#Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-  (อ่าน 223813 ครั้ง)

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีค่ะ ตอนที่ 61 มาแล้วนะคะ หลังจากตอนที่แล้วพิธานของเราโดนกระซวกแบบกู่ไม่กลับ  :katai1: เข้าใจคนอ่านค่ะ เราก็งอนนางที่เป็นแบบนั้น  :m15: ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ มีคนอ่านหลายคนตีแผ่นิสัยของพิธานได้ถึงแก่นลึกจริงๆค่ะ ขอบคุณนะคะเห็นแล้วดีใจมากที่เข้าใจในสิ่งที่เรานำเสนอ  o13

มาอ่านต่อดีกว่าค่ะ สำหรับตอนนี้หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ ตอนนี้เข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพ พกร่มและเสื้อกันฝนติดตัวกันด้วยนะคะ รัก  :กอด1: ไว้เจอกันตอนต่อไปค่ะ



+++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก

ตอนที่ 61 Misunderstand.

I should have known from the start
ฉันควรจะรู้ตั้งแต่ตอนแรกเริ่มแล้ว

If there would be a day where things would change, babe
หากวันหนึ่งจะมีสิ่งต่างๆมันเปลี่ยนไปเช่นนี้ ที่รัก

It's just I gave you my heart
มันก็แค่ฉันได้มอบหัวใจไปให้เธอหมดแล้ว

Thinking you would stay but you walk away
คิดว่าเธอจะอยู่ แต่เธอกลับเดินจากไป



“เลขาปอ!!”

        พระพายอุทานออกมาเมื่อเห็นหน้าคนที่เปิดประตู คือแฟนของอัทธ์ที่เพิ่งบอกมาเมื่อครู่นี้ เลขาปอมองอย่างงุนงงเพราะใบหน้าของพระพายตอนนี้ไม่ได้น่าดูมากมายเท่าไหร่นัก ตาที่เริ่มบวมเพราะการร้องได้ หน้าตาเปรอะเปื้อนเป็นคราบแห้งๆที่บ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มา

“อ้าว รู้จักปอด้วยเหรอ?” อัทธ์ถามขึ้น

“เข้ามาก่อน” เลขาปอชวนเข้าห้องอัทธ์จึงลากพระพายเข้าไปในห้องทันที

        พระพายที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่าไหร่ นั่งลงอย่างอ่อนแรงบนโซฟาโดยที่เลขาปอเดินเข้าไปในครัวเอาน้ำดื่มมาให้พร้อมกระดาษทิชชู่มาด้วยหนึ่งกล่อง

“ไปล้างเท้าก่อนดีไหม?” เลขาปอเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเท้าของพระพายที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก

“เอ่อ..” พระพายยังคงพูดอะไรไม่ออก เลขาปอจึงดึงไปยังห้องน้ำใกล้ครัวเพราะตอนนี้อัทธ์หายไปในห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องนอน พระพายล้างเท้าในห้องน้ำ ก่อนที่จะเดินออกมาโดยที่เลขาปอมองว่าสะอาดดีแล้วหรือยัง

“มานั่งตรงนี้”

        พระพายทำตามอย่างว่าง่ายเพราะไม่มีอารมณ์แม้แต่อยากจะขยับปากพูดอะไรออกมา ได้เห็นเลขาปอใกล้ๆมองในมุมนี้ช่างดูดีจนผู้ชายด้วยกันเองยังรู้สึกหวั่นไหวนิดๆเสียด้วยซ้ำไป พระพายมองหน้าเลขาปอที่จ้องมองมาราวกับจะถามด้วยสายตา

“ชื่อพระพาย...คุณรู้จักใครที่ชื่อพิธานบ้างรึเปล่า?” เลขาปอถามพลางขมวดคิ้ว เพียงได้ยินชื่อพิธาน พระพายก็เริ่มแสบกระบอกตาอีกครั้ง พระพายพยักหน้านิดๆเป็นคำตอบ

“คุณคือแฟนของคุณพิธานสินะ!” เลขาปอหลุดเสียงดังขึ้นมามากว่าเดิม

“...”

พระพายพูดไม่ออกจริงๆว่าตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่แฟนของพิธานอย่างที่คงตรงหน้าเข้าใจแล้ว พระพายอยากจะบอกเลขาปอว่าไม่ใช่อย่างที่คิด...เขาไม่ได้เป็นแฟนพิธานอีกแล้ว แต่ริมฝีปากหนักอึ้งจนแทบจะอ้าไม่ออก

“ผมไม่เคยได้เห็นหน้าคุณเลย รู้แค่ชื่อ ทั้งที่คุณรู้จักผม แต่ผมไม่รู้จักคุณ ผมนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ” เลขาปอตำหนิตัวเอง

“ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงมาอยู่แถวนี้..แถมสภาพแบบนี้อีก?” เลขาปอที่เพิ่งจะนึกได้ว่าต้องถามเรื่องนี้ก่อน ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องอื่นๆ

“ทะเลาะกับพิธานมารึเปล่า?” เสียงของอัทธ์ที่เดินออกมาจากห้องแล้วนั่งลงข้างๆเลขาปอ ตอบแทนพระพายได้อย่างถูกต้องชัดเจน

“อย่าบอกนะว่าใช่?” เลขาปอถามย้ำ พระพายก้มหน้าลง

“วันนี้คุณพิธานหยุดพักผ่อน ตามตารางที่ผมจัดก็เป็นแบบนั้นด้วย แล้วไปอยู่ซะที่ไหนล่ะ?” เลขาปอว่าพลางหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างๆขึ้นมา ทันใดนั้นพระพายรีบจับแขนไว้เสียก่อน

“อย่าโทร....” พระพายบอกเท่านั้น เลขาปอมองหน้าพระพาย

“ทะเลาะกันก็ต้องปรับความเข้าใจกันนะ คุณรู้ใช่ไหมถ้ามันข้ามคืนจะกลายเป็นเรื่องอื่น”

“แต่บางครั้งก็ต้องให้เวลาทบทวนกันหน่อยนะปอ” อัทธ์แย้งขึ้น

“แต่อัทธ์...คุณพิธานไม่เหมือนอัทธ์นะ รายนั้นน่ากลัวถ้าอะไรก็แล้วแต่ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ”

“กับคนแบบนั้น เฮ้อ...ก็บอกให้ลาออกมาทำงานกับผมก็ไม่เชื่อ” อัทธ์ได้ทีบ่น เพราะแฟนเขาทำงานให้พิธานหนักมากจนไม่ค่อยมีเวลาให้และไหนจะเจ้านายเป็นแบบนั้นอีก

“ปอสนุกกับงาน อีกอย่าง..คุณพิธานเป็นคนดีกว่าที่อัทธ์คิดไว้นะ” พระพายนั่งเงียบๆให้ทั้งสองคนคุยกันถึงเรื่องที่พระพายไม่อยากจะเข้าใจด้วยเท่าไหร่นัก

“คนดีที่ไหนปล่อยแฟนออกมาแบบนี้ล่ะ?” อัทธ์ตำหนิพิธานกลายๆ

“พอเถอะ...” พระพายโพล่งขึ้นออกมา

“ขอบคุณที่ชวนผมเข้ามา แต่ผมว่าผมไปดีกว่า” พระพายพูดและลุกขึ้นแต่เลขาปอดึงไว้ทัน

“อยู่ที่นี่เถอะ อย่างน้อยก็ให้ผมสบายใจว่าคุณปลอดภัยมากกว่าออกไปเดินตามถนนแบบนั้น”

“โทษทีที่พูดอะไรแบบนี้ต่อหน้า แต่พระพายเชื่อปอเถอะ อยู่ที่นี่ดีกว่า” อัทธ์เองก็เห็นด้วยกับเลขาปอ

“อย่าบอกใครได้ไหม?” พระพายเอ่ยขอกับเลขาปอ แม้รู้อยู่แก่ใจว่าพิธานคงไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนและเป็นอย่างไรแล้วก็ตามที

“ไม่บอก ผมสัญญา” เลขาปอยืนยันเช่นนั้น

“ถ้าอย่างนั้นนอนพักก่อนไหม หรือจะไปอาบน้ำก็ได้” อัทธ์ว่า

“ผมขอนอนที่โซฟาก็ได้”

“จะเอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวผมหาอะไรให้กิน” เลขาปอว่า

         เลขาปอและอัทธ์ออกไปจากห้องนั่งเล่นแล้ว ถึงตอนนั้นพระพายจึงล้มตัวลงนอนบนโซฟา รู้สึกเหนื่อยล้าไปหมดในตอนนี้ เมื่อนึกภาพตอนที่ตัวเองออกมาก็เพิ่งจะนึกได้ว่าเห็นเก้าอยู่หน้าประตู คงจะมาถึงหมาดๆและไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง รวมไปถึงพิธานเช่นเดียวกัน

        นึกๆย้อนไปแล้วก็รู้สึกได้อย่างหนึ่ง คือพิธานเหมือนกำลังจะอธิบาย คงจะอยากพูดอะไรให้ชัดเจนกว่านี้แต่สำหรับพระพายแล้วไม่ต้องพูดให้มากความไปมากกว่านี้ ในเมื่อพิธานเป็นคนตั้งใจจะอยากห่าง ไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว ความหมายมันชัดเจนขนาดนั้นจะอธิบายไปก็ป่วยการ

        พระพายนอนไปเรื่อยๆ ให้ทุกอย่างผ่านวนเข้ามาและผ่านไป ใจที่เริ่มสงบนิ่ง เริ่มตั้งสติได้มากกว่าตอนที่วิ่งออกมา เสียงแว่วๆที่อยู่ห่างออกไปราวกับเจ้าของห้องทั้งสองคนไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ทุกอย่างเริ่มกล่อมให้พระพายหลับตาลงช้าๆ ดวงตาเริ่มปิดลงและหลับไปในที่สุด...

...

        เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้เพียงว่าตอนนี้ไฟในห้องถูกเปิดสว่างแล้ว คงไม่ใช่เวลากลางวันอย่างแน่นอน ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเลขาปอนั่งอยู่ตรงเก้าอี้โซฟาตัวเล็กโดยที่ในมือกางหนังสืออยู่ สวมแว่นใสซึ่งน่าจะเป็นแว่นสายตาก้มหน้าตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ พระพายมองอยู่ครู่หนึ่งจึงเริ่มขยับตัวนิดๆก่อนที่จะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

“ตื่นแล้วเหรอ” เลขาปอเอ่ยถามทันทีที่เห็นพระพายขยับตัวขึ้นนั่ง

“ครับ” เสียงแหบนิดๆเพราะเพิ่งตื่นนอน

“น้ำหน่อยไหม?” พระพายพยักหน้ารับ เลขาปอจึงวางหนังสือลงและลุกไปหยิบน้ำดื่มขวดเล็กให้พระพายจากตู้เย็น

        พระพายรับมาดื่มไปครึ่งขวดก่อนที่จะวางมันลงบนโต๊ะ เลขาปอมองพระพายที่ยังคงดูเซื่องซึมและเห็นได้ชัดว่ากำลังเศร้าสุดกู่

“ผมไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านายกับแฟนเท่าไหร่ แต่พอจะบอกได้ไหมว่าเรื่องมันร้ายแรงขนาดไหนจนถึงต้องเดินออกมาในสภาพนี้” เลขาปอเริ่มต้นถามเรื่องราวทั้งหมด พระพายเงียบไปสักครู่ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

“ผมไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าเรื่องทุกอย่างมันน่าจะจบลงแล้ว”

“จะเลิกกันอย่างนั้นเหรอ?”

“คงจะอย่างนั้น”

“อย่างคุณพิธานน่ะเหรอจะเลิกกับคุณได้...ทั้งๆที่ออกจะให้ความสำคัญเสียขนาดนั้น” เลขาปอว่า พระพายหันมองคนที่กำลังพูดเรื่องอะไรที่พระพายไม่ค่อยเข้าใจ

“รู้ไหม คุณพิธานที่ชอบทำตัวไม่สนใจอะไร ดูร้ายกาจไม่น่าเข้าหาเมื่อสองสามปีก่อนตอนที่ผมเริ่มทำงานน่ะมันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจมากๆ จนผมท้อที่จะทำงานต่อให้เขาเลยล่ะ”

“แต่เมื่อไม่นานมานี้ จู่ๆบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไป แบบกะทันหันจนผมยังตกใจเลย จากที่เริ่มไม่สนใจใครก็เริ่มมีท่าทีที่แปลกตา ดูนุ่มนวลแม้จะไม่ยิ้มก็ตาม”

“จนในที่สุดผมก็ได้รู้ถึงเหตุผลที่เขาเปลี่ยนไป เขาบอกผมว่าคุณคือแฟนเขาหลังจากวันนั้นที่คุณโทรมาหาผม เมื่อผมเอ่ยชื่อคุณทีไร ดวงตาของเขาวิบวับจนผมยังหมั่นไส้เลย นั่นแหละผมถึงรู้จักแค่ชื่อของคุณ” เลขาปอว่าพลางนึกไปถึงพิธานที่แสดงท่าทีเช่นนั้นบ่อยๆ

        ยิ่งได้ยินแบบนั้นพระพายยิ่งรู้สึกปวดหนึบในอก เหมือนจะอยากจะร้องไห้อีกแล้ว เจ็บเหลือเกิน เจ็บที่ตอนนี้พิธานอาจจะไม่รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว สายตาที่เป็นประกายเช่นนั้นจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว มันจบไปแล้ว...

“เรื่องมันร้ายแรงจนไม่อยากจะพูดกันอีกแล้วเหรอ?” เลขาปอวกมาถามอีกครั้งหนึ่ง

“เขาเองไม่ยอมฟังเหตุผลผมซะด้วยซ้ำ” พระพายว่า

“ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจพวกคุณเท่าไหร่หรอกนะ แต่คุณรู้ใช่ไหม การที่เราจบกันโดยไม่สะสางปัญหามันจะเป็นสิ่งที่ติดค้างในใจและไม่มีวันหาย...มันจะติดหนึบในใจคุณจนรู้สึกทรมานไปนานแสนนานเลยล่ะ”

“แต่ผมไม่พร้อมจะฟังการถูกปฏิเสธซ้ำสองหรอกนะ..ครั้งเดียวก็เจ็บเกินพอแล้ว”

“เอาเถอะ ผมว่าคุณต้องใช้เวลากับตัวเองให้มากกว่านี้ ต้องมีแหละตอนที่คุณพร้อมจะจบเรื่องทุกอย่างให้มันจบลงอย่างไม่ค้างคาใจอีก”

“ขอบคุณนะ” พระพายพูดได้เพียงเท่านั้น

“หิวไหม ผมมีกับข้าวอยู่ในตู้เย็นนะ” เลขาปอถาม

“ไม่หิวเลย”

“แต่ต้องหาอะไรรองท้องสักหน่อยก็ดีนะ ขนมปังไหมดีกว่า” เลขาปอคะยั้นคะยอให้กินอยู่ดี พระพายจึงรับขนมปังทาแยมมาหนึ่งแผ่น ใส่ปากอย่างไม่รับรู้รสชาติก่อนที่จะล้มตัวนอนอีกครั้ง

“เดี๋ยวผมเอาผ้าห่มมาให้นะ” เลขาปอว่าและเดินออกไปจากตรงนั้นและกลับมาพร้อมผ้าห่ม หมอนครบชุด

“คุณอัทธ์ล่ะ?” พระพายเอ่ยถาม

“นั่งทำงานอยู่ในห้องนอน คุณพักผ่อนเถอะ ถ้ายังไม่ง่วงก็มีหนังสือตรงนั้น อ่านได้นะ” เลขาปอว่า

“ขอบคุณ”

“อย่าคิดมาก เรื่องทุกอย่างมันจะมีทางออกของมันเอง” เลขาปอบอกเช่นนั้นก่อนจะเดินกลับไปยังห้องนอน

        พระพายไม่ได้พูดอะไรออกไปหลังจากนั้น ความนิ่งเงียบโรยตัวลงอีกครั้ง ความเงียบแจ่มชัดขึ้นกว่าเมื่อตอนกลางวัน ทุกอย่างรอบตัวดูแน่นิ่งจนรู้สึกเหมือนกำลังได้ใช้ความคิดกับตัวเองอย่างจริงๆจังๆ นอนคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดเท่าที่ตัวเองจะนึกออกว่าทำอะไรลงไปทำไมพิธานถึงคิดว่าเขาทำเรื่องลับหลังหรือหักหลังอะไรทำนองนั้น

        ตั้งแต่คบกันมา พระพายไม่เคยมองใคร ไม่เคยชอบใคร ไม่แม้แต่จะคิดนอกใจหรือนอกกาย ฉะนั้นเรื่องนี้ตัดทิ้งไปได้อย่างไม่ต้องนำมาคิดไปให้มากกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ต่อไปจะเป็นเรื่องอะไร เรื่องการเงิน แน่นอนว่าพระพายไม่ได้หยิบเงินของพิธานมาใช้ นอกเสียจากพิธานจะยื่นให้ไปซื้อของกินและโดยมากพิธานจะเป็นคนจ่ายเองเสียมากกว่า น้อยครั้งที่เงินจะผ่านมือเขา อีกทั้งเขาไม่ใช่คนแบมือขอเงินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าใช่ปัญหา

        แล้วเหตุใดพิธานถึงใช้คำว่าหักหลัง มันเรื่องอะไรที่ทำร้ายความรู้สึกของพิธานขนาดนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระพายคิดทบทวนแต่ก็นึกไม่ออกว่าทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ หรือพิธานแค่อ้างมันขึ้นมาเพื่อจะเลิกกับเขาโดยไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะพิธานไม่เคยบอกเลิกใครจึงไม่อยากที่จะพูดประโยคนั้นออกมาเอง เรื่องจึงกลายเป็นเช่นนี้

        แต่กลับกันพิธานที่รู้จักไม่ใช่คนแบบนั้น เป็นคนมีน้ำใจมากพอที่จะไม่ทำเรื่องเห็นแก่ตัวเช่นนั้น หรือแท้จริงแล้วพระพายไม่รู้จักพิธานเลยสักนิด ทั้งหมดอาจจะเป็นความเข้าใจของเขาไปเองว่าพิธานไม่ใช่คนแบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งมองว่ามันไม่มีเหตุผลที่เชื่อมโยงกันได้เลย หรือจะต้องทิ้งทุกอย่าง ให้มันจบแค่ตรงนี้ เลิกกันเสียให้มันจบๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งคิดอะไรให้เครียดไปกว่านี้

        เมื่อนึกถึงคำว่าเลิกรา พระพายเริ่มดำดิ่งอีกครั้งหนึ่ง ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะมาถึงวันนี้ วันที่ต้องเลิกกันทั้งที่เข้าใจผิดเช่นนี้ ไม่ได้สะสางเรื่องราวใดๆแต่ก็ต้องจบกันทั้งอย่างนี้ จบแบบบอบช้ำมากจริงๆ

        ที่ผ่านมาไม่เอะใจเลยสักนิดว่าอะไรเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด หรือจริงๆแล้วพระพายได้รับสัญญาณมาก่อนแล้วแต่แค่ปิดหูปิดตาทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พิธานไม่ได้เปลี่ยนไป พิธานแค่งานยุ่ง นี่คือสิ่งที่พระพายบอกตัวเองมาเสมอ ทั้งที่จริงๆแล้วนั่นคือสิ่งที่กำลังบอกว่าเรื่องราวมันค่อยๆเปลี่ยนไปแล้ว พิธานไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว

        คิดมาถึงจุดนี้เริ่มรู้สึกแน่นตีขึ้นมาในอกอีกครั้ง เป็นเขาเองที่ไม่เผื่อใจและความรู้สึก ยกทุกอย่างให้พิธานไปหมด ทั้งความรู้สึก หัวใจและทุกๆอย่าง ไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องมีวันเช่นนี้ การไม่เผื่อใจรักตัวเองเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์มาก พระพายเพลี่ยงพล้ำเองที่เทหน้าตักจนหมด จนตอนนี้ไม่เหลืออะไรไว้กับตัวเลยสักอย่าง สายไปแล้วที่คิดจะมาทำอะไรตอนนี้ คงทำได้แค่เอาทุกอย่างกลับมา มารักตัวเองทำเพื่อตัวเอง แต่ยากเหลือเกินที่จะเอามันกลับมา ใบหน้าของพิธานลอยเข้ามาอีกครั้งในความคิด

             ยามเมื่อนั่งอยู่ด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน นึกถึงครั้งที่พิธานชอบนอนหนุนตัก เวลาพิธานทำกับข้าวทีไรชอบให้เขาไปยืนชิมเพื่อถามว่าชอบไหม แม้สีหน้าจะนิ่งขนาดนั้นแต่แววตาดูลุ้นระทึกเสมอว่าเขาจะชอบรสชาติที่เจ้าตัวทำหรือไม่ เคยอาบน้ำด้วยกันและโดนแกล้งด้วยสีหน้าเหมือนไม่รู้สึกสนุกทั้งๆที่เจ้าตัวออกจะยิ้มมุมปากเสมอ ทุกอย่าง ใบหน้า รอยยิ้มจางๆ แววตาที่ดูวาววับเวลาที่สบมอง ทุกอย่างมันเด่นชัดเกินไปจนพระพายไม่อาจจะทำใจยอมรับได้ว่าต้องเลิกกันแล้วจริงๆ

        น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อภาพจำยังคงไหลวนเวียน รู้ดีว่าเรื่องเพิ่งเกิด มันยากที่จะลบภาพเหล่านั้นได้ แต่ความเสียใจที่คิดว่าจะดีขึ้นกลับเปล่าเลย ยังคงเจ็บแม้จะพยายามเข้มแข็งแล้วก็ตามที พระพายนอนหลับตาไปทั้งอย่างนั้น จนน้ำตาไม่ไหลออกมาอีกแล้วแต่ความเจ็บปวดมันมากกว่าน้ำตาที่ไหลออกมาเสียอีก

        เลขาปอเดินออกมาจากห้อง มายืนมองพระพายที่น้ำตาแห้งติดใบหน้า คิ้วที่ขมวดเป็นปมทั้งที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น เจ้าตัวคงจะเสียใจจนไม่อาจจะยับยั้งมันได้ เขารู้ดีเพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยตกสภาพเดียวกันนี้ มันช่างเจ็บปวดจนแทบจะไม่อยากนึกถึง เลขาปอยืนมองอยู่สักพักใหญ่ก่อนที่จะดึงผ้าห่มให้พระพายและเดินกลับเข้าห้องไป

“พระพายเป็นไงบ้าง?” อัทธ์ถามขึ้น มือนั้นยังคงรัวแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊คอยู่

“ปอต้องทำยังไงดี?” เลขาปอถอนหายใจออกมา

“ทำอะไร?”

“เรื่องคุณพระพายกับคุณพิธานนี่ไง”

“จะต้องทำยังไงล่ะ ในเมื่อเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

“ปอคุยกับคุณพิธานดีไหม?” เลขาปอเอ่ยถามพลางหันมองหน้าอัทธ์ราวกับจะขอความเห็น

“คุยอะไรล่ะ พระพายเขาไม่อยากให้ปอบอกพิธานว่าเขาอยู่นี่ไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ใช่ แต่มันจะมีทางอื่นไหมล่ะ ที่ไม่ต้องบอกตรงๆแบบนั้น”

“เอาเถอะ รอให้พระพายดีกว่านี้สักนิด ถ้าพิธานยังรักและยังไม่อยากจบทุกอย่างลงแบบนี้ เชื่อได้เลยว่าเจ้าตัวจะดิ้นรนทำทุกวิถีทางแน่นอน”

“อืม ปอจะดูล่ะกันว่าคุณพิธานจะทำยังไงกับเรื่องนี้ นึกๆแล้วก็อยากเห็นคุณพิธานดิ้นพล่านบ้างเหมือนกัน”

“พูดซะน่ากลัว” อัทธ์หัวเราะออกมาก่อนที่จะทำงานต่อ เลขาปอหยิบหนังสือมาอ่านต่อ พลางนึกในใจว่าพิธานที่ดูเย็นชาเวลาร้อนรนจะเป็นอย่างไร ชักอยากจะเห็นเต็มแก่แล้วเหมือนกัน

        อัทธ์ที่กำลังก้มหน้าก้มตารัวนิ้วลงคีย์บอร์ดนั้น เลขาปอไม่อาจรู้ได้เลยว่ากำลังทำงานจริงหรือไม่ เพราะแท้จริงแล้วอัทธ์ไม่ได้นั่งทำงานแต่กำลังส่งข้อความทางเฟสบุ๊คไปหาใครคนหนึ่งต่างหาก คนที่น่าจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างอยู่หมัด แม้ว่าแฟนของเขาจะเป็นคนสัญญากับพระพายว่าจะไม่บอกเรื่องที่อยู่ แต่ไม่ใช่เขาเสียหน่อยที่ไปสัญญากับพระพาย ฉะนั้นการที่เขาทำเรื่องพวกนี้ก็แปลว่าไม่ได้ผิดต่อพระพายเลยสักนิด



        อัทธ์ส่งข้อความถึงใครคนนั้นอย่างสั้นๆถึงสถานการณ์ตอนนี้ และรวมถึงบอกสภาพของพระพายที่กำลังเป็นอยู่ แน่นอนว่าไม่กี่นาทีข้อความนั้นก็ได้รับการอ่านและพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว อัทธ์แอบยิ้มอยู่ในใจเมื่อได้อ่านข้อความเหล่านั้น ดูท่าเรื่องของคู่รักคู่นี้จะคลี่คลายในเร็ววันนี้แน่นอน

Lyrics: Wrong about forever by Jeff Bernat.

   





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยังอยากเห็นคนดิ้นพล่านอยู่นะ

ออฟไลน์ Sutharat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอาดิ้นมากกว่านี้หน่อยก็ดีค่ะทำอะไรคลุมเครือมาก

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
หวังว่าคนต้นเรื่องจะไม่ใช่พ่อของพิธานหรอกนะ  :เฮ้อ:
แล้วในขณะที่พระพายน้องร้องไห้อยู่พิธานล่ะอยู่สุขสบายดีไหม  :angry2:
ป.ล.ตอนต่อไปจงมา  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ต้องการตอนต่อปายยยยยยย

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :o12: :o12: :z3: :z3:   คนที่จะดิ้นพล่านตอนนี้คืือ เรา อ่ะไรท์

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครฟ่ะ เป็นคนสร้างความร้าวฉานนี้  o12

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
,น้ำตาท่วมจอกันต่อไป ตอนนี้พิธานค่าตัวแพงละเกิน มาตามลุ้นกันต่อไปใครคือคนมาช่วย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อัทธ์ส่งข้อความหาพิธานแน่ๆ อยากให้พระพายใจแข็งๆหน่อย ให้พิธานดิ้นเยอะๆ ต่อไปจะได้ไม่ทำแบบนี้อีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เอาให้แดดิ้นหน่อยดิ
แม้จะใจร้ายดับพระพายบ้าง แต่อยากเห็นคนหน้านิ่งร้อนรนบ้างอ่ะ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ใครก่อเรืองนี้....???

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ MM04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอภาคบรรยายฉากคนดิ้นด้วยค่ะ ฮา ว่าแต่ใครเป็นต้นเหตุ หรือจะเกิดจากที่พระพายช่วยเรื่องพ่อจริงๆ? :z3:

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เรื่องพ่อปะเนี่ยรอติดตามต่อนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เป็นดราม่าืี่กำลังงว่าใครเป็นคนเริ่มกันแน่​ คือที่สุดของความเข้าใจผิดจริงๆ​ ​ข้อเสียที่เราไม่ชอบและไม่เห็นด้วคือการเดินหนีออกจากห้อง​ โทษของความปากหนัก​ อยากให้ง้อคืนดียาก​ อยากเห็นคนดิ้น​  :katai2-1: :katai3:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ถ้าไม่พอใจเรื่องพ่อ มันต้องหนักหนาขนาดนั้นเลยหรอ ขนาดไม่ยอมพูดอธิบายอะไรเลย แล้วยังท่าทางเย็นชาแบบนั้นอีก
คนขอให้ช่วยเรื่องนี้คือแม่พิธานเอง แล้วพระพายก็เห็นว่าพ่อพิธานรักลูกแต่แสดงออกไม่เป็น ถ้าคืนดีกับพ่อได้มันก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ

พระพายต้องเข้มแข็ง อย่าคืนดีง่ายๆ ตอนพิธานมาง้อ บอกไปเลย
“ก็อย่างที่คุยบอก ผมว่าเราห่างกันสักพักดีกว่า”
ตามคำขอพิธานไปเลย  :laugh:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ไม่อยากให้พระพายกลับไป

ดิ้นไปสิ  ทรมานไปสิ  ขอให้กระอักความทุกข์ไปเลยยิ่งดี  ถึงจะรู้ว่าพิธานนิสัยเสียแต่เราก็รับไม่ได้จริงๆ

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีค่ะ คลานมาอัพอย่างเหนื่อยล้า  :katai5: ที่ผ่านมามีหลายเรื่องมากจริงๆ เช่น อาทิตย์ก่อนโดนรถชน  :m15:เมื่อวานเป็นวันเกิดไม่ได้ฉลองใดๆนอกจากการทำงานนอกสถานที่ที่แสนเหนื่อย  :เฮ้อ: ช่างเถอะค่ะ ชีวิตคนเรามันก็ต้องดำเนินต่อไป สู้ๆค่ะทุกคน

เอาล่ะค่ะ บ่นเรื่องตัวเองแล้วก็มาพูดถึงเรื่องนิยาย ล่าช้าตามเคยขออภัยนะคะ ตอนนี้เรื่องราวถือว่าดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วค่ะ คิดว่าอีกไม่กี่อึดใจก็จะดำเนินมาถึงตอนจบแล้วค่ะ อดทนรอกัน อย่าเพิ่งทิ้งกันไปก่อนนะคะ  :mew3: ตอนนี้ฟ้าฝนเริ่มเทลงมากมากขึ้นแล้ว ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ เช่นเคย หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า ขอบคุณทุกๆคนค่ะ  :mew1:  :bye2:

++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 62 Rising sun.


Whatever you’re facing
ไม่ว่าเธอเผชิญหน้ากับอะไรก็แล้วแต่

If your heart is breaking
หากหัวใจของเธอแหลกสลาย

There’s a promise for the ones who just hold on
สัญญาได้เลยกับคนที่ยังพยายามอยู่

Lift up your eyes and see
เงยหน้าขึ้นและมอง

The sun is rising
ตะวันกำลังจะขึ้น

The sun is rising
ดวงตะวันกำลังจะขึ้นแล้ว


        เสียงพลุดังสนั่นหวั่นไหว เป็นเสียงพลุฉลองเนื่องในเวลาเริ่มต้นปีใหม่ พระพายสะดุ้งตื่นตกใจเมื่อได้ยินสียงนั้น นี่คงเลยเวลาเที่ยงคืนแล้ว ล่วงเลยเข้าสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการ พระพายลืมตาโพลงในความมืด ทั้งๆที่ตอนนี้ เวลานี้ เขาจะต้องอยู่นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กับพิธาน ไคและเก้า ตามที่วางแผนไว้แท้ๆ แต่ทุกอย่างกลับพังหมด กลายเป็นเขาต้องมานอนจมความทุกข์มืดดำอยู่อย่างนี้ ช่างเป็นการต้อนรับปีใหม่ที่แสนเศร้าจริงๆ

        เมื่อลืมตาตื่นขนาดนี้ก็ยากที่จะนอนหลับลงแล้ว พระพายจึงนอนลืมตาอยู่อย่างนั้น รอบข้างไม่มีอะไรให้ทำนอกจากนอนนิ่งๆ จะเปิดทีวีก็ก็กลัวรบกวนเจ้าของห้อง พระพายนอนอยู่อย่างนั้นจนเริ่มชินกับความมืด ตอนนี้ไม่อยากจะคิดเรื่องของพิธานแล้ว แม้ว่าทุกอย่างมันจะยังวนเวียนอยู่ในความคิดก็ตามแต่พระพายก็ต้องข่มใจไม่ให้คิด เพราะสุดท้ายคนที่เจ็บก็คือเขาเอง คิดไปเจ็บไป คงไม่ดีกับตัวเองเท่าไหร่นัก

        นึกขึ้นได้ว่าเลขาปอบอกว่ามีหนังสือให้อ่านอยู่ พระพายจึงลุกขึ้นคลำๆไปหาสวิตซ์ไฟซึ่งกว่าจะหาเจอก็ใช้เวลานานมากเพราะไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เปิดขึ้นมาความสว่างก็เกิดขึ้นไปทั้งห้อง พระพายจึงเดินไปยังหนังสือที่วางไว้ เลือกเล่มที่ดูเหมือนเป็นวรรณกรรมของเด็ก เพราะหน้าปกลายการ์ตูนที่ดูสดใส พระพายหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับเอนตัวลงบนโซฟา เริ่มอ่านมันโดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังสือสักอย่าง แค่ไม่อยากนอนต่อในตอนนี้อีกทั้งไม่อยากคิดในเรื่องที่

        พระพายอ่านมันไปเรื่อยๆ เรื่อยๆจนในที่สุดก็ไม่ได้วางมันลง เหมือนกำลังเพลิดเพลินไปกับมันโดยไม่ทันรู้ตัว พระพายอ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากรู้ว่าเรื่องราวมันจะจบลงตรงไหนและอย่างไร

“คุณพระพาย” เสียงเรียกดังขึ้นในขณะที่พระพายกำลังอ่านหน้าสุดท้ายพอดี

“เอ่อ เปิดไฟสว่างแบบนี้ทำคุณตื่นรึเปล่า?” พระพายเอ่ยถาม

“ไม่หรอก นี่ก็จะเช้าแล้ว” เลขาปอว่า พระพายหันมองนาฬิกาถึงจะรู้ว่านี่เป็นเวลาย่ำรุ่งแล้ว

“ตื่นตอนกี่โมงล่ะ?” เลขาปอว่าพลางนั่งลงข้างๆ

“ตื่นตอนข้างนอกจุดพลุ”

“อ่า ผมนอนหลับสนิทเลย ไม่รู้สึกตัวสักนิด”  พระพายยิ้มให้นิดๆเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“ดีขึ้นไหม?” เลขาปอถาม เมื่อได้ยินแบบนั้นพระพายก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา

“ก็...ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมว่าไม่แย่เท่าเมื่อวานนะ”

“เข้มแข็งกว่าที่คิดมากเลยนะ”

“ไม่หรอก ผมยังไม่ขนาดนั้น คงต้องใช้เวลาหน่อย”

“เอาเถอะ วันนี้อยากไปไหนไหม ผมว่าจะไปวัด ไปไหว้พระเพื่อเป็นมงคลในวันปีใหม่หน่อย...ไปด้วยกันไหม?” เลขาปอเอ่ยชวน

“ไม่เป็นการรบกวนใช่ไหม?” พระพายถามอย่างกังวลนิดๆ แค่มานอนอยู่ตรงนี้ก็รู้สึกว่าได้รับความช่วยเหลือมากพอแล้ว

“ไม่เลย ผมอยากให้ไปนะ อย่างน้อยจิตใจจะได้สงบ”

“อืม ได้สิ”

“ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวจะไปเตรียมเสื้อผ้ามาให้ ถ้าใส่เสื้อผ้าผมได้ใช่ไหม?” เลขาปอถาม

“ไม่เป็นไร ใส่ได้” พระพายพยักหน้ารับ

“ขอห้านาที เดี๋ยวไปหยิบมาให้”

            พูดจบก็ลุกออกไปทันที พระพายมองตามหลังเลขาปอไป ไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าเขาจะหึงเลขาปอมาก่อน รู้สึกผิดไม่น้อยที่เคยคิดเช่นนั้นมาก่อน

            ห้านาทีอย่างที่เจ้าตัวว่า เลขาปอมาพร้อมเสื้อผ้าในมือ เป็นกางเกงลำลองขายาวแบบผูกเอวสีเทาและเสื้อยืดคอกลมสีขาวซึ่งขนาดน่าจะพอดีตัวแต่ความยาวคงยาวไปนิดหน่อย

“ขอบคุณครับ” พระพายรับมันไว้

“ไปอาบน้ำเถอะ ห้องน้ำอีกห้องว่าง เดี๋ยวผมรอห้องน้ำต่อจากอัทธ์ เสร็จแล้วจะได้ไปกันเลย”

        พระพายลุกไปอาบน้ำตามที่เลขาปอบอก ตอนนี้ในหัวไม่ค่อยคิดอะไรมากเท่าไหร่ รู้สึกว่าว่างเปล่านิดๆจะมีแค่บางจังหวะที่นึกถึงพิธานขึ้นมา รู้ดีว่าจะอย่างไรก็ไม่มีทางจะหยุดความคิดเหล่านี้ได้แต่อย่างน้อยบางช่วง บางจังหวะพระพายก็มีคิดเรื่องอื่นๆบ้าง

        อาบน้ำด้วยความไวและแต่งตัวออกมาด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวเจ้าของห้องจะรอนาน ออกมาก็พบว่าอัทธ์นั่งอยู่ตรงโซฟาแล้ว

“มอร์นิ่งพระพาย” อัทธ์ว่าพลางยิ้มให้

“ครับ” พระพายพยักหน้ารับ

“เป็นไง เมื่อคืนหลับสบายไหม?”

“ก็...ดีครับ” คงไม่กล้าบอกว่าไม่ได้นอนเท่าที่ควร

“เดี๋ยวไปวัดกันนะ ปอบอกแล้วใช่ไหม?”

“ครับ บอกแล้ว”

“รอหน่อย ปอเขาอาบน้ำแต่งตัวเร็ว เดี๋ยวก็มา”

        ใช้เวลาไม่นานอย่างที่อัทธ์บอกไว้ เลขาปอก็ออกมาและทั้งหมดจึงออกจากห้อง แน่นอนว่าพระพายที่ไม่มีแม้แต่รองเท้าก็ต้องสวมรองเท้ากีฬาของเลขาปอ เรียกได้ว่าชุดนี้ทั้งชุดนอกเหนือจากชั้นในก็เป็นของเลขาปอทั้งหมด ช่างน่ารันทดเสียจริง

        อัทธ์ขับรถออกมา ยามเช้าตรู่อีกทั้งวันปีใหม่เช่นนี้ รถราไม่มากมายไปกว่าที่คิดไว้ รู้สึกปลอดโปร่งไม่น้อยเพราะจะเห็นภาพแบบนี้ไม่กี่ครั้งในปีๆหนึ่ง พระพายนั่งตรงเบาะหลังพลางเอนตัวลง

        วันนี้เป็นวันที่หนึ่งมกราคม วันปีใหม่ที่แท้จริง วันนี้จริงๆแล้วพระพายจะต้องไปบ้านของพิธานเพื่อไปปาร์ตี้ปีใหม่ภายในครอบครัว ไม่รู้ว่าพัชชาแม่ของพิธานจะเป็นอย่างไร ถ้ารู้ว่าเขาคงจะไม่ได้ไปที่นั่นอีกแล้ว ธนิตที่ยอมใจอ่อนถึงขนาดนั้นแล้วคงผิดหวังไม่น้อยที่พระพายไม่อาจจะคบหากันได้นานกับพิธานอย่างที่ตั้งใจไว้ อีกทั้งคำปรามาสของธนิตนั้นคือความจริง...ความรักเช่นนี้ไม่อาจจะจะจีรังยั่งยืน

        รถขับออกมายังวัดที่ดูเงียบสงบ เป็นวัดเล็กๆที่ผู้คนไม่ได้คลาคล่ำเหมือนวัดดังทั่วๆไป หน้าวัดนั้นมีสังฆทานวางขาย เลขาปอกับพระพายเป็นคนลงไปซื้อ

“หน้าวัดตรงนี้เป็นสังฆทานที่ไม่เวียน ทุกอย่างใช้งานได้จริงและมีคุณภาพ ผมกับอัทธ์ชอบมาซื้อตรงนี้” เลขาปอด้วยรอยยิ้ม

“เอาสามถังนะครับ” เลขปอยื่นเงิน

“ให้ผมด้วยเหรอ?”

“ใช่ คุณไม่มีเงินติดตัวนะ อย่าลืมสิ”

“แต่มันจะดีเหรอ นี่มันของทำบุญ”

“ดีสิ อย่างน้อยมันก็เป็นบุญกุศลที่ทำให้คุณจิตใจปลอดโปร่งขึ้น ผมเองก็พลอยได้มันไปด้วย...ดูหวังผลเนอะ” เลขาปอหัวเราะ พระพายยิ้มออกมานิดๆ

            สังฆทานสามถังวางตรงเบาะหลังข้างๆพระพาย จากนั้นอัทธ์ก็ขับรถเข้าไปในวัด ตรงไปยังศาลาการเปรียญที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก โดยมีเด็กวัดเดินนำเข้าไปด้านใน ทั้งสามนั่งรอสักครู่ จากนั้นพระสงฆ์อายุมากแล้วรูปหนึ่งก็เดินมายังศาลาการเปรียญ

“โยมปอ โยมอัทธ์ มาแต่เช้าเชียว” เลขาปอ อัทธ์และพระพายจึงก้มลงกราบ

“นมัสการครับหลวงตา” เลขาปอเอ่ยขึ้นหลังจากก้มลงกราบ

“สบายดีหรือ?”

“สบายดีครับ วันนี้ปีใหม่เลยมาถวายสังฆทานและมาเยี่ยมหลวงตาด้วยครับ” อัทธ์ว่า

“แล้วนี่เพื่อนหรือ?” สายตานั้นมองมายังพระพายที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้ม

“ครับ เพื่อนพวกผมเอง” เลขาปอว่า

“อย่างนั้นก็ไปจุดธูปเทียนเสียก่อน”

            ทั้งสามคนจึงขยับตัวไปยังหน้าโต๊ะหมู่บูชาพระ เมื่อกราบเสร็จก็หันมากล่าวถวายสังฆทานต่อหน้าหลวงตา พระพายเองก็ไม่สันทัดนัก ท่องผิดบ้างถูกบ้างดำน้ำตามอัทธ์และเลขาปอไป แต่คำสวดต่าง ๆนั้นทำให้พระพายรู้สึกดีขึ้นมา เหมือนหัวใจที่แกว่งไปมาเริ่มสงบมากขึ้น การทำบุญคงจะช่วยได้อย่างที่เลขาปอบอกจริง ๆ หลวงตาสวดอานิสงค์และอะไรอีกที่พระพายไม่แน่ใจนัก จนตอนนี้มาถึงขั้นตอนประเคนสังฆทาน อัทธ์เป็นคนแรกที่ทำจากนั้นก็เป็นเลขาปอตามด้วยพระพาย เมื่อถวายเสร็จก็มาถึงสิ่งสุดท้ายที่ทำ คือการกรวดน้ำ

“ยะถา วาริวะหา...”

            หลวงตาสวดขึ้น พระพายแตะไหล่ของเลขาปอพลางเอ่ยชื่อและนามสกุลของป้าที่พระพายรักและเคารพที่สุดที่ลาลับไปแล้วรวมถึงพ่อกับแม่ด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ขอให้เจ้ากรรมนายเวรหรืออะไรก็แล้วแต่ที่พระพายจะนึกได้ ใช้เวลาไม่นานนักก็เป็นอันเสร็จสิ้น

“นี่ปัจจัยครับหลวงตา” เลขาปอยื่นซองสีขาวให้ ตอนนี้ทั้งสามคนมานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าหลวงตา

“ให้อาตมาบ่อยไปแล้ว เก็บไว้เถอะโยมปอ”

“รับเถอะครับหลวงตา ปอมีแค่หลวงตาเป็นญาติคนเดียวแล้ว ให้ปอทำในสิ่งที่ทำได้เถอะครับ”

“ดื้อตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ” หลวงตายอมรับซองปัจจัยมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

“จริงครับหลวงตา ดื้อเสมอต้นเสมอปลาย” อัทธ์เสริม

“พอเลย” ปอหันไปดุอัทธ์ที่หัวเราะถูกใจ

“ปีใหม่ ทำไมไม่ไปเที่ยวกัน” หลวงตาเอ่ยถาม

“เรื่องเที่ยวเด็ก ๆ เขาทำกัน พวกผมไม่เด็กแล้ว” เลขาปอว่า

“อายุแปดสิบแล้วหรือถึงไม่เด็ก”

“หลวงตาก็” เลขาปอหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“พี่ปอ!” เสียงเด็กวัดสองสามคนดังขึ้น

“อ้าว เด็ก ๆ อยากกินขนมกันล่ะสิ ไปๆเดี๋ยวพี่พาไปซื้อ...อัทธ์ ไปด้วยกันไหม?” เลขาปอว่าพลางลุกขึ้น

“ไปสิ พระพายนั่งคุยกับหลวงตาไปก่อนนะ” เลขาปอ พระพายได้แต่พยักหน้า

“โยมชื่ออะไร?” หลวงตาหันมาถามพระพาย หลังจากทั้งสองคนออกไปจากศาลาการเปรียญแล้ว

“พระพายครับ หลวงตา”

“พระพาย....สายลมอย่างนั้นหรือ....แต่ดูไม่โลเลเหมือนสายลมเลยนี่” หลวงตาว่าพลางยิ้ม

“ไม่จริงหรอกครับ ผมออกจะโลเลบ่อย” พระพายยิ้มนิดๆเมื่อได้ยินจากหลวงตาเช่นนั้น

“หน้าตาอมทุกข์เหลือเกิน” หลวงตาพูดขึ้น พระพายนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น

“ครับ ทุกข์จนไม่รู้จะทำยังไงดี” การยอมรับความรู้สึกตัวเองโดยง่ายก็เหมือนการระบายความรู้สึกให้มันเบาบางลงไปได้บ้าง

“โยมพระพาย.....ความทุกข์ มันก็คือความทุกข์ ถ้าไม่ยึดติดก็จะไม่ทุกข์ โยมพระพายรู้ใช่ไหม?” หลวงตาเอ่ยขึ้น

“ยากครับหลวงตา ผม...ผมปล่อยความทุกข์ไปไม่ได้” พระพายเอ่ยอย่างรู้สึกเศร้า

“การเปลี่ยนแปลงเป็นสัจจธรรมของชีวิต มันย่อมเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนหรอก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นพระพายรู้สึกความจุกแน่นในอกตีขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ราวกับหลวงตาไปกดโดนจุดเข้าอะไรสักอย่าง...คำว่านิรันดร์มันไม่มีอยู่จริง

“ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ ยามรักก็มีความสุขจนลืมไปเสียว่ามันต้องมีความทุกข์เข้ามา สุขกับทุกข์เป็นของคู่กัน แต่โปรดจำไว้ หากมีสติแล้วโยมพระพายก็จะผ่านมันไปได้ กาลเวลาจะเยียวยาและรักษาทุกอย่างให้โยมพระพายเข้มแข็งเอง มันเป็นกฎแห่งธรรมชาติ”

        คำสอนที่เรียบง่ายและเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ทำพระพายหยุดนิ่งพลางทบทวน ชีวิตคนเรามีแค่นี้จริง ๆ  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพระพายก็ต้องมีสติและประคองตัวเองให้ผ่านไปให้ได้ ทุกอย่างผ่านเข้ามาก็จะผ่านไป เวลาและสติจะนำทางให้ไปถึงฝั่งอย่างแท้จริง พระพายค่อยยิ้มอออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พระพายร้องไห้เพราะเรื่องนี้ ต่อจากวันนี้ไปจะไม่ร้องไห้ให้กับเรื่องนี้อีกแล้ว

“โยมพระพาย ให้เวลากับตัวเอง ให้เวลากับทุกอย่าง อะไรที่ไม่ใช่ของเราก็จะจากหายไปเองเมื่อหมดเวลาของมัน” พระพายพยักหน้ารับพลางเช็ดน้ำตาด้วยหลังมือ

“แต่หากเป็นคู่กันอย่างแท้จริง ก็จะไม่แคล้วกันหรอก” พระพายพยักหน้าอีกครั้งจากนั้นก็ก้มกราบหลวงตา         

“ขอบพระคุณครับหลวงตา ผมคิดอะไรได้เยอะเลยครับ”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้า พระอาทิตย์ขึ้นก็คือวันใหม่แล้ว ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เชื่อมั่นเท่านั้นก็พอ” หลวงตายิ้มให้

        จากนั้นไม่นานอัทธ์กับเลขาปอก็มา พระพายหันไปยิ้มให้ทั้งสองคน เป็นยิ้มที่เลขาปอถึงกับชะงัก นี่เป็นยิ้มแรกอย่างจริงจังที่ได้เห็นจากพระพาย

“พอยิ้มก็น่ารักขึ้นเป็นกอง” เลขาปอว่า

        ทั้งสามคนนั่งคุยกับหลวงตาสัพเพเหระอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะกราบนมัสการลาและออกจากวัดเพราะไม่อยากรบกวนเวลาของหลวงตาไปมากกว่านี้ พระพายดูแจ่มใสขึ้นหลังจากออกมากจากศาลาการเปรียญ ตอนนี้รถเคลื่อนออกไปจากวัดแล้วและน่าจะกลับไปยังคอนโดของอัทธ์

“สบายใจขึ้นไหม?” เลขาปอถาม

“มากเลย ขอบคุณครับ”

“ด้วยความยินดีครับ” เลขาปอว่า

“ไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยกลับห้องดีกว่า” อัทธ์ว่า

“ได้สิ ร้านอะไรก็ได้ เอาแถวๆนี้แหละ”

        อัทธ์จึงพามาจอดที่ร้านอาหารปักษ์ใต้ที่ติดแอร์ดูนั่งสบาย เป็นร้านที่เปิดอยู่ร้านเดียวในละแวกนี้ ทั้งสามคนนั่งลงสั่งอาหาร พระพายไม่ได้สั่งอะไรให้ทั้งสองคนเลือกที่อยากกิน แค่มานั่งกินข้าวตัวเปล่าก็น่าเกลียดมากพออยู่แล้ว

“ไม่ต้องคิดมากเรื่องเงินหรอก เดี๋ยวผมค่อยไปเอาเงินจากเจ้านายเอง” เลขาปอว่า พระพายได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกชะงักมือที่กำลังเทน้ำดื่มให้ทั้งสองคน

“ตามสบายเลย” พระพายว่าแล้วยิ้มออกมานิด ๆ

        อาหารมาวางบนโต๊ะ ทั้งสามคนกินอาหารด้วยกัน มีบ้างที่พูดคุยขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ใช้เวลาไม่นานก็อิ่มท้องแล้วกลับคอนโด ขับรถไปเพียงนิดก็ถึงคอนโดแล้ว พระพายเดินลงจากรถ พร้อมเลขาปอ ทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างในนำอัทธ์ที่เดินตามหลังมา 

“อัทธ์...” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยเรียกขึ้นมา อัทธ์หันหลังไปก็เห็นหน้าคนที่เอ่ยเรียก เลขาปอกับพระพายจึงต้องชะงักหันหลังมองว่าใครกันเป็นคนเรียกอัทธ์

“มาแล้วเหรอเพลง” พระพายที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับตาโต

“พี่เพลง!” พระพายเผลอเรียกชื่อเพลงขวัญเสียงดังว่าปกติไปนิดเพราะความตกใจ

“อัทธ์...นี่พี่สาวคุณพิธานใช่ไหม?” เลาปอเดินมากระซิบถามอัทธ์หลัวจากที่ยกมือไหว้เพลงขวัญแล้ว

“ใช่ เพลงขวัญ พี่สาวของพิธานนั่นแหละ” อัทธ์ยืนยันคำถามของแฟนตัวเอง

“พี่เพลง...สบายดีไหมครับ?” พระพายพยายามทำตัวปกติ เชื่อว่าเพลงขวัญยังไม่รู้เรื่องของเขากับพิธานแน่นอนเพราะเรื่องมันเพิ่งเกิดเมื่อวานเท่านั้น

“ไม่สบายเท่าไหร่ มีเรื่องกวนใจเยอะเลย” เพลงขวัญยิ้มแหย่เหมือนที่ชอบทำบ่อย ๆ

“ว่าแต่เราเหอะ มาทำอะไรที่นี่?” เพลงขวัญถามกลับบ้าง

“เอ่อ...ไปวัดทำบุญด้วยกันครับ”

“กับคนอื่นที่ไม่ใช่น้องชายฉันเหรอ...ยังไงล่ะเนี่ย” เพลงขวัญทำหน้าสงสัยและจับผิดพระพายอย่างเปิดเผย

“เพลง...เลิกแกล้งพระพายได้ไหม” อัทธ์ส่ายหน้า จะให้มาช่วยไม่ใช่มาทำให้พระพายรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม

“ฉันชอบต้อนผู้ร้ายปากแข็ง” เพลงขวัญว่า พระพายรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้สีหน้าของตัวเองต้องซีดลงเพราะมันรู้สึกเย็นจนตึงหน้า

“อัทธ์...อะไรยังไง” เลขาปอถาม งงมากเลยทีเดียวที่จู่ ๆพี่สาวของเจ้านายมาโผล่ที่นี่ เวลานี้ เวลาที่แฟนของน้องชายตัวเองหลบมาอยู่ที่นี่ อะไรจะบังเอิญตรงกันได้ขนาดนี้

“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า ไปกัน” เพลงขวัญเดินไปจูงมือพระพายนำหน้าไป

“รู้เหรอว่าห้องไหน” อัทธ์ถาม

“ก็เดินนำไปสิ” เพลงขวัญหันมาพูดพลางเลิกคิ้วใส่ อัทธ์ได้แต่สายหน้า

        อัทธ์จึงเดินก้าวๆเร็วนำขึ้นลิฟต์ไป ทั้งสี่คนจึงกำลังขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปยังห้องของอัทธ์ โดยที่พระพายยังคงถูกเพลงขวัญจูงมืออยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพลงขวัญมาที่นี่เพื่ออะไรและจะทำอะไรกันแน่ ได้แต่มาลุ้นเอาว่าทำไมเพลงขวัญมาอยู่ที่นี่ตรงนี้ได...

Lyric: The sun is rising by Britt Nicole.

   









ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อัทธ์เรียกเพลงขวัญมาช่วยรึเปล่า
รอตอนต่อไปค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
โอ้ย ลุ้น มันอะไรกันนนนนนน

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
พาน้องหนีๆๆๆๆ ทิ้ง​พิธานให้เฉาตายไปเล้ยยยยยย

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
กลัวใจจริงๆ ว่าจะมาทำพระพายน้ำตาร่วงก่อน พี่เพลงนี่ตัวดีเลย พวกชอบแกล้งระดับบิกบอสขนาดนี้

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
 :katai1: :katai1: :katai1:  พิธานอยู่สุขสบายดีหรือไรเฮอะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตัวช่วยมาแล้ว จะดีจะร้ายก็ลุ้นกันต่อไป
แต่แอบวังให้พระพายตัดใจนะ หลังจากฟังหลวงตาแล้ว
ดูดิคนที่จะตายน่ะพิธานรึป่าว

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ใครทำพระพายเสียใจอีกจะตบเลย :angry2:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขอตามไปนั่งฟังด้วยคนนะ  :m5:

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
โอ้ยยยยยย ลุ้นตัวยืดหมดแล้วเนี่ย
แต่...ถ้าเป็นพี่เพลงคนหน้านิ่งต้องถูกแกล้งจนหน้าเบี้ยวแน่ คึคึ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด