ตอนที่ 25
ทิม
'พี่เซียนคะ...ตกลงจะต่อหรือเปล่าคะ'
'ต่อ...ต่ออะไรเหรอ'
'อ้าว ถ้าจะไม่ทำแล้วพี่เซียนลากอิงมาด้วยทำไมคะเนี่ย'
'โทษทีนะ'
'บ้าบอ'
'อิง'
'คะ!'
'รู้จักลูกค่ายละครจีวายหรือเปล่า'
'อะไรนะ'
'มันมาเรียนที่มอเราปีนี้นะ'
'ไม่รู้ ไม่อยากสนใจค่ะ'
'...'
'งั้นอิงกลับนะคะ'
'โอเค'
'พี่เซียน!'
'อะไรเหรอ'
'อิงจะกลับจริงๆ แล้วนะ'
'ก็ไปซะสิ'
'กรี๊ดดดด'
ผมอยากจะวาร์ปหายตัวไปฆ่าเพื่อนตัวเอง
ทำไมถึงปล่อยให้เทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์มาหลับอยู่หน้าห้องของผมแบบนี้!
อยากจะทำเนียนเป็นไม่รู้จักฉิบหาย แต่ผมดันรู้จัก...
ในสภาวะที่พี่เขากำลังเมาแอ๋หนักขนาดนี้ ถ้าผมทำเป็นไม่สนใจอะไรผมก็คงจะใจร้ายเกินไป ถึงแม้ว่าจะงุนงงเรื่องที่ว่าพี่เซียนมาอยู่หน้าห้องของผมได้ยังไง แต่ผมก็เลือกที่จะปล่อยวางทิ้งมันไปซะก่อน
อย่างน้อยผมก็ควรจะลากพี่เขาเข้ามานอนในห้อง
ไอ้นุกหายจ๋อมอย่างไร้ร่องรอย ส่วนไอ้นายท่านรายนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง...มันคงจะอยู่แต่กลับพี่กล้า คงไม่ว่างที่จะมาจัดการคนร่างยักษ์แห่งคณะเศรษฐศาสตร์คนนี้ช่วยผมได้
ผมคงต้องจัดการกับพี่เขาเพียงคนเดียว...
กว่าผมจะพาคนร่างยักษ์มานอนแหมะอยู่ในโซฟาห้องผมได้ก็เล่นเอาผมเหงื่อตก พี่เซียนเมาแล้วเงียบดีครับ ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคต่อคนที่ต้องตามเก็บร่างของเขาเท่าไหร่ เพียงแต่ว่า...ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงโผล่มาอยู่หน้าห้องผมในเวลาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้
ไอ้ท่านกับไอ้นุกมันรวมหัวรุมแกล้งผมหรือเปล่าวะ
"พี่เซียน...นี่ห้องผมนะ ไม่ใช่ห้องพี่กล้า" ผมลองเขย่าไหล่พี่เซียนดูเผื่อพี่เขาจะได้สติ "พี่มาผิดห้องแล้ว ผิดไปเยอะเลยด้วย"
คำตอบที่ผมได้รับกลับมาคือความเงียบ รวมไปถึงอาการคอตกของคนเมาที่คงมึนจนอยากนอนหลับพักผ่อน
"แม่ง" ผมสบถเพราะผมไม่รู้จะเอายังไงจริงๆ "พี่จะนอนตรงนี้หรือนอนบนเตียง" ยังไงเขาก็ถือว่าเป็นพี่คนหนึ่ง ผมคงต้องถามเขาก่อนว่าเขาจะเอายังไง
สิ่งที่ผมไม่คาดคิดมันตามมาหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที...ทุกอย่างเหมาะเหม็งราวกับเซ็ตเอาไว้ พี่เซียนคลื่นไส้กะทันหัน จากนั้นก็อาเจียนออกมาโดยผมได้รับผลกระทบเต็มๆ ที่ใบหน้า
เหี้ยยยยยย
"ไอ้พี่เซียน!" ผมร้องโวยวายเพราะผมไม่ชอบอะไรแบบนี้จริงๆ แต่ให้ตายเถอะ...ใครจะไปชอบวะ อ้วกเต็มหน้าแบบนี้ "โอ๊ย พี่บ้าไปแล้ว"
ผมตัดสินใจว่าควรจะเดินเข้าไปล้างตัวทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ถอดเสื้อผ้า แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีบางคนที่เลอะอ้วกอยู่เหมือนกัน ผมจึงก้าวออกมาจากห้องน้ำ จากนั้นก็ลากพี่เซียนเข้าไป...
อ้วกพี่เซียนแม่งเลอะเต็มห้องของผมไปหมด
ผมไม่มีเวลาแม้แต่จะบ่นหรือก่นด่า เพราะด่าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเนื่องจากพี่เซียนมีสติเหลือไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์
เอ๊ะ...หนึ่งเปอร์เซ็นต์งั้นเหรอ
ริมฝีปากของผมยิ้มกริ่ม แล้วผมก็จัดการเปิดน้ำจากฝักบัวระดับน้ำแรงที่สุด จากนั้นก็ราดน้ำใส่พี่เซียนไปทั้งตัวโดยไม่สนใจว่าเขาจะเป็นรุ่นพี่มอ S หรือเป็นใครมาจากไหน
สนุกกูล่ะงานนี้...
พี่เซียนเปียกไปทั้งตัว เขาเริ่มกระแอมไอออกมา ระหว่างนั้นผมก็ตัดสินใจราดน้ำไปทั่วหน้าของตัวเองบ้าง
...เละเป็นขี้เลย
"ไอ้ทิม อะไรของมึงเนี่ย" พี่เซียนโวยวาย
เจอน้ำทีถึงกับสร่างเมาไปเลยหรือไง...
"พี่มาอ้วกใส่หน้าผม"
"หา" พี่เขาลูบใบหน้าไปมา...ใบหน้าขาวใสภายใต้เส้นผมที่เปียกซ่กก็เป็นอะไรที่หล่อดี "บ้า"
"จริงๆ พี่ทำอย่างนั้น"
"โอย ตาย..."
"ออกไปก่อนเลย ผมจะอาบน้ำ"
"จะให้ออกไปทั้งๆ ที่ยังตัวเปียกอยู่เนี่ยนะ"
"ใช่" ผมบอก "ถ้าว่างก็เช็ดอ้วกตัวเองที่อยู่ในห้องผมด้วย"
"..."
"ใช้ไม่ได้จริงๆ"
ผมบ่นออกมาเพราะผมไม่มีอารมณ์มาจัดการกับเรื่องอ้วกๆ ตอนเวลาเกือบตีสองแบบนี้ อย่างน้อยพี่เซียนก็กลับมามีสติได้ทันสำหรับจัดการกับอ้วกตัวเอง ไม่อย่างนั้นล่ะก็...ผมคงเซ็งมากกว่านี้แน่ๆ
ความประทับใจของผมที่มีต่อพี่เซียนนั้นมีอยู่น้อยมาก มันติดลบตอนที่พี่เซียนด่าผมในเกม RoV จากนั้นก็กลับมาน้อยใหม่หลังจากที่ใครหลายคนพากันบอกว่าพี่เซียนชอบผม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น...
เขาชอบบังคับผม...ที่บ้านผมไม่เคยมีใครบังคับผมมาก่อน นั่นแหละคือส่วนที่ผมไม่ชอบที่สุด
หลังจากเหตุการณ์ที่พี่เซียนอ้วกใส่หน้าผมอย่างเมื่อตะกี้...คุณคนอ่านคิดว่าผมจะเหลือความประทับใจในตัวพี่เซียนมั้ยครับ...
เซียน
พัง
เละเทะ
ยับเยิน
รู้สึกอยากกระโดดตีลังกาถีบปากตัวเองสักสิบสองครั้ง
นี่ผมทำเหี้ยอะไรลงไป!
ภาพผมตัดตอนที่ผมโซซัดโซเซขึ้นมาในตึกของทิม จากนั้นผมก็ไม่รู้ตัวว่าผมทำอะไรลงไป เจ้าของห้องผู้ที่ทำหน้ามุ่ยอยู่นานสองนานเล่าว่า...ผมมานอนพิงผนังอยู่หน้าประตูห้องของมัน มันไม่มีทางเลือกนอกจากพาผมเข้าไปเก็บไว้ข้างในห้อง ก่อนที่ผมจะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
แน่นอนว่าผมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นคนใดนอกจาก...ทิม
ตอนนี้เป็นเวลาตีสองเกือบตีสามแล้ว ทิมหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นตอนที่นายท่านไม่ยอมรับโทรศัพท์มัน
มันคงจะรับอยู่หรอก...ก็ในเมื่อไอ้กล้าตอนเมามักจะมีฟีโรโมนมากกว่าปกติ
ความหงุดหงิดของทิมจึงถูกส่งตรงมายังผม ไม่มีใครคอยช่วยแบ่งเบาความโมโหของทิมกับผมในตอนนี้เลยครับ ไม่มีเลยจริงๆ
ทำไมกูหงอ...
ทำไมกูต้องเกรงใจไอ้เด็กหน้าบึ้งคนนี้ด้วย...
งงฉิบ!
ผมรู้ครับว่าผมชอบมัน แต่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกผิดมากมายขนาดนี้
"พี่จะนอนข้างในหรือนอนข้างนอกครับ" ทิมที่พยายามสงบสติอารมณ์ถามผมหลังจากที่ผมกับมันอาบน้ำเสร็จและอยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่ ผมอยู่ในชุดของทิมที่เป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบง่ายๆ และผมก็จัดการทำความสะอาดห้องให้ทิมจนสะอาดหมดจดเรียบร้อยแล้ว
"ข้างนอกสิ กูไม่ใช่เจ้าของห้อง" ผมทำเสียงแข็ง ทั้งๆ ที่ในใจหวั่นเกรงเป็นอย่างมาก "มึงอนุญาตให้กูนอนในนี้ได้เหรอ"
"พี่จะกลับเลยก็ได้ครับ แล้วแต่พี่"
กูคงจะกลับอยู่หรอก...ชีวิตนี้กูคงจะโอกาสได้นอนอยู่ในห้องเดียวกันกับลูกค่ายจีวายอย่างกูได้อีกอยู่หรอกนะ
"กูนอนข้างนอกนี่แหละ"
"อืม"
อย่างน้อยทิมมันก็ไม่ได้ด่าหรือไล่ตะเพิดผมล่ะวะ...
ผมขยับไปที่โซฟา รู้สึกเก้ๆ กังๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทิมมันจัดการปิดไฟในห้องจนหมด ตั้งท่าเตรียมจะเข้านอน ส่วนผมได้แต่นั่งมองมันอยู่อย่างนั้น พอมันหันกลับมามองที...ผมก็แสร้งทำเป็นมองอย่างอื่น
"สวิตช์ไฟอยู่ตรงนี้นะครับ" ทิมชี้มือ
"โอเค"
"ผมไปนอนล่ะ"
หลังของทิมกำลังจะหายเข้าไปในห้องนอน... "เดี๋ยว!" ผมส่งเสียงขัดจังหวะ
"อะไรอีกครับ" ทิมทั้งง่วงทั้งขุ่นเคืองผม ไม่แปลกที่มันจะส่งเสียงปนรำคาญแบบนั้น
โอย ตายห่า คะแนนกูคงติดลบล้านไปแล้วมั้ง
"ขอบใจ"
"..."
"สำหรับที่นอนในคืนนี้"
เป็นคำพูดที่ดูเรียบง่ายจนเกินไป...นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย
"ครับพี่...ไม่เป็นไร"
"..."
"แต่วันหลังไม่ต้องมาก็ได้"
เหมือนไอ้เด็กนี่มันสาดน้ำร้อนใส่หน้าผมอ่ะ...ถึงเราจะรู้จักกัน วนเวียนอยู่ใกล้ๆ กันเพราะเพื่อนของเราสองคนเป็นแฟนกัน แต่ก็ใช่ว่ามันจะใจอ่อนให้ผมง่ายๆ
ให้ตายสิวะ...
ผมเพิ่งรู้สึกชอบใครอย่างจริงจังทั้งที ทำไมสวรรค์ถึงได้ส่งคนที่จีบยากฉิบหายมาให้ผมกันล่ะเนี่ย...
เวลา 09.13 น.
ผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงกอกแกกอยู่ในห้อง รู้สึกมึนหัวจนต้องเรียกสติให้ตัวเองหลายต่อหลายรอบ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในห้องของทิม แถมยังนอนอยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่นอีกด้วย
นุกส่งยิ้มมาให้ผมจากโต๊ะกินอาหาร ส่วนทิมนั้นเล่นมือถือไปกินไป...ทำกิจกรรมทุกอย่างเหมือนกำลังอยู่ในชีวิตประจำวันโดยจะมีผมหรือไม่มีผมนอนอยู่โซฟาตรงนี้ก็ได้
รู้สึกเขินแปลกๆ แฮะ
"เมื่อคืนพี่เมาแอ๋เลย" ไอ้นุกที่อารมณ์ดีตลอดกาลเอ่ยทัก "ดีนะที่พี่เมาแล้วมาอยู่ห้องไอ้ทิม ไม่ได้ไปอยู่ห้องผู้หญิงคนอื่น"
ทิมหน้าบึ้งเพราะผมสร้างวีรกรรมที่ไม่น่าจดจำเอาไว้...
"ปกติกินข้าวด้วยกันเหรอ" ผมถามเพราะไม่รู้จะถามอะไร
"ใช่ครับ ชินแล้ว..." นุกตอบ
"ทิมมึงไม่มีปากหรือไง"
เจ้าของห้องถลึงตามองผม...เสี้ยววินาทีนั้นผมตัดสินใจเป็นตัวของตัวเองแบบเต็มสตรีมต่อหน้าไอ้ทิม เพราะเชื่อว่ายังไงผมก็ต้องเป็นตัวเองในการจีบมันอยู่ดี ผมหนีความกวนตีนของตัวเองไปไม่พ้นหรอก
"มึงพูดกับกูบ้างก็ได้"
"พี่จะกลับห้องตัวเองกี่โมง" มันตอบผมด้วยคำตอบนี้แทน
"คงอีกสักพักอ่ะ..." ผมลุกมายืดเส้นยืดสายแล้วมองอาหารเช้าของเด็กทั้งสอง "มีอาหารให้กูสักที่ป่ะ"
ทิมมองผมเหมือนผมเป็นยุงที่ควรตบให้ตาย จากนั้นก็เดินไปหยิบชุดอาหารเช้าง่ายๆ ที่มันทำเอาไว้ให้ในครัว ดวงตาผมจะเป็นรูปหัวใจอยู่แล้ว...ถึงแม้ว่ามันจะโกรธผม แต่มันก็ไม่ได้ลืมการทำกับข้าวเผื่อผม
"ขอบใจนะ"
"กินแล้วก็กลับเถอะนะครับ"
"อืม"
ไอ้นุกมองผมที่นั่งข้างๆ มันทำไม้ทำมือส่งสัญญาณอะไรก็ไม่รู้ที่ผมไม่เข้าใจ...ไอ้เด็กนี่มีวิญญาณไอ้หมูหันสิงอยู่หรือไง ทำไมถึงได้เหมือนกันขนาดนี้
มึงต้องการจะสื่ออะไรวะไอ้นุกนิก
"วันนี้มึงจะไปไหนป่ะ" เมื่อรู้ว่าผมแปลสัญญาณมันไม่ได้ มันจึงยิงคำถามไปที่เพื่อนของมันอย่างทิมแทน
"มีนัด"
สิ้นเสียงของทิม...นุกมันก็ทำตาโตใส่ผมพร้อมกับขมุบขมิบปากบอกว่า 'กับพี่ไตเติ้ล กับพี่ไตเติ้ล...'
"ไปไหน" เสียงของผมวางอำนาจเหมือนอย่างเคย
"ละลาบละล้วง" มันยังคงเลี่ยงที่จะใช้คำว่าเสือกกับผม...อย่างน้อยมันก็ยังเกรงใจผมอยู่
"ตอบมา"
"ดูหนังอ่ะ"
"กูก็นั่งอยู่นี่ทำไมไม่ชวนกู"
"ไอ้นุกเป็นเพื่อนผมผมยังไม่ชวนมันเลย"
สงครามระหว่างผมกับทิมเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว...นุกตัดสินใจยกหนังสือแถวนั้นขึ้นมาแกล้งอ่านเพื่อที่จะต้องการปิดหน้า
หนังสือมันกลับหัวเว้ยนุก
"กูไม่ให้ไป" ผมเอ่ย
"กวนประสาทอีกแล้ว"
"อย่าลืมสิว่ากูคือเทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์ของมึง"
"..."
"มึงห้ามไปกับไอ้หมอเหี้ยนั่น"
"อะไรของพี่เนี่ย" ทิมโวย "ผมตอบตกลงกับพี่เขาไปแล้ว"
"ตอบไปแล้วก็ยกเลิกได้" ผมแบมือ "เอาโทรศัพท์มาสิ เดี๋ยวกูบอกให้"
"บ้า"
"มึงชอบมันหรือไง"
"ไม่ได้ชอบ"
"แล้วจะไปกับมันทำไม"
"ก็พี่เขาชวน ผมตอบตกลงไปแล้ว"
"ก็ยกเลิกซะสิ ทำไมพูดยากแบบนี้วะ"
"พี่เป็นพ่อผมเหรอ!"
"คือ เอ่อ..." นุกตัดสินใจเอ่ยเพื่อห้ามปรามศึกของผมกับทิม "ใจเย็นๆ กันก่อนนะ ถ้าเสียงดังกว่านี้อีกนิดล่ะก็...คงดังถึงตึกของพี่กล้ากับไอ้ท่านเลยทีเดียว นี่ผมไม่ได้ประชดนะ ผมพูดจริง"
"ทำไมต้องชอบบังคับคนอื่นด้วย" ทิมยังคงลับฝีปากกับผมต่อไป "โดยเฉพาะผม..."
"ก็มึงมันพิเศษ" ผมกลืนน้ำลายระหว่างพูด
"ผมไม่ต้องการความพิเศษนี้"
"เสียใจด้วยนะ ความพิเศษนี้กูให้มึงไปนานแล้ว"
"โอ้ มาย ก็อด" นุกส่งเสียงรำพึง
ทิมกระพริบตาปริบๆ
"อย่างมึงคงใช้ไม้อ่อนไม่ได้ แถมยังใจเย็นไม่ได้ด้วย ใครมาจีบก็ไปกับเขาหมด"
"ว่าไงนะ"
"ก็ได้ยินแล้วนี่"
"ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น"
"แล้วทำไมมึงไม่ไปกับกูล่ะ!"
คนที่ผมชอบทำสีหน้าปวดหัว...ผมรู้ครับว่าสีหน้าแบบนั้นของทิมมันเป็นสีหน้าที่ผมรู้สึกใจแป้วยังไงชอบกล แต่ผมเดินหน้ามาขนาดนี้แล้ว ผมถอยไม่ได้...
รู้สึกเหมือนตัวเองมีแรงกระตุ้นบางอย่าง นึกไปถึงตอนที่นายท่านมันกระทำการง้อขอคืนดีกับไอ้กล้า...ก่อนหน้านั้นมันไม่คิดจะง้อด้วยซ้ำถ้ามันไม่มีไอ้เชนมาเป็นตัวกระตุ้นซะก่อน
...ตัวกระตุ้นของผมก็คือไอ้หมออันเดอร์สกอร์ไตเติ้ลนี่เองสินะ
จะยังไงก็ช่างเถอะ...ผมสนแต่ทิมเพียงคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้
"ขี้บังคับ เอาแต่ใจ"
"..."
"แถมยังอ้วกไม่เลือกที่อีก"
ผมหุบปากฉับ กระพริบตารัวๆ เพราะมันเป็นความจริงที่ผมหนีมันไม่ได้...
"คือว่า..."
"พี่อ้วกใส่ผม ใส่ห้องผม พี่ไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องอะไรจากผมนะ"
ไอ้ฉิบหายเอ๋ย...กูเถียงไม่ออกเลย
นึกอยากโทษความเมาของตัวเองเมื่อคืนที่ทำให้ทุกอย่างพังยับป่นปี้
ผมลองส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากนุก มันได้แต่ตบหน้าผากของตัวเองแล้วกระซิบบอกผมเพียงคนเดียวว่า...
"ทิมมันรักความสะอาดมากครับพี่"
จบกัน...ยกนี้ไอ้ทิมเป็นฝ่ายชนะอย่างขาดลอย
ห้างสรรพสินค้า
ผมลากคอไอ้ตงกับไอ้หมูหันออกมาจากห้อง ทั้งๆ ที่ทั้งคู่โวยวายว่าวันอาทิตย์แบบนี้มันอยากตื่นสักบ่ายสาม แต่พอผมบอกว่าจะเลี้ยงหนังปุ๊บ พวกแม่งก็เลิกโวยวายแทบจะในทันที
หากจะถามว่าทำไมผมถึงไม่ชวนคู่รักบันลือโลกมา...ผมก็จะขอตอบว่าตอนนี้ไอ้กล้ากับนายท่านคงทำตัวเหมือนกำลังฮันนีมูนกันอยู่อย่างแน่นอน เพราะงั้นผมคิดว่าผมไม่ควรไปรบกวนพวกมันดีกว่า
"จากเฉยๆ กลายเป็นเกลียดขี้หน้าไปซะแล้วล่ะมั้ง" ตงเอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมเล่าทุกอย่างให้มันฟัง
"ขอบใจมากตงเพื่อนรัก" ผมประชดประชัน
"อย่าโกรธกูนะเพื่อน ทำไมกูรู้สึกว่าใจไอ้น้องทิมมันไปทางหมอไตเติ้ลมากกว่ามึงวะ"
โอ้โห คำพูดเชี่ยตงแต่ละคำทำเอาผมเจ็บเจียนตายได้เลยนะครับ!
มันเป็นเวรเป็นกรรมของคนที่แอบมองเฉยๆ แต่ไม่ยอมทำอะไรใช่มั้ย ทำไมความผิดหวังปนความปวดแปลบถึงได้ประเดประดังเข้ามาแบบนี้
"กูไม่ยอมแพ้หรอก" ผมกัดฟันพูด "กูคือหัวหน้าแก๊งของพวกมึงนะ...กูเท่"
"ความเท่เอาชนะใจคนได้ด้วยเหรอ"
ไอ้หมูหันนนน...นี่มึงรักเพื่อนมึงมั้ยเนี่ย
"นั่นไง มากันแล้ว"
หมูหันสะกิดผมอย่างบ้าคลั่ง ทำเอาผมลืมคำพูดของมันเมื่อตะกี้ไปเลย ทิมเดินเคียงคู่มากับไอ้หมอไตเติ้ลที่ไม่รู้สลัดคราบเพลย์บอยจ๋าทิ้งไปตอนไหน ทำไมมองดูแล้วรู้สึกว่ามันกำลังหลงใหลไอ้ทิมของผมมากมายเหลือเกิน...
มันจะหลงไอ้ทิมยังไงก็เรื่องของมันละกัน...แต่ทิมห้ามหลงมันเป็นพอ ไม่งั้นผมตาย
คนนี้กูเจอก่อนเว้ยยยย
"เอาไงดี" ตงหันมาถาม
"พุ่งแม่ง" ผมเดินออกไปก่อนที่ผมจะพูดซะอีก ทิมทำหน้าเซ็งทันทีที่เจอผม ไม่ต่างจากไอ้หมอไตเติ้ล แต่คนหลังเปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้มในเวลาต่อมา เพราะคนอย่างผมไม่ใช่คนที่ควรจะหาเรื่องด้วยเท่าไหร่...อย่างน้อยก็ในความคิดของคนบางคนอ่ะนะ
"อ้าวเซียน" ไตเติ้ลทัก "มาดูหนังเหรอ"
"ใช่ พวกมึงดูเรื่องอะไรอ่ะ" ผมต้องถามก่อนเพราะกลัวซื้อตั๋วผิดเรื่อง
"ไอ้ผีเวร...ควรไปตายครับ" ทิมตอบผมเสียงแข็ง
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะรู้สึกเหมือนน้องมันกำลังด่าผม...ชื่อหนังห่าไรเนี่ย มันมีอยู่บนโลกใบนี้ด้วยเหรอวะ
"ทิม...แค่ผีเวรเฉยๆ น่ะ" ไตเติ้ลกระซิบข้างหูคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
ใกล้ไป...มึงใกล้ไปไอ้สาดดด
"กูกับเพื่อนกำลังจะดูเรื่องนี้พอดีเลย" ผมกอดคอหมูหันกับตง "งั้นเราก็ดูด้วยกันหมดนี่เลยสิ"
ผมไม่แคร์สายตาไอ้ไตเติ้ลที่กำลังส่อแววเซ็งนิดๆ และที่สำคัญ...ผมก็ยังไม่แคร์สายตาของทิมที่แสดงท่าทีขุ่นเคืองออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าผมแคร์แล้วถอย...ไม่หน้าด้านเป็นกองขี้ควายของคนคู่นี้ต่อ ผมคงเดือดเนื้อร้อนใจกว่านี้ รับประกันได้เลย...
"ผมไปซื้อตั๋วให้นะครับ" ทิมอาสา ในขณะที่หมูหันกับตงโบกไม้โบกมือ
"พวกกูไปเองๆ"
ลูกค่ายละครจีวายมองดูตงกับหมูหันไปซื้อตั๋ว ทิ้งผมให้ยืนอยู่กับคู่เดตที่ตั้งท่าว่าจะมาด้วยกันสองต่อสองแต่ดันถูกคนหล่อขัดขวาง...
ผมไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด (ดูเลวไปซะฉิบ)
"มาด้วยกัน เป็นอะไรกันอ่ะ" ผมหงายการ์ดทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้คุมร้านเหล้า...เพราะถ้าขืนแสดงตัวเป็นไก่อ่อน เห็นทีว่าไอ้หมอไตเติ้ลมันต้องข่มผมชัวร์ๆ ผมจำเป็นต้องข่มมันก่อน...มันเป็นกลยุทธน่ะ
ไอ้ไตเติ้ลอมยิ้มมุมปากอย่างเขินอายนิดๆ ส่วนทิมนั้นกำลังมองผมด้วยสายตาว่างเปล่า
ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ...เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังทุกอย่างที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ไอ้ทิมมันชอบ
"กูจีบน้องอยู่"
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าการแจกรอยยิ้มเรี่ยราดของไอ้ทิมเมื่อคราวรับน้องจะส่งผลให้ไอ้ไตเติ้ลต้องมาตามจีบมันต้อยๆ แบบนี้...การที่ไตเติ้ลยอมรับกับผมตรงๆ บางทีมันอาจจะมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วก็ได้ว่ามันได้ใจไอ้ทิมแน่ๆ
นี่ผมถามเพื่อทำร้ายจิตใจตัวเองทำไมกัน...
"อืม ดีนะ" ผมพูดผ่านๆ
โชคดีที่หมูหันกับตงซื้อตั๋วไวมาก...แต่ดันเป็นรอบที่เรื่องไอ้ผีเวรผีห่าอะไรนี่กำลังจะฉายในอีกห้านาทีต่อจากนี้ ทิมมันเป็นคนซีเรียสเรื่องการดูหนังตัวอย่าง มันจึงลากผมกับคนอื่นๆ เข้าโรงทันทีหลังจากที่ได้ตั๋ว
ระหว่างทางเข้าโรงหนัง ทิมกับไอ้ไตเติ้ลคุยกันอย่างออกรสเรื่องคำวิจารณ์ของหนังเรื่องนี้ ผมที่เดินตามหลังอยู่ฟังแล้วก็เหนื่อยที่จะกลอกตา ไม่ใช่เพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่สองคนนี้มันคุยกัน แต่ผมเบื่อที่สองคนนี้มันคุยกันโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเลยต่างหาก
ตอนที่ไตเติ้ลเดินเข้าไปในโรงก่อน ผมจับฮู้ดไอ้ทิมเอาไว้จนมันหน้ามันหงาย
แน่นอนว่ามันมองผมเหมือนผมเป็นคนเผาตึกค่ายจีวายของมัน...
"อยากแดกป๊อบคอร์นเปล่า" ผมถาม
มันพ่นลมพร้อมทำหน้าบึ้งตึง "ครับ เอาเยอะๆ เลย"
ผมปล่อยมัน...จากนั้นก็เดินออกไปซื้อป๊อบคอร์นทันที แปลกแต่จริงที่ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังฝืนเลย ผมรู้สึกดีที่ได้ทำมัน อย่างน้อยไอ้ทิมมันก็จะได้กินป๊อบคอร์นอย่างที่มันอยาก...
ตอนเข้าไปในโรง...ผมรู้สึกได้ว่าที่นั่งมันแปลกๆ ทุกคนเว้นที่นั่งตรงกลางระหว่างห้าคนให้ผมโดยเรียงลำดับจากหมูหัน ตง ผม ไตเติ้ล และก็ไอ้ทิม
"เชี่ย" ผมสบถ ส่งสายตาไปมองเพื่อนอย่างตกตะลึง เพื่อนได้แต่ยักไหล่ พร้อมทำปากขมุบขมิบว่าทิมมันอยากจัดที่นั่งแบบนี้ ไม่มีใครขัดมันได้สักคน...
ผมมองไปที่ไอ้ทิมที่รับโค้กกับป๊อบคอร์นไปถือ...มันกำลังทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพอใจที่ได้แกล้งผม
มันยังไม่จบหรอกเว้ย...
สิบนาทีต่อมา...
"เฮ้ย" ทิมทำตาโตเมื่อเห็นผมนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของมัน "พี่ซื้อตั๋วที่นั่งนี้เหรอ"
"อืม" ผมตอบ ทำท่ามองไปที่จออย่างคูลๆ
"แล้วที่ตรงนั้น..."
"ปล่อยให้ผีเวรมันนั่งก็แล้วกัน"
ไอ้ทิมมองผม ทำท่าเหมือนจะด่าแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ไตเติ้ลที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของทิมมองมาที่ผมอย่างงงๆ ผมเรียกให้ตงกับหมูหันเขยิบเข้ามานั่งเรียงชิดติดกัน ซึ่งเพื่อนผมมันก็รู้ใจผมเป็นอย่างดี พวกมันทำตามอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาทำความเข้าใจให้ยาก
"กวนฉิบ" ทิมบ่นอุบ
"แดกด้วย" ผมเอื้อมมือจะไปหยิบป๊อบคอร์น
"พี่เติ้ล...เอาป๊อบคอร์นป่ะ"
ทิมส่งถังป๊อบคอร์นไปให้ไอ้หมอไตเติ้ลต่อหน้าต่อตาผมเฉย...
"อ้าวเฮ้ย" ผมทักท้วง
อีกฝ่ายยักคิ้วใส่ผม นี่ถ้าเป็นไอ้กล้าทำนะ ป่านนี้ผมไล่เตะมันไปนานแล้ว (แน่นอนว่าต้องเป็นตอนที่แฟนมันไม่อยู่)
"กวนตีนนะมึง"
"พี่กวนผมก่อน"
"กูไม่ได้กวนมึงสักหน่อย"
"..."
"ก็แค่อยากนั่งใกล้ๆ มึง"
ทิมมองไปที่จอหนังทันทีที่ผมพูดจบ ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันเขินหรือไม่เขิน...เนื่องจากตอนนี้ผมเป็นหนึ่งในคนที่มันน่าจะเกลียดขี้หน้าที่สุดในชีวิต
"ถ้ามึงกลัวผีอ่ะ มึงต้องเอียงหน้ามาทางนี้นะ ไม่ใช่ทางนั้น"
"สั่งอีกละ"
"ไม่ได้สั่ง...แต่บอก"
"บอกเชี่ยไร นั่นเรียกว่าสั่ง"
"กูบอกว่าบอกก็คือบอกสิวะ"
"พี่กล้าทนเป็นเพื่อนกับคนแบบพี่มาได้ยังไง"
"ถามกูดีกว่าว่ากูทนเป็นเพื่อนกับคนเพ้อๆ อย่างมันมาได้ยังไง"
"พี่กล้าอ่ะนะเพ้อ"
"สุดๆ" ผมพูดเจื้อยแจ้ว "ช่วงนี้เพื่อนเรียกมันว่ากล้าหาญดราม่าคิง"
"ไม่ใช่กล้าหาญบอยเหรอ"
"กล้าหาญบอยมันตั้งเองของมัน"
"ทำไมต้องดราม่าคิง?"
"มันชอบมีปัญหากับนายท่าน"
ผมรู้สึกแปลกใจที่บทสนทนาของเราสองคนไหลลื่นเพราะเรื่องของไอ้กล้ากับนายท่าน แต่ผมก็ไม่นึกถือโทษโกรธอะไรหรอก ก็ในเมื่อสองคนนี้มันเป็นคนที่นำพาให้ผมได้มาเจอกับไอ้ทิมนี่หว่า
"จริงๆ ท่านมันก็ไม่อยากมีปัญหาหรอกครับ คนภายนอกต่างหากที่เอาแต่ปัญหามาให้มัน"
"เออ"
"..."
"เพื่อนกูก็เลยต้องเหนื่อยหน่อย"
"ท่านมันก็เหนื่อยนะ"
เดี๋ยว...นี่ผมกับมันกำลังเริ่มเอาเพื่อนตัวเองมาบลัฟกันเหรอเนี่ย
"พูดแต่เรื่องของมึงกับกูดิ"
"ผมไม่อยากพูดเรื่องพี่...ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ"
"ก็ถามกูสิว่ากูมาชอบมึงได้ยังไง"
ทิมกลืนน้ำลายเล็กน้อย "ผมไม่เชื่อว่าพี่ชอบผม"
"ไหงคิดงั้น?" ผมเลิกคิ้ว
"พี่ไม่ได้ทำเหมือนกำลังจีบผมเลย ทั้งด่าทั้งบังคับแถมยังอ้วกใส่ผม...สารพัดสารเพ"
อย่างหลังมันคืออุบัติเหตุโว้ยยยย กูไม่ได้ตั้งใจ...
"กูก็เป็นของกูแบบนี้" เป็นทีของผมที่ต้องกลืนน้ำลายบ้าง
"เบาๆ หน่อย" ไตเติ้ลหันมาส่งเสียงเตือนผมกับไอ้ทิมที่เริ่มคุยกันในโรงหนังเสียงดัง ผมยักไหล่ไม่สนใจ ส่วนทิมนั้นยังคงทำหน้าบึ้งตึงเพราะคำพูดผม...
"ตอนแรกกูก็เครียด..." ผมกระซิบ...ไม่ได้เกรงใจไอ้ไตเติ้ลนะครับ แต่เกรงใจคนในโรงหนัง
"อะไรนะ" ทิมไม่ได้ยิน
"ตอนแรกกูก็..."
"หา" มันขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างกะทันหันซะจนผมตั้งตัวไม่ทัน
"เอ่อ..."
"ว่าไง"
ผมพูดไม่ออกไปสองถึงสามวินาที แก้มไอ้ทิมอยู่ใกล้ริมฝีปากผมมากซะจนผมอยากให้ผีเวร (ที่ไม่รู้มีจริงหรือเปล่า) มาผลักใบหน้าของผมให้ปากของผมไปโดนแก้มไอ้ทิมเหลือเกิน
"ตอนแรกกูป๊อด ตอนนี้กูไม่ป๊อดแล้ว" ผมตัดสินใจพูดใส่หูทิม ต่างหูของมันที่ชัดเจนในสายตาผมรวมไปถึงกลิ่นน้ำหอมของมันโชยเข้ามาในจมูกผม...ผมไม่มีวันลืมสองอย่างนี้ได้ลง
"อะไรของพี่" ทิมขยับใบหน้าออกห่าง แต่ผมดึงแขนมันเพื่อให้มันขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผมใหม่
"ถึงกูจะจน...แต่กูก็ชอบมึงจริงๆ นะ"
เป็นโชคดีของผมที่หนังตัวอย่างมันฉายถึงตอนที่จอเป็นสีขาวสว่างพอดี...ผมถึงได้เห็นใบหน้าของทิม
ถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป...ผมคิดว่าผมเห็นใบหูของมันเป็นสีชมพูนะ
"สัดนุก"
[หืม]
"พี่เซียนเขาชอบกูจริงๆ เหรอวะ"
[มาถามกูทำไม ไปถามพี่เขาโน่น]
"เขาบอกกู"
[งั้นมึงก็ไม่ต้องถามแล้ว]
"..."
[เป็นเชี่ยไร ไม่เชื่อพี่เขาเหรอ]
"เออ"
[บางทีคำว่าชอบมันออกมาจากปากใครคนนึงยากมากเลยนะเว้ย โดยเฉพาะคนแบบพี่เซียน]
"มึงรู้ได้ไง"
[กูก็มั่วๆ เอา แต่กูว่าพี่เขาจริงใจกับมึง]
"..."
[แล้วทีนี้มึงจะเอาไง]
"เอาอะไรวะ"
[จะเอาพญาเสือแห่ง Med หรือจะเอาพญาเสือแห่ง Econ ]
"..."
TBC*ทิมคนเสน่ห์แรงงงงงงงงงง