[END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว  (อ่าน 56594 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 26
เพราะคิดถึงจึงมาหา



ผลจากการหยุดงานไปสองวัน ทำให้วันนี้ผมแทบจะไม่มีเวลาหายใจหรือทำอะไรอย่างอื่นเลยไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าการที่หยุดงานแค่ 2 วันแบบนี้งานมันจะสุมมากองจนท่วมหัวได้ขนาดนี้ นี่ทำให้ผมแทบลืมเรื่องที่คั่งค้างในใจ วางทิ้งไว้ข้างหลังก่อนแล้วกันครับ นี่ตั้งแต่เมื่อวานผมค้างที่บ้าน ภู่โทรมาผมก็ไม่ได้รับมาวันนี้ผมก็งานยุ่งจนแทบไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย นี่เค้าคงไม่ได้คิดมากที่ผมไม่รับสายเค้าใช่ไหม

“ฟิต ฟิต”เสียงแซวจากพี่ต้าร์ดังมา นี่สงสัยงานตัวเองเสร็จแล้วสินะ ส่วนงานผมนะเหรอครับจะว่าเหลือเยอะก็เยอะ จะว่าน้อยก็น้อย จริงๆ ก็ต้องส่งภายในพรุ่งนี้นั่นแหละครับ แต่จะให้ดองไว้ทำทีเดียวพรุ่งนี้ก็คงไม่ใช่ ผมทำเป็นไม่สนใจพี่ต้าร์ แต่ทางพี่ต้าร์ก็ดูไม่ได้แคร์ปฏิกิริยาของผม เพราะพี่แกเล่นมานั่งแหมะลงเบียดเก้าอี้ตัวเดียวกับผม

“ทำตัวรุ่มร่ามกะน้อง จะฟ้องพี่กุ้ง”ผมหันไปขู่ แม้ช่วงนี้เราจะสนิทกัน เล่นกันถึงเนื้อถึงตัวได้ ผมเองก็ไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับพี่แกแล้ว แต่ตอนนี้ผมกำลังยุ่งและไม่ว่างที่จะเล่นด้วย

“เดี๋ยวนี้ทำมาเป็นหวงเนื้อหวงตัว ไหนดูสิมีร่องรอยได้เสียกับใครมาหรือเปล่า”ผมรีบเบี่ยงตัวหลบเพราะพี่ต้าร์เล่นจะมาส่องในเสื้อผมเลย แม้จะไม่รู้ว่าตามตัวผมเองจะยังหลงเหลือร่องรอยอะไรไหม แต่ก็ควรกันไว้ก่อนถ้าเกิดยังมีอยู่เนี่ย ผมคงโดนซักฟอกทั้งออฟฟิศเป็นแน่

“ไม่เอาพี่ต้าร์เล่นไรเนี่ย จะทำงาน”มือผมยันพี่ต้าร์ไว้อย่างสุดกำลัง แต่ไอ้พี่ต้าร์นี่ก็ไม่ยอมแพ้ยังจะยื้อเข้าหาตัวผมให้ได้

“มีพิรุธ มีพิรุธ”ตอนนี้เหมือนฝ่ามือเราทั้งคู่ต่างดันหน้าอีกคนอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่นี่ผมใกล้จะเพลี้ยงพล้ำแล้วเพราะสู้แรงควายจากไอ้พี่ต้าร์ไม่ได้ สุดท้ายผมก็โดนไอ้พี่ต้าร์จับล็อคคอจนได้ นี่พอสนิทกันก็ชักเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ นะครับเนี่ย

“พิรุธอะไรเล่า เห็นไหมเนี่ยว่างานสุมหัวอยู่ ถ้าไม่ช่วยก็อย่าเพิ่งกวน”ในเมื่อสู้แรงไม่ได้ผมก็ต้องเก็บอาการทำเป็นนิ่ง เอาเรื่องงานขึ้นมาอ้าง แต่จริงๆ ผมก็ทำงานอยู่แล้ว ทำไมผมไม่พูดเรื่องงานตั้งแต่แรกวะเนี่ยจะได้ไม่ต้องสู้กันให้เมื่อยเปล่าๆ แต่ก็นั่นแหละครับพูดไปไอ้พี่ต้าร์นี่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผมอยู่ดี

“แปง”ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดพ่อพระของผมก็มาโปรด นี่ถ้าพี่ฟ่างมาช้าอีกนิดเดียวผมคงโดนไอ้พี่ต้าร์เลิกเสื้อขึ้นดูจริงๆ เป็นแน่ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกแม้ว่าไอ้พี่ต้าร์จะยังไม่ยอมปล่อยผมก็ตามที

“ครับพี่ฟ่าง”ผมรีบรับคำพี่ฟ่าง พยายามดันตัวพี่ต้าร์ออกแต่ก็ยังไม่เป็นผล แถมยิ่งดิ้นไอ้เชี่ยพี่ต้าร์นี่ก็ยิ่งรัดผมแน่นเข้าไปอีก อย่าให้ผมเจอพี่กุ้งนะ จะฟ้องให้จัดการเสียให้เข็ด

“มีคนมาหาแนะ”ผมนิ่วหน้ากับสิ่งที่พี่ฟ่างพูด เพราะเหมือนแกจะมองมาที่ผมไม่ใช่พี่ต้าร์ แต่ใครจะมาหาผม ที่บ้านผมก็ไม่น่าจะใช่ ข้าวหอมถ้าจะมาก็น่าจะโทรมาหรือบอกผมล่วงหน้า แต่ที่จริงผมก็ยุ่งจนไม่ทันได้ดูโทรศัพท์ด้วยแหละครับ

“มาหาผมเหรอพี่”ผมชี้หน้าตัวเองเพื่อยืนยันอีกครั้งเพราะยังไม่มั่นใจว่าจะมีใครมาหาผม

“อือ พอดีพี่มาจากข้างนอกเห็นรออยู่ข้างล่าง”พี่ฟ่างยืนยันกับผมพร้อมเข้ามาชี้หน้าไอ้พี่ต้าร์ให้ปล่อยผม ผมรีบสลัดพี่ต้าร์ออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พ่อพระอย่างพี่ฟ่างจะแยกตัวไป

“ขอบคุณครับ”ผมรีบบอกตามหลังพี่ฟ่างไป ขอบคุณทั้งเรื่องมาบอกว่ามีคนมาหา และที่สำคัญขอบคุณที่มาช่วยไม่ให้ไอ้พี่ต้าร์นี่จับผิดผม

“นัดใครไว้เนี่ย”พี่ต้าร์ยังจ้องมาที่ผมอย่างจับผิด

“ผมยังไม่รู้เลยว่าใครพี่”ผมส่ายหน้าปฏิเสธเพราะก็ไม่รู้จริงๆ ว่าใครมาหา ตอนนี้รู้แต่ว่าต้องรีบสลัดไอ้พี่ต้าร์ออกให้เร็วที่สุดผมรีบเดินอย่างเร็วเพื่อลงลิฟต์ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังประตูลิฟต์ปิดลง พอประตูลิฟต์เปิดออกสายตาผมก็เริ่มมองหาคนที่ผมน่าจะรู้จักจนสายตาหันไปเจอหนี่งคนที่หันหลังอยู่ หนึ่งคนที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน

“มาได้ไง”ผมเดินเข้าไปสะกิดหลังเค้า เมื่อแน่ใจแล้วว่าเค้าน่าจะคือคนที่มาหาผม

“ลุง”เค้าหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผม แม้จะรู้ดีใจแปลกๆ ที่เค้ามาหา แต่มันก็มีความกังวลนิดๆ เพราะไอ้การเจอเค้าด้วยชุดนักเรียนนอกบ้านครั้งก่อนมันคือการที่ผมต้องไปเป็นผู้ปกครองจำเป็นให้กับเค้า

“ภู่มีอะไร ไม่ได้มีเรื่องที่โรงเรียนอีกใช่ไหม”น้ำเสียงเจือด้วยความกังวลของผมถามออกไปเพราะเป็นห่วง แต่อีกคนกลับหุบยิ้มลง แล้วส่งสายตาเคืองๆ มาให้ผมแทน

“โหลุง ผมจะมาเพราะคิดถึงลุงเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”เค้าเข้ามาประชิดจนผมต้องถอยออก มองซ้ายมองขวากลัวว่าจะมีใครดูเราอยู่ เพราะถึงแม้ที่ทำงานผมจะอยู่ชั้นบน แต่แถวนี้ก็คงไม่เหมาะที่ผมกับเค้าจะใกล้ชิดหรือถึงเนื้อถึงตัวกันสักเท่าไหร่

“พูดอะไรเนี่ย”ผมเดินนำเค้ามาที่มุมนึงที่ผมมองเห็นว่ามีโซฟาว่างอยู่ และน่าจะเหมาะกว่าการที่เรายืนคุยกันอยู่แบบนี้

“ก็ลุงไม่กลับบ้าน”น้ำเสียงตัดพ้อของเค้าทำให้ผมที่เดินนำอยู่ต้องหันกลับไปมองคนที่ทำหน้าหงิกเดินตามผม ไอ้เด็กบ้าเอ้ยมาทำพูดจาเสียงอะไรแบบนี้ที่นี่กันละ คิดมากหรือไงเนี่ย

“ก็พี่ไปค้างที่บ้านพ่อแม่ไง”ผมนั่งลงที่โซฟา ส่วนเค้าก็นั่งลงอีกด้านโดยที่ยังทำหน้างอไม่พอใจผมอยู่ เค้าก็รู้นี่นาว่าผมแค่กลับไปนอนบ้าน ไปเคลียร์ปัญหากับพ่อ ซึ่งเอาจริงๆ จะว่าไปเรื่องพ่อผมก็ยังติดอยู่หน่อยๆ ตรงคุณสมบัติแฟนผมนี่แหละครับ

“โทรมาลุงก็ไม่รับ”เค้ายังคงหน้างอ ตัดพ้อผมอย่างต่อเนื่อง นี่ผมต้องแก้ต่างให้ตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้ทำผิดอะไรหรือเปล่าครับเนี่ย

“หยุดงานไปตั้งสองวัน งานสุมหัวฟูจนไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย”อันนี้ที่จริงส่วนนึงผมก็ยังสับสนด้วยแหละครับ ว่าระหว่างผมกับเค้ามันจะเป็นยังไงต่อ

“ผมนึกว่าลุงจะทิ้งผม”อันนี้ผมว่าเด็กบ้านี่เริ่มแกล้งผมแล้วครับ นั่นไงสายตาเค้าเริ่มวาววับ ไหนจะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก แล้วไอ้ประโยคนี้อีก ทำไมชอบพูดจังว่าผมจะทิ้งเค้า แล้วเรื่องทิ้งนี่เราต้องเป็นอะไรกันก่อนไหมถึงจะทิ้งได้ แต่ระหว่างเราสองคน แม้จะเอ่อ...เกินเลยกันไปบ้างแล้ว แต่เราก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมานิว่ามันคืออะไร ยังไง

“ทิ้งบ้าอะไร พี่ติดงานจริงๆ”ว่าแต่ตกลงทำไมผมต้องมาอธิบายให้เค้าเข้าใจทุกอย่างแบบนี้ด้วยเนี่ย

“งั้นวันนี้ผมรอกลับบ้านด้วย”เดี๋ยวครับเดี๋ยว ถ้าขืนผมปล่อยเค้าไว้นี่แล้วทุกคนในออฟฟิศผมลงมาเจอตอนกลับบ้านนี่ผมไม่อยากจะคิดสภาพสักเท่าไหร่นะครับ พี่ฟ่างที่เจอนั่นคงจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าไอ้พี่ต้าร์กับเจ้โอ๋มาเจอนี่ แค่คิดผมก็สยองแล้วครับ

“วันนี้นัดกับที่บ้านไว้แล้วว่าจะไปค้าง”อันนี้ที่จริงก็ไม่เชิงหรอกนะครับ คือที่บ้านก็อยากให้ผมค้างอีกสักคืนนั่นแหละครับ แต่ผมไม่ได้ตอบตกลงแน่นอน ขอดูก่อนว่าเลิกงานช้าหรือเปล่าถ้างานเสร็จช้าอาจจะไม่เข้าบ้าน แต่ตอนนี้ผมว่าผมกลับไปนอนบ้านอีกสักคืนน่าจะดีกว่า อีกอย่างผมจะได้มีเวลาคิดทบทวนอะไรอีกสักนิด

“หลบหน้าผมปะเนี่ย”เค้ายื่นหน้ามาหรี่ตามองผมอย่างจับผิด แต่รอบนี้ผมจ้องกลับเพราะผมว่าผมก็ไม่ได้ตั้งใจหลบเค้านะ

“ไม่มีอะไรจริงๆ พรุ่งนี้พี่ก็กลับไปปกติแหละ”ผมบอกออกไปตามตรง แต่สีหน้าเค้าดูนิ่งๆ แล้วก็พูดออกมาเสียงจริงจัง

“เรื่องคืนนั้น...”เค้าเว้นวรรคไว้แค่นั้น และผมเองก็ไม่พูดอะไร เราต่างคนต่างเงียบไปทั้งคู่ แม้จริงๆ ผมเองก็อยากจะคุยเรื่องนี้กับเค้าอย่างจริงจัง แต่มันคงยังไม่ใช่คุยที่นี่

“เอาไว้คุยกันอีกทีนะ พี่ยังต้องทำงานต่อ”ผมปฏิเสธเพราะคิดว่าเรื่องนี้เราควรไว้คุยกันในที่ที่มันส่วนตัวมากกว่านี้ พอปฏิเสธที่จะคุยเรื่องนี้ผมก็เตรียมที่จะกลับขึ้นไปทำงานเพราะนี่ก็ยังอยู่ในเวลางานของผมอยู่

“เดี๋ยวสิครับ”เค้าคว้าข้อมือผมยื้อไว้ ไม่ยอมให้ลุก

“คือที่จริงวันนี้ที่ผมมา...”ทำไมวันนี้เค้าชอบพูดค้างแล้วเว้นวรรคหยุดไว้แบบนี้จังเลย ทำเป็นอ้ำๆ อึ้งๆ นี่ดูไม่เป็นตัวเค้าสักเท่าไหร่เลย ปกตินี่พูดอะไรออกมาไม่เห็นจะกระมิดกระเมี้ยนแบบนี้เลยสักนิด

“มีอะไรหรือเปล่า”จะว่าถามตัดรำคาญให้จบๆ ไปก็ได้นะครับ คือถึงจะยังเกร็งๆ กับเค้าอยู่บ้างแต่นี่ผมก็ลงมานานแล้วและงานผมเองก็ยังไม่เสร็จ จะมามัวโอ้เอ้แบบนี้ มันคงไม่ใช่ผลดีกับผมแน่ๆ

“พรุ่งนี้ที่โรงเรียนผมมีงานเปิดโลกกิจกรรม”เค้าบอกก่อนจะเหมือนรอดูปฏิกิริยาของผม แล้วก็เงียบไปพักนึงจนผมเองที่รอไม่ไหว ถามออกไปด้วยความสงสัย

“แล้ว???”คิ้วผมเลิกขึ้นด้วยความสงสัย เพราะไม่เข้าใจว่าการที่โรงเรียนเค้ามีงานเปิดโลกกิจกรรมเนี่ย มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย

“ก็เค้าเปิดให้ผู้ปกครองเข้าไปดูด้วยไง”เค้าทำหน้าเซ็งๆ ใส่ผม แล้วนี่จะมาทำเซ็งใส่ผมทำไมละเนี่ยไอ้เด็กบ้านิ

“พี่ต้องไปด้วย?”ผมชี้ที่ตัวเอง เป็นการย้ำแม้จะเริ่มรู้แล้วว่าเค้าคงมาบอกให้ผมไปร่วมงานด้วยนั่นแหละ แต่อยากแกล้งเค้าอีกสักหน่อย

“ก็ใช่สิครับลุง ไปดูผมเล่นดนตรีไง”เค้าบอกอย่างภูมิอกภูมิใจ จนผมชักจะหมั่นไส้ขึ้นมาอีกแล้ว

“ให้เล่นให้ดูที่บ้านไม่เล่น ต้องตามไปดูถึงโรงเรียนอีก”ผมแกล้งทำเป็นบ่น แต่จริงๆ ก็อยากเห็นเค้าเล่นเหมือนกันแหละครับ ลีลามาตั้งนาน

“มันก็ต้องเปิดตัวให้ยิ่งใหญ่หน่อยสิครับ”

“สรุปที่มาหานี่คือจะมาชวนให้ไปดูเล่นดนตรีว่างั้น”เอาจริงๆ ทีแรกผมก็นึกว่าเค้าจะอยากมาคุยกับผมเพราะเรื่องคืนนั้นเฉยๆ นะครับ แต่ก็อย่างที่บอกว่าเรื่องนั้นผมยังไม่พร้อมจะคุยที่นี่ แล้วยิ่งมาเจอพ่อพูดกับผมแบบนั้นอีก พอมองคนตรงหน้านี่ดีๆ อีกครั้ง มันไม่น่าจะมีตรงไหนให้พ่อผมยอมรับเลยนะเนี่ย

“แล้วลุงจะไปเปล่า”เค้าถามย้ำเมื่อเห็นว่าผมยังไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ

“ดูก่อนได้ไหม”

“ไปเถอะครับ อยากให้พี่ได้ดูผมเล่น”ผมอมยิ้มกับท่าทีคะยั้นคะยอของเค้า

“ขนาดนั้นเชียว”

“ผมมีเซอร์ไพรส์ให้ลุงด้วย”สุดท้ายผมก็รับปากเค้าจนได้แหละครับ แต่ไอ้ที่บอกว่ามีเซอร์ไพรส์อะไรให้ผมนี่คงไม่ใช่ให้ผมได้อายคนในงานหรอกนะ เราจบบทสนทนากันแค่นั้นเพราะผมต้องกลับขึ้นไปทำงานต่อ ส่วนเค้าก็ต้องกลับบ้านไป

“ลุง”เค้าเรียกผมอีกครั้งในขณะที่เรากำลังจะแยกกัน ผมหยุดรอฟังว่าเค้าจะพูดอะไรกับผม มองใบหน้าที่ยิ้มกวนๆ ของเค้า เห็นแล้วก็รู้ว่านี่จะแกล้งพูดอะไรกับผมอีกหรือเปล่า

“รีบกลับบ้านเรานะครับ ผมคิดถึง”เจ้าของรอยยิ้มหมุนตัวเดินออกไปแล้ว แต่ผมเพิ่งจะค่อยๆ ยกยิ้มมุมปากตามหลังเค้ากับคำว่า “บ้านเรา”




TBC

สต็อคหมดแล้ว

จากนี้อาจไม่ได้ลงทุกวันแล้วนะฮ่ะ

 :z3:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
"บ้านเรา" คำนี้มันดูอบอุ่นจริงๆ :-[

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แอ่ะ......บ้านเรา ของเรา ......รออยู่

คนอ่าน ก็รอ รอ....ไรท์อยู่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่ารักดี  ตามอ่านด้วยคน

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แก้มจิปริ..เง้ออออ...รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 27
ขอคำตอบ




ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองอย่างร้อนรน เพราะนี่ก็จะเที่ยงแล้ว งานก็ยังไม่เสร็จแบบนี้ผมจะไปทันไหมเนี่ย แล้วไอ้เด็กบ้านั่นก็ส่งข้อความมากดดันผมจัง ก็บอกแล้วว่าผมจะไปช่วงบ่าย ยิ่งมาเร่งผมแบบนี้ผมยิ่งไม่มีสมาธิในการทำงาน แล้วงานเลยยิ่งจะเสร็จช้าเข้าไปอีก ผมรีบมาตั้งสมาธิกับงานตรงหน้าต่อ

“น้องแปงเที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน แล้วนี่ไอ้ต้าร์กับน้องฟ่างไปไหน”เที่ยงแล้วสินะเนี่ย ผมต้องเร่งมือกับงานให้เร็วขึ้นอีกเสียแล้ว

“พี่ฟ่างกะพี่ต้าร์ไปพรีเซนต์งานให้ลูกค้าดูครับ”ผมตอบโดยไม่หันไปมองเจ้โอ๋

“อ๋อ ป่ะๆ วางมือไปกินข้าวกัน”เจ้โอ๋เดินเข้ามาตีมือผมเบาๆ จนผมต้องหันมามอง

“คือพี่โอ๋ไปก่อนเลยครับ พอดีบ่ายนี้ผมลาต้องเคลียร์งานต่ออีกนิด”ผมก็ลืมไปว่าเรื่องลางานยังไม่ได้บอกเจ้โอ๋ แถมนี่พี่ฟ่างพี่ต้าร์ก็ไม่อยู่ด้วยสิเนี่ย

“ไปไหนอ่ะ”ผมมองหน้าเจ้โอ๋อย่างไม่รู้จะตอบเจ้แกว่ายังไง เพราะไอ้เหตุผลว่าลางานไปดูเด็กบ้านั่นเล่นดนตรีก็อาจจะฟังดูไร้สาระไป แถมถ้าบอกไปเจ้โอ๋อาจซักผมต่อแน่ๆ ว่าทำไมผมต้องไป ผมเลยกลายเป็นอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ได้ตอบอะไรออกไป

“มองขนาดนี้บอกเจ้เลยก็ได้นะว่าอย่าเผือก”เอ้าเจ้แกก็ดันตีความไปนั่นอีก แต่ดูเจ้แกก็กัดตัวเองขำๆ คงไม่ได้คิดจริงจังอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมว่าเจ้มาขนาดนี้ ผมบอกไปตรงๆ เลยแล้วกันครับ

“เปล่าๆ ผมไม่กล้าว่าเจ้หรอกครับ ผมลาไปงานโรงเรียนของน้องชายนะครับ”บอกแค่นี้คงไม่น่ามีอะไรให้เจ้แกอยากเผือกต่อแล้วมั้งครับ

“โอเคๆ เจ้ไปกินข้าวก่อนละกัน”นั่นไง ผมแอบลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าเจ้แกไม่ซักไซร้อะไรผมอีก

“เดี๋ยวก่อน น้องแปงมีน้องชายด้วยเหรอ”เจ้โอ๋ก็ยังเป็นเจ้โอ๋ครับ ขนาดว่าหันหลังไปแล้วยังพุ่งกลับมาถามผมอีก เล่นเอาผมตกอกตกใจหมด เชื่อเจ้แกเลยครับ

“อุ่ยเจ้ว่าเจ้เผือกเกินไปอีกแล้ว เจ้ไปดีกว่าเนอะ”ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรเจ้โอ๋ก็เหมือนจะเบรคตัวเองเสียก่อน แกยิ้มแก้เก้อให้ผมก่อนจะออกไปจริงๆ ส่วนผมก็ปั่นงานต่อ จนในที่สุดก็เสร็จเสียที ผมมองนาฬิกาอีกครั้งเหลืออีก 15 นาทีจะบ่ายโมง

“วงผมเริ่มเล่นบ่ายโมงนะลุง ถ้ามาไม่ทันผมโกรธลุงจริงๆ ด้วย”ข้อความสุดท้ายที่เด็กบ้านั่นส่งมา ทำให้ผมต้องรีบดีดตัวเองออกอย่างเร็ว แล้วก็เรียกว่าแทบจะวิ่งไปที่จอดรถเลยทีเดียว โชคดีที่ช่วงนี้รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ แต่กว่าผมจะมาถึงโรงเรียนก็ปาเข้าไปเที่ยง 15 นาทีแล้ว ผมรีบหาที่จอดรถ แล้วเดินตามเสียงเพลงที่ได้ยิน จนในที่สุดผมก็เดินมาถึงหอประชุมที่มีการจัดงาน นี่ก็บ่ายโมงครึ่งเข้าไปแล้ว นี่ปกติ วงดนตรีในโรงเรียนแบบนี้เค้าเล่นกี่เพลงกันละครับเนี่ย

ไอ้ผมก็ผ่านวัยมัธยมมาหลายปีแล้วด้วยนี่สิ แต่ไม่เป็นไรยังไงเสียผมก็มาทันแหละน่า นั่นไงผมเห็นเค้าแล้ว ไอ้เด็กบ้าของผม เอ๊ะ “ของผม” งั้นเหรอ ไม่ใช่ละนี่ผมคงบ้าไปเองแล้วเนี่ย ผมหันมองรอบๆ ดูหน้าเวทีก็มีแต่นักเรียนหญิงที่เกาะขอบเวที เห็นแล้วก็นึกถึงสมัยตัวเองเรียนบ้างเหมือนกันนะครับ ว่าแต่นี่ผมแก่ขนาดต้องนึกถึงความหลังแล้วเหรอเนี่ย นี่วันนี้ผมคงโดนเด็กๆ เหมารวมว่าเป็นพ่อของใครสักคนในโรงเรียนนี้ไปแล้วแน่ๆ

ผมหยุดความคิดไร้สาระของตัวเอง โฟกัสสายตาไปยังอีกคนที่จับๆ หมุนๆ กีต้าร์อยู่ จะว่าไปเค้าก็ดูเท่ห์ไม่เบาเหมือนกันนะครับ เวลายืนอยู่บนเวทีนั่น ผมส่งยิ้มบางๆ ให้เค้าเมื่อเห็นว่าเค้าหันมาเจอผมแล้ว ผมยกมือขึ้นโบกเบาๆ แม้จะอยู่ไกลหน่อย แต่ผมว่าตอนนี้ผมเห็นสายตาเคืองๆ ของเค้าส่งมานะ

“ลุง มา ช้า”ผมว่าผมอ่านปากเค้าไม่ผิดนะ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย ยังจะมาทำท่างอนผมอีก นี่ผมก็มาแล้วไง เค้าชี้ตรงมาที่ผมก่อนจะทำท่าปาดคอ นี่ขู่กันเหรอ แต่ตอนนี้ไอ้คำขู่เค้านั่นไม่เท่าไหร่หรอกครับ ไอ้ที่สำคัญตอนนี้น่าจะแฟนคลับสาวๆ หน้าเวทีของเค้ามากกว่าที่ต่างพากันหันกลับมามองว่าพี่ภู่ของพวกเธอชี้มาที่ใคร ผมก็ได้แค่ทำไม่รู้ไม่ชี้

“แล้วก็มาถึงเพลงสุดท้ายของพวกเราแล้วนะครับ และเพลงนี้พิเศษตรงที่ มือกีต้าร์ของเราจะเป็นคนร้องครับ เอ้าขอเสียงกรี๊ดดังๆ ให้มือกีต้าร์สุดหล่อของเราหน่อยครับ”เสียงกรี๊ดพร้อมเรียกชื่อของเค้าดังจนแทบจะแสบแก้วหูครับ แต่ภายใต้เสียงกรี๊ดนั่นคำพูดที่เค้าบอกกับผมเมื่อวาน กลับดังก้องขึ้นมาในหัวของผม

“ผมมีเซอร์ไพรส์ให้ลุงด้วย”

หรือนี่จะเป็นเพลงที่เค้าจะร้องเซอร์ไพรส์ผม ไม่หรอกมั้ง ผมคงไม่ได้สำคัญอะไรกับเค้าขนาดนั้นมั้งแต่ทำไมสายตาของเค้าที่กำลังเดินไปกลางเวทีนั่นมันมองตรงมาที่ผมละเนี่ย

“ผมอาจจะร้องไม่เพราะ เพลงอาจจะไม่คุ้นหู แต่ผมก็อยากมอบเพลงๆ นี้ให้ใครคนนึงครับ”ก็ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองสักเท่าไหร่หรอกนะครับ แต่ไอ้ที่เค้าบอกให้ผมมา แล้วก็สายตาที่จ้องมาทางผมตอนนี้มันก็ทำให้ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ครับ แถมตอนนี้ผมแทบจะทำตัวไม่ถูกแล้วครับ มันเขินๆ ยังไงบอกไม่ถูก นี่ถ้าเค้าหมายถึงผมจริงๆ ก็หวังว่าคงไม่มีใครรู้นะครับว่าผมคือคนนั้น เพราะผมคงต้องแทรกแผ่นดินหนีด้วยความอายเป็นแน่

“พี่ภู่จะร้องให้หนูใช่ไหมคะ”เสียงนักเรียนหญิงคนนึงตะโกนออกมา เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาคนที่อยู่รอบๆ ได้เป็นอย่างดี เค้าหันไปส่งยิ้มให้กลุ่มนั้น ก่อนที่มือกลองจะเคาะจังหวะเป็นการเริ่ม

“แล้วในแผ่นนี้ พี่ชอบเพลงไหนมากที่สุด”คำพูดที่เค้าเคยถามผมผุดขึ้นมาในหัวผมทันทีที่เสียงดนตรีเริ่ม ผมแทบไม่ต้องเดาเลยว่ามันคือเพลงอะไร

“ไอ้เด็กบ้าเอ้ย”นี่ขนาดเค้าไม่ได้อยู่ใกล้ๆ แต่ผมก็ยังต้องหลุดปากต่อว่าเค้าเพื่อเป็นการแก้อาการเขินของตัวเอง

Isn’t it funny
How times seems to slip away so fast
One minute you’re happy the other you’re sad
But if you give me one more chance to show my love for you is true
I’ll stand by your side your whole life through

แม้เสียงร้องของเค้าจะไม่ได้เพราะอะไรมากมาย แต่ผมกลับรู้สึกว่าเพลงมันเพราะเสียเหลือเกิน นี่ผมคงบ้าไปแล้ว แต่ไอ้คนที่กำลังร้องเพลงอยู่นั่นคงบ้ายิ่งกว่า เพราะไม่รู้ว่าเค้าเข้าใจความหมายของเพลงนี้จริงๆ หรือเปล่า หรือเลือกเพลงนี้มาเพียงเพราะแค่รู้ว่าผมชอบ แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็ชอบนะ ที่เค้าร้องเพลงนี้ให้ผมเพราะนี่มันคงเป็นครั้งแรกที่มีใครทำอะไรแบบนี้ให้ผม แม้อาจจะดูเด็กๆ ไปบ้าง แต่คนวัยเบญจเพสแบบผมที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแล้วครับ

If life is so short
Why won’t you let me love you
Before we run out of time
If love is so string
Why won’t you take the chance
Before our time has come
If life is so short
If life is so short

เค้าจะรู้หรือเปล่าว่าเพลงนี้มันเพลงสารภาพรัก แทบจะเหมือนการขอเป็นแฟนด้วยซ้ำ รู้หรือเปล่าว่าคนแก่อย่างผมกำลังคิดเข้าข้างตัวเอง กำลังจะลืมเหตุผล หรืออะไรต่างๆ ที่ผมเคยตั้งกำแพงเอาไว้ในใจ

Love is a word that explains how I feel for you

ตอนนี้ผมคงยิ้มแก้มแทบแตกแล้ว นี่หรือเปล่านะที่เค้าเรียกกันว่า puppy love ถึงเข้าจะเอาไว้ใช้กับความรักวัยแรกรุ่น แต่สำหรับผมที่เพิ่งจะเคยได้สัมผัสความรู้สึกนี้ก็คงใช้คำนี้ได้แหละน่า ผมยืนมองคนบนเวทีต่อจนเสียงร้องจบลง ตามมาด้วยเสียงกรี๊ด ดอกไม้และอะไรอีกมากมายถูกยื่นขึ้นไปให้กับเค้า

ผมมองภาพที่กำลังเกิดขึ้นก่อนรอยยิ้มของผมจะค่อยๆ หุบลง บางทีความหมายในเพลงเมื่อสักครู่มันอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกของเค้าก็ได้ ดูๆ แล้วเค้าเองมีตัวเลือกตั้งมากมาย แล้วมันจะเป็นไปได้เหรอที่เค้าจะมารู้สึกอะไรกับผมจริงๆ ถึงเราจะเกินเลยทางกายไปแล้วก็เหอะ แต่นั่นมันอาจจะเกิดขึ้นเพียงเพราะความเมาและอารมณ์ที่พาไปของเราทั้งคู่

“รอ กลับ บ้าน ด้วย”ผมพยักหน้าให้เค้าที่ทำปากให้ผมเห็น แต่ผมก็ค่อยๆ หันหลังกลับจะเดินไปที่รถเพราะไม่ค่อยอยากเห็นภาพที่กำลังจะเกิดต่อจากนี้ หลังจากที่เค้าและเพื่อนๆ ลงจากเวที คงมีนักเรียนหญิงอีกหลายคนที่มีของขวัญอะไรมอบให้เค้า ขอถ่ายรูปกับเค้า ส่วนผมก็คงแค่ผู้ปกครองจำเป็นของเค้าที่มารอรับกลับบ้านสินะ ผมกลับมานั่งรอที่รถ คาดว่าพอเค้าเสร็จธุระก็คงโทรหาผมเอง

“อยู่ไหนคร๊าบบบ”ผมรออยู่พักใหญ่ สายจากเค้าก็มา

“เอ่อ...”ผมมองไปรอบๆ เพื่อบอกว่าผมอยู่แถวไหนของโรงเรียนเค้า รอไม่นานนักก็เห็นเค้าและเพื่อนหอบของพะรุงพะรังตรงมาที่ผม

“พี่แปงสวัสดีครับ”ผมรับไหว้น้องสอกับน้องยิว เพื่อนของเค้าที่ผมเคยเจอมาหลายครั้งแล้ว ทั้งคู่แค่ช่วยหอบของมาส่งเพราะดูเหมือนว่าอีกคนจะเสน่ห์แรงแฟนคลับเยอะ ได้ของมาเพียบเสียจนขนเองไม่หมด

“ขอบใจมากพวกมึงไว้เจอกัน”เค้าบอกลาเพื่อนก่อนจะหันมาหาผม

“วันนี้ผมเท่ห์ป่ะลุง”เค้ายิ้มกว้างถามผมอย่างน่าหมั่นไส้ ที่จริงผมก็หมั่นไส้ไปแล้วแหละครับ

“แฟนคลับเยอะขนาดนี้คงไม่ต้องถามแล้วมั้ง”น้ำเสียงผมคงจะปิดความหมั่นไส้ไว้ไม่อยู่แล้วละครับ ยิ่งเห็นของที่เค้าหอบมานี่ ผมยิ่งหงุดหงิด ผมเบือนหน้าไม่สนใจเปิดประตูขึ้นนั่งประจำที่คนขับ เค้าเองก็อ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่ง

“ลุงเป็นไรเนี่ย หึงเหรอ”เค้ายื่นหน้าเข้ามาหาผม แต่ผมยังคงมองตรงไปข้างหน้าแม้จะยังไม่ออกรถ ไม่อยากเห็นหน้าระรื่นของเค้าครับ หมั่นไส้ แล้วนี่มาหาว่าผมหึงอะไรอีกเนี่ย มันใช่ที่ไหนกันละ

“บ้าไม่ใช่สักหน่อย”

“งั้นทำไมหน้าบูด มาช้าแล้วยังมาทำหน้าบูดแบบนี้อีก เดี๋ยวไม่น่ารักนะลุง”พอได้ยินเค้าพูดแบบนั้นผมก็ค่อยลดอาการดึงหน้าตัวเองลง ไม่ใช่ว่ากลัวไม่น่ารักอย่างที่เค้าว่าหรอกนะครับ ผมแค่เมื่อยหน้าอยากเปลี่ยนอิริยาบทแค่นั้นเอง

“ไม่น่ารักก็ไม่ต้องรักสิ คนน่ารักๆ ที่นี่ก็มีเยอะแยะแล้วนิ”ไม่รู้อะไรมาดลใจให้ผมพูดประชดออกไปแบบนั้น

“ไม่เอาสิครับลุง เป็นอะไรครับเนี่ย”เค้าเอื้อมมือมาแตะที่ไหล่ของผม พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ผมก็ยังคงนิ่ง เพราะไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ากำลังเป็นอะไร ความรู้สึกกงุดหงิด ว้าวุ่นในใจที่มีอยู่ตอนนี้มันเกิดจากอะไรกัน

“ผมอุตส่าห์ เลือกเพลงมาเซอร์ไพรส์ลุงเลยนา ชอบเปล่า”แม้เค้าจะพยายามพูดดีๆ กับผม แต่ผมก็ยังคงนิ่งเช่นเดิม

“เลือกเพลงมานี่รู้ความหมายมันหรือเปล่า”นี่ก็อาจเป็นส่วนนึงที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมหงุดหงิดอยู่นี่ด้วยก็ได้ ก็เท่าที่รู้สกิลภาษาอังกฤษของเค้าก็ยังไม่ได้เก่งมาก แม้เพลงนี้เนื้อหามันจะไม่ได้ยากอะไรก็เถอะ ผมก็ยังกังวล กังวลว่าเค้าจะแค่ฝึกเพลงนี้มาเพียงเพราะผมเคยบอกว่าชอบแค่นั้น มันไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรสำหรับเค้า

“รู้สิครับ แล้วนี่ผมก็รอคำตอบจากลุงอยู่นะครับ”ผมหันควับไปมองเค้าแทบจะทันที ทั้งต้องการจับผิดว่าเค้าไม่ได้โกหกว่ารู้ความหมาย และสงสัยด้วยว่าเค้ารอคำตอบอะไรจากผม

“คำตอบอะไร”ผมถามออกไปตามที่สงสัย

“เอ้าก็ในเพลงนั่นก็ถามแล้วนิ ว่าลุงจะให้โอกาสผมรักลุงหรือเปล่า”ผมจ้องมองให้ลึกลงไปในแววตาของเค้า ว่าสิ่งที่เค้าพูดออกมามันจริงจังแค่ไหน คำว่า “รัก” ที่เค้าพูดออกมามันหมายความว่ายังไง คำที่ผมเองยังไม่เคยสัมผัส และเข้าใจ

“รักเหรอ”ผมทวนคำที่ข้องใจ

“ใช่ไง ลุงอย่ามาทำไก๋ ลุงก็รู้ความหมายเพลงนิ อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ ผมก็เขินเป็นนะ”หน้าอย่างนี่เหรอเขินเป็นด้วยเหรอ เห็นพูดออกมาไม่ได้มีส่วนไหนที่ดูว่าเค้าเขินเลยสักนิด ทำเป็นมาพูด ผมนี่สิต้องเขิน นี่เค้าชอบผมจริงๆ งั้นเหรอ

“ตกลงว่าไงลุงจะเป็นแฟนกับผมเปล่า”อะไรนี่ผมมีคนมาขอเป็นแฟนงั้นเหรอ แถมขอได้ไม่มีความโรแมนติกสักนิดแถมหน้าตาคนถามนี่ดูจะบังคับผมมากกว่าขอคำตอบนะเนี่ย

“ไม่รู้ มาถามอะไรตอนนี้เล่า”ผมบอกปัด เพราะกำลังอึ้งปนงงกับสิ่งที่เค้าถาม เล่นมาถามอะไรไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ สมองผมจะไปคิดทันได้ยังไงกันละ

“อ้าวลุง นี่ได้ผมแล้วจะไม่รับผิดชอบผมเหรอ”



TBC

รู้สึกหมั่นไส้คู่นี้ละ  :z2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
อ๊ากกก เขิลลแทนลุง น้องภู่น่าร้ากกก  :o8:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 28
แฟนเด็ก





“ชอบพี่จริงๆ เหรอ”หลังจากที่ผมบ่ายเบี่ยงการตอบเรื่องเป็นแฟนกับเค้ามาตลอดทางที่กลับมาบ้าน ตอนนี้เค้าก็ดูจะไม่ยอมไปไหนถ้าผมไม่ให้คำตอบที่เค้าพอใจ แถมข้าวของที่บรรดาแฟนคลับเค้าให้มาก็ยังหอบมากองไว้ที่บ้านผมด้วย บอกให้เอาของไปเก็บก่อนก็ไม่ยอม

“ลุงครับ ผมขอเป็นแฟนขนาดนี้แล้ว ถ้าผมไม่ชอบ ผมจะขอทำไมละครับ เป็นแฟนภู่วันนี้แถมฟรีคนดูแลตอนแก่นะครับ”ก็ดูพูดจากวนประสาทแบบนี้ คิดว่าผมควรเชื่อคำพูดเค้าไหมละครับ

“ก็พูดเล่นเป็นเด็กๆ แบบนี้ใครจะไปเชื่อกันเล่า”ผมพึมพำเบาๆ แต่ก็น่าจะดังพอให้เค้าได้ยิน ภู่ขยับมานั่งชิดกับผมที่โซฟา มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูผม

“งั้นถ้าพี่แปงไม่ชอบอะไรแบบเด็กๆ เรามาพิสูจน์กันแบบผู้ใหญ่ดูไหมครับ”พูดจบก็งับเข้าที่ติ่งหูผมด้วย จนผมต้องรีบยันตัวเค้าออกเพราะเพิ่งจะเข้าใจว่าไอ้ที่ทำแบบผู้ใหญ่ของเค้าเนี่ยมันคืออะไร เด็กบ้าเอ้ยนี่มันใช่เวลามาทำอะไรแบบนี้ไหม

“ทะลึ่ง”ผมรีบขยับถอยห่างออกจากเค้าจนชิดขอบโซฟา แต่อีกคนก็ยังขยับตามมา

“ทะลึ่งอะไร ก็ลุงอยากได้แบบผู้ใหญ่เอง ผู้ใหญ่ก็ต้องคุยกันตัวตต่อตัว เสื้อผ้าไม่ต้องไงครับ”แล้วนี่พูดเฉยๆ ไม่ได้หรือไง ไหนจะสายตาหื่นๆ นี่อีกแถมผมเองดันเผลอคิดถึงไอ้ตอนเราไม่มีเสื้อผ้าพร้อมกันด้วยนี่สิ ผมไม่ได้ทะลึ่งนะครับแค่ภาพมันวิ่งเข้ามาในหัวเอง

“เลิกเล่นก่อนได้ไหม เอาแต่เล่นแบบนี้จะให้พี่เชื่อได้ยังไงว่าไม่ได้จะมาแกล้งพี่เล่นเฉยๆ”ผมเบี่ยงหน้าหลบเค้า ที่ยื่นหน้ามาจนจะชิดกับหน้าผมอยู่แล้ว

“โหลุง ขนาดนี้แล้วนี่ยังคิดว่าผมแกล้งอีกเหรอ”แล้วไอ้ที่ทำอยู่นี่มันไม่ใช่การแกล้งรึไงเล่า ผมได้แต่ฟึดฟัดกับตัวเองในใจ

“ก็ภู่เคยบอกเองนิ ว่าแค่อยากแกล้งพี่”ผมยังคงหลบตาบอกเค้าเสียงเบา ก็เท่าที่จำได้เค้าเคยบอกกับผมแบบนั้นนี่นา เค้านิ่งไปนิดนึงก่อนใบหน้าผมจะค่อยๆ หันตามแรงของมือเค้าที่มาประคองใบหน้าผม เค้าสบตาผมนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาโดยที่มือก็ยังประคองใบหน้าผมอยู่

“ที่จริงตอนแรกผมก็แค่อยากแกล้งพี่นั่นแหละครับ แต่พอนานๆ เข้าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหนที่มันเกิดความรู้สึกมากกว่านั้น รู้ตัวอีกที พี่ก็เหมือนเป็นคนเดียวที่ไม่ทิ้งผมไปไหน การได้ทานข้าวด้วยกันทุกเช้า ทุกเย็นมันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากๆ เลยนะครับ”ผมรับฟังเค้าเงียบๆ พร้อมคิดตามรู้สึกตอนนี้เราอยู่ใกล้กันจนผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว ใจผมก็เต้นแรงจนจะหลุดออกมาแล้วครับเนี่ย

“แล้วสุดท้ายผมก็เผลอจูบพี่ ตอนนั้นขอโทษนะครับที่เมินพี่ แต่ตอนนั้นผมกำลังงงกับตัวเองว่าจริงๆ ผมรู้สึกยังไงกับพี่กันแน่ ทั้งที่ตอนนั้นทำอะไรผมก็นึกถึงพี่ตลอดอยู่แล้วแท้ๆ ก็ไม่รู้ทำไมยังต้องคิดอะไรอีก แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าพี่อ่ะต้องชอบผม”เดี๋ยวนะครับ ทำไมลงท้ายประโยคมันแปลกๆ กันละครับเนี่ย แถมท่าทางมั่นอกมั่นใจนี่อีก รอยยิ้มกว้างที่อยู่ตรงหน้าทำเอาผมต้องเหลือกตามองบนอย่างหมั่นไส้

“ไม่รู้ละพี่ยังติดรางวัลผมอยู่ 1 อย่าง”เค้าบอกอย่างอารมณ์ดีตามด้วยการดึงแก้มของผมด้วยท่าทางหมั่นเขี้ยว

“รางวัลอะไร”ผมปัดมือเค้าออกลูกแก้มตัวเอง พร้อมถามเค้าอย่างไม่เข้าใจว่าผมไปติดค้างอะไรเค้าไว้ตอนไหน

“ก็ถ้าคะแนนภาษาอังกฤษผมดีขึ้น พี่สัญญาว่าจะให้รางวัลผมไง”รางวัลนี่เองเหรอ แล้วนี่คะแนนเค้าขึ้นจริงๆ แล้วเหรอไม่เห็นเคยบอกผมเลยว่าคะแนนเป็นไงบ้าง ว่าแต่แล้วไอ้ผมติดให้รางวัลเค้าไว้นี่ มันเกี่ยวอะไรกับสถานการณ์ตอนนี้ละครับเนี่ย

“แล้ว...มันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง”ผมถามตาใส นี่เริ่มรู้สึกว่าทั้งที่ผมอายุมากกว่าเค้า แต่ทำไมดูกลายเป็นผมที่โดนเค้าดึงให้คล้อยตามตลอด ทั้งที่ผมควรเป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะกว่าเค้า แต่เอาจริงๆ ถึงผมจะเกิดก่อนเค้าเกือบ 10 ปีแต่ดูเค้าก็ได้เจออะไรมาเยอะกว่าผมนั่นแหละครับ

“ลุงนี่มันลุงจริงๆ เลย ก็แค่ผมขอใช้สิทธิ์จากรางวัลนั้นให้ลุงตกลงเป็นแฟนกับผมไง”จมูกผมถูกเค้าบีบเหมือนเวลาผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก ผมหันหน้าหลบอย่างเคืองๆ และกำลังจะหันหลังลุกเดินหนีเค้า

“แบบนี้ก็ได้เหรอ”ผมบ่นอย่างไม่อยากจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อตัวผมถูกเค้าดึงเข้าหาจนกลายเป็นว่าผมขึ้นมาอยู่บนตักของเค้า กลายเป็นว่าเค้าซ้อนอยู่ด้านหลังของผม

“ได้สิครับ ตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วนะ”เค้ากอดกระชับผมแน่น เอาคางเกยมาที่ไหล่ของผม เล่นเอาผมไปไม่เป็นอีกแล้ว นี่ผมต้องเป็นแฟนกับเด็กนี่จริงๆ เหรอครับเนี่ย แม้จะรู้สึกแปลกๆ และตั้งตัวไม่ค่อยทันไปบ้าง แต่ผมก็ลอบยิ้มออกมาอย่างอายๆ และพยายามเบี่ยงหน้าไม่ให้คนที่อยู่ด้านหลังเห็นสีหน้าของผม

“ดีใจจังที่ได้เป็นแฟนคนแรกของลุง แล้วก็จะเป็นแฟนคนเดียว แฟนคนสุดท้ายของลุงด้วย”เค้าบอกอย่างเอาแต่ใจ แต่เป็นความเอาแต่ใจที่ผมรู้สึกหัวใจพองโตจนซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ แถมคนที่กอดอยู่นี่ก็กดจมูกลงมาที่แก้มของผมอย่างถือวิสาสะด้วย

“พี่ยังไม่ได้ตอบตกลงเสียหน่อย”ผมไม่ได้เล่นตัวนะครับ ผมแค่กำลังเขินอยู่ เลยบอกออกไปแบบนั้น

“ถ้าไม่ตกลงผมก็จะกอดลุงอยู่แบบนี้แหละ”เด็กบ้าเอาแต่ใจเอ้ย นี่เหรอแฟนคนแรกของผม อยู่มาจนอายุขนาดนี้แล้วก็ไม่คาดคิดว่าบทจะมีมันก็มีง่ายๆ แบบนี้เลย

“อือ”ผมบอกเบาๆ ในลำคอและพยายามไม่ขยับหรือดิ้นมากเพราะยิ่งผมดิ้น เค้ายิ่งกอดผมแน่นขึ้น แล้วหน้าเค้าก็ยิ่งซุกเข้ามาทั้งแก้มทั้งซอกคอผม

“อืออะไรครับ บอกชัดๆ สิครับผมอยากได้ยิน”ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดคอผมจนรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด

“ปล่อยก่อนสิ”ผมต่อรองเพราะจะให้ผมเขินอยู่คนเดียวแบบนี้ก็ดูจะเสียเปรียบมากไป อีกอย่างผมเริ่มรู้สึกว่ามือของเค้าชักจะอยู่ไม่สุขแล้วมันยุกยิกๆ แทบจะล้วงเข้าไปใต้เสื้อผมอยู่แล้ว เหมือนจะได้ผลอ้อมกอดเค้าค่อยๆ คลายออกผมกำลังกะว่าจะรีบวิ่งหนีเข้าห้องนอนไปตั้งหลักเสียหน่อย แต่ผมคงประเมินเค้าต่ำไป

“นี่คิดจะหนีเหรอครับลุง”แค่พอผมลุกเค้าก็ยืนตามอย่างรวดเร็ว คว้าข้อมือผมดึงเข้าหาตัวเค้า กลายเป็นว่าเรายืนเผชิญหน้ากันอย่างใกล้ชิด ชิดขนาดที่ว่าจมูกแตะกันไปแล้ว

“ก็เออ ออไปแล้วขนาดนั้น พี่ปฏิเสธอะไรได้ละ”ผมบ่นอย่างหมั่นไส้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนคนตรงหน้านี่จะชอบใจในคำตอบของผม เพราะเห็นยิ้มกว้างเชียว แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหาริมฝีบากผมที่หมดทางหนีแล้ว มาถึงขนาดนี้แล้วผมก็คงไม่มีสิทธิ์ขัดขืนแล้วสินะ ลิ้นอุ่นๆ ของเค้ากำลังพยายามดันให้ผมเปิดปาก แล้วผมก็ถูกเค้าชักนำอีกจนได้ ความหวาบหวามที่เกิดขึ้นทำเอาผมต้องเกาะตัวเค้า เพราะเหมือนเรี่ยวแรงผมจะหายไปจนยืนไม่อยู่ ลิ้นของเค้าก็ยังคงกวาดไปจนทั่วโพรงปากของผม

“อืม”ผมส่งเสียงครางออกมา เมื่อเค้าถอนริมฝีปากออกไปอย่างอ้อยอิ่ง

“บอกผมหน่อยสิครับว่าพี่ชอบผมหรือเปล่า”แล้วทำไมต้องมาส่งสายตาอ้อนๆ ใส่ผมแบบนี้ด้วย โอเคผมยอมก็ได้ ไม่ต้องมาต้อนผมเสียจนมุมขนาดนี้ก็ได้

“ชอบ...พี่ชอบภู่ พอใจหรือยังครับ”ผมกลั้นใจบอกออกไปให้มันจบๆ เพราะรู้ว่าถ้ายังบ่ายเบี่ยงผมก็คงโดนเค้าต้อนให้พูดออกมาอยู่ดี นี่ผมคงต้องรีบชินกับการมีแฟนสินะครับเนี่ย แต่ไอ้อาการเขินนี่สิครับ ผมจะทำยังไงดีให้ไม่เขินเวลาต้องอยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้

“ชอบตรงไหนครับ”เค้าดึงผมเข้าไปกอด กระซิบถามเบาๆ ที่ข้างหูผม

“ไม่รู้ ก็บอกแล้วทำไมต้องเซ้าซี้อีกละ”ผมบอกพร้อมซุกเข้าที่แผ่นอกกว้างของเค้า บอกไปแล้วยังจะมาถามอะไรอีก แล้วนี่ดูสิยังจะมาหัวเราะชอบใจอีก ก็น่าจะรู้ว่าผมเขินก็ยังจะแกล้งกันอีก เค้าค่อยๆ ดันตัวผมออก มือของผมถูกเค้ากุมเอาไว้ และยกขึ้นไปแตะที่แก้มของเค้า ลากลงมาที่หน้าอก แล้วก็...

“ชอบตรงนี้แน่เลย”มือผมถูกดึงไปวางลงตรงเป้าของเค้า แถมเหมือนมันจะดันสู้มือผมด้วยนี่สิ ผมต้องรีบชักมือจะดึงออกแต่เค้ากลับกดไว้อย่างชอบใจ

“บ้า ทำอะไรเนี่ย”ผมพยายามดึงมือออกสุดแรง สุดท้ายก็หลุดครับ ผมผลักอกคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้ แต่ก็เท่านั้นแหละครับ เค้ายังคงหัวเราะชอบใจ ไอ้เด็กบ้าบ้าลามกเอ้ย

“ก็เวลาลุงเขินมันน่ารักดีนี่นา”เค้าดึงผมไปกอดอีกรอบ นี่เราจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่อย่างนี้หรือไงเนี่ย ผมใจหายใจคว่ำจนเหนื่อยไปหมดแล้วเนี่ย นี่การมีแฟนมันต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยหรือไงครับ

“ลุงรู้เปล่า นี่ผมถึงขั้นลองดูหนังโป๊ผู้ชายกับผู้ชายเลยนะ เพื่อเช็คตัวเอง แต่ดูแล้วแบบขนลุกไปหมดเลย คิดแล้วก็ตลกดีที่ทนดูไปตั้งหลายเรื่อง แต่ก็ดีนะดูไปแล้วก็ได้เก็บมาใช้กะลุง”นี่มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับเนี่ย แต่ก็คงธรรมดาสินะครับ ที่เค้าเองคงชอบผู้หญิงมาตลอด นี่ผมเองก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่าเค้าจะชอบผม

“เลิกกันตอนนี้ทันไหม ไม่อยากมีแฟนทะลึ่ง”ผมบอกอย่างหมั่นไส้

“ไม่ทันละครับ ผมไม่ปล่อยลุงง่ายๆ หรอก”วงแขนเค้ารัดตัวผมเข้าหาแน่นขึ้น พร้อมๆ กับที่จมูกของเค้าก้มลงมา กดลงที่หน้าผากของผม

“แล้วนี่เราต้องยืนกอดคุยกันแบบนี้เหรอ”ผมถามออกไปแก้เขินเพราะนี่เราก็เหมือนจะนัวเนียกันมาพักใหญ่แล้วนะครับเนี่ย

“หรือลุงอยากนอนคุยกันละครับ”แล้วดูแฟนเด็กของผมตอบสิครับ ว่าแต่นี่ผมเริ่มจะหมั่นไส้ตัวเองไปด้วยแล้วนะครับเนี่ย ที่จะเรียกเค้าว่าแฟนเด็กเนี่ย แต่เค้าก็เด็กกว่าผมจริงๆ นี่นา ตั้งหลายปีด้วย ผมก็ไม่ผิดนิที่จะเรียกเค้าว่า “แฟนเด็ก”

“ปล่อยได้แล้ว หิวข้าว”ผมขอเบรกอาการหื่นของแฟนเด็กผมสักนิดนะครับ ดูท่าแล้วนอกจากเด็กแล้วคงจะหื่นผสมด้วยนี่สิครับ แบบนี้ผมจะรับมือไหวไหมละครับเนี่ย

“แต่ผมอยากกินลุงอ่ะ”นั่นไงอุตส่าห์เปลี่ยนเรื่องก็ยังลากกลับมาอีก

“มันใช่เวลาไหม”ผมตีแขนเค้าเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้

“ก็ฉลองที่เราได้เป็นแฟนกันไง เราก็ต้องจู๋จี๋กันนิดนึง”โอ้ย นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดครับที่จะเป็นแฟนกับเด็กหื่นนี่

“ดูปากพี่นะ หิวข้าว”ผมบอกออกไปอีกครั้งอย่างเอือมระอา

“งั้นถ้าผมทำกับข้าวให้กินแล้ว ผมขอกินลุงเป็นข้อแลกเปลี่ยนนะ”




TBC

ตอนนี้อาจจะไม่ยาวมากนะฮ่ะ

แต่อยากให้ได้เหม็นความรักของสองคนนี้กัน  :hao7:


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ยี้ ยี้ ยี้
ลุง ชีวิตจะดีไหม มีแฟนเด็ก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2017 20:48:52 โดย Billie »

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
อยากมีแฟนเด็กแบบน้องภู่บ้างง 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
น่ารักกกมากกกกก โอ้ยย เขินเด็กเลยอ่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
คิดถึงลุงแปง กับเด็กของเขา

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 29
หิว



“แล้วทำไมภู่ต้องย้ายมานอนนี่ด้วยละ”ผมมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนผมที่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนมายืนกดดันผมอยู่ที่หน้าประตู บอกว่าจากนี้ไปเค้าจะมานอนค้างกับผมทุกคืน

“ก็จะได้ประหยัดค่าน้ำค่าไฟไง”เค้ายิ้มกว้าง ดันตัวเข้ามาในห้องนอนผมโดยไม่สนใจสายตาที่ผมมองเลย ผมยังไม่ได้อนุญาตด้วยซ้ำ แต่เด็กบ้านี่ก็ไปนอนแผ่หราที่เตียงผมเรียบร้อย

“ทำยังกะจ่ายเอง”ผมมองภาพตรงหน้าอย่างไม่รู้จะปฏิเสธยังไงแล้วละครับ

“นี่ลุงไม่อยากอยู่กับผมเหรอ”ดูฟังพูดเข้า แล้วตีหน้าเศร้าอีก คิดว่าผมจะหลงเชื่อมารยาเค้าเหรอครับ ถ้าเค้าจะสนใจเค้าพูดผมจริงๆ ป่านนี้จะกล้ามาลุกนั่งลุกนอนที่เตียงผมแบบนี้เหรอครับ

“มันก็ไม่ใช่อย่างนั้น”ผมกอดอกพูดที่ปลายเตียง ยืนมองเค้าที่ขยับมานั่งที่ปลายเตียงเอื้อมมือมาดึงผมเข้าไปประชิดเค้า เค้าเอาหน้ามาซุกตรงพุงผมแล้วแกล้งส่ายหน้าไปมาเหมือนเล่นกับเด็ก จนผมต้องใช้มือดันให้เค้าหยุดเพราะเริ่มจะจั๊กจี้ขึ้นมาบ้างแล้ว

“หรือลุงถือคติไม่อยากชิงสุกก่อนห่าม แต่เราก็ได้กันแล้วนิ”นั่นไงไอ้ใบหน้าแกล้งเศร้าๆ ตะกี้หายไปหมดเลยครับ แล้วผมก็ถูกเค้าดึงให้ลมลงบนเตียง

“ไม่เกี่ยวกะเรื่องนั้น แต่พี่ชินกับการนอนคนเดียวมากกว่า”ผมขยับออกจากการเกาะกุมของเค้าแล้วยันตัวขึ้นนั่งอยู่บนเตียง เลยกลายเป็นว่าเหมือนเปิดโอกาสให้เค้าทิ้งศีรษะลงมาบนตักผม สายตาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายชัดบนใบหน้าของเค้า ที่จริงผมก็ไม่ได้อยากนอนคนเดียวอะไรขนาดนั้นหรอกนะครับ เพียงแต่ผมรู้ว่า ถ้ายอมให้เค้ามานอนด้วยผมต้องไม่ได้นอนอย่างสงบเป็นแน่

“แต่ตอนนี้ลุงมีผมที่ต้องรับผิดชอบแล้วไง”มาอีกแล้วครับมุกนี้ ก็ไอ้มุกนี้นี่แหละ ยิ่งทำให้ผมนึกถึงวันที่เรามีอะไรกันครั้งแรก ผมยังจำได้ดีว่าวันนั้นสูญเสียพลังงานไปขนาดไหน

“ลุงจะปล่อยผมนอนเหงาคนเดียวไม่ได้นะครับ”ว่าแต่นี่ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าหน้าเค้ามันใกล้เป้ากางเกงผมขนาดนี้ อีกอย่างนี่ผมก็เตรียมจะนอนก็ไม่ได้ใส่เกงในด้วยสิครับเนี่ย ไอ้คนหนุนตักนี่ก็ขยับทีเฉียดไปเฉียดมาเหลือเกิน

“มีคนนอนกอดมันดีกว่านอนคนเดียวนะลุง”

“คือยังไงก็จะย้ายมานอนบ้านนี้ให้ได้ใช่ไหม”ผมดันศีรษะเค้าให้ลุกขึ้นตกลงกันดีๆ ก่อน เพราะเริ่มจะหมดทางปฏิเสธเค้าแล้วก็คงต้องยอมตามที่เค้าต้องการนั่นแหละครับ

“ก็เราเป็นแฟนกันนิครับ”พูดมาขนาดนี้ผมจะขัดได้ยังไงละจริงไหมครับ แต่มันก็ต้องมีข้อต่อรองกันบ้าง

“โอเค ย้ายมานอนด้วยกันก็ได้ แต่มีข้อแม้นะ”แหมพอตกลงนี่ระริกระรี่เป็นปลากระดี่ได้น้ำเชียวนะครับ เห็นละหมั่นไส้จริงๆ เลย

“ว่ามาเลยครับ ขอแค่อย่าห้ามกอด ห้ามจูบ ห้ามหอม ห้ามหื่น พวกนี้ผมทำไม่ได้”ให้ผมบอกข้อแม้ แต่ดูที่เค้าพูดสิครับ เหลืออะไรให้ผมห้ามได้อีกบ้างไหมละครับ แล้วยังมีหน้ามายิ้มหื่นใส่ผมอีก

“กำลังจะบอกว่าห้ามหมดนั่นเลย”ผมบอกไปอย่างหมั่นไส้ แต่เหมือนอีกคนจะยิ่งชอบใจแถมพลิกตัวหันมากดผมให้นอนลงกับเตียงและเค้าก็พลิกขึ้นมาคร่อมอย่างรวดเร็ว

“โหลุงเราไม่เจอกันตั้งหลายวัน คนมันคิดถึงห้ามกันได้ที่ไหน จัดเลยแล้วกันเนอะ”และไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวริมฝีปากเจ้าเล่ห์นั่นก็ประกบลงมาปิดริมฝีปากของผม จากที่คิดจะต่อต้านในที่แรก แต่เหมือนพอโดนเค้าจู่โจมมาเรี่ยวแรงก็แทบไม่เหลือให้ขัดขืนเค้าเลยครับ

“อือ”ผมส่งเสียงเบาๆ เบี่ยงหน้าหลบเพราะความเขิน ทันทีที่เค้าถอนริมฝีปากออก ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่ซอกคอผมจะโดนจู่โจมด้วยจมูกโด่งของเค้า ความรู้สึกปั่นป่วนภายในใจของผมเหมือนถูกปลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าสัมผัสจากอีกคนจะกระตุ้นผมได้มากมายขนาดนี้ เสียงหอบหายใจแรงๆ ของเค้าที่เหมือนกำลังข่มความต้องการดังวนอยู่ข้างหูผม เค้าค่อยๆ ผละจากซอกคอแล้วประคองใบหน้าผมให้มองเค้า รอยยิ้มหื่นๆ ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นบนใบหน้าของเค้า

“แค่ไม่เจอวันเดียวผมก็แทบบ้าแล้ว ลุงยังจะใจร้ายไม่ให้ผมนอนด้วยอีกเหรอ”พูดจบก็ไม่รอให้ผมตอบ เพราะก้มลงมาจูบผมแทบจะทันที แถมมือไม้ก็อยู่ไม่สุข แม้ทุกอย่างจะค่อยเป็นค่อยไปและนุ่มนวลแต่เพียงไม่นานเสื้อผ้าผมก็หายไปโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกอายเกิดขึ้นทันทีที่รู้สึกตัวจนต้องเบี่ยงหน้าหลบ

แม้จะไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้อารมณ์ผมก็กระเจิดกระเจิงและต้องการคนต้องหน้านี่อยู่เหมือนกัน แต่นี่มันคือครั้งแรกที่ผมจะทำแบบนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนร่างกายผมเองจะตอบรับทุกอย่างที่อีกคนชักนำ ผมบิดตัวไปมาด้วยความรู้สึกดี เมื่อเค้ากัดเบาๆ ที่หน้าอกทั้งสองข้างของผม ลิ้นสากๆ ของเค้าค่อยๆ ลากต่ำลงไปเรื่อยๆ ผมต้องเม้นปาดแน่นกัดริมฝีปากตัวเองไม่อยากที่จะส่งเสียงออกมาเพราะรู้สึกอาย ทว่าอีกคนกลับเหมือนสนุกกับการได้แกล้งผมเค้าใช้ปากกับแกนกลางลำตัวของผมอย่างคล่องแคล่ว ผมได้แต่เกร็งตัวมือกำผ้าปูที่นอนแน่น

“อ๊ะ...อ้า”แล้วผมก็กลั้นเสียงเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเค้ากลืนส่วนนั้นผมเข้าใปจนสุดแล้วดูดอย่างแรง ผมถึงกับผวางอตัว เอื้อมมือจับที่กลุ่มผมของเค้าเป็นการยึดเหนี่ยว สติผมค่อยๆ หลุดลอยไปเรื่อยๆ ไม่นานนักผมก็เกร็งตัวกระตุกปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเปรอะเต็มหน้าท้องของตัวเอง ผมเผลอร้องออกมาจนเกือบสุดเสียง ไม่คิดมาก่อนว่าตัวผมเองจะร้องออกมาแบบนั้นได้ อีกคนดูพอใจกับผลงานของตัวเองมาก แต่ผมเองหอบหายใจแทบไม่ทัน

“อย่าเพิ่งหมดแรงนะครับ คืนนี้มันเพิ่งเริ่มต้น”เค้าขึ้นมากระซิบบอกและก็ไม่ปล่อยให้ผมได้พักหายใจนาน น้ำสีขาวขุ่นที่อยู่แถวหน้าท้องผมถูกเค้าใช้นิ้วกวาดไปชะโลมจนชุ่ม ผมถูกจับให้พลิกตัวหันหลังให้เค้า นิ้วเรียวของเค้าค่อยๆ สอดเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังของผม

“อึ๊ก...เจ็บ”ผมร้องออกมา แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่ผมว่าช่องทางด้านหลังของผมก็คงยังไม่ชินขนาดนั้น แค่เสียงร้องของผมเหมือนไม่ได้ทำให้อีกคนคิดจะหยุดแต่อย่างใด นิ้วของเค้ายังคงสอดลึกเข้ามา คว้านวนในช่องทางคับแคบของผม และเหมือนนิ้วนั้นจะกดเข้ามาโดนจุดบางอย่างในตัวผม

“อื๊อ...อย่า...ลึกไปแล้ว”แม้ปากผมจะเหมือนห้าม แต่ความรู้สึกตอนนี้กลับมีความสุขปนทรมานนิดๆ นี่ถ้ามีกระจกตรงหน้าผมคงเห็นใบหน้าตัวเองกำลังบิดเบี้ยวแน่ๆ ผมพยายามดิ้นหนีด้วยความรู้สึกที่ปนเปกันไปหมด ซึ่งดูเหมือนอีกคนเองก็จะไม่ปล่อยผมง่ายๆ ผมถูกผลักจนติดหัวเตียง ขาสองข้างของผมถูกแยกออกจากกัน ผมกำลังจะกลั้นใจรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิด แต่ทุกอย่างมันรวดเร็วเสียจนผมตั้งตัวไม่ทัน

เค้ากดเข้ามาอย่างรวกเร็ว ผมร้องเสียงหลงแต่ก็ขยับไปไหนไม่ได้เมื่อด้านหลังก็โดนอีกคนดันเข้ามา ด้านหน้าก็เป็นหัวเตียง ผมพยายามผ่อนลมหายใจช้าๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อยเมื่อสัมผัสได้ถึงจูบที่พรมลงมาที่ไหล่ หลัง ขึ้นมาที่ท้ายทอย และจบที่แก้มของผม เสียงครางต่ำในลำคอของอีกคน เหมือนกำลังสะกดอารมณ์ตัวเองส่งเสียงเบาๆ ให้ผมได้ยิน

“ผมไม่อยากรุนแรงกับลุงเลย แต่ลุงผิดเองนะที่ทำผมห้ามใจไม่ไหว”แม้สิ่งที่คนด้านหลังนี่ทำมันจะสร้างความเจ็บปวดให้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้ร้องขอให้เค้าหยุด ผมปล่อยให้เค้าขยับตัวเข้า ออกตามอำเภอใจจากช้าๆ กลายเป็นเร็วและแรงขึ้น จนความเจ็บค่อยๆ หายไป ผมปลดปล่อยตัวเองให้ส่งเสียงออกไปตามความรู้สึกไม่พยานามกลั้นอีก สองแขนผมเอี้ยวกลับไปคล้องคออีกฝ่าย เพื่อหาจุดยึดเหนี่ยวอีกครั้ง เพราะตอนนี้ผมอ่อนระทวยจนเหมือนเรี่ยวแรงจะไม่เหลือ

“แบบนี้ดีหรือเปล่าครับ”ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนเค้ากระแทกเข้ามาอย่างแรง แถมเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบเค้าก็กรแทกเข้ามาอีกหลายครั้ง เหมือนอยากเอาชนะผมให้ได้ ผมถูกจับให้หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเค้า ใบหน้าอีกคนที่ผมเห็นเหมือนยิ่งปลุกความต้องการของผมให้มากขึ้น และถ้าผมไม่รู้สึกไปเอง ผมว่าเค้าเองพอเห็นสีหน้าผม ก็เหมือนจะไปจุดประกายความดิบเถื่อนในตัวเค้าเพิ่มขึ้น

ตอนนี้เหมือนทุกการกระทำของเราสองคนต่างเหมือนการยั่วยวนอีกฝ่าย เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครางดังสลับกัน กลิ่นกลายที่คละคลุ้งอยู่ สร้างความสุขให้เราทั้งคู่ เราต่างกอดก่ายสอดประสานตักตวงความสุขจากกันและกันอย่างไม่รู้จักพอ กว่าทุกอย่างจะสงบลงเรี่ยวแรงของผมก็แทบไม่เหลือ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผมปลดปล่อยน้ำแห่งความสุขออกไปกี่ครั้ง หรือเค้าปลดปล่อยเข้ามาในตัวผมกี่ที รู้แต่ว่าผมเพลียจนหลับไปในที่สุด

ผมรู้สึกตัวอีกทีก็น่าจะสายๆ ของอีกวันแล้วผมไม่รู้ว่ามันคือกี่โมง ดีที่มันคือวันหยุดเพราะผมเหมือนปวดไปทั้งตัว เรี่ยวแรงไม่มีเหลือเด็กบ้านี่ก็ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน “เด็ก” ใช่สินะก็เค้ายังเด็กกว่าผมนี่นา แต่ผมก็ยังไม่แก่ขนาดนั้นนี่นาผมก็ยังวัยรุ่นอยู่ เด็กบ้านี่แหละที่แข็งแรงผิดปกติ นี่ผมก็ยังซุกอยู่ที่แผงอกของเค้า ไม่รู้ว่าเค้าตื่นหรือยังแต่ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยหยิกที่หน้าอกของเค้าอย่างแรง

“โอ้ย หยิกผมไมอะลุง”เค้าร้องลั่น แต่ผมหัวเราะสะใจก่อนจะผลักเค้าออกและลุกขึ้นซึ่งพอลุกขึ้นยืนผมก็ต้องทรุดลงกับพื้น เพราะเหมือนขาผมมันไม่มีแรง แถมความรู้สึกขัดๆ ที่ช่วงล่างนี่อีก

“ค่อยๆ ลุกสิครับ”เค้ารีบผุดลุกตามมาประคองผม แล้วนี่ทำไมผมกับเค้าอยู่ในสภาพเปลือยแบบนี้ละเนี่ย จริงสินะเมื่อคืนผมเองเพลียมากจนไม่สนใจจะใส่อะไรอีกแล้ว แต่ไอ้คนที่มาประคองผมนี่สิ เมื่อคืนก็ปลดปล่อยไปตั้งเท่าไหร่ ทำไมตื่นมายังมีหน้ามาชี้โด่ ชี้เด่แบบนี้อีก

“มองขนาดนี้อยากช่วยให้มันสงบเหรอครับ”นั่นไงละ ผมรีบเอาศอกกระทุ้งอีกคนด้วยความหมั่นไส้ อะไรจะมาทำหื่นได้ตลอดเวลาขนาดนี้

“ปล่อยเลยจะไปล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ”ผมรีบออกตัวและจะชิ่งหนี เพราะคาดว่าถ้ายังปล่อยให้เค้าประคองอย่างใกล้ชิดแบบนี้ชีวิตผมน่าจะไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่

“นี่ไงผมช่วย เดี๋ยวเราก็เข้าพร้อมกันเลย”ผมกำลังตั้งท่าจะปฏิเสธแต่โดนดันหลังให้เดินเข้าห้องน้ำโดยที่มีเค้าตามประกบเข้ามาในห้องน้ำด้วย

“ประหยัดเวลาไงครับ เราก็ทำธุระพร้อมกันไปเลย มาผมบีบยาสีฟันให้”เค้าอธิบายเมื่อผมมองอย่างไม่เข้าใจว่าเค้าจะเข้าห้องน้ำมากับผมทำไม อีกอย่างถึงเราจะตกลงเป็นแฟนกันแล้ว แต่ไอ้การมาอยู่ในสภาพเปลือยด้วยกันทั้งคู่ในห้องน้ำแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมองว่าปกติสักเท่าไหร่นะครับ

“แล้วทำไมห้องน้ำพี่มีแปรงสีฟันภู่ด้วย”ผมอดที่จะถามไม่ได้เพราะเท่าที่จำได้เมื่อวานผมยังไม่เห็นว่ามันมีอยู่ แต่พอมองดีๆ ตอนนี้มันไม่น่าจะแค่แปรงสีฟัน เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่มันไม่ใช่ของผมมาวางเพิ่มไว้

“ผมเอามาไว้เมื่อคืนไง ตอนลุงหลับแล้ว อย่าสงสัยเยอะสิลุงผมความอดทนต่ำนะ ยิ่งเราอยู่กันในนี้นานเท่าไหร่ ผมยิ่งไม่รับรองความปลอดภัยของลุงนะครับ"”ผมหันไปถลึงตาใส่เค้าทันทีเมื่อมีแรงฟาดเบาๆ มาที่แก้มก้นของผม นี่ผมควรต้องชินกับเรื่องพวกนี้สินะครับเนี่ย เราต่างแปรงฟันไป มองหน้ากันไปก่อนจะหัวเราะออกมาโดยไม่มีสาเหตุ

การอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันของเราทั้งคู่ดูจะผ่านไปอย่างทุลักลุเล และแน่นอนว่าสุดท้ายทั้งที่ผมเองยังรู้สึกระบบช่องทางด้านหลังอยู่ แต่ไอ้เด็กความอดทนต่ำนี่ก็ยังจะซ้ำให้ผมระบมเพิ่มไปอีกจนได้ แถมหลังจากผ่านกิจกรรมใต้ฝักบัวมาแล้ว แทนที่จะได้ลุกจากเตียงไปกินข้าวกินปลา ผมก็ดันยอมจมอยู่บนเตียงกับเค้าอีกรอบจนได้

“นี่กะจะไม่ให้เหลือแรงทำอย่างอื่นเลยใช่ไหม”ผมบอกอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมใช้นิ้วจิ้มเล่นที่ตัวเค้า ทำไมเด็กอายุแค่นี้ถึงได้ตัวโตกว่าผมขนาดนี้แถมมีแต่กล้ามเนื้อแกร่งอีก ต่างจากผมที่เนื้อตัวดูนุ่มนิ่มไปเลยเมื่อเทียบกับเค้า

“ก็ผมหิว”

“หิวก็ลุกไปทำกับข้าวสักทีสิ”ผมรีบบอกเพราะนี่น้ำย่อยในกระเพาะของผมก็เริ่มทำงานแล้วเช่นกัน

“ผมไม่ได้หิวข้าวสักหน่อย ผมหิวลุง”



TBC



มาต่อครับ
ห่างหลายวันเลย T_T

ยังไงขอบคุณทุกคนที่ยังรอติดตามกันนะครับ

ช่วงนี้ก็ปล่อยข้าวใหม่ปลามันเค้าสวีทกันไปก่อนเนอะ :hao7:

เนื้อเรื่องก็จะยังไม่เดินไปไหนมากนัก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

จาก1ถึง10 เรื่องนี้จะดราม่าอยู่ช่วงไหนอะ เราอยากรู้ไว้ทำใจ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ข้อตกลงที่ลุงจะห้าม กลายเป็นข้อยกเว้นหมดไปเลยของภู่
ภู่ให้ลุงได้ทั้งนั้น ขอแค่อย่าห้ามกอด ห้ามจูบ ห้ามหอม ห้ามหื่น

ภู่ รุกลุงซ้า  :z1: :pighaun: :haun4:
กำลังดีไม่มีตก แฟนเด็กของลุง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
น้องภู่สายหื่น  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด