[END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว  (อ่าน 56286 ครั้ง)

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เพิ่งมาติดตาม ชอบบบ ลุงแพ้ทางน้องสุดๆ ฮ่าๆ :hao7:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 21
ดูดบุหรี่/ดูดบุรุษ



“ใจ้ต้นแรงเลยนะลุง”เค้าบอกยิ้มๆ ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้าลงหลบสายตาของเค้า ตกลงที่เค้าทำกับผมนี่มันหมายความว่ายังไง มันจะยังหมายถึงการอยากแกล้งผมเหมือนที่เค้าเคยบอกหรือเปล่า

“พี่ไม่เล่นแล้วดีกว่า”ผมบอกแล้วลุกขึ้นยืน

“อ้าวเดี๋ยวดิ ละลุงจะไปไหนอ่ะ”เค้าถามเหมือนว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แม้ครั้งนี้เค้าจะไม่ได้เมินผมเหมือนครั้งก่อนแต่การที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ จะให้ผมเข้าใจว่ายังไงละเนี่ยเรื่องพวกนี้คนไม่ประสีประสาอย่างผมต้องคิดเอาเองหรือยังไง ยอมรับเลยครับว่าเรื่องนี้ผมโง่จริงๆ

“กลับบ้านดีกว่าเกมนี้คงไม่เหมาะกับพี่หรอก”ผมบอกไปตามตรง เพราะทั้งเกมที่ก็เล่นไม่เป็น แล้วไหนจะไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ของผมนี่อีก ไหนจะเด็กบ้านี่ที่มาจูบผมแล้วก็ทำยังกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่อีก หรือว่าการจูบนั่นแค่จะเอาคืนที่มือผมไปโดนเป้ากางเกงของเค้า

“อยู่ก่อนดิ”เค้าลุกขึ้นตามมาคว้าข้อมือผมไว้ ผมหันมองเค้าอย่างไม่เข้าใจว่าเค้าจะทำแบบนี้ทำไม ก็เห็นอยู่ว่าเกมนั่นผมก็คงเล่นไม่ได้หรอก เล่นไปเค้าก็ไม่น่าจะสนุก

“ไม่เอาจะกลับบ้าน”ผมยังยืนยันคำเดิมว่าอยากกลับบ้านตัวเองมากกว่า

“กลับไปแล้วจะทำอะไร”เค้าถามต่อเหมือนน้ำเสียงจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แล้วจะมาไม่พอใจอะไรผมกันละเนี่ย ก็เห็นๆ อยู่ว่าผมก็ไม่ได้ชอบเกมที่เค้าเสนอนี่สักนิด แถมสถานการณ์ตอนนี้อีกมันยิ่งทำให้ผมอึดอัด

“ดูหนัง ฟังเพลง ไม่ก็นอน”ผมตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก

“ทุกอย่างที่ว่ามานั่นทำที่นี่ได้หมดเลย”เหมือนเค้าจะไม่ยอมปล่อยผมกลับบ้านง่ายๆ

“ก็แล้วทำไมต้องทำที่นี่”ผมเองก็ยังไม่ยอมแพ้เค้าด้วยเช่นกัน

“ผมอยากให้ลุงอยู่กับผมด้วยไง”อะไรกันอีกละเนี่ยทำไมต้องมาพูดกับผมแบบนี้ แล้วใจผมนี่ก็เหมือนกันช่วงนี้ดูจะทำงานหนักเป็นพิเศษ เรียกว่านี่เต้นผิดจังหวะไปแล้วไม่รู้กี่รอบ

“อะไรเนี่ย”ผมถามอย่างไม่เข้าใจเมื่อเค้าดึงแขนผม บังคับให้นั่งลงที่โซฟาหน้าทีวี ผมมองหน้าเค้าอย่างรอคำอธิบายว่ากำลังทำอะไรของเค้าอยู่ จะมาอยากให้ผมอยู่ด้วยทำไม เหตุผลอะไรก็ไม่มี

“ดีวีดี อยู่นั่นถ้าลุงจะดูหนังก็เลือกมาเลย ผมดูดบุหรี่แป๊บ”แล้วนี่คือคำอธิบายของเค้าเหรอ อะไรของเค้าเนี่ย พูดจบก็เดินออกไปปล่อยให้ผมงงอยู่คนเดียว ไอ้เด็กบ้าเอ้ย นี่จะปั่นหัวผมเล่นหรือไงเนี่ย

“เดี๋ยวดิ”ผมเรียกเค้าไว้เพราะยังคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่เค้าจะตัดบทเดินออกไปสูบบุหรี่แล้ว

“ขอสูบบุหรี่แป๊บ”เค้าเพียงหันมายิ้มให้ผม แล้วก็เดินออกไปไม่ฟังผมอยู่ดี ไอ้ผมก็ได้แต่นั่งกระวนกระวายใจอยู่นี่ เพราะความรู้หลากหลาย ผมค่อยๆ ทบทวนทุกอย่าง ตั้งแต่เด็กนี่เข้าในชีวิตของผม วันแรกที่เจอกันก็มาถอดเสื้อโชว์ผม แถมมาแหย่เรื่องผมเป็นเกย์อีก

จากนั้นเค้ายังมาเป็นคนแรกที่ไม่ใช่คนในครอบครัวที่หอมแก้มผม ตอนที่มีสองสาวมาตบกันแย่งเค้า แล้วไหนจะเป็นคนที่จับผมเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นผมโป๊ ไหนจะยังมาโชว์ของตัวเองให้ผมดู แล้วที่จูบผมนั่นอีก ตอนแรกก็คงตามที่เค้าบอกว่าอยากแกล้งผม แล้วตอนนี้ละ

“คิดไรอยู่อ่ะลุง หน้าเครียดเชียว”เพราะคิดอะไรอยู่ผมเลยไม่ทันสังเกตว่าอีกคนเข้ามานั่งลงข้างๆ แต่พอเค้าเข้ามาใกล้ๆ กลิ่นบุหรี่ที่เหมือนจะยังไม่จางจากตัวเค้า ทำให้ผมต้องย่นจมูกเพราะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ถึงจะไม่ขนาดว่าเกลียดกลิ่นบุหรี่หรือแพ้อะไรขนาดนั้น แต่ถ้าเลี่ยงได้ผมก็ไม่ค่อยอยากได้กลิ่นสักเท่าไหร่

“เหม็นบุหรี่เหรอ”เค้ายกเสื้อยกแขนขึ้นดมตัวเอง

“ก็ไม่ขนาดนั้น แต่ไม่ค่อยชิน”ผมตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้แต่ก็ขยับตัวออกจากเค้า ที่จริงถ้ามีใครสูบแล้วทิ้งช่วงสักพักให้กลิ่นจางๆ แล้วผมก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่หรอกครับ แต่นี่อาจจะเพราะเค้าเพิ่งสูบเข้ามาหมาดๆ กลิ่นมันเลยค่อนข้างแรง หรือจะเป็นเพราะยี่ห้อบุหรี่อันนี้ผมก็ไม่ค่อยสันทัดหรอกนะครับ แต่เหมือนเคยได้ยินพี่ต้าร์พูดว่า ต้องสูบยี่ห้อที่ไม่มีกลิ่นเพราะเพื่อนสนิทอย่างพี่ฟ่างไม่ชอบกลิ่นบุหรี่

“ถ้าลุงไม่ชอบคนสูบบุหรี่ เดี๋ยวผมเลิกก็ได้นะ”เค้าบอกผมเสียงทะเล้น แล้วจะมาเลิกเพราะผมทำไมละ นี่แกล้งผมเล่นอีกหรือเปล่าเนี่ย บางทีการที่เค้าชอบกวน ชอบพูดเล่นมันก็ทำให้ผมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเค้าคิดยังไงกันแน่เพราะทุกอย่างเหมือนจะเป็นการเล่นสนุกไปเสียหมด อย่างครั้งก่อนที่เค้าแกล้งแหย่ผมเรื่องแกล้งเป็นแฟนกันให้ที่บ้านผมเห็นนั่นอีก

“ถ้าเลิกได้มันก็ดี ดีต่อสุขภาพ แถมไม่เปลืองตังค์ด้วย บุหรี่ซองนึงก็หลายตังค์ด้วยนิ”ผมบอกอย่างไม่ได้จริงจังนัก เพราะถึงแม้จะคิดว่ามันดีกว่าถ้าจะเลิกสูบ แต่ก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายชีวิตเค้าขนาดนั้น

“งั้นผมจะพยายามเลิกบุหรี่แล้วหันมาดูด...”เค้าพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆ ผม มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ จนผมต้องเขยิบตัวถอยหนีจากเค้าเพิ่ม

“อะไร”เป็นคำถามที่อยากจะสื่อทั้งว่าเค้ากำลังทำอะไร กับไอ้ที่เค้าหยุดคำพูดไปนั่น เค้าจะพูดอะไรต่อ

“ก็ผมจะเลิกดูดบุหรี่ แล้วหันมาดูดบุรุษอย่างลุงแทนไงละ”เค้าโน้มตัวเข้ามาใกล้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมใช้มือยันเค้าไว้ได้ทัน ไอ้ประโยคเมื่อสักครู่ทำไมผมฟังแล้วถึงไม่ค่อยชอบใจยังไงก็ไม่รู้ เค้าทำเหมือนกับว่ากำลังหยอดผมอยู่อย่างนั้นแหละ แม้ผมจะไม่ค่อยฉลาดเรื่องพวกนี้ แต่ก็พอจะเริ่มมองออกแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องปกติในสิ่งที่เค้ากำลังทำกับผมอยู่ตอนนี้

เค้ารู้ว่าผมเป็นเกย์ ที่จริงมันก็ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว ที่เค้าถามผมว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้ตอบและเค้าก็พูดเองว่าเค้าจะหาทางพิสูจน์ แต่ตอนหลังผมก็ยอมรับกับเค้าไปแล้วนี่นาว่าผมชอบผู้ชาย แล้วไอ้การที่เค้าทำอะไรต่างๆ กับผมนี่ละ เค้ากำลัง “จีบ” ผมอยู่เป็นแค่การเล่นสนุกของเค้ากันนะ

เท่าที่ประเมินเค้า แม้เค้าจะไม่ได้มีท่าทีที่รังเกียจอะไรกับการที่ผมชอบผู้ชาย แต่ตัวเค้าเองผมก็ไม่นึกว่าเค้าจะชอบผู้ชายหรอกนะครับ ก็ทั้งแม่สองสาวที่มาตบกันแย่งเค้านั่น หรือคนที่มีอิทธิพลกับเค้าจนนอยด์ๆ นั่นอีกก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น พอคิดๆ ดูแล้วมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เค้าจะชอบผู้ชายอย่างผม

สิ่งที่เค้าทำตอนนี้มันอาจจะเพราะความนึกสนุกบางอย่าง หรือเพราะความสนิทสนมที่เราสองคนมี หรือเพราะความเหงาที่เค้าเองอาจจะไม่ได้มีใคร และผมเองก็ไม่ได้มีใครมันเลยทำให้เค้าทำกับผมแบบนี้ ผมควรจะหยุดความรู้สึกของตัวเองที่กำลังจะมีให้เค้าหรือเปล่า

ความรู้สึกที่เหมือนกำลังจะก่อตัวขึ้นในใจผม ความรู้สึกที่ผมว่ามันแตกต่างจากที่ผมเคยรู้สึกกับพี่ต้าร์ แล้วนี่ถ้าวันนึงกลับกลายเป็นว่าเค้าเองไปมีแฟนผู้หญิงเหมือนกับพี่ต้าร์ ผมคงไม่แค่ใจหายนิดหน่อยอย่างที่รู้สึกตอนรู้ว่าพี่ต้าร์มีแฟนแน่ๆ ถ้าผมยังปล่อยให้ตัวเองรู้สึกกับเค้าไปมากกว่านี้

“อย่าทำแบบนี้...พี่ไม่ชอบ”ผมผลักเค้าให้ถอยห่างออกไป และน้ำเสียงที่บอกก็บ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจเค้านัก

“ไม่ชอบที่ผมพูด...หรือไม่ชอบที่ผมจะจูบ”เค้าสบตาผมนิ่งบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เรียบจนผมเดาไม่ออกว่าเค้าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ ผมจ้องมองเค้ากลับโดยที่ไม่รู้จะตอบเค้าว่ายังไง ผมควรถามเค้าให้มันชัดเจนไปเลยไหม

“ว่าไงละครับ”เค้าถามย้ำอีกครั้ง

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรผมก็ต้องสะดุ้งกับเสียงโทรศัพท์ของตัวเองที่ดังขึ้น เป็นพี่สาวผมที่โทรเข้ามานี่ผมนึกว่าจะมีแต่ในละครที่เวลาเหมือนมีอะไรสำคัญกำลังจะพูดก็มักจะถูกขัดจังหวะด้วยอะไรแบบนี่ แต่มันก็ดีเหมือนกันเพราะผมก็รู้สึกยังไม่พร้อมที่จะคุยกับเค้าตรงๆ สักเท่าไหร่ มันเหมือนยังมีความกลัวอยู่ลึกๆ กับการที่จะได้รับรู้ความรู้สึกจริงๆ ของอีกฝ่าย อีกอย่างผมเองอาจจะได้ทบทวนตัวเองเพิ่มเติมด้วยว่าที่จริงสำหรับผมเองรู้สึกยังไงกับเค้ากันแน่

“พี่ขอตัวรับโทรศัพท์ก่อนนะ”ผมหยิบโทรศัพท์ เตรียมจะออกไปคุยนอกบ้านและก็กะว่าคุยจบผมคงหนีกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อน เค้าไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่พยักหน้ารับรู้เพียงเท่านั้น

“ครับเจ้”ผมรับสายเนือยๆ ไม่ใช่เพราะเป็นที่พี่สาวโทรมาหรอกนะครับแต่เพราะไอ้เด็กที่อยู่ในบ้านนั่นแหละ นี่ขนาดพ้นจากสายตามาแล้วก็ยังตามมารบกวนจิตใจผมอีก

“อะไร ทำไมทำเสียงรำคาญใส่พี่สาวสุดที่รักได้ยังเนี่ย เดี๋ยวปั๊ดให้กลับมาอยู่บ้านเลยนิ”น้ำเสียงทีเล่นทีจริงจากพี่สาวทำให้ผมพอจะยิ้มออกบ้าง ที่จริงเจ้ของผมก็เป็นคนนึงที่เข้าอกเข้าใจผมนะครับ

“กำลังคิดถึงเจ้เลย ว่าแต่โทรมามีไรเปล่าครับ”ผมปรับน้ำเสียงให้ดูกระตือรือร้นขึ้นเพื่อให้พี่สาวไม่ต้องกังวลกับเรื่องราวที่อยู่ในใจของผมด้วยอีกคน

“ไม่ต้องเลย จะถามว่าวันนี้สะดวกกลับมาทานข้าวที่บ้านหรือเปล่า กว่าจะเลิกงานน้ำคงลดแล้ว น่าจะมาที่บ้านได้ไม่ยากหรอกมั้ง อีกอย่างแถวบ้านเราก็ไม่ได้อินเทรนด์น้ำท่วมอะไรกับเค้าเลย”นั่นพี่สาวผมดูจะยังมีอารมณ์ขันกับสภาพดินฟ้าอากาศอีก จะรู้ไหมเนี่ยว่าน้องชายเกือบแย่กับฟ้าฝนเมื่อคืน

“ที่จริงวันนี้ผมก็ไม่ได้ไปทำงานนะครับ”ผมตอบออกไปตามตรง ที่จริงก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะหาเวลากลับไปทานข้าวที่บ้าน วันนี้ก็คงเหมาะแล้วละมั้ง

“งั้นก็มาเลยก็ได้”พี่สาวผมออกความเห็นเพราะด้วยสภาพการจราจรวันนี้ผมอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการเดินทางจากนี่ไปบ้าน

“มีอะไรหรือเปล่าเนี่ยเจ้”ผมหยั่งเชิงนิดหน่อย เพราะจากที่คุยกับแม่เมื่อหลายวันก่อน ก็คิดว่าอาจจะต้องเตรียมตัวไปตั้งรับอะไรหรือเปล่า เพราะเอาจริงๆ ที่บ้านผมก็ไม่ได้พูดเรื่องรสนิยมทางเพศของผมตรงๆ มานานแล้วเหมือนกัน อาจจะมีอ้อมๆ บ้างที่แม่มักจะเปรยๆ ว่ายังไม่อยากให้ผมมีแฟน

“พ่อกับแม่เค้าอยากคุยด้วย”คำตอบของพี่สาวทำให้ผมว่าคงมีเรื่องนี้เกี่ยวข้องด้วยนั่นแหละ ผมรับปากกับพี่สาวไปว่าเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะออกไป และเตรียมชุดทำงานออกไปด้วยเลย เผื่อว่าต้องค้างที่บ้าน

“ไปไหนอะลุง”ผมลืมอีกคนไปเลยว่าคุยกับเค้าค้างอยู่ นี่ผมก็จะเดินกลับไปบ้านอีกหลังแล้วถ้าเค้าไม่เดินออกมาเรียกผมไว้

“พี่ต้องกลับไปทานข้าวกะที่บ้าน”ผมบอกออกไปตามตรง ดูเค้าจะมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย

“ไปตอนนี้เลยเหรอ”ผมพยักหน้าให้เค้ารู้ว่าคงไปเลย

“แล้วลุงจะกลับมานอนนี่หรือเปล่า”เค้าก็ยังเดินตามมายืนตรงหน้าผม มองเหมือนกับว่าไม่อยากให้ผมไปอย่างนั้นแหละ ทำหน้ายังกะลูกหมาถูกเจ้าของทิ้ง

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน”ผมตอบอย่างไม่ชัดเจนนักทั้งที่ค่อนข้างมั่นใจว่าอาจจะต้องค้างที่โน่น เค้าเอื้อมมือมาจับไหล่ผม สบตานิ่งโดยที่ผมเองก็ไม่ได้หลบสายตานั้น กำลังรอฟังว่าเค้าจะพูดอะไรกับผม

“งั้นคุยกันก่อนค่อยไปได้ไหมครับ”



TBC



วันนี้เกือบลืมอัพ

 :z6:

ยังไงมาเอาใจช่วยลุงกันต่อนะฮ่ะ  o13

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 22
พ่อลูกไม่เข้าใจ



กว่าผมจะฝ่ารถติดมาถึงบ้านได้ก็เย็นพอดีซึ่งดูเหมือนว่าวันนี้ทุกคนจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียด้วยสิครับ ทั้งพ่อ แม่ เจ้ปอพี่สาวคนเก่งของผม ที่จริงตอนผมอยู่บ้านเราก็ทานข้าวพร้อมกันแบบนี้แทบทุกวัน แต่วันนี้ผมว่าบรรยากาศมันออกจะอึมครึมแปลกๆ อยู่สักหน่อย

“วันนี้ป้าทำแต่ของโปรดคุณแปงทั้งนั้นเลยนะคะ นี่ดูสิไปอยู่คนเดียวผอมลงตั้งเยอะ”ป้าแม่บ้านที่ทยอยยกกับข้าวออกมา พูดคุยทักทายกับผม พอจะช่วยให้บรรยากาศมันผ่อนคลายขึ้นมาได้หน่อย ผมยิ้มตอบรับบางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรตอบไป

“อยู่คนเดียวก็คงมีแต่ซื้ออาหารสำเร็จรูปกินสิใช่ไหมเรา”พี่ปอเป็นคนหันมาตั้งคำถามเพิ่มกับผม แต่เหมือนจะเป็นคำตอบกลายๆ ให้กับป้าแม่บ้านด้วย

“ก็ทำกินเองบ้างแหละครับ”ผมตอบออกไป ทำให้นึกถึงอีกคนที่เป็นคนทำกับข้าวให้ผมกินทุกวัน ก็ไม่รู้ฝีมือเค้าดีหรือ เพราะมันทำให้ผมไม่ต้องกินข้าวคนเดียวหรือเปล่า มันถึงทำให้ผมเหมือนจะติดรสมือของเค้าไปแล้ว ไม่ว่าจะไปทานที่ไหนพักหลังๆ มานี่ผมก็มักจะนึกย้อนถึงรสชาติอาหารของเค้าเสมอ

“งั้นคุยกันก่อนค่อยไปได้ไหมครับ”ประโยคที่เค้าพูดกับผมก่อนจะออกมานี่ ผุดเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง ท่าทางจริงจังของเค้าทำเอาผมใจสั่นไม่น้อย ใจนึงก็อยากรู้ว่าเค้าจะคุยอะไร แต่อีกใจผมก็ยังไม่พร้อมที่จะรับฟังสักเท่าไหร่

“ค่อยคุยตอนกลับมาได้ไหม”ผมเป็นฝ่ายต่อรอง เพราะชั่งน้ำหนักดูแล้ว ผมว่าผมขอยื้อเวลาเพื่อทำใจอีกสักหน่อยจะดีกว่า

“งั้นถ้ากลับมาตอนไหนก็เรียกผมได้เลยนะครับ”มือที่จับไหล่ผมอยู่ค่อยๆ ยกขึ้นมาเอาหลังมือถูที่แก้มของผม จนผมต้องเป็นฝ่ายคว้ามือนั้นให้หยุดเพราะกลัวว่าอาจจะมีอะไรให้ผมต้องเก็บมาคิดมากเกิดขึ้นอีก

“ว่าไงละแปง”เสียงของพี่ปอเรียกสติผม

“ครับ”ผมรับคำอย่างงงๆ เพราะไม่ได้ฟังที่พี่สาวตัวเองพูดเลย

“พี่เค้าถามว่าทำกับข้าวเองเป็นด้วยเหรอ”แม่ผมเป็นคนถามย้ำ บรรยากาศก็ดูจะค่อยๆ ผ่อนคลายหายตึงเครียดมาอีกนิด แต่ก็ยังมีพ่อผมที่แทบยังไม่พูดกับผมเลยตั้งแต่มาถึง เหมือนจะแค่รับไหว้ตอนผมมาถึงแค่นั้นละครับ

“ก็หัดๆ ลองทำ กินได้บ้างต้องฝืนกินบ้างประมาณนั้นแหละครับ”ผมเลือกที่จะโกหกออกไปเพราะไม่อยากให้มีประเด็นอะไรอีก ถ้าขืนบอกออกไปตามตรงว่าผมมีภู่เป็นคนทำกับข้าวให้กินทุกวันนี่ คงต้องอธิบายกันอีกยาวเหยียด ขนาดแค่มีคนเห็นผมไปซื้อกีต้าร์กับภู่ยังทำบรรยากาศอึมครึมได้ขนาดนี้ นี่ผมแทบไม่ต้องเดาแล้วมั้งว่าที่อยากให้ผมกลับมาวันนี้เพราะอะไร

“เออปอ แล้วนี่เมื่อไหร่แฟนเราจะมาละเนี่ย”เสียงของพ่อผมเพิ่งดังขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ แต่ก็ยังไม่พูดกับผมหรอกนะครับ ยิ่งพอเห็นแบบนี้แสดงว่าพ่อคงมีเรื่องไม่พอใจผมอยู่มากทีเดียวแหละครับ

“วันนี้มันวันน้ำรอการระบายนะคะ ต้องให้เวลาเค้าฝ่าการจราจรมหาโหดบ้างสิคะ”พี่สาวผมดูจะยังพูดติดตลกได้ หรือว่าผมคิดมากเกินไปละเนี่ย

“วันนี้พี่ต๊าฟมาด้วยเหรอเจ้”ผมถามถึงคนรักของพี่สาว คนที่ทีแรกพี่สาวผมบอกหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะไม่คบ เพราะเจ้าชู้มาก แต่แปลกที่พอมาตามจีบเจ้ของผมพี่แกกลับเลิกนิสัยเจ้าชู้ๆ นั่นหมดจนเจ้ของผมยอมใจอ่อนนี่แหละครับ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องดีๆ ที่พี่สาวผมจะใกล้ได้สร้างครอบครัวเสียที ไม่งั้นพ่อกับแม่คงกลับมาคิดเรื่องให้ผมมีครอบครัวอีกแน่ๆ คิดเรื่องนี้ทีไรก็ทำผมมึนทุกรอบนั่นแหละครับ บางทีก็เหมือนจะไม่อะไรกับผม แต่อยู่ๆ นึกครึ้มอกครึ้มใจก็จะมาเลียบๆ เคียงๆ ผม เหมือนยังมั่นใจว่าต้องมีวันที่ผมจะชอบผู้หญิงสักคน

“คุณพ่อคุณแม่สวัสดีค่ะ พี่ปอหวัดดีค่ะ”เสียงสูงยิ่งกว่าคีย์ปลาโลมาขนาดนี้ไม่ต้องสืบหรอกครับ ข้าวหอมเจ้าเดิมอย่างที่บอกว่าบ้านเราอยู่ติดกันครับ และนี่แม้ผมจะไม่ได้เป็นคนชวนเจ้าตัวมา ก็คนในบ้านผมนี่แหละมั้งครับ นี่ขนาดว่าข้าวหอมก็มีแฟนอย่างพี่โตเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วก็ยังเหมือนจะอยากให้ผมกับข้าวหอมเป็นอะไรกันมากกว่าเพื่อนอยู่นั่นแหละครับ

“ทำไมวันนี้แกกลับบ้านมาได้เนี่ย”ข้าวหอมที่เดินมานั่งลงข้างๆ เอ่ยถามผมอย่างสงสัย เราสองคนหันมาคุยกันเอง 2 คนอยู่พักนึงพี่ต๊าฟแฟนเจ้ปอก็มา กับข้าวก็ถูกทยอยมาเสิร์ฟแทบจะเต็มโต๊ะ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี พอว่าที่ลูกเขยอย่างพี่ต๊าฟมาพ่อผมก็เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดตา แต่ก็แทบจะยังไม่คุยกับผมเลยนั่นแหละ

“แปง ดูพี่สาวเรากับต๊าฟเค้าเป็นแบบอย่างบ้างก็ดีนะ”แต่บทจะเปิดบืสนทนากับผมก็ลากมาทางนี้อีกแล้ว ผมนี่ต้องลอบถอนหายใจเบาๆ เลยแหละครับ ข้าวหอมแอบกระซิบเบาๆ ให้ผมได้ยินอย่างเข้าใจ “อีกแล้วเหรอแก” สำหรับผม ข้าวหอม เจ้ปอ ก็คงจะเข้าใจดีว่าตอนนี้พ่อผมจะพูดเรื่องอะไร แต่พี่ต๊าฟน่าจะยังไม่เคยได้ยินแน่ๆ

“คุณพ่อคะ หนูมีแฟนแล้วนะคะ แล้วก็ยังไม่มีแพลนจะเลิกกันในเร็วๆ นี้ด้วย”ข้าวหอมชิงออกตัวก่อนเพราะไม่อย่างนั้น เรื่องการจับคู่ผมกับข้าวหอมอาจจะยังวนเข้ามาในบทสนทนาอีกแน่ๆ ทั้งแม่ผมและเจ้ปอต่างก็ยิ้มขำๆ อย่างเอ็นดูในคำพูดของข้าวหอม ส่วนพี่ต๊าฟดูจะยังงงๆ คงไม่เข้าใจว่าทำไมหอมต้องพูดแบบนั้น

“งั้นเพื่อนผู้หญิงสวยๆ โสดๆ ของข้าวหอมก็แนะนำให้แปงเค้าบ้างสิลูก”ผมแทบจะวางช้อนลงทันที คือจะว่าชินมันก็ชิน จะว่าเบื่อมันก็เบื่อนะครับกับประเด็นนี้ คือจริงๆ ผมว่าผมก็อธิบายไปหลายรอบจนอยากให้มันจบไปสักที ยอมรับนะครับว่าผมคงดึงสีหน้าออกไปแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะพ่อก็หันมามองผม ด้วยสายตาที่จะไม่พอใจอยู่เช่นกัน

“ไม่มีแฟนสักที ก็เป็นขี้ปากชาวบ้านเค้าอยู่นั่นแหละ โดนเด็กหนุ่มๆ มันหลอกบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”นี่ผมว่ามันชักจะเกินไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย รอบนี้ผมมองพ่อตาขวางอย่างไม่พอใจ ปกติผมก็โดนพูดอ้อมๆ เรื่องนี้บ่อยนะครับ แต่ครั้งนี้ทำไมผมต้องรู้สึกไม่พอใจขนาดนี้กันนะ

“อย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลยคุณ”แม่เอื้อมมือแตะแขนพ่อไว้ เช่นเดียวกับข้าวหอมที่จับมือผมไว้ เพราะคงสังเกตเห็นว่าผมเองก็จะคุมสติไม่อยู่แล้วเช่นกัน

“พูดแล้วก็พูดมันตรงนี้แหละ หรือคุณรับได้ที่ลูกเรามันเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วแบบนี้”สิ้นคำพูดของพ่อผมแทบจะสวนขึ้นทันควันเลยครับ

“พ่อ”รู้ตัวเลยครับว่าผมคงแสดงกริยาที่ไม่เหมาะสมแล้ว แต่ครั้งนี้ผมก็รู้สึกนะครับ ว่าพ่อพูดกับผมแรงไป

“ถ้าที่ผ่านมาผมยังเป็นลูกที่ดีไม่พอ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วละครับ”ความโมโหความน้อยใจ มันพุ่งขึ้นมาเหมือนน้ำผึ้งหยดเดียวแค่นั้นแหละครับ ผมลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากบ้าน เพราะไม่อยากจะให้เรื่องมันบานปลายกว่านี้ ผมว่าถ้าผมยังอยู่ผมคงมีปากเสียงกับพ่อมากกว่านี้แน่ๆ

“ใช่สิ เดียวนี้ปีกกล้าขาแข็ง ออกไปใช้ชีวิตคนเดียว คงจะได้ทำตามใจคบผู้ชายได้ง่ายขึ้นละสิ”ขาที่กำลังจะก้าวออกจากโต๊ะของผมหยุดกึกทันที ผมไม่ค่อยคิดจะทำอะไรแบบที่พ่อพูดเลย แล้วเค้าเลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก เค้าพูดเหมือนไม่รู้จักผมเอาเสียเลย

“ผมไม่เคยทำ แต่ถ้าพ่อเห็นผมเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว เดี๋ยวผมจะทำตัวแบบนั้นดูบ้างนะครับ”พูดจบผมก็หันหลังเดินออกจากบ้านทันที ไม่ฟังแม้แต่เสียงเรียกของใคร ไม่สนด้วยว่าใครจะมองผมยังไงในตอนนี้

“แปง แปง เดี๋ยวสิแกใจเย็น”เป็นข้าวหอมที่วิ่งตามผมออกมา แต่ตอนนี้ใครก็คงรั้งผมไม่อยู่ละครับ ผมขอออกไปจากตรงนี้ก่อนแล้วกันครับ

“น้องแปง”เป็นพี่ต๊าฟที่ตามออกมาอีกคน ส่วนเจ้ปอก็คงกำลังพูดกับพ่อแม่นั่นแหละมั้งครับ

“คือพี่ก็ไม่รู้รายละเอียดในครอบครัวเราเท่าไหร่อะเนอะ แต่พี่แค่จะบอกว่า น้องชายพี่มันก็มีแฟนเป็นผู้ชาย กว่าทั้งสองคนจะฝ่าฟันมาด้วยกันได้ ก็ใช้เวลานานเหมือนกัน แต่เชื่อพี่เถอะสุดท้าย พ่อแม่ทุกคนก็รักลูกและพร้อมจะรักคนที่ลูกเลือกอยู่แล้ว”เข้าใจสิ่งที่พี่เค้าจะสื่อนะครับ แต่หนึ่งเลยผมยังไม่ได้มีใครจะมาให้ร่วมฝ่าฟันอะไรทั้งนั้น และผมก็มั่นใจว่าพ่อผมคงไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้ได้หรอก

“ขอตัวไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วกันนะพี่”ผมบอกกับพี่ต๊าฟเหมือนแค่ตัดรำคาญ

“ไปนะแก”หันไปบอกข้าวหอมอีกคน ก่อนจะขับรถออกจากบ้านมา ใช้เวลาไปไม่น้อยทีเดียวกว่าผมจะฝ่ารถติดกลับมาถึงที่บ้านเช่า ก่อนเข้ามาบ้านผมยังดันซื้อเบียร์มาเสียยกแพค นับดูเหมือนน่าจะ 24 กระป๋อง ทั้งที่ตัวผมเองก็ดื่มไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้มันรู้สึกอยากเมา อยากทำอะไรระบายอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองตอนนี้ ผมหอบเบียร์ที่ซื้อมาทั้งหมด มายืนกดกริ่งที่หน้าบ้านข้างๆ เด็กบ้านั่นก็มัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ออกมาเปิดสักที

“อ้าวลุง ทำไมกลับมาเร็วจัง”เค้ายิ้มกว้างรีบเดินมาเปิดประตูเมื่อเห็นว่าเป็นผม พร้อมมองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสิ่งที่ผมหอบหิ้วมาด้วย ผมยื่นให้เค้าเป็นคนถือก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำเข้าบ้าน อย่างกับว่าเป็นบ้านของตัวเอง

“อารมณ์ไหนเนี่ย หอบเบียร์มาขนาดนี้”เค้าถามผมยิ้มๆ ก่อนจะหยิบเบียร์มาวาง 2 กระป๋องให้ตรงหน้าผมที่นั่งลงบนโซฟา ส่วนที่เหลือเค้าก็เอาเข้าไปแช่ในตู้เย็น

“อยากเมา”ผมบอกด้วยน้ำเสียงที่ยังหงุดหงิดอยู่ พร้อมกับเปิดเบียร์ขึ้นกระดกอึกใหญ่ แม้จะยังรู้สึกว่ามันขมอยู่ แต่ลองกลั้นใจตอนดื่มมันก็ไม่ได้ดื่มยากอะไรอีกแล้วละครับ

“เฮ้ยๆ ใจเย็นลุง ยกดื่มพรวดๆ แบบนี้เดี๋ยวจะลำบากผมนะเนี่ย”เค้ารีบเข้ามาดึงกระป๋องเบียร์ในมือผมลง แต่ผมก็ยังยื้อเอามาถือไว้เหมือนเป็นของรักของหวง

“เป็นไรเนี่ย”เค้าถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ นั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับเปิดเบียร์อีกกระป๋องขึ้นดื่ม พอผมไม่ตอบก็หันมาจ้องผม แถมยักคิ้วกวนๆ ใส่ผมอีกผมได้แต่นึกในใจไหนว่ามีเรื่องจะคุยกับผม ผมมานี่แล้วไง ไม่เห็นคุยอะไรกับผมละ ผมถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะยกเบียร์ที่เหลือในกระป๋องรวดเดียวจนหมด

“หยิบเบียร์ให้หน่อย”ผมวางกระป๋องเปล่าลงก่อนจะออกกำสั่งกับอีกคน เค้าส่ายหน้ามองผมเหมือนกำลังเอ็นดูเด็ก เด็กงั้นเหรอ เด็กนี่มองยังกับว่าผมเด็กกว่าเค้างั้นแหละ

“เล่าก่อนว่านี่เป็นอะไร”เค้าเดินไปหยิบเบียร์มาเพิ่ม แต่ยังไม่ยอมส่งให้กับผม

“เบื่อ คือพี่ก็โตขนาดนี้แล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ยังจะต้องมาอยากบงการชีวิตพี่ด้วย”ผมบอกอยากไม่ค่อยจะสบอารมณ์ มือก็แย่งกระป๋องเบียร์ มาเปิดดื่มอีกกระป๋อง และก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าตอนนี้เลือดลมผมคงสูบฉีดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้วครับ ตอนนี้

“ก็ดูพี่ยังทำตัวเด็กๆ แบบนี้เค้าก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา”

“ใครเด็กพูดให้มันดีๆ”ผมหันไปตวาดเสียงดุ เพราะไอ้คนที่กำลังบอกว่าผมทำตัวเด็กนี่ เกิดทีหลังผมตั้ง 9 ปี

“โอเคๆ ไม่เด็กก็ไม่เด็ก แต่ผมว่าชีวิตพี่กับชีวิตผมนี่มันเหมือนสลับกันเลยเนอะ พี่อยากให้เค้าเลิกยุ่งกับพี่ แต่ผมนี่สิ ผมกลับอยากให้เค้ามายุ่ง วุ่นวายกับผมบ้างสักนิดก็ยังดี”ผมหันมองอีกคนข้างๆ ที่เหมือนเสียงเค้าจะดูหม่นๆ ลงไป ใบหน้าที่ดูหงอยๆ ตามน้ำเสียง เค้ายกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม จนหกออกมานิดหน่อย เค้าวางกระป๋องเบียร์ลง แล้วใช้นิ้วเรียวนั้นเช็ดที่ริมฝีปากของตัวเอง ตามด้วยการแลบลิ้นออกมาเลียที่ริมฝีปาก

ผมเผลอมองการกระทำนั้นอย่างละเอียดจนลืมละสายตา และมีความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นมา ผมขยับตัวชิดเข้าหาเค้า ก่อนจะเอื้อมมือคว้าใบหน้าของเค้าให้หันมาทางผม เค้ามีสีหน้าไม่เค้าใจแต่ก็ยอมหันมาตามที่ผมทำ ผมสบตาเค้านิ่งก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวยืดขึ้นพร้อมกับมือที่ดึงให้เค้าโน้มตัวมาหา

“อือ”เสียงครางในลำคอของเค้า และเหมือนยิ้มอย่างพอใจ เมื่อผมประกบริมฝีปากไปที่ปากของเค้า รสชาติของเบียร์ในปากของเราทั้งคู่เหมือนจะถูกส่งผ่านไปมา แต่แปลกที่ครั้งนี้ผมไม่รู้สึกว่ามันขมสักนิดเลย

“อ่อยผมป่ะเนี่ยลุง”เค้าบอกผมยิ้มๆ ทั้งที่จมูกของเค้ายังเขี่ยจมูกของผมไปมาและใบหน้าเรายังอยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

“ใช่สิ เดียวนี้ปีกกล้าขาแข็ง ออกไปใช้ชีวิตคนเดียว คงจะได้ทำตามใจคบผู้ชายได้ง่ายขึ้นละสิ”คำพูดของพ่อที่ดังเข้ามาในหัว มันเหมือนเชื้อไฟให้ผมกล้าจะตัดสินใจทำบางอย่าง ในเมื่อเค้าก็มองผมแบบนั้นอยู่แล้ว ผมจะทำตัวแบบนั้นจริงๆ มันก็คงไม่แปลกอะไรจริงไหม มือผมค่อยๆ เลื่อนต่ำลงไป จนถึงขอบกางเกงของอีกคน ผมใช้นิ้วชี้เกี่ยวเอาไว้ พร้อมกระตุ๊กเบาๆ ทำให้เค้ามองการกระทำของผมอย่างแปลกใจ

“ทำมากกว่าจูบได้หรือเปล่า”


TBC

ลุงงงงงง
อ่อยเด็กขนาดนี้ ลุงจะรอดไหม
 :hao7:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พ่อ พูดแรงไปไหม
พูดแบบนี้ แม้จะมาจากความห่วงลูก
แต่ยิ่งทำให้ลูกเตลิดไปเลย ไม่พูดจะดีกว่านะ
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 23
ผมเก่งหรือเปล่า



“ทำมากกว่าจูบได้หรือเปล่า”ผมจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเว้าวอน ตอนนี้ความรู้สึกผมมันตีกันไปหมด แต่หลักๆ คงเพราะไอ้เบียร์ 2 กระป๋องนั่นแน่ๆ มันทำให้ผมมีความรู้สึกปั่นป่วนขึ้นอย่างที่ผมเองก็เริ่มคุมตัวเองไม่อยู่ แม้ความรู้สึกอยากทำเพราะประชดพ่อจะมีอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่ใช่ว่าผมจะไปทำแบบนี้กับใครที่ไหนก็ได้

ภาพอะไรต่อมิอะไรของคนตรงหน้านี่ก็เหมือนร่วมจัดขบวนพาเหรด แห่กันเข้ามาในหัวผมอย่างพร้อมเพรียงกันเหลือเกิน ผมค่อยๆ ขยับปากไปงับริมฝีปากอีกคนเบาๆ ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้มันจะเป็นยังไง แต่ความอยากรู้ อยากลองของผมตอนนี้มันมีมากเสียจนไม่สนใจอะไรแล้ว

“ไหนว่าไม่เคยไงลุง แต่นี่เหมือนลุงยั่วผมมากเลยนะนิ”เค้าดึงตัวผมให้ชิดเข้าจนผมเกือบจะกลายเป็นนั่งคร่อมบนตักของเค้าแล้ว สายตาของเราประสานกันนิ่ง ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะครับว่ามันต้องทำอะไรยังไง แต่เหมือนการกระทำของผมมันดำเนินไปเองตามความรู้สึก

เค้าประกบปากลงมาที่ปากผมอีกครั้ง มันให้ความรู้สึกร้อนแรง ดุดันกว่าครั้งก่อนๆ แต่นั่นกลับยิ่งเหมือนกระตุ้นให้ความรู้สึกของผมปะทุขึ้นไปอีก สองมึงผมขยับขึ้นมาสอดเข้าไปที่เส้นผมของเค้า ริมฝีปากของเค้าผละออกจากริมฝีปากของผม ลากวนลงมาที่ซอกคอ มือของเค้าสอดเข้ามาเลิกเสื้อของผมขึ้น

“อ๊ะ”ผมหลุดร้องออกมาเพราะตกใจเล็กน้อยที่เค้าดันผมให้ล้มลงนอนหงายกับโซฟายาวที่เรานั่งอยู่ เค้าส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาที่ผม ก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นนั่น ผมเอื้อมมือไปสัมผัสมันอย่างลืมตัว

“ลุงนี่มันน่ากดกว่าที่ผมคิดนะเนี่ย”เค้าก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างชอบใจ จนผมต้องตีแขนเค้าด้วยความหมั่นไส้

“ตรงนี้เลยเหรอ”ผมเอ่ยถามอย่างสงสัยทั้งที่ตอนนี้อารมณ์ผมเองก็กระเจิดกระเจิงแล้วเหมือนกัน ความรู้สึกตึงเขม็งหน่วงๆ ที่ช่วงล่างก็เหมือนพร้อมจะออกมาแล้ว

“ก็ตรงนี้ก่อน แล้วค่อยย้ายไปที่อื่นต่อ”น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ตอบกลับมาพร้อมมือที่ขยับถอดเสื้อผ้าผมออก จากเสื้อก็เป็นกางเกงของเราทั้งคู่ แม้ผมจะเคยเห็นแกนกลางลำตัวของเค้าแล้ว แต่ไอ้ตอนที่เห็นนั่นมันยังไม่ตื่นตัวเต็มที่แบบนี้ แม้ผมจะยังไม่เคยก็ไม่ได้ถึงขนาดไม่รู้หรอกนะครับ ว่าไอ้ที่ผมเห็นมันจะต้องเข้าไปที่ไหน ผมเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า ด้วยความรู้สึกทั้งเขิน ทั้งอาย สองขาผมหุบเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ

แม้เค้าจะเคยเห็นผมเปลือยมาก่อน แต่ตอนนั้นผมไม่รู้สึกตัวนี่นา การที่ต้องมาเปลือยต่อหน้าต่อตาเค้าแบบนี้ ถึงแม้ผมจะมึนๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยก็เถอะ มันก็ทำเอาผมรู้สึกกระดากอายขึ้นมาได้เหมือนกันนะครับ

“ลุงยั่วผมเองนะ จะมามัวเขินอายตอนนี้มันไม่ทันแล้วละลุง”เค้าเอื้อมมือมาจับใบหน้าผมให้หันกลับมามองเค้า ก่อนจะแยกขาผมออก มองสำรวจผมอย่างกับจะกลืนกินผมยังไงยังงั้น นั่นทำให้ผมทั้งอายทั้งตื่นเต้น แต่มันก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของผมขึ้นไปอีก ผมขยับตัวยันตัวขึ้น โดยการใช้ตัวเค้าเป็นที่ยึดเหนี่ยว ผมรีบคว้าตัวเค้าก่อนจะกอดไว้แน่น เพื่อนลดความอายของตัวเอง

“จะทำอะไรก็รีบทำสิ”ผมบอกอย่างอายๆ พร้อมซุกหน้าลงกับแผงอกของเค้า

“หึหึ ใจร้อนจังลุง”เค้าบอกพร้อมกับมือที่ขยำบั้นท้ายผมอย่างหมั่นเขี้ยว ผมว่าใจผมมันไม่ร้อนเท่าส่วนล่างของเค้าหรอกครับ ตอนนี้มันเหมือนผมนั่งคร่อมอยู่บนตัวเค้า แล้วแท่งร้อนๆ นั้นก็เหมือนจะขยับสายไปมาสัมผัสกับบั้นท้ายของผม เค้าค่อยๆ ดันตัวผมออก ให้เลื่อนผ่านส่วนกลางลำตัวเค้าลงไป

“ทักทายมันหน่อยสิครับ”เค้าดึงมือผมเข้าไปกอบกุมแท่งร้อนนั้นไว้ พร้อมกับบังคับมือผมให้ค่อยๆ เลื่อนขึ้นลงช้าๆ

“อืม อย่างนั้น อ๊า”เค้าส่งเสียงออกมาอย่างพอใจ โดยปล่อยให้ผมบังคับมือตัวเองที่สัมผัสได้ถึงความร้อนที่เหมือนจะอยากหลอมละลายมือของผม ใจผมเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เพราะกำลังตื่นเต้นกับประสบการณ์แปลกใหม่เป็นครั้งแรก

“ใช้ปากให้ด้วยได้ไหมครับ พี่แปง”น้ำเสียงอ้อนๆ ที่ส่งมาทำเอาผมใจสั่นเงยหน้ามองหน้าเจ้าของเสียงที่เริ่มตาปรือ มองผมเสียหยาดเยิ้ม ผมอยากจะหมั่นไส้ใบหน้านั้น แต่ความรู้สึกภายในกลับแย้งผมว่ามันช่างเย้ายวนชวนมองเสียเหลือเกิน

“ทำ..ไม่เป็น”ผมหันกลับมาสนใจกับเจ้าแท่งร้อนตรงหน้า บอกเค้าไปด้วยเสียงเบาอย่างอายๆ ก็ผมไม่เคยนี่นา แต่เค้ากลับมองผมอย่างเอ็นดูซะงั้น เอาเถอะสำหรับเรื่องนี้ผมคงต้องยอมรับจริงๆ นั่นแหละครับว่าอ่อนหัด

“ลองชิมดู ทำเหมือนกินไอติมแท่งใหญ่”มือเค้าเอื้อมมาแตะที่ใบหน้าผม ก่อนจะดึงเบาๆ ให้ใบหน้าผมขยับใกล้เข้าไป ผมค่อยก้มลงแลบลิ้นออกมาชิมส่วนปลายสุดตามที่เค้าบอก และก็ต้องชำเลืองมองเจ้าของมันอย่างเคืองๆ เพาะเค้าเล่นแกล้งให้เจ้าแท่งร้อนนี้ไม่อยู่นิ่ง

ผมค่อยๆ ครอบปากลงไปช้าๆ อย่างตื่นเต้นสัมผัสร้อนในช่องปากและความรู้สึกที่ได้ลิ้มลองเป็นครั้งแรก มันสร้างความหวาบหวามให้ผมอย่างยิ่ง ผมค่อยๆ ดูดตามที่เค้าบอก ตอนนี้เหมือนเค้าเป็นคนคุมเกมบงการผมไปแล้ว ผมเหมือนต้องมนต์ที่เค้าสั่งให้ทำอะไรก็ทำ

“อ๊า ช้าๆ นะครับคนดี นี่พี่จะทำผมทนไม่ไหวอยู่แล้ว”เค้าบอกก่อนจะยื้อดึงศีรษะผมให้หยุด ผมมองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ขยับตัวตามเค้าที่ดึงผมขึ้นไปประกบปากจูบอีกครั้ง มือของเค้าเริ่มลูบไล้ไปทั่วตัวผมก่อนจะจับที่ตรงแกนกลางของผมไว้

“ผมเองก็ไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนหรอกนะครับ แต่รับรองได้เลยว่าครั้งแรกของลุงนี่ ลุงจะลืมไม่ลงเลย”เค้าค่อยๆ ผลักผมล้มลงก่อนจะก้มลงไปทักทายกับเจ้าจำปีตะมุตะมิของผมอย่างที่เค้าเคยเรียก

“ขนาดกำลังพอดีคำเลยนะครับ”เค้าครอบปากลงไปดูดอย่างแรง ทำเอาผมต้องจิกมือที่ไหล่ของเค้า สองขาผมรู้สึกแทบจะอยากหนีบรัดศีรษะเค้าเอาไว้ ผมต้องบิดตัวเพราะความหวาบหวามที่เค้ามอบให้

“อ๊ะ...จะออก...จะออกแล้ว ภู่ หยะ...หยุด”ผมบอกพร้อมดันศีรษะเค้าออก แต่ก็ไม่เป็นผล ผมต้องจิกมือลงกับโซฟา ปลายนิ้วเกร็งพับจนนิ้วหัวแม่เท้าพับเสียงนิ้วชี้ดังแกร๊ก

“แห่กๆ”ผมหอบหายใจอย่างสุขสม มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับเวลาที่ผมช่วยตัวเอง บอกได้แค่ว่ามันดีกว่า มันดีกว่ามากจริงๆ ว่าแต่เค้ากลืนกินน้ำของผมไปหรือนี่ ผมมองเค้าที่แลบลิ้นทั้งที่สายตายังมองผมอยู่ เค้าทำให้ผมจนเสร็จแล้ว ทำไมตอนที่ผมใช้ปากกับเค้า เค้าไม่ปล่อยให้ผมทำให้จนเสร็จละ

“นี่เพิ่งแค่เริ่มต้น”เค้าบอกเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะลุกไปหยิบบางอย่างที่หน้าทีวี โดยปล่อยให้ผมยังนอนเปลือยเปล่าอยู่ที่โซฟา

“อะไรอะ”ผมถามอย่างสงสัยเค้าชูขวดโลชั่นให้ผมดู

“ลุงยังไม่เคย ต้องหาตัวช่วย แต่ในบ้านผมคงมีดีสุดแค่นี้”ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีแต่เค้าก็บีบโลชั่นชะโลมที่นิ้วของเค้าก่อนจะเข้ามาเบียดกับผมที่โซฟาตามเดิม

“ผมช่วยลุงแล้ว คราวนี้ถึงตาลุงต้องช่วยผมบ้างแล้วนะครับ”เค้าก้มลงมาจนใบหน้าเราชิดกัน ผมกำลังจะถามว่าจะให้ช่วยยังไง แต่แล้วก็สะดุ้งจนต้องถดตัวถอยหนีเมื่อเค้าแยกขาผมออกและสอดนิ้วที่ชะโลมด้วยโลชั่นนั้นเข้ามาในช่องทางด้านล่างของผม

“ไม่ต้องกลัว อย่าเกร็งนะครับ ผมจะไม่ทำให้ลุงเจ็บแน่นอน”อยากจะเชื่อนะครับกับคำพูดของเค้าแต่ความรู้สึกตอนนี้มันไม่ตรงกับที่เค้าบอกนี่สิ แม้มันจะไม่ได้เจ็บถึงขนาดทนไม่ได้ แต่มันก็รู้สึกอึดอัดแปลกๆ ที่มีอย่างอื่นเข้ามาในร่างกายแบบนี้

“อย่าเกร็งสิครับ”เค้าก้มลงมาจูบผมที่ซอกคอ ลากมาที่ยอดอก จนผมเหมือนจะเผลอลืมนิ้วของเค้าที่ขยับอยู่เบื้องล่าง พอเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ผมก็เริ่มชินกับการที่เค้าขยับนิ้วเข้า ออกนั้น จาก 1 นิ้ว เค้าเพิ่มเป็น 2 นิ้ว และ 3 นิ้วในที่สุด

“พร้อมไหมครับ นี่ผมจะทนไม่ไหวแล้ว”ผมพยักหน้าอย่างหวาดๆ เพราะรู้สึกว่าแกนกลางลำตัวของเค้าที่ยังชี้โด่อยู่นั่นขนาดมันน่าจะมากกว่า 3 นิ้วที่เปิดทางเข้ามาก่อนนั้น เค้าถอนนิ้วมือออกก่อนจะก้มมาจูบผมอีกครั้ง โลชั่นขวดเดิมถูกนำมาป้ายที่ช่องทางด้านล่างของผม ตามมาด้วยท่อนแกนกลางของเค้าที่ค่อยๆ กดเข้ามา

“เจ็บ”ผมหายใจติดขัดบอกกับเค้า พร้อมด้วยสองมือที่ยันตัวเค้าไว้ ก้มมองเบื้องล่างที่เหมือนเพิ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวนิดเดียว นี่มันเจ็บกว่าตอนที่เค้าสอดนิ้วเข้ามาเมื่อกี้อีกครับ

“อย่าเกร็งสิครับ”เค้าบอกผมเสียงกระเซ่า โน้มมาจูบเบาๆ ที่หน้าผากของผม เค้ายังคงแช่อย่างนั้นอยู่พักนึงและคงเริ่มจะทนไม่ไหวเลยดันพรวดเข้ามาอย่างแรงจนสุด ผมสะดุ้งเฮือกใหญ่ ผวากอดเค้าแน่นมือจิกลงที่แผ่นหลังของเค้า เจ็บจนน้ำตาไหล

“ไม่ไหว...เจ็บ ไม่ไหวแล้ว เอาออกได้ไหม”ผมบอกทั้งที่ยังเกาะเค้าแน่น แต่ผมรู้สึกว่าทนต่อไม่ไหวจริงๆ มันเจ็บจนเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“ทนอีกนิดสิครับคนดีของผม”เค้าพรมจูบลงที่ซอกคอของผม

“ทนไม่ไหว”ผมบอกเสียงแผ่วเพราะตอนนี้มันเจ็บจนความรู้สึกอื่นๆ มันหายไปหมดแล้ว

“ลุงนี่มันน่าตีจริงๆ”เค้าบอกเหมือนจะเอ็นดูแต่ก็ดูจะผิดหวังหน่อยๆ เค้าค่อยๆ ผละจากผมเตรียมจะถอนแก่นกายออก แต่แล้วผมก็ต้องดึงเค้าไว้

“หยุด หยุดก่อน”ผมกอดเค้าแน่นอีกครั้งเพราะพอเค้าขยับมันก็ยิ่งเจ็บ

“ว่าไงครับ”เค้ากอดผมไว้พร้อมกระซิบถาม

“มันเจ็บ”ผมบอกเสียงอ่อยๆ ไม่รู้จะให้เค้าทำยังไงต่อ

“ไหนว่าจะไม่ทำให้เจ็บไง”ผมเริ่มโทษเค้าที่โกหกผม

“ถ้าไม่อยากเจ็บก็ต้องให้ทำต่อ”เค้าบอกพร้อมกัดเข้าที่ซอกคอของผม หรือผมจะลองเชื่อเค้าดูอีกครั้ง ผมค่อยๆ ขยับตัวเงยหน้ามองเค้า มาถึงขั้นนี้แล้ว เค้าเองก็ช่วยให้ผมเสร็จไปแล้วด้วย ผมควรอดทนเพื่อเค้าอีกสักนิดสินะ

“งั้นทำต่อเลย”ผมกัดฟันแน่น ในขณะที่เค้าเองเริ่มขยับเอว แล้วความเจ็บก็แล่นไปทั่วทั้งร่าง ผมหลับตาปี๋ แต่สัมผัสได้ว่ามือหนาของเค้าพยายามช่วยปลุกเร้าเจ้าจำปีตะมุตะมิของผม

“นี่เหมือนผมกำลังข่มขืนคนแก่เลยนะเนี่ย”เค้าบอกเสียงแหบพร่าเป็นการแหย่ผม

“รีบๆ ทำให้เสร็จสักทีเซ่”ผมเร่งอีกคน ทำให้เค้าเริ่มขยับสะโพกเร็วขึ้น ผมยังคงหลับตาปี๋หวังให้เค้ารีบๆ ทำให้เสร็จๆ ไปเสียที แต่พอผ่านไปสักพัก ผมไม่รู้ว่านี่ผมเจ็บจนชาหรืออย่างไร

“อ๊า แน่นดีเหลือเกิน ซี๊ดอ๊า”เค้าส่งเสียงพร้อมกระแทกเข้ามาแรงขึ้น ผมเหมือนจะไม่เจ็บแล้ว มันแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่เหมือนจะทั้งทรมาน แต่ผมกลับต้องการมัน ผมเม้มปากแน่น กัดริมฝีปากตัวเอง จนคงห้อเลือดแล้ว ไม่อยากให้มีเสียงลอดออกจากปากของตัวเอง แต่แล้วก็...

“อ๊ะ เฮือก”ผมต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะเหมือนเค้าจะกระแทกเข้าไปโดนบางอย่างในตัวผมที่สร้างความรู้สึกเสียวซ่าน จนทนไม่ไหวผมกอดเค้าแน่น และสัมผัสได้ว่าจำปีของผมแข็งตัวขึ้นมาอีกแล้ว

“โดนแล้วสินะ”เค้าบอกในลำคอก่อนจะกระแทกเข้ามาตรงจุดเดิมซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าจนผมแทบขาดใจ แต่ดูอีกคนจะพอใจกับการได้แกล้งผม เค้าเร่งจังหวะเร็วขึ้นไปอีก

“จะไม่ไหวแล้ว อ๊ะ..อ้า”ผมจับจำปีน้อยของผมรูดขึ้นลงอย่างเร็ว เพราะทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว แล้วผมก็ปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่ 2 พร้อมๆกับสัมผัสได้ถึง ของเหลวอุ่นๆ ฉีดเข้ามาในตัวของผม เค้ากระตุกเกร็ง 2-3 ทีก่อนจะเอนหลังลงกับโซฟาและดึงผมให้ทับลงบนตัวเค้าด้วย

“ผมเก่งเปล่า”เค้าถามเสียงหอบ แต่ผมตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าผมทำอะไรลงไปเนี่ย แถมความอายที่มีก็พุ่งขึ้นไปสูงเสียจนไม่กล้าขยับตัวแล้วครับเนี่ย

“ไม่ตอบนี่ต้อง จัดอีกรอบหรือเปล่านา”ไอ้เด็กบ้านี่จะมาถามอะไรตอนนี้เล่า

“ใครจะไปตอบได้ ไม่รู้จะเอาไปเปรียบกับใครนิ”ผมบ่นทั้งที่หน้ายังซบอยู่กับแผงอกของเค้า

“ฮ่าๆ ลุงนี่มันเด็กน้อยจริงๆ เลย”


TBC

ในที่สุดลุงก็โดนเด็กเปิดซิง  :hao6:


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แปง ตอบดี  :katai2-1:
ภู่เก่งมั้ย ไม่รู้ ก็ไม่รู้จะเอาไปเปรียบกับใคร
ก็แปงเพิ่งเคยครั้งแรกนี่
ภู่ ต้องรอให้แปงไปมีอะไรกับคนอื่นก่อน แล้วแปงตอบได้แน่ๆ
รอตอนใหม่  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 24
กลัวโดนฟันแล้วทิ้ง




“ลุงจะไปไหน”ผมต้องทรุดตัวลงเหมือนเดิมเมื่อโดนแขนของอีกคนรั้งตัวไว้ ตอนนี้ผมได้สติกลับคืนมาครบถ้วนแล้ว หลังจากที่ผมผ่านกิจกรรมกับเด็กนี่บนโซฟา เสร็จเราก็เข้าไปอาบน้ำ แล้วผมก็โดนเด็กนี่ขืนใจอีกรอบในห้องน้ำ ไม่ผิดหรอกครับผมโดนขืนใจจริงๆ ก็ทีแรกผมไม่ยอมนี่นา แม้ตอนหลังผมจะไม่ขัดขืน แต่นั่นมันเพราะผมสู้แรงเด็ดบ้านี่ไม่ได้ต่างหาก อีกอย่างตอนนั้นผมยังโดนฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำอยู่ มาตอนนี้พอได้นอนพักจนหายแล้ว ผมก็คิดว่า ผมไม่ควรจะอยู่บนเตียงกับเด็กนี่อีก

“จะกลับบ้าน”ผมตอบโดยไม่หันไปมองเค้า พยายามแกะมือที่เกี่ยวรั้งผมไว้ออก ในหัวก็คิดแต่ว่านี่พรุ้งนี้ผมจะมองหน้าเด็กนี่ยังไง ผมทำอะไรลงไปเนี่ย แถมเป็นคนเริ่มยั่วเค้าก่อนอีกต่างหาก ผมจำได้นะครับว่าผมทำอะไรลงไป แต่ตอนนั้นผมแค่คุมตัวเองไม่อยู่

“ดึกแล้ว นอนนี่แหละอย่าดื้อ”เค้าออกแรงดึงผมอีกครั้งให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะฝังจมูกลงที่ซอกคอของผม

“ไม่เอาจะกลับไปนอนบ้าน”ผมยังมีความพยายามจะลุกอีกรอบ ทั้งที่แทบจะไม่มีแรงแล้ว แถมตอนนี้ช่วงล่างผมก็ระบมไปหมดแล้ว ช่องทางด้านหลังนี่ก็เจ็บแปล๊บทุกครั้งที่ขยับ

“บอกว่าอย่าดื้อไง ถ้ายังดื้อเดี๋ยวจับกดอีกนะ”แม้จะคิดว่าเค้าอาจจะแค่ขู่ผมแต่ผมว่าผมไม่เสี่ยงจะดีกว่า เพราะถ้าเกิดเด็กบ้านี่ลุกขึ้นมาทำจริงๆ ผมได้นอนซมแน่ๆ แค่นี้ก็เพลียจนร่างจะแหลกอยู่แล้ว ผมเลยตัดสินใจที่จะนอนนิ่งๆ หลับตาลงในอ้อมกอดของเค้า

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้ามืด ยังไม่ถึง 6 โมงเช้าดี อีกคนยังไม่รู้สึกตัวผมค่อยๆ แกะมือเค้าออกและลุกจากเตียงอย่างทุลักทุเล เพราะทั้งกลัวเค้าตื่น แถมยังปวดเนื้อปวดตัว โดยเฉพาะช่วงล่างนี่แหละ พาลจะโมโหให้ไอ้คนที่ยังนอนไม่รู้เรื่องนั่น แต่จะมัวมาฟึดฟัดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ต้องรีบออกไปก่อนที่เด็กบ้านี่จะตื่นขึ้นมา

ผมรีบกลับบ้าน เตรียมตัวอาบน้ำพอยืนมองตัวเองในกระจกก็พบว่าร่องรอยจากเมื่อคืนแทบจะชัดทั่วตัวผมอยู่เลย ยิ่งเห็นร่องรอยพวกนี้ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็เหมือนยิ่งวนเวียนในหัวผม นี่ผมเสียซิงให้เด็กเหรอเนี่ย

“โอ้ย”ผมทึ้งหัวตัวเอง ระบายอารมณ์ ก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัว เพราะรู้สึกยังไม่อยากเผชิญหน้ากับอีกคน บอกตรงๆ ว่าผมทำตัวไม่ถูกครับ เพราะมันไม่ใช่แค่จูบเหมือนครั้งก่อน

ผมรีบบึ่งออกจากบ้านทันทีที่แต่งตัวเสร็จ ไม่รอกินข้าว หรือรออกพร้อมอีกคนเหมือนทุกวัน นี่ผมกำลังจะเมินเค้าเหมือนครั้งเค้าเมินผมตอนจูบแรกนั่นหรือเปล่านะ ไม่สิไอ้ที่ผมทำนี่ไม่เรียกเมิน มันเรียกหลบหน้าชัดๆ เลยครับ แล้วนี่ผมจะไปไหนละเนี่ย ถ้าไปทำงานก็ดูจะไม่มีกะจิตกะใจสักเท่าไหร่ กลับบ้านก็เพิ่งทะเลาะกับพ่อมา เอาไงดีเนี่ย

“ข้าวหอม ใช่แล้วข้าวหอม”ผมรีบควานหาโทรศัพท์ ต่อสายถึงเพื่อนสนิท แม้นี่จะยังเช้าอยู่คาดว่าคุณนายตื่นสายอย่างข้าวหอมน่าจะยังไม่ตื่น แต่ถ้าไม่รับผมก็คงบุกเข้าบ้านข้าวหอมเลยนั่นแหละครับ ซึ่งก็ตามคาดครับ ข้าวหอมไม่รับโทรศัพท์ผม ว่าแต่บ้านข้าวหอมนี่ก็รั้วติดกับบ้านผมนั่นแหละครับ นี่ก็ไม่รู้พ่อผมอารมณ์เย็นลงหรือยัง แถมตอนนี้เหมือนผมจะเป็นอย่างที่พ่อว่าไปแล้วหรือเปล่า

เพราะยังเช้าอยู่ทำให้ใช้เวลาไม่นานนักสำหรับการขับรถมาถึงบ้านข้าวหอม ตอนนี้ผมว่าผมต้องการใครสักคนที่จะรับฟังเรื่องราวของผม แม้ตอนที่เสียจูบแรกให้ผู้ผมยังรู้สึกอายและกลัวโดนล้อเลยเลือกที่จะคุยกับพี่ฟ่างแทนที่จะเป็นข้าวหอม หากแต่เรื่องนี้ผมคงไม่กล้าที่จะไปคุยกับพี่ฟ่างหรอกครับ

“เดี๋ยวป้าไปตามคุณหอมให้นะคะ”แม่บ้านที่ให้ผมเข้ามารอในบ้านบอกก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไป ทีจริงผมก็เข้านอกออกในบ้านนี้ตั้งแต่เด็กแล้วแหละครับ แถมแต่ก่อนก็เข้าถึงห้องนอนของกันและกันทั้งคู่ เพราะเราทั้งสองบ้านก็ทราบดีแล้วว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่พอข้าวหอมคบพี่โตเลยต้องเว้นเรื่องห้องนอนไว้สักนิดแหละครับ เพราะพี่โตเองขอไว้และบอกว่า ยังไงผมก็ยังดูเป็นผู้ชายคนนึงอยู่ดี

“มาทำไมแต่เช้าเนี่ยแก”ข้าวหอมลงมาหาผมด้วยสภาพที่ยังหัวฟูๆ หน้าก็คงยังไม่ล้าง ฟันก็คงยังไม่แปรง เสื้อคลุมก็ใส่มาลวกๆ เรียกว่าดูไม่จืดกันเลยทีเดียวแหละครับ

“ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนไหม”มองหัวจรดเท้าแล้วผมว่าแม้จะอยู่ในบ้านแต่ก็ควรให้มันดูเป็นคนปกติสักนิดนึงก็ยังดี ข้าวหอมมองผมอย่างเคืองๆ ที่มาทำลายเวลานอนตอนเช้าๆ แบบนี้

“เรื่องสำคัญไหม ถ้าไม่สำคัญนะ ชั้นจะไปนอนต่อ”หญิงสายทำท่าหาวอย่างไม่สนใจอะไรผม มองเหมือนผมเป็นแค่คนมารบกวนการนอนของเธอ

“มาเช้าขนาดนี้คิดว่าไง”ผมกดเสียงต่ำบอก เพื่อเน้นว่าผมเนี่ยเพื่อนสนิทเธอ และกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ คิดไม่ตก กลุ้มใจอย่างมากแล้วด้วย หรือนี่สีหน้าผมยังดูเครียดไม่พอ

“ไม่สำคัญ งั้นไปนอนต่อละ”

“คุณเพื่อนหอมสุดสวย ตื่นก่อนตื่น”ผมรีบคว้าแขนของเพื่อนสนิท จับเขย่าตัวดึงสติให้ แต่ข้าวหอมก็ยังทำหน้าตาเบื่อโลก และพร้อมหลับเช่นเดิม แต่มีเหรอที่ผมจะปล่อยไป ผมรีบลากข้าวหอมออกจากบ้านเดินตรงไปศาลา ในสวนนอกบ้าน

“คือ...เอ่อจะเริ่มยังไงดี”พอออกมานั่งกันสองคน ผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าจากตรงไหนดี ข้าวหอมก็เริ่มจะทำหน้าเอือมระอากับผมแล้ว เอาวะ ยังไงเราทั้งคู่ก็เพื่อนสนิทกันที่เล่าและคุยกันได้ทุกเรื่อง ตอนเรื่องผมปลื้มพี่ต้าร์ผมก็เล่าให้ข้าวหอมฟัง หรือเรื่องระหว่างข้าวหอมกับพี่โต ยัยหอมนี่ก็เล่าให้ผมฟังเสียละเอียดยิบเช่นกัน

“คือชั้นกับภู่...”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดมากไปกว่านั้น โทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น ชื่อของคนที่ผมกำลังจะพูดถึงโชว์อยู่ที่หน้าจอ นี่เค้าคงตื่นแล้วสินะ ผมลังเลที่จะรับแต่พอเห็นสีหน้ารำคาญของข้าวหอมทำให้ต้องตัดสินใจที่จะรับ

“แป๊บนึงนะแก อย่าเพิ่งหนีชั้นไปนอนละ”ผมกำชับพร้อมเตรียมที่จะลุกไปคุยโทรศัทพ์

“โน โน โน นั่งแล้วรับตรงนี้ค่ะยู หอมจะฟังด้วย ถ้าลุกนี่กลับไปนอน โอเคไหมยู”ผมจำใจต้องนั่งลงตามเดิม แต่ก็ยังดีที่ไม่ถึงขนาดให้ผมเปิดลำโพงคุย เพราะถ้าขนาดนั้นผมคง ยอมไม่รับสายเสียยังจะดีกว่า

“ลุงหายไปไหน”น้ำเสียงอ้อนๆ ที่ฟังน่าหมั่นไส้จนถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมคงเบ้ปากใส่ไปแล้ว แต่นี่ผมอยู่ต่อหน้าข้าวหอมเลยต้องยังทพหน้านิ่งๆ ไว้ก่อน

“พอดีพี่ต้องมาบ้านพ่อนะ”ผมไม่ได้โกหกนะครับเพราะพอมาถึงนี่แล้วก็เริ่มคิดว่า ผมควรเข้าไปขอโทษพ่ออยู่เหมือนกันที่เมื่อวานพูดจาไม่ค่อยดีออกไป แต่ขอตั้งหลักที่บ้านข้าวหอมนี่ก่อน

“มีไรทำไมต้องออกไปแต่เช้าขนาดนี้ แถมไม่ยอมปลุกผมด้วย”ผมอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมาเพราะน้ำเสียงตัดพ้อของเค้า ไอ้เด็กบ้าเอ้ย ตัวโตๆ อย่างเค้ามาทำเสียงอ้อนมาทำเป็นงอนแบบนี้มันดูไม่เข้ากันเลยครับ

“เมื่อวานพี่มีปัญหากับพ่อนิดหน่อยนะเลยว่าจะมาเคลียร์นี่แหละ”ผมบอกออกไปตามตรง เพราะคิดว่ามันคงถึงเวลาที่ผมจะต้องคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง จริงๆ กับครอบครัวเสียทีไม่ใช่ปล่อยให้มันจริงจังแบบปลอมๆ เรื่อยมาจนเป็นอย่างตอนนี้

“แล้วนี่พี่โอเคหรือเปล่า”น้ำเสียงเค้าเปลี่ยนมาเหมือนเป็นห่วงผมอยู่ในที แล้วผมเองก็รู้สึกดีแปลกๆ กับคำพูดของเด็กบ้านี่เสียด้วยสิ ถ้าไม่ติดว่ามียัยข้าวหอมนั่งจ้องและเงี่ยหูฟังขนาดนี้ ผมคงยิ้มกว้างออกไปแล้ว

“ก็ไม่รู้สิ เพิ่งมาถึงถึงยังไม่ได้คุยกันเลย”ที่จริงต้องบอกว่า ผมยังไม่เข้าบ้านเลยจะถูกกว่า แต่ก็นั่นแหละผมไม่อยากอธิบายให้มันยืดยาวหรือมากความไปมากกว่านี้ เพราะถ้าจะเล่าจริงๆ มันคงไม่จบง่ายๆ แถมเรื่องที่ผมมีปากเสียงกับพ่อเมื่อวาน ก็มีส่วนเกี่ยวกับตัวเค้าอีกด้วย

“เปล่า...ผมหมายถึงเมื่อคืนพี่โอเคหรือเปล่า”ผมคงประเมินเด็กบ้านี่ดีเกินไปสินะครับ ไอ้เด็กกวนประสาท ไอ้เด็กทะลึ่ง ผมได้แต่ด่าอยู่ในใจ และพยายามเก็บอาการแต่ก็รู้สึกแล้วว่าหน้าตัวเองเริ่มร้อนผ่าวเพราะนึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา นี่หน้าผมคงไม่แดงจนข้าวหอมสังเกตได้หรอกนะ

“ไอ้เด็กบ้า มาถามอะไรเนี่ย”ผมพยายามทำเสียงดุ แต่ตีสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุด ก็ข้าวหอมจากที่ง่วงๆ ทีแรกตอนนี้เหมือนตื่นเต็มที่จ้องผมแทบไม่กระพริบแล้วครับ

“เขินเหรอลุง”นี่ก็ยังไม่หยุดอีกครับ ทำมาเป็นรู้ทันผม นี่ผมว่าเด็กบ้านี่ต้องกำลังยิ้มกว้างอย่างพอใจอยู่แน่นอนเลยที่แกล้งผมได้

“หยุดพูดเลยนะ”ผมแกล้งทำเสียงดุ เพราะไม่อยากให้เค้าพูดมากไปกว่านี้ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรหรอกนะครับ ถ้าผมอยู่คนเดียวผมก็คงปล่อยเค้าพูดไปนั่นแหละ

“ก็ผมตื่นมาไม่เจอลุง ผมก็กลัว”ไอ้เสียงอ่อยๆ นี่ผมก็ว่าเค้าแสร้งทำเหมือนกันนั่นแหละครับ อย่างเด็กนี่ไม่มีสลดจริงๆ หรอกครับ รู้จักกันมาสักพักขนาดนี้แล้ว หลอกผมไม่ได้หรอก

“กลัวอะไร”ผมถามอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะคงไม่ได้มีสำคัญนักหนาหรอกครับที่โทรมาหาผมเนี่ย

“กลัวโดนฟันแล้วทิ้ง”

“ไอ้...สรุปนี่ไม่ได้มีธุระอะไรใช่ไหม พี่จะได้วาง”ผมกำลังอ้าปากจะด่าแล้วนะครับ เล่นพูดอะไรมาของเค้าเนี่ย ใครฟันใครกันแน่ยังมาทำเป็นพูดอีก นี่ผมต้องปรับสีหน้ากับน้ำเสียงลงแทบไม่ทัน เพราะสายตาของข้าวหอมก็คมกริบเหลือเกิน

“แหมลุงก็ ไม่ต้องมาทำโมโหกลบเกลื่อนหรอกครับ เขินผมอะดิ”เสียงหัวเราะอย่างพอใจเจือมาในน้ำเสียงของเค้าด้วย จนตอนนี้ผมอยากจะสามารถทะลุผ่านสัญญาณโทรศัพท์แล้วลากคอเค้ามาบีบตรงหน้านี่ให้หายหมั่นไส้สักหน่อยก็ยังดี

“พี่วางละนะ”ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์จริงๆ ครับรอบนี้ เพราะเริ่มเหนื่อยที่จะต้องรับมือทั้งคนในสายแล้วก็คนตรงหน้านี่อีกครับ เรียกว่าศึกหนักสองด้านกันเลยทีเดียวเชียวครับ คนนึงก็กวนประสาท อีกคนก็เตรียมจับผิดสายตายิ่งกว่าตาเหยี่ยว

“เดี๋ยวสิลุงแซวนิดแซวหน่อย ทำเป็นใจน้อยไปได้ แค่จะบอกว่าคิดถึง เย็นนี้รีบกลับมานะครับ”เค้าเรียกไว้ก่อนที่จะวางสาย นี่ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันนะครับ ทำไมรู้สึกดีกับคำที่เค้าบอกให้รีบกลับนั่น นี่ต้องพยายามกลั้นยิ้ม ไม่ให้มันกว้างมากนัก ก่อนจะบอกให้เค้าวางสายไปจริงๆ สักที

“นี่คือคุยกับแฟน หรืออะไร ใครยังไง รีบเหลามาเลย”บอกแล้วครับว่าทางนี้ก็ศึกหนักสำหรับผมเหมือนกัน แม้จะตัดสินใจแล้วว่าจะมาเล่าให้ฟัง แต่ผมก็ยังทั้งเขิน ทั้งอายไปหมดนั่นแหละครับ ก็มันเพิ่งครั้งแรกของผมนี่ครับ อะไรๆ มันก็ดูยุ่งยากไปหมดเลยสำหรับผม ทั้งความรู้สึก ทั้งการจะทำตัวยังไง

“คุยกับภู่”ผมบอกไปตามตรง ทำให้คนตรงหน้า ขมวดคิ้ว ลุกขึ้นเดินมาจ้องหน้าผม อย่างพิจารณาใกล้ๆ จนผมต้องเอนตัวเบี่ยงหนี

“น้องภู่สุดหล่อนั่นอะนะ นี่แกคุยกันมุ้งมิ้ง งุ้งงิ้งขนาดนี้แล้วเหรอ ฟังๆ ดูนึกว่าได้กันแล้วเหอะ”นั่นไงครับ บอกแล้วว่าเพื่อนผมตาเหยี่ยว นี่ขนาดแค่ฟังผมคุยโทรศัพท์แค่นี้ยังคาดเดาได้แม่นขนาดนี้

“ก็ได้แล้ว”ผมพึมพำบอกไปเสียงเบา อย่างอายๆ

“อะไรนะ”ข้าวหอมถามทันควันแต่เหมือนยังไม่มั่นใจในสิ่งที่ได้ยิน เลยถามย้ำอีกรอบ

“ก็นั่นแหละ”ผมเองก็ยังรู้สึกกระดากอายที่จะพูดซ้ำอีกแหละครับ

“นั่นแหละอะไร”ข้าวหอมก้มมาจ้องหน้าผมจนหน้าเราจะชิดกันอยู่แล้ว เหมือนบังคับว่ายังไงผมก็ต้องพูดอีกรอบ

“ก็ได้กันแล้วไง”ผมกลั้นใจบอกอย่างตัดรำคาญ

“แปง!!! ไอ้เพื่อนแรดดด ฮ่าๆ”


TBC

ใครฟันใครกันแน่ ภู่จะมากลัวอะไร
 :hao7:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ใครฟันใครกันแน่นังภู่ 555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แปง เขิน ไม่มั่นใจในสถานภาพ  :mew5:
และไม่กล้ามองหน้าภู่ หลังมีอะไรกันสินะ  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 25
คุณสมบัติว่าที่ลูกเขย




“แปง!!! ไอ้เพื่อนแรดดด ฮ่าๆ”เสียงเพื่อนตัวดีหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ จนผมต้องมองตาขวาง เพราะทั้งที่ผมคิดมากอยู่ แต่เพื่อนอย่างยัยนี่ก็เอาแต่หัวเราะชอบใจ

“เสียงดังทำไมเล่า เครียดอยู่เนี่ย”ผมบอกอย่างเคืองๆ เพราะเอาจริงๆ ถึงผมจะยอมรับว่ารู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับภู่ แต่ผมก็ยังรู้ดีว่าสถานะระหว่างเราสองคน มันก็ยังเป็นแค่พี่น้องข้างบ้านเท่านั้นเอง

“ดูปากข้าวหอมนะคะ แรดดดด”ดูเอาเถอะครับเพื่อนผม ก็ยังจะพูดเล่นอยู่นั่น นี่ดูไม่ออกเลยใช่ไหมว่าผมกำลังคิดมากอยู่ หรือเพราะที่เห็นผมคุยกับเด็กบ้านั่นอย่างปกติ เลยคิดว่าผมไม่ได้เป็นอะไร แต่ผมก็แปลกใจนะครับที่ก็ยังคุยกับเด็กนั่นได้อย่างปกติ อาจเพราะมันเป็นการคุยโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากัน นี่ถ้าต้องคุยต่อหน้าผมว่าผมอาจจะทำตัวไม่ถูกแน่ๆ เลย

“แกแรดมาก ไปทำอีท่าไหน ได้กันยังไง เป็นแฟนกันตอนไหนทำไมไม่เล่าเลยละยู”นี่ก็ถามหน้าระรื่น รัวมาเป็นชุดเลยครับ

“ก็ไม่ได้เป็นไง”ผมหลบตาตอบเสียงเบา ตอนนี้ผมรู้สึกว่าหลายๆ อย่างในหัวผมมันตีกันไปหมด ผมกับภู่เองจากนี้มันจะเป็นยังไงต่อ มันจะเหมือนเรื่องจูบที่ก็ปล่อยไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

“เดี๋ยวนะ ไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ได้กันแล้ว มันคืออะไรกันนี่หอมงงไปหมดแล้ว OMG”ผมต้องรีบส่งสัญญานให้ข้าวหอมเบาเสียงลงเพราะเล่นพูดเสียดังจนแทบจะข้ามกำแพงไปให้บ้านผมได้ยินแล้ว

“ก็ถึงเครียดมาคุยกับแกนี่ไง”จริงๆ นอกจากความรู้สึกของผมกับภู่ก็เรื่องที่บ้านนี่อีกด้วยแหละครับ ผมจะพูดยังไงให้เค้าเข้าใจในตัวผม

“เครียดอะไรไหนเล่ามาค่ะ”น้ำเสียงข้าวหอมดูจริงขึ้นมาหน่อย

“ก็ชั้นกับภู่ ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอทำอะไรแบบนี้ลงไปมันก็ไม่รู้วะบอกไม่ถูก เวลาเจอกันชั้นต้องทำหน้า ทำตัวยังไง อีกอย่างเมื่อคืนนั่นชั้นก็ดื่มเบียร์ไปด้วย”ผมเริ่มจากเรื่องความรู้สึกในใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

“อย่าบอกนะว่านี่แกเผลอตัวไปเพราะเมา”ข้าวหอมเริ่มมีสีหน้ากังวลเมื่อรับฟังในสิ่งที่ผมบอก

“มันก็ไม่ได้เมามาก แต่ก็ยอมรับว่าที่กล้าทำอะไรลงไปขนาดนั้นในตอนแรกก็เพราะดื่มเบียร์ไปนี่แหละ”ภาพที่ผมเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อนรีรันมาอีกรอบจนผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา ต้องรีบเบือนหน้าทำทีเป็นมองทางอื่น ไม่อยากให้ข้าวหอมสังเกตเห็นอาการของผมสักเท่าไหร่

“แล้วน้องภู่เมาด้วยไหม”นั่นสินะ นี่อีกคนเองทำไปเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นเหมือนอย่างผมหรือเปล่า

“ก็ดื่มนะ แต่ไม่น่าจะเมาเพราะเด็กนั่นคอแข็งกว่าชั้นเยอะ”ผมค่อยๆ ทบทวนและเหมือนเป็นการตอบตัวเองไปด้วย แต่อีกคนนั่นไม่น่าจะเมาเลยสักนิด แต่ผมก็คงตอบแทนตัวเค้าได้ไม่เต็มปากอยู่แล้ว

“อารมณ์พาไปด้วยกันทั้งคู่หรือเปล่าเนี่ย”ข้าวหอมเหมือนพูดทบทวนกับตัวเอง เหมือนเป็นการวิเคราะห์อย่างผู้มีประสบการณ์ที่มากกว่าผม

“แกคิดยังไงกับน้องภู่”สายตาคมกริบจ้องมาที่ผมอย่างคาดคั้น จนผมเองไม่กล้าจะสบตา

“มะ...ไม่รู้”ผมปฏิเสธการตอบคำถามเพราะ ถ้าผมตอบได้ผมคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้

“เอ้า จะไม่รู้ได้ยังไง อยู่ใกล้ๆ แล้วใจเต้นไหม รู้สึกดีหรือเปล่าเวลาอยู่ด้วยกัน”ไอ้ใจเต้นมันก็เต้นอยู่หรอก เขินมันก็มี เวลาที่อยู่ด้วยกันผมก็ไม่ได้อึดอัดอะไร นอนเตียงเดียวกันก็อบอุ่นดี อาการพวกนี้คือผมชอบเด็กนั่นเหรอ

“แล้วก็เมื่อคืนชอบหรือเปล่า แต่ชั้นว่าแกต้องชอบแหละ น้องภู่งานดีขนาดนั้น แล้วลีลาเป็นไง แซ่บเปล่า”จากที่เหมือนจะจริงจังอยู่ๆ มันกลายมาเป็นเรื่องนี้ได้ยังไงกัน แล้วไอ้จินตนาการของผมนี่ก็เป็นอะไรนักหนา ใครพูดอะไรมาต้องคิดตามภาพผุดมาในหัวตลอดเลย

“ถามอะไรของแกเนี่ย”คำถามของแม่เพื่อนสนิทนี่ทำเอาผมไปไม่เป็นกันเลยทีเดียวครับ แต่ถ้านั่นทำผมไปไม่เป็นแล้ว ไอ้คำถามต่อมานี่ทำเอาผมอ้าปากค้างเลยทีเดียว

“อีกคำถามนึงอันนี้อยากรู้ส่วนตัว ใหญ่ไหม”อย่างที่บอกว่าจินตนาการผมมันดีเกินไป ไอ้สิ่งที่ข้าวหอมถามผมมันเลยมาทั้งตอนสงบนิ่ง และตอนขยายตัวแทบจะชัดระดับเอชดีเลยแหละครับ

“หอม! แกเป็นผู้หญิงไหม มาถามอะไรแบบนี้”ผมรีบสลัดความคิดและ ออกเสียงดุเพื่อนสนิท ทำเป็นไม่พอใจกลบเกลื่อนความรู้สึกปั่นป่วนภายในใจของตัวเอง

“ฮ่าๆ เห็นท่าทางแกแล้ว แสดงว่าน้องภู่ก็คงพอตัวสินะ”นี่ผมหรือเพื่อนกันครับที่ผิดปกติ มันควรเป็นผู้หญิงไหมที่จะเขินอายกับเรื่องนี้มากกว่า แต่เราสองคนดันเหมือนสลับตำแหน่งกันเสียได้

“พอเลยแก เป็นสาวเป็นนางพูดอะไรเนี่ย”ผมรีบห้ามไม่ให้ข้าวหอมพูดอะไรมากไปกว่านี้

“แหมๆ เขินใหญ่เชียว แกไม่ใช่หญิงสาววัยแรกรุ่นไม่ต้องมาสนิมสร้อยให้มาก อีกอย่างตอนนี้แกก็ไม่เวอร์จิ้นอีกต่อไปแล้ว แถมได้กินเด็กอีก โอ้ยอิจฉา”ดูเหมือนการห้ามปรามของผมก็ยังดูจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ เพราะข้าวหอมก็ยังคงจ้อไม่หยุด นี่ผมชักอยากให้เพื่อนคนนี้เข้าบ้านไปนอนต่อให้รู้แล้วรู้รอดละครับเนี่ย

“บ้า”ผมบ่นเบาๆ เมื่อไม่รู้จะห้ามยังไงแล้ว แต่รอบนี้เหมือนข้าวหอมจะหยุดคิดบางอย่างก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง

“เออ ว่าแต่แกสองคน อยู่ๆ ก็ก้าวกระโดดมาถึงจุดนี้กันเลยเหรอ มันไม่มีแบบสัญญานอะไรล่วงหน้ามาบ้างเลยเหรอ”เอาแล้วไง นี่ผมต้องเริ่มเล่าไอ้พวกเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกหรือเปล่าเนี่ย

“มันก็...”ผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เพราะจริงๆ มันก็มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ เต็มไปหมดที่ส่งผลมาจนถึงตอนที่ผมกล้าเป็นฝ่ายเริ่มอะไรแบบนั้น มันอาจจะตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เค้าก็มาถอดเสื้อโชว์ผม หรือเหตุการณ์เล็กๆ อย่างเค้าซื้อปาท่องโก๋ให้ผม หรือจะเรื่องที่เค้าจุ๊บแก้มผม โชว์สองสาวนั่น การที่เค้ามากอดผม ในวันที่รู้สึกนอยด์

“อะไรเล่ามา”เมื่อเห็นผมนิ่งเงียบไปก็คงขี้เกียจรอเลยต้องเร่งผมอีกครั้ง

“จริงๆ ภู่ก็เคยมานอนห้องชั้น 2 ครั้ง เคยถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนให้ชั้นตอนเมา แล้วก็เคย...จูบ”ผมเลือกที่จะเล่าบางส่วนที่มันดูชัดเจน พอจะเป็นสัญญานอย่างที่ข้าวหอมถามถึง

“แรด พูดเลยว่าเพื่อนชั้นแรดมาก นี่แกไม่เคยเล่าให้ชั้นฟังเลย”ก็ดูเอาเถอะว่าพอเล่าก็จะเป๋นแบบนี้ ใครจะไปอยากเล่า เดี๋ยวก็ทั้งแซวทั้งแกล้งล้ออีก

“ก็กลัวแกล้อ อีกอย่างเด็กนั่นมันก็แค่แกล้งชั้นเล่น”ผมไม่ได้คิดไปเองนะครับว่าเด็กนั่นแกล้งผมเล่นเพราะเค้าเคยพูดเอง ว่าทุกอย่างที่เค้าทำมันเริ่มจากการที่อยากจะแกล้งผมเล่น แค่นั้นเอง พอมาถึงตรงนี้ใจผมมันก็เหมือนจะหน่วงๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้นแหละครับ

“แกคิดว่าที่เค้าทำนั่นคือการแกล้งเล่นเหรอ โอ้ยตายแล้วเพื่อนชั้น ไอ้พ่อคนอินโนเซนส์ พ่อคนใส ไอ้น้องแปงสองขวบครึ่ง”ผมโดนพูดใส่หน้าเหมือนกับว่าผมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยงั้นแหละ

“ก็แล้วมันจะหมายความว่ายังไงเล่า”ผมถามกลับอย่างเคืองๆ

“หมายความว่าเค้าชอบแกไง เค้าชอบแกเข้าใจไหม”ข้าวหอมชะโงกหน้ามาตะโกนใส่ผมจนผมต้องรีบผลักใบหน้ายิ้มระรื่นนั่นออก นี่ทำไมทั้งข้าวหอมหรือทั้งภู่เอง ดูจะสนุกเวลาได้แกล้งผมแบบนี้ ผมหันมองเพื่อนอีกครั้งอย่างเคืองๆ

“ใช่เหรอที่แกพูดนั่นนะ”แม้จะยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพื่อนพูดแต่ผมก็แอบลอบยิ้มจางๆ โดยไม่ให้ข้าวหอมเห็น อยู่เหมือนกันนะครับ

“โอ้ยแกนี่มันยังไง กลัวโดนเด็กหลอกหรือไง แต่ชั้นว่าเอาจริงๆ ต่อให้เสียซิงเพราะโดนเด็กหลอกก็คุ้มนะแก คิดเสียว่าหาประสบการณ์ กินเด็กเป็นกำไรชีวิตงี้”มันก็ไม่ใช่ว่ากลัวหรอกนะครับ แค่มันยังไม่อยากคิดอะไรไปไกล ผมเองแค่รู้สึกว่ามันยังไม่มีอะไรให้มั่นใจสักอย่างเท่านั้นเอง

“เออๆ เลิกเครียด ชั้นว่าแกก็ต้องพอรู้นั่นแหละว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับน้องภู่ และก็คงพอสัมผัสได้ว่าน้องภู่รู้สึกยังไงกับแก เพียงแต่พวกแกอาจจะยังไม่ได้คุยกันให้ชัดเจน เพราะงั้นกลับไปก็เคลียร์กันให้เรียบร้อย จะได้มีผัว เอ้ยมีแฟนกับเค้าสักที”แฟน ผมจะมีแฟนงั้นเหรอ พอได้ยินคำนี้ จากที่กำลังจะหายเครียดลงบ้างจากการฟังข้าวหอมอภิปราย แต่คำว่าแฟน ก็ทำให้นึกถึงคำพูดของแม่ที่พยายามที่จะยังไม่ให้ผมมีแฟน แต่หนักสุดคงประเด็นที่ผมเกือบทะเลาะกับพ่อเมื่อวานมากกว่า

“อะไร นี่ยังเครียดอะไรอีกละเนี่ย”สีหน้าอาการผมคงแสดงออกชัดเจนจนข้าวหอมต้องถามอีกรอบ

“ก็เรื่องพ่อด้วยแหละแก เมื่อวานแกไม่เห็นหรือไง”ผมบอกอย่างเซ็งๆ ก่อนที่ข้าวหอมเองจะถอนหายใจออกมายาวๆ พร้อมกันกับผม

“นี่ถ้าไม่ติดว่าชั้นยังคิดจะแต่งงานกับพี่โตนะ ชั้นจะลงทุนแต่งกับแกบังหน้าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”แม้จะพูดให้ดูขำ แต่บอกตรงๆ ว่าทั้งผมและข้าวหอมเองก็เหนื่อยหน่ายกับประเด็นนี้เต็มทน

“เดี๋ยวว่าจะเข้าไปขอโทษเค้าเรื่องเมื่อวานอยู่เนี่ย แล้วก็คงคุยเรื่องนี้จริงๆ จังๆ ให้เด็ดขาดแล้วละ”ผมพูดออกไปอย่างมุ่งมั่น จะได้เลิกปวดหัวกับเรื่องนี้เสียที อีกอย่างถ้าภู่คิดกับผมอย่างที่ข้าวหอมคาดเดาจริงๆ ผมก็ยิ่งที่ควรจะต้องรีบจัดการเรื่องนี้

“ก็ดีแก แต่ก็ไม่ต้องคุยละเอียดถึงขนาดเล่าเรื่องว่าที่แฟนให้ฟังเหมือนเล่าให้ชั้นฟังก็ได้นะ พ่อกับแม่แกคงยังรับไม่ทัน”คำพูดที่พยายามปลอบใจพูดให้ตลกขึ้นมาเพื่อคลายความกังวลของผม พอจะช่วยได้บ้างนิดหน่อยเท่านั้นแหละครับ ข้าวหอมให้กำลังใจผมอีกนิดหน่อยก่อนจะ ขอตัวกลับไปนอนต่อ ส่วนผมก็เข้าบ้านตัวเองครับ

“พ่ออยู่ใช่ไหมเจ้”คนแรกที่เจอคือพี่สาวของผม ที่ดูมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยที่เห็นผมที่บ้าน

“นึกว่าจะเตลิดไปมากกว่านี้เสียอีก น้องเจ้เริ่มโตแล้วมั้งเนี่ย”เจ้ปอเดินมาสวมกอดผม อย่างให้กำลังใจ เพราะอย่างที่พี่สาวผมบอก ทุกทีเวลาคุยเรื่องนี้กันแล้วเริ่มจะมีปากเสียงกันรุนแรง ผมก็มักจะไม่เข้าบ้าน แต่ปกติก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ บ้านข้าวหอมบ้าง คอนโดเพื่อนคนอื่นบ้าง ครั้งนี้ทุกคนก็คงคิดว่าผมจะหายไปนานเพราะตอนนี้ผมเองก็พักที่อื่นด้วย

“ก็ไม่ใช่เด็กแล้วไหมละเจ้”ผมกอดพี่สาวเพื่อรับกำลังใจ ก่อนจะเดินตามหลังตรงเข้าบ้านไปยังห้องนั่งเล่นที่ทั้งพ่อและแม่ผมนั่งอยู่ด้วยกันทั้งคู่ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ทั้งสองท่านก็ดูจะแปลกใจเหมือนกันที่เห็นผม

“ขอโทษที่เมื่อวานทำตัวแบบนั้นนะครับ”ผมยกมือไหว้ทั้งสองคน แม่หันมายิ้มให้ผมเหมือนรับรู้และไม่ได้ติดใจอะไรอีก แต่พ่อผมนิ่งเงียบไป เหมือนขบคิดบางอย่าง ก่อนจะหันมายิ้มจางๆ ให้กับผม

“อืม ไม่เป็นไร พ่อเองก็คงพูดแรงเกินไปด้วยแหละ”ผมงงนะครับเนี่ย ทำไมดูทั้งพ่อและแม่เข้าใจผมง่ายๆ ขนาดนี้

“ตกลงพ่อกับแม่ไม่โกรธผมแล้วใช่ไหมคครับ”ผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจซึ่งทั้งพ่อและแม่รวมทั้งเจ้ปอก็พยักหน้ารับ ยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู ทำให้ผมตัดสินใจนั่งลงข้างๆ พ่อ

“งั้นไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมขอคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจนเลยได้ไหมครับ ว่าผมไม่มีทางที่จะชอบผู้หญิงได้”ผมตัดสินใจพูดออกไปเพราะอยากให้เรื่องนี้มันสิ้นสุดลงสักที

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พ่อเข้าใจ ที่จริงก็เข้าใจมานานแล้ว เพียงแค่ยังไม่อยากยอมรับ แต่ตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้วสินะ ที่จะต้องยอมรับมันจริงๆ เสียที”ผมหันมองหน้าทุกคนอย่างประหลาดใจ ทำไมอะไรๆ มันลงเอยง่ายๆ แบบนี้ไปได้ละเนี่ย

“ทำไมมันต่างจากเมื่อวานจัง นี่ผมชักงงๆ นะครับเนี่ย”

“ก็เมื่อวานพอเราออกไปพ่อเค้าได้คุยกับว่าที่ลูกเขยคนโปรดนะสิ”เจ้ปอกล่าวถึงแฟนหนุ่มที่เหมือนว่าเมื่อวานแกก็พยายามจะพูดอะไรกับผมแหละ แต่ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะฟัง

“ต๊าฟเค้าเล่าเรื่องน้องชายให้ฟัง ว่าครอบครัวเค้ายอมรับในตัวน้องชายที่ชอบเพศเดียวกันตั้งนานแล้ว เพราะสิ่งที่คนในครอบครัวมีความสุข เราก็ควรให้เค้าได้เจอความสุข ไม่ใช่กีดกันให้เจอความทุกข์ แต่ครอบครัวฝั่งแฟนน้องชายต๊าฟ ก็มีบททดสอบมากมายกว่าจะยอมรับความรักของทั้งคู่ได้”ถ้ารู้ว่าพ่อจะรับฟังว่าที่ลูกเขยคนโตง่ายๆ แบบนี้ผมให้พี่ต๊าฟช่วยพูดนานแล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละผมก็ไม่ได้รู้เรื่องน้องชายพี่ต๊าฟสักเท่าไหร่ เรียกว่ายังไม่เคยเจอด้วยซ้ำ

“พ่อฟังแล้วก็เลยมาลองทบทวนดู ว่าอะไรที่มันเป็นความสุขของลูกชายพ่อก็ควรจะยินดีด้วย จริงไหม”ผมขยับเข้าไปกอดพ่อ นี่สินะที่เค้าบอกว่า ยังไงพ่อกับแม่ก็รักลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง

“ขอบคุณ ขอบคุณครับพ่อ”ผมบอกพร้อมกับน้ำตาที่มันออกมาเพราะความตื้นตัน

“เอ้าจะร้องทำไม หยุดได้แล้ว”พ่อลูบหัวผมอย่างเอ็นดู แล้วทุกคนก็ยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่มีความสุขจริงๆ สำหรับทุกๆ คน ผมว่าผมสัมผัสได้

“แม่เองก็คงไม่ห้ามเรื่องแปงจะมีแฟนอีกแล้วละ”ผมพยักหน้ารับรู้พร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มลง เพราะน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจัง และเปลี่ยนไปของผู้เป็นพ่อ

“แต่พ่อขออีกนิด นิดเดียวจริงๆ”สีหน้าขรึมนั้นทำเอาผมลุ้นแทบแย่ ซึ่งก็ไม่ใช่ผมคนเดียวเพราะแม่ผมเองก็มองพ่อตาขวางไปแล้วเช่นกัน คงกำลังรู้สึกเช่นเดียวกันว่าพ่อจะเป็นฝ่ายห้ามอะไรผมอีกหรือเปล่า

“ไม่ต้องมองแบบนั้น คุณก็แหม ผมไม่ได้จะห้ามลูกมีแฟน ผมก็แค่เป็นห่วง ไม่อยากให้ลูกเราโดนใครมาหลอกเอาได้”ทำไมทุกคนดูจะกังวลเรื่องผมโดนหลอกกันจังเลย นี่ผมดูหลอกง่ายขนาดนั้นหรือไง แต่พอนึกถึงหน้าไอ้เด็กบ้าที่น่าจะเป็นคนเดียวที่เข้าข่ายคนจะมาหลอกผมได้ ผมก็ยิ้มออกมา เพราะผมไม่กลัวเค้าสักนิดเลยครับ

“น้องชายของต๊าฟเนี่ย แฟนเค้าเป็นถึงนักเรียนนอก จบมาก็เปิดธุรกิจของตัวเองสร้างเนื้อสร้างตัวช่วยกันทำมาหากิน แบบนั้นมันถึงทำให้พ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย วางใจให้เค้าคบหากันได้ แพราะงั้นแปงเอง พ่อก็อยากให้เลือกนิดนึงนะลูก จะคบใครก็ต้องหาที่มันเหมาะสมกับเรา พ่อไม่ได้หมายความว่าลูกพ่อต้องไปเลือกคนมีเงิน คนรวยอะไรแบบนั้น แต่พ่ออยากให้เลือกคนที่เราจะฝากผีฝากไข้ได้ เป็นผู้ใหญ่หน่อยก็ดี จะได้ดูแลลูกชายตัวน้อยของพ่อได้”จากที่ตอนแรกผมยิ้มกว้าง ก็ต้องเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆ

“ครับ”ผมเลือกที่จะรับคำโดยไม่ถามอะไรอีก แต่ในใจกำลังนึกถึงอีกคนว่าคุณสมบัติเค้าตรงตามที่พ่อผมวางไว้หรือเปล่า ว่าแต่นี่ผมกับเด็กนั่นก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเสียหน่อย ผมจะรีบพิจารณาคุณสมบัติเค้าตามที่พ่อตั้งไว้ทำไมละเนี่ย



TBC


เอ้าน้องภู่จะผ่านเกณฑ์ไหม

 o13

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุยกับพ่อแล้ว
แปง จะยิ่งคิดมากกกกก ขึ้นอีกล่ะสิ
ก็ภู่ดูไม่เข่าข่ายที่พ่อพูดคุณสมบัติของแฟนแปงเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด