ตอนที่ 12
“คุณพริ้ม คุณช่วยมีงานอดิเรกเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่นหน่อยได้ไหม”คุณชัยบ่นกระปอดกระแปดที่ต้องขนม้วนผ้าสีน้ำตาลหลายม้วนและถุงนุ่นหลายถุงขึ้นมาให้ผม
“อะไรละครับ?”
“เล่นเกมส์ ไถโซเชียล ชอปปิ้งออนไลน์ ดูหนัง ดูซีรีส์ อะไรแบบนั้น”
“ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกันนี่ครับ”ผมค่อยๆก้าวลงจากเตียง เดินไปที่ม้วนผ้าสีน้ำตาลนิ่ม
มือของผมลูบบนผืนผ้าเบาๆ คิดถึงจังเลย คิดถึงวันเวลาเก่าๆที่ต้องเย็บตุ๊กตาเพื่อหาเงินซื้อข้าวประทังชีวิต
ถึงตอนนี้จะไม่ได้ทำงานหนักเหมือนตอนนั้น แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเหนื่อยกว่าตอนนั้นเยอะ
ผมอยากกลับไปเหนื่อยกายมากกว่าเหนื่อยใจแบบในตอนนี้...
ผมกวาดสายตามองอยู่นานก็ยังไม่เห็นแพทเทิร์นแบบตุ๊กตา “คุณชัย แพทเทิร์นอยู่ไหนครับ”
“ถ้าเป็นงู คงกัดคุณคงตายไปนานแล้ว”คุณชัยดึงแพทเทิร์นที่อยู่ในถุงกระดาษหน้าผมส่งให้
ผมกลอกตามองบนอย่างเพลียใจ แต่ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับคนแก่ขี้บ่น
เห็นแก่ความใจดีที่คุณชัยไปเอาตุ๊กตามาให้เย็บ ผมจะสงบปากสงบคำละกัน
แบบแพทเทิร์นถูกวาดบนกระดาษไขและตัดมาให้เหลือขอบสามารถเย็บเป็นตะเข็บได้
แพทเทิร์นครั้งนี้ใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผมเคยทำ ขนาดพี่หมีเท็ดน่าจะสูงประมาณเอว
“เจ้าของเขาให้อุปกรณ์มาสำหรับทำ 50 ตัว จะทำไว้เร้ออออ...”คุณชัยเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
“คนจริงเขาไม่พูดมากครับ”ผมขยิบตาข้างเดียวให้คุณชัย หยิบม้วนผ้ากางลงที่พื้น จังหวะที่งอตัวความรู้สึกปวดหน่วงๆก็แล่นขึ้นมาจนต้องยกมือกุม
“ระวังหน่อยสิคุณพริ้ม ผมขี้เกียจไปตามหมอมาดูคุณนะ”
ถึงปากคุณชัยจะบ่นตลอดเวลา แต่มือคู่นั้นก็เข้ามาประคองผมด้วยความรวดเร็ว
คุณชัยเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ ถึงใจจะเป็นห่วงยังไงแต่ปากต้องจิกกัดไว้ก่อน
น่าจะติดนิสัยจากคุณท่าน ไม่รู้ชาติที่แล้วเกิดเป็นไก่รึยังไง…จิกตลอดเวลา
ผมวางแพทเทิร์นบนผ้าแล้วใช้สีเขียนผ้าลอกลาย ถึงจะเจ็บหน่วงๆตอนเอี้ยวตัวหรือก้มตัว แต่ผมก็พยายามไม่แสดงออกให้คุณชัยเห็น ผมอยากทำงาน ไม่อยากนอนเป็นผักเหมือนหลายวันที่ผ่านมา
“โหยคุณพริ้ม นี่ต้องเย็บแยกส่วน ทำหู ทำท้อง ทำขาเหรอ?”คนชัยก้มมาเมียงๆมองๆถามผม
“ใช่ครับ เย็บแยกส่วนแล้วนำมาประกอบกันทีหลัง”
“นั่งหลังขดหลังแข็งทำขนาดนี้จะได้สักกี่บาทกันคุณ”
“ถึงจะเป็นเงินจำนวนไม่เยอะ แต่ถ้าใช้ซื้อข้าวกินได้มันก็พอแล้วครับ”
ถึงเงินค่าจ้างจากการเย็บตุ๊กตาจะเป็นเพียงเศษเงินของคนมีอันจะกิน แต่มันมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับผม
อย่างน้อยผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนมีค่า มีความสามารถ ขายแรงงานแลกเงิน ไม่ใช่ขายตัว อ้าขาให้เขาโปรยเศษเงินให้
ผมเย็บเจ้าหมีเท็ดทีละส่วน จับนุ่นยัดใส่จนพองแล้วนำมาเย็บประกอบกัน ไม่นานก็สำเร็จเป็นตัวแรก
ไม่รู้ว่าความเศร้าของผมมันถ่ายทอดไปที่เจ้าหมีรึยังไง
หน้าตามันถึงเศร้าผิดไปจากแบบ
ผมลูบหัวเจ้าหมีเท็ดเบาๆ…มันเหมือนผมเลย
“หมีหน้าเศร้าของคุณพริ้มนี่จะทำให้เด็กร้องไห้ตอนเห็นมากกว่ามีความสุขนะผมว่า”
ถ้าเด็กจะเห็นเจ้าหมีแล้วร้องไห้…งั้นผมเก็บไว้เองดีไหมนะ?
ปกติผมก็เป็นเด็กผู้ชายทั่วไป ไม่มีความมุ้งมิ้ง ไม่เล่นตุ๊กตา แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก
ถ้ามีตุ๊กตาเป็นเพื่อนก็คงดี
“ถ่ายรูปไปอวดคุณท่านดีกว่า”ผมดึงเจ้าหมีหนีกล้องคุณชัย ไม่ให้ถ่ายหรอก ว่ากันขนาดนี้ ใครจะให้ถ่าย
“เอ้า! คุณพริ้ม จะเอาหมีไปหลบหลังคุณทำไม ผมจะถ่ายรูป”
“…”ผมกอดเจ้าหมีแน่น หมีหน้าเศร้าแบบนี้ ผมไม่ยอมให้คุณท่านเห็นหรอก
ถ้าคุณท่านเห็น ท่านต้องรู้แน่ว่าผมเย็บเจ้าหมีด้วยความรู้สึกยังไง
ผมไม่อยากให้คุณท่านรู้ว่าตัวเขามีอิทธิพลต่อความรู้สึกผมมากขนาดไหน
“คุณพริ้ม! ดื้อจริงๆ”
ผมวางเจ้าหมีเท็ดลงบนเตียงคนไข้จับผ้าห่มมาคลุมปิดหน้า “ผมหวง จบนะ”
“โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วนะคุณ ยังจะมาหวงตุ๊กตาอีก ลูกผมยังไม่หวงเลย”
“ลูกคุณชัยอายุเท่าไหร่”
“3 ขวบ”
“เด็ก 3 ขวบหวงไม่เป็นหรอก ผม 20 ไงเลยหวงได้?”
“เถียงข้างๆคูๆ”
“คุณชัยพาแฝดมาเล่นกับผมบ้างสิ ผมเหงา”
“ผมไม่พามาหรอก ผมหวง!”
“อายุจะขึ้นเลข 4 แล้วยังขี้หวงอีก ผมไม่ง้อหรอก ผมมีลูกเองก็ได้”
คุณชัยมองหน้าผมด้วยแววตาครุ่นคิด สีหน้าขี้เล่นหยอกเย้าหายไป เหลือแต่ความจริงจัง “ถ้าคุณอยากมีลูก อนาคตของคุณคงไม่มีคุณท่านอยู่ในนั้น”
ผมอยากจะตอบคุณชัยกลับไปว่า ‘คุณท่านเองก็ไม่มีผมอยู่ในอนาคตของท่านเหมือนกัน’
เอาจริงๆ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าความฝันของผมยังเหมือนเดิมอยู่รึเปล่า…ความฝันที่จะได้แต่งงานกับผู้หญิงดีๆสักคน มีลูก มีครอบครัวที่อบอุ่นอบอวลด้วยความรัก
ผู้ชายที่เคยเป็น ‘เมีย’ มีความรู้สึกดีๆกับผู้ชายด้วยกันยังมีโอกาสที่จะมีครอบครัวได้รึเปล่า ถ้าเธอรู้ว่าผมเคยผ่านอะไรมา เธอจะยอมรับได้ไหม
แต่ช่างเถอะ คิดไปก็เท่านั้น
.
.
.
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปอย่างรวดเร็วก็ถึงกำหนดที่ผมจะต้องออกจากโรงพยาบาล
จากวันแรกที่เข้ามาอยู่ในห้องนี้ที่เป็นห้องโล่งๆ แต่วันนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป
เจ้าหมีเท็ดหน้าเปื้อนยิ้มถูกวางไว้เต็มพื้นที่ในห้อง
“คุณพริ้ม หยิบตัวนั้นมาสิ ผมจะเอาใส่ถุง”ผมเดินไปหยิบเจ้าหมีเท็ดที่อยู่มุมห้องส่งให้คุณชัย
“เสร็จ 50 ตัวนี้ ผมไม่ไปเอามาให้แล้วนะ”ถึงปากจะบ่นแต่มือก็ทำงาน ค่อยยังชั่วหน่อยที่คุณชัยยอมช่วยจับเจ้าหมีใส่ถุง ถ้าให้ผมทำเองทั้งหมดมีหวังซี่โครงคงทิ่มปอดอีกรอบ
“โธ่คุณชัย ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้เด็กนักศึกษาได้บุญนะคุณ”
“ไม่รู้ได้บุญหรือทำบาป ผมเห็นนะว่าคุณเจ็บซี่โครงบ่อยๆ หมอสั่งให้นอนนิ่งๆบนเตียงคุณก็ไม่ฟัง”
“คนเคยทำงานมาตลอด จะให้มานอนนิ่งๆ ทำไม่ได้หรอก”
“เงินทองคุณท่านก็ให้คุณเต็มที่ ผมถามจริงทำไมต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งเย็บหมีหน้าโง่พวกนี้ด้วย”
“อยากจะตบปากคุณด้วยอุ้งเท้าหมีจริงๆ”ผมจับเท้าเจ้าหมีชี้ไปที่หน้าคุณชัย
“ลามปามคุณพริ้ม”คุณชัยหันมามองผมด้วยแววตาดุ ผมยกมือไหว้ขอโทษ
“คุณชัยว่าเจ้าหมีก่อนทำไม มันไม่ได้หน้าโง่สักหน่อย”
“อ้าวเหรอ?! แต่ผมว่ามันหน้าโง่นะ หมีที่หน้าตาเหมือนคุณ มันก็หน้าโง่ทุกตัวนั่นแหละ”
“คุณชัย!”ผมตะโกนดังลั่นห้อง ผีอะไรเข้าสิง อยู่ดีๆก็มากัดกันซะงั้น
สามคำดี สี่ประโยคไข้ 5 บทสนทนาทำใจ ไม่มีวันไหนที่จะอยู่กันอย่างสงบสุข
ใครก็ได้บอกผมที ทำไมพ่อลูกอ่อนถึงกวนขนาดนี้!!!
“ถึงผมจะแก่แต่หูผมไม่ได้ตึง ส่งไอ้หมีหน้าเศร้าบนเตียงมาให้ผมด้วย”
ผมกอดตุ๊กตาหมีเท็ดที่หน้าเศร้าเหมือนผมไว้อย่างหวงแหน
“คุณพริ้มอย่าลีลา ผมจะรีบเอาไปส่ง”
“ไม่ให้” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ กอดหมีเท็ดไว้แนบอก
ไม่ให้...ไม่คืนให้หรอก ถึงจะเย็บ 50 ตัวฟรีแล้วต้องจ่ายเงินเพิ่มค่าตุ๊กตา ผมก็ไม่ให้คืนหรอก
“คุณพริ้ม”คุณชัยทำเสียงดุผม
ไม่กลัวหรอก ถึงคุณชัยจะชอบทำหน้าโหด แต่คุณชัยใจดีจะตาย
ใจดีกว่าคุณชนะที่ชอบยิ้มเย็นไปเรื่อยอีก
“คุณนี่มันดื้อจริงๆ”คุณชัยบ่นกระปอดกระแปดแล้วลากถุงที่บรรจุหมีเท็ดออกไปทีละตัวจนหมด
พอห้องกลับมาโล่งเหมือนตอนแรก มันก็รู้สึกวูบโหวงแปลกๆแหะ
จริงๆแล้วคนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอะไรแบบนี้ในโรงพยาบาลหรอกครับ
แต่เพราะอำนาจของคุณท่านที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลเลยไม่มีใครกล้าว่าอะไร
ตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา มีแค่วันนั้นเพียงวันเดียวที่คุณท่านแวะเข้ามาหาผม
วันอื่นๆก็เป็นคุณชัยที่อยู่กับผมช่วงกลางวัน ส่วนคุณชนะที่จะเข้ามาช่วงเย็น พร้อมกับกับข้าวกับปลา ขนมนมเนย เค้ก ไอติม เวลาเห็นคุณชนะ ผมเหมือนเห็นประตูสวรรค์ รอดตายไปได้หนึ่งมื้อที่ไม่ต้องทนกินกับข้าวโรงพยาบาลชืดๆ จืดๆ ไม่มีรสชาติ
หลังจากมีความสุขกับการกินมื้อเย็น ช่วงเวลากลางคืนที่เป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดก็มาถึง ทุกคืนผมต้องเปิดไฟนอนคนเดียว
ผมเคยขอร้องให้คุณชัยนอนเป็นเพื่อนเหมือนเดิม แต่คุณชัยบอกว่าไม่ได้ เพราะคุณท่านไม่อนุญาต
คุณท่านต้องการให้ผมหักดิบความกลัวที่มีและเผชิญหน้ามัน
ผมอยากจะตะโกนใส่หน้าคุณท่านคืนละล้านรอบ บ้ารึเปล่า นี่มันอาการ phobia จะให้หายกลัวภายในอาทิตย์ สองอาทิตย์จะเป็นไปได้ยังไง
คืนไหนที่ทนได้ ผมก็ทน พยายามเลี่ยงไม่กินยานอนหลับ แต่คืนไหนที่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะภาพหลอนจากเหตุการณ์ในวันนั้น ผมก็จะเดินออกไปนั่งคุยเล่นกับพี่พยาบาลที่อยู่ด้านนอกจนเช้า
ผมดึงแก้มเจ้าหมีเท็ดยืดเล่นฆ่าเวลาระหว่างรอคุณชัยกลับมารับ
เดาไม่ออก บอกไม่ถูกจริงๆ
ไม่รู้ว่าออกจากโรงพยาบาลในวันนี้แล้วผมจะกลับไปเจออะไรบ้าง
แต่สิ่งที่ผมรู้แน่ๆคือคุณท่าน ‘รังเกียจ’ ผม ถ้าไม่รังเกียจกันคงแวะมาหากันบ้าง
นั่งรอไม่นานคุณชัยก็กลับมา
“คุณพริ้มกลับบ้านกันครับ”ผมพยักหน้ารับ อุ้มเจ้าหมีแนบอกแล้วเดินลงลิฟท์ไปกับคุณชัย
เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น พี่เจ้าของแบรนด์ไลน์มาบอกว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีตามที่ตกลงไว้ ส่วนเจ้าหมีที่อยู่กับผมพี่เขาให้ ผมส่งข้อความกลับไปขอบคุณพี่เขาอย่างดีใจ
“ได้ของฟรีนี่ยิ้มกว้างเลยนะครับคุณพริ้ม”
“ยุ่ง!”
“คุณพริ้มมาว่าผมได้ไง นี่ผมเหนื่อยขนของให้คุณพริ้มตั้งกี่รอบ คุณพริ้ม…”ผมมองคุณชัยที่บ่นกระปอดกระแปดเป็นตาแก่แล้วยิ้มจาง
คุณชัยก็บ่นไปแบบนั้นแหละ
“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ขอบคุณที่ดูแล ขอบคุณที่ทนเด็กเอาแต่ใจอย่างผม”
“…”คุณชัยหันมามองผมแล้วเกาท้ายทอยแก้เก้อ
เอ้อ…คนแก่เขิน ทำหน้าไม่ถูกก็ตลกดีเหมือนกัน
ใช้เวลานานไม่นาน คุณชัยก็ขับรถมาถึงคอนโดคุณท่าน
ช่วงเช้าวันอาทิตย์ ถนนโล่ง คุณชัยขับรถเร็วมากกกกกกกก...ผมรู้สึกเหมือนกำลังท้านรกทุกลมหายใจ
ไม่รู้ว่ามีลูกแล้วทำไมยังขับรถอันตรายแบบนี้อีก
ไม่ได้เรื่องเลย
ผมอุ้มเจ้าหมีเดินตามหลังคุณชัยที่เดินเลยผ่านห้องคุณฟ้าไปที่สระน้ำด้านนอก
ผมหันไปมองประตูห้องคุณฟ้าที่ปิดสนิทอยู่อย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร
“สวัสดีครับท่าน”คุณชัยทักทายคุณท่านที่กำลังดูแลเจ้าตะบองเพชรต้นเล็กต้นน้อยอยู่ในเรือนกระจก
ผมกวาดตามองรอบเรือนกระจกที่แปลกตาไปกว่าเก่า ข้าวของของผมที่เคยอยู่ในห้องของคุณฟ้าถูกย้ายออกมาไว้ที่นี่ ต้นไม้ส่วนใหญ่ถูกย้ายออกไปไว้ด้านนอกข้างสระน้ำ เหลือเพียงแค่มุมเล็กๆให้เจ้าตะบองเพชรอยู่เท่านั้น
ม่านสีขาวถูกนำมาติดรอบๆห้อง เตียงหลังเล็กสีขาวถูกนำมาวางแทนที่โซฟาตัวเดิมที่เคยตั้งอยู่ โต๊ะเขียนหนังสือถูกจัดวางที่มุมห้องพร้อมกับ I-Mac จอใหญ่ที่วางอยู่เคียงข้าง Ipad Pro มุมห้องอีกมุมมีตู้เสื้อผ้าใบเล็กวางอยู่
“อยู่ได้ไหม? มะลิบอกว่าเธอชอบเรือนกระจก”คุณท่านถามในขณะที่ดวงตาจับจ้องอยู่ที่เจ้าตะบองเพชร
“ได้ครับ”คุณท่านรับฟังผมเพียงเท่านั้นแล้วก็เดินออกไป ไม่มีแม้แต่หางตาจะชายตามามองผม
ถามกันสักคำก็ไม่มีว่าออกจากโรงพยาบาลแล้วเป็นยังไงบ้าง หายเจ็บรึยัง
สัญญาณของการถูกทิ้งมันมาแล้วสินะ ใครจะอยากได้ผู้ชายที่ถูกข่มขืนมา
ผมลูบเบาๆบนหัวเจ้าหมี
อยู่เป็นเพื่อนกันนะ…อย่าให้ชั้นถูกทิ้งอยู่เพียงลำพัง
ตอนแรกที่ผมได้อยู่ห้องคุณฟ้าคงเพราะคอนโดของคุณท่านมีห้องนอนแค่ 2 ห้อง
ผมมันก็แค่เด็กเลี้ยงคนหนึ่งที่คุณท่านซื้อหามาด้วยเงินทอง ประเคนของมีค่ามีราคาให้
ยิ่งตอนนี้เนื้อตัวผมแปดเปื้อนราคีคาว คงไม่มีค่าพอที่คุณท่านจะให้ผมอยู่ในห้องนั้นให้เป็นเสนียดต่อคุณฟ้า
“คุณพริ้มครับ”ผมได้แต่ยิ้มจางๆให้คุณชัย
ชีวิต ‘เด็กเลี้ยง’ มันก็แค่นี้แหละ
ตอนแรกที่เขาอยาก ‘ดูเอ็น’ เขาก็ชายตามาแลบ้าง แต่ตอนนี้ที่ของตายมันกลายเป็นของเน่าหนอนไปแล้ว ใครจะอยากเก็บไว้ข้างตัว เขาแค่เนรเทศมาอยู่ในเรือนกระจกเท่านี้ก็บุญหัวไอพริ้มเท่าไหร่แล้ว
วันไหนที่คนของเขากลับมา คงโดนถีบออกไปเหมือนหมูเหมือนหมา
ผมได้แต่ถอดถอนใจกับโชคชะตาตัวเอง แต่สุดท้ายก็ได้แต่ปลง
อ่านหนังสือดีกว่า ใจคนกำหนดยาก แต่ชะตาชีวิตผมนี่สิที่กำหนดเองได้
“ผมไปแล้วนะครับ”ผมพยักหน้ารับรู้ ยกมือไหว้ลาคุณชัย “ขอบคุณครับคุณชัย”
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หยิบไอแพดมาเปิดไฟล์เล็คเช่อร์ที่อิฐส่งมาให้ทุกวัน
อ่านไปอ่านมา หนังตาก็เริ่มหย่อน สุดท้ายเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
ตื่นมาอีกทีตอนพี่มะลิปลุกให้ลุกขึ้นมากินข้าวกินยา
วันเวลาในวันอาทิตย์ที่เป็นวันครอบครัวผ่านไปอย่างเหงาๆ
คุณท่านหายไปไหนไม่รู้หลังจากที่คุยกับผมแค่สองสามประโยค
ผมไลน์ไปหาน้อง น้องก็อ่านแต่ไม่ตอบ สงสัยคงกำลังดราฟงานอยู่เลยไม่ว่าง
ผมอยากจะใช้เวลาวันอาทิตย์กับคนในครอบครัวเหมือนคนอื่นๆบ้างจัง
ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นบ้างไหม
ผมนอนกอดเจ้าหมีแนบอกเมื่อความมืดเริ่มมาเยือน
ไฟทุกดวงในเรือนกระจกถูกเปิดให้ส่องสว่าง แต่ผมก็ยังมีอาการใจสั่นเมื่อมองขึ้นไปที่คลังคากระจกที่เผยให้เห็นความมืดมิดของฟากฟ้าและมีหมู่ดาวมากมายส่องประกายระยิบระยับอยู่บนนั้น
ผมไม่ชอบเลย ถึงดาวดาวจะสวยแค่ไหน แต่ท้องฟ้าก็ดำมืดอยู่ดี
ผมพลิกตัวเข้าหาผนังเรือนกระจกสีขาว หยิบมือถือมาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตีสี่ พรุ่งนี้ตื่นมาอ่านหนังสือต่ออีกนิดก่อนไปเรียนน่าจะจำได้มากกว่านี้ ผมเป็นคนสมองช้า อ่านหนังสือตอนเย็นมักจะหลงๆลืมๆ แต่ถ้าอ่านตอนเช้า สมองโล่งจะจำได้ดีกว่า
ผมเปิดเพลงกล่อมเด็กนอนไว้เป็นเพื่อนก่อนจะหลับตาลง
ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะเจ้าหมี
ไม่ได้มาต่อนานมาก
ลืมกันรึยังคะ
เราติดสอบรัวๆเลย TT
ปล.เขียนคาแรคเตอร์ 3p ไว้สองแบบจนตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้