✽ ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ✽ : บทที่ ๒๒ - ลาจาก : ๒๖/๑๒/๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✽ ดอกแก้วกุมภัณฑ์ ✽ : บทที่ ๒๒ - ลาจาก : ๒๖/๑๒/๒๕๖๒  (อ่าน 41304 ครั้ง)

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
ต้องมาบอกก่อนว่าเรื่องนี้จำได้ว่าอ่านตอนล่าสุดคือนานมาก แล้วทิ้งไว้นานเลยตั้งแต่ตอนที่เจ้ากล้าไปหาเรื่องไว้
จู่ๆไปเจอว่ามีการอัพจนถึงตอนที่ 18 รีบเข้าเล้ามาอ่านอย่างเร็ว  ขอบคุณนะคะ  :pig4:
ได้ทำสารบัญเผื่อชาวเล้าตามอ่านได้ง่ายขึ้นนะคะ

๑ แรกพบ
๒ เจ้าแก้ว
๓ แปรเปลี่ยน
๔ อุบายธรรม-แรก
๔ อุบายธรรม-100%
๕ ฝันร้าย
๖ เจ้ากระรอก
๗ ไอ้ตัวดี
๘ ห้วงคำนึงหา
๙ ศิโรราบ
๑๐ สองพี่น้อง
๑๑ หวงแหนบ
๑๒ ไหวหวั่น
๑๓ ใต้แสงจันทรา
๑๔ แผนการชั่ว
๑๕ ตามล่าสองจอมทัพ
๑๖ รักษากาย
๑๗ อัคคิมุข
๑๘ ถอนพิษ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
อมฤต

.

.

.


   “หายดีแล้วนี่...ท่านแม่ทัพ”

   เสียงทุ้มต่ำเอ่ยหยอกเย้ามาแต่ปากทางเข้าถ้ำ

   องค์นคินยิ้มบางเบาเมื่อทอดมองไปยังร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินขึ้นมาจากบ่อว่าน ก่อนจะก้มลงหยิบผ้านุ่งสีเข้มที่วางอยู่ใกล้ๆแล้วโยนส่งไปให้อีกฝ่ายได้ใช้คลุมท่อนล่าง

   ...แม้นตัวเขานั้นจะเป็นบุรุษ แต่ก็อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าอสุราหนุ่มตนนี้มีรูปโฉมที่เป็นทรัพย์โดยแท้

   เสียก็แต่ทื่อมะลื่อแข็งกระด้างไปหน่อยเท่านั้น..

   “รู้สึกอย่างไรบ้าง” นคินมองสำรวจอย่างนึกกังวลเพราะเกรงว่าผลข้างเคียงจากพิธีถอนพิษจะทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ แต่นอกจากจะไม่มีอาการอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้วจอมทัพใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขากลับดูกร้าวแกร่งและแข็งแรงมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

   ต่างจากหนแรกที่เจอกันลิบลับ

   “ดีขึ้นมากแล้ว” อสุราหนุ่มหยักหน้าตอบรับพร้อมกับเสยเส้นผมสีเข้มที่เปียกชื้นไปด้านหลัง เผยให้เห็นโครงหน้าคมสัน และแววตาที่มีชีวิตชีวาส่องสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านช่องแสงจนประกายเจิดจ้า เนื้อกายสีคร้ามแดดชุ่มน้ำดูสุขภาพดีขับส่งให้กล้ามเนื้อหนั่นแน่นนั้นงดงามราวกับเทพบรรจงสร้าง

   ภายใต้ท่าทีสุขุมกลับแฝงเร้นกลิ่นอายบางอย่างที่ดุดัน

   ...นี่สินะ เสน่ห์ของชายชาตินักรบ

   “ตอนนี้พิษในร่างกายเจ้าถูกถอนออกหมดแล้ว คราแรกข้าก็นึกหวั่น เกรงว่าพิธีถอนพิษจะทำให้ร่างกายเจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่นอกจากจะไม่เป็นดังที่คิดแล้ว เจ้ายังดูแข็งแรงและฟื้นตัวได้เร็วจนข้าเองยังแปลกใจ”

   “ทั้งหมดนั่นมันเป็นเพราะความช่วยเหลือของเจ้า” อสุราหนุ่มยิ้มตอบรับบางเบา...ไม่ว่าอย่างไรบุญคุณในครั้งนี้เขาก็ต้องทดแทนให้ได้

   ..แต่ความแค้นนั้นเห็นทีจะปล่อยปละละเลยไปไม่ได้

   ถึงเวลาที่จะต้องชำระความกันเสียที...ยอมเสียเวลามามากพอแล้ว

   “ว่าแต่เจ้าเถอะ...หลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อ” เพราะรู้ดีว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึง...ที่อีกฝ่ายจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็เพราะก่อนหน้าร่างกายนั้นย่ำแย่จนต้องได้รับการรักษา แต่ในเมื่อหายดีแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ต่อ

   “ก็คงต้องกลับไปสะสางเรื่องที่ค้างคาเอาไว้” นัยน์ตาสีเข้มประกายวาวโรจน์ขึ้น

   “ข้าล่ะนับถือความอดทนของเจ้าจริงๆที่ยังใจเย็นอยู่รักษาตัวจนหาย” นคินวางมือลงบนลาดไหล่แข็งแรง “ขืนวู่วามกลับไปทั้งสภาพนั้น หากไม่ตายเพราะน้ำมือของเจ้ารามสูรสักวันก็ต้องตายเพราะพิษอัคคิมุขอยู่ดี”

   ที่อีกฝ่ายกล่าวมาก็จริงอย่างว่าเพราะถ้าหากตอนนั้นเขาฝืนดันทุรังกลับไปยังนครคีรีแล้วละก็ไม่เห็นวี่แววที่จะสามารถต้านทานเหล่าศัตรูได้เลยสักนิด ทั้งแรงกำลังที่เหือดหายและร่างกายที่อ่อนแอจนน่าสมเพชก็มีแต่จะเป็นภาระของผู้อื่นเสียเปล่า

แต่ก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขานั้นยอมที่จะอยู่รักษากายที่นี่...ตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในเมืองมนุษย์นั้นกลับมีบางสิ่งบางอย่างที่พันธนาการความรู้สึกของเขาเอาไว้ด้วยเช่นกัน

สิ่งเหล่านี้มันไม่ควรที่จะเกิดขึ้น...นั่นคือสิ่งที่สะท้อนอยู่ในอกตลอดเวลายามทอดมองไปยังใครอีกคน

แต่ช่างยากนักที่จะหักห้ามยามที่ได้สบประสานเข้ากับนัยน์ตาสีอ่อนที่ส่องสะท้อนวูบไหว

และแล้วก็ไม่สามารถที่จะหลบเลี่ยงหลีกหนีได้เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้สึกได้เติบโตขึ้นทีละน้อยจนแผ่ขยายเป็นรากไม้ที่ฝังตัวลึกลงไปหัวใจ...ยากที่จะถอดถอนทิ้ง

...ท้ายที่สุดก็ตกลงไปในหลุมพรางที่ตนเองนั้นปิดผนึกเอาไว้...ไร้ทางออก ไม่มีทางหลบหนี ทำได้แค่เพียงยอมสยบยและปล่อยให้ทุกอย่างนั้นเป็นไปตามที่ชะตาได้ลิขิตเอาไว้

“อันที่จริง...ข้ามีอะไรบางอย่างอยากจะมอบให้เจ้า” ใบหน้าเปื้อนยิ้มถูกแทนที่ด้วยความเคร่งขรึมเมื่อเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่เขาตั้งใจเอาไว้

“อะไรหรือ?”

อสุราหนุ่มถามกลับพร้อมกับก้มลงมองบางสิ่งบางอย่างที่ถูกยื่นมาตรงหน้า

ภาชนะทองเหลืองขนาดเล็กถูกปิดฝาเอาไว้อย่างเรียบร้อย วศินเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แม้นจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนักแต่ก็รับขวดทองเหลืองมาไว้ในมือ

“มันคืออะไร” เนื้อสัมผัสเกลี้ยงเกลาที่ส่องสะท้อนจนเงาวับแสดงให้เห็นว่าสิ่งของชิ้นนี้ได้รับการรักษาเป็นอย่างดี

“ของมีค่าที่ใครต่อใครก็อยากจะได้มัน ถึงขั้นเกิดศึกนองเลือดอยู่บ่อยครั้งเพื่อที่จะแย่งชิงมา”

“เช่นนั้นข้าก็คงรับเอาไว้ไม่ได้” พอตั้งท่าจะส่งคืนทางฝ่ายนั้นกลับนิ่งเฉยราวกับเป็นการปฏิเสธทางอ้อม

“เอาไว้รอให้ข้าพูดจบหลังจากนั้นค่อยตัดสินใจก็ไม่สาย” พญานาคราชยิ้มบางเบา ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง

“เจ้าคงเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับการมีชีวิตที่เป็นอมตะและอยู่ยงคงกระพันมาบ้างใช่หรือไม่”

“อืม...แต่มันก็เป็นแค่เพียงเรื่องเล่าปากต่อปากเท่านั้น”

“ก็ดี” นคินพยักหน้ารับ “เพราะนั่น...คือสรรพคุณของสิ่งที่เจ้ากำลังถืออยู่” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นข้างมุมปาก

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“อมฤต” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยหนักแน่น “น้ำทิพย์ที่ทำให้ผู้ที่ได้ดื่มกินมีชีวิตเป็นอมตะ...อยู่ยงคงกระพัน ตีรันฟันแทงไม่เข้าและเปี่ยมล้นไปด้วยพละกำลังมหาศาล”

“…ข้าไม่จำเป็นต้องใช้มัน” อสุราหนุ่มปฏิเสธแทบจะทันที

“วศิน...ฟังข้า” นัยน์ตาสีเขียวมรกตประกายเพลิงวูบไหว พลันบริเวณข้างลำตัวก็ปรากฏเกร็ดสีเขียวสะท้อนกับแสงอาทิตย์จนวาววับ “..ต่อจากนี้ไปเวลาของข้า เหลืออีกไม่มากแล้ว”

   “เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ลางสังหรณ์บางอย่างมันร้องบอกว่ามีบางสิ่งที่กำลังผิดแผกไป...อสุราหนุ่มจดจ้องอีกฝ่ายไม่ลดละเมื่อสังเกตเห็นว่าผิวกายของพญานาคหนุ่มนั้นดูหมองคล้ำลงกว่าเมื่อหลายวันก่อน

   …นี่มันไม่ปกติแล้วมิใช่หรือ..

   “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ขอให้รู้ไว้ว่าสิ่งที่ข้าทำลงไปนั้น...ข้าตัดสินใจดีแล้ว”

   “…”

   “หลังจากที่ข้าตัดสินใจถอดถอนพิษของเจ้านาราออกมาจากตัวเจ้านั้น ทุกอย่างมันผิดคาดไปมากโข...คราแรกข้าคิดว่าร่างกายตนเองจะสามารถทนทานรับไหว...แต่ความจริงแล้วมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น”

   “…” อสุราหนุ่มรับฟังด้วยท่าทีเรียบนิ่งแต่ทว่ากลับมีตะกอนบางส่วนในจิตใจที่ถูกก่อขึ้นจนขุ่นมัว สันหมัดถูกกำจนสั่นเทิ้มเมื่อเริ่มเข้าใจในสิ่งทีอีกฝ่ายต้องการจะสื่อ

   ..นคินที่รับพิษต่อจากเขาไปนั้นกำลังถูกพิษร้ายเล่นงานอยู่...

   “หลังจากวันที่นาราจากไปจิตใจของข้ามันบอบช้ำเกินจะทนไหว” เสียงทุ้มต่ำสั่นเครือเพียงนิด แต่กลับสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอย่างสุดแสน “พระอาจารย์บอกให้ข้าละทิ้งทุกอย่างแล้วตั้งใจบำเพ็ญเพียรเพื่อที่จะได้ปล่อยวางความโศกเศร้า…แต่เจ้ารู้อะไรไหม..”

   “…”

“…ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีวันไหนเลยที่ข้าจะสามารถลบเลือนมันออกไปได้ ทุกๆครั้งที่หลับตาภาพของนาราที่กำลังจะถูกพรากลมหายใจไปกลับฉายชัดขึ้นมาซ้ำๆ”

   “…”

   “แค่หายใจเข้าออกก็ทรมานราวกับถูกเหล็กร้อนทิ่มแทงทะลุอก” นัยน์ตาคมกล้าสั่นไหวอย่างล่องลอย หยาดน้ำใสที่เอ่อคลอถูกกลั้นเก็บไว้อย่างสุดความสามารถ “ทุกๆวันข้าอยากจะตามไปล้างแค้นให้นาราแล้วแก้แค้นเจ้าพวกราชคฤห์ให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันได้ทำเอาไว้…แต่ถ้าหากลงมือทำเช่นนั้นไปตัวข้าจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในร่างนี้ได้อีกตลอดกาล”

   “ทำไม” คิ้วเข้มขมวดขึงเมื่อเริ่มเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ

   ...คล้ายกับเป็นการสั่งลา...และฝากฝังความปรารถนาครั้งสุดท้ายก่อนที่จะลาลับไปตลอดกาล..

   “สำหรับเหล่านาคที่ยอมถวายตนบำเพ็ญเพียรภาวนารักษาศีลนั้นจะต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เวียนว่ายตายเกิดในวงเวียนนี้ชั่วกัปชั่วกัลป์หากลงมือสร้างตราบาปติดตัว”

   “เจ้าจะพูดอะไรกันแน่”

“วศิน...มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับองค์รามสูรได้” พญานาคราชเอ่ยย้ำ นัยน์ตาสีเขียวมรกตทอประกายวูบไหวคล้ายเฝ้ารอความหวัง

“บุญคุณที่เจ้าได้ช่วยเหลือ ข้าจะไม่มีวันลืม” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกหนักแน่น ก่อนจะยื่นส่งภาชนะทองเหลืองกลับคืนให้อีกฝ่าย “และความแค้นที่เจ้ามีต่อรามสูร...ข้าจะช่วยชำระสะสางให้อย่างสาสม อย่าได้ห่วงไปเลย”

“...” ไหล่กว้างไหวสั่นเล็กน้อยเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่บีบกระชับราวกับช่วยปลอบประโลม

“แต่ของพรรคนี้มันไม่จำเป็น...ผู้ที่สมควรได้รับมันคือเจ้า หาใช่ข้า...นคิน” รอยยิ้มบางเบาปรากฏข้างมุมปาก “เจ้าต่างหากที่ควรดื่มมันเพื่อรักษาร่างกายไว้รอวันที่ข้านำชัยชนะกลับมามอบให้”

“นี่ท่านแม่ทัพ...ข้าไม่ได้อยากที่จะมีชีวิตอยู่ยืนยาวขนาดนั้นหรอกนะ” พญานาคราชส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับหัวเราะขบขันกลบเกลื่อนความเศร้าโศก

“พูดบ้าอะไรของเจ้า”

“รู้อะไรไหมวศิน...บางทีการตัดสินใจที่จะไปนั้นก็ถือว่าเป็นการปรานียิ่งกว่าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไร้ซึ่งบุคคลอันเป็นที่รักเสียอีกนะ” รอยยิ้มทอแสงอ่อนปรากฏขึ้นเมื่อนึกถึงบุคคลในความทรงจำ “...ในเมื่อคนที่อยากจะอยู่ด้วยไม่อยู่ที่นี่แล้ว จะดันทุรังมีลมหายใจต่อไปอีกทำไม...เจ้าว่าไหม?”

จอมทัพอสุราทำเพียงแค่ยืนนิ่งฟังอีกฝ่ายโดยไร้ท่าทีขัดเคืองเหมือนดั่งก่อนหน้า เมื่อได้คิดทบทวนตามเจตนาของนคิน

..ทั้งหมดทั้งมวลนั้นแสดงว่าพญานาคหนุ่มตรงหน้าเขาตัดสินใจที่จะรอให้ลมหายใจสุดท้ายมาเยือนโดยไม่คิดที่จะใช้น้ำทิพย์ในขวดนั้นรักษาตนเอง

“..เข้าใจแล้ว” อสุราหนุ่มพยักหน้ารับยินยอม

...ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เคารพการตัดสินใจของอีกฝ่ายเสมอ

“เข้าใจก็ดี” นคินยิ้มกว้างก่อนจะถือวิสาสะยัดภาชนะทองเหลืองใส่มืออีกฝ่าย “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ช่วยรับสิ่งนี้เอาไว้เถิด ถือเสียว่าเป็นการตอบแทนที่เจ้าจะช่วยล้างแค้นไอ้ยักษ์ชั่วนั่น”

“ข้ารับไว้ไม่ได้”

“วศิน...เชื่อข้า หลังจากนี้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ารามสูรนั้นจะมีแผนการชั่วอะไรอีก หากเจ้าต้องกลับไปต่อสู้กับฝ่ายนั้น อย่างน้อยข้าก็จะได้มั่นใจว่าเจ้าปลอดภัย...เพราะถ้าหากรอบนี้มันใช้พิษอัคคิมุขเล่นงานเจ้าอีกละก็ แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเจ้าได้อีกแล้ว เข้าใจที่ข้าพูดไหม”

แม้นอีกฝ่ายจะทำเพียงยืนนิ่งเงียบ แต่เขาเริ่มเห็นอะไรบางอย่างที่จะสามารถโน้มน้าวให้อสุราหนุ่มคล้อยตามได้อย่างไม่ยากเย็น

..เห็นทีจะต้องเอาหลานรักของพระอาจารย์มาใช้งานเสียหน่อยแล้ว...

“หรือไม่ อย่างน้อยๆเจ้าก็จะได้มีชีวิตกลับมาหาใครบางคนที่เฝ้ารออยู่ที่เมืองมนุษย์นี่อย่างไรเล่า...ไม่ดีหรอกหรือ” รอยยิ้มกดลึกปรากฏข้างมุมปากทันทีเมื่อสังเกตเห็นว่านัยน์ตาสีนิลคู่นั้นกำลังสั่นไหวแต่เพียงครู่ก็กลับมามั่นคงตามเดิม

“..ข้าหาได้อยากมีชีวิตที่เป็นอมตะ” ไม่เคยอยากจะอยู่ค้ำฟ้าเลยสักนิด

เพราะลำพังอายุขัยของเผ่าพันธุ์อสุรานั้นก็ใช่ว่าจะมีน้อยเสียที่ไหนกัน หากเทียบกับมนุษย์แล้วนั้นก็หลายศตวรรษเสียด้วยซ้ำไป

“เจ้านี่ก็แปลก...ใครต่อใครก็พร้อมที่จะแย่งชิงของในมือเจ้ากันทั้งนั้น เหตุใดจึงเอาแต่ปฏิเสธอยู่ได้” ยิ่งเห็นท่าทางหนักแน่นเขาก็ยิ่งนึกนับถืออสุราหนุ่มยิ่งขึ้นไปอีก

ในสายตาผู้อื่นการปฏิเสธโอกาสเช่นนี้หากไม่โง่งมจนเกินทนก็คงยึดมั่นในครรลองครองธรรมอย่างแน่วแน่

...ซึ่งจอมทัพวศินนั้นเป็นอย่างหลังโดยแท้

   “วศิน…อย่าลืมว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้เจ้าต้องมารักษาตัวอยู่ที่นี่” นคินย้ำเตือน “ในเมื่อฝ่ายนั้นมันเล่นไม่ซื่อก่อน เจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปรานี...เดรัจฉานวิธีเช่นนั้นไม่คู่ควรกับความเป็นธรรมแม้นสักนิด”

   “…”

   “แต่ข้าก็จะไม่บังคับ ถ้าหากว่าเจ้าไม่ต้องการมัน” พญานาคหนุ่มเอ่ยสำทับเป็นหนสุดท้าย...ถึงนี่จะเป็นความหวังดีแต่เขาก็ไม่คิดที่จะยัดเยียดมันให้อีกฝ่าย “แต่ถ้าหากเปลี่ยนใจก็บอกข้าได้เสมอ”

   “ขอบใจเจ้ามาก”

   ภาชนะทองเหลืองถูกส่งคืนให้กับเจ้าของพอดีกับที่ใครบางคนเดินเข้ามาในโถงถ้ำ

   เจ้าแก้วเดินเข้ามาหาด้วยความเก้กังเพราะข้างตัวมีงูจงอางยักษ์เลื้อยขนาบข้างกายไม่ห่าง แม้นจะเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับพญาอสรพิษบ้างแล้วแต่มันก็ยังนึกหวั่นอยู่ไม่น้อยยามที่ถูกลำตัวมันเลื่อมโอบรัดหยอกเย้า

   เมื่อวันก่อนท่านนคินบอกว่าที่ภุชงค์ทำไปนั้นเพียงแค่อยากจะผูกมิตร...และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันโดนใครอีกคนกลั่นแกล้งให้ตกน้ำตัวเปียกมะล่อกเพียงเพราะว่าได้กลิ่นสาบของงูที่วนเวียนอยู่รอบกาย

   ‘ก่อนไปกลิ่นเจ้าภุชงค์ยังคลุ้งจมูกอยู่เลย...ไม่ทันไรก็ถูกทับด้วยกลิ่นยักษ์แล้วหรือนี่ ร้อนแรงกันเสียจริงนะ’

   คำหยอกเย้าของพญานาคหนุ่มล้อเลียนเป็นนัยแฝงหลังจากที่กลับมาถึงถ้ำ เย็นวันนั้นเจ้าแก้วถูกหลวงตาดุไปยกใหญ่เพราะกลัวว่าจะจับไข้เอา

   แต่ที่ไม่มีใครทันได้สังเกตเห็นก็คงเป็นรอยแผลเล็กๆที่ปริแตกอยู่ข้างมุมปากเพราะโดนคมเขี้ยวของใครบางคนบาดเข้า..

   “มีอะไรหรือแก้ว” นคินเป็นฝ่ายเอ่ยทักขึ้นมาก่อนใครพร้อมกับกระดิกนิ้วเรียกเจ้าภุชงค์ที่ตามติดเด็กหนุ่มแจให้มาหา แต่นอกจากมันจะไม่ปฏิบัติตามแล้วยังแผ่แม่เบี้ยใส่ราวกับไม่สนใจไยดี

   “คือ...หลวงตาให้ฉันมาตามพวกท่านทั้งสองน่ะจ้ะ” มันยิ้มตอบก่อนจะต้องอุทานเสียงเบาเมื่อถูกเจ้างูยักษ์ข้างกายใช้แม่เบี้ยดุนดันข้างแก้ม

   “เช่นนั้นหรือ” นคินพยักหน้ารับก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มมนุษย์หน้าซื่อ “ขอบใจนะแก้ว”

ใบหน้าคมคร้ามเผยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยก่อนจะก้มกายลงกระซิบข้างใบหูให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน “คราวหน้าคราวหลังระวังหน่อยนะ เขี้ยวยักษ์มันคม...ประเดี๋ยวจะได้แผลมาอีก” ทันทีที่สิ้นคำหยอกเย้า ใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ขึ้นริ้วสีแดงได้อย่างน่าดูชม ทำให้พญานาคหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาก่อนฝ่ามือใหญ่จะเอื้อมไปลูบบนศีรษะอย่างเอ็นดู

(มีต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4




หลังจากที่นคินเดินออกไป อสุราหนุ่มก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม ท่าทีถมึงทึงทำให้เจ้าแก้วเผลอขยับถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อกายสูงใหญ่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าสายตากลับมองเลยไปทางด้านหลังของมันแทน

พญาอสรพิษเชิดชูคอขู่ฟ่อ แววตาแดงก่ำจดจ้องมองกลับมาอย่างไม่ลดละ ภุชงค์ใช้ปลายหางโอบรัดรอบเอวของเด็กหนุ่มก่อนจะเคลื่อนกายมาบดบังเอาไว้อย่างหวงแหน

   “ถอยไป” เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจเอ่ยเตือน นัยน์ตาสีนิลแปรเปลี่ยนเป็นแดงฉานเมื่อไฟโทสะเริ่มปะทุ

   ฟ่ออ!

   ฝ่ามือใหญ่เอื้อมออกไปหมายจะคว้าตัวจ้าแก้วให้เข้ามาหา แต่ยังไม่ทันที่จะเข้าถึงตัวกลับถูกคมเขี้ยวคมของอสรพิษฉกลงมาที่ท่อนแขนอย่างแรงจนจมเขี้ยว หยดเลือดที่ไหลซึมออกมาทำให้เจ้าแก้วเบิกตาขึ้นอย่างตื่นตกใจก่อนจะออกปากร้องห้ามด้วยความร้อนรน

   แต่อสุราหนุ่มกลับทำเพียงแค่ยืนนิ่งเฉยราวกับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนฝ่ามืออีกข้างจะตะปบเข้าบริเวณปากของเจ้างูยักษ์พร้อมออกแรงบีบง้างขากรรไกรให้อ้ากว้างจนแทบฉีกขาด

เขี้ยวยาวที่งอกเงยออกมาแสดงให้เห็นว่าอสุราหนุ่มนั้นเริ่มมีโทสะอยู่ไม่น้อย เรี่ยวแรงมหาศาลถูกส่งผ่านไปยังอุ้งมือที่กำลังกำรอบคอของพญาอสรพิษ เสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอดังประสานกับเสียงขู่ฟ่อ

“ท่านวศิน” เจ้าแก้วเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อเห็นว่าภุชงค์เริ่มมีท่าทีอ่อนลงคงเพราะไม่สามารถต้านเรี่ยวแรงของอีกฝ่ายเอาไว้ได้

...มันไม่เคยได้เห็นอีกฝ่ายในมุมนี้มาก่อน

ตาสีแดงฉานและมีเขี้ยวยาวงอกเงยออกมายิ่งตอกย้ำความน่าหวั่นเกรงให้มากขึ้นไปอีก

“ปล่อยภุชงค์เถอะนะจ๊ะ...ฉันขอ” น้ำเสียงเว้าวอนแผ่วเบาของเด็กหนุ่มกลับส่งไปถึงใครอีกคนได้อย่างไม่ยากเย็น

   แรงบีบรอบลำคออสรพิษยักษ์ถูกคลายออกโดยทันทีก่อนร่างของภุชงค์จะร่วงลงไปที่พื้น เจ้าแก้วจึงก้มตัวลงไปลูบหัวให้อย่างปลอบประโลมก่อนจะเอ่ยบอกให้อีกฝ่ายติดตามท่านนคินไป แม้นจะไม่อยากทำตามนักแต่มันก็ไม่คิดที่จะดื้อดึงต่อเด็กหนุ่ม ภุชงค์ยืดกายขึ้นจดจ้องคู่อริอีกครั้งก่อนจะเลื้อยออกไปจากโถงถ้ำตามคำขอของเจ้าแก้ว

   “ท่านวศิน เจ็บมากไหมจ๊ะ” มนุษย์ตัวน้อยเดินเข้าไปหาก่อนจะเอื้อมมือออกไปแตะบริเวณท่อนแขนกำยำแผ่วเบา แต่ท่าทีที่ยังคุกรุ่นของอีกฝ่ายกลับทำให้มันยังไม่กล้าที่จะเขยิบเข้าไปใกล้มากนัก

   อสุราหนุ่มเบือนหน้าออกไปอีกทางเพื่อสงบสติอารมณ์ของตนเอง

   ปรกติแล้วนั้นเขาหาใช่คนที่วู่วามและบันดาลโทสะโดยใช่เหตุ แต่เพราะตะกอนขุ่นมัวที่อยู่ใต้เบื้องลึกของจิตใจกลับก่อกวนเสียจนสมาธิแตกกระเจิง

   ...ตลอดชีวิต ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน

   ความรู้สึกคล้ายกับการหวงแหนจนตนเองยังนึกแปลกใจ...

   แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเพียงเท่านี้ กลับทำให้จิตใจที่สงบนิ่งกระวนกระวายจนน่าหวาดหวั่น

   และนับวันความรู้สึกนี้มันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปทุกที..

   เจ้าแก้วมีสีหน้าไม่สู้ดีนักก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อฝ่ายนั้นเบือนหน้ากลับมามอง นัยน์ตาสีแดงเพลิงจดจ้องมองลูกมนุษย์ตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเฉยก่อนจะสังเกตเห็นว่ามือเล็กๆที่แตะท่อนแขนของตนนั้นสั่นเทาเล็กน้อยคล้ายกับสัตว์ตัวเล็กที่กำลังหวาดกลัวต่อผู้ล่า

   “เจ้ากลัวข้าหรือ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ก่อนฝ่ามือใหญ่จะยกขึ้นมากอบกุมมือข้างนั้นอย่างอ่อนโยนขัดกับท่าทีแข็งกร้าวที่แสดงออก

   ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกสนใจหากผู้ใดจะรู้สึกหวาดกลัวตน...แต่กลับเด็กหนุ่มตรงหน้าแม้นเพียงนิดก็ไม่อยากจะทำให้ได้ระคายเคือง

   กับเจ้าวิรัลเองยังกล้าออกปากดุน้องอยู่บ้าง...แต่กับเจ้าสัตว์ตัวเล็กนี่ ไม่เคยคิดแม้แต่จะอยากทำให้เสียขวัญ

   เจ้าแก้วช้อนตาขึ้นมองก่อนจะค่อยๆพยักหน้ารับอย่างกล้าๆกลัวๆ เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอจากอสุราหนุ่มได้เป็นอย่างดี

   ...เจ้ากระรอกตัวน้อยตอนที่หวาดกลัวจนตัวสั่นเช่นนี้กลับน่าเอ็นดูยิ่งนัก

   ร่างสูงใหญ่ก้มต่ำลงมาจนใบหน้าของทั้งคู่เสมอกันก่อนฝ่ามือที่กอบกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้จะยกขึ้นมาแนบเข้าข้างใบหน้าของตน ปลายนิ้วเล็กเคลื่อนสัมผัสผ่านคมเขี้ยวของยักษ์ไปตามแรงที่ควบคุม ก่อนจะต้องลมหายใจสะดุดเมื่อลากผ่านเรียวปากอุ่นร้อนของอีกฝ่าย

   สองสายตาสอดประสานกันไม่ห่าง รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนใบหน้าคมคร้ามอีกครั้งเมื่อได้จ้องมองคนตรงหน้า นัยน์ตาสีแดงเพลิงประกายอ่อนแสงลงกลับไปเป็นสีเดิม แต่เขี้ยวยาวที่งอกเงยนั้นยังคงอยู่

วศินปล่อยมืออกจากพันธนาการที่กอบกุมก่อนจะเคลื่อนต่ำลงไปโอบประคองบนช่วงเอวได้รูป พร้อมกับออกแรงดันร่างของอีกฝ่ายเข้ามาแนบประชิดกันมากยิ่งขึ้นจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากแผ่นอกกว้างเปลือยเปล่า

หยดน้ำบางส่วนที่เกาะพราวอยู่ส่องกระทบกับแสงอาทิตย์อย่างมีชีวิตชีวา

   ลมหายใจอุ่นที่รินรดอยู่บริเวณผิวแก้มทำให้เจ้าแก้วรู้สึกราวกับถูกหลอมละลาย มันผละมือออกจากใบหน้าคมเข้มก่อนจะเคลื่อนไปวางไว้บริเวณท่อนแขนของอีกฝ่ายแทน สัตว์ตัวเล็กยืนมองริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายไม่วางตาพลันเสียงกึกก้องในอกก็เต้นรัวจนหูอื้อเมื่อความรู้สึกกระหายอยากตีรวนขึ้นมาอย่างยากที่จะหักห้ามใจ

ริมฝีปากอิ่มถูกเม้มเข้าหากันเพื่อระงับความปรารถนา แต่ทว่าใบหน้าคมคร้ามที่เคลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมปรับองศาเข้าหากันนั้นกลับเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่เร่งให้เสียงเต้นของก้อนเนื้อในอกซ้ายดังกึกก้อง

   แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเคลื่อนประชิดฝ่ามือเล็กกลับยกขึ้นมาขวางกั้นตรงกลางเอาไว้เสียก่อน ส่งผลให้เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันโดยทันที วศินนึกขัดใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกขัดขวาง ซ้ำเจ้าสัตว์ตัวน้อยมันยังเอามือปิดปากตัวเองไว้อีกต่างหาก

   “ทำอะไรของเจ้า” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์นักเพราะเรียวลิ้นในปากมันอยู่ไม่สุขเมื่อจินตนาการไปถึงความอุ่นชื้นที่เคยได้ลุกล้ำเข้าไปเก็บเกี่ยวกลืนกิน “เอามือออก” มองเผินๆคล้ายกับจะข่มขู่ แต่รอยยิ้มที่ควบคู่ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ากำลังโดนคุกคามอยู่เลยสักนิด

   เจ้าแก้วส่ายหน้าปฏิเสธอย่างใจกล้า...เพราะความรู้สึกที่ถูกคมเขี้ยวของอีกฝ่ายบาดเข้าที่ผิวเนื้อยังคงฉายชัดอยู่ในความรู้สึก

   “ปิดทำไม” คราวนี้น้ำเสียงทุ้มต่ำกลับเข้มขึ้นเล็กน้อย ฝ่ามือใหญ่ที่โอบประคองอยู่แถวบั้นเอวออกแรงเคล้นคลึงเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายคล้อยตาม

   “ก็...” เจ้าแก้วพูดเสียงแผ่วเบา “เขี้ยวท่านวศิน...ทำฉันเจ็บนี่จ๊ะ”

   เพียงได้ฟังเหตุผลอสุราหนุ่มก็กดยิ้มลึกมากขึ้นกว่าเดิม

   ..เด็กน้อย...

   “หากไม่มี...ก็หมดปัญหาใช่หรือไม่” ข้อเสนอถูกหยิบยื่นไปให้ ก่อนเขี้ยวคมยาวโค้งจะมลายหายไป

   แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยตอบจู่ๆสัมผัสอุ่นร้อนก็แนบลงมาที่หลังฝ่ามือทั้งยังกดแช่นิ่งค้างไว้อยู่อย่างนั้น

   ระยะที่ชิดใกล้มีเพียงแค่ฝ่ามือเท่านั้นที่ขวางกั้นระหว่างริมฝีปากของทั้งคู่ อสุราหนุ่มจดจ้องเจ้าสัตว์ตัวเล็กไม่วางตา ยิ่งเห็นว่ามันเริ่มออกอาการกระวนกระวายทำตัวไม่ถูกก็ยิ่งได้ใจ

ท่อนแขนแข็งแรงเปลี่ยนเป็นโอบรัดรอบเอวของมนุษย์จนลำตัวแนบชิดกันหยดน้ำบางส่วนที่ยังหลงเหลือบนแผ่นอกกว้างทำให้เสื้อที่เจ้าแก้วสวมใส่อยู่เปียกชื้นเล็กน้อย มันพยายามยื้อกายออกห่างแต่ก็ไร้ผลเมื่อถูกพันธนาการแน่นหนาโอบรัดเอาไว้จนแทบจมหายเข้าไปในอ้อมกอด

   ยิ่งได้ใกล้ชิดเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ตระหนักได้ว่าความแตกต่างระหว่างขนาดตัวของพวกเขานั้นมีมากเพียงใด...

   “อื้อ” เจ้าแก้วส่งเสียงประท้วงในลำคอเมื่อไร้หนทางสู้ ฝ่ามือเล็กยกขึ้นวางแนบไปบนแผ่นอกกำยำพร้อมทั้งออกแรงดันอย่างสุดความสามารถแต่กลับไร้ผล

   ปกติแล้วมันก็หาได้บอบบางอ้อนแอ้นแต่อย่างใด แต่ในยามที่ถูกอสุราหนุ่มโอบกอดเอาไว้เช่นนี้แล้วความมั่นใจที่เคยมีกลับถูกพังทลายไม่เป็นท่า..

   เมื่อได้กลั่นแกล้งจนพอใจอสุราหนุ่มก็ผละใบหน้าออกห่างก่อนจะยืดกายขึ้นเต็มความสูง แต่วงแขนที่โอบกอดอีกฝ่ายอยู่นั้นหาได้คลายออกตามแต่อย่างใด

   “ท...ท่านวศิน ปล่อยฉันเถอะนะจ๊ะ” มันยื้อกายออกห่างเมื่อเริ่มรู้สึกแปลกประหลาดยามที่ร่างกายได้สัมผัสผิวเนื้อร้อนระอุของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนอสุราหนุ่มจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าใดนักเพราะนอกจากแรงที่กอดจะไม่ลดลงแล้ว ฝ่ามือใหญ่ที่โอบประคองแผ่นหลังอยู่ก็เริ่มลูบไปตามร่องกระดูกสันหลังทำให้เจ้าแก้วตัวอ่อนราวกับขี้ผึ้งลนไฟ มันจึงต้องเอื้อมมือไปจับท่อนแขนกำยำเอาไว้เป็นหลักยึด

   “บอกให้ข้าปล่อยมิใช่หรือ แล้วเหตุใดเจ้าจึงจับแน่นเช่นนี้เล่า” รอยยิ้มร้ายกดลึกข้างมุมปาก

   ก็พึ่งจะได้รู้ตอนนี้ว่าตนเองนั้นมีมุมที่ชอบกลั่นแกล้งอยู่ไม่น้อย

แต่มุมนี้คงถูกใช้กับเจ้าสัตว์ตัวเล็กในอ้อมกอดเพียงคนเดียวเท่านั้น

   “ก็ท่านแกล้งฉันนี่จ๊ะ” มันเงยหน้าขึ้นเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

   วศินมองเด็กน้อยในอ้อมกอดอย่างพออกพอใจก่อนจะยอมคลายวงแขนออกเพื่อให้มันได้เป็นอิสระ

   ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงไปกอบกุมกับอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับดึงให้เดินตามออกไปจากโถงถ้ำ โดยที่เจ้าแก้วก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

   ทันทีที่ทั้งสองเดินมาถึงบริเวณโถงกลาง พันธนาการที่กอบกุมกันไว้ก่อนหน้าก็ถูกผละออกห่างเมื่อไม่ได้อยู่กันเพียงแค่สองต่อสอง พระอาจารย์ที่กำลังพูดคุยกับองค์นคินอยู่นั้นหันหน้ามามองพร้อมกับกวักมือเรียกหลานรักให้เข้ามานั่งใกล้ๆ

   ส่วนอสุราหนุ่มที่เดินตามหลังมาก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพญานาคราช แต่สายตาก็ยังคงลอบมองไปทางเจ้าแก้วอยู่เป็นระยะ

   “แขนเจ้าไปโดนอะไรมาละนั่น” นคินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าท่อนแขนของอสุราหนุ่มนั้นมีรอยแผล...แต่เมื่อเพ่งมองดีๆแล้วถึงกับคิ้วกระตุกก่อนจะหันไปมองสมุนตัวเขื่องที่นอนขดอยู่ข้างกายอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ภุชงค์...” เสียงทุ้มต่ำเล็ดลอดไรฟันอย่างพยายามสงบสติอารมณ์

   ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...

   นี่ดีหน่อยที่เจ้าภุชงค์มันแค่กัดแต่ไม่ได้ปล่อยพิษออกมา มิเช่นนั้นล่ะเป็นเรื่องอีกแน่

   “พวกเจ้าทั้งสองนี่ยังไง ทะเลาะกันราวกับเด็กเล็ก” พญานาคหนุ่มส่ายหัวอย่างนึกเอือมระอา

   อีกฝ่ายก็หวงจนหน้ามืดตามัว...อีกตัวก็ชอบยั่วยุ

   มันก็พอๆกันทั้งคู่...นิสัยดุร้ายพอกันก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ

   “เห็นท่านนคินบอกว่าท่านหายดีแล้วซ้ำยังแข็งแรงขึ้นมาก” น้ำเสียงที่มากไปด้วยเมตตาของพระอาจารย์เอ่ยทัก

   “ขอรับ” อสุราหนุ่มโค้งศีรษะตอบอย่างนอบน้อม

   “อืม...แล้วหลังจากนี้จะเอาอย่างไร” แม้นจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่ก็อยากจะถามอีกสักครั้งเพื่อความมั่นใจ “จะเดินทางกลับไปยังเมืองของท่านหรือจะอยู่ที่นี่ต่อ”

   สายตาของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมองสับระหว่างจอมทัพอสุรากับหลานคนเล็กที่นั่งอยู่ข้างกาย

   ...ไม่ใช่ไม่รู้ว่าระหว่างทั้งคู่นั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป

   แต่ก็อยากจะให้ได้เผื่อใจเอาไว้สักนิดว่าในบางครั้งก็ไม่สามารถที่จะกระทำตามความต้องการของตนเองไปได้เสียทุกอย่าง

   “คงจะอยู่ต่อไม่ได้แล้วขอรับ” วศินเอ่ยตอบเสียงหนักแน่น แม้นว่าในใจจะรู้สึกวูบโหวง

   ถึงจะไม่อยากจาก...แต่ก็ไม่สามารถที่จะละทิ้งต่อหน้าที่ได้

   “อืม...อาตมาทราบดี” ชายชรายิ้มบางเบา “ท่านวศินมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เป็นถึงจอมทัพใหญ่คงลำบากอยู่ไม่น้อยเลยสินะ”

   เจ้าแก้วเงยหน้าขึ้นไปเผชิญกับอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งเมื่อความจริงที่พยายามหลีกหนีมาตลอดได้ปรากฏตรงหน้า

   ..ราวกับวันเวลาที่ล่วงเลยผ่านมาเป็นเพียงแค่ความฝัน...

   ทุกอย่างยิ่งตอกย้ำว่าตัวมันกับอสุราหนุ่มนั้นต่างกันมากเพียงใด

   ท่านวศินเป็นถึงจอมทัพใหญ่ มีเกียรติที่สูงส่ง

   แต่ตัวมันนั้นเป็นเพียงแค่มนุษย์ต้อยต่ำซ้ำยังพิกลพิการ

   เพียงแค่คิดเทียบเคียงก็น่าละอายยิ่งนัก…

   ...ช่างห่างไกลจากคำว่าเหมาะสมไปมากโข

   สายตาสองคู่สอดประสานมองกันท่ามกลางความรู้สึกที่ยากที่จะอธิบาย อสุราหนุ่มยังคงมีท่าทีนิ่งขรึมตามเดิมแต่ทว่าในอกกลับวูบไหวยามที่เห็นว่านัยน์ตาสีอ่อนดูเศร้าหมองลง

   ถึงตอนนี้ความรู้สึกที่ถูกกักเก็บเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจก็ยิ่งฉายชัดเพื่อย้ำเตือนว่าตนเองนั้นได้มีใจปฏิพัทธ์ให้แก่เด็กหนุ่มมนุษย์ผู้นี้ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

   ทั้งที่เคยคิดมาตลอดว่ามันอาจเป็นเพียงแค่ความไหวหวั่นเพียงผิวเผิน..แต่นานวันเข้ากลับทำให้ความมั่นใจนั้นสั่นคลอนได้อย่างไม่อยากเย็น

   ...หากทว่าตอนนี้สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่หาได้เอื้ออำนวยให้สามารถสานต่อความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นได้...เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าถ้าหากได้เปิดรับความรู้สึกให้เป็นไปตามที่ใจต้องการแล้วในอนาคตจะเกิดสิ่งใดขึ้น

   ออกทัพจับศึกมาเป็นร้อยพันหาได้เคยหวาดหวั่นหากลมหายใจจะต้องถูกพรากไป

แต่ครั้งนี้เป็นหนแรกที่สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหวาดกลัวที่เกาะกุมภายในจิตใจ

   ..ถ้าหากครั้งนี้กลับไปแล้วไม่สามารถกลับมาพบกันได้อีก...

   หรือแม้นแต่คำล่ำลาก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้เอื้อนเอ่ย...

   ..เพียงแค่คิดก็ไม่สามารถทำจิตใจให้สงบได้…

   “อย่าห่วงไปเลยท่านวศิน” เสียงที่มากไปด้วยเมตตาของพระอาจารย์เอ่ยบอกแฝงความนัย “สิ่งใดจะเกิดก็ต้องเกิด...เพียงแค่มีสติรับรู้ตัวตน ไม่ประมาทก็เป็นพอ”

   “…”

   “อย่าได้นึกกังวลอันใดให้จิตใจไม่เป็นสุขเลย...ทางนี้ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง ขอให้ท่านกลับไปทำหน้าที่ได้อย่างสบายใจเถิด”

   นัยน์ตาฝ้าฟางทอแสงอ่อนลงเพื่อยืนยันในความหมายที่ตนต้องการจะสื่อ

   ..เพราะรู้ดีว่าหนทางข้างหน้านั้นหาได้ง่ายดายเท่าใดนัก จึงไม่ได้คิดที่จะขัดขวางให้เรื่องมันยุ่งยากยิ่งขึ้นไปอีก

   หากทั้งสองมีใจปฏิพัทธ์ให้แก่กันจริงละก็

...รอคอยให้ถึงวันนั้นก็ยังไม่สาย

   หากเป็นคู่กันแล้ว...ก็คงไม่แคล้วกัน


____________________________



ขอบพระคุณคุณ dekying kukkig ที่ช่วยทำสารบัญให้นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ชอบความคลอเคลียของภุชงค์ พญาอสรพิษนะเอ้ยยย ออดอ้อนเป็นแมวเชียวว

คิดถึงภาพตัวเล็กตัวใหญ่ของท่านวศินกับเจ้าแก้วแล้วเขิลลลลลล

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มาต่อแล้ว~ นานมากคิดถึงเจ้าแก้ว

ออฟไลน์ FXEXRXN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai1:ทำไมเจ้าแก้วน่าเอ็นดูขนาดนี้ ฮือออออ รู้ใจตัวเองไม่ทันไรต้องห่างกันไปอีกแล้ว ขอให้วศินกับวิรุณปลอดภัยด้วยเถอะ ไม่อยากให้ทั้งคู่หรือเพื่อน น้อง และครอบครัวของทั้งคู่เป็นอะไรไปเลยอ่ะ สะเทือนใจขั้นสุดแน่ๆ :hao5:

ออฟไลน์ oohsg94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงเจ้าแก้วมากๆๆ ฮรื่อออ ท่านวศินไม่เป็นไรนะคะจะช่วยดูแลแก้วให้เองค่ะ  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MsMin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราไม่รู้ว่ากฎเกณฑ์การศึกเมืองยักษ์เป็นยังไง แต่เท่าที่ดูคือองค์รามสูรช่างใจกล้าหน้าด้านเป็นอย่างมาก
รบๆกันอยู่วางแผนฆ่าแม่ทัพ เข้าเมืองคู่ศึกตัวเองใส่ความคนของอีกฝ่าย แล้วก็พักอยู่ในเมืองเค้าสบายใจยังกับอยู่บ้าน ทำตัวเหมือนมาเยี่ยมเพื่อนอ่ะเนอะไม่เหมือนทำสงครามอยู่เลยนะจ๊ะ
เอ้าไหนๆรักจะมาทางนี้แล้วก็ต้องไปให้สุด อยู่ในเมืองเค้าก็ข่มเหงนางกำนัล ขู่เอาชีวิตทหาร สร้างหลักฐานเท็จ ระเบิดภูเขา เผากระท่อม เอาให้ครบไปเลยจร้า

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
+1 o13 ขอบคุณมากครับ :pig4: :katai5:

ออฟไลน์ PoPoe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ท่านวศินสู้ๆ อย่าไปนานนะ รีบไปจัดการให้เรียบร้อย
ส่วนน้องแก้ว อยู่รอทางนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะอยู่เป็นเพื่อนเอง :hao5:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ตามทันแล้ววว เจ้าดอกแก้วเจื้ยวแจ้วน่ารักน่าเอ็นมากกกกก ความใสซื่อของน้อง คือซื่อตรงกับความรู้สึกและความต้องการของตัวเองมาก พอรู้ว่ารัก..รู้ว่ารสจูบเป็นอย่างไร ก็เหมือนเด็กติดใจในรสหวานละมุน ของขนมหวาน อยากกิน...จะกินอีกอ่ะ เอ็นดูน้องงงงง
พี่ยักษ์วศินเห็นทื่อมะลื่อ พอยอมรับใจตัวเองก็รุกน้องไม่ให้หยุดพักหัวใจกันเลย หื้อออออ ดีต่อใจ  :-[

ส่วนอิพี่กล้า ไม่มีอะไรมาก ฝากตบกะบาลมันทีค่ะ เกรียนแตกบ้าบอ ปวดประสาทกับพี่มันนนน 55555555555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
คนละเผ่าพันธ์ุไม่พอ ยังต้องมาพรากจากกันอีก

เอ็นดูแก้วมากเลยค่ะ น้องยังเป็นน้องน้อยที่น่าทะนุถนอม
แก่นแก้ว ฉลาดและซื่อไปพร้อมกัน

วศินก็มามาดเข้ม สนใจแต่การบ้านการเมือง
ไม่สนใจเรื่องรักใคร่ พอได้มารัก ก็มีอันต้องจาก

ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอกันแล้ว เหมือนหลวงตาบอก
ถ้ามีวาสนาต่อกัน ยังไงก็กลับมาเจอกันแน่นอน

นับถือน้ำใจนคิน ยอมเสียชีพเพื่อช่วยวศิน
และยอมตายดีกลัวอยู่อย่างเดียวดาย

อยากให้ทีมวศินมารวมตัวกันจังเลยค่ะ
อยากเห็นความราบคาบของรามสูร

เอาใจช่วยเจ้าแก้วกับวศินนะคะ

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
กลิ่นดอกแก้ว
.
.
.


   “ขี้ผึ้งนี่ช่วยบรรเทารอยแผลเป็น...แม้นจะไม่หายขาดแต่ก็ทำให้ทุเลาลงได้”

   พระอาจารย์ส่งยื่นตลับยาให้อสุราหนุ่มเพราะเห็นว่ารอยแผลที่บริเวณกลางแผ่นอกกว้างนั้นเริ่มสมานกลืนกับเนื้อผิว เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ร่องรอยในอดีตที่ถูกพิษร้ายเล่นงาน

   “ขอบพระคุณขอรับ”

   “ยาตัวนี้เป็นตัวเดียวกันกับที่เจ้าแก้วมันใช้อยู่” รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยเมตตาปรากฏขึ้นบนใบหน้ายามที่เอ่ยถึงหลานรัก “แต่ไอ้ตัวนั้นมันช่างหัวรั้น...บ่นว่ากลิ่นมันฉุนเลยทาบ้างไม่ทาบ้าง แผลมันจึงไม่หายเสียที”

   รอยบากที่ตาซ้ายของมันหากเขาไม่บังคับให้ต้องประคบยาทุกเดือนแล้วละก็ป่านนี้คงได้ควักลูกตาทิ้งไปแล้วเสียด้วยซ้ำไป

   นัยน์ตาฝ้าฟางกวาดมองรอบบริเวณถ้ำอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้งก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าไอ้ตัวดีมันจะกลับมาเสียที เพราะเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเขาได้ใช้ให้มันออกไปเก็บสมุนไพรมาเพิ่มเพื่อใส่ในบ่อว่านที่ท่านวศินจะต้องแช่กายในคืนนี้

นี่ก็เริ่มเย็นย่ำเต็มทีป่านนี้ยังไม่โผล่หัวกลับมา...ดูท่ามันคงไปเล่นเรื่อยเปื่อยเถลไถลอีกตามเคย

พระอาจารย์ส่ายหัวพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างนึกปลงตกเพราะถึงอย่างไรถ้าเจ้าแก้วกลับมา เขาทำได้อย่างมากก็คงแค่เอ็ดมันไปนิดหน่อยเท่านั้น...มีหรือจะกล้าดุด่า

แต่ดูท่าหนนี้จะมีใครบางคนที่ดูเดือดเนื้อร้อนใจแทนเขาเสียแล้วกระมัง...

   อสุราหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้กันแม้นจะยังมีท่าทีสุขุมตามเดิม แต่ทว่าอาการบางอย่างที่แสดงออกชัดทางแววตานั้นไม่สามารถที่จะปกปิดเอาไว้ได้แม้นเพียงกระผีกเดียว

   เพราะบทสนทนาที่ผ่านมาระหว่างพวกเขานั้นอีกฝ่ายเพียงแค่ถามคำตอบคำซ้ำบางครั้งยังใจลอย...แทบไม่ต้องคาดเดาเลยว่าท่านจอมทัพใหญ่กำลังมัวพะวงนึกถึงใครอยู่ เพราะก่อนที่เจ้าแก้วจะออกไปนั้นท่านวศินเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอติดตามออกไปด้วย แต่เป็นเขาเองที่บอกให้อยู่ที่นี่เพราะมีธุระจะคุยด้วย

   แต่ถึงอย่างไรนั้นธุระที่ว่าก็หาใช่เรื่องสลักสำคัญสักเท่าใดนัก...เพียงแค่พูดคุยสัพเพเหระทั่วไปเท่านั้น

   คราแรกอสุราหนุ่มเองก็ดูคล้อยตามอย่างว่าง่ายไม่นึกระแคะระคายอันใด...แต่เขาอาจประเมินท่านจอมทัพผู้นี้ไว้น้อยไปเสียแล้ว เพราะทันทีที่เห็นประกายบางอย่างในดวงตาทรงอำนาจคู่นั้น แม้นจะเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ทำเอาถึงกับต้องหลุดหัวเราะอยู่ในลำคออย่างอารมณ์ดี

   ...เพราะท่าทีของพ่อยักษ์ดูไม่สบอารมณ์อยู่เล็กน้อยที่ถูกเขาขัดไม่ให้ตามไอ้ตัวยุ่งมันออกไป

   สายตาสองคู่สบประสานเพียงแค่เสี้ยวลมหายใจ...เท่านั้นก็เพียงพอที่จะเป็นตัวกลางสื่อสารถึงเรื่องบางอย่างระหว่างกัน

รอยยิ้มบางเบาที่ปรากฏบนใบหน้าคมคร้ามแม้นจะเพียงแค่ฉาบฉวยแต่นั่นกลับกวนตะกอนขุ่นมัวในใจให้คละคลุ้งได้โดยง่าย

   เป็นใครก็ยากที่จะทำใจเมื่อวันหนึ่งต้นกล้าต้นน้อยที่คอยบ่มเพาะเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมจนเติบใหญ่จะถูกผู้อื่นเก็บเกี่ยวไปเชยชมต่อหน้าต่อตา

   ..ลูกใคร..ใครก็ต้องรักต้องหวงเป็นธรรมดา

   ...รอยแผลที่มุมปากของเจ้าแก้วเป็นตัวยืนยันได้ดีว่ามันเองก็คงถูกเขารังแกมาไม่น้อย แต่ที่นึกโมโหเพราะนอกจากมันจะไม่บอกความจริงกับเขาแล้วยังเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง นั่นนับเป็นนัยน์ได้แล้วอย่างหนึ่งว่าตัวมันเองก็คงสมยอมเอง

   หากพ่อกับพี่มันรู้เรื่องนี้ละก็มีหวังป่าแตก..

   “แล้วนี่แก้วยังไม่กลับมาอีกหรือ พลบค่ำเช่นนี้พวกสัตว์ป่าเริ่มออกมาเพ่นพ่านแล้วด้วยสิ” องค์นคินเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง เพราะโดยปกติแล้วหากเด็กหนุ่มออกไปหาสมุนไพรที่ป่า เพียงไม่ถึงชั่วยามก็กลับมาแล้ว แต่นี่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา เขาเกรงว่าจะได้รับอันตรายเข้า

   “ไอ้เจ้านี่มันชอบเถลไถล” พระอาจารย์ส่ายหน้าอย่างนึกระอา “ครั้งล่าสุดพ่อครูของมันก็เล่าว่าเพราะมัวแต่โอ้เอ้ไม่ยอมกลับเรือนเลยเกือบถูกเสือขย้ำ”

   “เช่นนั้นก็ให้เจ้าภุชงค์ออกไปตามดีไหมขอรับ...เจ้านี่มันหูไวตาไวทีเดียว” นาคหนุ่มยื่นข้อเสนอ แต่ตากลับเหล่มองเจ้ายักษ์ทื่อมะลื่อที่เอาแต่นั่งเงียบไม่หือไม่อือ

   โอกาสมาถึงแล้ว...อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวังในตัวเจ้า..

   “ช่างเถิดท่านนคิน อย่าลำบากเลย ประเดี๋ยวมันก็คงกลับมา” ถึงจะเป็นห่วงแต่เจ้าแก้วก็หาใช่เด็กน้อยในอดีตอีกต่อไปแล้ว...ควรปล่อยให้มันได้มีอิสระทำในสิ่งที่ใจมันต้องการเสียบ้าง

หากไปบังคับขู่เข็ญมันมากเกินไปก็เห็นจะไม่ดี

“อาตมาคงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนแล้ว...ส่วนเรื่องแช่น้ำว่านเจ้าแก้วมันรู้ ถ้าอย่างไรท่านวศินก็ย้ำมันอีกรอบด้วยก็แล้วกัน”

   “ขอรับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำขานรับ

   พระอาจารย์ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะลุกออกไปจากโถงกลางโดยมีพญาอสรพิษทั้งสองตัวคอยขนาบข้างไปไม่ห่างกาย

   เสียงหรีดหริ่งเรไรดังแว่วคลอเคล้าไปกับเสียงของนกเค้าที่เริ่มออกหากิน กองฟืนที่เริ่มมอดแตกสะเก็ดไฟครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ทว่ากลับไร้เสียงสนทนาระหว่างพญานาคราชและอสุราหนุ่ม

องค์นคินถอนหายใจออกมายาวเหยียดหนึ่งหนก่อนจะหันไปมองร่างสูงใหญ่ที่นั่งเหยียดตรงราวกับถูกไม้ดามหลังไว้ตลอดเวลา

   ช่างสง่าผ่าเผยทุกระเบียบนิ้วเสียจริง

   “น่าสงสารนะ...จู่ๆก็ถูกพรานป่าที่จับตัวมาทอดทิ้งกลางคัน” นาคหนุ่มแสร้งว่าทีเล่นทีจริง “เจ้าสัตว์ตัวเล็กมันคงตั้งรับไม่ทัน วิ่งหนีกลับเข้าโพรงไม้ไปเลียแผลใจเสียแล้วกระมัง”

   “พูดอะไรของเจ้า” คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว...หากแต่ในเวลาต่อมาที่ตีความหมายแฝงนั้นออกจอมทัพใหญ่กลับไร้ถ้อยคำที่จะเอื้อนเอ่ยขึ้นมาเสียดื้อๆ

   “ข้ากำลังจะบอกว่า...เจ้าน่ะให้ความหวังเด็กมนุษย์นั่นไว้เสียมากมายแต่ไม่ทันไรก็ฉวยกลับคืนไปเสียแล้ว” นคินยักไหล่อย่างไม่แยแส “มีช่วงเวลาดีๆร่วมกันไม่ทันไรก็ต้องแยกจากกันแล้ว...ซ้ำจู่ๆก็บอกจะไปโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว แบบนี้น่ะใช้ได้หรือท่านแม่ทัพ” เขาจะไม่นึกเคืองเลยสักนิด ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้เจ้ายักษ์ทื่อมะลื่อนี่มันอยู่ในขอบเขตของตนเอง

แต่ที่ผ่านมาทุกการกระทำของมันชวนให้คิดไปไกลเกินกลับแล้ว...มิหนำซ้ำยังไปล่วงเกินลูกชาวบ้านเขาให้เสียหายอีก

   “...ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น” นัยน์ตาคมทอแสงวาวโรจน์เพียงครู่

   “แล้วอย่างไร? นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าจะพาแก้วกลับไปเมืองยักษ์ด้วยน่ะ” นคินตาโต เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงเขาคงค้านหัวชนฝาซ้ำยังมั่นใจว่าพระอาจารย์เองก็ต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

   “เปล่า”

   “เช่นนั้น....เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าจะกลับไปสะสางเรื่องที่ค้างคาให้เสร็จแล้วจึงค่อยกลับมาหาแก้ว...เช่นนั้นหรือ?”

   คำถามนั้นทำให้อสุราหนุ่มนิ่งค้างอยู่เพียงครู่...แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีแม้แต่คำตอบให้หายข้องใจ มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉยยากจะคาดเดาได้

   บอกให้อีกฝ่ายรอเช่นนั้นหรือ...แล้วถ้าเขาไม่สามารถที่จะกลับมาได้ตามสัญญาที่ให้ไว้จะเป็นเช่นไร

   ...เพราะทางข้างหน้าก็อันตรายส่วนข้างหลังนั้นก็ไม่สามารถที่จะคลายความกังวลได้เลย..

   “...หรือจริงๆแล้ว..เจ้าไม่ได้นึกรักเด็กนั่นตั้งแต่แรก?” คำถามที่เปรียบเสมือนปลายศรถูกหล่อหลอมจากเหล็กกล้าทิ่มทะลุเข้ากลางอก

จอมทัพอสุรานิ่งค้างไปชั่วอึดใจ...ก่อนจะพยักหน้ารับตามความจริง

   “วศิน” นาคหนุ่มคล้ายได้ยินเสียงเส้นประสาทแตกลั่นดังเปรี๊ยะ แอบนึกโมโหและผิดหวังในใจลึกๆ แต่ทว่าประโยคถัดมากลับทำให้อารมณ์เขากลับตาลปัตรเสียยิ่งว่าลมพายุ

   “ก็จริงดังเจ้าว่า...หากเป็นเมื่อก่อนก็คงใช่ ไม่ผิดเพี้ยน” เสียงทุ้มต่ำอ่อนลงเล็กน้อยราวกับเป็นผู้ร้ายที่ยอมจำนนต่อหลักฐานอย่างดิ้นไม่หลุด “...แต่หลังจากนี้..ไม่ใช่” คำสารภาพแข็งกระด้างที่หลุดออกมาจากศิลายักษ์ทำให้พญานาคราชตาเบิกกว้างขึ้นกว่าเก่า

   แม้นมันจะชวนเข้าใจยากไปสักนิด ตามประสาพวกปากหนัก...แต่นั่นก็นับว่ามากเกินพอแล้ว!

   “เช่นนั้นก็แสดงว่าตอนนี้เจ้ารักแก้วแล้วน่ะสิ ใช่หรือไม่” จะตีเหล็กกล้าต้องตีตอนมันร้อน พอได้โอกาสชายหนุ่มก็หาช่องทางเพิ่มเชื้อเพลิงเข้าไปอีก แต่ดูท่าแล้วอีกฝ่ายจะรู้เท่าทันกลับยังคงสงวนท่าทีนิ่งขรึมไว้อย่างเคยโดยไม่แม้นแต่ที่จะแสดงอาการใดๆออกมาให้ได้เห็น

   “ข้าเองก็ไม่รู้” ทันทีที่ได้ยินคำตอบก็รู้สึกราวกับฟ้าจะถล่มลงมาทับหัวในบัดดล

   หมายความว่าอย่างไรน่ะ! แม้แต่ความรักเจ้าก็ไม่รู้จักเช่นนั้นหรือ!

   ทื่อมะลื่อเกินทนแล้ว!

   “เจ้าไม่รู้ว่าเจ้ารักเด็กนั่นหรือไม่รู้ว่าความรักรู้สึกอย่างไรกันแน่” เสียงถอนหายใจดังยาวเหยียดอย่างนึกปลงตก ครั้นในเสี้ยวใจก็นึกที่จะอยากรีบตายตามเจ้านาราไปเสียเดี๋ยวนี้เลย

   “อืม” ดูมันตอบเข้า! อยากจะเข้าไปเขย่าคอให้รู้แล้วรู้รอดไป!

   “วศิน นี่เจ้าไม่รู้ใจตัวเอง...หรือเจ้าแค่ไม่อยากยอมรับความรู้สึกนี้กันแน่”

   “...เปล่า” เขาเชื่อในความรู้สึกตนเองเสมอ...ว่าหากมันเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมยากที่จะแปรเปลี่ยน

เพียงแค่ยังรู้สึกเร็วไปที่จะเอื้อนเอ่ยคำนั้นออกมา...ถ้อยคำที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะมอบให้ผู้ใด

คำที่จะผูกพันธะสัมพันธ์ไปจนวันที่หมดสิ้นอายุขัย...ถ้าหากจะต้องพูดมันออกมาจริงๆก็ขอให้มั่นใจก่อนว่าทั้งหมดนั้นมันหาใช่เพียงแค่ความรู้สึกที่ฉาบฉวย

…และเมื่อถึงเวลานั้นก็จะไม่นึกลังเลเลยที่จะยอมรับมัน

แต่ในตอนนี้...ตอนที่ในชีวิตมีเงื่อนไขและอุปสรรคมากมายที่ต้องเผชิญ ความรู้สึกเหล่านี้มันจึงไม่ต่างกับโซ่ตรวนที่พันธนาการเอาไว้เขาจึงไม่นึกอยากจะผูกมัดใครเอาไว้ข้างกาย

แต่อย่างน้อยก็ขอเพียงให้เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้ผ่านพ้นไปเสียก่อน...จะได้หรือไม่

ยังจะรอกันจนถึงวันนั้นหรือเปล่า..

“ข้าเข้าใจแล้ว” นัยน์ตามรกตวูบไหวสะท้อนเปลวเพลิง...แม้นเพียงเล็กน้อยก็ทำให้นคินนาคราชเข้าใจเจตนารมณ์ของอสุราหนุ่มได้ในทันที

ไม่ใช่ว่าไม่คิดรัก...เพียงแค่ยังไม่อยากจะรั้งใครเอาไว้ด้วยความเห็นแก่ตัวของตนเองก็เท่านั้น

พญานาคหนุ่มวางมือลงบนลาดไหล่หนาเพียงครู่ก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณโถงกลางเพื่อกลับไปบำเพ็ญศีล เหลือทิ้งไว้เพียงแค่อสุราหนุ่มที่นั่งนิ่งมองกองไฟเริ่มมอดดับลงทีละนิด

ผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยามความมืดมิดก็เข้ามาครอบคลุมบริเวณโถงถ้ำ มีเพียงแค่แสงสว่างจากดวงจันทราเท่านั้นที่ส่องทะลุผ่านลงมาจากช่องแสง ฉาบไล้ใบหน้าคมคร้ามอยู่เพียงเสี้ยวด้านข้าง

   นัยน์ตาคมกล้าปิดลงครู่หนึ่งก่อนจะเปิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ฉายชัดขึ้นมา ก่อนแผ่นหลังกว้างแกร่งจะหายลับออกไปทางปากถ้ำ เงาร่างสูงใหญ่พาดไปตามทางเดินเรื่อยจนหายลับไปทิ้งไว้เพียงแค่เสียงน้ำหยดลงแอ่งหลุมกว้างดังประสานกับระลอกคลื่นลมภายนอกเป็นระยะ


(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
กระรอกป่าที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้รีบกระโดดผลุบหายเข้าไปในโพรงเมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวที่พื้นด้านล่างก่อนมันจะชะโงกหัวออกมาดูว่าผู้บุกรุกนั้นจากไปแล้วหรือยังคงอยู่...แผ่นหลังกว้างที่หายลับเข้าไปในความมืดทำให้เจ้าสัตว์ตัวน้อยเชิดหน้าชูคอขึ้นเพื่อที่จะอาศัยแรงลมรับกลิ่น

   จมูกเล็กขยับเล็กน้อยไปตามสัญชาตญาณแล้วจึงพองขนราวกับว่ากำลังรู้สึกหวาดกลัว ก่อนมันจะตัดสินใจวิ่งหายเข้าไปหลบในโพรงไม้โดยไม่แม้นแต่ที่จะโผล่พวงหางออกมาให้ได้เห็น

   ภายในผืนป่ากว้างนั้นดูเงียบสงบเฉกเช่นทุกวัน แม้นในบางครั้งจะได้ยินเสียงของสัตว์ป่าคลอมาตามกระแสลมก็ตามที

   เสียงใบไม้แห้งดังขึ้นเป็นระยะเมื่อถูกย่ำลงน้ำหนักบนดิน ร่างสูงใหญ่ของอสุราหนุ่มดูโดดเด่นท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์ จังหวะการเดินมั่นคงหนักแน่นแต่กลับไม่รีบร้อนและเพียงแค่ไม่กี่อึดใจก็ได้ยินเสียงแว่วของสายน้ำลำธารที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เขานั้นยืนอยู่

   คืนนี้แสงจันทราดูแรงกล้ายิ่งกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงของม่านน้ำตกที่ไหลกระทบลงบนลำธารชัดเจนยิ่งขึ้น กระแสน้ำพัดผ่านส่องสะท้อนกับแสงสีเงินที่ฉาบไล้ลงมากระทบก้อนกรวดที่นอนนิ่งอยู่ใต้น้ำจนพวกมันเกิดประกายระยิบระยับคล้ายกับอัญมณี

   จอมทัพอสุราเดินเลียบเคียงไปตามทางต้นลำธารอย่างเรื่อยเปื่อย แต่ทันใดนั้นเองเงาร่างของใครบางคนที่ยืนแช่อยู่กลางลำธารก็ทำให้ฝีเท้านั้นหยุดชะงักราวกับถูกออกคำสั่งควบคุมกะทันหัน

   แม้นจะอยู่ไม่ใกล้นักแต่เขาก็จำได้ดีโดยไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายหันหน้ากลับมา

   ...อยู่ที่นี่หรอกหรือ

   เพียงเท่านั้นความทรงจำเมื่อครั้งก่อนก็ย้อนกลับเข้ามาในห้วงความคิดพร้อมกับเสียงกึกก้องที่ดังขึ้นในโสตประสาท

   ช่วงเอวได้รูปที่หายลับลงไปใต้ผิวน้ำขยับเคลื่อนไหวเพียงนิดยามที่เจ้าตัวก้มลงวักน้ำขึ้นมาล้างใบหน้า แต่ด้วยระดับที่ไม่ได้สูงมากนักจึงทำให้ครานี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นเนื้อตัวเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ปิดบัง...นั่นคงเป็นเพราะเจ้าตัวคิดว่าในป่าคงมีเพียงแค่ตนเพียงผู้เดียวซ้ำเพลานี้ก็มืดค่ำเต็มที

   วศินปรายตาไปมองทางกองผ้านุ่งที่ถูกพับไว้เรียบร้อยบนโขดหินริมฝั่งพร้อมย่ามอีกใบก่อนจะย้ายสายตากลับไปหาเจ้าของมันอีกครั้ง

   คราวที่แล้วเป็นเพราะเหตุบังเอิญจึงทำให้ต้องจำยอมสวมบทผู้ร้ายหลบซุ่มอยู่ใต้เงามืด...ซึ่งเขาหาได้ตั้งใจไม่

   แต่ครั้งนี้นั้นแตกต่าง...

   นัยน์ตาทรงอำนาจเกิดประกายวูบไหวพร้อมทั้งจับจ้องลูกมนุษย์ที่กำลังลูบไล้ทำความสะอาดเนื้อตัวของตนเองไม่วางตา รอยยิ้มข้างมุมปากกดลึกลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงฝ่ายนั้นร้องอุทานคงเพราะไปเหยียบกรวดแหลมเข้า

   ฝีเท้าที่หนักแน่นแต่กลับเงียบสนิทค่อยๆเดินลงไปในน้ำพร้อมกับปมผ้านุ่งที่ถูกคลายออกทีละนิดก่อนมันจะถูกโยนไปรวมไว้กับของที่วางไว้ก่อนหน้า

   ช่างไม่ระมัดระวังตัวอย่างเคย...

ไม่เคยระวัง...แม้ว่าในตอนนี้ตนเองจะไม่ได้ยืนอยู่ในลำธารแต่เพียงผู้เดียวอีกแล้วก็ตาม..

หยาดน้ำบางส่วนที่กระเซ็นออกมายามที่เจ้าตัวสะบัดศีรษะนั้นกระเด็นไปโดนแผ่นอกกว้างของใครบางคนเข้าโดยที่มันไม่รู้ตัว เจ้าแก้วตั้งท่าจะหมุนตัวเดินกลับขึ้นฝั่งแต่แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้พบกับใครบางคนที่มันนั้นไม่นึกว่าจะได้เจอในเวลานี้

“ท...ท่านวศิน”

สัตว์ตัวเล็กตั้งท่าจะถอยหลังกลับไปตั้งหลักแต่ทว่าด้วยแรงต้านของสายน้ำช่วยชะลอความเร็วเอาไว้จนไม่สามารถหนีได้ตามใจต้องการ

ก่อนช่วงเอวจะถูกโอบแล้วรวบกอดจนแผ่นหลังของมันชนเข้ากับแผงอกกว้างอย่างจัง เด็กหนุ่มตื่นตกใจจนเนื้อตัวเย็นเฉียบเพราะตนเองนั้นล่อนจ้อนไม่มีสิ่งใดปิดคลุม แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าแก้วนั้นตระหนกมากกว่าที่เคยก็เพราะสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีสภาพที่ไม่ต่างจากตนเสียเท่าไรนัก

มันตั้งท่าจะดันตัวออกเพื่อเว้นระยะห่างแต่กลับถูกท่อนแขนกำยำพันธนาการเอาไว้จนไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้

“พระอาจารย์เป็นห่วงเจ้ามาก” เสียงทุ้มต่ำเข้มขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงตำหนิในท่วงที “เหตุใดดึกดื่นถึงเพียงนี้แล้วยังไม่กลับ”

ใบหน้าคมคร้ามก้มลงถามคนในอ้อมกอด แต่นอกจากเจ้าสัตว์ตัวน้อยจะไม่ตอบคำถามแล้วยังเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตาเหมือนเก่า เพียงเท่านั้นวศินก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย...แม้นจะยังไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นดั่งที่คิดหรือไม่ แค่ท่าทางเช่นนี้เขาเคยพบเห็นมาก่อนจนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี

...เพราะเจ้าวิรัลนั้นชอบทำนักยามที่น้องรู้สึกไม่ชอบใจหรือตั้งท่าแง่งอนเขา..

“ฉัน...แค่แวะล้างตัวเพียงครู่ ประเดี๋ยวก็กลับแล้วจ้ะ” เสียงพูดแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบทำให้อสุราหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นกว่าเดิม

..เพียงแค่กอดเอาไว้ด้วยสองแขนก็แทบกลืนหายเข้าไปในอกแล้ว...

“เจ้าออกมาตั้งแต่บ่าย” อุ้งมือใหญ่ที่วางประทับลงบนสะโพกได้รูปเผลอออกแรงบีบจนร่างในอ้อมกอดสะดุ้งส่งเสียงประท้วงอยู่ในลำคอ “มัวไปเล่นซนที่ไหนมา” น้ำเสียงดุดันแสร้งเอ่ยตำหนิแต่ใบหน้ากลับลอบยิ้มมองเด็กน้อยในอ้อมกอดไม่วางตา

แล้วก็ได้ผล...เมื่อเจ้าแก้วเอี้ยวหน้าขึ้นมาหาพร้อมตั้งท่าเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ แต่เมื่อได้สบเข้ากับประกายกล้าในดวงตาทรงอำนาจ ถ้อยคำทุกอย่างกลับถูกกลืนหายลงไปในลำคอคล้ายกับเป็นใบ้ชั่วขณะ

“ป...เปล่าเสียหน่อยจ้ะ” ฝ่ามือที่เล็กกว่าของเขาเอื้อมมาจับท่อนแทนเอาไว้เพื่อเป็นหลักยึด “ท่านวศินปล่อยฉันก่อนได้หรือไม่จ๊ะ”

“เจ้ากำลังหลบหน้าข้า…รู้ตัวหรือเปล่า” ผู้มีอำนาจเหนือกว่าไม่ยอมให้ความร่วมมือต่อจำเลย 

เสียงพร่าต่ำก้มกระซิบหลังใบหู...ชิดใกล้จนสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่กำจายอยู่รอบกายตัดกับกระแสน้ำเย็นเฉียบ

เจ้าแก้วตั้งท่าจะตอบโต้กลับแต่แล้วกลับทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าแล้วก้มลงไปดังเดิม มันแอบเม้มริมฝีปากแน่นด้วยเพราะเกรงว่าจะเผลอเผยความรู้สึกบางอย่างออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้

หลบหน้าหรือ...ใช่เสียที่ไหน

มันเพียงแค่รู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะมองหน้าท่านวศินก็เท่านั้น..

เพราะหลังจากที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าจะกลับไปยังเมืองของตนเองจะไม่อยู่ที่นี่ต่อ ในใจก็เกิดความวูบโหวงขึ้นมาจนรู้สึกหวาดกลัวคล้ายกับถูกทิ้งไว้ท่ามกลางหุบเหวลึกที่ไร้ซึ่งหนทางออก...เป็นความรู้สึกเคว้งคว้างที่ตนเองก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าใดนัก

โกรธหรือ...ก็คงไม่ใช่

ทุกอารมณ์มันผสมรวมกันอีรุงตุงนังจนในที่สุดมันก็นึกโกรธตนเองเพียงเพราะต้องยอมรับความรู้สึกบางอย่างที่มันไม่ถูกไม่ควร

...ความรู้สึกคล้ายกับเด็กเอาแต่ใจ...เพียงเพราะว่าไม่อยากให้ท่านวศินกลับไปยังเมืองยักษ์เท่านั้นเอง..

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันยังไม่พร้อมที่จะสู้หน้าอีกฝ่ายเพราะละอายใจเหลือเกิน

แต่นอกจากไม่สามารถที่จะหลบพ้นได้แล้วอีกฝ่ายยังปรากฏตัวตรงหน้าราวกับภาพฝัน ทำให้ตะกอนที่ตกผลึกในใจนั้นกลับมาคละคลุ้งขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วที่สำคัญแม้นมันจะไม่ได้เอ่ยปาก...

แต่นัยน์ตาทรงอำนาจคู่นั้นที่มองลงมาราวกับว่าสามารถอ่านความรู้สึกนึกคิดของมันได้อย่างทะลุปรุโปร่งจนยากที่จะปิดบังได้อีกต่อไป..

    “ฉันเปล่าหลบหน้า...” เสียงประท้วงแผ่วเบาถูกกลืนหายไปเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เคลื่อนลงมารินรดอยู่บริเวณข้างซอกคอ เด็กหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อยามที่ถูกปลายจมูกโด่งกดย้ำลงบนผิวเนื้อ ไล่เรื่อยขึ้นไปจนถึงกกหูก่อนจะวกกลับลงมาที่ลาดไหล่เปลือย

   “ท่านวศิน..” เจ้าแก้วหูดับไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย มันได้ยินเพียงเสียงในอกที่เต้นรัวกระหน่ำอย่างบ้าระห่ำ ก่อนจะรู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีนั้นถูกดูดหายละลายไปพร้อมกับริมฝีปากอุ่นร้อนที่คอยกดประทับอยู่ทั่วผิวเนื้อ

   ...กดจูบย้ำไปมาราวกับผู้ล่าที่กำลังลองลิ้มรสของเหยื่อ

   เก็บกลืนรสของผิวเนื้อบริสุทธิ์จนหวานชุ่มไปทั้งโพรงปาก..

   ขบกัดลาดไหล่ได้รูปด้วยคมเขี้ยวจนได้ยินเสียงร่างในอ้อมกอดร้องประท้วงอย่างอ่อนแรง

   อสุราหนุ่มพลิกกายอีกฝ่ายให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันก่อนฝ่ามือทั้งสองข้างจะประคองใบหน้าอ่อนเยาว์ให้เชิดขึ้น

...เพราะในยามที่อาบน้ำเจ้าแก้วมักจะถอดผ้าพันตาของมันออกจึงทำให้ได้เห็นใบหน้าเต็มดวงที่กำลังขึ้นสีระเรื่อได้อย่างน่าดูชม ประกายรื้นที่ขอบตาแดงก่ำสะท้อนแสงระยับจากมวลหมู่ดาวบนท้องฟ้า ความตื่นตระหนกฉายชัดออกมาผ่านแววตาใสซื่อช่างดูคล้ายกลับลูกกวางตัวน้อย

   ท่าทางเช่นนั้นเรียกรอยยิ้มพอใจให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคร้ามได้อย่างไม่ยากเย็น อุ้งมือใหญ่ที่โอบประคองใบหน้ามนุษย์นั้นค่อยๆเคลื่อนปลายนิ้วเกลี่ยผ่านผิวแก้มชื้นก่อนจะไปหยุดลงที่เรียวปาก

   “แก้ว” เสียงเรียกขานชื่อส่งผลให้เจ้าของชื่อเบิกตากว้างอย่างตื่นตกใจก่อนจะรีบปิดเปลือกตาแน่นเมื่อเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายก้มลงมาหาในระยะประชิด “กำลังโกรธข้าอยู่หรือ”

   “เปล่านะจ๊ะ ฉันไม่ได้..”

   “เช่นนั้นก็อย่าหลับตา”

   “…”

   “แก้ว”

   “จ...จ๊ะ”

   “เจ้าชอบให้ข้าเรียกชื่อเจ้าใช่หรือไม่...เด็กดี”

“…” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ มีเพียงแค่การพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้นแทนคำตอบ

ปลายนิ้วแข็งช้อนเข้าใต้คางก่อนจะดันให้แหงนเงยขึ้น

ไม่รอให้ผู้รับสารได้นึกตรึกตรองประมวลผล เรียวปากก็แนบทับลงไปบนความนุ่มหยุ่นทันที ลิ้นร้อนสอดแทรกตัวเข้าไปในโพรงปากอุ่นอย่างคุ้นเคยก่อนจะค่อยๆไล้ไปตามไรฟันขาวอย่างอ้อยอิ่งจนได้ยินเสียงสะอื้นในลำคอ เจ้าแก้วออกแรงจิกลงบนท่อนแขนแข็งแรงอย่างหลงลืมตัว มันพยายามจะตอบโต้กลับแต่ก็ไร้ผลเมื่อถูกฝ่ายนั้นไล่ต้อนจนมุม

   รู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ลอยขึ้นสูงเหนือผิวน้ำโดยที่ริมฝีปากของทั้งคู่ยังไม่แยกห่างออกจากกัน

   เสียงชื้นแฉะเกิดขึ้นตามแรงอารมณ์ที่ค่อยๆไต่ระดับขึ้นสูง ลูกมนุษย์ที่ถูกอุ้มไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวนั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าเล็กน้อย เจ้าแก้วใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับกดแนบริมฝีปากกลับลงไป

   เจ้าสัตว์ตัวเล็กรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีขบเขี้ยวลงไปที่เรียวปากล่างของอสุราหนุ่มก่อนจะออกแรงกัดทึ้งอย่างไม่รุนแรงมากนักราวกับต้องการเอาคืนที่ถูกรังแกจนได้แผลเมื่อวันก่อน แต่นอกจากคนที่โดนกระทำจะไม่รู้สึกเจ็บแล้วยังหัวเราะชอบใจอยู่ในลำคอ

   วศินอุ้มร่างของอีกฝ่ายเดินสวนกระแสน้ำไปที่โขดหินใหญ่บริเวณใกล้น้ำตกก่อนจะวางเจ้าแก้วให้นั่งลงไป

   ร่างเปลือยเปล่าถูกแสงของดวงจันทร์ฉาบไล้เลียผิวจนนวลตา อสุราหนุ่มทาบทับริมฝีปากลงไปอีกครั้งก่อนท่อนแขนกำยำจะขนาบสองข้างเพื่อกักขังอีกฝ่ายไว้ในอ้อมกอด เสียงชื้นแฉะยังคงดังคลอต่อเนื่อง และในยามที่ใบหน้าคมคร้ามผละออกมาระหว่างกันก็มีเส้นใยใสเชื่อมต่อพร้อมกับความฉ่ำวาวที่เกาะตัวอยู่บนเรียวปากอิ่ม

ปลายจมูกโด่งเคลื่อนต่ำลงมาสูดดมกลิ่นผิวเนื้อบริสุทธิ์ที่ข้างซอกคออุ่นชื้นพร้อมละเลียดเก็บกลืนหยดเหงื่อที่ผุดซึมออกมาคล้ายกับว่ากำลังดูดน้ำหวานจากปลายเกสรดอกไม้

“อื้อ” เจ้าแก้วส่งเสียงร้องทั้งสายตาที่พร่ามัวเมื่อถูกความรู้สึกวาบหวามพุ่งโจมตี

นัยน์ตากวางฉ่ำน้ำจนขอบตาแดงรื้น เสียงเต้นระรัวในอกดังก้องจนปวดแปลบ แต่แล้วลมหายใจก็พลันสะดุดเมื่อถูกอสุราหนุ่มกดจูบลงบนแผ่นอกย้ำๆ ผิวเนื้อถูกดูดดึงขบเม้มจนรู้สึกเจ็บไม่น้อย สัมผัสได้ถึงคมเขี้ยวของยักษ์ที่กัดเน้นบริเวณเนินอกจนเกิดเสียงหยาบโลนน่าอาย

มันตัวสั่นสะท้านไหวจนต้องยกมือขึ้นดันลาดไหล่กว้าง แต่กลับถูกรวบเอาไว้อย่างแน่นหนา

สร้อยตะกรุดถูกปลายนิ้วเกี่ยวรั้งขึ้นก่อนสัมผัสนุ่มนวลจะประทับลงบนบริเวณกลางอก

เด็กหนุ่มก้มลงมองเรือนผมสีเข้มที่ซุกไซร้อยู่ช่วงอกพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบช่วงบ่ากว้างเอาไว้เป็นที่ยึด เจ้าแก้วสอดปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมหนาที่เมื่อเทียบกันแล้วมือของมันดูเล็กลงไปถนัดตาราวกับมือเด็กเล็กที่กำลังโหยหาที่พึ่ง

เรียวขาสองข้างถูกจับแยกออกก่อนร่างสูงใหญ่จะแทรกเข้ามายืนตรงกลาง วศินตระโบมจูบผิวเนื้อเปลือยเปล่าจนทั่วทั้งแผ่นอกสีนวลขึ้นรอยจ้ำแดงช้ำ เรียวปากร้อนไล้เล็มเคลื่อนต่ำลงมาที่แผ่นท้องเนียนกดจูบย้ำไปมาจนเรียกเสียงสะอื้นจากเด็กน้อยได้อย่างน่าสงสาร

อสุราหนุ่มผละออกห่างพร้อมดันร่างที่เล็กกว่าให้นอนราบลงบนแผ่นหิน ก่อนจะตามลงไปทาบทับ

ผิวเนื้อเปลือยเปล่าร้อนระอุแนบชิดกันทุกสัดส่วนไร้ซึ่งช่องว่างให้อากาศได้ลอดผ่าน เจ้าแก้วถูกป้อนจูบอีกครั้งจนสติการรับรู้เลื่อนลอย รู้ตัวอีกทีเรียวขาทั้งสองข้างก็ถูกดันขึ้นมาจนสะโพกลอยเคว้ง บางส่วนที่เริ่มตื่นตัวตามสัญชาตญาณดิบตั้งชันแนบไปกับแผ่นท้องแบนราบ

สัตว์ตัวเล็กตื่นตกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าคมคร้ามเคลื่อนต่ำลงไปอยู่ที่แอ่งสะดือก่อนจะเห็นปลายลิ้นฉกวูบแลบเลียจนเปียกชื้นทั่วทั้งบริเวณ

“อ...อื้อ!” เด็กน้อยหุบขาเข้าเมื่อรู้สึกร้อนวูบบริเวณกลางกาย แต่ทว่าติดที่ช่วงบ่ากว้างขวางกั้นเอาไว้เสียก่อน

แววตาสั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อถูกลมหายใจของอีกฝ่ายเป่ารินรด อสุราหนุ่มกดจูบลงบนแผ่นท้องอีกหนก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่นอนตัวอ่อนได้อย่างน่าเอ็นดู

“เจ้าเคยทำมันหรือไม่” ความหมายแฝงนัยถูกส่งไปให้

เจ้าแก้วที่ปีนี้แม้นจะอายุสิบเจ็ดย่างสิบแปดแล้วแต่กลับไม่เคยที่จะได้แตะต้องเรื่องใต้สะดือมาก่อน มีหลายครั้งที่ได้ฟังจากพวกเพื่อนพี่กล้าคุยโวกันในวงสุรา แต่ตัวมันเองนั้นกลับไม่แม้แต่จะให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้

...ยังไม่เคยถูกผู้ใดแตะต้องเช่นนี้มาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำไป..

เด็กน้อยที่นอนตัวสั่นอยู่ใต้ร่างค่อยๆส่ายหน้าปฏิเสธอย่างช้าๆ ซ้ำใบหน้าอ่อนเยาว์ยังขึ้นสีแดงจัดจนลามไปถึงลำคอ ท่าทางหวั่นวิตกอีกทั้งยังหลบตาให้วุ่นทำให้อสุราหนุ่มนึกเอ็นดูเสียยิ่งกว่าเดิม

เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังในลำคออย่างนึกพอใจก่อนจะก้มลงขบเม้มผิวเนื้ออ่อนจนขึ้นรอยแดงไปทั่วโคนขาเกลี้ยงเกลา ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดอยู่ใกล้ทำให้ร่างข้างใต้สั่นสะท้านก่อนจะหลุดร้องออกมาเมื่อเห็นว่าตัวตนถูกเขาครอบครองเอาไว้ทั้งหมด

“ท่านวศิน!”

เจ้าแก้วตื่นตกใจจนแทบสิ้นสติก่อนเสียงคราเครือในลำคอจะเข้ามาแทนที่เมื่อรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่โอบกระชับอยู่บริเวณกลางกาย

ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคยทำให้มันต้องแอ่นตัวเหยียดโค้งจนเกร็งสะท้าน สองมือทั้งผลักทั้งดันผู้ที่รังแกกันห่างแต่กลับไร้ผล นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่ยอมให้ความร่วมมือแล้วกลับเพิ่มแรงดูดกลืนจนผู้ถูกกระทำมือไม้อ่อนเปลี่ยนจากผลักไสเป็นจิกเล็บเข้ากล้ามเนื้อหนั่นแน่นบริเวณบ่ากว้างเพื่อเป็นหลักยึดเอาไว้แทน

“ฮ..ไม่-” เรียวปากที่เจ่อบวมเพราะถูกบดจูบมาจนชอกช้ำถูกขบกัดเอาไว้เพื่อกลั้นเสียงน่าอาย เจ้าแก้วดิ้นทุรนทุรายราวกับจะขาดใจเมื่อไม่สามารถทัดทานความวูบไหวได้อีกต่อไป ความร้อนที่มากระจุกอยู่ที่บริเวณท้องน้อยทำให้มันตัวสั่นเทิ้มราวลูกนกต้องฝนก่อนจะกระตุกเกร็งสะท้านไหวเมื่อไม่สามารถอดกลั้นความปรารถนาเอาไว้ได้

ทุกหยาดหยดบริสุทธิ์ถูกปลดปล่อยออกมาโดยที่มีอสุราหนุ่มรองรับเอาไว้ในโพรงปากโดยไม่นึกรังเกียจ

ร่างสูงใหญ่ปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระก่อนจะเคลื่อนตัวขึ้นมาคร่อมทับเอาไว้

“ท...ท่านวศิน…ทำไมถึงกิน..มันสกปรก..” เจ้าแก้วเอ่ยท้วงอย่างหมดสภาพ ใบหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นสีแดงจัดคล้ายกับคนจับไข้ ดวงตาปรือปรอยฉ่ำน้ำนั้นหนักอึ้งขึ้นมาเสียดื้อๆ

...เพียงเขาแตะต้องนิดหน่อย เจ้าดอกแก้วดอกนี้ก็ตัวอ่อนราวกับถูกลนด้วยไฟ ซ้ำยังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนโดยที่เจ้าตัวนั้นหาได้รู้สึกตัว

แม้นจะไม่เคยร่วมสัมพันธ์กับผู้ใดมาก่อน...แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าความปรารถนานั้นเป็นเช่นไร

โดยเฉพาะกับคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง...

...ความปรารถนาของเขาที่มีต่อเจ้าแก้วนั้นมีมากล้นเสียจนตนเองยังนึกแปลกใจ...

มากเสียจนสูญเสียความเป็นตัวตนไปจนหมดสิ้น..

“หาได้สกปรกไม่..” เสียงทุ้มพร่าก้มกระซิบข้างใบหู “…เจ้ามันน่ากินไปทั้งตัว” ปลายจมูกโด่งกดลงบนจุดชีพจรก่อนจะสูดดมกลิ่นกายซ้ำไปมา พึมพำไม่หยุดปากราวกับต้องมนต์สะกด

ที่กล่าวมานั้นหาใช่คำหวานเพื่อโอ้โลมและไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยสักนิด

เจ้าแก้วไม่ใช่สตรีก็จริง แต่น่าแปลกที่ทั้งเนื้อทั้งตัวนั้นมีกลิ่นหอมอบอวลแม้นจะมีเหงื่อชื้น คงเพราะเจ้าตัวขลุกอยู่กับพืชสมุนไพรแทบจะตลอดเวลา เลยทำให้มีกลิ่นสะอาดนุ่มจมูกเช่นนี้

วศินค้ำศอกขึ้นมองดูใบหน้าของเด็กน้อยที่กำลังปรือปรอยได้ที่ สองแก้มกลมที่มีเนื้ออยู่มากกำลังขึ้นเลือดฝาดได้อย่างน่าดูชม

แต่ที่ดูสะดุดตามากที่สุดก็คงเป็นรอยบากที่พาดผ่านบริเวณดวงตาข้างซ้าย อสุราหนุ่มปัดปอยผมชื้นเหงื่อขึ้นจนเผยให้เห็นดวงหน้าหมดจด ก่อนริมฝีปากจะกดประทับลงไปบนบาดแผลนั้นอย่างทะนุถนอม เขี้ยวคมขบเม้มบนผิวแก้มอย่างนึกมันเขี้ยวก่อนใบหน้าจะคล้อยต่ำลงไปซุกไซร้ข้างซอกคอชื้นเหงื่ออีกครั้ง

...ยอมรับว่าเขานั้นลุ่มหลงในตัวมนุษย์คนนี้เข้าแล้ว...และยากที่จะถอนตัว..

“หากเจ้าไม่ต้องการ...เพียงแค่เอ่ยปาก...ข้าจะหยุด” ประโยคถูกเว้นด้วยการกดจูบย้ำลงบนลำคอ คำต่อคำ

“…”

“แต่ถ้าไม่...หลังจากนี้ต่อให้ร้องอ้อนวอนขอก็คงไม่เป็นผล”

คราแรกเขาตั้งใจที่จะหยุดเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ ไม่คิดเกินเลย แต่ทว่ากลิ่นกายเย้ายวนที่ถูกอบร่ำไปด้วยเสน่หากลับทำให้ความตั้งใจนั้นเริ่มสั่นคลอน สันกรามถูกขบจนนูนเมื่อจู่ๆเด็กน้อยใต้ร่างก็วาดแขนออกมากอดรอบคอเขาเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงรั้งจนทั้งร่างแทบล้มทับถ้าหากไม่ยั้งกายเอาไว้ก่อน

...นี่จะถือว่าเป็นคำตอบ

เจ้าแก้วซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างอย่างออดอ้อนเพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบหายไปจนหมดสิ้น แต่แล้วกลับต้องลมหายใจสะดุดเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุที่ทาบทับลงมาบนแผ่นท้อง เพียงเท่านั้นทั้งเนื้อทั้งตัวก็เย็นเฉียบเมื่อรู้สึกว่าเจ้าสิ่งนั้นกำลังเบียดแนบชิดบริเวณท้องน้อย

...และเมื่อเทียบความต่างของขนาดแล้วทำเอาสันหลังมันเย็นวาบขึ้นมาในบัดดล

“แก้ว...อย่าขยับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่ามันพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ทว่ายิ่งหนีก็ยิ่งไปกระตุ้นให้บางสิ่งบางมันรู้สึกเสียยิ่งกว่าเก่า

“มัน...มันร้อน..” เด็กน้อยมีสีหน้าวิตกกังวลเพราะบริเวณนั้นมันช่างร้อนจัดราวกับถูกเหล็กหลอมลวกผิวเนื้อ

“เจ้าหมายถึงอะไร” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเล็กน้อย แต่แล้วคำตอบที่ได้ยินกลับทำเอาจอมทัพอสุราถึงกับนิ่งค้างไปชั่วขณะ

“ต...ตรงส่วนนั้นของท่านวศิน...มัน...มันร้อ- อื้อ” ไม่ทันได้พูดจบประโยคริมฝีปากก็ถูกปิดทับแนบสนิท แต่ครั้งนี้ช่างรุนแรงเสียจนรู้สึกเจ็บเมื่อถูกคมเขี้ยวบาดเข้าที่มุมปาก เสียงทุ้มต่ำที่คราเครืออยู่ในลำคอคลอแผ่วราวกับต้องการสะกดกลั้นอารมณ์เบื้องต่ำเอาไว้

วศินถอนจูบออกก้มลงประทับเรียวปากบนหน้าผากชื้นเหงื่อแต่แล้วกลับต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อสัมผัสได้ว่ากลางกายของตนถูกกอบกุมเอาไว้ สัมผัสอุ่นนุ่มจากอุ้งมือเล็กทำให้เขาต้องขบกรามจนขึ้นสันนูน

การขยับอย่างเก้กังไม่ประสาทำเอาอสุราหนุ่มต้องยืดกายขึ้นก่อนจะดึงร่างของอีกฝ่ายขึ้นมานั่ง ฝ่ามือใหญ่ดึงมือที่เล็กกว่ามากอบกุมบริเวณกลางกายของตนอีกครั้ง แต่ครานี้เนื่องจากได้ประจันหน้าโดยไร้สิ่งใดบดบังก็ทำเอาเจ้าแก้วนิ่งค้างจนตัวแข็งทื่อ

...ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นของผู้อื่นมาก่อน...ปกติเวลาอาบน้ำร่วมท่ากับพวกพี่กล้ามันก็เห็นจนชินตาแล้ว

แต่ทว่าลืมนึกไปเสียสนิทว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นหาใช่มนุษย์เฉกเช่นตน...ขนาดร่างกายที่ใหญ่โตมากกว่าเท่าตัวจึงทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งร่าง

บางสิ่งบางอย่างที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าแผ่กลิ่นอายน่าหวั่นเกรงจนลำคอนั้นแห้งผาก มันดูแข็งกร้าวน่าหวาดหวั่นคล้ายกับว่ามันนั้นมีชวิต..

จังหวะมือที่กอบกุมอยู่รอบกายใหญ่ค่อยๆขยับเคลื่อนไหวอย่างเก้กัง เจ้าแก้วช้อนตาขึ้นมองราวกับกำลังตั้งคำถามว่าสิ่งที่มันทำนั้นทำให้ท่านวศินรู้สึกพึงพอใจหรือเปล่า

เพราะอีกฝ่ายอุตส่าห์ช่วยปลดปล่อยความอึดอัดในร่างกายให้...มันจึงอยากตอบแทนบ้างก็เท่านั้น

ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มต่ำคราเครือในลำคอมันก็ยิ่งเร่งจังหวะและลงน้ำหนักมืออย่างย่ามใจ

...รู้ตัวอีกทีก็ถูกดันให้นอนราบลงไปบนแผ่นหินก่อนจะถูกทาบทับลงมาจนรู้สึกได้ถึงไอร้อนระอุที่แผ่กระจายอบอวลอยู่รอบกายสูงใหญ่

ริมฝีปากที่บวมช้ำถูกประกบจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผิวเนื้อเปลือยเปล่าปรากฏรอยแดงเป็นจ้ำกระจายทั่ว

อสุราหนุ่มก้มตัวลงต่ำแต่ครั้งนี้กลับดันเรียวขาทั้งสองข้างขึ้นไปชิดแนบอกพร้อมลากลิ้นผ่านผิวเนื้อช่วงโคนขาลงมาต่ำจนถึงบางจุดที่ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตัวโยนเมื่อถูกเรียวลิ้นชื้นพยายามดุนดันแทรกแซงเข้ามาในกาย

“ต...ตรงนั้น อ..ไม่ มัน อื้อ!” เจ้าแก้วหลับตาแน่นเมื่อถูกปลายนิ้วใหญ่กดลงน้ำหนักบริเวณปากทางแล้วนวดคลึงอย่างเอาอกเอาใจ ความรู้สึกวูบไหวทำให้ต้องหดแผ่นท้องจนเกร็ง

“...ส่วนนี้” ลงน้ำหนักจนสามารถแทรกเข้าไปได้เกินครึ่งข้อนิ้ว “ถ้าไม่ทำให้คุ้นชิน...เจ้าจะเจ็บ”

เพียงแค่นิ้วเดียวก็สร้างความเจ็บปวดให้กับเด็กหนุ่มอย่างสุดแสน

ข้อนิ้วแข็งหยาบกร้านเพราะผ่านการจับศาสตราวุธจนคุ้นชินพยายามที่จะไม่ลงแรงให้อีกฝ่ายนั้นรู้สึกทรมาน แต่ทว่าความอุ่นนุ่มที่โอบรัดทำให้เขาต้องขบกราบแน่นจนเป็นสันนูนเพื่อหักห้ามใจตนเองไม่ให้เร่งรัดรังแกไปมากกว่านี้

เพราะรู้ดีว่าขนาดตัวของเขาและเจ้าสัตว์ตัวเล็กนั้นแตกต่างกันมากเพียงใด...หากรีบร้อนไม่ระมัดระวังแล้วละก็อีกฝ่ายคงทรมานไม่น้อย

ปลายนิ้วเริ่มขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากร้อนรุ่มกดจูบลงบนแผ่นท้องแบนราบและโคนขาสลับไปมาเพื่อดึงความสนใจ เมื่อได้ยินเสียงคราเครือแผ่วเบาในลำคอก็เริ่มกดลึกพร้อมเร่งจังหวะขึ้น เจ้าแก้วนอนบิดกายเร่าเพราะความรู้สึกเจ็บเสียดของสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกประหลาดที่คล้ายกับว่ากำลังร่วงหล่นลงจากที่สูง มันก้มลงมองอสุราหนุ่มที่เล้าโลมส่วนล่างอย่างใจเย็นแล้วก็รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า

..เพราะท่านวศินในตอนนี้..แปรเปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง...

ทั้งสายตาร้อนรุ่มยามที่เงยหน้าขึ้นมาสบตา น้ำเสียงทุ้มพร่าที่คอยกระซิบโอ้โลมข้างใบหูและร่างกายกำยำที่ขยับขับเคลื่อนอย่างเป็นธรรมชาติ

...ไม่เห็นจะเหมือนผู้ที่ถือครองพรหมจรรย์อย่างที่บอกกับท่านนคินเลยสักนิด..

“รู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือไม่” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามในตอนที่ถอดถอนนิ้วออกมาจากกายอุ่น เจ้าของร่างหลงร้องออกมาเมื่อรู้สึกวูบโหวงส่งผลให้อสุราหนุ่มต้องขบเขี้ยวลงบนปลีน่องเกลี้ยงเกลาอย่างนึกมันเขี้ยวกับท่าทียั่วเย้าราคโดยไม่รู้ตัวของอีกฝ่าย

...ทั้งๆที่เมื่อก่อนถูกนางยักษ์รูปงามหลายตนหว่านเสน่ห์มาให้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่นึกหวั่นไหวเพียงกระผีก

แต่ท่าทีของลูกมนุษย์ที่นอนน้ำตารื้นหายใจหอบจนใบหน้าแดงก่ำนั้นกลับปลุกสัญชาตญาณดิบที่ถูกเก็บไว้ใต้เบื้องลึกของจิตใจได้เป็นอย่างดี

..น่าขย้ำข่มเหงรังแกให้ร้องห่มร้องไห้ยิ่งนัก...

เจ้าแก้วส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเชื่องช้าก่อนเรียวขาทั้งสองข้างจะถูกดันขึ้นอีกครั้งโดยมีฝ่ามือใหญ่รองข้อพับขาเอาไว้ สะโพกได้รูปยกเหนือพื้นจนบั้นท้ายลอยเด่น อสุราหนุ่มก้มลงจูบซับลงบนผิวเนื้อเนียนพร้อมกับฝังเขี้ยวจนขึ้นรอยจ้ำทั่วบั้นท้ายกลมกลึง

เจ้าตัวน้อยสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกได้ถึงเรียวลิ้นที่ค่อยๆสอดแทรกเข้ามาภายในกายอีกหนและครั้งนี้มันก็เข้ามาได้ลึกกว่าเก่า

เสียงเฉอะแฉะยามที่อีกฝ่ายกระดกลิ้นพลิกแพลงไปมาในตัวทำให้มันหลุดเสียงร้องออกมาอย่างไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างเลื่อนลงมากอบกุมหนั่นเนื้อกลมกลึงไว้มั่นก่อนจะบีบขย้ำพร้อมดันเปิดให้เรียวลิ้นสามารถลุกล้ำเข้าไปได้มากยิ่งขึ้น

เรียวขาสองข้างพยายามหุบเข้าหากันเพื่อปกป้องตนเอง...แต่ทว่ากลับถูกพันธนาการแน่นหนายึดเอาไว้มั่น

“ฮ...ไม่! ท่าน..วศิน อื้อ!” เด็กน้อยร้องอย่างขวัญเสียเมื่อรู้สึกได้ถึงปลายลิ้นร้อนที่เข้ามาสัมผัสโดนบางจุดในร่างกาย



(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
เจ้าแก้วเกร็งสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะปลดปล่อยความทรมานออกมาอีกครั้ง ความรู้สึกแล่นปราบทำให้สมองขาวโพลนไปชั่วขณะ แต่แล้วความวูบโหวงกลับเริ่มเข้ามาแทนที่เมื่ออีกฝ่ายถอนใบหน้าออกมาจากกลางหว่างขา มันนอนมองตาปรือปรอยด้วยความเหนื่อยอ่อนผ่านม่านน้ำตาที่เกาะแพขนตาจนเปียกชุ่ม

..และแล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้รู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งตัวจนลำคอแห้งผาก

อสุราหนุ่มที่ยืดตัวยืนตรงกำลังใช้มือรูดรั้งส่วนกลางกลายอย่างเนิบนาบทั้งที่สายตายังคงจดจ้องมองลงมา

กล้ามเนื้อหนั่นแน่นทั่วร่างกายใหญ่โตนั้นเกร็งเครียดขมึงไปทุกส่วนสัด เส้นเลือดที่ปูดโปนทั่วเรือนกายดูน่าหวาดหวั่นจนมันนึกกลัว

..โดยเฉพาะส่วนกลางกายที่ใหญ่โตเสียจนมีขนาดราวกับท่อนแขนของมันเสียด้วยซ้ำไป...

   เพราะมัวแต่ตกตะลึงจนขวัญเสีย รู้ตัวอีกทีบริเวณท้องน้อยก็รับรู้ได้ถึงความร้อนจัดที่ทาบทับลงมา เจ้าแก้วเสหน้าหลบออกไปอีกทางเมื่อถูกเจ้าส่วนนั้นถูไถอยู่บนแผ่นท้อง ขนาดของมันใหญ่เกินกว่าที่จะจินตนาการว่าตัวมันจะสามารถรับรองเอาไว้ได้หมด

   ...หากเปลี่ยนใจตอนนี้จะทันหรือเปล่า

   แต่แล้วความอุ่นร้อนที่ย้ายลงมาแนบชิดกับบั้นท้ายทำให้เจ้าแก้วรีบหลับตาปี๋ มันลมหายใจสะดุดเมื่อรับรู้ได้ว่าบริเวณปากทางถูกอีกฝ่ายใช้ส่วนปลายที่ร้อนจัดนวดคลึงไปมาอย่างอ้อยอิ่ง ความร้อนรุ่มจากกายใหญ่แผ่ซ่านผ่านแนวกระดูกสันหลังขึ้นไปยังก้านสมอง ความรู้สึกเจ็บราวกับถูกฉีกทึ้งแล่นโจมตีทันทีเมื่ออสุราหนุ่มค่อยๆกดย้ำกายใหญ่เข้ามา

แม้นจะเป็นแค่เพียงส่วนปลายเท่านั้นแต่กลับสร้างความร้าวรานให้กับมนุษย์ตัวน้อยอย่างสุดแสน

เจ้าแก้วกัดริมฝีปากจนซีดเซียวพร้อมทั้งกลั้นเสียงสะอื้นที่ตีรวนขึ้นมาในลำคอ...ตั้งแต่เล็กจนโตมันไม่เคยได้ลิ้มรสความทรมานเช่นนี้มาก่อน

   เนื้อตัวพลันเย็นเฉียบเมื่อกายใหญ่ส่วนปลายผลุบหายเข้ามาในร่าง หยาดเหงื่อผุดพรายขึ้นข้างขมับตัดกับผิวเนื้อ รอยแผลที่ข้างมุมปากปริแตกจนเลือดซึมออกมาเพราะเจ้าตัวเอาแต่กัดย้ำไปมาเพื่อระบายความเจ็บ

   “แก้ว...อย่ากัด” วศินเอื้อมมือลงไปลูบไล้ปลอบโยนข้างใบหน้าอ่อนเยาว์ก่อนจะสอดปลายนิ้วให้อีกฝ่ายกัดเอาไว้แทน

   ...ตัวเขาเองก็รู้สึกทรมานไม่ต่างกันเลยสักนิด

   ภายในร่างกายอุ่นโอบรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ อสุราหนุ่มผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆก่อนจะโน้มตัวลงไปป้อนจุมพิตอ่อนหวานเพื่อหวังที่จะคลายความเจ็บปวดให้

   “ท...ท่านวศิน” เจ้าแก้วส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมเปียกชื้นแผ่กระจาย สองมือยกขึ้นจับยึดบ่ากว้างเอาไว้อย่างไร้ซึ่งหนทาง เสียงคราเครือดังต่ำอยู่ในลำคอไม่ขาดสาย “...ห้ามเข้ามาหมด..อ..เอาเข้ามาหมดไม่ได้..อื้อ!” มันสะอื้นจนตัวโยนเมื่อรู้สึกเจ็บชาตามแนวสันหลังยามที่อีกฝ่ายขยับเคลื่อนตัว ร่างกายภายในรู้สึกปวดร้าวรานกับถูกแรงมหาศาลฉีกทึ้งออกจากกัน

   ..ไม่ไหว

   มันมากเกินไป...มากเกินกว่าที่จะรับได้ทั้งหมด..

   “...เจ็บมากหรือ” อสุราหนุ่มประคองใบหน้าได้รูปไว้พร้อมพรมจูบอย่างอ่อนโยนพร้อมกับแนบหน้าผากเข้าหาหน้าผากชื้นเหงื่อ “ข้าขอโทษ”

   ไม่คิดว่าขนาดตัวที่ต่างกันจะสร้างความทรมานให้อีกฝ่ายได้มากถึงเพียงนี้

   วศินหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างโดยไม่สนว่าส่วนกลางกายที่ผลุบหายเข้าไปในร่างมนุษย์ตัวน้อยจนเกือบครึ่งจะทรมานแค่ไหน และถึงแม้นว่าภายในกายอุ่นจะทำให้รู้สึกดีเจียนจะคลั่งก็ตาม

...และน้ำตาของอีกฝ่ายนั้นสามารถดึงรั้งสติไว้ได้เป็นอย่างดี

เจ้าแก้วพยักหน้ายอมรับอย่างไม่คิดปิดบังเมื่อรู้สึกเจ็บปวดเกินจะทนไหว แต่เพราะอสุราหนุ่มไม่ฝืนบังคับตนเองซ้ำยังคอยจูบซับปลอบโยนทั่วร่างกายมันจึงอดทนอดกลั้นเพราะอยากจะมอบความสุขตอบแทนให้อีกฝ่ายบ้าง

นัยน์ตาสีอ่อนมองเรือนกายสูงใหญ่ที่อยู่ด้านบนตลอดเวลา แม้นช่วงล่างจะยังเชื่อมต่อกันอย่างแนบชิดแต่ทว่าเรียวปากร้อนจัดกลับก้มลงพรมจูบทั่วร่างอย่างอ่อนโยน

สัมผัสอุ่นชื้นแตะลงที่หลังใบหูซ้ายขวาไล่ต่ำลงมาซุกไซร้ข้างซอกคอชื้นเหงื่อที่บัดนี้ปรากฏรอยจ้ำเลือดและรอยฟันคมที่ขบกัดลงมาอย่างไม่คิดที่จะออมแรง แม้แต่แนวลาดไหล่และแผ่นอกเนียนลามไปจนถึงแผ่นท้องแบนราบก็ไม่เว้น ใบหน้าคมคร้ามแวะเวียนขบกัดอยู่บริเวณโคนขานานเป็นพิเศษ คราบเปียกชื้นทิ้งตัวเอาไว้พร้อมทั้งรอยนิ้วมือขนาดใหญ่อสุราหนุ่มช้อนเรียวขาข้างหนึ่งขึ้นมาก่อนจะกัดเข้าปลีน่องจนขึ้นรอยเขี้ยวคม

“ผิวเจ้ามันน่ากัดให้จมเขี้ยว” เสียงพึมพำแผ่วเบาแต่กลับดังชัดในความรู้สึก

เจ้าแก้วนอนมองท่าทีทั้งหมดด้วยเสียงที่เต้นอึกกะทึกอยู่ในอกจนหูดับตาพร่ามัวเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นประคองฝ่าเท้ามันเอาไว้ก่อนจะกดริมฝีปากแนบลงไปบนหลังเท้าและข้อเท้าก่อนจะใช้คมเขี้ยวขบกัดจนขึ้นรอย

เรียกได้ว่าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า...ไม่มีส่วนไหนเลยที่ริมฝีปากและเขี้ยวคู่นั้นจะไม่ลากผ่านและฝากฝังรอยเอาไว้

จากความทรมานเริ่มมีความรู้สึกแปลกประหลาดซึมแทรกเข้ามายามที่บางสิ่งบางอย่างในร่างกายนั้นเคลื่อนขยับ ความวาบหวามที่แล่นปราบไปทั่วร่างเริ่มทำให้เจ้าแก้วอยู่ไม่สุข มันก้มลงมองแผ่นท้องของตนเองที่บริเวณท้องน้อยนูนขึ้นเป็นรูปร่างของบางสิ่งบางอย่าง แม้นจะเลือนรางแต่ยามที่อีกฝ่ายขยับตัวกลับรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวที่ดุนดันหน้าท้องราวกับว่ามันนั้นมีชีวิต

มือของมนุษย์เอื้อมไปกอบกุมฝ่ามือใหญ่เอาไว้มั่นก่อนจะดึงลงมาวางบนแผ่นท้องที่ขึ้นรูปของตน นัยน์ตากวางรื้นน้ำช้อนขึ้นมองผู้มีอำนาจเหนือกว่าราวกับว่ากำลังอ้อนวอนขอความเมตตา เพียงเท่านั้นก็ทำให้ทั่วทั้งร่างของอสุราหนุ่มร้อนวูบด้วยความปรารถนาที่กำลังเผาไหม้  สันกรามถูกขบกัดเกร็งแน่นเมื่อใกล้หมดความอดทน

เจ้าสัตว์ตัวเล็กมันกำลังเว้าวอนขอความเห็นใจ...แต่หารู้ไม่ว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นช่างยั่วเย้าอารมณ์ดิบให้ลุกโหมกระพือขึ้นอย่างรวดเร็ว

สองมือช้อนรั้งเข้าใต้สะโพกมนจนตัวลอยหวือก่อนจะจัดการยกขาข้างหนึ่งขึ้นแนบไว้ที่ข้างบั้นเอวสอบ ส่วนอีกข้างถูกนำมาวางประทับไว้บนแผ่นอกกว้างกำยำดั่งหินผา

วศินลงน้ำหนักจนกลางกายสามารถเข้าไปได้ลึกมากยิ่งขึ้น ก่อนจะค่อยๆขยับสวนสะโพกอย่างเนิบนาบไม่รีบร้อน ความอุ่นร้อนบีบรัดแน่นราวกับจะหลอมละลายให้หลอมรวมเป็นหนึ่ง เสียงร้องครวญครางแหบพร่าของเด็กหนุ่มดังคลอขึ้นพร้อมเสียงสะอื้นยามที่เขาเริ่มออกแรงกระแทกกระทั้นอย่างหยาบโลน หน้าขาแข็งแรงกระทบเข้ากับบั้นท้ายเนียนจนเกิดรอยแดงเป็นปื้น ด้วยความต่างของขนาดตัวและพละกำลังที่มีมากเกินจึงทำให้อสุราหนุ่มไม่สามารถที่จะออกแรงได้มากนัก

เรี่ยวแรงมหาศาลถูกนำไประบายกับสิ่งอื่นรอบกายแทนเพียงเพราะว่าไม่อยากจะทำให้ร่างในอ้อมกอดต้องเจ็บตัว ก้อนหินที่วางอยู่ใกล้ถูกอุ้งมือใหญ่คว้ามาเป็นหลักยึด แต่เพียงไม่นานหินแกร่งกลับแตกละเอียดเป็นเศษคมจนบาดมือ สันหมัดถูกกำจนเส้นเลือดปูดโปน เสียงทุ้มต่ำราวสัตว์ใหญ่คำรามกร้าวในลำคอก้องกังวาน

ปลีน่องเกลี้ยงเกลาถูกคมเขี้ยวขบกัดซ้ำรอยเดิมครั้งแล้วครั้งเล่าจนมีบางจุดเลือดไหลซึมออกมา แต่ทว่าเจ้าตัวนั้นไม่ทันได้รู้สึกเพราะถูกปรนเปรอจนสติการรับรู้เลื่อนลอย

กายใหญ่ที่สอดลึกกระแทกกระทั้นเข้าไปถูกบางจุดยิ่งทำให้เจ้าแก้วตัวสั่นเทิ้มและร้องออกมาจนลืมความอับอายไปชั่วขณะหนึ่ง

“เจ้าตัวเล็ก...เบาเสียงหน่อย” รอยยิ้มบางเบากดลึกข้างมุมปากอย่างนึกเอ็นดู ซ้ำยังใช้สรรพนามใหม่เรียกเพื่อกระตุ้นเร้าให้อีกฝ่ายได้รู้สึกอับอาย

แล้วก็ได้ผลอย่างที่คิดเมื่อถูกมือทั้งสองข้างที่หนักราวปุยนุ่นประทุษร้ายบนแผ่นอก มันทั้งจิกและข่วนจนเลือดซิบแต่กลับไม่ระคายผิวเลยแม้แต่น้อย

...ช่างเหมือนกระรอกป่าเสียจริง

...ตอนติดสัดนั้นมักจะดุร้ายเป็นพิเศษ..

คำพูดโอ้โลมที่ถูกกระซิบข้างใบหูทำให้เจ้าแก้วใบหน้าแดงเถือกไปถึงลำคอเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำเหล่านี้หลุดออกมาจากปากของอสุราหนุ่ม

เสียงทุ้มพร่าแหบต่ำที่พร่ำบอกไม่ขาดปากว่าในตัวมันนั้นดีเพียงใด...แม้นหยาดเหงื่อก็ยังหวานลิ้น

รวมไปถึงสายตาร้อนรุ่มที่จ้องมองมาราวกับต้องการที่จะกลืนกินเข้าไปทั้งเนื้อตัว

เวลาล่วงเลยผ่านจนเจ้าแก้วไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อกรด้วยได้อีกต่อไป เพียงแค่ปล่อยให้ร่างกายโยกไหวไปตามแรงขับเคลื่อนของผู้นำจนใกล้ถึงฝั่งฝัน เสียงคราเครือทุ้มเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแหบแห้ง เด็กหนุ่มคล้องแขนรอบลำคอแกร่งไว้พร้อมกับซุกหน้าเข้าแผ่นอกกว้างอย่างต้องการที่พึ่ง ความร้อนรุ่มราวกับท่อนไฟร้อนลวกช่องท้องจนหลอมละลาย เสียงหอบหายใจของอสูรและมนุษย์ดังประสานกันกลางความเงียบสงบของผืนพนากว้าง

การร่วมสังวาสข้ามเผ่าพันธุ์มีเพียงท้องนภากว้างและผืนธรณีกับดวงจันทราเท่านั้นที่เป็นสักขีพยานในค่ำคืนนี้

   สะโพกสอบขยับเคลื่อนไหวรุนแรงจนร่างข้างใต้นั้นแผ่นหลังเสียดสีไปกับพื้นหินจนขึ้นรอย วศินสอดท่อนแขนเข้าไปรองรับน้ำหนักตัวเอาไว้แทนทั้งหมด เพียงไม่นานเจ้าแก้วก็หลุดร้องครวญครางก่อนที่ร่างทั้งร่างจะสะท้านไหว ของเหลวที่พวยพุ่งออกมาเปื้อนเปรอะหน้าท้องของทั้งคู่ถูกใครบางคนปาดขึ้นมาก่อนจะส่งเข้าปากไปและกลืนกินไม่ให้เหลือแม้นแต่หยาดหยดเดียว อสุราหนุ่มแลบลิ้นเลียมุมปากเพื่อเก็บคราบคาวราวกับมันเป็นสุราชั้นดีนุ่มลิ้น

   ...เจ้าดอกแก้วดอกนี้รสชาติดีไปทั้งตัว

   ยิ่งได้ลิ้มรสก็ยิ่งหวานลิ้นจนยากที่จะหยุดยั้ง..

   อยากจะเก็บกลืนเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

...หวงแหนแม้กระทั่งแสงจันทร์ที่ตกกระทบลงมาบนผิวเนื้อนวล

   เสียงทุ้มต่ำคำรามในลำคอก่อนที่ทุกอย่างจะมาถึงจุดสิ้นสุด กระแสอุ่นร้อนพวยพุ่งเข้าไปในช่องท้องของมนุษย์จนท่วมท้นล้นเปรอะออกมาตามโคนขาเกลี้ยงเกลาผสมกับหยดโลหิตเจือจาง

   เสียงหายใจหอบหนักคล้ายสัตว์ใหญ่ใช้เวลาอยู่เพียงครู่จึงกลับมาเป็นปกติดังเดิม อสุราหนุ่มอุ้มร่างในอ้อมกอดขึ้นมาไว้แนบอกก่อนจะก้มลงประกบเรียวปากแนบแน่น เสียงชื้นแฉะดังคลอยามที่พยายามดูดกลืนและล่วงล้ำอีกฝ่ายจนหายใจตามไม่ทัน

เจ้าแก้วที่นอนนิ่งอย่างไร้เรี่ยวแรงในอ้อมกอดถึงขนาดที่ไม่สามารถต้านทานความอ่อนเพลียไว้ได้ อีกทั้งร่างกายนั้นยังรู้สึกชาจนไม่สามารถขยับเคลื่อนกายได้ตามใจนึก วงแขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งก่อนจะเอียงหน้าซบบนลาดไหล่กว้างอย่างสิ้นฤทธิ์ แก้มแดงปลั่งที่ชื้นเหงื่อส่งไอร้อนออกมาจนอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปสูดดมกลิ่นประจำกายเจ้าตัวอีกครั้ง...และอีกครั้งอย่างไม่รู้จักพอ

เมื่อได้รังแกจนพอใจกายใหญ่จึงค่อยถอดถอนตัวตนออกอย่างเชื่องช้า ความวูบโหวงที่สอดแทรกเข้ามาแทนที่ความรู้สึกคับแน่นหน้าท้องทำให้เด็กน้อยในอ้อมกอดผวากอดรัดเขาแน่นขึ้น ถ้อยคำออดอ้อนที่เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบทุ้มเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากจอมทัพอสุราได้เป็นอย่างดี

วศินอุ้มร่างของมนุษย์ขึ้นแนบอกพร้อมกับพาเดินกลับเข้าไปที่ฝั่ง ผ้านุ่งที่วางไว้บนโขดหินถูกนำมาสวมทับเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ส่วนอีกผืนก็ถูกนำมาห่อหุ้มร่างกายของคนในอ้อมกอดเอาไว้อย่างมิดชิด

เมื่อก้มลงมองก็ได้พบว่าเด็กน้อยในอ้อมกอดของตนนั้นสลบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อสุราหนุ่มจ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ขึ้นสีระเรื่อยามที่ถูกแสงนวลของจันทราฉาบทับลงมากอปรกับท่าทีอ่อนเพลียเช่นนี้ยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูน่าทะนุถนอมมากยิ่งขึ้น

ใบหน้าคมคร้ามก้มลงประทับจูบบนหน้าผากเนียนเกลี้ยงก่อนจะกระชับวงแขนกอดคนของตนแล้วพาเดินกลับไปยังถ้ำที่พักพิง..





แสงนวลจากกองไฟที่กระจายตัวอยู่ภายในโถงถ้ำได้ปลุกให้ใครบางคนรู้สึกตัวตื่น เจ้าแก้วค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นทีละนิดเมื่อรู้สึกหนักอึ้งและปวดบริเวณกระบอกตาทั้งสองข้างลามขึ้นมาถึงข้างขมับ มันหยุดตั้งสติอยู่เพียงครู่ก่อนจะได้รู้ว่าตนนั้นนอนอยู่บนร่างของอสุราหนุ่มพร้อมทั้งถูกตระกองกอดเอาไว้อย่างแน่นหนาจนผิวเนื้อแนบชิดกันไปทุกส่วน

...ซ้ำเนื้อตัวยังเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ไร้ซึ่งอาภรณ์ผืนใดมาขวางกั้น

เด็กหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกประหม่าอย่างสุดแสน มันตั้งท่าจะขยับกายลุกออกห่าง แต่ทว่าเพียงแค่ขยับกลับรู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่างราวกับกระดูกระเดี้ยวแตกเป็นผุยผง ความรู้สึกระบมช่วงล่างแล่นปราบขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลังจนถึงท้ายทอยรู้สึกเจ็บจนทั่วเนื้อตัวนั้นชาไปหมด

..โดยเฉพาะบริเวณส่วนที่ถูกกายใหญ่ลุกล้ำเข้ามา เพียงแค่หุบขาเข้าหากันความเจ็บก็แผลงฤทธิ์จนต้องล้มตัวลงนอนอย่างหมดท่า

แต่น่าแปลกที่บริเวณส่วนนั้นไม่ได้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะเท่าที่ควร เพราะความทรงจำครั้งสุดท้ายมันจดจำได้ว่าภายในช่องท้องนั้นเต็มไปด้วยความอุ่นร้อนจนคับแน่น อีกทั้งยังไหลย้อนออกมาเปื้อนเปรอะเต็มเรียวขา

..คล้ายกับว่าถูกทำความสะอาดจนเรียบร้อยหมดจนอย่างไรอย่างนั้น..ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นผู้ที่ลงมือทำให้

คิดได้เพียงเท่านั้นใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ร้อนวูบลามไปจนถึงใบหู

มันเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคร้ามที่กำลังตกอยู่ในห้วงนิทราเพียงครู่พร้อมยกฝ่ามือขึ้นลูบแผ่วเบาก่อนจะยืดกายไปประทับจูบลงบนสันกรามได้รูปและเลื่อนไปยังริมฝีปากร้อนรุ่มที่คอยป้อนจุมพิตหวานล้ำให้แก่กันตลอดทั้งค่ำคืนที่ผ่านมา

เรียวคิ้วได้รูปของอสุราหนุ่มขมวดมุ่นเพียงนิดราวกับนึกรำคาญที่ถูกรบกวนในความฝันก่อนจะคลายปล่อยอ้อมกอดออก เมื่อได้โอกาสเจ้าแก้วก็พยุงตัวขึ้นอย่างระมัดระวังแล้วย้ายลงมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเรือนกายใหญ่โต มันสังเกตเห็นว่าตามเนื้อตัวท่านวศินนั้นมีรอยเลือดที่แห้งจนเกาะตัวเป็นคราบหลงหรืออยู่

...ทุกรอยคือรอยที่มันใช้เล็บจิกข่วนผิวเนื้อของอีกฝ่ายทั้งสิ้น

เด็กหนุ่มมองไปรอบโถงถ้ำอย่างใช้ความคิดก่อนจะสะดุดตากับตลับยาที่วางทับไว้บนย่าม เจ้าแก้วคว้าผืนผ้านุ่งขึ้นมาห่อคลุมกายเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ หมายจะลุกเดินไปหยิบตลับยามาทาแผลให้ท่านวศินด้วยความหวังดี แต่ทว่ายังไม่แม้แต่ที่จะได้ลุกขึ้นยืนทั้งตัวก็ถูกเรี่ยวแรงมหาศาลรวบกอดเอาไว้ก่อนจะดึงจนตัวมันเซล้มทับลงบนหน้าตักของอีกฝ่าย แรงกระเทือนไม่น้อยส่งผลให้เจ้าแก้วหลุดร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“จะไปไหน” เสียงแหบพร่าที่พูดอยู่เหนือหัวเอ่ยถามก่อนใบหน้าคมเข้มจะซุกซบเข้าที่บริเวณหลังคอ  ลมหายใจอุ่นรินรดเป็นจังหวะคงที่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายนั้นยังคงไม่ตื่นเต็มที่สักเท่าใดนัก “..ตื่นมาทำอะไรดึกดื่น”

“คือ...ฉัน..” เจ้าแก้วพูดจาตะกุกตะกักไม่เต็มเสียงเพราะรู้สึกได้ถึงแรงดูดที่บริเวณผิวเนื้อหลังคอ “ฉัน...จะไปเอายามาทาให้ท่านวศินจ้ะ” พูดจบก็เผลอร้องอุทานออกมาเล็กน้อยเมื่อถูกเขี้ยวคมขบกัดเข้าที่ซอกคอและที่ลาดไหล่ย้ำๆ

“ไม่ต้อง…กอด..เจ้า” อีกฝ่ายพูดจางึมงำจนเจ้าแก้วต้องเอี้ยวหน้าไปฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

“อะไรหรือจ๊ะ”

“อยากนอนกอด...เจ้า” น้ำเสียงแผ่วเบากลืนหายไปในอากาศคล้ายคนละเมอเพ้อพกแต่ทว่ากลับชัดเจนในความรู้สึกของเด็กหนุ่ม

เจ้าแก้มทอยิ้มเบาบางพร้อมกับเอี้ยวตัวกลับไปวาดแขนโอบรอบคออสุราหนุ่มเอาไว้ก่อนจะออกแรงโน้มให้ใบหน้าคมเข้มซุกซบลงมาบนอก วศินโอบกระชับร่างในอ้อมกอดเอาไว้แน่นราวกับต้องการตักตวงช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด อสุราหนุ่มอุ้มร่างของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะล้มตัวนอนบนพื้นดังเดิมโดยมีลูกมนุษย์ตัวน้อยนอนทาบทับอยู่บนตัว ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าสู่ห่วงนิทราไปตามกัน





เสียงนกที่ออกหากินในยามรุ่งสางดังแว่วลงมาให้ได้ยิน แสงอาทิตย์บางส่วนที่ทะลุลงมาจากช่องแสงปลุกให้ร่างสูงใหญ่ตื่น ก่อนจะได้พบว่ามีใครบางคนนอนซุกอยู่บนแผ่นอกแน่น เจ้าแก้วนอนนิ่งถูกผ้าคลุมเอาไว้ทั้งตัวเพราะเมื่อช่วงก่อนรุ่งสางเจ้าตัวละเมอออกมาไม่ขาดปากว่าหนาวทั้งเนื้อตัวยังสั่นเทาเล็กน้อย

มิหนำซ้ำเช้านี้ตามผิวเนื้อยังมีอุณหภูมิที่ร้อนจัด เขาเกรงว่าอีกฝ่ายจะจับไข้เอาได้จึงลุกไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้

เมื่อคืนหลังจากที่กลับมาจากลำธารเจ้าแก้วก็สลบไม่ได้สติเขาจึงเป็นฝ่ายถือวิสาสะทำความสะอาดร่างกายอีกฝ่ายให้จนหมดจด อดยอมรับไม่ได้เลยว่าระหว่างที่ใช้มือลูบทำความสะอาดไปตามผิวเนื้อนวลที่มีร่องรอยของเขาตีตราความเป็นเจ้าของทุกอณูนั้นทำให้อสุราหนุ่มนึกอยากจะรังแกอีกฝ่ายมากเพียงใด แต่พอเห็นท่าทางอ่อนเพลียแล้วก็นึกสงสารจึงได้แต่หักห้ามใจตนเองไม่ให้ลุกล้ำเข้าไปภายในร่างกายของอีกฝ่ายอีกเป็นหนที่สอง

หลังจากทำความสะอาดเสร็จเขาก็อุ้มเด็กหนุ่มขึ้นมานอนกอดโดยใช้ตนเองต่างเบาะรองเพียงเพราะอยากให้อีกฝ่ายนอนหลับสบาย แม้นเจ้าแก้วจะไม่ได้ตัวเล็ก แต่เมื่อเทียบกับเขาแล้วอีกฝ่ายนั้นดูบอบบางราวกับเด็กตัวน้อยเสียด้วยซ้ำไป

นัยน์ตาคมกล้าทอดมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่กำลังหลับพริ้มสีหน้าอ่อนเพลียฉายชัดออกมาให้ได้เห็น เขาค่อยๆเปิดผ้าคลุมออกอย่างเบามือ แล้วสิ่งที่ได้เห็นก็ทำเอาอสุราหนุ่มต้องหยุดชะงักมือที่กำลังจะเช็ดตัวให้อีกฝ่าย

บนร่างกายของเจ้าแก้วตั้งแต่ลำคอไล่ลงมาจนถึงปลายเท้าไม่มีส่วนไหนเลยที่จะไร้ซึ่งรอยจ้ำห้อเลือดและรอยช้ำ

ทั้งรอยนิ้วมือที่เปลี่ยนเป็นรอยช้ำม่วงคล้ำอย่างน่าหวาดหวั่นและรอยฟันที่ขบกัดทุกส่วนบนร่างกายไม่เว้นแม้แต่ข้อเท้า ปลีน่อง ลามไปยันซอกขาด้านใน บริเวณแผ่นอกถูกประทับรอยจูบไปทั่วจนห้อเลือดส่วนปลายยอดอกสีน้ำตาลอ่อนก็ถูกดูดดุนจนบวมแดงรอบฐานนมมีรอยเขี้ยวกัดเอาไว้อย่างป่าเถื่อน

เพราะเมื่อคืนนั้นมืดจึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นร่องรอยทั้งหมดได้ชัดดีนัก...

เพียงเท่านั้นความรู้สึกผิดก็ประเดประดังเข้ามาจนไม่กล้าที่จะแตะต้องลงแรงแม้นสักนิดเพราะรู้ดีว่าเรี่ยวแรงของตนนั้นจะสร้างความเจ็บปวดให้อีกฝ่ายมากเพียงใด

อสุราหนุ่มก้มลงประทับริมฝีปากบนหน้าผากมนและสองข้างแก้มก่อนจะเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่มุมปากแต่ทว่ากลับไม่ล่วงเกินลุกล้ำให้อีกฝ่ายนึกรำคาญ ปลายนิ้วใหญ่ที่ลูบไล้อยู่บริเวณไหปลาร้าได้รูปเกี่ยวดึงสร้อยตะกรุดที่อีกฝ่ายสวมใส่ไว้ตลอดเวลาออกมาก่อนจะเก็บไว้กับตัวราวกับมันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต

...ถือเสียว่าเป็นของต่างหน้า..

สายตาที่เคยมุ่งมั่นไม่หวั่นเกรงต่อพยันอันตรายนับร้อยพันบัดนี้กลับสั่นไหวอย่างไม่มั่นคงราวกับแสงไฟในตะเกียงที่ริบหรี่ยามที่ได้จดจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย

ทันใดนั้นคำตอบบางอย่างที่นึกทบทวนมาเนิ่นนานก็กระจ่างชัดขึ้นมาในทันที...

แต่แล้วเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามากลับทำให้ต้องหันกลับไปมองก่อนจะพบว่าเป็นพญานาคราชที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไปจากจุดที่พวกเขาอยู่

องค์นคินถอนหายใจหนักออกมาอีกหนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเบี่ยงตัวบังร่างของเจ้าแก้วเอาไว้จนมิด ซ้ำแววตายังฉายแววหวงแหนอย่างไม่คิดที่จะปิดบังไว้อีกต่อไป

 “มีธุระอะไร” อสุราหนุ่มมัดปมผ้านุ่งไว้อย่างหมิ่นเหม่ก่อนจะเสยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงขึ้นไปเก็บเอาไว้อย่างลวกๆ ไร้ซึ่งท่าทีเจ้าระเบียบเหมือนดังเช่นเวลาปกติ

ท่าทีสบายๆแต่กลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายกดดันทำให้พญานาคหนุ่มนึกแย้งอยู่ในใจ แม้นสีหน้ามันจะไม่สบอารมณ์แต่ทว่าแววตากลับอิ่มเอมจนเขานึกหมั่นไส้

...ไหนจะรอยเล็บที่ประทับอยู่บนกายอย่างโจ่งแจ้งอีก

เอร็ดอร่อยมากล่ะสิท่า...รสชาติของความบริสุทธิ์มันคงหวานลิ้นน่าดู ท่านแม่ทัพถึงดูอารมณ์ดีนัก

“ข้าก็แค่นำยามาให้แก้ว” นคินยักไหล่ด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนก่อนจะส่งยื่นหม้อยาต้มใบเล็กและตลับยามาให้

ทั้งหมดนี่เขาถูกพระอาจารย์วานขอความช่วยเหลือมาอีกที เพราะแม้นจะไม่ได้เห็นกับตาแต่ทางฝ่ายนั้นก็รู้ดีว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ถึงใจจะอยากมาดูแลหลานรักมากเพียงใดแต่อีกใจกลับไม่กล้าที่จะมาดูสภาพของมันเพราะไม่มั่นใจว่าจะสามารถระงับอารมณ์โทสะเอาไว้ได้หรือเปล่า

ซึ่งนคินเองก็เห็นด้วยกับพระอาจารย์ทั้งหมด...เพราะเพียงแค่เห็นสภาพเจ้าแก้วแบบผิวเผินเท่านั้นก็ต้องยอมรับเลยว่า

...ดูไม่จืด...หากท่านมาเห็นด้วยตาตนเองมีหวังคงเลือดลมร้อนทะลุออกหูเป็นแน่แท้

ก็พอจะเข้าใจว่าทั้งสองนั้นมีความต่างกันค่อนข้างมากโดยเฉพาะขนาดตัว เมื่อเทียบกับวศินแล้วเจ้าแก้วก็ตัวเล็กตัวน้อยลงไปถนัดตา

...ว่าไปแล้วก็รู้สึกผิดย้อนหลัง เขาไม่น่าสนับสนุนเจ้ายักษ์นี่เลย เพราะคนซวยคือเจ้าแก้วที่กำลังนอนซมเพราะถูกพิษของยักษ์ทำร้ายจนชอกช้ำนั่นต่างหาก

“ยานี่ พระอาจารย์บอกว่าให้แก้วดื่มให้หมด แล้วก็นี่...” นคินชี้ไปที่ตลับยา ก่อนจะเริ่มพูดจาได้ไม่เต็มเสียงนัก “ใช้ทาเพื่อสมานแผล...และลดอาการบวมช้ำ”

อสุราหนุ่มก้มลงมองสิ่งของในมือก่อนจะพยักหน้ารับแล้วกล่าวขอบคุณในน้ำใจพญานาคราชที่อุตส่าห์นำมาให้ด้วยตนเอง

แต่ก่อนที่จะหมุนตัวกลับไปหาใครบางคนที่นอนอยู่ก็ถูกเรียกรั้งเอาไว้ก่อน “มีอะไรหรือ”

“นี่..” บางสิ่งบางอย่างถูกยื่นส่งมาให้ พอก้มลงมองก็ปรากฏว่าเป็นภาชนะทองเหลืองใบที่คุ้นตา “...ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องเปลี่ยนใจ” นคินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งไร้ซึ่งทีเล่นทีจริงเหมือนดังเก่า

สองสายตาคมกล้าสอดประสานกันมั่นทุกความนัยสื่อสารออกมาจากแววตาที่ไร้ซึ่งการปิดบังทางความรู้สึก

เขา...เคยเสียสิ่งที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับแม้นแต่โอกาสที่จะปกป้องก็ยังไม่มี

ส่วนอีกคนนั้นแตกต่าง...มีทั้งโอกาสและมีคนที่ต้องปกป้องเอาไว้ในยามที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินแก้

อสุราหนุ่มรับสิ่งของที่ตนเคยปฏิเสธมาไว้กับตัวก่อนจะเก็บมันเอาไว้อย่างดี “ขอบใจเจ้ามาก...นคิน”

นาคหนุ่มเพียงยิ้มบางเบาก่อนจะขอตัวกลับก่อนเพียงเพราะไม่อยากจะเป็นก้างขวางเวลาหวานชื่นของใคร ก่อนจะออกไปก็ยังมิวายเอ่ยเย้าว่าให้เพลาๆลงบ้างขืนใช้เรี่ยวแรงอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้นมีหวังเจ้าแก้วคงไม่ยอมให้แตะต้องอีกแล้วจะเสียใจ

ทันทีที่หันหลังกลับ ความรู้สึกหนักอึ้งก็เป็นอิสระราวกับได้รับการปลดพันธะ

...เพราะเขาเข้าใจดีว่าการที่ต้องเสียสิ่งที่รักนั้นมันทรมานมากเพียงไหน...วันนี้เวลานี้ ในเมื่อจอมทัพวศินมีทางเลือกที่จะสามารถปกป้องสิ่งสิ่งนั้นเอาไว้ได้เขาจึงไม่คิดลังเลที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

...อย่างน้อยๆก็ถือเสียเป็นการไถ่โทษแทนเจ้านาราก็แล้วกัน

ข้าคงช่วยเจ้าได้เท่านี้...แต่หลังจากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น มันล้วนขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเอง....



_____________________

สวัสดีค่ะ ต้องขออภัยที่ห่างหายไปนานนะคะ เนื่องจากมีเรื่องหลายอย่างให้ต้องสะสางจึงทำให้ไม่สามารถแวะมาเขียนนิยายได้เลยค่ะ

วันนี้พันไมล์มีเรื่องอยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบ ดังต่อไปนี้นะคะ

1.)หลังจากนี้จะของดการอัพนิยายเรื่องดอกแก้วกุมภัณฑ์ก่อนเป็นระยะเวลา2-3เดือนค่ะ(ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนนะคะ)เนื่องจากต้องไปปิดต้นฉบับที่จะออกงานหนังสือภายในเดือนตุลานี้ค่ะ

2.)จะกลับมาอัพดอกแก้วอีกทีคงเป็นช่วงกลางเดือนสิงหาหรือไม่ก็ประมาณกันยานะคะ

3.)สาเหตุที่ของดการอัพไปก่อน เพราะหลังจากนี้เนื้อหาจะค่อนข้างหนัก พันไมล์จึงอยากเขียนเก็บไว้ให้จบหมดก่อนแล้วค่อยอัพทีเดียวจะได้ต่อเนื่องค่ะ

ขออภัยที่ทำให้คนอ่านต้องรอนานและขอบคุณสำหรับกำลังใจที่น่ารักเสมอมาค่ะ

รัก.

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ก็ต้องรอ เป็นกำลังใจให้ จ้า ขอบคุณ และรอ พันไมล์ ยุจ้า^^

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เขินนนน ในที่สุดท่านวศินก็ได้กินเจ้าแก้ว อุตส่าห์อ่อนโยนแต่น้องก็ยังช้ำมากอยู่ดี  เราเขินฉากท่านวศินดึงตะกรุดจากคอน้องด้วย ฮืออ มันให้อารมณ์แบบหวามๆไงไม่รู้ อีกอย่างต่อจากนี้เนื้อหาก็จะหนักมากขึ้นด้วยใช่มั้ยคะ ก็เป็นถือเป็นการพักใจรอ เสพความหวานจากตอนที่ผ่านๆมาเยียวยาความคิดถึงไปก่อน เราจะรอนะค้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มีเด็กน้อยโดนจับกินตรงนี้ๆๆๆ  :ling1: ท่านวศินก็คือไม่บอกไม่มีใครเชื่อแล้วว่าเป็นยักษ์พรหมจรรย์ เพราะว่าทำเจ้าแก้วช้ำไปทั้งตัว แต่จะทำไงได้ขนาดตัวต่างกันตั้งขนาดนั้นๆๆ แล้วก็มีเด็กบอกว่าอย่า แต่เด็กยั่วแบบไม่รู้ตัวไม่หยุด ใครจะไปอดใจไหว ฮือๆๆๆ รอติดตามตอนต่อไปนะคะคุณพันไมล์

ออฟไลน์ tipppppp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แงงงงงงงงงงงงเจ้าแก้วเอ๊ยยยยยยย เสร็จท่านวศินเสียแล้ว   :katai2-1:
เป็นกำลังใจให้น๊าาา รออ่านตอนต่อไปค่าาา

ออฟไลน์ oohsg94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สมกับที่รอมานาน เฮ้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยนะคะ y-y

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
พักนานไปนะ แต่จะรอจ้า~

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Spoypopoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เราจะรออ่านต่อน้าาาาาา ถึงแม้ว่ามันจะต้องรอนานแต่เราก็จะรออออ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
กรี๊ดดดดดดดดด ท่านวศินเป็นยักษ์พรหมจรรย์แน่หรือ? ช่างร้อนแรงดุดัน เจ้าแก้วน้อยชอกช้ำไปทั้งตัว โอ้ยยย ขนาดตัวที่ต่างกันกับความรักที่เร่าร้อนมากล้น ฮืออออออออ น้องก็ช่างยั่วโดยไม่รู้ตัว ใครมันจะไปอดใจไหว พี่ยักษ์เจียนคลั่ง อ๊ากกกกกก
ใครก็ได้ช่วยปรุงยาฟื้นฟูร่างกายเเบบเร่งด่วนให้เจ้าแก้วที

/นานแค่ไหนก็รอค่าาาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2019 13:03:06 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
แงง ยาวนาน แต่ยังไงก็จะรอจ้า เป็นกำลังใจให้นะคะ

โว้ววว ไม่ธรรมดานะท่าน วศินได้สมใจแล้ว
ก็สมรักด้วย ก่อนต้องห่างกันไกล

เอาสร้อยน้องไป จะนำภัยอันใดมาสู่น้องไหมล่ะนั่น
แก้วเอ้ย ยอมทั้งกายทั้งใจเลยนะ รักมากก็ห่วงมาก
ตอนห่างกันไป จะทำใจรอได้นานแค่ไหนกันแบบไม่ต้องกังวล

ออฟไลน์ 170cmd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :pig4:ไม่เป็นไรน้าา รอได้นะคะ สู้ๆน้าไรท์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด