เจ้ากระรอก
.
.
.
“เอ้าๆ เดี๋ยวก็ตกลงมาคอหักตายหรอกเอ็งนี่!”
ครูบุญที่นั่งคัดสมุนไพรอยู่บนแคร่อดที่จะดุเสียงเข้มขึ้นมาไม่ได้ เมื่อเห็นศิษย์รักคนเล็กของตนกระโจนขึ้นไปบนต้นมะพร้าวด้วยความว่องไวราวกับลูกลิงป่า เจ้าแก้วหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับค่อยๆ ปีนไต่ลำต้นขึ้นไปบนยอดสูง
ก็เมื่อสักครู่นี้มันได้ยินพ่อครูพูดว่าอยากกินน้ำมะพร้าว ดังนั้นมันจึงไม่รอช้ารีบจัดการสลัดเสื้อออกจากตัวพร้อมกับถลกผ้านุ่งขึ้นสูง ก่อนจะกระโจนขึ้นต้นมะพร้าวไปโดยที่ไม่สนใจฟังเสียงท้วงติงของชายชราเลยสักนิด
ทโมนเสียยิ่งกว่าลูกลิงลูกค่าง!
“เอาทั้งทะลายเลยไหมจ๊ะพ่อครู”
เสียงสดใสของเด็กหนุ่มตะโกนลงมาหาคนที่นั่งอยู่ด้านล่าง
ขาและแขนก็ของมันก็ต่างเกาะเกี่ยวลำต้นไว้แน่นเพื่อเป็นหลักยึด เจ้าแก้วหัวเราะจนตาปิดเมื่อเห็นสีหน้าของครูบุญเขียวคล้ำลง ดูท่าแล้วคงอยากจะถือหวายมาหวดหลังมันเสียเต็มแก่
ยามเรียบร้อยก็สงบนิ่งดั่งผ้าพับไว้ในหีบ
แต่ยามที่มันเลือดบ้าขึ้นนี่ช่างทโมนเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
ครูบุญคิดในใจอย่างนึกปลงตก ก่อนจะวางกระจาดยาลงบนแคร่พร้อมกับลุกเดินเข้ามายืนอยู่ใต้ต้นมะพร้าวเจ้าปัญหา
“เอ็งรีบลงมาเสียเจ้าแก้ว”
ชายชราเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่ายพร้อมกับยกนิ้วชี้หน้ามันไว้อย่างคาดโทษ
“แหะๆ ก็ฉันเห็นว่าพ่อครูอยากกินน้ำมะพร้าวนี่จ๊ะ”
“แล้วข้าใช้เอ็งปีนขึ้นไปเก็บเสียที่ไหนกัน” เขากัดฟันเถียงมันกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ศิษย์รักคนเล็กคนนี้ยามจะดื้อรั้นขึ้นมาก็ทำเอาเขาปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่ไม่หยอก
“ลงมาเมื่อใดล่ะข้าจะฟาดเอ็งให้เนื้อเขียวเลยเชียว”
“จะกล้าเร้ออ”
เสียงยียวนของบุคคลที่สามดังแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ร่างสูงใหญ่เดินนวยนาดเข้ามาหาครูเฒ่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไอ้ลูกลิงที่กำลังเกาะต้นมะพร้าวอยู่อย่างแนบแน่น เมื่อสักครู่มันเดินเข้ามาทันได้ยินเสียงบ่นขรมของพ่อเฒ่าพลันให้นึกเย้ยเยาะอยู่ในใจเงียบๆ
จะฟาดไอ้แก้วให้เนื้อเขียวเช่นนั้นหรือ?
เอาหัวเป็นประกันเลยว่าอย่างมากพ่อครูก็ทำเพียงแค่ดุด่ามันเหมือนอย่างที่ผ่านมาเท่านั้นล่ะ
ก็โอ๋กันเสียขนาดนั้น ตั้งแต่เล็กจนโตรสชาติของก้านไม้หวายมีหรือไอ้แก้วมันจะเคยลิ้มรส มีแต่เขานี่แหละที่โดนหวดจนหลังลายพร้อยไปเสียหมด!
หนักสุดโดนเตะตกเรือนก็เคยผ่านมาแล้ว บนโลกนี้มีแต่เจ้าแก้วนั่นล่ะที่พ่อครูจะใจดีด้วย
ไอ้เรื่องเฆี่ยนตีหวังสั่งสอนเนี่ยลืมไปเสียเถอะ เพียงเห็นน้องมันซึมเซื่องลงเพียงนิดพ่อครูก็มือไม้อ่อนแล้ว
ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง!
“ปากมากนะเอ็ง” ครูบุญเปลี่ยนหันมาเหวใส่ไอ้คนพี่แทน
หมั่นไส้กับท่าทางลอยหน้าลอยตาของมันเสียจนอยากจะประเคนบาทาประทับลงบนอก
“หล่อเหลามากด้วยเช่นกันจ้ะ” ชายหนุ่มยักคิ้วพร้อมกับยิ้มตอบผู้มีพระคุณอย่างอารมณ์ดี แต่กลับได้รับเพียงใบหน้าเหม็นเบื่อตอบกลับมาจากชายชราแทนเสียเนี่ย
“ข้าล่ะคลื่นไส้นัก” สายตาฝ้าฟางปรายมามองไอ้ตัวดีข้างกายพร้อมกับเอ่ยสั่ง “มาช่วยน้องเอ็งเก็บมะพร้าวด้วย”
“จ้าๆ”
ชายชราบ่นทิ้งท้ายไว้อีกนิดหน่อยก่อนจะเดินปัดผ้าขาวม้ากลับไปนั่งแยกสมุนไพรอยู่บนแคร่ต่อ โดยไม่ลืมที่จะเงยหน้าขึ้นมองสองพี่น้องอยู่เป็นระยะๆ เพราะนึกเป็นห่วงศิษย์รักคนเล็ก
เจ้าแก้วนั้นถึงจะแข็งแรงดีก็จริงอยู่แต่ดวงตาที่มองเห็นได้เพียงข้างเดียวนั้นเกรงว่าจะทำให้มันได้รับอันตรายจากความมุทะลุตามวัย ที่ผ่านมาก็ตกต้นไม้น้อยใหญ่จนนับครั้งไม่ถ้วนจนเขากับพี่มันเอือมที่จะดุด่า แต่ดีหน่อยที่ช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้มันดูจะว่านอนสอนง่ายขึ้นมาบ้าง ไม่โลดโผนโจนทะยานเหมือนตอนเด็กๆ ให้เขาได้ปวดหัว
..แค่ทุกวันนี้ปะทะฝีปากกับไอ้กล้าคนเดียวก็ชักจะอายุสั้นลงทุกทีแล้ว
“พี่กล้าจ๊ะ รับนะ!”
ไอ้ตัวทโมนตะโกนลงมาบอกพี่มันที่ยืนคอยอยู่ตรงโคนต้น
“เออ ข้ารู้แล้ว”
สองพี่น้องช่วยกันเก็บมะพร้าวอย่างสนุกสนาน มีบางครั้งที่คนน้องอยากจะเอาคืนพี่มันที่ชอบแกล้ง จึงใช้เท้าช่วยยันให้ลูกมะพร้าวร่วงลงมาติดต่อกันโดยที่ไม่ปล่อยจังหวะว่างให้ไอ้กล้าได้วางของเก่าลง ผลที่ได้คือพี่มันเกือบจะหัวร้างข้างแตกแต่ดีที่ไวทายาดสามารถหลบได้ทันการณ์
“ไอ้แก้ว! เล่นอะไรแผลงๆ นะมึง!”
ไอ้กล้าเหวใส่น้องมันไปอย่างหัวเสีย แต่ก็ยังมิวายโดนครูเฒ่าที่นั่งอยู่ไกลตอกกลับมาจนหน้าม้าน
“ไปว่าน้องมัน เอ็งน่ะจัญรี้จัญไรกว่ามันเยอะ ไอ้กล้า!”
ถือหางกันเสียจริง พ่อเฒ่านี่!
ไอ้กล้าฮึดฮัดขัดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชี้หน้าน้องมันไว้อย่างคาดโทษโดยเมื่อได้เสียงหัวเราะอย่างปนสะใจคล้ายกับจะเยาะเย้ยเขา
“เอ็งลงมาได้แล้วไอ้แก้ว”
เสียงทุ้มตะโกนขึ้นไปบอกน้องมันเมื่อเห็นว่ามะพร้าวที่เก็บลงมามันเยอะพอสมควรแล้ว
“จ้ะ เดี๋ยวฉันลงไป”
เจ้าแก้วพักเหนื่อยจากการออกแรงก่อนจะหันไปมองภูมิทัศน์โดยรอบ
ทันใดนั้นสายตาก็หยุดลงอยู่กับร่างสูงใหญ่ของยักษาสองตนที่เดินคู่กันมาจากทางฝั่งท่าน้ำบริเวณหลังเรือน นัยน์ตาสีน้ำผึ้งป่ากลับเผลอจดจ้องไปที่ร่างสูงใหญ่ของอสุราหนุ่มสีชาอย่างลืมตัว พลันเสียงอึกทึกในอกก็รัวกระหน่ำเสียจนเจ้าตัวนั้นหูอื้ออึง
หวนให้นึกถึงเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา...ไออุ่นที่โอบรอบกายของมันนั้นช่างอุ่นสบายเสียจนต้องเผลอไผลขดกายเข้าหา
แล้วก่อนที่มันจะทันได้รู้สึกตัวตื่นความอบอุ่นนั้นก็สลายหายไปราวกับสายลม..จนต้องแอบนึกเสียดายอยู่ลึกๆ ข้างในอก
แต่แล้วเมื่อลืมตาตื่นขึ้นกลับได้พบเรื่องที่ทำให้แปลกใจอยู่ไม่น้อย...
..เหตุใดหมอนใบเก่าที่มันเคยสละให้กับอสุราหนุ่มได้หนุนนอนนั้น เหตุใดถึงกลับมารองอยู่ใต้ศีรษะมันเสียได้...
เมื่อร่างสูงใหญ่ของสองยักษาเดินเข้ามาถึงเขตเรือน ไอ้กล้าที่คราแรกอารมณ์กำลังเบิกบานก็กลับนึกหัวเสียขึ้นมาทันทีทันใด มันรีบเดินฟึดฟัดออกไปจากเรือนโดยไม่แม้นแต่ที่หันจะกลับไปฟังเสียงเรียกของครูเฒ่าสักเพียงนิด ระหว่างที่เดินผ่านเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ตนนึกชัง ชายหนุ่มได้ปรายตาขึ้นไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตรก่อนจะจ้ำเท้าเดินออกไปจนฝุ่นตลบตาม
...เกลียดขี้หน้าพวกมันทั้งสองอย่างกับอะไรดี
โดยเฉพาะไอ้ยักษ์ที่ชอบมีรอยยิ้มสุภาพน่าสะอิดสะเอียนตนนั้น!
“ผีห่าตนไหนเข้าสิงมันล่ะนั่น”
ครูบุญบ่นคล้อยหลังตามมันไปอย่างเหนื่อยหน่ายใจกับพฤติกรรมของศิษย์รักคนโต
เขารู้ว่าไอ้ตัวดีมันกำลังหลบหน้าพ่อยักษ์ทั้งสอง โดยเฉพาะกับพ่อวิรุณ...เห็นใช้สายตามองอีกฝ่ายทีไรก็เขียวปั้ดอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน
“เอ้าแก้ว”
วิรุณลอบถอนหายใจให้กับบุรุษหนุ่มหัวรั้นเมื่อครู่ก่อนจะสังเกตเห็นเงาตะคุ่มบนต้นมะพร้าวต้นสูง พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเจ้าแก้วกำลังมองลงมาด้านล่างเช่นกัน วิรุณกำลังจะเอ่ยถามเด็กหนุ่มแต่พอเห็นมะพร้าวกองโตที่กองอยู่บริเวณโคนต้นก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดได้ในทันที
วศินที่มองขึ้นไปตามสายตาของสหายตนก็ได้สบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำผึ้งป่าเข้า พออีกฝ่ายรู้ตัวจึงรีบหันหน้าหนีออกไปอีกทางแสร้งทำเป็นเมินมองนกบนยอดไม้ที่อยู่รอบกายแทน
“ระวังร่วงนะ” วิรุณส่งยิ้มเบาบางพร้อมส่งความห่วงใยไปให้คนบนยอดไม้สูง
“สบายใจได้จ้ะพี่ยักษ์”
เสียงสดใสที่ตอบกลับมาทำให้วิรุณเผลอจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มอีกครา..
เด็กหนุ่มในพงไพรมีที่รอยยิ้มสุกใสเสียจนดวงสุริยันบนท้องฟ้ายังต้องหม่นหมองอับแสงลง
...ช่างอบอุ่น เจิดจ้า เสียจนพาตาพร่าเลือน
มีชีวิตชีวาราวกับน้ำค้างที่พลิ้วไหวอยู่บนยอดหญ้า
คล้ายกับน้ำฝนฉ่ำเย็นที่ตกลงมาชโลมจิตใจของผู้ที่ได้พบเห็น..
“พ่อวิรุณไม่ต้องไปห่วงมันให้เปลืองน้ำลาย ไอ้ลิงลมตัวนี้กล่าวเตือนไปมันเคยฟังเสียที่ไหน” ครูบุญเอ่ยสวนขึ้นมาดักคอศิษย์รัก ก่อนจะหันไปพูดกับสองอสุราหนุ่มพร้อมกับตบแคร่ข้างกาย “พวกท่านมานั่งนี่เถอะ ข้าให้เจ้าแก้วมันต้มยาไว้ให้แล้ว”
สองยักษาพยักหน้ารับคำชายชราอย่างว่าง่าย ถึงแม้นพ่อเฒ่าผู้นี้จะเป็นเพียงแค่มนุษย์ที่มีศักดิ์ต่ำกว่าแต่ทั้งสองจอมทัพกลับนึกเคารพและนับถือชายชราผู้มากไปด้วยความเมตตาอยู่มาก
ในระหว่างที่วิรุณได้ออกตัวเดินเข้าไปหาชายชรานั้นเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจของเจ้าแก้วดังขึ้นอยู่ด้านหลังจึงรีบหันตัวกลับไปดู ภาพที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้านั้นส่งผลให้ภายในอกที่แข็งแกร่งดั่งหินผาวูบไหวอย่างรุนแรง
“เจ้าแก้ว!! ”
ร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังร่วงหล่นลงมาจากต้นมะพร้าวทำให้ทั่วทั้งตัวเย็นเฉียบแต่เม็ดเหงื่อกลับซึมออกมาจนเปียกชุ่ม ลำคอแห้งผากแม้แต่เสียงที่จะเอ่ยเรียกยังแทบจะถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ สองขาคล้ายกับโดนตอกตรึงอยู่กับพื้นไม่สามารถขยับก้าวออกไปได้อยากใจนึก เสียงร้องระคนตกใจของครูบุญที่ตะโกนกร้าวขึ้นกลับดึงสติของวิรุณให้กลับมาได้ทัน
แต่ยังไม่แม้แต่ที่จะได้ยกเท้าออกวิ่งร่างสูงใหญ่ของอสุราหนุ่มอีกตนกลับพุ่งตัวนำตนไปถึงต้นมะพร้าวต้นนั้นก่อนใคร
ตุ้บ!
วศินเอื้อมมือคว้าร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาไว้ในอ้อมแขนได้อย่างทันท่วงทีแต่เพราะร่างกายที่ไม่ได้มีพละกำลังมหาศาลเหมือนดังแต่ก่อน เมื่อต้องรองรับน้ำหนักของเด็กหนุ่มไว้ทั้งร่างจึงทำให้ทั้งเขาและเจ้าแก้วล้มกลิ้งลงไปบนพื้นดิน สัญชาตญาณสั่งให้เขากอดเด็กหนุ่มเอาไว้แนบอกเมื่อสังเกตเห็นว่าบริเวณใกล้ๆ นั้นมีเศษหินคมกระจัดกระจายอยู่ทั่ว
ร่างสูงใหญ่เผลอลืมตนทิ้งน้ำหนักลงที่แขนด้านขวาจนได้ยินเสียงลั่นของกระดูก ความเจ็บปวดคล้ายกับโดนเข็มลนไฟนับพันเล่มทิ่มแทงลงมาบนแขนจนชาวาบ อสุราหนุ่มขบกรามลงแน่นจนเหงื่อผุดซึมขึ้นมาทั่วร่าง เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงวศินจึงพลิกตัวขึ้นนอนหงายเพื่อลดการกดทับน้ำหนักไปบนแขน
โดยยังมีมนุษย์ตัวน้อยนอนตัวแข็งขดกายเกยอยู่บนร่างของเขา
เจ้าแก้วกะพริบตาถี่รัวเมื่อเริ่มตั้งสติได้ เมื่อครู่นี้ตอนที่มันกำลังจะปีนลงมาจากต้นมะพร้าวจู่ๆ ก็มีงูเขียวตัวหนึ่งชูคอออกมาจากทะลายมะพร้าวที่อยู่ใกล้ๆ อารามตกใจจึงทำให้มันเผลอปล่อยมือออกจากลำต้นส่งผลให้ร่างทั้งร่างร่วงตกลงมาสู่พื้นด้วยความรวดเร็ว วินาทีมันนึกแต่เพียงว่าอย่างไรเสียตกลงไปรอบนี้สภาพคงดูไม่จืดเป็นแน่
แต่กลับไม่เป็นดังคาดเมื่อโดนแรงมหาศาลโถมตัวมารับร่างของมันไว้ก่อนภาพทุกอย่างจะหมุนเคว้งอยู่เพียงครู่หนึ่งแล้วจึงหยุดลง
แผ่นอกกว้างกำยำขึ้นสีชาดที่อยู่เบื้องหน้านี้ทำให้มันรู้ได้ทันทีว่าคนที่พุ่งตัวมารับมันเอาไว้ก็คือ..
...ท่านวศิน
จู่ๆ บรรยากาศรอบด้านก็แผ่กลิ่นอายน่าประหลาดออกมาเมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีนิลทรงอำนาจ สายตาคมกล้าทำให้เจ้าแก้วอ้ำอึ้งคล้ายคนใบ้ คำพูดทุกอย่างถูกกลืนเก็บเข้าไปลำคอพลันเสียงเต้นระรัวในอกของเด็กหนุ่มก็เพิ่มจังหวะเร็วรัวขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าผิวเนื้อเปล่าเปลือยของทั้งคู่นั้นกำลังแนบชิดกันอยู่ ไอร้อนจากเรือนกายสูงใหญ่ที่โอบล้อมอยู่รอบกายทำให้หวนนึกถึงความอบอุ่นเมื่อช่วงรุ่งสางที่ผ่านมา
...ช่างคล้ายกันเหลือเกิน
วศินเป็นฝ่ายที่รวบรวมสติกลับคืนมาได้ก่อนหลังจากที่โดนลูกแก้วสีอ่อนดึงดูดจนไม่สามารถผละสายตาหนีออกไปได้ คิ้วเข้มได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถามคำถามคนที่อยู่ในอ้อมแขน
“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” น้ำเสียงทุ้มน่าเกรงขามถามขึ้นทำให้จ้าแก้วสะดุ้งตกใจถอนสายตาออกมาจากอีกฝ่าย
“ฉัน...ไม่เป็นไรจ้ะ”
ใบหน้าคมคร้ามพยักหน้าตอบรับเพียงเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อความเจ็บที่แขนขวาแล่นเข้าโจมตีจนท่อนแขนเริ่มล้า แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมคล้ายอ้อมกอดที่โอบรัดรอบกายเด็กหนุ่มออกแต่กลับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นไปอีกเมื่อได้สัมผัสกับผิวเนื้ออุ่นของมนุษย์ที่นอนเกยอยู่บนช่วงตัวเขา
ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งลดลงมาจับประคองตรงช่วงเอวคอดอย่างลืมตัว ผิวเนียนละเอียดของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนส่งผลให้อสุราหนุ่มเผลอลงแรงจนอีกฝ่ายสะดุ้ง
..มนุษย์นั้นผิวเนียนลื่นมือขนาดนี้เชียวหรือ...
อีกทั้งช่วงเอวยังเล็กเสียจนใช้มือเพียงข้างเดียวยังสามารถโอบได้ไว้เกือบครึ่งเสียด้วยซ้ำไป..
การกระทำอันอุกอาจนี้ส่งผลให้เจ้าแก้วหน้าแดงเห่อร้อนเสียยิ่งกว่าตอนจับไข้เมื่อฝ่ามือใหญ่ที่กระชับอยู่บริเวณสีข้างไล้ปลายนิ้ววนกับผิวเนื้อบั้นเอวจนขนอ่อนทั่วร่างลุกชูชัน ความรู้สึกร้อนรุ่มประเดประดังโถมเข้าใส่จนหูอื้อตาลายคล้ายจะเป็นลมแดด ริมฝีปากสีสดที่ถูกสายตาคมจดจ้องขบกัดเข้าหากันจนซีดขาว
“แก้ว”
เสียงเรียกอย่างร้อนใจของบุคคลที่สามดังขึ้นทำลายบรรยากาศแปลกๆ ที่โอบล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ วิรุณเดินเข้ามาหาก่อนจะช่วยประคองร่างของเด็กหนุ่มขึ้นยืนบนพื้นข้างๆ เขาสังเกตเห็นว่าเจ้าแก้วนั้นหน้าแดงจัดตั้งแต่ใบหูจนไปถึงลำคอเลยคิดไปว่าอีกฝ่ายคงโดนไอแดดแผดเผา ตาคมมองสำรวจร่างเด็กหนุ่มไปทั่วว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ แต่ก็เบาใจไปเมื่อพบว่าอีกฝ่ายนั้นปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
วิรุณทอดมองร่างที่เล็กกว่าอยู่เพียงครู่หนึ่งก่อนจะต้องรีบเบือนหน้าหนีออกไปอีกทางเมื่อรู้สึกว่าตนเองนั้นได้ใช้สายตาล่วงเกินมองร่างเปลือยท่อนบนของเด็กหนุ่มมนุษย์จนดูเสียมารยาท ก่อนจะรีบรุดเข้าไปช่วยประคองสหายของตัวเองขึ้นมาแทนเพราะดูท่าว่าอีกฝ่ายนั้นจะได้รับบาดเจ็บอยู่พอสมควร
เห็นดังนั้นเจ้าแก้วจึงกระวนกระวายรี่เข้าไปหวังจะช่วยประคองร่างของคนที่มาช่วยมันเอาไว้ทำให้สองจอมทัพอสุราหันมองไปที่เด็กหนุ่มพร้อมกัน ก่อนจะต้องชะงักนิ่งงันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ผิวกายเนียนละเอียดขึ้นสีระเรื่อทั่วตัวเมื่อโดนแสงอาทิตย์ฉาบไล้ไปทั่วผิวเนื้อ ลำคอเรียวรับกับช่วงกระดูกไหปลาร้าที่ขึ้นรูปชัดเจน แผ่นอกชุ่มชื้นด้วยหยาดเหงื่อทอประกายหยอกเย้ากับแสงอาทิตย์ ยอดอกเล็กสีน้ำตาลอ่อนตัดกับสีผิวเนื้อนวลได้อย่างดี
นัยน์ตาคมทั้งสองคู่ไล่เรื่อยลงมาถึงเอวได้รูปรับกับช่วงสะโพกที่โดนผ้านุ่งปิดคลุมทับไว้ ผ้าสีเข้มนั้นถูกรั้งขึ้นจนเห็นผิวเนื้ออ่อนที่โคนขาด้านใน
สองอสุราหนุ่มเผลอตัวจดจ้องอย่างยากที่จะถอนสายตาออกมาได้
..ร่างกายของเด็กหนุ่มตรงหน้าพวกเขา หาได้อรชรอ้อนแอ้นดังเช่นเหล่าสตรี
แต่เหตุใดกลับมีเสน่ห์เสียจนน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้...
...น่ามองไปหมดทุกสัดส่วน..
“ท่าน...ท่านเจ็บมากหรือไม่จ๊ะ”
เจ้าแก้วเอ่ยถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นสองยักษามองมาที่มันนิ่งงันไม่พูดไม่จาจนพานทำให้มันใจเสีย ทันใดนั้นสติที่หลุดลอยไปของทั้งสองก็กลับเข้าที่ วิรุณกระแอมไอในลำคอแก้เก้อขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนนั้นเผอเรอไปกับรูปโฉมของเด็กหนุ่มตรงหน้า เช่นเดียวกันกับวศินที่หันเหความสนใจของตนเองไปอยู่ที่ต้นไม่ต้นหญ้าแถวนั้นแทน
...พอรู้สึกตัวความกระดากอายก็ถาโถมเข้าใส่จนพวกเขานั้นรู้สึกผิดขึ้นมาจับจิต
หาใช่รู้สึกผิดเพราะเจ้าแก้วนั้นเป็นบุรุษเฉกเช่นเดียวกัน
..แต่สิ่งที่ทำให้สองจอมทัพนึกผิดบาปอย่างมหันต์อยู่ในใจก็เป็นเพราะอีกฝ่ายนั้นยังเป็นเพียงแค่เด็กที่ยังไม่เจริญเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัวเสียด้วยซ้ำไป...
..ให้ความรู้สึกราวกับเป็นโจรป่าโฉดชั่วที่กำลังคิดมิดีมิร้ายกับเด็กน้อยแสนซื่ออย่างไรอย่างนั้น...
“ข้าบอกเอ็งแล้วใช่หรือไม่ หา! เจ้าแก้ว!”
แต่ก่อนที่บรรยากาศรอบกายทั้งสามจะกระอักกระอ่วนไปมากกว่านี้เสียงตวาดกร้าวด้วยแรงโทสะของครูบุญก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ชายชราเดินถือไม้หวายเส้นยาวเข้ามาหาหวังจะตีสั่งสอนศิษย์รักให้หลาบจำสักครั้ง แค่เห็นมันร่วงตกลงมาก็ทำให้เขานั้นใจหายจนเกือบลืมหายใจชั่วขณะหนึ่งนึกเป็นห่วงมันจนในอกบีบรัดอย่างทรมาน พลันโล่งอกไปเมื่อเห็นได้ว่าเจ้าแก้วปลอดภัยดี แต่เมื่อหันไปมองผู้มีพระคุณของมันแล้วมือเหี่ยวย่นก็กำไม้หวายจนสั่นเทา
ยิ่งสายตาของครูเฒ่าสังเกตเห็นแผลฟกช้ำตามเนื้อตัวของท่าวศินและอาการบาดเจ็บจากแขนขวาที่ดูจะแย่ลงกว่าเดิม ยิ่งทำให้ครูบุญโกรธจนควันแทบออกหูหน้ามืดเกือบจะลงแรงหวดไปบนแผ่นหลังของศิษย์รัก
เพราะความทโมนของมันต้องทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย
ใช้ได้เสียที่ไหนกัน!
“ขอโทษจ้ะ..”
เจ้าแก้วก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด เสียงที่เคยสดใสยามนี้ช่างหม่นหมองเสียจนครูบุญยังแอบสะเทือนอยู่ลึกๆ ในอก
หาใช่ว่าเขาอยากจะเฆี่ยนตีมันให้ต้องเจ็บกายเสียที่ไหน ตีมันไปก็เป็นเขามิใช่หรือที่เจ็บยิ่งกว่า ตั้งแต่เล็กจนโตแทบนับครั้งได้ที่เขาคิดจะลงไม่ลงมือกับเจ้าแก้วของเขา
“ช่างเถอะพ่อเฒ่า เขาปลอดภัยก็ดีแล้ว” วศินพูดขึ้นมาอย่างไม่นึกถือสาหาความ เขาไม่ต้องการให้ชายชราลงไม้ลงมือกับเด็กหนุ่มผู้นี้สักเพียงนิด
“ปล่อยไปได้เสียที่ไหนกันท่านวศิน ทโมนไม่รู้ความจนทำผู้อื่นเขาเดือดร้อนไปด้วย” ครูบุญฮึดฮัดอย่างไม่พอใจนัก หวังจะลงหวายให้มันหลาบจำสักครั้ง จะได้ไม่ซนไปทั่วเช่นนี้อีก
“เรื่องแค่นี้ เป็นปกติของเด็กวัยกำลังซน ข้าหาได้ถือสาอันใด” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกอีกครั้ง โดยครานี้เน้นย้ำจุดประสงค์กับพ่อเฒ่าอย่างชัดเจนว่าไม่ได้ติดใจเอาความ และหากจะลงไม้ลงมือกับเจ้าแก้วเขาก็คงจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น
“พ่อยักษ์พูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าฆ่าลงไม้ลงมือไปก็คงไม่พ้นกลายเป็นไอ้แก่ใจร้ายไม่ได้ความ” ชายชราถอนหายใจอย่างนึกปลงตก ก่อนจะหันไปเรียกไอ้ลูกลิงที่กำลังซึมเซื่องได้ที่ “เจ้าแก้ว”
“จ๊ะ” มันรีบเงยหน้าขึ้นมาขานรับอย่างว่องไว เรียกรอยยิ้มเอ็นดูไปจากพ่อครูได้อยู่มากโข
“ทำแผลให้ท่านวศินเสียด้วย”
“จ้ะพ่อครู”
เจ้าแก้วพยักหน้ารับอย่างแข็งขันเมื่อรู้สึกได้ว่าตนเองไม่โดนคาดโทษแล้ว มันเลียบๆ เคียงเข้าไปปะเหลาะเอาใจชายชราอย่างออดอ้อนจนฝ่ายนั้นโอนอ่อนไปในที่สุด
(ต่อด้านล่าง)