KING ที่ 25 สาวน้อยในชุดเดรสสีขาว หลังจากงานวันเกิดนั้น ผมก็ยังคงหัวเสียไม่หาย ฝันดี ฝันดีบ้าบออะไรฟะ ไม่ได้ดั่งใจจริงโว้ย
" เป็นอะไรไปอีกล่ะ " ผมถอนหายใจมองพี่เรียวที่กำลังยื่นขวดน้ำดื่มให้ผม
ใช่แล้วล่ะ วันนี้ผมโดดเรียนพิเศษและหนีมารับงานคอสเพลย์ในช่วงบ่ายวันหยุด เฮ้อ ก็ผมเบื่อนี่นา จริงๆ อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะสอบ ผมว่าคะแนนผมมันต้องติดสักมหา'ลัยแหละ จะเรียนมากมายไปทำไมไม่เข้าใจ
" แล้วโดดมาแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอ " พี่เรียวนั่งลงข้างๆ ผมถามอีกยกใหญ่
" ช่างมันเถอะครับ ผมขี้เกียจอ่ะ " ผมนั่งเท้าคางทำหน้าเซื่องๆ วันนี้ผมอยู่ในชุดแม่มดสาวสุดเซ็กส์ เกาะอก กระโปรง ถุงมือยาว ถุงน่องตาข่าย หมวก แต่งหน้าโทนสีม่วงเข้ม นี่ถ้าไอ้บ้านั่นรู้ ผมโดนสวดยับแน่ๆ แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ มันไม่รู้หรอก...
" พี่ฟ้าาา " อ้ากกกก แม่งแบบนี้รู้แน่ๆ
" มาจริงด้วยอ่ะ น้องก็หาตั้งนาน " ผมมองอีหนูธัญที่กำลังจ้องมองผมอย่างปลื้มปลิ่่ม
" ธัญ " ผมเรียกน้องเบาๆ
" อย่าบอกไอ้ เอ่อ พี่ธีร์นะ ว่าพี่อยู่ที่นี่ " ผมพูดกระซิบน้องและยิ้มหวาน
" ทำไมละคะ ทะเลาะกันเหรอ " หึ่ยยย ถามมาก บอกอะไรก็ทำสิเฟ้ย
" เปล่า แต่พี่ไม่อยากให้มันรู้ " ผมพูดทำเสียงอ้อน
" ค่ะๆ น้องไม่บอกหรอก " น้องธัญยิ้มกว้างให้ผม ฟู่ว โล่งแล้วกู
" งั้นเดี๋ยวน้องไปหาเพื่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องมานะ รอด้วยนะคะ " น้องธัญพูดบอกผมและรีบเดินจากไป ดีๆ ไปดีนะอีหนู
" แล้ววันนี้แฟนเราไปไหนล่ะ " พี่เรียวที่ยังนั่งอยู่ก็ทำหน้าตากวนโอ้ยอีกแล้ว
" อย่าพูดอะไรน่าขนลุกได้ไหมครับ " ผมพูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ
" อ่าว แล้วตกลงไม่ใช่หรอกเหรอ " พี่เรียวทำหน้าสงสัย
" คือ... " ผมอ้ำอึ้ง แต่จะโกหกไปก็คงไม่ได้
" เป็นแฟนจำเป็นน่ะครับ "
" แปลว่าฟาไม่ได้ชอบไอ้หนุ่มรูปหล่อนั่นเหรอ " พี่เรียวพูดพลางจ้องมองผม
" คือ...ผมเป็นผู้ชายนะพี่ อยู่ดีๆ จะบอกว่าชอบมันก็คงแปลกๆ " ผมพูดอย่างไม่มั่นใจนัก
" อ่าว แต่พี่ก็เห็นเหมือนเป็นแฟนกันจริงๆ นะ "
" พี่ก็เห็นว่าไอ้ธีร์มันเป็นยังไง ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าได้มันมาเอาใจแบบนั้นก็ต้องมีเขว๋บ้างแหละครับ " ผมพูดพลางทำหน้าบึ้ง
" สงสารไอ้หนุ่มนั่นจริงๆ น้าแบบนี้ " ผมหัวขวับไปมองพี่เรียว
" สงสารมันทำไมล่ะ ก็มันทำของมันเอง " ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
" แล้วถ้ามีผู้หญิงคนอื่นมาชอบหนุ่มธีร์นั่นล่ะ " พี่เรียวถามผม โธ่พี่ครับ นั่นน่ะปกติ มีเป็นโขยง
" ฟา จะหวงหรือเปล่า " แต่เมื่อผมได้ฟังคำถามทั้งหมด ก็ต้องหยุดคิดทันที
" ก็คง...เหมือนกับเวลามีใครมาชอบ มาทำดีกับเรา ผมก็ไม่อยากให้คนคนนั้นไปชอบ ไปทำดีกับคนอื่นด้วย "
" แบบนั้นมันเห็นแก่ตัวรู้ไหม " ผมหน้ามุ่ยไปใหญ่ที่ได้ยินแบบนั้น
" นี่พี่เรียวเข้าข้างมันเหรอ "
" เปล่า แต่ฟาก็น่าจะรู้ดีกว่าใครไม่ใช่เหรอ "
" ไม่รู้แหละ ขนาดเรื่องที่ควรพูดมันยังไม่พูดเลย แล้วทำไมผมจะต้องไปเห็นใจมัน "
" แล้วถ้าวันนึง เขาพูดออกมาล่ะ " พี่เรียวถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง
" ฟาจะตอบรับไหม " ผมมองพี่เรียวและหลบสายตาคู่นั้น
เอาจริงๆ ผมสองจิตสองใจมาก ว่าถ้าหากมันพูดออกมาจริงๆ ผมควรจะตอบยังไง นี่มันปัญหาโลกแตกชัดๆ
" ระวังนะฟา พี่ขอเตือน คิดให้ดี และคุยกันตรงๆ ได้แล้ว "
" มันไม่มีทางไปจากผมหรอก " ผมพูดอย่างมั่นใจ
ถึงตอนแรกผมจะคิดว่ามันแค่แกล้งผม แต่มาจนถึงตอนนี้ ผมว่ามันต้องชอบผมพอตัวเลยล่ะ ถ้าดูจากการกระทำของมัน
" เฮ้อ แล้วแต่นะ " พี่เรียวพูดพลางส่งยิ้มให้ผม เชอะ ทำเป็นมาสอน หาแฟนให้ได้ก่อนดีไหม ไอ้พี่บ้า
" อีกอย่าง พี่ว่าฟาอย่าโดดเรียนบ่อยดีกว่านะ จะเข้ามหา'ลัยทั้งที พี่ก็อยากให้เราได้ที่ที่อยากเรียนจริงๆ " เอาล่ะ พอเรื่องรักๆ ผ่านไป เรื่องเรียนๆ ก็มาอีก น่าเบื่อ
" ผมที่ไหนก็ได้ มี๊กับป๋าก็ไม่ได้บังคับอะไรด้วย แต่ถ้าไม่ติดเลย ผมคงโดนลากไปอเมริกาละมั้ง " ผมพูดอย่างหวาดผวา
" แล้วถ้ายังงั้นทำไมไม่ตั้งใจเรียน " พี่เรียวพูดพลางเขกกะโหลกผม หึ่ยยย
" ใครจะไปอเมริกา " ผมที่ได้ยินเสียงที่สามก็ตัวแข็งทื่อทันที อ้ากกกกก อีหนูธัญ นังเด็กทรยศศศ!
ผมค่อยๆ หันคอไปยังเสียงทุ้มนุ่มเย็นยะเยือกของคนด้านหลัง มึงมาได้ไงฟะ ใครจุดธูปเรียกเนี่ย
" อ่าว พี่ธีร์ มาได้ไงคะเนี่ย " ผมมองอีหนูธัญที่เพิ่งเดินมาพลางถือเครปในมือ นี่ไม่ใช่ฝีมือเอ็งหรอกเรอะ ถ้างั้น...
ผมหันควับไปมองพี่เรียวที่กำลังยิ้มน้อยๆ หนอยยยยย
" พี่ตกลงกับธีร์ไว้ ว่าถ้าฟามีงานที่ไหน พี่ต้องแจ้งธีร์ด้วย ฟาก็เคยได้ยินนี่ พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ " พี่เรียวพูดและลุกขึ้น เดินหนีไป อ้ากกกก คอยดูเถอะ
ผมนั่งก้มหน้าก้มตา โอ้ยยย วันนี้มึงเรียนพิเศษทั้งวันไม่ใช่เหรอ มาได้ไงอีกวะเนี่ย
" โดดเรียนพิเศษ มาแต่งตัวแบบนี้อีกแล้ว แล้วนั่นอะไร กระโปรงหรือเศษผ้า "
" พูดมาก ชุดนี้พี่เรียวตัดให้ " ผมพูดและไม่สบตามัน
" พี่เรียวตัดให้ แต่ใครออกแบบ " ผมหน้าเจื่อนทันที ก็อยากใส่แบบนี้อ๊ะ
" เอ่อ ธัญว่าก็สวยดีค่ะ พี่ฟ้าใส่ชุดไหนก็สวยอ่ะ "
" เนอะๆ " ผมพูดและหันไปยิ้มกับน้องธัญ
" แล้วจะกลับตอนไหน กลับเลยดีกว่า " มันไม่พูดเปล่าแต่ดึงมือผมให้ลุกขึ้น โอ้ยยย มึงพูดเองเออเองเก่งจริงๆ
" งานยังไม่เลิกเลย " ผมพูดและดึงมือตัวเองออก ผมมองมันที่ใส่เสื้อคลุมเท่ห์ๆ ทับเสื้อยืดคอวีสีเทา และกางเกงยีนส์ขายาวสีเข้ม แต่งหล่อทุกวันนะมึง อ่อยสาวละสิ
" เอาชุดนี้ไปเปลี่ยน แล้วล้างหน้าซะ " ผมมองมันที่ยื่นถุงกระดาษให้ผม
" ชุดอะไรอ่ะ ไม่เอา " ผมดันถุงกลับให้มันตามเดิม คงเป็นชุดป้าๆ อีกแน่ๆ
" ใส่ ชุด นี้ " ผมหน้าบึ้ง และกระชากถุงกระดาษนั้นมาจนแทบขาด อ้ากกก กวนใจกูจริงโว้ย
" จริงๆ งานก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ กลับกันดีๆ นะเด็กๆ " ผมหันไปมองพี่เรียวที่เดินเข้ามาอย่างอาฆาต ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้พี่ทรยศ!
ไม่นานผมก็มานั่งหน้ามุ่ยอยู่ในรถ ในชุดเดรสกระโปรงสีขาวที่มีพู่ระบายน่ารักๆ อยู่รอบๆ ตัว นี่กูถามจริงเถอะ มึงชอบแนวนี้ใช่ไหม สารภาพมาซะดีๆ
ผมต้องเสียเวลาลบเครื่องสำอางค์ และแต่งหน้าใหม่ เพราะมันไม่เข้ากับชุดเอาซะเลย ส่วนผมก็แค่ปล่อยยาวแบบธรรมดา ถึงมันจะบอกให้รวบผมขึ้นก็เถอะ มึงนี่มันชอบโพนี่เทลสินะ
" แล้วมึงไม่เรียนเหรอวันนี้ " ผมถามมันที่กำลังขับรถเงียบๆ ไอ้หอกนี่มันไปส่งน้องธัญที่บ้านมาแล้ว ซึ่งน้องก็ร้องไห้งอแงสุดๆ มึงมันใจไม้ไส้ละมุดเหมือนเดิมจริงๆ
" ที่บอกว่าจะไปอเมริกา จริงหรือเปล่า " มันไม่ตอบคำถามผม แต่ถามกลับซะงั้น
" เรื่องของอนาคต " ผมตอบแบบส่งๆ
" ถามว่าจะไปจริงหรือเปล่า " มันถามผมเสียงแข็งขึ้น หนอยย
" มึงยังไม่เห็นบอกกูมั่งเลย " ผมพูดพลางมองออกไปนอกรถ ผมสังเกตว่ามันเงียบไปสักพักเลยทีเดียว
" อยากเรียนที่เดียวกัน " อยู่ดีๆ มันก็พูดขึ้นเบาๆ ทำเอาผมต้องหันกลับไปมองมัน
" กูเรียนไม่เก่ง ไม่ไหวหรอกมั้ง " ผมพูดงึมงำเบาๆ ผมค่อนข้างหัวช้า และขี้เกียจตัวเป็นขน เรียนที่ไหนได้ผมก็เรียนทั้งนั้น ผมไม่ได้ลำบากอะไร
" เดี๋ยวจะติวให้ " ผมมองมันที่พูดออกมาเบาๆ เมื่อกี้มึงว่าไงนะ เอาจริงเหรอเนี่ย
" อย่าลำบากเลย ลำพังมึงก็เลิกเรียน 4 ทุ่มทุกวันแล้ว "
" ไม่ลำบาก " มันรีบตอบทันทีที่ผมพูดจบ
" ไม่เอาหรอก มึงชอบดุกู " ผมพูดพลางทำหน้ามุ่ย ถ้าให้มันสอน มีหวังโดนแดกหัวแน่ๆ
" ไม่ดุหรอก " ผมเหลือบมองมันที่กำลังขับรถทีเหลือบมองผมที หึหึ
" แน่นะ " ผมลองแหย่ถามมัน
" แน่สิ "
" อย่าย... "
" อย่าเล่นมุกเห่ยๆ " โธ่ ดักคอกูอีกแล้ว ผมมองมันและยิ้มน้อยๆ อยากดีดหูมันจริงๆ
" หลัง 4 ทุ่ม ขอแค่ 1 ชั่วโมง อย่าหลับก่อนละกัน " มันพูดและหันมาทำหน้าออกแนวขอร้องตาใส
" กูนอนดึกอยู่แล้ว " ไม่รู้ว่าทำไม จริงๆ ผมไม่ได้อยากเรียนหรอก แต่พอได้ยินมันพูดแบบนั้น บอกว่าอยากเรียนที่เดียวกัน ผมก็เลย อยากจะลองดูสักตั้งเหมือนกัน
และผมกับมันที่ไม่รู้จะไปไหนก็ตัดสินใจไปเดินห้างอีกแล้ว ฮืออ มันนึกไม่ออกจริงๆ นะเนี่ย
" ดูหนังไหม " มันถามผมและแลดูมีความหวัง
" อยากดูหนังผี " ผมพูดและยิ้มกว้าง ถึงตอนบ้านผีสิงมึงจะนิ่งมากก็เถอะ แต่กูว่าถ้าเป็นหนังผีตุ้งแช่แบบนี้ มึงน่าจะหลุดบ้างแหละ
" ก็ได้ " มันพูดและเดินนำผมไป หึหึ ช่วยทำหน้าเหวอๆ ให้กูดูบ้างเถอะ กูเบื่อหน้าหล่อๆ ของมึงแย่แล้ว
' หล่อเนอะ '
' แต่เขามากับแฟนอ่ะ '
' แล้วไงวะ ไม่ได้เอาแฟนนิ '
ผมมองไอ้ธีร์ที่เดินไปซื้อป็อปคอร์นและพนักงานก็จ้องมันจนแทบจะงาบลงไปในท้องอยู่แล้ว แหม
" เอ่อ เธอครับ " ผมสะดุ้งทันทีที่มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ผม
" พอดีผมขอดูเวลาหน่อยได้ไหมครับ ผมลืมเอานาฬิกามา มือถือก็ด้วย " ผมยืนทำตาปริบๆ ขมวดคิ้วจ้องมองนาฬิกาดิจิตอลเรือนเบ้อเริ่มที่อยู่ใกล้ๆ นี่มึงตาบอดหรือไงฟะ
ผมยิ้มและทำมือชี้ไปที่นาฬืกาจอยักษ์นั่น และไอ้หมอนี่ก็หัวเราะทันที
" ฮ่ะๆ ขอโทษครับ ผมไม่เห็นจริงๆ " ไอ้หมอนี่เกาหัวแกรกๆ ไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งโง่ ไอ้ฟาย
ผมยิ้มเจื่อนๆ และส่งสายตาไปหาไอ้หอกธีร์ที่ยังคงซื้อป็อบคอร์นอยู่ นี่มึงไปซื้อหรือไปคั่วเองฟะ นานแท้ มึงเห็นไหม กูโดนจีบอยู่เนี่ย
" มีอะไรหรือเปล่าครับ " ไอ้ธีร์ที่รู้สึกถึงรังสีอาฆาตก็รีบเดินถือขนมกลับมาด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
" อ่อ ไม่มีอะไรครับ " ไอ้ผู้ชายคนนั้นหน้าเจื่อนทันทีและเดินหนีผมไปอย่างรวดเร็ว
" ยืนยังไงให้เขาจีบ " มันพูดพลางทำหน้ากวนตีน อ่าว ไอ้นี่ วอนซะแล้ว
" ก็กูสวย จบป่ะ " ผมพูดพลางสะบัดบ็อบหนี ไอ้กระโปรงเดรสหวานๆ แนวนี้มันไม่เข้ากับผมเอาซะเลยให้ตาย
" ทีหลังก็บอกเขาสิ ว่ามีแฟนแล้ว " ผมเบะปากทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
" ทีมึงยังไม่เห็นบอกพวกพนักงานเลย " ผมพูดบ่นๆ เพราะจริงๆ ผมแอบดูมันอยู่ แหม พอเห็นพนักงานสวยหน่อย เงียบเลยนะมึง
" อะไร บอกทำไม พวกนั้นก็เห็นว่ามาด้วยกัน "
" มึงอย่ามาแก้ตัว หูดำเชียวนะมึง " ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ทันทีหลังพูดจบ
" ไม่เอาไม่หึงสิ " ผมหันควับไปจิกตาใส่มันทันที หึงแป๊ะมึงสิ หึ่ยย
ผมเลิกสนใจมันและก้มลงดูตั๋วหนังในมือ แหม มันจองที่ได้ดีซะด้วย ล่อซะตรงกลาง เข้ายากออกยากแท้
" ทำไมมึงไม่ซื้อบนๆ วะ " เก้าอี้สวีทอ่ะ รู้จักไหม ไม่ใช่อะไรนะ แต่มันนั่งสบายไม่มีใครถีบเบาะดี
" มันเต็ม " อ่อ งี้นี่เอง ผมเป็นคนเลือกหนังครับ แต่เก้าอี้มันเป็นคนเลือก และแน่นอน มันจ่าย หึหึ
ผมเดินเลาะคนที่มาก่อนเพื่อเข้าไปนั่งตรงกลางๆ เฮ้อ นึกว่าคนจะน้อยกว่านี้นะเนี่ย ไม่น่าเลยกู แต่เมื่อผมมาถึงเก้าอี้เลขที่ของเราแล้ว ไอ้หอกธีร์กลับจับแขนผมเอาไว้
" นั่งตรงนี้ " มันจับผมให้นั่งลงอีกด้านและนั่งลงแทนที่ที่ผมจะนั่งในตอนแรก
ผมขมวดคิ้วมองมัน และมองข้างๆ เก้าอี้ที่มันนั่ง และก็ต้องเข้าใจเลยทันที เพราะไอ้คนที่นั่งตรงนั้นมันคือผู้ชายคนที่จีบผมครับ หนอย นี่มึงซื้อที่ข้างๆ กูได้ไงฟะ
ผมนั่งลงและหยิบป็อปคอร์นมาแดกทันทีโดยที่หนังยังไม่เริ่ม ก็แหม เหงาปากอ่ะ บางทีกินหมดก่อนที่หนังจะเริ่มด้วยซ้ำ ฮ่าๆ
" หลอดไหนของกูอ่ะ " ผมมองน้ำแก้วเดียวที่อยู่ตรงกลางผมกับมัน
" กินๆ ไปเหอะ " มันพูดพลางทำหน้าเอือมผม หนอยย แบบนี้มึงหวังอะไรห๊าา กะจูบทางอ้อมสินะ มึงมันร้าย แต่เมื่อผมนึกถึงไอ้คืนวันเกิดนั่นก็ทำให้ผมคิดว่า เอาจริงๆ แม่งเกือบจังๆ ไปแล้ว
ผมยกแก้วขึ้นมาดูดน้ำและวางลงที่เดิม พอใจมึงแล้วสิ ผมมองมันที่เท้าแขนจ้องมองผมตลอดเวลา เขาให้มาดูหนัง ไม่ใช่มาดูกู เดี๋ยวกูจกตาแม่ง
ผมที่นั่งอยู่สักพักก็มีคนเข้ามาทีหลังพวกเรา เป็นสาวๆ สองคนที่เดินผ่านไป เฮ้อ แบบนี้แหละผมถึงไม่อยากนั่งกลางๆ ในแถวที่ที่แคบๆ แบบนี้อ่ะ
" อุ๊ย ขอโทษนะคะ " ผมมองสาวกระโปรงสั้นคนหนึ่งที่ล้มลงซบอกไอ้ธีร์แบบพอดีเหมือนตั้งใจ เหอะ ร้ายนะเจ๊ ไม่เกรงอกเกรงใจกันเลย
" เต็มไม้เต็มมือเชียวนะมึง " ผมพูดเบาๆ และเหลือบมองไอ้หอกที่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแบบเยียดๆ
" อะไร อิจฉาเขาหรือไง " มันพูดเบาๆ พลางยิ้มกวน ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ปาป็อปคอร์นใส่กบาลมันทันที เด็กดีห้ามลอกเลียนแบบนะครับ
หนังเริ่มฉายแล้ว ผมก็เงียบเสียงลงทันที ถึงจะมีปลายๆ ตาไปด่ามันอีกก็เถอะ หนังที่ผมเลือกนั้นเป็นหนังผีค่ายดังที่ชอบมาแนวตุ้งแช่แช่วับประจำ หึหึ มึงต้องมีหลุดบ้างแหละว้า กูจะล้อยันลูกบวชเลยทีเดียว
ผมนั่งดูหนังอย่างตั้งใจพลางฝากวางกระถังป็อบคอร์นไว้ที่ตักไอ้ธีร์ ผมนั่งไม่ค่อยสะดวก มีอะไรก็จิกใช้งานมันให้หมด หึหึ
ผมนั่งดูหนังพลางเหลือบมองไอ้ธีร์ที่กำลังดูหนังอยู่เช่นกัน แต่ปฏิกิริยาของมันนั้นช่างน้อยนัก นี่มึงไม่กลัวบ้างเลยเหรอ ผมหรี่ตาและดูหนังต่อไป เชอะ
ผมเริ่มที่จะเลิกสนใจมันและนั่งดูหนังต่อไป เออ เรื่องนี้เข้าท่าแฮะ เนื้อเรื่องดี ผมชอบเสพย์เนื้อเรื่องเป็นหลัก แบบนี้ค่อยดูเพลินหน่อย
ผมดูไปพลาง จกป็อบคอร์นไปพลาง แหม นี่มันสวรรค์ชัดๆ แต่ผมที่ดูเพลินพลางล้วงป็อบคอร์นนั้นก็รู้สึกว่า อ่าว ทำไมมันแปลกๆ
" ถ้ามันตื่นขึ้นมา รับผิดชอบด้วยนะ " ผมรู้สึกถึงเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู ทำเอาผมขนลุกชูชันไปทั้งตัว เดี๋ยวนะ มึงหมายความว่าไงฟะ
ผมค่อยๆ หันไปมองตามมือของผมและพบว่าตรงที่เคยเป็นถังป็อบคอร์นมันหายไปแล้ว เหลือแต่เพียงเนื้อผ้ากางเกงยีนส์สีเข้มที่มีมือผมลูบไปลูบมาอยู่บนนั้น
อ้ากกก โอ้วมาย โอ้วมาย กูก็นึกว่ามึงซื้อชีทไบรท์ไซส์ยักษ์มาด้วยนะเนี่ย เต็มไม้เต็มมือเลยเชียว
ผมรีบหดมือกลับและแทบจะกอดตัวเองไว้ทันควัน โอ้ยยย แม่งก็ปล่อยให้กูลูบคลำอยู่ได้ เพลินเลยสินะ ไอ้ ไอ้ ไอ้ แม่งไม่รู้จะด่ามันยังไงให้สาสม
" มันหมดแล้ว นั่งดีๆ " ไอ้ธีร์ดึงแขนผมให้กลับมานั่งดีๆ ตามเดิม และชี้ให้ดูว่าป็อบคอร์นมันหมดไปแล้ว มันเลยเอาไปวางไว้ใต้เก้าอี้ ชิ แล้วทำไมไม่บอก
ผมมองมันแบบเคืองๆ และพยายามดูหนังต่อ แต่แบบว่า ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ อื้อหืิอ ทำไมมันแบบว่า สู้มือดีจังวะ อ้ากกก เลิกคิดนะโว้ยย
" เป็นอะไร หนาวเหรอ " มันที่เห็นผมเริ่มนั่งยุกยิกก็เอี้ยวตัวมาถามใกล้ๆ เออ กูหนาว หนาวไปถึงขั้วหัวใจ
มันที่เห็นผมไม่ยอมตอบอะไรก็ถอดเสื้อคลุมมันออกทันที และเอามาคลุมตัวให้ผม
" โอเคไหม " มันยังคงใส่ใจผมมากกว่าดูหนัง ผมเหลือบมองมันที่ทำหน้านิ่งๆ หึ่ยย เพราะมึงคนเดียว ทำเอากูฟุ้งซ่านแล้วเนี่ย แล้วแม่ง เสื้อมัน หอมชิบหาย อ้ากกก
ผมหายใจเข้าออกช้าๆ พลางดึงเสื้อที่มันถอดคลุมให้ผม ให้แนบกายมากขึ้น มันอุ่นมาก และเนื้อสัมผัสก็ดี ตัวมึงนี่อะไรๆ ก็ดีไปหมดเนอะ หมั่นไส้
ผมนั่งนิ่งๆ เหลือบมองมันที่กำลังดูหนังอยู่ด้วยท่าที
สบายๆ ผมเพิ่งเคยมาดูหนังกับมันครั้งแรก และมันก็เป็นแบบที่ผมคิดจริงๆ มันดูสงบเงียบขรึม เป็นที่พึ่งได้ สาวๆ ที่รู้คงอิจฉาผมตาร้อนที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมันขนาดนี้
แต่ขณะที่ผมนั่งอยู่นั้น ผมกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ข้อเท้าของผม คือตอนนี้ผมใส่เดรสสีขาวลูกไม้ยาวเท่าเข่า ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่ไอ้ธีร์เอามาให้ผม ทำให้ช่วงขาตั้งแต่เข่ายาวลงไปถึงเท้านั้นโล่งและว่างเปล่า
ผมขยับขาน้อยๆ และเหลือบมองจอหนังต่อไป ตอนนี้ในเรื่องนั้นก็กำลังน่ากลัวมากๆ จนผมแทบหยุดหายใจเลยทีเดียว โอ้ยยย อะไรมาโดนมากูวะ
ผมเริ่มค่อยๆ เหลือบมองไปมา และก้มลงมองขาของผมที่วางอยู่บนพื้น มันก็ไม่มีอะไรนี่หว่า แต่ผมรู้สึกจริงๆ นะเหมือนมีอะไรมาแตะข้อเท้าผมอ่ะ หลายครั้งแล้วด้วย
" เป็นอะไร " ไอ้ธีร์เอี้ยวตัวมาใกล้ๆ และพูดเบาๆ ถามผม
" อะไรไม่รู้มาโดนขา " ผมพูดเบาๆ กลับไป กลายเป็นเราสองคนกระซิบกันไปมา
" ยกขาชันเข่าขึ้นมา " ไอ้ธีร์ยกที่วางแขนที่กั้นเราขึ้นและบอกให้ถอดรองเท้าเก็บขาขึ้นมา แต่ผมก็รู้สึกว่าผมไม่อยากทำแบบนั้นอ่ะ มันนั่งไม่ถนัด
' กรี๊ดดดดด! '
อ้ากกกก ผมสะดุ้งทันทีที่ในจอกำลังเล่นผีตุ้งแช่ ประจวบเหมาะกับที่ข้อเท้าของผมนั้นมีมือมากำรอบๆ จริงๆ
ผมกระตุกขาและยกขึ้นวางบนที่นั่งพลางกอดไอ้คนข้างๆ ไว้แน่นด้วยความตกใจ
" ม.มีคนแกล้งกู " ผมที่ยังคงกอดคนข้างๆ ไว้แน่น ก็พูดเบาๆ ด้วยความหวาดหวั่น
คนข้างๆ ลูบแขนผมเบาๆ อย่างปลอบประโลม พลางดึงเสื้อคลุมตัวใหญ่มาคลุมขาของผมและลำตัวของพวกเรา
" ไม่มีใครแกล้งหรอกน่า " มันก้มลงกระซิบบอกผม
" มีคนจับข้อเท้ากูจริงๆ " ผมเงยหน้าพูดกับมัน
" ไหน ไม่มีแล้ว จับไว้ให้แล้ว " ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ข้อเท้าของผม พอจับดูก็พบว่าเป็นมือของไอ้ธีร์กำลังจับเอาไว้
" แต่มันมีจริงๆ นะ " ผมยังคงดื้อดึง ผมที่ดูหนังผีอยู่แล้วกลับมาเจอเหตุการณ์ประหลาดๆ แบบนี้ทำเอาขวัญหนีดีฟ่อ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทีเดียว
" ครับๆ ถ้ามีอีกจะจัดการให้นะ " ผมซุกตัวเข้าหาคนข้างๆ พลางเขยิบขาขึ้นมาบนเก้าอี้อีกนิด นี่ผมกำลังโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ สินะ
ผมในตอนนี้นั้นหลับตาลง ไม่สนใจหนังที่กำลังฉายในจอขนาดใหญ่อีกแล้ว ผมยังงซุกคนข้างๆ เอาไว้ และรู้สึกถึงแขนที่โอบผมไว้เช่นกัน
ผมอิงซบพิงใหล่กว้างนั้นอย่างลืมตัว กลิ่นของมัน ความอบอุ่นของร่างกายมัน ทุกสิ่ง ล้วนทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ ผมรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ใกล้ๆ มัน ผมนึกถึงคำพูดของพี่เรียวที่บอกกับผม ไอ้การที่ผมรู้สึกหวงมันนั้น มันเป็นเพราะผมชอบที่มันทำดีกับผม หรือผมชอบมันกันแน่นะ
" ธีร์ กูอยากกลับแล้ว " ผมพูดเบาๆ เหมือนคนงอแง และเงยหน้ามองมันที่กำลังยิ้มน้อยๆ อยู่ นี่มันหนังผีนะ ทำไมถึงทำหน้ามีความสุขขนาดนั้น
" ขออีกสักพัก ได้ไหม " มันพูดและกระชับแขนที่โอบกอดผมเอาไว้มากขึ้นอีกนิด หนอยย
ผมยังคงเงยหน้าจ้องมองใบหน้าของคนข้างๆ และเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ถ้ามีความสุขขนาดนั้น จะต่อเวลาให้อีกสักนิดละกัน