✽ ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ✽ : บทที่ ๒๒ - ลาจาก : ๒๖/๑๒/๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✽ ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ✽ : บทที่ ๒๒ - ลาจาก : ๒๖/๑๒/๒๕๖๒  (อ่าน 41252 ครั้ง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
 เพลานี้บนเรือนนั้นเงียบสงัดบ่งบอกได้ว่าทุกคนต่างแยกย้ายเข้าห้องหับหลับนอนไปเรียบร้อยแล้ว อสุราหนุ่มสองตนแยกจากกันตรงชานเรือน แต่ก่อนที่กรณ์จะเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องเสียงของผู้เป็นพี่ก็เอ่ยดักอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

“เรื่องนั้น” พลางผินหน้ากลับมามองผู้ฟัง น้ำเสียงกดต่ำลงจนราวสันหลังผู้ต้องหานั้นเย็นวาบ นัยน์ตาคมกล้าทอประกายเข้มขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วเข้าที่ข้างลำคอของตนเป็นการบอกใบ้ว่าต้องการที่จะสื่อถึงสิ่งใด

..ใช่ว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นรอยแดงที่เจือจางอยู่ข้างลำคอของเจ้าวิรัล..

“…”

“อย่าได้คิดทำอีก”

..นี่ถือว่าเป็นคำเตือน…

เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องนัยน์ตาคมกล้าก็จับจ้องอยู่กับร่างที่นอนคุดคู้กายเข้าหากันราวกับเด็กตัวเล็กๆ อสุราหนุ่มค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้โดยพยายามเบาฝีเท้าเพื่อไม่ต้องการรบกวนห้วงนิทราของอีกฝ่าย แต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่อเจ้าตัวน้อยตรงหน้าเริ่มรู้สึกตัวตื่น

“กรณ์..” วิรัลลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังงัวเงีย พร้อมกับจดจ้องไปที่ร่างสูงใหญ่ “ไปไหนมาหรือ”

“มีเรื่องให้พูดคุยกับพี่กรรณของเจ้านิดหน่อย” อสุราหนุ่มเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนที่จะโดนเจ้าวิรัลโถมตัวเข้ากอดเต็มแรง

เจ้าตัวน้อยปีนป่ายขึ้นมานั่งจัดท่าบนหน้าตักเองเสร็จสรรพพร้อมเพิ่มแรงโอบรอบคอไว้แนบแน่น กรณ์ที่ไม่ได้ตระเตรียมตัวมารับเหตุการณ์เช่นนี้นั่งตัวแข็งราวกับโดนสาปมือไม้ก็พลันเย็นเฉียบไปหมดเมื่อเนื้อตัวอุ่นนุ่มของน้องทาบทับกับอกเปล่าเปลือยของตน

ตั้งแต่ไปลักพาตัวออกมาเจ้าวิรัลจะดูจะออดอ้อนและโหยหาเขาเป็นพิเศษ เอะอะก็กอด เอะอะก็ซุกไซร้

ราวกับว่าเขาเป็นพระอิฐพระปูนไร้ความรู้สึก..

มันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าหากยังขยันออดอ้อนเขาอยู่เช่นนี้ ก็เกรงว่าเมื่อใดที่ทนไม่ไหวขึ้นมาตัวน้องนั่นล่ะที่จะแย่เอา…

“ตื่นมาทำไม หืม” อ้อมแขนแกร่งยกขึ้นโอบกอดตอบ

“ข้ากลัว..” เจ้าตัวน้อยพูดอู้อี้อยู่ในลำคอดูท่ายามที่เขาไม่อยู่ข้างกายความหวาดผวามันจะกลับมาทำร้าย “กรณ์...”

“ชู่ว ข้าอยู่นี่แล้วเจ้าตัวน้อย” กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นพร้อมกับก้มลงไปจูบที่ข้างขมับชื้นเหงื่อ ดูท่าช่วงที่เขาไม่อยู่น้องคงจะฝันร้าย

“อื้อ” เจ้าวิรัลพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย อสุราตัวน้อยผละหน้าออกมาจากอกอุ่น หากแต่รอยช้ำเลือดที่ปรากฏอยู่ที่ข้างมุมปากของกรณ์นั้นกลับดึงความสนใจได้เป็นอย่างดี “กรณ์ไปโดนอะไรมาหรือ” ฝ่ามือนุ่มข้างหนึ่งยกขึ้นไล้รอบๆ จนกรณ์เผลอหลุดร้องเสียงต่ำด้วยความเจ็บ

“ก็พี่กรรณของเจ้าน่ะสิ” เขายกยิ้มตอบ น้องจะได้ไม่เป็นห่วง “ต่อยตีข้าไม่ยั้งเลย” แอบป้ายสีพี่ชายตนไปนิดหน่อยเพราะยังเคืองเรื่องเก่าไม่หายเลยถือโอกาสนี้เรียกความสงสารจากเจ้าตัวน้อยไปด้วยเสียเลย

...เชื่อว่าหลังจากนี้ความนิยมเขาจะพุ่งทะยานนำหน้ามันแน่นอน

“เหตุใดจึงต้องใช้กำลังกันด้วย” นัยน์ตาสุกสกาวทอแววเป็นห่วงอย่างสุดแสน จนผู้ที่กำลังอดทนอดกลั้นอยู่นั้นต้องข่มใจอย่างมากที่จะไม่เผลอตนไปรังแกเข้า "เจ็บมากหรือเปล่า"

“มาก” มากกับผีน่ะสิ แผลเพียงเท่านี้มีหรือจะสามารถทำให้เขาระคายผิว

แต่แล้วเรื่องที่เหนือการคาดหมายก็เกิดขึ้นซ้ำสอง เมื่อเจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดนั้นยืดตัวขึ้นจนระดับใบหน้าอยู่เสมอกัน ก่อนลมอุ่นๆ จากริมฝีปากอีกฝ่ายจะเป่ารดลงบนแผลฟกช้ำเหมือนดั่งที่เจ้ามารุตทำให้พ่อจ๋าของมันในช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา

กรณ์ตัวแข็งทื่อฉับพลันฝ่ามือที่โอบกอดร่างอีกฝ่ายไว้เย็นเฉียบแต่เหงื่อกาฬกลับผุดซึมขึ้นจนฝ่ามือเปียกชื้น

ในอกนั้นเต้นระรัวเร็วราวกับรัวกลองรบพันลูกก็มิปาน ยิ่งน้องผละออกมามองเขาด้วยตาใสแจ๋วเจือความห่วงใยอย่างบริสุทธิ์ใจ อารมณ์เบื้องต่ำที่ถูกกดไว้ลึกก็ยิ่งแผลงฤทธิ์อย่างเกินจะควบคุม

อสุราหนุ่มคำรามต่ำในคออย่างหักห้ามใจ คำกล่าวเตือนของผู้เป็นพี่ที่หน้าประตูนั้นช่างพร่าเลือนราวกับกลุ่มหมอกควัน อ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับร่างอีกฝ่ายแน่นขึ้น ใบหน้าคมสันโน้มลงต่ำจนปลายจมูกทั้งสองแตะกันแผ่วเบา

“กรณ์..” วิรัลขานเรียกเสียงเบาหวิว ตกใจไม่น้อยเมื่อจู่ๆ ฝ่ายนั้นโน้มหน้าลงมาใกล้เกินกว่าที่เคย

กลิ่นอายคุกคามที่ก่อตัวขึ้นทำให้อสุราตัวน้อยเริ่มทำตัวไม่ถูก..

เมื่อกรณ์ดูแปลกไปจากที่เคย...

แววตาของอีกฝ่ายดูลุกโชนประกายเข้มขึ้นเมื่อยามที่จดจ้องไปยังกลีบปากนุ่ม เจ้าตัวน้อยพยายามยื้อกายออกห่างจากความใกล้ชิดเกินความจำเป็น แม้นจะตกใจกับการกระทำถึงเนื้อถึงตัวของอีกฝ่ายแต่ในอกนั้นกลับเต้นรัวเร็วเสียจนห้วงลมหายใจไม่เป็นจังหวะปกติ นัยน์ตาฉายแววสับสนและหวาดหวั่นออกมา

อสุราหนุ่มขบเขี้ยวเข้ากับริมฝีปากตนอย่างหักห้ามใจเมื่อรู้ตัวว่าแสดงท่าทีล่วงเกินคุกคามน้องจนเกินงาม เรียวลิ้นร้อนในโพรงปากกวาดดุนไปทั่วอย่างนึกขัดใจเมื่อไม่สามารถลิ้มรสเจ้าผลหวานตรงหน้าได้อย่างที่ใจต้องการ

เกือบไปเสียแล้ว...หากไม่เห็นแววตาที่หวาดหวั่นของอีกฝ่าย เขาก็เกือบที่จะออกแรงบังคับเพื่อจะได้ลิ้มรสกลีบปากนุ่มนั่นแล้ว..

..นับวันเจ้าตัวน้อยยิ่งจะทำให้ความอดทนเขาลดต่ำลงเรื่อยๆ ...

“ข้าเพียงแค่อยากตรวจดูพิษไข้ของเจ้าสักหน่อย” คำโกหกคำโตหลุดออกมาอย่างหน้าด้านๆ แต่เจ้าวิรัลกลับพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพร้อมกับโล่งอก “นอนกันเถอะ” ตัดบทสนทนาโดยการล้มตัวลงนอนนอกเบาะรอง

เขาไม่กล้าที่จะเอาตัวไปอยู่ใกล้น้องเพราะเกรงว่าเหตุการณ์อย่างเมื่อครู่มันจะเกิดขึ้นซ้ำอีก คราวนี้ก็จะไม่หยุดอยู่แค่ปลายจมูกแตะกันแน่

"กรณ์ไม่มานอนด้วยกันหรือ" เจ้าตัวน้อยเสียงสลดลงอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่มองมาอย่างโหยหาเกือบจะพังกำแพงแห่งความอดกลั้นของเขาให้สิ้นซาก

"ไม่ล่ะ" อสุราหนุ่มแสร้งหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า แขนข้างหนึ่งสอดเข้ารองใต้ศีรษะต่างหมอน "ข้ากลัวเจ้าร้อน"

"ไม่ร้อนนะ...มันอุ่น.." เสียงน้องงึมงำในลำคอแผ่วเบาคงเพราะไม่อยากจะรบกวน ก่อนประโยคต่อมาจะทำให้อกของอสุราหนุ่มร้อนรุ่มราวกับเพลิงเผา "เช่นนั้นจับมือได้หรือไม่..แค่...แค่หลวมๆ ก็ได้ ข้าไม่ร้อนหรอก"

ร้องขอเช่นนี้..แล้วผู้ใดเล่าจะกล้าปฏิเสธ..

..ร้ายนักนะเจ้าตัวน้อยนี่..

"มาสิ" แสร้งว่าอย่างไม่ใส่ใจ แต่ในอกนั้นกลับลิงโลดจนแทบออกมาแดดิ้นบนพื้นเสียให้ได้..

ฝ่ามือใหญ่ยื่นออกไปหาทั้งที่เจ้าตัวยังคงหลับตาอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งสัมผัสอุ่นนุ่มก็สอดแทรกเข้ามาตามร่องนิ้ว ส่งผลให้ในอกอุ่นวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มีเพียงปลายนิ้วเท่านั้นที่กอบกุมแนบชิด ต่างฝ่ายต่างเงียบปล่อยให้ห้วงความคิดของตนนั้นล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย

เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วยามเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอนั้นบ่งบอกว่าเจ้าวิรัลได้กลับเข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อย อสุราหนุ่มจึงถือโอกาสเคลื่อนขยับกายเข้าไปใกล้แล้วสอดแขนเข้าโอบกอดร่างของน้องเข้ามาแนบกับอกดังเดิม

กรณ์นอนมองร่างในอ้อมกอดตลอดทั้งคืนโดยไม่แม้นแต่ที่จะผละสายตาออกห่างไปไหนไกล ริมฝีปากไล่จุมพิตไปทั่วใบหน้าราวกับต้องการที่จะกักเก็บความคิดถึงนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด..

..ก่อนที่จะต้องแยกจากกัน...

_________________________



ฝากเม้นเป็นกำลังใจให้พันไมล์ด้วยน้าา

หรือจะติดแท็ก #ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ทางทวิตเตอร์ก็ได้ค้าบบ :mew1:

..เจอเจ้าแก้วตอนหน้านะคะ เผื่อมีคนคิดถึง แฮ่ๆ > <
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2018 00:46:55 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คิดถึงเจ้าแก้วกับพี่ยักษ์วศินนนน!  //งอแง//

สงสารพี่กรรณอ่ะ สงสารมาก แอบน้ำตาซึมตอนอ่านเลย ต้องเก็บทุกอย่างไว้กับตัว ละอายใจที่ตัวเองเป็นคงไม่ดีเสียเองแต่ก็ต้องทำเพื่อครอบครัว หนูเอาใจช่วยพี่นะคะ //ยกป้ายไฟเชียร์

พี่กรณ์ก็ใจเย็นหน่อยสิ นั้นพี่ชายแกนะเว้ย555555 แหม่.. พอเป็นเรื่องของวิรัลนี่หัวมันร้อนง่ายเนอะ เดี๋ยวให้พี่ยักษ์วศินกลับมาก่อน ให้เรื่องทุกอย่างมันคลี่คลายก่อนแล้วจะให้พี่วศินจัดการเสีย เอาให้หนักพี่วศิน! 5555555

พี่กรรณแอบมีหวงน้องน้อยวิรัลแถมยังเห็นอีกว่าพี่กรณ์ทำอะไรไว้กับน้อง ตีเลยพี่กรรณตีพี่กรณ์น้องชายพี่เลย นิสัยไม่ดีแอบหื่นกับน้องวิรัลได้ไง! //ยื่นไม้เรียวให้

แอบมีพิมพ์ผิดน้าา ตรง ...น้องโตขึ้นมากแล้ว ไม่ไล่ตาย... อย่าพึ่งไล่พี่กรณ์ไปตายสิ5555555 //แซวว//เราแอบมาห้ามบอกใครนะ จุ๊ๆไว้55555 สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้น้าา รักและเทคแคร์

ปล. 1.คิดถึงพี่ยักษ์วศิน
       2.คิดถึงเจ้าแก้วลูกรัก
       100.คิดถึงเจ้าแก้วลูกรัก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รามสูรมีแอบหวงดาหลันเบาๆๆ แต่งานนี้วศินกับมาเมื่อไรได้จมแน่
แอบสงสารกรรณห่วงลูกเมีย หวังว่าจะลงตัวกับวศิน กรรณยังตาไวเห็นน้องน้อยโดนกรณ์จูบทิ้งไว เดียวจะโดนดี อิอิ
กรณ์ใจเย็นๆๆๆๆน่ะน้องยักษ์ไม่รอดไปไหนหรอก มีแต่กระตุ้น ฮ่าๆๆๆ
อยากให้กล้าคู่กับวิรุณเลยจัง มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนก็คนรักกันไงเนอะ
คิดถึงลูกแก้วจังเลย วศินพาน้องมาไวไวน่ะ

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
แงงงงง   :monkeysad:  สงสารทุกคนเลย 
โดยเฉพาะพี่กรรณ น่าสงสารที่สุดแล้ว
แล้วถ้าน้องวิรัลรู้ความจริง จะเจ็บปวดขนาดไหนเนี่ย คนที่รักทำร้ายพี่ชายและตัวเอง ฮืออ
สุดท้ายแล้วขอให้ทุกคนเข้าใจพี่กรรณ แล้วมีทางออกที่ดีโดยไม่ต้องสูญเสียใครไปนะ T^T
ไม่อยากให้น้องต้องกลับเข้าไปในคุกอีก หวังว่าพี่กรรณจะช่วยน้องได้
ภาษาดีเช่นเคยเลยค่ะ ชอบบบบบ  เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า ^^

ออฟไลน์ K_mala

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เรื่องนี้น่าสนใจ รอติดตามจ้า :mew1:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
หวงแหน

.

.

.


“ซี๊ดด...ไอ้แก้วเบามือหน่อยสิวะ”

“โอ๊ย”

“พอแล้— อ...โอ๊ย! พ่อครู!”

ไอ้กล้าร้องดังลั่นเมื่อโดนฝ่ามือหนักฟาดเข้าที่กลางหลัง มันแอ่นตัวเหยียดตรงเมื่อรู้สึกแสบสันที่บริเวณผิวเนื้อ ครูบุญยืนมือเท้าสะเอวมองไอ้ตัวดีตาเขียวปั๊ดเมื่อมันดีดดิ้นไม่เข้าท่าราวกับเด็กเล็กเด็กน้อย

“หุบปากเอ็งประเดี๋ยวนี้เลยไอ้กล้า” ชายชราชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ “นั่งนิ่งๆ เสีย น้องมันทำแผลให้ลำบากเห็นหรือไม่” น้ำเสียงเข้มงวดที่มีไว้ใช้เฉพาะกับไอ้ตัวดีเอ่ยสำทับไปอีกหน ก่อนจะใช้ผ้าขาวม้าที่พาดคออยู่นั้นโบกพัดให้ศิษย์คนเล็กเมื่อสังเกตเห็นว่าไรผมของมันเริ่มชื้นเหงื่อ

ตั้งแต่เช้ามานี้เป็นเจ้าแก้วคนเดียวที่ต้องวิ่งวุ่นไปเสียทุกอย่างทั้งหุงหาข้าวปลาอาหารสารพัดสิ่งทำเอาเหงื่อซ่กอยู่มิใช่น้อย เพราะเมื่อสองวันก่อนหลังจากที่ไอ้กล้าไปมีเรื่องกับชาวบ้านชาวช่องเขามาระหว่างทางกลับเรือนดันเสือกกะโหลกเดินไม่ดูตาม้าตาเรือยื่นตีนไปให้ไม้เสียบเล่นเสียอย่างนั้น ลำบากท่านวิรุณต้องเปลืองแรงแบกหามร่างถึกทึนของมันกลับมาที่เรือนอีก ถึงกระนั้นไอ้ตัวดีก็ยังไม่สำเหนียกตนกลับโวยวายด่าพาโลพ่อยักษ์ตนนั้นด้วยความหัวเสียจนเขาต้องเคาะกะโหลกมันไปอยู่หลายทีถึงจะเงียบปากลงไปได้

..มันน่านัก

...ไม่โดนหักขาหักแข้งก็บุญหัวของไอ้กล้ามันแล้ว…

“เสร็จแล้วจ้ะ” เจ้าแก้วเงยหน้าขึ้นมาเมื่อผ้าทบสุดท้ายถูกพันพับเก็บไว้หลังข้อเท้าเป็นที่เรียบร้อย “ประเดี๋ยวฉันลงไปเอาลูกประคบก่อนนะ” มันว่าทิ้งท้ายไว้ก่อนจะรีบลุกเดินลงเรือนไปอย่างคล่องแคล่ว

เมื่อเดินกลับขึ้นมาก็ได้พบว่าพ่อครูนั้นกำลังนั่งบ่นพี่ของมันอยู่ดังเดิม ทว่าครานี้ถึงแม้นปากจะดุด่าว่ากล่าวอย่างไรแต่มือนั้นกลับบรรจงแต้มสมุนไพรป้ายไปตามบริเวณแผลฟกช้ำบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเบามือ

“โตไม่รู้จักโตนะเอ็งนี่” ชายชราเอ่ยดุ แต่ทว่านัยน์ตานั้นทอแสงอ่อนลงไปมากเมื่อเห็นแผลฟกช้ำตามใบหน้าของศิษย์คนโต “คราวหน้าคราวหลังก็หัดรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองเสียบ้าง ไม่ใช่ใครเขาเย้าแหย่อะไรก็ขึ้นง่ายไปเสียหมด” เขาเตือนต่อ ก่อนจะกดเสียงให้เข้มขึ้นเมื่อเห็นว่าไอ้ตัวดีมันยังนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ “ที่ข้าพูดนี่เอ็งเข้าใจหรือไม่ หา ไอ้กล้า”

“จ้าๆ จะไม่ทำอีกแล้วจ้า” มันพยักหน้ารับคำ

“เอ็งก็เป็นเช่นนี้ทุกทีล่ะวะ” ครูบุญแต้มยาบริเวณรอยช้ำข้างโหนกแก้มให้พร้อมกับออกแรงกดสุดแรงจนไอ้กล้าร้องโอดโอยออกมาเสียงดัง “เอ้า เจ้าแก้ว มาประคบยาให้พี่เอ็งเสีย ข้าจะลงไปดูเด็กๆ มันเสียหน่อย” ชายชราหันมาสั่งก่อนจะลุกสะบัดเอาผ้าขาวม้าขึ้นพาดคอแล้วเดินลงเรือนไปทิ้งให้สองพี่น้องมันดูแลกันเอาเอง

หลังจากนี้เขาคงต้องกลับมาสอนมวยพวกเด็กๆ แทนไอ้กล้ามันสักระยะหนึ่ง เพราะสภาพเช่นนั้นลำพังช่วยเหลือตนเองยังไม่ค่อยจะคล่อง นับประสาอะไรกับต้องลุกมาสอนเตะแข้งฟันศอกกัน

“ยังปวดอยู่หรือไม่จ๊ะพี่กล้า” เจ้าแก้วถามพร้อมกับห่อลูกประคบไว้กับผ้าอีกชั้นเพื่อกันความร้อนจัด

“ปวดสิวะ” ชายหนุ่มนั่งเท้าแขนไปด้านหลังพลางเงยหน้าขึ้นเพื่อสามารถที่จะประคบยาได้สะดวก

ความอุ่นร้อนและกลิ่นฉุนเจือจางของสมุนไพรแนบลงข้างกรอบหน้าอย่างเบามือ ไอ้กล้าหลับตาพริ้มเมื่อรู้สึกผ่อนคลาย มันชอบนักล่ะยามที่น้องมาทำแผลให้เช่นนี้เพราะมือเจ้าแก้วนั้นเบาอย่างกับอะไรดี

“ถ้าปวด คราวหลังก็อย่าไปต่อยตีกับเขาไปทั่วสิจ๊ะ” เด็กหนุ่มว่าด้วยท่าทีพาซื่อ เรียวคิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์กับเรื่องวิวาทของพี่มันเท่าใดนักและถึงแม้นจะไม่ชอบใจเจ้าแก้วก็หาได้ว่ากล่าวสิ่งใดออกไป

แต่กับคนเป็นพี่นั้นกลับรับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าแก้วมันเริ่มไม่ชอบใจเข้าแล้ว…

..เพราะน้ำหนักมือที่กดลงมาบนแผลย้ำๆ นี่อย่างไรเล่า…

“ก็ไอ้ห่ามืดมันกวนส้นตีนข้าก่อน” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน “ข้าไม่ผิด”

“พี่กล้าอายุเท่าใดแล้ว” เจ้าแก้วปรายตามองมาเพียงนิด ก่อนจะลดน้ำหนักมือลงเมื่อเห็นว่าพี่ของมันเจ็บ “ปีนี้ยี่สิบสามแล้วนะจ๊ะ”

“…” ทำได้เพียงแค่นั่งเงียบฟังน้องพูดอย่างตั้งอกตั้งใจเสียยิ่งกว่าตอนที่พ่อครูว่ากล่าวตักเตือนเสียอีก

“หาใช่เด็กๆแล้ว เหตุใดจึงไม่หัดระงับโทสะเสียบ้าง” นัยน์ตาสีสวยทอแสงอ่อนลง ในน้ำเสียงนุ่มหาได้แฝงอารมณ์ขุ่นมัวในตัวพี่มันเลยแม้แต่น้อย

“…ก็มันว่าเอ็ง” ชายหนุ่มเหงาหงอยลงไปอย่างเห็นได้ชัด “ข้าไม่ชอบให้ผู้ใดมาว่าเอ็งเสียๆ หายๆ”

เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าแก้วก็ทอดถอนใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะระบายยิ้มออกมาพร้อมกับชี้บริเวณดวงตาข้างซ้ายที่ถูกพันปิดไว้ด้วยผ้า

“เสียๆ หายๆ อย่างไรหรือจ๊ะ” มันถามอย่าพาซื่อ “ที่ฉันตาบอดน่ะหรือ?”

“ไอ้แก้ว” ผู้เป็นพี่ขัดขึ้นมาอย่างสุดจะทน เพราะเขาไม่อยากให้มันรู้สึกแย่กับเรื่องพรรค์นี้อีก

“พี่กล้า” เจ้าแก้วเสียงอ่อนลง “ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่จ๊ะ ฉันก็ตาบอดดั่งที่เขาว่ากล่าว แล้วเหตุใดจึงจะต้องโกรธด้วยในเมื่อเขาก็แค่พูดความจริง” แม้นจะพูดเรื่องที่หนักหนาเช่นนี้ แต่เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับพูดมันออกมาราวกับความพิกลพิการของมันนั้นเป็นเพียงเรื่องปรกติทั่วไป เจ้าแก้วยังคงยิ้มอยู่ต่างกับพี่มันที่หน้าบูดบึ้งลงไปทุกที “หรือพี่กล้าอับอายที่ฉันเป็นแบบนี้?” น้ำเสียงนั้นสลดลงจนไอ้กล้านั้นใจเสีย

“พูดบ้าอันใดของเอ็ง!” ชายหนุ่มเผลอตวาดออกมาอย่างลืมตัว แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายจึงรู้ว่าถูกไอ้แก้วมันเย้าแหย่เข้าเสียแล้ว เด็กหนุ่มกลับมายิ้มสดใสดังเดิมหลังจากที่จงใจว่าเสียงเศร้าแกล้งพี่มันไป

..ซ้ำยังไปแหย่ถูกจุดเสียด้วย...

แต่เมื่ออารมณ์มันขึ้นแล้วมีหรือจะดับลงโดยง่าย ไอ้กล้าพูดเสียงหนักแน่นพร้อมกับยกนิ้วดันหน้าผากน้องมันย้ำๆ จนเจ้าแก้วต้องเอี้ยวตัวหลบเป็นพัลวัน

“ข้าไม่เคยอับอายที่เอ็งเป็นเช่นนี้...ไม่เคยแม้แต่จะคิด ถึงเอ็งจะบอดสนิททั้งสองข้างหรือทั้งมือทั้งตีนสั้นกุดข้าก็รักเอ็ง จำใส่กะโหลกไว้เสีย” ครานี้กลับกลายเป็นเจ้าแก้วเสียเองที่ต้องนั่งฟัง “ข้าแค่ไม่ชอบใจที่พวกมันพูดถึงเอ็งแบบสนุกปากเช่นนั้น มันอาจจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเอ็ง แต่ไม่ใช่กับข้า...ไอ้แก้ว”

ไม่พูดเปล่าร่างสูงใหญ่กลับเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อพิงเข้ากับอกของน้องมันราวกับต้องการที่พักพิง

“ข้าขอโทษก็แล้วกัน...ที่ขยันสร้างแต่เรื่องปวดหัวให้พ่อครูกับเอ็งไม่เว้นแต่ละวัน” น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววรู้สึกผิดอย่างแท้จริง ก่อนจะเกลือกกลิ้งศีรษะไปมาจนเสื้อน้องยับยู่ไปหมด

..ราวกับเสือโคร่งตัวโตๆ กำลังออดอ้อนอย่างไรอย่างนั้น

“ฉันหาได้โกรธเคืองอะไรเลย” เจ้าแก้วยกมือขึ้นโอบรอบลำคอพี่มันไว้ ก่อนจะโดนอีกฝ่ายดึงเข้าไปกอดทั้งตัว อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดแน่นราวกับต้องการย้ำว่าเขานั้นรักมันมากเพียงใด “ที่พูดก็เพราะเป็นห่วงพี่กล้าทั้งนั้น…อย่ามีเรื่องกับใครเพราะเรื่องของฉันอีกเลยนะ” เด็กหนุ่มซบใบหน้าเข้ากับอกผู้เป็นพี่อย่างออดอ้อน

“เอ็งมันก็แบบนี้ทุกทีสิวะ” เสียงทุ้มต่ำสบถอย่างไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

“แบบไหนหรือจ๊ะ”

“อ้อนเป็นเด็กไปได้ ข้าไม่ใจอ่อนหรอกนะบอกไว้เลย”

“ฉันโตแล้วนะจ๊ะพี่กล้า” เจ้าแก้วแย้งกลับ

“สิบเจ็ดปี…โตกับผีเอ็งน่ะสิ” เอาเจ้าเนื้อแก้มเยอะๆ นี่ออกไปให้ได้เสียก่อนค่อยริมาออกปากเถียง

แต่เมื่อนึกดูดีๆ แล้วเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้านนั้นเจริญพันธุ์นำหน้ามันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่กับเจ้าแก้วนั้นบรรยากาศรอบกายมันทั้งนุ่มนวลอ่อนโยนหาได้แข็งกระด้างดั่งเช่นเด็กหนุ่มคนอื่นๆ

ถ้าจะเปรียบเทียบกันหากเขาเป็นดั่งเปลวเพลิงที่พร้อมแผดเผาทุกสรรพสิ่ง เจ้าแก้วก็คงเป็นสายน้ำฉ่ำเย็นที่คอยช่วยชโลมจิตใจให้ชุ่มฉ่ำ

..และเพราะมันเป็นเช่นนี้ เขาถึงได้นึกหวงแหนมันนัก...

“ฮื่อ ฉันไม่คุยกับพี่กล้าแล้ว”

ไอ้คนที่พึ่งยืนยันตนว่ามันโตแล้วกลับลุกหนีเดินลงเรือนไปอย่างว่องไว ทิ้งให้พี่มันต้องพยุงตัวลุกขึ้นเดินตามลงไปอย่างยากลำบาก

เมื่อเดินลงมาก็เห็นพ่อครูกำลังยืนคุมเหล่าบรรดาลูกศิษย์เข้าคู่ฝึกซ้อมกันอยู่อย่างแข็งขันและเมื่อพวกมันเห็นเขาก็ตั้งท่าจะพากันวิ่งกรูเข้ามาหาจนโดนครูบุญเอ็ดตะโรเข้าให้นั่นล่ะถึงจะพากันกลับไปตั้งใจซ้อมดังเดิม

“เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะพี่กล้า ดีขึ้นบ้างหรือยัง” ไอ้ดินเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับเจ้าแก้วเอ่ยถามขึ้นในระหว่างที่กำลังยกเป้าล่อให้คู่ฝึกซ้อมของตนเอง

“เอ็งแหกตาดูสิวะ” ชายหนุ่มเดินกะเผลกไปยืนพิงเสาเรือนไว้เพื่อเป็นหลัก ก่อนจะตอบคำถามอีกฝ่ายอย่างใส่อารมณ์นิดหน่อยเมื่อหางตาสังเกตเห็นสองอสุราหนุ่มที่กำลังนั่งคุยกันอยู่บนแคร่อีกตัว

…รกหูรกตาฉิบหาย

เมื่อวันก่อนเขาก็ยังไม่ทันได้หายเคืองเรื่องที่จู่ๆ เจ้าแก้วก็ดันเดินกลับเรือนมาพร้อมกับไอ้ยักษ์ตัวแดงนั่น ซ้ำยังดูท่าจะสนิทสนมกันเกินความจำเป็นเสียด้วย

“เอ๊ะ ไอ้ห่านี่ สันดานพาลไปทั่วนะเอ็ง น้องมันก็ถามดีๆ” ครูบุญยกไม้ตะพดขึ้นชี้หน้าพลางว่ากล่าวตำหนิไอ้คนที่โตแต่ตัว

“จับดีๆ สิวะไอ้ดิน! เหลาะแหละเช่นนี้ก็กลับเรือนไปหาแม่เอ็งนู่น!” ไอ้กล้ายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจในคำพูดของพ่อครู ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องหันไปตวาดเด็กหนุ่มแทนจนมันหันรีหันขวางออกแรงจับแน่นจนเหงื่อหยด

“จ..จ้ะ”

..ก็พี่กล้าน่ะเห็นเป็นเช่นนี้ยามที่สอนมวยพวกมันนั้นโหดเอาเรื่องเลยทีเดียวนา…

“แล้วนี่ไอ้แก้วมันไปไหนเสียล่ะพ่อครู” สาดส่องสายตามองหาไปทั่วก็ไม่พบหน้ามัน

“ข้าก็ไม่รู้มัน” ครูบุญมองหาบ้าง ก่อนจะพยักพเยิดหน้าบอกเมื่อเห็นเจ้าแก้วเดินมาจากทางหลังเรือน “นั่นปะไร เดินมาโน่นแล้ว”

“เอ็งจะไปไหนวะ” ไอ้กล้าถามขึ้นเมื่อเห็นน้องมันถือมีดพร้าด้ามยาวติดตัวมาด้วย

“อ้อ ฉันจะเข้าไปตัดต้นไผ่น่ะจ้ะพี่กล้า” มันพูดพร้อมกับพับถลกชายผ้านุ่งขึ้นเก็บไว้ชิดใกล้กับโคนขาอย่างคล่องแคล่ว “พ่อครูบอกวันนี้จะทำแคร่ตัวใหม่กัน ฉันเลยอาสาจะเข้าไปตัดไม้ไผ่มาให้” เด็กหนุ่มเอาผ้าขาวม้ามัดคาดไว้บนศีรษะเพื่อกันหยาดเหงื่อหยดใส่ตา

หลังจากที่คนพี่ไปก่อเรื่องไว้จนแคร่ที่บ้านยายนิ่มพังเละเทะไม่เป็นท่าพ่อครูก็ได้สั่งให้พวกมันยกแคร่อยู่เรือนไปไว้ให้สามยายหลานไว้ใช้แทน

วันนี้อากาศปลอดโปร่งแดดไม่ร้อนจัดมากเท่าใดนัก ครูบุญเลยพูดลอยลมออกมาว่าอยากจะทำแคร่ตัวใหม่ไว้ใช้สักหน่อย เจ้าแก้วเลยขันอาสาเองเสียเลย คราแรกชายชราก็ไม่ยอมเพราะไม่อยากให้ศิษย์รักลำบาก แต่เมื่อโดนมันตะล่อมเข้าหน่อยว่าอยากออกกำลังเสียบ้างก็ต้องยอมตามใจโดยที่ไม่ลืมสั่งให้พวกลูกศิษย์ตัวโตสองคนตามเข้าไปช่วยมันด้วย

“ข้าไปด้วย อูยยย” เสียงทุ้มร้องโอดโอยเมื่อโดนไม้ตะพดเคาะลงบนหัว

“แหกตาดูสังขารตนเองเสียบ้าง” ครูบุญเอ็ดตะโรใหญ่ “ดันทุรังไปก็เป็นภาระน้องมันเสียเปล่า”

“แค่ไม้เสียบตีน ขาฉันไม่ได้ขาดนะพ่อครู--!”

ยัง…มันยังเถียงไม่หยุดหย่อน ครานี้เห็นที่ไม่ต้องใช้แล้วกระมังไม้ตะพดนี่

ต้องฝ่ามือ…เน้นๆ ..

ผั้วะ!

…ฟาดเข้าอย่างจังที่กลางหัวไอ้คนเถียงคำไม่ตกฟากจนไอ้กล้าหูอื้อตาลายไปชั่วขณะ

..เจ็บตัวน่ะไม่เท่าไร แต่ไอ้พวกศิษย์ทั้งหลายแหล่ที่มันกำลังยืนกลั้นขำกันอย่างสุดความสามารถนี่สิมันน่าเสียหน้าฉิบหาย

พ่อครูนะพ่อครู! ไม่ไว้หน้ากันเลย!

“โอ๊ย..” แต่ไม่ทันไรไอ้ตัวดีก็ทรุดตัวลงนั่งยองก้มหน้ากุมหัวตัวเองนิ่ง

“พี่กล้า” เจ้าแก้วเป็นคนแรกที่ถลาเข้าไปดูอาการพี่มันโดยมีครูบุญยืดกอดอกมองดูอยู่ห่างๆ

“ไอ้แก้ว…ข้าเจ็บ” เสียงทุ้มสั่นพร่าสมจริงเสียจนครูบุญเกือบจะใจเสียว่าลงมือกับมันหนักเกินไป แต่ทันได้เห็นสายตาเย้ยหยันที่ถูกส่งมาลับหลังน้องมันพอดีจึงได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เพียงผู้เดียว

..ตอแหลตลบตะแลงเก่งนักนะมึง!

“พี่กล้าเจ็บตรงไหนหรือจ๊ะ” ไอ้คนน้องที่พาซื่อไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพี่มันก็ออกอาการเป็นห่วงเสียจนใบหน้าซีดเผือดไปหมด

“นี่เจ้าแก้ว...พี่เอ็งมันโดนไม้เสียบตีน หาได้ถูกฟาดกระบาลแยก” ชายชราอดที่จะแทรกขึ้นมาไม่ได้เพราะยามนี้ทั้งฝ่ามือฝ่าเท้ามันคันคะเยอไปเสียหมดเมื่อเห็นไอ้ตัวดีมันแกล้งโอดโอยเกินเหตุ “เอ็งไปเถอะ ประเดี๋ยวข้าดูมันเอง” เขาเดินเข้าไปลูบหัวมันให้คลายความกังวลลง แต่ก็ยังมิวายหรี่ตามองไอ้ตัวโตไว้อย่างคาดโทษ

...น้องมันไม่อยู่เช่นนี้ก็ถือว่าทางสะดวก

“พร้อมหรือยังวะไอ้แก้ว” ชายหนุ่มอีกสองคนเดินเข้ามาสมทบหลังจากที่โดนครูบุญสั่งให้ตามเข้าไปช่วย “เอ้า ไอ้กล้า เป็นอะไรล่ะนั่น” มั่นเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสหายตนลงไปนั่งกุมหัวบนพื้น

“โรคสำออยมันกำเริบ” ครูบุญว่าเสียงหน่าย เรียกเสียงหัวเราะครืนใหญ่จากสองชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี

“หุบปากไปเลยพวกเอ็ง” ไอ้กล้าจ้องตาเขม็งก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลโดยมีน้องมันคอยช่วยประคองอยู่ไม่ห่าง “แล้วนี่พวกเอ็งจะไปไหนวะ” ชายหนุ่มถามกลับเมื่อเห็นว่าทั้งสองเหน็บมีดพร้าไว้หลังชายผ้านุ่ง

“ครูให้ข้ากับไอ้อินเข้าไปช่วยไอ้แก้วมัน” ชายหนุ่มชี้บอก

“เออๆ ข้าฝากดูมันด้วยก็แล้วกัน” ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นยีหัวคนน้องจนผมเผ้ามันยุ่งเหยิง “ยิ่งชอบเซ่อไม่ดูตาม้าตาเรืออยู่ด้วย”

“ถ้าน้องมันเซ่อ เอ็งก็บอดล่ะวะ มีที่ไหนเอาตีนไปให้ไม้เสียบเล่น” อินแทรกขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ พร้อมกับกระโดดหลบฝ่าเท้าที่พุ่งเข้ามาหาได้อย่างหวุดหวิด

อุบะ! ขนาดมันเจ็บตัวอยู่ยังมือไวตีนไวดีไม่มีตก

“เอ้าๆ เล่นกันเป็นเด็กไปได้ ไปกันได้แล้วพวกเอ็งน่ะ” ครูบุญเข้ามาห้ามทัพได้ทันก่อนที่มะพร้าวจะถูกปาเข้าใส่ไอ้อินที่หัวเราะเสียงดังลั่นวิ่งไปหลบเสานู้นทีเสานี้ทีราวกับเด็กเล็กเด็กน้อย

“เอ้า แก้ว จะไปไหนล่ะนั่น”

เสียงทุ้มต่ำของอสุราหนุ่มอีกตนแทรกขึ้นมาหยุดความโกลาหลที่เกิดขึ้น วิรุณปรายตามองรอบด้านอยู่เพียงครู่จนได้สบเข้ากับไอ้ตัวดีที่ทำหน้าถมึงทึงบอกบุญไม่รับอยู่เมื่อเห็นเขา

“ฉันจะเข้าไปตัดไม้ไผ่มาทำแคร่น่ะจ้ะ” เด็กหนุ่มว่าพร้อมกับเหน็บมีดพร้าเข้าที่หลังชายผ้านุ่ง

“อ้อ” อสุราหนุ่มพยักหน้ารับ “ไปผู้เดียวหรือ”

“เปล่าจ้ะ มีพี่มั่นกับพี่อินเข้าไปช่วยด้วย”

“อย่างนั้นหรือ…ถ้าเช่นนั้นต้องการแรงงานเพิ่มหรือไม่” ใบหน้าคมคร้ามยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำหน้าฉงนสงสัย

...นัยน์ตาพาซื่อเปล่งประกายสดใสหยอกล้อแสงอาทิตย์ได้อย่างน่าดูชม

“ท่านหมายถึงจะเข้าไปตัดไผ่น่ะหรือจ๊ะ” เจ้าแก้วยังคงไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอกดีนัก

“อืม” อสุราหนุ่มตอบรับอย่างนึกขันในความหัวช้าของมัน

“มิเป็นไรดอกพ่อวิรุณ เหนื่อยกายเสียเปล่า” ชายชรารีบบอกขึ้นมาอย่างเกรงอกเกรงใจ “แค่ไอ้มั่นกับไอ้อินก็แรงมากโขแล้ว ท่านพักผ่อนอยู่ที่นี่เถิด”

“ใช่จ้ะๆ ฉันกับไอ้มั่นแรงดีไม่มีตกอยู่แล้ว” ชายหนุ่มอีกคนเสริมขึ้น

“ให้ข้าช่วยเถอะ” วิรุณยังคงไม่ยอมล่าถอย “ได้ออกกำลังบ้างก็ดีเหมือนกัน อีกอย่างไปกันเยอะๆ จะได้ไม่เหนื่อยมาก”

“ก็ดี” เสียงทุ้มยียวนดังแทรกขึ้นมาขัด เรียกความสนใจของทุกคนให้หันกลับไปมอง “มาอาศัยเขาอยู่ ก็หัดทำตัวมีประโยชน์เสียบ้าง”

ไอ้กล้ายืนพิงเสาเรือนอย่างเกียจคร้าน จากบริเวณนี้มันอยู่ไกลจากพ่อครูมากโขจึงสามารถปากดีได้อย่างไม่กลัวเกรง

“ไอ้กล้า!” ครูบุญหันไปตวาดลั่นเมื่อศิษย์คนโตนั้นปากเสียอย่างไร้มารยาท แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปลงไม้ลงมือตักเตือนก็โดนพ่อวิรุณห้ามปรามไว้เสียก่อน

“ช่างเขาเถิดพ่อเฒ่า” อสุราหนุ่มส่งยิ้มบางเบาไปให้อย่างไม่นึกถือสาหาความ แต่ไอ้ตัวดีกลับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องมองเขม็งมาตาเขียวก่อนมันจะฮึดฮัดเดินหนีไปอีกทาง

“พ่อวิรุณอย่าไปถือสามันเลยนะ ไอ้กล้ามันก็ปากไวเช่นนี้ คิดเสียว่าฟังเสียงหมาเห่าก็แล้วกัน” ครูบุญลำบากใจอย่างหนักเมื่อไอ้ตัวดีมันทำเรื่องงามหน้าทิ้งไว้แล้วหนีเปิดเปิงไปเสียอย่างนั้น

“ช่างเถิดพ่อเฒ่า ข้าหาได้ถือสาสิ่งใด” วิรุณระบายยิ้มออกมาอย่างไม่ติดใจอะไร

...ก็อย่างที่พ่อเฒ่ากล่าวมา คิดเสียว่าหมามันเห่า

...ซ้ำร้ายยังเป็นหมาบ้าตัวใหญ่เสียด้วย...

“เช่นนั้นก็ตามแต่ใจท่านเถิด” ชายชราพยักหน้ารับอย่างจำยอม ก่อนจะหันไปสั่งความกับลูกศิษย์อีกสองคน “พวกเอ็งน่ะอย่าพากันเถลไถลออกนอกทางเชียว เข้าใจหรือไม่”

“จ้ะครู” ทั้งสองขานรับอย่างแข็งขันก่อนจะเดินนำออกไป

“ส่วนเอ็งเจ้าแก้ว ดูแลตนเองให้ดี อย่าให้ข้าต้องเป็นห่วง” ฝ่ามืออุ่นลูบหัวมันไปอีกหน

“จ้ะพ่อครู” เด็กหนุ่มขานรับก่อนจะขอตัวเดินออกมา

เจ้าแก้วเดินนำหน้าวิรุณอยู่เพียงไม่กี่ก้าวแต่ในระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านแคร่หน้าเรือนไปกลับต้องหยุดชะงักฝีเท้าไว้เมื่อเสียงทุ้มต่ำของอสุราหนุ่มอีกตนเอ่ยถามขึ้น

“จะไปไหนกัน”

วศินมองมาที่ทั้งสองด้วยสายตาที่เรียบเฉย ก่อนจะสังเกตเห็นปลายด้ามของมีดพร้าที่เหน็บอยู่บนชายผ้านุ่งของเด็กหนุ่มพลันคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“แก้วจะเข้าไปตัดไผ่มาทำแคร่” วิรุณตอบพร้อมกับยกมือขึ้นมาจับบ่าของเจ้าแก้วเอาไว้ “ข้าเลยอาสาไปช่วย…นั่งๆ นอนๆ มาหลายวันมันครั่นเนื้อครั่นตัวอยากจะออกกำลังบ้าง”

ดวงตาคมกล้ามองไปที่มือข้างที่จับอยู่บนบ่าของเด็กหนุ่มพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นขึ้นกว่าเดิม จนใบหน้าคมคายดูดุดันเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

“...ข้าไปด้วย” เสียงเข้มห้วนตอบกลับ ก่อนจะปรายตามองไปที่เด็กหนุ่มอยู่เพียงครู่ส่งผลให้เจ้าแก้วสะดุ้งตื่นเล็กน้อยเมื่อได้สบเข้ากับสายตาดุดันของอีกฝ่าย

“จะดีหรือ” วิรุณเลิกคิ้วมองสหายของตน “แขนเจ้าก็ยังไม่หายดี พักอยู่ที่นี่จะไม่ดีกว่าหรือ”

“ข้าก็อยากออกไปยืดเส้นยืดสายเหมือนกัน” อสุราหนุ่มว่าตัดบทไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะลุกเดินนำออกไป ทิ้งให้คนที่อยู่เบื้องหลังงุนงงอยู่ไม่น้อย

...หน้านิ่วคิ้วขมวดอันใดของมัน ทำอย่างกับไปกินรังแตนมาอย่างไรอย่างนั้น

ระหว่างทางเดินเข้าไปในไพรกว้างเสียงพูดคุยของอสุราหนุ่มและเด็กหนุ่มที่เดินรั้งท้ายสุดดังแว่วขึ้นเป็นระยะ บางครั้งก็เป็นเสียงหัวเราะของเจ้าแก้วที่หลุดขำออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าของวิรุณ ทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนกันไปมาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องสมุนไพรนานาชนิดที่เขามีความสงสัยใคร่รู้เจ้าแก้วก็จะรีบอธิบายให้ฟังเสียยาวเหยียดถามตอบกันอย่างเพลิดเพลินจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบกายไปเสียหมด

“นั่นใช่ต้นแก้วหรือเปล่า” วิรุณชี้ไปทางไม้ยืนต้นขนาดกลางที่คุ้นตา ขนาดลำต้นนั้นดูสูงกว่าที่เคยพบเห็นจากเรือนของครูบุญอยู่เล็กน้อย

“ใช่จ้ะ พี่ยักษ์รู้จักด้วยหรือ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างแข็งขันก่อนจะเดินเข้าไปเด็ดใบและดอกของต้นแก้วมาไว้ในมือ “ต้นแก้วเนี่ยมีสรรพคุณเยอะเลยนะจ๊ะ อย่างเช่นใบของมันบางวันพี่กล้าก็ชอบเอาไปเคี้ยวให้ตัวร้อนเพราะขี้เกียจลุกไปทำการทำงาน”

อสุราหนุ่มหลุดขำออกมาอย่างไม่ไว้ท่าเมื่อได้รู้ถึงวีรกรรมของไอ้ตัวดีเพิ่มอีกอย่าง

“แล้วได้ผลหรือไม่”

เจ้าแก้วระบายยิ้มพร้อมส่ายหน้าหวือ “ไม่เลยจ้ะ พ่อครูรู้ทันเสียก่อน”

“แล้วดอกแก้วล่ะ ทำสิ่งใดได้บ้าง”

“เยอะแยะไปหมดเลยจ้ะ แต่ที่ฉันชอบก็คือกลิ่นของดอกแก้ว มันหอมมากๆ” ไม่ว่าเปล่ายังยกดอกสีขาวนวลขึ้นจรดปลายจมูกเหมือนดังที่เคยทำ

“จริงหรือ?” ไม่น่าเชื่อว่าต้นเล็กๆ เช่นนั้นจะเป็นพันธุ์ไม้หอมกับเขาด้วย

“จริงสิจ๊ะ พี่ยักษ์ลองดมดูสิ” เด็กหนุ่มยื่นดอกแก้วไปตรงหน้าอย่างลืมตัว มันพยักพเยิดหน้าให้เมื่อเห็นท่าทีลังเลจากอีกฝ่าย

วิรุณพยักหน้ารับก่อนจะก้มหน้าลงมาหาเพราะด้วยส่วนสูงที่ต่างกัน ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นกอบกุมมือข้างที่จับดอกแก้วไว้มั่น ปลายจมูกโด่งแตะลงที่กลีบขาวบางของผกาดอกน้อยก่อนจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมจรุงอบอวลอยู่รอบๆ

..หอมจริงอย่างที่เจ้าแก้วบอก...

“หอมไหมจ้ะ” ใบหน้าพาซื่อเงยขึ้นมองอย่างเฝ้ารอคำตอบ

“อืม” อสุราหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยมือแล้วยืดตัวขึ้นตรงตามเดิม

ปลายนิ้วคลึงเข้าหากันเมื่อความอุ่นของผิวเนื้ออีกฝ่ายยังคงติดตรึงอยู่ซ้ำกลิ่นหอมนั้นก็ยังไม่จางหายไป เห็นทีคงจะไม่ใช่เพียงเพราะกลิ่นของดอกแก้วอย่างเดียวแล้วกระมัง..

ตุบ!

เสียงของหนักกระทบพื้นอยู่บริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลดึงความสนใจของทั้งคู่ให้หันไปมอง

“มีอะไรหรือวศิน” วิรุณเอ่ยถามสหายของตนก่อนจะหันไปมองก้อนหินขนาดพอเหมาะที่อีกฝ่ายปามาทางโพรงไม้ที่อยู่ใกล้ๆ

“งู” เสียงทุ้มเอ่ยบอกพร้อมกับชี้ให้ดู เมื่อมองตามก็ทันเห็นเพียงแค่ปลายหางเลื้อยหายเข้าไปไปโพรงไม้เสียแล้ว

“อ้อ” วิรุณพยักหน้ารับอย่างเข้าใจว่าอีกฝ่ายเพียงแค่ต้องการที่จะไล่งูให้ก็เท่านั้น

“ไปกันได้แล้ว” นัยน์ตาคมหันมองไปที่เด็กหนุ่ม “เพื่อนของเจ้าเดินนำไปไกลแล้ว” เมื่อพูดจบก็เดินนำหน้าออกไปโดยไม่แม้นแต่ที่จะหันกลับมามองอีก

“เป็นอะไรของมันล่ะนั่น” อสุราหนุ่มมองตามหลังสหายตนไปด้วยความงุนงง

ตั้งแต่อยู่ที่เรือนแล้วดูมันอารมณ์ไม่ดีอย่างไรชอบกล ทั้งๆ ที่ปรกติก็เป็นคนพูดน้อยยิ้มยากอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ยิ่งยามนี้หน้านิ่วคิ้วขมวดก็ยิ่งไปกันใหญ่

ท่าทีของอีกฝ่ายทำให้เจ้าแก้วเผลอมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตา เรียวคิ้วได้รูปยู่เข้าหากันเล็กน้อยอย่างคิดไม่ตกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก แต่เมื่อคิดว่าคงเป็นเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวเด็กหนุ่มจึงไม่ได้ติดใจมากนัก

ระหว่างทางเจ้าแก้วก็ยังคงพูดเจื้อยแจ้วเจรจาอยู่ตลอด ครานี้วิรุณเลยถือโอกาสลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายอีกหน ใบหน้าอ่อนเยาว์นั่นดูอย่างไรก็คงยังไม่เจริญเติบโตเต็มวัยหนุ่มอย่างแน่นอน

...หากให้คาดเดาก็คงประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปีกระมัง

“ว่าแต่แก้วเถอะ อายุเท่าใดแล้วเล่า”

“ฉันน่ะหรือจ๊ะ?”

“ใช่”

“อีกไม่กี่เดือนก็สิบเจ็ดเต็มแล้วจ้ะ”

..นั่นปะไร...ห่างกันสิบปีพอดิบพอดี..

____________



อุ...ชื่อตอนนี่หมายถึงพี่กล้าเขาหวงน้องเขานะคะ จริงจริ๊งงง

อย่าไปคิดม๊ากกกก ก็แค่ไล่งูให้จริงจิ๊งง :hao7:

ขออภัยที่หายหน้าไปนานเลยนะคะ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีปัญหาส่วนตัวรุมเร้านิดหน่อยจึงทำให้ไม่สามารถปิดตอนได้ตามที่หวัง ฮือออ  :hao5:

ตอนนี้สั้นหน่อยนะคะเพราะอีกตอนต่อเนื่องกันพันไมล์เลยตัดจบตรงนี้ก่อน พลังหมดพอดี แงงง



ปล.เฉลยอายุเจ้าแก้วแล้วนะคะ แค่16ย่าง17เอ๊งง สมัยก่อนไม่มีกฏหมายคุ้มครองผู้เยาว์ซะหน่อยเนอะ แค่กๆๆ

 :กอด1: :L2: :L1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2018 00:58:09 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เชื่อดีไหมเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆ
ตอนนี้ได้แค่หวงไม่รู้ตัว รู้ตัวเมื่อไรเพิ่ม หึง แน่นอน อิอิ
กว่าจะได้ตัดต้นไผ่เสร็จวศินคิ้วผูกเป็นโบว์ไปกี่ชั้นแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆ
คิดถึงลูกแก้วมากเลย กอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
กล้าปากดีจริงๆๆๆรวิรุณปิดด้วยปาก ฮ่าๆๆๆๆ
รออ่านน่ะ^^

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สิบปีเอ๊งงงง ยังไงก็ไม่คุกหร๊อกกกกกกก55555 ถึงพี่ยักษ์จะคุก เราก็จะเข้าไปอยู่ในคุกเป็นเพื่อนเองงง เอ๊ะ! หรือเราจะเป็นฝ่ายคอยส่งข้าวส่งน้ำให้พี่ยักษ์ดีน้าา (เอ้า! แปปๆ ก็จะทิ้งพี่ยักษ์แล้วอินี่55555)

พี่กล้าาาา กล้าสมชื่อแถมยังแสบรว้ายๆ เกินพิกัดอีกกก น่าตีจริงๆ เลย อยากให้พี่ยักษ์วิรุณจับฟาดๆๆ (เอ๊ะ! เอาไรฟาดดียย์-...-) พี่กล้าเป็นพี่ที่น่ารักมากๆ เลยนะ แบบไม่ว่าน้องจะเป็นอะไร จะเป็นยังไงพี่ก็รัก โคตรอิจฉา5555 กับพี่เราไม่มีหรอกโมเม้นท์แบบนี้ ส่วนใหญ่ตีกันตาย555555

แอบเห็นคนหึง1eaค่าาาา พี่ยักษ์วิรุณแนะนำออกห่างจากเจ้าแก้วด้วยค่ะ สหายของพี่หึงใหญ่แล้-- //โดนเตะ// นั่นแหละค่ะพี่วิรุณ ออกห่างจากเจ้าแก้วของพี่ยักษ์วศินเดี๋ยวเนนนน้!

คิดถึงนะคะคุณพันไมล์ สู้ๆ กับทุกเรื่องนะคะ เราเป็นกำลังใจให้ กระซิบหน่อย ขอโมเม้นท์พี่ยักษ์กับเจ้าแก้วหวานๆ หน่อยสิ โหยหามากกก5555 รักและเทคแคร์นะคะ><

ออฟไลน์ ข้าวสวย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบมากๆ สงสารวิรัลลลล น้องแก้วก็น้ารัก  มาต่อเร็วๆนะคะ เนื้อเรื่อวคู่หลักแอบบช้านะ ดูยืดยื้อ ยังออกจากป่าไม่ได้สักที เป็นกำลังใจให้ค่าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ไหวหวั่น
.


.


.

               หลังจากเดินหาต้นไผ่ที่พอจะสามารถตัดนำลำต้นไปใช้งานได้ก็กินเวลาไปมากโข เพราะส่วนใหญ่นั้นยังมีเนื้อที่อ่อนเกินไป ไอ้มั่นจึงแนะให้เดินลึกเข้าไปอีกสักหน่อยจนกระทั่งได้เนื้อไผ่ตามที่ต้องการ


               ช่วงเวลาบ่ายคล้อยนั้นร้อนอบอ้าวเสียจนเหงื่อกาฬไหลโทรมกายส่งผลให้เหล่าบรรดาชายหนุ่มต้องถอดเสื้อแสงออกระบายความร้อนกันเสียยกใหญ่


               เจ้าแก้วพาดเสื้อไว้บ่นบ่าหลังจากที่ได้ส่งมอบมีดพร้าไปให้อสุราหนุ่มตามที่ฝ่ายนั้นต้องการ


“จะดีหรือจ๊ะ” มันแย้งขึ้นอย่างเกรงอกเกรงใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกระชับด้ามมีดในมือแน่น


               ..จากมีดพร้าเล่มเขื่อง เมื่อไปอยู่ในมือพี่ยักษ์ตนนั้นกลับดูเล็กลงไปถนัดตาเลยทีเดียว...


“ดีสิ...แก้วไปนั่งพักเถิด ประเดี๋ยวที่เหลือนี้พี่จัดการต่อเอง” วิรุณยิ้มรับพร้อมกับลูบหัวมันไปอีกหน


               หลังจากที่ได้รู้อายุอานามของเด็กหนุ่มแล้วความเอื้อเอ็นดูมันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะเจ้าแก้วทำให้เขาคิดถึงเจ้าวิรัลยักษ์น้อยที่อายุอานามไล่เลี่ยกัน


               มิหนำซ้ำสรรพนามที่เปลี่ยนไปนั้นเขาก็เป็นคนริเริ่มก่อนทั้งหมด ด้วยเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกเกร็งยามที่พูดคุยกัน และเจ้าแก้วก็ดูจะชอบใจมากเสียด้วยที่มันจะได้เรียกพี่ยักษ์ตามที่มันอยากจะเรียก 


               ..จู่ๆก็ได้พี่ชายเพิ่มมาอีกคนเสียอย่างนั้น ซ้ำยังเป็นยักษ์เสียด้วย...


“แต่มันเหนื่อยนะจ๊ะพี่ยักษ์ ให้ฉันช่วยเถอะ” ..ก็ยังคงคะยั้นคะยอไม่เลิกราทั้งๆที่มือตัวเองพองแดงไปหมด


               ต่อให้มือจะหยาบกร้านเพียงใด ลองมาถือมีดพร้าเล่มใหญ่ไว้นานๆดูเถิด ขี้คร้านจะต้องร้องโอดโอยกันระงม แต่เจ้าแก้วกลับยังนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกไม่ระแคะระคายใดๆ ไม่แม้นแต่จะปริปากบ่น จนเขาสังเกตเห็นว่ามือมันเริ่มระบมนั่นล่ะจึงต้องขออาสาเข้าไปช่วย


               ..เห็นเช่นนี้ก็ดื้อด้านเป็นกับเขาเหมือนกัน...คล้ายพี่มันไม่มีผิดเพี้ยน...


“พี่ฟันฉับเดียวก็ขาดแล้ว แรงเยอะกว่าแก้วตั้งเท่าใด ลืมแล้วหรือ” วิรุณเอ่ยอย่างขบขันเมื่อเห็นว่าไอ้ตัวดีคนเล็กมันยู่หน้าอยากจะออกปากเถียงอย่างไม่ยอมแพ้


“แต่..”


               ..เถียงเก่งจริงนะ ตัวแค่นี้


“เอาเถิด พี่อยากช่วย อย่าคิดสิ่งใดให้มากความเลย”


               เมื่อหมดหนทางจะโต้แย้งเจ้าแก้วก็พยักหน้าพยักตาอย่างจำยอม แต่ถึงกระนั้นก็หาได้ไปนั่งพักตามที่เขาบอก กลับเดินตามต้อยๆเพื่อสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่างแทน   


“ยามที่ตัดออกต้องเหลือข้อไผ่ด้านล่างไว้ด้วยสักสองสามข้อนะจ๊ะ” มันแย้งขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่ยักษ์ของมันฟันมีดเข้าโคนไผ่ฉับเดียวจนโค่นล้มลงมาทั้งต้น


“ทำไมรึ” อสุราหนุ่มยกแขนขึ้นหวังจะปาดหยดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตาแต่อีกฝ่ายกลับยื่นเสื้อของตนเองมาให้เช็ดเสียก่อน


               ..กลิ่นอบร่ำของไอแดดขจรขจายอยู่บนเนื้อผ้า ซ้ำยังได้กลิ่นหอมเจือจางที่คุ้นเคยกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูก


“ลำต้นมันจะได้ไม่ตายน่ะจ้ะ” มันรับเสื้อคืนมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อนๆเมื่อรู้ว่าตนเผลอกระทำการมิสมควรลงไป “ขอโทษนะจ๊ะ เสื้อฉันเหม็นเหงื่อถึงเพียงนี้ ยังกล้าเอาไปให้พี่ยักษ์เช็ดอีก” …ถ้าพ่อครูรู้โดนเอ็ดยกใหญ่แน่


“ไม่เหม็นหรอก” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาในประโยคท้าย “...หอม”


“อะไรหรือจ๊ะ”มันเงยหน้ามองเมื่อรู้สึกว่าตนได้ยินไม่ชัดเท่าใดนัก


“เปล่า” อสุราหนุ่มเปลี่ยนเรื่องในทันควัน โดยเจ้ามนุษย์หัวช้าก็คล้อยตามมากับเขาอย่างง่ายดาย “แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้นไหนเหมาะที่จะตัดไปใช้งาน” พร้อมกับชี้ปลายมีดพร้าไปยังกอต้นไผ่


“ไม่ยากเลยจ้ะ” มันพยักหน้ารับก่อนจะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดยิบ “ต้องดูตรงรอยต่อปล้องไผ่หรือที่เขาเรียกกันว่าตาต้นไผ่ หากมันเป็นสีเหลืองหรือออกน้ำตาลๆก็เป็นอันว่าใช้ได้จ้ะ”


“แล้วถ้าเป็นสีเขียวเช่นนี้เล่า”


“แบบนั้นก็แสดงว่าลำต้นมันยังอ่อนไปจ้ะพี่ยักษ์”


“อ้อ” ใบหน้าคมคร้ามกดพยักรับอย่างกระจ่างแจ้ง ก่อนจะลงมือฟันลำต้นไผ่ต่อ


               แรงของอสุราหนุ่มนั้นเหนือชั้นกว่าแรงของมนุษย์อยู่มากตามอย่างที่ว่า เพียงลงแรงฟันฉับเดียวกอไผ่ก็ล้มลงได้อย่างง่ายดาย เรียกเสียงโห่ฮาอย่างชอบอกชอบใจจากไอ้อินกับไอ้มั่นได้เป็นอย่างดี พวกมันทั้งสองยืนมองพ่อยักษ์หนุ่มรูปงามออกแรงตัดต้นไผ่อย่างชื่นชมจนออกนอกหน้าซ้ำยังยกยอปอปั้นไม่ขาดปาก


               ...ว่าก็ว่าเถอะ...ลำไผ่เพียงเท่านั้นให้หักด้วยมือเปล่ายังได้เลยกระมัง...


“สุดยอดเลยจ้ะ ท่านฟันฉับเดียวก็ขาดสะบั้นแล้ว พวกฉันนี่ฟันกันจนข้อมือแทบหัก” ไอ้อินเข้าไปปะเหลาะอยู่ไม่ห่าง ยามนี้มันทิ้งมีดพร้าไว้อย่างไม่ดูดำดูดีและถือโอกาสอู้มันไปด้วยเสียเลย


“ข้ออ่อนเช่นนี้ไว้กลับไปข้าจะบอกไอ้กล้าให้ดีไหมเล่า แลกแข้งแลกหมัดกับมันสักสองสามยก ช่วยได้เยอะเลยนะเอ็ง” โดนเพื่อนเย้าเข้าหน่อยไอ้คนช่างอู้ก็ตีหน้าแหยทันที


“พับผ่าเถอะ ให้ข้าไปจับเสือยังจะง่ายเสียกว่า” ..เพราะไอ้กล้ายามที่มันองค์ลงนี่ดุเสียยิ่งกว่าเสือเสียอีก มือหนักตีนหนักอย่างกับอะไรดี เพียงแค่หวนนึกถึงเมื่อครั้นที่เคยเข้าคู่ฝึกซ้อมกัน มันเล่นเขาซะน่วมไปหมดกระดูกกระเดี้ยวร้าวจนต้องนอนประคบยาอยู่หลายวัน


“ขนาดนั้นเชียวรึ” วิรุณอดที่จะเอ่ยแทรกขึ้นมากลางบทสนทนาของชายหนุ่มทั้งสองไม่ได้


               ...นี่ผู้อื่นเขาหวาดกลัวไอ้ตัวดีมันขนาดนั้นเลยเชียว?


“โอ้ย นี่ถือว่ายังน้อยไปนะจ๊ะท่าน ทั้งหมู่บ้านไม่มีผู้ใดกล้าหือกับมันหรอกจ้ะ แรงเยอะอย่างกับอะไรดี” เมื่อได้ทีเผาเพื่อนไอ้อินก็ใส่ไฟเสียยกใหญ่ โดยมีคู่หูอีกคนพยักหน้าส่งเสริมอย่างเข้าขากัน


“ไอ้กล้าน่ะ เรี่ยวแรงมันผิดมนุษย์มนา” มั่นว่าเสียงจริงจัง “บ้าดีเดือดไม่มีใครเกิน มิเช่นนั้นครูจะคอยตามคุมมันไม่ให้ห่างหรือ นี่ถ้าเมื่อวันก่อนครูไปห้ามเอาไว้ไม่ทันล่ะก็มีหวังไม่ไอ้กล้าก็ไอ้มืดล่ะที่ต้องนอนจมกองเลือด”


               ไอ้กล้ากับไอ้มืดมันตัวสูงใหญ่พอกันทั้งคู่ เรี่ยวแรงหรือก็สูสี ขนาดเป็นบุรุษเฉกเช่นเดียวกันยังอดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าไอ้สองคนนั้นมันน่ากลัว เพียงแค่ประจันหน้ากันก็แผ่ไอสังหารไปทั่วทั้งบริเวณ เล่นเอาชาวบ้านชาวช่องขนลุกขนพองไปตามๆกัน


               ..แต่ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อล่ะวะ...


 “ทั้งสองมีเรื่องผิดใจกันมาก่อนหรือ”…เพราะจากท่าทางวันนั้นแล้วดูเอาเรื่องกันทั้งคู่เลยทีเดียว


“โอยย เป็นมานานมากโขแล้วจ้ะท่าน สองสามปีได้แล้วกระมัง” ไอ้อินคันปากเป็นหนักหนายามที่จะได้นินทาไอ้กล้ามันลับหลัง..โอกาสงามเช่นนี้มีหรือที่มันจะปล่อยให้หลุดมือไป!


“เรื่องกระไรเล่า” อสุราหนุ่มหยุดมือที่กำลังลงแรงฟันกอไผ่ไว้ก่อนจะหันมาตั้งใจฟังคู่สนทนา


               ..เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันนั้นไปก่อวีรกรรมอะไรไว้...ชอบพาลไปทั่วเช่นนี้เป็นเฉพาะกับเขาหรือเป็นโดยสันดานของมัน...


“ก็เรื่องนังบัวหลานยายนิ่มน่ะสิจ๊ะ” มั่นที่กำลังนอนเอนกายอยู่ใต้ร่มไม้เสริมขึ้น “ไอ้กล้ากับไอ้มืดมันดันไปหมายตาสาวคนเดียวกันเข้าเมื่อสามปีก่อน เลยมีเรื่องให้ต้องเขม่นกันนิดหน่อย”..นิดหน่อยในที่นี้ก็คือหน้าบวมปากบวมกันทั้งคู่ล่ะวะ


“แต่พ่อไอ้มืดมาห้ามไว้เสียก่อนน่ะจ้ะ มิหนำซ้ำยังแนะให้พวกมันตีมวยกันตัวต่อตัวไปเลยจะได้รู้แพ้รู้ชนะ”


“ขนาดนั้นเชียวรึ” คิ้วเข้มขมวดยู่เข้าหากันเล็กน้อย “แล้วผู้ใดชนะล่ะ?”


“ก็ไอ้กล้าน่ะสิจ๊ะ ซัดฝ่ายนั้นเสียหมอบราบเลยเชียว” พอได้ย้อนความก็อดที่จะนึกขำไม่ได้ เพลานั้นหากเขากับไอ้มั่นไม่เข้าไปลากมันออกมามีหวังไอ้มืดได้ดับมืดคาตีนสมชื่อเป็นแน่แท้


“แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกมันก็เป็นเช่นนี้ล่ะจ้ะ เจอหน้ากันหน่อยล่ะไม่ได้ ไอ้นั่นก็ชอบยียวน ไอ้นี่ก็จุดติดง่าย ไม่มีหรอกยืนคุยกันดีๆตามประสาคนทั่วไปเขาทำกัน” ไอ้อินส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ เพราะพอพวกมันสองคนทะเลาะเบาะแว้งกันทีไร ก็เห็นจะมีแต่ครูนั่นล่ะที่คอยตามเช็ดตามล้างให้เสมอ ไหนจะลำบากน้องมันที่ต้องมาคอยดูแลไอ้คนที่โตแต่ตัวนั่นอีก


“แต่พักหลังๆมานี้ข้ารู้สึกว่าพวกมันสองคนเขม่นกันหนักขึ้นแล้วนา ไอ้อิน” ...เพราะมันดูอึมครึมขึ้นกว่าเดิมอย่างไรชอบกล


“ก็แน่สิวะ นังบัวมันแสดงออกชัดเจนว่ามีใจให้ไอ้กล้าปานนั้น มีหรือไอ้มืดมันจะอยู่เฉย” พูดก็พูดเถอะ ไอ้มืดก็หาได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร หนำซ้ำยังรูปหล่อคมสันพอๆกันอีก แต่ที่ไอ้กล้าได้เปรียบก็เห็นจะเป็นคารมคำหวานที่มันมักใช้ป้อยอหญิงบ่อยๆเช้าถึงเย็นถึงเพียงนี้ มีหรือผู้ใดจะไม่ใจอ่อน


“ดูพี่เอ็งไว้ดีๆด้วยล่ะไอ้แก้ว แกว่งตีนหาเสี้ยนเก่งฉิบหาย” สองชายหนุ่มส่ายหัวอย่างเอือมระอาก่อนจะขอตัวหลบมุมไปพักผ่อนเอนกายให้หายเมื่อยขบอยู่ที่ใต้ร่มไม้


“พี่ยักษ์พักก่อนเถิดจ้ะ ประเดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง” มันบอกอย่างนึกห่วงเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะออกแรงมากเกินควรจนไปกระทบบริเวณแผลฟกช้ำเข้า


“ช่างเถิด เดี๋ยวพี่ทำต่อเอง แก้วไม่ต้องทำแล้ว”


“แต่...” …เจ้าเด็กช่างเจรจานี่ ขี้เกรงอกเกรงใจเสียจริง


“ไม่มีแต่ หากอยากจะช่วยพี่จริงๆ ช่วยนั่งอยู่เฉยๆก็พอแล้ว” สีหน้ามู่ทู่ของมันทำเอาอสุราหนุ่มหลุดขำออกมาอย่างอารมณ์ดี


“ถ้าเช่นนั้นประเดี๋ยวฉันไปหาน้ำหาท่ามาให้ท่านดื่มนะจ้ะ” ท่าทีกระตือรือร้นของมันทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะขัดใจ


               ..นัยน์แววตาสีน้ำผึ้งที่ทอประกายหยอกล้อกับแสงอาทิตย์นั้นมันช่างเจิดจ้าและดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าสิ่งใด


“ที่ริมธารนั่นน่ะหรือ” บริเวณโดยรอบนี้แว่วเสียงของน้ำตกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าใดนัก


“ใช่จ้ะ” เจ้าแก้วพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหันไปหยิบปล้องไม้ไผ่ที่ถูกตัดไว้เป็นท่อนสั้นๆขึ้นมาไว้สามสี่อันหมายที่จะตักมาเผื่อพี่มั่นกับพี่อินด้วย


“รออีกสักหน่อยเถิด ประเดี๋ยวพี่ไปด้วย” เขาบอกด้วยความหวังดีเพราะเกรงว่าหากปล่อยให้มันถือกลับมาคนเดียวน้ำท่ามันจะกระฉอกทิ้งไปเสียหมด


“ไม่เป็นไรจ้ะพี่ยักษ์ ฉันไปคนเดียวได้” เจ้าแก้วส่ายหน้าปฏิเสธหวือ


“เช่นนั้นก็ระวังตัวด้วยล่ะ” ฝ่ามือใหญ่วางประทับลงบนศีรษะได้รูปพร้อมกับออกแรงขยี้เบาๆแต่กลับทำให้อีกฝ่ายหัวสั่นหัวคลอนได้โดยง่าย


               ..เหตุใดจึงไม่ตัวโตๆเท่าพี่ของมันกันนะ...ตัวเพียงเท่านี้ทำเอาเขากะแรงด้วยไม่ถูกเลยเชียว


“จ้ะ” มันพยักหน้ารับคำอย่างแข็งขันก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปจากบริเวณนั้นโดยมีอสุราหนุ่มคอยมองตามไปจนลับสายตา





               เมื่อเดินเข้าใกล้ริมธารไปเรื่อยๆก็เริ่มได้ยินเสียงของสายน้ำชัดขึ้น ส่งผลให้ร่างกายอันแสนอ่อนล้านั้นกลับมาสดชื่นกระปี้กระเป่าได้เป็นอย่างดี เจ้าแก้วเดินเลียบฝั่งไปทางต้นของลำธาร แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อสายตามองเห็นแผ่นหลังกว้างของใครบางคนที่นั่งอยู่บนโขดหิน และด้วยฝ่ายนั้นหันหน้าออกไปทางริมธารพอดิบพอดีจึงยังไม่ทันได้สังเกตเห็นมัน


               ..ที่แท้ก็มานั่งอยู่นี่เอง...


               เห็นดังนั้นเจ้าแก้วจึงค่อยๆลดเสียงฝีเท้าลงด้วยเพราะไม่อยากให้เสียงไปรบกวนอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนสิ่งรอบกายจะไม่เป็นใจเท่าใดนัก เมื่อยามที่ขาอีกข้างยกก้าวถอยหลังก็ดันไปเหยียบกิ่งไม้แห้งที่ระเกะระกะอยู่แถวนั้นเข้าพอดิบพอดี ส่งผลให้อสุราหนุ่มต้องหันกลับมามองหาต้อตอของเสียง


               คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นหอบของพะรุงพะรังเต็มมือไปหมด


“เอ่อ...คือ” เจ้าแก้วตกประหม่าขึ้นมาทันทีเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาคมกล้า “ฉันมาตักน้ำน่ะจ้ะ”


               วศินไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก ทำเพียงแค่หันหน้ากลับไปมองสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยดังเดิม


               เห็นดั่งนั้นเด็กหนุ่มจึงรีบปลีกตัวออกมาจากบริเวณนั้นทันทีด้วยเพราะไม่ต้องการที่จะไปรบกวนอีกฝ่ายให้รำคาญใจ เพราะตั้งแต่เช้าแล้วที่ท่านผู้นั้นดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก


เมื่อมันเดินมาถึงบริเวณที่ต้องการก็จัดการวางกระบอกไม้ไผ่ลงไว้ข้างโขดหินก่อนจะก้มลงพับชายผ้านุ่งให้สั้นขึ้นกว่าเดิมเพื่อที่จะสามารถลงไปตักน้ำได้อย่างสะดวก


               เจ้าแก้วเดินลุยน้ำลงไปจนถึงระดับปลีน่อง เมื่อมั่นใจว่าน้ำบริเวณนี้ไร้ซึ่งตะกอนดินและเศษหินแล้วจึงลงมือจัดการตักน้ำใส่ภาชนะที่นำมาจนเต็มทั้งหมด สายนทีฉ่ำเย็นที่ไหลผ่านผิวกายไปนั้นช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดีจนมันอดไม่ได้ที่จะต้องยืนแช่ไว้อย่างนั้น


               นัยน์ตาสีสวยจดจ้องฝูงปลาที่ว่ายแหวกอยู่กลางสายน้ำอย่างเพลิดเพลินจนลืมไปว่าตนนั้นอาสามาเอาน้ำไปให้ใครเขาได้ดื่ม เมื่อคิดได้ดังนั้นมันจึงรีบเดินสวนกระแสน้ำหมายที่จะกลับขึ้นฝั่ง แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวถึงฝั่งความเจ็บแปรบบริเวณฝ่าเท้าก็แล่นเข้าเล่นงานทันที เรียวคิ้วได้รูปขมวดมุ่นขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกแสบบริเวณผิวเนื้อ เจ้าแก้วจึงค่อยๆเดินกระย่องกระแย่งกลับเข้าชายฝั่งอย่างทุลักทุเล


               แต่ยังไม่ทันขึ้นพ้นจากผิวน้ำ จู่ๆก็ถูกเรี่ยวแรงมหาศาลดึงเข้าหาจนมันเกือบจะล้มหน้าคว่ำมิหนำซ้ำกระบอกน้ำที่อุส่าห์ลงแรงลงไปตักมาก็หกกระจัดกระจายลงพื้นไปคนละทิศ


“ไม่ดูตาม้าตาเรือหรือ” เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นอยู่เหนือหัวแสดงให้เห็นว่าผู้พูดนั้นไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าใดนัก


“ข..ขอโทษจ้ะ” เจ้าแก้วก้มหน้างุดเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากอีกฝ่าย“ฉันไม่ทันได้มองให้ดีก่อน ต..แต่หินบาดเพียงเท่านี้-!”


               จู่ๆตัวก็ลอยขึ้นจากพื้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้เด็กหนุ่มต้องรีบเกาะยึดที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวไว้ด้วยสัญชาตญาณ และเมื่อตั้งสติได้มันก็เบิกตาโพลงอย่างตกใจเพราะในยามนี้ตนนั้นโดนอีกฝ่ายอุ้มไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวราวกับเด็กตัวเล็กๆ การกระทำของอีกฝ่ายทำให้มันเนื้อตัวเกร็งเครียดอยู่ไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่กล้าแม้นแต่ที่จะโต้แย้งสิ่งใดออกไปเมื่อโดนสายตาคมดุจ้องกลับมาเป็นเชิงตักเตือน


               วศินอุ้มร่างของเด็กหนุ่มออกมาจากบริเวณนั้นก่อนจะมองหาโขดหินที่พอจะสามารถให้อีกฝ่ายนั่งได้อย่างสะดวกสบาย หลังจากนั้นจึงค่อยวางร่างของเจ้าแก้วลงอย่างเบามือ เมื่อหลุดพ้นจากปราการแข็งแกร่งฝ่ายนั้นก็ดูประดักประเดิดอย่างเห็นได้ชัด มันเอาแต่ก้มหน้าก้มตาหลบหน้ากัน นั่นยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้อสุราหนุ่มมากขึ้นไปอีก แต่เมื่อสังเกตเห็นหยดเลือดที่ไหลซึมออกมาจากปากแผลเป็นจำนวนมากแล้วความรู้สึกขุ่นมัวที่ถูกสั่งสมมานั้นก็มลายหายไปจนหมดสิ้น


ร่างสูงใหญ่นั่งลงบนโขดหินที่ระดับเตี้ยกว่าของอีกคนก่อนจะยกเอาฝ่าเท้าข้างที่เป็นแผลขึ้นมาวางไว้บนตัก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือล้างเศษดินออกจากแผลเจ้าตัวรั้นก็ดึงขากลับก่อนจะรีบพูดออกมาอย่างหน้าตาตื่น


“ท..ท่านจะทำกระไรหรือจ๊ะ” ลูกแก้วสีสวยเบิกโตอย่างตกใจสุดขีดเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายของมันไปมากโข


“ยื่นเท้าออกมาสิ” อสุราหนุ่มหาได้ฟังความมันไม่ กลับเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าอย่างออกคำสั่ง


“ไม่ได้หรอกจ้ะ ประเดี๋ยวฉันจัดการเอง” เจ้าแก้วส่ายหัวปฏิเสธยกใหญ่ ให้เป็นตายอย่างไรมันก็ไม่มีทางยอมให้อีกฝ่ายนั้นลดตัวลงมาทำเรื่องเช่นนี้เป็นแน่


“ข้าจะไม่พูดเป็นหนที่สอง” …เจ้ากระรอกดื้อด้าน


“ฉันทำเองได้จ้ะ..” มันพูดด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ “ท่านอย่าลำบากเลย”


“…” 


“จริงๆนะจ๊ะ บาดแผลเพียงเท่านี้—อะ..!”


               สองมือรี่จับยึดโขดหินไว้มั่นเมื่อจู่ๆก็โดนเรี่ยวแรงมหาศาลดึงข้อเท้าไป แต่ครานี้เห็นทีจะขัดขืนไม่ได้เสียแล้วเมื่ออีกฝ่ายปรายตาดุมาเป็นเชิงตักเตือน นัยน์ตาสีนิลเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเพลิงแสดงถึงแรงอารมณ์ที่เริ่มจะขุ่นมัว เพียงเท่านั้นก็ทำเอาเจ้าแก้วต้องนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตนไม่กล้าแม้นแต่ที่จะหายใจออกมาแรงเสียด้วยซ้ำไป


               ..เพราะเกรงว่าจะโดนตาแดงๆคู่นั้นจดจ้องมาอีก...



 (ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2018 22:40:35 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
   



               เมื่ออีกฝ่ายเลิกต่อต้านอสุราหนุ่มจึงก้มลงมาให้ความสนใจกับบาดแผลบริเวณที่ถูกคมหินบาดแทน เพราะเมื่อครู่นี้มันออกแรงดิ้นมากไปจึงทำให้เลือดนั้นซึมออกมาจากแผลมากขึ้นกว่าเดิม


               วศินจัดการประคองฝ่าเท้าของเจ้ามนุษย์หัวรั้นขึ้นมาวางไว้บนตักอย่างเบามือพร้อมกับวักเอาสายน้ำฉ่ำเย็นมาล้างคราบเลือดและคราบดินออกให้


               ..ข้อเท้ามันเล็กเพียงเท่านี้ แม้นเพียงฝ่ามือเดียวของเขาก็กอบกุมไว้ได้โดยรอบ


“อยู่นิ่งๆล่ะ” ว่าไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วดึงเศษหินคมออกจากปากแผล


               เลือดจำนวนมากซึมออกมาเต็มฝ่าเท้าเมื่อโดนปลายนิ้วแข็งบ่มให้เศษดินและกรวดก้อนเล็กก้อนน้อยที่คั่งค้างอยู่ภายในออกมาให้หมด พอมั่นใจได้ว่าไร้ซึ่งเศษตะกอนเกาะอยู่ในแผลแล้วจึงวักน้ำสะอาดขึ้นมาล้างให้จนฝ่าเท้าของอีกฝ่ายสะอาดหมดจด


“เรียบร้อย” เขาบอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม “เลิกเกร็งตัวได้แล้ว”


               ท่าทีหวาดกลัวของมันนั้นทำให้เขานึกรำคาญใจอยู่ไม่น้อยเพราะเจ้าตัวเอาแต่นั่งก้มหน้าหลุบตามองผืนหินดินทรายราวกับต้องการที่จะหลบหน้าอย่างไรอย่างนั้น


“ข..ขอบพระคุณจ้ะ” เจ้าแก้วยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่กล้าเงยหน้ามองอีกฝ่ายอยู่ดี


               ในขณะที่กำลังจะประคองตนเองลุกขึ้น จู่ๆก็กลับโดนท่อนแขนแกร่งสองข้างพาดปิดไว้ระหว่างตัว มันเบิกตาโพลงขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับผงะตัวไปทางด้านหลังเมื่อโดนอีกฝ่ายจดจ้องมาอย่างไม่วางตา


               นัยน์ตาคมกล้ามองพินิจพิจารณาเจ้าสัตว์ตัวเล็กที่เริ่มลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข มันมองไปรอบๆอย่างหาที่พึ่งแต่สุดท้ายก็ต้องเบือนสายตากลับมามองกันอย่างไร้หนทางที่จะหลบหนี


               ..และปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อยเท่านี้ก็สร้างความพอใจให้กับอสุราหนุ่มได้อย่างน่าประหลาด


 “เจ้าหวาดกลัวข้าหรือ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


“คือ..” เจ้าแก้วเริ่มทำตัวไม่ถูก...เพราะด้วยระยะประชิดเช่นนี้ทำให้รับรู้ได้ถึงไอระอุจากผิวกายของอีกฝ่าย “เปล่าจ้ะ ฉ..ฉันหาได้คิดเช่นนั้น”


“โกหก” วศินมองตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ เมื่อเจ้าคนดื้อด้านมันปากแข็ง


               แต่เขาหาได้มีอารมณ์ขุ่นมัวเจือปนอยู่อีกต่อไปแล้ว เพลานี้ได้ต่อปากต่อคำกับสัตว์ตัวเล็กๆเช่นนี้ก็ผ่อนคลายได้มากเลยทีเดียว


               ..ตัวเท่านี้


               ..มันน่าเย้าแหย่เสียจริง...


“จริงๆนะจ๊ะ” เด็กหนุ่มจดจ้องกลับไปบ้าง ลืมแม้นกระทั่งเผลอตนมองลึกเข้าไปในประกายเพลิงสีเข้ม


“จริงหรือ?” ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้ารัวๆแทน “เช่นนั้นเหตุใดจึงชอบหลบหน้าหลบตานัก”


“ไม่ได้หลบเสียหน่อยจ้ะ” มันเถียงกลับบ้างพร้อมกับก้มหน้างุดลงไปมองหน้าตักของตนแทน เมื่อรู้สึกว่าเริ่มร้อนบริเวณใบหู


“ก็นี่แหละที่เขาเรียกว่าหลบ” อสุราหนุ่มแสร้งว่าเสียงเข้ม แต่ในใจนั้นกลับนึกอยู่ไม่หยอก


               น้ำเสียงทุ้มต่ำไร้ซึ่งความขุ่นเคืองเจือปนดั่งที่แล้วมาทำให้เจ้าแก้วต้องเงยหน้ากลับขึ้นมามองคู่สนทนาอีกหน และสิ่งที่มันเห็นก็ทำให้ภายในอกนั้นเกิดเสียงอึกทึกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่


               ใบหน้าคมคร้ามดูคลายความดุดันจากเมื่อเช้าลงไปอยู่มาก นัยน์ตาสีเพลิงเริ่มเข้มขึ้นก่อนจะแปรเปลี่ยนกลับไปเป็นสีนิลดังเดิม แสงอาทิตย์ที่กระทบเข้ากับกรอบหน้าคมสันนั้นช่วยขับให้อีกฝ่ายดูน่ามองอย่างน่าประหลาด


               เวลาผ่านไปเพียงครู่หนึ่งกลับเป็นฝ่ายอสุราหนุ่มเสียเองที่ไม่สามารถเบือนสายตาออกไปไหนได้เมื่อโดนนัยน์เนตรสีสวยสะกดตราตรึงไว้ ลูกแก้วที่หยอกล้อกับแสงอาทิตย์นั้นเปล่งประกายมีชีวิตชีวาได้อย่างน่าดูชม แม้นดวงตาอีกข้างจะถูกผ้าพันปิดเอาไว้แต่นั่นก็หาได้ทำให้ความอยากพิศมองลดลงสักเพียงนิด


               ..ยิ่งได้มองก็อยากที่จะมองไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้เบื่อ


               แววตาพาซื่อที่มองตอบกลับมานั้นพาลทำให้ในอกของจอมทัพใหญ่หวามไหวได้อย่างน่าประหลาด เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเขามาก่อน มันช่างอ่อนไหวราวกับยอดของดอกหญ้าที่ชูช่ออยู่ท่ามกลางสายลม


               ..เพียงแค่โดนพัดพาก็ย่อมลอยตามไปอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน


               ..ไร้ซึ่งตัวตนของตนเองไปชั่วขณะ...


               รู้ตัวอีกทีก็เมื่อเกิดสัมผัสแผ่วเบาจรดอยู่บริเวณข้างมุมปากและกลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูก


“ยังเจ็บอยู่หรือไม่จ๊ะ” เจ้าแก้วเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลเมื่อมันพึ่งสังเกตเห็นรอยช้ำเจือจางที่ข้างมุมปากของอีกฝ่าย


“ไม่แล้ว” เสียงเข้มขึ้นมาหน่อยเมื่อรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แผลที่โดนเจ้าวิรุณประเคนหมัดใส่เมื่อหลายวันก่อน...มันพึ่งจะมาเห็นหรืออย่างไร


“ท่านไปโดนอะไรมาหรือจ๊ะ” น้ำเสียงและท่าทางเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดทำให้จอมทัพอสุราคลายความขุ่นเคืองลงไปได้อย่างน่าประหลาด แต่ปลายนิ้วที่อยู่ไม่สุขคอยลูบบนรอยฟกช้ำไปมานี่สิที่น่าหวาดหวั่น


               ..ซุกซนนัก...


“ช่างเถิด อย่าได้ใส่ใจเลย” ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาจับหมายจะดึงมือของอีกฝ่ายออกด้วยเพราะสัมผัสนุ่มละมุนนั้นเริ่มทำให้เขาจิตใจว้าวุ่นเสียยิ่งกว่าเก่า


               แต่เมื่อได้สัมผัสแล้วกลับรู้สึกไม่อยากจะปล่อยเสียอย่างนั้น แรงดึงคราแรกที่หมายมั่นจะลงมือกลับแปรเปลี่ยนเป็นแรงบีบกระชับเข้าหาแทน


               ฝ่ามือของเด็กหนุ่มตรงหน้านั้นหาได้อ่อนนุ่มเฉกเช่นของสตรี ความหยาบกระด้างที่มีนั้นก็ปรากฏให้เห็นเหมือนดั่งของบุรุษทั่วไปที่ใช้แรง หากแต่เมื่ออยู่ในมือเขานั้นกลับรู้สึกว่ามันหาได้รู้สึกสากระคายเลยสักนิด อาจเป็นเพราะผิวเนื้ออ่อนของเด็กวัยเจริญพันธุ์ด้วยกระมัง


               ..เพราะฉะนั้นผู้ที่จับศาสตราวุธมาทั้งชีวิตเช่นเขาจึงได้คิดว่าฝ่ามือของเด็กหนุ่มนั้นทั้งเนียนและลื่นมือมากเพียงใด..


“แก้ว”


               เสียงของบุคคลที่สามดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาดของคนทั้งคู่ทำให้ทั้งสองจำต้องผละออกห่างจากกันโดยปริยาย


วิรุณเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่โล่งอกโล่งใจ เพราะหลังจากที่ตัดต้นไผ่จนได้ปริมาณที่เพียงพอแล้วก็ยังไม่เห็นอีกฝ่ายกลับมาเสียทีจึงนึกเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายเข้าจึงได้ฝากให้มั่นและอินจัดการต่อพร้อมกับขอตัวออกมาตามหาเจ้าแก้ว แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นยังปลอดภัยดีจึงสบายใจขึ้นมาได้


“พี่เห็นว่าแก้วมานานแล้วไม่กลับไปเสียทีเลยเป็นห่วง” อสุราหนุ่มกล่าวก่อนจะหันไปพูดกับสหายของตน “เจ้าก็อยู่ด้วยหรือ”


“อืม” วศินผละลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังจะลุกจากโขดหิน แต่กลับช้ากว่าวิรุณที่เอื้อมมือออกมาหาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นมีท่าทีผิดแปลกไป


               ท่าทางที่สนิทสนมชิดเชื้อของทั้งคู่เรียกตะกอนขุ่นมัวที่สงบลงไปแล้วให้กลับขึ้นมาอีกหน ไหนจะสรรพนามที่เจ้าวิรุณใช้ก่อนหน้านั้นอีก...


“แก้วไปโดนอะไรมาหรือ” อสุราหนุ่มถามอย่างเป็นกังวลก่อนจะก้มลงมองฝ่าเท้าข้างที่เกิดบาดแผล


“คือฉัน...”


“โดนหินบาด” จอมทัพอสุราเอ่ยแทรกขึ้นมา “ตอนที่กำลังลงไปตักน้ำ”


“เช่นนั้นหรือ” วิรุณพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปแสร้งเอ่ยดุกับเจ้าตัวรั้นแทน “พี่บอกแล้วอย่างไรว่าให้ระวังตนเอง”


“ขอโทษจ้ะ ฉันไม่ทันได้มองจริงๆ” เจ้าแก้วเซื่องซึมลงไปถนัดตาเมื่อโดนดุติดกันถึงสองครั้งสองครา


“ดูทำหน้าเข้า” อสุราหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเมื่อสุดท้ายก็เป็นเขาเสียเองที่แสร้งเข้มขรึมใส่อีกฝ่ายต่อไปไม่ไหว ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นยีหัวเจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดูอย่างเหลือแสน


“ฮื่อ” เจ้าแก้วทำเสียงฮึดฮัดในลำคอพร้อมกับเอียงหัวหลบเป็นพลวัน ก่อนจะเผลอลืมตนเอี้ยวตัวไปหลบอยู่ด้านหลังของใครอีกคนแทน


               ..และก็ได้ผล..พี่ยักษ์ของมันหยุดกลั่นแกล้งมันแล้ว..


“โอ้ รู้จักหาที่หลบนี่” วิรุณว่าอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกเปรียบเทียบเด็กหนุ่มกับลูกสัตว์ตัวเล็กๆยามที่โดนศัตรูจู่โจมก็มักที่จะวิ่งรี่ไปหลบอยู่หลังพ่อแม่มันเสมอ


               ..แต่ดูท่าแล้วพ่อมันตัวนี้ดุเอาการ..ยืนจ้องเขาตาเขม็งเลยเชียว..


“พอได้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยปรามเมื่อเห็นว่าเจ้าวิรุณยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเล่นไร้สาระราวกับเด็กเล็กเด็กน้อย


“เสียงเข้มเชียว นี่ข้าเป็นพี่เจ้านะ ลืมแล้วหรือวะ” อสุราหนุ่มหรี่ตามองสหายตนอย่างแสร้งเอาเรื่อง


               เจ้าวศินก็เป็นเช่นนี้..อายุน้อยกว่าเขาก็จริงแต่มันกลับเข้มขรึมเกินวัยเสียยิ่งกว่าตัวเขาอีก


“เพียงสองขวบปี ข้าไม่นับ”


“ไอ้ยักษ์อวดดี” ว่าจบก็ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบให้หายคัน แต่อีกฝ่ายนั้นไวทายาทเอี้ยวตัวหลบได้ทันท่วงทีเสียก่อน


“เลิกเล่นได้แล้ววิรุณ” จอมทัพใหญ่เอ่ยปรามอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เมื่อเห็นว่าดวงตะวันนั้นเริ่มทอแสงอ่อนลง หากมัวแต่ชักช้าเอ้อระเหยเช่นนี้มีหวังกลับถึงเรือนมืดค่ำกันพอดี


               ..ผู้อื่นนั้นเขาไม่นึกสนใจเท่าใดนักแต่กับเจ้ากระรอกที่ยืนทำหน้าไขสืออยู่ด้านหลังนี่สิเกรงว่าแผลมันจะปวดเอา


“อินกับมั่นกำลังช่วยกันตัดท่อนไผ่อยู่ ยามนี้คงกำลังมัดรวมกันไว้เตรียมขนย้าย” วิรุณหันไปบอก “เช่นนั้นพี่จะกลับไปช่วยพวกเขาก่อน แก้วจะกลับพร้อมกับพี่เลยไหม”


“ไปจ้ะๆ” เจ้าแก้วพยักหน้ารับหงึกหงักแต่แล้วแขนข้างหนึ่งกลับถูกยึดไว้เสียก่อน


“เจ้าไปเถอะ” อสุราหนุ่มออกปากรับแทน “เดี๋ยวทางนี้ข้าดูแลเอง ขาเจ็บเช่นนี้ช่วยแบกไม่ไหวหรอก”


               เมื่อเจ้าแก้วกำลังจะเอ่ยปากแย้งว่าแผลเพียงเท่านี้หาได้สาหัสอะไร แต่แรงจับที่ต้นแขนที่มีมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยนั้นราวกับกำลังตักเตือนว่าให้มันเงียบปากไว้เป็นดีที่สุด


“ข้าดูแลแก้วได้ ไม่ลำบากเจ้าหรอก” วิรุณบอกอย่างเกรงอกเกรงใจ เพราะอีกฝ่ายนั้นแขนอีกข้างก็ยังไม่หายดีเท่าใดนัก


“ไม่ลำบากหรอก…ตัวเพียงเท่านี้”


“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า” อสุราหนุ่มพยักหน้ารับอย่างจำยอมก่อนจะออกเดินนำกลับเข้าไปในป่า


               เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าหากเขามาดูแลเจ้าแก้วก็คงไม่มีคนออกแรงช่วยอินกับมั่น ถ้าจะให้เจ้าวศินไปแบกกอไผ่ในยามนี้ก็เห็นทีจะไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว ประเดี๋ยวจะหาว่ารังแกยักษ์พิการเสียเปล่าๆ


               ..นี่เขาไม่ได้ว่ากล่าวมันเกินความเป็นจริงแต่อย่างใดเลยหนา...





“เดินไหวหรือไม่”  เมื่อเห็นว่าสหายตนเดินออกไปจนพ้นสายตาแล้ว วศินจึงหันกลับมาหาอีกฝ่าย


“ไหวจ้ะ” มันพยักหน้ารับรัวเพื่อเป็นการยืนยันว่าตนนั้นหาได้บาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด


“แน่ใจหรือ” ถามย้ำอีกหน


“แน่ใจจ้ะ ฉันเดินได้ แผลเพียงเท่านี้เอง”


               เมื่อได้รับการยืนยันจากเจ้าตัวอสุราหนุ่มจึงออกเดินนำหน้าโดยมีเจ้าแก้วเดินตามหลังไปอย่างทุลักทุเล


เจ็บแผลน่ะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อีกฝ่ายน่ะขายาวกว่ามันตั้งเท่าใด เพียงก้าวช้าๆของเขาก็ทำเอามันต้องสับขาเดินตามจนกระหืดกระหอบได้อย่างง่ายดาย


               ..เจ้าแก้วมั่นใจเต็มอกเลยว่าขามันนั้นหาได้สั้นม่อต้อแต่อย่างใด เพียงแต่อีกฝ่ายนั้นขายาวเกินไปต่างหาก...


               แต่แล้วคนที่เดินนำอยู่กลับหยุดฝีเท้าไว้จนมันเดินตามมาทัน ก่อนฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งจะยื่นมากอบกุมมือมันไว้โดยที่เจ้าของมือไม่แม้นแต่จะก้มลงมามองเสียด้วยซ้ำไป


“จับไว้” เสียงทุ้มน้ำเอ่ยบอกอย่างเนิบนาบ “หากข้าเดินเร็ว...จะได้ไม่หลงกัน”


               พูดไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะออกตัวเดินต่อ แต่ครานี้อีกฝ่ายชะลอฝีเท้าให้ช้าลงไปมากคล้ายกับต้องการที่จะรอให้มันเดินได้ทันอย่างไรอย่างนั้น     


               เจ้าแก้วเดินตามไปอย่างไร้ซึ่งข้อโต้แย้ง นัยน์ตาสีสวยก้มลงมองฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมมือของมันไว้จนมิดแทบมองไม่เห็น ความอุ่นร้อนที่โอบล้อมอยู่นั้นทำให้จิตใจสงบลงได้อย่างน่าประหลาด มันเงยขึ้นมองเสี้ยวหน้าคมคร้ามอยู่เพียงครู่หนึ่งพลางแอบเถียงอยู่ในใจ


               อยากจะแย้งเหลือเกินว่าป่าผืนนี้มันเดินมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่


ไม่มีทางที่จะหลงได้หรอก..


               ..แต่เมื่อบังเอิญได้เห็นรอยยิ้มบางเบาที่ปรากฏขึ้นอยู่บนมุมปากของอีกฝ่ายเลยทำให้ต้องจำยอมปล่อยเลยตามเลยไปตามเขาเสียอย่างนั้น..



_________________________



เริ่มเข้าสู่ช่วงหลอกเด็กจ้า ก๊ากกกกกก  :hao7:

มาซะดึกดื่นเลย ขอโทษที่ให้รอนานเลยนะคะ ฮือออ  :z10:



ฝันดีคับบบบ <3   :L2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เจ้าแก้วเสน่ห์แรง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เจ้าแก้ววววววววว แม่กลับมาแล้วลูกกก คิดถึงแม่ม้ายยยยยย555555 แต่แม่คิดถึงหนูมากๆ เลย //หอมหัว// คิดถึงคุณพันไมล์เหมือนกันนะคะ><

เริ่มกลัวใจพี่ยักษ์วิรุณแล้วอ่ะ พี่ยักษ์ห้ามมาแย่งเจ้าแก้วไปจากพี่ยักษ์วศินนะ ไปหาพี่กล้าเลย เจ้าแก้วนี่จองให้พี่วศินเท่านั้น55555 แต่แอบชอบความพี่น้องของพี่วิรุณกับเจ้าแก้วนะ มันน่ารักอ่ะ พี่วิรุณเหมาะกับการเป็นพี่ชายเจ้าแก้วมากกว่าจริงๆ เจ้าแก้วนี่ต้องพี่วศินอ่ะ //ขิงลูกเขย//

ขอโทษพี่ยักษ์วศินด้วยนะคะ สารภาพว่าแอบลืมชื่อพี่ไปแล้ว555555 นึกว่าพระเอกชื่อวิรุณ //โดนตบ// ค่าตัวแพงเหรอคะพี่ยักษ์ เอาเลขบช.มาค่ะเดี๋ยวโอนค่าตัวให้พร้อมค่ากาแฟของคุณพันไมล์ด้วย55555

มีหวานกว่านี้ไหมคะ ขอมม. พี่ยักษ์ตัวโตกับน้องมนุษย์ตัวเล็กเยอะๆ หน่อยน้า เดี๋ยวลืมชื่อพระเอกอีกกกก //โดนพี่ยักษ์วศินเอาดาบจ่อคอ// ไม่ลืมแล้วก็ได้ค่ะพี่ขา.___.

รักและเทคแคร์นะคะคุณพันไมล์ มิสยู้ววววววว :กอด1:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เจ้าแก้วมันน่ารักจริงๆๆๆๆ
เถียงเก่งซะด้วย
น่าฟัดจริงๆๆ
แค่นี้ท่านวศินก็หวงไม่รู้ตัวแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ใต้แสงจันทรา


.


.


.
[/b]


“แก้ว แก้วเอ้ย”


               ชายชราเดินถือกระจาดสมุนไพรมาวางไว้บนแคร่ตัวเก่าใต้ถุนเรือนก่อนจะหันกลับไปเรียกศิษย์คนเล็กที่กำลังใช้มีดพร้าเลาะเสี้ยนออกจากลำไม้ไผ่อยู่อย่างขะมักเขม้น


               วานนี้กว่าพวกมันจะกลับมาก็เริ่มโพล้เพล้เต็มที เขาจึงสั่งแยกย้ายให้ไอ้อินกับให้มั่นกลับไปหาลูกหาเมียแทนแล้ววันพรุ่งค่อยมาจัดการกันต่อ แต่ที่ทำให้ครูบุญนึกขุ่นเคืองใจหาใช่เรื่องนั้นไม่ แต่เป็นเรื่องที่ไอ้ตัวดีคนน้องมันดันไปทะเล่อทะล่าหาเรื่องเจ็บตัวไม่เข้าท่าต่างหาก


               เพียงแค่เห็นเจ้าแก้วมันเดินกะเผลกมาแต่ไกลในอกก็ร่วงลงไปอยู่ปลายเท้าแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่พอตั้งท่าจะดุพ่อวิรุณกลับรีบแก้ต่างให้มันเสียก่อน


‘แก้วโดนหินบาดเข้า ตอนที่กำลังลงไปตักน้ำในลำธารให้พวกข้าน่ะพ่อเฒ่า’ อสุราหนุ่มพยักพเยิดหน้าไปทางเจ้าแก้วที่ยิ้มแหยเดินกะเผลกเข้ามาในเขตเรือนโดยมีวศินเดินตามหลังมาไม่ห่าง ชายชราพยักหน้ารับรู้อย่างจำยอมก่อนจะกวักมือเรียกให้มันเดินตามขึ้นไปทำแผลบนเรือน


            ดูแล้วแผลลึกเอาการเลยทีเดียว เขาดุมันไปอย่างไม่จริงจังเท่าใดนักด้วยเพราะนัยน์ตากวางที่มองมาอย่างออดอ้อนอย่างหน้าซื่อตาใสนี่ล่ะ


‘เดี๋ยวเถอะเอ็ง’ มือเหี่ยวย่นเคาะลงบนหน้าผากเบาๆเรียกเสียงหัวเราะจากศิษย์รักได้เป็นอย่างดี


‘พ่อครูจ๊ะ’ เจ้าแก้วเลียบเคียงเข้ามานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ใกล้ๆในขณะที่เขากำลังนั่งบดยาใส่แผลให้มันอยู่


‘ว่าอย่างไร’


‘เอ่อ..คือ’ จู่ๆใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ขึ้นสีราวกับจับไข้กะทันหัน ‘พ่อครูจะพาท่านผู้นั้นไปพบหลวงตาตอนไหนหรือจ๊ะ’


            ได้ยินดังนั้นครูบุญก็เลิกคิ้วขึ้นคล้ายกับพึ่งนึกขึ้นได้ ถ้าเจ้าแก้วไม่ทักท้วงล่ะก็เกือบลืมไปแล้วเชียวว่าจะพาท่านวศินไปพบพระอาจารย์เพื่อให้ช่วยดูอาการของพิษให้


‘คงเป็นมะรืนนี้ ว่าแต่เอ็งถามทำไม’ เขาหรี่ตามองเมื่อเห็นมันเกาปลายจมูกแก้เก้อหน้าตาตื่นราวกับเด็กถูกจับได้ว่าไปเล่นซนมา


‘ป..เปล่าจ้ะ’


‘เอ็งดูสนิทสนมกับพ่อยักษ์ตนนั้นนะ’ น้ำเสียงอ่อนโยนเข้มขึ้นเล็กน้อย ‘ลับหลังข้าคงไม่ได้ไปเล่นหัวอันใดเกินพอดีใช่หรือไม่’


            สิ้นประโยคเจ้าแก้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน เขามองมันอย่างแสร้งจับผิดแต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงหน้าซื่อๆของลูกหมาตัวหนึ่งเท่านั้นจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไป





“เจ้าแก้ว” เอ่ยเรียกซ้ำอีกหนเมื่อมันไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน


               ผู้ถูกเรียกสะดุ้งสุดตัวจนเกือบทำลำไผ่หลุดมือ มันมองตามต้นเสียงไปก็พบว่าพ่อครูยืนเท้าเอวมองอย่างเอาเรื่องจึงต้องรีบวางมือจากงานตรงหน้าแล้ววิ่งแจ้นเข้าไปหาที่ใต้ถุนเรือนทันที


“จ๋าพ่อครู” เด็กหนุ่มดึงผ้าขาวม้าที่โพกศีรษะอยู่ลงมาเช็ดหยดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตา


“เอ็งมานั่งคัดสมุนไพรให้ข้านี่ ทางนั้นให้ไอ้อินกับไอ้มั่นมันทำก็พอ” เพราะยามนี้ตะวันกำลังขึ้นตรงกลางศีรษะ แดดช่วงบ่ายแก่นั้นร้อนจัดจนเขาอดที่จะห่วงมันไม่ได้


               ...ยิ่งกระหม่อมบางอยู่ด้วยประเดี๋ยวจะจับไข้แดดเอาได้


“แต่ว่า..”


“ไม่ต้องต่งต้องแต่ ไปจัดการให้เรียบร้อยเสีย” แสร้งว่าเสียงดุใส่เป็นการทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีไปหลังเรือนเพื่อดูเหล่าลูกศิษย์อีกหลายชีวิตฝึกซ้อมช่วยไอ้กล้ามัน แม้นว่าท่านวิรุณจะอาสาไปช่วยอีกแรงแต่เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดี


               ..ไม่วางใจในที่นี้หมายถึงไม่ไว้ใจไอ้ตัวดีนั่นต่างหาก ปล่อยทิ้งให้เผชิญหน้ากับพ่อยักษ์สองต่อสองก็เกรงว่ามันจะกระทำการงามหน้าหาเรื่องให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าอีก


“จ้ะ” เจ้าแก้วพยักหน้าหงึกหงักอย่างจำยอมแล้วจึงเดินเข้าไปใกล้แคร่ตัวนั้นอย่างพินอบพิเทา


               ..เพราะมีใครบางคนนั่งหน้านิ่งอยู่บนแคร่นั่นแลที่ทำให้เจ้าแก้วยักแย่ยักยันกับพ่อครูอยู่นานโข…   


มันเดินก้มหน้างุดเข้าไปใกล้โดยไม่ยอมสบตาอีกฝ่ายหวังเพียงแค่จะยกกระจาดสมุนไพรขึ้นไปคัดอยู่บนชานเรือน แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจก็เอ่ยดักไว้เสียก่อน


“จะไปไหน”


“ไป...ไปบนเรือนจ้ะ” ...ขืนนั่งทำอยู่นี่มีหวังคัดถูกคัดผิดกันพอดี..


“มานั่งนี่สิ” ราวกับคำบอกก่อนหน้านั้นเป็นเพียงอากาศที่ผู้ฟังไม่ใครจะสนใจ


               ร่างสูงใหญ่เบี่ยงกายเปิดทางเป็นราวกับเป็นการบังคับทางอ้อม


“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ประเดี๋ยวท่านจะนั่งไม่สบายเอา” เจ้าแก้วปฏิเสธเสียงแผ่วเมื่อโดนนัยน์ตาคมดุจ้องมองมา


“เคยบอกไปแล้วมิใช่หรือ” วศินแสร้งกดเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย “..ว่าข้าไม่ชอบพูดซ้ำ”


               แล้วก็ได้ผลเมื่อเจ้าสัตว์ตัวน้อยมันเลียบๆเคียงๆนั่งลงบนแคร่ตัวเดียวกันอย่างประหม่าโดยมีกระจาดสมุนไพรคั่นกลางระหว่างทั้งคู่เอาไว้


               ต่างคนต่างตกอยู่ในความเงียบไร้ซึ่งบทสนทนาอื่นใด เจ้าแก้วก้มหน้าลงคัดแยกชนิดของสมุนไพรอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่มีบางครั้งบางคราที่จะเงยหน้าลอบมองอสุราหนุ่มข้างกายจนอีกฝ่ายรู้ตัวว่ากำลังถูกจดจ้องอยู่จึงเบนสายตากลับมามองตอบกลับไปบ้าง ทำเอาเจ้าสัตว์ตัวเล็กสะดุ้งตื่นเล็กน้อยก่อนจะรีบก้มกลับลงไปทำงานของตนต่อ


               จอมทัพใหญ่ทอดมองท่าทีเก้กังของอีกฝ่ายอย่างนึกขัน เมื่อคนที่แสร้งตั้งอกตั้งใจทำงานนั้นมันกลับคัดสมุนไพรผิดๆถูกๆเสียอย่างนั้น..


“ดูดีๆสิ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือน


“อะไรหรือจ๊ะ” …ยังคงซื่อตาใสอยู่อย่างไม่รู้ตัว


“นี่” เขาชี้ลงไปยังเหล่าสมุนไพรที่ถูกแยกปะปนกันมั่วไปหมดก่อนจะเลื่อนนิ้วลงมาเคาะที่หน้าผากของอีกฝ่ายแผ่วเบา “ปนกันมั่วไปหมดแล้ว”


“ข..ขอบพระคุณจ้ะ”


               พอรู้ตัวว่าตนพลั้งพลาดเจ้าแก้วก็รีบกุลีกุจอคัดแยกใหม่เป็นการใหญ่โดยมีอีกฝ่ายกอดอกมองอยู่ไม่ห่างและเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมาก็ได้พบว่าใบหน้าดุดันนั่นปรากฏรอยยิ้มบางเบาขึ้น เพียงเท่านั้นใบหูก็ร้อนวาบจนต้องก้มหน้ากลับลงไปสนใจสมุนไพรในกระจาดต่อ


               แต่แล้วลมหายใจก็พลันสะดุดเมื่อโดนข้อนิ้วแข็งดันปลายคางให้เชิดขึ้น นัยน์ตาสีน้ำผึ้งไหวสั่นระริกเมื่อถูกผู้สูงศักดิ์กว่าจ้องมองลงมา


“หลบทำไม” เขาแสร้งว่าเสียงเข้ม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองใบหูที่กำลังขึ้นสีแดงก่ำ


               อสุราหนุ่มมองลึกเข้าไปในลูกแก้วสีอ่อนที่ล้อกับประกายแสงแดดจ้า ใบหน้าเยาว์วัยของเด็กหนุ่มขึ้นสีระเรื่อได้อย่างน่าดูชม


เจ้ากระรอกไร้ซึ่งถ้อยคำโต้แย้งอื่นใด มันทำเพียงเสียงฟึดฟัดขึ้นจมูกเหมือนที่พวกสัตว์ตัวเล็กๆชอบทำยามที่ถูกคุกคามจากสัตว์ใหญ่ มันพยายามเบือนหน้าหลบแต่ครานี้ดูท่าจะไม่ได้ผลเมื่อปลายนิ้วแกร่งถูกแปรเปลี่ยนเป็นอุ้งมือใหญ่ที่โอบระคองใบหน้าไว้แทน


               ...ไม่รู้ว่าจะต้องลงแรงเท่าใดจึงจะพอดี กับเจ้าวิรัลนั้นแม้นจะตัวเล็กกว่าแต่น้องก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันซึ่งเขายังสามารถกะแรงได้ถูกยามหยอกเย้า แต่กับเจ้ามนุษย์หน้าซื่อนี่สิหากทำเช่นเดียวกันมีหวังช้ำไปหมดทั้งตัวเป็นแน่..


               เพราะเกรงว่าจะโดนดุอีกเจ้าแก้วจึงเป็นฝ่ายมองโต้ตอบกลับไปบ้างเพื่อยืนยันว่าตนนั้นหาได้หลบหน้าหลบตาดั่งที่อีกฝ่ายกล่าวหา


...เพียงแค่ทำตัวไม่ถูกก็เท่านั้นเอง..


แต่กลับเป็นฝ่ายอสุราหนุ่มเสียเองที่ต้องชะงักเมื่อโดนลูกแก้วสีสวยจดจ้องกลับมา ในอกของจอมทัพใหญ่วูบไหวจนได้ยินเสียงอึกทึกแว่วเข้ามาในโสตประสาท แม้นจะเป็นบุรุษวัยฉกรรจ์แต่ชาตินักรบเช่นเขานั้นหาได้เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักใคร่ไม่ วันเวลาที่ผ่านพ้นมีเพียงแค่การศึกให้คำนึงถึง มือทั้งสองที่ใช้จับศาสตราวุธมาตลอดชีวิตหาได้เคยใช้ทะนุถนอมใครอื่นนอกจากน้องของตน


ความอ่อนโยนทั้งหมดที่เขามีให้ก็คือเจ้าวิรัลแต่เพียงผู้เดียว..


..แต่ครานี้กลับมีเจ้าสัตว์ตัวน้อยตรงหน้าเพิ่มมาอีกคนโดยที่เขาเองก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำไป...


 “โอ้ย!ไอ้มั่น มือข้า!” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นกะทันหันเรียกสายตาของทั้งคู่ให้หันกลับไปมอง


               อินกระโดดเหยงๆสะบัดมือไม้รัวเมื่อโดนค้อนเหล็กทุบมือเข้าอย่างจัง มั่นรีบสละเครื่องมือช่างในมือแล้วลุกไปดูอาการของเพื่อนอย่างหน้าตาตื่น


               ...จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไรเล่า ก็ในระหว่างกำลังตีตะปูเพื่อยึดไม้อยู่นั้นจู่ๆไอ้อินก็สะกิดเข้าสีข้างยิกๆก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางใต้ถุนเรือน เพียงเท่านั้นค้อนในมือก็ตีพลาดผิดจังหวะส่งผลให้สหายตนต้องเต้นกระโดดเหยงๆได้อย่างน่าอนาถ


               ...ตายห่า ถ้าไอ้กล้ามาเห็นเข้า ดูท่าคงจะอาละวาดจนเรือนพังไปข้าง..


 “เอ่อ..คือ” อินที่พึ่งรู้ตัวว่าโผงผางไปขัดจังหวะใครเขาเข้าก็ต้องยกยิ้มแก้เก้อเมื่อโดนนัยน์ตาคมดุปรายมองมาเพียงนิด แต่เพียงเท่านั้นก็เรียกให้ขนสันหลังลุกตั้งได้อย่างง่ายดาย และเพราะมัวแต่ยืนใบ้ทำตัวไม่ถูกจึงโดนศอกของมั่นกระทุ้งเรียกสติอีกครา


               แต่ก่อนที่บรรยากาศอึมครึมจะเริ่มก่อตัวขึ้นเสียงร้องทักของเด็กสาวที่คุ้นหน้าค่าตาก็ดังมาจากทางหน้าเรือนเสียก่อน เรียกเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกจากสองหนุ่มได้ทันท่วงที


“พี่แก้ว!”


“อย่าวิ่งสิเฟื่อง”


               เด็กสาววัยสะพรั่งวิ่งหน้าแชล่มเข้ามาในเขตเรือนโดยมีพี่สาวดุตามหลังมา ทั้งสองนางดูตกอกตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นอสุราหนุ่มนั่งผึ่งผายอยู่บนแคร่ใต้ถุนเรือน เฟื่องหน้าถอดสีลงไปถนัดตาเมื่อได้สบเข้ากับใบหน้าดุดันของอีกฝ่าย


               ..ตนที่เห็นคราก่อนว่าน่ากลัวแล้ว แต่ตนนี้กลับน่ากลัวยิ่งกว่าเท่าทบทวีคูณ..


               เมื่อเห็นว่าสองสาวหอบหิ้วตะกร้าหวายมาด้วยเจ้าแก้วจึงรีบเดินออกไปรับพร้อมอาสาช่วยถือเหมือนอย่างที่เคยทำ


เด็กหนุ่มที่สวมเพียงผ้านุ่งสั้นเหนือเข่าเพียงตัวเดียวเรียกความร้อนให้เข้าจู่โจมใบหน้าของเฟื่องอย่างจัง แม้นจะไม่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆดูกำยำล่ำสันเหมือนดั่งพี่กล้า แต่ร่างกายสมส่วนของเด็กหนุ่มวัยเจริญพันธุ์ก็ทำให้ในอกของสาวน้อยสั่นคลอนได้อย่างง่ายดาย


               ไม่ได้เจอนานพี่แก้วตัวสูงขึ้นอยู่มากโข ไหล่ก็ดูผึ่งผายขึ้นตามประสาคนที่กำลังเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว


               แต่มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนไป นั่นก็คือเนื้อบริเวณแก้มที่เฟื่องชอบนักหนา มันดูน่ารักน่าเอ็นดูไม่หยอก นางชอบแอบบีบแอบจับมันวันละหลายหนยามที่บัวคลี่เผลอ


“วันนี้ฉันทำขนมกล้วยมาให้พี่แก้วด้วยนะ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองอย่างขวยเขินแต่ก็ต้องก้มหลบเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาสีอ่อนที่ก้มมองลงมา


“ไม่เห็นต้องลำบากเฟื่องเลย” เจ้าแก้วยิ้มให้เมื่อเห็นว่าเด็กสาวทำหน้ามุ่ย


“ไม่เห็นจะลำบากเลย ฉันเต็มใจจ้ะ”


“แล้วพวกข้าเล่านังเฟื่อง ไม่ทำมาเผื่อพวกข้าเลยรึ” เสียงโห่แซวดังมาจากสองหนุ่มบริเวณใกล้เคียง เด็กสาวหันไปเลิกคิ้วใส่เล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปอย่างฉะฉาน


“ของพวกพี่ก็มีจ้ะ แต่ของพี่แก้วจะเยอะกว่าหน่อย” เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงโห่ฮาอย่างชอบอกชอบใจกลับมา พร้อมด้วยการแซวอย่างสนุกปากว่าไอ้แก้วมันเสน่ห์แรงใช่เล่น


               ทางด้านของบัวคลี่ที่ชะเง้อมองไปรอบเรือนอยู่เป็นเนืองๆก็ต้องหน้าขึ้นสีเมื่ออินกับมั่นตะโกนบอกราวกับรู้ทัน


“ไอ้กล้ามันอยู่หลังเรือนนู่น”


“พี่บัวไม่ได้มาหาพี่กล้าสักหน่อย พวกพี่เนี่ยขี้ยุเสียจริง”เสียงเล็กเสียงน้อยพูดอย่างมั่นอกมั่นใจแต่ในน้ำเสียงกลับฉายแววหยอกล้อพี่สาวของตนอยู่


“เอ้าเรอะ ตายล่ะหวา อย่างนี้หมามันก็เฉาแย่” อินแสร้งเสียดายแทนสหายของตนอย่างสุดซึ้ง


“หยุดเลย พี่บัวหน้าแดงเถือกไปหมดแล้ว” เฟื่องทำท่าทีปกป้องพี่สาวอย่างไม่จริงจังมากนักก่อนจะต้องร้องโอดโอยเมื่อโดนฟาดเบาๆเข้าที่ต้นแขนจนต้องลูบคลำป้อยๆ


“ประเดี๋ยวเถอะ พี่จะฟ้องยาย” เฟื่องหาได้กลัวที่ไหน กลับยกคิ้วหลิ่วตาใส่จนผู้เป็นพี่นึกระอา


“พี่บัวกับเฟื่องเข้าไปนั่งในเรือนก่อนเถิดจ้ะ ตรงนี้แดดมันร้อน” เจ้าแก้วเชื้อเชิญสองพี่น้องด้วยความคุ้นชิน


“เอ่อ..จะดีหรือแก้ว” บัวคลี่เอ่ยถามอย่างเกรงอกเกรงใจด้วยเพราะไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้


“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เข้ามาเถอะ” เจ้าแก้วยังคงคะยั้นคะยอไม่หยุดจนสองสาวจำต้องจำยอมโดยไร้ข้อโต้แย้ง


               มันออกเดินนำจนกระทั่งมาถึงใต้ถุนเรือน สองพี่น้องยืนเก้กังอยู่ห่างๆอย่างไม่กล้าย่างกลายเข้ามาใกล้ แต่แล้วความประดักประเดิดที่มีก็ต้องมลายสูญเมื่อร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากแคร่แล้วเป็นฝ่ายบอกให้พวกนางเข้าไปนั่งเสียเอง


“เอ่อ..ม...ไม่เป็นไรหรอกจ้ะท่าน ประเดี๋ยวพวกฉันก็จะกลับแล้วจ้ะ”


“มาเถิด” เสียงทุ้มต่ำตอบกลับอย่างนุ่มนวล


               วศินระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยเพื่อหวังเพื่อจะคลายความดุดันลงไปบ้าง พวกนางจะได้เลิกหวั่นวิตกกันเสียที


               แม้นหญิงสาวชาวมนุษย์จะมีศักดิ์ที่ต่ำต้อยกว่า แต่จอมทัพอสุราหาได้คิดเช่นนั้นไม่


               ..เพราะการให้เกียรติสตรีคือสิ่งที่บุรุษทั่วไปพึงมี


“ขอบพระคุณจ้ะ” สองพี่น้องค่อยๆเลียบเคียงมานั่งบนแคร่อย่างสงวนท่าที


               เฟื่องดูเรียบร้อยขึ้นถนัดตาไม่มีท่าทีกระโตกกระตากให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ส่วนเจ้าแก้วก็ขันอาสานำขนมไปแจกจ่ายให้คนอื่นๆโดยที่ไม่ลืมแยกกระทงขนมที่เฟื่องนำมาฝากตนโดยเฉพาะออกไว้ก่อน


               เมื่อเดินมาถึงหลังเรือน เด็กๆที่ฝึกซ้อมกันอยู่ก็ตาวาววับขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเจ้าแก้วเดินถือตะกร้าเข้ามา เรียกเสียงดุด่าพาโลจากครูบุญได้เป็นอย่างดี


“เอ้าๆ ตั้งใจกันหน่อยพวกเอ็ง” ครูบุญเอ็ดเตือนเมื่อเจ้าพวกตัวน้อยมันเสียสมาธิ แต่เมื่อเห็นศิษย์รักคนเล็กเดินหอบของพะรุงพะรังมาก็เป็นอันเข้าใจได้ในทันที


“หยุดเลยเจ้าแก้ว เอาไปเก็บเสีย รอให้พวกมันซ้อมกันเสร็จเสียก่อนค่อยกิน” ชายชราปรามเสียงดุจนได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยร้องโอดโอย ส่วนพวกคนหนุ่มก็แอบลอบถอนหายใจเพราะคิดว่าจะได้หยุดพักยกสักหน่อย


ท่าทีอิดออดของศิษย์ทั้งหลายทำให้ครูบุญออกคำสั่งให้พวกมันเตะเป้าล่อไปอีกคนละห้าสิบยก ไอ้พวกตัวเล็กอีกคนละยี่สิบยก เอาให้แข้งมันช้ำกันไปข้าง


“บัวมาหรือวะไอ้แก้ว”


               นักมวยคนเก่งเดินกะเผลกเข้ามาหา นัยน์ตาคมกล้าเปล่งประกายขึ้นอย่างดีอกดีใจจนออกนอกหน้าเมื่อเห็นตะกร้าหวายใบที่คุ้นเคย


“จ้ะ พี่บัวกับเฟื่องทำขนมกล้วยมาฝาก” มันพยักพเยิดหน้าบอกอย่างรู้งาน


               ไม่ทันจบประโยคดีไอ้คนพี่ก็เดินละลิ่วไปทางหน้าเรือนราวกับแผลฉกรรจ์ที่เท้ามันนั้นเป็นเพียงรอยขีดข่วน แม้นจะมีเสียงเอ่ยทัดทานจากพ่อครูมันก็หาได้สนใจไม่


“รู้งานจริงนะเอ็งนี่” เขาหันมาเอ็ดเจ้าคนเล็กแทนเมื่อเห็นว่ามันนั้นถือหางพี่มันจนเกินควร


               เจ้าแก้วหัวเราะอย่างขบขันก่อนจะหันไปหาผู้ที่กำลังเดินย่างกรายเข้ามา พร้อมกับเอ่ยปากชักชวนอีกฝ่ายอย่างสนิทชิดเชื้อโดยลืมไปเสียสนิทว่าพ่อครูยืนอยู่ข้างๆ


“พี่ยักษ์กินขนมกล้วยไหมจ๊ะ” น้ำเสียงแผ่วท้ายเมื่อโดนพ่อครูปรายตามองมาอย่างตักเตือน


“แก้วว่าอะไรนะ?” ร่างสูงใหญ่ค้อมกายลงใกล้เมื่อได้ยินไม่ชัดเท่าใดนัก


“ขนมจ้ะ ขนมกล้วย”


“มันคืออะไร” วิรุณขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่คุ้นเคย


“ลองชิมดูไหมจ๊ะ อร่อยนะ” มันหว่านล้อมสุดฤทธิ์ จนในที่สุดอสุราหนุ่มจึงต้องพยักหน้าตอบรับอย่างเสียไม่ได้


               ..เจอลูกอ้อนตาใสเช่นนี้เข้าไปเป็นใครก็ต้องอยากตามใจกันทั้งนั้น…


“พ่อวิรุณก็ตามใจมันจนเหลิงหมดแล้ว” ครูบุญส่ายหัวอย่างเอือมระอาในความทะโมนของศิษย์คนเล็ก


               ฝ่ายอสุราหนุ่มเพียงยิ้มบางเบาก่อนจะรับขนมที่ว่านั่นเข้าปากไปหนึ่งคำ รสชาติหวานละมุนลิ้นเจือความเปรี้ยวฝาดของเนื้อกล้วยเล็กน้อยเป็นเนื้อสัมผัสที่แปลกใหม่มากสำหรับเขา เพราะโดยปรกติแล้วอยู่ที่เมืองยักษ์นั้นจะนิยมกินผลหมากรากไม้กันเสียมากกว่า


“อร่อยไหมจ๊ะ” นัยน์ตาสีอ่อนทอประกายอย่างเฝ้ารอคำตอบ


“ก็ไม่เลว”


               เด็กหนุ่มยิ้มร่าอย่างดีอกดีใจก่อนจะคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายกินอีกจนโดนครูบุญปรามเสียงดุนั่นล่ะมันถึงจะยอมล่าถอย


ชายชราลุกขึ้นจากตั่งเตี้ยพร้อมสะบัดผ้าขาวม้าขึ้นพาดไหล่เดินกลับออกไปทางหน้าเรือนเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีกิจธุระที่จะต้องพูดคุยกับนางบัวคลี่พอดี


 (ต่อด้านล่าง)           

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
 
  เจ้าแก้วยกมือขึ้นเกาจมูกแก้เก้อเมื่อโดนนัยน์ตาคมกล้าทอดมองลงมาอย่างขบขัน ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือเข้ามาหา ยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไรออกไปก็โดนปลายนิ้วโป้งปาดไล้บริเวณปลายจมูกอย่างแผ่วเบา มันยืนกะพริบตาปริบๆมองจนเป็นฝ่ายอสุราหนุ่มเสียเองที่เริ่มออกอาการตกประหม่า


“คือ..” เขากระแอมแก้เก้อ “มันเปื้อนน่ะ” พร้อมกับชี้นิ้วบอกอย่างเก้กัง


               เจ้าแก้วพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจได้ในทันที แต่ไม่ทันที่จะได้กล่าวขอบคุณพี่ยักษ์ของมัน เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอยู่เหนือหัวเสียก่อน


“ทำอะไร” ร่างสูงใหญ่ยืนประชิดอยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่มมนุษย์แต่แววตากลับมองสบตรงไปยังสหายของตนอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าใดนัก ส่งผลให้ผู้ที่อายุมากกว่าคิ้วกระตุก


...มันไปกินรังแตนที่ไหนมา


“เปล่า แก้วแค่เอาขนมกล้วยมาให้กินก็แค่นั้น” เขาพยักพเยิดลงไปมองตะกร้าหวายต้นเหตุ “เจ้าลองดูสิ รสชาติดีเลยทีเดียว”


               จอมทัพใหญ่ก้มลงมองเจ้าสัตว์ตัวเล็กพอดีกับที่มันหันกลับขึ้นมามองกัน เจ้าแก้วดูประดักประเดิดอย่างเห็นได้ชัดจนคิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน...นึกหงุดหงิดใจขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย


               ...ทีกับเจ้าวิรุณไม่เห็นเป็นเช่นนี้บ้าง


“ไม่ล่ะ” ด้วยความขุ่นมัวและนึกรำคาญตนเองอยู่ไม่น้อยจึงปฏิเสธออกไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแข็งจนเจ้าวิรุณยังต้องขมวดคิ้วมอง


               ..แล้วก็ทันได้เห็นแววตาสีน้ำผึ้งป่านั่นสลดลง เพียงเท่านั้นในอกก็วูบไหวลงอย่างน่าประหลาด จะเรียกว่าแอบรู้สึกผิดเล็กๆก็คงจะไม่เกินจริงไป...


               ...จะเอายังไงก็ว่ามาเจ้าตัวน้อยนี่


“เจ้าวศินมันไม่ชอบกินของหวานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผลหมากรากไม้ยังแทบจะไม่แตะเสียด้วยซ้ำไป” วิรุณลูบหัวปลอบใจเด็กน้อยตรงหน้ายกใหญ่


“เช่นนั้นหรือจ๊ะ” เจ้าแก้วพยักหน้ารับรู้อย่างง่ายดายก่อนจะหันไปมองทางหน้าเรือนเมื่อได้ยินเสียงพ่อครูตะโกนเรียก “ฉันขอตัวก่อนนะจ๊ะ” มันเดินตัวปลิวออกไปโดยปล่อยทิ้งให้สองอสุราหนุ่มมองจ้องเขม็งกันอยู่อย่างนั้น


“ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดทำให้ท่านแม่ทัพต้องขุ่นเคืองใจหรือขอรับ” วิรุณแสร้งเอ่ยเย้า “ดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเลยนะขอรับ”


               จอมทัพอสุราขมวดคิ้วยุ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อนึกรำคาญในท่าทีหยอกล้อของผู้ที่อายุมากกว่า


“เปล่า” เขาปฏิเสธไปหวังเพื่อจะตัดความรำคาญ แต่กลับได้สายตาจับผิดจากสหายคนสนิทกลับคืนมาเสียอย่างนั้น


“หน้าบึ้งตึงเช่นนี้ข้าเชื่อก็บ้าแล้ว” วิรุณกอดอกมองอย่างไม่ยอมแพ้ ดูซิว่าเจ้าคนปากหนักมันจะแสร้งตีเฉยไปได้อีกกี่น้ำ


               จอมทัพอสุราทำเพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางหน้าเรือนเพื่อต้องการหลีกหนีความน่ารำคาญ แต่ก็ยังมิวายโดนสหายเดินตามมาแกล้งใช้ลำตัวเบียดกระแทกจนเขานั้นเกือบล้มหน้าคว่ำลงกับพื้น


               ..ถ้าในยามที่ร่างกายเขาปรกติดีมีหรือแรงเพียงเท่านี้จะสะทกสะท้าน


               สองอสุราหนุ่มเดินปลีกตัวไปบริเวณหน้าเรือนด้วยเพราะเห็นว่าที่ใต้ถุนเรือนนั้นพ่อเฒ่ากำลังพูดคุยธุระกับสองหญิงสาวด้วยท่าทีเคร่งเครียดเอาการ


วิรุณเดินเข้าไปหาอินกับมั่นที่กำลังขึ้นโครงแคร่กันอย่างขะมักเขม้นก่อนจะยอบกายลงนั่งข้างๆแล้วชักชวนคุยด้วยความสนใจใคร่รู้ในงานช่าง


แม้นจะเก่งกาจในด้านออกทัพจับศึก แต่ในด้านงานช่างงานฝีมือเช่นนี้เขาไม่เอาอ่าวเลยทีเดียว


               ส่วนทางด้านของจอมทัพใหญ่ก็ปลีกตัวออกไปนั่งบนขอนไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นมากนัก นัยน์ตาคมกล้ามองกลับขึ้นไปบริเวณชานเรือน ก็ได้เห็นว่าเจ้าสัตว์ตัวน้อยมันกำลังวุ่นอยู่กับการหยิบจับสมุนไพรลงห่อผ้าอย่างขะมักเขม้น


               เพียงไม่นานก็มัดทบไว้อย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินลงมาใต้ถุนเรือนแล้วส่งให้กับพ่อเฒ่า ยาห่อนั้นถูกมอบให้หญิงสาวชาวบ้านต่ออีกหน นางประนมมือขึ้นไหว้แล้วรับมันมาถือไว้ แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นหาได้อยู่ในสายตาของอสุราหนุ่มไม่


               เขาเพียงมองตามแต่ร่างเพรียวของเด็กหนุ่มที่เดินถือกระทงใบตองและขันน้ำตรงมาทางกลุ่มของชายหนุ่มที่นั่งต่อแคร่กันอยู่


“อะไรวะไอ้แก้ว” อินเอ่ยถามพลางใช้ผ้าขาวม้าเช็ดเหงื่อบนใบหน้า


“ขนมกล้วยจ้ะ ส่วนของพวกพี่” มันยื่นส่งให้แต่นอกเสียจากอีกฝ่ายจะไม่รับไปแล้วยังแสร้งตีหน้ายุ่งยากอีกด้วย


“มือไม่ว่างว่ะ เอ็งหยิบมาให้ข้ากินที” ด้วยความคุ้นชินกับไอ้แก้วเสมือนน้องนุ่งอินจึงเอ่ยปากขอมันอย่างเคยตัว


“เอ็งก็วางมือก่อนสิวะไอ้อิน” มั่นพูดดักคอไว้ก่อนที่น้องมันจะทำตามคำขอไร้แก่นสารนั่น แต่นอกจากมันจะไม่ฟังแล้วยังอ้าปากรอคอยอย่างเอาแต่ใจอีกต่างหาก…หนักอกหนักใจแทนเมียมันจริงเชียวที่มีผัวบ้าบอคอแตกเช่นนี้


               เจ้าแก้วพยักหน้าอย่างจำยอมพร้อมกับวางกระทงขนมและขันน้ำลงบนตั่งไม้เตี้ยก่อนจะหยิบขนมกล้วยชิ้นหนึ่งยื่นส่งเข้าปากคนพี่ไป


“แก้ว พี่วานส่งขันน้ำมาให้หน่อยจะได้หรือไม่” เพราะอากาศที่ร้อนจัดอสุราหนุ่มจึงนึกกระหายน้ำขึ้นมาบ้าง แต่ยังไม่ทันที่จะได้รับมาดื่มกินพลันเสียงโวยวายก็ดังค้านขึ้นมาจากใต้ถุนเรือน


“เอ็งมือด้วนหรือวะไอ้อิน!” ...ปากแสร้งต่อว่าสหายตนแต่ตานั้นกลับจ้องเขม็งมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง


               นี่ถ้าไม่ติดว่ายามนี้แม่ยอดดวงใจของมันนั่งอยู่ใกล้ๆก็คงลุกตึงตังเข้ามาหาเรื่องกันแล้ว


               วิรุณถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเบือนหน้ากลับมารับขันน้ำขึ้นดื่มอย่างไม่ใครใส่ใจเท่าใดนัก


ผ่านไปเพียงครู่ครูบุญก็เดินนำหน้าสองสาวพี่น้องออกมาจากใต้ถุนเรือน


“เช่นนั้นฉันกับน้องขอลานะจ๊ะตาบุญ” บัวคลี่เอ่ยบอกด้วยท่าทีนอบน้อม


ทางด้านชายชราพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยสำทับกลับอีกหน “สักสามสี่วันข้าจะเข้าไปหาที่เรือนก็แล้วกัน อย่าลืมกินยาต้มให้หมดด้วยเล่านังบัว”


“จ้ะ”


“ให้พี่ไปส่งนะ” กล้ารีบเสนอตัวโดยที่สายตายังไม่ละออกจากดวงหน้างามของนางอันเป็นที่รัก


“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่กล้า ลำบากพี่เปล่าๆ” หญิงสาวเอ่ยบอกอย่างนึกเป็นห่วงแผลที่เท้าของอีกฝ่าย


“แต่..”


“ฉันไปส่งเองจ้ะ” เจ้าแก้วขันอาสาขึ้นมาบ้าง ก่อนจะรีบลุกออกมารับหน้าแทนพี่มัน


“จะดีหรือแก้ว” นางเอ่ยถามอย่างเกรงอกเกรงใจ


“ดีสิพี่บัว ให้พี่แก้วไปส่ง นี่ยายก็บ่นว่าคิดถึงพี่แก้วจะตายชัก”


               เฟื่องรีบสนับสนุนอย่างออกนอกหน้าจนพี่สาวต้องหันไปค้อนวงโตใส่


“ให้เจ้าแก้วมันไปส่งนั่นแหละดีแล้ว เป็นสาวเป็นนางเดินทางกันเพียงสองคนมันอันตราย” ครานี้ครูบุญกลับเห็นดีเห็นงามด้วยก่อนจะหันไปสั่งกำชับศิษย์คนเล็กอีกหน “อย่าติดลมอยู่นานล่ะเอ็ง รีบไปรีบกลับ เข้าใจไหมเจ้าแก้ว”


“จ้ะพ่อครู” มันพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน “เฟื่อง ให้พี่ถือช่วยนะ” ก่อนจะยื่นมือไปรับตะกร้าเปล่าสองใบมาถือไว้เสียเอง


               ท่าทีอ่อนโยนของเด็กหนุ่มเรียกริ้วแดงให้พาดผ่านบนใบหน้าอีกฝ่ายได้อย่างไม่ยากเย็น เสียงนุ่มๆนั้นทำให้เฟื่องอยากฟังอีกฝ่ายพูดไปเรื่อยอย่างไม่รู้เบื่อ เจ้าแก้วเปิดทางให้สองสาวออกเดินนำไปก่อนโดยทิ้งระยะห่างจนพอดีแล้วจึงเดินตามหลังออกจากเขตเรือนไป


               คราแรกวิรุณตั้งใจจะอาสาเดินเข้าไปส่งเป็นเพื่อน แต่ทันได้เห็นสายตาที่สหายร่วมรบส่งมาปรามไว้เสียก่อนจึงจำต้องพยักหน้ารับอย่างเข้าใจกัน


               ...เพราะการที่จะทะเล่อทะล่าเข้าไปในกลุ่มมนุษย์ตามใจชอบเช่นนั้นเห็นทีจะไม่เป็นการดีเท่าใดนัก





               เย็นย่ำจนตะวันใกล้ลับขอบฟ้าเต็มแก่เป็นเวลาที่ทุกสรรพสิ่งกำลังจะถูกผืนรัตติกาลเข้าครอบงำ ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาปรากฏให้เห็นร่างสูงใหญ่ของจอมทัพอสุรานั่งพิงกายกับต้นมะพร้าวอยู่เยื้องบริเวณท่าน้ำหลังเรือน


               หลังจากที่ขอปลีกตัวออกมาชำระล้างร่างกายแล้วเขาจึงถือโอกาสนี้นั่งสงบจิตสงบใจที่ว้าวุ่นมาตลอดทั้งวัน นัยน์ตาคมกล้าทอดมองไปยังผืนน้ำที่ส่องสะท้อนกับแสงนวลของดวงจันทร์ ระลอกคลื่นตีกระทบฝั่งแผ่วเบาเมื่อถูกลมไล่ต้อน เสียงจิ้งหรีดดังประสานกันเป็นระยะฉุดรั้งความรู้สึกนึกคิดให้ถลำลึกลงไปเสียยิ่งกว่าเดิม


               อสุราหนุ่มแหงนเงยหน้าขึ้นจ้องมองท้องนภามืดมิดอย่างไร้จุดหมาย แต่แล้วเสียงเหยียบย่ำพื้นที่ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบกลับดึงความสนใจให้เขาหันกลับไปมอง


               เจ้าแก้วเดินถือผ้าขาวม้าเดินดุ่มๆลงไปที่ท่าน้ำด้วยท่าทางคล่องแคล่ว บนตัวของเด็กหนุ่มยังคงสวมไว้เพียงแค่ผ้านุ่งผืนสั้นเมื่อตอนกลางวัน ดูท่าแล้วมันคงพึ่งกลับมาจากในหมู่บ้านเป็นแน่


               ร่างทะมัดทะแมงจัดการวางสัมภาระลงไว้ข้างกายก่อนจะเลื่อนมือลงไปปลดชายผ้านุ่งที่เหน็บไว้ด้านหลังออกจนผืนผ้าทิ้งตัวหล่นไปกองอยู่บริเวณข้อเท้า ส่งผลให้ใบหน้าคมคร้ามต้องรีบเสหลบเป็นการใหญ่เมื่อทันเห็นผิวเนื้ออ่อนวับๆแวมๆอยู่ตรงหางตา


               ...เกือบไปแล้ว..


               คงเพราะมุมที่เขานั่งอยู่ค่อนข้างมืดอีกฝ่ายจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่านอกจากผืนป่าแล้วยังมีอีกหนึ่งชีวิตนั่งประดักประเดิดทำตัวไม่ถูกอยู่ใต้ต้นไม้


แต่ถ้าหากจะลุกออกไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะทำให้เจ้าสัตว์ตัวเล็กมันตกใจเอาได้จึงจำใจต้องนั่งนิ่งอยู่กับที่แม้นเพียงจะขยับกายเปลี่ยนท่าก็ยังไม่กล้า..


               วศินเสหน้าหลบออกไปอีกทางแต่เสียงผืนไม้กระดานที่ลั่นแผ่วเบายามที่อีกฝ่ายเหยียบย่ำนั้นกลับดังชัดเจนในความรู้สึก ผิวน้ำถูกแหวกออกจากกันเมื่อใครบางคนค่อยๆจุ่มปลายเท้าลงไป เสียงน้ำถูกวักรดผิวกายดังขึ้นต่อเนื่อง จนผ่านเลยไปครู่หนึ่งเสียงนั้นก็เงียบลง


               อสุราหนุ่มจึงหันกลับไปมองด้วยเพราะนึกว่าอีกฝ่ายนั้นจัดการตัวเองจนแล้วเสร็จเรียบร้อย แต่กลับไม่เป็นดังคาดเมื่อได้เห็นแผ่นหลังเปล่าเปลือยยืนนิ่งอยู่กลางน้ำ


นัยน์ตาสีอ่อนทอดมองแสงจันทร์นวลที่กระทบส่องกับคลื่นน้ำอย่างเพลิดเพลิน มันวักน้ำขึ้นล้างหน้าล้างตาอีกหนพร้อมกับเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าขึ้นเปิดให้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด หยดน้ำบริเวณปลายผมชื้นกลิ้งผ่านตามร่องแนวสันหลังเรื่อยลงผ่านช่วงเว้าของสะโพกจนหายลับลงไปรวมกับกลุ่มน้ำดังเดิม


ราวกับต้องมนต์สะกด อสุราหนุ่มคล้ายได้ยินเสียงกึกก้องดังประท้วงขึ้นภายในอก ซ้ำลำคอพลันแห้งผากกะทันหัน ยากที่จะเพิกถอนสายตาออกจากร่างของอีกฝ่ายไปได้..


               เสี้ยวหน้าข้างที่เคยถูกผ้าพันปิดไว้ปรากฏรอยแผลเป็นยาวพาดผ่านดวงตาข้างซ้ายที่ปิดสนิท เขาเผลอจดจ้องมองรอยจารึกนั้นอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งใบหน้าอ่อนเยาว์หันมาทางที่เขานั่งอยู่


นัยน์ตาสีอ่อนกระทบเข้ากับแสงนวลของแสงจันทร์ยิ่งเสริมให้แววตาหวานหยดเสียยิ่งกว่าเก่า ริมฝีปากสีสดขมเม้มเข้าหากันอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อสายลมหนาวผัดผ่านช่วงตัว ผิวกายสีน้ำผึ้งที่โดนฉาบไล้ด้วยแสงสีนวลนั้นมีเสน่ห์ชวนมองอย่างน่าประหลาด


               เขาไม่เคยเห็นร่างกายเปล่าเปลือยของอิสตรีหน้าไหนมาก่อนจึงไม่รู้ว่าความงามของนวลเนื้อนั้นเป็นเช่นไร แต่ผิวเนื้ออ่อนของเด็กหนุ่มตรงหน้านั้นหากจะให้มองว่างดงามก็คงไม่ใกล้เคียงเท่าใดนัก ด้วยเพราะยังปรากฏรอยแผลเป็นเจือจางอยู่ทั่วลำตัวซ้ำยังคล้ำแดดเป็นบางช่วง


...แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นกลับมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ช่วงไหล่สมส่วนรับกับช่วงเอวผายได้อย่างพอดิบพอดี สะโพกเล็กที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำแม้นจะไม่ได้ดูเพรียวบางแต่กลับทะมัดทะแมงยิ่งนัก


อสุราหนุ่มไม่รู้ว่าตนใช้สายตาจ้องมองร่างกายเปล่าเปลือยของอีกฝ่ายเนิ่นนานเท่าใด แต่รู้ตัวอีกทีเด็กหนุ่มก็ขึ้นฝั่งมาพันผ้าขาวม้าไว้รอบเอวเสียแล้ว


เจ้าแก้วก้มลงสำรวจสัมภาระเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้าไปในเขตเรือนโดยทิ้งไว้เพียงความว้าวุ่นที่เคยสงบลงไปแล้วกลับลุกฮือขึ้นมาก่อกวนจิตใจของจอมทัพใหญ่อีกหน..


..โดยที่ตัวต้นเหตุมันยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป..



_________________________________



พี่ยักษ์แอบมองลูกเราอาบน้ำได้ยังง้ายยยยยย มั่ยยอมมมมม /ดิ้นๆๆ :z3:


มาแล้วจ้าาา มาช้าอีกตามเคย ฮืออออ ขอโทษที่ทิ้งช่วงไปนานเลยนะคะ ทั้งเรียนทั้งโปรเจคมันยุ่งมากจริงๆ T T :z10:

เนื้อเรื่องก็ยังคงเรื่อยๆมาเรียงๆเต่าคลานแบบนี้ไปก่อนเน้อ

อารมณ์แบบรอคลื่นสึนามินั่นแล---- แค่กๆ :hao7:



ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกๆคนนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าคับพ้มม <3 :L2: :กอด1:

#ดอกแก้วกุมภัณฑ์

twitter:pppunmile

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2019 23:47:25 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
//ฟาดนังพี่ยักษ์// ยักษ์บ้า! ยักษ์ทะลึ่ง! ยักษ์โรคจิต! มาแอบดูลูกฉันอาบน้ำเหรอ เห็นน้องเปลือยแล้วให้พ่อแม่มาขอเลยนะพี่ยกษ์ ไม่งั้นโกรธจริงด้วยยยย //เดี๋ยวๆ//

คุณพันไมล์ คุณทำเอาเราจะตายอยู่แล้วอ่ะ แบบบรรยายเจ้าแก้วได้แบบ หื้มมม //ปาดเลือด// เจ้าแก้วนี่เสน่ห์แรงจริงนะ ทั้งคนทั้งยักษ์หลงกันให้หมด นี่แม่ก็หลงหนูด้วย จะตายอยู่แล้ว ความคิ้วท์กระแทกหน้า5555555

อยากให้พี่ยักษ์รู้ตัวสักทีอ่ะ พี่มึงชอบน้องไง พี่มึงยังไม่รู้ใจตัวเองอีก เดี๋ยวพี่ยักษ์วิรุณแย่งไปจะรู้สึก เอาจริงอยากให้พี่ยักษ์วิรุณปราบพยศนังกล้าสักทีนะ แหม่ เจอสาวเข้าหน่อยก็รีบปรี่ไปหาเขาเลยนะ แล้วยังมาแซะพี่ยักษ์วิรุณอีก มันน่าปราบพยศจริงๆ อยากเห็นฉากนั้นเร็วๆ แต่อย่างนังพี่กล้าเหรอจะยอมง่ายๆ ไม่มีทางงง

เจ้าแก้วลูกกกกกกกก เจ้ากระรอกน้อยยยยยยยย เจ้าเด็กน่ารักกกกกก อยากจับปั้นเป็นก้อนแล้วกลืนลงท้อง ไม่อยากให้พี่ยักษ์แล้ว!

คิดถึงคุณพันไมล์นะคะ สู้ๆ ทั้งการเรียนและนิยายนะคะ เราเป็นกำลังใจให้เสมอออ เลิ้บบบ<3

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เอาแล้ววววววท่านจอมทัพอสุรา ลำคอแห้งผาก ร้อนรุ่มกายใจไหมละ แอบดูอยู่แบบนี้ 555555 เริ่มสับสนใหญ่แล้วสินะ อยู่ด้วยกันอีกหน่อยคงรู้ใจตัวเองมากกว่านี้ละ แต่จะยอมรับเมื่อไหร่ยังไงวันไหนรอดูต่อไป แต่แค่ใครเข้าไปคุยด้วยนิดหน่อย ท่านจอมทัพก็ตาขวางใส่แล้ว หวงไม่รู้ตัว พลอยทำคนอื่นงงไปหมด 555 //เจ้าแก้วน่าเอ็นดูซะจริงๆอยากรู้อดีต แต่แค่ที่เกริ่นมาก็เจ็บปวดแทนไปแล้ว ไม่รู้เจออะไร ใครที่ทำแม่งชาติหมามาก ขอด่าไว้ก่อนเลย 5555 ดีที่ยังมีพี่ชายและครูเลี้ยงดู แต่ต่อไปก็รอให้พี่ยักษ์ทั้งหลายดูแลอะนะ อิอิ!! ใครๆก็เอ็นดูเจ้าแก้ว ก็นะมันน่าเอ็นดูจริงๆ //เพิ่งเข้ามาอ่านรวดเดียว สนุกกกกกมากกกก ชอบบบบบบบบบ ภาษาสำนวนดีด้วย อ่านลื่นไม่ติดขัด ไม่วกไปมาหรือตัดชับ มีความค่อยๆเป็นค่อยๆไป ท่านจอมทัพจะกลับเมืองยังไงจะแก้ตัวได้หรือไม่ วิรุณกับไอ้กล้าจะญาติดีกันได้ไหม เจ้าวิรัลจะเป็นอะไรบ้าง ข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้น อยากรู้อีกหลายเรื่อง สรุปคือว่ามันน่าติดตามมากค่ะ F5 รอตอนใหม่เลย แต่งสนุกมากๆ เอาอีกๆ Fc #ดอกแก้วกุมภัณฑ์

ออฟไลน์ Lautenyu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-3
:angry2: :m16: :3125: คุณตำรวจขา ไอ้ยักษ์พิกลพิการตนนี้มันเหิมเกริมมากไปแล้วค่ะ บังอาจถ้ำมองลูกแก้วของดิฉัน จับมันเลยค่ะ จับมันไปติดคุกสักหลายๆ ปีเลยนะคะ

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
เม้นรวบยอดเลยได้มะ อ่านแล้วรักมาก แต่ไม่ชอบกรรณอะ นอกจากทรยศเพื่อนแล้ว ยังขายชาติอีก ลูกเมียภูมิใจชะมัด

แต่น้องแก้วของเรา ฮื่อ จะถูกพี่ยักหล่อลวงแล้ว วิรัณคือเพื่อนพระเอกผู้แสนดี เจอก่อน รักก่อน แต่ไม่ได้ใจ สงสาร

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Ellette

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +194/-4
สวัสดีค่ะคุณพันไมล์ แวะเข้ามาให้กำลังใจ เดี๋ยวคงต้องกลับไปอ่านตอนที่ค้างไว้ ขอบคุณนะคะ  :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด