[END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว  (อ่าน 56582 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 30
เดทแรก





“หิว ไม่ใช่เหรอครับทานดิมัวแต่จ้องผมแบบนี้มันไม่อิ่มนะครับ”ผมส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา ก็จะไม่ให้เอือมได้ไงครับ ไอ้ที่ผมจ้องหน้าเค้านี่ไม่ใช่ว่าจะคิดอะไรอื่นไกลนะครับ แต่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเอาเก้าอี้มาติดผมและนั่งข้างๆ กันแบบนี้ด้วย เราทานข้าวด้วยกันมาตั้งกี่ครั้ง ทุกครั้งก็นั่งตรงข้ามกันคนละฝั่งแล้วทำไมวันนี้มันกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้

“ทำไมต้องมานั่งข้างเดียวกันด้วย”

“ก็อยากอยู่ใกล้ๆ”ตอบมาแบบหน้าระรื่น เสียจนผมต้องถอนหายใจใส่อย่างเหนื่อยหน่าย หรือนี่มันคือสิ่งที่แฟนกันเค้าทำเป็นปกติ เอาตรงๆ เลยว่าคนไม่เคยมีแฟนอย่างผมไม่ชินสักนิดเลยครับ

“แค่กินข้าว ลุกไปนั่งฝั่งนู้นเลยมานั่งชิดกันขนาดนี้มันอึดอัด”ปกติผมก็อยู่แต่กับเพื่อน และเพื่อนก็ไม่มาแนบชิดขนาดนี้ หรือแม้แต่ไอ้พี่ต้าร์ที่เดี๋ยวนี้ชอบเล่นถึงเนื้อถึงตัว แต่มันก็แค่เล่นกัน มันไม่ได้ดูจริงจังเหมือนเด็กบ้านี่

“งั้นป้อนผมก่อนคำนึงแล้วจะลุก”เค้าอ้าปากยื่นหน้ามาหาผม

“ลุกไปก่อนเดี๋ยวจะป้อน”ผมต่อเริ่มต่อรองเพราะจากที่รู้จักมาถ้าผมยอมป้อนเดี๋ยวเด็กนี่ก็ลีลาไม่ยอมลุกอยู่ดีนั่นแหละครับ

“หอมแก้มก่อน เดี๋ยวลุกเลย”ว่าแล้วไงพอไม่ป้อนก็จะมาให้หอมแก้มอีก ความเจ้าเล่ห์นี่คงไม่น้อยหน้าใครแน่ๆ ครับ แล้วดูครับดูยื่นแก้มมาจนจะชนผมอยู่แล้ว ผมผลักเบาๆ ให้เค้าถอยห่างออกแล้วนี่ผมผลักเบาๆ ทำเป็นเซเสียแรงเชียวดูเอาเถอะครับ

“จะลุกไม่ลุก ถ้าไม่ลุกก็ไม่ต้องมานอนบ้านพี่อีก”ผมชี้นิ้วขู่เค้าซึ่งแม้เค้าจะดูไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของผมสักเท่าไหร่แต่ก็ยอมลุกไปอย่างเสียไม่ได้ นั่นทำให้ผมไม่ทันระวังตัว

“ใจร้าย”เค้าทำเป็นบ่นกระปอดกระแปด และจะเดินไป แต่แล้วก็หันกลับมาขโมยหอมแก้มอย่างรวดเร็ว ผมก็ได้แต่อึ้งอยู่ กว่าจะรู้ตัวเค้าก็ไปยืนยิ้มระรื่นที่อีกฝั่งของโต๊ะแล้ว

“ทำอะไรเนี่ย”

“หอมแก้มไงครับ”ดูพอใจกับการได้ขโมยหอมแก้มผมเสียเหลือเกินครับ

“กินข้าวได้แล้ว มัวแน่เล่นอยู่ได้”ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองอย่างเขินๆ บอกอีกคนเสียงดุหน่อยๆ แต่ก็เท่านั้นแหละครับ เค้ากลัวผมที่ไหนกันละขนาดย้ายไปนั่งอีกฝั่งแล้วก็จะยื่นหน้า อ้าปากข้ามโต๊ะมาหาผมอีก

“ป้อนก่อนดิ ไหนลุงว่าผมย้ายมานั่งฝั่งนี้แล้วจะป้อนไง”ผมยกยิ้มเล็กน้อย ตักอาหารใส่ช้อนขนาดพอดีคำ ยื่นไปให้เค้า แต่ก่อนที่เค้าจะอ้าปากงับไว้ทันผมก็ดึงมือกลับมา ส่งช้อนเข้าปากตัวเองอย่างสะใจที่ได้แกล้งเค้ากลับบ้าง

“ตักกินเองได้ยังจะให้ป้อนทำไมอีก”ผมลอยหน้าลอยตาบอกอย่างไม่สนใจเค้า

“ก็อยากอ้อนแฟน ไม่ได้เหรอ”เค้าทำหน้างอใส่ผม โถพ่อเด็กน้อยมาทำเป็นงอน หลอกผมไม่สำเร็จหรอกแกล้งแค่นี้คนอย่างเค้าไม่สะทกสะท้ายหรอกครับ

“ตอนคบแฟนคนก่อนๆ นี่ทำตัวแบบนี้ไหม”ผมถามเค้ากลับโดยไม่สนใจท่าทีงอนปลอมๆ ของเค้า ดูเหมือนเจ้าตัวก็รู้นะครับว่างอนหลอกๆ นั่นใช้กับผมไม่ได้ผล

“ไม่นะครับ”

“อ้าว แล้วทำไมมาทำแบบนี้กับพี่”คำปฏิเสธของเค้าเรียกความสนใจจากผมไม่น้อยทีเดียว เพราะทีแรกผมนึกว่าเค้าทำแบบนี้กับแฟนทุกคนเสียอีก

“ก็แฟนเก่าผมแต่ละคน เค้าเป็นฝ่ายอ้อนผมทั้งนั้น ส่วนลุงอะทำเป็นเย็นชาใส่ผม ทั้งที่จริงๆ อยากให้ผมอ้อนใช่ไหมละ”ดูทุกคำตอบของเค้าจะเอาเข้าประตูตัวเองให้ได้หมดเลยนะครับเนี่ย

“ใครว่า พี่โตแล้วต่างหากจะให้มาทำตัวงุ้งงิ้งมุ้งมิ้งอะไรแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก”ผมบอกออกไปตามตรง แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ อาจจะด้วยวัยก็ส่วนนึงที่ผมรู้สึกไม่อยากทำแบบนั้น ส่วนประเด็นหลักจริงๆ คือผมอ้อนแฟนไม่เป็นมากกว่าครับ ก็คนมันไม่เคยมีแฟนมาก่อนนี่นา

“ก็จริงนะครับ ลุงก็แก่แล้ว แบบนี้ผมต้องทำตัวแก่ด้วยหรือเปล่านา ถึงจะเหมาะกัน”ถึงจะเป็นคำพูดแซวผมเล่นๆ แต่มันก็คือความจริงที่ผมอายุห่างกับเค้าเกือบ 10 ปีความต่างนี้มันจะเป็นปัญหาระหว่างเราบ้างหรือเปล่านะ

“ไม่ต้องหรอก ภู่ก็เป็นภู่นั่นแหละไม่ต้องมาเปลี่ยนอะไรเพื่อพี่หรอก”ผมยิ้มบางๆให้เค้า แม้ในใจจะมีความกังวลอยู่บ้างแต่ในเมื่อมันยังไม่มีอะไรผมก็ไม่ควรคิดมากให้มันมีอะไรสิเนอะ

“โห ลุงนี่พูดจาแบบนี้ก็เป็นเนอะ พูดบ่อยๆ นะครับผมชอบ”นั่นรอยยิ้มแบบนี้มาอีกแล้ว รอยยิ้มที่ทั้งดูเจ้าเล่ห์ ทั้งดูมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ นี่อีกนิดจะรวมรอยยิ้มหื่นเข้าไปด้วยแล้วครับ

“พูดอะไร”แม้จะพอเดาทางได้ว่าเค้าต้องดึงไปทางเข้าข้างตัวเองอีกแน่ๆ แต่ไม่อยากจะให้เค้าได้ใจนัก ผมต้องตีมึนไม่รู้ไม่ชี้ไว้ก่อนนี่แหละดีที่สุดแล้ว

“ก็ที่ลุงพูดนั่นเหมือนบอกว่าลุงชอบผมที่ผมเป็นแบบนี้”นั่นไง ผิดคาดเสียที่ไหน

“คิดเองเออเองนะเราเนี่ย”ผมหันกลับมาสนใจกินข้าวตรงหน้าต่อเพราะขืนคุยด้วยต่อ ก็คงมีแต่จะยิงเข้าประตูตัวเองเป็นแน่

“แต่ผมว่าผมก็ต้องทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่แหละ เพราะอีกหน่อยต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องดูแลแฟนสูงวัยด้วย”นี่ว่าจะไม่คิดแล้วนะครับไอ้เรื่องอายุเนี่ยแต่เค้าก็ชอบย้ำเสียจริง ขนาดที่เรียกลุงนี่กว่าผมจะชินก็ใช้เวลาพักใหญ่อยู่นะ

“เพ้อเจ้อ...เรียนให้จบก่อนไหม”ด้วยความฉุนที่มาบอกว่าผมสูงวัย ผมเลยพูดกลับไปอย่างเคืองๆ เสียเลย

“งั้นพี่แปง รอผมนะครับ”น้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังและสรรพนามที่เปลี่ยนไป ทำเอาผมต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำพูด สีหน้าแววตาที่มุ่งมั่นนั่นทำเอาผมอุ่นวาบขึ้นมาในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

“รออะไร พี่ก็ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย”ผมก้มหน้าลงเขี่ยข้าวตามเดิม เพราะมันออกจะเขินๆ หน่อยกับการที่โดนเค้าจ้องไม่กระพริบตาขนาดนี้

“ก็ถ้าวันนึงเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ พี่จะไม่เปลี่ยนใจจากผมใช่ไหม”

“พูดเหมือนจะไปไหนไกลเลย”ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเค้าอีกครั้งเพราะคิดว่ามันเหมือนมีความหมายแฝงอยู่ในคำพูดของเค้า แต่เค้าก็ยังมีสีหน้าเช่นเดิม หรือผมคิดมากเกินไป

“เปล่าหรอกครับ แต่พี่แหละออกมาอยู่คนเดียวได้แค่ปีเดียวไม่ใช่เหรอ”จริงสินะ ผมเองต่างหากที่เหลือเวลาอยู่ที่นี่กับเค้าอีกไม่เท่าไหร่ ระยะเวลา 1 ปีมันไม่ได้นานอะไรเลย แถมนี่ก็หลายเดือนเข้าไปแล้ว

“ชีวิตพี่จะไปเจอใคร พอกลับไปอยู่บ้านชีวิตก็คงมีแต่งานกับที่บ้านแหละมั้ง ว่าแต่ภู่เถอะ ยังต้องไปเจอสังคมอีกเยอะ ไม่ใช่พอไปเจอสาวๆมหา’ลัย แล้วเปลี่ยนใจละ”แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ความกังวลในใจจริงๆ ของผมกลับเป็นเรื่องครอบครัวของเราทั้งสองฝั่งเสียมากกว่า ฝั่งผมแม้จะอนุญาตกลายๆ ว่าให้ผมมีแฟนเป็นผู้ชายได้ แต่คุณสมบัติที่พ่อผมตั้งไว้ ภู่อาจยังไม่เข้าใกล้เลยสักนิด แล้วครอบครัวของภู่เองละ ผมว่าก็คงยังไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่าเค้าจะมีแฟนเป็นผู้ช้าย แถมอายุห่างกันเกือบทศวรรษขนาดนี้อีก

“ไม่เอาๆ เราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า เราเพิ่งเป็นแฟนกันเองจะมาคุยเรื่องใครเปลี่ยนใจทำไมกันเนอะ”เค้าเป็นฝ่ายหยุดบทสนทนาซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าเราไม่ควรเอาเรื่องที่มันยังไม่เกิดมาคิดให้บั่นทอนความสัมพันธ์ของเรา

“ผมว่าวันนี้ เราไปเดทกันดีกว่า”หลังจากทานข้าวกันเสร็จเค้าก็เสนอไอเดียบางอย่าง ไอเดียที่ผมยังไม่เคยมาก่อน

“เดท?”

“เป็นแฟนกันก็ต้องไปเดทกันสิครับ”เค้าเดินเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลังพร้อมกระซิบบอกเบาๆ

การออกเดทครั้งแรกในชีวิตของผม ทำไมมันดูง่ายจังเลย บทจะมีอะไรแบบนี้มันก็มีมาง่ายๆ ดีเหมือนกันนะครับ ไม่เคยมีแฟนอยู่ๆ ก็มี ไม่เคยออกเดทก็ได้มาออกเดท เมื่อก่อนมีแต่ติดสอยห้อยตามไปกับข้าวหอมและพี่โต ตอนนี้ผมได้มาเดินอยู่กับ “แฟนเด็กของผม” เด็กบ้าที่ผมไม่คิดมาก่อนว่าจะชอบเค้าได้ แต่ตอนนี้ผมกำลังโดนเค้าจูงมือเข้าห้าง อย่างไม่แคร์สายตาใคร

“หยุดทำไมอ่ะลุง”เค้าหันมาถามอย่างไม่เข้าใจเมื่อผมที่เดินตามหลังเค้าหยุดเสียดื้อๆ

“ปล่อยก่อน”ผมดึงมือกลับจากเค้าทันทีที่เค้าคลายมือออก

“ไม่ชอบเหรอ”สีหน้าเค้าสลดลงเล็กน้อย แม้จะไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิดแต่ผมคงไม่มีเวลาอธิบายมากนักว่าจริงๆ ผมก็ไม่ได้อายอะไรที่จะจับมือกับเค้าในที่สาธารณะแบบนี้ แต่สองคนที่กำลังเดินตรงมาทางเรานั่นต่างหากที่ทำให้ผมต้องรีบปล่อยมือจากเค้า

“แค่ไม่ชิน”ผมรีบตอบเพราะตอนนี้สองคนที่ผมมองเห็นนั่นเหมือนจะเห็นผมกับภู่แล้วเช่นกัน

“พี่ปอ พี่ต๊าฟ สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้พี่สาวและว่าที่พี่เคยที่เดินมาหยุดยืนยิ้มมองผมกับภู่ ภู่เองก็ยกมือไหว้ทั้งสองคนตามผม แล้วพี่ๆ ทั้งสองนี่ก็เล่นมองผมกับภู่สลับกันไปมาอย่างจับผิดขนาดนี้ จะให้ผมตอบยังไงละเนี่ย

“ภู่นี่พี่ปอ พี่สาวพี่เอง แล้วก็พี่ต๊าฟแฟนพี่ปอ”ทั้งสามยิ้มทักทายให้กันอีกรอบ

“แล้วนี่คือ...”พี่ต๊าฟหันมาถามผมด้วยท่าทีทีเล่นทีจริง


“อ๋อนี่ภู่ครับ รุ่นน้องข้างบ้านที่ผมไปเช่าอยู่ พอดีสนิทกันวันนี้ว่างๆ เลยชวนกันมาดูหนังครับ”ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องพูดออกไปแบบนั้น แถมคนข้างๆ ผมก็หน้าเปลี่ยนสีไปเลยอย่างเห็นได้ชัด แม้เค้าจะยังยิ้มอยู่ แต่แววตาเค้าเหมือนกำลังไม่พอใจกับสิ่งที่ผมพูด แต่จะให้ผมตอบยังไงได้ละ บอกพี่ปอออกไปตรงๆ เรื่องก็คงถึงหูพ่อกับแม่ผมแน่ๆ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นมันก็คงมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีกเพียบ

“งั้นเหรอ แบบนี้พี่ต้องฝากน้องภู่ดูแปงมันหน่อยละกัน โตจนทำงานแล้วแต่ยังไม่ค่อยทันใครเค้าหรอก”นี่เจ้ปอรู้หรือเปล่านะว่าภู่เป็นหลานของพี่ปุ๊กเนี่ย

“แล้วนี่ภู่ยังเรียนอยู่เหรอ”พี่ต๊าฟนี่จะอยากทำความรู้จักอะไรขนาดนั้นละเนี่ย แค่การบังเอญเดินมาเจอกันเนี่ยมันควรทักทายนิดหน่อยแล้วต่างคนต่างไปไหม ไม่เห็นต้องมาสัมภาษณ์กันขนาดนี้เลย

“ครับยังเรียนอยู่”นี่ก็ดูมีสัมมาคารวะขึ้นมาเชียว

“เรียนปีไหนแล้วละ”คำถามของพี่สาวผมทำเอาผมชะงัก คือทำไมมันดูลงลึกต้องการรายละเอียดขนาดนั้น นี่เจ้แกเชื่อหรือเปล่าว่าผมกับภู่เป็นพี่น้องข้างบ้านกันเฉยๆ

“อะไรนิเจ้ จะรับน้องมันไปทำงานด้วยหรือไง มาซักประวัติอะไรขนาดนี้ มาเดทกันไม่ใช่ จะไปสวีทกันที่ไหนก็ไปเถอะ นี่ผมก็กำลังรีบ หนังจะเข้าแล้ว”ผมรีบตัดบทไม่อยากให้ทั้งเจ้ปอและพี่ต๊าฟ ซักฟอกภู่มากไปกว่านี้ แต่ก่อนจะแยกย้ายเจ้ปอก็ยังวางระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ผมเก็บกู้อีก 1 ลูก

“เออแปง ว่างๆ ก็ไปทานข้าวที่บ้านนะชวนน้องภู่ไปด้วยละ พ่อกับแม่คงอยากรู้จักเพื่อนบ้านของแปงบ้าง ว่าออกไปอยู่คนเดียวแล้วไปสร้างปัญหาให้ใครบ้างหรือเปล่า”มันอาจจะไม่ใช่ประเด็นอะไร ถ้าคนที่มากับผมนี่ไปรับปากพี่สาวผมเสียดิบดี ว่าอยากไปทานข้าวบ้านผมมากๆ

“โกรธเหรอ”พอคล้อยหลังพี่สาวผม เค้าก็เงียบไปอย่างเห็นได้ชัด คือก็พอรู้แหละครับว่าเค้าคงไม่พอใจบางอย่างแน่ๆ ถึงได้เงียบแบบนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าประเด็นไหนมันเป็นประเด็นหลัก ที่ผมบอกว่าเราแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง หรือจะเป็นเรื่องที่ผมยังไม่พร้อมจะให้เค้าเจอพ่อกับแม่ผม

“เปล่าครับ”

“เปล่าอะไร ก็เห็นอยู่ว่าไม่พอใจ ไม่ชอบตรงไหนก็บอกมาสิพี่จะได้อธิบาย ทุกอย่างที่พูดออกไปเพราะพี่มีเหตุผลของพี่นะ”ผมพยายามใช้น้ำเสียงให้เป็นปกติ ไม่อยากให้เค้ามองว่าผมจะชวนทะเลาะ

“เหตุผลเหรอครับ”

“ใช่”เค้าหันมามองผมสบตานิ่ง เห็นสีหน้าเค้าแล้วทำไมผมเห็นแววเดทแรกของเรากำลังจะพังไม่เป็นท่าละครับเนี่ย

“เหตุผลของพี่มันก็คงเพราะผมเด็กเกินไปจนพี่ไม่กล้าบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนกันสินะครับ”






TBC


เห็นเค้ารางมาม่ามาแต่ไกล

แต่อย่ากลัวไปครับ เรื่องนี้ไรท์จะไม่ม่า (จริงๆ นะ)

หรือถ้าจะม่า (อ้าว) ก็เล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ ที่เคยแต่ง  :z2:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โอ๋ๆ น้องภู่อย่าน้อยใจไปเลยนะ มามะกอดปลอบๆ :กอด1:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มาละ น้อยใจ ภู่ เด็กน้อย
ที่แปงไม่บอกเป็นแฟน
นี่เล็กๆ นะ ใหญ่ๆตามมาแน่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 31
เรียนรู้



“เหตุผลของพี่มันก็คงเพราะผมเด็กเกินไปจนพี่ไม่กล้าบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนกันสินะครับ”นี่เค้าโกรธขนาดนั้นเลยหรือไงเนี่ย โอเคคนเป็นแฟนกันอาจจะอยากให้ยอมรับกับคนอื่น แต่กรณีนี้มันก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จะให้พูดตรงๆ ทั้งหมดมันก็ยังไงดีละ

“มันไม่ใช่แบบนั้นนะภู่”ผมพยายามคิดหาคำอธิบายที่จะไม่ให้เรื่องมันไปไกลกว่านี้ แล้วนี่เด็กบ้านี่ก็เหมือนจะไม่ฟังผมเสียด้วย ปกติผมก็เห็นเค้าออกจะมีเหตุผลมากกว่านี้ แล้วนี่เป็นอะไรละเนี่ย

“ไม่ใช่แล้วทำไมพี่ต้องทำเหมือนไม่อยากให้พี่สาวพี่รู้ว่าผมเป็นแค่เด็กมัธยม”เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นนะครับ แต่ส่วนนึงก็ตั้งตัวไม่ทันจริงๆ ที่จะให้พี่ปอมารับรู้เรื่องนี้ คือใจจริงผมก็อยากยอมรับตรงๆ แต่ผมไม่มั่นใจว่าทางบ้านผมจะพร้อมเข้าใจเรื่องนี้มากแค่ไหน ขนาดกว่าที่เค้าจะยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นได้มันก็นานไม่น้อย อยู่ๆ จะให้เค้ายอมรับอีกว่าผมตัดสินใจคบเด็กที่อายุน้อยกว่าเกือบ 10 ปี มันคงยอมรับยากเหมือนกันแหละครับ ยิ่งถ้าจะให้มองไปถึงอนาคต ผมเองยังไม่มั่นใจเลย ว่าเราจะคบกันไปได้นานขนาดไหน

“พี่พูดแบบนั้นที่ไหนกันละ”ดูแล้วผมอธิบายออกไปตรงๆ มันก็คงยังไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกมั้งครับ

“งั้นพี่บอกผมสิครับ ว่าไม่ได้คิดปกปิด ทั้งเรื่องเป็นแฟนกับผม หรือเรื่องผมเป็นแค่เด็กข้างบ้านที่เด็กกว่าพี่เกือบ 10 ปี”ผมเคยคิดว่าเค้ามีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้นะครับ แต่ผมคงคิดผิด ยังไงเค้าก็ยังเป็นแค่เด็กมัธยมสินะ

“มีเหตุผลหน่อยสิภู่ อย่าทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้”และแล้วผมก็ยั้งปากไว้ไม่ทัน รู้เลยว่าผมไม่ควรพูดออกไปแบบนั้น เพราะดูเค้าจะไม่พอใจในคำพูดของผมอย่างมาก

“โอเคครับผมมันก็แค่เด็กไม่มีเหตุผล งั้นพี่บอกผมมาสิครับว่าเหตุผลจริงๆ ของพี่คืออะไร”

“กลับบ้านกันเถอะ”ผมตัดบทเพราะคงคุยกันที่นี่ไม่รู้เรื่องแน่ๆ อีกอย่างพอกลับบ้านไปอารมณ์เค้าอาจจะเย็นลงบ้างก็เป็นได้ เค้าไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของผม ทำให้เดทแรกของเราในวันนี้พังไม่เป็นท่า ระหว่างทางกลับบ้าน เราทั้งคู่ก็แทบไม่คุยกันสักคำ

“ไปไหน”พอถึงบ้านแทนที่เค้าจะเข้าบ้านผมอย่างทุกครั้ง กลับกลายเป็นว่าเค้าเดินไปทางบ้านเค้าโดยไม่ได้มองผมเลยด้วยซ้ำ

“ผมขออยู่คนเดียวสักพักนะครับ”แล้วก็เดินไปไม่รอให้ผมได้พูดอะไรอีก นี่มันอะไรกันนักหนาเนี่ย ถ้าการเป็นแฟนกันแล้วต้องมาทะเลาะแบบนี้ สู้เป็นพี่น้องกันแบบเดิม กวนประสาทกันแบบเดิมจะดีกว่าไหมละ ผมเดินเข้าบ้านอย่างเซ็งๆ

กำลังคิดจะโทรปรึกษาเพื่อนสนิทอย่างข้าวหอม แต่แม่เพื่อนตัวดีของผมก็เหมือนจะรู้งานครับ โทรเข้ามาเสียก่อนผมกดรับสายอย่างเนือยๆ เพราะเริ่มรู้สึกเซ็งๆ

“ไปเดทมาเหรอจ๊ะ”คำทักทายแบบนี้แสดงว่าเจ้ปอคงไปถามอะไรกับข้าวหอมแล้วแน่นอน

“เจ้ปอว่าไงบ้างละ”ผมถามไปอย่างรู้ทัน

“ก็แค่มาถามว่าแกกับน้องภู่สุดหล่อนั่น มีความสัมพันธ์กันแค่ไหน”นี่ผมคิดผิดหรือเปล่าที่จะปิดเจ้ปอ เพราะลืมไปว่าถ้าเจ้แกสงสัยก็คงหาทางรู้ให้ได้อยู่แล้ว

“แล้วแกบอกไปว่าไง”

“ก็ไม่ว่าไง แค่บอกว่าแกได้กันแล้ว”

“อะไรนะ”ผมตะโกนใส่โทรศัพท์ดังลั่น ไม่คิดว่าข้าวหอมจะไปวางระเบิดลูกใหญ่ให้ผมขนาดนั้น

“โอ้ย จะตะโกนทำไม ล้อเล่นไหมละ ใครจะไปบ้าบอกแบบนั้น ก็บอกแค่ว่าพวกแกสนิทกัน แต่ความสัมพันธ์จะพัฒนาไหมก็ไม่รู้”ผมเริ่มลังเล ว่าจะเชื่อประโยคไหนดี แต่ถ้าข้าวหอมบอกอย่างแรก ป่านนี้พี่สาวผมคงมาถึงนี่แล้ว

“แน่นะ”ผมถามย้ำอย่างไม่วางใจ

“แน่ค่ะยู Don’t worry ว่าแต่ตกลงจริงๆ แกกับน้องภู่นี่ยังไง”ข้าวหอมเปลี่ยนประเด็นมาที่เรื่องระดับความสัมพันธ์ของผมอีกรอบ

“ยังไงอะไรละ เพิ่งทะเลาะกันไปเนี่ย”จะเรียกว่าทะเลาะก็คงไม่ผิดหรอกมั้งครับ แม้มันอาจจะไม่ได้มีปากเสียงกันรุนแรงก็ตามที

“ตกลงคบกันแล้ว”น้ำเสียงที่ดูจะไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก ถามกลับมา

“อืม”

“โอ้วมายก้อด โอ้วมายก้อด เพื่อนชั้นขายออก”แล้วข้าวหอมก็พูดน้ำไหลไฟดับ ไม่เว้นช่องว่างให้ผมพูดอีกเลย จนเจ้าตัวเหนื่อยนั่นแหละครับผมถึงได้มีโอกาสได้พูดบ้าง

“ถามไรหน่อยสิ”

“ว่ามา”

“ถ้าพี่โตพาแกไปเจอคนรู้จักเค้า แล้วแนะนำแกว่าเป็นแค่รุ่นน้อง แกจะโกรธไหม”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงโกรธ แต่ถ้าตอนนี้คงไม่แต่ต้องมีเหตุผลว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น ซึ่งชั้นคิดว่าพี่โตไม่น่าจะกล้าแนะนำว่าชั้นเป็นแค่น้อง เพราะพี่โตกลัวว่าคนอื่นจะมาจีบแฟนสาวคนสวยอย่างชั้น”ฟังทีแรกมันก็ดูจริงจังหรอกนะครับ แต่ไอ้ประโยคหลังนั่น มันชักจะน่าหมั่นไส้มากกว่า

“เหมือนภู่จะโกรธที่ชั้นแนะนำกับพี่ปอว่าเค้าเป็นแค่น้องข้างบ้าน”ที่ปรึกษาข้าวหอมนี่ไม่ใช่อะไรนะครับ เพราะข้าวหอมนี่ก็จัดว่าเป็นคนงี่เง่าอันดับต้นๆ ในบรรดาคนรู้จักของผม ถ้าอย่างที่ข้าวหอมบอกว่าถ้าในวัยที่อายุน้อยกว่านี้ซึ่งก็น่าจะเป็นช่วงมหาวิทยาลัย ที่พี่โตเริ่มคบข้าวหอม และข้าวจะโกรธในประเด็นที่ผมถาม นั่นแสดงว่าภู่เองก็คงไม่แปลกที่จะโกรธหรือไม่พอใจผม

“ก็ไปง้อสิจ๊ะ คบแฟนเด็กก็ต้องหมั่นเอาใจ”ผมผิดจริงๆ สินะแต่แล้วยังไง ผมต้องไปง้อ ง้อยังไงละ เกิดมาเคยต้องง้อแฟนที่ไหนกัน

“มันจะไปรอดจริงๆ เหรอแก อายุห่างกันขนาดนี้”แม้จะเคยคิดประเด็นนี้มาแล้ว แต่ตอนนี้มันเริ่มเห็นชัดขึ้นว่าบางทีความต่างระหว่างวัยมันก็สร้างปัญหาให้ความสัมพันธ์ได้จริงๆ

“หยุดค่ะ อย่ามามัวคิดมากกว่าแกจะมีแฟนสักคนชั้นลุ้นแทบแย่ พอมีแล้วจะมาคิดเลิกง่ายๆ ไม่ได้ คนเป็นแฟนกัน มันก็ต้องมีทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน ต้องเรียนรู้กันไปแก”นั่นสินะในเมื่อผมตัดสินใจเลือกแล้วก็ต้องพยายามให้มันออกมาดีที่สุด อีกอย่างถ้าผมอยากที่จะให้ครอบครัวยอมรับในตัวภู่ ผมเองก็คงต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าจะไม่มองว่าเค้าเป็นแค่เด็กยังไม่โต

แล้วนี่ผมควรไปหาเค้าที่บ้านนั้น หรือรอเค้าอยู่นี่กันนะ นี่ก็บ่ายแก่ๆ แล้วเค้าจะมาทำกับข้าวมื้อเย็นไหม หรือจะยังมานอนกับผมหรือเปล่า ผมตัดสินใจนั่งรอ พยายามคิดหาคำพูด หรืออะไรที่จะอธิบายให้เค้าฟัง ตอนนี้ผมอาจจะมองแค่มุมของผมเอง ผมกังวลแต่เรื่องทางฝั่งครอบครัวผม ลืมที่จะคิดถึงตัวเค้าด้วย

“ผมไปเตะบอลนะครับ เสร็จแล้วจะรีบกลับมาทำกับข้าวให้กิน”อยู่ๆ เค้าก็โผล่เข้ามาบอกผมด้วยสภาพพร้อมชุดและอุปกรณ์สำหรับไปเตะบอล ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเค้ายังเคืองผมอยู่หรือเปล่า แต่อย่างน้อยการที่เค้ามาบอกผมและยังจะมาทานข้าวเย็นกับผม มันก็ถือเป็นลางดีแล้วสินะ

สรุปผมก็ต้องแกร่วอยู่บ้านคนเดียว รอเค้ากลับมาสินะ แล้วไอ้การรอคอยนี่เวลามันก็ดูจะเดินช้าเหลือเกิน หรือผมจะมองนาฬิกาบ่อยเกินไป มันเลยไม่ถึงไหนสักที จะหาอะไรทำรอมันก็ดูไม่มีกะจิตกะใจสักเท่าไหร่ นี่ครั้งก่อนโน้นที่เค้ารอผมตอนวันเกิดนั่น เค้าต้องอยู่อย่างกระวนกระวายอย่างผมไหมนะ

เวลาผ่านไปจนบรรยากาศด้านนอกมืดสนิทแล้ว นาฬิกาบอกเวลาว่า 2 ทุ่มกว่าแล้ว เสียงรั้วบ้านดังเป็นสัญญาณว่าอีกคนกลับมาแล้ว ผมสูดลมหายใจยาว เพื่อเตรียมตัว ยังไงเสียผมก็คงต้องเป็นฝ่ายขอโทษก่อนสินะ เค้าเปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉย กระเป๋าอุปกรณ์เค้าถูกวางลงตรงมุมประจำ เค้าเดินมาหยุดตรงหน้าผมที่ยืนรอเค้าอยู่

“ขะ...ขอ”คำพูดผมถูกสกัดด้วยริมฝีปากของเค้า เพราะอยู่ๆ เค้าก็ดึงผมเข้าไปจูบอย่างแรงโดยไม่ให้ผมตั้งตัว นี่มาอารมณ์ไหนเนี่ย ผมไม่ได้ขัดขืนอะไรปล่อยให้เค้าทำตามอำเภอใจ กลิ่นเหงื่อจางๆ จากตัวเค้ากลับยิ่งเหมือนจะทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนขึ้นไปอีก แต่แล้วอยู่ๆ พอผมกำลังเคลิ้ม เค้าก็ผละออกจากผม แล้วก็เดินเข้าครัวไปเลย ทำเอาผมงง ว่านี่มาอารมณ์ไหนกันแน่

“ถ้ายังคิดจะกินข้าว ก็อย่าก้าวเข้ามานะครับลุง ไม่งั้นคืนนี้เราอาจได้แค่กินกันเองวนห้องครัวนี่”ผมชะงักฝีเท้าทันทีที่จะตามเข้าไปคุยกับเค้า แต่การที่เค้ามาพูดทะลึ่งกับผมแบบนี้ก็แสดงว่าคงหายโกรธผมแล้วสินะ

“งั้นถ้าพี่ยืนคุยตรงหน้าประตู ไม่ก้าวเข้าไปก็ได้สินะ”ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเพราะคิดว่าเค้าน่าจะอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว

“เดี๋ยวคืนนี้ลุงจะโดนมิใช่น้อย”เค้าหันมาทำท่าคาดโทษผม แต่มีหรือครับที่ผมจะต้องกลัว ผมยักไหล่ให้เค้าอย่างท้าทาย ก่อนเราจะยิ้มให้กันเหมือนเป็นสัญญาณสงบศึก

“ขอโทษ”ผมบอกออกไปในที่สุด

“ก็อย่างที่ภู่พอจะรู้อยู่บ้าง ว่าครอบครัวพี่ไม่ได้เห็นด้วยในสิ่งที่พี่เป็นตั้งแต่แรก เพราะงั้นสำหรับพี่มันอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย”เค้าวางมือจากอุปกรณ์ที่กำลังจะเตรียม แล้วเดินออกมาหาผม

“แล้วอีกอย่าง พี่ก็ไม่เคยมีแฟน อย่ามาโกรธมางอนบ่อยๆ ละ พี่ง้อไม่เป็น”เค้ายิ้มกว้างยืนฟังสิ่งที่ผมกำลังบอก

“ไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะผมเองก็ทำตัวงี่เง่าเป็นเด็กน้อยด้วยแหละ จากนี้ไปผมจะมีเหตุผลมากกว่านี้ เพราะสุดท้ายแล้ววันนึงผมก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว”ไปไกลอีกแล้วครับ นี่คบกันไม่ทันไรยังทะเลาะกันแล้ว ยังจะกล้าคิดไกลไปถึงไหนอีก

“เรามาค่อยๆ เรียนรู้กันไปนะครับ”เค้าก้มลงมาจูบเบาๆ ที่หน้าผากผมก่อนจะหันกลับไปจะเตรียมทำกับข้าวต่อ

“ลุง”เค้าหันมามองผมยิ้มๆ

“อะไรอีก”สีหน้าทะเล้นๆ แบบนี้ผมต้องตั้งการ์ดไว้ก่อนครับ

“ผมจะรีบโตนะครับ แต่ลุงก็อย่ารีบแก่ละเดี๋ยวผมตามไม่ทัน”นั่นไงไอ้เด็กบ้าเอ้ย พออารมณ์ดีก็กวนตลอด

“กินข้าวเสร็จแล้วกลับไปนอนบ้านนู้นเลย”ผมว่าอย่างหมั่นไส้

“ไม่ไปหรอก กลัวคนแก่แถวนี้จะนอนเหงา”



TBC



บอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ม่าหรอกครับ  o13



ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 32
Top 10




“ทำไมต้องเอางานมาทำที่บ้านด้วยอ่ะ”น้ำเสียงเหมือนจะงอแงหน่อยๆ ดังอยู่ด้านหลังของผม ผมไม่ได้หันกลับไปมองเค้าด้วยซ้ำเพราะกำลังจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า

“ก็งานมันจะไม่ทันไง”วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมหอบเอางานกลับมาทำด้วยที่จริงมันก็ไม่ได้เยอะมากหรอกนะครับ เพียงแต่วันนี้ทุกคนดันทำงานตัวเองเสร็จเร็วกันหมด ไอ้ครั้นจะให้ผมอยู่ทำต่อที่ออฟฟิศคนเดียวผมก็ไม่อยากอยู่ เลยกะว่าเอามาทำต่อที่บ้านนี่แหละครับ

“งานหนักขนาดนี้ ลุงเหนื่อยไหม”น้ำเสียงจากตอนเรียกที่เหมือนจะงอแงฟังดูอบอุ่นขึ้นจนผมต้องวางมือและหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เค้าส่งยิ้มให้ผมอย่างห่วงใย ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบเค้า

“ไม่หรอก แต่ขอเวลาพี่สักพักนะ หิวก็กินข้าวก่อนเลย ไม่ต้องรอ พอดีงานมันกำลังติดพัน”เค้าพยักหน้าให้ผมก่อนจะเดินแยกออกไปผมหันกลับมาสนใจงานต่อ กะว่าจะรีบทำให้เสร็จเร็วๆ จะได้มีเวลาร่วมกับเค้ามากขึ้น จะว่าผมหลงเด็กก็ได้นะครับแต่ช่วงนี้รู้สึกอยากใช้เวลาร่วมกับเค้าให้มากจริงๆ

ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงกว่างานที่เอามาทำจะเรียบร้อยทั้งที่ตอนแรกไม่คิดว่ามันจะนานขนาดนี้ ผมบิดขี้เกียจไปมาเล็กน้อย สายตาก้มดูเวลาอีกรอบ นี่เกือบจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว แล้วภู่ไปไหน คือผมเอางานเข้ามานั่งทำในห้องนอนนะครับทีแรกก็คิดว่าเค้ากินข้าวเสร็จคงเข้ามาในห้อง นี่สงสัยคงกลัวรบกวนผมสินะ เด็กบ้าเอ้ย

พอเปิดประออกมาเด็กบ้าของผมก็นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา เหมือนจะหลับไปแล้วด้วยนะครับเนี่ย สงสัยคงเพลียสินะเหนื่อยมาทั้งวันยังต้องมาเหนื่อยเข้าครัวให้ผมอีกทีแรกกะจะปลุกให้เข้าไปนอนดีๆ นะครับแต่พอมองเค้าหลับแบบนี้ ไม่อยากปลุกเลย น้อยครั้งมากที่ผมจะได้เห็นเค้าหลับ เพราะเวลานอนด้วยกันเค้าแทบจะตื่นก่อนผมทุกครั้งเลย

“งานเสร็จแล้วเหรอลุง”สงสัยเพราะเสียงเดินของผมทำให้เค้ารู้สึกตัว เค้างัวเงียขยี้ตาลุกขึ้นนั่งยื่นมือมาหาผม ผมขยับเข้าไปใกล้ก็โดนดึงเบาๆ ให้นั่งลงที่ตักของเค้า จมูกโด่งของเค้ากดลงมาที่ท้ายทอยของผม

“ง่วงแล้วก็ไปอาบน้ำ เข้าไปนอนในห้องดีๆ ไป”ผมบอกพร้อมตีมือเค้าที่ยุกยิกๆ อยู่แถวหน้าท้องผม

“ไม่ง่วงแล้ว หิวมากกว่า”

“อ้าว ยังไม่กินข้าวเหรอ”ผมถามอย่างสงสัยเพราะก็ย้ำไปแล้วว่าให้เค้าทานข้าวไปก่อนเลย

“หิวลุง”โหไอ้เด็กหื่นเอ้ย ไอ้เราก็อุตส่าห์เป็นห่วงนึกว่าหิ้วท้องรอ ที่แท้ก็เอาแต่คิดทะลึ่งนี่แหละ

“ปล่อยเลย จะไปกินข้าวแล้ว”ผมพยายามขืนตัวออกแต่เค้ากลับยิ่งกอดผมแน่นขึ้น เสียงหัวเราะในลำคอนั่นแสดงให้รู้ว่าเค้ากำลังแกล้งผมอยู่

“จุ๊บก่อนเดี๋ยวปล่อยเลย”อ้อมกอดเค้าค่อยๆ คลายออกให้ผมขยับตัว ไม่ใช่ว่าปล่อยให้ผมลุกนะครับ แค่ให้ผมหันหน้ามาเผชิญเค้าผมว่าท่านั่งของเราทั้งคู่ตอนนี้มันเริ่มจะล่อแหลมขึ้นเรื่อยๆ แล้วครับถ้ายิ่งผมไม่ทำตามที่ขอผมว่ามันจะยิ่งไปไกลกว่านี้

“แค่จุ๊บนะ จะไปกินข้าวแล้ว”เค้ายิ้มกว้างพยักหน้า แล้วก็ทำปากยื่นออกมารอจนน่าหมั่นไส้ คิดว่าตัวเองเป็นเด็ก 3 ขวบหรือไงเนี่ย แต่ก็นั่นแหละครับ เป็นผมที่รีบเอาริมฝีปากตัวเองไปแตะอย่างรวดเร็วแล้วลุก ก่อนที่อีกคนจะทำให้อะไรมันเกินเลยไปมากกว่านี้

“ไหนว่ากินข้าวแล้ว”พอผมเดินมาถึงโต๊ะกินข้าวก็ต้องแปลกใจอีกรอบเพราะอาหารบนโต๊ะมันดูยังไม่ได้พร่องลงไปเลยสักนิด แสดงว่าเค้าเองต้องยังไม่ได้ทาน

“ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าทานแล้ว”เค้าเดินตามผมมานั่งที่โต๊ะกินข้าว ตอบคำถามผมสบายๆ ส่วนผมก็เริ่มคิดทบทวนคำพูดของเค้าที่บอกว่า หิวผม ไอ้ผมก็ทึกทักไปเองสินะว่าตัวเค้าทานข้าวไปแล้ว

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอให้กินก่อนเลย”ผมบอกเค้าเสียงดุ

“กินพร้อมกันนี่แหละ มาๆ กินข้าวกันดีกว่า”ดุไปก็เท่านั้นสินะครับ เด็กบ้านี่ฟังผมเสียเมื่อไหร่กัน

“ไม่ต้องมายิ้มเลย”แล้วบรรยากาศการกินข้าวของเราก็มีเสียงบ่นของผม สลับกับเสียงระรื่นของเค้าจนในที่สุดผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ให้เค้าอีกตามเคย

“ลุง ผมสอบเสร็จเราไปเที่ยวกันไหม”หลังจากกินข้าวเก็บถ้วยจานเสร็จเรียบร้อย เค้าก็ถามขึ้นมา

“สอบเมื่อไหร่นิ”พักหลังมานี้ไม่ค่อยเห็นเค้าพูดเรื่องเรียนสักเท่าไหร่ ส่วนภาษาอังกฤษก็เหมือนว่าเค้าจะพัฒนาไปเยอะมากจนผมอดแปลกใจไม่ได้ แต่เค้าก็บอกว่าช่วงนี้มีติวที่โรงเรียนเยอะ แล้วเค้าเองก็ตั้งใจเรียนกว่าแต่ก่อน อย่างว่าแหละครับที่จริงเค้าเป็นคนหัวดี เพียงแต่ติดจะขี้เกียจเท่านั้นเอง

“ช่วงปลายเดือนนี้แหละ”ปลายเดือนก็อีกแค่ไม่ถึงสองอาทิตย์เต็มนี่นา นี่อ่านหนังสือบ้างหรือเปล่าเนี่ย

“งั้นใกล้สอบแล้ว ไม่ต้องทำกับข้าวเองก็ได้มั้ง ตั้งใจอ่านหนังสือดีกว่า”อยากให้เค้าตั้งใจกับการเรียนบ้างแหละครับ ไม่อยากให้มาอยู่กับผมแล้วการเรียนแย่ลง มันก็คงไม่ต่างจากที่ทางบ้านเค้าให้ย้ายออกมาจากคอนโดมั้งครับเนี่ย

“ไม่เอาอ่ะ ผมอยากทำให้ลุงกิน หนังสือผมทบทวนนิดเดียวก็ได้แล้ว”ก็ไม่ค่อยจะถ่อมตัวเลยนะแฟนใครเนี่ย

“งั้นถ้าทำกับข้าวก็งดมีอะไรกันจนกว่าจะสอบเสร็จ”

“ได้ไงอะลุง”ยังไงผมก็ยังอยากให้เค้าได้มีเวลาทบทวนบทเรียนเพิ่มขึ้นแหละครับ ถึงจะแค่ช่วงสอบนี่ก็ตามที แต่เจ้าตัวดูจะไม่ถูกใจข้อเสนอผมสักเท่าไหร่

“โน่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอา เรื่องเยอะเชียวนะเราเนี่ย”ผมว่าอย่างหมั่นไส้

“ปกติเค้ามีแต่จะให้รางวัลเป็นแรงจูงใจในการสอบไม่ใช่เหรอ นี่อะไรมีแต่จะขัดขวางความสุข”

“ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่”ทำเป็นมาพูดเสียงเศร้าครั้งนี้ผมไม่หลงกลหรอกครับ เรื่องอื่นผมอาจจะยอมเค้าบ้าง แต่เรื่องเรียนนี่ต้องใจแข็งหน่อยครับ

“แล้วรางวัลจูงใจนี่เค้าก็ต้องให้หลังสอบนิ เอางี้ถ้าสอบได้คะแนนดีพี่ยอมภู่ทุกอย่างเลย แต่ช่วงก่อนสอบภู่ต้องฟังพี่”เหมือนข้อเสนอผมอันนี้จะดึงความสนใจเค้าได้บ้าง

“คำว่าคะแนนดีของลุงนี่ต้องดีขนาดไหนละครับ”นั่นสินะขนาดไหนถึงจะเรียกว่าดี จะให้ที่จริงก็ไม่ได้จะกดดันอะไรเค้ามากหรอกนะครับ แต่ถ้าเค้าทำได้ดีมันก็เป็นผลดีกับเค้าเองนั่นแหละ

“เทอมที่แล้วสอบได้ที่เท่าไหร่”คงต้องประเมินจากจุดเดิมเค้าด้วยแหละครับ

“27 ครับ”หืมผมก็ว่าวิชาอื่นๆ คะแนนเค้าไม่ได้แย่ ที่มีไม่ค่อยดีก็แค่วิชาภาษาอังกฤษนี่นา

“เทอมที่แล้วผมติดเพื่อน เที่ยวเล่นด้วย ผมถึงโดนคำสั่งย้ายมาอยู่นี่ไง แต่ก็ต้องขอบคุณคะแนนห่วยของผมนะเนี่ย เพราะมานี่เลยได้มาเจอลุง”ก็ยังจะวนเวียนมาเรื่องเดิมจนได้สินะ ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วนี่เค้าก็ไม่ได้คะแนนแย่แบบตอนนั้นแล้ว ผมควรตั้งเป้าให้เค้าตรงไหนดีละ

“อันดับดีสุดที่เคยได้ละ”

“12 มั้งแต่นั่นมันตั้งแต่ ม.4 เทอมแรกตอนนั้นผมยังตั้งใจเรียนกว่านี้ไง”ตั้งใจกว่านี้งั้นเหรอ แสดงว่าตอนนี้ยังตั้งใจให้มากขึ้นไปอีกได้สินะ

“งั้นพี่ขอ Top 10”เค้ามีสีหน้าลำบากใจ แต่เอาจริงๆ สำหรับผมแค่จาก 27 ขึ้นมา 10 กว่าๆ ได้ผมก็ยินดีกับเค้าแล้วครับอย่างน้อยๆ ทางบ้านเค้าเองก็จะได้เห็นว่าเค้าเองก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว

“ตกลงครับ แต่ถ้าผมทำได้ลุงต้องตามใจผม เราจะมีอะไรกันทุกวัน วันละกี่รอบลุงก็ห้ามปฏิเสธ”เดี๋ยวนะครับนี่มันเป็นข้อเรียกร้องบ้าบออะไร ตอนนี้ผมชักจะอยากให้เค้าทำไม่ได้ขึ้นมาตงิดๆ เสียแล้วสิ เค้ายักคิ้วให้ผมอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม

“ได้ แต่ก่อนสอบเราจะไม่มีอะไรกันเลย และถ้าภู่ทำไม่ได้ตามที่ตกลง เราจะงดมีอะไรกันเพิ่มอีก 1 เดือน”คราวนี้เค้าหน้าเหวอไปนิดนึงแต่ก็กลับมามีสีหน้ามุ่งมั่นอีก มุ่งมั่นเสียจนผมเริ่มคิดว่าถ้าเกิดเค้าทำได้ขึ้นมาจริงๆ ผมจะรอดไหม

“แต่กอด จูบ หอมแก้ม อาบน้ำด้วยกัน ยังทำได้ใช่ไหมครับ”นั่นไงสายตาเจ้าเล่ห์มาอีกแล้ว เชื่อได้เลยว่าถ้าผมเผลอปล่อยตัวไปตามอารมณ์เค้าต้องยกผมมาอ้างแน่ๆ เพราะงั้นอะไรที่สุ่มเสี่ยงผมคงต้องตัดออกสินะ

“ยกเว้นอาบน้ำด้วยกัน ที่เหลือได้หมด”

“โอเคครับ”เค้าพุ่งเข้ามากอดผมจนเซไปนิดนึงเพราะไม่ทันตั้งตัว ว่าแต่จะมีแฟนคู่ไหนไหมเนี่ยเอาเซ็กซ์มาเป็นข้อตกลงในการสอบ อีกนิดนี่ผมจะคล้ายให้เด็กเอาตัวแลกเกรดแล้วนะครับเนี่ย

“เออภู่ สอบแล้วแบบนี้ก็เหลืออีกแค่เทอมเดียวสิใช่ไหม”อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่านี่เค้าก็จะจบมัธยมแล้ว ทำไมไม่เคยเห็นเค้าพูดเรื่องเรียนต่อเลย จำได้ว่าสมัยผมเรียนนี่บางคนได้ที่เรียนตั้งแต่ยังไม่สอบเทอมแรกเลยมั้ง แล้วนี่เค้าจะเรียนที่ไหน มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ไหม หรือจะกลับไปเรียนที่เชียงใหม่

“ตั้งใจจะเรียนต่อที่ไหน”ผมไม่ปล่อยให้ความสงสัยของตัวเองค้างคาอยู่นาน เค้าเงียบไปเล็กน้อยจนผมต้องผละออกเพื่อดูปฏิกิริยาของเค้า

“ก็คงมหา’ลัยในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ ติดที่ไหนก็เรียนที่นั่น ไม่ติดก็เรียนเอกชน”ผมขมวดคิ้วให้กับคำตอบของเค้าเพราะฟังดูมันไม่ใช่คำตอบที่คิดทบทวนมา คือถึงเค้าจะกวนๆ ไปบ้างแต่ผมว่าที่จริงเค้าน่าจะมีจุดมุ่งหมายนะครับ

“เอาดีๆ สิ อยากเรียนอะไร”

“ที่จริงก่อนเจอลุง ผมก็เคยคิดจะกลับไปเรียนที่เชียงใหม่นะครับ แต่ที่บ้านผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยหรอก สงสัยไม่อยากให้ไปก่อเรื่องใกล้ๆ บ้าน ตอนนั้นก็ยอมรับนะครับว่าอยากกวนที่บ้านเลยกะว่าจะดันทุรังกลับไปเรียนเชียงใหม่ให้ได้”เค้าพูดติดตลก แต่ผมว่าก็ไม่ค่อยตลกเท่าไหร่นะครับ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของเค้ากับที่บ้าน หรือเรื่องการตัดสินใจเรื่องเรียนของเค้า

“แล้วตอนนี้ละ”จริงๆ ถ้าเค้าไปเรียนที่เชียงใหม่ผมก็คงใจหายเหมือนกัน แต่ถ้าเค้าได้เรียนในสิ่งที่ชอบจริงๆ ผมว่ามันก็คงดีกว่า

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเลือกเรียนที่ผมชอบแน่นอน แล้วมันก็อีกตั้งนาน อย่าเพิ่งกังวลไปเลยลุงไปเตรียมรับศึกหนักหลังจากผมได้ Top 10 ไว้ดีกว่าครับ”





TBC

สั้นไปหน่อย แต่แวะมาให้หายคิดถึง กลัวจะลืมลุงกับภู่กันเสียก่อน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มีแรงจูงใจสท้านสเทิ้นแบบนี้ ภู่ทำได้แน่ๆ Top Ten  o18

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
อย่ามีดราม่ามากนะครับ หัวใจเราอ่อนแอ T^T

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 33
สอบเสร็จ






“สอบเสร็จแล้ว ป่ะเข้าห้องกัน”ทันทีที่ผมเปิดประตูบ้านเข้ามาผมก็โดนกระโดดกอดทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วไอ้ที่ชวนเข้าห้องนี่คืออะไรกันครับ ไหนจะการฝังจมูกลงมาที่แก้มผมนี่อีก เล่นอะไรของเค้าละเนี่ย

“ปล่อยก่อนได้ไหมภู่ มาชวนเข้าห้องอะไรกัน”ผมขืนตัวแกะมือเค้าออกอย่างทุลักทุเลเพราะในมือก็ยังถือข้าวของพะรุงพะรัง แล้วไอ้คนกอดผมนี่ก็เหมือนคนหื่นโรคจิตเข้าไปทุกที อะไรมันจะขนาดนั้น

“ก็สอบเสร็จแล้วไงครับ เราก็จู๋จี๋กันได้เต็มร้อยสักที”ตัวผมถูกกึ่งดึงกึ่งลากจนมาล้มลงที่โซฟา นี่แกล้งผมเฉยๆ หรือหื่นจริงๆ กันครับเนี่ย

“เดี๋ยวนะเราจะไม่มีอะไรกันจนสอบเสร็จ แล้วถ้าผลสอบออกค่อยมีผลตามที่ตกลงไง”ผมรีบคว้ามือซนๆ ของเค้าไว้ก่อนที่จะล้วงเข้าไปในกางเกงผม นี่ผมเพิ่งกลับบ้านมาน้ำท่าก็ยังไม่อาบเลยนะเนี่ย อย่าเพิ่งคิดไปไกลครับ ใช่ว่าถ้าอาบแล้วผมจะยอมเค้านะครับตามข้อตกลงมันไม่ใช่แบบนี้

“ก็ใช่ไงครับ”เค้าตอบเสียงระรื่น มือก็ยังซุกซนไม่หยุด

“แล้วนี่ผลสอบออกแล้วเหรอ”ผมผลักเค้าออกได้สำเร็จ พยายามถอยห่าง ขยับนั่งให้ห่างเค้าเพื่อความปลอดภัย

“ยังครับ”ทำไมสีหน้าเค้ายังมาสลด ก็ไหนถ้าผลสอบยังไม่ออกเค้ากับผมก็ยังจะไม่มีอะไรกันไม่ใช่เหรอ หรือผมพลาดตรงไหนไปหว่า

“อ้าวแล้วนี่จะมาชวนพี่เข้าห้องทำไม”

“เอ้าลุง ก็ระหว่างรอผลสอบเราไม่ได้มีข้อตกลงกันนิ แล้วผมก็ต้องอดทนมาตั้งเกือบสองอาทิตย์แล้ว ลุงยอมผมเหอะ”ผมค่อยๆ นึกตามที่เข้าพูด นี่ผมพลาดอีกแล้วสินะ แล้วนี่ผมก็ลืมถามก่อนสินะว่าตกลงผลสอบเค้าจะออกเมื่อไหร่

“เรามาคุยเรื่องเที่ยวกันก่อนดีกว่า ไหนว่าปิดเทอมจะชวนพี่ไปเที่ยว”ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะดูอาการเค้าไม่น่าจะแค่แกล้งผมเล่นๆ ดูแล้วนี่น่าจะกะลากผมเข้าห้องนอนจริงๆ

“ลุงอยากไปไหนละครับ”แม้ท่าทีจะอ่อนลง แต่ผมกะยังไม่วางใจเลยยังต้องตั้งการ์ดป้องกันไว้ก่อน

“ภู่ปิดเทอม พี่ให้ภู่เลือกเลยฉลองที่สอบเสร็จไง แต่ว่าขอไปช่วงเสาร์อาทิตย์นะ พ่วงวันธรรมดาได้สัก 2-3 วัน พี่ลาเยอะมากไม่ได้”ผมต้องทำเป็นตามใจเค้าก่อนครับ จะได้ไม่มาโฟกัสแค่เรื่องจะลากผมเข้าห้อง

“นี่อยากไปเปลี่ยนบรรยากาศกับผมละสิ”ผมรีบตะปบมือเค้าที่วางลงมาบนขาผมและเริ่มลูบเบาๆ ตกลงนี่การที่ผมไม่ยอมมีอะไรกับเค้าหลายวันนี่มันทำให้เค้าอัดอั้นขนาดนี้เลยหรือไงเนี่ย

“หยุดหื่นสักนาทีแล้วคุยกันดีๆ ก่อนได้ไหม”ผมบอกเสียงดุมองเค้าตาขวาง แต่เค้ากลับส่งยิ้ม ทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ยใส่ผมอย่างน่าหมั่นไส้ คนอะไรมันจะหื่นได้ขนาดนี้ อีกนิดนี่ผมจะเข้าใจว่าเค้าโรคจิตอยู่แล้วนะครับเนี่ย

“ผมไม่ได้หื่น แต่ผมแค่จะลงแดงลุงคิดดูดิ ผมได้แค่นอนกอดแล้วต้องหักห้ามใจอยู่ทุกคืนลุงไม่เห็นใจผมเหรอ”ตกลงนี่จะได้คุยเรื่องอื่นไหมเนี่ย ทำไมสุดท้ายมันก็วกกลับมาเรื่องบนเตียงอีกจนได้เนี่ย

“หยุด พอเลย”ผมรีบร้องห้ามเมื่อเค้าขยับจะขึ้นมาคร่อมบนตัวผม

“ติ๊งหน่อง”เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิต เมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านผมดังขึ้น เค้าหยุดชะงักขมวดคิ้วมองผมก่อนจะถามด้วยเสียงขุ่นๆ ว่าผมนัดใครไว้ แต่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละครับว่าใครมา ผมรีบผลักเค้าออกก่อนจะรีบลุกเดินออกไปดูหน้าบ้าน

“น้องแปง เป็นไงบ้าง”เสียงคนที่อยู่หน้าประตูบ้านส่งเสียงทักทาย คนที่ผมไม่คาดคิดว่าจะมาตอนนี้ คนที่คือน้าของไอ้คนหื่นที่อยู่ในบ้านผมนั่น แล้วนี่พี่ปุ๊กจะคิดยังไงที่ภู่มาอยู่มนบ้านผม เค้ารู้อะไรเกี่ยวกับผมและภู่บ้างหรือเปล่า

“สวัสดีครับพี่ปุ๊ก ไปไงมาไงครับเนี่ย”ผมพยายามทักทายให้ดูปกติที่สุด ทั้งที่ในใจกำลังกังวลกับเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับหลานชายของพี่ปุ๊ก

“พอดีแวะมาหาน้องภู่แต่ไม่รู้ไปไหนเนี่ย เลยแวะมาทักทายน้องแปงด้วย”

“ใครมาอะลุง”ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร หรือพี่ปุ๊กจะถามอะไรต่อ ไอ้คนที่อยู่ในบ้านก็เดินออกมาซึ่งเค้าเองก็ดูจะชะงักไปนิดนึงเหมือนกันที่เจอน้าตัวเองอยู่หน้าบ้าน ส่วนพี่ปุ๊กเองก็ดูแปลกในไม่น้อยที่มาเจอหลานชายอยู่ในบ้านผม

“น้าปุ๊กมาไงอะ”เหมือนจะเป็นภู่ที่ปรับอาการให้ปกติได้ก่อน

“มาอยู่นี่ได้ไง แล้วเมื่อกี้เรียกพี่เค้าว่าอะไร”นั่นไง ดีนะที่เด็กนี้ติดเรียกผมว่าลุง ถ้าเกิดเรียกอย่างอื่นที่มันดูเป็นแฟนกันนี่พี่ปุ๊กจะว่าไงเนี่ย ผมเองก็ไม่รู้ว่าทางบ้านของภู่เองมีความเห็นยังไงกับการที่ภู่จะคบกับคนเพศเดียวกันแถมนี่อายุห่างกันเกือบสิบปีอีก

“นี่น้องภู่มากวนอะไรน้องแปงมากหรือเปล่าคะเนี่ย หลานชายพี่ยิ่งกวนประสาทชาวบ้านเก่งอยู่ด้วย”ผมอมยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะคุณสมบัติหลานพี่ปุ๊กนี่ผมว่าผมเองก็พอจะรู้ดีแล้วแหละครับ

“โถ่น้าปุ๊ก ผมออกจะน่ารักน่าเอ็นดู”เค้ารีบเดินเข้ามาอ้อนน้าสาว พออยู่กับญาติผู้ใหญ่เค้าก็ยังดูเป็นเด็กคนนึงแหละครับ แวบนึงผมก็รู้สึกขึ้นมาจริงๆ ว่าอายุเราต่างกันขนาดนี้มันจะไม่มีปัญหาจริงๆ ใช่ไหม

“แล้วเมื่อกี้ไปเรียกพี่แปงเค้าว่าลุงทำไม”พี่ปุ๊กบอกเสียงดุ ตีแขนเค้าเบาๆ ด้วยความเอ็นดูแกมหมั่นไส้ ผมมองภาพตรงหน้าพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในใจ ความกังวลเกี่ยวกับครอบครัวของเราทั้งคู่เริ่มก่อตัวในใจผม แม้จะเคยได้ยินว่าความรักมันไม่ต้องการเวลา และอายุก็ไม่ใช่ปัญหา แต่สำหรับผมกับเค้าเรียกว่าเราทั้งรู้จักกันได้ไม่นาน อายุก็ต่างกันเกือบ 10 ปี

“ก็พี่แปงอายุเยอะกว่าภู่ตั้งเกือบ 10 ปี”หัวใจผมกระตุกวูบนิดนึงที่ได้ยินเค้าพูดแบบนั้น ถึงมันจะคือความจริงก็เถอะ เค้าหันมามองผมนิดนึงคงสังเกตเห็นว่าผมชะงักไปสินะ ผมพยายามยิ้มแย้มให้เหมือนปกติ

“แต่เค้าก็ไม่ได้แก่กว่าพ่อแม่เราเสียหน่อย อีกอย่างพี่เค้าก็ยังไม่ได้แก่ เรียกพี่ก็พอ ป่ะกลับไปคุยกันที่บ้านมารบกวนอะไรพี่เค้าที่นี่”

“ไปนะคะน้องแปง”ผมเพียงยิ้มตอบรับให้ทั้งคู่ที่เดินออกไป ภู่หันกลับมาทำปากส่งจูบให้ผม จนผมต้องใช้สายตาดุๆ ว่าทำตัวดีๆ หน่อย เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่อยากให้คนรอบข้างหรือครอบครัวของเราทั้งสองฝั่งรู้เรื่องระหว่างเราสองคนสักเท่าไหร่หรอกนะครับ ยอมรับว่าการที่เคยโดนครอบครัวไม่เห็นด้วยกับความรักแบบนี้ทำให้ผมค่อนข้างกังวลไม่น้อยเลย

แล้วนี่ผมเอายังไงต่อละทีนี้กับข้าวก็เหมือนภู่จะยังไม่ได้ทำกับข้าวด้วย นี่ก็ไม่รู้ว่าพี่ปุ๊กเองจะพาภู่ไปไหน หรือจะมาค้างด้วยหรือเปล่า เพราะนี่ก็จะค่ำแล้ว คงไม่ใช่แวะมาเฉยๆ แน่นอน ผมถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะตัดสินใจอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนมื้อเย็นถ้าภู่ไม่มานี่อีก ผมก็คงไม่พ้นมาม่า


หลังจากอาบน้ำอะไรเสร็จทีแรกผมคิดว่าจะต้มมาม่าโง่ๆ ตามความสามารถผมนี่แหละครับ แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับไม่อยากทำเสียดื้อๆ ได้แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่ตรงโซฟา สงสัยผมคงเคยชินกับการที่มีอีกคนทำให้กินตลอดเสียแล้ว แล้วนี่ภู่เองก็กลับบ้านไปกับพี่ปุ๊กเกือบชั่วโมงแล้ว ถ้าผมทักอะไรไปจะเหมาะหรือเปล่านะ ผมจ้องหน้าจอมือถือจนแทบจะทะลุเข้าไปแล้วครับ ใจนึงก็อยากถามว่าเค้าจะกลับมานี่ไหม แต่อีกใจก็ว่ามันอาจไม่เหมาะ พี่ปุ๊กอาจมีธุระอะไรสำคัญมาคุยกับหลายเค้า หรือบางทีอาจจะค้างด้วยหรือเปล่านะ

“ลุงทานไรยัง”ผมที่ยังนอนจ้องมือถืออยู่แทบจะทำมือถือร่วงใส่หน้าตัวเอง ก็อีกคนเล่นโผ่เข้ามาแบบกะทันหัน เล่นเอาผมสะดุ้งเลย

“น้าภู่ละ”ผมถามกลับแทนที่จะตอบคำถามเค้า

“กลับไปแล้ว ตกลงลุงยังไม่ทานไรใช่ไหม รอแป๊บนึงเดี๋ยวผมทำไข่เจียวสูตรเร่งรัดให้ทาน”แทบไม่รอให้ผมพูดอะไรต่อ เค้าฉีกยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะหายเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว

ผมไม่ได้ตามเค้าเข้าไป แต่ก็ลุกขึ้นนั่งอมยิ้มอยู่ที่โซฟา แต่รู้ว่าเค้าเป็นห่วงที่ผมยังไม่ทานข้าว แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วครับ ไม่นานนักกลิ่นไข่เจียวก็ลอยออกมาเตะจมูกผม จนน้ำย่อยในกระเพาะผมทำปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว

“ไข่เจียวแหนมร้อนๆ มาแล้วครับ”ข้าวไข่เจียว 2 จานถูกยกมาวางที่โต๊ะกินข้าว พร้อมกับพ่อครัวส่วนตัวของผมที่ฉีกยิ้ม ก้าวยาวๆ มาฉุดแขนผมให้ไปนั่งด้วย ผมก็เดินตามเค้าอย่างว่าง่ายแหละครับ

“แล้วนี่พี่ปุ๊กมาทำไรเหรอ”ผมพยายามถามเหมือนพูดคุยทั่วๆ ไป เพราะไม่อยากให้เค้าคิดว่าผมล้ำเส้นกับเรื่องส่วนตัวของเค้ามากเกินไป แต่ในใจก็มีความอยากรู้เหมือนกันแหละครับ แหมก็ตั้งแต่ผมมาอยู่นี่จากโทรมานิดหน่อยก็ไม่เคยเห็นพี่แกมาเลยนี่นา มันก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดาว่ามีเรื่องอะไรสำคัญหรือเปล่า

“อ๋อ พอดีน้าปุ๊กมาธุระที่กรุงเทพฯ พอดีแล้วรู้ว่าผมสอบเสร็จจะปิดเทอม เลยจะมารับกลับเชียงใหม่พร้อมกันนะครับ”ผมเงยหน้าขึ้นมองเค้าแทบจะทันที ก็ถ้าเค้าไปเชียงใหม่ช่วงปิดเทอมผมคงเหงาแย่ เล่นมาทำผมเคยตัวกับการมีเค้าขนาดนี้ แต่ถ้าเค้าไปจริงๆ ผมก็คงไม่มีสิทธิ์อะไรไปห้าม ปิดเทอมตั้งหลายวันครอบครัวเค้าก็คงอยากให้ไปอยู่บ้านเป็นเรื่องธรรมดา

“แล้วจะไปวันไหน อยู่กี่วัน แบบนี้ที่เราคุยกันว่าจะไปเที่ยวก็ไม่ได้ไปแล้วสิ”เหมือนกับว่าคำพูดของผมมันจะหลุดถามออกไปไวกว่าความคิดเสียอีกครับ

“ทีจริงน้าปุ๊กจะให้ไปวันนี้เลย”เค้ายังคงบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ผมนี่รู้สึกใจหายขึ้นมาแทบจะทันที

“แต่ผมบอกไปว่าต้องไปช่วยงานอาจารย์ที่โรงเรียนอีกนิดหน่อย ค่อยนั่งเครื่องกลับไปวันหลัง ก็คงอยู่บ้านสักอาทิตย์แค่นั้นแหละ แล้วเราค่อยไปเที่ยวกันหลังจากนั้น”ผมขมวดคิ้ว ปิดเทอมตั้งหลายวันจะอยู่บ้านแค่อาทิตย์เดียว ที่บ้านเค้าคงไม่ชอบเท่าไหร่มั้ง ขนาดให้พี่ปุ๊กมารับขนาดนี้ ที่บ้านเค้าก็คงอยากให้อยู่บ้านตลอดปิดเทอมนั่นแหละมั้งครับ

“เรื่องเที่ยวนี่ หรือภู่จะพาพี่เที่ยวเชียงใหม่ดี เดี๋ยวพี่ดูวันหยุดแล้วบินเชียงใหม่ก็ได้นะ ภู่จะได้มีเวลาอยู่บ้านนานๆ”ผมเสนอ

“อยากให้ผมพาไปให้พ่อแม่ดูตัวเหรอ”แทบจะอยากเอาส้อมในมือทิ่มตาครับ ไอ้เราก็กำลังจริงจังยังจะมาพูดเล่นทำหน้าทะเล้นใส่อีก

“ไม่ไปแล้วก็ได้”บอกอย่างเคืองๆ ไปด้วยความหมั่นไส้ครับ

“อย่าเพิ่งงอนสิครับ ถ้าลุงอยากไปเชียงใหม่ก็เอาตามนั้นก็ได้ครับ แต่ตอนนี้เรารีบกินข้าวให้เสร็จแล้วเข้านอนกันดีกว่าครับ”เค้าชี้มาที่จานข้าวเร่งให้ผมรีบทาน

“ง่วงแล้วเหรอ”ผมถามพร้อมหันไปดูนาฬิกาที่ก็ยังไม่ได้ดึกมาก

“ไม่ง่วงแต่ต้องรีบทำเวลาครับ”

“เวลาอะไร”ผมถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็อีกไม่กี่วันผมต้องกลับเชียงใหม่ ไม่ได้เจอลุงตั้งหลายวัน”

“แล้ว”ผมยังคงถามซื่อๆ ด้วยความไม่รู้ แต่พอเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ส่งมา ก็เพิ่งจะรู้สึกว่าตัวผมคงไม่ปลอดภัยเสียแล้ว

“ให้ผมแสดงให้ดูตรงนี้เลยไหมครับ”ผมรีบห้ามเมื่อเข้าใจแล้วว่าไอ้ที่เค้าพูดนั้นสื่อถึงอะไร ไอ้ผมก็ลืมไปว่าวันนี้เค้าจะเริ่มตั้งแต่ผมเข้าบ้านมาแล้วนี่นา

“เรียกพี่ปุ๊กกลับมารับไปเชียงใหม่ด้วยตอนนี้เลยทันไหม”ผมแกล้งแหย่อย่างหมั่นไส้

“ทำเป็นพูดดีไป เดี๋ยวคืนนี้จะจัดให้จนลุงต้องร้องขอให้ผมอยู่ต่อ ไม่ต้องกลับเชียงใหม่เลยคอยดู”



TBC


มาต่อครับ

ก็อาจจะทิ้งช่วงหน่อยๆ แต่จะพยายามมาให้ได้ทุกวีค

ขอบคุณที่ยังติดตามกันนา  :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 34
ใครเซอร์ไพรส์ใคร




“แค่นี้นะพี่ต้องทำงานต่อแล้ว”สัปดาห์นึงแล้วสินะที่เค้ากลับเชียงใหม่ไป ถามว่าผมเหงาไหมที่ไม่มีเค้าคอยกวนตอนกลับถึงบ้าน มันก็นิดหน่อยแหละครับ กับข้าวที่ซื้อกินเองก็ไม่ค่อยถูกปากเอาเสียเลย แต่สิ่งที่ทำให้ผมยิ้มได้ก็ไอ้การรับโทรศัพท์จากเค้านี่แหละครับ เช้าโทรมาปลุก เที่ยงโทรมาย้ำให้ทานข้าว เย็นก็โทรมาส่งเข้านอนทุกวัน

“คิดถึงลุงจังเลย อยากกลับไปนอนกอดลุงแล้ว”น้ำเสียงติดจะงอแงหน่อยๆ เหมือนยังไม่อยากวางสาย ทั้งที่ก็คุยกับผมตั้งแต่เที่ยงจนจะบ่ายแล้วเนี่ย

“ก็เดี๋ยวไปเจอกันที่เชียงใหม่ไง”ผมอมยิ้มบอกออกไปเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเดินทางไปเชียงใหม่

“อีกตั้งหลายวันกว่าลุงจะมา ลุงมาวันนี้เลยไม่ได้เหรอครับ”

“พี่ต้องทำงานไงครับ เด็กดีอย่างอแงสิ”ช่วงนี้ต้องโอ๋เค้าหน่อยครับ ตั้งแต่กลับเชียงใหม่ไปนี่ดูเค้าอ้อนเก่งมากๆ เลย แต่ตอนนี้ผมต้องรีบวางสายจริงๆ แล้วละครับ ก่อนที่ผมจะหลุดปากออกไป ว่าจริงๆ แล้วผมจะเดินทางไปเชียงใหม่วันนี้แหละครับแต่ไม่บอกเค้ากะว่าจะไปเซอร์ไพรส์ นี่เค้าก็ยังเข้าใจว่าอีก 3-4 วันผมถึงจะบินไป

หลังจากวางสายไปผมก็รีบปั่นงานอย่างด่วนเลยครับ เพราะพรุ่งนี้ก็ลางานแล้ว ดีที่ทั้งพี่ฟ่างพี่ต้าร์บอกว่าจะช่วยถ้ามีงานด่วนเข้ามา ก็เกรงใจพี่ๆ เค้านะครับแต่ก็ไว้ซื้อของฝากมาเซ่นพวกพี่ๆ แกละกันครับ

การทำงานของผมวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นพอเลิกงานผมก็ตรงไปสนามบินทันที เพราะเตรียมพร้อมมาแล้วรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะครับที่จะได้ไปเจอเค้า นี่ทำยังกะว่าไม่ได้เจอกันเป็นปีเลยนะเนี่ย ผมหัวเราะขำๆ กับตัวเอง โชคดีที่วันนี้รถไม่ติดมากนักเพียงไม่นานผมก็เดินทางมาถึงสนามบิน

“ถึงหรือยังคะคุณเพื่อน”ผมกดรับสายจากข้าวหอม เพื่อนสนิทที่โทรเข้ามาพอดี ไม่ต้องแปลกใจครับ งานนี้ผมไม่ได้ไปคนเดียว ข้าวหอมกับพี่โตไปด้วย คือพอคุณเพื่อนสนิทผมรู้ว่าผมจะไปเชียงใหม่ก็มาขอไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ผมก็บอกภู่ไปแล้วนะครับว่าข้าวหอมจะไปด้วย ทีแรกนึกว่าจะโดนโวยวายอยากอยู่กับผมสองคนแต่ดันไม่ว่าอะไร

“เจอกันข้างในเลย”ผมมองนาฬิกาว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก ดีหน่อยที่ผมไม่ได้เอาอะไรไปมากไม่ต้องโหลดกระเป๋า แล้วก็เช็คอินมาเรียบร้อย

ผมเจอและทักทายกับพี่โตข้าวหอมนิดหน่อยเมื่อเจอกัน แล้วเราก็ต้องรีบขึ้นเครื่อง ใช้เวลาเพียง ชั่วโมงเดียวเราก็ถึงเชียงใหม่ พี่โตเป็นคนจัดการเรื่องเช่ารถกับจองโรงแรมไว้ การที่มาถึงค่ำๆ แบบนี้แม้จะอยากไปเจอภู่หรือให้เค้ามาเจอคงจะยังไม่เหมาะเท่าไหร่เลยกะว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยเซอร์ไพรส์เค้าจะดีกว่า

“แบตหมดเหรอลุง โทรหาตั้งหลายทีไม่ติดเลย”ทันทีที่ผมเปิดโทรศัพท์มือถือข้อความจากเค้าก็ส่งก็เด้งขึ้นมาที่หน้าจอทันที ผมต้องรอขึ้นรถก่อนถึงจะโทรหาเค้าได้เพราะเดี๋ยวเค้าจะผิดสังเกตกับเสียงรอบๆ ตัวผม

“ไมปิดเครื่องอะลุง”ทันทีที่ผมต่อสายถึงเค้าก็โดนยิงคำถามด้วยเสียงแข็งๆ ทันที เด็กบ้าเอ้ยนี่ต้องกำลังหน้าบึ้งอยู่แน่ๆ เลย

“พี่ต้าร์แกล้งปิดนะสิ พี่ก็มัวแต่ทำงานเลยลืมดู”ขอโทษนะครับพี่ต้าร์ แต่ไม่มีใครจะเหมาะเป็นข้ออ้างให้ผมเท่าพี่อีกแล้ว

“แล้วนี่กินข้าวยังครับ”น้ำเสียงเค้าเริ่มอ่อนลง

“กำลังจะไปหาไรกินกับข้าวหอมแล้วก็พี่โต”อันนี้คือเรื่องจริงครับไม่ได้โกหก แค่ไม่บอกว่าไปทานที่ไหนเท่านั้นเอง

“รีบกลับมาเลยนะน้องภู่ นี่เพื่อนพี่จะตรอมใจอยู่แล้วที่แฟนไม่อยู่”ข้าวหอมที่แอบฟังการคุยของผมอยู่ตะโกนแทรกเข้ามาจนผมต้องผลักข้าวหอมเบาๆ เอามือปิดมือถือไม่ให้เสียงเข้ามามากกว่านี้

“ฮ่าๆ ฝากบอกพี่หอมด้วยนะครับว่าให้รีบพาลุงมาหาผมดีกว่า”เค้าบอกอย่างอารมณ์ดี

“พี่แปง...วันนี้ผมขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนนะครับ”ผมขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน ปกติผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรเค้าเสียหน่อย จะมาขอผมทำไมเนี่ย

“นี่เห็นพี่เป็นแฟนแก่ขี้บ่นเหรอ จะไปกับเพื่อนก็ไปเลยพี่ไม่ว่าหรอก”

“แต่คือว่า...”

“ไปเถอะพี่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่อย่าดื่มหนักมากแล้วกัน”ผมบอกออกไปให้เค้าสบายใจ ที่จริงก็ดีนะที่ผมไม่เซอร์ไพรส์เค้าวันนี้

“เดี๋ยวตอนกลับผมไลน์บอกนะครับ วันนี้ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ส่งเข้านอน”ทำมาพูดเสียงเศร้า ที่จริงก็คงอยากไปสนุกกับเพื่อนละสิ

“ไม่เป็นไรอีกไม่กี่วันก็เจอกันแล้ว เออเกือบลืมเลยพรุ่งนี้สักสายๆ ว่างหรือเปล่า”เกือบวางสายไปแล้วครับ แต่นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ต้องตีเนียนให้เค้าออกมาหา เพราะถ้าให้ผมเข้าไปบ้านเค้าก็คงไม่สะดวก บอกเลยว่าผมนี่แหละครับที่ยังไม่พร้อม

“ว่างทั้งวันเลยครับ”

“งั้นวานไปที่โรงแรม...หน่อยสิพอดีมีเพื่อนพี่เค้าจะฝากของไว้ให้”ผมเริ่มชักนำเค้าให้มาตามแผนการเซอร์ไพรส์ นี่ก็ชักอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ แล้วสิเนี่ยเค้าจะดีใจไหมนะที่ผมมาก่อนวันที่ตกลงกันไว้ เราคุยอะไรกันอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสาย

“ถ้าจะยิ้มขนาดนี้ บอกเค้ามาเจอวันนี้เลยไหมละคะ หมั่นไส้”เสียงของเพื่อนสนิทส่งมาแหย่ผม ทำมาเป็นจะแซวผมทีตัวเองตัวติดกับพี่โตขนาดนั้นผมไม่เห็นจะแซวอะไรเลย ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรข้าวหอมอีก เราบึ่งตรงเข้าโรงแรมเช็คอิน และกะว่าจะออกไปทานมื้อเย็นกันก่อน ค่อยกลับมาพักผ่อน

ข้าวหอมเป็นคนเลือกร้านสำหรับมื้อค่ำของเราทั้งสามในวันนี้ ผมเองยังไงก็ได้อยู่แล้วละครับ เพราะเอาจริงๆ ก็ไม่ได้มาเชียงใหม่นานมากแล้ว เรียกว่าไม่รู้จักร้านเลยจะถูกกว่า ส่วนข้าวหอมกับพี่โตนี่มาบ่อยเสียจนผมว่าควรซื้อบ้านที่นี่จะดีกว่าครับ

ร้านที่ข้าวหอมเลือกจัดว่าโอเคทีเดียวครับ บรรยากาศดูสบายๆ แขกในร้านส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ พูดง่ายๆ ว่ามีแต่ฝรั่งมากกว่าครึ่งร้านทีเดียวเชียวครับ

“แก กินข้าวเสร็จไปดื่มต่อกันไหม”ข้าวหอมถามขึ้นขณะที่อาหารกำลังทยอยออกมาเสิร์ฟ

“ไม่เอาอ่ะ ถ้าจะไปแกไปกับพี่โตสองคนเลย”ผมบอกปัดเพราะผมก็ไม่ใช่คอดื่มอยู่แล้ว แถมคืนนี้ผมก็นอนคนเดียวด้วย คออ่อนๆ อย่างผมเกิดเมาขึ้นมาใครจะดูแล อีกอย่างพรุ่งนี้ผมจะเซอร์ไพรส์ภู่ให้มาหาแต่เช้าด้วย ข้าวหอมไม่ได้เซ้าซี้อะไรผมอีก เราก็ทานข้าวกันจนเสร็จเรียบร้อย จ่ายเงินอะไรเสร็จ ผมก็เข้าใจว่าเดี๋ยวคงกลับโรงแรม ถ้าข้าวหอมจะไปไหนต่อก็คงแวะไปส่งผมก่อน แต่เปล่าครับ เพื่อนตัวดีของผมเล่นมัดมือชกผมเอาเสียดื้อๆ

“ก็นั่งด้วยกันก่อนสักแป๊บไงแก นะๆ ไม่ดึกหรอก ถ้าแกไม่อยากดื่มก็ไม่ต้องดื่ม แต่เอาจริงๆ นะแกมาเที่ยวทั้งทีจะมัวไปอุดอู้อะไรอยู่แต่ในห้อง ไว้พรุ่งนี้น้องภู่สุดหล่อแกมาค่อยกกกันอยู่ในห้องก็ได้ แต่ตอนนี้สนุกกับเพื่อนก่อนนะคะ นี่ค่ะสั่งเครื่องดื่ม”เมนูเครื่องดื่มถูกยื่นใส่มือผม

ผมถอนหายใจส่ายหน้า ทำทุกอย่างที่แสดงให้คุณเพื่อนเห็นว่าผมไม่อยากอยู่ต่อ แต่ก็เท่านั้นแหละครับมีหรือที่ข้าวหอมจะยอม ทำให้ผมต้องนั่งอ่านเมนูในมืออย่างเสียไม่ได้ ดูแล้วผมก็มึนสิครับ นี่มันอะไรบ้าง อ่านชื่อแล้วผมแทบไม่รู้จักเลย จนสายตาไปสะดุดกับรูปแก้วเครื่องดื่มแก้วนึง ที่มีใบมิ้นต์วางอยู่ด้านบนในแก้วเป็นน้ำสีขาว ด้านล่างเหมือนมีอะไรบางอย่างอีกแต่มองแล้วทำให้รู้สึกว่าถ้าดื่มเข้าไปมันน่าจะสดชื่นแน่ๆ

“มันคืออะไรเหรอครับ”ผมชี้ที่แก้วถามพนักงาน สายตาก็มองชื่อเครื่องดื่มที่ปรากฏอยู่ “Mojito”

“โมฮิโต้ เป็นคอกเทลเหล้ารัมครับ”แล้วไอ้เหล้ารัมนี่มันคืออะไรละครับเนี่ย ถ้าผมถามเพิ่มอีกนี่จะดูโง่ไปไหมครับเนี่ย

“อร่อยครับ ดื่มง่าย คล้ายๆ น้ำมะนาวแต่จะมีกลิ่นมิ้นต์ร่วมด้วยครับ”เหมือนพนักงานจะรู้ว่าผมต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม ผมตัดสินใจเลือกเครื่องดื่มแก้วที่ถามไป พี่โตเหมือนจะไม่ดื่มครับเพราะต้องข้บรถ ซึ่งที่จริงทั้งสองคนดื่มแล้วให้ผมขับน่าจะดีกว่าด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละครับ ผมขัดข้าวหอมได้ที่ไหน

“มาค่ะเพื่อนแปง ชนแก้ว”ผมไม่รู้ว่าแก้วของข้าวหอมเรียกว่าอะไรแต่ก็สีสันสวยดีครับ ส่วนโมฮิโต้ของผมก็อร่อยดีครับ ผมว่ามันไม่เหมือนน้ำมะนาวเท่าไหร่ แต่ก็เปรี้ยวๆ หวานๆ จิบเพลินดีเหมือนกันนะครับ จิบไปจิบมาก็ปาไป 4 แก้วแล้วผมเริ่มรู้สึกสนุกขึ้นกว่าเดิมอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่ในตอนแรกผมไม่ชอบร้านกว้างๆ นี่เลยถึงร้านจะดูกว้างแต่คนก็เยอะจนเรียกว่าแน่นจนอึดอัด ทีแรกก็ยังไม่แน่นมากนะครับ แต่เหมือนยิ่งดึกคนก็ยิ่งเยอะ

“กลับเหอะแก”ผมบอกกับข้าวหอมเพราะเริ่มรู้สึกแล้วว่าถ้าดื่มต่อผมอาจจะไม่ไหวก็เป็นได้

“พี่ว่าก็ดีนะหอม วันนี้กลับไปพักผ่อนก่อน ยังอยู่อีกหลายวันค่อยเที่ยววันหลังอีกทีเนอะ”อย่างน้อยก็ยังมีพี่โตที่จะช่วยปรามยัยข้าวหอมนี่บ้าง สรุปเราเลยได้ฤกษ์กลับเสียที

“เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะแก เสร็จแล้วเจอกันที่รถ”ผมลุกแยกตัวออกมาเพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมมาถึงห้องน้ำมีคนเข้าค่อนข้างเยอะพอสมควร คงเพราะการดื่มทำให้คนเราเข้าห้องน้ำบ่อย นี่ถ้าไม่ปวดมากผมก็จะไม่มาหรอกนะครับ ทนได้นี่กลับไปเข้าที่โรงแรมแล้วครับ ผมรออยู่พักนึงก็ทำธุระเสร็จเรียบร้อย

“รอด้วยสิภู่”เสียงเรียกนั้นทำให้ผมต้องหันไปมอง ตอนนี้ผมเดินออกมาตามทางเชื่อมจากตัวร้านเพื่อจะออกไปลานจอดรถ เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวที่ค่อนข้างสวยสมวัยทีเดียว ส่วนเจ้าของชื่อหันหลังกลับไปมองคนที่เรียก แม้จะเห็นแค่แผ่นหลังผมก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้คือภู่คนเดียวกันกับ “ภู่ของผม”

ทั้งคู่คงเพิ่งจะมาถึงและคงยังไม่ทันมองเห็นผม ผมกำลังจะเรียกให้คนที่หันหลังอยู่นั่นมองมาที่ผม เพราะรู้สึกไม่ค่อยชอบเลยที่เห็นเค้ามาพร้อมผู้หญิงสวยแบบนี้ แม้เค้าจะบอกผมแล้วว่าวันนี้จะออกมาเที่ยวกับเพื่อน ทีแรกผมก็นึกว่าจะมากันกลุ่มใหญ่ แล้วไหงกลายเป็นว่ามาสองคนแบบนี้ ไอ้เด็กบ้าเอ้ยไหนบอกคิดถึงกัน แล้วนี่มาทำสวีทกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง ปากที่อ้าจะเรียกชื่อของอีกคนของผมต้องค้างอยู่แบบนั้น เมื่อสองคนที่ผมมองอยู่และทั้งคู่ไม่รับรู้ในการมีตัวตนของผมกำลังจูบกัน

ใช่ครับ “จูบ” แม้ภู่จะไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ทำไมเค้าไม่ปฏิเสธละเนี่ย ผมรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังโกรธแล้ว ทั้งที่กะจะมาเซอร์ไพรส์ เค้าแต่ดันมาเจอฉากเซอร์ไพรส์กว่าแล้วนี่ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน

“ทำอะไรเนี่ยฝ้าย บอกแล้วไงว่าเรามีแฟนแล้ว”จากตอนแรกผมตั้งใจจะหลบฉากแล้วจากไปอย่างเงียบๆ แต่พอได้ยินประโยคนั้นทำให้ผมเปลี่ยนใจเดินเข้าไปแสดงตัว

“ลุง”น้ำเสียงตกใจ แถมดูลนลานของอีกฝ่ายทำเอาผมนึกขำ นี่ถ้าเป็นปกติผมอาจจะวิ่งหนีไปตั้งแต่เห็นเค้าจูบกันและคงกลับโรงแรม ดีไม่ดีพรุ่งนี้เช้าคงหนีกลับกรุงเทพฯ เป็นแน่ แต่เพราะไอ้ “โมฮิโต้” ที่คงทำให้ผมรู้สึกอยากทำอะไรแผลงๆ บ้าง ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของภู่ หันมองหน้าน้องผู้หญิงคนนั้นนิดนึงก่อนจะเอื้อมมือขึ้นไปคล้องคอคนตรงหน้าดึงก้มลงมาให้พอดีกับริมฝีปากผมที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว ผมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วผละออกจากภู่ เอียงหน้าหันไปมองหญิงสาวคนเดิมที่กำลังอ้าปากค้างอยู่

“ขอโทษนะครับน้อง คนนี้แฟนพี่”





TBC

ไม่เอามาม่าเนอะ  o13

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ภู่ ทำไมยอมให้เขาจูบล่ะ  :m16: :m16: :m16:
แค่บอกไม่พอ ต้องกัน ดันตัวเขาห่างๆไปเลย  ไม่ใช่แบบนี้
 

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
มีแฟนเด็กต้องหมั่นฟิตร่างกายนะจ๊ะลุง    :hao6:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ไม่มีมาม่าหรอ ไม่หนุกเลอะ  :hao6: :hao6: :hao6: ล้อเล่นนะ

 :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด