CHAPTER 14 เบาะแส
@ ศูนย์การแพทย์บลูซี
กันต์รีบเข้ามาที่ศูนย์การแพทย์ตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนที่จะมีใครเข้ามาเห็นเขาต้องรีบเข้าไปคุยกับนภัทรให้ได้ ตอนนี้ภายในห้องมีเพียงพยาบาลที่เดินเข้ามาดูแลความเรียบร้อย ส่วนนภัทรเองตอนนี้ก็รู้สึกตัวแล้ว และอาการไข้ก็ดีขึ้นตามลำดับ
“อีกสักพักคุณหมอก็จะเข้ามาตรวจแล้ว คนไข้รอสักครู่นะคะ ถ้ามีอะไรก็กดกริ่งเรียกพยาบาลได้ค่ะ” พยาบาลสาวเอ่ยกับนภัทร
“ขอบคุณครับ”
พยาบาลสาวเดินออกไปได้ไม่นาน กันต์ก็เดินเข้ามาในห้องก่อนจะล็อคประตูเอาไว้
“น้องภัทร” กันต์เอ่ยกับร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง
“พี่กันต์! พี่มาที่นี่ได้ยัง” ร่างบางพยุงตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจ
“พี่มาทำงานที่นี่ น้องภัทรไม่ต้องห่วงนะพี่โทรบอกไอ้ดลแล้ว อีกไม่นานมันคงมารับตัวน้องภัทรแน่นอน อดใจรอแป๊บนึงนะครับ” กันต์เอ่ยอย่างเร่งรีบเกรงว่าจะมีคนเข้ามาซะก่อน
“พี่กันต์บอกเรื่องนี้กับพี่ดลแล้วเหรอครับ” ร่างบางถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ เขาบอกกับเคลวินเองว่าจะไม่ยอมไปไหนจนกว่าคนตัวสูงจะพอใจ ถ้าหากพี่ชายมารับเขากลับไปจริงๆ นภัทรกลัวว่าเคลวินจะยิ่งโกรธแค้นและหันไปเล่นงานคนในครอบครัวแทน
“ใช่พี่บอกมันแล้วตั้งแต่เมื่อวาน”
“พี่กันต์ครับผมขอร้องล่ะ ช่วยโทรฯไปบอกพี่ดลด้วยว่าพี่เข้าใจผิด ที่เห็นแค่คนหน้าคล้ายเท่านั้น ผมขอร้องล่ะครับ” นภัทรเอ่ยกับกันต์อย่างกังวลใจ
“ทำไมล่ะครับน้องภัทร น้องภัทรไม่อยากออกไปจากที่นี่ ไม่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัวเหรอครับ” กันต์เอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจคนที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ไหนนดลบอกว่านภัทรโดนจับตัวมา แต่เจ้าตัวกลับไม่อยากจะกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ เขาเริ่มสับสนไปหมดแล้ว
“ผมอยากกลับใจแทบขาด ผมคิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงพี่ดล แต่ถ้าผมกลับพวกเค้าก็จะต้องเดือดร้อน พี่กันต์ครับผมขอร้อง ช่วยทำยังไงก็ได้ให้พี่ดลไม่มาที่นี่ นะครับ” ร่างบางจับมือกันต์เอาไว้พร้อมกับอ้อนวอนขอร้องด้วยน้ำตา
“น้องภัทรไม่ต้องกลัวนะครับ จะไม่มีใครทำร้ายคนในครอบครัวน้องภัทรได้แน่นอน ถ้าน้องภัทรกลับไปทุกอย่างก็จะจบเชื่อพี่” กันต์พยายามโน้มน้าวร่างบางให้คล้อยตาม
“ไม่! ผมไม่มีทางออกไปจากเกาะนี้แน่นอน ถึงแม้พี่ดลจะมารับผมถึงที่นี่ผมก็ไม่มีทางกลับ ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้วก็เชิญออกไปจากห้องนี้ครับ” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับนอนลงบนเตียงแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง
“โอเคครับ พี่จะทำตามที่น้องภัทรขอร้อง” กันต์ยอมในความใจเด็ดของนภัทร ถึงแม้ว่าเขาจะทำตามแต่ยังไงซะ เมื่ออยู่ที่นี่เขาก็ต้องดูแลนภัทรแทนเพื่อนเท่าที่จะทำได้
“จริงๆนะครับ” นภัทรลุกขึ้นนั่งทันที
“ครับเดี๋ยวพี่จะบอกมันตอนนี้เลย เพราะเมื่อคืนมันบอกว่าจะรีบบินมาที่นี่เลย”
“ถ้างั้นก็รีบโทรฯเลยครับ”
สิ้นเสียงร่างบางกันต์กดโทรฯออกหาเพื่อนทันที
“ฮัลโลไอ้ดลมึงถึงไหนแล้ววะ” กันต์เปิดสปีกเกอร์โฟนให้ร่างบางได้ยินด้วย
(“กูกำลังจะออกจากบ้าน”)
“ไอ้ดลกูขอโทษมึงด้วยว่ะ กูตาฝาดไปเองว่าเป็นน้องภัทร แต่จริงๆแล้วไม่ใช่น้องภัทรอย่างที่กูเข้าใจ มึงไม่ต้องมาแล้ว ขอโทษทีว่ะเพื่อน” กันต์อ้างเหตุผลทั้งหมดเพื่อให้นดลเชื่อ
(“มึงแน่ใจนะว่าดูผิดจริงๆ ถึงไม่ใช่กูก็จะไปให้เห็นกับตา”) นดลยังคงไม่ยอมที่จะรับฟัง
“มึงไม่ต้องมาหรอก เสียเวลาเปล่าว่ะ กูขอโทษมึงจริงๆนะเว้ย มึงเอาเวลาไปตามหาที่อื่นจะดีกว่าไหม หรือมึงไม่เชื่อใจกูวะไอ้ดล” กันต์พยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อนให้คล้อยตาม
(“ไม่ใช่อย่างนั้นโว้ยกูก็แค่เป็นห่วงน้องมากก็เท่านั้น กูขอโทษละกันที่ไม่เชื่อมึง เอาเป็นว่ากูไม่ไปแล้วก็ได้”) นดลเอ่ยกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงหมดหวัง
ร่างบางที่กำลังนั่งฟังอยู่นั้น ต้องเอามือปิดปากตัวเองไว้เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นดังเข้าไปในสาย
“มึงอย่าเพิ่งท้อนะเว้ย กูเชื่อว่าสักวันมึงต้องตามน้องภัทรเจอแน่นอน” กันต์ปลอบใจเพื่อน
(“ขอบใจมึงมากว่ะ”)
“ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะเว้ยสู้ๆเพื่อน”
(“เออๆแค่นี้ล่ะ”)
เมื่อกันต์วางสายแล้วร่างบางก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง จนกันต์ต้องเดินเข้าไปกอดปลอบ
“ไม่เป็นไรนะครับน้องภัทร เดี๋ยวทุกอย่างมันจะดีเอง” กันต์เอ่ยพร้อมกับลูบที่ศรีษะเบาๆ
“ผมคิดถึงทุกคน ฮึก แต่ต้องทนอยู่ที่นี่ให้ได้”
“น้องภัทรยังมีพี่นะครับ ถ้ามันไม่ไหวจริงๆก็บอกพี่ พี่จะพาเราออกไปจากที่นี่เอง” กันต์เอ่ย
“ขอบคุณนะครับ แต่ผมคงไม่รบกวนพี่กันต์ ผมไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนเพราะผมแน่นอน”
“ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะเรา ต่อไปนี้ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวแล้วนะ เพราะพี่จะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนน้องภัทรเอง”
“ครับพี่กันต์ ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะครับ” ร่างบางโอบกอดเพื่อนพี่ชายอย่างแนบแน่น ราวกับว่ากำลังกอดพี่ชายของตัวเองอยู่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ทั้งสองผละออกจากกัน ก่อนที่กันต์จะเป็นคนเดินไปเปิดประตู คนที่มาเคาะประตูห้องไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเคลวินนั่นเอง
“อ้าวคุณกันต์ มาที่นี่ได้ไงครับ แล้วทำไมต้องล็อกด้วยล่ะ” เคลวินเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เอ่อ พอดีผมมาพบหมอพงษ์น่ะครับ นึกว่าอยู่ที่นี่เลยมาดู แต่ห้องผมไม่ได้ล็อกนะครับ อ้อ รู้แล้วน่าจะเป็นคุณพยาบาล ที่ออกไปก่อนหน้านี้เผลอกดล็อกแน่ๆเลย” กันต์ทำท่านึกก่อนจะยิ้มออกมา
“อ่อครับ” เคลวินไม่ได้เอะใจอะไรก่อนจะเดินเข้ามาข้างในห้อง
ส่วนกันต์ก็เดินเข้ามาหาร่างบางอีกครั้งเพื่อเอ่ยคำลาก่อนจะกลับออกไป
“น้องภัทรพี่กลับแล้วนะครับ หายไวๆนะ”
“ขอบคุณครับพี่กันต์” ร่างบางยกมือขึ้นไหว้ สวนกันต์ก็ยิ้มให้
“ผมกลับก่อนนะครับคุณเคลวิน”
“ครับ”
หลังจากนั้นกันต์ก็เดินออกจากห้องไป ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงเคลวินกับนภัทรเพียงลำพัง คนตัวสูงปรายตามองอย่างไม่เต็มตา เพราะยังไม่รู้จะเริ่มต้นเอ่ยกับร่างบางยังไงดี ส่วนร่างบางเมื่อเห็นคนตัวสูงก็หลับตา แล้วนอนหันหลังให้
“กูมารับกลับบ้าน” คนตัวสูงเอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนัก เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างบางก็หันหน้ากลับมามอง
“คุณหมอให้ผมกลับได้แล้วเหรอ?” ร่างบางเอ่ยถาม
“ไม่รู้ล่ะวันนี้ยังไงมึงก็ต้องกลับ” คนตัวสูงยืนยันตัวโก่ง
“จะเอาคนไข้ผมกลับบ้าน ถามผมรึยังครับท่านประธาน” เสียงพงษ์ดังเข้ามาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงในอีกไม่กีวินาที
“จะถามหรือไม่ถามยังไงวันนี้มันก็ต้องกลับอยู่ดี” คนตัวสูงเอ่ย
“ถ้างั้นออกไปรอข้างนอกก่อนสักครู่นะครับ ผมขอตรวจคนไข้เพียงลำพัง” พงษ์เอ่ยพร้อมกับผายมือเชิญเจ้าของเกาะออกไปนอกห้อง
“ทำไมต้องออกไปข้างนอกด้วยวะ แค่ตรวจหรือว่าพวกมึงจะทำอะไรกัน” คนตัวสูงเอ่ยอย่างไม่ไว้ใจ
“มึงคิดได้แค่นี้เหรอวะ ไอ้เพื่อนเลวออกไปเดี๋ยวนี้ เร้ว!” พงษ์มองแรงพร้อมกับเอ่ยปากไล่อีกครั้ง
“เออๆก็ได้วะ ห้ามนานล่ะ” เคลวินเอ่ยอย่างจำใจก่อนจะเดินออกไป
พงษ์เดินไปที่ประตูก่อนจะกดล็อคเพื่อให้แน่ใจว่าเคลวินจะไม่แอบเข้ามาได้ยิน
“ปลอดภัยแล้ว” พงษ์เอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ “ตอนนี้ไข้ก็ลดลงแล้ว วันนี้กลับบ้านได้แล้วนะครับ”
“ขอบคุณครับพี่หมอ” ร่างบางยกมือไหว้
“แล้วตอนนี้เรายังแพ้ท้องอยู่ไหม”
“ก็มีบ้างครับ แต่ก็น้อยลงมากแล้ว”
“เมื่อไหร่เราจะบอกไอ้เคลวิน ยิ่งนานวันท้องก็ยิ่งโตนะ ยังไงสักวันมันก็ต้องรู้อยู่ดี” พงษ์เอ่ย
“ผมกำลังทำใจอยู่ครับ ผมกลัว...” ร่างบางทำหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“น้องภัทรกลัวอะไรครับ”
“ผมกลัวว่าถ้าเค้ารู้แล้วจะทำร้ายลูกของผมอีกคน”
“ไม่มีพ่อที่ไหนกล้าทำร้ายลูกของตัวเองหรอกนะ อย่าเพิ่งคิดอะไรไปก่อนเลย ตอนนี้เราอย่าคิดมาก เพราะถ้าเครียดมันอาจจะส่งผลต่อสุขภาพและเด็กในท้องได้นะ เพื่อลูกน้องภัทรต้องเข้มแข็งเข้าไว้ มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะครับ” พงษ์พยายามเอ่ยให้คนที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“ขอบคุณครับพี่หมอ ผมจะพยายามไม่คิดมากเพื่อลูกในท้อง”
“ดีแล้ว” พงษ์ยิ้มให้
ปัง! ปัง! ปัง!
“เมื่อไหร่จะเสร็จโว้ย!”
เสียงเข้มโวยวายมาจากด้านนอก ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองพร้อมกัน
“เบื่อมันจริงๆ” พงษ์เอ่ยกับร่างบางพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ
“ขนาดพี่เป็นเพื่อนเค้ายังเบื่อขนาดนี้ คิดดูผมอยู่ด้วยกันทุกวันจะน่าเบื่อขนาดไหน” ร่างบางเอ่ย
“พี่เข้าใจน้องภัทรนะ พี่จะไปเปิดประตูให้มันก่อน เดี๋ยวมันจะบ้ามากกว่านี้”
พูดจบพงษ์ก็เดินไปเปิดประตูให้เพื่อนทันที
“มึงจะล็อคทำเหี้ยอะไรวะ” ร่างสูงโวยวายให้เพื่อนพร้อมกับเดินเข้ามาด้านใน
“ก็กูรำคาญมึงอ่ะ” พงษ์เอ่ยแค่นั้นก่อนจะเดินตามหลังไป
“กลับบ้านลุก!” คนตัวสูงเอ่ยเสียงห้วน
“ตอนนี้เลยเหรอครับ” ร่างบางเอ่ยถาม
“ใช่! ตอนนี้เลย อย่ามัวโอ้เอ้รีบลุกขึ้นมาเลย” คนตัวสูงเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“มึงนี่ก็เร่งน้องมันจัง น้องภัทรเพิ่งจะหายป่วยนะโว้ย”
“แล้วไง! ก็กูจะทำ” คนตัวสูงเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
“พี่หมอครับผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ร่างบางเอ่ย
“โอเคคครับแล้วว่างๆพี่จะไปเล่นที่บ้านด้วย”
“ครับ”
ร่างบางลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินออกมาในชุดไปรเวท
“เดี๋ยวพี่จะพาไปรับยาก่อน...ป่ะ” พงษ์เอ่ยพร้อมกับโอบไหล่ร่างบางเดินนำหน้าไป
เมื่อรับยาเสร็จแล้วร่างบางก็ยกมือไหว้พงษ์อีกครั้ง ก่อนจะขึ้นรถกลับไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ เมื่อรถจอดเทียบที่หน้าบ้าน ป้าภาและเอกก็ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าและท่าทางที่เป็นห่วง
“ภัทรเอ็งเป็นไงบ้างวะ ป้าเป็นห่วงเอ็งมากๆเลย” เมื่อลงจากรถแล้วป้าภาก็เดินมาจับมือร่างบาง พร้อมกับสอบถามด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับป้า ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง” ร่างบางเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“เห็นภัทรไม่เป็นอะไร เราก็โล่งใจ” เอกว่า
“ขอบคุณนะเอก” ร่างบางยิ้มให้
“จะคุยกันอีกนานไหม เข้าบ้านซะที” คนตัวสูงเอ่ยเสียงเข้ม
“ถ้างั้นผมขอตัวกลับห้องก่อนนะครับ” ร่างบางเอ่ยกับคนตัวสูง
“ไม่ต้องไปที่ห้องนั้นแล้ว กูย้ายของมึงมาที่ห้องกูหมดแล้ว” คนตัวสูงเอ่ย
“อะไรนะ! ทำไมต้องย้ายด้วยล่ะ ไม่เอาผมไม่มีทางอยู่ห้องเดียวกับคุณแน่!” ร่างบางเอ่ยเสียงแข็ง
“มึงไม่มีสิทธิ์มาต่อรองอะไรทั้งนั้น ทำตามที่กูสั่ง” ว่าแล้วคนตัวสูงก็เดินเข้าไปด้านในทันที
ร่างบางทำหน้าเซ็งๆก่อนจะหันไปหาป้าภาและเอก ถ้าหากย้ายเข้าไปอยู่ในห้องกับคนตัวสูงแล้ว การทำตัวก็ยิ่งจะลำบากขึ้นไปอีก
“ทนๆเอานะภัทร ป้าว่าคุณเคลวินท่านคงเป็นห่วงเอ็งนั่นล่ะ” ป้าภาพยายามพูดให้ร่างบางสบายใจ
“เป็นห่วงเหรอป้า จะแกล้งกันล่ะสิไม่ว่า ผมอยู่ห้องเก่ายังมีอิสระกว่า แถมยังไม่รู้สึกอึดอัดอีกด้วย”
“ยังไงก็ต้องทำใจล่ะภัทรเอ้ย เอ็งก็รู้ดีว่าคุณเคลวินเอ่ยอะไรออกไปแล้ว ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้น”
“ครับป้าผมก็บ่นไปงั้นล่ะ ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่” ร่างบางพยายามฝืนยิ้มออกมา
“ป่ะเข้าไปในครัวดีกว่าป้าเตรียมอาหารไว้ให้เอ็งเยอะแยะเลย”
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในครัวโดยพร้อมเพียงกัน ส่วนขวัญที่แอบซุ่มดูอยู่ห่างๆก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นร่างบางกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง
“แกน่าจะตายๆไปซะไอ้ภัทร” พูดจบขวัญก็เดินกลับไปทำงานต่อ
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
@ กรุงเทพมหานคร
หลังจากผิดหวังในการตามหาเบาะแสของเคลวินมาก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้ง วันนี้นดลก็เดินหน้าสู้อีกครั้ง เขามาที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง จากการเดินสายไปหลายๆที่แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าสักที แต่เขาไม่เคยรู้สึกท้อแท้และเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย นดลถือซองเอกสารเดินเข้ามาหาเจ้าหน้าที่ก่อนจะยกมือไหว้
“สวัสดีครับ ผมนดล ที่โทรมาเมื่อวานนี้” เขาเอ่ยกับเจ้าหน้าที่หญิง
“สวัสดีค่ะเชิญทางนี้ค่ะคุณนดล” เธอว่าพร้อมกับผายมือเชิญเข้าไปในห้องรับรอง
เมื่อมาถึงแล้วนดลก็ยื่นซองให้ มันคือเงินที่เขาจะนำมาบริจาคให้กับเด็กๆ ทุกครั้งที่เขาไปสถานที่แบบนี้ ก็จะบริจาคเงินไปด้วยทุกครั้งเผื่อว่าผลบุญกุศล จะช่วยให้เขาตามหาน้องชายเจอเข้าสักวันนึง
“นี่ครับเงินที่ผมจะบริจาคเพื่อเป็นค่าอาหารของเด็กๆ” เขายื่นให้
“ขอบคุณมากๆเลยนะคะคุณนดล เป็นบุญของเด็กๆจริงๆที่มีคนใจบุญอย่างคุณมาช่วยเหลือ” เธอรับมาแล้วก็ยิ้มให้
“ที่นี่เปิดมานานรึยังครับ”
“เกือบสี่สิบปีแล้วค่ะ นานมากจนเด็กๆที่นี่โตขึ้นไปได้ดิบได้ดีก็หลายคน แล้วก็จะกลับมาช่วยเหลือน้องๆเป็นทอดๆค่ะ โชคดีว่าเด็กที่เติบโตมาจากที่นี่ล้วนเป็นเด็กนิสัยดีกันทั้งนั้น ทำให้พวกเค้าไม่เคยจะลืมน้องๆที่อยู่ที่นี่เลยสักคน”
“แล้วคุณทำงานที่นี่นานรึยังครับ”
“ก็ตั้งแต่ก่อตั้งที่นี่เลยค่ะ” เธอตอบ
“นานขนาดนี้แสดงว่าคุณก็รู้จักเด็กเกือบทุกคนเลยสินะครับ” ที่เขาถามประเด็นนี้ก็เพราะว่า ถ้าหากเจ้าหน้าที่หญิงคนนี้เป็นคนเก่าคนแก่ที่อยู่มานาน อาจจะรู้จักคนที่เขาตามหาอยู่แน่นอน ถ้าหากว่าวินเคยอยู่ที่นี่มาก่อนจริงๆ
“ใช่ค่ะ” เธอยิ้ม
“ดีเลยครับวันนี้ที่ผมมาที่นี่ ก็เพราะจะมาตามหาคนๆนึง ที่เคยหายไปจากบ้านเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน นี่ครับคุณพอจะรู้จักบ้างไหม” นดลยื่นรูปถ่ายให้ดู
เธอหยิบรูปขึ้นมาดูใกล้ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วมองหน้านดลทันที
“คุณกับเด็กในรูปนี้เป็นอะไรกันคะ” เธอเอ่ยถาม
“ผมเป็นญาติเค้าครับ ตามหามานานหลายปีแล้ว” นดลอ้างไป
“วินเคยอยู่ที่นี่ได้ประมาณสองปีค่ะ” เธอเอ่ยขึ้น
“จริงดิครับ! แล้วตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหนครับ แล้วผมจะติดต่อเค้าได้ยังไง” นดลเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจ ในที่สุดเขาก็ได้เบาะแสของคนที่จับตัวน้องชายไปสักที
“วินถูกรับเลี้ยงจากพ่อแม่บุญธรรมชาวอเมริกันค่ะ จนเรียนจบจากที่โน่นก็กลับมาดูแลกิจการของครอบครัวที่เมืองไทย เป็นกิจการโรงแรมที่เกาะส่วนตัวในจังหวัดพังงาค่ะ นี่ค่ะเบอร์โทรศัพท์” เธอเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นเรื่องดีซะอีกที่ ‘วิน’ เด็กข้างถนนที่เคยช่วยเหลือเธอจากการโดนโจรวิ่งราว และเธอก็ได้ช่วยเหลือตอบโดยการให้เข้ามาอยู่ที่นี่ จะได้เจอกับญาติของตัวเองสักที
“ขอบคุณมากๆนะครับสำหรับข้อมูล ผมดีใจมากๆที่จะได้เจอวินอีกครั้ง” นดลเอ่ยด้วยร้อยยิ้มที่มีความหวัง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็อยากให้วินได้เจอกับครอบครัวเหมือนกัน” เธอยิ้ม
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
นดลรีบบึ่งรถออกมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทันทีหลังจากนั้น เขาประติดประต่อเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกัน กันต์เคยบอกว่าทำงานอยู่ในเกาะส่วนตัวแห่งหนึ่งที่ชื่อบลูซีในจังหวัดพังงา ส่วนเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าวินมาดูแลกิจการที่เกาะส่วนตัวในจังหวัดพังงา ซึ่งมันสอดคล้องกันไปหมดทุกอย่าง ตอนแรกที่กันต์โทรมาบอกว่าเจอตัวนภัทรแล้ว น้ำเสียงมีความมั่นอกมั่นใจมาก แต่ทำไมอยู่ๆถึงกลับคำซะอย่างนั้น เรื่องนี้เขาจะต้องพิสูจน์ความจริงทั้งหมดด้วยตัวเอง เขาจะไปที่เกาะบลูซีเพื่อไปค้นหาความจริงและพาตัวน้องชายกลับมาให้จงได้
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
----------------------------------------------