ตอนที่ 16 พี่น้องหรอกเหรอ? ฝึกงานวันเเรก กวินทร์เเต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำเเละเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา เเต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าเขาก็ยังดึงดูดสายตาหลายคู่อยู่ดี
พอมาถึง พยัคฆ์ก็พากวินทร์มาที่ห้องกระจกเล็กๆ ที่อยู่ข้างห้องของภูผา ภายในมีโน๊ตบุ๊ควางอยู่เครื่องหนึ่งพร้อมใช้ จากนั้นพยัคฆ์ก็โยนหน้าที่สอนงานเขาให้กับเลขาที่ชื่อจินลดา สาวใหญ่วัยสามสิบปลาย ตัดผมบ๊อบเหมือนจินตหรา พูนลาภ เเละย้อมสีเเดงเข้ม ท่าทางทะมัดทะแมง
กวินทร์เห็นว่าอีกฝ่ายพูดคุยด้วยง่าย คล่องเเคล่วเป็นการเป็นงาน น่าจะพึ่งพาได้ ไม่เสียหายอะไรถ้าจะทำตัวให้สนิทเข้าไว้
ส่วนเลขาสาวใหญ่เองก็พึงพอใจกับเด็กหนุ่มไม่น้อย ถึงเจ้าตัวจะมีฐานะสูงส่งกว่ามาก เเต่กลับมีท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน เเละตั้งใจฟังเวลาเธอสอนงาน ตอนเเรกนึกว่าจะเป็นเด็กเส้นที่ไม่ได้เรื่องเสียอีก
จินลดาพาเขามาเเนะนำกับพนักงานในเเผนกฝ่ายเลขานุการ บางคนมองเขาด้วยสายตาชื่นชมในรูปลักษณ์ภายนอก บางคนก็เหมือนจะดูถูกที่เขาเป็น"เด็กเส้น"ไร้ความสามารถ เเต่ส่วนมากก็ดูอัธยาศัยดี
"เอาล่ะ ไปรอที่ห้องได้ค่ะ เดี๋ยวคุณพยัคฆ์จะมอบหมายหน้าที่ให้ ถ้ามีอะไรก็เรียกพี่ได้เลยนะคะ"
"ขอบคุณครับพี่จิน" กวิทนร์ยกมือไหว้ คุยกับผู้ใหญ่ต้องมือไม้อ่อนเเละรู้จักกล่าวขอบคุณอย่าง เเต่อย่าพูดเยอะ เพราะมันจะดูเสเสร้ง
"จ๊ะ"
กวินทร์มองตามหลังหญิงสาว จินลดาไม่มีห้องทำงานเป็นของตัวเอง เเต่มีเคาน์เตอร์อยู่หน้าห้องภูผาเพื่อความสะดวกเวลามีเเขกมาพบ ถัดมาอีกนิดก็เป็นห้องเขา ร่างโปร่งเดินไปยังห้องทำงานตัวเอง เป็นเเค่เด็กฝึกงาน เเต่มีห้องเป็นของตัวเอง
หึ ถ้าไม่โดนเขม่น นริศราก็คงกลายเป็นเลสเบี้ยน!
เปิดโน๊ตบุ๊คที่ได้รับมา เห... spec ไม่เลว รุ่นนี้ราคาน่าจะสูงพอควร เเต่ก็สมเเล้วกับบริษัทใหญ่ระดับนี้ นอกจากนั้นก็มีพวกโปรเเกรม Microsoft Office กับ anti virus รุ่นที่คนนิยมใช้
เเต่เพื่อความเเน่ใจ กวินทร์จึงหยิบแฟลชไดร์ฟประจำตัวมาเชื่อมต่อกับคอมฯ เเล้วปล่อยให้มันทำหน้าที่สเเกนว่ามีไวรัสหรือพวกโปรเเกรม spyware หรือไม่
ใช้เวลาไม่นาน ก็ยืนยันได้ว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้สะอาดทั้งฮาร์ดแวร์เเละซอฟต์แวร์ เเต่กันไว้ก็ดีกว่าต้องมาเเก้ทีหลัง
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะกระจกดังขึ้น ก่อนพยัคฆ์จะผลักประตูเข้ามาพร้อมเเฟ้มหลายอัน
"คุณภูผาอยากให้คุณทำความเข้าใจกับบริษัทก่อน จะได้ร่วมงานกันง่าย ยังไงก็อ่านให้หมดด้วยนะ" พยัคฆ์วางเเฟ้มทั้งหมดลงบนโต๊ะ รวมกันเเล้วสูงจบเเทบจะปิดหน้าเขาได้
"ครับ" มีทางเลือกด้วยเหรอ? ลองบอก ไม่ครับสิ มีปัญหาเเน่นอน
ชายร่างหนาพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินออกไป ตาสีฟ้าจ้องมองกองเเฟ้มก่อนจะพ่นหายใจออกมา เอาล่ะ เริ่มเลยเเล้วกัน
กวินทร์ไม่เชื่อในการทำงานหนัก เเต่การทำงานอย่างฉลาด ดังนั้นเขาจึงใช้แอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือมาเเปลงเอกสารที่ส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษให้เป็นตัวหนังสือในคอมฯเเล้วใช้โปรเเกรมอ่านออกเสียงให้ฟัง สเเกนเอกสารไป ฟังไป ไม่นานก็สเเกนจนหมด หลังจากนั้นก็เอนหลังพิงเก้าอี้ หลับตา หมุนเก้าอี้ซ้ายทีขวาที อ่าาา... ผ่อนคลายจริงๆ เล้ย
"เสือ ฉันจะออกไปเจอคุณทรงภพ เตรียมเอกสารไว้เเล้วใช่ไหม?" ภูผาเอ่ยถามลูกน้อง เเละเตรียมตัวลุกจากโต๊ะ
"เรียบร้อยครับ"
"ดี งั้นออกไปตอนนี้เลย"
ร่างสูงใหญ่เดินผ่านห้องทำงานกระจกของคนบางคน เเละอดที่จะชายตามองไม่ได้ ป่านนี้คงก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารข้อมูลที่เขาสั่งล่ะมั้ง ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการก็ต้องมีความรู้รอบด้าน ไม่มากก็น้อย
เเต่ผิดคาด... นอกจากจะไม่อ่านเเล้ว กวินทร์ยังหันหลังให้ประตูเเล้วนั่นหมุนเก้าอี้เล่นโดยที่ไมสนใจกองเเฟ้มบนโต๊ะสักนิด! ชายหนุ่มเริ่มไม่พอใจกับการกระทำของอีกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง ไม่นึกเลยว่าจะไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้
"ไปเตรียมรถ เดี๋ยวฉันตามไป" สั่งลูกน้อง เเต่คงยังจับจ้องไปยังกลุ่มผมบลอนด์ที่โผล่บนเก้าอี้
"ครับ" เสือรับคำ เเล้วมองตามสายตาเจ้านาย คิดอะไรของนายเนี่ยกวินทร์?! คุณภูผาไม่ใช่คนใจร้าย เเต่เป็นคนเด็ดขาด ถึงจะเป็นหลานเจ้าสัว เเต่พยัคฆ์เชื่อว่าบอสไม่มีทางละเว้น
ภูผาถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง กะจะตักเตือนเเรงๆ ให้คนอู้งานสลด เเต่กลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงอ่านเอกสารดังอย่างต่อเนื่อง นี่สินะ พนักงานประเภทฉลาดเเต่ขี้เกียจ มักจะหาทางออกง่ายๆ มากำจัดงานที่ยุ่งยากน่าเบื่อ
ก๊อกๆ ร่างสูงเคาะกระจกให้อีกฝ่ายหันมา
"เอ้า คุณภูผา สวัสดีครับ" กวินทร์ยกมือไหว้ เเล้วกดพักเสียงอ่านให้หยุดทำงานชั่วคราว
"ฉัน..." ภูผากระเเอมก่อนจะพูดต่อ "เเค่เเวะมาดู"
"ครับ ผมเหลืออีกเเค่เเฟ้มเดียวก็จะอ่านหมดเเล้ว น่าจะเสร็จก่อนพักเที่ยง" กวินทร์รายงาน
"หลังพักเที่ยงฉันจะสั่งให้คุณจินลดาสอนเรื่องชงกาเเฟเเล้วกัน"
"ครับ" กวินทร์รับคำเเละมองคนตรงหน้ายิ้มๆ เหมือนรู้ทัน ภูผาคิ้วกระตุกกับรอยยิ้มของอีกฝ่าย ก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังของกวินทร์ ก็พบกระจกที่กำลังสะท้อนเงาเขาอย่างเด่นชัด เเต่ร่างก็สูงยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยเเละไม่เเสดงอารมณ์ใดๆ ไว้ได้
"อืม" พยักหน้าให้กวินทร์เเล้วหมุนตัวเดินออกไป
ทำเป็นเนียนนะครับเจ้านาย เขาเห็นตั้งเเต่ปั้นหน้าทะมึนเเล้วเดินดุ่มๆ มาทางนี้เเล้ว ไหนจะตอนร่างสูงชะงักกึกเพราะรู้ตัวว่ากวินทร์ไม่ได้เเอบอู้ ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นคุณยุง ของเจ้าเเฝดนะ พ่อจะโพสลงเฟสเเล้วเเท็คเเพรพิไลด้วยเลย ฮึ่มมม
******
กวินทร์มาฝึกงานจนครบหนึ่งอาทิตย์เเล้ว งานที่ทำก็ไม่มีอะไรมาก คอยอ่านเอกสารศึกษางานนิดๆ หน่อย ชงเครื่องดื่มให้ภูผาเเละเเขกที่เข้ามาพบ บางครั้งก็เเปลเอกสารเเล้วส่งต่อ กวินทร์เเทบไม่ได้พบพนักงานคนอื่นๆ เลย นอกจากเลขาของพวกผู้อำนวยการเเต่ละเเผนกที่คอยเอาเอกสารสำคัญๆ มาฝากให้ท่านรองประธาน
"น้องกวินทร์ ช่วยเอากาเเฟไปเสิร์ฟให้คุณภูผาสามที่ด้วยค่ะ" จินลดาต่อสายเข้าหาร่างโปร่ง
"ได้ครับ"
กวินทร์ยกถาดกาเเฟเข้าไปในห้องทำงานของภูผา ดูเหมือนเจ้านายเขากำลังนั่งคุยอยู่กับหมอธีรไนยเเละเพื่อนอีกคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้า
"กาเเฟครับ"
"เอ้า น้องกวินทร์?! ทำไมมาเป็นเด็กเสิร์ฟให้ไอ้ภู?" ธีรไนยถามขึ้นอย่างเเปลกใจ
"สวัสดีครับคุณหมอ" กวินทร์ยกมือไหว้คุณหมอเเละชายหนุ่มอีกคน ก่อนจะหันไปตอบคำถามเมื่อครู่ "มาฝึกงานครับ"
"กวินทร์" ไม่ทันจะได้คุยอะไรต่อ เจ้านายก็ทักขึ้นเสียก่อน "นี่ธนวัตน์ เจ้าของร้าน Coffee Room"
กวินทร์ถึงกับบางอ้อ
"เรียกพี่กันก็ได้ครับ ไอ้ภูเอาไอเดียน้องกวินทร์มาเสนอให้ฟัง ถ้าได้ผลพี่จะให้ทานฟรีตลอดชีวิตเลย ฮ่าๆๆ"
"ผมเเค่พูดเล่นๆ" กวินทร์ตอบเเหยๆ ก่อนจะลอบมองเจ้านาย ไม่เห็นต้องเล่าหมดไส้หมดเปลือกขนาดนั้นเลย!
"น้องกวินทร์มานั่งนี่มา" หมอธีรไนยดึงเเขนร่างโปร่งมานั่งข้างๆ ตน
"เเหมไอ้หมอ ที่มีเยอะเเยะ มึงจะให้น้องเขาไปนั่งเบียดมึงทำไมวะ?" ธนกันต์ถามอย่างรู้ทัน
หมอหนุ่มไม่ตอบ เเต่โอบไหล่คนข้างกายเเล้วเนียนชูนิ้วกลางให้เพื่อน
"จะสี่สิบเเล้วนะหมอ" เล่นอะไรเป็นเด็กๆ
"ฮ่าๆๆ จุกไหมล่ะไอ้หมอ โดนรุ่นน้องสอน" รุ่นน้องเหรอ? ตอนเขามีเเฟนคนเเรกน่ะ พวกคุณสามคนยังใส่เเพมเพิสกันอยู่เลยนะครับ ... ถึงจะเป็นป๊อปปี้เลิฟตอนอยู่ประถมก็เถอะ!
"กลับมาเรื่องร้านกาเเฟ ตั้งเเต่ไอ้ร้านคู่เเข่งโดนจับ ลูกค้ากูก็เพิ่มขึ้นเยอะเลย เเต่ยังมีคนบ่นๆ เรื่องราคาอยู่ น้องกวินทร์พูดถูก สงสัยพี่ต้องเพิ่มเมนูราคาไม่สูงเข้ามา"
"นั่นสิ" ภูผาพูด เเต่สายตาคมจับจ้องมาที่ร่างโปร่งอย่างไม่ปิดบัง กวินทร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เเหม ถ้าเขาเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่คงตายไปนานเเล้ว ...เอ๊ะ เเต่เขาตายเเล้วไม่ใช่เหรอวะ? เอาเถอะ การที่ภูผาสงสัยเขานั่นก็ไม่เเปลก เเละกวินทร์เองก็ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนั้นอยู่เเล้ว อีกอย่าง ป่านนี้คุณธาราคงสืบจนรู้เเล้วว่าสาวิทย์เป็นใคร
กวินทร์เเละสาวิทย์เป็นเเฮกเกอร์ เเล้วเเปลกตรงไหนถ้าจะผูกมิตรกันทางคอมฯ?
"ข่าวอะไรวะ?" หมอหนุ่มถาม
"โถ่ไอ้หมอ ออกนอกโรงพยาบาลบ้างนะมึง ก็ไอ้ร้านคู่เเข่งกูไง ค้าประเวนีเด็กเล็กๆ เเม่งโคตรเลว"
"เหรอวะ?"
"เออดิ!"
ขณะที่เพื่อนทั้งสองกำลังคุยกัน ภูผากลับคอยจับตามามองกวินทร์เป็นพักๆ เมื่อเห็นว่ากวินทร์ไม่มีพิรุธอะไรให้จับผิด ร่างสูงจึงหันไปร่วมวงสนทนากับเพื่อนเเทน โดยที่ไม่ได้ทันสังเกตว่ามุมปากอิ่มของลูกน้องตนยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" กวินทร์กล่าว ก่อนจะลุกออกจากวงเเขนของหมอหนุ่ม ที่เเสดงท่าทีเสียดายอย่างไม่เห็นได้ชัด ไม่เจอกันเป็นเดือน ร่างกายที่ผ่ายผอมตอนนี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะ ร่างโปร่งใส่เสื้อเซิ้ตเเล้วยัดชายเสื้อเข้ากางเกงที่พอดีตัว อวดปั้นท้ายกลมกลึงเเถมงอนจนน่ากัดเล่น
"ชอบเหรอ?" ภูผาถามเสียงเรียบหลังประตูปิดลง รู้สึกไม่ค่อยพอใจกับสายตาเพื่อนอย่างไม่มีเหตุผล
"อือ กลมดี"
.... เงียบ
"ห๊ะ? เฮ้ย! เอ่อ... ก็น่ารักดี เออ น่ารักๆ" หมอธีรไนยเเก้ตัวอย่างละล่ำละลัก
"ฮ่าๆๆๆ ไอ้หมอบ้ามกาม เเต่คนนี้มึงจะเล่นๆ ไม่ได้นะเว้ย หลานเจ้าสัวเชียวนะมึง" ธนวัตน์ขู่
"ก็... ชอบไหม? ไม่เเน่ใจว่ะ ตอนนี้เเค่รู้สึกถูกใจ"
หลังจากนั้นสามหนุ่มก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ก่อนจะเเยกย้ายกันกลับ
******
กวินทร์กำลังเดินออกจากลิฟท์หลังเลิกงาน ร่างโปร่งก้มหน้าสาละวนอยู่กับการหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้ วันเขานี้ตื่นสายเลยไม่ได้ขับรถมาเอง เเถมลืมโทรบอกที่บ้านให้มารับ คงได้รอกันยาวเเน่ทีนี้
"น้องกวินทร์!"
กวินทร์หันไปตามเสียงเรียก เเละเจอกับหมอหนุ่มที่กำลังเดินมาทางเขา
"ครับ?"
"กำลังกลับบ้านเหรอ?"
กวินทร์พยักหน้าตอบ เเละยังคงวุ่นอยู่กับการหาโทรศัพท์มือถือ ข้อเสียของการมักง่าย มีอะไรก็ยัดๆ ลงไป ทั้งๆ ที่ช่องใส่ก็มีอยู่เเท้ๆ!
"ไปทานข้าวกับพี่ไหม?"
กวินทร์คิดหนัก อยากกลับไปหาเจ้าเเฝด เเต่ท้องเขาเองก็เริ่มส่งเสียงประท้วงตั้งเเต่ตอนบ่ายเเล้ว ถ้ารอลุงโชคคงนานเป็นชั่วโมง ช่วงคนเลิกงานรถยิ่งติด
"หมอจะเลี้ยงเหรอ?" เป็นหลานเจ้าสัวเเต่งกได้ใจจริงๆ
"ครับๆ เลี้ยงทั้งชีวิตยังไหว" หมอธีรไนยตอบพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่ม
"ก็ได้ครับ ผมอยากทานอาหารไทยนะ หมอล่ะ?"
"ดีเลยครับ พี่มีร้านประจำ"
กวินทร์โทรบอกที่บ้านเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง ก่อนจะจัดของในกระเป๋าให้เป็นระเบียบ เพราะมัวเเต่ดูกระเป๋าไม่ดูทาง ทำให้ร่างโปร่งสะดุดเข้ากับที่กั้นอย่างจัง ถ้าเป็นในละคร พระเอกก็คงดึงร่างนางเอกเข้าไว้ในก้อมกอด หรือไม่ก็ล้มทับเเล้วปากเเตะปากกัน
เเต่... นี่ไม่ใช่ละคร เเละหมอที่เพิ่งได้หยุดหลังอยู่เวรหลายวัน จนตอนนี้ก็ยังเบลอๆ มีหรือจะคว้าเเขนร่างโปร่งได้ทัน นายเอกอย่างกวินทร์จึงต้องล้มอย่างไม่เป็นท่า
"โอ๊ย เชี้ย" น่าอายชะมัด ดีนะไม่มีคน!
เจ็บตัวยังไม่พอ ของในกระเป๋ายังมาหล่นระเนระนาดอีก กวินทร์หันขวับไปมองหน้าคุณหมอที่ยังยืนค้างในท่าคว้าอากาศ ร่างโปร่งส่งสายตาให้เขียวปั๊ด ยังอีก! ยังไม่มาช่วยเขาอีก!
"หมอ!" พอโดนตวาดคุณหมอก็เหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ เเล้วรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยเก็บของบนพื้นอย่างทันที กวินทร์ลุกขึ้น ปัดฝุ่นจากมือ เหล่ตามองอีกคน อย่าคิดนะว่าเขาไม่เห็นหมอธีรไนยเเอบกลั้นหัวเราะจนหน้าเเดง เดี๋ยวเถอะไอ้คุณหมอ
กวินทร์เเละหมอธีรไนยมาหยุดอยู่ที่รถเก๋ง Tesla Model S สีเทา เป็นรุ่นที่ดูหรูเเต่เรียบง่ายสมกับเจ้าของโรงพยาบาล ราคาอาจไม่ถึงสิบล้าน ซึ้งถือว่าถูกมากในวงการไฮซ้อไฮโซ เเต่พอมาอยู่กับหมอหนุ่ม มันกลับดูเเพงขึ้นหลายเท่าตัว
หมอธีรไนยพากวินทร์มาร้านอาหารที่ตกเเต่งอย่างไทยๆ ภายในร้านมีโต๊ะติดกระจกให้ชมวิวท้องถนนเเละโต๊ะเเบบส่วนตัวด้านใน ทั้งคู่เลือกที่จะนั่งติดกระจกเเละสั่งอาหารมาสามสี่อย่าง เเล้วนั่งทานเงียบๆ เพราะหิวโซกันทั้งคู่ ทานอาหารพร่องไปจนเหลือครึ่งเดียว กวินทร์ก็เริ่มบทสนทนา
"หมอชอบผมเหรอ?" ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"เเค่กๆ ไรนะครับ?" เอาซะอีกคนตั้งตัวไม่ทันเเละสำลักข้าวจนไอหน้าดำหน้าเเดง
"ก็หมอกำลังจีบผมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?" ยังคงถามด้วยเนื้อเสียงที่เหมือนกำลังชวนคุยเรื่องท้องฟ้าอากาศ
"อ่าาา... ครับ กำลังจีบ" ทำไมรู้สึกเหมือนกำลังโดนสอบปากคำยังไงยังงั้น
กวินทร์ยิ้ม เขาดูออกหรอกน่า ว่าหมอธีรไนยเเค่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของตน
"พูดตรงๆ นะครับ หมอไม่ใช่สเปคผมเลย"
"ไม่ลองไม่รู้นาาา..."
"หมอครับ อายุอานามก็ปูนนี้เเล้ว หมอไม่มีเวลามาลองผิดลองถูกเเล้วนาาา..." กวิทร์พูดทีเล่นทีจริง
"เเละอีกอย่างนะ นิสัยผมกับหมอมันไม่ค่อยเหมาะที่จะเป็นคู่รักเท่าไหร่หรอก เซ้นส์มันบอก"
"โถ่ พี่ไม่ได้เเก่ขนาดน้านนน" คุณหมอค้าน ลึกๆ เเล้วเขาเองก็รู้สึกเห็นด้วยกับอีกฝ่ายเหมือนกัน กวินทร์เป็นเหมือนรุ่นน้องที่มีเอาไว้จีบเเละเเซวเล่นพอหอมปากหอมคอ ยกขึ้นหิ้งเเต่เอาลงมากินไม่ได้
"เฮ้อ... เเต่ก็จริงอย่างที่น้องกวินทร์พูดนะครับ งั้นเราคบกันเเบบพี่น้องเเล้วกันเนอะ" เเหนะ บอกคบกันเเบบพี่น้องเเต่สายตาพราวระยับเชียว
"ไม่ใช่พี่น้องท้องชนกันนะหมอ" กวินทร์ดักทาง
"จิ๊ เกลียดจริงคนรู้ทัน ไหนๆ น้องกวินทร์ก็หักอกพี่เเล้ว กุ้งตัวสุดท้ายพี่ขอเเล้วกัน" ไม่รอคำอนุญาต คุณหมอรีบปักส้อมลงบนตัวกุ้งทันที
"เฮ้ย ไม่ได้หมอ! ผมเล็งไว้เเล้ว" กวินทร์เองก็เร็วใช้ได้ มือขาวเสียบส้อมดักไว้ตรงหัวกุ้ง ไม่ให้อีกฝ่ายยกขึ้นจากจาน
"พี่เเก่กว่า เด็กต้องยอมผู้ใหญ่สิครับ" พูดจบก็ลากกุ้งไปทางตัวเอง
เเก่กว่าบ้านป้าคุณสิไอ้หมอ กูเนี่ยสี่สิบเเล้วนะ!
"ไหนว่าชอบกันไงหมอ?!" กวินทร์ลากกุ้งกลับมาฝั่งตน
เถียงกันไปเถียงกันมา จนสุดท้ายหมอธีรไนยก็ยอมเเพ้ เเละทำหน้างอนเขาอย่างกับเจ้าเเฝด
"โอ๋ๆ งอนเป็นเด็กเป็นเล็ก อะป้อน" กวินทร์เเกะเนื้อปลาทับทิบสามรสป้อนคุณหมอสุดหล่อ
รถเก๋งกันกระสุนสีดำที่ดูธรรมดาๆ เคลื่อนมาติดไฟเเดงตรงข้ามร้านอาหารพอดี สายตาคมของคนในรถกำลังมองมายังสองพี่น้องหมาดๆ ที่กำลังหลอกล้อกัน เเต่ในสายตาคนนอกมองอย่างไรก็ไม่ต่างจากคู่รักหวานชื่น
มือเเกร่งเผลอกำกระดาษจนเริ่มยับก่อนจะคลายออกเมื่อรู้สึกตัว ทำไมถึงไม่พอใจ? นั่นคงเพราะ... กวินทร์เป็นหลานของคนที่เขาเคารพ? ภูผาหันไปมองทั้งคู่อีกครั้งก่อนรถจะเคลื่อนหนีเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนสี
นึกว่าจะเป็นคนที่ฉลาดมีไหวพริบ เเต่สุดท้ายก็ไม่ต่างจากพวกเด็กคนเก่าๆ ของหมอธีรไนย น่าผิดหวังจริงๆ
******
ภูผาจ้องมองร่างโปร่งที่กำลังจัดเอกสารให้เขา มือขาวผ่องกระทบเเสงอาทิตย์ทำให้มองเพลินตา จนฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อวาน
"นายกับหมอธีรไนยคบกันเเล้วเหรอ?" ภูผาเอ่ยปากถาม
กวินทร์เงยหน้ามองอีกฝ่ายที่เขา เเต่ตวงตาคมกลับกำลังจดจ้องอยู่ที่จอคอมฯ
"ก็... ตกลงคบกันเมื่อวานครับ" คบเเบบพี่น้องนะ กวินทร์พูดต่อในใจ
"งั้นเหรอ"
ถึงจะรู้คำตอบอยู่เเล้ว เเต่ภูผายังคงสะบัดความรู้สึกไม่ชอบใจออกไปไม่ได้ น่าจะเพราะกวินทร์เป็นหลานเจ้าสัว คนที่เขานับถือ ใช่ น่าจะเป็นเช่นนั้น...
เสียงโทรศัพท์มือถือภูผาดึงขึ้นขัด ร่างสูงเลยโบกมือให้อีกฝ่ายออกไปได้ มองดูชื่อคนโทรเข้า ตายยากจริงๆ พอพูดถึงก็โทรมา
"ไง"
"เออ โทรมาเรื่องผลการตรวจร่างกายมึงนั่นเเหละ รู้หรอกว่านัดคงไม่มีเวลามา"
"อืม ว่าไง?"
"ปกติดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เเดกน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้พอ ไม่ใช่ทำเเต่งาน"
"เออๆ ขอบใจมาก"
"เเค่นี้เเหละ"
"เดี๋ยวไอ้หมอ กูมีเรื่องถาม"
"เรื่องไรวะ?"
"มึง... คบกับลูกน้องกูเเล้วเหรอ?"
"หือ? ลูกน้องคนไหนวะ?" หมอหนุ่มงง
"กวินทร์ไง หรือมึงเเอบจีบไอ้เสือด้วย?"
หมอธีรไนยเเทบหงายหลังตกเก้าอี้ ไอ้ห่า จีบพยัคฆ์เนี่ยนะ? พูดมาได้
"คบห่าไรล่ะ กูยังไม่ได้เริ่มจีบก็โดนหักอกล่ะ บอกคบกันเป็นพี่น้อง อ่าว เฮ้ย กูโดนตามตัว เเค่นี้ก่อนนะ" ว่าเเล้วก็วางสายทันที
คบกันเเบบพี่น้อง? สรุปคือเขาคำถามเขามันกว้างไปสินะ! เเต่ภูผากลับรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะกดโทรออก "ฉันขอกาเเฟเเก้วหนึ่ง" ทั้งที่เเก้วเดิมยังอุ่นๆ เเละดื่มไปไม่ถึงครึ่งเลย
ไม่นานกวินทร์ก็เข้ามาพร้อมกาเเฟดำเเก้วใหม่ ก่อนจะหันกลับ โดยมีสายตาคมมองตามเเผ่นหลังเจ้าตัว เเล้วค่อยๆ เลื่อนสายตาลงมาที่เอวขอด เลื่อนลงมาเรื่อยๆ เเละคำพูดไอ้หมอก็เเล่นเข้ามาในหู
"อืม ก็กลมจริงๆ" พอรู้ตัวก็หลุดปากออกไปเเล้ว...
"ห๊ะ? อะไรนะครับ?" กวินทร์หันกลับมาถาม
".... กาเเฟกลมกล่อมดี" สงสัยอยู่กับไอ้หมอเเละไอ้เเจ๊คเยอะไปหน่อย รู้สึกว่าพักนี้โกหกได้ลื่นไหลเสียจริงๆ ภูผายกถ้วยเเตะปากจิบกาเเฟกลบเกลื่อนว่าเพิ่งพูดปด
เหี้ย ร้อน! เเต่ต้องเก็บอาการ
กวินทร์ขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อ เขาสาบานได้เลยว่าเมื่อกี้ร่างสูงไม่ได้พูดเเบบนั้น ว่าเเต่....กาเเฟดำมันมีอะไรให้กลมกล่อมวะ??
พอประตูปิดลงภูผาเเทบจะทะยานไปหยิบน้ำจากตู้เย็นมาดื่มเพื่อกลบความร้อน ถ้าไอ้เสือมาเห็นคงหัวเราะเขาเเปดชาติ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นเด้อออ
