CHAPTER 13 เจอตัว
แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านแมกไม้ในยามเช้า ลงมาตกกระทบบนสองเรือนกายที่กำลังนอนหลับใหล กอดก่ายกันโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่นแม้แต่น้อย ความอ่อนล้าทำให้ทั้งสองร่างยังคงนอนหลับนิ่ง กองไฟที่เคยลุกโชนในค่ำคืนที่ผ่านมา กลับมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าถ่านที่เย็นเฉียบ แต่เมื่อเจ้านกน้อยทั้งหลายพร้อมใจกันส่งเสียงร้องดังเจื้อยแจ้วก็ทำให้ร่างบางเริ่มขยับตัว เปลือกตาค่อยๆคลี่ขึ้นอย่างช้าๆ แสงแดดจ้าทำให้ต้องหรี่ตาลงแต่เมื่อปรับสภาพได้ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง ร่างบางพยายามขยับกายแต่รู้สึกหน่วงๆเหมือนมีอะไรมารั้งตัวไว้ เมื่อหันไปมองก็เป็นคนตัวสูงนั่นเองที่กำลังนอนกอดเขาเอาไว้จากด้านหลัง ก่อนจะค่อยๆแกะมือออกแล้วทำท่าจะลุกขึ้น
“นอนต่อห้ามลุก” เสียงเข้มเอ่ยพร้อมกับรั้งตัวร่างบางมานอนกอดไว้ดังเดิม
“มันเช้าแล้ว...ผมว่าเรารีบกลับไปที่เกาะกันเถอะ” ร่างบางเอ่ยกับคนตัวสูง
“เกาะมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า กูยังไม่อยากลุก” ว่าแล้วก็กระชับอ้อมกอดอีกครั้ง ก่อนจะกดจมูกลงที่พวงแก้มขาว แล้วสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดฟอดใหญ่
ร่างบางได้แต่นิ่งไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป แต่หน้ากลับเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที ทำไมต้องทำแบบนี้ให้หัวใจของเขาสั่นไหวด้วยนะ ร่างบางไม่เข้าใจเลยจริงๆ
นอนอยู่อย่างนั้นได้สักพัก เมื่อคนตัวสูงพอใจแล้วก็ปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจไปมา
“ลุกขึ้นดิไม่กลับเหรอ” ร่างสูงเอ่ย เขาจงใจแกล้งคนที่นอนนิ่งอยู่ นภัทรค่อยๆลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองค้อนใส่ เขาขี้เกียจปรับตัวให้เข้ากับอารมณ์ของคนที่อยู่ตรงหน้านี้เหลือเกิน
ขณะกำลังเก็บของอยู่นั้นร่างบางก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ก่อนจะรีบวิ่งไปขย้อนเจ้าของเหลวในท้องออกมา
“อ้วกกก!!!”
เมื่อร่างสูงเห็นก็ตกใจแล้วรีบกระโจนเข้าไปหา แต่ก็ต้องดึงตัวเองกลับมาก่อนที่จะถึงตัวร่างบาง
“ตกลงมึงเป็นอะไรกันแน่” เขาจ้องมองร่างบางอย่างไม่วางตา
ร่างบางได้ยินก็กรอกลูกตาไปมาด้วยความลุกลี้ลุกลน
“ผะ...ผมไม่เป็นไรครับ หมอบอกมันเป็นแค่อาการของคนเครียดจัด” ร่างบางอ้างออกไป
“แน่นะ” เหมือนคนตัวสูงไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“คุณไม่เชื่อแล้วจะถามทำไมล่ะ”
“กูก็ถามไปงั้นล่ะ ยังทรมานมึงไม่สะใจเลยกลัวว่ามึงจะตายเอาซะก่อน” เสียงเข้มเอ่ยอย่างไม่รักษาน้ำใจร่างบางเลยแม้แต่น้อย
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมยังไม่ตายง่ายๆ ยังอยู่ให้คุณทรมานได้อีกนาน” ร่างบางเอ่ยแค่นั้น แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บของ เดินรุดหน้าไปที่เรือทันที
“ทำเป็นงอน คนอย่างกูไม่มีทางง้อมึงหรอก” คนตัวสูงเอ่ยก่อนจะแบกถุงผ้าเดินตามไป
หลังจากพายุสงบลงตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ท้องฟ้าในยามเช้าก็ปลอดโปร่งเหมือนในทุกๆวัน โชคดีที่เรือยังคงจอดอยู่ที่เดิมไม่ได้ถูกพายุซัดหลุดลอยไป ร่างบางขึ้นไปนั่งบนเรือรอคนตัวสูง ไม่พูดไม่จาเลยแม้แต่คำเดียว
ตุบ!
ร่างบางสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงดัง จากการที่คนตัวสูงโยนถุงผ้าใบใหญ่ขึ้นมาบนเรือ ก่อนจะมองแรงใส่ตัวต้นเหตุที่กำลังปีนป่ายขึ้นมาบนเรือ ช่วงหลังๆไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลาที่เห็นหน้าคนตัวโต
“มึงจะฆ่ากูรึไงถึงได้มองอย่างนั้น” คนตัวสูงตะโกนลั่น
“ผมไม่บังอาจหรอก”
“เดี๋ยวนี้ชอบต่อปากต่อคำกับกูจังนะ หรือกูใจดีไปมึงถึงได้กล้าอย่างนี้” เมื่อขึ้นมาบนเรือแล้วเขาก็ยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าร่างบาง
“ต่อไปนี้ผมจะไม่พูดกับคุณแม้แต่คำเดียว เอาเป็นว่าถ้าคุณถามผมถึงจะตอบจะได้ถูกใจคุณ” ร่างบางบอกก่อนจะนั่งพิงหลังกับเรือแล้วหลับตาลง
“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน”
“.........”
ร่างบางไม่ตอบยังคงนั่งหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้น
ส่วนคนตัวสูงก็เข้าไปนั่งที่หัวเรือแล้วสตาร์ทเครื่องขับออกไปทันที
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
เมื่อเรือเทียบท่าที่เกาะบลูซีแล้วคนตัวสูงก็ดับเครื่องลง ก่อนจะหันไปมองร่างบางที่กำลังนอนหลับนิ่งอยู่ ที่ท่าเรือมีลูกน้องหลายคนกำลังยืนรอรับอย่างใจจดใจจ่อ รวมถึงพงษ์และกันต์เมื่อเห็นเคลวินก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
เคลวินหันไปโบกไม้โบกมือให้ทุกคน ก่อนจะหันมามองร่างบางอีกครั้งแล้วใช้เท้าเตะเบาๆที่ขาเพื่อปลุก
“มึงถึงแล้ว ตื่นๆ” ร่างบางไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เห็นอย่างนั้นเขาก็นั่งลงแล้วเขย่าตัวแรงขึ้น ร่างบางยังคงนอนนิ่งก่อนจะล้มตัวลงบนพื้นเรือ “เฮ๊ย! มึงเป็นอะไรวะ” ร่างสูงเอ่ยด้วยความตกใจก่อนจะใช้หลังมือสัมผัสที่บริเวณหน้าผากปรากฏว่าร่างบางตัวร้อนผิดปกติ จึงตัดสินใจอุ้มลงจากเรือแล้วเดินเข้าไปหาทุกคน
“น้องภัทรเป็นอะไรวะ” พงษ์ถามเมื่อเห็นเพื่อนอุ้มร่างบางลงมา
“สงสัยจะเป็นไข้ ตัวร้อนจี๋เลยรถมึงอยู่ไหน” ร่างสูงเอ่ยถามอย่างรนลาน
“ตามกูมา” ว่าแล้วพงษ์ก็เดินนำหน้าไป ส่วนกันต์ก็เดินไปพร้อมกับเคลวิน
กันต์เห็นนภัทรครั้งแรกก็รู้สึกตกใจมาก ไม่นึกเลยว่าแท้ที่จริงแล้วนภัทรอยู่ใกล้ๆเขานี่เอง กันต์ยังคงทำตัวเป็นปกติราวกับไม่เคยรู้จักกับนภัทรมาก่อน เขารอให้นภัทรฟื้นขึ้นมาจากไข้ซะก่อนถึงจะเข้าไปแสดงตัว และมีความมั่นใจแล้วว่าคนที่ลักพาตัวนภัทรมาคือเคลวิน นั่นทำให้เขาหนักใจไม่น้อยว่าการจะพาตัวนภัทรออกไปจากที่นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“นี่คุณจะตามมาทำไม” พงษ์ถามเมื่อกันต์ขึ้นรถมานั่งอยู่ข้างๆ หลังจากช่วยเปิดประตูรถให้เคลวินพาร่างบางไปนั่งที่เบาะหลังเรียบร้อยแล้ว
“ก็ผมจะไปช่วยคุณไง รีบขับไปดิ๊” กันต์ว่า พงษ์กำลังจะอ้าปากตอบโต้แต่โดนเพื่อนพูดตัดบทไว้ก่อน
“มึงรีบขับไปเลยอย่ามาเยอะตอนนี้” เคลวินตะโกนสั่งเพื่อน กันต์ทำหน้าทะเล้นใส่คนขับทันทีที่ได้ยิน พงษ์มองค้อนใส่คนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างขัดใจแล้วรีบขับรถออกไปทันที
เมื่อถึงศูนย์การแพทย์แล้วเจ้าหน้าที่ก็รีบนำร่างบางขึ้นรถเข็นเข้าไปด้านในทันที พงษ์รีบเดินตามไปช่วยตรวจอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด จนตอนนี้ร่างบางเริ่มมีอาการดีขึ้น และอยู่ในห้องพิเศษของทางศูนย์การแพทย์เรียบร้อยแล้ว
“ตกลงใครเป็นคนจับตัวน้องภัทรไป” พงษ์เอ่ยถามขณะนั่งอยู่ในห้อง
“ลูกน้องไอ้อิทธิ”
“แล้วทำไมมันต้องมาจับต้องน้องภัทรไปล่ะแทนที่ละเล่นงานมึง” พงษ์เอ่ยอย่างสงสัย
“กูก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นไอ้นี่” เขาว่าพลางมองไปที่ร่างบาง “แต่กูเดาว่ามันต้องมาสังเกตการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว และคิดว่านภัทรคือคนรักของกู”
“จะเป็นครั้งก่อนรึเปล่าที่มึงพาน้องภัทรมาหากูที่นี่”
“อาจจะเป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นในบ้านกูมันคงไม่มีทางเข้าไปได้แน่นอน”
“ถ้างั้นเราต้องระวังตัวมากขึ้น แล้วตอนไปติดเกาะด้วยกันน้องภัทรได้บอกอะไรมึงไหม” พงษ์มองหน้าเพื่อนลุ้นรอฟังคำตอบ
“เปล่านี่...ทำไมเหรอ” เคลวินมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย “พวกมึงมีอะไรปิดบังกูอยู่รึเปล่า?”
“เปล่าโว้ย กูก็แค่ถามไปงั้น” พงษ์เบ้ปาก
“อย่าให้กูรู้ก็แล้วกัน..ไม่งั้นกูเอามันตายแน่” เคลวินเอ่ยเสียงเข้ม
“ช่วงนี้มึงก็อย่ารุนแรงกับน้องมันนักเลย ถือว่ากูขอร้องเพราะร่างกายน้องไม่ค่อยจะแข็งแรง มึงก็เห็นๆอยู่” พงษ์ช่วยนภัทรได้แค่นี้จริงๆ เขารับปากแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนั้น
“เออๆ กูจะพยายามละกัน”
“อย่าลืมที่พูดล่ะ” พงษ์ชี้หน้าเพื่อน “มึงกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ทางนี้กูจะดูแลให้เอง” พงษ์เอ่ยกับเพื่อน
“เออ ฝากด้วยละกัน” เคลวินเอ่ยพลางมองร่างบางที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง
“ดูท่าทางมึงจะเป็นห่วงน้องภัทรน่าดูเลยนะเนี่ย” พงษ์แซวเพื่อน
“บ้า! ใครห่วงมัน กูแค่กลัวว่ามันจะตายก่อนได้ทรมานมันไง”
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที
พงษ์มองตามหลังเพื่อนไปก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ไอ้ปากแข็งเอ้ย มองตากูก็รู้แล้วว่ามึงห่วงน้องภัทรขนาดไหน”
พงษ์เอ่ยยิ้มๆพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ
ในระหว่างนั้นพงษ์เองคงลืมไปแล้วว่ายังมีชายหนุ่มอีกคนอยู่ในห้องด้วย
“คุณ!” กันต์เอ่ยทักคุณหมอหนุ่มหน้าหวาน
“อ้าว! คุณยังอยู่นี่อีกเหรอ”
“เฮ้อ! มัวแต่คุยกับคุณเคลวินจนลืมผมไปซะงั้น” กันต์บ่นให้ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ
“ก็คุณมันเป็นส่วนเกินไง ผมบอกไม่ให้มาด้วยตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็ยังเสือกมาด้วย” พงษ์ว่าให้
“เป็นหมอประสาอะไร ปากหมาฉิบหาย” กันต์เดินเข้ามาใกล้ๆก่อนที่ทั้งสองจะยืนเผชิญหน้ากัน
“ผมปากหมาเฉพาะกับคุณนี่ล่ะ คนอื่นๆเค้าไม่เคยมากวนตีนผมอย่างนี้” พงษ์เองก็จ้องหน้าอย่างไม่ลดละ
“ผมชักจะอยากรู้แล้วสิว่าหมอปากหมาอย่างคุณ ปากจะหวานขนาดไหน” ว่าแล้วกันต์ก็กระชับตัวคุณหมอหน้าหวานเข้ามากอดไว้แน่น จนใบหน้าทั้งสองคนห่างกันเพียงแค่คืบ
“คะ...คุณจะทำอะไร ปล่อยผม!” พงษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว ก่อนจะพยายามไม่สบตาอีกคน
“กลัวเหรอครับคุณหมอ ฮึ” กันต์ว่าพร้อมกับค่อยๆเคลื่อนใบหน้าคมเข้าไปใกล้เรื่อยๆแล้วจ้องที่ริมฝีปากบางอย่างไม่วางตา จนคนที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดต้องเม้มปากเอาไว้แล้วหลับตาปี๋ทันที กันต์ยิ้มออกมาทันทีที่ได้แกล้งคุณหมอหนุ่ม ก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากบางเป็นแก้มขาวๆแทน
ฟอด!!!
“อี๋ ไอ้บ้า” คุณหมอหน้าหวานด่าซึ่งๆหน้า แต่ใบหน้ากลับเปลี่ยนสีซะอย่างนั้น
“ถ้าคุณด่ามาอีก ผมจะทำมากกว่านี้แน่ เอาสิ!” กันต์ขู่ เมื่อได้ยินอย่างนั้นพงษ์ก็นิ่งทันที
“โอเคผมหยุดแล้ว ถ้างั้นก็ปล่อยผมซะที นี่มันในห้องพักคนไข้นะ”
“แล้วไงน้องภัทรก็ยังไม่ตื่นซะหน่อย” กันต์บอกอย่างไม่แคร์
“นี่คุณ...รู้จักน้องภัทรมาก่อนเหรอ” พงษ์เอ่ยเมื่อผิดสังเกต
“ปะ...เปล่าซะหน่อย จำไม่ได้เหรอว่าคุณเรียกชื่อน้องภัทรตอนอยู่ที่ท่าเรือ ซะดังขนาดนั้นใครไม่ได้ยินก็บ้าแล้ว” กันต์แก้ตัวไป
เมื่อนึกได้คุณหมอหน้าหวานก็คลายสงสัย ใช่จริงๆตอนนั้นเขาเรียกชื่อน้องภัทรซะเสียงดัง คนแถวนั้นต่างก็ได้ยินกันถ้วนหน้า
“ปล่อย!” คุณหมอหน้าหวานถลึงตาใส่ ตอนนี้ก็ได้หอมแก้มพอหอมปากหอมคอแล้ว กันต์ก็ยอมปล่อยแต่โดยดี
ผัวะ!
เมื่อเป็นอิสระแล้วพงษ์ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เสียเปล่า เขากำหมัดแน่นแล้วซัดไปที่แก้มของชายหนุ่มทันที
“ถือว่าหายกัน” พงษ์ยกยิ้มในขณะที่กันต์กำลังใช้นิ้วหัวแม่มือ ปาดเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปาก
“หมัดหนักเหมือนกันนี่ครับคุณหมอ”
“แน่นอน อยากลองอีกสักหมัดไหมล่ะ” พงษ์ว่าพร้อมกับชูกำปั้นขึ้นท้า
“เอาไว้วันหลังละกันครับ ตอนนี้ผมขอยอมแพ้” กันต์ยกมือขึ้นยอมศิโรราบ
“ยอมแพ้แล้วก็ออกไปได้ เชิญ” พงษ์ว่าพร้อมกับผายมือไปที่ประตู
“ก่อนผมจะออกไป ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ว่ามาถ้าผมตอบได้”
“น้องภัทรเป็นอะไรกับคุณเคลวิน”
กันต์มองหน้าคุณหมอหน้าหวาน แต่เจ้าตัวกลับหลบตา
“เอ่อ..น้องภัทรเป็นคนงานในบ้าน” พงษ์ตอบ
“คนงานใบบ้าน? แล้วทำไมต้องมีคนลักพาตัวน้องภัทรไปด้วยล่ะครับ แสดงว่าน้องภัทรนี่จะต้องมีความสำคัญกับคุณเคลวินมากแน่ๆเลย” กันต์แสร้งพูดแต่ที่จริงแล้วเขารู้อยู่แก่ใจว่านภัทรโดนเคลวินจับตัวมา
“คุณอย่ามาถามเซ้าซี้ มันไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณ ออกไปซะทีสิ” พงษ์ออกปากไล่
“คุณดูมีพิรุธเหมือนปิดบังอะไรเอาไว้” กันต์ยังพยายามเซ้าซี้ต่อ
“คุณนี่ท่าทางจะบ้าไปแล้ว ดูหนังสืบสวนสอบสวนเยอะไปป่ะเนี่ย”
“คุณคิดผิดแล้ว..ผมน่ะชอบดูหนังโป๊สุดๆไปเลยล่ะ เอาไว้วันหลังผมจะชวนคุณหมอไปดูด้วยกันเอามะ” กันต์ยักคิ้วพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่
“ผมเริ่มเหลืออดกับคุณแล้วนะ รีบออกไปเลยก่อนที่ผมจะเรียก รปภ.” พงษ์เสยผมพร้อมกับเอามือเท้าสะเอวไว้ด้วยความโมโห
“ไปก็ได้ครับ เอาไว้ผมจะมาใหม่นะครับคุณหมอหน้าหวานของผม” กันต์ว่าพร้อมกับจะยื่นมือไปจับที่แก้มขาวๆของพงษ์ แต่เจ้าตัวยกหมัดขึ้นป้องกันตัวไว้
“ลองดูสิผมได้ต่อยคุณแน่”
กันต์ยกมือขึ้นป้องตัวเอง
“ยอมแล้วครับๆ”
“ยอมแล้วก็ไปซะทีสิโว้ย” พงษ์เริ่มเหลืออดมากขึ้นทุกที
“ไปแล้วอย่าคิดถึงผมนะครับคุณหมอ” กันต์ยังเล่นไม่เลิก
“ไม่ทีทาง” พงษ์พูดเน้นเสียง
“ผมไปจริงๆละ ฝากดูแลน้องภัทรด้วยละกันครับ” กันต์รีบเอามือปิดปากตัวเองไว้ พงษ์มองหน้าอย่างสงสัย “ไม่ต้องมองอย่างนั้นหรอก ไม่มีอะไรผมก็แค่เป็นห่วงน้องก็เท่านั้น หรือว่าคุณหึงผม”
“เปล่าซักหน่อย ก็คุณพูดราวกับว่าคุ้นเคยกับน้องภัทรมาก่อนซะอย่างนั้น”
“คุณหมอนี่มโนเก่งเนาะ ผมไปล่ะ” กันต์ยิ้มพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้ก่อนจะเดินออกจาห้องไป
“ตัวเองทำตัวน่าสงสัยแล้วยังจะมาว่าคนอื่นชอบมโนอีก ชิ”
พงษ์กอดอกพร้อมกับมองตามหลังคนขี้กวนไป
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หลังออกมาจากห้องกันต์ก็เดินตรงดิ่งออกมาที่ลับตาคน ก่อนจะกดโทรฯออกหาเพื่อนสนิททันที
“ฮัลโลไอ้ดล”
(“ว่าไงมึง ทำเสียงซะเหมือนเจอผีมาซะอย่างนั้น”) นดลเอ่ยแซวเพื่อน
“ยิ่งกว่าเจอผีอีกมึง โคตรของโคตรจะบังเอิญเลย” กันต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
(“มีอะไรว่ามา กูชักอยากจะรู้แล้วว่ามึงไปเจออะไรมา”)
“วันนี้กูเจอน้องภัทรโว้ย”
(“เฮ๊ย! จริงดิวะ มึงเจอน้องกูที่ไหน น้องกูเป็นยังไงบ้าง บอกมาเร็วๆ”) นดลเอ่ยออกมาด้วยความดีใจเมื่อได้ยิน ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึงสักที
“มึงใจเย็นๆก่อน เดี๋ยวกูจะโทรฯไปอีกทีตอนนี้ยังไม่สะดวกว่ะ” กันต์ว่าพลางมองซ้ายมองขวาไปด้วย เขากลัวว่าจะมีใครได้ยินเอา เพราะที่นี่มีแต่ลูกน้องของเคลวินทั้งนั้น
(“เออๆ มึงรีบโทรฯมานะเว้ยกูอยากรู้จนอดใจไม่ไหวแล้วเนี่ย”)
“เออ..แค่นี้ล่ะ”
พูดจบกันต์ก็วางสายแล้วรีบกลับไปที่ห้องพักส่วนตัวทันที
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*