[END]►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EPILOGUE] 28/10/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EPILOGUE] 28/10/18  (อ่าน 65500 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :pig4:

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ดีใจมาต่อแล้ว ในที่สุดความสัมพันธ์ก็คืบหน้าแล้ว แต่ภูผายังคงอ่อนไหวมากเวลาเจอนาวี หลังจากนี้คงเจอเรื่อยๆ ดราม่ามาแน่ๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ถ้าสองคนเขาไปกันได้ดีก็ไม่มีที่สำหรับเราแล้วเนาะนาวี มาซบอกป้ามา

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ฮรือออ ยอมแล้วจ้าพี่ทัพจ๋า มีความหมีอบอุ่น เข้าใจน้องภูเลย แบบมันต้องไปต่อข้างหน้าอ่ะ #ทีมธงทัพ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
น้อลลลลลล น้องยอมแบบเต็มใจมาก แต่...ไม่ใช่เพราะตอบแทนใช่ไหม? ไม่ใช่เพราะรู้ว่าพี่ทัพรอมา 8 ปีแล้วใช่ไหม? แอบกังวลแทนพี่ทัพนะเนี่ย

ชอบประโยคนึงของนาวี  “มีแพลนจะหายโกรธกันบ้างไหม” คือแบบ...น่ารักอ่ะ 55555 ชีวิตต้องมีการวางแผน รวมถึงเรื่องนี้ด้วยงั้นไหม? 5555 ชอบๆๆๆ

เรายังไม่เลือกข้างนะ เราคนโลภ ไม่ว่าน้องภูจะเลือกใคร? ทั้งพี่ทัพ ทั้งนาวี ก็เปนของเรา (ในมโน) 5555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อยากให้น้องเริ่มต้นใหม่ รักพี่ทัพให้เต็มหัวใจ ให้นาวีเป็นความทรงจำดีๆ นะลูก  :hao5:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เห็นอัพตอนใหม่แล้วรีบกดเข้ามาอย่างไว แล้วก็เซอร์ไพรส์!!!! พี่ทัพน้องภูเขาหวานกันแล้ววว แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ก็พี่ทัพดีมาตลอดเลยจริงๆทั้งดูแลอยู่เคียงข้างก็ถ้าภูผาไม่เอาเราจะเอาเองนี่แหละ ฮ่าๆๆ ส่วนนาวีที่คอยตามภูผานี่เพื่ออะไรเหรอ อยสกได้รับการให้อภัยหรือคิดอยากกลับมาคบกัน ถ้าเป็นอย่างหลังเราว่านาวีเลิกคิดเถอะ อดีตก็คืออดีต

ออฟไลน์ fxxg0430

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนใหม่มาถึงกับอุดปากกรี๊ด

ฮื้อ เขาใจตรงกันแล้ว นาวีทางนี้ลูก มาทางนี้

ออฟไลน์ Babyboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
โคตรคิดถึง :hao5:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Episode 17

 

ผมยังเป็นคนเดิม
ไม่ว่าคุณจะคิดถึง
หรือลืมทุกอย่างที่ผมเป็น

 

 

"รอยสักนั่นตั้งแต่เมื่อไร ไม่เคยเห็น"

"สวยปะ"

"ไม่เลย ชอบแบบสะอาดๆ มากกว่า"

"นี่มันสกปรกตรงไหน"

"ก็แค่ไม่อยากให้ร่างกายเป็นรอย"

"ก็นิดเดียวเอง"

"แล้วมันมีความหมายไหม"

"ลองดูดิว่ามันเหมือนอะไร"

"ก็แค่สามเหลี่ยม"

"ไม่ใช่แค่นั้น"

"รูปธงเหรอ? ธงสามเหลี่ยม หมายถึงธงทัพ?"

"ก็อาจจะใช่ แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด"

"แล้วคืออะไร?"

"ภูเขาน่ะ ภูเขา"

"ภูเขาเหรอ ไม่เห็นจะเหมือนเลย..."

 

"ภูผา"

"..."

"ภู"

เป็นประจำอย่างทุกเช้าในตอนที่ธงทัพมานอนห้องผม มันจะต้องเป็นคนตื่นก่อนเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วค่อยเรียกให้ผมตื่นในตอนที่กำลังจะออกจากห้อง

"ไปทำงานแล้วนะ"

"อือ"

"เจอกันตอนเย็นนะ"

"ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องมาก็ได้ มานอนนี่มึงก็ต้องตื่นเช้า"

มันนิ่งเหมือนใช้ความคิด ก่อนจะสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงทะเล้น

"ไม่มาก็คิดถึงตายห่าเลย"

"บ้า...ธงทัพ คือเมื่อคืน..."

"จะขอบคุณมากเลยถ้าจะไม่พูดเรื่องเมื่อคืน"

ผมเลิกคิ้วขึ้นมองตอนที่ถูกเบรกประโยคที่กำลังเอ่ย

"ทำไมวะ"

"กูเขิน"

"ฮึ?"

"เขินจนทำใจไม่ได้ หัวใจกูยังไม่กลับมาเต้นเป็นปกติเลยเนี่ย หาจังหวะลงไม่เจอเลย"

ผมได้แต่ส่ายหน้าหน่อยๆ กับท่าทางของมัน ยืนเกาะขอบประตูแล้วยิ้มกว้าง ธงทัพมีชั้นตาที่แปลกๆ บางครั้งก็เป็นชั้นเดียว บางครั้งมีสองชั้น แต่วันนี้กลายเป็นขีดเดียวยาวๆ เพราะเอาแต่ยิ้มกว้างจนมุมปากแทบยกขึ้นชนกับหางตาอยู่แล้ว ไปมีความสุขมากจากไหนนักหนา

"กูแค่จะบอกว่าเมื่อคืนกูทำหนังสือมึงเปียกไปเล่มหนึ่ง"

รอยยิ้มรวบหุบแล้วดวงตาคู่นั้นก็เปิดโพล่งขึ้นทันที

"ก็เสื้อกูเปียก แล้วก็ถอดมันไปวางตรงนั้นพอดี..." ผมอธิบายแต่ไม่ทันจบ ธงทัพก็ก้าวเท้าเข้าไปหาหนังสือที่เปียกชื้น อยู่ข้างๆ กองเสื้อผ้าที่เปียกแฉะ ผมรู้เล่มนั้นธงทัพหยิบมันขึ้นมาอ่านบ่อยๆ เป็นเล่มโปรดและอาจจะหายาก ธงทัพหยิบมันขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เกินจะเดาอารมณ์ มองหน้าผมสลับกับหนังสือในมือ ความผิดปกติของอารมณ์แสดงให้เห็นผ่านใบหน้าเรียบเฉยนั่น ผมยกสองมือขึ้นพนมโดยอัตโนมัติ หนทางการเอาตัวรอดคือใช้ไม้ตายที่ธงทัพแพ้ราบคาบอยู่เสมอ

"พี่ทัพ ภูขอโทษ"

"นี่เล่มโปรดเลย"

"ธงทัพ"

"นี่มัน..." ธงทัพยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเหมือนกำลังกลั้นอาการร้องไห้ ทรุดลงนั่งไปพร้อมหนังสือเล่มนั้น ผมเบิกตาขึ้นอย่างตกใจ ลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็พบว่าตัวเองยังเนื้อตัวเปลือยเปล่า เลยม้วนผ้าห่มพันตัวลวกๆ แล้วกระโดดลงไปนั่งข้างๆ ธงทัพที่กอดหนังสือเล่มนั้นเอาไว้ในมือ

"พี่ทัพ ภูขอโทษ เดี๋ยวหาซื้อเล่มใหม่ให้"

"นี่มันพิมพ์ครั้งแรกเลย หาซื้อไม่ได้แล้ว"

"จริงเหรอ แล้ว...ทำไงดี เอาไปแช่ตู้เย็นไหม..."

"นี่หนังสือไม่ใช่ปลาสด มึงจะเอาไปแช่ตู้เย็นทำไม"

"เคยได้ยินว่ามันช่วยได้ ขอโทษจริงๆ ทำไงดี"

"กูเศร้าเลยเนี่ย"

"เฮ้ย ไม่เศร้าดิ"

"..."

"พี่ทัพ"

"..."

ผมคุกเข่าลงตรงหน้า พยายามยื่นหน้าตัวเองเข้าไปให้ธงทัพมองแต่กลับโดนเมินไปทางซ้ายขวาทีเหมือนกำลังงอนกัน

"พี่ทัพให้ภูทำอะไรก็ได้ ภูขอโทษ มองหน้าหน่อยสิ พี่ทัพ.." 

จนในที่สุดธงทัพหันมองหน้าผม หัวคิ้วที่ขมวดเข้ากันกับริมฝีปากที่เชิดขึ้นนิดๆ บ่งบอกความไม่พอใจหรือไม่ก็กำลังรู้สึกเศร้าอยู่จริงๆ ผมไม่เคยเห็นธงทัพร้องไห้ แต่ถ้าด้วยเรื่องนี้จะเป็นสาเหตุให้น้ำตามันไหลออกมา ผมคงรู้สึกผิดแย่

"ภูผาหน้าโง่"

"อะไรนะ..."

พูดไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากของอีกคนก็ยกมุมข้างหนึ่งขึ้นยิ้มตามแบบฉบับ ก่อนใช้ริมฝีปากนั้นขยับเข้ามาแตะริมฝีปากผมครั้งหนึ่ง รวดเร็วแต่พอรับรู้ว่านั่นมันคือจูบ

ธงทัพทิ้งหนังสือในมือลงกับพื้นก่อนรีบวิ่งออกไปจากห้อง ผมกระชับผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ แล้วหันมองหน้าปกของหนังสือเล่มนั้น

 

พิมพ์ครั้งที่ ๔

 

นั่น...โดนหลอกจูบ

 

...

 

 

            วันนี้ที่ทำงานก็ยังคงวุ่นวายเหมือนเช่นทุกวัน มนุษย์สัมพันธ์ของผมไม่ถึงกับติดลบ แต่ก็ไม่ได้คะแนนสูงนัก ผมจึงชอบงานที่ทำอยู่กับหน้าคอมพ์มากกว่าหน้าคน เรื่องเดียวที่น่าเบื่อระหว่างการทำงาน คือสายตาของผมไม่ดีเหมือนเก่า นั่งทำงานนานๆ ทีไร ความหงุดหงิดของชีวิตก็ปรากฏเป็นระยะด้วยอาการปวดตาเป็นพักๆ มันไม่ได้เจ็บปวดหรือเข้าขั้นทรมาน แต่มันน่ารำคาญ ปวดๆ แสบๆ สลับกันไป ผมหลับตาลงสองสามครั้งหวังว่าความพร่าเบลอนั่นจะหายไป แต่ไม่เป็นผล เผลอถอนหายใจออกมาเสียงดังจนพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาถาม

"เป็นอะไรภู"

"ไม่มีอะไรครับ"

ผมปฏิเสธก่อนหมุนเก้าอี้หันมองอย่างอื่นให้สายตาได้พักผ่อนบ้าง ผมทอดสายตามองไปยังผนังกระจกกว้าง เลื่อนสายตามองหาต้นตะบองเพชรเป็ดน้อยของผม แต่ไม่มี...ไม่มี...

"เฮ้ย"

ผมลุกพรวดจากเก้าอี้แทบจะกระโดดไปยังจุดที่วางตะบองเพชรเอาไว้ตรงนี้ แต่กลับหายไป โดยที่ผมเองก็ไม่ทันได้สังเกต

"พี่ครับ มีใครเห็นตะบองเพชรของผมไหม ผมวางมันไว้ตรงนี้"

"เมื่อเช้ายังเห็นอยู่เลยนะ"

คิ้วผมขยับชนกัน นึกไปถึงครั้งสุดท้ายที่มองเห็นมัน แต่ในหัวก็พร่าเบลอพอๆ กับสายตาที่ยังไม่กลับมามองเห็นชัด

"ภูผา ร้องไห้ทำไมลูก"

ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะตะบองเพชรหาย แต่น้ำตาไหลออกมาตอนที่กระพริบตาสองสามครั้ง ดวงตาแห้งผากได้น้ำตากลับมาทำให้มันชุ่มชื้น ผมจึงหายจากอาการแสบตาเป็นปลิดทิ้ง

"มีใครเห็นต้นไม้น้องไหม"

"ใครหยิบไปหรือเปล่า"

"ตอนพักเที่ยงแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลองไปถามแม่บ้านดูไหม"

"เดี๋ยวพี่ไปถามให้ ไม่ร้องนะลูกนะ"

"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ร้องไห้ ไม่เป็นไรครับ" ผมรีบร้อนอธิบาย อย่างที่บอกว่าผมเป็นน้องเล็กที่พี่ๆ ทะนุถนอมราวกับเป็นลูก เรื่องเล็กๆ ของผมจึงกลายเป็นเหตุให้คนทั้งออฟฟิศลุกฮือขึ้นมาให้ความสนใจจนอธิบายแทบไม่ทัน

"เดี๋ยวผมลองไปถามป้าแม่บ้านเองครับ"

"จ้ะๆ ไม่ต้องร้องไห้นะลูกนะ"

"ไม่ได้ร้องครับ แค่แสบตา จริงๆ นะครับ ผมไม่ได้ขี้แงซะหน่อย" ผมทิ้งคำนั้นเอาไว้พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินออกมาตามหาแม่บ้าน ก่อนจะมาเจอป้าแม่บ้านที่หน้าลิฟต์พอดี

"ป้าครับ!"

"คะ?"

"เมื่อกลางวันป้าเข้าไปทำความสะอาดที่แผนกไอทีใช่ไหมครับ"

"ใช่จ้ะลูก"

"ป้าเห็นต้นตะบองเพชรที่วางอยู่ข้างผนังกระจกไหมครับ ตะบองเพชรที่มีเป็ดสีเหลืองๆ..."

"อ๋อ"

ผมพลางพยักหน้าไปพร้อมกันตอนที่ป้านึกออกขณะที่ผมกำลังอธิบาย

"ป้าทิ้งไปแล้วน่ะจ้ะ ของหนูเหรอลูก"

"ครับ..." น้ำเสียงผิดหวังเปล่งออกไป สีหน้าของผมก็โกหกไม่เป็นเช่นกัน ตอนนี้มันคงหงอยยิ่งกว่าเด็กประถมตอนโดนแย่งนมโกแลตกล่องสุดท้ายไปซะอีก

"ป้าคิดว่ามันตายแล้วก็เลยทิ้งไป"

"มันยังไม่ตายครับป้า...มันยังไม่ตายซะหน่อย"

"โธ่! ทำยังไงดีล่ะ ป้าทิ้งไปแล้ว ป้าขอโทษลูก ป้าจะไปดูให้เผื่อว่ายังไม่มีใครเก็บไปทิ้ง..."

"ไม่เป็นไรครับป้า"

"ป้าขอโทษนะลูก"

"ครับ ไม่เป็นไรครับ"

หลายครั้งที่ผมต้องพูดว่าไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่เป็นนะ แต่ว่าเป็นไม่มาก ยังพอทนได้ จะเอาโทษป้าแม่บ้านด้วยเรื่องแค่นี้ก็ไม่ได้ ก็แค่ต้นไม้ต้นเดียว ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้หน้าลิฟต์ในตอนที่ป้าเดินออกไปแล้ว

กูไม่ได้ทำมันตาย แต่มันหายไปเองนะ...ผมคิดบางคำที่จะอธิบายให้ธงทัพฟังอยู่ในใจ เรียกว่าเตรียมเอาไว้แก้ตัวก็ไม่ผิดนัก

"อะ"

ผมเงยหน้าขึ้นมองเสียงที่ดังตรงหน้า มือหนึ่งยื่นกระถางตะบองเพชรมาตรงหน้า ความสนใจของผมไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ต้นตะบองเพชรแต่มองผ่านไปยังข้อมือข้างซ้ายของเจ้าของเสียง ถ้ามันเป็นข้อมือที่ว่างเปล่าผมคงมองผ่านไปตั้งแต่วินาทีแรก แต่สิ่งที่ดึงความสนใจของผมเอาไว้อยู่นาน น่าจะเป็นรอยสักตรงนั้นซึ่งคุ้นตา แม้ว่าจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็ตาม 

 

"คืออะไรอะ กราฟชีพจรเหรอ"

"มันคือภูเขา" 

"แล้วข้างล่างนี่ล่ะ" 

"แม่น้ำไง" 

"ภูผา กับ นาวี" 

"สวยอะ สักจริงเลยดีป่ะ"

 

"ภู"

"ฮะ?"

ผมเผลอขานรับด้วยความตกใจ ก่อนมือที่ยื่นกระถางตะบองเพชรให้จะขยับมาตรงหน้าอีกนิด

"กูเห็นคนเอาไปทิ้ง แต่มันยังไม่ตายก็เลยเก็บมา บังเอิญได้ยินมึงคุยกับแม่บ้านก็เลยรู้ว่าเป็นของมึง"

ผมยกมือขึ้นรับกระถางนั่นแต่อีกคนไม่ยอมปล่อย แม้แต่ตอนที่ผมเงยหน้ามองด้วยความไม่พอใจก็ไม่ยอมปล่อย

"สำคัญมากเหรอ"

"ธงทัพให้มา"

นาวียอมปล่อยมันออก ตอนที่ผมพูดจบ ขณะที่ผมไล่สายตาสำรวจว่าตะบองเพชรและเป็ดน้อยนั่นยังอยู่ดีหรือไม่ นาวีก็ใช้โอกาสนั้นนั่งลงข้างๆ

"ร้องไห้เลยเหรอ"

"เปล่า"

"นึกว่าเห็นหน้ากูแล้วอยากจะร้องไห้ซะอีก"

"ทำไมต้องร้อง"

"ไม่รู้สิ"

"..."

"คิดว่าจะรู้สึกเหมือนกัน"

เป็นครั้งแรกที่ผมกล้าหันไปมองหน้านาวีชัดๆ ด้วยความตั้งใจ ในดวงตาคู่เดิมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ผมมองเห็นหยดน้ำใสที่คลออยู่ในนั้น...มันเป็นน้ำตา


นาวีหันหน้าไปทางอื่น ผมเองก็อยากลุกออกไปจากตรงนี้ ผมคิดว่าเราต่างคนต่างต้องการหนีแต่นาวีเริ่มต้นบอกเล่าความรู้สึกของตัวเองให้ผมฟังผ่านอ้อมกอดโดยไม่มีคำพูดใด


ผมถูกเขากอด โดยรู้ตัวแต่ไม่ยินดีนัก

"ปล่อย"

"..."

"นาวี ปล่อย!"

นาวีกอดผมแน่นและยิ่งแน่นขึ้นในขณะที่ผมต้องการดึงตัวเองออกมา สุดท้ายความพยายามที่จะขัดขืนนั้นก็หยุดลงตอนที่ผมรับรู้ได้ว่านาวีร้องไห้ ผมไม่ได้หันไปมอง แต่ผมรู้ว่าเขากำลังร้องไห้ ผ่านความเปียกชื้นบนไหล่ที่ใบหน้าของเขาวางอยู่ตรงนั้น

ในความเงียบมีเพียงน้ำตา ไม่มีคำปลอบโยนจากผมสักคำ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมยังคงสับสนทำตัวไม่ถูกหรือไม่บางที ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเลย

"นาวี ร้องไห้ทำไม" ผมถามขณะที่ใบหน้านั่นยังนิ่งอยู่บนบ่า

"ดีใจที่ได้เจอมึง"

"..."

"แล้วก็เสียใจที่มึงต้องกลับมาเจอกูอีก"

"อะไรนะ..."

"น้องภู!"

ทั้งผมและนาวีลุกพรวดขึ้นเพราะเสียงเรียกของพี่พนักงานคนนั้น นาวีรีบร้อนคว้าข้าวข้องที่วางข้างตัวก้าวออกไปตรงนี้ แต่ความไม่ระวังทำให้เขาชนเข้าจังๆ กับพี่พนักงานที่ก้าวเท้าเร็วๆ เข้ามาพอดีเช่นกัน

"ขอโทษครับ!"

"ขอโทษค่ะๆ พี่ช่วยค่ะ"

"ผมเก็บเองครับ"

ผมกำลังจะก้มลงช่วยเก็บของจากกระเป๋าที่กระจัดกระจาย แต่นาวีก็รวบมันด้วยความว่องไว ใส่กระเป๋าลวกๆ แล้วก้าวออกไป

"จะรีบไปไหนของเขาน่ะ"

ไม่ได้รีบไปไหน แต่ไม่อยากให้ผมเห็นหน้าตอนนี้มากกว่า...หน้าตาตอนที่กำลังร้องไห้

"ว่าแต่ใครอะ"

"อินทีเรียรีโนเวทออฟฟิศน่ะครับ"

"อ๋อ หล่อดีนะ เออ! หนูเจอตะบองเพชรเหรอยัง"

"เจอแล้วครับ แม่บ้านเก็บไปทิ้งคิดว่ามันตายแล้ว"

"อ๋อ โชคดีไป แต่หน้าตามันก็เหมือนตายแล้วจริงๆ นะลูกนะ"

ผมหลุดหัวเราะเพราะคำพูดติดตลกของพี่ที่ทำงาน ก่อนก้มหยิบตะบองเพชรที่วางอยู่บนเก้าอี้ จังหวะนั้นก็หันไปเห็นสมุดโน้ตเล่มเล็กที่หล่นอยู่ใต้เก้าอี้ด้วย

"พี่กลับไปทำงานก่อนนะ"

"ครับ"

ผมตอบรับ ขณะยังให้ความสนใจกับสมุดเล่มนั้น มันไม่ได้วางอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นของนาวี เพื่อความแน่ใจผมจึงเปิดเข้าไปหน้าแรก ไม่มีชื่อหรือสิ่งใดบอกว่าเป็นของเขา แต่ตัวหนังสือบนนั้นข้อเกี่ยวกับงานที่เขาทำทั้งสิ้น มีภาพร่างตึก ตัวเลขที่เดาว่าเป็นขนาดย่อและตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่ไม่เข้าใจนัก ทั้งเล่มก็มีแต่เรื่องราวประเภทนั้นที่ผมไม่รู้เรื่อง แต่สิ่งที่หนึ่งที่ดึงความสนใจผมเอาไว้อยู่นาน คือซองยาที่ถูกพับอยู่ที่หน้าสุดท้าย ถือวิสาสะดึงมันออกมาดู ที่หน้าซองมีชื่อเขาแปะอยู่ แต่ตัวยาที่ยัดอยู่ในซองนั้นเป็นคนละตัวกัน เดาว่าเขาคงหาที่ให้มันอยู่รวมกันอย่างลวกๆ

วิ่งเอาไปคืนจะทันไหม...


 

ใจหนึ่งผมคิดเช่นนั้น แต่อีกใจก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เรื่องของผม ใกล้ๆ กันมีถังขยะจึงก้าวเท้าเข้าไปหย่อนมันลงและในตอนนั้น

ผมลังเล...


หากว่ามันสำคัญ หากว่าเขาต้องใช้มันวันนี้ หากว่าไม่ใช่นาวี ผมก็ไม่ควรทิ้งของของคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ ควรจะเป็นแบบนี้สิ...ควรจะคิดแบบนี้


ผมถอนหายใจเบาๆ กับความคิดของตัวเอง แล้วเก็บทั้งสมุดทั้งซองยานั่นไว้กับตัวก่อนเดินกลับห้อง นาวีมาตรวจงานที่นี่บ่อยๆ อยู่แล้ว ความบังเอิญก็มักจะตลกร้าย วนเวียนให้เรากลับมาเจอกันบ่อยครั้งอยู่แล้ว เอาไว้จะคืนให้คราวหน้าก็แล้วกัน

 

ติ๊ง!

ผมหันมองเสียงแจ้งเตือนจากไลน์ระหว่างนั่งทำงาน เห็นว่าเป็นธงทัพจึงหยิบมาอ่าน

 

"ข้าว?"

 

หลุดยิ้มนิดๆ กับความเป็นมัน ถ้าไม่รู้จักกันดีพอ ผมคงคิดว่าธงทัพเป็นคนกวนประสาทที่เสี่ยงโดนตีนได้ทุกนาที แต่เพราะรู้จักดีแล้วเลยเข้าใจว่าคำถามสั้นๆ ที่พิมพ์มานั้นแปลว่า เย็นนี้จะกินข้าวอะไร?

 

"ก๋วยเตี๋ยว"

 

ผมตอบกลับ และในทันทีก็โดนสวนกลับมา เป็นเพียงตัวอักษรแต่นึกหน้ามันออกเลย

 

"เบสิก! เบื่อ!"

 

ผมกำลังจะพิมพ์ตอบ แต่อีกฝ่ายโทรเข้ามาพอดี เลยคว้ามันขึ้นกดรับก่อนเสียงเรียกเข้ารบกวนคนอื่น เสียงเรียกเข้าเงียบไปแล้ว มีแต่เสียงปลายสายที่กำลังทำร้ายประสาทการได้ยินของผมด้วยการโมโหที่ไม่รู้ว่าไปพาลมาจากไหน

(ไม่กินก๋วยเตี๋ยวได้เปล่าวะ ของกินมีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมต้องก๋วยเตี๋ยว กูถามแค่นี้)

"ก๋วยเตี๋ยวผิดตรงไหน"

(กูไม่โอเค กูยอมอดข้าวเย็น งั้นอะ)

"งั้นก็ตามใจมึงสิ"

(ตามใจกูอีกและ กูคิดตลอดเลย เคยคิดเองบ้างป่ะ มีสมองไว้ทำอะไรอะ?)

"ไอ้ธงทัพ งั้นมึงก็กินที่ห้องมึง กูกินที่ห้องกู จบ!"

(อ้าว ไรวะ! งั้นเดี๋ยวกูซื้อเข้าไปเองแล้วกัน)

"เออ ธงทัพ"

(ว่า)

"พรุ่งนี้ที่บริษัทเขามีประชุมกัน แต่กูไม่เกี่ยวก็เลยมาสายได้นิดหน่อย คืนนี้กูไปนอนห้องมึงเอง"

(จริงป่ะ! เจ๋ง!)

"งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ห้องมึงนะ"

"ครับผม" 

ธงทัพทิ้งคำพูดไพเราะเกินความคาดหมายแล้ววางสายไป ปล่อยให้ผมยิ้มกว้าง กระทั่งพี่คนข้างๆ หันมาแซว

"น้องภู มีความรักเหรอจ้ะ"

"ครับ?...ความรักเหรอครับ?"

"ก็ดูยิ้มเข้าสิ อย่างกับคนมีความรักแน่ะ"

"ครับ"

"..."

"ก็กำลังรัก..."

"..."

"ใครบางคนอยู่น่ะครับ"

 

นึกว่านานจนลืมวิธีที่จะตกหลุมรักใครไปสักคนแล้ว แต่ถ้าถามตัวเองด้วยความถี่ถ้วนอีกครั้ง มันก็คือความรักนั่นแหละ ก็คงจะใช่...

 

...

 

เย็นนั้นผมมารอธงทัพที่ห้อง เดาว่างานมันคงเยอะและจะกลับช้าเหมือนเคยเลยไม่ได้โทรตาม อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย หย่อนตัวลงนั่งหน้าโซฟา จิ๊กซอว์ของธงทัพที่ต่อค้างเอาไว้ขยับเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าที่เห็นครั้งก่อน ผมรู้ว่าธงทัพไม่ได้เพิกเฉยต่อมัน อย่างน้อยที่สุดก็คงหยิบมันมาต่อ วันละชิ้น สองชิ้น มองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการกวาดมองลวกๆ แต่ถ้าสังเกตชัดๆ ก็จะรู้ทันทีเลยว่ามีตรงไหนที่เพิ่มเข้ามา แต่อย่างที่บอกว่าผมไม่มีความอดทนกับอะไรไพวกนี้ได้นาน เลยล้มเลิกความตั้งใจที่คิดจะช่วย แล้วล้วงมือถือในกระเป๋าออกมาเล่นเกมดีกว่า

หัวคิ้วขมวดชนกันเมื่อสิ่งที่หล่นออกมาจากกระเป๋าไม่ใช่มือถืออย่างเดียว แต่เป็นถุงยาของนาวี

 

ยาอะไร...ไม่สบายเหรอ...เป็นอะไรมากหรือเปล่า...ยาแก้ปวดท้องหรือเปล่า...โรคกระเพาะยังไม่หายเหรอ

 

มันช่วยไม่ได้ที่ผมจะเผลอคิดไปแบบนั้น จะห้ามความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้ในเมื่อมันวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมคิดถึงพี่โอ๋ขึ้นมา ผมยังติดต่ออยู่กับพี่โอ๋อยู่บ้าง พี่โอ๋ลาออกจากการเป็นพยาบาลที่ห้องพยาบาลโรงเรียนไปทำงานในโรงพยาบาลเล็กๆ ในชุมชนต่างอำเภอ และบ่อยครั้งที่จะทักทายมาชวนผมคุย วันนี้ผมอยากเป็นฝ่ายทักหาเขาก่อนด้วยความสงสัยบางอย่าง และในแทบทันทีที่ผมทักอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอย่างกับว่ารออยู่พอดี

 

พี่โอ๋ : ว่าไงจ้ะ

 

         

ภูผา : พี่โอ๋ นี่ยาอะไร

ผมถามสั้นๆ โดยไม่ได้เกริ่นก่อน ประกอบกับถ่ายรูปแผงยาพวกนั้นติดไปด้วย พี่โอ๋ไม่ตอบ แต่ในเสี้ยววินาทีเดียวก็โทรกลับมาหาผมด้วยน้ำเสียงร้อนรนเจือปนความดุเอาไว้ด้วยอย่างรู้สึก           

(ยาใคร! ภูผา ตอบพี่ ของภูหรือเปล่า!)

"ใจเย็นๆ พี่"

(ยาของใคร)

"มีคนลืมไว้น่ะ อยากรู้ว่าเขาจำเป็นต้องรีบใช้หรือเปล่า จะได้รีบเอาไปคืน"

(อ๋อ)

"ร้ายแรงเหรอ?"

(ก็ไม่เชิง)

"ทำไมต้องรีบร้อนโทรมาด้วย"

(ถ้าเป็นของภูผา ก็ร้ายแรงสำหรับพี่)

ผมขมวดคิ้วแน่นตอนที่พี่โอ๋พูดต่อว่ายานั่นเกี่ยวข้องกับโรคอะไร และเมื่อปลายสายวางไปแล้ว ผมยังคงนั่งมองแผงยา สลับกับชื่อเจ้าของหน้าซอง และโรคที่พี่โอ๋เพิ่งจะพูดถึงด้วยความสับสน  เพราะสิ่งใดกัน หรือเพราะเรื่องราวเหล่านั้น ที่ทำให้นาวีเปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้

 

นาวี

 

Fluoxetine

Diazepam

Sertraline**

 

โรคซึมเศร้า...

 
To be continued.

**อ้างอิงจากยาบางชนิดที่ผู้ป่วยบางคนทาน ตัวยามีหลายชนิดแล้วแต่อาการของผู้ป่วย ผิดพลาดประการใดขออภัย มา ณ ทีนี้**
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EP.17] 21/9/18
« ตอบ #189 เมื่อ: 21-09-2018 17:37:01 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :katai1:

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ใจเน่หน่วงอีกแล้วนาวี อย่าเป็นอะไรนะ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
็เนื้อเรื่องดีมากค่ะ สนุกและน่าติดตามมาก เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ยังทีมนาวีเหมือนเดิม แม้จะไม่เหลือใครแล้วก็ตาม

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
โอ้โห มีเรื่องเพิ่มมาอี๊กกก
เอาจิงๆ ยังกลัวใจภูอยู่เลยว่าแบบรักธงทัพจิงๆ หรือเป็นความรู้สึกผิดที่ยังลืมนาวีไม่ได้ ทั้งๆ ที่ธงทัพอยุ่ข้างๆ มาตลอด ตอนนี้มารู้เรื่องอาการป่วยของนาวี ก็นะ ตัดไม่ตายขายไม่ขาด
ถ้ายังไงน้องภูเอ็นดูมีทัพหน่อยนะคะ อย่าให้นางเสียใจเลย :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เนี่ยยยยย นาวีมาป่วยเป็นโรคนี้ไง นี่ฉันก็คิดมาตลอด ยังไงแค่รักแรกก็ไม่น่าแพ้ความใกล้ชิดและเอาใจใส่ดูแล แต่เจอแบบนี้ เอิ่มมมมม งานยากละธงทัพเอ้ยยย  :hao4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจเปิดเจอหัวข้อเรื่อง......ได้แป๊บเดียว
ก็ ............  หน่วงเลย   :serius2: :z3:  o22
นาวี เป็นโรคซึมเศร้า ตั้งแต่เลิกกับภูผาใช่ไหม
หรือยังมีเหตุอื่นๆมาทำให้ยิ่งเกิดอาการมากขึ้น
แต่ที่เจอภูผา แล้วร้องไห้ กอดก็ร้อง มันน่าสงสัย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แล้วภูผา จะหวนกลับไปหานาวีไหม
แล้วธงทัพล่ะ ภูผาก็เริ่มจะรักธงธัพ แล้วจะยังไงๆ  :mew2: :z3: o22

จะเป็น 3p มั้ยนะ  :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ก็คือไม่รู้จะเม้นท์อะไร นาวีเจออะไรมานอกจากเรื่องน้องหรือเปล่าถึงเป็นงี้  :ling3: แต่ยังไงก็ยังยืนยันว่าทีมพี่ทัพค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ยิ้มหวานเป็นทองหยิบทองหยอดได้ 2 ตอน
สะบัดหัวทีเดียว หน่วงหนึบขมปร่าเป็นมะระขี้นกอีกแล้ว

เฮ้ออออออออออออออ ชีวิตสาววาย

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่แล้ว  :z1:

ตอนนี้  :hao5:

สงสารนาวีนะ แต่แบบยังไงก็ทีมธงทัพ ฮืออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EP.17] 21/9/18
« ตอบ #199 เมื่อ: 21-09-2018 23:42:02 »





ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ยังไงก็ทีมพี่ทัพนะ คือไม่รู้สิแต่ถึงจะบอกว่านาวีป่วยเป็นซึมเศร้าอาจเพราะเรื่องราวในสมัยก่อนหรือเพราะเหตุผลอะไรก็ตามแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาเรียกร้องนะ เพราะตอนนั้นภูผาก็เจ็บเหมือนกัน เจ็บทั้งๆที่พยายามจะยื้อไว้แล้วแต่เป็นนาวีเองรึเปล่าที่ปล่อยมือที่ไม่ยอมสู้ไปด้วยกัน ก็หวังว่าภูจะทำอะไรคงคิดถึงพี่ทัพบ้างนะ เพราะพี่ทัพก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยจริงๆ พี่ทัพไม่ควรจะเสียใจอะบอกไว้แค่นี้

ออฟไลน์ Babyboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
ง่ะ ไม่รู้ว่านาวีเจออะไรมา แต่ไม่อยากให้ภูสงสารจนทำร้ายพี่ทัพ :hao5:

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สงสารนาวีนะ ถึงแม้จะยังรักภูผา แต่มันผ่านมานานแล้ว เราทีมธงทัพ เป็นเราเลือกคนที่อยู่ข้างเรามาแปดปี ถ้าธงทัพโดนเทนี่ ทำใจไม่ได้อ่ะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
กอด ทั้งสามคน
โอ๋ๆๆๆ

ออฟไลน์ fxxg0430

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนเลิกกันภูผามีธงทัพ

.
แต่นาวีไม่มีใครแล้วอ่ะ เจ็บ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ไม่อยากให้ใครเจ็บปวดเลย  :ling2:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Episode 18



แม้ไม่ใช่คุณคนเดิมที่ผมเคยรู้จัก
ก็ไม่เป็นไร
เพราะผมเองก็เปลี่ยนไปทุกวัน



 

"เป็ดน้อย!"

เสียงของคนที่เปิดประตูเข้ามาทำให้ผมรีบเก็บทั้งสมุดและซองยาของนาวีกลับเข้ากระเป๋าแล้วหันไปหา กลิ่นอาหารที่ธงทัพถือติดมือมาทำให้ผมเดาได้โดยไม่ต้องหันไปมองด้วยซ้ำ

"ไหนบอกไม่กินก๋วยเตี๋ยว"

"ก๋วยเตี๋ยวผิดตรงไหน"

ผมเบ้ปากใส่ธงทัพที่เอาคำของผมมาสวนกลับหน้าตาเฉย เพราะเคยชินกับการเอาแต่ใจที่ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ผมจึงไม่เถียง ได้แต่ถามหาสาเหตุที่มันมากลับห้องช้ากว่าที่ควรเป็น

"ไปไหนมา ทำไมกลับช้าจัง"

"อ่านหนังสือเพลิน นั่งใต้ดินเลยไปสองสถานี"

"อีกแล้ว" เพราะไม่ใช่ครั้งแรกเลยต้องบอกว่าอีกแล้ว ธงทัพมีสติถ้าต้องใช้ชีวิตในวันปกติ แต่ถ้ามีหนังสือติดมือเมื่อไร สติพลันหล่นหาย จมดิ่งเข้าไปหนังสือเล่มนั่นอย่างช่วยไม่ได้

"จะกินเลยไหม เดี๋ยวไปใส่ชามให้"

มันพยักหน้ารับก่อนส่งถุงก๋วยเตี๋ยวให้ แต่ในตอนนั้นผมเหลือบไปเห็นรอยเลอะที่ปกเสื้อ คิ้วขมวดเข้าหากันแล้วก้าวเท้าเข้าไปจับปกเสื้อนั่น

"เลอะอะไร?"

"เลือดกำเดาไหลอะ"

"บ่อยไปแล้วนะ นี่มึงเป็นอะไรป่ะเนี่ย"

"นอนน้อย"

"นอนน้อยอะไร กลางคืนก็เห็นหลับเป็นตายทุกที ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า"

"เออน่า บริษัทกูตรวจสุขภาพประจำปีตลอด ใกล้ตายเดี๋ยวบอก"

"ตลกเหรอ นี่มึงไม่สบายจริงๆ ใช่ไหม"

"มาแช่งอะไรกูเนี่ย"

"ไม่ได้แช่ง แต่หน้ามึงแดงๆ เหมือนเป็นไข้..." คล้ายว่าผมจะพูดกับตัวเองมากกว่า ในจังหวะนั้นก็ยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากธงทัพ เป็นไปอย่างที่คิดเพราะอุณหภูมิที่สัมผัสดูอุ่นกว่าปกติ

"ป่วยเหรอ?"

"เมื่อกลางวันปวดหัวนิดหนึ่งอะ แต่ไอ้ปอมันเอายาให้กินแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก นี่ธงทัพนะเว้ย เคยป่วยให้มึงเห็นป่ะ"

"ตอนปีสี่ที่มึงไม่สบายนอนโรงบาลสามคืน ใครเฝ้ามึง"

ธงทัพรวมริมฝีปากเงียบแล้วเหลือบตาขึ้นมองบนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก็จริงที่มันไม่ค่อยป่วยให้เห็น แต่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาผมก็คง...เป็นห่วงแย่

"กินก๋วยเตี๋ยวกันเถอะ หิวแล้ว" มันเปลี่ยนเรื่อง พลางทำปากยื่นไปยังถุงก๋วยเตี๋ยวในมือผม ผมก็ทำได้แต่พยักหน้ารับพลอยเปลี่ยนเรื่องตามมันไปด้วยการเดินไปเทก๋วยเตี๋ยวใส่ชาม เดินกลับมาอีกที ธงทัพก็กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งในมืออยู่ เดาว่าเป็นเล่มเดิมที่ทำให้อ่านจนนั่งรถเลยสถานีไป

"พี่ทัพ ไปนั่งนู่น"

ผมบอกให้มันขยับไปที่โซฟาหน้าทีวี ที่กินข้าวประจำของเรา คนที่กำลังตั้งใจอยู่กับหนังสือ ลุกขึ้นขณะตายังมองอยู่ในหน้าหนังสือ ก้าวเท้าช้าๆ ได้สองสามก้าวก็มาหยุดเอาซะดื้อๆ ตัวใหญ่ๆ กับไหล่กว้างๆ ของมันก็ขวางทางเดินได้มิดจนผมไม่สามารถแทรกผ่านไปได้

"พี่ทัพ!"

"ฮึ?"

"ไปนั่งตรงนู้นก่อนแล้วค่อยอ่านได้ไหม"

"อ๋อ เออ"

ตอบรับส่งๆ แล้วก็เดินก้มหน้าไปหย่อนตัวเองอยู่ที่พื้นหน้าโซฟา ผมจับตะเกียบยัดใส่มือให้เสร็จสรรพ ก่อนมื้ออาหารเย็นระหว่างเราจะเป็นไปอย่างเงียบๆ ในตอนที่ธงทัพอยู่กับหนังสือ คล้ายว่าตัวตนของผมจะกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของอากาศที่ลอยไร้ประโยชน์อยู่ในห้อง นั่นไม่ใช่ความเคยชินแต่การยอมรับในสิ่งที่ธงทัพเป็น

ผมรู้ธงทัพทำงานหนัก และตอนที่อยู่กับหนังสือสักเล่มก็คือเวลาพักผ่อน มากกว่านั้นคือความหลงใหลในการอ่านหนังสือซึ่งผมจะไม่มีวันเข้าใจ จึงได้แต่ปล่อยให้ธงทัพใช้เวลาตรงนั้นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักต่อไป

ผมเหลือบตาขึ้นมองมุมปากของคนตรงข้ามที่ยกขึ้นยิ้มข้างหนึ่ง คล้ายกำลังเจอฉากที่ประทับใจ บ้างก็ขมวดคิ้วแน่นเมื่อเจอฉากที่ขัดใจ หรือยิ้มกว้างๆ ออกมาเลยจนแทบเป็นหัวเราะ นั่นน่าจะเป็นฉากขบขัน

ธงทัพก็เป็นแบบนี้แหละ...

"ภูผา"

"ฮะ? อะไร?"

"ตกใจอะไร"

"เปล่า เรียกทำไม"

"คิดว่ากูไม่เห็นเหรอเนี่ย เอาคืนไปเลย!" โวยวายพลางคีบผักในชามก๋วยเตี๋ยวที่ผมเพิ่งจะเขี่ยออกจากชามตัวเองแล้วคีบไปใส่ในชามมันตอนที่คิดว่ามันไม่รู้ตัว

"ช่วยกินหน่อย"

"อะไรไม่กินก็โยนให้กู ไอ้ที่ดีๆ ไม่เคยให้กูมั่ง"

"จะเอาอะไร"

"ลูกชิ้น"

ผมส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนคีบลูกชิ้นในชามให้ส่งให้ถึงปากเลย ได้ลูกชิ้นไปสองลูกจนแก้มตุ่ย ธงทัพก็ยิ้มจนตาเป็นเส้นเดียว...ตอนนี้มัน...น่ารักมากเลยนะ 

หลังจบมื้ออาหาร หนังสือเล่มนั้นของธงทัพยังไม่จบ อีกคนเลยยังไม่ได้ขยับไปไหน นั่งกองอยู่กับพื้น เอาหลังพิงโซฟาแล้วก้มหน้าก้มตาอยู่กับหนังสือเล่มนั้น ตัดขาดโลกภายนอกไปแล้วเรียบร้อย ผมเหมือนเป็นวิญญาณว่างงาน ไม่มีอะไรทำ เลยขยับไปต่อจิ๊กซอว์ของธงทัพได้เกือบยี่สิบชิ้น ที่ข้างกล่องมันเป็นรูปทิวทัศน์ของที่ไหนสักแห่ง แต่ความใจร้ายของมันคือเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นของภาพเป็นพื้นที่สีเขียวที่คล้ายคลึงกันไปหมด เมื่อนั่งอยู่ตรงนี้ก็มีสองทางให้เลือกระหว่าง สู้ต่อ กับ ขอยอมแพ้ ผมเลือกอย่างหลังในตอนที่ความพยายามสิ้นสุดลง เลื่อนตัวเองไปนั่งบนโซฟาเฉยๆ ทำตัวเป็นอากาศง่ายกว่า

"พี่"

"ฮึ?" ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำไป ผมอยากถามด้วยความงี่เง่าอย่างคนเอาแต่ใจบ้าง ทำไมหนังสือเล่มนั้นสำคัญกว่าผมล่ะพี่ แต่ไม่เอาดีกว่า เผลอๆ โดนเขกกบาลเข้าสักทีแน่ๆ

"กินนมไหม" ผมถาม เพราะก๋วยเตี๋ยวชามเดียวเหมือนจะไม่ทำให้ความอิ่มยืนยาวข้ามคืนนี้ไปได้

"เอารสช็อกโกแลต"

ผมลุกออกจากโซฟาไปที่หน้าตู้เย็น ยืนอยู่อย่างนั้นอย่างชั่งใจ เพราะนมช็อกโกแลตเหลือกล่องเดียว ที่เหลือเป็นรสจืดหมดเลย

ผมอยากกินรสช็อกโกแลตส่วนธงทัพเกลียดรสจืดเข้าไส้

ผมรู้...สงครามกำลังจะเริ่มต้น เลยตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการปิดตู้เย็นเงียบๆ แล้วหันกลับไป แต่สายตาของคนตรงนั้นมองมาพอดีเหมือนกำลังรอคอยอยู่

"ไหนนมอะ"

"พี่ทัพ"

"อะไร"

"คนเป็นพี่เนี่ย ต้องเสียสละถูกไหม"

"พูดอะไร"

"พี่ทัพรักภูไหม?"

"ช็อกโกแลตของกู"

"ไอ้หมาบ้า!"

"หยิบมา"

ผมได้แต่ปากบูดหน้ายุ่งอยู่หน้าตู้เย็น แล้วหยิบนมออกไปสองกล่อง แน่นอนว่ารสช็อกโกแลตถูกจับจองแล้วจากคนเป็นเจ้าของห้อง ผมส่งรสช็อกโกแลตให้ธงทัพอย่างไม่เต็มใจ ส่วนตัวเองก็หย่อนตัวเองลงนั่งบนโซฟา แล้วเจาะกล่องรสจืดกินอย่างเซ็งๆ ด้วยความหมั่นไส้จึงยกเท้าถีบหลังธงทัพที่นั่งอยู่กับพื้นไปทีหนึ่ง คนถูกถีบหันขวับมามองในทันที

"เดี๋ยวเหอะ!"

"ไร"

"มือไหนทำ"

"เท้าต่างหาก" ผมตอบกวนประสาท ซ้ำยังยกเท้าข้างที่ถีบขึ้นให้ดูด้วย แต่ในจังหวะเดียวกัน มันก็สวมบทหมาบ้าสมชื่อ อ้าปากงับข้อเท้าผมเต็มแรง

"โอ๊ย! ไอ้พี่ทัพ! เจ็บ! ธงทัพ!"

ผมดีดดิ้นจนเผลอปล่อยกล่องนมในมือทิ้ง แต่ธงทัพรับเอาไว้ได้ทัน มันปล่อยเขี้ยวออกจากขาผม แล้วยัดนมช็อกโกแลตในมือให้ แลกกับรสจืดที่เพิ่งหยิบเอาไป ผมยกขาตัวเองขึ้นนั่งขัดสมาธิบนโซฟา ไอ้หมาบ้ามันกัดจริงจังเล่นเอาขึ้นเป็นรอยเขี้ยว แต่แลกกับนมรสช็อกโกแลตก็ถือว่าคุ้ม

"นิสัยไม่ดีนะภูผา ถีบพี่ได้ไง"

"แล้วทีพี่ทัพกัด...น้องได้ไง"

 

น้อง...น้องเนี่ยนะ...



ธงทัพเม้มริมฝีปากยิ้ม แล้วกลับไปสนใจหนังสือในมืออีกที พลางดูดนมรสจืดที่เหลือจากผม ส่วนผมแอบเขย่ากล่องนมเพื่อดูปริมาณที่เหลืออยู่ แต่เหมือนว่ามันจะยังไม่ได้ดูดไปเลยสักหยด จึงอ้าปากงับหลอดแล้วดูดนมนั่นอย่างอารมณ์ดี...ตอนนี้มัน...ก็น่ารักอีกแล้วนะ

 

...

 

ดูเหมือนว่าการอ่านหนังสือให้จบเล่มจะกลายเป็นภารกิจประจำวันนี้ของธงทัพไปแล้ว เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่ละสายตาออกจากหนังสือเล่มนั้นเลย ผมเหลือบมองเป็นระยะ เห็นจำนวนหน้าที่เหลืออยู่ค่อยๆ บางลงเรื่อยๆ ถ้าเป็นธงทัพ ไม่พ้นคืนนี้ก็คงจบแน่นอน

ในตอนนี้ทั้งผมและธงทัพขยับมานอนบนเตียงหลังอาบน้ำแล้ว กิจวัตรของผมคือการนอนเล่นเกม แต่ไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน ผมรู้แล้วว่าสายตาเริ่มไม่ดี แล้วธงทัพก็จำกัดเวลาเล่นเกมของผมด้วยจึงไม่ได้จดจ่ออยู่กับมันเหมือนแต่ก่อน และในตอนนี้ก็กำลังพ่ายแพ้กับเกมในมือถือเป็นครั้งที่เก้า หรือสิบ ไม่แน่ใจ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ผ่านด่านนั้นไปไม่ได้ ผมจึงทิ้งหัวตัวเองลงนอนมองเพดาน ตอนที่ธงทัพหันมามองพอดี

"เล่นมากี่ชั่วโมงแล้ว"

"ชั่วโมงเดียวเอง"

"อย่ามาโกงเวลานะ"

"รู้หรอกน่า"

มันพยักหน้ารับ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วสูดน้ำมูกเบาๆ

"เป็นหวัดแน่ๆ"

อีกคนไม่เถียง พลางยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำมูก

"สกปรก! เช็ดดีๆ สิ" ไม่บ่อยที่ผมจะได้เป็นฝ่ายดุ เลยวางมาดเสียงแข็งแล้วหันไปดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดน้ำมูกให้

"กินยาหน่อยไหม"

คนที่กำลังจะป่วยส่ายหน้าปฏิเสธในทันที

"เดี๋ยวเป็นเยอะ ขี้เกียจพาไปหาหมอ"

"ไม่เป็นอะไรหรอก"

"แล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง มึงก็ป่วย แขนกูก็พิการ ได้กอดคอกันไปนั่งขอทานใต้สะพานลอยมั้ง"

"เวอร์!"

"กินยา!"

"ก็ได้" มันยอมรับในที่สุด ก่อนผมลุกขึ้นจากเตียงไปที่ตู้เย็นแล้ว มองหาขวดยาพาราที่เคยอยู่หลังตู้เย็นแต่กลับไม่มี เลยต้องร้องถาม

"ยาอยู่ไหนอะ"

"อยู่นี่ ในลิ้นชัก"

ผมเดินกลับไปที่ลิ้นชักหัวเตียง ก่อนดึงมันออกมา ทั้งมือและหลังเผลอแข็งทื่อเพราะในนั้นไม่ได้มีแค่ยาพารา แต่ว่าข้างๆ กันมีวัตถุสีดำด้านที่โผล่มาแค่บางส่วนก็รู้ว่ามันคือปืนสั้นที่ถูกใส่เอาไว้ในนั้นด้วย

"ทัพ..."

"..."

"ไมมีปืนอยู่ตรงนี้ด้วยอะ"

"เอาไว้ยิงเด็กดื้อ"

"ภูไม่เคยดื้อนะ!"

ผมเถียงเหมือนเด็กที่กำลังตระหนกตกใจหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไอ้สิ่งนั้นทำให้ผมกลัวขึ้นมาซะเฉยๆ หมาบ้ามันเลยได้โอกาสขู่กันใหญ่

"ถ้าเล่นเกมเกินเวลา จะยิงให้ไส้แตกเลย"

"กินยาแล้วนอนไปเลยมึงอะ!"

"ไม่เรียกพี่แล้ว?"

"กินเลย พี่ทัพ!" ผมกัดฟันเรียกแล้วยื่นยากับขวดน้ำเปล่าให้ ตัวมันเองยังทำหน้าเหยเก ไม่พร้อมรับมือกับพาราเซตามอลสองเม็ดในมือผม ที่ลีลาหาข้ออ้างเนี่ยไม่ใช่อะไรหรอก ใครจะไปเชื่อว่า ลูกผู้ชายอกผายไหล่กว้างอย่างธงทัพเกลียดการกินยาเม็ดยิ่งกว่าแมลงสาบซะอีก

"ลุกขึ้นมาสิ"

คนบนที่นอนอิดออด ก่อนคว่ำหน้าหนังสือที่อ่านค้างเอาไว้ แล้วยันตัวเองขึ้นมา ลีลาไม่ยอมเปิดปาก ผมจึงจัดการยกมือขึ้นบีบคางอย่างที่มันชอบแกล้งผมบ่อยๆ

ธงทัพบอก...ใครบางคนก็เคยบอก ว่าแก้มผมนิ่ม แต่กับธงทัพผมไม่รู้สึกแบบนั้น ไม่เห็นจะนิ่ม แถมไรหนวดทิ่มมืออีกต่างหาก การบีบแก้มคนอื่น ไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหน ผมเพิ่มน้ำหนักในการบีบให้ปากมันอ้าแล้วจับยายัดลงไปพร้อมกันทีเดียวสองเม็ด

"ภูผา นี่พี่ไง"

"ครับพี่ เป็นห่วงพี่นะครับ" ใช้วาจาอ่อนหวานหลอกล่อเอาไว้ก่อน จนในที่สุดธงทัพก็ยอมกลืนยาสองเม็ดนั่นเข้าปากไป ตามด้วยน้ำเปล่าอีกครึ่งขวด เมื่อมันทำท่าจะอ้วกผมจึงรีบยกมืออุดปากมันเอาไว้ แล้วตบหลังเบาๆ

"ตัวอย่างหมี กินยาแค่นี้ทำเหมือนจะตาย คนบ้า"

"ไม่ต้องพูดเลย" มันว่าเสียงเคืองก่อนทิ้งตัวเองนอนลงบนที่นอน พับหนังสือที่อ่านค้างแล้ววางไว้บนหัวเตียง

"ไม่อ่านแล้วเหรอ"

"ไม่แล้ว จะนอน มึงก็นอนได้แล้ว"

"เล่นเกมก่อน"

"เกมอีกละ พอได้แล้วมั้ง ปืนมีกระสุนนะรู้ยัง"

"ถ้ามึงจะฆ่าคนเพราะเหตุผลที่เล่นเกมเกินเวลาก็เชิญไปติดคุกตลอดชีวิตเหอะ ไอ้อำมหิต!"

"มันเสียสายตาเหอะ คนเขาเป็นห่วง วู้!"

"เออ ขอผ่านด่านก่อน"

"เกมอะไร ไร้สาระจริงๆ" ปากก็บ่น แต่ก็ยื่นหน้าเข้ามาดูหน้าจอมือถือผม ช่วงนี้ผมติดเกม puzzle อยู่เกมหนึ่ง มันควรจะเป็นเกมบริหารสมองง่ายๆ ที่เล่นแก้เบื่อมากกว่าจะเอาชนะ แต่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงเลย ยิ่งผ่านด่านมากเท่าไร ความต้องการในการผ่านด่านถัดไปก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หงุดหงิดเอาง่ายๆ ตอนที่เล่นเท่าไรก็ตายอยู่ที่เดิม

"ขยับสีฟ้าไง"

ผมหันมองธงทัพที่ชี้เข้ามาที่หน้าจอ และเมื่อผมขยับตามที่มันบอก หมากตัวอื่นในเกมก็ชนกันต่อเนื่องไปจนหมดกระดาน

"มึงเก่งว่ะ"

"มึงต้องคิดสิว่าถ้าเลื่อนตัวนี้ แล้วตัวไหนมันจะขยับมาชนกัน ใช้สมองสิ"

"นี่ด่ากูป่ะ?"

"ก็กูเห็นมึงเลื่อนมั่วๆ ที่มาชนกันคือฟลุ๊ก"

"ปากดี ไหนเล่น" ผมท้าทายพลางยื่นมือถือตัวเองส่งให้มัน มุมปากข้างหนึ่งยกขึ้นยิ้มกวนตีนอย่างทุกครั้ง แล้วหันมาบอกบางคำที่กวนตีนกว่า

"เดี๋ยวพี่ทำให้ดูว่าของจริงเขาเล่นกันยังไง"

"เหอะ!"

ผมเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าจอมือถือในมือธงทัพที่เริ่มเล่นเกมด่านต่อไป อย่างเชื่องช้าแต่ว่าแม่นยำ มันจะใช้เวลาคิดก่อนครู่หนึ่ง แล้วค่อยลงมือเล่น ใช้เวลาไม่นานก็ผ่านด่านไปอย่างง่ายดาย ไม่วายหันมายักคิ้วให้อย่างผู้ชนะ ผมยิ้มอย่างยอมรับในความเก่งของมัน ยกนิ้วโป้งสองนิ้วให้อย่างดีอกดีใจ ซ้ำยังร้องขอให้เล่นด่านต่อไปอีกเรื่อยๆ เลย

ผมรู้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าธงทัพเป็นคนฉลาด เพราะแม่บอกให้ฟังอยู่เสมอ มันมีความสามารถหลายด้าน มีพรสวรรค์ในหลายๆ เรื่อง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องใช้ดิกชันนารี่ด้วยซ้ำ ฉลาดเรียน ฉลาดใช้ชีวิต ก็นับว่าเป็นคนที่น่านับถือคนหนึ่งเลย หากว่าไม่รู้สึกเขินอาย ผมคงชื่นชมมันสักครั้งอย่างจริงใจว่าผู้ชายคนนี้แม่งโคตรเท่เลย

"มองไรขนาดนั้น"

"ฮะ?"

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าหน้าตัวเองแทบจะเกยไหล่มันเพื่อขยับไปมองเกมในจอมือถือนั่น แต่ในตอนที่กำลังจะถอยออกมา มันกลับยกแขนตัวเองขึ้นสอดมาแทนหมอนให้ผมหนุน ...ก็ไม่ใช่ครั้งแรก

ไม่ใช่ว่าทำแบบนี้บ่อยแต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา มีเหตุผลมากมายให้ผมได้มีโอกาสนอนหนุนแขนธงทัพ ในตอนที่เผลอหลับหน้าโซฟาบ้าง ในวันที่หมอนไม่แห้งบ้าง จะเป็นเหตุผลหรือข้ออ้าง เราก็ใช้มันเพื่อให้มีโอกาสให้ทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง ผมจึงไม่เคอะเขิน ซ้ำยังขยับตัวเองเข้าไปนอนหนุนแขนมันแล้วดูมันเล่นเกมอย่างตื่นเต้นไปด้วย

"พอแล้วยัง?"

"เอาอีกด่านหนึ่ง"

"เก็บไว้เล่นเองบ้างเหอะ"

"ไม่เอา มึงเล่นต่อ"

"ก็ได้"

"แพ้"

"อะไร ชนะอยู่เห็นๆ"

"ไม่ใช่เกม หมายถึงมึงน่ะ..."

"..."

"แพ้กูราบคาบ"

ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ได้ยินแต่เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ จากนั้นธงทัพก็เล่นเกมต่อให้ไปหลายๆ ด่าน ใช้เวลานาน จำกัดเวลาเล่นเกมของผม แต่ตัวเองเล่นเพลินเกินเวลาไปเป็นชั่วโมง สองชั่วโมง นานซะจนผมเริ่มง่วงนอน เลยกะว่าจะพักสายตาสักครู่เดียว แต่ดันหลับคาแขนธงทัพไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกคนส่งเสียงเรียกเบาๆ ได้ยินแล้วแต่ขี้เกียจขยับเปลือกตาขึ้นเลยตั้งใจจะนอนต่ออีกสักหน่อย

"ภู"

"..."

"หลับเหรอ"

"..."

"ภูผา"

ธงทัพไม่เรียกผมต่อแล้ว ค่อยๆ ดึงแขนตัวเองออกไปช้าๆ ผมรู้ตัวดีทุกอย่างแต่ลืมตาขึ้นไม่ไหวเพราะความง่วง ก็นานอยู่เหมือนกัน ก่อนที่ความเงียบนั้นจะถูกทำลายด้วยเสียงของอีกคน

"น่ารักจังวะ"

"..."

"ทำคนอื่นเขาใจสั่นทั้งคืน เคยรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย"

"รู้"

"เชี่ย!"

"ตุ้บ!"

ผมยันตัวเองขึ้นมองธงทัพที่กลิ้งตกเตียงไปเพราะความตกใจหลังจากที่ผมลืมตาโพล่งขึ้นมาตอบ ตัวมันหันซ้ายหันขวา หมุนไปทางนั้นที ทางนี้ทีอย่างคนเขินจัด ก่อนดึงผ้าห่มแล้วหันหลังขวับเดินออกจากห้องนอนไป

"ธงทัพ ไปไหน"

"โซฟา!"

"ไปทำอะไร"

"กูจะไปนอนโซฟา"

"ธงทัพ"

"อย่าห้ามกู กูเขิน!"

กลับมา...นอนนี่...

ผมกลืนถ้อยคำที่ตั้งใจจะร้องห้ามแล้วเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมาแทน ได้แต่ส่ายหน้าหน่อยๆ แล้วทิ้งตัวเองนอนลง รอยยิ้มยังหุบไม่ลงเพราะความบ๊องของหมาบ้าตัวนั้น

 

การตกหลุมรักระยะสุดท้าย คือการหลงใหลแม้กระทั่งเรื่องธรรมดาที่เคยเห็นจนชินตา และในตอนนี้ ผมหลงรักธงทัพอีกครั้ง...จนได้

 

...

เช้านี้ผมเป็นคนตื่นก่อนเพราะที่ทำงานอยู่ไกล เมื่อคืนธงทัพไม่ได้กลับมานอนที่เตียง มองไปที่โซฟาก็เห็นมันม้วนตัวเป็นก้อนใต้ผ้าห่มอยู่ตรงนั้น

"พี่ทัพ"

เพราะไม่ใช่คนขี้เซา แค่เรียกเบาๆ ก็โผล่หัวออกมาจากผ้านวมนั่นด้วยใบหน้ายับๆ กับหัวฟูๆ อย่างแรกที่ผมทำก่อนที่จะพูดอะไรต่อ คือการยกฝ่ามือขึ้นแตะหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย ที่ร้อนวาบจนดวงตาผมเบิกขึ้นกว้าง

"ตัวร้อนจี๋เลย"

มันไม่ได้ตอบทำได้แค่พยักหน้ารับ ยังดูสะลืมสะลือ

"แล้วทำไมไม่กลับไปนอนที่เตียง"

"ก็ไม่สบายอะ กลัวมึงติดไข้ นี่กี่โมงแล้ว" ปากถามผมแต่มือคว้ามือถือขึ้นมากดดูนาฬิกาเอง ก่อนมันจะลุกขึ้นมานั่ง หลับตาลงอีกครั้งเอนหลังพิงโซฟาพร้อมพ่นลมหายใจร้อนผ่าวที่ผมยังรู้สึกได้ 

"ไปทำงานไหวป่ะเนี่ย"

"ไหวดิ แล้วทำไมมึงยังไม่แต่งตัวเนี่ย"

"ขอยืมเสื้อผ้าหน่อยสิ" เพราะไม่ได้ตั้งใจจะมานอนที่นี่เลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย ธงทัพพยักหน้าหน่อยๆ แล้วเดินไปเปิดตู้ เลือกเสื้อผ้าให้ ท่าทางจริงจังเกินกว่าเหตุผมจึงร้องทัก

"เอาตัวไหนก็ได้"

"กำลังหาตัวที่อยากให้มึงใส่อยู่ อะ เลือก"

กางเกงยีนส์สองสามตัวถูกโยนลงมาบนเตียง ผมหยิบมันขึ้นมาดูพร้อมหัวคิ้วที่ขมวดแน่น ไม่มีกางเกงตัวไหนที่สภาพสมบูรณ์เลย ไม่ขาดก็เยิน จะว่าไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าดีๆ ก็ไม่ใช่ เพราะไอ้กางเกงยี่ห้อพวกนี้แค่ตัวเดียว แพงกว่าเสื้อผ้าผมเจ็ดชุดซะอีก

เมื่อผมส่ายหน้าปฏิเสธก็ได้รับสายตาดุๆ ส่งกลับมา จึงเลือกตัวที่ยับเยินน้อยที่สุดมาสวม เป็นกางเกงยีนส์สีเข้มที่ขาดตรงเข่าพอดี ขาดชนิดที่เอามือล้วงเข้าไปได้เลย 

"หัวเข่าขาวผ่อง"

ผมยกมือฟาดแขนธงทัพไปทีหนึ่งที่กำลังหยอกล้อ ก่อนมันจะยื่นเสื้อยืดสีขาวพื้นๆ ให้ เมื่อผมสวมเสื้อยืดเสร็จ ธงทัพก็จับเสื้อยีนส์แขนยาวคลุมให้อีกชั้นหนึ่ง แต่ขนาดมันใหญ่ไปจนชายแขนเสื้อคลุมถึงนิ้วมือ ธงทัพจับมันพับมาถึงข้อศอก ก่อนผมหันมองตัวเองในกระจกที่อยู่ตรงหน้าพอดี

 

ธงทัพสไตล์...

 

เป็นร่างกายของผมที่อยู่ในเสื้อผ้าแบบที่ธงทัพชอบใส่ รู้สึกตัวเองแปลกตาอย่างบอกไม่ถูก แต่คนที่เพิ่งจับผมแต่งตัวดูพออกพอใจในผลงานตัวเองจนยิ้มกว้างออกมาจนตาปิด

"หล่อจัง"

"ไม่ต้องมาชม หน้าตากูห่างไกลคำนั้น กูรู้ตัว"

"งั้นก็น่ารักจัง"

"กูไม่..."

"อย่ามาเถียงกู"

"..."

"ให้สายตากูตัดสิน"

ผมเหลือบมองธงทัพที่วางสายตาไว้ที่ผมอย่างไม่ละ ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ที่ไม่หุบลง ผมเลื่อนสายตาหนีมันแล้วหันมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง

 

น่ารักเหรอ...มั้ง

 

"ไปทำงานแล้วนะ"

"วันนี้คงไม่ได้ไปที่ห้องนะ มึงก็คงไม่มาที่นี่ใช่ไหม"

"อือ แยกกันสักวันสองวันไม่ตายหรอกน่า"

ธงทัพยกกำปั้นเขกหัวเบาๆ ผมได้แต่เบ้ปากใส่ก่อนคว้ากระเป๋าขึ้นสะพาย เตรียมตัวออกไปทำงาน ไม่ลืมที่จะหันไปเช็กอุณหภูมิร่างกายของธงทัพผ่านการสัมผัสหน้าผากอีกครั้ง ตัวยังร้อน หน้ายังซีด มองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่าไม่น่าไหว

"แน่ใจนะว่าจะไปทำงาน"

"อือ งานเยอะ ต้องไป"

"ไม่ไหวก็พักนะ"

"อือ"

"มีอะไรโทรมาล่ะ"

ธงทัพพยักหน้ารับ สถานการณ์นี้เหมือนเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่พลิกกลับมาเป็นผมที่เป็นฝ่ายย้ำแล้วย้ำอีกด้วยความเป็นห่วง...คำว่าเป็นห่วงก็อาการเป็นแบบนี้นี่เองสินะ

 

...

 

วันนี้ที่ทำงานก็เป็นอย่างเช่นทุกวัน ผมยุ่งกับทั้งงานตัวเองและงานคนอื่น ถ้าเปรียบตัวผมเป็นชายหาด งานก็คล้ายคลื่นที่ซัดเข้าใส่ คลื่นลูกเล็ก ลูกน้อย บางครั้งโถมลูกใหญ่ แต่เพราะว่าผมเป็นชายหาดไง กระทบกระเทือนได้เพียงครู่เดียวก็กลับคืนสู่สภาพปกติ รอคอยคลื่นลูกต่อไป ปล่อยให้มันกระทบฝั่งไปทั้งวันจนกระทั่งคลื่นลมสงบลงในตอนที่หมดเวลางาน

ผมอารมณ์ดีเสมอในตอนที่เดินออกจากที่ทำงาน แต่อารมณ์ดีๆ ก็ถูกตัดขาดกลายเป็นความหงุดหงิดเล็กๆ ในตอนที่เดินออกมาเจอพายุฝนที่กำลังกระหน่ำตก เป็นฝนที่รู้เวลาและตกลงมาอย่างสม่ำเสมอ เลิกงานทีไร ฝนตกทุกทีเลย ไม่ได้แกล้งใช่หรือเปล่า?

ผมถอนหายใจเบาๆ ไม่อยากเปียกฝนและผู้คนก็ต้องการกลับบ้านหลังเลิกงานในช่วงเวลานี้ทั้งนั้น ส่วนตัวผมไม่ได้รีบไปไหนอยู่แล้วเลยเลือกที่จะรอให้ซาทั้งฝนทั้งคน ตัดสินใจเข้าไปนั่งในร้านกาแฟหน้าตึก สั่งช็อกโกแลตเย็นมากิน ในตอนที่อากาศข้างนอกเย็นชื้น เครื่องปรับอากาศในร้านก็ทวีความเยือกเย็นจนรู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อย ผมกระชับเสื้อคลุมของธงทัพที่มันสวมมาให้ มุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ขอบคุณแฟชั่นของธงทัพสไตล์ที่ทำให้ผมอบอุ่นขึ้นมานิดๆ

สายฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลง ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่ได้คิดอะไร ก่อนสมองผมจะตื้อขึ้นมาดื้อๆ พลิกผันจากความว่างเปล่าเป็นความยุ่งเหยิงตอนที่หันไปเห็นนาวีเดินเข้ามาในร้าน สั่งอะไรสักอย่างในเมนูและก้มหน้าก้มตาอยู่กับไอแพดในมือ เมื่อได้น้ำที่สั่ง ก็หยิบแก้วแล้วเดินหาที่นั่ง

อีกฝ่ายยังมองไม่เห็นผม หรือจะพูดให้ถูกคือมองไม่เห็นอะไรเลย ไม่เห็นแม้กระทั่งขอบโต๊ะที่เดินชนเข้าไปนิดหนึ่ง จึงรู้สึกตัว ผมเองก็ไม่ได้หันหน้าหนีในตอนที่นาวีหันมาเห็นผมพอดี ความโชคร้ายของวันนี้เริ่มต้นขึ้นในตอนที่ทั้งร้านนี้ เหลือที่นั่งข้างๆ ผม เพียงที่เดียว

นาวียืนนิ่ง...ก่อนเลือกที่จะหันหลังกลับไป

"นาวี!"

แต่ผมเรียกเขาไว้เอง...

คนถูกเรียกหันกลับมา เลิกคิ้วขึ้นมองคล้ายเป็นคำถาม ผมลอบพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วล้วงเอาสมุดโน้ตและซองยาที่เก็บได้ก่อนส่งคืนให้เขา

"อ๋อ...เก็บไว้ให้เหรอ"

"อืม"

นาวียื่นมือมารับ แต่ผมไม่ปล่อย จะไม่ยอมปล่อยจนกว่าความค้างคาในใจจะหายไป จึงเอ่ยปากถาม

"นาวี"

"..."

"ยานี่..."

"..."

"เกี่ยวอะไรกับรอยแผลที่ข้อมือนั่นไหม"

อย่างถือวิสาสะ...ผมก็ถามออกไปแล้ว

ที่ข้อมือข้างเดียวกับรอยสักนั่น ผมเห็นรอยแผลเป็น บ้างสั้น บางยาว สะเปะสะปะ แต่ดูด้วยสายตาก็รู้ว่ามันถูกกรีดด้วยของมีคม และบางบาดแผล ยังชัดเจนเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานด้วยซ้ำไป

นาวีไม่ตอบอะไร ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ดึงทั้งสมุดและซองยานั่นไปได้โดยที่ผมไม่ได้ยื้ออะไร   

"นั่งก่อนไหม"

คนที่เคยวิ่งหนีนาวีในวันนั้น กลับเป็นที่ชวนให้นั่งลงข้างๆ กันในวันนี้ นาวีทำตามที่ผมบอก ไม่มีคำตอบจากคำถามก่อนหน้านี้ เขายกแก้วน้ำในมือขึ้นดื่มหนึ่งครั้ง แล้ววางลงบนโต๊ะ

"ขอบคุณที่เก็บไว้ให้ สมุดนั่น..."

เขาไม่ได้พูดถึงยา และผมไม่ได้ถามต่อ ได้แต่หันมอง ผมเห็นหน้านาวีชัดๆ อีกครั้ง ผมไม่มีปัญหากับการเปลี่ยนแปลงของคนอื่น เพราะบางครั้งผมเองก็ไม่ใช่คนเดิม ทุกวันตัวผมก็มีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป แต่นาวีที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนนี้...เหมือนไม่ใช่นาวีคนที่ผมเคยรู้จักเลย นาวีเปลี่ยนไป ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง และในตอนนี้นาวีกำลังตกอยู่ในความรู้สึกแบบใดกัน

 

อาจบอบช้ำ โศกเศร้า ร้าวรานหรือเจ็บปวด...ผมไม่อาจตัดสินมันด้วยความรู้สึกของตัวเอง

 

ในตอนนี้ มีสายฝน มีนาวี มีความเงียบและคำถามในใจมากมาย แต่สุดท้ายผมก็เลือกให้ความเงียบเอาชนะทุกอย่างไป ด้วยการนั่งเฉยๆ เราเหม่อมองสายฝนด้านนอกที่กระทบผนังกระจก ใช้เวลานานเทียบเท่ากับช็อกโกแลตเย็นหนึ่งแก้วของผมที่หมดลง และน้ำแข็งเริ่มละลาย สายฝนเบาบาง และในที่สุดนาวีก็เอ่ยหนึ่งคำออกมาให้ผมฟัง   

 

"คิดถึงมึงว่ะ ภูผา"

 

จบคำนั้นของนาวี เราต่างคนต่างเงียบไปอีกครั้ง และก็ดูเหมือนว่า ความคิดถึงจะเป็นสิ่งเดียวที่อธิบายความรู้สึกของนาวีที่กำลังเป็นอยู่

ผมพยักหน้ารับ เงยหน้ามองเม็ดฝนที่หายไปอย่างกับไม่เคยตกมาก่อน ไม่ได้หันมองใบหน้าของนาวีอีก แล้วตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองซึ่งกลั่นกรองออกมาแล้วจากส่วนลึกของความรู้สึกที่สะสมมาอย่างยาวนาน

"มึงหายไปแปดปี"

"..."

"มาคิดถึงเอาตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วป่ะวะ"


 

 

To be continued.

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไม่ใช่ว่าธงทัพ เป็นโรคลิวคีเมียนะ  กลัวเลย  :z3: :z3: :z3:

คนที่ภูผารัก จะอยู่รักกัน สมหวังไปตลอดมั้ยนะ

นาวี ก่อนหน้านี้เป็นโรคซึมเศร้าเลยกลัวที่จะรักภูผาหรือเปล่า  :hao3:
เลยไม่กลับมาหาภูผา  :serius2: :serius2: :serius2:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
หม่น
หมอง
อึมครึม
เศร้าใจ
ลึกๆในใจหวาดกลัว
อย่ามีอะไรที่ต้อง
ทำให้ใครตายจากใครอีกนะ

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
สองความรู้สึก แม้จะคล้ายคลึง
แต่งดงาม ต่างกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด