[MPREG]<กรงรักร้ายของนายซาตาน> [Ch.26-ตอนพิเศษ]-(22-03-2018)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [MPREG]<กรงรักร้ายของนายซาตาน> [Ch.26-ตอนพิเศษ]-(22-03-2018)  (อ่าน 63311 ครั้ง)

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
มาต่อบ่อยๆๆๆกว่านี้ได้ไหมๆๆๆขอร้องงว

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เกลียดพระเอก!

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ติดเกาะสิครับทีนี้

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ล่องเรือกลางทะเลและพายุ แถมต้องหลบพวกศัตรูอีก โอ้ย  ฟินจะตาย  :o8:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
อยากให้รู้ว่าน้องท้อจริงๆเลยดูซิจะทำยังไงยังจะทำร้ายน้องอยู่มั้ย

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
CHAPTER   12  เกาะสวาท



          “รีบลงไปก่อนกู เร็ว!”       

           เคลวินตะโกนสั่งเมื่อขับเรือฝ่าพายุมาเทียบฝั่งของเกาะร้างแห่งหนึ่ง  พร้อมกับโยนสมอเรือลงไปในน้ำเพื่อไม่ให้คลื่นซัดลอยเข้าไปในทะเลอีกครั้ง  ร่างบางได้ยินคำสั่งก็ค่อยๆกระโดดลงไปรอที่ฝั่ง  ยืนมองดูคนตัวสูงเก็บข้าวของที่มีอยู่บนเรือใส่ถุงผ้าอย่างเร่งรีบ  ในขณะที่บรรยากาศก็ครื้มฟ้าครื้มฝนดูน่ากลัวมากเหลือเกิน

            “คุณเร็วๆสิ! ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว” ร่างบางตะโกนเร่งเมื่อเห็นว่าฝนกำลังตั้งเค้า  ตกหนักขึ้นมาเรื่อยๆ

            “มึงจะตะโกนทำเหี้ยอะไรวะ  กูเร่งจะตายห่าอยู่ไม่เห็นเหรอเนี่ย” คนตัวสูงตะเบงเสียงกลับไป

ร่างบางหน้าเหวอทันทีที่ได้ยิน  เพราะที่ตะโกนบอกนั่นเพราะเป็นห่วงคนตัวโต  แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาจะพยายามสงบปากสงบคำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ‘ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปจริงๆ’ คิดแล้วก็น้อยใจอยู่ไม่น้อย

            “ตามมาสิ ยืนบื้ออยู่ได้” เคลวินตวาดใส่ร่างบางอีกครั้งเมื่อลงมาจากเรือแล้ว  พร้อมกับเดินนำหน้าเข้าไปยังเกาะ

            เกาะนี้เป็นเกาะร้างอยู่ห่างจากเกาะบลูซีพอสมควร  ถึงแม้จะเป็นเกาะไม่ใหญ่มากแต่ก็มีต้นไม้นานาชนิดเกิดขึ้นปกคลุมไปทั่วทั้งเกาะ  ทำให้พอมีที่หลบฝนสำหรับทั้งสองคน ร่างสูงส่องไฟฉายเดินนำเข้าไปในป่าแล้วสังเกตหาต้นไม้ใหญ่  พอที่จะเป็นที่กำบังจากทั้งลมและฝนได้  ขณะที่ร่างบางก็เดินตามหลังมาในระยะประชิดด้วยความตื่นกลัว  เมื่อถึงบริเวณต้นไม้ใหญ่คนตัวสูงก็หยุดแล้วมองไปรอบๆ ก่อนจะวางถุงผ้าใบใหญ่ลงที่พื้น

            “คืนนี้เราจะนอนที่นี่” คนตัวสูงหันมาเอ่ยกับร่างบาง

            “นอนได้จริงๆนะครับ ดูแล้วมันน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้” ฟังจากน้ำเสียงคนตัวสูงก็รู้ทันที  ว่าร่างบางนั้นกำลังรู้สึกกลัวมากเพียงใด

            “หรือมึงจะไปนอนริมหาดให้พายุซัดมึงลงไปตายในน้ำ” ร่างสูงว่าให้

            “ผมก็แค่ถามทำไมต้องพูดประชดกันด้วย” ร่างบางทำหน้าบึ้งตึงใส่ราวกับงอนคนตัวโตซะเหลือเกิน

            “อย่าทำหน้าอย่างนั้น...คนอย่างกูไม่มีทางง้อมึงหรอก”

            “ผมก็ไม่ได้หวังให้คุณง้อผมหรอก มันน่าขยะแขยงจะตาย” ว่าแล้วร่างบางก็สะบัดหน้าหนี  พร้อมกับนั่งลงที่พื้นกอดเข่าตากฝนอยู่อย่างนั้น

            “ขยะแขยงก็อย่ามาเข้าใกล้กูละกัน มึงอย่าลืมนะว่าเราอยู่บนเกาะนี้แค่สองคน ดีไม่ดีกูอาจจะปล่อยมึงไว้ที่นี่คนเดียวก็ได้” ร่างบางได้ยินก็นั่งนิ่งไม่ได้สนใจคำพูดของคนตัวสูงเลยแม้แต่น้อย

            เปรี้ยง!

            “อ๊ากกก!!!”

            ร่างบางร้องลั่นแล้วรีบลุกขึ้นไปกอดคนตัวโตทันทีที่ได้ยินเสียงฟ้าผ่า

            นภัทรหลับตาปี๋กอดคนตัวสูงเอาไว้แน่น   ส่วนเคลวินก็เลิกคิ้วแล้วยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ  เห็นไหมล่ะพูดยังไม่ทันขาดคำร่างบางก็วิ่งแจ้นมากอดเขาซะแล้ว  เขารู้สึกหมั่นไส้คนปากเก่งซะเต็มประดา

            “ไหนบอกว่าขยะแขยงกูไง?” เมื่อไม่มีทีท่าว่าร่างบางจะคลายอ้อมกอด  คนตัวสูงก็เอ่ยแซวขึ้นมาทันที

            “กะ...ก็คนมันกลัวนี่นา ขอโทษละกันถ้ามันทำให้คุณอึดอัด” ร่างบางทำหน้าไม่ถูกพร้อมกับคลายอ้อมกอดทันทีเมื่อได้สติ

            “กูก็ไม่ได้ว่าอะไร มึงจะกอดกูทั้งคืนกูก็ไม่ว่า” คนตัวสูงยักคิ้วให้

            “ไม่มีทาง” ร่างบางเห็นแล้วก็หมั่นไส้ก่อนจะนั่งลงที่พื้นเหมือนเดิม

            คนตัวสูงเห็นอย่างนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆให้กับคนอวดดี ก่อนจะหยิบของในถุงผ้าใบใหญ่ที่ขนมาจากเรือออกมา  โชคดีที่ในนั้นมีแต่ของจำเป็นไม่ว่าจะเป็น มีดอีโต้ ไฟแช็ค และยังมีผ้าใบผืนขนาดกลางๆที่พอจะทำเป็นหลังคาหลบฝนได้

            “มึงอยู่นี่ก่อนเดี๋ยวกูจะไปตัดไม้มาทำที่หลบฝน” คนตัวสูงบอก  ก่

            เมื่อร่างบางได้ยินหันขวับมามองแล้วลุกขึ้นยืนทันที

            “ผมไปด้วย”

            “อยู่ที่นี่ล่ะไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรือมึงกลัว”

            “ปะ...เปล่าไม่ได้กลัวสักหน่อย” ร่างบางพยายามแสดงออกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกเหมือนที่คนตัวสูงกล่าวหา

            “ถ้าไม่กลัวก็รออยู่นี่ไปก็เกะกะกูเฉยๆ” ว่าแล้วคนตัวสูงก็หยิบมีดอีโต้ขึ้นมาแล้วเดินออกไป

            “คุณ” ร่างบางเห็นอย่างนั้นก็รีบตะโกนตามหลังไปทันที เมื่อได้ยินเสียงคนตัวสูงก็หันขวับมามองทันที

            “มึงมีอะไรอีกวะ วุ่นวายจัง” คนตัวสูงทำหน้าดุใส่

            “รีบกลับมานะ” ถึงแม้จะกลัวเสียหน้ามากเพียงใด แต่ร่างบางก็จำเป็นต้องเอ่ยออกไปเพราะตอนนี้  ความกลัวมันขึ้นสมองจนห้ามปากตัวเองไม่ได้แล้ว

            “เออ..มึงก็ระวังตัวด้วยล่ะสัตว์ป่าที่นี่แม่งยิ่งดุๆอยู่ด้วย” ร่างสูงบอกหน้านิ่งก่อนจะหันกลับไปยิ้ม  ได้แกล้งร่างบางมันก็สนุกดีไม่น้อยเลยทีเดียว

            หลังจากคนตัวสูงเดินหายวับเข้าไปในป่า  ร่างบางก็นั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่  ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมในรัศมีที่พอจะเป็นที่กำบังเม็ดฝน  ที่กำลังโปรยปรายลงมาได้พอสมควร  แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีน้ำหยดลงมาจนทำให้ร่างบางตัวเปียกปอนได้เหมือนเดิม

            ท่ามกลางป่าทึบ  ฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย  บวกกับเสียงฟ้าร้องเป็นระยะๆพอให้หัวใจได้ตื่นกลัว ร่างบางเริ่มอยู่ไม่สุขได้แต่มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง  เขากลัวเหลือเกินว่าจะมีตัวอะไรโผล่เข้ามาทำร้ายจนตั้งตัวไม่ทัน

            เมื่ออากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ร่างบางที่มีเพียงเสื้อยืดบางๆปกคลุมร่างกาย  ก็เริ่มสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ  พลางคิดในใจว่าเมื่อไหร่คนตัวสูงจะกลับมาสักที  เพราะตอนนี้เคลวินหายเข้าไปในป่านานหลายนาทีแล้ว

            “เมื่อไหร่จะรีบกลับมาเนี่ย คนยิ่งกลัวๆอยู่ด้วย”  ร่างบางบ่นออกมา  ในขณะที่คางก็เริ่มสั่นจนฟันกระทบกันรัวๆ

            เปรี้ยง! เปรี้ยง!

            เสียงฟ้าร้องถี่รัวยิ่งทำให้ความกลัวเพิ่มมากขึ้นไปอีก  เสียงแปลกๆดังขึ้นรอบๆบริเวณนั้น  ทำให้ร่างบางต้องหันไปมองอยู่บ่อยครั้ง ถ้านานกว่านี้มีหวังเขาได้เป็นบ้าตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ

            แคร่ก! สวบ!

            เสียงดังมาจากด้านหลังทำให้ร่างบางรีบหันขวับไปมองทันที  แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ

            “คุณ! ใช่คุณรึเปล่า?”

            “........”

            เมื่อไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ร่างบางก็หันกลับคืนมาแล้วก็นั่งชันเข่าก้มหน้า  ไม่รับรู้อะไรแล้วทั้งนั้น

            “ไม่กลัว  ไม่กลัว  ไม่กลัว มันไม่มีอะไรทั้งนั้น” ร่างบางได้แต่เปล่งเสียงออกมาไม่ขาดสายเพื่อข่มความกลัวเอาไว้

            “อ๊ากกกกก!!!!!” เหมือนสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย  ร่างบางปรี๊ดแตกเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรมาสะกิดที่ไหล่ของตัวเอง “คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย ลูกกลัวเหลือเกิน ฮือๆๆ” ร่างบางยกมือขึ้นไหว้ปรกๆ

            “ฮ่าๆๆๆ ตลกฉิบหาย” เป็นเคลวินนั่นเองที่แอบย่องเข้ามาอย่างเงียบๆ แล้วสะกิดที่ไหล่ของร่างบาง  เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะเสียงดังอย่างสะใจซะเหลือเกิน

            “คุณ! นี่คุณแกล้งผมเหรอ” ร่างบางลุกขึ้นยืนกร่างใส่ทันที  ที่เห็นคนตัวสูงกำลังยืนหัวเราะอยู่

            “ใคร...ใครแกล้งมึง กูก็มาของกูดีๆมึงนั่นล่ะเสือกโวยวายไปเอง” ร่างสูงยักไหล่ไม่ยอมรับข้อกล่าวหา

            “ก็คุณเข้ามาเงียบๆจงใจให้ผมตกใจกลัว ถ้าอย่างนี้ไม่เรียกว่าแกล้งจะเรียกว่าอะไรล่ะ” ร่างบางตวาดแหวใส่

            “ก็ไม่รู้สิ” ร่างสูงเบ้ปาก

            “คุณนี่มัน”

            “อะไร...มึงจะทำอะไรกู เห็นกูอารมณ์ดีหน่อยจะเล่นหัวกูเลยเหรอ” ร่างสูงว่าให้เมื่อเห็นร่างบางกำลังจะยกกำปั้นน้อยๆขึ้นใส่

            ด้วยความโมโหทำให้ร่างบางลืมตัว  ก่อนจะค่อยๆลดมือลง

            “ผมไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก” ร่างบางเอ่ย

            “รู้ตัวก็ดี คราวหลังอย่ามากร่างใส่กู” คนตัวสูงพูดเสียงเข้ม “มาทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย ช่วยกูจับทีดิ๊” เคลวินเอ่ยขณะถือท่อนไม้ที่ตัดมาได้  เตรียมมัดใส่กับผ้าใบเพื่อทำหลังคากันฝน

            “ผมไม่เคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ดูท่าคุณจะถนัดเรื่องแบบนี้นะ เรื่องใช้แรงงาน” ร่างบางเอ่ยขณะช่วยถือไม้

            “ใช่สินะ มึงเป็นลูกคุณหนู พ่อแม่มึงคงไม่เคยให้ทำงานหนัก มึงต้องขอบคุณที่กูจับตัวมึงมา จะได้ไม่ต้องเป็นคุณหนูตีนแดงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ” คนตัวสูงเอ่ยพร้อมกับหยิบเชือกมามัดผ้าใบ

            “ไม่พูดแดกดันผมสักวันจะได้ไหม”

            “มันน่าไหมล่ะ...ก็มึงชอบกวนตีนกู”

            “ผมมะ(ไม่ได้กวนตีนซะหน่อย)....” ร่างบางกำลังจะอ้าปากเอ่ยตอบโต้  แต่โดนคนตัวสูงดักทางไว้ก่อน

            “หุบปาก! แล้วจับอย่างเดียว” คนตัวสูงยื่นคำขาด ก่อนที่ร่างบางจะเงียบแล้วเม้มปากเอาไว้แน่น

            ทั้งสองคนช่วยกันทำหลังคาบังฝนอยู่นานจนเสร็จเรียบร้อย

            “ตอนนี้ถึงหน้าที่มึงแล้ว” คนตัวสูงเอ่ย

            “หน้าที่ผม” ร่างบางชี้มาที่ตัวเอง

            “ใช่...หน้าที่มึงไปหาใบไม้มารองนั่งไง หรือมึงจะนอนบนพื้นดินอย่างนี้”

            “แล้วให้ไปเอาที่ไหนล่ะ” ร่างบางเอ่ยถาม  จริงๆแล้วเขาไม่ได้โง่ถึงขนาดนั้น  แต่เพราะความกลัวอยากให้คนตัวสูงไปด้วยจึงต้องเอ่ยออกไป

            “โธ่โว้ย!” คนตัวสูงตะโกนเสียงดังอย่างเหลืออด  กับความซื่อบื้อของคนที่อยู่ตรงหน้า “นี่มึงโง่จริงๆหรือแกล้งโง่กันแน่ มึงไม่มีตารึไงมองไปรอบๆซิ นั่นอะไร ต้นไม้ ใบไม้ เห็นไหม!” ร่างสูงเอื้อมมือไปจับที่หลังคอของร่างบางให้หันไปมองตามที่เขาชี้

            “คุณก็ไปด้วยสิ มันจะได้เสร็จเร็วๆไง” ร่างบางเอ่ยเสียงเบา

            “สรุปกลัวว่างั้น” ร่างสูงมองหน้าเพื่อรอให้อีกฝ่ายตอบคำถาม “ถ้ามึงบอกว่ากลัวกูจะไปด้วย” ยังไงซะเขาก็ต้องเอาชนะร่างบางให้ได้

            “ชะ...ใช่ผมกลัว แล้วจะไปได้ยังล่ะ” ร่างบางก้มหน้าตอบ

            “ก็แค่นั้น...ตามกูมา” คนตัวโตพูดแล้วก็เดินนำหน้าไป  ร่างบางยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินตามไป ถึงแม้ครั้งนี้จะแพ้แต่ก็เต็มไปด้วยความสะใจ

            เมื่อเก็บใบไม้มาปูจนเต็มพื้นที่เรียบร้อยแล้ว  คนตัวสูงก็เดินไปเก็บฟืนมาเพื่อใช้ก่อไฟ  ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะเปียกเนื่องจากฝนตก  แต่เขาก็พอจะมีวิธีที่สามารถทำให้มันติดไฟได้

            “ฟืนเปียกอย่างนี้มันจะติดไฟได้เหรอคุณ” ร่างบางเอ่ยถามอย่างสงสัย

            “สมองปลาอย่างมึงมันจะไปรู้อะไร นั่งหุบปากอยู่เฉยๆเถอะ ก่อนที่กูจะอารมณ์เสียเพราะมึงไปมากกว่านี้” เสียงเข้มตวาดใส่

            “ทำไมต้องตวาดใส่ขนาดนี้ด้วยล่ะ” ร่างบางพูดเสียงอ่อย  คนตัวโตถอนหายใจเสียงดังเมื่อเห็นท่าทีของร่างบาง

            “เออๆ อ่อนแอ บอบบางซะเหลือเกิน มึงนั่งผ่าฝืนอยู่ตรงนี้ก่อนละกัน ผ่าให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เดี๋ยวกูไปที่เรือแป๊บนึง”

            “คุณจะให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียวอีกเหรอ” ร่างบางมีสีหน้ากังวล

            “เออ อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่ แล้วก็ไม่ต้องตามกูมานะ” คนตัวสูงชี้หน้าก่อนจะเดินไปเอาน้ำมันที่เรือ  เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงให้ก่อไฟได้ง่ายขึ้น  ส่วนร่างบางก็นั่งลงที่เดิมอย่างระแวดระวัง  พร้อมกับใช้มีดอีโต้ผ่าฝืนตามคำสั่งของคนตัวสูง

            หลังจากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็นั่งเพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกาย  โดยการนั่งข้างๆกองไฟที่กำลังลุกโชน  ตอนนี้คนตัวสูงเอาสูทที่ใส่มาด้วยผึ่งไฟให้แห้ง พร้อมๆกับการเผลอปรายตามองร่างบางไปด้วย ตอนที่ร่างบางไม่ดื้อ ไม่เถียงเขา มันก็น่าทะนุถนอมอยู่เหมือนกันนะเขาคิดในใจ  ก่อนจะยิ้มน้อยๆออกมาอย่างลืมตัว

            ตอนนี้ฝนเริ่มซาลงเรื่อยๆ มีเพียงเสียงคำรามของท้องฟ้าดังมาเป็นระยะๆ ยังไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของทั้งสองฝ่าย เงียบอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะจะได้ไม่โดนคนตัวสูงว่าให้นภัทรนั่งคิดในใจ  แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ร่างบางนึกอยากรู้เรื่องราวของคนตัวสูงก่อนที่จะมาเป็นเคลวินในตอนนี้

            “คุณเคลวินครับ”

            ร่างสูงหลุดจากภวังค์ทันทีที่ได้ยินเสียงนั่น  ก่อนจะทำหน้าเหรอหราแล้วทำทีมองไปที่กองไฟแล้วหันไปหาร่างบางอีกครั้ง

            “มีอะไร!” เขาเอ่ยเสียงเข้ม

            “หลังจากหนีออกมาจากบ้านแล้วชีวิตคุณเป็นยังไงบ้าง แล้วทำไมถึงได้มาเป็นคุณเคลวินอย่างทุกวันนี้ พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม” ร่างบางมองคนตัวสูงด้วยแววตาที่ดูจริงใจ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงอยู่ในนั้น

            “นี่มึงคิดว่ากูจะบอกมึงเหรอ” เขาตอบกลับ

            “รู้ไหมตอนนั้นผมร้องไห้เป็นเดือนกว่าจะทำใจได้  ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เจ็บปวดแต่ผมเองก็เจ็บไม่น้อยไปกว่าคุณเช่นกัน ที่อยู่ๆคนที่ผมรักเหมือนพี่ชายแท้ๆหายตัวไป” ร่างบางระบายความรู้สึกทั้งหมดที่เก็บไว้มาตลอดให้อีกฝ่ายรับรู้

            ร่างสูงได้ยินหัวใจก็อ่อนวูบลงทันที  เขาไม่เคยนึกถึงจิตใจของร่างบางเลยแม้แต่น้อย  เพราะมัวคิดถึงแต่เรื่องการแก้แค้น  จะเอายังไงดีกับหัวใจนะเขาเองก็สับสนอยู่ไม่ใช่น้อย  ยิ่งได้เห็นใบหน้าที่ใสซื่อไม่ได้มีพิษสงใดๆ  ทำให้ความรู้สึกผิดมันเกิดขึ้นในใจเขาเป็นระยะๆ

            “ไม่ต้องมาพูดให้ดูน่าสงสารอย่างนั้นหรอก  กูไม่มีทางหลงกลมึงแน่” ปากกับหัวใจมันก็ยังไม่ตรงกันอยู่ดี

            “ผมไม่ได้อยากให้คุณเห็นใจหรือสงสารอะไรทั้งนั้น ผมแค่อยากรู้เพราะอย่างน้อยมันจะช่วยคลายปมในใจที่มีมานานของผมได้”

            “ได้กูจะเล่า...ถือซะว่าเป็นการทำทานให้มึงละกัน” ร่างสูงตอบก่อนจะหันหน้าไปกลับไปที่กองไฟอีกครั้ง “หลังจากที่กูหนีออกจากบ้าน กูไม่รู้หรอกว่าจะไปที่ไหน กูคิดแค่ว่าอยากไปให้พ้นๆบ้านหลังนั้น เพราะกลัวว่าพ่อของมึงจะฆ่ากูอีกคน  คนอย่างมึงคงไม่รู้หรอกว่าการนอนข้างถนนโดยไม่มีเตียงนุ่มๆเหมือนแต่ก่อน  การไปนั่งขอทานเพื่อเอาเศษเงินเล็กน้อยมาประทังชีวิตไปวันๆ  การคุ้ยอาหารตามถังขยะมากินนั้นมันเป็นยังไง กูอยู่อย่างนั้นเป็นเดือน จนวันนึงขณะที่กูนั่งขอทานอยู่มีโจรวิ่งราวกระเป๋าเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า   กูก็เลยเข้าไปช่วยจับโจรไว้ได้แล้วเอากระเป๋ามาคืนให้  เค้าสงสารเห็นกูเป็นเด็กเร่ร่อนเลยพาไปอยู่ที่นั่นด้วย   หลังจากนั้นไม่นานกูก็โชคดีที่พ่อแม่ชาวอเมริกันมาอุปการะรับเป็นลูกบุญธรรม  เขาพากูไปเลี้ยงดูอย่างดีและเรียนในมหาวิทยาลัยดังที่อเมริกา  และที่โชคดียิ่งกว่านั้นที่พ่อกับแม่บุญธรรมกูรวยมาก ไม่งั้นกูคงไม่ได้เป็นเคลวินอย่างทุกวันนี้หรอก” ร่างสูงพูดจบก็หันไปมองร่างบาง  ที่ตอนนี้น้ำตานองหน้าจ้องมองมาที่เขาอยู่

            เมื่อได้ฟังเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาของเคลวิน  นภัทรก็ปล่อยโฮออกมาทันที  เขารู้สึกสงสารและเห็นใจคนตัวโตที่ต้องเผชิญความลำบากเพียงลำพัง  เป็นเพราะพ่อของเขาคนเดียวแท้ๆที่ทำให้เรื่องราวมันบานปลายอย่างนี้  แต่ถึงยังไงก็ตามพ่อก็ยังเป็นพ่อ เขาไม่สามารถเกลียดได้ลงคอ  ส่วนคนตัวโตถึงแม้จะเคยทำร้ายเขาต่างๆนาๆ  เมื่อได้ยินอย่างนี้ความโกรธในใจที่มีอยู่มันก็หายไปในพริบตา  เขาต้องชดใช้ให้เคลวินให้ถึงที่สุดจนกว่าเขาจะพอใจ  เขาเต็มใจที่จะทำมัน

            “ซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงขนาดกับร้องไห้” เคลวินยกยิ้มเพราะคิดว่าร่างบางคงรู้สึกสมเพชตัวเอง

            “...........”

            ร่างบางไม่ตอบแต่ยังคงจ้องหน้าคนตัวโต ก่อนจะโผเข้าไปสวมกอดทันที  ถึงแม้อ้อมกอดนี้จะไม่สามารถทดแทนความสูญเสียในอดีตของคนตัวโตได้ แต่เขาก็อยากจะมอบมันให้ ตอนนั้นคนตัวโตคงจะเหงามากเหลือเกินที่เสียทั้งพ่อและแม่ แถมยังต้องหนีออกจากบ้านที่เติบโตมา ร่างบางเอาแต่ร้องไห้และกอดคนตัวโตอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะคลายอ้อมกอดไปง่ายๆ

            “ขอโทษนะครับ…’พี่วิน’”

            เคลวินอึ้งกับการกระทำของร่างบาง  มือทั้งสองข้างปล่อยลงข้างลำตัวตามแรงโน้มถ่วงของโลก  ทำไมใจของเขามันต้องเต้นแรงอย่างนี้ด้วย ทำไมอ้อมกอดนี้มันช่างอบอุ่นมากเหลือเกิน  ราวกับว่าความสุขในช่วงวัยเด็กมันกลับคืนมา  ในใจตอนนี้มันเรียกร้องให้เขาตอบสนองสิ่งที่ร่างบางกำลังทำ  มือหนาทั้งสองข้างค่อยๆยกขึ้นมาโอบที่แผ่นหลังอย่างช้าๆ  แล้วค่อยๆกดแรงลงไปเรื่อยๆจนร่างทั้งสองแนบชิด  เคลวินหลับตาพริ้มราวกับว่าโหยหาอ้อมกอดนี้มาแสนนาน ทั้งสองกอดกันอย่างนั้นอยู่นานก่อนที่คนตัวโตจะคลายอ้อมกอด  แล้วผลักร่างบางให้นอนราบลงที่พื้นแล้วตรึงมือทั้งสองข้างเอาไว้

            “มึ่งยั่วกูเองนะ...น้องภัทร”

            คนตัวสูงจ้องตาเป็นประกาย มือหนาที่ตรึงมือร่างบางเอาไว้เปลี่ยนมาสัมผัสที่แก้มขาวนวลอย่างเบามือ  หลังจากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมาประกบจูบอย่างอ่อนโยน  เขามอบความสุขให้กับร่างบางข้างๆกองไฟที่กำลังลุกโชน  แต่ความร้อนของเปลวไฟก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้  เท่ากับไฟรักที่อยู่ในทรวงของทั้งสองคนในตอนนี้

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*




////////////////////////////////////////////////
เกลียดคนที่ปากกับใจไม่ตรงกันจริงๆเลย
ขอบคุณที่ติดตามนะคร้าบบบ ช่วยคอมเม้นท์กันด้วยนะคร้าบบ

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สับสนเข้าไปค่ะๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก็แพ้ภัยตัวเอง ฮิฮิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชีวิตของพี่วินรันทดเหลือคณานับ ความแค้นก็ใหญ่หลวงนัก และเป็นความซวยของอีน้องเต็ม ๆ  :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
จะคอยดูนะจ๊ะเคลวิน หึๆๆ

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
จะคอยดูเควินจะทำยังไงต่อไป

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จะรออ่านนะคะ

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
"ไฟรักที่อยูาในทรวง"  อหหหหรักกันแล้วอ่ออออออ

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
CHAPTER  13  เจอตัว



          แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านแมกไม้ในยามเช้า  ลงมาตกกระทบบนสองเรือนกายที่กำลังนอนหลับใหล  กอดก่ายกันโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่นแม้แต่น้อย  ความอ่อนล้าทำให้ทั้งสองร่างยังคงนอนหลับนิ่ง  กองไฟที่เคยลุกโชนในค่ำคืนที่ผ่านมา  กลับมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าถ่านที่เย็นเฉียบ  แต่เมื่อเจ้านกน้อยทั้งหลายพร้อมใจกันส่งเสียงร้องดังเจื้อยแจ้วก็ทำให้ร่างบางเริ่มขยับตัว  เปลือกตาค่อยๆคลี่ขึ้นอย่างช้าๆ  แสงแดดจ้าทำให้ต้องหรี่ตาลงแต่เมื่อปรับสภาพได้ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง  ร่างบางพยายามขยับกายแต่รู้สึกหน่วงๆเหมือนมีอะไรมารั้งตัวไว้  เมื่อหันไปมองก็เป็นคนตัวสูงนั่นเองที่กำลังนอนกอดเขาเอาไว้จากด้านหลัง  ก่อนจะค่อยๆแกะมือออกแล้วทำท่าจะลุกขึ้น

            “นอนต่อห้ามลุก” เสียงเข้มเอ่ยพร้อมกับรั้งตัวร่างบางมานอนกอดไว้ดังเดิม

            “มันเช้าแล้ว...ผมว่าเรารีบกลับไปที่เกาะกันเถอะ” ร่างบางเอ่ยกับคนตัวสูง

            “เกาะมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า กูยังไม่อยากลุก” ว่าแล้วก็กระชับอ้อมกอดอีกครั้ง ก่อนจะกดจมูกลงที่พวงแก้มขาว  แล้วสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดฟอดใหญ่

            ร่างบางได้แต่นิ่งไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป แต่หน้ากลับเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที ทำไมต้องทำแบบนี้ให้หัวใจของเขาสั่นไหวด้วยนะ ร่างบางไม่เข้าใจเลยจริงๆ

            นอนอยู่อย่างนั้นได้สักพัก เมื่อคนตัวสูงพอใจแล้วก็ปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจไปมา

            “ลุกขึ้นดิไม่กลับเหรอ” ร่างสูงเอ่ย เขาจงใจแกล้งคนที่นอนนิ่งอยู่ นภัทรค่อยๆลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองค้อนใส่  เขาขี้เกียจปรับตัวให้เข้ากับอารมณ์ของคนที่อยู่ตรงหน้านี้เหลือเกิน

            ขณะกำลังเก็บของอยู่นั้นร่างบางก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา  ก่อนจะรีบวิ่งไปขย้อนเจ้าของเหลวในท้องออกมา

            “อ้วกกก!!!”

            เมื่อร่างสูงเห็นก็ตกใจแล้วรีบกระโจนเข้าไปหา  แต่ก็ต้องดึงตัวเองกลับมาก่อนที่จะถึงตัวร่างบาง

            “ตกลงมึงเป็นอะไรกันแน่” เขาจ้องมองร่างบางอย่างไม่วางตา

            ร่างบางได้ยินก็กรอกลูกตาไปมาด้วยความลุกลี้ลุกลน

            “ผะ...ผมไม่เป็นไรครับ  หมอบอกมันเป็นแค่อาการของคนเครียดจัด” ร่างบางอ้างออกไป

            “แน่นะ” เหมือนคนตัวสูงไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน

            “คุณไม่เชื่อแล้วจะถามทำไมล่ะ”

            “กูก็ถามไปงั้นล่ะ ยังทรมานมึงไม่สะใจเลยกลัวว่ามึงจะตายเอาซะก่อน” เสียงเข้มเอ่ยอย่างไม่รักษาน้ำใจร่างบางเลยแม้แต่น้อย

            “คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมยังไม่ตายง่ายๆ ยังอยู่ให้คุณทรมานได้อีกนาน” ร่างบางเอ่ยแค่นั้น  แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บของ  เดินรุดหน้าไปที่เรือทันที

            “ทำเป็นงอน คนอย่างกูไม่มีทางง้อมึงหรอก” คนตัวสูงเอ่ยก่อนจะแบกถุงผ้าเดินตามไป

            หลังจากพายุสงบลงตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ท้องฟ้าในยามเช้าก็ปลอดโปร่งเหมือนในทุกๆวัน โชคดีที่เรือยังคงจอดอยู่ที่เดิมไม่ได้ถูกพายุซัดหลุดลอยไป  ร่างบางขึ้นไปนั่งบนเรือรอคนตัวสูง  ไม่พูดไม่จาเลยแม้แต่คำเดียว

            ตุบ!

            ร่างบางสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงดัง  จากการที่คนตัวสูงโยนถุงผ้าใบใหญ่ขึ้นมาบนเรือ  ก่อนจะมองแรงใส่ตัวต้นเหตุที่กำลังปีนป่ายขึ้นมาบนเรือ ช่วงหลังๆไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลาที่เห็นหน้าคนตัวโต

            “มึงจะฆ่ากูรึไงถึงได้มองอย่างนั้น” คนตัวสูงตะโกนลั่น

            “ผมไม่บังอาจหรอก”

            “เดี๋ยวนี้ชอบต่อปากต่อคำกับกูจังนะ หรือกูใจดีไปมึงถึงได้กล้าอย่างนี้” เมื่อขึ้นมาบนเรือแล้วเขาก็ยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าร่างบาง

            “ต่อไปนี้ผมจะไม่พูดกับคุณแม้แต่คำเดียว เอาเป็นว่าถ้าคุณถามผมถึงจะตอบจะได้ถูกใจคุณ” ร่างบางบอกก่อนจะนั่งพิงหลังกับเรือแล้วหลับตาลง

            “ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน”

            “.........”

            ร่างบางไม่ตอบยังคงนั่งหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้น

            ส่วนคนตัวสูงก็เข้าไปนั่งที่หัวเรือแล้วสตาร์ทเครื่องขับออกไปทันที

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



            เมื่อเรือเทียบท่าที่เกาะบลูซีแล้วคนตัวสูงก็ดับเครื่องลง  ก่อนจะหันไปมองร่างบางที่กำลังนอนหลับนิ่งอยู่  ที่ท่าเรือมีลูกน้องหลายคนกำลังยืนรอรับอย่างใจจดใจจ่อ  รวมถึงพงษ์และกันต์เมื่อเห็นเคลวินก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ

            เคลวินหันไปโบกไม้โบกมือให้ทุกคน ก่อนจะหันมามองร่างบางอีกครั้งแล้วใช้เท้าเตะเบาๆที่ขาเพื่อปลุก

            “มึงถึงแล้ว ตื่นๆ”  ร่างบางไม่มีทีท่าว่าจะตื่น  เห็นอย่างนั้นเขาก็นั่งลงแล้วเขย่าตัวแรงขึ้น  ร่างบางยังคงนอนนิ่งก่อนจะล้มตัวลงบนพื้นเรือ “เฮ๊ย! มึงเป็นอะไรวะ” ร่างสูงเอ่ยด้วยความตกใจก่อนจะใช้หลังมือสัมผัสที่บริเวณหน้าผากปรากฏว่าร่างบางตัวร้อนผิดปกติ  จึงตัดสินใจอุ้มลงจากเรือแล้วเดินเข้าไปหาทุกคน

            “น้องภัทรเป็นอะไรวะ” พงษ์ถามเมื่อเห็นเพื่อนอุ้มร่างบางลงมา

            “สงสัยจะเป็นไข้ ตัวร้อนจี๋เลยรถมึงอยู่ไหน” ร่างสูงเอ่ยถามอย่างรนลาน

            “ตามกูมา” ว่าแล้วพงษ์ก็เดินนำหน้าไป ส่วนกันต์ก็เดินไปพร้อมกับเคลวิน

            กันต์เห็นนภัทรครั้งแรกก็รู้สึกตกใจมาก  ไม่นึกเลยว่าแท้ที่จริงแล้วนภัทรอยู่ใกล้ๆเขานี่เอง  กันต์ยังคงทำตัวเป็นปกติราวกับไม่เคยรู้จักกับนภัทรมาก่อน  เขารอให้นภัทรฟื้นขึ้นมาจากไข้ซะก่อนถึงจะเข้าไปแสดงตัว  และมีความมั่นใจแล้วว่าคนที่ลักพาตัวนภัทรมาคือเคลวิน  นั่นทำให้เขาหนักใจไม่น้อยว่าการจะพาตัวนภัทรออกไปจากที่นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

            “นี่คุณจะตามมาทำไม” พงษ์ถามเมื่อกันต์ขึ้นรถมานั่งอยู่ข้างๆ  หลังจากช่วยเปิดประตูรถให้เคลวินพาร่างบางไปนั่งที่เบาะหลังเรียบร้อยแล้ว

            “ก็ผมจะไปช่วยคุณไง รีบขับไปดิ๊” กันต์ว่า พงษ์กำลังจะอ้าปากตอบโต้แต่โดนเพื่อนพูดตัดบทไว้ก่อน

            “มึงรีบขับไปเลยอย่ามาเยอะตอนนี้” เคลวินตะโกนสั่งเพื่อน กันต์ทำหน้าทะเล้นใส่คนขับทันทีที่ได้ยิน พงษ์มองค้อนใส่คนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างขัดใจแล้วรีบขับรถออกไปทันที

            เมื่อถึงศูนย์การแพทย์แล้วเจ้าหน้าที่ก็รีบนำร่างบางขึ้นรถเข็นเข้าไปด้านในทันที  พงษ์รีบเดินตามไปช่วยตรวจอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด  จนตอนนี้ร่างบางเริ่มมีอาการดีขึ้น และอยู่ในห้องพิเศษของทางศูนย์การแพทย์เรียบร้อยแล้ว

            “ตกลงใครเป็นคนจับตัวน้องภัทรไป” พงษ์เอ่ยถามขณะนั่งอยู่ในห้อง

            “ลูกน้องไอ้อิทธิ”

            “แล้วทำไมมันต้องมาจับต้องน้องภัทรไปล่ะแทนที่ละเล่นงานมึง” พงษ์เอ่ยอย่างสงสัย

            “กูก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นไอ้นี่” เขาว่าพลางมองไปที่ร่างบาง “แต่กูเดาว่ามันต้องมาสังเกตการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว  และคิดว่านภัทรคือคนรักของกู”

            “จะเป็นครั้งก่อนรึเปล่าที่มึงพาน้องภัทรมาหากูที่นี่”

            “อาจจะเป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นในบ้านกูมันคงไม่มีทางเข้าไปได้แน่นอน”

            “ถ้างั้นเราต้องระวังตัวมากขึ้น แล้วตอนไปติดเกาะด้วยกันน้องภัทรได้บอกอะไรมึงไหม” พงษ์มองหน้าเพื่อนลุ้นรอฟังคำตอบ

            “เปล่านี่...ทำไมเหรอ” เคลวินมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย “พวกมึงมีอะไรปิดบังกูอยู่รึเปล่า?”

            “เปล่าโว้ย กูก็แค่ถามไปงั้น” พงษ์เบ้ปาก

            “อย่าให้กูรู้ก็แล้วกัน..ไม่งั้นกูเอามันตายแน่” เคลวินเอ่ยเสียงเข้ม

            “ช่วงนี้มึงก็อย่ารุนแรงกับน้องมันนักเลย ถือว่ากูขอร้องเพราะร่างกายน้องไม่ค่อยจะแข็งแรง มึงก็เห็นๆอยู่” พงษ์ช่วยนภัทรได้แค่นี้จริงๆ เขารับปากแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนั้น

            “เออๆ กูจะพยายามละกัน”

            “อย่าลืมที่พูดล่ะ” พงษ์ชี้หน้าเพื่อน “มึงกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ทางนี้กูจะดูแลให้เอง” พงษ์เอ่ยกับเพื่อน

            “เออ ฝากด้วยละกัน” เคลวินเอ่ยพลางมองร่างบางที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง

            “ดูท่าทางมึงจะเป็นห่วงน้องภัทรน่าดูเลยนะเนี่ย” พงษ์แซวเพื่อน

            “บ้า! ใครห่วงมัน กูแค่กลัวว่ามันจะตายก่อนได้ทรมานมันไง”

            ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที

            พงษ์มองตามหลังเพื่อนไปก่อนจะเอ่ยเบาๆ

            “ไอ้ปากแข็งเอ้ย มองตากูก็รู้แล้วว่ามึงห่วงน้องภัทรขนาดไหน”

            พงษ์เอ่ยยิ้มๆพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

            ในระหว่างนั้นพงษ์เองคงลืมไปแล้วว่ายังมีชายหนุ่มอีกคนอยู่ในห้องด้วย

            “คุณ!” กันต์เอ่ยทักคุณหมอหนุ่มหน้าหวาน

            “อ้าว! คุณยังอยู่นี่อีกเหรอ”

            “เฮ้อ! มัวแต่คุยกับคุณเคลวินจนลืมผมไปซะงั้น” กันต์บ่นให้ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ

            “ก็คุณมันเป็นส่วนเกินไง ผมบอกไม่ให้มาด้วยตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็ยังเสือกมาด้วย” พงษ์ว่าให้

            “เป็นหมอประสาอะไร ปากหมาฉิบหาย” กันต์เดินเข้ามาใกล้ๆก่อนที่ทั้งสองจะยืนเผชิญหน้ากัน

            “ผมปากหมาเฉพาะกับคุณนี่ล่ะ คนอื่นๆเค้าไม่เคยมากวนตีนผมอย่างนี้” พงษ์เองก็จ้องหน้าอย่างไม่ลดละ

            “ผมชักจะอยากรู้แล้วสิว่าหมอปากหมาอย่างคุณ ปากจะหวานขนาดไหน” ว่าแล้วกันต์ก็กระชับตัวคุณหมอหน้าหวานเข้ามากอดไว้แน่น จนใบหน้าทั้งสองคนห่างกันเพียงแค่คืบ

            “คะ...คุณจะทำอะไร ปล่อยผม!” พงษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว ก่อนจะพยายามไม่สบตาอีกคน

            “กลัวเหรอครับคุณหมอ ฮึ” กันต์ว่าพร้อมกับค่อยๆเคลื่อนใบหน้าคมเข้าไปใกล้เรื่อยๆแล้วจ้องที่ริมฝีปากบางอย่างไม่วางตา  จนคนที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดต้องเม้มปากเอาไว้แล้วหลับตาปี๋ทันที  กันต์ยิ้มออกมาทันทีที่ได้แกล้งคุณหมอหนุ่ม ก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากบางเป็นแก้มขาวๆแทน

            ฟอด!!!

            “อี๋ ไอ้บ้า” คุณหมอหน้าหวานด่าซึ่งๆหน้า  แต่ใบหน้ากลับเปลี่ยนสีซะอย่างนั้น

            “ถ้าคุณด่ามาอีก  ผมจะทำมากกว่านี้แน่ เอาสิ!” กันต์ขู่  เมื่อได้ยินอย่างนั้นพงษ์ก็นิ่งทันที

            “โอเคผมหยุดแล้ว ถ้างั้นก็ปล่อยผมซะที นี่มันในห้องพักคนไข้นะ”

            “แล้วไงน้องภัทรก็ยังไม่ตื่นซะหน่อย” กันต์บอกอย่างไม่แคร์

            “นี่คุณ...รู้จักน้องภัทรมาก่อนเหรอ” พงษ์เอ่ยเมื่อผิดสังเกต

            “ปะ...เปล่าซะหน่อย จำไม่ได้เหรอว่าคุณเรียกชื่อน้องภัทรตอนอยู่ที่ท่าเรือ  ซะดังขนาดนั้นใครไม่ได้ยินก็บ้าแล้ว” กันต์แก้ตัวไป

            เมื่อนึกได้คุณหมอหน้าหวานก็คลายสงสัย  ใช่จริงๆตอนนั้นเขาเรียกชื่อน้องภัทรซะเสียงดัง คนแถวนั้นต่างก็ได้ยินกันถ้วนหน้า

            “ปล่อย!” คุณหมอหน้าหวานถลึงตาใส่  ตอนนี้ก็ได้หอมแก้มพอหอมปากหอมคอแล้ว  กันต์ก็ยอมปล่อยแต่โดยดี

            ผัวะ!

            เมื่อเป็นอิสระแล้วพงษ์ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เสียเปล่า  เขากำหมัดแน่นแล้วซัดไปที่แก้มของชายหนุ่มทันที

            “ถือว่าหายกัน” พงษ์ยกยิ้มในขณะที่กันต์กำลังใช้นิ้วหัวแม่มือ  ปาดเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปาก

            “หมัดหนักเหมือนกันนี่ครับคุณหมอ”

            “แน่นอน อยากลองอีกสักหมัดไหมล่ะ” พงษ์ว่าพร้อมกับชูกำปั้นขึ้นท้า

            “เอาไว้วันหลังละกันครับ ตอนนี้ผมขอยอมแพ้” กันต์ยกมือขึ้นยอมศิโรราบ

            “ยอมแพ้แล้วก็ออกไปได้ เชิญ” พงษ์ว่าพร้อมกับผายมือไปที่ประตู

            “ก่อนผมจะออกไป  ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”

            “ว่ามาถ้าผมตอบได้”

            “น้องภัทรเป็นอะไรกับคุณเคลวิน”

            กันต์มองหน้าคุณหมอหน้าหวาน  แต่เจ้าตัวกลับหลบตา

            “เอ่อ..น้องภัทรเป็นคนงานในบ้าน” พงษ์ตอบ

            “คนงานใบบ้าน? แล้วทำไมต้องมีคนลักพาตัวน้องภัทรไปด้วยล่ะครับ แสดงว่าน้องภัทรนี่จะต้องมีความสำคัญกับคุณเคลวินมากแน่ๆเลย” กันต์แสร้งพูดแต่ที่จริงแล้วเขารู้อยู่แก่ใจว่านภัทรโดนเคลวินจับตัวมา

            “คุณอย่ามาถามเซ้าซี้ มันไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณ ออกไปซะทีสิ” พงษ์ออกปากไล่

            “คุณดูมีพิรุธเหมือนปิดบังอะไรเอาไว้” กันต์ยังพยายามเซ้าซี้ต่อ

            “คุณนี่ท่าทางจะบ้าไปแล้ว ดูหนังสืบสวนสอบสวนเยอะไปป่ะเนี่ย”

            “คุณคิดผิดแล้ว..ผมน่ะชอบดูหนังโป๊สุดๆไปเลยล่ะ เอาไว้วันหลังผมจะชวนคุณหมอไปดูด้วยกันเอามะ” กันต์ยักคิ้วพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่

            “ผมเริ่มเหลืออดกับคุณแล้วนะ รีบออกไปเลยก่อนที่ผมจะเรียก รปภ.” พงษ์เสยผมพร้อมกับเอามือเท้าสะเอวไว้ด้วยความโมโห

            “ไปก็ได้ครับ เอาไว้ผมจะมาใหม่นะครับคุณหมอหน้าหวานของผม” กันต์ว่าพร้อมกับจะยื่นมือไปจับที่แก้มขาวๆของพงษ์ แต่เจ้าตัวยกหมัดขึ้นป้องกันตัวไว้

            “ลองดูสิผมได้ต่อยคุณแน่”

            กันต์ยกมือขึ้นป้องตัวเอง

            “ยอมแล้วครับๆ”

            “ยอมแล้วก็ไปซะทีสิโว้ย” พงษ์เริ่มเหลืออดมากขึ้นทุกที

            “ไปแล้วอย่าคิดถึงผมนะครับคุณหมอ” กันต์ยังเล่นไม่เลิก

            “ไม่ทีทาง” พงษ์พูดเน้นเสียง

            “ผมไปจริงๆละ ฝากดูแลน้องภัทรด้วยละกันครับ” กันต์รีบเอามือปิดปากตัวเองไว้  พงษ์มองหน้าอย่างสงสัย “ไม่ต้องมองอย่างนั้นหรอก ไม่มีอะไรผมก็แค่เป็นห่วงน้องก็เท่านั้น หรือว่าคุณหึงผม”

            “เปล่าซักหน่อย ก็คุณพูดราวกับว่าคุ้นเคยกับน้องภัทรมาก่อนซะอย่างนั้น”

            “คุณหมอนี่มโนเก่งเนาะ ผมไปล่ะ” กันต์ยิ้มพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้ก่อนจะเดินออกจาห้องไป

            “ตัวเองทำตัวน่าสงสัยแล้วยังจะมาว่าคนอื่นชอบมโนอีก ชิ”

            พงษ์กอดอกพร้อมกับมองตามหลังคนขี้กวนไป
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



            หลังออกมาจากห้องกันต์ก็เดินตรงดิ่งออกมาที่ลับตาคน ก่อนจะกดโทรฯออกหาเพื่อนสนิททันที

            “ฮัลโลไอ้ดล”

            (“ว่าไงมึง ทำเสียงซะเหมือนเจอผีมาซะอย่างนั้น”) นดลเอ่ยแซวเพื่อน

            “ยิ่งกว่าเจอผีอีกมึง โคตรของโคตรจะบังเอิญเลย” กันต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

            (“มีอะไรว่ามา กูชักอยากจะรู้แล้วว่ามึงไปเจออะไรมา”)

            “วันนี้กูเจอน้องภัทรโว้ย”

            (“เฮ๊ย! จริงดิวะ มึงเจอน้องกูที่ไหน น้องกูเป็นยังไงบ้าง บอกมาเร็วๆ”) นดลเอ่ยออกมาด้วยความดีใจเมื่อได้ยิน ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึงสักที

            “มึงใจเย็นๆก่อน เดี๋ยวกูจะโทรฯไปอีกทีตอนนี้ยังไม่สะดวกว่ะ” กันต์ว่าพลางมองซ้ายมองขวาไปด้วย  เขากลัวว่าจะมีใครได้ยินเอา  เพราะที่นี่มีแต่ลูกน้องของเคลวินทั้งนั้น

            (“เออๆ มึงรีบโทรฯมานะเว้ยกูอยากรู้จนอดใจไม่ไหวแล้วเนี่ย”)

            “เออ..แค่นี้ล่ะ”

            พูดจบกันต์ก็วางสายแล้วรีบกลับไปที่ห้องพักส่วนตัวทันที

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ทำไมทุกอย่างดูเร็วๆรีบๆไปหมดเลย... :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แพ้ท้องแบบนี้ ร่างกายอ่อนแอแบบนี้ จะรอดไหม

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะมีใครเริ่มสงสัยในตัวกันต์บ้างหรือยังนะ  :hao3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตัดให้ขาดเลยฉับๆๆ ค้างสิคะคุณผู้เขียน

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เจอภัทรแล้ว

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ สาว801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด