“กลัวตุ๊กตาพาลงเหวหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ ผมเชื่อใจตุ๊กตาเต็มที่”
“เห็นทำหน้ากังวลเชียว”
ชายหนุ่มเลยส่งยิ้มให้เธอแทน ไม่รู้เลยว่าในรถอีกคันหนึ่ง เพื่อนๆกำลังถกกันอย่างเคร่งเครียด
“สรุปเพลิงมันเห็นภาพหลอนจริงๆเหรอวะ แถมเมื่อคืนก็ไซร้คอมึง อึ๋ย...ขนลุกว่ะ” โย่งพูด “หรือว่ามันจะเล่นยา พอเป็นไปได้มั้ย กูก็ว่าท่าทางมันแปลกๆ ดูป่วยๆโทรมๆชอบกล หน้าตาไม่ผ่องใส”
“มันบอกว่าเห็นผีผู้หญิงก่อนหน้านี้ แต่จริงๆเรื่องผีกูก็ได้ยินเสียงด้วยนะ ได้ยินเสียงก่อนมันอีกเลยไม่แน่ใจว่าเป็นอาการหลอนของมันหรือว่ามีผีจริงๆ” เมืองแมนครุ่นคิด “แต่หลังสุดมันบอกกับกูว่ามันได้กลิ่นตัวกูแล้วรู้สึกดี”
“ฟังดูโรแมนติกแบบหลอนๆยังไงก็ไม่รู้เนอะ” หวานออกความเห็น
“กูว่ามันแปลกใจไปจริงๆแหละ เห็นมันกินแต่ของเปรี้ยวๆเหมือนผู้หญิง เหล้าเบียร์ไม่แตะ ...หรือว่ามันผีเข้าหรือเปล่าวะ มึงบอกว่ามันเห็นผีผู้หญิงในหอใช่มั้ยล่ะ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย แม่งชัดเลย มันต้องเข้าสิงไอ้เพลิงแน่ๆ”
“เดี๋ยวนะโย่ง ที่เราเป็นหมอกันหรือเปล่า มานั่งถกเรื่องผีอะไรวะ”
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะหวาน ของแบบนี้ ตอนนั้นกูน่าจะสนใจที่มึงเล่าว่าเจอผีเนอะแมน กูมัวแต่ยุ่งๆเลยไม่ได้ช่วยมึงเลย”
“เออไม่เป็นไรหรอก”
“เราว่าควรจะพาเพลิงไปตรวจหรือเปล่า เดี๋ยวแอบถามพี่นุ่นให้ดีมั้ย” พี่นุ่นเป็นจิตแพทย์ของโรงพยาบาล ...หวานเสนอไอเดีย “หรือเอาฉี่มันมาตรวจ จะได้รู้ไปเลยว่าเล่นยาหรือเปล่า”
“นี่เราปล่อยให้มันนั่งรถไปกับหวานจะไม่เป็นไรใช่มั้ยเนี่ย กูกลัวมันคลุ้มคลั่งอาละวาด” โย่งพูดอย่างกังวล “เอายานอนหลับให้มันกินก่อนดีกว่า หวานโทรบอกตุ๊กตาหน่อยว่าแวะปั้มหน้า แล้วฝากหายาให้มันกินด้วย น็อคไปก่อน”
เพลิงกัลป์ยอมกินยาที่เพื่อนเอามาให้แต่โดยดี เพราะหวานบอกว่าเป็นยาแก้เมารถ เขาไม่อยากสร้างปัญหาให้กับตุ๊กตาเพิ่มโดยการอ้วกออกมาอีก
หลังจากนั้นเขาก็หลับยาวมาตื่นอีกทีที่โรงพยาบาล รูมเมทของเขายืนอยู่ใกล้ๆพร้อมกับโย่งที่มีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าปกติ
“มีอะไรหรือเปล่า” เพลิงกัลป์ถามงงๆ ยังมึนหัวกับฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปอยู่ ชายหนุ่มก้าวลงมาจากรถของตัวเองที่จอดหน้าแฟลต ตุ๊กตากับหวานไม่อยู่แล้ว
“เพลิง...มีอะไรบอกกันได้นะเว้ย เผื่อกูช่วยได้”
“หมายถึงอะไร” เพลิงยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ขึ้นไปคุยกันในห้องดีกว่า” เมืองแมนพูด “มีอะไรก็พูดกันตามตรง”
พอเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว โย่งก็เปิดฉากถามขึ้นมาตรงเผงโดยไม่มีการเกริ่นนำอีก
“มึงเล่นยาหรือเปล่าไอ้เพลิง”
“ยาอะไรวะ”
“กูไม่รู้ แต่พักหลังมานี้มึงแปลกไป ไหนจะเรื่องเมื่อคืนที่มึงทำกับแมนอีก”
“มึงเล่าให้มันฟังด้วยเหรอ” เพลิงกัลป์หันไปเลิกคิ้วถามรูมเมทที่ยืนหน้าแดง
“กูกลัวว่ามึงจะเป็นอะไร” เมืองแมนตอบห้วนๆ “ถ้ามึงเล่นยาก็บอกมาตามตรง กูว่าอาการมึงไม่ปกติ ไปหาพี่นุ่นมั้ย กูว่าเค้าช่วยได้”
“กูไม่ได้บ้านะแมน”
“งั้นมึงหาเหตุผลมาอธิบายได้มั้ยล่ะว่ามึงเป็นอะไร”
“กูไม่รู้”
“ก็ใช่ไง...มึงก็ต้อง..” เสียงของเมืองแมนขาดหายไปเพราะได้ยินเสียงดังโครมที่หน้าห้องตามด้วยเสียงเอะอะ พวกเขาเลยรีบเปิดประตูออกมาดู พบว่าข้างหน้าแฟลตกำลังมีคนงานสามสี่คนยกโต๊ะไม้กับตู้เสื้อผ้าขึ้นบันไดเตี้ยๆขึ้นมา
“ระวังหน่อยสิพวกเธอ ถ้าโต๊ะของคุณหมอพังล่ะก็ ต้องชดใช้นะ” เสียงแจ้วๆของพี่กุลดังมาก่อนที่จะเห็นตัวเธอเสียอีก “อ้าว...คุณหมอแมน หมอเพลิง หมอโย่ง พี่กุลขอโทษด้วยนะคะที่เสียงดังหน่อย พอดีให้คนมาขนเครื่องเรือนเข้ามาที่ห้องคุณหมอปราการนะค่ะ”
“หมอปราการ?”
“คุณหมอออโถที่จะย้ายเข้ามาอยู่เร็วๆนี้ค่ะ ห้องข้างๆพวกคุณหมอนี่แหละ”
“อ้อ ครับ”
“ระวังครับ” เมืองแมนบอกเมื่อเห็นคนงานสองคนลากโต๊ะไม้ขนาดใหญ่มาตามทางเดิน มันดูหนักมากทีเดียวจนยากแก่การบังคับทิศทาง
“แมนหลบเข้ามาก่อน” เพลิงกัลป์พูดเตือน คนงานออกแรงดันโต๊ะอย่างแรงจนโต๊ะไม้เลื่อนไถลผ่านตรงที่เป็นกระเบื้องเปียกน้ำเพราะมีคนทำหกไว้มาตรงที่เมืองแมนยืนอยู่ ชายหนุ่มขยับตัวหลบแต่ไม่ทัน ขอบโต๊ะกระแทกเข้าที่หน้าท้องจนเจ้าตัวจุก ตัวงอลง
“โอ๊ย!”
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เพลิงกัลป์กับโย่งอุทาน เข้าไปหาเพื่อนอย่างตกใจ คนงานรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยขณะที่พี่กุลด่าล้งเล้งอย่างโกรธจัด
“ผมยืนไม่ดูตาม้าตาเรือเองครับพี่กุล” เมืองแมนห้ามเอาไว้ “ไม่เป็นไรๆ แค่จุกๆเฉยๆ” เขาบอกเพื่อนทั้งสองคน
“ช่วงนี้ดวงมึงเจ็บตัวเยอะจังวะ ข้อเท้าเพิ่งจะดีขึ้น มาโดนโต๊ะกระแทกอีก” โย่งพูด “สงสัยต้องไปทำบุญสะเดาะเคราะห์แล้วมั้ง พวกเอ็งทั้งสองคนน่ะ มีเจ้ากรรมนายเวรตามทวงแค้นหรือเปล่าเนี่ย”
“ช่วงดวงตกก็งี้แหละ” เพลิงพึมพำ “ไหวหรือเปล่า กูพาไปอีอาร์(ห้องฉุกเฉิน)มั้ย” เขาก้มลงถามคนที่ยังตัวงออยู่
“ไม่ต้องๆ” แมนตอบ “เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” ชายหนุ่มพยายามยึดตัวขึ้นยืนตัวตรง อาการจุกเสียดยังคงอยู่แม้ว่าจะลดลงไปบ้างเล็กน้อย มันเสียวปลาบๆตรงท้องน้อยเวลาเดิน เขาคิดว่าถ้าได้นั่งพักก็คงดีขึ้นเอง
เมืองแมนคิดผิด เพราะอาการจุกเสียดกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นปวดหน่วงๆตรงท้องน้อยแทน ชายหนุ่มนั่งหน้าซีดอยู่ตรงโต๊ะอาหาร กุมท้องของตัวเองเอาไว้แน่นตอนที่เพลิงกัลป์กลับลงมาจากวอร์ดเพื่อมาอาบน้ำก่อนไปอยู่เวรดึกต่อ
“แมน ยังปวดท้องอยู่เหรอ” เพลิงกัลป์ถาม เดินเข้ามาหาเพื่อนอย่างเป็นห่วง “กูว่ามึงไปอีอาร์ดีกว่านะ ปวดขนาดนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว...ไม่ต้องเถียง กูบอกว่าไปก็ไป”
“ไม่ได้จะเถียง จะบอกว่าฝากหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ในห้องให้หน่อย” เมืองแมนพูด ตอนนี้เขาปวดท้องจนไม่มีความคิดจะแย้งเพื่อนแล้ว ร่างสูงใหญ่เดินกลับเข้าไปในห้องนอนของเขาแล้วกลับมาพร้อมกับของที่ต้องการ เพลิงกัลป์ถามเขาว่าเดินไหวไหม
“ไหวอยู่แล้ว”
“ปากดีอีกตามเคยนะ” ชายหนุ่มช่วยพาเพื่อนลุกขึ้นยืน สายตาคมไวเหลือบไปเห็นคราบแดงๆบนเก้าอี้ที่อีกฝ่ายเพิ่งลุก เขาทักออกมาเสียงดัง “เลือด? มึงเลือดไหลเหรอแมน หรือว่าถ่ายเป็นเลือด ริดสีดวงหรือเปล่า? เดี๋ยวกูดูให้มั้ย”
เมืองแมนปัดมือไม้ที่ยื่นเข้ามายุ่มย่ามกับกางเกงของเขา ออกจะตกใจอยู่เหมือนกันที่มีเลือดติดที่เก้าอี้ ชายหนุ่มเลยขอเข้าไปในห้องน้ำแล้วปลดกางเกงลง เขาพบว่าเลือดไหลซึมๆออกมาจากทวารหนักจนเปื้อนกางเกงใน
“เป็นไงบ้าง กูเข้าไปช่วยดูมั้ย”
“ไม่ต้อง” เมืองแมนสวมกางเกงแล้วกลับออกมา “พากูไปอีอาร์เถอะ”
เพลิงกัลป์พาเขาขึ้นรถมาส่งที่หน้าห้องฉุกเฉิน ทำเอาพี่ๆพยาบาลและเพื่อนแพทย์ที่อยู่เวรในห้องฉุกเฉินตกใจกันใหญ่
“Blunt abdominal injury โดนโต๊ะกระแทกท้องเมื่อบ่าย ตอนนี้ปวดมาก มีเลือดไหลออกจากทวารหนักด้วย” เพลิงกัลป์เป็นคนสรุปอาการให้ฟัง “เดี๋ยวกู FAST ให้”
ชายหนุ่มลากเครื่องอัลตราซาวน์มาตรวจหน้าท้องของเพื่อน เขาบีบเจลลงบนหน้าท้องแบบราบที่นูนเล็กน้อยบริเวณท้องน้อย เมืองแมนเผลอเกร็งตัวตอนที่เพื่อนไถหัวอัลตราซาวน์ไปมา
“จะเกร็งทำไม” คนตรวจพูดเรียบๆ สายตาเพ่งมองที่หน้าจอ รูปภาพที่ปรากฎขึ้นจากการแปลสัญญาณคลื่นเสียงเห็นเป็นเงาดำๆบนจอ ชายหนุ่มตรวจตามที่เคยได้ร่ำเรียนมา “ไม่เห็นน้ำนะ น่าจะไม่แตกหรอก ตับก็อยู่ดี ไตอยู่ตรงนี้ ม้ามก็โอเค” เขาพึมพำ ลากหัวโพรบมาที่บริเวณท้องน้อย “กระเพาะปัสสาวะก็โอเค..เอ...นี่มันอะไรวะ”
“อะไรมึง เอาดีๆนะ” คนป่วยเริ่มกังวล เห็นเพื่อนขมวดคิ้วมุ่น ชะโงกหน้าเข้าไปเพ่งมองภาพในจอ
“มันเหมือน...แปลกๆว่ะ มึงเคยมีเลือดออกก้นมาก่อนมั้ย”
“ไม่เคย” เมืองแมนหน้าแดง แต่ก็ตอบตามตรง
“นี่มันก้อนอะไรวะ” เพลิงกัลป์ปรารภคล้ายพูดกับตัวเอง “มันคุ้นๆ แต่กูว่ามันแปลก”
“ก้อนอะไรมึง กูกลัวจนเยี่ยวจะราดแล้ว ไหนขอดูภาพบ้าง หันหน้าจอมาทางนี้” เมืองแมนร้องสั่งให้เพื่อนหันหน้าจอที่มีภาพที่ว่ามาให้ดู
...มันเป็นก้อนลักษณะคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แถมยังมีถุงดำๆอยู่ข้างในด้วย ในถุงนั้นมีก้อนเล็กๆอีกก้อนหนึ่งติดอยู่
“มึง..เป็นเนื้องอกหรอวะแมน” เพลิงกัลป์พูดเสียงเครียด
“..............” คนป่วยพูดไม่ออก จ้องหน้าจอเขม็ง
“หรือว่าไส้แตกแล้วมันเป็นก้อนเลือดวะ เดี๋ยวกูโทรคอนซัลท์อาจารย์คมศักดิ์ก่อนดีกว่า วันนี้แกอยู่เวร ให้แกมาช่วยดูให้”
เพลิงกัลป์กลับออกมาจากม่านที่รูดปิดรอบเตียงของเพื่อนเอาไว้ เขาเดินออกมาโทรหาอาจารย์ภาควิชาศัลยกรรมเพื่อขอคำปรึกษา
“....FAST ตรงอื่น negative (ไม่พบน้ำหรือเลือดในช่องท้อง) ครับอาจารย์ แต่ว่าผมเจอก้อนอะไรไม่รู้อยู่เหนือ bladder(กระเพาะปัสสาวะ) ครับ ไม่แน่ใจว่าใช่hematoma(ก้อนเลือด) หรือเปล่า เพราะโดนกระแทกแรงเหมือนกัน BPดีครับ 110/70 pulse 110 (ความดันโลหิตดี 110/70 mmHg, ชีพจรเต้น 110 ครั้ง)”
“ส่ง CT เลยครับ” อาจารย์หมายถึงคอมพิวเตอร์แสกนช่องท้อง
“ได้ครับอาจารย์ เดี๋ยวได้ผลยังไงผมโทรบอกอาจารย์อีกทีครับ”
พอเดินกลับออกมา เขาก็สวนกับอาจารย์คริสที่มาดูเคสที่อีอาร์พอดี
“อ้าวเพลิง เป็นไงบ้างไปเที่ยว บรรยากาศดีมั้ย วันนี้อยู่เวรอีอาร์เหรอ” อาจารย์ทักเขาอย่างเป็นกันเอง
“ดีครับอาจารย์ เอ่อ...อาจารย์ครับ ผมรบกวนอาจารย์มาช่วยอัลตราซาวน์เพื่อนผมหน่อยได้มั้ยครับ พอดีมันถูกโต๊ะกระแทกมาแล้วผมซาวน์เองเจอก้อนอะไรไม่รู้ตรงท้องน้อย แถมยังมีbleedออกมาจากก้นด้วย”
“ได้ๆ ใครล่ะ” อาจารย์เดินตามเขามาจนถึงม่านที่กั้นเอาไว้
“เมืองแมนครับ” ชายหนุ่มเปิดม่านแล้วหันไปบอกเพื่อนที่นอนอยู่ข้างใน “แมน...เดี๋ยวอาจารย์คมศักดิ์จะให้มึงทำ CT Whole abdomen นะ แต่พอดีกูเจอพี่คริสเลยแอบขอให้แกมาช่วยซาวน์ให้อีกทีก่อน”
“เมืองแมนหรอ ไปโดนอะไรเข้า ....มาเดี๋ยวพี่ช่วยดูให้ครับ แต่พี่ไม่ค่อยถนัดพวกเคส trauma (อุบัติเหตุ) หรอกนะ พี่ถนัดแต่ซาวน์ดูขนาดเด็กในครรภ์” สูตินรีแพทย์หนุ่มพูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ
เสียงหัวเราะของอาจารย์จางลงไปพร้อมกับรอยยิ้ม ความเคร่งเครียดแกมฉงนปรากฎขึ้นแทนเมื่อเห็นภาพที่ปรากฎขึ้นในหน้าจอเมื่อเขาวางอุปกรณ์หัวตรวจลงที่หน้าท้องของอินเทิร์น 1
“เอ...” คนตรวจเหลือบมองหน้าคนที่นอนนิ่งอยู่แวบหนึ่ง แล้วเปลี่ยนไปมองเพื่อนผู้ชายที่ยืนดูอยู่ด้วยข้างๆ “เพลิงช่วยออกไปหาทิชชูให้พี่ทีได้มั้ยครับ พี่รบกวนหน่อย”
“ได้ครับพี่ แล้วว่าแต่ก้อนที่เห็นนี่มันอะไรน่ะครับ”
“เดี๋ยวพี่ลองดูก่อนนะ” เขาตอบเรียบๆ
พอชายหนุ่มออกไปจากม่านแล้ว เขาถึงได้หันมาหาคนป่วยที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง
“มีเลือดออกที่ก้นด้วยเหรอ” เขาถามเบาๆ อีกคนพยักหน้ารับ “ปวดท้องมากมั้ย”
“ปวดพอทนได้ครับ” เมืองแมนตอบ “ก้อนอะไรครับพี่ เนื้องอกจริงหรอ บอกผมตามตรงได้นะครับ ถ้าเป็นอะไรจะได้รักษาทัน”
“พี่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน” อาจารย์พูด “แมน พี่ถามคำนึง...เราเคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนมั้ย”
เมืองแมนเม้มปาก แต่ก็รับคำ
“เคยครับ”
“พี่ขอโทษนะ แต่ขอถามหน่อยว่าทางข้างหลังหรือเปล่า...ไม่ต้องอาย ตอบพี่ตามตรง ความลับของคนไข้พี่ไม่เอาไปบอกใครอยู่แล้ว”
คนที่นอนบนเตียงนิ่งไปนิด จากนั้นก็พยักหน้า
“ได้ป้องกันมั้ย”
“ไม่ครับ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ขอเจาะเลือดหน่อยได้มั้ย ขอตรวจปัสสาวะเราด้วย”
“ที่อาจารย์ถามผม...มันเกี่ยวกับก้อนหรอครับ หรือว่ายังไง แต่ว่าผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ติดเชื้อ HIV นะครับ”
“ไม่หรอก พี่ก็ซักประวัติทั่วไป แล้วเรามีคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลดอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีนะครับ ผมกินข้าวได้ปกติ เหมือนน้ำหนักจะขึ้นนิดหน่อยด้วย...อาจารย์ถามแบบนี้แปลว่ามันดูไม่เหมือนเนื้อดีหรอครับ” เมืองแมนใจหายวูบ “หรือว่าจะเป็นเนื้องอกของกระเพาะปัสสาวะ...หรอครับ?”
“ขอดูผลก่อนแล้วจะบอกอีกที”
เขาไม่เคยเห็นอาจารย์คริสมีสีหน้ากังวลครุ่นคิดแกมเคร่งเครียดขนาดนี้มาก่อนเลย ชายหนุ่มคิดในใจ...กลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคร้ายแรงตั้งแต่อายุยังไม่สามสิบ
นี่เขาเพิ่งเรียนจบทำงานเองนะ จะมาตายเพราะเนื้องอกเสียแล้วเหรอ...แค่คิด น้ำตาก็พาลจะไหลแล้ว
...................................................................................
มาอัพต่อแล้วจร้า #แฟนหมอแมน
เอาแล้วไง เนื้องอกต้องมา น้ำตาต้องมี เจอกันตอนหน้า กรีดร้องแปบบบ เรื่องมันอาจจะประหลาดๆหน่อย ทำใจนะ5555 เป็น Mpreg แบบของชั้นเอง
Melenalike