[END]►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EPILOGUE] 28/10/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EPILOGUE] 28/10/18  (อ่าน 65709 ครั้ง)

ออฟไลน์ windwrite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อย่ากลับมาเลย

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
เป็นเรื่องแรก ที่ ... ชอบทั้ง 3 ตัวละครเลย
เฮ้อ รักพี่เสียดายเพื่อน

และ อยากจะบอกว่า ชอบสำนวน ชอบคำ ชอบภาษา
อ่านแล้วละมุนมาก

ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องดี ๆ ที่งดงามเรื่องนี้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ขักกลัวๆและ  :katai1:
จะดราม่าไหม
กลัวธงทัพเป็นโรคร้ายๆ แบบลูคีเมีย
ธงทัพ ภูผา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ปอ ท่าทางจะชอบทัพนะ  จะยอมเป็นเป็ดของพี่
แล้วก็เจอกัน โลกกลมมาก  ธงทัพ นาวี  :hao3:
น่าลุ้นนนนนนน  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ภูผาทัพก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน ความสัมพันธ์ก้าวหน้าเท่าหอยทากคลาน  :katai1:

แถมนาวีกลับมาแล้วอีก ฮือออออออออออออออออออออออ
เราจะลุ้นภูผากองทัพขึ้นไหมนิ ปวดใจ

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เจอนาวีแล้วอยากอ่านตอนต่อไปเร็วเลย ใจนึงก็ 3P ก็ได้ แต่ใจอีกก็อยากให้น้องเป็ดเป็นของพี่ทัพคนเดียวว

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ถึงจะเป็นนิยายรายเดือนแต่เราก็ตามอ่านทุกตอนน้า เป็นนิยายแนวเรื่อยๆไม่รู้ด้วยว่าปมมันอยู่ที่ตรงไหนแต่ทำไมสนุกมากๆก็ไม่รู้ ยิ่งตอนนี้นาวีโผล่มาแล้ว มหกรรมสามพีกำลังจะเริ่มต้นนาจา #โดนรชาตบ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Episode 13


ผมไม่ได้ทำดีกับคุณ
เพื่อบีบบังคับให้คุณรักผม

 

 

เช้าวันจันทร์วนกลับมาอีกครั้ง เพราะเมื่อคืนนอนกับภูผาที่นี่ เช้านี้เลยต้องตื่นเร็วกว่าปกติเพื่อออกไปทำงาน ทั้งๆ ที่ความจริงก็อยากจะฝังตัวอยู่ใต้ผ้าห่มสบายๆ แบบมันอยู่หรอก ผมลุกขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกนานแล้วแต่ยังไม่พร้อมลุกออกจากเตียง กระทั่งภูผาโผล่หน้าจากผ้าห่มออกมาเรียก

"ไปได้แล้ว"

"เออ"

ผมตอบรับก่อนลุกออกไปอาบน้ำ ออกจากห้องน้ำมาภูผาก็หลับไปอีกรอบตามเคย ผมจึงค่อยๆ ทำอะไรช้าๆ เงียบๆ เพราะไม่อยากส่งเสียงดังรบกวน กระทั่งเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่แขวนไว้กับประตูตู้ มือที่ตั้งใจจะยื่นไปหยิบกลับหยุดชะงัก เมื่อสายตาหันไปเห็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่าแมลงสาบเกาะอยู่ที่กระเป๋าเสื้อ ความเงียบจึงพังทลายด้วยเสียงหวีดร้องของผมเอง   

"เหี้ย! ภูผา! ภูผาๆๆ!" 

"อะไร"

"แมลงสาบ!"

"ก็ไล่มันไป"

"ไม่เอา! มึงไปจัดการดิ"

ภูผาขมวดคิ้วถอนหายใจ ก่อนลุกออกจากเตียง ขณะเดียวกันไอ้แมลงสาบตัวนั้นก็ไต่จากเสื้อที่แขวนอยู่ลงสู่พื้นห้อง ภูผาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งฟาดมันลงกับพื้นก่อนทุกอย่างนิ่งสนิท รวมถึงผมที่หันไปเห็นอาวุธสังหารของภูผาแล้วพบว่ามันคือแฮรี่พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับฉบับปกแข็งที่ตอนนี้มีซากแมลงสาบไส้แตกเกาะติดอยู่

"ตายละ"

"เชี่ย!" ผมสะดุ้งตอนภูผายกแมลงสาบที่ติดกับปกหนังสือให้ดู ไม่รู้จะขยะแขยงแมลงสาบก่อน หรืออาลัยอาวรณ์หนังสือเล่มนั้นก่อนดี ภูผาเขี่ยซากแมลงสาบลงถังขยะแล้วเอาหนังสือกลับไปวางที่เดิม จิตใจมันทำด้วยอะไรวะถึงได้ทำทุกอย่างได้อย่างหน้าตาเฉย ขณะที่ผมยังคงนิ่งๆ งงๆ หันมองหนังสือสลับกับเสื้อตัวที่จะใส่แต่โดนแมลงสาบไต่ไปแล้วเลยลังเล เห็นว่าผมยังยืนเฉยอยู่อีกคนเลยคว้าเสื้อแล้วโยนให้   

"ใส่เสื้อแล้วก็รีบไปได้แล้ว"

"กูไม่ใส่!" ผมโยนเสื้อตัวนั้นคืนกลับไปที่ภูผา

"ทำไม"

"แมลงสาบมันไต่แล้วนะเว้ย กูไม่ใส่" 

"มึงจะรังเกียจอะไรขนาดนั้น" 

"แล้วทำไมห้องมึงถึงมีแมลงสาบวะ" 

"แล้วกูจะไปห้ามไม่ให้มันเข้ามาได้ยังไง มึงจะรู้ได้ไงว่ามันไม่เคยไต่ขึ้นที่นอน หรือมันอาจจะเคยไต่แปรงสีฟันมึงก็ได้นะ" 

"เหี้ย! อย่าพูด ขนลุก" ผมแขยงจนตัวสั่นเมื่อนึกถึงมัน ไม่เคยเข้าใจว่าโลกนี้มีแมลงสาบไว้เพื่ออะไร ไอ้สิ่งมีชีวิตไร้อารยธรรมนั่นมันสำคัญหรือมีประโยชน์อะไร

"ทำไมมึงต้องกลัวสิ่งที่ตัวเล็กกว่านิ้วโป้งตีนมึงด้วยวะ" ภูผาบ่นคล้ายจะพูดคนเดียวก่อนกลับขึ้นไปนอนบนเตียง   

"กูไม่ได้กลัวเว้ย กูแค่รังเกียจ"

"แค่ทุบแมลงสาบยังไม่มีปัญญา แล้วจะไปทำอะไรกิน"

ผมได้แต่หันมองตาขวางใส่ภูผาที่บ่นไม่หยุด แล้วก็ตรรกะผิดเพี้ยนจนอยากจะด่า การประกอบสัมมาอาชีพของผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับแมลงสาบ แล้วการที่ทุบแมลงสาบไม่ได้ก็ไม่ได้แปลว่ากูจะทำมาหากินไม่ได้เว้ย คนละเรื่องเลย 

"กูใส่เสื้อมึงนะ" ผมบอกแต่ไม่รอคำตอบ ก่อนเปิดตู้หยิบหาเสื้อของภูผา ไล่สายตามองก็พบว่ามีแต่เสื้อเชิ้ตแขนยาวเพราะมันต้องแต่งตัวเรียบร้อยตอนทำงาน ผมจึงเลือกมาตัวหนึ่งแล้วสวมเข้าไปลวกๆ หอบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้อง ก่อนต้องหยุดเพราะเสียงเรียกของภูผา   

"ธงทัพ"

"อะไร"

"ปิดไฟให้ด้วย"

ผมหันมองสวิตซ์ไฟสลับกับภูผา ก่อนยกมุมปากขึ้นยิ้มแล้วสวนกลับไป 

"แค่ลุกมาปิดไฟยังไม่มีปัญญา แล้วจะมาไปทำอะไรกิน"

"ไอ้ทัพ!"

ผมไม่ยอมปิดไฟให้แล้วเดินออกจากห้องนอนขณะที่เสียงภูผาก็ยังคงดังไล่หลังมา 

"ไอ้ทัพ"

"..."

"ธงทัพ"

"..."

"พี่ทัพ!"

ขาชะงักอัตโนมัติเมื่อได้ยินคำนั้น ผมหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอยหลังกลับไปที่หน้าห้องนอน ภูผาเรียกชื่อผมซ้ำเพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อกี้ไม่ได้หูแว่วไป

"พี่ทัพ"

"..."

"ปิดไฟ"

"เออ!" ผมกระแทกเสียงสวนกลับไป พร้อมกับตบสวิตซ์ไฟเพื่อปิด ก่อนหันขวับเดินออกมาจากตรงนั้น เท้าที่ก้าวเร็วๆ ช้าลงจนกระทั่งหยุดเพื่อคิดอะไรบางอย่าง คำที่อ้อนวอนให้เรียกอยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยยอม เสือกออกมาจากปากง่ายๆ ตอนเรียกกูให้เดินกลับไปปิดไฟ ภูผาแม่งอยู่เหนือการเข้าใจยิ่งกว่างานศิลปะ แต่ถึงอย่างนั้นเสียงเรียกของภูผาก้องอยู่ในหูจนริมฝีปากขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่

 

พี่ทัพ 

 

น่ารักมากโว้ย!

 

ในเช้าที่กรุงเทพฯ กำลังวุ่นวาย แต่เช้านี้อารมณ์ผมสวนทาง ลืมความหงุดหงิดจากสภาวะรถติดและชั่วโมงเร่งรีบ มาถึงที่ทำงานแบบสบายๆ จะสายแล้วแต่ยังใจเย็น กำลังคิดว่าเช้านี้จะกินอะไรดี พี่นกร้านหมูปิ้งก็ร้องเรียกผมเหมือนเคย

"น้องแม่ทัพ"

"เหนื่อยไหมที่ต้องมานั่งคิดชื่อไม่ให้ซ้ำกันแต่ละวันเนี่ย"

"ขำๆ น่า"

"เรียกเยอะจนลืมชื่อจริงตัวเองแล้ว"

"หรือจะให้เรียกว่าที่รักล่ะจ้ะ"

"ไหนลองเรียกผมว่าพี่ทัพดิ"

"จ้า พี่ทัพ"

ผมหลุดหัวเราะตอนพี่นกเรียกแบบนั้น

"พี่ทัพ รับหมูปิ้งไหมจ้ะ"

"ถึงไม่ซื้อพี่ก็บังคับอยู่ดี"

"เอาน่า เช้าๆ แบบนี้หมูปิ้งคือเดอะเบสท์"

"ไปเอาความเชื่อมาจากไหน" ผมว่าอย่างนั้นแต่ก็ต้องซื้อหมูปิ้งพี่นกอยู่ดี เพราะเช้าๆ แบบนี้มันก็สะดวกที่สุดแล้ว หลังจากได้อาหารเช้าแล้วก็เดินขึ้นตึกเข้าออฟฟิศ วันนี้ไอ้ปอมาก่อนผม ทันทีที่เดินเข้าไปถึงมันก็หันมาทัก

"หวัดดีครับ พี่ทัพ"

ผมพยักหน้ารับ ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้แล้วหมุนไปหามัน

"มีอะไรเปล่าพี่"

"เรียกกูว่าพี่ทัพสิ"

"พี่ทัพ"

"อีกทีดิ"

"พี่ทัพ"

"ขออีกรอบ"

"พี่ทัพ มีอะไรหรือเปล่าครับ"

ผมส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนหมุนเก้าอี้กลับไปหน้าโต๊ะทำงาน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นความสุขขนาดที่บังคับริมฝีปากตัวเองให้หุบยิ้มไม่ได้เลยปล่อยให้แม่งยิ้มอยู่อย่างนั้นแหละ

"พี่ทัพเป็นอะไรเปล่าเนี่ย ยิ้มไม่หุบเลย"

"กูอารมณ์ดี"

"วันนี้แต่งตัวหล่อด้วยนะครับ"

"ฮึ? กูเหรอ"

"ครับ ใส่เสื้อแบบนี้แล้วหล่อดี"

ผมก้มมองเสื้อเชิ้ตของภูผาที่หยิบมาใส่ ไม่คิดว่าตัวเองจะหล่อเพราะเสื้อหรอก ความจริงคือเบ้าหน้าดีไง ใส่อะไรมันก็หล่อ แก้ผ้าก็ยังหล่อ แต่ปอมันคงไม่เคยเห็นผมใส่เสื้อแบบนี้คงแปลกตา

"พี่ทัพแต่งตัวแบบนี้บ่อยๆ ก็ดีนะครับ"

"เดี๋ยวก็หล่อมาก ลำบากมาหลงรักกูอีก"

"ทำไมหลงตัวเอง"

"ก็คนมันหล่อ จะให้บอกว่าขี้เหร่เหรอวะ"

ไอ้ปอพยักหน้าพลางยิ้มเจื่อนๆ หน้าตาน่าตบจนห้ามไม่ได้ที่จะยกมือตบหัวมันไปเบาๆ แล้วชี้ให้มันกลับไปทำงานตัวเองต่อ ส่วนผมยังใจเย็น นั่งกินหมูปิ้งกับกาแฟสบายๆ กระทั่งพี่แต้มเดินเข้ามาบรรยากาศก็อึมครึมเหมือนเมฆฝนเคลื่อนบังแสงอาทิตย์ยามเช้า เหมือนผู้คุมวิญญาณลอยผ่านทุกคนให้ตัวแข็ง เมื่อพี่แต้มมุ่งหน้ามาที่โต๊ะผม โต๊ะอื่นๆ เลยยิ้มอย่างรอดตัว

"ไอ้ทัพ งานล่าสุดที่ให้ทำเสร็จยัง"

"เสร็จแล้ว อยู่ในหัวเนี่ย"

"ไอ้ห่า! จริงจัง"

"เออ ก็ร่างอยู่ในหัวแล้ว เดี๋ยววันนี้ลงกระดาษให้"

"แล้วดราฟแรกจะเสร็จเมื่อไร"

"พรุ่งนี้ละกัน"

"มึงอย่ารับปากส่งๆ ไอ้ทัพ เอาแน่นอน"

"เออ พรุ่งนี้ ถ้าไม่เสร็จให้ไล่ออกเลยอะ"

"ทำเป็นเล่นนะมึงอะ" พี่แต้มชี้หน้าเป็นเชิงคาดโทษผมทีหนึ่ง ก่อนหันไปหาไอ้ปอที่ก้มหน้างุด แต่ไม่พ้นต้องเงยหน้ามองตอนถูกเรียก

"ไอ้เป็ด"

"ครับ"

"ตามกูไปที่ห้อง"

"ที่ห้อง...ที่ห้องพี่เหรอครับ"

"เออ มีเรื่องจะด่า ด่าตรงนี้เดี๋ยวก็มีคนปกป้องมึงอีก" พี่แต้มหันมากระแทกเสียงใส่ผม ก่อนเดินกลับไปที่ห้อง ไอ้ปอถอนหายใจเบาๆ ด้วยใบหน้าบูดๆ ก่อนเดินตามพี่แต้มไป พี่หวานเพื่อนร่วมแผนกอีกคนชะโงกหน้าจากจอคอมฯ มามองผมด้วยใบหน้าใคร่รู้ คงสงสัยว่าปอมันจะโดนด่าเรื่องอะไร ผมเองก็ได้แต่ส่ายหน้าหน่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าเด็กนั่นไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้อีก หลายครั้งที่ความเด๋อด๋าสะเพร่าของมันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่องานเสมอ แต่ผมมองว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ สวนทางกับหัวหน้าที่ไม่เคยมองว่าเป็นเรื่องเล็ก

พักใหญ่ๆ ที่ไอ้ปอหายเข้าไปในห้องทำงานพี่แต้ม เรื่องที่โดนด่าก็หนักหนาพอที่จะทำให้มันเดินคอตกออกมาจากห้องแล้วหย่อนตัวลงนั่งเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรกับผมเลย แม้แต่ตอนที่ผมทักก็ยังไม่มีตอบสนอง คงเพราะจิตวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว ผมปล่อยให้มันนั่งเงียบๆ ก่อนดึงสติกลับมาได้ครบ ปอจึงหมุนเก้าอี้มาหาผมพร้อมเสียงถอนหายใจ 

"พี่ทัพ"

"อือ"

"ฟ้อง"

"โดนไรมาล่ะ"

ทุกครั้งที่มันโดนด่าก็จะหันมาฟ้อง ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมก็ทำอะไรไม่ได้หรอก แต่ผมก็เข้าใจว่าคำว่าฟ้องของมันไม่ได้หมายความว่าจะให้ผมไปทำอะไรพี่แต้มให้ มันแค่ต้องการอยากระบายเรื่องที่ถูกด่า หลายครั้งผมฟังมัน แต่หลายครั้งก็ไล่มันไปฟ้องพ่อมัน แต่ครั้งนี้น่าสงสารกว่าครั้งอื่นตรงที่น้ำตามันร่วงลงมาในตอนที่กระพริบตาปริบๆ 

"ร้องไห้เลยเหรอวะ"

มันส่ายหน้าปฏิเสธขณะที่ปากเริ่มสั่นแล้วก็หันหน้าหนีผมไป

"เฮ้ย เอาจริงดิ"

ผมละงานในมือแล้วเป็นฝ่ายขยับเก้าอี้เข้าไปหามัน ผมห่วยเรื่องการปลอบใจคนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร อยากให้กำลังใจเงียบๆ ด้วยการเตะไหล่เบาๆ แต่เสือกเกิดสภาวะวางมือบนบ่าน้ำตาไหลพรวด ไอ้ปอยิ่งร้องไห้หนักจนผมชักมือออกจากบ่ามันไม่ทัน

"อย่าร้องดิ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าก็นึกว่ากูแกล้งมึงหรอก"

"..."

"หยุดร้องเถอะ ให้กูกราบก็ได้"

ไอ้ปอหลุดขำแต่น้ำตายังไหล จะขำก็จะขำ จะร้องก็จะร้อง ตอนนี้หน้าตามันเลยพิลึกอธิบายไม่ถูก มันยกมือเช็ดน้ำตาอย่างพยายามจะกลั้น ผมก็ได้แต่ตบหลังเบาๆ ให้มันหยุดสะอึกสะอื้น

"โดนด่าอะไรมา ฟ้องกูสิ"

พอผมเปิดช่องให้ไอ้ปอก็ใส่ไม่ยั้ง พูดถึงเรื่องที่โดนด่าให้ฟัง เหมือนกับว่าชั่วโมงกว่าๆ ที่โดนด่า ทำลายทั้งชีวิตของมันพังยับ สารพัดเรื่องที่ส่งต่อให้ผมฟัง ความบัดซบอย่างหนึ่งของคนเป็นหัวหน้าอย่างพี่แต้ม คือพอมันมีเรื่องหนึ่งให้ด่า มันก็จะขุดความผิดเก่าๆ เอามาผสมปนเปจนกว่ามันจะพอใจ อาจเป็นเพราะปอมันยังใหม่กับการเริ่มทำงานได้แค่ครึ่งปี เลยยังไม่ชินและรับมือกับปัญหาหรือแรงกดดันไม่ได้ จิตใจก็อ่อนไหวง่ายตามประสาเด็กเด๋อ แค่โดนล้มแบบเพราะหัวหน้าบอกว่าไม่ได้เรื่องก็กระทบกระเทือนจิตใจฟูมฟายน้ำตาแตกแล้ว

"ผมคงทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว ลาออกเลยดีไหม"

"ถ้าคิดได้แค่นั้นก็ลาออกไป"

ไอ้ปอเงยหน้าขึ้นมองผมเพื่อเอาตาโตๆ ของมันจ้องหน้าผม แล้วพูดออกมาเบาๆ

"ทำไมซ้ำเติม"

"ก็มึงบอกว่าทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้ แล้วถ้าฝีมือยังไม่พัฒนาแบบนี้ก็ออกไประบายสีอยู่บ้านเหอะ"

"เจ็บนะพี่ทัพ"

"มึงยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้พยายามเลย จะต้องให้กูด่าอีกคนไหม"

"ดุ"

"กูไม่ได้ดุโว้ย!"

ไอ้ปอสะดุ้งนิดหนึ่งก่อนก้มหน้าลงไปไม่กล้าสบตา ผมถอนหายใจทีหนึ่งแล้วยกมือจับหน้ามันให้เงยขึ้นมอง

"กูไม่ได้ดุ แค่อยากให้มึงสู้หน่อย"

"..."

"ไม่มีใครคอยปกป้องมึงได้ตลอดเวลานอกจากมึงต้องปกป้องตัวมึงเอง มึงเก่งกว่านี้ได้ถ้าพยายาม แล้วกูก็ไม่อยากให้มึงยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้"

ไอ้ปอก่อนสูดน้ำมูกทีหนึ่ง แล้วพยักหน้ารับด้วยแววตาจริงจังและใบหน้าฮึกเหิม

"ผมจะพยายามครับ"

"เออ ไม่สู้ก็อยู่ไม่ได้ จำไว้"

"ครับ!" มันตอบรับเสียงดัง ก่อนยกกำปั้นขึ้นมาตรงหน้า แล้วพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงให้ผมยกหมัดขึ้นมาชนกับมัน ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไปทำไม แต่เพื่อความสบายใจของมันผมจึงยกหมัดตัวเองขึ้นมา ในตอนนั้นก็เพิ่งได้สังเกตว่าทั้งแขนทั้งมือมันเล็กนิดเดียว ถ้าผมต่อยแรงๆ แขนมันคงหักได้เลยมั้ง เลยยื่นหมัดไปกระทบมือมันเบาๆ ก่อนอีกฝ่ายจะยิ้มออกมาได้ทั้งที่น้ำตายังเลอะหน้า

"ไม่ต้องร้องแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้กูพาไปเลี้ยงข้าว"

"เลี้ยงเหล้าได้ไหม"

"ก็รู้อยู่ว่ากูไม่กินเหล้า ให้กูไปนั่งมองหรือไง"

"ทำไมพี่ทัพไม่กินเหล้าล่ะครับ"

"ไม่มีเหตุผลว่ะ"

"พี่เป็นคนดีจังครับ"

"ไม่เกี่ยว แค่กูไม่กินเหล้าไม่ได้แปลว่ากูเป็นคนดี"

"แล้วพี่เป็นคนชั่วหรือไง"

ผมไม่ตอบได้แต่ยักไหล่หน่อยๆ ไม่กล้าพูดว่าตัวเองชั่วหรือดี ไม่รู้ว่ามันวัดกันที่ตรงไหน ไม่นิยามตัวเองแต่ขอเป็นคนกลางๆ ดีกว่า เพราะผมก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง

"แต่ผมอยากเมาอะ พี่ไปเลี้ยงเหล้าผมเหอะ"

"เออ จะกินก็ไป"

"จริงนะครับ!"

"เรียกกูว่าพี่ทัพก่อน"

"พี่ทัพ พี่ทัพครับ"

ผมส่ายหน้ายิ้มๆ กับท่าทางออดอ้อนของไอ้ปอ ด้วยความที่มันว่าง่ายในสายตาเลยมองว่ามันน่ารัก ปอมันไม่เคยดื้อหรือเถียงอะไรผมเลยตั้งแต่รู้จักกันมา คิดไปถึงภูผา ถ้ามันว่าง่ายแบบนี้บ้าง ก็คงจะดี

 
ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
ปกติแล้วเวลาเลิกงานจริงๆ คือห้าโมงเย็น แต่เพราะงานค้างที่เกาะติดชีวิตเป็นเงาแค้นจึงไม่เคยมีใครได้กลับบ้านตรงเวลา เว้นแต่ว่าวันไหนหัวหน้าไม่เข้าออฟฟิศ สี่โมงครึ่งก็ปิดไฟหอบกระเป๋ากลับบ้านกันแล้ว แต่โอกาสแบบนั้นเกิดขึ้นน้อยมาก เดือนหนึ่งจะเกิดขึ้นสักครั้ง แต่วันนี้ผมกับไอ้ปอวางแผนหนีงานไปหาอะไรกินกันแล้ว วันทั้งวันเลยทำงานไม่ได้หยุด ไม่พูดคุยหรือขยับไปไหนเลย จนกระทั่งไอ้ปอเสร็จงานทุกชิ้นแต่ของผมยังค้าง แต่งานไม่เร่งเลยไม่ซีเรียส ปล่อยค้างไว้อย่างนั้นก่อน เพราะไอ้ปอมันมานั่งรอแล้วก็เริ่มวอแวเพราะความหิว เลยละงานพร้อมจะออกไปหาอะไรกิน

"พี่ทัพ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง"

"เออ กูรอนี่"

ผมตอบรับ ก่อนเดินไปนั่งรอที่หน้าห้องฟิตเนสที่เงียบกริบ ไม่รู้ว่าห้องนี้มันเคยถูกใช้งานหรือเปล่า บริษัทสนับสนุนให้พนักงานรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย แต่พวกกูจะตายเพราะไม่มีเวลานอน เอางบประมาณที่สร้างห้องฟิตเนสไปทำห้องนอนให้พวกกูค้างออฟฟิศสบายๆ ดีกว่าเหอะ

ขณะที่ผมกำลังนั่งรอปอ ก็หันไปเห็นนาวี อินทีเรียคนใหม่เดินผ่านมาทางนี้ด้วยใบหน้ายุ่งๆ หัวคิ้วแทบชนกันขณะก้มมองกระดาษในมือโดยไม่ได้สนใจว่าเดินผ่านหน้าผมไป ผมจึงขยับปลายเท้าที่มันเกือบเดินสะดุดไปขวางหน้ามันเอาไว้

"เฮ้ย"

คนถูกทักชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวแล้วหันขวับมามองผม

"ชอบทำให้คนอื่นตกใจเนอะมึงเนี่ย" มันว่าแล้วนั่งลงข้างๆ ขณะสายตายังมองอยู่บนแผ่นกระดาษในมือ

"มึงก็ขวัญอ่อนจังล่ะ"

"ไม่กลับบ้านเหรอ"

"เดี๋ยวจะไปละ แล้วนี่มึงหงุดหงิดอะไรเนี่ย เห็นเดินหน้าบูดมาเชียว"

"กูไปตรวจงานมา โคตรเซ็งเลย ผู้รับเหมามันไม่ทำงานตามแบบ มึงดูดิ ปูกระเบื้องแม่งก็ไม่สวย สีที่ผนังที่สเปคไปก็ไม่ใช่สีนี้ แล้วเสือกมาสั่งแก้แบบกูอีกนะ"

ผมพยักหน้าตามขณะที่มันร่ายยาวๆ อย่างหงุดหงิดในน้ำเสียง ก่อนถอนหายใจออกมาแรงๆ ทีหนึ่ง

"เออ มึงก็ขี้บ่นเหมือนกันนะเนี่ย"

"ก็งานแม่งไม่โอเคว่ะ"

"ไปกินเหล้าป่ะล่ะ"

"ฮะ?"

"ไอ้ปอมันชวนกูไปร้านเหล้า ไปด้วยกันดิ หาอะไรกระแทกปากจะได้ไม่เครียด"

"พวกกูไปด้วยได้ไหม" ทั้งผมและนาวีเงยหน้ามองพี่ก๊กกับณดา ฝ่ายสถาปนิกที่ผมก็รู้จักอยู่ และเมื่อนาวีตอบตกลง เราทั้งหมดจึงมารวมตัวกันอยู่ที่ร้านเหล้าไม่ไกลจากออฟฟิศ เพราะทำงานในสายงานเดียวกัน เรื่องที่พูดคุยในวงเหล้าก็ไม่พ้นเรื่องงาน แลกเปลี่ยนปัญหา แอบเมาท์ลูกค้า นินทาเจ้านาย ระบายความทุกข์ ปนเปกันไปจนกระทั่งฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มทำงาน ไอ้ปอที่ร้องจะกินเหล้าก็เมาคนแรกจนเริ่มหันหน้าหนีตอนพี่ก๊กเทให้ มันหยิบแก้วเหล้าแล้วเลื่อนมาตรงหน้าผม

"พี่ทัพ..."

"ไม่ต้องมาทางกูเลย กูไม่กิน"

ไอ้ปอทำหน้าบูดแล้วเลื่อนแก้วต่อไปให้ไอ้นาวี 

"พี่นาวี..."

มันยกมุมปากขึ้นยิ้มแล้วหยิบแก้วจากไอ้ปอกระดกทีเดียวหมด ผมที่นั่งข้างๆ มันเห็นว่ามันดื่มไปมากพอสมควรแต่ยังพูดคุยได้ปกติเดาว่ามันคงคอแข็งในระดับหนึ่งเลย เมื่อมีคนดื่มเหล้าในแก้วแทนไปแล้วไอ้ปอจึงยิ้มกว้างพลางหันมาจิกกัดผมแล้วยกมือทุบไหล่เบาๆ

"คนจริงต้องแบบนี้ครับ"

"หุบปากไปเลยมึง"

"ทำไมไม่กินเหล้าอ่ะ" 

ผมหันมองนาวีที่ถามขึ้นมา หลายครั้งที่ผมต้องตอบคำถามนี้ด้วยคำตอบซ้ำๆ เดิมๆ

"ไม่มีเหตุผล"

"ธงทัพมันอ่อน"

"ใครมันจะไปขี้เมาเหมือนเธอล่ะ" ผมสวนกลับณดาที่กล่าวหาว่าผมอ่อน แต่ถ้าให้กินแข่งกับมันผมก็ไม่สู้ ผู้หญิงอะไรไม่รู้กินเหล้าดุชิบหาย ผมก็ไม่ได้มองว่าการดื่มเหล้าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ แต่ผมแค่ไม่ชอบ ผมรู้ในทุกคำถามมันควรมีคำตอบ ในทุกการกระทำมันควรมีเหตุผล แต่ไม่รู้จะพูดยังไง ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเหล้า แต่ไม่ชอบเวลาเมามากกว่า ความเมามันไม่เป็นประโยชน์กับชีวิตไง

ผมดื่มเป๊บซี่หมดไปเป็นขวดที่สอง ขณะที่เหล้าก็หมดขวดพอดี เลยชวนกันกลับเพราะกลัวว่าพรุ่งนี้จะไม่ตื่นมาทำงาน พี่ก๊กกับณดากลับทางเดียวกันก็เลยออกไปด้วยกันก่อน ส่วนผมตั้งใจจะไปส่งไอ้ปอ ที่อ้างว่าตัวเองไม่เมาแต่สภาพสวนทางคำพูด ยืนยังไม่ติดพื้นเลยด้วยซ้ำ

"พี่ทัพผมกลับได้ ไม่ต้องไปส่งหรอก"

"มึงจำได้ใช่ไหมว่าบ้านมึงอยู่ไหน"

"จำได้ครับ เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปหมอชิต แล้วก็ต่อรถตู้ถึงบ้านเลย"

"เดี๋ยวๆ มึงจะไปไหนเนี่ย"

"ไปนครสวรรค์"

"ไปทำห่าอะไร!"

"ก็บ้านผมอยู่นครสวรรค์ไง ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว จะกลับบ้าน ไปครับ!"

"พรุ่งนี้มึงต้องไปทำงานนะ"

"อ้าว ไม่ใช่ว่าผมโดนไล่ออกแล้วเหรอ"

"ยังโว้ย! มึงนั่งนี่เลย นั่งนี่" ผมกดไหล่ไอ้ปอให้นั่งลงที่หน้าห้องน้ำ ไอ้นาวีที่ยังอยู่ด้วยได้แต่หัวเราะเบาๆ แล้วยื่นอมยิ้มที่แกะแล้วให้มันอันหนึ่ง เมื่อถูกหลอกล่อด้วยอมยิ้มมันเลยยอมนั่งเงียบๆ เลียอมยิ้มเป็นเด็ก ผมได้แต่ส่ายหน้าหน่อยๆ ก่อนก้าวเท้าแยกออกมาจากมันนิดหนึ่ง แล้วหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นจุดสูบ ก่อนหันไปหาไอ้นาวีที่อยู่ข้างๆ 

"เอาป่ะ"

เมื่อมันพยักหน้ารับผมจึงหยิบอีกมวนส่งแล้วจุดไฟให้ขณะที่มันคาบอยู่ในปาก ผมคิดว่านาวีมันจะเป็นพวกลูกคุณหนู ลุคเนี๊ยบๆ บุคลิกเรียบร้อยแต่คิดผิด เท่าที่คุยกันมามันก็เป็นคนสบายๆ คุยด้วยง่าย ยิ้มเก่ง หัวเราะง่าย ดูเหมือนจะมีพลังบวกอยู่ในตัวเยอะ แต่เรื่องที่ไม่พอใจในตัวมันคือแม่งหน้าเด็กนี่แหละ ทั้งใบหน้าและทุกส่วนประกอบตรงนั้นพอดีกันอย่างลงตัว ตัวสูงพอกับผม เพราะคราวที่แล้วมันใส่เสื้อแขนยาวเลยไม่เห็นรอยสักที่แขนข้างขวากับข้อมือข้างซ้าย ดูรวมๆ ก็เป็นคนที่น่าสนใจเลย 

"มีอะไรบนหน้ากู"

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบตอนมันหันมาถามคงเพราะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่นาน

"จะจีบกูเหรอ"

"มึงมีแฟนยังล่ะ"

"ไม่มี"

"จริงดิ ทำไมไม่มีวะ"

"ก็แค่ไม่มีแฟน ผิดปกติตรงไหนอะ"

"ก็แปลกใจ หน้าตาแบบนี้ไม่มีแฟนได้ไง หรือว่าเลือดบวก"

"ไอ้เหี้ย"

ผมหลุดหัวเราะตอนถูกมันหันมาด่า ผมจำเรื่องเก่าๆ ได้ไม่มาก แต่ก็พอเลือนรางในความทรงจำว่าสมัยม.ปลายมันก็ฮอตไม่ใช่เล่น เป็นนักบาสที่ผู้หญิงค่อนโรงเรียนต้องแอบชอบ ขณะกำลังคิดถึงเรื่องในอดีตก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่ามันเคยรู้จักกับภูผา กำลังจะเอ่ยปากถามแต่ก็หยุดปากไปก่อนเพราะโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงดึงความสนใจไป ผมหยิบมือถือออกมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามา คิ้วขมวดเข้าหากันหน่อยๆ เมื่อเห็นว่าเป็นภูผา ปกติไม่ค่อยโทรหาผมเท่าไร เลยรีบกดรับ

"ว่าไงภู"

(อยู่ไหนอะ)

"อยู่ร้านเหล้ากับเพื่อน มีอะไรเปล่า"

(ไม่มีอะไร กูแค่...)

คิ้วผมยิ่งขมวดเข้าหากันตอนได้ยินเสียงติดๆ ขัดๆ ของอีกฝ่ายคล้ายกำลังไม่กล้าพูดเรื่องที่อยากบอก ผมจึงถอยออกมาจากไอ้ปอและนาวี ก่อนถามซ้ำไปอีกทีด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม

"มีอะไร ภูผา"

(กูอยู่โรงบาล)

"เป็นอะไร"

(กูตกบันได แต่ไม่เป็น...)

"โรงบาลไหน"

(มึงไม่ต้องมา...)

"กูถามว่าโรงบาลไหน" ผมถามซ้ำก่อนภูผาจะพูดอะไร เพราะเสียงดังของผมเลยทำให้มันยอมพูดชื่อโรงพยาบาลออกมา สิ่งแรกที่ผมคิดขึ้นมาได้คือต้องไปหามันก่อนไม่ว่ามันจะเป็นหรือไม่เป็นอะไร ผมกดวางสายแล้วหันกลับไปหาปอกับนาวี

"นาวี กูฝากไปส่งไอ้ปอหน่อยได้ไหม"

"ได้ดิ"

"มึงเมาป่ะเนี่ย"

"ไม่เมา"

"แน่นะ ขับรถได้ใช่ไหม"

"เออ ได้"

"พี่ทัพไปไหนอะ ไม่ไปส่งผมแล้วเหรอ"

"เออ ไปไม่ได้แล้ว"

"ทำไมทิ้ง"

"กูไม่ได้ทิ้ง แต่กูต้องรีบไป พรุ่งนี้มึงมาทำงานด้วยนะ เข้าใจไหม"

ไอ้ปอพยักหน้าหงึกๆ ตอนที่ผมรีบร้อนพูดกับมัน

"แล้วมึงจะรีบไปไหนวะ"

"ไปหาภูผา"

"ภูผา?"

"น้องกู" ผมพูดแค่นั้นอย่างไม่มีเวลาอธิบาย ก่อนรีบเดินออกมาจากตรงนั้น กระโดดขึ้นแท็กซี่แล้วตรงไปยังโรงพยาบาลที่ภูผาบอก ไปไม่ถึงแผนกฉุกเฉินภูผาก็เดินสวนออกมาพอดี ผมก้าวเท้าเร็วๆ เข้าไปหา สิ่งแรกที่มองเห็นคือแขนข้างซ้ายที่ถูกใส่เฝือก ภูผาหันไปพูดกับผู้หญิงคนข้างๆ ก่อนเธอจะยิ้มให้ผมนิดหนึ่งแล้วเดินออกไปก่อน ผมจ้องหน้าภูผาสลับกับแขนข้างนั้นเป็นเชิงว่าถามถึงอาการ ภูผาจึงพูดออกมาผ่านสีหน้าเรียบๆ ทั้งบอกถึงอาการบาดเจ็บและอธิบายสาเหตุของอุบัติเหตุให้ฟังเรียบร้อยโดยไม่ต้องเอ่ยปากถาม

"กูไปช่วยพี่เขายกของแล้วก้าวพลาดก็เลยตกลงมา แต่แค่กระดูกร้าว ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เฝือกอ่อนเดี๋ยวก็เอาออกได้แล้ว"

"..."

"กูบอกแล้วว่าไม่ต้องมา กูไม่ได้อยากโทรหามึงหรอก แต่กลัวว่าถ้ามึงมารู้ทีหลังก็จะหาว่ากูไม่บอก เดี๋ยวก็มาดุกูอีก"

ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วชี้ให้มันไปนั่งที่เก้าอี้หน้าห้อง

"นั่งนี่"

มันเหลือบตาขึ้นมองงงๆ แต่ก็ยอมนั่งลงตามที่ผมบอก ตาใสเงยจ้องหน้าผมที่ยืนมองมันอยู่

"ไม่ต้องมองหน้ากู ก้มหน้าลงไป"

มันก้มหน้าลงตามคำสั่ง แต่ปากยังพูดพึมพำแต่ก็ดังพอที่จะได้ยิน

"อย่าดุกู มันเป็นอุบัติเหตุ"

"กูก็ยังไม่ได้ว่าอะไร"

"แต่สั่งกูก้มหน้าแล้วเนี่ยนะ"

ผมยกมุมปากขึ้นยิ้ม ก่อนยกอีกมือกดหัวมันเอาไว้ไม่ให้เงยขึ้นมามองหน้าผม ไม่ได้อยากจะดุหรือด่าอะไรมัน เพราะรู้ดีว่ามันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะเจ็บตัว แต่แค่ไม่อยากให้มันเห็นหน้าผม หน้าตาของคนเป็นห่วงที่เกือบจะร้องไห้ตอนเห็นมันเจ็บ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ผมกลายเป็นคนอ่อนไหวไม่อยากเห็นใครเจ็บตัวหรือว่าเป็นอะไรไป โดยเฉพาะตอนที่มันเกิดขึ้นกับภูผา หัวใจผมอึดอัดคล้ายว่ามันจะขาดตรงนี้ เพียงเพราะคำว่าเป็นห่วง ใจคนเรามันเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ เหนือการควบคุมสัดๆ

 

 

ผมกับภูผากลับมาที่ห้อง ทั้งๆ ที่มันก็เอาแต่บอกว่าไม่เป็นไร ให้ผมกลับไปแต่ก็ดื้อด้านที่จะอยู่กับมันก่อน บางทีพรุ่งนี้อาจจะหาเรื่องหยุดงานไปเลยก็ได้ หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาหาภูผาที่นั่งอยู่ที่โซฟา สายตานิ่งๆ เหม่อมองทีวีที่ไม่ได้เปิด มือหนึ่งก็นั่งเขี่ยอยู่ที่เฝือกของตัวเอง ผ่านใบหน้าเลื่อนลอยที่ผมมักจะเห็นอยู่บ่อยๆ ไม่รู้จริงๆ ว่าคิดอะไรอยู่

"เจ็บล่ะสิ"

มันได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วพูดเรื่องอื่นแทน

"กูได้หยุดงานอาทิตย์หนึ่ง อิจฉากูไหม"

"กูไม่อิจฉาคนพิการ"

"ไอ้ทัพ!"

"ไม่เสียงดังสิ เดี๋ยวแผลอักเสบ"

"ไม่เกี่ยวเลย"

ผมหัวเราะเบาๆ แล้วหยิบบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นจุดสูบ สายตาเคืองๆ จากคนข้างๆ หันมองจึงดึงบุหรี่ในปากส่งให้มัน

"ไม่เอา เมื่อไรจะเลิกสูบบุหรี่สักที ขอหลายทีแล้ว"

"บอกเลิกมันแล้ว แต่มันไม่ยอมเลิก มันดื้อ ด่ามันเลย" ผมพูดติดตลกแล้วยื่นซองบุหรี่ไปตรงหน้าภูผา

"ไอ้บ้า"

"ก็ถ้าสูบด้วยกันมึงจะไม่ต้องบ่นกูเลย"

"อยากตายเร็วก็ตายไปคนเดียว ทำไมต้องชวนกูตายด้วยตลอดเลย"

"ตายพร้อมกันนี่แหละดีแล้ว"

"ดีตรงไหน"

"ถ้ากูตายก่อนก็เป็นห่วงว่ามึงจะอยู่ยังไง ถ้ามึงตายก่อนกูก็อยู่ไม่ได้ ตายพร้อมกันทางออกที่ดี"

"ไม่พูดเรื่องตายดิ" ภูผาพูดเบาๆ พลางแสร้งมองไปทางอื่น ก่อนหันขวับมามองตาโตเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ พาผมตกใจไปด้วย

"อะไรวะ"

"กูลืมโทรกลับหาป้าอรเลย ป้าอรโทรมาพอดีตอนกูอยู่ในห้องฉุกเฉิน พี่ที่ไปด้วยเลยรับให้ แม่มึงคงคิดว่ากูอยู่โรงบาล"

"มึงรีบโทรกลับเลย ป่านนี้ขับรถมาหามึงที่นี่แล้ว"

"โทรศัพท์กูอยู่ไหนวะเนี่ย"

ภูผายังหามือถือไม่เจอ ผมเลยหยิบมือถือตัวเองมาโทรหาแม่ แทบจะไม่ต้องรอสายอีกฝ่ายก็กดรับทันที

"แม่ อยู่ไหน"

(แม่ออกจากบ้านมาแล้ว ภูผาเป็นยังไงบ้าง)

"ไม่ต้องมาแล้ว มันไม่ได้เป็นอะไรมาก"

(ขอคุยกับภูผาหน่อยสิ) ผมยื่นมือถือให้ภูผา ก่อนมันรับไปคุย ความเป็นห่วงของผมที่มีต่อภูผาอาจจะน้อยกว่าแม่ก็ได้ แต่ผมไม่เคยอิจฉาที่แม่รักและเอ็นดูภูผาขนาดนั้น สิ่งเดียวที่ผมอิจฉาคือการที่ภูผาพูดเพราะกับแม่แบบนั้นมากกว่า ได้ยินแล้วหมั่นไส้แรงๆ

"ภูไม่เป็นไรครับป้าอร ไม่ได้นอนโรงบาลครับ กลับมาแล้ว ป้าอรไม่ต้องมาครับมันดึกแล้ว ธงทัพก็อยู่ ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ครับ ไว้ภูโทรหานะครับ"

ภูผากดวางสายจากแม่ แล้วหันมองผมที่จ้องหน้ามันอยู่

"อะไร"

"ทำไมพูดเพราะกับแม่ แต่ไม่พูดเพราะกับกู"

"ก็ป้าอรเป็นผู้ใหญ่"

"กูก็โตกว่ามึงนะ"

"แค่ปีเดียว"

"ปีเดียวก็เรียกว่าแก่กว่า"

"งั้นมึงก็พูดเพราะกับกูก่อนสิ"

"ก็กูเขิน ลองแล้วก็ไม่รอดไง"

"งั้นกูก็เหมือนกัน"

"แต่กูก็อยากให้มึงเรียกกูว่าพี่อยู่ดี อยากให้มึงแทนตัวเองว่าภูเหมือนเวลาคุยกับแม่ด้วย"

"ภูกับกูก็ต่างกันแค่นิดเดียว"

"คิดได้ไงไอ้ห่า!"

"แล้วถ้าเรียกแบบนั้นจะทำอะไรให้กู"

"กูยอมเลิกบุหรี่เลยอะ พูดเลย"

ภูผาเหลือบตาขึ้นมองด้วยใบหน้าเรียบเฉย และที่ผมกล้าพูดแบบนั้นเพราะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีทางยอมเรียกหรือแทนตัวเองอย่างที่ขอแน่นอน

"พี่ทัพ"

ผมเงยขวับขึ้นมองภูผาที่อยู่ๆ ก็เรียกผมแบบนั้น

"พี่ทัพ เลิกบุหรี่เถอะนะ"

"เฮ้ย อย่าทำกับกูแบบนี้ดิ"

"ภูไม่อยากให้พี่สูบบุหรี่แล้ว"

"ดูมัน"

"ภูไม่อยากให้พี่ตายเร็ว"

"ใจกู"

"พี่ทัพ"

"เออ!"

"ถ้าพี่ตายก่อน ภูอยู่ไม่ได้"

"..."

"ภูเห็นใครตายไปก่อนไม่ได้อีกแล้ว"

.

.

.

"โดยเฉพาะคนที่ภูรัก"

 


To be continued.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2018 16:04:51 โดย รชา »

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ธงทัพ! ธงทัพ! / เขย่าแขน  ตายไปแล้วยัง? 555555 แค่น้องบอกรักแบบอ้อมๆ แค่น้องเรียกพี่ทัพ แค่น้องแทนตัวว่าภู ภูกับกูก็ต่างกันนิดเดียว/จริง  ทำเป็นใจบางไปได้ ไม่สตรองเลยพี่ทัพ 55555

แล้วยังไง น้องภูรักพี่ทัพแบบไหนลูก? เอาให้เคลียร์นะพี่เขาคิดเยอะ หนักไปทางมโนโมเมด้วย 5555 ทำเป็นกระดี๊กระด๊าไปธงทัพ ข้าศึกประชิดเมืองแล้วรู้ตัวบ้างไหม?

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
วางระเบิดอ้าาา งืออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EP.13] 19/2/18
« ตอบ #129 เมื่อ: 19-02-2018 09:07:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อย่าว่าแต่ธงทัพเลยค่ะที่ใจละลายเราก็ละลายไม่ต่างกันน่ารักโคตรๆอ่ะภูผาแต่ลึกๆเราแอบเศร้าอ่ะคนดีๆมักได้บทพระรอง :katai1:

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :กอด1: :กอด1: :impress2:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
พี่ธัพของน้องภู  ฮืออออใจบางไปแล้ว :katai1:

เคมีเข้ากันไงก็ต้องธงธัพภูผาค่ะ
จะปอนาวี ปอกับใครก็ได้ต้องไม่ใช่ปอธงทัพ

อ่านด้วยความตุ้มๆต่อมๆ อ่านด้วยความลุ้นขั้นสุด
กลัวใจภูผา กลัวปอจะรุกเข้าหาพี่ทัพ  :katai1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ใจบางไปกับน้องภูเลยมั้ยคะพี่ทัพขาไม่ได้เรียกแค่ประโยคเดียวด้วยนะ เจอแอทแท็ครัวๆแบบนี้ตายไปเลยจ้าาาา

ปล.แอบสงสัยนิดๆคะว่าพี่ทัพนี่ไม่รู้เหรอคะว่าภูผากับนาวีเคยเป็นแฟนกันมาก่อน แต่ไม่ว่ายังไงเราเชียร์ธงทัพภูผานะคะ งือออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :pig4:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ตาย ๆ ถ้าจะพี่อย่างนั้น ภูอย่างนี้ ธงทัพชักดิ้นไปต่อหน้าแล้วมั้งนี่
คิดถึงนาวี นาวีก็มา

ออฟไลน์ Maccagadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แอคแทคนี้ โอ้ยยยยๆๆๆ
ตายสนิทแน่อิพี่ งานนี้คนบับเห็นบุหรี่เป็นผีอ่ะ 555555
น้องขอขนาดนี้แล้วนะะ

ออฟไลน์ Carrot_t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งืออออ แพ้อ่ะแพ้ ใจบางไปหมดดด ธงทัพคงเลิกบุหรี่ได้ทันทีเลยอ่ะ55555 :-[

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ยอมแลกไหมล่ะ ธงทัพ
กร้าวใจไปอีกค่ะ ภูผาขอให้พี่ทัพเลิกบุหรี่นะ
แต่ใจพี่นี่จะวายให้ได้ 5555

ทำไมโลกกลมจังเลยนะ วนมาเจอกันจนได้

ภูผายังฝังใจอยู่ไหมนะ อยากรู้จัง
แต่เชื่อว่า ถึงยังมีเยื่อใย แต่ก็ไม่อยากกลับไป

ธงทัพเอ้ยย แค่น้องจริงหรอ ใจอะไปไกลมากแล้วนะ
แล้วขยันหยอดน้องเหลือเกิน
ดีที่ปักใจกับน้องมาก และซื่อตรงมาก เหล้าไม่ดื่ม เป็ดมีคนเดียว

นาวีคงไม่ลืมเหมือนกัน อย่าบอกนะว่ารอยสักเป็นภูเขา

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Episode 14

ผมจะยืนอยู่ข้างๆ คุณ 
แม้จะแทนที่เขาไม่ได้


 

วันนี้ผมหาเรื่องโดดงานโดยการเอาภูผามาเป็นข้ออ้าง ทั้งๆ ที่ความจริงมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แต่ถ้าทิ้งให้มันอยู่คนเดียวตอนที่แขนยังเดี้ยงก็รู้สึกผิดนิดๆ เพราะความเป็นห่วงผมเลยเกเรทิ้งงานแล้วอยู่ที่นี่กับภูผาก่อน วันนี้จึงกลายเป็นวันหยุดพักผ่อนสบายๆ ของเราสองคน ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทะเลาะหรือเถียงอะไรกัน ความเงียบสงบทำงานได้นานที่สุดตอนที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือ ส่วนภูผานั่งดูอนิเมะ คล้ายกำลังจมอยู่ในโลกของตัวเองจนลืมสนใจคนข้างๆ ไปพักหนึ่ง เสียงที่ดังที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นเสียงพลิกกระดาษของผมที่เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ กระทั่งมาถึงใกล้ตอนจบ หน้ากระดาษก็เปลี่ยนเร็วขึ้นไปตามความเข้มข้นของเนื้อหา หยุดไม่ได้กระทั่งอ่านมาถึงบทที่ต้องกรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้   

"เชี่ย!"

ภูผาที่ดูเหมือนจะตกใจเสียงผมดึงหูฟังออกจากหูแล้วหันมามองตาโตๆ

"อะไร"

ผมนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพลิกหน้าหนังสือที่อ่านค้างให้ภูผาดูพลางอธิบาย

"ตัวละครที่กูคิดว่าเป็นพระเอกมาทั้งเรื่องแม่งเสือกตายเฉยเลย"

"แล้วไง"

"กูช็อกเลยนะเนี่ย คนเขียนมันคิดอะไรอยู่วะ มึงสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาแล้วมึงก็ฆ่ามันเองกับมือเนี่ยนะ จิตใจทำด้วยอะไร"

"ก็แค่นิยายไหม"

"โหดร้ายเกินไป แล้วกูจะอ่านต่อได้ไงเนี่ย" ผมพลิกดูจำนวนหน้าที่ยังเหลืออยู่นั่นมากพอสมควร มากพอให้เรื่องดำเนินต่อโดยไม่มีตัวละครตัวนั้น แม้จะกำลังสนุกแค่ไหนแต่ก็ตัดสินใจไม่อ่านต่อแล้วพับหนังสือทิ้งลงข้างๆ ตัว

"มึงไม่อยากรู้เหรอว่าตอนจบมันจะเป็นยังไง"

"ไม่เอา โหดร้าย ทำใจไม่ได้"

"ตอนจบมันอาจจะฟื้นคืนชีพก็ได้นะ"

"กลายเป็นไททันเหรอ"

"ใช่ เพราะโดนฉีดเซรุ่มตั้งแต่ต้นเรื่องแต่ไม่รู้ตัวไง"

กำลังพูดถึงอนิเมะเรื่องที่ภูผากำลังดูอยู่ ตัวละครหลักของเรื่องโดนสิ่งมีชีวิตประหลาดที่เรียกว่าไททันกินเข้าไป จึงคิดว่าตายไปแล้ว แต่สุดท้ายฟื้นคืนชีพกลายเป็นไททันเหมือนกัน ผมพูดไปเพราะคิดว่าจะกวนตีนภูผาเล่นๆ แต่ภูผาดันสวนกลับด้วยความกวนตีนกว่า ไม่บ่อยที่ภูผาจะไร้สาระ แล้วความกวนตีนตาใสก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา คนเรามันจะเล่นมุกทั้งที่หน้านิ่งแบบนั้นได้ด้วยเหรอวะ 

"ยิ้มอะไร"

"เปล่า"

"เกลียดการยิ้มมุมปากของมึงมาตลอด"

"เกลียดที่มึงชอบทำน่ารักไม่รู้ตัวเหมือนกันแหละ"

ภูผาเชิดปากทำหน้าเป็นเป็ดตอนผมพูดแบบนั้น ก่อนผมจะผลักหัวมันเบาๆ แล้วชี้ไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊กเป็นเชิงให้หันไปดูต่อ ส่วนตัวเองก็ขยับไปนอนข้างๆ

ผมปล่อยให้ภูผานั่งดูการ์ตูนตอนแล้วตอนเล่าโดยที่ผมนอนอยู่เฉยๆ ว่าจะไม่กวนแล้วแต่เสือกหิวข้าว แล้วคนข้างๆ ก็ดูไม่มีทีท่าจะขยับสายตาออกจากหน้าจอเลย ตอนที่ผมสะกิดเรียกก็หันมามองแล้วบอกว่าเดี๋ยว เป็นแบบนั้นอยู่สองสามรอบจนผมเริ่มหงุดหงิด ฟิลลิ่งเด็กติดการ์ตูนแล้วไม่สนพ่อเรียกกินข้าว อยากโดนหวายลงหลังหรือไงลูก

"ภูผา"

"แป๊บหนึ่ง"

"งั้นไม่รอแล้วนะ"

"รอก่อน อีกตอนเดียว"

ผมส่งเสียงถอนหายใจแรงๆ ก่อนขยับเข้าไปใกล้ภูผา โอบตัวจากด้านหลังไปกดหยุดวีดีโอ คนที่อยู่ในวงแขนหันมาหาก่อนชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อพบว่าปลายจมูกชนเกือบชนเข้ากับหน้าผมที่อยู่ใกล้นิดเดียว ผมยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นยิ้มแล้วดึงหูฟังข้างหนึ่งออกจากหูมัน

"ภูผา"

"..."

"พี่หิวข้าว"

ภูผาเหลือบตาขึ้นมอง นิ่งไปชั่ววินาทีก่อนชิงหูฟังกลับไปยัดใส่หูตัวเองแล้วสวนออกมาเบาๆ

"พี่ทัพ"

"..."

"ภูขออีกตอน"

เออ กูแพ้ แบบราบคาบ

ผมทิ้งตัวเองลงนอน ทำอะไรไม่ได้นอกจากโขกหัวตัวเองกับหมอน ภูผากลับไปดูการ์ตูนต่อ คงกำลังสนุกถึงขนาดก้มลงมองหน้าจอใกล้ๆ จนแทบจะมุดเข้าไป ผมเหลือบมองตาขวาง แล้วยกเท้าถีบโน้ตบุ๊กให้ถอยห่างจากหน้ามัน อีกคนก็หันขวับมามองส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ 

"หรือจะให้กูถีบหน้ามึง"

"นิสัยเสีย"

"ก็ดูไกลๆ หน่อย สายตาเสีย"

ทำหน้าบูดแล้วหันกลับไปดูการ์ตูนต่อ แต่ก็ยอมถอยหน้าออกห่างจากหน้าจอนิดหนึ่ง มีการหันหลังมองผมเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าระยะห่างเท่านั้นจะเพียงพอที่จะไม่ให้โดนดุแล้ว ผมหลุดยิ้มกับท่าทางคล้ายกับเด็กๆ ทั้งๆ ที่ภูผาเองก็โตขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งหน้าตาและนิสัยของคนอายุยี่สิบห้าไม่ได้ต่างจากตอนสิบแปดเลย ลูกเป็ดก็ยังคงเป็นลูกเป็ด

คำว่าตอนเดียวของภูผา น่าจะหมายถึงซีซั่นเดียวมากกว่า เพราะไม่มีแนวโน้มว่าตอนนั้นจะจบเอาง่ายๆ ผมเลยคิดว่าจะไม่รอแล้ว ไม่ได้พูดอะไรแล้วลุกออกจากเตียง ตั้งใจจะออกไปซื้อข้าวเข้ามาให้แต่อีกคนดันร้องเรียกแล้วดึงชายเสื้อผมเอาไว้

"รอก่อน"

"ไม่รอแล้ว"

ภูผานิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นหน้าตาเรียบๆ ของผมคงคิดว่ากำลังโดนโกรธ ก็เลยรีบดึงหูฟังออกจากหู กดหยุดวีดีโอแล้วกระโดดลงจากเตียงตามผมมา เมื่อเดินออกจากห้องผมก็ยังคงไม่พูดอะไร ความเงียบทำให้รู้ตัวว่าผิดปกติภูผาเลยก้าวเท้าเข้ามาเดินคู่แล้วถามออกมาโดยไม่มองหน้า

"โกรธหรือเปล่า"

"โกรธแล้ว หิวด้วย"

"ภูขอโทษ"

"อย่าคิดว่าพูดจาแบบนี้แล้วจะให้อภัยได้ทุกเรื่องนะ"

"ก็ขอโทษ"

"วันหลังไม่ต้องดูแล้ว"

"แต่มันยังไม่จบ"

"ตอนจบซีซั่นไรเนอร์มันคือไททันเกราะ เบทรูตคือไททันหกสิบเมตร แล้วตอนจบเอลวิลก็ตาย อาร์มินก็ตาย ตายห่ากันหมด"

ภูผาเบิกตาขึ้นพลางเงยหน้ามอง ดูช็อกไปนิดหนึ่งตอนที่ผมสปอยด์ความเป็นไปของการ์ตูนเรื่องนั้นแหลกลาญเพราะอ่านฉบับมังงะมาแล้ว เมื่อตั้งสติได้นิดหนึ่งก็หันมาถามถึงตัวละครที่ตัวเองชอบ

"อาร์มินก็ตายเหรอ"

"เออตาย แต่สุดท้ายกลายเป็นไททัน"

"ฮะ! อาร์มินก็เป็นไททันเหรอ!"

"ใช่"

"โกหก"

"ไม่เชื่อไปอ่านหนังสือไป ที่ห้องกูก็มีไง"

ใบหน้าหดหู่ลงไปเลยตอนที่พบว่าผมพูดความจริง คนที่ปกติเอาแต่ทำหน้านิ่งๆ เหมือนมีปัญหากับกล้ามเนื้อบนใบหน้ากลับแสดงออกอย่างชัดเจนตอนที่พูดถึงการ์ตูน ภูผาคงเข้าใจอารมณ์ผมตอนที่อ่านนิยายแล้วตัวละครตายตอนจบนั่นแหละ

ภูผาชวนผมมาที่ห้างเพราะจะเอามือถือมาเปลี่ยนฟิล์มด้วยหลังจากแตกไปพร้อมกับการตกบันไดเมื่อวาน การเดินทางโดยรถไฟฟ้าจึงสะดวกที่สุด บนรถไฟฟ้าที่คนไม่ได้แน่นเท่าตอนเช้าแต่ก็ไม่มีที่ให้นั่ง ภูผาใช้มือข้างที่ไม่เจ็บจับราวจับเอาไว้หลวมๆ ขณะเมื่อรถหยุดร่างกายก็เอนไหวไปจนเหมือนจะล้ม ภูผาไม่ใช่คนตัวเล็กแต่ดูไร้แรงแม้แต่จะยืนอยู่นิ่งๆ ยิ่งใบหน้าเรียบเฉยเหม่อมองไร้จุดหมายยิ่งคล้ายว่าไม่ได้เอาวิญญาณตามมาด้วย ผมขยับเข้าไปยืนใกล้ๆ แล้วยกมือข้างหนึ่งโอบเอวอีกคนเอาไว้เพื่อช่วยเป็นหลักยึดให้ยืนอยู่เฉยๆ ก่อนจะล้มลงไปก่อน ภูผาก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากก้มมองมือของผม แล้วก็เหลือบตาขึ้นมองไปเบื้องหน้าอย่างเคย ผมไม่ได้สนแม้ถูกมองจากคนรอบข้างๆ แล้วจับภูผาเอาไว้อย่างนั้น การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ไม่ส่งผลให้ภูผารู้สึกรู้สาอะไร แต่ตัวผมเองกลับต้องหันหน้าหนีไปอีกทาง รวบริมฝีปากกลั้นรอยยิ้ม ประสบความสำเร็จในการเนียนโอบเอว ถือเป็นกำไรชีวิตของวันนี้

เรามาแวะที่ร้านโทรศัพท์มือถือก่อนหาอะไรกิน ระหว่างที่รอภูผาเปลี่ยนฟิล์มโทรศัพท์ผมก็หันไปเห็นเคสโทรศัพท์สีเหลืองรูปเป็ดแบบมีปากสามมิติโผล่มาด้วย

"เอ๊ย น่ารัก!"

"ทำไมต้องทำเสียงสองด้วย"

ผมหันไปเขกหัวภูผาทีหนึ่งตอนที่มันแซว แปลกเหรอวะที่คนๆ หนึ่งจะสะดีดสะดิ้งตอนเจออะไรที่ชอบ ผมถามหาถึงรุ่นที่ผมใช้ ก่อนพนักงานจะหยิบให้แล้วเปลี่ยนเคสให้เรียบร้อย จึงรีบพลิกมันไปโชว์ภูผา

"น่ารักไหม"

"เฉยๆ"

"ปากเหมือนมึงเลย"

"ไม่เหมือน!"

"ก๊าบๆ" ผมเอาเคสโทรศัพท์ไปเทียบใกล้ๆ หน้าแต่ก็ถูกปัดออกมาอย่างไม่พอใจ ภูผาเป็นพวกไม่ยอมรับความจริง หน้าเหมือนเป็ดก็ต้องยอมรับสิว่าเหมือน ยิ่งตอนทำปากเชิดๆ เวลาโกรธหรืองอนอะไรสักอย่างก็ลูกเป็ดดีๆ นี่เอง ผมพลิกหลังเคสขึ้นมาดูแล้วยกมือบีบปากเป็ดนั่นเบาๆ

"น้อง น้องน่ารัก"

"เกลียดเสียงอะ"

"ก็น้องน่ารัก"

"ไม่ต้องคลั่งขนาดนั้น รู้แล้วว่าชอบ"

ผมหยุดอุ๋งอิ๋งกับเคสเป็ดแล้วเงยหน้ามองภูผาก่อนเอ่ยถามเสียงเรียบ

"รู้ใช่ไหมว่าชอบ"

"รู้"

"เออ รู้แล้วก็เหยียบไว้"

 

หลังจากเปลี่ยนฟิล์มมือถือเสร็จ ก็ได้เวลาหาอะไรกิน เอาจริงกูเกือบลืมว่าหิวอะ ไม่รู้ว่าภูผาจะมีของที่อยากกินอยู่ในใจไหมตอนที่เดินมองร้านนั้นร้านนี้ แต่ท้ายที่สุดก็หันมาถามผม

"จะกินอะไร"

"ชาบูชิ"

ภูผาถอนหายใจไหล่ตกตอนผมตอบอาหารที่อยากกิน ทั้งชีวิตก็ชอบกินอะไรอยู่ไม่มากแล้วชาบูชิมันก็เป็นสิ่งแรกที่นึกถึงทุกทีเลย ผมเหลือบตาไปมองพลางเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง

"หรือจะไม่กิน"

"แล้วขัดใจมึงได้หรือไง เดี๋ยวก็มาดุกูอีก"

"เอ้า! ถ้าเบื่อก็ไม่ต้องกินไง"

"ไม่ได้บอกว่าไม่กิน"

"กูยังไม่ได้ดุมึงเลยนะ กูไม่ได้บังคับมึงทุกเรื่องขนาดนั้น มึงจะขัดกูก็ได้นี่"

ภูผาเงียบไปตอนที่แสร้งหันมองทางอื่น

"ที่จริงมึงก็ควรขัดใจกู กูจะได้ไม่คิดไปเองว่ามึงยอมกูทุกเรื่องไง"

"ก็ไม่ใช่ว่าจะยอมไม่ได้" พูดจบแค่นั้นก็เดินเข้าร้านไปก่อน ทิ้งผมให้ยืนงงๆ ไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไงกับประโยคนั้นดี บางครั้งก็คล้ายว่าจะยอมกันง่ายๆ บางทีก็หัวรั้นดื้อตาใสควบคุมไม่ได้ เพราะผมไม่เคยเดาความรู้สึกจริงๆ ของภูผาผ่านใบหน้าและท่าทางเรียบเฉยนั่นได้เลย ผมเลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ภูผาคิดยังไงกับผม เป็นความสัมพันธ์งุนงงแต่ไม่ได้เว้นไว้ซึ่งระยะห่างทั้งทางกายและใจ และยิ่งภูผาไม่เคยขัดใจอะไรผมเลย ผมจึงคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่าผมมีสิทธิ์ทุกอย่างในฐานะคนที่ยืนอยู่เคียงข้างภูผา

"พี่ทัพ"

"ฮึ?"

"เอาให้ด้วย"

ผมพยักหน้ารับตอนที่ภูผาสั่งให้หยิบอาหารให้ พอจะใช้กูก็ทำเป็นเรียกกูว่าพี่ ภูผาครองอาวุธลับเอาไว้ในมือเพื่อใช้เป็นไม้ตายทุกทีที่จะสั่งให้ผมทำอะไรด้วยการเรียกพี่ ผมยังไม่ชินหัวใจเลยอ่อนยวบอย่างยอมแพ้ ลุกไปตักอาหารให้ภูผาก่อน ตลอดระยะเวลาหนึ่งที่อยู่ด้วยกันมาทำให้ผมรู้ดีว่าภูผาชอบหรือไม่ชอบกินอะไร เลยมั่นใจว่าอาหารที่หยิบไปจะต้องถูกใจคนกินอย่างแน่นอน พอเดินเอากลับไปให้ก็เห็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่แสดงออกถึงความพอใจ เพราะอีกฝ่ายเหลือมือไว้ใช้งานแค่ข้างเดียว เลยจัดแจงจานอาหารให้อยู่ในตำแหน่งที่พอดีสำหรับความสะดวกในการใช้มือข้างเดียวกินมัน ระหว่างนั้นภูผาก็ชวนผมคุยสัพเพเหระไประหว่างมื้อ

"แล้วมึงไม่ไปทำงานแบบนี้ ไม่เป็นอะไรเหรอ"

"ไม่รู้ดิ ไม่เห็นมีใครโทรตามเลย"

"จริงเหรอ"

"เพราะกูปิดเครื่องหนี"

"เฮ้ย เดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก"

"ถ้ากูตกงาน เลี้ยงกูได้ป่ะล่ะ"

ภูผาคลายหัวคิ้วที่เมื่อกี้ขมวดเข้าหากันแล้วสวนกลับออกมาเบาๆ

"มันก็ได้อยู่หรอก"

ผมหลุดยิ้มออกมาตอนมันพูดแบบนั้น เพราะผมเคยลาออกจากที่ทำงานเก่ามาแล้ว ตอนที่ว่างงานอยู่ ภูผาดูแลผมดีกว่าพ่อกับแม่อีก ตอนนั้นเป็นคนตกงานที่แฮปปี้ แต่อยู่ดีๆ ก็ไล่ผมให้ไสหัวออกมาหางานกระทั่งได้มาทำงานที่ใหม่นี่แหละ

"แต่ลุงวุธกับป้าอรรวยกว่า ให้พ่อแม่มึงเลี้ยงเถอะ"

"อ้าว ทำไมลอยแพกูแบบนี้วะ"

"รีบกลับไปทำงานเถอะ กูไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย ไม่อยากให้มึงต้องมาเสียงานเพราะกู ถ้าโดนไล่ออกทำไง"

"กูไม่อยากทำงาน อยากอยู่กับมึงมากกว่า"

"แค่เสาร์อาทิตย์ก็พอแล้ว"

"ทำไม ไม่ต้องการกูแล้ว?"

"ไม่ใช่..."

ภูผาเว้นคำพูด ถอนหายใจเบาๆ แล้วเงยหน้าพูดต่อ

"...แต่กูรู้สึกเหมือนตัวเองติดมึงไปแล้ว"

"แล้วไม่ดียังไง"

"ไม่ดีกับกูแน่ๆ"

"..."

"กูไม่อยากเอาตัวเองไปติดกับใครแล้ว เกิดวันหนึ่งมึงไม่อยู่ กูก็อยู่ไม่ได้อีก ไม่ชอบอารมณ์แบบนั้นเลย เวลาที่ใครสักคนหายไปจากชีวิต มันเจ็บเหมือนจะตายเลยนะ"

"กูไม่ไปไหนหรอก จะจับมือมึงไว้แน่นๆ เลย"

"บางคนก็เคยพูดแบบนั้น" ประโยคของภูผาเบาเสียจนผมได้ยินไม่ครบทุกคำ แต่ก็ไม่ได้ติดใจจะถามซ้ำหรืออะไร และยังคงเดาอะไรไม่ได้จากใบหน้าของคนตรงข้าม

"กูจะอยู่จนกว่ามึงจะไม่ต้องการนั่นแหละ"

"ไม่พูดแล้ว กินเลย" ภูผาตัดบทก่อนยัดซูชิคำหนึ่งใส่ปากผม หลุดยิ้มเพราะมันป้อนก่อนมุมปากหุบลง นิ่งไปครู่หนึ่ง ความเจ็บแสบพุ่งจากจมูกสู่สมองทั้งสองซีก ก่อนเค้นออกมาเป็นน้ำตาที่เอ่อล้นพร้อมจะไหล 

"ธงทัพ เป็นอะไร ร้องไห้เหรอ"

ผมสูดลมหายใจเบาๆ แล้วเงยหน้ามองมันด้วยน้ำตาที่คลออยู่ ขบกรามแน่นเค้นคำพูดคำหนึ่งออกไปผ่านไรฟัน

"วาซาบิ"

สิ้นคำผมภูผาก็หัวเราะลั่นร้าน เสียงหัวเราะดังที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ความสะใจดังผ่านเสียงหัวเราะแบบหยุดไม่ได้แม้จะพยายามรวบริมฝีปากหุบแต่ก็หลุดหัวเราะออกมาอีกที ผมดึงทิชชูเช็ดน้ำตา ก่อนโยนทิ้งเดือดๆ

"สะใจมากไหมแกล้งพี่เนี่ย"

"พี่ทัพโง่"

"เดี๋ยวโดน"

ผมง้างมือทำท่าจะตีหัว ภูผาก็รีบยกสองมือขึ้นบังแล้วย่นคอหดหนี เห็นอย่างนั้นเลยดีดหน้าผากไปเบาๆ แทนที่จะทุบ  ผมไม่เคยฉลาดพอที่จะเข้าใจความรู้สึกของภูผา หรือกระทั่งความรู้สึกของตัวเองก็ตามที ผมรู้ดีว่าเราโลภมากกับความรักไม่ได้ ยิ่งเข้าใกล้อาจยิ่งห่างออกไป ยิ่งให้มากยิ่งอาจไม่ต้องการ และแม้จะเป็นคนที่อยู่ข้างๆ เป็นคนที่ภูผาเอาชีวิตมาผูกติดกัน แต่ถ้าถามว่าภูผาได้รักผมอย่างที่ผมรักมันไหม
 

อันนี้ไม่แน่ใจจริงๆ   

 

 

...

 

วันนี้ผมออกจากห้องภูผาแต่เช้าเพื่อไปทำงาน หลังจากหายหัวไปวันหนึ่งแต่ไม่โดนด่าอะไรเพราะมีเหตุผลอันสมควร แต่งานที่หยุดชะงักเลยทำให้กำหนดการส่งช้าออกไป งานผมรับปากกับพี่แต้มว่าจะส่งดราฟท์เมื่อวานก็ไม่รู้ไปกองอยู่ตรงไหน

 "พี่ทัพ"

ผมหันหลังมองเสียงเรียกจากข้างหลังก่อนเห็นว่าเป็นไอ้ปอที่ใบหน้าชุ่มน้ำ ในมือถือแปรงสีฟันกับยาสีฟันหลอดเล็ก มันยกแขนเสื้อข้างหนึ่งเช็ดน้ำที่หน้าแล้วหันมาหาผมอีกที

"พี่ทัพมาแล้ว"

"เออ มาแล้ว นี่มึงนอนที่นี่เหรอ"

"ยังไม่ได้นอนเลย" มันว่าแล้วเสียบแปรงสีฟันลงในกล่องอุปกรณ์เขียนงาน ก่อนหยิบกระดาษที่ร่างแบบเรียบร้อยแล้วส่งให้ผมดู

"ผมทำงานต่อให้ ไม่เนี๊ยบเท่าพี่แต่ก็เสร็จแล้ว พี่ลองดูว่าโอเคไหม"

ผมรับแบบนั้นมาดู กวาดสายตาไปทั่วแผ่นแล้วหันมองหน้าไอ้ปอที่ยิ้มกว้างๆ ให้ แต่ก็ค่อยๆ หุบยิ้มลงเมื่อเห็นว่าผมกำลังขมวดคิ้วมองหน้ามันอยู่ คงคิดว่าผมไม่พอใจ ผมไม่ได้ไม่พอใจที่มันเอางานไปทำต่อโดยไม่บอก แต่ลำพังงานมันเองก็เยอะมากพออยู่แล้ว แต่ต้องมาเก็บงานให้ผมจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนด้วยเหตุผลที่ผมโดดงานไปก็เลยไม่ทันส่ง จะเรียกว่ารู้สึกผิดก็ไม่เชิง แต่ก็ไม่ชอบที่คนอื่นต้องมาเหนื่อยเพราะผม

"ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน แต่พี่แต้มบอกว่างานมันเร่ง แถมพี่ทัพบอกว่าถ้าส่งไม่ทันจะยอมให้พี่แต้มไล่ออกอีก ผมก็เลย..."

"มึงกินข้าวหรือยัง"

"ครับ?"

"ได้กินข้าวบ้างหรือยัง"

"ยังเลยครับ"

"ไปกินข้าว" ผมทิ้งกระดาษร่างแบบนั่นลงบนโต๊ะแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น หันไปมองไอ้ปอที่ยังทำหน้าเด๋อด๋า ก่อนผมพยักหน้าเรียกมันจึงรีบกุลีกุจอลุกตามมา แถวๆ ที่ทำงานไม่ค่อยมีร้านข้าวที่เปิดในตอนเช้า ผมเบื่อหมูปิ้งพี่นกแล้วก็เลยเดินนำเข้ามาในเซเว่น

"หยิบเลย กูเลี้ยง"

อีกคนพยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินไปหยิบแลตตาซอยกล่องใหญ่กับขนมปังไส้กรอกอันหนึ่ง ก่อนเดินกลับมาหาผม

"ไปเอาอีก"

"ฮะ?"

"แค่นี้มันพอหรือไง ไปเอาอีก"

"แค่นี้ก็อิ่มแล้วครับ"

"ไปเอามาอีก"

"ครับๆ" ไอ้ปอรับคำตอนที่ผมพูดซ้ำชัดๆ มันก้าวเท้าเร็วๆ ไปหยุดที่ชั้นอาหาร กวาดสายตามองไปทั่วก่อนหยิบมินิคอกเทลมาถุงหนึ่ง โบโลน่าอีกถุงหนึ่ง ยังมีเบคอนรมควัน เบอร์เกอร์หมู ขนมจีบกุ้ง จนเต็มมือมันจึงหันมามองผม มีคำถามว่า พอหรือยัง ผ่านสายตาคู่นั้น ผมเลยยิ้มเจื่อนแล้วพยักหน้าเบาๆ ถ้ามันอ่านรอยยิ้มผมได้ มันจะได้ยินคำว่า มากเกินไปแล้วไอ้สัด

กระทั่งพนักงานอุ่นอาหารให้เสร็จและผมจ่ายเงินเรียบร้อย มันก็หอบเอาของกินที่ซื้อมานั่งกินที่โต๊ะใต้ตึก แบ่งขนมปังไส้กรอกโง่ๆ อันหนึ่งมาให้ผมกินกับกาแฟที่เพิ่งเดินไปซื้อมา ส่วนตัวมันซัดที่เหลืออย่างหิวโหยเหมือนไม่ได้กินข้าวมาสามวัน ยังเคี้ยวไม่หมดปากก็หันมาคุยกับผม

"เออพี่ทัพ แล้วพี่ภูเป็นยังไงบ้างครับ"

"ไม่เป็นอะไรแล้ว"

ปอพยักหน้ารับแล้วยัดโบโลน่าเข้าปากไปอีกคำ ผมมองตามเพราะดูเหมือนมันจะอร่อยเลยอะ

"พี่ทัพจะกินเหรอ"

"ขอคำดิ"

มันพยักหน้าแล้วส่งทั้งถุงให้ ขณะที่ผมอ้าปากรอให้มันป้อนแล้ว เห็นอย่างนั้นมันเลยดึงมือกลับไปแล้วจิ้มโบโลน่าป้อนให้ถึงปาก ให้ผมคำหนึ่ง ให้ตัวเองอีกคำหนึ่ง

"พี่ทัพ ผมลืมใส่ซอส"

"ไม่ทันละ" ผมพูดขณะที่เคี้ยวหมดปากไปแล้ว ส่วนมันยังยัดเต็มอยู่ที่แก้มข้างหนึ่ง ด้วยความพิเรนทร์ของเด็กบ้านี่มันจึงแกะซองซอสแล้วบีบตามเข้าไปในปาก เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วไม่คิดเชื่อว่านี่คือคนอายุยี่สิบสอง ไม่ใช่ว่าผมแก่ไป แต่คนรอบข้างชอบทำตัวเป็นเด็กในสายตาตลอด แต่ถึงอย่างนั้นการกระทำของมันก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาซะเฉยๆ แล้วก็เผลอดุออกไปเบาๆ ตามนิสัย 

"เดี๋ยวก็เลอะ ทำดีๆ"

ปอพยักหน้ารับแต่ไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงมือถือของมันที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น มันหันมองแต่ทำเพิกเฉยจนผมต้องเอ่ยปากถาม

"ไม่รับล่ะ"

"ไม่อยากรับเลยครับ"

"ใครวะ"

"เพื่อนอะครับ จะให้ช่วยออกแบบภายในบ้านให้ ผมไม่ได้จบอินทีเรียซะหน่อย แถมช่วงนี้งานก็เยอะอยู่ด้วย"

"ก็บอกไปดิว่าไม่ทำ คนก็มีงานมีงานป่ะ แล้วให้ทำนี่คือให้ทำฟรีๆ ด้วยใช่ไหม"

"ครับ โทรมาทุกวันเลย เหมือนจะบังคับให้ทำให้ได้"

"คนเห็นแก่ตัวนี่มันยังตายไม่หมดอีกเหรอวะ"

"ยิ่งเป็นเพื่อนกัน ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เดี๋ยวก็หาว่าเรื่องแค่นี้ช่วยไม่ได้"

"มึงก็ปฏิเสธไปเลย ไม่ใช่หน้าที่มึง งานก็เยอะพอแล้วอย่าหาเรื่อง ไม่ต้องสนหรอกเพื่อนไม่เพื่อน ตอนเรียนไม่ได้มาช่วยกูจ่ายค่าเทอมซะหน่อย ทีอย่างนี้จะมาบอกให้ช่วยฟรีๆ เพ้อเจ้อ"

ผมร่ายยาวแต่ไม่ได้ใส่อารมณ์นะ แค่พูดไปตามเหตุผลแต่กลับทำให้อีกฝ่ายเงียบ กระพริบตาปริบๆ นิ่งไปจนไม่ยอมเคี้ยวอาหารที่คาอยู่ในปากด้วยซ้ำ

"ดูทำหน้า กูไม่ได้ดุมึง แค่พูดเฉยๆ"

"ไม่ได้ว่าพี่ดุ แต่ชอบที่พี่พูด อยากเอาคำพูดพี่ไปยัดใส่หน้าเพื่อนเลย"

ผมได้แต่ยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ

"พี่ทัพปากหมาเนอะ"

"อ้าว!"

"แต่ว่าไอดอลเลย"

"ไอดอลห่าอะไรล่ะ อะไรดีๆ ก็จำ อะไรไม่ดีก็ไม่ต้องทำตาม"

"ครับๆ" ปอตอบรับก่อนจิ้มไส้กรอกสามสี่อันยัดใส่ปากไปทีเดียว แล้วฉีกซองซอสกรอกปากตามไป ด้วยความทะลึ่งทั้งปากทั้งมือก็เลอะจนได้

"ไงล่ะ กูบอกแล้วว่าเลอะ"

มันหัวเราะแห้งๆ กำลังจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปากแต่ผมยั้งเอาไว้ก่อน แล้วใช้มือตัวเองเช็ดซอสที่ริมฝีปากของมันเบาๆ อีกคนโยกหัวหนีมือผมไปแล้วก้มหน้างุดก่อนพูดออกมาเบาๆ

"พี่ทัพอย่าทำแบบนี้สิครับ"

"ทำไมวะ"

 

"เดี๋ยวผมก็ลำบากไปหลงรักพี่อีก"

 

...

 

 

วันนี้ผมขอเลิกงานเร็วเพราะจะกลับไปหาภูผา แต่ก็ไม่วายต้องหอบเอางานกลับไปทำด้วยเพราะกลัวจะไม่ทันส่ง จากที่ทำงานมาถึงที่พักของภูผาก็ใช้เวลามากพอสมควรในตอนเย็นๆ ผมมีกุญแจห้องอยู่แล้วเลยไม่ได้เคาะเรียก แต่พอเปิดเข้าไปก็ต้องตกใจจนแทบสะดุดพรมเช็ดเท้าเมื่อเห็นคนที่อยู่ในนั้น

"แม่"

แม่ของผมนั่งยิ้มกว้างอยู่ที่โซฟา ข้างๆ กันคือภูผาลูกรักของเขา ผมเดินเข้าไปวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ โซฟาไม่มีที่ให้นั่งก็เลยหย่อนตัวเองลงกับพื้นข้างๆ แม่ ผมอะลูกแม่ สาบานเลย คลานออกมาจากพุงของแม่แน่ๆ แต่ตอนนี้สถานะกูประหนึ่งลูกคนใช้มากเลย พับเพียบหมอบกราบเจ้าคุณแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วเอ่ยทักทาย

"แม่มาได้ไงเนี่ย"

"เป็นห่วงภูผา เลยมาหา"

"ไม่ได้ตั้งใจมาหาธงทัพ"

"ไม่จ้ะ"

"แม่!"

"โอ๋ ล้อเล่น นี่แม่ซื้อของมาฝากด้วยนะ" ผมหันไปสนใจของฝากจากแม่ ทั้งของกินที่ขนมาจากชลบุรี ซึ่งเป็นของโปรดภูผาซะเกือบครึ่งแล้วก็ถูกจับจองไปแล้วเรียบร้อย ยังมีบรรดาอาหารเสริมและวิตามินที่ขยันซื้อมาให้เราบำรุงร่างกาย และอีกอย่างที่แม่มักจะซื้อติดมือมาตลอดก็คือเสื้อผ้า ตั้งแต่เด็กจนโตแม่จะเป็นคนซื้อเสื้อผ้าให้ผม กระทั่งมีภูผามาอยู่ด้วย งานถนัดของแม่คือการเสื้อซื้อผ้าที่คล้ายหรือเหมือนกันไปเลยเพื่อหวังจะให้เราใส่คู่กันเป็นพี่น้องฝาแฝดอะไรประมาณนั้น แต่ผมกับภูผาไม่เคยหยิบมาใส่พร้อมกันเพราะมันจะกลายเป็นเสื้อคู่รักทันที นึกภาพตามว่าใส่เสื้อคู่ออกไปเดินด้วยกันก็คงจะเคอะเขินอยู่ไม่น้อย ผมหยิบเสื้อสองตัวที่เป็นลายเดียวกันออกมาแต่ตัวหนึ่งสีดำ อีกตัวสีขาว   

"สีดำของทัพ สีขาวของภูผา" แม่บอกแต่ภูผาแย้งขึ้นมาก่อน

"ภูชอบสีดำ"

"กูก็ชอบสีดำ ของมึงอะสีขาว"

"จะเอาสีดำ"

"ไม่ให้"

ภูผาเงียบไปตอนผมดึงตัวสีดำเอาไว้กับตัว ใบหน้านิ่งเริ่มเคลื่อนไหว ท่าไม้ตายกำลังจะถูกใช้และผมต้องตั้งการ์ดป้องกันก่อน

"อย่าเรียกกูว่าพี่"

"พี่ทัพ"

"..."

"ภูขอสีดำ"

"ชิ!" ผมส่งเสียงไม่พอใจก่อนโยนเสื้อสีดำในมือใส่หน้ามันอย่างยอมแพ้ อกแตกตายอนาถกลางสนามรบแค่คำว่าพี่ทัพและการเรียกตัวเองว่าภู ใจที่เคยแข็งแกร่งแตกหักง่ายยิ่งกว่าอะไรดี ความเขินยิ่งตีขึ้นมาฟ้องหน้าด้วยการแซวของแม่

"ใจอ่อนง่ายนะเรา"

"ไม่ต้องแซวเลยแม่ คราวหลังซื้อเหมือนกันสิ จะได้ไม่ต้องแย่งกัน"

"จ้าๆ"

ผมปล่อยให้ภูผาคุยกับแม่ ส่วนตัวเองนั่งทำงานที่แบกกลับมาด้วย กระทั่งเสร็จจึงเดินเข้าไปในห้องนอน กำลังจะส่งเสียงดังแต่เบรกไว้ได้ทันตอนที่แม่ยกนิ้วชี้ขึ้นทาบปากเป็นสัญลักษณ์ให้ผมเงียบเพราะภูผาหลับไปแล้ว

"แม่จะนอนที่นี่หรือเปล่า"

"ใช่ จะนอนกับภูผา"

"แล้วผมอะ"

"โซฟาหรือพื้นก็เลือกเอา"

"แม่ นี่ลูก!"

"เบาๆ" แม่ยกมือตีแขนตอนที่ผมกระโดดลงไปนอนบนเตียง คิดว่าจะทำให้ภูผาตื่นแต่อีกคนก็ยังนอนเงียบ คงเพราะยาที่ทำให้ง่วงนอน พักนี้ก็เลยนอนเร็วเป็นเวลาตลอด

ผมไถหัวตัวเองไปหนุนตักแม่ที่นั่งอยู่หัวเตียง ไม่ได้กลับบ้านหาแม่มาเป็นเดือนแล้วเหมือนกัน แม่ยกมือจิ้มเข้าที่ใต้ตาของผม

"ไม่ค่อยได้นอนใช่ไหม"

"งานเยอะอะ"

"พักผ่อนบ้าง"

"ก็เท่าที่ทำได้"

"ถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ จะดูแลน้องยังไง"

ผมย่นจมูกใส่แม่เคืองๆ ก็รู้ว่าหน้าที่ที่ต้องดูแลภูผานั้นยังทำได้ไม่ดี แต่ตลอดแปดปีผมก็ไม่เคยละเลยในหน้าที่เลยด้วยซ้ำ

"ภูผามันโตแล้ว ดูแลตัวเองได้"

"แต่ถ้ามีคนดูแลมันก็ดีกว่าไง"

"มีแม่คนเดียวก็พอแล้วมั้ง" ผมพูดแซวเลยถูกดีดเข้าที่หน้าผากทีหนึ่งเบาๆ   

"ไม่งอนสิ แม่ก็รักเท่ากัน"

"ก็รู้"

"ทัพไม่โกรธใช่ไหม ที่แม่เป็นห่วงภูผามากกว่า"

"จะไปโกรธเรื่องอะไร แค่อยากรู้ว่าทำไมมากกว่า แม่ยังสงสารภูผาอยู่เหรอ"

"ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น แต่ว่าหลงน้อง"

"ว่าละ!"

            แม่หัวเราะเบาๆ ก่อนใช้มือข้างที่ดีดหน้าผากผมเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆ

"แม่ว่า แม่รู้สึกผิดกับภูผามากกว่า"

"รู้สึกผิดเรื่องอะไร"

"ตอนที่รู้เรื่องพ่อกับแม่ของภูผา ก็เคยคิดว่าอยากให้ผู้หญิงคนนั้นตายไปจริงๆ"

"โอ้โห! ทำไมแม่จิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้เนี่ย"

"แค่คิดย่ะ!"

"แค่คิดก็ผิดแล้ว"

"ก็ใช่น่ะสิ แล้วพอมันเกิดขึ้นจริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจเลย รู้สึกผิดที่คิดแบบนั้น ยิ่งตอนที่เห็นภูผาในวันที่ไม่เหลือใคร ตอนนั้นภูผาดูเจ็บปวดจริงๆ นะ"

ผมพยักหน้าตาม จำได้ดีในวันที่โลกของภูผาพัง ในงานศพตอนนั้น ผมเห็นเด็กม.ปลายหน้าตาเรียบเฉย นิ่งสงบเหมือนไร้วิญญาณ เดินตามคำสั่งผมเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ใช้เวลานานกว่าจะดึงภูผาให้กลับมายิ้มได้อย่างคนที่มีความสุขจริงๆ แม้แต่ในตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าภูผาทำใจได้กับเรื่องนั้นแล้วหรือยัง

"แม่ก็เลยอยากให้ทัพดูแลภูผาดีๆ เพราะว่าน้องไม่มีใคร"

"..."

"อยากให้เป็นพี่เป็นน้องกันไปเรื่อยๆ แบบนี้"

ผมพยักหน้ารับ มือของแม่ที่ลูบหัวอยู่พาให้ผมง่วงนอนจนตาหลับลงโดยอัตโนมัติ ความคิดสุดท้ายเกิดขึ้นก่อนที่จะหลับ ผมร้องถามแม่อยู่ในใจ แม่จะว่าอะไรไหม

 

หากว่าใจผมคิดไกลเกินกว่าพี่น้องไปแล้ว...

 

To be continued.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2018 01:12:07 โดย รชา »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EP.14] 27/2/18
« ตอบ #139 เมื่อ: 28-02-2018 00:55:07 »





ออฟไลน์ Carrot_t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบความที่ภูผารู้จุดอ่อนธงทัพอ่ะ55555 แค่เรียกว่าพี่ทัพแล้วแทนตัวเองว่าภู อิพี่ก็ยอมหมดทุกอย่างละอ่ะ ใจเหลวเป็นน้ำเลย5555
 :hao3:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ภูผามีอาวุธที่ร้ายกาจมาก
"พี่ทัพ" ตายสนิททุกช็อตจริง ๆ

ส่วน "นาวี" ไม่ต้องกลับมานะ
โลก "ภูทัพ" ใบนี้ ... ไม่ต้องการนาย :beat:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
โอยย ขอน้องภู  :hao5: ไม่ให้ใครร
แล้วก็ชอบน้องปออ่ะ อย่าให้ใครทำร้ายน้องนะะะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คนนี้ก็อยากได้ คนนั้นก็ยังเสียดาย อยากเก็บเอาไว้ทั้งสองคน

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อิพี่ทัพทำไมช่างดูแลขนาดนี้ อ่อยไปทั่วเลยยย ถึงฮีแกจะไม่รู้ตัวก็เถอะ

บอกปอตรงนี้เลยนะ ธงทัพของภูผา only
ห้ามหลงหลงรัก  :hao5:

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งือออออ ชอบเรื่องนี้มากกกกกขอบคุณมากๆนะคะไรท์

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ๊ยยยยยยยยย ใจบางงงงงงง  /   ตอนนี้เป็นตอนที่เยียวยาคนอ่านให้ลืมดราม่าที่กำลังประชิิดเมืองไปเลยอ่ะ  / ของดี แค่เรียกพี่ก็หวานแล้ว แอร๊ยยยยย  :o8:

แอบคิดตาม ภูผาติดพี่ทัพเพราะเหงาหรือเพราะผูกพันหรือเปล่านะ เหมือนจะยังไม่ลืมความรู้สึกของตัวเองตอนเลิกกับนาวีอยู่เลยอ่ะ งืมมมๆๆๆๆ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
หัวใจหนอหัวใจ คือจะสงสารก็ไม่ใช่ แต่เห็นใจมากกว่า
ธงทัพรักน้องมาก ใจอะไปแล้ว ไม่แปรผันด้วย
ชอบค่ะ เหมือนดูไม่มั่นคง แต่ยาวนานมากเลย
ภูผาจะมีใครมาอีก บอกพี่ก่อนนะ

ภูผาน่าบีบแก้มมาก ทำไมร้าย 5555

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ตอนที่อ่านเรื่องนี้แรกๆคิดมาตลอดนะว่าธงทัพต้องเป็นตัวร้าย ไม่คิดเลยว่าจริงๆแล้วธงทัพเป็นคนที่ดีมาก แถมยังใจอ่อนและมุ้งมิ้งอีก ใจบางกับธงทัพมากตอนนี้ ผู้ชายอะไรน่ารักชะมัด

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ภูผา  มีอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ  :laugh:
พี่ทัพ...... ภู........
   
เหมือนภูผา รับรู้ว่าธงทัพชอบตัวเอง
ที่บอกว่าทนไม่ได้ อยู่ไม่ได้ ถ้าจะมีใครหายไป
เป็นเพราะรักหรือผูกพัน    :hao3:
หรือทั้งสองอย่าง  :mew1: :mew1: :mew1:

ปอ พูดตรงๆไปก็ดี ธงทัพไม่ระวังตัวถึงเนื้อถึงปากปอ
มันอ่อย ให้ความหวังปอนะ อ่อยเรี่ยราดนะธงทัพ   :fire: :angry2: :z6:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด