✽ ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ✽ : บทที่ ๒๒ - ลาจาก : ๒๖/๑๒/๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✽ ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ✽ : บทที่ ๒๒ - ลาจาก : ๒๖/๑๒/๒๕๖๒  (อ่าน 41336 ครั้ง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
เก็บกระทู้ไว้  -------โมดุฯ

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
















.

.



“..ตัวท่านเป็นถึงจอมทัพอสุราผู้ยิ่งใหญ่
จะมารักกับมนุษย์ต่ำต้อยเยี่ยงฉันได้อย่างไรกันจ๊ะ“



“ต่อให้เป็นทวยเทพแห่งอสุราทั้งปวง
เมื่อได้รักเจ้าแล้ว
พี่หาได้ต่างจากสัตว์ป่าที่โง่เขลา
หวังรอให้นายพรานที่สร้างกับดักกักขังมัน มารักษาแผลกายให้
..พี่รักเจ้าถึงเพียงนี้
เหตุใดเจ้าจึงสงสัยต่อความรักของพี่ที่มีให้เจ้านัก”



*******************************************************


สวัสดีค่ะ
นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่คนเขียนชื่นชอบ
เลยอยากจะมาแชร์มุมมองในจินตนาการของเราให้ทุกๆคนได้อ่านกันค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ ♥
:mew1:




แวะมาพูดคุยกันได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/Punmile09/posts/?ref=page_internal
Twitter : https://twitter.com/pppunmile
 หรือแฮชแท็กtwitter
#ดอกแก้วกุมภัณฑ์



*******************************************************




✽ อารัมภบท ✽

.

.

.


เสียงคำรามของเหล่าทหารยักษาดังกึงก้องไปทั่วทั้งสนามรบ การศึกของอสุราทั้งสองแว่นแคว้นล่วงเลยมาถึงเจ็ดทิวา ทั้งสองฝั่งต่างได้สูญเสียไพร่พลไปจำนวนมากรวมถึงแม่ทัพและเหล่าทหารกล้าผู้มากฝีมือ

หากแต่ฝ่ายที่ดูเสียเปรียบเห็นทีจะเป็นฝ่ายของกรุงราชคฤห์ซึ่งเป็นศัตรูคู้แค้นของนครคีรีมาแต่เนิ่นนาน เพราะเมื่ออรุณเบิกฟ้าย่างเข้าสู่ทิวาที่เจ็ดแม่ทัพใหญ่แห่งราชคฤห์ได้ถูกวศินจอมทัพอสุราแห่งนครคีรีบั่นเศียรจนขาดสะบั้นสายโลหิตแดงฉานไปทั่วผืนปฐพี สร้างความหวั่นวิตกให้แก่เหล่าทหารเป็นอย่างมาก

เมื่อไร้ซึ่งหัวเรือรบทั้งกองทัพยักษาจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นองค์รามสูรยุพราชแห่งราชคฤห์ได้ลงมากุมบังเหียนการศึกด้วยพระองค์เอง แววตาสีเพลิงวาวโรจน์ เขี้ยวคมงอกเงยขึ้นมาด้วยโทสะ เลือดเผ่าพันธุ์อสุราวิ่งพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย

...ศึกครั้งนี้อย่าหวังว่าจะได้ชัยชนะกลับคืนไปสู่เมืองของพวกเจ้า

“ทูลองค์รามสูร...ทุกอย่างเตรียมการพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

           วาริท ทหารเอกเข้าทูลถวายความแก่เจ้านายของตนเมื่อได้สำเร็จกิจที่ได้รับมอบหมาย

           องค์ยุพราชแห่งกรุงราชคฤห์ตวัดตัวขึ้นคร่อมบนหลังอาชาศึกสีนิลก่อนจะควบตะบึงขึ้นไปบนยอดผาตามแผนการที่วางไว้ แลดูเหมือนทิวานี้จักเป็นวันของราชคฤห์เป็นแน่แท้

ท้องนภากว้างถูกปกคลุมด้วยเมฆาทมิฬ เพลานี้เหล่าทหารยักษ์แห่งนครคีรีถูกกำจัดเสียจนสิ้นเมื่อโดนศรอาบพิษพญานาคอัคคิมุขซึ่งออกฤทธิ์ร้อนให้แผดเผาร่างกายคล้ายโดนเพลิงเผาก่อนจะค่อยๆกัดกร่อนให้ทรมานจนสิ้นลมหายใจ กองทัพยักษาที่เคยหนาแน่นบัดนี้ถูกตีแตกพ่ายไม่ต่างกับมดแตกรัง เหล่าทหารขององค์ยุพราชได้ไล่ต้อนจอมทัพอสุราให้แยกออกจากขบวนทัพขึ้นไปบนผาสูงตามที่องค์ยุพราชตรัสสั่งไว้

            อาชาสีนิลห้อตะบึงมาจนถึงยอดผาในที่สุด วศินจอมทัพอสุราแห่งนครคีรีทรงกายอยู่บนหลังอาชาศึกสีขาวปลอดในมือถือตะบองประจำกายพร้อมต่อสู้เคียงคู่กับทหารเอกวิรุณยักษา บัดนี้จอมทัพอสุราทั้งสองถูกรายล้อมด้วยเหล่าทหารของราชคฤห์จนมิสามารถที่จะเขยื้อนตัวได้แม้แต่น้อย

“เป็นถึงองค์ยุพราชแห่งราชคฤห์ เหตุใดจึงไม่ยอมรับผลแพ้ชนะในสมรภูมิรบ แต่กลับใช้วิธีสกปรกเฉกเช่นนี้เล่าองค์รามสูร”

          วศินยักษาเอ่ยขึ้นอย่างเคียดแค้นจับจิตเมื่อนึกถึงเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดของเหล่าทหารที่โดนลูกศรอาบพิษแทงทะลุร่างล้มตายไปต่อหน้าต่อตา

นัยน์ตาสีเพลิงวาวโรจน์จับจ้องไปยังศัตรูคู่แค้นอย่างเหยียดหยาม สู้กันอย่างชายชาติทหารมันคงไร้ซึ่งปัญญา เจ้าพวกยักษ์ชั่วถึงต้องใช้เล่ห์กลอย่างหมาจนตรอกเช่นนี้!

“ศึกครั้งนี้ ข้าไม่ได้มาเพื่อต่อรองกับพวกเจ้า”

          สิ้นเสียงองค์รามสูร ลูกธนูอาบด้วยพิษพญานาคก็พุ่งตรงไปสู่กลางอกของจอมทัพอสุราอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พลันพิษร้อนก็สูบฉีดไปทั่วร่างกายดั่งเปลวเพลิงแผดเผา ทำให้ร่างสูงใหญ่ของวศินตกลงจากหลังอาชาศึกทันทีจนได้ยินเสียงกระดูกที่แตกร้าวดังลั่น

“วศิน!!”

            ทหารเอกคู่ใจรีบกระโดดลงจากหลังม้าศึกก่อนจะเข้าไปประคองร่างของจอมทัพอสุราที่บัดนี้เนื้อตัวเริ่มขึ้นสีชาดผลมาจากพิษอัคคิมุขของพญานาค พิษร้อนเริ่มแผ่กระจายไปทั่วลุกลามอย่างรวดเร็ว บริเวณอกที่ถูกลูกศรปักเริ่มโดนกัดกร่อนจนเป็นแผลฉกรรจ์

เรียกเสียงร้องคำรามอย่างเจ็บปวดของจอมทัพอสุราดังขึ้นไม่หยุดหย่อน

...พวกราชคฤห์ย่อมรู้ดีว่าพิษเพียงเท่านี้ไม่สามารถที่จะคร่าชีวิตของวศินได้เพราะอสุราหนุ่มได้เคร่งครัดในการบำเพ็ญเพียรจนตบะแกร่งกล้า ที่กระทำการเช่นนี้ก็เพื่อให้จอมทัพอสุราอ่อนแรงกำลังลงจนไม่สามารถที่จะต่อกรกับพวกมันได้

...หึ ช่างน่าอดสูยิ่งนักองค์ยุพราชแห่งกรุงราชคฤห์!

“ส่งตัวนายเจ้ามาซะวิรุณ”

          รามสูรกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า...ดวงตาสีเพลิงทอดมองร่างของศัตรูที่บัดนี้ไร้หนทางต่อสู้อย่างเหยียดหยาม

“ฝันไปเถิดองค์รามสูร...สายเลือดแห่งนครคีรีจักไม่มีวันยอมสวามิภัคดิ์ให้แก่เดรัจฉานวิธีเยี่ยงนี้เป็นแน่!”

            สิ้นคำสบถอย่างเคียดแค้นของวิรุณ ร่างสูงใหญ่ได้ก้มแบกร่างของสหายร่วมรบที่บัดนี้ไร้ซึ่งสติจะช่วยเหลือตนมาไว้แนบบ่าเคียงไหล่

...หากต้องตายด้วยน้ำมือของพวกราชคฤห์ที่เล่นไม่ซื่อแล้วไซร้ ก็ขอสละชีพเฉกเช่นชายชาติทหารเสียยังดีกว่าต้องตายด้วยเดรัจฉานวิธีของพวกมัน!

            คิดได้ดังนั้นวิรุณจึงแบกร่างของสหายคู่ใจกระโจนลงจากหน้าผาสูงชันผ่านชั้นหมอกหนาที่ปกคลุมลงสู่ห้วงลึก

            หากแต่ร่างอสุราทั้งสองมิได้หล่นกระแทกผืนพสุธาดังใจนึก สายน้ำเชี่ยวกราดเบื้องล่างได้รองรับร่างของจอมทัพทั้งสองไว้ก่อนจะพัดกลืนหายไปกับสายนที

            ใบหน้าขององค์รามสูรบิดเบี้ยวอย่างโกรธแค้นเขี้ยวงองุ้มขึ้นอย่างน่ากลัวเนื่องจากไม่สามารถนำร่างของจอมทัพอสุราไปเป็นหลักประกันการประกาศชัยชนะศึกได้

"ทูลองค์รามสูร...อย่างไรก็ตาม อสุราสองตนนั้นยังคงมิสิ้นชีพเป็นแน่แท้ แต่เดิมทีแม่น้ำสายนี้เป็นตัวเชื่อมระหว่างดินแดนของมนุษย์ หากเราทำการเจรจาขอเข้าไปจับกุมตัวพวกมันเลยก็ย่อมได้”

          วาริทรีบกราบทูลองค์ยุพราชพลันหันไปสั่งพลทหารให้จัดเตรียมกองทัพ หากแต่องค์รามสูรกลับห้ามปราบไว้เสียก่อน ดวงตาสีเพลิงวาวโรจน์ด้วยอารมณ์โทสะแต่เพียงชั่วคราวแววตาของจอมอสุรากลับฉายแววเจ้าเล่ห์เพทุบายขึ้นมา

...เดรัจฉานวิธีเยี่ยงนั้นรึวิรุณ

           ข้าจักทำให้เจ้าได้เห็นว่าเดรัจฉานที่แท้จริงมันเป็นเยี่ยงไร

...เพราะศัตรูที่แท้จริงนั้น..หาได้น่าหวั่นเกรงเท่ามิตรที่แปรเปลี่ยน...

“มิต้อง...วาริท จงสั่งจัดขบวนทัพเสียให้พร้อมข้าจะมุ่งหน้าไปนครคีรี เพื่อทูลความให้กษัตริย์แห่งนครคีรีได้ทรงทราบว่าท่านแม่ทัพใหญ่และรองแม่ทัพของพระองค์นั้น…หนีทหารและทิ้งการศึก!

           สิ้นเสียงสั่งขององค์รามสูรเหล่าทหารต่างนึกแปลกใจไปพร้อมกัน แต่พลันเข้าใจความนึกคิดของนายเหนือหัวเหล่ายักษาก็พยักหน้ารับกันอย่างรู้เช่นเห็นชาติ

          จอมทัพอสุราแห่งนครคีรีหากสิ้นชีพในสนามรบ คุณงามความดีของมันย่อมอยู่คู่บ้านคู่เมืองตราบชั่วลูกชั่วหลาน...แต่ถ้าเป็นถึงชายชาติทหารอีกทั้งยังเป็นแม่ทัพใหญ่กลับทำเรื่องน่าอดสูเฉกเช่นการหนีศึกสงคราม



          เป็นทหารหนีทัพ



          แม่ทัพขัดพระประสงค์องค์จ้าวเหนือหัว ละทิ้งต่อหน้าที่และบ้านเกิดเมืองนอน อย่าว่าแต่เพียงเศียรมันจะไม่อยู่บนบ่า




          ...แม้แต่ชื่อและคุณงามความดีของมันก็จะไม่เหลือให้ถูกกล่าวถึง!


..............



พิษอัคคิมุข – เป็นหนึ่งในชนิดของพิษพญานาคทั้งสี่ ซึ่งจะออกฤทธิ์ร้อนคล้ายถูกไฟแผดเผาและจะกัดกร่อนให้เกิดแผลคล้ายไฟลวก







มาแปะบทนำไว้ก่อนนะคะ ส่วนเนื้อเรื่องจะทยอยอัพลงเรื่อยๆอาจจะอาทิตย์ละครั้งถ้าหากไม่ติดธุระค่ะ

ฝากพี่ยักษ์ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ   ♥

 :o8:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2020 22:23:43 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เปิดมาน่าอ่านมาเลยค่า สนุกมากแค่อินโทร  :mc4:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ตามอ่านจ้า

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
รอจ้า สงสารพี่ยักษ์ถูกใส่ร้าย  :o12:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
กรี๊ด!!!!  :m3: :m3: :m3:

ชอบแนวยักษ์..ยักษ์  :-[

บวกเป็ดโล้ด  o13 o13

ตามจ้าตาม  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2018 21:30:54 โดย unicorncolour »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 o13สนุกดี

เอ๋ ,,,เปิดมาก็โป้พระเลย 55
 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ชอบชื่อเรื่องมากเลย พอเข้ามาอ่านเจ้าแก้วก็ จ้ะ จ๋า สะน่าเอ็นดู หวังว่าเรื่องนี้คนแต่งจะอยุ่กับเราไปจนจบนะคะ นิยายแนวนี้แต่งไม่จบหลายเรื่องเลย เสียดายมาก รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ zeroshadaw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รออ่านนะคะ. เป็นกำลังใจให้ค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เจ้าแก้วน่าสงสารจัง ไปเจออะไรมา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ภาษาสวยมากค่า ติดตามๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ติดตามค่ะ ชอบ

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พี่ศินฟื้นปุ๊บปิ๊งรักน้องแก้วเลยล่ะเซ่!!!!  :hao3: :m12: :m4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
นึกว่าวิรุณจะมาชอบแก้ว โล่งอก แล้วใครจะมาคู่กับวิรุณน่ะ แต่ที่แน่ๆๆๆตอนหน้าพระเอกตื่น อิอิ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

รออ่านอย่างใจจดใจจ่อ

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
แรกพบ

.

.

.


“พ่อครูจ๊ะ ฉันเก็บสมุนไพรตามที่พ่อครูสั่งมาให้แล้วจ้ะ”

ร่างทะมัดทะแมงของเด็กหนุ่มรุ่นกระทงเดินดุ่มเข้ามาในเขตเรือน ก่อนจะวางย่ามคู่ใจลงบนแคร่ไม้ไผ่ พ่อครูหรือครูบุญของบรรดาชาวบ้านประจำหมู่บ้านจันทร์ผาผู้ซึ่งคอยถ่ายทอดวิชาศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงและคอยรักษาอาการเจ็บไข้ของผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้

ชายชราวางมือจากการปรุงยาตรงหน้าก่อนจะหันกลับมามองเด็กหนุ่มอย่างเอื้อเอ็นดู

“ขอบใจเอ็งมากเจ้าแก้ว แล้ววันนี้เอ็งได้ประคบยาตามที่ข้าสั่งไว้หรือยังฮึ” พ่อครูเอ่ยถาม

“เรียบร้อยแล้วจ้ะ”

ดวงตาฝ้าฟางมองใบหน้าที่ถูกผ้าสีทึบพาดปิดแผลฉกรรจ์บริเวณดวงตาข้างซ้ายของมันเอาไว้

เห็นทีไรก็อดเวทนาสงสารไม่ได้ เพราะเรื่องราวในอดีตทำให้ศิษย์รักของครูบุญต้องสูญเสียดวงตาข้างหนึ่งไปและพวกสัตว์เดรัจฉานเหล่านั้นยังได้ทิ้งรอยแผลฉกรรจ์ไว้ใต้ร่มผ้าอีกนับไม่ถ้วน

เหตุนี้จึงทำให้ครูบุญและเด็กน้อยผู้อาภัพต้องระหกระเหินออกมาจากนครใหญ่ มาเริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่ท้ายเชิงเขา ไร้ซึ่งเสียงครหานินทาและสายตาที่มองมันอย่างรังเกียจเสียหนักหนา

“ดี งั้นข้าวานเอ็งไปเก็บไพลกับทองพันชั่งมาให้ข้าที วันนี้เจ้ากล้ามันฝึกหนักคงจะปวดเมื่อยตัวอยู่ไม่น้อย”

“อยู่แถวริมธารฝั่งทางทิศใต้ใช่ไหมจ๊ะพ่อครู”

“เออ...ระวังตัวเสียด้วยเล่า ช่วงนี้น้ำมันไหลเชี่ยวนัก ข้ากลัวเอ็งจะเดินไม่ดูตาม้าตาเรือตกน้ำตายห่าตายโหงไปเสียก่อน”

เจ้าแก้วหัวเราะรับแผ่วเบากับคำตักเตือนของครูบุญ

ชีวิตของมันก็มีเพียงเท่านี้ วันๆคอยเก็บสมุนไพรมาให้พ่อครูเพื่อทำยารักษาให้แก่คนในหมู่บ้านและลูกศิษย์ลูกหาที่มาเรียนวิชากับครูบุญ ชายชราและมันนั้นต่างก็เป็นที่รักของชาวบ้านแห่งนี้

ทุกๆวันเรือนของครูบุญนั้นจะอุดมไปด้วยกับข้าวกับปลาของคาวหวานต่างๆที่ชาวบ้านนำมาแบ่งให้อยู่เสมอถือเป็นสินน้ำใจที่พ่อครูช่วยรักษาและสอนศิลปะวิชาต่อสู้ต่างๆให้แก่ลูกหลานของชาวบ้านที่นี่โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

           

          ร่างทะมัดทะแมงของเด็กหนุ่มเดินฝ่าลึกเข้าไปในดงไพร อีกเพียงไม่กี่สิบก้าวก็จะถึงริมธารที่มั่นหมาย หากแต่หางตากลับสังเกตได้ถึงเงาตะคุ่มอยู่หลังโขดหินใหญ่ เมื่อลางสังหรณ์เริ่มทำงานยังไม่ทันที่จะได้ไหวตัวหนีเสือโคร่งตัวใหญ่ก็กระโจนออกมาจากหลังโขดหินก่อนจะดักหน้าเจ้าแก้วไว้ เหงื่อกาฬเริ่มผุดซึมขึ้นมาเนื่องจากสัญชาตญาณในกายถูกปลุกให้หนีเอาชีวิตรอด

กรรรรรรห์!!

           สิ้นเสียงคำรามของสัตว์ใหญ่ เด็กหนุ่มก็รีบวิ่งตะบี้ตะบันหนีตายกลับเข้าไปในดงไพร โดยมีเสียงฝีเท้าใหญ่ไล่กวดตามมาไม่ห่าง

“ช....ช่วยด้วยจ้ะ!!ช่วยฉันด้วย!!”

เสียงแหบพร่าตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออย่างกลัวจับจิต ในกายถูกปลุกเร้าจนตื่นไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดขอนไม้ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยสะดุดแม้นจะหลับตาเดิน แต่ในเพลานี้กลับตั้งตนเป็นปรปักษ์ทำเอาเจ้าแก้วล้มกลิ้งลงไปนอนกินดินจนปากมอม

...ถ้าหากตายโหงขึ้นมาจะเก็บเอ็งไปเป็นฟืนเผาผีเสียให้เข็ด!

นึกก่นด่าขอนไม้เป็นวรรคเป็นเวร แต่ยังไม่ทันได้ตั้งหลักลุกดี ก็โดนแรงมหาศาลกระโจนเข้าใส่จนได้กลับลงไปนอนกินดินอีกหน อุ้งเท้าใหญ่ตะปบเหยื่ออันโอชะไว้แน่นหนากรงเล็บแหลมคมกางจิกลงบนผิวกายของมนุษย์ตรงหน้า เสียงคำรามกรรโชกดังสนั่นลั่นป่าเมื่อพยัคฆ์ร้ายเตรียมจะฉีกทึ้งเนื้อหนังมังสาของมนุษย์ในอุ้งมือ

มันหลับตาลงรอรับความตายที่กำลังจะมาเยือน เสียงกรงเล็บแหลมคมแหวกม่านอากาศลงมาอย่างรวดเร็ว แต่เด็กหนุ่มกลับไม่รู้สึกเจ็บเจียนตายอย่างที่คิด รอบกายเงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจคล้ายสัตว์ใหญ่ดังขึ้นเหนือศีรษะก่อนกลิ่นสาปสนิมของเลือดจะแผ่กำจายไปรอบบริเวณ

นัยน์ตาสีน้ำผึ้งค่อยๆเปิดขึ้นจึงพบว่าเสือโคร่งตัวนั้นได้หายไปแล้วเหลือเพียงแต่ร่องรอยของกรงเล็บที่มันฝากไว้บนผิวกายจนเป็นแผลฉกรรจ์

เจ้าแก้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พลันหันหน้าไปอีกทางก็ต้องตื่นตะลึงเมื่อพบร่างของเสือโคร่งตัวใหญ่นอนอยู่ข้างกัน แต่บัดนี้ร่างของมันกลับไร้ซึ่งลมหายใจอีกต่อไป สันกรามล่างของเจ้าเสือโคร่งคล้ายถูกเรี่ยวแรงมหาศาลฉีกทึ้งออกจากกันจนห้อยลงมาเปื้อนธุลีดิน อารามตกใจจึงรีบถอยหลังออกห่าง แต่แผ่นหลังกลับชนเข้ากับอะไรบางสิ่งอย่างจัง นัยน์ตาเบิกกว้างขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อจดจ้องไปยังเงาขนาดใหญ่ที่พาดผ่านตนไปจนถึงร่างไร้ชีวิตของพยัคฆ์ร้าย

“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนรึไม่”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้น เจ้าแก้วเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ของยักษ์ตรงหน้าก่อนจะนิ่งค้างไปอย่างตกตะลึง

ร่างกายใหญ่โตแต่สง่าผ่าเผยผิดแผกจากยักษ์ทั่วไป หากกะความสูงด้วยสายตาอย่างไรก็ต้องเกินสี่ศอกเป็นแน่แท้ เนื้อกายสีคร้ามแดดขับกล้ามเนื้อหนั่นแน่นทั่วร่างให้รูปองอาจมากยิ่งขึ้น ใบหน้าคมคร้ามแสดงสันกรามชัดเจน

...นับว่าเป็นยักษ์ที่รูปงามเลยทีเดียว

“ม..ไม่จ้ะ ขอบคุณมากนะจ๊ะที่ช่วยฉันไว้” เอ่ยตอบไปอย่างหวาดหวั่น พร้อมก้มลงเก็บย่ามคู่ใจขึ้นมาสะพายไว้ข้างกาย

วิรุณพยักหน้ารับก่อนจะก้มลงมองเด็กหนุ่มมนุษย์ตรงหน้า

... ก็เห็นอยู่ว่าไหล่ของมันทั้งสองข้างนั้นโดนกรงเล็บของเสือโคร่งขย้ำเสียจนเนื้อเปิด ยังจะมาโป้ปด

“แขนท่านเลือดออกนี่จ๊ะ”

            เจ้าแก้วเอ่ยถามไปตามประสาซื่อ นัยน์ตาสีน้ำผึ้งมองสำรวจรอยแผลฉกรรจ์บริเวณช่วงแขนของอสุราหนุ่ม แขนข้างนั้นโดนคมเขี้ยวของสัตว์ร้ายบาดลึกเข้าไปจนเนื้อเปิด เลือดจำนวนมากไหลอาบไปทั่วจนมันอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้

…เพราะมาช่วยเหลือมัน จึงทำให้ยักษ์ตนนี้ได้รับบาดเจ็บ

“ช่างเสียเถอะ บาดแผลเพียงเท่านี้”

               ผ่านสมรภูมิรบมาก็มาก เพียงแค่รอยถากของเขี้ยวเสือกระผีกเดียวหาได้ระเคืองผิวไม่

“ถือเสียว่าเป็นการตอบแทน...ให้ฉันช่วยรักษาแผลให้นะจ๊ะ”

               มันอดที่จะห่วงผู้มีพระคุณของมันไม่ได้ อสุราหนุ่มผู้นี้ไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บที่แขนเพียงเท่านั้น เมื่อสังเกตดูให้ดีแล้วทั่วทั้งตัวก็ดูฟกช้ำเสียจนน่าหวั่นว่าจะช้ำในเอาได้

“เจ้ารักษาเป็นหรือ”  วิรุณเอ่ยถามกลับไป

“ได้เพียงผิวเผินเท่านั้นจ้ะ”

               อดแปลกใจอยู่ไม่น้อย ผู้ใดจักคิดเล่าว่ามนุษย์หน้าซื่อผู้นี้จะมีความรู้ความสามารถในการรักษาแผลกัน

“เช่นนั้น เจ้าช่วยไปดูอาการให้สหายข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่”

“ผู้ใดหรือจ๊ะ” เจ้าแก้วอดที่จะสงสัยขึ้นมาอย่างเสียมิได้

 “สหายข้า ยามนี้มันยังไม่ฟื้นตัวจากพิษไข้ ข้าเกรงว่าอาการมันจะทรุดไปมากกว่านี้ หากไม่เป็นการรบกวนเจ้าเกินไป ช่วยไปดูอาการมันให้ข้าที”

“ได้จ้ะ แต่ท่านไปล้างแผลเสียก่อนเถิด ประเดี๋ยวฉันจะทำแผลให้”

               วิรุณเพียงพยักหน้าตอบรับก่อนจะออกเดินนำเด็กหนุ่มมุ่งตรงไปสู่ริมธารใกล้ๆ เมื่อไปถึงเจ้าเด็กนั่นก็บอกให้เขานั่งลงที่โขดหินข้างริมธารก่อนมันจะใช้ภาชนะที่หาได้บริเวณนั้นไปตักน้ำมาเพื่อล้างแผลให้ ตามด้วยหยิบสมุนไพรในย่ามออกมาขยี้จนเริ่มละเอียดก่อนจะประคบตัวสมุนไพรลงมาบนแผลให้อย่างเบามือ

               มือคู่นั้นหาได้อ่อนนุ่มเฉกเช่นของเหล่าสตรี

…แต่น้ำหนักมือช่างเบาและอ่อนโยน ผิดแผกจากบุรุษทั่วไปนัก

               สายตาคมจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา ครานี้จึงได้สังเกตให้ชัดถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น มนุษย์ผู้นี้มีผ้าสีทึบปิดตาข้างซ้ายไว้คล้ายจะป้องกันบาดแผลบางอย่างที่อยู่ใต้เนื้อผ้านั่น แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามออกไปดั่งใจนึก เสียงฉีกขาดของเนื้อผ้าก็ดังขึ้นมาแทรกจนต้องหันไปมอง

“เจ้าจะทำสิ่งใด”

               วิรุณมองมนุษย์ตรงหน้าอย่างแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะจู่ๆมันก็ถอดเสื้อของตนเองออกแล้วจัดการฉีกแยกแผ่ออกเป็นผืน

“พันแผลไว้จ้ะ ประเดี๋ยวจะโดนเศษดินเศษหญ้าเกาะเอา”

               เอ่ยจบก็ส่งยิ้มซื่อตามประสามาให้อีกหน ก่อนจะจัดการพันผ้าไว้รอบท่อนแขนกำยำให้อย่างเสร็จสรรพ

“ขอบใจเจ้ามาก”

               เจ้าแก้วเพียงพยักหน้ารับคำพร้อมเอ่ยชักชวนให้อสุราหนุ่มพาไปดูอาการของสหายอีกตนตามที่ได้วานไว้ ทั้งสองออกเดินเลียบเคียงริมฝั่งธารไปเรื่อยๆ เพียงไม่นานนักก็ได้พบกับจุดหมายปลายทาง

“ข้านำมันไปนอนพักไว้ในถ้ำนั้น”

               ใบหน้าคมคร้ามพยักเพยิดไปทางถ้ำหินตรงหน้า ลักษณะตัวถ้ำนั้นอยู่ใกล้กับบริเวณน้ำตก ทางเข้าถูกปกคลุมด้วยไม้เลื้อยจนรกครึ้ม อสุราหนุ่มเดินนำทางเข้าไปได้ไม่ลึกนักก็ได้พบกับร่างอีกร่างที่นอนไม่รู้สติอยู่ข้างโขดหินใหญ่

               เห็นดังนั้นเจ้าแก้วจึงยอบกายลงไปนั่งข้างๆเรือนกายสูงใหญ่ที่นอนหายใจรวยริน ถึงแม้นจะไม่รู้สติแต่อาการที่แสดงออกก็คล้ายว่าจะทรมานเหลือแสน ทั้งกายขึ้นสีแดงชาดได้อย่างน่ากลัวจนเจ้าแก้วเริ่มจะวิตกขึ้นมาไม่น้อย

…เคยรักษาพิษของสัตว์เลื้อยคลานมาหลายชนิดก็จริงแต่ก็ไม่เคยพบเห็นพิษของสัตว์ชนิดไหนรุนแรงเท่านี้มาก่อน

“เจ้าพอจะรักษามันได้หรือไม่”

               เหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายทำให้เจ้าแก้วนั้นลำบากใจอยู่ไม่น้อย ตัวมันนั้นหากจะต้องรักษาจริงๆก็คงจะได้แค่ผิวเผินเท่านั้น มันไม่ได้มีวิชาความรู้มากพอที่จะสามารถช่วยเหลือได้ ยิ่งเป็นพิษที่ออกฤทธิ์ดังที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเช่นนี้ มันจึงนึกหวั่นวิตกอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ฉันทำได้แค่เพียงรักษาพิษของสัตว์เลื้อยคลานเล็กๆเท่านั้นจ้ะ พิษรุนแรงเช่นนี้ไม่เคยพบมาก่อน ฉันคงไม่สามารถจะช่วยเหลือได้”

               เด็กหนุ่มหน้าสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดทันทีที่รู้ว่าไม่สามารถจะช่วยเหลือผู้มีพระคุณของมันได้

“ขอโทษด้วยนะจ๊ะ”

“ช่างเสียเถิด อย่างไรก็ขอบคุณเจ้ามากที่อุส่าห์มาดูอาการให้”

               เจ้าแก้วเพียงพยักหน้ารับอย่างหงอยเหงาแต่พอนึกหาหนทางออกนัยน์ตาก็ทอประกายความหวังขึ้นมาทันที

               ใช่…พ่อครู อย่างไรกันเล่า

               พ่อครูของมันนั้นเก่งกาจทางด้านเวชศาสตร์และเชี่ยวชาญด้านการรักษามาก

               หากให้พ่อครูช่วยดูอาการให้ล่ะก็ต้องรู้หนทางที่จะถอนพิษให้อสุราหนุ่มตนนี้เป็นแน่

“แต่ถ้าหากให้พ่อครูดูอาการให้ ก็อาจจะพอรู้วิธีรักษานะจ๊ะ”

“พ่อครู?”

“พ่อครู…ครูบุญน่ะจ้ะ เป็นคนที่คอยรักษาอาการเจ็บไข้ให้แก่ผู้คนในหมู่บ้าน ท่านเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาทุกแขนง ฉันเพียงคิดว่าหากท่านไม่รังเกียจ จะพาท่านผู้นี้ไปให้พ่อครูช่วยดูอาการก็ได้นะจ๊ะ”

“จะดีหรือ”

               อดที่จะลังเลอย่างเสียมิได้ ขืนจู่ๆเจ้าเด็กนี่พาพวกเขาเข้าไปในหมู่บ้าน ผู้คนจะไม่แตกตื่นเอาหรอกหรือ

“ดีสิจ๊ะ อีกอย่างท่านก็จะได้ไปรักษาแผลตัวท่านด้วย”

“ชาวบ้านจะไม่แตกตื่นกันหรือไร”

“เรือนของครูตั้งห่างออกมาจากตัวหมู่บ้านอยู่มาก ไม่มีผู้ใดเห็นหรอกจ้ะ ไปเถอะ ถือเสียว่าตอบแทนที่ท่านช่วยชีวิตฉันเอาไว้”

               เพราะทนความคะยั้นคะยอไม่ไหวอีกทั้งใจก็นึกห่วงชีวิตของสหายตนจึงพยักหน้าตอบรับคำเชื้อเชิญไปอย่างเสียมิได้

               เอาเถิด มาถึงขนาดนี้แล้วลองทำตามคำแนะนำของเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ไม่เสียหายอันใด ถึงแม้นจะไม่สามารถถอนพิษได้ แต่เพียงแค่รักษาให้อาการทุเลาลงก็เพียงพอแล้ว

“เช่นนั้นก็รีบไปกันเถิดจ้ะ ประเดี๋ยวจะมืดค่ำเอา”

               ได้ความดังนั้นวิรุณจึงก้มลงไปประคองร่างที่สูงใหญ่พอกันขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเลไม่น้อย เจ้าแก้วเลยรีบรุดหวังจะเข้าไปช่วย แต่กลับโดนปรามไว้เสียก่อน

“ตัวมันหนักเช่นนี้ เจ้าประคองไปก็เปลืองแรงเสียเปล่า ช่วยนำทางไปก็พอ” พูดจบก็แบกร่างของสหายขึ้นมาไว้บนหลังอย่างยากลำบากเล็กน้อย

…ถึงจะตัวสูงใหญ่พอๆกันแต่ก็พาลทำเอาขาแข้งล้าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

               เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินนำออกไปที่ปากถ้ำ เมื่อพ้นออกมาจากความมืดสลัว จึงทำให้เจ้าแก้วได้เห็นหน้าคร่าตาอสุราหนุ่มอีกตนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ใบหน้าคมเข้มแสดงสันกรามเด่นชัด ทำให้ดูสมกับเป็นยักษาวัยฉกรรจ์

เรือนผมที่ถูกตัดสั้นอย่างเป็นระเบียบเผยรูปของใบหน้าคมคร้ามได้เป็นอย่างดี

จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วเข้มที่พาดเฉียงได้รูป

ทั้งยังมีรอยแผลเป็นเล็กๆบนหัวคิ้วซ้าย แต่กลับไม่ได้ดูน่าเกลียด กลับกันแผลเป็นนั่นยิ่งช่วยขับเน้นให้ใบหน้าคมคายนี้ดูดุดันสมกับเป็นบุรุษยิ่งนัก

นับว่าเป็นยักษ์ที่รูปงามมากทีเดียว…แต่กลับน่าเกรงขามไม่น้อยแม้นในยามที่หลับใหล..

“เหตุใดเจ้าถึงได้เข้ามาในป่าดงพงไพรเช่นนี้”

               เสียงทุ้มต่ำเอ่ยแทรกขึ้นมาทำลายความเงียบระหว่างการเดินทาง

“ฉันเข้ามาเก็บสมุนไพรไปให้พ่อครูจ้ะ”

“แล้วท่านล่ะจ๊ะ เหตุใดท่านทั้งสองจึงเข้ามาอยู่ในเขตแดนของมนุษย์ได้”

               ใบหน้าซื่อๆนั่นหันมาถามอย่างสงสัยไม่น้อย แต่เมื่อมันรู้ตัวว่าได้เสียมารยาทถามในสิ่งที่ไม่ควรถามจึงรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

“ขอโทษจ้ะ ที่ฉันเสียมารยาท” ไม่ว่าเปล่า แต่มันยังยกมือขึ้นมาไหว้ประกอบเสียด้วย

…มือไม้อ่อนเสียจริง

“ช่างเถิด ข้าก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร…ข้ากับสหายเป็นทหารในกองทัพแห่งนครยักษ์ เมื่อไม่นานมานี้ได้มีศึกระหว่างสองแว่นแคว้นเกิดขึ้น โชคไม่ดีเจ้านี่โดนศรอาบพิษยิงเข้าใส่ อีกทั้งตอนนั้นยังถูกข้าศึกลอบโจมตีจึงทำให้ตกลงมาจากหน้าผา รู้ตัวอีกทีข้าก็โผล่มานอนข้างๆริมธารเสียแล้ว”

               ไม่ได้คิดจะปิดบัง…แต่เพียงแค่พูดความจริงไม่หมดก็เท่านั้น

               หากมนุษย์ตรงหน้ารับรู้ว่าทั้งเขาและเจ้าวศินเป็นถึงจอมทัพของนครยักษาจะไม่ตื่นตกใจไปยิ่งกว่านี้หรือ

“ท่านสองตนเป็นทหารหรอกหรือจ๊ะ”

               มิน่าเล่า รูปกายถึงได้ดูองอาจน่าเกรงขามยิ่งนัก เห็นคราแรกนึกว่าเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ของเผ่าพันธุ์ยักษ์เสียอีก

“ใช่ ทำไมรึ”

“เปล่าจ้ะ เพียงแต่ไม่คิดว่าทหารยักษ์จะรูปงามเช่นนี้”

               มนุษย์หน้าซื่อตอบกลับมาอย่างไม่เคอะเขิน ก็มันรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ หาได้ป้อยอคำหวานเอาอกเอาใจผู้ใด คราแรกก็นึกว่าเหล่าทหารยักษ์นั้นจะหน้าตาถมึงทึงชวนอกสั่นขวัญผวา ผู้ใดจักนึกกันเล่าว่ารูปโฉมจะงดงามเพียงนี้

               เมื่อได้รับคำชมแบบโต้งๆหลุดออกมา อสุราหนุ่มก็อดที่จะประหม่าไม่ได้ ร้อยวันพันปีหาได้เคยมีผู้ใดมากล่าวชมด้วยใบหน้าซื่อๆเช่นนี้ ส่วนมากจะเป็นทำนองเกี้ยวพาราสีของเหล่านางยักษ์เสียมากกว่าแต่ถึงกระนั้นเขาก็หาได้หวั่นไหวไปกับคำพูดเชยชมหวานหูเหล่านั้นสักเพียงนิด

               หากแต่ต้องมารู้สึกกระดากอายขึ้นมาเพราะคำพูดของเด็กหนุ่มมนุษย์ผู้นี้

               หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกหน สายตาคมกล้าจ้องมองตรงไปยังแผ่นหลังของมนุษย์ที่เล็กกว่าเขาไปเกือบเท่าตัว ช่วงบ่าขนาดสมส่วนรับกับแผ่นหลังกว้างพอเหมาะสมวัย หากเพียงสังเกตให้ดีจะพบว่าบนผิวกายเนียนละเอียดนั่นมีรอยแผลเป็นบริเวณหลังไหล่ขวา…คล้ายรอยบาดของคมมีดหรือคมดาบ

               วิรุณไล่สายตาไปเรื่อยจนถึงช่วงเอวที่คอดรับกับสะโพกใต้เนื้อผ้าโจงกระเบนสีน้ำตาลแก่…เด็กหนุ่มตรงหน้าหาได้เอวบางอ้อนแอ้น เพียงแต่ไม่ได้สอบหนาเฉกเช่นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่ได้พบเห็นทั่วไป 

เป็นเพียงมนุษย์หน้าพาซื่อ…อีกทั้งยังเป็นบุรุษเฉกเช่นเขา

               รูปโฉมก็ธรรมดาเสียจนไม่ได้รู้สึกสะดุดตาสักเพียงนิด

               แต่เหตุใดจึงมีเสน่ห์ให้ชวนมองได้ถึงเพียงนี้

เมื่อรู้ตัวว่าเผลอมองสำรวจอีกฝ่ายอย่างเสียมารยาท อสุราหนุ่มจึงหันสายตาไปมองเหล่าแมกไม้นานาพันธุ์รอบกายแทน ก่อนจะเดินตามหลังเด็กหนุ่มไปเงียบๆไม่ได้ชวนเปิดบทสนมนาขึ้นมาอีก

             

 ก่อนตะวันจะคล้อยดับลงทั้งสามก็เดินทางมาถึงเรือนไม้ขนาดพอเหมาะไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ลักษณะตัวเรือนนั้นทำมาจากไม้ไผ่และไม้เนื้อแข็งที่หาได้ตามป่าบริเวณนี้ ในส่วนของหลังคาถูกมุงทับด้วยหญ้าคาตามปกติของชาวบ้านทั่วๆไป หากแต่เรือนหลังนี้กลับดูมั่นคงแข็งแรงดี มิได้ทรุดโทรมเหมือนดังที่เขาคาดคิดไว้

ทันทีที่เข้าสู่เขตเรือนเด็กหนุ่มผู้นั้นก็รีบวิ่งรี่เรียกหาพ่อครูของมันไปทั่ว ทำเอากลุ่มของชายหนุ่มที่กำลังแบกหามของอยู่ใต้ถุนเรือนนั้นหันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว แต่เมื่อคนเหล่านั้นสังเกตได้ว่ามีแขกแปลกหน้ามาเยือนอีกทั้งยังเป็นถึงยักษ์ร่างสูงใหญ่ก็พาลตื่นตกใจไปตามๆกัน

พ่อครูให้มันไปเก็บสมุนไพรมิใช่รึ แล้วเหตุใดไอ้แก้วมันถึงได้ยักษ์กลับมาด้วยถึงสองตน!

“พ่อครูจ๊ะพ่อครู!” 

“เอ้าๆ...เอะอะไรกันเจ้าแก้ว”

            ครูบุญของศิษย์ทั้งหลายเอ็ดเสียงดุ มือเหี่ยวย่นพาดผ้าขาวม้าไว้รอบคอก่อนจะเดินลงมาจากเรือนตามเสียงเรียกของศิษย์รัก เจ้าแก้วรีบเข้าไปประคองพาชายชรามานั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่บริเวณลานดินหน้าเรือน

พลันสายตาของชายชราก็สังเกตเห็นเรือนกายสูงใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ยังไม่ทันที่จะได้หันไปถามให้คลายสงสัย เจ้าแก้วก็เอ่ยสวนขึ้นมาเสียก่อน

“พี่ยักษ์ท่านนี้ได้ช่วยชีวิตฉันไว้ก่อนที่จะโดนเสือโคร่งตะปบเอาจ้ะ พอดีฉันเห็นว่าท่านทั้งสองอาการไม่ค่อยจะดีนัก จึงได้ชวนกลับมาที่บ้าน ฉันเลยอยากจะขอวานให้พ่อครูช่วยดูอาการของท่านทั้งสองให้หน่อยน่ะจ้ะ”

               เพราะในอ่อนกับแววตาเว้าวอนของศิษย์รักคนเล็ก ครูบุญจึงต้องตกปากรับคำศิษย์รักอย่างเสียมิได้ ก่อนจะหันไปเจรจากับอสุราหนุ่มแทน

“นำตัวท่านผู้นั้นมาวางไว้บนแคร่เสียก่อนเถิด”

               วิรุณพยักหน้ารับคำของครูเฒ่า ก่อนจะแบกร่างของสหายไปวางลงบนแคร่ตามคำสั่ง

ครูบุญก้มมองอีกหนึ่งร่างของอสุราหนุ่มที่นอนหายใจรวยริน กายขึ้นสีชาดได้อย่างน่าหวาดกลัวพร้อมมีเหงื่อผุดซึมไปทั่วร่าง ตรงกลางอกมีบาดแผลฉกรรจ์ซึ่งในยามนี้พิษร้ายได้กัดกินผิวเนื้อบริเวณอกจนพุพองคล้ายกับโดนไฟลวก

…เป็นลักษณะฤทธิ์ของพิษร้อนที่รุนแรงมากทีเดียว

“ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าเป็นพิษของสัตว์ชนิดใด” ชายชราเอ่ยถาม

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่พ่อเฒ่าพอที่จะรักษาสหายข้าได้หรือไม่”

ครูเฒ่าหนักใจไม่น้อย พิษร้ายแรงเช่นนี้เป็นพิษของสัตว์ชนิดใดนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้เช่นกัน เพราะไม่เคยพานพบมาก่อน

“ข้าไม่เคยพบเห็นพิษร้ายเช่นนี้มาก่อน เท่าที่พอจะช่วยได้ยามนี้คือให้กินยาขับพิษเท่านั้น”

               ใบหน้าคมคร้ามของยักษาวัยฉกรรจ์พยักหน้ารับคำของชายชรา

“อาการของท่านก็ย่ำแย่ไม่ต่างกันเท่าใดนัก ประเดี๋ยวข้าจะดูให้อีกที ก่อนอื่นนำตัวท่านผู้นี้ไปพักไว้บนเรือนเสียก่อนเถิด แล้วข้าจะให้เจ้าแก้วมันนำยาขับพิษไปให้ดื่ม”

“ขอรับ”

วิรุณยักษาขานรับคำสั่งก่อนจะแบกร่างของสหายขึ้นเรือน โดยได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าหนุ่มวัยฉกรรจ์อยู่หลายคนพอที่จะประคองร่างสูงใหญ่ได้สบายๆ

“ท่านลงไปหาพ่อครูเถอะจ้ะ...ประเดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลให้”

            เจ้าแก้วยกหม้อต้มยาสมุนไพรตามที่ครูบุญสั่งขึ้นมาบนเรือน ก่อนจะวางหม้อดินเผาไว้ข้างกายสูงใหญ่ที่นอนอยู่บนพื้น

“ขอบใจเจ้ามาก”

            วิรุณพยักหน้ารับ ใบหน้าคมคร้ามปรากฏความอ่อนล้าออกมาอย่างชัดเจนเรือนกายสูงใหญ่ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากตัวเรือน

“ร้อน...”

            เสียงแหบทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบาคล้ายจะละเมอเพ้อพก เจ้าแก้วสะดุ้งเล็กน้อยพลันหันความสนใจมาหาอสุราที่นอนแน่นิ่งอยู่ แผ่นอกผึ่งผายขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ...ร่างกายใหญ่โตนี่คงจะอึดอัดไม่น้อยที่ต้องมานอนอยู่ในเรือนที่ไม่ได้กว้างขวางมากนัก มิหนำซ้ำวันนี้มันวันอับลมจึงทำให้ร้อนกว่าปกติ

“เอ่อ....ท่านลุกขึ้นมาดื่มยาไหวหรือเปล่าจ๊ะ”

            เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างหวั่นเกรง...อสุราหนุ่มตรงหน้านั้นขนาดนอนไม่รู้สติยังทำให้มันรู้สึกกลัวได้ถึงเพียงนี้

“…”

            ไร้ซึ่งเสียงตอบรับของยักษา เจ้าแก้วนึกปลงตกด้วยความจนปัญญา เห็นทีคงจะได้ป้อนยาให้เสียแล้วกระมัง..

คิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงจัดการตักยาต้มใส้ถ้วยดินเผา ก่อนจะค่อยๆประคองศรีษะหนักขึ้น พอที่จะให้สามารถดื่มยาได้สะดวก

            เสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอดังขึ้นอีกครา ทำให้เจ้าแก้วรีบผละออกมา...สงสัยคงจะร้อนในกายกระมัง ทันใดนั้นเด็กหนุ่มพลันนึกถึงคำสั่งของพ่อครูขึ้นมา

...'ตัวยาจะไปขับพิษออกจากร่าง จึงทำให้ไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก เอ็งก็อย่าลืมปลดผ้าผ่อนทุกชิ้นออกให้หมดเสียด้วย'

            นึกได้ดังนั้นใบหน้าอ่อนเยาว์ก็พลันเห่อร้อนขึ้นมา เจ้าแก้วได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของบุรุษมาเยอะก็จริงเพราะบ่อยครั้งก็มักจะอาบน้ำร่วมท่ากับเหล่าลูกศิษย์ของครูบุญ แต่มันก็ไม่เคยได้เห็นร่างเปล่าเปลือยของยักษ์มาก่อน

ยิ่งเป็นยักษ์หนุ่มวัยฉกรรจ์ที่น่าเกรงขามตนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ มันจึงกระอักกระอ่วนไปเสียหมด…

“ขอโทษนะจ๊ะ...พ่อครูสั่งให้ฉันทำ”

            พูดกับลมฟ้าอากาศไปพร้อมยกมือไหว้ปลกๆ เด็กหนุ่มค่อยๆปลดอาภรณ์ของอสุราตรงหน้าออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหนั่นแน่นสมเป็นบุรุษเพศวัยฉกรรจ์ทั่วทั้งร่าง มันกระดากอายเกินกว่าจะมองแต่ถ้าหากหลับตาก็เกรงว่ามือไม้มันจะไปโดนอะไรต่อมิอะไรเข้า

คิดได้ดังนั้นก็รีบใช้ผ้าคลุมท่อนล่างของอสุราหนุ่มไว้ให้อย่างเรียบร้อย เมื่อเสร็จกิจตามที่ได้รับมอบหมายเจ้าแก้วก็รีบเดินออกมาจากเรือนด้วยในอกที่เต้นระรัวคล้ายมีฝูงสัตว์ขนาดใหญ่เข้ามาวิ่งพล่านไปทั่ว


______________________________________________

มาแล้วจ้าาาา ตอนนี้เป็นฉบับรีไรท์ตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้นะคะ

เนื้อหามีการเปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อย

สำหรับนักอ่านที่พึ่งมาอ่านไม่ต้องแปลกใจนะคะ พันไมล์เพียงแค่ปรับปรุ่งเนื้อหาที่เคยลงไปก่อนหน้านี้เท่านั้น

จึงได้ทำการแจ้งไว้ แล้วลบตอนเก่าออกค่ะ :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2018 12:25:05 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รอตอนต่อไปจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
เจ้าแก้ว



.

.

.


“แผลลึกมากเลยทีเดียว ประเดี๋ยวข้าจะไปโขลกสมุนไพรมาประคบให้ ระหว่างนี้ท่านก็ถอดเสื้อแสงออกเสียก่อนเถิด เห็นเจ้าแก้วมันบอกว่าเนื้อกายท่านนั้นชอกช้ำนัก ข้าจึงอยากจะตรวจดูให้ถี่ถ้วน”


วิรุณปฏิบัติตามคำสั่งของชายชรา พร้อมกับถอดเสื้อออกทางศีรษะด้วยท่าทีที่ลำบากอยู่ไม่น้อย


หลังจากที่แบกหามร่างของสหายตนขึ้นไปไว้บนเรือนแล้ว เมื่อลงมาด้านล่างพ่อเฒ่าผู้นี้ก็เรียกเขาเข้าไปตรวจดูอาการตามที่เด็กหนุ่มผู้นั้นได้วอนขอไว้ มือเหี่ยวย่นตามวัยจัดการดึงผืนผ้าพันแผลที่อดีตมันเคยเป็นเสื้อออกอย่างแผ่วเบา เผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์จากเขี้ยวของสัตว์ใหญ่ ท่าทางคล่องแคล่วที่สำรวจบาดแผลอยู่นั้น ทำให้รู้สึกได้ว่าท่านพ่อเฒ่าผู้นี้ดูชำนาญการในด้านการรักษาไม่น้อยเลยทีเดียว


               ร่างสูงใหญ่ของรองทัพอสุราที่นั่งเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นรอยช้ำและบาดแผลตามกล้ามเนื้อหนั่นแน่นทั่วร่าง


              ระหว่างที่เขากำลังนั่งมองสำรวจบริเวณเรือนโดยรอบอยู่นั้น กลับสะดุดตากับไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่ชูช่อดอกสีขาวนวลอยู่บริเวณริมรั้ว บุพผาสีขาวปลอดส่งกลิ่นหอมอบอวลคลอเคล้าไปกับแสงสุริยนที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไป อสุราหนุ่มทอดมองไม้ต้นเล็กอย่างสนอกสนใจ สีขาวนวลของช่อดอกไม้ท่ามกลางพุ่มเขียวขจีนั้นช่างทำให้เพลิดเพลินตายิ่งยัก


“นั่นเรียกว่าต้นแก้ว” ชายชราเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีสนใจต้นแก้วที่ต้นเป็นผู้ลงมือปลูกเอง


วิรุณเพียงพยักหน้ารับรู้ไม่ได้โต้ตอบกลับไปเพื่อต่อบทสนทนา ทำเพียงแค่นั่งนิ่งให้พ่อเฒ่ารักษาแผลและตรวจดูอาการต่อให้


ต้นแก้วอย่างนั้นหรือ…ไม่เคยพบเห็นต้นไม้ชนิดนี้ในนครยักษ์มาก่อนเสียด้วยซ้ำไป


“แผลที่อื่นๆตามร่างกายท่าน เพียงแค่หมั่นประคบยาทุกวันก็หายขาด...ส่วนนี่ยาต้มดื่มเสียเถอะมันแก้ช้ำในได้ชะงัดนัก”


               หลังจากพันแผลที่แขนเสร็จสรรพชายชราก็ยื่นส่งหม้อดินเผาขนาดเล็กมาให้


วิรุณยกหม้อยาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด กลิ่นของสมุนไพรหลากหลายชนิดในภาชนะนั้นฉุนมากทีเดียว แต่รสชาติขมเฝื่อนของมันกลับทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย


“ว่าแต่ตัวท่านเล่า...มีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรรึพ่อยักษ์”


“ข้าวิรุณ...ส่วนสหายข้าอีกตนชื่อวศิน”


“แล้วเหตุใดท่านทั้งสองถึงเข้ามาในเมืองของมนุษย์เสียได้” ชายชราเอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ       


เพราะดูจากลักษณะท่าทางที่องอาจน่าเกรงขามของยักษ์ทั้งสองตนแล้ว คงจักมิใช่ยักษ์ธรรมดาเป็นแน่แท้


...เรือนกายสูงใหญ่สง่าผ่าเผย รูปโฉมงดงามเพียงนี้


หากมิใช่พวกขุนนางในวังก็คงจะเป็น..


“ข้ากับวศินเป็นทหารในกองทัพแห่งนครยักษ์...ในระหว่างที่กำลังต่อสู้กับเหล่าศัตรูอยู่นั้นพวกข้าทั้งสองเสียทีพลาดท่าพลัดตกลงมาจากยอดผา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ฟื้นอยู่ข้างริมธารนั่นแหละขอรับ”


         …ทหาร


“เอาเถิดพ่อ วางเรื่องหนักอกหนักใจไว้เสียก่อน พักกายพักใจอยู่ที่นี่จนกว่าอาการบาดเจ็บจะดีขึ้น...ไว้ร่างกายฟื้นตัวกำลังวังชากลับมาแข็งแรงดีดั่งเดิมแล้วค่อยกลับไปเมืองยักษ์เถิดนะพ่อวิรุณ”


               น้ำเสียงที่มากไปด้วยความเมตตาจากชายชรา ทำให้เขารู้สึกปล่อยวางความเคร่งเครียดที่สั่งสมมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาได้อย่างไม่มีสาเหตุ


อสุราหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ชายสูงวัยอย่างซาบซึ้งในบุญคุณที่ท่านผู้นี้ได้เมตตารักษาอาการของพวกเขาโดยไม่แม้นแต่จะนึกคลาแคลงใจเลยสักนิด


“มิต้องนอบน้อมกับข้านักดอกท่าน ข้ารึก็เป็นเพียงแค่ชาวป่าชาวเขาธรรมดา หาได้มียศมีเกียรติอันใด พ่อยักษ์อย่าลดตัวลงมากราบไหว้เลย”


การกระทำของอสุราหนุ่มสร้างความลำบากใจให้เขาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยเพราะเป็นถึงเผ่าพันธุ์ยักษ์แต่มาให้ความเคารพกับมนุษย์ผู้น้อยเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่สมควรนัก


“หาได้เกี่ยวกับเรื่องเผ่าพันธุ์หรือยศเกียรติอันใดไม่ ที่ท่านเมตตาช่วยเหลือข้าและสหาย เพียงเท่านี้ก็นับว่าเป็นบุญคุณแล้ว”


“อย่าได้ถือว่าเป็นบุญคุณอันใดเลยท่านวิรุณ ทางข้าเสียอีกที่ต้องติดหนี้บุญคุณ” น้ำเสียงที่มากไปด้วยเมตตากล่าวอย่างนึกขบขัน “ถ้าไม่ได้ท่านช่วยเหลือเอาไว้ ป่านนี้เจ้าแก้วมันก็คงกลายเป็นอาหารเสือไปแล้ว”


               วิรุณขานรับคำของชายชรา ก่อนที่เสียงของบุคคลที่มาใหม่จะดึงความสนใจของพวกเขาทั้งสองให้หันไปมอง


 “พ่อครูจ๊ะ”


            เจ้าแก้วเดินเลียบเคียงเข้ามาหาชายชราก่อนจะยอบกายลงไปนั่งคุกเข่าข้างๆแคร่ไม้ไผ่


“ข้าบอกให้เอ็งไปทำแผลอย่างไรเล่าเจ้าแก้ว ทำไมช่างดื้อด้านนัก”


            ชายชราหันมาดุมันเสียงเข้มทำเอาเจ้าแก้วหน้าหงอลงไปถนัดตา วิรุณจึงหันไปมองทางเด็กหนุ่มที่เขาได้ช่วยชีวิตเอาไว้


“ฉันอยากมาดูอาการพี่ยักษ์หน่อยน่ะจ้ะ”


“ดื้อด้านเช่นนี้…ท่านวิรุณน่าจะปล่อยให้มันโดนกินไปซะให้สิ้นเรื่อง”


เสียงดุด่าแต่กลับแฝงไปด้วยความห่วงใยของครูบุญบ่นออกมาอย่างไม่จริงมากนัก


เชื่อเถอะ...หากเป็นศิษย์คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าแก้วแล้วล่ะก็ นอกจากเขาจะไม่หาหยูกยามาทาให้แล้วยังจะกระทืบซ้ำให้จมตีนเพราะความเผอเรอไม่รู้จักระมัดระวังตน


 “แล้วนี่ที่ข้าเคยสั่งเคยสอนไปเอ็งจำเข้าหัวบ้างรึไม่ ท่านวิรุณเป็นถึงยักษ์ทั้งศักดิ์และอายุอานามรึก็มากกว่าเอ็งโข ใยถึงกล้าใช้คำเรียกเล่นหัวเช่นนั้น”


            ครูบุญยังบ่นให้ศิษย์รักต่อไป เจ้าแก้วก็เช่นนี้อายุอานามของมันก็ใกล้เข้าสู่วัยหนุ่มเต็มทีหากแต่มันยังคงใช้ชีวิตไปตามประสาหาได้มีความเลือดร้อนเหมือนเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน วันๆมันสนใจแต่เรื่องสมุนไพรที่ครูบุญคอยพร่ำสอนจนไม่ใคร่จะเรียนวิชาป้องกันตัวอื่นใด อีกทั้งครูบุญก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย เพราะทั้งหวงทั้งห่วงมันดั่งไข่ในหินนั้นแล


แต่ถึงจะไม่ได้ออกแรงกำลังหนัก เจ้าแก้วก็ไม่ได้ร่างกายบอบบางหรืออ้อนแอ้นดูขี้โรคอะไร กลับกันเสียอีก หุ่นของมันนั้นดูสมส่วนสุขภาพดีตามที่เด็กหนุ่มทั่วไปพึงมี กล้ามเนื้อทั่วร่างไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ดูแล้วช่างทะมัดทะแมงยิ่งนัก


“ขอโทษจ้ะ คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้”


            หากเปรียบเป็นลูกสุนัขยามนี้เจ้าแก้วก็คงหางลู่หูตกได้อย่างน่าสงสาร


แต่ตัววิรุณเองนั้นก็หาได้ใส่ใจนักกับคำสรรพนามที่เด็กหนุ่มใช้เรียกตน


พี่ยักษ์อย่างนั้นรึ...น่าเอ็นดูน้อยเสียที่ไหนกัน


“เอาเถอะ...ไปให้เจ้ากล้ามันทำแผลให้เสีย เสร็จแล้วก็เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่เสียด้วย มอมเหมือนลูกหมาคลุกดิน”


“จ้ะพ่อครู” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน


            ครูบุญทอดถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน มือเหี่ยวย่นตามวัยลูบหัวมันไปอย่างที่เคยทำ เมื่อศิษย์รักได้เดินออกไปแล้วเขาจึงได้หันกลับมาขอโทษขอโพยอสุราหนุ่มแทนมันอย่างเสียมิได้


“เจ้าแก้วมันกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก บางครั้งบางคราจึงดูไม่รู้ภาษาไปบ้าง อย่าได้ถือสามันเลยนะท่านวิรุณ”


ชายชราหันมามองอสุราหนุ่มอย่างลุแก่โทษแทนเจ้าแก้ว


อย่างไรแล้วเผ่าพันธุ์ยักษ์นั้นก็มีศักดิ์ที่สูงกว่ามนุษย์ การที่เจ้าแก้วใช้คำพูดเช่นนี้เขามองว่ามันไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง หากแต่อสุราหนุ่มกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองเลยแม้กระผีกเดียว


“ท่านขึ้นไปพักผ่อนให้หายเหนื่อยเถิด ประเดี๋ยวข้าจะเดินไปดูแผลให้เจ้าแก้วมันสักหน่อย” 


“ขอรับ”


               วิรุณขานรับเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนเรือน หากแต่เขาก็มิได้เอนกายพักผ่อนดังที่ชายชราบอก


ร่างสูงใหญ่ของรองทัพอสุรานั่งเฝ้าดูอาการของสหายตนอยู่ไม่ห่างกาย ตอนนี้วศินดูท่าจะไม่ทรมานเพราะพิษร้อนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว หากแต่ยังคงมีหยาดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาเพราะยาขับพิษที่ชายชราให้เด็กหนุ่มผู้นั้นนำมาให้ดื่ม


“ไอ้ยักษ์สำออย โดนศรปักอกเพียงเท่านี้ก็ล้มหมอนนอนเสื่อแล้วรึ”


               ไม่พูดเปล่า ยังยกฝ่าเท้าขึ้นมาดันต้นแขนของอีกฝ่ายอย่างหยอกล้อเหมือนดั่งเคย หากแต่แววตาคมกล้านั้นมิได้มองอย่างสาแก่ใจสักเพียงนิดกลับฉายแววกังวลใจและห่วงใยสหายตนอย่างเหลือแสน





            ทางด้านของครูบุญเมื่อเดินเข้ามาทางใต้ถุนเรือนก็เห็นเจ้าแก้วนั่งโอดนั่งโอยอยู่บนพื้นโดยที่พี่มันนั่งทำแผลให้อยู่บนแคร่ไม้ไผ่


“เอ็งช่วยอยู่นิ่งๆสักประเดี๋ยวได้ไหมวะไอ้แก้ว ข้ารำคาญนัก”


            ผู้เป็นพี่เอ่ยออกมาอย่างหัวเสียไม่น้อย ก็ศิษย์รักของครูบุญแค่โดนสมุนไพรไปนิดหน่อยก็ร้องเหมือนจะตายวันตายพรุ่ง


“ก็ฉันเจ็บนี่ พี่กล้ามือเบาเสียที่ไหนล่ะจ๊ะ”


            เจ้าแก้วบ่นเสียงเล็กเสียงน้อยใส่พี่มัน...ก็มือนักมวยมันเบาเสียที่ไหนกัน


“เอ้าๆ อยู่นิ่งๆซะเจ้าแก้ว ไม่เช่นนั้นล่ะข้าจะให้ไอ้กล้ามันเตะตัดเอ็งแทนต้นกล้วย”


            แสร้งดุเสร็จก็ทิ้งตัวลงนั่งบนแคร่ข้างศิษย์นักมวยคนเก่ง


ไอ้กล้าเป็นศิษย์อีกคนของเขา มันให้ความสนใจในด้านศิลปะป้องกันตัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด โดยเฉพาะมวยไทยฝีไม้ลายมือเกือบเทียบเท่าชั้นครูได้เลยทีเดียว แต่เห็นมันดุด่าเจ้าแก้วขนาดนี้แท้จริงแล้วก็ทั้งรักทั้งโอ๋น้องมันไม่ต่างจากเขานักหรอก


“ก็พี่กล้ามือหนักนี่จ๊ะพ่อครู”


เจ้าแก้วที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นดินหน้างอเล็กน้อย ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มซบลงบนตักของชายชราอย่างออดอ้อน มือเหี่ยวย่นจึงลูบหัวมันคล้ายเป็นการปลอบไปในท่วงที


นั่นปะไร...เห็นรึไม่


พ่อครูน่ะตั้งท่าดุไอ้แก้วไปอย่างนั้นเอง พอโดนมันออดอ้อนออเซาะเข้าหน่อยก็ใจอ่อนโอ๋กันไม่หยุดหย่อน ไอ้กล้ามองน้องมันด้วยความหมั่นไส้เสียเต็มประดาก่อนจะใช้เท้าถีบเอวไปเบาๆจนตัวมันเซ


“ไอ้กล้า! เอ็งนี่ก็ชอบแกล้งน้องนุ่ง รีบจัดการแผลให้มันเสีย จะได้ไปกินข้าวกินปลา แล้วก็หัดเบามือเสียบ้างมือคนห่าอันใดหนักเยี่ยงฝ่าตีน”


ครูบุญรีบเอ็ดทันทีเมื่อลูกรักโดนประทุษร้าย ก่อนจะใช้ผ้าขาวม้าที่พาดคออยู่ฟาดปากไอ้ตัวดีไปหนเพราะได้ยินเสียงมันประชดประชันตัดพ้อ


“จ้าๆ แตะไม่ได้เลยนะเจ้าดอกแก้วดอกนี้เนี่ย” เดชะบุญไอ้กล้าหลบทันหวุดหวิด...แค่ผ้าขาวม้าก็สร้างความเจ็บปวดให้ผู้อื่นได้นะพ่อเฒ่าเนี่ย


“พูดมากนะเอ็งนี่ รีบทำแผลให้มัน เสร็จแล้วก็ไปเอาผ้าพันแผลมาเปลี่ยนให้น้องมันเสียด้วย”


“จ้าๆ”


เจ้าแก้วหัวเราะให้กับการหยอกล้อแสนรุนแรงของพ่อครูกับพี่ของมันก่อนที่จะนั่งนิ่งๆอดกลั้นกับความเจ็บปวดให้พี่มันทำแผลที่บ่าให้จนแล้วเสร็จ


หลังจากนั้นครูบุญจึงเรียกเจ้าแก้วให้ขึ้นไปนั่งบนแคร่ข้างๆตนเพื่อจะประคบยาบริเวณแผลเป็นให้


...ถึงมันจะผ่านมาแล้วหลายปี แต่ก็มีบางครั้งบางคราวที่เจ้าแก้วมักจะปวดแผลมากจนไม่สามารถนอนหรือใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ เขาจึงมักสั่งให้มันประคบยาอยู่เสมอ


“เอ็งยังเจ็บแผลอยู่รึไม่”


“ไม่จ้ะพ่อครู ไม่เจ็บแล้วจ้ะ”


มือเหี่ยวย่นของครูบุญจัดการถอดผ้าผืนเก่าที่คลุกดินคลุกฝุ่นมาเสียเต็มที่ออกให้


เมื่อผ้าสีมอหลุดออกเผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์ของร่อยรอยในอดีต ยามนี้แผลมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย...คงเพราะได้รับแรงกระแทกมาเมื่อตอนเข้าป่า ชายชราลูบหัวปลอบมันแผ่วเบาก่อนจะนำยามาประคบให้อย่างเบามือ


 เห็นทีไรก็อดสะท้อนในอกไม่ได้ หากแต่วันนั้นเขาไปช่วยเหลือมันได้ทันเจ้าแก้วมันก็คงไม่ต้องมาเสียตาข้างซ้ายอีกทั้งยังต้องมาเสียโฉมไปตลอดชีวิตของมัน


แต่เจ้าตัวนั้นก็หาได้ใส่ใจสิ่งเหล่านั้นไม่ มันกลับใช้ชีวิตด้วยความปกติสุขไม่เคยถือสาโกรธเคืองผู้ใดก็ตามที่ทำให้มันต้องเป็นเช่นนี้ ถึงแม้นจะโดนใครเขาหยอกล้อกลั่นแกล้งรุนแรงเพียงใดมันก็ทำเพียงยิ้มรับ จะมีเสียก็แต่เขากับไอ้กล้านี่ล่ะที่คอยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมันอยู่เสมอ


“อดทนหน่อยนะลูกเอ้ย สักวันเอ็งจะต้องมีความสุขมากกว่านี้แน่” ชายชราเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะนึกสงสารในโชคชะตาของมันเหลือเกิน


เขามองรอยแผลลึกเป็นทางยาวอย่างพินิจพิจารณา ดวงตาของเจ้าแก้วน่ะสวยได้แม่มันมากทีเดียวด้วยสีที่ผิดแผกไปจากชาวบ้านชาวเมืองทั่วไป นัยน์ตาหวานล้ำทอประกายสีของน้ำผึ้งป่าราวกับว่าหากใครได้สบตาก็คล้ายจะโดนดึงให้เข้าไปในห้วงภวังค์โดยไม่ทันได้ตั้งตัว


…ถึงแม้นจะมีรอยบากบนใบหน้า ก็หาได้ทำให้ใบหน้าของมันขี้ริ้วขี้เหร่สักเพียงนิด


“พ่อครูพูดอันใดกันจ๊ะ แค่ฉันได้อยู่กับพ่อครูและทุกๆคนที่นี่ฉันก็พอใจแล้วล่ะจ้ะ”


เจ้าแก้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่พ่อครูของมันบอก มันรีบสวมกอดผู้มีพระคุณตรงหน้าอย่างแสนรักหนักหนา


เพราะตั้งแต่เล็กจนโตชีวิตของมันก็มีเพียงพ่อครูและพี่กล้าเท่านั้น หากจะต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว มันก็ไม่แม้นแต่ที่จะลังเลเลยสักนิดเดียว


“กอดกันกลมเชียว ลืมไอ้กล้าคนนี้ได้อย่างไรกัน”


            แว่วเสียงใกล้เข้ามาก่อนมือสากกระด้างจะวางลงไปบนศีรษะคนน้อง


“พ่อครูไปพักผ่อนเสียเถอะ ประเดี๋ยวฉันพันแผลให้มันเอง”


            ครูบุญพยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินกลับขึ้นเรือนโดยมีเจ้าแก้วตั้งท่าจะเข้าไปช่วยพยุงแต่กลับโดนเขาเอ่ยห้ามไว้เสียก่อน ...มันก็เป็นเสียอย่างนี้ถึงเขาจะชราลงและสังขารไม่ได้แข็งแรงเหมือนตอนเป็นหนุ่ม แต่ก็หาได้อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เสียทีเดียว


 กลับกันเมื่อเทียบกับพ่อเฒ่ารุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้านแล้วครูบุญถือว่าแข็งแรงกว่ามากโข คล้อยหลังพ่อครู ไอ้กล้าก็จัดการพันแผลรอบตาให้น้องมันเสร็จสรรพ ก่อนจะชักชวนเหล่าลูกศิษย์คนอื่นๆของครูบุญหาสำรับกับข้าวกับปลากินกันดั่งเช่นทุกวัน


 


"เอ็งไปทำอีท่าไหนถึงได้พายักษ์กลับมาด้วยได้วะไอ้แก้ว"


          เหล่าลูกศิษย์ของครูบุญที่นั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันเฉกเช่นทุกวันหันเหความสนใจมายังเด็กหนุ่มอย่างสงสัยใคร่รู้


“ตอนที่เข้าไปเก็บสมุนไพรมาให้พ่อครู ฉันไปเจอเสือโคร่งเข้าพอตั้งท่าจะหนีก็ดันพลาดสะดุดล้มเสียก่อน แล้วคนที่เข้ามาช่วยฉันไว้ก็คือพี่ยักษ์ตนนั้นนั่นแหละจ้ะ” เจ้าแก้วว่าตามประสาซื่อโดยมีพี่มันมองมาอย่างไม่ชอบใจเท่าใดนักเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “และฉันเห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บอยู่ด้วย จึงอยากจะตอบแทนก็เท่านั้น”


“เอ็งมันใจดีไม่เข้าท่าไอ้แก้ว นี่ถ้าหากเป็นโจรป่าปลอมตัวมามันไม่มาปล้นเอ็งฉิบหายหรอกหรือวะ”


         ไอ้กล้าเอ็ดน้องมันไปอย่างขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย


               ถึงแม้นยักษ์ตนนั้นจะช่วยชีวิตน้องของมันไว้ก็เถอะบุญคุณครั้งนี้เขาก็มิได้ลืมเลือน แต่นั่นมันคนละเรื่องกันมิใช่หรือ ช่วยเหลือกันแล้วก็จบๆไปแต่ไอ้แก้วก็ยังดันทุรังพากลับเรือนมาเสียได้ นิสัยไว้ใจคนและมองโลกในแง่ดีของมันไปทั่วเช่นนี้ทำให้เขาและครูบุญเป็นห่วงมันมากเสียยิ่งกว่าอะไร


               ดูเอาเถิด พบหน้าค่าตาเพียงไม่เท่าไรก็เชิญชวนผู้นั้นผู้นี้กลับมาบ้านด้วย


ถึงแม้นยักษ์สองตนนั้นดูอย่างไรก็คงไม่ใช่โจรหรือผู้ร้าย อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บมา แต่ผู้ใดเล่าจะรู้ ถ้าหากว่าทั้งสองหายดีอาจจะเปลี่ยนใจเนรคุณก็ย่อมได้ จะเอาอะไรมาไว้เนื้อเชื่อใจยักษ์แปลกหน้าและต่างเผ่าพันธุ์กัน


“ท่านทั้งสองไม่ใช่ผู้ร้ายอันใดหรอกจ้ะพี่กล้า หากจะทำเช่นนั้นจริง เขาจะมาช่วยฉันไว้ทำไม”


“หึ เอ็งมันดื้อด้าน ระวังเถิดหากเกิดอะไรขึ้นข้าจะไม่แลแม้เพียงกระผีก”


               ในเมื่อน้องมันไม่เชื่อฟังคำ อีกทั้งยังออกโรงปกป้องผู้อื่นเสียเต็มประดาก็สุดที่จะกล่าวเตือนไอ้กล้าทำเพียงแค่ยกไหสุราขึ้นมาดื่มโดยไม่แม้นแต่จะหันไปมองหน้าน้องมันอีก


            ศิษย์ร่วมครูอีกคนที่นั่งอยู่ในวงเริ่มเห็นท่าไม่ดีระหว่างพี่กับน้องคู่นี้จึงได้เอ่ยแทรกขึ้นมาเพื่อเบี่ยงประเด็น ไอ้ห่ากล้าพอเหล้าเข้าปากทีไรก็พาลหาเรื่องน้องมันทุกที ดีหน่อยที่น้องมันไม่ได้บ้าตามไปด้วย ทำเพียงแค่เมินไอ้พี่ขี้เมาเสีย ปล่อยให้มันด่าฟ้าด่าลมไปตามประสา


"เออ แล้วยักษ์อีกตนอาการเป็นอย่างไรบ้างวะ"


      ทันทีที่โดนถามถึงอสุราตัวสีชาดที่นอนพักอยู่บนเรือน ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็พลันเห่อร้อนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ


“พ่อครูสั่งแต่ให้ฉันคอยป้อนยากับรักษาแผลให้จ้ะ เห็นว่าคงใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะฟื้นตัว”


“แล้วเอ็งพอรู้ไหมวะ...ว่าโดนพิษอันใดมา”


            เจ้าแก้วสั่นหัวให้กับคำถามของคนในวงสนทนา เพราะปกติเคยแต่รักษาผู้คนที่โดนสัตว์มีพิษกัดต่อย แต่ยักษ์ตนนั้นมีแผลคล้ายกับโดนไฟลวกขนาดใหญ่กลางอกอีกทั้งกายยังเปลี่ยนเป็นสีชาดอย่างน่ากลัวเห็นทีคงจะมิใช่พิษของสัตว์เลื้อยคลานธรรมดาเสียแล้วกระมัง


“แต่ข้าเคยได้ยินได้ฟังพ่อข้าเล่าเกี่ยวกับเรื่องพิษของพญานาคชนิดหนึ่งอยู่นา” ชายหนุ่มว่าน้ำเสียงจริงจังพลันยกไหสุราขึ้นดื่มไปพลาง “ถ้าหากโดนเข้าไปถึงแม้นจะเพียงกระผีกเดียว ก็จะรู้สึกทรมานราวกับโดนไฟแผดเผาทั้งเป็นเลยล่ะ”


“จริงหรือวะไอ้มิ่ง”


“ข้าก็ฟังเขามาอีกที...เอ็งก็ลองไปถามครูบุญดูสิข้าก็อยากจะรู้เหมือนกัน”


  เสียงบทสนทนาของกลุ่มคนวัยหนุ่มคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยจนกระทั่งเริ่มดึกดื่นต่างคนเลยต่างแยกย้ายขอตัวลับบ้านกลับเรือน


“พี่กล้าจะไปไหนหรือจ๊ะ” เจ้าแก้วถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่มันเดินโซซัดโซเซออกไปอีกทาง


“ไม่นอนบ้านไอ้มิ่ง”


ตอบคำถามน้องแต่ไม่แม้นที่จะหันกลับมามองหน้ามันสักเพียงนิดจนไอ้มิ่งต้องเตะเข้าแข้งด้วยความหมั่นไส้เสียเต็มประดา เจ้าแก้วมันหน้าหงอลงจนคนอื่นสังเกตได้ แต่ไอ้ตัวพี่ก็ยังคงปากมอมประชดประชันไม่หยุดหย่อน นี่ถ้าหากพวกเขาไม่ได้รู้จักพวกมันมาก่อนคงนึกว่าเป็นคู่ผัวตัวเมียกันแน่แท้


“ฝากดูพี่กล้าด้วยนะจ๊ะพี่มิ่ง” นั่นปะไร แม้นจะโดนถากถางมันก็ยังคงห่วงพี่ชายมันอยู่วันยังค่ำ


“เออๆ เอ็งไม่ต้องห่วง”


               ตอบรับคำอย่างหมายมั่นแล้วจึงหันกลับมาลากคอไอ้ขี้เมาที่เริ่มออกลายพาลไปทั่วให้เดินตามกลับเรือนไป





            เมื่อเจ้าแก้วกลับขึ้นมาบนเรือนก็ได้พบว่าพ่อครูกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆร่างสูงใหญ่ที่นอนซมเพราะพิษร้าย


โดยที่ข้างกายมียักษ์อีกตนคอยนั่งดูอาการของสหายตนอยู่ไม่ห่าง เห็นดังนั้นเจ้าแก้วจึงได้ตัดสินใจนั่งรออยู่หน้าชานเรือนด้วยเพราะไม่อยากเข้าไปรบกวน


มือเหี่ยวย่นของชายชราจับคลำไปทั่วร่างของอสุราหนุ่มเพื่อตรวจดูอาการ เมื่อสัมผัสได้ว่าเนื้อตัวเย็นขึ้นจนใกล้ปกติก็พอที่จะเบาอกเบาใจลงไปได้บ้าง


 “คงต้องปล่อยให้นอนพักไปก่อนจนกว่าจะฟื้นตัวได้เอง” ครูบุญว่าราบเรียบแฝงแววคิดไม่ตก “ส่วนเรื่องการถอนพิษนั้นพอจะมีวิธีอยู่ แต่รอให้พวกท่านทั้งสองอาการดีขึ้นกว่านี้เสียก่อน แล้วข้าจะพาไปพบหลวงพ่อที่อยู่ถ้ำเชิงเขาฝั่งนู้น เพราะท่านน่าจะพอรู้ว่าพิษในกายของท่านวศินนี้เป็นพิษชนิดใด”


            วิรุณพยักหน้าตอบรับคำของชายชรา พลันสายตาหันออกไปข้างนอกก็ได้เห็นเด็กหนุ่มคนเดิมนั่งพับเพียบเรียบร้อยรออยู่ชานเรือน


“ไม่เข้ามารึแก้ว” เขาเอ่ยถามออกไปจนมันสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีผู้ใดสนใจ


“พี่ยักษ์คุยกับพ่อครูเสร็จแล้วหรือจ๊ะ”


            ถามออกไปด้วยใบหน้าซื่อๆเหมือนดังเดิม แต่ก็ยังมิวายหลุดปากเรียกอย่างเผลอตัวจนโดนพ่อครูหันมาเอ็ดอีกรอบ


“มิเป็นไรดอกพ่อเฒ่า ให้เขาเรียกอย่างที่เขาอยากเรียกเถอะ”


            วิรุณบอกไปอย่างไม่ถือสาหาความกับเด็กหนุ่มตรงหน้า


“แล้วนี่พี่เอ็งมันไปไหนเสียล่ะ” ครูบุญเอ่ยถามขึ้นมาบ้างเมื่อไม่เห็นไอ้ตัวดีอีกคนที่ยามปรกติแล้วมันมักจะตัวติดกับเจ้าแก้วแจ


“พี่กล้าบอกว่าวันนี้จะไปนอนกับพี่มิ่งจ้ะ”


“ตั้งวงเหล้ากันอีกแล้วสิไอ้พวกนี้...ประเดี๋ยวเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะสั่งเตะต้นกล้วยจนเข่าหลุดเสียให้เข็ด”


เจ้าแก้วหัวเราะแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเลียบเคียงเข้าไปจัดที่หลักที่นอนให้พ่อครูเฉกเช่นที่เคยทำอยู่เสมอ


ส่วนตัวมันนั้นปรกติแล้วจะนอนอีกมุมหนึ่งของเรือน หากแต่วันนี้คงต้องสละที่นอนให้สองอสุราหนุ่ม เห็นทีคงต้องระเห็จตัวเองไปนอนข้างพ่อครูเสียแล้ว


“แล้วเจ้าล่ะ นอนที่ใด”


            วิรุณนั่งมองเด็กหนุ่มที่สาละวนจัดที่หลักที่นอนให้เขาเสียวุ่นวายไปหมด


“ประเดี๋ยวฉันย้ายไปนอนข้างๆพ่อครูแทนจ้ะ”


“มานอนตรงนี้จะไม่ดีกว่าหรือจะได้ไม่ต้องไปเบียดพ่อเฒ่า...ที่เจ้าจัดให้ก็เหลือพื้นที่อีกมากโข”


“ฉันเกรงว่าจะไปเบียดท่านทั้งสอง ประเดี๋ยวจะนอนไม่สบายเอาน่ะจ้ะ”


“เบียดอันใดกัน ตัวเจ้าก็เท่านี้ มาเถอะ”


            วิรุณพูดตัดบทก่อนจะล้มตัวลงนอนชิดผนังฝั่งตรงข้ามกับที่สหายตนนอนอยู่ เห็นดังนั้นเจ้าแก้วก็จนปัญญาที่จะปฏิเสธจึงทำได้เพียงลงไปนอนข้างๆ ก่อนจะตะแครงตัวไปอีกฝั่งของเรือน


นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจดจ้องมองไปยังอสุราหนุ่มอีกตนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นเรือน ใบหน้าคมคร้ามหลับพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะพิษไข้ แผ่นอกแกร่งดั่งหินผาไหวขึ้นลงไปตามจังหวะของการหายใจ กายสีชาดระเรื่อต้องแสงนวลของเปลวไฟจากตะเกียงน้ำมัน


"แผลเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"


เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาจากทางด้านหลังทำให้เจ้าแก้วต้องหันกลับไปมองคู่สนทนา


"ที่โดนเสือตะปบน่ะหรือจ๊ะ"


               วิรุณพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนสายตาคมจะทอดมองไปยังใบหน้าอ่อนเยาว์ของมนุษย์ตรงหน้าที่อยู่ในระยะประชิด


ไออุ่นและกลิ่นหอมเจือจางที่อบร่ำอยู่รอบร่างที่เล็กกว่าทำให้บรรยากาศรอบกายผ่อนคลายลงได้อย่างน่าประหลาด ส่งผลให้เปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นเริ่มจะปิดลงทุกขณะ


“เจ็บมิใช่น้อยเลยล่ะพี่ยักษ์”


               เสียงหัวเราะแหบพร่าของเด็กหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างติดขบขันในวีรกรรมของตนเอง


“ขอบพระคุณอีกครั้งนะจ๊ะ ที่มาช่วยฉันเอาไว้”


               รอยยิ้มแสนซื่อถูกส่งมาให้ก่อนมันจะหันหลังกลับไปนอนตะแครงดังเดิม


วิรุณไม่ได้กล่าวอะไรออกไปรบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่ายอีก อสุราหนุ่มทำเพียงแค่นอนมองแผ่นหลังของมนุษย์ตรงหน้าที่ขยับตามจังหวะการหายใจที่เริ่มสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่าเจ้าแก้วได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 เขาตกอยู่ในห้วงคะนึงนึกคิดของตนอยู่เพียงครู่...จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าเปลือกตาที่พยายามฝืนมาตลอดหลายชั่วยามนี้เริ่มจะหนักอึ้งขึ้นเกินที่จะทัดทานไหว ก่อนรองทัพอสุราจะเข้าสู่ห้วงนิทราตามไปอีกตน..



_______________



ช่วงนี้คงทิ้งช่วงนานหน่อยนะคะเพราะใกล้ส่งโปรเจคและสอบมิดเทอมแล้ววว

อาจจะมาช้านิดๆจนถึงช้ามากๆ แต่จะมาแน่นอน

เลยมาบอกทุกๆคนไว้ก่อนค่ะ ว่าจะขอตัวไปทำกิจหลักก่อนเน้อออ  :z10: :z10:

อย่าพึ่งเทเจ้าแก้วกันนะจ๊ะ /ออดอ้อนเอาหัวซบตัก   

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคอมเม้นท์ของทุกๆคนนะคะ

เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้าาา <3  :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2018 00:37:45 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
ชอบมว๊ากกก…  :m1:


รอตอนต่อไป    :teach:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สนุกรอตอนต่อไปเด้อค่ะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
รออ่านแยู่นพคะ ชอบยักษ์กับมนุษย์ตัวน้อยแบบนี้ น่ารักดี

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
แปรเปลี่ยน

.

.

.
สิ้นเสียงคำรามของอสุนิบาตท้องนภาพลันปกคลุมไปด้วยเมฆาทมิฬ สิงสาราสัตว์ล้วนแตกฮือไปคนละทิศเมื่อเสียงกึกก้องของกองทัพยักษ์เคลื่อนขบวนเข้ามาใกล้ประตูเมืองนครคีรี บรรดาเหล่ายักษายักษีทั้งหลายต่างอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน แม้กระทั่งลูกเด็กเล็กแดงก็วิ่งกลับเข้าเรือนกันเสียจ้าละหวั่น

เรือนกายสูงใหญ่ของจอมอสุราทรงอยู่บนหลังอาชาศึกสีนิล กลิ่นอายความน่าเกรงขามแผ่กำจายไปทั่วผืนแผ่นดินของปัจจามิตร เมื่อขบวนทัพหยุดนิ่งสนิททหารเอกขององค์รามสูรก็ได้ควบอาชาศึกออกมาบริเวณด้านหน้าขบวนทัพพร้อมกับแจ้งพระประสงค์ขององค์ยุพราชแก่เหล่าทหารเวรยามหน้าประตูเมือง

"องค์รามสูร ยุพราชแห่งกรุงราชคฤห์ มีพระประสงค์ที่จักเข้าเฝ้าท้าวภารตา จงรีบนำความไปถวายแด่พระองค์เสีย"

เสียงทรงอำนาจของยักษ์วัยฉกรรจ์กล่าวขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามของท้องนภา สร้างความหวั่นวิตกให้แก่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ไม่น้อยเพียงแค่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามก็ขนลุกขนพองไปตามๆ กัน เหตุเพราะเมืองปัจจามิตรของนครคีรีนั้นได้ขึ้นชื่อด้านการรบและศึกสงครามอีกทั้งยังมีแม่ทัพนายหน้าที่เก่งกาจจนไม่มีแว่นแคว้นไหนสามารถต้านทานมหาอำนาจนี้ได้ เหล่าเมืองยักษ์ทั้งน้อยใหญ่ต่างตกเป็นเมืองใต้อาณัติของพวกราชคฤห์ทั้งสิ้น

จะมีก็เพียงแต่นครคีรีนั้นแลที่ยังไม่ยอมสวามิภักดิ์ให้แก่นครมหาอำนาจแห่งนี้ เพราะมีสองจอมทัพผู้เก่งกล้าคอยออกศึกต้านรับเสมอมาจนบ้านเมืองอยู่ร่มเย็นเป็นสุข แต่แล้วเหตุใดยามนี้เหล่าศัตรูถึงเข้ามาถึงนครคีรีแห่งนี้ได้

“ที่ข้าบอก พวกเจ้าได้ยินรึไม่” วาริทย้ำเสียงกระชากอีกหนด้วยท่าทางไม่พอใจนักที่อีกฝ่ายมัวแต่อ้ำอึ้งไม่รีบทำตามคำสั่ง

“ข..ขอรับ”

ทหารยักษ์ตนหนึ่งที่ตั้งสติได้ก่อนใครเพื่อนขานรับคำ ก่อนจะรีบวิ่งรี่เข้าไปในเขตพระราชฐานเพื่อทูลถวายความแด่องค์จ้าวเหนือหัวตามพระประสงค์ขององค์ยุพราช

“ท้าวภารตา! ท้าวภารตาพ่ะย่ะค่ะ”

ในขณะที่กษัตริย์แห่งนครคีรีกำลังร่วมปรึกษาหารือกับเหล่าเสนาอำมาตย์อยู่นั้น ทหารชั้นผู้น้อยนายหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาจนเหล่าสนมและข้าราชบริพารทั้งหลายต้องมุ่งความสนใจไปที่ผู้มาใหม่ และด้วยท่าทีรีบร้อนและดูหวั่นวิตกของนายทหารทำให้ท้าวภารตานึกแปลกพระทัยอยู่ไม่น้อย

อสุราหนุ่มก้มหมอบกราบลงที่พื้นก่อนจะรีบทูลถวายความแด่ผู้ที่ทรงอยู่บนตั่งทอง

"องค์รามสูรยุพราชแห่งกรุงราชคฤห์มีพระประสงค์ที่จะขอเข้าเฝ้าพระองค์พ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อหมดพูดจบพลันเสียงคำรามของอสุนิบาตก็ดังกึกก้องไปทั่วจนท้องพระโรงไหวสะเทือน ทั้งที่เพลานี้เป็นช่วงของคิมหันต์ฤดู แต่เหตุใดท้องฟ้าถึงได้วิปริตแปรปรวนเช่นนี้

เมื่อได้สดับรับฟังความจากทหารยักษา ท้าวภารตาก็นึกแปลกพระทัยอยู่ไม่น้อย

เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นตนได้มีคำสั่งให้วศินและวิรุณนำกองทัพยักษาหลายพันตนไปประจำการที่เมืองหน้าด่านเพื่อต้านการรุกรานของพวกราชคฤห์จนถึงยามนี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของทั้งสองจอมทัพไม่รู้ว่าได้รับชัยชนะหรือเพลี่ยงพล้ำต่อศึกในครั้งนี้เสียด้วยซ้ำ

แต่ถึงขั้นที่องค์ยุพราชแห่งแดนมหาอำนาจได้เสด็จมาเยือน เห็นทีจักมิใช่เรื่องที่ดีเสียแล้ว

"ประเดี๋ยวข้าจักออกไปพบองค์ยุพราชด้วยตนเอง" กษัตริย์แห่งนครคีรีหันไปตรัสสั่งกับเหล่าข้าราชบริพารยักษ์ แต่ก็ยังมิวายถูกห้ามปรามไว้จากเหล่าเสนาอำมาตย์

"จะเป็นการดีหรือพ่ะย่ะค่ะ หากทางฝั่งราชคฤห์คิดเล่นไม่ซื่อขึ้นมา กระหม่อมเกรงว่าพระองค์จะทรงได้รับภยันตรายนะพ่ะย่ะค่ะ”

เพราะเพลานี้วศินแลวิรุณนั้นได้นำทัพไปประจำที่เมืองหน้าด่าน เมื่อไร้ซึ่งแม่ทัพใหญ่ทั้งสองในเพลานี้ก็ไม่ต่างกับพยัคฆ์ร้ายที่โดนถอดเขี้ยวเล็บ หากเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นมาก็เกรงว่านครคีรีจะตกอยู่ใต้อำนาจของศัตรูและกษัตริย์ของตนจักพลอยได้รับอันตรายไปด้วย

"เป็นถึงองค์ยุพราช คงไม่กระทำการเช่นนั้นกระมัง รีบไปจัดเตรียมขบวนเสีย อย่าได้ปล่อยให้แขกบ้านแขกเรือนรอนาน"

สิ้นพระสุรเสียงขององค์จ้าวเหนือหัว เหล่าข้าราชบริพานก็รีบเร่งทำตามพระราชโองการทันที

ขบวนเสด็จของกษัตริย์แห่งนครคีรีได้เคลื่อนตัวไปที่ประตูเมืองฝั่งทิศพายัพ เมื่อไปถึงก็พบกองทัพของเหล่าศัตรูเฝ้ารออยู่

องค์รามสูรทอดเนตรมองขบวนเสด็จจนกระทั่งอีกฝ่ายมาหยุดอยู่ด้านหน้า ร่างสูงใหญ่ก็กระโดดลงจากหลังของอาชาศึก ก่อนจะก้าวเดินออกไปเบื้องหน้าพร้อมคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพผู้ที่มีศักดิ์เหนือกว่าตน

"กระหม่อมรามสูร ยุพราชแห่งกรุงราชคฤห์"

"อย่าได้มากพิธีรีตองไปเลยองค์รามสูรลุกขึ้นเสียเถิด" ท้าวภารตาเอ่ยบอกอย่างไม่ถือตัว…เพราะการที่ยุพราชแห่งดินแดนมหาอำนาจจะมาหมอบกราบตนนั้น มันก็อดที่จะประหม่าไม่ได้

"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ"

จอมอสุราค้อมกายอย่างนอบน้อมด้วยกิริยามารยาทที่งดงามสมกับเป็นยุพราชแห่งนครกุมภัณฑ์ที่เรืองอำนาจ หากแต่ในอุรานั้นกลับรุ่มร้อนไปด้วยเพลิงโทสะ

เพราะตลอดช่วงการศึกที่ผ่านมาสองจอมทัพนั้นได้สร้างความเสียหายให้แก่กองทัพราชคฤห์ไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้นทั้งสองฝ่ายจะสูญเสียเหล่าแม่ทัพและทหารกล้าผู้มากฝีมือไปจำนวนมาก หากแต่ทางฝั่งนครคีรีนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมถอยทัพแม้นเพียงกระผีก กระทั่งได้ยิงศรอาบพิษร้ายใส่จอมทัพผู้นั้นหวังจะฉวยโอกาสช่วงที่มันถูกพิษร้ายเล่นงานจัดการปลิดชีพมันเสียให้สิ้นเพื่อประกาศชัยชนะให้แก่ทางราชคฤห์

เพราะการศึกครั้งนี้เขาได้ขออาสาออกนำทัพมายึดเมืองหน้าด่านของนครคีรีและบั่นเศียรของจอมทัพใหญ่ไปถวายแด่พระบิดาให้จงได้ เพื่อเป็นหลักประกันว่าตัวเขานั้นหาใช่เพียงยุพราชที่ไม่ได้ความดังที่พระองค์มักตราหน้าอยู่เสมอมา

ฉะนั้นการเดิมพันครั้งนี้เขาจะแพ้ไม่ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เดรัจฉานวิธีเท่าใดก็ตาม

หากแต่แผนก็ล่มไม่เป็นท่า คราแรกก็หวังเพียงแค่ต้องการเข้ายึดเมืองหน้าด่านของนครคีรีและกำจัดจอมทัพอสุราของแดนศัตรูเท่านั้น แต่การที่จะชนะวศินนั้นหาใช่เรื่องที่ง่ายดายดังที่ใจนึก เพราะยักษ์ตนนั้นเก่งกาจสมคำร่ำลือ มันปลิดชีพแม่ทัพของราชคฤห์เสียจนทหารกองทัพเสียขวัญกำลังใจในการสู้รบ และที่สำคัญหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ตนนั้นที่มันลงมือสังหารก็คือสหายคนสนิทของเขา

เพราะฉะนั้นเพลานี้องค์รามสูรจึงหาได้สนใจเกี่ยวกับการยึดครองดินแดนยักษ์แห่งนี้แต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการที่จะชำระแค้นและปลิดชีพจอมทัพอสุราผู้นั้นด้วยน้ำมือตนเอง

หากมันจะตายในสนามรับนั้นก็หาได้สมแก่ใจเท่าใดนัก สู้ยัดเยียดความผิดที่ร้ายแรงนี้ให้มันก่อนที่จะลาโลกไปเสียยังดีกว่า

บอกแล้วอย่างไร…ว่าแม้นแต่ชื่อเสียงและคุณงามความดีของมันก็จะต้องไม่เหลือไม่ให้ถูกกล่าวถึง

"ว่าแต่องค์รามสูรมีกิจอันใดเล่า ถึงได้เสด็จมาเยือนด้วยตนเอง"

สิ้นคำถามของผู้สูงศักดิ์ อสุราหนุ่มก็แสร้งปั้นหน้าแสดงความลำบากใจขึ้นมาไม่น้อยพร้อมกับกล่าวความเท็จออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก

" กระหม่อมได้รับแจ้งมาจากเหล่าทหารว่าตลอดระยะเวลาของการศึกนั้นจอมทัพใหญ่ทั้งสองของพระองค์ได้ละทิ้งการศึกและละเลยต่อหน้าที่ ปล่อยให้แม่ทัพนายหน้าตนอื่นออกรบแทน เฉกเช่นนี้แล้วในฐานะของชายชาติทหารเห็นทีคงไม่สามารถที่จะเมินเฉยกับเหตุการณ์นี้ได้ กระหม่อมจึงต้องประกาศยุติการศึกไว้เสียก่อน แล้วจึงรีบนำความมาแจ้งให้พระองค์ได้ทรงทราบ"

เมื่อได้สดับฟังสิ่งที่องค์ยุพราชแห่งราชคฤห์บอกกล่าว ท้าวภารตาก็แปลกพระทัยอยู่ไม่น้อย

วศินกับวิรุณน่ะหรือจะกระทำการอุกอาจเช่นนั้น เพราะเท่าที่ผ่านมาอสุราหนุ่มทั้งสองตนล้วนประพฤติตนอยู่ในทำนองคลองธรรมที่ดีมาโดยตลอด แล้วมีเหตุอันใดที่จะต้องประพฤติตนผิดธรรมเนียมการศึกที่ร้ายแรงเช่นนี้

"ที่องค์รามสูรกล่าวมาทั้งหมดนั้นมีหลักประกันความหรือไม่"

เพราะพระองค์ยังไม่แลเห็นเหตุผลแม้นเพียงกระผีกเดียว ว่าเหตุใดจอมทัพสองนั้นจะต้องกระทำการดังที่องค์ยุพราชแห่งแว่นแคว้นปัจจามิตรได้กล่าวหา

"ท่านทรงคิดว่าทางราชคฤห์ใส่ความจอมทัพทั้งสองเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ยุพราชแห่งราชคฤห์แสร้งว่าเสียงแข็งกระด้างกระเดื่องแสดงความไม่พอใจทันทีที่รู้สึกว่าตนนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรม

“หาใช่เช่นนั้นไม่องค์รามสูร ข้าเพียงแค่ต้องการหลักประกันความก็เท่านั้น” ท้าวภารตารีบอธิบายเป็นการใหญ่ เพราะเกรงกลัวในอำนาจของแดนศัตรู

“ไปนำตัวพยานออกมาเสีย”

เมื่อได้ความดังนั้นอสุราหนุ่มก็หันไปสั่งการเหล่าทหาร พลันร่างของยักษาตนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าเสนาอำมาตย์และข้าราชบริพารได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ก็ยักษาตนนั้นเป็นทหารคนสนิทของทั้งสองจอมทัพอย่างไรกันเล่า

"ที่องค์ยุพราชกล่าวมา เป็นความจริงหรือไม่เจ้ากรรณ" พระพักตร์ของกษัตริย์ทอดมองไปยังทหารยักษาก่อนจะเอ่ยถาม

ในอุราเริ่มจะหวั่นระแวงขึ้นมาไม่น้อย เพราะถ้าหากสิ่งที่องค์รามสูรกล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แม้นอสุราหนุ่มสองตนนั้นจะเคยกระทำคุณงามความดีให้แก่บ้านเมืองไว้มากมาย แต่ถ้าหากคิดคดทรยศต่อพระราชโองการศึก ก็เห็นทีที่จักต้องสำเร็จโทษไปตามกฎระเบียบของกองทัพ

"ทุกสิ่งที่องค์รามสูรตรัสมาล้วนเป็นความจริงทุกประการพ่ะย่ะค่ะ เมื่อประกาศหยุดศึกพระองค์จึงอยากจะขอเจรจาในเรื่องนี้ และเพราะแม่ทัพนายหน้าหลายตนได้รับบาดเจ็บหนักกระหม่อมเลยอาสาที่จะเข้ามายืนยันให้พระองค์ได้ทราบพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวความเท็จออกไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นเหลือแสน…แม่ทัพนายหน้าที่อ้างถึงก็ได้ล้มตายไปหมดด้วยน้ำมือของพวกราชคฤห์ ทหารยักษ์ทุกตนที่เหลือรอดถูกกำจัดเสียจนสิ้นไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นธุลี จะเหลือก็เพียงเขาที่องค์ยุพราชผู้นั้นเล็งเห็นว่าพอที่จะมีประโยชน์อยู่บ้างทันทีที่รู้ว่าเขาเป็นคนสนิทของจอมทัพทั้งสอง

และแล้วข้อเสนอที่ดูอย่างไรก็เป็นการบังคับนั้นถูกยื่นมาให้ ข้อเสนอที่ว่าก็คือเพื่อแลกกับการมีชีวิตอยู่ต่อ เขาต้องแสร้งแสดงบทบาทไปตามที่องค์ยุพราชของทางราชคฤห์ชักนำคือการมาเป็นหลักประกันความในครั้งนี้ให้กษัตริย์แห่งนครคีรีหลงเชื่อ และพวกมันยังได้ข่มขู่ไว้อีกหนว่าถ้าเขาปริปากถึงแผนการนี้ให้ผู้อื่นได้รับรู้เมื่อใดทั้งชีวิตเมียและลูกของเขาพวกมันก็จะไม่เว้น

ในคราแรกก็นึกบันดาลโทสะอยู่ไม่น้อยที่พวกยักษ์เลวชาติพวกนี้ใช้เดรัจฉานวิธีเฉกเช่นนี้ แต่ทันใดนั้นใบหน้าของครอบครัวก็เด่นชัดขึ้นมาในห้วงคะนึงหา

เป็นเช่นนี้แล้ว จะมีทางเลือกอันใดได้อีกเขาจึงต้องยอมจำนนคล้อยตามอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย

เพื่อรักษาสิ่งที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจไว้ จะให้ทรยศต่อใครเขาก็คงต้องยอม

“แต่ข้าก็ยังมิเห็นเหตุผลที่วศินและวิรุณจักต้องกระทำเช่นนั้น” ท้าวภารตาแย้งขึ้นมาอีกหน

“กระหม่อมก็หาได้รู้ตื้นลึกหนาบางอันใดมากนัก แต่หลังจากที่ท่านทั้งสองได้หายตัวไปกระหม่อมก็ได้รับแจ้งจากนายคลังว่าส่วยอากรบางส่วนและเพชรนินจินดาที่หัวเมืองต่างๆ ส่งมาบรรณาการนั้นได้หายไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากทหารคนสนิทของสองจอมทัพ ในอุราของท้าวภารตาก็เต้นรัวด้วยโทสะ ลืมแม้นกระทั่งคุณงามความดีก่อนหน้านั้นที่ทั้งสองได้เคยสร้างไว้

ถึงแม้นทั้งสองจะประพฤติตนดีมาตลอดแล้วอย่างไรเล่า คนดีก็ใช่ว่าจะคิดชั่วทำชั่วมิได้

อุส่าไว้เนื้อเชื่อใจให้ทั้งสองจอมทัพไปดูแลเมืองหน้าด่านเพราะเห็นว่าทั้งสองนั้นซื่อสัตย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนได้อย่างไม่เคยบกพร่อง แต่ในเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือพวกมันกลับคิดคดกระทำการเลวชาติเช่นนี้ นี่หรือคือการตอบแทนผู้มีพระคุณของพวกมัน!

องค์รามสูรสังเกตเห็นสีหน้าที่เริ่มไม่สู้ดีนักของกษัตริย์แห่งนครคีรี จึงรีบถือโอกาสแสร้งเอ่ยสำทับอีกหน

“ครั้นราชคฤห์จะแสร้งประกาศชัยชนะศึกครั้งนี้ไปเลยเสียก็ย่อมได้ แต่ชัยชนะที่ได้มาเพราะความบกพร่องในหน้าที่ของตัวแทนพระองค์นั้นเห็นทีคงจะไม่สามารถที่จะรับมันมาด้วยความภาคภูมิใจเท่าใดนัก แม้นจะเป็นเพียงศัตรูคู่อริกัน แต่ในศักดิ์ศรีของชายชาติทหารนั้น กระหม่อมก็เล็งเห็นได้ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่สามารถที่จะปล่อยปละละเลยได้พ่ะย่ะค่ะ”

ก็จริงดังที่องค์รามสูรได้ศึกกล่าวมา ว่าถ้าหากกรุงราชคฤห์จะฉวยโอกาสถือว่าการศึกครั้งนี้ตนนั้นเป็นผู้ชนะก็ย่อมได้ แต่การที่องค์ยุพราชมาขอเจรจาเพราะไม่สามารถที่จะยอมรับความบกพร่องในการศึกเช่นนี้ได้ ก็ถือว่ายังให้เกียรติคู่ศึกอยู่มาก

ถึงแม้นจะเป็นศัตรูกัน แต่ก็ยังถือยึดมั่นอยู่ในกฎการศึกอย่างที่ชายชาติทหารควรทำ

แล้วเหตุใดจอมทัพสองตนนั้นถึงได้กระทำการไม่ไว้หน้าองค์เหนือหัวของพวกมันเยี่ยงนี้!

"ทางนครคีรีหาได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ขอให้องค์รามสูรทรงวางพระทัยเถิด”

ท้าวภารตายอมโอนอ่อนในที่สุด จนอีกฝ่ายนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจที่แผนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

"หากเป็นเช่นนั้นกระหม่อมคงจะต้องรออยู่ที่นี่เพื่อสะสางคดีความนี้ด้วยตนเอง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทางนครคีรีจะไม่ปล่อยปละละเลยความผิดในครั้งนี้"

องค์รามสูรแจ้งความจำนงออกไปจนผู้ที่สูงศักดิ์กว่านั้นสีหน้าซีดเผือดลงไปไม่น้อย หากยื่นข้อเสนอมาเช่นนี้แล้วมีหรือที่จะกล้าปฏิเสธ เมื่อดวงตาคมของจอมอสุราเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของฝ่ายตรงข้าม จึงเอ่ยดักขึ้นมาเสียก่อน

“วางพระทัยเถิด กระหม่อมเพียงแค่อยากจะอยู่รอสะสางความผิดตามธรรมเนียมกฎการศึก หาได้มาถือโอกาสนี้ข่มเหงรังแกเข้าบุกยึดนครคีรีแต่อย่างใด เมื่อเสร็จสิ้นกระหม่อมจะได้นำความไปถวายต่อพระบิดาว่าการศึกในครั้งนี้ยุติลงเพราะเหตุใด ท่านภารตาทรงอย่าได้เป็นกังวล”

เมื่อได้ฟังความจากอสุราหนุ่มผู้นั้นท้าวภารตาก็เกิดความละอายต่อใจไม่น้อย ถึงขั้นองค์ยุพราชแห่งเมืองมหาอำนาจยอมล่าถอยทัพขอเข้าเจรจาด้วยสันติวิธี ไร้ซึ่งท่าทีคุกคามข่มเหง แล้วมีหรือที่พระองค์จะกล้าปฏิเสธ

“เช่นนั้นก็ตามที่องค์รามสูรได้กล่าวไปเถิด”

เมื่อได้ความดังที่ปรารถนา ขบวนทัพของราชคฤห์ก็เคลื่อนขบวนเข้าสู่เขตเมืองนครคีรี เหล่านายทหารยักษ์ที่เหลือรอดกระจายอยู่ทั่วตัวเมืองตามคำสั่งของนายเหนือหัว ส่วนตัวองค์รามสูรและทหารเอกก็ได้เข้าไปพำนักที่ตำหนักรับรองตามคำของกษัตริย์แห่งนครคีรี เหล่าข้าราชบริพานวิ่งวุ่นจัดเตรียมตำหนักกันจ้าละหวั่นเพราะการมาอย่างกะทันหันของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

ทางด้านฝั่งในท้องพระโรงกว้าง ท้าวภารตาทรงประทับอยู่บนตั่งทองถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าข้าราชบริพานมากหน้าหลายตาแต่ทุกคนกลับนั่งเงียบไม่แม้นแต่จะกล้าหายใจออกมาแรงๆ ให้ระคายเคือง

ยักษาวัยกลางนั่งเคร่งเครียดไม่แม้นที่จะโวยวายหรือดุด่าพาโลอื่นใด เส้นโลหิตข้างขมับเต้นตุบแสดงให้เห็นว่าเพลานี้ไฟโทสะนั้นได้ครอบงำองค์จ้าวเหนือไว้จนสิ้น ทันใดนั้นเองสุรเสียงตวาดขึ้นจนทำให้เหล่าสนมและข้าราชบริพารอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน

"เจ้าสองตนนั้นกล้ากระทำการเลวชาติเช่นนี้ได้อย่างไร! "

“ขอให้พระองค์พระทัยเย็นก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าคนสนิทต่างเอ่ยปรามอย่างเป็นห่วงเป็นใย เพราะเกรงว่านายเหนือหัวจะเครียดกับเหตุการณ์ครั้งนี้จนล้มป่วยเอาได้

“จะเย็นอยู่ได้เยี่ยงไร พวกมันกล้ากระทำการงามหน้าให้ศักดิ์ของบ้านเมืองโดนเหยียบย่ำเช่นนี้ เห็นทีข้าคงจะปล่อยไว้ไม่ได้”

สุรเสียงที่ถูกปรับให้เบาลงแต่ในเนื้อเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเยียบเย็นเหลือแสน

“อย่างไรกฎก็ต้องเป็นกฎ มันคิดจะหลบหนีความผิดในครั้งนี้ เห็นทีจะต้องมีผู้รับผิดชอบแทน”

บุคคลนั้นก็คือ…คนที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของวศินจอมทัพอสุราอย่างไรกันเล่า

“…”

“ในระหว่างนี้ไปนำตัวเจ้าวิรัล อนุชาของจอมทัพวศินมาลงโทษเสีย โบยจนกว่ามันจะสลบแล้วนำตัวไปขังไว้ที่คุกอย่าให้ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ให้มันชดใช้ในสิ่งที่พี่ของมันได้กระทำไว้!”

สิ้นคำสั่งขององค์จ้าวเหนือหัวเหล่านายทหารก็ขานรับคำก่อนจะรีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที คล้อยหลังไม่นานนักท้าวภารตาก็หันไปตรัสกับทหารคนสนิทของสองจอมทัพที่หมอบกราบอยู่ไม่ไกลนัก

“ส่วนเจ้าก็กลับบ้านกลับเรือนไปพักเสียก่อนสักสองสามวัน หลังจากนั้นสักสองสามวันประเดี๋ยวข้าจะส่งนายทหารไปตามตัวมา”

เจ้ากรรณขานรับคำอย่างแข็งขัน พร้อมกราบทูลลา ทันทีที่พ้นจากเขตพระราชฐานร่างสูงใหญ่ของยักษาวัยฉกรรจ์ก็ทิ้งตัวนั่งพิงกำแพงอย่างอ่อนล้า ในใจก็นึกบริภาษจนอยู่ไม่น้อยที่กล้าทรยศหักหลังมิตรสหาย แต่เมื่อนึกถึงหน้าเมียและลูกที่เฝ้ารออยู่นั้น จึงทำได้เพียงแค่ข่มความรู้สึกทรมานนี้ไว้ลึกสุดใจและเดินหน้าต่อไปในเส้นทางที่ชั่วช้าเหลือแสน

พี่ทั้งสอง…ข้าขอโทษที่คิดคดทรยศต่อพวกท่าน



             


มีต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 11:27:04 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
ย่างเข้าสู่วันที่สามที่สองอสุราหนุ่มเข้ามาอาศัยอยู่ร่วมชายคากลางไพร นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เจ้าแก้วได้ทำการดูแลอสุราอีกตนที่ยังคงไม่ฟื้นจากห้วงนิทรา เริ่มจากการเช็ดตัวทำความสะอาดให้ร่างสูงใหญ่เพราะเกรงว่าหยาดเหงื่อที่ผุดซึมขึ้นมาตามเนื้อตัวนั้นจะไปสร้างความรำคาญให้แก่อสุราหนุ่ม หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำความสะอาดแผลที่บริเวณแผ่นอกกว้าง ก็ได้ยินเสียงเรียกของครูบุญที่ร้องเรียกมาจากใต้ถุนเรือเสียก่อน เด็กหนุ่มจึงละมือออกจากสิ่งตรงหน้าแล้วรีบเดินลงไปหาทันที

“ว่าอย่างไรหรือจ๊ะพ่อครู”

“ข้าจะพาท่านวิรุณไปพบพระอาจารย์สักหน่อย ส่วนเอ็งก็อยู่ที่นี่คอยดูอาการของท่านวศินให้ดี”

“จ้ะพ่อครู”

เจ้าแก้วรับคำอย่างว่าง่าย แต่ทันใดนั้นเองร่างของคนที่มาใหม่ก็เดินดุ่มๆ เข้ามาในเขตเรือนเรียกสายตาทั้งสามคู่ให้หันไปมอง…พี่กล้ากลิ่นเหล้าคลุ้งมาเชียว สงสัยพึ่งสร่างเมามาจากบ้านพี่มิ่งเป็นแน่แท้

ไอ้กล้าตัวสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นสายตาขอพ่อเฒ่ามองมาที่มันอย่างหมายมาดคาดหัว…ไอ้ขี้เมาหยำเป เห็นทีจะต้องดัดสันดานกันจริงๆ จังๆ เสียแล้ว

“อีกแล้วนะเอ็ง ข้าบอกข้าสอนไปนี่เคยจำบ้างไหม”

เสียงดุด่าพาโลของชายชราดังขึ้นอย่างเช่นเคย ไอ้กล้าทำเพียงแค่ยิ้มรับอย่างหวาดหวั่นก่อนจะค่อยๆ เลียบเคียงขอตัวไปฝึกซ้อมให้เด็กๆ หากแต่โดนชายชราเอ่ยดักห้ามไว้เสียก่อน

“วันนี้เอ็งไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ไปล้างหน้าล้างตาเสีย แล้วไปหาพระอาจารย์กับข้า”

“ไปหาหลวงตา? ไปทำอันใดหรือจ๊ะพ่อครู” ชายหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้

“ถามมากนะเอ็งนี่ ประเดี๋ยวท่านวิรุณรอนาน รีบไปรีบมา”

“จ้าๆ” ไอ้กล้ารีบขานรับก่อนจะวิ่งโร่ไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว…จะไม่ให้รีบได้อย่างไร ก็ฝ่าเท้าของครูเฒ่าที่กำลังวังชายังคงล้นเหลือจะยกขึ้นมาถีบมันอยู่รอมร่อแล้ว!

“พี่ยักษ์แผลสมานดีแล้วหรือจ๊ะ” เสียงของเจ้าแก้วดึงความสนใจของอสุราหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ให้ก้มลงมามอง

“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจเจ้ามาก”

วิรุณเอ่ยขอบคุณเด็กหนุ่มตรงหน้า นึกซาบซึ้งในน้ำใจของมันอยู่ไม่น้อย ก็ตลอดสามวันที่ผ่านมาเจ้าเด็กนี่วิ่งวุ่นดูแลทั้งเขาและเจ้าวศินอยู่ไม่ห่าง ทั้งทำแผลและประคบยาต่างๆ นาๆ จนแทบจะไม่ได้ทำสิ่งใด

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวฝ่ามือใหญ่ก็เอื้อมไปหาหมายที่จะวางลงบนศีรษะของเด็กหนุ่มหากแต่ต้องหยุดชะงักไว้เมื่อเสียงของเจ้ากล้าเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้วิรุณต้องชักมือกลับเมื่อรู้สติ…เขาจะลูบหัวเจ้าแก้วเช่นนั้นหรือ นึกเอ็นดูในตัวของมนุษย์ผู้นี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

“ไปกันเถิดจ้ะ”

เสียงทุ้มห้าวเอ่ยบอก...หากเพียงสังเกตให้ดีแล้ว เสียงนั่นติดจะกระชากอยู่หน่อย ไอ้กล้าเดินเข้าไปถือของช่วยครู หากแต่ดวงตาคมกล้าของมันก็ได้มองไปที่อสุราอีกตนอย่างไม่พอใจนัก เพราะมันไม่ได้นึกจะเป็นมิตรกับไอ้ยักษ์สองตนนั้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยเฉพาะไอ้ตนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างพ่อครู เมื่อสักครู่นี้เขาดันเดินกลับมาเห็นพอดีว่ามันกำลังจะลูบหัวไอ้แก้ว

ไม่ได้นึกหวงหรืออะไรหรอกเพราะไอ้แก้วมันก็เป็นบุรุษเช่นเดียวกับเขา เพียงแค่ไม่ชอบใจนักที่คนอื่นจะมาแตะต้องน้องของมันก็เท่านั้น

“เสียงเขียวเชียวนะเอ็ง...ท่านวิรุณอย่าได้ถือสามันเลย ไอ้หมาบ้านี่มันหวงน้องมันมาแต่ไหนแต่ไร นอกจากข้าแล้วคนอื่นนี่แตะต้องไม่ได้เชียว”

ปฏิกิริยาของลูกศิษย์คนเก่งอยู่ในสายตาเขาทั้งหมด ชายชราทอดถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนกับความขี้หวงของไอ้คนพี่...เก่งดีนักไอ้นี่ แม้กระทั่งกับยักษ์ก็เก่งไม่หยุดหย่อน

“หมาบ้าอันใดกันเล่าครู”

บ่นเสียงเล็กเสียงน้อยใส่จนครูเฒ่าต้องประเคนฝ่าเท้าเข้าสีข้างอย่างจัง ทำให้หน้าเกือบคว่ำคะมำไปจับกบบนพื้นเสียแล้ว

“กวนประสาทดีนัก” ครูบุญว่าสำทับอีกหน

เสียงหัวเราะคล้ายจะขบขันเสียเต็มประดาจากคนน้องทำให้ไอ้กล้าต้องหันไปประเคนฝ่ามือใส่เจ้าแก้วจนหัวคลอน เรียกว่าแตะเบาๆ ให้พอระคายเคืองเสียดีกว่า มันกล้าทำให้น้องมันเจ็บเสียที่ไหนกันเล่า อีกประการหนึ่งก็ห่วงสีข้างของตนอีกเช่นกัน...ฝ่าเท้าพ่อเฒ่านี่หนักเอาการ

“ยิ้มอันใด”

ตาคมกล้าตวัดไปมองยักษาอีกตนที่ระบายยิ้มออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง...แม้นจะเพียงนิดเดียวแต่เขาก็เห็นว่าไอ้ยักษ์ตนนี้กำลังกลั้นขำเขาอยู่

วิรุณไหวไหล่อย่างไม่สนใจเสียงโวยวายของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเดินตามครูบุญออกไปจากเขตเรือนคล้อยหลังก็ได้ยินเสียงไอ้กล้าส่งเสียงฮึดฮัดตามมาอย่างไม่พอใจ ยิ่งมันก่นด่าฟ้าลมไปทั่วก็ยิ่งทำให้อสุราหนุ่มนึกระอาในความบ้าบอของมัน...เหมือนหมาบ้าอย่างที่ครูบุญว่าจริงๆ นั่นแล

คล้อยหลังทั้งสามเจ้าแก้วก็กลับขึ้นไปบนเรือนอีกหนก่อนจะหอบตำรับตำราสมุนไพรทั้งหลายของครูบุญออกมาศึกษาเฉกเช่นทุกวัน เพราะคลุกคลีมาตั้งแต่เด็กอีกทั้งครูบุญยังคอยบอกคอยสอนจึงทำให้มันพออ่านตำราบางเล่มได้ทั้งๆ ที่ชาวบ้านทั่วไปนั้นส่วนมากหาได้สนใจเรื่องตำรับตำราเท่าใดนัก

เด็กหนุ่มนั่งจมจ่อมไปกับตำราเวชศาสตร์ตรงหน้าอย่างมีสมาธิจนไม่ทันได้สังเกตถึงอีกร่างที่ขยับกายเคลื่อนไหว

เสียงทุ้มต่ำคราเครือด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นแผ่วเบา เนื่องจากไม่สามารถที่จะเคลื่อนขยับกายได้อย่างที่ใจต้องการ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนักเพราะรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว สร้างความหงุดหงิดให้แก่อสุราหนุ่มไม่น้อย จะพยายามลุกขึ้นนั่งก็ต้องกลับลงไปนอนซมอยู่ที่เดิมทันทีเมื่อกระดูกที่ยังไม่สมานตัวดีเริ่มเขยื้อน

“ฟื้นแล้วหรือจ๊ะ”

เสียงตื่นเต้นระคนดีใจของเด็กหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยถาม ดึงความสนใจของอสุราหนุ่มให้หันไปมองอย่างเสียมิได้ ทันทีที่เจ้าแก้วสังเกตเห็นยักษาตนนี้ฟื้นจากนิทราก็ปรี่เข้ามาดูอาการอย่างว่องไว

“เจ้าเป็นใคร”

น้ำเสียงทุ้มน่าเกรงขามเอ่ยถาม ทำเอาเด็กหนุ่มอดที่จะหวาดหวั่นในอกมิได้...ตอนหลับก็ว่าน่ากลัวแล้วพอฟื้นขึ้นมา แม้แต่ใบหน้าคมคร้ามนั่นก็ยังไม่กล้าแม้แต่ที่จะมองเสียด้วยซ้ำ...

“เอ่อ..” ทำอย่างไรดี...กลัวจนคิดคำพูดไม่ออกเสียแล้ว

“ข้าถาม ได้ยินรึไม่”

อสุราหนุ่มถามเสียงเรียบเฉกเช่นเดิม หากแต่ในสายตาของมนุษย์นั้นช่างดูน่าหวั่นเกรงเหลือแสน เจ้าเด็กตรงหน้าสะดุ้งก่อนจะพรั่งพรูคำพูดออกมาเสียจนฟังแทบไม่ทัน

“ฉ...ฉันชื่อแก้วจ้ะ เป็นศิษย์ของครูบุญ ตอนนี้พ่อครูกับพี่ยักษ์วิรุณไม่อยู่ออกไปหาหลวงตาที่เชิงเขาด้านนู้น...ส..ส่วนตัวท่าน พ่อครูบอกให้ฉันมาเฝ้าดูอาการไว้จ้ะ แล้ว…แล้วก็เมื่อสักครู่นี้เป็นเพราะกระดูกแขนขวาของท่านนั้นได้รับแรงกระแทกจนแตกหัก อย่าพึ่งเคลื่อนตัวมากนะจ๊ะประเดี๋ยวจะเจ็บตัวเอา”

เมื่อรัวคำพูดออกไปยาวเหยียดทำให้เด็กหนุ่มต้องกอบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเอาเป็นเอาตาย

“เมื่อกี้เจ้าพูดถึงวิรุณเช่นนั้นหรือ”

“ใช่จ้ะ พี่ยักษ์ที่มีนามว่าวิรุณ”

“มันยังมีชีวิตอยู่เช่นนั้นหรือ”

คำถามของอสุราหนุ่มสร้างความงุนงงให้เจ้าแก้วไม่น้อย แต่มันก็ทำเพียงแต่พยักหน้าตอบรับเพื่อยืนยันคำถามเท่านั้น

อสุราหนุ่มทอดถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ได้ความจากเด็กหนุ่มตรงหน้าว่าสหายตนนั้นมิได้โดนองค์รามสูรปลิดชีพหลังจากที่เขาหมดสติไป แต่แล้วเหตุใดยามนี้ถึงมาอยู่ที่เมืองมนุษย์เสียได้

“แล้วเหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” วศินถามอย่างนึกสงสัย

“เมื่อสามวันก่อนฉันไปเจอพวกท่านอยู่กลางป่า เห็นว่าท่านทั้งสองได้รับบาดเจ็บหนักจึงพากลับมารักษาที่นี่จ้ะ”

ใบหน้าคมคร้ามพยักหน้าตอบรับ หากแต่ในใจก็ยังไม่คลายความสงสัย จะให้ไว้ใจคนแปลกหน้าเช่นนี้ง่ายๆ ได้อย่างไร

แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามอะไรออกไปอีกหน เด็กหนุ่มตรงหน้าก็พูดสวนขึ้นมาเสียก่อน

“ประเดี๋ยวฉันลงไปต้มยามาให้นะจ๊ะ”

เจ้าแก้วรีบขอตัวออกมาจากเรือนทันทีที่ทนบรรยากาศกดดันจากอสุราหนุ่มตนนั้นไม่ได้ ถึงแม้นจะไม่ได้ตะคอกเสียงดังหรือดุด่าอะไร แต่เพียงแค่สายตาคมและเสียงทุ้มต่ำที่เอื้อนเอ่ยออกมาก็ทำเอาใจสั่นเพราะความหวั่นเกรงได้ไม่หยอก

คล้อยหลังเด็กหนุ่มมนุษย์ จอมทัพอสุราก็ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนอย่างวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย

ทั้งห่วงบ้านเมืองที่ไม่รู้ป่านนี้ชะตากรรมจะเป็นอย่างไรเมื่อพวกเขาสูญหายมาอย่างนี้

แต่ที่เขานึกห่วงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมดทั้งมวลก็คือเจ้าวิรัลผู้เปรียบเสมือนเป็นแก้วตาดวงใจของเขา

'ศึกครั้งนี้พี่ไม่ไปไม่ได้หรือ'

เจ้ายักษ์น้อยเข้ามากอดแขนเขาไว้...วศินดึงร่างของน้องน้อยเข้ามากอดอย่างแสนรัก น้องมักจะเป็นเช่นนี้เสมอยามที่เขาต้องจากบ้านเมืองไปปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้นใจจะไม่อยากจากไปแม้แต่เพียงวินาทีเดียว...หากแต่เพราะภาระหน้าที่จะให้ละทิ้งการศึกไปก็เห็นทีจะไม่ได้

'มันเป็นหน้าที่ที่พี่ต้องทำเจ้าก็รู้'

'แต่...แต่ข้ามีลางสังหรณ์ว่าศึกครั้งนี้จะพรากเราให้จากกัน...ข้ากลัว' เสียงสั่นเครือนั่นเอ่ยออกมาอย่าน่าสงสาร จอมทัพอสุราตระกองกอดร่างที่เล็กกว่าไว้แนบอกด้วยสองแขนแกร่ง ภายในใจก็เจ็บแปรบขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของน้อง เป็นถึงจอมทัพใหญ่มีหน้าที่คอยปกป้องบ้านเมือง แต่ไม่สามารถที่จะอยู่ปกป้องคนที่ตนรักได้แม้สักเพียงนิด

เพราะไม่ว่าอย่างไร หน้าที่และความรับผิดชอบต้องมาก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ

'ขอเพียงเจ้ารอพี่อยู่ที่นี่ เมื่อศึกครั้งนี้จบลง...พี่จะรีบกลับมาหา เข้าใจรึไม่ เจ้ายักษ์น้อย’

ภาพสุดท้ายของห้วงความคิดคือเจ้าวิรัลโวยวายเสียงดังเหตุเพราะไม่ชอบให้ผู้พี่เรียกขานตนเฉกเช่นตอนเด็ก แต่ก็ยังมิวายพร่ำบอกเขาก่อนที่จะหันหลังออกไปร่มขบวนทัพ ว่าน้องจะรอการกลับมาหาของพี่ยักษ์ใหญ่...พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน

เจ้าแก้วเดินกลับขึ้นมาบนเรือนอีกครั้งหลังจากใช้เวลาลงไปใต้ถุนเรือนอยู่นานโข เสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาของมนุษย์ที่เหยียบลงบนพื้นเรือนดึงความสนใจของชายหนุ่มให้ออกจากห้วงคะนึงหา เด็กหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะคุกเข่าลงข้างๆ

“ยาจ้ะ”

เจ้าแก้วยื่นหม้อดินเผาขนาดเล็กให้ หากแต่ยักษาตรงหน้ากลับมิได้รับไว้ จึงทำให้มันเริ่มทำตัวไม่ถูกอีกคราเมื่อโดนสายตาดุดันนั่นจ้องมองมาอย่างไม่วางตา

“...”

“รับไปสิจ๊ะ”

“...”

“ยานี้เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ขับพิษออกจากตัวท่าน...มิใช่ยาเบื่อยาเมาที่ไหน วางใจเถอะจ้ะ”

ใบหน้าพาซื่อนั่นฉายแววกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด วศินพยักหน้ารับก่อนฝ่ามือใหญ่จะเอื้อมไปรับหม้อดินเผานั่นมาดื่มจนหมดเพื่อตัดความรำคาญ...หาได้รำคาญในตัวมนุษย์ตรงหน้า หากแต่รำคาญตนเองที่เผลอตัวไปจ้องมองอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

เขานึกแปลกใจตนเองอยู่ไม่น้อยเพราะมนุษย์ตรงหน้ารูปโฉมรึก็หาได้งดงามเสียจนต้องหยุดมอง ร่างกายที่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ายังไม่เจริญพันธุ์เข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัวหาได้มีที่ใดน่าพิสมัยสักเพียงนิด อีกทั้งดวงตาข้างหนึ่งที่ยังมีผ้าพันปิดไว้เสียเกือบครึ่งหน้า…มันช่างห่างไกลจากคำว่ารูปงามไปมากโข

หากแต่เด็กหนุ่มผู้นี้กลับมีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดเสียจนทำให้จอมทัพอสุรามิสามารถที่จะถอนสายตาออกไปไหนได้ เมื่อยามที่ได้จ้องมองเข้าไปในดวงเนตรสีน้ำผึ้งนั่นคล้ายจะถูกสะกดให้ต้องมนต์จนไม่รู้สติ หรืออาจเป็นเพราะคะนึงหาเจ้าวิรัลมากเกินควร…เจ้ายักษ์น้อยนั่นอายุอานามก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเด็กหนุ่มมนุษย์ผู้นี้

ก็คงมิแปลกอันใดถ้าหากมองแล้วจะพานทำให้หวนนึกถึงเจ้ายักษ์น้อยของเขา

“เจ้าเป็นคนดูแลข้ามาตลอดทั้งสามวันอย่างนั้นหรือ”

เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ เจ้าแก้วสะดุ้งนิดหน่อยด้วยความตกใจ ปฏิกิริยาเช่นนั้นของเด็กหนุ่มยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้อสุราหนุ่มขึ้นไปอีก…จะหวาดกลัวอันใดนัก

“ม…ไม่ใช่หรอกจ้ะ ที่ผ่านมาศิษย์อีกคนของครูบุญนั้นคอยดูแลท่านอยู่ เพียงแต่วันนี้เขามิว่าง ครูบุญจึงวานให้ฉันมาเฝ้าแทนจ้ะ”

เพราะสีหน้าที่ดูหงุดหงิดเสียเต็มทีของอีกฝ่าย ทำให้เจ้าแก้วต้องโป้ปดคำโตออกไป

มันนึกหวาดหวั่นไปเสียหมดถ้าหากจะต้องบอกความจริงออกไปว่าที่ผ่านมานั้นเป็นมัน ที่คอยเฝ้าดูแลอยู่ทุกวันไม่ห่างกาย

เกรงว่าหากอสุราหนุ่มผู้นี้ต้องมารับรู้ว่าโดนมันคอยดูแลอย่างใกล้ชิดมาตลอดสามวันจะพาลนึกไม่ชอบใจเอาได้

ไร้ซึ่งเสียงตอบรับกลับมาอีกเช่นเคย เจ้าแก้วจึงได้โอกาสขออนุญาตทำแผลให้เพราะวันนี้รอยแผลฉกรรจ์บริเวณแผ่นอกแข็งแกร่งนั่นยังไม่ได้ทำความสะอาดเลยแม้แต่น้อย วศินไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้ารับเป็นเชิงอนุญาต พอได้ความดังนั้นเด็กหนุ่มก็ไปจัดเตรียมยาและผ้าพันแผลด้วยความรวดเร็ว

ระหว่างการทำแผลเจ้าแก้วไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าตนนั้นได้ตกอยู่ในสายตาคมกล้าของอีกฝ่ายตลอดเวลา

วศินก้มมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ตั้งอกตั้งใจทำแผลให้เขาอยู่ นัยน์ตาสีน้ำผึ้งนั่นทอแสงอ่อนลงเล็กน้อย จมูกโด่งรั้นที่ช่างรับกันกับริมฝีปากรูปกระจับสวยเม้มเข้าหากันนิดหน่อย กายอุ่นที่มีกลิ่นหอมเย็นของสมุนไพรนานาชนิดนั้นทำให้จิตใจสงบลงได้อย่างน่าประหลาด

กลิ่นหอมเช่นนี้…คล้ายกับกลิ่นหอมที่คุ้นเคยในห้วงของความฝัน

ไหนจะสัมผัสจากน้ำหนักมือที่นุ่มนวลเช่นนี้อีก

ถึงแม้นจะหลับใหลแต่ประสาทสัมผัสทุกส่วนนั้นยังคงทำงานได้อย่างดี

แล้วเหตุใดจะไม่รู้ว่าตลอดสามวันที่ผ่านมาใครคือคนที่คอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ กับเขา

“ขอโทษนะจ๊ะ”

ผ้าสีขาวถูกสอดเข้ามาใต้วงแขนอ้อมไปพันตัวช่วงอกไว้ แต่ด้วยเพราะขนาดตัวที่ห่างกันอยู่มากเจ้าแก้วจึงจำเป็นต้องคุกเข่าแล้วโน้มเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้

มันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เนื้อตัวของมันไปโดนกายท่านยักษาให้ระคายผิว หากแต่อีกฝ่ายดูจะไม่ให้ความร่วมมือสักเพียงนิด ใบหน้าคมคร้ามหันเข้าหากายอุ่นของมนุษย์ตรงหน้าอย่างจงใจเสียงลมหายใจร้อนระอุที่ดังผะแผ่วอยู่บริเวณช่วงกกหูทำให้เด็กหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาฉับพลัน

น้ำเสียงทุ้มต่ำอันน่าเกรงขามของอสุราหนุ่มทำให้เจ้าแก้วของครูบุญนั้นลมหายใจสะดุดอย่างรุนแรง โลหิตในกายวิ่งพล่านไปทั่วคล้ายกับโดนพิษร้ายเข้ามาแผดเผาร่าง แต่ประโยคถัดมาของร่างสูงใหญ่ที่เอื้อนเอ่ยเสียงทุ้มต่ำอยู่ใกล้ชิดทำให้ภายในอกเต้นระรัวจนได้ยินเสียงอึกทึกดังไปทั่วทั้งโสตประสาท

“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเผ่าพันธุ์ยักษ์นั้นประสาทสัมผัสดีกว่ามนุษย์อยู่มาก”

“…”

“แล้วในระหว่างที่หลับ”

ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดอยู่ใกล้ๆ ทำให้เจ้าแก้วเข้าใจในความหมายที่อสุราหนุ่มตนนี้ต้องการจะสื่อทันที

พลันใบหน้าคมคายก็เห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“…”

คิดว่าข้าจะจำไม่ได้เช่นนั้นหรือ

…เป็นเพียงมนุษย์หน้าซื่อ กล้าดีอย่างไรมาโป้ปดจอมทัพอสุราผู้นี้กัน




ไว้เจอกันตอนหน้าค้าบบบ ขอตัวไปชดใช้กรรมก่อนเด้ออ :z10:

ขอบใจสำหรับทุกๆกำลังใจนะคะ <3  :กอด1:

[/center]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 11:27:50 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

สงสารวิรัล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2018 13:42:27 โดย Billie »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
วศินมีวิรัลอยู่แล้ว แต่คาดว่ากว่าวศินจะหายดีแล้วกลับเมืองตัวเองวิรัลคงโดนทรมานจนตายแน่ๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เขินเบาๆๆๆ อิอิ จำกลิ่นกายน้องได้แม่นมาก
กล้า วิรัล วิรุณ ใครคู่ใครน่ะ
รออยู่น่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด