To...คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ในวันที่ผมจากไปแล้ว ★ ตอนพิเศษ : ลับ ★ 05/01/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: To...คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ในวันที่ผมจากไปแล้ว ★ ตอนพิเศษ : ลับ ★ 05/01/2561  (อ่าน 122709 ครั้ง)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
ทำขนาดนี้ชวนเขามาอยู่ด้วยเลยไหมจ้ะต้นสน

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ค่ะ ไม่ได้จีบเล้ยยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ pandant

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หูย เพิ่งได้เข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียวเลย ชอบมาก เขียนดี ภาษาละมุน... เราว่ กลับบ้านไปขายอ้อยน่าจะเวิร์คนะ ถ้าอ้อยกันขนาดนี้แล้ว
ถ้าหอพักมีปัญหาเรื่องเงินอีก แต่งเข้าคอนโดไปเลยค่ะ ^^

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ถ้าแบบนี้ไม่ได้จีบ แล้วถ้าเริมจีบจะขนาดไหน หวานกันไม่เกรงใจข้าวผัดเลย

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ต้นสนยังสกิลความอ่อยไม่เปลี่ยนแปลง อยากให้ปลื้มจ้บก็บอกเขาไปตรงๆสิลูก

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เริ่มอ่านเรื่องนี้ตอนอัพถึงตอนที่3 แล้วเราพึ่งกลับมาอ่านเมื่อวาน บอกเลยว่าเรารู้ว่าสนอ่ะเคะ แต่เราเชียร์ให้สนเมะมากๆเลย5555 ปลื้มแม่บ้านขนาดนี้ ถ้ามาแนวแบบสนเมะต้องการที่พึ่งพิงงี้ แล้วปลื้มก็เข้ามา(ถึงตอนแรกจะมาแบบมืดๆก็เถอะ) หลังจากนั้นพอผ่านอะไรมาด้วยกันแล้วต้นสนก็รักและติดเมี--     แค่กๆ  ขอโทษค่ะ5555  :hao7: แล้วก็มาต่อไวๆนะเราจะรอ~ :call:

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ตอนที่ 14

 
          ช่วงนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าประเทศไทยจะมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่แถวภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมถึงที่คอนโดตอนนี้ก็เช่น

          "เบื่อฝนตก" ผมบ่นระหว่างที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนโซฟาในห้องต้นสนอย่างขี้เกียจ หลังจากที่เรากินข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

          วันนี้เป็นอีกวันที่ต้นสนใช้บริการเดลิเวอรี่ให้ผมมาส่งข้าวที่ห้อง เพราะเจ้าตัวต้องรีบปั่นงานให้ทันงานออกบูธที่เล่าให้ฟังเมื่อคราวก่อน ทั้งงานลูกค้าและงานตัวเอง จนใกล้จะโดนร่างซอมบี้สิงอีกรอบ กระทั่งครีมบำรุงกับอาหารเสริมที่ซื้อให้ก็เอาไม่อยู่

          "เย็นดีจะตาย" คนที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ พูดขึ้นมา เป็นความเห็นคนละขั้วที่ตรงใจผมนิดหน่อย แต่ยังไงก็รำคาญเวลาฝนตกอยู่ดี

          วันนี้ฝนพรำตั้งแต่เย็น ก่อนจะเริ่มตกหนักหลังจากผมมาถึงห้องต้นสนได้แป๊บเดียว ตกหนักชนิดที่ว่ามืดฟ้ามัวดิน น้ำคงท่วมซอยอย่างไม่ต้องสงสัย เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมสามทุ่มกว่าแล้วผมถึงยังนอนยาวเป็นงูเหลือมอยู่ที่นี่ เพราะแค่เดินออกจากคอนโดก็คงเปียกซกทั้งตัวแม้จะมีร่มคันน้อยช่วยกำบังก็ตาม

          "ปลื้มเบื่อแล้วเหรอ" เจ้าของห้องตะโกนมาจากโต๊ะทำงาน เป็นการคุยกันที่ให้ความรู้สึกโวยวายอยู่หน่อยๆ แต่ไม่ยักน่ารำคาญเหมือนฝนที่กำลังตก

          แล้วถามว่าผมเบื่อไหม มันก็...ไม่หรอก

          "จะไปหาว่านก็ได้นะ"

          "ไล่เหรอ"

          "ไม่ได้ไล่ ก็นึกว่าเบื่อไง เราทำงานไม่มีเวลาเล่นด้วย"

          "ไม่ใช่เด็กน้อยนะถึงต้องมาเล่นด้วยตลอดเวลา"

          ได้ยินเสียงต้นสนหัวเราะกลับมา ฟังแล้วรู้สึกอารมณ์ดีจนต้องยิ้มตาม บางทีการติดฝนจนไม่ได้กลับหอก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อนัก

          ผมนอนเล่นมือถือฆ่าเวลา เปิดเข้าเฟซบุ๊กก็เจอพ่อศิลปินผู้มืดมนเพิ่งอัพเดทผลงานใหม่ เป็นรูปนักศึกษาหญิงชายยืนหันหลังอยู่ข้างกัน ระยะห่างไม่ไกลนักเพียงเอื้อมมือเล็กน้อยก็ถึง ในมือของนักศึกษาหญิงถือร่มหันหน้ามองฝ่ายชายที่มองตรงไปด้านหน้า กับฝนที่กำลังโปรยปรายจากท้องฟ้าสีครึ้ม เป็นรูปที่เข้ากับบรรยากาศช่วงนี้เสียจริง

          'ใต้ร่มแห่งรัก ฉันไม่อาจจะบอกความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้'

          จะว่าไปแล้วก็แอบเป็นแคปชั่นที่เสี่ยวอยู่หน่อยๆ

          ผมยันตัวลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหาต้นสนที่โต๊ะทำงาน จากตอนแรกที่นั่งหน้าคอมฯ ก็เปลี่ยนมานั่งวาดรูปที่โต๊ะข้างๆ เป็นขั้นตอนที่กำลังลงสีน้ำ ถาดสีกับอุปกรณ์เกี่ยวกับการวาดรูปบางชิ้นที่ผมไม่รู้จักวางอยู่เต็มโต๊ะ เยอะจนไม่กล้าเข้าไปยุ่มย่ามกลัวจะไปวุ่นวายเข้า

          "ลากเก้าอี้มานั่งดิ" ต้นสนละสายตาจากงานหันมามองผมที่ยืนดูอยู่ห่างๆ เจ้าตัวชี้ไปที่เก้าอี้โต๊ะคอมฯ แล้วออกคำสั่ง

          คนไม่มีอะไรอย่างผมก็ทำตัวแสนว่าง่ายลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ระยะห่างพอให้ไม่รบกวนต้นสนจนเกินไป นั่งมองปลายพู่กันที่แต้มสีฟ้าอ่อนละเลงแต่งแต้มสีสันลงบนกระดาษ ผมไม่ใช่คนที่ชอบศิลปะอะไรนัก ฝีมือวาดรูปเข้าขั้นแย่ แต่กลับมีสองสิ่งที่ผมชอบ

          มันคือเสียงครืดๆ ของดินสอ กับปลายพู่กันที่สะบัดพัดพลิ้วไปมา เพียงแค่มองก็เหมือนถูกสะกดจนยากจะละสายตา

          เสียงเพลงเบาๆ ที่ต้นสนเปิดคลอไว้กับความเพลิดเพลินจากปลายพู่กันทำเอาผมเคลิ้มแทบหลับ เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้สี่ทุ่ม ผมเลยลุกจากเก้าอี้ไปดูวี่แววของฝนที่หน้าต่างแต่กลับไม่ต่างจากชั่วโมงก่อนเลยสักนิด แบบนี้คงตกทั้งคืนเป็นแน่ แล้วผมจะได้กลับหอตอนไหน

          "ฝนยังไม่หยุดตกเลย" ผมกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม บ่นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายจนต้นสนหันมามอง

          "คงตกทั้งคืน"

          "สงสัยจะเป็นแบบนั้น"

          "ปลื้มจะค้างที่นี่ก็ได้นะ" ต้นสนพูดเชิญชวนด้วยรอยยิ้มก่อนกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อ

          ถ้าพูดถึงเรื่องค้างคืนมันก็ได้อยู่หรอก แต่ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้ว่านที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้ามถ้าผมจะค้างไปรบกวนมันน่าจะเหมาะกว่าหรือเปล่า

          แต่ตอนนี้ต้นสนชวนผมไม่ใช่ไอ้ว่าน เรื่องความเหมาะสมอะไรนั่นก็ช่างมันเถอะ

          "ได้เหรอ"

          "ทำไมจะไม่ได้ ก็เคยค้างแล้วนี่" ทักมาแบบนี้ทำเอาผมอยากเปลี่ยนใจ เมาแล้วเผลอหลับแบบนั้นอย่าเรียกว่าเคยค้างเลยดีกว่า

          "แล้วเสื้อผ้า"

          "ไม่เคยยืมเสื้อผ้าเพื่อนใส่เหรอ"

          คำตอบของต้นสนเหมือนอยากจะด่าผมอยู่กลายๆ เราสองคนขนาดตัวไม่ได้ต่างกันมาก ผมน่าจะสูงกว่าสักห้าเซนต์ ส่วนเรื่องความผอมบางนั้นต้นสนชนะขาด แม้ช่วงนี้จะดูอ้วนขึ้นมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อนก็ตาม

          "ค้างก็ค้าง"

          "ไม่ได้บังคับนะ"

          ผมเหลือบตามอง คำพูดผมมันเหมือนคนโดนบังคับตรงไหน แค่เกรงใจแล้วอยากให้เจ้าของห้องย้ำว่า 'ค้างสิ' ก็แค่นั้น

          "เต็มใจสุดๆ"

          ได้รับคำตอบแกมประชดประชันจากผมต้นสนก็อมยิ้ม ละสายตาออกจากกันก่อนกลับไปสนใจงานตรงหน้าที่เหมือนลงสีใกล้เสร็จแล้ว

          รูปเด็กผู้ชายที่กำลังแหวกว่ายไปกับฝูงปลาอยู่ใต้ท้องทะเล ให้ความรู้สึกอิสระ แต่ล้ำลึกและน่ากลัว

          "ปลื้มวาดรูปเป็นมั้ย" งานที่เพิ่งลงสีเสร็จถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ต้นสนเปลี่ยนเป้าหมายมาหาผม รอบนี้อยากจะทดสอบอะไรกันอีก

          "ไม่เป็นเลย"

          "จริงดิ"

          "วาดคนก้างปลาได้นะถ้าอยากดู"

          ผมเป็นคนที่ค่อนข้างไร้ฝีมือทางศิลปะ ไม่สิ เรียกว่าไร้จินตนาการด้านการวาดรูปจะดีกว่า เป็นคนที่ไม่สามารถวาดสิ่งที่คิดออกมาเป็นลายเส้นได้ แต่จินตนาการในด้านความมโนนั้นดูเหมือนว่าจะชนะเลิศ

          "ไหนลองวาดโดเรม่อนให้ดูหน่อย" ดูท่าต้นสนจะไม่เชื่อคำพูดผมสักเท่าไร

          ผมเป็นพวกทำอะไรได้หลายอย่างก็จริง ทำอาหาร เล่นดนตรี เล่นกีฬา ยกเว้นเรื่องวาดรูป แต่ในเมื่อเจ้าตัวขอมาผมก็จัดให้ รับดินสอกับกระดาษที่ต้นสนยื่นให้แล้วเริ่มลงมือ วาดหัวกลมๆ ตัวกลมๆ แขนกลมๆ ขากลมๆ สรุปคือกลมทั้งตัว เติมปาก จมูกและหนวด รวมถึงกระเป๋าหน้าท้องเป็นอันเสร็จ

          "ตัวอะไรเนี่ย" ต้นสนหัวเราะคิกคักชอบใจยกใหญ่ ผมว่ามันคงเป็นโดราเอม่อนที่น่าเกลียดที่สุดที่เจ้าตัวเคยเห็นมา

          "โดเรม่อนไง"

          "ก็น่ารักดี"

          "เป็นโดเรม่อนเวอร์ชั่นมิชลิน"

          "ยังจะเล่นอีก" ว่าแล้วต้นสนก็หัวเราะอีกรอบ จะขำง่ายอะไรขนาดนั้น

          ผมมองต้นสนหัวเราะแล้วก็เผลอยิ้มตาม รับรู้ได้เลยว่าสิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่แค่ทำให้หน้าตาหม่นหมองสดใสขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงอยากเห็นรอยยิ้มที่เจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ มันยังรวมถึงเสียงหัวเราะที่เหมือนสายลมแห่งความสุขนี้ด้วย

          ใบหน้าต้นสนยังแต้มด้วยรอยยิ้มระหว่างเก็บภาพโดราเอม่อนสุดน่าเกลียดของผมไว้ในสมุดสเก็ตซ์ภาพ มันคือช่วงพักคั่นเวลา เสร็จแล้วหนึ่งงานแต่ยังเหลืออีกหลายงานที่รออยู่ คืนนี้คงไม่พ้นนั่งทำงานจนเลยเที่ยงคืนแน่ๆ

          "ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวชุดของปลื้มเราเตรียมไว้ให้ จะอาบตอนไหนก็ตามสบายเลย ส่วนพรุ่งนี้อยากใส่ชุดอะไรก็เลือกเอา"

          พอผมพยักหน้ารับตามคำบอกต้นสนก็ลุกเดินหายเข้าไปในห้อง ทิ้งให้แขกผู้มาเยือนนั่งเคว้งคว้างอย่างไม่รู้จะทำอะไร คิดว่าจะไปนั่งดูทีวีเป็นการฆ่าเวลา แต่ยังไม่ทันได้ลุกก็ดันเหลือบไปเห็นบางอย่างที่น่าสนใจเข้า

          บนโต๊ะทำงานที่รกมากจนผมไม่กล้าหยิบจับอะไร สมุดโน้ตเอย โพสอิทเอย อุปกรณ์วาดรูปนานาชนิดๆ ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้นยังมีสมุดสเก็ตซ์ภาพหน้าปกสีเหลืองสดใสแสนสะดุดตา เป็นเล่มที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

          ผมรู้ว่าการหยิบของคนอื่นมาดูโดยไม่ได้รับอนุญาตมันเสียมารยาท แต่มือเจ้ากรรมดันไวกว่าจิตใต้สำนึกคว้ามันมาถือไว้เสียแล้ว มันก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอนั่นแหละ ทำไปก่อนแล้วค่อยมาสำนึกได้ทีหลัง ต่างกันที่ครั้งนี้ไม่ร้ายแรงนัก แค่ขอแอบดูสมุดวาดรูป หวังว่าต้นสนคงไม่โกรธ

          ผมเปิดหน้าแรกของสมุดสเก็ตซ์ดูด้วยหัวสมองที่ว่างเปล่า แต่เมื่อเห็นภาพที่ถูกวาดเอาไว้กลับมีคำถามผุดขึ้นมามากมาย คิ้วเริ่มขมวด ในหัวเริ่มวิเคราะห์

          ท่าทางแบบนี้ ลักษณะแบบนี้ สิ่งของประกอบฉาก คนที่อยู่ในรูปนี้มัน...ตัวผมเองไม่ใช่หรือไง

          หน้าที่สอง สาม สี่ ยังคงเป็นภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคย มันคล้ายกับไดอารี่ เพียงเปลี่ยนจากตัวอักษรเป็นรูปวาด บันทึกเรื่องราวตามลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่เริ่มรู้จัก เริ่มใกล้ชิด จนถึงเหตุการณ์หน้าสุดท้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

          รูปวาดที่ผมนั่งดีดกีตาร์อยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ตัวนี้

          ผมปิดสมุดสีเหลืองสดใสเล่มนี้ลงแล้ววางมันไว้ที่เดิม หัวคิ้วที่ขมวดคลายออกไปนานแล้ว แต่เป็นรอยยิ้มที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากนี่สิที่ทำยังไงก็ไม่ยอมหยุดยิ้มเสียที

          ก็แค่มีใครบางคนบันทึกเรื่องราวระหว่างกันในรูปแบบภาพวาด ไอดารี่ที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจให้ดูแต่ก็ดันไปเห็น ไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้หัวใจพองโตขนาดนี้

          มีความสุขชะมัด

 

          หลังจากอาบน้ำเสร็จผมมานอนดูทีวีที่โซฟา แต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงขาสั้นยางยืดที่ต้นสนบอกว่าใส่แล้วจะนอนหลับสบาย เป็นเครื่องแต่งกายที่ไม่ต่างกันทั้งผมและเขา แต่ต่างกันตรงที่อีกคนยังนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ที่โต๊ะทำงาน

          นอนเล่นจนเริ่มง่วง เผลอแป๊บเดียวเวลาก็ล่วงเลยมาใกล้เที่ยงคืน ผมเดินในสภาพเหมือนคนใกล้หลับไปหาต้นสน ตั้งใจว่าจะชวนอีกฝ่ายเข้านอน แต่เจ้าตัวคงไม่ยอมง่ายๆ

          ผมยืนมองงานที่ต้นสนกำลังทำอยู่ในคอมพิวเตอร์ มันเป็นการ์ตูนสี่ช่องที่ผมไม่รู้ว่าเจ้าตัวเขียนขึ้นเองหรือรับทำแก๊กให้ใคร ถึงอย่างนั้นก็อยากจะกวน เลยแกล้งชวนคุยให้อีกคนละความสนใจออกจากงาน

          "ทำอะไรอยู่"

          "การ์ตูนสี่ช่อง ว่าจะใส่ลงในแฟนบุ๊ค" ต้นสนตอบโดยที่ไม่หันมามองผม สายตาจดจ่ออยู่กับการทำงาน ทำให้การก่อกวนของผมล้มเหลว

          "เอาไปขายที่งานด้วยเหรอ"

          "ถูกต้อง"

          "ไหนบอกจะขายแค่โปสการ์ดอันเก่า"

          "ก็มันอยากทำอ่ะ" ตอบเสียงเล็กเสียงน้อยในขณะที่มือยังขยับเมาส์ไม่หยุด

          "แล้วใกล้เสร็จยัง" ได้ยินคำถามนี้ต้นสนก็หันกลับมามองผม เจ้าตัวยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยออกมา

          "ถ้าง่วงปลื้มไปนอนก่อนก็ได้นะ"

          นั่นไง ผมเดาผิดที่ไหน ลองให้ตั้งใจขนาดนี้คงไม่ยอมทำตามที่ผมบอกง่ายๆ แน่

          "พรุ่งนี้ไม่กลับบ้านเหรอ"

          "กลับๆ"

          "กี่โมง"

          "เจ็ดโมงมั้ง"

          "แล้วจะนอนกี่โมง"

          "นอนสักตีสองตีสามตื่นหกโมงก็ได้"

          "ได้นอนแค่แป๊บเดียวเอง"

          "เยอะแล้ว"

          "มันพอที่ไหน ต้องขับรถกลับเองอีก"

          "แค่นี้สบายมาก"

          ต้นสนเถียงคำไม่ตกฟากจนผมหมดคำจะหว่านล้อม ยอมใช้ครีมบำรุงยอมกินวิตามินก็จริงแต่ถ้ายังนอนน้อยแบบนี้มันย่อมไม่เป็นผลดีต่อร่างกายอยู่ดี แล้วที่ว่าจะนอนตีสอง จะทำจริงอย่างที่บอกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดีไม่ดีทำงานจนเพลินเลยไปยันหกโมงเช้า

          "ให้ถึงเที่ยงคืน" ผมยื่นคำขาด อย่างน้อยต้องได้สักหกชั่วโมง

          "ไม่เอาน่าปลื้ม"

          "เดี๋ยวก็เพลียอีก เกิดวูบขึ้นมาจะทำไง"

          "ไม่เป็นไรหรอกน่า"

          "ถ้าไม่ยอมดีๆ จะบังคับนะ" ผมยื่นคำขาดก่อกวนแบบสุดกำลังจนต้นสนหันมาอ้าปากค้างใส่

          เข้าใจว่าทำตัวไร้เหตุผลมาขัดขวางการทำงานแบบนี้มันไม่ดี แต่เพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์ที่เสี่ยงต่อชีวิตมาแล้ว สภาพตอนนี้ก็ใช่ว่าจะสู้ดีสักเท่าไร ยิ่งฝืนไปยิ่งมีแต่แย่ การโหมงานหนักแล้วคิดว่าค่อยพักผ่อนทีเดียวมันไม่ส่งผลดีต่อร่างกายเลยสักนิด

          "บังคับยังไงอ่ะ จะแบกไปนอนเหรอ"

          "อย่าคิดว่าจะอุ้มไม่ไหว" ตัวผอมกะหร่องแบบนี้หนักถึงห้าสิบกิโลหรือเปล่าก็ไม่รู้

          "ไม่เป็นแบบนี้ดิ เดี๋ยวมันเสร็จไม่ทัน" ต้นสนเริ่มใช้น้ำเสียงงอแงเข้าสู้ แต่ผมไม่ใช่คนที่แพ้ลูกอ้อนคนดื้อแบบนี้หรอก

          "ก็บอกแล้วว่าให้ถึงแค่เที่ยงคืน"

          "ตีหนึ่ง"

          "ไม่"

          "เที่ยงคืนสี่สิบห้า"

          "ไม่"

          "ครึ่งก็ได้"

          "ไม่"

          "โหยปลื้ม"

          "ถ้าไม่ยอมไปนอนจะจูบแล้วนะ" ผมที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก้มลงไปค้ำโต๊ะคอมฯ ไว้ทำให้ต้นสนถูกขังไว้ในวงแขน

          คำขู่ที่ลั่นวาจาออกไปโดยไม่ผ่านกระบวนการคิดทำเอาต้นสนเงียบกริบไม่เถียงต่อ ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าไรว่าตัวเองจะพูดแบบนี้ออกไป เราสบตากันนิ่ง แต่กลับเป็นผมเองที่รู้สึกหวั่นไหว หวั่นใจกลัวว่าคำที่พูดไปนั้นจะทำให้คนฟังคิดไปในทางที่ไม่ดีหรือเปล่า ปากอยากจะแก้ตัวว่าล้อเล่นแล้วผละออกมาหากแต่มันช้าไป

          "ถ้าจูบแล้วจะยอมให้ทำต่อใช่มั้ย"

          คำถามที่เหมือนเด็กช่างสงสัยทำเอาผมตอบไม่ถูก ก้อนเนื้อใจอกขยับเต้นเป็นจังหวะเร็วขึ้น ไม่ยอมตอบรับหรือปฏิเสธ จนเมื่ออีกฝ่ายหลับตาลงความคิดทั้งหมดก็เหมือนถูกปิดสวิตช์

          หนึ่ง...

          สัมผัสได้ถึงความนุ่มและหอมกลิ่นแอปเปิ้ล

          สอง...

          ชวนฝัน จนอยากจะสัมผัสให้ลึกกว่านี้สักนิด

          สาม...

          แต่แล้วทุกอย่างมันก็จางหายไป

          "ขอทำงานอีกหนึ่งชั่งโมงนะ แล้วจะรีบตามไปนอน" เสียงอ้อมแอ้มดึงให้ผมหลุดออกจากภวังค์แล้วเปิดเปลือกตาขึ้น

          ต้นสนกลับไปทำงานต่อแล้ว ผมเลยยืดตัวขึ้นยืนตรงแล้วเกาต้นคออย่างเก้อๆ รู้สึกหน้าร้อนนิดๆ ไม่รู้ว่าอีกคนจะเป็นเหมือนกันไหมเพราะใช้โอกาสช่วงที่ผมกำลังเคลิ้มหนีหลบหน้าไปก่อน

          "ไปนอนแล้วนะ" บอกเพียงเท่านี้ผมก็หมุนตัวเดินเข้าห้องนอน แต่ยังไม่วายแอบหันไปมองคนที่เอาแต่นั่งจ้องจอคอมจนตัวเกร็งไปหมด

          จะว่าไปแล้วลิปบาล์มกลิ่นแอปเปิ้ลนั่นมันก็หวานดีเหมือนกันแฮะ แต่สามวินาทีกับหนึ่งชั่วโมงที่ต่อรอง

          มัน...ไม่ขี้โกงไปหน่อยเหรอ

 

          แรงขยับยุกยิกข้างตัวปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาแม้จะยังหลับไม่เต็มตานัก จะเรียกว่าหลับๆ ตื่นๆ ก็คงได้ เพราะมัวแต่พะวงเรื่องเวลานอนของเจ้าของห้องที่กำลังมุดตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มเลยหลับไม่สนิทเสียที การขอต่อเวลาหนึ่งชั่วโมงแลกกับจูบแบบผิวเผินเพียงสามวินาที หวังว่าคงไม่ฉวยโอกาสต่อเวลาเพิ่มตอนที่ผมหนีมานอนหรอกนะ

          "กี่โมงแล้ว" ผมถามงัวเงีย ลืมตามองแบบไม่เต็มตื่น ผงกหัวขึ้นมาท่ามกลางความมืดที่แทบไม่เห็นอะไรเลยก่อนทิ้งหัวลงกับหมอนเหมือนเดิม

          "ตีหนึ่ง"

          "แน่เหรอ" บอกก่อนว่าผมไม่เชื่อ ทำท่าจะคว้ามือถือมาเปิดดูเวลาแต่ต้นสนสารภาพออกมาก่อน

          "เลยมายี่สิบนาทีเอง"

          "ตั้งยี่สิบนาที"

          "ไม่ต้องบ่นแล้ว นอนๆ"

          ถ้าผมลืมตาได้เต็มตื่นกว่านี้ หรือไฟในห้องยังเปิดสว่างอยู่เดาได้เลยว่าต้องเห็นรอยยิ้มขำกับคำบ่นเหมือนคนแก่ของผมแน่ๆ แต่พอคิดดูแล้วมันก็น่าบ่นจริงๆ สัญญาไม่เป็นสัญญาเลย ไว้ใจไม่ได้

          "เลยมายี่สิบนาทีเลยนะ" ผมยังย้ำคำเดิม จะย้ำจนกว่าเจ้าตัวจะบอกว่า 'จะไม่ทำอีกแล้ว'

          "นอนๆ"

          "ยี่สิบนาที"

          "บ่นจนเลยมาสามสิบนาทีแล้ว"

          "สามสิบนาที"

          "ละเมออยู่ป่ะเนี่ย"

          นอนหลับตาพูดแบบนี้ก็คงคล้ายคนละเมออยู่หรอก ใจจริงผมอยากจะลุกขึ้นมานั่งบ่นด้วยซ้ำ แต่ความง่วงมันเกินจะต้านทานได้ เลยได้แต่พูดว่า...

          "สามสิบนาที"

          คราวนี้ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่เป็นกลิ่นหอมของแอปเปิ้ลกับความรู้สึกนุ่มๆ ที่ริมฝีปาก แผ่วเบาหากแต่เนิ่นนานจนนึกขัดใจ อยากได้สัมผัสที่แนบแน่นกว่านี้อีกสักนิด อยากลิ้มรสชาติความหวานมากกว่านี้อีกสักหน่อย แต่พอคิดว่าจะตอบสนองกลับไปบ้างความรู้สึกดีทั้งหมดก็พลันหายไป

          น่าเสียดายชะมัด

          "ใช้คืนให้แล้วนะยี่สิบนาทีที่เกินมา" น้ำเสียงแผ่วเบากระซิบข้างหู

          ผมได้แต่ครางรับงึมงำแล้วทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

          มันคล้ายกับความฝัน เป็นฝันดีที่ไม่อยากตื่น หรือบางทีผมอาจจะฝันอยู่จริงๆ ก็ได้

 

TBC

 

ช่วงนี้ฝนตกบ่อยก็เลยอยู่แต่ในห้อง เบื่อกันหรือเปล่า  :hao3:

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ อ่านคอมเม้นต์เจออ้อยเยอะมาก ฮา

เจอกันตอนหน้าค่าาา


ออฟไลน์ a.amyw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ยยยน่ารักกกกก ปลื้มใกล้จะรุกเต็มที่แล้วใช่ป้ะ รู้ว่าต้นสนมีใจให้แล้วหนิ ส่วนต้นสนรายนี้รุกจัดเต็มสุด ควรได้รางวัลนายเอกขี้อ่อยแห่งปี5555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ต้นสนลูก หนูไม่หวงตัวเลยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ต้นสนยังคงรุกอย่างต่อเนื่อง 5555555

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ชอบความใส่ใจของปลื้มถึงแม้จะขี้บ่นแต่ปลื้มเขาห่วงไง และชอบความอ่อยของต้นสนซึ่งขยันอ่อยจริงๆ ว่าแต่จูบกันเนี่ยตกลงเป็นอะไรกันคะ หืม?

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
โอ้ยย.  ทั้งหมัน ทั้งอิจ ไปเลยค่ะ

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ตอนที่ 15


          อย่างกับความฝัน

          ผมตื่นขึ้นมาในห้อง 403 อีกครั้งหลังจากเคยมาทำเรื่องไว้เมื่อคราวก่อน แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ที่นอนนุ่มๆ ผ้าห่มหอมๆ อากาศเย็นฉ่ำที่สัมผัสไม่ได้ในห้องเช่าราคาถูก รวมถึงหมอนข้างชนิดพิเศษที่ยังหลับอุตุคล้ายกำลังฝันดี

          ผมดึงผ้าห่มที่กองอยู่ตรงเอวให้ขึ้นมาคลุมไหล่ ไม่รู้ว่าเปิดแอร์ไว้กี่องศาเจ้าของห้องถึงได้ขดตัวงอเหมือนกุ้งคล้ายลูกแมวซุกหาไออุ่น เตียงขนาดคิงไซซ์เลยเหลือพื้นที่กว้างเป็นวาให้กลิ้งเล่นสบาย สองร่างนอนเบียดชิดเทมาทางฝั่งหนึ่งของเตียง ถ้าหากลองขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ปลายจมูกของเราคงได้สัมผัสกัน

          หอมกลิ่นแอปเปิ้ล

          ไม่รู้ว่ามาจากริมฝีปากคนที่ยังนอนหลับตาพริ้มหรือจากริมฝีปากตัวเองกันแน่ ความอุ่นที่สัมผัสยังติดตรึง กับกลิ่นที่ติดอยู่ปลายจมูก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงกล้าโพล่งอะไรออกไปแบบนั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าพอใจเสียยิ่งกว่าอะไร

          เริ่มติดใจ เลือกไม่ถูกเหมือนกันว่าติดใจอะไร สัมผัส กลิ่น ความนุ่ม ความอบอุ่น หรือทั้งหมด คิดแล้วชักจะสับสนเข้าไปทุกที

          ผมยกมือเกลี่ยผมที่ปรกดวงตาหมีแพนด้านั่นออกเบาๆ มันยังดำคล้ำทั้งที่ใช้ครีมบำรุง หรือบางทีถุงใต้ตาสีคล้ำนี่อาจจะเป็นมาตั้งแต่กำเนิดก็ได้ เพราะดูแลยังไงมันก็ยังคล้ำเสมอต้นเสมอปลายอยู่ดี

          ปล่อยเวลาให้ผมเพ้อฝันกับความฝันในคืนที่ผ่านได้ไม่ทันไรเจ้าของดวงตาหม่นหมองก็ลืมตาขึ้น สีหน้ายังงัวเงียต้องใช้เวลาตั้งสติสักพักก่อนเจ้าตัวจะส่งยิ้มมาให้กัน ในระยะที่ค่อนข้างเป็นอันตรายต่อหัวใจ

          อย่างกับผมโดนความมืดมนของกลิ่นแอปเปิ้ลครอบงำไปเสียแล้ว

          "ตื่นนานแล้วเหรอ" น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยถาม ตัวขยับยุกยิกอยู่ใต้ผ้าห่มก่อนหลับตาลงอีกครั้งเหมือนคนไม่อยากตื่น

          "วันนี้จะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ"

          "อื้ม" เสียงงึมงำตอบกลับมาเหมือนเด็กที่โดนแม่ปลุกให้ไปโรงเรียน

          วันนี้เป็นวันเสาร์ ปกติต้นสนจะกลับบ้านที่อยู่อีกฝั่งของกรุงเทพฯ ขนงานกลับไปทำเป็นกะตั๊กและกลับมาพร้อมรอยแผลตามตัวจากการโดนหมาแมวข่วน ส่วนผมเองก็มีภารกิจสำคัญอย่างงานที่ร้านป้านก เข้างานตอนสิบเอ็ดโมงเลิกสองทุ่ม แต่ป่านนี้จะเก้าโมงแล้วยังนอนเอื่อยเฉื่อยกันอยู่เลย

          "ลุกได้แล้ว ไปอาบน้ำ" สั่งแต่ปากตัวไม่ขยับ แถมน้ำเสียงยังอ่อนหวานอย่างกับจะบอกว่า 'นอนต่อเถอะ' อะไรประมาณนั้น

          "ขออีกนิดนะ"

          "จะเก้าโมงแล้ว"

          "ไม่เป็นไรหรอก"

          ตาปรือๆ ลืมขึ้นมองกันก่อนริมฝีปากที่ยังได้กลิ่นแอปเปิ้ลอ่อนๆ จะยกยิ้มบางๆ และคำที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นก็ทำให้ผมยอมสยบราบคาบ ไม่ปริปากเร่งเร้าหรือเถียงอะไรออกมาอีกเลย

          "ขออยู่ด้วยกันอีกนิดนะ"

 

          กว่าจะเยื้องย่างลงจากเตียงก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมง ต้นสนไม่ได้หลับต่อ ผมเองก็เหมือนกัน เราใช้เวลาไปกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่พบเจอมาในแต่ละวัน เรื่องราวแสนธรรมดาทั่วไปแต่กลับสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้

เพราะมันคือเรื่องราวที่ทำให้เรามีความสุข

          ชุดที่ต้นสนใส่กลับบ้านวันนี้ผมเป็นคนเลือก เสื้อแขนยาวกับกางเกงยีนส์ตัวหนา ชุดที่เจ้าตัวบ่นว่ามันไม่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนๆ อย่างประเทศไทยเอาเสียเลย แต่ใครสน ช่วงนี้ฝนตกบ่อยอากาศหนาวจะตาย อีกอย่างเดือนหน้าจะเข้าฤดูหนาวซึ่งจะหนาวอย่างชื่อหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เหตุผลหลักที่ผมเลือกชุดนี้คือป้องกันกรงเล็บกรงเขี้ยวของสัตว์หน้าขนทั้งหลาย ถ้ามันจะดีใจแบบร่าเริงเกินเหตุจนทำเจ้าของเป็นรอยได้อีกก็ลองดู

          ต้นสนขับรถมาส่งผมที่บ้านป้านกตอนใกล้สิบเอ็ดโมง ทั้งที่ปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีกเพราะระยะทางไม่ได้ไกลจากคอนโดเท่าไรแต่เจ้าตัวก็ยังดื้อที่จะมาส่งให้ได้ ทำตัวเป็นคุณหนูจอมเอาแต่ใจได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

          "ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วยนะ" ผมสั่งพลางสะพายกระเป๋าเตรียมลงจากรถ แต่ดูเหมือนจะลืมอะไรไปบางอย่าง

          "เรามีไลน์กันด้วยเหรอ"

          นี่แหละที่ผมลืม เรามีเบอร์กันก็จริงแต่ผมปิดรับเพื่อนอัตโนมัติไว้ ที่ผ่านมาก็คุยกันทางข้อความส่วนตัวในทวิตเตอร์ตลอด

          "ลืม"

          "แล้วไม่คิดจะให้เหรอ"

          "ไลน์อ่ะนะ"

          "อืม"

          "คุยเดมนั่นแหละ"

          ผมเว้นจังหวะไว้มองคนที่โดนปฏิเสธยู่หน้าหมองๆ ใส่แล้วอดยกมือยีผมที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งกว่าเดิมไม่ได้

          "ในเดมมีแค่ต้นสนคนเดียว คุยในนั้นแหละดีแล้ว ไปนะ อย่าลืมทักมาด้วย" พูดจบผมก็เปิดประตูลงจากรถ ปิดประตูได้ค่อยโบกมือลา แต่ต้นสนกลับเลื่อนกระจกลงแล้วชะโงกหน้ามาหา

          "เจอกันวันจันทร์"

          พอพูดถึงวันจันทร์ก็ทำให้ผมนึกอะไรออกอีกเรื่อง เป็นคำสั่งที่ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่เคยได้ผลสักที

          "อย่าให้เห็นแผลเพิ่มอีกนะ"

          โดนสั่งด้วยประโยคซ้ำๆ ถึงขั้นแลบลิ้นใส่แล้วปิดกระจกหนี ให้มันได้แบบนี้สิคนเรา

          ยืนรอจนรถแล่นออกไปสุดสายตาผมถึงได้หันหลังเดินเข้าบ้านป้านก เอ่ยทักทายทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ เก็บของเสร็จก็ใส่ผ้ากันเปื้อนเตรียมออกมาช่วยงาน แต่โดนทักไว้ด้วยเสียงใสๆ ของลูกเจ้าของบ้านที่นั่งเล่นมือถืออยู่บนเก้าอี้โยก

          "พี่ปลื้ม ใครมาส่งเหรอ"

          "เพื่อนครับ"

          "เพื่อนคนไหน"

          "เพื่อนพี่ก็มีแค่ไม่กี่คนหรอก"

          "อยู่ใกล้แค่นี้ต้องขับรถมาส่งด้วยเหรอ"

          ผมเดาว่าน้องตาลน่าจะหมายถึงไอ้ว่าน เพื่อนผมที่น้องเขารู้จักก็มีแค่มันสองคน แต่มันจะไม่ก้าวก่ายไปหน่อยเหรอที่ถามด้วยน้ำเสียงประชดประชันแบบนี้

          "มันจะไปธุระเลยแวะมาส่ง"

          "ตาลนึกว่าจะเป็นคนอื่น ช่วงนี้เห็นพี่ปลื้มติดมือถือ คิดว่าจะคุยกับแฟน"

          "เคยบอกไปแล้วนี่ครับ"

          น้องตาลยิ้มกว้างอย่างพอใจในคำตอบ เธอเลิกสนใจมือถือแล้ววางมันลง ทำท่าจะลุกมาหาผมเลยต้องรีบตัดบทแล้วเดินเลี่ยงออกมา

          "พี่ไปทำงานก่อนนะ"

          พักหลังมานี้ผมว่าน้องตาลแปลกไป ไม่สิ อาจจะแค่แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมามากขึ้น อย่างที่ไอ้ว่านเคยบอกว่าน้องเขาเหมือนจะชอบผม ยิ่งนานวันเข้าข้อสันนิษฐานนี้มันยิ่งชัดเจน คำพูด ท่าทาง สีหน้า น้ำเสียง รวมถึงการกระทำ ผมอยากจะออกตัวปฏิเสธไปให้มันเป็นเรื่องเป็นราว แต่เมื่อเธอยังไม่ได้พูดออกมาให้มันชัดเจนสิ่งที่ทำได้คือการหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด

          กับน้องตาลเราเป็นแค่คนรู้จักกัน เธอเป็นน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งซึ่งผมไม่มีทางที่จะตอบกลับความรู้สึกที่เกินกว่าคำว่าพี่น้องนั้นได้

 

          PuuRimm : พรุ่งนี้กินข้าวเช้าด้วยกันมั้ย

          Pinetree : อาจจะกินจากบ้าน เสียใจด้วยนะครับ กินข้าวคนเดียวไปก่อนนะ

          PuuRimm : ปกติไม่เคยเห็นกินที่บ้าน

          Pinetree : ไม่กินบ่อยๆ เดี๋ยวป้าจิตงอน

          PuuRimm : งั้นเดี๋ยวตอนเย็นแวะไปที่คอนโด

          Pinetree : ไม่ต้องมาก็ได้

          PuuRimm : ทำไมอ่ะ

          Pinetree : มาม่าที่ห้องเหลือเต็มเลย ไม่ได้กินนานแล้วเดี๋ยวหมดอายุ

          Pinetree : เลิกงานแล้วปลื้มไปพักผ่อนเถอะ

          แปลก ไม่ใช่แค่แปลกธรรมดาแต่แปลกมาก ร้อยวันพันปีมีแต่ขอให้ไปหาแต่ตอนนี้กลับบอกว่าไม่ต้องไป

          ผมนั่งอ่านข้อความที่เราคุยกันเมื่อคืนแล้วตั้งคำถามในใจ ทำไม เพราะอะไร นึกโทษตัวเองที่ไม่ยอมตื้อถามให้รู้เรื่อง แต่จะมาพะวงเอาทีหลังมันก็ไม่ทันแล้ว เพราะตอนนี้ผมกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่คณะบริหารเพื่อรอเจอใครบางคนที่ป่านนี้ยังไม่โผล่มาสักที

          กินข้าวจนหมดจานนั่งเล่นโทรศัพท์อย่างคนไม่รู้จะทำอะไร ไม่นานคนที่ผมรอก็เดินก้มหน้าแผ่รังสีความมืดมนเข้ามา แถมยังทำผมปีกหน้าปรกตาอีก แต่สิ่งที่สะดุดตาผมกลับไม่ใช่ท่าทางที่เหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม กลับเป็นรอยขีดแดงๆ ข้างแก้มซ้ายที่โผล่พ้นเส้นผมสีดำออกมามากกว่า

          สายตายังจดจ้องในขณะที่สมองเริ่มประมวลผล สิ่งที่คุยกันในทวิตเตอร์ ข้อห้ามที่ดูแปลกๆ กับผลลัพธ์ที่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง มิน่าล่ะถึงได้พยายามหลีกเลี่ยง แล้วปล่อยให้โดนทำขนาดนี้มันน่าด่าไหมล่ะ

          ผมมองต้นสนเดินผ่านโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ไปอย่างช้าๆ โดยที่เจ้าตัวไม่ทันสังเกตเห็นหรือเอะใจเลยสักนิด รอยขีดข้างแก้มนั้นอยู่ตรงใต้หางตายาวประมาณหนึ่งนิ้ว เป็นบาดแผลที่นับว่ารุนแรงเป็นลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้

          "หน้าไปโดนอะไรมา"

          คนที่กำลังจะเดินผ่านผมไปหยุดกึกเหมือนโดนมนต์สะกด ต้นสนค่อยๆ เหลียวหลังกลับมามองเหมือนนักแสดงหนังสยองขวัญที่หันกลับมามองด้านหลังด้วยความหวาดกลัว มือสั่นๆ นั้นยกขึ้นมาปิดแผลช้าๆ แต่ปิดบังไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

          ผมลุกขึ้นเดินไปหาแล้วดึงมือคนที่ยังทำหน้าตกตะลึงไม่เลิกออก สงสัยเหมือนกันว่าหน้าผมตอนนี้มันน่ากลัวขนาดไหนต้นสนถึงได้หวาดระแวงนัก หรือเบื่อที่จะฟังผมบ่นกัน

          "หมาหรือแมว"

          "แมว"

          "ตัวไหน"

          "แมวมีตัวเดียว" ตอบเสียงเบาหวิวด้วยสีหน้าจ๋อยๆ จนผมอยากจะขำมากกว่าโกรธ

          "คราวหลังต้องให้ใส่หมวกไอ้โม่งด้วยมั้ยจะได้ปลอดภัยทั้งตัว"

          "ก็มันเล่นทีเผลออ่ะ โดนตอนหลับอยู่ รู้ตัวซะที่ไหน"

          "นอนด้วยกันเหรอ"

          "อืม"

          "เลิกนอนกับมันไปเลย"

          "ไม่ได้"

          "ไหนขอดูก่อน"

          ผมฉุดข้อมือต้นสนให้ลงมานั่งด้วยกัน จับปลายคางให้เจ้าตัวหมุนหน้าไปตามองศาที่ต้องการ เกลี่ยผมที่เจ้าตัวพยายามดึงลงมาปิดออก มองรอยแผลที่เป็นสะเก็ดแดงๆ แล้วเครียดขึ้นมาทันที จากแขนขาลามมาที่หน้า โทรมขนาดนี่แล้วยังปล่อยให้เป็นแผลอีกมันใช้ได้ที่ไหน

          "อยากจะเพี้ยงๆ ให้หายอยู่หรอกนะ แต่อายคน" ผมแกล้งหยอกหลังจากสำรวจรอยแผลจนพอใจ

          "ไม่เห็นต้องอายเลย"

          เจอสวนกลับมาแบบนี่ผมเลยได้แต่ถลึงตาใส่ ถ้าอยู่กันแค่สองคนผมอาจจะทำจริงก็ได้ 'เพี้ยงๆ บาดแผลและความหมองคล้ำจงหายไป ความสดใสจงกลับมา' ตามด้วยการเป่ามนต์ใส่หรือไม่ก็เสกคาถาด้วยการประทับริมฝีปากลงไปสักที 

          "มันจะเป็นรอยแผลเป็นมั้ย"

          "ไม่ลึกมากไม่น่าจะเป็นมั้ง"

          ผมมองอย่างไม่เชื่อ ตามแขนขาก็นับว่าไม่ลึกมากหรือเปล่า ถึงตอนนี้จะเห็นแค่รอยจางๆ ก็เถอะ นานวันเข้ารอยมันก็เริ่มจางไปเอง แต่มันก็ทำให้ผิวที่ควรเนียนสวยมีตำหนิอยู่ดี

          "ไม่เคยระวังตัวเองเลย" ผมดุ ทำหน้าดุใส่ด้วย แต่ความกลัวที่ต้นสนแสดงออกมาต้นแรกมันหายไปหมดแล้ว

          "ระวังแล้ว"

          "ยังจะเถียง"

          "ก็...แค่ปลื้มทายาให้ไง จุ๊บอีกทีเดี๋ยวก็หาย ใช่ป่ะ"

          ทำเป็นพูดเล่นแบบนี้มันน่า...จริงๆ เลย

          ถ้าได้ทายาให้อีกรอบโดยที่ยังมีสติไม่เมาเหมือนรอบก่อน คราวนี้ผมอาจจะไล่จูบทุกรอยแผลบนตัวเลยก็ได้...

ล่ะมั้งนะ

          "จุ๊บอะไรกัน" เสียงทุ้มใหญ่ของเพื่อนสนิทตัวสูงทักขึ้นทำเอาสะดุ้งทั้งคู่ ต้นสนเหล่มองอั๋นแล้วก้มหน้าพยายามปัดผมมาปิด ดูจากท่าทางแล้วคาดว่าอั๋นก็น่าจะยังไม่เห็นรอยข่วนที่หน้าเหมือนกัน

          "เปล่า ไม่มีอะไร"

          "จะขึ้นยัง ถ้ายังจะได้ไม่รอ"

          "ขึ้นไปก่อนเลย"

          "เออ" ตอบรับเพื่อนแบบส่งๆ แล้วอั๋นก็หันมาทักผมด้วยการยกมือให้ก่อนจะเดินหลบฉากออกไป

          "โดนอั๋นด่าแน่ๆ"

          "อย่าขู่ดิ"

          "ทีหลังก็ระวังกว่านี้หน่อย"

          "รู้แล้ว"

          "ก็รู้แล้วทุกที"

          ผมส่ายหน้าน้อยๆ อย่างเหนื่อยใจกับความดื้อด้าน ยกมือเกลี่ยผมที่ต้นสนพยายามปัดมาปิดหน้าปิดตาออกเพื่อดูรอยข่วนนั่นชัดๆ ก่อนขยับตัวเข้าไปใกล้ แล้วเป่าลมใส่มันเบาๆ

          "เพี้ยง! เดี๋ยวก็หาย"

          เป่ามนต์ใส่แล้วผมก็หัวเราะกับความเพี้ยนของตัวเอง มองต้นสนที่เหมือนจะอึ้งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา แก้มขาวๆ ที่เคยดูซีดเซียวซับสีเลือดจนกลายเป็นสีชมพูอ่อน ท่าทางเขินอายแบบคนทำอะไรไม่ถูกดูผิดวิสัย แค่ร่ายคาถาไล่อาการบาดเจ็บไง จะเขินทำไมก็ไม่รู้

          "เล่นไรเป็นเด็ก"

          "แต่มันได้ผลนะ" ผมยิ้มล้อ

          ที่ว่าได้ผลไม่ใช่ว่าแผลจะหายเร็วขึ้น แต่เป็นหน้าตาโทรมๆ เพราะไม่ยอมหลับยอมนอนจนเหมือนซอมบี้มากกว่า แค่ 'เพี้ยง' เบาๆ หน้าตาก็ดูสดใสขึ้นมาเป็นกอง

          "ไปเรียนแล้ว" ว่าแล้วต้นสนก็ลุกหนีผมไปเลย ก้าวยาวๆ เหมือนอยากจะตามเพื่อนตัวสูงไปให้ทันโดยไม่หันกลับมามองกันเลยสักนิด

          ทีจูบล่ะไม่เขิน แต่ดันมาเขินตอนเล่นเป่ามนต์ให้เนี่ยนะ เชื่อเขาเลย

          ผมมองตามแผ่นหลังที่ค่อยๆ ห่างไปจากระยะการมองเห็นแล้วอมยิ้มกับตัวเอง เมฆสีอึมครึมก้อนนั้น วันนี้แม้ยังไม่เห็นแสงแดดสาดส่องออกมา แต่มันกลับเปลี่ยนจากสีเทากลายเป็นสีชมพูจางๆ

          เป็นก้อนเมฆที่แปลกดีชะมัด

 

TBC



ช่วงนี้มันก็หวานหน่อยๆ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า

 

ออฟไลน์ yanaanay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มุ้งมิ้งกรุ๊งกริ๊งมว้ากก  :-[  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ต้นสนน่ารักกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ทำขนาดนี้ก็เป็นแฟนกันได้แล้วนะ :katai2-1: :impress2:

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ knxiiviii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ๊ยยยยมดกัด เป็นความละมุนมุ้งมิ้งกิ่งก่องแก้วมาก

ออฟไลน์ a.amyw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด