✽ ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ✽ : บทที่ ๒๒ - ลาจาก : ๒๖/๑๒/๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✽ ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ✽ : บทที่ ๒๒ - ลาจาก : ๒๖/๑๒/๒๕๖๒  (อ่าน 41249 ครั้ง)

ออฟไลน์ zeroshadaw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ :pig4:

เป็นกำลังใจให้น้าาาาา สู้ๆ +เป็ดให้ด้วยยยย

ชอบมากกกกกก เจ้ากระรอกแก้วน่าร้ากกกกกก

ปล.มีบางคำเขียนผิดหรือตกคำไปบ้างนิดนึงเน๊อะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
มือไวมากๆๆๆ อิอิ
อมยิ้มให้กับความน่ารักของแก้วอ่ะ
กล้าจะมีคู่แล้ว อิอิ
ลุ้น ตามอ่านต่อ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ความสัมพันธ์เริ่มพัฒนาด้วย เห็นระยะห่างของขนาดตัวแล้วเขินเลยค่าาา  :hao7:

ปล.  คำผิดค่ะ  ...ช่างอบอุ่น เจิดจ้า เสียจนพาตาพล่าเลือน เป็น พร่าเลือน ค่ะ

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ตอนเห็นว่าอัพตอนใหม่แล้วนี่แทบจะร้องไห้ ลูกแก้วของแม่~ คิดถึงจังเลยลูกกก

ตอนนี้ระยะห่างระหว่างลูกกับพี่ยักษ์เริ่มลดน้อยลงแล้ว อีกไม่นานก็คงได้เห็นพี่ยักษ์เริ่มรักลูกบ้างแล้ว ฮือออ อิแม่ปลื้มปริ่มเหลือเกินลูก

พี่กล้านี้ก็แสบใช่ย่อยจริงๆ คงต้องให้วิรุณช่วยปรา-- แค่ก //โดนพี่กล้าเตะ// มันน่าจริงๆ เลยยยย

ปล.คำผิดเริ่มน้อยลงแล้วแต่ยังมีบ้างเล็กน้อย คำตกก็ไม่มีแล้ว สู้ๆ นะคะ ยังรอเรื่องนี้เสมอ อย่าเท อย่าท้อ  อย่าหมดกำลังใจ เราจะส่งใจช่วยคุณนักเขียนนะคะ รักมากๆ  :กอด1:  :L2:


รับทราบจ้าา หลังจากนี้จะพยายามให้มากขึ้น ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ :pig4:

เป็นกำลังใจให้น้าาาาา สู้ๆ +เป็ดให้ด้วยยยย

ชอบมากกกกกก เจ้ากระรอกแก้วน่าร้ากกกกกก

ปล.มีบางคำเขียนผิดหรือตกคำไปบ้างนิดนึงเน๊อะ



รับทราบจ้าา ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ :L1:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ความสัมพันธ์เริ่มพัฒนาด้วย เห็นระยะห่างของขนาดตัวแล้วเขินเลยค่าาา  :hao7:

ปล.  คำผิดค่ะ  ...ช่างอบอุ่น เจิดจ้า เสียจนพาตาพล่าเลือน เป็น พร่าเลือน ค่ะ



ขอบคุณมากค้าบบ  :กอด1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เจ้ากระรอกน่าร๊ากกกกกก >\\\\\\<
เฮียวศินชอบน้องก็จีบน้อง เข้าใจไหมครัาาาาาา
ส่วนพี่กล้ากับพี่วิรุณสงสัยจะต้องมีวางมวยก่อนจะได้กัน 555555555

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ติดตามค่ะ  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ไอ้ตัวดี

.

.

.


คล้อยหลังจากที่เลี่ยงการเผชิญหน้ากับบุคคลที่มันนึกชัง ไอ้กล้าก็ได้ตัดสินใจว่าวันนี้จะเข้าไปเดินเล่นเตร็ดเตร่ในหมู่บ้านสักหน่อย เผื่อว่าอารมณ์เดือดพล่านที่กำลังปะทุอยู่ในอกนั้นจะทุเลาลงไปได้บ้าง

แต่เมื่อหวนนึกถึงต้นสายปลายเหตุก็พาลให้มันเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างฉุดไม่อยู่ เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆ จนรู้สึกได้ พาลให้ต้องเตะก้อนหินก้อนกรวดตามทางเพื่อระบายความเครียดขมึง

ไอ้ยักษ์ตัวแดงหน้าตายตนนั้นไอ้กล้าไม่ใคร่ที่จะใส่ใจเท่าใดนัก

แต่กับอีกตนนี่สิ..เพียงแค่เห็นหน้ากันก็พาลทำเอาท้องไส้ปั่นป่วนจนอยากจะสำรอกออกมาทุกครั้งไป!

ยิ่งเห็นสายตาที่มันใช้มองไอ้แก้วด้วยแล้วยิ่งอยากจะประเคนลำแข้งใส่เสียให้สิ้น

เพียงแค่อ้าปากก็เห็นไปถึงลิ้นไก่แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นคิดไม่ซื่อกับน้องเขา ทั้งๆ ที่ไอ้แก้วมันก็เป็นบุรุษเฉกเช่นเดียวกันแล้วเหตุไฉนจะต้องจ้องมองราวกับเอ็นดูมันเสียปานนั้นด้วยเล่า หวังจะเข้ามาป้อยอน้องของเขาเช่นนั้นหรือ

หึ...มีเชื้อสายเผ่าพันธุ์ที่สูงส่งเสียเปล่า...แม้นแต่เด็กชายที่ยังไม่ถึงวัยหนุ่มดีมันก็ยังคิดเลวด้วยได้ถึงเพียงนี้

ฝันไปเสียเถอะ...อย่าหวังเลยว่ามันจะได้กระทำเรื่องงามหน้าเช่นนั้น!

คิดเองเออเองเสร็จสรรพก็ตีอกชกลมไปทั่วจนเหล่าสัตว์เล็กสัตว์บริเวณนั้นแตกกระเจิงไปคนละทิศ

แท้ที่จริงแล้วสิ่งที่ทำให้ศิษย์มวยคนเก่งของครูบุญไม่สามารถที่จะปล่อยวางอคติที่มีต่อสองอสุราหนุ่มได้ก็คงเป็นเพราะที่มาที่ไปของทั้งสองตนนั้นต่างหากที่ทำให้มันรู้สึกตะขิดตะขวงใจอย่างไม่ชอบมาพากล

แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะมองข้ามปัญหาเหล่านี้ไปเมื่อเล็งเห็นว่ามิใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องนำมาขบคิดให้หนักกบาล ในเมื่อพ่อครูมีจิตใจที่จะช่วยเหลือ เขาก็ไม่คิดขัดความต้องการของผู้มีพระคุณ

ช่างเสียเถิด...พวกมันจะเป็นมาอย่างไรเขาไม่นึกสน

แต่ถ้าตราบใดการมีอยู่ของพวกมันทำให้ครอบครัวของเขาต้องเดือดร้อนแม้นจะเพียงกระผีกเดียว ถึงครานั้นต่อให้เป็นจ้าวแห่งยักษ์เขาก็จะไม่เว้น!

ใช้เวลาเพียงไม่นานชายหนุ่มก็เดินทางมาถึงที่หมาย

หมู่บ้านจันทร์ผาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับเชิงเขา ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนดำรงชีพด้วยการเพาะปลูกไปตามประสา บางคราก็จะอาศัยพ่อค้าคนกลางที่นานๆ ที่ถึงจะแวะเข้ามารับซื้อผลผลิตไปขายในเขตเมืองหลวงหรือไม่ใครที่พอมีแรงแบกหามหน่อยก็จะชักชวนกันเดินเท้าเข้าไปขายของในตลาดกันเสียเอง

แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้กับเหล่าชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกคนที่นี่ล้วนอยู่ร่วมกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ใครขาดเหลือสิ่งใดก็สามารถไปหยิบยืมบ้านใกล้เรือนเคียงได้โดยง่าย ดูอย่างพ่อครูของเขาปะไร รักษาคนในหมู่บ้านนี้มาร่วมสิบกว่าปี อัฐสักแดงก็ไม่เคยเรียกเก็บ

ไอ้กล้าเดินคิดสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งฝ่าเท้าหยุดยืนอยู่ที่หน้าเรือนไม้หลังเล็ก มันเดินเลียบเคียงเข้าไปใกล้เมื่อเห็นเด็กสาวคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าเตาไฟบริเวณใต้ถุนเรือน

“ทำอะไรอยู่รึเฟื่อง” ร่างสูงใหญ่เอนกายพิงเข้ากับเสาเรือนพร้อมกับส่งยิ้มทักทายไปให้อีกฝ่าย

“อ๊ะ! พี่กล้า” สาวน้อยหน้ามนผงะตกใจเพียงครู่ ก่อนจะลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากผ้านุ่งแล้วเดินเข้าไปหาคนที่ถือวิสาสะนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ตัวเก่า

“มาหาพี่มิ่งหรือจ๊ะพี่”

“เปล่า” กล้ายิ้มตอบกลับไปพร้อมกับใบหน้าคมเข้มที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อ “แล้วนี่...พี่สาวเฟื่องไปไหนเสียล่ะ”

เด็กสาวอมยิ้มน้อยๆ ให้กับท่าทางที่อายม้วนจนแทบจะตกแคร่ลงไปคลุกดินอยู่รอมร่อของพี่ชายตัวโต

พี่กล้าเป็นคนเจ้าชู้ฉอเลาะเก่งคารมหวานเสียยิ่งกว่าอะไรทำเอาสาวๆ ในหมู่บ้านนี้หลงกันไปเป็นแถวเป็นแถบ เห็นจะมีพี่สาวนางอยู่คนเดียวนี่ล่ะที่พ่อนักมวยคนเก่งไม่กล้าแม้แต่จะเล่นลิ้นเล่นคารมด้วย

..ดูท่าเสือมันจะสิ้นลายก็คราวนี้ล่ะว้า..

“พี่บัวพายายไปเก็บดอกบัวที่ท่าน้ำจ้ะ เห็นบอกวันพรุ่งจะนำไปถวายให้หลวงตา” เด็กสาวเดินกลับไปตักน้ำในโอ่งมาพร้อมกับยื่นส่งให้อีกฝ่าย

“คราวหลังบอกพี่ก็ได้” เพราะท่าน้ำที่บ้านก็มีอยู่มาก ที่เรือนเขาก็มีแต่ผู้ชายกันทั้งนั้นทิ้งไว้ก็กลัวจะเสียเปล่า

“จ้ะ ไว้ฉันจะบอกพี่บัวให้ก็แล้วกัน” เฟื่องยิ้มขันพร้อมกับส่งยิ้มกรุ้มกริ่มล้อเลียนอีกฝ่ายให้ได้หน้าเห่อร้อนเสียยิ่งกว่าเก่า

ชายหนุ่มยกขันน้ำขึ้นดื่มดับกระหาย ก่อนจะหันไปสนใจเด็กสาวอีกคนที่กลับไปนั่งยองอยู่หน้าเตาไฟอีกหน

บนเตาดินเผามีลังถึงที่สานจากไม้ไผ่ขนาดกลางวางทับซ้อนกันอยู่สองชั้น กลุ่มควันสีขาวลอยคละคลุ้งขึ้นมาเมื่อเฟื่องยกฝาออกมาวางไว้ข้างเตา ทันใดนั้นกลิ่นหอมหวานของขนมนึ่งก็ลอยเข้ามาปะทะที่จมูก ไอ้กล้ารีบลุกจากแคร่แล้วเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายทันทีเมื่อเห็นว่าเด็กสาวกำลังจะยกชั้นลังถึงที่ร้อนระอุลงมาจากเตา

“พี่ช่วย” ฝ่ามือหยาบกร้านรีบชิงมาถือไว้มั่น ก่อนจะยกลังถึงสองชั้นที่กำลังร้อนได้ที่กลับมาวางไว้บนแคร่ที่ถูกปูรองทับไว้ด้วยใบตองแล้วชั้นหนึ่ง

“ขอบคุณจ้ะ”

“ว่าแต่ทำขนมอันใดรึ” ไอ้กล้าชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ กลิ่นหอมหวานที่ลอยฉุยขึ้นมามันชวนให้ท้องร้องโครกครากอยู่ไม่หยอก

“ขนมกล้วยจ้ะ” เฟื่องอมยิ้มละมุน “ของชอบพี่แก้ว...”

ทันใดนั้นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กสาวก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เรียกสายตาล้อเลียนจากอีกฝ่ายได้อย่างดีเลยเชียว

“อิจฉาไอ้แก้วมันจริงเว้ย” ไอ้กล้าเอ่ยแซวอย่างสนุกปากระคนเอ็นดูน้องสาวตัวเล็ก

เฟื่องอายุน้อยกว่าเจ้าแก้วอยู่สองปี ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่ครั้งที่พ่อครูพึ่งพาย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านใหม่ๆ เด็กสาวมักจะคอยแวะเวียนนำขนมและข้าวปลาอาหารมาให้ที่เรือนอยู่บ่อยครั้ง

คราแรกก็บอกว่ายายให้เอามาตอบแทนเรื่องที่พ่อครูมารักษาจนหายไข้ แต่พักหลังๆ มาเฟื่องก็มักจะนำขนมมาฝากบ่อยเสียจนเขาเริ่มเอะใจว่าช่วงหลังๆ มานี้ท่าทางของเด็กสาวนั้นเริ่มแปลกไป มากี่ครั้งก็ถามหาไอ้แก้วมันทุกครั้ง ซ้ำยังชะเง้อมองหาจนคอแทบเคล็ด

ใครต่อใครเขาก็รู้ไปทั่วแล้วว่าหลานสาวคนเล็กของยายนิ่มน่ะแอบชอบพอไอ้แก้วมันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว จะมีก็แต่เจ้าตัวนั่นล่ะที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดกับเขา วันๆ อยู่แต่กับต้นไม้ใบหญ้า มันนึกสนใจใครเสียที่ไหนกัน

“เช่นนั้นก่อนพี่กลับ ฉัน...ฉันฝากขนมกล้วยไปให้ทุกคนด้วยนะพี่กล้า” เด็กสาวพูดตะกุกตะกักอย่างเขินอายพลางหลบหนีสายตาล้อเลียนจากอีกฝ่ายเสียให้วุ่น

ขี้แกล้งนักนะพี่กล้านี่! ประเดี๋ยวจะฟ้องพี่บัวเสียให้เข็ด!

“ทุกคนที่ว่านี่...รวมพี่แก้วของเฟื่องด้วยหรือเปล่าล่ะจ๊ะ” ก็ยังมิวายเย้าแหย่เสียงเล็กเสียงน้อยจนโดนอีกฝ่ายเอาใบกล้วยตีเข้าที่ต้นแขนนั่นล่ะไอ้กล้าถึงยอมละถอยออกมา

พอก่อน...ไปแกล้งน้องสาวเขามากเข้า ประเดี๋ยวจะโดนพี่สาวดุเอา

“พอเลยพี่กล้า นู่น พี่บัวมานู่นแล้ว” เฟื่องพยักพเยิดไปทางหน้าเรือนเพื่อดึงความสนใจอีกฝ่ายให้ออกจากเรื่องของตนเสียที

ได้ยินดังนั้นใบหน้าคมคร้ามจึงรีบหันไปมองตามทิศที่เฟื่องชี้นิ้วบอก พลันในอกข้างซ้ายก็เต้นรัวกระหน่ำราวกับทหารรัวกลองรบ

ดวงตาคมปลาบจดจ้องไปยังร่างของหญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังเดินประคองหญิงชราอีกคนอยู่ไม่ห่าง

ใบหน้านั้นงดงามหมดจดราวกับนางฟ้านางสวรรค์ ผมสีดำขลับทิ้งตัวลงปรกถึงช่วงเอวคอดกิ่วราวกับม่านน้ำตกที่พลิ้วไสวปลิวไปตามแรงลม ดวงตากลมโตคมขำราวกับกวางสาวรับกับจมูกได้รูปและริมฝีปากรูปกระจับสีระเรื่อ รูปร่างสะโอดสะองทุกส่วนสัด ผิวกายขาวเนียนที่โผล่พ้นออกมาจากเนื้อผ้าทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของนักมวยคนเก่งขึ้นสีแดงเห่อร้อนไปทั่วทั้งใบหน้า

เมื่อเห็นท่าทียืนตะลึงของพี่ชายตัวโต เฟื่องจึงยกมือสะกิดเข้าที่ช่วงเอวสอบเพื่อเรียกสติของอีกฝ่ายให้กลับคืน ไอ้กล้าสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งปรี่เข้าไปหาคนทั้งคู่ทันที

“เอ้า ไอ้กล้า” ยายนิ่มร้องทักขึ้นมาแต่ไกล ส่งผลให้หลานสาวที่อยู่ข้างกันต้องหันมามองตาม

เมื่อเห็นว่าบุคคลที่ยายของตนทักทายเป็นใคร บัวคลี่จึงทำเพียงแค่ยิ้มตอบรับอีกฝ่ายเล็กน้อยพร้อมกับสงวนท่าทีอย่างเรียบร้อยไม่ให้เกินงาม

ท่าทีอ่อนช้อยของหญิงสาวทำให้หัวใจที่แข็งแกร่งของไอ้กล้าอ่อนยวบลงราวขี้ผึ้งลนไฟ นัยน์ตาสีสนิมจ้องมองนางในดวงใจอย่างตกอยู่ในภวังค์ส่งผลให้อีกฝ่ายต้องเสหน้าหลบเอียงอายจนใบหน้างดงามนั้นเริ่มขึ้นริ้วสีระเรื่อได้อย่างน่าดูชม

“ไปไหนมาหรือจ๊ะยายนิ่ม” ปากเอ่ยถามผู้เป็นยาย แต่ทว่ากลับจดจ้องอยู่ที่หลานสาวไม่วางตา

“ไปเก็บดอกบัวมา” ยายนิ่มตอบ” แล้วนั่นเอ็งจะมองหลานข้าอีกนานไหมหา ไอ้กล้า”

หญิงชราอดที่จะค่อนขอดมันไม่ได้เมื่อเห็นสายตาของไอ้นักมวยตัวดีที่ใช้มองหลานสาวนาง ถึงแม้นจะมิได้มองอย่างจาบจ้วงน่าเกลียดอันใด แต่ท่าทีของไอ้กล้าก็พานทำให้นางนึกหมั่นไส้มันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

อันที่จริงแล้วนางก็หาได้รังเกียจรังงอนไอ้กล้าไม่ มันน่ะเป็นคนดีมากทีเดียว มีน้ำใจกับทุกคน รักพี่รักน้อง เสียอย่างเดียวคือติดเหล้าและเลือดร้อนไปหน่อยเท่านั้น จึงทำให้ยายนิ่มต้องไว้เชิงกันท่าหลานสาวตนเองไว้ยามที่อีกฝ่ายเข้ามาเทียวไล้เทียวขื่อ

แต่นางก็ไม่นึกที่จะขัดขวางอะไรสักนิด ถ้าหากว่าหลานสาวของตนนั้นก็มีใจตอบกลับให้กับอีกฝ่ายเหมือนกัน หากทั้งคู่ตกลงปลงใจกันจริงมีหรือนางจะคิดห้าม เพราะฝ่ายชายเองนั้นก็เห็นมันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยรักและเอ็นดูราวกับลูกหลานคนหนึ่ง

“’ โธ่ ยายนิ่มก็” ไอ้กล้าละสายตาออกมาพร้อมกับเข้าไปบีบนวดแขนเหี่ยวย่นให้อย่างเอาอกเอาใจ จนโดนฝ่ามือฟาดเข้าที่ต้นแขนจนต้องร้องอู้ “โอ๊ย ยายตีฉันทำไม”

“ข้ารำคาญเอ็ง” บ้วนน้ำหมากทิ้งลงดินไปคำหนึ่งจนไอ้กล้ากระโดดเหยงหลบแทบไม่ทัน “ไปๆ เข้าเรือนกันได้แล้ว ร้อนจะตายชัก” หญิงชราบ่นทิ้งท้ายไว้ก่อนจะออกเดินนำกลับเข้าไปในเรือนก่อนโดยมีเฟื่องเดินเข้ามาประคองให้ไปนั่งบนแคร่พร้อมกับหาน้ำหาท่ามาให้กินดับร้อน

“พี่ช่วย” ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธ ฝ่ามือใหญ่ก็เอื้อมไปดึงตะกร้าหวายมาถือไว้เสียเอง

“ขอบคุณจ้ะ” บัวคลี่ยิ้มบางเบาก่อนจะต้องก้มหน้าหลบลงเพื่อหนีสายตาคมปลาบที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา

หญิงสาวออกเดินนำก่อนโดยมีร่างสูงใหญ่ของนักมวยคนเก่งถือตะกร้าดอกบัวตามหลังไปต้อยๆ ทำให้เหล่าบรรดาหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ที่กำลังวุ่นอยู่กับคอกไก่ชนในละแวกนั้นเอ่ยปากร้องแซวกันเสียให้วุ่นไปหมดเมื่อได้เห็นภาพที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชาตินี้จะได้เห็น

ไอ้นักเลงเลือดร้อนประจำหมู่บ้านเดินถือตะกร้าหวายตามผู้หญิงตัวต้อยๆ ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตนปานนั้น

มันน่าขันอยู่ไม่หยอกนา...ดูท่าดวงกลัวเมียลอยมาแต่ไกลเลยเชียว

เสียงโห่แซวดังไม่หยุดหย่อนจนไอ้กล้าต้องหันไปชี้หน้าเชิงปราบให้พวกมันหุบปากนั่นล่ะถึงจะเงียบเสียงลงได้

“แล้ว...วันนี้ไม่มีสอนเด็กๆ หรือจ๊ะพี่กล้า” บัวคลี่หันมาถามพร้อมใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดงพาดได้อย่างน่าดูชม

สาเหตุก็คงเป็นเพราะโดนไอ้พวกเวรตะไลนั่นแหกปากแซวนั่นแล..

“มี”

“อ้าว แล้ว...”

“แต่พี่อยากเห็นหน้าบัว...เลยมาหา” เสียงทุ้มนุ่มก้มลงกระซิบอยู่ข้างใบหูขาว ส่งผลให้สาวเจ้าหน้าร้อนวาบก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินหนีกลับเข้าไปหายายที่นั่งอยู่ใต้ถุนเรือน ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนยิ้มหน้าบานโต้แสงแดดอยู่กลางแจ้ง

“เอ้าๆ ไม่รอพี่เลยนะ”

ไอ้กล้าเดินทอดน่องเข้ามาหาก่อนจะวางตะกร้าหวายลงบนแคร่ข้างๆ กัน

“เอ็งทำอันใดหลานข้า ห้ะ ไอ้ตัวดี” ยายนิ่มถามเสียงเขียวเมื่อสังเกตเห็นว่าใบหน้าของหลานสาวคนโตนั้นขึ้นสีแดงจัดราวกับจับไข้แดด

“ฉันเปล่านะยาย โอ๊ยๆ” ไอ้กล้าร้องลั่นเมื่อโดนยายเฒ่าปาหมากใส่

...หมากที่เคี้ยวแล้วด้วยนะนั่น!

“พี่บัวเขินหรือจ๊ะ” เฟื่องกระเถิบเข้ามากระเซ้าเย้าแหย่พี่สาวตนอย่างอดไม่อยู่

หายากมากเลยนะที่พี่บัวจะแสดงอาการเขินอายเช่นนี้ นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีหรือเปล่าว่าในใจของพี่สาวนางอาจจะเริ่มเปิดรับพี่กล้าเข้ามาบ้างแล้วก็ได้..

ถ้าเป็นเช่นนั้น...มันต้องเร่งเติมฟืนใส่เสียตั้งแต่ไฟมันยังร้อนนี่แหละ!

“พูดอันใดของเอ็งนังเฟื่อง” ผู้เป็นพี่ฟาดไปที่ต้นแขนน้องสาวเบาๆ เพื่อปรามแววตาและน้ำเสียงทะเล้นอันเกินงาม

“ก็มันจริงนี่ อู้ยย ยายตีเข้ามาได้” เฟื่องลูบต้นแขนตัวเองป้อยๆ เมื่อโดนยายฟาดลงมาที่แขนอีกข้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อโดนสายตาคาดโทษของหญิงชรามองมาอย่างหมายหัว

“สนับสนุนกันดีนักนะพวกเอ็งนี่” ยายนิ่มส่ายหัวระอาก่อนจะหันไปสนใจชายหนุ่มที่ยืนยิ้มกริ่มพิงเสาเรือนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “ว่าแต่เอ็งเถอะ กินอะไรมาหรือยังล่ะ หือ ไอ้กล้า”

น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบทำให้ในอกของชายหนุ่มอุ่นวาบขึ้นมา ยายนิ่มก็เป็นเสียอย่างนี้ ถึงจะปากร้ายด้วยอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ใจดีมีเมตตากับมันอยู่เสมอ

“ยังจ้ะยาย”

“เช่นนั้นก็อยู่กินข้าวกินปลาก่อน” นางบอก” วันนี้นังบัวมันจะแกงกะทิสายบัว ข้าจะได้ฝากกลับเอาไปให้พ่อบุญกับเจ้าแก้วมันด้วย”

“จ้ะ”

ไอ้กล้าพยักหน้ารับคำ


(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 12:35:09 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
“หมาบางตัวมันเข้ามาวุ่นวายอะไรแถวนี้วะ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังแทรกขึ้นมาจากหน้าเรือน

ทำให้ไอ้กล้าคิ้วกระตุกโดยสัญชาตญาณ ปลายประสาททั่วร่างตื่นเร่าเมื่อถูกน้ำเสียงยียวนอันแสนคุ้นเคยปลุกปั่น มันขบสันกรามไว้แน่นอย่างระงับอารมณ์ก่อนจะตัดสินใจหันหน้ากลับไปหาคู่อริที่กำลังเดินนวยนาดเข้ามาใกล้พร้อมกับเหล่าสมุนของมัน

ไอ้มืด...

มารผจญทุกครั้งเลยสิวะ ห่าเอ๊ย!

ไอ้กล้าสบถหยาบขึ้นในลำคออย่างหัวเสียเมื่อความสุขที่กำลังก่อตัวโดนตัวเหี้ยตัวเบ้อเร่อโผล่หางเข้ามาสอดซะเสียฉิบ ร่างสูงใหญ่เดินมาบังสองสาวพี่น้องที่กำลังช่วยกันประคองหญิงชราให้ลุกยืน ก่อนจะยกมือขึ้นเท้าไว้กับเอวสอบพร้อมกับดุนลิ้นไปมาที่กระพุ้งแก้มด้วยท่าทางยียวนกวนโทสะ

..เวลามันทำท่าทางแบบนี้ทีไรเป็นได้รับฝ่าเท้าจากพ่อครูทุกที…

“วันก่อนไอ้มิ่งเล่าให้ฟังว่ามีเหี้ยเข้ามาลักไก่ในเล้าชาวบ้านไปแดก...แต่เห็นว่าจับเอาไปปล่อยแล้วนะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนราวกับกำลังเล่าเรื่องให้เพื่อนฝูงฟัง มันยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะมองตรงไปที่อีกฝ่าย “แต่ทำไมกูยังเห็นอีกตัวเดินลากหางไปมาอยู่แถวนี้วะ”

“ไอ้กล้า! มึง!”

ลูกสมุนคนหนึ่งที่ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพุ่งตัวออกมาข้างหน้าหมายจะซัดปากอีกฝ่ายที่กล้ากล่าวล่วงเกินลูกพี่ของมัน แต่กลับถูกผู้เป็นนายยกมือห้ามปรามไว้ก่อนเลยทำได้เพียงแค่ฮึดฮัดอยู่ในใจพร้อมกับส่งสายตากินเลือดกินเนื้อไปให้ไอ้นักมวยตัวดีที่กำลังยืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“เย็นไว้ เอ็งอย่าลงแรงให้เสียเปล่าเลยไอ้พัน” ฝ่ามือหยาบกร้านตบลงบนช่วงบ่าเบาๆ "หมาแค่ตัวเดียวใช้ไม้ไล่ก็เผ่นแนบหางจุกตูดแล้ว”

อีกฝ่ายเยาะด้วยใบหน้าเย้ยหยันเรียกเสียงหัวเราะขบขันชอบใจจากพวกลูกน้องมันได้ยกใหญ่

“ต่างกับตัวเหี้ย” ไอ้กล้าสบถขำในลำคอ “ใช้ตีนเขี่ยก็ไปแล้ว”

ท่าทางและน้ำเสียงยียวนทำให้ไอ้มืดต้องขบกรามแน่น ร่างสูงใหญ่พอๆ กันของชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ยืนประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร สายตาทั้งสองคู่ฟาดฟันกันไม่ลดละ บรรยากาศรอบตัวเริ่มมาคุขึ้นเรื่อยๆ จนยายนิ่มที่นั่งสังเกตเหตุการณ์มาได้สักพักหนึ่งต้องเอ่ยปากห้ามปรามเพราะเกรงว่าทั้งสองจะซัดหมัดซัดแข้งใส่กันอีก

“ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันเถอะพ่อมืด อย่าไปถือสาไอ้กล้ามันเลย”

ถึงแม้นจะปรามแต่ใจจริงแล้วนางก็หวั่นเกรงอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อยด้วยรู้ดีว่าไอ้มืดนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เกิดไปทำให้ฝ่ายนั้นไม่พอใจขึ้นมาจะต่างอะไรกับหาเหาใส่หัวตน

“เห็นแก่ยายหรอกนะ...ฉันถึงไม่รังแกหมามัน”

เน้นคำว่าหมาใส่หน้าไอ้ตัวอวดดีอีกหน

ก่อนจะหันเหความสนใจไปหาหญิงสาวอีกนางที่กำลังก้มหน้าหลบสายตาอยู่ไม่ไกล มืดยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปหาหมายจะคว้าตัวนางในดวงใจให้เข้ามาใกล้กัน

แต่ปฏิกิริยาสะดุ้งตื่นตกใจของนางนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับเขาอยู่ไม่น้อย

ทำให้หวนนึกถึงช่วงระยะเวลาหลังๆ มานี้ ที่บัวมักจะหลบสายตาไม่ยอมพูดคุยกันเหมือนดั่งแต่ก่อน ไม่เหมือนกับกับไอ้กล้า ทั้งสายตาและน้ำเสียงที่นางใช้กับมัน พอเอามานึกเทียบกับตนเองแล้วนั้นนางทำราวกับเขาเป็นเพียงธาตุอากาศไม่มีตัวตน

ที่ผ่านมานั้นก็อาศัยเพียงแค่หลอกใจตนเองมาโดยตลอดว่าอย่างน้อยๆ บัวอาจจะแบ่งสักเสี้ยวในดวงใจมาให้กันบ้าง แต่นับวันไปความหวังที่แสนน้อยนิดนั้นก็เริ่มริบหรี่มากยิ่งขึ้น เมื่อได้เห็นว่าแววตาของคนทั้งสองมองกันอย่างลึกซึ้งเพียงใด

..เพียงเท่านี้ก็รับรู้ได้แล้วว่าแม้นแต่ในซอกหัวใจของบัวก็ไม่มีเขาอยู่ในนั้นเลยแม้สักนิด...

ยิ่งขบคิดก็พาลให้เพลิงโทสะเริ่มปะทุขึ้นด้วยแรงอิจฉาริษยา เส้นเลือดข้างขมับตึงเครียดขมึงเมื่อเห็นว่านางโดนไอ้กล้าดึงให้เข้าไปหลบอยู่ด้านหลังมัน

“บัว” มืดผ่อนเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นหวาดกลัวตนเพียงใด เรียกความปวดร้าวให้เข้ามารุมกัดกินแผลในอกที่เริ่มปริ

ก็เพียงแค่อยากเห็นหน้า..

..เหตุใดจึงต้องหวาดกลัวกัน...พี่ไม่เคยคิดจะทำร้าย..

..ไม่เคย...

“มึงกลับไปเสีย” ไอ้กล้าปรามเสียงต่ำ เมื่อเห็นสายตาตัดพ้อของอีกฝ่าย “อย่ามายุ่งกับบัวอีก”

“มึงแส่อะไรด้วยวะไอ้กล้า”

ลูกน้องคนเดิมโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด

คิดว่าเป็นใคร ใหญ่มาจากไหนกันถึงกล้ามาอวดดีใส่พี่มืดของมัน ก็แค่ไอ้นักมวยไร้ชื่อ ฐานะหรือก็ต่ำต้อยกว่าลูกพี่มันไปหลายขุม ริอ่านมาคิดแก่งแย่งดอกฟ้าคนงามไป เห็นทีมันคงจะไม่อยากแก่ตายกระมัง

“กูไม่ได้เสือก” มันยิ้มเยาะ “แต่ช่วยปรามลูกพี่พวกมึงด้วย...หญิงไม่แลแล้วยังเสือกมาพาลคนเขาไปทั่วแบบนี้ มันน่าสมเพชว่ะ” พูดจบก็ดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มอีกหนพร้อมกับยกคิ้วท้าทายอีกฝ่ายไปอย่างเย้ยหยันราวกับผู้มีชัยเหนือกว่า

อย่างน้อยๆ ในเวลานี้เขาก็สามารถมั่นใจได้อย่างหนึ่งแล้วว่าคนที่บัวเลือกคือเขา..

..ไม่ใช่มัน...

“ปากดีนะมึง” มืดไม่ยอมแพ้ ความริษยาที่สุมอยู่ในอกทำให้เขายอกย้อนอีกฝ่ายกลับไปหวังเพียงแค่ให้มันได้เจ็บแสบแม้นสักนิดก็ยังดี “เอาเวลาป้อยอสาว...ไปดูแลไอ้บอดน้องมึงจะไม่ดีกว่าหรือวะ”

..นี่ล่ะ จุดอ่อนของมัน...

“วันๆ เห็นไอ้แก้วมันตามแต่ตูดมึงต้อยๆ เกิดมึงทิ้งมันไปมีเมียขึ้นมา คงไม่ต่างอะไรกับหมาหัวเน่า” แม้นจะรู้ว่ากำลังดึงอีกคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเข้ามายุ่งแต่ในเมื่อไฟแห่งอารมณ์มันถูกจุดขึ้นมาแล้วก็ยากที่จะดับลง ยิ่งเห็นสีหน้ามันคล้ำลงด้วยความโกรธก็ยิ่งสะใจ “ทั้งบอดทั้งบากแบบนั้นคงไม่มีใครเขาเอา...น่าสงสารนะมึงว่าไหม”

และถึงแม้นจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะเอ่ยกระตุ้นเร้าให้เขาสติขาด แต่ชายหนุ่มก็อดไม่อยู่เมื่อไอ้มืดมันกล้าดีพูดลามปามน้องเขาอย่างสนุกปาก

..มันไม่มีสิทธิ์...

มือสองข้างกำหมัดแน่นเพื่อระงับไฟโทสะที่เริ่มก่อตัวขึ้นราวกับเพลิงพายุ หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกันเห็นท่าไม่ดีจึงเอื้อมมือไปลูบแขนอีกฝ่ายไว้อย่างอ่อนโยนหวังให้ชายหนุ่มนั้นได้คลายโทสะลงไปได้บ้าง

แต่ดูท่าการกระทำของนางยิ่งเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีให้ไฟโทสะของไอ้มืดยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีกเท่าตัว มันบดกรามแน่นจนเป็นสันนูน ความเสียใจท่วมท้นอยู่เต็มอก แต่ศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่สั่งให้ไม่ยอมล่าถอย

“ทำไมวะ? แทงใจดำหรือ” เขาหัวเราะเย้ยหยันอย่างได้ใจเมื่อเห็นว่าไอ้กล้าถลึงตามองมา “เกิดมากำพร้าแล้วยังเสือกมีน้องพิกลพิการ--!”

ผลั่ก!

โครม!!

“ว้าย! /พี่กล้า!”

“พี่มืด!”

เพราะไม่อาจฟังคำพูดพล่อยๆ ออกมาจากปากของมันได้อีก ไอ้กล้ายกฝ่าเท้าถีบเข้าไปตรงกลางอกจนร่างของมันกระเด็นล้มพับไปบนแคร่ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจนแตกหักไม่มีชิ้นดี กระจาดขนมกล้วยที่เฟื่องวางทิ้งไว้ก่อนหน้ากระเด็นกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

สามยายหลานต่างกอดกันกลมเมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีตรงหน้า พวกนางร้องตะโกนขอความช่วยเหลือกับชาวบ้านคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะยื่นมือเข้ามายุ่งเลยสักราย

“ไอ้จ้อย! เอ็งไปตามพ่อบุญมาประเดี๋ยวนี้เลย เร็ว!” ยายนิ่มตะโกนร้องบอกเด็กชายที่ยืนมุงดูอยู่ใกล้ๆ อย่างร้อนรนเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์มันเริ่มจะไปกันใหญ่

ยามที่ไอ้กล้ามันบ้าดีเดือดขึ้นเช่นนี้มีหรือใครจะกล้าเข้าไปห้าม ก่อเรื่องคราวใดชาวบ้านกี่สิบคนก็สู้พละกำลังมันไม่ได้ จะมีก็แต่ครูบุญเท่านั้นที่จะสามารถทำให้มันสงบลงได้

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเสียหลักไอ้กล้าก็หมายที่จะเข้าไปกระทืบมันซ้ำ แต่ไม่ทันที่จะได้เข้าไปถึงตัวก็ถูกลูกสมุนของมันเตะสกัดขาไว้จนเสียหลักล้มกลิ้ง

ไอ้มืดที่ตั้งหลักได้ก่อนก็หยัดกายลุกขึ้นด้วยความรวดเร็วก่อนจะก้าวขุมใหญ่เข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับกระทืบเท้าลงไปหมายจะเหยียบให้ซี่โครงมันแตก แต่ไอ้เวรนั่นไวทายาดกลิ้งตัวหลบออกไปด้านข้างได้ทันซะเสียฉิบ!

ไอ้กล้ากระเด้งตัวขึ้นมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ทั้งคู่ต่างก็พุ่งตัวเข้าหากันราวกับกระทิงหนุ่มตกมัน เสียงหอบหายใจและเสียงหมัดที่ผลัดกันกระแทกลงบนผิวเนื้อของอีกฝ่ายจนปริแตกดังขึ้นไม่หยุดพร้อมกับหยดเลือดที่สาดกระเซ็นลงผิวดินอย่างน่าหวาดหวั่น

เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของเฟื่องและบัวคลี่ดังขึ้นเมื่อไอ้กล้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดนอีกฝ่ายถีบเข้าอย่างจังตรงสีข้างจนล้มโครมลงบนพื้น ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะตามมาใช้เท้าเหยียบลงไปบนอกมันจนสำลักอากาศไอโขลกๆ

“พี่มืด! พอเถอะจ้ะ ฮึก ฉันขอ”

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่มีใจให้เริ่มเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ นางก็รีบปรี่เข้าไปดึงรั้งแขนของฝ่ายที่กำลังบันดาลโทสะลงไปบนร่างของเขาอย่างโหดร้าย ใบหน้างดงามถูกอาบเต็มไปด้วยน้ำตาอย่างน่าสงสาร ฝ่ามือเรียวเล็กยื้อยุดกายใหญ่ของมืดไว้อย่างสุดความสามารถหวังให้เขาหยุด

แต่ยิ่งนางเว้าวอนขอให้เขาหยุดลงมือกับไอ้กล้าเท่าใดความเสียใจและความริษยาก็แล่นตรงเข้ามากอบกุมหัวใจมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดแรงสตรีมีหรือจะสามารถยื้อยุดแรงของบุรุษได้ ช่วงจังหวะหนึ่งมืดเผลอตัวสะบัดนางออกจนร่างบอบบางเสียหลักล้มลงไปนั่งกองบนพื้น

“พี่บัว!” เฟื่องร้องอย่างตกใจก่อนจะเข้าไปประคองพี่สาวตนที่กำลังร้องไห้จนตัวโยนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

ช่วงจังหวะที่ไอ้มืดเผลอมองนางอย่างนึกเป็นห่วง เปิดโอกาสให้ไอ้กล้ายันตัวขึ้นมาตั้งหลักก่อนจะถีบเข้าไปตรงช่วงท้องของมันจนตัวงอ

“มึง!” เขาตามไปซัดหมัดใส่มันด้วยแววตาที่แดงก่ำไม่ปล่อยโอกาสให้ได้โต้ตอบเลยแม้แต่น้อย “มึง! ไอ้จัญไร!” หมัดหนักลอยลุ่นๆ ฝ่าอากาศเข้าไปปะทะกับใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่ายจนเลือดแตกซิบออกมาเป็นสาย “ไอ้แก้วมันน้องกู!” หมัดอีกข้างกระแทกเสยเข้าไปจนหน้าหัน” อย่าเสือกกะโหลกมายุ่งกับน้องกู!”

ดูท่าครั้งนี้เหตุการณ์ปะทะกันมันดูจะรุนแรงมากกว่าทุกทีที่ผ่านมา..

ร่างสูงใหญ่แผ่ไอสังหารออกมาอย่างน่าหวาดหวั่น ครานี้เห็นทีไอ้กล้ามันจะสติแตกของจริงเข้าเสียแล้ว นัยน์ตาสีสนิมแดงก่ำไปด้วยไฟโทสะ สองมือกำหมัดแน่นจนกายสั่นสะท้านไปทั่วก่อนจะตัดสินใจพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่ายที่กุมท้องตัวงอสำลักเลือดอยู่ตรงหน้า

“หยุด! ไอ้กล้า!! ”

แต่ก่อนที่มันจะเข้าถึงตัวไอ้มืดได้ เสียงประกาศิตทรงอำนาจก็ดังแทรกขึ้นมาราวกับสายอสุนีบาตผ่าฟาดลงมาบนพื้นดิน

ชายชราที่ชาวบ้านทุกคนล้วนเคารพนับถือเดินฝ่าวงล้อมเข้ามายืนตรงกลางระหว่างชายหนุ่มทั้งสอง บรรยากาศรอบด้านที่เคยชุลมุนวุ่นวายครานี้กลับเงียบสนิทราวกับป่าช้า ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจกับเสียงสำลักของไอ้มืดที่กำลังถูกเหล่าลูกน้องประคองตัวให้ขึ้นยืนดังผะแผ่วอยู่ในกระแสอากาศ

แต่สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นยืนตะลึงงันกันเสียยิ่งกว่าเห็นผีก็คือร่างสูงใหญ่องอาจของอสุราหนุ่มตนหนึ่งที่เดินติดตามครูบุญมา ยักษาวัยฉกรรจ์ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังวงล้อมของชาวบ้าน เรือนกายสูงใหญ่โดดเด่นกว่าใคร กลิ่นอายของชนชั้นสูงศักดิ์ข่มเหล่ามนุษย์ได้อย่างหมดสิ้น ใบหน้าคมเข้มนิ่งขรึมทำให้สาวเล็กสาวใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ต้องคอยแอบชำเลืองมองมาอย่างไม่ขาดสาย

ยักษ์จริงๆ หรือ?

..เหตุใดถึงได้รูปงามถึงเพียงนี้…

“ถอยออกมา” ชายชราเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

ดวงตาฝ้าฟางมองศิษย์รักที่หอบเหนื่อยจนตัวโยนแต่ไอ้ตัวดีมันก็ยังมิวายจ้องไปทางพ่อมืดราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันเสียให้ได้

“ไอ้กล้า” ครูบุญเคาะไม้ตะพดลงบนพื้นหนหนึ่ง “กูบอกให้ถอย!”

สรรพนามที่เปลี่ยนไปบ่งบอกถึงแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น ไอ้กล้าฮึดฮัดอย่างไม่พอใจนักแต่ก็ยอมล่าถอยออกมาแต่โดยดี

“เอาล่ะ...มันเกิดอะไรขึ้น” ชายชราเอ่ยถามอย่างใจเย็น ทั้งๆ ที่ต้นสายปลายเหตุนั้นไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความ คงไม่พ้นเรื่องหลานสาวคนโตของแม่นิ่มเป็นแน่แท้ “หือ พ่อมืด”

“หึ” ไอ้มืดเสหน้าหลบไปอีกทางพร้อมกับบ้วนเลือดทิ้งลงบนพื้นดิน “พ่อเฒ่าถามไอ้หมาบ้าตัวนั้นเอาเองเถิด”

“ไอ้ห่าเอ๊ย” ไอ้กล้าสบถหยาบเตรียมที่จะพุ่งเข้าหาอีกครั้ง แต่กลับถูกฝ่ามือปริศนากอบกุมลงมาที่ช่วงบ่าเสียก่อน

วิรุณก้าวเข้ามาจับไว้ได้ทันเมื่อเห็นว่าไอ้ตัวดีมันจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง

เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เข้ามาห้ามไอ้กล้าก็สะบัดตัวอย่างแรงหวังจะหลุดออกจากการเกาะกุม แต่ก็ไร้ผลเพราะยิ่งดิ้นอีกฝ่ายก็ลงแรงที่อุ้งมือจนมันหน้าบิดเบ้ด้วยความเจ็บปวด

..แรงมหาศาลเช่นนี้...ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน...

“ปล่อย” เสียงทุ้มต่ำกดลึกพร้อมส่งสายตาข่มขู่ไปให้คนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

“ไม่” วิรุณก้มหน้าลงมองเจ้ามนุษย์จอมอวดดีพร้อมกับเพิ่มแรงกดจนไอ้กล้าร้องคราเครือเสียงต่ำอยู่ในลำคอ ผิวเนื้อใต้อุ้งมือใหญ่นั้นแดงเป็นเปื้อนอย่างน่ากลัว แต่ทว่าท่าทางของอีกฝ่ายทำให้วิรุณนึกขันอยู่ไม่น้อยเมื่อได้เห็นแววตาถือดีและท่าทีจองหองของมันแม้นจะเจ็บตัวเพียงใด

..เก่งกล้าสมชื่อเสียจริง...

“ข้าต้องขอโทษพ่อมืดแทนมันด้วย” ครูบุญหันไปมองทางด้านชายหนุ่มอย่างลุแก่โทษ “ไว้เย็นนี้ข้าจะให้เด็กมันเอายาต้มกับลูกประคบไปให้พ่อมือที่เรือนก็แล้วกัน”

ชายชราตัดสินใจตัดปัญหามันเสียแต่ต้นลม เพราะอีกฝ่ายเป็นบุคคลที่เขานั้นไม่ค่อยอยากจะมีปัญหาด้วยสักเท่าใดนัก

“พ่อครู-!”

เมื่อได้เห็นผู้มีพระคุณออกรับผิดแทน ใบหน้าคมเข้มก็ชาวาบด้วยความรู้สึกผิดที่ตีตื้นขึ้นมาอยู่ในอก

คนที่ควรจะขอโทษไม่ใช่เขาหรือพ่อครู

แต่เป็นไอ้ปากพล่อยนั่นต่างหาก!

“หุบปากเสียไอ้กล้า” ชายชราปรามเสียงแข็งพร้อมกับยกไม้ตะพดชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ “เอ็งมันดีแต่ก่อเรื่องทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปทั่ว!”

ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็สะบัดหน้าหนีออกไปอีกทางเมื่อรู้สึกว่ากระบอกตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา ความโกรธและความน้อยอกน้อยใจทำให้มันตัวมันสั่นเทิ้มจนอสุราหนุ่มที่คอยกอบกุมไหล่หนาไว้ยังรู้สึกได้

“ครานี้ฉันจะเห็นแก่พ่อเฒ่า” ไอ้มืดยืนยืดตัวขึ้นพร้อมกับเดาะลิ้นกวนอารมณ์ส่งไปให้อีกฝ่ายที่จ้องตอบกลับมาด้วยแววตาแดงก่ำ

“พวกเรา...กลับ” ร่างสูงใหญ่หันไปบอกกับลูกน้องตน

ก่อนจะเดินออกไปจากเขตเรือนสายตาคมปลาบก็จดจ้องไปที่นางอันเป็นที่รักอย่างคะนึงหาแต่เพียงไม่นานก็กลับมากระด้างชาดังเดิม

..ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้กล้ามึง...



(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 12:36:00 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
คล้อยหลังไอ้มืดและเหล่าสมุนเดินห่างออกไปจากเรือน หญิงสาวก็รีบปรี่เข้ามาดูอาการของไอ้กล้าด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ นางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นร่องรอยความบอบช้ำทั่วเรือนกายใหญ่และคราบเลือดที่แห้งเกรอะกรังตามใบหน้าคมเข้ม เห็นดังนั้นวิรุณจึงผละมือออกจากอีกฝ่ายอย่างเข้าใจในสถานการณ์ก่อนจะถอยตัวออกมายืนอยู่ห่างๆ ก่อนจะต้องสบถขำในลำคอเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วราวกับพลิกฝ่ามือ

“พี่กล้า...” มือเล็กยกขึ้นสัมผัสรอยช้ำบนใบหน้าอย่างแผ่วเบา “เจ็บมากไหมจ๊ะ”

“เจ็บ” ชายหนุ่มร้องโอดโอยอย่างเกินจริงเมื่อนิ้วเรียวสัมผัสโดนรอยแผลข้างมุมปาก “พี่เจ็บ”

“อ...ขอโทษจ้ะ” นางลนลานจะดึงมือกลับ

“เห็นหน้าบัวพี่ก็หายเจ็บแล้ว”

มันกุมมืออีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อยราวกับรอช่วงเวลาเช่นนี้มาแสนนาน พร้อมกับส่งสายตาหวานเชื่อมตอบกลับไป ใบหน้าหล่อเหลาซบลงไปกับฝ่ามือนิ่มอย่างออดอ้อน

ท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือหลังตีนเรียกสายตาเบื่อหน่ายของครูบุญได้เป็นอย่างดี

เมื่อครู่นี้บ้าเลือดราวกับหมาบ้า...พอโดนสาวปลอบเข้าหน่อยก็สำออยจนปรับอารมณ์ตามมันไม่ทัน

ตอแหลตลบตะแลงเก่งนัก!

“ฉันเป็นพยานได้นะตาบุญ พี่มืดน่ะปากเสียก่อน” เฟื่องที่อดกลั้นอารมณ์มานานโพล่งออกมา นางไม่สบอารมณ์ตั้งแต่อีกฝ่ายพูดถึงพี่แก้วไม่ดีแล้ว นี่ถ้าไม่ติดว่าจะโดนยายเอาหวายลงหลังล่ะก็ตอนนั้นจะกระโดดเตะปากสักหนให้หมามันหลุดออกมาเสียให้เข็ด

มาว่าพี่แก้วของเฟื่องได้อย่างไร!

“นังเฟื่อง!” ยายนิ่มปรามหลานสาวคนเล็กเสียงแข็งก่อนที่มันจะพูดมากความไปมากกว่านี้

“ก็มันจริงนี่จ๊ะยาย”

“เอาล่ะๆ เรื่องมันผ่านไปแล้วใครเริ่มก่อนไม่สำคัญ...ที่แน่ๆ โตเป็นควายกันขนาดนี้แล้วยังตีกันเป็นเด็กๆ ไปได้” ชายชราบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก ก่อนจะหันไปสั่งเสียงเข้มกับไอ้ตัวดีที่กำลังป้อยอหลานสาวชาวบ้านเขาอยู่ “ถอยออกมาเดี๋ยวนี้ ไอ้ห่ากล้า!”

ไอ้กล้าจำใจต้องผละออกมาอย่างเสียมิได้ทั้งๆ ที่นึกเสียดายอยู่ในอกอยู่ไม่น้อย

ก็นานๆ ทีจะเห็นบัวมีท่าทีเป็นห่วงเป็นใยเช่นนี้ด้วยปกติแล้วนางใจแข็งจะตายไป ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ยอมออมมือให้ไอ้มืดมันซ้อมเสียแต่เนิ่นๆ ไปแล้ว

“ประเดี๋ยวฉันจะให้เด็กๆ มันยกแคร่ที่บ้านมาเปลี่ยนให้ก็แล้วกันนะแม่นิ่ม” เขาหันไปพูดกับหญิงชราที่คุ้นหน้าค่าตากันดี

“ช่างเถิดพ่อบุญ” นางปฏิเสธ

“ไม่ต้องเกรงใจดอกแม่ ถือเสียว่าฉันชดเชยให้ก็แล้วกันที่ไอ้หมาบ้านี่มันมาก่อความวุ่นวายให้อยู่บ่อยๆ”

“เช่นนั้นก็ตามแต่ใจพ่อบุญเถิดจ้ะ” นางยิ้มรับน้ำใจของเขาไว้ ก่อนจะเอ่ยสำทับไปว่าเย็นนี้จะให้นางเฟื่องเอาแกงกะทิสายบัวกับขนมกล้วยไปให้

“ลำบากแม่นิ่มแล้ว” เขาตอบรับอย่างเกรงอกเกรงใจ

“ลำบากอันใดกันพ่อบุญ” นางโบกไม้โบกมืออย่างไม่นึกถือสา “จะฝากขนมกล้วยไปให้ไอ้แก้วมัน เห็นนางเฟื่องมันบอกว่าไอ้คนเล็กมันชอบกินนักมิใช่รึ” พยักพเยิดไปทางเด็กสาวที่ยืนยิ้มแป้นพร้อมแก้มแดงปลั่ง

“เช่นนั้นรึ” ชายชรายิ้มรับ “แม่นิ่มก็อย่าเอาใจมันมากนักเล่า ประเดี๋ยวจะเสียนิสัยเอา นี่ทุกวันนี้แค่พี่มันคนเดียวก็โอ๋น้องจนมันไม่รู้จักโตแล้ว”

“คิดเยอะไปได้” ยายนิ่มหัวเราะขบขันอย่างอารมณ์ดี “ฉันก็รักมันเหมือนลูกเหมือนหลานนั่นแล”

นึกถึงไอ้คนเล็กขึ้นมาดวงตาฝ้าฟางก็ทอแสงอ่อนลงอย่างอ่อนโยน นางนั้นทั้งรักและเอ็นดูไอ้แก้วอย่างกับอะไรดี ก็มันน่ะทั้งออดอ้อนออเซาะเก่งต่างกับพี่มันซะเสียฉิบ

“ไอ้ตัวแสบมันคนถือหางเยอะขนาดนี้เชียวรึ” ชายชราหัวเราะในลำคอ ส่ายหัวอย่างนึกระอา “เช่นนั้นฉันลานะแม่นิ่ม” ครูบุญกระชับผ้าขาวม้าที่ราวคอ ก่อนจะปรายตามองไปทางไอ้ตัวดีที่ยืนมือกุมเป้าอยู่อย่างเรียบร้อยไม่เหลือเค้าคนเก่งกล้าเมื่อสักครู่นี้ให้เห็นเพียงกระผีกเดียว “กลับ”

ไอ้กล้าเดินอย่างพินอบพิเทาตามออกไปแต่ก็ยังมิวายหยุดยืนส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้แม่บัวคลี่ที่ยืนเอียงอายหลบสายตาอยู่

ป๊อก!

“โอ๊ย!”

เสียงไม้เนื้อแข็งที่ฟาดลงกะโหลกแข็งดังลั่นขึ้น ไอ้กล้าสะดุ้งตื่นจนตัวโยนหมายจะหันไปด่าคนที่ประทุษร้ายตนแต่เมื่อเห็นว่าเป็นพ่อครูยืนจังก้าเท้าเอวมองกลับมาด้วยหน้าตาถมึงทึง ไอ้ตัวดีก็รีบวิ่งฉิวนำออกไปก่อนใครเพื่อน

พ่อครูนะพ่อครู ฟาดลงมาได้!

ระหว่างทางกลับเรือนไอ้กล้าเดินทิ้งระยะห่างออกมาจากชายชราอยู่มากโข เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่กำจายอยู่รอบตัวของพ่อเฒ่า

พ่อครูยามเงียบขรึมเช่นนี้น่ากลัวเสียยิ่งกว่าตอนดุด่าพาโลเสียงดังเสียอีก

เพราะฉะนั้นยามนี้..สงบปากสงบคำเข้าไว้เป็นอันดีที่สุด…

วิรุณที่เดินรั้งอยู่ท้ายสุด ลอบสังเกตอาการมนุษย์ตรงหน้ามาได้สักพักหนึ่ง อีกฝ่ายนั้นเดินกระย่องกระแย่งอย่างไม่สู้ดีเท่าใดนัก คงเป็นเพราะบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้กับคู่อริเมื่อครู่นี้เท่าที่สังเกตผ่านๆ ตัวมันนั้นชอกช้ำอยู่ไม่หยอก

อสุราหนุ่มละความสนใจออกมาจากอีกฝ่ายก่อนจะหันไปชมนกชมไม้รอบกายแทน แต่เสียงบ่นงึมงำๆ ชวนให้รำคาญใจก็ลอยเข้ามากระทบโสตประสาทไม่หยุดหย่อนจนต้องหันกลับมามองต้นตอของเสียงอย่างเสียมิได้

“ร้อนจังวะ” ไอ้กล้ายกมือขึ้นเสยผมที่ปรกลงมาทิ่มตาไปทางด้านหลังพร้อมกับเช็ดเหงื่อเม็ดเป้งที่กำลังจะไหลเข้าตาออก

ยามนี้พระอาทิตย์กำลังขึ้นตรงตำแหน่งศีรษะพอดิบพอดี ไอร้อนจากแสงแดดส่องกระทบลงมาจนตาพร่า อากาศอบอ้าวในป่าร้อนชื้นส่งผลให้ทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจถอดเสื้อออกมาพาดไว้บนบ่าเพื่อเมื่อรู้สึกเหนียวตัวเกินจะทน

เมื่อท่อนบนไร้ซึ่งอาภรณ์ปิดกั้น ละอองแดดก็ได้ทีอาบไล้ลงมาบนผิวกายสีคร้ามแดดสะท้อนกับหยาดเหงื่อวาววับเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่ตึงแน่นทั่วทั้งแผ่นหลังกว้างสมชายชาตรี แนวบ่าตั้งตรงอย่างองอาจรับกับช่วงแขนกำยำและช่วงบั้นเอวสอบที่ห้อยตะกรุดเส้นหนาเอาไว้หมิ่นเหม่แถวช่วงเชิงกราน

สะโพกตึงแน่นเคลื่อนไหวอย่างทะมัดทะแมงเมื่อช่วงขายาวก้าวเดิน เม็ดเหงื่อที่ไหลหยดลงมาจากปลายเรือนผมสีเข้มตกลงบนร่องแนวกระดูกสันหลังอย่างเอื่อยเฉื่อยไหลเรื่อยก่อนจะหายลับเข้าไปในเนินสะโพกใต้โจงกระเบนสีเข้ม

นัยน์ตาคมปลาบของรองทัพอสุรากระตุกวูบเมื่อรู้สึกว่าเผลอตัวไปจดจ้องอีกฝ่าย เขาส่ายหน้าอย่างระอาให้กับตนเองเงียบๆ

ร่างกายใหญ่โตราวกับกระทิงหนุ่มของอีกฝ่ายนั้นหาได้มีอะไรน่าพิสมัยชวนมองเลยสักเพียงนิด ชายหนุ่มตรงหน้าถือว่าตัวสูงใหญ่เอาเรื่องทีเดียว รูปร่างกำยำล่ำสันมัดกล้ามเนื้อตึงเครียดทั่วทั้งตัวอย่างคนที่ออกกำลังอยู่สม่ำเสมอ

แต่ถึงจะตัวใหญ่กว่ามนุษย์ด้วยกันสักเพียงไหน...ก็สูงเกินช่วงไหล่ของเขามานิดเดียวเท่านั้น…

“เวรเอ๊ย” เสียงทุ้มต่ำสบถขึ้นในลำคอ ไอ้กล้านิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเดินไม่ทันระวังจนไปเหยียบเข้ากับเศษไม้เหลาแหลมที่พวกชาวบ้านใช้ดักสัตว์เข้าจนเลือดไหลอาบทั่วฝ่าเท้า

“เป็นอะไรรึไม่” ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนยืนค้ำอยู่เหนือหัว

วิรุณก้าวเข้ามาหาทันทีเมื่อเห็นว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็หยุดเดินกะทันหัน แต่เมื่อเห็นเลือดจำนวนมากที่ชุ่มโชกไปทั่วฝ่าเท้าของชายหนุ่มก็เข้าใจได้ในทันใด

มันคงโง่เซ่อเดินไม่ดูตาม้าตาเรือจนไปเหยียบเข้า

“ให้ข้าช่วยไหม”

“ไม่ต้องมาแส่” น้ำเสียงถือดีสะบัดอย่างหัวเสียอยู่ไม่น้อย

ไอ้กล้าไม่ได้หันกลับไปมองอีกฝ่ายที่ยืนซ้อนแผ่นหลังเสียด้วยซ้ำไป มันหันหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเดินกะเผลกๆ ออกห่างจากอสุราหนุ่ม

วิรุณคิ้วกระตุกกึกเมื่อความหวังดีของเขาโดนอีกฝ่ายมองเมินอย่างไม่ไยดีซ้ำยังโดนปฏิเสธกลับมาอย่างหยาบคาย

หลายครั้งหลายคราที่เขาพยายามมองเมินความอวดดีของมันเพราะไม่อยากจะถือสาหาความ แต่ยิ่งนานไปความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดก็เริ่มจะหมดลง..

..เห็นทีพูดกันดีๆ คงไม่ชอบ…

อสุราหนุ่มยืนกอดอกมองไอ้ตัวดีลากขากะเผลกๆ ไปตามทาง นัยน์ตาสีนิลกาฬหรี่ลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นจะล้มแหล่มิล้มแหล่ สภาพราวกับหมาขาเดี้ยงสร้างความรำคาญใจให้เขาอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นวูบหนึ่งของเสี้ยวความคิดก็นึกอยากจะเอาชนะไอ้คนอวดดีมันสักครั้ง

คิดได้ดังนั้นร่างสูงใหญ่ก็ย่างสามขุมเข้าไปตัดหน้าไอ้กล้าไว้พร้อมกับโน้มตัวลงโอบอุ้มช่วงตัวของอีกฝ่ายขึ้นมาพาดไว้บนไหล่ก่อนจะออกเดินโดยไม่เปิดโอกาสให้มันได้หนี

“ทำบ้าอะไรวะ!” มันดีดดิ้นยกใหญ่พร้อมโวยวายเสียงดัง “ปล่อย!!”

ไอ้กล้าตกตะลึงจนแทบสิ้นสติเมื่อจู่ๆ คนที่มันแสนจะชังน้ำหน้ากระทำการอุกอาจเหนือความคาดหมาย ความรู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายตีรวนขึ้นมาจนใบหน้าคมเข้มแดงก่ำด้วยไฟโทสะ มันดิ้นสุดแรงหวังจะให้ตนหลุดพ้นออกจากปราการน่าคลื่นเหียนนี้

หากแต่ฝ่ามือใหญ่ที่กระชับอยู่ตรงช่วงเอวนั้นออกแรงรัดจนมันแทบจะหายใจไม่ออก ช่วงตัวสูงใหญ่จนน่าหวาดหวั่นถึงแม้นจะโดนทั้งฝ่ามือฝ่าเท้ามันประเคนใส่ก็ดูท่าว่าเจ้าของมันจะไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิด กลับก้าวย่างเดินต่ออย่างมั่นคงราวกับหินผา

ในระยะสายตานั้นครูบุญเดินล่วงหน้าไปก่อนแล้วเห็นแค่แผ่นหลังแวบไปมาเท่านั้น ครั้นจะตะโกนแหกปากขอความช่วยเหลือก็ศูนย์เปล่า นอกจากพ่อครูจะไม่ช่วยแล้วคงจะก่นด่ามันซ้ำอีกเป็นแน่

“หุบปาก” เสียงเย็นเยียบเอ่ยเตือน “ถ้าไม่อยากถูกหักขา”

“ไอ้ยักษ์เวร!” ไอ้กล้าขบกรามแน่นจนหน้าแดงก่ำ “กูจะฆ่ามึง!”

“มีปัญญาก็ลองดู” ..อยากรู้เหมือนกันว่าฝีมือนักมวยคนเก่งมันจะแน่สักแค่ไหน

วิรุณสบถขำในลำคอเมื่ออีกฝ่ายยังไม่หยุดประทุษร้ายตนซ้ำยังสาดวาจาหยาบคายใส่กันอย่างไม่หยุดหย่อน ฝ่ามือใหญ่เลื่อนช่วงตัวหนาลงไปให้หัวห้อยมากกว่าเดิมพร้อมเปลี่ยนตำแหน่งจากโอบรัดรอบเอวสอบมาที่ช่วงขาแทน

ไอ้กล้าหัวห้อยโคลงเคลงไปมาตามจังหวะการเดินของอสุราหนุ่มจนเริ่มวิงเวียนศีรษะ มันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างอาฆาตแค้นเมื่อโดนอีกฝ่ายแบกขึ้นบ่าเดินตัวปลิวราวกับอุ้มเด็กตัวเล็กๆ ก็มิปาน

...เสียหน้าฉิบหาย!

ฝ่ามือใหญ่ออกแรงบีบรัดต้นขามันจนปวดชาไปทั้งแถบ เรี่ยวแรงขัดขืนที่มีในตอนแรกเริ่มถดถอยลงเมื่อความเจ็บปวดจากบาดแผลใหม่และเก่าเริ่มออกฤทธิ์เล่นงาน

ท่าทีที่สงบลงของอีกฝ่ายสร้างความพอใจให้กับอสุราหนุ่มอยู่ไม่น้อย มุมปากได้รูปยกยิ้มเหยียดหยันเมื่อสามารถกำราบไอ้ตัวดีให้อยู่หมัดได้

..ก็นึกว่าจะแน่...



______________________________________



เผ็ดจริงๆเลยนะ ตัวแค่เนี้ยย(??) 555555 :hao7:

น้องข้าใครอย่าแตะะะะ แค่พูดก็ห้ามม พี่ชายที่แสนดีจริงๆเลยนะพี่กล้าเนี่ยย  :hao7:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 12:37:24 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ใครว่าน้องไม่ได้พี่กล้าซัดจมพื้น
แอบอมยิ้มเบาๆๆๆกับความคิดของพี่ยักษ์ที่มีต่อกล้า ท่าทางจะกัดกันยาวเพราะไอ้ตัวดีฤทธิ์เยอะ อิอิ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รีบมาอ่านเรื่องนี้ก่อน อดใจไม่ไหวจริงๆ ขอโืทษด้วยนะคะที่มาช้า;-;

ตอนนี้พี่กล้าแสบจริงๆ ตอนจีบสาวนี้ก็โคตรจะแมนรู้สึกอยากให้พี่กล้าจีบเราบ้าง แต่เนี่ยยย พี่ยักษ์วิรุณเนี่ยยย ทำเอาเราช้ำใจ อยู่ๆ มาแล่นเรือเฉยย อ่ะ หนูยอมให้พี่ยักษ์ก็ได้ค่ะ หนูไม่เอาพี่กล้าแล้วก็ได้  :hao5:

ฮือออออ ตอนนี้เรือวิรุณกล้าแล่นค่ะ แล่นแบบน่านน้ำกระจาย ชิปเปอร์อย่างอิฉันตกงานเลยค่ะ ปลื้มปริ่มมั่กๆ คนน้องก็ยักษ์ คนพี่ก็ยักษ์บ้าง แงงง

ทำไมรู้สึกเม้นต์วนๆ หาสาระอะไรไม่ได้จากเราเลย (ฮ่าาาาา) ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะที่มาช้า อย่าพึ่งคิดว่าเราทิ้งนะ เรารักเจ้าแก้วมาก ทิ้งไม่ได้ ;-; สู้ๆ นะคะ เราเป็นกำลังใจให้ รักนะคะ :กอด1:  :L2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ห้วงคำนึงหา

.



.



.




'ศึกครั้งนี้พี่ไม่ไปมิได้หรือ'

'มันเป็นหน้าที่...เจ้าก็รู้'

'แต่...แต่ข้ามีลางสังหรณ์ว่าศึกครั้งนี้จะพรากเราให้จากกัน...ข้ากลัว'

'ขอเพียงเจ้ารอพี่อยู่ที่นี่..พี่จะรีบกลับมาหา เข้าใจรึไม่ เจ้ายักษ์น้อย’

รอยยิ้มและน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่แสนอ่อนโยนเอ่ยขึ้นผะแผ่วราวกับกับเสียงหวีดหวิวของสายลม ร่างสูงใหญ่องอาจตรงหน้าสวมใส่ชุดเกราะของขุนศึกแบบเต็มยศ ใบหน้าคมคร้ามที่แสนคุ้นเคยถูกกลุ่มไอหมอกบดบังจนไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าใดนัก

แต่กระนั้นก็กลับชัดเจนยิ่งนักในห้วงคำนึงหา...

.. พี่วศิน...

สายลมเย็นเยียบพัดผ่านช่วงตัววูบใหญ่ หอบนำพากลิ่นอายของความหวาดกลัวให้แทรกซึมเข้าไปทั่วทุกสรรพางค์กาย

สองแขนเอื้อมออกไปข้างหน้าอย่างหมายมาดที่จะไขว่คว้าร่างของผู้เป็นพี่ให้กลับมาหา เมื่อเห็นว่าแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายนั้นเริ่มหายลับเข้าไปในม่านหมอก

“พี่..” เสียงสั่นเครือเปล่งเรียกอย่างยากลำบากราวกับมีเข็มร้อนนับพันเล่มจี้อยู่ที่บริเวณลำคอ “อย่าไป”

“ไม่…ไม่”

“กลับมา”

“กลับมาหาน้อง”

หยาดเหงื่อเม็ดโตผุดซึมขึ้นมาจนชุ่มผิวเนื้อแต่ทว่าทั่วทั้งร่างนั้นกลับเย็นเฉียบ

นัยน์ตาดำหดเล็กลงก่อนจะต้องเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่ออีกฝ่ายนั้นหันตัวกลับมาหา

“วิรัล..”

ทั่วทั้งร่างของจอมทัพอสุราชุ่มโชกไปด้วยหยาดโลหิตสีแดงฉาน กลิ่นคาวคละคลุ้งของสาบสนิมแผ่กำจายไปทั่วทั้งบริเวณ

กลุ่มหมอกควันทมิฬเริ่มเจือจางลงเผยให้เห็นร่างที่ไร้วิญญาณของเหล่าทหารยักษ์นอนกลาดเกลื่อนอยู่บนผืนดินอย่างน่าเวทนา บ้างโดนตัดเศียรจนกระเด็นออกไปคนละทิศ บ้างโดนลูกธนูเหล็กเสียบทะลุร่าง ทั้งที่ม่านตายังคงเบิกกว้างแข็งค้างอยู่อย่างนั้น บางรายก็โดนเหยียบจนกระดูกบิดเบี้ยวผิดรูปหนักเข้าหน่อยก็ร่างแหลกละเอียดราวกับโคลนตมก็มิปาน

ภาพอันน่าสยดสยองตรงหน้าส่งให้แรงคลื่นเหียนตีรวนขึ้นมาจนตัวสั่นเทิ้มเกินจะควบคุม ลมหายใจหอบกระชั้นแรงขึ้น ปลายประสาททั่วทั้งร่างกระด้างชาจนไม่รู้สัมผัส เหงื่อกาฬผุดซึมออกมาอย่างไม่ขาดสาย เมื่อได้เห็นว่าเหล่าซากศพที่นอนเกลื่อนนั้นบางตนก็เคยคุ้นหน้าคุ้นตากันมาก่อน

“เจ้ายักษ์น้อย…” สุ้มเสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกดึงสติที่เริ่มพร่าเลือนให้หันกลับไปหาใบหน้าคมคร้ามที่มองมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรง นัยน์ตาของอีกฝ่ายนั้นถูกเลือดอาบย้อมจนมองไม่เห็นตาขาว

“..รอพี่...”

เมื่อฝ่ายนั้นเริ่มขยับริมฝีปากคล้ายกับต้องการที่จะสื่ออะไรบางอย่าง

ทันใดนั้นลูกศรเหล็กกล้าก็ฝ่ากระแสอากาศเข้ามาหาอย่างจังด้วยแรงกำลังมหาศาล เหล็กแหลมคมพุ่งทะลุเกราะเนื้อดีจนเนื้อโลหะแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ

“ไม่!!”

เสียงกรีดร้องอย่างเสียสติดังขึ้นเมื่อเห็นร่างของผู้เป็นพี่ทรุดกองลงไปกับพื้น

กลุ่มเลือดข้นคลั่กไหลทะลักออกมาจากทางปากและจมูกอย่างไม่ขาดสาย แผ่นอกกำยำใต้ชุดเกราะขยับไหวขึ้นลงอย่างแผ่วเบาเมื่อชีพจรค่อยๆ อ่อนลง

ฝ่าเท้าเปล่าเปลือยเหยียบย่ำกับธุลีดินสีเลือดออกตัววิ่งฝ่ากลิ่นสาบคาวของหยาดโลหิตนับร้อยพันชีวิตแตกกระเซ็นออกเป็นวงกว้าง

เมื่อทรุดกายลงข้างๆ ร่างที่เหลือเพียงลมหายใจรวยริน กระบอกตาทั้งสองข้างก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างยากที่จะสกัดกั้น สองแขนตระกองกอดร่างสูงใหญ่ขึ้นมาแนบไว้กับอกราวกับต้องการฉุดรั้งมิให้พญามัจจุราชสามารถคร่าชีวิตของอีกฝ่ายไปได้

“ไม่....ไม่” ฝ่ามือสองข้างที่อาบชุ่มไปด้วยเลือดของประคองใบหน้าของผู้ที่เริ่มจะหมดสติลงไปทุกขณะมาแนบชิดไว้ไม่ห่าง

“ตื่นขึ้นมามองหน้าข้าเดี๋ยวนี้นะ” น้ำเสียงเอาแต่ใจที่มักใช้กับคนพี่เสมอมาสั่นเครือจนแทบฟังไม่ได้ความเมื่อก้อนสะอื้นตีรวนขึ้นมากระจุกอยู่กลางลำคอ

“…”

“...ฟื้นสิ! ฟื้น!”

เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณราวกับคนเสียสติ หยาดน้ำตามากมายพรั่งพรูเอ่อล้นไปทั่วทั้งใบหน้าจนเปียกชุ่ม แขนสองข้างตระกองกอดร่างอีกฝ่ายไว้แน่นก่อนจะซุกหน้าลงไปแผ่นอกเย็นชืดที่ไร้ซึ่งชีพจรการเต้นของก้อนเนื้อในอกอีกต่อไป

มือทั้งสองกำแน่นเข้าหากันจนเล็บจิกลงไปบนผิวเนื้อ ทั่วทั้งกายสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงเกินประคองไหว ก่อนจะเปล่งเสียงร้องโอดครวญออกมาไม่ขาดสายราวกับสัตว์ป่าได้รับบาดเจ็บอย่างสุดแสน

ความเสียใจท่วมท้นอยู่ในอกจนมิสามารถที่จะควบคุมตนเองได้อีกต่อไป ใบหน้าแหงนเงยขึ้นมองท้องนภามืดมนอย่างสิ้นหวังพลางร่ำไห้ราวกับว่าหัวใจกำลังจะขาดสะบั้นลงเป็นเศษเถ้าธุลี

หยาดฝนเลือดกระหน่ำเทลงมาไม่ขาดสายกลิ่นคาวคละคลุ้งแผ่กำจายโอบล้อมให้ทั่วทั้งบริเวณโดนย้อมไปด้วยสีแดงฉาน อสุนีบาตผ่าฟาดลงบนผืนธรณีจนทั่วทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น

หลังม่านอวัศยาทมิฬปรากฏให้เห็นร่างสูงใหญ่ของบุคคลผู้หนึ่งยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางห่าฝนโลหิต ดวงตาสีแดงเพลิงเด่นชัดภายใต้เงามืดมองตรงมาข้างหน้าอย่างไม่ละสายตาพร้อมกับค่อยๆ ลดมือข้างที่เล็งคันศรลงไว้ข้างกาย

…เขาผู้นั้นยืนอยู่ทิศเดียวกันกับลูกศรที่พึ่งถูกปล่อยยิงออกมา

เสียงหัวเราะทุ้มต่ำค่อยๆ ดังขึ้นแข่งกับเสียงผ่าฟาดของสายฟ้า เมื่อเห็นว่าลูกศรของตนนั้นปักลงที่กลางอกของเป้าหมาย ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นอย่างนึกพอใจอยู่ไม่น้อยที่สามารถปลิดชีพจอมทัพใหญ่ของแว่นแคว้นแดนศัตรูได้สำเร็จ

“…เจ้า”

เสียงแหบพร่าสั่นคราเครืออย่างโกรธแค้นเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นเดินเข้ามาใกล้เข้าเรื่อยๆ ร่างสูงตระหง่านหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เรือนร่างล่ำสันแผ่กลิ่นอายกดดันไปทั่วทั้งบริเวณ ใบหน้าของคนผู้นั้นถูกกลุ่มหมอกดำปกคลุมไว้จนไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร

“หึ”

อีกฝ่ายสบถเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคออย่างหฤหรรษ์เมื่อเห็นร่างที่ไร้วิญญาณนอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดของอสุราอีกตน นัยน์ตาสีแดงเพลิงทอประกายกล้าแกร่งจดจ้องไปที่ร่างของทั้งสอง ก่อนฝ่าเท้าใหญ่จะยกขึ้นสูงหมายมั่นที่จะกระทืบลงไปซ้ำให้สาแก่ใจ

เมื่อรับรู้ได้ถึงความตายที่จะมาเยือนในไม่ช้า อ้อมแขนที่โอบกอดร่างผู้เป็นพี่ไว้ก็กระชับวงแขนแน่นขึ้นก่อนจะซุกหน้าลงไปบนอกกว้าง หยาดน้ำตาไหลอาบหน้าลงมาไม่ขาดสายเมื่อรู้สึกอดสูใจเกินกว่าที่จะทนรับไหว เปลือกตาค่อยๆ หลับลงอย่างเหนื่อยล้ารอให้อีกฝ่ายประทานความตายให้อย่างไม่คิดที่จะต่อสู้ขัดขืน

“…น้องรักพี่..”

สุ้มเสียงกระซิบประโยคสุดท้ายเอ่ยขึ้น แรงมหาศาลก็กดทับลงมาบนช่วงตัวอย่างรุนแรงก่อนที่สติรับรู้ทุกอย่างจะมืดดับลง…

อึก! ...

แรงสะดุ้งฉุดให้บุคคลที่ตกอยู่ในห้วงฝันร้ายตัวสั่นกระตุกอย่างแรงก่อนจะลืมตาโพล่งขึ้นท่ามกลางความมืดมิด เหงื่อกาฬไหลโซมไปทั่วทั้งผิวกาย

กลิ่นอับชื้นและละอองฝุ่นผงตีรวนอบอวลอยู่ใต้จมูก

เสียงน้ำหยดลงบนผืนดินเป็นช่วงๆ ดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณที่เงียบสงัด ร่างร่างหนึ่งค่อยๆ ยันตัวขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบายเนื้อตัว แขนทั้งสองค้ำบนพื้นด้วยอาการสั่นเทา โซ่ตรวนเส้นใหญ่ที่ล่ามอยู่บริเวณข้อเท้าเสียดสีกับรอยฟกช้ำเมื่อเจ้าตัวพยายามที่จะยันตัวขึ้นยืน ทันใดนั้นความเจ็บปวดตามแนวกระดูกสันหลังก็แล่นริ้วขึ้นมาจนทำให้เขาต้องทรุดตัวลงไปนอนกองลงบนพื้นอีกหน

“อึก…”

เขาคู้กายเข้าหากันอย่างหวาดหวั่น หยาดน้ำอุ่นร้อนกลิ้งลงมาอาบไล้แนวแก้มอย่างไม่ขาดสายเมื่อหวนนึกถึงห้วงฝันร้ายที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้

..พี่วศิน...

วิรัลกดแรงสะอื้นที่กระจุกขึ้นมาบนลำคอได้อย่างยากลำบากเมื่อภาพของพี่ชายที่โดนฆ่ายังเด่นชัดอยู่ในห้วงความคิด กลุ่มเลือดแดงฉานที่อาบท่วมผืนปฐพีส่งกลิ่นสาบคาวคลุ้งอย่างน่าสยดสยองติดตรึงในความทรงจำจนมิอาจที่จะลืมเลือน

เคร้ง! 

เสียงสะเดาะโซ่เหล็กบริเวณหน้าประตูดึงความสนใจของผู้ถูกคุมขังให้หันกลับไปมอง ก่อนจะต้องรีบถอยตัวร่นหนีไปหลบอยู่ที่มุมห้องเมื่อแสงจากคบเพลิงของทหารเวรสาดส่องเข้ามาในห้องมืด

วิรัลนั่งคู้กายกอดเข่าไว้แนบอกอย่างหวาดกลัว อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่นั้นซอมซ่อจนไม่เหลือเค้าเดิม คราบเลือดแห้งเกรอะกรังไปทั่วใบหน้าเปื้อนฝุ่น ทั่วทั้งกายปรากฏบาดแผลฟกช้ำเป็นจ้ำอยู่หลายแห่ง

ทหารเวรสองนายเดินเข้ามาในห้องคุมขังก่อนจะเปิดทางให้อสุราหนุ่มตนหนึ่งก้าวออกมายืนอยู่ด้านหน้า ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ผู้ที่หลบอยู่บริเวณมุมมืดพร้อมกับยอบกายคุกเข่าลงข้างๆ อย่างระมัดระวัง

“วิรัล”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกพร้อมกับฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปลูบปลอบประโลมลงบนศีรษะ

กรณ์ทอดมองร่างตรงหน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน พลันนัยน์ตาสีโกเมนก็ส่องประกายวาวโรจน์ขึ้นมาอย่างเจ็บปวดสุดแสนเมื่อได้เห็นสภาพของอีกฝ่าย

“อย่าแตะต้องตัวข้า!”

เสียงตวาดลั่นดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ก่อนจะปัดฝ่ามือของอีกฝ่ายออกไปให้พ้นจากช่วงตัว วิรัลขดคู้กายเข้าแนบชิดกับผนังดินอับชื้นราวกับจะกลืนหายเข้าไปในนั้น แววตาสีสวยมองบุคคลตรงหน้าอย่างหวาดระแวง ด้วยเพราะหยาดน้ำใสที่เอ่อคลอหน่วยตาบดบังภาพตรงหน้าไปหมดสิ้นจึงทำให้มองเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ไม่ชัดเท่าใดนัก

“ข้าเอง…เจ้าตัวน้อย” กรณ์ปรับลดน้ำเสียงให้อ่อนลง “มองให้ดีๆ สิ”

วิรัลหอบหายใจจนตัวโยนหลังจากที่เปล่งเสียงกร้าวออกไป อสุราตัวน้อยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงทุ้มต่ำอันแสนคุ้นเคย เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีโกเมนคู่นั้นพลันทำนบน้ำตาก็ไหลอาบลงมาทั่วแก้มอีกหน ก่อนจะโถมตัวเข้าหาอีกฝ่ายจนอสุราหนุ่มตรงหน้าตั้งรับไว้แทบไม่ทัน

กรณ์ระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งอกเมื่อวิรัลเลิกผลักไสตนออกห่าง อ้อมแขนแกร่งโอบรัดร่างเจ้าตัวน้อยของเขาไว้แนบอกอย่างหวงแหน

“กรณ์…” อ้อมแขนเล็กรัดร่างของพี่ชายใจดีไว้แน่นราวกับเจอที่พักพิง

หลังจากวันนั้นที่โดนคุมตัวมาสำเร็จโทษแทนพี่ชายของตน วิรัลก็โดนคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินตลอดมาโดยมิได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก วันคืนอันยาวนานผ่านไปอย่างทรมานแสนสาหัส ทุกๆ ราตรีฝันร้ายและกลิ่นคาวเลือดจะเข้ามาเล่นงานจนจิตใจนั้นหวาดผวายากที่จะข่มตาหลับ

แต่ในยามนี้ที่ได้ซุกอยู่ในอ้อมอกอุ่นของพี่ชายอีกตน ความหวาดกลัวกลับถูกปัดเป่ามลายหายไปจนหมดสิ้น

“ชู่ว เงียบเสียเด็กดี ข้าอยู่นี่แล้ว” ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงข้างขมับเพื่อปลอบประโลม “เจ้าไม่ต้องกลัว”

อสุราหนุ่มโอบอุ้มร่างของอีกฝ่ายขึ้นมาไว้แนบอกได้อย่างง่ายดาย ปรกตินั้นเจ้าวิรัลหาใช่ยักษาร่างกายกำยำสูงใหญ่ไม่ แต่กลับร่างเล็กบอบบางอุ้มง่ายหิ้วง่ายราวกับเจ้าพวกยักษ์เด็ก

หลังจากที่ได้รู้ข่าวว่าทั้งสองจอมทัพก่อกบฏกับแผ่นดินบ้านเกิดจนวิรัลต้องถูกจับตัวมาสำเร็จโทษแทนเขานั้นโกรธจนแทบคลั่ง

ตัวเขาเป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อยในกองทัพ ไม่มีอำนาจมากพอที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือวิรัลได้ ถึงแม้นพี่ชายของตนมียศเป็นถึงทหารเอกจะรู้จักและคุ้นเคยกับจอมทัพใหญ่ทั้งสองตนนั้นมากเพียงใด แต่เมื่อยามที่วีรบุรุษได้ผันเปลี่ยนเป็นปรปักษ์ต่อแผ่นดินแล้วไซร้ก็ไร้ซึ่งประโยชน์

ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้เขาพยายามที่จะแอบลอบเข้ามาในคุกใต้ดินแห่งนี้อยู่หลายหน แต่ด้วยงานที่รัดตัวจนแทบจะไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาได้ ซ้ำเหล่าทหารเวรยังตรวจตระเวนอย่างรัดกุม ทำให้ต้องจำใจกล้ำกลืนอดทนต่อความห่วงหาที่กัดกินหัวใจเขาจนเป็นแผลเหวอะหวะ

แต่เมื่อได้โอกาสดีกรณ์จึงไม่ลังเลอาศัยช่วงที่เปลี่ยนเวรยามเป็นพลทหารใต้บังคับบัญชาของตนเข้ามาหาเจ้าตัวน้อยของเขา เมื่อได้เห็นสภาพของอีกฝ่ายพลันในอกก็ปวดแปลบคล้ายกับโดนมือปริศนาบีบรัดอย่างรุนแรงฝ่ามือและฝ่าเท้าเย็นเยียบเมื่อชีพจรหยุดเต้นกะทันหัน

หัวใจแหลกสลายไม่มีชิ้นดีเมื่อแสงของเปลวไฟตกกระทบลงบนผิวเนื้อบอบช้ำที่โผล่พ้นออกมาจากสาบเสื้อรุ่มร่าม

กายขาวเนียนปรากฏรอยช้ำเลือดขึ้นเป็นจ้ำอย่างน่ากลัว เขาขบกรามแน่นจนขึ้นสันเมื่อสังเกตเห็นว่าบริเวณข้อเท้านั้นถูกตรวนเส้นใหญ่ล่ามเอาไว้ราวกับสัตว์ป่า อสุราหนุ่มหันไปพยักหน้ากับพลทหารสองตนอย่างเข้าใจกันดี เพียงไม่นานพันธนาการเหล็กก็ถูกปลดออกทันทีเมื่อหนึ่งในนั้นเดินถือลูกกุญแจเข้ามาไขออกให้

แต่สิ่งที่ทำให้เขานั้นปวดร้าวยิ่งกว่าสิ่งใดก็คงเป็นประกายของนัยน์ตาที่เคยส่องสดใสหากแต่ยามนี้กลับหม่นหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ยิ่งเห็นว่าเจ้าตัวน้อยนอนหลับตาซบเข้ากับอกของตนเองอย่างต้องการที่พักพิง ความสงสารก็พวยพุ่งเข้าเกาะกุมจิตใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว ร่างสูงใหญ่กระชับวงแขนให้แน่นขึ้นก่อนจะเดินอุ้มอีกฝ่ายออกจากเขตห้องขังโดยมีพลทหารเวรใต้ปกครองคอยสอดส่องดูต้นทางให้

“ขอบใจพวกเจ้ามาก…วันพรุ่งข้าจะนำตัวเขามาคืนก่อนยามผลัดเวร” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบโดยไม่แม้นแต่ที่จะหันกลับไปมองทางเบื้องหลังที่มีพลทหารทั้งสองตนค้อมตัวรับคำสั่งอย่างแข็งขัน

สองขาก้าวอย่างรีบเร่งเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนผ่าวจากผิวกายของคนที่อยู่ในอ้อมกอด

หลังจากที่แอบพาวิรัลออกมาจากห้องขังได้อย่างแนบเนียนกรณ์ก็เดินลัดเลาะมาตามเส้นทางด้านหลังของเขตพระราชฐานเพื่อหลบหลีกสายตาของเหล่าทหารยามตนอื่นๆ

“อือ” เสียงคราเครือของคนในอ้อมกอดดังขึ้นแผ่วเบา ทั่วกายมีหยาดเหงื่อผุดซึมขึ้นจนเนื้อตัวเปียกชุ่มกายเริ่มสั่นเทาเมื่อโดนพิษไข้เข้าเล่นงาน

“อดทนไว้นะเจ้าตัวน้อย”

กรณ์ก้มลงมองน้องน้อยในอ้อมกอดก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากข้างขมับชื้นเหงื่อพร้อมกับคลายวงแขนที่โอบกอดอีกฝ่ายไว้แนบแน่นออกเพื่อให้วิรัลไม่อึดอัดตัวไปมากกว่านี้

อสุราหนุ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเมื่อย่างเข้าสู่เขตชุมชน เขาจัดการเลื่อนมือไปโอบศีรษะของอีกฝ่ายให้หันเข้ามาซุกอกตนเพื่อปกปิดใบหน้าโดยที่เจ้าตัวเองก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ แม้นชาวบ้านรอบข้างจะหันมามองเป็นระยะแต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจมากนัก

อาจเป็นเพราะพิษไข้ที่เริ่มรุมเร้าหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้วิรัลซุกหน้าเข้ากับอกอุ่นราวกับเด็กตัวเล็กๆ ท่าทางออดอ้อนโดยไม่รู้ตัวของอีกฝ่ายเรียกเสียงหัวใจของอสุราหนุ่มให้เต้นโครมครามราวกับพลกลองกำลังรัวกลองรบก็มิปาน

..คนในอ้อมกอดของเขาอาจไม่คิดสิ่งใดให้มากความ

..แต่กับคนที่เฝ้าแอบรักอีกฝ่ายมาเนิ่นนานนั้นไซร้...

ในหัวอกมันกระโดดโลดเต้นอย่างนึกลำพองตนไปถึงไหนต่อแล้ว...


[/i]


(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 12:54:22 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
 เมื่อถึงที่หมายอสุราหนุ่มก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าเรือนไม้ขนาดกลางหลังหนึ่ง เขาสอดส่องสายตามองอยู่เพียงครู่ก่อนจะสะดุดกับเจ้ายักษ์เด็กสองตนที่กำลังเล่นกันอยู่ใต้ถุนเรือน เมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้าไปใกล้พร้อมกับส่งเสียงร้องทักหลานชายทั้งสอง

“เจ้าพวกตัวเล็ก”

“อ้ะ! ท่านอามา!” นิ้วเล็กป้อมยกชี้มาหาก่อนจะหันไปชักชวนน้องชายที่กำลังเล่นดินอยู่ให้หันมามอง

“อาก๊อน!” เสียงหวีดแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับร่างเจ้าลูกยักษ์ตัวเล็กวัยสองขวบค่อยๆ ทรงตัวยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเดินเตาะแตะๆ เข้ามาหาโดยมีพี่ชายวัยสี่ขวบวิ่งหน้าทะเล้นตามมาอยู่ไม่ห่าง

“พลังลมสลาตัน ย่าห์!”

เจ้าตัวกลมสองตนเข้ามาพัวพันแข้งขาของอสุราหนุ่ม ก่อนคนพี่จะโหม่งศีรษะเข้ากับหน้าท้องแข็งไปจังๆ จนตนเองกระเด็นหงายหลังลงไปนอนแผ่พังพาบนับดาวบนพื้นเสียเอง

“อ๋อย~มึนๆ ๆ ๆ” เจ้ามารุตส่ายหัวไปมาอย่างมึนงงก่อนจะกระเด้งตัวกลับขึ้นมายืนอย่างรวดเร็ว มือเล็กๆ รีบปัดเศษดินที่เปื้อนตามผ้านุ่งของตนออกอย่างร้อนรนเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าจะโดนท่านแม่ตีก้นเป็นแน่หากว่าเล่นมอมแมม

“ท่านอาพาใครมาหรือ” อสุราตัวน้อยค่อยๆ เลียบเคียงเข้ามาหาผู้เป็นอา ดวงตากลมใสจ้องมองไปยังร่างซอมซ่อที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนจะต้องเบิกตากว้างพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างดีอกดีใจเมื่อเห็นเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย “อ๊า! ลูกพี่!”

มารุตร้องเสียงสนั่นเมื่อเห็นลูกพี่วิรัลของตน เจ้าตัวกลมรีบตะกายหน้าแข้งของผู้เป็นอาพัลวันราวกับลูกลิงป่าก็มิปาน

กรณ์มองหลานชายคนโตด้วยความขบขันระคนเอ็นดูเมื่อโดนเขี้ยวน้อยๆ ของมันขบเข้าที่ปลีน่องให้ความรู้สึกคล้ายกับโดนลูกสุนัขแทะอย่างไรอย่างนั้น

ฟันน้ำนมยังไม่หลุดดีด้วยซ้ำไป ช่างเก่งกล้านัก

เขาจัดการเปลี่ยนมาอุ้มวิรัลไว้ด้วยแขนข้างเดียวส่วนอีกข้างก็โน้มลงไปช้อนอุ้มหลานคนเล็กขึ้นมาไว้ ปล่อยให้ไอ้ตัวแสบคนพี่ลงไปดิ้นพล่านด้วยความขัดใจ

เจ้ามินตราอสุราตัวน้อยที่ดูสุขุมกว่าพี่มันอยู่มากโขมองท่านอากับลูกพี่วิรัลตาแป๋วก่อนจะเอื้อมมือเล็กๆ ทั้งสองข้างออกไปหาวิรัลอย่างเรียกร้องหมายที่จะให้อีกฝ่ายอุ้มตนเหมือนอย่างเคย

“พี่วิรัลของพวกเจ้าไม่สบายนิดหน่อย” กรณ์ปรามเสียงนุ่ม “แล้วนี่...พ่อแม่ของเจ้าไปไหนเสียล่ะ” หันไปถามกับหลานชายคนโตที่ตอนนี้มันกำลังยืดตัวขึ้นเข้าหาวิรัลอย่างไม่ยอมแพ้

“แม่บุหลันขึ้นไปเอาของบนเรือนขอรับ” เสียงเล็กๆ ว่าเจื้อยแจ้ว “ส่วนท่านพ่อข้าไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”

เมื่อได้ฟังคำตอบจากหลานชายตัวเล็กคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันอย่างนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะโดยปรกติแล้วพี่ชายของตนนั้นยามที่พักเว้นจากช่วงศึกมักจะอยู่ติดบ้านติดเรือนตลอด ด้วยความที่ลูกยังเล็กซ้ำอยู่ในวัยกำลังออดอ้อนออเซาะเก่งเป็นใครก็ไม่อยากออกห่างด้วยกันทั้งนั้น

“อ้าว เจ้ากรณ์”

เสียงอ่อนหวานร้องทักมาจากบริเวณชานพักบันได ก่อนร่างสะโอดสะองของนางยักษ์ตนหนึ่งจะเดินเข้ามาหาสามอาหลาน

“พี่บุหลัน” กรณ์หันไปค้อมกายทักทายพี่สะใภ้อย่างนอบน้อม

นางเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างของใครอีกคนอยู่ในอ้อมกอดของอสุราหนุ่ม

“นั่นวิรัลใช่หรือไม่” น้ำเสียงร้อนรนแฝงความเป็นห่วงอย่างเหลือแสนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้ากรณ์พยักหน้ารับ “เกิดสิ่งใดขึ้น”

“ไว้ข้าจะบอกทุกอย่างให้ท่านได้รู้ แต่ก่อนอื่นขอพาวิรัลเข้าไปพักในเรือนก่อนได้หรือไม่”

กรณ์ร้องขอก่อนจะได้รับอนุญาตจากอีกฝ่ายแทบจะทันที บุหลันเข้าไปอุ้มตัวลูกชายคนเล็กของนางออกมาจากอกอสุราหนุ่มพร้อมกับรีบเดินนำพาให้ขึ้นไปบนเรือนโดยมีเจ้ามารุตคอยสาละวนวิ่งวุ่นอยู่ไม่ห่าง

ร่างสูงใหญ่วางอีกฝ่ายไว้บนฟูกหนาก่อนจะผละตัวออกไปตระเตรียมอ่างน้ำและผ้าผ่อนมาผลัดเปลี่ยน โดยมีพี่สะใภ้คอยเป็นธุระไปหายาสมุนไพรมาให้

“เจ้าตัวน้อย...ข้าเช็ดตัวให้นะ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบแผ่วเบาก่อนจะช่วยประคองร่างขึ้นแล้วจัดการปลดอาภรณ์สีหม่นออกจากตัว

ผ้าเนื้อหยาบค่อยๆ ทิ้งตัวลงมากองบริเวณช่วงเอวคอด เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวนวลที่ขึ้นสีระเรื่อด้วยพิษไข้ อสุราหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อดันเผลอไปจ้องมองยอดถันสีสดบนแผ่นอกเล็ก

เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะตัดสินใจจับอีกฝ่ายเช็ดเนื้อเช็ดตัวอย่างว่องไวจนทั่วทั้งร่างสะอาดเอี่ยม หลังจากที่ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่แล้วกรณ์ก็ประคองร่างอีกคนลงบนฟูกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับพลิกกายให้นอนคว่ำเพื่อที่จะได้ไม่ไปนอนกดทับแผลบริเวณแผ่นหลังก่อนจะคลี่ผ้าห่มออกคลุมท่อนล่างไว้ให้

วิรัลตัวสั่นเทาขึ้นอีกหนเมื่อรู้สึกหนาวเหน็บขัดกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ข้างกายนั้นมีเจ้ายักษ์เด็กสองตนนั่งทับเข่าเฝ้าดูอยู่ไม่ห่างด้วยความสนอกสนใจ

“เจ้าพวกทโมน อย่าไปกวนพี่วิรัลเชียว”

เสียงปรามของมารดาเอ่ยดักไว้ได้ทันก่อนที่มือเล็กป้อมข้างหนึ่งกำลังยื่นออกไปหมายที่จะจิ้มแขนลูกพี่ของตน เจ้ามารุตสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหดมือกลับเข้ามาหนีบไว้กลางขาดังเดิม เขี้ยวน้อยๆ ทั้งสองข้างงับเข้าหาริมฝีปากเบาๆ อย่างนึกขัดใจที่โดนท่านแม่เอ่ยห้ามอย่างรู้ทัน

ก็ผิวของลูกพี่วิรัลนุ่มมือจะตายไป ข้าอยากจับๆ ๆ ท่านแม่นี่ล่ะก็!

นัยน์ตากลมโตมองตามมือของผู้เป็นอาที่กำลังบรรจงทาสมุนไพรลงบนผิวนุ่มๆ ของวิรัลอย่างนึกอิจฉาตามประสาเด็กเล็ก แก้มกลมยุ้ยพองลมขึ้นเล็กน้อยอย่างขัดใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงหงายท้องผึงเกลือกกลิ้งไปตามพื้นเรือนจนโดนมารดาเอ็ดเข้าอีกหน

“ว่าแต่...” บุหลันหันมาถามน้องชายของสามี “เหตุใดวิรัลถึงได้มีสภาพเช่นนี้เล่าเจ้ากรณ์”

นางมองเจ้ายักษ์น้อยที่นอนแน่นิ่งอยู่บนฟูกอย่างสงสารจับจิต

ตัวก็นิดเดียว แต่เหตุใดถึงโดนทำร้ายร่างกายสาหัสถึงเพียงนี้…

“พี่บุหลันคงได้ยินข่าวของสองจอมทัพมาบ้างแล้ว” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกแผ่วเบา นัยน์ตาสีโกเมนทอดมองไปที่หลานชายตัวน้อยสองตนที่กำลังกอดฟัดกันตัวกลม ก่อนจะวกกลับมาหาร่างบอบช้ำตรงหน้า ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าเจ้าวิรัลกระเถิบกายเข้ามาแนบชิดตนมากขึ้น “เพราะเหตุนี้...วิรัลจึงโดนองค์เหนือหัวสั่งคุมตัวมาสำเร็จโทษแทนท่านวศิน...ซ้ำยังโดนสั่งขังไว้ที่คุกใต้ดินมาหลายวันแล้ว”

เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากปากของอสุราหนุ่ม นางก็ลมแทบจับ บุหลันยกมือขึ้นทาบเหนืออกอย่างใจหายพลันทอดมองไปที่เจ้ายักษ์น้อยของพวกพี่ๆ อย่างสงสารจับใจ

วิรัลนั้นเป็นที่รักของทุกคน ทั้งนางและสามีก็ต่างเอ็นดูเจ้าตัวน้อยตนนี้ราวลูกชายอีกคนก็มิปาน

แต่สิ่งที่ทำให้นึกคลาแคลงใจอยู่ไม่น้อยเลยก็คือเหตุใดสามีของนางถึงไม่ยอมบอกเกี่ยวกับเรื่องที่วิรัลโดนจับไปทารุณเลยสักนิด

ไม่แม้นแต่ที่จะพูดถึงด้วยซ้ำไป เพราะหลังจากที่เขากลับมาจากศึกครั้งนั้น กรรณก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่พูดไม่จา ข้าวปลาไม่ยอมแตะ ยามรุ่งก็มักจะออกจากเรือนไปก่อนที่นางและลูกๆ จะตื่นเสียแล้วกว่าจะกลับมาก็เย็นย่ำซ้ำยังร่ำสุราจนเมามายแทบจะทุกวัน ทั้งๆ ที่ปรกติแล้วกรรณนั้นไม่แตะอบายมุขเหล่านั้นมาเนิ่นนานแล้ว เทียบเท่ากับอายุของเจ้ามารุตเสียด้วยซ้ำไป

แล้วเหตุใดกันนะ…ที่ทำให้สามีของนางเคร่งเครียดถึงเพียงนี้…

..หวังเพียงแค่ว่าจะมิใช่เรื่องร้ายแรงก็พอ…

“กรรณไม่เคยบอกข้าเลย..”

“ส่วนตัวแล้วข้าคิดว่าท่านพี่ก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน” กรณ์ว่าเสียงหนักแน่น

เขามั่นใจ…มั่นใจว่าถ้าพี่ชายของตนรู้ว่าวิรัลโดนจับไปสำเร็จโทษยังไงฝ่ายนั้นก็ไม่มีทางยอมเป็นแน่

เพราะท่านพี่ของเขารักและเอ็นดูเจ้าตัวน้อยมากกว่าน้องแท้ๆ ในไส้คนนี้เสียอีก…

“เอาเถิด เอาไว้พ่อตัวดีกลับมา ข้าจะไล่ถามความจริงเท็จเสียให้เข็ด” นางหมายมาดเอาไว้ “แล้วเจ้าเล่าเจ้ากรณ์ไม่มีงานมีการต้องไปทำรึ” หันกลับมาถามคนที่กำลังสอดตัวลงไปนอนกอดเจ้าวิรัลอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

“วันนี้ข้าว่าง…กิจที่ต้องทำก็สะสางเรียบร้อยหมดแล้ว” เสียงทุ้มต่ำตอบงึมงำ ก่อนจะดึงร่างของวิรัลเข้ามากอดไว้แนบอกโดยไม่สนใจสายตาของพี่สะใภ้ที่ส่งมาอย่างล้อเลียนเลยสักนิด

…เอาเถิด..จะยอมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกัน

สงสารคนที่แอบรักเจ้าวิรัลอยู่ฝ่ายเดียวมาเนิ่นนาน ครั้งนี้จะยอมให้เจ้ากรณ์หาเศษหาเลยกับน้องน้อยบ้างคงจะไม่เสียหายอะไรนักดอกหนา…

บุหลันยกยิ้มขึ้นนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวโตมันพยายามยัดตัวเองลงบนไปบนฟูกผืนเดียวกับคนน้องอย่างไม่ยอมแพ้ ซ้ำยังเรียกความสนใจของเจ้ายักษ์เด็กสองตนที่กำลังนั่งนับมดอยู่บริเวณขอบบานหน้าต่างได้เป็นอย่างดีเสียด้วย

“ท่านอาขี้โกง!” มารุตร้องเหวขึ้นเมื่อเห็นมือผู้เป็นอาโอบลงไปรอบเอวลูกพี่วิรัลของมัน “ข้าไม่ยอมๆ ๆ ปล่อยมือออกจากลูกพี่เดี๋ยวนี้นะ! ว้ากก!”

เอวน้อยๆ นุ่มๆ ของพี่วิรัลเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวนะ ท่านอานี่!

เจ้าตัวซนวิ่งตุบตับเข้ามาหาพร้อมกับกระโดดตัวโถมลงไปบนตัวท่านอย่างแรงจนบุหลันร้องห้ามไว้แทบไม่ทันเลยทีเดียว มารุตปีนป่ายแผ่นหลังกว้างไว้มั่นก่อนจะเกาะหนึบแน่นเหนียวราวกับลูกลิงลูกค่าง ใบหน้ากลมยุ้ยยื่นข้ามไหล่มามองลูกพี่ของตนที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมอกอุ่น

ในความคิดของเจ้ามารุตใบหน้ายามหลับของลูกพี่วิรัลนั้นน่าดูมากๆ ราวกับกำลังมองเจ้ามินตราตอนสมัยยังแบเบาะไม่มีผิดเพี้ยนเลย!

“นี่เจ้าตัวกลม นอนดีๆ อย่าโวยวาย ปล่อยให้ท่านอาของเจ้าพักผ่อนเสีย”

บุหลันปรามลูกชายคนโตอีกหน ก่อนจะอุ้มลูกชายคนเล็กขึ้นกระเตงเข้าเอวเตรียมพาไปเข้านอนที่อีกห้อง เจ้าตัวเล็กเมื่อโดนอุ้มเข้าหน่อยก็ตาปรือปรอยก่อนจะเอียงหัวซบไหล่ของมารดาหลับปุ๋ยไปอย่างง่ายดาย

“อื้อ! รับทราบ!” มารุตปีนลงมานอนอยู่ข้างๆ แต่โดยดี พร้อมกับหลับตาปี๋ทำท่ากรนครอกๆ เสร็จสรรพ

คล้อยหลังจากที่บุหลันก้าวออกไปจากห้อง กรณ์ก็ถือโอกาสนี้พิศมองใบหน้ายามหลับใหลของเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกอีกหน

ใบหน้ายามหลับของวิรัลนั้นช่างเพลิดเพลินตาเป็นอย่างมาก ขนตายาวงอนเปียกชื้นหยาดน้ำตาที่กลั่นออกมาจากฝันร้าย เมื่อเห็นดังนั้นวงแขนแกร่งก็กระชับร่างน้องน้อยแน่นขึ้นเพื่อหวังจะเป็นหลักยึดในห้วงความฝัน

พวงแก้มใสและปลายจมูกรั้นขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ได้อย่างน่าดูชม ปลายนิ้วสากยกขึ้นเกลี่ยรอบกลีบปากนุ่มสีสดที่เขานั้นนึกอยากจะครอบครองอยู่หลายครั้งหลายหน จมูกโด่งก้มลงแนบกับซอกคอขาวก่อนค่อยๆ ละเลียดเก็บกลิ่นกายหอมเข้าปอดไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน

เจ้าตัวน้อยของเขายังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่องราว จะมีบางครั้งเท่านั้นที่ขยับตัวนิดหน่อยคล้ายจะรำคาญสิ่งที่มารบกวนห้วงนิทรา

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไร้ท่าทีต่อต้าน อสุราหนุ่มจึงค่อยๆ ละเลียดชิมผิวเนื้อนวลที่โผล่พ้นออกมาจากสาบเสื้ออย่างหลงใหล ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปตามลำคอขาวเรื่อยลงไปถึงช่วงไหปลาร้าได้รูปราวกับคนมัวเมาในรสของสุราชั้นดี

ยิ่งได้สัมผัสผิวเนื้อนุ่มสมดั่งใจหมาย ความลำพองใจก็ยิ่งโหมกระพือขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ กรณ์เดาะลิ้นเล่นอยู่ในกระพุ้งแก้มอย่างต้องการระงับอารมณ์ก่อนจะขบกัดลงไปที่ลาดไหล่เล็กด้วยความมันเขี้ยว

ก็ตัวน้องทั้งนุ่มทั้งหอมถึงเพียงนี้…เขาจะอดใจไหวได้อย่างไร…

เมื่อเชยชมผิวเนื้อเยาวพานจนเป็นที่น่าพอใจ ก็หมายที่จะก้มลงไปชิมผลไม้รสหวานสีสดที่ลอยเด่นอวดสายตาอยู่

ใบหน้าคมคร้ามค่อยๆ ยอบลงไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของอีกฝ่ายที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ อุณหภูมิร่างกายอุ่นร้อนของพิษไข้ถูกไอร้อนจากเรือนกายสูงใหญ่แทรกซึมจนหลอมรวมเป็นความอบอุ่นที่สบายกาย นัยน์ตาสีโกเมนทอแสงอ่อนลงเมื่อจดจ้องอยู่กับกลีบปากสีสดทีดูท่าแล้วคงจะ…หวานนุ่มลิ้นอยู่ไม่น้อย…

ยิ่งจ้องมองลิ้นในอุ้งปากก็ยิ่งอยู่ไม่เป็นสุขอยากจะเข้าไปชิงลิ้มรสผลไม้เนื้อหวานเสียเต็มแก่ อสุราหนุ่มเอียงใบหน้าให้ได้องศาก่อนจะค่อยๆ ลดระยะห่างของใบหน้าลงจนปลายจมูกของทั้งสองสัมผัสกันแผ่วเบา

ขนตายาวงามงอนของอีกฝ่ายเด่นชัดอยู่ในระยะสายตา

ใกล้จนแม้นแต่มดตัวจ้อยก็ไม่สามารถที่จะเดินผ่านไปได้

ริมฝีปากอ่อนนุ่มน่าลิ้มรสอยู่ห่างเพียงแค่ลมกั้นเท่านั้น…

แต่….

“แม่บุหลัน!! ท่านอาจะกินลูกพี่วิรัลแล้ว!!!! ฮืออออออออ!!”

ไม่ทันที่จะได้สัมผัสความหอมหวานให้สมใจ…เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจ้ามารุตก็ดังลั่นขึ้นจนต้องผละกายถอยห่าง

วิรัลย่นคิ้วลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงแหลมเล็กร้องกระจองอแง ก่อนจะพลิกกายหนีไปอีกข้างพร้อมกับดึงผ้าห่มไปคลุมหัวแล้วหลับต่ออย่างไม่สนใจสิ่งรอบกาย

ส่วนทางด้านของอสุราหนุ่มนั้นยังตกตะลึงไม่หาย เมื่อโดนหลานตัวน้อยขัดจังหวะเข้า

เสียงเจ้ามารุตร้องลั่นเรือนอย่างไม่ขาดสายพร้อมกับทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้นดินกระแด่วๆ เป็นการใหญ่ โดยที่ปากก็เอาแต่พร่ำ ‘ท่านอาจะกินพี่วิรัลๆ ๆ’ ไม่หยุดหย่อนจนบุหลันต้องวิ่งรี่เข้ามาดูเพราะนึกว่าเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น

อสุราหนุ่มลุกขึ้นมานั่งกุมขมับมองหลานตัวน้อยด้วยความหนักอกหนักใจ

..อีกนิดเดียว…เพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง..

ถ้าไอ้ลูกลิงมันไม่แหกปากร้องโวยวายเสียลั่นเรือนปานนั้นเขาก็ได้ชิมรสเจ้าตัวน้อยไปแล้ว!

เจ้าลมตัวแสบ! ช่างทำกับอาของเจ้าได้นะ!



______________________________

ปล. มารุต แปลว่า ลม


ชะแว้บบบบ เปิดตัวตัวละครใหม่ คู่ตุนาหงันของเจ้าวิรัลยักษ์น้อยย ฮ่าๆๆ :hao7:

มีตัวแสบสองตนโผล่มาป่วนนิดนึงให้พอมีสีสัน ~



ฝากฟีดแบ็คได้ทางแฮชแท็ก #ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ หรือจะคอมเม้นท์ก็ได้เน้อออ อยากอ่านความเห็นของทุกคนเลยย :mew1:

เจอกันตอนหน้าจ้าาา :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 12:54:58 โดย Punmile09 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ทำไมตอนนี้ไม่มีเจ้าแก้วลูกรักกับพี่ยักษ์วศินอ่ะ โกรธคุณพันไมล์แล้วๆๆ  :z3:  :m15: //โดนตบ// แฮร่ๆ เก๊าย้อเย่นน้าาา แซวด้วยความคิดถึงลูกในอก(?)อย่างเจ้าแก้วเฉยๆ  :hao5:

ตอนนี้น่ารักมากๆ พี่กรณ์อิสมายผัววว //โดนตบรอบสอง// ไม่ใช่ๆ (ฮ่าาาา) พี่ยักษ์วศินคือใครไม่รู้จัก พี่ยักษ์วิรุณคือใครจำไม่ได้!! ตอนนี้คือพี่ยักษ์กรณ์ออนลี่เท่าน้านนนน (ฮ่าาาา) พี่กรณ์ของหนูหล่อมากๆ ฮือออ ท่องไว้พี่กรณ์ของวิรัล พี่กรณ์ของวิรัลลลล

เรื่องนี้มีกันกี่คู่เนี่ย ยกป้ายไฟเชียร์ไม่ถูกแล้วว ตอนที่แล้วก็พี่ยักษ์วิรุณกับพี่กล้า ชื่อเรื่องก็เจ้าแก้วลูกรักกับพี่ยักษ์วศิน ตอนนี้ก็พี่ยักษ์กรณ์กับเจ้าน้องน้อยวิรัล ฮอลลลล สั่งทำป้ายไฟเชียร์ไม่ทันแล้ววว :sad4:

ปล.ตอนนี้เริ่มไม่มีคำผิดแล้วนะคะ คุณพันไมล์เก่งมากๆ //กระโดดกอด// เป็นกำลังใจให้นะคะ เทคแคร์ :L2:  :กอด1:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
อดชิมเลย
มีมาอีกคู่แล้ว
แอบฟินไปเบาๆๆๆ ลืมไปเลยว่าน้องยักษ์โดนลงโทษมา อิอิ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Ellette

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +194/-4
สวัสดีค่ะคุณพันไมล์ ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก น่าจะเคยอ่านมาก่อน จากชื่อเรื่องคิดว่าเป็นนิยายไทยโบราณ พอได้อ่านเป็นแนวแฟนตาซีด้วย ตอนแรกเดาผิดว่าใครคู่กับเจ้าแก้ว ที่แท้คนที่นอนหลับอยู่เป็นพระเอกของเจ้าแก้วนี่เอง ได้เห็นเรื่องนี้ผ่านต่อบ่อยครั้ง พอได้เข้ามาอ่านแล้วชอบเรื่องนี้มาก อ่านทีเดียวเกือบหมด แล้วคิดว่าจะเป็นนิยายที่คงตามอ่านเรื่อย ๆ และรอแบบรูปเล่มถ้ามีโอกาสนั้นนะคะ เจ้าแก้วน่าเอ็นดูมาก เมื่อวานดิฉันนั่งอ่านแล้วแอบน้ำตาซึม เพราะสงสารเจ้าแก้ว เป็นเด็กน่ารักมาก น่าโอบกอด น่าเอ็นดูที่สุด ทำอะไรก็อยากเลี้ยง ป้อนอาหารป้อนนม ส่วนพี่กล้า พี่กล้าเป็นคนแมน ๆ นิสัยนักเลงมาก ดิฉันแอบตะขิดตะขวงใจคู่พี่กล้ามาก จะคู่ชายหรือหญิงดี ส่วนคนที่ขาดไม่ได้คือพ่อครู พ่อครูมีทัั้งความตลก ความรู้ และความดุ ทำให้เรื่องน่าสนใจมากขึ้นด้วยนะคะ ชอบเวลาพ่อครูดุเด็ก ๆ มาก ทั้งตลก ทั้งห่วง

ตัวละครที่ดิฉันประทับนอกจากน้องแก้วแล้วคือพี่กล้าค่ะ พี่กล้าเป็นผู้ชายแมน ๆ ทั้งแท่ง แต่พอเทียบกับพี่ยักษ์ (เวลาอ่านตอนน้องแก้วเรียกพี่ยักษ์แล้วนึกถึงเด็กน้อยตัวป้อม ๆ กำลังชูแขนเลยค่ะ) กลับตัวเล็กกว่าสักหน่อย เพิ่มเติมคือความเซ็กซี่เบา ๆ จากกล้ามเนื้อของพี่กล้าค่ะ ร่างกายมนุษย์น่าหลงใหลไม่เบาเลยใช่ไหมคะพี่ยักษ์ เรื่องนี้มีผู้หญิงด้วย บรรยายสวยงามตามท้องเรื่อง เห็นความอ่อนหวานของผู้หญิงแบบพี่บัวและความแก่นแก้วของคนน้องค่ะ

ตอนแรก ๆ ของเรื่องตกใจที่น้องแก้วเสียตาไปข้างหนึ่งเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร พอได้อ่านก็เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องแก้ว ไม่อยากให้ใครมาว่าน้องแก้วแบบพี่มืดทำเลยนะคะ ไม่ดี สงสัยว่าน้องแก้วเคยโดนอะไรมาก่อน สงสัยจะได้อ่านในตอนกลาง ๆ เรื่องหรือเปล่าคะ?

เรื่องนี้อ่านแล้วไม่มีเบื่อเลยค่ะ ดิฉันชอบภาษาของคุณพันไมล์นะคะ อ่านแล้วมีความสุข เห็นความละเมียดละไมในการใช้ภาษา ไม่ทราบว่าคุณพันไมล์ชอบอ่านวรรณคดีด้วยหรือเปล่า ขออนุญาตถามเรื่อยเปื่อยค่ะ

ปล. ดิฉันพยายามจะเวิ่นเว้อมาก ๆ เห็นแต่ละตอนที่คุณพันไมล์อัพค่อนข้างยาวเลยอยากให้กำลังใจเยอะ ๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ รอตอนหน้าอยู่นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2018 23:49:23 โดย Ellette »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ทำไมตอนนี้ไม่มีเจ้าแก้วลูกรักกับพี่ยักษ์วศินอ่ะ โกรธคุณพันไมล์แล้วๆๆ  :z3:  :m15: //โดนตบ// แฮร่ๆ เก๊าย้อเย่นน้าาา แซวด้วยความคิดถึงลูกในอก(?)อย่างเจ้าแก้วเฉยๆ  :hao5:

ตอนนี้น่ารักมากๆ พี่กรณ์อิสมายผัววว //โดนตบรอบสอง// ไม่ใช่ๆ (ฮ่าาาา) พี่ยักษ์วศินคือใครไม่รู้จัก พี่ยักษ์วิรุณคือใครจำไม่ได้!! ตอนนี้คือพี่ยักษ์กรณ์ออนลี่เท่าน้านนนน (ฮ่าาาา) พี่กรณ์ของหนูหล่อมากๆ ฮือออ ท่องไว้พี่กรณ์ของวิรัล พี่กรณ์ของวิรัลลลล

เรื่องนี้มีกันกี่คู่เนี่ย ยกป้ายไฟเชียร์ไม่ถูกแล้วว ตอนที่แล้วก็พี่ยักษ์วิรุณกับพี่กล้า ชื่อเรื่องก็เจ้าแก้วลูกรักกับพี่ยักษ์วศิน ตอนนี้ก็พี่ยักษ์กรณ์กับเจ้าน้องน้อยวิรัล ฮอลลลล สั่งทำป้ายไฟเชียร์ไม่ทันแล้ววว :sad4:

ปล.ตอนนี้เริ่มไม่มีคำผิดแล้วนะคะ คุณพันไมล์เก่งมากๆ //กระโดดกอด// เป็นกำลังใจให้นะคะ เทคแคร์ :L2:  :กอด1:


เรื่องนี้มีทั้งหมดสามคู่นะคะ เปิดตัวครบหมดแล้วเนอะะะ ให้ซีนเขาหน่อย เดี๋ยวพอคู่หลักออกจะโดนแย่งซีนเอาหมด 555555555

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้า :กอด1:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
สวัสดีค่ะคุณพันไมล์ ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก น่าจะเคยอ่านมาก่อน จากชื่อเรื่องคิดว่าเป็นนิยายไทยโบราณ พอได้อ่านเป็นแนวแฟนตาซีด้วย ตอนแรกเดาผิดว่าใครคู่กับเจ้าแก้ว ที่แท้คนที่นอนหลับอยู่เป็นพระเอกของเจ้าแก้วนี่เอง ได้เห็นเรื่องนี้ผ่านต่อบ่อยครั้ง พอได้เข้ามาอ่านแล้วชอบเรื่องนี้มาก อ่านทีเดียวเกือบหมด แล้วคิดว่าจะเป็นนิยายที่คงตามอ่านเรื่อย ๆ และรอแบบรูปเล่มถ้ามีโอกาสนั้นนะคะ เจ้าแก้วน่าเอ็นดูมาก เมื่อวานดิฉันนั่งอ่านแล้วแอบน้ำตาซึม เพราะสงสารเจ้าแก้ว เป็นเด็กน่ารักมาก น่าโอบกอด น่าเอ็นดูที่สุด ทำอะไรก็อยากเลี้ยง ป้อนอาหารป้อนนม ส่วนพี่กล้า พี่กล้าเป็นคนแมน ๆ นิสัยนักเลงมาก ดิฉันแอบตะขิดตะขวงใจคู่พี่กล้ามาก จะคู่ชายหรือหญิงดี ส่วนคนที่ขาดไม่ได้คือพ่อครู พ่อครูมีทัั้งความตลก ความรู้ และความดุ ทำให้เรื่องน่าสนใจมากขึ้นด้วยนะคะ ชอบเวลาพ่อครูดุเด็ก ๆ มาก ทั้งตลก ทั้งห่วง

ตัวละครที่ดิฉันประทับนอกจากน้องแก้วแล้วคือพี่กล้าค่ะ พี่กล้าเป็นผู้ชายแมน ๆ ทั้งแท่ง แต่พอเทียบกับพี่ยักษ์ (เวลาอ่านตอนน้องแก้วเรียกพี่ยักษ์แล้วนึกถึงเด็กน้อยตัวป้อม ๆ กำลังชูแขนเลยค่ะ) กลับตัวเล็กกว่าสักหน่อย เพิ่มเติมคือความเซ็กซี่เบา ๆ จากกล้ามเนื้อของพี่กล้าค่ะ ร่างกายมนุษย์น่าหลงใหลไม่เบาเลยใช่ไหมคะพี่ยักษ์ เรื่องนี้มีผู้หญิงด้วย บรรยายสวยงามตามท้องเรื่อง เห็นความอ่อนหวานของผู้หญิงแบบพี่บัวและความแก่นแก้วของคนน้องค่ะ

ตอนแรก ๆ ของเรื่องตกใจที่น้องแก้วเสียตาไปข้างหนึ่งเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร พอได้อ่านก็เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องแก้ว ไม่อยากให้ใครมาว่าน้องแก้วแบบพี่มืดทำเลยนะคะ ไม่ดี สงสัยว่าน้องแก้วเคยโดนอะไรมาก่อน สงสัยจะได้อ่านในตอนกลาง ๆ เรื่องหรือเปล่าคะ?

เรื่องนี้อ่านแล้วไม่มีเบื่อเลยค่ะ ดิฉันชอบภาษาของคุณพันไมล์นะคะ อ่านแล้วมีความสุข เห็นความละเมียดละไมในการใช้ภาษา ไม่ทราบว่าคุณพันไมล์ชอบอ่านวรรณคดีด้วยหรือเปล่า ขออนุญาตถามเรื่อยเปื่อยค่ะ

ปล. ดิฉันพยายามจะเวิ่นเว้อมาก ๆ เห็นแต่ละตอนที่คุณพันไมล์อัพค่อนข้างยาวเลยอยากให้กำลังใจเยอะ ๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ รอตอนหน้าอยู่นะคะ


ขออนุญาติตอบไปทีละประเด็นเลยนะคะ แต่ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากๆเลยค่ะ :pig4: :L1: :L2:

1.เรื่องคู่พี่กล้าตอบยากเหมือนกันค่ะว่าจะคู่ชายหรือหญิงดี ฮ่าๆ แต่คิดว่าคงไม่ต้องเดาเลยค่ะว่าสุดท้ายแล้วจะได้คู่กับใคร แต่ความสัมพันธ์นั้นมันมีหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรักเสมอไป อาจจะเป็นเพื่อนสนิทก็ได้หรือไม่ก็มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนอะไรประมาณนี้ค่ะ  :o8:

2.เรื่องตาของเจ้าแก้วที่เสียไปข้างหนึ่ง มีที่มาที่ไปแน่นอนค่ะ แต่เป็นเพียงแค่ดีเทลเล็กๆน้อยๆเท่านั้นค่ะ จะเฉลยปมออกมาช่วงกลางๆเรื่องค่ะว่าเพราะอะไรถึงทำให้ทั้งสามคนต้องย้ายเข้ามาอยู่กลางป่าเขาและจะกล่าวถึงพ่อแม่ของทั้งสองด้วยค่ะ

3.ส่วนที่คุณElletteถามว่าพันไมล์ชอบอ่านวรรณคดีหรือไม่นั้น ขอตอบเลยไม่ได้อ่านจริงจังอะไรมากนักค่ะส่วนมากจะเปิดอ่านผ่านๆเสียตามากว่าค่ะ เรื่องการใช้ภาษานั้นเนื่องจากเป็นครั้งแรกเลยที่แต่งนิยายซ้ำยังเป็นแนวไทยโบราณพันไมล์อาศัยแค่ทักษะเล็กๆน้อยๆที่ได้จากการอ่านนิยายมาหลายปีเท่านั้นค่ะ ถ้าหากมีตรงไหนควรปรับปรุงแก้ไขสามารถเม้นท์บอกได้เลยนะคะ พันไมล์จะนำไปปรับปรุงแก้ไขค่ะ :กอด1:

สุดท้ายแล้ว ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์มากๆเลยนะคะ เข้ามาเจอยอมรับว่าตกใจมากที่เห็นเม้นยาวขนาดนี้ ไม่ได้เวิ่นเว้อเลยค่ะ พันไมล์อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลย ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เข้ามาเอ็นดูเจ้าแก้ว  :mew1: :L1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2018 12:03:55 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ศิโรราบ

.

.

.
ยามบ่ายคล้อยอันแสนอบอ้าวภายในตำหนักรับรองพระราชอาคันตุกะ ปรากฏร่างองค์ยุพราชแห่งกรุงราชคฤห์นอนเอกเขนกพิงกายเข้ากับหมอนอิงปักลายดิ้นทองด้วยท่าทีองอาจสมกับเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ แม้นจะใส่เพียงผ้านุ่งผืนเดียวแต่ทว่าท่วงท่าสง่างามของเอกบุรุษวัยฉกรรจ์นั้นกลับแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามไปทั่วทั้งบริเวณ รอบกายมีนางกำนัลและเหล่าข้าราชบริพารที่องค์จ้าวเหนือหัวแห่งนครคีรีส่งมาคอยให้ปรนนิบัติพัดวีอยู่ไม่ห่างกาย

มือข้างหนึ่งยกจอกสุราใบงามขึ้นจรดใกล้กับริมฝีปากก่อนจะเริ่มละเลียดรับรสหอมหวานของน้ำจัณฑ์ชั้นดีเข้าไปในโพรงปากทีละน้อย ฤทธิ์ร้อนผ่าวไหลผ่านลำคอลงไปอย่างลื่นละมุนเหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมนุ่มที่อบอวลอยู่บริเวณปลายลิ้น

นัยน์ตาคมกล้ากวาดมองรอบโถงกว้างอย่างพินิจพิจารณาอีกครา

ตำหนักรับรองอาคันตุกะที่ท้าวภารตาทรงรับสั่งให้เข้ามาพำนักนั้นกว้างใหญ่โอ่โถงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว บริเวณภายนอกนั้นถูกโอบล้อมไปด้วยพรรณพืชไม้หอมนานาชนิดช่วยส่งเสริมให้บรรยากาศโดยรอบตำหนักนั้นรื่นรมย์ราวกับอยู่ในสวนพฤกษาสวรรค์ก็มิปาน

พระตำหนักแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากไม้สักทองเนื้อดีผิวมันวาววับ ภายในประกอบไปด้วยท้องพระโรง ห้องเสวย ห้องบรรทม และห้องสรงสำหรับพระราชอาคันตุกะโดยเฉพาะ รอบด้านมีเฉลียงใหญ่ไว้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรทัศนียภาพอันงดงามของสวนพฤกษา ฝาผนังและเพดานโถงถูกประดับด้วยภาพแกะสลักลวดลายอ่อนช้อยงดงามวิจิตรบรรจงยิ่ง ตัวเครื่องเรือนล้วนทำมาจากทองแลประดับด้วยเพชรนิลจินดาหลากหลายชนิด

รามสูรเพลิดเพลินไปกับรสสุราและบรรยากาศโดยรอบอยู่ไม่น้อย ก่อนสายตาคมกล้าจะหันกลับมาพิศมองร่างอรชรของเหล่านางกำนัลยักษีที่หมอบกราบรอถวายการรับใช้อย่างพินิจพิจารณา ปลายนิ้วที่เคล้าคลึงอยู่รอบจอกเหล้าค่อยๆ ละเลียดไล้สัมผัสไปตามรอยสลักอ่อนช้อยบนพื้นผิวเกลี้ยงเกลา

นัยน์ตาสีทมิฬเปล่งประกายระอุด้วยฤทธิ์ของสุราชั้นดี ยิ่งได้พิศดูผิวเนื้ออ่อนของเหล่าอิสตรีด้วยแล้วประกายความปรารถนาก็เริ่มคุโชนขึ้นจนแผ่กลิ่นอายร้อนแรงอยู่รอบกายอสุราหนุ่ม สายตาหยาดเยิ้มที่ทอดมองไปยังนางกำนัลยักษ์ตนหนึ่งฉายแววชื่นชมอย่างไม่คิดที่จะปกปิดไว้แม้นเพียงกระผีก

แม้นนางยักษ์ตนอื่นจะพยายามชม้อยชม้ายชายตามองอย่างสงวนท่าทีไม่ให้เกินงาม แต่นางผู้นั้นกลับก้มหน้ามองพื้นตำหนักราวกับว่ามันน่ามองเสียหนักหนา

รูปร่างสะโอดสะองของเยาวภาแลผิวเนื้อนวลที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าคาดอกสีแดงเข้มช่วยขับเน้นให้ผิวกายขาวผ่องนั้นน่ามองจนมิสามารถที่จะเพิกถอนสายตาออกมาได้

ในบรรดาเหล่านางกำนัลทั้งหมดทั้งมวลนั้น นางผู้นี้ดูโดดเด่นกว่าผู้ใด

ใบหน้าเรียวรีได้รูปงดงามหมดจดเกินที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบ เส้นผมสีดำสนิทเหยียดตรงทิ้งตัวคลอเคลียถึงราวสะโพกอวบอิ่มใต้ผ้านุ่งสีเข้ม ดึงดูดสายตาของบุรุษวัยฉกรรจ์ที่ห่างร้างจากเรือนร่างของสตรีมานานได้อย่างดียิ่ง

รามสูรหยัดกายขึ้นยืนก่อนจะย่างกรายเข้าไปหานางยักษ์ที่ตนหมายตาเอาไว้

ร่างสูงใหญ่ของอสุราหนุ่มค้อมกายลงก่อนฝ่ามือหยาบจะเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นจนได้ประสบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลนวลที่ไหวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัว แม้นองค์ยุพราชตรงหน้านางนั้นจะรูปโฉมงดงามเพียงใด แต่ถึงอย่างไรก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฝ่ายศัตรู อีกทั้งกลิ่นอายมหาอำนาจที่แผ่กำจายอยู่รอบกายอีกฝ่ายนั้นช่างน่าหวาดหวั่นเสียจนนางมิสามารถที่จะควบคุมความหวาดกลัวเอาไว้ได้

อสุราหนุ่มมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่พึงพอใจอยู่ไม่น้อย ยิ่งนางตัวสั่นหวาดกลัวราวกับลูกกวางป่าเช่นนี้ ยิ่งกระตุ้นเร้าให้สัญชาตญาณดิบในกายเขาพลุ่งพล่านเสียยิ่งกว่าเก่า ก่อนจะหมายมาดเอาไว้ว่าอย่างไรคืนนี้จะต้องเรียกนางให้มาปรนนิบัติรับใช้บนแท่นบรรทมให้จงได้

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงองค์ยุพราชแห่งแดนมหาอำนาจ

แม้นหาได้อยู่แผ่นดินมารดา แต่เมื่อตนนั้นถือเป็นแขกคนสำคัญขององค์จ้าวเหนือหัวแล้วไซร้ เพียงแค่ต้องการสตรีชั้นต่ำนางหนึ่งมาบำเรอความใคร่ มีหรือผู้ใดจะกล้าขัด?

“เจ้า” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกพร้อมกับไล้ข้อนิ้วไปตามพวงแก้มอิ่ม “มีชื่อว่าอย่างไรเล่า หืม แม่เนื้อนิ่ม”

ท่าทีถึงเนื้อถึงตัวคุกคามอย่างเปิดเผยสร้างความตื่นกลัวให้นางยิ่งกว่าเก่า ดาหลาเอียงกายหลบฝ่ามือใหญ่ที่กำลังคลอเคลียอยู่ข้างใบหน้า แต่กลับถูกเรี่ยวแรงมหาศาลของอสุราหนุ่มฉุดรั้งให้เข้าไปใกล้ ต้นแขนเรียวเล็กถูกฝ่ามือใหญ่กอบกุมเอาไว้อย่างแน่นหนา แรงบีบรัดทำให้นางต้องพยายามกดก้อนสะอื้นให้กลับลงไปในลำคออย่างอยากลำบาก

ไอร้อนระอุของบุรุษวัยฉกรรจ์แผ่กำจายอยู่รอบตัวของอีกฝ่ายอย่างเข้มข้น ท่อนบนที่เปล่าเปลือยเผยให้เห็นแผงอกกว้างกำยำและมัดกล้ามเครียดขมึงไปทั่วทั้งเรือนร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมคร้ามก้มลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนระอุที่เจือไปด้วยกรุ่นกลิ่นของสุราชั้นดี

“ข้าถามเจ้า” ฝ่ามือใหญ่ออกแรงบีบที่ต้นแขนจนนางร้องเสียงหลง “ได้ยินรึไม่” น้ำเสียงทุ้มต่ำเข้มขึ้นบ่งบอกถึงคลื่นอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัว

“ด..ดาหลา เพคะ...”

“ดี” รามสูรยกยิ้มมุมปาก “ผู้ใดที่หาใช่ดาหลา ไสหัวออกไปเสียให้หมด หากข้าไม่เรียกหา ก็อย่าได้เสนอหน้าเข้ามาเด็ดขาด”

“เพคะ”

รามสูรปรายตากลับมามองเหล่านางกำนัลตนอื่นเชิงขับไล่ นางยักษ์ทั้งหลายจึงรีบกราบทูลลาพร้อมกับลุกออกไปจากท้องพระโรงอย่างรู้งาน

แต่บางตนนั้นก็ยังมิวายแอบลอบมองไปทางดาหลาด้วยสายตาอิจฉาริษยาอย่างปิดไว้ไม่อยู่เมื่อนางนั้นดันไปถูกตาต้องใจองค์ยุพราชเข้า

แต่ไหนแต่ไรมาดาหลานั้นเป็นนางยักษ์ที่งดงามโดดเด่นในบรรดาเหล่านางกำนัลทั้งหมดทั้งมวลยากที่จะหาผู้ใดเปรียบได้ ด้วยรูปร่างสะโอดสะองแลใบหน้างามพริ้มเพราราวกับนางฟ้านางสวรรค์นั้น

หากผู้ใดได้พานพบมีหรือที่จะไม่เหลียวหลังกลับมามอง แม้นแต่ราชองครักษ์บางตนที่พวกนางชมชอบยังแอบลอบมองนางแพศยานี่อย่างละเมอเพ้อพกอยู่หลายครั้งหลายหน จึงไม่แปลกเลยที่เหล่านางกำนัลส่วนมากจะเกลียดขี้หน้านางถึงเพียงนี้

แต่สิ่งที่ทำให้ดาหลาตกเป็นที่เกลียดชังของเหล่านางยักษีตนอื่นได้ถึงเพียงนี้ก็คงเป็นเพราะเดิมทีนางนั้นแลดูสนิทชิดเชื้อกับสองจอมทัพใหญ่จนเกินงามต่างหาก เกรงว่าทั้งท่านวศินและท่านวิรุณก็คงไม่แคล้วโดนเสน่ห์มารยาของนางหลอกล่อเข้าให้เสียกระมัง

“ดาหลา...มานี่สิ”

เมื่อห้องโถงกว้างเหลือเพียงสอง รามสูรก็ปล่อยมือออกจากอีกฝ่ายก่อนจะเดินนำกลับไปนั่งคอยอยู่บนตั่งพร้อมกับเอนกายลงพิงเข้ากับหมอนอิงอย่างเกียจคร้าน โดยที่สายตาคมกล้ายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของดาหลาอยู่อย่างไม่วางตา

เมื่อเห็นว่านางมีท่าทียืดเยื้อน่ารำคาญทันใดนั้นจอกเหล้าทองใบเล็กก็ถูกปาเฉียดเข้ากับปลายเท้าขาวจนเจ้าตัวสะดุ้งตัวสั่นกับการข่มขู่ของอสุราหนุ่ม

ดาหลาค่อยๆ กระเถิบเข้าไปใกล้ทีละนิด แต่กระนั้นก็ยังเว้นระยะห่างไว้อยู่มากพอควร ซึ่งท่าทางไว้เนื้อไว้ตัวของนางนั้นสร้างความรำคาญให้แก่รามสูรอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

เป็นเพียงนางกำนัลชั้นต่ำ ไฉนเลยยังกล้าเล่นตัวราวกับตนนั้นเป็นนางฟ้านางสวรรค์

สายตาโลมเลียฉายแววดูแคลนอยู่เพียงครู่ก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้าร่างของนางกำนัลคนงามเข้ามากักขังไว้อยู่ในอ้อมแขน ร่างบอบบางปลิดปลิวเข้าสู่อ้อมอกแข็งแกร่ง เนื้อตัวนั้นก็ต่างเกยอยู่บนหน้าตักของผู้เป็นนายอย่างหมิ่นเหม่ ท่อนแขนกำยำโอบรอบเอวเล็กพร้อมกับออกแรงรัดให้เนื้อตัวของอีกฝ่ายแนบชิดกันเสียยิ่งกว่าเก่า

“อ...องค์ยุพราช ทรงปล่อยบ่าวเถิดเพคะ”

เสียงอ่อนหวานสั่นเครือเว้าวอนได้อย่างน่าสงสาร หวังเพียงให้อสุราหนุ่มนั้นปล่อยตนออกจากอ้อมแขน แต่อีกฝ่ายกลับยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้เสียยิ่งกว่าเดิม

ริมฝีปากร้อนผ่าวซุกไซร้ลงข้างซอกคอขาวอย่างถือวิสาสะพร้อมกับสูดดมกลิ่นผิวเนื้ออ่อนอย่างอยากกระหาย กลิ่นน้ำปรุงตามผิวกายนวลลออหอมรัญจวนใจยิ่งกระตุ้นเร้าอารมณ์ดิบของอสุราหนุ่มให้โหมกระพือมากยิ่งขึ้น

ดาหลาตื่นตกใจจนเนื้อตัวแข็งทื่อ ลำพังแรงของสตรีมีหรือจะสู้พละกำลังบุรุษวัยฉกรรจ์ได้

นางพยายามดันร่างสูงใหญ่ตรงหน้าให้ออกห่างพร้อมกับออกแรงดิ้นอย่างขัดขืน แต่ทว่ากลับเสียเปล่า ซ้ำร้ายยังเปิดโอกาสให้ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ไปตามสะโพกอิ่มอย่างหยาบโลน

ลมหายใจร้อนระอุที่รินรดอยู่บริเวณลำคอเรียวระหงเรียกก้อนสะอื้นให้ตีรวนขึ้นมาอย่างเสียขวัญ นัยน์เนตรงามเจือไปด้วยหยาดน้ำใสเอ่อคลอ หากแต่เจ้าตัวยังคงฝืนรั้งไว้มิให้พวกมันไหลรินลงมาอย่างสุดความสามารถ

ฟันขาวขบกัดกลีบปากสีระเรื่ออย่างสะกดกลั้นส่งผลให้หยาดโลหิตผุดซึมออกมาตามรอยปริแตก รามสูรผละออกมามองนางอย่างไม่พอใจเท่าใดนัก อุ้งมือแข็งบีบเข้ากับสันกรามเป็นเชิงห้ามการกระทำอันแสนโง่เขลา แรงมหาศาลบีบเคล้นลงไปจนแก้มอิ่มขึ้นเป็นรอยนิ้วมือ

“รังเกียจข้าขนาดนั้นเชียวรึ” น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความเย้ยหยันเอ่ยกระซิบข้างใบหู พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปใกล้เสียจนแผ่นอกกำยำแนบชิดไปกับเนินเนื้อขาวผ่อง

นัยน์ตาคมกล้ากวาดมองเรือนร่างของนางกำนัลจอมพยศอีกหน ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างพออกพอใจ

ครั้นเมื่อจำความได้หาได้มีอิสตรีหน้าไหนกล้าปฏิเสธความต้องการของเขาไม่

ด้วยรูปโฉมและอำนาจในมือไม่ว่าจะเป็นเหล่าพระธิดาผู้สูงศักดิ์หรือแม้นแต่นางกำนัลชั้นต่ำ เพียงแค่ปรายตามองกระผีกเดียวพวกนางก็แทบจะตบตีแย่งชิงกันเพื่อถวายการรับใช้ในห้องบรรทม

..หาผู้ใดที่คิดมองเมินนั้น ไม่มี..

แล้วเหตุไฉนนางผู้นี้ถึงมีท่าทีกล้ำกลืนฝืนทนนักเมื่อถูกเขาโอบกอดอย่างเชยชม

“บ่าวมิบังอาจเพคะ” ดวงหน้างดงามหลุบต่ำลงเมื่อไม่สามารถที่จะทัดทานผู้เป็นนายได้

แม้นในอุราอยากที่จะขัดขืนสักเพียงใด แต่ท้ายที่สุดก็ต้องยอมศิโรราบให้แก่อีกฝ่ายโดยดุษฎี

เป็นเพียงบ่าวไพร่ไร้ศักดินา หากผู้เป็นนายหมายมาดสิ่งใดมีหรือที่นางจะกล้าปฏิเสธ

“ดี” ปลายนิ้วไล้วนปาดหยาดน้ำอุ่นที่ไหลรินลงมาตามแก้มเนียนให้อย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว...ข้าจะช่วยเอ็นดูเจ้าให้มาก”

รามสูรอารมณ์ดีขึ้นเมื่ออีกฝ่ายว่าง่ายเลิกคิดที่จะต่อต้านให้รู้สึกระคายใจ ฝ่ามือข้างหนึ่งลดลงไปโอบรอบเอวบางอย่างทะนุถนอมส่วนอีกข้างก็เชยคางมนให้เงยขึ้นก่อนจะก้มลงคลอเคลียอยู่ข้างแก้มนวล

ริมฝีปากอุ่นละเลียดไปตามผิวเนื้อหอมกรุ่นอย่างเพลิดเพลินพร้อมกับรวบกลุ่มผมนุ่มสลวยออกไปพาดไว้บนลาดไหล่ข้างหนึ่ง เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวผ่องอวดสายตาอย่างเย้ายวนชวนให้หลงใหล

อสุราหนุ่มค่อยๆ บรรจงประทับจูบตั้งแต่พวงแก้มอิ่มเรื่อยลงมาถึงลำคอเพรียวระหง ริมฝีปากร้อนทิ้งรอยแดงเจือจางไว้ทุกที่ที่ไล้ลากผ่าน ลาดไหล่กลมกลึงไหวระริกเมื่อถูกฝ่ามือหยาบกร้านนวดคลึงวนอย่างเอาอกเอาใจ

เขาเคลิบเคลิ้มไปกับการลิ้มรสเยาวภายิ่งนัก ความหอมหวานของผิวเนื้อนวลนั้นเลิศรสเสียยิ่งกว่าสุราชั้นดีเป็นไหนๆ

ดาหลาหลับตาลงกลั้นก้อนสะอื้นกลับลงคออย่างขมขื่นในวาสนา เพียงปล่อยให้บุรุษหนุ่มเชยชมร่างตนอย่างอับจนปัญญา นั่งนิ่งราวกับรูปปั้นที่มีเพียงกายอุ่นหากแต่ไร้ซึ่งวิญญาณและจิตใจ

ทันใดนั้นใบหน้าของบุคคลที่อยู่ในดวงใจเสมอมาก็กระจ่างชัดขึ้นมาท่ามกลางความมืดมนน่าอดสู

..เขาผู้นั้น…ที่นางรักและเทิดทูนสุดหัวใจ

..จอมทัพใหญ่แห่งนครคีรี

…ท่านวศิน...

เมื่อนึกถึงอสุราหนุ่มที่ตนนั้นแอบเฝ้ารักมาเนิ่นนานกระบอกตาก็ยิ่งร้อนผ่าวขึ้นด้วยนึกสมเพชตนที่มิอาจฝืนโชคชะตานี้ได้

แต่แล้วสัมผัสเปียกชื้นที่คลอเคลียอยู่บริเวณเหนือเนินอกก็เรียกสติของนางให้กลับคืน ภาพที่เห็นคือองค์ยุพราชกำลังละเลียดปลายลิ้นลงไปตามเนินเนื้ออวบอิ่มของตนอย่างตะกละตะกลาม พลันใบหน้านวลก็เห่อร้อนขึ้นมาด้วยความกระดากอายและความตื่นกลัวอย่างสุดแสน

ดาหลาเริ่มออกแรงต่อต้านอีกครั้งเมื่อฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งพยายามที่จะปลดผ้าคาดอกของนางออก ยิ่งบริเวณสะโพกที่กดทับอยู่กึ่งกลางกายใหญ่สัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุของบุรุษวัยฉกรรจ์ด้วยแล้วนางก็ยิ่งดีดดิ้นหนีเป็นพัลวัน

ทั้งหัวใจร่ำร้องต่อต้านขึ้นมาอย่างสุดแสนจะทรมาน

..ไม่…

สัมผัสหยาบโลนจากอีกฝ่ายนั้นไม่ลดละลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งออกแรงบีบบังคับอีกครั้งเมื่อเห็นว่านางเริ่มขัดขืน

“หยุดดีดดิ้นเสีย!” เสียงทุ้มตวาดอย่างหัวเสียอยู่ไม่น้อย

คราแรกนั้นก็ว่าง่ายอยู่หรอก แต่เหตุใดนางถึงกลับพยศขึ้นมาอีกครั้งได้

ครานี้รามสูรไม่คิดออมแรง ฝ่ามือใหญ่กระชากผ้าคาดอกของนางออกจนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดีเศษผ้ากระจุยกระจายออกไปคนละทิศ

เมื่อไร้ซึ่งอาภรณ์ปิดบังเนินเนื้อขาวผ่อง ก็เผยโฉมออกมาให้ได้ยล นัยน์ตาคมกล้าทอแสงเข้มขึ้นเมื่อจับจ้องไปยังทรวงอกอิ่มเต่งตึงพร้อมกับหมายมั่นที่จะเข้าไปตระกองกอดให้สาสมใจ

ปึง**! **

แต่ทันใดนั้นเองประตูหน้าตำหนักก็ถูกเปิดออกอย่างแรงด้วยฝีมือของทหารเอกคู่กาย

วาริทย่างก้าวเข้ามาในห้องโถงหมายที่จะรีบมากราบทูลความแก่เจ้านายโดยไม่ทันได้สังเกตว่านายของตนนั้นกำลังพะเน้าพะนอคลอเคลียกับนางกำนัลรูปงามอยู่

ครั้นเมื่อรู้สึกตนอสุราหนุ่มก็รีบเสหน้าหลบออกไปอีกทางทันที เมื่อเห็นว่าร่างอรชรที่นั่งหมิ่นเหม่อยู่บนหน้าตักของเจ้านายตนนั้นไร้อาภรณ์ปกปิดกายช่วงบน

หากแต่ช้ากว่าใครอีกคนที่กระชับอ้อมแขนกอดนางเอาไว้แนบอก พร้อมกับเบี่ยงหลบให้ช่วงตัวสูงใหญ่บดบังร่างของนางจนมิด

“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ” อสุราหนุ่มค้อมตัวลงอย่างพินอบพิเทาเมื่อได้รับสายตาตำหนิจากผู้เป็นนาย

นี่หาใช่ครั้งแรกที่วาริทต้องพานพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่

แต่ไหนแต่ไรมาองค์รามสูรนั้นล้วนเป็นที่โจษจันในเรื่องเจ้าชู้ประตูดินอยู่แล้ว เมาสุราเคล้านารีนี่ล่ะ ภาพลักษณ์องค์ยุพราชแห่งกรุงราชคฤห์

แต่สิ่งที่ทำให้เขานั้นนึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยเลยก็คือได้เห็นนายของตนนั้นลงแรงช่วยปกป้องร่างเปลือยเปล่าของนางบำเรอทั้งๆ ที่ผ่านมาแม้นแต่ละนางจะเปิดกายอล่างฉ่างต่อหน้าเขาและเหล่าราชองครักษ์เพียงใดองค์ยุพราชก็หาได้สนพระทัยไม่

ด้วยเหตุนี้ทำให้วาริทเริ่มอยากที่จะรู้นักว่านางนั้นเป็นผู้ใด...เหตุใดจึงสามารถปลุกความเป็นสุภาพชนของเจ้านายตนออกมาได้

“มีสิ่งใดก็ว่ามา” น้ำเสียงทุ้มกังวานเอ่ยเสียงขรึมแฝงไปด้วยความไม่พอใจประมาณหนึ่ง เมื่อสังเกตเห็นว่าราชองครักษ์ของตนนั้นมองดาหลาอย่างสนอกสนใจออกนอกหน้า

“กระหม่อมตามตัวเขามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม” รามสูรพยักหน้ารับ “เจ้าออกไปก่อน” เมื่อหันไปตรัสสั่ง ร่างผึ่งผายของทหารเอกก็รีบเดินออกไปจากห้องโถงทันทีอย่างรู้งาน

เมื่อไร้ซึ่งบุคคลอื่นรามสูรก็หันกลับมาสนใจนางในอ้อมกอดอีกหนพร้อมกับถอนหายใจหนักเมื่อถูกขัดอารมณ์ปรารถนา ก่อนจะจัดการหยิบผ้าแพรผืนบางมาคลุมลงบนร่างของอีกฝ่ายจนปิดบังนวลเนื้อขาวผ่องไว้จนมิด

ดาหลารีบห่อไหล่เข้าหากันทันทีเมื่อได้รับอาภรณ์คลุมกาย นางกำผ้าเนื้อลื่นไว้มั่นราวกับเกรงว่ามันจะถูกอีกฝ่ายกระชากออกไปอีกครา

“ข้ามีราชกิจที่ต้องสะสางสักหน่อย” ปลายนิ้วร้อนไล้วนข้างแก้มนวลก่อนจะประทับจูบตามลงไป “คืนนี้จงมารับใช้ข้าที่ห้องบรรทม” น้ำเสียงทุ้มนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นข่มขู่ทันควัน “อย่าได้คิดลองดี เข้าใจรึไม่” พร้อมออกแรงบีบสองข้างแก้มนวลจนนางต้องนิ่วหน้าก่อนจะพยักรับอย่างมิอาจที่จะปฏิเสธ

“เพคะ”

“ดี...ไปได้แล้ว”

เมื่อร่างเป็นอิสระดาหลาก็รีบผละตัวออกห่างจากอีกฝ่ายทันทีโดยไม่ลืมที่จะน้อมกายถวายความเคารพตามธรรมเนียมปฏิบัติ

ด้านหน้าประตูมีนายทหารสองตนยืนรักษาการอยู่ ถัดออกไปเป็นอสุราหนุ่มอีกตนที่เข้าไปทูลถวายความแก่องค์ยุพราชเมื่อครู่นี้

แต่แล้วสายตานางก็สะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ถัดไป และดูท่าแล้วฝ่ายนั้นก็ดูแปลกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

แต่ด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ที่ต่าง จึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าอย่างเจียมตนแล้วเดินผ่านไปราวกับคนไม่รู้จักกัน

...เขาคือสามีของบุหลัน พี่สาวของนาง

กรรณมองตามหลังน้องภรรยาตนไปจนสุดสายตา ก่อนจะหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงของวาริทเรียกให้เข้าไปภายในตำหนัก

เมื่อไม่กี่ยามที่ผ่านมาระหว่างที่กำลังนั่งเคล้าสุราอยู่กับกลุ่มเกลอเก่า คนขององค์ยุพราชในเครื่องแบบทหารนครคีรีก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับแยกตัวเขาออกมาโดยทำทีแสร้งว่าองค์จ้าวเหนือหัวต้องการเรียกพบ ทันใดนั้นราวกระดูกสันหลังก็ชาวาบทันทีเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อน

..เจ้าพวกเลวชาติพวกนี้...มันยังต้องการสิ่งใดจากเขาอีก…

ครั้นเมื่อบานประตูไม้เนื้อดีถูกปิดลงภายในห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

บนตั่งไม้สักทองบุคคลที่กรรณสุดแสนจะชิงชังนอนเอกเขนกทอดกายอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนราวกับกำลังชมสวนพฤกษาอยู่ก็มิปาน

พลันนัยน์ตาของอสุราหนุ่มก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเมื่อจับจ้องไปยังศัตรูคู่แค้น เขี้ยวคมงอกเงยขึ้นมาเพื่อแสดงถึงเพลิงโทสะที่เริ่มก่อตัว ทั่วสรรพางค์กายสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธเมื่อเห็นอีกฝ่ายแสยะยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน

กรรณไม่แม้นแต่ที่จะประพฤติตนตามธรรมเนียมปฏิบัติต่อผู้ที่สูงศักดิ์กว่า ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านจ้องหน้าองค์ยุพราชอย่างไม่ลดละ ยามเมื่อฤทธิ์ของน้ำเมามันไหลเวียนอยู่ในกระแสโลหิตเช่นนี้ ความอาจหาญมันยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าทบทวีคูณ

“เหตุใดจึงยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก!” วาริทหันมาตวาดเสียงเข้ม เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงกิริยาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

อสุราหนุ่มเตะตัดข้อพับขาของอีกฝ่ายจนเข่าทรุดลงกระแทกกับพื้นไม้เสียงดั่งสนั่นพร้อมกับจับแขนทั้งสองข้างไพล่กดลงกลางหลังจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น

แต่เท่านี้ยังไม่สาสมกับที่อีกฝ่ายทำตัวไร้มารยาทกับนายเหนือหัวของตน มือข้างหนึ่งได้กดลำคอของอีกฝ่ายจนศีรษะหมอบต่ำลงไปกับพื้น

กรรณคำรามต่ำในลำคออย่างเคียดแค้นเหลือคณา กระบอกตาทั้งสองข้างร้อนผะผ่าวด้วยความอดสูเมื่อต้องมาหมอบกราบฝ่ายศัตรู

ในระดับสายตาปรากฏฝ่าเท้าเปล่าเปลือยเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้า รามสูรเหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะใช้บาทข้างหนึ่งช้อนเชยเข้าที่ใต้คางของนายทหารหนุ่ม

“เหตุใดอ้ายกรรณจึงแสดงท่าทีดุร้ายใส่พวกเดียวกันเช่นนี้เล่า” น้ำเสียงเย้ยหยันว่าเยาะถากถางเมื่อเห็นนัยน์ตาแดงก่ำและเขี้ยวงองุ้มของอีกฝ่าย

“สารเลว! ข้าหาใช่พวกเดียวกับเจ้าไม่-!”

อสุราหนุ่มตวาดลั่นอย่างเหลืออดกับคำพูดของอีกฝ่าย ลืมแม้นกระทั่งยศศักดิ์ไปเสียสิ้น

แต่ไม่ทันไรกลับต้องหน้าหันเมื่อโดนหลังฝ่ามือตวัดตบเข้าตรงกกหูจนซีกหน้าชาไปทั้งแถบ รสชาติเค็มปร่าของโลหิตไหลซึมออกมาข้างมุมปากเมื่อโดนแหวนนิลที่อีกฝ่ายสวมใส่กระแทกเข้าอย่างจัง

“หัดระวังปากเสียบ้าง” องค์ยุพราชว่าเสียงเย็น พร้อมกับเช็ดมือที่โดนหยาดเลือดกระเซ็นใส่เข้ากับชายผ้านุ่ง “ลืมสถานะตนแล้วหรือ”

กรรณเสหน้าหลบไปอีกทางเมื่อต้องยอมจำนนให้กับอีกฝ่าย หากแต่ประโยคต่อมานั้นทำให้เขาต้องเบิกตากว้างขึ้น พลันในอกก็สะท้อนวาบ

“มารุต มินตรา..” อีกฝ่ายแสร้งว่าเสียงขบขัน “ตั้งชื่อบุตรได้ไพเราะดีนี่”

ชื่อของแก้วตาดวงใจทั้งสองสามารถสลายไฟโทสะที่ก่อตัวขึ้นได้ราวกับลมพายุพัดเป่าเศษเถ้าผงธุลี

..เสมือนคำขู่ที่ผ่าฟาดลงมาที่กลางอก...

“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ” อสุราหนุ่มกดศีรษะลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่ในใจนั้นกลับกลัดหนองยิ่งนัก

..สิ้นแล้วซึ่งศักดิ์ศรี..

หากแต่หน้าของลูกเมียที่รอคอยอยู่เรือนนั้นกลับเด่นชัดขึ้นมาในอก แม้นตนจะแหลกเป็นผงธุลีก็คงต้องยอม

“เอาเถอะ” รามสูรโบกปัดอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเท่าใดนัก “พวกยักษ์ป่าก็สันดานต่ำเช่นนี้ทุกชาติพันธุ์” กล่าวทิ้งท้ายไว้ให้คนฟังได้เจ็บใจ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งเท้าแขนชันเข่าอยู่บนตั่งตัวเดิม

“ที่ข้าให้วาริทไปตามตัวเจ้ามานั้นก็เพียงแค่อยากจะย้ำเตือนข้อตกลงระหว่างเรา” น้ำเสียงเกียจคร้านเอ่ยขึ้นพร้อมด้วยยกจอกสุราชั้นดีขึ้นมาละเลียดดื่มด่ำอย่างไม่รีบร้อน “หวังว่าเจ้าจะยังไม่ลืม” พร้อมกับปรายตามองไปที่ผู้ต่ำศักดิ์อย่างต้องการที่จะย้ำเตือน

“กระหม่อมทราบดี” กรรณกดเค้นเสียงสั่นเครือไว้ “ทราบดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อแรงกดที่หลังของวาริทเริ่มทำให้แขนของเขาชา

รามสูรโบกมือสั่งให้ทหารเอกปลดปล่อยร่างอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ “หากมีผู้ใดล่วงรู้แม้นเพียงเสี้ยวกระผีก” เสียงทุ้มต่ำลดระดับลงหากแต่แฝงไปด้วยแววข่มขู่เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าเขาเอาจริง “รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับเมียและลูกของเจ้า”

“พ่ะย่ะค่ะ…” กรรณตอบรับอย่างกล้ำกลืนเต็มที

“ดี” องค์ยุพราชกล่าวชม “หลังจากนี้ข้ามีกิจเล็กน้อยที่อยากจะให้เจ้าช่วยไปสะสางให้สักหน่อย จะได้หรือไม่”

รามสูรเดินถือจอกสุราเข้าไปหาร่างที่หมอบต่ำอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก่อนจะส่งยื่นให้อีกฝ่ายได้ดื่มอย่างไม่ถือตน เมื่อทหารหนุ่มรับไปถือไว้ในมือ รามสูรจึงเริ่มกล่าวถึง'ราชกิจที่ว่า'ออกมา

เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านกรรณทำได้เพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำหลับตาฟังคำสั่งของอีกฝ่ายอย่างกล้ำกลืน

ในเพลานี้…เขานั้นนึกละอายใจจนแม้นแต่แผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนก็ยังไม่กล้าที่จะมอง

หาใช่อยากเป็นคนคิดคดทรยศต่อผู้มีพระคุณทั้งสองไม่ หากแต่ข้อต่อรองของเหล่าศัตรูนั้นทำให้เขาต้องยอมรับในโชคชะตาของตนโดยดุษฎี

..ร่วมเป็นพยานให้ร้ายแม่ทัพใหญ่ทั้งสอง

ช่วยปิดบังซ่อนเร้นหลักฐานการตายของเหล่าแม่ทัพนายหน้าตนอื่น

สร้างหลักฐานเท็จเกี่ยวกับกลมคลังของเมืองหน้าด่าน



..เพื่อแลกกับความปลอดภัยของลูกและเมีย ที่เขารักปานแก้วตาดวงใจ…

___________



ตอนนี้สั้นนิดนึงนะคะ พอดีพันไมล์ตัดอีกครึ่งหนึ่งไปไว้ตอนหน้า

ครึ่งหลังจะอัพพรุ่งนี้เน้อ ขอขอตรวจคำผิดก่อนน้า :z10:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 13:01:09 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณพันไมล์ขอตรงนี้นิดนึง คือนางยักษ์ที่รามสูรชอบตกลงชื่อดาหลาหรือว่าบุหรงอ่า คือคิดว่าชื่อดาหลานะ แต่มีบุหรงมาด้วยเลยอยากให้แก้ตรงนั้นนิดนิด ตรงช่วงที่รามสูรเอาผ้ามาคลุมตัวให้น่ะค่ะ

องค์รามสูรโซแบดมากเว่อออออร์ โอ้โห้ ร้อนแรงดั่งไฟเยอร์ที่แท้ทรู5555555 ทำไมล่ะ ทำไมถึงทำแบบนี้ กลับตัวเป็นคนดีเถอะ แล้วเราจะถือป้ายไฟเชียร์ให้คู่กับดาหลา(คือจริงๆแล้วจะกันไม่ให้ดาหลามายุ่งกับพี่ยักษ์ พี่ยักษ์ต้องเป็นของเจ้าแก้วลูกแม่เท่านั้น!!) พระองค์ร้ายกาจมาก ทำไมร้ายงี้ บังคับกรรณทำไม ฮืออออ ไม่รักรามสูรแล้ว //เอาไม้ไล่ตี

สงสารกรรณอ่ะ คือเข้าใจเลยนะว่าไม่อยากทำแต่เพื่อลูกเมียอ่ะ กรรณนี่น่าจะน่าสงสารสุดในเรื่องแล้วมะ คือถ้าฝ่ายนครคีรีไม่ได้รู้เรื่องที่รามสูรบังคับกรรณแล้วไหนจะเมียของกรรณเข้าใจผิดอีก คือแบบโคตรน่าสงสารอ่ะ ขอให้ทุกคนเข้าใจว่ากรรณถูกรามสูรบังคับเถอะ สงสารมาก ใจนึงก็ผู้มีพระคุณ อีกใจก็ลูกเมีย ไม่ทำลูกเมียก็ตาย

คุณพันไมล์ คุณเก่งมากๆเลยอ่ะ คือมันเป็นแนวพีเรียดแฟนตาซี แต่คุณเก็บรายละเอียดได้เก่งมาก เราอ่านแล้วรู้สึกไหลลื่นเลยอ่ะ ไม่มีตรงไหนให้ขัดใจเลยจริงๆ เราเป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าคุณเหงาหรือต้องการกำลังใจทักหาเราในทวิตได้นะคะ พร้อมตอบเสมอ55555 รักและเทคแคร์นะคะ :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
คุณพันไมล์ขอตรงนี้นิดนึง คือนางยักษ์ที่รามสูรชอบตกลงชื่อดาหลาหรือว่าบุหรงอ่า คือคิดว่าชื่อดาหลานะ แต่มีบุหรงมาด้วยเลยอยากให้แก้ตรงนั้นนิดนิด ตรงช่วงที่รามสูรเอาผ้ามาคลุมตัวให้น่ะค่ะ

องค์รามสูรโซแบดมากเว่อออออร์ โอ้โห้ ร้อนแรงดั่งไฟเยอร์ที่แท้ทรู5555555 ทำไมล่ะ ทำไมถึงทำแบบนี้ กลับตัวเป็นคนดีเถอะ แล้วเราจะถือป้ายไฟเชียร์ให้คู่กับดาหลา(คือจริงๆแล้วจะกันไม่ให้ดาหลามายุ่งกับพี่ยักษ์ พี่ยักษ์ต้องเป็นของเจ้าแก้วลูกแม่เท่านั้น!!) พระองค์ร้ายกาจมาก ทำไมร้ายงี้ บังคับกรรณทำไม ฮืออออ ไม่รักรามสูรแล้ว //เอาไม้ไล่ตี

สงสารกรรณอ่ะ คือเข้าใจเลยนะว่าไม่อยากทำแต่เพื่อลูกเมียอ่ะ กรรณนี่น่าจะน่าสงสารสุดในเรื่องแล้วมะ คือถ้าฝ่ายนครคีรีไม่ได้รู้เรื่องที่รามสูรบังคับกรรณแล้วไหนจะเมียของกรรณเข้าใจผิดอีก คือแบบโคตรน่าสงสารอ่ะ ขอให้ทุกคนเข้าใจว่ากรรณถูกรามสูรบังคับเถอะ สงสารมาก ใจนึงก็ผู้มีพระคุณ อีกใจก็ลูกเมีย ไม่ทำลูกเมียก็ตาย

คุณพันไมล์ คุณเก่งมากๆเลยอ่ะ คือมันเป็นแนวพีเรียดแฟนตาซี แต่คุณเก็บรายละเอียดได้เก่งมาก เราอ่านแล้วรู้สึกไหลลื่นเลยอ่ะ ไม่มีตรงไหนให้ขัดใจเลยจริงๆ เราเป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าคุณเหงาหรือต้องการกำลังใจทักหาเราในทวิตได้นะคะ พร้อมตอบเสมอ55555 รักและเทคแคร์นะคะ :กอด1: :L2:

โธ่ นี่ขนาดตรวจดูสองรอบแล้วยังผิดหรือนี่
นางยักษ์ชื่อดาหลาถูกแล้วครับผมม ขอบคุณที่ช่วยเตือนนะคะะะ

ขออณุญาติขำตรงเอาไม้ไล่ตีองค์รามสูรค่ะ โถถถ ดูตัวเล็กตัวน้อยลงไปเลยย 5555555
ขอบคุณสำหรับกำลังใจน้าาา น่ารักมากๆเลยย ทุกวันนี้เราก็กลับไปอ่านคอมเม้นต์คุณตลอดๆเลย~
ขอบคุณมากนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
สองพี่น้อง



.

.

.


อีกเพียงไม่กี่ชั่วยามดวงสุริยันก็จะลาลับกับขอบฟ้า เหล่าสกุณาทั้งหลายต่างมุ่งหน้าบินคืนสู่รังเพื่อกลับไปหาลูกน้อยที่เฝ้ารอคอยอาหารจากแม่ของพวกมัน เสียงร้องของลูกนกดังแว่วคละเคล้าไปกับสายลมเย็นที่พาดพัดผ่าน

ภายในห้องนอนปรากฏร่างสองร่างนอนตระกองกอดกันแนบแน่น ฝ่ายที่โดนกอดรัดจนหน้าซุกเข้าไปกับแผ่นอกกว้างเริ่มรู้สึกตัวตื่นก่อนใคร เมื่อสามารถปรับทัศนียภาพได้ แผ่นอกเปล่าเปลือยของใครบางคนก็ปรากฏให้เห็นเป็นสิ่งแรก

ผิวเนื้อร้อนระอุแผ่ไออุ่นโอบล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ อีกทั้งพันธนาการแข็งแกร่งที่กอดรัดตนอยู่นั้นช่างแน่นหนาเสียยิ่งกว่าโซ่ตรวนเส้นไหน ๆ คราแรกที่ลืมตาตื่นก็นึกหวาดผวาขึ้นมาอยู่ในอก แต่ครั้นเมื่อเห็นแผ่นอกกำยำอันแสนคุ้นเคยความหวั่นวิตกทั้งหมดทั้งมวลก็ถูกปัดเป่าให้หายไปราวกับเศษฝุ่นธุลี

..รอยแผลเป็นที่เด่นชัดบริเวณอกข้างซ้ายนั้นเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนได้ดีว่าผู้ใดคือเจ้าของอ้อมกอดนี้

วิรัลเงยหน้าขึ้นมองอยู่เพียงครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงซุกเอาหน้าแนบเข้ากับอกอุ่นอีกหน พลันคมเขี้ยวก็ขบเม้มลงไปบนรอยแผลนูนที่ตนเป็นผู้สร้างไว้เมื่อครั้นยังเยาว์วัย

..แผลเป็นซึ่งเกิดจากรอยเขี้ยวของเจ้ายักษ์น้อยในวัยสี่ขวบปีที่แสนหวงแหนพี่ชาย...

เมื่อครานั้นกรณ์ในวัยเก้าขวบปีโดนนางยักษ์รุ่นราวคราวเดียวกันตามเทียวไล้เทียวขื่อเช้าถึงเย็นถึงไม่เว้นแต่ละวัน แม้นจะได้เข้าหาแบบเชิงชู้สาว แต่ตามประสาซื่อของเด็กน้อยเมื่อโดนแย่งความสนใจไปเจ้าวิรัลก็ร้องไห้กระจองอแงเป็นการใหญ่จนวศินต้องอุ้มมาหาที่เรือน เมื่อกรณ์เข้าไปหาเจ้ายักษ์น้อยก็โผตัวไปกอดแน่นพร้อมกับใช้เขี้ยวที่พึ่งเกิดกัดเข้าสุดแรง...แต่กระนั้นอสุราน้อยก็ยังยื่นนิ่งให้น้องฝังเขี้ยวลงกับผิวเนื้อตนเองจนหมดแรงคาอ้อมกอด

..รอยเขี้ยวน้อยๆ เด่นชัดอยู่บนอก ราวกับต้องการตีตราแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้

“อืม” อสุราหนุ่มขยับตัวเมื่อเริ่มรู้สึกได้ถึงสัมผัสเปียกชื้นบนผิวกาย

เมื่อลืมตาตื่นก็เห็นกลุ่มผมยาวสลวยคลอเคลียอยู่ใต้ปลายคาง มุมปากยกยิ้มขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองกัน

“ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มติดแหบพร่าเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มอิ่ม ข้อนิ้วแข็งไล้วนอยู่บนผิวเนื้อนวลอย่างเพลิดเพลินอารมณ์

น้องโตขึ้นมากแล้ว หาใช่เด็กน้อยที่คอยไล่ตามเขาดั่งเช่นในอดีต

..แต่เจ้าแก้มกลมๆ น่ากัดให้จมเขี้ยวนี่ก็ยังไม่หายไปเสียที...

“อื้อ” เจ้าตัวน้อยตอบรับด้วยน้ำเสียงงัวเงียพร้อมกับถูไถใบหน้าเข้ากับอกเปล่าเปลือยของอีกฝ่ายอย่างเคยตัว ขณะที่สองแขนก็ยกขึ้นโอบรอบลำคอคนพี่จนต้องก้มลงไปหา

“ถ้าเจ้าง่วง ก็นอนต่อเสียเถอะ” กรณ์บอกพร้อมกดจูบลงไปตรงข้างขมับเพื่อตรวจดูอาการไข้ที่ตอนนี้เนื้อตัวไม่ร้อนแล้ว แต่ก็ยังคงอุ่นๆ

“กรณ์..” น้องเริ่มเสียงสั่นเครือ คงจะเริ่มรู้สึกปวดบริเวณบาดแผล “...เจ็บ”

วงแขนแกร่งกอดกระชับร่างอีกฝ่ายแน่นเมื่อเห็นน้องน้อยทรมานจากบาดแผลตามร่างกาย ถ้าหากเป็นไปได้เขาก็อยากจะเคลื่อนย้ายพวกมันมาไว้บนตัวเขาแทน

..เพียงเท่านี้ก็จะขาดใจเสียให้ได้แล้ว...

“เจ็บมาก ๆ ...พวกเขาโบยข้า” ก้อนสะอื้นกระจุกขึ้นมาในลำคอ กระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อหวนนึกถึงรสสัมผัสปวดร้าวยามที่หวายกระหวัดฟาดลงมาที่กลางหลัง “...เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย”

สุดท้ายแล้ววิรัลก็ไม่สามารถฝืนทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไป การสำเร็จโทษเช่นนี้แม้นจะเป็นทหารยักษ์ที่ร่างกายกำยำล่ำสันก็คงมิสามารถที่จะต้านทานความเจ็บปวดได้ แล้วนับประสาอะไรกับเจ้าตัวน้อยของเขากัน

“ให้ข้าดูแผลให้นะ” ปลายนิ้วไล้ปาดคราบน้ำตาออกให้อย่างทะนุถนอม ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง หากแต่เจ้าตัวน้อยที่กอดคอไว้แน่นนั้นไม่ยอมที่จะปล่อยมือออกห่าง ซ้ำยังซุกหน้าเข้ากับซอกคอเสียแนบแน่นทำเอาอสุราหนุ่มลมหายใจสะดุดไปหลายช่วง

กายอุ่นที่นั่งทาบทับอยู่บนตักเปิดโอกาสให้กรณ์ได้ใช้สองมือโอบประคองบั้นเอวเอาไว้ ปลายนิ้วไล้วนอยู่เนินเว้าบริเวณสีข้างจนได้ยินเสียงคราเครือในลำคอดังขึ้นจากอีกฝ่าย พลันอสุราหนุ่มก็รู้สึกร้อนวาบทั่วทั้งสรรพางค์กาย แต่เมื่อตั้งสติได้ก็ทอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมกับหยุดการกระทำที่จาบจ้วงลงเพียงเท่านั้น

..เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนนั้นหาได้คิดเกินเลยไม่

มีเพียงเขาเท่านั้นที่ชั่วช้า...เฝ้าแต่หมกมุ่นกับร่างกายของน้องอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก...

เมื่อตรวจดูแผลและจัดการทาสมุนไพรให้จนแล้วเสร็จ อสุราหนุ่มก็อุ้มอีกฝ่ายออกมาจากห้องนอน ยามนี้บริเวณรอบนอกนั้นเริ่มมืดค่ำลงแล้ว สายตาคมกล้าสอดส่องหาไปทั่วเรือนเมื่อไม่พบผู้ใด แต่ไม่ทันไรร่างของพี่สะใภ้ก็ปรากฏขึ้นตรงบันไดเรือน นางอุ้มเจ้ามินตราไว้แนบเอวส่วนมืออีกข้างก็จับจูงเจ้ามารุตเอาไว้

“อ้าว ตื่นกันแล้วรึ” บุหลันร้องทักก่อนจะเดินเข้ามาหาทั้งคู่ พร้อมกับส่งสายตาล้อเลียนไปให้เจ้าจอมฉวยโอกาสอย่างรู้และเข้าใจกัน “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าวิรัล อาการดีขึ้นหรือยัง” น้ำเสียงทอแววห่วงใยอย่างสุดแสนเอ่ยถามน้องน้อยในอ้อมกอด

กรณ์ปล่อยร่างของอีกฝ่ายลงยืนบนพื้นอย่างระแวดระวัง ก่อนจะอุ้มเจ้ามารุตที่วิ่งหน้าแป้นเข้ามาหาขึ้นมาอุ้มไว้แทน

หลานชายตัวน้อยหัวเราะชอบใจเมื่อโดนท่านอาอุ้มชูขึ้นสูง หากแต่ดวงตากลมโตกลับจดจ้องไปที่ร่างของวิรัลอย่างสนอกสนใจแทน ลูกพี่วิรัลของมันโดนแม่บุหลันจับตัวเข้าไปกอดไปหอมราวกับเด็กเล็ก ๆ มิหนำซ้ำเจ้ามินตราที่แทรกอยู่ตรงกลางยังยื่นมือออกมาออดอ้อนให้อีกฝ่ายโอบอุ้ม

แก้มกลมยุ้ยพองลมขึ้นอย่างขัดอกขัดใจ คมเขี้ยวน้อยๆ สองข้างขบเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มไปมา เรียวคิ้วก็ผูกปมยุ่งเหยิงจนท่านอาต้องยื่นมือมาคลึงคลายออกให้

“มองสิ่งใด วิรัลอุ้มเจ้าไม่ไหวหรอกนะ” กรณ์ดักทางหลานชายคนโตไว้อย่างรู้เท่าทัน

แม้นมันจะมีอายุเพียงแค่สี่ขวบปี แต่เจ้ามารุตนั้นก็ตัวหนักเอาการมีหรือวิรัลจะอุ้มไหว ขนาดตัวเขาเองยังแอบชาที่แขนอยู่เล็กน้อยเสียด้วยซ้ำไป

“ไม่คุยกับท่าอาแล้ว ยี้!” เจ้าตัวกลมดีดดิ้นตัวไปมาพร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เป็นพัลวัน เรียกเสียงหัวเราะทุ้มต่ำได้เป็นอย่างดี

อสุราหนุ่มก้มลงหอมแก้มยุ้ยเป็นกระติกพร้อมกับใช้คมเขี้ยวกัดลงบนผิวเนื้ออ่อนนุ่มจนยืดย้วย เรียกเสียงหวีดร้องจากเจ้าตัวแสบได้เป็นอย่างดี เจ้ามารุตดิ้นแรงขึ้นจนผู้เป็นอาต้องปล่อยตัวลง พลันหางตาของอสุราตัวน้อยก็เห็นร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นพ่อเดินขึ้นเรือนมา

“พ่อจ๋า!”

เมื่อเห็นบุตรชายคนโตวิ่งมาหาด้วยความดีอกดีใจเสียเต็มเปี่ยมกรรณก็ย่อตัวลงพร้อมอ้าอ้อมแขนออกรับแรงโถมกอดรัดเสียเต็มรัก

“คราวหลังอย่าวิ่งนะเจ้ามารุต ประเดี๋ยวจะล้มเอา” อสุราหนุ่มแสร้งดุอย่างไม่จริงจังเท่าใดนัก ก่อนจะรวบร่างเจ้าตัวน้อยขึ้นอุ้มไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวพร้อมกับก้มลงหอมแก้มกลมยุ้ยของมันจนเจ้ามารุตหน้ายู่ แต่กระนั้นมือน้อยๆ สองข้างก็จับประคองใบหน้าของบิดาไว้ก่อนเรียวปากจิ้มลิ้มจะกดจูบไปทั่วใบหน้าคมคร้ามย้ำๆ จนเกิดเสียง

จุ๊บ

ปิดท้ายด้วยการกดปากลงไปบนปากของพ่อจ๋าหนึ่งหน แต่ครานี้ข้างมุมปากของบิดากลับปรากฏรอยแผลปริแตกขึ้นอย่างน่ากลัว ทำเอาเจ้ามารุตเสียขวัญขึ้นทันตา

“พ่อจ๋าเจ็บไหมจ๊ะ” น้ำเสียงสลดลงเล็กน้อย ฝ่ามือเล็กค่อยๆ ลูบปลอบประโลมก่อนจะเป่าลมใส่ให้ราวกับต้องการที่จะปัดเป่าความเจ็บปวดให้มลายหายสิ้นดั่งที่ผู้เป็นพ่อเคยทำให้ยามที่มันหกล้ม “พ่วง! ข้าเป่าให้แล้วนะ พ่อจ๋าจะไม่เจ็บแล้ว”

“หายเป็นปลิดทิ้งเลยเชียว” นัยน์ตาทอแสงอ่อนลงเมื่อก้มลงมองใบหน้าของดวงใจดวงน้อย ขณะที่ปลายนิ้วก็ยกขึ้นมาเช็ดเหงื่อเม็ดโตออกจากจมูกจิ้มลิ้มให้เจ้าตัวแสบที่พูดเจื้อยแจ้วเจรจาไม่หยุด

“กรรณ” บุหลันเดินเข้ามาหา ก่อนจะโผตัวเข้าสู้อ้อมกอดของสามี

อสุราหนุ่มกอดภรรยาไว้แน่นโดยมีเจ้ามารุตที่อยู่ตรงกลางคอยก่อความวุ่นวายอยู่ไม่หยุด บุหลันไล้มือไปตามโครงหน้าของอีกฝ่ายแต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นรอยแผลที่มุมปาก ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามถึงที่มาที่ไปเจ้ากรณ์ก็เดินเข้ามาหาเสียก่อน

กรรณหันไปหาอีกฝ่ายแต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยอีกตนเดินตามหลังมาด้วย

..วิรัล…เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้..มิใช่ถูกคุมขังไว้ที่คุกใต้ดินหรอกหรือ?

“วิรัล” เสียทุ้มต่ำเรียกชื่อน้องได้ไม่เต็มปากนัก

ความละอายแก่ใจมันตีรวนขึ้นมาจนแม้นแต่ใบหน้าก็ยังไม่กล้าที่จะมอง

ทั้งๆ ที่วันนั้นตนอยู่ในเหตุการณ์แท้ๆ ...รับรู้ทุกๆ อย่าง แต่กลับไม่สามารถช่วยอะไรน้องได้เลย..

“กรรณมีแผลนี่” เจ้าวิรัลโผเข้ามาหาอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงทั้งๆ ที่ตนนั้นก็มีบาดแผลฉกรรจ์อยู่ไม่ต่างกัน

ในบรรดาพี่ๆ ทั้งหมดนอกจากวศินที่เป็นพี่แท้ๆ แล้วก็มีกรรณนี่ล่ะที่เจ้าวิรัลมักจะชอบออดอ้อนเป็นพิเศษ อสุราหนุ่มจึงทั้งรักทั้งหวงน้องน้อยตนนี้เสียยิ่งกว่าน้องในไส้

“มีเรื่องให้ออกแรงนิดหน่อย” แสร้งว่าปั้นหน้ายิ้มหวังเพียงให้ทุกคนสบายใจ “พอสุราเข้าปากแล้วเลือดมันเลยร้อน” กรรณยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับวางมือลงบนศีรษะอีกฝ่ายก่อนจะโยกโคลงไปมา

“โอ้โห พ่อจ๋าเท่มาก!” เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนร้องเย้วๆ ขึ้นมาอย่างชอบอกชอบใจในเรื่องการใช้กำลังจนโดนผู้เป็นมารดาหยิกพุงกลมๆ เข้าให้ถึงกับร้องเสียงหลงหวีดลั่นสนั่นเรือน ก่อนฝ่ามือพิฆาตจะหันไปหยิกคนพ่อต่อจนเนื้อบิดเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายทำตัวเกกมะเหรกเกเรไม่เข้าเรื่อง

“โอ๊ยๆ เมียจ๋า พี่เจ็บ” อสุราหนุ่มแสร้งร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดก่อนจะรวบร่างอรชรของเมียรักเข้ามากดจูบสองข้างแก้มอย่างหนักหน่วงเพื่อเป็นการเอาคืน

ฟอด!

เพี๊ยะ!

“กรรณ! ประเดี๋ยวเถอะ จะโดนมิใช่น้อย” นางว่าเสียงเขียวอย่างคาดโทษพร้อมกับฟาดมือลงบนต้นแขนกำยำอย่างไม่คิดที่จะออมแรงจนอีกฝ่ายร้องอู้ “ไปล้างเนื้อล้างตัวเสีย กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเช่นนี้ ข้าไม่ชอบนัก”

“ได้จ้ะ” พ่อตัวดีขานรับอย่างแข็งขัน

คล้อยหลังจากที่ทุกคนเดินกลับเข้าไปในเรือน อสุราหนุ่มสองพี่น้องต่างยืนมองหน้ากันอย่างเงียบเชียบ ไร้ซึ่งบทสนทนาอื่นใด

กรรณเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีออกมาก่อนที่ความอึดอัดจะเพิ่มขึ้นมากไปกว่าที่เป็น

สายตาของเจ้ากรณ์นั้นราวกับสามารถที่จะเจาะลึกเข้าไปในห้วงความคิดเสียให้ได้ เขาไม่กล้าแม้นแต่ที่จะมองหน้ามันตรงๆ ด้วยเพราะความละอายใจที่เอ่อล้นอยู่ในอก

“ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้าสักหน่อย” มันกล่าวเสียงเรียบโดยไม่แม้นแต่จะหันหน้ากลับมามองคู่สนทนาพร้อมกับออกเดินนำลงไปจากเรือน

ยามดึกสงัดเหลือเพียงแต่เสียงลมหวีดหวิวกระทบกับพุ่มไม้เป็นระลอก แสงจันทร์นวลสาดส่องลงมาจนทั่วทั้งบริเวณพงไพรนั้นสว่างไสว ในป่าลึกห่างจากตัวเรือนออกไปอยู่มากโข สองอสุราหนุ่มเดินตามกันเข้าไปจนถึงบริเวณริมธาร น้ำใสไหลเอื่อยเฉื่อยกระทบเข้ากับโขดหิน พื้นผิวโปร่งใสส่องสะท้อนกับแสงเงาจันทราและผืนนภากว้าง

กรณ์เดินย่ำผ่านเหล่าก้อนกรวดไปพิงกายอยู่ข้างโขดหินก่อนจะก้มลงวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตา หวังเพียงให้ความเย็นฉ่ำของสายนทีดับไฟร้อนรุ่มที่สุมทุมอยู่ในอก

“มีสิ่งใดรึ” อสุราหนุ่มอีกตนเอ่ยถามผู้เป็นน้อง เขายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่

“ไปล้างเนื้อล้างตัวเสียก่อนเถิด ประเดี๋ยวกลับไปพี่สะใภ้ข้าจะบั่นคอเจ้าเอา” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างขบขัน

กรรณพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินถัดออกไปทางบริเวณต้นริมธาร เขาจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ทั้งหมดไว้บนโขดหินแล้วจึงเดินลงไปในลำธารจนระดับช่วงเอวสอบจมหายไปกับสายน้ำ

น้องชายที่นั่งถัดไปอยู่ไม่ห่างจดจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างเขม็งเมื่อสะดุดตาเข้ากับบาดแผลฉกรรจ์บริเวณบ่าซ้าย มันเป็นรอยคล้ายถูกของมีคมบาดลึกจนเนื้อเปิด หากแต่รอบปากแผลกลับพุพองราวกับโดนฤทธิ์ร้อนของบางอย่างกัดกร่อนเข้า

“แผลเจ้าไปโดนสิ่งใดมา”

คำถามฉับพลันของอีกฝ่ายทำให้ลมหายใจขาดห้วง กรรณยกมือปิดบาดแผลก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้พ้นสายตาสงสัยใคร่รู้ของเจ้ากรณ์

..แผลที่โดนศรอาบพิษยิงถาก แม้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่มันกลับสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวได้อย่างทรมาน เคราะห์ดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ มิเช่นนั้นทั้งร่างคงโดนพิษร้ายกัดกร่อนจนสิ้นใจไปแล้ว

..แต่เรื่องนี้จะให้มันรับรู้มิได้เด็ดขาด…

ท่าทีแปลกประหลาดจากผู้เป็นพี่สร้างความขุ่นเคืองให้เขาอยู่ไม่น้อย คิ้วเข้มขมวดมุ่นยุ่งเหยิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มทำตัวมีพิรุธ

“โดนศรยิงเฉียดเข้าน่ะสิ” อสุราหนุ่มตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก ก่อนจะเดินกลับขึ้นฝั่งแล้วหยิบผ้านุ่งมาสวมใส่ไว้ “ข้าเบี่ยงตัวหลบผิดท่าไปสักหน่อย คมมันจึงบาดลงลึก”

กรณ์หรี่ตาจดจ้องบาดแผลฉกรรจ์อยู่เพียงครู่

ในยามออกทัพจับศึกมีศาสตราวุธเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น ถึงแม้นตัวเขาจะเคยออกรบมาน้อยกว่าอีกฝ่าย แต่ก็มั่นใจว่าไม่มีอาวุธชนิดไหนสามารถทำให้แผลพุพองเช่นนี้ได้ มิหนำซ้ำเนื้อช้ำเลือดที่ปริแตกราวกับโดนไฟลวกเช่นนี้น่ะ มันคล้ายกับโดนพิษของบางสิ่งบางอย่างที่มีอนุภาคร้ายแรงอยู่มิใช่น้อยเลย

แม้นจะยังไม่ปักใจเชื่อในครานี้ แต่ก็หาได้แย้งสิ่งใดออกไป เพียงแค่เก็บความสงสัยไว้ในส่วนลึกของจิตใจเท่านั้น

กรรณเดินเข้ามาพิงกายกับโขดหินฝั่งตรงข้ามพร้อมกับเอ่ยปากถามถึงกิจธุระที่น้องชายต้องการพูดคุย มันลงแรงพาเขาเดินออกห่างมาจากเรือนเช่นนี้ ก็คงเป็นเพราะต้องการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว หากอยู่ที่เรือนคงจะไม่สะดวกเท่าใดนัก

“มีสิ่งใดก็รีบพูดมาเถิดเจ้ากรณ์” อยากกลับไปนอนกอดเมียและลูกทั้งสองเหลือเกิน

“วิรัล..”

“…”

“…โดนจับตัวไปคุมขังพร้อมสำเร็จโทษแทนท่านวศิน” ตาคมกล้าทอดมองพงไพรเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย พลันกลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบกลับของอีกฝ่าย

“ข้ารู้…” …แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย

“เจ้าว่าอย่างไรนะ” กรณ์ถามย้ำอีกหน ราวกับคำพูดก่อนหน้านี้เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน “พูดอีกครั้ง” น้ำเสียงกดต่ำเยียบเย็นลง

“ข้าบอกว่าข้ารู้เรื่องที่วิรัลโดนจับตัวไป--!”

ผลั่ก!

ยังไม่ทันพูดจบดี หมัดหนักก็ลอยลุ่นๆ มาปะทะเข้าข้างสันกรามจนหน้าหันส่งผลให้แผลเก่าที่ยังไม่สมานดีปริแตกเลือดอาบซึมออกมาอีกหน กรณ์ตามติดไปกอบกุมลำคออีกฝ่ายเอาไว้มั่น นัยน์ตาสีเดียวกันกับผู้เป็นพี่ประกายวาวโรจน์ราวเพลิงเผา เขี้ยวคมสองข้างงองุ้มออกมาแสดงถึงอารมณ์โทสะที่แรงกล้า

“รู้! รู้แล้วเหตุใดจึงไม่ช่วย!” น้ำเสียงกรุ่นโกรธตะคอกถามอย่างนึกโมโห พร้อมกับออกแรงที่กอบกุมอยู่รอบลำคอผู้เป็นพี่จนเส้นเลือดแขนปูดโปน “เจ้ายอมปล่อยให้วิรัลไปเจอเรื่องระยำเหล่านี้ได้อย่างไร!” โลหิตในกายเดือดพล่านเกินที่จะหยุดยั้งเมื่อหวนนึกถึงบาดแผลตามตัวของน้องน้อย

เรื่องบัดซบเช่นนี้มันไม่ควรที่จะเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ!

กรรณปัดป้องฝ่ามืออีกฝ่ายออกแต่กลับไร้ผล อสุราหนุ่มกอบโกยอากาศเข้าปอดเป็นพัลวัน ก่อนจะอาศัยช่วงจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอถีบเข้าที่ท้องจนเจ้ากรณ์เซถลาตกน้ำตัวเปียกมะล่อก เขาสำลักอากาศไอโขลกอยู่เพียงครู่ ก่อนจะพุ่งตัวตามไปคร่อมทับร่างน้องชายแล้วซัดกำปั้นใส่หน้ามันจนได้ยินเสียงกระทบของผิวเนื้อที่ปริแตก

อสุราหนุ่มสองตนผลัดกันประเคนพละกำลังใส่กันจนเสียงดังสนั่นลั่นไปทั่วผืนป่า เหล่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยต่างแตกตื่นส่งเสียงร้องเกรียวกราว โขดหินรอบด้านแตกร้าวเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนอัดเข้าหา นัยน์ตาสีโกเมนทั้งสองคู่จ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เขี้ยวคมงอกเงยขึ้นฟาดฟันใส่กันไม่ลดละ เมื่อยามที่โทสะครอบงำเช่นนี้เรี่ยวแรงที่มีมหาศาลกลับเพิ่มขึ้นทบเท่าทวีคูณ

เวลาล่วงเลยผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง กรรณใช้ความว่องไวอาศัยยามที่อีกฝ่ายกำลังตั้งหลักลุกดันร่างของมันเข้ากับต้นไม้ใหญ่จนลำต้นสั่นสะเทือน มือข้างหนึ่งยกขึ้นบีบลำคอผู้เป็นน้องไว้มั่นก่อนจะคำรามใส่เสียงดังลั่นราวกับราชสีห์

เจ้ากรณ์ยามที่ขาดสติเช่นนี้ชอบใช้กำลังอย่างบ้าคลั่งจนหน้ามืดตามัว

ยิ่งเป็นเรื่องเจ้าตัวน้อยของมันยิ่งแล้วใหญ่…กับเขาที่เป็นพี่มันแท้ๆ ยังไม่คิดที่จะออมแรงแม้นเพียงกระผีก..

สองพี่น้องจ้องตากันอย่างขุ่นเคือง เวลาผ่านไปนานจนสามารถเรียกสติกลับคืนมากรรณถึงยอมปล่อยมือออก

“บอกข้ามาว่าเพราะเหตุใดเจ้าจึงไม่ช่วยวิรัล” กรณ์เค้นเสียงถามอีกหน ตั้งท่าจะเข้าไปประเคนหมัดใส่อีกรอบ แต่กลับโดนผู้เป็นพี่ยกนิ้วชี้หน้าห้ามปรามไว้เสียก่อน

“เจ้าคิดว่ามีอำนาจมากขนาดนั้นเชียวรึเจ้ากรณ์” กรรณสวนกลับอย่างขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย พลางขยับกรามไปมาด้วยความเมื่อยขบ

เจ้ายักษ์นั่นมันแรงเบาเสียที่ไหนกัน...เล่นใส่มาไม่ยั้งราวกับกำลังเข่นฆ่าอยู่กับศัตรูอย่างไรอย่างนั้น

..ช่างทำกับพี่ของมันได้

“มากกว่าข้าก็แล้วกัน” กรณ์จ้องอีกฝ่ายเขม็ง “หากเจ้าเอ่ยปากขอมีหรือท้าวภารตาจะไม่รับฟัง” แต่ไหนแต่ไรมา นอกจากสองจอมทัพใหญ่ก็มีพี่ชายของตนที่องค์จ้าวเหนือหัวนั้นจะไว้เนื้อเชื่อใจ

“ยามที่พระองค์บันดาลโทสะ มีหรือที่จะรับฟังสิ่งใด เจ้าก็รู้”

กรณ์นิ่งเงียบ นัยน์ตาสีโกเมนเหม่อมองท้องนภามืดมิดอย่างไร้ซึ่งความหวัง แม้นจะยังมิได้ปักใจเชื่อว่าจอมทัพทั้งสองก่อการกบฏจริง แต่ยามนี้หากยังดันทุรังจะถามหาข้อเท็จจริงก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา

...คงจะต้องรอเวลาอีกสักหน่อย

“ก็อย่างที่เจ้ารู้ จอมทัพทั้งสองก่อกบฏในยามที่ออกศึกกับกรุงราชคฤห์” คล้ายกับต้องกลืนโลหะร้อนลวกลงคอ ยิ่งเอื้อนเอ่ยวาจาโป้ปดออกไปมากเท่าใด เขาก็ยิ่งนึกละอายใจต่อผู้มีพระคุณมากเท่านั้น ลับหลังน้องชายสันหมัดสองข้างถูกเจ้าตัวกำเข้าจนมันสั่นไหวรุนแรง “เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ ตัวข้าในฐานะคนสนิทยังจะกล้ามีปากมีเสียงอันใดได้อีกหรือ” กรรณผินหน้ากลับมามองน้องชาย

“เรื่องวิรัล ข้าก็เสียใจไม่ต่างกับเจ้า และก็หาได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ไม่” เขาตอบกลับอย่างสัตย์จริง

มันก็รู้ว่าเขารักวิรัลไม่ต่างกับน้องในไส้ ตลอดหลายวันที่น้องถูกคุมขังคิดว่าเขานั้นกินอยู่นอนหลับด้วยความสบายใจสบายกายหรือ

“ข้าอาศัยช่วงที่เปลี่ยนผลัดยามแอบเข้าไปลักพาตัววิรัลออกมา แต่วันพรุ่งต้องนำตัวไปส่งคืนก่อนทหารเวรชุดใหม่จะมา” น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงแววขมขื่นเอ่ยบอก นัยน์ตาคมสลดลงอย่างเศร้าสร้อยที่ไม่สามารถช่วยอีกฝ่ายได้มากกว่านี้

“ทำไม..” กรรณใจเสีย เมื่อรู้ว่าเจ้าตัวน้อยของเขาจะต้องถูกส่งตัวกลับเข้าไปในคุกใต้ดินอีกครั้ง

“ข้าไปลักพาตัวเขามา หาได้ออกมาโดยชอบธรรมไม่ หากองค์จ้าวเหนือหัวทราบเข้า มิใช่เจ้าหรือที่จะเดือดร้อน” ยอมรับว่าตัวเขาก็ห่วงพี่ชายอยู่ไม่ต่าง

“ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้” เพราะเขาทนไม่ได้หากวิรัลจะต้องกลับไปอยู่ในนั้นอีก เท่านี้มันก็เกินพอแล้ว ยิ่งเห็นสภาพน้องในวันนี้ตัวเขาก็ยิ่งปวดใจไม่หาย

“อย่างไรเล่า?” กรณ์ว่าพลางเหยียดยิ้มที่มุมปากเพราะยังผูกใจเจ็บ “หากเจ้าคิดจะช่วย เหตุใดจึงไม่ช่วยตั้งแต่แรก”

“เมื่อครู่ที่ข้าพูดไป เจ้ารู้ความบ้างหรือไม่เจ้ากรณ์” เขามองหน้ามันอย่างเบื่อหน่าย

นิสัยอันธพาลไปทั่วไม่มีใครเกินจริงเลยเชียว

“วันพรุ่งพระองค์มีรับสั่งให้ข้าไปเข้าเฝ้า” กรรณเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น “ข้าจะทูลขอพระองค์ให้ เจ้าไม่ต้องห่วง”

“ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือ” ถ้อยคำสวนกลับของผู้เป็นน้องทำให้อสุราหนุ่มสะอึกอยู่ไม่น้อย

แม้นรู้ดีว่ามันเพียงแค่กล่าวด้วยความเป็นห่วง แต่นั่นกลับยิ่งตอกย้ำให้เขาละอายใจในความผิดจนในอกนั้นเสียดร้าวราวกับโดนคมหอกทิ่มแทง

“หากไม่เชื่อใจข้า เจ้าจะเชื่อใจผู้ใดได้”

กล่าวออกไปเช่นนั้นก็กลับหน้าม้านเสียเอง…

...คนทรยศเช่นเขายังจะกล้าพูดคำๆ นี้อยู่อีกหรือ…

“อืม” กรณ์พยักหน้ารับคำอย่างไร้ข้อโต้แย้งอื่นใดอีก

เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลงทั้งคู่ก็ต่างแยกกันไปชำระล้างกายใหม่อีกหนเพราะหากกลับไปสภาพช้ำเลือดกันเช่นนี้มีหวังผู้ที่รออยู่เรือนจะตื่นตกใจเอาได้

 

(ต่อหน้าถัดไป)   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2018 00:46:13 โดย Punmile09 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด