To...คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ในวันที่ผมจากไปแล้ว ★ ตอนพิเศษ : ลับ ★ 05/01/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: To...คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ในวันที่ผมจากไปแล้ว ★ ตอนพิเศษ : ลับ ★ 05/01/2561  (อ่าน 122765 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kaikaaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อิจฉาได้มั๊ย ขนาดนี้เป็นแฟนกันเถอะ  :ling1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ทุกอย่างมันกลายเป็นสีชมพูไปหมดเลยยยย  :L2:

ออฟไลน์ ▲TEACHCHY▼

  • ★ U can call me TEACH ★
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ดีจังค่ะ โทนเรื่องแรกๆก็ดูไม่หม่นมากยิ่งเฉลยยิ่งเห็นว่าน้องต้นสนน่ารัก  :katai2-1:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
น่ารักกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Meercorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โว้ยยยยย อ่านแล้วตามันร้อนนน อยากมีคนมาคอยเป่าแผลให้บ้างจุง ทำไมเรามองว่าต้นสนมันแก่นเซี้ยวมากกว่าจะมืดหม่นล่ะ55555

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ตอนที่ 16


            'อาจารย์ยกคลาสนะ'

            จากข้อความที่ไอ้เจนเพิ่งส่งมาบอกสดๆ ร้อนๆ ตีความรู้สึกของผมที่เพิ่งเดินมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยออกเป็นสองส่วน หนึ่งคือดีใจที่ไม่ต้องเข้าเรียน และสอง แต่ผมแต่งตัวออกมาจากห้องแล้วไง อีกอย่างการยกเลิกคลาสไม่ใช่เรื่องดี เพราะยังไงอาจารย์ต้องหาเวลามาสอนชดเชยอยู่แล้ว ไอ้เวลาที่ควรจะว่างในอนาคตกลับกลายเป็นไม่ว่างไปซะอย่างนั้น

            แล้วทีนี้จะเอายังไงกับวันนี้ดี กลับหอไปนอนเลยดีไหม

            คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ตั้งท่าเตรียมหมุนตัวกลับ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนสายเรียกเข้าจากเพื่อนสนิทก็ดังขึ้น

            (มึงอยู่ไหน) ไอ้ว่านถามสวนขึ้นมาทันทีที่ผมกดรับ ถ้าให้เดาวันว่างแบบนี้ผมว่ามันต้องหาเรื่องชวนไปเถลไถลแน่ๆ

            "หน้ามอ"

            (เออ รอตรงนั้นแหละ เดี๋ยวกูกับไอ้เจนเดินไปหา)

            "จะไปไหนกัน"

            (ดูหนัง) นั่นไง ผมเดาผิดที่ไหน

            "ห้างเพิ่งเปิดได้สองนาที ข้าวเช้ากูยังไม่ได้กินเลย"

            (ก็กินที่ห้างไงวะ ยากตรงไหน)

            ผมเงียบยังไม่ให้คำตอบเพราะกำลังคำนวณเงินในกระเป๋าสตางค์ที่มีอยู่น้อยนิด จะว่าไม่มีเงินเอาไปใช้ในส่วนของการเที่ยวเล่นก็ไม่เชิง เพราะใจจริงอยากเก็บไว้สำหรับเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินมากกว่า

            (อ้าวเงียบ หรือมึงอยากไปซาฟารีมั้ย กูอยากดูโชว์โลมาอยู่พอดี)

            "..."

            (หรือจะไปสวนสยาม กูไม่ได้นั่งรถไฟเหาะมานานละ เออ นึกแล้วก็อยากไปเหมือนกัน)

            "..."

            (แต่เกาะล้านก็โอนะมึง ไปเช้าเย็นกลับ แต่ช่วงนี้มรสุมว่ะ ฝนตกไม่น่าจะดี)

            "พอๆ" ผมต้องรีบห้ามก่อนมันจะอยากไปวัดร่องขุ่นที่เชียงรายซะก่อน

            (สรุปมึงไปกับพวกกูนะ รออยู่ตรงป้ายรถเมล์นะครับเดี๋ยวเดินไป) ไม่รอให้ผมตอบตกลง พูดเองเออเองจบไอ้ว่านก็วางสายไปเลย

            ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อน

 

            นั่งรอพวกมันอยู่ที่ป้ายรถเมล์ไม่นานนักสองเพื่อนรักก็เดินยิ้มอารมณ์ดีเข้ามาหา ไอ้เจนทิ้งตัวนั่งลงข้างผมพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊าสุดๆ

            "รอนานมั้ยเพื่อน"

            ถ้าให้นับเวลาจริงๆ ก็ราวๆ สิบนาที สำหรับคนที่คิดว่าเวลามีค่านั้นถือว่านานอยู่ แต่ผมไม่ตอบแล้วเลี่ยงถามเข้าประเด็นเลย

            "จะไปดูหนังเรื่องอะไรกัน"

            "จีโอสตรอม"

            "เค้าว่าสนุก" ไอ้ว่านตอบชื่อหนัง สมทบด้วยไอ้เจน

            "เหมือนฝนจะตกเลยว่ะ"

            "อยู่ในห้างไม่เปียกแน่นนอนครับเพื่อน ไปมึง รถมาพอดี"

            มันจะเหมาะเจาะอะไรขนาดนี้ก็ไม่รู้ ไอ้ว่านพูดยังไม่ทันขาดคำรถเมล์ก็มาจอดเทียบป้ายให้คนลงพอดี ไอ้เจนคล้องแขนผมไปขึ้นรถ ไอ้ว่านเดินตามหลัง จับจองที่นั่งหลังสุดบนรถเมล์ปรับตามสภาพอากาศที่พัดลมดับบ้างติดบ้าง อาศัยลมเย็นที่เข้ามาทางหน้าต่างเวลารถวิ่งล้วนๆ

            "เดี๋ยวกูเลี้ยงค่ารถ เก้าบาท แด่มึงเลย" กระเป๋ารถเมล์เดินมาหาพร้อมกับเสียงก๊องแก๊งจากเศษเหรียญในกระบอกตั๋วไอ้เจนก็พูดขึ้นมา ทำตัวเป็นป๋าออกค่ารถให้ตั้งเก้าบาท แต่แค่นี้ผมจ่ายเองได้สบายมาก

            "ไม่เป็นไร" ว่าแล้วชิงยื่นเหรียญสิบให้กระเป๋ารถเมล์ก่อน

            คนอย่างปลื้มไม่จนตรอกขนาดให้เพื่อนจ่ายค่ารถเมล์ให้หรอกเว้ย

 

            เพราะมาแต่เช้าพวกเราเลยได้ดูรอบแรกของวัน นับจำนวนคนทั้งโรงแล้วได้เจ็ดคนถ้วน วีไอพียิ่งกว่าวีไอพี อย่างกับหุ้นกันเหมาโรงดู เป็นบรรยากาศเงียบๆ ชวนวังเวง แต่ละคนนั่งห่างกันคนละวา ถ้ารอบนี้ฉายหนังผีคงจะหลอนน่าดู

            หนังที่พวกมันพามาดูวันนี้ชื่อเรื่องว่าจีโอสตรอม เป็นหนังภัยพิบัติที่ผมว่าสนุกครบรส ลุ้นได้ตลอดเรื่องแถมได้ใช้สมองคิดวิเคราะห์ตามตัวละครไปด้วยพลางๆ แต่จะว่าไปพวกมันลืมอะไรไปหรือเปล่า ได้ยินอะไรไหมเพื่อน เสียงร้องโครกครากจากท้องกูเอง

            พวกมึง กูยังไม่ได้กินข้าวเลย

            ผมได้แต่คร่ำครวญบอกมันสองคนในใจจนกระทั่งหนังจบ อาจจะมีบางช่วงที่ลุ้นหนักๆ จนลืมความหิวไปบ้าง แต่สรุปโดยรวมแล้วตอนนี้คือหิวมาก

 

            ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงสี่สิบเก้านาทีไอ้ว่านกับไอ้เจนยังคงอินกับหนังไม่เลิก ถึงขั้นเดินเม้าท์ตั้งแต่ลุกจากเก้าอี้จนออกมาถึงหน้าโรงหนัง ผิดกับผมที่หิวมากจนอยากลากพวกมันไปหาอะไรกินเร็วๆ เพราะตอนดูหนังไม่ได้ซื้อน้ำหรือป๊อนคอร์นเข้าไปสักอย่าง ลุ้นกับหนังไปพลางฟังเสียงน้ำย่อยในกระเพาะไป ระทึกดีอย่างบอกไม่ถูก

            "เออ! ไอ้ปลื้มยังไม่ได้กินข้าวนี่หว่า หิวมั้ยมึง กินอะไรดี" ต้องขอบคุณไอ้เจนที่ยังอุตส่าห์นึกออก แต่ไม่ถามซะพรุ่งนี้เลยล่ะ

            "อะไรก็ได้เอาถูกๆ"

            "อะไรวะ ไม่เอาฟู้ดคอร์ทนะมึง"

            "เคเอฟซี" พอบอกพวกมันก็ทำหน้าเซ็งทันที ก็มันถูกสุดในนี้แล้วนี่หว่า

            "เออๆ เคเอฟซีก็เคเอฟซี" สุดท้ายพวกมันก็ยอมผม

            คิดจะลากผมมาฟุ่มเฟือยในยามอัตคัดมันก็ต้องแบบนี้แหละเพื่อน มีน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด ทำใจซะ

            ได้ประหยัดอย่างใจหวังผมก็เดินนำหน้าพวกมันอย่างอารมณ์ดี ตรงไปที่บันไดเลื่อนเพื่อลงชั้นหนึ่ง แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงคนที่เพิ่งขึ้นจากบันไดเลื่อนมาก็ทำให้ผมชะงักเสียก่อน

            "อ้าว!"

            "ไง"

            เราทักทายกันด้วยคำสั้นๆ เป็นผมเองที่ออกอาการตกใจที่ได้มาเจอกันที่นี่ ส่วนอีกคนแค่ยิ้มแล้วยกมือโบกไปมา แต่สายตาผมกลับโฟกัสไปยังคนข้างๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

            "มาดูหนังเหรอ" อั๋นถามพลางสอดส่ายสายตามองพวกผม

            "ใช่ เพิ่งดูจบ"

            "โห มากันแต่เช้าเลยดิ"

            "พอดีอาจารย์ยกคลาสเลยไม่มีไรทำ แล้วอั๋น..." ผมถามโดยจงใจเว้นจังหวะไว้ ทำทีเป็นมองผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนข้างๆ แล้วเบนสายตากลับไปมองอั๋นอีกที อาจจะดูสอดรู้สอดเห็นไปหน่อย แต่ปกติคนที่เห็นอยู่กับอั๋นบ่อยๆ น่าจะเป็นคนที่ชอบพกเมฆสีเทาบนหัวไปไหนมาไหนด้วยมากกว่า

            "นี่จอยแฟนผมเอง" อั๋นเข้าใจสิ่งที่ผมอยากสื่อได้ไม่ยาก รีบแนะนำแฟนตัวเองให้รู้จัก ผมเลยจัดการแนะนำเพื่อนตัวดีบ้าง

            "ส่วนนี่ว่านกับเจน"

            เจ้าของชื่อทั้งสองคนรีบผงกหัวทักทาย ผมว่าไอ้ว่านน่าจะพอจำได้เพราะตอนเล่าเรื่องต้นสนให้ฟังผมพูดถึงอั๋นด้วย

            "ต้นสนไม่มาด้วยเหรอ" เห็นเพื่อนตัวสูงแต่ไร้วี่แววเพื่อนอีกคนมันเลยอดถามไม่ได้ ถึงปกติสองคนนี้จะไม่ได้ตัวติดกันตลอดเวลา แถมอั๋นยังมากับแฟน แต่ผมดันอยากรู้ว่าตอนนี้ต้นสนไปอยู่ไหน ไม่มีเรียนแล้วกลับไปโหมทำงานที่คอนโดอีกหรือเปล่า

            "มันนัดเพื่อนไว้ รู้สึกว่าจะไปคาเฟ่มั้ง ที่ไหนไม่รู้ เห็นพกของไปวาดรูปด้วย"

            ผมพยักหน้ารับคำบอก เราจบบทสนทนาเพียงเท่านี้ก่อนต่างคนต่างแยกย้าย

            ไปนั่งวาดรูปที่คาเฟ่กับเพื่อนงั้นเหรอ น่าตามไปดูชะมัด

 

            อิ่มท้องแล้วก็ได้เวลากลับไปนอน แต่ก่อนกลับไอ้เจนมันลากพวกผมไปบีทูเอส เห็นว่าอยากซื้อปากกาใหม่ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องเขียนหลายๆ อย่าง ผมเลยทิ้งมันสองคนให้เลือกซื้อกันไป ส่วนผมผละออกมาเดินดูหนังสือ

            ผมไม่ใช่พวกหนอนหนังสือหรือชอบอ่านอะไรนัก แต่ถ้าเจอเล่มไหนที่น่าสนใจก็จะยอมควักเงินซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนิยายแปล แนวแฟนตาซีหรือลึกลับสอบสวน อ่านแล้วรู้สึกได้ใช้ความคิดและจินตนาการดี

            เดินมาถึงหมวดนิยายสิ่งแรกที่ผมเห็นกลับไม่ใช่แนวที่ชอบอ่าน แต่เป็นนิยายรักอีกแนวที่ผมได้ยินพ่อศิลปินผู้มืดมนพูดถึงเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ยักรู้ว่ามันมีเยอะมากจนเต็มแผงหนังสือ เดี๋ยวนี้เขาฮิตอ่านแนวชายรักชายกันด้วยสินะ

            ผมกวาดตามองหนังสือบนชั้นแบบผ่านๆ เพราะไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นานนัก แต่แล้วสายตากลับไปสะดุดที่หนังสือเล่มหนึ่ง ปกสีฟ้ากับลายเส้นที่คุ้นเคย เลยเผลอหยิบมันขึ้นมาดูอย่างห้ามไม่ได้

            ปกเรื่องนี้ต้นสนวาดไม่ผิดแน่ ยิ่งเห็นชื่อนักวาดบนปกยิ่งแน่ใจ Pinetree ไม่น่าจะเป็นใครอื่นไปได้ ถึงแม้จะเป็นคนละเรื่องกับที่เห็นเจ้าตัวกำลังวาดก่อนหน้านี้ก็ตาม

            ผมหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปหนังสือก่อนวางมันไว้ที่เดิม รู้สึกว่าริมฝีปากยกยิ้มนิดๆ ตอนเดินกลับไปหาสองเพื่อนรักที่ยังเลือกของไม่เสร็จ ผมเลยออกมายืนรอพวกมันข้างนอก เปิดทวิตเตอร์แล้วเข้าหน้าข้อความส่วนตัว

            ผมกดส่งรูปถ่ายหนังสือเล่มนั้นไปให้ต้นสน พร้อมแนบข้อความว่า 'บังเอิญเจอที่บีทูเอส' ไปด้วย

            ผมกดเข้าหน้าโฮมระหว่างที่รออีกฝ่ายตอบกลับ ทวีตแรกที่เห็นก็เป็นของต้นสน เพิ่งโพสต์ไปเมื่อสิบนาทีก่อน รูปแรกเป็นบรรยากาศคาเฟ่โทนสีชมพู รูปที่สองเป็นขนมเค้กสองชิ้น รูปที่สามเป็นถาดสีกับพู่กัน และสุดท้ายเป็นรูปผู้หญิง

            ไปกับผู้หญิงหรอกเหรอ

            ภาพความคิดก่อนหน้าถูกตีจนแตกแล้วแทนที่ด้วยภาพความจริง คำว่าเพื่อนที่อั๋นบอกผมคิดว่าเป็นผู้ชาย แต่ไม่ใช่ ต้นสนไปกับผู้หญิง แถมสวยซะด้วย รู้ว่าไม่ควรหงุดหงิดแต่ผมกลับหงุดหงิดด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะผู้หญิงกับรูปวาดนั่น

            รูปหญิงชายที่นั่งข้างกัน และผู้หญิงกำลังหอมแก้มผู้ชาย

            ไปด้วยกันแค่สองคนแบบนี้ วาดรูปสื่อออกมาขนาดนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วล่ะมั้ง

            ไหนบอกไม่มีแฟนไงวะ

            "ไปมึง กลับกัน"

            ผมกดออกจากทวิตเตอร์ไอ้ว่านกับไอ้เจนก็เดินออกมาพอดี เป็นจังหวะเดียวกับที่แจ้งเตือนจากข้อความส่วนตัวดังขึ้นมา

            Pinetree : เป็นเล่มแรกที่ได้วาดปกนิยายเลย

            Pinetree : ดีใจอ่ะ ปลื้มรู้ด้วย

            อ่านสิ่งที่โชว์บนหน้าจอแล้วไม่มีอารมณ์ปลดล็อกเข้าไปตอบ ผมยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วถอนหายใจแรงๆ จนเพื่อนทั้งสองหันมามอง โชคดีที่ไม่โดนพวกมันสงสัยผมเลยแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ชวนคุยเรื่องอื่นแทน

 

            Pinetree : วันนี้ป้านกทำไรอะไรกินบ้าง

            PuuRimm : (ส่งรูปภาพ)

            Pinetree : ไข่ลูกเขยน่ากิน ซื้อให้หน่อย

            PuuRimm : ลงมา

            Pinetree : เลิกงานแวะมาหน่อยดิ

            PuuRumm : ก็หิวต่อไป

            Pinetree : ทำไมวันนี้ใจร้าย ไม่มาจริงเหรอ

            Pinetree : ใกล้กำหนดแล้วอ่ะ ยังเคลียร์ไม่เสร็จเลย

            PuuRumm : ก็มัวแต่ไปวาดรูปเล่นไง

            Pinetree : หมายถึงที่คาเฟ่เหรอ ไปแค่แป๊บเดียวเอง

            PuuRumm : ถ้ามีเวลาไปวาดรูปเล่นแค่ลงมาซื้อข้าวเองคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

            Pinetree : ปลื้มเป็นอะไร

            Pinetree : โกรธที่ไปคาเฟ่เนี่ยนะ ไม่เอาดิ

            Pinetree : คุยให้รู้เรื่องก่อน อย่าเงียบ

            Pinetree : โอเค ลงไปซื้อเองก็ได้

            Pinetree : ถ้าไม่อยากทำให้ก็บอกกันดีๆ ไม่ต้องประชด

            Pinetree : ขอโทษแล้วกันที่รบกวน

            บทสนทนาในข้อความส่วนตัวช่วงใกล้เลิกงานจบลงแค่นั้น เมื่อผมไม่ตอบอะไรกลับไปอีกจนกระทั่งกลับมาถึงห้องมันเลยค้างอยู่บนหน้าจอแบบนี้ ต้นสนเองก็ไม่ได้ลงมาที่ร้านอย่างที่บอกไว้ จากที่โกรธกลับกลายเป็นหงุดหงิดตัวเองแทนที่งี่เง่า อารมณ์ที่ตึงมาตั้งแต่ช่วงบ่ายยังขึ้นๆ ลงๆ ไม่คงที่ พอนึกถึงรูปวาดกับผู้หญิงคนนั้นจะหงุดหงิดแต่พออ่านข้อความที่ต้นสนทิ้งไว้ก็ยังไงหงุดหงิด แต่เปลี่ยนมาเป็นหงุดหงิดตัวเองแทน

            ดูท่าแล้วเหมือนจะอาการหนักเข้าไปทุกที ความรู้สึกที่เริ่มชัดเจนขึ้นก็เช่นกัน

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาผมที่กำลังคิดเรื่องหนักๆ สะดุ้งตัวโหยง ใครมันมาหาเอาป่านนี้ ไม่ใช่ไอ้ว่านกับไอ้เจนแน่ๆ

            ห้องผมไม่มีตาแมวให้มองเลยต้องใช้วิธีมองลอดผ่านบานเกล็ดข้างๆ ประตูแทน แต่เดี๋ยวก่อน เสื้อย้วยๆ แบบนี้ รอยแผลจางๆ ที่แขน หน้าตาโทรมเหมือนซอมบี้

            เฮ้ย! มาได้ไง

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูดังอีกครั้งจนผมสะดุ้งผละออกห่างจากบานเกล็ด

            ทำไมต้นสนถึงมาอยู่ที่นี่

            "เปิดประตูให้หน่อย"

            ผมสูดลมหายใจเข้าออกอยู่สองสามครั้งก่อนตัดสินใจเปิดประตูเผชิญหน้ากับคนที่ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าสักเท่าไร ต้นสนหน้าตึง ยืนกอดอกมองผมแล้วขมวดคิ้ว ท่าทางเหมือนอยากจะมาหาเรื่องกันเต็มแก่

            "เป็นอะไร" ถามคำถามแรกด้วยน้ำเสียงกรรโชกแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

            ผมรู้ว่าต้นสนกำลังร้อนใจ หรือไม่ก็ถึงขั้นโกรธ เหตุผลอะไรไม่ต้องเดา เพราะถ้าผมโดนเมินด้วยการไม่ตอบแชทก็คงโมโหเหมือนกัน แถมโดนเมินด้วยเหตุผลอะไรก็ยังไม่รู้ ทำไมอะไรผิดไว้ก็ยังไม่รู้ จากที่คิดว่าจะเป็นฝ่ายโกรธพอเห็นสีหน้าเป็นกังวลของคนตรงหน้าแล้วความคิดงี่เง่าที่อยู่ในหัวมาตลอดทั้งวันกลับหายไปเสียดื้อๆ

            "เข้ามาข้างในก่อน" ผมคว้าแขนต้นสนให้เดินตามเข้ามา แม้ไม่อยากให้มาเห็นสภาพห้องที่เล็กไม่ต่างจากรังหนูนี่ก็เถอะ แต่ดีกว่ายืนเถียงกันหน้าประตู

            "เป็นอะไร ทำไมเงียบใส่ โกรธเรื่องอะไร" ประตูห้องปิดปุ๊บต้นสนก็ใส่เป็นชุด

            ผมยังไม่ตอบ เดินไปนั่งบนเตียงแล้วตบที่ว่างข้างๆ ให้ต้นสนเดินมานั่งซึ่งเจ้าตัวก็ยอมทำตามโดยดี จากนั้นต่างคนก็ต่างเงียบ

            บรรยากาศเริ่มชวนให้อึดอัด ตอนนี้เองที่ผมค้นพบความสามารถพิเศษของต้นสนอีกอย่าง เพราะนอกจากจะปล่อยความมืดมนให้คนรอบข้างได้แล้ว ยังปล่อยรังสีความน่ากลัวได้อีก สีหน้านิ่งๆ ที่พยายามเก็บอารมณ์ดูเหวี่ยงจนไม่น่าเข้าใกล้ มันต่างจากตอนนิ่งๆ แบบน่าค้นหาที่ผมเจอเจ้าตัวครั้งแรกลิบลับ เป็นคนที่มีหลายบุคลิกซึ่งบุคลิกที่ผมไม่อยากเจอที่สุดก็คือตอนนี้

            "มีอะไรจะพูดมั้ย" เสียงเรียบๆ เอ่ยถามอย่างให้โอกาส

            ผมถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที ตอนนี้ต่อให้นึกถึงรูปวาดกับผู้หญิงคนนั้นยังไงก็หงุดหงิดอีกฝ่ายไม่ลง ก็เล่นมาแผ่รังสีความน่ากลัวใส่ขนาดนี้ จะทำเป็นโกรธกลับก็ทำไม่ลงด้วยเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายไปงี่เง่าใส่ก่อน

            "แค่อารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย ขอโทษนะที่งี่เง่าใส่"

            "อารมณ์ไม่ดีเพราะเราน่ะเหรอ บอกได้มั้ยทำไม"

            เป็นคำถามที่ทำให้ผมต้องเงียบอีกครั้ง ทำไมน่ะเหรอ จะให้ผมตอบไปว่ายังไงล่ะ หงุดหงิดเพราะบอกว่าไม่มีแฟนแล้วไปนั่งวาดรูปสวีทหวานแหววกับผู้หญิงสวยที่คาเฟ่แบบนั้นน่ะเหรอ เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย

            "ว่าไง"

            "ไม่รู้ดิ อยู่ดีๆ ก็โกรธ"

            "ปลื้ม" ต้นสนเรียกเสียงแข็ง บอกให้รู้ว่าไม่มีอารมณ์รับมุก

            แต่ถ้าพูดไปผมจะไม่โดนว่าอะไรใช่ไหม ถ้ายอมรับความจริงออกไป

            ผม...กลัว

            "เห็นรูปที่อัพในทวิตแล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกไม่ชอบใจ ที่ไปวาดรูปกัน"

            "กับอารี่น่ะเหรอ"

            "งั้นมั้ง ไม่ได้รู้จักผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย"

            ท่าทางผมเหมือนเด็กยังไงไม่รู้ ยิ่งหันไปเห็นรอยยิ้มจากคนที่ทำหน้าตึงตั้งแต่เดินเข้าห้องมายิ่งย้ำชัดความคิดนั้น เห็นไหมว่ามันงี่เง่า โกรธอะไรไม่เข้าเรื่อง แต่ก็ยังจะโกรธ

            "อารี่เป็นเพื่อนนักวาด นานๆ เจอกันที เดือนหน้าก็จะไปออกบูธด้วยกัน วันนี้มันมาแถวนี้เลยนัดเจอ"

            "ให้จริง"

            "ไม่หึงดิ"

            ไม่รู้ว่าที่ต้นสนพูดแกล้งเล่นหรือจริงจัง ทั้งที่ปกติผมจะดูออกมา แต่วันนี้กลับไม่ รอยิ้มบางๆ นั่น กับแววตามั่งคงไม่ขี้เล่นเหมือนทุกที แล้วถ้าผมจะขอรับคำนั้นไว้ด้วยความจริงจังล่ะ อีกฝ่ายจะมีท่าทีตอบกลับมายังไง

            "ไม่ได้อยากจะหึงสักหน่อย"

            "แสดงว่าหึง"

            "อืม"

            ผมเว้นจังหวะเพื่อสบตาคนตรงหน้า รอยยิ้มบางๆ นั่นหายไปแล้ว แววตามั่งคงเมื่อครู่เริ่มสั่นคลอน สั่นเหมือนใจผมที่เต้นรัวเร็ว และยิ่งเพิ่มจังหวะเร็วขึ้นเมื่อออกปากย้ำอีกครั้งให้ชัดกับความรู้สึกที่มี

            "หึง"

            ต้นสนเม้มปากแน่นก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วหันมองไปทางอื่น ใจผมที่เต้นรัวเริ่มผ่อนจังหวะลง บรรยากาศน่าอึดอัดหายไป รู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอกทั้งที่ยังไม่แน่ชัดกับปฏิกิริยาตอบกลับของเจ้าตัวด้วยซ้ำ แต่จากสายตาที่มองมาเมื่อครู่มันเหมือนกับว่าได้รับอนุญาตให้รู้สึกแบบนั้นได้

            ผมหึงต้นสนได้

            "แล้วต้องตามมาถึงหอเลย" ผมพาเปลี่ยนประเด็นที่ไม่ได้ไกลจากเดิมเท่าไร เพราะกลัวว่าถ้าเงียบกันอยู่แบบนี้ความน่าอึดอัดจะกลับมาปกคลุมห้องเล็กๆ นี้อีก

            "ไม่ยอมตอบแชทจะให้ทำไงอ่ะ"

            "รู้ที่อยู่ด้วยเหรอ"

            "ก็มีอยู่ทำไมจะไม่รู้"

            ผมขมวดคิ้วนึกสงสัยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกออกว่าเคยสั่งซื้ออาร์ตบุ๊ค เพราะงั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าต้นสนจะมีทั้งชื่อ ที่อยู่ ยันรหัสไปรษณีย์

            "เดือนหน้าเสาร์ที่สองปลื้มว่างมั้ย"

            "ปกติทำงาน แต่ถ้ามีเรื่องจำเป็นก็ได้อยู่"

            "เรื่องจำเป็นเหรอ"

            ดูท่าคำว่า 'จำเป็น' ของผมจะทำให้ต้นสนคิดหนัก ความจริงสิ้นเดือนนี้ผมตั้งใจว่าจะเคลียร์ค่าเช่าให้หมด เพราะทางบ้านจะส่งเงินมาช่วยย้อนหลังที่ค้างไว้หลายเดือนก่อนด้วย เท่ากับว่าหลังจากนี้ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตแบบปกติสุขอย่างเดิม ไม่ได้ฟุ่มเฟือย แต่ไม่ต้องประหยัดจนทรมานตัวเอง

            "ได้ดิ จะชวนไปไหน" ได้ยินคำตอบรับจากสีหน้าเป็นกังวลต้นสนก็ยิ้มออก

            "ไปงานด้วยกันนะ ไปช่วยกันขายของ เดี๋ยวให้ค่าจ้าง" ถึงกับต้องเอาเงินมาล่อกันเลยทีเดียว

            "ไม่ให้ค่าจ้างก็จะไปอยู่หรอก"

            "งั้นตกลงนะ"

            "อืม"

            ต้นสนยิ้มกว้างแปลงร่างเป็นคนละคนกับตอนที่มายืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องผม พอได้ดั่งใจแล้วก็เป็นแบบนี้ ชอบยิ้มแจกความสดใสที่ไม่ค่อยจะมี พวกครีมบำรุง อาหารเสริมกับวิตามินที่ซื้อมาได้ใช้ได้กินอย่างสม่ำเสมอหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่พูดไปจะหาว่าบ่นอีก

            "ปลื้มกินข้าวยัง"

            กำลังจะอ้าปากบ่นสักหน่อยแต่กลับโดนถามตัดหน้า ผมส่ายหน้าตอบ ก่อนหน้านี้ไม่มีอารมณ์กิน เพราะปกติมักจะหิ้วของเหลือไปนั่งกินกับใครบางคนที่ห้อง 403 แต่วันนี้หิ้วท้องอันหิวโซกลับมาที่ห้องตัวเอง ป้านกจะให้กับข้าวกลับมาก็ไม่ยอมเอา อ้างว่าไม่หิวลูกเดียว

            "งั้นไปหาอะไรกินกันมั้ย เห็นกลางซอยมีร้านตามสั่ง" ชวนพร้อมเลือกร้านให้เสร็จสรรพ สำรวจมาอย่างดีอย่างกับวางแผนไว้ล่วงหน้า และไม่มีเหตุผลที่ผมต้องปฏิเสธ

            "ไปดิ"

            ตอบตกลงก่อนลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสตางค์เดินนำออกไปหน้าห้อง ปิดประตูล็อคกุญแจเรียบร้อยมือข้างขวาของผมก็ถูกความร้อนเข้ามากอบกุม ผมตอบรับความรู้สึกนั้นด้วยการกระชับมันไว้หลวมๆ ก่อนเราทั้งคู่จะก้าวเดินไปพร้อมกัน

 

TBC

 

งานหึงก็มานาจา นอกจากความน่ารักแล้วต้นสนก็มีโหมดน่ากลัวด้วยนะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า


ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ทำไมต้นสนดูรุกแรงมากกกก ฮื่อออ น่ารักจังเลยค่ะ เวลาเกรี้ยวกราดยิ่งน่ารักกกดดดด  :กอด1:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เผลอคิดว่าต้นสนเป็นพระเอกทุกที  :z3:

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่ารักยิ่งอ่านยิ่งน่ารักกกกกก :-[

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ฮือ ต้นสนลูกทำไมน่ารัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักกกกกก ชอบต้นสนเกรี้ยวกราด

ออฟไลน์ yanaanay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต้นสนนี่พระเอกชัดๆเรย  :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ต้นสนนนนน  น่ารักจัง ต้นสนหาซื้อได้ที่ไหนคะ  :ling1:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เราชอบที่ฝ่ายรุกเป็นฝ่ายพ่อบ้านดูแลเอาใจใส่แบบนี้จัง น่ารักอะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
สารภาพว่าตอนแรกเห็นชื่อเรื่องนี่ไม่กล้าอ่านจริงๆ กลัวเครียด

แต่พออ่านแล้วแบบ....จย้าาาาาาาาาาาา

ฮาาาา ชอบความค่อยเป็นค่อยไปนะ ชอบๆ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คนหลายบุคลิกนี่บางทีก็มีเสน่ห์มากอ่ะ อยากให้ต้นสนเป็นรุกจัง :hao7:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ตอนที่ 17


            'งาน KFM ครั้งที่ 8'

            ผมอ่านชื่องานบนบัตรสตาฟที่ต้นสนเพิ่งยื่นมาให้ในใจก่อนเอามันคล้องคอ ยิ้มให้เจ้าหน้าที่ตรงโต๊ะลงทะเบียนพอเป็นพิธีแล้วหิ้วกระเป๋าเดินตามต้นสนเข้าในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมย่านใจกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน

            โต๊ะที่มีผ้าคลุมสีขาวตั้งเรียงกันไปตามความยาวของห้องทั้งหมดสี่แถว ต้นสนเดินนำไปยังบูธที่จองไว้อย่างชำนาญเส้นทาง  ผ่านหลายบูธที่กำลังจัดของกันอย่างขะมักเขม้น ก่อนหยุดที่โต๊ะแถวที่สองใกล้กับหัวแถว

            "ของเราโต๊ะนี้" ต้นสนบอกแล้ววางของลงบนโต๊ะที่มีกระดาษติดไว้ว่า B3 เป็นทำเลที่ดีหรือเปล่าไม่รู้ แต่อยู่ใกล้เวทีก็น่าจะดีล่ะมั้ง

            ถึงบูธก็ได้เวลาจัดของ ผมหยิบโปสการ์ดเกือบยี่สิบลายออกมาวางตามที่ต้นสนบอก ลายหนึ่งมีสามสิบถึงสี่สิบแผ่น ตามด้วยแฟนบุ๊คอีกสองเรื่อง อาร์ตบุ๊คที่ผมซื้อไปแล้วอีกเล่ม จัดเรียงของทั้งหมดแล้วใช้พื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของโต๊ะที่ยาวเกือบสองเมตรได้

            บูธนี้ต้นสนแบ่งพื้นที่กับอารี่คนละครึ่ง แม่ศิลปินสาวตัวเล็กที่ผมออกอาการหึงใส่เมื่อคราวก่อน หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่วันนี้ ตั้งใจมาช่วยขายของแล้วก็อยากมาเห็นตัวจริงของแม่สาวอารี่ด้วยเหมือนกัน

            ช่วยกันจัดของจนใกล้เสร็จมือถือของต้นสนก็แผดเสียงร้อง เจ้าตัวหยิบมันขึ้นมาดูก่อนกดรับ คุยกันสองสามคำแล้ววางสาย เป็นประโยคสนทนาที่ฟังแล้วรู้ได้ทันทีว่าคุยกับใคร

            "ไปรับอารี่ก่อนนะ"

            ผมพยักหน้ารับ ต้นสนยิ้มให้แล้ววางป้ายราคาที่ยังจัดไม่เสร็จไว้บนโต๊ะแบบลวกๆ ก่อนคว้าเอาบัตรสตาฟที่ได้มาตั้งแต่ตอนลงทะเบียนออกไปหาเพื่อน

            ระหว่างรอผมทำเป็นจัดของที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้วให้เข้าที่อย่างคนไม่มีอะไรทำ ไม่ก็เหล่มองบูธข้างๆ หนังสือเอย โปสเตอร์เอย อีกทั้งสารพัดของเล็กๆ น้อยๆ มีทั้งแบบตัวการ์ตูนที่น่าจะเป็นคาแรคเตอร์ แล้วก็รูปผู้ชายหล่อๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง เป็นสถานที่ที่ล่อลวงผู้มีใจรักได้ดียิ่งนัก

            หายออกไปไม่นานนักต้นสนก็เดินกลับเข้ามาพร้อมผู้หญิงตัวเล็กผมดำยาวใส่ชุดเดรสสีขาวชายลูกไม้ ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนมจนมาหยุดอยู่ที่บูธ B3 สาวน้อยนามว่าอารี่ก็ยิ้มหวานแล้วแนะนำตัว

            "หวัดดีปลื้ม เราอารี่นะ เป็นเพื่อนนักวาดกับต้นสนมัน ได้ยินมันพูดถึงบ่อยๆ ตัวจริงหล่อนะเนี่ย" อารี่เปิดปากได้ก็ใส่มาเป็นชุด ท่าทางจะคุยเก่งเหมือนกันทั้งคู่

            แล้วที่ว่าต้นสนไปพูดถึงบ่อยๆ นี่หมายความว่าไง เอาผมไปเมาท์ให้เพื่อนฟังว่าอะไรอีก

            "หวัดดี" ผมทักตอบกลับไปแค่นี้แล้วยิ้มอย่างเดียว

            "รีบจัดของเลยมึง อีกครึ่งชั่วโมงเขาจะเปิดให้คนเข้าแล้ว"

            "เหรอ เออๆ" อารี่ตอบรับแล้ววางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ท่าทางลนๆ ก็ขัดกับลุกน่ารักๆ อย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่โก๊ะแบบเปิ่นๆ แต่เป็นเด๋อแบบตลกๆ ถึงอย่างนั้นความสวยที่มาก็ทำให้สามารถมองข้ามมันไปได้ เป็นสัจธรรมที่ว่า คนสวยมักได้เปรียบกว่าจริงๆ

            'คุยเก่งกันทั้งคู่' ไม่ผิดคาดจากที่ผมคิดเอาไว้ หลังจากจัดของเสร็จ อารี่ก็ชวนต้นสนคุยจนแทบไม่มีเวลาไหนที่เรียกได้ว่าเงียบสงบ ไม่รู้ขุดเอาเรื่องจากไหนมาคุยกันนักหนา มีโยนมาให้ผมตอบรับบ้าง พอเล่นด้วยเข้าหน่อยก็เล่นกลับใหญ่เวอร์วัง แต่แปลกตรงที่มันไม่ได้ดูน่ารำคาญเลยสักนิด

            "เฮ้ยๆ คนเข้ามาแล้ว"

            สิบโมงตามเวลาเริ่มงานที่ระบุในบัตรประตูห้องจัดเลี้ยงก็เปิดออก ผู้คนเริ่มทยอยกันเข้ามาเดินกระจายไปตามบูธต่างๆ และดูเหมือนว่าบูธของพวกเราเองก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของใครหลายคน

            "อันนี้น่ารัก"

            "อันนี้ก็สวย"

            "อยากได้หมดเลย"

            "หมดตัวเลยนะ"

            "มีโปรมั้ยคะพี่ต้นสนพี่อารี่"

            น้องผู้หญิงสองคนที่คาดว่าน่าจะอยู่มัธยมปลายยืนคุยกันงุ้งงิ้งอยู่หน้าร้าน ก่อนจะโยนคำถามมาให้เจ้าของบูธที่พร้อมแล้วสำหรับการขาย คงจะเป็นแฟนคลับของสองคนนี้ด้วยล่ะมั้ง ถึงได้เรียกชื่อกันสนิทสนมขนาดนี้

            "ของพี่ต้นสนไม่รู้มีมั้ยนะคะ แต่ของพี่อารี่มีค่า นี่จ้า ซื้อครบหนึ่งร้อยบาทแถมฟรีโปสการ์ดหนึ่งใบ เลือกลายได้เลยน้า มีสี่แบบ" อารี่หยิบกล่องพลาสติกออกมาพร้อมเปิดโชว์ของแถมที่ว่าให้ดู มันคือโปสการ์ดสี่ลายที่ไม่ได้เอาออกมาวางโชว์ตั้งแต่แรก สองลายเป็นรูปหญิงชาย ส่วนอีกสองลายนั้นเป็นรูปชายชาย แต่ไอ้รูปชายชายนั่นทำไมมันคุ้นๆ

            "ไอ้รี่!"

            "อะไร"

            "มึง"

            "กูทำไม"

            สองศิลปินเพื่อนรักเขากระซิบกระซาบอะไรกันไม่รู้ดูลับๆ ล่อๆ ชอบกล คนหนึ่งขมวดคิ้วใส่ทำหน้าเครียด ส่วนอีกคนยิ้มร่าท่าท้าย สงสัยคุณหนูต้นสนจะโดนขัดใจอะไรเข้าอีกเป็นแน่

            "แล้วพี่ต้นสนล่ะคะ" หนึ่งในลูกค้าสาวถามขึ้นมาเมื่อยังไม่ได้รับฟังโปรโมชั่นพิเศษจากทางต้นสน เจ้าตัวเลยแยกเขี้ยวใส่เพื่อนก่อนหันไปตอบ

            "พี่แถมสติ๊กเกอร์ครับ ซื้อเท่าไรก็แถม ส่วนโปสเตอร์สามใบร้อยนะ เลือกเลยๆ"

            ได้รับฟังโปรโมชั่นถูกใจทั้งสองสาวก็เริ่มเลือกสินค้าที่อยากได้ ส่วนผมมีหน้าที่รับมาใส่ซองและช่วยทอนเงิน

            "ขอบคุณครับ"

            ทั้งสองคนที่รับซองใส่สินค้าจากมือผมค้อมหัวเล็กน้อยพร้อมยิ้มให้ หนึ่งในนั้นมองรูปในโปสเตอร์ที่ได้แถมจากอารี่สลับกับมองผมก่อนจะยิ้มกว้าง ค้อมหัวให้อีกหนึ่งทีแล้วพวกเธอก็เดินจากไป

            ผมว่าโปสการ์ดนั่นมันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ รูปหนึ่งเดินจับมือกัน ส่วนอีกรูปเหมือนจะเล่นกีตาร์ร้องเพลง

            เดี๋ยวนะ!

            ตั้งใจว่าจะทักเรื่องรูปในโปสการ์ดแต่เพราะลูกค้าที่ทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ ผมเลยไม่มีโอกาสได้ถามสักที

            การขายของเป็นเรื่องสนุก โดยเฉพาะเวลาที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผมที่คุ้นเคยกับการขายของอยู่แล้วพอปรับตัวกับชนิดของสินค้าใหม่และจำราคาได้เลยยิ่งสนุกกับมัน แนะนำพูดคุยหยอกล้อกับลูกค้าจนเจ้าของบูธออกปากชม แถมคิดเลขเร็วอีกต่างหาก ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ แฟนบุ๊คหนึ่งเรื่องที่ต้นสนทำมาก็ขายหมด

            "นี่ขายดีหรือทำมาน้อย" แล้วก็โดนอารี่แซะเข้าให้

            "ระดับต้นสนนะครับ ทำมาเยอะแค่ไหนก็หมด"

            "จ้าๆ"

            ถ้าผมไม่มาเห็นกับตาวันนี้ก็คงจะทำหน้าหมั่นไส้ใส่ต้นสนเหมือนอารี่อย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะขายได้เรื่อยๆ แล้วยังมีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปด้วยบ่อยๆ ถ้าช่วงไหนที่เจ้าตัวไม่อยู่เช่นไปห้องน้ำหรือเดินแวบไปที่อื่นก็มักจะโดนถามหา นับว่าเป็นคนดังคนหนึ่งของวงการนี้คงได้

            เวลาผ่านไปของที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะเริ่มหมดไปทีละอย่าง ในขณะที่ลูกค้ายังทยอยเข้ามาเรื่อยๆ มีงอนง้อใส่กันบ้างเมื่อของที่อยากได้ไม่มีให้ซื้อ แต่ด้วยวาทศิลป์อันแพรวพราวของอารี่เลยเกลี่ยกล่อมจนลูกค้าหันไปซื้อสินค้าอย่างอื่นแทน ไม่ได้เก่งแค่คุยโม้ไปเรื่อยอย่างเดียว

            เลยเที่ยงมาได้สองชั่วโมงผมเลยอาสาออกไปซื้อข้าวกับขนมนมเนยมาให้ กลับมาที่บูธอีกทีลูกค้ามีอยู่ประปราย ตั้งใจจะแลกเวรขายกับใครสักคนเพื่อผลัดกันไปพัก แต่กลับมีเสียงคุ้นหูเรียกชื่อผมขึ้นมาทั้งที่ไม่น่าจะมีใครรู้จักผมนอกจากต้นสนกับอารี่

            "พี่ปลื้ม"

            หันไปตามต้นเสียงก็เจอกับเด็กสาวยืนเอียงคอขมวดคิ้วมองผมอยู่ เธอใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่มักจะเห็นบ่อยๆ ซึ่งปกติแล้วผมจะเห็นเธอใส่ชุดนี้อยู่ที่ตลาดหลังมหาวิทยาลัย

            "ไม่ยักรู้ว่าพี่ปลื้มชอบอะไรแบบนี้ด้วย" น้ำเสียงที่ถามฟังดูแปลกใจ ทว่าสีหน้ากลับเย้ยหยัน น้ำตาลมองผมสลับกับต้นสนและอารี่ เป็นสายตาที่ดูไม่น่ารักและไร้มารยาท

            "พี่มาช่วยเพื่อนขายของน่ะครับ น้องตาลชอบอันไหนเลือกได้เลยนะ" ผมพยายามมองข้ามท่าทีเหล่านั้น เป็นการแสดงออกที่ผมไม่อยากเชื่อว่าเด็กผู้หญิงที่เคยน่ารักจะแสดงท่าทีอาการแข็งกร้าวได้ขนาดนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย

            "ตาลไม่ได้ชอบ เพื่อนชวนมาก็มา ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาเจอพี่ปลื้มที่นี่ รับจ๊อบพิเศษเหรอคะ หรือเบื่องานที่บ้านตาลแล้ว"

            "พี่มาช่วยเพื่อนครับ ไม่ได้มารับจ๊อบ"

            "เขาจ้างพี่ปลื้มเท่าไรเหรอ พักนี้เลยชอบลางานตลอด"

            "ตาล" ผมเรียกเสียงแข็งแต่ไม่ดังนัก ส่งสายตาบอกให้อีกฝ่ายหยุดพูดอะไรเรื่อยเปื่อย คนรอบข้างเองก็เริ่มหันมามอง รวมถึงต้นสนกับอารี แต่มันไม่ได้ผลเมื่อตาลเปลี่ยนเป้าหมายไปหาต้นสนแทน

            "สวัสดีค่ะพี่ต้นสน"

            "สวัสดีครับ"

            "งานพวกนี้ของพี่เหรอคะ"

            "ครับ" ต้นสนยิ้มรับให้กับท่าทีคุกคามที่เหมือนจะไม่ยอมลดลงง่ายๆ

            "ตาลไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าพี่สองคนจะสนิทกันขนาดนี้"

            "พวกเราเป็นเพื่อนที่มหา'ลัย"

            "รู้ค่ะ แต่ก็เรียนคนละคณะไม่ใช่เหรอ"

            ต้นสนได้แต่ยิ้มรับโดยไม่ตอบโต้อะไรกลับไปอีก ผิดกับอารี่ที่ดูร้อนรนเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่โดนต้นสนหยิกแขนเอาไว้ เลยได้แต่ส่งยิ้มที่ไร้ความจริงใจให้กันไปมา

            สถานการณ์แบบนี้มันบ้าบอชะมัด

            ผมไม่รู้ว่าตาลไปรู้อะไรมา ที่ร้านเธอกับต้นสนเจอกันบ่อยก็จริงแต่คุยกันแทบนับประโยคได้ แถมยังเป็นประโยคสนทนาที่ใช้ในการค้าเสียส่วนใหญ่ ตาลไม่เคยมีท่าทีสนใจต้นสนมาก่อน กระทั่งพักหลังที่ผมคุยกับต้นสนที่ร้านมากขึ้น ปริมาณกับข้าวที่เอากลับไปหลังเลิกงานและเส้นทางกลับบ้านที่เปลี่ยนไป เธอเคยถาม แต่ผมไม่เคยตอบอย่างจริงจังเท่าไร

            "ตาลไปก่อนนะ พอดีเพื่อนรอยู่ ขอให้ขายดีนะคะ แล้วเจอกันนะพี่ปลื้ม" นึกอยากจะไปก็ไป นึกอยากจะมาก็มา ตาลโบกมือลาพร้อมรอยยิ้มที่ดูยังไงก็เสแสร้งก่อนเดินจากไป พร้อมกับอารี่ที่พูดสวนขึ้นมาทันที

            "อะไรของอีเด็กนั่น"

            "พูดไม่เพราะเลย"

            "เอ้า! ก็ดูมันทำหน้าทำตาดิ แฟนปลื้มเหรอ หรือใคร"

            "ไม่ใช่" ผมตอบแล้วส่ายหน้า ดูท่าอารี่จะอารมณ์ขึ้นมากกว่าคนโดนยั่วอย่างผมกับต้นสนเสียอีก

            "หรือกิ๊กปลื้ม พูดกระแนะกระแหนน่าตบมากอ่ะ"

            "ไม่มีแฟนจะไม่กิ๊กได้ไงเล่า"

            "แล้วไอ้สนไม่ใช่แฟนปลื้มเหรอ" อารี่ยิงมาคำถามเดียวเงียบกันทั้งบูธ ไหนจะลูกค้าที่กำลังเลือกซื้อของอีก ส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับต้นสนทั้งนั้น พอได้ยินประโยคนี้เลยหูผึ่งกันเป็นแถว

            "ไอ้รี่!"

            "ล้อเล่นมั้ยล่ะ เห็นพวกมึงสนิทกันอ่ะ มันก็อยากเชียร์ไง" พูดประโยคแรกเสียงดังก่อนอารี่จะเข้าไปกระซิบประโยคหลังกับต้นสน แต่ผมดันบังเอิญได้ยิน

            "พูดมาก"

            "นี่เพื่อนหวังดีนะคะ"

            "ไม่ต้องมาหวังดีกับคนอื่น มึงอ่ะหาผัวให้ได้ก่อนเถอะ"

            "อีนี่! ปากร้าย"

            มองต้นสนกับอารี่ยืนเถียงกันแล้วผมก็ได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเอง ไม่รู้ก่อนหน้านี้หลงคิดไปได้ยังไงว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน ถ้าเป็นภาพนิ่งทั้งคู่นั้นไม่ต่างกับเทพบุตรกับเทพธิดา แต่พอเป็นภาพเคลื่อนไหวแล้วกลับเป็นลุงขายน้ำเต้าหู้กับเจ๊ขายผัก มันก็ยังพอจะจินตนาการได้อยู่ล่ะมั้ง

 

            ใกล้สี่โมงเย็นคนที่มาร่วมงานก็เริ่มน้อยลง บางบูธทยอยกันเก็บของ พวกผมเองก็ด้วย งานที่เอามาส่วนมากขายได้เกือบหมด ของที่ต้องขนกลับเลยมีไม่เยอะเท่าไร

            "พวกแกจะไปไหนกันต่อ" อารี่ถามตอนพวกเราเดินออกมาจากห้องจัดงาน

            "ตอนแรกว่าจะไปกินข้าวก่อน แต่ตอนนี้อยากกลับเลยว่ะ ง่วงมาก" ต้นสนตอบแล้วเหล่มองมาทางผม

            ผมน่ะยังไงก็ได้ มาด้วยกันก็กลับด้วยกัน สนต้นจะพาไปไหนก็ไป จะไปกินข้าวหรือจะกลับคอนโดก็ตามใจคุณหนูเลย

            "แล้วมึงจะไปไหนต่อ"

            "นัดกับพี่พีไว้ตอนห้าโมง มึงเอารถมาใช่ป่ะ"

            "อืม"

            "งั้นไปส่งกูหน่อยดิ"

            "กูว่าละ"

            "เออน่า ไม่ไกลหรอกมึง นะๆๆ"

            "เออๆ"

            "ดีมากเพื่อนรัก" อารี่หยิกแก้มต้นสนหนึ่งทีเจ้าตัวเลยรีบปัดออกแล้วขมวดคิ้วใส่ หยอกกันได้น่ามันเขี้ยวจนคนมองต้องยิ้มตาม

            ผมว่าคู่นี้เขาเข้าขากันดีนะ ทั้งท่าทาง ลักษณะนิสัย ชอบวาดรูปเหมือนกันอีก พอเห็นหยอกกันมากๆ มองแบบคนไม่รู้ก็ชักจะเข้าข่ายเหมือนคู่รักกันยังไงชอบกล เป็นคู่รักคู่กัด แต่ดูเหมือนจะชอบกัดกันมากกว่า

 

            ต้นสนขับรถมาส่งอารี่ที่ร้านอาหารไม่ไกลจากโรงแรมนัก ก่อนจะลงจากรถเธอยื่นโปสการ์ดสองใบมาให้ผม มันคือของแถมสำหรับลูกค้า รูปวาดที่คุ้นแสนคุ้นเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวผมมาก่อน และยังเป็นสิ่งที่ผมเกือบลืมไปแล้วถ้าเธอไม่เอามันมาให้

            ผมมองโปสการ์ดในมือแล้วนั่งอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ในขณะที่ต้นสนยังคงปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาเอาแต่มองไปข้างหน้าตั้งอกตั้งใจกับการขับรถ แต่เพราะมันมีประเด็นให้คิดเจ้าตัวถึงได้เป็นแบบนี้ เพราะคำพูดของอารี่ที่บอกกับผมก่อนลงรถ

            'ไอ้นี่น่ะ ตอนแรกตั้งใจวาดเล่นเฉยๆ แต่เผอิญว่าคนแถวนี้อยากได้เลยทำแจกมันซะเลย ไม่ว่ากันเนอะ'

            จะว่าหรือไม่ว่ามันก็ผ่านมาแล้ว ถึงไปบอกอารี่ว่าไม่ให้ทำตอนนี้มันก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี อีกอย่างผมว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไร

            รูปวาดสวยดี คาแรกเตอร์ในรูปก็เหมือน เหมือนมากอย่างกับมาเห็นเหตุการณ์เองยังไงยังงั้น

            "เล่าให้อารี่ฟังด้วยเหรอ" ผมถามเพื่อทำลายความเงียบ น้ำเสียงปกติไม่ได้หงุดหงิดอะไร แต่เหมือนว่าต้นสนจะกลัวว่าผมกำลังไม่พอใจอยู่

            "ก็เล่านั่นแหละ แต่ไม่คิดว่ามันจะเอามาวาด แล้วก็เอามาแจกด้วย"

            "เล่าอะไรไปบ้าง"

            ต้นสนเหลือบมามองผม หน้าจ๋อยสนิทแบบไร้ความมั่นใจ ทั้งตลกและน่าแกล้ง แต่ผมไม่ใช่คนที่ชอบแกล้งแหย่คนอื่นไปทั่ว ยิ่งเห็นเจ้าตัวทำหน้าคิดมากแบบนี้ยิ่งแกล้งไม่ลง

            "ก็เล่าหมดนั่นแหละ ทำอะไร ยังไง ตอนไหน เกิดอะไรขึ้น คนเราก็ต้องระบายให้เพื่อนฟังบ้างไง เก็บทุกอย่างไว้คนเดียวอึดอัดตาย"

            "แล้วอั๋น?"

            "ไอ้อั๋นก็เล่า แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด มันรู้แค่ว่าช่วงนี้อยู่กับปลื้มบ่อยๆ แค่นั้น"

            "เหรอ"

            "โกรธเหรอ"

            "เปล่า"

            ต้นสนหันมามองแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปมองถนน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนผมอยากจะจับให้หันหน้ามาหาแล้วนวดระหว่างคิ้วให้

            ท่าทางผมเหมือนคนโกรธตรงไหน ไม่เลยสักนิด ต้นสนน่ะขี้กังวลไปเอง วิตกไปเองทั้งนั้น แต่ทุกอย่างที่อีกฝ่ายแสดงออกมันช่วยบ่งบอกอะไรได้บางอย่าง ถ้าไม่ใช่กลัวว่าตัวเองจะมีความผิดก็เป็นเพราะว่าห่วงความรู้สึกกัน ซึ่งสำหรับต้นสนนั้นไม่ต้องคิดให้ยากว่าจะเป็นตัวเลือกไหน

            เพราะเป็นห่วงเลยกังวล ซึ่งผมเองก็มีเรื่องที่กำลังเป็นห่วงความรู้สึกของต้นสนอยู่เหมือนกัน

            "เรื่องตาลน่ะ อย่าไปคิดอะไรมากนะ"

            "ไม่ได้คิดมากอะไรสักหน่อย" ตอบทั้งที่คิ้วยังขมวดอยู่แบบนี้ใครจะไปเชื่อ

            "งั้นก็เลิกขมวดคิ้วได้แล้ว"

            "แต่ที่จริงก็คิดอยู่แหละ"

            ผมหันหน้าไปมองคนขับเป็นจังหวะเดียวกับที่รถติดไฟแดงพอดี ต้นสนมองตอบแล้วอมยิ้มบางๆ สีหน้าเป็นกังวลยังไม่จางหายไปไหน

            "กำลังคิดว่าน้องเขาชอบปลื้มหรือเปล่า" ยิงคำถามมาได้ตรงประเด็นจนผมเองยังตกใจ

            "เพราะที่น้องเขาพูดวันนี้น่ะเหรอ"

            "อืม"

            "ก็บอกแล้วไงอย่าคิดมาก"

            "พูดซะขนาดนั้นไม่คิดได้ไงไหว"

            "ไม่มีอะไรหรอก"

            "แล้วน้องเขาชอบปลื้มอยู่ใช่มั้ย"

            "ไม่รู้เหมือนแฮะไม่เคยถามซะด้วย"

            "แค่ดูท่าทางก็รู้แล้วมั้ย"

            "รู้ว่าเราไม่ได้ชอบน้องเขาก็พอ"

            จากที่ตั้งท่าจะเถียงต้นสนกลับเงียบแล้วยู่หน้าใส่ผม จังหวะพอดีกับที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวเจ้าตัวเลยต้องกลับไปตั้งสมาธิกับการขับรถแทน แต่ผมเห็นนะรอยยิ้มนั่น ยิ้มที่เหมือนพอใจกับคำตอบ รอยยิ้มที่คนมองเห็นแล้วมีความสุขไปด้วย

            ในที่สุดก็เลิกก็ขมวดคิ้วได้สักที

 

            เรากลับมาถึงตอนโดเกือบหกโมงเย็น ดับเครื่องยนต์ปลดสายเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยกำลังจะลงจากรถจู่ๆ ต้นสนก็ชะงักแล้วหันมาหาผมหน้าตาตื่น

            "เออ ลืมถามปลื้มว่าจะลงหอหรือเปล่า"

            "นึกได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วมั้ย"

            ต้นสนทำหน้าเจื่อน ผมไม่ได้อยากประชดแค่พูดความจริง แต่ถึงจะมาส่งที่คอนโดมันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร เดินกลับไปหอผมไม่เกินยี่สิบนาทีก็ถึง

            "ก็ถ้าจะกลับหอจะได้ไปส่งไง"

            "เดินกลับก็ได้ แค่นี้เอง"

            "ไม่ได้"

            "ก็เดินอยู่ทุกวัน"

            "แต่วันนี้ไม่ได้ ปลื้มมาช่วยเรานะต้องบริการดีๆ หน่อย เออใช่ ค่าจ้างยังไม่ได้ให้เลย" ว่าแล้วก็ทำท่าจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา ผมเลยต้องรีบห้าม

            "เฮ้ยไม่ต้อง ไม่ต้องไปส่ง ค่าจ้างก็ไม่ต้องเหมือนกัน"

            "ทำไมชอบปฏิเสธของตอบแทนอ่ะ" ต้นสนขมวดคิ้วถาม

            ที่ไปช่วยขายของวันนี้ผมไม่ได้คิดถึงค่าตอบแทนเลย มันก็เหมือนเวลาที่เพื่อนช่วยเหลือกัน หยิบยื่นความมีน้ำใจให้เมื่อมีโอกาส แต่ถ้าหากเจ้าตัวอยากให้ผมได้สิ่งตอบแทนก็ย่อมได้ เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย

            "งั้นขออย่างอื่นที่ไม่ใช่เงิน"

            "อะไร" ต้นสนทำหน้ายุ่ง ขมวดคิ้วเอียงคอมอง

            ผมเหยียดยิ้มไม่ตอบด้วยคำพูด ขยับตัวเข้าไปใกล้ใช้มือข้างขวาประคองหน้าหม่นหมองเอาไว้ส่วนอีกข้างใช้คล้องเอวดึงให้ตัวเข้ามา ดวงตาที่เมื่อครู่เบิกกว้างปิดลงอย่างรู้งาน เอียงหน้ารับองศาจูบที่มอบให้ เริ่มต้นด้วยความแผ่วเบาแล้วจึงหนักหน่วงขึ้นตามลำดับ รุกล้ำอย่างกระหาย สำรวจทุกซอกมุมเหมือนเด็กเวลาได้ของเล่นใหม่ เล่นสนุกจนพอใจถึงได้ยอมเลิกรา

            "หอมแอปเปิ้ล" กระซิบชิดริมฝีปากแล้วจูบหนักๆ อีกสักทีถึงได้ผละออกมาอย่างจริงจัง

            "โดนกินไปหมดแล้วมั้ง" กลับไปนั่งพิงเบาะดีๆ แล้วต้นสนก็พึมพำขึ้นมา ยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากที่เหมือนจะช้ำนิดๆ ก่อนหันมามองกัน ผมเลยใจดีช่วยตอบคำถามที่เจ้าตัวสงสัยให้

            "กินหมดแล้ว"

            "ตะกละ"

            เป็นคำด่าที่ได้ยินแล้วเผลอหลุดหัวเราะออกมา จะว่างั้นก็ได้เพราผมมันตะกละจริงๆ และก็คงเป็นคนตะกละตะกลามไปอีกนานถ้ายังได้อยู่ด้วยกันแบบนี้

            "ไปได้แล้ว เดินกลับเองไปเลย"

            "แค่นี้ถึงกับไล่"

            ต้นสนไม่ตอบมือคว้าที่เปิดประตูเตรียมตัวหนีลงจากรถ แต่ประเด็นเมื่อกี้ยังคุยกันไม่จบเลยจะรีบหนีไปไหน

            "เดี๋ยวดิ"

            "อะไรเล่า"

            "ถ้าคิดว่าทำอะไรให้แล้วเป็นบุญคุณตอบแทนด้วยวิธีนี้ได้นะ ยินดีรับมากๆ"

            "คร้าบๆ"

            เห็นรอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากผมเลยยอมปล่อยให้ต้นสนลงจากรถ ส่วนตัวผมที่ไม่มีแผนจะทำอะไรต่อก็คงวนเวียนอยู่แถวนี้ ให้กลับหอตั้งแต่หกโมงเย็นมันไม่ใช่เวลา อีกอย่างวันเสาร์ที่เจ้าตัวอยู่ห้องไม่ได้มีบ่อยๆ ไหนๆ มาถึงคอนโดแล้วก็อยู่ที่นี่มันซะเลย เอาไว้สักสามทุ่มค่อยกลับหอก็แล้วกัน

 

TBC

 

ประเด็นเรื่องรุกๆ รับๆ ยังคงไม่จางหายไป ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องนี้ไม่มีเอ็นซี

ฉะนั้นรุกรับไม่สำคัญ แค่รักกันก็พอ ฮิ้ววว ฮ่าๆๆ

วันนี้แอบโผล่มากลางสัปดาห์ แล้วจะมาลงอีกทีเสาร์หรืออาทิตย์นะคะ

สัปดาห์หน้าไม่อยู่ แอบหายหัวยาวๆ เจอกันอีกทีสิ้นเดือนหรือไม่ก็เดือนหน้าเลยค่ะ

ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและพูดคุยกันนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า


ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
 เพิ่งเคยเห็นมุมนี้ของต้นสน การคุยกับเพื่อนออกรสออกชาตแถมแอบปากร้ายด้วยนะ 55555 หลงต้นสนหนักมากกก
นังน้องตาลไม่น่ารักเอาสะเลยยย

ออฟไลน์ Haruya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เฮ้ยยยย เข้าใจว่าจบแล้วถึงเข้ามาอ่าน  :z6:
งื้อออออออ พลาดละ
ติดจนได้




 ละมุน ชื่อเรื่องออกดราม่ามาก แต่มีคนแนะนำให้อ่านเลยมาลองดู
ทั้งปลื้ม ต้นสน ค่อยๆเรียนรู้ และขยับความสัมพันธ์ ชอบ น่ารักดี

อย่าดราม่านะะะ เค้าอ่อนแอ

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ถ้าจะอ้อยใส่กันขนาดนี้ ขอเป็นแฟนไปเลยมั้ยยยยยย
 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อ่อยกันไปกันมา ตกลงว่าเปนแฟนกันยัง

ออฟไลน์ เกสรทอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบมากฮะ ปูเรื่องมาน่าติดตามมาก ถึงจะเฉลยเร็วแต่ก้ไม่รุ้สึกว่ามันจะสะดุดเลย เรื่องหลังจากรุ้ความจริงมันก้ยังต่อเนื่องมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป บรรยายดีมาก อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลย อยากให้คนอื่นมาอ่านไปด้วย เปนเรื่องที่น่ารักมากครับ =)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
มีเล่าให้เพื่อนฟังด้วยอ่ะ ต้นสนน่าเอ็นดูจังเลยเนอะปลื้มเนอะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด