ร้านอาหารป้าปอย
วันนี้ความบังเอิญของผมไม่ได้เกิดขึ้นกับแก๊งของนายท่านครับ แต่เกิดกับแก๊งซีเคียวริตี้ของไอ้เชนแทน มันยิ้มแห้งๆ เมื่อเห็นผมกับกลุ่มเพื่อนเดินเข้าไปในร้าน เพื่อนของมันหยุดกินแล้วหันมามองผม มีหลายคนที่พยายามสะกิดให้เชนมันเข้ามาหาผม...แต่เชนมันไม่ได้ทำแบบนั้นอีกแล้ว
ผมไม่มีความรู้สึกใดๆ กับเรื่องนี้ และผมก็ยังคงทักทายเชนต่อไปตามประสาคนธรรมดาที่รู้จักกัน
"ท่านมันจะรู้สึกยังไงนะ คนที่ทำให้มันเทแผนปั่นหัวไอ้กล้า แท้จริงแล้วกลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้กล้าเลย" ตงพึมพำ
"มันดีแล้วที่เป็นแบบนี้ ไอ้บ้า" ถ้าขืนมันยังทำตามแผนของมันต่อไป...ผมคงปวดหัวตาย อย่าลืมนะครับว่ามันคิดจะควงหญิงขึ้นห้องต่อหน้าผมอ่ะ
"เชนมันทำอย่างที่มันพูดเอาไว้หรือยัง" หมูหันถามลอยๆ
"อะไรวะ" ผมถามกลับ
"ก็ไปคุยกับนายท่านตรงๆ ไง"
เราทั้งสี่คนหันไปมองเชนโดยอัตโนมัติ เชนมันก็มองมาที่พวกเราเหมือนกัน
"กูคิดว่า..."
"หุบปากไปกล้า ปล่อยให้ผู้ชายเขาคุยกันเอง" เซียนโยนทิชชูใช้แล้วมาใส่ผม...ไอ้เพื่อนเชี่ยนี่
"กูก็เป็นผู้ชายมั้ย" ผมเริ่มมีน้ำโหขึ้นมา "แล้วเรื่องของมึงล่ะ...ไปถึงไหนแล้ว"
"เรื่องอะไรวะ" มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ทิมกับหมอไตเติ้ล"
"-วยยยยยย"
คำร้องด่าของไอ้เซียนมันดังมากพอที่จะทำให้คนเกือบทั้งร้านหันมามองมัน...แต่มันไม่สนใจ ผมยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าผมจี้จุดอ่อนมันได้ถูกจุด
"ทิมกับกูสิวะ" เซียนแก้คำพูดผมด้วยน้ำเสียงอ่อย
"แล้วมันถึงไหนกันแล้ว"
เรื่องนี้ตงขอตอบแทน "ตั้งแต่มันหน้าด้านไปดูหนังกับไอ้น้องทิมและก็หมอไตเติ้ล...ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า"
"กูพยายามอยู่"
"ยังไง"
"กูอยากโทรหา"
"มันจะไปยากอะไร" ตงร้อง
"นั่นแหละ คืนนี้กูจะโทร"
ผมกับเพื่อนส่ายหน้าให้กันอย่างระอา...จนกระทั่งเชนเดินเข้ามานั่งกับพวกเรา ทุกคนมองไปที่เชนอย่างงงๆ
"อะไรวะ กูแค่มาทักทาย" มันพูด
"นึกว่ามีแผนอะไรอีก" หมูหันจ้องอย่างจับผิด
"ไม่มีแล้ว"
"มึงจะไปคุยกับนายท่านตอนไหน" เซียนถามเชนเสียงเขียว
"ยังไม่มีโอกาสเลย"
"นั่นไง แปลว่ามึงไม่จริงใจแล้ว"
"ไม่ใช่อย่างนั้น" เชนมีสีหน้าไม่สบายใจ "งั้นกูไปคุยกับมันบ่ายนี้"
ผมทำตาโต ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็มีอาการไม่แตกต่างกัน ไม่คิดว่าเชนมันจะเป็นคนยุขึ้นขนาดนั้น
"ถ้ากูกล้าไปคุยกับนายท่านถึงที่คณะ...พวกมึงจะกลับมามองกูในแง่ดีอีกป่ะ"
เราทุกคนหันไปหาเซียนรวมถึงผมด้วย
"อืม" มันตอบรับ
"งั้นก็รอฟังข่าว" เชนลุกขึ้น "กล้า...แฟนมึงจะไม่มาดราม่าใส่มึงใช่มั้ย"
ผมลืมคิดถึงจุดนี้ไปเลย ริมฝีปากของผมอ้าพะงาบๆ กะจะส่งเสียงห้ามเชนไม่ให้ไปคุยกับนายท่าน แต่เพื่อนของผมไม่ยอม...
"มันไม่มีอะไรหรอก นายท่านไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล" เซียนเริ่มลงมือทานข้าว
"พวกมึงไม่ได้รวมหัวกันแกล้งกูใช่มั้ยเนี่ย" ผมถามเพื่อนอย่างหวาดระแวง
"เปล่าสักหน่อย" เซียนรับหน้าที่ตอบแทนเพื่อนอีกสองคน "กูกับเพื่อนกำลังพยายามทำให้มึงกับนายท่านเข้าใจกันมากขึ้นต่างหาก"
ระหว่างเรียนคาบบ่ายจิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว...
นายท่านเงียบหายไป ผมชักจะเป็นกังวลเพราะผมไม่รู้ว่าเชนจะไปคุยกับนายท่านตอนไหน ภายในใจของผมคิดไปต่างๆ นานาว่านายท่านมันอาจจะงอนผมไปแล้วหรืออะไรก็แล้วแต่
นี่ผมไม่สบายใจจริงๆ นะเนี่ย
ตอนเลิกเรียนผมกับเพื่อนลงมานั่งเล่นๆ อยู่ใต้ตึกคณะ ทุกคนเริ่มพูดคุยกันเรื่องอ่านหนังสือสอบมิดเทอมที่กำลังจะมาในปลายเดือนหน้า เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองอาทิตย์สำหรับการเตรียมตัวครับ วันเวลาผ่านไปไวเป็นบ้า...
โทรศัพท์ผมดังตอนที่ไอ้ตงกับไอ้หมูหันเริ่มม้วนชีทเรียนมาตีหัวกันเล่นๆ
"ฮัลโหล"
[อิกล้า...กรี๊ดดด กูควรไลฟ์สดให้มึงดูหรือเปล่า]
คนโทรมาคืออมร...
"มีอะไรวะ"
[ผัวมึงกำลังจะโดนพวกวิศวฯ หาเรื่อง]
ผมแทบทำโทรศัพท์หลุดมือ
"มึงว่าไงนะ" อย่างนายท่านอ่ะนะจะไปกวนบาทาพวกวิศวฯ
[แก๊งซีเคียวริตี้บุกมาคุยกับนายท่าน เนี่ย ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่]
ความร้อนใจของผมเริ่มถดถอยลงเพราะตอนแรกผมนึกว่ากลุ่มที่ไปหาเรื่องนายท่านไม่ใช่กลุ่มของเชน...แต่จะว่าไปมันก็น่าหวั่นใจอยู่ดี
[มึงควรมา เอ๊ะ หรือไม่ควรมาดี]
"เอาไงดีวะ" ผมเดินไปเดินมาจนไอ้ตงกับไอ้หมูหันเลิกตีหัวกัน
[ถ้ามึงมาก็มีตัวละครครบจบเป๊ะอ่ะ...]
"อะไรของมึง"
[มันก็จะกลายเป็นฉากที่ผู้ชายตีกันเพราะแย่งมึง แล้วมีมึงมาห้ามไง]
รู้สึกปวดหัวจนรู้สึกใกล้จะบ้า...ผมกลัวที่สุดก็คือนายท่านมีเรื่องจนเลือดตกยางออก
"ทำไมมึงวาร์ปไปนิเทศฯ ไวจังวะอมร" เมื่อไม่กี่นาทีก่อนมันยังมาลูบซิกส์แพ็กส์ไอ้เซียนอยู่ในห้องเรียนอยู่เลย
[คือ...]
"..."
[อนาคตผัวกูอยู่แก๊งซีเคียวริตี้ของเชนอ่ะ]
ผมอ้าปากค้าง
[อุ๊ย แค่นี้ก่อนนะ เดินมากันแล้ว]
อมรกดวางสายไปแล้ว ผมร้อนใจจนไอ้เซียนสังเกตได้
"อยู่นิ่งๆ ไป มันไม่มีอะไรหรอก"
"ถ้ามันมีล่ะ"
"มีก็ไม่ใช่เรื่องของมึง ปล่อยให้สองคนนั้นมันเคลียร์กัน"
"สัด นั่นมันที่คณะเลยนะ"
"แล้วมึงจะทำอะไรได้ ยิ่งมึงไปห้ามมันก็จะยิ่งไปกันใหญ่" เซียนเอ่ย "เชื่อกู...ปล่อยให้มันสองคนเคลียร์กัน แล้วมึงรอดูปฏิกิริยานายท่านเย็นนี้ดีกว่า"
จะไม่ให้ผมร้อนใจเลยมันก็คงเป็นไปไม่ได้...เรื่องเชนนายท่านหัวร้อนไวจะตาย
ขอให้มันไม่มีอะไรอย่างที่ไอ้เซียนบอกผมละกัน...ผมขอสาธุดังๆ เลย
ตึก X
นายห้องกลับมายังห้องของผมตอนเกือบหกโมงเย็น ผมเดินเข้าไปหามันทันทีพร้อมกับสำรวจมันไปทั่วทั้งตัว ทุกอย่างยังดูปกติดี...มันยังหล่อเหมือนเดิม
"เคลียร์กับเชนมาแล้วใช่มั้ย" ผมถามอย่างร้อนใจ
"อืม" นายท่านมองผมยิ้มๆ
"ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ?"
"ไม่มี"
"เฮ้อ" ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก "มึงไม่โกรธอะไรใช่หรือเปล่า"
"ไม่นี่"
"..."
"ตลกดี พี่เชนขนเพื่อนมาเยอะเลย สงสัยกลัวมีเรื่อง"
ไม่รู้ว่ากลัวมีเรื่องหรือจะหาเรื่องคนอื่นกันแน่...ผมเดาใจคนในกลุ่มเชนไม่ถูกจริงๆ
"พี่มันคงอยากเป็นเพื่อนกับมึงมาก ไม่งั้นคงไม่มาพูดกับกูตรงๆ ถึงที่คณะหรอก"
"มึงแปลกใจหรือเปล่า"
"นิดหน่อย"
"..."
"แต่ก็รู้สึกขอบคุณพี่เขานะ" นายท่านเดินเข้ามาใกล้ผม ผมโอบไปที่รอบคอของมันอย่างเป็นธรรมชาติ...โชคดีนะเนี่ยที่ผมแขนถึง "ถ้าไม่มีพี่เชน...เรื่องของเราคงจะยุ่งยากมากไปกว่านี้"
"ดีใจที่มึงไม่ได้โกรธอะไร"
นายท่านยักไหล่ก่อนที่จะกอดผมบ้าง "มึงก็รู้ว่าเราสองคนมีเรื่องที่ใหญ่กว่ารออยู่"
"นั่นสิ" ผมทำท่านึก "ไปหาแม่มึงวันไหนดี"
"กูลองโทรคุยกับคุณแม่แล้ว..."
"ว่ายังไง"
"คุณแม่ลีลาที่จะเจอหน้ามึง อ้างว่าไม่มีเวลา"
แบบนี้แปลว่าท่านยังไม่ยอมรับผม และก็ไม่มีวันที่จะยอมรับง่ายๆ...ผมถอนหายใจอย่างน้อมรับชะตากรรมของตัวเอง
"ยังไงกูก็รักมึงนะ" นายท่านหอมแก้มผม
"อืม"
"ดีใจมากที่เพื่อนๆ ในคณะของมึงไม่รังเกียจกู"
"ใครจะไปรังเกียจมึงได้ลง...มึงเลี้ยงขนมทั้งห้องซะขนาดนั้น"
"..."
"เพื่อนมึงต่างหากที่จะต้องรังเกียจกู...ขนมเวียนสี่สิบถุงก็ไม่รู้ว่าจะซื้อใจเพื่อนคณะมึงได้หรือเปล่า"
"เรื่องนั้นมึงไม่ต้องห่วง" นายท่านให้คำมั่น "ไม่ต้องซื้อใจเพื่อนๆ กูหรอก"
"ทำไมอ่ะ กูก็อยากเป็นเขยนิเทศฯ บ้างนะ"
"ก็...เอ่อ..." แฟนผมดูกระอักกระอ่วน "มึงจำไอริได้ป่ะ ดาวคณะที่ประกวดคู่กันกับกูอ่ะ"
คนที่มีชื่อเหมือนฮีโร่ใน RoV อ่ะนะ
"เขาชอบกู...ตอนนี้เพื่อนกำลังล้อใหญ่เลย"
หัวใจของผมเริ่มมีไฟลุกท่วม...
"แล้วการที่กูจะไปเปิดตัวกับเพื่อนๆ ของมึงนี่มันเกี่ยวกับเรื่องไหนตรงไหน" ผมถาม
"มีแต่คนชอบไอริน่ะ...กูกลัวว่าถ้ามึงทำงั้นมันจะส่งผลร้ายมากกว่าส่งผลดี"
ผมปล่อยนายท่าน เริ่มเดินหนีอย่างไม่สบอารมณ์
"เฮ้ย...เพื่อนมันล้อแต่กูก็รักมึงเหมือนเดิมนะ"
"มึงนี่เสน่ห์แรงไม่เข้าเรื่อง"
"ให้กูทำไงอ่ะ" นายท่านทำสีหน้ากระเง้ากระงอด ราวกับต้องการให้ผมรู้ว่าเรื่องนี้เกินความควบคุมของมันจริงๆ "วันๆ กูอยู่แต่กับทิมและก็นุก กูไม่เคยเดินไปเฉียดใกล้ตัวไอริเลย...ไม่เลยจริงๆ"
"พี่มูมู่ล่ะ"
"เขาก็เหมือนจะเข้ามาคุย...แต่เขาคงไม่อะไรหรอก"
"..."
"พี่รหัสเป็นแฟนกับน้องรหัสได้ด้วยเหรอ"
"มีออกเยอะแยะ" ให้ตายสิวะ...ผมไม่คิดว่าแม่งจะฮอตปานนี้ มันฮอตคนละแบบกับที่แฟนคลับเขากรี๊ดกันน่ะครับ นี่มันเรียกว่าฮอตในหมู่ผู้หญิงที่จับต้องได้ นั่นย่อมหมายว่านายท่านนั้นสามารถใกล้ชิดกับผู้หญิงเหล่านี้ได้โดยที่ผมไม่รู้
ถ้าบอกว่าไม่หึงผมคงโกหก...
เกลียดที่แม่งหล่อเกินไป...มีเสน่ห์มากเกินไป...
ไอ้...บ้าเอ๊ย
"เดี๋ยว นี่มึงงอนกูอยู่เหรอนะ"
"ทำไมวะ" ผมกระทืบเท้า "กูอยากเป็นเขยนิเทศฯ อ่ะ"
"ใจเย็น" นายท่านพยายามปลอบ "ปล่อยให้กูเป็นเขยเสดสาดไปก่อน...ยังไงตำแหน่งเขยนิเทศฯ ก็รอมึงอยู่ก่อนแล้ว มันไม่ไปไหน"
ผมเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้นี่เองว่านายท่านมันรู้สึกยังไงตอนที่เพื่อนของผมยอมรับ ผมอยากให้เพื่อนๆ ของมันยอมรับผมบ้าง ไม่ใช่มีแต่ทิมกับนุก แต่เป็นเพื่อนทั้งคณะของมัน คนที่จะอยู่กับมันไปอีกหลายๆ ปี...
ราวกับว่าการคบกับนายท่านคือการซื้อใจคนที่อยู่ใกล้ชิดนายท่านไปด้วย ผมได้ใจนายกองไปแล้ว ผมก็ต้องได้ใจเพื่อนๆ ในคณะของนายท่านอีก เราถึงจะไปกันรอด...แปลกแต่จริงนะครับที่ผมกับนายท่านต้องการเสียงสนับสนุนในการคบกันมากมายขนาดนี้ บางทีเราทั้งคู่อาจจะรู้ก็ได้ว่าถ้าเรื่องของเราหลุดไปมากกว่านี้...คนภายนอกเขาจะมองกันยังไง
เราแค่อยากให้คนรอบตัวเรารู้ตัวตนที่แท้จริง...ไม่โอนอ่อนโน้มเอียงไปตามคำพูดของคนอื่นที่อาจจะปรากฎขึ้นมาในโซเชียล...
ท้ายที่สุดต้นเหตุมันก็มาจากการที่ผมรักนายท่าน...อยากคบกันนายท่านให้ยืนยาวไปตลอดรอดฝั่งนั่นแหละ
"เหนื่อยป่ะ" นายท่านทำสีหน้าเป็นห่วง "กูคิดว่าเรื่องของเราคงใกล้บูมขึ้นมาแล้วล่ะ"
"..."
"ไหวใช่มั้ย"
สีหน้าของนายท่านเป็นกังวล...ผมไม่อยากให้มันทำสีหน้าแบบนี้จึงเขย่งปลายเท้าเพื่อที่จะจุมพิตไปที่ริมฝีปากของมัน
"กูพร้อมสำหรับทุกอย่างแล้ว"
[เชี่ยท่าน...ทวิตเตอร์เริ่มมาแล้วว่ะ]
"อืม"
[สู้ๆ นะเพื่อน]
"ขอบใจ"
[ฝากบอกพี่กล้าด้วย]
"ได้..."
TBC*ฉู้!