เจ้าแก้วรวบรวมสมุนไพรทั้งหมดลงใส่ไว้ในย่ามเมื่อเก็บจนครบ...เด็กหนุ่มยกแขนขึ้นซับหยดเหงื่อที่ไหลลงมาข้างขมับจนไรผมเปียกชื้น
แสงอาทิตย์แรงกล้าที่ส่องผ่านกลุ่มพุ่มไม้ลงมายังผืนพนากว้างทำให้แผ่นหลังเปียกชุ่มอยู่ไม่น้อย เจ้าแก้วเดินเลียบเคียงไปตามลำธารเรื่อยเปื่อยเพื่อฟังเสียงสายน้ำที่ไหลกระทบกับโขดหินอย่างเพลิดเพลิน
แต่แล้วหางตาก็พลันสังเกตเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่ยืนอยู่บริเวณใกล้ธารน้ำตก
แม้นน้ำบริเวณนั้นจะลึกเพียงอกแต่เมื่ออสุราหนุ่มลงไปยืนแล้วกลับสูงเพียงเอวของอีกฝ่ายเท่านั้น
เจ้าแก้วห้อยย่ามสะพายไว้ตรงกิ่งไม้ก่อนจะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายวักน้ำล้างใบหน้าปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ข้างลำธารด้วยความคุ้นชิน มันเดินไปตามทางของกิ่งไม้ใหญ่ที่ยื่นโน้มลงไปใกล้ผิวน้ำริมธารก่อนจะนั่งหย่อนขาลงไปปล่อยให้สายน้ำเย็นเฉียบพัดพาความร้อนระอุในกายให้มลายหาย
นัยน์ตาสีอ่อนลอบมองแผ่นหลังกว้างที่มีหยดน้ำเกาะพราวส่องสะท้อนล้อแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบลงบนผิวกายคร้ามแดด...มัดกล้ามเนื้อตึงเครียดขมึงไปทุกส่วนสัดขับเน้นให้เห็นถึงเสน่ห์ของบุรุษวัยฉกรรจ์อย่างเต็มตัว เส้นผมที่เปียกลู่แนบกับใบหน้าถูกเสยเปิดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าคมเข้มเมื่อยามฝ่ายนั้นหมุนตัวกลับมา
ในอกพลันสั่นไหวเมื่อได้สบประสานเข้ากับนัยน์ตาทรงอำนาจอีกครั้ง
...เพราะมัวแต่เผอเรอ รู้ตัวอีกทีฝ่ายนั้นก็เดินฝ่ากระแสน้ำเข้ามาหากันเสียแล้ว..
อสุราหนุ่มยืนประจันหน้าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเงยขึ้นมองสัตว์ตัวเล็กที่กำลังตื่นตระหนก
มันทำท่าจะลุกหนีหากแต่วงแขนแกร่งทั้งสองข้างกลับยกขึ้นปิดกั้นทางออกเอาไว้อย่างรู้ทัน...สุดท้ายมนุษย์ตัวน้อยจึงต้องนั่งอยู่ในพันธนาการกักขังด้วยความจำยอม
“เก็บสมุนไพรเสร็จแล้วหรือ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ใบหน้าที่ปกติมักนิ่งเฉยดุดันกลับดูผ่อนคลายขึ้นมาก
“จ...จ้ะ” ลูกแก้วสีสวยสั่นไหวเมื่อถูกแววตาคมช้อนขึ้นมอง อสุราหนุ่มขยับกายเข้าไปแนบชิดมากยิ่งขึ้นจนเรียวขาเนียนเกลี้ยงเปียกชื้นจากหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่ทั่วแผ่นอกกำยำ
“เจ้าไม่สบายหรือเปล่า” ...รอยยิ้มกดลึกปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่าใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นขึ้นสีระเรื่อลามไปทั่วถึงใบหู
“เปล่านี่จ๊ะ...ฉันสบายดี” มันส่ายหน้าปฏิเสธ
“แล้วเหตุใดจึงหน้าแดงนัก” ...แม้นจะรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็อดที่จะเย้าแหย่ไม่ได้
...นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้จอมทัพอสุรารู้สึกอภิรมย์ยิ่งนัก
“คือ..” เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยอย่างขัดเขินเมื่อถูกจับทางได้ “วันนี้อากาศมันค่อนข้างร้อนน่ะจ้ะ”
เสียงสบถขำในลำคอดังขึ้นเมื่อมองเห็นแต่เพียงความดื้อด้านที่ฉายชัดออกมาปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง อสุราหนุ่มจึงทำเพียงพยักหน้ารับอย่างตามใจ ไม่คิดจะคาดคั้นให้ต้องอับอายมากไปกว่านี้ ก่อนจะหันไปสนใจเรียวแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มแทน
ผ้าพันแผลที่ถูกพันเอาไว้ตั้งแต่อุ้งมือยาวไปจนเกือบถึงศอก รอยช้ำที่โผล่ออกมาให้เห็นนั้นทำให้อดที่จะเลื่อนมือไปกอบกุมเอาไว้ไม่ได้
...บาดแผลทั้งหมด...มันเกิดขึ้นเพราะเขาทั้งสิ้น..
“ยังเจ็บอยู่รึไม่” ฝ่ามือเล็กของมนุษย์ทั้งสองข้างถูกอุ้งมือใหญ่ช้อนถือไว้อย่างเบามือ
...แม้นมีถึงสองก็มิอาจเทียบเคียงได้เลยสักนิด เจ้าแก้วก้มลงมองเรียวนิ้วที่กำลังลูบผ่านเนื้อผ้าด้วยความอ่อนโยน ริมฝีปากอิ่มเผลอขบเม้มเข้าหากันเมื่อความรู้สึกบางอย่างแล่นปลาบเข้ามาตรงกลางอก
...พอเทียบกันแล้วมือของมันนั้นเล็กราวกับเด็กตัวน้อยก็มิปาน..
“ไม่...ไม่เจ็บแล้วจ้ะ” แต่แล้วก็ต้องหน้าเบ้ลงเล็กน้อยเมื่อจู่ๆปลายนิ้วแข็งก็ออกแรงกดลงมาบนรอยช้ำ
“โกหก”
“ฮื่อ” แม้นท่าทีแบบนั้นจะดูดื้อดึง แต่มันกลับเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าคมคร้ามให้กว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“เจ็บขนาดนั้นเชียวหรือ...ข้าแค่กดเบาๆเอง”
“ก็...ท่านวศินแรงเยอะนี่จ๊ะ” แน่อยู่แล้ว...แรงของมนุษย์กับยักษ์น่ะมันเทียบกันได้เสียที่ไหนกัน
จอมทัพอสุรามองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่เริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
ไม่บ่อยนักหรอกที่เจ้าแก้วจะแสดงสีหน้าท่าทางแบบนี้ออกมาให้ได้เห็น ส่วนใหญ่มันมักจะตีหน้าซื่อไม่ก็ยิ้มแย้มสว่างไสวให้ใครต่อใครเขาไปทั่ว เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เขานึกชอบใจอยู่ไม่น้อยยามที่ได้เย้าแหย่ให้สัตว์ตัวเล็กแสดงอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านออกมา
ท่าทางราวกับกระรอกป่ากำลังพองขนขู่ใส่ผู้ล่าอย่างไร้ทางสู้
…น่าเอ็นดูน้อยเสียที่ไหน..
ใบหน้าคมคร้ามลอบยิ้มอย่างพออกพอใจเมื่อเห็นว่าแก้มทั้งสองข้างนั้นกำลังแดงปลั่งได้ที่ สายตาคมกล้าทอแสงอ่อนลงยามที่ได้สบประสานกับฝ่ายตรงข้าม ก่อนคำพูดสุดท้ายที่พญานาคราชทิ้งทวนเอาไว้จะฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง
‘ท่ามากนัก...ระวังเถิดจะไม่ทันการ’
ทันใดนั้นฝ่ามือทั้งสองข้างของมนุษย์ตัวน้อยก็ถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากโดยที่เจ้าของยังไม่ทันได้เตรียมตัว
อสุราหนุ่มก้มลงจรดจูบแผ่วเบาแนบไปกับผ้าพันแผลราวกับต้องการแฝงคำขอโทษผ่านการกระทำแสนอ่อนโยน
สัมผัสอุ่นแนบแน่นที่แทรกซึมผ่านเนื้อผ้าทำให้เจ้าแก้วตัวแข็งทื่อ
นัยน์ตาสีอ่อนวูบไหวอย่างรุนแรงเมื่อจู่ๆฝ่ายนั้นก็กระทำการที่เหนือความคาดหมายไปมากโข...มันขบเรียวปากล่างจนขาวซีดเมื่อถูกสายตาทรงอำนาจช้อนขึ้นมองทั้งๆที่ฝ่ามือยังคงตกอยู่ใต้พันธนาการอุ่นร้อน
สองสายตาประสานกันเนิ่นนานราวกับห้วงเวลารอบตัวนั้นหยุดหมุนไปเพียงครู่หนึ่ง...เสียงอึกทึกที่ดังกึกก้องอยู่ในอกเริ่มรุนแรงขึ้นราวกับต้องการออกมาโลดแล่นภายนอก
เจ้าแก้วลมหายใจสะดุดโดยพลันเมื่อเห็นว่าคมเขี้ยวของอสุราหนุ่มขบลงบริเวณข้อนิ้วของมัน
หากแต่ความวาบหวามกลับแล่นทะยานเล่นงานเสียจนหูอื้อตาลายไปหมด สัตว์ตัวเล็กถูกสายตาทรงอำนาจสะกดตรึงเอาไว้ราวกับโดนโซ่ตรวนล่องหนล่ามพันธนาการอย่างแน่นหนา
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะรวบรวมความกล้าเอื้อมมือออกไปประคองใบหน้าคมคร้ามเอาไว้ ฝ่ามือสั่นเทาเล็กน้อยเมื่ออสุราหนุ่มเอียงหน้าแนบเข้ามาทั้งที่สายตายังคงไม่ยอมละห่างไปไหน
…ราวกับเสือโคร่งตัวโตที่กำลังเชื่องอย่างไรอย่างนั้น..
เรียวนิ้วของมนุษย์ตัวน้อยถือวิสาสะไล้สัมผัสไปตามสันกรามราวกับเด็กเล็กขี้สงสัย
เจ้าแก้วนึกชอบลวดลายอ่อนช้อยที่ปรากฏอยู่รอบริมฝีปากได้รูปอยู่ไม่น้อย มันเลื่อนผ่านปลายเขี้ยวอย่างกล้าๆกลัวๆแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมให้จับโดยไม่แม้นที่จะปัดป้องออกก็ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่
สัตว์ตัวเล็กนึกเพลิดเพลินเสียจนไม่ทันได้สังเกตเห็นท่อนแขนที่โอบอ้อมเข้ามาทางด้านหลัง วศินกระตุกยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะออกแรงดึงรั้งตัวของมันลงน้ำด้วยความรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสที่จะได้ร้องออกมาเสียด้วยซ้ำ
ตูม!!
ผิวน้ำแตกกระเซ็นไปคนละทิศเมื่อร่างของมนุษย์หล่นร่วงลงไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตะกายหนีเอาตัวรอดก็ถูกเรี่ยวแรงมหาศาลฉุดรั้งขึ้นมาเหนือผิวน้ำเสียก่อน อสุราหนุ่มสอดแขนเข้าไปโอบรัดรอบตัวของอีกฝ่ายไว้มั่นก่อนจะอุ้มขึ้นจนเจ้าแก้วตัวลอยเหนือผิวน้ำ
เรียวขาเล็กโอบรัดรอบกายใหญ่อย่างหาที่พึ่งตามสัญชาตญาณส่วนสองแขนก็ถูกดึงไปคล้องรอบคอเอาไว้ให้เสร็จสรรพ
เพราะเมื่อครู่นี้ถูกกลั่นแกล้งโดยไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทำให้มันสำลักน้ำเข้าไปอึกใหญ่ เจ้าแก้วไอโขลกจนใบหน้าแดงก่ำน้ำหูน้ำตารื้นได้อย่างน่าสงสาร
เส้นผมสีเข้มที่เปียกลู่ล้อมกรอบใบหน้าอ่อนเยาว์ไว้ถูกเสยขึ้นจนเผยให้เห็นความมีชีวิตชีวาของมนุษย์วัยเจริญพันธุ์
วศินโอบกระชับแขนแน่นขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายได้ขยับปรับท่าทางอย่างสบายตัว...แล้วรอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อเด็กน้อยในอ้อมกอดซุกซบใบหน้าลงมาบนลาดไหล่เมื่อรู้สึกไอจนเหนื่อย แก้มข้างหนึ่งที่พาดอยู่นั้นขึ้นสีแดงระเรื่อได้อย่างน่าดูชม
“รู้สึกเย็นขึ้นหรือไม่” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี เพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็ยืดกายกลับมามองหน้ากันอีกครั้ง นัยน์ตาสีสวยทอประกายตัดพ้อก่อนจะถูกทับด้วยความดื้อดึงที่ฉายชัด จอมทัพอสุราหลุดขบขันออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อถูกเรี่ยวแรงอันน้อยนิดข่วนเข้าที่แผ่นหลังราวกับว่าต้องการที่จะเอาคืน “...เห็นเจ้าบอกว่าร้อน มิใช่หรือ”
อันที่จริงนั่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
แท้จริงแล้วเป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างที่แผ่กำจายอยู่รอบตัวเจ้ามนุษย์หน้าซื่อผู้นี้ต่างหากที่ทำให้เขานึกไม่ชอบใจอยู่ลึกๆ
...กลิ่นสาบของงูจงอางคละคลุ้งรอบผิวกายไปหมด
เพราะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้นจึงไม่แปลกใจอะไรที่เจ้าตัวจะไม่ได้กลิ่น แต่กับอสุราหนุ่มที่ประสาทสัมผัสดีกว่ามาก จึงทำให้รับรู้และสัมผัสกลิ่นเจือจางที่สมุนของเจ้านคินปล่อยทิ้งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
“ไม่ร้อนแล้วจ้ะ” เจ้าแก้วส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับดันแผ่นอกกว้างออกห่าง มันตั้งท่าจะทิ้งตัวลงแต่กลับถูกอ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับแน่นเสียจนไร้หนทางสู้ “ท่านวศิน...”
“ว่าอย่างไร”
“ป...ปล่อยฉันลงเถิดจ้ะ” เจ้าแก้วเว้าวอนแต่ก็ต้องยื้อกายออกห่างเมื่อใบหน้าคมคร้ามเคลื่อนเข้ามาใกล้
นอกจากอสุราหนุ่มจะไม่ทำตามคำขอของมันแล้วยังเอื้อมมือขึ้นมาลูบที่ข้างแก้มอีกต่างหาก
ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ผิวนวลเนียนอย่างเพลิดเพลิน นัยน์ตาคมกล้าจดจ้องลูกแก้วสีสวยอย่างไม่วางตาก่อนจะเคลื่อนไปมองที่ผ้าพันตาข้างซ้ายอย่างสนอกสนใจ
วศินลูบปลายนิ้วพาดผ่านเนื้อผ้าแผ่วเบา...แต่ก่อนที่จะถือวิสาสะปลดผ้าพันแผลออกฝ่ามือก็ถูกรั้งเอาไว้เสียก่อน
“อย่า..” เสียงห้ามปรามดังขึ้นแผ่วเบาก่อนแววตาสั่นไหวจะฉายชัดออกมาอย่างเว้าวอน
“ทำไม” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างนึกขัดใจ
“ป...เปล่าจ้ะ...แต่อย่าถอดเลย มัน...” เรียวปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันจนซีดเซียวพร้อมกับปลายนิ้วที่เริ่มเย็นเฉียบ “...มันน่าเกลียด”
เจ้าแก้วก้มหน้าลงต่ำราวกับคนขาดความมั่นใจ...ตั้งแต่เล็กจนโตมันถูกคนรอบข้างล้อเลียนเรื่องรอยบากบนใบหน้าเสียจนชาชิน แต่กับอสุราหนุ่มผู้นี้กลับไม่กล้าแม้นแต่จะเปิดเผยให้เห็น
...มันเพียงแค่รู้สึกอับอายจนเกินจะทนไหว หากต้องให้อีกฝ่ายเห็นร่องรอยน่าเกลียดนี้..
มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่...เจ้าแก้วเอาแต่ก้มหน้ามองสายน้ำที่ไหลผ่านลำตัวสูงใหญ่อย่างไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่าย
แต่แล้วจู่ๆปลายคางกลับถูกเชยขึ้นจนได้สบเข้ากับนัยน์ตาทรงอำนาจอีกครั้ง...ดวงตาคู่นี้ที่มันไม่กล้าลุกขึ้นต่อกรด้วยได้ไม่ว่าจะทางไหน
ลูกแก้วสีสวยสั่นไหวจนน้ำในตาเอ่อคลอเมื่ออสุราหนุ่มโน้มตัวลงมาใกล้ พลันเนื้อตัวก็เย็นเฉียบเมื่อฝ่ายนั้นจรดริมฝีปากลงมาบนดวงตาข้างที่มืดบอด
มันตั้งใจจะผลักดันกายสูงใหญ่ให้ออกห่างแต่ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียดื้อๆเลยกลับกลายเป็นว่าต้องเกาะช่วงบ่าแข็งแรงเอาไว้แทน
สัตว์เล็กตัวสั่นงันนกเมื่อถูกผู้ล่าจู่โจมเข้าหา ความอุ่นร้อนที่แทรกซึมผ่านผ้าปิดตาอย่างอ่อนโยนทำให้ความวิตกกังวลทั้งหลายถูกปัดเป่าทิ้งไปโดยพลัน มันออกแรงขยุ้มลาดไหล่แข็งแรงอย่างตกประหม่าเมื่อลมหายใจอุ่นรินรดอยู่บริเวณผิวแก้ม
ใบหน้าคมคร้ามผละถอยออกเพียงนิดแต่ทว่านัยน์ตาสีนิลกลับมีประกายเพลิงบางอย่างก่อตัวขึ้นเมื่อได้มองตามหยดน้ำหนึ่งหยดกำลังเกลือกกลิ้งลงมาจากปลายผมก่อนจะเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีอ่อนเนิ่นนาน...ทุกการขยับเขยื้อนอยู่ในสายตาของอสุราหนุ่มทั้งหมด
…หยดน้ำใสถูกแปรเปลี่ยนให้ฉาบไล้จนชุ่มชื้นเมื่อเจ้าตัวเม้มปากเข้าหากัน
“..ท่านวศิน” เสียงเรียกแผ่วเบากลับไร้ผล...ราวกับเสียงหวีดหวิวของสายลม
ถ้อยคำที่ตั้งใจจะเอื้อนเอ่ยถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อฝ่ายนั้นจรดเรียวปากมาทาบทับเอาไว้ก่อนกลีบเนื้อนุ่มจะถูกขบเม้มแผ่วเบาย้ำไปย้ำมา
เจ้าแก้วเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตกใจยิ่งกว่าครั้งไหน...มันตัวแข็งทื่อเมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นชื่นที่ไล้เล็มอยู่รอบๆเด็กหนุ่มเม้มปากแน่นเมื่อผู้บุกรุกตั้งท่าจะแทรกแซงเข้ามา
แต่แล้วก็ต้องเพลี่ยงพล้ำเมื่อถูกปลายนิ้วใหญ่ลงน้ำหนักมือไล้ไปตามร่องกระดูกสันหลังส่วนมืออีกข้างที่บีบเคล้นอยู่บริเวณเหนือสะโพกก็ทำให้ความวาบหวามจู่โจมเข้าจนเสียการควบคุม
“อื้อ”
เมื่อได้โอกาสเรียวลิ้นร้อนก็อาศัยจังหวะนี้แทรกตัวเข้าไปในโพรงปากอุ่น...เสียงอู้อี้ในลำคอลดแผ่วลงเมื่อถูกกวาดต้อนจนมุม มนุษย์ตัวน้อยไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากะทันหันเมื่อถูกดูดกลืนริมฝีปากแนบแน่น ไม่มีแม้นแต่ช่วงจังหวะที่จะได้พักหายใจ
ฝ่ามือทั้งสองข้างถูกดึงให้กลับไปโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้อีกครั้งเพื่อเป็นหลักยึด
ทั้งสองปรับเปลี่ยนองศาหน้าเข้าหากันอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนทุกอย่างจะดำเนินไปตามสัญชาตญาณดิบที่ถูกเก็บไว้ใต้เบื้องลึกของจิตใจ ความอุ่นนุ่มโรมรันพันตูจนแทบกลืนรวมกันเป็นเนื้อเดียว เสียงเฉอะแฉะที่ดังแว่วอยู่ใกล้ใบกลับไร้ผลเมื่อไม่มีผู้ใดคิดจะสนใจมัน
หยาดน้ำบางส่วนไหลย้อนออกมาข้างมุมปากตามแรงอารมณ์ที่โหมกระพือขึ้น
เจ้าแก้วส่งเสียงคราเครืออยู่ในลำคอเป็นระยะเมื่อรู้สึกเจ็บบริเวณเรียวปากยามที่คมเขี้ยวของอสุราหนุ่มขบกัดลงมา แต่ความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนขึ้นมากลับทำให้อ้อมแขนโอบกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แนบแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
...แผ่นอกที่แนบประชิดกันนั้นทำให้รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของก้อนเนื้อที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เนิบนาบ...หากแต่หนักแน่นและมั่นคง
ไม่หวือหวาน่าตื่นเต้น...แต่กลับนุ่มนวลอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ในที่สุดอสุราหนุ่มก็เป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกอบกุมที่ท้ายทอย สายใยที่เชื่อมระหว่างกันสะท้อนล้อกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาก่อนจะถูกตัดขาดเมื่อปลายนิ้วใหญ่ลูบไล้ลงบนกลีบปากนุ่มที่บัดนี้ขึ้นสีแดงจัด
นัยน์ตาสีอ่อนที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำแห่งห้วงอารมณ์ยังคงไหวระริกเมื่อจดจ้องตามเรียวปากอุ่นร้อนที่คอยป้อนจุมพิตลึกซึ้งให้แก่กัน
วศินอาศัยช่วงที่คนในอ้อมกอดเผลอเอื้อมมือไปปลดผ้าพันตาของอีกฝ่ายออก ก่อนที่ร่องรอยแผลฉกรรจ์จะเผยออกมาให้ได้เห็น รอยบากลากพาดผ่านดวงตาข้างซ้ายที่ปิดสนิทสะกดสายตาตรึงแน่นจนไม่สามารถละออกไปไหนได้ ความทรงจำในคืนที่แสงจันทร์ส่องกระทบฉาบไล้ลูกแก้วอับแสงกลับฉายชัดเข้ามาอีกหน
ปลายนิ้วลูบไล้ผ่านความอัปลักษณ์ในสายตาใครต่อใครด้วยความอ่อนโยน...ทะนุถนอมราวกับมันเป็นสิ่งล้ำค่า
“สำหรับข้า...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบแผ่วเบา “...มันไม่ได้น่าเกลียด”
พลันริมฝีปากอุ่นก็จรดแนบลงไปบนรอยแผลฉกรรจ์อย่างนุ่มนวล โดยที่อีกฝ่ายทำได้แค่เพียงสอดปลายนิ้วเข้ากับท้ายทอยอย่างต้องการที่พึ่งเมื่อเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีถูกสูบหายไปกับเหตุการณ์ก่อนหน้า
วศินอุ้มคนในอ้อมกอดขึ้นให้ระดับหน้าอยู่เหนือกว่าตน ก่อนจะแหงนเงยขึ้นสบประสานสายตากับลูกแก้วสีสวยที่เริ่มสั่นไหว เจ้าแก้วเลื่อนมือข้างหนึ่งมาไล้กรอบหน้าคมคร้ามเมื่อความรู้สึกบางอย่างตีรวนขึ้นมาจนเต็มตื้น
...นอกจากพ่อครูกับหลวงตาและพี่กล้า...ก็ไม่มีผู้ใดเคยบอกว่าไม่นึกรังเกียจความพิกลพิการนี้
น้ำตาหยดหนึ่งตกกระทบลงบนผิวแก้มของอสุราหนุ่ม
ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นอื่นใด...มีเพียงแค่หยาดน้ำอุ่นที่ร่วงหล่นลงมาเท่านั้น รอยยิ้มบางเบาที่สะท้อนผ่านสายตาของกันและกันส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ภายในอกนั้นอุ่นวาบขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
...ต้นกล้าต้นน้อยที่นอนหลับใหลอยู่ภายใต้จิตใจของทั้งคู่ถูกบ่มเพาะจนเริ่มเจริญเติบโตขึ้นมาทีละนิด
...อีกเพียงไม่นานคงเติบใหญ่ฝังรากลึกเกี่ยวพันใจทั้งสองดวงให้สมานเป็นหนึ่งเดียว..
เพราะสัตว์ตัวเล็กเอาแต่จดจ้องลงมาไม่วางตา อสุราหนุ่มจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามอย่างนึกเป็นห่วงเพราะเกรงว่ามันจะตื่นตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่จนพานทำให้ขวัญเสีย
“รู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มนุ่มถามอย่างนึกเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าตาคู่สวยนั้นยังคงมองตามริมฝีปากของตนไม่วางตา
แต่แล้วก็รู้สึกโล่งอกเมื่อฝ่ายนั้นส่ายหน้าปฏิเสธตอบกลับมา
อสุราหนุ่มตั้งท่าจะอุ้มอีกฝ่ายกลับเข้าฝั่งเพราะเกรงว่าหากแช่น้ำนานกว่านี้มันจะจับไข้เอา
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆใบหน้าก็ถูกสองมือคู่นั้นประคองให้แหงนเงยขึ้น ก่อนริมฝีปากจะถูกทาบทับลงมาอย่างรวดเร็ว
วศินชะงักนิ่งค้างรู้สึกเย็นเยียบที่ฝ่ามือกะทันหันเมื่อกลายเป็นฝ่ายถูกจู่โจมขึ้นมาเสียเอง
ริมฝีปากเล็กที่ขบเม้มอยู่รอบๆอย่างไม่ประสาเรียกรอยยิ้มให้ฉายขึ้นมาอย่างเอื้อเอ็นดู จอมทัพใหญ่จึงทำเพียงแค่ยื่นนิ่งอยู่กับที่เพราะอยากจะรู้นักว่าเจ้าสัตว์ตัวเล็กมันจะทำเช่นไรต่อไป
แต่จนแล้วจนรอดก็มีเพียงแค่ความอุ่นนุ่มที่คอยขบงับอยู่รอบๆไร้ท่าทีคุกคามอย่างที่ตนเคยทำเมื่อก่อนหน้าพร้อมกับเสียงคราเครืออื้ออึงในลำคอราวกับกำลังประท้วงอะไรบางสิ่ง ร่างสูงใหญ่จึงลองหยั่งเชิงโดยการถอยหน้าหนีแต่แล้วเจ้ามนุษย์หน้าซื่อกลับยื้อกายเข้าหาอย่างดื้อดึงก่อนจะพยายามแนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง
เพียงเท่านั้นแรงอารมณ์ที่ยังคั่งค้างอยู่ก็ถูกพัดให้โหมกระพือขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่เจ้าตัวต้นเหตุยังคงไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นกำลังกระทำการยั่วเย้าอารมณ์เบื้องต่ำของใครเขา
...การกระทำมุทะลุอย่างเป็นธรรมชาติ...ใสซื่อไร้เดียงสาแต่ทว่ากลับเย้ายวนเสียจนในอกของจอมทัพใหญ่นั้นสั่นไหวยอมสยบโดยดุษณี
“เจ้าชอบหรือ” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าถามขึ้น ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งกายเมื่อเห็นว่าปลายนิ้วของตนที่กำลังลูบไล้อยู่ข้างมุมปากนั้นถูกขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ
…ร้ายกาจไม่เบา..
มนุษย์ตัวน้อยพยักหน้ารับอย่างไม่คิดที่จะปิดบังความต้องการอย่างซื่อตรง...ถึงอย่างไรเด็กน้อยในอ้อมกอดก็อายุเพียงแค่สิบเจ็ดเท่านั้น คงไม่แปลกอะไรถ้าจะแสดงท่าทีเว้าวอนอย่างเปิดเผยเช่นนี้
“..เด็กดี” สิ้นคำเรียวปากทั้งสองก็กลับมาแนบชิดกันอีกครั้ง
โดยที่ครั้งนี้กลับได้รับความร่วมมือที่ดีเกินคาดเมื่อคนที่อยู่เหนือกว่าเอียงใบหน้าเข้าหาพร้อมกับเปิดรับเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากอย่างรู้งานโดยไม่ต้องรอให้โดนคมเขี้ยวของเขาขบเม้ม
ฝ่ามือทั้งสองข้างโอบประคองใบหน้าของอสุราหนุ่มเอาไว้มั่นก่อนจะใจกล้าบ้าบิ่นพลิกขึ้นมาเป็นฝ่ายไล่ต้อนเสียเอง การกระทำเถรตรงเรียกเสียงหัวเราะทุ้มต่ำให้ดังขึ้นในลำคอก่อนจะยอมล่าถอยเพื่อให้อีกฝ่ายได้กระทำตามใจ
ปลายนิ้วร้อนอาศัยจังหวะที่เจ้าแก้วเผลอสอดเข้าไปใต้เสื้อเพื่อลูบไล้ผิวกายเนียน ก่อนจะออกแรงลากนิ้วไปตามร่องหลังจนในที่สุดร่างในอ้อมกอดก็ตัวอ่อนระทวยลงอย่างเห็นได้ชัด
ทันใดนั้นอสุราหนุ่มก็กดยิ้มลึกที่ข้างมุมปากเมื่อเด็กน้อยซุกซบใบหน้าลงกับแผ่นอกแนบแน่น โผล่มาให้เห็นแค่ใบหูที่ขึ้นสีแดงจด
...นี่คงเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของเจ้าแก้ว..
ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดอยู่กับผิวเนื้อเปลือยเปล่าทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะเพื่อปลอบประโลม
“ใจเย็นๆ...ไม่ต้องรีบร้อน” ริมฝีปากอุ่นกดจูบลงข้างขมับชื้นเหงื่ออย่างเอื้อเอ็นดู “กลับกันเถิด...ป่านนี้พระอาจารย์คงเป็นห่วงเจ้าแย่แล้ว”
ความอ่อนโยนที่โอบกอดอยู่รอบกายทำให้คล้อยตามได้อย่างไม่ยากเย็น
อสุราหนุ่มอุ้มอีกฝ่ายกลับขึ้นไปบนฝั่งก่อนจะเอ่ยสั่งให้มันถอดเสื้อที่เปียกชุ่มออกมาบิดให้หมาดเพราะเกรงว่าจะจับไข้เอาได้ โดยที่ฝ่ายนั้นก็ทำตามโดยไม่หือไม่อือทั้งๆที่สองข้างแก้มนั้นแดงปลั่งจนลามไปทั่วทั้งใบหูและลำคอ
...สงสัยมันคงจะพึ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่นี้ตนเองได้กระทำการอุกอาจอะไรไปบ้าง
...เห็นหน้าซื่อๆเช่นนั้นแท้จริงแล้วซุกซนไม่น้อยเลยทีเดียว..
_______________________________
เจ้าแก้ว!ทำอะไรลู๊ก!!! /เตรียมก้านมะยม