*-*-*-*-*-*-INTERNAL LOVE-*-*-*-*-*-* #แฟนหมอแมน (Mpreg)เปิดพรี 2/12/61 p86
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *-*-*-*-*-*-INTERNAL LOVE-*-*-*-*-*-* #แฟนหมอแมน (Mpreg)เปิดพรี 2/12/61 p86  (อ่าน 706361 ครั้ง)

ออฟไลน์ tangtey59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
โห สนุก ตื่นเต้นมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สนุกดีครับผม,,,

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
คนอ่านก็ใจหายวาบบบ อ่านตอนเกือบตี1

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
กอดหมอแมนน้าาาา สั่นเบาๆ...

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เจอแบบนี้แล้ว จะว่าหมอแมน อีกหรือเปล่า 555.....
ไม่รู้ใครจะชวนใครนอนห้องเดียวกันแล้วแบบนี้
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Internal love

ตอนที่ 4

The future depends on what we do in the present.

 

 

 

 

            “มึง..เห็นอะไรมั้ยเมื่อกี้”

            เสียงห้าวๆที่ถามขึ้นด้วยเสียงเบากว่าปกตินั้นทำให้เมืองแมนเงยหน้ามองคนพูดอย่างแปลกใจ  เห็นอีกฝ่ายยืนเกาะอ่างล้างมือเอาไว้แน่น  มองมาทางเขาด้วยแววตาเบิกกว้าง

            “เห็นอะไร?”  เขาย้อนถามงงๆ

            “ก็แบบ...”  อีกฝ่ายขยับจะอธิบายแต่ก็เปลี่ยนใจ  “...จิ้งจกน่ะ  กูเห็นจิ้งจก  ตัวใหญ่มากเลย”

            คนฟังเบ้ปาก

            “ตัวโตอย่างกับควายยังจะกลัวจิ้งจกอีกเหรอ”  เมืองแมนพูดลอยๆ

            “กูไม่ได้กลัว”  ฝ่ายนั้นตอบกลับเสียงห้วน  “มึงนั่งในนี้ก่อน  อย่าเพิ่งออกไปไหนนะ”

            “ทำไมกูต้องมานั่งดูมึงอาบน้ำด้วย  อุบาศก์ลูกตา”  ชายหนุ่มตอบพลางลุกขึ้นยืน  “กูจะไปรอห้องเต้ย”

            “นี่มึงพูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ  ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้ไป  รอในนี้เป็นเพื่อนกูก่อน  หุ่นกูนี่มีแต่คนเขาอยากดูทั้งนั้น  กูให้มึงดูฟรีๆ ยังบ่นอีก”   เพลิงกัลป์จุ๊ปาก   “นั่งลงตรงชักโครกนั่นแหละ   มึงไม่อยากดูก็หันไปทางอื่น  แต่ห้ามออกไปจากห้องนี้”

            “ทำไมต้องทำตามคำสั่งมึงด้วย”  ร่างผอมบางเปิดประตูห้องน้ำออกแล้วก้าวออกไปจากห้องน้ำอย่างไม่สะทกสะท้าน 

            “ไม่งั้นกูจะบอกคนอื่นว่ามึงมีอะไรกับกู”   คนฟังมีสีหน้าเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง  ทำเอาคนพูดรู้สึกผิดหน่อยๆที่ยกเอาเรื่องนั้นขึ้นมาพูดอีก  ทั้งที่ไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะเอาเรื่องทำนองนี้ไปป่าวประกาศใคร   “..คือกูแค่”

            รูมเมทของเขายักไหล่

            “อยากบอกก็เชิญ  กูต้องกลัวด้วยเหรอ”   เมืองแมนพูดทิ้งท้ายก่อนจะปิดประตูห้องน้ำให้ตามเดิม   เพลิงกัลป์ได้ยินเสียงประตูหน้าห้องเปิดปิด  อีกฝ่ายคงออกไปหาเต้ยตามที่พูดเอาไว้จริงๆ

            “ชิบหายแล้วกู”  ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองดังๆ  เขารีบอาบน้ำด้วยความเร็วแสง  อาบไปก็คอยมองด้านหลังด้วยความระแวงไปด้วยว่าจะเห็นขาของใครโผล่มาอีกหรือเปล่า   หัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนไปวิ่งมาราธอนมา 

            เสียงประตูหน้าห้องเปิดออกอีกครั้ง

            “ใครน่ะ  มึงเหรอแมน”   เพลิงกัลป์ตะโกนถาม  มือก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหยดน้ำที่เกาะตามเนื้อตัวไปด้วย  หูไม่ได้ยินเสียงตอบรับ  ความกลัวก็เลยยิ่งพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนกลัวผีมาก่อนเลย  “อย่าเงียบสิมึง  ไอ้แมน...”

            ...เงียบไม่มีเสียงตอบรับ   ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าที่เดินผ่านหน้าห้องน้ำไปหยุดอยู่ตรงหน้าห้องเขาก่อนที่จะเปิดประตูห้องนอนของเขาออกแล้วก็ปิดดังปัง

            เพลิงกัลป์พันผ้าเช็ดตัวรอบเอว  ตัดสินใจยกมือขึ้นพนมสวดนะโมสามจบ  ชายหนุ่มกลั้นใจเปิดประตูห้องน้ำออก

            ...ว่างเปล่า

            ข้างนอกห้องน้ำที่เป็นห้องกลางไว้สำหรับกินข้าวนั้นไม่มีใครอยู่   เหลียวไปมองที่ประตูห้องนอนของตัวเองก็ปิดสนิท  แสงไฟข้างในลอดออกมาจากช่องว่างใต้ประตูห้อง

            เม็ดเหงื่อผุดออกมาทุกรูขุมขนทั้งที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ  เพลิงกัลป์สะกดฝีเท้าเข้าไปจนถึงหน้าห้องนอนของตน  เอื้อมมือไปแตะลูกบิด  ภาพขาขาวๆกับชายกระโปรงสีน้ำเงินผุดขึ้นมาในมโนภาพอีกครั้ง

            ...ผู้หญิง   ถ้าเป็นผีก็คงจะเป็นผีผู้หญิงแน่ๆ

            เจอผีเขาให้แก้ผ้า... ความเชื่อสมัยก่อนที่เคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่เล่ากันมาดังก้องในสมอง  เพลิงกัลป์กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  เอื้อมมือไปจับปมผ้าเช็ดตัวที่เหน็บเอาไว้ที่เอว

            ถ้าเขาแก้ผ้าแล้วผีดันไม่ตกใจ  แต่กลับวิ่งเข้าใส่แทนเหมือนสาวๆชาวมนุษย์ทั้งหลายที่เขาเคยเจอมาล่ะ   ไม่ฉิบหายหนักกว่าเดิมเลยหรือไง...

            ถึงตอนนั้นก็ค่อยวิ่งเอาแล้วกัน

            คิดได้ดังนั้นเจ้าตัวก็เปิดประตูผัวะเข้าไป  พอดีกับคนในนั้นสะดุ้งผุดลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากัน

            “เห้ย!”  คนข้างในอุทานขณะที่เพลิงกัลป์ก้มลงตะครุบผ้าเช็ดตัวที่ลงไปกองกับพื้นแล้วเรียบร้อย

            “ชิบหายไอ้แมน  กลับมาแล้วทำไมไม่บอกวะ  เงียบเป็นเป่าสาก  กูก็นึกว่าผีน่ะสิ”  ชายหนุ่มตะโกนอย่างหัวเสีย  ใช้ผ้าเช็ดตัวคาดเอวเอาไว้เหมือนเดิม

            “นี่มึงแก้ผ้าทำไม”   เมืองแมนถามกลับ

            “ก็กู...” คนพูดอึกอัก  รู้สึกเสียหน้าชอบกล  “...กูจะไล่ผี  มึงไม่เคยได้ยินหรือไงว่าแก้ผ้าไล่ผีน่ะ”

            “แก้ผ้าไล่ผี?”  คนฟังทวนคำ   มองหน้าคนตัวสูงกว่าราวกับมองสิ่งมหัศจรรย์ของโลก   “นี่มึงเชื่อเรื่องนี้ด้วยเหรอ  ไม่ใช่...นี่มึงเจอผีแล้วใช่มั้ย”

          “เออ!”  เพลิงกัลป์ตอบเสียงเข้ม  ดันตัวอีกฝ่ายให้หลบทาง  เขาเข้าไปในห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าออกแล้วเริ่มแต่งตัว  “เจอตอนที่บอกมึงว่าเจอจิ้งจกนั่นแหละ”  เขาเล่าเรื่องภาพสะท้อนในกระจกให้เพื่อนฟัง

            คนฟังเหลียวมองออกไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท  เมืองแมนรีบปิดประตูห้องนอนตามเดิม  ถอยมายืนหน้าเตียงของรูมเมทที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงบอลเตรียมเข้านอน

            “แล้วทำไมไม่บอก  บอกว่าจิ้งจกเพื่อ”

            “กูกลัวมึงวิ่งแจ้นออกมาจากห้องน้ำ  ทิ้งกูอาบอยู่คนเดียวน่ะสิ”

            “มึงก็อาบคนเดียวได้นี่”

            “เออ  กูเก่งไง”   ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย  “จะว่าไป  ตอนกูอาบน้ำก็ไม่เจอผีอีก  หรือว่าผีผู้หญิงมันจะกลัวผู้ชายแก้ผ้าจริงๆวะ”

            “งั้นมึงก็แก้สิ”  เมืองแมนพูดเสียงเรียบ  กวาดตามองไปรอบห้องอย่างหวาดๆ กลัวว่าจะเจอขากับชายกระโปรงเข้า...ถึงแม้เขาจะได้ยินทั้งเสียงและกลิ่น  แต่ก็ยังไม่เคยเห็นภาพปรากฏมาก่อนเลย

            “แก้เป็นเพื่อนกันสิ”  พอมีเพื่อนมาอยู่ในห้องด้วย  เพลิงกัลป์ก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมากพอจะพูดเล่นได้

            “ไม่”  อีกคนตอบเสียงห้วน   “คืนนี้กูจะนอนห้องนี้”

            “แล้วไอ้เต้ยอ่ะ”

            “เต้ยไม่อยู่”  ฝ่ายนั้นตอบกลับมา  เพลิงกัลป์มองร่างผอมๆที่หยิบผ้านวมบนเตียงเขามาปูที่พื้นข้างเตียงอย่างงงๆ  “มึงจะนอนตรงนี้หรือนอนบนเตียง”  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นถาม

            “กูเป็นเจ้าของห้องก็ต้องนอนเตียงดิ”  เขาตอบกลับไป

            เมืองแมนพยักหน้ารับ  ทิ้งตัวลงนอนที่พื้นข้างเตียงอย่างง่ายๆ  ดึงผ้าห่มที่ลากลงมาจากเตียงของเขาขึ้นมาคลุมจนถึงคอ  ดวงตากลมโตคู่นั้นสบตาเขาแล้วพูดลอยๆ

            “กูนอนชอบนอนเปิดไฟ  เปิดไฟนอนนะ”

            “ไม่  มันแยงตา  กูนอนไม่หลับ”  เขาตอบทันควัน

            “มืดๆ มึงไม่กลัวผีหรือไง”

            “แล้วปกติมึงเปิดไฟนอนหรือเปล่า”  เพลิงกัลป์ย้อนถาม  อีกฝ่ายพยักหน้า  “แต่มึงก็เจอตลอดไม่ใช่เรอะ”

            “กูไม่เคยเห็นก็แล้วกัน  ได้ยินแค่เสียง  กับกลิ่น”  พอพูดจบก็คล้ายจะได้ยินเสียงหัวเราะใสกังวานดังขึ้นริมหูอีก  เมืองแมนเหลียวมองเลิ่กลั่ก  พลอยทำให้คนที่ยืนเท้าสะเอวอยู่เริ่มระแวงไปด้วย

            “อะไร..มึงเป็นอะไร”

            “กูได้ยิน...เสียงอีกแล้ว”  เขาตอบ  ผุดลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียง  “กูว่าย้ายไปนอนที่วอร์ดให้รู้เรื่องรู้ราวไปเลยดีกว่า  ไม่ไหวแล้ว”

            “เดี๋ยวสิมึง  ไปตอนนี้มึงก็ไม่มีที่นอนหรอก  วันนี้เวรเมย์  จะไปนอนกับเพื่อนผู้หญิงได้ไง”  เพลิงกัลป์พูดเรียบๆ  อีกฝ่ายหันมามองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้ว

            “แปลกใจจริงๆที่ได้ยินประโยคนี้จากมึง”

            “เอ้า...เห็นแบบนี้กูก็ให้เกียรติเพื่อนผู้หญิงนะครับ”

            “คนดีมากๆ”  เมืองแมนบอก  คนฟังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือประชดกันแน่  “งั้นไปนอนห้องคลอด”

            “คงได้นอนหรอกครับ  ทั้งเสียงเด็กเสียงแม่เด็ก  เผลอๆโดนตามออกมาทำคลอดอีก”  สำหรับคนที่เกลียดเด็กทารกและวอร์ดสูติเข้าไส้อย่างเขาแล้ว   เพลิงกัลป์ยอมโดนผีหลอกจนหัวโกร๋นดีกว่าไปนอนฟังเสียงเด็กแรกเกิดแผดเสียงจ้า

            “เออ..งั้นก็นอนมันที่นี่แหละ”  เมืองแมนยกผ้าห่มขึ้นมาปิดหูปิดหัว  ล้มตัวลงนอนอีกรอบ  คราวนี้หลับตาแน่น   “มึงจะปิดไฟก็ตามใจ”   เสียงอู้อี้ดังขึ้นใต้ผ้าห่มที่คุมโปงอยู่

            เจ้าของห้องโคลงหัว  เขาตัดสินใจเจอกันครึ่งทางโดยการปิดไฟเพดานห้องแล้วเปิดโคมไฟอ่านหนังสือเอาไว้พอให้มีแสงสลัวๆ  ชายหนุ่มหยิบครีมบำรุงหน้ามาทาก่อนนอนเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกวัน  ฟังดูแปลกที่ผู้ชายแบบเขาจะมีเครื่องประทินผิวแบบนี้วางเอาไว้หน้ากระจก  นอกเหนือจากเจลใส่ผมและหวี  แต่สำหรับคนที่ต้องอดนอนเป็นประจำแล้ว  เพลิงกัลป์รู้สึกว่ามันออกจะสำคัญมากทีเดียว

            เหลือบมองคนที่นอนเงียบอยู่บนพื้น  ชายหนุ่มพูดลอยๆ

            “เราต้องจัดการเรื่องนี้จริงจังแล้วนะแมน  ไม่งั้นคงได้ย้ายออกก่อนสิ้นเดือนแน่”   ไม่มีเสียงตอบรับจากฝ่ายนั้น  คงนอนหลับไปแล้วกระมัง  ชายหนุ่มครุ่นคิด  วางขวดครีมไว้ที่เดิมหน้ากระจก  ทันใดนั้นเงาวอบแวบก็ปรากฏขึ้นที่มุมกระจก  รวดเร็วแวบเดียวราวกับมีใครเดินผ่านข้างหลังเขาไป

            เพลิงกัลป์กลืนน้ำลายฝืดๆ  ก้าวถอยหลังไปจนเกือบถึงเตียงนอน   เขาเหยียบลงบนอะไรสักอย่างแข็งๆที่น่าจะเป็นท่อนขาของคนที่นอนบนพื้น

            “โอ๊ย เจ็บ!”  คนโดนเหยียบร้อง  ผุดลุกขึ้นมานั่ง  จ้องมองเขาอย่างเดือดดาล  “เดินไม่ดูทาง...เหยียบมาได้ไง”  พอเห็นสีหน้าเผือดซีดของเพื่อน  เมืองแมนก็ขมวดคิ้ว  “อะไร  หรือว่า...เห็นอะไรอีก”   เขากระซิบ

            อีกฝ่ายไม่ตอบ  แต่คว้าหมอนบนเตียงมากอดเอาไว้  พูดห้วนๆ

            “กูจะไปนอนห้องคลอด   มึงจะไปด้วยก็ตามมา”

            .............................................................................

            “อะไรกัน  สรุปคือเจอผีที่แฟลตกันก็เลยเผ่นมานอนห้องคลอดงั้นหรือ  ฮ่าๆ”

            อาจารย์ภาควิชาสูตินรีเวชพูดพลางหัวเราะ   กวาดตามองสภาพอินเทินหนึ่งที่อยู่ในชุดนอน  หัวกระเซิง  หน้าตาซีดเซียวนั้นอย่างขำขันแกมเอ็นดู 

            “ให้พวกผมนอนเถอะนะครับอาจารย์”

            “เรียกพี่คริสก็ได้”  คุณหมอหนุ่มรุ่นพี่ตอบยิ้มๆ

            ความใจดีของพี่คริส  อาจารย์ใหม่ของภาควิชาสูติเป็นที่เลื่องลือ  บุคลิกอบอุ่นเป็นกันเองของเขาทำให้เป็นที่รักของทั้งคนไข้ พยาบาลและเหล่าแพทย์ด้วยกัน

            “ห้องพักมีสามเตียง  ไปเลือกเอาละกัน  เหลือให้พี่เตียงนึงด้วยนะ”

            “พี่คริสไม่กลับบ้านหรอครับคืนนี้”   เพลิงกัลป์ถาม

            “ไม่ล่ะ  มีเคสหลังคลอดที่อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่  พี่ต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ก่อน”

            “ถ้ามีอะไรก็เรียกพวกผมได้นะครับ”  เมืองแมนพูดด้วยความเกรงใจ   ขณะที่อีกฝ่ายส่ายหน้า

            “พวกเธอไม่ได้อยู่เวรสูตินี่นะ  ไปพักผ่อนเถอะ  เรื่องแฟลตพรุ่งนี้ลองไปติดต่อพี่กุลดูอีกทีเผื่อว่าจะมีห้องว่างจะได้ย้ายได้  พวกเธออยู่ห้องไหนกันนะ”

            “309 ครับ”  คนฟังอึ้งไปนิดหนึ่ง 

            “ห้องนั้นเขาเปิดให้พักแล้วเหรอ”

            “ครับ...มีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “อ๋อ..”  อาจารย์หนุ่มทำท่าจะปฏิเสธ  แต่แล้วก็กลับเล่าออกมา  “ห้องนั้นถูกปิดไปตอนสมัยที่พี่เป็นอินเทินหนึ่งที่นี่”

            “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”   เพลิงกัลป์กับเมืองแมนถามออกมาเกือบจะพร้อมกัน

            “ขอนึกก่อนนะ  เรื่องหลายปีแล้วล่ะ..อ้ะ  วอร์ดโทรมา”   เสียงโทรศัพท์ของอาจารย์ดังขึ้นเสียก่อน  พวกเขาเห็นอาจารย์มีสีหน้าเครียดขึ้น  ก่อนจะรีบเปิดประตูออกจากห้องพักไปอย่างรวดเร็ว

            “คงโดนตาม  ว้า...เสียดายจังแฮะ   อุตส่าห์เจอคนที่รู้เรื่องห้องนั้นแล้วแท้ๆ”  เพลิงกัลป์พูด  ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง   “แสดงว่าห้องนั้นคงมีปัญหาจริงๆนั่นแหละ  ห้องที่มีผีสิงอยู่  บรึ๋ย..พูดแล้วขนลุก  น่ากลัวเป็นบ้า”

            “กูบอกแล้วไม่เชื่อ  เป็นไงล่ะ  กลัวขี้ขึ้นสมองกว่ากูอีก”  เมืองแมนเบ้ปาก

            “ก็มึงแค่ได้ยิน  นี่กูเห็นเต็มๆจะมาเทียบกันได้ยังไงวะ”  เพลิงกัลป์รู้สึกเสียฟอร์มไม่น้อยที่เผ่นออกมาจากห้องนั้นเป็นคนแรก  ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ

            “พรุ่งนี้ต้องย้ายห้องให้ได้”  เมืองแมนตั้งใจว่าจะต้องไปพูดกับพี่กุลให้รู้เรื่อง  ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องออกไปเช่าหออยู่ข้างนอกเอง  “ขืนเจอแบบนี้ทุกคืน  ตายพอดีไม่ต้องนอน”

            ไม่ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมห้องตอบรับ  เมืองแมนหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายนอนหงายเหยียดยาวเต็มเตียง   กรนคร่อกไปเสียแล้ว

            เขาล้มตัวลงนอนบ้างที่เตียงเล็กข้างๆ  ไม่นอนก็ผล็อยหลับไปอีกคน  คืนนั้นเขาหลับสนิทไม่โดนใครหรืออะไรปลุกอีกเลย

            เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาไปหาพี่กุล  คนดูแลอินเทินที่ห้องทำงานของเธอ  ปรากฏว่าพี่ธุรการคนอื่นบอกว่าเธอลาหยุดหนึ่งอาทิตย์   เมืองแมนก็เลยโทรไปหาเธอ

            “งั้นหมอต้องรอพี่กุลกลับไปก่อนค่ะ  พอดีพี่กุลมาธุระอาทิตย์นึง  ไว้กลับไปแล้วพี่กุลจะหาห้องให้  ระหว่างนี้ก็อยู่ห้องนั้นไปก่อน”

            “ไม่ครับ  พวกผมต้องการย้ายห้อง วันนี้”  เพลิงกัลป์ฉวยโทรศัพท์จากมือเมืองแมนไปพูดเสียเอง  “ผมรู้มาว่าชั้นล่างมีห้องริมสุดว่าง  พี่ให้พวกผมไปพักได้มั้ย”

            “ห้องนั้นมีคุณหมอจองเอาไว้แล้วค่ะ  เป็นคุณหมอออโถ(ศัลยกรรมกระดูก) ที่จะกลับมาอยู่”  เสียงพี่กุลลำบากใจ  “พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีนะคะหมอ  เอาอย่างนี้  ให้พี่กุลติดต่อให้นิมนต์พระไปสวดดีไหมคะ   ทำบุญห้องไปเลย”

            “ก็ได้ครับพี่กุล”  เมืองแมนดึงโทรศัพท์ไปตอบ  ส่งสายตาปรามคนที่มีท่าทางหงุดหงิดจนเห็นได้ชัดให้เงียบก่อน  “ผมรบกวนพี่กุลด้วยนะครับ”

            เธอรับปากรับคำแล้วกดวางสายไป

            “ทำบุญอะไร  แค่ให้หาห้องให้ใหม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้  มึงก็เกรงใจอะไรพี่เค้าขนาดนั้น  เค้ามีหน้าที่ต้องดูแลพวกเราก็ต้องจัดการเรื่องนี้สิ”   เพลิงกัลป์ฮึดฮัด  “เดี๋ยวคอยดูดิ  ทำบุญพระ...เฮอะ รออีกสามชาติ  ระบบราชการทำงานเหมือนเต่าคลาน”

            “ใจเย็นๆ  มึงจะโกรธพี่กุลทำไม  เขาก็ทำตามหน้าที่ของเขาแล้ว”  เมืองแมนพูด  “กูว่าที่พี่กุลพูดก็เป็นไอเดียที่ดี  แถวนี้มีวัดมั้ย  กูจะได้ไปนิมนต์หลวงพ่อทำบุญห้อง”

            “หน้าอย่างกูนี่เหมือนคนเข้าวัดเข้าวาหรือไง”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  “กูไปล่ะ  ตอนบ่ายต้องไปอยู่อีอาร์(ห้องฉุกเฉิน)  ฝากเรื่องห้องก่อนนะ  คืนนี้กูคงไปนอนห้องคลอดก่อน”

            “มึงกลัวผีกว่ากูอีกนะ”  เมืองแมนเคาะ

            คนฟังหน้าแดง

            “กูไม่ได้กลัว” 

            ร่างสูงใหญ่ราวกับนายแบบนั้นเดินลิ่วๆไปอีกทางหลังจากตอบกลับมาแบบไม่สบตาเขา  เมืองแมนรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยที่มีคนมาร่วมรับชะตากรรมด้วย  แทนที่จะเป็นเขาคนเดียวที่วิ่งเต้นหาที่อยู่ใหม่เหมือนคนบ้า

            คืนนั้นเมืองแมนอยู่เวรวอร์ดศัลยกรรมเลยได้สิทธิครอบครองห้องพักของแพทย์เวรศัลยกรรมที่อยู่บนชั้นสี่ของหอผู้ป่วย   อาจารย์ที่อยู่เวรคู่กันกับเขาคืออาจารย์คมศักดิ์หัวหน้าภาค  คนที่เมืองแมนไม่เคยชอบสายตาของเค้าเลย

            มันดูลึกลับและดำมืดเหมือนบ่อน้ำที่มองไม่เห็นก้นบ่อ

            “เพิ่งหายป่วยใช่มั้ย  เป็นอย่างไรบ้าง”  อาจารย์ทักเขาเป็นประโยคแรกเมื่อเจอหน้า  “กินข้าวเยอะๆหน่อยสิ  ผอมขนาดนี้จะทำงานไหวเหรอ”

            “ไหวครับ”   เมืองแมนตอบสั้นๆ

            “ต้องบำรุงตัวหน่อย  คนที่มาอยู่ด้วยเขาจะได้แข็งแรง”

            “อะไรนะครับ?”   เขานึกว่าตัวเองหูฝาด

            “ขอโทษที  ฉันก็พูดเพลินไป  ไว้อีกหน่อยเธอก็จะรู้เอง”   เสียงทุ้มลึกนั้นทำเอาขนแขนของเขาตั้งชัน  เมืองแมนสบตาคมกริบดำสนิทคู่นั้นอีกครั้ง   อีกฝ่ายมองตอบกลับมาแล้วยิ้ม  “มันเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว  อย่าไปคิดมากเลยนะ  อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

            “อาจารย์หมายความว่าอะไรครับ”     

            “ผมก็พูดทั่วๆไป  อย่างเวลาดูคนไข้น่ะ   เราก็ต้องปลอบใจญาติด้วย...”  เมืองแมนรู้สึกว่าอาจารย์จงใจเปลี่ยนเรื่อง  ทว่าเขาก็ไม่ได้ซักอะไรเพิ่มและฝ่ายนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรแปลกๆอีก

            เวรคืนนั้นเป็นเวรที่หนักหน่วงพอสมควร  เขาได้นอนไปเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น  มีคนไข้เสียชีวิตเพราะอาการทรุดลงมากจนแก้ไขไม่ไหวไปหนึ่งราย  ทำเอาเมืองแมนจิตตกไปไม่น้อย  ถึงแม้จะเคยเห็นคนตายมานักต่อนักแต่เขาก็ไม่เคยชินเสียที

            “ไงมึง  ได้นอนหรือเปล่า   ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”

            เมืองแมนส่ายหน้า   หยิบผ้าเช็ดตัวเดินผ่านเพื่อนร่วมห้องเข้าไปในห้องน้ำที่แฟลต  เพลิงกัลป์ก็กลับมาอาบน้ำตอนเช้าเหมือนกัน

            “คืนนี้กู..ติดธุระ  มึงนอนห้องคลอดคนเดียวได้นะ”  เพลิงกัลป์พูด

            “ติดธุระหรือไปเที่ยว   พูดตรงๆก็ได้”  เมืองแมนดักคอ

            “เออ  ไปเที่ยว”   เจ้าตัวยอมรับตรงๆเช่นกัน   “อาจจะกลับเช้าเลย  ไม่ต้องห่วง”

            “กูต้องห่วงมึงด้วยเหรอ” 

            “เอ้า..ทีกูยังห่วงมึงเลย”  เพลิงกัลป์ตอบหน้าตาย   ได้ยินเสียงฮึขึ้นจมูกแว่วๆก่อนประตูห้องน้ำจะปิด  ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ  เทโจ๊กใส่ชามอย่างอารมณ์ดี




ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk







            เย็นวันนั้นชายหนุ่มขับรถไปรับตุ๊กตาที่บ้านของเธอ  หญิงสาวอยู่ในชุดสวยเข้ากับลุคสวยหวานราวกับตุ๊กตาสมชื่อ  เพลิงกัลป์ยิ้มนิดๆตอนทนี่เดินควงเธอเข้าไปในร้านอาหารกึ่งผับร้านดังของจังหวัดที่เขามาบ่อยเพราะติดใจรสชาติเครื่องดื่มกับเสียงดนตรีสด

            “เพลิงทานอะไรดีคะ”

            “ตุ๊กตาอยากทานอะไรครับ”  เขายั้งปากยั้งใจแทบแย่  ไม่พูดออกไปว่าอยากทานตุ๊กตาเต็มที   “วันนี้ผมตามใจตุ๊กตาเต็มที่”

            คนฟังยิ้มเขิน  น่าเอ็นดูดีในสายตาเขา  ดวงตากลมโตล้อมด้วยขนตายาวเกินธรรมชาติเพราะผ่านการตกแต่งมานั้นสบตาเขาแล้วก็เบือนหลบไปด้วยจริตสาวน้อย  พวงแก้มสีชมพูอมส้มรับกับริมฝีปากได้รูปสีส้มนู้ดเข้ากันกับชุด

            จู่ๆชายหนุ่มก็ระลึกถึงดวงตากลมโตของใครอีกคนขึ้นมา  พลางนึกสงสัยว่าป่านนี้เจ้าตัวจะเข้านอนแล้วหรือยัง

            “เพลิงคะ  อาหารมาแล้วค่ะ ...คิดอะไรอยู่เอ่ย”           

            ชายหนุ่มกระพริบตา

            “คิดถึง...คุณไงครับ  ตุ๊กตา”  เขาหยอด   เอื้อมมือไปตักอาหารใส่จานให้หญิงสาว

            เธอหัวเราะเสียงใสอย่างถูกใจ  อาหารมื้อนั้นผ่านไปอย่างราบรื่นแต่ก็ไม่ได้ทิ้งความรู้สึกพิเศษอะไรเอาไว้ในความรู้สึกของชายหนุ่ม  ตุ๊กตาก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่เขาเคยเจอมา  จะต่างกันตรงที่ว่าเขายังไม่เคย ‘ได้’ เธอก็เท่านั้น

            “ไม่รู้เต้ยกับแมนจะเป็นไงบ้างนะคะ”

            ชื่อของรูมเมททำให้เพลิงกัลป์ตื่นจากภวังค์  ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเธอแทนคำถาม   หญิงสาวหัวเราะคิก

            “วันนี้เต้ยบอกว่าจะชวนแมนไปกินข้าวค่ะ”

            “อ้อ... ไปกับใครบ้างเหรอครับ”   ตุ๊กตาชูสองนิ้ว

            “สองต่อสองค่ะ   ตุ๊กตาเป็นเพื่อนเต้ยมาตั้งนานยังไม่เคยเห็นเต้ยกระตือรือร้นมากขนาดนี้เลยนะคะ  แล้วเพลิงอยู่ห้องเดียวกับแมน  แมนเคยเล่าเรื่องเต้ยให้ฟังบ้างมั้ย  เต้ยพอจะมีหวังหรือเปล่า”  เธอพูดเจื้อยแจ้ว  “แมนดูเป็นคนเงียบๆนะคะ  อ่านยาก  ไม่ค่อยช่างพูดเท่าไหร่”

            “พวกเค้าไปทานที่ไหนกันหรือครับ”   เขาถาม  “เผื่อพวกเราจะได้ไปแจมบ้าง”  ชายหนุ่มขยายความ

            “ไม่รู้สิคะ  เต้ยไม่ได้บอกเอาไว้”

            เพลิงกัลป์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาฉับพลัน  ...ไหนว่าอยู่เวรแทบไม่ได้นอนไง  ทำไมมีแรงไปกินข้าวกับไอ้เต้ยได้  เตือนแล้วไม่รู้จักจำ  คงต้องโดนซะบ้าง...

            “เพลิงเป็นอะไรหรือเปล่า  หน้าเครียดจัง”   ชายหนุ่มขยับตัวทันทีที่โดนทัก

            “ผมกำลังคิดอยู่ว่า   หลังจากนี้เราจะไปไหนกันดี...”  เขาทอดเสียงอ่อน  มองหน้าหญิงสาวอย่างมีความหมาย   อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ  หลบตาเขาไปทางอื่น 

            “เพลิงมีไอเดียดีๆมั้ยล่ะคะ”

            “ถ้าผมเสนอไปแล้ว  ตุ๊กตาจะอยากไปกับผมหรือเปล่า”

            “อืม...ลองเสนอมาก่อนสิคะ”

            ชายหนุ่มยิ้ม  เหลือบตามองไปทางหน้าร้าน  ร่างผอมบางคุ้นตาของใครบางคนปรากฏขึ้นที่หน้าประตูพร้อมกับร่างสูงใหญ่กำยำแบบนักกีฬาของคนที่ตุ๊กตาเพิ่งพูดถึง  เพลิงกัลป์เม้มปาก  รอยยิ้มจางลงโดยไม่รู้ตัว

            ตุ๊กตาเลยหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่มบ้าง  พอเห็นเพื่อนสนิทก็ยกมือขึ้นโบกเรียก   

            “เต้ย  แมน  ทางนี้ค่ะ”

            สองคนนั้นเหลียวมาทางพวกเขา  เมืองแมนชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อสบตาคมเข้มที่มองมาไม่กระพริบ   เต้ยยกมือขึ้นแตะข้อศอกของเขาพาเดินมาทางที่เพื่อนๆนั่งอยู่อย่างสุภาพ

            “ตุ๊กตา  เพลิง  บังเอิญจังมาเจอกันได้”

            “นั่นสิ  กำลังคุยอยู่เลยว่าเต้ยจะพาแมนไปกินที่ไหน”   ตุ๊กตาพูด  ขยับตัวให้เต้ยนั่งลงข้างเธอทว่าชายหนุ่มกลับทิ้งตัวลงนั่งข้างเพลิงกัลป์แทน  แล้วให้แมนนั่งข้างหญิงสาว

            “ตอนแรกจะพาไปอีกร้านนึงแต่ว่าดันปิด  คิดไม่ออกเลยพามาที่นี่  จำได้ว่าเบียร์สดอร่อย”  เต้ยตอบยิ้มๆ  ยกมือขึ้นเรียกบริกรมาสั่งอาหาร   ชายหนุ่มถามเมืองแมนด้วยเสียงอ่อนโยนจนผู้ชายอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยรู้สึกขัดหู   “แมนทานอะไรครับ  ที่นี่อาหารอร่อยหลายอย่างเลยนะ  เครื่องดื่มก็ดี”

            “เราเอาข้าวกระเพราเนื้อ”  เสียงตอบของเมืองแมนก็ทอดอ่อนไม่แพ้กัน

            “เนื้อที่นี่ไม่อร่อย  กินปลาดีกว่ามั้ย  จะได้ฉลาดด้วย”  เพลิงกัลป์พูดแทรก

            “แมนไม่ชอบกินปลาเท่าไหร่”  เต้ยเป็นคนตอบแทน

            “มิน่าล่ะ”  เพลิงกัลป์พยักหน้าเนิบๆ

            “มิน่า..อะไร”  เมืองแมนถามเสียงห้วน  ชักฉุนไม่น้อย

            “มิน่า..ถึงได้สั่งกะเพราเนื้อ”  เพลิงกัลป์พูดหน้าตาย   นึกขำที่เห็นอีกฝ่ายตวัดสายตาขึ้นมองเขาตาขวาง  “ลองสั่งดูก็แล้วกัน  ของบางอย่างบางคนว่าอร่อย  แต่บางคนก็ว่าไม่อร่อย  ลางเนื้อชอบลางยา  แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน”

            “เมื่อกี้เห็นตุ๊กตาว่าจะไปไหนกันนะครับ”  เต้ยพูดขึ้นเสียงนุ่ม

            “อ๋อ”  เพลิงกัลป์ลากเสียง   “ไม่ได้ไปไหนนี่ครับ  ผมอยากอยู่ฟังเพลงที่นี่ต่ออีกหน่อย  ดีไหมครับตุ๊กตา”

            “ก็ดีเหมือนกันค่ะ  ที่นี่เพลงเพราะ”  หญิงสาวตอบเอาใจเขา   เพลิงกัลป์ยิ้ม   ทอดสายตามองคนที่นั่งเยื้องตรงข้ามกับเขาที่ไม่ยอมหันมาสบตากันอีกเลย

            หลังจากนั้น  ตุ๊กตากับเต้ยก็กลายเป็นคนผูกขาดการสนทนา  เพลิงกัลป์คอยแทรกบ้างตามจังหวะ  ขณะที่เมืองแมนแทบไม่ได้พูดอะไรเลย  เต้ยดูแลเขาแทบจะทุกฝีก้าวจนหลายครั้งเมืองแมนก็อดรู้สึกอึดอัดไม่ได้  โดยเฉพาะเวลาที่มีสายตาคมๆบางคู่คอยมองมาอย่างจับผิดแกมเยาะหยัน

            “แมนดื่มอะไรอีกมั้ย”

            “ไม่ไหวแล้วเต้ย”   เขาตอบ  เขาดื่มไปแค่นิดเดียวเพราะกลัวตัวเองจะเมาแล้วประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีก  ตรงข้ามกับรูมเมทของเขาที่เห็นซัดเอาซัดเอาแก้วแล้วแก้วเล่าราวกับอดอยากมานาน  แต่ร่างสูงใหญ่นั้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเมาเลยสักนิด

            “ถ้างั้นเรากลับกันมั้ย”  เต้ยเสนอ

            “ก็ได้  ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”  เมืองแมนลุกขึ้นยืน

            “กูไปด้วย  ปวดฉี่”  เพลิงกัลป์ลุกขึ้นบ้าง  เดินเบียดไปตามทางเดินแคบๆ  แขนแข็งแรงแกว่งมากระทบกับลำตัวของเขาคล้ายไม่ตั้งใจ

            “จะเบียดทำไม  เดินไปก่อนเลย”  เมืองแมนหยุดเดินให้อีกฝ่ายไปก่อน

            “แค่นี้ทำเป็นบ่น”  เพลิงกัลป์พูด  “โพสเวรแท้ๆยังซ่าออกมาเที่ยวอีกนะ”

            “กูมาไหวก็เรื่องของกู”  เมืองแมนตอบ

            “เดี๋ยวถ้าป่วยอีก  กูจะหัวเราะให้ฟันหัก”

            “ตามสบาย”

            คราวนี้มือแข็งคว้าที่ต้นแขนของเขาเอาไว้  บีบแน่น

            “เดี๋ยวมึงกลับกับกู   ให้กูไปส่งตุ๊กตาก่อน”

            “กูไม่ชอบเป็นกอขอคอ  อีกอย่าง  กูมากับเต้ยก็ต้องกลับกับเค้า”  เมืองแมนพูด  ยกมือขึ้นปัดมืออีกฝ่ายออก  “อย่ามาทำแบบนี้  กูไม่ชอบ  มึงจะไม่ชอบเต้ยก็เรื่องของมึง  แต่ที่กูเห็นเต้ยมา  เขาก็นิสัยดี  น่าคบกว่ามึงเยอะ”

            “อ้อ  สรุปมึงคบกันแล้วสิ”

             อีกคนยักไหล่แทนคำตอบ

            “ไม่เชื่อกันเลยหรือไง”

            “กูก็เพิ่งรู้จักมึงพร้อมๆกับเต้ย  ทำไมกูต้องเชื่อมึงมากกว่าเต้ยด้วย”  เมืองแมนพูดเสียงเรียบ   “อย่างน้อย  เต้ยก็ไม่เคย...”  เสียงของเมืองแมนขาดหายไปในลำคอเพราะจู่ๆคนฟังก็เดินเบียดเข้ามาใกล้จนเขาต้องถอยหลังไปชนกำแพง

            “ไม่เคยอะไร?”   เสียงห้าวๆนั้นดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ระเหยออกมากับลมหายใจ  เมืองแมนเบือนหน้าหนี ยกมือขึ้นดันแผ่นอกของอีกฝ่ายที่เข้ามาใกล้เกินไป

            “มึงเมาแล้วเพลิง  ถอยออกไป  ก่อนที่กูจะต่อยมึงหน้าแหกอีก”

            “กูเกลียดเกย์”

            “กูก็เกลียดคนอย่างมึง”

            พอพูดจบ  ต่างคนต่างก็มองเมินไปคนละทาง   เพลิงกัลป์ถอยออกมาก่อนจะเดินดุ่มๆกลับออกไปทางเดิมโดยไม่แวะเข้าห้องน้ำ

            เมืองแมนมองตามหลังแล้วหมุนตัวเดินไปทางห้องน้ำเช่นเดิม

            ขากลับออกมา  เขากับเพลิงกัลป์ไม่ได้พูดอะไรกันอีก  พูดให้ถูกคือพวกเขาไม่ได้มองหน้ากันเลยด้วยซ้ำ  เต้ยเรียกเช็คบิลจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ  เมืองแมนกลับรถเต้ยเหมือนขามา

            “ทะเลาะอะไรกับเพลิงหรือเปล่า”   เต้ยถามขึ้นเมื่อขับรถมาถึงแฟลต  “หรือว่าเพราะเรื่องเรา”

            “เปล่าหรอก  เรื่องไร้สาระ”  เมืองแมนตอบ

            “ดีใจที่ได้ยินว่าเป็นเรื่องไร้สาระ”  เต้ยพูดเสียงนุ่ม  สบตาเขาผ่านกระจกมองหลังของรถ  “วันนี้สนุกหรือเปล่า”

            “ก็ดี อาหารอร่อย  ดนตรีใช้ได้”

            “วันหลังไปด้วยกันอีกไหม”

            “ถ้าว่างก็ไป”   เขาตอบทิ้งท้าย  เปิดประตูเดินลงจากรถ

            เมืองแมนสังเกตเห็นว่ารถของเพลิงกัลป์ยังไม่กลับมา  อาจเป็นเพราะว่าต้องแวะไปส่งหญิงสาวก่อน...ชายหนุ่มเบ้ปาก  เดินขึ้นแฟลตไปหยิบของใช้จำเป็นเพื่อไปค้างที่ห้องคลอดอีกคืน

            เมืองแมนนอนฟังเสียงร้องจ้าของเหล่าเด็กทารกที่เพิ่งออกจากครรภ์แม่ไปเรื่อยๆจนเผลอหลับไป   คืนนั้นเขาฝันประหลาด  ชายหนุ่มมองเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งวัยไม่เกินสองขวบวิ่งมาทางเขา   สองขาอวบป้อมนั้นก้าวผ่านตัวเขาไปยังใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง   เขาได้ยินเสียงหัวเราะกังวานใสที่เริ่มคุ้นเคยนั้นดังขึ้นปนกับเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากของเด็กน้อย

            จากนั้นเขาก็สะดุ้งตื่น   เหงื่อเม็ดใหญ่ๆผุดขึ้นเต็มแผ่นหลัง

            “ขอโทษ  พี่ปิดประตูเสียงดังไปสินะ”  เสียงทุ้มๆของอาจารย์ภาคสูติดังขึ้น  เมืองแมนหันไปมอง  เพิ่งรู้สึกว่าคืนนี้เขาไม่ได้นอนคนเดียว 

            “พี่คริส?”   เขาจำได้ว่าตารางอาจารย์ไม่ได้อยู่เวรวันนี้นี่    ถึงได้กล้ามานอนที่นี่คนเดียวเพราะรู้ว่าเพลิงกัลป์คงไม่กลับอีกตามเคย 

            อาจารย์ปิดประตูห้องเสียงเบาแทบไม่ได้ยินตามด้วยเสียงกดล็อคดังกริ๊ก

            “คืนนี้พี่อยู่เวรน่ะ  น้องนอนได้เลยนะ  ตามสบาย..”  อาจารย์คณินยิ้มมุมปาก  พูดต่อคล้ายเย้า   “ห้องนี้ไม่ว่าผีหรือคนก็เข้ามารบกวนไม่ได้หรอกนะ”

            .................................................................................

           

            มาอัพต่อนาจา  สำหรับเรื่องนี้ชั้นบอกเลยว่าแนวนี้ไม่เคยเขียน  ยากมาก555   แถมไม่ใช่แนวเบาๆจีบกันไปมาหรอกนะ  ถ้าชอบเรื่องนี้อย่าลืมเม้นท์โหวตเป็นกำลังให้ด้วยเน้อ  :katai2-1:

            ทวิต     #แฟนหมอแมน

          Melenalike


ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก ลุ้นใครมาดี ใครมาร้าย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เห็นนักเขียนแจ้งในเพจว่าเรื่องนี้จะ mpreg บอกตรงๆว่าผิดหวังนิดหน่อยเพราะไม่ได้คาดหวังเอาไว้เลยจริงๆว่าจะมาแนวนี้ ถึงนักเขียนจะบอกว่าจะลเิกอ่านก็ได้ก็เถอะ แต่มันติดไปแล้วไงชอบไปแล้วไงจะให้เลิกอ่านกลางคันมันก็ค้างคาอีกเพราะงั้นเราก็คงต้องอ่านต่อ ก็หวังว่าเรื่องนี้จะ mpreg แตกต่างจากเรื่องอื่นๆที่เราเคยอ่านมานะคะ

อ่านตอนนี้แล้วทำไมรู้สึกแปลกๆกับจารย์คริสคิดว่าจารย์แกต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับผีสาวในห้องแมนแน่ๆ แล้วที่ทิ้งท้ายไว้นี่อาจารย์ไม่ได้จะทำอะไรแมนใช่ไหมคะ กลัวแมนจะซวยจริงๆ อิตาเพลิงถึงจะโมโหแมนก็มาช่วยกันก่อนอย่าเพิ่งหนีหายไปนะเว้ย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อาจารย์คมศักดิ์พูดเหมือนรู้อะไร ส่วนอาจารย์คริสก็แปลกๆ

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
พี่คริสล๊อกห้องทำไหมคร่าาาา :m29:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อาจารย์อย่าทำอะไรเมืองแมนนะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao5:

อยากรุ้ๆๆ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
น่าติดตามค่ะ

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 จะงงงงง สงสัย และหัวโกร๋น ไปด้วยกัน
 :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อยากอ่านต่อแล้ว รออยู่นะคะ  :call: :call: :call: :hao4:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Internal love

ตอนที่ 5

We don"t grow when things are easy, we grow when we face challenges.

 

 







 

 

          “เพลิงจะกลับแล้วเหรอคะ”

            “ครับ”  ชายหนุ่มตอบรับ  ทำเป็นไม่เห็นแววเชิญชวนบางอย่างในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า   ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เขาก็คงรีบตอบรับด้วยความยินดี  “พรุ่งนี้ผมต้องราวน์เช้าแถมอยู่เวรต่อ  เดี๋ยวทำงานไม่ไหว”

            “รับผิดชอบงานดีจังเลยนะคะ”  หญิงสาวเย้า

            “เรื่องอื่นผมก็รับผิดชอบนะครับ”

            คนฟังหัวเราะเสียงใสพลิ้วไหวในบรรยากาศหน้าบ้านของเธอเอง

            “วันนี้สนุกมากเลยค่ะ  ไว้ไปอีกนะคะ”

            “บัญชามาเลยครับ  สารถีคนนี้ยินดีรับใช้”  เพลิงกัลป์ตอบกลับไป  “ไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับตุ๊กตา”

            แยกกับหญิงสาวมาได้  เพลิงกัลป์ก็รีบบึ่งรถกลับมาที่โรงพยาบาล  แต่จะถามว่าทำไมต้องรีบขนาดนั้น  เขาคงจะตอบว่า...ไม่รู้เหมือนกัน

            ห้องพักที่แฟลตเงียบสนิทบ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น   บางทีเมืองแมนรูมเมทของเขาอาจจะไปพักที่ห้องของเต้ยก็เป็นได้

            หึ....เชิญตามสบาย

            ชายหนุ่มเก็บข้าวของที่จำเป็นแล้วกลับออกมาจากแฟลตอย่างรวดเร็ว  เขายังขยาดชายกระโปรงสีน้ำเงินที่เห็นอยู่  เพลิงกัลป์กลับมาที่วอร์ดสูตินารีเวช  ที่ๆเขากับรูมเมทย้ายมาพักอยู่ชั่วคราว

            เดินเลาะเข้ามาด้านในจนถึงหน้าห้องพักแพทย์  เสียงแปลกๆก็ดังออกมาจากข้างในห้อง  มันเป็นเสียงฮือๆเหมือนคนร้องไห้สลับกับเสียงพูดคุย

            คิ้วเข้มขมวดฉับ  เอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดประตูก็พบว่ามันล็อคอยู่  เขาเลยยกมือขึ้นเคาะประตูแรงๆ

            “มีใครอยู่ข้างในมั้ยครับ  เมืองแมนอยู่หรือเปล่า”

            มีเสียงฝีเท้ามาที่ประตูห้อง  จากนั้นประตูก็เปิดออก  ร่างสูงโปร่งของอาจารย์คริสยืนอยู่ตรงนั้น 

            “อ้าว...อาจารย์อยู่เหรอครับ”  เพลิงกัลป์หลุดปาก

            “ใช่แล้ว  เข้ามาก่อนสิ”

            ชายหนุ่มก้าวขาตามเข้าไปในห้อง  ทว่าภาพร่างผอมบางที่นั่งชันเข่าปาดน้ำตาอยู่กลางเตียงทำเอาเขาชะงัก  เมืองแมนเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ยังค้างอยู่บนผิวแก้ม

            “มาแล้วเหรอ”

            เสียงสั่นๆปนสะอื้นนิดๆนั้นทำให้คนฟังใจแกว่งไปวูบ   เพลิงกัลป์ก้าวพรวดเดียวเข้าไปประชิดตัวเพื่อนร่วมห้อง  ถามเสียงแข็ง

            “เป็นอะไร  ร้องไห้ทำไม”

            อีกฝ่ายส่ายหน้า

            “เปล่า...ไม่มีอะไร”

            หางตาเห็นอาจารย์คริสออกจากห้องไปเงียบๆโดยไม่อธิบายอะไร   นั่นยิ่งทำให้เพลิงกัลป์รู้สึกร้อนรุ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   พิศดูเพื่อนก็เห็นนั่งห่อไหล่คลุมผ้าห่มขึ้นมาจนถึงคาง   นัยน์ตากลมโตนั้นมีหยาดน้ำตาคลอ

            “ไม่มีอะไรจะร้องไห้ทำไม  มึงเล่ามาเลยนะแมน”

            “กูไม่จำเป็นต้องเล่าให้มึงฟัง”

            “แมน...นี่ซีเรียสนะ  พี่คริสทำอะไรมึงหรือเปล่า”

            “อย่าคิดว่าทุกคนจะนิสัยเหมือนมึงสิเพลิงกัลป์”  เมืองแมนตอบห้วนๆ  ทำเอาคนฟังชะงัก  เพลิงกัลป์ถอยกลับมายืนตัวตรง

            “งั้นก็แล้วแต่เลย  ตามสบาย”

            ห้องเงียบไปครู่หนึ่ง  เมืองแมนเหลือบตาขึ้นมองคนที่ยืนนิ่งค้ำหัวอยู่ข้างเตียงไม่ยอมขยับนั้น  เห็นใบหน้าคมเข้มบึ้งตึง  ริมฝีปากสีสดเม้มแน่น

            “กูแค่คิดถึงคนที่บ้านขึ้นมา”   เขาเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนเสียงเบา  “พอดีพี่คริสเล่าเรื่องคุณแม่ที่ป่วยให้ฟัง  กูก็เลยสงสารแล้วก็นึกถึงแม่   แค่นั้นแหละ”   หางเสียงสะบัดเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจ

            ท่าทางของคนที่ยืนอยู่อ่อนลง  เพลิงกัลป์ลอบถอนหายใจ  ทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงอีกเตียงซึ่งอยู่ข้างกัน

            “ขี้แยฉิบ  กูก็นึกว่าอะไร”

            “นึกว่าอะไร”   เมืองแมนหันมามองอย่างคาดคั้น

            “เปล่า”  คนพูดยักไหล่  เอนตัวลงนอนเหยียดยาวบนเตียง  ทำท่าเหมือนจะหลับซะอย่างนั้น

            “จะไม่อาบน้ำก่อนรึ”  เมืองแมนถามลอยๆ

            “ไม่เคยได้ยินที่เขาบอกเหรอว่า  ถ้าใจเราสะอาด  น้ำไม่ต้องอาบก็ได้”  คนหลับตาตอบกลับมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

            “ถ้าอย่างนั้นคนบางคนคงต้องอาบวันละสามเวลา”

            “หมายถึงกูเหรอ”  เพลิงกัลป์ลืมตาขึ้น  ดึงตัวลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าคนพูดเขม็ง

            “ใครอยากรับก็รับไปสิ”

            ชายหนุ่มจุ๊ปาก  ยกนิ้วชี้หน้าเพื่อนแทนการคาดโทษ  เพลิงกัลป์ลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ  ขณะที่คนบนเตียงเอนตัวลงนอนหลับตา  รู้สึกผ่อนคลายลงกว่าเมื่อครู่นี้มาก  ไม่นานเมืองแมนก็ผล็อยหลับไปเองโดยไม่สะดุ้งตื่นเลยจนถึงเช้า 

            ............................................................................

            “มุงอะไรกันอยู่น่ะ  ว่างหรอพวกมึง”  เมืองแมนทักเพื่อนอินเทินที่นั่งล้อมวงกันอยู่ที่โต๊ะในห้องพักแพทย์  มีหวานนั่งหน้าเครียดอยู่กลางโต๊ะ

            “ไอ้หวานโดนญาติคนไข้ด่า”

            “ห้ะ?”

            “เออ  หาว่ากูตรวจแม่เขาช้า”  จากนั้นเธอก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ห้องฉุกเฉินให้ฟังอย่างละเอียด  “....คนมันก็เยอะใช่มั้ย  มีเคสหนักรีเฟอร์มารออีกสาม  เคสแดง(เคสหนัก)นอนเรียงกันอีกสี่เตียง  คนนึงก็อ้วกพุ่งออกมาเป็นเลือดสดๆเต็มเตียง  อีกคนก็หอบตัวสั่น   แถมมีเคสtraumaนอนซึมอีก  กูก็ยุ่งหัวปั่นคนเดียวต้องคอนซัลท์อาจารย์สามหน่วยพร้อมกัน  แล้วแม่ของคนไข้คนที่มาด่ากูเนี่ยก็เป็นเคสเหลือง  แกปวดท้องท้องเสียมา  ถ่ายมาแค่สอง อ้วกไปหนึ่ง  บอกว่านั่งรอมาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ตรวจ  จะให้กูทำไงวะ  งอกมือที่สี่ที่ห้าออกมาหรอ”   หวานพูดอย่างฉุนเฉียว

            “แล้วมึงทำไง  ด่ากลับเหรอ”

            “ด่าอะไรล่ะ  เวลาหายใจกูยังไม่มี  พี่พยาบาลจัดการให้”

            “ของแกยังดีหวานที่อย่างน้อยก็ยังเป็นเคสที่ควรมารพ.  ของชั้นนี่เป็นอะไรมานะคะ  ...อ่อ  เจ็บคอสามสิบนาทีก่อนมารพ.ค่ะ  นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วลมเข้าคอ  ผ่านหน้ารพ.พอดีงี้เลยห้องฉุกเฉินสักหน่อย”   เมย์เล่าบ้าง   “ปิดท้ายด้วย..ขอใบรับรองแพทย์ด้วยนะคะ  จะเอาไปลางาน  จ้า  เจ็บคอที่คอไม่แดงเลยนะจ้ะ  เพลียจริงๆ”

            “ของกูวันก่อน  มาด้วย เป็นสิวมาอาทิตย์นึง  ไม่หายเลยมารพ.  แล้วมาตอนเย็นที่กำลังยุ่งสุดๆ  พอเห็นหน้ากูนี่แบบเกือบด่าให้แล้ว”

            “คนไทยไม่เข้าใจคำว่าฉุกเฉินหรอวะ”

            “ฉุกเฉินของเค้ากับความหมายของเราอาจจะไม่เหมือนกัน”

            “กูว่าเค้าขาดความรู้เรื่องการรักษาพยาบาลตัวเองเบื้องต้น  เอะอะอะไรก็มาหาหมอๆ  เพราะเบิกได้ไม่ต้องจ่ายหรือเปล่า  ไม่ก็แค่สามสิบบาท  ถูกกว่าไปซื้อยาเอง”

            “เราว่าต้องเก็บตังค์ซะให้เข็ด  พวกที่มาสักแต่มารักษา  ขอแต่ใบรับรองแพทย์เนี่ย”   เมย์พูด  “พวกที่กินเหล้าแล้วรถล้มมาด้วย  ต้องให้จ่ายตังค์รักษาเองให้หมด  มีเงินกินเหล้าได้ก็ต้องมีเงินจ่ายค่ายา  ไม่งั้นให้พี่ตูนวิ่งจนหัวหงอกไตวาย  หรือมีสิบพี่ตูนก็หาเงินมาช่วยโรงพยาบาลไม่พอหรอก”  เธอเอ่ยถึงนักร้องชื่อดังคนหนึ่งที่ออกมาวิ่งเพื่อหาเงินบริจาคช่วยเหลือโรงพยาบาลที่ขาดทุน

            “เอาน่า...คนไข้ดีๆน่ารักก็ยังมีอีกเยอะ”   เมืองแมนปลอบใจ  “บ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก”

            “มึงก็พ่อพระเหลือเกิน”  โย่งลากเสียง 

          “อ้าว  กูผิดอีก”

            “ไม่  กูชื่นชมไง  ไปราวน์ต่อจากมันมีแต่คนไข้ชมตลอด  หมอแมนน่ารักอย่างงั้นอย่างงี้”

            เมืองแมนหัวเราะกับเสียงเล็กเสียงน้อยของเพื่อน  หลังจากนั้นวงสนทนาก็เปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องอื่น  ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับเรื่องที่กิน ที่เที่ยว

            “เงินโอนเข้าบัญชีแล้วเว้ย  พวกมึง เช็คเร็ว”  จู่ๆเพื่อนก็อุทานออกมาพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของใครหลายๆคนดังขึ้นพร้อมกัน 

            เมืองแมนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเช็คยอดบัญชีก็พบว่ามีเงินค่าเวรเดือนแรกโอนเข้ามาแล้วจริงๆ ....หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น  ดีใจที่มีรายได้เป็นของตัวเองเสียที  รู้สึกเหมือนชีวิตในวัยทำงานกำลังจะเริ่มต้น  ทั้งๆที่เริ่มมาแล้วครบหนึ่งเดือนเต็ม 

เวลาผ่านมาไวเหมือนกันแฮะ

            เขาโทรหาแม่ของตัวเอง  รอสายอยู่พักหนึ่ง  ฝ่ายนั้นก็รับ

            “ว่าไงแมน  ไม่ได้ทำงานอยู่หรอลูก”

            เมืองแมนอมยิ้ม

            “แอบแวบมาโทรหาแม่ไงครับ”

            “ไม่เอา  รบกวนเวลางานหรือเปล่าลูก”

            “คุยได้ครับแม่....แมนโอนเงินเดือนเข้าบัญชีแม่แล้วนะ  ไปเช็คหรือยัง”   พูดไปก็อดยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจไม่ได้กับเงินเดือนเดือนแรกที่เพิ่งได้รับ  “แม่อยากซื้อเครื่องปิ้งขนมปังใหม่ใช่มั้ย  เอาเงินนี้ซื้อเลย  ที่เหลือก็เก็บไว้ซื้อของที่แม่อยากได้นะ”

            “................”  แม่ของเขาเงียบไปครู่ใหญ่จนแมนนึกว่าสายขาด

            “แม่  ได้ยินหรือเปล่าครับ”

            “..ได้ยิน   ไม่มีอะไร  แม่ดีใจเฉยๆ”  เธอตอบกลับมาเสียงเครือ

            “ผมแบ่งโอนให้เมย์ด้วยนะ  เป็นค่าขนม”

            “โทรบอกน้องเลยลูก  แล้วเราก็รู้จักเก็บเงินล่ะ  อย่าใช้สุรุ่ยสุร่ายจนหมดเข้าใจมั้ย”   แม่ไม่วายกำชับเขาเสียงเข้ม   คนเป็นลูกยิ้มจนปวดแก้มไปหมด   “แค่นี้ก่อนนะแมน  ไปทำงานได้แล้ว  ไว้ว่างๆค่อยคุยกัน”

            “ครับแม่...รักแม่นะ”

            เขาวางสาย  นึกเดาได้ว่าแม่จะต้องยิ้มกว้างอยู่แน่ๆ  ความรู้สึกของการที่สามารถหาเลี้ยงตัวเอง  เป็นที่พึ่งของตัวเองได้มันดีอย่างนี้นี่เอง

            “ยืนยิ้มอะไรเหมือนคนบ้า  ถูกหวยเหรอ”  แขนหนักๆของคนที่รู้ว่าใครพาดมาที่บ่าของเขาแถมยังกดลงน้ำหนักมาอีกอย่างต้องการแกล้งกัน  เมืองแมนดันแขนออก  ตอบกลับไปเรียบๆ

            “มึงก็ถูกหวยเหมือนกันล่ะสิ  ยิ้มแก้มปริขนาดนี้”

            “คนมีตังค์ ออร่าจับไง”  เพลิงกัลป์ตอบกลับมา  “เย็นนี้ไปฉลองเงินเดือนเดือนแรกที่ไหนดี”  ฝ่ายนั้นถามต่อมา

            ความสัมพันธ์ของพวกเขานับตั้งแต่คืนนั้น  ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม....เมืองแมนรู้สึกว่ามันก็ค่อนไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่าแย่ลง  เขารู้สึกว่าถึงเพลิงกัลป์จะกวนประสาทแต่ก็ยังมีความเป็นเพื่อนที่ดี  บางครั้งออกจะระวังตัวมากเกินไปด้วยซ้ำเวลาอยู่กับเขาสองคน

            “ไปทำบุญเก้าวัดดีกว่ามั้ย”

            “เห้ย  ย้ายห้องแล้วจะไปกลัวอะไร” 

            พวกเขาเพิ่งย้ายไปอยู่ห้องใหม่ที่พี่กุลจัดหาให้มาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน  หลังจากใช้ห้องคลอดแทนบ้านพักไประยะหนึ่งจนเกรงใจอ.คริสแทบแย่   

            ...มันก็จริงอย่างที่เพลิงบอก  ห้องใหม่ของพวกเขาอยู่ชั้นล่างสุดคนละมุมตึกกับห้องเดิม  คืนแรกที่พวกเขาเข้าไปอาศัยอยู่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไรเลย  นอนหลับสบายดีมาจนถึงวันนี้ 

            “ไม่รู้สิ”  มันเป็นความรู้สึกติดค้างในใจ  คล้ายกับว่าเมืองแมนรู้ดีว่ามีใครรอเขาอยู่ที่นั่น

            “ไว้อาทิตย์หน้าล่ะกัน  อาทิตย์นี้จะพาไปขึ้นภูผาหมอก  อยากไปไหม”  เพลิงกัลป์ถามยิ้มๆ   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝ่ายนั้นรู้ว่าเขาอยากไป 

            เคยรวมทีมกับเพื่อนแต่ก็เฟลมาสองรอบเพราะเพื่อนติดเวรนู่นนี่  แถมตัวเองก็โพสเวรไปไม่ไหวอีก

            “ไม่มีเวรเหรอมึงอ่ะ”  เมืองแมนแกล้งถาม  เขารู้ดีว่าสุดสัปดาห์นี้  ทั้งเขาและเพลิงกัลป์ต่างว่างทั้งคู่

            “มี....เวรกรรมของกูอาจจะมาในรูปแบบมึงก็ได้”   ฝ่ายนั้นตอบหน้าตาย  พอคนฟังหน้าหงิก  เขาก็หัวเราะ  “พูดเล่นน่า  ซีเรียสไปได้  มึงจะชวนใครไปบ้าง  ของกูที่ชวนแล้วก็มีตุ๊กตากับโย่งที่ไปได้”

            “กูจะลองถามดู”

            “เต้ยแฟนมึงอยู่เวรเสาร์นี้”

            “แสนรู้อีก”  เมืองแมนตวัดเสียงก่อนจะแยกขึ้นอาคารไปก่อน

            “รู้ดิ”   ...เพราะมันอยู่เวร  ถึงได้ชวนอาทิตย์นี้ไงล่ะ  เพลิงกัลป์ต่อประโยคในใจ   มองตามหลังร่างผอมบางที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อยเพราะอาหารที่นี่อร่อยแถมยังมีหลากหลาย  เรียกได้ว่ากินไม่ซ้ำ

            ...คงเป็นความรู้สึกผิดตั้งแต่คืนนั้นที่ยังตกค้างในใจของเขาอยู่กระมัง...ชายหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกงเดินตามญาติคนไข้เข้าไปในลิฟต์  ...เหมือนตะกอนนอนก้นถ้วยที่หาทางกำจัดอย่างไรมันก็ยังตกค้างอยู่อย่างนั้น 

            “อ้าว  เลยยังไม่ได้คำตอบเลยว่าเย็นนี้จะไปฉลองเงินเดือนที่ไหน”  เพลิงกัลป์เพิ่งนึกขึ้นมาได้  เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมไลน์

            Mr.P:  ตกลงเย็นนี้กินอะไร

            Mr.P:  ตอบเร็วๆ  ไม่งั้นจะเลือกเองแล้วนะ

            Man:  ไม่ไปโว้ย

            Man:  อยากไปก็ไปกับแฟนเมิงนู่น

            Mr.P:  ตุ๊กตาอยู่เวรอ่ะ

            Mr.P:  กูเหงา  ไปเป็นเพื่อนกูเร็ว

            Mr.P:  นะๆ

            Mr.P:  ส่งสติกเกอร์หมีขาวทำหน้าอ้อนวอน





ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk







            ฝ่ายนั้นไม่ตอบอะไรกลับมา

            เพลิงกัลป์ผิวปากเป็นเพลงโปรด  ละเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว  ที่วอร์ดของเขามีเคสคนไข้หนักกำลังอาการแย่ลง  ชายหนุ่มเลยลืมเรื่องนัดไปเสียสนิท  เขามัวแต่คร่ำเคร่งอยู่กับการยื้อชีวิตคนไข้ตรงหน้าจากมัจจุราช

            “ครบสามสิบนาทีแล้วค่ะ  หยุดปั้ม คลำชีพจร”  เสียงคุณพยาบาลที่จับเวลาดังขึ้น

            นายแพทย์หนุ่มเป็นคนคลำชีพจรด้วยตัวเอง  เขาหวังสุดใจว่ามันจะกลับมาเต้นอีกครั้ง  แม้จะเป็นความหวังที่แสนเลือนลางก็ตาม  เพราะอาการของคนไข้หนักมากมาตั้งแต่แรกแล้ว

            “ไม่มีชีพจรครับ”  เขาพูด

            ได้ยินเสียงญาติคนไข้ที่อยู่นอกม่านกั้นปล่อยโฮเสียงดังก่อนที่เขาจะออกไปคุยเสียอีก  เพลิงกัลป์ถอนหายใจยาว  ถอดถุงมือออก  เขาสบตากับทีมแทนคำขอบคุณที่ช่วยกันเต็มที่ตลอดสามสิบนาทีที่ปั้มหัวใจ  ก่อนจะเปิดม่านเดินออกมา  ทำหน้าที่ที่เขาเกลียดที่สุด...แจ้งข่าวร้าย

            เสียงร้องไห้คร่ำครวญของญาติยังดังก้องอยู่ในหูแม้ว่าเขาจะกลับออกมาจากวอร์ดแล้วก็ตาม  เขาทำเต็มที่แล้ว...เพลิงกัลป์บอกตัวเอง  เหมือนทุกครั้งเวลาที่เขายื้อชีวิตคนไข้เอาไว้ไม่สำเร็จ

            “ทำหน้าแบกโลก  ไม่เข้ากับมึงเลยนะ” 

            เสียงทักดังขึ้นตรงหน้า  เพลิงกัลป์กระพริบตา  เพิ่งสังเกตเห็นร่างผอมๆที่ยืนแอบอยู่ตรงชานพักบันไดข้างวอร์ด

            “เหนื่อย”  เขาตอบตามตรง   เดินลงบันไดไปหา  “มารอเหรอ”

            “กะจะมาช่วย CPR แต่เห็นจบซะก่อน”

            “อืม...”  ชายหนุ่มรับคำในคอ   อีกฝ่ายตบที่ไหล่ของเขาดังป้าบ

            “หิวแล้ว   บอกจะไปฉลองเงินเดือนออกไม่ใช่หรือไง”   เมืองแมนพูดเสียงดัง   “นี่กูอุตส่าห์หิ้วท้องรอ  ไม่ไปกับพวกหวานแล้วนะ”

            คนฟังค่อยยิ้มออก

            “พวกหวานไปร้านไหน   มึงอยากไปหรือเปล่า  หรืออยากกินอะไร”  เพลิงกัลป์เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง   เมืองแมนสังเกตในใจ   เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายคงเป็นพวกติดเอาใจสาวๆก็เลยเผลอมาใช้กับเพื่อนด้วยแม้ว่าท่าทางของเจ้าตัวจะอ่อนล้าก็ตาม

            “เดี๋ยววันนี้กูขับรถให้  มึงนั่งเฉยๆพอ”   เขาตบที่บ่าแข็งตึงด้วยกล้ามเนื้อนั้นอีกรอบ

            “ครับคุณแมน  แมนฉิบหาย”

            “รู้ก็ดีแล้ว”

            เมืองแมนขับรถพาเพื่อนมากินอาหารร้านหนึ่งนอกเมืองที่เขาอยากมานานแล้วแต่ยังหาโอกาสไม่ได้  มันเป็นร้านอาหารที่มีทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง  รสชาติใช้ได้เมื่อเทียบกับร้านอื่นๆในจังหวัดนี้  แต่ถ้าพูดถึงเรื่องบรรยากาศละก็...ร้านนี้กินขาด

            “ร้านสวยมาก  เหมือนมึงพากูมาเดทเลยแมน”

            “ปากหมาแบบนี้  นั่งเฝ้ารถกูไปล่ะกันนะ”

            เพลิงกัลป์หัวเราะ  เดินตามหลังเพื่อนเข้าไปในร้านที่ตกแต่งออกมาคล้ายกระท่อมกลางสวน  เขาชอบสนามหญ้านุ่มๆและต้นไม้ร่มรื่นทันทีที่เห็น   มีโต๊ะอาหารตั้งกระจายอยู่ทั้งภายในและภายนอกร้าน  ท่ามกลางแสงไฟที่ตกแต่งเอาไว้กัลต้นไม้และหลังคาอย่างมีศิลป์

            “นั่งตรงไหนดีคะ”   หญิงสาวคนหนึ่งถามขึ้นยิ้มๆ  ท่าทางเธอไม่เหมือนบริกรในร้าน  น่าจะเป็นเจ้าของมากกว่า

            “ข้างนอกแล้วกันครับ”  เมืองแมนเป็นคนตอบ

            “ทางนู้นดีไหมคะ  มีโต๊ะว่างอยู่”  เธอเดินนำพวกเขาไปอีกทางหนึ่งที่มีโต๊ะที่จัดเอาไว้สำหรับสองที่  ข้างๆกันนั้นเป็นบ่อปลาคราฟ  ค่อนข้างเป็นส่วนตัวทีเดียว

            “ร้านสวยจังเลยครับ”  เพลิงกัลป์เป็นคนพูดขึ้น   “คุณเป็นเจ้าของหรือเปล่าครับ”   หญิงสาวผมสั้น  ใบหน้าหวานรูปหัวใจหันมายิ้มให้เขา

            “ร้านของคุณแม่ค่ะ  หนูช่วยดูแล”

            “ดีจังเลยนะครับ  แล้วร้านนี้อะไรอร่อยบ้างครับ”

            เมืองแมนไม่แปลกใจเท่าไหร่กับท่าทางของเพื่อน  สาวน้อยตรงหน้าก็หน้าตาน่ารักดี  แค่ออกจะเซ็งนิดๆที่มันหม้อทุกที่ทุกเวลาเท่านั้น 

            พวกเขาสั่งสเต็กมาคนละจาน  แล้วสั่งสลัดผลไม้เป็นจานกลาง  แน่นอนว่าเมืองแมนเป็นคนเลือก

            “สลัดผลไม้?  มึงนี่กินเหมือนผู้หญิงเลยนะ”

            “ผู้ชายกินผลไม้ไม่ได้หรือไง  หรือว่าต้องแดกแต่เบียร์เหมือนมึง”

            “วันนี้กูดื่มไวน์โว้ย  จะได้เข้ากับเนื้อ”  เพลิงกัลป์ตอบกลับ  ยกแก้วไวน์ที่บริกรเพิ่งรินให้มาชูขึ้น  “แด่เงินเดือนเดือนแรกของกูที่คงปลิวไปกับมื้อนี้เยอะเลย”

            เมืองแมนยิ้มมุมปาก  ยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง

            “แด่เงินเดือนเดือนต่อๆไป”   เขายกไวน์ขึ้นจิบ

            ลมพัดมาวูบหนึ่ง  เมืองแมนได้กลิ่นเหมือนดอกไม้ที่เคยคุ้นจมูกปนมากับสายลมด้วย  ชายหนุ่มขมวดคิ้ว  กำลังจะทักออกไป  พอดีกับที่คนตรงหน้าบ้วนไวน์ออกมาจากปาก

            “เหม็นว่ะ  นี่มันเอาไวน์ชาติไหนมาให้กินวะเนี่ย”  เพลิงกัลป์อุทาน  คายเครื่องดื่มในปากออกมาจนหมด แล้วหยิบแก้วน้ำเย็นขึ้นมาดื่มหลายอึก  “ขมปากสุด  เหม็นด้วย”

            “เหม็นอะไรของมึง  กูว่าไวน์เขาดีออกนะ  รสก็นุ่ม”  เมืองแมนจิบเครื่องดื่มของตัวเองอีกอึก  “ไม่เห็นเหม็นเลย”

            เพลิงกัลป์เอื้อมมือมาดึงแก้วของเขาไปดมแล้วยกขึ้นจิบบ้าง  จากนั้นเจ้าตัวก็คายออกมาจนหมด

            “เหม็นออก  มึงกินเข้าไปได้ไง  ดื่มไวน์เป็นป้ะเนี่ยถามจริง”

            “ดื่มเป็นดิวะ  เอ้า...เหม็นก็ไม่ต้องกิน  กูกินเอง”

            “เรียกน้องเขามาถามดีกว่า”

            เพลิงกัลป์ยกมือขึ้นเรียกหญิงสาวที่เป็นลูกเจ้าของร้านเข้ามาคุย  เธอรับไปลองดื่มดูก็บอกว่ารสชาติปกติดี  สร้างความหงุดหงิดให้กับชายหนุ่มมาก  เขาเลยเปลี่ยนไปสั่งเบียร์มาแทน

            “มึงเป็นหวัดหรือเปล่า  ต่อมรับรสก็เลยเปลี่ยน”  เมืองแมนสันนิษฐาน

            “ไม่รู้ว่ะ  สงสัยจะเป็นอย่างงั้นมั้ง” 

            เพลิงกัลป์เริ่มจะเห็นด้วยว่าตัวเองคงจะเป็นหวัด  เพราะแม้แต่เบียร์เย็นจัดที่เขาเคยดื่มประจำก็ยังรสชาติผิดเพี้ยนจนกินไม่ไหว  กลิ่นฉุนขึ้นจมูกชวนให้คลื่นไส้จนต้องตัดใจเลิกดื่มชั่วคราว

            “แต่กูไม่มีน้ำมูกเลยนะเว้ย  ทำไมกลิ่นมันเปลี่ยนวะ”  เจ้าตัวยังติดใจสงสัย

            “เดี๋ยวกูกินเอง  วางไว้นั่นแหละ”

            ตรงข้ามกับอีกฝ่ายที่กินไม่ค่อยลง  เมืองแมนกลับเจริญอาหารเป็นพิเศษ  เขาใช้มีดหั่นสเต็กเนื้อวัวที่ย่างมาแบบกำลังพอดีเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย  แกล้มด้วยเครื่องดื่มที่ช่วยส่งให้เนื้อรสชาติดีนุ่มลิ้น  ตัดกับผักสลัดที่ใส่กีวีกับสตรอเบอร์รี่รสเปรี้ยวอมหวานตัดกัน

            “ร้านนี้กูว่าไม่ผ่าน  ไม่อร่อยเลย”

            “ลิ้นไม่รับรสแล้วก็อย่าพาลดิวะ   ไม่สบายแล้วมึงอ่ะ   กูว่าอร่อยมากเลยแหละ  กินส้มมั้ย”  เขาใช้ส้อมจิ้มส้มไปวางในจานของเพื่อนให้  สงสารหรอกนะเห็นทำหน้าเซ็ง  กินอะไรก็ไม่อร่อย

            เพลิงกัลป์กินส้มเข้าไปก็มีสีหน้าดีขึ้น  หลังจากนั้นเจ้าตัวก็กวาดส้มและสตรอเบอร์รี่ในชามสลัดไปกินจนเกลี้ยง

            “มันเปรี้ยวๆ  ตัดเลี่ยนดี”  ฝ่ายนั้นพูดเมื่อเห็นเขามองมา  “สั่งอีกชามก็ได้เอ้า ...กูแย่งมึงกินใช่มั้ย”

            “อิ่มแล้ว  พอเหอะ”

            “มึงก็เลิกดื่มได้แล้ว   หน้าแดงเชียว”

            “กินไปสองแก้วเอง”  เมืองแมนบ่นอุบ  มองตามไวน์ขวดนั้นอย่างเสียดายเพราะเพื่อนขอให้เก็บกลับไป  รู้ตัวดีว่าถ้าดื่มมากกว่านี้คงจะเมา  และถ้าเขาเมา...อย่าเมาจะดีกว่า  ชายหนุ่มคิดในใจ

            คุณหมอหนุ่มล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองกับร้านทางด้านหลังที่เห็นเป็นกระท่อมเอาเก็บเอาไว้แบบที่ทำประจำเวลาเจอร้านถูกใจ  คนตรงข้ามนั่งกอดอกมองการกระทำของเขาด้วยใบหน้าติดเยาะนิดๆ

            “กูถ่ายให้เอามั้ย  ถ้ามึงจะลำบากขนาดนั้นล่ะก็”

            เมืองแมนส่งโทรศัพท์มาให้โดยไม่พูดอะไร  อีกฝ่ายก็รับมากดถ่ายให้หลายรูป

            “ยิ้มเหมือนปลาคราฟข้างหลังมึงเลย”

            “...........”   อีกฝ่ายด่ากลับมาแบบไม่ออกเสียง

            เพลิงกัลป์หัวเราะเบาๆ  ยกมือขึ้นเรียกคิดเงิน  เจ้าของร้านสาวสวยยังมาขอโทษขอโพยพวกเขาต่อเรื่องรสชาติไวน์  แต่ว่าเพลิงกัลป์ก็ตอบไปว่าเขาคงไม่ค่อยสบายเอง  ลิ้นก็เลยเพี้ยน

            “ไว้มาทานอีกนะคะ  กี้จะลดให้พิเศษสำหรับคุณหมอเลย”

            เมืองแมนเกือบจะถามแล้วว่าทำไมถึงรู้ว่าพวกเขาเป็นหมอ  แต่พอเห็นเสื้อกาวน์สั้นที่ผู้ชายข้างตัวไม่ได้ถอดก็นึกออก

            “พี่สาวกี้ก็เคยทำงานที่โรงพยาบาลค่ะ  แต่ว่านานแล้ว”

            “อ้าวหรอครับ”

            “ค่ะ...พี่ของกี้ก็เป็นหมอ”  เธอพูดยิ้มๆ   “ไว้มาอีกนะคะ”  เธอถูกลูกค้าโต๊ะอื่นเรียกเสียก่อนก็เลยผละไป

            “เลยไม่ได้ถามต่อเลยว่าพี่เธอเป็นใคร”  เมืองแมนปรารภ  “เผื่อรู้จักได้ไปขอส่วนลดมั่ง”

            ชายหนุ่มขับรถกลับมาถึงที่แฟลตแพทย์   เขาจอดรถเอาไว้ทางด้านหลังที่เป็นที่ว่างใต้ต้นปีบต้นใหญ่  พอได้กลิ่นดอกปีบที่ลอยมาตามลม   เมืองแมนก็นึกออกว่ากลิ่นที่เขาได้รับรู้ที่ร้านเมื่อครู่นี้คือกลิ่นอะไร

            “กลิ่นอะไรวะ  หอมๆ”   เพื่อนของเขาทำจมูกฟุดฟิด  คงได้กลิ่นเช่นเดียวกัน

            “ดอกปีบ”   เมืองแมนตอบ  ล็อครถเรียบร้อย   เดินเนิบๆอ้อมไปทางข้างหน้าแฟลตโดยมีอีกคนเดินตามหลังมาด้วยติดๆ

            “ไม่ๆ  มีอีกกลิ่นนึงน่ะ   หอมแปลกๆ”

            มือใหญ่รั้งคอเสื้อด้านหลังของเขาเอาไว้  จมูกโด่งก้มลงดมในระยะประชิดจนเมืองแมนรู้สึกถึงสัมผัสที่หลังคอของตนเอง  ชายหนุ่มตกใจดึงตัวออกห่าง

            “ทำอะไรของมึง”

            “กลิ่นมาจากตัวมึงอ่ะแมน”  เพลิงกัลป์ตอบกลับมา   “หอมมาก...เหมือนไวน์ที่บ่มอย่างดี  ต้องเป็นเพราะมึงดื่มเข้าไปแน่ๆ”

            “อย่ามาใกล้นะ”   เมืองแมนขู่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามาใกล้อีก

            “ขอดมอีกที   นะ...ทีเดียว  จะพิสูจน์กลิ่นเฉยๆ”  เพลิงกัลป์โอดครวญ  “กูไม่ได้จะแกล้งมึงนะ  แค่สงสัยว่ากลิ่นอะไรกันแน่   หรือมึงใส่น้ำหอม...ของยี่ห้ออะไรกูจะไปซื้อมาใส่บ้าง”

            “ไม่ได้ใส่”  แมนพูดเสียงห้วน  เดินมาจนถึงห้องของตนก็ล้วงเอากุญแจขึ้นมาไข  รู้สึกได้ว่าคนข้างหลังขยับเข้ามาใกล้กว่าปกติจนได้ยินเสียงลมหายใจ

            “ขอดมทีนึง  แล้วจะไปอาบน้ำล่ะ”

            “ประสาท!”

            เมืองแมนกระแทกเสียง  แต่ก็ไม่ได้ถอยหลบตอนที่เพลิงกัลป์ก้มหน้าลงมาแตะปลายจมูกที่หลังคอเสื้อของเขา

            “โคตรหอม  นี่มันกลิ่นอะไรวะเนี่ย”

            เขาก็อยากถามเหมือนกันว่าอีกฝ่ายป่วยจนประสาทกลับไปแล้วหรือเปล่า  ถึงมาเที่ยวดมคอเสื้อชาวบ้านเขาอยู่ได้  แถมยังมาทิ้งลมหายใจอุ่นๆเอาไว้ตรงหลังคอ  กลายเป็นสัมผัสชวนขนลุกไปอีก

            ........................................................................................

 

            มาต่อแล้วจร้า    มีใครรออ่านเรื่องนี้กันบ้างคะ

            อ่าว...ไม่มีหรอ///ปาดน้ามทาร์

          ไม่เป็นไร  อยากเขียน

            ก็ได้เขียนแล้วค่ะ

            สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะทุกคน

            #แฟนหมอแมน

            Melenalike

           

               

                :katai2-1:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

เรายังรออ่านอยู่นะ :L2:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อ่านตอนดึก ๆ มันเสียวๆ ตรงหลังคอดีแฮะ แล้วคืนนี้จะนอนหลับไหมเนี่ย  o21

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกดี มาลงบ่อยๆ ยาวๆ นะ เราขอบ

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
สรุปแล้วเรื่องนี้จะมีสิ่งลี้ลับเป็นตัวเชื่อมในเรื่องด้วยหรือเปล่า :m28:

ออฟไลน์ Pimjean

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะมีน้องแล้วเหรอ^^

ออฟไลน์ smilymoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :L1:สนุกดี ชอบมากค่ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ปกติไม่ชอบแนวผู้ชายท้องได้ คืออ่านแล้วยังไงใจก็ไม่ยอมรับสักที
แต่ที่ตามเรื่องนี้หลวมตัวอ่านมาตั้งเยอะ รู้สึกชอบมาดูอีกทีชื่อเรื่อง
เปลี่ยนมี (Mpreg) เพิ่มเข้ามาอ่ะ ไม่เป็นไรจะติดตามต่อไปจ้าาา
 :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด