To...คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ในวันที่ผมจากไปแล้ว ★ ตอนพิเศษ : ลับ ★ 05/01/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: To...คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ในวันที่ผมจากไปแล้ว ★ ตอนพิเศษ : ลับ ★ 05/01/2561  (อ่าน 122734 ครั้ง)

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
กลัวแบบคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นแฟนกันแล้วอ้างเข้ามาแทรกแซงได้อะดิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หวานไม่เกรงใจคนไร้คู่เลย

ออฟไลน์ a.amyw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ต้นสนลูกกกก ยังคงความอ่อยเช่นเดิมอ่อยแบบเขินๆอะน่าร้ากกก หึยยนี่เป็นปลื้มจับฟัดไปแล่ว ชอบฟีลแบบนี้มากๆเลยฮือออ
สงสัยนานละ ปลื้ม ปุริม นี่มันไปตรงกับนักแสดงคนนึงอะคนเขียนตั้งใจหรือแค่บังเอิญคะเนี้ย แต่จะปลื้มนี้หรือปลื้มนั้นเราก็ชอบทั้งคู่5555 และเอ็นดูต้นสนเป็นพิเศษน่าร้ากกๆๆๆๆ ><

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0

ออฟไลน์ Yyuii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รักต้นสนขี้อ่อย มาบ่อยๆน๊าาาา

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ตอนที่ 20

 
            อีกหนึ่งชั่วโมงจะเข้าสู่ปีใหม่

            ผมเพิ่งกลับมาจากบ้านงานที่อยู่อีกฝั่งของหมู่บ้าน ที่นั่นจัดงานเลี้ยงปีใหม่ มีจับฉลากของขวัญ นั่งดื่มกินสังสรรค์ข้ามปี ผมกับไอ้เมจ ลูกพี่ลูกน้องที่เด็กกว่าสองปีพากันขับมอเตอร์ไซค์ไปงานมาตั้งแต่ช่วงเย็น อยู่จนไม่รู้จะทำอะไรเลยพากันกลับมาแถวบ้านตามคำชวนของน้องมันที่ว่าจะจุดพลุฉลองปีใหม่

            "พวกพี่อ๋อน่าจะมาถึงแล้วมั้ง"

            ผมจอดรถหน้าบ้านคุณตาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมจลงจากรถเดินนำไปทางหลังบ้านอย่างคุ้นเคย ระหว่างทางเดินได้ยินเสียงผู้คนแว่วมา ที่นี่เองก็มีการสังสรรค์กลุ่มเล็กๆ ของชายแก่ ซึ่งพ่อผมเองก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ส่วนแม่กับพี่ปริมยังอยู่กับกลุ่มป้าๆ ที่บ้านงาน

            อ้อมมาถึงหลังบ้านก็เจอแคร่ไม้ไผ่สองหลัง หลังหนึ่งถูกจับจองโดยวงเหล้าชายแก่ ส่วนอีกหลังเป็นของลูกหลานตั้งวงเล่นไพ่ หนึ่งในนั้นที่เห็นผมกับเมจมาถึงจึงรีบกวักมือเรียกให้เข้าไปหา

            พูดถึงปีใหม่มันก็คือเทศกาลรวมญาติดีๆ นี่เอง นอกจากผมจะได้กลับมาอยู่กับครอบครัวแล้ว เพื่อนวัยเด็กที่แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองก็ได้กลับมาเจอหน้ากันในวันนี้ ตลอดเวลาที่ผมอยู่บ้านถ้าไม่นอนขี้เกียจก็มักขับมอเตอร์ไซค์ตะลอนไปทั่ว ไปหาเพื่อนต่างหมู่บ้านบ้าง ชวนกันไปเที่ยวในเมืองบ้าง ไกลสุดก็ติดรถพวกผู้ใหญ่ไปเที่ยวจังหวัดข้างๆ

            "มาเลยมึง ป๊อกตาละบาท" ไอ้อ๋อชวนแกมบังคับ

            ทั้งวงนั้นมีอยู่ห้าคนรวมผมกับเมจ พวกเราอายุไล่เลี่ยกันห่างกันไม่เกินสามปี ผมกับไอ้อ๋อเป็นพี่ใหญ่สุด มันเรียนอยู่ที่พิษณุโลก สอบติดมหาวิทยาลัยใกล้บ้านจนผมอิจฉามันนิดหน่อย

            ผมเข้าร่วมวงไพ่กับพวกมัน ได้บ้างเสียบ้างตามดวงแต่ละคน เล่นไปกินเหล้าไปครื้นเครงจนน่าหนวกหู แต่เพราะผมเองรวมอยู่ในวงด้วยจึงไม่รู้สึกว่ามันน่ารำคาญเท่าไรนัก

            ช่วงฆ่าเวลาในวงไพ่ผ่านไปจนเข้าใกล้เที่ยงคืนเต็มที ผมไม่ได้ดื่มมากนัก เงินเสียไปกับค่าไพ่ก็ไม่เท่าไร เงินส่วนมากที่เสียไปก็อยู่ที่ไอ้เมจ เอาไว้ผมค่อยไปข่มขู่คืนจากมันก็ได้

            ก็ว่าไปนั่น ผมไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นสักหน่อย

            "จะเที่ยงคืนแล้ว จุดพลุเล่นกัน" ใครสักคนในวงทักขึ้นพวกพ้องผู้เมามายก็พากันทิ้งวงไพ่หันไปสนใจถุงก๊อบแก๊บใบใหญ่ที่ใส่พลุไว้หลากหลายชนิด

            ผมลุกจากแคร่เดินตามพวกมันไปยังลานหลังบ้าน คว้าไฟเย็นมาได้สองอัน ในขณะที่คนอื่นให้ความสนใจกับพลุชนิดอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่า ไอ้อ๋อหยิบพลุโอ่งมาได้ก็เอามันไปวางไว้ตรงที่ว่าง ผมยืนรอดูอยู่นอกวงแต่แรงสั่นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงดึงความสนใจไปเสียก่อน

            เห็นชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอริมฝีปากก็แย้มยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ผมเดินหลบฉากไปด้านหลัง ลึกเข้าไปทางทุ่งนาเพื่อหลบหนีความวุ่นวาย แต่ไม่ได้ไกลจนมองไม่เห็นลานกว้างที่พวกเพื่อนๆ กำลังเล่นพลุกันอยู่

            ผมนั่งลงใต้ต้นไม้กำลังจะกดรับ แต่สงสัยจะทิ้งเวลานานไปสายเลยตัดไปก่อน ทว่ายังไม่ทันได้กดโทรกลับเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง

            (ทำไมช้า)

            "หาที่เงียบๆ อยู่"

            ประโยคทักทายไม่ต่างจากที่ผมคิดไว้นัก ฟังแล้วอยากเห็นหน้าคนพูด แต่ติดตรงที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยเท่าไร คุยไปเสียงขาดๆ หายๆ จะชวนให้หงุดหงิดเปล่าๆ

            (กินเลี้ยงเหรอ) ขอเดาว่าเสียงจากกลุ่มที่ตั้งวงกินเหล้ากับเพื่อนที่เล่นพลุกันอยู่คงดังมาถึงนี่ หรือไม่ต้นสนอาจจะเดาจากคำตอบของผมเมื่อครู่

            "ประมาณนั้น"

            (เมาป้ะเนี่ย)

            "ไม่เมา"

            (เดี๋ยวพูดไม่รู้เรื่องอีก) คนปลายสายหัวเราะคิกคัก เหตุการณ์ที่ผมเมาจนเผลอหลับคาห้องต้นสนวันนั้นยังเป็นเรื่องที่น่าจดจำจนถึงทุกวันนี้

            "เล่นพลุกันด้วยนะ" ผมพาเปลี่ยนประเด็น มองประกายไฟสีส้มแดงที่พุ่งออกมาจากโอ่งเล็กๆ กลางลานกว้าง

            (พลุเหรอ)

            "เพื่อนมันซื้อมา"

            (อยากเห็นจัง)

            "อยากให้เหมือนกัน" ผมได้แต่บอกอย่างเสียดาย

            สะเก็ดไฟเล็กๆ แม้ไม่อลังการเหมือนพลุดอกไม้ไฟตามงานเทศกาล แต่กลับสวยงามตามขนาดของมันในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ส่องแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด และสร้างความสุขในกับกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มนี้ได้

            "ไว้จะถ่ายรูปไปให้ดู แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่"

            (นั่งเบื่อๆ)

            "งานเลี้ยงไม่สนุกเหรอ"

            (ก็งั้นๆ) น้ำเสียงสื่อความหมายตามประโยคที่พูด

            คืนนี้บริษัทของครอบครัวต้นสนมีการจัดงานเลี้ยงปีใหม่ ทั้งผู้บริหารและพนักงานทุกระดับชั้นต่างเข้าร่วม จัดในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม มีอาหารบุฟเฟ่ต์ การแสดงบนเวที และแจกรางวัลสำหรับผู้โชคดี ฟังแล้วดูน่าสนุกแต่เจ้าตัวกลับเบื่อเสียอย่างนั้น

            (อยากอยู่กับปลื้มมากกว่า) แล้วประโยคที่ผมคิดว่าต้องได้ยินก็หลุดออกมา พักนี้เรามักชอบพูดอะไรแบบนี้ แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ คิดยังไง รู้สึกอะไรอยู่ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา เพราะคำพูดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต่างคนต่างอยากได้ยิน

            "อยากอยู่ด้วยเหมือนกัน"

            (ถ้าไปหาก็ได้คงดี)

            ผมพยักหน้ารับแต่คนปลายสายไม่มีทางเห็น สายตายังคงเหม่อมองไปยังกลุ่มเพื่อนที่เริ่มขนพลุชนิดอื่นๆ ออกมาเล่น รวมถึงไฟเย็นแบบที่ผมถือติดมือมาด้วย

            "อยากเล่นไฟเย็นมั้ย"

            (เล่นอยู่เหรอ)

            "เปล่า แค่ถือไว้เฉยๆ ไม่มีไฟจุด"

            (ไปจุดไฟดิ)

            ผมลุกขึ้นตามคำบอก เดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนขอแบ่งไฟจุดแล้วเดินเลี่ยงออกมาเพื่อให้ห่างจากเสียงโหวกเหวก มองสะเก็ดไฟสีส้มที่สว่างท่ามกลางความมืด มันค่อยๆ ลุกลามมาทีละนิด ผมเลยแกว่งมันเล่นเหมือนเด็กเคยเล่นไฟเย็นครั้งแรก

            "เห็นมั้ย สวยนะ"

            (เห็นดิ สวยมาก) ต้นสนรับมุกแบบไม่ติดตลก จนผมนึกโมโหความทุรกันดารของหมู่บ้านตัวเอง ถ้าหากสัญญาณอินเทอร์เน็ตมันแรงกว่านี้ก็คงดี

            "วันหลังซื้อไปเล่นกันดีมั้ย"

            (จะรอนะ)

            ใบหน้าหม่นหมองที่เปื้อนรอยยิ้มลอยเด่นชัดอยู่ในความคิดผม แม้ได้ยินแค่เสียงก็พอจะเดาออกว่าเจ้าตัวทำหน้ายังไง มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอกนอกจากกำลังอมยิ้มจนปวดแก้มเหมือนผมตอนนี้

            (เหมือนเค้าจะเริ่มนับถอยหลังกันแล้วนะ)

            ผมได้ยินเสียงครื้นเครงดังมาจากปลายสายตอนต้นสนพูด เจ้าตัวคงหลบมุมออกมาคุยโทรศัพท์ พอได้เวลาแล้วถึงเดินกลับไปเข้าในงาน เสียงนับถอยหลังของคนที่น่าจะเป็นพิธีกรบนทีวีดังผ่านสายมาให้ได้ยิน อีกไม่ถึงสิบวินาทีก็จะเข้าปีใหม่

            (เจ็ด หก ห้า สี่ สาม...)

            เราต่างคนต่างเงียบ ผมฟังเสียงที่ผ่านเข้ามาในสาย ตามองไฟเย็นในมือที่ใกล้จะดับ

            (สอง...หนึ่ง)

            ถ้าหากวันนี้เราได้อยู่ฉลองปีใหม่ด้วยกันก็คงดี

            (สวัสดีปีใหม่)

            "สวัสดีปีใหม่ครับ"

 

            สายลมที่พัดผ่านระเบียงบ้านทำเอารู้สึกหนาวจนผมต้องยกมือลูบขนแขนที่พร้อมใจกันลุกขึ้นยืน คว้าผ้าห่มที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาท่อนล่าง จับขยับหมอนปรับองศาให้พอเหมาะแล้วหยิบมือถือที่วางไว้บนอกมาเล่นเหมือนเดิม ทำตัวขี้เกียจอย่างคนไม่มีอะไรทำ

            วันนี้ผมไม่มีโปรแกรมออกไปไหนเลยออกมานอนยาวเหยียดอยู่ระเบียงบ้านตั้งแต่เช้า ปูเสื่อ เอาหมอมาหนุน วางผ้าห่มไว้ข้างตัวเผื่อหนาวจนทนไม่ไหวจนเพิ่งได้หยิบมาใช้เมื่อครู่ อ่านการ์ตูนบ้าง เล่นมือถือ กินข้าวเช้าเสร็จก็ล้มตัวลงนอนใหม่ เป็นวันที่ผมรู้สึกขี้เกียจอย่างแท้จริง

            จะว่าไปแล้วไม่รู้ป่านนี้ต้นสนจะตื่นหรือยัง

            ผมกดเข้าข้อความส่วนตัวในทวิตเตอร์ พิมพ์ข้อความส่งไป จากนั้นเข้าหน้าโฮมเลื่อนดูข่าวสารแบบผ่านๆ เจอทวีตของพ่อศิลปินผู้มืดมนแจกของปีใหม่ด้วย ผมเองก็ไปร่วมสนุกกับเขามา เจ้าตัวเลยส่งข้อความมาว่าไม่ต้องไปแย่งของแจกคนอื่นก็มีของขวัญพิเศษเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว

            อยากรู้จริงๆ ว่า 'ของขวัญพิเศษ' ที่ว่ามันคืออะไร

            คิดไปแล้วก็เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ผมมอง ส.ค.ส ที่ต้นสนตั้งใจวาดเพื่อแจกเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับแฟนๆ ที่ชื่นชอบผลงาน มันเป็นรูปเด็กผู้ชายถือของขวัญยื่นให้โดยที่ด้านหลังของเด็กคนนั้นมีของขวัญกองโต ของขวัญที่ทำมาเพื่อมอบให้ทุกคน

            "วางบ้างก็ได้นะมือถือน่ะ" เสียงแม่แว่วมาก่อนตัว ผมหันไปมองแต่ยังไม่ยอมวางมือถือ

            "ก็มันไม่มีอะไรเล่นหนิแม่"

            "เล่นอะไรนักหนา สอนแม่บ้างสิ"

            "คุยกับเพื่อนนั่นแหละครับ"

            "ว่านกับเจนน่ะเหรอ" แม่นั่งลงข้างผม ทำเป็นชะเง้อมอง

            ผมพยักหน้าตอบรับเบาๆ ไม่อยากพูดโกหกว่ากำลังคุยกับมันสองคน แม้จะได้คุยกันอยู่บ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็ตาม

            ช่วงที่อยู่บ้านผมจับมือถือบ่อยอย่างที่แม่ว่า คุยกับต้นสนแทบตลอดเวลาที่ว่าง ทุกคนในบ้านเห็นกันหมด แต่ไม่ยักมีใครทักจนกระทั่งวันนี้

            "แม่"

            "หืม" แม่ครางรับในลำคอ มือเกลี่ยผมผมเล่น ผมเลยขยับไปนอนตักแม่ทำตัวเป็นเด็กชายขี้อ้อนอย่างเอาใจ

            คิดแล้วก็สงสัย ถ้าผมพูดอะไรบางอย่างออกไป แม่จะรับมันได้หรือเปล่า

            "ถ้าปลื้มมีหลานให้ไม่ได้แม่จะโกรธมั้ย"

            "อยู่ๆ ทำไมถามแบบนี้ล่ะฮะ จะอยู่เป็นโสดไปตลอดเลยหรือไง" แม่เผลอถามเสียงหลง คล้ายจะตกใจแต่ก็เหมือนไม่ มือยังลูบหัวผมเล่นเบาๆ

            "ไม่รู้ดิ แค่ลองถามดู"

            "เห็นติดมือถือแม่ก็คิดว่ามีแฟนเสียอีก"

            ผมเงยหน้าแล้วยิ้มให้แม่ ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นกลับมาก็ก้มหน้าลง วางมือถือไว้บนอกแล้วคว้ามือแม่มาจับแทน

ความรู้สึกของแม่จะเป็นยังไงหากรู้ว่าลูกชายคนนี้ไม่เหมือนเดิม ผมไม่ได้คิดที่จะพูดมันออกมาเร็วๆ นี้ ทุกอย่างยังอยู่เพียงจุดเริ่มต้น แน่นอนว่ามันต้องก้าวไปข้างหน้า แต่จะก้าวไปได้ไกลแค่ไหนผมไม่อาจรู้ได้ เพราะเหตุนี้เลยมีความคิดที่อยากจะคุยกันให้เข้าใจตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงอย่างนั้นกลับกลัวเกินกว่าจะเอ่ยปากบอกไปตรงๆ ได้

            ยิ่งรู้เร็วน่าจะทำใจได้เร็วกว่า แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนทำใจได้ เพราะงั้นถ้าเลือกทางเดินนั้นไปแล้ว จะบอกให้รู้ช้าหรือเร็วผมว่ามันก็ไม่ต่างกันนัก

            "สรุปไม่มีแฟนจริงเหรอ" แม่ผมยังตื้อไม่เลิก ถามแล้วยังยิ้มล้ออีก

            "ยังไม่มี"

            "ใจร้ายจังเลยน้า จะไม่มีหลานให้แม่เนี่ย"

            "ดักแบบนี้คิดหนักเลย"

            "แม่ก็ล้อเล่นไปงั้นแหละลูก" จากที่ลูบอยู่ดีๆ แม่ก็ยีหัวผมจนยุ่ง

            ผมเบี่ยงตัวหลบกลับมาหนุนหมอนเหมือนเดิม มองแม่ตาละห้อย ที่ผ่านมาผมไม่เคยบอกที่บ้านเลยเวลามีแฟน ไม่ได้ตั้งใจปิดเป็นความลับแต่คบกันแบบเรื่อยๆ คล้ายไม่มีเป้าหมาย เพียงแค่อยากอยู่ด้วยกันแบบนั้นไปนานๆ และผมซื่อสัตย์กับคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเสมอ เพราะงั้นหากแม่จะคิดว่าผมเป็นพวกด้านชากับความรักจนไม่อยากมีแฟนจึงไม่แปลกนัก

            สำหรับต้นสน ตัวผมไม่คิดเหมือนกันว่าจะเกิดความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ จุดเริ่มต้นมันแตกต่างกับแฟนคนก่อนที่มักถูกใจรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอันดับแรกก่อนจะเริ่มศึกษาด้านความคิดจิตใจ สุดท้ายก็แตกหักทางใครทางมัน แต่กับต้นสนแล้ว ทุกอย่างมันแตกต่าง

            ผมยืนยันไม่ได้ว่ากับต้นสนเราจะไปกันได้ดีหรือเปล่า ไม่มั่นใจที่จะออกปากยืนยันกับครอบครัวว่าเลือกเส้นทางนี้ไปแล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็อยากอยู่กับเขาไปนานๆ

            "เป็นอะไรทำหน้าเครียด" ปล่อยให้ผมจมอยู่กับความคิดสักพักแม่ก็ทักขึ้นอีกรอบ

            "เปล่าเครียด"

            "ถ้าปลื้มไม่อยากมีลูก แม่ให้พี่ปริมมีให้ก็ได้"

            "ไม่ได้บอกว่าไม่อยากมี แต่อาจจะไม่มีให้ก็ได้"

            "ยังไงนี่ลูกคนนี้" แม่ไม่พูดเปล่ายังยื่นมือมาบิดหูผมอีก น้ำเสียงบ่งบอกว่าหมั่นไส้ ไม่ก็เริ่มหงุดหงิดที่ผมพูดไม่รู้เรื่อง

            "ไหนว่าจะไม่โกรธ"

            "แม่ยังไม่ได้พูดเลยว่าจะไม่โกรธ"

            ผมเบิกตาใส่แม่ไม่เชื่อคำพูด แต่พอลองนึกย้อนกลับไปแล้วแม่ก็ไม่ได้พูดว่าจะไม่โกรธผมจริงๆ

            "รีบๆ หาแฟนได้แล้ว"

            "มันหาได้ง่ายๆ ที่ไหนเล่า"

            "แม่ชอบคนน่ารักๆ ขยันทำงาน เราจะได้ไม่อดตาย"

            แม่พูดต่อโดยไม่ฟังคำค้านผมเลยสักนิด บอกสเปคแบบที่ชอบอย่างกับว่าผมจะหาได้ แต่จะว่าไปที่แม่พูดมากลับทำให้ผมนึกถึงคนคนเดียวที่ยังอยู่ในความคิด

            อาจจะไม่ค่อยน่ารักมากนัก แต่เรื่องขยันทำงานนี่ยกให้เป็นที่หนึ่งเลย

            "ถ้ามีแฟนอย่าลืมพามาให้แม่รู้จักด้วยนะ"

            ผมยิ้มแหยแล้วพยักหน้ารับ ถ้าหากแม่ได้เห็นคนที่ผมอยากพามาแนะนำจริงๆ จะยิ้มออกเหมือนวันนี้หรือเปล่า

            แต่ถ้าผมมีแฟนเมื่อไร...

            "เอาไว้ปลื้มจะพามาหานะแม่"

 

TBC

 

วันนี้ไม่มีอะไรจะทอล์คเอาเป็นว่าขอพูดเรื่องชื่อพระนายในเรื่องแล้วกันเนอะ

คือเราจะมีคลังชื่อที่ชอบค่ะ แบบเจอชื่อถูกใจก็จะเก็บเอาไว้

พอเปิดเรื่องใหม่ตอนตั้งชื่อจะค้นเอาจากคลังนี้

นอกจากว่าอยากได้ชื่อที่เฉพาะหรือมีความหมายกับตัวละครสักหน่อยก็จะหาเอาใหม่ค่ะ

ส่วนชื่อเจ้าปลื้มเราก็ได้มาจากคลังนี้นี่แหละ ชอบชื่อปุริม แล้วปลื้มมันก็เด้งเข้ามาในหัว

สงสัยจะคุ้นมาจาก ปลื้ม ปุริม จริงๆ นั่นแหละค่ะ ฮา

แต่ในเรื่องยังไม่บอกชื่อจริงต้นสนเนอะ ใบ้ให้ว่าสองพยางค์ มีใครรู้บ้าง มาเดากันๆ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาและพูดคุยกันคะนะ เจอกันตอนหน้าจ้า


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
นอววววววว เมื่อไหรจะได้พามาน้อออ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตอนหน้าเขาจะได้เจอกันแล้วใช่ไหมคะ  :hao5: ชื่อต้นสนนี่คิดไม่ออกจริงๆค่ะว่าจะมาทางไหน ลุ้นๆ

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คิดถึงต้นสนแล้ววววว

ออฟไลน์ a.amyw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กลัวดราม่าครอบครัวของทั้งคู่จังเลย ตอนหน้าจะเจอกันแล้วใช่มั้ย คิดถึงต้นสนม๊ากกกมากกกก

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หวานมากขนาดนี้ก็คบไปเลยเถอะ  :hao7:

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ตอนที่ 21

            ช่วงเวลาที่ได้ทำตัวตามสบายมักผ่านไปเร็วเสมอ เผลอแป๊บเดียววันหยุดยาวของปิดเทอมต้นก็ใกล้หมด ผมบอกลาบ้านนาและกลับมากรุงเทพฯ ก่อนเปิดเทอมสองวัน หอบหิ้วของฝากและสารพัดกินที่ครอบครัวพยายามยัดใส่กระเป๋ามาให้ เยอะจนคิดว่าน่าจะอยู่ได้อีกราวๆ สองเดือน

            (ปลาเค็ม?) ไอ้ว่านถามเสียงสูงตอนผมโทรไปบอกว่าจะเอาของฝากไปให้

            "เออ ปลาเค็ม จะเอามั้ย กูจะได้ขนไปเผื่อ"

            (มีอย่างอื่นป้ะ)

            "หนูนา"

            (กูกินไม่เป็น)

            "ผัดเผ็ดอร่อยนะมึง เดี๋ยวกูทำให้กิน"

            (มึงขนแต่ของแบบนี้มาเหรอวะ ขนงขนมไรงี้ไม่มีเลย)

            "ที่จริงแม่จะเอามะละกอกับข้าวสารใส่มาให้ด้วย แต่กูเกรงว่าจะเอากลับไม่ไหวเลยไม่ได้ขนมา"

            (ถ้าขนมาได้ก็เก่งเกินไปแล้วมึง)

            เสียงประชดประชันของมันทำเอาผมหัวเราะ กระเป๋าใบแฟบๆ ที่สะพายขาไปเปลี่ยนเป็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตอนขากลับ แม่ผมกลัวอดเลยชอบบังคับให้เอาของกินแห้งๆ ที่สามารถเก็บไว้ได้นานกลับมาด้วยเสมอ ไหนจะเงินที่แอบยัดใส่ช่องน้อยๆ ของกระเป๋าไว้อีก แม่บอกว่าเวลามีก็อยากให้ผมอยู่สบายเพราะเวลาอดมันลำบาก

            "งั้นเดี๋ยวเย็นๆ กูไปหา"

            (หาใคร)

            "ควายป่ามั้ง กูคุยกับมึงอยู่เนี่ยจะให้ไปหาใคร"

            (อ้าวเหรอ กูก็นึกว่ามึงจะไปหาต้นสนแล้วแวะมาหากูไรงี้)

            การคาดเดาของไอ้ว่านไม่ผิดนัก ถ้ามันซื้อหวยคงถูกโต้ดแน่ๆ ผมจะไปหาต้นสนอยู่แล้วแต่หลังจากเอาของไปให้เพื่อนสุดที่รักก่อน

            "ไปหาทั้งคู่นั่นแหละ"

            (แน่ะๆ)

            "จะมาแน่ะทำห่าไร กูวางแล้วนะ จัดของก่อน"

            (คร้าบๆ รีบจัดของแล้วรีบมานะครับเพื่อน)

            "เออๆ"

            (มาหาต้นสนเร็วๆ นะครับ)

            "สัด" ผมด่ามันแล้วกดตัดสาย ส่ายหน้าใส่มือถือก่อนวางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียง

            กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ยังนอนสงบนิ่งอยู่บนพื้นห้อง ผมมองมันแล้วล้มตัวลงบนที่นอน กะจะงีบสักตื่นค่อยลุกขึ้นมาจัดของ ตอนนี้เพิ่งเก้าโมงเช้า ผมกลับมาถึงห้องก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็โทรหาไอ้ว่าน การหลับๆ ตื่นๆ บนรถทัวร์ทำให้ตอนนี้ง่วงจนตาใกล้จะปิด

            ผมคว้ามือถือที่วางอยู่มาเปิดเข้าข้อความส่วนตัวในทวิตเตอร์ ตอนกลับมาถึงห้องผมรายงานตัวไปแล้วหนึ่งรอบ แต่ดูเหมือนต้นสนจะยังไม่ตื่นข้อความจึงยังไม่ถูกอ่าน ผมเลยพิมพ์อีกข้อความส่งเพิ่มไป ตื่นเมื่อไรคงตอบกลับมาเอง

            PuuRimm : เดี๋ยวตอนเย็นไปหานะ จะทำข้าวต้มกุ๊ยให้กิน

 

            ผมสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่มาที่ห้องไอ้ว่านตอนหกโมงเย็น เอาขนมกับปลาเค็มที่เหมือนมันจะไม่อยากได้ติดมือมาด้วย ผิดกับพี่เตยที่เห็นของฝากแล้วตาลุกวาว ออกปากชมผมยกใหญ่ แถมยังบอกอีกว่าไม่ได้กินปลาเค็มมานานแล้ว

            ใช้เวลาอยู่ที่ห้องไอ้ว่านได้พักใหญ่ผมก็ขอตัวกลับ แต่จะเรียกว่ากลับคงไม่ถูกนักเพราะแค่ย้ายไปยังห้องที่อยู่ตรงข้าม ป่านนี้แล้วไม่รู้ว่าเจ้าของห้อง 403 จะทำอะไรอยู่ จะกลับมาถึงห้องหรือยัง

            "กูไปหาต้นสนก่อนนะ กลับก่อนนะพี่เตย" ผมบอกแบบไม่ปิดบังเพราะไหนๆ ก็รู้กันอยู่แล้ว บอกลาพี่เตยพลางสะพายกระเป๋าและหอบของที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดเดินตรงไปหน้าประตู โดยมีไอ้ว่านเดินตามหลัง

            "จะทำอะไรกินกันวะ" เดินมาถึงหน้าประตูมันก็ถาม เหล่มองถุงพลาสติกที่ผมถืออยู่ ผมว่าไอ้ว่านคงเห็นตั้งแต่เดินเข้าห้องมันมาแล้ว แต่ยังหาจังหวะแซวไม่ได้

            "ข้าวต้ม"

            "พ่อบ้านจังเลยนะมึง"

            ผมไหวไหล่ยักคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ ในอนาคตถ้าผมได้เป็นพ่อบ้านจริงๆ ก็ไม่ได้คิดว่ามันเสียหายอะไร อย่าลืมว่ามันเป็นหนึ่งในอาชีพที่ผมใฝ่ฝัน ให้ภรรยาเป็นคนออกไปทำงานหาเงินนอกบ้าน ส่วนผมรับหน้าที่จัดการงานบ้าน แต่มีเงื่อนไขสำคัญหนึ่งข้อคือภรรยาของผมต้องมีนิสัยรวยเป็นพิเศษ

            "เออ มึงอ่ะ"

            "อะไร"

            ไอ้ว่านมันโพล่งออกมาแล้วก็เงียบ ผมจ้องกลับรอฟัง แต่ท่าทางมันดูลังเลที่จะพูด

            "จะพูดอะไรก็รีบๆ กูจะไปแล้ว"

            "มึงเป็นผัวใช่ป้ะ"

            ผมที่กำลังจะใส่รองเท้าหยุดชะงักหันไปมองหน้ามัน ไอ้ว่านทำตาแป๋วใส่ พอโดนมองนานเข้าถึงออกอาการลนลานรีบแก้ตัว

            "กูไม่ได้จะอะไรนะเว้ย แค่สงสัย ก็มึงสองคนไม่น่าจะชอบกันได้นี่หว่า กูเห็นต้นสนบ่อยๆ ยังไม่เคยคิดเลยว่าเค้าจะชอบมึงได้ วันๆ เห็นแต่ทำหน้าง่วงอ่ะมึง เข้าใจกูใช่ป้ะ"

            ผมเกือบหลุดขำตอนไอ้ว่านว่าต้นสน 'วันๆ เห็นแต่ทำหน้าง่วง' ก็คงถูกของมัน คงไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่คบผู้หญิงมาตลอดอย่างผมจะมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้ชาย

            "ต้นสนน่ารักนะมึง" ผมอวด สอดเท้าเข้าไปในอีคีบคู่เก่าแล้วทำหน้าภูมิใจใส่มัน

            "ของมึงคนเดียวอ่ะดิ"

            "ถูกต้อง ของกูคนเดียว"

            "รีบไปเลยไป เบื่อพวกอวดแฟน"

            ได้ยินแล้วผมเกือบจะหลุดปากบอกไปว่าจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เพราะอยากให้เข้าใจแบบนั้นเลยเงียบไว้

            คงอีกไม่นานหรอกที่ความคิดของไอ้ว่านจะเป็นจริง เพราะผมตั้งใจเอาไว้แล้ว

            "กูไปละ" บอกมันอีกทีก่อนผมจะเปิดประตูเดินออกมา ขยับแค่ไม่กี่ก้าวก็มายืนอยู่หน้าห้อง 403 ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูออกแล้วพบแต่ความมืด

            ยังมาไม่ถึงสินะ งั้นเดี๋ยวพ่อบ้านคนนี้จะเตรียมอาหารเย็นไว้รอคุณหนูเอง

 

            ต้มข้าวจนสุกได้ที่เสียงประตูเปิดก็แว่วมาให้ได้ยิน ผมยกยิ้ม ยังคงยืนอยู่ในครัวไม่ขยับไปไหน ทำทีเป็นจัดเครื่องเคียง ฟังเสียงย้ำเท้าที่กำลังเข้ามาใกล้ เสียงวางขางที่เหมือนรีบโยนมันทิ้งให้พ้นทาง และไออุ่นจากอ้อมแขนที่เข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง

            "คิดถึงจังเลย" น้ำเสียงงอแงบอกพร้อมกระชับกอดให้แน่นขึ้น

            จากที่ยิ้มอยู่แล้วเมื่อได้ฟังทำนี้ก็ทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม ละมือจากงานทั้งหมดแล้วจับมือต้นสนเอาไว้ คนที่ยังกอดไม่ปล่อยซุกหน้าลงกับแผ่นหลัง ทำตัวออดอ้อนเหมือนลูกแมวไม่มีผิด

            "หิวหรือยัง"

            "หิวดิ นี่ยอมไม่กินกับข้าวป้าจิตจนโดนงอนเลยนะ"

            "งั้นก็ปล่อยก่อน"

            ต้นสนยอมทำตามที่บอกแต่โดนดี แต่พอผมหันไปหากลับเจอเจ้าตัวทำหน้าบึ้งใส่เสียอย่างนั้น ทั้งที่เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ เป็นอะไรอีกล่ะทีนี้

            "เป็นอะไรทำหน้าเป็นตูด"

            "ไม่คิดถึงกันบ้างเหรอ" ถามเสียงกระเง้ากระงอดจนผมอยากจะหยิกแก้มป่องๆ นั่นสักที ดูเหมือนว่ากลับบ้านยาวรอบนี้จะอ้วนขึ้นนิดหน่อยด้วยหรือเปล่า

            "คิดถึงดิ คิดถึงมาก"

            "แล้วทำเป็นนิ่ง"

            เมื่อกี้ทำเป็นงอนตอนนี้ยังมาจิกกัดผมอีก เป็นคุณหนูที่เดาอารมณ์ไม่ถูกเลยจริงๆ

            "หอมอ่ะ" แล้วต้นสนก็พาเปลี่ยนเรื่อง

            "กินเลยมั้ย"

            "กินเลย หิว"

            "ไปล้างมือก่อนไป"

            "คร้าบคุณพ่อ" ต้นสนตอบรับอย่างกวนประสาทก่อนเดินเบี่ยงตัวไปล้างมือที่อ่าง ตอนเจ้าตัวเดินผ่านผมเลยใช้นิ้วจิ้มหัวด้วยความมันเขี้ยวไปทีหนึ่ง ยิ่งเห็นแก้มป่องๆ ตอนยิ้มแล้วก็นึกอยากจะฟัดให้ช้ำ

            ผมตักข้าวต้มสองถ้วยมาวางบนโต๊ะพอดีกับที่ต้นสนล้างมือเสร็จแล้วกลับมานั่งประจำที่ ข้าวต้มกุ๊ยกับเครื่องเคียงอีกสามอย่าง ประกอบไปด้วยยำไข่เค็ม ผัดผักกาดดองใส่ไข่ แล้วก็ปลาเค็มฝีมือแม่แต่ผมเป็นคนทอด

            "น่ากิน" พูดยังไม่ทันขาดคำต้นสนก็ตักผัดผักกาดดองเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ แล้วทำตาโตใส่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันอร่อยขนาดไหน

            "อร่อยใช่มั้ย"

            "อื้ม" พยักหน้าตอบรับแทนเพราะยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก

            ตอนอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเราชอบถ่ายรูปเมนูอาหารและกันดู ของผมเป็นแนวบ้านๆ ส่วนของต้นสนเป็นอาหารไทยทั่วไป หรือไม่ก็อาหารฝรั่งเมนูหรูๆ เวลาเจ้าตัวออกไปทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งที่มาที่ของมื้อเย็นวันนี้มันเกิดจากตอนที่ผมถ่ายรูปข้าวต้มกุ๊ยให้ต้นสนดู เจ้าตัวออกปากว่าอยากกิน สุดท้ายเลยสัญญาไปว่ากลับมากรุงเทพฯ แล้วจะทำให้

            มื้ออาหารดำเนินไปอย่างไม่เร่งรีบ ข้าวต้มยังร้อนเลยต้องคอยเป่า เรากินไปคุยไปตามประสาคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานแม้จะติดต่อกันอยู่ทุกวันก็ตาม แต่ครื้นเครงได้ไม่ทันไรคนที่เพิ่งคุยจ้อกลับเงียบลงเหมือนกำลังจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่าง ไม่รู้เพราะอิ่มแล้วหรือเป็นอะไรกันแน่

            "อิ่มแล้วเหรอ" ผมลองถาม ต้นรีบส่ายหน้าตอบ มันก็แน่อยู่แล้วที่จะยังไม่อิ่ม เพราะปกติกินเยอะกว่านี้

            "แค่คิดอะไรนิดหน่อย"

            "เป็นเรื่องที่บอกได้หรือเปล่า"

            "เป็นเรื่องที่อยากบอกแต่ก็กลัว" ต้นสนมองผมแล้วหลุบตาลง สีหน้าแสดงออกว่ากลัวอย่างที่เจ้าตัวบอก แต่มันมีเรื่องอะไรกันที่ต้องกลัว เรื่องอะไรที่อยากจะบอกผม

            ท่าทางหวั่นวิตกของต้นสนพาลให้ผมรู้สึกกังวลไปด้วย มองอาหารบนโต๊ะที่อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่อยากกินขึ้นมาดื้อๆ ผมไม่ได้เร่งเร้าหรือคาดคั้น ทำได้เพียงพยายามนึกถึงเรื่องที่ต้นสนกลัวจนไม่กล้าพูด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่คิดยังไงก็ไม่น่าใช่เรื่องดีเลย

            "ปลื้ม"

            ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ต้นสนยกยิ้มแต่สีหน้ายังดูเป็นกังวล ผมพยักหน้าให้เพื่อเป็นกำลังใจแม้ไม่รู้ว่าเรื่องที่เจ้าตัวกำลังจะบอกจะออกมาในรูปแบบไหน แต่ผมยินดีรับไว้และเคารพการตัดสินใจนั้นเสมอ

            แต่ยังไงก็ยังภาวนาให้มันออกมาเป็นเรื่องดี

            "ของขวัญน่ะ"

            "..."

            "มั่นใจแล้วนะ"

            "มั่นใจ?"

            "อาจจะเร็วไปหน่อย"

            ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะที่ใจเริ่มเต้นเร็วขึ้น แก้มขาวที่ซับสีเลือดคล้ายกับลางดีที่ทำให้ผมคลายความกังวล ยิ่งได้ฟังประโยคที่ต้นสนเอ่ยออกมานั้นสติผมก็เหมือนจะหลุดลอยออกไปเลย

            ของขวัญพิเศษที่เจ้าตัวเคยบอกว่าจะให้

            "เป็นแฟนกันนะ"

            "..."

            "แล้วก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน"

            "..."

            "นะ"

            "..."

            "อย่าเงียบดิ" ต้นสนขมวดคิ้วใส่เพราะผมไม่ยอมตอบอะไรกลับไป

            ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากตอบ แต่กำลังควบคุมตัวเองไม่ให้ดีใจจนออกนอกหน้าหรือเผลอกระโจนใส่เจ้าตัวเสียก่อน เล่นมาขอเป็นแฟนในเวลาแบบนี้จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง

            แต่แย่ชะมัด ดันโดนพูดตัดหน้าไปเสียได้

            "ตอบมาเร็วๆ ดิ" เร่งด้วยปากไม่พอยังยกมือฟาดแขนผมอีกหนึ่งทีโทษฐานปล่อยให้รอ

            "ตอบคำถามไหนก่อนดี"

            "เล่นตัวเหรอ"

            "ไม่ได้เล่นตัว"

            "งั้นก็ตอบมาเร็วๆ" ต้นสนทำหน้าเหวี่ยงใส่แถมยังเร่งยิกๆ จนผมเกือบหลุดขำ เพราะมันดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว

            "ก็คิดว่าที่ผ่านมาเป็นแฟนกันอยู่แล้วซะอีก"

            ได้ฟังคำตอบจากผมต้นสนก็เงียบไป คล้ายกับนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมา แก้มป่องๆ ยกขึ้นจนผมอดใจไม่ไหวต้องโฉบเข้าฝังจมูกแรงๆ แล้วย้ำคำตอบให้ฟังอีกครั้งเพื่อความชัดเจน

            "เป็นแฟนกันแล้วนะ"

            "อื้ม"

            จากหอมแก้ม คราวนี้เปลี่ยนเป็นจูบ ต้นสนเป็นฝ่ายเข้าหาซึ่งผมก็ยินดีรับเอาไว้โดยไม่ขัดขืน สัมผัสเบาๆ เพียงเสี้ยววินาทีแค่ภายนอก เพราะมันคงไม่โสภานักหากจะจูบแบบดูดดื่มหลังจากกินปลาเค็มมา

            "ส่วนเรื่องที่จะให้ย้ายมาอยู่ด้วยขอเวลาก่อนนะ เข้าใจใช่มั้ย"

            ต้นสนพยักหน้ารับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผมต้องปรึกษาครอบครัวก่อนตัดสินใจ ถ้าถามว่าผมอยากอยู่ที่นี่ไหม แน่นอนว่าคำตอบคืออยากอยู่ด้วยกัน

            "รีบกินให้หมดเลยจะได้ไปทำอย่างอื่น" อารมณ์อยากอาหารผมกลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปไม่กี่นาทีก่อน

            "จะทำอะไร"

            "ล้างจานไง"

            เจอมุกผมเข้าไปต้นสนถึงกับแยกเขี้ยวใส่ แถมยังหันหน้าหนีไปสนใจของกินแทน แต่ในเมื่อมันเป็นมุก ไอ้ที่ว่าล้างจานนั่นคือคำตอบที่ผิด เพราะความจริงแล้วผม...

            "กินให้เสร็จ ล้างจานให้เสร็จ จะได้ไปนั่งเล่นที่โซฟาแล้วก็กอดแฟนเอาไว้แน่นๆ"

            "ก็รีบกินดิ พูดอยู่นั่นแหละ" บอกเองแล้วก็หัวเราะเอง ถ้าไม่เกรงใจกับข้าวบนโต๊ะผมจะลากไปนั่งกอดเป็นตุ๊กตามันซะเดี๋ยวนี้เลย

            แฟนใครทำไมน่ามันเขี้ยวชะมัด

            อ้อ นี่ต้นสน...แฟนผมเอง



TBC

 

ต้นสนไม่ออกตอนเดียวนี่มีแต่คนบ่นคิดถึง

น้องกลับมานะ มาพร้อมของขวัญพิเศษ ในที่สุด!!!

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า


ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ฮื่อออ น่ารัก นึกว่าจะมีดราม่าอะไรซะแล้วค่ะ หวานกันจังเล้ยยย เหม็นความรักไปหมดแล้ววว  :mew1:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เป็นแฟนกันแล้วว เย้ อยากฟัดต้นสนอ่ะ 5555

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เหมือนต้นสนโดนล่อลวงงงงงง

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นแฟนกันแล้วววว ฮื่อออออออ :heaven

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ a.amyw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมไม่มีฉากบนโซฟาาาากี้ดดดดดดดดด อ่านไปบิดไปกี้ดอัดหมอนนี่เกร็งเท้าจนเป็นตะคริวอะคิดดู!!! น่ารักกันจังเล้ยยย ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า คนแบบปลื้มต้องคู่กับคนแบบต้นสนคือช่วงแรกๆถ้าต้นสนไม่อ่อยและให้ท่า อีปลื้มมันจะกล้าทำไรเขามั้ย555555 และคนแบบต้นสนก็ต้องคู่กับคนอย่างปลื้ม ก็อย่างที่รู้ต้นสนไม่ดูแลตัวเองก็ต้องมีคนแบบปลื้มมาดูแล อะไรหลายๆอย่างของคู่นี้มันลงล็อคกันพอดีอะ อ่านแล้วยิ้มไม่หุบ อยากเห็นปลื้มคนหลงแฟนจังเลยค่ะะ รอตอนหน้านะคะ :mew1:

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หวานกันเข้าไป เหม็นความรักกกก

เวลาต้นส้นอ้อนนี่ใจบางไปหมดทำไมน่ารักขนาดนี้ :-[

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ละลายแล้วจ้า อิจฉามาก ตาลุกเป็นไฟแล้ว

ออฟไลน์ Meercorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักอะ น่ารักคู่เลยย เป็นคู่ที่ลงตัวกันจริงๆ
ปลื้มม ชั้นก็มีอาชีพในฝันเหมือนนายนะ เป็นแม่บ้านอยู่บ้านแล้วมีแฟนที่นิสัยรวยเป็นพิเศษเนี่ย5555555 ชอบบ

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ตอนที่ 22

            แม้จะบอกว่าขอเวลาปรึกษาทางบ้าน แต่สองอาทิตย์ให้หลังซึ่งตรงสิ้นเดือนพอดีผมก็ออกจากหอและย้ายมาอยู่ห้อง 403 เป็นที่เรียบร้อย เป็นทำเลที่ใกล้ทั้งที่ทำงานและคณะ ค่าห้องไม่ต้องเสีย ค่าน้ำค่าไฟหารครึ่ง ซึ่งในส่วนนี้ผมเลยขอชดเชยด้วยการรับดูแลงานบ้านทั้งหมด จะว่าไปแล้วก็อย่างกับฝันเป็นจริง ได้เป็นพ่อบ้านสมใจก็คราวนี้

            กับทางบ้างตอนที่ผมโทรไปขออนุญาตเรื่องราวไม่ได้ยุ่งยากนัก หลังจากไถ่ถามต้นสายปลายเหตุจนหายข้องใจพ่อแม่ผมก็ยอมอนุมัติให้โดยดี ผมไม่ได้เล่าทุกอย่างว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับต้นสนลึกซึ้งขนาดไหน ท่านรู้เพียงว่าต้นสนคือเพื่อนสนิท และผมถูกชักชวนให้มาอยู่ด้วยเท่านั้น

            คิดย้อนไปถึงเรื่องวันนั้นแล้วก็ตลกดี ความจริงผมตั้งใจจะย้ำชัดในชื่อความสันพันธ์ของเราในวันนั้น ขอต้นสนเป็นแฟน จบเรื่องราวอย่างแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนนิยายรักสักเรื่องหนึ่ง แต่ดันกลายเป็นผมเองที่โดนเซอร์ไพรส์ ถูกขอให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะผิดแผนไปแบบมหากาพย์ ผมว่ามันก็เป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่จบลงด้วยดี

            ดีตั้งแต่วันแรกที่ได้อยู่ด้วยกัน คิดย้อนไปถึงวันนั้นแล้วมีความสุขไม่แพ้วันที่เราตกลงเป็นแฟนกันเลย

            ในห้องที่ผมทำได้เพียงแวะเวียนมาหา อยู่ไม่กี่ชั่วโมต้องรีบกลับ แต่วันนี้ห้อง 403 คือส่วนหนึ่งของผม มีข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางกว่าห้องเช่าแคบๆ หลายเท่า ห้องที่เราได้อยู่ด้วยกัน ถึงผมจะเป็นเพียงผู้อาศัยก็เถอะ

            ข้าวของสัมภาระของผมจากหอเก่ามีไม่เยอะเท่าไร ใช้เวลาจัดของไม่นานก็เสร็จ แต่กว่าจะจัดทุกอย่างให้เข้าที่ได้ฟ้าก็มืดพอดี

            ผมกับต้นสนผลัดกันไปอาบน้ำ ก่อนเจ้าของห้องจะนั่งจดจ่ออยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนอย่างเคย ส่วนผมเป็นฝ่ายวอแวคะยั้นคะยอให้เจ้าตัวเข้านอนเร็วๆ จับจองเก้าอี้ตัวข้างๆ นั่งเฝ้าเหมือนหมารอเจ้าของ

            "ถ้าง่วงไปนอนก่อนก็ได้" ต้นสนหยุดมือที่กำลังร่างภาพหันมายิ้มให้ แล้วใครบอกว่าง่วง ไม่มีสักหน่อย อีกอย่าง...

            "วันนี้เข้าหอต้องนอนพร้อมกันดิ"

            "นอนอย่างเดียวใช่มั้ย"

            "หรืออยากจะทำอย่างอื่นด้วยก็ได้"

            โยนมาแบบนี้มีหรือผมจะไม่เล่นกลับ ต้นสนยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร แต่หูแดงๆ บอกให้ผมรู้ว่าเจ้าตัวกำลังเขิน

            เขินบ่อยจริงนะช่วงนี้

            เพราะไม่อยากกวนให้งานมันเสร็จช้าลงผมเลยหยิบสมุดสเก็ตซ์ปกเหลืองมาเปิดดู ไอดารี่ภาพวาดที่ตั้งแต่รู้ว่าผมเห็นมันแล้วต้นสนก็วางมันไว้อย่างเปิดเผย รูปวาดยังมีเพิ่มมาเรื่อยๆ และรูปของเหตุการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นภายในวันนี้

            รูปที่ผมกับต้นสนช่วยกันจัดของอยู่ในห้องนอน

            รอยยิ้มเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อได้เห็นภาพวาดที่เป็นเหมือนไดอารี่บันทึกเรื่องราวระหว่างเรา เป็นความทรงจำที่สามารถมองเห็นและจับต้องได้ จนผมนึกจินตนาการไปถึงอนาคตข้างหน้า ในสมุดสเก็ตช์เล่มนี้จะมีเรื่องราวอะไรที่ถูกบันทึกเอาไว้อีกบ้าง รวมถึงเรื่องที่ผมไม่คิดว่าหากมันเกิดขึ้นจริงต้นสนจะกล้าวาดมันลงไปหรือเปล่า

            ทั้งที่ไม่อยากจะกวน แต่กลับหยุดความสงสัยเอาไว้ไม่ได้

            "ต้นสน"

            "หืม" ครางรับกลับมาในขณะที่มือยังจับดินสอร่างภาพไม่หยุด

            "ถ้าเรามีอะไรกันจะวาดลงไปด้วยมั้ย"

            คำถามของผมมันอาจจะตรงไปหน่อยจนต้นสนหันมาถลึงตาใส่ แก้มขาวซีดเริ่มซับสีเลือดเปลี่ยนเป็นขาวอมชมพู เห็นแล้วอยากจะฝังจมูกลงไปแรงๆ

            "ถามไม่เกรงใจเลยนะ"

            "ต้องเกรงใจด้วยเหรอ หรือว่าวาดไม่เป็น"

            "เป็นดิ!" โดนดูถูกเข้าหน่อยเจ้าตัวถึงกับเผลอขึ้นเสียง

            "งั้นวาดให้ดูหน่อย" ผมวางสมุดสเก็ตซ์ลงบนโต๊ะ เปิดหน้าถัดไปกางไว้ให้เรียบร้อย หน้ากระดาษเปล่าที่รอการแต่งเติมเรื่องราวลงไป

            "วาดลงในเล่มนี้ได้ที่ไหนเล่า"

            "งั้นต้องทำก่อนใช่มั้ยถึงจะวาดได้"

            จะว่าผมเจ้าเล่ห์ก็ได้แต่ชีวิตมันต้องหาอะไรมาเล่นให้ตื่นเต้นบ้าง หลอกล่อนิดๆ หน่อยๆ สร้างสตอรี่ให้มีสีสัน เพียงเท่านี้มันก็จะกลายเป็นเรื่องราวที่น่าจดจำ

            "ก็คงงั้นแหละ"

            "ถ้างั้น..." ผมเลื่อนเก้าอี้เขยิบเข้าไปจนประชิดตัว ต้นสนเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อยแล้วใช้แขนดันตัวผมไว้

            "เดี๋ยวดิ งานยังไม่เสร็จ"

            "ไม่นานหรอก"

            ผมหมุนเก้าอี้ให้ต้นสนหันมาเผชิญหน้า ดึงกางเกงยางยืดที่เจ้าตัวสวมอยู่จนลงไปกองที่ข้อเท้า ผิวกายกับส่วนอ่อนไหวที่ไร้ปราการป้องกันใดๆ ปรากฏแก่สายตา ผมใช้มือข้างหนึ่งกอบกุมมันเอาไว้ ส่วนแขนอีกข้างรั้งตัวให้ขยับขึ้นมานั่งตัก ไม่ได้กระหายมากถึงขั้นจะลากเจ้าตัวขึ้นเตียง

            ขอเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่เล็กๆ น้อยๆ ก็พอ

            "พี่ปลื้ม นั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียว" เสียงทักจากลูกสาวเจ้าของร้านขายข้าวแกงทำให้ผมหลุดออกจากความคิด ริมฝีปากกลับมาเหยียดตรงหันไปมองน้องตาลที่จ้องกลับมาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น

            "เปล่าครับ"

            "ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม คิดถึงแฟนเหรอ" มีโอกาสได้คุยกันทีไรน้องตาลมักจะวกวนเข้าเรื่องนี้เสมอ เธอชอบถามตอนป้านกคลาดสายตา ซักเรื่องแฟน ถามเรื่องคนรัก จี้เหมือนอยากให้ผมหลุดปากบอกเรื่องที่อมพะนำเอาไว้

            "พี่แค่ยิ้มเฉยๆ"

            "เป็นบ้าเหรอถึงได้ยิ้มเฉยๆ"

            "งั้นมั้งครับ"

            "นี่พี่ปลื้มไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้" ทั้งน้ำเสียงและสายตาถามอย่างคาดคั้น

            ผมเบียนหน้าหนีไม่อยากมอง นับวันเด็กสาวที่เคยคิดว่าน่ารักนิสัยยิ่งเปลี่ยน ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาน้องตาลตั้งใจให้ผมเห็นเป็นแบบนั้นหรือความจริงเธอนิสัยน่ารักแต่ดันมาดีแตกตอนเจอผม เธอชอบผมตั้งแต่เมื่อไรนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มันเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เมื่อช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา กลายเป็นว่าคำแซ็วที่ไอ้ว่านมันชอบหยอกบ่อยๆ ดันเป็นจริง บางทีคงต้องโทษมันด้วยที่พูดมากไม่เข้าเรื่องจนน้องตาลคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้น ความหนักใจทั้งหมดทั้งปวงเลยตกมาอยู่ที่ผม

            "จะไม่ตอบคำถามตาลจริงๆ เหรอ" น้องตาลยังเซ้าซี้ไม่เลิก ขยับเข้ามาชิดจนหน้าอกโดนแขนผมเลยต้องถอยหนี แต่ในพื้นที่แคบๆ แบบนี้ถอยแค่ไม่กี่ก้าวก็หมดทางจะไป

            ผมภาวนาอยากให้ลูกค้าเข้าร้านหรือไม่ก็ให้ป้านกที่เดินหายไปตั้งแต่เมื่อครู่กลับมาเห็น แต่โชคร้ายที่ทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งใจ สุดท้ายเลยได้แต่ยืนนิ่งฟังเรื่องที่น้องตาลพยายามพูดแบบหูทวนลม

            "อย่าคิดว่าตาลไม่สังเกตนะ เอากับข้าวกลับไปเยอะกว่าทุกที เลิกงานแล้วเดินกลับคอนโด หอพี่ปลื้มไม่ได้อยู่ตรงนั้นไม่ใช่เหรอ แล้วกลับไปทางนั้นทำไมคะ ไปหาพี่ว่านก็ไม่น่าใช่"

            ผมรับฟังทุกอย่างโดยไม่ตอบโต้ เชื่อว่าความนิ่งเฉยจะช่วยหยุดบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ได้หากแต่ผมคิดผิด

            "ตาลชอบพี่ปลื้มนะรู้ใช่มั้ย ทนทำตัวดีมาตลอดเพื่อให้พี่ปลื้มชอบกลับบ้าง อย่าคิดว่าตาลไม่รู้นะว่าอะไรมันเป็นยังไง เงียบไปก็ไม่ช่วยให้เรื่องจบหรอก"

            "แล้วตาลจะเอายังไง"

            "มาคบกับตาลสิ"

            คำขอแกมบังคับแบบตรงไปตรงมาไม่ได้ทำให้ผมตกใจนัก แม้ไม่ได้มองหน้าแต่ผมรู้สึกได้ทันทีว่ากำลังโดนจ้องอยู่ น้องตาลต้องการคำตอบ แน่นอนว่าผมตอบตกลงไม่ได้

            "ไม่ได้หรอก"

            "บอกได้มั้ยว่าทำไม"

            ผมหันไปหาเธอหลังจากหลบสายตาอยู่นาน จังหวะนี้เองลูกค้าเข้ามาขัดจังหวะ แต่ในเมื่อมาไกลถึงขั้นนี้แล้วผมก็จะตอบออกไปให้ชัดๆ น้องตาลจะได้เลิกทำตัวก้าวก่ายกันเสียที

            "เพราะพี่คบกับต้นสนอยู่" ตอบให้ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำผมก็หันไปสนใจลูกค้าโดยไม่คิดจะมองว่าอีกฝ่ายแสดงสีหน้ายังไง ได้ยินเพียงคำพูดหนึ่งแว่วมาเข้าหู คำที่เหมือนน้องเขาพูดกับตัวเอง

            "คิดแล้วเชียว"

 

            กลับมาถึงคอนโดตอนสองทุ่มกว่าผมก็พุ่งลงโซฟานอนเหยียดยาวด้วยความเหนื่อยล้า เหนื่อยงานก็ใช่แต่เหนื่อยใจมากกว่า รู้สึกขี้เกียจไม่อยากทำอะไร ไม่อยากขยับตัวไปไหน จนต้นสนที่นั่งทำงานอยู่ถึงขั้นลุกขึ้นมาหา

            "เป็นอะไร"

            "เหนื่อยนิดหน่อย"

            "อาบน้ำนอนเลยก็ได้นะ" ต้นสนนั่งยองๆ ข้างโซฟา ยกมือช่วยปัดผมที่ปรกหน้าปรกตาให้แล้วมอบรอยยิ้มสดใส เป็นแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยมที่ผมได้รับทุกวันกลับจากทำงาน แต่วันนี้ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่อยากขยับตัว

            ปกติกลับมาถึงคอนโดผมจะรีบจัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อดึก เจ้ากี้เจ้าการให้คนที่มุ่งมั่นกับงานที่โต๊ะลุกมากินข้าว ล้างจานเสร็จก็นั่งทำงานที่อาจารย์สั่ง วันไหนว่างก็นอนดูทีวีหรือไม่ก็หาเรื่องวุ่นวายต้นสนให้โดนด่าเล่น แต่วันนี้กลับอยากจะดึงคนที่กำลังนั่งยิ้มให้มากอดแล้วหลับไปเลย

            "ไม่กินข้าวเหรอ" ต้นสนเหลือบมองถุงข้าวบนโต๊ะก่อนหันกลับมาเลิกคิ้วใส่ผม

            "เดี๋ยวค่อยกิน หิวแล้วเหรอ"

            "ไม่เท่าไร"

            ต้นสนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองผมที่นอนเหยียดยาวอย่างขี้เกียจ ก่อนจะย่อตัวลงโบกมือให้ผมขยับตัวหนี

            "ขยับหน่อย"

            ผมขยับตัวลุกขึ้นเพื่อแบ่งพื้นที่ให้ต้นสนนั่ง แต่ยกตัวขึ้นนิดหน่อยต้นสนที่เบียดลงมานั่งได้แล้วก็ดึงให้ผมกลับลงไปนอนอีกครั้ง หนุนตักแข็งๆ หากแต่นุ่นในความรู้สึก

            "เหนื่อยก็พักก่อน"

            ผมพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ซุกหน้าเข้าหาหน้าท้องแบนๆ ยกแขนโอบเอวเล็กๆ นั่นไว้ ได้ยินเสียงท้องร้องเบาๆ จนนึกขำ ไหนว่าหิวไม่เท่าไร แต่ขออยู่แบบนี้อีกสักพักก็แล้วกัน

            สัมผัสเบาๆ ที่กลุ่มผมมันชวนให้เคลิ้มหลับ ต้นสนสอดนิ้วสางผมของผมเล่น บ้างก็เปลี่ยนเป็นลูบ ทำวนสลับอยู่แบบนี้อย่างไม่รู้เบื่อ

            "ลาออกจากงานดีมั้ย" ผมถามเสียงอู้อี้เพราะหน้ายังซุกอยู่ที่เดิม มือที่กำลังลูบผมเล่นชะงักไป

            "จะทิ้งป้านกแล้วเหรอ"

            "ไม่ได้อยากจะทิ้งหรอก อาจจะเลิกทำวันธรรมดา เสาร์อาทิตย์ยังทำเหมือนเดิม แต่ถ้าเหนื่อยมากก็อาจจะหยุดทั้งหมด"

            "งานเยอะขึ้นด้วยนี่เนอะ"

            ผมพลิกตัวกลับมานอนหงายเหมือนเดิม สบตากับต้นสนที่ก้มมองมา เจ้าตัวยิ้มให้ แต่ผมกลับยิ้มไม่ออก อึดอัดในความรู้สึก ใจหนึ่งอยากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ฟังแต่อีกใจก็อยากเก็บไว้คนเดียว กลัวว่าบอกไปแล้วอีกฝ่ายจะไม่สบายใจ

            "จูบหน่อยดิ"

            "ทำไมอ้อน"

            ต้นสนเลิกคิ้วก่อนจะหัวเราะน้อยๆ กับคำขอแบบกะทันหัน ถึงอย่างนั้นก็ยังยอมก้มลงมาหา แตะริมฝีปากค้างไว้ชั่วครู่ก่อนผละออก

            "เมื่อยอ่ะ"

            "เมื่อยแล้วเหรอ"

            "จูบแบบนี้มันปวดคอ"

            ผมที่กำลังจะลุกขึ้นนั่งเป็นอันต้องทิ้งหัวลงเหมือนเดิม ยกสองมือขึ้นประกอบแก้มนิ่มๆ แล้วถูไปมาอย่างมันเขี้ยว พอเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นไม่ผอมกร่องเหมือนแต่ก่อนเจ้าตัวก็น่าฟัดขึ้นเป็นกอง มาทำตัวน่ารักใส่จนความขี้เกียจที่มีมลายหายไปหมด

            "สงสัยไม่ต้องกินข้าวแล้วมั้งแบบนี้"

            "ทำไมอ่ะ"

            "กินต้นสนแทน"

            "ชอบกินต้นไม้หรอกเหรอ เพิ่งรู้"

            ผมเหยียดยิ้มมุมปาก มองคนที่ทำหน้าเหมือนเป็นผู้ชนะ คิดว่ายอกย้อนแค่นี้ผมจะยอมเหรอ ไม่มีทาง

            ผมคว้ามือต้นสนที่ยังคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ใบหน้ามาจับไว้ เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยพยายามขืนแรงเพื่อดึงมือออก แต่สุดท้ายก็ไม่รอดเงื้อมือผมอยู่ดี

            ทันทีที่ดึงมือต้นสนมาชิดริมฝีมือผมก็ฝังเขี้ยวลงไป ขบกัดให้พอหายแสบหายคัน เจ้าตัวพยายามจะรั้งมือออกแบบไม่จริงจังเท่าไรนัก พอไม่สำเร็จเลยยกมือข้างที่ว่างฟาดเข้าที่แขนผมแทน ลงแรงเต็มที่จนรู้สึกเจ็บ เลยต้องยอมปล่อยไปอย่างจำใจ

            "สกปรกอ่ะ" ว่าไม่พอยังเอามือที่เปื้อนน้ำลายมาเช็ดเสื้อผม แต่ไม่เป็นไร น้ำลายตัวเองรับได้อยู่แล้ว

            "อร่อยอยู่นะ"

            "ยังจะเล่นอีก"

            "แต่ตรงอื่นน่าจะอร่อยกว่านี้"

            "ยังไม่ให้กินหรอก"

            "เดี๋ยวก็ได้กินเชื่อเถอะ"

            "ลุกไปขึ้นเลยไป" ต้นสนแกล้งผลักผมจนเกือบกลิ้งตกโซฟา ตั้งหลักได้เลยนั่งจ้องหน้าคาดโทษคนที่เอาแต่หัวเราะคิกคักชอบใจ

            "ที่กัดเมื่อกี้เจ็บมั้ย" เห็นหลังมือเป็นรอยแดงๆ ก็อดห่วงไม่ได้ ผมจับมือที่เพิ่งฝังเขี้ยวลงไปมาดู เห็นเป็นรอยกัดแต่ไม่ชัดเจนนัก เอาเป็นว่าเขี้ยวผมไม่สร้างร่องรอยร้ายแรงเท่าลูกหมาพวกนั้นก็แล้วกัน

            "ไม่เจ็บเท่าหมาที่บ้านหรอก" แล้วก็โดนเอาไปเปรียบเทียบจนได้

            ผมใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากคนปากดีไปหนึ่งทีด้วยอาการมันเขี้ยวไม่เลิก พอได้ลองกัดดูก็ชักเข้าใจอารมณ์ลูกหมาพวกนั้นขึ้นมา มีเจ้านายน่ารักขนาดนี้พวกมันคงอยากเข้าใกล้ มาคลอเคลียมาวุ่นวายด้วย หยอกเย้าด้วยการขบกัดให้เจ็บแล้วอ้อนให้หลุดจากความผิด ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะขย้ำเสียมากกว่า

            เล่นโยงความรู้สึกลูกหมาพวกนั้นเข้าทางตัวเองขนาดนี้ จนแล้วจนรอดผมก็ยังมีความสามารถในการมโนภาพอันล้ำเลิศไม่เปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ

            "กินข้าวกัน" พูดจบต้นสนก็ลุกขึ้นหยิบถุงกับข้าวที่ผมวางทิ้งไว้ข้างโซฟาเดินเข้าไปในครัว จัดแจงหาจานชามเทแกงกับข้าวเปล่าใส่ เตรียมน้ำเตรียมผลไม้ เรียบร้อยแล้วก็หันมากวักมือเรียกให้ผมไปนั่งประจำที่

            ผมยันตัวลุกขึ้นอย่างขี้เกียจ เดินตรงไปหาต้นสนแล้วกอดแน่นๆ แถมขโมยหอมแก้มอีกหนึ่งที เรียกกำลังใจและพละกำลังให้กลับคืนมา คืนนี้จะได้มีแรงนั่งเฝ้าพ่อศิลปินทำงานยันเที่ยงคืน

            ส่วนไอ้เรื่องที่มันกำลังรบกวนจิตใจอยู่นั้น ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้มันกลายเป็นปัญหาระหว่างเรา

 

TBC

 

วันนี้มาเร็วหน่อย เพราะคิดถึงเลยมาหา ฮ่าๆๆ

อยากลงให้จบในภายปีนี้ค่ะ ที่จริงก็เหลืออีกไม่กี่ตอนแล้วแหละ แอบใจหายเล็กๆ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า

ป.ล. ชื่อจริงต้นสน สองพยางค์ ขึ้นต้นด้วย ส.เสือ (ยังไม่เลิกเล่นค่ะ อยากให้ทาย ฮ่าๆๆ)



 

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
น้องต้นสนลูกแม่น่ารักไม่เปลี่ยน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ลำไยน้องตาลมากๆเลย
ชอบต้นสนไม่เคยหวงตัว อยากให้มีฉากนั้นในสมุดไวๆค่ะ ฮื่ออ น่ารัก ส่วนชื่อต้นสนนี่ขนาดไปเปิดพจนานุกรมยังคิดไม่ออกเลยค่ะ เฉลยที  :katai2-1:

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ runningout

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด