาเห็นภาพนี้จริงๆ แอบถ่ายแล้วเอาไปลงเพจ Foggy & Smoky ดีมั้ยนะ

“แล้วจะไปไหนล่ะ ถ้าไม่ไกลก็ไปด้วยก็ได้ ถือว่าผ่อนคลายหลังสอบเสร็จ”

“ไปไม่ไกลหรอก ขับรถไม่เกินสองชั่วโมงก็ถึง พรุ่งนี้แต่งตัวหล่อๆเลยนะ เตรียมชุดไว้ไปนอนคืนนึงด้วย”



หมอกกลับไปนานแล้ว ส่วนผมก็ยังเดินวนไปวนมาในห้องเหมือนหนูติดจั่น พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับหมอกเป็นครั้งแรก แถมยังค้างคืนด้วยหนึ่งคืน ผมหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนออกมาจากตู้ พอลองเอามาทาบดูในกระจกแล้วเหมือนเด็กกะโปโลเป็นบ้า ส่ายหัวให้ตัวเองแล้วก็หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาลองดู

“น่าจะดูดีอยู่หรอกมั้ง”

ผมพึมพำกับตัวเองแล้วคิดไปถึงหมอกที่เพียงใส่เสื้อผ้าเรียบๆอย่างเชิ้ตสีขาวก็ออกมาดูดีเหมือนหลุดออกมาจากรันเวย์แล้ว ตัดภาพมาที่ผมซึ่งพยายามหาเสื้อผ้าที่เหมาะกับตัวเองแล้วก็ปลงตก จะยังไงก็เถอะ แค่ได้ไปเที่ยวกับหมอกก็ดีแค่ไหนแล้ว จะไปห่วงเรื่องการแต่งตัวทำไม คิดได้ดังนั้นผมก็เก็บเสื้อผ้าเข้าตู้แล้วกระโดดขึ้นเตียงนอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ทันแล้วหมอกไม่พาไปแล้วก็จบเห่พอดีสิ

.
.

ผมแต่งตัวและเก็บของเสร็จก่อนเวลานัดเกือบชั่วโมง นั่งๆนอนๆอยู่บนเตียงจนเข็มสั้นชี้ที่เลขแปด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที ผมรีบสไลด์โทรศัพท์รับสายของหมอกที่มารอรับอยู่ด้านล่างคอนโดแล้ว รีบปิดห้องและหอบกระเป๋าเป้ที่มีชุดนอนและชุดสำหรับวันพรุ่งนี้อีกหนึ่งชุดลงมาถึงลานจอดรถที่มีรถเบนซ์คันหรูจอดรออยู่

และก็ไม่แปลกใจเลยที่วันนี้หมอกแต่งตัวได้ดีมากอีกเช่นเคย ร่างสูงอยู่ในเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวดูสบายตัว สวมแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่เข้ากับเส้นผมสีดำที่ปราศจากเจลเซ็ตผม แต่กระนั้นหมอกก็ยังดูดีมากๆแม้ว่าแทบจะไม่ได้แต่งอะไรเลย

“ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า จะได้เดินทางยาวๆเลย”

“แล้วสรุปเราจะไปไหนอ่ะหมอก” จนตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของเราคือที่ไหน

“บางแสน”

พอได้รู้ว่าที่ที่กำลังจะไปคือทะเลผมก็เบิกตากว้าง ไปเที่ยวทะเล! ผมไม่ได้ไปเที่ยวทะเลนานมากแล้ว ตั้งแต่ขึ้นม.4 มาทุกซัมเมอร์ก็ต้องเสียเวลาทั้งหมดไปกับการเรียนพิเศษเลยทำให้ผมไม่ได้ไปเที่ยวเลย แค่คิดถึงกลิ่นไอทะเล คิดถึงลมเย็นๆที่มีกลิ่นของเกลือก็ทำให้ผมตื่นเต้นแล้ว ยังไม่นับอาหารทะเลทั้งหลายแหล่ที่จะได้ไปกินถึงถิ่น แค่คิดก็น้ำลายสอจนอยากให้ถึงบางแสนเร็วๆแล้วครับ

ก่อนจะออกเดินทางหมอกก็พาผมแวะกินอาหารเช้าง่ายๆอย่างต้มเลือดหมูกับข้าวสวยร้อนๆก่อน จากนั้นพวกเราก็เริ่มเดินทางกัน อากาศในวันนี้ก็ไม่ร้อนจนเกินไป ผมมองสองข้างทางตลอดทาง ฟังเพลงในรถเพลินๆรู้ตัวอีกทีเราก็เข้าสู่เขตจังหวัดชลบุรีแล้ว

“เปิดดู GPS หน่อยเร็ว แล้วบอกทางด้วยนะ”

หมอกยื่นโทรศัพท์มาให้ผม พร้อมกับบอกพิกัดที่เราจะไปนั้นก็คือชายหาดบางแสนให้ผมหาในแผนที่ เมื่อเจอแล้วผมก็ค่อยๆบอกทางตามที่ GPS บอกเราอีกที หลงทางกันอยู่สองรอบ ต้องไปยูเทิร์นกันอีก แต่หมอกก็ไม่ได้บ่นอะไรผมเลย ท้ายที่สุดเราก็มาถึงหาดบางแสนในเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งพอดี ตอนนี้น้ำย่อยกำลังหลั่งเลยแหละครับ

“กินข้าวกันก่อนมั้ย แล้วค่อยไปเที่ยวต่อ”

“ได้ กำลังหิวพอดี” ผมว่าแล้วเดินนำหน้าหมอกไปที่เตียงผ้าใบที่ละลานตาอยู่ตรงหน้า แม่ค้ารีบมาต้อนรับเราสองคนและยื่นเมนูอาหารให้

“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”

“กินปู กุ้ง ไข่แมงดา ปลากะพง ต้มยำทะเล เอามาให้หมดเลย” ผมรัวเมนูจนหมอกพยักหน้าตามไม่ทัน ก่อนจะหันไปสั่งกับแม่ค้าที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ พอสั่งเสร็จแล้วเธอก็เดินจากไป

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถ่ายบรรยากาศตอนนี้ลงสตอรี่ไอจีสักหน่อย วิวตอนนี้สวยมากๆเลยครับ ได้ยินเสียงคลื่นที่กระทบฝั่งแล้วสดชื่นมากจริงๆ

“ถ่ายแต่วิว ไม่ถ่ายคนพามาด้วยเหรอ” เสียงทุ้มจากฝั่งตรงข้ามทำให้ผมต้องหันไปมอง เห็นหมอกหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วผมก็รีบวางโทรศัพท์ลงแล้วมองของในมือหมอกด้วยความสนใจ

“หมอกเล่นกล้องด้วยเหรอ”

ผมมองกล้องมิลเลอร์เลสในมือของหมอก แอบแปลกใจที่ผมไม่รู้ว่าหมอกเล่นกล้องมาก่อน คนตรงหน้าไม่ตอบ แล้วกดชัตเตอร์ถ่ายภาพผมไปทีหนึ่ง ผมหน้าบึ้งแล้วเอื้อมมือจะไปแย่งกล้องมาจากมือหมอกแต่หมอกก็หลบอย่างรวดเร็ว ถ่ายอะไรทำไมไม่บอกกันก่อน หน้าผมต้องตลกมากแน่ๆเลย หื้ยยยย

“ลบเลยนะ มันต้องตลกแน่ๆอ่ะ”

“ไม่ตลกหรอก พึ่งซื้อกล้องมา กำลังหัดถ่ายอยู่ เดี๋ยววันนี้เป็นนายแบบให้หน่อยนะ” นั้นไง มัดมือชกผมอีกแล้ว ทริปคราวนี้เลยได้กลายเป็นนายแบบให้ตากล้องฝึกหัดแบบงงๆ หมอกไม่ยอมหยุดถ่ายรูปผมเลยจนผมเหนื่อยจะปั้นยิ้มใส่กล้อง เลยนอนแผ่บนเตียงผ้าใบแล้วเอาเสื้อคลุมมาปิดหน้าซะเลย

แชะ!

“รูปนี้สวย เดี๋ยวอัพรูปแรกในไอจีดีกว่า”

ผมขมวดคิ้วภายใต้เสื้อคลุมแล้วรีบเด้งตัวขึ้นมองหมอกที่ยังหัวเราะขำกับภาพในกล้องอยู่ ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันสวย ไวเท่าความคิดผมก็กระโดดจากที่นั่งตัวเองไปนั่งข้างร่างสูงเพื่อจะผลงานของหมอกสักหน่อย

“สวยตรงไหนเนี่ย ลบเลย ไม่เอาๆๆ” ผมว่าแล้วจะกดลบภาพ แต่หมอกก็ยื่นกล้องหนีผมอีกแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิ ในกล้องนั้นต้องมีแต่รูปตลกของผมแน่ๆเลย

“สวยสุดๆแล้ว ไม่ให้ลบ”

“หมอกกกกกกกกกกกกกกกก”

ผมลากเสียงยาว ทำตาอ้อนก็แล้ว ทำน้ำเสียงอ้อนก็แล้ว หมอกก็ไม่ยอมลบรูปผมสักที เป็นจังหวะเดียวกับที่อาหารที่เราสั่งมาเสิร์ฟพอดีหมอกเลยเก็บกล้อง ส่วนผมที่ทำหน้าบึ้งจะกลับไปที่นั่งตัวเองก็ถูกหมอกดึงแขนเอาไว้

“นั่งตรงนี้แหละ ไปนั่งฝั่งนั้นมันอยู่ไกล”

หมอกยังไม่ยอมปล่อยมือผม ฝ่ามืออุ่นๆนั้นกุมมือผมไว้หลวมๆจนกระทั่งอาหารทั้งหมดมาเสิร์ฟจนหมดแล้ว ผมก็เลิกสนใจสัมผัสที่ยังหยอกล้ออยู่ที่มือไม่หยุดแล้วหยิบปูกล้ามโตมามองให้เต็มๆตา ไม่ได้กินปูเนื้อแน่นๆ สดๆจากทะเลแบบนี้มานานแล้ว ผมสูดน้ำลายแล้วแกะกล้ามปูกินทันที พอเนื้อปูเข้าปากเท่านั้นแหละครับ น้ำตาจะไหลกับความหวานของเนื้อปู

แอบเห็นหมอกมองผมแล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วครับ ความหิวมันบังตาแล้วก็เลิกเขินหมอกไปนานแล้วด้วย ผมตักข้าวผัดปูเข้าปาก ตามด้วยน้ำต้มยำทะเลร้อนๆ

“เดี๋ยวแกะกุ้งให้ เอามั้ย”

หมอกถามผม แต่มือใหญ่นั้นก็เริ่มแกะกุ้งแล้ว ผมพยักหน้าให้แทนคำตอบเพราะในปากเต็มไปด้วยอาหาร แล้วหมอกก็วางกุ้งที่แกะเรียบร้อยให้บนจานของผม ผมจึงแกะปูและตักเนื้อปลากะพงให้หมอกเป็นการตอบแทน

เรานั่งกินข้าวตรงหน้าจนอาหารที่วางเต็มโต๊ะหายลงท้องไปจนหมด พออิ่มแล้วก็นอนแผ่บนเตียงผ้าใบด้วยกันทั้งคู่ พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน ยิ่งลมทะเลเย็นๆตีหน้าอย่างนี้ผมยิ่งเคลิ้มเอาได้ง่ายๆ

แชะ!

“หมอก! ถ่ายอีกแล้ว เหนียงออกมั้ยเนี่ย”

ผมหันไปดุคนที่แอบหยิบกล้องมาถ่ายรูปผมจนได้ หมอกยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าให้ผม ก่อนจะยื่นผลงานของหมอกมาให้ผมดู ภาพของผมที่หลับตาลงเพราะเริ่มง่วงนอนแล้ว ฉากด้านหลังเป็นทะเลและท้องฟ้าที่ตัดกับเสื้อสีเหลืองมัสตาร์ดที่ผมกำลังใส่อยู่ แก้มของผมที่ปกติมันจะขาวจนซีดแต่ในภาพนั้นมันระเรื่อสีแดงดูคล้ายคนสุขภาพดี คงจะเพราะอากาศที่นี่นั้นแหละเลยทำให้ผมแก้มแดงอย่างนี้...ไม่ใช่เพราะคนข้างๆเลยจริงๆ

“น่ารักจะตาย”

แต่ตอนนี้ผมเริ่มลังเลแล้วว่าที่ผมกำลังหน้าแดงอยู่เพราะอากาศมันร้อน หรือเพราะคนด้านข้างกันแน่...


.

..




หลังจากนอนอยู่ริมทะเลจนเย็น จากตอนแรกที่คุยกันไว้ว่าจะไปเที่ยวต่อ พวกเราก็เหนื่อยเกินกว่าจะไปเที่ยวไหนแล้ว สุดท้ายหมอกก็พาผมไปที่โรงแรมซึ่งจองผ่านเน็ตเอาไว้ ผมไม่แปลกใจเท่าไรว่าหมอกจะเปิดแค่ห้องเดียว คิดปลอบใจตัวเองว่าหมอกคงจะเลือกเตียงคู่แต่ผมก็ต้องผิดหวังเมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นเตียงเดี่ยวคิงไซส์ตั้งอยู่กลางห้อง

“ไม่ได้จองเตียงคู่ไว้เหรอ”

“จะจองทำไม เตียงแบบนี้แหละนอนสบายจะตาย” พูดไม่พอยังกระโดดขึ้นไปนอนโชว์ผมอีก

“มานอนด้วยกันสิ”

“ไม่เอา นอนที่ชายหาดยังไม่พออีกเหรอ”

“มันไม่เหมือนกันนี่ อันนั้นเตียงผ้าใบ ส่วนอันนี้เตียงสปริงเด้งดึ๋งสุดๆ ขย่มกี่รอบยังไงก็ไม่พัง” แล้วทำไมต้องเน้นคำว่าขย่มด้วย ผมมองคนตัวสูงอย่างไม่ไว้ใจ พูดสองแง่สองง่ามแล้วมาทำตาวิบวับใส่ผมอีก มันน่ากระทืบคาไอ้เตียงเด้งดึ๋งนี่จริงๆ

“หยุดคิดเรื่องลามกเดี๋ยวนี้เลยไอ้บ้ากาม!”

ผมปาหมอนใส่คนเจ้าเล่ห์ที่เตรียมจะรวบผมเข้าไปในอ้อมกอด ตั้งแต่เปลี่ยนสถานะมาได้เกือบเดือนก็หวังจะแอ้มผมตลอดเวลา นี่พามาถึงบางแสนยังคิดเรื่องใต้สะดือตลอดเวลาที่อยู่ในห้องสองต่อสอง คิดว่าผมจะยอมง่ายๆงั้นเหรอ รู้จักบลูน้อยไปซะแล้ว ไม่มีทางหรอกโว้ยยยยยยยยยย

“โอ๊ยยยยย เจ็บๆๆๆ”

หมอกร้องโอดโอยที่โดนผมใช้หมอนตีไม่หยุด แต่ร่างสูงก็ไม่ละความพยายามที่จะดึงผมให้นอนลงที่เตียงให้ได้ พอโดนตีอีกทีก็รีบชักมือกลับไปนั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนเดิม ผมเลยยอมหยุดแล้วก็นั่งลงที่เตียงด้วยความเหนื่อย

“ไม่แกล้งแล้ว...มาดูรูปกันดีกว่า ถ้าไม่สวยก็ลบเลย”

หมอกหยิบกล้องที่วางอยู่หัวเตียงและล้มตัวนอนข้างผม พอภาพแรกที่เปิดขึ้นมาก็เป็นภาพน่าเกลียดๆของผม ไหนบอกว่ามีแต่รูปสวยๆไง นี่มีแต่รูปผมตอนที่น่าเกลียดๆทั้งนั้น

“ลบตอนนี้เลยนะ”

“คร๊าบบบบ” พูดแล้วก็กดปุ่มลบให้ผมเห็น พอเปิดไปอีกกี่รูปๆก็เจอแต่รูปทุเรศๆ เปิดดูไปก็ขำออกมาลั่นห้อง สนุกมากเลยสินะที่แกล้งผมขนาดนี้เนี่ย

“รูปนี้สวยๆ ไม่ลบนะ” มันเป็นรูปที่หมอกถ่ายตอนผมกำลังจะคล้อยหลับนั้นแหละ ผมพยักหน้าอนุญาตหมอกแล้วหมอกก็เลื่อนรูปต่อไปเรื่อยๆ มีทั้งรูปที่ใช้ได้ แต่ตลกปะปนกันไป แต่ทุกรูปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นรูปผมทั้งหมด

“เรายังไม่มีรูปคู่ด้วยกันเลยนะ”

“แล้ว?”

“ถ่ายกันๆ”

หมอกพูดด้วยเสียงตื่นเต้น แล้วสลับกล้องด้านหน้ามา หัวทุยๆของหมอกซบลงที่ไหล่ผม ผมไม่ได้ว่าอะไรและก็ฉีกยิ้มให้กล้องด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดแล้ว พอได้ยินเสียงแชะแล้วหมอกก็เปิดรูปที่เราพึ่งถ่ายให้ผมได้ดูด้วย

“เอาลงไอจีดีกว่า ภาพคู่แรกของเรา” หมอกบอกแล้วส่งรูปเข้าโทรศัพท์ ผมมองหมอกที่เอารูปไปแต่งด้วยแอพลิเคชั่นแต่งภาพต่ออีกนิดหน่อย แล้วเจ้าตัวก็เปิดอินสตราแกรมขึ้นมา

“พึ่งสมัครงั้นเหรอ” ผมถามเพราะเห็นว่าไอจีของหมอกยังไม่มีแม้แต่รูปเดียว ยอดคนฟอลก็มีไม่ถึงสิบ

“อืม พึ่งสมัครตอนที่นั่งอยู่ริมชายหาดนั้นแหละ...ขอไอจีหน่อยดิ” ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมพิมพ์ชื่อแอคเค้าท์ของผม พอผมพิมพ์ให้แล้วก็กดฟอลทันที ก่อนจะกลับเข้าไปอัพรูปที่พึ่งแต่งเสร็จเมื่อกี้

F_ogggy : รูปแรกกับแฟนคนแรก

ครับ...

แคปชั่นต้องตรงขนาดนั้นมั้ย ไม่เคยสงสารหัวใจผมเลยสินะหมอก



tbc.

เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเรื่องนี้คาดว่าจะมีประมาณ 22 ตอน
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
เป็นกำลังใจให้หมอกเขากันต่อไปนะคะ55555


ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
หมอกเด็กน้อยย น่ารักกกก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หมอกโคตรมุ้งมิ้งง น่ารักก

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
น่ารักจริงๆเชียว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
หมอกไม่เห่อแฟนเท่าไหร่  :pigha2:

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0



บทที่ 16
เซอร์ไพร์สในเซอร์ไพร์ส



หลังจากกลับมาจากทริปเร่งด่วนที่บางแสน ผมและหมอกก็ยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ตื่นเช้า ไปเรียน กินข้าวเที่ยง เรียนเสร็จช่วงบ่ายตอนเย็นก็ออกไปเที่ยวบ้างประปราย ไม่มีอะไรหวือหวา ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น

แต่ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันกลับอบอุ่นใจเสมอ

ยกเว้นอาทิตย์นี้ที่ผมกลับไม่อุ่นใจอย่างที่เคยเป็น...หลังจากที่หมอกส่งผมที่หน้าคอนโดเหมือนทุกวันแล้ว ผมก็จะรีบวิ่งกลับห้องไปเพื่อทำอะไรบางอย่าง...แล้วก็เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องคนเดียวอย่างใช้ความคิดมาราวๆห้าวันแล้ว

“ทำ...ไม่ทำ...”

เดินวนไปวนมาในห้องแล้วก็พึมพำกับตัวเองอยู่อย่างนั้น จนท้ายที่สุดผมก็มองตัวเองในกระจกแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เอาวะ!

“ทำก็ทำโว้ย!!”

พูดให้กำลังใจตัวเองแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง ทั้งห้องมืดสนิทแต่ผมยังคงลืมตาโพลงในความมืด คิดวางแผนไปต่างๆนานา จนผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อย

.

..

...


วันนี้ผมมีเรียนแค่ถึงตอนเที่ยงเท่านั้น ส่วนหมอกมีเรียนถึงเย็นเลย ซึ่งทำให้ทางของผมสะดวกมากขึ้น ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในคณะแพทยศาสตร์หลังจากลังเลอยู่นานว่าควรจะเข้าไปดีมั้ย มือก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะทักหาใครบางคน

Punnawit thanawatchai : เรามาถึงที่คณะแล้วนะ

พอทักปุ๊บ ฝ่ายนั้นก็อ่านข้อความของผมทันที ก่อนจุด 3 จุดจะเด้งขึ้นมาให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์ตอบ

I-tim wattanawutsakul : อยู่ที่ป้ายหน้าคณะเลยเหรอ เดี๋ยวลงไปรับ

Punnawit thanawatchai : ใช่ๆ อยู่ข้างหน้าเลย


อีกฝ่ายไม่ได้ตอบผม ยืนรออยู่หน้าคณะแพทยศาสตร์ได้ไม่ถึงห้านาที ร่างของเดือนคณะแพทยศาสตร์ที่ตัวเล็กกว่าผมประมาณ 2-3 ซม.ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า

“มานานรึยัง” ไอติมถามผมก่อนจะเดินนำผมเข้าไปในคณะ

“ไม่นานหรอก พึ่งมาถึงน่ะ”

“แดดแรงเนอะ ดูสิหน้าแดงหมดแล้ว”

ไอติมว่า ผมไม่รู้เลยว่าผมหน้าแดงขนาดไหน เพราะอากาศข้างนอกมันร้อนเอามากๆ ผมที่เดินจากคณะวิทยาศาสตร์มาที่คณะของไอติมถึงกับเหงื่อโชกไปทั้งร่าง พอเดินเข้ามาในตึกของคณะแพทยศาสตร์ที่เปิดแอร์เย็นช่ำเลยรู้สึกสบายตัวขึ้นมาบ้าง

เราเดินมาถึงที่ห้องสมุดคณะแพทย์ฯ ไอติมสแกนบัตรนักศึกษาเข้าไป แล้วผมก็เดินตามไปเงียบๆเพราะในนี้มีนักศึกษาแพทย์หลายคนกำลังอ่านหนังสือกันอย่างตั้งใจ ไม่อยากรบกวนสมาธิว่าที่คุณหมอทั้งหลายน่ะครับ จนเมื่อมาถึงโต๊ะมุมที่ติดหน้าต่างที่ไม่ค่อยมีใครนั่งอยู่แถวนั้น มีเพียงผู้ชายที่หน้าตาคล้ายกับหมอกยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองผม ก็คลี่ยิ้มเล็กๆให้

“ว่าไงบลู ไม่ได้เจอกันนานเลย ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่กัน” ควันถาม แล้วมองหน้าผมสลับกับไอติมที่ยังยืนอยู่ข้างๆ ไอติมเลยเดินไปนั่งที่ตัวเองซึ่งอยู่ตรงข้ามควัน แล้วกวักมือให้ผมนั่งด้านข้าง

“บลูบอกว่าวันศุกร์นี้เป็นวันเกิดหมอก”

“วันศุกร์นี้เหรอ...อ้อ! ใช่ๆ เกือบลืมไปเลยว่าจะถึงวันเกิดแล้วนี่หว่า” ควันเกาหัวแล้วยิ้มแห้งๆเหมือนคนมีความผิด ผมแอบเห็นไอติมที่มองคนตรงข้ามแล้วส่ายหน้าอย่างระอา

“เหอะ วันเกิดตัวเองยังลืม คุยกันเองแล้วกันว่าจะทำอะไร” ไอติมว่าอย่างนั้นแล้วก็เปิดหนังสือที่คั่นเอาไว้ขึ้นมาอ่านต่อ ผมที่เกรงใจว่าจะคุยกับควันแล้วรบกวนไอติมที่อ่านหนังสืออยู่ แต่ควันก็โบกมือทำนองว่าไม่เป็นไร

“คุยในนี้แหละ ไอติมมันไม่รำคาญหรอก ว่ามาสิ จะทำอะไรงั้นเหรอ”

“คือเราอยาก...” ผมอธิบายสิ่งที่ผมคิดเอาไว้มาหลายคืนแล้ว ควันพยักหน้ารับฟังเป็นระยะๆ ไอติมที่อ่านหนังสือก็เลิกอ่านแล้วเท้าคางนั่งฟังผมพูดตาใส เมื่อผมอธิบายสิ่งที่ผมคิดจบแล้ว ควันก็ยิ้มออกมา

“ดีเลย ทำเลยนะไม่ต้องห่วง วันศุกร์คงไม่กลับห้องหรอก เพราะว่าสอบเสร็จคงจะไปฉลองกันต่ออยู่ดี เดี๋ยวเอาคีย์การ์ดเราไปใช้ก็ได้นะ”

“ขอบคุณมากนะควัน” ผมยิ้มกว้างอย่างโล่งใจเมื่อควันเห็นดีเห็นงามกับความคิดผม

“จริงๆทั้งเราแล้วก็ไอ้หมอกน่ะไม่ได้ใส่ใจกับวันเกิดตัวเองมานานแล้ว ถ้ามันรู้ว่าบลูทำอะไรให้ มันต้องดีใจมากแน่ๆ”



.

..





เช้าวันศุกร์มาถึง ผมยืนรอหมอกมารับที่คอนโดเพื่อไปเรียนตอนเช้าด้วยกันเหมือนทุกวัน ปกติแล้วทุกวันศุกร์ผมและหมอกจะเลิกเรียนเวลาเดียวกัน และหมอกจะมารับผมไปนอนเล่นที่ห้องของหมอกจนค่ำถึงมาส่งที่คอนโด ไม่ก็พาผมไปเดินเล่นในห้างแก้เบื่อบ้าง แต่วันนี้หมอกกลับทำหน้าเซ็งเล็กๆยามที่ผมกำลังจะออกจากรถเมื่อถึงที่คณะ

“วันนี้คงไม่ได้มารับนะ” หมอกบอก ผมเลยแสร้งทำเป็นตกใจก่อนจะหันไปหาอีกคนด้วยแววตาสงสัย

“ทำไมล่ะ มีเรียนชดเชยเหรอ”

“เปล่า วันนี้ต้องกลับบ้านน่ะ ไม่รู้ไอ้ควันมันผีเข้าหรืออะไรถึงได้บังคับให้กลับบ้านขนาดนี้”

“งั้นก็กลับบ้านเถอะ เรากลับเองก็ได้ ไม่ต้องห่วงนะ”

“งั้นเดี๋ยวดึกๆไปหาที่คอนโดดีมั้ย” หมอกหันกลับมามองผม ผมเลยส่ายหน้าหวือทันที

“ไม่เอาอ่ะ อยู่บ้านนั้นแหละ พรุ่งนี้ค่อยมาหาเราก็ได้”

“แต่...”

“ไปเรียนแล้วนะหมอก เจอกันพรุ่งนี้เลยแล้วกัน บาย~” ผมตัดบทแล้วรีบลงจากรถทันที หมอกยังอ้ำอึ้งอยู่ที่เดิม ผมแอบยิ้มขำแล้วก็โบกมือไล่เพราะรถคันข้างหลังก็รอขับเข้ามาจอดแทนที่อยู่ หมอกจึงจำเป็นต้องขับรถออกไปจากหน้าคณะของผม

ผมหันหลังเดินเข้าอาคารเรียนแล้วแอบพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ขอให้แผนในวันนี้มันเป็นไปตามที่ผมวางไว้ด้วยเถอะ




.

..

...


ผมเรียนเสร็จแล้วก็มานั่งรอเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในการเตรียมเซอร์ไพร์สครั้งนี้ที่หน้าคณะแพทยศาสตร์เช่นเดิม นั่งอยู่ที่ม้านั่งเงียบๆมาได้หนึ่งชั่วโมงเต็ม เสียงนักศึกษาที่ดังขึ้นก็เรียกความสนใจของผมให้หันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 กำลังเดินออกมาจากตึกเรียน ผมก็ยืมรอจนเห็นไอติมและควัน ควันยิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะแยกไปอีกทาง ทิ้งไอติมที่ยืนอยู่ที่เดิมกับผม

“ไปกันเลยมั้ย”

“อืม” ผมพยักหน้าและเดินตามไอติมไปที่ลานจอดรถ

แอบตื่นเต้นเหมือนกันที่ได้คุย ได้ใกล้ชิดกับไอติมขนาดนี้ เพราะถึงผมกับไอติมจะผ่านการประกวดดาว-เดือนมาด้วยกัน แต่เพราะไอติมเป็นคนเงียบๆไม่เข้าหาใครก่อน ประกอบกับหน้าตาที่ถ้าไม่ยิ้มแล้วทุกคนก็ไม่กล้าเข้าหา เลยกลายเป็นทำให้เจ้าตัวดูเข้าถึงยาก แต่พอผมได้ลองทำความรู้จักแล้วก็พบว่าไอติมไม่ใช่คนที่เข้าหายากเลยสักนิด เพียงแต่เพราะไอติมไม่ค่อยยิ้มเหมือนมีเรื่องราวอะไรบางอย่างอยู่ในใจตลอดเวลาจนลิดรอนรอยยิ้มสว่างไสวไปจนหมด ผมก็ได้แต่หวังว่าสักวันไอติมจะหาคนที่ทำให้เจ้าตัวยิ้มได้กว้างๆสักที

“บลูจะแวะไปซื้อของก่อนมั้ย”

เสียงของไอติมทำให้ผมสะดุ้งออกจากภวังค์ หันมามองคนขับรถตาปริบๆพอประมวลผลได้ว่าไอติมถามว่าอะไร ผมก็รีบบอก

“ไม่ต้องๆ ซื้อมาหมดแล้ว อยู่ในกระเป๋านี่แหละ ไปที่ห้องของควันเลย”

เมื่อมาถึงที่ห้องของหมอก ไอติมก็ใช้คีย์การ์ดที่ควันฝากมาสแกนบัตรแล้วก็เปิดประตูเข้าไป ผมมองห้องที่เงียบสนิทและเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็รีบลงมือจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆโดยที่มีไอติมคอยช่วยอย่างขยันขันแข็ง ไม่มีเสียงร้องบ่นจากคนตัวเล็กเลย พวกเราใช้เวลาเตรียมทุกอย่างอยู่ชั่วโมงนิดๆ ผมกับไอติมก็ไปหาซื้อเค้กกันต่อ ก่อนที่ไอติมจะพาผมกลับคอนโดเพื่อไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดใหม่ เพราะชุดเดิมนั้นเต็มไปด้วยคราบเหงื่อไคลหมดแล้ว

“รอนานรึเปล่า”

ผมถามไอติมที่นั่งเล่นโทรศัพท์รอผมอยู่อย่างเกรงใจ ไอติมหันกลับมาและส่ายหน้าเร็วๆ

“ไม่นานหรอก...รีบไปกันเถอะ ควันบอกว่ากำลังจะออกจากที่บ้าน”

“อ้อ...ไปสิ”

ผมว่าและรีบปิดห้องให้เรียบร้อย ไอติมบึ่งรถพาผมมาถึงคอนโดของหมอกอย่างรวดเร็ว และพาผมมาส่งถึงห้องก่อนจะปิดห้องให้สนิทแล้วไอติมก็จากไป แต่ไอติมก็ยังส่งข้อความที่ได้จากควันมาอีกทีรายงานสถานการณ์ผมเป็นระยะๆ ผมเดินไปเดินมาในห้องของหมอกว่าควรจะไปหลบอยู่ที่ไหนดี จนเมื่อเสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้ง

I-tim wattanawutsakul : หมอกมาถึงแล้วนะ ตอนนี้กำลังจะขึ้นห้อง

พอผมเห็นข้อความนั้นผมก็รีบปิดไฟในห้องโถงทันที แล้วเดินฝ่าความมืดไปหลบในห้องนอนหมอกอีกที นั่งลงเงียบๆหลังผ้าม่านเพื่อว่าหมอกจะได้ไม่เห็นตอนเดินเข้ามา ผมนั่งอยู่อย่างนั้นราวๆห้านาทีก็ได้ยินเสียงจากด้านนอกห้อง พอเห็นแสงไฟที่ลอดเข้ามาจากช่องใต้ประตูก็รู้แล้วว่าหมอกคงมาถึงแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ให้หมอกเห็นว่าผมเตรียมอะไรไว้ให้


พรึ่บ!


ไฟในห้องสว่างวาบ ผมแอบมองคนตัวสูงผ่านผ้าม่าน เห็นหมอกยืนนิ่งค้างอยู่หน้าประตูอย่างนั้น ดวงตาเรียวนั้นเบิกขึ้นเล็กน้อย ผมแอบอมยิ้มที่ทำให้หมอกตกใจได้ขนาดนี้

ผมมองลูกโป่งสีฟ้าสลับกับสีขาวที่ลอยเต็มห้องนอน ลูกโป่งตัวอักษร H B D แปะอยู่ที่ผนังห้อง พร้อมกับกล่องของขวัญสีฟ้าที่ผมทำเองกับมือวางอยู่บนที่นอนของหมอก ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้กล่องของขวัญของผม แต่ก่อนที่หมอกจะเอื้อมมือไปหยิบกล่องของขวัญ ร่างสูงก็เบนปลายเท้ามาทางที่ผมนั่งหลบอยู่แทน รู้งั้นเหรอว่าผมแอบอยู่ที่นี่!

“มาทำเซอร์ไพร์สให้ทั้งที มานั่งแอบอะไรอยู่ในนี้หืม?”

“รู้ได้ไงว่าเราอยู่ตรงนี้” ผมมุ่นคิ้ว นี่คิดว่านั่งนิ่งๆแล้วนะทำไมถึงถูกจับได้เร็วขนาดนี้ล่ะ

“ก็เห็นเงาในกระจกนั่นไง ออกมาได้แล้ว” ผมมองตามกระจกที่หมอกว่าแล้วก็ตบหน้าผากตัวเองเบาๆอย่างจนใจ ตอนเข้ามาแอบในนี้ผมก็ลืมนึกไปเลยว่ากระจกมันจะสะท้อนเงาของผมทำมุมกับที่หมอกยืนอย่างนี้

ผมลุกขึ้นตามแรงดึงของหมอก ใบหน้าหล่อยังมีรอยยิ้มเจืออยู่บนใบหน้านั้นก็ทำให้ผมดีใจแล้ว หมอกนั่งลงบนเตียงแล้วก็ดึงแขนให้ผมนั่งด้วยกัน

“ข้างในเป็นอะไร” หมอกยกกล่องของขวัญขึ้นมาแล้วลองเขย่าเบาๆดูอย่างตื่นเต้น

“ลองแกะดูสิ” ผมว่าและนั่งมองหมอกที่แกะของขวัญอย่างประณีตราวกับเด็กที่ตื่นเต้นยามที่ได้ของขวัญวันเกิด

พอเปิดกล่องของขวัญแล้ว หมอกก็หยิบขวดแก้วใสขึ้นมาดู ผมมองคนที่ทำตาพราวระยับ มองดูสวนด้านในที่ผมลงมือจัดแต่งเอง และด้านบนสวนผมก็หาตุ๊กตาเซรามิครูปผู้ชายสองคนนั่งอยู่ด้วยกันมาวางเอาไว้เป็นตัวแทนของผมและหมอก

“เอาตั้งไว้เวลาอ่านหนังสือเหนื่อยๆ มองอะไรที่เป็นสีเขียวๆจะได้สบายตาขึ้น” ผมบอกจุดประสงค์ที่ผมเลือกทำสวนเล็กๆให้หมอก เพราะว่าเราทั้งคู่ต่างก็อยู่ในคอนโดที่มีพื้นที่ใช้สอยจำกัด และวิชาที่หมอกเรียนต้องอ่านหนังสือหนักมาก ผมเลยอยากหาอะไรที่ทำให้หมอกผ่อนคลายเวลาอ่านหนังสือได้บ้าง และสวนในขวดแก้วก็ตอบโจทย์ผมมากที่สุด

“จะตั้งเอาไว้ในห้องเลย” หมอกยังไม่ยอมหุบยิ้ม เจ้าตัวเดินถือขวดแก้วไปวางที่โต๊ะหนังสือ พอหามุมที่ตัวเองพอใจแล้วก็เดินกลับมาหาผมที่ยังนั่งอยู่ที่ปลายเตียงแล้วหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาดูอีกรอบ ถึงเห็นของขวัญอีกชิ้นที่ผมตั้งใจทำให้

หมอกเปิดการ์ดสีฟ้าอ่อนซึ่งตกแต่งง่ายๆแล้วอ่านออกเสียงให้ผมได้ยินด้วย

“สุขสันต์วันเกิดนะหมอก...ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดี สุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆนะ-บลู”

คำอวยพรสั้นๆที่ผมนั่งคิดทั้งคืน ไม่รู้จะเขียนอะไรนอกจากคำอวยพรทั่วๆไปที่คนอื่นก็พูดแบบนี้ แต่ผมคิดว่าความเรียบง่ายมันดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องร้อยเรียงคำพูดให้เข้าใจยาก ขอแค่หมอกเข้าใจในสิ่งที่ผมบอก ผมก็พอใจแล้ว

“ขอบคุณนะที่ทำให้ขนาดนี้ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับวันเกิดตัวเองมานานมากแล้วล่ะ”

“ยังไม่ได้เป่าเค้กเลยนะ” ผมว่าแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียง หมอกทำท่าจะเดินตามผมออกไปด้วย แต่ผมก็รีบเบรกเจ้าของห้องไว้ก่อน “รออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวเรียก”

หมอกยอมทำตามที่ผมขอแต่โดยดี แววตานั้นยังคงพราวระยับไปด้วยความตื่นเต้น ผมออกมาจากห้องนอนของหมอกก็รีบหยิบเค้กที่ซื้อมาแกะกล่องออก ปักเทียนตามเลขอายุของหมอก จากนั้นก็หยิบสายไฟสีส้มที่เตรียมมาวางเป็นทางเดินจากห้องของหมอกอย่างรวดเร็ว พอเสียบปลั๊กไฟแล้ว ไฟสีส้มดวงเล็กๆก็สว่างเป็นทางไปจนถึงเค้กที่ผมวางไว้ที่โต๊ะ จุดเทียนเสร็จเรียบร้อยก็ปิดไฟในห้องนั่งเล่น แล้วเดินไปเคาะประตูห้องนอนหมอก

“ออกมาเร็วหมอก”

ประตูห้องเปิดออกมา ผมก็ร้องเพลงคลอให้เจ้าของวันเกิดเบาๆ หมอกยังยืนอึ้งกับภาพตรงหน้าที่ผมจัดแสงไฟยาวไปจนถึงโต๊ะที่ตั้งเค้กอยู่ ผมเลยจับมือใหญ่ด้านข้างแล้วจูงมือคนตัวโตให้เดินตามผมมา

“Happy birthday to you~ Happy birthday to you~”

จนมาถึงโต๊ะที่มีเค้กวางเอาไว้ ผมก็ยกเค้กขึ้นมาตรงหน้าหมอก เมื่อร้องเพลงจบแล้วผมก็ยิ้มให้กับคนตรงหน้า

“อธิษฐานแล้วเป่าเทียนนะ”

หมอกทำตามผมอย่างว่าง่าย ดวงตาเรียวหลับตาลงพร้อมประสานมือในท่าอธิษฐานขอพร ก่อนจะลืมตาขึ้นมาและเป่าเทียนตรงหน้าผมให้ดับ

“หมดแล้วเหรอเซอร์ไพร์สสำหรับวันนี้” หมอกถามเมื่อผมเดินไปเปิดไฟให้สว่างทั่วทั้งห้อง ผมเผลอขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะพยักหน้ายอมรับว่าที่เตรียมเอาไว้หมดแล้ว

“แค่นี้ไม่พอเหรอ” ผมถามอย่างเสียเซลฟ์ ที่ทำไปทั้งหมดหมอกยังไม่พอใจอีกเหรอ

“เปล่า แค่นี้ก็พอมากแล้ว แต่ไม่มีอะไรอีกสักนิดสักหน่อยเหรอ” หมอกยังไม่หยุดถาม ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนผมต้องเงยหน้ามองหมอกที่ยังพูดอะไรวกไปวนมา

“หมอกจะสื่อว่าอะไร เราไม่เข้าใจว่าหมอกต้องการอะไร”

“ก็ต้องการแบบนี้ไง”

“!!!”

ผมเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสอุกอาจโฉบลงมาที่ริมฝีปากของผม ถึงนี้จะไม่ใช่จูบแรกระหว่างเรา แต่ผมแทบเข่าทรุดเมื่อริมฝีปากร้ายบดคลึงริมฝีปากของผมพร้อมกับแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามา ผมตาพร่าเบลอไปหมดจนต้องยอมแพ้กับสัมผัสที่หมอกมอบให้และหลับตาลง ปล่อยให้หมอกเป็นคนนำทางคนที่ไม่ประสาในเรื่องนี้อย่างผม

ริมฝีปากร้อนค่อยๆไล่เล็มทีละนิดอย่างไม่รีบร้อน ต่างจากใจผมที่เต้นรัวแรงจนเกือบหายใจผิดจังหวะ หมอกยังไม่ยอมละริมฝีปากออกจากผม ยิ่งเมื่อสัมผัสได้ว่าเรียวลิ้นร้อนนั้นกวาดต้อนทั่วโพลงปากก่อนจะปล่อยให้ผมได้พักหายใจหายคอก็ไม่วายกัดริมฝีปากล่างผมเบาๆ

“หมอก...”

ผมพูดได้เพียงแค่นั้น แล้วผมก็ถูกปิดปากอีกครั้งด้วยสัมผัสเดิมจากร่างสูงที่ยังกอดรัดผมไว้แนบกาย ผมรับสัมผัสที่หมอกปรนเปรอให้อย่างเต็มใจ และขยับริมฝีปากจูบตอบเจ้าของวันเกิดอย่างกล้าๆกลัวๆ ได้ยินเสียงคำรามอยู่ในลำคอของหมอกแล้วผมก็แอบสะดุ้ง ครั้นจะผละตัวออก มือหนาก็จับท้ายทอยผมไว้แล้วล็อกให้ใบหน้าของเราอยู่ในองศาที่พอเหมาะสำหรับจูบในครั้งนี้

“อื้ออออออ...ปล่อย”

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ไม่รู้ แต่อากาศที่เริ่มจะหมดลงทำให้ผมละล่ำละลักบอกร่างสูง มือดันอกหนาที่ห่างกันเพียงแค่อากาศกั้นให้ห่างออกจากร่างกาย เมื่อเห็นว่าผมเริ่มต่อต้านหมอกก็ยอมคลายจูบออกช้าๆ ผมสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พอหมอกจะเข้ามาจูบอีกครั้งผมก็รีบปิดริมฝีปากของคนตรงหน้าทันที

“พะ...พอได้แล้ว...ไม่เอาแล้ว”

“อยากชิมของหวานอีก ยังไม่อิ่มเลย”

“ขะ...ของหวานอะไรล่ะ! กินเค้กสิ” ผมลนลานไปหมด หยิบเค้กที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะด้วยมือสั่นๆไปที่เค้าน์เตอร์ครัวเพื่อที่จะตัดเป็นชิ้นเล็กๆให้หมอกได้ทาน แต่พอวางเค้กลงแล้วหันไปหยิบมีดด้านหลังก็มีร่างสูงใหญ่ยืนกั้นอยู่ตรงหน้า

“ถอยไปหมอก เดี๋ยวจะตัดเค้กให้”

“เรื่องเค้กนั้นปล่อยมันไปเถอะ พรุ่งนี้ค่อยกินก็ได้ แต่วันนี้อยากกินอย่างอื่นแล้ว”

“กะ...กินอะไร...เออ...หิวเหรอ งั้นไปหาอะไรกินป่ะ” ผมถามเสียงสั่น หัวใจยังไม่หยุดเต้นรัว ยิ่งเผลอมองริมฝีปากคนตรงหน้าผมยิ่งรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาดื้อๆ ดวงตาเรียวที่ยากจะคาดเดาความคิดนั้นจ้องมองจนผมวูบวาบไปทั่วช่องท้อง

หมอกไม่ตอบผมแล้วยกตัวผมขึ้นลอยหวือแปะลงที่เค้าน์เตอร์ ร่างสูงแทรกเข้าที่หว่างขาของผม เมื่อสายตาของเราอยู่ในระดับเดียวกัน หมอกก็ดึงดูดผมเข้าไปใกล้ด้วยดวงตาเรียวคู่นั้น

“จะไปหาไกลทำไม ก็ของที่อยากกินอยู่ตรงหน้าแล้ว”

“...”

ผมพูดไม่ออก เมื่อเสียงทุ้มต่ำกระซิบที่ข้างหูสื่อความนัยว่าผมคือของที่อยากกินของหมอก ใบหน้าหล่อได้รูปขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง และก่อนที่อะไรจะเลยเถิด ผมก็รีบพูดเร็วๆทันที

“วันนี้ให้แค่จูบเข้าใจมั้ย”

หมอกชะงักเพียงนิด ผมได้ยินเสียงขานรับเบาๆก่อนที่หมอกจะแตะสัมผัสลงมาที่ริมฝีปากผมอีกครั้ง ร่างกายผมถูกดึงเข้าไปแนบกับแผ่นอกแกร่ง ผมหลับตาลงแล้วใช้สองแขนโอบลำคอของคนตรงหน้าเอาไว้

จูบในครั้งนี้มันยิ่งร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม ริมฝีปากร้อนผ่าวดูดดึงกลีบปากของผมจนมันเกิดเสียงน่าเกลียด ก่อนที่ผมจะหมดลมหายใจหมอกก็ผละออกแล้วลากไล้ริมฝีปากประทับจูบไปทั่วใบหน้าของผม ทั้งหน้าผาก...แก้มทั้งสองข้าง...จมูก...ปลายคาง...และสัมผัสนั้นก็ลากเลื้อยไปถึงต้นคอ

ยามที่ผมกำลังหลงมัวเมาอยู่กับรสจูบที่หมอกเป็นคนมอบให้ สัมผัสร้อนชื้นที่ประทับลงที่ต้นคอราวกับเหล็กร้อนก็ขบเม้มเบาๆจนผมสะดุ้ง นาทีนั้นเมื่อรู้ว่าหมอกกำลังทำอะไรผมก็ผลักอกหนาออกอย่างคนไร้เรี่ยวแรง

“นี่...ทำอะไร บอกว่าแค่จูบไง”

ผมจับลำคอตัวเองที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไง แต่เห็นรอยยิ้มของหมอกที่มองมันอย่างภูมิใจแล้วผมยิ่งรู้สึกว่าหน้าตัวเองมันต้องแดงเอามากๆแน่

“ก็แค่จูบไง...คิสมาร์กก็จูบเหมือนกันนะที่รัก : )”


tbc.

ก็บอกแล้วว่าหมอกมันร้ายยยยยย
เซอร์ไพร์สมา เซอร์ไพร์สกลับไม่โกง อิ___อิ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
หมอกนี่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ผิดรูปลักษณ์ภายนอกเลย 5555555

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อูยยย หมอกอดหนมหวานนะก๊าบบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
บลูเป็นลูกแกะเลย จะโดนหมอกขย้ำนะลูก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น้องบลูต้องระวังลูกกกก หมอกนางเจ้าเล่ห์ น้องบลูตามไม่ทันเค้าหรอก ฮืออออออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จูบให้หมดทั้งตัว

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
สุขสันต์วันเกิดหมอกด้วยนะะะ :katai2-1:

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ดีแล้วน้องบลู อย่าเพิ่งไปยอมง่าย ๆ นะคะ
ยิ่งหมอกเจ้าเล่ห์อย่างนี้ ยิ่งต้องระวังเยอะ ๆ ร้ายจริงจริ๊ง  :-[

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
หมอกนี่เจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน :z1: :impress2:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
หมอกน่ารักเนอะ พอชัดเจนปุ๊บ ลุยปั๊บ
ชอบอะ


ป.ล. มีคำใช้ผิดในตอนที่ 15 นะคะ
แล้วหยิบปูกล้ามโตมามองให้เต็มๆตา ไม่ได้กินปูเนื้อแน่นๆ สดๆจากทะเลแบบนี้มานานแล้ว ผมสูดน้ำลายแล้วแกะกล้ามปูกินทันที พอเนื้อปูเข้าปากเท่านั้นแหละครับ น้ำตาจะไหลกับความหวานของเนื้อปู

ก้ามปู ใช้ ก้าม นะคะ
ถ้า กล้าม มี ล ลิง คือ กล้ามเนื้อ ค่ะ



ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
น่ารักสุดๆเลย

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao6: หมอกนี่ตัวร้ายใช่เล่น  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0



บทที่ 17
ความลับไม่มีในโลก





หลังจากเซอร์ไพร์สวันเกิดหมอกแล้วโดนหมอกเซอร์ไพร์สกับด้วยรอยคิสมาร์กแล้ว ความซวยก็มาเยือนทันทีเมื่อเปิดกรุ๊ปไลน์ของชั้นปีแล้วพบว่าอาจารย์สมศรีขอเลื่อนการสอนชดเชยจากวันอาทิตย์มาเป็นวันเสาร์เนื่องจากว่าอาจารย์ต้องไปทำธุระกับครอบครัว แล้วความซวยซ้ำซ้อนก็คือไอ้รอยแดงๆที่คอผมมันยิ่งแดงขึ้นอีกเพราะเผลอเอามือไปเกาอย่างลืมตัว

“แดงขนาดนี้พลาสเตอร์ก็ปิดไม่อยู่แน่ๆ”

ผมมองรอยแดงผ่านกระจกแล้วมองสลับกับพลาสเตอร์แผ่นเล็กที่อยู่ในมือ นึกย้อนกลับไปถึงเมื่อคืนแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ ผมไม่เคยจูบกับหมอกนานขนาดนี้มาก่อนเลย ครั้งแรกก็แค่ปากแตะกันเท่านั้น แต่พอคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้ว...

ไม่พูดดีกว่า ./////.

สุดท้ายผมก็เอาผ้าพันคอที่พับเก็บไว้ในตู้มาใช้แทนพลาสเตอร์เพื่อปกปิดร่องรอยที่ต้นคอ พอเดินเข้ามาในห้องเรียนทุกคนก็ขมวดคิ้วมองผมเป็นตาเดียว ก็อากาศประเทศไทยตอนนี้มันสูงกว่า 35 องศา ทุกคนใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์มากันหมด ต่างจากผมที่ใส่เสื้อแขนยาวแล้วพันผ้าพันคอมาอีกชั้น

“มึงแต่งชุดมาผิดฤดูรึเปล่าครับเพื่อน แต่งชุดมาจนกูนึกว่าข้างนอกหิมะตก”

ว่านมันแซวผมแล้วแสร้งทำเป็นมองดูวิวด้านนอกที่พระอาทิตย์กำลังสาดส่องจนเห็นไอร้อนอยู่จางๆ

“กู...กูรู้สึกเหมือนจะป่วยๆอ่ะมึง หนาวด้วยเลยแต่งมาแบบนี้” ความจริงคือเหงื่อออกเต็มหลังแล้วครับ แต่ต้องโกหกเดี๋ยวมันไม่เชื่อแล้วความจะแตกเอา

“ป่วยเหรอ ไปหาหมอยัง ได้กินยามารึเปล่า”

ว่านมันถามอย่างเป็นห่วงจนผมรู้สึกผิดเลยที่ไปโกหกมันแบบนั้น ผมพยักหน้าไปส่งๆแล้วก็นั่งลงด้านข้างว่านก่อนที่แอลและโต๋จะตามมานั่งด้วยทีหลัง พอว่านบอกพวกมันว่าผมป่วย เครื่องหมายคำถามที่แปะอยู่บนใบหน้าพวกมันเมื่อเห็นชุดที่ผมใส่ก็สลายไปทันที

ผมตั้งใจเรียนวิชาของอาจารย์สมศรีอย่างสุดความสามารถ แต่ดันโชคร้ายที่ห้องที่ใช้สอนในวันนี้แอร์เสียไปหนึ่งตัวแถมยังเสียตรงที่ผมนั่งอีก ไอ้ว่านมันเรียนไปก็สะบัดเสื้อคลายร้อนไป ไอ้แอลก็ฟุบหลับตั้งแต่อาจารย์สอนได้สิบนาทีแรก ส่วนไอ้โต๋ก็แอบเล่นเกมโดยที่เอาหนังสือเรียนบังไว้อีกที ส่วนผมก็นั่งเหงื่อตกอยู่ภายใต้เสื้อแขนยาว เหงื่อไหลลงตามกรอบหน้าได้แต่ปาดเหงื่อลวกๆอยู่อย่างนั้น

“บลู...มึงหนาวมากมั้ย กูยืมผ้าพันคอมึงมาเป็นหมอนหน่อยดิ”

แอลสะกิดแขนผมและกระซิบบอก ผมที่กำลังร้อนๆอยู่เลยถอดผ้าพันคอให้มันไปโดยลืมไปเลยว่าที่ผมใส่ผ้าพันคอมาเพื่ออำพรางอะไร ผมยังคงจดโน้ตลงในชีทตามที่อาจารย์สอนจนเมื่อเวลาหมดลงและทุกคนเริ่มเก็บกระเป๋า แอลถึงคืนผ้าพันคอให้ผม และตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าผมพลาดอะไรไป

“มึงไปโดนหมอกดูดคอมาเหรอ”

ผมชะงักมือที่กำลังเก็บชีทลงกระเป๋าทันที พอแอลพูดอย่างนั้นทั้งว่านและโต๋ก็หันมามองผมเป็นตาเดียว พอจะเอาผ้าพันคอมาปิดรอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

“เออ...” ผมอ้ำอึ้งเพราะหาข้อแก้ตัวไม่ทัน ยิ่งเห็นสายตาของว่านที่มองมาแล้วก็ต้องเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“มึงอย่าบอกว่ายุงกัดนะ ไม่งั้นกูจะกระโดดถีบมึงจริงๆด้วย”


ชิบหาย งั้นบอกว่ามดกัดทันมั้ยวะ T_____T


กว่าจะรอดพ้นจากพวกมันทั้งสามคนที่ไล่บี้ถามหาความจริงจากปากผมว่ารอยที่คอนั่นคืออะไร แต่ผมก็ไม่ยอมปริปากบอก จนพวกมันเหนื่อยที่จะถามแล้วมโนกันไปต่างๆนานา ซึ่งที่พวกมันคิดก็ถูกนั้นแหละ แค่ผมไม่ได้พูดยืนยันความคิดของมันเท่านั้น

ผมกลับมาถึงที่ห้องก็เปลี่ยนเป็นใส่เสื้อยืดแขนสั้น เปิดแอร์แล้วก็นอนแผ่บนเตียงด้วยความเหนื่อย วิชาอาจารย์สมศรีนี่ดูดพลังมากจริงๆ พอจะหลับตาลงกะว่าจะงีบสักหน่อย เสียงโทรศัพท์ก็ร้องขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นพี่ปูเป้ที่โทรมาหาผมก็เผลอชมวดคิ้ว พี่ปูเป้โทรมาอย่างนี้คงไม่พ้นเรื่องดาว-เดือนแน่ๆ

“สวัสดีครับ”

[น้องบลูจ๊ะ วันนี้ตอนเย็นว่างรึเปล่า]

“ว่างครับ มีอะไรเหรอครับ”

[ที่องค์กรนักศึกษาเขาเรียกดาว-เดือนที่ได้ตำแหน่งไปประชุมน่ะ สี่โมงเย็นมาที่อาคาร A ได้ใช่มั้ย]

“ได้ครับพี่ปูเป้”

[โอเคจ้า งั้นตอนเย็นเจอกันนะจ๊ะ]

“ครับ”

ผมวางสายลงแล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ด้วย เผื่อนอนเลยเวลาแล้วจะซวยเอา ประชุมอะไรก็ไม่รู้ คงจะใช้งานพวกผมให้ไปถ่ายแบบอะไรอีกนั้นแหละ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน


.

..

...



ผมมาถึงอาคาร A พร้อมกับเพลิง พวกเราเข้ามาถึงห้องประชุมก็พบว่ามีหลายคนนั่งรอกันอยู่ก่อนแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ดาว-เดือนปีนี้ที่นั่งกันอยู่ในห้อง แต่รวมไปถึงดาว-เดือนปีก่อนๆด้วย สงสัยงานนี้มันต้องใหญ่มากแน่ๆ

“ปีหนึ่งครบแล้วเนอะ เดี๋ยวรอพวกเดือนรุ่นคุณลุงก่อนนะ ช้ากันจริงๆ”

พี่เจตน์บ่นเบาๆแล้วหลังจากนั้นไม่นานรุ่นพี่เดือนปีก่อนๆก็ทยอยกันเข้ามา ผมยกมือไหว้ไม่ได้พักเลย นี่มันรวมดาว-เดือนทุกปีเลยรึเปล่าเนี่ย แต่ละคนทั้งสวยทั้งหล่อสมกับตำแหน่งจริงๆครับ

“มากันครบแล้ว เริ่มประชุมเลยแล้วกันนะ เผื่อนังกรมันจะรีบไปเต๊าะสาวที่ไหน” พี่เจตน์พูดพร้อมกับชายตามองพี่กร...เดือนมหา’ลัยเมื่อสองปีก่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม พี่เขาหล่อมากจริงๆครับ ผมยอมรับเลย ใบหน้าคมเข้มฉบับคนไทยแท้ ผิวกร้านแดด แววตาที่มีเสน่ห์เหลือล้นที่เป็นที่กล่าวขานมานาน พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองใกล้แบบนี้แล้วผมยอมรับเลย แถมยังมีรอยยิ้มที่สามารถมัดใจสาวๆได้อยู่หมัดอีกด้วย หันกลับมามองไอ้เพลิงที่เป็นเดือนมหา’ลัยปีนี้นี่เทียบไม่ติดเลยจริงๆ

“ก็พูดไปไอ้เจตน์ กูจะไปอ่านหนังสือต่อโว้ย”

“เอ๊ะ! ชั้นบอกให้เรียกว่าเจสสิก้าไงย่ะ!”

“ไม่ภูมิใจชื่อที่พ่อมึงตั้งให้เหรอ”

“อ่าว ไอ้นี่...”

“พวกมึงหยุดตีกันก่อนเถอะครับ วันนี้จะได้ประชุมมั้ยวะ” พี่ณัฐที่เป็นรองเดือนปีเดียวกับพี่กรห้ามทัพไว้ได้ทัน พี่เจตน์พ่นลมหายใจอย่างแรงก่อนจะสะบัดบ๊อบแล้วเปลี่ยนมาเป็นยิ้มร่าเริงให้กับทุกคนในห้องประชุมแทน

“เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ คือตอนนี้เจ้ได้รับจดหมายจากทางมหา’ลัยมาว่าอยากให้ทำคลิปรณรงค์เรื่องรักษาสิ่งแวดล้อมตัวใหม่ เพราะตัวเก่ามันทำไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ แถมตอนนี้ดาว-เดือนก็มีแต่แซ่บๆนัวๆ เลยอยากได้โฆษณาตัวใหม่ออกมาโปรโมต ทีนี้เจ้ได้ฟังที่เขาบรีฟมาว่าสถานที่ถ่ายทำจะอยู่ที่กรุงเทพและที่หัวหิน ที่กรุงเทพก็จะถ่ายแถวสวนสาธารณะกับในมอเรา ส่วนทะเลก็ถ่ายที่ชายหาดแล้วก็ถ่ายใต้น้ำ...ซึ่งส่วนใต้น้ำนี้ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะได้ไปถ่ายรึเปล่า ที่เรียกมาวันนี้ก็เพราะจะแบ่งกรุ๊ปถ่ายกันนี่แหละจ้า”

พอฟังคำอธิบายยาวเหยียดของพี่เจตน์ ผมก็ปักธงไว้ในใจเลยว่าผมจะขอถ่ายอยู่ที่กรุงเทพ เพราะว่าผมพึ่งไปเที่ยวทะเลกับหมอกมาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนเอง ขี้เกียจเดินทางอีกต่างหาก แล้วผมก็คิดว่าน่าจะมีหลายคนที่อยากไปถ่ายที่หัวหินด้วย

“เจ้ให้โควตาปีหนึ่งไปที่หัวหินชาย 3 คน หญิง 3 คนนะ ตกลงกันได้แล้วก็บอกเจ้นะ”

พอพี่เจตน์บอกอย่างนั้น พวกเราในชั้นปี 1 ก็หันมาสุมหัวรวมกันทันที ผมนั่งเงียบกริบเมื่อน้ำหวานถามว่ามีใครเสนอตัวเองไปหัวหินมั้ย ฝั่งดาวตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าใครจะไปบ้าง ส่วนเดือนอย่างพวกผมนั่งมองตากันปริบๆ ไม่มีใครเสนอตัวกันสักคน

“มึงไม่อยากไปเหรอวะไอ้บลู” เพลิงถามผม ผมรีบส่ายหน้าทันที

“กูพึ่งไปบางแสนมาเองมึง จะให้กูไปหัวหินอีกเหรอ”

“เออว่ะ กูลืมไปว่ามึงพึ่งไปเที่ยวมา...แต่ถ้าไม่มีใครอยากไปหัวหินจริงๆ กูว่ากูจะไป”

“ก็แล้วแต่มึงดิ”

“มึงจะไม่ไปเป็นเพื่อนกูเหรอ” เพลิงมันทำตาวิ้งค์ๆวับๆใส่ผมเหมือนลูกหมากำลังอ้อนเจ้าของ เห็นแล้วจะอ้วก คิดว่าทำอย่างนั้นแล้วมันน่ารักเหรอวะ



“อะไรวะ! กูไม่ไปหัวหินเว้ย ขี้เกียจนั่งรถ”

“มึงต้องไป กูบังคับมึงไอ้กร!”

“ไม่เอา กูไม่ไป”

“ต้องไป มึงไม่มีสิทธิ์เรียก กูเขียนชื่อมึงไปคนแรกเลย อธิการบดีรู้แล้วด้วยว่ามึงจะไป”


เสียงโหวกเหวกโวยวายจากกลุ่มปีสามที่มีพี่เจตน์ยืนค้ำหัวพร้อมเถียงกับพี่กรอยู่สองคนแต่ดังลั่นทั้งห้องประชุม เห็นพี่กรทำหน้าเซ็งและพี่เจตน์ที่ยิ้มอย่างชั่วร้าย เลยเดาได้ไม่ยากว่าพี่กรคงได้ไปหัวหินแน่ๆ

“ถ้าไม่มีใครไปหัวหิน งั้นเราไปเองก็ได้” เสียงไอติมดังขึ้นทำให้ผมหันกลับมาในวงของตัวเอง พอไอติมเสนอตัวแล้วก็ขาดอีกสองคน เพลิงก็เลยเสนอตัวด้วยอีกคน เหลือโควตาอีกหนึ่งคนและเพลิงมันก็คะยั้นคะยอผมให้ไปเป็นเพื่อนมันในที่สุด

“เออ ไปก็ไป”

พอผมตอบตกลงแล้วส่งรายชื่อดาว-เดือนปีหนึ่งไปให้พี่เจตน์แล้วเราก็แยกกลุ่มที่อยู่กรุงเทพกับที่จะไปหัวหินเพื่อฟังรายละเอียดต่างๆอีกครั้ง

“ถ้าเข้าใจตรงกันแล้ว เจอกันอีกทีวันเดินทางเลยนะคะ อย่าลืมมาตรงเวลาด้วยนะ บ่ายโมงล้อหมุนค่า!”



.

..

...



และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ผมแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับหัวยุ่งๆ อาบน้ำเรียบร้อยก็ใส่แว่นแล้วลากกระเป๋าออกมาหาหมอกที่รอไปส่งที่มหา’ลัย ตอนแรกหมอกบอกว่าจะไปส่งถึงที่หัวหินเลยก็ได้ แต่ผมก็ไม่ยอมไปด้วย ผมไปทำงานนะไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อย

“ทำไมใส่แว่นออกมาอย่างนี้ ไม่ห่วงหล่อแล้วเหรอ” หมอกทักเมื่อเห็นผมครั้งแรก ผมส่ายหัวแล้วหาวออกมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

“ไม่ล่ะ ง่วงจะตายอยู่แล้ว เดี๋ยวขึ้นรถไปก็หลับต่อแล้วล่ะ”

“กลับวันจันทร์ใช่มั้ย”

“อืม”

วันจันทร์เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์พอดี การไปถ่ายงานครั้งนี้เลยกินเวลาไปถึง 3 วัน แทนที่ผมจะได้กลับบ้านเหมือนเพื่อนๆแต่เพราะตำแหน่งเดือนค้ำคออยู่เลยไปไหนไม่ได้สักที...ถึงจะบ่นที่ต้องทำกิจกรรมเยอะกว่าคนอื่น แต่ก็เพราะการประกวดดาว-เดือนนี่แหละที่ทำให้ได้อยู่ข้างหมอกแบบนี้...

ต้องขอบคุณตำแหน่งเดือนคณะวิทยาศาสตร์สินะ


ผมมาถึงหัวหินก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว เราเข้าเช็คอินที่โรงแรมก่อน ผมนอนห้องเดียวกับเพลิง ส่วนไอติมที่เป็นเศษของปีหนึ่ง ไม่รู้ไปทำยังไงถึงได้นอนห้องเดียวกับพี่กรเสียได้

พอเก็บของเสร็จเรียบร้อย พี่ๆก็เรียกให้พวกเราไปรวมตัวกันและเดินดูโลเกชั่นที่จะใช้ถ่ายทำ ซึ่งจะเริ่มถ่ายวันพรุ่งนี้เพราะวันนี้แสงหมดแล้ว นั้นแหละครับกิจกรรมวันนี้ของผมก็เสร็จลงอย่างงงๆ หลายคนก็ออกไปเที่ยวกันแล้ว ส่วนผมนั้นอยากกลับไปนอนโง่ๆที่ห้องพักมากถึงมากที่สุด แม้ไอ้เพลิงมันจะลากผมไปที่สระว่ายน้ำของโรงแรมยังไงผมก็ปฏิเสธท่าเดียว

“โอ๊ะ! มึงดูดิ นั้นใครวะ กูว่ามันคุ้นๆ”

เพลิงกระตุกมือผมไว้ก่อนที่ผมจะเดินขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องพัก พอหันไปมองตามที่เพลิงบอกผมก็หรี่ตามองผ่านกรอบแว่นอีกครั้ง ท่าทางของคนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ล็อบบี้นั้นมันคุ้นมาก แล้วพอเห็นว่าผู้ชายตัวสูงๆอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับคีย์การ์ดห้องพักผมก็ต้องเบิกตากว้าง

หมอกกับควันมาทำอะไรที่นี่!

“คิดถึงแฟนขนาดนั้นเลยเหรอครับเพื่อน” เพลิงยิ้มล้อเลียนหมอกที่เดินลากกระเป๋ามาทางเราพร้อมกับควัน ส่วนผมยังยืนอึ้งอยู่เลย ไม่คิดว่าหมอกจะมายืนอยู่ตรงหน้าอย่างนี้

“เออ คิดถึง”

“กูล่ะเบื่อพวกมึงสองคนจริง คืนนี้กูคงไม่มีเมทแล้วสินะ ควันมานอนด้วยกันมั้ย” เพลิงหันไปทางควันที่ยืนอยู่ข้างหมอก รายนั้นแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ

“เปิดคนละห้องน่ะ นอนคนเดียวไปเหอะมึง”

“เออ นอนคนเดียวก็ได้ ไอ้บลูมึงไปขนของมึงไปเลยนะ”

ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร ทั้งเพลิงทั้งหมอกก็ลากผมไปเก็บของในห้องแล้วตอนนี้ผมก็มานั่งจุมปุ๊กที่ห้องของหมอกอย่างงงๆ เรื่องทุกอย่างมันเกิดเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ทันเลยครับ

“ว่างแล้วใช่มั้ย งั้นไปเดินเล่นริมชายหาดกันเถอะ”

หมอกหันมาถามผมหลังจากที่ง่วนกับการรื้อของออกมาจากกระเป๋า เจ้าตัวหยิบกล้องคู่ใจที่ยังไม่เลิกเห่อขึ้นมาคล้องคอแล้วเดินมานั่งข้างผม

“ทำไมไม่บอกก่อนล่ะว่าจะมาที่หัวหินด้วย” ผมมุ่นคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามหมอก คนตรงหน้ายิ้มบางๆก่อนตอบคำถามผม

“ตอนแรกยังลังเลอยู่ว่าจะมาดีมั้ย แต่พอคุยกับควันแล้วมันบอกจะมา ก็เลยขับรถมากันเลย”

“แล้วทำไมควันถึงอยากมาล่ะ” ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“ถ้าอยากรู้ก็ถามมันเอาเองสิ...แต่ตอนนี้ไปเที่ยวกันก่อนป่ะ มาถึงหัวหินทั้งที กล้องก็มี ไปถ่ายรูปกัน” พูดจบก็ดึงมือผมให้ลุกจากเตียงแล้วลากผมออกมาถึงชายหาดซึ่งอยู่หน้าโรงแรมทันที

เดินออกมาแล้วก็เห็นเพื่อนๆและรุ่นพี่หลายคนที่เดินกันขวักไขว่ ยิ่งพวกเขามองมาที่ผมกับหมอกแล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นหมอกที่นี่ อีกทั้งมือของหมอกที่กุมมือผมไว้หลวมๆ ครั้นผมจะดึงมือออกมาแต่หมอกก็ยึดมือผมเอาไว้ก่อนจะซุกเข้ากระเป๋าเสื้อตัวเองซะงั้น

“เดินจับมือแค่นี้แล้วอายเหรอ”

หมอกกระซิบถามเสียงเบาเมื่อเราเดินผ่านกลุ่มพี่เจตน์ที่เกือบเป็นลมกลางชายหาดเมื่อได้เห็นหมอกใกล้ๆ

“ไม่ได้อาย แค่...” ผมอ้ำอึ้ง ยิ่งเห็นสายตาเรียวที่มองมาอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ ผมยิ่งไม่กล้าพูด

“แค่อะไร”

“เขิน”

“ห๊ะ?”

“ก็เขินไง เข้าใจอะไรยากจริง”

ผมดันแผ่นอกหนาที่เข้ามาใกล้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ออกเบาๆ แล้วเดินหนีคนตัวสูงทันที ไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าของผมมันแดงขนาดไหน อยู่ใกล้กว่านี้ไม่ได้แล้วครับ กลัวหัวใจผมจะวายเอาก่อนจะได้ถ่ายงานพรุ่งนี้จริงๆ

หลังจากเดินเล่นที่ริมชายหาดแล้ว ผมกับหมอกก็กลับมานั่งที่ล็อบบี้อีกครั้ง เพราะรอเพลิงที่พึ่งว่ายน้ำเสร็จไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วพวกเราจะไปเดินเล่นที่เพลินวานกัน หมอกยังคงนั่งเช็ครูปในกล้องที่บังคับขู่เข็ญให้ผมไปเป็นนายแบบให้อีกครั้ง ระหว่างนั้นผมก็สั่นขาเบาๆ ดวงตามองสลับระหว่างลิฟต์ที่ไม่มีวี่แววว่าเพลิงจะออกมากับนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลาไปด้วย

“เป็นอะไร นั่งสั่นขาอยู่นั่น” หมอกทักขึ้น เพราะเห็นผมนั่งสั่นขาอยู่อย่างนั้นมานานแล้ว

“เพลิงใกล้มายังอ่ะ ถ้ายังเดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“มันยังไม่มาง่ายๆหรอก ไปเข้าห้องน้ำเถอะ”

พอหมอกโบกมือไล่เท่านั้นแหละ ผมก็รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมา แต่พอจะเดินมาล้างมือที่หน้ากระจกขาผมก็ชะงักแล้วหยุดยืนเงี่ยหูฟังเสียงเบาๆที่ดังมาจากห้องน้ำเล็กๆตรงหน้าผมเงียบๆ


“แล้วมึงมายุ่งอะไรกับกู กูจะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับมึงอยู่แล้ว”

“มึงเป็นของกูเข้าใจมั้ย กูไม่มีทางปล่อยมึงให้ใครแน่ไอติม”



ชื่อที่หลุดออกมาทำให้ผมเบิกตากว้าง รีบตะครุบปากตัวเองไว้ก่อนจะอุทานออกมาแล้วสองคนที่อยู่ในห้องน้ำจะรู้ว่าผมแอบฟังอยู่


“มึงลืมไปแล้วเหรอว่าสถานะของมึงกับกูมันก็แค่เพื่อนกัน มึงไม่ได้เป็นอะไรกับกูเลยควัน หยุดทำตัวเป็นเจ้าของกูสักที!”

“กูไม่หยุด! แล้วถ้าลืมไปว่ากูเป็นผัวมึง งั้นกูจะทบทวนให้มึงเข้าใจอีกสักครั้งดีมั้ย”

“อื้ออออ!! ปล่อยกู! ปล่อยนะควัน!”



ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสติที่แทบไม่เหลืออยู่กับตัว ก่อนออกมาก็หยิบป้ายบอกว่ากำลังทำความสะอาดแขวนเอาไว้หน้าประตูด้วย เผื่อใครเข้าไปในห้องน้ำจะได้ไม่เจอช็อตเด็ดอย่างที่ผมเจอ ไม่รู้ว่าต่อจากนั้นในห้องน้ำแคบๆนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไม่อยากจินตนาการเลยจริงๆ พอได้รู้ความลับของควันกับไอติมแล้วผมยังช็อคไม่หาย พอเดินกลับมาที่โซฟาตัวเดิมก็พบว่าเพลิงมาถึงแล้ว

“ไปเข้าห้องน้ำนานจังวะมึง กูนึกว่ามึงตกส้วมตายไปแล้ว” เพลิงทักแล้วยืนขึ้นเตรียมพร้อมไปเที่ยว ส่วนหมอกก็เดินมาหาผมที่ยังมีใบหน้ายุ่งเหยิงอยู่

“คิ้วพันกันหมดแล้ว เป็นอะไรหื้ม” พูดไม่พอ ยังเอามือมากดที่หัวคิ้วผมอีก ผมตีแขนหมอกเบาๆเจ้าตัวก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี

“แล้วนี่ควันไม่ไปเที่ยวด้วยกันเหรอ” ผมลองถามถึงฝาแฝดของหมอก แต่หมอกกลับส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ

“คงไม่ไปหรอกมั้ง พอมาถึงที่นี่มันก็หายหัวไปเลย สงสัยคงแอบไปหาเมียที่ซุกไว้แถวนี้แหละมั้ง ปล่อยมันไปเถอะ”

พอหมอกพูดอย่างนั้นผมก็คิดถึงหน้าควันกับไอติมขึ้นมาทันที

เห้ออออ ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคนเถอะ ผมจะถือว่าเมื่อกี้ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรแล้วกัน




tbc.
พาร์ทนี้เปิดตัวพี่กรมาอีกคนแล้วค่ะ แต่เรื่องนี้มาแค่รับเชิญเฉยๆจ้า
เหมือนตอนนี้จะสปอยเรื่องของควันไปแหลกลาญมาก5555
อดใจรอกันหน่อย เรื่องของควันมาเร็วๆนี้แหละค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะคะ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ควันลูกก ต้องใจเย็นๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ควันเป็นแนวตบจูบหรอลูกกกกกกก

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โธ่  ควัน  อ่อนโยนกับคนรักเหมือนหมอกหน่อยสิจ้ะ
อย่าทำรุนแรง สงสารไอติม  :monkeysad:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
จัด กรเพลิงไปเลยจ้าาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เรื่องของไอติมกับควันคงไม่ได้หวานชื่นเหมือนเรื่องน้องบลูล่ะสิ ขอฟินกับหมอกกับบลูดีกว่าาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด