ตอนที่ 36
“...พี่ อย่าทิ้งผมนะ”
[ภูตลา]
เพราะเมื่อวานเจอคนเมาทำให้เสียศูนย์เกือบยับยั้งชั่งใจเอาไว้แทบไม่อยู่ พระภูมิเจ้าที่หนุ่มจึงเลือกที่จะเฟดตัวเองออกมาจากบ้านของเจ้าเด็กตัวแสบเป็นการชั่วคราว ตั้งใจจะหลบภัยอยู่ในศาลไม่ออกไปเจออีกฝ่ายจนกว่าเขาจะลืมรสจูบเมื่อวานได้
แม้สวรรค์จะไม่ได้เคร่งครัดในข้อห้ามเรื่องการมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันของเทวดานางฟ้า แต่ด้วยความที่พวกเราล้วนคิดตรงกันเสียส่วนใหญ่ว่าตนเองเป็นสิ่งบริสุทธิ์ ความรักและความสัมพันธ์ฉันคนรักจึงมิใช่เรื่องจำเป็น ดังนั้นแล้วกับเด็กหนุ่มชาวมนุษย์เองก็หาใช่ข้อยกเว้นไม่ ตราบใดที่เขายังเป็นเทวดาอยู่ ภูตลาคิดว่าเขาควรจะอดทนอดกลั้นเอาไว้เสียก่อนน่าจะดีกว่า
เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กนั่นจะตื่นมาแล้วเป็นยังไง จะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้หรือไม่ เอาเป็นว่าเจ้าที่หนุ่มรู้สึกไม่พร้อมกับการพบหน้ากันในเช้าวันนี้เท่าไหร่นัก...แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ลึก ๆ ในใจเขาก็ยังเป็นห่วงแทงค์อยู่ดี เมื่อคืนเมาขนาดนั้นคงไปเรียนในวันนี้ไม่ไหวเป็นแน่ ไหนจะงานพาร์ทไทม์ที่ซุปเปอร์ฯ ตอนบ่ายนี้อีก สงสัยคงต้องไปลางานให้เสียแล้วล่ะมั้ง
ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาหรอก แต่ทำให้เด็กน้อยขี้เมาหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นะ...คิดได้ดังนั้นภูตลาจึงโผล่มาปรากฏตัวที่ศาลของพระภูมิเจ้าที่ประจำดีซีซุปเปอร์ฯ อีกฝ่ายเห็นเขาก็เอ่ยทักอย่างยินดี
“อ้าว ว่าเช่นไรท่านภู มีธุระอะไรกับข้ารึ?”
“สวัสดียามเช้าท่านภาธี ข้าเพียงแต่แวะมาเยี่ยมเยียนท่านก่อนไปทำธุระส่วนตัวน่ะ”
“หึ ๆ ธุระของท่านภูคงไม่พ้นเรื่องของเจ้าบ้านหลังนั้นใช่หรือไม่” คนโดนแซ็วไม่ตอบคำ เบือนสายตาไปมองทางอื่นแทน เรียกเสียงหัวเราะอีกระลอกจากภาธี “เอาเถอะ ข้ารู้ว่าเด็กคนนั้นสำคัญกับท่านเพียงใด”
“รู้?” คราวนี้เรียกความสนใจของภูตลาให้หันกลับมาเลิกคิ้วย้อนถามเสียงสูงจนได้ ภาธียิ้มบาง ๆ หากแต่ในดวงตาฉายชัดถึงความเห็นใจ
“ตอนนี้ใคร ๆ ก็รู้เรื่องของท่าน แม้ไม่ใช่เทวดาทั้งหมดในสวรรค์ แต่ก็มีไม่น้อยที่รู้ว่าท่านกำลังทำอันใดอยู่”
“แล้ว...พวกเขามีปฏิกิริยาเช่นไรกันบ้างล่ะ”
“ก็มีหลากหลายเสียงนะท่าน บ้างก็ว่าท่านทำไม่ถูกต้อง บ้างก็ว่าท่านน่าเห็นใจ บ้างก็ตกใจไม่น้อย และบ้างก็เอาใจช่วยท่านให้ทำสำเร็จ แต่ก็นะ...ถึงพวกเขาจะรู้ว่าท่านกำลังคิดจะทำสิ่งใด หากแต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังหรอกว่าท่านจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทน พวกเขารู้เพียงว่าท่านทำทุกอย่างก็เพื่อเด็กหนุ่มคนนั้น”
“งั้นหรือ”
“ข้าเอาใจช่วยท่านนะท่านภู เฮ้อ ความรักนั้นมีอำนาจเหนือสิ่งใดจริง ๆ” เจ้าที่ประจำศาลพระภูมิของซุปเปอร์ฯ แห่งนี้ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะว่าต่อ “เอาเถิด ท่านไปทำกิจของท่านเถิด ไว้พบกันใหม่ในภายหลัง หวังว่าเราจะได้เลี้ยงฉลองส่งท้ายให้ท่านก่อนท่านไปเกิดนะขอรับ”
เมื่อเจ้าที่ประจำซุปเปอร์ฯ หายวับไป ภูตลาก็พาตัวเองมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในที่ลับตาคนด้วยรูปลักษณ์ของมนุษย์ปกติ เขามองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นเขา พยายามทำตัวให้ธรรมชาติที่สุดแล้วจึงก้าวเท้าออกจากตรงนี้เพื่อเข้าไปยังด้านในซุปเปอร์มาร์เก็ต
“ดีซีซุปเปอร์มาเก็ต สวัสดีครับ อ๊ะ!” กันต์ซึ่งเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ตรงเคาท์เตอร์คิดเงินในตอนนี้เอ่ยทักทาย แต่ก็ชะงักลงเล็กน้อยเมื่อพบว่าลูกค้าเป็นใคร หากแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ภูตลาก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“ฉันมาลางานให้แทงค์น่ะ”
“ครับ? แทงค์เป็นอะไรหรือครับ?” กันต์เอ่ยถาม น้ำเสียงเจือความเป็นห่วงอย่างจริงใจ
“ใครเป็นอะไรหรือกันต์?”
“คุณคนนี้เขามาลางานให้แทงค์อ่ะพี่ทศ”
“อ้าว สวัสดีครับ แทงค์เป็นอะไรหรือครับ?” ทศที่เพิ่งเดินพ้นเชลฟ์ขายเครื่องปรุงอาหารขมวดคิ้วถามอย่างไม่สบายใจนักเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาลางานให้รุ่นน้องที่เขาค่อนข้างเอ็นดู
“ไม่สบายน่ะ คิดว่าวันนี้คงมาทำงานไม่ไหวฉันเลยมาลางานให้ จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“อ๋อ ไม่หรอกครับ เดี๋ยวผมบอกผู้จัดการให้ ว่าแต่เขาไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมครับเนี่ย” ทศยังถามอีก
“เขาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก พักสักวันคงหายดี” เจ้าที่หนุ่มบอกเพื่อให้ทั้งสองคนคลายกังวล อดคิดในใจไม่ได้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้าเด็กแทงค์อยู่บ้าง “งั้นฉันกลับล่ะ ขอบใจนะ”
เดินออกจากซุปเปอร์ฯ มาได้ ภูตลาก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านทันที อยากจะไปดูแทงค์เสียหน่อยว่าตื่นขึ้นมาหรือยัง หากแต่ก็เกิดลังเลใจขึ้นมาเมื่อมีอีกที่หนึ่งที่เขาอยากจะไปมากกว่า
ชั่งใจอยู่นานหากแต่สุดท้ายเทวดาก็ตัดสินใจหลบเข้ามุมลับตาคนก่อนจะหายตัววับแล้วมาโผล่ที่มหาวิทยาลัยของแทงค์...ที่จริงแล้วนี่ไม่ธุระกงการอะไรของเขา ความบาดหมางของแทงค์กับเพื่อนเป็นเรื่องที่เด็กคนนั้นจะต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง แต่ความเศร้าหมองของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาทนมองต่อไปไม่ไหวเช่นกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อยุติการทะเลาะกันของแทงค์กับเพื่อนลงเสียที
ไม่มีใครอยากเห็นคนที่เรา ‘รัก’ ต้องร้องไห้หรอกน่ะ ดังนั้นอะไรที่พอจะทำได้เพื่อไม่ให้ ‘คนที่เขารัก’ ต้องร้องไห้อีก ภูตลาก็คิดว่าเขาพร้อมยอมจะทำ...และใช่ เจ้าที่หนุ่มกำลังมีความรัก
ความรักที่เขาไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตัวเขาเป็นเทวดาที่มีอายุยาวนานและไม่เคยสนใจเรื่องรักใคร่เลยสักครั้ง จึงไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ ว่าไปหลงรักเจ้าเด็กหนุ่มนั่นตอนไหน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกเช่นนี้ ยามเมื่อเขารู้ตัวอีกที...หัวใจก็บอกแล้วว่าคน ๆ นี้สำคัญกับเขามากเพียงใด
แทงค์สำคัญ และภูตลาก็ ‘ตกหลุมรัก’ เด็กคนนั้นไปแล้วอย่างถอนตัวไม่ทัน
อ่า จริงอย่างที่ท่านภาธีบอก ความรักนั้นมีอำนาจเหนือสิ่งใดจริง ๆ มันมีอำนาจเหนือกว่าเขา และเพราะอำนาจของมันจึงทำให้เขามาโผล่อยู่ที่นี่...หน้าคณะของแทงค์
“คุณ...” เสียงทุ้มเรียบของใครคนหนึ่งเอ่ยทัก ทำให้ท่านเจ้าที่หนุ่มต้องเหลียวกลับไปมอง แล้วก็เจอเข้ากับเด็กหนุ่มหน้านิ่งผมดำที่เขาจำได้ว่าเคยพบกันมาก่อนที่ร้านเหล้าเมื่อนานมาแล้ว
“นายคือคนที่เป็นเพื่อนของแทงค์?”
“ครับ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ครับ หรือว่ามาหาไอ้แทงค์ แต่วันนี้มันไม่ได้มาเรียนนะครับ ผมโทรไปมันก็ไม่รับ”
“อืม ฉันรู้แล้ว”
“อ่า เหรอครับ” ฮัทรับคำหน้านิ่ง ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นมากกว่าปกติแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณอยู่บ้านข้าง ๆ มันไม่ใช่เหรอครับ แล้วมันเป็นอะไรหรือเปล่า หรือมันหนีหายไปไหนคุณก็เลยมาตามมันที่นี่!? มันเป็นอะ...”
“ใครเป็นอะไรวะไอ้ฮัท?” บุคคลที่สามและสี่ก้าวเท้าเข้ามายืนข้าง ๆ เพื่อนหนุ่มที่กำลังทำหน้าตื่นตูมผิดจากปกติ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองขมวดคิ้วมองมาที่ภูตลา ขณะที่เจ้าหนุ่มหน้าฝรั่งผมสีน้ำตาลแดงเอียงคอมองมาด้วยความสนใจ
“ฉันมาคุยกับพวกนาย เรื่องของแทงค์” ภูตลาเข้าเรื่องทันที เขาเดาได้ไม่ยากว่าสองคนนี้คงไม่พ้นเนสกับคลาร์ก
เกิดความเงียบขึ้นมาทันทีเมื่อสิ้นประโยคของเทวดาหนุ่ม ใบหน้าของทั้งคนฟังทั้งสองขึงตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่มีอีกอย่างที่ชัดมากในดวงตาของพวกเขาด้วย...มันคือสายตารู้สึกผิดและกังวลใจ สายตาในแบบที่ทำให้ภูตลาเข้าใจได้ในทันทีว่าแม้เด็กทั้งสองจะโกรธเคืองแทงค์ แต่ลึก ๆ แล้วก็ยังรักและเป็นห่วงเพื่อนอยู่ดี
“ทำไมครับ มันไปฟ้องอะไรคุณแล้วให้มาหาเรื่องพวกผมหรือไง!?” หนุ่มฝรั่งตาสีฟ้าสวยกอดอกขึ้นเสียงถาม แต่แล้วทุกคนก็ต้องนิ่งงันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำตอบ
“ไม่ แทงค์ไม่เคยฟ้องอะไรฉัน และเขาก็ไม่ได้ส่งฉันมาหาเรื่องพวกนายด้วย เป็นเพื่อนกันพวกนายไม่รู้หรือว่านิสัยของเด็กคนนั้นเป็นยังไง เขาเป็นพวกขี้ฟ้องหรือพวกที่ชอบส่งคนอื่นไปหาเรื่องใครต่อใครหรือยังไงล่ะ?”
“...” คนฟังหน้าเสีย หากแต่เจ้าที่หนุ่มก็ไม่คิดจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาเริ่มเอ่ยเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว
“ที่ฉันจะมาพูดวันนี้คือเรื่องที่พวกนายโกรธเขา แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจเขาอีกต่างหาก รู้ไหมว่าเด็กคนนั้นนอนแทบไม่หลับเพราะเอาแต่คิดวนเวียนถึงคำพูดของพวกนายสองคน กับการกระทำที่พวกนายทำกับเขาราวกับไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว หรือพวกนายคิดจะตัดเพื่อนกับเขาจริง ๆ ถึงได้ทำร้ายจิตใจเขาได้ขนาดนี้”
ยิ่งชายหนุ่มพูด เด็กหนุ่มอีกสามคนก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ แม้แต่ฮัทที่ไม่ได้ทำอะไรผิดก็อดจะเสียใจไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยินอยู่ในตอนนี้
“พวกนายก็รู้กันดีไม่ใช่หรือไงว่าโอกาสแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับ คนเราทุ่มเทเพื่ออนาคตของตัวเอง และแทงค์ก็แค่เลือกสิ่งที่คิดว่าดีกับอนาคตของตัวเอง เป็นพวกนายถ้าได้รับโอกาสแบบนี้จะไม่เลือกตอบรับงั้นหรือ? เขาอาจจะผิดจริงที่ตอบรับไปโดยไม่คำนึงถึงพวกนาย แต่พวกนายก็น่าจะฟังเขาบ้าง ให้โอกาสเขาอธิบายและขอโทษ”
“...”
“เด็กคนนั้นไม่เหลือใครที่เขาจะพึ่งพาได้อย่างเต็มหัวใจ หลังจากนี้เขาต้องดิ้นรนมีชีวิตด้วยตัวเอง ต้องทำเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคตด้วยตัวเอง สร้างตัว สร้างอาชีพด้วยตัวเอง” ภูตลาพูดไม่หยุด ยิ่งพูดใจเขาก็ยิ่งรู้สึกคุกกรุ่นด้วยอารมณ์โกรธเคืองลึก ๆ ขึ้นมา เด็กสองคนนี้ไม่ผิดที่จะโกรธ แต่ก็ไม่น่าจะพูดจาทำร้ายจิตใจกันขนาดนั้น แลเพราะแทงค์ต้องเสียน้ำตา ภูตลาจึงยอมไม่ได้ “พวกนายไม่รู้หรอกว่าคำพูดของพวกนายทำร้ายเขามากแค่ไหน ตั้งแต่พ่อแม่เสียเขาแทบไม่เคยร้องไห้ด้วยความเสียใจเลยสักครั้ง แต่เพราะพวกนายเขาถึงต้องเสียน้ำตา แถมยังเสียใจแล้วดื่มจนเมาหนักอีกต่างหาก”
“อะ ไอ้แทงค์ร้องไห้...” ฮัทเอ่ยขึ้นเสียงเบาอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
ภูตลากวาดตามองเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่กำลังแสดงสีหน้าแตกต่างจากก่อนหน้านี้ออกมาอย่างชัดเจน เขาพูดทิ้งท้ายอีกประโยคก่อนจะหันหลังเดินจากมา “ลองไปคิดดูแล้วกันว่ามิตรภาพที่ผ่านมามันไร้ค่า จนพวกนายไม่คิดจะให้โอกาสแทงค์เลยแม้แต่ครั้งเดียวหรือเปล่า”
เจ้าที่หนุ่มคิดว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว ได้แต่หวังว่าเด็กพวกนี้จะเข้าใจและคิดได้ หวังว่าเด็กพวกนี้จะแก้ไข และหวัง...ว่าแทงค์ของเขาจะไม่ต้องร้องไห้อีก
__________
กลับมาถึงบ้าน ภูตลาก็อดไม่ได้ต้องไปดูเด็กหนุ่มที่เมื่อคืนเมาจนทำอะไรไม่เข้าท่ากับเขาเสียหน่อย แม้จะไม่ค่อยอยากเห็นหน้าเพราะพาลให้นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ความเป็นห่วงก็มีมากกว่าจนทนไม่ไหวต้องก้าวเท้าเข้ามาในห้องนอนของอีกฝ่ายจนได้
แทงค์ยังนอนอยู่บนที่นอนนุ่ม นี่มันก็บ่ายแล้วแต่ยังไม่ยอมตื่นเสียทีจนเทวดาหนุ่มอดกังวลไม่ได้ เขาควรปลุกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมากินข้าวเพราะนี่มันเลยมาสองมื้อแล้ว และเด็กนี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน
คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็ก้าวเข้าไปนั่งตรงขอบเตียง เอื้อมมือไปเขย่าไหล่มนพลางเอ่ยปากเรียก
“แทงค์ ตื่นได้แล้ว”
“อือ...” เสียงนุ่มๆ แหบเครือครางอื้ออึงในลำคอ ร่างโปร่งพลิกหันใบหน้ามาทางคนปลุก ดวงตาสีนิลสวยเปิดปรือขึ้นช้า ๆ สบตาคนตัวโตกว่า เรียวปากแห้งผากขยับพูดเสียงเบา “...พี่ภู”
“เออ ฉันเอง ตื่นได้แล้ว นี่มันบ่ายแล้วนะ”
“อะ เหรอ อืมมม” คนเมาค้างยกมือขึ้นกุมหน้าผาก อาการปวดหัวจี๊ดทำให้ต้องนิ่วหน้า
“ปวดหัวล่ะสิ เมื่อคืนดื่มเสียขนาดนั้น”
“อื้อ ปวดจัง” แทงค์พึมพำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ก่อนจู่ ๆ จะขยับเข้ามาใกล้ตักหนา ซบหน้าผากกับต้นขาของเจ้าที่หนุ่ม...การกระทำที่ทำให้ภูตลานิ่งไปชั่วอึดใจ หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้นมาอีกหนึ่งจังหวะ
พอเขารู้ตัวว่ารักเจ้าเด็กนี่ ไม่ว่าอีกฝ่ายทำอะไรก็มักทำให้เขาใจเต้นแรงเสมอ...ให้ตายเถอะ จั๊กจี้หัวใจชะมัด
“ตื่นแล้วก็ลุกเถอะ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันจะหาอะไรให้กิน”
“ลุก...ไม่ไหวอ่า...”
“เฮ้อ นายเนี่ยนะไอ้เด็กนิสัยเสีย ทีหลังก็อย่าเมาสิ มันลำบากฉันเห็นไหมเนี่ย ชอบสร้างความลำบากให้ตลอด” ท่านเจ้าที่ทำหน้าดุ เอ่ยบ่นอย่างไม่จริงจังนัก แต่พอเห็นดวงตาเศร้าหมองของคนที่ยังนอนซบหน้าอยู่บนตักของเขา ชายหนุ่มก็อยากจะตบปากตัวเองนักที่เผลอบ่นออกไป จนเอ่ยปลอบแทบไม่ทัน “เฮ้ อย่าทำหน้าอย่างนั้น ฉันก็แค่พูดไปงั้นเอง”
“แต่มันก็จริงนะ ผม...ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและรู้สึกแย่ เฮ้อ ผมขอโทษ” แทงค์ยอมรับ แต่ทำเอาคนฟังใจหาย
ภูตลาถอนหายใจก่อนจะลูบเส้นผมสีปีกกาบนตัก แล้วว่า “ไม่เอาน่า ฉันบอกแล้วไงว่าพูดไปงั้นเอง ฉันเข้าใจนาย และนายก็ไม่ใช่เด็กไม่ดีอะไรด้วย ฉันไม่ได้ลำบากอะไรหรอกที่ต้องคอยดูแลนาย ตรงกันข้ามฉันกลับเต็มใจมากด้วยซ้ำที่ได้ดูแลนายแบบนี้ พึ่งพาคนอื่นบ้างก็ได้แทงค์ หรือถ้าไม่อยากพึ่งใคร งั้นก็เว้นฉันเอาไว้สักคน...พึ่งพาฉันบ้าง นายไม่ได้อยู่คนเดียว ตอนนี้นายมีฉันเข้าใจมั้ย?”
แทงค์ขยับลุกขึ้นก่อนจะสวมกอดเทวดาหนุ่มแน่น ใบหน้าหล่อใสฝังลงกับไหล่หนา ปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อคลอไหลซึมลงไปกับบ่าแกร่ง เรียวปากสวยเม้มเขาหากันแน่น...เขาบอกแล้วไงว่าเขาไม่อยากร้องไห้ แต่เขาก็ไม่อยากจะกักเก็บความเสียใจอีกต่อไปแล้วเช่นกัน อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคน ๆ หนึ่งที่เขายอมที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น
คนที่บอกให้เขาพึ่งพาอีกฝ่าย...คนที่บอกว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว
ท่านเจ้าที่คือคน ๆ นั้น คนที่เขาไม่อยากให้จากไปไหน อยากให้อยู่ด้วยกันอย่างนี้เรื่อยไป
“...พี่ อย่าทิ้งผมนะ”
ภูตลาไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงกระชับกอดแน่นขึ้นเท่านั้น เพราะเขาไม่สามารถรับปากกับสิ่งที่เด็กหนุ่มร้องขอได้ ตอนนี้เขาอาจจะยังอยู่ แต่อีกไม่นานเขาก็ต้องไปเกิดแล้ว เขาไม่สามารถอยู่กับเด็กคนนี้ได้ตลอดไป ไม่มีทาง...
คำขอที่เขาอยากตอบรับจับใจ แต่ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์เอ่ยออกมา
__________
เอ้า ทำไมเหมือนทิ้งท้ายไว้ด้วยความดราม่ายิ่งกว่าเดิมล่ะเนี่ย คิคิ เป็นไงคะ พระเอกขี่ม้าขาวเห็นมะ ถึงขั้นไปเตือนสติเด็กน้อยที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลกันเลยทีเดียว เพราะไม่อยากเห็นคนที่รักร้องไห้อีก งุ้ย หล่อเลย 55555 //ปกติก็หล่ออยู่แล้วนี่หว่า ก๊ากกก
อืม เราเข้าใจนะคะว่าบางคนก็รับไม่ได้กับการกระทำของเนสกับคลาร์กเนอะ แต่จะว่าไงดี คนเป็นเพื่อนกันเนี่ย บางทีมันก็มีบ้างที่ทะเลาะกัน พูดจาทำร้ายจิตใจกันเพราะอารมณ์กรุ่นโกรธชั่ววูบ ตัวเราก็เคยทะเลาะกับเพื่อนด้วยเรื่องเล็กน้อยจนไม่คุยกันครึ่งปี แต่สุดท้ายแล้วเพื่อนแท้ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอกค่ะ ต่อให้จะโกรธกันมากแค่ไหน ในวันหนึ่งก็อยากจะพูดคำว่าขอโทษออกมาแล้วคืนดีกันอยู่ดี ต่อให้ตอนนี้จะโมโหมากเท่าไร แต่ลึกๆ ก็ยังคิดถึง ยังนึกเป็นห่วงว่าตอนนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง สุดท้ายแล้วก็กลับมารักกันเหมือนเดิม...อาจไม่ใช่ทุกคน แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามีแบบนี้จริงๆ
เราคิดว่าหลายคนน่าจะเดาได้ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง อ่านทอล์คมาถึงตรงนี้คงพอเดาได้อ่ะแหล่ะเนอะเพราะเราชี้ทางขนาดนี้ 555 ถ้าใครรับไม่ได้ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ก็หวังว่าจะยังติดตามกันต่อไปจนจบนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะทุกคน รักนะ //ส่งมินิฮาร์ทพร้อมจูบ