[END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]  (อ่าน 99003 ครั้ง)

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 36

“...พี่ อย่าทิ้งผมนะ”

 

[ภูตลา]

เพราะเมื่อวานเจอคนเมาทำให้เสียศูนย์เกือบยับยั้งชั่งใจเอาไว้แทบไม่อยู่ พระภูมิเจ้าที่หนุ่มจึงเลือกที่จะเฟดตัวเองออกมาจากบ้านของเจ้าเด็กตัวแสบเป็นการชั่วคราว ตั้งใจจะหลบภัยอยู่ในศาลไม่ออกไปเจออีกฝ่ายจนกว่าเขาจะลืมรสจูบเมื่อวานได้

แม้สวรรค์จะไม่ได้เคร่งครัดในข้อห้ามเรื่องการมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันของเทวดานางฟ้า แต่ด้วยความที่พวกเราล้วนคิดตรงกันเสียส่วนใหญ่ว่าตนเองเป็นสิ่งบริสุทธิ์ ความรักและความสัมพันธ์ฉันคนรักจึงมิใช่เรื่องจำเป็น ดังนั้นแล้วกับเด็กหนุ่มชาวมนุษย์เองก็หาใช่ข้อยกเว้นไม่ ตราบใดที่เขายังเป็นเทวดาอยู่ ภูตลาคิดว่าเขาควรจะอดทนอดกลั้นเอาไว้เสียก่อนน่าจะดีกว่า

เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กนั่นจะตื่นมาแล้วเป็นยังไง จะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้หรือไม่ เอาเป็นว่าเจ้าที่หนุ่มรู้สึกไม่พร้อมกับการพบหน้ากันในเช้าวันนี้เท่าไหร่นัก...แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ลึก ๆ ในใจเขาก็ยังเป็นห่วงแทงค์อยู่ดี เมื่อคืนเมาขนาดนั้นคงไปเรียนในวันนี้ไม่ไหวเป็นแน่ ไหนจะงานพาร์ทไทม์ที่ซุปเปอร์ฯ ตอนบ่ายนี้อีก สงสัยคงต้องไปลางานให้เสียแล้วล่ะมั้ง

ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาหรอก แต่ทำให้เด็กน้อยขี้เมาหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นะ...คิดได้ดังนั้นภูตลาจึงโผล่มาปรากฏตัวที่ศาลของพระภูมิเจ้าที่ประจำดีซีซุปเปอร์ฯ อีกฝ่ายเห็นเขาก็เอ่ยทักอย่างยินดี

“อ้าว ว่าเช่นไรท่านภู มีธุระอะไรกับข้ารึ?”

“สวัสดียามเช้าท่านภาธี ข้าเพียงแต่แวะมาเยี่ยมเยียนท่านก่อนไปทำธุระส่วนตัวน่ะ”

“หึ ๆ ธุระของท่านภูคงไม่พ้นเรื่องของเจ้าบ้านหลังนั้นใช่หรือไม่” คนโดนแซ็วไม่ตอบคำ เบือนสายตาไปมองทางอื่นแทน เรียกเสียงหัวเราะอีกระลอกจากภาธี “เอาเถอะ ข้ารู้ว่าเด็กคนนั้นสำคัญกับท่านเพียงใด”

“รู้?” คราวนี้เรียกความสนใจของภูตลาให้หันกลับมาเลิกคิ้วย้อนถามเสียงสูงจนได้ ภาธียิ้มบาง ๆ หากแต่ในดวงตาฉายชัดถึงความเห็นใจ

“ตอนนี้ใคร ๆ ก็รู้เรื่องของท่าน แม้ไม่ใช่เทวดาทั้งหมดในสวรรค์ แต่ก็มีไม่น้อยที่รู้ว่าท่านกำลังทำอันใดอยู่”

“แล้ว...พวกเขามีปฏิกิริยาเช่นไรกันบ้างล่ะ”

“ก็มีหลากหลายเสียงนะท่าน บ้างก็ว่าท่านทำไม่ถูกต้อง บ้างก็ว่าท่านน่าเห็นใจ บ้างก็ตกใจไม่น้อย และบ้างก็เอาใจช่วยท่านให้ทำสำเร็จ แต่ก็นะ...ถึงพวกเขาจะรู้ว่าท่านกำลังคิดจะทำสิ่งใด หากแต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังหรอกว่าท่านจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทน พวกเขารู้เพียงว่าท่านทำทุกอย่างก็เพื่อเด็กหนุ่มคนนั้น”

“งั้นหรือ”

“ข้าเอาใจช่วยท่านนะท่านภู เฮ้อ ความรักนั้นมีอำนาจเหนือสิ่งใดจริง ๆ” เจ้าที่ประจำศาลพระภูมิของซุปเปอร์ฯ แห่งนี้ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะว่าต่อ “เอาเถิด ท่านไปทำกิจของท่านเถิด ไว้พบกันใหม่ในภายหลัง หวังว่าเราจะได้เลี้ยงฉลองส่งท้ายให้ท่านก่อนท่านไปเกิดนะขอรับ”

เมื่อเจ้าที่ประจำซุปเปอร์ฯ หายวับไป ภูตลาก็พาตัวเองมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในที่ลับตาคนด้วยรูปลักษณ์ของมนุษย์ปกติ เขามองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นเขา พยายามทำตัวให้ธรรมชาติที่สุดแล้วจึงก้าวเท้าออกจากตรงนี้เพื่อเข้าไปยังด้านในซุปเปอร์มาร์เก็ต

“ดีซีซุปเปอร์มาเก็ต สวัสดีครับ อ๊ะ!” กันต์ซึ่งเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ตรงเคาท์เตอร์คิดเงินในตอนนี้เอ่ยทักทาย แต่ก็ชะงักลงเล็กน้อยเมื่อพบว่าลูกค้าเป็นใคร หากแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ภูตลาก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“ฉันมาลางานให้แทงค์น่ะ”

“ครับ? แทงค์เป็นอะไรหรือครับ?” กันต์เอ่ยถาม น้ำเสียงเจือความเป็นห่วงอย่างจริงใจ

“ใครเป็นอะไรหรือกันต์?”

“คุณคนนี้เขามาลางานให้แทงค์อ่ะพี่ทศ”

“อ้าว สวัสดีครับ แทงค์เป็นอะไรหรือครับ?” ทศที่เพิ่งเดินพ้นเชลฟ์ขายเครื่องปรุงอาหารขมวดคิ้วถามอย่างไม่สบายใจนักเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาลางานให้รุ่นน้องที่เขาค่อนข้างเอ็นดู

“ไม่สบายน่ะ คิดว่าวันนี้คงมาทำงานไม่ไหวฉันเลยมาลางานให้ จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“อ๋อ ไม่หรอกครับ เดี๋ยวผมบอกผู้จัดการให้ ว่าแต่เขาไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมครับเนี่ย” ทศยังถามอีก

“เขาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก พักสักวันคงหายดี” เจ้าที่หนุ่มบอกเพื่อให้ทั้งสองคนคลายกังวล อดคิดในใจไม่ได้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้าเด็กแทงค์อยู่บ้าง “งั้นฉันกลับล่ะ ขอบใจนะ”

เดินออกจากซุปเปอร์ฯ มาได้ ภูตลาก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านทันที อยากจะไปดูแทงค์เสียหน่อยว่าตื่นขึ้นมาหรือยัง หากแต่ก็เกิดลังเลใจขึ้นมาเมื่อมีอีกที่หนึ่งที่เขาอยากจะไปมากกว่า

ชั่งใจอยู่นานหากแต่สุดท้ายเทวดาก็ตัดสินใจหลบเข้ามุมลับตาคนก่อนจะหายตัววับแล้วมาโผล่ที่มหาวิทยาลัยของแทงค์...ที่จริงแล้วนี่ไม่ธุระกงการอะไรของเขา ความบาดหมางของแทงค์กับเพื่อนเป็นเรื่องที่เด็กคนนั้นจะต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง แต่ความเศร้าหมองของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาทนมองต่อไปไม่ไหวเช่นกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อยุติการทะเลาะกันของแทงค์กับเพื่อนลงเสียที

ไม่มีใครอยากเห็นคนที่เรา ‘รัก’ ต้องร้องไห้หรอกน่ะ ดังนั้นอะไรที่พอจะทำได้เพื่อไม่ให้ ‘คนที่เขารัก’ ต้องร้องไห้อีก ภูตลาก็คิดว่าเขาพร้อมยอมจะทำ...และใช่ เจ้าที่หนุ่มกำลังมีความรัก

ความรักที่เขาไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตัวเขาเป็นเทวดาที่มีอายุยาวนานและไม่เคยสนใจเรื่องรักใคร่เลยสักครั้ง จึงไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ ว่าไปหลงรักเจ้าเด็กหนุ่มนั่นตอนไหน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกเช่นนี้ ยามเมื่อเขารู้ตัวอีกที...หัวใจก็บอกแล้วว่าคน ๆ นี้สำคัญกับเขามากเพียงใด

แทงค์สำคัญ และภูตลาก็ ‘ตกหลุมรัก’ เด็กคนนั้นไปแล้วอย่างถอนตัวไม่ทัน

อ่า จริงอย่างที่ท่านภาธีบอก ความรักนั้นมีอำนาจเหนือสิ่งใดจริง ๆ มันมีอำนาจเหนือกว่าเขา และเพราะอำนาจของมันจึงทำให้เขามาโผล่อยู่ที่นี่...หน้าคณะของแทงค์

“คุณ...” เสียงทุ้มเรียบของใครคนหนึ่งเอ่ยทัก ทำให้ท่านเจ้าที่หนุ่มต้องเหลียวกลับไปมอง แล้วก็เจอเข้ากับเด็กหนุ่มหน้านิ่งผมดำที่เขาจำได้ว่าเคยพบกันมาก่อนที่ร้านเหล้าเมื่อนานมาแล้ว

“นายคือคนที่เป็นเพื่อนของแทงค์?”

“ครับ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ครับ หรือว่ามาหาไอ้แทงค์ แต่วันนี้มันไม่ได้มาเรียนนะครับ ผมโทรไปมันก็ไม่รับ”

“อืม ฉันรู้แล้ว”

“อ่า เหรอครับ” ฮัทรับคำหน้านิ่ง ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นมากกว่าปกติแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณอยู่บ้านข้าง ๆ มันไม่ใช่เหรอครับ แล้วมันเป็นอะไรหรือเปล่า หรือมันหนีหายไปไหนคุณก็เลยมาตามมันที่นี่!? มันเป็นอะ...”

“ใครเป็นอะไรวะไอ้ฮัท?” บุคคลที่สามและสี่ก้าวเท้าเข้ามายืนข้าง ๆ เพื่อนหนุ่มที่กำลังทำหน้าตื่นตูมผิดจากปกติ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองขมวดคิ้วมองมาที่ภูตลา ขณะที่เจ้าหนุ่มหน้าฝรั่งผมสีน้ำตาลแดงเอียงคอมองมาด้วยความสนใจ

“ฉันมาคุยกับพวกนาย เรื่องของแทงค์” ภูตลาเข้าเรื่องทันที เขาเดาได้ไม่ยากว่าสองคนนี้คงไม่พ้นเนสกับคลาร์ก

เกิดความเงียบขึ้นมาทันทีเมื่อสิ้นประโยคของเทวดาหนุ่ม ใบหน้าของทั้งคนฟังทั้งสองขึงตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่มีอีกอย่างที่ชัดมากในดวงตาของพวกเขาด้วย...มันคือสายตารู้สึกผิดและกังวลใจ สายตาในแบบที่ทำให้ภูตลาเข้าใจได้ในทันทีว่าแม้เด็กทั้งสองจะโกรธเคืองแทงค์ แต่ลึก ๆ แล้วก็ยังรักและเป็นห่วงเพื่อนอยู่ดี

“ทำไมครับ มันไปฟ้องอะไรคุณแล้วให้มาหาเรื่องพวกผมหรือไง!?” หนุ่มฝรั่งตาสีฟ้าสวยกอดอกขึ้นเสียงถาม แต่แล้วทุกคนก็ต้องนิ่งงันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำตอบ

“ไม่ แทงค์ไม่เคยฟ้องอะไรฉัน และเขาก็ไม่ได้ส่งฉันมาหาเรื่องพวกนายด้วย เป็นเพื่อนกันพวกนายไม่รู้หรือว่านิสัยของเด็กคนนั้นเป็นยังไง เขาเป็นพวกขี้ฟ้องหรือพวกที่ชอบส่งคนอื่นไปหาเรื่องใครต่อใครหรือยังไงล่ะ?”

“...” คนฟังหน้าเสีย หากแต่เจ้าที่หนุ่มก็ไม่คิดจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาเริ่มเอ่ยเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว

“ที่ฉันจะมาพูดวันนี้คือเรื่องที่พวกนายโกรธเขา แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจเขาอีกต่างหาก รู้ไหมว่าเด็กคนนั้นนอนแทบไม่หลับเพราะเอาแต่คิดวนเวียนถึงคำพูดของพวกนายสองคน กับการกระทำที่พวกนายทำกับเขาราวกับไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว หรือพวกนายคิดจะตัดเพื่อนกับเขาจริง ๆ ถึงได้ทำร้ายจิตใจเขาได้ขนาดนี้”

ยิ่งชายหนุ่มพูด เด็กหนุ่มอีกสามคนก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ แม้แต่ฮัทที่ไม่ได้ทำอะไรผิดก็อดจะเสียใจไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยินอยู่ในตอนนี้

“พวกนายก็รู้กันดีไม่ใช่หรือไงว่าโอกาสแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับ คนเราทุ่มเทเพื่ออนาคตของตัวเอง และแทงค์ก็แค่เลือกสิ่งที่คิดว่าดีกับอนาคตของตัวเอง เป็นพวกนายถ้าได้รับโอกาสแบบนี้จะไม่เลือกตอบรับงั้นหรือ? เขาอาจจะผิดจริงที่ตอบรับไปโดยไม่คำนึงถึงพวกนาย แต่พวกนายก็น่าจะฟังเขาบ้าง ให้โอกาสเขาอธิบายและขอโทษ”

“...”

“เด็กคนนั้นไม่เหลือใครที่เขาจะพึ่งพาได้อย่างเต็มหัวใจ หลังจากนี้เขาต้องดิ้นรนมีชีวิตด้วยตัวเอง ต้องทำเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคตด้วยตัวเอง สร้างตัว สร้างอาชีพด้วยตัวเอง” ภูตลาพูดไม่หยุด ยิ่งพูดใจเขาก็ยิ่งรู้สึกคุกกรุ่นด้วยอารมณ์โกรธเคืองลึก ๆ ขึ้นมา เด็กสองคนนี้ไม่ผิดที่จะโกรธ แต่ก็ไม่น่าจะพูดจาทำร้ายจิตใจกันขนาดนั้น แลเพราะแทงค์ต้องเสียน้ำตา ภูตลาจึงยอมไม่ได้ “พวกนายไม่รู้หรอกว่าคำพูดของพวกนายทำร้ายเขามากแค่ไหน ตั้งแต่พ่อแม่เสียเขาแทบไม่เคยร้องไห้ด้วยความเสียใจเลยสักครั้ง แต่เพราะพวกนายเขาถึงต้องเสียน้ำตา แถมยังเสียใจแล้วดื่มจนเมาหนักอีกต่างหาก”

“อะ ไอ้แทงค์ร้องไห้...” ฮัทเอ่ยขึ้นเสียงเบาอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

ภูตลากวาดตามองเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่กำลังแสดงสีหน้าแตกต่างจากก่อนหน้านี้ออกมาอย่างชัดเจน เขาพูดทิ้งท้ายอีกประโยคก่อนจะหันหลังเดินจากมา “ลองไปคิดดูแล้วกันว่ามิตรภาพที่ผ่านมามันไร้ค่า จนพวกนายไม่คิดจะให้โอกาสแทงค์เลยแม้แต่ครั้งเดียวหรือเปล่า”

เจ้าที่หนุ่มคิดว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว ได้แต่หวังว่าเด็กพวกนี้จะเข้าใจและคิดได้ หวังว่าเด็กพวกนี้จะแก้ไข และหวัง...ว่าแทงค์ของเขาจะไม่ต้องร้องไห้อีก

__________

กลับมาถึงบ้าน ภูตลาก็อดไม่ได้ต้องไปดูเด็กหนุ่มที่เมื่อคืนเมาจนทำอะไรไม่เข้าท่ากับเขาเสียหน่อย แม้จะไม่ค่อยอยากเห็นหน้าเพราะพาลให้นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ความเป็นห่วงก็มีมากกว่าจนทนไม่ไหวต้องก้าวเท้าเข้ามาในห้องนอนของอีกฝ่ายจนได้

แทงค์ยังนอนอยู่บนที่นอนนุ่ม นี่มันก็บ่ายแล้วแต่ยังไม่ยอมตื่นเสียทีจนเทวดาหนุ่มอดกังวลไม่ได้ เขาควรปลุกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมากินข้าวเพราะนี่มันเลยมาสองมื้อแล้ว และเด็กนี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน

คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็ก้าวเข้าไปนั่งตรงขอบเตียง เอื้อมมือไปเขย่าไหล่มนพลางเอ่ยปากเรียก

“แทงค์ ตื่นได้แล้ว”

“อือ...” เสียงนุ่มๆ แหบเครือครางอื้ออึงในลำคอ ร่างโปร่งพลิกหันใบหน้ามาทางคนปลุก ดวงตาสีนิลสวยเปิดปรือขึ้นช้า ๆ สบตาคนตัวโตกว่า เรียวปากแห้งผากขยับพูดเสียงเบา “...พี่ภู”

“เออ ฉันเอง ตื่นได้แล้ว นี่มันบ่ายแล้วนะ”

“อะ เหรอ อืมมม” คนเมาค้างยกมือขึ้นกุมหน้าผาก อาการปวดหัวจี๊ดทำให้ต้องนิ่วหน้า

“ปวดหัวล่ะสิ เมื่อคืนดื่มเสียขนาดนั้น”

“อื้อ ปวดจัง” แทงค์พึมพำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ก่อนจู่ ๆ จะขยับเข้ามาใกล้ตักหนา ซบหน้าผากกับต้นขาของเจ้าที่หนุ่ม...การกระทำที่ทำให้ภูตลานิ่งไปชั่วอึดใจ หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้นมาอีกหนึ่งจังหวะ

พอเขารู้ตัวว่ารักเจ้าเด็กนี่ ไม่ว่าอีกฝ่ายทำอะไรก็มักทำให้เขาใจเต้นแรงเสมอ...ให้ตายเถอะ จั๊กจี้หัวใจชะมัด

“ตื่นแล้วก็ลุกเถอะ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันจะหาอะไรให้กิน”

“ลุก...ไม่ไหวอ่า...”

“เฮ้อ นายเนี่ยนะไอ้เด็กนิสัยเสีย ทีหลังก็อย่าเมาสิ มันลำบากฉันเห็นไหมเนี่ย ชอบสร้างความลำบากให้ตลอด” ท่านเจ้าที่ทำหน้าดุ เอ่ยบ่นอย่างไม่จริงจังนัก แต่พอเห็นดวงตาเศร้าหมองของคนที่ยังนอนซบหน้าอยู่บนตักของเขา ชายหนุ่มก็อยากจะตบปากตัวเองนักที่เผลอบ่นออกไป จนเอ่ยปลอบแทบไม่ทัน “เฮ้ อย่าทำหน้าอย่างนั้น ฉันก็แค่พูดไปงั้นเอง”

“แต่มันก็จริงนะ ผม...ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและรู้สึกแย่ เฮ้อ ผมขอโทษ” แทงค์ยอมรับ แต่ทำเอาคนฟังใจหาย

ภูตลาถอนหายใจก่อนจะลูบเส้นผมสีปีกกาบนตัก แล้วว่า “ไม่เอาน่า ฉันบอกแล้วไงว่าพูดไปงั้นเอง ฉันเข้าใจนาย และนายก็ไม่ใช่เด็กไม่ดีอะไรด้วย ฉันไม่ได้ลำบากอะไรหรอกที่ต้องคอยดูแลนาย ตรงกันข้ามฉันกลับเต็มใจมากด้วยซ้ำที่ได้ดูแลนายแบบนี้ พึ่งพาคนอื่นบ้างก็ได้แทงค์ หรือถ้าไม่อยากพึ่งใคร งั้นก็เว้นฉันเอาไว้สักคน...พึ่งพาฉันบ้าง นายไม่ได้อยู่คนเดียว ตอนนี้นายมีฉันเข้าใจมั้ย?”

แทงค์ขยับลุกขึ้นก่อนจะสวมกอดเทวดาหนุ่มแน่น ใบหน้าหล่อใสฝังลงกับไหล่หนา ปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อคลอไหลซึมลงไปกับบ่าแกร่ง เรียวปากสวยเม้มเขาหากันแน่น...เขาบอกแล้วไงว่าเขาไม่อยากร้องไห้ แต่เขาก็ไม่อยากจะกักเก็บความเสียใจอีกต่อไปแล้วเช่นกัน อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคน ๆ หนึ่งที่เขายอมที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น

คนที่บอกให้เขาพึ่งพาอีกฝ่าย...คนที่บอกว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว

ท่านเจ้าที่คือคน ๆ นั้น คนที่เขาไม่อยากให้จากไปไหน อยากให้อยู่ด้วยกันอย่างนี้เรื่อยไป

“...พี่ อย่าทิ้งผมนะ”

ภูตลาไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงกระชับกอดแน่นขึ้นเท่านั้น เพราะเขาไม่สามารถรับปากกับสิ่งที่เด็กหนุ่มร้องขอได้ ตอนนี้เขาอาจจะยังอยู่ แต่อีกไม่นานเขาก็ต้องไปเกิดแล้ว เขาไม่สามารถอยู่กับเด็กคนนี้ได้ตลอดไป ไม่มีทาง...

คำขอที่เขาอยากตอบรับจับใจ แต่ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์เอ่ยออกมา



__________

เอ้า ทำไมเหมือนทิ้งท้ายไว้ด้วยความดราม่ายิ่งกว่าเดิมล่ะเนี่ย คิคิ เป็นไงคะ พระเอกขี่ม้าขาวเห็นมะ ถึงขั้นไปเตือนสติเด็กน้อยที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลกันเลยทีเดียว เพราะไม่อยากเห็นคนที่รักร้องไห้อีก งุ้ย หล่อเลย 55555 //ปกติก็หล่ออยู่แล้วนี่หว่า ก๊ากกก

อืม เราเข้าใจนะคะว่าบางคนก็รับไม่ได้กับการกระทำของเนสกับคลาร์กเนอะ แต่จะว่าไงดี คนเป็นเพื่อนกันเนี่ย บางทีมันก็มีบ้างที่ทะเลาะกัน พูดจาทำร้ายจิตใจกันเพราะอารมณ์กรุ่นโกรธชั่ววูบ ตัวเราก็เคยทะเลาะกับเพื่อนด้วยเรื่องเล็กน้อยจนไม่คุยกันครึ่งปี แต่สุดท้ายแล้วเพื่อนแท้ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอกค่ะ ต่อให้จะโกรธกันมากแค่ไหน ในวันหนึ่งก็อยากจะพูดคำว่าขอโทษออกมาแล้วคืนดีกันอยู่ดี ต่อให้ตอนนี้จะโมโหมากเท่าไร แต่ลึกๆ ก็ยังคิดถึง ยังนึกเป็นห่วงว่าตอนนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง สุดท้ายแล้วก็กลับมารักกันเหมือนเดิม...อาจไม่ใช่ทุกคน แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามีแบบนี้จริงๆ

เราคิดว่าหลายคนน่าจะเดาได้ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง อ่านทอล์คมาถึงตรงนี้คงพอเดาได้อ่ะแหล่ะเนอะเพราะเราชี้ทางขนาดนี้ 555 ถ้าใครรับไม่ได้ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ก็หวังว่าจะยังติดตามกันต่อไปจนจบนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะทุกคน รักนะ //ส่งมินิฮาร์ทพร้อมจูบ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2017 20:26:30 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :monkeysad: มาทำให้น้ำตาไหลตอนดึกๆ ดูรากนคราไป อ่านไป เฮ้อ... 2 เรื่องรวมๆ กัน ร้องไห้ไปสิเรา  :sad4:
 :3123:  :pig4:  :3123:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พี่ภูจะไปไหนน เมื่อไหร่ และมีภารกิจอะไร (เผือกเต็มหัวเลย)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เรื่องเพื่อนเริ่มจะดีแหละ สรุปต้องเป็นคนนอกซินะ ที่จะพูดเรื่องนี้ได้ รอดูว่าเพื่อน ๆ จะไปพูดกับแท้งค์อย่างไร ท่านเจ้าที่ทำดีมาก  o13 o13

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
หืออออ พี่ภูจะทิ้งน้องไปจริงๆหรือคะ?

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
พี่ภู อย่าทิ้งน้องไปนะ สงสารจัง :mew6:

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เอาใจช่วยดีกับเพื่อนเร็วๆนะแทงค์

พี่ภูอย่าทิ้งน้องไปไหนนะ :call:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น้ำตาไหลพราก สงสารแทงค์อยู่คนเดียวต้องเหงาขนาดไหน แล้วเพื่อนมาทำอย่างนี้อีก :m15:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ปล่อยปมไว้แบบโครตดราม่า
พี่ภู

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 37

“ผมมีอีกเรื่องจะบอก”

 

เช้าวันพุธผมมาเรียนตามปกติ หลังจากหยุดเรียนไปหนึ่งวันเพราะเมาค้าง แถมงานพิเศษที่ดีซีซุปเปอร์ฯ ก็ไม่ได้ไปทำ ดีนะที่ท่านเจ้าที่ไปลางานให้ ไม่งั้นผมต้องโดนพี่ผู้จัดการดุเอาแน่ ๆ ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าท่านเจ้าที่จะลงทุนทำให้ผมถึงขนาดนั้นหรอกนะครับ ได้ยินครั้งแรกก็แปลกใจอยู่หรอก แต่สุดท้ายผมก็ยิ้มให้เขาแล้วบอกขอบคุณจากใจจริง

อ่า...รู้สึกดีชะมัดที่ตอนนี้ผมมีเขาอยู่ด้วย

“ไอ้แทงค์”

ขณะที่ผมกำลังคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อวาน น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่เอ่ยเรียกผมก็ทำให้ผมชะงักฝีเท้า หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นไปวูบหนึ่งก่อนจะกลับมาเต้นอีกครั้งด้วยจังหวะที่หนักหน่วงกว่าเดิม

ผมสูดหายใจเข้าลึก หันไปเผชิญหน้ากับคนเรียก พยายามตีสีหน้าเรียบเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เบนสายตาไปมองทางอื่นแทนที่จะมองหน้าพวกมัน...ผมไม่อยากมองหน้าพวกมันตอนนี้ และก่อนที่พวกมันจะพูดอะไร ผมก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“พวกมึงจะด่าอะไรกูอีกล่ะ แต่ก่อนจะด่าก็ขอกูพูดหน่อยเถอะ...กูขอโทษ กูรู้ว่ากูตัดสินใจโดยไม่คิดถึงพวกมึง กูกำลังจะไปบอกอาจารย์วันนี้แหล่ะว่ากูขอยกเลิก กูไม่อยากเป็นเด็กเทรนค่ายพีเอ็นแล้ว”

“ไม่ ไม่ ๆ กูไม่ได้จะมาว่าอะไรมึง และอย่าได้ทำแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะเว้ย ห้ามสละสิทธิ์!” ไอ้คลาร์กเป็นฝ่ายโบกมือบอกปฏิเสธ มันหันไปสบตาไอ้เนสแล้วพยักหน้าให้กันเหมือนส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง

ผมมองพวกมันอย่างไม่เข้าใจ เลื่อนสายตาไปมองไอ้ฮัทที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปอีกกับรอยยิ้มของไอ้หน้านิ่งอย่างมันที่กำลังยิ้มกริ่มมาให้ผม แววตามีความยินดีในอะไรสักอย่างจนผมงงไปหมดแล้วครับ

แต่แล้วผมก็ต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อจู่ ๆ ไอ้เนสโพล่งขึ้นมาว่า “พวกกูมาขอโทษมึง”

“หา!?” ผมหลุดอุทานเสียงหลง เบิกตากว้างมองมันสองคน ไอ้คลาร์กพยักหน้าให้เพื่อยืนยันว่าผมได้ยินไม่ผิด

“เออ พวกกูมาขอโทษที่พูดไม่ดีกับมึง ขอโทษที่ไม่ฟังที่มึงพูดก่อน ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจว่ะไอ้แทงค์”

“เดี๋ยวๆ นี่พวกมึง...” ผมรีบยกมือเบรกทุกคำพูดที่มันสองคนจะพ่นออกมาหลังจากนี้ ขอเวลานอกแป๊บ...อะ อะไรของพวกมันวะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับพวกมันวะ? “พวกมึง...ทำไมจู่ ๆ มาขอโทษกู?”

ไอ้เนสผ่อนลมหายใจ มันก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับผม แต่ปากของมันยังพูดต่อ “กูรู้ว่ากูทำผิดกับมึง ผิดที่ต่อว่ามึงทำให้มึงรู้สึกแย่ กูเลยมาขอโทษ กู...กูอยากให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”

“อืม กูเองก็ด้วย” ไอ้ฝรั่งพยักหน้าหงึกหงักสนับสนุนคำพูดของแฟนมัน

ผมนิ่ง...นิ่งอยู่นานเลยล่ะครับ ผมไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้พวกมันมาขอโทษผม แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือหัวใจที่แห้งผากของผมเหมือนได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้อาจจะมีบ้างที่ผมโกรธพวกมัน โกรธที่พวกมันพูดจาทำร้ายจิตใจผม โกรธที่พวกมันไม่เข้าใจผม แต่มาตอนนี้ความรู้สึกพวกนั้นมันหายไปหมดเลยครับ มันเหมือนว่าสุดท้ายแล้วยังไงพวกมันก็คือเพื่อน และผมก็โกรธพวกมันต่อไปไม่ได้หรอกในเมื่อพวกมันมาขอโทษกันขนาดนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือผมเองก็ผิดเหมือนกันด้วย

“กูกลับไปเป็นเพื่อนกับพวกมึงไม่ได้หรอก” ได้ยินผมพูดแบบนั้นพวกมันก็ถึงกับหน้าซีดไปเลย ผมเลยหัวเราะ แล้วรีบเอ่ยต่ออีกว่า “เพราะกูไม่เคยคิดว่าพวกมึงไม่ใช่เพื่อน พวกเรายังเป็นเพื่อนกันเสมอว่ะ”

“ไอ้เหี้ยแทงค์ มึงแม่งทำกูใจแป้ว นึกว่าจะไม่ให้อภัยกันแล้วไอ้สัด” ไอ้เนสว่าพลางยกมือกุมอกตัวเอง

“เออไอ้เหี้ย มึงนี่นะ”

“ฮ่าๆๆๆ” แล้วพวกเราสี่คนก็ล้อมวงกอดคอกัน ไอ้ฮัทที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์เท่าไหร่ มาตอนนี้มันกลับกำลังยิ้มกว้าง ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กเองก็ไม่ต่างกัน ส่วนผมน่ะเหรอ? แน่นอนว่าผมดีใจสุด ๆ ไปเลยล่ะครับ เหมือนว่าความเสียใจของผมก่อนหน้านี้โดนสายลมพัดให้มันหายไปจนหมดสิ้น รู้สึกดีชะมัด!

การได้มีเพื่อนที่รักและเข้าใจกันน่ะดีที่สุดแล้ว และเพื่อนที่แม้จะทะเลาะกันแต่สุดท้ายก็มาขอโทษกัน...เพื่อนแบบนี้สิคือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับผม

“กูเองก็ต้องขอโทษพวกมึงที่ตัดสินใจตอบรับกับทางนั้นไปโดยไม่นึกถึงสัญญาที่เคยให้ไว้กับวงของเรา กูขอโทษจริง ๆ ว่ะ”

“ไม่เป็นไรมึง มาคิด ๆ ดูถ้าเป็นพวกกูก็คงตอบรับไปโดยไม่ทันคิดถึงอย่างอื่นเหมือนกัน”

ผมส่งยิ้มกว้างให้พวกมัน ก่อนจะว่าต่ออีกว่า “ว่าแต่อะไรทำให้พวกมึงมาขอโทษกูได้วะ”

“ก็ผัวมึงอ่ะแหล่ะมาด่าพวกกูถึงหน้าคณะ” ไอ้คลาร์กว่าพลางยักไหล่

“หะ? ผัวกู?”

“ก็คนที่หน้าหล่อ ๆ เข้ม ๆ มีหนวดหน่อย ๆ หุ่นเหมือนนายแบบต่างประเทศคนนั้นอ่ะ”

“มึงหมายถึงพี่ภู?” ผมถามย้ำ และมันสองคนก็พยักหน้ารับ หลังจากนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ไหลออกมาประหนึ่งสายน้ำจากปากของพวกมันทั้งสามคน ยิ่งฟังหัวใจผมก็ยิ่งเต้นรัวแรง ความรู้สึกบางอย่างเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจของผม...ซึ่งผมรู้แล้วว่ามันคืออะไร

ความรู้สึกที่ผมแอบถามตัวเองในใจเงียบ ๆ มาตลอดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่สุดท้ายในวันนี้ผมก็ปฏิเสธมันไม่ได้อยู่ดีว่าผมรู้สึกแบบนั้นไปแล้วจริง ๆ อาจรู้สึกมานานแล้วด้วย เพียงแต่ผมพยายามกดมันให้ลึกเอาไว้ในใจมาตลอด

“เขาดูเป็นห่วงมึงมาก ถามจริงเหอะไอ้แทงค์ มึงกับเขาเป็นแค่เพื่อนบ้านกันจริงดิ?”

“ใช่” ผมตอบรับคำถามของไอ้ฮัท ก่อนจะยิ้มกว้าง “แต่กูไม่อยากให้เขาเป็นแค่เพื่อนบ้านแล้วว่ะ กูว่า...”

“???”

“กูชอบเขา”

__________

ผมกลับบ้านทันทีที่เลิกเรียน พวกไอ้เนสทำท่าจะรั้งผมเอาไว้ มันบอกพวกเราควรไปเลี้ยงฉลองที่กลับมาคืนดีกัน แต่ผมบอกว่าขอเป็นครั้งหน้าแล้วกันเพราะผมอยากมาหาท่านเจ้าที่ไว ๆ พวกมันแซ็วผมใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ยื้อผมเอาไว้ตามความตั้งใจแรก สุดท้ายผมก็กลับมาถึงบ้านตั้งแต่นาฬิกาเพิ่งจะบ่ายสามโมง ส่วนงานเล่นดนตรีคืนนี้พวกมันบอกว่าเอาไว้ค่อยกลับไปเล่นวันอาทิตย์แทน และคงต้องอธิบายกับพี่เฟิ่งยกใหญ่เลยล่ะที่ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้ไปเล่นตั้งหลายวัน

“พี่ภู!!” ผมตะโกนเรียกร่างสูง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมชินกับการเรียกเขาว่าพี่ภูในทุกวัน “อยู่ไหนเนี่ย!?”

“มีอะไร”

“เหวอ!” ผมสะดุ้งโหยง สะดุดอากาศจนเกือบล้มหน้าทิ่ม แต่มือแข็งแรงของท่านเจ้าที่ก็รั้งเอวผมเอาไว้ได้ซะก่อน ใจหายแวบเลยครับ “มาไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยวะ!”

“เออ ๆ โทษที” อีกฝ่ายจับผมยืนตรง ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วใส่ “แล้วตกลงเรียกฉันมีเรื่องอะไรล่ะ?”

ผมอมยิ้มมองเขาตาพราวจนท่านเจ้าที่ทำหน้างงใส่ หัวเราะให้กับท่าทางของเขาก่อนจะเปิดปากพูดออกมา

“ผมรู้เรื่องเมื่อวานแล้วนะ ที่พี่ไปหาเพื่อนผมน่ะ”

“หืม? พวกนั้นมาบอกนายเหรอ?”

“ครับ พวกมันมาขอโทษผม” ผมพยักหน้าประกอบ ร่างสูงทำหน้าแปลกใจเมื่อได้ยิน ก่อนจะตามมาด้วยรอยยิ้มบางอันแสนละมุน มือหนาลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน เอ่ยเสียงนุ่มที่ทำเอาผมแทบละลาย

“คืนดีกันแล้วก็ดี นายจะได้ไม่ต้องร้องไห้อีก”

“ผมขอบคุณพี่มากนะที่ทำเพื่อผม” ผมสวมกอดเข้าที่เอวของเขาแบบที่ไม่ให้เขาได้ทันตั้งตัว

ท่านเจ้าที่นิ่งงันไปเล็กน้อย หากแต่สุดท้ายก็กอดตอบผมกลับมา “ฉันเต็มใจ”

และคำตอบของเขาก็ทำให้ผมยิ่งยิ้มกว้าง

“ผมมีอีกเรื่องจะบอก”

“อะไรล่ะ?” เขาผละกอดออกเพื่อมองหน้าผม

“ผมน่ะ...” ผมลากเสียงยาวหวังให้อีกฝ่ายลุ้น แต่ดูเหมือนจะมีแค่ผมที่ลุ้นว่ะเพราะท่านเจ้าที่ทำท่าจะเขกมะเหงกใส่ผมแล้ว ฮ่า ๆ “โอเค ๆ พูดแล้ว”

“เออ พูดมา อย่าลีลาได้มั้...”

“ผมชอบพี่นะ”

กึก

ท่านเจ้าที่หยุดพูดลงทันทีเมื่อผมเอ่ยแทรกด้วยประโยคที่ผมท่องไว้ในใจมานับครั้งไม่ถ้วน และเป็นอีกครั้งที่ผมเห็นท่านเจ้าที่นิ่งงันไปเลย หากแต่ครั้งนี้ดวงตาสีรัตติกาลแสนดึงดูดของเขาไม่ได้นิ่งเฉย...แต่กำลังเบิกกว้าง

“ผมไม่รู้หรอกว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ผมรู้แต่ว่าพอมาคิดดูดี ๆ แล้ว เพราะพี่ทำให้ชีวิตที่เงียบเหงาของผมมีสีสันขึ้น ทำให้ผมวุ่นวายสารพัดแต่มันก็สนุกด้วยเช่นกัน ถึงผมกับพี่จะเถียงกันแทบทุก ๆ ประโยค แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันทำให้ผมสบายใจที่อย่างน้อยผมก็มีคนให้ได้เถียงด้วยเวลากลับมาถึงบ้าน”

“...”

“หลายครั้งที่พี่ใจดีกับผม ดูแลผม เอาใจใส่ผม คอยไปรับไปส่ง คอยเป็นห่วง ผมรู้สึกดีมากเลยนะรู้ป่ะ ผมไม่คิดว่าจะมีใครทำอะไรให้ผมมากมายขนาดนี้มาก่อน แต่พี่ก็เข้ามาในชีวิตของผมและทำทั้งหมดนั่นให้ผม ผมไม่รู้จะพูดยังไงดีว่ะ แต่ผมอยากขอบคุณนะที่พี่ทำทุกอย่างนั้นเพื่อผม”

ท่านเจ้าที่ไม่ตอบอะไรกลับมาสักคำ แต่ก็ดีแล้วเพราะผมยังพูดไม่จบ และผมอยากให้เขาฟังผมให้จบก่อน

“ที่ทำให้ผมรู้สึกดีที่สุดก็คือการที่พี่อยู่เคียงข้างผมในวันที่ผมเสียใจ ปลอบผมในวันที่ผมร้องไห้ ถึงขั้นไปเคลียร์กับเพื่อนของผมเพราะไม่อยากเห็นผมเศร้า ในวันที่ผมอ่อนแอผมมีพี่อยู่ด้วย พี่ไม่ปล่อยให้ผมต้องอยู่คนเดียว และผมโคตรรู้สึกดีจริง ๆ กับสิ่งที่พี่ทำ”

ผมสูดหายใจเข้าลึก จ้องตรงเข้าไปในดวงตาคู่คมที่มองตอบกลับมาไม่ละไปไหน เราสองคนสบตากัน ผมพยายามสื่อทุกความรู้สึกของผมผ่านดวงตาคู่นี้

“ผมมั่นใจว่าผมชอบพี่ และผมไม่ได้พูดเล่นหรือคิดไปเอง ผมรู้ว่ามันไม่สมควรมาพูดอะไรอย่างนี้ เพราะยังไงซะสุดท้ายแล้วผมก็แค่มนุษย์ธรรมดา ส่วนพี่เป็นเทวดาที่สูงส่ง แต่ผมก็แค่อยากบอกให้พี่รู้นะ”

“...”

“พี่ภู ผมชอบพี่...ชอบพี่นะครับ”

เกิดความเงียบขึ้นหลังจากนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก...ผมไม่พูดเพราะผมได้พูดออกไปหมดแล้ว และผมหมายความตามนั้นทุกอย่าง ผมแค่อยากให้เขาได้รับรู้ ไม่ได้อยากให้เขาตอบรับความรู้สึกของผมแต่อย่างใด ด้วยผมรู้ดีว่ายังไงเรื่องระหว่างเรามันก็เป็นไปไม่ดะ...

“เช่นกัน”

ผมสะดุ้งโหยง หลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง พยายามทบทวนส่งที่ได้ยินเมื่อครู่อีกครั้งว่าผมได้ยินผิดไปหรือเปล่า...ท่าทางของผมมันคงตลกมากถึงได้ทำให้ท่านเจ้าที่หลุดหัวเราะออกมาได้ เขาเอ่ยย้ำอีกครั้งให้ผมได้ยินชัด ๆ

“ฉันเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับนาย”

!!!

เหมือนมีเสียงระเบิดดังขึ้นในหัวของผมตูมใหญ่ คำพูดของท่านเจ้าดังซ้ำ ๆ อยู่ในหู และผมคงจะคิดว่าเขาพูดเล่นไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะหัวใจที่เต้นกระหน่ำแรงในอกของเขามันกระทบมาถึงตัวผมที่ยังคงสวมกอดกับเขาอยู่หลวม ๆ

เสียงหัวใจของท่านเจ้าที่ดังมาก มันทำให้หัวใจของผมเต้นดังขึ้นมาแข่งอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

“พี่จะบอกว่าพี่ชอบ...พี่ชอบผม...เหรอ?”

“ฉันจะไม่พูดหรอกนะคำนั้นน่ะ แต่เอาเป็นว่าเราสองคน...ใจตรงกันก็แล้วกัน หึ ๆ”

แล้วริมฝีปากของอีกฝ่ายก็กดแนบลงมาบนปากของผมแบบที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจเลยสักนิด

เราสองคนแลกสัมผัสอ่อนหวานให้กันเนิ่นนาน...ผมไม่รู้หรอกว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมมีความสุข และผมจะเก็บเกี่ยวความสุขครั้งนี้ไว้ให้นานที่สุด

ผมไม่ได้ลืมหรอกนะว่าผมกับท่านเจ้าที่พวกเรามีเวลาเหลือให้อยู่ด้วยกันแค่อีกไม่นาน แต่ทุกช่วงเวลาที่เหลือทั้งหมดหลังจากนี้ ผมจะขอเก็บความทรงจำระหว่างเราเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้...ผมชอบเขาไปแล้ว ต่อให้ต้องเจอกับอะไรในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้า ผมก็พร้อมจะน้อมรับมันเอาไว้ ผมจะไม่หนีหัวใจตัวเองเด็ดขาด

ไม่มีทาง


__________

แฮปปี้เอนดิ้งงง ควรตัดจบแค่นี้ดีมั้ย? 55555 พอมาอ่านทวนก่อนอัพก็เกิดความรู้สึกว่ามันคืนดีกันง่ายไปป่ะวะ? แต่คิดดูแล้วก็ไม่หรอก เพราะด้วยนิสัยของแทงค์ น้องเป็นคนโดดเดี่ยวที่ให้ความสำคัญกับคนสำคัญของตัวเองเสมอ และสำหรับเขา ทั้งญาติที่อยู่ต่างจังหวัด ทั้งเพื่อนไม่ว่าจะพัค ไวท์ ธีร์ หรือแม้แต่เนส คลาร์ก ฮัท น้องให้ความสำคัญกับคนทั้งหมดที่กล่าวมา เพราะงั้นไม่ว่าจะเสียใจมากแค่ไหน แต่ขอแค่กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ น้องก็พร้อมจะให้อภัยแหล่ะ นี่มันนางเอกยุคโบราณชัดๆ 5555

จริงๆ การทะเลาะกันคราวนี้ก็กลายเป็นรอยร้าวเล็กๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานะคะ ซึ่งเราจะกล่าวถึงในตอนพิเศษของฮัทแหล่ะ อิอิ ตอนแรกว่าจะไม่บอก แต่คิดอีกทีกลัวคนอ่านหนีเราไปก่อนเรื่องจะจบ เพราะงั้นบอกดีกว่า 555 อย่าเพิ่งหนีเราเด้อ อยู่กับเราก่อนนน สำหรับกรณีพี่ภูไปเกิด บอกเลยดราม่าครั้งต่อไปสั้นกว่าดราม่าเรื่องเพื่อนอีกเธอออ เชื่อเราสิ เชื่อเรา!! //ถลึงตามอง

แถมตอนนี้เขาบอกชอบกันแล้วด้วย งุ้ยๆ หลังจากนี้จะมีแต่ความหวานละมุนอบอุ่นหัวใจ มาคิดดูอีกทีเราปูเรื่องมาด้วยความคอมเมดี้ ไหงมันค่อยๆ กลายเป็นโรแมนติกปนดราม่าล่ะเนี่ย งงตัวเอง ฮ่าา เอาล่ะ ตอนหน้าเค้าจะมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งกันละนะ อยากอ่านเมื่อไหร่ไหนพูดสิ? 555 เจอกันตอนหน้านะคะ รักทุกคนเน้อออ จุ๊บๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2017 20:50:47 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :กอด1: ใจตรงกัน เพื่อนก็ดีกันแล้ว ดี๊ดีอะ แต่ แต่ ดราม่าพี่ภูนิสั้นๆ แน่นะคะ  :ruready
 :L1:  :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ยังไม่ให้จบง่าย ๆ หรอก คนแก่ยังไม่รู้เลยว่า 2 คนที่ไม่ใช่มนุษย์เป็นใคร อยากรู้จริง ๆ  :m12: :m12:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ SANDทราย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ฮือออออ ในที่สุดวันที่เขาความรู้สึกตรงกันก็มาถึงงงง
อ่านไปกรีดร้องไป จะห้องข้างๆตกใจหมด 55555555.
อยากให้มาต่อพรุ่งนี้มากๆเลยค่ะ ฮืออออ อยากอ่านมากกกกกกก
ขอร้องนะคะ พลีสสสสสส แต่ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะะะ อยากอ่านเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ
ชอบมากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะคะ สู้ๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ค่ะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เราเชื่อว่าพี่ภูจะต้องเตรียมการอะไรบางอย่างไว้
สำหรับการไปเกิดใหม่เพื่อให้ได้อยู่กับน้อง
เขื่อมั่นในการจัดการกับดราม่าของพี่ภูค่ะ

ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 อ่านแล้วอยากมีเจ้าที่แบบนี้บ้างจัง

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อิจฉาาาาาา และดีใจกับแทงค์ด้วยนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 38

“หื่อ! อุ้มหน่อย”

 

“ไปไหน” ผมส่งเสียงถามหลังจากตื่นขึ้นมาเพราะคนที่นอนอยู่ข้างกันขยับตัวลุกขึ้น หรี่ตาสู้แสงที่ส่งผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนเพื่อมองหน้าพี่ภูให้ชัด

“ไปทำมื้อเช้า”

“หือ? จะทำให้ผมกินเหรอ?” ผมอมยิ้มมองอีกฝ่ายตาเป็นประกาย เลยโดนหยิกจมูกด้วยความเอ็นดูมาหนึ่งที

“รู้แล้วยังจะถาม”

“ว้าว พูดจริงป่ะเนี่ย”

“ถามแบบนี้คิดว่าฉันทำอาหารไม่เป็นหรือไง”

“เปล่า แค่ไม่คิดว่าพี่จะทำให้ผมกินต่างหาก” ผมตอบ ก็มันจริงนี่หว่า ปกติถ้าไม่ผมเป็นคนทำ ท่านเจ้าที่เขาก็จะเป็นคนซื้อมาจากข้างนอกแทนนี่นา “ไม่ต้องทำหรอก”

“ทำไม?”

ผมขยับเข้าไปหาร่างสูงที่ยังนั่งอยู่ท่าเดิม ก่อนจะโอบแขนกอดเอวหนาเอาไว้ ซุกหน้าลงกับข้างเอวเขาแล้วปัดป่ายจมูกไปมา...ผมรู้ตัวครับว่ากำลังอ้อนเขาอยู่ แต่ขอหน่อยเถอะ ผมไม่ได้อ้อนใครมานานแล้วอ่ะ

“เดี๋ยวผมทำเอง พี่ไม่ต้องทำหรอก”

“แต่ฉันอยากทำ” เทวดาหน้าหล่อแย้งทันควัน พอเห็นผมมองอย่างไม่เข้าใจ เขาก็เอ่ยขยายความขึ้นว่า “อยากทำมื้อเช้าให้คนพิเศษทานมันแปลกรึไงล่ะ”

“โอเค ยอมแล้ว ผมจะรอกินนะ”

“ฮ่า ๆๆๆ”

“แต่ยังไม่ต้องรีบหรอกน่า ขอผมกอดพี่ก่อน”

“เมื่อคืนยังกอดไม่พออีกหรือไง หึ ๆ” เขาแซ็วผม คิดว่าผมจะเขินมั้ยล่ะ?

แน่นอนเขินดิวะ หน้าร้อนมากเลยเนี่ย แต่ก็...มีความสุขมากเลยล่ะครับ

กว่าผมจะปล่อยท่านเจ้าที่ลงไปทำมื้อเช้าได้ก็อีกพักใหญ่เลยล่ะ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรผมนะครับ ตรงกันข้ามกลับนอนลงแล้วกอดตอบผมอีกต่างหาก เขินว่ะ วุ้ย!

พี่ภูลงไปแล้ว แต่ผมยังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงเช่นเดิม ก็ขี้เกียจอ่ะ วันนี้วันอาทิตย์และผมไม่ได้ไปไหนนอกจากเล่นดนตรีตอนดึก ฉะนั้นขอนอนโง่ๆ แบบนี้อีกสักหน่อยเหอะนะ

หลังจากวันพุธที่ผ่านมา นอกจากผมจะเคลียร์ปัญหาบ้าบอกับพวกไอ้เนสได้แล้ว ยังมีข่าวดีอีกอย่างด้วยนะครับ เพราะจู่ ๆ อาจารย์วีรชัยก็มาบอกผมว่าทางค่ายเพลงเปลี่ยนใจอยากได้พวกผมทั้งวงไปเป็นเด็กเทรนในค่ายแทนที่จะเลือกผมไปคนเดียว พวกเขาบอกว่าไหน ๆ พวกผมก็เล่นเป็นวงมาด้วยกันตั้งแต่แรก เอาไปเทรนทั้งวงง่ายกว่าจับให้ผมไปร่วมวงกับคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน

โคตรน่ายินดีอ่ะครับ ทั้งวงเลยนะครับไม่ใช่แค่ผมคนเดียวอีกแล้ว จะไม่ให้เราดีใจกันได้ยังไง ทีนี้แหล่ะจะได้ชัดเจนไปเลยว่าผมไม่ได้ทิ้งเพื่อนอีกแล้ว ฮะ ๆ

ส่วนเรื่องของผมกับท่านเจ้าที่ ถ้าถามว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างในหลายวันมานี้ สิ่งที่เห็นชัดที่สุดก็คงเป็นความสัมพันธ์ของเราสองคนล่ะมั้ง...ถึงทุกอย่างจะดูปกติธรรมดา ผมกับเขายังคงด่ากันเถียงกันเหมือนทุกที แต่ก็ลดน้อยลงมากกว่าเดิมไม่น้อยเลยล่ะ ผมเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าพี่ภูอย่างไม่ขนลุกขนพองอีกแล้ว ฮ่า ๆ ส่วนเขาก็ชอบหยอกล้อผมมากขึ้น ยิ้มให้มากขึ้น ไม่เก็กหน้าทำท่าเท่เหมือนทุกที เอาเป็นว่าเขาทำตัวน่ารักกับผมมาก ๆ เลยล่ะครับ

อ่า พูดแล้วก็เขินว่ะ นี่คืออาการของคนกำลังอินเลิฟใช่เปล่าวะ เพราะถ้าใช่นะ ผมก็เป็นแบบนั้นโดยไม่ต้องให้ใครมาบอกเลยล่ะ รู้ตัวเองดีเลยเนี่ย

“ยังไม่ลุกอีกหรือ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ผมเพิ่งจะนึกถึงไปเมื่อกี้

“อือออ ยังขี้เกียจอยู่อ่ะ”

“แต่มันสายแล้ว ลุกไปอาบน้ำไป จะได้ไปกินข้าวเช้ากัน”

“หื่อ! อุ้มหน่อย” ผมแกล้งพูดไปงั้นแหล่ะ แกล้งยกสองมือขึ้นไปหาเขาด้วย คิดไว้แล้วว่าอาจจะโดนบ่นใส่ด้วยหน้ายักษ์ ๆ ประมาณว่าโตแล้วยังมาอ้อนเป็นเด็ก ๆ ไปได้

แต่ผิดคาดนะครับเพราะท่านเจ้าที่เขาเดินเข้ามาหาผมแล้ว...ฟึ่บ!

อุ้มผมขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมต้องกอดคอเขาแน่น “เหวอ!”

“อะไร? ก็บอกให้อุ้มไม่ใช่เหรอ?” เขาเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เล่นเอาผมหน้าร้อนวาบขึ้นมา สองขายาวก้าวพาร่างผมเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว วางผมลงยืนได้ก็จัดการจับชายเสื้อยืดที่ผมใส่นอนเตรียมดึงขึ้น

“เฮ้ย ๆ ทำอะไรเนี่ย” ผมงี้ร้องเสียงหลง รีบรั้งมือหนาเอาไว้แน่น

“เอ๊า ก็ถอดเสื้อผ้าให้นายไง อยากให้ฉันอาบน้ำให้ไม่ใช่หรือ”

“ไม่ได้บอกสักคำเลยเว้ย! แค่แกล้งให้อุ้มต่างหากเล่า!” ผมเถียง “ไปเลย เดี๋ยวผมอาบเอง”

“เอางั้นเหรอ แต่ฉันอาบให้ได้นะ ฉันเต็มใจ”

“หื่นว่ะท่านเจ้าที่! เป็นเทวดาไม่ควรทำหน้าหื่นนะเว้ย!”

“ฉันเปล่าเสียหน่อย ฮะ ๆๆๆ” เขาหัวเราะจนตาหยี ปกติหล่ออยู่แล้ว พอทำงี้ก็ยิ่งหล่อ หล่อจนผมทนมองต่อไม่ไหวต้องดันไหล่อีกฝ่ายให้ถอยออกจากห้องน้ำไป

“ไปเลยยย ผมจะอาบน้ำแล้ว”

“ฮ่า ๆ โอเค เจอกันที่ห้องครัวนะ”

“ครับผม”

จุ๊บ!

“อรุณสวัสดิ์”

“อะ อรุณสวัสดิ์ครับ”

ผมปิดประตูทันทีที่พูดจบ ได้ยินเสียงหัวเราะดังเบา ๆ รอดเข้ามาในห้องน้ำด้วย

ไอ้ท่านเจ้าที่ ใครใช้ให้มามอร์นิ่งคิสกันแบบไม่ทันตั้งตัววะ เขินนะว้อยยย!

ผมสะบัดหน้าไล่ความร้อนผ่าวที่ฉาบไปทั้งสองข้างแก้มก่อนจะรีบอาบน้ำชำระล้างร่างกาย สิบห้านาทีต่อมาผมก็ลงมานั่งอยู่หน้าจานอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย...อาหารประเภทอเมริกันเบรคฟาสต์ทำให้ผมทึ่งจนตาค้าง คือมันก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอก แค่ไข่ดาวกึ่งสุกกึ่งดิบโรยพริกไทย ไส้กรอก เบคอน ขนมปังปิ้งทาเนยหอม ๆ กับน้ำเปล่าเย็น ๆ หนึ่งแก้ว แต่มันดูพิเศษสำหรับผมมาก ๆ เลยว่ะครับ เพราะคนที่ทำให้คือคนที่ผมรักน่ะสิ ฮ่าาา

“น่ากินเหมือนจานอาหารเช้าในหนังในโฆษณาเลย”

“แน่นอน” พี่ภูของผมยืดอกรับ ทำหน้าภูมิใจในตัวเองจนน่าหมั่นไส้ ฮะ ๆ

ผมดึงมือหนาให้ขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ ลากเก้าอี้ของอีกฝ่ายมาวางข้างผมด้วยเลยเอ้า ตามด้วยจิ้มไส้กรอกชิ้นหนึ่งจากในจานตัวเองยื่นไปตรงปากของพี่ภูโดยไม่พูดอะไร ทำแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วไหมล่ะว่าผมจะป้อน

ร่างสูงมองมันก่อนจะเลื่อนสายตามามองผม แต่สุดท้ายเขาก็ยอมอ้าปากรับไส้กรอกทอดเข้าไปเคี้ยวหงับ ๆ

“นายก็กินบ้างสิ ฉันทำให้นายกินนะ ไม่ใช่ให้นายมาป้อนฉัน” เขาว่าพลางตัดเบคอนในจานตัวเองมาป้อนผมบ้าง

“ขอบคุณครับ” ผมบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง อ้าปากรับโดยไม่อิดออด พอปากผมเปื้อนพี่ภูก็หยิบทิชชู่มาเช็ดให้ ผมเองก็ทำแบบเดียวกันกับเขาเป๊ะเวลาที่ปากของเขาเปื้อน

สรุปมื้อนั้นแทนที่เราจะกินข้าวเอง ก็กลายเป็นว่าเราผลัดกันป้อนผลัดกันเช็ดปากให้อีกฝ่ายซะแทน อาหารในจานตัวเองเข้าไปอยู่ในท้องของอีกคน ประหลาดดีที่มาทำอะไรแบบนี้ แต่ผมก็ชอบนะครับ น่ารักดี ฮ่า ๆ

หลังจากเราจัดการมื้อเช้าเสร็จ ผมกับท่านเจ้าที่ก็ย้ายตัวเองมานอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่น วันนี้ผมไม่อยากจะไปไหนทั้งนั้น แค่อยากจะอยู่กับเขา ทำตัวให้เหมือนคู่รักที่ใช้เวลาว่างในวันหยุดด้วยกันทั้งวัน...พูดแบบนี้ก็เขินอีกแล้ว โว๊ะ!

เราเอาผ้านวมมาปูที่พื้น ขนหมอนมานอนหนุนดูหนังหน้าโทรทัศน์แทนที่จะนั่งบนโซฟา...ผมเอาขาก่ายขาของท่านเจ้าที่ ขณะที่ร่างสูงก็โอบศีรษะผมเอาไว้ ปลายนิ้วลูบเส้นผมของผมเล่นไปมา

“เบ้บี้กรูทน่ารักว่ะ” ผมพูดขึ้นหลังจากเปิดแผ่นหนังที่ผมซื้อมาแล้ว เรื่องที่เราดูคือหนังฮีโร่อวกาศครับ การ์เดี้ยนออฟเดอะกาแล็คซี่ภาคสอง (Guardians of the Galaxy Vol.2) ตอนภาคแรกผมชอบมาก แน่นอนภาคสองผมย่อมไม่พลาด ผมโคตรชอบเลยเรื่องนี้ พระเอกเป็นลูกครึ่งมนุษย์ที่ถูกเลี้ยงดูโดยโจรสลัดอวกาศ ต่อมาก็จับผลัดจับผลูได้รวมทีมกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวกลายเป็นผู้พิทักษ์จักรวาลจากเหล่าร้าย แหม่ อลังการดีแท้ ฮ่า ๆ

“ไอ้ตัวนี้มันเรียกว่าเบบี้กรูทรึ?” พี่ภูเอ่ยปากถาม เขาไม่เคยดูหนังมาก่อน ถึงหลัง ๆ จะดูบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูทุกเรื่องทุกแนว ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้จักหรือสงสัย จะว่าไปผมก็น่าจะเอาภาคแรกมาเปิดให้เขาดูก่อนนะเนี่ย

“มันชื่อกรูท เป็นต้นไม้มั้ง ก่อนหน้านี้ตัวมันสูงมาก แต่มันปกป้องเพื่อนจนเกือบตาย พอเกิดใหม่ก็เลยกลายเป็นต้นไม้ต้นเล็ก ๆ อีกนานแหล่ะกว่าจะโต คนดูก็เลยชอบเรียกมันว่าเบบี้กรูท”

“เกิดใหม่เหรอ...” พี่ภูเอ่ยทวนเบา ๆ หากแต่คำพูดของเขาทำให้ผมชะงักงัน

อ่า นั่นสินะ ท่านเจ้าที่ก็กำลังจะไปเกิดใหม่นี่...กรูทน่ะเกิดใหม่เป็นต้นไม้ต้นน้อย ๆ แล้วเขาล่ะ เขาจะเกิดเป็นอะไร ทารกตัวน้อย ๆ ในครอบครัวไหนสักครอบครัวหนึ่งหรือเปล่า ถึงตอนนั้นเขาคงจะจำผมไม่ได้แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคือเราคงไม่มีทางได้เจอกันอีก ไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้าผมกับเขาก็จะกลายเป็นแค่คนที่เคยอยู่ด้วยกัน

เป็นแค่คนที่เคยรักกัน

ความคิดนั้นทำให้ผมขยับตัวนอนตะแคงแล้วซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกของพี่ภูมากขึ้น หนังที่กำลังฉายอยู่บนจอทีวีไม่อยู่ในสายตาของผมอีกต่อไป ใจผมบีบแน่นเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำมันเอาไว้

การที่เราไม่รู้ว่าเราจะต้องจากกับคนที่รักเมื่อไหร่เป็นเรื่องดีนะผมว่า เพราะเราจะได้ไม่ต้องมากังวลอะไร แต่กลับกันการที่ผมรู้ว่าคนที่รักกำลังจะไปจากผมในอีกไม่ช้านี้ มันทำให้ผมปวดร้าวไปทั้งใจเลยว่ะครับ...ผมไม่อยากเสียเขาไป ไม่อยากให้เขาไปเกิดเลยสักนิด แต่ผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน ผมรั้งเขาเอาไว้ไม่ได้หรอก ไม่มีทางทำได้

“คิดอะไรอยู่” เสียงของท่านเจ้าที่ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด

ผมส่ายหน้ากับอกของเขา พาดแขนลงกอดร่างแกร่ง ตอบเสียงอู้อี้ “เปล่าครับ”

“โกหก” เขาสวนกลับทันควัน “ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่”

“แล้วจะถามทำไมล่ะ!” ผมเงยหน้าขึ้นไปโวยวายใส่

พี่ภูยิ้มบาง กดจูบลงที่หน้าผากผมพลางว่า “อย่าคิดเรื่องนั้นเลย คิดเรื่องที่เรากำลังอยู่ด้วยกันตรงนี้ดีกว่านะ”

“...อืม” ผมตอบรับในลำคอ เป็นฝ่ายกดจูบลงที่ปลายคางของอีกฝ่าย ไรหนวดบาง ๆ ของท่านเจ้าที่ทำให้ผมจั๊กจี๊ริมฝีปาก ก่อนผมจะเลื่อนลงมากอดจูบที่แผ่นอกตรงตำแหน่งหัวใจของเขาแทน

ผมกดค้างเอาไว้อย่างนั้น สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจใต้นั้น มันเต้นแรงขึ้นมาหนึ่งจังหวะ ก่อนจะค่อย ๆ กลับไปเต้นตามปกติ แรงเต้นที่ทำให้ผมรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ที่ข้าง ๆ ผม

ผมไม่ได้แค่ชอบเขาแต่ผมรักเขา...รักเขาไปแล้ว และมันทำใจยากจริง ๆ นะที่รู้ว่าผมกับเขาจะต้องแยกจากกัน

อ่า เลิกคิดสักทีเถอะน่าไอ้แทงค์ คิดวนเวียนเรื่องเดิมอยู่ได้ มึงบอกเองไม่ใช่หรือวะว่าไม่ว่าจะเป็นยังไง เวลานี้มึงจะเก็บเกี่ยวความทรงจำระหว่างมึงกับพี่ภูเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะงั้นมึงควรเลิกคิดแล้วโฟกัสที่ตอนนี้เวลานี้สิ

ผมบอกตัวเอง แล้วในเวลาต่อมาผมก็ผละกอดออกก่อนจะหันไปสนใจหนังที่ฉายไปแล้วเกือบสิบนาทีอีกครั้ง...ท่านเจ้าที่กดจูบที่กลางศีรษะของผมเบา ๆ พอผมเหลือบขึ้นไปมอง อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มหวานมาให้ผม แล้วหันกลับไปสนใจหนังตามเดิม

ผมเอ่ยขึ้นเสียงเบาทั้ง ๆ ที่ตายังมองคริส แพตต์ซึ่งรับบทเป็นสตาร์ลอร์ดพระเอกของเรื่องกำลังต่อสู้กับเอเลี่ยนประหลาดอย่างเมามันไม่ละสายตา “ผมชอบจังที่พี่อยู่ตรงนี้กับผม”

ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับกลับมาก็มีความหมายไม่ต่างกันกับผม...

“อืม ฉันก็ชอบ”




__________

เหม็นความรักเด้อ 55555 พอใจตรงกันนี่หวานกันเหลือเกิน เดี๋ยวกอด เดี๋ยวจุ๊บ ลองนับดูสิคะว่าเจ้าแทงค์มันพูดคำว่าเขินกี่ครั้ง ก๊ากกก เออนะ เขินแต่ก็ชอบไง เดี๋ยวอ้อน เดี๋ยวป้อน เดี๋ยวยิ้ม โว๊ะ อิจฉาคนมีฟามรักจริงๆ เลยวุ้ย! หมั่นไส้ 55555

ในส่วนที่ว่าวงของแทงค์ได้เข้าสังกัดทั้งวงนี่มีที่มานะคะ จะพูดถึงในตอนพิเศษของฮัทอีกเช่นกัน รออ่านกันด้วยเน้อ หุหุ ส่วนเบบี้กรูทนี่ ไม่ใช่อะไรค่ะ ตอนเขียนบทนี้เพิ่งดูเรื่องนี้จบ ภาคสองอ่ะค่ะ แล้วแบบสนุกมาก ชอบมากกก นี่ก็เลยเอามาเขียนซะเลย จับโยงเรื่องไปเกิดได้พอดีด้วย แหม่ เป๊ะดีจริงๆ ฮ่าาา พอมาคิดดูอีกทีเราก็เผลอเอาความชอบของเราใส่ลงไปในเรื่องไม่น้อยเลยง่ะ ไม่ได้ทำดอกจันทร์ไว้ด้วย จะมีใครเข้าใจเราไหมเนี่ย ตั้งแต่คราวฟิกเกอร์ที่แทงค์อยากได้ละ อันนั้นอนิเมะญี่ปุ่นเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดในโลกที่มียักษ์ไททันไล่จับมนุษย์กินค่ะ แล้วเฮย์โจวที่ว่าก็คือหัวหน้าทหารผู้เป็นตัวประกอบที่เด่นยิ่งกว่าพระเอกของเรื่อง ก๊ากๆ มาอธิบายตอนนี้นี่ทันมั้ย? 5555

เมื่อวานจะอัพก็ลืมเพราะกำลังติดนิยายค่ะ นิยายแปลฝรั่งเรื่อง Him series ของสำนักพิมพ์ Pride my Kaewkarn ค่ะ มันดีงามมากเธอออ มีสองเล่มจบ เล่มแรกนี่มีแต่ความหื่นอ่ะ เล่มสองก็จะหน่วงๆ หน่อยแต่ความแซ่บยังคงเดิม อ่านไปปาดเลือดไป รักพระเอกแนวเมะชนเมะสลับโพซิชั่นกันจังเลยอ่าา แอร๊ยย ใครสนใจเข้าไปอ่านรีวิวในเพจของเราก่อนได้นะคะ แต่อยากให้ไปตำอ่ะ งานดีจริงๆ นะแกเอ๋ย

วันนี้ก็เกือบลืมอัพ กำลังแปลงานวิจัยอยู่ ดีนะนึกขึ้นได้ ไปละคะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ขอไปแปลงานต่อ พรุ่งนี้เช้าไม่มีเรียนนอนดึกได้ เย้! 55555 ฝันดีนะคะ จุ๊บๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2017 21:21:00 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ทำไมเขินนนนนนนนน
งือออออออ

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เขาหวานกันไม่เกรงใจเลยค่ะ เขินไปหมดแล้ว :-[ :impress2:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :o8:  เบาหวานขึ้นตาคนแก่แล้ว

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
หวานจิงอะไรจิง >\\\\\\<
เราจะยังไม่คิดถึงเรื่องดราม่าในอนาคต แหะๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด