' ม่านหมอกสีฟ้า ' update : ตอนที่ 23 (จบแล้ว) -- หน้า 7 --27/04/2018--
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ' ม่านหมอกสีฟ้า ' update : ตอนที่ 23 (จบแล้ว) -- หน้า 7 --27/04/2018--  (อ่าน 118921 ครั้ง)

ออฟไลน์ Eomoge

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ฮือออออออออ

น่ารักกกกก

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0



บทที่ 11
วันหยุดของดาวเดือน




ผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในโลกของความฝัน โลกที่มีหมอกอยู่ในนั้น...หมอก คนที่ผมแอบมองเขามานานหลายปี คนที่ผมไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะมองเห็นผม คนที่ผมไม่เคยคาดหวังว่าชีวิตนี้ผมจะได้ใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้


คนที่ผมไม่เคยคาดหวังว่าหัวใจของเราจะตรงกัน


“อมยิ้มอะไรอยู่คนเดียว”

ปากกาสีแดงเคาะลงที่หน้าผากผมเบาๆ ทำเอาผมหลุดออกจากภวังค์ หมอกยิ้มขำแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆที่เห็นผมสะดุ้งตกใจเพียงแค่เขาสะกิดผมเพียงนิดเท่านั้น

“จะยิ้มไม่ได้รึไง อ่านหนังสือไปสิ” ผมว่า

“ก็ยิ้มได้อยู่หรอก แต่ทำหน้าเหมือนคนเมากลิ่นเมล็ดกาแฟคั่ว ตลกดี” หมอกว่าแล้วก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ผมบุ้ยปากอย่างหมั่นไส้ ยิ่งรู้จักทำไมยิ่งปากร้ายขนาดนี้นะคุณหมอก

ตอนนี้เราทั้งสองคนอยู่ที่ร้าน Chill ร้านเดิมที่ผมและหมอกเคยมากินขนมเค้กด้วยกันครั้งแรก ร้านนี้เป็นร้านกาแฟที่นักศึกษาในมอนิยมมากินกาแฟหรือของหวานกันที่นี่ และนักศึกษาก็ยังนิยมเอาหนังสือหรือเอางานมาทำกันที่นี่ด้วย เนื่องจากทางร้านมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง มีโซนทำงานที่สามารถเสียงดัง พูดคุยกันได้ แล้วก็มีโซนอ่านหนังสือไว้สำหรับคนที่เบื่อการอ่านหนังสือที่ห้องแล้วหอบหนังสือมาอ่านที่ร้านก็ยังได้

และผมก็ไม่รู้ว่าหมอกผีเข้าหรือธาตุไฟเข้าแทรก ถึงได้ลากผมออกมาจากห้องพร้อมหนังสือกฎหมายเล่มใหญ่ พอเปิดประตูเข้าไปในร้าน ทุกสายตาก็พุ่งมาที่ผมและหมอกโดยไม่ได้หมาย และก็เหมือนเดิมที่หมอกมักจะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เดินหน้ามึนไปสั่งกาแฟและของหวานเสร็จก็ลากผมไปนั่งที่โต๊ะว่างติดริมหน้าต่างเฉย ใครจะมองอะไรยังไงก็ไม่สนใจ ใครจะซุบซิบเรื่องของเราก็ทำเป็นหูทวนลม


เรื่องหน้ามึน ไม่สนใจโลก ผมนี่ยกให้เป็นอันดับหนึ่งเลย : (


ติ้ง~


เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองที่สว่างวาบขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นเพลิงที่ทักผมมา ก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปตอบทันที

Plerng : บลู อยู่กับหมอกป่ะ

BLUEBLUR : ใช่ ทำไมเหรอ

Plerng : อยู่ไหนกันอ่ะ นี่ทักมันไปหลายรอบแล้ว มันก็ไม่ยอมตอบ

BLUEBLUR : ร้าน Chill มามั้ย นั่งกันอยู่สองคน วังเวงเว่อร์

Plerng : อยู่กันสองคนเหรอ กูเข้าใจล่ะว่าทำไมมันถึงไม่ยอมตอบกู


เข้าใจอะไรวะ...


Plerng : ถึงมันจะไม่ยอมตอบกูว่าอยู่ไหน แต่กูจะไปเป็นมารขัดขวางความสุขมันเอง เดี๋ยวตามไปนะจ๊ะบลู


ผมจินตนาการหน้าของเพลิงในตอนนี้ออกเลยว่ามันกำลังทำหน้ายังไง พอวางโทรศัพท์ลงก็แอบเหล่มองหมอกที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงหน้า ถ้าผมบอกหมอกว่าเพลิงจะมาหา หมอกจะหงุดหงิดรึเปล่านะ...หรือรอให้เพลิงมาเซอร์ไพร์สตรงหน้าเลยดีมั้ย

นั่งให้ความคิดของตัวเองตีกันนานอยู่หลายนาที เสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้น ผมที่มองเห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาพร้อมๆกับลูกค้าทุกคนที่อ้าปากค้าง ผิดกับหมอกที่นั่งหันหลังให้ลูกค้าคนใหม่ของร้าน เลยยังไม่เห็นว่าเพลิงกำลังเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะของเราแล้ว

“ฮัลโหลลลลล เพื่อนร๊ากกกกกกกก”

ร่างของเดือนมหา’ลัยกอดหมับที่ด้านหลังของหมอก ผมเห็นว่าหมอกสะดุ้งตกใจนิดๆก่อนจะได้ยินเสียงแรดๆของเพลิงดังที่ข้างหู เพลิงปล่อยให้หมอกเป็นอิสระแล้วก็นั่งลงเบียดโซฟาหมอกอย่างระราน เลยทำให้หมอกต้องถดตัวไปที่โซฟาอีกฝั่งอย่างช่วยไม่ได้

ดูๆไปแล้วก็เริ่มสงสารหมอก นี่ผมคิดผิดหรือคิดถูกที่ชวนให้เพลิงมาที่นี่กันเนี่ย

“ปล่อยให้กูทักหาตั้งนาน แต่ไม่ยอมตอบกูเลยน๊า แอบมานั่งสวีทกับเพื่อนกูนี่เอง” เพลิงยังพูดไม่หยุด ผมที่นั่งอยู่ตรงข้ามทำตัวไม่ถูกกับประโยคนั้นของเพลิง เลยยกบลูเบอร์รี่สมูตตี้ขึ้นมาดื่มแก้เก้อ รู้สึกคอแห้งยังไงก็ไม่รู้

“ก็กูรู้ว่าถ้ามึงมา มึงก็จะมาทำตัวอย่างนี้ไง”

ดวงตาเรียวของหมอกมองเพลิงตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่แบบ เออ...ถ้าผมโดนมองแบบนั้นผมคงจะรู้สึกกลัวบ้างอ่ะ แต่มันใช้ไม่ได้กับเพลิงเลยแม้แต่นิด ใบหน้าของเดือนมหา’ลัยยังฉีกยิ้มแฉ่ง แล้วก็จิ้มขนมปังปิ้งบนโต๊ะขึ้นกินหน้าตาเฉย

“ที่กูทำอย่างนี้เพราะกูหมั่นไส้มึงไงครับ ออร่าสีชมพูรอบตัวพวกมึงนี่แบบเหม็นอ่ะ”

“เหม็นอะไร” ผมเผลอขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย เพลิงก็หันมายิ้มให้ผมก่อนจะตอบด้วยเสียงอันดัง

“เหม็นความรักไงบลู”

พอเพลิงพูดอย่างนั้น ผมก็รู้สึกร้อนขึ้นมาทันที...ร้อนไปทั้งหน้าหมดแล้ว ทำไมคนพวกนี้ชอบแกล้งผมกันจังครับ สนุกกันมากใช่มั้ย

“เลิกแกล้งบลูได้แล้วมึง เขินหน้าแดงหมดแล้วนั้น” หมอกพูดเรียบๆ แต่ที่พูดมาเนี่ย มันยิ่งทำให้ผมหน้าแดงมากขึ้นเถอะ ถ้าจะเลิกแกล้งกันก็เลิกพูดสิโว้ย

“หยุดพูดกันทุกคนนั้นแหละ ไม่ได้เขินสักหน่อย อากาศในนี้มันร้อนเฉยๆ”

“ร้อนตรงไหนวะ เปิดแอร์หนาวจนกูนึกว่าอยู่ขั้วโลกเหนือ...โอ๋ๆๆ ไม่แกล้งแล้วๆ” พอเห็นว่าผมชี้นิ้วใส่หน้า เพลิงก็รีบกลับคำพูดทันที ผมมองทั้งหมอกและเพลิงที่ยังยิ้มขำไม่หยุดแล้วก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน เลยยกชีทเรียนของตัวเองขึ้นมาบังหน้าเสียเลย

“งอนหรือเขินวะมึง”

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้างอนจริงกูค่อยง้อ”

“หมั่นไส้ว่ะไอ้หมอก หน้าบานเลยนะมึง”

“หึ...แล้วสรุปมึงมีอะไร ถึงถ่อมาหากูถึงที่นี่”

“ก็เรื่องงานที่อาจารย์สมรแกสั่งไงวะ มึงมีใบงานป่ะ กูจะยืมมึงไปถ่ายเอกสาร”

“อยู่ในแฟ้ม เอาไปดิ”

“เออ...ก็แค่นี้แหละ เสือกลีลาไม่ยอมตอบ กูเลยมาเป็นมารขวางความสุขมึงตรงนี้ไง”

ผมฟังบทสนทนาของหมอกและเพลิงพร้อมกับลดชีทเรียนในมือลงก็เห็นว่าเพลิงหยิบเอาใบงานในแฟ้มของหมอกแล้ว แต่ก่อนที่เพลิงจะลุกออกไปก็หันมาคุยกับผมเสียก่อน

“ไปแล้วนะบลู แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

“อืม”

“เจอกันที่ไหน” หมอกขมวดคิ้ว มองทั้งผมและเพลิงด้วยสายตาที่เก็บความสงสัยไว้ไม่มิด

“พรุ่งนี้พวกดาว-เดือนมีถ่ายแบบให้มหา’ลัย...ทำไม...มึงกลัวว่ากูจะตีท้ายครัวมึงรึไง”

เพลิงโยนระเบิดพร้อมกับเบ้ปากใส่หมอกทีนึงแล้วก็รีบชิ่งหนีออกจากร้านไป ผมได้ยินหมอกก่นด่าเสียงเบาจนจับใจความไม่ได้ รู้แต่ว่าต้องด่าเพลิงแน่นอน ใบหน้าหล่อนั้นส่ายหัวอย่างเอือมๆก่อนจะหันมามองหน้าผม

“พรุ่งนี้ต้องไปถ่ายแบบกี่โมง”

“พี่เขานัดตอนเก้าโมงเช้าอ่ะ ทำไมเหรอ”

“เดี๋ยวไปส่ง”




.

..





เช้าวันอาทิตย์ที่ควรจะเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายๆคน แต่ไม่ใช่สำหรับผมที่มีตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 การประกวดดาว-เดือนของมหาวิทยาลัยค้ำคออยู่ ถึงไม่ใช่เดือนมหาวิทยาลัยเหมือนไอ้เพลิง แต่ผมก็ยังต้องช่วยงานของมหาวิทยาลัยมากไม่แพ้เพลิง งานวันนี้ก็เช่นกันที่ให้พวกเราที่ได้ตำแหน่งมาถ่ายแบบโปรโมตมหาวิทยาลัย

ผมแบกร่างพังๆมาถึงรถของหมอกที่จอดรอรับอยู่ที่เดิมเหมือนทุกวัน ต่างกันแค่วันนี้ผมมาด้วยชุดเสื้อยืด กางเกงบอล และรองเท้าแตะ เพราะพวกชุดต่างๆที่กองเขามีให้พร้อมอยู่แล้ว ต่างจากหมอกที่เป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างสูงสมส่วนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำเรียบๆเข้าชุดกับกางเกงสีดำเนื้อดี รองเท้าหนังหัวแหลมมันวาว กลิ่นน้ำหอมแนวสปอร์ตที่หมอกฉีดมาในวันนี้มันก็เข้ากับลุคที่หมอกแต่งมาเหลือเกิน


หมอกดูดีมาก...


ดูดีจนผมได้แต่คิดว่าคนที่ควรจะไปถ่ายแบบในวันนี้ควรจะเป็นเขามากกว่าที่จะเป็นผมซะอีก

“แต่งตัวจัดเต็มอย่างนี้ จะไปไหนเหรอ”

“นี่เต็มแล้วเหรอ...ก็แค่หยิบๆเสื้อผ้าในตู้มาใส่เอง”

เออ...นี่เรียกไม่เต็มเหรอ ตอนแรกผมนึกคนที่นั่งข้างๆผมนี่คือดารากำลังจะไปออกงานอีเวนท์ด้วยซ้ำๆ

“ต้องแอบด่าอยู่ในใจแน่ๆเลยใช่มั้ย”

หมอกมองหน้าผมแล้วก็ยิ้มขำก่อนจะผลักหัวผมเบาๆ ผมปัดมือหมอกออกแล้วก็ลูบผมที่มันยุ่งให้เป็นทรงไปด้วย ทำไมชอบยีผมกันจังเนี่ย

“ไม่แกล้งแล้ว...ที่แต่งขนาดนี้เพราะจะพาแม่ไปชอปปิ้งน่ะ ไปห้างเลยต้องดูดีนิดนึง”

“อ้าว ถ้ามีธุระทำไมไม่บอกกันล่ะ ความจริงเราไปที่มอพร้อมกับเพลิงก็ได้นะ” เพราะยังไงผมก็ต้องไปที่เดียวกับเพลิงอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่ารบกวนหมอกอย่างนี้ ผมคงจะปฏิเสธตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ทำหน้าเครียดไปได้ เหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะไปหาแม่ ไหนจะต้องวนกลับมารับไอ้ควันที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จอีก...แล้วถ่ายแบบเสร็จกี่โมงล่ะ”

“พี่เขาบอกว่าสี่โมงเย็นน่ะ”

ถึงผมจะเกรงใจมากขนาดไหน แต่หมอกก็แค่ยิ้มบางๆแล้วก็พาผมมาส่งถึงที่หมาย ผมลงจากรถแล้วจะเดินเข้าไปในตึกแต่เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังก็ทำให้ผมชะงักปลายเท้าแล้วหันไปมองคนที่อยู่ในรถเสียก่อน

“เดี๋ยวเลิกแล้วจะมารับนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เราเกรงใจเวลาของหมอกกับครอบครัว ค่อยเจอกันพรุ่งนี้เลยดีกว่า”

“ก็บอกว่าจะมารับไง เสร็จแล้วก็รอก่อน เข้าใจมั้ย”

“ก็ได้” ผมไม่อยากขัดใจหมอก เพราะคนหล่อเริ่มทำหน้าบูดแล้วที่ผมเกรงใจอย่างนั้น ผมโบกมือลาจนกระจกรถปิดสนิท พอหมอกขับรถออกไปแล้วผมก็เดินเข้าไปในตัวอาคารที่ใช้สำหรับการถ่ายแบบในวันนี้

“สวัสดีครับพี่ๆ”

ผมทักทายพี่ๆที่เจอกันตั้งแต่ช่วงประกวด พอหลังจบการประกวดดาว-เดือนแล้ว พวกพี่เหล่านี้ก็ยังตามดูแลพวกผมอยู่เสมอ

“ตายแล้ววว น้องบลูคะ หนูอาบน้ำมารึยังคะลูก” พี่ดาวมองผมด้วยสีหน้าตื่นๆ เห็นสภาพผมที่ยืนอยู่ตรงนี้คงคิดว่าผมมาด้วยชุดนอนแน่ๆ

“อาบมาแล้วสิครับ ไม่เชื่อมาดมก็ได้”

“จ้า เชื่อก็ได้ ไปๆ ไปแต่งตัว แต่งหน้าได้แล้ว จะได้มาถ่ายรูปกัน”

พี่ดาวไล่ผมไปที่ห้องแต่งตัวแล้วเธอก็หันไปดูความเรียบร้อยของฉากและไปคุยกับพี่ต้นที่เป็นตากล้องต่อ ผมเลยเดินไปทางขวาซึ่งเป็นห้องแต่งตัวสำหรับผู้ชายทั้งหมด

พอเปิดเข้าไปในห้อง ผมก็เห็นเพียงความเงียบงัน นี่ผมมาเร็วเกินไปงั้นเหรอ...ยังไม่มีใครมาสักคนเลยแหะ...ผมกวาดตามองไปรอบๆ วางกระเป๋าไว้ที่โซฟาแล้วก็เดินไปหยิบชุดนักศึกษาที่แปะชื่อผมไว้ออกมา กำลังจะก้าวเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด แต่ผมก็ต้องหยุดปลายเท้าเสียก่อนเมื่อประตูห้องเปลี่ยนชุดตรงหน้าเปิดออก

“อ่าว...หวัดดี”

“เออ...สวัสดีไอติม”

ผมยิ้มบางๆให้ไอติมที่อยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าขาวใสนั้นยังไม่ได้แต่งหน้า แต่แก้มขาวก็มีสีแดงระเรื่อเหมือนคนสุขภาพดี ผมหลบทางให้ไอติมเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด และผมก็เดินเข้าไปในห้องเล็กๆนั้นแทน ระหว่างเราไม่ได้พูดอะไรกันอีก...ความจริงไอติมก็ไม่ค่อยจะพูดกับใครอยู่แล้วอ่ะนะ...

หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ ผมก็เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด เห็นว่าทั้งห้องนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ผมและไอติมอีกแล้ว ผมเดินเข้าไปหาเพลิงที่นั่งอยู่ที่โซฟา แต่พอเห็นหน้ามันแล้วผมก็คิดว่าตอนนี้ถ้าผมไปผูกมิตรกับไอติมคงจะดีกว่าคุยกับมันแน่ๆ

ไปโมโหใครมาวะ...หน้าบูดชิบหาย

“เพลิง...มึงไปเปลี่ยนชุดดิ” ผมบอกเพลิงที่ยังรัวแป้นพิมพ์ในโทรศัพท์ไม่หยุด พอได้ยินเสียงผมมันก็ชะงักแล้วกดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“อืม”

ตอบแค่นั้นแล้วก็เดินเข้าห้องเปลี่ยนชุดไป สงสัยมันต้องไปกินรังแตนมาแน่ๆ หงุดหงิดเหมือนมนุษย์เมนส์ไม่มา เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย หรือมันทะเลาะกับแฟนของมันอีกแล้วกันนะ?

ครืดดดดด

เสียงสั่นโทรศัพท์ของเพลิงดังขึ้นพร้อมกับหน้าจอที่สว่างวาบ ผมไม่ได้ตั้งใจจะอ่านหรอกนะ แต่ข้อความที่แจ้งเตือนนั้นมันปรากฏอยู่ตรงหน้า เลยทำให้ผมเห็นว่าใครเป็นคนส่งมา


SaiTarn : โตๆแล้ว อย่าทำตัวงี่เง่าได้มั้ย


“บลู”

เสียงนุ่มๆดังขึ้นเรียกให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ผมหันไปทางเสียงเรียกก็เห็นว่าไอติมนั่งอยู่หน้ากระจก ผมเลยเดินไปหารองเดือนมหา’ลัยและนั่งลงที่เก้าอี้ว่างอีกตัวเพื่อให้พี่ๆมาแต่งหน้าและทำผมให้พวกเรา

“มีอะไรเหรอไอติม”

“เมื่อเช้านี้ใครมาส่งเหรอ”

“อ้อ...หมอกน่ะ มีอะไรรึเปล่า”

“หมอกงั้นเหรอ...” ผมได้ยินเสียงไอติมพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะสั่นศีรษะช้าๆ “ไม่มีอะไรหรอก...แค่สงสัยเฉยๆ”

“สับสนหมอกกับควันรึเปล่า เราจำได้ว่าควันเคยพูดให้ฟังว่าเป็นเพื่อนสนิทกับไอติม”

“ควันพูดถึงเราด้วยงั้นเหรอ” ไอติมหันมามองผมอย่างสนใจ ผมเลยรีบพยักหน้าตอบ

“ใช่ๆ เคยบอกให้เราช่วยดูแลไอติมด้วยนะตอนที่อยู่ในกองประกวดอ่ะ”

“อย่างนั้นเหรอ” เห็นไอติมพึมพำแล้วก็หลับตาลงคล้ายคนอ่อนล้า แก้วตาใสปิดลงพร้อมกับที่พวกพี่ๆเข้าไปรุมแต่งหน้าและทำผมให้ไอติม ผมเลยหันมาให้พี่ทรายลงรองพื้นต่อ ผมมองผ่านกระจกไปด้านหลังก็เห็นเพลิงที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วกำลังนั่งหน้าบึ้งกดโทรศัพท์ยิกๆอยู่คนเดียวเช่นเดิม ไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับมันเลยสักคน

“น้องบลูจ๊ะ เดี๋ยวพี่แต่งหน้าให้น้องบลูเสร็จแล้ว ช่วยเรียกเพลิงมาให้พี่หน่อยนะ”

“ได้ครับ...ว่าแต่ปกติพี่ก็เรียกเองนี่นา” ผมถามพี่ทรายที่หยิบลิปกลอสมาทาให้ผม เธอยิ้มแห้งๆแล้วแอบเหล่มองเพลิงที่ยังไม่หยุดจ้องโทรศัพท์ของตัวเอง

“พี่กลัวอ่ะ...ไม่รู้เพลิงไปโกรธใครมา กลัวโดนลูกหลงเอาน่ะสิ”


.

..

...


หลังจากที่ผมแต่งหน้าและทำผมเสร็จ ผมก็ยืนขึ้นเต็มความสูง พี่ทรายเข้ามาเช็คดูความเรียบร้อยอีกรอบ จัดชายเสื้อ ดูปกเสื้อจนเรียบร้อยแล้วเธอก็ส่งสายตาให้ผมไปเรียกเพลิงมาแต่งหน้าได้แล้ว ผมเลยสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วก็เดินเข้าไปหาคนหน้าบึ้งที่โซฟา

“เพลิง”

“หืม?”

“พี่ทรายให้เรียกไปแต่งหน้า”

“อืม เดี๋ยวไป ขอเวลาอีกห้านาที”

เพลิงพูดกับผม แต่กลับไม่มองหน้าผมเลย ใบหน้าของเดือนมหา’ลัยยังคงจ้องหน้าต่างห้องแชทอยู่อย่างนั้น ผมเห็นว่ามีเพียงแค่ฝั่งของเพลิงที่ส่งข้อความไปเพียงฝ่ายเดียว ต่างจากอีกฝั่งที่ไม่ตอบอะไรกลับมาสักนิด แต่เพลิงก็ยังนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่อย่างนั้นราวกับว่าถ้าจ้องไปนานๆแล้วอีกฝั่งจะตอบกลับมาสักที

“มึงทะเลาะกับแฟนเหรอ” ผมเลียบๆเคียงๆถาม ก็คนมันอดสงสัยไม่ได้นี่นา

“อืม”

“ชื่อสายธารเหรอ...”

“ใช่ ทำไมรู้” เพลิงหันมามองหน้าผมแล้วขมวดคิ้วหนาด้วยความสงสัย

“เออ...ขอโทษนะ แต่ตอนที่มึงเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้อง เขาก็ส่งข้อความมาพอดี เลยบังเอิญเห็นน่ะ”

“ไม่เป็นไร มึงไม่ได้ผิดอะไรนี่” ว่าแล้วเพลิงก็หันไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ แต่ผมก็ยังมีความสงสัยที่อยู่ในใจไม่หมด แถมรั้งปากไว้ไม่อยู่ด้วย

“แฟนมึงสวยรึเปล่าวะ”

“น่ารัก...แฟนกูโคตรน่ารักเลย”

“รุ่นเดียวกับเรามั้ยหรือรุ่นน้อง” ผมยังถามต่อ พอถามถึงคนๆนั้นแล้วเพลิงก็ยิ้มออกมาเลย คงจะรักมากจริงๆสินะ

“ไม่ใช่ เป็นรุ่นพี่”

“เหยดดดดดด รุ่นพี่เหรอมึง ชอบกินหญ้าแก่นี่หว่า”

“หึๆ ของแบบนี้แหละอร่อย กูไปแต่งหน้าล่ะ”

พูดจบเพลิงก็ลุกไปนั่งหน้ากระจกเลย ทิ้งผมไว้ที่โซฟาเช่นเดิมพร้อมกับความลับของเพลิงที่ผมพึ่งได้รู้...แฟนของเพลิงชื่อสายธาร...น่ารักมาก แถมยังเป็นรุ่นพี่ด้วย

ไม่ธรรมดาจริงๆครับเพื่อนผม



หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มถ่ายแบบกัน ผมถูกจับคู่กับอุ๋งอิ๋งจากคณะพยาบาลศาสตร์ เธอได้ตำแหน่งเดียวกันกับผมครับ เราค่อนข้างสนิทกันอยู่แล้ว เลยไม่เกร็งมาก พอถ่ายกับเธอเสร็จ ผมก็รอจนดาวและเดือนแต่ละคู่ถ่ายกันจนเสร็จ เห็นเพลิงได้ถ่ายแบบคู่น้ำหวาน ผมไม่กล้าสู้หน้าเธอเลยเพราะเธอเหมือนโกรธผมอยู่เนืองๆจากการที่ผมตอบแชทเธอไปคราวนั้นว่าเป็นแค่เพื่อนกับหมอก แต่หมอกดันออกมาพูดอีกอย่าง ส่วนเพลิงที่มันทำหน้าหงุดหงิดมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็กลับมายิ้มร่าเริงเป็นปกติแล้ว ทั้งกองถ่ายจึงสบายใจ สงสัยคงจะเคลียร์กับแฟนกันแล้วสินะ ส่วนไอติมที่ผมเห็นใบหน้าล้าๆในช่วงที่แต่งหน้า พอเข้ามาอยู่ในเฟรม คนตัวขาวก็โดดเด่นมาก ยิ้มแล้วเหมือนโลกทั้งใบสว่างขึ้นมาทันตา

บรรยากาศในกองถ่ายนั้นเป็นไปด้วยดี พวกเราถ่ายแบบกันหลายเซ็ตมากๆ เพราะถ่ายครั้งเดียวและใช้งานกันทั้งปีเลย การถ่ายแบบในวันนี้เลยกินเวลายาวจนถึงเย็น ผมตาแห้งจนต้องหยอดน้ำตาเทียมอยู่หลายรอบ แอบมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้มันเลยเวลาที่นัดหมอกไว้แล้ว แถมโทรศัพท์ของผมยังทิ้งไว้ในห้องแต่งตัว ไม่รู้ว่าป่านนี้หมอกจะมารอรึยัง

“น้องบลูไหวมั้ยลูก”

พี่ดาวเดินเข้ามาหาผมเมื่อพี่ต้นลั่นชัตเตอร์เสร็จแล้วผมก็ก้มหน้าทันที เธอเดินเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำตาเทียมของผม ผมขอบคุณพี่ดาวแล้วก็หยอดตาจากนั้นก็กระพริบตาช้าๆ

“หนูเอาแว่นมารึเปล่า พี่ว่าถ่ายเสร็จแล้วถอดคอนแทคเลนส์ออกดีกว่านะ”

“ครับ”

ผมยิ้มให้พี่ดาว แล้วเธอก็เดินออกจากเฟรมไป พี่ต้นถ่ายภาพพวกเราทั้งสิบคนอีกประมาณห้าภาพ ทุกอย่างก็จบลง ผมขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ทำให้งานในวันนี้ผ่านไปด้วยดี แล้วไปเปลี่ยนชุดคืน ดีที่ผมเอาแว่นและตลับใส่คอนแทคเลนส์มาเผื่อไว้ด้วยเพราะคิดว่าถ่ายภาพทั้งวันขนาดนี้ดวงตาของผมคงจะทนไม่ไหว

ผมเปลี่ยนกลับมาเป็นชุดเดิมแล้วก็สวมแว่นสายตาแทนคอนแทคเลนส์ เห็นเพลิงยืนรออยู่ก็เลยเดินไปหามันที่ยังกดโทรศัพท์ไม่หยุด

“ใส่แว่นแล้วแปลกไปเลยว่ะมึง”

“มันดูไม่ดีเหรอ” ผมถามอย่างเป็นกังวล ตั้งแต่เข้ามหา’ลัยมา ผมก็ใส่แว่นเฉพาะเวลาอยู่ที่ห้องเท่านั้น พอใส่แว่นแล้วเจอเพลิงทักอย่างนี้เลยเสียความมั่นใจไปเลย

“เปล่าหรอก มึงใส่แล้วมันเข้ากับมึงดี ไอ้หมอกเห็นแล้วคงจะหลงตาย”

“จะบ้าเหรอ” ผมตีแขนเพลิงแรงๆไปที เพลิงหัวเราะร่วนแล้วกอดคอผมเดินออกมาจากตึกด้วยกัน พอเดินลงบันไดมาแล้วเราทั้งคู่ก็หยุดปลายเท้าลง เพลิงรีบปล่อยแขนที่พาดไหล่ผมไว้ทันที แล้วยกมือเหมือนยอมแพ้คนที่กำลังยืนพิงรถเบนซ์ตรงหน้า

“เปล่านะครับ...ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับคุณหมอก”

“กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย” หมอกพูดเสียงนิ่งๆ แต่สายตาที่มองเพลิงนี่ผมเห็นแล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

“ก็พูดไว้ก่อน เดี๋ยวมึงไปคิดบัญชีกับกูทีหลังไง”

“กูคิดแน่...ไปบลู ขึ้นรถ” พอพูดกับเพลิงเสร็จก็หันมาบอกผม ผมพยักหน้าแล้วบอกลาเพลิงที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ด้านข้าง จากนั้นหมอกก็ขับรถออกมาทันที

“ทำไมถึงได้ใส่แว่นล่ะ” หมอกถามผมขึ้นขณะที่รถหยุดหน้าไฟแดง

“ใส่คอนแทคเลนส์ถ่ายรูปมาทั้งวันแล้วมันแสบตาน่ะ เลยถอดออก แล้วหมอกไปชอปปิ้งกับแม่เป็นยังไงบ้าง” ผมหันมาถามสารถีที่ยังเป๊ะทุกระเบียบนิ้วเหมือนเมื่อเช้านี้

“ก็ดี แม่ซื้อของเยอะเลย ตอนนี้กำลังดูหนังอยู่กับควัน”

“อ่อ” ผมรับคำแล้วเตรียมลงจากรถเมื่อหมอกขับมาถึงคอนโดของผม แต่แปลกที่คราวนี้หมอกเลี้ยวรถเข้ามาจอดในลานจอดรถแทนที่จะจอดเทียบฟุตบาทเพื่อให้ผมลงอย่างทุกวัน

“มีอะไรเหรอหมอก”

“ไปเปลี่ยนชุดสิ จะพาไปกินข้าวข้างนอก”

“หืม? จะไปไหน”

“ไปกินข้าวกับแม่เราไง”


ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย...หมอกบอกจะพาผมไปกินข้าวกับแม่...

แม่ของหมอก...

อ่า...นี่ผมกำลังฝันอยู่แน่ๆเลย




tbc.

พอมาถึงตอนนี้แล้ว เห็นตัวละครใหม่กันมั้ยคะ?
เราจะวางแพลนไว้แล้วว่าจะเขียนเรื่องอะไรบ้าง ตามไปดูในเพจกันนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันจนถึงตอนนี้ค่ะ อย่าพึ่งหายไปไหนกันนะคะทุกคน


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะพาไปหาแม่แล้วเหรอ

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อูยยย พาเปิดตัวหยออ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
งู้ยยยยยยยย มีเปิดตงเปิดตัวนะคะ 555555555555

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
หมอกคนจริง2018 หวังว่าคุณแม่จะปลื้มบลูนะ

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
พี่หมอกคนจริงอีกแล้วววว  คุณแม่ต้องเอ็นดูน้องบลูแน่ ๆ  :-[
ไอติมมีบทพูดแล้ว น้องดูนุ่ม ๆ นิ่ม ๆ แต่ดูเศร้า ๆ จัง ควันทำอะไรน้องไอติม T^T
เปิดตัวพี่สายธารแฟนคุณเพลิง หูย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเพลิงหลงแฟนแค่ไหน
แต่เดาได้เลยว่า พี่สายธารต้องเป็นหนุ่มน่ารักแน่ ๆ > < รู้สึกถึงความควีนของพี่สายธารล่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
หมอกนี่รุกแรงตลอด จะพาหาแม่แล้วด้วย

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


บทที่ 12

สรุปแล้วเราเป็นอะไรกัน




ตอนนี้ผมยืนอยู่ในลิฟต์ที่กำลังพาผมไปยังชั้นบนสุดของโรงแรมหรู พอรู้ว่าต้องไปกินข้าวเย็นกับแม่ของหมอกผมก็ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก หมอกเลยเป็นคนจัดชุดเซ็ตใหญ่ให้ผมซะเลย โชคดีที่ยังพอมีทรงผมที่พอดูได้มาจากกองถ่าย ส่วนชุดที่ใส่ในตอนนี้ หมอกก็เลือกให้เป็นเสื้อยืดสีขาวของแบรนด์ดังเข้ากับกางเกงสกินนี่สีดำและรองเท้าคอนเวิร์ด

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆยามที่ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อเดินมาถึงชั้นดาดฟ้าของโรงแรมพนักงานก็ยิ้มแย้มต้อนรับเราอย่างดีก่อนจะพาไปที่โต๊ะซึ่งมีผู้หญิงวัยกลางคนนั่งหันหลังให้เราและผู้ชายอีกคนที่หน้าถอดแบบออกมาจากหมอกแทบทุกอย่าง

“มาแล้วครับแม่”

หมอกทักเธอ แล้วคุณแม่ของหมอกก็หันมา ผมที่ยืนอยู่ด้านหลังหมอกรีบยกมือไหว้เธอทันที คุณแม่ของหมอกยิ้มให้ผมอย่างใจดีก่อนจะเชิญให้เราทั้งคู่นั่งลง เธอสวยมากๆครับ แม้ว่าจะมีอายุแล้วแต่ก็ยังดูสวยอยู่เลย ผมไม่แปลกใจเลยว่าหมอกและควันได้ความหล่อราวกับพระเจ้าปั้นนี้มาจากใคร

“แม่สั่งของโปรดของหมอกให้หมดแล้ว...แล้วนี่คือเพื่อนที่หมอกเคยพูดให้แม่ฟังตลอดใช่มั้ยจ๊ะ”

“ครับ” หมอกขานรับก่อนที่คุณแม่จะหันมาทางผม

“น่ารักเหมือนที่หมอกเคยพูดไว้เลย...ไม่ต้องเกร็งหรอกจ๊ะ ถือซะว่าแม่เป็นแม่อีกคนแล้วกัน ว่าแต่ชื่ออะไรเหรอจ๊ะ”

“ชื่อบลูครับ”

“แล้วรู้จักหมอกกับควันมานานรึยังจ๊ะ”

“เออ...ผมรู้จักเขาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่โรงเรียน W แล้วครับ แต่หมอกกับควันคงไม่รู้จักผมเพราะตอนนั้นอยู่คนละห้อง แต่พอขึ้นมหา’ลัย ผมก็รู้จักกับหมอกผ่านเพื่อนอีกคนน่ะครับ”

“งั้นเหรอจ๊ะ คงจะสนิทกับหมอกมากจริงๆเพราะหมอกไม่เคยพาเพื่อนคนไหนมากินข้าวกับแม่เลย...” คุณแม่ยิ้มละไม ก่อนจะชวนผมคุยต่อ “...บลูรู้รึเปล่าจ๊ะว่าทำไมสองคนนี้ถึงชื่อหมอกกับควัน”

“เอ๋?” ผมเผลอครางด้วยความสงสัย คุณแม่ยังคงยิ้มก่อนจะพูดต่อ

“นี่แม่ไม่เคยพูดให้ใครฟังเลยนะ...แต่ก่อนน่ะแม่ชอบเพลงหมอกหรือควันมาก ข่วงที่ท้องเจ้าสองคนนี้แม่ต้องฟังทุกวันเลย พอคลอดออกมาเลยตั้งชื่อตามชื่อเพลงซะเลย”

ผมก็พอจะเดาๆได้บ้างว่าที่มาของชื่อหมอกและควันมาจากไหน พอได้ยินคำยืนยันจากปากคุณแม่แล้วก็ดีใจที่ตัวเองคิดถูก เราคุยกันต่ออีกสักพัก อาหารหลากหลายอย่างก็ถูกเสิร์ฟในเวลาต่อมา ปูผัดผงกระหรี่ ห่อหมกมะพร้าวอ่อน ต้มยำกุ้ง ปลากะพงสามรส ผัดหน่อไม้ฝรั่ง ถูกแต่งในจานอย่างสวยงาม พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆที่บริกรตักใส่จานของแต่ละคน

เป็นอีกครั้งที่ผมได้ร่วมโต๊ะอาหารพร้อมกับหมอกและควัน แต่ที่พิเศษกว่าทุกครั้งก็ตรงที่ครั้งนี้มีคุณแม่ของทั้งคู่ด้วย ผมหายเกร็งทันทีที่เห็นรอยยิ้มของคุณแม่ และเธอก็เอ็นดูผมเหมือนลูกอีกคนของเธอนั้นทำให้ผมอดดีใจไม่ได้ และท้ายที่สุดอาหารมื้อนี้ก็จบลงด้วยดี

“กลับแล้วนะจ๊ะเด็กๆ ดูแลตัวเองกันด้วยล่ะ”

“ครับ แล้วผมจะกลับบ้านให้บ่อยมากขึ้นนะครับแม่” ควันเดินเข้าไปกอดคุณแม่ก่อนจะผละออกมา เธอยิ้มพรายแล้วอ้าแขนรอหมอกที่ยืนอยู่ด้านหลัง หมอกเลยไม่ลังเลที่จะเขาไปกอดคุณแม่พร้อมกับหอมแก้มท่านทีนึง

“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ครับ กลับบ้านดีๆนะครับ”

“จ๊ะ เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนกันนะเด็กๆ แม่ไปแล้ว”

คุณแม่เดินออกไปจากโรงแรมแล้ว ผมเห็นว่ามีรถมารอรับเธออยู่ด้านนอก พอรถของคุณแม่ขับออกไปแล้ว ควันก็หันมาหาผมที่ยังยืนอยู่ข้างหมอก

“กลับแล้วนะบลู”

“อ้าว...ไม่ได้จะกลับด้วยกันเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย

“ไม่ล่ะ ไอ้หมอกมันคงไม่อยากให้กลับด้วยหรอกมั้ง” ควันเหลือบมองหมอกแล้วก็ยิ้มออกมา...ซึ่งรอยยิ้มของหมอกมันคล้ายเพลิงเหลือเกิน...


คล้ายยังไงน่ะเหรอ


ก็กวนตีนเหมือนกันน่ะสิ


“แล้วจะกลับยังไง วันนี้จะกลับห้องรึเปล่า” หมอกถามด้วยเสียงเรียบๆเช่นเดิม

“เดี๋ยวจะไปหาเพื่อนก่อน ส่วนจะกลับห้องรึเปล่า...ก็คงต้องรอดูสถานการณ์ก่อนอ่ะนะ ช่วงนี้เพื่อนกูมันกำลังอาการร่อแร่ ต้องดูแลมันหนักหน่อย”

หืม? เพื่อนคนไหนกันนะ ผมอดสงสัยไม่ได้จริงๆ หรือว่าจะเป็นไอติมรึเปล่า วันนี้เห็นท่าทางอ่อนล้าเหมือนคนไม่ได้นอนของไอติมแล้วก็ได้แต่คิดว่าเพื่อนคนนั้นของควันคงจะเป็นไอติมแน่ๆ ควันเดินออกไปแล้วตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ผมกับหมอกเท่านั้น

“งั้นเราก็กลับกันเถอะ”

หมอกหันมาบอกผม ผมยิ้มกว้างแล้วเดินตามหมอกไปที่รถ วันนี้เป็นวันที่หนักหน่วงสำหรับผมเหลือเกิน ถ่ายแบบมาตั้งแต่เช้า อยากกลับไปนอนก็ถูกหมอกลากออกมาด้วยเสียก่อน จนตอนนี้ก็สองทุ่มแล้ว ผมเหนื่อยจนเผลองีบหลับบนรถ เมื่อมาถึงคอนโดแล้วหมอกก็สะกิดผมเบาๆให้ตื่น

“ถึงแล้วเหรอ...ขอบคุณนะที่มาส่ง”

ผมขยี้ตาเบาๆแล้วเตรียมลงจากรถ แต่พอเห็นว่าหมอกจอดรถที่ไหนผมก็ขมวดคิ้ว

“ทำไมมาจอดที่นี่ล่ะ ไม่ได้จะกลับคอนโดหมอกเหรอ”

“ไม่ล่ะ วันนี้จะค้างด้วย”

พอหมอกพูดจบ ผมก็เบิกตากว้าง จากที่ง่วงนอนก็ตาสว่างขึ้นมาทันที หมอกจะค้างกับผมงั้นเหรอ บ้าไปแล้ว

“ค้างอะไรกัน ห้องตัวเองก็มี แล้วอยู่ที่นี่ก็ไม่มีของใช้อะไรเลยนะ” ผมเถียงอย่างรวดเร็ว แค่ตอนนั้นที่ไปง้อหมอกแล้วโดนหลอกให้นอนด้วยนั้นก็เกินพอแล้ว ตอนนี้ยังจะมาบุกห้องผมอีก ผมไม่เคยตั้งตัวทันเลยให้ตายเถอะ

“เรื่องของใช้ไม่ต้องห่วง เตรียมมาหมดแล้ว”

หมอกหยิบเอากระเป้ที่ด้านหลังรถขึ้นมาสะพาย ใบหน้าหล่ออมยิ้มแล้วตบเป้ให้ผมได้ยินเสียงมาของข้างในนั้นมันแน่นขนาดนั้น ผมเถียงไม่ออกเลย...


คิดมาอย่างดีแล้วสินะ ไอ้คนเจ้าเล่ห์เอ๊ย!


.

..

...



“นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกัน ขอเก็บห้องก่อน”

ผมจัดแจงให้หมอกนั่งนิ่งๆอยู่ที่โซฟาพร้อมกับกระเป๋าเป้ของหมอก ส่วนผมก็วิ่งวุ่นเก็บของต่างๆในห้อง ทั้งชีทเรียนที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะก็จัดให้มันเข้าที่ ถ้วยมาม่าตอนเช้าที่กินเสร็จและวางทิ้งไว้ก็จัดการล้างจนเรียบร้อย หยิบไม้กวาดมากวาดเอาเศษฝุ่นบนพื้นจนมันสะอาดแล้วผมก็มัดถุงขยะสีดำเอาไปทิ้งด้านล่างคอนโด ใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงผมก็จัดการห้องของผมจนมันสะอาดเรียบร้อยแล้วผมก็ทิ้งตัวลงอย่างหมดแรงที่โซฟาที่ว่างอีกตัว

“ไปอาบน้ำเถอะ ฝุ่นเต็มตัวหมดแล้ว”

ผมเหล่มองปลายเท้าหมอกที่ดันสีข้างผมเบาๆ สาบานได้ว่านี่คือคนที่บอกว่าชอบผม เขาทำกันอย่างนี้งั้นเหรอครับ

“จะนอนตรงนี้มั้ย เดี๋ยวไปหาหมอนกับผ้าห่มให้ จะได้ไปอาบน้ำทีเดียว” ผมถามแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เตรียมจะลุกไปหยิบหมอนกับผ้าห่มมาให้แล้ว แต่หมอกก็ดึงมือผมไว้ก่อนจะฉุดลงให้นั่งข้างเจ้าตัว

“นอนตรงไหน”

“ก็ตรงนี้ไง ที่โซฟา” ผมมองหน้าหมอกงงๆ ไม่เข้าใจอะไรหว่า ก็ว่าพูดภาษาไทยอยู่นะ

“ใครจะนอนโซฟากัน จะนอนในห้องนอน”

“ไม่ให้นอน นอนตรงนี้แหละ เดี๋ยวไปเอาหมอนมาให้”

ผมเถียงแล้วดันหมอกให้ห่างจากตัว เดินเข้าไปในห้องนอนแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบหมอนและผ้าห่มออกมา แต่ว่าหมอนมันอยู่สูงและเก็บไว้ลึกจนผมเอื้อมไม่ถึง กำลังจะไปลากเก้าอี้มาเพื่อปีนขึ้นไปเอาหมอนแล้ว แต่ไอร้อนที่แผ่อยู่ด้านหลังก็ทำให้ผมชะงักเสียก่อน

หมอกเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ร่างสูงกำลังยืนซ้อนหลังผมอยู่ หมอกแค่เขย่งปลายเท้าแล้วก็เอื้อมแขนยาวๆนั่นไปหยิบหมอนได้อย่างสบาย ผมลดมือลงและหันกลับมามองแขกที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นว่าระยะห่างระหว่างเราสองคนนั้นใกล้กันเหลือเกิน ผมก็ถอยปลายเท้าจนแผ่นหลังแนบกับตู้เสื้อผ้าโดยอัตโนมัติ

“ได้หมอนแล้วก็ถอยออกไปสิ” ผมพูดเสียงเบา พอดันคนตรงหน้าให้ถอยออก หมอกก็ไม่ยอมขยับเลย

“ไม่ถอย จนกว่าจะได้นอนในห้องนอน” พูดอย่างเดียวไม่พอยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีก ผมเผลอย่นคอหนีโดยอัตโนมัติ แต่ก็หนีได้เพียงนิดเพราะตอนนี้แผ่นหลังผมก็ติดกับตู้เสื้อผ้าแล้ว

“งั้นนอนในห้องก็ได้ ดะ...เดี๋ยว...เดี๋ยวเราไปนอนที่โซฟาข้างนอกก็ได้” พอพูดจบผมก็รีบหลับตาปี๋ทันที เมื่อหมอกยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมยิ่งกว่าเดิมอีก ใกล้จนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่กระทบที่ข้างแก้มของผม

“ให้โอกาสใหม่พูดอีกที...ถ้ายังพูดไม่ถูกใจอีกน่าจะรู้นะว่าจะโดนอะไร”

เสียงของหมอกกระซิบเบาๆอยู่ข้างหู ผมยังไม่กล้าลืมตาขึ้นมา ตอนนี้แม้แต่จะหายใจผมยังไม่กล้าเลย

“ก็...ก็ได้...หมอกนอนในห้องนี้ก็ได้” ผมยอมแพ้แล้วครับ

“แล้วบลู?”

“เรา...เออ...ก็จะนอนห้องนี้เหมือนกัน”

“ก็แค่นั้นแหละ”

พูดจบหมอกก็ผละออก ปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ผมเผลอสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด เมื่อกี้นี้เกือบลืมหายใจไปแล้วด้วยซ้ำ ผมยังยืนมองหมอกที่วางกระเป๋าเป้แล้วก็กระโดดขึ้นเตียงของผมอยู่ที่เดิม เห็นหมอกนอนแผ่จนเต็มเตียงแล้วผมก็คิดหนัก เตียงของผมมันไม่ได้กว้างเท่าเตียงของหมอก แถมห้องของผมยังไม่มีหมอนข้างอีก หรือว่าผมควรจะนอนที่พื้นดีนะ?

“ไปอาบน้ำสิบลู”

หมอกพูดแล้วก็หยิบคุณบราวน์ของผมขึ้นมากอดเล่น ผมมองภาพตรงหน้าแล้วก็อมยิ้มออกมา ผู้ชายตัวสูงเกือบ 190 ซม. กำลังนั่งกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอยู่บนเตียงของผม ใครได้เห็นภาพนี้ก็คงจะต้องยิ้มเหมือนผมแน่ๆ

“ยิ้มอยู่นั้น หรือที่ไม่ยอมไปอาบน้ำเพราะว่ารออาบพร้อมกันรึไง”

“อาบน้ำพร้อมกันอะไรเล่า!” ผมตีหน้ายุ่งแล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำทันที ขืนยืนต่อนานอีกสักนิด หมอกต้องหาเรื่องมาแกล้งให้ผมหัวใจเต้นรัวอีกแน่ๆ

หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จและเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว หมอกก็ลุกออกจากเตียงมาคุ้ยของในกระเป๋าเป้เพื่ออาบน้ำบ้าง ผมมองหมอกหยิบเอาชุดนอน ผ้าขนหนู แปรงสีฟัน พร้อมกับชุดนักศึกษาสำหรับใสในวันพรุ่งนี้ออกมาสะบัดๆแล้วเอาไม้แขวนผ้าของผมไปแขวนเอาไว้ แล้วร่างสูงก็เดินเข้าไปอาบน้ำ

ผมเดินเข้าไปดูกระเป๋าเป้ที่ยังเปิดเอาไว้อยู่ เห็นของข้างในแล้วก็ต้องยอมหมอกจริงๆ เตรียมมาพร้อมทุกอย่างเหมือนวางแผนมาตั้งแต่เช้าแล้วว่าคืนนี้จะค้างที่ห้องของผมเพราะผมเห็นกระเป๋าเป้ใบนี้วางอยู่ในรถตั้งแต่เช้าแล้ว ผมหันไปมองชุดนักศึกษาของหมอกที่มันค่อนข้างยับเพราะถูกพับไว้ในกระเป๋าอยู่นาน ผมเลยหวังดีเอาชุดนักศึกษาของหมอกมารีดให้จนเรียบร้อย พอรีดเสร็จแล้วก็แขวนไว้ที่เดิม หมอกก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี

“ทำอะไรน่ะ”

“รีดชุดให้เฉยๆ เสื้อเรียบดี ไม่ไหม้เลยนะ”

“ขอบใจ นึกว่าจะได้ใส่เสื้อยับๆไปเรียนซะแล้ว”

หมอกเดินมาดูฝีมือการรีดเสื้อของผมด้วยความซึ้งใจ คงไม่คิดว่าผมจะรีดเสื้อได้ดีขนาดนี้สินะ ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะตั้งใจรีดเสื้อให้หมอกขนาดนี้ เสื้อตัวเองยังรีดไม่เรียบเท่านี้เลยเถอะครับ

“เสื้อก็เรียบแล้ว แถมตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วย งั้นเรานอนกันเถอะ” คนตัวสูงหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ ผมรีบแกะมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของหมอกทันที จู่ๆก็รู้สึกกลัวรอยยิ้มของหมอกขึ้นมาเฉยๆ ใครก็ได้ช่วยผมด้วยครับ T___T

“หมอกนอนเลย เดี๋ยวเราเอาผ้าไปปูนอนที่พื้น”

“ได้ไง นอนด้วยกันดิ” ร่างสูงขมวดคิ้ว มองผมที่ยังยืนยิ้มใจดีสู้เสือ(ร้าย)อยู่

“เตียงเรามันไม่ได้กว้างพอจะนอนด้วยกันสองคนสักหน่อย เดี๋ยวเราเสียสละนอนที่พื้นเองก็ได้”

“ไม่เอา ไปนอนด้วยกัน” พูดไม่พอ จับแขนผมหมับแล้วก็ลากผมขึ้นเตียงเลย ผมตั้งตัวไม่ทันแล้วครับ ทำไมเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้เนี่ยคุณหมอก!

“เตียงเล็กตรงไหนกัน เรียกไอ้ควันมานอนด้วยอีกคนยังได้เลย” หมอกว่าแล้วก็คว้าเอาคุณบราวน์ของผมไปกอดหมับ ผมมองคนตัวโตที่หยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาถ่ายตุ๊กตาหมีของผม ผมเลยเอนตัวหลบกล้องของหมอก

“หลบทำไมอ่ะ มานั่งเหมือนเดิมสิ”

“ไม่เอา จะถ่ายตุ๊กตาก็ถ่ายไปสิ”

“ก็อยากถ่ายเจ้าของตุ๊กตาด้วย” ว่าแล้วก็เบนกล้องมาทางที่ผมนั่งอยู่พร้อมกับคุณบราวน์ “ยิ้มหน่อยครับ”

“ไม่เอา”

“ยิ้มเร็ว ไม่ยิ้มจับปล้ำจริงๆด้วย”

สุดท้ายผมก็ยอมฉีกยิ้มใส่กล้องของหมอกอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าไม่ยอมถ่ายเดี๋ยวก็หาเรื่องบังคับให้ผมถ่ายให้ได้นั้นแหละ พอได้รูปไปแล้วหมอกก็ยิ้มกว้างแล้วนอนแผ่กลางเตียง ผมมองหมอกกดๆจิ้มๆโทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าหมอกกำลังทำอะไรอยู่ จนกระทั่งเสียงแชทจากโทรศัพท์ของผมดังขึ้นรัวๆ ผมก็เลยลุกไปเอาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดู


Wan : เชี่ยบลู! มึง!

Plerng : อ๊ะๆๆ ไม่ธรรมดาเลยนะครับเพื่อน


หืม? เกิดอะไรขึ้น ทั้งว่านและเพลิงทักผมมาพร้อมกัน ยังไม่รวมเพื่อนอีกหลายคนที่ทักผ่านผมมาทางเฟสบุ๊คด้วย ผมรีบเข้าไปดูเฟสบุ๊คทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นว่าโพสต์แรกเป็นของใคร ผมก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาจนอยากจะกระโดดถีบคนที่นอนยิ้มหน้าบานอยู่บนเตียง


Kavee Worakul
2 mins

Nice bear with nice boy : )


“มัน nice boy ตรงไหนหมอก นี่มัน ugly boy ชัดๆ”

ผมมองรูปที่หมอกอัพลงในเฟสบุ๊คส่วนตัวของหมอก แต่ไอ้เฟสบุ๊คส่วนตัวเนี่ยดันเปิดโพสต์นี้เป็นสาธารณะซะงั้น รูปผมที่ใส่แว่นตากรอบหนา แถมยังใส่รีเทนเนอร์อยู่ด้วย ไม่เหลือสภาพความหล่ออะไรแล้ว ตอนนี้ผมกลายเป็นไอ้แว่นเฉิ่มๆในชุดนอนย้วยๆเป็นแบคกราวน์ด้านหลังคุณบราวน์ไปแล้ว

“น่ารักจะตาย กระแสดีด้วยเนี่ยดูสิ”

หมอกยื่นโทรศัพท์ของเจ้าตัวมาให้ผมดู ผมเห็นคอมเมนต์ที่ค่อยเพิ่มพร้อมกับยอดไลค์และยอดแชร์ที่ตามมาติดๆ หมดกันภาพลักษณ์เดือนคณะวิทยาศาสตร์ที่ผมพยายามสั่งสมมาตลอดทั้งเทอมนี้

“ลบเดี๋ยวนี้เลยนะหมอก น่าเกลียดจะตาย”

“ไม่อ่ะ ปล่อยไว้งี้แหละ” หมอกยังคงยืนยันคำเดิม ผมเบะปากแล้วเลื่อนดูคอมเมนต์ที่เหล่าสาวกของหมอกยังคอมเมนต์ไม่หยุด


นั้นมันน้องบลูนี่นาน้องหมอก

เปิดตัวกันแล้วเหรอคะคู่นี้ ถ้าเปิดตัวดิฉันก็พร้อมจะฟินแล้วค่ะ

ลาออกจากการเป็นชิปเปอร์ได้ที่ไหนคะ ตกงานค่ะ กัปตันพายเรือหนักเหลือเกิน

สรุปว่าตอนนี้เป็นเพื่อนสนิทหรือแฟนกันแน่ บลูก็บอกว่าเป็นเพื่อนสนิท หมอกก็บอกจะเป็นแฟน งงไปหมดแล้วค่า

 

พอเห็นคอมเมนต์ของแต่ละคนแล้วผมก็ชะงัก นั้นสิแล้วตอนนี้ผมกับหมอกเป็นอะไรกันเหรอ เราสนิทกัน เราไปไหนมาไหนด้วยกัน หมอกบอกว่าชอบผม และผมก็ชอบหมอก ความรู้สึกของเราตรงกันทุกอย่าง แต่ผมก็ไม่กล้าถามหมอกว่าสถานะของเราตอนนี้คืออะไรกันแน่

“หมอก” ผมเปล่งเสียงเรียกคนที่ยังนอนไถโทรศัพท์เล่นอยู่ที่เตียง หมอกขานรับแล้วก็หยิบคุณบราวน์มากอดด้วย ดูท่าจะชอบตุ๊กตาของผมจริงๆ

“มีอะไรงั้นเหรอ มานอนดิ” ว่าแล้วก็ตบที่ว่างข้างเตียงเบาๆ แต่ผมก็ยังยืนอยู่ที่เดิม

“เราถามอะไรสักอย่างหน่อยดิ”

“ว่ามาสิ”

“สรุปว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกันเหรอ”

พอผมถามจบ หมอกที่นอนเล่นอยู่บนเตียงก็เปลี่ยนโหมดเป็นโหมดจริงจังทันที ร่างสูงเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วดึงแขนผมให้นั่งข้างๆ

“เครียดอะไรอีกหืม?”

“ไม่ได้เครียด แต่เราสงสัยจริงๆว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกับหมอกกันแน่”

“คนที่ต้องถามคำถามนี้มันควรเป็นเรามั้ยที่ถาม...แต่สงสัยอย่างนี้ก็ดี เอาโทรศัพท์มาสิ จะได้รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน” พูดเสร็จก็แย่งโทรศัพท์ในมือของผมไปกดอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว กดๆอยู่สักพักแล้วก็ยิ้มกับตัวเองก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้ผม

“ถ้าอยากรู้ว่าเราเป็นอะไรกันก็เปิดดูในเฟสบุ๊คเอาแล้วกัน คำตอบอยู่ในนั้นแหละ”

ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแล้วรีบเข้าไปดูว่าหมอกทำอะไรกับเฟสบุ๊คของผม พอเห็นข้อความตรงหน้าวผมก็เบิกตากว้าง หัวใจเต้นเร็วอย่างห้ามไม่อยู่ ผมกำลังนึกว่าผมตาฝาดอยู่ แต่ขยี้ตาอีกกี่ทีผมก็ยังเห็นแต่ข้อความเดิมๆปรากฏอยู่ตรงหน้า


Punnawit thanawatchai in a Relationship with Kavee Worakul



tbc.

อัพถี่ขนาดนี้อย่าพึ่งเบื่อกันนะคะ
ใครที่บอกว่าหมอกพาไปเปิดตัวกับแม่ เรียกว่าไปแนะนำตัวจะดีกว่าเนอะ
ตอนนี้มีใครอ่านไปแล้วยิ้มบ้างคะ นี่แต่งไปแล้วก็ตลกกับความเจ้าเล่ห์ของหมอก
พอบลูถามสถานะปุ๊บก็รวบหัวรวบหางบลูจับเป็นแฟนซะเลย55555555

ปล.ถ้าชอบก็คอมเมนต์หรือติดแทกกันทางทวิตได้นะคะ
ติด #ม่านหมอกสีฟ้า ให้หน่อยนะคะ ตามไปอ่านแล้วไม่มีฟีดแบคเลย เศร้าใจแท้ ;-;



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีหมอกนี้ก็ไวเกิ๊นนน

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
แว้กกก หมอกคนเจ้าเล่ห์ มือไวใจไวเหลือเกินนน

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ว้ายยยๆยาฟหยดฟายดาฟยห เค้าเปิดตัวกันแล้ววว ตั้งคบแล้วว แงงงงง

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0



บทที่ 13
แฟนกันวันแรก


Foggy & Smoky : เพจแตกไปแล้วค่าทุกคนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หลังจากที่เมื่อคืนหนุ่มหมอกของชาวเราโยนระเบิดลงกลางเฟสบุ๊คตอนเที่ยงคืน
ชาวเรือตายเกลื่อนจนตอนนี้ยังมีการกู้ซากศพชิปเปอร์หมอกบลูที่ตายยังไม่ฟื้นกันอยู่เลยค่ะทุกคนฮืออออออ
สรุปแล้วว่าตอนนี้คู่เรียล คู่แท้ คู่ที่ไม่ต้องมโน คู่ที่ไม่ต้องจิ้นเค้าคอนเฟิร์มกันแล้วโน๊ะ
ถึงแอดจะเสียใจที่หมอกของเราไม่โสดอีกต่อไปแล้ว แต่แอดก็ไม่เสียใจค่ะเพราะแอดก็ชอบหมอกบลูมากเหมือนกัน
น้องบลูน่ารักกกกกกกก สะใภ้ของชาวเราน่ารักขนาดนี้ พวกเราจะเสียใจไปทำไมกันคะ
ส่วนใครที่กำลังเสียใจ ซดน้ำใบบัวบกกันอยู่ก็อย่าเสียใจกันนานนะคะ เรายังเหลือหนุ่มควันอีกคนไว้แทะโลมอยู่
ว่าแล้วก็แปะรูปหมอควันของชาวเราไปดูแก้ช้ำในกันเถอะค่ะ
 




ผมตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังลั่นห้อง ยื่นแขนออกไปกดปิดนาฬิกาปลุกอย่างเคยชินแล้วผมก็มุดหน้าเข้ากับอ้อมกอดอบอุ่นที่ผมซุกอยู่ตลอดทั้งคืน

อ้อมกอดอบอุ่น...

ของหมอก

“เช้าแล้วนะ จะไม่ตื่นเหรอ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูแผ่วเบา ผมยังคงหลับตานิ่งพร้อมกับครางปฏิเสธ

“อืออออ ขอเวลาอีกสิบนาที” ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาอุดหู ไม่สนอีกคนที่ขยุกขยิกอยู่รอบๆตัวผม

“งั้นเดี๋ยวไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะมาปลุก”

หมอกลุกออกไปจากเตียงแล้วผมก็กลิ้งตัวม้วนเอาผ้าห่มทั้งหมดมาเป็นของผม จะได้นอนต่อสักที ต้องรีบทำเวลาเพราะเวลาสิบนาทีในตอนนี้มันมีค่ากับผมมากจริงๆ


.

..




“บลู”

“...”

“บลู ตื่น”

“อื้อออออ”

สิบนาทีมันผ่านไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ผมยังคงหลับตาอยู่แม้ว่าแรงจากด้านนอกผ้าห่มจะเขย่าตัวผมจนหัวหมุนไปหมด และในท้ายที่สุดผมก็ถูกดึงออกจากผ้าห่มผืนหนาจนได้

“จะตื่นดีๆ หรือต้องให้กระตุ้นก่อนหืม?”

“อือออออ...กระตุ้นอะไร” ผมปรือตามองคนปลุกในวันนี้ แต่พอลืมมาขึ้นมาผมก็ต้องเบิกตากว้าง ความง่วงงุนหายไปหมดเมื่อเห็นใบหน้าของหมอกอยู่ใกล้ชนิดที่ว่าผมสามารถนับเส้นขนตาของหมอกได้

“เห้ยยยยย”

ผมผลักหมอกออกห่างอย่างรวดเร็ว เกือบไปแล้ว ถ้าผมไม่ยอมตื่นเขาต้องเข้ามาใกล้ผมกว่านี้แน่ๆ

“ไม่น่ารีบตื่นเลย เกือบจะได้กินของหวานตอนเช้าล่ะ”

หมอกพึมพำอย่างเสียดาย ผมมองคนตรงหน้าที่คิดจะเก็บเล็กเก็บน้อยกับผมตลอดเวลา แถมสายตาของหมอกนั้นก็เจ้าเล่ห์สุดๆ ผมหมั่นไส้จนอดไม่ได้ที่จะปาหมอนที่อยู่ใกล้ตัวสุดใส่คนตรงหน้า

“ออกไปรอด้านนอกเลย จะไปอาบน้ำแล้ว” หมอกกดยิ้มมุมปากแล้วนั่งลงที่ปลายเตียงก่อนจะชี้ไปที่โต๊ะเครื่องแป้งของผม

“หึหึ เดี๋ยวนอนรอในนี้แหละ เจลเซ็ตผมใช้ได้ใช่มั้ย”

“อื้อ จะทำอะไรก็เชิญ”

หลังจากนั้นผมก็วิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมชุดนักศึกษาที่จะใส่ในวันนี้ ตั้งแต่อยู่ที่คอนโดนี้มา ผมไม่เคยต้องอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดในห้องน้ำเลย แต่ตอนนี้ผมเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตขึ้นมาแล้วล่ะครับ อะไรที่เซฟตัวเองได้ผมก็จะทำแล้วล่ะครับตอนนี้

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนักศึกษาเต็มยศ พอเห็นสายตาของหมอกที่มองผมอย่างคาดหวังตอนออกมาจากห้องน้ำแล้วรู้สึกดีที่ใส่ชุดออกมาก่อนแทนที่จะออกมาแต่งตัวเหมือนทุกวัน ผมทาครีมและทาแป้งจนเสร็จเรียบร้อย พอหันไปมองหมอกที่ยังผมยุ่งฟูอยู่เหมือนเดิมก็อดจะถามไม่ได้

“ยังไม่เซ็ตผมเหรอ ไหนบอกว่าจะใช้เจลของเราไง”

“ยัง”

“ไม่เซ็ตแล้ว?”

“เปล่า เซ็ตให้หน่อย” พูดไม่พอ ยังยื่นกระปุกเจลมาให้ผมอีก ผมรับเจลเซ็ตผมมาแล้วเดินเข้าไปหาหมอกที่ยังนั่งอยู่ปลายเตียง ดวงตาเรียวมองที่ผมอย่างคาดหวัง

“จะเอาทรงแบบไหน”

“เอาทรงที่คิดว่าหล่อที่สุด เอาแบบที่ไปเรียนแล้วคนต้องอิจฉาว่ามีแฟนหล่ออ่ะ”

หมอกพูดประโยคนั้นด้วยเสียงเรียบๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ ต่างจากผมที่หัวใจเต้นรัวกับคำว่า แฟน ของหมอก ตั้งแต่เมื่อคืนที่เราเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนกลายเป็นแฟนแบบงงๆ จนมาถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดว่าผมกำลังฝันอยู่เลย โซเชี่ยลต่างๆผมก็ไม่ได้เช็ค เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรที่น่าสนใจมากไปกว่าคนตรงหน้าผมอีกแล้ว

“งั้นไม่ต้องเซ็ตแล้วกัน” ผมว่า แล้วเดินไปเก็บกระปุกเจลเข้าที่เดิม ส่วนหมอกนั่งที่ยังนั่งอยู่ปลายเตียง จากที่กำลังยิ้มกว้างก็หุบยิ้มหน้าบึ้งไปแล้ว

“ทำไม ไม่อยากมีแฟนหล่อรึไง”

“ไม่ล่ะ แค่นี้คนก็ชอบทั้งมอแล้ว ขืนหล่อไปมากกว่านี้ ถ้าคนหลงเสน่ห์มากขึ้นอีก เราคงหวงแย่”



.

..

...



ตั้งแต่ที่หมอกกลายมาเป็นสารถีส่วนตัวของผม ผมก็ไม่เคยให้หมอกขับรถมาจอดถึงหน้าคณะเลยสักครั้ง อย่างดีก็จอดห่างจากคณะไปประมาณ 500 เมตร แล้วผมก็เดินไปที่คณะจะได้ไม่เป็นจุดสนใจของคนอื่น แต่วันนี้พอมาถึงที่เดิมที่ผมมักจะลงแล้ว หมอกกลับไม่ยอมหยุดรถ พอผมท้วงก็เอาหูทวนลมแล้วรถเบนซ์สีขาวก็ทะยานมาจอดลงที่หน้าตึกเรียนของผมในเวลาที่นักศึกษากำลังพลุกพล่านอย่างนี้

“หมอก ขับเลยออกไปกว่านี้อีกนิดได้มั้ย” ผมถามแล้วเหลือบมองผู้คนด้านนอกที่มองมาที่พวกเราด้วยความสงสัย

“ขับออกไปทำไม ลงตรงนี้แหละ คนเยอะดี”

“ไม่เอาอ่ะ ขับไปจอดป้ายนั้นเร็ว” ผมชี้ไปที่ป้ายจอดรถซึ่งห่างออกไปจากตรงนี้พอสมควร แต่หมอกกลับฉีกยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ไม่ไป เลือกเอาว่าจะลงไปเองหรือว่าจะให้ไปอุ้มลงจากรถ”

พอพูดแบบนั้นผมก็รีบเปิดประตูลงจากรถทันที ไว้ใจอะไรหมอกไม่ได้หรอกครับ ขืนบ้าดีเดือดทำจริงตามที่พูดขึ้นมา ผมคงโดนซุบซิบทั้งวันแน่ ผมยังอยากเรียนอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขนะครับ

พอผมลงมาจากรถ ทุกสายตาก็มองมาที่ผมเป็นจุดเดียว ผมก้มหน้าแล้วรีบก้าวเท้าเข้าห้องเรียนอย่างรวดเร็ว พอเข้ามาในห้อง เพื่อนทั้งห้องก็พร้อมใจกันมองมาที่ผมอย่างไม่ได้นัดหมาย พอผมเดินไปนั่งประจำที่ตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมา เพื่อนทุกคนก็เข้ามารุมผมทันทีโดยมีไอ้ว่านเป็นแกนนำอยู่ตรงหน้า

“มีอะไรกันเหรอพวกมึง” ผมยิ้มแห้งๆ ถึงพอจะรู้อยู่แล้วว่าทำไมทุกคนถึงเข้ามาล้อมรอบที่โต๊ะผมอย่างนี้ แต่ผมก็แอบกลัวอยู่นิดๆนะ

“สรุปแล้วมึงกับหมอกเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย”

“เออ...” ผมกำลังมึนกับสายตาทุกคนที่จ้องอย่างคาดหวังกับคำตอบของผม แม้แต่ไอ้ว่านมันยังไม่อยู่ข้างผมเลยครับ T__T

“ไม่ต้องอ้ำอึ้งเลยนะหมอก นี่ตามส่องตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วันนี้เห็นด้วยนะว่าหมอกมาส่งอ่ะ” มะนาว...เพื่อนร่วมคลาสพูดขึ้น ผมแอบปาดเหงื่อแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“ให้เราพูดอะไรก่อนล่ะ ถามมาทีละเรื่องสิ” พอผมพูดแบบนั้น ทุกคนก็พร้อมจะรัวคำถามใส่ผมทันที แต่ว่านก็ยกมือห้ามก่อน

“ถามคำถามทีละคน...กูเริ่มก่อน” ว่านจ้องหน้าผม พร้อมกับรอยยิ้มที่ผมไม่ไว้ใจเลย

“เมื่อคืนหมอกนอนที่ห้องมึงใช่มั้ย”

“เออ...”

“ห้ามโกหก!” กำลังคิดจะทำอย่างนั้นเลย แต่ว่านก็พูดดักไว้ก่อน ผมเลยพยักหน้าช้าๆอย่างยอมรับ

“แล้วที่ขึ้นสถานะเมื่อคืน สรุปว่าตอนนี้มึงคบกับหมอกแล้วใช่มั้ย”

“ไม่รู้...หมอกหยิบโทรศัพท์ไปแล้วก็จัดการเองทุกอย่างเลย”

ผมตอบคำถามเหมือนนักโทษที่ทำความผิดร้ายแรง ทำไมต้องจ้องคาดคั้นเอาความจริงกันขนาดนี้ด้วย แอบได้ยินเสียงเพื่อนด้านหลังกรี๊ดเบาๆกับคำตอบของผมด้วย อย่าบอกนะว่าในห้องนี้ก็มีคนจิ้นผมกับหมอกอ่ะ

“ยังจะมาบอกว่าไม่รู้อีก เขาชัดเจนขนาดนั้นแล้วมึงก็มั่นใจได้แล้วโว้ยไอ้บลู”







หลังจากเรียนเสร็จในช่วงเช้าแล้ว ตอนบ่ายผมยังต้องเข้าแลปอีก ผมและว่านจึงรีบไปที่โรงอาหารทันที พอมาถึงแล้วพวกผมก็ยืนนิ่งอยู่หน้าโรงอาหาร คนเยอะตามระเบียบครับเพราะนักศึกษาสาขาอื่นก็เลิกพร้อมกันหมด

“เอาไงดีมึง หรือจะกินขนมปังในมินิมาร์ทประทังชีวิตไปก่อน” ผมขอความเห็นจากว่าน เห็นแถวที่รอซื้อข้าวแล้วก็ท้อแท้ ถ้ารอกินข้าวที่นี่ผมคงไม่ทันไปเข้าแลปแน่ๆ

“กูว่ามึงไม่น่าจะต้องกินขนมปังประทังชีวิตหรอกนะ ดูนั้นสิ”

“หืม?” ผมมองไปทางที่ว่านชี้ให้ดู พอหรี่ตามองแล้วผมก็ต้องเบิกตากว้าง เห็นเพลิงนั่งโบกมือหยอยๆอยู่กลางโรงอาหาร พอผมเห็นมันแล้วมันก็รีบกวักมือเรียกทันที ผมเลยเดินเข้าไปหามันและพบว่าหมอกก็นั่งอยู่ด้วย

“นั่งลงเร็วบลู จองที่ไว้ให้แล้ว” เพลิงชี้ไปที่ที่ว่างด้านข้างหมอก ผมเลยต้องนั่งลงอย่างช่วยไม่ได้

“มีเรียนแลปตอนบ่ายใช่มั้ย” หมอกถามผมพร้อมกับเลื่อนจานข้าวมาตรงหน้า “กินสิ ซื้อไว้ให้แล้ว”

“อ่า...ขอบคุณนะ” ผมยิ้มกว้างแล้วกำลังจะหยิบช้อนขึ้นมาตักกินข้าว แต่พอได้ยินเสียงว่านแล้วผมก็ชะงักกึก

“อิจฉาคนมีแฟนจังว่ะ ข้าวเที่ยงก็ซื้อให้พร้อม แถมตามมาเฝ้าถึงที่คณะ ไอ้เราไม่มีใครก็คงต้องไปหาซื้อข้าวเองสินะ”

“คนไม่มีแฟนก็ต้องดูแลตัวเองนะว่าน ไปกันเถอะ กูอยู่แถวนี้แล้วกูรู้สึกตาร้อน ไปหาอะไรกินดับความร้อนดีกว่า”

“เออ กูก็ว่างั้น”

ว่านและเพลิงเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกไปทิ้งให้ทั้งโต๊ะเหลือเพียงแค่ผมและหมอก พอมองไปรอบๆตัวก็พบว่าสายตาหลากหลายคู่มองมายังพวกผมเป็นจุดเดียว พอเห็นว่าผมมอง คนพวกนั้นก็รีบหลบสายตาผมกันทันที

“กินข้าวดิ เดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก”

“ก็จะกินอยู่ แล้วหมอกล่ะ กินแล้วเหรอ” ผมถามคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเพราะไม่เห็นว่าตรงหน้ามีอะไรวางอยู่ หรือว่าหมอกแค่มานั่งเฝ้าผมเฉยๆงั้นเหรอ

“ยัง เดี๋ยวจะออกไปกินข้างนอก ช่วงบ่ายว่างน่ะ”

“อ่อ” ผมว่า และตักข้าวเข้าปากตามไปด้วย

“บลูยืมกุญแจห้องหน่อยดิ”

“จะเอาไปทำไม” ผมขมวดคิ้วแล้วเคี้ยวข้าวตามไปด้วย

“ลืมของไว้ที่ห้องน่ะ เดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปเอา แล้วตอนเย็นเดี๋ยวคืนกุญแจให้”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้คิดอะไรมากและหยิบเอากุญแจห้องส่งให้หมอก จากนั้นผมก็รีบกินข้าวเลยไม่ทันเห็นรอยยิ้มของหมอกว่าเป็นยังไง พอกินข้าวจนหมดแล้วก็รีบเก็บของทั้งหมดเพื่อที่จะวิ่งไปแลปต่อ

“แล้วเจอกันตอนเย็นนะ อย่าขโมยของที่ห้องล่ะ”

“ไม่ขโมยหรอกหน่า ไปได้แล้ว”



หลังจากเลิกเรียนแลปเคมีแล้ว ผมก็ออกมารอหมอกอยู่ที่หน้าคณะเช่นเดิม รอไม่นานหมอกก็ขับรถมาจอดเทียบอยู่ตรงหน้า ผมยิ้มกว้างและเปิดประตูขึ้นรถอย่างเคยชิน 

“หาของเจอแล้วใช่มั้ย ล็อคห้องเรียบร้อยดีรึเปล่า” ผมหันไปถามสารถีส่วนตัวที่ยังไม่หยุดยิ้มอีก ยิ้มอะไรกันนักหนานะ

“อืม เรียบร้อยแล้ว ไปไหนกันต่อดี ฉลองกันหน่อย”

“ฉลองอะไร?”

“ฉลองที่เป็นแฟนกันวันแรกไง”

“ถึงกับต้องฉลองเลยเหรอ” ผมถามเสียงเบา ยื่นมือไปปรับแอร์ให้มันโดนหน้าผมเยอะๆ จู่ๆก็ร้อนหน้าขึ้นมาอีกแล้ว อากาศประเทศไทยนี่มันร้อนจริงๆครับ T/////T

“ต้องฉลองสิ อยากไปไหน บอกมาเร็ว”

“ไปที่ไหนก็ได้ แล้วแต่หมอกเลย”

ผมไปที่ไหนก็ได้ครับ...ขอแค่คนข้างกายเป็นผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าเขาจะพาผมที่ไหน ผมก็พร้อมจะเดินไปข้างๆเราแล้วล่ะครับ




ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
หมอกพาผมมาที่ห้างสรรพสินค้าที่ใกล้กับมหา’ลัยของเรามากที่สุด เราเลือกที่จะไปดูหนังด้วยกัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ผมได้มาดูหนังกับหมอกอย่างนี้ ครั้งแรกที่เรามาด้วยกันผมยังเกร็งๆอยู่เลย แถมตอนนั้นผมยังแอบชอบหมอกมากๆ คิดแค่ว่าได้เป็นแค่เพื่อนกับหมอกก็ดีมากแค่ไหนแล้ว ไม่คิดว่าในวันนี้สถานะของผมกับหมอกจะเปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นแฟนอย่างนี้เลย

“อยากดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” หมอกถามผมหลังจากที่เติมเงินในบัตรแล้ว วันนี้หมอกบอกว่าจะเลี้ยงหนังผมครับ

“ดูเรื่องนี้ก็ได้” ผมลังเลระหว่างหนังรักกับหนังแอคชั่นฮีโร่ สุดท้ายก็ชี้ไปที่หนังแอคชั่นฮีโร่ที่กำลังฮอตสุดๆในตอนนี้ดีกว่า

“กำลังอยากดูพอดีเลย” หมอกพูดพึมพำแล้วจัดการซื้อบัตรและเลือกที่นั่ง หมอกเลือกเบาะฮันนีมูนแทนที่จะเป็นบัตรนั่งธรรมดา พอซื้อบัตรเสร็จก็ลากผมไปซื้อป็อบคอร์นและน้ำอัดลมต่อ

พอเข้ามาในโรงหนังแล้วผมก็เดินไปนั่งตรงที่นั่งที่หมอกเลือกไว้ การดูหนังในครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิมครั้งแรกมากๆ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมจากการดูหนังครั้งก่อนก็คือฝ่ามือที่กุมมือผมไว้ตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้ แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังแอคชั่นที่สนุกจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ แม้ว่าหนังจะน่าตื่นเต้นขนาดไหนแต่ผมกลับนั่งอมยิ้มเหมือนดูหนังรักตลอดเวลาสองชั่วโมงที่อยู่ในโรงหนัง


พอมีความรักแล้วมันเป็นอย่างนี้สินะ...

อะไรๆก็ดีไปหมดแบบนี้


หลังจากดูหนังเสร็จ เราก็ยังเดินเล่นกันอยู่ในห้างกันต่อไป หมอกอยากได้น้ำหอมขวดใหม่เลยพาผมเข้าออกร้านน้ำหอมเป็นว่าเล่น ให้ผมดมกลิ่นน้ำจนเส้นประสาทส่วนการรับกลิ่นของผมเอ๋อไปได้พักใหญ่ๆ

“นี่ยังไม่ได้น้ำหอมที่ถูกใจอีกเหรอ” ผมกระตุกแขนเสื้อหมอกเบาๆ นี่เราออกมาจากร้านที่สามแล้ว หมอกก็ยังไม่ได้น้ำหอมที่ถูกใจสักที

“ยังไม่ถูกใจ ร้านนี้ร้านสุดท้ายแล้ว เชื่อสิ”

ผมจะเชื่อคำพูดของหมอกได้แค่ไหนกัน พูดอย่างนี้มาตั้งแต่ร้านที่สองแล้วนะ จนมาถึงร้านที่สี่แล้ว ต้องมีร้านที่ห้า หก เจ็ด ต่อมั้นล่ะเนี่ย

“สวัสดีค่ะ สนใจน้ำหอมตัวไหนคะ”

ผมและหมอกมายืนอยู่ที่ช็อปของโจมาโลน บีเอสาวเดินเข้ามาต้อนรับพวกเรา แอบเห็นสายตาวิบวับของเธอยามที่มองหมอก แต่คนด้านข้างกายผมกลับไปสนใจ ตาเรียวจดจ้องอยู่แต่กับขวดน้ำหอมที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า

“ขอลองเทสต์ Rose Water & Vanilla กับ Iris & White Musk หน่อยครับ” หมอกบอกกับบีเอสาว เธอยิ้มหวานและฉีดน้ำหอมใส่เทสเตอร์ก่อนจะส่งให้หมอก หมอกดมกลิ่นดูก่อนจะส่งให้ผมที่ยืนเงียบๆไม่ออกความเห็นอยู่ด้านข้าง

“เลือกเร็ว อันไหนดีกว่ากัน”

ผมอยากจะบอกว่าตอนนี้จมูกของผมตายด้านไปแล้วครับ แต่ก็ยังรับเทสเตอร์จากหมอกมาลองดมดู เอาจริงๆผมว่าทุกร้านที่หมอกไปลองดมมามันก็หอมเหมือนๆกันหมดนั้นแหละ แต่ถ้ามีตัวเลือกเป็นน้ำหอมสองกลิ่นนี้ ผมว่าหมอกน่าจะเหมาะกับกลิ่น Iris & White Musk กว่า Rose Water & Vanilla นะ

“เราชอบกลิ่นนี้มากกว่า” ผมยื่นเทสเตอร์ของกลิ่น Iris & White Musk ให้หมอกไปลองดมอีกที หมอกแทบจะไม่ดมเลย แล้วบอกบีเอทันที

“เอากลิ่น Iris & White Musk ครับ”

“ได้ค่ะ” เธอหยิบน้ำหอมออกมา หมอกไม่ถามราคาเลย ร่างสูงยื่นบัตรเครดิตให้บีเอไปจัดการ ก่อนจะหันมาดมเทสเตอร์ทั้งสองอันอีกรอบ

“ทำไมไม่รีบเลือกจัง ทีร้านอื่นไม่เห็นจะเลือกง่ายอย่างนี้เลย” ผมถามด้วยความสงสัย งงจริงๆครับ ให้ผมดมกลิ่นจนจมูกพังแล้วมาเลือกง่ายๆแบบนี้เนี่ย

“ก็ร้านอื่นบลูไม่เลือกสักทีว่าชอบกลิ่นไหน อยากได้กลิ่นที่บลูชอบไง”

“อ่าว แล้วก็ไม่บอกแต่แรก” ถ้าผมรู้ว่าหมอกคิดอย่างนี้ ผมเลือกตั้งแต่ร้านแรกแล้ว ไม่ต้องเดินดมน้ำหอมกันเป็นสิบๆกลิ่นจนมึนอย่างนี้หรอกครับ

“ได้แล้วค่ะคุณลูกค้า” บีเอคนเดิมเดินกลับมาพร้อมถุงน้ำหอม หมอกรับของพร้อมกับบัตรเครดิตมาก็ได้เวลาที่เราจะกลับสักที ตอนนี้ผมก็เริ่มเหนื่อยแล้วด้วย

หลังจากออกมาจากห้าง ผมก็นั่งคุยกับหมอกมาตลอดทางเพื่อไม่ให้ในรถมันเงียบ จนเมื่อเข้ามาถึงละแวกมหา’ลัยแล้ว ผมก็เริ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าทางที่กำลังไปนั้นมันไม่ใช่ทางไปคอนโดของผม

“จะไปไหนอีกอ่ะหมอก ไม่ได้จะไปส่งเราเหรอ”

ผมมองทางด้านนอกที่มันเริ่มคุ้นตา แต่มันเป็นทางที่ไปคอนโดของหมอกแทนที่จะเป็นคอนโดของผมน่ะสิ

“เดี๋ยวถึงก็รู้” หมอกว่าแค่นั้น และในที่สุดรถเบนซ์คันหรูก็จอดลงที่ลานจอดรถในคอนโดของหมอก ผมเดินลงจากรถอย่างงงๆตามหมอก เห็นหมอกเปิดเข้าไปเอากระเป๋าเป้ด้านหลังรถก็ไม่ได้ติดใจอะไร

“พาเรามาที่คอนโดหมอกทำไมเหรอ”

“ก็มาค้างที่นี่ไง”

“เดี๋ยวก่อนๆ เรายังไม่ได้พูดสักคำว่าจะค้างที่นี่นะ” ผมเบรกปลายเท้าไว้ แม้ว่ากำลังจะโดนหมอกลากขึ้นคอนโดยังไงก็ตาม

“ก็ไม่ได้พูด แต่จะให้ค้างด้วยกันไง”

“จะบ้าเหรอ จะค้างยังไง ควันก็อยู่ด้วย ของใช้ต่างๆของเราที่อยู่ที่ห้องอีก ไม่เอาอ่ะ ถ้าไม่ไปส่งเดี๋ยวกลับเองก็ได้ เอากุญแจห้องเรามานะ” ผมแบมือขอกุญแจห้องคืนจากหมอก เกือบลืมไปแล้วว่าวันนี้หมอกเอากุญแจห้องของผมไป

“วันนี้ควันไม่อยู่ห้อง เอาจริงๆมันก็ไม่อยู่ห้องมาเกือบอาทิตย์แล้ว ส่วนเรื่องของใช้ต่างๆไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเราเอามาหมดแล้ว”

“ห๊ะ!” ผมเบิกตากว้าง ร้องเสียงหลงเมื่อหมอกเฉลยให้ผมได้รู้โดนการเปิดของในกระเป๋าให้ผมดู

“ตอนบ่ายไปขนของทุกอย่างมาหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะไม่มีอะไรใช้ ขึ้นห้องกันเถอะ ยืนอยู่ตรงนี้นานๆแล้วยุงมันกัด”

แล้วคนตรงหน้าก็ลากผม...ครับ ใช้คำว่าลากเลย ทั้งลากทั้งฉุดผมขึ้นห้องจนได้ ทำไมเจ้าเล่ห์ขนาดนี้เนี่ย หมอกคนเดิมที่นิ่งๆคูลๆคนนั้นหายไปไหนแล้ว ฮืออออออ ใครก็ได้ช่วยผมด้วย T____T

เครื่องปรับอากาศในคอนโดของหมอกกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างดีแต่ผมกลับนั่งปาดเหงื่ออยู่บนโซฟานิ่งๆคนเดียว พอมองของในกระเป๋าเป้ที่หมอกแอบไปเก็บของมาแล้วก็จะร้องไห้ มีของใช้ทุกอย่างของผมที่จำเป็นทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว ครั้นจะหาเรื่องกลับห้องก็ทำไม่ได้อีก


ผมไม่คิดเลยว่าหมอกจะร้ายขนาดนี้


“นั่งตัวเกร็งเลย หนาวเหรอเดี๋ยวเพิ่มอุณหภูมิให้”

หมอกที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำ ทักผมแล้วเดินไปหยิบรีโมตแอร์มาปรับอุณหภูมิขึ้นให้ แล้วร่างสูงก็เดินมานั่งลงข้างผม

“เงียบเลย เป็นอะไรหืม?” พูดอย่างเดียวไม่พอ ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีก ผมเบนตัวหนีโดยอัตโนมัติ แล้วเผลอตีแขนหมอกทีนึงอย่างแรงด้วยความลืมตัว

“โอ๊ยยย” นั้น แล้วก็แกล้งทำเป็นเจ็บแขนอีก ต้องเล่นใหญ่รัชดาลัยขนาดนี้มั้ยคนเรา

“ยังไม่รู้ตัวอีกว่าโกรธอยู่”

“โกรธอะไรผมเหรอครับ วันนี้วันดี อย่าทำให้เสียฤกษ์สิ” หมอกอมยิ้ม เป็นยิ้มที่ผมเริ่มเห็นว่ามันคล้ายกับเพลิงเข้าไปทุกที ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะถามหมอกที่ยังไม่ยอมเอาหน้าออกไปให้ห่างจากผมสักที

“เสียฤกษ์อะไร” ผมขมวดคิ้ว และมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ

“ก็เสียฤกษ์เข้าห้องหอไง...โอ๊ยยย!!!”

“เข้าห้องหออะไร ไอ้คนเจ้าเล่ห์! ไอ้คนหื่นกาม! ไอ้! ไอ้...ตายซะเถอะ!”

“โอ๊ยยยยย พอแล้ววว”

หมอกร้องเสียงหลง แต่ผมไม่ยอมหยุดตีไอ้คนหื่นกามง่ายๆหรอก ผมกระโดดขึ้นคร่อมเจ้าของห้องที่นอนแผ่เต็มโซฟาแล้วเอาแต่หลบฝ่ามือของผม ผมไม่ยอมหยุดแถมยังหยิบหมอนมาตีรัวๆอีก หมอกร้องเสียงหลงปนหัวเราะขำอีก ขำอะไร สนุกมากนักใช่มั้ย!

“โอ๊ยยยย บลู พอแล้ว ยอมแล้ว”

หมอกยกมืออย่างยอมแพ้ ผมเลยหยุดรัวมือ รู้สึกเหนื่อยจนหอบแฮ่กๆอยู่บนร่างของหมอก พอเห็นรอยยิ้มของคนที่บอกว่ายอมแพ้ผมก็ตีอกหนาไปทีนึงด้วยความหมั่นไส้

“โอ๊ยยย ชอบใช้กำลังก็ไม่บอก”

“หยุดพูดเลย พูดอีกคำจะกลับห้องจริงๆด้วย”

“ไม่พูดแล้วครับ”

หมอกปิดปากตัวเอง แล้วชูสามนิ้วขึ้นมาสัญญาผมเลยพอจะเบาใจขึ้นมาได้บ้างว่าหมอกคงจะทำตามอย่างที่พูดจริงๆ ผมเตรียมจะลุกขึ้นจากตัวของหมอก แต่พอจะลุกขึ้นมือหนาก็รวบตัวผมเอาไว้ ไวเท่าความคิดร่างสูงก็ดันร่างผมลงโซฟาก่อนเจ้าตัวกลับขึ้นมาคร่อมตัวผมย่างรวดเร็ว ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจที่ตอนนี้ผมกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียแล้ว


ไม่มีสัจจะในหมู่โจรจริงๆด้วยโว้ยยยย


“ปะ...ปล่อย...ปล่อยเราเลยนะ”

ผมบอกเสียงสั่น ยิ่งเห็นหมอกที่โน้มตัวเข้ามาใกล้เท่าไร ผมยิ่งใจไม่ดี ใบหน้าหล่อนั้นขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ดวงตาเรียวคมที่มีอานุภาพทำลายล้างของหมอกมองทะลุเข้ามาในดวงตาของผม ลมหายใจจากด้านบนกระทบข้างแก้มจนผมใจไม่ดี ผมหลับตาปี๋ยามที่หมอกขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นบริเวณริมฝีปาก ผมไม่กล้าลืมตาเลยจริงๆจนกระทั่งสัมผัสนั้นหลุดออกไป ผมก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ทันที

“กลัวเหรอ” เสียงทุ้มกระซิบถามเสียงแผ่ว ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมองหมอกที่ยังไม่ยอมออกห่างจากผมเท่าไรนัก

“...”

“จูบแรกรึไง อึ้งขนาดนี้” หมอกยังคงอมยิ้ม ยิ้มไม่พอยังจะยื่นหน้าเข้ามาหาผมอีกรอบ ผมรีบเอามือดันอกหนาแล้วออกแรงผลักให้หมอกออกห่างจากตัวของผม

“เราจะกลับแล้ว ขอกุญแจห้องคืนด้วย”

ผมทวงกุญแจห้องคืน หมอกยังไม่ยอมคืนผมจนตอนนี้ ถึงจะดึกขนาดไหนผมก็จะกลับแล้วครับ ไม่อยู่ด้วยแล้วครับ ผมยังแบมือแล้วมองหน้าหมอกด้วยใบหน้าที่คิดว่าน่าจะน่ากลัวที่สุด แต่หมอกไม่ได้ดูกลัวเลย แถมร่างสูงยังลุกขึ้นแถมบิดขี้เกียจตรงหน้าผมอีก

มาไม้ไหนกันอีกเนี่ย?

“เห้ออออ วันนี้เรียนเหนื่อยมากเลย ไปอาบน้ำกันเถอะ” พูดไม่พอ ยังจับข้อมือผมและกระตุกเบาๆให้ลุกขึ้นตามอีก แต่ผมยังยืนหยัดอยู่บนโซฟา ไม่ยอมไหลตามง่ายๆหรอกบอกเลย

“ไม่เอา เอากุญแจห้องเราคืนมา จะกลับห้องแล้ว”

“จะกลับยังไง ดึกขนาดนี้แล้ว”

“ถ้าไม่ไปส่ง เดี๋ยวจะหาทางกลับเองหรอก ให้เพลิงมารับก็ได้จะยากตรงไหน” ผมขมวดคิ้ว เริ่มมีน้ำโหกับหมอกที่เฉไฉไปมาอยู่นั้น

“จะไปรบกวนไอ้เพลิงมันทำไม นอนที่นี่แหละ สะดวกสบาย มีทุกอย่างที่อยากได้ มีหมอกด้วย ไม่ชอบเหรอ”

หมอกเปลี่ยนจากกระตุกมือผมเหมือนคนเอาแต่ใจเป็นกุมมือผมเอาไว้แทน ผมเงยหน้ามองหมอกที่เริ่มทำหน้าเหมือนหมาหงอยเข้าไปทุกที แล้วเจ้าของห้องก็นั่งลงตรงหน้าผม

“โกรธจริงๆเหรอ”

“...” ผมไม่ตอบ ถ้าถามว่าโกรธมั้ยมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่ไม่พอใจมากกว่าที่ทำอะไรโดยที่ไม่ปรึกษาผมเลยสักคำ

“ถ้าอยากกลับจริงๆเดี๋ยวไปส่งก็ได้”

“อืม อยากกลับแล้ว ขอกุญแจห้องคืนด้วย” ผมบอกด้วยเสียงที่เรียบที่สุด หมอกไม่อิดออดที่จะคืนกุญแจให้ผมเหมือนก่อนหน้านี้ทันที

“งั้นเดี๋ยวไปส่ง ขอเก็บของ...”

“ไม่ต้องคิดจะขนของไปข้างที่ห้องเราด้วย ส่งเราเสร็จก็กลับมา” ผมดักทางอย่างรู้ทัน

“ครับ”

หมอกก็รีบเดินกลับมาหาผมพร้อมรับคำอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยทันที ดูๆไปก็แอบขำกับท่าทางหางลู่หูตกของหมอก เหมือนหมาฮัสกี้ตัวใหญ่ๆที่โดนเจ้าของดุ แต่ผมก็ต้องเก็กเอาไว้แล้วเดินนำหมอกที่ถือกระเป๋าเป้ที่ไปขนออกมาจากห้องของผมออกมาด้วย

ท้ายที่สุดหมอกก็พาผมมาส่งถึงคอนโด ตลอดทางผมไม่ยอมคุยกับหมอกเลยแม้ว่าหมอกจะพยายามชวนคุยยังไง ร่างสูงทำท่าจะเดินตามผมลงมาจากรถเมื่อจอดรถแล้ว แต่ผมก็ดักคอไว้อีกรอบ

“ไม่ต้องลงมาเลย ขับรถกลับคอนโดดีๆล่ะ” ผมบอกแล้วเตรียมจะเปิดประตูลงจากรถ แต่ข้อมือของผมก็ถูกดึงไปกุมไว้เสียก่อน

“หายโกรธรึยัง”

“ไม่บอก” ผมแกะมือของหมอกแล้วรีบลงจากรถ แต่เสียงของหมอกก็ยังเรียกผมให้หยุดอยู่กับที่ได้ชะงัก

“ขอโทษ...ขอโทษที่ทำไปโดยไม่คิด บลูหายโกรธหมอกนะครับ...นะ”

เสียงอ้อนๆแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนทำให้ผมต้องหันกลับไปมองหมอก พยายามแล้วที่จะไม่หลุดยิ้มออกมา แต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้ พอเห็นว่าผมยิ้มแล้วหมอกก็ยิ้มกว้าง ทำท่าจะลงมาจากรถแต่ผมก็เบรกไว้ได้ทัน

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องลงมาเลย”

“แต่...”

“ไม่ต้องแต่ เราจะขึ้นไปนอนแล้ว กลับห้องไปได้แล้วหมอกมันดึกแล้ว”

“ก็ได้...งั้นถึงห้องแล้วจะทักหานะ”

“อืม”

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ...คุณแฟน”

หมอกบอกลาผมที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจากไม่วายโปรยรอยยิ้มหล่อให้ผมใจกระตุกเล่นยามดึกอย่างนี้ ผมมองจนรถของหมอกขับออกไปแล้วถึงได้เดินขึ้นคอนโดของตัวเองบ้าง วันนี้ผมเหนื่อยมากจริงๆ ไหนจะทั้งเรียน ไหนจะต้องรับมือกับแฟนคนแรกที่แผลงฤทธิ์ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มคบกันอีก

ผมยิ้มออกมาให้กับวันธรรมดาๆของผมที่ต่อไปนี้คงจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป เพราะใครสักคนที่เข้ามาแต่งแต้มสีสันในชีวิตของผมให้มันพิเศษกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา...ใครคนนั้นที่เข้ามาทำให้ผมยิ้ม ทำให้ผมมีความสุข ทำให้ผมใจเต้นแรง


ใครคนนั้น...ที่ทำให้โลกใบเดิมของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 





tbc.
กว่าจะจบตอนนี้ /ปาดเหงื่อ
ตอนนี้ยาวมาก ยาวเกือบ5พันคำ
ตอนแรกจะตัดตอนหลังไปอีกตอน แต่สุดท้ายก็เอามาลงในตอนนี้ให้หมดเลย
อ่านกันให้สนุกนะคะ หวังว่าทุกคนจะยิ้มกับนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมากๆค่ะ

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อุ้วว หนูบลูใจแข็งกว่าที่คิดนะเนี่ยย เล่นเอาหมอกหงอยเลยย5555

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
บลูต้องสู้นะลูกกกก อย่ายอมแพ้ในอำนาจฝ่ายต่ำ  :ling3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ให้เวลาบลูบ้าง ใจเย็นๆนะหมอก

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 14
หึงก็บอกว่าหึง


เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงการสอบมิดเทอมครั้งแรกในชีวิตมหา’ลัยของผมแล้ว ผมไม่รู้ว่ามันจะยากขนาดไหน ต้องอ่านหนังสือหนักกว่าสมัยมัธยมยังไง รู้แต่ว่าข้อสอบนั้นเป็นข้อสอบแบบอัตนัย แถมคะแนนสอบในครั้งนี้ก็มากถึง 45% ซึ่งมันเยอะมากๆ ถ้าผมทำคะแนนในรอบนี้ไม่ดี เกรดเทอมนี้ของผมคงจะพลาดเอแน่นอน

“ไอ้บลูมึงไม่คิดจะพักสักหน่อยเหรอวะ กูเห็นมึงทำโจทย์แคลมาตั้งแต่บ่ายแล้วนะ” เสียงที่เรียกชื่อผม ทำให้ผมต้องเงยหน้าจากโจทย์ขึ้นมามองหน้าว่านที่หัวยุ่งฟูไม่ต่างจากผมเท่าไรนัก

“เดี๋ยวค่อยพัก ขอทำโจทย์ข้อนี้เสร็จก่อน” ผมว่าแล้วก็ก้มหน้าลงแก้โจทย์ต่อไป

“มึงอย่าไปทักมันเลย ให้มันทำไปเถอะ เพื่อมันตรัสรู้เรื่องภาคตัดกรวยแล้ว จะได้เผื่อแผ่อานิสงส์มาถึงพวกเรา”

“เออ นี่กูมานั่งอ่านกับพวกมึงเพราะหวังจะให้ไอ้บลูมันติวแคลให้เลยนะเว้ย”

“เออ งั้นเดี๋ยวกูออกไปหากาแฟกินก่อนแล้วกัน คืนนี้น่าจะยาว ไบโอกูก็ยังอ่านไม่จบ”

“ไอ้แอล ไอ้โต๋ มึงจะไปเซเว่นกับกูมั้ย”

ว่านเรียกเพื่อนอีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับเราในเวลานี้ พวกเราสี่คนมานั่งอ่านหนังสือด้วยกันอย่างนี้มาหลายวันแล้วครับ วันแรกที่ผมกับว่านมาอ่านหนังสือที่หอสมุดแล้วพบว่าโต๊ะทุกตัวถูกจับจองหมดแล้ว พอเห็นว่าเพื่อนในสาขาของเรานั่งกันอยู่สองคน ว่านก็ไม่ลังเลที่จะพาผมไปขอนั่งด้วยเลย ตอนนี้เลยกลายเป็นพวกเราสี่คนมักจะเกาะกลุ่มกันมานั่งอ่านหนังสือด้วยกันอย่างนี้มาได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้ว

“กูไปๆ มึงจะไปมั้ยแอล” โต๋ถามเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม

“กูกำลังทำโจทย์ฟิเพลินๆ พวกมึงไปเหอะ”

“โอเค เดี๋ยวกูซื้อทาโร่มาฝากนะบลู” ว่านบอกผม ผมยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินคำว่าทาโร่ ของโปรดผมเลย

“ขอห่อใหญ่เลยนะ รสบาร์บิคิว”

“เออ ไม่ต้องบอกกูก็รู้ ไปเถอะไอ้โต๋”

แล้วทั้งโต๊ะก็เหลือเพียงแค่ผมและแอล ทั้งผมและแอลก็ต่างคนต่างทำโจทย์ในวิชาที่ตัวเองถนัดด้วยกันทั้งคู่ ผมชอบแคลคูลัส ส่วนแอลชอบฟิสิกส์...ไม่มีใครถนัดเคมีซึ่งเป็นสาขาที่เราเรียนเลยสักคน

“อย่ากัดเล็บตัวเองดิมึง” ผมสะดุ้งเมื่อแอลปัดมือข้างซ้ายของผมเบาๆจนสมาธิผมหลุด

“อ่า...นี่กัดเล็บอีกแล้วเหรอ” ผมมองเล็บตัวเองที่โดนแทะอีกแล้ว แก้ไม่หายจริงๆนิสัยของผมเวลาที่เครียดแล้วผมมักจะเผลอกัดเล็บโดยไม่รู้ตัวอย่างนี้

“ใช่ ดูดิบิ่นหมดแล้ว” แอลจับมือผมไปดู ก็เห็นจริงๆแหละว่ามันมีรอยฟันของผมอยู่

“กำลังพยายามเปลี่ยนนิสัยอยู่ แม่ก็ดุหลายรอบแล้วที่ชอบแทะเล็บตัวเองแบบนี้” ผมว่าก่อนจะชักมือกลับเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของตัวเอง พอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นหมอกที่ทักมาหา
 

Foggy : อยู่ไหน

BLUEBLUR
: อยู่หอสมุด ทำไมเหรอ

Foggy : อยู่กับใคร

BLUEBLUR : อยู่กับเพื่อนไง

Foggy : ใครบ้าง

BLUEBLUR : ว่าน แอล โต๋

Foggy : เดี๋ยวไปอ่านด้วย

BLUEBLUR : แต่เราอยู่โซน 24 ชม.นะ หมอกจะอ่านหนังสือรู้เรื่องเหรอ

Foggy : รู้เรื่อง เดี๋ยวไปหา

BLUEBLUR : โอเคๆ มาถึงแล้วก็หาเอาแล้วกัน โต๊ะอยู่ทางซ้ายนะ


“ใครเหรอ” ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วกำลังจะเริ่มทำโจทย์ต่อ แต่แอลก็ถามผมขึ้นมาก่อน

“หมอกน่ะ บอกว่าจะมาอ่านหนังสือด้วย”

“หูวววว คนดังของมอเชียว” แอลทำเสียงตื่นเต้นพอรู้ว่าหมอกจะมาอ่านหนังสือด้วย ผมหัวเราะกับท่าทางตื่นเต้นเกินจริงของแอลก่อนจะคนตรงข้ามอย่างสงสัย

“ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ก็อยากเห็นฝาแฝดคนดังของมอสักที ดูสิว่าจะหล่อมากกว่ากูแค่ไหนกันเชียว”

ผมมองแอลแล้วก็ยิ้มออกมากับความมั่นใจเกินร้อยว่าตัวเองก็หล่อไม่แพ้หมอก ความจริงแอลก็เป็นคนหล่อมากๆคนหนึ่งเหมือนกัน แอลสูงราวๆ 180 ซม. ผิวขาวจัด ดวงตาของแอลนั้นเรียวแถมตี๋กว่าหมอกหลายเท่าเพราะมีเชื้อจีนในตัวอยู่ครึ่งนึง ถ้าให้เทียบว่าใครหล่อกว่ากันผมคงบอกไม่ได้ เพราะทั้งแอลและหมอกต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน

“เดี๋ยวมาก็คงรู้ อ่านหนังสือต่อเถอะ”

ผมว่าแล้วก็กลับมานั่งทำโจทย์ต่อ เสียบหูฟังเพื่อฟังเพลงเบาๆแก้เครียดไปด้วย นั่งทำโจทย์ไปเพลินๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ว่านและโต๋ก็ยังไม่กลับมา แต่ที่นั่งของว่านด้านข้างผมในตอนนี้กลับมีคนอื่นเดินเข้ามานั่งด้วยเสียแล้ว

“เสียงดังจริงๆอย่างที่ว่าไว้ด้วย”

ผมมองหมอกที่ยังถือหนังสือกฎหมายเล่มใหญ่เอาไว้ ดวงตาเรียวมองไปรอบๆบริเวณที่มีนักศึกษาหลายคนยังอ่านหนังสือแล้วก็ติวกันอยู่ ผู้หญิงบางคนก็หันมามองหมอกแล้วก็หันไปซุบซิบกันอย่างออกรส หมอกขมวดคิ้วมุ่นแล้วก็หันมาทางผม

“อ่านหนังสือรู้เรื่องได้ไง เสียงดังขนาดนี้”

“ก็เรามาติวกับเพื่อน บอกแล้วไงว่าเสียงมันดัง หมอกอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องหรอก”

โซนนี้มันเหมาะสำหรับคนที่มานั่งติวกันจริงๆ เพราะถ้าผมต้องอ่านหนังสือ หรือท่องจำเยอะๆแบบหมอก ผมก็เลือกจะนั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่ที่ห้องคนเดียวดีกว่า แต่ว่านมันอยากให้ผมช่วยติวแคลให้ ผมถึงมานั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนมันที่นี่แทนที่จะอ่านหนังสือเงียบๆที่ห้องเหมือนอย่างหมอก

“ไปอ่านที่ห้องเรามั้ย อยู่แถวนี้แล้วไม่ไว้ใจว่ะ” ดวงตาเรียวชำเลืองมองแอลที่ยังนั่งทำโจทย์ฟิสิกส์อยู่ตรงข้ามผม พอผมหันไปมองแอลตามสายตาของหมอกแล้วก็พอจะปะติดปะต่อได้ว่าทำไมหมอกถึงถ่อมาถึงที่นี่

“ไม่ไว้ใจอะไร คนก็อยู่กันเยอะแยะ”

“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าไม่ไว้ใจอะไร” พูดไม่พอ ยังตวัดสายตาไปมองแอลอีกรอบ ผมยิ้มขำแล้วปกล้งปล่อยเบลออีกสักหน่อย แกล้งหมอกแล้วสนุกดีจริงๆ

“ก็ไม่เข้าใจอ่ะ เราจะอ่านอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวว่านมาก็จะเริ่มติวแคลแล้ว หมอกไปหานั่งอ่านหนังสือรอที่โซนเงียบเสียงเถอะ” ผมไล่หมอกที่ยังทำหน้าบึ้งอยู่ที่เดิมไปอ่านหนังสือรอที่โซนอื่น เพราะถ้านั่งอ่านอยู่ที่โต๊ะผม อ่านหนังสือยังไงก็อ่านไม่รู้เรื่องหรอก

“ไม่ล่ะ จะอ่านที่นี่”

“ก็ตามใจแล้วกัน” ผมยักไหล่และเริ่มจะทำโจทย์อีกรอบ แต่หมอกก็ดึงแขนผมไว้เสียก่อน

“มีอะไรอีก”

“เปลี่ยนที่ก่อน” 

“เปลี่ยนทำไม” ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ หมอกจึงรีบอธิบายให้ผมฟัง

“ก็ถ้าว่านมาแล้วจะได้ติวกันได้ไง บลูมานั่งตรงกลาง เดี๋ยวเราจะนั่งติดมุมเอง”

สุดท้ายผมก็ยอมเปลี่ยนที่กับหมอก ให้หมอกนั่งที่เดิมของผมซึ่งอยู่ตรงข้ามกับแอล เป็นจังหวะเดียวกับที่ว่านและโต๋กลับมาพอดี ว่านที่แอบเอาทาโร่ห่อใหญ่เข้ามาในหอสมุดด้วยก็เริ่มฉีกซองขนมกินรอแล้ว ส่วนผมก็ไปยืมเก้าอี้จากโต๊ะอื่นมานั่งหัวมุมของโต๊ะ และหยิบชีทตัวเองมาเพื่อเริ่มติวให้ว่านและโต๋ไปพร้อมๆกัน

“ติวรอบเดียวนะ กูจะกลับไปอ่านไบโอต่อที่ห้อง เพราะฉะนั้นตั้งใจฟังด้วย”


.

..




ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าจะติวจนทั้งว่านและโต๋ทะลุปรุโปร่งในเรื่องภาคตัดกรวย ผมเขียนโจทย์ให้พวกมันเอากลับไปฝึกทำต่ออีกคนละ 5 ข้อ พอหันไปมองหมอกที่นั่งเสียบหูฟังอยู่ในมุมของตัวเองแล้วอ่านหนังสือรอเงียบๆ ผมก็เริ่มสงสารหมอกแล้วที่ต้องมาอ่านหนังสือในที่ที่เสียงดังขนาดนี้

“มึงจะกลับเลยก็ได้นะบลู เดี๋ยวกูฝึกทำโจทย์อยู่ที่นี่ แล้วจะให้แอลติวฟิให้ด้วย มึงกลับพร้อมหมอกเลยก็ได้”

ว่านกระซิบบอกผม ผมก็อยากจะกลับแล้วเหมือนกันเพราะตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว พักสักชั่วโมงค่อยเริ่มอ่านไบโอต่อแล้วกัน

“ขอบคุณมึงมากนะบลู สอนเข้าใจกว่าลุงสมศักดิ์อีก” โต๋พูดถึงอาจารย์ที่สอนวิชาแคลคูลัสที่สอนได้ชวนหลับตลอดเวลา ผมยิ้มให้ทั้งสองคนแล้วเก็บของบนโต๊ะไปด้วย

“งั้นกูกลับก่อนนะ ถ้ามีอะไรสงสัยก็ทักมาถามแล้วกัน” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วสะกิดหมอกที่ยังอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองให้รู้ตัว

“กลับกันเถอะ”

“อืม” รับคำผมแล้วก็รีบเก็บของทันที ตอนนี้ผมเริ่มจะหิวอีกรอบแล้วเพราะใช้พลังงานในการอ่านหนังสือและสอนว่านกับโต๋ไปเกือบหมด ชวนหมอกไปหาอะไรกินก่อนจะเริ่มอ่านไบโอต่อก็คงดี

“หมอก...ก่อนกลับแวะหาอะไรกินก่อนดีมั้ย”

“ก็ได้ อยากกินอะไรล่ะ”

“คิดไม่ออกเหมือนกัน โจ๊กก็คงไม่อิ่มท้อง กินข้าวก็ได้”

“งั้นเดี๋ยวทำให้กินเอามั้ย”

“ก็ได้...ขออะไรง่ายๆแล้วกันนะ”



ภาพของเดือนคณะวิทยาศาสตร์และหนุ่มหล่อสุดฮอตของมหาวิทยาลัยในขณะนี้ เดินเคียงคู่กันออกไปจากหอสมุด ทั้งสองคนสนทนากันด้วยร้อยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าที่แม้ว่าจะดูอ่อนล้าเพราะอ่านหนังสือมาหนักตลอดทั้งวัน แต่รอยยิ้มที่ทุกคนได้เห็นนั้นกลับเต็มไปด้วยความสุขที่เออล้นออกมาจนสัมผัสได้

เหมาะสมแล้วจริงๆที่คนทั้งมอแอบตั้งฉายาให้ว่าเป็น ‘คู่รักแห่งปี’

“หมอกดูท่าจะหวงบลูมากเลยเนอะ พวกมึงว่าป่ะ” โต๋มองเพื่อนที่พึ่งติววิชาแคลคูลัสให้เขาเดินออกไปพร้อมกับแฟนที่พึ่งเปิดตัวหมาดๆ ดูไปแล้วก็น่าอิจฉาบลูเป็นบ้าที่มีแฟนตามมานั่งอ่านหนังสือด้วยขนาดนี้

“ก็ควรจะหวงอยู่หรอก มึงไม่เห็นรูปที่ลงเต็มเฟสเรอะ ไอ้แอลมันก่อวีรกรรมอะไรให้หมอกมันหึงล่ะ” ว่านที่มองตามหมอกและบลูจนคนทั้งคู่หายไปจากกรอบสายตาแล้ว ก็หันกลับมามองแอลที่ยังคงอ่านหนังสืออยู่

“กูทำอะไร ไหนหลักฐาน” แอลเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเมื่อถูกพาดพิงทั้งๆที่นั่งอยู่เงียบๆมาตั้งนาน

“ก็นี่ไง มึงระวังไว้ โดนแฟนคลับพวกมันมาถล่มแน่!”

ว่านเปิดภาพที่เขาเจอระหว่างที่ไปซื้อขนมกับโต๋ ภาพของบลูที่ถูกแอลจับมือไปดูอะไรสักอย่าง สายตาที่แอลมองนั้นดูเป็นห่วงมาก ถ้าเขาเป็นหมอกแล้วเห็นรูปนี้คงจะหวงแน่ๆล่ะ...ก็บลูน่ารักซะขนาดนั้น

“เวร! บลูมันกัดเล็บตัวเอง กูเลยเอามือมันมาดูเฉยๆ ไม่น่าล่ะ หมอกแม่งมองกูเหมือนจะกินหัวให้ได้ กูยังคิดอยู่เลยว่าไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบขี้หน้ากูวะ”

“หึหึ สงสัยหมอกจะหึงมึงกับไอ้บลูแน่ๆ ตายแน่มึงไอ้แอล!”


.

..




ผมเดินตามหมอกเข้ามาในห้อง หลังจากที่ทนความตื้อของหมอกไม่ไหวเลยยอมไปขนหนังสือและเสื้อผ้ามาจากคอนโดผมเพื่อมาอ่านหนังสือที่ห้องของหมอก

“ควันไม่อยู่อีกแล้วเหรอ” ผมถามเมื่อมองไปรอบแล้วเห็นเพียงความเงียบ ผมไม่ได้เห็นควันนานแค่ไหนแล้วนะ ตั้งแต่วันที่ไปกินข้าวพร้อมกับแม่ของหมอกในวันนั้นผมก็ไม่ได้เห็นควันอีกเลย

“ใช่ ไม่อยู่หลายวันแล้ว เห็นว่าไปค้างกับเพื่อนน่ะ”

“อ่อ”

ผมพยักหน้าและเดินตามหมอกไปดูของในตู้เย็นว่าพอมีอะไรจะทำให้ผมกินได้บ้าง หมอกหยิบผักและเนื้อหมูสดที่เก็บไว้ในถุงมาวางที่เค้าน์เตอร์ครัว ผมเปิดดูหม้อหุงข้าวที่ยังเสียบปลั๊กไว้อยู่ ก็เห็นว่ามีข้าวอยู่พอที่จะกินได้สองคนพอดี

“กินหมูทอดกระเทียมมั้ย” หมอกเสนอขึ้นมา ผมไม่ได้เรื่องมากอยู่แล้วเรื่องของกิน เลยพยักหน้าตกลง

“ให้ช่วยรึเปล่า เราแกะกระเทียมได้นะ”

“ไปนั่งเฉยๆไปหรือจะไปอาบน้ำรอก็ได้”

พอหมอกไล่อย่างนั้น ผมเลยคิดว่าไปอาบน้ำดีกว่า อาบเสร็จแล้วกินข้าว หลังจากนั้นจะได้อ่านหนังสือยาวๆไปเลย ผมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนของหมอก เข้ามาในห้องนอนหมอกแล้วทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่หมอกหลอกให้ผมค้างที่นี่นั้นแหละ

ผมรีบอาบน้ำและแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย ก็เดินออกมาพร้อมกินข้าวมื้อดึกที่วางอยู่บนโต๊ะให้พร้อมแล้วและตรงหน้าหมอกก็มีหมูทอดกระเทียมอีกจานวางไว้เช่นกัน

“หมอกก็กินเหมือนกันเหรอ”

“อืม มากินเถอะ เดี๋ยวจะเย็นก่อน”

ผมนั่งลงตรงข้ามหมอกแล้วเริ่มกินข้าวฝีมือหมอกอีกครั้ง อดแปลกใจไม่ได้จริงๆ มีอะไรที่หมอกทำไม่ได้บ้างมั้ยเนี่ย ทำไมถึงได้เก่งรอบด้านขนาดนี้กันนะ

“อร่อยรึเปล่า เค็มไปมั้ย” หมอกถามเมื่อผมเริ่มกินไปได้สักพัก ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวแล้วส่ายหน้าพรืด

“อร่อยมากๆ ไม่เห็นจะเค็มเลย”

“อร่อยก็ดีล่ะ คราวหน้าอยากกินอะไรก็บอก เดี๋ยวซื้อของมาติดตู้เย็นไว้”

พวกเรานั่งกินข้าวด้วยกันเงียบๆ ผมกินข้าวจนหมดจานแล้วก็อาสาเก็บจานของหมอกไปล้างด้วย พอล้างจานเสร็จเรียบร้อยผมก็เตรียมตัวอ่านหนังสืออีกรอบ ส่วนหมอกก็ขอไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะตามออกมาอ่านหนังสือด้วยกัน ผมเลือกนั่งที่พรมหน้าโทรทัศน์จอใหญ่ หยิบชีทไบโอหนาๆออกมาจากกระเป๋าพร้อมปากกาสีที่ใช้ไฮไลท์เนื้อหาสำคัญและสมุดโน้ตที่ใช้จดสรุปด้วย

ผมนั่งอ่านหนังสือไปราวๆครึ่งชั่วโมง ก็รู้สึกว่าโซฟาที่กำลังพิงอยู่ยวบลง ไอร้อนจากอีกคนกระทบผิว พอหันไปมองก็เห็นหมอกที่มีผ้าขนหนูผืนเล็กแปะอยู่บนหัวกำลังมองมาที่ผมอย่างสนใจเช่นกัน

“เช็ดผมให้มั้ย”

พอผมเสนอ หมอก็รีบสนองทันที ร่างสูงใหญ่รีบนั่งลงบนพื้นแล้วยื่นผ้าขนหนูให้ผม แต่เพราะว่าผมเตี้ยกว่าหมอกทำให้เช็ดได้ไม่สะดวกเลยเปลี่ยนไปนั่งบนโซฟาแทน ในขณะที่ผมเช็ดผมให้ หมอกก็ไม่อยู่นิ่งๆ ร่างสูงหยิบชีทของผมมาเปิดดูผ่านๆแล้วก็ปิดลง จากนั้นก็หยิบปากกาสีของผมมาไฮไลท์เนื้อหาในหนังสือของตัวเองไปด้วย ซนจริงๆ

“ถามอะไรหน่อยสิหมอก” ผมมองคนที่ยังเขียนยุกยิกลงในหนังสือตัวเองแล้วค่อยหันหน้ามาหาผม

“ว่า?”

“ทำไมวันนี้ถึงไปหาถึงที่หอสมุดทุกทีไม่เคยเห็นว่าจะไป”

“ก็อยากลองไปเปิดหูเปิดตาบ้าง อยู่แต่ในห้องแล้วมันอุดอู้ อ่านหนังสือแล้วไม่เข้าหัว”

“เหรอ...เอาความจริง ไม่โกหก” คิดว่าผมจะเชื่องั้นเหรอ ผมไปอ่านหนังสือกับเพื่อนมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว ไม่เห็นหมอกจะว่าอะไรแต่วันนี้กลับไปหาถึงหอสมุด ไปหาไม่พอยังเร่งให้ผมกลับด้วยอีก

“ก็...” หมอกอ้ำอึ้ง ผมแอบเห็นนะว่าดวงตาเรียวนั้นกำลังหาทางหนีทีไล่อยู่

“ก็อะไร บอกมาเลยนะ”

“ก็หึง”

คำตอบของหมอกทำผมที่กำลังเช็ดผมอยู่ชะงักมือทันที ก็พอจะเดาได้แหละว่าหมอกกำลังคิดอะไร แต่ก็ไม่คิดว่าจะพูดตรงขนาดนี้ไงครับ

“หึงอะไร ก็เพื่อนกันทั้งนั้น”

“เพื่อนกันต้องมองตากันหวานหยดย้อยขนาดนั้นมั้ยล่ะ ถ้ารู้แต่แรกว่าไอ้นั้นมันจะคิดจะทำอะไร นี่จะไม่ปล่อยให้ไปอ่านหนังสือด้วยหรอกนะ จะให้อ่านด้วยกันที่นี่แหละ ให้ห่างสายตาไม่ได้เลยจริงๆ มีแต่คนจ้องจะงาบ...” หมอกพูดประโยคยาวรัวไม่ยอมหยุดพัก ไม่ยอมให้ผมได้อธิบายด้วย ผมเลยต้องรีบเบรกหมอกไว้ก่อน

“เดี๋ยวนะหมอก...งาบอะไร? ใครจะงาบ แล้วใครไปมองตากัน โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงเพราะโดนหมอกดีดหน้าผากไปที เอ้า! ก็ผมสงสัย พูดอะไรก็ไม่รู้ แล้วกลายเป็นว่าผมผิดอีก

“ยังไม่รู้เรื่องอีก ก็ไอ้ตี๋นั้นไง”

“อ่อ แอลน่ะเหรอ...แล้วไปมองตากันที่ไหน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ก็เพื่อนผมทั้งนั้น ทำไมหมอกถึงรู้ว่าแอลกำลังคิดะทำอะไร ขนาดผมที่เป็นเพื่อนแอลยังไม่รู้เลย

“ดูนี่สิ เผื่อจะได้กระจ่าง”

หมอกเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเข้าไปที่แชททางเฟสบุ๊ค ผมหรี่ตามองข้อความพร้อมกับภาพที่ได้เห็นแล้วก็ต้องกุมขมับกับความเข้าใจผิดของทุกๆคน


Minnie Apiwatthanapat : น้องหมอกจ๊ะ พี่เจอน้องบลูที่หอสมุดนั่งกับใครก็ไม่รู้ มองตากันหวานเยิ้มเลยน้องหมอก มีจับไม้จับมืออีก พี่มองอยู่ตรงนี้แล้วของขึ้นแทนน้องหมอกเลย 

 
ผมมองรูปของผมกับแอลตอนที่แอลจับมือผมไปดูเล็บที่ผมกัดจนบิ่น มันมองตากันเยิ้มตรงไหนวะ มองกี่ทีผมก็ไม่เห็นว่ามันจะหวานหยดย้อยอย่างที่หมอกว่าเลย

“คิดมากไปแล้ว แอลก็แค่ดูว่าเรากัดเล็บตัวเองเฉยๆ นี่ไง รอยยังอยู่อยู่เลย” ผมโชว์มือด้านซ้ายให้หมอกดูว่านิ้วชี้ของผมยังมีรอยฟันอยู่จริงๆไม่ได้โกหก

“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ไว้ใจใครได้ซะที่ไหน”

“ไม่ไว้ใจเราเหรอ?”

“เปล่า...ไม่ไว้ใจคนอื่นต่างหาก น่ารักอย่างนี้ไม่ควรอยู่ไกลหูไกลตาจริงๆ”

เสียงหมอกเบาลงจนผมจับใจความไม่ได้ แล้วร่างสูงก็หันไปอ่านหนังสือต่อ ส่วนผมก็เปลี่ยนจากนั่งโซฟามานั่งที่พรมข้างๆหมอกเพื่ออ่านหนังสือบ้าง แต่ก่อนจะอ่านหนังสือผมก็ตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้หมอกสบายใจขึ้นมาบ้าง

“อย่าคิดมากเรื่องของเราเลย ยังไงเราก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจจากหมอกไปง่ายๆหรอก”

“...”

“ก็รักไปมากขนาดนั้นแล้วนี่นา...”

ประโยคสุดท้ายของผมงึมงำอยู่ในลำคอ ไม่กล้าสบตาหมอกที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยไม่รู้ว่าหมอกหันมามองผมรึเปล่า แต่สัมผัสที่พุ่งเข้ามากระทบแก้มของผมอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออกไปอ่านหนังสือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำเอาผมอ้าปากค้าง

เมื่อกี้หมอกพึ่งหอมแก้มผม...


“หมอก...เมื่อกี้...”

“อ่านหนังสือเร็ว ถ้าไม่อ่านก็ไปนอนกัน อยากนอนกอดจะแย่แล้วเนี่ย”


โอย...หัวใจผม จะหัวใจวายตายวันละหลายๆรอบก็เพราะหมอกเนี่ย ให้ตายเถอะ!



tbc.
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะคะ


ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ก็แฟนน่ารักซะขนาดนี้ ถ้าเราเป็นหมอกนี่มัดไว้กับตัวเลยนะ55555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ wwll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารแอล ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ไรกับเค้า
โดนมองแรงไปอี๊กก
ไอ้เราก็งงด้วย ว่าเค้าไปมีโมเม้นอะไรกันตอนไหน555

ว่าแต่ Minnie Apiwatthanapat นี่ก็เสี้ยมเว่อ
แต่ไม่เป็นไร ตอนเด็กๆแม่ให้กินปลากัปตันไม่ได้โง่จร้า
บอกเลยกัปตันกับภรรยารักกันขนาดนี้ ชิปเปอร์โยนไม้พายทิ้งหมด  :katai2-1:

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สมแล้ว คู่รักแห่งปี  หวานละมุนละไม  :-[
แอบสงสารแอล โถ ๆ อุตส่าห์หวังดีแท้ ๆ 555
มีแฟนขี้หึง แต่หึงก็บอกว่าหึงอย่างนี้ดีนะน้องบลู
ดีกว่าหึงแล้วไม่ยอมพูดอะไร ปล่อยให้เราคิดเองก็จะยิ่งไปกันใหญ่

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
minie ขี้เสี้ยม  o18

ดีว่าหมอกกะบลูได้เปิดใจคุยกันนะ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อย่าเสี้ยมสิคะะะะะะะ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด