พิมพ์หน้านี้ - [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Hazel_nut ที่ 18-06-2017 15:39:29

หัวข้อ: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 18-06-2017 15:39:29
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!
By... Hazel_nut


บทนำ

"ไอ้เจ้ามนุษย์พูดจาสามหาว!"


 

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโดนเพื่อนรักตั้งแต่วัยเด็กขอร้อง ทิราวัฒน์คงไม่ยอมตกปากรับคำมาทำอะไรแบบนี้เป็นแน่

เรื่องมันเริ่มมาจากการที่เพื่อนสมัยเด็กที่ว่านั่นล่ะ ต้องทำภาพยนตร์สั้นส่งอาจารย์เป็นโปรเจ็คก่อนสอบมิดเทอม หัวข้อก็คือ...การล้อเลียนละครไทย ซึ่งมันเกี่ยวกับเขาตรงไหนน่ะเหรอ?

ก็ตรงที่ไอ้เพื่อนเวรต้องการทำหนังสั้นล้อเลียนละครเรื่องพิษสวาท และมันขอให้ไอ้ทิราวัฒน์คนนี้...

รับบทคุณอุบล

ตอนแรกก็ฉะกับมันอยู่หรอกว่าเขาเป็นผู้ชายจะให้ไปรับบทผู้หญิงมันได้ที่ไหนกันเล่า! แต่พอได้ฟังรายละเอียดดี ๆ ก็เลยใจอ่อนตกปากรับคำยอมเล่นหนังให้มันไปจนได้...ยังดีที่เป็นคุณอุบลเวอร์ชันผู้ชายไง เขาไม่จำเป็นต้องแสดงเป็นผู้หญิง เพราะถ้าทำอย่างนั้นเขาคงจะกลายเป็นกะเทยอุบลซะแทน ซึ่งนั่นมันต้องออกมาอุบาทว์มากแน่ ๆ

"ไอ้แทงค์ ฉากนี้อย่าลืมนะเว้ย ทำหน้าครุ่นคิดตอนมองศาลพระภูมิ เอาแบบคิดจริงจังเลยนะ หน้าเครียด ๆ อ่ะ"

ฉากที่ไอ้พัฟเพื่อนของเขาพูดถึง ก็คือฉากที่คุณอุบลนั่งรถเข้าบ้านใครสักคนนี่ล่ะ (คือเขาก็ไม่เคยดูละครเรื่องนี้แบบจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง เลยไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใครในเรื่อง) แล้วจิกตามองพระภูมิเจ้าที่เป็นการเย้ยหยัน แต่ในบทหนังล้อเลียนของไอ้พัฟมันบอกให้เขาทำอีกแบบน่ะสิ...

"เข้าฉากเตรียมถ่ายทำครับ!!" ไอ้พัฟตะโกนบอกกับทีมงาน ซึ่งก็คือเพื่อนร่วมทีมทำโปรเจ็คของมันนั่นล่ะ

ทิราวัฒน์หรือแทงค์ขึ้นไปนั่งบนรถในตำแหน่งข้างคนขับ ขณะที่คนขับเป็นผู้หญิงซึ่งเขาคุ้นหน้าคุ้นตาดี...พี่สาวของไอ้พัฟมันไง ไอ้นี่มันใช้งานคนรอบข้างได้เก่งจริง ๆ เลยวุ้ย ไม่ต้องเสียเงินจ้างใครมาเล่นเลยสักคน

"เอาล่ะนะ แอ็คชั่น!!"

แทงค์เล่นไปตามบท...เมื่อรถเคลื่อนผ่านประตูรั้วบ้านจนเห็นศาลพระภูมิ ชายหนุ่มก็เพ่งมองไปที่ศาลด้วยหน้าตาคร่ำเคร่ง ซึ่งตามบทแล้วพี่สาวไอ้พัฟต้องเหลือบมาเห็นแล้วถาม

"ทำไมมองศาลพระภูมิหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ"

"ผมกำลังคิดน่ะครับ ว่าศาลสีส้มนี่มันเชยสิ้นดี ควรเปลี่ยนเป็นสีชมพูพาสเทลมากกว่า อ้อ เพนต์ลายยูนิคอร์นให้มีหลาย ๆ สีลงไปด้วยก็น่าจะแจ่มนะ คิดว่างั้นไหมครับ?"

...นั่นล่ะคือบทของเขา

ทิราวัฒน์แค่พูดไปตามบทเท่านั้นจริง ๆ โดยหารู้ไม่ว่าได้ทำให้ใครคนหนึ่งโกรธเข้าเสียแล้ว

ณ อีกด้านหนึ่ง...ในศาลพระภูมิสีส้มอิฐ ชายร่างสูงกำยำในสภาพเปลือยท่อนบนโชว์กล้ามหน้าท้องสวยกับกางเกงยีนส์สีดำซีดที่เอวต่ำเสียจนเห็นวีเชฟงาม ๆ กำลังยืนเท้าเอวด้วยท่วงท่าประหนึ่งนายแบบมืออาชีพ ถลึงตามองหนุ่มหล่อหน้าใสในรถยนต์ด้วยความขุ่นเคืองใจ

"ไอ้เจ้ามนุษย์พูดจาสามหาว!" ชายหนุ่มตะโกนก้อง "บังอาจมาบอกว่าบ้านของข้าเชยรึ!? เอ็งไม่ได้มีชีวิตอย่างปกติสุขแน่ไอ้หนู!!"



__________
บทนำมาแล้ว ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยน้าา ท่านเจ้าที่ไม่ธรรมดานะขอบอก และทิราวัฒน์ของเราก็เช่นกัน 555 ตอนที่ 1 จะตามมาให้ไวที่สุดค่ะ!

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 18-06-2017 15:57:27
อยากอ่านต่อแว้ววว
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 18-06-2017 16:46:15
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-06-2017 17:48:36
 :katai2-1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-06-2017 18:35:10
น่าสนุก
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 18-06-2017 19:34:25
อ้าวซวยเลย เจ้าที่เข้าใจผิด ไม่ได้บอกท่านเหรอว่าจะมาถ่ายทำ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 18-06-2017 19:44:00
อ้าว โดนเลยย555+  ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 18-06-2017 20:00:39
น่าติดตามดีค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะ ขำ5555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 18-06-2017 20:02:21
โดนอ่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-06-2017 20:16:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 18-06-2017 20:24:15
ตามค่ะ เข้ามาเพราะสะดุดชื่อเรื่อง น่าสนุกค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-06-2017 21:09:59
โดนเลย ตาม
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 18-06-2017 21:51:02
ว้าวว รออ่านๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 18-06-2017 22:09:19
ตอนที่หนึ่งมาเลยได้ไหมคะ พลีีีีีีีสสสสสส 555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 18-06-2017 22:20:36
อุ๊ย! อย่าทำเจ้าที่โกรธสิเออ อย่าลืมใส่สายรุ้งกับดาวลงไปด้วยนะ :hao7: //ขอโทษค่ะ...
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 18-06-2017 22:42:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 18-06-2017 22:45:52
รอค่ะรอออออ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 1 [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 18-06-2017 23:18:43
ตอนที่ 1

"ก็บ้านข้าไม่ได้ติด wifi"

 

ตุบ!

“เฮ้อออ”

ผมเหวี่ยงกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาทันทีที่เดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นโซนเล็ก ๆ ของบ้านหลังนี้ ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดอีกเฮือกใหญ่ระบายความเหนื่อยล้า เหลือบตามองนาฬิกาบนข้อมือตัวเอง...บ่ายสามแล้วว่ะ ก็ว่าทำไมหิวจัง ตั้งแต่เที่ยงผมยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่หว่า มัวแต่ถ่ายหนังให้ไอ้เพื่อนเวรตะไลอ่ะแหล่ะ เลยยังไม่ได้แตะข้าวสักคำ

ขอเท้าความนิดนึงแล้วกัน...คือเมื่ออาทิตย์ก่อน ไอ้พัฟเพื่อนรักตั้งแต่วัยเด็กของผมมันไลน์มาหาผม เพื่อขอให้ผมช่วยรับบทนักแสดงหลักในหนังสั้นที่มันต้องทำส่งอาจารย์ก่อนสอบมิดเทอม พอผมถามว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ได้ฟังเท่านั้นล่ะผมก็ปฏิเสธทันที

แต่คุยไปคุยมาถึงรายละเอียด บวกกับมันทั้งอ้อน ทั้งขอร้อง ทั้งขู่เข็ญ ลามไปยันยื่นข้อแลกเปลี่ยนนั่นนี่ สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว ยอมรับเล่นหนังให้มันไป

เป็นคุณอุบลจากเรื่องพิษสวาทด้วย เท่ป่ะล่ะ เฮอะ!

ผมบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้น ตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกินในครัว บางทีในตู้เย็นอาจจะมีของที่พอจะทำเป็นอาหารได้บ้าง ทำมื้อเที่ยงควบมือเย็นไปเลยแล้วกัน...อืมมม แล้วหลังจากกินข้าวค่อยไปเคลียร์รายงานที่ต้องส่งอาจารย์วันศุกร์นี้ต่อ

คิดแผนการทำงานต่อจากนี้เสร็จ ผมก็หันเท้าก้าวไปทางห้องครัวทันที ผมอยู่บ้านนี้คนเดียว ส่วนพ่อกับแม่ท่านเสียไปตั้งแต่เมื่อเกือบสามปีที่แล้ว ก่อนที่ผมจะเข้าเรียนมหา’ลัยเสียอีก แต่ผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวโดดเดี่ยวไร้ญาติหรอกนะครับ ผมยังมีป้ากับลุงเขย เรายังติดต่อกันอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าพวกท่านไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้กับผม...พวกท่านอยู่บ้านของตัวเองที่ต่างจังหวัดน่ะ และจะขึ้นมาเยี่ยมผมเดือนละครั้ง

ผมเปิดตู้เย็นดูของในนั้น อ่า มีบล็อกโคลี่ ผักกาด เห็ดเข็มทอง อ๊ะ! มีเนื้อหมูเหลืออยู่หน่อย ทำผัดผักรวมแล้วกัน

“ฮื้ม ฮืมมม” ผมหั่นผักไปฮัมเพลงไป ไม่สนหรอกว่าร้องเพลงตอนทำอาหารแล้วจะได้ผัวแก่ตามความเชื่อของคนโบราณ ผมไม่เชื่อหรอกครับ ผัวของผม...ผมจะเลือกเองเว้ย

อ่อ ผมยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าจริง ๆ แล้วผม ‘เป็นเกย์’

ครับ...ผมชอบผู้ชาย ก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่ผมอยากบอก จบนะ

“เอ็งควรทำอาหารมาถวายข้าบ้างนะไอ้หนู”

“เฮ้ย!!!”

เคร้ง!

ผมสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ แถมยังเผลอโยนมีดที่กำลังหั่นบล็อกโคลี่อยู่ขึ้นเหนือหัวตัวเอง และมันคงจะปักหัวผมไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าของเสียงก่อนหน้านี้ขยับมารับมันเอาไว้ได้ทัน

“จะโยนมีดทำไมเล่า เกิดปักหัวเอ็งตาย ข้าก็ไม่ได้แก้แค้นเอ็งน่ะสิ!”

“คุณ! คุณเป็นใครเนี่ย!?! เข้ามาในบ้านของผมได้ยังไง!? แล้วเข้ามาทำอะไร!? ตอบสิตอบ ตอบมาเซ่!!” ผมรัวถามแทบลืมหายใจ ถลึงตามองแขกไม่ได้รับเชิญก่อนจะพยายามมองหาอาวุธไปด้วย ถึงผมจะเป็นผู้ชายสูงเกือบร้อยแปดสิบ แต่ถ้าเทียบขนาดร่างกายของผมกับผู้ชายคนนี้เนี่ย...คือผมแพ้ราบคาบเลยนะเฮ้ย!

ก็ไอ้ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้มันสูงมาก สูงเกินร้อยแปดสิบไปกี่เซนต์แล้วก็ไม่รู้ ผิวสีแทนแถมยังรูปร่างกำยำ กล้ามแขนพอเหมาะรับกับกล้ามท้องหกลูกเป็นลอนสวย...ทำไมผมถึงรู้ว่าหน้าท้องของเขาสวยน่ะเหรอ?

ก็เพราะไอ้หมอนี่มันเปลือยท่อนบนโชว์ให้ผมดูอยู่น่ะสิครับ!

...ดีนะที่ท่อนล่างเขายังสวมกางเกงยีนอยู่ ผมยังไม่อยากเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นหรอกนะครับ แม้ว่ามันจะมีอะไร ๆ ภายใต้กางเกงนั่นเหมือน ๆ กันกับของผมก็เถอะ

ผมคว้าเอาผักกาดขึ้นมาถือ...อย่ามองผมแบบนั้น ก็มันอยู่ใกล้มือที่สุดแล้วนี่หว่า อย่างน้อยถ้าไอ้หมอนี่มันคิดจะทำร้ายผม ผมก็ยังเอาผักกาดฟาดหน้ามันได้นะเว้ย!

“ข้าเป็นเจ้าที่” ชายแปลกหน้าบอกกับผม “อาศัยอยู่ในศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่หน้าบ้านเอ็งนั่นไง ส่วนที่ว่าข้ามาทำอะไร...ข้าก็มาหาเอ็งน่ะสิ เอ็งรู้มั้ยว่าได้พูดจาสามหาวใส่ข้าเอาไว้!?”

เดี๋ยว...นะ...

ขอ...เอ่อ แบบว่าขอผมตั้งสติคิดตามแป๊บนึงนะ

คือแบบว่าผู้บุกรุกคนนี้บอกว่าตัวเองเป็น ‘เจ้าที่’ ถูกมั้ยครับ?

แล้วก็บอกว่าอาศัยอยู่ในศาลพระภูมิที่หน้าบ้านของผม?

และมาหาผมเพราะผมไปพูดจาดูถูกศาลพระภูมิของเขา?

แต่...แล้วผมไปพูดจาสามหาวสี่หาวอะไรใส่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?!

ยิ่งไปกว่านั้นคือไอ้หมอนี่มันเป็นคนบ้าที่แอบเข้ามาในบ้านของผมหรือเปล่าวะเนี่ย! มาบอกว่าตัวเองเป็นพระภูมิเจ้าที่ ใครมันจะไปเชื่อ!

“นี่ คุณจำได้ไหมว่าคุณหลุดออกมาจากโรงพยาบาลไหน เดี๋ยวผมพาไปส่ง” ผมว่าตัวเองกำลังเจอเข้ากับคนบ้าจริงๆ แล้วล่ะ ส่วนหลงเข้ามาถึงในบ้านของผมได้ยังไงไว้ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ผมควรที่จะ...แบบว่าพาไอ้หมอนี่ไปส่งโรง’บาลจิตเวชสักแห่งใกล้ ๆ นี่

“โรงพยาบาล? ไปทำไม ข้าเป็นเทวดาไม่เจ็บป่วยหรอกนะ โรงพยาบาลไม่จำเป็นสำหรับข้า” อีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“แต่คุณเป็นบ้า ผมต้องพาคุณไปส่งให้หมอดูแล!”

“อะไรนะ!?! นี่เอ็งหาว่าข้าเป็นบ้างั้นรึ!? บังอาจนัก! เอ็งปากดีใส่ข้าเป็นครั้งที่สองแล้วนะ!” คราวนี้อีกฝ่ายเกรี้ยวกราดใส่ผม หน้าตาหล่อ ๆ นั่นถมึงทึงจนดูเหมือนเจ้าที่ในละครที่ผมเคยดูเป๊ะ ๆ

แต่ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ยังไงคนบ้าก็ต้องกลับโรงพยาบาล!

“แล้วใครมันจะไปเชื่อว่าคุณเป็นพระภูมิเจ้าที่วะ! ตลกเฮอะ คนที่คิดแบบนั้นมีแต่พวกคนบ้า...!!!”

ฟุ่บ! ตุบ! เฟี้ยว! ฟุ่บๆๆๆ

ผมถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น

วินาทีที่ผมกำลังจะพูดจนจบประโยค จู่ ๆ ผักกาดในมือของผมก็ลอยหลุดจากมือไปวางอยู่บนเขียง พร้อมกับที่ชายแปลกหน้าเหวี่ยงมีดไปทางผักกาดหัวนั้น แต่แทนที่มันจะปักคาเขียงหรือกระเด็นหล่นไป มันกลับพลิกตัวเองเอาด้านคมลง จากนั้นมีดมันก็...หั่นผักกาดหัวนั้นด้วยตัวเอง!

ไม่มีใครจับมีดใด ๆ ทั้งนั้น มันหั่นลงไปด้วยตัวของมันเองครับ!

“ทีนี้เชื่อหรือยังว่าข้าไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทวดา

ผู้บุกรุกเอ่ยถามผม พอดีกับที่ผักกาดหัวถูกหั่นจนเสร็จ มิหนำซ้ำมันยังลอยไปอยู่ในหม้อที่ผมใส่น้ำเอาไว้สำหรับแช่ผักล้างสารเคมีให้อีกต่างหาก

นะ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!?!

“คุณ! คุณทำ...คุณเป็น...”

“ข้าเป็นเจ้าที่ประจำศาลพระภูมิของบ้านเอ็ง” อีกฝ่ายยังคงยืนยันคำเดิมด้วยสีหน้า แววตา และท่าทางจริงจัง อีกทั้งผมยังแอบเห็นสายตาโกรธเคืองแฝงอยู่ด้วย เห็นจริง ๆ นะสาบานได้

“เรื่องจริงเหรอวะ” ผมยังคงไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องร้องลั่นเมื่อจู่ ๆ มีดที่ใช้หั่นผักเมื่อกี้บินเฉียดหน้าของผมไปปักที่กรอบหน้าต่างห้องครัว “ว้ากกก!!!”

พ่อแก้วแม่แก้ว ดีที่กรอบหน้าต่างทำจากไม้เนื้อแข็ง

ไม่สิ! นี่ไม่ใช่เวลามาห่วงหน้าต่าง ผมต้องห่วงตัวเองสิ มีดบินเฉียดหน้าเลยนะเว้ยเฮ้ย!!

“มะ ไม่ต้องสาธิตแล้วก็ได้นะครับท่าน”

“ก็เห็นเอ็งไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ข้าก็จะพิสูจน์ให้เห็นไงล่ะ” คนที่...เอ่อ ประกาศตัวว่าเป็นพระภูมิเจ้าที่ของบ้านผม เอ่ยพลางยกแขนขึ้นกอดอกล่ำสันนั่น ยกยิ้มมุมปากเหมือนจะเย้ยหยันผมด้วย

“ขนาดนี้คงต้องเชื่อแล้วมั้ง มีดบินเลยนะ แถมยังหั่นผักให้ด้วย” ...ซึ่งก็ดีเลย ผมจะได้ไม่ต้องเสียแรงหั่นเอง

โว้ยยย ก็บอกว่านี่มันไม่ใช่เวลามาพูดเล่นไงเล่าไอ้แทงค์!

“แล้วคุณ เอ่อ แบบว่าท่านเจ้าที่ บอกว่าผมไปพูดจาสามหาวใส่ท่านนี่มันคืออะไร ผม...ผมไปทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองจนต้องปรากฏตัวให้ผมเห็นอ่ะ” ผมถามเสียงอ่อย คือไม่รู้จริง ๆ ว่าผมไปพูดอะไรเอาไว้ เอาเข้าจริงผมแทบจะไม่ได้สนใจศาลพระภูมิหน้าบ้านด้วยซ้ำ แค่เรียนกับทำงานพิเศษก็ไม่มีเวลาว่างแล้วอ่ะ จะไปมีเวลาสนใจศาลพระภูมิได้ไง นานๆ ทีถึงจะไหว้สักหน อ่า...ฟังดูเลวจังเลยวะกู

“เอ็งจำไม่ได้รึว่าไปพูดอะไรเอาไว้กับข้า!”

“ก็ถ้าจำได้จะถามไหมอ่ะ” ผมพูดกับตัวเอง ขืนพูดออกไปอาจจะโดนมีดบินอีกก็ได้ใครจะรู้ คราวนี้อาจจะเฉียดลำคอผมแทน บรื๋ออ

“เมื่อหลายวันก่อน เอ็งไปที่บ้านของเจ้าพัฟแล้วพูดจาดูหมิ่นศาลของข้า”

“ดูหมิ่นศาลท่าน?”

“ก็ใช่น่ะสิ! เอ็งบอกว่าศาลพระภูมิสีส้มของข้ามันไม่สวย ควรเปลี่ยนเป็นสีชมพูเพนต์ลายยูนิคอร์น! เอ็งกล้าบอกว่าบ้านของข้าไม่สวยได้อย่างไรกันไอ้หนูน้อย!?!” พอได้โอกาส อีกฝ่ายก็เหมือนจะอัดอั้นจนต้องระบายใส่ผมเสียชุดใหญ่...ส่วนผมน่ะเหรอ? ตอนนี้เข้าใจแล้วครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“เดี๋ยวนะ? คือท่านคิดว่าผมพูดจาดูถูกศาลพระภูมิของท่านเหรอ?”

“ก็เออสิวะ!”

“แต่...นั่นมันการแสดงนะท่านเจ้าที่ มันไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อย”

“ข้าไม่สน! ข้าสนแต่ว่าเอ็งได้ทำการดูหมิ่นข้าไปแล้ว เอ็งต้องชดใช้!”

“เฮ้ย!! แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจด่าจริง ๆ สักหน่อย มันก็แค่การแสดงน่ะ ท่านเจ้าที่ไม่รู้จักการแสดงหรือไง!?”

“ข้าไม่รู้จัก!” ท่านเจ้าที่ส่งสายตาทิ่มแทงมาให้ผม

"มันก็แค่หนัง แค่ภาพยนตร์น่ะ ไม่รู้จักได้ไงเนี่ย" ผมเอ่ยถามอย่างเอือมระอา แต่พอมาคิดดูอีกที...บางทีพวกเจ้าที่ศาลพระภูมิอาจจะไม่เคยดูหนังดูละครก็ได้นี่หว่า "ท่านเคยดูหนังหรือเปล่า?"

"ไม่"

นั่นไง เดาไม่ผิดด้วยแฮะผมเนี่ย

"อ่อ ปกติดูนางรำอะไรแบบนั้นสินะ" ผมนึกไปถึงตุ๊กตานางรำในศาล หากแต่คำตอบที่ได้นั้น...

"ไม่ ข้าไม่ชอบดูนางรำ พวกนางชอบส่งสายตายั่วยวนมาให้ข้า ข้าเลยไล่ออกไปหมดแล้ว"

"เอิ่ม แล้ววัน ๆ ท่านทำอะไรเนี่ย" ผมถามเปลี่ยนเรื่อง เอาเป็นว่าเราจะไม่พูดถึงเรื่อง เอ่อ...นางรำที่ถูกไล่ออกจากงานแล้วกันนะครับ

"อ่านหนังสือ"

"รักการอ่านไปอีก" ผมบ่นกับตัวเองเบา ๆ "นี่ ท่านเจ้าที่ ท่านควรจะลองดูหนังดูละครบ้างนะ จะได้รู้ว่ามันเป็นแค่การแสดงเพื่อให้ความบันเทิง มันเป็น..."

"ก็บ้านข้าไม่ได้ติด wifi"

"หะ?" ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจนจบ จู่ ๆ ท่านเจ้าที่ก็แทรกขึ้นมาเสียเฉย ๆ จนผมได้แต่ทำหน้างงใส่

เมื่อกี้ท่านเขาว่าอะไรนะ?

"บ้านไม่ได้ติด wifi..." ผมทวนสิ่งที่ได้ยิน ขณะที่ท่านเจ้าที่พยักหน้ารับ "คือหมายถึงศาลพระภูมิของท่าน แบบว่า...ไม่ได้ติดตั้ง wifi ใช่มั้ย?"

"ใช่ เอ็งนี่เข้าใจอะไรยากเสียจริง ไม่ได้ติด wifi ก็คือไม่ได้ติด wifi คำพูดนี้มันก็ตรงตัวแล้วมิใช่รึ?"

กูไม่ได้เข้าใจอะไรยากเว้ยไอ้ท่านเจ้าที่! กูจะไปรู้มั้ยว่าศาลพระภูมิมันติดตั้ง wifi ได้น่ะหา!?!

“แล้ว TV ล่ะ โทรทัศน์น่ะ ไม่มีเลยเรอะ?” ผมยังคงไม่ลดละความพยายาม ยังคงถามต่อไป ไม่มี wifi แปลว่าไม่มีคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ งั้นก็น่าจะมีทีวีสิ

“ก็ไม่มีอีกนั่นล่ะ” ท่านเจ้าที่ส่ายหน้าปฏิเสธไปด้วย ก่อนจะตวาดขึ้นจนผมสะดุ้งอีกรอบ “นี่ไอ้หนู!! อย่ามานอกเรื่อง เอ็งทำผิดและข้าไม่ให้อภัยง่าย ๆ แน่ ข้าจะตามราวีเอ็งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพอใจ”

“แบบนั้นมันได้ที่ไหนกันเล่า! ท่านเป็นเจ้าที่นะ ต้องช่วยเหลือเจ้าของบ้านสิ” ผมแย้งอย่างไม่เห็นด้วย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เดี๋ยวก่อนนะ? ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าผมไปดูหมิ่นศาลของท่าน แต่นั่นมันศาลที่บ้านไอ้พัฟนี่ งั้นก็แปลว่าท่านเป็นพระภูมิเจ้าที่ของบ้านมันอ่ะดิ! เอ๊า! แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่ที่บ้านของผมได้อ่ะ?”

“ก็เอ็งลบหลู่ข้า ข้าเลยยื่นเรื่องขอย้ายมาอยู่ที่ศาลพระภูมิบ้านเอ็งแทน ข้าจะได้ตามราวีเอ็งได้ไงล่ะวะ!"

เวรกรรม! นี่เจ็บแค้นเคืองโกรธจนต้องตามมาที่บ้านกูเลยเรอะ!?

“ท่าน! ท่านจะแค้นอะไรนักหนากับอีแค่ผมแสดงหนังวะ!”

“บอกแล้วไงว่าข้าไม่รู้จักหนังอะไรที่เอ็งว่า ไม่สนด้วยว่าเอ็งจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจลบหลู่ข้า ตอนนี้ข้าโกรธ จบนะ!”

ปิดท้ายอย่างนี้แล้วกูจะไปเถียงอะไรได้วะไอ้ท่านเจ้าที่!

เวรเอ๊ยย! นี่ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ฝันอยู่ใช่ไหมใครก็ได้บอกผมที โว้ยยย!!!

 

__________

ตอนที่ 1 มาแล้วค่าา มาในวันเดียวกันเลย ถือเป็นการฉลองที่มีคนสนใจเรื่องนี้เยอะค่ะ 555 ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาฮาท่านเจ้าที่ด้วยกัน ท่านเจ้าที่สายฮานะคะ แต่จากใจเลย เขาไม่ได้ตั้งใจฮาหรอก มันเป็นคาแรกเตอร์ในตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ 55555 ส่วนนายเอกของเรา น้องแทงค์นี่ก็ยังไม่เผยตัวตนนัก ไว้ต่อๆ ไปจะรู้เองว่านางเป็นคนยังไง อิอิ คาดว่าน่าจะมีคำผิดอยู่บ้าง ไว้เราจะมาแก้ทีหลังนะคะ เรื่องนี้เราจะอัพวันเว้นวันค่ะ ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 1 [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-06-2017 23:38:14
 :laugh:
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 1 [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 19-06-2017 09:46:09
น่าสนุกอ่ะ มาต่อไวๆ นะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 1 [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 19-06-2017 10:37:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทนำ [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 19-06-2017 19:40:43
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 1 [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 19-06-2017 22:21:46
สนุกง่าาาาา 555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 1 [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 19-06-2017 22:40:05
อืม...มันมีย้ายโอนข้ามเขตพื้นที่ได้สินะ...
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 1 [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 20-06-2017 00:50:27
น่าจะเป็นสายฮาทั้งคนทั้งเทพนะ ดูมีแวว
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 20-06-2017 22:05:57
ตอนที่ 2

"ข้าจะเอาศาลพระภูมิหลังใหม่"



ผมว่าผมตั้งสติได้ดีมากเลยนะกับเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ย

คุณลองคิดดูสิ ถ้าเป็นคุณ...จู่ ๆ ก็มีผู้ชายสูงใหญ่หน้าหล่อไว้ไรหนวดบาง ๆ มีหุ่นเหมือนนายแบบในนิตยสาร Men’s Health โผล่มาโชว์ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างสวมยีนสีดำซีดเท่ขาดใจ กับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีดำ...ปรากฏตัวตรงหน้าคุณแล้วใช้ภาษาโบราณบอกกับคุณว่าเป็นพระภูมิเจ้าที่ที่มาตามราวีคุณ เพียงเพราะคุณแสดงภาพยนตร์สั้นต่อว่าเขา คุณจะรู้สึกยังไงล่ะ?

แน่นอนว่าต้องช็อกแล้วคิดว่าตัวเองฝันไปใช่ไหมล่ะ อาจจะรับไม่ได้จนไปถึงขั้นเป็นบ้าด้วย ต้องเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวช...เอ้อ ผมอาจจะเว่อร์ไปหน่อย เอาเป็นว่าพอเถอะ สรุปเลยคือคุณคงรับไม่ได้นั่นแหล่ะ

แต่พอดีผมรับได้ไง เพราะผมเป็นคนปรับตัวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เร็ว...ก็อะไรทำนองนั้นน่ะนะ

“แล้วเมื่อไรเอ็งจะทำกับข้าวเสียทีล่ะ” ท่านเจ้าที่เอ่ยถามผม ก่อนจะหายแวบไปนั่งที่เก้าอี้ เท้าแขนข้างหนึ่งกับโต๊ะกินข้าวแล้วมองมาที่ผม

เออ แสดงอิทธิฤทธิ์ขนาดนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วอ่ะจริง ๆ

“ทำไม?”

“ข้าจะได้กินด้วยยังไงเล่า! เอ็งรู้ไหมว่าเอ็งเลี้ยงเจ้าที่เจ้าทางได้อดอยากมากเพียงใด!?!”

“ครับ ๆ ผมขอโทษครับ เดี๋ยวจะทำถวายให้เดี๋ยวนี้ครับ” ผมรีบตอบรับก่อนจะโดนด่ามากไปกว่านี้ แม้ในใจจะอยากเถียงออกไปว่า ‘ก็คนมันไม่ว่าง ไม่เข้าใจหรือไงวะ!’ ก็เถอะครับ

แต่อย่าเลยเนอะ ไม่อยากโดนมีดบินอีก เหอ ๆ

ผมหันกลับมาทำอาหารต่อ ครึ่งชั่วโมงต่อมาผัดผักรวมหอมน่ากินกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็พร้อมเสิร์ฟ...ผมหุงข้าวเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านไปเรียน ตอนกำลังผัดผักเลยเสียบหม้ออุ่นข้าวเอาไว้ พอกับข้าวเสร็จ ข้าวสวยก็ร้อนน่ากินพอดี

“นี่ครับท่านเจ้าที่ เอ่อ แล้วผมต้องจุดธูปถวายท่านหรือเปล่า”

“ไม่ต้องหรอก เสียเวลา แค่เอ็งบอกว่า ‘ท่านเจ้าที่ ผมเอาอาหารมาถวาย’ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ”

“เอ่อ ครับ” ผมตอบรับ อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้ามันง่ายขนาดนี้ก็น่าจะบอกบริษัทผลิตธูปนะว่าไม่ต้องผลิตออกมาให้เสียเวลาเสียวัตถุดิบ ในเมื่อมันไม่ต้องใช้

อ้าว ไม่ได้นี่หว่า มันเป็นธุรกิจเรียกเงินเรียกทองของเขานี่เนอะ

“เร็ว ๆ สิ ข้าหิวแล้วนะ!”

“ครับบบ อ่ะ ท่านเจ้าที่ ผมเอาอาหารมาถวาย...รีบ ๆ เอาไปยัดปากซะ จะได้เลิกด่ากูสักที” ท้ายประโยคผมงึมงำพูดกับตัวเอง เหลือบ ๆ มองท่านเจ้าที่ดูด้วยว่าจะได้ยินหรือเปล่า แล้วก็ต้องโล่งใจที่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน

ผมควรกินข้าวได้แล้ว จากที่จะกินตอนบ่ายสามกลายเป็นว่านี่ห้าโมงกว่าเข้าไปแล้วแต่ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย มัวแต่เถียงกับท่านเจ้าที่บ้า ๆ บอ ๆ ตรงหน้านี่ไง เฮอะ

"นี่ ไอ้หนู"

ผมที่กำลังเคี้ยวข้าวเงยหน้าขึ้นมามองคนเรียกแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเงียบมองหน้าผมด้วยสีหน้าครุ่นคิดเหมือนลังเลว่าจะพูดดีไหม จนผมเป็นฝ่ายทนไม่ไหว พอเคี้ยวข้าวหมดปากก็เลยถามเสียเอง

"เรียกผมแล้วไม่พูดนี่ต้องการอะไรวะท่านเจ้าที่ หรือจะบ่นผมเรื่องกับข้าวไม่อร่อย? ไม่ต้องเลยนะ! ผมทำให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่า-บ่น"

"เอ็งกล้าว่าข้าเช่นนี้ได้อย่างไรไอ้เด็กนี่!! แล้วอีกอย่างมันก็เป็นหน้าที่ของเอ็งที่ต้องทำอาหารถวายข้าอยู่แล้ว ก็เพราะเอ็งไม่เคยไหว้ศาลพระภูมิเลยไงเล่า! เจ้าที่เดิมถึงได้ตอบรับข้อเสนอขอแลกบ้านกับข้าน่ะ! หมอนั่นอดอยากหิวโหย แถมยังไร้นางรำให้เชยชมเพราะเอ็งไม่ยอมซื้อหุ่นนางรำมาถวาย ช่างทำบาปทำกรรมกับเจ้าที่ที่ดูแลคุ้มครองบ้านของเอ็งเสียจริง ไอ้คนอกตัญญู!"

เป็นชุด...กูโดนด่าเป็นชุดเลย แถมยังขุดเรื่องที่เพิ่งพูดไปมาพูดอี๊ก! เอาซะกูรู้สึกผิดจริง ๆ แล้วเนี่ย! ก็คนมันไม่มีเวลานี่หว่า แค่เรียนกับทำงานพิเศษก็เหนื่อยแล้วอ่ะ ฟังกันบ้างเด้!!

"โอเค ๆ ผมผิดเอง ฝากไปขอโทษท่านเจ้าที่องค์เดิมด้วยแล้วกัน" ผมยกมือยอมแพ้ ก่อนจะดึงกลับมาเข้าเรื่องเดิม "แล้วตกลงท่านเรียกผมทำไม?"

"อืม..." ไอ้ท่านเจ้าที่ก็เหมือนจะกลับไปจมกับความคิดตัวเองอีกครั้ง นี่จะให้กูรอคำตอบถึงชาติหน้าเลยไหมท่าน

"ถ้าท่านตกลงกับตัวเองได้แล้วว่าจะพูดหรือไม่พูดก็บอกผมด้วยละกันนะ" ผมตัดบทแล้วกลับมาสนใจข้าวในจานต่อ ตักเข้าปากแต่ยังไม่ทันได้เคี้ยว ท่านเจ้าที่ก็เอ่ยขัดขึ้นมาอีก...วันนี้กูจะได้แดกข้าวจนหมดไหมเนี่ย

"บ้านข้ามันเชยจริง ๆ รึ?"

"???" ผมมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจในคำถาม งงครับ อะไรวะอยู่ดี ๆ ถามเรื่องบ้าน

...แต่จะว่าไปท่านเจ้าที่นี่หล่อมากเลยนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่ใช่คน ถึงจะเป็นเทพเทวดาแต่ก็ไม่น่าจะหล่อได้ขนาดนี้นี่หว่า แถมหุ่นก็กำยำล่ำสันเหมือนนายแบบจริง ๆ อีกต่างหาก น่าเขมือบชะมัด

เฮ้ย!! นี่มันพระภูมิเจ้าที่นะเว้ย มึงไปคิดอกุศลกับท่านได้ยังไงวะไอ้แทงค์!

ผมรีบสลัดความคิดตัวเองทิ้ง แล้วรีบเคี้ยวข้าวให้หมดก่อนจะย้อนถามอีกฝ่ายกลับไปอีกว่า "คือท่านหมายถึงอะไร? บ้านที่หมายถึงศาลพระภูมิของท่านอ่ะนะ?"

"เออสิวะ ข้าถามว่าบ้านข้ามันเชยจริงรึ"

ผมนึกไปถึงศาลพระภูมิที่บ้านไอ้พัค ศาลสีส้มอิฐที่ในบทหนังผมต้องบอกว่ามันเชยเลยอยากเปลี่ยนเป็นสีชมพู ก่อนจะกลับมานึกถึงศาลบ้านตัวเอง มองออกไปผ่านหน้าต่างห้องครัวก็เห็นศาลพระภูมิสีขาวขอบทองตั้งอยู่ตรงใกล้ ๆ รั้วหน้าบ้านพอดี...ว่าแต่เขาหมายถึงศาลไหนอ่ะ? หรือทั้งสองศาล? เออ ๆ ตอบไปละกัน

"มันก็ปกติของศาลพระภูมินะครับ" ผมตอบ แต่พอหันกลับมาสบตากับท่านเจ้าที่ ซึ่งกำลังถลึงตามองผมเหมือนอยากจะบอกว่า 'พูดสิ่งที่เอ็งคิดออกมาตรง ๆ เดี๋ยวนี้!' ผมก็เลยต้องพูดเสริมขึ้นอีกว่า "เอ่อ มันก็ไม่ได้เชยนะ แค่บางทีมันก็น่าเบื่อนิด ๆ เพราะศาลพวกนี้มีแต่แบบเดิม ๆ ลายเดิม ๆ อ่ะ"

กลัวแล้วท่าน อย่ามองผมด้วยสายตาอำมหิตแบบนั้นเลย ไหว้ละ!

"อืม..." เทวดาที่โคตรหล่อลูบคางของตัวเองอย่างใช้ความคิด ผมได้แต่รอฟัง แล้วก็ต้องตาโตเมื่อเขาพูดขึ้นมาเฉย ๆ ว่า "งั้นเอ็งไปทำศาลใหม่มาให้ข้าด้วย เอาแบบนี้"

เป๊าะ!...ท่านเจ้าที่ดีดนิ้ว แล้วภาพจำลองแบบสามมิติโฮโลแกรมก็โผล่ขึ้นมากั้นกลางระหว่างเรา ผมเบิ่งตาโตมองมัน เฮ้ย! ไฮเทคว่ะ เพิ่งรู้ว่าพระภูมิเจ้าที่สร้างภาพโฮโลแกรมได้ด้วย!

ผมมัวแต่จ้องมองภาพสามมิติตรงหน้าที่เป็นรูปบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลาง เป็นสถาปัตยกรรมผสมระหว่างตะวันออกกับตะวันตก...โดยลืมไปเลยว่าท่านเจ้าที่แสดงภาพนี้ให้ผมดูทำไม มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายพูดขึ้นทำลายสมาธิของผมว่า

"ข้าจะเอาศาลพระภูมิหลังใหม่” เจ้าตัวบอก “ขอสระว่ายน้ำด้วยนะ”

...สระว่ายน้ำบ้านพ่อมึงอ่ะท่าน ศาลพระภูมิบ้าอะไรวะมีสระว่ายน้ำ!

ผมเผลอถลึงตาจ้องหน้าท่านพระภูมิ ปากก็ต่อว่ากึ่งตะโกนใส่เขาอย่างลืมตัว “ศาลพระภูมิที่ไหนมีสระว่ายน้ำวะ!? ท่านต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ”

“บ๊ะ!! ไอ้เด็กนี่! ว่าข้าบ้าได้ยังไง ข้าเป็นถึงเทวดาอารักษ์นะโว้ย!” ท่านเจ้าที่ถลึงตากลับมามองหน้าผมบ้างเช่นกัน จากนั้นก็จัดมาอีกชุดใหญ่ ไฟกะพริบจนไฟดับอ่ะบอกเลย “ก็เอ็งบอกเองมิใช่รึว่าบ้านของข้ามันน่าเบื่อ ข้าก็จะให้เอ็งทำให้ข้าใหม่ไงเล่า! เอาสีชมพูเพนต์ลายยูนิคอร์นอย่างที่เอ็งว่าด้วย และข้าต้องได้ตามที่ข้าประสงค์!”

“แต่ท่านเจ้าที่ สร้างศาลพระภูมิเองมันไม่ได้ง่าย ๆ นะเว้ยท่าน! ไหนจะค่าวัสดุที่ใช้สร้าง ไหนจะค่าจ้างช่างให้ทำให้ เพราะแน่นอนผมทำเองไม่ได้หรอก ผมทำไม่เป็น!” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

ศาลพระภูมิเลยนะเฮ้ย! แล้วนี่อีก...ไม่ใช่แบบดั้งเดิม แต่เป็นแบบจำลองคฤหาสน์โมเดิร์น ๆ ซึ่งถ้าหากเป็นบ้านคนจริง ๆ ก็ราคาตกสามสี่สิบล้านขึ้นไปอ่ะ! ถึงมาทำแบบจำลองก็คงหลายพันหลายหมื่นบาทอยู่ดี!

ไม่-มี-เงิน-โว้ย!

“อย่างไรข้าก็ต้องได้ เอาแบบนี้เป๊ะ ๆ เลยด้วย” ท่านเจ้าที่ยื่นคำขาด “อ้อ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ข้าออกให้เอ็งก็ได้ เดี๋ยวข้าไปเบิกเงินกับฝ่ายสวัสดิการจากสำนักงานเขตการปกครองศาลพระภูมิให้”

“สำนักงานเขตอะไรนะ?” ผมทวนถาม...เมื่อกี้ได้ยินผิดไปหรือเปล่าวะ?

“สำนักงานเขตการปกครองศาลพระภูมิ”

“ศาลพระภูมิมีสำนักงานเขต...สามารถเบิกสวัสดิการได้...เบิกเงินสร้างศาลใหม่...” ผมพูดทวนถึงสิ่งที่ได้ยิน และท่านเจ้าที่ก็พยักหน้าตอบรับทุกคำพูดของผมด้วยนะ จนผมต้องยกมือขึ้นมากุมหน้า “นี่มันจะแฟนตาซีเกินไปแล้ว...”

“เอ็งบ่นอะไรของเอ็ง พอที! ตกลงจะทำหรือไม่ทำ!”

“เออ ๆ ทำก็ได้วะ!” ผมตอบรับไปอย่างเสียไม่ได้ ไว้ไปหาวิธิสร้างคฤหาสน์จำลองในเน็ตก็ได้วะ กูเกิ้ลอาจจะมีบอก สร้างแบบโมเดลที่พวกบริษัทรับสร้างบ้านเขาทำกันอ่ะ แบบนั้นก็คงได้มั้ง

“ดี อย่าลืมล่ะ นอกศาลทาสีชมพูเพนต์ลายยูนิคอร์นด้วย อ้อ สระว่ายน้ำด้วยล่ะ อันนี้ยิ่งห้ามลืมเด็ดขาด เพราะอากาศมันร้อน ข้าจะได้มีสระน้ำเย็น ๆ ไว้ลงไปแช่เล่น” ท่านเจ้าที่ย้ำ แบบที่ทำให้ผมลดมือลงแล้วขมวดคิ้วใส่เขา

“แน่ใจนะว่าท่านจะเอาแบบนั้นจริง ๆ อ่ะ?”

“เออสิวะ ถามมากจริงไอ้เด็กนี่ ข้าบอกให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะน่า ถ้าไม่อยากโดนข้ารังควานเอ็งไปมากกว่านี้”

นี่ก็มากเกินไปแล้วไหมไอ้ท่านเจ้าที่! ให้กูสร้างบ้าน(ศาล)ให้เนี่ย งานยากและหยาบสุด ๆ เลยไอ้...โว้ยยย!!!

จะด่าหยาบคายก็ด่าไม่ได้ บาปตายห่ากันพอดีไง!

“และจงรู้ไว้ด้วยว่ากว่าข้าจะยื่นเรื่องขอย้ายมาอยู่ที่นี่ได้น่ะมันลำบากมากแค่ไหน เพราะเช่นนั้นจงเชื่อฟังข้าให้สมกับความเหนื่อยยากกว่าที่ข้าจะได้ย้ายมาตามรังควานเอ็งถึงที่นี่”

“ยื่นเรื่องขอย้าย?” ผมทำหน้างงใส่...ยื่นเรื่องนี่คือยังไง? ยื่นกับใคร สำนักงานเขตอะไรนั่นอีกเหรอ หรือที่ว่าการอำเภอสักแห่งในกรุงเทพฯ

เฮ้ย! เทวดาที่จะไปยื่นเรื่องขอย้ายบ้าน เอ่อ ศาลพระภูมิสิ...จะไปยื่นเรื่องกับหน่วยราชการของมนุษย์ได้ยังไงกันล่ะ ผมนี่แม่งก็คิดเพ้อเจ้อ ยื่นเรื่องที่ว่าคงเป็นที่สำนักงานเขตศาลพระภูมิอะไรของท่านเจ้าที่เขานั่นล่ะมั้ง แม่งประหลาดชะมัดเลยไอ้ฉิบหายเอ๊ย

“ก่อนข้าจะมาหาเอ็งข้าต้องไปติดต่อขอย้ายเขตการปกครองกับสำนักงานเขตศาลพระภูมิ แล้วไหนจะต้องไปทำทะเบียนศาลพระภูมิใหม่ที่ที่ว่าการอำเภอแห่งสรวงสวรรค์เขตพระนครอีก ยุ่งยากเป็นอย่างมาก รู้เอาไว้เสียด้วย!”

“ย้ายศาล...ทะเบียนศาลพระภูมิ...ที่ว่าการอำเภอแห่งสรวงสวรรค์...”

โอเค๊! ก็แค่เรื่องธรรมดาน่ะ มนุษย์มีที่ว่าการอำเภอ มีทะเบียนบ้าน แล้วทำไมเทพเทวดาจะมีไม่ได้ล่ะเนอะ

ผมว่าหลังจากนี้ผมควรไปกินยาแก้ปวดไมเกรนสักเม็ดว่ะครับ เพราะผมเริ่มจะปวดหัวแล้ว หรือควรกินยาระงับประสาทไปด้วยเลยดีล่ะ?

ไม่ ๆ ผมว่ากินยานอนหลับไปเลยน่าจะง่ายกว่า หลับไปซะจะได้ไม่ต้องมาเครียดกับข้อมูลชวนแฟนตาซีพวกนี้อีก

โว้ย!!! วันนี้มันวันแห่งความวิบัติอะไรของผมวะครับ!?


__________

แต่งไปนี่ก็ขำท่านเจ้าที่ไปค่ะ 555 ไม่ได้ตั้งใจให้ท่านฮามากขนาดนี้จริงๆ นะคะ มีใครอยู่ทีมท่านเจ้าที่บ้างไหม หรืออยู่ทีมแทงค์ อยู่ทีมแทงค์กันบ้างก็ได้นะคะ สงสารนาง โดนท่านเจ้าที่รังแก 55555 แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ ฝากติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ นะคะทุกคน!
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 20-06-2017 22:48:22
ท่านเจ้าที่เจ้าขาาาาาาา
งืออออออ อยากได้ แงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 20-06-2017 23:13:42
ตลกท่านเจ้าที่ แต่จะเอาสีชมพูเพ้นท์ยูนิคอร์นจริงๆหรอคะท่าน :hao6:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-06-2017 07:35:38
ตกลง ทพภ.ต้องการศาลใหม่ แบบที่แทงค์พูดเป๊ะเลย
สีชมพู มีลายยูนิคอร์น แถมมีสระว่ายน้ำด้วย
แล้วมีเบิกเงินค่าก่อสร้างมาให้สร้าง ดีตรงนี้ละ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-06-2017 07:53:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Amploveakame ที่ 21-06-2017 16:33:37
เดียวนะเอาสีชมพูเพ้นท์ยูนิคอร์นจริงฮะ555 เจ้าที่หล่อด้วยเอาเข้าไป5555
 :katai5:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 21-06-2017 17:38:02
สนุกค่ะ ขำมาก
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 21-06-2017 17:47:09
เป็นนิยายตลก 5555
น่ารักดีค่ะ
คุณเจ้าที่มีควมหล่อเหลา ติดตามน้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-06-2017 19:24:44
 :laugh:
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 21-06-2017 19:42:11
 :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 21-06-2017 21:09:52
โอ้!!!!
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 2 [20-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 23-06-2017 21:54:11
มันฮ่ามากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 26-06-2017 23:27:36
ตอนที่ 3

"ขี้เสือกนะเอ็งเนี่ย"



กว่าจะผ่านพ้นมาจนถึงช่วงวันหยุดได้ก็เล่นเอาผมแทบขาดใจ นับตั้งแต่วันที่ท่านพระภูมิเจ้าที่ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าต่อตาและบอกว่าจะตามรังควานผม นี่ก็ผ่านมาได้สามวันแล้วครับ

วันก่อนพอมาบังคับผมให้สร้างศาลใหม่ให้เขาได้สำเร็จ อีกฝ่ายก็หายตัวไปไม่โผล่มาอีกเลย ไม่รู้ว่าหายไปไหนของท่านเขา โผล่มาอีกทีก็เมื่อวานตอนค่ำที่ผมเพิ่งกลับจากมหา’ลัย...มาเพื่อทักทาย จากนั้นก็กลับไป ผมล่ะงงว่าท่านเจ้าที่เขาต้องการอะไรกันแน่ บางทีก็เหมือนจะคุยดีกับผมนะ แต่บางทีก็ทำเหมือนแค้นเคืองผมนักหนา โคตรงง

ผมตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบสิบโมง จริง ๆ ก็คงไม่ตื่นหรอกถ้าไม่ใช่เพราะแสงแดดมันส่องเข้ามาแยงตาจนต้องตื่นอ่ะ ร้อนผิวไปหมดเพราะโดนแดดอาบต่างน้ำ เวร! ผมไม่น่าลืมปิดผ้าม่านเลย แต่ก็นะ...เมื่อวานง่วงจัด อาบน้ำแต่งตัวออกมานอนบนเตียงได้ก็ขอบคุณตัวเองมากแล้วเถอะ ดีแค่ไหนไม่นอนในห้องน้ำ

ผมลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงก่อนจะบิดขี้เกียจแก้เมื่อย แถมหาวด้วยอีกหนึ่งที เอาเข้าจริงผมอยากนอนต่อมากเลย แต่ท้องแม่งก็ร้องประท้วงด้วยความหิวไง จะว่าไปเมื่อวานผมกินข้าวมื้อล่าสุดตอนบ่ายโมงนี่นา มื้อเย็นก็ไม่ได้กินเลยไม่แปลกที่จะหิวขนาดนี้

ว่าแต่ชีวิตผมเป็นอะไรกับความหิวโหยวะ วันนึงกินข้าวไม่เคยครบมื้อแล้วยังหิวแทบตลอดเวลาอี๊ก

ลังเลใจอยู่อีกห้านาทีว่าควรจะไปอาบน้ำก่อนหรือลงไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับขึ้นมานอนต่อดี แบบว่าน้ำไม่ต้องอาบมันละ เอาไว้อาบอีกทีตอนตื่นรอบสองอะไรงี้อ่ะครับ...ผมไม่ได้ซกมกนะเว้ย แค่ประหยัดน้ำเอ๊งงง

ข้ออ้างมันเก่าไปเหรอ? เออ โทษทีละกันที่เล่นมุกแป้ก

สุดท้ายความขี้เกียจและความหิวก็ผสานพลังกันเป็นฝ่ายชนะ ผมลุกจากเตียงนอนก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อลงไปยังห้องครัวตามความตั้งใจของกระเพาะอาหาร...บ้านของผมเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลางครับ เมื่อก่อนตอนอยู่กับพ่อแม่มันก็มีขนาดพอเหมาะพอดีกับครอบครัวของเราอยู่หรอก แต่พอพ่อกับแม่ไม่อยู่ บ้านหลังนี้ก็ดูกว้างไปถนัดตาเลย

...กว้างมากจนเกินไป

พอก้าวเข้ามาถึงในห้องครัวผมก็ต้องแปลกใจที่เห็นท่านเจ้าที่อยู่ในชุดเดิมเป๊ะ เปลือยท่อนบนส่วนท่อนล่างสวมยีนส์สีดำซีดนั่นล่ะครับ ตอนนี้อีกฝ่ายนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวตัวเดิมที่เคยนั่งกินข้าวด้วยกันเมื่อหลายวันก่อน

มาได้ไง...ไม่ดิ ต้องถามว่ามาทำอะไรมากกว่า บ้านตัวเองไม่มีอยู่รึไง

"ทำอะไรอ่ะท่านเจ้าที่?" ผมถามพลางขยี้หัวตัวเองที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วให้ยุ่งเป็นรังนกเข้าไปอีก

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมหมดพลังไปกับสารพัดเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องชวนปวดประสาทของท่านเจ้าที่โรคจิตนี่ล่ะ อีกฝ่ายกำลังทำอะไรสักอย่างกับกระดาษกองใหญ่อยู่ก็ไม่รู้ ไม่ได้สนใจเจ้าบ้านอย่างผมเลยแม้แต่หางตา ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจจะรอคำตอบจากเขาเช่นกัน ที่ถามไปเมื่อกี้มันก็แค่ถามตามมารยาทน่ะ สองเท้าของผมก็เลยตรงดิ่งไปที่ตู้เย็นเป็นอันดับแรก อ่า...น้ำเย็น ๆ สักแก้วน่าจะทำให้ผมตื่นเต็มตาขึ้นมาบ้าง

"วันนี้เอ็งไม่มีเรียนเรอะ?" ท่านเจ้าที่ส่งเสียงถามผมทั้ง ๆ ที่ยังไม่ละมือหรือแม้แต่ดวงตาจากกระดาษเหล่านั้น

"ไม่ครับ วันนี้วันเสาร์ท่านลืมเหรอ" ผมตอบหลังจากกระดกน้ำจนหมดแก้วแล้ว ก่อนจะเสริมอีกว่า "แต่ผมมีงานพิเศษตอนสามทุ่ม"

"งานพิเศษอะไร?"

"พาร์ทไทม์ที่ซุปเปอร์ฯ หน้าปากซอยอ่ะ ท่านเคยไปที่นั่นหรือเปล่า"

"เคย ๆ ข้าเคยไปปาร์ตี้ที่ศาลพระภูมิหน้าร้านสะดวกซื้อร้านนั้น"

"ปาร์ตี้? พระภูมิเจ้าที่อย่างพวกท่านจัด เอ่อ ปาร์ตี้กันได้ด้วยเหรอ?" ผมถามด้วยความฉงน คือมันจะมีอะไรพีคกว่านี้อีกไหมอ่ะ เทวดาจัดปาร์ตี้นี่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นไปได้

ผมนึกภาพพระภูมิเจ้าที่หลายสิบมารวมตัวกันเพื่อปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ มีบริกรเป็นนางรำในชุดสไบซีทรูถือถาดเครื่องดื่มคอยเสิร์ฟให้แขกในงาน ทุกคนเต้นเคล้าเพลงที่มีจังหวะมันสุดเหวี่ยง และทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในศาลพระภูมิ...

ผมว่าพอเถอะ เราอย่าพยายาม เอ่อ ไปนึกถึงมันเลย

"เจ้าที่จัดปาร์ตี้มันแปลกตรงไหนกัน" ท่านเจ้าที่เงยหน้าขึ้นมาตอบผม แถมยังเขม่นตามองราวกับเห็นผมเป็นคนโง่เง่าที่สุดในโลกนี้ ก่อนจะก้มลงไปพัลวันกับกระดาษพวกนั้นต่อ

เห็นแบบนั้นผมก็เริ่มสงสัยขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร "แล้วตกลงท่านกำลังทำอะไรเนี่ย?"

"ทำงานไงล่ะ ข้ามัวแต่ยุ่งเรื่องย้ายศาลเลยไม่ได้เคลียร์งานสักชิ้น เลขานุการของข้าแทบจะตามมาจิกหัวข้าที่บ้านใหม่นี่แล้ว!"

"เจ้าที่มีงานทำด้วยเหรอวะ? ผมนึกว่าแค่คุ้มครองบ้านกับคนในบ้าน" ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงงสงสัย ทำงานอะไรวะเอกสารเป็นกอง แล้วมีเลขาฯ ด้วยนะ แปลกอีกแล้ว

"ถึงข้าจะเป็นเจ้าที่บ้านเอ็ง แต่ก็มีงานหลักให้ต้องทำนะโว้ย"

"งานอะไรอ่ะ แล้วมีเงินเดือนป่ะ?"

"ทำไมถามซอกแซกเสียจริง" ท่านเจ้าที่เงยหน้าขึ้นมาจากกองกระดาษอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้มองผมด้วยสายตารำคาญใจแทน "ขี้เสือกนะเอ็งเนี่ย"

อ้าว กูโดนด่าอีกแล้ว กูแค่สงสัยทำไมกลายเป็นขี้เสือกวะ!

“ไม่เสือกก็ได้วะ” ผมพึมพำกับตัวเอง ขมุบขมิบปากด่าไอ้ท่านเจ้าที่ไปด้วย

“แต่ถ้าเอ็งอยากรู้ข้าจะบอกให้ก็ได้”

“???” ผมเลิกคิ้ว...คือแปลกใจไงว่าท่านเขามาไม้ไหน ก่อนหน้านี้ด่าผมเสือก มาตอนนี้จะเล่าให้ผมคลายความเสือก เอ๊ย! ความสงสัยซะงั้น งงเว้ย!

“ข้าเป็นผู้ว่าราชการศาลพระภูมิประจำเขตพระนคร”

“ฮะ?!”

“หูไม่ดีอีกแล้วนะ ข้าบอกว่า ‘ข้า-เป็น-ผู้-ว่า-ราชการ-ศาล-พระ-ภูมิ-เขต-พระ-นคร’ ทีนี้ได้ยินชัดหรือยัง?” ท่านเจ้าที่เงยหน้าขึ้นมาถลึงตามองผมในขณะที่ปากก็พูดซ้ำอีกรอบ เน้นประโยคหลักไปด้วยช้า ๆ ชัด ๆ ทีละคำ

หูกูดีมากเว้ย! แต่ที่ท่านพูดมามันเหลือจะเชื่อต่างหากเล่า!

นี่ผมต้องมาเจอกับเรื่องแฟนตาซีอีกกี่อย่างกันครับ? เมื่อวานบอกมีที่ว่าการอำเภอบ้างล่ะ มีเงินสวัสดิการ มีนั่นนู่นนี่เหมือนที่ชาวมนุษย์เขามีกันบ้างล่ะ วันนี้มีตำแหน่งทางการเมืองโผล่มาอีกอย่าง...คือมึงครับ เป็นใครมาได้ยินแบบกูก็ต้องร้องฮะกันทุกคนไหมล่ะ!?

เอาเถอะ จากนี้คงมีอะไรแปลก ๆ อีกเยอะ ทนรับให้ได้ต่อไปก็แล้วกันไอ้แทงค์เอ๊ย

ผมบอกกับตัวเอง พ่นลมหายใจหนัก ๆ พลางว่า “แล้วท่านทำหน้าที่อะไรบ้างล่ะ ไอ้ตำแหน่ง เอ่อ ผู้ว่าราชการศาลพระภูมิอะไรเนี่ย”

“ก็งานการปกครองทั่วไป แต่ส่วนใหญ่งานของข้าคือการคัดกรองคำขอของมนุษย์และทำหนังสืออนุมัติให้กับพระภูมิเจ้าที่ประจำศาลบ้านต่าง ๆ ว่าควรทำตามคำขอของมนุษย์ที่เราให้การคุ้มครองหรือไม่” ท่านเจ้าที่อธิบาย

คัดกรองคำขอของมนุษย์เหรอ งั้นไอ้ที่เขากำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็คือคำขอทั้งหมดที่คนขอมาอ่ะดิ

“โห ไอ้ที่ท่านอ่านอยู่นั่นสินะ เยอะเป็นบ้าเลยว่ะ”

“ก็ใช่ไงล่ะ เอ็งรู้ไหมว่าเพราะอะไรมันถึงเยอะ?” ท่านเจ้าที่จรดปากกาลงบนกระดาษใบหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามผม มือทั้งสองของเขาประสานกันวางไว้บนโต๊ะ...เหมือนนายแบบเลยอ่ะ ให้ตายสิ หล่อชะมัด

ไอ้ห่า! เอาอีกแล้วนะไอ้แทงค์! นั่นเจ้าที่โว้ย! เลิกคิดเต๊าะเทวดาในใจได้ละไอ้ผี!

ตบหัวตัวเองในใจเสร็จถึงจะคิดตามคำถามที่อีกฝ่ายถาม...เสียเวลาคิดอยู่เพียงไม่นานผมก็ได้คำตอบ

“เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่หวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาล้วนเอ่ยขอพรต่าง ๆ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างที่ตนเชื่อว่ามีอยู่จริง และเมื่อนำคำขอของคนเหล่านั้นมารวมกันมันก็เลยมีมากมายมหาศาล...อย่างที่ผมเห็นตอนนี้ ที่ท่านเจ้าที่กำลังอ่านคือคำร้องขอของมนุษย์ทั้งหมดที่อยู่ในเขตพระนคร ถูกไหมครับ?”

ท่านเจ้าที่ทำหน้าแปลกใจใส่ผม เออ ดูจากสีหน้าแล้วคงทึ่งล่ะสิที่ผมตอบอะไรเป็นจริงเป็นจังได้ขนาดนี้ ไม่คิดล่ะสิว่าผมจะเป็นคนฉลาด หึ ๆ รู้จักคนอย่างไอ้แทงค์น้อยไปแล้วเฟ้ย

“เอ็งนี่ก็ฉลาดนะเนี่ย” ท่านเจ้าที่เอ่ยชมตรงตามที่ผมกำลังคิดเด๊ะ ๆ ซึ่งนับว่าแปลกมาก เพราะตั้งแต่ที่ผมได้พบกับเขา ผมก็โดนเขาด่าตลอด นี่น่ะคำชมครั้งแรกเลยนะ “มนุษย์เป็นอย่างนั้นจริง เพราะอย่างนั้นเทวดาอย่างพวกเรา ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในระดับชนชั้นไหน ล้วนแต่ต้องทำงานหนักขึ้นไปอีกเพื่อคำขอของพวกเขา”

“ถ้ามันเหนื่อยหรือยากนัก ทำไมพวกท่านต้องทำตามคำขอของพวกเขาด้วยล่ะ พวกท่านก็แค่รับฟังแต่ไม่ต้องช่วยเหลือสิ พวกเขาควรพึ่งพาตนเองมากกว่ามาหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ” ผมแย้งอย่างไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วย

“เอ็งพูดแบบนี้แปลว่าไม่เชื่อเรื่องขอพรล่ะสิ”

“ก็ใช่” ผมยอมรับ “ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวงอะไรสักเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากสองมือของเราเอง”

“อืม เป็นเด็กคิดดีมากกว่าที่ข้าคิดนะเอ็งน่ะ นึกว่าชอบลบหลู่เจ้าที่เจ้าทางจนเป็นนิสัย” ท่านเจ้าที่ขุดเรื่องเก่ามาพูดอีกแล้ว โว้ยยย ก็บอกแล้วไงว่ามันคือการแสดงหนังอ่ะ!

ผมก็อยากจะเถียงออกไปอีกสักรอบหรอกนะ แต่ไม่เอาดีกว่า คิดว่าคงไม่มีประโยชน์หรอกเพราะดูเหมือนท่านเจ้าที่องค์นี้จะเฮี้ยน เอ๊ย! เป็นพวกแค้นฝังหุ่น ยากแก่การเปลี่ยนความคิดของท่านเขาได้ง่าย ๆ

"มันก็อย่างที่เอ็งว่านั่นล่ะ” ท่านเจ้าที่ตอบรับก่อนจะเอ่ยอีกว่า “ส่วนที่เอ็งถามก่อนหน้านี้ว่าทำไมไม่เมินเฉยต่อคำขอของพวกเขา นั่นก็เป็นเพราะว่ามนุษย์บางคนมีค่าคู่ควรแก่การช่วยเหลือ หากพวกเขาเดือดร้อน พวกข้าที่เป็นเทวดาเจ้าที่เจ้าทางก็อยากจะช่วยบ้างสักนิดสักหน่อยก็ยังดี ถือเป็นรางวัลให้กับคนทำดีน่ะ”

อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ผมก็เพิ่งจะเข้าใจในตอนนี้แหล่ะว่าทำไมบางครั้งคำขอถึงเป็นจริง บางครั้งคำขอถึงไม่เป็นจริง (เท่าที่ฟังมาจากคนอื่นที่ชอบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วได้ผลน่ะนะครับ) เพราะเทวดาไม่สามารถมอบพรให้กับทุกคนได้นี่เอง คนที่คู่ควรเท่านั้นที่จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อพวกเขาต้องการมัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม

ถ้างั้น...แล้วผมล่ะ? ตอนนั้นที่ผมขอ แปลว่าผมไม่คู่ควรพอกับพรที่ตัวเองอยากได้งั้นเหรอ?

ผมจมเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเอง จนไม่ทันสังเกตว่าท่านเจ้าที่กำลังมองผมอยู่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายโผล่แวบมายืนข้าง ๆ เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง ตั้งใจจะหันไปโวยวายใส่แต่ก็ต้องนิ่งไปเมื่อมือหนาของเขาวางลงบนหัวของผม

“สำหรับคำขอข้อเดียวของเอ็งในตอนนั้น ไม่ใช่เพราะเอ็งไม่คู่ควรหรอกนะ แต่เพราะคำขอนั้นไม่มีทางเป็นจริงได้ต่างหากล่ะ” เขาบอกพลางส่งยิ้มปลอบประโลมมาให้ “พวกข้าเป็นเทวดาผู้ปกป้องคุ้มครอง ไม่สามารถชุบชีวิตคนตายได้ ไม่สามารถชุบชิวิตพ่อกับแม่ของเอ็งได้ และไม่มีใครสามารถทำได้ด้วย”

ผมนิ่งงัน...ทำไมท่านเจ้าที่ถึงรู้เรื่องพรข้อเดียวที่ผมขอล่ะ?

พรที่ผมเคยขอแค่ครั้งเดียวและไม่เคยขออีกเลย เพราะพรข้อนั้นมันไม่เกิดขึ้นจริงตามที่ผมปรารถนา และมันทำให้ผมไม่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป พรที่ว่า...ขอให้ผมได้พ่อกับแม่คืนมา

“ความตายคือสิ่งที่ยั่งยืน และการมีชีวิตอยู่ต่อจนถึงวาระสุดท้าย ก็คือการใช้ความสุขอย่างเต็มเปี่ยมเพื่อสร้างความดีให้กับโลกใบนี้”

ผมเงียบ ท่านเจ้าที่ก็เงียบ เราต่างฝ่ายต่างเงียบหากแต่มือของเทวดาที่กำลังลูบหัวลูบผมของผมอยู่กลับทำให้ผมอุ่นใจอย่างน่าประหลาด นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีใครลูบหัวผมแบบนี้

“นี่ ท่านเจ้าที่” ผมเรียกชายร่างสูงประหนึ่งนายแบบฝั่งตะวันตกเสียงเบา

“ว่ายังไง”

“ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะพูดจาดี ๆ แถมทำตัวอ่อนโยนเป็นด้วย เห็นเจอหน้าผมก็เอาแต่ด่า ด่า ด่า แปลกดีนะครับ”

“ไอ้เด็กปากหมานี่! ข้าอุตส่าห์ปลอบใจ ไยเอ็งถึงพูดจากวนประสาทข้าเสียแทน ช่างอกตัญญูเสียจริง!!”

“ฮ่า ๆๆๆ” ผมหลุดหัวเราะเสียงดัง หัวเราะจนเมื่อยแก้มอ่ะ หัวเราะตาหยีไปหมดแล้วด้วยมั้งเนี่ย...ท่านเจ้าที่ถลึงตามองผม มือหนาที่ลดลงไปแล้วยกขึ้นมาผลักหัวผมเสียเต็มแรง ก่อนเขาจะหายแวบกลับไปนั่งอ่านเอกสารคำขอของมนุษย์กองนั้นต่อตามเดิม

ผมอมยิ้มให้กับคนตรงหน้าแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้กำลังมองผมอยู่ก็ตาม “แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ปลอบใจผม ว่าแต่ท่านรู้ได้ยังไงว่าผมขอพรอะไร ผมมั่นใจนะว่าตอนผมขอผมไม่ได้ขอกับท่านแน่ ๆ เพราะท่านบอกเองว่าเพิ่งจะย้ายมานี่”

ท่านเจ้าที่เงยหน้าขึ้นมามอง ขึงตาใส่ผมอีกทีแล้วก้มลงไปทำงานของตัวเองตามเดิม หากแต่ปากก็ยอมตอบผมกลับมานะว่า “ข้าก็ถามเอาจากเจ้าที่คนเก่าของเอ็งน่ะสิ ทีนี่ก็หุบปากได้แล้ว ขี้เสือกไม่เลิกจริง ๆ น่ารำคาญนัก”

เขาเรียกว่าสงสัยโว้ยไอ้ท่านเจ้าที่! ใครกันแน่ที่กวนประสาท แล้วใครกันแน่ที่ขี้เสือกวะ!? ไปสืบเรื่องของกูมาแปลว่าก็อยากจะรู้เรื่องของกูไม่ใช่รึไง!? ปวดหัวกับเทวดาแบบนี้จังเลยโว้ย!

ผมถึงได้บอกไงว่าไอ้ท่านเจ้าที่องค์นี้ชวนให้ผมปวดประสาทจริง ๆ นะ ปวดขนาดที่ผมจะสติแตกอยู่แล้วเนี่ย ฮึ่ย!


_________

ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ หายไปติดนิยายมาค่ะ 555 ตอนนี้แฝงความละมุนนิดๆ ไม่รู้คนอ่านจะรู้สึกถึงมันได้หรือเปล่า 5555 ท่านเจ้าที่เราก็ไม่ได้สายฮา—แค่กๆ สายเถื่อ—แค่กๆๆ เอาเป็นว่าท่านก็ไม่ได้ขุ่นเคืองนายแทงค์ของเราอย่างเดียวนาา ยังมีความหล่อ ใจดี สปอต กทม.อยู่ เรื่องนี้ถ้าเป็นไปได้เราจะอัพวันเว้นวันค่ะ แล้วพบกันตอนหน้านะคะ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 27-06-2017 08:02:59
ท่านเจ้าที่หล่อจังค่ะตอนนี้ fc อ่า~

ว่าแต่ท่านมีชื่อไหมเจ้าคะ? อิฉันฉงฉัย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-06-2017 08:40:10
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Amploveakame ที่ 27-06-2017 10:43:58
ทานเจ้าที่คือพระเอกหรอคะถึงได้หล่อแบบนี้
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 27-06-2017 11:17:15
 :pig4: :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 27-06-2017 15:36:32
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 27-06-2017 15:59:29
อยากเชิญท่านเจ้าที่มาอยู่ที่บ้านบ้างเจ้าค่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 27-06-2017 16:15:26
อยากรู้ชื่อของท่านเจ้าที่มากๆ เลยเจ้าค่ะ
ขอบคุณที่มาต่อจ้าาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 27-06-2017 18:02:52
ฮาท่านเจ้าที่มาก5555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 3 [26-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-06-2017 18:45:06
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 4 [27-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 27-06-2017 22:47:43
ตอนที่ 4

“ข้ามารับเอ็งกลับบ้าน”

 

“เอ็งจะไปแล้วรึ?”

เสียงของท่านเจ้าที่ทำให้ผมที่กำลังสวมรองเท้าผ้าใบอยู่ต้องหันไปมอง ตอนนี้ได้เวลาที่ผมต้องไปเข้างานตอนสามทุ่มแล้วครับ...อีกฝ่ายยืนกอดอกโชว์ซิกซ์แพ็กและกล้ามแขนเหมือนอย่างทุกที สารภาพจากใจเลยนะว่าผมชอบมองกล้ามท้องของเขามาก แต่เห็นบ่อย ๆ ก็ชักจะหมั่นไส้แล้วว่ะ เป็นเจ้าที่ศาลพระภูมิจำเป็นต้องหุ่นดีน่าฟัดขนาดนี้ด้วยรึไงอ่ะ

ผมสลัดความคิดบ้า ๆ บอ ๆ ของตัวเองออกจากหัวอีกครั้ง ตั้งแต่ไอ้ท่านเจ้าที่ปรากฏตัวขึ้นมานี่ทำผมออกอาการหื่นกี่ครั้งละวะเนี่ย...มารู้ตัวว่ามองท่านเจ้าที่นานไปหน่อยก็ตอนที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองหน้าผมตอบกลับมา

“ครับ” ผมตอบรับคำถามก่อนหน้านี้ของเขา

“แล้วจะกลับบ้านกี่โมง”

“ผมเลิกงานตีห้า ท่านถามทำไม?”

“เรื่องของข้า ไม่เสือก” ไม่พูดเปล่า แต่ท่านเจ้าที่ยังยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วส่ายไปมาใส่หน้าผมอีกต่างหาก

เอ๊า! กูโดนด่าอีกละ! ตกลงใครกันแน่ที่ขี้เสือกวะ!?

“เฮ้อออ” ผมไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเทวดาโรคจิต เลยถอนหายใจหนัก ๆ ทีหนึ่งแล้วตัดบท “ผมไปแล้วนะครับ เฝ้าบ้านดี ๆ ล่ะท่านเจ้าที่ คนแปลกหน้ามาก็อย่าลืมเห่าไล่ล่ะ”

ผมเดินออกจากบ้านโดยไม่ลืมล็อกประตูให้เรียบร้อย ถึงจะมีเจ้าที่คอยเฝ้าบ้านยังไงก็ไว้ใจไม่ได้หรอก

และทันทีที่เท้าของผมก้าวออกมาเหยียบนอกรั้วบ้าน เสียงคำรามลั่นของท่านเจ้าที่ก็ดังลอดออกมาจากข้างใน แบบที่ผมพอจะจับใจความได้ว่า...

“ไอ้เด็กเวร!!! ข้าไม่ใช่หมานะโว้ย!!!”

อ้าวเหรอ? นึกว่าหมามาตลอดเลยนะเนี่ย

ผมหัวเราะให้กับความสุขเล็ก ๆ ของตัวเอง ได้แกล้งท่านเจ้าที่ก็เหมือนได้เอาคืนนั่นล่ะครับ หาจังหวะมานานละ ฮ่า ๆๆๆ ผมคงต้องบาปหนาแน่ ๆ ที่ไปหลอกด่าเขาแบบนั้น อืม...แต่ก็ช่างมันเถอะ ยังไงผมก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรอยู่แล้ว

แต้มบาปเพิ่มขึ้นอีก 1% ขณะที่แต้มบุญคงที่ สาาา ธุ!

ผมมาถึงที่ทำงานตอนสองทุ่มครึ่งกว่า ๆ อ่า ยังพอมีเวลาเปลี่ยนยูนิฟอร์มของซุปเปอร์มาร์เก็ตและหาของว่างกินเพิ่มพลังก่อนทำงานล่ะนะ

“ไงแทงค์”

“หวัดดีครับพี่ซอส ใกล้เลิกกะแล้วนะครับ” ผมเอ่ยทักทายรุ่นพี่พนักงานประจำของซุปเปอร์ฯ แห่งนี้ อีกฝ่ายเป็นหนุ่มหล่อผิวแทนหน้าตายิ้มแย้มสดใสตลอดเวลา

“ช่ายย และพี่อยากกลับบ้านมากกก” พี่ซอสลากเสียงยาว ทำท่าหมดเรี่ยวหมดแรงให้ผมดู ผมหัวเราะก่อนจะเอ่ยแซ็วอย่างรู้ทัน

“อยากกลับไปหาเมียอ่ะดิ”

“รู้ดี!” พี่ซอสแกล้งขึงตาใส่ผม ตามด้วยหัวเราะเสียงดัง “ไปดีกว่า ไว้เจอกันไอ้น้อง”

หลังจากแยกกับพี่ซอส ผมก็เดินเลี้ยวเข้าห้องพักพนักงานเพื่อเปลี่ยนชุด เอ่ยทักทายกับพี่อีกสองคนที่ทำงานกะเดียวกับผมและมาถึงก่อนผมเพียงไม่นานอีกเล็กน้อยก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำบ้าง

ซุปเปอร์ฯ ที่ผมทำงานพิเศษอยู่ มีชื่อว่า DC Super Market ครับ เป็นร้านสะดวกซื้อขนาดกลางที่มีทุกอย่างครบครันเท่าที่จำเป็นกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ ส่วนใหญ่ก็พวกของใช้ในบ้านกับอาหาร ผักสด ผลไม้นั่นนี่ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และที่นี่แบ่งการทำงานออกเป็นสามช่วงเวลา คือตีห้าถึงบ่ายโมง บ่ายโมงถึงสามทุ่ม และสามทุ่มถึงตีห้า

ผมทำเฉพาะวันอังคาร เข้ากะช่วงบ่ายโมงถึงสามทุ่ม วันศุกร์ทำตีห้าถึงบ่าย และวันเสาร์ซึ่งก็คือวันนี้ ผมเข้ากะช่วงสามทุ่มถึงตีห้าครับ อ้อ นอกจากผมที่เป็นนักศึกษาทำพาร์ทไทม์แล้ว ก็ยังมีอีกสองคนนะครับ เรียนมหา’ลัยเดียวกันกับผมนี่ล่ะ พวกเราจะเจอกันแค่ตอนเปลี่ยนกะเท่านั้น เพราะพวกเราถูกจัดให้เข้างานกันคนละกะ

“เฮ้! มาเร็วจังล่ะวันนี้”

ผมหันไปหาเจ้าของเสียงทักที่ดังขึ้นหลังจากที่ผมออกจากห้องน้ำมาในชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินขอบขาว

“ไง เหนื่อยหน่อยนะ” เอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างยินดี

นี่ไงครับหนึ่งในนักศึกษาพาร์ทไทม์ที่ผมเพิ่งพูดถึงไป คนนี้ชื่อ ‘ไวท์’ เรียนสถาปัตย์ หน้าตาก็หล่อ ๆ เซอร์ ๆ ตามแบบฉบับเด็กคณะนี้นั่นล่ะครับ แต่ไวท์จะดูหล่อแบบสะอาด ๆ หน่อยอ่ะ ดูสุภาพนุ่มนวลมาก

“สบายมาก” อีกฝ่ายยักไหล่ให้ด้วยรอยยิ้มบางบนใบหน้า “ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว อ้อ ถ้าตอนเช้าเจอธีร์ ฝากบอกด้วยว่าอย่าลืมเก็บใบสต็อกของกะตัวเองส่งให้พี่ผู้จัดการนะ”

“โอเค แล้วเจอกัน”

ไวท์โบกมือลาผมก่อนจะหายเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมพอดูเวลาแล้วยังเหลืออีกสิบนาทีก็เลยว่าจะไปหาอะไรกินตามความตั้งใจเดิม ดีหน่อยที่ดีซีซุปเปอร์มาร์เก็ตตั้งอยู่กลางย่านคอนโดเลยมีลูกค้าแทบตลอด แม้ว่าช่วงสามทุ่มถึงตีห้าจะมีลูกค้าน้อยกว่ากะอื่น ๆ แต่ก็ถือว่ามีพอควรล่ะนะ แถมเดินออกจากซุปเปอร์ฯ ก็เจอร้านอาหารขายโต้รุ่งมากมายให้เลือกกินอีกต่างหาก เลยไม่ลำบากปากท้องพนักงานตาดำ ๆ อย่างผมเท่าไหร่ ฮ่าา

“ป้าครับ ขนมจีบยี่สิบบาทครับผม” ผมตัดสินใจเลือกกินของง่าย ๆ เพราะเวลามีน้อย ป้าคนขายที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดียิ้มให้ผมก่อนจะจิ้มขนมจีบใส่ถุงให้ แถมมาให้อีกสองลูกด้วยต่างหาก แจ่ม

กินเสร็จก็สามทุ่มพอดี เอาล่ะ! ได้เวลาทำงานแล้ว

เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มาถึงเวลาเลิกงานของผม แม้จะนอนมาเยอะในตอนกลางวันแต่ผมก็ยังอดง่วงไม่ได้อยู่ดี ถ้ากลับไปถึงบ้านผมคงต้องขอนอนก่อนเป็นอย่างแรก ไว้ตื่นขึ้นมากินข้าวเที่ยงรวบยอดข้าวเช้าเอาแล้วกัน เฮ้อ

“หน้าตาโคตรง่วงเลยนะไอ้แทงค์”

“อ้าว ไอ้ธีร์ มาแล้วเหรอ” ผมเลิกคิ้วมองนักศึกษาพาร์ทไทม์อีกคนที่เข้ากะต่อจากผม

ไอ้หมอนี่มันเรียนอยู่คณะนิเทศครับ เอกการกำกับถ้าผมจำไม่ผิดนะ (คณะนี้มีสาขาวิชาเยอะใช่ย่อย ผมเองก็ไม่ค่อยได้จดจำว่ามันเอกไหนเป็นเอกไหน ขนาดไอ้พัฟผมยังจำไม่ได้เลยว่ามันเรียนอะไร กำกับเหมือนกันป่ะวะ?) อีกฝ่ายหน้าใสกิ๊งจนผมล่ะอิจฉา หน้าผมก็ไม่ได้หมองอะไรหรอก แต่มันหน้าใสกว่าน่ะก็เลยกระตุกต่อมความอิจฉาของผม ฮ่า ๆ

“อือ มึงจะกลับไปนอนแล้วดิ”

“เออดิวะ อ้อ ไวท์ฝากมาบอกว่าให้มึงเก็บใบสต็อกของกะมึงไปให้พี่ผู้จัดการด้วย”

“โอเค แล้วของกะมึงอ่ะ?” มันย้อนถามผม ผมจึงพยักหน้าให้พลางว่า...

“กูฝากพี่แพรเอาไว้แล้ว” ผมหมายถึงรุ่นพี่สาวตัวเล็ก พนักงานประจำรอบกะเช้าที่มาถึงก่อนผมจะเลิกกะไม่นาน

“โอเค ๆ งั้นไว้เจอกัน มึงขี่รถกลับไหวนะ?” ไอ้ธีร์ถามเหมือนไม่มั่นใจว่าผมจะพาตัวเองกลับถึงบ้านหรือชนหมาข้างถนนตายเสียคู่ก่อน ผมตอบแล้วโบกมือให้มันไปด้วย ก่อนเดินออกจากซุปเปอร์ฯ เพื่อไปเอารถมอ’ไซค์ที่จอดไว้ตรงลานจอดรถของพนักงานตรงข้างร้าน

“ไหวดิวะ บ้านกูใกล้แค่นี้เอง ไปละ” ง่วงว่ะ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะขี่รถกลับโดยไม่หลับในได้หรือเปล่า หากแต่ผมก็ต้องเหวอไปเมื่อมาถึงรถของตัวเองแล้วเจอเข้ากับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ตรงนี้... “ไอ้ท่านเจ้าที่!!”

คนโดนเรียกจิกตามองผมแล้วเอ่ยปากต่อว่าต่อขานทันที “มาเรียกข้าว่าไอ้ได้ยังไง! เจ้าเด็กไร้มารยาท”

“ท่านมาได้ไงน่ะ?” ผมไม่สนใจที่เขาพูดแล้วเอ่ยถามด้วยความงุนงงเสียแทน นึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในที่สาธารณะ คนอื่นมาเห็นจะหาว่าผมพูดคนเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้ “นอกจากผมมีใครเห็นท่านอีกไหมเนี่ย”

“ไม่มี ข้ากำบังกายเอาไว้ มีแต่เอ็งที่ข้าให้เห็นตัวข้าได้”

“อ่อ งั้นผมก็ไม่ควรคุยกับท่าน เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นจะหาว่าผมบ้าเอาได้”

“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า” ท่านเจ้าที่ทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ผม “แล้วนี่เอ็งเลิกงานแล้วรึ?”

“อือ กำลังจะกลับบ้านแล้ว ว่าแต่ท่านมาทำอะไรที่นี่ล่ะ บอกมาเลยเพราะผมอยากเสือก” ผมชิงตัดหน้าบอกเสียเองเลยว่าต้องการจะเสือก ไอ้ท่านเจ้าที่จะได้ด่าผมไม่ได้ หึ!

อีกฝ่ายทำท่าทีฮึดฮัดเมื่อโดนผมดักทัน ตอบเสียงห้วนเข้มกลับมาอย่างไม่พอใจว่า “บ๊ะ! ข้าก็มารับเอ็งน่ะสิ!”

“หา?”

ผมหูฝาดหรือเปล่าวะ? เมื่อกี้ท่านเจ้าที่เขาบอกว่า...

“ข้ามารับเอ็งกลับบ้าน”

...มารับ...

“มารับผม?”

“เออสิวะ! จะให้พูดอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจ สมองน้อยจริง ๆ” เทวดาหุ่นนายแบบเอ่ยปากด่าผมอีกแล้วครับ

โว๊ะ! แล้วผมผิดอะไรวะ! เป็นใครก็ต้องถามมั้ยถ้าได้ยินคนที่ประกาศชัดว่าจะตามรังควานเรา แต่ตอนนี้ดันมาบอกว่ามารับเรากลับบ้านอ่ะ ไอ้ห่า! งงเว้ย!

“ท่านพี้ยามาหรือเปล่าวะท่านเจ้าที่”

“หยาบคาย! ข้าเป็นเทวดาอารักษ์ จะไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขเลวทรามอย่างนั้นได้อย่างไร!!”

“ก็พูดอะไรแปลก ๆ ไม่ให้คิดว่าเมายาแล้วจะให้คิดว่าอะไรมิทราบ” ผมเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ก็แค่ไม่อยากให้เอ็งง่วงจนขี่รถหลับใน เกิดตายไปข้าก็ไม่ได้แก้แค้นเอ็งน่ะสิที่มาลบหลู่ข้า!” ท่านเจ้าที่ถลึงตาใส่ผม...อีกแล้ว ตั้งแต่เจอกันทำแบบนี้กับกูกี่ครั้งแล้ววะ “อีกอย่าง ถ้าเอ็งตายแล้วไปชนคนอื่นตายด้วยจะทำอย่างไร สงสารคนที่ต้องมารับเคราะห์เพราะเอ็งเสียบ้างไอ้หนู!”

โอ้โห ที่พูดมาทั้งหมดคือกลัวผมตายแล้วไม่ได้แก้แค้นสินะ แล้วก็กลัวผมไปทำคนอื่นตายด้วย แหม ๆๆ รักกันดีจังเลยเนอะ ไม่ค่อยจะแช่งกันเล้ย เฮอะ!

“โอเค ๆ ผมไม่อยากเถียงแล้ว ง่วงมากและอยากกลับไปนอน” ผมยกมือเป็นสัญญาณขอยอมแพ้

“งั้นก็เอากุญแจรถมา” ท่านเจ้าที่แบมือมาตรงหน้าผม

อยากจะถามนะว่าขี่เป็นด้วยเหรอ แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวโดนด่าอีก ขอกุญแจแบบนี้ก็ต้องขี่ได้แหล่ะน่า

“อ่ะ” ผมโยนกุญแจรถไปให้เขา อีกฝ่ายรับไปก่อนจะดีดนิ้วทีหนึ่ง จากนั้นจึงขึ้นคร่อมมอ’ไซค์คันเก่งของผมแล้วกวักมือเรียกให้ผมขึ้นซ้อน แต่ผมก็อดถามเกี่ยวกับการกระทำของเขาเมื่อกี้ไม่ได้ว่า “เมื่อกี้ท่านดีดนิ้วทำไมอ่ะท่านเจ้าที่?”

“ข้าต้องปลดกำบังกายน่ะสิ ขืนขี่รถพาเอ็งกลับบ้านแต่คนอื่นมองไม่เห็นคนขับ เขาได้หลอนกันพอดี”

เออ นั่นสิเนอะ แต่เอาเถอะ ไงก็ได้อ่ะ รีบพาผมกลับบ้านสักทีเถอะ อยากนอนแล้ววว

“แว้นเลยท่านเจ้าที่” ผมบอกกับเขาก่อนจะกระโดดขึ้นคร่อมรถ รอจนร่างสูงสตาร์ทรถเรียบร้อย ผมถึงจะแนบหน้าผากเข้ากับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายแล้วหลับตาลง...ง่วงมาก ง่วงสุด ๆ

รถเคลื่อนตัวออกจากที่จอดรถพนักงานแล้ว ผมเดาว่าต้องมีคนมองพวกเราตลอดทางแน่ ไม่ได้มองผมที่กำลังจะหลับหรอกนะครับ แต่มองไอ้คนขี่รถที่ไม่ใส่เสื้อสักตัวต่างหากล่ะ...ซึ่งก็ช่างมันเถอะอีกนั่นล่ะ ตอนนี้ผมไม่สนอะไรแล้ว ความง่วงสำคัญกว่าความอายว่ะ

ผมปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามความง่วงงุน แต่ก่อนที่สติสุดท้ายจะหลุดลอย ผมกลับสัมผัสได้ถึงมืออุ่น ๆ ที่จับแขนทั้งสองข้างของผมไปกอดเอวหนาเอาไว้ แม้จะเลือนรางแต่ผมก็รู้ตัวมากพอที่จะขยับแขนกระชับกอดแน่นขึ้น แล้วจึงจะหลับลงไปจริง ๆ ในที่สุด พร้อมกับเสียงสุดท้ายที่ดังเข้าสู่โสตประสาทว่า...

“รอให้ถึงบ้านก่อนก็ไม่ได้ เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย”

 

กว่าจะมาถึงบ้านได้ท่านเจ้าที่ก็จะแทบเกร็งแข็งไปทั้งร่าง เพราะต้องพยุงตัวไม่ให้แทงค์หล่นลงจากรถไปในระหว่างทาง...พอจอดรถแล้วเทวดาหนุ่มก็ยังต้องนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม เพิ่มเติมคือเหล่มองไอ้เด็กปากเสียที่หลับไหลไม่ได้สติด้วยความเอือมระอา แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวชีวิตของเจ้าเด็กนี่ที่เขาเคยไปถามกับเจ้าที่คนเก่ามา ก็โกรธเด็กมันไม่ลงจนได้

เอาเป็นว่าถึงจะยังขุ่นเคืองใจเรื่องที่แทงค์ด่าบ้านของเขาว่าเชยแสนเชย แต่เรื่องอื่นก็ไม่ได้แย่ล่ะนะ เนื้อแท้แล้วเด็กคนนี้เป็นเด็กดี ครั้งนี้เขาจะยกให้ก็แล้วกัน

ท่านเจ้าที่หนุ่มขยับปรับท่าจนสามารถอุ้มเด็กหนุ่มได้ จากนั้นจึงพาไปส่งยังห้องนอนโดยไม่ลืมเปิดพัดลมและห่มผ้าห่มผืนบางให้ด้วยกันเป็นหวัด ลูบหัวอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนกระซิบเสียงแผ่วข้างหูเด็กหนุ่มที่นอนหลับใหลอย่างเป็นสุข

“ขอให้ฝันดีนะเจ้าเด็กปากร้าย”

 

_________

ตอนนี้ท่านเจ้าที่ผีเข้าค่ะ ไปรับน้องแทงค์กลับบ้านด้วย มุมใจดีเขาก็มีนะเห็นเปล่าา 55 เจอกันตอนหน้านะคะ จะพยายามอัพให้ได้วันเว้นวันค่ะ แต่ไม่สัญญาเน้อ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 4 [27-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 27-06-2017 23:10:22
ท่านเจ้าที่ดูแลดีจังเลย มีไปรับด้วย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 4 [27-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 28-06-2017 00:07:27
มาต่อแบบนี้คนอ่านชื่นใจจจจจจ

ท่านเจ้าที่เจ้าขา Service ดีเสียนี่กระไร
อยากจะทราบชื่อเสียงเรียงนามของท่านเสียจริงเชียวหนอ

ขอบคุณที่มาต่อนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 28-06-2017 22:57:02
ตอนที่ 5

“ข้าหยิ่ง!”

 

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีเวลาก็เลยเที่ยงมาจนเกือบบ่ายแล้ว ถึงว่าทำไมหิว ๆ ก็ผมยังไม่ได้กินข้าวอีกแล้วน่ะสิ คราวนี้มื้อเช้าควบกลางวันเลยแฮะ และเพราะเพิ่งตื่นนอนผมก็เลยยังขี้เกียจอยู่ พลิกตัวซุกหน้ากับหมอนไปมา ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งเมื่อระลึกชาติได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง

อ้าว แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ?

“กูเดินละเมอขึ้นมาเอง หรือว่าท่านเจ้าที่แบกมาส่ง?”

อย่างหลังนี่ดูมีความเป็นไปได้ยากว่ะ ผมคงละเมอเดินขึ้นมาเองนั่นล่ะ แบบคงง่วงมากจนจำไม่ได้ว่าตัวเองเดินขึ้นมานอนเอง อะไรทำนองนั้นล่ะ...รึเปล่า?

ผมเลิกคิดก่อนจะบิดขี้เกียจแก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวแล้วพาร่างอันเหนียวเหนอะหนะเพราะทำงานมาตลอดทั้งคืนเข้าห้องน้ำ ยี่สิบนาทีต่อมาผมก็อยู่ในชุดใหม่กลิ่นตัวหอมฉุย

ตื่อดึ้ง!

เสียงไลน์ดังขึ้นเรียกให้ผมต้องหันไปมอง ใครทักมาล่ะเนี่ย...ก้าวเท้าไม่กี่ก้าวก็มาถึงสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างหมอน (มาอยู่นี่ได้ไงอีกวะ?) หน้าจอขึ้นพรีวิวข้อความค้างอยู่ มาจากกรุ๊ปไลน์ที่ชื่อว่า ‘พาร์ทไทม์ DC Super’

T T : ได้ส่งรูปภาพ...

ไอ้ธีร์? แล้วมันส่งรูปอะไรมาล่ะ?

ตื่อดึ้ง!

คราวนี้ไวท์ตอบกลับมาเป็นข้อความว่า...

Your White : ว้าว! แทงค์นี่ไม่เบาเลยแฮะ

ผมไม่เบา? อะไรไม่เบา น้ำหนักอ่ะเหรอ?

สุดท้ายผมก็กดเข้าไปดูเพื่อแก้ความสงสัย พอรูปอัพโหลดเท่านั้นแหล่ะผมงี้ตาโตจนแทบถลน อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง

ไอ้เชี่ยยยยยยย!!!!!

จะไม่ให้ผมสบถได้ไงอ่ะ! ก็รูปที่ไอ้ธีร์มันส่งมาคือรูปที่ผมนอนเอาหน้าแนบกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของท่านเจ้าที่ แถมสองแขนยังโอบเอวหนาเอาไว้แน่น โดยคนที่โดนผมกอดใช้มือข้างหนึ่งจับแขนผมเอาไว้กันหล่น อีกมือบังคับแฮนด์รถ

T T : ไม่ธรรมดาว่ะไอ้แทงค์ ผัวมึงอย่างเท่

Your White : แถมยังหุ่นดีมากด้วย แต่ทำไมไม่ใส่เสื้อมาอ่ะ?

T T : ไอ้แทงค์มันลืมซักผ้าให้ผัวมั้งไวท์ 5555

TangK : ตลกละ ไอ้ธีร์ เขาไม่ใช่ผัวกูเว้ย แค่เพื่อนบ้านบ้า ๆ คนหนึ่ง

TangK : ไวท์ก็อย่าไปเชื่อมัน เรายังไม่มีผัวนะ

T T : หรอออ แน่ใจหรอออ

Your White: เราจะเชื่อก็ได้แทงค์ 55

ผมส่ายหน้าให้กับข้อความของทั้งสอง พนันได้เลยว่าไม่มีใครเชื่อผมสักคน กับไอ้ธีร์น่ะผมก็อยากจะด่ามันอยู่หรอกนะเพราะไอ้นี่แม่งกวนตีน แต่กับไวท์นี่ผมไม่กล้าด่าว่ะ ทั้งผมทั้งไอ้ธีร์ไม่มีใครกล้าหยาบคายใส่ไวท์สักคน

คือจะว่าไงดี แม้ว่าไวท์จะเรียน’ถาปัตย์ หน้าตาหล่อแบบเซอร์ ๆ ไว้ผมยาวเกือบถึงบ่าจนต้องรวบมัดเป็นจุกเล็ก ๆ ที่หลังหัว ดูเป็นกันเองแมน ๆ ไรงี้ แต่ไวท์จะมีออร่าอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถหยาบคายด้วยได้อ่ะครับ ผมเคยบอกไปแล้วนี่ใช่ป่ะ ว่าเขาเป็นคนที่ดูสุภาพมาก มากจนพวกผมยังอายเพราะสุภาพไม่ได้ขนาดนั้น ฮะ ๆ

จบ ๆ ไปกินข้าวดีกว่า มีอะไรทำกินประทังชีวิตได้บ้างวะเนี่ย หิวจนจะแทะผ้าปูที่นอนได้แล้วอ่ะบอกเลย

ผมลงมาก็เจอท่านเจ้าที่นั่งอ่านเอกสารเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด อยู่ในมุมเดิม ท่าทางเดิมเลยด้วยซ้ำ นี่หุ่นขี้ผึ้งป่ะวะ ใครมันจะนั่งท่าเดิมได้เหมือนกับเมื่อวานเป๊ะขนาดนี้

“งานยังไม่เสร็จอีกเหรอท่านเจ้าที่”

“อ้าว เอ็งตื่นแล้วรึ” คนโดนทักเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วใส่ผม ไม่ตอบคำถามผมด้วยนะแต่เป็นฝ่ายถามเสียเอง แล้วยังออกคำสั่งต่ออีกว่า “ไปทำมื้อกลางวันสิ ข้าหิวแล้ว”

ผมไม่อยากเถียงเลยตอบรับแค่อืม ๆ แล้วลากสังขารอันหิวโหยไปทำอาหาร มีข้าว มีไข่กับผัก โอเค ทำข้าวผัดได้...หั่น ๆ ผัด ๆ อยู่สิบห้านาที ข้าวผัดไข่ธรรมดาสองที่ก็พร้อมเสิร์ฟ ยกจานมาวางที่โต๊ะกินข้าวโดยพยายามไม่ไปแตะโดนกระดาษทั้งหลายแหล่ของท่านเจ้าที่เขา

“อ่ะ ท่านเจ้าที่มากินข้าว” ผมเอ่ยเรียกอีกฝ่าย พูดไปแล้วก็เหมือนกำลังเรียกหมามากินข้างเลยอ่ะ ไอ้ฉิบหาย นั่นเทวดาเว้ยไอ้แทงค์ คิดอะไรชวนให้บาปกรรมอีกแล้วกูเนี่ย

คนโดนเรียกสะบัดมือหนึ่งครั้ง กองเอกสารก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาผม...โห โคตรสะดวกสบายเลยว่ะ อยากได้แบบนี้บ้าง บางทีเขียนเพลงแล้วกองเศษกระดาษที่ผมโยนทิ้งส่ง ๆ ไว้มันกระจัดกระจายเต็มพื้น ผมก็ขี้เกียจเก็บทีหลังอ่ะ

เอ้อ ผมยังไม่ได้บอกใช่ป่ะว่าผมเรียนเอกดนตรี ตอนนี้อยู่ปีสองแล้วครับ เครื่องดนตรีที่ผมชอบและถนัดที่สุดคือกลองชุด แต่อย่างอื่นก็เล่นได้นะ พวกกีตาร์ เบส ผมชอบเล่นดนตรี อะไรที่ฝึกเล่นแล้วคิดว่าตัวเองทำได้ผมก็เล่นหมดอ่ะ ดนตรีทำให้ผมนึกถึงพ่อกับแม่ พวกท่านสนับสนุนผมให้เล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก ๆ น่ะครับ

เราสองคน (หรือหนึ่งคนกับอีกหนึ่งเทวดาดีล่ะ) นั่งกินข้าวกันไปเงียบ ๆ มันเงียบจนผมอดเหลือบมองท่านเจ้าที่ไม่ได้ คือปกติเขาต้องหาเรื่องด่าผมไม่ใช่เหรอวะ ทำไมมาวันนี้เงียบแปลก ๆ หรือเขากำลังเครียดเรื่องงาน?

ผมก็อยากจะถามนะ แต่ไม่อยากโดนด่าว่าเสือกอีก แล้วอีกอย่างไอ้ท่านเจ้าที่เขาก็เป็นเทพเป็นเทวดา แก้ปัญหาได้ทุกอย่างอยู่แล้วแหล่ะน่า จริงไหมล่ะครับ

จนกินเสร็จอีกฝ่ายก็ยังไม่พูดอะไร แค่นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เหยียดขาขึ้นมาวางบนเก้าอี้ที่ผมนั่งเมื่อกี้ สองมือรองไว้ตรงต้นคอ มองผมที่กำลังล้างจานนิ่ง ๆ ไม่มีท่าทีเตรียมแขวะแซะด่าผมแต่อย่างใด วันนี้ลืมพี้ยารึเปล่าอ่ะ

ผมเหลือบสายตามองอีกฝ่ายอยู่อีกหลายครั้ง แล้วความคิดหนึ่งก็เด้งขึ้นมาในหัวตอนที่เผลอเหล่ซิกซ์แพ็กของท่านเจ้าที่นานไปหน่อย เอาอีกแล้ว ไอ้หกแพ็กนี่แม่งล่อตากูอีกแล้ว เดี่ยวแม่งก็ล่อลวงเจ้าที่ไปปล้ำเสียเลยนี่ หอกหัก!

ผมสะบัดมือที่เปียกน้ำสองสามครั้ง ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว ช่างใจคิดอีกเล็กน้อยแต่สุดท้าย...

“ผมสงสัย” เอ่ยขึ้นพลางกอดอกยืนพิงสะโพกกับขอบโต๊ะกินข้าว มองหน้าท่านเจ้าที่ไปด้วยขณะพูดต่อ “ทำไมท่านเจ้าที่ถึงไม่ใส่ชุดสีขาวแบบพวกพราหมณ์อ่ะ ที่มีหมวกทรงสูงแหลม ๆ”

“ชุดนี้น่ะรึ?” ท่านเจ้าที่เลิกคิ้วตามด้วยดีดนิ้วดังเป๊าะ!

แล้วจากที่อีกฝ่ายเปลือยท่อนบนใส่แค่กางเกงยีนส์สีดำซีดเป็นท่อนล่าง เวลานี้ทั้งตัวของท่านเจ้าที่ก็ปกคลุมไปด้วยชุดพราหมณ์สีขาวพร้อมหมวก แบบที่ผมเห็นเทวดาในละครใส่เปี๊ยบเลย

“ใช่ ๆ ชุดนี้แหล่ะ ปกติพระภูมิเจ้าที่ไม่ได้ใส่ชุดแบบนี้กันเหรอ?”

“เมื่อก่อนน่ะ แต่ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว แบบเก่ามันเชยพวกเราเลยเปลี่ยนใหม่ แต่งตามใจชอบกันไป”

“แล้วท่านเจ้าที่นึกไงถึงใส่ยีนส์อ่ะ?” ผมถามอีก คือสงสัยอะไรก็ต้องถามไง ไม่สนใจด้วยว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมองผมแล้วสื่อทางสายตาว่า ‘เริ่มเสือกอีกแล้วนะเอ็งน่ะ’ ซึ่ง...เฮอะ! ใครสนกันล่ะ ก็คนมันอยากรู้นี่

“ข้าก็ดูจากนิตยสารแฟชั่นของโลกสมัยใหม่น่ะสิวะ” ถึงจะดูเหมือนรำคาญแต่ก็ยังตอบผมแฮะ ผมว่าท่านเจ้าที่ต้องเป็นพวกปากอย่างใจอย่างแน่ ๆ เลยว่ะ โถ ๆ พ่อคนซึนเดเระ

“นิตยสารของอะไรอ่ะ เผื่อผมสนใจไปซื้อมาลองแต่งตัวตามบ้าง” ผมถามพลางเอื้อมมือไปรินน้ำใส่แก้วยกขึ้นดื่ม เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้สนใจอยากจะซื้อหรอก แค่อยากรู้ไปเรื่อยเปื่อยน่ะว่าอย่างท่านเจ้าที่จะอ่านนิตยสารแบบไหน

“อืม” เขาทำหน้าครุ่นคิด แต่คำตอบของเขาทำเอาผมสำลักน้ำพรวดออกมา “ถ้าของมนุษย์ ข้าอ่านเพลย์บอย”

“แค่ก ๆ ๆ” เดี๋ยวนะ? เพลย์บอยนี่มันหนังสือปลุกใจเสือป่าไม่ใช่เหรอวะ!? เทวดาบ้าอะไรอ่านหนังสือแบบนั้นอ่ะ!

“ท่านอ่านเพลย์บอยได้ยังไง มันผิดศีลนะ! เป็นเทวดาไม่ใช่ว่าควรตัดทางโลกเรอะ!” ผมเบิกตาโตรัวคำพูดใส่เขาด้วยความตกใจ เฮ้ย! ถ้าพระภูมิเจ้าที่อ่านนิตยสารปลุกใจเสือป่าได้นี่แม่งไม่ธรรมดาเกินไปแล้วนะครับ!

“ก็ใช่” ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงัก มองผมที่ทำหน้าตื่นตกใจก่อนจะยกมุมปากขึ้น...คือเหมือนจะยิ้มนะ แต่มันดูเป็นรอยยิ้มแบบแปลก ๆ ว่ะ แบบ...ยิ้มเหมือนอยากขำแต่ไม่ยอมขำออกมาตรง ๆ อ่ะ “เพราะงั้นเมื่อกี้ข้าแค่พูดเล่นน่ะ”

“ฮะ?”

“พูด-เล่น” เทวดาหน้าหล่อย้ำคำ

ล้อเล่นเหรอออ เออ! แกล้งกูสนุกมากมั้งไอ้ท่านเจ้าที่โรคจิต โว้ย!!

ผมเขม่นตามองอีกฝ่าย ถอนหายใจใส่แรง ๆ แล้วว่า “นึกว่าจริง ตอบดี ๆ ดิ ตกลงอ่านอะไรกันแน่”

“ก็นิตยสารของสำนักข่าวแห่งสวรรค์น่ะสิ”

“อ่อ อืม โอ...เค๊ ผมไม่ถามแล้วดีกว่า ช่างมันเถอะ” ผมยอมแพ้ว่ะ ไอ้สวรรค์อะไรนี่มันมีกี่แผนกวะ ประหนึ่งโลกมนุษย์เลยจริง ๆ นะ มีที่ว่าการอำเภอแล้วยังมีสำนักข่าวอะไรนั่นอีก วุ้ย นึกภาพตามแล้วปวดหมอง!

แต่จะว่าไปมันก็มีอีกเรื่องนะที่ผมสงสัย ไม่มีโอกาสได้ถามเสียที ถามมันตอนนี้เลยก็แล้วกัน

“ท่านเจ้าที่ ท่านมีชื่อหรือเปล่า?”

คนโดนถามเลิกคิ้วมองผม ยกยิ้มที่ดูกวนโอ๊ยยังก็ไม่รู้มาให้ก่อนจะตอบ “มีสิ”

“งั้นท่านชื่อ...” ผมกำลังจะถามจนจบประโยคแล้วเชียว แต่อีกฝ่ายก็แทรกขึ้นมาเสียก่อนว่า...

“แต่ข้าไม่บอกเอ็งหรอก”

“อ้าว ทำไมอ่ะ?”

“ข้าหยิ่ง ข้าไม่อยากบอกเอ็ง!” ท่านเจ้าที่ถลึงตามองหน้าผมเหมือนอยากจะถามด้วยว่า ‘มีปัญหาอะไรไหมไอ้หนูน้อย!’แถมยังย้ำอีกรอบด้วยนะ "ข้าหยิ่ง!"

เออ! หยิ่งให้ได้ตลอดนะไอ้ท่านเจ้าที่

โว้ย!! ทำไมชีวิตผมต้องมาเจอพระภูมิโรคจิตตามรังควานด้วยวะ!


_____

สงสารนายแทงค์เขานะคะ ท่านเจ้าที่นี่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จู่ๆ ก็เงียบ แต่พอกลับมาพูดนี้ก็ปากร้ายอีกตามเคย 555 อยากบอกว่านิยายเรื่องนี้หาสาระไม่ได้นะคะ เป็นเรื่องที่ตัวเอกทั้งสองเอาแต่กวนประสาทกันไปมาค่ะ ฮาา แล้วพบกันตอนหน้านะคะทุกคน ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์เลยนะคะ แฮ่~

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-06-2017 23:53:57
 :laugh:
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: lukYRKM ที่ 29-06-2017 08:08:09
ชอบมากกกกกกกก ฮาได้อีก 55555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-06-2017 08:18:46
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 29-06-2017 20:38:33
คนอ่านก็อยากรู้ชื่อของท่านเจ้าที่เหมือนกันนะเจ้าคะ
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ ❤❤
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 29-06-2017 22:37:07
ถามชื่อ ไม่ตอบ หยิ่งงอลลล
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 30-06-2017 07:54:04
ท่านเจ้าที่จิตใจดีงามยอมแบกนายเอกเราส่งเตียงเสียด้วย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-06-2017 08:06:03
ตามมมม
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 30-06-2017 08:16:59
ชอบเรื่องนี้  :mew2: เจ้าที่ใจดี
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 30-06-2017 09:04:01
 :z1: น้ำลายไอ้หนูเวลาเห็นหุ่นท่าน  :m20:
สนุกมาคะ เรื่องน่ารักดี ชอบจ๊ะ  :katai2-1:    :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 5 [28-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 30-06-2017 19:31:10
อยากรู้ชื่อท่านเจ้าที่ :ling1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 6 [01-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 01-07-2017 22:09:18
ตอนที่ 6

“เอ็งยังเข้าบ้านไม่ได้”

 

เวลาล่วงผ่านมาถึงวันอังคารซึ่งเป็นวันที่ผมต้องเข้างานกะบ่าย เลิกเรียนตอนสิบเอ็ดโมงครึ่งผมก็เลยหาข้าวกลางวันกินทันทีแล้วจึงรีบมาเข้างานเอาตอนเกือบบ่ายพอดิบพอดีเป๊ะ

หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จผมก็เจอเข้ากับพี่ซาซ่า พนักงานประจำของกะบ่าย เอ่ยทักทายกันเล็กน้อยพี่เขาก็ส่งใบเช็กสต็อกมาให้ผม “ไปตรวจบนเชลฟ์ทีนะแทงค์ว่าอะไรหมดบ้าง แล้วไปเบิกของในคลังมาเติมให้เต็มนะ ตั้งใจทำงานล่ะ”

“ครับพี่” ผมตอบรับก่อนจะเดินแยกออกมา ก้มมองใบสต็อกในมือไปด้วย อืม...ไปเช็กโซนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ ก่อนแล้วกัน

ผมเลี้ยวเข้าช่องทางด้านขวามือ โซนนี้เป็นโซนของผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน อะไรก็ตามที่ใช้ทำความสะอาดสารพัดอย่างนั่นล่ะครับ

แต่แล้วผมก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเจอไวท์ยืนอยู่โซนนี้ อีกฝ่ายกำลังยืนนิ่งมองแสตนดี้เท่าตัวคนอยู่

“อ้าว ทำไมยังอยู่อีกอ่ะไวท์ หมดกะแล้วไม่ใช่เหรอ?” ผมร้องทัก ไวท์หันมายิ้มให้ผม

“พอดีวันนี้พี่ดอลลี่ขอแลกกะกับเราน่ะ เราเลยมาทำกะนี้แทน” พี่ดอลลี่ที่ไวท์พูดถึงก็คือรุ่นพี่สาวประเภทสองสุดเซ็กซี่ของร้านนี้ ผมพยักหน้ารับว่าเข้าใจ จากนั้นไวท์ก็ชี้นิ้วไปที่แสตนดี้พลางว่า “เออนี่ เรากำลังดูน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อใหม่อยู่น่ะ เราว่ามันน่าใช้มากเลยนะ”

แสตนดี้ที่วางโชว์อยู่เป็นรูปตัวการ์ตูนเสมือนจริงของชายหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าของตัวการ์ตูนยิ้มกว้างจนตาหยี สวมเสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าและกางเกงสีดำ มีเส้นผมสีดำตัดสั้น...ถ้าแสตนดี้นี่เป็นคนจริง ๆ เขาต้องหล่อมากแน่ ๆ ผมมั่นใจเลย หนุ่ม 2D นี่บางทีหล่อกว่าคนจริงอีกเถอะ ฮะ ๆ ๆ

เจ้าหนุ่มในแสตนดี้แบมือออกทั้งสองข้าง โดยมือหนึ่งมีน้ำยาปรับผ้านุ่มสีแดงวางอยู่หนึ่งถุง ส่วนมืออีกข้างเป็นขวดน้ำยาปรับผ้านุ่มสีน้ำเงิน...ผมอ่านคำโปรยที่ลอยอยู่ในฟองอากาศตรงด้านข้างของผลิตภัณฑ์ทั้งสองแบบ

หอมเซ็กซี่ชวนลุ่มหลง ด้วยกลิ่นกุหลาบแดงแห่งป่า

หอมหวานแสนบริสุทธิ์ ด้วยกลิ่นของดอกไฮเดรนเยีย


“อืม ก็น่าลองซื้อไปใช้ดูนะ”

“นั่นสิ เราว่าจะซื้อตอนเลิกกะแล้วน่ะ”

“ใช้แล้วเป็นไงมารีวิวให้ฟังด้วยนะไวท์ ฮ่า ๆ”

“ได้เลย ๆ” ไวท์ตอบรับก่อนจะเอ่ยขอตัวไปทำงาน “งั้นเราไปทำงานก่อนนะ ต้องไปเช็กสินค้าที่หลังร้านน่ะ”

“โอเค เราเองก็ต้องเช็กของบนเชลฟ์เหมือนกัน” พอไวท์เดินแยกออกไป ผมจึงได้เวลาทำงานของตัวเอง

เอาล่ะ ทำงาน ๆ ทำงานโว้ยไอ้แทงค์!

__________

สามทุ่มเลิกงาน ผมนี่แทบจะโห่ร้องด้วยความดีใจ วันนี้มันเหนื่อยมากแบบมากของมากของมากอ่ะครับ พี่ซาซ่าโดนวิญญาณอาฆาตเข้าสิงมาหรือไงก็ไม่รู้ ดูหงุดหงิดจนแผ่ออร่าออกมาชนิดที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือไปพูดไม่เข้าหูให้พี่แกไม่พอใจเลยสักคน มารู้เอาตอนหลังว่าพี่เขาทะเลาะกับสามีเมื่อช่วงพักเบรกเลยอารมณ์ไม่ดีและพร้อมจะพาลใส่ทุกคน เหอ ๆ พวกผมเลยซวยโดนลูกหลงความโมโหไปด้วยอยู่หลายดอกเลย

“โอย เลิกงานสักที”

“ไหวไหมเนี่ยแทงค์ ว่าแต่วันนี้คนนั้นมารับอีกหรือเปล่าเอ่ย~”

“คนนั้น?” ผมขมวดคิ้วทวนถาม แต่พอเห็นสายตากรุ้มกริ่มกับรอยยิ้มล้อเลียนของไวท์ ผมก็เข้าใจในทันที “ไม่มาหรอกไอ้ท่านเจ้า...ไอ้คนนั้นที่ไวท์พูดถึงน่ะ”

เกือบหลุดปากเรียกท่านเจ้าที่ไปแล้วเชียว ดีนะเปลี่ยนคำทัน

“ตกลงนั่นแฟนแทงค์?”

“ก็บอกว่าไม่ใช่งายย” ผมกลอกตาทำหน้าเอือมใส่ ไวท์หัวเราะโดยไม่พูดอะไรอีก แต่เป็นผมที่พูดขึ้นแทนเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ “เออ ไวท์เรียน ’ถาปัตย์ใช่ป่ะ?”

“ใช่ ทำไมเหรอ?”

“คือเราอยากจะวานอะไรไวท์หน่อยน่ะ” ผมเกริ่นเข้าเรื่องอย่างไม่แน่ใจนัก อยากจะขอร้องให้เขาช่วยแต่ก็ไม่มีอะไรตอบแทนอ่ะ

อ๊ะ! จริง ๆ แล้วมันก็มีนี่นา เอาจากท่านเจ้าที่แล้วกัน

“อะไรเหรอ?” ไวท์เลิกคิ้วถาม

“เราอยากให้ไวท์มาช่วยเราทำ เอ่อ ศาลพระภูมิใหม่”

“ศาลพระภูมิ?”

“ใช่ แบบว่าท่านพระภูมิเจ้าที่ที่บ้านมาเข้าฝันเราแล้วบอกว่าอยากได้ศาลใหม่ แต่ไม่อยากได้แบบเดิม ๆ น่ะ ท่านอยากได้แบบ อืม...บ้านสไตล์โมเดิร์นเหมือนพวกโมเดลจำลองขายบ้านน่ะ เคยเห็นไหม?” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ แต่นั่นเรียกเสียงหัวเราะของไวท์ให้ดังขึ้นทันที

“ต้องรู้จักสิ เราเรียน ‘ถาปัตย์จะไม่รู้จักได้ไง ทำโมเดลเองด้วยซ้ำนะ ฮะ ๆ ๆ”

“เออ นั่นสิเนอะ แล้ว...ไวท์พอจะช่วยเราหน่อยได้ไหม เราไม่อยากไปจ้างทำน่ะ ไม่ได้มีเงินเยอะแยะมากมายอะไร แต่ถ้าไวท์มาช่วยเรา เราก็พอจะมีค่าตอบแทนให้นะ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะให้ช่วยทำฟรี ๆ หรอก” ผมรีบอธิบาย

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก เราไม่ได้ซีเรียสอะไร เอาเป็นว่าเราจะช่วยแทงค์สร้างศาลพระภูมิใหม่ก็แล้วกัน แต่แปลกนะ พระภูมิเจ้าที่เข้าฝันเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ” ไวท์ว่าแต่ก็ดูไม่ติดใจอะไร ทั้งยังยิ้มให้ผมอีกต่างหาก นั่นทำให้ผมโล่งใจว่าคงไม่ต้องดั้นด้นหาวิธีทำเองทั้ง ๆ ที่ทำไม่เป็น หรือต้องมาคิดหนักเรื่องจ้างช่างที่มีความชำนาญมาทำแล้วเสียเงินเยอะเกินจำเป็นไป ถึงจะเป็นเงินของท่านเจ้าที่ออกเอง แต่ผมคิดว่าอะไรประหยัดได้ก็ควรประหยัดนะครับ

อ่า จะว่าไปมีอีกอย่างที่ต้องขอให้ไวท์ช่วยทำให้ด้วยนี่นา

“เอ่อ เราขอสระว่ายน้ำด้วยนะ...”

“ท่านพระภูมิอยากได้เหรอ?” ไวท์ทำหน้าแปลกใจอีกครั้ง ผมพยักหน้ารับ อีกฝ่ายหัวเราะขำเสียงดัง “ฮ่า ๆๆๆ ได้สิ เป็นงานที่ท้าทายดีนะเนี่ย งั้นพรุ่งนี้เรามาคุยรายละเอียดกัน เจอกันที่ม. ตรงประชาสัมพันธ์แล้วกันนะ”

“ได้เลย ขอบใจมากนะไวท์”

“ไม่เป็นไร เรายินดีช่วย โอเค เรากลับแล้วนะ แทงค์ก็กลับดี ๆ ล่ะ บ๊ายบาย~”

ผมโบกมือตอบอีกฝ่าย ก่อนจะหมุนตัวเดินไปเอามอ’ไซค์ของตัวเอง อดอมยิ้มไม่ได้กับเรื่องที่เพิ่งแก้ปัญหาสำเร็จ...ได้คนช่วยทำศาลให้ไอ้ท่านเจ้าที่แล้ว ทีนี้ก็สบายขึ้นหน่อย หลังจากนี้ก็แค่ต้องกลับไปเบิกงบประมาณกับท่านเจ้าที่ คำนวณดูแล้วต้องมีทั้งค่าวัสดุก่อสร้างและสินน้ำใจให้ไวท์ อ่า...แต่ผมก็ไม่รู้อีกแฮะว่าค่าอุปกรณ์ก่อสร้างมันเท่าไหร่

เอาเป็นว่าไปบอกท่านเจ้าที่ไว้ก่อนแล้วกันว่าให้เตรียมเงินไว้ล่วงหน้า เวลาจะใช้จริง ๆ ผมค่อยเบิกเงินจากเขามาจ่าย ตามนี้แล้วกันวะไอ้แทงค์ ส่วนตอนนี้ผมควรหามื้อเย็นประทังชีวิตได้แล้ว

“ป้าครับ เอาเส้นเล็กหมูลูกชิ้นน้ำตกถุงหนึ่งครับ” ผมแวะร้านอาหารแถว ๆ ซุปเปอร์ฯ ตั้งใจแล้วว่าจะซื้อก๋วยเตี๋ยวกลับไปกินที่บ้าน เอ้อ ของท่านเจ้าที่ด้วยนี่หว่า ลืมไปเลย “ป้าครับ ๆ เอาบะหมี่น้ำใสอีกหนึ่งครับ”

“ได้ลูก รอแป๊บหนึ่งนะ” ป้าแม่ค้ายิ้มให้ผม ผมก็เลยยิ้มตอบแล้วนั่งรอที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่ไม่มีลูกค้านั่งอยู่ ไม่นานก็ได้ก๋วยเตี๋ยวที่สั่ง จ่ายเงินเรียบร้อยผมก็พาตัวเองขี่รถกลับบ้าน อยากกินข้าวอาบน้ำนอนจะแย่แล้ว พรุ่งนี้ผมมีเรียนตั้งแต่สิบโมงถึงบ่ายสอง นอนตื่นสายได้ถึงเก้าโมงเอง

ผมขี่รถมาเรื่อย ๆ เข้าซอยบ้าน จะว่าไปซอยบ้านผมมันก็ลึกเข้ามาไม่น้อยเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้มืดชวนวังเวงอะไร มีบ้านคนอยู่ตลอดทาง เพียงแต่มันห่างจากย่านคอนโดฯ กับซุปเปอร์ฯ ที่ผมทำงานเท่านั้นเอง มันก็เลยดูเงียบ ๆ

ผมชะลอรถเมื่อสายตามองเห็นร่างของใครคนหนึ่งยืนโบกมือมาทางผมเหมือนจะเรียกให้เข้าไปหา...ใครวะน่ะ? อยู่ไกลด้วย มองไม่ค่อยเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตัดสินใจขี่รถเข้าไปใกล้ เพราะอีกฝ่ายยืนอยู่ในซอยเล็ก ๆ ที่แยกไปทางด้านซ้าย หากแต่ยังไม่ทันที่ผมจะเลี้ยวเข้าไป จู่ ๆ คนคนนั้นก็หายไปแล้ว

เอ๊า หายไปไหนวะ หรือว่ากูตาฝาด?

ผมงงอยู่นาทีหนึ่งเต็ม ๆ ก่อนสุดท้ายจะขี่รถกลับบ้าน เมื่อกี๊ผมอาจจะตาฝาดล่ะมั้ง แต่...มันเหมือนมีคนโบกมือเรียกผมจริง ๆ นะครับ

ดับเครื่องก่อนจะลงจากรถเพื่อไปเปิดประตูรั้วบ้าน กลับมาอีกทีตั้งใจจะเข็นรถเข้าไปจอดในโรงรถเล็ก ๆ ข้างบ้านก็กลับต้องชะงัก เพราะจู่ ๆ ไอ้ท่านเจ้าที่ดันโผล่มายืนขวางหน้าผมน่ะสิ!

“โฮ่! อะไรของท่านเจ้าที่เนี่ย มายืนขวางทำไมเล่า! หลบไปเลยผมจะเอารถไปเก็บ”

“ไม่” ท่านเจ้าที่ตอบเสียงแข็ง ยืนกอดอกมองผมด้วยสายตาดุดัน

“อะไรไม่?”

“เอ็งยังเข้าบ้านไม่ได้”

“เอ๊า! ทำไมอ่ะ!?” ผมย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ ตวัดเท้าไปเตะขาตั้งรถลง เพราะจะให้พยุงรถเอาไว้ตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าไอ้ท่านเจ้าที่ชอบโชว์กล้ามท้องน่าลูบไล้ตรงหน้าผมจะให้เข้าบ้านเมื่อไหร่ มันก็ทำให้ผมหนักนะเว้ย!

ชักจะหงุดหงิดล่ะนะ จะแกล้งอะไรผมก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้เว้ย จะเข้าบ้าน อยากพักผ่อนแล้ว!

“อย่ามาแกล้งผมตอนนี้เลยนะท่านเจ้าที่ ผมหิวแล้วก็เหนื่อยมากด้วย ให้ผมเข้าบ้านเถ้อออ”

“เอ็งน่ะเข้ามาได้ไอ้แทงค์” ท่านเจ้าที่พูดขึ้นหลังจากมองหน้าผมอยู่เหมือนเดิมอีกราว ๆ นาทีหนึ่งได้ ก่อนจะเลื่อนสายตาผ่านผมไปที่ด้านหลัง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมราวกับจะฆ่าคนว่า “แต่ไอ้ที่ตามมาน่ะ ห้ามเข้า!!!”

คือผมเข้าได้ แต่อีกคนห้ามเข้า...ผมเข้าใจถูกป่ะ?

แต่ผมมาคนเดียว แล้วอีกคนนี่มัน...ใครอ่ะ?

ผมทำหน้าเหลอหลาใส่ท่านเจ้าที่ ก่อนจะเอี้ยวตัวมองตามสายตาของอีกฝ่ายไปมองที่ด้านหลังของตัวเอง แล้วผมก็ได้เจอเข้ากับ...แขกแปลกหน้าที่ผมมั่นใจว่าไม่ได้เชิญมาแน่ ๆ

อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงสวมเสื้อผ้าขาดวิ่น มีรอยเลือดไหลเป็นทางจากหน้าผากอาบใบหน้าลงมาถึงปลายคาง ดวงตาลึกโบ๋ ริมฝีปากฉีกยิ้มแสยะจนน่าสยองขวัญสั่นประสาท

“อะ...ผะ ผี! ว้ากกกกกกกกก!!!!!!!!!!!”

ผมแหกปากลั่น นาทีนี้ไม่สนอะไรแล้วนอกจากวิ่งปรู๊ดไปหลบอยู่หลังท่านเจ้าที่ กูกอดเอวด้วยอ่ะเอาดิ ซุกหน้ากับหลังท่านเจ้าที่ด้วยอีกสเต็ป ดูดิว่าทำขนาดนี้อีผีมันจะตามมาจับมาหลอกมาหลอนกูได้ไหม!

อะ ไอ้เหี้ย! นี่กูโดนผีตามมาเหรอ!? กูโดนผีหลอกเหรอวะ!?

“กลับที่ของเอ็งไปซะ อย่ามาหลอกมาหลอนคนอื่นเขา คนตายก็ควรอยู่ส่วนของคนตาย อย่ามายุ่งกับคนเป็น! ไป!!” ท่านเจ้าที่สะบัดมือหนึ่งครั้ง วิญญาณผีผู้หญิงก็หายวับไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องแสบหู ผมที่ลอบมองอยู่ด้านหลังถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ไปแล้ว ฮื่อ! ไอ้เวร ทำไมจู่ ๆ กูเจอผีได้ทั้งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนวะ!

“มะ มันไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหมอ่ะท่านเจ้าที่” เพื่อความแน่ใจผมจึงถามย้ำ

“เออ มันไปแล้ว และมันก็เข้ามาในบ้านไม่ได้ด้วยเพราะข้าไม่อนุญาต ทีนี้เอ็งก็เลิกกอดข้าแล้วไปเก็บรถเข้ามาได้แล้วไป เร็ว ๆ ด้วย จะได้ไปกินข้าวอาบน้ำนอน” ท่านเจ้าที่สั่ง ๆ แล้วก็สะบัดตัวผมออก จากนั้นจึงหายวับไป ทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียวหน้าบ้าน

เฮ้ย! ทำไมมาทิ้งกันอย่างนี้อ่ะ กลับมาก๊อนนน

อยากจะโวยวายใส่คนที่ทิ้งกันไว้กลางทางอยู่หรอกนะ แต่สิ่งที่ผมทำคือการรีบพุ่งออกไปเอารถกลับเข้ามาในรั้วบ้าน วิ่งเข็นมันไปจอดได้ก็คว้าถุงก๋วยเตี๋ยวแล้วถลันเข้าบ้านทันที

ใครมันจะไปอยู่ต่อเล่า! เกิดเจอผีบ้านั่นยืนอยู่นอกรั้วผมได้ประสาทหลอนตายกันพอดี เวรเอ๊ย!


__________

จริงๆ ต้องมาเมื่อวาน แต่เมื่อวานน็อคค่ะ เลิกงานกลับบ้าน ทำนั่นนี่เสร็จสักสี่ทุ่มว่าจะเปิดคอมฯ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปิดค่ะ วูบหลับไปเลย แฮ่ๆ ขอโทษด้วยนะคะ ส่วนตอนนี้...เจอผีค่ะ แทงค์เอ๊ย ซวยจริงๆ 555 ดีนะท่านเจ้าที่เขาแรง ออกมาไล่ผีให้ถึงหน้าบ้าน ตอนหน้า...รอลุ้นแล้วกันเนอะ ฮ่าา แล้วเจอกันค่ะ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 6 [01-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 01-07-2017 22:30:29
ยังไม่จุใจเลยยยย
มาสั้นจังเลย
มาต่ออีกนะคะะะะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 6 [01-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-07-2017 00:18:36
 :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 6 [01-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 02-07-2017 01:17:46
รอออออ :katai5:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 6 [01-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 02-07-2017 01:48:16
แทงค์เอ๊ย น่าสงสารจริงๆ ดีนะมีท่านเจ้าที่ช่วยดูแลอยู่
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 03-07-2017 22:41:50
ตอนที่ 7

"เอ็งหลอกข้านี่หว่า!"



“ท่านเจ้าที่ วันนี้มาอยู่เป็นเพื่อนผมเหอะนะ นะ ๆ ๆ”

ผมอ้อนวอนท่านเจ้าที่มานับชั่วโมงได้แล้วครับ แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่กอดอกยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทางเหนือกว่าผมโดยไม่คิดจะพูดอะไรออกมาสักคำ

เรื่องของเรื่องก็คือตั้งแต่ตอนที่ผมกลับมาแล้วเจอ...นั่นล่ะ ผมก็เลยไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะ ถึงท่านเจ้าที่จะบอกว่าไม่มีใครตามเข้ามาในบ้านนี้ได้หากเขาไม่อนุญาต แต่ผมก็ยังรู้สึกโหวง ๆ อยู่ดี ดังนั้นถ้ามีเขาอยู่ด้วยผมน่าจะอุ่นใจกว่า

แต่พยายามอ้อนวอนเท่าไหร่ ไอ้ท่านเจ้าที่ก็เอาแต่เงียบ ไม่ยอมตอบรับแต่ก็ไม่ยอมปฏิเสธ และอันที่จริงผมก็ไม่อยากได้รับคำปฏิเสธอยู่แล้วด้วย ผมอยากได้คำตอบรับโว้ย!

“ท่านเจ้าที่ ขอร้องล่ะ อยู่เป็นเพื่อนผมหน่อยเหอะนะ กราบล่ะ” ผมว่าพลางยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว

นาทีนี้ศักดิ์ศรีห่าไรกูทิ้งไปหมดละครับ เอาความอุ่นใจเป็นที่ตั้งก่อนล่ะเว้ย!

"เอ็งนี่นะ กลัวผีเป็นเด็ก ๆ ไปได้" อีกฝ่ายบ่น ทำหน้าเอือมระอาใส่ผมอีกต่างหาก

จะเด็กจะผู้ใหญ่มันไม่เกี่ยวกันมะ! โตแล้วก็กลัวผีได้ป้ะ!?

ผมกัดฟันกรอดด้วยอยากจะตะบันหน้าเจ้าที่โรคจิตสักทีสองที แต่ติดที่ทำไม่ได้เพราะเดี๋ยวนรกจะกินหัวเอา แต้มบาปเพิ่มขึ้นอีก 1% นี่คงไม่ดี เพราะทุกวันนี้แต้มบาปของผมก็มีเยอะมากพออยู่แล้ว อย่าให้มันมีมากไปกว่านี้เลย

"เออผมยอมรับ เพราะงั้นนะท่านเจ้าที่สุดหล่อ ได้โปรดมาอยู่เป็นเพื่อนผมเถอะ สงสารผมหน่อย...นะครับ" ทำหน้าอ้อนใส่เข้าไปด้วยเลยเอ้า ปกติผมไม่อ้อนใครนะเว้ย แมน ๆ แดกชานมเย็นอ่ะ เข้าใจ๊?

"เฮ้อ!! ก็ได้ ๆ ข้าจะไปอยู่เป็นเพื่อนเอ็ง เดี๋ยวข้าเอางานไปทำที่โต๊ะหนังสือห้องเอ็งแล้วกัน และจงสำนึกบุญคุณที่ข้ามีน้ำใจ แถมยังยอมเสียสละตัวเองไปนั่งเฝ้าเอ็งนอนเสียด้วยล่ะ"

ท่านเจ้าที่ถอนหายใจเหมือนหนักใจกับผมมากเสียเต็มประดา ก่อนจะบ่นยืดยาวประหนึ่งความยาวของแม่น้ำแม่กลอง แต่เนื้อความที่พูดออกมาชวนน่าหมั่นไส้ฉิบหาย วูบหนึ่งใจผมนี่อยากจะไล่ตะเพิดให้เขากลับเข้าศาลไปเหมือนกัน แต่ความกลัวผีมีมากกว่าไง เพราะงั้นยอมปล่อยผ่านก็ได้ ฮึ่ย ๆ หมั่นไส้ว่ะ!

"กราบขอบพระคุณมากเลยครับท่านเจ้าที่ผู้แสนดีที่หนึ่งในโลก" ผมตอบโดยพยายามไม่ทำน้ำเสียงประชด...หมั่นไส้จริง ๆ นะ วุ้ย!

"งั้นก็ขึ้นไปสิ เอ็งจะรออะไรอีกล่ะ ไปนอนได้แล้ว"

"คร้าบบบ"

ห้านาทีต่อมา ผมนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม โดยมีท่านเจ้าที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ และกำลังจรดปากกาเขียนอะไรสักอย่างลงในเอกสารการทำงานของตัวเอง...ผมมองแผ่นหลังเปลือยของร่างสูง (เออ เมื่อไหร่เขาจะใส่เสื้อวะ เห็นบ่อย ๆ กิเลสเกิดง่ายนะเฮ้ย อยากลูบไล้—แค่ก ๆ ถือว่าผมไม่ได้พูดแล้วกันนะ) เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายยังอยู่ ไม่ได้หายวับกลับศาลตัวเองไปแล้ว

ขณะที่เคลิ้ม ๆ กำลังจะหลับ ลมเย็นยะเยียบจากด้านนอกกลับพัดเข้ามาผ่านหน้าต่างที่ผมเปิดทิ้งไว้ แถมมาพร้อมกับกลิ่น...เหม็นเน่า

ผมสะดุ้งโหยง ลุกขึ้นนั่งพรึ่บ ตาสว่างทันที

กลิ่นนี้ต้องไม่ใช่กลิ่นธรรมดาแน่ ๆ ผมมั่นใจเลยล่ะ ไอ้เอี้ยยย มาอีกแล้วเหรอว้าา

ท่านเจ้าที่เองก็คงรู้สึกได้ แหงสิก็เขาเป็นเทวดาอารักษ์นี่...อีกฝ่ายหยุดมือลง หันมาสบตาผมก่อนจะหันไปมองที่ด้านนอกหน้าต่าง ใบหน้าคมคร้ามดุดันขึ้น พอทำหน้าอย่างนี้แล้วประกอบกับว่าเขามีไรหนวดขึ้นอยู่จาง ๆ ตามแนวกราม สีหน้าของเขาก็ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น

ผมนั่งนิ่งไม่กล้าขยับ ขณะที่ท่านเจ้าที่เดินไปยังริมหน้าต่าง มองอะไรบางอย่างอยู่นานมาก แล้วเอ่ยเสียงก้องกังวานขึ้นว่า "ข้าบอกแล้วไงว่าไปให้พ้น!! อยากตายเรอะ!?!"

โอ้โห นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นพระภูมิเจ้าที่ ผมคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นนักเลงทวงหนี้ไปแล้วอ่ะ อย่างโหด!

แต่หล่อ เข้ม ดุแบบนี้ เป็นผม...ผมก็ยอมให้ทวงหนี้ทั้งร่างกายและหัวใจนะครับ ฮ่าา

พอเลยไอ้แทงค์! นั่นเจ้าที่ที่โคตรกวนประสาทและโรคจิตเลยนะเว้ย! อย่าไปตกหลุมเสน่ห์สิไอ้บ้า!

ผมว่าผมเพ้อมาเยอะเกินไปละ สถานการณ์ตอนนี้คือกลิ่นเหม็นเน่าหายไปแล้ว และท่านเจ้าที่กำลังวาดมือไปในอากาศ ตามด้วยสะบัดมืออีกทีถึงจะเดินกลับมาที่โต๊ะเพื่อทำงานต่อ

"เมื่อกี้ท่านทำอะไร?" ผมถามอย่างสงสัย

"ส่งสาส์นไปถึงยมทูตที่ดูแลรับผิดชอบเขตนี้อยู่น่ะสิ ว่าให้มารับดวงวิญญาณนี่ไป อย่าให้มาก่อกวนกันอีก"

"อ้อ เหรอ" ผมพยักหน้าให้ ไม่คิดจะถามถึง เอ่อ ยมทูตอะไรนั่น คืออย่าไปสนใจเลยจะดีกว่านะผมว่า

ผมจับจ้องท่านเจ้าที่ตาละห้อย แล้วปากก็พูดออกไปโดยไม่ทันยั้งคิด "ท่านเจ้าที่ มานอนเป็นเพื่อนผมหน่อย"

"จะบ้าเรอะ! กลัวอะไรอีกเล่า ข้าก็ไล่มันไปแล้วไง" เทวดาถลึงตามองผม สายตาราวกับจะด่าว่าผมปัญญาอ่อนหรือไง อืม...หรือจริง ๆ คือกำลังด่าอยู่ล่ะมั้ง

"มันไม่วางใจอ่ะ แต่ถ้าท่านมานอนข้างผม ผมจะอุ่นใจกว่า...นะ ๆ ๆ สงสารผมเถอะนะครับ" ผมอ้อนอีกครั้ง ยื่นข้อเสนอด้วยเลยเอ้า! "ถ้าท่านยอมมานอนกับผม เอ๊ย! ยอมมานอนข้าง ๆ ผม พรุ่งนี้ผมจะทำเมนูโปรดให้ท่านเลยก็ได้ อ่ะบอกมาอยากกินอะไรครับ"

เกือบไปแล้วไงไอ้แทงค์ พูดอะไรออกไปวะ นอนกับผมนี่แม่งโคตรกำกวมเลย ดีนะแก้ทัน

"สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า" ท่านเจ้าที่ตอบทันควันราวกับไม่ต้องคิดไตร่ตรองให้เสียเวลา

แหม่ ไอ้ท่านเจ้าที่ ล่อได้ด้วยของกินเหรอวะเนี่ย แถมยังกินของแพงทำยากอีกต่างหาก กรรม!

กรรมของกูนี่แหล่ะ ไม่ใช่กรรมของใคร ฟัค!

"ได้ ผมจะทำให้กินพรุ่งนี้ แต่ต้องเป็นตอนเย็นนะ"

"ตอนไหนก็ได้ แค่เอ็งสัญญาว่าจะทำให้กินจริง ๆ ก็พอ" คนฟังยักไหล่ก่อนจะหายวับไปแล้วมาโผล่อีกทีบนเตียง อีกฝ่ายเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ ผม เอี้ยวหน้ามามองแล้วยักคิ้วข้างเดียวให้ผมอีกสองที น่าหมั่นไส้ว่ะแม่งงง

แต่ถึงจะหมั่นไส้ยังไง สิ่งที่ผมแสดงออกก็คือการยิ้มจนหน้าบานแฉ่งให้เขา

"เล่านิทานให้ฟังด้วยได้ป่ะท่านเจ้าที่" ผมแกล้งถาม หากแต่ท่านเจ้าที่กลับสวนกลับมาด้วยประโยคที่ทำให้ผมกัดฟัดกรอดอีกรอบ

"โตกว่าควายแล้วยังต้องฟังนิทานอีกเรอะ? เอ็งนี่มันเด็กน้อยจริง ๆ"

กูแกล้งเล่นเถอะไอ้ท่านเจ้าที่! เทวดาปากเสีย! โว้ยยย

"จิ๊! งั้นผมเล่าให้ท่านฟังเองก็ได้"

"เอ็งจะเล่านิทานให้ข้าเนี่ยนะฟัง?" ท่านเจ้าที่ทำหน้างงใส่ผม ผมพยักหน้าหงึกหงัก ขยับนอนในท่าที่สบายที่สุด พยายามนึกถึงเรื่องที่อยากจะเล่า...ไม่ใช่นิทานหรอกนะ แต่เป็นเรื่องของผมเองต่างหากล่ะ

และผมว่าผมรู้แล้วแหล่ะว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี หึ ๆ

"สมัยผมเรียนมัธยมปลาย..."

"อ้าว เรื่องของเอ็งหรอกหรือ ข้านึกว่าจะเล่านิทานจริง ๆ เสียอีก" ท่านเจ้าที่เอ่ยขัด เป็นเหตุให้ผมที่โดนขัดจังหวะกลอกตาขึ้นมองสบตาคนที่นั่งอยู่สูงกว่าเล็กน้อย อีกฝ่ายเหมือนรู้ตัว เลยผายมือเป็นเชิงบอกให้ผมเล่าต่อ

ผมกระแอมนิดนึงก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องอีกครั้ง...

"ตอนนั้นโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์ ผมที่กำลังเดินผ่านกรงเสือขาว โดนเสือขาวตัวหนึ่งที่หลุดออกจากกรงกระโจนใส่ มันตะปบหัวผมหลุดเลยล่ะ"

"เฮ้ย!! แล้วเอ็งทำอย่างไรต่อล่ะวะ?!" ท่านเจ้าที่ตาโตอุทานลั่น

"ผมก็รีบงอกหัวใหม่อ่ะดิ" ผมตอบทั้ง ๆ ที่พยายามกลั้นขำสุดกำลัง

ท่านเจ้าที่มองหน้าผม...ผมก็เลยมองหน้าเขาตอบ

ท่านเจ้าที่ทำหน้าเอะใจ...ผมกะพริบตาปริบ ๆ แต่ริมฝีปากหลุดยิ้มเสียแล้ว

ท่านเจ้าที่ถลึงตาใส่ผมแล้วตวาดลั่น

"เอ็งหลอกข้านี่หว่า!"

...เท่านั้นล่ะผมก็หลุดหัวเราะลั่นห้องอย่างห้ามไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

"ฮ่า ๆๆๆๆ แต่เมื้อกี้...เมื่อกี้ท่านเชื่อผมด้วยอ่ะ ฮ่า ๆๆๆ จี้ว่ะ ก๊ากกกกก!"

โอเค ตอนนี้ผมหยุดขำไม่ได้แล้วครับ ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ

คือมันควรเอะใจตั้งแต่ผมโดนตะปบหัวหลุดแล้วป่ะวะ ทำไมรู้สึกตัวช้าจัง ตลกว่ะแม่ง ก๊ากกกกกก!!!

"เอ็งมัน...ไอ้เด็กเวรรร!!!"

"อ๊าก! อ่าอิดแอ้มอ๋ม! (อย่าบิดแก้มผม!)"

หัวเราะได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องแหกปากร้องโอดโอยแทนเมื่อท่านเจ้าที่แก้แค้นด้วยการบิดแก้มผมจนเจ็บจี๊ดไปทั้งสองข้าง โอ๊ยยย เนื้อแก้มกูจะหลุดแล้วโว้ย ไอ้ท่านเจ้าที่หยู๊ดดด

"ข้าจะทำโทษเอ็ง! จงแก้มแดงด้วยอิทธิฤทธิ์มือของข้าซะ!"

เวรเอ๊ย! ทีหลังกูจะเตรียมตัวให้ดีก่อนแกล้งเทวดาโรคจิต! แทนที่จะได้แกล้งเขา ทำไมกูถึงกลายเป็นฝ่ายเจ็บตัวแทนล่ะวะ!? ว้ากกก!!!

 
__________

ตอนนี้สั้นมากเลยเนอะ แล้วก็...ชักเริ่มสงสัยว่าใครกันแน่กวนส้นมากกว่ากัน 555 งานนี้ท่านเจ้าที่เสียท่าเนอะ เชื่อเด็กมันเต็มๆ เจ้าแทงค์ก็นะ ไปหลอกเทวดาเสียได้ ฮ่าา เคยบอกไปแล้วเนอะว่าเรื่องนี้ไม่มีสาระ ก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนจบแหล่ะค่ะ...หรือเปล่า? 55555

จริงๆ อยากติดแท็กเรื่องนี้ แต่คิดไม่ออกว่าจะเอาแท็กว่าอะไรดี อยากเล่นแท็กในทวิตเตอร์อ่ะ แต่คิดว่าคงไม่มีใครเล่นด้วย งือออ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ ไปละ คำผิดจะแก้ทีหลังเน้อ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-07-2017 22:58:11
 :laugh:
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 03-07-2017 23:06:48
เป็นการทำโทษที่มุ้งมิ้งมากค่ะ   :o8:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-07-2017 23:37:24
ถึงเนื้อถึงตัวกันจริงเชียว ฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 04-07-2017 05:52:20
#เจ้าที่แรงมาก
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 04-07-2017 07:59:47
ตลกอ่ะ มีเชื่อด้วย555. 
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-07-2017 08:21:50
แทงค์ แก้มแด้ง แดง ไม่ต้องปัดบรัชออน
เพราะท่านเจ้าที่  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 04-07-2017 10:46:21
หลอกท่านเจ้าที่เนี่ย เปอร์เซ็นบาปขึ้นรึเปล่า ฮาาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 04-07-2017 11:20:50
โดนท่านเจ้าลงโทษฮ่าฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 04-07-2017 18:37:21
      สนุกมากเลยค่ะชอบมากอ่านคลายเครียดได้ดีจริงๆ
อ่านไปขำไปทั้งเจ้าที่ทั้งแทงค์
ที่บอกว่าจะสนุกตลอดจนจบนี่ไม่โมเมกันนะค่ะ
เราเคยอ่านนิยายประมาณนี้มาเรื่่องนึง
ตอนแรกสนุกมากขำไปตลอดเรื่องแต่ พอใกล้จะจบซิค่ะ
คดีพลิก ทั้งสองคนรักกันแต่ไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้
คนนึงคนธรรมดาก็กลับไปใช้ชัวิตตามปกติ
ส่วนเทพที่เป็นสายลมก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ในเรื่องนักแต่งท่านนั้นพยายามจะบอกว่า ทุกอย่างตอนดำเนินต่อไปมั้ง555ในเรื่องฟิวของตัวละครทั้งสองตอนจบไม่เศร้า
พวกเค้าเข้าใจ และยินยอมกับการจากลา
แต่คนอ่านซิค่ะ อกหักเรานอยด์ไปหลายวันเลยหวังว่าเรื่องนี้จะสนุกและจบแบบไม่พลิกบทนะค่ะ
รออ่านค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 7 [03-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-07-2017 20:37:22
รอดูบ้านท่านเจ้าที่มาหลายต่อมากๆ 55555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 05-07-2017 22:00:52
ตอนที่ 8

“ไงครับที่รัก”

 

ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ผมก็ต้องแปลกใจที่ยังเห็นท่านเจ้าที่นั่งอยู่บนเตียงข้าง ๆ ผม ผมคิดว่าเขาจะไปหลังจากที่ผมหลับแล้วเสียอีก น่าแปลกแฮะที่อีกฝ่ายยังอยู่ที่เดิม ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ขอให้ท่านเขารอจนกว่าผมจะตื่นด้วยซ้ำ

ว่าแต่เขาได้นอนหรือเปล่าอ่ะ? เป็นพระภูมิเจ้าที่นี่เขานอนกันไหม

“อื้อออ” แม้จะแปลกใจและสงสัย แต่ปฏิกิริยาของผมคือการบิดขี้เกียจแล้วแหงนหน้ามองร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายแค่นั้น ท่านเจ้าที่กดตาลงมามองผม เรียวปากเหนือไรหนวดชวนจั๊กจี้นั่นแย้มออกเอ่ยคำถามกับผม

“ตื่นแล้วเรอะเอ็ง?”

“อื้ม” ผมตอบรับเสียงแหบแห้งด้วยเพราะเพิ่งตื่น “ทำไมท่านยังอยู่อ่ะ”

“ก็อยากจะกลับบ้านข้าอยู่หรอก แต่สงสารเด็ก กลัวจะผวาตื่นขึ้นมาเพราะกลัวผี หึ!” เทวดาหนุ่มเบือนสายตากลับไปมองแฟ้มเอกสารในมือต่อ

โอ้โห เกือบซึ้งใจแล้วถ้าไม่เหยียดยิ้มร้ายใส่กู ไอ้ท่านเจ้าที่!!

“เป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยครับท่านครับ” ผมกลอกตาเบื่อหน่าย ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งโงนเงนไปมา

ผมเหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียง ตอนนี้เจ็ดโมงเศษ ๆ ผมมีเรียนสิบโมง อ่า ยังมีเวลานอนอีกตั้งเกือบสองชั่วโมงแหน่ะ อยากนอนต่อว่ะ จะรีบตื่นขึ้นมาทำไมวะเนี่ยกู

ผมหาวหวอด หลับตาก้มหน้านิ่ง คือพร้อมเข้าสู่นิทราอีกรอบอ่ะบอกเลย ถึงจะเพิ่งตื่นก็เหอะ และดูเหมือนท่าทางของผมจะทำให้ท่านเจ้าที่รำคาญตาหรือไงไม่รู้ อีกฝ่ายถึงได้พูดขึ้นว่า...

“อยากนอนต่อก็นอนไปสิ เอ็งมีเรียนกี่โมงล่ะ ข้าจะได้ปลุกมาเตรียมตัวไปเรียนตอนใกล้ ๆ จะถึงเวลา”

ฮะ?! เมื่อกี้ผมฟังผิดเปล่าวะ ท่านเจ้าที่เขาว่าอะไรนะ?

“ท่านบอกว่าจะปลุกผมเหรอ?” ไม่แน่ใจก็ต้องถามเว้ย จากที่กำลังง่วง ๆ นี่ตาสว่างขึ้นมานิดนึงเลยครับ

“ก็เออสิวะไอ้เด็กนี่ ข้าพูดอะไรไปทำไมเอ็งชอบถามซ้ำ ข้าว่าข้าก็พูดชัดเจนแล้วนะ หรือเอ็งสมองช้า หูหนวก ปากหมา หน้าตา...”

“พอเลยพอ ท่านเจ้าที่ พอ! อย่ามาเนียนหลอกด่าผมนะ!” ผมรีบยกมือขึ้นเบรกอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะด่าผมมากไปกว่านี้ แค่ที่ด่ามานั่นก็เสียหมาฉิบหายแล้วเหอะ!

“รับความจริงเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้ก็ทำมาห้าม เหอะ อ่อนแอ”

เทวดาหน้าโหด(ไม่หล่อแล้วแม่ง ต้องโหด!)เบ้ปากมองผมด้วยหางตา อื้อหือ มึ้งงง ไอ้ท่านเจ้าที่ กูไม่ได้อ่อนแอโว้ยย แค่ไม่อยากฟัง มันน่ารำคาญ! เข้าใจใหม่เสียด้วย ฮึ่ย!

ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจิกตามองท่านเจ้าที่อย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเทวดาอะไรนี่ล่ะก็นะ พ่อคงฟาดปากอีกฝ่ายด้วยเท้าไปแล้ว!

“ไม่อยากเถียงกับท่านหรอกนะท่านเจ้าที่ เบื่อแล้ว” ผมตัดบท ทำท่าจะลงจากเตียง แต่ร่างสูงกลับยื่นมือมารั้งต้นแขนของผมเอาไว้ก่อน ผมหันมาสบตาเขา ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจปนระแวง...จะด่าอะไรกูอีกป่ะว่ะ

“ตกลงเอ็งมีเรียนกี่โมง ตอบมาอย่าโยกโย้”

“ชิ! สิบโมง” ผมตอบอย่างเสียไม่ได้ เล่นมองมาตาเขม็งงั้นใครจะกล้าไม่ตอบวะ

“งั้นนอนต่อไปสิ เดี๋ยวข้าปลุกตอนเก้าโมง”

“มาไม้ไหนของท่านเนี่ย” ผมเขม่นตามองอย่างไม่ไว้ใจ จะแกล้งให้กูตื่นไปเรียนไม่ทันหรือเปล่าวะ

“เอ็งไม่ไว้ใจข้าเรอะ?!”

“ก็เอออ่ะดิ ใครจะไปกล้าไว้ใจคนที่บอกว่าจะตามราวีเราไม่เลิกวะท่านเจ้าที่ บ้าเหรอ!” ผมตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด รักษาน้ำใจอะไรนี่ไม่มีอ่ะ ตรง ๆ แมน ๆ แดกนมสดปั่น

แล้วกูจะโยงเข้าของกินทำไมอีกวะ หรือกูหิว?

โว๊ะ! ไร้สาระอีกแล้วกู กลับมาที่เรื่องเดิม!

“เอ็งนี่ไม่สำนึกบุญคุณที่ข้าช่วยเอ็งจากผีเมื่อคืนเลยสักนิดสินะ! ข้าก็ไม่ได้จ้องจะเล่นงานเอ็งตลอดเวลาเสียหน่อย ระแวงไปได้”

“ของแบบนี้ใครมันจะไปไว้ใจง่าย ๆ กันล่ะ”

“พอ ๆ ข้าไม่อยากเถียงกับเอ็งแล้ว นอนลงไปซะ” ไม่ว่าเปล่า หากแต่ท่านเจ้าที่ยังคว้าไหล่ผมกดให้เอนลงนอนอีกครั้งด้วย...แรก ๆ ผมก็พยายามฝืน แต่พออีกฝ่ายส่งสายตาดุใส่ แถมยังกดไหล่ผมแน่นกว่าเดิม สุดท้ายผมก็จำต้องยอมนอนนิ่งๆ เห็นอย่างนั้นท่านเจ้าที่ก็เลยสะบัดผ้าห่มห่มให้ผม

ผมว่าเขาผีเข้าอีกแล้วว่ะครับ หรือคิดจะแกล้งกันจริง ๆ เนี่ย!

"นี่ท่านคิดจะแกล้งผมใช่ป่ะ?" งานนี้ต้องถาม ถามไปเลยตรง ๆ

"แกล้งอะไร?"

"แกล้งไม่ปลุกผมไง ให้ผมไปเรียนไม่ทัน"

"ข้าไม่ใช่เด็กนะ จะได้แกล้งอะไรปัญญาอ่อนแบบนั้น" ท่านเจ้าที่ถอนหายใจ ตามด้วยยกมือลูบหัวผมเบา ๆ สองสามทีก่อนจะมองสบตา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยพูดแบบนี้กับผมมาก่อน "นอนซะ"

ขนลุกว่ะครับ ขนลุกที่ท่านเจ้าที่มาทำตัวอ่อนโยนใส่อ่ะ!

ผมกะพริบตาปริบ ๆ ยังงุนงงและรู้สึกแปลกประหลาด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านเจ้าที่เขาวะ ผมงงไปหมดแล้วนะเนี่ย...แต่ช่างมันเถอะ นอนก็นอน จะโดนแกล้งหรือเปล่าตื่นมาเดี๋ยวก็รู้เองล่ะนะ

ผมปิดตาลง หากแต่นึกถึงเรื่องนึงขึ้นมาได้เสียก่อน จึงเอ่ยปากบอกท่านเจ้าที่ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ "วันนี้ประมาณบ่ายสามเพื่อนผมจะมานะ มาคุยเรื่องทำศาลพระภูมิให้ท่านอ่ะ"

"งั้นรึ"

"อืม..." ผมตอบรับเสียงงัวเงียจวนจะหลับเต็มแก่ ก่อนจะหลับลงไปจริง ๆ ในเวลาต่อมา

__________

บ่ายสองเลิกเรียนแล้วผมก็มารอไวท์ที่หน้าประชาสัมพันธ์ของมหา'ลัยตามที่ได้นัดแนะกันเอาไว้เมื่อวาน ผมนัดกับไวท์เอาไว้ตอนบ่ายสองครึ่ง เพราะวันนี้อีกฝ่ายเลิกเรียนพร้อมกันกับผมพอดี เรานัดเวลาพบกันในไลน์กลุ่มน่ะครับ ไอ้ธีร์ก็เลยขอตามมาด้วย...มันโดดเรียนมาครับ โคตรเลวเลยเนอะ โดดด้วยเหตุผลที่ว่าอยากเจอเพื่อนบ้านของผม

จะใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่ท่านเจ้าที่

แต่จะว่าไปท่านเจ้าที่นี่แทบจะกินนอนอยู่บ้านผมมากกว่าศาลของตัวเองซะอีกนี่หว่า ควรเรียกว่าอยู่บ้านหลังเดียวกันไปเลยถึงจะถูก ซึ่งต่อให้เป็นอย่างนั้นจริงผมก็ไม่มีทางบอกเพื่อนคนไหนแน่ ไม่อยากฟังมันล้อ รำคาญนะ ไม่ใช่เขินบอกไว้ก่อน แล้วอีกอย่างถ้าขืนผมบอกออกไปว่าเพื่อนบ้านนี่ไม่ใช่บ้านหลังข้าง ๆ นะ แต่เป็นศาลพระภูมิในรั้วบ้านตัวเองนี่แหล่ะ คิดดูแล้วกันว่าไวท์กับธีร์จะมองผมยังไง

ก็มองเหมือนคนบ้าไง เหอ ๆ

พูดถึงท่านเจ้าที่แล้วนึกขึ้นได้ เมื่อช่วงสายที่ผมตื่นขึ้นมาอีกที เขาเป็นคนปลุกผมตามที่เขารับปากไว้จริงๆ ด้วยล่ะครับ ไม่ได้แกล้งผมแต่อย่างใด น่าแปลกมากกกก

ก่อนผมออกจากบ้านก็ถามแค่ว่าเพื่อนผมจะมาแน่ ๆ ใช่มั้ย พอผมตอบว่าใช่อีกฝ่ายก็แค่พยักหน้ารับแล้วหายวับไปเลย เอ๊อ วันนี้ท่านเจ้าที่เขาทำตัวแปลกไปจากปกติจริง ๆ นะครับ ผมล่ะงง?

“รอนานไหมแทงค์” ขณะที่กำลังคิดถึงเทวดาประหลาดที่บ้านเพลิน ๆ คนที่ผมรอก็มาถึง

“ไม่นานหรอก เราก็เพิ่งมาได้ไม่กี่นาที” ผมตอบพลางยกยิ้มให้ด้วย

ไวท์ยิ้มรับพลางเหลียวมองไปรอบ ๆ “แล้วธีร์ล่ะ?”

“ยังไม่เห็นเลย ไม่มาแล้วมั้ง”

“มาเว้ย!”

ผมเพิ่มพูดจบไปแหม่บ ๆ คนที่ถูกพูดถึงก็โผล่มาพร้อมกับชามะนาวแก้วหนึ่งในมือ ผมแย่งชาแก้วนั้นออกจากมือมันแล้วเอามาดื่มโดยที่เจ้าของไม่ได้ว่าอะไร...พวกผมสนิทกันจนถึงขั้นแย่งของกินออกจากปากก็ไม่โกรธอ่ะครับ ไม่น่าเชื่อเนอะ แต่มันจริงนะ เพราะว่าพวกเราสามคนรู้จักกันตั้งแต่สมัครเข้าทำงานพาร์ทไทม์ที่ดีซีซุปเปอร์ฯ ตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เลยสนิทกันง่ายถึงจะเรียนกันคนละคณะก็เถอะ

“รอตั้งนาน” ผมว่า

“น้อย ๆ หน่อยไอ้แทงค์ กูได้ยินนะว่าก่อนหน้านี้มึงบอกว่ารอไวท์ไม่นาน แต่พอกูมาทีหลังแค่ไม่ถึงสองนาทีมึงว่านาน พ่องมึงอ่ะเพื่อน” ไอ้ธีร์ด่า ยกมือผลักหัวผมอีกต่างหาก ขณะที่ไวท์เพียงแค่ยืนหัวเราะ

ผมปัดมือเด็กนิเทศออกจากหัวก่อนจะยื่นชามะนาวคืนให้มัน “พร้อมไปบ้านเราหรือยังไวท์ มึงล่ะไอ้ธีร์?”

“อื้ม!” ไวท์ตอบสั้น ๆ ส่วนไอ้ธีร์อ่ะเหรอ? “เร็ว ๆ ดิ อยากเจอหน้าผัวมึงแล้ว”

“ผัวบ้านมึงสิ ก็บอกว่าเพื่อนบ้าน กูขอให้เขามาช่วยดูแลความเรียบร้อยในบ้านให้ต่างหากเว้ย!” ผมเถียง ถลึงตามองมัน แต่มันกลับหัวเราะใส่

“อ่ะครับ ๆ เพื่อนบ้านก็เพื่อนบ้าน ไป ๆ รีบไปเหอะ” ไอ้ธีร์ดันไหล่ผมกับไวท์ให้ก้าวเท้าเดินจนมาถึงรถของมัน...วันนี้มันอาสาขับรถเป็นสารถีให้ครับ มันบอกผมตั้งแต่ในไลน์แล้วว่าวันนี้ให้นั่งรถเมล์มา ส่วนไวท์นี่ไม่จำเป็นเพราะหออยู่ข้างๆ มอ. นี่เอง เดินมาก็ถึงแล้วเลยไม่ต้องใช้รถ

ยี่สิบนาทีคือเวลาที่ใช้ในการเดินทาง รถติดนิดหน่อยไม่เหมือนทุกทีที่ติดนานมาก พวกผมเลยมาถึงเร็วกว่าปกติ...คือถ้าเป็นปกตินี่ผมใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าอ่ะครับ

มาถึงบ้านได้ผมก็พาเพื่อนทั้งสองไปนั่งที่ศาลาไม้ตรงสวนหน้าบ้าน มันอยู่ฝั่งมุมซ้ายมือติดกับรั้วบ้านพอดี ตรงนี้บรรยากาศดีเพราะว่าพ่อของผมปลูกต้นไม้พันธุ์สูงใหญ่เอาไว้ตั้งแต่ผมยังอยู่ในท้องแม่ ท่านบอกว่าจะให้มันโตขึ้นพร้อมกับผม และตอนนี้มันก็สูงใหญ่แผ่ร่มเงามอบความร่มรื่นให้ ส่วนตรงข้ามกันคือศาลพระภูมิของท่านเจ้าที่เขาอ่ะแหล่ะ ตั้งอยู่ข้าง ๆ ทางเข้าบ้านพอดี

ต่อให้ไม่อยากเห็นหลังคาบ้าน(ศาล)ยังไงก็ได้เห็นอ่ะ เดินผ่านทุกวัน พอเห็นแล้วก็นึกถึงหน้าเจ้าของศาลทุกวัน วุ้ย! ประสาทจะเสีย ไปนึกถึงทำไมก็ไม่รู้กูเนี่ย

"รอนี่แป๊บนึงนะ เดี๋ยวไปเอาน้ำกับขนมให้" ผมบอกกับพวกมันก่อนจะเดินผ่านแปลงดอกมะลิจนมาถึงประตูบ้าน พยายามชะเง้อชะแง้มองหาท่านเจ้าที่ไปด้วยแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา...หรือจะอยู่ในบ้านวะ?

แม้จะบอกว่าไม่อยากนึกถึง แต่คือผมต้องนัดแนะกับท่านเจ้าที่เขาก่อนอ่ะดิว่าถ้าจะปรากฏตัวให้เพื่อนของผมเห็นล่ะก็ อย่างน้อยช่วยใส่เสื้อผ้าให้มันครบชุดด้วย ไม่ใช่เปลือยท่อนบนออกไปเจอพวกมัน เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงโดนล้อจนตายอ่ะ เดี๋ยวพวกแม่งก็ยิ่งคิดหรอกว่าผมกับเขาเป็นแฟนกัน เหอๆ

ผมไขประตูเข้าบ้าน เดินไปทางห้องครัวก็ไม่ลืมที่จะสอดส่องมองหาเทวดาหน้าหล่อไปด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่เจออยู่ดี...ไปไหนของเขาวะ หรือหมกตัวอยู่ในศาลพระภูมิ วันนี้ไม่คิดจะออกมาไรงี้เหรอ?

เมื่อดู ๆ ไปแล้วเหมือนว่าเขาจะไม่อยู่ในบ้าน ผมก็เลยเลิกตามหา ช่างเขาแล้วกัน ผมว่าผมควรเอาน้ำเอาขนมไปให้เพื่อนแล้วเริ่มคุยรายละเอียดเกี่ยวกับที่จะสร้างศาลใหม่กับไวท์ดีกว่า ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้

ผมยกถาดใส่แก้วเปล่ากับขวดน้ำและโหลคุกกี้ออกมาจากบ้าน พอไอ้ธีร์เห็นก็ทำหน้าเหลือเชื่อใส่แล้วแกล้งแขวะ

"เอามาเสิร์ฟให้เหมือนในละครเลยว่ะ มีใส่ทงใส่ถาด เออ แต่จะว่าไปมึงก็หน้าตาเหมือนคนใช้พอดีเลยนี่หว่า เหมาะแล้ว ๆ"

"สัด!!!" ผมด่าคำเดียวเน้น ๆ ไวท์ถึงกับหัวเราะ ส่วนไอ้คนโดนด่าทำหน้าระรื่นไม่สะเทือนใด ๆ ทั้งสิ้น อยากตั๊นหน้ามันจริง ๆ “แดกเข้าไปไป๊ จะได้เลิกพูดมาก”

ผมว่าพลางหยิบคุกกี้ยัดปากมันตอนที่มันอ้าปากจะเถียงผมกลับมาพอดี มันไอค่อกแค่กมองผมตาเขียว ผมเลยเบ้ปากใส่มันแล้วหันมาคุยกับไวท์แทน “ไวท์จะกินก่อนไหม แล้วเราค่อยมาคุยรายละเอียดกัน”

“กินไปคุยไปก็ได้” ไวท์ตอบ ยื่นมือมาหยิบคุกกี้ กัดแล้วเคี้ยวสองสามทีก่อนจะเอ่ยต่อ “แทงค์อยากได้แบบไหน อธิบายรายละเอียดแบบชัด ๆ หน่อยนะ เดี๋ยวเราร่างแบบให้ดูไปด้วย”

“ได้ ๆ” ผมพยักหน้ารับ รอจนไวท์หยิบกระดาษร่างแบบกับดินสอขึ้นมาเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะถึงจะว่าต่อ “อย่างที่เราเคยบอก เราอยากได้สไตล์เดียวกับพวกโมเดลจำลองขายบ้านที่...”

“ถ้าจะคุยเรื่องรายละเอียดบ้าน ให้ฉันอธิบายน่าจะดีกว่าไหม?”

ผมชะงักทุกคำพูดเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น คอหันขวับอัตโนมัติไปมองยังทิศทางของเสียง ก่อนจะต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าคนที่ผมตามหาอยู่เมื่อกี้ ตอนนี้กำลังยืนอยู่ด้านหลังผม ก่อนอีกฝ่ายจะเดินมายืนที่ทางขึ้นศาลา...

เฮ้ย!!! คนตรงหน้าผมนี่ใช่ท่านเจ้าที่จริงๆ ป่ะวะ!?!

อีกฝ่ายมองหน้าผม ยกยิ้มมุมปากอย่างเท่แล้วเอ่ยขึ้นว่า...

“ไงครับที่รัก”

เฮ้ยยยยย !!!!!


__________

วันนี้ต้องอัพถูกมั้ย? หรือเรานับวันผิดคะ 555 อ่ะตอนนี้ยาว เกือบแปดหน้าแหน่ะ เอาจริงๆ นะ เราเองก็ไม่ได้กำหนดว่าแต่ละตอนมีกี่หน้า ฟีลว่าควรตัดจบตอนตรงไหนก็ตัดน่ะค่ะ แฮ่ เพราะงั้นบางตอนอาจจะสั้นยาวไม่เท่ากันเน้อ

อ้อ สรุปเรื่องนี้ติดแท็ก #เจ้าที่แซ่บแรงมาก นะคะ ไปเล่นกันเยอะๆ นะ เล่นกับเราหน่อยยย //ส่งท่านเจ้าที่ไปนอนอ่อย--- แค่กๆ อ้อนต่างหาก 55555

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 05-07-2017 22:44:06
ย้ากกกก ค้างงงง อยากอ่านต่อออ  :katai4:  :ling1:  :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-07-2017 23:00:45
แน้ะๆ.......ท่านเจ้าที่ปรากฏกายให้เห็นไม่พอ
ยังแสดงความเป็นเจ้าของแทงค์
เรียกแทงค์ ที่รัก ซะด้วย สงสัยหวงแทงค์รึเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 06-07-2017 09:11:42
ชอบบบบ มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-07-2017 10:04:34
ใส่เสื้อมาเปล่า
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-07-2017 10:23:54
 :z1:
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-07-2017 10:57:44
อร๊ายยยย "ที่รัก"  แกล้งกันแน่ๆเลยท่าน
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 06-07-2017 11:03:11
ท่านเจ้าที่สุดแซบ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 06-07-2017 11:03:52
ทักซะเขินเลย เพื่อนๆฟินกระจาย อิอิ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 06-07-2017 11:37:23
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว  :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 06-07-2017 11:38:21
เรียกเมียสิ ฮาาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 06-07-2017 13:32:19
โอยมาต่ออออ พีคคคค 5555555 ชอบมาก ท่านเจ้าที่โคตรฮา หลังจากนี้ก็มาอยู่กับน้องแทงค์ตลอดไปเลยน้า
น้องจะได้ไม่เหงาอีก ~
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 8 [05-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-07-2017 22:34:30
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 07-07-2017 22:44:16
ตอนที่ 9

“ฉันชื่อภูตลา”

 

การปรากฏตัวของท่านเจ้าที่ไม่ได้ทำให้ผมแตกตื่นแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ยังทำให้เพื่อนทั้งสองของผมตาโตจนแทบถลนออกนอกเบ้าด้วยเช่นกัน

ผมแตกตื่นเพราะอะไรรู้ไหมครับ? อ่ะคุณลองนึกภาพตามผมนะ...ก่อนหน้านี้คุณเจอผู้ชายสูงเกินร้อยแปดสิบ ผิวแทน หน้าคมเข้มไว้หนวดพอให้ดูเซ็กซี่ ชอบเปลือยท่อนบนใส่แค่ยีนส์สีดำซีดกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีดำ อ่าฮะ ใช่เลย นั่นคือท่านเจ้าที่ที่ผมรู้จักมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่มาตอนนี้นี่สิ ที่ทำให้ผมตะลึงจนไม่รู้จะตะลึงยังไง ตกใจซ้ำซ้อนซ้ำซาก เพราะท่านเจ้าที่เขามาในลุคใหม่อ่ะเฮ้ย!

อีกฝ่ายใส่เสื้อแล้วด้วยว่ะ! เป็นเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายเป็นภาษาไทยเก๋ๆ ว่า รับสมัครเจ้าที่รุ่นเยาว์

...มันคืออะไรวะไอ้เสื้อตัวนั้นน่ะ...

ผมกวาดสายตามองทั้งร่างของท่านเจ้าที่อีกครั้ง นอกจากเสื้อยืดรุ่นเยาว์อะไรนั่นแล้ว ท่อนล่างเจ้าตัวใส่ยีนส์เหมือนเดิม แต่เป็นยีนส์สีสนิมขาดเข่าตามแฟชั่นสมัยนี้ รองเท้าก็เปลี่ยนเป็นผ้าใบสีขาวสะอาดแทน อ้อ ที่คอเสื้อเกี่ยวแว่นกันแดดเอาไว้ด้วย เส้นผมที่มักเสยขึ้นก็ปล่อยให้ลงมาปรกหน้าผากเล็กน้อย แต่มากพอที่จะทำให้เขาดูดีจนน่าขย้ำ--- แค่ก! (ถือว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้พูดอะไรต่อท้ายแล้วกันนะครับ)

ดูดีฉิบหายเลยว่ะ หล่อไม่เกรงใจใคร ไอ้ห่า ใจกูเต้นแรงมาก หล่อบัดซบอะไรอย่างนี้

ไม่ใช่ดิ! นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมหรือยินดีที่ท่านเจ้าที่รู้จักหัดใส่เสื้อเป็นหรือเขาดูโคตรพ่อโคตรแม่หล่อนะเฮ้ย เพราะการปรากฏตัวของอีกฝ่ายนอกจากจะทำให้ตกใจแล้ว คำพูดของเขาก็ดูเหมือนจะทำให้เพื่อนของผมเข้าใจผิดด้วยเช่นกัน

“ที่รัก?” ไวท์ทวนคำก่อนหน้านี้ของท่านเจ้าที่

“ไหนบอกไม่ใช่ผัวมึงไงไอ้แทงค์” ไอ้ธีร์เอ่ยแบบไม่มีการออมเสียงทั้งๆ ที่ตายังจ้องท่านเจ้าที่ไม่กระพริบอยู่เลย

ก็ไม่ใช่ผัวน่ะสิวะ!! ต้องให้พูดอีกกี่ครั้ง ว้อยยย

“ที่รักห่าเหวอะไรล่ะไอ้ท่าน...!” ผมเกือบจะหลุดปากด่าแถมยังเรียกท่านเจ้าที่ออกไปแล้วเชียว แต่ก็นึกได้เสียก่อนเลยหยุดปากทัน

“ก็คำทักทายแบบทั่วไปน่ะ ทำไมต้องโกรธด้วย” เทวดาโรคจิตมองหน้าผมเป็นเชิงดุ แต่ขอโทษทีเถอะครับ สายตาที่ท่านมองกูนี่มันยียวนกวน...มากๆๆๆ แล้วที่รักนี่มันคำทักทายทั่วไปตรงไหน กูล่ะอยากจะตะบันหน้าพระภูมิเจ้าที่จริงๆ เลยโว้ย! ขอทำได้มั้ย? ขอสักทีแล้วจะตั้งใจเป็นคนดีของสังคมเลย ฮึ่ย!

“แล้วก็นะ” ท่านเจ้าที่เมินสายตาอยากจะกินเลือดกินเนื้อที่ผมส่งไปให้ ด้วยการหันไปมองไวท์กับไอ้ธีร์ “ฉันไม่ได้เป็นสามีของแทงค์หรอก เพราะต่อให้เหลือเด็กนี่คนเดียวบนโลก ฉันก็ไม่เอามาทำเมียแน่ๆ หึ”

...มีหัวเราะตบท้ายแถมสายตาเยาะเย้ยผ่านหางตาอีกด้วยนะ

หน็อยยย ไอ้ท่านเจ้าที่ หน็อยยย ปากนี่นะ! ถ้าไม่ติดว่าเป็นเทวดาล่ะก็ พ่อจะตบปากให้เลือดกระเซ็นออกจากปากเป็นฝอยๆ เลย! แล้วไหนจะบอกว่าไม่เอากูทำเมียอีก! ลองเป็นมนุษย์ธรรมดาแบบกูเข้าหน่อยนี่กูไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่ จะจับปล้ำทำผัวแม่ง! ทีนี้ล่ะมึงเอ๊ย ต่อให้ไม่เอากูยังไง แต่เสียตัวให้กูแล้วถือว่าได้กูเป็นเมีย!

วุ้ย! แล้วกูจะมานั่งมโนหาสวรรค์วิมานอะไรวะ นี่มันเรื่องวุ่นวายระดับสิบนะโว้ย ยังจะเล่นอีก!

“ปากหรือนั่น จะไปไหนก็ไปเลยไป ขวางหูขวางตาผม” ผมอดรนทนไม่ได้เอ่ยปากไล่ท่านเจ้าที่อย่างไม่กลัวบาปกรรมอะไรทั้งสิ้น เออ! ให้แต้มบาปมันเพิ่มไปอีกแต้มเลย ไม่แคร์แล้ว! นาทีนี้กูต้องการไล่เทวดาปากเสียไปให้ไกลที่สุด รำคาญญญ

“ไล่ขะ...ไล่ฉันแบบนี้ได้ไง ไร้มารยาทอีกแล้วนะไอ้เด็กนี่ แล้วอีกอย่างฉันก็บอกแล้วไงว่าถ้าจะคุยเรื่องสร้างศาลพระภูมิ มาคุยกับฉันโดยตรงมันง่ายกว่า”

“เอ่อ ผมว่าอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยนะ ก่อนอื่นแทงค์น่าจะแนะนำให้พวกเรารู้จักแฟน เอ๊ย เพื่อนบ้านของแทงค์ก่อนดีกว่า เนอะธีร์” ด้วยความที่กลัวว่าผมกับท่านเจ้าที่จะตีกันล่ะมั้ง ไวท์เลยยกมือข้างหนึ่งขึ้นเรียกความสนใจของเรา ก่อนจะว่าเสียงอ่อนด้วยรอยยิ้มแหยๆ

“อ่า อื้อๆ ไอ้แทงค์ แนะนำพวกกูให้พี่เขารู้จักด้วยดิ” ไอ้ธีร์พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วแนะนำเพื่อนๆ ทั้งสองให้ท่านเจ้าที่รู้จักก่อน “นี่ไวท์ คนที่ผมขอให้มาช่วยทำศาลพระภูมิ ส่วนนี่ไอ้ธีร์ สองคนนี้ทำงานพาร์ทไทม์ที่ดีซีซุปเปอร์ฯ เหมือนผม”

“หวัดดีเด็กๆ” ท่านเจ้าที่พยักหน้าพลางยกยิ้มบางๆ ให้ทั้งสองคน ทำมายิ้มใจดี จริงๆ ใจร้ายมากต่างหาก เหอะ!

“ส่วนนี้เพื่อนบ้านเรา ชื่อ...” ผมเงียบ ด้วยไม่รู้ชื่อของท่านเทวดาโรคจิต เฮอะ! เคยถามก็ไม่ตอบ แถมยังบอกว่าตัวเองหยิ่งด้วย เรื่องนี้ยังจำได้ไม่ลืมเว้ย! “ถามชื่อเขาเองแล้วกัน”

“เอ๊า อะไรของมึงวะไอ้แทงค์” ไอ้ธีร์ทำหน้างงใส่ ขณะที่ท่านเจ้าที่หัวเราะในลำคอ มองผมแล้วเอ่ยปากบอกชื่อเอง

“ฉันชื่อภูตลา”

ภูตลา?

“มีชื่อกับเขาด้วยเหรอ?” ผมอดไม่ได้ต้องกวนประสาท เลยโดนท่านเจ้าที่ผลักหัวมาทีนึง...มันเจ็บนะ! ผลักไม่เบามือเลยแม่ง เทวดาอะไรวะทำร้ายร่างกายมนุษย์ นี่มันผิดหลักปฏิบัติของการเป็นเทวดาไม่ใช่หรือไง!?

“ยินดีที่ได้เจอกันนะครับพี่ภู” ไวท์ว่าพลางยกยิ้มจนตาหยีให้

“แล้วนั่นอะไรอ่ะครับ?” ไอ้ธีร์ชี้ไปที่ของในมือท่านเจ้าที่ ผมเลยมองตาม เพิ่งมาสังเกตเห็นเอาตอนนี้นี่แหล่ะว่าท่านเขาถือถุงอะไรก็ไม่รู้มาเต็มไม้เต็มมือเลย

“นี่นะเหรอ? ของทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าน่ะ”

“หือ? พี่จะทำเหรอครับ?” ไอ้ธีร์ยังถามอีก สงสัยห่าไรนักหนาวะ ว่าแต่...สปาเก็ตตี้คาโบนาร่างั้นเหรอ?

“เปล่า เด็กนี่ต่างหาก แล้วฉันก็ซื้อวัตถุดิบมาเยอะด้วย เพราะงั้นเย็นนี้ก็กินข้าวเย็นด้วยกันที่นี่แหล่ะ ตามนี้นะ” พูดจบท่านเจ้าที่ก็เดินเข้าบ้านไปเลย ทิ้งให้ผมอ้าปากค้างมองตามหลัง

อะ ไอ้ท่านเจ้าที่! ทำอะไรไม่ปรึกษากูเลยนะ!

“พี่ภูของมึงนี่ดูอินดี้ๆ เนอะ แถมยังเดินเข้าบ้านมึงเหมือนเป็นบ้านตัวเองอีกต่างหาก แล้วยังบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันอีกเนี่ยนะ?”

“มึงจะไม่จบประเด็นนี้ใช่ป่ะไอ้ธีร์ ต้องให้กูพูดซ้ำอีกกี่ครั้งวะไอ้เวร!”

“อ้าว ก็กูสงสัยอ่ะ อยากเสือกเนอะไวท์เนอะ ไวท์ก็อยากรู้ใช่ป่ะล่ะ” ไอ้เพื่อนเวรรีบหาพวกใหญ่ ส่วนไวท์ก็แค่หัวเราะโดยไม่ตอบอะไร ไวท์เป็นคนดีกว่ามึงเยอะไอ้ธีร์ เขาไม่อยากเสือกเรื่องชาวบ้านเหมือนมึงหรอกไอ้สันขวาน

“เฮ้อ งั้นเอาเป็นว่าถ้ากูกับเขาเป็นอะไรกันจริงๆ กูจะรีบบอกมึงเลย โอเคมะ? แต่ตอนนี้กูกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน จบนะ” ผมว่าตัดบท แต่ไอ้คนฟังน่ะตาโตทันที

“มึงสัญญาแล้วนะ ห้ามเบี้ยวนะเว้ย”

“เออ!” ผมพูดกระแทกใส่หน้ามัน ก่อนจะพากลับเข้าเรื่องเดิม “มาคุยกันต่อเหอะไวท์ เดี๋ยวจะเสียเวลาไปเปล่าๆ”

“แล้วไม่ต้องรอพี่ภูก่อนเหรอ? เมื่อกี้เขาบอกว่าถ้าคุยเรื่องสร้างศาลให้รอคุยกับเขานี่” ไวท์ถาม ผมเลยหันไปมองทางหน้าศาลาแล้วพยักพเยิดหน้าไปทางนั้น

“มานั่นแล้วไง”

ขวับ!!

“เฮ้ย! พี่มาตอนไหนอ่ะ!?” ไอ้ธีร์ทำหน้าหมางงใส่ ท่านเจ้าที่ยักไหล่ให้โดยไม่ตอบอะไร...คงหายตัววุบวับมานั่นล่ะ แค่ไอ้พวกนี้ไม่ทันสังเกตเห็น ส่วนผมน่ะชินแล้ว ขนาดแค่ขอให้มานอนเป็นเพื่อนบนเตียง อีกฝ่ายยังไม่เดินมาเลย แต่หายแวบมานอนข้างๆ แทน จำได้ไหมล่ะ

“โอเค งั้นมาพูดถึงรูปแบบศาลกัน” แม้จะยังงงๆ แต่ไวท์ก็ไม่ถามอะไรแล้วดึงกลับเข้าประเด็นหลักต่อ

“ให้เขาอธิบายนะ” ผมว่าพลางชี้ไปที่ท่านเจ้าที่หน้าหล่อข้างๆ นั่นทำให้เพื่อนทั้งสองคนทำหน้าสงสัยอีกแล้ว เดาว่าคงสงสัยว่าผมจะสร้างแต่ทำไมให้ไปถามอีกคนล่ะมั้ง ผมเลยแถไป “ก็พอดีคนที่ฝันจริงๆ แล้วคือเขา ไม่ใช่เราหรอก ท่านเจ้าที่บ้านเราไปเข้าฝันเขาน่ะ แปลกเนอะ ทำไมไม่มาเข้าฝันเราก็ไม่รู้”

“อ้าวเหรอ เออ แปลกจริงๆ ด้วย แต่ช่างเถอะ งั้นว่ามาเลยครับ พี่อยากได้แบบไหน”

“ฉันอยากให้...”

เกือบสองชั่วโมงกับการอธิบายรายละเอียดของศาลพระภูมิที่อยากจะสร้าง ผมนั่งฟัง เสริมไปด้วยว่าอยากให้เป็นแบบไหน อย่างน้อยมันก็ศาลบ้านผมนะ ผมก็ต้องมีข้อเสนอแนะบ้างสิ...พอได้แบบจำลองแล้วผมก็ไม่ลืมที่จะเสริมอีกอย่างลงไปด้วย

“อ้อ อย่าลืมสระว่ายน้ำด้วยนะ”

“เออใช่ ฉันก็ลืมไปเลย เป็นคนขอเอง เอ้ย! เป็นคนฝันเองแท้ๆ” เออว่ะ ดีหน่อยที่ท่านเจ้าที่เขาต่อบทผมได้ แต่พูดแบบนี้ไม่ถือว่าโกหกเหรอวะ? เขาเป็นเทวดานี่จะผิดศีลไหมอ่ะ ข้อหาพูดปดงี้

ช่างมันเถอะ เรื่องบาปของคนอื่นไม่เกี่ยวกับผม

ผมสลัดเรื่องไร้สาระออกจากหัวแล้วเอ่ยย้ำกับไวท์ “ขอสระว่ายน้ำตรงนี้” ว่าพลางชี้นิ้วไปที่ฝั่งขวาของแปลนศาลจำลอง ไอ้ธีร์ถึงกับเบิกตาโตมองผม

“เฮ้ย! พระภูมิเจ้าที่เขาขอสระว่ายน้ำด้วยเหรอวะ?”

“เออไง เอาไว้จัดปาร์ตี้ริมสระล่ะมั้ง”

“ฮ่าๆ เจ้าที่บ้านแทงค์ไฮโซสุดๆ ไปเลย” ไวท์หัวเราะ ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีกแล้ว บางทีผมก็คิดนะว่าไวท์นี่มองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า ถ้าเป็นคนอื่นคงสงสัยไม่เลิกอ่ะ

“เอ็ง...นายลืมอะไรไปอีกอย่างนะแทงค์” ผมหันมาสบตาท่านเจ้าที่อย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองลืมอะไร? แปลนสร้างศาลก็ถูกต้องตามที่เขาต้องการแล้วนี่ ไหนจะสระว่ายน้ำอีก แล้วผมจะลืมอะไรได้อีกวะ? “สีกับลาย”

“อ๋อ” คีย์เวิร์ดสองคำของท่านเจ้าที่ทำให้ผมเก็ตละ “ตรงส่วนที่เป็นต้นเสาของศาลน่ะ เราขอให้ทาเป็นสีชมพูพาสเทลนะ แล้วก็...เพนต์ลายยูนิคอร์นสีรุ้งด้วย”

“หา!?!” ทั้งไวท์และไอ้ธีร์ถึงกับร้องเสียงหลง มองหน้าผมเหมือนกำลังมองหน้าผียังไงยังงั้น...กูก็ไม่อยากจะพูดนักหรอกเรื่องศาลสีชมพูเพนต์ลายยูนิคอร์นเนี่ย! แม่งดูมุ้งมิ้งเกิ๊น ถ้ากูเป็นฝ่ายได้ยินแบบนี้กูก็ตกใจอ่ะบอกเลย

“เอาจริงดิ?!” ไอ้ธีร์ถามย้ำ ไม่อยากจะเชื่อล่ะสิ เออ กูเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน

“ตามนั้นแหล่ะ เอาจริงไม่ล้อเล่น” ผมตอบ ก่อนจะผุดลุกขึ้น “ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เดี๋ยวเราไปทำสปาเก็ตตี้ให้คุณภูตลาเขาก่อนนะ” ผมเน้นเสียงพลางกดตามองท่านเจ้าที่ อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมายักคิ้วให้ผม ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้สุดๆ ชิ! กวนประสาทสิ้นดี

ผมแยกตัวเองออกมาโดยทิ้งท้ายไว้แค่ว่าถ้าเสร็จแล้วจะมาเรียก หากเบื่อก็ให้พวกมันเข้าไปนั่งเล่นในห้องนั่งเล่น เปิดทีวีดูหรือเล่นเกมไปแล้วกัน พอดีผมมีเครื่องเพลย์สี่อยู่น่ะ ได้มาเป็นของขวัญวันเกิดจากลุงกับป้า

ตอนที่เห็นครั้งแรกผมก็เกรงใจอยู่หรอกนะ คือมันก็ไม่ใช่ถูกๆ อ่ะ ถึงบ้านผมจะไม่ได้ยากจนอะไร มรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ก็มากพอให้ผมเรียนจนจบ ชนิดมีงานมีการทำก็ยังเหลือเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน ถ้าใช้แบบไม่ฟุ่มเฟือยอ่ะนะ...ลุงกับป้าเองก็มีสวนผลไม้ เงินทองก็มีมากอยู่ แต่การซื้อเครื่องเกมแพงๆ ให้ผมเนี่ย มันอดจะเกรงใจไม่ได้จริงๆ ครับ

ตอนนั้นจำได้ว่าปฏิเสธไม่รับด้วยล่ะ แต่ป้าก็ว่าเขาซื้อให้ลูกชายของเขาแล้ว ถึงเอาเครื่องนี้กลับไปก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี สุดท้ายผมเลยต้องรับไว้ ส่วนพวกแผ่นเกมผมก็เก็บตังค์ซื้อเอาเอง

ผมใช้เวลาทำอาหารอยู่เกือบชั่วโมง หูแว่วๆ ได้ยินเสียงพูดคุยกับเสียงโทรทัศน์หรือเกมนี่ล่ะดังมาจากห้องนั่งเล่น เลยพอเดาได้ว่าพวกนั้นคงย้ายเข้ามาในบ้านแล้ว นี่มันก็หกโมงกว่าแล้วด้วยสิ ข้างนอกยุงเยอะ ทนนั่งได้ก็ไม่ใช่คนอ่ะ

ทำมื้อเย็นเสร็จผมก็จัดการเอาของที่ต้องล้างไปแช่น้ำในซิงค์ ล้างมือจนสะอาดก็เดินออกไปเพื่อตามคนที่เหลือมากินข้าวเย็น...ห้องนั่งเล่นเล็กๆ ของบ้านตอนนี้มีท่านเจ้าที่กำลังนั่งกดจอยส์เกมอยู่ โดยข้างกันคือไอ้ธีร์ที่กำลังกระหน่ำกดจอยส์ของมันไม่ต่างกัน

ผมกอดอกพิงขอบประตูยืนมองโดยไม่เอ่ยอะไร ตั้งใจจะรอให้สองคนนี้เล่นให้จบก่อนน่ะ ไม่อยากขัดจังหวะ เดี๋ยวอารมณ์ค้างกัน ระหว่างนี้ผมก็มองท่านเจ้าที่ไปด้วย...ไม่คิดว่าจะเล่นเกมเป็นแฮะ ไงดีอ่ะ คือเขาบอกเองว่าไม่เคยดูทีวี ศาลพระภูมิก็ไม่ได้ติด wifi วันๆ ก็เอาแต่ทำงาน ว่างก็อ่านแต่หนังสือ เออ แล้วไปเล่นเกมเป็นเอาตอนไหนวะ?

จนจบเกมแล้วนั่นล่ะ ผมเลยเอ่ยขึ้นแทรกการเฮโลด้วความดีใจของไอ้ธีร์ที่สามารถเอาชนะท่านเจ้าที่ได้

“อาหารเสร็จแล้ว”

“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะแทงค์” ไวท์หันมาถาม เจ้าตัวนั่งกดโทรศัพท์อยู่นานแล้วนับตั้งแต่ที่ผมเข้ามานั่นล่ะ ไม่รู้คุยกับใคร แต่มองจากสีหน้านี่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างเครียดๆ นะ

“ไม่นานหรอก ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า ดูเครียดๆ”

“อ๋อ คือ...พอดีว่ามี เอ่อ มีเพื่อนมาค้างที่หอกับเราน่ะ แต่เราปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว ก็เลยเป็นห่วงนิดหน่อย”

“อ้าว ถ้างั้นจะกลับเลยไหมล่ะ เดี๋ยวเราเอาสปาเก็ตตี้ใส่กล่องให้ไวท์เอากลับไปกินกับเพื่อนก็ได้นะ”

“แฮะๆ ไม่รบกวนใช่มั้ยอ่า” ไวท์ทำหน้าไม่แน่ใจปนๆ ไปกับเกรงใจ ผมก็เลยโบกมือให้เขาพลางว่า

“ไม่เลย งั้นเอากลับเนอะ เดี๋ยวเราไปใส่กล่องให้”

“อื้อ! ขอบใจมากนะแทงค์”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันไปถามไอ้ธีร์ “แล้วมึงอ่ะ กินนี่หรือเอากลับเหมือนกัน?”

“ก็ต้องเอากลับดิ กูต้องไปส่งไวท์ด้วย ไม่งั้นไวท์จะกลับยังไง”

“เออว่ะ งั้นเดี๋ยวกูเอาใส่กล่องให้มึงด้วยแล้วกัน”

“ขอโทษด้วยนะธีร์ที่ทำให้ต้องรีบกลับ”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร เราไม่ได้ลำบากอะไร”

ทั้งสองคนหันไปคุยกันเอง ผมก็เลยตั้งท่าจะหันหลังกลับไปที่ครัว แต่ท่านเจ้าที่ก็เอ่ยถามขึ้นเสียก่อน และเป็นคำถามที่ทำให้ผมต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่อย่างลืมตัว

“แล้วฉันล่ะ ให้กินที่นี่หรือให้เอากลับบ้าน?”

“ถ้าไล่แล้วจะกลับไหมล่ะ ฮึ่ย!!”


__________

หักมุมไหมคะ 5555 ทุกคนดูหวีดกับการเรียกที่รักของท่านเจ้าที่ แอบกระซิบว่านางเลียนแบบมาจากละครในทีวีค่ะ ก๊ากกก แล้วก็...ตอนนี้รู้ชื่อท่านเจ้าที่กันแล้วเนอะ จะสิบตอนละเพิ่งบอกชื่อ 555 ภูตลาแปลว่าแผ่นดินค่ะ เพราะเนอะ เนี่ยๆ เดี๋ยวรอน้องแทงค์เรียกพี่ภูๆ กันนะ ฮ่าาา อ้อ แอบขำ รอบนี้ท่านเจ้าที่ใส่เสื้อมานะคะ 55555

อ้อ สำหรับคำผิด แน่นอนว่ามันต้องมีค่ะ 55 ไว้มีเวลาจะมาแก้นะคะ ตอนนี้กำลังปั่นต้นฉบับเรื่องนี้อยู่ อย่าลืมคอมเมนต์ให้เราบ้างน้าา แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 08-07-2017 00:34:07
ท่านเจ้าที่ก็กวนได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-07-2017 00:38:24
 :z1:
 :กอด1: :3123: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 08-07-2017 00:49:03
ท่านภู มีความคูลๆชิคๆ ศาลสีชมพูเพ้นท์ยูนิคอร์น นึกภาพตามแล้วมันฮาจริงๆค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-07-2017 01:23:53
 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 08-07-2017 06:32:15
ท่านเจ้าที่เป็นหัวหน้าค่ายสินะ นั่นเสื้อแจกใช่ม่ะ รับสมัครเจ้าที่รุ่นเยาว์
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-07-2017 11:31:14
ชอบเสื้อเฮียจริงๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-07-2017 12:53:24
สงสัยพี่ภูเขาไปออกงานอีเว้นมาก  :m20:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Amploveakame ที่ 09-07-2017 13:53:11
5555 ได้รู้ชื่อซักทีจากอ่านมา 9 ตอนเมือไรจะรักกันอยากเห็นความหวานของทั้ง2
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 09-07-2017 15:34:28
อยู่บ้านเขา ให้เขาทำอาหารให้ ทำบ้านให้ใหม่ด้วย
เป็นการราวีที่น่าสยดสยองมากค่ะท่าน ><
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 9 [07-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 09-07-2017 16:09:03
ท่านภูตลาเจ้าขาาาาาาาาา~
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 09-07-2017 20:55:56
ตอนที่ 10

"ข้าเก่ง"

 

พวกเพื่อนกลับไปแล้ว แต่ท่านเจ้าที่ยังไม่กลับ อีกฝ่ายกำลังม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ด้วยท่วงท่าเท่บาดใจจนผมอดคิดไม่ได้ว่าแบบ...แค่ม้วนเส้นจำเป็นต้องเท่ขนาดนี้เลยเหรอ?

เขายังอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายเดิม น่าแปลกที่ไม่มีใครทักเรื่องนี้ทั้งๆ ที่คำบนเสื้อมันดูประหลาดขั้นสุด หรือเพราะเพื่อนผมทั้งสองคนมันไม่ทันได้สังเกต? แต่คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมเลยเลิกคิดแล้วก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ เชื่อเถอะว่าการได้อยู่ในความเงียบกับท่านเจ้าที่น่ะเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วครับ เพราะถ้าเมื่อใดที่เปิดปากพูด ไม่ผมก็เขานี่แหล่ะที่ปากหมาใส่กันก่อนตลอด คุยดีๆ ได้กี่ครั้งลองนับดูเถอะ ส่วนใหญ่ที่มันจะดีๆ หน่อยก็ตอนที่ผมขี้เกียจสู้ด้วยวาจากับเขา กับตอนที่เขาใจดีประหนึ่งโดนผีเข้ามานั่นล่ะครับ

แกร๊ง...เสียงวางช้อนส้อมกระทบกับจานทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วถึงกับต้องทำตาโตเมื่อพบว่าสปาเก็ตตี้พูนชามเมื่อครู่หมดเกลี้ยงไปแล้วภายในเวลาอันรวดเร็ว

“กินหรือสูบอ่ะท่านเจ้าที่” ผมหลุดปากถามออกไป ท่านเจ้าที่เลยถลึงตาใส่ผม

“ข้าเป็นเทวดา ไม่ใช่ส้วม!”

“พรืดดด ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหลุดหัวเราะลั่น เฮ้ย! เข้าใจเปรียบว่ะ ผมไม่ได้นึกถึงขั้นนั้นเลยนะ แต่ท่านเจ้าที่เล่นพูดเองซะงั้น ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยยย นอกจากปากเสียชอบกวนประสาทแถมด้วยโรคจิตแล้วยังตลกอีกอ่ะ ครบเครื่องว่ะพระภูมิเจ้าที่องค์นี้ ก๊ากกก!

“ขำอะไรมากมายนัก มันตลกขนาดนั้นเลยเรอะ?”

“ก็เอออ่ะดิ นี่ไม่รู้ตัวหรือไงว่าพูดอะไรออกมา ฮ่าๆๆ” ผมหยุดหัวเราะไม่ได้อ่ะ และดูเหมือนท่านเจ้าที่จะเริ่มรำคาญแล้วด้วย เพราะอีกฝ่ายส่งสายตาปรามๆ มาให้ผม ผมก็เลยต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการหยุดหัวเราะ

ผมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากทั้งๆ ที่ยังอมยิ้มไม่เลิก ส่วนท่านเจ้าที่ก็กระดกแก้วน้ำขึ้นดื่ม กวาดสายตามองไปทางอื่นโดยไม่พูดอะไรอีก จนผมเคี้ยวหมดคำนั่นล่ะถึงได้เอ่ยถามสิ่งที่คาใจตั้งแต่ก่อนหน้านี้ออกไปว่า...

“นี่ ท่านเจ้าที่ ท่านชื่อภูตลาจริงเหรอ?”

“อืม ทำไม? ไม่เชื่อรึไง” ท่านเจ้าที่ย้อนถามผม

“ก็แค่สงสัย” ผมยักไหล่ให้ ม้วนเส้นต่อ ปากก็พูดไปพร้อมกัน “แล้วนี่ท่านไปเรียนรู้วิธีเล่นเกมมาจากไหนอ่ะ เล่นเพลย์สี่เป็นด้วย”

“ก็ตอนที่เอ็งไม่อยู่บ้านนั่นล่ะ ข้าก็เลยเปิดโทรทัศน์ดูบ้าง เปิดคอมพิวเตอร์เอ็งบ้าง แล้วก็ไปอ่านเจอวิธีเล่นเกมมา เลยลองเอาเครื่องของเอ็งมาเล่น”

“นี่แอบเล่นของผมทุกอย่างเลยเหรอวะ?” ผมเบิกตาโตใส่

โอ้โห นี่แอบเล่นแอบใช้ของในบ้านกูไปกี่อย่างวะเนี่ย ค่าน้ำค่าไฟกูจะขึ้นเปล่าวะ เฮ้ย! ไม่ได้ๆ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะมันเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่สนใจไม่ได้ ถึงคนที่ใช้จะเป็นเทวดาอารักษ์ประจำบ้านอะไรก็เหอะ

“นิดๆ หน่อยๆ เอง เอ็งอย่ามางกน่า”

“ไม่ได้งก! เขาเรียกประหยัด ถ้าค่าน้ำค่าไฟเดือนนี้ออกมาแล้วเพิ่มกว่าปกติ ท่านต้องจ่ายส่วนต่างมาให้ผมด้วย!”

“คิดรายจ่ายกับเจ้าที่บ้านตัวเองเนี่ยนะ!? เอ็งนี่มันเหลือเกินจริงๆ” ท่านเจ้าที่ชี้หน้าว่าผม จะว่าไปยังมีอีกเรื่องที่ผมต้องบอกกับเขานี่หว่า

“แล้วก็เรื่องค่าทำศาลพระภูมิอ่ะ ผมบวกรวมค่าจ้างไวท์ไปด้วยนะ เพราะถึงจะบอกว่าขอให้เขามาช่วย แต่ยังไงก็น่าจะมีสินน้ำใจให้เขาบ้าง ถึงจะไม่มากเท่าจ้างช่างมืออาชีพก็เถอะ”

“ข้ารู้แล้ว ไว้รวมรายจ่ายทั้งหมดมาแล้วกัน ข้าจะได้เอาไปเบิกกับหน่วยงานของข้า”

“โอเค” ผมตอบรับเท่านั้นก่อนจะลงมือทานอาหารต่ออย่างตั้งใจอีกครั้ง รีบกินจะได้รีบไปอาบน้ำทำการบ้านนอน อยากพักผ่อนแล้วครับ ชีวิตผมก็วนเวียนอยู่แค่นี้ กิน นอน ไปเรียน ทำงานพิเศษ

“กินยังไงให้เลอะ” จู่ๆ ท่านเจ้าที่ก็บ่นออกมา ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือเข้ามาหา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วชี้ปาดคราบซอสคาโบนาร่าที่เปื้อนริมฝีปากของผมออกให้

ที่ทำให้ผมตกใจที่สุดจนถือส้อมค้าง ก็คือการที่ท่านเจ้าที่เลียนิ้วตัวเองที่เปื้อนซอสนี่แหล่ะ เฮ้ย! นั่นมันปาดออกไปจากปากของผมนะเว้ย! “ทำบ้าอะไรเนี่ยท่านเจ้าที่!!”

“อะไรของเอ็ง ก็มันเปื้อนข้าเลยเช็ดให้ แล้วมาด่าข้าบ้าเนี่ยนะ? เอ็งนั่นล่ะ เป็นบ้าอะไร” ท่านเจ้าที่ทำหน้าไม่เข้าใจ ให้ผมปล่อยส้อมในมือแล้วเปลี่ยนไปขยุ้มหัวตัวเองแทน โอ๊ยยย ทำไมบทจะรู้ไปซะทุกเรื่องก็รู้วะ แต่บทจะไม่รู้อะไรเลยเนี่ยแม่งก็ไม่รู้จริงๆ จะด่าซื้อบื่อก็ด่าได้ไม่เต็มปากไอ้ฉิบหายยย

“ท่านทำแบบนี้ไม่ได้ นั่นมันมาจากปากของผม ท่านเอาไปกินต่อทำไมเล่า! เช็ดสิเช็ด! กระดาษทิชชู่ก็มี!” ผมว่าพลางดึงทิชชู่ในห่อที่วางอยู่บนโต๊ะมายื่นให้อีกฝ่ายยิกๆ ท่านเจ้าที่ส่ายหน้าระอาแต่ก็รับทิชชู่ไปเช็ดมือตัวเอง ทั้งๆ ที่ความจริงมันก็ไม่มีอะไรให้เช็ดอีกแล้ว

“เรื่องแค่นี้เองทำเป็นโวยวายไปได้” แถมยังมีหน้ามาบ่นกันอีกต่างหาก

จะไม่ให้โวยวายได้ยังไงกันเล่า! ก็ที่เขาทำน่ะมันน่าอายจะตายไป ผมนี่แหล่ะที่รู้สึกว่ามันน่าอาย สารภาพจากใจเลยว่ากูเขินว้อย! ทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างจากจูบทางอ้อมอ่ะ เหมือนในหนังในละครหรือในนิยายเลยอ่ะ ฮื่อ! กูไม่โอเค มัน...มันจั๊กกระเดี๋ยม(?)เว้ย!

ผมยกมือกุมหน้าตัวเอง รับรู้ได้ว่าตอนนี้ผิวหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียเฉยๆ เข้าแล้ว

“ไม่แดกแล้วแม่ง!” เผลอตัวพูดคำหยาบจบผมก็ลุกขึ้นยืน เหลือบมองท่านเจ้าที่ก่อนจะก้าวดุ่มๆ ออกจากห้องครัวมาเลย ไม่เก็บล้างอะไรทั้งนั้นด้วย ทิ้งไว้งั้นแหล่ะ!

ทำไม ทำไม! ทำไม!! ทำไมกูต้องเขินด้วย!

ไม่ไหวๆ ผมว่าผมไปอาบน้ำดีกว่า เผื่อความเย็นของน้ำจะทำให้หน้าผมหายร้อนบ้าง แง่ง! กูต้องเป็นโรคประสาทแน่ๆ ที่ไปเขินไอ้ท่านเจ้าที่เนี่ย!

__________

ดึกแล้วแต่ผมก็ยังนอนไม่หลับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ที่นี่มันก็ถึงเวลานอนของผมแล้วนะครับ ปกติผมเป็นคนนอนตรงเวลามาก ยกเว้นคืนไหนทำงานหรือต้องเคลียร์การบ้านผมถึงจะนอนเลยจากเวลาปกติ ซึ่งวันนี้ผมไม่ต้องทำอะไรแล้วไง ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว งานพิเศษก็ไม่ได้ทำ แล้วทำไมยังไม่นอนอีกเนี่ย

อ่อ รู้ละว่าทำไม

ก็เพราะภาพเมื่อตอนหัวค่ำมันยังติดตาผมอยู่น่ะสิ!

...ภาพที่ท่านเจ้าที่เช็ดคราบซอสสปาเก็ตตี้ออกจากปากผมแล้วเอาไปกินต่อนั่นไง อ๊ากกก!!!

เลิกคิด! เลิกนึกถึง! เลิกๆๆ นอนเว้ยไอ้แทงค์!

ผมสะกดจิตตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปปิดสวิตซ์โคมไฟจนทั้งห้องมืดสนิท หลับตาลงหวังข่มตาให้หลับให้ได้ เพราะพรุ่งนี้มีเรียนตอนเช้า ผมต้องตื่นแต่เช้าไปเผชิญรถติดอีกนะครับ ไม่รีบนอนเดี๋ยวก็ไม่ตื่นกันพอดี

จังหวะที่กำลังเคลิ้มๆ จะหลับมิหลับแหล่ จู่ๆ สายลมเย็นก็พัดวูบเข้ามาในห้องผ่านทางหน้าต่าง แถมไม่ได้มาแค่ลมแต่ยังมีกลิ่นมาอีกด้วย กลิ่นที่เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด...ผมสะดุ้งโหยง เบิกตาโตหายง่วงทันที ขดตัวแล้วเอื้อมมือไปควานเปะปะหวังเปิดไฟให้แสงสว่าง ใจงี้สั่นไปหมด ไอ้เชี่ย! ทำไมผีบ้าผีบออะไรนั่นยังอยู่อีกวะ! ไหนท่านเจ้าที่ว่าไล่ไปแล้วไง!

ผมควานมือไปเรื่อยทั้งๆ ที่สายตายังมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่น่าเลยกู ไม่น่าลืมปิดหน้าต่างเลยห่าเอ๊ย! ก็แล้วใครมันจะไปคิดว่าจะเจออีกล่ะวะ แม่ง!

แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง แหกปากร้องลั่นตามสัญชาตญาณเบื้องลึกของความกลัว แหกปากชนิดเอาให้ผีที่จับมือผมอยู่เนี่ยตกใจตายไปอีกรอบเลย ไอ้สลัดดด มึงมาจับมือกูทำไมไอ้ผีบ้า! ปล่อยนะ!

“ว้ากกกกกกกก!!!!”

“เฮ้ย! เอ็งจะแหกปากทำไมเนี่ย มันหนวกหู!”

กึก

ผมหยุดนิ่งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเข้มดังขึ้นมาจากทางฝั่งที่ผมพยายามควานมือหาสวิตซ์ไฟ “ท่านเจ้าที่!”

“เออ ข้าเอง” ท่านเจ้าที่ตอบรับ ก่อนจะเปิดโคมไฟมอบแสงสว่างให้กับห้องนอนของผม...ผมมองหน้าเทวดาตัวโตด้วยความโล่งใจ แต่ก็โล่งได้ไม่นานหรอกเพราะลมเย็นโชยผ่านกับกลิ่นเหม็นเน่ายังอยู่

“ท่านเจ้าที่! ไหนท่านบอกว่าไล่ผีผู้หญิงนั่นไปแล้วไง!?”

“ก็ไล่ไปแล้วน่ะสิ ที่มานี่ตัวใหม่”

“หา?!” ผมร้องเสียงหลง เบิกตาโตแล้วถามย้ำ “ตัวใหม่? ท่านกำลังจะบอกว่ามีผีบ้าผีบออะไรไม่รู้โผล่มาหาผมอีกแล้วเรอะ!?”

เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะหายวับไปที่ริมหน้าต่างแล้วตะโกนไล่เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด “ไปซะ!!! อย่าโผล่มาอีก!”

นาทีต่อมาลมเย็นกับกลิ่นเน่าก็หายวับไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน ผมสูดหายใจเข้าลึก ลองดมฟุดฟิดไปด้วยว่ายังเหลือกลิ่นเหม็นเน่านั่นอีกไหม พอไม่ได้กลิ่นอะไรอีกก็ให้โล่งใจสุดๆ ได้ซะที

ถอนหายใจเฮือก เงยหน้ามองท่านเจ้าที่ที่หายตัววับกลับมายืนอยู่ข้างเตียงนอนของผมเหมือนเดิม เห็นดังนั้นผมก็เลยทำตาหมาหงอยใส่แล้วเอ่ยโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดมากมายให้เสียเวลา “มานอนเป็นเพื่อนผมหน่อยสิครับ แฮะๆ”

“เฮ้อออ เอ็งนี่นะ เออๆ นอนได้แล้ว ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเอ็งจนถึงเช้าแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มหวานให้ท่านเจ้าที่ อีกฝ่ายส่ายหน้าให้ตามด้วยหายฟุ่บมาล้มตัวลงนอนข้างๆ ผม คราวนี้เขานอนราบไปกับฟูกนอนหนานุ่มแทนที่จะนั่งพิงหัวเตียงเหมือนเมื่อวาน ชันแขนข้างหนึ่งขึ้นหนุนหัวตัวเองต่างหมอน ตะแคงตัวหันมาทางผมที่นอนราบแต่เอียงหน้าไปหาเขา นั่นทำให้เราได้สบตากัน

“ท่านไล่วิญญาณพวกนั้นไปแล้วนี่ แต่ทำไมถึงยังมีมาอีกล่ะครับ?” เอาล่ะ พูดดีๆ กับเขาหน่อย เดี๋ยวเขาทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวแล้วจะยุ่ง

“ไม่รู้สิ ข้าเองก็แปลกใจเหมือนกัน เอาไว้คงต้องแจ้งนายตำรวจแห่งสวรรค์ให้สืบหาข้อเท็จจริง” ท่านเจ้าที่ตอบเหมือนไม่คิดอะไรมาก แม้สีหน้าจะดูคาใจไม่น้อยอยู่เหมือนกันก็ตาม แต่ผมนี่ดิชะงักไปตั้งได้ยินคำว่า...

“นายตำรวจสวรรค์?”

“อืม เป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลความเรียบร้อยและจับกุมพวกนอกกฎเกณฑ์ของสวรรค์น่ะ”

“โอ...เค...” ผมตอบแค่นั้นแล้วไม่ถามอะไรอีก ไม่ควรมีข้อสงสัยอะไรทั้งนั้น ผมควรชินได้แล้วอ่ะ จริงๆ นะ

“นอนได้แล้ว” เทวดาหน้าหล่อยื่นมือออกมาลูบหัวของผมราวกับจะปลอบประโลมใจกัน แปลกที่คราวนี้เขาไม่ยักล้อเรื่องที่ผมกลัวผีแฮะ แถมสัมผัสที่มืออุ่นแตะลงมาบนศีรษะก็ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด มันชวนให้ผมอบอุ่นหัวใจ ชวนให้ผมนึกถึงพ่อกับแม่...ท่านทั้งสองก็ชอบลูบหัวผมเวลาที่ผมไปอ้อนนอนหนุนตัก

คิดถึงพวกท่านจัง

“นอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าปลุกแต่เช้า มีเรียนตอนเช้านี่ใช่ไหม”

“ท่านรู้ได้ไงว่าผมเรียนกี่โมง?” ผมถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“ข้าเก่ง” ว่าไม่พอยังยักคิ้วให้อีกต่างหาก โว๊ะ!! คน...ไม่ดิ เทวดาอะไรวะชมตัวเอง น่าหมั่นไส้ชะมัด

ผมแอบเบ้ปากเล็กน้อย สุดท้ายด้วยความไม่อยากเถียงด้วยเลยหลับตาลงตั้งใจจะนอนจริงๆ สักที หากแต่ปากก็ยังเอ่ยขึ้นเบาๆ ทิ้งท้ายก่อนจะหลับไปว่า “ฝันดีนะท่านเจ้าที่”

“ฝันดี”


__________

แม้ปากจะบอกว่ามาตามรังควานเขา แต่เอาเข้าจริงนี่เหมือนมาดูแลเด็กอ่ะ ถึงแทงค์จะไม่ใช่เด็กน้อยอ่อนแอก็ตามทีเถอะ 555 เราไม่รู้ว่ามันฮาไหม แต่ก็อยากให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ กลัวมันจะน่าเบื่อเหมือนกันนะ แต่เราก็ไม่ได้วางเรื่องให้มันมีปมหลักอะไร คือมันเรื่อยเปื่อยจริงๆ ค่ะ อย่างที่เคยบอกก่อนหน้านี้นั่นล่ะ แฮ่ๆ ยังไงก็ฝากติดตามกันไปจนจบด้วยนะคะ รักกก
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 09-07-2017 21:04:43
มีตำรวจสวรรค์ด้วย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-07-2017 22:30:03
อยากมีแบบนี้มั่งอ่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 09-07-2017 23:01:25
ท่านภูตลาน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-07-2017 23:05:37
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 10-07-2017 00:33:29
ทำน้องแทงค์ใจเต้นบ่อยๆแบบนี้ก็เหมือนทำร้ายร่างกายกันนะท่านเจ้าที่
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 10-07-2017 01:19:01
     สนุกมากค่ะไม่น่าเบื่อยิ่งอ่านตัวละครยิ่งน่ารัก รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 10-07-2017 14:39:26
น่ารักทั้งเรื่องเลย งื้อออออ  :z3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Khunnay24 ที่ 10-07-2017 19:17:06
 :-[ o13ชอบมากเลยเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 10-07-2017 19:31:34
งุ้ยยย น่าย้ากกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkkey ที่ 11-07-2017 02:25:03
ท่านเจ้าที่อบอุ่นแท้ ฮือออ ดีต่อใจ :heaven
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-07-2017 06:14:25
ใครกันนะ ที่ดึงดูดใจให้พวกผีสาวๆมาเข้าหา
ท่านเจ้าที่ หรือแทงค์กันนะ
แต่ดูท่าแล้วน่จะเป็นท่านเจ้าที่รูปหล่อ ซะละม้าง

คิดอีกแง่ท่านเจ้าที่ ให้พวกนี้โฉบมาหรือเปล่า
เพราะแทงค์กลัว จะได้ขอให้ท่านเจ้าที่มาเฝ้าตลอด น่าคิดนะ  :hao4: o18 :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-07-2017 09:46:41
 :o8: สรุปจะมารังควานหรือดูแลเนี้ย  :mew3:
ว่าแต่ทำไมถึงมีแต่ผีตามน้องอะคะ ชักจะแปลกๆ นะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 10 [09-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-07-2017 14:34:51
พล็อตเรื่องเท่มากๆเลยค่ะ
ถึงจะยังกังวลว่าจะรักกันได้ยังไง ระหว่างคนกับเจ้าที่
จะรอติดตามต่อๆไปค่ะ!! ^0^
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 11 [13-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 13-07-2017 22:43:48
ตอนที่ 11

“ข้าอยู่รีพับลิกัน”

 

ตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพราะท่านเจ้าที่ปลุก แต่พอจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำกลับไม่เจออีกฝ่าย จะว่าไปท่านเขาก็ดูท่าทางเร่งรีบนะ คงมีธุระล่ะมั้ง

ผมหยิบเสื้อนักศึกษามาใส่ ตามด้วยกางเกง ยัดชายเสื้อเข้าในกางเกง สวมเข็มขัดเรียบร้อยก็ตามด้วยหวีผม...ถึงจะไม่ใช่คนตามแฟชั่นอะไรนัก แต่ผมก็ไม่ยอมหัวกระเซิงหรือแต่งตัวไม่เรียบร้อยไปเรียนแน่ๆ เป็นนักดนตรีก็ต้องดูดีเข้าไว้สิ ตอนนี้ปีสองแล้วด้วย ผมต้องสร้างคอนเนคชั่นเอาไว้สำหรับหน้าที่การงานในอนาคต และการแต่งตัวให้ดูเป็นผู้เป็นคนก็เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีนี่ครับ ใช่ป่ะล่ะ?

ไม่ดิ เอาแค่ฝึกงานก่อนก็ได้ ถ้าได้ฝึกงานในค่ายเพลงดีๆ ก็คงจะเยี่ยมไม่น้อยเลยว่าไหมล่ะครับ

เช็คความเรียบร้อยจนแน่ใจว่าดีพอ ผมก็คว้าเป้กับกระเป๋าสตางค์และกุญแจมอเตอร์ไซค์ก่อนจะออกจากห้อง เหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าตอนนี้เจ็ดโมงแล้ว อืม...ผมมีเรียนตอนแปดครึ่ง ยังพอมีเวลากินข้าวแฮะ

ผมลงมาถึงห้องครัวด้วยตั้งใจจะทอดไข่เจียวง่ายๆ กินเป็นมื้อเช้า แต่แล้วก็ต้องชะงักตาแทบถลนเมื่อพบว่าคนที่หายตัวไปอย่างไวเมื่อเช้าตรู่กำลังยืนพิงสะโพกกับโต๊ะกินข้าวแล้วจัดชายเสื้อที่ข้อมือไปด้วยอยู่...แล้วดูชุดที่ใส่นั่นดิ เฮ้ย!!!

“ทำไมใส่ชุดนี้อ่ะท่านเจ้าที่!?” ผมร้องถามเสียงหลง สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวต้องเดินเข้าไปดึงตัวเทวดาร่างสูงให้ยืนขึ้นตรงๆ ตามด้วยจับอีกฝ่ายหมุนซ้ายหมุนขวามองสำรวจไปทั่วทั้งตัว

จะไม่ให้ตกใจได้ไงเล่า! ก็ตอนนี้ท่านเจ้าที่เขาใส่สูทอยู่อ่ะ!

เวลานี้ท่านเจ้าที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศ เสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยสูทสีดำ เนกไทก็สีดำทั้งเส้น กางเกงสีดำกับเข็มขัดหนังเนื้อดีสีเดียวกัน ไหนจะรองเท้าหนังสีดำอีก พอมาอยู่บนตัวท่านเจ้าที่ที่สูงร้อยแปดสิบกว่าแล้วโคตรดูดีอ่ะเฮ้ย! ยิ่งไปกว่านั้นท่านเจ้าที่ยังแต่งทรงผมให้เข้าทรงด้วยเจล เสยขึ้นไปแล้วปัดไปทางขวานิดนึง คือแบบ...มึงเอ๊ย! หล่อว่ะ ผมว่าเขาหล่อมากเลยให้ตายเหอะ! สารภาพจากก้นบึ้งเลยว่าตอนนี้หัวใจผมเต้นตึกๆ เลยว่ะครับ ไอ้เหี้ย หล่อเกิ๊น เทวดาหรือนายแบบกูให้โอกาสเลือกอาชีพใหม่

“ข้ามีประชุมกับสภารัฐบาลแห่งเทพ”

“หะ?” ผมที่กำลังชื่นชมความดูดีขั้นสุดของท่านเจ้าที่เป็นอันต้องชะงัก มือที่จับแขนของอีกฝ่ายขยับไปขยับมาถึงกับหยุดนิ่ง ผมมองเขาแล้วทวนคำกลับไปด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ “สภารัฐบาลแห่งเทพ?”

“อืม” ท่านเจ้าที่พยักหน้าตอบรับ สีหน้าของเขาเรียบนิ่งไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่นิดเดียว

“สวรรค์มีรัฐบาลด้วยเหรอวะ?” อันนี้ผมถามตัวเอง แต่เหมือนจะลืมเบาเสียง ท่านเจ้าที่เลยได้ยิน

“มีสิ ก็เหมือนสังคมมนุษย์นั่นล่ะ ข้าเองก็เป็นเทวดาสังกัดพรรคๆ หนึ่งของการเมืองแห่งสวรรค์เช่นกัน”

“พรรคการเมืองแห่งสวรรค์...”

โอเค ไอ้ฉิบหาย นี่กูตื่นหรือยังวะเนี่ย ทำไมได้ยินอะไรแนวๆ นี้จากท่านเจ้าที่แล้วไม่เคยชินได้สักทีวะ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกอันแสนธรรมดาของผมครับ!? แล้วเมื่อกี้ท่านเจ้าที่เขาว่าตัวเองมีสังกัดพรรคการเมืองแห่งสวรรค์ป่ะ? มันคืออะไร พรรคการเมืองแบบพวกมนุษย์น่ะเหรอ?

“พวกท่านมีรัฐบาล แล้วก็มีพรรคการเมือง?”

“ใช่” ท่านเจ้าที่ตอบก่อนจะขยับจัดแต่งเนกไทให้ตรงและเนี้ยบ

“ฮ่าๆๆๆ” สุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวหลุดหัวเราะดังลั่น โอเคๆ มีรัฐบาลแล้วทำไมจะไม่มีพรรคการเมืองล่ะ เออ ลองถามดูดีกว่าว่าท่านเจ้าที่เขาสังกัดพรรคชื่อว่าอะไร อาจจะมีชื่อแปลกๆ ก็ได้ใครจะรู้

“แล้ว อุ๊บ...แล้วพรรคของท่านเจ้าที่คือพรรคอะไรล่ะ?” ผมถามไปก็พยายามกลั้นหัวเราะไปด้วย

“ข้าอยู่รีพับลิกัน”

กึก!

ผมนิ่ง...ทบทวนสิ่งที่ได้ยินซ้ำๆ ไม่ต่ำกว่าห้ารอบ

รีพับลิกัน (Republican) นี่มันพรรคการเมืองของอเมริกาถูกมั้ย? ที่มีคู่แข่งคือพรรคเดโมแครต (Democrat) อ่ะ

ปวดหัวว่ะ ไม่น่าถามเลยไอ้แทงค์ มึงพลาดอีกแล้ว...ผมด่าตัวเอง ก่อนสุดท้ายจะเอ่ยไปว่า “เอ่อ ยินดีด้วยที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกานะครับ”

ท่านเจ้าที่มองหน้าผมเหมือนเห็นคนบ้า ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งใส่

“พูดอะไรของเอ็ง ข้าไปประชุมดีกว่า คุยกับเอ็งแล้วเหนื่อย เถียงกับพวกเดโมแครตยังดีกว่าพูดกับเอ็งเสียอีก”

“อ่า...ฮะ ไป ไปเลยท่านเจ้าที่ รีบไปให้ทันฮิลลารี คลินตันเข้าประชุม”

“เอ๊ะ! ยังจะพูดไม่รู้เรื่องอีก เอ็งตื่นเช้าเกินไปเลยยังเมาขี้ตาอยู่รึไงฮึ?” ท่านเจ้าที่บ่นอีกสองสามประโยค ก่อนจะหายวับไปต่อหน้าต่อตาผม ทิ้งให้ผมยืนมึนงงเหมือนหมาเดินชนเสาไฟฟ้าอยู่ที่เดิม...แล้วทำไมผมต้องมาเปรียบเทียบตัวเองกับหมาล่ะเนี่ย

ผมสะบัดศีรษะไล่ความน่าปวดหัวออกไปจากสมอง ตั้งสติแล้วถึงได้ไปทอดไข่กินเป็นมื้อเช้าตามความตั้งใจแรก สิบห้านาทีต่อมาผมก็กินข้าวล้างจานเรียบร้อย ได้เวลาไปเรียนสักที

แต่นะ แต่พอมานึกดูอีกทีก็อดจะขำกับเรื่องเมื่อกี้ไม่ได้ว่ะครับ พรรคการเมืองแห่งสวรรค์ตั้งชื่อพรรคเหมือนพรรคการเมืองของอเมริกา นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้วจริงๆ สักวันนะสักวัน ผมหวังว่าตัวเองจะชินกับอะไรแบบนี้เสียที เหอะๆ

ยี่สิบนาทีต่อมาผมก็มาถึงมหา’ลัย ระหว่างรออาจารย์เข้าสอน ผมก็เลยใช้เวลาที่ว่างอยู่นี้นั่งอ่านโน้ตเพลงไปเรื่อยเปื่อย หลังจากสัปดาห์นี้ผมจะเริ่มกลับไปเล่นดนตรีที่ร้านพี่เฟิ่งแล้วด้วย ต้องฝึกเล่นเพลงใหม่เอาไว้บ้าง อ้อ ผมไม่เคยเล่าสินะว่าจริงๆ แล้วผมทำงานพิเศษเป็นนักดนตรีที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งแถวข้าวสารด้วย ไม่ได้มีแต่ผมหรอกครับ ยังมีเพื่อนร่วมวงอีกสามคน แน่นอนว่าผมน่ะเล่นกลองอยู่แล้ว เครื่องดนตรีตัวโปรดที่ถนัดที่สุดนี่นา

แต่ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกผมไม่ได้ไปเล่นเลยเพราะร้านของพี่เฟิ่งปิดให้บริการ พี่เขาต้องกลับต่างจังหวัดไปบ้านเมียน่ะครับ แม่ยายเพิ่งเสีย

พี่เฟิ่งเป็นเจ้าของร้านครับ ชื่อเต็มๆ ของเขาคือเฟิ่งหลง แต่ไม่ได้เป็นคนจีนอะไรหรอก แม่ของพี่เขาชอบหนังจีนเรื่องหนึ่งมากๆ ตอนท้องน่ะ เลยเอาชื่อตัวร้ายมาตั้งเพราะชอบตัวร้ายคนนี้ที่มีหน้าตาหล่อมากกว่าพระเอกเสียอีก ฮ่าๆๆ

วันอาทิตย์นี้พี่เฟิ่งจะกลับมาแล้ว แต่พวกผมคงได้กลับไปเล่นในคืนวันพุธนู่นแหล่ะ...วงของพวกเราเล่นแค่คืนวันพุธ วันศุกร์ แล้วก็วันอาทิตย์เท่านั้นครับ

แปลกใจใช่ไหมล่ะว่าทำไมผมทำงานเยอะ เอาเข้าจริงนี่ก็มีแค่วันจันทร์ล่ะมั้งที่ผมไม่ได้ไปทำงานพิเศษอะไรที่ไหน ผมอยากทำงานนะ ก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินอะไรมากนักหรอก แต่กลับมาอยู่บ้านคนเดียวมันก็เหงา ไม่มีใครพูดคุยด้วย ไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ทำในบ้านหลังนั้น บ้านที่มีแค่ตัวเราเองเนี่ยมันเหงาจับใจมากเลยครับ เพราะงั้นผมก็เลยหาเรื่องทำงานพิเศษ ไอ้เล่นดนตรีในร้านเหล้าน่ะมันอยากเล่นเพราะเราเรียนด้านดนตรีมาก็ต้องหาประสบการณ์อยู่แล้ว แต่ที่ซุปเปอร์ฯ นั่นผมเห็นเขารับสมัครพาร์ทไทม์แล้วมันใกล้บ้านพอดีผมก็เลยไปสมัคร ทำแก้เหงาอย่างที่บอกนั่นแหล่ะ

ผัวะ!

“ไอ้แทงค์ หน้าตามึงเบื่อโลกเหมือนเคยเลยนะมึง”

“ไอ้ห่าเนส ถ้าจะตบไหล่กูขนาดนี้ มึงหยิบไหล่กูไปเขวี้ยงทิ้งเลยก็ได้นะ” ผมแหวใส่เพื่อนร่วมวง...ก็วงที่ผมเล่าให้ฟังนั่นล่ะครับ ด้านหลังมีเพื่อนอีกสองคนเดินตามเข้ามานั่งล้อมวงด้วยแล้วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ให้กับบทสนทนาของผมกับไอ้เนส

ไอ้เนสเป็นผู้ชายตัวสูงพอๆ กับผม ทำผมสีน้ำตาลทอง ท่าทางขี้เล่นและมันเป็นนักร้องนำของวงครับ ส่วนอีกสองคนก็มีไอ้ฮัท...ผู้ชายผมดำชอบทำหน้านิ่งซะส่วนใหญ่จนดูเย็นชา ไอ้นี่มือเบสของวง และคนสุดท้ายคือไอ้คลาร์ก มันเป็นลูกครึ่งอเมริกัน ตาสีฟ้า ทำผมสีน้ำตาลแดง หน้าตาออกไปทางร้ายๆ แบบเจ้าชู้ออกสื่อ เป็นมือกีตาร์ของวงครับ

“วันพุธนี้จะได้กลับไปเล่นแล้วนะเว้ย ตื่นเต้นว่ะ” ไอ้คลาร์กว่า ให้ไอ้ฮัทยกมุมปากขึ้นนิดก่อนจะพูดขึ้นเช่นกันว่า...

“เล่นมาจะเป็นปีแล้วมึงยังตื่นเต้นอยู่อีกหรือวะ”

“ก็เออดิ ดนตรีมันชวนให้กูตื่นเต้นได้ตลอดแหล่ะ เหมือนสาวๆ อกตู้มๆ ฮ่าๆๆ”

“ไอ้เวร! หน้าตามึงนี่หยุดหื่นสักนิดไม่ได้ไง๊?” ไอ้เนสหันไปโบกหัวไอ้ลูกครึ่งทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้ แล้วมันสองคนก็หันไปตบตีกัน ผมเลยหันไปคุยกับไอ้ฮัทแทน ชินแล้วครับที่พวกมันสองตัวชอบตีกันอยู่เรื่อย เหอๆ

“ไม่ได้ไปเล่นที่ร้านมึงคงเบื่อแย่เลยดิ”

“ก็นิดหน่อย กูยังแปลกใจอยู่ว่าแม่ยายตาย กว่าจะจัดการงานศพเสร็จมันก็ใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวไม่ใช่เหรอวะ แต่ทำไมพี่เฟิ่งปิดร้านตั้งสองอาทิตย์”

“คงมีเรื่องภายในครอบครัวของทางฝั่งเมียให้ต้องจัดการล่ะมั้ง” ผมยักไหล่ตอบแบบไม่ค่อยใส่ใจ คือมันเรื่องของพี่เขาอ่ะนะ ไม่อยากรู้นักหรอก

“เรื่องมรดกไรงี้เหรอ?” ไอ้เนสที่เลิกตีกับไอ้คลาร์กแล้วหันมาถามบ้าง

“เออ อาจจะใช่ก็ได้นะเว้ย” ไอ้คลาร์กก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย เอ๊าไอ้พวกนี้ เมื่อกี้ยังตีกันอยู่เลย ไหงตอนนี้มาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย กูล่ะงงกับพวกมึง

พวกเราคุยกันต่ออีกนิดหน่อยเรื่องซ้อม เอาจริงๆ ช่วงที่หยุดไปไม่ได้นัดมาซ้อมกันเลยเพราะต่างคนต่างอยากพักผ่อน เราเลยตกลงกันว่าจะนัดมาซ้อมก่อนกลับไปเล่นจริงในวันอาทิตย์นี้ ตกลงกันเสร็จอาจารย์ก็เข้าพอดีเลยต้องหยุดคุยกันไปโดยปริยาย

สามชั่วโมงต่อมาก็ถึงเวลาเลิกเรียน ผมกับพวกเพื่อนทั้งสามพากันมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารทันทีที่อาจารย์ปล่อย หิวมากครับ อยากกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำว่ะ หวังว่าร้านคงจะมีคนไม่เยอะนะ เพราะผมหิวจนไม่อยากรอนานๆ แล้วอ่ะ

มาถึงผมก็มุ่งไปร้านก๋วยเตี๋ยวทันทีเพราะเห็นว่ามีคิวแค่ไม่กี่คน ใครจะเฝ้าโต๊ะที่จองเอาไว้นั่นก็ให้พวกมันตกลงกันเองแล้วกัน ผมชิ่งก่อนล่ะ ฮะๆ

“ลุงครับ เล็กต้มยำไม่งอกพิเศษหนึ่งครับ” ผมสั่งแล้วก็รอให้ลุงทำให้ แต่ระหว่างรอนั้น จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆ ผม และผมคงจะไม่สนใจหรอกถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายยืนชิดจนแทบจะรวมร่างกับผมได้อยู่แล้ว

พอหันไปมองก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเบื่อหน่าย...ไอ้พี่นี่อีกแล้วไง เวร

“หวัดดีครับน้องแทงค์ ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ”

“มั้งครับ” ผมตอบแบบที่ต้องการสื่อให้รู้ว่ากูไม่ได้อยากคุยกับมึงเลยสักนิด แล้วอีกอย่างนะ...กูหน้าตาหล่อออกขนาดนี้มาบอกว่ากูน่ารัก พ่อมึงเถอะพี่

“แหม ทำไมเย็นชากับพี่จัง สบตากับพี่สักนิดก็ไม่มี รังเกียจอะไรพี่ครับเนี่ย” มันยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงติดจะหัวเราะนิดๆ แบบที่มันคงคิดว่าทำให้ตัวเองดูมีเสน่ห์ แต่ขอโทษทีเถอะ...แม่งน่ารำคาญมากกว่าว่ะ

แล้วก็รู้นี่ว่ากูเย็นชาใส่ ก็น่าจะรู้ไหมวะว่ากูไม่สบตาด้วยเพราะอะไร เออไง กูรังเกียจมึงโว้ยยย!!!

“พี่นนท์ว่างเหรอครับ ถึงมาก่อกวนผมได้” ทนไม่ไหวต้องถามออกไป หลอกด่าด้วยเอาดิ

“ฮ่าๆ พี่พักกลางวันพอดีน่ะครับ เห็นน้องแทงค์ก็เลยเข้ามาทักด้วยความคิดถึง” ...แต่ดูเหมือนว่าไอ้พี่นนท์จะไม่สะทกสะท้านกับการหลอกด่าของผม เพราะมันยังคงตอบด้วยท่าทางมีความสุข แถมยังพูดเสียงดังจนคนรอบข้างกับลุงขายก๋วยเตี๋ยวต้องหันมามองผมกับพี่มัน

มาบอกคิดถึงกูทำหอกอะไรในโรงอาหารวะ!? คนไม่มองก็เหี้ยแล้ว!

“ฮะๆ เหรอครับ” ผมหัวเราะแห้งๆ ใส่ ก่อนจะรับชามก๋วยเตี๋ยวจากลุงคนขายมาแล้วรีบจ่ายเงินรีบเดินหนีทันที อยู่ต่อไปให้ขายขี้หน้าเหรอวะ!?

“น้องแทงค์อย่าเพิ่งไปสิครับ พี่ยัง...”

ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้พี่นนท์มันพูดอะไรต่อจากนั้น เพราะผมประคองชามก๋วยเตี๋ยวได้ถนัดมือก็รีบเร่งฝีเท้าจนกลายเป็นวิ่งทันที ใช้สกิลหลบหลีกคนที่เดินไปมาจนกลับมาถึงโต๊ะได้อย่างปลอดภัยทั้งตัวเองและก๋วยเตี๋ยวในมือ แถมปลอดจากคนกวนใจอีกด้วย

ผมนั่งลงแล้วชะเง้อคอมองกลับไปทางเดิมว่าไอ้พี่นนท์นั่นมันตามมาหรือเปล่า แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา นั่นแปลว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตามมา คงเป็นโชคดีของผมด้วยที่โรงอาหารมันกว้างและใหญ่มาก คนก็เยอะมากด้วย ไอ้พี่นนท์คงจะหาผมให้เจอได้ยากหน่อยล่ะ

“มึงวิ่งหนีตายจากใครมาวะ” ไอ้คลาร์กถามเมื่อเห็นว่าผมหอบหน่อยๆ แต่ยังไม่ทันได้หันมาตอบมัน ไอ้เนสก็ชิงตอบแทนผมเสียก่อน

“จะหนีใคร๊ มีอยู่คนเดียวไหมวะที่ตามตื๊อไอ้แทงค์ไม่เลิก”

“ไอ้พี่นนท์?” ไอ้ฮัทเลิกคิ้วถาม ผมเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

“น่าสงสารมึงว่ะไอ้แทงค์ ดันมีคนบ้ามาชอบ” ไอ้คลาร์กว่าพลางหัวเราะลั่น หันไปตีมือกับไอ้เนสอีกต่างหาก พวกมึงสองคนนี่ยังไงวะ ตีกันบ่อยฉิบหายแต่ก็เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย แถมยังแพ็คคู่มากวนส้นตีนกูได้ดีอีกต่างหาก แม่งอยากจะยกตีนตบหน้าพวกมันสักทีสองทีจริงๆ

“หุบปากไปเลย” ผมชี้หน้าพวกมันก่อนจะลงมือกินมื้อกลางวันที่อยากกินตั้งแต่ยังไม่ทันเลิกเรียน ส่วนเรื่องพี่นนท์ ไอ้พวกนี้มันรู้ครับว่าผมเป็นเกย์ และไม่แปลกใจด้วยที่มีผู้ชายมาชอบผมถึงขั้นตามจีบเป็นคนบ้าแบบไอ้พี่นนท์...พวกมันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรผมนะครับ ยิ่งไอ้เนสนี่แล้วใหญ่ ไอ้นี่มันเป็นไบครับ คนล่าสุดที่มันคบก็เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ชนิดว่าถ้าผมไม่ใช่ฝ่ายรับผมก็คงสนใจน้องมันไม่น้อยเลยเหมือนกัน

“ทางเดียวที่มึงจะหลุดพ้นจากไอ้พี่นนท์ได้ กูว่ามึงต้องมีแฟนว่ะไอ้แทงค์” ไอ้คลาร์กเอ่ยขึ้น ผมเหลือบมองมันทั้งๆ ที่ยังคาบเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ในปาก

“จริง หาแฟนหนุ่มหล่อๆ หุ่นล่ำๆ มาโชว์ตัวให้ไอ้พี่นนท์มันเห็นไปเลยมึง มันจะได้เลิกตอแยมึงสักที” ไอ้ฮัทที่ปกติพูดน้อยตอนนี้กลับว่าอย่างเห็นดีเห็นงามซะยาวเหยียด แล้วหลังจากนั้นพวกมันก็หันไปสุมหัวเปิดโทรศัพท์ค้นหาเกย์หนุ่มหล่อให้ผมใหญ่ แบบที่ไม่สนใจเลยสักนิดว่าผมจะกำลังถลึงตามองพวกมันอยู่หรือไม่ สุดท้ายผมก็ได้แต่พ่นลมหายใจ...

“เอาที่พวกมึงสบายใจเลยเพื่อน” ...เพราะถึงมึงหามาให้กูเป็นฮาเร็มกูก็ไม่เอาหรอกโว้ย!

ก็บอกแล้วไง ผัวของผม ผมหาเองได้!


__________
มาแล้ววว หายไปกี่วันหว่า พอดีเพิ่งจะระลึกชาติได้ค่ะว่าต้องเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้ครบ 150 ชั่วโมงก่อนจะหมดสิ้นเดือนนี้ ไม่งั้นเดี๋ยวมหา'ลัยไม่ให้จบปี 4 นี่ตายแน่ๆ ค่ะ 55555 และคิดว่าหลังจากนี้คง 3-4 วันอัพทีนะคะ
ส่วนตอนนี้...จริงๆ อยากพูดถึงการเมืองไทย แต่คิดดูอีกทีไม่เอาดีกว่า ไม่อยากโดนเรียกไปปรับทัศนคติ ฮ่าาา การเมืองแห่งสวรรค์ยุค 4G ค่ะ ชื่อพรรคโกอินเตอร์ ก๊ากก ไปละ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 11 [13-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 13-07-2017 23:00:47
ไม่ต้องหาแล้วผัว มีมานอนรอที่บ้านแล้วไง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 11 [13-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-07-2017 00:29:13
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 11 [13-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-07-2017 17:23:44
สามี อยู่ Republican งายยยยยย
ตอนนี้ประชุมอยู่ ค่าตัวแพงหน่อยๆ 555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 11 [13-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 14-07-2017 17:58:24
แทงค์หาผัวได้ไวๆ นะจ้ะ
ส่วนท่านภูตลา เอาวางไว้นั่นก่อน
คนอ่านกำลังอินนนนน
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 11 [13-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-07-2017 19:29:24
ผัวน่ะตอนนี้ยังไม่มี มีแต่พ่อ(ทูนหัว)อยู่ที่(ศาลพระภูมิที่)บ้านน่ะ ฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 11 [13-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-07-2017 20:48:47
มีความหาผัวด้วยตัวเองซะด้วย
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 11 [13-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 14-07-2017 21:14:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 11 [13-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 14-07-2017 23:56:36
                                 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 18-07-2017 22:50:02
ตอนที่ 12

“เอ็งหยาบคาย!”



“ประชุมเป็นไงบ้างล่ะท่านเจ้าที่” ผมถามขึ้นในตอนที่กำลังเปิดเครื่องเกมแล้วเห็นทางหางตาว่าท่านเจ้าที่ปรากฏตัวขึ้นบนโซฟาด้านหลังผม คนโดนถามถอนหายใจยาว ยาวขนาดนี้แปลว่าเหนื่อยมาก “ดูเหนื่อยๆ นะ ไปทะเลาะกับฮิลลารีมาเหรอ? หรือโดนทรัมป์ไล่ออกจากพรรค?”

ผมแกล้งแซวพลางหันไปเลิกคิ้วมองท่านเจ้าที่อย่างกวนๆ แซวทั้งๆ ที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจหรอก แต่เจ้าตัวกลับตอบผมมาว่า “ฮิลลารีกับทรัมป์โดดประชุม ไม่ได้มา”

ผมนิ่งค้าง หันขวับไปมองท่านเจ้าที่ที่กำลังทำหน้าตายใส่ผม...รับมุกกันแบบนี้นี่หมายความว่ารู้แล้วเหรอว่าผมพูดถึงเรื่องอะไรอยู่? และผมคงทำหน้าเหวอหรือไงเนี่ยล่ะมั้ง เพราะท่านเจ้าที่หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นบ้านเลย

“หน้าเอ็งตอนนี้ตลกชะมัด ฮ่าๆๆๆ”

“ชิ!” สุดท้ายผมเลยสบถใส่เบาๆ แล้วหันมาต่อเครื่องเกมให้เสร็จ วันนี้อยากเล่นเกมอ่ะ ไม่มีการบ้านด้วย สบายย

“แล้วนั่นเอ็งจะทำอะไร?”

“ปิ๊งหมูอยู่มั้ง” ผมตอบแบบกวนๆ เลยโดนฟาดผัวะเข้าที่หลังหัวหนึ่งที

“กวนตีนนะเอ็ง”

“โอ๊ย! มันเจ็บนะท่านเจ้าที่!!”

“ก็ฟาดให้เจ็บน่ะสิวะ พูดจาให้มันไพเราะกับข้าหน่อย ข้าเป็นพระภูมิเจ้าที่นะโว้ย”

ท่านเจ้าที่คลายเนกไทที่คอออก มองผมตาขวางก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาตัวน้อยของผมแล้วกางแขนกางขาออกด้วยความเมื่อยล้า...ผมลูบหลังหัวตัวเอง บ่นขมุบขมิบถึงแรงมือที่หนักเกินไปโดยพยายามไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน ขืนได้ยินผมอาจจะโดนฟาดอีกรอบก็ได้อ่ะดิ ทำร้ายร่างกายว่ะแม่ง จะฟ้องร้อง มีเบอร์สายตรงถึงบอสของท่านเจ้าที่ไหมวะ หรือหนังสือร้องเรียนก็ได้ ฮึ่ย!

ผมคว้าจอยส์เกมอันหนึ่งมาถือก่อนจะถอยหลังมานั่งที่โซฟา แต่เพราะท่านเจ้าที่นั่งกางแขนกางขาแบบเต็มพื้นที่ชนิดไม่เหลือไว้ให้คนอื่นได้นั่งบ้าง ผมก็เลยไม่มีที่นั่ง...คือโซฟาบ้านผมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรนักไง นั่งได้สองคนพอดีเด๊ะ แล้วพอผู้ชายตัวสูงใหญ่อย่างท่านเจ้าที่มานั่งเหยียดแข้งเหยียดขาเต็มอัตราขนาดนี้ นั่งคนเดียวก็ล้นโซฟาแล้วเถอะ!

“ท่านเจ้าที่ นั่งดีๆ หน่อยดิ ผมจะเล่นเกม”

“เอ็งก็นั่งที่พื้นไปสิวะ”

“ไม่เอา ผมไม่ถนัด เมื่อยหลังด้วย จะพิงโซฟา”

“บ๊ะ! ไอ้เด็กนี่ ไม่โว้ย ข้าจะนั่ง ข้ามาก่อน” ท่านเจ้าที่ดื้อแพ่ง ไม่ยอมขยับหลีกทางให้ผม จนผมต้องโวยใส่

“แต่นี่มันโซฟาของผมนะ!”

“แต่ข้าปกป้องคุ้มครองบ้านเอ็งอยู่นะ เพราะงั้นเอ็งก็ไม่ควรมาหวงที่หวงทางหรือหวงของในบ้านกับข้าสิ”

“...” พอเจอประโยคนี้ตอกหน้ากลับมา ผมก็ไม่รู้จะเถียงอะไรกลับไปเลยครับ ทำไมกูต้องมาทะเลาะกับเทวดาเรื่องแย่งโซฟาด้วยฟะ!

ผมขมวดคิ้วมุ่น ส่ายหน้าอย่างทั้งหงุดหงิดและยอมจำนนในที คือเข้าใจอารมณ์คนโมโหเพราะไม่ได้นั่งโซฟาป่ะ แต่ก็ต้องยอมแพ้อย่างทำอะไรไม่ได้เพื่อให้คนที่มีพระคุณกับเราได้นั่งโซฟาของเราอ่ะ แต่ผมก็ไม่อยากนั่งพื้นนี่หว่า เอาไงดี

ผมหันทั้งตัวกลับมาประจันหน้ากับท่านเจ้าที่ อีกฝ่ายเอียงคอมองผมด้วยสายตาท้าทาย...อย่ามาท้านะเว้ยไอ้เทวดานิสัยไม่ดี! เดี๋ยวก็นั่งตักแม่งซะเลยหนิ!

ความคิดนั้นทำให้ผมชะงัก...เออว่ะ นั่งตักก็ได้นี่หว่า ไม่แน่พอทำแบบนั้นแล้วไอ้ท่านเจ้าที่อาจจะไม่ชอบใจจนยอมลุกหนีก็ได้ แต่จะนั่งตักจริงๆ มันก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะอีกฝ่ายดันกางขาแทบตั้งฉาก 180 องศาขนาดนั้น หรือให้นั่งบนหน้าขาข้างใดข้างหนึ่งน่ะเรอะ? นั่นยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อยตูดตายห่าต้องเกร็งไม่ให้ตูดตัวเองเอียงหล่นไปข้างใดข้างหนึ่งเนี่ย

งั้นก็เหลือทางเดียวคือนั่งมันตรงกลางหว่างขาของท่านเจ้าที่อ่ะ!

ผมชั่งใจอยู่หลายวินาที เอียงคอมองหน้าท่านเจ้าที่ไปด้วย มองอย่างใช้สมองครุ่นคิด จนคนถูกมองหรี่ตามองกลับมาอย่างไม่ไว้ใจ แต่ในที่สุดผมก็ได้ข้อสรุปในใจของตัวเองสักที...ฟุ่บ! ฟึ่บ!

“เฮ้ย!!!” ท่านเจ้าที่อุทานเสียงหลง ผุดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงจนแผ่นอกของเขาแทบจะแนบมากับแผ่นหลังของผม...ผมเอี้ยวหน้าไปยักคิ้วข้างเดียวให้เขาแล้วหันกลับมากดจอยส์เริ่มเกมโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง

ก็ไม่แบ่งที่ให้ผมนั่งเองนี่ เอาวิธีนี้ไปกินซะ!

“ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะไอ้เด็กเวร!”

“ไม่ ผมไม่ลุก ท่านอยากลุกก็ลุกไปสิ”

“เรื่องอะไรล่ะ ข้าอยากนั่งพักผ่อนตรงนี้!”

“แต่ผมก็อยากเล่นเกมตรงนี้เหมือนกัน” ผมยังคงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ พยายามคงสมาธิในการบังคับเกมเอาไว้ให้ได้ไปพร้อมๆ กันด้วย

“เอ็งนี่มัน...” ท่านเจ้าที่เหมือนจะด่าอะไรสักอย่าง แต่ก็เงียบไปเสียเฉยๆ จนผมอยากจะหันไปมองอยู่หรอกนะว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร ถ้าไม่ติดว่าต้องเล่นเกมน่ะ

ตุบ! แต่แล้วกลับเป็นผมที่ต้องนิ่งงัน เผลอหยุดมือที่กดจอยส์เกมจนหน้าจอขึ้นคำว่า YOU DEAD…กระนั้นผมก็ไม่คิดจะสนใจมัน เพราะตอนนี้ท่านเจ้าที่แม่งเรียกความสนใจของผมไปหมดเลยว่ะ

“มาพิงผมทำไมเนี่ยท่านเจ้าที่” ผมใช้น้ำเสียงปกติเอ่ยถาม จะว่าไปท่านเจ้าที่ก็ดูเหนื่อยมากๆ มาตั้งแต่กลับมาถึงแล้วนี่หว่า หรือที่พิงผมเพราะว่าเหนื่อยจัด? คือปกติเขาไม่ทำอะไรแบบนี้กับผมไง ชอบทำอะไรให้แปลกใจอีกแล้ววุ้ย

“เหนื่อยน่ะสิวะ ใกล้จะครบวาระของรัฐบาลแห่งเทพรุ่นนี้แล้ว อีกสามเดือนข้างหน้าจะมีการเลือกตั้ง วันนี้เลยต้องเคลียร์เอกสารหลายอย่างเพื่อส่งมอบให้หัวหน้าพรรคของข้าตรวจสอบ”

“เลือกตั้ง?” ผมทวนถาม “เทวดามีเลือกตั้งด้วยเหรอ เฮ้ย! เจ๋งว่ะ”

“มีสิ มีพรรคการเมืองแล้วจะไม่มีการเลือกตั้งได้อย่างไร เอ็งนี่ไม่ฉลาดเลย แค่นี้ก็คิดตามไม่เป็น เสร่อ!” ท่านเจ้าที่ด่าผมทั้งๆ ที่ยังซบหน้าผากกับหลังต้นคอของผมอยู่ ด่ากูอีกละ! ก็ถ้ากูรู้กูจะถามไหมเล่า!

ขณะที่กำลังคิดค่อนขอดท่านเจ้าที่ในใจ ผมก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ อ้อมแขนหนาของอีกฝ่ายโอบกระชับเข้าที่เอวของผม...นี่มันเหมือนกับว่าผมกำลังโดนกอดอยู่เลยนะเฮ้ย!

“ทะ ท่านทำอะไรเนี่ย มากอดผมทำไม!?”

“ก็ข้าเมื่อย อยากได้หมอนข้างชะมัด อยากมีเวลารีแล็กซ์นอนกอดหมอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงเหมือนพวกมนุษย์บ้างจังเลยน้าา” ท่านเจ้าที่ตอบเชิงบ่น เท่านั้นไม่พอยังเอนหลังกลับไปพิงพนักโซฟาอีกครั้ง โดยไม่ลืมรั้งตัวผมให้เอนตามลงไปด้วย สองขาก็ยกขึ้นมาเกี่ยวเอวของผมเอาไว้อีกทอด

เดี๋ยวนะ? นี่มันเกินไปแล้วไหมล่ะไอ้ท่านเจ้าที่ แค่กอดเอวด้วยแขนนี่ก็ว่าเกินไปละนะ ยังจะเอาขามาเกี่ยวไว้อีก เทวดาอะไรวะทำตัวไม่สมฐานะเลย ชึ่ย!

“ผมคนนะเว้ย ไม่ใช่หมอนข้าง”

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เอ็งอย่าบ่นน่า ข้าขอพักหน่อย”

พูดจบเจ้าตัวก็นิ่งไปแต่ยังกอดผมเอาไว้ในท่าเดิม ไอ้ผมก็อยากจะบอกให้ปล่อยอยู่หรอก แต่พอเห็นความเหนื่อยล้าของเขาแล้วก็ทำไม่ลงซะอย่างนั้น...เออน่ะ แค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง แล้วอีกอย่างแขนของท่านเจ้าที่ก็แข็งแรงมากเลยด้วย ตัวก็หนาๆ อุ่นๆ แม้จะยังใส่สูทอยู่แต่กลับไม่อาจขวางกั้นอุณหภูมิร่างกายของเขาที่ส่งมาถึงผมได้เลย

เอาเข้าจริงมันก็ฟินหน่อยๆ นะครับแหม่

พอ! พอเลย!! อย่าคิดลึกคิดอกุศลเชียวไอ้แทงค์ ย้ำเตือนตัวเองเอาไว้ว่านี่พระภูมิเจ้าที่เว้ย! จะไปลวนลามทั้งทางความคิด วาจา หรือการกระทำไม่ได้ นรกกินกบาลตายห่ากันพอดี

“นี่ ท่านเจ้าที่” ผ่านไปหลายนาทีแล้ว ผมก็เลยลองเรียกเขาดู

“หืม?” อีกฝ่ายตอบรับมาแค่นี้

“ไปนอนบนเตียงดีๆ ไม่ดีกว่าเหรอ?”

“อืม งั้นข้านอนเตียงเอ็งนะ”

“อ่าฮะ ได้” ผมตอบรับโดยไม่ทันคิด มารู้ตัวอีกทีว่าเผลอเอ่ยอนุญาตอะไรไปก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อท่านเจ้าที่หายตัวไปแล้ว ปล่อยให้ผมหงายหลังไปกระแทกพนักโซฟาดังอั้ก...อะ ไอ้ท่านเจ้าที่!! จะไปก็บอกกันดีๆ ดิวะ! ปล่อยทิ้งแบบนี้เกิดข้างหลังเป็นพื้นนี่กูไม่หัวแตกหรอกเรอะ!? แล้วที่บอกนั่นอีก “จะไปนอนอะไรที่เตียงผมเล่าไอ้ท่านเจ้าที่ โว้ย!”

ผมถลาพรวดวิ่งขึ้นบันไดโดยไม่คิดจะปิดเกมหรือปิดทีวีอะไรทั้งนั้น เปิดประตูผางเข้าไปในห้องได้ก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่าท่านเจ้าที่อยู่ที่นี่จริงๆ อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของผม ตรงตำแหน่งเดียวกับที่เขานอนเป็นเพื่อนผมเมื่อสองคืนที่ผ่านมานั่นล่ะ แถมยังเปลี่ยนชุดแล้วด้วยนะ เป็นชุดนอนที่...ไอ้เชี่ย! นั่นชุดนอนของผู้ชายสูงร้อยแปดสิบกว่าแถมยังหน้าดุเหรอวะนั่น!?!

ก็จะไม่ให้ผมตกใจได้ไงครับ ในเมื่อชุดนอนที่ท่านเจ้าที่ใส่น่ะมันสกรีนลายเซเลอร์มูนตัวจิ๋วเต็มไปหมดทั้งชุด ไม่ว่าจะเสื้อหรือกางเกงขายาวนั่นล้วนมีแต่เซเลอร์มูนลอยกระจัดกระจายเต็มไปหมดอ่ะ!

“เซเลอร์มูนเนี่ยนะ?!”

“ทำไม? แม่สาวน้อยคนนี้น่ารักดีออก เป็นตัวแทนแห่งดวงจันทร์ด้วย” ท่านเจ้าที่ที่กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่โงหัวขึ้นมามองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องตกใจขนาดนี้ด้วย

ไม่ตกใจดิแปลก พระภูมิเจ้าที่กับชุดนอนลายเซเลอร์มูนนี่มันเข้ากันมากมั้ง!

“แบ๊วสัส” ผมเผลอหลุดปากเอ่ยความในใจออกไป เลยโดนท่านเจ้าที่ถลึงตามอง เสียงทุ้มตะโกนใส่ดังลั่นห้อง

“เอ็งหยาบคาย!” ...แค่ด่าว่าแบ๊วนี่มันหยาบคายมากเลยเหรอวะนั่น?

“เปลี่ยนลายได้มะ? ผมทนมองไม่ได้ว่ะท่านเจ้าที่ มันหวานแหววไปอ่ะ” ผมลองขอ คือก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ แต่ลายนี้มันน่ารักกุ๊กกิ๊กเป็นสาวน้อยเกินไปเฟ้ย

เป๊าะ! ท่านเจ้าที่ดีดนิ้วโดยไม่พูดอะไร แล้วจากนั้นลายชุดนอนก็เปลี่ยนไป แต่...แม่งแย่กว่าเดิมอีกว้อย! แม่มดน้อยโดเรมีนี่มันแบ๊วแตกยิ่งกว่าเซเลอร์มูนอีกมั้งสัด!

“โอ๊ยยย ไม่เอาลายนี้ ไม่เอาเด็ดขาด แย่กว่าตัวแทนแห่งดวงจันทร์อีก!”

“เอ๊า แล้วเอ็งจะเอาลายไหนกันเล่า!” ท่านเจ้าที่ถาม แต่ไม่รอให้ผมตอบ เจ้าตัวก็ดีดนิ้วอีกที แล้วลายชุดก็เปลี่ยนเป็น...มหัศจรรย์สาวน้อยพริตตี้เคียว โอ้โห การ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ตั้งแต่กูยังอยู่ประถมต้น โว้ยยย

ไอ้!...กูทนไม่ไหวแล้วว้อย!!!

“ไม่เอาลายหวานแหวว! แบ๊วๆ หรืออะไรที่มันสาวน้อยทั้งนั้น! ไม่เอา!!” ผมยื่นคำขาดเสียงดัง เท้าเอวถลึงตามองท่านเจ้าที่อย่างเอาเรื่อง นาทีนี้ใครเทพใครมนุษย์นี่ผมไม่สนแล้ว จนกว่าลายชุดนอนของท่านเจ้าที่จะเปลี่ยนเป็นอะไรที่แมนกว่านี้ ผมยอมบาปที่ตะโกนใส่เทวดาอารักษ์เลยเอ้า!

“ตกลงนี่มันชุดนอนของข้าหรือของเอ็งกันแน่วะ!” ท่านเจ้าที่โวยวายกลับมา แต่สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนลายให้ผมอีกครั้งอยู่ดี...คราวนี้เป็นลายเบ็นเท็นครับ

เฮ้อออ เบ็นเท็นนี่แม่งก็โคตรเด็กน้อย แต่ผมยอมแพ้ละ อย่างน้อยลายนี่ก็ดีกว่าไอ้สามลายก่อนหน้านั่นอ่ะ มันยังดูเป็นผู้ชายๆ บ้างไม่ใช่สาวน้อยทั้งๆ ที่หน้าแม่งเกือบจะเถื่อนอยู่รำไร “ลายนี้ก็ได้ ห้ามเปลี่ยนแล้วนะท่านเจ้าที่”

“ถูกใจเอ็งแล้วเรอะ?”

“เออครับ!” ผมตอบแบบขอไปที จากนั้นก็หันไปปิดประตูห้องนอนก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงข้างๆ ร่างของท่านเจ้าที่...อีกฝ่ายพลิกตัวมานอนหงายในท่าเดียวกัน “ปิดเกมกับทีวี แล้วก็ปิดไฟทั้งหมดที่ด้านล่างให้ผมหน่อยดิท่านเจ้าที่”

“ใช้อย่างกับข้าเป็นทาสเอ็งงั้นล่ะ” ท่านเจ้าที่บ่น แต่ถึงจะบ่นเขาก็ทำให้ตามคำขออีกแล้ว คนซึนเอ๊ย

“ปิดไฟในห้องนี่ให้ด้วยนะ จะนอนแล้ว”

“ไฟในห้องเดินไปปิดเองก็ได้ไหมวะ ขี้เกียจตัวเป็นเห็บแล้วมั้งเอ็งเนี่ย”

“ตัวเป็นขนก็พอ เป็นเห็บก็เกินไป” ผมเถียงพลางกลอกตาระอาใส่ ท่านเจ้าที่หัวเราะน้อยๆ แต่ก็ดีดนิ้วปิดไฟให้

ห้องทั้งห้องมืดสนิท มีเพียงแสงสว่างรำไรจากไฟถนนที่ส่องเข้ามาประปราย คืนนี้ไม่มีลมยะเยือกน่ากลัวพัดผ่านเข้ามาแม้แต่นิดเดียว เพราะผมชิงปิดหน้าต่างตั้งแต่ที่ฟ้ายังไม่ทันมืดไงล่ะ เป็นแผนรับมือกับผีที่อาจจะมากันอีก ฮะฮ่า!

หลังจากนั้นระหว่างผมกับท่านเจ้าที่ก็มีเพียงความเงียบ ผมไม่รู้ว่าเขาหลับไปหรือยัง เอาเข้าจริงผมก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายนอนหลับเลยนะ หรือพวกพระภูมิเทวดาอะไรพวกนี้ไม่จำเป็นต้องนอน?

เอาไว้ค่อยถามแล้วกัน นี่มันก็ดึกแล้วนี่นะ พรุ่งนี้วันศุกร์ฯ ผมไม่มีเรียน ส่วนงานพิเศษที่ดีซีซุปเปอร์ฯ เลื่อนไปเข้ากะบ่ายแทนเพราะพี่แพรที่อยู่กะเช้าต้องไปทำธุระที่โรงเรียนของน้องสาว เท่ากับว่าผมนอนตื่นสายได้ เย้!

ผมขยับนอนในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด เหลือบมองท่านเจ้าที่อีกเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว

“ฝันดีอีกคืนนะท่านเจ้าที่”

“อืม ฝันดีไอ้เด็กเวร”

...เกือบดีแล้วเชียวถ้าไม่มีคำว่าไอ้เด็กเวรเนี่ย!
 



__________

อัพค่าาา มาแล้ว คิดถึงเรามั้ยเอ่ย หรือคิดถึงท่านเจ้าที่ 555 จริงๆ วางโครงเรื่องทั้งหมดจบแล้วค่ะ แต่รู้สึกว่าสมองมันตันๆ พอจะเขียนตอนใหม่ก็แบบเหมือนจะพิมพ์ไม่ออกทั้งๆ ที่เนี่ยก็คิดไว้แล้วว่าตอนนี้มันควรจะเป็นไงต่อ งงตัวเอง หรือเราขี้เกียจเขียน สมองเลยไม่แล่น? ฮ่าาา

ศุกร์หน้าเราก็จะกลับกทม. แล้ว หวังว่าตัวเองจะแต่งเรื่องนี้จบก่อนเปิดเทอม เพราะ...น้องไวท์กำลังรออยู่ หุหุ อืม คำผิดแก้แล้วแต่ไม่แน่ใจว่ามีหลุดไปบ้างไหม ถ้าเห็นบอกได้นะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 18-07-2017 23:10:20
ชุดนอนท่านเจ้าที่ลายเซเลอร์มูนไปอีกก 5555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 18-07-2017 23:12:01
คิดถึงท่านภูตลาเจ้าค่ะ
ทำไมท่านถึงชอบเซเลอร์มูน แม่มดน้อยโดเรมี แล้วก็สาวน้อยพริตตี้เคียวรึเจ้าคะ?

ขอบน้ำใจแม่คนเขียนยิ่งนักเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-07-2017 23:23:46
 :laugh:
แบ๊วจริงๆ ท่านเจ้าที่
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-07-2017 23:30:09
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-07-2017 23:53:20
นั่นสิ ฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-07-2017 00:14:02
รักในความแบ๊วของ(ชุดนอน)ท่านเจ้าที่ 5555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-07-2017 01:07:43
ไม่แปลกใจกะชุดนอนหรอก ขนาดศาลยังสีชมพู ลายยูนิคอนเลย  :m20:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 19-07-2017 07:44:40
ชุดนอนบ่งความชอบเลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 19-07-2017 15:14:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-07-2017 17:18:52
ชอบความเนียนของท่านเจ้าที่นะ
ทั้งกอดเอย เกยไหล่เอย ขอนอนเตียงเดียวกันเอย
ทำดีค่ะ ทำดี~~~~~~ ^0^
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 19-07-2017 21:55:52
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 19-07-2017 22:53:25
เจ้าที่แบ๊วมากกกก  :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 19-07-2017 23:13:15
โอ้ยยน่ารักมุ้งมิ้ง ท่านเจ้าที่ก็แซบลืม  แต่เข้าไม่ถึงกับแฟชั่นการแต่งตัวของท่านนะ55555 สนุกดีค่ะ รอนะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 20-07-2017 01:19:25
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2017 05:22:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-07-2017 17:42:40
ท่านเจ้าที่สายแบ๊ว แอบเนียนๆๆๆ พาฟิน อิอิ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 20-07-2017 22:13:17
ลายชุดนอนเจ็บมาก แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าบ๊อกเซอร์ตัวเดียวหรือเกงในแนบเนื้อแหล่ะ นั่นน่ะ ชุดนอนไม่ได้นอน(เพราะคงมีคนนอนตาค้างทั้งคืน)
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 12 [18-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Amploveakame ที่ 23-07-2017 12:17:58
หน้าหล่อกะชุดนอนที่แต่ละลายเรายังไม่กล้าใส่เลยทานเจ้าที่อยากเห็นเขารักกันจังเลยและหว้งว่าจบคงไม่ดราม่านะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 23-07-2017 21:41:35
ตอนที่ 13

“ด่าข้ามันบาปนะ”

 

มื้อเช้าวันนี้เป็นอีกวันที่ผมกับท่านเจ้าที่กินข้าวด้วยกัน การทำอาหารให้ท่านเจ้าที่โดยไม่ต้องเสียเวลาจุดธูปเรียกกลายเป็นความเคยชินของผมไปแล้ว และเริ่มเคยชินกับการมีเทวดาหน้าหล่อวนเวียนอยู่ในบ้านด้วยเช่นกัน...วนเวียนอยู่ในชีวิตอันเงียบสงบและเงียบเหงามานานของผม

จริงๆ แล้วผมไม่ควรจะชินกับอะไรแบบนี้นะ แต่ผมก็ดันชินกับมันได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ถ้านับวันเวลาแล้วล่ะก็ นี่มันเพิ่งจะเจ็ดวันเองที่ผมได้รู้จักกับท่านเจ้าที่ หรือพูดอีกอย่างคือมันก็เพิ่งจะสัปดาห์เดียวเองที่อีกฝ่ายโผล่มาบอกว่าจะตามรังควานผม

“วันนี้ท่านไม่ไปไหนเหรอครับ” ผมถามด้วยความสุภาพ และมันคงแปลกมากเพราะท่านเจ้าที่ถึงกับมองหน้าผมเหมือนเห็นของแปลกมาโผล่ตรงหน้าตัวเอง อะไรวะ แค่พูดเพราะๆ ด้วยแค่นี้มองเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดบุกโลกไปได้

ผมตั้งท่าเตรียมรอรับคำแขวะของเขา แต่อีกฝ่ายกลับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบตรงคำถามอย่างไม่อ้อมค้อมและไม่มีการกวนประสาทเหมือนทุกที นี่สิแปลกของจริง “ไม่ ข้าจะอยู่เคลียร์เอกสารที่บ้าน”

“บ้านใคร?”

“บ้านเอ็งไง บ้านข้าปิดปรับปรุงไปแล้ว”

“ปิดปรับปรุง? ปรับปรุงอะไรวะ?” ผมขมวดคิ้ว

“ก็เอ็งกำลังจะสร้างศาลใหม่ให้ข้ามิใช่รึ ข้าก็เลยปิดบ้านรอปรับปรุง”

โอ้โห จำเป็นต้องลงทุนขนาดนี้เลย? คือยังไม่ทันเริ่มสร้างเลยมั้ย จะรีบเพื่อ? งี้ก็แปลว่ากะจะมาอาศัยอยู่ในบ้านของผมยาวๆ เลยอ่ะดิ! เปลืองน้ำเปลืองไฟผมอ่ะ

“ข้ารู้นะว่าเอ็งคิดอะไร ทำไม?! ข้าอยู่บ้านเอ็งมิได้รึ?!”

แม่ง รู้ทันจริงๆ ด้วยว่ะ แล้วผมจะตอบอะไรได้นอกจาก...

“ได้ดิ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย ท่านอย่าโวยวายได้ป่ะ?!” ยอมให้ครับ! ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว จะกินข้าว!!

เราสองคนกินข้าวด้วยกันแต่ต่างฝ่ายต่างเงียบ กระนั้นผมก็ยังลอบสังเกตท่านเจ้าที่ไปด้วย...วันนี้ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้พบเจอใคร แต่อีกฝ่ายก็ยังใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสามส่วนยาวเสมอเข่า ชุดใส่อยู่บ้านแสนธรรมดาที่ทำให้ผมนึกอยากขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ท่านเจ้าที่เลิกเปลือยท่อนบ่นโชว์เอววีเชฟที่หายไปในท่อนล่างได้สักที ขอบคุณจริงๆ ครับ

ไม่ใช่แค่มันแสลงตาหรอกนะ แต่มันชวนให้ใจสั่นหวั่นไหวเว้ย ผมเลยอยากให้ท่านเจ้าที่ใส่เสื้อผ้าให้มันดีๆ เหมือนผู้เหมือนคนอยู่เสมอต่างหาก ถึงอีกฝ่ายจะไม่ใช่คนก็เถอะนะ

ผมมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ทันได้สังเกตว่าท่านเจ้าที่รู้ตัวแล้วว่าถูกผมมองอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมองผมจนผมเห็นเงาของตัวเองในนั้นแม้จะนั่งห่างกันไม่น้อยเลยก็ตาม

“มองข้าทำไม?”

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนถาม เพิ่งมารู้ตัวเอาตอนนี้แหล่ะว่ากำลังมองท่านเจ้าที่อยู่นานเลยทีเดียว รีบส่ายหน้าให้กับคำถามของเขา แล้วเป็นฝ่ายถามเสียเอง “เห็นว่าท่านต้องรีบเคลียร์เอกสารส่งให้ผู้นำพรรคของท่านนี่ใช่ไหม”

“ใช่ ต้องส่งให้ทันก่อนการเลือกตั้ง”

“ทำไมต้องรีบล่ะ?”

“เพราะหลังจากเลือกตั้งข้าจะยุติตำแหน่งหน้าที่และงานทั้งหมดน่ะสิ”

“หมายถึงเกษียณอายุการทำงานอ่ะเหรอ?” ผมอดแปลกใจไม่ได้อีกแล้วว่าแม้แต่เทวดาทั้งหลายก็มีวันเกษียณอายุด้วยแฮะ

“อืม จวนจะได้เวลาที่ข้าต้องไปเกิดใหม่แล้ว”

มือที่กำลังถือช้อนหยุดนิ่งอยู่ตรงปาก ข้าวที่ผมคิดว่าจะเอาเข้าปากก็เป็นอันต้องวางลงบนจานตามเดิม

เกิดใหม่?

เดี๋ยวนะ? เทวดาไปเกิดใหม่นี่หมายถึงเกิดเป็นมนุษย์อะไรงี้เหรอ?

ผมคงทำหน้างงล่ะมั้ง ท่านเจ้าที่เลยอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังอีกว่า “เทวดาทุกองค์มีอายุขัยในการเป็นเทวดาแค่สองร้อยปีเท่านั้น ยกเว้นเทวดาระดับสูงที่ทำงานใกล้ชิดมหาเทพ พวกเขาจะมีอายุขัยไม่จำกัด นอกนั้นต้องไปเกิดใหม่เมื่ออายุครบสองร้อยปี”

“และท่านกำลังจะครบแล้วในอีกสามเดือนข้างหน้านี้?”

“ใช่ ตอนนี้ข้าอายุ 199 ปีแล้ว ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะว่าข้าจะอยู่มานานเกือบถึง 200 ปีเช่นนี้” ท่านเจ้าที่ทำหน้าอวดโอ่ใส่ผม มันน่าอวดตรงไหนวะอยู่มานานสองร้อยปีเนี่ย

ผมกลอกตาให้เขาเป็นเชิงเบื่อหน่าย “ถ้าท่านไปเกิด แล้วใครจะมาเป็นพระภูมิเจ้าที่ของบ้านผมแทนท่านล่ะ”

“เจ้าที่รุ่นเยาว์ที่ผ่านการฝึกหัดแล้วไงล่ะ เดี๋ยวข้าจะคัดคนที่ดีที่สุดมาประจำศาลพระภูมิที่บ้านเอ็ง เอ็งไม่ต้องห่วง ลูกศิษย์ของข้าล้วนฝีมือดีทั้งนั้น ฉลาดหลักแหลมและมีความสามารถมากมาย”

เจ้าที่รุ่นเยาว์...มีจริงหรือวะเนี่ย

ผมนึกไปถึงเสื้อยืดที่ท่านเจ้าที่ใส่เมื่อวาน เสื้อที่สกรีนลายว่า ‘รับสมัครเจ้าที่รุ่นเยาว์’  นั่นล่ะ

แต่เฮ้ย! ถ้าท่านเจ้าที่กำลังจะไปเกิด แล้วจะให้ผมสร้างศาลใหม่ทำไมเนี่ย!

“ท่านจะไปเกิดในอีกสามเดือนแล้วศาลพระภูมิใหม่...”

“สร้างๆ ไปเถอะน่า เงินเอ็งก็ไม่ได้เสียสักแดงจะคิดมากทำไม ข้าอยากสร้างใหม่ เอ็งแค่ทำตามที่ข้าต้องการก็พอ อย่าถามมาก”

กูแค่สงสัย นี่ก็พูดมาเป็นชุดไม่หยุดพักให้กูอธิบายอีกแล้ว วุ้ย!

“ผมไม่เปลืองเงินแต่ก็เปลืองแรงนี่หว่า จะไปจ้างเขาก็กลัวว่ามันจะแพง เกิดท่านเจ้าที่มีงบจำกัด จ่ายไม่พอขึ้นมา ผมจะเอาที่ไหนไปจ่ายเขา”

“ถึงเงินสวัสดิการที่ข้าเบิกมาจะไม่พอ แต่ข้าก็มีเงินเก็บในบัญชีนะ” ท่านเจ้าที่กล่าว ก่อนจะดีดนิ้วเหมือนทุกๆ ทีที่อยากจะเสกอะไรขึ้นมา และครั้งนี้ก็เป็นสมุดเล่มบางเล่มหนึ่งโผล่ออกมากลางอากาศ “นี่ไงบัญชีเงินฝากของข้า”

“มีทุกอย่างเลยเนอะเทวดาเนี่ย ที่ว่าการอำเภอเอย ตำรวจเอย นี่มีธนาคารด้วย? ครบครันจริงๆ” ผมเอ่ยอย่างทึ่งๆ ก่อนหน้านี้อาจจะแปลกใจปนไม่อยากเชื่อ แต่มาตอนนี้ก็ต้องรู้สึกทึ่งแทนนั่นล่ะที่สวรรค์ของเหล่าเทวดามีอะไรคล้ายๆ โลกมนุษย์มากขนาดนี้ นี่ถ้าผมตายไปผมจะได้ไปอยู่สวรรค์ไหมนะ? ถ้าได้ไปก็คงดี แต่แต้มบาปผมเยอะขึ้นเพราะทะเลาะกับไอ้ท่านเจ้าที่เนี่ยแหล่ะ คงได้ไปยากแล้วแฮะ

ไม่น่าเลยกู หลังจากนี้ต้องทำดีเพิ่มแต้มบุญแล้วว่ะ

“เอาเป็นว่าเอ็งสร้างๆ มาเถอะ ขอให้เสร็จทันก่อนข้าเลือกตั้ง ทำได้ไหม?” ท่านเจ้าที่ดึงผมกลับเข้าประเด็นเดิม ผมก็เลยต้องพยักหน้ารับ เงินเขานี่ครับ จะสร้างไว้ให้เจ้าที่ใหม่อยู่มันก็เรื่องของเขาอ่ะ

“ผมไม่แน่ใจหรอกนะ ต้องปรึกษาไวท์ดูก่อนว่าจะใช้เวลาทำนานแค่ไหน แต่ก็จะพยายามแล้วกัน”

“แค่พยายามข้าก็ขอบใจมากแล้ว”

“อือ” ผมตอบรับเบาๆ จัดการมื้อเช้าของวันนี้จนเสร็จสิ้นก็เตรียมเก็บล้าง

ติ๊ง ติ๊ง...แต่แล้วเสียงไลน์ก็ดังขึ้นให้ผมต้องเหลียวมองสมาร์ทโฟนที่ถือลงมาด้วย ผมคว้ามันมากดดู อ่า กลุ่มพาร์ทไทม์ DC Super ครับ ก็ไวท์กับไอ้ธีร์นั่นล่ะ และคนที่ทักมาก็คือไวท์

Your White : วันเสาร์ว่างหรือเปล่าแทงค์ เราจะชวนไปซื้อวัสดุทำศาลน่ะ

TangK : กลางวันเราว่างอยู่แล้ว แต่ไวท์ทำงานไม่ใช่เหรอ?

Your White : เราแลกกะกับพี่แพรน่ะ เพราะงั้นเราก็เลยว่างไปได้

T T : ไปด้วยยย

T T : เดี๋ยวเป็นสารถีให้ โอเคนะ ตามนี้

TangK : มึงสรุปเองขนาดนี้ก็ไม่ต้องถามแล้วมั้งไอ้ห่า

Your White : 55 งั้นเจอกันวันเสาร์ 9 โมงเช้านะ

T T : ได้ เดี๋ยวเราไปรับที่หอ ส่วนไอ้แทงค์เดี๋ยวไปรับที่บ้าน

ผมกดสติกเกอร์โอเคส่งไปก่อนจะกดออกจากแอพพริเคชั่นสีเขียว ตั้งใจจะเอาจานชามไปล้างเสียที...

“เอ็งจะไปซื้อของสร้างศาลกันงั้นเหรอ”

ผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ท่านเจ้าที่โผล่มาจากด้านหลังของผมตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คืออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่เป่ารดต้นคอ การมาเงียบๆ ของเขาทำให้ผมหัวใจจะวาย! ผมหันกลับมามองท่านเจ้าที่เต็มๆ ตาแล้วต่อว่าเสียงดังอย่างลืมตัว

“โผล่มาพูดอะไรข้างหูผมล่ะ! ตกใจนะเว้ย!” เกือบจะปล่อยจานชามในมือร่วงลงพื้นแล้วด้วยเหอะ!

“ข้ามาอ่านไอ้ที่พวกเอ็งคุยกันน่ะสิ”

“แอบอ่านแชทไลน์ของคนอื่นได้ไง เสียมารยาทว่ะท่านเจ้าที่” ผมหลอกด่า ไม่ดิ ก็ด่าตรงๆ นี่แหล่ะ...ท่านเจ้าที่ขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่ชอบใจ

“ด่าข้ามันบาปนะ”

“ชิ!” ผมไม่รู้จะเถียงอะไรอีกเลยได้แต่สบถแล้วหันหลังกลับ ก้าวไปที่ซิงค์ล้างจานและจัดการเก็บล้างจานชามโดยไม่สนใจเทวดานิสัยไม่ดีอีก แต่เหมือนว่าท่านเจ้าที่จะไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานเงียบๆ ของผมสักเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวหายวับมายืนข้างๆ ผมแล้วถามย้ำอีกครั้ง

“ตกลงพวกเอ็งจะไปดูของทำศาลให้ข้าใช่ไหม?”

“ก็แอบอ่านขนาดนั้นแล้วน่าจะรู้ไหมล่ะครับ”

ท่านเจ้าที่ชี้นิ้วใส่หน้าผมเหมือนต้องการจะบอกว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์มาเถียงกับเอ็งหรอกนะ’ อะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “งั้นข้าจะไปด้วย”

“ไปทำไมไม่ทราบ?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ อีกอย่างคือผมไม่อยากให้ไปไง แค่นี้ไอ้ธีร์ก็ล้อผมจะตายแล้วแม่ง นี่ดีนะที่พวกไอ้เนสยังไม่รู้เรื่องเพื่อนบ้าน(ปลอมๆ)ของผม ไม่งั้นมันคงเซ้าซี้ถามผมกันไม่เลิกแน่ ขอผมอยู่อย่างสงบๆ หน่อยเถอะนะ ยังไม่อยากโดนเพื่อนซักฟอกมากไปกว่านี้

“ไปจ่ายเงินค่าวัสดุอุปกรณ์ที่พวกเอ็งต้องซื้อไงเล่า หรือเอ็งจะจ่ายเองทั้งหมดก่อนแล้วค่อยมาเก็บกับข้าทีหลัง?”

“โอเค งั้นไปด้วยกัน” ผมตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ถ้าไปเองแล้วต้องจ่ายก่อนกลัวตังค์ไม่พอไง ให้ท่านเจ้าที่ไปด้วยก็หมดปัญหาเรื่องเงินโดยปริยาย

“เรื่องเงินนี่เอ็งไม่มีให้กระเด็นเลยนะ กับพระภูมิเจ้าที่ของบ้านอย่างข้า เอ็งยังกล้าขี้เหนียวได้อีกรึ?” ท่านเจ้าที่เหมือนจะบ่นมากกว่าถาม ผมก็เลยทำเพียงแค่ยักไหล่ให้เท่านั้น...เงินทองมันหายากนี่หว่า รวยแค่ไหนแต่ใช้ฟุ่มเฟือยก็หมดได้ป่ะล่ะ? อะโด่ว

ผมเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือที่แขวนเอาไว้ไม่ไกลเมื่อล้างจานชามเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมุนตัวกลับมากอดอกจ้องตากับท่านเจ้าที่ คือที่ผมมองเขาเนี่ยก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรนะ แค่สงสัยว่าทำไมเขายังไม่ไปไหนสักที มายืนรอผมทำไม หรือถึงจะไม่ได้รอผม แต่มายืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนเพื่ออะไรอ่ะ?

“ทำไมยังอยู่อีก ไหนว่าต้องเคลียร์งานส่งให้เจ้านายท่านไง”

“เลขาฯ ของข้ายังไม่เอาเอกสารชุดใหม่มาให้”

“อ่อ” ผมพยักหน้ารับว่าเข้าใจ “ว่าแต่ผมไม่เคยเห็นเลขาฯ ของท่านเลยแฮะ เป็นผู้หญิงป่ะ?”

“ใช่ เป็นนางไม้”

“แล้วสวยไหม?” ผมถามอีก นางไม้นี่ต้องสวยๆ ใช่ป่ะล่ะ ถึงผมจะไม่ได้ชอบผู้หญิงแต่ก็อดสนใจไม่ได้อ่ะ นางไม้เลยนะเว้ย ไม่ใช่ของที่จะได้เจอได้เห็นในชีวิตประจำวันกันง่ายๆ เหมือนไอ้ท่านเจ้าที่นี่ไง

“สวยมั้ง ไม่รู้สิ สำหรับเหล่าเทวดาและจิตวิญญาณต่างๆ พวกเราไม่เคยมองว่าสวยไม่สวย หล่อไม่หล่อ เพราะของแบบนี้มันไม่จีรังยั่งยืน สุดท้ายแล้วมันก็จะเสื่อมลงตามกาลเวลา เหมือนมนุษย์ที่แก่ลงนั่นล่ะ”

ได้ฟังดังนั้นผมก็เข้าใจ จะว่าไปท่านเจ้าที่ก็พูดถูก ความสวยความงามทั้งหลายสุดท้ายมันก็จะลดเลือนหายไปในสักวัน เหมือนกับชีวิตของคนเราที่มันไม่ได้ยาวนานอะไรเลย บางคนอาจมีเวลาให้กับชีวิตสั้นมากด้วยซ้ำ เหมือนพ่อกับแม่ของผมไง ชีวิตของพวกท่านสั้นเกินไปในความคิดของผม แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีในเมื่อพวกท่านจากไปแล้ว

“เอาล่ะ ไปทำงานดีกว่า แล้วเจอกันคืนนี้นะไอ้หนู”

“คืนนี้?” ผมทวนคำอย่างไม่เข้าใจ “คืนนี้มีอะไรงั้นเหรอครับ”

“ข้าต้องมานอนเป็นเพื่อนเด็กกลัวผีอย่างเอ็งไง หึๆ” ท่านเจ้าที่ว่าพลางหัวเราะล้อเลียนใส่ผม

ว้อย! ไม่ได้กลัวผีเว้ย แค่...แค่ไม่ชอบต่างหากเล่า!!

ผมได้แต่เถียงในใจ เพราะคนที่อยากจะเถียงด้วยน่ะหายแวบไปแล้ว ฮึ่ย! เมื่อไหร่ผมจะชนะไอ้ท่านเจ้าที่จอมกวนประสาทองค์นี้สักทีวะ!?


__________

มาแล้วค่าา จริงๆ อยากจะอัพตั้งแต่เมื่อวาน แต่น็อคค่ะ หลับวูบเหมือนโดนปิดสวิตซ์อ่ะ 555 วันนี้จริงๆ ก็ปวดหัวหน่อยๆ เจ็บคอมาตั้งแต่เช้า ดูท่าหวัดใกล้จะถามหาแล้วค่ะ ฮืออ

ท่านเจ้าที่กำลังจะไปเกิดแหล่ะ รอเลือกตั้งก่อนนะ 555 อืม ยังไงขอใช้พื้นที่ตรงทอล์คเนี่ยอธิบายแล้วกันเนอะว่าเรื่องนี้จบแฮปี้แน่นอนค่ะ เราวางโครงเรื่องไว้อย่างดีแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ เพราะเราเองก็ไม่ชอบดราม่าเหมือนกัน ชอบความแฮปปี้รักนี้สดใสค่ะ ฮ่าา เอาล่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ มีคำผิดจะมาแก้ทีหลังค่าา ใครเห็นชี้จุดมาก็ได้นะ บางทีเราก็มองพลาดไปเหมือนกัน แฮ่

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 23-07-2017 21:56:44
พอบอกเจ้าที่ไปเกิด นี่ลุ้นเลยดิ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-07-2017 22:05:22
อ้าว จะไปเกิดละ
งั้นที่ให้สร้างไว้เพราะจะได้สะดุดตาจำได้ตอนกลับมาใช่มะ ฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-07-2017 22:14:44
ท่านเจ้าที่จะไปเกิดแล้วเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไรกันเนี่ยะ  :really2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 23-07-2017 22:46:36
อ้าว แล้วจะสร้างศาลใหม่ทำไม งงกะท่านเจ้าที่
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 23-07-2017 23:56:14
ท่านภูตลาเจ้าขาาาาาาา
มาแล้วววววววววววว
รอตั้งแต่เมื่อวาน
คนเขียนไม่ค่อยสบายเด้ออออ
หายไวๆ นะคะะะ ❤
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-07-2017 00:57:57
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 24-07-2017 07:03:04
เจ้าที่ไปเกิดแล้วจะจำแท้งค์ได้มั้ยอ่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 24-07-2017 07:20:06
จะไปเกิดใหม่แล้ว? กว่าจะเกิดนานไหมคะท่าน
เด๋วแทงค์จะรอจนแก่นะท่านนนนนนน
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-07-2017 16:12:54
อ้าว จะไปเกิดละ
งั้นที่ให้สร้างไว้เพราะจะได้สะดุดตาจำได้ตอนกลับมาใช่มะ ฮา

คิดเหมือน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 13 [23-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 24-07-2017 17:08:23
แอบตกใจตอนที่บอกว่าท่านเจ้าที่จะไปเกิด
แล้วแสดงว่าเจ้าที่กลับมาเป็นคนซินะ
แบบกลับมาเจอกันคือคนหน้าคล้ายท่านเจ้าที่แล้วมาเจอแทงค์ไหมอ่ะ
รออ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 26-07-2017 21:25:56
ตอนที่ 14

“มองข้าขนาดนี้ หลงเสน่ห์ข้าล่ะสิ”

 

วันเสาร์ : 08.40 น.

ผมแต่งตัวเสร็จก็ลงมารอไอ้ธีร์ที่หน้าบ้านทันที ล่าสุดที่คุยกันในแชทมันไปรับไวท์แล้ว ตอนนี้กำลังมารับผม

ผมมองหาท่านเจ้าที่ไปด้วยเพราะนี่มันจะเก้าโมงเข้าไปแล้วทำไมเขายังไม่โผล่หน้ามาอีก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาอยู่ดี กำลังคิดว่าจะเดินไปเรียกที่ศาลพระภูมิดีมั้ยก็นึกขึ้นได้เสียก่อนว่าท่านเจ้าที่เขาบอกว่าปิดบ้านรอปรับปรุงไปแล้ว...งั้นตะโกนเรียกมันตรงนี้เลยละกัน

“ท่านเจ้าที่!! อยู่ไหนน่ะ ออกมาได้แล้ว จะไปไหมเนี่ย!?”

“เออ มาแล้ว” เสียงทุ้มดังตอบ พร้อมกับการปรากฏตัวของอีกฝ่ายที่ด้านข้างตัวผม หันไปมองก็เจอร่างสูงในชุดใหม่ เมื่อวานใส่สูท วันนี้ใส่สบายๆ เป็นเสื้อยืดสีส้มสว่างสดใสธรรมดา กางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาลอ่อนกับรองเท้าแตะธรรมดาๆ ปล่อยผมปรกหน้าแล้วปัดไปด้านขวา ดวงตาสีรัตติกาลถูกบดบังด้วยแว่นกันแดด

แหมเท่ เท่จังเลย นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเจ้าที่โรคจิต ผมก็คงจะยืนกรี๊ดอีกฝ่ายจนไข่สั่นไปแล้ว...หมายถึงถือไข่ไก่ไว้ในมือแล้วสั่นน่ะนะ แฮะๆ แต่ขอยอมรับเบาๆ ในใจว่าตอนนี้ผมอดใจเต้นไม่ได้เหมือนกันว่ะ แม่งเท่เกิ๊น กูใจสั่นไปหมดละ อยากได้เจ้าที่เป็นผั---แค่กๆ โทษที ถือว่าไม่ได้พูด(อีกครั้ง)แล้วกัน

“มองข้าขนาดนี้ หลงเสน่ห์ข้าล่ะสิ” ท่านเจ้าที่เอ่ยเสียงเย้าแหย่ ด้วยประโยคที่เรียกความหมั่นไส้จนน่ากระทืบ

เออ หลง! แต่ผมไม่ยอมรับหรอกเว้ย หมั่นไส้ฉิบหาย ชิ!

“กินยาระงับประสาทบ้างนะ หลงตัวเองเหลือเกิน” ผมตอบสิ่งที่ไม่ตรงกับใจออกไปแล้วเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่นแทน เมินเสียงโวยวายของท่านเจ้าที่ที่ดังตามมา

“นี่เอ็งว่าข้าเป็นโรคประสาทรึไอ้เด็กนี่!? ปากคอเราะร้าย ถ้าข้าเป็นพ่อแม่เอ็งคงเอาขี้เถ้ายัดปากไปแล้ว!”

“...” ผมแกล้งเมินตามเดิม

“เด็กเวร! เมินข้าเรอะ?! คืนนี้เอ็งนอนคนเดียวไปเลยนะ!”

“คืนนี้ผมไปทำงาน ลืมเหรอ” ผมว่าเสียงเรียบ เหลือบมองท่านเจ้าที่จากหางตาด้วยความเอือมระอาปนเบื่อหน่าย...เบื่อที่จะเถียงด้วยนี่แหล่ะ!

“จริงสิ เอ็งทำงานพิเศษ งั้นพรุ่งนี้เช้าข้าจะไปรับเหมือนเดิมนะ”

“จะไปรับผมทำไม?” ผมหันหน้าไปถามอย่างงุนงง แต่ก็รู้ทันในวินาทีต่อมายามนึกไปถึงครั้งก่อนที่ท่านเจ้าที่ไปรับผมกลับบ้านโดยไม่บอกล่วงหน้า “อ๋อ กลัวผมหลับในขี่รถไปล้มตายที่ไหนแล้วกลัวไม่ได้ตามรังควานผมอีกล่ะสิ”

“ฉลาดนี่ อย่าได้คิดว่าข้าจะเป็นห่วงเอ็งเสียล่ะ ความห่วงใยของข้ามีค่ามหาศาล จงรู้ไว้ซะ”

ผมถอนหายใจใส่เขา “เออ รู้แล้ว”

ผมส่ายหน้าให้กับอีกฝ่ายแล้วหันไปมองหน้าบ้านแทน เผื่อรถไอ้ธีร์มาจอดจะได้รีบออกไป แต่ท่านเจ้าที่ก็เหมือนจะว่างจัดอ่ะ เพราะแทนที่จะอยู่เงียบๆ บ้างกลับหาเรื่องชวนผมคุยอีกแล้ว...ชวนคุยหรือชวนทะเลาะนี่ก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำ

“จริงๆ เอ็งไม่ต้องให้เพื่อนของเอ็งมารับก็ได้นะ”

“แล้วจะให้ผมขี่มอ’ไซค์ไปหรือไงล่ะ ไกลจะตาย ไม่เอาหรอก”

“ข้ามีพาหนะเร็วที่จะพาเราไปต่างหากเล่า”

พาหนะเร็ว?

“อะไร รถยนต์เหรอ พระภูมิเจ้าที่มีรถเหมือนชาวมนุษย์เขาด้วยอีกหรือไง ผมนึกว่าใช้หายตัววุบวับเอาก็ไปถึงที่หมายเลยอะไรงี้เสียอีก”

“ไม่มีหรอก ถ้าข้าตั้งใจจะเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวด้วยตนเองน่ะ แต่ถ้าต้องทำตัวให้กลมกลืนไปกับมนุษย์ ข้าจึงจะมีพาหนะ และจะเลือกมาใช้แล้วแต่ว่าสถานที่ที่จะไปนั้นเป็นที่ไหน” ผมทึ่ง โอ้โห มีให้เลือกหลายแบบด้วยว่ะ

“แล้วไหนพาหนะของท่าน?” ผมถามพลางมองซ้ายมองขวาหาพาหนะที่ว่า

“นี่ไง” ท่านเจ้าที่หยิบของบางอย่างออกมาโชว์ให้ผมดู

ผมมองเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือของเขาแล้วก็ได้แต่ทำหน้าเหมือนปลานอนตายใส่เขา...ก็ในมือของเขาน่ะมีรูปปั้นขนาดเท่ามือเด็กสามขวบวางอยู่ เป็นรูปปั้นม้าสีน้ำตาล เคยเห็นรูปปั้นม้ารูปปั้นช้างที่ประดับบนศาลพระภูมิหรือศาลตายายไหมครับ? ไอ้ที่อยู่ในมือท่านเจ้าที่ก็นั่นล่ะครับ แบบนั้นเลย

นี่อ่ะนะพาหนะของคุณมึง ไอ้ท่านเจ้าที่!!

“รูปปั้น ท่านเจ้าที่ นี่มันก็แค่รูปปั้น นี่มันรูปปั้น!” ผมอดรนทนไม่ไหว แหกปากแล้วชี้นิ้วยิกๆ ไปที่ของในมืออีกฝ่าย

ท่านเจ้าที่ทำหน้าเหมือนเห็นคนโง่ก่อนจะว่า “เอ็งนี่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลย มันเป็นรูปปั้นก็จริง แต่มันเป็นของศักดิ์สิทธิ์โว้ย”

ศักดิ์สิทธิ์ยังไงวะ!?

และเพราะผมคงแสดงออกอย่างชัดเจนไปหน่อยว่าไม่เชื่อถือคำพูดกับของในมือของเขา ท่านเจ้าที่เลยหลับตาลงแล้วงึมงำอะไรก็ไม่รู้ จากนั้น...รูปปั้นม้าในมือของอีกฝ่ายก็หายวับไป

ฮี้~~

...กลายเป็นม้าตัวจริงเสียงจริงที่โผล่มาตรงหน้าผมแทน!

ม้าจริงๆ ว่ะเฮ้ย! ม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ ส่งเสียงร้องพลางยกขาย่ำไปมา ความหัศจรรย์ตรงหน้าทำให้ผมเกิดคำถามที่เคยถามตัวเองมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่า...นะ นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมวะ!?! เฮ้ยยย

“นี่ม้าของข้าเอง” ท่านเจ้าที่ว่าพลางยื่นมือไปลูบหน้าลูบแผงคอสีเข้มของมัน และเจ้าม้าก็เอียงหัวดุนจมูกเข้าหาบ่งบอกให้รู้ว่ามันเชื่องกับเจ้าของมากแค่ไหน

ไอ้ฉิบหาย นี่มันม้าตัวเป็นๆ เลยนะเว้ย!!

“โทรไปบอกเพื่อนของเอ็งสิว่าให้ไปเจอกันที่ร้าน ไม่ต้องมารับเอ็งแล้ว”

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อนนะท่านเจ้าที่” ผมยกมือขอเวลานอก หันหลังให้กับท่านเจ้าที่และม้าของเขา ลูบหน้าลูบตาตัวเองเพื่อตั้งสติ ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าที่ผมจะหันกลับไปได้ “ท่านเจ้าที่จะขี่ม้าไป?”

“ใช่ เอ็งกับข้า ขี่ม้าไปที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง”

“ซึ่งร้านมันอยู่ไกลมากและอากาศก็ร้อน แดดแรงจนแทบจะเผาเราให้เป็นจุณ แต่ท่านก็ยังจะไปด้วยการขี่ม้า?”

“เรื่องร้อนน่ะเอ็งไม่ต้องเป็นห่วง” ท่านเจ้าที่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอมภูมิ ก่อนจะดีดนิ้ว แล้วบนหลังม้าก็ปรากฏร่มอันใหญ่ผูกติดเอาไว้ กลายเป็นที่กันแดดชั้นดี...หากแต่สีหน้าของเจ้าม้าเหมือนโดนรถสิบแปดล้อวิ่งทับก็ไม่ปาน

ผมมองตาค้าง พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ ได้แต่พะงาบๆ ปากแค่ว่า “นี่...นี่...”

“หรือถ้าเอ็งคิดว่ามันยังไม่พอล่ะก็...” ท่านเจ้าที่ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะเจ้าตัวดีดนิ้วอีกที จากร่มก็กลายเป็นตู้กระจกที่ข้างในติดแอร์เอาไว้ด้วย ครั้งนี้เจ้าม้าทำหน้าเหมือนโดนรถสิบแปดล้อคันเดิมวิ่งวนกลับมาเหยียบมันซ้ำ

ถ้ามันพูดได้ ผมสาบานว่ามันคงจะพูดว่า ‘ช่วยผมด้วย ถ้าจะให้ผมออกไปวิ่งทั้งๆ ที่มีตู้ติดแอร์ประหลาดๆ นี่อยู่บนหลัง ก็ได้โปรดฆ่าผมทิ้งเสียยังดีกว่า’

เออ เป็นกูก็อยากตายเหมือนกันล่ะวะ!

“ไม่ขำนะท่านเจ้าที่!” ผมหาเสียงของตัวเองเจอก็เอ่ยขึ้นพลางถลึงตาใส่ท่านเจ้าที่ไปด้วย “ไม่เอาร่มกันแดด! ไม่เอาตู้ติดแอร์หรืออะไรทั้งนั้น! ไม่เอาม้าไปขี่ด้วย!”

“บ๊ะ! แต่มันเป็นพาหนะที่เร็วที่สุดเลยนะ!”

“เร็วแค่ไหนก็ไม่เอา! เอามันเก็บไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมเถียงกับท่านเจ้าที่อยู่อีกสิบนาทีเห็นจะได้ ก่อนสุดท้ายฝ่ายที่พ่ายแพ้ไปก็คือเขา...อีกฝ่ายบ่นอุบ ก็ไม่หรอก บ่นแล้วตามด้วยด่ามากกว่าต่างหาก จนผมนี่ประสาทจะเสียเต็มทนแล้ว! ไอ้ธีร์นะไอ้ธีร์ ถ้ามึงไม่รีบมาในอีกสองนาทีข้างหน้า กูจะเฉาะหัวไอ้ท่านเจ้าที่ด้วยพลั่วขุดดินแล้วนะ!

ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ มองนาฬิกาข้อมือนับถอยหลังไปด้วย...สองนาทีนะมึง แค่สองนาที ก่อนที่ความอดทนของกูจะสิ้นสุด แล้วไอ้ท่านเจ้าที่นี่ก็อีก จะพูดอะไรนักหนา เหงาไง๊?! เป็นคนเหงาศตวรรษที่ 21 เหรอออ

เข็มเวลาที่บอกวินาทีเคลื่อนผ่านครบวงเป็นเวลาสองนาทีพอดีเด๊ะ ผมตั้งใจจะหันไปฉะกับท่านเจ้าที่อีกสักยกตามความตั้งใจเงียบๆ ของตัวเอง แต่แล้วเสียงบีบแตรที่ดังขึ้นหน้าบ้านก็ทำให้ผมโห่ร้องในใจ มาสักทีไอ้ฉิบหาย!

“เลิกบ่นเลิกด่าผมแล้วขยับเท้าเดินสักทีดิ๊!” ผมจิกตามองท่านเจ้าที่ก่อนจะเดินนำไปที่รถ...วันนี้ไอ้ธีร์เอารถกระบะมาเพราะต้องใช้ขนของกลับบ้านผมด้วย ไอ้นี่บ้านมันรวยครับ มีรถหลายคัน จะใช้คันไหนก็แค่เสียบกุญแจแล้วขับออกมาเลย ชีวิตมันก็ดีแต่ทำไมมีนิสัยกวนตีนก็ไม่รู้

อย่าไปบอกมันนะว่าผมแอบด่ามันในใจ

พอขึ้นมาได้ก็เอ่ยทักทายกับไวท์และไอ้ธีร์ ท่านเจ้าที่ก้าวตามขึ้นมานั่งข้างกัน แถมยังปรับสีหน้าจากที่กำลังโมโหให้กลายเป็นรอยยิ้มใจดีอ่อนโยนอย่างรวดเร็วแทน...สร้างภาพเก่งขนาดนี้ทำไมถึงเป็นเทวดาได้ฟะเนี่ย

กว่าเราจะมาถึงร้านขายวัสดุก่อสร้างก็สิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว บอกแล้วว่าร้านมันไกลมาก กว่าจะฝ่ารถติดมาได้ก็ใช้เวลานานไม่น้อยเลยทีเดียว นี่ถ้าผมเป็นพวกบ้าจี้แล้วยอมขี่ม้าของท่านเจ้าที่มาล่ะก็ ผมคงตัวไหม้แดดตายกลางถนนไปแล้ว

“เดี๋ยวเราไปดูเหล็กที่จะใช้ขึ้นโครงหล่อปูน ส่วนแทงค์ไปดูสีนะ แยกกันไปจะได้เร็วขึ้น”

“โอเค” ผมตอบรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทางโดยมีท่านเจ้าที่เดินตามหลังมาด้วย ขณะที่ไอ้ธีร์ไปกับไวท์ มันบอกจะได้ไปช่วยไวท์ยกของขึ้นรถ

มาจนถึงโซนขายสี ผมเลือกดูเฉพาะสีถังเล็กสุดเพราะคงใช้ไม่เยอะ...เดินดูสีแต่ละถังไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อท่านเจ้าที่กวักมือเรียก ผมเลยเดินเข้าไปหาเขา

“ข้าจะเอาสีนี้” เขาว่าพลางชี้นิ้วไปที่ถังสีเมื่อผมเดินมาถึงตัวเขา

ผมมองก่อนจะพยักหน้ารับ “ชมพูพาสเทลอ่อนๆ ก็สวยดี จะเอาสีนี้แน่นะ?”

“ใช่” เทวดาหน้าหล่อพยักหน้าหงึกหงัก ริมฝีปากได้รูปจุดยิ้มขึ้นมาเหมือนเด็กดีใจยามได้ของเล่นใหม่ จนผมเผลอยิ้มตาม...มุมนี้ไม่เคยเห็นไง แปลกดี

เราเลือกดูสีสำหรับเอาไปเพนต์ลายด้วย จริงๆ ที่คุยกันไว้คือถ้าเอาไปเพนต์น่ะมันต้องเป็นสีอีกแบบ แต่ท่านเจ้าที่เสนอไอเดียมาว่าให้แกะไม้เป็นรูปยูนิคอร์นแล้วทาบกับตัวเสาของศาล จากนั้นก็ค่อยทาสีลงไปในส่วนที่แกะเป็นช่องไว้แล้วแทน ใช้แปรงเบอร์เล็กหน่อย แค่นี้ก็ไม่ต้องยุ่งยากเพนต์มันด้วยพู่กันให้ลำบาก ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะถ้าเกิดเพนต์เองแล้วบูดๆ เบี้ยวๆ เสียหายขึ้นมา เดี๋ยวเจ้าของศาลเขาจะโกรธาเอาได้ ทำแบบที่เจ้าตัวเขาเสนอมานี่แหล่ะ ง่ายดี

“ท่านบอกจะเอายูนิคอร์นสีรุ้งนี่ใช่ไหม” ผมถาม เงยหน้ามองสีสารพัดเฉดที่อยู่สูงขึ้นไป ขนาดผมสูงเกือบร้อยแปดสิบยังต้องเงยจนปวดคอ ทำไมต้องจัดเชลฟ์สูงขนาดนี้ด้วยเนี่ย ดีซีซุปเปอร์ฯ ยังไม่จัดเชลฟ์สูงขนาดนี้เลย

ผมเอื้อมมือขึ้นไปกะจะหยิบสีฟ้า เกี่ยวหูของถังสีได้ก็ดึงมันลงมา แต่เพราะก้าวถอยหลังโดยไม่ทันระวังเลยเผลอสะดุดอะไรเข้าสักอย่างจนเสียหลักเซล้ม แย่ยิ่งกว่าคือผมเผลอปล่อยมือจากถังสีที่ดึงลงมา มันก็เลยหล่นตามมาด้วย

“เฮ้ย!”

ในจังหวะที่ผมกำลังจะล้มโดยมีถังสีหล่นใส่หัวอีกทอด จู่ๆ ก็มีแรงดึงจากมือหนารั้งผมกลับไปข้างหน้า ก่อนที่ท่านเจ้าที่จะพลิกตัวผมให้หันหลังแล้วดันให้ไปพิงกับเชลฟ์เพื่อเอาตัวเองบังถังสีที่หล่นลงมาแทนผม

พลั่ก!

“ท่านเจ้าที่!” ผมร้องเรียกด้วยความตื่นตระหนก เงยหน้ามองคนที่สูงกว่าแค่ไม่กี่เซนต์ตาเบิกกว้าง เฮ้ยๆๆ ผมมั่นใจว่าท่านเจ้าที่โดนถังสีหล่นใส่แทนผมนะ ว่าแต่มันหล่นโดนตรงไหนของร่างกายเขาเนี่ย

ผมกำลังจะดึงแขนของอีกฝ่ายที่กักตัวผมเอาไว้อยู่ลง เพื่อจะได้ขยับไปตรวจดูร่างกายของเขาว่าบาดเจ็บตรงไหน แต่ท่านเจ้าที่กลับก้มลงมามองผมเสียก่อน ทำให้จมูกของเราสองคนแตะกันโดยไม่ได้ตั้งใจ...กึก

ผมนิ่ง เขาก็นิ่ง ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งอยู่กับที่

ลมหายอุ่นๆ ของท่านเจ้าที่รินรดที่เหนือริมฝีปากของผม ไหนจะอ้อมแขนแกร่งที่กักผมเอาไว้นี่อีก มันเป็นความใกล้ชิดที่ทำให้ผมใจสั่นอย่างที่ไม่เคยสั่นขนาดนี้มาก่อน

ผมตั้งสติแล้วค่อยๆ เบือนหน้าไปอีกทาง มือทั้งสองข้างยกขึ้นจับแขนของท่านเจ้าที่เอาไว้ ดันให้เว้นระยะห่างจากผม...อย่างน้อยก็ขอให้ห่างให้มากพอที่ผมจะไม่ต้องใจสั่นมือสั่นมากไปกว่านี้

“ทะ ท่านเป็นไงบ้าง ถังสีหล่นใส่นี่ใช่ไหม” ผมถาม ดันร่างสูงออกไปอีกนิดเพื่อสำรวจร่างกายของอีกฝ่าย ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเทวดาแล้วจะบาดเจ็บแบบมนุษย์มนาเขาได้ไหม แต่ในเมื่อถังสีมันหล่นใส่ดังพลั่กขนาดนั้น ผมก็ต้องกังวลไว้ก่อนแหล่ะว่าท่านเจ้าที่จะบาดเจ็บ

“ข้าไม่เป็นไร” เขาตอบพลางเอื้อมมือไปจับไหล่ข้างซ้ายของตัวเองเล็กน้อย ผมก็เลยขยับเข้าไปแล้วถกคอเสื้อของเขาลงเพื่อดูว่ามีรอยฟกช้ำหรือเปล่า แต่ก็ต้องมาหัวเสียเมื่อท่านเจ้าที่พูดขึ้นว่า “มาถกเสื้อข้าในที่สาธารณะแบบนี้ได้ยังไง หน้าไม่อายเลยนะเอ็ง”

“โว้ย! มันใช่เวลาป่ะ นี่เป็นห่วงเว้ย ไม่ได้จะลวนลาม!” ผมหันมาต่อว่าต่อขานใส่ ถลึงตามองด้วยเอ้า! ไอ้ที่กูใจสั่นก่อนหน้านี้แม่งหายเป็นปลิดทิ้งเลยเมื่อเจอความกวนส้นตีนของท่านเขา โว๊ะ! แล้วกูจะใจสั่นไปเพื่ออะไรฟะไอ้ฉิบหาย!

ผมมองหารอยช้ำไปพร้อมๆ กับก่นด่าท่านเจ้าที่ในใจ แต่ก็ไม่พบรอยอะไรสักอย่าง และดูเหมือนเจ้าของร่างกายจะรู้ว่าผมกำลังงงมากแค่ไหน เลยยอมเปิดปากอธิบายให้ผมเข้าใจ

“ไม่มีบาดแผลหรอก ข้าส่งพลังไปรักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรทั้งนั้น”

“ก็ดี จะได้หายห่วง” ผมตอบรับ ปล่อยมือจากคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วก้มลงไปเก็บถังสีที่หล่นอยู่ไม่ไกล แต่ก็ต้องชะงักเมื่อท่านเจ้าที่เอ่ยขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

“แหม ย้ำหลายรอบจังนะว่าเป็นห่วงข้า หวังจะให้ข้ายินดีแล้วเลิกรังควานเอ็งล่ะสิ”

ผมกลอกตาทำหน้าเซ็ง หันกลับมาสบตาแล้วตอบแค่... “เออ!!!”

จากนั้นก็เดินหนีมาพร้อมกับถังสี หย่อนใส่รถเข็นใส่ของดังโครมใหญ่ ก่อนจะเข็นมันเดินลิ่วๆ เร่งเท้าหนี...คือจะไปที่ไหนก็ได้อ่ะตอนนี้ ขอแค่ผมไม่ต้องเห็นหน้าไอ้ท่านเจ้าที่จอมกวนประสาทสักวินาทีก็ยังดีวะ!

คนเขาเป็นห่วงจริงๆ ก็ยังมากวนตีน ประสาทจะกินครับ!


__________

อยากขี่ม้าไปร้านขายวัสดุกับท่านเจ้าที่จังงง 55555 บางทีก็คิดนะว่าท่านภูกับแทงค์นี่จะด่ากันให้ตายไปข้างนึงเลยหรือเปล่า นี่กลัวว่าพวกนางจะตีกันมากกว่ามุ้งมิ้ง เลยเอาความมุ้งมิ้งมาให้ แม้จะแค่นิดเดียวก็ตาม ก๊ากกก

ขอพูดถึงหน่อย คือมีคอมเมนต์ของนักอ่านท่านนึงทักท้วงเรื่องนี้มา เรื่องเงินที่ท่านเจ้าที่มี เราก็ไม่ได้อธิบายที่มาอ่ะเนอะว่าทำไมเทวดาถึงมีเงินกันได้ ก่อนอื่นเราต้องขอบอกก่อนเลยว่า สวรรค์ในเรื่องนี้เป็นจินตนาการของเราค่ะ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเราสร้างให้สวรรค์มีทุกอย่างคล้ายโลกมนุษย์ มีพรรคการเมือง ธนาคาร ฯลฯ เพราะงั้นก็ต้องมีเงินเดือน แล้วเงินที่ได้นี่ไม่ได้มาจากเสกนะคะ มาจากโรงพิมพ์ธนบัตรแห่งสวรรค์ค่ะ 555

เอาล่ะ ทอล์คแค่นี้ดีกว่า แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-07-2017 21:59:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-07-2017 22:09:28
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-07-2017 22:09:54
สงสารม้าาาาาาาา มีห้องแอร์ด้วยอ่ะเท่าเจ้าที่ ยอมแล้ววว

โอ้โห คนเหงา2017 จริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 26-07-2017 22:13:51
เขามีม้าประจำตำแหน่งด้วยละเธอ (แอบดีใจที่สีน้ำตาลธรรมดาไม่พาสเทล)
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 27-07-2017 00:12:18
สงสารม้า :sad4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 28-07-2017 08:08:33
บางทีก็คิดว่าท่านภูตลาเหมือนเด็กๆ เลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-07-2017 08:37:30
ท่านเจ้าที่เท่ห์ น่าร้าก
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-07-2017 09:33:52
เหมือนเด็กทะเลาะกัน ฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 28-07-2017 10:22:56
โอ้ยยย ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 28-07-2017 11:32:23
โอ้ยยย ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 28-07-2017 13:59:10
น่ารักจังค่ะ
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 14 [26-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 28-07-2017 18:29:57
ขี่ม้าไปนี่คนก็แตกตื่นกันหมดหรอกท่านเจ้าที่
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 30-07-2017 22:25:19

ตอนที่ 15

“เกาะแน่นๆ”

 

“ไอ้แทงค์ มึงไหวป่ะเนี่ย เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ผมหันไปมองคนถาม ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่พนักงานประจำที่เข้ากะพร้อมกับผมในวันนี้ เขาชื่อพี่ทศ เป็นรุ่นพี่ที่สอนงานให้ผมตอนที่ผมเข้ามาทำงานที่นี่วันแรกแล้วได้ทำงานกะดึกของวันเสาร์ด้วยกันพอดี

“อืม ผมไหวพี่” ผมตอบไปทั้งๆ ที่ความจริงคือผมปวดหัวตุบๆ ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆ ก็ปวดหัวขึ้นมา หรือเพราะผมไปตะลอนซื้อของทั้งวัน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็บ่ายสองเข้าไปแล้ว นอนก็น้อย อาการปวดหัวเลยถามหา

“แต่กูว่ามึงไม่ไหว หน้ามึงซีดมาก เอาดีๆ บอกมาเป็นอะไร”

“อ่า ก็ปวดหัวนิดหน่อยอ่ะพี่ แต่ยังพอทนไหว”

“ปวดหัวก็คือทนไม่ไหวแล้วเถอะไอ้แทงค์ อย่าฝืน” พี่ทศเอ่ยแกมดุก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลที่หน้าเคาน์เตอร์...ตอนนี้พวกเรากำลังจัดสินค้าวางบนเชลฟ์เล็กๆ หน้าเคาน์เตอร์อยู่น่ะครับ “นี่ก็ตีสี่จะครึ่งแล้ว ใกล้จะหมดกะ กูว่ามึงกลับเลยก็ได้นะ เอาไง?”

“แทงค์เป็นไรอ่ะพี่?” เสียงของพี่กันต์ พี่พนักงานอีกคนถามขึ้นจากหลังเคาน์เตอร์ พี่ทศเลยหันไปตอบ

“มันปวดหัว พี่ก็เลยว่าจะให้มันกลับบ้านไปเลย เขียนใบลาขอเลิกงานก่อนเวลาเอา พี่ผู้จัดการไม่ว่าหรอก”

“งั้นเดี๋ยวผมไปเอาใบลามาให้”

“ขอบคุณครับตัวเล็ก” พี่ทศยิ้มหวานให้พี่กันต์จนอีกคนหน้าแดงขึ้นมา ยกกำปั้นใส่ก่อนจะจ้ำเท้าหนีไป ทิ้งให้พี่ทศยืนหัวเราะกับท่าทางน่ารักของแฟนตัวเอง...พี่ทศกับพี่กันต์เป็นแฟนกันน่ะครับ เวลาเห็นสองคนนี้กุ๊กกิ๊กดุ๊กดิ๊กกันทีไรผมล่ะโคตรอิจฉา ความน่ารักของพวกพี่เขาทำให้หลายครั้งผมก็อยากจะมีแฟนบ้างเหมือนกันนะ แต่ยังรักโลกส่วนตัวที่ไม่ต้องแบ่งเวลาไปให้ใครอยู่ ผมก็เลยเลือกที่จะไม่มีดีกว่า

ไม่ถึงห้านาทีพี่กันต์ก็กลับมาพร้อมกับใบลาและข้าวของของผม ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่เป้กับเสื้อแจ็กเก็ตกันลมตัวหนึ่ง “อ่ะ พี่เอาของของแทงค์มาให้ด้วย เราจะได้เซนต์ใบลาแล้วตอกบัตรออกไปได้เลย”

“ขอบคุณครับพี่กันต์ ขอบคุณนะพี่ทศ” ผมเอ่ยอย่างซึ้งในน้ำใจ พวกพี่ๆ ที่นี่ดูแลผมเป็นอย่างดีตลอด ตั้งแต่ช่วงสอนงานจนมาถึงตอนนี้ก็ยังคอยแทคแคร์เป็นห่วงเป็นใยเสมอ ผมรู้สึกดีนะที่ได้มาทำงานที่นี่

“ไม่เป็นไรพวกพี่ยินดี เอ้าๆ รีบเขียนใบลาซะจะได้กลับบ้าน”

ผมจรดปากกาเซนต์ชื่อลงไปบนใบลาก่อนจะยื่นให้พี่ทศ “ฝากด้วยนะพี่”

“เออ แล้วนี่ขี่รถกลับไหวเหรอวะ?”

“ไม่ต้องห่วง ผมมารับเขากลับแล้ว” ผมยังไม่ทันได้ตอบว่าผมขี่ไหว เสียงทุ้มเรียบของคนคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาเสียก่อน พอมองไปที่หน้าประตูทางเข้าซุปเปอร์ฯ ก็เจอท่านเจ้าที่ยืนอยู่ตรงนั้น

มาตอนไหนวะ มาได้ไง และต้องถามด้วยว่ารู้ได้ไงว่าผมกำลังจะกลับบ้านทั้งๆ ที่มันยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยด้วยซ้ำ...หรือเทวดามีญาณทิพย์รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า?

“ท่า...มาได้ไง” เป็นอีกครั้งที่ผมเกือบจะหลุดปากเรียกเขาว่าท่านเจ้าที่ แต่ก็ยั้งไว้ได้ทันอีกเช่นกัน

“มารอตั้งนานแล้ว กำลังจะเข้ามาบอกว่าจะรอที่รถจนกว่าจะเลิกงาน แต่ก็มาได้ยินเข้าเสียก่อนว่าปวดหัวเลยจะกลับก่อนเวลา” ท่านเจ้าที่อธิบายเสียงเรียบเรื่อย ก้าวเท้าเข้ามาหาผมก่อนจะแนบหลังมือเข้ากับหน้าผากของผม “ตัวรุมๆ นะ ไม่สบายเหรอ?”

“งั้นมั้ง” ผมตอบรับแบบขอไปที ไม่ได้คิดจะปัดมือของอีกฝ่ายที่กำลังวัดอุณหภูมิของผมจากหน้าผากลงมาที่ข้างแก้มและต้นคอ...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ก่อนหน้านี้ผมก็คิดว่าตัวเองทนได้กับอาการปวดหัวที่เป็นอยู่ แต่เพียงท่านเจ้าที่ปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น ผมก็รู้สึกหมดแรงจนไม่อยากแม้แต่จะยืนอยู่อย่างนี้ขึ้นมาเสียเฉยๆ

มันเหมือนกับว่าเมื่อผมได้พบคนที่ไว้ใจได้ ผมก็พร้อมที่จะเผยความอ่อนแอออกมา คนที่ทำให้ผมอยากพึ่งพาในตอนที่ไม่สบาย และมั่นใจว่าเขาจะดูแลเราได้...หรือท่านเจ้าที่คือคนๆ นั้นสำหรับผม

“งั้นกลับกันเถอะ”

“อืม” ผมพยักหน้าตอบรับ หันไปบอกลาพี่ๆ ทั้งสอง...มองจากสีหน้าก็พอจะเดาได้ว่าทั้งสองคนสงสัยมากแค่ไหนว่าผู้ชายหน้าเข้มตัวสูงที่มารับผมเนี่ยเป็นใคร แต่ก็ไม่ได้รั้งผมเอาไว้เพื่อถาม ซึ่งนั่นก็ดี เพราะผมยังไม่อยากคุยอะไรกับใครในตอนนี้ทั้งนั้น อยากกลับไปนอนมากกว่า

ผมเดินตามท่านเจ้าที่มาถึงรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง สวมแจ็กเก็ตกันลมสะพายเป้เรียบร้อยเตรียมขึ้นซ้อนท้าย แต่เทวดาหน้าหล่อกลับโยนเสื้อยีนส์ที่ตัวเองใส่อยู่มาให้ผม เกือบรับไม่ทันแหน่ะ

“เอาไปใส่อีกตัว อากาศมันเย็น เอ็งอาจจะไม่สบายได้”

“...ขอบคุณครับ” ผมนิ่งไปหลายวินาทีก่อนจะเอ่ยขอบคุณแล้วยอมสวมเสื้อในมือ พอสวมเสร็จท่านเจ้าที่ก็สตาร์ทรถรอเรียบร้อยพอดี ผมขึ้นซ้อนท้าย กอดเอวซุกหน้ากับแผ่นหลังกว้างโดยไม่คิดอิดออดใดๆ ทั้งนั้น ปวดหัวและง่วงมากจนไม่อยากจะมาทำเป็นเล่นตัวอะไรแล้ว กอดๆ ไปเหอะเผื่อเผลอหลับจะได้ไม่หล่นจากรถ

“เกาะแน่นๆ” ท่านเจ้าที่เอ่ยย้ำให้ผมรัดวงแขนกับเอวแกร่งเพิ่มขึ้นอีกนิด หลับตาลงซบแก้มกับแผ่นหลังกว้าง

รถเคลื่อนตัวออกเดินทางแล้ว แต่ผมยังคงหลับตาเช่นเดิม เสียงลมพัดหวีดหวิวผ่านหู ปนไปกับเสียงรถราที่วิ่งไปมาตามถนนแม้จะมีไม่เยอะก็ตาม ถ้าให้ผมเดานะ ผมคิดว่าท่านเจ้าที่น่าจะเลี้ยวรถเข้าซอยบ้านมาแล้ว เพราะเสียงรถราเริ่มเบาลงเรื่อยๆ แต่จู่ๆ รถก็จอดนิ่งสนิทจนผมที่อยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นต้องลืมตาขึ้นมามอง

รอบข้างเงียบสงัด ผมผงกหัวขึ้นมองไปข้างทาง...นี่มันซอยที่เคยมีผู้หญิงกวักมือเรียกผมนี่หว่า แล้วท่านเจ้าที่มาจอดอะไรใกล้ๆ กับทางเลี้ยวเข้าซอยนี้ล่ะ?

“จอดทำไม...!!!” ผมออกปากถาม แต่แล้วก็ต้องนิ่งงันเมื่อชะเง้อหน้าจากด้านหลังท่านเจ้าที่เพื่อมองด้านหน้า แล้วก็เจอเข้ากับ...กองทัพย่อมๆ ของพวกผู้หญิง

มันก็คงไม่มีอะไรหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกผู้หญิงที่กำลังยืนดักหน้าขวางทางรถของเราอยู่จะไม่ใช่...ผี!!!

“ผะ ผะ ผะ...” ผมปากคอสั่น ไอ้ที่ปวดหัวเอยง่วงนอนเอยก่อนหน้านี้เหมือนโดนสับสวิตช์ให้หายเป็นปลิดทิ้ง “เกิดอะไรขึ้นวะท่านเจ้าที่ ทำไมมีผะ...ผี! ผีมาขวางทางเราเต็มไปหมดเลยล่ะ!?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรหรอก เอ็งมีข้าอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกังวล” ท่านเจ้าที่เอ่ยปลอบผม มือหนาลูบเบาๆ ที่มือของผมซึ่งกำลังกอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ผมขยับตัวเข้าไปชิดกับแผ่นหลังท่านเจ้าที่มากขึ้น ต่อให้มีเขาอยู่ด้วยผมก็ยังกลัวอยู่ดี เกิดผีมันมาโผล่ข้างหลังหรือข้างๆ ตัวผม ผมไม่สติแตกตายห่าเหรอ!

“พวกเอ็งต้องการอะไรถึงมาขวางทางข้า!?!”

ท่านเจ้าที่เอ่ยถามพวกผีด้วยน้ำเสียงเข้มจัด ก้องกังวานดุดันจนผมที่เป็นคนแท้ๆ ยังอดหวั่นใจด้วยความกลัวเกรงไม่ได้ นี่ท่านเขากำลังแผ่อำนาจในแบบฉบับพระภูมิเจ้าที่อยู่ใช่ไหม

“เราเพียงแต่อยากเห็นท่านเท่านั้นค่ะท่านเจ้าที่”

เสียงกลวงๆ เย็นๆ ของผีหนึ่งในนั้นพูดขึ้นอย่างนอบน้อม ผมแอบลอบๆ มองเพื่อนับดูว่าผีพวกนี้มีกันกี่ตัว...ราวๆ 6-7 ตัวได้อ่ะ ทำไมมากันเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย แล้วมีแต่ผู้หญิงด้วยนะ ผีผู้ชายไปไหนล่ะ สูญพันธุ์ไปแล้วเรอะ?!

อ่า แล้วมันใช่เรื่องที่มึงสมควรจะสงสัยหรือไงวะไอ้แทงค์!

ผมเลิกคิดเรื่องไร้สาระแล้วแอบๆ มองท่านเจ้าที่คุยกับพวกผีสาวต่อเงียบๆ เงียบแบบไม่ส่งเสียงอะไรออกไปขัดจังหวะแม้แต่นิดเดียวน่ะครับ ไม่อยากเป็นจุดสนใจแทนท่านเจ้าที่เว้ย

“หมายความว่าอย่างไร? พวกเอ็งไม่ได้มาดักพวกข้าเพราะเจ้าเด็กน้อยข้างหลังข้าหรอกรึ?”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะท่านเจ้าที่ พวกเราอยากเจอท่านต่างหาก”

“แล้วที่มีวิญญาณสองดวงไปก่อกวนที่บ้านของข้าเล่า ข้าจำเอ็งได้นะ” ท่านเจ้าที่ว่าพลางก็ชี้มือไปที่วิญญาณผีตัวหนึ่ง ผมเหลือบๆ มองตามก็พบว่าผีตัวนั้นคือตัวเดียวกันกับที่โผล่มาหลอกผมในคืนแรก

“หนูไปเพราะอยากเห็นหน้าท่านเท่านั้นเองค่ะ”

“ฉันก็ด้วยค่ะท่านเจ้าที่” วิญญาณดวงที่สองก้าวออกมา พูดแบบนี้แปลว่าเป็นตัวเดียวกันกับที่ไปหลอกผมในคืนที่สองอ่ะดิ!? อ้าว ไหนท่านเจ้าที่บอกว่าให้ยมทูตมาจัดการแล้วไง แต่ทำไมยัยผีนี่ยังอยู่ล่ะ แล้วก็นะ โอ้โห แท็กทีมกันแบบนี้แปลว่ารู้จักกันก่อนจะไปหลอกกูที่บ้านสินะ!

“แล้วพวกเอ็งจะอยากเห็นข้าไปทำไม?” ท่านเจ้าที่ยังคงถามต่อไป

“พวกเราได้ยินมาว่ามีพระภูมิเจ้าที่องค์ใหม่ย้ายมาอยู่ที่บ้านของพ่อหนุ่มคนนี้ แถมยังได้ยินมาอีกว่าหล่อมาก ก็เลยอยากเห็นหน้าน่ะเจ้าค่ะ” ผีสาวตนหนึ่งเอ่ยพลางกรีดกรายเดินนวยนาดเข้ามาใกล้ท่านเจ้าที่มากขึ้น ยื่นหน้าทำตาปิ๊งๆ ใส่ ก่อนจะใช้เสียงที่ห้าวขึ้นอีกระดับพูดต่ออีกว่า “แหม แล้วก็หล่อสมคำเล่าลือจริงๆ ด้วย อ๊ายยย ซินดี้ชอบจังเลยค่ะ!”

ฉิบหาย ผีกระเทยนี่หว่า ไม่ใช่ผู้หญิง!

“อย่ามายุ่งกับข้านะ” ท่านเจ้าที่ทำหน้าหวาดผวา เอนตัวถอยหลังเหมือนต้องการจะหนี ทั้งๆ ที่ผีซินดี้ก็ไม่ได้ยื่นหน้าเข้ามาจนชิดติดกับหน้าของเขามากมายอะไรนัก แต่เป็นผมก็ขออยู่ให้ห่างเหมือนกันว่ะ อึ๋ย น่ากลัววว

“งื้ออ มาดเข้มจังเลย ชอบๆ เท่มากเลยเนอะพวกแก” ผีซินดี้หันไปวี๊ดว้ายกับเพื่อนผีทั้งหลาย ท่าทางระริกระรี้จนน่าสยอง เห็นดังนั้นผมก็รีบสะกิดเสื้อท่านเจ้าที่แล้วกระซิบบอกเสียงเบา

“รีบๆ คุยแล้วกลับบ้านเหอะท่านเจ้าที่ ก่อนท่านจะโดนผีลากไปรุมโทรม”

“ข้าเห็นด้วย” ท่านเจ้าที่รับคำอย่างไว ก่อนจะหันไปหาพวกผีสาวแล้วเอ่ยเสียงทุ้มเข้มขึงขังว่า “ข้าจะไปแล้ว เพราะงั้นจงหลีกทางให้ข้า และอย่าโผล่ไปที่บ้านของข้าอีก ข้าไม่ชอบ! เข้าใจไหม?”

“รับคำสั่งค่ะท่านขาาา เอ้าพวกมึงหลีกทางสิค้าา ให้ท่านเจ้าที่เขากลับบ้าน” ผีกระเทยซินดี้กรีดกรายเดินกลับไปหาฝูงเพื่อนผีก่อนจะผลักๆ ดันๆ ทุกคนให้พ้นทาง จากนั้นจึงหันมาผายมือเปิดทางให้เรา “เชิญค่ะท่านขา จุ๊บๆ”

ท่านเจ้าที่บิดมอ’ไซค์อย่างไวชนิดที่ถ้าผมไม่ได้กอดเอวอีกฝ่ายอยู่คงได้มีหงายหลังไปแล้ว...เข้าใจแหล่ะว่าคงอยากหนีไปให้พ้นจากตรงนี้ ซึ่งผมก็ไม่ว่าหรอกนะ เพราะผมก็ไม่อยากอยู่นานไปกว่านี้เหมือนกัน

พวกผีคลั่งเจ้าที่นั่นน่ะ อย่าได้เจอกันอีกเลยไอ้ห่าเอ๊ย!

กลับมาถึงบ้านได้ผมก็ถึงกับต้องถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกสุดๆ พวกเรากลับมาถึงโดยไม่มีวิญญาณใดๆ ตามมาแม้แต่ตัวเดียว ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดีมาก

“เอ็งไม่สบายก็ไปกินยานอนเสีย นี่มันตีห้าแล้ว”

ท่านเจ้าที่เอ่ยปากไล่ผม พอบอกว่าตีห้าผมก็ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือทันที...เออว่ะ ตีห้าแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเจอกองทัพแฟนคลับผีๆ ของท่านเจ้าที่ พวกเราคงกลับมาถึงตั้งแต่เมื่อสิบนาทีก่อนแล้วเถอะ

ผมไม่ได้พูดอะไร ถอดเสื้อยีนส์ส่งคืนให้ท่านเจ้าที่ได้ก็ถอดแจ็กเก็ตตัวเองออกโยนไว้บนโซฟา จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนบนนั้นเท่าที่ความกว้างของโซฟาจะอำนวยให้ผมนอนได้...ก็จะเมื่อยๆ หน่อยแต่รู้สึกดีมากกว่า เพราะงั้นนอนได้

จะว่าไปผมก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีกแล้วแฮะ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ ด้วย หรือผมจะไม่สบายจริงๆ วะ

“เอ๊ะ ไอ้เด็กนี่ ข้าบอกให้กินยาแล้วไปนอนบนห้องมิใช่รึ?”

“อือ” ผมตอบรับในลำคอแต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน กำลังเคลิ้มๆ จะหลับท่านเจ้าที่ก็โผล่มานั่งยองๆ ตรงหน้าแล้วยื่นพาราฯ กับแก้วน้ำมาให้

“กิน” ...แถมยังเอ่ยแกมบังคับเสียงเข้มเหมือนดุเด็กไม่ยอมกินยาอีกต่างหาก

ผมสบตาเขาเล็กน้อย ก่อนสุดท้ายจะยอมผงกหัวขึ้นมาตั้งตรงแล้วรับเอายามาโยนเข้าปาก ตามด้วยดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว ผมส่งแก้วคืนให้ท่านเจ้าที่ พึมพำบอกเสียงเบา “ขอบคุณครับ”

แล้วผมก็ปล่อยตัวเองลงนอนอีกครั้ง หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ผ่อนลมหายใจยาว ปล่อยให้สติค่อยๆ เลือนรางจนหลับไปไม่รับรู้อะไรหลังจากนั้นอีก เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือคำพูดของท่านเจ้าที่...

“ให้ข้าต้องอุ้มเอ็งไปนอนอีกแล้วนะ”

 

เจ้าที่หนุ่มถอนหายใจอย่างเอือมระอา แต่ก็โน้มตัวลงไปช้อนร่างสูงโปร่งของไอ้เด็กแสบขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง สองขาสาวเท้าก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของอีกฝ่าย ก่อนจะวางร่างของเจ้าเด็กแทงค์ลงบนเตียงนอน ตวัดผ้าขึ้นห่มให้เหมือนเมื่อครั้งก่อนไม่มีผิด ต่างกันก็ตรงที่ครั้งนี้ร่างสูงหายเข้าห้องน้ำไปเพื่อเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดคอให้เด็กหนุ่มที่หลับสนิท

“เป็นเจ้าที่มาเกือบจะสองร้อยปีแล้ว ก็มีแต่เอ็งนี่แหล่ะคนแรกที่ข้าดูแลขนาดนี้ ควรรู้ตัวเอาไว้เสียบ้างนะไอ้หนูน้อยว่าเอ็งได้อภิสิทธิ์พิเศษมากขนาดไหน” เช็ดตัวให้เด็กมันไปก็อดสงสัยในใจไม่ได้ว่าทำไมพระภูมิเจ้าที่อย่างเขาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย แต่จะให้เมินเฉยมันก็ทำไม่ได้อีกนั่นล่ะ

เจ้าเด็กคนนี้จะพิเศษกับเขามากเกินไปแล้ว


__________
ตั้งใจจะอัพตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แต่วายฟายหอกากมากกกกกกกก วันนี้ก็ยังกาก นี่นั่งเชื่อมเน็ตตั้งนาน นานจนแบบอ่านมังงะได้ครึ่งเล่มแล้วก็เพิ่งจะติดนี่แหล่ะค่ะ ฮื่อ หงุดหงิดดด

สำหรับในส่วนของตอนนี้ เราไม่รู้ว่ามันดูน่ารักขึ้นบ้างมั้ย สองคนนี้ตีกันตลอด หาโมเมนต์ให้เขามุ้งมิ้งใส่กันนี่ยากจริงๆ ค่ะ 555 จนตอนนี้เราสต็อกไว้ 20 ตอนมันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรักกันสักที วุ้ย เมื่อไหร่จะรักกันฮะ!? //หันไปว้ากใส่

ท้ายสุดในวันนี้ หวังว่าทุกคนจะยังสนุกกับนิยายของเราเรื่องนี้นะคะ ติชมกันได้เต็มที่ เราจะได้ปรับปรุงแก้ไข แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-07-2017 22:33:27
 :man1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-07-2017 23:11:03
นั่นสิคะ เมื่อไหร่จะรักกันเนี่ย เห็นมีแต่กวนกัน ทะเลาะกันไปวัน ๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 30-07-2017 23:24:47
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 31-07-2017 07:19:26
ท่านเจ้าบริการโครตดี
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 31-07-2017 07:53:11
ขอสมัครเป็นแฟนคลับท่านเจ้าที่ด้วยคนได้ไหมสาวๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 31-07-2017 10:15:29
ท่านเจ้าที่เส่นห์แรง...
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 31-07-2017 14:09:08
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-07-2017 16:14:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 31-07-2017 18:49:00
กรี๊ดๆๆๆๆ มีความอุ้มไปนอน มีความป้อนยา เช็ดตัว!!
ฮ่อลลลลลลล >\\\\\\<
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 31-07-2017 20:54:52
 :z2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 01-08-2017 16:41:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-08-2017 20:13:24
นี่ก็มุ้งมิ้งขึ้นแล้ว  :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 03-08-2017 21:40:31
ตอนที่ 16

“แทงค์ ฉันมารับกลับบ้าน”

 

ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองคงป่วยแล้วล่ะ แต่พอตื่นนอนขึ้นมาในตอนเที่ยง ผมกลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่าราวกับไม่เคยปวดหัวแต่อย่างใด คงต้องขอบคุณพาราเซตามอลที่ท่านเจ้าที่เอามาให้กิน...หมายถึงบังคับให้ผมกินนั่นล่ะ เพราะถ้าไม่ได้กินยาก่อนนอนดักอาการไว้ก่อน ผมอาจจะป่วยไปแล้วจริงๆ ก็ได้

ผมลงมาที่ห้องครัวเพื่อหาข้าวเที่ยงกิน จำได้ว่าในตู้เย็นมีหมูสับกับใบกะเพราอยู่ เดี๋ยวทำกะเพราหมูสับกินแล้วกัน...แต่แล้วผมก็ต้องตะลึงตัวแข็งค้างเมื่อเดินเลี้ยวเข้ามาในครัวแล้วเจอท่านเจ้าที่กำลังแกะถุงอะไรสักอย่างเพื่อเทของในนั้นใส่ชามอยู่ แล้วไม่ได้มีแค่หนึ่งถุงนะ แต่มันยังมีอีกหลายถุงวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวอ่ะ!

“เฮ้ย! อะไรเยอะแยะเนี่ยท่านเจ้าที่!?”

“ก็อาหารกลางวันไง” ท่านเจ้าที่ตอบทั้งๆ ที่ไม่หันมามองผม มือก็เลื่อนไปหยิบอีกถุงมาแกะยางหนังสติ๊กออก

ผมเดินเข้าไปหา มองของกินมากมายบนโต๊ะ...ที่แกะใส่ชามไปเมื่อกี้คือก๋วยจั๊บ และที่กำลังแกะอยู่คือก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ส่วนที่ยังไม่ได้แกะก็มีผัดไท แล้วนั่นขนม เป็นข้าวเหนียวสังขยา ถัดไปกล่องๆ นั่นเค้กป่ะวะ?

“ไปปล้นมาจากไหนเนี่ย”

“ปล้นอะไร หยาบคายนะเอ็ง ข้าเป็นเทวดาไม่ใช่ขโมยขโจร” ท่านเจ้าที่หันมาเขม่นตามองผมก่อนจะกลับไปแกะห่อผัดไทต่อ “พวกนี้ข้าซื้อมาน่ะสิ”

“ท่านซื้อมา?” ผมทวนถาม อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นพระภูมิเจ้าที่ออกไปซื้อของกินที่ตลาดได้ด้วยเหรอ ถ้างั้นทำไมไม่หาข้าวกินเอง ต้องให้มนุษย์เอาข้าวมาเซ่นมาถวายทำไม...พลันผมก็นึกไปถึงคราวก่อนนู้นที่ท่านเจ้าที่ออกไปซื้อวัตถุดิบทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า จนความสงสัยมันผลักดันให้ผมถามออกไป “เออ แล้วคราวก่อนที่ท่านซื้อของทำสปาเก็ตตี้มาอ่ะ นั่นก็ซื้อเองเหรอ?”

“ใช่ ถึงจะเป็นเทวดา แต่บางทีเราก็ปรากฏตัวในฐานะมนุษย์ออกไปดูสภาพความเป็นอยู่ของคนในสังคมบ่อยๆ”

“อ๋อ เข้าใจละ” ผมพยักหน้า หายสงสัยในทันที

“อย่ามัวแต่ถามมาก เจ้าหนูจำมัยเหลือเกินนะเอ็ง มานั่งลงแล้วกินข้าวได้แล้ว” ท่านเจ้าที่ว่าพลางเก็บเอาขยะไปทิ้ง ผมก็เลยทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ประจำของตัวเอง รออีกฝ่ายกลับมานั่งจะได้กินพร้อมกัน “กินเข้าไปสิ จะรออะไร?”

“รอท่านอ่ะแหล่ะ มากินพร้อมกันดิ”

“อือ” ท่านเจ้าที่ตอบรับ ทรุดลงนั่งแล้วหยิบช้อนมาตักชิมก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เห็นอย่างนั้นผมก็เลยลงมือกินบ้าง

กินเงียบๆ ไปได้สักพัก เทวดาหน้าหล่อก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามทางสายตาว่ามีอะไรหรือเปล่า อีกฝ่ายเลยกลืนอาหารก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “วันนี้จะไปไหนมั้ย?”

ผมพยักหน้ารับ “ไปๆ ผมมีซ้อมดนตรีกับเพื่อนตอนบ่ายสาม”

“ดนตรี? เอ้อ เอ็งเรียนดนตรีนี่นะ”

“รู้ด้วยเหรอ ผมว่าผมไม่เคยบอกท่านนะ แหน่ะ แอบไปเสือกเรื่องของผมมาจากเจ้าที่องค์เก่าอ่ะดิ”

“ข้าไม่ได้เสือก! แค่ถาม” ...แล้วมันต่างจากเสือกตรงไหน ตัวเองโดนด่าบ้างทำมาถลึงตาใส่ ทีตอนด่ากูนี่หน้าระรื่นเชียว จิ๊! “แล้วเอ็งจะกลับกี่โมง”

“คงดึกๆ หน่อยอ่ะ น่าจะซ้อมกันนานเพราะขาดซ้อมไปตั้งสองอาทิตย์”

“ทำไมถึงขาดซ้อม?” ท่านเจ้าที่ยังมีคำถามออกมาเรื่อยๆ แหมะ แล้วมาบอกว่ากูเป็นเจ้าหนูจำมัย ตัวเองก็ไม่ต่างกันเลยไหมล่ะ เบื่อคนปากไม่ตรงกับพฤติกรรม

“ร้านที่ไปเล่นเป็นงานพิเศษเขาปิด พวกผมก็เลยถือโอกาสหยุดพักไปด้วย ก็เลยไม่ได้ซ้อมกันเลยน่ะ”

ท่านเจ้าที่พยักหน้ารับว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นเราสองคนก็จัดการสารพัดอาหารตรงหน้าต่อจนหมด...ตอนแรกผมนึกว่าจะกินไม่หมดแล้วเชียว แต่ปรากฏว่าหมดเกลี้ยงเลยครับ แถมแต่ละอย่างที่ท่านเจ้าที่ซื้อมานี่อร่อยมากอ่ะ ไปหาร้านเจอมาจากที่ไหนวะเนี่ย อร่อยๆ ทั้งนั้นเลย ต้องไม่ใช่แถวหน้าปากซอยแน่ๆ ผมมั่นใจเพราะลองกินมาหมดทุกร้านแล้ว

“ไปซื้อมาจากไหนเนี่ยท่านเจ้าที่” ผมอดเอ่ยปากถามออกไปไม่ได้

คนโดนถามเหลือบสายตามามองผม ขณะที่มือก็เก็บจานชามมาวางซ้อนกันเพื่อจะเอาไปเก็บล้าง...จริงๆ ผมบอกแล้วนะว่าเดี๋ยวผมจะล้างเอง แต่ผีอะไรเข้าท่านเจ้าที่อีกแล้วก็ไม่รู้ อีกฝ่ายบอกว่าจะทำเอง แล้วให้ผมนั่งเฉยๆ ก็พอ แล้วผมจะปฏิเสธทำไมอ่ะ นั่งเฉยๆ มันสบายกว่านี่หว่า ใครบ้างไม่อยากนั่งเฉยๆ ฮิๆ

ท่านเจ้าที่ไม่ยอมตอบผมว่ะ ลุกขึ้นเอาจานชามไปยืนล้างที่ซิงค์ ผมก็เลยเท้าคางมองแผ่นหลังอีกฝ่าย แล้วถามซ้ำ “เอ๊า ทำไมไม่ตอบผมเนี่ย”

“จะอยากรู้ไปทำไม?” เขาหันมาย้อนถามผม ผมเลยกลอกตาใส่

“ก็เผื่อวันหลังผมจะไปซื้อมากินบ้างไง”

“เสียใจด้วย ข้าบอกเอ็งไม่ได้” ท่านเจ้าที่ตอบพลางยักคิ้วให้สองจึก กระตุ้นต่อมความหมั่นไส้ของผมให้ทำงาน...หวงไง แค่นี้ทำมาหวง แค่บอกว่าร้านไหนเนี่ยจะหวงเพื่อ?!

“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก คนขี้หวง!” ผมบ่น บ่นแบบเสียงดังมากๆ ใส่ ก่อนจะสะบัดก้นลุกจากเก้าอี้แล้วทิ้งท้ายไว้แค่ว่า “ไปแล้วนะ!”

แล้วผมก็เดินดุ่มๆ ออกมาทันที...หงุดหงิดเว้ย! ไอ้คนกวนประสาท ชิ!

__________

วันพุธมาถึงในที่สุด วันนี้พวกผมจะได้กลับไปเล่นดนตรีที่ร้านพี่เฟิ่งแล้ว แอบตื่นเต้นไม่น้อยเลยเหมือนกันนะ ไม่ได้เล่นมาพักใหญ่ๆ พอกลับมาเล่นมันก็ใจเต้นตึกตักเลยว่ะ หรือดนตรีก็ทำให้ผมใจเต้นได้แบบที่ไอ้คลาร์กมันใจเต้นเวลาเห็นนมตู้มๆ ของสาวๆ วะครับ? ฮะๆๆ แล้วนี่กูจะไปนึกถึงที่มันเคยพูดทำไมเนี่ย ลากมกจกเปรตมาก!

“ยินดีต้อนรับกลับสู่ร้านเฟิ่งหลงเมียจ้ะเด็กๆ”

...ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ร้านนี้ชื่อว่า ‘เฟิ่งหลงเมีย’

เป็นการเล่นคำน่ะครับ นอกจากจะบอกชื่อเจ้าของร้านแล้ว ยังบอกอีกด้วยว่าเจ้าของร้านนี่หลงเมียขนาดไหน

คนที่ออกมาต้อนรับพวกเราก็คือเจ๊เฟย์ ภรรยาของคุณเจ้าของร้านที่พูดถึงนั่นล่ะ

“หวัดดีครับเจ๊ เสียใจด้วยนะครับเรื่องแม่” ไอ้เนสเอ่ยขึ้นพลางยกมือไหว้เจ๊ใหญ่ของร้าน พวกผมไหว้ตาม

เจ๊เฟย์รับไหว้ “ขอบใจจ้ะ พี่ไม่เป็นไรหรอก แม่ก็ป่วยมานาน ทำใจไว้นานแล้วว่าสักวันในเร็วๆ นี้ท่านคงต้องจากไป ท่านเหนื่อยมามากแล้วนี่นะที่ต้องสู้กับสารพัดโรค”

พวกผมพูดคุยกับเจ๊เฟย์อีกนิดหน่อย ก่อนจะเข้าไปยังหลังร้าน...ที่นี่มีห้องพักให้กับพวกนักดนตรีด้วยครับ พวกผมก็ไปพักเอาที่นั่นทั้งก่อนขึ้นแสดง ระหว่างพัก หรือก่อนกลับบ้านนั่นล่ะ

“ไงพวกมึง” เสียงของพี่เฟิ่งเรียกความสนใจของพวกเราให้หันไปมอง ผมที่กำลังควงไม้กลองเล่นเอ่ยทักกลับไป

“ไงพี่ สบายดีนะ”

“เออ กูสบายดี พวกมึงกินอะไรกันหรือยัง”

“กินแล้วพี่” ไอ้คลาร์กตอบ มือก็เอาผ้าเช็ดกีตาร์ของมันไปด้วย

“ดี งั้นคืนนี้พวกมึงอย่าเพิ่งรีบกลับ แดกเหล้ากับกูก่อน”

“นั่นไง กูเดาไว้ไม่มีผิดว่าพี่เฟิ่งต้องชวนเราแดกน้ำเมา” ไอ้เนสหันไปยักคิ้วให้ไอ้คลาร์ก คู่ซี้คู่กัดของตัวเอง

“หรือพวกมึงจะไม่แดก?” พี่เฟิ่งเลิกคิ้วถาม แต่ไอ้สองหน่อก็ตอบออกมาพร้อมกันว่า...

“แดก!!!”

“ฮะๆ ก็แค่นั้น” แล้วพี่เฟิ่งก็ชวนคุยอีกพักใหญ่ก่อนจะออกไปคุมหน้าร้าน...แหม่ ไม่ถามกูบ้างเหรอว่าอยากแดกหรือเปล่า นี่มีเรียนไงพรุ่งนี้อ่ะ พวกมึงลืมไปแล้วเรอะ?

“พรุ่งนี้มีเรียนนะ” ไอ้ฮัทเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ราวกับรู้ความคิดของผมเพราะมันพูดขึ้นมาแทนผมพอดิบพอดีเลย

“เอาน่า เทเรียนสักวันคงไม่เป็นไรหรอก เราไม่เคยหยุดวิชาของวันพรุ่งนี้เลยนะเว้ย” ไอ้เนสโบกมือที่ถือไมค์ไปมา ขณะที่ไอ้คลาร์กเสริมอีกว่า

“จริงงง เรื่องแดกเหล้าเคล้านารีสำคัญกว่าเรื่องเรียนเว้ย”

“มึงคนเดียวสิที่คิดอย่างนั้น กูยังเห็นชีทการบ้านสำคัญกว่านมสาวเฟ้ยไอ้ควายย แค่ว่าไม่ได้ดริ๊งค์มานานเลยอยากจะเมาสักหน่อยวันนี้” ไอ้เนสยื่นมือไปตบหัวไอ้ลูกครึ่งเสียฉาดใหญ่

คนโดนตบฟาดมือกลับมาอย่างไม่ยอมน้อยหน้า “แล้วมึงเมาใครจะเก็บซากมึงกลับบ้านไอ้ฟัคคค”

“ไอ้ฮัทไง” ผมเอ่ยพลางชี้ไปที่เพื่อนผู้เงียบขรึม อีกฝ่ายเขม่นตามองผม กระตุกมุมปากยิ้มเย็น

“เดี๋ยวกูจะเก็บซากมึงไปส่งวัดด้วยไอ้แทงค์”

“ฮ่าๆๆๆ” พวกผมหัวเราะให้กับคำตอบของมันก่อนจะคุยกันเรื่อยเปื่อย รอเวลาขึ้นเล่นตอนทุ่มครึ่ง

เห็นมันพูดเหี้ยมโหดแบบนี้ จริงๆ แล้วก็เป็นมันนี่แหล่ะครับที่คอยหามพวกขี้เมากลับไปส่งบ้าน ไอ้ฮัทมันค่อนข้างคอแข็ง แต่จริงๆ คือมันแทบไม่ค่อยดื่มมากกว่าน่ะ เลยยังมีสติครบถ้วนจนขับรถกลับบ้านได้ ส่วนผมน่ะเป็นพวกไม่ค่อยดื่ม แต่จะดื่มเฉพาะเวลาที่คิดว่าต้องดื่มเท่านั้น อย่างวันนี้นี่ต้องดื่มแน่ๆ เพราะต่อให้ปฏิเสธยังไง พี่เฟิ่ง ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กก็ต้องบังคับผมให้ดื่มจนได้อยู่ดี และก็เมาทุกครั้งที่โดนมอมจากพวกมันนี่แหล่ะครับ เฮ้อ ก็ได้แต่หวังว่าคืนนี้ผมคงจะไม่เมาจนเกินไปล่ะนะ

__________

เที่ยงคืนเลิกงาน...พวกเราเริ่มเล่นตอนทุ่มครึ่ง พักเบรกครึ่งชั่วโมงตอนสามทุ่มครึ่ง เล่นต่อมาจนถึงเที่ยงคืน นั่นคือเวลางานทั้งหมดของพวกผมครับ

ร้านนี้ปิดตีสาม เวลาที่เหลือก็เลยใช้เปิดเครื่องเสียงเอา ส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงช้าๆ เบาๆ ฟังสบาย เพราะถ้าเปิดเพลงมันๆ ตอนเลยเที่ยงคืนไปแล้วเนี่ย อาจจะเป็นการกระตุ้นให้คนเมาลุกขึ้นมาตีกันเพียงเพราะเผลอมองหน้ากันก็ได้ อะไรทำนองนั้นตามความคิดเจ้าของร้านเขาน่ะ ฮะๆ

ตอนนี้พวกเราทั้งวงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่โต๊ะๆ หนึ่งตรงใกล้ทางออกของร้าน ร้านพี่เฟิ่งมีสองโซนครับ คือโซนในร้านก็จะมิดชิดหน่อย ส่วนโซนนอกร้านเป็นแบบเอาท์ดอร์เปิดโล่ง มองเห็นท้องฟ้ายามราตรี

“เอ้า แดกๆๆ” พี่เฟิ่งชงเหล้าให้พวกผมคนละแก้ว ก่อนพวกเราทั้งหมดจะชนแก้วกับพี่เขาแล้วกระดกดื่ม ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กนี่พรวดๆ จนหมดแก้ว มีแต่ผมกับไอ้ฮัทที่ค่อยๆ จิบ ก็ไม่รู้จะรีบเมาไปทำไมนี่หว่า ดื่มไปชมบรรยากาศไปมันดีกว่านะผมว่า

“ไอ้ฮัทมึงเตรียมเก็บศพพวกมันด้วยนะ ฮะๆๆ” พี่เฟิ่งเอ่ยเหมือนจะแซวไอ้หน้านิ่ง ส่วนคนโดนแซวน่ะเหรอ?

“ก็เหมือนทุกทีอ่ะพี่ ผมชินแล้ว”

พวกเราฮาครืนกันยกใหญ่ ดื่มไปคุยไปเรื่อยเปื่อย จนเวลาเคลื่อนผ่านจากเที่ยงคืนไปที่ตีสอง...ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองดื่มไปกี่แก้วแล้ว แต่ที่แน่ๆ น่าจะดื่มมากเอาการเพราะตอนนี้เริ่มมองอะไรเป็นสองร่างสามร่างไปหมดแล้วอ่ะครับ เฮ้ยๆๆ ถึงผมจะเมาแต่ก็รู้ตัวนะเว้ยย เก่งป๊ะล่าาา

“อะไรวะ เลื้อยกันแล้วเหรอ” พี่เฟิ่งว่าพลางมองไอ้สองคู่หูคู่กัดที่เริ่มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากร้องเพลงด้วยกันไปเรื่อยแล้ว

ผมมองพี่แกก่อนจะเรียกเขา “พี่...เฟิ่งงง”

“อะไรมึง?” อีกฝ่ายตอบรับ

“จั่นเจาไปหนายย”

“จะรู้มั้ย กูไม่ใช่เปาบุ้นจิ้น”

“อ๊อ เหรออ” ผมเลิกคิ้ว หรี่ตามองพี่เฟิ่งที่กำลังแยกร่างให้กลับมามีร่างเดียว “พี่เฟิ่งง รักผมม้ายยย”

“รักเชี่ยไร! กูมีเมียแล้ว!”

“พี่ใจ...ร้ายย พี่ไม่ร๊ากผ๊ม ขะหนาดพาดลมยังสั่ยหน้าเลยย” ผมโวยวาย รู้สึกว่าเสียงตัวเองมันยานๆ นะ “ผมเสียจาย ไม่อยากมีเชวิตอยู่ ต่อปาย ล้าววว เอิ่ว! ฉานผูกคอตาย~ ใต้โต้นมาเขือ ฮื้อออ ฮืออ~”

“มีเอื้อนด้วยว่ะไอ้เหี้ย...”

“ทำมายต้อง ต่ายต้นมาเขือด้วยอ่ะ?” ไอ้คลาร์กเอ่ยถามขึ้นมาเสียเฉยๆ ไอ้เนสเองก็เลยถามกลับ

“แล้วทะไมจะเป็นโต้นมะเขือไม่ล่ายย”

“กูม่ายชอบ...มะเขือ”

“แต่กูชอบบบ โดยเพาะมาเขือ...ยาว ฮ่าๆๆๆ” ไอ้เนสหัวเราะลั่น ผมที่ฟังอยู่ถึงกับต้องยื่นมือไปผลักหัวมัน

“ไอ้พวกทาลึ่งลามกกก” ผมว่าพวกมัน ก่อนจะ... “กูก็ชอบมะเขือยาวว ฮ่าๆๆ”

“เราพวก...เดียวกัน!” ไอ้เนสตอบรับพลางยื่นมือมาตีมือกับผม

“เมิงเองก็ทะลึ่งไอแทงค์ ไอ้ฟายยย” ไอ้คลาร์กด่าแต่ผมก็ไม่สนใจ

ได้ยินเสียงไอ้ฮัทพูดกับพี่เฟิ่งแว่วเข้ามาในหู “พี่ยังไม่ชินอีกเหรอ? ฮะๆ”

“ชินยากว่ะ แม่งพีคทุกครึ่งที่พวกมันเมา ฮ่าๆๆๆ เมาแล้วตลกฉิบหาย”

“เพราะมันตลกพี่เลยชอบมอมเหล้าพวกมันอ่ะดิ” ไอ้ฮัทพูดเหมือนรู้ทัน ให้คนฟังยักไหล่...คิดว่าน่าจะใช่นะ ผมก็มองไม่ค่อยชัด ภาพตรงหน้ามันสั่นๆ กระเพื่อมๆ ไปหมดเลยง่า

“ยอมรับ ฮะๆ เออ มึงพาพวกมันกลับไหวป่ะเนี่ย ไงให้กูบอกเด็กไปช่วยมั้ย?”

“ไม่เป็นไรพี่ ผมไหวๆ”

“งั้นมึงจะกลับเลยหรือเปล่า นี่มันก็ดึกแล้วนะ จวนได้เวลาปิดร้านแล้วด้วย” พี่เฟิ่งว่าพลางกดโทรศัพท์ดูเวลา

“กลับเลยครับพี่”

หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูเลือนรางมากในสายตาและสติของผม ผมจำได้แค่ว่าไอ้ฮัทเป็นคนพยุงผมเดินออกจากร้าน โดยที่ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กเดินกอดคอกันตามหลังมาอย่างเซๆ แล้วในตอนที่กำลังจะเลี้ยวไปที่ที่ไอ้ฮัทจอดรถของมันเอาไว้ จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าต้นแขนของตัวเองโดนดึงไปอีกทางจนตัวปลิวไปติดกับแผ่นอกของใครสักคน พร้อมกับที่เสียงนุ่มทุ้มติดจะเข้มขึงดังขึ้นเรียบๆ ข้างหู

“แทงค์ ฉันมารับกลับบ้าน”





__________

ความเมาเรื้อนที่แท้ทรูค่ะ 55555555 แทงค์เนี่ยจะมีเพื่อนอยู่สามกลุ่มด้วยกัน คือเพื่อนตั้งแต่เด็กอย่างพัค เพื่อนมหาลัยคือพวกเนส กับเพื่อนที่ทำงานคือพวกไวท์ เพื่อนมัธยมก็มีแต่เราไม่ได้ดึงออกมาเปิดตัวเพราะแค่นี้ตัวละครก็เยอะไปแล้ว ฮ่าา

นี่เป็นไง มีคนมารับน้องแทงค์กลับบ้านด้วย ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้เนอะว่าใคร คนเดียวแหล่ะที่ปากบอกมารังควานแต่จริงๆ มาดูแล โด่ว ท่านเจ้าที่จอมซึนเอ๊ย 55555 ตอนหน้า...คนเมาเขาจะอ้อนแหล่ะ คิกๆ แล้วเจอกันค่ะ

อ้อ ไปพูดคุยทักทายเราได้ที่เพจ https://www.facebook.com/Hazelnut.writer/ (https://www.facebook.com/Hazelnut.writer/)
หรือ Twitter @got7bam_sj15 นะคะ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-08-2017 23:15:12
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-08-2017 00:16:56
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 04-08-2017 06:02:32
ท่านเจ้าที่เป็นห่วงใช่ไหมอ่าาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-08-2017 08:14:45
นึกว่าท่านเจ้าที่จะไปตามถึงในร้าน ไม่งั้นทุกคนได้ฮือฮากันแน่ ฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 04-08-2017 08:47:42
 :katai3:  แหมะท่านค่ะ รู้สึกว่าจะตามไปรังควานทุกที่เลยนะเนี้ย หึหึ จะรอดูเด็กอ้อน  :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-08-2017 16:40:06
อุ๊ยยยยย.......มารับตอนเมาอ่ะ!!
//ปูเสื่อรอฉากมุ้งมิ้ง~~~//
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 04-08-2017 17:06:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 04-08-2017 20:43:39
ถ้าท่านเจ้าที่ไปเกิด เราคงจะได้เห็นนิยายรักแนวโอจิค่อน คุณลุงเคะชวนน่าหม่ำสินะ o3
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 04-08-2017 21:57:49
ตอนต่อไปพลีสสสส
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 06-08-2017 19:43:32
 :o8:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 06-08-2017 19:46:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 06-08-2017 21:14:42
รออออ :mew3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 16 [03-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 06-08-2017 23:34:51
ท่านภูน่ารักกกก มีมาร้งมารับดั้วะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 07-08-2017 22:36:01
ตอนที่ 17

“นอนด้วยกัน...นะ...”

 

[ภูตลา]

"ฉันมารับเขากลับบ้าน" ประโยคเน้นย้ำอีกครั้งของชายแปลกหน้าทำให้ฮัทชะงักฝีเท้า และเกือบจะล้มไปแล้วเพราะโดนไอ้สองหน่อขี้เมาที่เดินตามหลังมาเดินชน แต่ดีที่ชายแปลกหน้าช่วยรั้งทั้งตัวของเขาและแทงค์เอาไว้ได้ทัน

ใช้เวลาอยู่เป็นนาทีเหมือนกันกว่าที่ฮัทจะเอ่ยออกมาได้ "เอ่อ คุณ...คุณเป็นใครครับ?"

"หนายครายย ใครที่หนายเหรออ" แทงค์ที่เมาอ้อแอ้ผงกหัวขึ้นมามองรอบๆ ด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่พอสบตากับหนุ่มร่างสูงไว้หนวดบางๆ ที่กำลังช่วยพยุงตัวเองอยู่ เจ้าตัวก็ฉีกยิ้มกว้าง ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าคนตรงหน้าแล้วว่าเสียงยาน "อ่ะนี่ผัวนี่นาาา ผัวเราา"

"หะ!?!" ฮัทถึงกับตาโตร้องเสียงหลง ขณะที่ทั้งเนสและคลาร์กหูผึ่ง เมาแล้วแต่ก็ยังอยากรู้อยากเห็นได้

"หนายผัวใครร ผัวมึงอ่อ ไอ้แทงค์!"

"ผัวมึงทำมายมีสี่ร่าง"

ก็เพราะมึงเมาไงเลยมองเห็นคนอื่นแยกร่างได้!...ฮัทอยากจะด่า แต่ก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน หันกลับมาให้ความสนใจคนแปลกหน้า ที่ตอนนี้กำลังถลึงตามองไอ้แทงค์อยู่ เขาคิดว่าเอ่ยปากถาม แต่ไอ้แทงค์ก็แทรกขึ้นมาซะก่อน แถมยัง...

"ผัวมาล้าวว ไม่อาว อย่าทิ้งเมียเด้! ถะอ้ายได้ฟางง เพลงเน้! ถ้าอ้ายยังมี...ชี! วิตตต" ร้องเพลงด้วยไอ้สัส เมาเรื้อนแล้วมึงเอ๊ย หนักกว่านั้นคือไอ้สองคนข้างหลังดันเสือกรับมุกกันด้วยไง

"น้ำอาราย ห้ายชีวิต!"

"น้ำท่วมวัด! พระเลยให้ชี...ไปวิด"

"เมิงรู้ทันกูได้งายวะ!"

"กูเรียนมาาา"

...ปล่อยมันไปละกัน เฮ้อออ!

"เมียก่าววคนเน้ นั้นน ทุกวันยังคิดฮอดจ้าวว" ส่วนไอ้แทงค์แม่งก็ยังร้องเพลงไม่เลิก ไอ้พวกเพื่อนเวร!

ฮัทยกมือข้างที่ว่างขยี้หัวตัวเองอย่างอดจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ไม่ได้ ความนิ่งสงบจนดูเหมือนเย็นชาของเขาตอนนี้แตกโพละไม่เหลือชิ้นดีเมื่อต้องมารับมือกับไอ้พวกเพื่อนขี้เมาทั้งหลายนี่

"ฉันเป็นเพื่อนบ้านของแทงค์ มารับเขากลับบ้าน" ชายแปลกหน้าผู้มีดวงตาดุเข้มเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน

"เอ่อ..." ฮัทลังเล บอกตรงๆ ว่าเขายังไม่ไว้ใจคนคนนี้ ไอ้แทงค์ก็ไม่เห็นเคยเล่าว่ามีเพื่อนบ้านที่สนิทกันจนมารับกันกลับบ้านได้ หรือแม้แต่จะมารับกลับบ้านตอนนี้เวลานี้เนี่ย มันก็ไม่เห็นพูดอะไรสักอย่างเลยนะวันนี้

"ถามเขาดูก็ได้" ท่านเจ้าที่พเยิดหน้าไปที่คนเมา ฮัทเลยลองถามดูแม้จะไม่ค่อยแน่ใจนักว่าไอ้คนเมาเนี่ยมันจะฟังคำถามของเขารู้เรื่องหรือเปล่า หนักกว่านั้นคือจะตอบรู้เรื่องไหมด้วยนี่แหล่ะ น่ากังวลไหมล่ะ

"ไอ้แทงค์ ตกลงนี่เพื่อนบ้านมึงใช่ป่ะ มึงให้เขามารับเหรอ?"

"หือออ?" คนเมามองชายหน้าดุเล็กน้อย แล้วพยักหน้ารับ "เออๆ เพื่อนบ้านสุดหล่อของกูเอ๊งง ไม่เคยเล่าให้พวกเมิงฟัง เพร้าะเดี๋ยวพวกมึง! ต้องล้อกู...แน่ๆ"

"ล้อเรื่องไรวะ?"

"ก็เมิงดู...เมิงดู๊! หล่อมาดเข้มม ไว้หนวดด้วยเห็นมะ? ชวนจั๊กกะจี้คอมั่ก หน้าคมตาดุ! ตัวสู๊งสูง ผิวแทนน หุ่นนายแบบ! แถม...แถมกล้ามท้องยางน่ากัด นี่มานซาเป็กกูชัดช๊าดดด ถ้าพวกมึงรู้จักเขา! ก็ต้องล้อกู! บอกห้ายกูจับเค้าทำ...ปั๋ววว เอิ๊ก!"

ไอ้แทงค์อธิบายความในใจออกมาจนหมด ชนิดที่ฮัทรู้สึกอายแทนมากๆ แถมพอเหลือบมองชายแปลกหน้าก็เหมือนจะแอบเห็นอีกฝ่ายกระตุกยิ้มราวกับชอบใจในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนอีกฝ่ายจะรีบปรับสีหน้าเป็นนิ่งขึงเมื่อเห็นว่าเขามองอยู่...ขนาดเหลือบมองแล้วนะแม่งยังเห็น ตาเป็นเรดาร์เรือดำน้ำหรือเปล่าวะนั่น

“ตกลงคุณเป็น เอ่อ เพื่อนบ้านของไอ้แทงค์จริงๆ ใช่ไหมครับ?”

“อืม” ชายร่างสูงพยักหน้ารับ “ฉันพาเขากลับได้แล้วหรือยัง”

“อ่า ครับๆ ฝากด้วยนะครับ” ฮัทส่งเพื่อนให้กับอีกฝ่ายเอาไปพยุงแบบเต็มตัว ก่อนจะนึกขึ้นได้ “เอ่อ แล้วคุณเอารถอะไรมารับมันอ่ะครับ”

“มอเตอร์ไซค์ของเขา” หนุ่มหน้าดุชี้นิ้วไปที่รถมอเตอร์ไซค์คันเล็กแสนธรรมดาของคนเมา ที่วันนี้อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้บ้านไม่ได้ขี่ไปเรียน และอาศัยติดรถไอ้เนสมาที่ร้านพี่เฟิ่งเอาเหมือนทุกที

“ผมว่ามันคงไม่สะดวกแน่ๆ ถ้าคุณคิดจะเอาไอ้แทงค์ซ้อนท้ายกลับบ้าน” ฮัทส่ายหน้า เอ่ยบอกอย่างไม่เห็นด้วย คนฟังเลิกคิ้วเป็นเชิงถามโดยไร้เสียงว่า ‘จะให้ทำไงล่ะ ก็มีรถแค่คันนี้คันเดียวในตอนนี้น่ะ’ ฮัทจึงถอนหายใจแล้วว่า “ไอ้นี่มันเมาแล้วชอบเลื้อย นั่งรถมอ’ไซค์นี่คงได้เลื้อยจนหล่นจากรถ”

“งั้นฉันจะพาเขากลับแท็กซี่”

“ไม่ต้องหรอกครับ อ่ะนี่...” ฮัทส่ายหน้าให้อีกครั้ง ก่อนจะยื่นกุญแจรถยนต์ให้แล้วชี้ไปที่รถยนต์สีดำคันหนึ่ง “เอารถของผมขับกลับไปแล้วกัน ส่วนรถไอ้แทงค์เดี๋ยวผมฝากพี่เฟิ่งเอาไว้ให้”

“แล้วนายจะกลับยังไง?”

“ผมเอารถไอ้เนสกลับก็ได้ ยังไงก็ต้องไปส่งพวกมันอยู่แล้วด้วย” ว่าพลางชี้ไปที่ไอ้เพื่อนบ้าสองตัวข้างหลัง ที่เวลานี้พากันกอดคอลงไปนั่งกองกับพื้นแล้ว...สงสัยต้องรีบพาพวกมันกลับบ้านแล้วล่ะ ก่อนที่พวกมันจะนอนกันตรงนี้

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรครับ งั้น...กลับดีๆ นะครับ ผมไปล่ะ” ฮัทเข้าไปสะกิดเรียกเนสกับคลาร์กก่อนจะจิกพวกมันขึ้นยืนแล้วพาไปที่รถหรูสีแดงแจ๊ดของไอ้เนส...จริงๆ เขาอยากขับรถไอ้เนสมานานแล้วล่ะ ก็รถมันนี่เมอร์เซเดสเบ็นซ์เลยนะเว้ย เบาะต้องนุ่มมากแน่ๆ

เพื่อนของทิราวัฒน์ไปกันหมดแล้ว ตรงหน้าร้านเหล้าที่กำลังจะปิดเพราะลูกค้าที่เหลือทยอยกันเดินออกมาเรื่อยๆ จนจะหมดร้าน จึงเหลือเพียงชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแสล็คสีดำยืนอยู่กับเด็กหนุ่มที่เมาแอ๋เท่านั้น...หุ่นนายแบบสูงใหญ่ทำให้คนที่ผ่านไปมาอดมองไม่ได้ และยิ่งมองมากขึ้นไปอีกเมื่อเขาอุ้มร่างโปร่งของเด็กหนุ่มขึ้นพาดบ่า

“เมาเป็นหมาเลยนะเอ็ง” ท่านเจ้าที่กระซิบเสียงเบาต่อว่าต่อขานคนที่เมาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่เลิก รำคาญไม่น้อยแต่ก็ต้องทนฟังมันพร่ามเมาๆ ไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านนั่นล่ะนะ

แรกเริ่มเดิมทีเขาไม่ได้คิดจะมารับเจ้าเด็กนี่แต่อย่างใด แต่ดันมานึกขึ้นได้ว่าถ้าไอ้เด็กน้อยนี่ไปเล่นดนตรีที่ร้านเหล้า นั่นหมายความว่ามันต้องกลับดึก แล้ว...มันดึกแค่ไหนกันล่ะ?

คำถามนั้นทำให้คนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับมนุษย์เท่าไหร่ (นอกเสียจากจำเป็นจะต้องออกพื้นที่สำรวจความต้องการของมนุษย์โดยตรง) อดกังวลใจไม่ได้ว่าเด็กในปกครอง(?)จะเป็นอันตรายหรือเปล่าหากกลับบ้านดึกดื่นมืดค่ำจนเกินไป

ด้วยใจร้อนรนในแบบที่เจ้าที่หนุ่มอายุเกือบสองร้อยปีไม่รู้ตัว ทำให้เผลอติดต่อไปหาเหล่าพระภูมิเจ้าที่แถบถนนข้าวสารเพื่อถามว่าพบเห็นแทงค์บ้างหรือไม่ จนเมื่อรู้ว่าเด็กตัวร้ายอยู่ที่ไหน เขาก็มาโผล่ที่นี่ในทันที แล้วก็เพิ่งจะมาตระหนักเอาได้ตอนกำลังขับรถกลับบ้านโดยมีคนเมาอ้อแอ้นอนอยู่ที่เบาะข้างคนขับเนี่ยแหล่ะว่า...

“แล้วข้าจะกระวนกระวายไปทำไมในเมื่อเอ็งโตจนอายุยี่สิบปีเข้าไปแล้วเนี่ย เฮ้อ!”

บ่นไปก็เท่านั้น สุดท้ายเขาก็มารับเจ้าเด็กนี่จนได้แล้วนี่ไง

กลับมาถึงบ้านได้ท่านเจ้าที่ก็เสียเวลาไปกับการดึงแทงค์ออกจากรถ...มันก็คงไม่ยากหรอกกะอีแค่เอาคนเมาออกจากรถแล้วพาเข้าบ้านเนี่ย แต่มันดันยากก็เพราะไอ้คนเมามันไม่ยอมออกน่ะสิ!

“บอกให้ปล่อยไงเล่าไอ้เด็กนี่!” ท่านเจ้าที่ตะโกนใส่แทงค์ทั้งๆ ที่มือยังพยายามแงะอีกฝ่ายออกจากการเกาะเบาะ...ใช่ ตอนนี้แทงค์พลิกตัวหันหน้าเข้าหาพนักพิงก่อนจะโอบแขนกอดเบาะที่นั่งเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ม่ายอาววว จะอยู่กับเมียยย” คนเมาว่าเสียงยานคาง ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วกลับคำ “ม่ายช่ายดิ กูเป็นรับ กูต้องอยู่กับผัววว ตะหาก!”

เมา เมาเละเลยเวรเอ๊ย!

ท่านเจ้าที่ถลึงตามองเด็กแสบ อดใจไม่อยู่ยกมือขึ้นเขกมะเหงกกับศีรษะของอีกฝ่าย ทำเอาแทงค์ร้องโอดโอย ยอมผละออกมาจากการกอดเบาะแล้วหันมามองคนทำร้ายร่างกายอย่างไม่พอใจ “เขกทำมายเนี่ย! มานเจ็บ...นะ ฮื่อออ”

ใบหน้าหล่อใสบึ้งตึง ปากเรียวบางยู่ลง ดวงตาฉ่ำเยิ้มมองมาอย่างตัดพ้อ เล่นเอาคนมองใจกระตุกไปวูบหนึ่ง เผลอยืนนิ่งงันไปชั่วขณะ...ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าไอ้เจ้าตัวแสบตรงหน้าเขามันน่ารักขึ้นมาได้ทั้งๆ ที่มันเมาไม่เหลือสภาพขนาดนี้น่ะ

ท่านเจ้าที่หนุ่มรีบสะบัดไล่ความคิดบ้าบอของตัวเองออกจากหัว ก่นด่าตัวเองในใจไปด้วยว่าคิดบ้าอะไรไร้สาระ ก่อนจะอาศัยทีเผลอคว้าตัวแทงค์ออกจากรถจนร่างโปร่งปลิวหวือมากระแทกอกแกร่ง ได้จังหวะที่ดีมือหนาก็รีบผลักประตูรถให้ปิดลง ตามด้วยแบกแทงค์ขึ้นบ่าเหมือนกับตอนที่เอาอีกฝ่ายขึ้นรถแล้วพาเดินเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว

ตุบ!!

“โอ๊ยยย!!!” คนเมาร้องโอยอีกครั้งเมื่อถูกปล่อยลงกลางเตียงแบบไม่ออมแรง แม้เตียงจะนุ่มในระดับหนึ่ง แต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดีเมื่อหล่นลงมาจากอากาศแบบไม่ทันตั้งตัว “บาวเด้!”

“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า เอ้า นอนนิ่งๆ สิ ข้าจะถอดเสื้อออกให้ เหม็นเหล้าหึ่งเลย น่ารังเกียจนักนะเอ็งเนี่ย” ท่านเจ้าที่บ่นพลางยันเข่าเข้ากับที่นอนนุ่มใกล้ๆ ร่างโปร่ง ก่อนจะพยายามจับอีกฝ่ายนอนให้ดีแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก

ไม่ได้มีจิตคิดพิศวาสแต่อย่างใดเขาขอบอกไว้ก่อน แต่เหม็นเหล้านั่นล่ะเลยจะถอดออกแล้วเช็ดตัวให้เท่านั้น

ปลุกปล้ำ(?)ถอดเสื้อ(?)เด็กอยู่นาน พอถอดออกมาได้ก็เข้าห้องน้ำไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวคนเมา เช็ดจนแน่ใจว่ากลิ่นเหล้าหายไปแล้ว หรืออย่างน้อยแค่มันลดลงสักนิดบ้างก็ยังดี จึงจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แทงค์เสียใหม่

นั่งลงตรงขอบเตียง เอี้ยวตัวมองคนที่เหมือนจะหลับมิหลับแหล่ด้วยสายตารำคาญปนหงุดหงิด อดไม่ไหวต้องยื่นมือไปดึงจมูกเด็กหนุ่มแก้หมั่นเขี้ยวและหมั่นไส้ “ทำข้าเหนื่อยมากเอ็งรู้ไหมเนี่ย?!”

“อืม ฮื่อ อายายย” คนเมาก็ตอบรับแบบมึนๆ ปัดมือหนาที่หยิกจมูกตัวเองออก หรี่ตาฉ่ำขึ้นมองร่างสูงที่นั่งอยู่ไม่ไกล “เออะ! ท่าน...เจ้าที่ป๊ะ?”

“เออ ได้สติแล้วเรอะ?”

“งืมๆ” แทงค์ไม่ตอบแต่ลุกขึ้นมานั่ง มองท่านเจ้าที่หนุ่มหน้าเข้มอีกนาทีกว่าก่อนที่จะ...กระชากคอของเทวดาอารักษ์เข้าหาตัว แล้วทิ้งตัวนอนหงายลงไปโดยไม่ปล่อยมือที่รั้งคอหนาเอาไว้ออกด้วยนะ!

“เฮ้ย!” ท่านเจ้าที่ร้องเสียงหลง เอนตัวลงไปนอนตะแคงด้วยท่าทางที่สุดแสนจะแปลกประหลาด จนสุดท้ายก็เป็นฝ่ายพลิกตัวขึ้นคร่อมทับร่างของเจ้าคนเมาเอาไว้แทน อ้าปากคิดจะด่าสักยกหนึ่งแต่นายทิราวัฒน์ก็เหมือนจะรู้ทัน เพราะเจ้าตัวรีบรั้งคอของท่านเจ้าที่ลงมาฝังกับหมอนที่เขากำลังหนุนอยู่ ในตำแหน่งข้างๆ ใบหน้าของตัวเองไม่ไกล ทำให้ใบหน้าหล่อราวกับพระเจ้าสร้างของท่านเจ้าที่ถูกกดฝังลงไปกับหมอนเสียมิด!

“อื้อ! อ่อยอ้าาา (ปล่อยข้าาา)”

คนโดนประทุษร้ายส่งเสียงร้องประท้วงดังอู้อี้ หายใจหายคอไม่ออกจนจะตายอยู่แล้ว พยายามดันตัวเองออกมาจากพันธนาการอยู่หลายนาที กว่าจะหลุดออกมาได้ก็ต้องสูดหายใจเข้าปอดอีกหลายเฮือกกันเลยทีเดียว

หายเหนื่อยกับการยื้อยุดกับคนเมาก็ตั้งใจจะด่านะ แต่เมื่อหันมาแล้วดันสบตาเข้ากับแทงค์ในระยะประชิด เจ้าที่หนุ่มกลับนิ่งงันอีกครั้งโดยอัตโนมัติ...ก็พวกเขาไม่เคยสบตากันในระยะลมหายใจเป่ารินรดกันมาก่อนเลยนี่นา

หากแต่แค่นั้นไม่ได้อธิบายเลยว่าทำไม...ทำไมเขาที่เป็นท่านเจ้าที่อายุเป็นร้อยๆ ปีถึงได้ใจเต้นแรงขึ้นมาได้

พรึ่บ! ฟุ่บ!

ในห้วงแห่งความคิดคำนึง เทวดาหนุ่มที่ไม่ทันระวังตัวจึงโดนคนเมาจับพลิกลงไปนอนด้านล่างแทน ขณะที่เจ้าตัวเปลี่ยนขึ้นมาคร่อมทับ สองมือเรียวจับข้างแก้มของร่างสูงเอาไว้มั่น เอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างจาตาหยีเป็นสระอิ น่ารัก...

“มาๆ มาจูบบบ ราตีสะหวาดหน่อยย”

“ฮะ เฮ้ย!”

จุ๊บ!

จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ!

คนเป็นพระภูมิเจ้าที่ตัวแข็งค้างไปแล้ว เมื่อจู่ๆ มนุษย์ที่ตนตั้งใจมาตามรังควาน(?)โน้มใบหน้าลงมาหา แล้วกดจูบจุ๊บเข้าที่หน้าผาก หว่างคิ้ว ปลายจมูก และข้างแก้มทั้งสองข้าง...ก่อนจะหยุดนิ่งตรงริมฝีปาก โดยที่มีระยะห่างเพียงแค่หนึ่งข้อนิ้วเท่านั้นกั้นขวางระหว่างริมฝีปากของเขากับอีกฝ่ายไม่ให้สัมผัสกัน

“...”

จุ๊บ

แต่ยังไงจุ๊บสุดท้ายก็ต้องมา...มาแนบอยู่บนเรียวปากของท่านเจ้าที่หนุ่มในที่สุด

“นอนด้วยกัน...นะ...” คนเมาบอก ก่อนจะถดตัวลงแล้วทิ้งตัวทาบทับร่างสูงเอาไว้ทั้งตัว ซบใบหน้าลงกับอกแกร่ง หลับตาลงก่อนจะหลับไปในที่สุดโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอบอกกับภูตลาอย่างนั้น

เทวดาหน้าเข้มนิ่งค้างอยู่ท่าเดิม รู้สึกวูบวาบที่ริมฝีปากได้อย่างไรก็ไม่รู้...ดวงตาคู่คมกดลงมองคนที่ใช้ตัวเขาต่างเตียงนอน ใช้อกเขาต่างหมอน แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจเหมือนเบื่อหน่าย ทั้งๆ ที่ริมฝีปากยกยิ้มน้อยๆ อยู่ไม่คลาย เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนุ่มนวลโดยไม่คิดจะขยับตัวเปลี่ยนท่าว่า...

“เอ็งลวนลามข้า รู้ตัวบ้างไหมเนี่ย”

 

ขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้น...

ฮัทมาส่งไอ้เนสก่อนเพราะบ้านมันอยู่ใกล้ ตั้งใจว่าจะเอารถมันไปส่งไอ้คลาร์กแล้วขับกลับบ้านตัวเอง ค่อยเอามาคืนมันวันไปเรียนแล้วกัน แต่ที่แน่ๆ พรุ่งนี้คงไม่ได้ไปเรียนกันทั้งแก๊งยกเว้นเขานี่แหล่ะ เมาจนแฮงค์ตายกันไปข้างขนาดนี้

เหยียบเบรกเมื่อมาถึงหน้าบ้านของไอ้เนส เห็นมันบอกว่าวันนี้ไม่มีใครอยู่ แล้วมันเมาขนาดนี้มันจะเอาชีวิตรอดไหมเนี่ย แต่คิดแล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเมาเหมือนหมาแล้วกลับบ้านมาอยู่คนเดียวนี่นะ เพราะงั้นแค่มาส่งแล้วกลับเลยดีกว่า ตัวเขาเองก็เหนื่อย อยากนอนแล้วเหมือนกันเพราะนี่น่ะมันตีสามเข้าไปหลายนาทีละ

“ถึงบ้านมึงแล้วไอ้เนส”

“ไหนบ้าน...บ้านน” เนสผงกหัวหงึกหงัก ควานมือเปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงไป มีการหันมาโบกมือลาด้วย “บ๊ายบายเพื่อนรัก หว้าย เจ๋อ กันน”

แล้วมันก็หันหลังกลับเข้าบ้านมันไป และใช่...มันควรจะจบแค่นี้ จบแค่ฮัทมาส่งไอ้เนสจนถึงรอให้มันเข้าบ้านแล้วเรียบร้อย แต่ใครจะไปคิดว่าไอ้คลาร์กที่นั่งเอนตัวไปมาอยู่เบาะหลังจะเปิดประตูก้าวตามลงไปด้วย!

“บ้านๆ กูไปบ้านนน มึงด้วยย”

“อ้าวเฮ้ย! ไอ้คลาร์ก!! มึงจะเข้าบ้านไอ้เนสทำไม!? เฮ้ย” ฮัทเอ่ยทักท้วง แต่สุดท้ายคลาร์กก็ยังเดินตามเนสไปจนทัน ทั้งสองจึงร้องเพลงพลางกอดคอเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน สุดท้ายฮัทเลยได้แต่ถอนใจ บอกกับตัวเองเบาๆ “ให้ไอ้คลาร์กอยู่ที่นี่ก็ได้วะ ปล่อยมันสองคนไปแล้วกัน”

แล้วชายหนุ่มหน้านิ่งแสนเย็นชาก็ขับรถจากมา ทิ้งให้คนเมาทั้งสองคนอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่รู้เลยว่าคืนนั้น คนที่เป็นแค่เพื่อนจะได้เลื่อนสถานะไปเป็น...อย่างอื่น





__________

คนเมาเขาอ้อนท่านเจ้าที่แหล่ะ วู้ว! 55555 แถมยังไปจู่โจมลวนลาม แทงค์เอ๊ย ทำอนาจารเทวดานี่แต้มบาปเพิ่มขึ้นอีกกี่เปอร์เซนต์อ่ะลูก ก๊ากกก ตอนหน้านี่คนเมาจะฟื้นคืนชีพพร้อมการระลึกชาติได้ เห็นเป็นฉากๆ เลย งานนี้มาดูกันว่านางจะเขินหรือเปล่า ก็เล่นไปขโมยจุ๊บท่านภูเสียขนาดนั้น

ส่วนตอนแถมนี่ให้เก็บไปคิดเอาเองค่ะ เพื่อนรักจะกลายเป็นมากกว่าเพื่อนรึเปล่า ฮ่าา สำหรับวันนี้ ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกัน ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ที่มีให้ เป็นกำลังใจชั้นดีจริงๆ ค่ะ ช่วงนี้กำลังท้อแท้มาก ฮือออ ก็มีแต่นิยายกับนักอ่านนี่ล่ะที่ทำให้เราสดชื่นขึ้นได้บ้าง แล้วพบกันตอนหน้านะคะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 07-08-2017 23:09:10
รักคนเขียน
สู้ๆ นะตะเอง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 07-08-2017 23:26:29
แต่ละคู่ เมาแล้ว ... ฮ๋า
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-08-2017 23:53:47
 :z1:   o13


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-08-2017 22:28:24
     น่ารักกกกกกกกแทงค์เมาแล้วน่าตีจริงๆๆดูๆทำอ้อนท่านเจ้าที่ซิเดีํยวท่านใจแตกตอนอายุ200ปีทำไงค่ะบาปนะค่าาาอิอิ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 10-08-2017 07:06:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-08-2017 20:01:35
เพิ่งเข้ามาอ่าน แทงค์น่ารักมากเลย ฮาดี ท่านเจ้าที่ก็แซ่บปากก็บอกจะรังควานแต่ช่วยเหลือแทงค์ตลอด โดนปล้ำจูบแล้วยังไม่ว่าอะไรเลย ยังไงๆๆๆท่านเจ้าที่ o18

เพื่อนแทงค์แต่ละคนก็ฮาดี เมามากจนจากเพื่อนเลื่อนเป็นอะไรนะ ลุ้นๆๆใครรุกใครรับ :laugh:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-08-2017 02:09:03
เจ้าที่เริ่มหวั่นไหว  :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ต้นไม้ใบหญ้า ที่ 13-08-2017 16:32:14
ตามมาจากกระทู้แนะนำค่ะ
เรื่องตลกมาก 5555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 17 [07-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 13-08-2017 22:05:12
อ้าว..! มีคู่อื่นวิ่งเข้าเส้นชัยสละเวอร์จิ้นไปอย่างงงๆเลยสินะ 555+
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 13-08-2017 22:34:22
ตอนที่ 18

“อย่ามายุ่งกับปากของข้านะ!”

 


[แทงค์]

การตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกับความปวดหัวแทบบ้า นั่นคืออาการแฮงค์ของคนที่ดื่มมาอย่างหนักถูกมั้ย? เพราะถ้าใช่ นี่ล่ะคืออาการที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้

“โอยย” ผมโอดครวญ หนักหัวเหมือนมีใครเอาครกหินหนักๆ มาวางทับหัวของผมเอาไว้...เปรียบเทียบแบบนี้แม่งโคตรแปลก แต่ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้วว่ะ เมามาก็บ่อย และสารภาพเลยว่าผมเกลียดความรู้สึกตอนตื่นขึ้นมาในวันใหม่หลังเมาแหลกมากถึงมากที่สุด แต่ก็ไม่เคยเข็ดหรอก ก็ดื่มหนักทุกทีอยู่ดี เฮ้อ!

ผมพลิกตัวนอนหงาย ปรือตามองเพดานห้อง...อ่า นี่มันห้องผมนี่นา แล้วผมกลับมาตอนไหน ไม่สิ ใครพาผมกลับมาบ้านวะ ปกติถ้าผมเมาไอ้ฮัทมักจะพาผมไปนอนค้างที่หอมันนี่หว่า

ผมเลิกคิดเพราะยิ่งคิดก็ยิ่งแฮงค์ว่ะ เลยเลือกที่จะหลับตาลงอีกครั้ง ตั้งสติให้มั่นก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกที เหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียง บ่ายโมงเข้าไปแล้ว นอนหรือซ้อมตายวะกูเนี่ย...เห็นดังนั้นผมก็เลยค่อยๆ ผุดลุกขึ้นนั่ง ยกมือกุมหัวที่ปวดจี๊ดประหนึ่งมีหนูเป็นร้อยตัวเข้าไปวิ่งอยู่ในนั้น

ตั้งใจว่าจะลุกไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แต่หางตาดันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่โต๊ะข้างหัวเตียงเสียก่อน...มันคือน้ำขิงนะถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง เพราะกลิ่นที่ลอยออกมาอ่อนๆ เป็นตัวบ่งบอกว่ามันควรจะเป็นน้ำขิงล่ะ

ท่านเจ้าที่เอามาให้ผมเหรอ?

ผมขยับตัวพาร่างเน่าๆ ของตัวเองไปยังขอบเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบน้ำขิงแก้วนั้นขึ้นมาดม กลิ่นของมันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด แถมพอจิบมันลงคอก็รู้สึกอุ่นวาบในอก ลมหายใจของผมปรอดโปร่งขึ้น...ยิ่งจิบมันผมก็ยิ่งรู้สึกดี หัวที่ปวดตึบๆ ก็ค่อยๆ ดีขึ้น แม้จะยังไม่หายสนิทก็ตาม

ผมอมยิ้มให้กับแก้วน้ำขิงที่ดื่มจนหมดแล้ว นึกไปถึงพระภูมิเจ้าที่จอมซึน...ผมมั่นใจว่าเขานั่นล่ะที่เป็นคนเอาน้ำขิงแก้วนี้มาให้ผม จนอดจะพึมพำเสียงเบากับอากาศไม่ได้ว่า “ขอบคุณนะครับ”

หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยผมก็ลงมาที่ห้องครัวเพื่อหาอะไรกิน...ดูเหมือนว่านี่จะเป็นฉากประจำของผมไปแล้วล่ะครับ การตื่นนอนขึ้นมาแล้วก็ลงมาที่ห้องครัวเพื่อกินข้าวเนี่ย แถมพอก้าวเท้าเข้ามาในครัวก็เหมือนฉากเดิมที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งอีกนั่นล่ะ เพราะตอนนี้ในห้องครัวตรงโต๊ะกินข้าวมีร่างของท่านเจ้าที่เจ้าเดิมเจ้าประจำนั่งอยู่ กำลังทำงานหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่กับเอกสารอะไรสักอย่างของเขาเหมือนวันก่อนๆ นั่นล่ะ

“อรุณสวัสดิ์ท่านเจ้าที่” ผมเอ่ยทักอย่างปกติชนที่สุดในรอบหลายวัน นั่นเรียกความสนใจให้ท่านเจ้าที่เงยหน้ามามองผมด้วยเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่น เสียงเข้มเอ่ยตอบกลับมาว่า...

“นี่มันเลยเที่ยงวันมาแล้ว ยังมีหน้ามาอรุณสวัสดิ์อีกรึ”

นั่นไง จะมีมั้ยที่ผมพูดดีๆ ด้วยแล้วจะไม่โดนกวนส้นใส่เนี่ย!

“ความพอใจของผมที่จะบอกงี้อ่ะ ทำไม? มีปัญหาเหรอ?” ผมก็เลยกวนตีนกลับแม่งเลย ชึ่ย! อุตส่าห์จะซาบซึ้งกับน้ำขิงที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้แก้แฮงค์ แต่ปากอย่างนี้ไม่พูดดีด้วยแล้ว หมั่นไส้!

“คุยกับคนเมาเหมือนหมาแล้วปวดประสาทเสียจริง” ท่านเจ้าที่บ่นๆ ใส่ผม ด่าผมเป็นหมาอีกต่างหาก แค่เมาเองนะเฮ้ย! เหมือนหมาตรงไหนวะ

“ผมไม่ได้เมาขนาดนั้นสักหน่อย!”

พอได้ยินผมเถียง ฝ่ายนั้นก็เชิดหน้ามองผมด้วยหางตา “ไปนึกดูดีๆ สิว่าเมื่อคืนเอ็งทำอะไรเอาไว้บ้าง หึ!”

ทำอะไรวะ?

ผมพยายามนึกตามที่ท่านเจ้าที่บอก...เห็นผมเมาหนักจนแทบจำอะไรไม่ได้แบบเมื่อคืนนี้ แต่จริงๆ แล้วถ้าผมลองนึกดีๆ ผมก็จะค่อยๆ จำได้เองว่าเมื่อคืนก่อนจะเมาหลับผมทำอะไรไปบ้าง แบบภาพมันจะค่อยๆ สว่างขึ้นมาในหัวผมเหมือนเปิดไฟทีละดวงๆ อ่ะครับ นี่ถือเป็นความสามารถเวลาเมาของผมหรือเปล่า? เหอะๆ ถ้าใช่นี่ถือเป็นความสามารถที่ประหลาดมากบอกเลย

เมื่อคืนผมนั่งดื่ม จำได้เลาๆ ว่าผมกวนตีนใส่พี่เฟิ่ง...

‘จั่นเจาไปหนายย’

‘เฟิ่งง รักผมม้ายยย’

แล้วไหนจะมุกทะลึ่งลามกที่ผมเล่นกับไอ้เนส ไอ้คลาร์กอีก...

‘กูก็ชอบมะเขือยาวว ฮ่าๆๆ’

หลังจากนั้นไอ้ฮัทก็แบกผมออกมาจากร้าน จะพาพวกผมกลับบ้าน แต่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งโผล่มาดึงผมเอาไว้ ผู้ชายคนนั้น...ท่านเจ้าที่?

เสียงทุ่มนุ่มดังขึ้นในห้วงความคิดของผมราวกับรู้คิว

‘แทงค์ ฉันมารับกลับบ้าน’

ฉ่า...จู่ๆ ผมก็รู้สึกหน้าร้อนวาบขึ้นมา น้ำเสียงนุ่มๆ นั่นยังดังซ้ำก้องอยู่ในหัวของผม เสียงนุ่มที่เรียบเฉยไม่ได้อ่อนโยนอ่อนหวานแต่อย่างใด กระนั้นผมกลับรู้สึกว่ามันอบอุ่น...อ่า นี่ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่คิดว่าเสียงเรียบเรื่อยของท่านเจ้าที่มันชวนให้อบอุ่นหัวใจน่ะ!

“นี่ นี่ท่านเป็นคนไปรับผมกลับบ้านงั้นเหรอ?” ผมถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“...” คนโดนถามเหมือนจะนิ่งงันไป จ้องตาผมโดยไม่พูดอะไร แต่แค่นั้นก็เหมือนเป็นคำยืนยันสำหรับผมแล้ว

“แล้ว...แล้วหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ?”

“เอ็งจำไม่ได้เรอะ?” ท่านเจ้าที่เลิกคิ้วถาม ผมก็เลยส่ายหน้าให้แทนคำตอบ “งั้นก็เรื่องของเอ็ง ดีแล้วที่จำไม่ได้”

ท้ายประโยคอีกฝ่ายพูดเสียงเบามาก เบาเสียจนผมคิดจะเอ่ยถามซ้ำ แต่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นซะก่อน ผมหยิบมันออกมาดู...เป็นคอลฯ จากกลุ่มไลน์แก๊งเล่นดนตรีของผม ใครวะคอลฯ กลุ่มเอาตอนนี้

ผมกดรับ แต่ยังไม่ทันได้กรอกเสียงลงไป ก็ได้ยินเสียงโหยหวนของไอ้เนสดังแหวกออกมาจนหูแทบแตก

[ไอ้พวกเหี้ยยยยย!!!!!]

อะ อะไรของมันวะ!?!

[เป็นบ้าอะไรเนี่ยไอ้เนส] ไอ้ฮัทเอ่ยถามแทนใจผมอีกแล้ว

[มึง! ไอ้ฮัท! มึงเป็นคนมาส่งกูกับไอ้คลาร์กใช่มั้ย!?]

[เออ ทำไม?] ไอ้ฮัทตอบ น้ำเสียงติดฉงนสงสัย

[แล้วมึงทำไมไม่เอาไอ้คลาร์กกลับบ้านน มึงให้มันมานอนค้างที่บ้านกูทำม๊ายยย!!!] ไอ้เนสโหยหวน ผมก็เลยแทรกเสียงถามลงไปด้วยความสงสัย

“แล้วมึงจะโวยวายทำไมเนี่ย ก็แค่ไอ้ฝรั่งมันค้างที่บ้านมึงเอง”

[ก็เพราะมึงเลยไอ้ฮัท! เพราะมึงอ่ะ! ถ้ามึงพากูไปส่งที่บ้าน กูกับไอ้เนสก็คงไม่...อุ๊บ!!!] คราวนี้เป็นเสียงไอ้คลาร์กโวยวายแทน แต่ยังพูดไม่ทันจบก็เหมือนมันจะโดนอุดปากซะก่อน

“นี่มึงยังอยู่ด้วยกันเหรอ?”

[อะ เออ! ไม่มีอะไรแล้ว งั้นแค่นี้นะ!!]

แล้วมันก็วางสายไป ทิ้งให้ผมมองหน้าจอแชทกลุ่มด้วยความงุนงง อะไรของพวกมันวะเนี่ย?...เรื่องของผมนี่ก็อีก ตกลงเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ท่านเจ้าที่ไปรับผมกลับบ้านอ่ะ?

ผมพยายามนึกอีกว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ภาพทุกอย่างมันเลือนรางอยู่ในหัว แต่มันก็เหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่ค่อยๆ เด้งขึ้นมาทีละตัวๆ เป็นภาพทีละภาพผุดขึ้นๆ ในหัวของผม จนมาถึงฉากสุดท้าย...

‘เมาเป็นหมาเลยนะเอ็ง’

ฉ่า...เป็นอีกครั้งที่ผมหน้าร้อนเหมือนมีใครเอามาม่ามาผัดฉ่าบนหน้าผม นะ...นี่กูพูดอะไรออกไปวะตอนนั้น ชมไอ้ท่านเจ้าที่เสียเยอะแยะ แถมยังบอกว่าอีกฝ่ายเป็นสเป็คอีกต่างหาก หน้าไม่อาย หน้าไม่อายโคตรๆ เลยว้อย!

“ทำหน้าแบบนั้นคิดอะไรออกแล้วหรือไง หึ” ท่านเจ้าที่หัวเราะในลำคอ ผมเหลือบมองเขาแต่พอเห็นว่าเขามองผมอยู่ผมก็รีบหลบตาทันที...ใครจะไปทนมองได้วะ อายนะเฟ้ย!

“กะ ก็นิดหน่อย” ผมตอบเสียงเบา เสมองไปทางอื่น ผมว่าหน้าผมต้องแดงมากแน่ๆ เลยว่ะ ไม่เคยเขินอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยห่าเอ๊ย

“ถ้านึกออกจนหมดได้ก็คงดี จะได้รู้ว่าทำให้ข้าเหนื่อยมากแค่ไหนเจ้าเด็กนิสัยไม่ดี แต่อืมมม คิดอีกทีไม่ต้องนึกถึงเรื่องก่อนจะหลับไปคงดีกว่า” ท่านเจ้าที่ยังบ่นอีก แถมยังพูดเรื่องที่ผมไม่เข้าใจด้วย แต่คำพูดของเขาก่อให้เกิดเสียงหนึ่งดังซ้อนขึ้นมาในหัวของผม...

‘มาๆ มาจูบบบ ราตรีสะหวาดหน่อยยย’

จุ๊บ

‘นอนด้วยกัน...นะ...’

อะ...ไอ้เหี้ย เมื่อคืนกู...กูจะ...จะ...จูบ...

“ผะ ผมจูบ...ผมจูบท่านเจ้าที่เหรอวะ!?!”

“...” ท่านเจ้าที่ไม่ตอบอีกแล้ว แต่พอผมมองอย่างคาดคั้น อีกฝ่ายก็เบือนหน้าหลบสายตาของผมแทน

เฮ้ย! เฮ้ยๆๆๆๆ เรื่องจริงเหรอวะ?! เฮ้ยยยยย!!!!

ผะ ผม ผมจูบท่านเจ้าที่...จะ จูบเทวดาอ่ะ! ผมลวนลามเขา ล่วงเกินเขา ไอ้เหี้ยยยย!!!! แต้มบาปกูเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์แล้ววะนั่น ฉิบหาย ฉิบหายย ฉิบหายยย

“เออ เอ็งลวนลามข้า จำได้แล้วใช่ไหมล่ะ”

‘เอ็งลวนลามข้า รู้ตัวบ้างไหมเนี่ย’

ไอ้ฉิบหายยยย จำได้แม่นเลยโว้ย!

“ฮื่อ ผมขอโทษ” ผมเอ่ยออกไปพลางยกมือปิดหน้าตัวเองด้วยความอับอาย ไม่ไหวแล้ว ต่อให้เป็นคนเถื่อนแค่ไหนเจอแบบนี้ก็เขินตายได้นะเว้ย

“เหอะ” ท่านเจ้าที่แค่นหัวเราะ แบบที่ทำให้ผมเหลือบหางตามองเขาแล้วก็เห็นอีกฝ่ายเขม่นตามองมาอยู่พอดี สายตานี่เหมือนราชสีห์เตรียมแดกเหยื่อมากครับ

ไม่ได้จะแดกแบบพิศวาสอะไรแบบนั้นนะ จะแดกแบบทึ้งให้ตายไม่เหลือซากอ่ะ ป่นกระดูกได้คงทำ โธ่ท่าน ไม่ต้องโกรธอะไรขนาดนั้นก็ได้พ่อคุณเอ๋ย แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว กลัวด้วย กลัวแล้วจ้า

“ทีหลังก็อย่าเมาแล้วไปลวนลามใครอีกล่ะ น่ารังเกียจนักรู้ไหม” ท่านเจ้าที่ต่อว่าต่อขาน ผมก็ได้แต่เงียบฟัง ก้มหน้านิ่งยืนตัวตรงทื่อประหนึ่งเด็กน้อยที่ถูกแม่ดุเพราะทำของในบ้านพัง...อะไรแบบนั้นเลยล่ะครับ “เมาแล้วเรื้อนเหมือนหมา พูดจาไม่สงวนท่าที กอดคนอื่นมั่วซั่ว แถมยังมาพรากความบริสุทธิ์ของริมฝีปากคนอื่นอีก เอ็งนี่มันเหลือทนจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่เอ็งทำทุกอย่างนั่นกับเทวดาผู้สูงส่งอย่างข้า หน้าไม่อายเลยสักนิด ลวนลามได้แม้แต่ผู้มีบุญญาธิการ บาปหนาบาปหนักยิ่งนัก ช่างไม่เจียมตัวเลยแม้แต่น้อย...”

ไม่ทน...พอมาฟังเขาบ่นยืดยาวขนาดนี้ จากที่เขินก็กลายเป็นว่าผมรำคาญเสียแทน เพราะงั้นไม่ทนมันแล้ว!

“พอ!” ผมแหกปากใส่ หยุดทุกคำพูดที่กำลังบ่นๆๆๆ ออกมาจากปากของท่านเจ้าที่ ผมขึงตาใส่อีกฝ่ายแล้วว่าเสียงดัง “พอเลยนะพอเลย! เลิกบ่นได้แล้ว!”

“ก็มันจริงนี่ หรือเอ็งจะปฏิเสธ?”

“ไม่! แต่ก็ไม่อยากโดนบ่นเว้ย! พูดซะผมหมดความเป็นคนแล้วแม่ง”

“ก็เอ็งไม่ใช่คนไง แต่เป็นหมา เมื่อคืนก็เพิ่งเมาเหมือนหมากลับมาจำไม่ได้หรือไง หึ”

“ปากแบบนี้อยากโดนจูบปิดปากอีกทีป้ะ?!”

“อย่ามาล่วงเกินริมฝีปากอันงดงามของข้าอีกนะ!” ท่านเจ้าที่ตาโต ยกมือชี้หน้าผมเป็นเชิงขมขู่...เห็นแบบนั้นผมก็อดใจไม่ให้แกล้งเขาไม่ได้ว่ะ กะอีแค่จูบ ทำมาเป็นหวงปาก น่าจูบตายห่าแหล่ะปากมอมๆ แบบนั้น

ผมสาวเท้าก้าวเข้าไปหาท่านเจ้าที่ อีกฝ่ายเอนหลังพิงพนักเก้าอี้จนชิด และถ้าไม่ใช่เพราะนั่งติดกำแพงจนพนักพิงมันพิงกับกำแพงอยู่พอดีล่ะก็ คาดว่าท่านเจ้าที่คงจะเอนตัวหนีผมจนหงายหลังลงไปนอนกับพื้นแล้ว

หึ ทำหน้าเหมือนจะโดนพรากพรหมจรรย์ บ้าบอจริงๆ เลยว่ะ แต่เห็นแบบนี้ก็ยิ่งอยากแกล้ง ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะแกล้งเขาสักหน่อย อารมณ์เขินอายก่อนหน้านี้โยนทิ้งไปแล้ว ตอนนี้มีแต่อารมณ์อยากแกล้งล้วนๆ

ผมยื่นสองแขนออกไปจับพนักเก้าอี้ กักเทวดาปากเสียเอาไว้ ใช้หัวเข่าตัวเองเขี่ยเข่าของท่านเจ้าที่ให้แยกออกจากกัน ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปยืนตรงกลางหว่างขาของอีกฝ่าย แล้วโน้มใบหน้าลงไปหา “ปากดีต้องโดนจูบอีกสักทีเนอะ”

“อย่ามายุ่งกับปากของข้านะ!” ท่านเจ้าที่โวยวายลั่น ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากตัวเอง ท่าทางเหมือนสาวน้อยที่กำลังจะโดนขโมยจูบแรกก็ไม่ปาน

หึ อุ๊บ! ผมหลุดหัวเราะ...คือแม่งตลกอ่ะ ท่านเจ้าที่ตอนนี้แม่งโคตรตลก ฮ่าๆๆๆ

สุดท้ายผมก็อดใจไม่อยู่หลุดหัวเราะออกมา คนตัวโตเห็นอย่างนั้นก็ถลึงตามองผม ปลดมือออกจากปากแล้วตวาดว้ากใส่ผมลั่นห้องครัว “นี่เอ็งแกล้งข้าเรอะ?!”

“หึๆ” ผมพยายามกลั้นหัวเราะ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ กดหน้าลงไปหาแล้วฉกปากอย่างไวแตะลงไปที่เรียวปากของท่านเจ้าที่

“!!!”

“ใครบอกว่าผมแกล้งล่ะ หึๆๆ” ผมหัวเราะส่งท้าย ผละออกมายักคิ้วให้คนที่กำลังเหวออีกสองทีแล้วเดินหนีออกจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นเสียงตะโกนก็ดังไล่หลังตามมาว่า...

“ไอ้เด็กเวรรร!!!”

ยกนี้ วิน-วิน ว่ะครับท่านเจ้าที่ ฮ่าๆๆๆๆ



__________

ฮาโหลตัวเอง คือเราจะบอกว่าเราลืมอัพนิยายอ่ะ ลืมจริงจังมาก นี่มันเลยมากี่วันแล้วเนี่ย 55555 ขอโทษจริงๆ ที่รัก มัวแต่ติดนิยายอยู่ด่วย ไปตะลุยอ่าน My Engineer กับ Space มา เพราะเห็นว่ากำลังจะเป็นซีรีส์ แล้วแบบมันฟินมาก ตลกมาก สนุกมาก จนไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากอ่านวนซ้ำๆ ค่ะ แงงง้ ทำไมเราเป็นคนแบบนี้ //สติ๊กเกอร์หัวเราะทั้งน้ำตา

วุ้ยๆ รอบนี้เขาวินวินแหล่ะ แต่จริงๆ นี่ว่าแทงค์ได้เปรียบ ขโมยจุ๊บท่านเจ้าที่ตั้งสองครั้ง หน้าไม่อายจริงๆ ก๊ากกก ท่านเจ้าที่จะได้เอาคืนไหมเนี่ย สงสารเขานะคะ ฮ่า! ไปละ เจอกันตอนหน้า มาทวงได้นะคะ เพราะเราลืมจริงๆ เด้อ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 13-08-2017 22:46:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 14-08-2017 00:46:04
น่าร๊าก~~~~
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-08-2017 01:50:23
รอตอนต่อไป  o13 o13
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 14-08-2017 01:58:34
      แทงค์ทำแต้มปาบซินะค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-08-2017 06:54:13
ท่านเจ้าที่เริ่มหวั่นไหวนะเนี่ยยยย >\\\\\<
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-08-2017 07:57:13
คือท่านเจ้าที่จะแว่บหายตัวไปก็ได้งัยแต่ไม่ทำ แทงค์เลยจุ๊บได้อีกที คืออะไรยังไงคะท่าน
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-08-2017 11:15:49
เขามีแต่ทำความผิด อาย หลบหน้า หนีหน้า
แต่แมงค์ อาย จูบซ้ำ  o22 o22 o22

แล้วเนส จะมาเล่นดนตรีไหวหรอ
คลาร์ก เนส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-08-2017 12:16:12
 :z1: o13 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-08-2017 13:23:24
 :hao7: โดนซะละท่านเจ้าที่  :m20:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 14-08-2017 13:50:02
โถ โดนปล้นความบริสุทธฺ์(ทางริมฝีปากไปซะแล้ว) แต่ท่าทางอีกคู่จะหนักกว่าโดนปล้นบริสุทธ์ทาง..
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 14-08-2017 20:48:50
ท่านเจ้าที่น่ารักมากกกอะ งือออ
ขำมากกก หัวเราะทุกตอนเลยย
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 18 [13-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 16-08-2017 00:19:04
ท่านภูตลาเจ้าขาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 18-08-2017 23:50:59
ตอนที่ 19

“ก็เอ็งขี้งกจะตายไปนี่”

 

พวกเราใช้เวลาว่างในการทำศาลพระภูมิให้ท่านเจ้าที่ ก็เฉพาะวันที่ผมกับไวท์ว่างนั่นล่ะครับ ส่วนไอ้ธีร์ถ้ามันว่างจริงๆ มันก็จะมาช่วย เรื่องนี้ผมรู้สึกขอบคุณมันมาก คิดว่าคงต้องมีสินน้ำใจให้มันเหมือนที่จะให้ไวท์ด้วย

จนตอนนี้ก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่พวกเราลงมือลงแรงทำมันจริงๆ ตอนนี้หล่อปูนขึ้นรูปเรียบร้อย หลังจากนี้จะเป็นการเสริมรายละเอียดเข้าไป จำพวกสระว่ายน้ำ หลังคาศาล อะไรพวกนั้นนั่นล่ะครับ

ศาลใหม่นี้จะใหญ่กว่าศาลเดิมประมาณเท่าหนึ่งได้ เพราะงั้นก็เลยต้องหล่อต้นเสาที่ใช้เป็นฐานรองศาลขึ้นใหม่ด้วย จะได้ทาสีเพนต์ลายได้สวยๆ คือเอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้จะอธิบายวิธีการทำยังไงว่ะ เพราะผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องงานช่างงานสร้างอะไรพวกนี้นัก ก็ได้แต่มองดูและช่วยไวท์ทำเท่าที่ทำได้ งานนี้ให้ว่าที่สถาปนิก (ควบตำแหน่งวิศกรชั่วคราวมือสมัครเล่นเป็นผู้อำนวยการสร้าง) จัดการไปตามที่อีกฝ่ายเห็นเหมาะสมล่ะนะ

ส่วนชีวิตของผมช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมก็ไปเรียน ทำงาน สร้างศาล วนลูปอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ ตามวิถีชีวิตของเด็กนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่ง...อ้อ แต่เรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเรื่องของไอ้เนสกับไอ้คลาร์ก วันนั้นที่พวกเราเมาแหลกแล้ววันต่อมาไอ้เนสมันก็คอลฯ กลุ่มมาโวยวายใส่ไอ้ฮัทน่ะ หลังจากนั้นสองวันถัดมาพอไปมหา’ลัย ผมก็ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกมันสองคน

ต้องย้อนความนิดนึงว่าผมรู้ได้ยังไง...ก็วันนั้นตอนที่พวกเราไปกินข้าวเที่ยงกัน ผมสังเกตได้ถึงความผิดปกติของไอ้คู่ซี้คู่กัดเพราะพวกมันเงียบผิดปกติ มันนั่งอยู่ข้างกันแต่ไม่ค่อยมองหน้ากัน พอมองกันทีก็ดูกระอักกระอ่วนจนต้องเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง นั่นทำให้ผมต้องเอียงหน้าไปกระซิบถามไอ้ฮัทอย่างอดรนทนสงสัยไม่ได้

‘มึง เกิดอะไรขึ้นวะ พวกมันโกรธกันเหรอ?’

‘หึๆ มึงพลาดแล้วไอ้แทงค์’ ผมทำหน้างงใส่ ไอ้ฮัทหัวเราะ ‘มึงดูเอาเองแล้วกัน เดี๋ยวพวกมันก็เผยไต๋ออกมา’

ใจก็อยากจะเค้นถามต่อหรอกนะ แต่พอหันกลับมามองไอ้สองตัวนั้นผมก็ต้องชะงัก ขมวดคิ้วมุ่นมองสิ่งที่เห็นตรงหน้า...คือตอนนั้นไอ้คลาร์กเอาส้อมจิ้มกุ้งตัวหนึ่งขึ้นมาจากจานข้าวผัดกุ้งของตัวเองก่อนจะยื่นไปตรงหน้าไอ้เนสครับ พอไอ้เนสหันมาเหลือบมอง ไอ้ฝรั่งมันก็เลิกคิ้วให้แล้วเขย่าๆ ส้อมในมือ สุดท้ายไอ้เนสก็อ้าปากงับกุ้งตัวนั้นเข้าไปเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วถ้าผมไม่ได้ตาฝาด ผมมั่นใจนะว่าเห็นไอ้เนสหน้าแดง ยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีกเมื่อไอ้คลาร์กมันยื่นนิ้วมาปาดคราบเปื้อนที่มุมปากให้ แถมยังมีบ่นด้วยนะว่า ‘เปื้อนหมดแล้ว กินดีๆ ดิครับ’

ตอนนั้นคำถามแรกที่ผมคิดขึ้นมาในใจก็คือ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของผมวะ?! จำได้ว่าผมเบิกตาโตจ้องมองพวกมัน รู้สึกว่านี่แม่งไม่ชอบมาพากลแล้วจริงๆ นะ จนปากที่งับเอาไว้ไม่อยู่เผลอหลุดพูดออกไปว่า

‘พวกมึงสองคน ทำเหมือนคนเป็นแฟนกันเลย’ เท่านั้นล่ะไอ้ฮัทก็หัวเราะลั่น ขณะที่ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กหน้าแดงแข่งกันทันที สบตากันก่อนจะเบือนหน้าหนีไปคนละทาง เป็นสัญญาณที่ทำให้ผมเบิกตาแทบถลนเข้าไปอีก ชี้มือไปที่พวกมันสองคนสลับไปมาแล้วว่าเสียงหลง

‘นะ นี่พวกมึงเป็นแฟนกันงั้นเหรอ?! เฮ้ย! อะไรยังไง ทำไมพวกมึงมาคบกันได้วะ เดี๋ยวๆๆ กูงง กูไม่เข้าใจ นี่มัน...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!’ ตอนนั้นผมงงมากครับ ไอ้ฮัทที่ปกติเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่วันนั้นมันกลับเป็นคนเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ผมฟัง ทำให้ผมได้รู้ว่า...คืนที่เมาแอ๋กันนั่นน่ะ ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กดันเผลอ...กัน

ถามไปถามมา ถามอีกด้วยว่าพวกมันชอบกันเหรอ แต่คำตอบที่ได้คืออะไรรู้ไหมครับ? ไอ้คลาร์กมันตอบผมมาว่า

 ‘ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่คิดว่ามันก็ไม่เสียหายอะไรที่กูกับไอ้เนสจะลองแบบว่า...คบกัน’

จนถึงวันนี้ใจหนึ่งผมก็กังวลนะกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกมันสองคน เพราะด้วยความที่เป็นเพื่อนกัน แล้วจู่ๆ มาเปลี่ยนสถานะอย่างนี้น่ะ เรื่องพวกนี้มันเปราะบางมาก ในอนาคตมันอาจจะมองหน้ากันไม่ติดเลยก็ได้ถ้ามีเหตุให้ต้องเลิกกันขึ้นมา แต่...พอมาคิดดูอีกที ผมก็คงได้แต่มองอยู่ห่างๆ อ่ะ มันจะเป็นไงต่อไปก็รอลุ้นเอาแล้วกัน

แต่จริงๆ ผมก็โดนซักฟอกจากพวกไอ้ฮัทเหมือนกันเรื่องที่ท่านเจ้าที่ไปรับผม พวกมันสงสัยมากว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ทำไมพวกมันถึงไม่เคยเห็นหรือผมไม่เคยเล่าให้ฟังมาก่อน ผมก็เลยแถๆ ไปว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะย้ายมาอยู่ข้างบ้านไม่นาน แต่สนิทกันในระดับหนึ่ง ที่ไม่เล่าก็เพราะไม่เห็นความจำเป็น

ก็โดนด่าว่าอินดี้เกินไปมานิดนึง แต่พวกมันก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก ส่วนเรื่องที่ผมเรียกท่านเจ้าที่ต่อหน้าพวกมันว่าผัว พวกมันก็ไม่ได้คิดอะไรอีกนั่นล่ะครับ ด้วยรู้ดีว่าเวลาผมเมานี่โคตรบ้าบอไร้สติมากแค่ไหน

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันแทงค์ รอให้ปูนแห้ง เราฉาบตรงนี้เป็นสระน้ำแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ปูกระเบื้องลงไป ตรงนี้คงยากหน่อยเพราะนี่มันสระน้ำจำลอง ดีที่เราหากระเบื้องชิ้นเล็กๆ ได้ ไม่งั้นตัดเองคงลำบากแย่” ไวท์เอ่ยขึ้นพลางยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก ผมก็เลยส่งน้ำเปล่าให้เขาขวดหนึ่ง อีกฝ่ายรับไปพลางเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม กระดกดื่มจนเกือบหมดขวด “งั้นเรากลับก่อนนะ พอดีว่าเพื่อน...”

“เราเข้าใจ วันนี้ขอบใจมากนะ เหนื่อยแย่เลย ไว้เสร็จงานเราเลี้ยงให้มื้อใหญ่เลยเอ้า” ผมตัดบททั้งๆ ที่ไวท์ยังพูดไม่จบ เพราะรู้ดีว่าช่วงนี้มีเพื่อนมาค้างที่หอของเขา คงเป็นห่วงเพื่อนน่ะถึงได้รีบกลับตลอดเลย

“งั้นเราไม่เกรงใจนะ จะรอวันที่ได้กินเลย ฮ่าๆๆ”

เราสองคนหัวเราะให้กัน ก่อนที่ผมจะขี่มอ’ไซค์ไปส่งไวท์ที่ป้ายรถเมล์...หลังจากนั้นผมก็ขี่กลับบ้าน ในใจคิดไปด้วยว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี อ๊ะ วันนี้มีตลาดนัดแถวมหา’ลัยนี่หว่า ไปซื้ออะไรกินที่นั่นดีกว่า ทำงานเหนื่อยมาแทบทั้งวันผมก็ขี้เกียจทำกับข้าวแล้วเหมือนกันนะ อืม สักสี่โมงกว่าๆ ค่อยไป ตอนนี้สามโมงครึ่ง ยังมีเวลาพักอาบน้ำแต่งตัวบ้าง

16.12 น.

ผมคร่อมมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทเครื่องเตรียมบิดออกจากหน้าบ้านหลังจากที่ล็อกรั้วบ้านเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะได้ออกตัว เสียงทุ้มเข้มของท่านเจ้าที่ก็รั้งผมเอาไว้เสียก่อน พร้อมด้วยการปรากฏตัวของอีกฝ่ายขวางหน้ารถผม

“จะไปไหนรึ”

ผมขึงตามองเขาก่อนจะตอบด้วยเสียงเนือยๆ “ตลาดแถวมอ.”

“ข้าไปด้วย”

“จะไปทำไม...” ผมตั้งใจจะแย้ง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด “เออ ไปก็ไป งั้นช่วยแต่งตัวดีๆ แล้วขึ้นรถมาสิครับท่านครับ”

ผมมองชุดที่ท่านเจ้าที่ใส่อย่างฉงนใจ มันเป็นชุดหมีแบบช่างไฟฟ้าอ่ะเคยเห็นป่ะ? แล้วนี่ทำไมใส่ชุดนี้วะ ไปซ่อมสายไฟที่ไหนมาเรอะ?! อยากจะถามนะแต่ก็ขี้เกียจอีกนั่นล่ะ

เทวดาหน้าหล่อดีดนิ้วเป๊าะเหมือนทุกที แล้วชุดที่ใส่ก็เปลี่ยนเป็นเชิ้ตสีม่วงอ่อนกับกางเกงแสล็คสีดำ...หล่ออีกแล้ว หล่อตลอดดด จุดประกายความอยากปลุกปล้ำของกูมากกก...เวิ่นเว้อเพ้อพกเงียบๆ ในใจโดยที่สีหน้าไม่ออกอาการหื่นกาม เอ๊ย! อาการหมั่นไส้ใส่อีกฝ่าย จนเมื่อท่านเจ้าที่ขึ้นซ้อนท้ายผมเรียบร้อย ผมก็บิดเร่งเครื่องออกเดินทางทันที

สิบห้านาทีต่อมาเราก็มาถึงตลาดนัดใกล้มหา’ลัยที่ผมพูดถึง ร้านรวงมากมายตั้งเรียงกันเป็นแถวๆ ผู้คนต่างพากันมาเดินให้ขวักไขว่ หาของกินของใช้กันไป คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย เดินๆ ไปนี่ต้องร้อนเหงื่อซ่กแน่ๆ แต่เอาวะ เพื่อมื้อเย็นอร่อยๆ

“ไปกันท่านเจ้าที่ อยากกินอะไรบอกมา”

“จะเลี้ยงเหรอ?”

“แปลกหรือไงล่ะ”

“ก็เอ็งขี้งกจะตายไปนี่” ท่านเจ้าที่ต่อว่าผมหน้าตาย ผมเขม่นตามอง

“แล้วทุกวันนี้ที่ทำกับข้าวให้กินผมได้ทวงเงินสักบาทป้ะ?” พอผมว่าอย่างนั้น อีกฝ่ายก็เลยทำเพียงแค่ยักไหล่ให้ แล้วเดินนำเข้าสู่สมรภูมิเลือกซื้ออาหาร จากนั้นก็ชี้นิ้วว่าอยากจะกินนั่นนี่ให้ผมตามไปจ่ายตังค์ พอบ่นว่าเยอะเกินไปละ ก็ทำมาทวงบุญคุณที่คอยดูแลผมบ้างล่ะ นั่นนี่นู่นบ้างล่ะ

ว้อย! ถ้าจะทวงบุญคุณกันขนาดนี้ เอาเลย อยากกินอะไรตามใจเลยครับ ถือว่าใช้หนี้บุญคุณจะได้หายๆ กันไป

เดินช็อปปิ้งอาหารกันอย่างเมามันชนิดที่เงินในกระเป๋าตังค์แทบจะหมดเกลี้ยง ผมก็ตัดสินใจว่าควรหยุดแค่นี้ แค่ที่มือทั้งสองข้างถือจนเต็มเนี่ยก็ควรพอแล้วมั้ยเล่า! หมดตัวเลยกู แค่ครั้งเดียวนี่แห้งไปอีกหลายวันเลยไอ้ฉิบหาย

“ท่านเจ้าที่ เอานี่ไปเก็บที่รถทีได้ป่ะ ผมจะแวะเข้าไปในเซเว่นหน่อย จะจ่ายค่าไฟ” ดีนะผมกันค่าไฟเอาไว้แล้ว

“ได้ เจอกันที่รถ อย่ามาช้าข้าไม่ชอบรอ”

“เออน่ะ เอ้า เอาไปเร็วๆ จะได้รีบไปจ่าย”

ส่งของทั้งหมดให้เทวดาหนุ่มสุดหล่อ ผมก็เดินลิ่วมาอีกทางเพื่อไปยังเซเว่นที่อยู่ไม่ไกลกันนักทันที จัดการชำระค่าไฟฟ้าของเดือนที่แล้วเรียบร้อย ผมก็กลับออกมาแล้วตรงไปที่รถของตัวเอง ป่านนี้ไอ้ท่านเจ้าที่อาจจะกำลังยืนรอไปบ่นผมไปด้วยแล้วมั้ง ขอแค่ให้ได้บ่นผมเถอะ ต่อให้เรื่องเล็กน้อยก็บ่นได้อ่ะคิดดู เฮอะ

เดินๆ อยู่ผมก็เหมือนว่าจะเห็นใครคนหนึ่งที่เพิ่งจะแยกกันเมื่อไม่นานนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่าเลยลองเรียกดูก่อน “ไวท์?”

อีกฝ่ายหันกลับมามองผม ทำหน้าแปลกใจแล้วว่า “อ้าว มาหาอะไรกินเหรอแทงค์”

“อืม ไวท์เองก็ด้วยอ่ะดิ แล้วมาคนเดียวเหรอ?”

“เปล่าๆ เรามากับเพื่อน แต่ไม่รู้เขาหายไปไหนแล้ว กำลังตามหาอยู่”

“อ้าว เราช่วยหามั้ย?” ผมอาสาอย่างมีน้ำใจ ก็อีกฝ่ายช่วยผมไว้เยอะนี่นา อะไรที่ผมช่วยได้ก็อยากช่วยบ้าง

“ไม่เป็นไรๆ เราหาเขาได้ ว่าแต่แทงค์เถอะมากับใคร?”

“อ๋อ เรามากับท่าน เอ้อ พี่ภูน่ะ” เรียกแล้วแม่งก็กระดากปากว่ะ อี๋ๆ

“แล้วพี่เขาอยู่ไหนเหรอ ไม่เห็นเดินมาด้วยกัน” ไวท์ถามพลางเมียงมองรอบข้าง คงอยากจะทักทายล่ะมั้ง เพราะตั้งแต่มาทำศาลให้ก็ไม่ได้เจอกันสักครั้ง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาหายไปไหน แต่เดาว่าคงงานยุ่งอ่ะแหล่ะ เลยไม่ค่อยได้ปรากฏตัวออกมาให้เห็นเท่าไหร่

“รอที่รถ รถเราจอดอยู่นั่น...เห นั่นใครวะน่ะ?” ผมชี้ไปที่รถของตัวเองที่เห็นอยู่ไกลๆ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วหรี่ตามองเมื่อพบว่าท่านเจ้าที่ไม่ได้อยู่คนเดียว เขากำลังนั่งยองๆ คุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างกัน

“อ๊ะ! นั่นเพื่อนเรานี่!” ไวท์ว่า ก้าวเท้าอย่างไวตรงไปหาเพื่อนของเขา ขณะที่ผมเองก็เดินตามจนมาถึงที่หมาย...คนที่คุยกับท่านเจ้าที่ก็คือเพื่อนของไวท์นั่นล่ะ โลกกลมชะมัดเลย “อัศ!”

“อ่า คุณไวท์ ผมหาคุณตั้งนาน ขอโทษนะครับที่ผมหลงทางกับคุณจนได้” เพื่อนของไวท์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเอ่ยปากบอกด้วยสีหน้าสำนึกผิด

เพื่อนกันแต่ทำไมเรียกคุณล่ะ? แปลกแฮะ แล้วจะว่าไป...ผู้ชายคนนี้หน้าตาคุ้นๆ เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน มันคุ้นมากเลยนะ ผมว่าผมเคยเห็นเขาอ่ะ แต่ช่างเถอะ เรื่องของไวท์ผมไม่อยากไปยุ่ง เดี๋ยวจะเป็นการรบกวนเสียเปล่าๆ

คิดได้ดังนั้นผมก็หันมาสนใจท่านเจ้าที่แทน แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างร้องถามเสียงหลง “เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ย!?!”

จะไม่ให้ผมเหวอได้ไงครับ ก็ในเมื่อตอนนี้ท่านเจ้าที่กำลังนั่งยองๆ เล่นกับหมาตัวหนึ่งอยู่ ดูจากพันธุ์ก็แน่นอนว่านี่มันชิวาว่า หมาตัวเล็กแต่ห้าวเป้ง และที่ผมตกใจก็เพราะตอนนี้ไอ้หมาน้อยขนสีขาวกำลังอ้าปากงับข้อมือท่านเจ้าที่เอาไว้แน่น ส่งเสียงขู่ฮึ่มฮั่มในลำคอไปด้วย

“นี่น่ะเหรอ?” ท่านเจ้าที่ลุกขึ้นยืนพลางกางแขนข้างที่หมาตัวนั้นงับข้อมืออยู่ออก แล้วคือลุกขึ้นมาพร้อมกับยกหมาที่งับแขนตัวเองขึ้นมาด้วยไง ทำแบบนี้ได้ไงกันเนี่ย! “หมาใครไม่รู้ ฉันแค่เล่นด้วยแต่มันงับเฉยเลย”

“แล้วให้มันงับทำไมเล่า! เอามันออกสิ วางมันลง!”

“เออๆ รู้แล้วน่า จะดุทำไมเนี่ย” ท่านเจ้าที่งัดปากไอ้เจ้าตัวเล็กออกก่อนจะวางมันลง...เหมือนไอ้หมาน้อยจะเขม่นตามองทิ้งท้ายก่อนมันจะวิ่งดุ๊กๆ หนีไป เห็นดังนั้นผมเลยรีบคว้าข้อมือท่านเจ้าที่มาดูแต่กลับไม่พบรอยอะไรสักอย่าง ทั้งๆ ที่มันควรจะมีรอยเขี้ยวหรือรอยเลือดด้วยซ้ำไป

“ทำไมไม่มีแผล?”

“ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นใคร” เออว่ะ นี่เทวดานะเว้ย จะบาดเจ็บได้ไง ห่วงฟรีเลยกู

แต่ผมไม่บอกเขาหรอกนะว่าห่วง เดี๋ยวได้ใจอีก ชิ!

“งั้นก็ช่างมัน ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร” ผมหันไปหาไวท์ ก็เห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาตกตะลึงไม่ต่างกัน ฉิบหาย ลืมไปเลยว่านอกจากผมกับท่านเจ้าที่ ยังมีไวท์กับเพื่อนของเขาที่เห็นเหตุการณ์เมื่อกี้ด้วย!

ต้องรีบหนีก่อนแล้วล่ะ รีบหนีกลับบ้านก่อนที่ไวท์จะถามอะไรมากไปกว่านี้ มีคนโดนหมากัดแต่ไม่มีเลือดสักหยดยืนอยู่ตรงหน้า ใครบ้างจะไม่สงสัย และผมไม่อยากตอบด้วย คิดคำตอบไม่ออกเฟ้ย เพราะงั้นรีบหนีคือดีที่สุด!

“เราต้องรีบกลับแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมล็อกประตูบ้าน แล้วเจอกันนะไวท์ บาย” พูดรัวจนลิ้นแทบพันกันจบ ผมก็รีบคร่อมรถ สตาร์ทแล้วขี่ออกมาทันทีที่ท่านเจ้าที่ขึ้นซ้อนท้าย

เวรเอ๊ย ถึงหลบวันนี้ได้ แต่ถ้าเจอกันวันอื่นไวท์ต้องถามแน่ๆ แล้วกูจะตอบว่าอะไรดีล่ะเนี่ย! ไอ้ท่านเจ้าที่นี่ก็นะ เล่นอะไรไม่ดูที่ดูทางเลย โอ๊ยยย อยากจะบ้า!



__________

มันก็จะงงๆ หน่อย 555 เมื่อวานฝนตกหนักเราเชื่อมเน็ตไม่ได้เลยค่ะ ก็เลยไมไ่ดมาอัพ พอจะมาอัพวันนี้ก็มัวแต่อ่านนิยายเพลินจนเลยเข้าสู่อีกวันจนได้ แต่ยังไงก็มาอัพนะตัว อุอิ

จริงๆ เราแอบไปลง side story ของเรื่องนี้ในแอพฯ จอยลดามาด้วยแหล่ะ แต่...แชร์ไม่เป็นอ่ะ ทำไมรู้สึกว่าตัวเองโง่ 5555 //ในเลขห้ามีน้ำตาไหลนอง ใครอยากอ่านลองเสิร์ชชื่อเรื่องหรือนามปากกาเราดูนะคะ เผื่อใครเล่นแอพนี้จะได้ไปจอยกันเนอะ ขอโทษจริงๆ ที่เราหาวิธีแชร์ไม่เป็น งงๆ กับแอพอยู่ง่ะ เพิ่งลองเล่น

เจอกันตอนหน้านะคะ บ๊ะบายยย

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-08-2017 00:45:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-08-2017 13:21:31
หรือว่าเพื่อนของไวท์ เป็นเจ้าที่เหมือนกัน
เอ๊ะ กลุ่มนี้เป็นไงกัน เล่นของสูงนะเนี่ย
 o13
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 19-08-2017 14:52:19
เดาออก 100% แล้วหล่ะ อิอิอิ แต่ไม่บอก ปล่อยให้รอคนเขียนมาเฉลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-08-2017 19:42:44
เป็นเจ้าที่อีกองค์ล่ะสิ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-08-2017 20:40:31
 :z1:
:L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-08-2017 22:24:40
อัศ คือใคร ไมเราไม่คุ้นหว่า งง  :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 19-08-2017 23:01:32
ทำไมท่านภูตลาไม่อ่านใจแทงก์
ถ้าอ่านใจแทงก์ด้วยคงมันส์น่าดู
ด่าแทงก์ทั้งวันสนุกแน่ 5555555

ขอบคุณเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 20-08-2017 09:33:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 21-08-2017 09:59:54
      เจ้าที่อีกองค์แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ต้นไม้ใบหญ้า ที่ 21-08-2017 13:30:08
อย่าบอกว่าเจ้าที่อีกองค์นะ อิอิ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 19 [18-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 21-08-2017 15:16:10
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 21-08-2017 23:51:18
ตอนที่ 20

“ข้าสายเปย์”

 

กลับมาถึงบ้านผมก็เปิดฉากเทศก์ใส่ท่านเจ้าที่อยู่หลายนาที เออ รู้ว่ามันดูประหลาดที่มนุษย์อย่างผมเทศนาเทวดาอย่างเขา แต่มันก็อดไม่ได้นี่หว่า แล้วเรื่องที่บ่นก็เรื่องที่เพิ่งผ่านมานั่นล่ะ ลองมาเห็นคนโดนหมากัดจมเขี้ยวแต่ไม่มีแผลสักกระผีกดูสิ มีใครบ้างจะไม่ตะลึงวะครับ!

“แล้วทีนี้ผมจะตอบไวท์ยังไงถ้าเขาถาม โอ๊ย! ปวดประสาทจริงๆ เลยโว้ย!”

“เอ็งจะคิดมากทำไม เรื่องแค่นี้เอง”

“แค่นี้เหรอไอ้ท่านเจ้าที่!? งั้นตอบมาสิถ้าเขาถามผมควรตอบว่าอะไร หา?!”

“ก็บอกไปว่าข้ามีของดี เนื้อหนังฟันแทงไม่เข้า” ท่านเจ้าที่ตอบหน้าตาย...คำตอบที่ทำให้ผมถึงกับถลึงตาใส่เขา

“มีเหล็กไหลแบบในหนังหรือไง?! หรือมีตับเหล็ก เขี้ยวหมูป่า เขี้ยวเสือเขี้ยวหมา ยุคนี้แล้วใครจะไปเชื่อ” ผมว่าพลางกอดอกเบือนหน้าไปมองทางอื่น ไม่อยากมองหน้าเขาเลยว่ะ กลัวโมโหจนเผลอฟาดหน้า โว๊ะ!

“เทวดาหรือพระภูมิเจ้าที่ยังปรากฏตัวต่อหน้าเอ็งได้เลย ทำไมของวิเศษพวกนั้นจะมีไม่ได้ล่ะ” ท่านเจ้าที่เถียงกลับมา พอผมลองคิดตาม...เออ มันก็จริงอ่ะแหล่ะ แต่ยังไงถ้าเอาไปบอกคนอื่นมันก็น่าเหลือเชื่ออยู่ดีป่ะวะ ก็คนอื่นไม่ได้เจอเจ้าที่ตามรังควานแบบผมนี่หว่าจะได้เชื่อว่าฟันแทงไม่เข้าเป็นเรื่องจริงไปด้วยอ่ะ

ผมอ้าปากเตรียมจะเถียง แต่ท่านเจ้าที่หน้าหล่อฉิบหายวายวอดจนชวนให้อยากจับลากแล้วทุ่มลงเตียง-- แค่กๆ จะอะไรก็ช่าง สรุปคือท่านเจ้าที่ขัดจังหวะผมด้วยการโบกมือปัดๆ ไปมาเหมือนไล่แมลง

“เอาน่ะ บอกตามที่ข้าบอกนั่นล่ะ เชื่อสิว่าได้ผล”

ผมหรี่ตามองอีกฝ่ายที่มีท่าทีมั่นอกมั่นใจ แถมยังดูมีลับลมคมในแปลกๆ ยิ่งเมื่อผมเอ่ยถามแล้วเขาแสร้งเบือนหน้าไปมองทางอื่น ผมก็ยิ่งมั่นใจว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ ในตอนที่ผมไปจ่ายค่าไฟ ตอนกลับมาผมเห็นเขากำลังคุยอยู่กับเพื่อนของไวท์อยู่ด้วยนี่ ที่ชื่ออะไรนะ? อัศเปล่าวะได้ยินไวท์เรียกแว่วๆ

“ไปรู้อะไรมาใช่ไหมถึงได้มั่นอกมั่นใจขนาดนี้ว่าบอกไปแบบนั้นแล้วไวท์จะเชื่อผม”

ท่านเจ้าที่ไม่ตอบ แค่ยักไหล่แล้วหันไปรื้อๆ ถุงของกินเป็นสิบถุงที่ซื้อมา...ด้วยเงินของผมน่ะนะ

ผมจ้องอีกฝ่ายอยู่อีกหลายนาที อยากจะคาดคั้นให้พูดออกมาเพราะผมมั่นใจว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้แน่ๆ แต่สุดท้ายแล้วด้วยความที่ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบเซ้าซี้เรื่องของคนอื่นเท่าไหร่ ผมก็เลยเลิกสนใจไปในที่สุด บอกๆ ไปแบบนั้นก็ได้วะ เชื่อไม่เชื่อไว้ค่อยไปแก้สถานการณ์เอาตอนนั้นแล้วกัน

“เอาของคาวมากินก่อนสิ อย่ากินขนม!” ผมเอ็ดเมื่อท่านเจ้าที่จิ้มทองหยอดลูกหนึ่งขึ้นมากิน

“ก็ข้าอยากกินอันนี้ก่อนไม่ได้หรือไงเล่า!”

“ไม่ได้ มากินข้าวก่อน” ผมว่าพลางเดินไปคดข้าวใส่จาน พอดีหุงไว้ตั้งแต่เที่ยงแล้วมันยังมีเหลือพอให้กินได้สองคนเป็นมื้อเย็น ไม่ต้องอุ่นหรอกขี้เกียจ กินมันงี้แหล่ะ ข้าวเย็นไงตรงตัว เย็นๆ ไม่ร้อน

ผมเอาจานชามมาแกะกับข้าวใส่จาน มื้อนี้ผมซื้อกับข้าวมาสามอย่าง เป็นผัดเผ็ดปลาดุก แกงพแนงหมู แล้วก็แกงส้มชะอมไข่...จะว่าไปก็มีแต่อาหารเผ็ดๆ ทั้งนั้นเลยนี่หว่า

“ท่านกินได้ไหม ร้านนี้เขาทำค่อนข้างเผ็ดนะ” ผมบอก เพราะกินร้านนี้บ่อย กับข้าวเขาอร่อยน่ะ ถูกปากผมมาก

“ได้ ข้ากินได้หมดไม่ว่าจะเผ็ดมากแค่ไหน ลิ้นข้าหนาเหมือนผิวหนังนั่นล่ะ” ท่านเจ้าที่ว่าพลางตักชะอมไข่ใส่จาน

“หนาเหมือนหน้าด้วยล่ะสิ” ผมแซะ เรียกสายตาจ้อมเขม็งของเทวดาหนุ่มหน้าหล่อให้หันมาถลึงมอง ส้อมในมืออีกฝ่ายนี่สั่นริกๆ เหมือนพร้อมจะปักหน้าผมมาก จนผมรีบแก้ต่างให้ตัวเอง “พูดเล่นครับผม”

“อยากตายเล่นๆ ดูไหมล่ะไอ้หนุ่ม”

“โอ้โห นี่ขู่หรอ? เป็นเทวดาขู่ฆ่ามนุษย์อย่างนี้ก็ได้เหรอ?”

“เออ!” ท่านเจ้าที่ตอบเสียงกระแทก “หยุดพูดแล้วกินได้แล้ว ไม่งั้นข้าจะเอาส้อมปักปากเอ็ง!”

โหด โหดสัสรัสเซียเมียอเมริกามาก ไอ้ท่านเจ้าที่ใจโฉด!...ผมหลอกด่าในใจ ทำปากมุบมิบใส่ก่อนจะรีบก้มลงจดจ่อกับจานข้าวเมื่อท่านเจ้าที่ชูส้อมขึ้นมาขู่อีกครั้ง อะไรวะ ตกลงเป็นเทวดาจริงป่ะเนี่ย! แหย่นิดแหย่หน่อยทำมาโหดใส่ อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะมึ้งงง ชิ!

__________

และแล้ววันที่ผมไม่อยากให้มาถึง...ก็มา วันอาทิตย์ที่ผมว่างจนถึงหนึ่งทุ่ม ผมนัดกับไวท์และไอ้ธีร์เอาไว้ว่าวันนี้จะทำศาลต่อ จนแปดโมงสถาปนิกควบวิศวะของผมก็มาถึงบ้าน

ผมแสร้งทำเป็นปกติราวกับลืมเรื่องเมื่อครั้งก่อนไปแล้ว และไวท์เองก็ปกติมากเสียจนผมไม่แน่ใจว่าเขาลืมไปแล้วหรือเขาไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องของผมกันแน่ ดังนั้นผมเลยไม่พูดอะไร ส่วนไอ้ธีร์ที่ไม่รู้เรื่องก็ยังปากหมาเหมือนเดิม

“วันนี้คิดว่าน่าจะเสร็จในส่วนของการสร้างนะ แต่ส่วนตกแต่งคงต้องเป็นวันหลัง พวกทาสีเพนต์ลายน่ะ”

“อ๋อ โอเค พวกทาสีเดี๋ยวเราทำเองก็ได้ ไวท์จะได้ไม่ต้องลำบาก”

“เฮ้ย ไม่ลำบากเลย เราสนุกจะตาย ฮะๆ” ไวท์โบกมือปฏิเสธ ขณะที่ไอ้ธีร์ทำหน้านึกขึ้นได้

“เออ ทำไมไม่ถ่ายรูปตอนไวท์ทำเอาไว้บ้างล่ะ เผื่อเอาไปใช้ทำรายงานหรือสมัครงานในอนาคตไรงี้อ่ะ”

“อ่า นั่นสิ เราก็ลืมไปเลย” ไวท์ทำหน้าเสียดาย แต่ผมยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายแล้วยกยิ้มให้เขา

“เราถ่ายรูปไวท์เอาไว้แล้วล่ะ”

“มึงถ่ายด้วยเหรอ?” ไอ้ธีร์เลิกคิ้ว ก่อนจะแบมือมาทางผม ผมหยิบเอาสมาร์ทโฟนของตัวเองมาปลดล็อกแล้วเข้าไปในแกลลอรี่รูปภาพ เปิดให้มันเลื่อนดูเอาเองก่อนจะยื่นให้มัน

ไวท์กับธีร์ไปสุมหัวดูรูปด้วยกัน รูปที่ผมถ่ายส่วนใหญ่ก็เป็นรูปของไวท์ตอนวางโครงเหล็ก ทำแบบ เทปูน เรียกได้ว่าทุกอย่างที่เขาทำผมถ่ายเก็บไว้หมดเลยนั่นล่ะ มีเป็นวิดีโอด้วยนะ

“ไปถ่ายตอนไหนเนี่ย” ไวท์ทำหน้าประหลาดใจปนตื่นเต้น ขณะที่กำลังดูวิดีโอที่ผมอัดเอาไว้ไปด้วย

“ก็คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับไวท์เราเลยถ่าย แต่ไวท์ไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ทำงานไงล่ะ ทุ่มเทกับงานมาก ฮะๆ”

“ไอ้แทงค์ มึงอย่าลืมส่งรูปกับคลิปนี่ให้ไวท์ล่ะ เผื่อได้ใช้จริงๆ นี่น่ะผลงานชิ้นเอกเลยนะ” ไอ้ธีร์ส่งโทรศัพท์คืนผม

“เว่อร์น่าธีร์ ก็แค่งานธรรมดา”

“ถ่อมตัวไปอีก ฮ่าๆๆๆ” ผมกับไอ้ธีร์ยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนผู้แสนสุภาพ หลังจากนั้นพวกเราก็ช่วยกันทำงานจนตะวันเคลื่อนมาตรงหัว อากาศร้อนแบบอบอ้าว คือมันไม่มีแดดจ้าเพราะก้อนเมฆบดบังดวงอาทิตย์เอาไว้ แต่มันก็ร้อนจนเหงื่อท่วมตัวน่ะ เข้าใจฟีลลิ่งนี้ไหมครับ?

“พักก่อนมั้ย นี่เที่ยงแล้วนะ ไปกินข้าวกัน” ผมเอ่ยปากชวนเพื่อนทั้งสองคน สามนาทีต่อมาพวกเราทั้งหมดก็เข้ามาหลบอากาศร้อนในห้องนั่งเล่น...ผมปล่อยให้เพื่อนนั่งพักตากพัดลม ส่วนตัวเองก็เข้าครัวเพื่อดูว่าจะทำอะไรให้พวกมันกินได้บ้าง จริงๆ ผมก็ลืมไปว่าควรเตรียมกับข้าวกับปลาเอาไว้ตั้งแต่เช้า ตอนเที่ยงจะได้มีข้าวกิน ให้รอผมทำคงหิวแย่

“พักกันแล้วเหรอ”

“อ้าว อยู่ด้วยเหรอ?” ผมเอ่ยปากถาม เดินเข้าไปหาท่านเจ้าที่ที่กำลังล้างกระทะอยู่ “ทำอะไรอ่ะ?”

“ล้างกระทะอยู่ ไม่เห็นหรือไงล่ะ” ท่านเจ้าที่ย้อนกลับมาพลางเหลือบมองผมเหมือนเห็นไอ้โง่ตัวหนึ่งยืนอยู่

หน็อยยย มองแบบนี้เดี๋ยวก็จับจูบแม่ง! ที่ถามน่ะหมายถึงทำอะไรทำไมต้องล้างกระทะโว้ย!

“ข้าอุ่นอาหารให้พวกเอ็งแล้วนะ” เขาบอก เช็ดมือกับผ้าเช็ดมือที่แขวนเอาไว้ตรงหน้าต่างแล้วชี้ไปทางโต๊ะกินข้าว

ผมตาโต เดินดิ่งเข้าไปสำรวจทันที...โอ้โห ของกินเยอะแยะอีกแล้วว่ะ เหมือนเมื่อวันนั้นเลย นี่ไปซื้อมาจากที่เดิมใช่ไหมเนี่ย บนโต๊ะมีทั้งผัดกะเพราหมูสับ ปลาทับทิบสามรสตัวใหญ่ ไหนจะต้มจืดเต้าหู้ใส่หมูสับกับสาหร่าย แกงเขียวหวานไก่ แล้วก็นั่นน้ำพริกกะปิปลาทูทอด พร้อมด้วยผักจิ้มมากมาย

นี่มันมื้อใหญ่มากกกกกก

“มีของหวานอีกนะ แต่อยู่ในตู้เย็น เป็นทับทิมกรอบน้ำกะทิ รวมมิตร แล้วก็ลอดช่อง อ้อ เค้กนมสดก็มีอยู่สามชิ้น สตรอว์เบอร์รี่ ช็อกโกแลต แล้วก็ชาเขียว”

“ห๊ะ! ยังมีอีกเรอะ?!”

“อืม ข้าซื้อน้ำผลไม้กับน้ำอัดลมมาด้วย เป็นน้ำส้มกับน้ำองุ่น ส่วนน้ำอัดลมเป็นโค้กกับน้ำแดง อยากกินอะไรก็ไปหยิบเอา อยู่ในตู้เย็นนั่นล่ะ น้ำแข็งอยู่ในช่องฟรีซ”

“!!!” ผมกำลังอึ้ง และอาจจะช็อกตายในไม่ช้าครับทุกคน

คือเฮ้ย! นี่มันมื้อใหญ่มากจริงๆ นะ! ทำไมกับข้าวกับปลา ขนมหวานน้ำดื่มมันเยอะขนาดนี้ล่ะ นี่ท่านเจ้าที่ผีเข้าอีกแล้วหรือเปล่าถึงซื้อของกินมาให้เยอะแยะขนาดนี้

“ทะ ท่านทำงานหนักไปหรือเปล่าอ่ะท่านเจ้าที่”

“ทำไมถามอย่างนั้น?”

“ก็การที่ซื้อของกินมาให้สารพัดอย่างเนี่ย มันดูไม่ใช่วิสัยปกติของท่านอ่ะดิ!”

“ปากหรือนั่น ข้าก็ใจดีอย่างนี้อยู่แล้ว แค่กับเอ็งข้าไม่อยากจะใจดีด้วยต่างหาก” ท่านเจ้าที่ว่าพลางยกมือมาผลักหัวผมอย่างหมั่นไส้ “อีกอย่างข้าก็แค่อยากจะเลี้ยงตอบแทนพวกเอ็งที่ช่วยกันสร้างศาลให้ข้า ก็แค่นั้น”

อ๋อ งี้นี่เอง อยากจะเลี้ยงตอบแทนสินะ แต่เฮ้ย! คือผมตั้งใจว่าเสร็จงานนี้จะพาไวท์กับธีร์ไปเลี้ยงหมูกระทะ ถ้าท่านเจ้าที่ชิงเลี้ยงมื้อใหญ่ให้ขนาดนี้แล้วผมจะทำไงอ่ะ

“จริงๆ ท่านไม่ต้องลำบากก็ได้ เพราะผมก็กะจะให้ท่านเลี้ยงหมูกระทะพวกมันอยู่แล้วด้วย มาเลี้ยงมื้อใหญ่ให้งี้แล้วผมจะกล้าขอให้ท่านเลี้ยงหมูกระทะพวกมันได้ไงอ่ะ” ผมว่าความในใจออกไป ถึงผมจะขี้งก แต่ก็ไม่ได้งกจนถึงกับไม่สนใจอะไรนะเว้ย ถ้าขอให้เลี้ยงหมูกระทะอีกก็ดูจะเป็นการขอที่มากเกินไปป่ะวะ

“ก็ไปสิ ข้าเต็มใจเลี้ยงพวกเอ็งอยู่แล้ว” ท่านเจ้าที่ว่า ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นจนแขนเราสองคนแตะกัน “ข้าสายเปย์”

โอ้โห สายเปย์เหรอออ ทำไมคำตอบน่าหมั่นไส้ขนาดนี้วะ!

ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายเมื่อได้ยินอย่างนั้น ตั้งใจจะแขวะความกล้าอวดของเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูงยื่นมือมาเกลี่ยปลายผมที่เปียกเหงื่อของผมออกจากกรอบหน้า แล้วใช้หลังมือเช็ดหยดเหงื่อตามไรผมของผมให้ออกอย่างเบามือ

กึก

ผมตัวแข็งทื่อกับสัมผัสอ่อนโยนที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับจากท่านเจ้าที่...มันอ่อนโยนมากจนผมใจสั่นอีกแล้ว คำพูดอะไรก็แล้วแต่ที่ตั้งใจจะเอ่ยออกมาหายวับเข้าลำคอไปจนหมดสิ้น

หัวใจ...อย่าเต้นแรงนักสิวะ

ผมยืนนิ่ง ไม่ได้ปัดป้อง ไม่ได้ขยับตัวหนี ปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดเหงื่อให้จนพอใจแล้วผละออกไปเอง...เราสองคนสบตากัน ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกได้ว่าใบหน้าของเราสองคนมันขยับเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ

แล้วในที่สุดเรียวปากของเราสองคนก็แนบชิดกัน...แผ่วเบาราวกับปุยนุ่น ล่องลอยเหมือนอยู่ในสายลม มีแค่ปากแตะปาก และการขยับสัมผัสกันเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่เราจะแยกจากกัน ทั้งๆ ที่ใบหน้ายังห่างกันไม่กี่เซนต์ แบบที่ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดริมฝีปากของกันและกัน

“อ๊ะ!”

เฮือก!

แต่แล้วเสียงอุทานของบุคคลที่สามก็ทำให้ทั้งผมและท่านเจ้าที่สะดุ้งโหยง ผละออกห่างจากกันทันทีราวกับโดนกระแสไฟฟ้าช๊อตร่าง ก้าวถอยห่างออกจากกันอีกสามก้าวถ้วนโดยอัตโนมัติ

ผมหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่ ก็ไม่ใช่ใครหรอกนอกจากไวท์กับธีร์...ไวท์โบกมือมองมาด้วยสายตาขอโทษขอโพย ขณะที่ไอ้ธีร์ทำตาพราว ทำหน้าเจ้าเล่ห์ล้อเลียนใส่ผม...ถูกเห็นเข้าหรือวะ โอย อายว่ะ

ผมเสมองไปทางอื่นทั้งๆ ที่รู้เลยว่าแม่งผมต้องแก้มแดงแล้วแน่ๆ เพราะตอนนี้ร้อนไปทั้งหน้าเลยครับ และคนที่ช่วยแก้สถานการณ์ให้ก็คือคนที่เพิ่งจะจูบ...กะ กับผมไงล่ะ

“อ่า มากินข้าวสิ ข้า...อืม ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว” ร่างสูงหันเท้าเดินไปที่หม้อหุงข้าว ดูก็รู้ว่าจะไปตักข้าวให้ แต่ไวท์กับธีร์รีบก้าวเข้ามาห้ามเสียก่อน

“ไม่เป็นไรครับพี่ เดี๋ยวพวกผมตักเอง ให้คนอายุมากกว่ามาบริการมันแปลกๆ”

“แล้วพี่ภูกินข้าวหรือยังครับ มากินด้วยกันสิครับ”

“อะ อืมๆ” ท่านเจ้าที่ตอบรับ เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ประจำ ขณะที่ผมพยายามทำตัวปกติที่สุดด้วยการมองหาเก้าอี้อีกสองตัวให้เพื่อนนั่ง ก่อนจะเจอมันวางอยู่ข้างๆ ตู้เย็น เลยเดินไปหยิบมันมาให้เพื่อนทั้งสอง

“อ่ะนี่ พวกมึงนั่งนี่น่ะ เอ้อ มีโค้กกับน้ำแดง แล้วก็น้ำผลไม้ เอาอะไรกัน?” ผมถามแก้เก้อ หันหลังเดินกลับไปที่ตู้เย็นอีกครั้ง เปิดออกแล้วหยิบเอาน้ำผลไม้ทั้งสองรสออกมาชูให้ดู

“เราเอาน้ำองุ่น” ไวท์บอก ส่วนไอ้ธีร์ขอเป็นโค้กดีกว่า อากาศร้อนๆ ต้องโค้กเพิ่มความสดชื่นซาบซ่าน สีหน้ามันตอนพูดดูเจ้าเล่ห์มาก...ซาบซ่านของมันนี่หมายถึงโค้กหรืออย่างอื่นวะ ผมไม่อยากจะคิดไกลเลย

หลังจากนั้นมื้อกลางวันก็เริ่มขึ้นแบบที่เพื่อนทั้งสองตาโตมองอาหาร แถมพอรู้ว่ามีขนมล้างปากก็ดี๊ด๊ากันใหญ่ กินจนอิ่มตื้อไปตามๆ กัน...ตอนแรกพวกมันก็ไม่กล้ากินหรอกครับเพราะเกรงใจ แต่โดนผมกับท่านเจ้าที่ไซโคอยู่ไม่กี่นาทีก็ยอมกินอย่างไม่เกรงใจแทน ฮะๆ

แล้วก่อนที่เราจะกลับไปทำงานต่อ ผมก็ไม่ลืมที่จะกล่าวสิ่งที่อยากจะพูดแต่ยังไม่ได้พูดให้กับเทวดาคนเดียวของบ้านนี้ได้ยิน ในตอนที่เดินผ่านอีกฝ่ายออกจากประตูห้องครัวมา

“ขอบคุณนะครับท่านเจ้าที่”

อ่า ทำไมหน้ามันร้อนๆ วะเนี่ย



__________

ถ่างตาอ่านทวนก่อนกดอัพแทบไม่ไหวแหน่ะค่ะ ไปกินหมูกระทะมา กินอิ่มแล้วก็ง่วง ตานี่พร้อมจะปิดมาก 555 ตอนนี้ก็มุ้งมิ้งนิดนึงง ส่วนใครที่สงสัยว่าอัศเพื่อนของไวท์คือใครกันน้าา มีเฉลยแน่นอนค่ะ รออ่านกันไปเรื่อยๆ เด้อ อิอิ หลายคนเดาว่าเป็นเจ้าที่อีกองค์ เอ๊...จะใช่ไหมน้า ฮ่าาา

ตั้งใจว่าอัพเสร็จจะไปปั่นต้นฉบับต่อ แต่ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ คิดว่าคงจะนอนเลย เออ ขอเมาท์นิดนึง คือตอนแรกตั้งใจให้เรื่องนี้ไม่เกิน 30 ตอนก็จบ แต่ปรากฏว่าแต่งไปแต่งมา ตอนนี้แต่งได้ 33 ตอนแล้วอ่ะ และยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ยิ่งแต่งยิ่งเพิ่มนั่นเพิ่มนี่จนแบบ เอ๊ะ? นี่มันได้ครึ่งเรื่องหรือยังหว่า 555 ในหัวมีพล็อตค่ะ แต่ไม่เคยเอามาเขียนว่าตกลงแล้วตอนต่อไปจะเป็นไงต่อ เพราะด้นสดเอาทุกตอน ดึงพล็อตออกมาจากสมองแล้วพิมพ์ๆๆ อย่างเดียว เลยยืดยาวไม่จบสักทีเนี่ยแหล่ะ แง้ว!

พอละ วันนี้เราบ่นเยอะอ่ะ อย่าเพิ่งรำคาญเรานะ เจอกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 22-08-2017 01:13:33
แหม่ มีมาจุ๊บปงจุ๊บปาก 5555 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-08-2017 01:27:45
 o18 o18
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-08-2017 01:30:32
โว้ยยยย ปั๊ตตะนาบ้างแร้นนนน
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 22-08-2017 01:40:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 22-08-2017 06:29:18
 :o8:อ๊ายยยยยย มีจุ๊บกันด้วย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-08-2017 07:24:41
ทำไมมีลางสังหรณ์ว่าไวท์จะได้ใช้รูป แถมศาลพระภูมิแบบโมเดิร์นนี้จะเป็นที่นิยม ไม่ใช่ว่ามีแบบนี้กันทุกบ้านนะ ถ้าอย่างนั้นท่านเจ้าที่มาเกิดใหม่หาไม่เจอง่าย ๆ แน่ ฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 22-08-2017 07:51:00
ขอบคุณเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-08-2017 09:47:44
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-08-2017 10:01:27
 :-[ ต่างคนต่างเขิน อิอิ น่ารักเน๊าะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-08-2017 18:52:44
จุ๊บเบาๆๆๆ เขินๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-08-2017 20:25:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-08-2017 21:33:45
มีความจูบแรก >\\\\\\\\\\<♡
ไวท์รุ่งแน่นอนจร้า ศาลสไตล์โมเดิร์นจะต้องอินเทรน!
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-08-2017 22:26:49
มีพัฒนาการรรรร   :hao7:

ไปตามอ่านในจอยมาแล้วค่ะ ตลกท่านเจ้าที่ 5555555555555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 23-08-2017 01:09:59
แหนะท่านเจ้าที่จุ๊บน้องทำไมมม
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-08-2017 02:42:21
ว้ายยยย เค้าจุ๊บกับแล้วแหละพ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 23-08-2017 06:09:15
น่ารักกุ๊กกิ๊กสุดๆ :z1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-08-2017 06:10:53
แทงค์นี่เอะอะก็คิดจะปล้ำท่านเจ้าที่นะ ทำจริงๆ ทีดิ มีการจุ๊บกันเบาๆ ให้ฟิน o18
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 23-08-2017 22:06:40
เห็นฉากจุ๊บแล้วอยากแทรกไวท์กับธีร์ไปอยู่ตรงนั้นแทนจริงจริ๊ง.ง.ง.ง.ง. อุเนี๊ยว.ว.ว.. :give2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 25-08-2017 00:47:09
 :-[ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 20 [21-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jinglering ที่ 25-08-2017 14:48:11
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 26-08-2017 22:17:27
ตอนที่ 21

“จะทำอะไรข้า”

 

วันว่างในครั้งต่อมา ผมก็ได้ฤกธิ์ลงมือทาสีศาลใหม่เสียที ไม่อยากจะอวดเลยว่าตอนนี้มันดูดีมากกก สวยมากกก ขนาดนี่แค่ทาสีตัวศาลที่ด้านบนนะครับ ยังไม่ได้ทาสีต้นเสาเลย โอ้โห ฟรุ้งฟริ้งสีชมพูพาสเทลมาก ชิคกะแด่วแด๊ว(?)สุดๆ

ศาลพระภูมิที่เคยวางแผนวาดแปลนเอาไว้ตอนนี้เป็นรูปเป็นร่างอย่างสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซนต์อย่างไม่น่าเชื่อว่าใช้เวลาทำแค่ไม่กี่วัน แถมยังทำแบบไม่เต็มวันด้วยนะแต่ก็สร้างเสร็จจนได้ น่าประทับใจจริงๆ ครับ

ตัวศาลก็ตามที่ท่านเจ้าที่เขาอยากได้เป็นบ้านสองชั้นทรงสี่เหลี่ยมโมเดิร์นๆ ไม่มีหลังคาเพราะทำเป็นดาดฟ้าแทน ส่วนที่เป็นด้านหลังของบ้านฉาบปูนทาสีชมพูอ่อน อีกสามด้านที่เหลือติดกระจกแทน ทำให้มองเห็นด้านนได้ชัดเจน แต่ตอนนี้ข้างในโล่งว่างไม่มีอะไรนอกจากเคาน์เตอร์ที่ทำให้ดูเหมือนส่วนของครัวทำอาหาร ข้างผนังหลังเคาท์เตอร์บิลอินท์ติดตู้เก็บของไว้บนผนังเหนือส่วนทำครัว แบบเดียวกับที่เห็นได้จากในคอนโดฯ นั่นล่ะครับ

ครับ ศาลพระภูมิมีบาร์บิลอินท์ด้วย เจ๋งป่ะล่ะ! ฮะฮ่า!

ด้านนอกของตัวบ้านทางฝั่งขวามือก็คือสระว่ายน้ำตามที่ท่านเจ้าที่เขารีเควสต์มา เป็นสระกว้างกำลังพอดีปูด้วยกระเบื้องสีฟ้า แต่ยังไม่ได้ใส่น้ำลงไปหรอกนะครับ กะว่าจะรอให้ทาสีทั้งศาลจนหมดก่อนแล้วค่อยใส่ และในส่วนของพื้นที่ว่างอีกสามด้านรอบบ้านทรงโมเดิร์นนี้ ไอ้ธีร์เสนอว่าให้ปูหญ้าเทียมลงไป แล้วก็ซื้อพวกต้นไม้ปลอมมาวางตกแต่ง เอาให้เหมือนโมเดลตัวอย่างบ้านของพวกบริษัทรับสร้างบ้านไปเลย...ผมลองเสนอกับท่านเจ้าที่แล้วด้วยนะ ซึ่งอีกฝ่ายก็เห็นดีเห็นงาม ให้เงินมาซื้อของตกแต่งอย่างง่ายดายเลยครับ

ทีนี้ก็เหลือแค่ทาสีในส่วนของตัวเสากับเพนต์ลายยูนิคอร์น...อืมมม ผมควรจะเพนต์ลายก่อนสินะ จากนั้นก็รอให้มันแห้ง แล้วใช้พลาสติกซีลในส่วนที่เพนต์ไว้ ก่อนจะลงสีพื้นที่ว่างที่เหลือ ประเด็นคือผมทำงานฝีมือไม่เก่ง จะให้มาตัดไม้ทำแบบก็ดูจะเกินกำลังตัวเอง คงต้องรอให้ไวท์ทำให้แล้วล่ะ

“อ้าว ทาสีแล้วเหรอแทงค์ ทำไมไม่รอให้เรามาช่วยล่ะ”

ผมลดแปรงทาสีในมือลงก่อนจะหันไปมองไวท์ที่เดินเข้ามาพร้อมกับไอ้ธีร์ “นี่น่ะงานง่ายๆ เราไม่อยากรบกวนไวท์มากไปกว่านี้แล้วน่ะ เกรงใจ”

“เฮ้ย คิดมากไปได้ เราเต็มใจช่วยจริงๆ นะแทงค์” ไวท์โบกมือไปมาเป็นเชิงบอกไม่ให้ผมคิดเยอะ ขณะที่ไอ้ธีร์เข้ามาหยิบแปรงทาสีที่ยังว่างอยู่อันหนึ่งขึ้นแล้วว่า...

“อีกอย่างมึงบอกจะพาพวกเราไปเลี้ยงหมูกระทะด้วยนี่ เพราะงั้นต้องทำงานให้คุ้มกับค่าแรงที่มึงจะให้ดิวะ”

ผมงี้หันไปมองไอ้ธีร์ตาโต “มึงมีหัวคิดเรื่องอะไรแบบนี้กับเขาด้วยเหรอวะ”

“นั่นปากเหรอเพื่อน อยากโดนรองเท้าเบอร์สี่สิบสองตบปากเปล่า?”

“ฮ่าๆๆๆ” ผมกับไวท์หัวเราะเมื่อมันทำท่าจะถอดอดิดาสคู่สองพันกว่าที่ใส่อยู่มาตบปากผมจริงๆ

“แล้วนี่กินอะไรกันมายังล่ะ” ผมเปลี่ยนเรื่องถาม เอี้ยวหน้าไปมองนาฬิกาข้อมือของไอ้ธีร์แล้วก็เห็นว่าตอนนี้เก้าโมงครึ่งแล้ว วันนี้เป็นวันจันทร์ ผมไม่มีงานพิเศษอะไรที่ไหน คลาสเรียนอาจารย์ก็แคนเซิลทั้งสองวิชาเลยว่างสุดๆ หวังว่าวันนี้จะได้ทำศาลพระภูมิให้เสร็จแบบสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์น่ะครับ เอาให้ท่านเจ้าที่เข้าไปอยู่อาศัยได้เลยไรงี้

ส่วนเพื่อนทั้งสองคนนี่ก็ไม่มีเรียนเหมือนกัน จริงๆ มันก็หยุดกันแทบจะทั้งมหา’ลัยนั่นล่ะครับ เพราะมันเป็นวันที่อาจารย์หลายสาขาหลายคณะไปสัมมนากัน อาจารย์น้อยคนที่จะไม่ได้ไป

“กินมาแล้วล่ะ แล้วก็แวะซื้อของกินมาฝากแทงค์ด้วยนะ” ไวท์ชูของในมือให้ผมดู

“โหย ไม่เห็นต้องลำบากเลย”

“ไม่ลำบากอะไรหรอกน่า แทงค์กินข้าวหรือยังล่ะ ถ้ายังเราจะได้ไปใส่จานมาให้”

ผมส่ายหน้าให้แทนคำตอบ ก่อนจะวางแปรงทาสีลง “เดี๋ยวเราไปทำเองดีกว่า ให้แขกทำให้แล้วมันแปลกๆ”

“อย่าพิธีรีตองเยอะได้ป่ะไอ้แทงค์ พูดเหมือนพวกกูเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ ก็เพื่อนกันเปล่าวะ” ไอ้ธีร์แทรก ก่อนจะเดินเข้าไปหาไวท์แล้วดึงเอาถุงทั้งหมดในมือเขามาถือเอง “ถ้ามึงเกรงใจไวท์ งั้นเดี๋ยวกูไปทำให้เอง ขอใช้ครัวนะ”

แล้วมันก็ก้าวเท้าเข้าบ้านของผมไปเลยประหนึ่งว่ามันเป็นเจ้าของบ้านไม่ใช่ผม แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกเพราะบ้านของผมก็เหมือนบ้านหลังที่สองของเพื่อน พวกไอ้เนสมาก็ทำตัวตามสบายกันตลอด ยิ่งไอ้พัฟนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ทำเหมือนบ้านตัวเองยิ่งกว่าผมที่เป็นเจ้าของบ้านเสียอีก

“งั้นไวท์เข้าไปนั่งเล่นในบ้านเถอะ เดี๋ยวเราล้างมือแล้วจะตามไป”

อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ เดินหายเข้าบ้านไปอีกคน ผมก็เลยตรงไปยังก็อกน้ำที่อยู่ตรงริมรั้ว เปิดน้ำล้างมือที่เปื้อนสีออกลวกๆ ก่อนจะสะบัดๆ แล้วเช็ดกับขากางเกงให้พอแห้ง กลับเข้ามาในบ้านอีกทีก็เจอเพื่อนทั้งสองคนนั่งอยู่ที่พื้นห้องนั่งเล่น ตรงกลางของทั้งคู่ซึ่งเป็นโต๊ะวางของเล็กๆ มีจานส้มตำ ลาบหมู หมูย่างจิ้ม ไก่ย่าง และต้มแซ่บชามโตวางอยู่ เคียงกันด้วยจานผักสดและห่อข้าวเหนียว

“มาพอดี มากินเร็ว” ไอ้ธีร์กวักมือเรียกยิกๆ ผมก็เลยทรุดตัวลงนั่ง มองของบนโต๊ะตาโต กระเพาะร้องโครกครากขึ้นมาเสียเฉยๆ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรเลยในตอนแรก

“ซื้อมาเยอะจัง ไหนว่ากินข้าวกันมาแล้ว” ผมออกปากถามขึ้น ไวท์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบไขข้อข้องใจของผม

“ก็กินมานิดหน่อยแหล่ะ แต่มื้อหลักตั้งใจซื้อส้มตำมากินด้วยกัน”

ผมพยักหน้ารับ รับส้อมจากไอ้ธีร์มาตักส้มตำเข้าปาก มืออีกข้างหยิบชิ้นกระหล่ำปลีเคี้ยวตาม...แซ่บดีว่ะ รสชาติใช้ได้เลยนะเนี่ย

“แล้วพี่ภูไม่ได้มาบ้านมึงเหรอไอ้แทงค์?”

ผมชะงักไปนิดเมื่อโดนถาม แล้วรีบกลับมาเป็นปกติด้วยการส่ายหน้าแทนคำตอบ หยิบเอาข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนแล้วจิ้มลงไปในน้ำส้มตำก่อนจะยัดเข้าปาก ตามด้วยหยิบน่องไก่มาแทะ

หลังๆ มานี้แค่ผมได้ยินชื่อของท่านเจ้าที่ หรือแค่ปล่อยให้สมองตัวเองว่างจนเผลอไปคิดถึงอีกฝ่าย ใจผมก็เต้นไม่ส่ำขึ้นมาในทันที...อาการเหมือนคนตกหลุมรักเลยให้ตายสิ!

แต่เฮ้! ไม่มีทางหรอกที่ผมจะหลงรักเขาได้ ก็นั่นน่ะพระภูมิเจ้าที่นะเว้ย ไม่ใช่มนุษย์ปกติธรรมดา นั่นน่ะเทวดาที่อยู่มาสองร้อยปีและกำลังจะไปเกิดแล้วด้วย ผมไม่มีทางไปหลงรักคนแบบนั้นได้หรอก

ก็บอกว่าไม่ได้ชอบไง แค่...ใจสั่นด้วยเฉยๆ เฟ้ย!

“นึกว่ามาจะได้ชวนมากินด้วยกัน” ไวท์ว่าอย่างเสียดาย

“อืม ช่วงนี้เขายุ่งๆ เรื่องงานน่ะ” ผมตอบหลังจากกลืนของในปากลงคอไปหมดแล้ว ก่อนจะนิ่งคิดอีกเล็กน้อย แล้ว... “แต่เดี๋ยวเราลองไปชวนเขามาแล้วกันนะ รอแป๊บนึง”

ผมวางน่องไก่ลงก่อนจะลุกออกมา คิดไปด้วยว่าตอนนี้อีกฝ่ายน่าจะอยู่ที่ไหน เพราะจะว่าไปแล้วนอกจากห้องนั่งเล่นกับห้องครัว ผมก็ไม่เคยเห็นท่านเจ้าที่อยู่ที่อื่นอีกเลย ที่แรกที่ผมไปหาคือห้องครัวแต่ก็ไม่เจอ มาคิดดูอีกทีตอนไอ้ธีร์เข้ามาก็คงไม่เจอเหมือนกัน ไม่งั้นมันคงไม่ถามผมหรอกว่าอีกฝ่ายอยู่ไหน ถ้างั้น...แล้วท่านเจ้าที่จะไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะ?

ผมลองเดินออกไปหน้าบ้าน ไปหาที่ศาลาไม้ริมรั้วก็ไม่เจอ ไปแถวๆ ศาลพระภูมิก็ไม่เจอ วุ้ย! หายไปไหนของเขานะ หรือต้องเรียก?

เอาวะ เรียกก็ได้

“ท่านเจ้า...” ผมงับปากตัวเองเมื่อเผลอตะโกนเสียงดังเรียกอีกฝ่าย ด้วยเพิ่งนึกได้ว่าเพื่อนทั้งสองที่อยู่ในบ้านจะได้ยินเข้า...จะให้ตายยังไงผมก็ไม่ชินกับการเรียกไอ้ท่านเจ้าที่ด้วยชื่อเลยจริงๆ แต่ก็ต้องเรียกล่ะนะ “พะ พี่ภู!! อยู่หรือเปล่า!?”

“...” ไร้เสียงตอบรับหรือการปรากฏกายของอีกฝ่าย

“พี่ภู!!!” ผมลองเรียกอีกครั้ง หันซ้ายขวามองหาไปด้วย ก่อนจะเห็นบางอย่างที่หางตาไวๆ เลยเงยหน้าขึ้นไปมองที่หน้าต่างห้องนอนของตัวเอง

ตรงนั้นมีร่างโปร่งบางจนแทบมองไม่เห็นยืนอยู่ ผมหรี่ตามองก็เห็นลางๆ ว่าเป็นผู้หญิงในเกาะอกผ้าไหมสีเหลืองอ่อน คลุมไหล่ด้วยผ้าแพรสีขาว ช่วงล่างสวมกระโปรงผ้าไหมสีน้ำตาล เส้นผมสีดำปล่อยสลวย ใบหน้างามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ เป็นธรรมชาติ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั่นคลี่ยิ้มเล็กน้อย ขณะที่กวักมือเรียกผมให้ขึ้นไป

ผมขมวดคิ้ว พลันนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นนางไม้ที่ท่านเจ้าที่เคยพูดถึง...เลขาฯ ของอีกฝ่ายไงล่ะ แล้วที่เรียกผมขึ้นไปนี่หมายความว่าท่านเจ้าที่อยู่บนห้องนอนของผมเหรอ?

ผมเดินอ้อมไปทางหลังบ้านเพื่อเข้าบ้านทางประตูด้านหลังแล้วขึ้นบันไดสู่ชั้นสอง ไม่อยากเดินผ่านห้องนั่งเล่นน่ะ ขี้เกียจตอบคำถามพวกมันว่าทำไมถึงไปตามหาท่านเจ้าที่ในบ้านตัวเองทั้งๆ ที่พวกมันเข้าใจว่าบ้านของอีกฝ่ายอยู่ข้างกัน พอมาถึงชั้นบนผมก็เปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเองทันที  แล้วก็ได้เจอกับนางไม้ที่กำลังยืนยิ้มส่งมาให้ผมที่ตรงตำแหน่งเดิม ดวงตาสีเขียวจางๆ ของอีกฝ่ายมองไปที่เตียงให้ผมต้องมองตาม

บนนั้นมีร่างสูงใหญ่ของท่านเจ้าที่นอนอยู่ แถมยังใส่ชุดสูทเต็มยศอยู่เลยด้วย ใบหน้าที่หลับตาพริ้มนั้นดูอ่อนล้ากว่าครั้งล่าสุดที่เจอกัน...ช่วงหลังๆ อีกฝ่ายก็ไม่ได้มานอนเป็นเพื่อนผมด้วยนี่นะ นับตั้งแต่วันที่เจอกองทัพผีเอฟซีท่านเจ้าที่ดักหน้ารถนั่นล่ะครับ ก็เลยเจอกันนับครั้งได้

“เขาดูเหนื่อยมาก” ผมพึมพำกับตัวเอง แต่เหมือนว่านางไม้จะได้ยินด้วย เพราะเสียงใสๆ ก้องๆ ของเธอดังขึ้นมาตอบคำถามของผม

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านภูตลาเพิ่งกลับจากประชุมที่เพิ่งหาข้อยุติได้ หลังจากผ่านมาสองวันกับอีกสิบสองชั่วโมง”

“หา?” ผมทำหน้าเหวอ หันกลับไปมองนางไม้ผู้เป็นเลขาฯ ของท่านเจ้าที่แล้วถามย้ำ “จะบอกว่าพวกเทวดาเขาประชุมกันไม่หยุดพักมาสองวันครึ่งเลยเหรอครับ?!”

“เจ้าค่ะคุณแทงค์”

“แล้วท่านเจ้าที่นอนไปนานหรือยังครับ” ผมถามอีก หลังจากปล่อยให้ตัวเองอึ้งตะลึงอยู่พักหนึ่ง

“ราวห้าชั่วโมงได้แล้วเจ้าค่ะ และถ้าคุณแทงค์ต้องการจะปลุกท่านภูตลาไปทานมื้อกลางวันล่ะก็ ลองปลุกดูก็ได้นะเจ้าคะ ท่านภูตลาไม่ได้ทานอะไรมาเกือบหนึ่งวันแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ”

“โอเค ขอบคุณมากนะครับ คุณนางไม้เองก็คงยังไม่ได้พักผ่อน ไปพักเถอะครับ ทางนี้ผมจัดการเอง” ผมบอกพลางยกยิ้มบางๆ ให้กับอีกฝ่าย หวังจะให้เธอคลายใจไม่ต้องเป็นห่วงเจ้านาย

นางไม้มองผมด้วยสายตาแปลกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากถอนสายบัวให้ กล่าวขอบคุณและสลายหายไปพร้อมกับสายลมที่พัดมาอ่อนๆ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ

หือ? เวลานางไม้หายตัวนี่เป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่านะ กลิ่นหอมเชียว

ผมหันกลับมาให้ความสนใจกับท่านเจ้าที่อีกครั้ง ก้าวเท้าเข้าไปหาแล้วค่อยๆ ทรุดลงนั่งที่ขอบเตียง มองใบหน้าคมคร้ามก่อนจะยื่นมือไปลูบปลายคางที่มีไรหนวดจางๆ ของอีกฝ่ายเบาๆ ผมเอ่ยถามแม้รู้ว่าคงไม่ได้คำตอบเพราะอีกฝ่ายกำลังหลับ ก่อนปลายนิ้วจะเลื่อนขึ้นไปแตะที่ริมฝีปากของร่างสูงแทน

“เป็นเจ้าที่ศาลพระภูมิต้องทำงานจนไม่ได้นอนขนาดนี้เลยหรือไงน่ะ” ผมลูบเรียวปากของอีกฝ่ายเบาๆ นึกไปถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบประทับบนเรียวปากของผมเมื่อหลายวันก่อนแล้วหัวใจมันก็เต้นตุบๆ ขึ้นมาด้วยจังหวะถี่กระชั้นขึ้น คิดบ้าอะไรของผมอีกแล้ววะเนี่ย ไปนึกถึงทำไมกันเล่า! พอๆ ปลุกไอ้ท่านเจ้าที่จอมกวนประสาทนี่ไปกินส้มตำดีกว่า หายมาตั้งนานป่านนี้ไอ้พวกนั้นนั่งรอจนกินหมดไปแล้วมั้ง

ตั้งใจจะเลื่อนมือไปเขย่าไหล่ร่างสูงให้ตื่น แต่กลายเป็นผมที่ต้องตกใจแทนเมื่อมือหนาของท่านเจ้าที่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของผมอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลงเพราะไม่ทันตั้งตัว

ท่านเจ้าที่ปรือตาขึ้นมามองผม ก่อนจะหลับตาลงไปใหม่แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง หรี่ตาเล็กน้อยมองหน้าผม ให้ผมต้องรีบเรียกสติอีกฝ่าย

“ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นสิ ปล่อยมือผมด้วย”

“จะทำอะไรข้า” นอกจากไม่ลุกไม่ปล่อยแล้วยังตั้งคำถามอีกต่างหากนะ

ผมพ่นลมหายใจก่อนจะตอบ “มาปลุกไปกินส้มตำ ไวท์กับธีร์มันซื้อมาเยอะแยะเลย ให้ชวนท่านไปกินด้วยกัน”

“เหรอ”

“แล้วอีกอย่างท่านก็ยังไม่ได้กินอะไรมาจะวันหนึ่งแล้วใช่ไหมล่ะ ทีนี้ก็รีบลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็ลงไปกินได้แล้ว” ผมว่ารัวๆ บิดข้อมือเล็กน้อยเป็นเชิงบอกให้เขาปล่อยข้อมือผมสักที แต่ท่านเจ้าที่ยังไม่ยอมปล่อย แถมยังจับแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นไปด้วย

“เหมือนได้กลิ่นไก่ย่าง”

ฉิบหาย! มือข้างนี้ผมหยิบน่องไก่กินนี่หว่า ยังไม่ได้เช็ดได้ล้างด้วย แล้วยังเอาไปจับคางจับปากไอ้ท่านเจ้าที่มันอีก ตายๆ กูต้องโดนด่าแน่ๆ เลยว่ะ

“ผะ ผมกินไก่ย่างมาอ่ะ แล้วก็แบบ...ลืมล้างมือ แหะๆ” ชิงสารภาพผิดก่อนเว้ย เผื่อจะไม่โดนหนัก

ท่านเจ้าที่มองหน้าผมนิ่งอยู่อีกนาทีหนึ่งเต็มๆ ก่อนที่จะ...แผล่บ

“!!!”

อะ อะ อะ อะ...

ผมอ้าปากค้าง มองร่างสูงที่นอนอยู่ตาโตจนแทบถลน!

ก็จะไม่ให้ผมตกใจได้ไงในเมื่อจู่ๆ ท่านเจ้าที่ดึงมือผมเข้าไปหาแล้วแลบลิ้นเลียนิ้วที่เปื้อนไก่ย่างของผมอ่ะ!!

ไอ้เหี้ยยยยยย!!!!! ทำอะไรของคุณมึ้งงงงง!!! ไอ้ท่านเจ้าที๊!!!!

“ถ้าหิวก็ลุกสิโว้ย! ไม่ใช่มาเลียมือคนอื่นเขา!” ผมโวยวายลั่น สะบัดมือเต็มแรงจนหลุดจากการเกาะกุม จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นถอยห่างจากอีกฝ่าย มองหน้าท่านเจ้าที่ตาเขม็ง

...ก่อนจะวิ่งหนีออกมาพร้อมกับแหกปากลั่น

“อ๊ากกก!!!”

เมื่อกี้นี้มันเกิดอะไรขึ้นกับกูวะ ว้ากกกก




__________

5555555 น้องแทงค์แมนๆ แหกปากร้องก็คราวนี้ อีคุณท่านเจ้าที่นางเหนื่อยไง เพิ่งตื่นไง แล้วก็ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันไง หิวอ่ะหิววว ได้กลิ่นไก่ย่างก็เลียไว้ก่อน ดีนะที่ไม่งับไม่กัด ก๊ากกก

เรามีอีกอย่างนึงจะบอกพวกเธอด้วย หลังจากตอนนี้เราจะหายหน้าไปสักพักนะคะ แงง้ ตอนนี้ติดงานหลวงแสนยิ่งใหญ่มาก วิชาสัมมนาค่ะ สัมมนาตัวร้ายกับควายตัวหนึ่งมาก ฮืออ เป็นวิชาที่สูบพลังชีวิตของเราอย่างมหาศาล เห็นเปเปอร์ภาษาอังกฤษยาวเป็นพรืดที่ต้องแปลแล้วก็อยากจะร้องไห้ ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าอะไรดลใจให้เลือกเรียนเอกภาษาอังกฤษเหรอมึ้งงง //โวยวาย

ก็นะ ชีวิตเด็กปีสี่ก็งี้แหล่ะ ฮือๆ เอาเป็นว่าถ้าผ่านพ้นช่วงพรีเซ็นต์เลือกหัวข้อสัมมนาได้เมื่อไหร่ เราจะกลับมาอัพให้ทันทีเลยค่ะ กรุณารอเราด้วยเถอะพี่น้องทั้งหลาย แล้วเราจะกลับมาอย่างอลังการ...รึเปล่า? งุงิ แล้วเจอกันนะคะ เราจะคิดถึงทุกคนเด้อออ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 26-08-2017 22:27:54
สาวแตกแล้วลูก =_=
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-08-2017 23:14:47
อื้อฮือ......ท่าน ถึงเนื้อถึงตัว รุกแทงค์ แบบสยิวและ  o18
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-08-2017 23:31:04
กำลังหิวพอดี ขอคนแก่ร่วมวงด้วยคนดิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-08-2017 01:00:43
 o13

สู้ๆนะครับขอให้ทุกอย่างไปได้สวย  รออ่านนะครับ.


 :L2: :pig4: :L2:



หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-08-2017 02:43:16
ก้เนียนๆกันไปค่าาาพี่ภู
คนกำลังหิวๆ มีเนื้อมาวางตรงหน้างี้
พี่แกไม่เอาเข้าปากไปทั้งมือก้ดีแล้วนาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 27-08-2017 04:03:43
แหม๊ ท่านเจ้าที่ จะเนียนก็บอกมาเหอะ ติดใจปากน้องไม่พอ ลามไปที่นิ้วอีก
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 27-08-2017 08:55:43
 :o8:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 27-08-2017 09:34:51
ท่านเจ้าจู่โจมอร๊ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-08-2017 11:40:30
หูย...ท่านเจ้าที่ทำไปได้นะ
แทงค์ ทำตัวแมนๆ หน่อย
คนเขียน ให้ของานผ่านไปด้วยดีนะจ๊ะ
จะรอ แบบไม่หนีหายไปไหนเลย
 :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 27-08-2017 13:16:33
ขำน้องแทงค์
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-08-2017 14:48:11
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 27-08-2017 20:36:52
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-08-2017 21:20:55
เจ้าที่แค่หิวมากไปหน่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 27-08-2017 21:39:34
น่ารัก~~~
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 28-08-2017 01:42:54
จับปล้ำเลยเจ้าค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-08-2017 22:51:52
กรี๊ดสาวแตกเลยแทงค์เอ้ย  นี่แค่เลียมือเองนะ o18
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-08-2017 18:02:56
ฟินกว้าไก่ย่างก็นิ้วแท้งค์นี่แหละเนอะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 21 [26-08-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 31-08-2017 02:31:17
อ่านแล้วหิวส้มตำค่ะ อิจฉาท่านเจ้าที่ ได้ลิ้มรสไก่ย่าง 555555555555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 01-09-2017 23:20:29
ตอนที่ 22

“งั้นเขิน?”

 

“เอ่อ ทั้งสองคนทะเลาะกันเหรอ”

เสียงของเพื่อนผู้สุภาพเรียกให้ผมต้องเหลือบตาขึ้นมอง ก่อนจะเผลอไปสบเข้ากับตาสีรัตติกาลของท่านเจ้าที่จนต้องรีบหลบ ก้มหน้าลงจดจ่อกับจานหมูย่างจิ้ม จิ้มๆๆ เข้าปากคำแล้วคำเล่า สลับกับตักน้ำต้มแซ่บซดเข้าปากรัวๆ จะให้ผมตอบอะไรล่ะ!? ไม่ตอบอะไรทั้งนั้นเพราะไม่รู้จะตอบอะไรเว้ย!

แต่แล้ว จู่ๆ ท่านเจ้าที่ก็ตอบออกมาว่า “เด็กนี่ไปเห็นตอนฉันกำลังแก้ผ้าแต่งตัวน่ะ เลยตกใจวิ่งกลับบ้านมาหน้าตาตื่นอย่างที่เห็น”

ผมเงยหน้าขวับ มองอีกฝ่ายตาถลน ตะโกนเถียงเสียงดัง “ใครไปเห็นอะไรแบบนั้นที่ไหนกันเล่า!”

“ก็มันจริงนี่ อย่ามาปฏิเสธกลบเกลื่อนน่า แค่เห็นคนอย่างฉันแก้ผ้า ทำเป็นตกใจไปได้”

“ไม่ได้ตกใจเว้ย!!”

“งั้นเขิน?”

“มะ ไม่ได้เขิน!” ผมงี้หน้าร้อนผ่าว ไม่ได้ร้อนเพราะนึกภาพท่านเจ้าที่โป๊หรอกนะ ไมได้หื่นขนาดนั้นเฟ้ย! แต่นึกไปถึงตอนที่โดนละ...เลียนิ้วต่างหาก

ว้ากกก!!! แล้วกูจะไปนึกทำไมเนี่ย!

ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้า ไม่สนใจแล้วว่าเพื่อนทั้งสองจะมองยังไงหรือจะเชื่อที่ไอ้ท่านเจ้าที่มันตอแหล เอ้ย! สร้างเรื่องขึ้นมา นาทีนี้ผมอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว จะอายจนโดนเข้าใจผิดก็ช่างแม่ง!

“โธ่ๆ เพื่อนรัก แค่นี้ทำเป็นเขิน มีของดีให้ดูก็ดูไปเถอะน่า ได้โอกาสดูทั้งที“ ไอ้ธีร์เอ่ยแซ็วแกมหยอกผม

“ของดีอะไร ดีตรงไหนไอ้สัส!”

“เอ๊า แล้วรูปร่างอย่างพี่ภูนี่ไม่เรียกว่าน่ามองหรือวะ พี่เขาดูดีมากเลยนะเว้ย”

ท่านเจ้าที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกริ่ม เอ่ยออกมาว่า “ขอบใจ”

เออ! เข้ากันดีเป็นปี่เป็นแซ็กโซโฟนเลยนะ ไอ้เวรรร!!!

ผมเขม่นมองท่านเจ้าที่ตาเขม็ง แม้จะยังอายอยู่แต่ความขุ่นเคืองมันมีมากกว่า หากแต่อีกฝ่ายกลับตักลาบหมูเข้าปากแล้วยักคิ้วให้ผมไปด้วย หน็อยๆ อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะไอ้ท่านเทวดา จะหาทางแก้แค้นให้สาสมเลย ฮึ่ย!

หลังจากที่พวกเราทานเสร็จ ก็กลับออกมาที่ด้านนอกเพื่อทำศาลพระภูมิต่อ ส่วนไอ้ท่านเจ้าที่น่ะเหรอ? นู่น ขอตัวไปนอนต่อแล้วครับ ซึ่งผมก็ไม่คัดค้านหรอก เพราะนอกจากหน้าตาของอีกฝ่ายจะดูอ่อนเพลียจนน่าสงสารแล้ว ผมยังอยากให้เขาไปให้ไกลๆ ผมมากที่สุดอีกด้วย อย่างน้อยก็จนกว่าผมจะทำใจลืมเรื่องก่อนหน้านี้ได้นั่นแหล่ะ

“เราตัดแบบมาให้แล้ว อ่ะนี่” ไวท์ส่งแบบที่ว่ามาให้ผม ผมรับมาดูด้วยความตื่นเต้น ปากก็ถามไปด้วย

“อ้าว ไปตัดที่ไหนมาอ่ะ?”

“ที่ห้องสตูของ’ถาปัตย์น่ะสิ เมื่อวานกูไปช่วยไวท์ทำมา” ไอ้ธีร์เป็นคนตอบแทน

“ขอบใจนะเว้ยที่ลงทุนช่วยขนาดนี้”

“เอาน่า บอกแล้วว่าเต็มใจช่วย ทีนี้ไปช่วยกันทำให้เสร็จดีกว่านะ ป่ะ!” ไวท์ยิ้มกว้างให้ผม ตบบ่าผมสองสามทีก่อนจะเดินนำไปดูถังสีเล็กๆ หลากสีที่ซื้อมาเพื่อเพนต์ลายยูนิคอร์นโดยเฉพาะ ถึงจะบอกว่าเอายูนิคอร์นสีรุ้ง แต่เวลาทำจริงๆ ก็มีแค่สีแดง ส้ม ฟ้า แล้วก็เขียวเท่านั้น อ้อ มีสีดำด้วย แต่ตั้งใจจะเอามาทาเฉพาะตรงเขายูนิคอร์นกับกลีบเท้าเท่านั้น เบ็ดเสร็จก็ไม่ครบเจ็ดสีหรอกครับ

ไม้แบบที่ไวท์ตัดมาทำมาจากไม้อัดแผ่นไม่หนาไม่บางมา ตัดเป็นรูปม้ายูนิคอร์นขนาดครึ่งกระดาษเอสี่ อาจจะเลยมานิดๆ แต่ก็ถือว่าเป็นขนาดที่กำลังพอดีนะในสายตาผม

“กูไม่มั่นใจเลยว่ะว่าจะทาออกมาแล้วไม่น่าเกลียด งานฝีมือเป็นอะไรที่กูไม่ถนัดเลย” ผมพูดขึ้นอย่างกังวล

“เดี๋ยวกูทำให้เอง กูเคยเรียนวาดภาพมาช่วงนึง ยังพอจำเทคนิคได้” ไอ้ธีร์เสนอตัว มันยิ้มหน้าระรื่น ดูมั่นอกมั่นใจมากๆ กับฝีมือของตัวเอง จนผมอดแปลกใจไม่ได้

“ไม่น่าเชื่อว่ามึงจะทำอะไรแบบนี้เป็น”

“อ่ะแน่นอน กูใครครับ? นี่ธีรพัชรคนหล่อคนแมนนะครับผม”

“เกี่ยวอะไรกับความหล่อความแมนเหรอ ฮ่าๆๆ” ไวท์เลิกคิ้วถามพลางหัวเราะไปด้วย ไอ้ธีร์เลยทำหน้างอแงใส่

“ก็เราอยากให้เกี่ยวนี่ไวท์ โธ่”

ผมมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับการลงสีต่อ สักพักทั้งสองคนก็หันมาช่วย...เราช่วยกันทำ ช่วยกันลงสีไปทีละจุดๆ จนเวลาบ่ายคล้อยเคลื่อนมาถึง ในที่สุดรอบต้นเสาของศาลพระภูมิใหม่ก็มีม้ายูนิคอร์นสี(เกือบ)รุ้งแปะอยู่โดยรอบ รวมกันทั้งสิ้นสิบสองตัวถ้วน

น่ารักว่ะ ไม่คิดว่าจะออกมาน่ารักขนาดนี้ ยูนิคอร์นทุกตัวเหมือนกันหมด คือมีเขากับกลีบเท้าสีดำ ตรงส่วนหางทาด้วยสีอีกสี่สีเรียงกันแหมือนเป็นขนหลากสีนั่นล่ะ ส่วนตรงลำตัวนี่ไล่สีไปทีละแถบ สีแดง ส้ม ฟ้า และเขียวไล่กันลงมาจากหลังม้าจนถึงหน้าท้อง อ่า มันสวยจริงๆ นะ น่ารักมากๆ

“ทีนี้ก็เหลือลงสีชมพูตรงพื้นที่ว่าง” ผมว่า อีกสองคนพยักหน้าตาม

“แต่ต้องรอให้ยูนิคอร์นสีแห้งแล้วค่อยเอาพลาสติกมาซีลก่อนจะทาสีต้นเสานะ” ไวท์สรุปงานของวันนี้

ไอ้ธีร์ยกแขนปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ยกยิ้มกว้าง “สวยจริงๆ ว่ะ เจ๋งมากและกูก็สนุกมากด้วย”

“สนุกเหรอวะ ไม่เหนื่อยเหรอ?” ผมหันไปถามอย่างฉงนใจ

“เหนื่อยไม่เท่าไหร่หรอก แต่มันสนุกมากกว่า ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่คิดว่าจะทำได้ดีขนาดนี้ด้วย เนอะไวท์เนอะ” คนโดนถามหัวเราะร่า หน้าตาเบิกบานสุดๆ

“อื้ม! สนุกจริงๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีของเราเลยล่ะ”

“อ่า ขอบใจจริงๆ นะที่ยอมช่วย หลังจากนี้เดี๋ยวเราทำที่เหลือต่อเอง ส่วนตอนนี้ไปพักเถอะ เลยมื้อกลางวันมาแล้วด้วยเนี่ย ไม่หิวกันเหรอ” ผมมองไปที่นาฬิกาข้อมือของไอ้ธีร์ก็เห็นว่าตอนนี้มันบ่ายสามเข้าไปแล้ว คงเพราะทำงานเพลินเลยไม่ทันรู้ตัวว่าไม่ได้กินมื้อกลางวัน “เอางี้ ไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วตอนเย็นไปกินหมูกระทะกัน”

“เย็นนี้เลยเหรอวะ?” ไอ้ธีร์เลิกคิ้วถามเหมือนจะไม่เห็นด้วย แต่เปล่าเลย มันทำหน้าดีใจ ตางี้เป็นประกายวิ้งๆ แบบคนที่อยากแดกเต็มที่อ่ะ

“สะดวกป่ะล่ะ” ผมย้อน

“สะดวกดิ!” มันตอบ ก่อนจะชะงักไปแล้วว่า “แต่แบบ...กูขอพาเพื่อนมาอีกคนได้ป่ะวะ แต่เดี๋ยวกูออกในส่วนของมันให้ ไม่ให้มึงเลี้ยงหรอก”

“เพื่อนมึง?”

“เออ พอดีมันอยู่ที่บ้านกูน่ะ เพิ่งกลับมาจากไปเรียนเมืองนอก”

“อ๋อ ได้ดิ” ผมพยักหน้าให้ ก่อนจะหันไปหาไวท์ “แล้วไวท์ล่ะ”

“เราโอเค แต่ก็...ขอพาเพื่อนมาด้วยเหมือนธีร์นะ” อีกฝ่ายยิ้มแห้งมาให้

“หืม? อ๋อ เพื่อนคนนั้นที่เคยเจอที่ตลาดนัดป่ะ?” ผมนึกไปถึงหนุ่มหล่อตัวสูงผมสีน้ำตาลที่เคยเจอ ตอนนั้นยังจำได้เลยว่าแอบคิดว่าอีกฝ่ายหน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็จำไม่ได้ ผมก็เลยเลิกใส่ใจไป

“อื้อ คนนั้นแหล่ะ”

“ได้ๆ เท่ากับว่าพวกนายจะกลับไปก่อนแล้วค่อยมาเจอกันใช่ไหม?” ผมสรุปใจความสำคัญ เพื่อนทั้งสองพยักหน้ารับ “งั้นเจอกันที่ร้านตรงข้างมอ. ก็ได้ ร้านนั้นก็อร่อยดี โอเคเนอะ? สัก...หกโมงเย็นหน้าร้านนะ บาย”

เมื่อเพื่อนทั้งสองกลับไปแล้ว ทีนี้เวลาที่เหลือก็เป็นเวลาพักก่อนจะไปกินมื้อเย็นมื้อใหญ่ของผม อ้อ แต่ผมต้องไปบอกไอ้ท่านเจ้าที่ด้วยนี่หว่าเพราะเขาเป็นสปอนเซอร์หมูกระทะครั้งนี้ ถ้าไม่มีเขาก็เลี้ยงหมูกระทะไวท์กับไอ้ธีร์ไม่ได้...เอาวะ ข่มความอายเพื่อหมูกระทะ! สู้เว้ย!!

ผมกลับขึ้นห้องนอนก็เจอท่านเจ้าที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงตรงตำแหน่งเดิมกับก่อนหน้านี้เด๊ะๆ ตอนแรกตั้งใจว่าจะปลุกอีกฝ่ายเพื่อบอกเรื่องหมูกระทะ แต่คิดดูอีกทีค่อยบอกแล้วกัน ตัวผมเหนียวเหนอะหนะไปด้วยเหงื่อและคราบสีที่เปื้อน ขอไปอาบน้ำอาบท่าก่อน

คิดได้ดังนั้นผมก็ตรงดิ่งเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้บนเก้าอี้มาด้วย จัดการถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ออกโยนใส่ตะกร้า หันไปเปิดฝักบัว วักน้ำลูบตัวเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไปยืนอยู่ข้างใต้สายน้ำที่ไหลลงมาเปียกหัวและร่างกาย...ใช้เวลาอาบน้ำสระผมอยู่ครึ่งชั่วโมง ผมก็เช็ดตัวนุ่งผ้าแล้วเพิ่งจะสำเหนียกได้ว่าลืมหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหัว ลืมหยิบเสื้อผ้าเข้ามาแต่งตัวในนี้ด้วยเถอะ ปกติผมก็แต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าอ่ะแหล่ะ แต่ตอนนี้มีท่านเจ้าที่นอนอยู่นี่หว่า ใครมันจะกล้าไปยืนแต่งตัวโทงๆ ให้อีกฝ่ายเห็นวะ

“เอาไงดีฟะ” ผมปรึกษากับตัวเอง สุดท้ายไม่มีทางเลือกเลยต้องจำใจแง้มประตูออกไปดูลาดเลา

ท่านเจ้าที่ยังนอนอยู่ที่เดิมและท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผมจ้องอีกฝ่ายอยู่อีกพักหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาซะก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ย่องออกจากห้องน้ำไปยังตู้เสื้อผ้า

ก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมจะต้องย่องเบาประหนึ่งตัวเองเป็นโจรแอบขึ้นบ้านคนอื่นเพื่อมาขโมยของด้วย ทั้งๆ ที่นี่มันบ้านของผมเองแท้ๆ

มาถึงหน้าตู้เสื้อผ้าได้ผมก็รีบดึงชั้นในมาสวมก่อนเป็นอย่างแรก ตามด้วยกางเกงขาสามส่วนสีกรมน้ำเงิน ก่อนจะสะบัดผ้าเช็ดตัวที่พันเอวอยู่ออกแล้วรื้อๆ หาเสื้อยืดมาใส่ แต่ในระหว่างที่กำลังจดจ่อกับการเลือกเสื้ออยู่นั้น...

“ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อน” ...เสียงกระซิบแหบต่ำก็ดังขึ้นที่ข้างหู ทำเอาผมสะดุ้งโหยง

“อะ...!!!” ผมหันขวับไปด้านหลังอย่างไวด้วยความตกใจ แล้วต้องนิ่งค้างเมื่อพบว่าใบหน้าของตัวเองชิดใกล้กับใครอีกคนมากแค่ไหน...ทะ ทำไมต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยเนี่ย!

“หึ” ท่านเจ้าที่หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ไม่ยอมถอยห่างและตัวผมเองก็ไม่ถอยเช่นกัน...ไม่ใช่ไม่อยากถอยนะครับ อยากถอยแต่เหมือนร่างทั้งร่างโดนแช่แข็งไว้อ่ะ มันถอยไม่ได้!

“หะ หัวเราะอะไร ถอยไปดิ! เข้ามาใกล้ทำไมวะ!” ผมโวยวายใส่ พยายามเรียกสติตัวเองให้ขยับหน้าขยับขาหนี กูโดนผีอำเปล่าวะเนี่ย ทำไมมันขยับตัวไม่ได้อ่ะเชี่ยยย

“ก็แล้วเอ็งจะกลัวอะไรข้าขนาดนั้นล่ะ”

“ไม่ได้กลัวเฟ้ย!” ผมเถียง

“งั้นเขิน?”

“มะ ไม่ใช่อีกนั่นล่ะ!” ท่านเจ้าที่ถามด้วยคำถามเดียวกันกับก่อนนี้เด๊ะ จนผมต้องปฏิเสธเสียงสั่น เออ! รู้น่ะว่าไม่เนียน รวบรวมแรงใจได้ผมก็เลยฮึดยกแขนขึ้นมาดันอกอีกฝ่ายออกห่าง “ถอยไปเลย!”

“หึๆๆ” ยัง! ยังจะมาหัวเราะอีก ขอซื้อไปโยนทิ้งได้ไหมไอ้เสียงหัวเราะหึๆ เนี่ย!

ผมรีบเปลี่ยนเรื่องพูดก่อนที่จะโดนกวนประสาทมากไปกว่านี้ “หกโมงไปเลี้ยงหมูกระทะพวกผมด้วย!”

ตุ้บ!...พูดจบผมก็กระโดดขึ้นเตียงแล้วคว้าผ้าห่มมาห่มปิดหน้าหนีสายตาของท่านเจ้าที่ทันที อย่ามามองกูนะไอ้ท่านเจ้าที่ สายตาแบบนั้นมันทำให้กูเขินนะโว้ย! ฮื่อออ ทำไมกูต้องมาเขินอะไรกับไอ้คนแบบนี้วะครับ!? ยิ่งไปกว่านั้นคือมันมีอะไรน่าเขินมิทราบ ว้อยยย! ไม่เข้าใจ!




__________

ตอนนี้เพิ่งว่างงานก่อนจะกลับไปลุยงานต่อ เลยคิดว่ามาอัพสักตอนดีกว่า เอาล่ะ ท่านเจ้าที่หยอกน้องขนาดนี้ ระวังจะโดนน้องมันเอาคืน...รึเปล่า? 5555 ส่วนใหญ่มีแต่แทงค์นะที่โดนดาเมจ ท่านเจ้าที่จะโดนบ้างก็นู่นแหน่ะ ตอนใกล้ๆ จะจบมั้ง ไม่แน่ใจนะ เราสต็อกไว้เยอะจนลืมไปละว่าเขียนอะไรไปบ้าง(อ้าว?)

ตอนหน้าไปกินหมูกระทะแหล่ะ เปิดตัวตัวละครใหม่อีกตัวหนึ่ง เพื่อนของไวท์นี่รู้จักไปแล้วเนอะ แต่เพื่อนของธีร์รับรองเด็ดค่ะ หุๆ อยากจะเขียนเรื่องของธีร์ชะมัด งุ้ยย แต่เอาเรื่องนี้ให้รอดก่อน 55555 ไปละ ถ้าเราว่างจะมาต่อตอนหน้าให้ทันทีค่ะ แต่ถ้าหายหัวไปนานๆ ก็อย่างที่บอกเนอะ งานสุมจะตายเอาได้ แฮะๆ แล้วเจอกันค่าา

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-09-2017 23:42:05
หยอกไปคิดอะไรหรือเปล่าค่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-09-2017 23:43:59
ปูเสื่อนอนรอดูหน้าเพื่อนใหม่  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-09-2017 01:25:01
โถถถถ แสดงว่าท่านเจ้าที่น่ะสเป็กแทงค์สุด ๆ เลยสินะ เขินได้เขินดี อีกฝ่ายก็ขยันทำให้เขิน ฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-09-2017 02:04:07
กับคนหล่อแบบท่านเจ้าที่มันหวั่นไหวก็ไม่แปลกจ้า  :hao5:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 02-09-2017 09:39:18
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-09-2017 12:24:01
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 02-09-2017 13:21:45
 :-[ ท่านเจ้าที่นี่ก้อขยันอ่อยเนอะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-09-2017 17:46:15
ไปกินกันเป็นคู๋ๆเลย  :ling1: :ling1: :ling1:
เอ๊ย......กินหมูกระทะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 22 [01-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-09-2017 18:46:47
 :-[
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 03-09-2017 21:19:45
ตอนที่ 23

“หึ”

 

หกโมงห้านาทีคือเวลาที่พวกเราทั้งหมดมารวมตัวกัน ณ ร้านหมูกระทะข้างมหา’ลัย ไวท์กับเพื่อนของเขาที่ชื่ออัศมาถึงก่อนเป็นคู่แรกเพราะหอของไวท์อยู่ใกล้ๆ ร้าน ตามด้วยผมกับท่านเจ้าที่ซึ่งมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกันกับไอ้ธีร์และ...เพื่อนตัวสูงหน้าหล่อสัดๆ ของมัน

แม่เจ้า ทำไมเพื่อนไอ้ธีร์คนนี้มันหล่อจังวะ!

อีกฝ่ายสูงมาก สูงพอๆ กับท่านเจ้าที่เลยครับ แต่หน้าตานี่ฝรั่งจ๋ามาก โครงหน้าได้รูป จมูกโด่ง ดวงตาคมกริบสีฟ้ากระจ่างใต้แพขนตาและเรียวคิ้วเข้ม เส้นผมสีน้ำตาลเข้มแต่งด้วยเจลบางๆ เสยด้านหน้าขึ้น ส่วนด้านหลังตัดเตียนนิดๆ ติดต้นคอ ยิ่งเมื่อเขาใส่เสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยแจ็กเก็ตหนังสีดำกับท่อนล่างสวมด้วยแสล็คยีนส์สีเข้ม ก็ยิ่งขับให้รูปร่างของเขาดูล่ำบึกบึนแบบพอเหมาะ เหมือนนายแบบฝรั่งบนปกนิตยสารแพงๆ หรือไม่ก็นายแบบบนแคตวอร์คชื่อดังเลยล่ะ

ให้ตาย ความหล่อดูดีประหนึ่งนายแบบของผู้ชายสองคนนี้มันสูสีกันเลยทีเดียวเชียวล่ะครับ

“มองอะไรขนาดนั้นไอ้แทงค์ ชอบเพื่อนกูเหรอ?” ไอ้ธีร์เรียกสติผมที่กำลังมองเพื่อนของมันอยู่ให้กลับมา พอได้ยินอย่างนั้นผมก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันที

“ไม่ใช่เว้ยไม่ใช่ กูมองเพราะเพื่อนมึงหล่อต่างหาก หุ่นก็โคตรดี เป็นคนประเทศไหนวะ เบ้าหน้าดีอะไรขนาดนี้” ผมบอกตามสิ่งที่ตัวเองคิด ไม่ได้ชอบเลยสาบานได้ แค่ชื่นชมน่ะชื่นชม ใครบ้างวะเจอผู้ชายรูปร่างอย่างนี้แล้วจะไม่ชื่นชม

“อ่อ แล้วไป นึกว่าชอบ” ไอ้ธีร์ทำหน้าโล่งอก ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจ มันก็เลยหัวเราะให้แล้วโอบไหล่เพื่อนฝรั่งของมันแน่น ยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมพลางเปิดปากบอกสิ่งที่ทำให้ผมตาค้าง “เพราะถ้ามึงชอบกูคงต้องซัดกับมึงให้ตายกันไปข้าง คนนี้ไม่ให้ชอบเว้ย กูหวง”

หวง…

“หวงเหรอ...” ไวท์เองก็ทำหน้าอึ้งๆ คิดตามไม่นานก็เอ่ยออกมาว่า “นี่แฟนธีร์เหรอ?”

คนโดนถามหัวเราะร่าอีกครั้ง หลิ่วตาไปมองเพื่อน...ที่อาจจะไม่ใช่เพื่อนอย่างที่ผมเข้าใจ

มองสายตามันแล้วเหมือนมันจะถามว่าจะให้ตอบไหมล่ะมั้ง หากแต่ผู้ชายคนนั้นกลับถอนหายใจอย่างเอือมระอา จากนั้นจึงหันมามองพวกผม สบตาเรียงคนและเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยตอนที่มองอัศกับท่านเจ้าที่ สายตาของเขาเหมือนสงสัยในอะไรบางอย่าง แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว...อะไรวะน่ะสายตาแบบนั้น?

เขาเอ่ยแนะนำตัวเอง “ผมเอลเลียต ดักลาส ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

“โห พูดไทยชัดมาก ตกลงเป็นลูกครึ่งหรือต่างชาติเนี่ย” ผมอดทึ่งกับสำเนียงการพูดของเขาไม่ได้ มันชัดมากเหมือนชีวิตนี้เกิดมาก็อยู่ในเมืองไทยตลอด เล่นเอาซะผมตื่นเต้นจนลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ไวท์ถามอะไรไอ้ธีร์

เอลเลียตเงียบไปเมื่อโดนถามแบบนั้น ขณะที่ไอ้ธีร์หัวเราะอีกแล้ว หัวเราะอะไรของมันนักหนาวะ...แต่ยังไม่ทันที่ผมจะถาม มันก็เอ่ยขึ้นเสียก่อนว่า “เอลเป็นคนอเมริกาน่ะ แต่โตที่ไทย เขาได้พ่อแม่อุปถัมภ์รับเลี้ยงดู พ่อเป็นชาวอเมริกา ส่วนแม่เป็นชาวไทย อาศัยอยู่ไทยตั้งแต่ยังเด็กๆ เลยพูดไทยได้คล่องปรื๋อ หึๆ”

อ๋อ งี้นี่เอง ผมก็ว่าแล้วว่าหน้าโคตรฝรั่งไม่น่าพูดไทยได้ชัดขนาดนี้ แต่ถ้าอยู่ตั้งแต่เด็กก็ไม่แปลกเท่าไหร่

พวกเราพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนจะพากันเดินเข้าร้าน เพราะเป็นผู้ชายวัยฉกรรจ์หกคน พนักงานก็เลยพาไปนั่งที่โต๊ะใหญ่ซึ่งมีเตาสองเตาพอเหมาะพอดีสำหรับคนทั้งหมด

มื้อนี้แม้ผมจะบอกว่าเป็นคนเลี้ยงพวกมัน แต่จริงๆ แล้วคนที่เลี้ยงน่ะคือท่านเจ้าที่ต่างหาก แต่ผมก็ไม่ได้บอกเพื่อนทั้งสองคนหรอกนะครับ เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงกับพวกมันน่ะสิ

ศาลพระภูมิบ้านผม แต่คนเลี้ยงอาหารแทนค่าแรงกลับเป็นคนที่ผมอ้างว่าเป็นเพื่อนบ้าน เกิดบอกไปแบบนั้นมีหวังไวท์กับไอ้ธีร์คงได้ถามไม่เลิกว่าทำไมผมไม่ใช่คนที่ออกตังค์จ่าย ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้หาเหตุผลมาแถได้ แต่คิดหรือว่าพวกมันจะยอมกิน มีหวังเกรงใจจนจ่ายเงินเองซะมากกว่าน่ะสิ เพราะงั้นผมไม่บอกพวกมันหรอก

เราทยอยกันเดินออกไปตักหมูกับของทะเลและสารพัดผักมาที่โต๊ะแล้วลงมือย่างทันที ร้านนี้เป็นบุฟเฟต์หัวละไม่กี่ร้อยบาทเองครับ มีแทบจะครบครันไปหมดไม่ว่าจะกุ้ง หมึก หอย หรือขนมหวานต่างๆ เรียกได้ว่ามากินมื้อนี้อิ่มหนำและคุ้มค่าแน่นอน

ผมกำลังพลิกๆ หมูสามชั้นของโปรดบนเตาในตอนที่มือหนาของคนที่นั่งข้างกันคีบอะไรบางอย่างมาวางลงในจานของผม...ผมชะงักมือ ก้มลงมองก็พบกับสามชั้นย่างชิ้นหนึ่ง แล้วต่อมาก็มีทั้งกุ้งและหมึกที่ทยอยเดินลงจานผมมาติดๆ

ก็ไม่ได้เดินหรอก เพราะถ้าพวกมันเดินได้ผมคงกินไม่ลงแล้วล่ะ ผีหลอกไอ้ห่า! สรุปคือมันลงมาในจานของผมเพราะท่านเจ้าที่คีบเอามาให้...ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ แต่ท่านเจ้าที่ก็แค่ยักคิ้วข้างเดียวให้สองจึกอย่างน่าหมั่นไส้ ก่อนจะคีบหมูชิ้นหนึ่งจุ่มน้ำจิ้มแล้วยัดเข้าปากตัวเอง

อะไรของเขาวะ? เกิดอยากมาทำตัวใจดีด้วยเหรอ? นี่ผีเข้าอีกแล้วใช่ป่ะ?

และผมคงทำหน้างงหนักมากล่ะมั้ง ท่านเจ้าที่ก็เลยหัวเราะหึๆ เหมือนขำเสียเต็มประดา ก่อนจะยื่นมือมาคีบสามชั้นย่างที่หย่อนลงจานให้ผมก่อนหน้านี้ขึ้น อ้าวเฮ้ย จะเอาคืนเรอะ?! แบบนี้มันได้ที่ไหนกันล่ะ ให้แล้วไม่รับคืนเด้!

ผมกำลังจะเปิดฉากโวยวายใส่อยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเอาสามชั้นชิ้นนั้นจุ่มลงไปในน้ำจิ้มแล้วจ่อมาที่ปากของผม “กินเข้าไปสักทีสิ”

ผมนิ่งงัน เบิกตาโตขึ้นนิดนึงมองอีกฝ่าย...ผะ ผีเข้า ผีเข้าอีกแล้วแน่ๆ

คิดไปก็อ้าปากรับหมูเข้าปากโดยไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้ธีร์ส่งเสียงแซ็วมาจากอีกฝั่งของโต๊ะ

“แหน่ะๆ มีป้อนกันด้วย”

“อะ อะไรของมึง” ผมถลึงตาใส่มัน จริงๆ ก็กลบเกลื่อนนั่นล่ะ ใครจะไปดิ้นตามคำแซวมันวะ...แม้ว่าความจริงจะหน้าร้อนผ่าวๆ รู้สึกเขินแปลกๆ แล้วก็ตามทีเหอะ ไอ้หัวใจเต้นเบาหน่อย เดี๋ยวกูตาย แค่มีเจ้าที่หน้าหล่อมาป้อนหมูย่างให้ จำเป็นที่มึงจะต้องใจเต้นแรงขนาดนี้ไหม ตอบ! “ก่อนจะแซ็วกูมึงเองก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ”

ผมกระตุกยิ้มให้ไอ้ตัวกวนตีน มันเลิกคิ้วไม่เข้าใจ พอผมพยักพเยิดหน้าไปทางเอลเลียตไอ้ธีร์ก็หันไปมองตาม อ้าปากพูดหากแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยจนจบประโยคก็โดนขัดเสียก่อน “อะไรของ...อุ๊บ!!”

เอลเลียตยัดกุ้งใส่ปากมันเต็มคำจนไอ้ธีร์เกือบสำลัก มันไอแค่กๆ พยายามไม่พ่นกุ้งในปากออกมา เคี้ยวหงุบๆ มองเพื่อนตัวเอง...ที่อาจจะไม่ใช่แค่เพื่อนตาขวาง เออ จะว่าไปผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเลยนะเนี่ย มันยังไม่ได้ตอบผมเลยนี่หว่า!

“ตกลงมึงกับเอลเลียตนี่ยังไง แฟนกัน?”

กึก...พอโดนผมถาม ทั้งสองคนที่กำลังจะเปิดศึกฟาดฟัดกันทางสายตาด้วยเรื่องเมื่อครู่ก็ชะงักลงทันที หันมามองผมแล้วหันกลับไปสบตากัน กระตุกยิ้มคนละทีตามหลังแบบที่ผมได้แต่สงสัย อะไรของพวกมันวะนั่น?

“มันอธิบายยากว่ะ อยู่ในช่วงก่ำกึ่งล่ะมั้ง ว่าแต่ไวท์เถอะ เพื่อนไวท์นี่หน้าคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” ยังดีที่มันยอมตอบผม แต่แล้วมันก็เปลี่ยนเรื่องเฉย แบบที่ผมก็เดาได้แหล่ะว่าแม่งไม่อยากให้ซักให้ถามมากไปกว่านี้...เออ ไม่ถามก็ได้วะไอ้ขี้กั๊ก

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมันเกี่ยวกับเรื่องของอัศ เอียงคอมองหน้าอัศแล้วพยายามนึกไปด้วยว่าผมเคยเห็นเขามาก่อนจากที่ไหน แต่ที่แน่ๆ น่ะไม่ใช่วันนั้นที่ตลาดนัดแน่นอน มันเป็นก่อนหน้านั้นผมมั่นใจ เพียงแต่ผมนึกไม่ออกเท่านั้นเอง

“เออ กูก็คิดงี้ตอนเจอกันครั้งแรก นี่อัศ เราเคยเจอกันมาก่อนป่ะ?” ผมเอ่ยปากถามเพื่อนของไวท์

“มะ ไม่นะครับ ไม่น่าจะเคย” อัศตอบ ท่าทางดูประหม่า หรือกลัวผมวะ? เฮ้ย ผมไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย

“ถ้าเคยกูก็ต้องเคยด้วยดิ เพราะกูก็คุ้นหน้าอัศอ่ะ หน้าเหมือน...เหมือน...” ไอ้ธีร์นิ่งคิด มองหน้าอัศอย่างพินิจพิจารณายิ่งกว่าเดิม “อืม เหมือนเคยเห็นในดีซีซุปเปอร์...”

พอมันว่าอย่างนั้นผมก็เลยคิดตามไปด้วย เออว่ะ น่าจะเคยเห็นจากที่นั่น แต่มันตอนไหนล่ะ?

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นี้ จู่ๆ ก็มีสิ่งอื่นมาเรียกความสนใจของผมแทน...

“โอ๊ย!” เสียงของท่านเจ้าที่เรียกให้ผมต้องหันไปมอง อีกฝ่ายสะบัดมือเร่าๆ ผมขมวดคิ้ว

“เป็นอะไรน่ะพี่ภู”

“เผลอปัดมือไปโดนเตา” ท่านเจ้าที่ตอบพลางลูบๆ ตรงที่โดนเตาหมูกระทะไปด้วย

“เสร่อ” ผมหลุดปากด่า เลยโดนอีกฝ่ายจิกตาใส่ ผมก็เลยกลบเกลื่อนด้วยการดึงมือของเขามาดู เอ่ยถามเสียงเบาเพราะไม่อยากให้คนอื่นๆ ได้ยินเมื่อเห็นว่าตรงที่โดนเตามันมีรอยแดงเรื่อจางๆ อยู่ “ทำไมมีรอยแดงล่ะ ปกติท่านรักษาแผลได้ทันทีไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันไม่อยากให้คนอื่นผิดสังเกต เลยไม่ได้ส่งพลังไปรักษา” เขาเองก็กดเสียงตอบกลับมาเบาๆ เช่นกัน

ผมพยักหน้ารับว่าเข้าใจ ก่อนจะหงายมือเขาออกแล้วดึงเข้ามาใกล้อีกนิด เป่าปากพ่นลมใส่รอยแดงนั่นเบาๆ

“แสบป่ะ” ปากถามไปก็เป่าไปด้วย แต่ท่านเจ้าที่กลับเงียบไปหลายวินาทีจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

“...นิดหน่อย” เขาตอบเมื่อเห็นผมมองอย่างไม่เข้าใจ และผมก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปอีกเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา คือมันดู...ระยิบระยับเหมือนถูกใจในอะไรสักอย่างอ่ะ

“มองอะไร?” ผมเลิกคิ้วถาม ตั้งใจให้ดูกวนตีนหน่อยๆ

“หึ” อีกฝ่ายไม่ตอบแต่หัวเราะ ก่อนจะขยับนิ้วมือข้างที่ผมกำลังดูแผลอยู่มาบีบจมูกของผมเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

“โอ๊ย ทำอะไรเนี่ย” บีบมาได้ แถมไม่เบาแรงเลยนะเฮ้ย!

“บีบจมูกเด็กที่ชอบทำอะไรไม่รู้ตัวนะสิ”

“ผมเหรอ? ผมทำอะไร?” ไม่เข้าใจอ่ะ!

“ไม่เข้าใจก็เรื่องของนาย”

เอ๊า! อย่างนี้ก็ได้เหรอวะท่านครับ!?

แล้วหลังจากนั้นผมก็โดนล้ออีกยกใหญ่ที่ทำตัวกระหนุงกระหนิงกับท่านเจ้าที่ไม่แคร์สายตาเพื่อน...หนุงหนิงพ่อง! จะฆ่ากันตายมึงมองยังไงหนุงหนิงวะไอ้ฉิบหาย

 

[ภูตลา]

หลังจากที่กินไปได้พักหนึ่ง ภูตลาก็ลุกขึ้นเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ไม่ลืมที่จะขยิบตาส่งไปให้อีกสองหนุ่มเป็นเชิงบอกว่าให้ตามเขามา สองคนนั้น...เอลเลียตกับอัศ

ห้านาทีต่อมาพวกเขาทั้งสามคนก็มาเจอกันที่หน้าห้องน้ำ เอลเลียตมองให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา จากนั้นเขาจึงจะหันมาหาภูตลาและอัศ...ทั้งสามคนมองกันไปมาอย่างประเมิน ก่อนสุดท้ายหนุ่มหน้าฝรั่งจะเอ่ยขึ้นก่อนว่า

“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร” เขาพูดกับเจ้าที่หนุ่ม

“อืม ฉันเองก็รู้ว่านาย และนาย...เป็นใคร” เทวดาเพียงหนึ่งเดียวตรงนี้กล่าว พลางชี้นิ้วไปที่ทั้งสองคน “ปกติมันก็ไม่ใช่ขอบเขตหน้าที่ของฉันหรอกนะ แต่ครั้งนี้ฉันอาสารับหน้าที่นี้มาทำ และฉันก็รู้ว่าพวกนายกังวลใจเรื่องอะไรอยู่ รวมถึงกำลังอยากได้ความช่วยเหลืออีกด้วย”

“คุณรู้เหรอครับ?” อัศถาม คนโดนถามพยักหน้ารับ

“มันยากใช่ไหมล่ะ การที่ต้องมีชีวิตอยู่ทั้งๆ ที่พวกนายไม่ใช่มนุษย์” คนฟังต่างนิ่งงันกันไปทั้งคู่ ส่วนคนเป็นเทวดาก็ยิ้มให้หวังคลายความกังวล “ฉันจะช่วยพวกนายเอง เพื่อให้ได้เป็นมนุษย์...จริงๆ”

“คุณจะช่วยเรายังไง?” หนุ่มฝรั่งถามอย่างไม่เข้าใจ คนโดนถามหัวเราะแล้วตอบแค่ว่า...

“มันเป็นหนึ่งในภารกิจที่ฉันต้องทำก่อนปลดเกษียณ และฉันต้องทำให้สำเร็จ พวกนายแค่ต้องเชื่อใจฉันเท่านั้น”





__________

วันนี้มาต่อให้อย่างไว เป็นการขอบคุณนักอ่านที่ให้การติดตามท่านเจ้าที่และน้องแทงค์อย่างอบอุ่นค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ เรารออ่านคอมเมนต์ทุกครั้งหลังอัพ ดีใจที่มีคอมเมนต์มาหวีด มาแซว หรือแม้แต่มาให้กำลังใจกัน ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ มันทำให้เรายิ้มแก้มแทบแตกเลยน้าา อ้อ เรื่องนี้จะยาวไม่เกิน 45 ตอนค่ะ นี่ก็ผ่านมาครึ่งนึงได้ละ //ส่งมินิฮาร์ทรัวๆ ให้นักอ่านที่น่ารักทุกคน

เพื่อนใหม่ที่อาจไม่ได้เป็นแค่เพื่อนของธีร์เปิดเผยตัวแล้วค่ะ หนุ่มฝรั่งจอมเย็นชาตาสีฟ้าคือความดีงามเด้อ 555 ส่วนท่านเจ้าที่กับน้องแทงค์นั้น เอาดิ หยอกน้องมันเข้าไป อัตราการเต้นของหัวใจไม่คงที่แล้วนั่น สงสารน้องมันบ้างพี่ภูจ๋า ฮ่าาา ไปละ ไว้พบกันตอนหน้านะคะ จุ๊บๆ //ส่งจูบรอบทิศ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 03-09-2017 22:56:30
หรือจะเป็นพวก โอปะติกะ เพราะต้องให้ท่านภูช่วย
โอ๊ยยยยย จะรักกันยังไง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-09-2017 23:13:40
อื้อหือ ตัวพระทั้งสามไม่มีใครธรรมดาเลยนั
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-09-2017 23:57:54
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-09-2017 00:19:37
“มันเป็นหนึ่งในภารกิจที่ฉันต้องทำก่อนปลด  (((เกษียร)))อยู่แล้ว พวกนายแค่ทำตามที่ฉันบอก และมันจะผ่านไปได้ด้วยดี เชื่อฉันสิ”

เกษียร       [N] milk, Syn. น้ำนม, กษีร, กษีรา, Notes: (บาลี/สันสกฤต)

เกษียณ   (กะเสียน) ก. สิ้นไป (ใช้เกี่ยวกับการกำหนดอายุ) เช่น เกษียณอายุราชการ.


 :hao7: o13 :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-09-2017 00:25:02
ไม่ใช่มนุษย์ แล้วเป็นอะไรหว่า  :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 04-09-2017 00:48:39
ขอบคุณสำหรับนิยายค่าาาา
ท่านภูตลาเจ้าขา
บอกหน่อยสิเจ้าคะ
ว่าอีกสองท่านที่เหลืออยู่ไทป์ไหน
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-09-2017 01:10:40
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 04-09-2017 13:05:31
 ไม่ใช่คน แล้วเป็นอะไรอ่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 23 [03-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-09-2017 20:30:28
เพื่อน 3 คนนี้เค้าเจอแต่ละคนเนอะไม่ใช่คนเลย อีก 2 คนเป็นอะไรนิ :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 06-09-2017 01:59:14
ตอนที่ 24

“แล้วให้ใครมาส่ง”

 

สี่วันต่อมา ศาลพระภูมิใหม่ก็เสร็จโดยสมบูรณ์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะในด้านการก่อสร้างหรือการตกแต่ง ผมเอาหญ้าเทียมมาตัดๆ แล้วปูเป็นพื้นสนามหญ้ารอบบ้าน(ศาล)ของท่านเจ้าที่ ตามด้วยโมเดลต้นไม้ดอกไม้ปลอมทั้งหลายแหล่ แถมตุ๊กตาเล็กๆ ทั้งหมา แมวและกระต่ายด้วยเอ้า ท่านเจ้าที่จะได้มีเพื่อนเล่น ไม่มายุ่งวุ่นวายกับผม เหอๆ แต่ที่พีคของแท้ก็คือนี่เลย ข้างในตัวบ้านของไอ้ท่านเจ้าที่ครับ

ในตัวบ้านที่โล่งๆ รู้ไหมท่านเจ้าที่เขาตกแต่งเองเลยนะ ไปเบิกเอาของตกแต่งจากฝ่ายอะไรของท่านเขาที่สวรรค์นั่นล่ะมาใช้ ได้ทั้งตู้เย็น โทรทัศน์ โทรศัพท์บ้าน คอมพิวเตอร์ โซฟาเข้าชุด เครื่องครัว เตียงนอน โคมไฟ คือแม่งสารพัดเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านอ่ะครับ ถึงจะเป็นของจำลองเหมือนของเด็กเล่นสำหรับผม แต่สำหรับเทพเทวดาที่สามารถหดกายเข้าไปอยู่ในศาลได้ ของพวกนั้นก็คงมีราคาและสามารถใช้ได้เหมือนของที่มนุษย์ใช้...ผมคิดว่างั้นนะ

แต่ครับ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ...

“ข้าติด wifi แล้วด้วยนะ”

“ฮะ?! พูดจริงป่ะเนี่ย” ผมทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินอย่างนั้น ท่านเจ้าที่ทำหน้าตายกลับมาแล้วพยักหน้าหงึกหงัก

“ไม่ดีรึ ทีนี้ข้าก็จะได้ไม่ต้องไปใช้ของเอ็งให้เปลืองไฟ”

“เออว่ะ งั้นดีแล้ว ดีโคตรๆ เลย” ผมตอบ เลยโดนโบกหัวแทบทิ่มไปทีหนึ่งเต็มๆ

“ไอ้เด็กขี้งก!”

“โอ๊ย! มันเจ็บนะเว้ย! ชิ เจ้าที่อะไรวะชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น!”

“ก็เจ้าที่ดีๆ หล่อๆ อย่างข้าที่ต้องมาเป็นพระภูมิเจ้าที่บ้านเอ็งนี่ไง”

“แล้วใครขอให้มาไม่ทราบ” ผมยังคงเถียง คราวนี้เลยโดน...เป๊าะ!

ดีดหน้าผากครับ เต็มแรงเลยด้วย! “โอ๊ยยย พอแล้ว มันเจ็บนะ!!”

ผมแยกเขี้ยวใส่ท่านเจ้าที่ อีกฝ่ายกระตุกยิ้มทำหน้าเหมือนจะถามว่า ‘แล้วยังไง คิดว่าข้าแคร์รึที่ทำเอ็งเจ็บ’

เออ! อย่าให้เห็นว่าแคร์ว่าห่วงกูนะ พ่อจะหัวเราะให้น้ำลายกระเด็นใส่หน้าเลย ชึ้ย!

ผมงึมงำสบถอีกนิดหน่อยก่อนจะรีบเดินหนีเพื่อกันไม่ให้ตัวเองโดนฟาดหรือโดนดีดอีก ชิ!

__________

วันนี้วันอังคาร

ผมมาทำงานตรงตามเวลาเป๊ะๆ ทักทายกับพวกพี่ๆ ที่ทำงานเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเองจนถึงช่วงพักเบรกตอนห้าโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาพักแค่ไม่นาน ผมก็เลยหาอะไรง่ายๆ กิน และบทสรุปสุดท้ายผมก็ได้ลูกชิ้นปิ้งราดน้ำจิ้มรดเด็ดมากินเล่นหกไม้ กับน้ำส้มปั่นแก้วละสิบบาท แค่นี้ก็อร่อยแล้ว

กลับมาทำงานช่วงครึ่งหลังต่อ ผมรับหน้าที่เช็คของบนเชลฟ์ เดินวนไปทีละบล็อกจนมาถึงบล็อกของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด อืม ผงซักฟอกยี่ห้อนี้เหลือสามถุงเองนี่ อันนี้ยังเหลืออีก ยี่ห้อนั่นหมดเกลี้ยงเลยว่ะ แต่ก็ไม่แปลกเพราะมันอยู่ในช่วงลดราคา

มาที่ส่วนของน้ำยาปรับผ้านุ่ม...ผมเช็กไปทีละยี่ห้อตามเดิม ยี่ห้อนี้เหลือห้าถุง อ๊ะ นั่นยี่ห้อใหม่ที่ผมเคยคุยกับไวท์นี่หว่า จะว่าไปก็ลืมถามเลยแฮะว่าไวท์ได้ซื้อไปใช้หรือเปล่า เผื่อดีผมจะได้ซื้อไปใช้บ้าง ราคากำลังดีเลยด้วยไม่แพงมาก

ผมคิดพลางเหลือบมองไปที่แสตนดี้ตัวการ์ตูนหนุ่มหน้าหล่อที่เป็นเหมือนพรีเซนเตอร์หรือมาสคอต...จะเรียกอะไรก็ช่าง ของน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อนี้ แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วนิ่งคิด อ่า ทำไมผมรู้สึกว่าไอ้แสตนดี้นี่มันหน้าคุ้นๆ แฮะ

ใบหน้ายิ้มกว้างจนตาหยีกับเส้นผมสีดำ โครงหน้าแบบนี้มัน...

“เหมือนเพื่อนไวท์ที่ชื่ออัศคนนั้นเลย”

เฮ้ย! จะว่าไปมันก็เหมือกันจริงๆ ด้วยว่ะ! แต่...มันจะเป็นไปได้หรือวะ นั่นคนมีเลือดเนื้อนะเว้ย พูดได้ กินได้เหมือนคนปกติทั่วไป จะเป็นตัวการ์ตูนแสตนดี้ขายของนี่ได้ยังไง บ้าบอว่ะไอ้แทงค์ แค่พระภูมิเจ้าที่ปรากฏตัวให้มึงเห็นนี่ก็เหลือจะเชื่ออยู่แล้ว แต่ไอ้แสตนดี้มีชีวิตเนี่ยขอทีเถอะอย่ามโนได้ไหม

ผมต่อว่าตัวเองในใจ ก่อนจะจัดการเช็คสต็อกสินค้าบนเชลฟ์ต่อ แต่พอไล่มาจนถึงโซนกาแฟสำเร็จรูป ผมก็แทบอยากจะนอนตายมันลงตรงนั้น เมื่อคนที่ยืนอยู่ในบล็อกนี้คือคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดในชีวิต

ไอ้พี่นนท์ไง!!

ผมตั้งท่าจะเดินหนีหลบไปทางอื่นก่อน แต่เหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้งว่ะครับ เพราะยังไม่ทันที่ผมจะได้กลับหลังหัน ไอ้พี่นนท์ก็หันมามองทางผมพอดี...ซวยเช็ดเลยไอ้เหี้ย!

“อ้าว น้องแทงค์ของพี่นนท์นี่นา!”

ใครของมึงไอ้รุ่นพี่ประสาทเสีย อย่ามาขี้ตู่ได้ไหมไอ้ควายยย!

ผมด่าได้แค่ในใจ ส่วนความเป็นจริงคือผมยกยิ้มให้อีกฝ่าย แต่ให้เด็กทารกสามเดือนมองยังมองออกเลยว่ารอยยิ้มผมมันแห้งแล้งขนาดไหน และสายตาที่ผมมองอีกฝ่ายมันกำลังสื่อว่าอะไร

กำลังสื่อว่า ‘ทักเสร็จก็ไปให้พ้นไปไอ้เวรเอ๊ย!’ แบบนั้นแหล่ะครับ

“พี่เพิ่งจะรู้ว่าน้องแทงค์ทำงานพิเศษที่นี่ แหม ถ้าพี่รู้ก่อนหน้านี้พี่คงมาสมัครทำด้วย” ไอ้พี่นนท์พูดพลางยิ้มพลางจนผมอยากจะเอาอะไรใกล้ๆ มือเขวี้ยงหน้า ไม่ต้องมายิ้ม กูเกลียดมึงโว้ย!

“คงไม่มีทางสมัครได้หรอกครับ”

“ทำไมล่ะ?”

“ก็...ที่นี่เขาไม่รับคนปัญญาอ่อนน่ะครับ” หลอกด่าแม่ง ไม่หลอกดิ นี่ก็ด่าตรงๆ เหมือนครั้งก่อนที่เจอกันเลยนะ

“ฮ่าๆ น้องแทงค์นี่ตลกจัง เล่นมุขใส่พี่ด้วย”

เล่นมุขพ่อง! กูด่ามึงอยู่ไอ้พี่เหี้ย! ไม่ฉลาดแล้วยังโง่อีกไอ้สัด! หงุดหงิดโว้ยย ด่าไปแม่งก็ไม่สะท้าน ควาย!!!

นาทีนี้มีคำหยาบกี่คำเด้งเข้ามาในหัวผมก็ขุดมาด่าพี่มันในใจจนหมดอ่ะ รุ่นพี่แล้วไงไม่สนหรอกไอ้ฉิบหาย

“แล้วพี่มาซื้ออะไรครับ ถ้าเลือกได้แล้วก็รีบๆ เอาไปชำระเงินสิครับ จะได้ไปให้พ้นๆ ไวๆ” ผมบอกเสียงห้วนขึ้น

“อ๋อ พี่มาซื้อกาแฟสำเร็จรูปน่ะ” พี่นนท์ตอบพลางหันไปมองเชลฟ์กาแฟ ก่อนจะหยิบยี่ห้อหนึ่งขึ้นมาชูให้ผมดู “เห็นอันนี้แล้วพี่อยากซื้อให้แทงค์จัง”

“เอ่อ ทำไมหรือครับ” ...มึงจะเล่นอะไรอีกไอ้พี่

“ก็เนี่ย กาแฟนี้มีสโลแกนว่า ‘หนึ่งในใจคุณ’ ใช่ไหมล่ะ ถ้าพี่ซื้อให้แทงค์ ก็จะได้เป็นหนึ่งเดียวในใจแทงค์ไง”

เออะ มุกเหี้ยอะไรของมึ๊งงงงงงงง!!!!!!

ผมแทบยกมือขึ้นปิดหน้า ไม่ใช่เพราะเขินนะ แต่รับไม่ได้ต่างหาก กูอยากตายที่โดนคนบ้าใช้มุขเสี่ยวแบบเชยๆ มาจีบ ฮื่อ! ตัดบท! ตัดบทเดี๋ยวนี้ไอ้แทงค์! “เอ่อ พอดีผมไม่ดื่มกาแฟ ยังไงผมขอทำงานต่อนะครับ บาย”

“อ๊ะ เดี๋ยวก่อนครับน้องแทงค์”

แต่ขณะที่ผมกำลังจะเดินหนี (เช็คสต็อกอะไรนี่ไม่สนแล้ว ไปขอให้พี่ดอลลี่มาเช็คที่เหลือให้ดีกว่า) ผมกลับโดนรั้งเอาไว้อีกครั้งเสียก่อนด้วยฝ่ามือของอีกฝ่ายที่วิ่งตามมารั้งไหล่ผมเอาไว้ ผมเอี้ยวตัวมองมือไอ้พี่นนท์ที่ยังไม่ยอมปล่อย เริ่มหงุดหงิดอย่างจริงจังแล้วว่ะ ลูกค้าก็ไม่สนแม่งแล้วเหมือนกันตอนนี้...ผมสะบัดไหล่ตัวเองออกจากการเกาะกุมเต็มแรงทันที พอทำแบบนั้นก็เหมือนว่าไอ้พี่นนท์จะตกใจนิดหน่อย แต่ก็กลับมาทำหน้ายิ้มแย้มตามปกติอย่างรวดเร็ว

“เลิกงานกี่โมงครับ ให้พี่ไปส่งไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ผมขี่รถมา กลับเองได้” ผมตอบปัดโดยไม่ต้องคิด “ไปแล้วนะครับ อู้งานมันไม่ดี”

แล้วผมก็รีบพุ่งหนีมาทันที ให้ตายเถอะๆ ทำไมกูต้องมาเจอกับคนไม่เต็มบาทอย่างมันด้วยว้าาา

__________

เลิกงานตอนสามทุ่ม ผมตอกบัตรออกมาได้ก็ตรงดิ่งไปที่ร้านขายราดหน้าก่อนเลยครับ มื้อเย็นวันนี้ของผมกับท่านเจ้าที่ก็คือราดหน้านี่แหล่ะ พอได้ของกินเรียบร้อยผมก็เดินกลับมาที่ลานจอดรถพนักงาน เอาของที่ซื้อมาวางไว้หน้ารถก่อนจะเสียบกุญแจขึ้นคร่อมเจ้ามอเตอร์ไซค์คู่ใจ แต่พอสตาร์ทเครื่อง...

แคร่กๆ แคร่กๆ

เอ๊า ทำไมไม่ติดอ่ะ!

ผมลองสตาร์ทอีกหลายครั้งแต่ก็ยังมีแค่เสียงครึ่กๆ แคร่กๆ เหมือนเดิม เป็นอะไรของมันวะเนี่ย ตอนขี่มาก็ยังดีๆ อยู่เลยนี่หว่า หรือว่าน้ำมันหมด...คิดได้ดังนั้นผมก็ก้มลงไปมองหน้าปัดทันที เพื่อพบว่า...น้ำมันแม่งหมดจริงๆ ด้วยครับ

เช็ดเข้! หมดตอนไหนวะ อย่าบอกนะว่าเมื่อบ่ายที่กูขี่มาถึงก็น้ำมันหมดพอดีอ่ะ ตลกละไอ้ฉิบหาย!

ผมสบถอย่างหัวเสีย ต้องเข็นไปเติมน้ำมันหรือวะ แต่ปั้มอย่างไกลอ่ะ เลยย่านนี้ไปตั้งสามหมู่บ้าน เกือบสองกิโลเมตรได้อ่ะ ใครมันจะไปวะนี่ก็สามทุ่มกว่าแล้วด้วย...หรือผมจะเข็นมันกลับบ้านเลยดี? ยังไงบ้านก็ใกล้กว่าปั้ม

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับน้องแทงค์ รถเสียเหรอ”

ระหว่างลังเลใจ จู่ๆ คนที่ผมคิดว่ากลับไปตั้งนานแล้วก็โผล่มาเฉ๊ย รอดักกูหรือไงวะ ทำไมยังไม่กลับไปอี๊ก

“น้ำมันหมดน่ะครับ” ผมตอบแบบขอไปทีโดยไม่คิดจะมองหน้าอีกฝ่าย

“แย่จัง งั้นให้พี่ไปส่งไหมครับ ไว้พรุ่งนี้น้องแทงค์ค่อยมาเอารถไปเติมน้ำมัน นี่ก็เริ่มดึกแล้ว พี่ไม่อยากให้น้องแทงค์กลับบ้านดึกเลยมันอันตราย ให้พี่ไปส่งก่อนจะปลอดภัยกว่านะครับ”

กูว่าไปกับมึงนี่แหล่ะโคตรอันตราย อีกอย่างคือกูเป็นผู้ชายนะเผื่อลืม

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจูงมันกลับบ้านเลย”

“หวา ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ อีกอย่างซอยบ้านน้องแทงค์ก็เปลี่ยวๆ เงียบๆ ด้วย เกิดมีโจรดักปล้นอยู่ล่ะอันตรายแย่ เถอะนะครับ ให้พี่ไปส่งนะ”

ทำไมมันรู้ว่าบ้านผมอยู่ไหนวะ หรือมันตามสต็อกผม?! ไอ้เอี้ยยย นี่มันจะเกินไปแล้วนะเว้ย!

“พี่รู้ได้ไงว่าซอยบ้านผมเป็นยังไง?” ผมหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจ้องจับผิด พอเห็นแบบนั้นไอ้พี่นนท์ก็ลนลานใหญ่

“อะ เอ่อ ก็แบบ...พี่เคยเห็นน้องแทงค์ขับรถเข้าไปในซอยนั้น พี่ก็เลย เอ่อ ขับตามกะจะไปคุยด้วย เลยได้รู้ว่าบ้านน้องแทงค์อยู่ไหน อ๊ะ แต่พี่ก็ไม่เคยไปหาน้องแทงค์ที่บ้านนะ พี่ไม่ก้าวก่ายขนาดนั้นหรอก ก็เรายังไม่ใช่แฟนกันนี่นา”

และไม่มีวันได้เป็นด้วยไอ้ผีนรก!

ผมข่มความหงุดหงิดใจ ห่ารากเอ๊ย ทำไมกูต้องมาเจอคนแบบนี้ด้วยวะ ชอบอย่างเดียวไม่ว่าหรอก แต่ตามตอแยสร้างความรำคาญแถมยังแอบสตอล์กกันเนี่ยรับไม่ได้เว้ย!

“ตกลงน้องแทงค์ไปกับพี่นะครับ นะๆ” ไอ้พี่นนท์ทำออดอ้อนใส่ผม ซึ่ง...มันดูอุบาทมากกว่าจะน่ารักอ่ะครับ

เอาไงดีวะกู อยากกลับบ้านไวๆ แล้วเหมือนกันอ่ะ หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย โว๊ะ ช่างแม่ง! กลับกับพี่มันนี่แหล่ะ

สุดท้ายผมก็ยอมขึ้นรถมากับไอ้พี่นนท์ อีกฝ่ายขับเก๋งเวลาไปไหนมาไหน แม้ตลอดทางจะพยายามชวนผมคุยแต่ผมก็ถามคำตอบคำเสียมากกว่า จนในที่สุดเวลาแห่งความนรกแตกของผมก็สิ้นสุดลง ทันทีที่รถจอดลงหน้าบ้านผมก็เอ่ยลาและขอบคุณสั้นๆ ก่อนจะรีบก้าวลงจากรถ ไม่คิดจะหันไปตามเสียงเรียกของรุ่นพี่ตัววุ่นวายอีก ก้าวเท้าฉับๆ ผ่านประตูรั้ว จัดการล็อกรั้วบ้านอย่างรวดเร็วก่อนจะก้าวผ่านแปลงดอกไม้เข้าบ้านทันที

เข้ามาถึงห้องนั่งเล่น ผมก็เจอกับท่านเจ้าที่ อีกฝ่ายยืนกอดอกจ้องหน้าผมเขม็ง สายตาดุดันจนผมต้องเลิกคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมมองงั้นอ่ะ”

“ข้าสิต้องถามว่าทำไมเอ็งกลับช้า แล้วรถไปไหนไม่ขี่กลับมาเอง” น้ำเสียงเข้มลึกกดต่ำลงเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง

“รถน้ำมันหมด”

“แล้วให้ใครมาส่ง”

“รุ่นพี่” ผมตอบสั้นๆ ไม่ขยายความ เหนื่อยจนไม่อยากจะพูดมากไปกว่านี้แล้วครับ...แต่นั่นดูเหมือนจะทำให้ท่านเจ้าที่หงุดหงิดออกอาการยิ่งกว่าเก่า ร่างสูงเดินเข้ามาหาผม มองออกไปด้านนอกที่รถเก๋งของไอ้พี่นนท์เพิ่งจะขับกลับไป ดวงตาสีรัตติกาลกดลงสบกับนัยน์ตาของผม เสียงทุ้มกดเข้มลงไปอีก

“ทำไมต้องให้เขามาส่ง ไว้ใจได้หรือไง ขึ้นรถมากับคนอื่นส่งเดชได้อย่างไร”

ท่านเจ้าที่เขาเป็นอะไรวะ? ทำไมต้องทำเหมือนโกรธผมด้วยเนี่ย

“ก็รุ่นพี่ รู้จักกัน”

“ถึงอย่างนั้นก็อันตราย เอ็งไม่ควรขึ้นรถมากับเขาง่ายๆ ทำไมไม่เรียกข้า ข้าจะได้ไปรับ!” ท่านเจ้าที่ขึ้นเสียงอีกหนึ่งระดับ เอ๊า ดุกูทำไมอ่า!

“ผมจะไปรู้มั้ยว่าเรียกแล้วท่านจะได้ยิน อยู่ไกลกันออกขนาดนี้ อีกอย่างถึงเรียกแล้วท่านจะไปรับผมยังไง?”

“ถึงไม่มีรถแต่ข้าก็มีวิธีไปรับเอ็งแล้วกัน” ท่านเจ้าที่ฮึดฮัดใส่ผม ตาคมยังจ้องนิ่ง “ทำไมทำตัวอย่างนี้กันนะ แทนที่จะพึ่งพาข้ากลับไปพึ่งพาคนอื่น!”

“เอ๊า นี่ตกลงท่านเป็นอะไรเนี่ย ทำเหมือนหวงเหมือนห่วงผมงั้นแหล่ะ! ไม่อยากให้ผมไปพึ่งพาคนอื่นนี่คือยังไง? หึงที่มีผู้ชายคนอื่นมาส่งผมกลับบ้านเหรอ หา?!”

กึก!

เราสองคนต่างฝ่ายต่างนิ่งงัน ผมที่เป็นคนพูดเองก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่าพูดอะไรออกไป ส่วนท่านเจ้าที่นี่ไม่รู้เลยว่านิ่งไปเพราะอะไร และให้ตายเถอะ เป็นคนถามเองแท้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันบ้าบอสิ้นดีที่ไปถามอย่างนั้น แล้วก็ยิ่งบ้าบอเข้าไปใหญ่เมื่อผมดันรู้สึกคาดหวังกับคำตอบของเขา ผมอยากได้ยินคำว่าเป็นห่วงจากท่านเจ้าที่งั้นเหรอ...?

หากแต่ความคาดหวังของผมก็หล่นวูบหายไปในบัดดล รู้สึกเหมือนหัวใจโดนควักออกไปโยนทิ้งลงจากหน้าผา เมื่อท่านเจ้าที่ตอกกลับมาด้วยประโยคที่ทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง ตื่นตะลึงจนตัวแข็งค้าง...

“เอ็งไม่ได้สำคัญกับข้าถึงขนาดที่ข้าต้องหวง ห่วง หรือหึงเอ็ง!”

แปร๊บ

กว่าจะกลับมาตั้งสติได้ ผมก็พบว่าตัวเองกำลังมองอีกฝ่ายตาค้างอยู่...อ่า นั่นสินะ ผมมันก็แค่มนุษย์ธรรมดา ส่วนเขาน่ะเทวดาที่มาเพื่อตามรังควานผมในเรื่องไร้สาระ แล้วทำไมผมต้องไปคาดหวังว่าเขาจะต้องห่วงใยผมด้วยล่ะ ไหนจะหวงจะหึงนั่นอีก เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อยจะได้มาหึงมาหวงกันได้น่ะ เฮอะ! มึงคิดบ้าอะไรของมึงวะไอ้แทงค์

“งั้นเหรอ” ผมตอบเสียงเบา ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมองท่านเจ้าที่ด้วยสายตายังไง แต่อีกฝ่ายมองผมกลับมาด้วยแววตาตกใจอย่างเห็นได้ชัด “ผมไม่น่าคาดหวังคำตอบจากท่านเลย”

ผมหันหลังกลับ เดินออกจากบ้านมาด้วยหัวสมองที่ขาวโพลน สิ่งเดียวที่ผมคิดออกก็คือการหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อน เบอร์แรกที่ผมเจอคือเบอร์ของไอ้ฮัท...เมื่อมันกดรับสาย ผมที่เดินออกมาไกลจากบ้านของตัวเองมากแล้วก็กรอกเสียงลงไปได้แค่ว่า...

“มึงมารับกูหน่อยดิฮัท กูไม่อยากอยู่คนเดียว”

...ทำไมหัวใจผมมันเจ็บไปหมดเลยวะครับ




__________

อารมณ์ดีเลยมาอัพค่ะ ต้องขอบคุณพี่ที่เคารพ ซึ่งส่ง gif น้องจีฮุน (วนว.) มาให้จนเราหวีดร้องแทบบ้า ฮืออ อุตส่าห์จะไม่ติ่งเพิ่ม ดันมาติดบ่วงเสียได้ ทุกวันนี้แค่ตาม SJ กับ GOT7 ก็แทบบ้าคลั่งแล้วค่ะ จะให้เราติ่ง Wanna One อีกทำม๊ายยย //บ่นตามประสาคนบ้าเกาหลี ปล่อยเราไปค่ะ

มาเต็มตอนแล้ว เอาสิ ดราม่าจนได้อ่ะ...รึเปล่า ไม่รู้แฮะ 5555 เหยย แต่เรื่องนี้ใสๆ ฮาๆ นะ ไม่ดราม่าหรอก เชื่อเราสิเชื่อราววว / ตอนหน้าแล้วแต่ความว่างอีกนั่นล่ะค่ะ คือจริงๆ ตอนนี้ก็ไม่ว่างหรอก แต่อยากหนีจากงานเลยมาอัพแม่ม! 5555 ไม่อยากทำสัมมนาเลยว้อยยย //ทุบโต๊ะ

ไปละคะ ทอล์คยาวเลย อัพตอนตีสองกว่า แต่มีเรียนแปดครึ่ง เอาดิ จะได้นอนไหม จะตื่นไหวหรือเปล่า นี่เราบ้าหรือโง่ที่มาอัพตอนนี้คะ ฮืออ แล้วเจอกันเน้อ  T T

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 06-09-2017 07:30:49
ท่านเจ้าที่อย่าซึน น้องเสียใจแล้วนั่น
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 06-09-2017 08:03:16
คีบหน้าบ้างแล้ววววว
ดีใจจจจจจจจจ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-09-2017 08:25:01
งานนี้น้องแทงค์มีงอน งอน งอน  :a14:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-09-2017 08:27:46
ไม่หวงจริงเหรอ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-09-2017 08:30:56
อ้าวท่านเมีย เอ้ยน้องหนีแล้ว จะรอดูว่าจะง้อยังไง หึ
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-09-2017 10:32:55
งอนเลย งอนสุดๆเลยนะแทงก์
เจ้าที่อยากปากแข็งเองนี่  :เฮ้อ:
ไม่สำคัญ ไม่หวง ไม่ห่วงแทงก์
แล้วมาดุว่าแทงก์ทำไม  :z3: :z3: :z3:
อ้อ......ไม่หวง ไม่ห่วง แต่หึงนี่เอง ใช่มั้ย เจ้าที่  o18
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 06-09-2017 10:47:56
ท่านเจ้าที่ทำน้องเสียใจแล้ว
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-09-2017 11:36:54
ต่างคนก็ต่างยังไม่รู้ตัว แต่ถ้ารู้แล้ว จะทำไงล่ะ ต่างคนก็ต่างคนละภพชาติ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 06-09-2017 15:47:48
อ่าว ท่านเจ้าที่ ทำไมทำน้องเสียใจอย่างนี้ล่ะ

เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: paloyhx ที่ 06-09-2017 20:13:39
น่ารักเกินไปแล้วท่านเจ้าที่ ตอนหึล้อน้องนี่แบบ 5555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-09-2017 21:24:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-09-2017 21:32:02
 :เฮ้อ: ท่านภูมิ ทำหลานแทงค์งอน คนแก่เครียด  :katai1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 24 [06-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-09-2017 22:35:11
ปากนะตรงกับใจหน่อยค่ะพี่ภู
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 07-09-2017 02:07:23
ตอนที่ 25

“แล้วตอนนั้นบอกไม่ได้เป็นห่วง”



[ภูตลา]

เจ้าเด็กนั่นหายไปสองวันแล้ว ไม่ยอมกลับบ้าน ไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่ปลายเส้นผม ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน สองวันที่ผ่านมาเด็กแสบนั่นไม่มีกะทำงานพิเศษที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ถึงจะไปหาอย่างไรก็คงไม่เจออยู่ดี คิดเอาไว้ว่าคืนวันพุธจะลองไปหาเจ้าเด็กนั่นที่ร้านเหล้า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงจะกลับบ้านมาเอง ซึ่ง...เขาคิดผิด นี่มันคืนที่สองแล้ว และอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่วันที่สามที่เจ้าเด็กตัวร้ายนั่นไม่ยอมกลับบ้าน!

มาถึงตรงจุดนี้ท่านเจ้าที่หนุ่มก็เริ่มรู้สึกไม่ดี เขายอมรับโดยไม่มีอะไรจะแก้ตัวว่าที่พูดไปในคืนนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง เขาก็แค่โมโหที่แทงค์กลับบ้านมาโดยให้ใครก็ไม่รู้มาส่ง แทนที่จะเรียกให้เขาไปรับ แม้ใครที่ว่านั่นจะเป็นรุ่นพี่อย่างที่เจ้าตัวพูดก็เถอะ แต่ภูตลาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี

อย่าถามเลยว่าทำไมเขาต้องหงุดหงิดใจด้วยกะอีแค่มีคนอื่นมาส่งเด็กในปกครองของเขา(?) เพราะชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ใช่สิ จริงๆ แล้วภูตลารู้ รู้ดีเลยล่ะแต่พยายามไม่แสดงออกให้ใครเห็นมากกว่า...ไม่เว้นแม้แต่ตัวเอง

“เฮ้อ เอ็งจะโกรธจะงอนอะไรข้านักหนา กลับบ้านได้แล้วเจ้าเด็กนิสัยเสีย”

เทวดาหนุ่มรำพึงรำพัน รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้แทงค์หนีออกจากบ้าน ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไปอยู่ที่ไหนเป็นอย่างไรบ้าง ถึงจะเป็นผู้ชายโตจนอายุยี่สิบปีเข้าไปแล้ว แต่ร่างสูงก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี...ไม่ได้การ เขาคิดว่าตัวเองควรต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว

คิดได้ดังนั้นท่านเจ้าที่ก็เอ่ยปากเรียกเลขาฯ สาวผู้เป็นนางไม้ออกมาทันที “มัทนา”

“เจ้าค่ะท่านภูตลา”

“แจ้งไปที่พระภูมิเจ้าที่ทุกองค์ในเขตพระนคร ถ้าใครเจอเจ้าเด็กแทงค์ให้รีบบอกข้าทันที”

“รับทราบเจ้าค่ะ” นางไม้มัทนาเสกแทบเล็ตขึ้นมาจากอากาศ กดพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็ถ่ายทอดข้อความไปหาพระภูมิเจ้าที่ในเขตพระนครครบทุกองค์เรียบร้อย “ข้าได้ส่งอีเมลให้กับพระภูมิทั้งหมดเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ท่านภูตลาต้องการให้ข้าทำเรื่องติดต่อไปขอความร่วมมือไปที่เขตธนบุรีด้วยหรือไม่เจ้าคะ?”

ภูตลานิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ต้อง รอดูอีกสักวัน หากไม่มีใครในเขตพระนครพบเห็นเขา ถึงเวลานั้นจึงจะติดต่อไปที่ผู้ว่าราชการศาลพระภูมิประจำเขตธนบุรีแล้วกัน”

“เจ้าค่ะท่านภูตลา”

“นี่ มัทนา เจ้าเคยง้อใครบ้างไหม?” คำถามของผู้เป็นนายเหนือหัวทำให้นางไม้ที่มักมีรอยยิ้มอันอ่อนหวานและสุขุมนุ่มนวลเสมอเผลอยิ้มกว้าง หลุดหัวเราะคิกคักออกมา เป็นเหตุให้ภูตลาต้องแสร้งดุเสียงเข้ม “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยมัทนา นี่มันบ้าสิ้นดีที่เทวดาอย่างข้ามาถามอะไรเช่นนี้กับเจ้า”

“ข้ามิได้ขบขันกับคำถามหรอกนะเจ้าคะ แต่ข้าขบขันกับสิ่งที่ท่านภูตลาคิดจะทำต่างหาก หากให้ข้าเดา...ท่านภูตลาคงอยากจะง้อน้องแทงค์ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

เทวดาหนุ่มไม่ตอบ แต่แค่นั้นก็แทนคำตอบได้ดีที่สุดแล้วว่าใช่...เขาอยากง้อเจ้าเด็กนั่น

“ก่อนอื่นข้าขออนุญาตตำหนิติติงท่านสักเล็กน้อย” นางไม้สาวเอ่ยขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายไม่ตอบคำ “ในวันนั้นท่านพูดกับเขาด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเกินไปเจ้าค่ะ เด็กหนุ่มคนนั้นอยู่อย่างเดียวดายมาหลายปี แม้จะมีญาติหลงเหลืออยู่แต่ก็ห่างไกลกัน เขาเหงานะเจ้าคะ และเขาก็คาดหวังว่าท่านจะห่วงใยเขาบ้าง เพราะในตอนนี้เขามีเพียงท่านที่อยู่เคียงข้างในยามที่กลับบ้านมาแล้วพบว่ายังมีใครคนหนึ่งอยู่ในบ้านหลังนี้กับเขาด้วย”

คำพูดทุกคำของนางไม้แห่งดอกกุหลาบซึมลึกเข้าสู่สมองของเจ้าที่หนุ่ม ร่างสูงคิดตามในทุกๆ คำพูดของเลขาฯ สาว สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจยาว เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจือความรู้สึกผิดชัดเจน “ข้าทำผิดไปมากจริงๆ สินะ”

“ข้าก็มิอาจบอกได้ว่ามากเพียงใด แต่ถ้าเป็นเรื่องง้อขอคืนดีล่ะก็...”

“เจ้ามีวิธีรึ?” ท่านเจ้าที่หันขวับมามองเลขาฯ คนเก่งของตนอย่างมีความหวัง มัทนายิ้มให้ก่อนจะบอกวิธีง้องอนขอคืนดีเด็กน้อยที่หนีออกจากบ้าน

“วิธีก็ไม่มีอะไรมากเลยเจ้าค่ะท่านภูตลา แค่ท่าน ‘ขอโทษ’ เขาด้วยใจจริง ใช้ความจริงใจของท่านบอกกับเขาว่าท่านรู้สึกผิดและไม่ได้คิดอย่างที่ท่านเอ่ยเอื้อนวาจาออกไป วิธีนี้ดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะในการง้อใครสักคน”

__________

หากถามว่าสิ่งที่เจ้าที่ศาลพระภูมิควบตำแหน่งผู้ว่าราชการศาลพระภูมิฯ อย่างภูตลาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องทำมาก่อนคืออะไร ตอนนี้เขาก็คงบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า...การง้อเด็กขี้งอนที่หนีออกจากบ้านยังไงล่ะ

“ท่านภูตลา เจ้าที่จากพระภูมิหมู่บ้านที่ 8 แจ้งมาว่าพบน้องแทงค์อยู่ที่บ้านในอาณาเขตการปกครองของเขาเจ้าค่ะ” นางไม้สาวปรากฏตัวตรงหน้าผู้เป็นนายเพื่อแจ้งข่าว

“หลังไหน?!” ท่านเจ้าที่ผุดลุกขึ้นทันที

“บ้านของเพื่อนน้องแทงค์ที่ชื่อฮัท อยู่ซอย 7 เจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้ามาก” เทวดาหนุ่มกล่าวก่อนจะเหลือบมองดวงอาทิตย์ที่กำลังแตะขอบฟ้า เขากำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าหากหมดคืนนี้แล้วยังไม่พบตัวแทงค์ก็คงต้องยื่นเรื่องไปที่อีกเขตให้ช่วยตามหา แต่เป็นโชคดีที่ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้น

ภูตลาดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ชุดที่สวมใส่ก็เปลี่ยนจากเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเป็นเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มและกางเกงยีนส์ฟอกสีซีด ชายหนุ่มกำลังจะหายตัวไปแล้วเชียว หากแต่นางไม้มัทนากลับเอ่ยเรียกรั้งเขาเอาไว้เสียก่อน

“สักครู่เจ้าค่ะท่านภูตลา รับสิ่งนี้ไปด้วยสิเจ้าคะ” นางไม้สาวยื่นดอกกุหลาบช่อหนึ่งมาให้ เป็นดอกกุหลาบสีแดง ชมพู ขาว และเหลืองปนกันรวมทั้งสิ้น 15 ดอก มัดเข้าด้วยกันเป็นช่อสวย “กุหลาบสิบห้าดอกหมายถึง ‘ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ’ ท่านภูตลาไม่คิดว่ามันเหมาะจะเอาไปขอโทษเด็กหนุ่มคนนั้นหรือเจ้าคะ”

ภูตลานิ่งไป ในสมองคิดถึงความเหมาะสมที่จะเอาดอกกุหลาบช่อโตไปมอบให้เด็กหนุ่มชาวมนุษย์คนหนึ่งเพียงเพื่อขอโทษ แต่สุดท้ายก็รับมาถือก่อนจะหายตัวไป “ขอบใจนะ เจ้าเป็นเลขาฯ ที่ดี”

ทิ้งให้เลาขาฯ สาวอมยิ้มเชิงถูกใจปนขบขัน “หากท่านรู้ความหมายในสีแต่ละสีของดอกกุหลาบด้วยล่ะก็ คงได้ปฏิเสธหัวชนฝาที่จะเอามันไปง้อเด็กคนนั้น”

...แน่นอน ก็ในเมื่อนอกจากกุหลาบสีเหลืองที่แทนความรักแบบเพื่อนแล้ว ดอกกุหลาบสีที่เหลือมันแทนความรักในแบบ ‘คนรัก’ ทั้งหมดเลยนี่นา หึๆ

ด้านพระภูมิเจ้าที่หนุ่มที่หายตัวมา ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าบ้านของเด็กที่ชื่อฮัท ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปในรั้วบ้านโดยที่ยังกำบังกายตนเองไม่ให้มนุษย์พบเห็น โดยมีพระภูมิเจ้าที่ของบ้านหลังนี้ออกมารอต้อนรับ

“เดินทางมาไกลเลยนะขอรับท่านภู”

“อืม เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน?”

“ในบ้านขอรับ พวกเขาเพิ่งจะกลับมาจากมหาวิทยาลัย”

“งั้นหรือ” เขาพยักหน้ารับ “เจ้าจะไปไหนก็ไปเถิด ข้าจัดการธุระของข้าเอง รบกวนเพียงไม่นานก็จะกลับแล้ว”

ภูตลาเดินถอยกลับออกไปนอกรั้วบ้าน สูดลมหายใจเข้าลึก มองดอกไม้ในมือเล็กน้อยก่อนจะเอามันไปซ่อนไว้ข้างหลัง เตรียมความพร้อมทางใจอีกนาทีหนึ่งเต็มๆ จึงได้ปลดกำบังกายออก พลางเสียงทุ้มเข้มก็เปล่งออกไปเรียกผู้ที่ตนตามหาดังลั่น

“แทงค์!!!”

เสียงกัมปนาทจนได้ยินไปสามบ้านแปดบ้านทำให้คนที่อยู่ในบ้าน รวมไปทั้งคนบ้านใกล้เรือนเคียงต่างพากันโผล่หน้าออกมาดู ทั้งมองจากหน้าต่างหรือเดินออกมาที่สวนหน้าบ้านก็มี แม้กระทั่งเดินออกมานอกรั้วบ้านเพื่อมองเขาก็มีอยู่สองสามคนได้ หากแต่ภูตลากลับไม่สนใจ เขายังคงเอ่ยด้วยเสียงอันดังต่อไป

“ออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ!!!”

ปึง! แกร๊ก!

“!!!” เสียงปึงปังมาพร้อมกับประตูหน้าบ้านที่เปิดออก แล้วคนที่ร่างสูงตามหาก็ยืนอยู่ตรงนั้น มองมาทางเขาด้วยสายตาตกตะลึง “ทะ ทะ พะ พี่มาได้ไง!?!”

“ก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าฉันมาได้ยังไง” ท่านเจ้าที่ย้อนถาม ได้ยินดังนั้นแทงค์ก็ทำหน้าบึ้งใส่ ถามใหม่เสียงห้วนสั้น

“งั้นมาทำไม!”

“...” ร่างสูงไม่ตอบในทันที หากแต่กวักมือเรียกให้อีกฝ่ายออกมาหา แต่เมื่อแทงค์ไม่ยอมทำตาม ชายหนุ่มจึงพ่นหายใจหนักๆ แล้วว่าเสียงดังอีกครั้ง “นายจะออกมาคุยกันตรงนี้! หรือจะให้ฉันตะโกนต่อไป!”

“เออๆๆ ออกไปแล้วๆ หยุดตะโกนเดี๋ยวนี้นะ!” แทงค์วิ่งออกมาจนถึงนอกรั้วบ้าน ยืนเผชิญหน้ากับเขาด้วยระยะห่างไม่เกินห้าก้าว “มีอะไรก็ว่ามาดิ”

ภูตลาเหลือบไปมองเพื่อนของเจ้าเด็กเกเรหนีออกจากบ้านเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสบตาคนตรงหน้าด้วยแววตาที่ฉายประกายจริงจังที่สุดจนคนถูกมองทำหน้าไม่ถูก กำลังจะเอ่ยปากถามว่ามองอะไรนักหนาทำไมไม่พูดสักทีก็กลับโดนขัดจังหวะเข้าเสียก่อน

“ข้ามาตามเอ็งกลับบ้าน” พออยู่ใกล้กันและมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยิน ชายหนุ่มก็เปลี่ยนมาใช้สรรพนามเดิม

“มาตามผม?” แทงค์แค่นหัวเราะ เด็กหนุ่มเสหน้าไปมองทางอื่น เอ่ยเสียงห้วนอีกครั้ง “จะมาตามทำไมไม่ทราบ”

“ก็เพราะข้าเป็นห่วงเอ็งน่ะสิ”

กึก...คนฟังได้ยินดังนั้นก็นิ่งงันในทันที เหลือบกลับมามองท่านเจ้าที่หน้าหล่ออย่างไม่เข้าใจปนๆ ไปกับรู้สึกดี นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหมล่ะนั่น คุณเทวดาปากร้ายบอกเองกับปากว่าห่วงเขาถูกไหม?

“แล้วตอนนั้นบอกไม่ได้เป็นห่วง”

“ตอนนั้นข้าขอโทษ ข้าแค่...” ท่านเจ้าที่เงียบไปนิด เหมือนไม่แน่ใจว่าควรจะพูดดีหรือไม่พูดดี แต่ก็ตัดบทเหลือเพียงว่า “เอาเป็นว่าตอนนั้นข้าพูดโดยไม่คิด ใจจริงแล้วข้าไม่ได้มีเจตนาจะพูดจาทำร้ายจิตใจเอ็ง...ข้าขอโทษ ดีกันนะ?”

ช่อดอกกุหลาบสี่สีสิบห้าดอกถูกยื่นมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม แทงค์เบิกตากว้างมองของในมืออีกฝ่ายตาโต

กะ กะ กุหลาบ!!!

ท่านเจ้าที่เอากุหลาบเป็นช่อมาง้อเขา?! ง้อเขาด้วยช่อดอกกุหลาบเนี่ยนะ!?!

เด็กหนุ่มมองหน้าเทวดาปากร้ายสลับกับช่อดอกกุหลาบไปมา และยิ่งทำหน้าไม่ถูกพอๆ กับใจเต้นจะแทบจะกระเด็นออกมาจากอกเข้าไปอีกเมื่อตอนนี้คนตรงหน้าเขากำลัง...หน้าแดงว่ะ!

แม้จะไม่ได้แดงมาก แต่ก็ถือว่าอีกฝ่ายกำลังหน้าแดงอยู่ไม่ผิดแน่ เขามั่นใจ หากแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ มือหนาของเจ้าที่หนุ่มก็เขย่าช่อดอกไม้ในมือเพื่อบอกให้เด็กแสบรับมันไปเสียที ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเอ่ยอีกประโยคหนึ่งที่ตั้งใจจะพูดตั้งแต่มาถึงบ้านหลังนี้

ประโยคที่ทำให้แทงค์ยอมแพ้และตามกลับบ้านโดยไม่อิดออดแต่อย่างใด

“แทงค์ กลับบ้านกับฉันเถอะนะ”

กลับครับกลับ! กลับเดี๋ยวนี้เลยแม่งเอ๊ย! ใครสั่งใครสอนให้มาตามกลับบ้านด้วยวิธีนี้วะเนี่ยยย




__________

เห็นมะ บอกแล้วว่าเรื่องนี้ใสๆ ไร้ดราม่า 55555 ทะเลาะกันตอนที่แล้ว มาตอนนี้ก็ดีกันละ จะให้เขาโกรธเคืองกันทำไม รักกันไว้ดีกว่ามิใช่หรือออ แถมท่านเจ้าที่ยังทำเสี่ยว เอาช่อดอกกุหลาบมาให้ด้วย เป็นไงล่ะ ชายหนุ่มยุค 200 ปีก่อน ผู้ยังไม่ทันมุกเสี่ยวของโลก 4.0 ก๊ากกก

ทำไมมาอัพเร็ว อารมณ์ดีอีกแล้วค่ะ เพราะเราปั่นต้นฉบับจบแล้ว กรี๊ดดดดด!!! จุดพลุให้เราสิคะรออะไรเล่า! //ปัง! ปัง! เอื้อออ (จุดพลุุหรือโดนยิงวะนั่น)

จริงๆ ก็ยังเหลือบทส่งท้ายนะ (เอ๊า แล้วบอกจบแล้ว เหอๆ) กระซิบบอกไปเลยแล้วกันว่าเรื่องนี้มี 44 ตอน ไม่รวมบทนำและบทส่งท้ายค่ะ แค่นี้แหล่ะ ไปนอนละนะ บ๊าย!

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: สามภพ ที่ 07-09-2017 02:17:36
พี่ภู...ง่อววว อิจฉาแท้งค์อะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-09-2017 05:33:48
พูดดีๆแต่แรก ว่าเป็นห่วง  ก็ไม่ต้องง้อนะท่านเจ้าที่  :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 07-09-2017 06:33:10
ขอตอนพิเศษเยอะเลยเน้อออออ. 

เค้าดีกันแล้ว หนูแทงค์ไม่เล่นตัวเลย 5555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-09-2017 07:39:39
จะเอาแบบนี้บ้างงงงงง
 :ling1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-09-2017 07:56:09
ยอมตั้งแต่หน้าประตูเลยหรือเปล่า ระทวยล่ะสิแทงค์ ฮา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-09-2017 10:57:14
ท่านเจ้าที่ง้อได้ทุ่มเทดีเจ้าค่ะ
(ตัวช่วยเพียบบบบบบบ 5555555)
แทงค์คือเขินละลายไปเลยจร้า >\\\\\<
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 07-09-2017 13:08:16
ท่านจ้าน่ารัก
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 07-09-2017 17:42:23
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-09-2017 18:51:43
 :man1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-09-2017 20:54:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-09-2017 21:16:55
อ้อนๆ เข้าไปท่านเจ้าที่ แทงค์พร้อมจะไปด้วยทุกที่แค่อ้อนอ่อยหน่อย o18
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-09-2017 23:30:48
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 08-09-2017 10:52:55
โอ๊ยยย น่าร๊ากกกก พี่ภูก็ง้อหวานมั่กมาก
น้องแท็งค์ก็หายงอน รีบกลับบ้านเชียว อิอิ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 08-09-2017 10:53:40
ทำดีมากเจ้าค่ะท่านภู
 :hao7: :hao7: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 25 [07-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Kawaiichibi ที่ 08-09-2017 11:02:35
เพิ่งเข้ามาอ่าน ติดงอมแงมมากโลย  :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 09-09-2017 01:28:05
ตอนที่ 26

“อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิ”

 

[แทงค์]

เชื่อไหมครับ จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้ว และผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าท่านเจ้าที่จะไปง้อผม เอ่อ หมายถึงไปตามผมกลับบ้านด้วยตัวเองน่ะ แถมยังมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบอีกต่างหาก ทำอย่างกับว่าเราเป็นแฟนกัน ขนลุกว่ะ แต่ก็...ก็ใจสั่นเหมือนกันอ่ะ แม่ง!

ผมเอามือปิดหน้าก่อนจะฟุบลงไปกับโต๊ะ ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงอาหารครับ กับไอ้พวกเพื่อนเชี่ยทั้งสามคนนั่นล่ะ

“อะไรของมึงไอ้แทงค์ จนผ่านมาสามวันแล้วยังไม่เลิกดีใจอีกเหรอวะ” ไอ้ฮัทเอ่ยแซ็ว ไอ้เวรนี่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบไงครับ อาจจะไม่ได้ยินที่ผมคุยกับท่านเจ้าที่ แต่แค่มันเห็นช่อดอกกุหลาบมันก็เอามาล้อผมได้ไม่มีเบื่อแล้ว ฮึ่ย!

“กูไม่ได้ดีใจ!” ผมเงยหน้าขึ้นมาปฏิเสธเสียงแข็ง ไอ้เนสที่กำลังนั่งอ้าปากรับไอศกรีมรสมะนาวจากแฟนมันป้อนก็รีบกลืนไวๆ แล้วเอ่ยแซ็วผมบ้างเช่นกัน

“ก็ไม่ได้ดีใจไงมึง แต่ยังเขินทุกทีที่คิดถึง ฮ่าๆๆๆ”

“อ่ะแหน่ะ เงียบงี้แปลว่ายังเขินอยู่จริงๆ” ไอ้คลาร์กหรี่ตาทำหน้ากรุ่มกริ่มใส่ หันไปแปะมือกับเมียตัวเองหน้าระรื่น

“ก็แค่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ได้ตอบเว้ยไอ้สัด!” ผมว่าพลางยื่นมือไปผลักหน้าผากพวกแม่งคนละที

“แต่มึงก็ยังไม่ปฏิเสธอยู่ดีนะ” ไอ้ฮัทยังคงดึงดันพูดประเด็นเดิม ผมก็เลยตบโต๊ะดังปัง

“เออ! กูยังเขินอยู่ ไอ้พวกเพื่อนเหี้ย! พอใจมั้ย!?”

“ฮ่าๆๆๆ” พวกมันพากันหัวเราะขำผม...ขำที่ผมโวยวายแต่หน้าเสือกแดงเถือกอยู่นี่ไง!

และอย่าถามว่าไอ้เนสกับไอ้คลาร์กมันรู้กันได้ยังไงนะครับ พูดถึงแล้วผมก็หงุดหงิด พวกแม่งเห็นประหนึ่งมาอยู่ข้างหลังผมเลยแหล่ะ เพราะไอ้ฮัทมันวิดีโอไลน์กลุ่มให้พวกมันดูด้วยไง! แม่งเห็นหมดอ่ะตั้งแต่ท่านเจ้าที่ยื่นดอกไม้มาให้ ยันผมรับมาแล้วลากแขนอีกฝ่ายวิ่งออกจากบ้านไอ้ฮัทมัน ฮึ่ย!

“เลิกล้อสักทีเหอะ กูเหนื่อยจะเขินจะอายแล้ว”

“แหม่ๆๆ” พวกมันส่งเสียงแซ็วทิ้งท้ายก่อนจะยอมหยุดจริงๆ แล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน ดีที่แม่งยังฟังกันบ้าง

เราพักกลางวันเพื่อรอเรียนตอนบ่ายครับ วันจันทร์มีเรียนเต็มวันก็เลยยังหมกตัวอยู่ที่มหา’ลัยจนกว่าจะเลิกเรียนตอนสี่โมงเย็นนั่นล่ะ ช่วงนี้ใกล้สอบกลางภาคเข้าไปทุกทีแล้วด้วย ผมเองก็เริ่มอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนบ้างแล้วเหมือนกัน เห็นงี้ผมตั้งใจเรียนมากนะเว้ย ถึงเวลาเรียนก็คือเรียน เวลาเล่นก็คือเล่นอ่ะ แยกแยะเป็นครับ

ติ๊ง

ขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยระหว่างฟังพวกมันสามคนพูดกันเรื่องแนวข้อสอบวิชาเสรีตัวหนึ่ง เสียงไลน์จากสมาร์ทโฟนของผมก็ทำให้ผมต้องก้มลงไปมอง ผมถือมันหมุนเล่นในมือมาสักพักแล้ว พอมีคนทักมาก็เลยเปิดเข้าไปดูได้ทันที อืม คนที่ทักมาคือไอ้พัฟแฮะ...จะว่าไปมันแม่งก็หายเงียบไปตั้งแต่ถ่ายหนังสั้นล้อเลียนคุณอุบลอะไรนั่นเสร็จอ่ะ

Puff : ไอ้แทงค์ๆ

TangK : อะไร หายหัวไปเลยนะมึง

Puff : หายหัวแต่ยังไม่ตายนะ แล้วก็กูมีเรื่องให้มึงช่วยว่ะ

TangK : ไอ้เวร ทักมาเป็นมีเรื่องให้ช่วยตลอด คราวนี้อะไรอีกล่ะ

Puff : พรุ่งนี้มึงอยู่บ้านป่ะ เดี๋ยวกูเข้าไปหา

TangK : ไม่อยู่ จะมาก็มาวันศุกร์

TangK : กูว่างจนถึงหกโมงเย็น

Puff : เฮ้ยๆ งั้นเดี๋ยวกูไปหาวันศุกร์แต่เช้าเลย

TangK : เออ

“คุยกะใครวะไอ้แทงค์”

ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาตอบไอ้คลาร์ก “ไอ้พัฟ”

“อ่อ เพื่อนตั้งแต่จุ๊ดจู๋มึงยังเท่าเม็ดแมงลักอะนะ”

“ไอ้เหี้ย กระปู้มึงเหรอเล็กเท่าเม็ดแมงลัก” ผมด่า ยื่นมือไปโบกหัวไอ้ฝรั่งมันอีกที พูดไม่เข้าหูเลยสัด!

__________

แล้วผมก็ได้ค้นพบว่าไม่น่าให้ไอ้พัฟมันมาหาเลยครับ

ย้อนกลับไปเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว มันโผล่มาที่บ้านของผมในตอนแปดโมงเช้า ชนิดที่ผมยังนอนเน่าเปื่อยอยู่บนเตียงอยู่เลย แต่พอมันมากดออดเรียกแถมยังตะโกนเสียงดังลั่น ผมก็จำต้องลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อไปเปิดประตูให้มันเข้ามา พอเจอหน้ากันมันก็ทำหน้าเหมือนหมาจะร้องไห้ใส่ผม จนผมต้องเอ่ยปากถาม ถ้ารอให้มันเล่าเองมันคงร้องไห้ใส่ผมอยู่อีกประมาณสามชาติก่อนอ่ะถึงจะเข้าเรื่องได้

“มึงเป็นไร ทำหน้าเหมือนโดนเปิดซิง”

“ไอ้เลวแทงค์ ถ้ากูโดนเปิดซิงก็คงมีความสุขกว่านี้ แต่ไม่เลยเว้ย กูไม่ได้โดนเปิดซิง!”

“และไม่เคยไปเปิดซิงใครด้วย”

“ไอ้ฟวย! เลิกพูดเรื่องนี้สักที นี่กูกำลังเครียดนะเว้ย!”

“อ่ะๆ ว่ามา” เอาใจเขาหน่อยครับ นานๆ ทีมันจะมีเรื่องเครียดมาปรึกษาผม

ระหว่างเดินผ่านรั้วบ้านเข้ามา ไอ้พัฟมันก็บ่นง้องแง้งถึงโปรเจ็คหนังสั้นที่มันเคยขอให้ผมไปเล่นเป็นตัวเอกให้

“มึง กูมาคิดดูแม่งไม่น่าเขียนบทให้เปลี่ยนศาลพระภูมิเป็นลายยูนิคอร์นสีชมพูอะไรนั่นเลย พอต้องมาตัดต่อแล้วยากฉิบหาย ในกลุ่มกูก็เสือกไม่มีใครดรออิ้งเป็น จะไปจ้างก็ไม่ทันเพราะพฤหัสฯ หน้าต้องส่งแล้ว กูจะทำไงดีวะ นี่ถ้ามีบ้านใครทำศาลพระภูมิลายยูนิคอร์นนะ กูคง...เหี้ย!!!” ไอ้พัฟถึงกับตาถลนเมื่อเดินมาถึงศาลพระภูมิใหม่ของบ้านผม แล้วพบว่ามันเปลี่ยนไปเป็นแบบที่มันกำลังพูดถึงอยู่พอดี “นี่มันศาลแบบที่กูตามหาเลยอ่ะไอ้แทงค์! ไอ้แทงค์ๆๆ”

“เออ กูก็คิดอยู่ว่ามึงต้องเห็น” ผมตอบ ทำหน้าเอือมๆ ใส่มัน

...และนั่นแหล่ะครับคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมมายืนเถียงกับมันเอาเป็นเอาตายอยู่ตอนนี้

“นี่ ไอ้คุณพัชรพลครับ ยังไงผมก็ไม่ยอมเข้าฉากกับศาลพระภูมิบ้องแบ๊วนี่แน่ๆ”

ใช่ครับ มันขอให้ผมถ่ายฉากเพิ่มเติมให้มัน เป็นฉากคุยกับพระภูมิเจ้าที่ ว่าด้วยเรื่องศาลใหม่อันไฉไลนี่ ซึ่งแน่นอน...ผมไม่มีทางยอมครับ! เพราะมันประหลาดน่ะสิโว้ย!

“โธ่ไอ้แทงค์ ช่วยกูหน่อยเหอะฉากเดียวเอง เนี่ยกูไลน์ไปบอกพวกในทีมแล้วว่าให้ขนของมาเตรียมถ่ายทำเลย”

“ไอ้ฟวยยย ทำไมไม่ปรึกษากูก่อนวะ!” ผมโวยวายใส่มัน

“มึงช่วยกูเหอะนะ ทีมกูต้องการแทงค์นะเว้ย”

ต้องการแทงค์เหี้ยไร กูชื่อแทงค์แต่กูไม่ใช่แทงค์ กูไม่เล่น RoV ว้อย!

“อ่ะๆ เดี๋ยวกูซื้อฟิกเกอร์ให้ตัวหนึ่งเลย ตัวที่มึงบ่นๆ ว่าอยากได้อ่ะ”

ผมชะงักไปแล้วเมื่อได้ยินข้อเสนอของมัน แม่งเสือกเอาของที่กูอยากได้มาล่อ ทำงี้กูก็ลังเลอ่ะดิวะ

ฟิกเกอร์ที่มันพูดถึงหรือที่ผมอยากได้ก็คือฟิกเกอร์จากอนิเมะเรื่องหนึ่งครับ คือมันก็นานมาแล้วแหล่ะเรื่องนี้ แต่ผมยังสะสมไม่ครบไง แล้วซีซั่นสองของเรื่องนี้ก็เพิ่งจะจบไปได้ไม่นาน ผมก็เลยยิ่งอยากได้มากขึ้นไปอีก กำลังลังเลอยู่ว่าจะซื้อดีไหมเพราะแอบเสียดายตังค์ ตัวนึงก็ไม่ใช่บาทสองบาทแต่ก็ยังอยากได้อยู่เสมอ

“เถอะน่ามึง ช่วยกูหน่อยไอ้แทงค์ มึงนึกถึงฟิกเกอร์ที่มึงอยากได้เอาไว้เพื่อน กูจะซื้อให้ถ้ามึงยอมถ่ายฉากนี้ให้กู”

ไอ้แม่เยอะ! กูยอม มึงเอาฟิกเกอร์ตัวที่กูว้อนมาล่องี้กูก็แพ้สิวะ!

“เออๆ ยอมก็ได้วะ” ผมตอบรับอย่างเสียไม่ได้ ไอ้พัฟถึงขั้นกระโดดตัวลอย แทบจะเข้ามากอดจูบผมแล้วด้วยซ้ำ ติดที่ว่าผมยันหน้ามันออกไปก่อนเลยทำไม่ได้

ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเพื่อนร่วมทีมของมันที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็มาถึงบ้านผมโดยพร้อมเพรียง ทั้งหมดทึ่งกับศาลพระภูมิใหม่ของ(ท่านเจ้าที่)ผมมาก ถามนู่นนี่นั่นเยอะแยะเต็มไปหมด ผมก็ได้แต่ตอบส่งๆ ไป

บทที่ผมได้รับในครั้งนี้คือผมต้องคุยกับท่านเจ้าที่(ที่ไม่ใช่ท่านภูตลาเขานะครับ) พูดจาเยาะเย้ยถากถางให้อีกฝ่ายโกรธเคืองที่ทำให้ศาลพระภูมิของเขาต้องเปลี่ยนไป คนที่มารับบทท่านเจ้าที่ก็ไม่ใช่ใคร หนึ่งในทีมของไอ้พัฟมันอ่ะแหล่ะครับ นึกแล้วก็ขำ นี่ถ้าท่านเจ้าที่ตัวจริงอยู่ตรงนี้คงบอกว่าศาลใหม่ออกจะสวย ไม่เห็นต้องโกรธต้องเคืองอะไรเลย และคงจะทำหน้าภูมิใจมากแน่ๆ ฮะๆๆ ก็เขาอยากได้แบบนี้เองนี่นา ไม่ได้โดนบังคับแบบในบทหนังนี่

ผมนึกไปก็อมยิ้มไป นึกดูแล้วก็มีหลายเรื่องเลยแฮะเกี่ยวกับท่านเจ้าที่ที่ทำให้ผมทั้งตลก ทั้งเอือม ทั้งโมโห ทั้งแปลกใจ และไม่เว้นแม้แต้...ทำให้ผมหวั่นไหว อ่า แล้วผมจะมายืนนึกถึงเขาแล้วยิ้มทำไมเนี่ย ทำอย่างกับกำลังแอบชอบเขางั้นล่ะ พอๆๆ เลิกคิดได้แล้วไอ้แทงค์ ได้เวลาเข้าฉากแล้ว ฮู้ว!

การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดีครับ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นเพราะมันเป็นแค่ฉากสั้นๆ ไม่ยาวมาก บทพูดก็ไม่ได้ยากอะไร พอถ่ายเสร็จพวกไอ้พัฟก็เริ่มเก็บข้าวของเตรียมกลับไปช่วยกันตัดต่อแต่งเติมหนังของพวกมัน

“ขอบใจมึงมากนะไอ้แทงค์ ถ้าไม่ได้มึงพวกกูคงแย่” ไอ้พัฟเดินสะพายกล้องเข้ามาหาผม

ผมพยักหน้าให้ “ไม่เป็นไร ไงก็เพื่อนกัน”

“ว่าแต่กูสงสัย ทำไมมึงทำศาลแบบนี้ หรือติดใจมาจากในบทจริงๆ หรือวะ?”

“หึ” ผมหัวเราะเบาๆ ในลำคอ มองไปที่ศาลสีชมพูพาสเทล ก่อนจะหัวเราะลั่นขึ้นมา “ฮ่าๆๆๆ มึงอย่ารู้เลย”

คิดดูว่าถ้าบอกความจริงมันไปมันอาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อ อันนี้ผมไม่รู้เลยเพราะเดาใจไอ้ห่านี่ไม่ออก มันยิ่งไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสางเทวดาอะไรอยู่แล้วด้วย บอกไปมันไม่เชื่อขึ้นมาคงคิดว่าผมโกหกแล้วเซ้าซี้ไม่เลิก แต่ถ้าจะให้บอกว่าเพื่อนบ้านฝันว่าเจ้าที่ที่นี่ไปขอให้ทำศาลให้ใหม่ เดี๋ยวไอ้พัฟมันก็จะเซ้าซี้อีกว่าทำไมไปขอคนอื่นไม่ขอผม ขี้เกียจอธิบายว่ะ

“เออๆ ไม่อยากรู้ก็ได้วะ งั้นกูไปแล้วนะ ต้องรีบไปตัดต่อ”

“โอเค เจอกันมึง ไว้ไปแดกปิ๊งย่างกัน”

“ได้เลย เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”

“อย่าลืมฟิกเกอร์กูด้วย” ผมย้ำ

มันทำหน้าเอือมใส่แต่ก็ตอบกลับมาว่า “ไม่ลืมหรอกน่าไอ้ฟาย”

แล้วมันก็หายลับออกจากบ้านผมไป ทิ้งให้ผมยืนมองศาลพระภูมิแล้วยิ้มร่าโดยไม่รู้ตัว มารู้ตัวเอาก็ตอนที่เจ้าของศาลเขาโผล่มาจริงๆ นั่นล่ะ

“มองศาลข้าแล้วยิ้ม กำลังคิดถึงข้าอยู่งั้นหรือ”

เฮือก! ใครสั่งใครสอนให้มากระซิบข้างหูวะ!

“ไอ้ท่านเจ้า...!!” ผมหันขวับไปด้านหลัง ตั้งใจจะด่าท่านเจ้าที่ที่มาโผล่ไม่ถูกเวลา แต่พอหันกลับไปก็ต้องชะงักเพราะมันใกล้...ใกล้เกินไปแล้วเฟ้ย

ผมจ้องตากับเทวดาหนุ่มหล่อตรงหน้าก่อนจะเสหลบไปมองทางอื่นเมื่อรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาซะเฉยๆ สองเท้าก้าวถอยหลังหวังหลบให้พ้นระยะประชิดแสนอันตราย แต่แล้ว...

“เหวอ!” เหมือนว่าผมจะถอยไปชนอะไรสักอย่างเข้าก็เลยเซจะล้ม และคงจะล้มไปแล้วถ้าไม่ได้ท่านเจ้าที่ช่วยเอาไว้ได้ทันพอดี

หมับ โครม!

“อุก!” ผมสัมผัสได้ถึงมือหนาที่ยื่นเข้ามารั้งตัวผมไว้ แต่สุดท้ายเราทั้งคู่ก็ล้มลงไปนอนแผ่ที่พื้นด้วยกันอยู่ดี จะต่างก็ตรงที่ผมไม่ใช่คนที่นอนราบไปกับพื้น แต่เป็นท่านเจ้าที่ต่างหากที่พลิกตัวลงนอนแทนแล้วเอาตัวเองเป็นเบาะรองให้ผม

“อึก โอยย” ท่านเจ้าที่ร้องโอดโอยเบาๆ ไม่ร้องก็แปลกละตัวผมไม่ใช่เบาๆ ล้มลงไปทับเต็มแรงขนาดนี้ ไหนจะด้านหลังที่เป็นพื้นคอนกรีตอีก ไม่เจ็บก็เหี้ยละบอกเลย

“ทะ ท่านเจ้าที่เจ็บมากไหม” ผมลุกลี้ลุกลนรีบพาตัวเองขึ้นนั่ง ก่อนจะช่วยพยุงท่านเทวดาหนุ่มให้ลุกขึ้น ปัดฝุ่นตามตัวของเขาแล้วลูบแผ่นหลังหนาเบาๆ “เจ็บตรงไหนบ้างบอกผมสิ”

“ข้าไม่เป็นไร แค่เจ็บหลังนิดหน่อย แต่เอ็งนี่สิเดินประสาอะไรทำไมถึงล้มได้” ท่านเจ้าที่หันมาบ่นใส่ผม

ก็ไม่ได้อยากจะล้มสักหน่อยนี่หว่า ผมทำหน้าแหยใส่เขา “สะดุดอะไรไม่รู้อ่ะเลยล้ม”

ท่านเจ้าที่ส่ายหน้าระอาก่อนมือหนาจะยื่นมาสัมผัสที่ผิวแก้มของผม ปลายนิ้วเช็ดๆ อะไรสักอย่างที่มันคงเปื้อนแก้มข้างนั้นอยู่ออก ดวงตาสีรัตติกาลสบเข้ามายังนัยน์ตาของผมแล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้ใจผมสั่นไหวอย่างรุนแรง

“อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิ”

ผมไม่รู้ว่าท่านเจ้าที่ลุกไปตอนไหน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหายไปเมื่อไหร่ ผมรู้แต่เพียงว่าตัวเองยังนั่งอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นกุมแก้มข้างเดียวกับที่ปลายนิ้วของอีกฝ่ายสัมผัส หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีหยุด คำว่าอย่าทำให้เป็นห่วงดังก้องอยู่ในหัวและส่งไปถึงหัวใจของผม

...เป็นห่วง...

ทำไมแค่คำธรรมดาคำเดียวของท่านเจ้าที่ถึงทำให้ผมเขินจนแทบจะระเบิดตัวเองตายได้ขนาดนี้กันนะ...




__________

ตอนใหม่มาแล้ว งุ้ยยย มาให้เขินกันอย่างต่อเนื่อง เขินกันเปล่าอ่ะ แต่เราเขินนะ งุ้ยย อยากเป็นน้องแทงค์ให้ท่านเจ้าที่จับแก้มแล้วบอกอย่าทำให้เป็นห่วงบ้าง อิบ้า ดาเมจละเกินน //ยืนบิด

ตอนนี้เรากำลังรีไรท์เนื้อเรื่องทั้งหมดอยู่ค่ะ รีมาจนถึงตอนนี้ก็เลยมาอัพซะเลย ก็ตั้งใจจะอัพอยู่แล้วด้วยแหล่ะ ฮาา พอรีมาครึ่งเรื่องก็พบว่าคำผิดบานเลยค่ะ บรรยายก็แปลกๆ คิดว่า 25 ตอนที่ผ่านมาคงได้ลงตอนรีไรท์หลังจากอัพจบเรื่องแล้ว ส่วนตอนหลังจากนี้จะเป็นเวอร์รีไรท์เรียบร้อยแล้วค่ะ จะได้อ่านแบบไม่ต้องหงุดหงิดเวลาเจอคำผิดเนอะ แฮะๆ

ทอล์คยาวอีกละ เป็นคนชอบพูดคนเดียวอ่ะค่ะ เพราะงั้นก็อ่านที่เราทอล์คกันหน่อยเน้อ 5555 เจอกันตอนหน้าค่ะ อาจจะวันอังคารมั้ง แล้วเจอกันเน้อ ไปนอนละ จ้องหน้าจอนานๆ ละปวดตา เอื้อ!

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 09-09-2017 02:28:49
     เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสนุก น่ารัก น่าติดตามมากเลยค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 09-09-2017 07:20:17
ทำไม ท่านเจ้าที่ แอทแทคใส่รัวๆๆแบบนี้
เอื้อ. เขิลลลตัวบิด
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-09-2017 07:35:21
เขินได้เขินดีนะแทงค์
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 09-09-2017 08:07:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-09-2017 11:28:32
 :-[
เป็นเราก็เขินนะ คนแอบชอบมาพูดอย่างนี้
ว่าแล้วก็ อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Kawaiichibi ที่ 09-09-2017 12:04:05
ขำทีมต้องการแทงค์ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-09-2017 12:35:11
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-09-2017 15:05:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-09-2017 21:35:03
เขินไปกับแทงค์ด้วย งุ้ยยยย :-[
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-09-2017 22:13:36
ศาลพระภูมิ นี่ก็ให้สิ่่งดีๆกับแทงค์นะ  o18
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-09-2017 22:48:48
ไรอะ ท่านเจ้าที่มาจับแก้มหลานแทงค์ แล้วหายหัว เฮ้ย ตัวไปเลย  :impress:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 09-09-2017 23:50:14
เริ่มเขินและละมุนขึ้นทุกวัน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 10-09-2017 11:29:33
โอยยย ละมุนเว่อร์
เค้าแอบเขินกันแล้วแหละคุ๊นนนนนนน  :impress2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 26 [09-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 10-09-2017 12:05:37
มาหวานแล้วก็จากไป
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 27 [11-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 11-09-2017 22:05:29
ตอนที่ 27

“รู้นะว่าเขินข้า”

 

"ท่านจะจัดปาร์ตี้ขึ้นบ้านใหม่?"

"ใช่ ฉลองให้กับบ้านใหม่อันแสนงดงามของข้า"

เอาจริงดิ?!

ผมได้แต่ทำหน้าเหวอๆ ใส่ท่านเจ้าที่ในบ่ายเกือบเย็นของวันเสาร์อันแสนสงบสุข หลังจากที่อีกฝ่ายบอกว่าจะจัดปาร์ตี้เปิดบ้านใหม่(หรือก็คือศาลพระภูมิใหม่นั่นล่ะ) และตั้งใจจะเชิญแขกมาเยอะๆ ซึ่ง...แขกของเขาก็คงหนีไม่พ้นบรรดาพระภูมิเจ้าที่จากบ้านอื่นๆ ในเขตพระนครล่ะมั้ง

"จะจัดจริงอ่ะ?" ผมถามย้ำ และร่างสูงก็พยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างเหมือนเดิมจนผมล่ะอยากจะถาม...นี่ท่านมึงไม่อายศาลตัวเองบ้างหรือไงฟะ! สีชมพูหวานแหววลายก็มุ้งมิ้งซะขนาดนั้น โคตรไม่เข้ากับหน้าตาเถื่อนๆ ของเขาเลยสักนิด! "เอ้อ จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ นั่นก็บ้านท่านนี่ จะมาบอกผมทำไม"

สุดท้ายผมก็ได้แต่เอ่ยอย่างปลงตก อยู่กับไอ้ท่านเจ้าที่มาเป็นเดือนๆ ยังไม่ชินกับพฤติกรรมท่านเขาอีกเหรอวะไอ้แทงค์เอ๊ย เลิกแปลกใจได้แล้วเฟ้ย

"เพราะข้ามีมารยาทน่ะสิถึงได้บอกก่อน อย่างไรเสียเอ็งก็เป็นเจ้าของศาลพระภูมินี้เช่นกัน หมายถึงในทางโลกมนุษย์ล่ะก็นะ" ท่านเจ้าที่เอ่ยอธิบาย ยกมือผลักหัวผมจนแทบหงายหลัง...ทำร้ายร่างกายอีกละแม่ง ถ้าคอผมเคร็ดล่ะน่าดู

"เป็นอันว่าผมรับรู้แล้ว เชิญตามสบายครับ"

“แล้วเอ็งไม่มางานเลี้ยงของข้ารึ?”

“ผม?” ชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยความงุนงง จะให้ผมไปปาร์ตี้กับเหล่าเทวดาเจ้าที่เนี่ยนะ? “ไม่ล่ะครับ ขอบาย อีกอย่างผมต้องไปเล่นดนตรี ลืมแล้วเหรอ”

“เออ ข้าก็ลืมไป งั้นช่างเถอะ ถือว่าข้าชวนแล้วแต่เอ็งไม่สะดวก”

ผมโบกมือให้ท่านเจ้าที่ก่อนจะว่า “ขอบคุณที่ชวนแล้วกันครับ งั้นผมไปละนะ จะไปอาบน้ำ”

“ไปเล่นดนตรีพรุ่งนี้ก็อย่าเมาอีกล่ะ ข้าไม่ไปรับนะ” ท่านเจ้าที่เอ่ยคำพูดที่ทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได หันหน้ามามองสบตาเทวดาปากร้ายด้วยความเบื่อหน่าย ย้ำจริงไอ้เรื่องเมาเนี่ย

“รู้แล้วล่ะน่า”

ทำตัวเป็นพ่อกูเลยห่า ทำแบบนี้มากๆ เข้า เดี๋ยวกูกับจับมาเป็นพ่อทูนหัวกูซะเลยแม่ง

__________

เช้าวันอาทิตย์หลังเลิกกะ พอผมตอกบัตรเสร็จก็เจอท่านเจ้าที่ยืนรออยู่ที่ลานจอดรถแล้ว ไม่แปลกใจเลยสักนิดครับเพราะเขามารอผมอย่างนี้ทุกครั้งที่ผมเลิกกะเช้าอ่ะ ห่วงกลัวผมหลับในเหมือนเดิมนั่นล่ะมั้ง ทั้งๆ ที่ผมก็บอกแล้วว่าผมไหว ก่อนหน้าจะเจอเขาผมก็พาตัวเองกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยมาตลอด แต่เขาก็ไม่ฟังครับ ดื้อแพ่งจะมารับผมให้ได้

เออ เอาเถอะ เอาที่สบายใจนะพ่อคุณพ่อทูนหัวของผม เหอๆ

...อ้าว ยังไม่ได้เป็นพ่อทูนหัวนี่หว่า กูยังไม่ได้จับเขาทำหลัวเลย

“มานานยัง” ผมถาม อีกฝ่ายยักไหล่

“เพิ่งมาถึง เอ็งหิวหรือเปล่า”

“นิดหน่อย แต่ผมง่วงมากกว่า” ความง่วงกับผมเป็นของคู่กันครับ ไม่มีวันไหนที่ผมไม่บ่นว่าง่วง เหอๆ

“งั้นกลับบ้านเลยแล้วกัน ส่วนกับข้าวกับปลาเดี๋ยวข้าหาไว้ให้” ผมนิ่ง เอียงคอมองหน้าท่านเจ้าที่ด้วยความไม่เข้าใจ คนถูกมองเลิกคิ้วก่อนเปิดปากถามเมื่อเห็นสีหน้าฉงนของผม “ทำไมมองข้าอย่างนั้น?”

“ให้ผมพูดตรงๆ เลยนะท่านเจ้าที่ คือผมรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ท่านดู...แปลกๆ ไปนะ”

“แปลก?”

“ใช่ แบบว่าดูใส่ใจผมจนผิดปกติ”

จริงๆ นะครับ ผมรู้สึกว่าตั้งแต่หลังจากวันที่ผมเมาจนเรื้อน ท่านเจ้าที่ก็ดูจะปฏิบัติตัวกับผมแปลกไป คือผมก็รู้นะว่าเขาใจดีแม้จะไม่ค่อยแสดงออกกับผมนักเพราะชอบด่าชอบแขวะผมมากกว่า แต่ก็นั่นล่ะ ท่านเจ้าที่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรไง แต่ก็ไม่ได้ดีจนผมไม่เอะใจเมื่อเขาดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดแบบตอนนี้

ดูใจดีกับผมมากขึ้น ตามใจผมมากขึ้น มารับผมบ่อยๆ บางวันที่ผมเข้ากะบ่ายเลิกสามทุ่มงี้ท่านเจ้าที่ยังออกมารับผมกลับบ้านเลย แถมยังหาข้าวปลามาให้เวลาที่ผมทำงานเลิกดึกนอนตื่นสาย และมันก็บ่อยขึ้นจนผมอดถามตัวเองไม่ได้ว่า...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านเจ้าที่เขาวะ?

“อ๊ะ หรือว่าจะเป็นเพราะกลัวผมไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกล่ะสิ” ผมร้องอย่างนึกขึ้นได้ คนฟังทำหน้างง ผมก็เลยต้องพูดอีกว่า “ก็ที่มารับผมกลับบ้านบ่อยๆ เพราะกลัวผมเหนื่อยหรือง่วงจนไปเกิดอุบัติเหตุสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น หรือที่คอยเตรียมข้าวปลานั่นนี่ไว้ให้เพราะกลัวผมหิวจนเป็นลมตายกลายเป็นภาระของท่าน อะไรทำนองนี้ใช่ป่ะ? ท่านคิดแบบนี้ใช่ไหม?!”

หลังฟังข้อสันนิษฐานของผมจนจบ ท่านเจ้าที่ก็มองผมเหมือนเห็นตัวเหลือบไรน่ารำคาญชวนให้เอานิ้วบี้ทิ้ง...อื้อหือ ไม่ต้องมองกันขนาดนั้นก็ได้ครับท่าน!

“เอ็งนี่มัน...” ท่านเจ้าที่เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก สุดท้ายเลยได้แต่ถอนหายใจ “ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่ที่ข้าทำไปก็เพราะห่วงเอ็ง จำไว้แค่นี้ก็พอแล้วกัน”

ฉ่า...อะ ไอ้เหี้ย เสียงใครโยนปลาทับทิมลงไปทอดในกระทะน้ำมันเดือดวะ ดังฉ่าๆ อยู่ข้างหูกูเนี่ย

แล้วใคร! ใครเอาแผงโซลาร์เซลล์สะท้อนแสงอาทิตย์มาโดนหน้ากู ทำไมหน้ากูร้อนขนาดนี้!

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

นี่ก็อีก ใครมันมาตีกลองอยู่ใกล้ๆ กูอ่ะ เสียงดังสะเทือนไปทั้งหน้าอกกูเลย เวรเอ๊ย เอากลองออกไป๊!

ผมยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองแน่น ไอ้ที่เพ้อเจ้อไปเมื่อกี๊น่ะผมก็แค่อยากจะกลบเกลื่อนอาการของตัวเองเท่านั้นล่ะครับ...หน้าร้อนผ่าวๆ หัวใจเต้นโครมคราม ทุกอย่างมันมาจากตัวผมเองนี่แหล่ะ ไม่ได้มีใครมาทอดปลา ส่องแสง หรือตีกลองทั้งนั้น

ไอ้ฉิบหาย กูเขินจะตายอยู่แล้ว นี่มันครั้งที่สอง!...ครั้งที่สองแล้วนะที่ท่านเจ้าที่พูดอะไรแบบนี้กับผม ครั้งก่อนก็เมื่อหลายวันก่อนนั่นไง โอ้โหคุณพระ! ไม่เคยได้ยินคำว่าเป็นห่วงของใครแล้วดีใจขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะอะไรวะไอ้แทงค์ เพราะอะไรรร!!!

“รู้นะว่าเขินข้า” ได้ยินเสียงท่านเจ้าที่เอ่ยหยอกแว่วมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ ผมงี้เงยหน้าขวับขึ้นมาจ้องอีกฝ่ายตาเขียว(ที่พยายามทำอย่างยากลำบาก) แล้วโวยวายใส่เสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งเดซิเบล

“รู้แล้วก็อย่าทำให้เขินสิวะ!” ...คิดว่าผมจะพูดอะไรได้ล่ะ คนแมนๆ อย่างผมก็ต้องหน้าด้านยอมรับความจริงไง!

“หึๆ เอ็งนี่มันน่ารักพิลึก”

“อะ อะ...” ผมอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอีกครั้ง

เมื่อกี้เขาชมผมว่าน่ารักเหรอวะ น่ารักเนี่ยนะ? (แต่ไอ้น่ารักพิลึกนี่คือยังไง?) โอ้โห อเมซิ่ง! คนปากจัดเหมือนเลี้ยงหมาไว้กับฝูงจระเข้ในปากเนี่ยนะชมผมว่าน่ารัก! บอกว่าเป็นห่วงด้วย...นี่กูเมาอากาศอยู่หรือเปล่า ใครก็ได้บอกกูที รบกวนพากูออกไปจากตรงนี้ด้วยครับ หัวใจทำงานหนักเกิน สมองก็ทำงานหนักไป ไอ้ฟัคคค

“เลิกทำหน้าตลกๆ แบบนั้นแล้วกลับบ้านกันได้แล้ว วันนี้ข้าไม่ว่างมาเป็นเพื่อนเล่นเอ็งนะ ข้าต้องไปจัดบ้านต่อ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักโดยไม่พูดอะไร ที่จริงคือยังคงพูดไม่ออกครับ...ท่านเจ้าที่เรียกสติของผมด้วยการขึ้นคร่อมรถแล้วสตาร์ท ผมก็เลยต้องดึงสติกลับมาแล้วกระโดดขึ้นซ้อนท้ายเขา เดี๋ยวนี้ชอบนักมาเป็นสารถีขับรถให้ผมเนี่ย อย่ามาทวงบุญคุณทีหลังล่ะ เหอๆ

เมื่อเรากลับมาถึงบ้านผมก็กระโดดลงจากรถทันที ปล่อยให้ท่านเจ้าที่เขาเอารถเข้าไปเก็บที่โรงจอดแทนผม แต่แล้วผมก็ต้องชะงักงันเมื่อพบว่ามีแขกแปลกหน้ายืนกระจายกันเต็มลานหน้าบ้านไปหมด!

“เฮ้ย! พวกคุณเป็นใครกันเนี่ย!?”

“โอ๊ะ นี่น่ะรึเด็กมนุษย์ที่ทำให้ท่านภูตลาขัดเคืองใจจนต้องทำเรื่องย้ายศาลพระภูมิตามมาสั่งสอนถึงที่นี่” เสียงของชายหนุ่มร่างท้วมคนหนึ่งดังขึ้น อีกฝ่ายมองผมอย่างพินิจพิจารณาไม่ต่างจากคนอื่นๆ รอบตัว

“หน้าตาดีไม่เบาเลยนี่” มีหลากหลายเสียงวิจารณ์ดังเซ็งแซ่ และถ้าให้ผมเดา...ผมรู้แล้วล่ะว่าคนพวกนี้เป็นใคร

“พวกเขาเป็นพระภูมิเจ้าที่ที่ข้าเชิญมางานปาร์ตี้น่ะ” ท่านเจ้าที่บอกกับผม ซึ่งก็ตรงตามที่ผมคิดไว้เลย ฮ่าา

“คือพวกท่านคงจะไม่ปาร์ตี้กันที่บ้านของผมหรอกใช่ไหมครับ?” ผมชิงถาม เข้าใจมาตลอดว่าปาร์ตี้จัดขึ้นในศาลพระภูมิ เกิดมาจัดเอาในบ้านผมนี่เป็นเรื่องเลยเนอะ เพื่อนบ้านคนอื่นๆ ในละแวกนี้ได้มาถามไถ่กันแน่ว่ามีงานอะไร ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดมากกก

“แน่นอน พวกเราจะไปสังสรรค์กันที่บ้านใหม่ของท่านภูตลา แหม สีชมพูนี่มันน่ารักกุ๊กกิ๊กจริงเชียว”

“ตัวบ้านก็ช่างทันสมัย อยากได้แบบนี้บ้างจัง” แล้วเหล่าท่านพระภูมิเจ้าที่ทั้งหลายก็หันไปพูดคุยกันเอง ลืมเลือนผมคนนี้ที่เป็นมนุษย์คนเดียวท่ามกลางเทวดาเสียสิ้น

“ยืนอยู่ทำไม เอ็งจะไปไหนก็ไปสิ ไปนอนเลยไป”

“เอ่อ โอเค” ผมตอบรับคำพูดแกมสั่งของท่านเจ้าที่ก่อนจะเดินเข้าบ้าน หากแต่สองขาก็ต้องชะงักลงอีกครั้งเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วพบเข้ากับ...เฮ้ย!! นี่มันแก็งสาวนางฟ้าที่ไหนอีกล่ะเนี่ย!

ผู้หญิงครับ! มีเป็นสิบเลย นั่งเมาท์มอยอย่างเมามันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้านของผมอ่ะ!

“อุ๊ยตาย เด็กหนุ่มคนนี้คือเจ้าของบ้านใช่ไหมเอ่ย”

“น่ารักน่าชังดีแท้ ไม่แปลกใจที่ท่านภูยอมตามมาถึงที่นี่ คงอยากจะแกล้งเด็กมันล่ะสิท่า”

“ข้าตามมาราวีเด็กปากร้ายต่างหากเล่า บุปผาวารี” ท่านเจ้าที่ที่เดินตามผมเข้ามาเอ่ยทักท้วง เหลือบมองผมที่ทำหน้าเอ๋ออยู่ที่เดิม แล้วจึงยอมอธิบายให้ฟังว่าผู้หญิงที่ใส่ชุดราตรีราวกับเป็นเมียนายกสโมสรสารพัดนึกพวกนี้เป็นใคร “พวกเธอคือพระภูมิเจ้าที่ในเขตการปกครองของข้าเอง เหมือนพวกข้างนอกนั่นล่ะ”

“พระภูมิเจ้าที่? ผู้หญิง?” ผมทวนถาม ชีวิตนี้ก็เพิ่งจะเคยได้ยินว่ามีพระภูมิเจ้าที่เป็นผู้หญิงนี่แหล่ะครับ นี่มันเรื่องประหลาดอีกเรื่องในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาของผมเลยนะเว้ย

“ใช่ สังคมของสวรรค์ก็ถือความเท่าเทียมเหมือนสังคมมนุษย์ แล้วทำไมจะมีพระภูมิเจ้าที่เป็นหญิงไม่ได้ล่ะ”

“เอ้อ อย่างนั้นเหรอ” ผมตอบรับแบบมึนๆ เหมือนสมองของผมมันรัดวงจรแล้วล่ะนะ คิดว่าคงไม่มีอะไรทำให้ผมแปลกใจได้อีกแล้วแต่มันก็ยังมีว่ะ ผมว่า...ผมควรไปนอนพักผ่อนการทำงานของสมอง “โอเค ผม...ผมไปละ ตามสบายละกันนะครับ”

 

คล้อยหลังเด็กหนุ่มชาวมนุษย์เพียงคนเดียวในบ้านหลังนี้ เหล่าเจ้าที่หญิงต่างกันพากันหันมามองผู้เปรียบดั่งนายเหนือหัว หนึ่งในเจ้าที่หญิงเอื้อนเอ่ยวาจาขึ้นว่า...

“ข้ารู้นะว่าท่านคิดอะไรอยู่ ท่านภูตลา”

“รู้หรือ” ภูตลาย้อนถามอย่างไม่หวั่นเกรงที่มีคนล่วงรู้ถึงสิ่งที่เขาคิดและกำลังกระทำอยู่ ทั้งๆ ที่ควรจะกังวลเสียด้วยซ้ำแต่ใบหน้าคมยังคงนิ่งเฉยเช่นเดิม “แล้วอย่างไร พวกเจ้าจะขัดขวางข้าหรือไงเล่า”

“ไม่เลยท่านภู พวกข้าเข้าใจดี เพียงแต่กังวลใจแทนท่านว่าอาจจะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นได้ ท่านก็น่าจะรู้...ว่าไม่เคยมีใครทำแบบท่านมาก่อน แม้จะไม่มีกฎตายตัวบนสวรรค์ในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีเทวดานางฟ้าองค์ใดคิดจะทำ เพราะพวกเราล้วนเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งที่ท่านรู้สึกกับเด็กหนุ่มคนนั้นจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับพวกเราเลย”

“ข้ารู้ดารามณี และเพราะเหตุนั้นข้าจึงต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ในประวัติศาสตร์ของชาวสวรรค์ แต่ข้าจะทำให้แน่ใจว่ามันจะออกมาดีและไม่เดือดร้อนใครเด็ดขาด”

“ข้อเสนอที่ท่านยื่นต่อองค์มหาเทพนั่นน่ะ ท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่? มันคุ้มค่ากับสิ่งที่ท่านคิดว่าจะได้มาจริงๆ แล้วหรือ” ท่านเจ้าที่บุปผาวารีเอ่ยถามอย่างรู้เท่าทันสิ่งที่ภูตลาคิด ทำเอาคนถูกถามนิ่งงัน ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ แล้วว่า...

“เจ้ารู้เรื่องของข้าเสมอเลยนะ และใช่...คำตอบของข้าคือ มันคุ้มค่า”

“เพราะห่วงท่านหรอกจึงได้เฝ้าติดตามเรื่องของท่าน พวกเราที่เป็นเหมือนผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านรู้สึกห่วงใยท่านเสมอ อีกอย่าง...สิ่งที่ท่านทำใช่ว่าจะเป็นความลับ ตอนนี้ทั้งสวรรค์แทบจะรู้กันหมดแล้วว่าท่านคิดจะทำอะไร”

“ข้าขอบใจพวกเจ้ามาก แต่เชื่อเถอะว่าข้ารับมือกับเรื่องนี้ได้ และข้อต่อรองของข้ากับท่านมหาเทพก็เป็นผลสำเร็จแล้วด้วย เพียงแต่ข้าต้องทำแต้มบุญเพิ่มอีกนิดหน่อย แต้มบุญทั้งหมดจึงจะพอกับสิ่งที่ข้าร้องขอไป”

ทุกคนนิ่งฟังโดยไม่คิดจะคัดค้านต่อผู้ที่เป็นดั่งนายเหนือหัว

ก็คนๆ นี่เป็นถึงผู้ว่าราชการศาลพระภูมิเขตพระนครเชียวนะ ไม่มีอันใดต้องกังวลมากนักหรอก หากแต่ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่บุปผาวารีเจ้าที่นึกสงสัย จนอดเอ่ยถามไม่ได้

“เมื่อใดกันที่ท่านรู้ตัวว่าท่าน...”

แม้จะไม่ได้รับคำถามที่จบใจความ แต่คนถูกถามอย่างภูตลาก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายต้องการพูดถึงสิ่งใด ดวงตาคู่คมมองไปที่บันไดขึ้นชั้นสองของบ้าน ที่ๆ เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านเพิ่งจะก้าวหายขึ้นไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

“ไม่รู้สิ เพราะรู้ตัวอีกทีข้าก็พร้อมยอมทุ่มพลังทุกอย่าง เพื่ออนาคตของข้า...กับเขา”




__________

ปาร์ตี้ของท่านเจ้าที่กับแก็งเพื่อนพระภูมิจ้า อยากจะไปร่วมด้วยจริงๆ แต่ไปไม่ได้ ที่นั่นไม่ใช่ที่ของเราเด้อ ให้คนมีบุญเขาสังสรรค์กันไป ส่วนพวกเราจินตนาการเอานะ 555 ตอนแถมนี่จะเรียกว่าเป็นการเปิดปมเล็กๆ ของเรื่องก็ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่ปมดราม่าอะไรหรอกนะคะ เป็นปมที่มีส่วนกับตอนจบน่ะค่ะ ซึ่งเราจะเฉลยในตอนพิเศษนู่นแหน่ะ ตอนนี้มีตอนพิเศษที่คิดไว้ในหัวอยู่ 2 ตอน ซึ่งทั้งสองตอนจะลงเว็บแน่นอนค่ะ แต่จะมีตอนนอกเหนือจากนั้นอีกไหมค่อยว่ากันอีกที อิอิ

โหยย วันนี้พรีเซนต์งานวิชาสัมมนา โดนอาจารย์คอมเมนต์พังอ่ะค่ะ ฮืออ ใจเสียมาก แต่หลังจากนี้จะเป็นงานที่ต้องทำร่วมกันทั้งเซค เราจะไม่ตายคนเดียวอีกแล้วค่ะ ย๊ากกก!!! //แหกปาก

ไปละ เจอกันตอนหน้า อืมม สักวันพฤหัสมั้งนะ ไม่แน่ใจค่ะ ขอดูอีกที แต่จะพยายามไม่หายไปนาน แต่เอ๊ะ? หรือนานๆ มาสักตอนดี ยังไม่อยากอัพเลยอ่ะ เดี๋ยวจบไว 5555

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 27 [11-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-09-2017 22:29:42
เอ...... ท่านเจ้าที่จะแอบทำอะไรที่เกี่ยวกับอนาคตเอ่ย  :o11:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 27 [11-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 11-09-2017 22:52:53
ท่านเจ้าที่วางแผนอะไรไว้คะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 27 [11-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-09-2017 22:59:44
 :man1: o13 :man1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 27 [11-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-09-2017 23:01:29
แหม นึกถึงอนาคตด้วย มีแบบนี้อีกไหม เอามาเผื่อมั่งเจ้าที่
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 27 [11-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-09-2017 00:06:08
อื้อหือ วางแผนไว้เงียบ ๆ สินะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 27 [11-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-09-2017 16:20:38
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 27 [11-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-09-2017 01:33:08
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 27 [11-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-09-2017 06:48:14
มีการจัดปาร์ตี้ด้วย เหมือนขึ้นบ้านใหม่55555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 13-09-2017 20:13:08
ตอนที่ 28

“อย่าผิดสัญญาล่ะ”



ผมกลับมาถึงบ้านตอนเกือบๆ ตีสอง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้วางกระเป๋าเป้ลงกับโต๊ะเขียนหนังสือด้วยซ้ำ เสียงกระซิบพร้อมกับความร้อนของอุณหภูมิร่างกายจากใครอีกคนก็แนบชิดทางด้านหลัง ทำให้ผมสะดุ้งอย่างเผลอตัว

“กลับมาแล้วหรือ”

อะ ไอ้เหี้ย! ตกใจหมด “มาแบบปกติไม่ได้หรือไงเนี่ยท่านเจ้าที่!”

ผมหันไปโวยวายใส่ แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ตอบแล้วยังยักไหล่ทำหน้ากวนตีนกลับมาอีกต่างหาก สองเท้าของอีกฝ่ายก้าวเข้ามาหาผมจนทำให้ผมต้องถอยร่นไปจนสะโพกติดชิดกับขอบโต๊ะคอมพิวเตอร์ วงแขนแกร่งทั้งสองข้างของท่านเจ้าที่ยันกับขอบโต๊ะกักผมเอาไว้ทางด้านหน้า ร่างที่สูงกว่าผมอยู่หลายเซนติเมตรโน้มใบหน้าลงมาหาผมจนปลายจมูกของเราแตะกัน...

อะ อะไรวะ มามองหน้ากูในระยะประชิดติดลมหายใจทำไมเนี่ย!

“ถะ ถอยไปเลยท่านเจ้าที่ เข้ามาใกล้ขนาดนี้ทำไมวะ” ผมถามพลางยกมือดันอกอีกฝ่าย แต่ดันเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมถอยหนี ขืนตัวเอาไว้ไม่ขยับเขยื้อนจนผมที่ก็ไม่ได้ร่างบางอ้อนแอ้นอะไรยังต้องยอมแพ้เพราะสู้แรงไม่ได้

“ดมหากลิ่นเหล้า” ท่านเจ้าที่ตอบ ไม่พูดแค่นั้นหรอกนะแต่ยังเอียงหน้าลงไปตรงซอกคอของผมแล้วทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นอีกต่างหาก! กลิ่นเหล้าอะไรล่ะ! ผมดื่มไปแค่นิดหน่อยเอง ไม่ได้ดื่มจนเมาเละเหมือนวันนั้นสักหน่อย กลิ่นมันก็มีอยู่แค่จางๆ เท่านั้นแหล่ะ! แต่อย่ามาดมที่คอเซ่!...

ลมหายใจที่มันกระทบกับคอผมแม่งทำให้ขนลุกพิลึกอ่ะครับ ฮื่อ!

“ไม่ได้ดื่มมาเยอะ ไม่ต้องมาดมอะไรทั้งนั้นเฟ้ย!” ผมว่า ยิ่งเอนตัวหนีทั้งที่มือก็ยังผลักอกอีกฝ่ายออกห่างไม่หยุด...ทำไมผู้ชายสูงเกือบร้อยแปดสิบอย่างผมต้องมาทำตัวสะดีดสะดิ้งเหมือนนายเอกนิยายเวลาโดนพระเอกจะลวนลามหื่นกามใส่ด้วยวะ!

“ก็ข้าไม่ไว้ใจ”

“ถ้าผมเมามากแล้วจะขี่รถกลับบ้านมาได้เหรอวะ คิดสิคิด!”

ท่านเจ้าที่ชะงัก เอี้ยวหน้ามามองผมทั้งๆ ที่ใบหน้าของเรายังอยู่ใกล้กันมาก...คือใกล้มากมึงเอ๊ย ปลายจมูกท่านเขาจะจิ้มแก้มผมอยู่แล้วเนี่ย “ก็จริงของเอ็ง”

ผมถอนหายใจเฮือกเมื่ออีกฝ่ายยอมถอยห่างออกไป พอเว้นระยะห่างจนปลอดภัยแล้วผมก็รีบถลาไปคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนวิ่งเข้าห้องน้ำเป็นการหนีทันที...ปิดประตูได้ก็เอนหลังพิงกับบานประตู ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจเอาไว้ แรงสั่นสะเทือนของก้อนเนื้อในอกสะท้อนกลับมากระทบฝ่ามือของผมเข้าอย่างจัง ในหูได้ยินเสียงของมันเต้นเป็นจังหวะรุนแรงดังตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก...

ไม่รู้ทำไมหลังๆ มานี้ผมมักจะใจเต้นได้ง่ายนักกับการกระทำของท่านเจ้าที่ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ผมแม่งก็ใจสั่นทุกครั้งไปอ่ะ มันคืออะไรวะไอ้อาการแบบนี้ หรือว่าผมจะชอบท่านเจ้าที่เข้าแล้วจริงๆ น่ะ?

แต่...ไม่ว่ะ ผมไม่ได้ชอบไอ้ท่านเจ้าที่โรคจิตนั่นหรอก ไม่มีทางแน่ๆ นั่นเทวดานะเว้ย ผมย้ำเรื่องนี้กับตัวเองหลายครั้งมาก ผมจะไปชอบเขาได้ไงกันล่ะ และผมไม่มีทางชอบคนที่ตั้งใจจะมาตามรังควานกันอยู่ทุกวี่วันด้วย (แม้จริงๆ จะไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้มากมาย แถมยังคอยดูแลผมอย่างดีก็เถอะ)

ผมสลัดความคิดบ้าบอนั่นออกจากหัว ก่อนจะปลดเสื้อผ้าออกเพื่อชำระล้างร่างกาย สัมผัสของสายน้ำเย็นๆ ที่รินรดตัวทำให้ผมสดชื่นขึ้น พออาบน้ำเสร็จผมก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำ ลืมเอาเสื้อผ้ามาแต่งตัวในห้องน้ำอีกแล้วไง เลยต้องออกมาด้วยสภาพเปลือยท่อนบนแบบเนี้ย

ไม่รู้ไอ้ท่านเจ้าที่ยังอยู่ไหม แต่ช่างเหอะ จะให้ผมขังตัวเองในห้องน้ำทั้งคืนก็ใช่เรื่องป่ะวะ

ผมแง้มประตูเปิดออกมา เมียงมองไปทั่วห้องก็ไม่พบคนที่ชอบโผล่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยแม้แต่เงา แอบโล่งใจนิดหนึ่ง รีบตรงดิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกชุดสบายๆ มาใส่นอนทันที ใส่มันหน้าตู้เสื้อผ้านั่นล่ะ

แต่ขณะที่ผมเพิ่งจะใส่เสื้อเสร็จและกำลังจะคว้าบ็อกเซอร์มาสวมต่อ คนที่ผมคิดว่ากลับบ้านใหม่ของตัวเองไปแล้วก็โผล่มาอีกครั้ง นั่งอยู่บนเตียงของผมด้วยท่วงท่าเหมือนนายแบบดีกรีระดับโลกกำลังโพสน์ท่าถ่ายแบบอยู่

อีกฝ่ายกอดอกจ้องมองมาที่ผม ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคำถามน้ำเสียงนุ่มทุ้ม... “จะนอนแล้วหรือยัง”

“ว้าก!” ผมตกใจร้องลั่น และที่เหี้ยที่สุดคืออะไรรู้ไหมครับ?

พรึ่บ! ผล็อย!

...คือการที่ผมตกใจจนเผลอเกี่ยวขอบผ้าเช็ดตัวที่นุ่งอยู่หลุดออกจากเอวน่ะสิ! ฉิบ-หาย-แล้ววว

ผมเบิกตาโต ยืนค้างจังงังอยู่ท่าเดิมด้วยความช็อก มองท่านเจ้าที่ที่เวลานี้หลุบสายตาคมเข้มลงมองเบื้องล่างของผมแทนที่จะสบตาปิ๊งๆ กัน...ท่อนล่างของผมที่โป๊เปลือย

เจ้าตัวพยักหน้าเบาๆ กระตุกยิ้มหยอกล้อ “สมชายดีนี่นา”

อ๊ากกกกกกกก!!!!! ไอ้ท่านเจ้าที่มึงมองอะร๊ายยยย!!!

ผมรีบเอาบ็อกเซอร์ในมือปิดบังส่วนลับของตัวเองเอาไว้ ถลึงตามองเทวดาปากร้ายอย่างม่พอใจปนอับอาย

“มองอะไรเล่า! หันป๊ายยย”

“อายข้าหรืออย่างไร มีอะไรให้ต้องอาย เจ้ากับข้าก็มีเหมือนๆ กัน” ท่านเจ้าที่พูดหน้าตาย เบือนสายตากลับมามองหน้าผม...แล้วมันต้องเห็นไง ต้องเห็นแน่ๆ ว่าหน้าผมแดงแจ๊ดแจ๋มากขนาดไหน เพราะเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ เอ่ยเสียงกระเซ้าเย้าแหย่อีกว่า “อีกอย่างเอ็งก็เป็นคนผิดนะที่มาโชว์ให้ข้าดู บัดสีเสียจริง”

ว้ากกก!!! ไอ้ฉิบหายยย ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบเน้ด้วยยย

ผมโอดครวญ เบ้หน้าเม้มปากแน่น ร่างสูงสง่าบนเตียงนอนของผมหลุดหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนสุดท้ายเขาจะยอมหลับตาลง ปากก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่า...

“เอาล่ะๆ ข้าไม่มองก็ได้ รีบแต่งตัวเร็วๆ เข้าสิ”

ผมมองเขาอีกสองวินาทีเป็นอย่างน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่แอบลืมตาขึ้นมามองก่อนที่ผมจะใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ พอเห็นว่าปลอดภัย(?)แน่ๆ ผมก็คลี่บ็อกเซอร์ออกแล้วสวมมันอย่างรวดเร็วภายในเวลาครึ่งนาที ไม่เมพไม่เทพทำไม่ได้อ่ะไอ้สัด!

ผมกระโดดผลุงไปนั่งบนเตียงอีกฝั่ง พอเตียงมันยวบลงอีกคนก็คงรู้ว่าผมเสร็จแล้วเลยลืมตาแล้วขยับมานั่งเอียงข้างมองผมแทน กูขอซื้อได้ไหมไอ้รอยยิ้มล้อเลียนนั่นน่ะ จะเอาไปโยนทิ้งให้ปิรันย่าแดก!

ผมหลบสายตามองไปทางอื่น ในใจนี่ฮึดฮัดนะ แต่เบื้องหน้าแม่งมันเขินๆ อายๆ จนไม่กล้าเปิดปากพูดอะไรสักคำ วุ้ย! กูนอนดีกว่าว่ะ...คิดได้ดังนั้นก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้ท่านเจ้าที่ทันที คว้าหมอนข้างมากอดแน่น ผ้าห่มไม่ต้องห่มมันหรอก ร้อนไปทั้งหน้าทั้งตัวเลยเนี่ยจะห่มทำไม

“หึๆ” ได้ยินเสียงหัวเราะสองหึดังมาจากด้านหลัง ก่อนที่เตียงจะโยกเบาๆ พร้อมกับร่างสูงที่ล้มตัวลงนอนลงข้างกัน เกือบจะแนบชิดกันเลยด้วยซ้ำ เพราะผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของอีกฝ่าย

“บ้านใหม่ก็เสร็จแล้ว ทำไมไม่ไปนอนบ้านตัวเองอ่ะ”

ผมขมวดคิ้ว หันกลับมานอนตะแคงข้างเข้าหาท่านเจ้าที่ สบตากับเทวดาหน้าหล่ออย่างไม่เข้าใจ

“อืม...” ท่านเจ้าที่ลากเสียงยาว ไม่ได้สบตาผมหรอกแต่มองตรงไปที่เพดานด้านบนแทน นายอยู่ทีเดียวกว่าเขาจะเปิดปากตอบคำถามข้อนั้น “พอมาอยู่กับเอ็งข้าก็เลยชิน ให้ไปนอนคนเดียวมันก็...เหงาล่ะมั้ง”

“ท่านเนี่ยนะเหงา?” ผมย้อนถามเสียงสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“เป็นเทวดาอารักษ์เหงาไม่ได้หรืออย่างไรกันล่ะ”

“ก็เปล่า แต่ไม่คิดว่าจะเหงาเป็นด้วยไง อยู่กันมาตั้งเกือบสองร้อยปีได้นี่หว่า” ผมว่าเสียงเบาก่อนจะนึกขึ้นได้ “เออ งานเลี้ยงเป็นไงบ้างอ่ะ ผมนึกว่าท่านจะปาร์ตี้กันทั้งคืนซะอีก”

ท่านเจ้าที่ส่ายหน้า “พวกเราแค่นัดกันมากินเลี้ยงนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรีบกลับแล้ว ยังไงก็ทิ้งบ้านที่ปกป้องคุ้มครองมาสังสรรค์นานๆ ไม่ได้หรอก ถือเป็นการบกพร่องทางหน้าที่”

“เพราะแบบนี้ก็เลยเหงาหรือเปล่า?” ผมถามไปอีกเรื่องเมื่อฟังๆ ดูแล้วก็พอจะเข้าใจอะไรมากขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง “พวกท่านมีเวลาสังสรรค์ด้วยกันน้อย แถมไม่ค่อยได้พบป่ะพูดคุยกันสักเท่าไหร่นี่ใช่ป่ะ? คงจะเหงาใช่ไหมล่ะครับ?”

“...คงงั้น ไม่รู้สิ เหมือนข้าชินเสียแล้วกับเรื่องพวกนี้”

ผมเงียบไปอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกหดหู่แปลกๆ การต้องอยู่มาอย่างยาวนานถึง 200 ปี โดยมีหน้าที่เทวดาเจ้าที่ค้ำคอ ทำให้เดินทางไปไหนไม่ได้นานหรือไกลเกินจำเป็น...ชีวิตแบบนี้มันก็ดูเศร้าสร้อยยังไงไม่รู้แฮะ ผมอยู่คนเดียวมาจะสามปียังเหงาเลย แล้วอีกฝ่ายจะไม่เหงาได้ไงล่ะครับอยู่มาตั้งเกือบสองร้อยปีแล้ว

“นี่ท่านเจ้าที่ ไว้เราไปเที่ยวด้วยกันเปล่า?”

“เที่ยว?” ท่านเจ้าที่ทวนถาม ขยับตัวหันมานอนตะแคงหาผมเต็มตัว ผมเห็นดังนั้นก็เลยขยับนอนให้ดีบ้าง ยกแขนขึ้นตั้งฉากเอามือรองหัวขณะเอ่ยขึ้นว่า...

“อื้อ! ไปเที่ยวกัน ยังไงผมก็อยู่กับท่านแทบจะตลอดเวลา ทิ้งบ้านไปเที่ยวกันสองคนคงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

ท่านเจ้าที่นิ่งคิด คิดนานมากจนผมคิดว่าเขาคงปฏิเสธ แต่กลับไม่ใช่แฮะเพราะเขาพยักหน้าเฉยเลย “เอาสิ”

“เจ๋ง ว่าแต่เราจะไปไหนกันดีล่ะ ท่านมีที่ที่อยากไปหรือเปล่า?”

“...นิวยอร์ก”

“หา?”

“ข้าอยากไปนิวยอร์ก”

นิวยอร์ก? สหรัฐอเมริกา? ทวีปอเมริกาเหนือ?

นี่กูได้ยินผิดป่ะวะเนี่ย อยากไปนิวยอร์กเนี่ยนะ!?!

“ไปทำแป๊ะอะไรวะไอ้ท่านเจ้าที่ นั่นมันก็ไกลเกินไปโว้ย!”

“ฮ่าๆๆๆ” อีกฝ่ายหัวเราะลั่นเมื่อผมโวยวายใส่ ผมขึงตามองเขาจนแทบหลุดออกจากเบ้า

“ยังจะมาขำอีก นี่ถามจริงๆ นะเว้ยว่าอยากไปไหน ไม่ใช่ให้มากวนส้นทีนกันแบบนี้” ผมด่าเข้าให้ ไม่สนแต้มบุญแต้มบาปแล้วห่าเอ๊ย! ตอนนี้ไม่รู้ลดลงไปกี่เปอร์เซนต์ ชึ่ย!

“ฮะๆ แล้วที่มาชวนข้าเนี่ย เอ็งว่างไปเที่ยวรีไง?”

เออว่ะ ชวนเขาแล้วเกิดไปไกลๆ นี่จะไปได้ไงวะ ผมก็มีงานมีการมีเรียนแทบทุกวัน เอาจริงๆ นี่ชีวิตผมแม่งไม่มีวันว่างเลยนะเว้ย ว่างอย่างมากก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงงี้ แล้วจะไปเที่ยวยังไงอ่ะ?

อ๊ะ หรือผมควรลางานไปเที่ยวดี แต่เอ...หรือจะโดดเรียนสักวันสองวันดีล่ะ เฮ้ยๆ ไม่ได้ดิ ผมกำลังจะสอบกลางภาคนี่หว่า โดดไม่ได้เด็ดขาด แต่...แล้วจะเอาไงดีอ่ะ

“งั้นติดไว้ก่อนแล้วกัน ไว้หลังสอบกลางภาคเสร็จผมจะพาท่านไปเที่ยว โอเคไหมครับท่าน ฮ่าๆ”

“หึๆ เอางั้นก็ได้” ท่านเจ้าที่ตอบรับเสียงนุ่ม มองผมด้วยดวงตาที่มันดู...เป็นประกายแปลกๆ จนผมรู้สึกแปลกตามไปด้วย ผมต้องแสร้งเสตามองไปทางอื่นเพราะไม่อยากสบตาอีกฝ่ายนานไปกว่านี้ แม่ง เดี๋ยวใจสั่นหวั่นไหวอีกอ่ะกู

“แต่ท่านก็ต้องไปคิดมาด้วยนะว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน ขอที่ใกล้ๆ หรือไม่ไกลมากถ้าจะออกต่างจังหวัดอ่ะ”

“เออ ข้ารู้แล้วล่ะน่า ก่อนหน้านี้ก็แค่แกล้งเอ็งเท่านั้นแหล่ะ ไม่ไปจริงๆ หรอกนิวยอร์กอะไรนั่นน่ะ”

“ต่อให้แกล้งบอกว่าไปเชียงใหม่ผมก็ไม่ไปหรอกครับ เหอะ! ไกลเกิ๊น แต่ถ้าเป็นพัทยา อยุธยาไรงี้อ่ะได้นะ”

“อืม เข้าใจแล้ว” เขาตอบรับ พอใช้หางตาเหลือบมองก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มบางๆ มาให้ผมอยู่...นั่นไง กูไม่น่าเหลือบไปมองเล้ยยย แค่รอยยิ้มบางๆ ของท่านเจ้าที่ก็ทำให้ผมใจเต้นตึกตักได้อ่ะคิดดู นี่แอบเล่นคุณไสยใส่กูเปล่าวะไอ้ท่านเจ้าที่!

ผมได้แต่โวยวายเงียบๆ ในใจ หลบสายตามามองหมอนข้างที่ตัวเองกอดอยู่แทน ตอนแรกผมง่วงจะตายห่า ทำไมมาตอนนี้ไม่ยอมหลับวะครับ หรือเป็นเพราะแรงเต้นของไอ้ก้อนเนื้อในอกที่มันดังจนทำให้ผมนอนไม่หลับอ่ะ

“เด็กน้อย” เสียงของท่านเจ้าที่เรียกให้ผมเผลอเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย ดีนะเขาไม่ได้ยิ้มชวนใจสั่นอยู่ผมก็เลยไม่โดนแอทแทครอบสอง “อย่าผิดสัญญาล่ะ”

ผมนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้ ความคิดไร้สาะรอะไรก็แล้วแต่ที่มีอยู่ในหัวของผมปลิวหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนโดนพายุพัดโบก...ผมสบตาเขาก่อนจะระบายยิ้มบางแล้วตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “แน่นอน”

ผมหลับตาลง และก่อนที่จะปล่อยให้สติล่องลอยไปกับม่านหมอกของความฝัน ผมก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่าการพูดคุยกับท่านเจ้าที่ในครั้งนี้ เป็นการคุยกันโดยที่เราไม่ต่อล้อต่อเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครเหมือนเช่นทุกทีที่ผ่านมา

นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เราคุยกันดีๆ แบบนี้น่ะครับ




__________

งุ้ย ฟีลลิ่งเค้าเหมือนคนเป็นแฟนกันเลยเนอะ ควรจับสองคนนี้ขังไว้ในห้อง จนกว่าเขาจะได้กันเราจะไม่ปล่อยเขาออกมา //บ้าเรอะ!

มีสัญญาใจกันด้วยยย แต่จะได้ไปไหมนี่อีกเรื่องนะคะ ไปลุ้นกันเอาเนอะ หุหุ ตอนหน้าจะเข้าสู่ความดราม่าแบบอะลิตเติ้ลบิต และจะได้เห็นความละมุนละไมของท่านเจ้าที่มากขึ้นนับจากตอนหน้าเป็นต้นไปเด้อออ

ไปดีกว่า ไปปั่นตอนพิเศษก่อนนะคะ เหมือนเราจะเผลองอกตอนพิเศษเพิ่มมาอีกตอนนึงด้วยแหน่ะ อะไรของฉันวะเนี่ยย 55555

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 13-09-2017 20:58:20
เขินนนน เค้าจะไปเที่ยวกัน :impress2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-09-2017 21:37:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-09-2017 23:18:41
แหม มีถอดผ้าเอ้ย ผ้าหลุดโชว์ท่านเจ้าที่ด้วย  :hao6:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 14-09-2017 02:08:07
มารอกินมาม่า
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-09-2017 02:56:27
 :n1: นัดกันจะไปเดตกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-09-2017 05:06:57
แทงค์ หวั่นไหวมากๆแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 14-09-2017 08:33:05
           :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-09-2017 08:39:28
 :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-09-2017 09:11:55
นัดเดท!! เค้านัดเดทกัน!!
กรี๊ดดดดดดดด >\\\\\\\<♡
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-09-2017 09:27:11
ค.สัมพันพัฒนาสุดๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-09-2017 10:39:35
 :man1: o13 :man1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 15-09-2017 11:03:52
ตามมาเป็น fc ท่านเจ้าที่ค่าาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 28 [13-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 16-09-2017 04:23:53
แม้ท่านเจ้าแอ่วเด็กในปกครองซะด้วย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 29 [17-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 17-09-2017 23:03:52
ตอนที่ 29

“...”

 

เช้าอันแสนปกติสุขของวันพฤหัสฯ เริ่มขึ้นด้วยการที่ผมมามหา’ลัยแล้วโดนอาจารย์เรียกพบทันทีที่เท้าแตะบันไดหน้าคณะ อาจารย์ที่เคารพรักไลน์ส่วนตัวมาหาผมเหมือนรู้คิวอ่ะครับ แหม่ นั่งทางในแล้วเห็นกูมาถึงพอดีหรือเปล่าเนี่ย แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากไปหาท่านที่ห้องพักอาจารย์ประจำคณะ แอบแปลกใจไม่น้อยอยู่เหมือนกันที่เขาเรียกพบผมทั้งๆ ที่วันนี้ผมก็มีเรียนกับเขาอยู่แล้ว เจอกันในห้องเรียนก็ได้ไง ไม่รู้จะรีบเรียกไปทำไม หรือจะให้ผมไปช่วยถือของ? ไม่มั้ง...คงไม่ใช่เรื่องแค่นี้อ่ะ

ได้แต่คิดสะระตะไปเรื่อยเปื่อย สองเท้าก้าวมาจนถึงห้องพักอาจารย์ก็ยกมือเคาะเป็นสัญญาณทันที แล้วจึงค่อยๆ แง้มบานประตูเปิดเข้าไป “ขออนุญาตครับอาจารย์”

แอร์ในห้องเย็นฉ่ำเล็ดลอดออกมากระทบร่าง หน้าผมนี่เย็นซู่ทันทีที่ยื่นหน้าเข้าไปในห้อง...อาจารย์วีรชัยที่เป็นคนเรียกผมมาเงยหน้าขึ้นจากการตรวจรายงานนักศึกษา ผมเดาว่าน่าจะใช่นะเพราะมันเสียบสันซ้อนกันตั้งหลายเล่มนี่

“มาแล้วเหรอ เข้ามาสิๆ”

ผมก้าวเข้าไปในห้องพลางยกมือไหว้ “สวัสดีครับ เรียกผมมามีอะไรหรือครับ’จารย์”

“ผมรู้มาว่าคุณทำงานพิเศษที่ร้านเหล้าแถวข้าวสารใช่ไหม?”

“เอ่อ ครับ” ผมตอบรับอย่างงงๆ หรืออาจารย์เรียกผมมาต่อว่าเรื่องที่ไปทำงานร้านเหล้า? เหย ถ้าเป็นงั้นก็ต้องเรียกพวกผมทั้งวงดิครับไม่ใช่แค่ผมคนเดียว เอ๊ะ? หรือว่าผมไปทำอะไรผิดมาอาจารย์ถึงได้เรียก กะเรียกมาตักเตือนไรงี้เปล่าวะ เอ๊า ล่ะนี่กูไปทำอะไรมาหรือเปล่าเนี่ย

“ไม่ต้องกังวลหรอกทิราวัฒน์ ผมแค่ถามเฉยๆ” อาจารย์ดูเหมือนจะมองสีหน้าผมออกก็เลยเอ่ยปลอบแกมหัวเราะ “ผมไม่เคยไปดูวงของคุณเล่น แต่มีใครคนหนึ่งติดต่อผมมาว่าเขาได้ดูวงของคุณแล้วเกิดสนใจในความสามารถของคุณ”

“สนใจความสามารถของผมเหรอครับ? ผมคนเดียว?”

“ใช่ เขาบอกว่าตอนคุณตีกลอง สีหน้าของคุณได้อารมณ์มาก เข้าถึงจิตวิญญาณของดนตรี แถมยังเล่นดีมากอีกด้วย รวมๆ คือเขามองว่าคุณมีเสน่ห์ และอยากได้คุณไปเป็นเด็กในสังกัด”

เด็กในสังกัดเหรอ...เดี๋ยวนะ สังกัด?

“สังกัดที่ว่านี่คือ...” ผมลากเสียงยาว เบิกตาโตขึ้นมานิดนึงเมื่อพยายามประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน

“ใช่ คนที่เขาสนใจฝีมือของคุณน่ะ เป็นเอเจนซี่จากค่ายเพลง PN Music”

“!!!”

โอ้ชิท! นี่เรื่องจริงป่ะวะเนี่ย!?

ผมยอมรับว่าตอนนี้อึ้งตะลึงจนตัวแข็งทื่อไปแล้วครับ มัน...จะว่าไงดีล่ะ ผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะได้รับความสนใจจากเอเจนซี่ค่ายเพลงทั้งๆ ที่เพิ่งจะอยู่ปีสอง สิ่งที่ผมคิดจะมีก็แต่ผมต้องฝึกฝีมือให้ดีขึ้นเพื่อต่อไปจะได้เอามาใช้เป็นอาวุธในการยื่นขอฝึกงานตามค่ายเพลงต่างๆ มันต้องมีสักแห่งที่ให้โอกาสผม

ผมคิดแค่นั้นจริงๆ นะ และผมไม่คิดว่าโอกาสมันจะมาเร็วขนาดนี้ เร็วกว่าที่คาดหวังเอาไว้เสียด้วยซ้ำ

“เขาบอกว่าคุณยังไม่ต้องเข้าไปฝึกเต็มตัวก็ได้ แค่ไปทดลองดูก่อน เฉพาะวันเสาร์ ส่วนปีที่คุณต้องฝึกงานก็ให้ถือว่าคุณเป็นนักศึกษาควบเด็กเทรนในค่ายไปด้วยเลย นี่เป็นโอกาสที่ดีมากเลยนะคุณทิราวัฒน์ ไม่ใช่นักศึกษาทุกคนที่จะได้รับความสนใจจากค่ายเพลงก่อนที่จะเรียนจบ ว่ายังไงล่ะ คุณสนใจหรือเปล่า”

“สนใจครับ! ผมสนใจครับอาจารย์!” ผมตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด โอกาสแบบนี้ใครจะกล้าปฏิเสธล่ะครับ!

“ดี ผมจะได้ตอบรับทางฝั่งนั้นไป ได้รับโอกาสขนาดนี้แล้วยังปฏิเสธก็ออกจะน่าเสียดายเกินไป คุณโชคดีจริงๆ” ใช่ ผมโชคดีจริงๆ โชคดีมาก “หลังจากนี้ผมจะแจ้งไปทางเอเจนซี่ว่าคุณตอบตกลง เราจะได้นัดพบกับทางฝั่งนู้นเพื่อพูดคุยทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ตกลงมั้ยคุณทิราวัฒน์?”

“ครับอาจารย์ ผมโอเคทุกอย่างเลยครับ!” ผมตอบรับ ยิ้มกว้างให้กับอาจารย์ “ขอบคุณนะครับอาจารย์ ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร เอาล่ะคุณไปเถอะ เจอกันที่ห้องเรียนนะ”

เดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ด้วยหัวใจที่ยังเต้นแรงเพราะความตื่นเต้นดีใจไม่หาย ผมคิดทบทวนถึงเรื่องที่ได้คุยไปเมื่อครู่อีกครั้ง และเมื่อพบว่ามันไม่ใช่ความฝันผมก็อดไม่ได้ต้องกระโดดจนตัวลอยอยู่หน้าห้อง ถ้าตะโกนได้ผมทำไปแล้ว นี่มันเรื่องมหัศจรรย์ของชีวิตผมเลยนะ! มันเยี่ยมที่สุดไปเลย!

ในขณะที่ผมกำลังยินดีปรีดา เสียงไลน์ก็ดังเรียกให้ผมต้องควักโทรศัพท์ออกมาดู ไม่ใช่ใครอื่นหรอกครับ ก็ไอ้พวกเพื่อนเวรนั่นล่ะ มันไลน์มาตามไปเข้าคลาส อีกสิบห้านาทีจะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว

ผมเดินไปที่ห้องแบบเอื่อยเฉื่อย ไม่รีบเพราะรู้ว่ายังไงผมก็ไปถึงก่อนอาจารย์วีรชัยแน่นอน ก็ผมเพิ่งออกมาจากห้องพักของอีกฝ่ายนี่นา แล้วเขาก็เข้าสายห้านาทีเป็นประจำอยู่แล้วด้วย ไม่รู้ไอ้ฮัทจะรีบเพื่ออะไรเหลืออีกตั้งยี่สิบนาที

ห้องที่ผมเรียนอยู่ห่างจากห้องพักอาจารย์ไม่ไกล เดินไปเรื่อยๆ แบบนี้ห้านาทีก็ถึง พอก้าวเข้าห้องมาเท่านั้นล่ะเสียงไอ้เนสงี้ตะโกนมาจากกลางแถวฝั่งริมหน้าต่างดังลั่นทันทีเลย

“ไอ้แทงค์โว้ย! มาสักที!”

“อะไรของมึง” ผมเอ่ยถาม หย่อนตัวลงนั่งแล้วเอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะเลคเชอร์

“ก็ไอ้ฮัทอ่ะดิ มันจะ...มึงยิ้มอะไรวะ?”

หืม?

“อ้าว นี่กูยังยิ้มอยู่อีกเหรอ?” ผมถาม แต่ก็รู้ตัวเองดีว่าตอนนี้ริมฝีปากของผมมันฉีกยิ้มกว้างมากแค่ไหน

“มึงนี่ก็ถามแปลกๆ ก็มึงยิ้มอยู่เนี่ย ไม่รู้ตัวหรือไง” ไอ้คลาร์กที่นั่งอยู่ข้างๆ ไอ้เนสแฟนมันขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่ไอ้ฮัทเลิกคิ้วแล้วถามด้วยโทนเสียงเรียบๆ ของมันตามปกติ

“ไปเจอเรื่องดีๆ อะไรมาล่ะ”

ผมยิ่งยิ้มหน้าบานเข้าไปใหญ่ รู้สึกเจ็บแก้มพิลึกแต่ก็ยังยิ้มไม่หุบอยู่ดี มันหุบยิ้มไม่ได้จริงๆ ว่ะครับ มีความสุขอ่ะ

“เอ๊าเงียบอีก มึงตอบมาดิว่ายิ้มทำไม พวกกูมองมึงยิ้มแล้วรู้ว่าไปเจอเรื่องดีๆ มา แต่ไม่รู้หรอกนะเว้ยว่ามันเรื่องอะไร กูอ่านรอยยิ้มแล้วแปลเป็นภาษาไทยไม่ออก!” ไอ้เนสบ่นยาวเหยียด หน้ามันมู่ทู่จนน่าตลกเลยว่ะครับ

“ก็...” ผมเอ่ยขึ้น ลากเสียงยาวมองพวกมันด้วยสายตาเป็นประกาย ทั้งสามคนขยับเข้ามาใกล้ผม ตั้งอกตั้งใจรอฟัง สีหน้านี่อยากเสือกเต็มที่จนผมอดขำออกมาไม่ได้ “ฮ่าๆๆๆ”

“ไอ้เหี้ยแทงค์! ขำหาพ่อมึงเหรอ!? ตกลงจะตอบไม่ตอบหา!?” ไอ้เนสทนไม่ไหวยื่นมือมาตบหัวผมฉาดใหญ่ ก็ไม่เบาไม่แรงหรอก แต่ก็เจ็บๆ คันๆ ได้เหมือนกัน

“เออ ลีลานะไอ้สัด มึงทำอาชีพเสริมเป็นนักยิมนาสติกลีลารึไง?” ไอ้คลาร์กบ่นบ้าง แต่มันไม่ได้ตบหัวผมหรอกนะ นี่...มันดีดหน้าผากผมต่างหาก เจ็บนะโว้ย!

“โอ๊ย! ไอ้ห่ากูเจ็บนะ!” ผมโวยวาย แต่สีหน้าก็ยังคงยิ้มและหัวเราะน้อยๆ ตามเดิม จนไอ้ฮัทต้องยื่นมือมาจับหน้าผมเอาไว้ด้วยสองมือ แล้วเขย่าๆๆ จนผมหัวสั่นหัวคลอน

“มึงจะพูดได้หรือยัง เลิกอมพะนำได้แล้ว”

“โอย ฮะๆ เออๆ พูดแล้วโว้ยพูดแล้ว” พอเห็นผมยอมแพ้ ไอ้ฮัทก็ปล่อยมือจากหัวผมก่อนจะกลับไปนั่งกอดอกจ้องมาอย่างคาดคั้น ผมกระแอมเบาๆ ยกยิ้มกริ่มก่อนจะยอมเปิดปากเล่าในที่สุด “ก่อนมาห้องเรียนอาจารย์วีรชัยเรียกกูเว้ย ตอนแรกกูก็งงว่าเรียกทำไม”

“แล้วสรุปเขาเรียกทำไม?” ไอ้ฝรั่งแทรกถาม ก็เลยโดนแฟนมันผลักหัวไปที

“มึงก็อย่าไปขัดมันสิวะ ให้มันเล่าเอง!”

“ครับผม ขอโทษครับฮันนี่” ไอ้คลาร์กเอาหัวถูๆ ไถๆ ไหล่ไอ้เนส ทำหน้าอ้อนงุ้งงิ้งใส่ด้วยนะ แต่ผมมองว่าแม่งโคตรอ้อนตีนอ่ะ นอกเรื่องแป๊บ...หมั่นไส้พวกมึงฉิบหาย ไอ้สันขวาน เป็นแฟนกันแล้วจำเป็นต้องมาหวานใส่กันให้กูเห็นป่ะล่ะ!? เหม็นความรักวุ้ย

“เล่าต่อ” ไอ้ฮัทดึงผมกลับเข้าเรื่องเดิมเมื่อเห็นว่าผมมัวแต่แสดงอาการหมั่นไส้ไอ้ห่าสองตัวนี่ทางสีหน้า

“เออๆ ทีนี้กูก็กลัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วโดนเรียกมาด่างี้ แต่จริงๆ ไม่ใช่เว้ย เขาเรียกกูไปถามเรื่องที่ว่ากูเล่นดนตรีที่ร้านเหล้าแถวข้าวสารใช่มั้ย พอกูตอบไปว่าใช่เขาก็เลยบอกว่า...”

“ว่าาา...”

ผมอมยิ้มขำกับท่าทีของเพื่อนทั้งสาม มันลากเสียงยาวตามผมด้วยอาการลุ้นระทึกออกนอกหน้า ฮะๆๆ ตลกพวกมันว่ะ อยากรู้ใจจดใจจ่ออะไรกันขนาดนี้วะ

อ่า...แต่คิดดูอีกทีถ้าผมเป็นพวกมันก็คงจะอยากรู้ไม่ต่างกันอ่ะว่าเพื่อนไปเจออะไรมา หึๆ

“...ว่ามีเอเจนซี่จากพีเอ็นมิวสิคมาชวนกูเข้าสังกัดว่ะ”

ผมพูดจบไปแล้ว และสิ่งที่ได้รับกลับมาจากเพื่อนๆ ก็คือสีหน้าอึ้งตะลึงของพวกมัน สักพักใหญ่ๆ เลยกว่าที่ไอ้ฮัทจะเป็นคนแรกที่ยื่นมือมาตบไหล่ ยกยิ้มที่กว้างมากกว่าปกติมาให้ผม “ดีใจด้วยว่ะไอ้แทงค์ มึงเก่งมาก”

“ขอบใจมึง” ผมยิ้มให้มัน แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อไอ้เนสพูดขึ้นเสียงเรียบขัดความยินดีของผม

“ทำไมถึงเป็นมึงวะ? แค่มึงเนี่ยนะ?”

“อ่า ก็ทำนองนั้นอ่ะ อาจารย์วีรชัยบอกว่า...” ผมเล่าทุกสิ่งที่คุยกับอาจารย์ก่อนหน้านี้ให้พวกมันฟังจนจบ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมองไอ้เนสกับไอ้คลาร์กอย่างไม่เข้าใจ ถ้าผมไม่ได้โง่จนเกินไป ผมว่าผมมองออกนะว่าพวกมันกำลังไม่พอใจผม...ไม่พอใจอะไรวะ?

“แล้วมึงก็ตอบรับไป ทั้งๆ ที่พวกเราสัญญากันไว้แล้วว่าจะฟอร์มวงไปด้วยกันน่ะเหรอวะ?” ไอ้เนสว่าเสียงเข้ม มองผมด้วยสายตากรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก ขณะที่ไอ้คลาร์กพูดเสริมขึ้นอีกว่า

“พวกกูก็ไปเล่นดนตรีร้านเดียวกันกับมึง เล่นด้วยกันกับมึง แต่ทำไมเอเจนซี่ถึงสนใจแค่มึงวะแทงค์”

ผมรู้แล้วล่ะว่าพวกมันโกรธอะไรผม

“เฮ้ย ทำไมพวกมึงพูดแบบนั้นวะ ไอ้แทงค์ไม่ได้ทำอะไรผิดนะเว้ย เอเจนซี่มาสนใจมันเอง แปลว่าเขามองเห็นความสามารถและเสน่ห์ของมัน มันไม่ได้ไปหาเขาก่อนสักหน่อย มึงจะพูดเหมือนมันผิดไม่ได้ ที่มันตอบรับไปก็ถูกแล้ว ใครบ้างวะจะไม่ยอมรับโอกาสดีๆ แบบนี้” ไอ้ฮัทเอ่ยแย้งแทนผม มันพูดยาวมาก มากกว่าปกติจนถ้าเป็นสถานการณ์ปกติผมคงได้ทำตาค้างใส่มันไปแล้ว

“แล้วยังไงวะ! เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ผิดที่มัน แต่มันก็ยังผิดอยู่ดีที่ตอบตกลงไปแล้วทั้งๆ ที่มันสัญญากับพวกเราเอาไว้ว่าจะเดินไปในเส้นทางสายนี้ด้วยกัน!” ไอ้เนสเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้

ซึ่ง...ที่มันพูดมาก็ถูก...ถูกต้องแล้วล่ะครับ

“กูไม่คิดเลยว่ามึงจะทิ้งเพื่อนแบบนี้” ไอ้คลาร์กเอ่ยเอื้อนประโยคที่ทำให้ผมตัวชาไปทั้งร่าง

มันสองคนลุกเดินออกจากห้องเรียนโดยไม่สนใจว่าอาจารย์กำลังจะมาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว เหลือไอ้ฮัทที่มองมายังผมอย่างไม่สบายใจ มันลูบไหล่พลางเอ่ยปลอบผม “มึงอย่าคิดมากนะ พวกมันคงแค่กำลังโกรธ”

หากแต่คำพูดของมันไม่เข้าหูผมเลยสักนิด ในเวลานี้ผมได้ยินแต่เสียงของไอ้สองคนนั้นดังก้องสะท้อนไปมาอยู่ในหู ตอกย้ำให้ผมรู้สึกเจ็บไปทั้งใจกับคำกล่าวหาของพวกมัน...คำกล่าวหาที่เป็นจริงตามนั้นทุกอย่าง ผมทิ้งเพื่อนจริงๆ

ที่ผมตัดสินใจลงไปคือความผิดพลาดสินะ




__________

อ่ะ นี่แหล่ะดราม่าของเรื่อง 5555 ฮันแหน่ะ นี่คิดว่าเป็นดราม่าของน้องแทงค์กับท่านเจ้าที่กันหรือเปล่าคะ เหยๆ เราก็บอกไว้ในตอนที่แล้วนาา ว่าตอนนี้จะมีดราม่านิดหน่อยและหลังจากนี้จะได้เห็นความน่ารักของท่านเจ้าที่ ซึ่ง...ความน่ารักที่ว่านั้นจะเริ่มมาในตอนหน้าเป็นต้นไปค่ะ เขาจะมุ้งมิ้งกันแย้วว อ้อ อาจสงสัยกันว่าทำไมเราไม่เล่นประเด็นดราม่าของพระนายล่ะ งั้นบอกไว้ตรงนี้เลยละกันว่าดราม่าของพระนายมาตอนจบนู่นค่ะ จบแบบดราม่าๆ 555 //ขู่ให้ทุกคนกลัว ฮิฮิ

อ่านตอนนี้อาจจะคิดว่าเออ ทำไมแค่แทงค์ได้ดีเพื่อนต้องโกรธ เนสกับคลาร์กอิจฉาเหรอ อันนี้เราอยากให้ลองคิดกันเอาเองเนอะว่าสองคนนี้รู้สึกยังไงถึงได้พาลแทงค์กันขนาดนี้ เรื่องนี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ อาจจะคิดว่าทะเลาะกันเรื่องไร้สาระมาก แต่เราอยากจะบอกว่าเรื่องเล็กๆ นี่แหล่ะค่ะ ที่ทำให้คนเป็นเพื่อนกันทะเลาะกันได้ง่ายดายสุดๆ เพราะครั้งหนึ่งเราก็เคยทะเลาะกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งอยู่เกือบปี เพียงเพราะตั้งสเตตัสแซะกันแบบไม่เอ่ยชื่อ(ซึ่งเกิดจากความเข้าใจผิดกันล้วนๆ) เรียกว่าเราเอาประสบการณ์ตรงมาใส่ลงไปก็ได้ค่ะ แค่เปลี่ยนซิทูเอชั่นเฉยๆ ฮ่าาา

ทอล์คยาวมาก อิผี ฉันบ่นอะไรยาวขนาดนี้ ไปดีกว่า ไปอ่านมังงะต่อแล้วค่ะ 555 เจอกันตอนหน้าเด้ออ เมนต์ๆ ให้เรากันเยอะๆ น้าา อยากได้กำลังใจ ตอนนี้เนือยมาก ปั่นตอนพิเศษไม่ออกทั้งๆ ที่ก็รู้นะว่าจะเขียนอะไร หรือจริงๆ เราแค่ขี้เกียจหว่า? 5555

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 29 [17-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 17-09-2017 23:20:44
สงสารแทงค์ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 29 [17-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-09-2017 23:39:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

((( ชอบผลงานของคุณนักเขียนมากครับ  ขอชื่นชมและขอให้กำลังใจครับ  )))


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 29 [17-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-09-2017 02:28:22
พอเคลียร์กับท่านเจ้าที่ได้ มีปัญหากับเพื่อนเลย ท่านเจ้าที่ช่วยที  :m26:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 29 [17-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 18-09-2017 08:29:01
      เข้าใจเลยค่ะว่าไอ้เรื่องเล็กๆน้อยๆนี่แหละที่ทำให้เพื่อนที่รักกันมาก รอกันเดินเข้าโรงเรียนตอนมัธยมและจดเลคเชอร์ให้กันตอนมหาลัยมองหน้ากันไม่สนิทใจเหมือนเดิมปัญหาเล็กๆของแต่ละคนให้รีเฟล็กซ์ที่ต่ากัน
     ส่วนในเรื่องน่าจะแค่เหมือนโดนเพื่อน เพื่อนที่วางฝันด้วยกันและอยู่ๆมันไม่ได้เป็นตามที่วางไว้คนอื่นๆเลยน้อยใจ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 29 [17-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 18-09-2017 15:04:18
แทงค์ต้องปล่อยไปก่อนอะ
ถ้าเพื่อนดีจริงมันจะคิดได้เอง
ถ้าไม่ ก้ต้องปล่อยไปอะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 29 [17-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-09-2017 15:25:39
อ้าว โดนโกรธเฉยเลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 29 [17-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-09-2017 20:59:15
ดราม่าสุดดดดด
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 30 [19-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 19-09-2017 22:13:11

ตอนที่ 30

“ฉันคิดจะทำให้นายกินนั่นล่ะ"
 

หลังเลิกคลาสผมตั้งใจจะกลับบ้าน แต่ผมก็รู้ตัวเองดีว่าในตอนนี้ผมไม่สามารถขี่รถกลับได้แน่ๆ ถ้าสมองของผมเอาแต่คิดวนเวียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และหากผมฝืนตัวเองคงไม่พ้นเอารถไปโหม่งเสาไฟฟ้าหรือชนใครเข้า

ผมไม่โอเคว่ะครับ รู้สึกแย่มาก ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนสูบเรี่ยวแรงจนหายไปหมด มันล้าไปทั้งใจจนผมไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวเท้าเดินด้วยซ้ำ ความรู้สึกแง่ลบส่งผลกับร่างกายของผมจนไม่อยากจะทำอะไร ตอนนี้ผมก็เลยนั่งโง่ๆ อยู่ที่ม้านั่งตัวหนึ่งข้างคณะเยื้องไปทางด้านข้างอาคาร มันอยู่ใต้ร่มไม้สูงใหญ่ ไม่ค่อยมีคนมานั่งแถวนี้เพราะส่วนใหญ่เด็กคณะผมมักจะไปรวมตัวกันที่โรงอาหาร หรือไม่ก็โต๊ะม้าหินหน้าคณะมากกว่า

ผมต้องการที่เงียบๆ ในการนั่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ผมต้องการที่ที่ไม่มีใครเพื่อให้ตัวเองได้สบถด่าความงี่เง่าของเพื่อนทั้งสองที่กำลังโกรธผมทั้งๆ ที่พวกมันควรยินดีกับผม และด่าตัวเองสำหรับการตัดสินใจที่ผิดพลาด ผมผิดเองที่ลืมสัญญาที่ได้ให้กันไว้กับพวกมัน ผมมัวแต่สนใจอนาคตของตัวเองในฐานะศิลปินโดยปราศจากความคิดคำนึงถึงเพื่อนร่วมวงที่เหลือ...บางทีคนที่งี่เง่าอาจจะเป็นผมเองซะมากกว่า

ผมเงยหน้าขึ้นมองยอดไม้ แสงแดดรำไรส่องประกายลงมาเล็ดลอดผ่านยอดไม้เหล่านั้น มันวิบวับไปมาเมื่อมีสายลมพัดผ่านจนกิ่งไม้ไหว...เอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองยังไง มันบอกไม่ถูกเลยครับ ทุกอย่างดูสับสนปนเปกันไปหมด ในอกของผมมันหน่วงๆ หนึบๆ เหมือนมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่ในนั้น

ผมโกรธเหรอ? เสียใจ? รู้สึกผิด?

...ไม่รู้สิครับ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าตอนนี้มีกี่อารมณ์ความรู้สึกเกิดขึ้นในใจของผม

หลับตาลงเมื่อรู้สึกร้อนๆ ที่หัวตา ไม่...ผมไม่ได้อยากร้องไห้ และผมจะไม่ร้องไห้เด็ดขาด ผมไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็น แม้ว่าตรงนี้จะไม่มีใครนอกจากผมก็ตาม

“ฮะๆ ตลกเกินไปแล้วไอ้แทงค์ แค่โดนเพื่อนด่ามึงจะร้องไห้ทำไมวะ” ด่าตัวเอง ยกมือปิดหน้าแล้วพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ กระพริบตาถี่เม้มปากแน่นก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังปิดหน้าอยู่อย่างนั้น...ยังไงผมก็ควรกลับบ้านก่อน อยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

ความรู้สึกของผมไม่ดีขึ้น เหมือนกับที่คำพูดของพวกมันที่ยังคงดังซ้ำๆ อยู่ในหัวของผม

‘กูไม่คิดเลยว่ามึงจะทิ้งเพื่อนแบบนี้’

“พอ พอเถอะไอ้แทงค์ จะไปนึกถึงทำไมวะ!” ผมสบถด่าตัวเอง แต่ก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเสียงของคนที่ผมคุ้นเคยดีดังขึ้นตรงหน้า

“เอ็งนึกถึงอะไร”

“ท่านเจ้าที่!” ผมลดมือลงแล้วร้องเรียกอีกฝ่าย “มาได้ไง!?”

“ก็เห็นว่าเอ็งไม่กลับบ้านสักที ข้าเลยมาดูว่าเอ็งทำอะไรอยู่ไหน เกิดไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครเข้าจะยุ่งเอา”

ผมพ่นลมหายใจใส่คนตรงหน้า “แล้วถ้าผมไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นจริงๆ มันจะเกี่ยวอะไรกับท่านล่ะ”

“เกี่ยวสิ เพราะว่าข้าเป็น...” ท่านเจ้าที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่จู่ๆ ก็เงียบไปเหมือนรู้ตัวว่าไม่ควรพูดอะไรก็ตามที่กำลังจะหลุดออกจากปากมาให้ผมได้ยิน จากนั้นจึงโบกมือไปมาแล้วตัดบท “ช่างเถอะ เลิกคุยเรื่องนี้ได้แล้ว แล้วตกลงเมื่อกี้เอ็งนึกถึงอะไรอยู่”

ผมชะงัก ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ “...ไม่ ไม่มีอะไรหรอก”

ท่านเจ้าที่หรี่ตามองผม สายตาสื่อออกมาตรงๆ ว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ เขาก็เลยยอมแพ้ล่ะมั้ง เพราะโบกมือไปมาอีกรอบแล้วว่า “ช่างเถอะ เอ็งจะกลับหรือยัง”

“อืม นี่...ท่านเจ้าที่ขี่รถพาผมกลับบ้านทีได้ป่ะ ผมไม่อยากขี่เอง”

“ทำไม?”

“ขี้เกียจ” ผมโกหก จริงๆ แล้วผมไม่มีอารมณ์จะขี่เอง ผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินครับ...เหนื่อยใจ

“บ๊ะ ไอ้เด็กนี่ ขี้เกียจตัวเป็นเห็บไปได้”

“ไม่ใช่เห็บเฟ้ย! ตกลงจะขี่ให้ไหมเนี่ย” ผมขมวดคิ้วใส่อีกฝ่าย กำลังคิดอยู่ว่าถ้าเขาไม่ยอมผมจะได้ขี่เอง ไม่สนแม่งแล้วว่าจะเผลอไปชนเสาชนม้าชนหมีที่ไหน แต่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเสียก่อน

“เออๆ เดี๋ยวข้าขี่เอง ไปที่รถสิ”

“ก็แค่นั้น เล่นตัวไปได้”

ระหว่างที่ท่านเจ้าที่เป็นสารถีขี่รถพาผมกลับบ้าน จู่ๆ เขาก็เลี้ยวรถเข้าไปในห้างที่เป็นทางผ่านโดยไม่บอกกล่าว พอจอดรถเรียบร้อยผมก็เลยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้

“แวะที่นี่ทำไมอ่ะท่านเจ้าที่”

“เถอะน่ะ ตามข้ามา”

แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากเดินตามอีกฝ่ายต้อยๆ เข้าไปในห้าง

จากที่เดินตามหลัง ท่านเจ้าที่ก็ชะลอฝีเท้าลงมาเดินข้างๆ ผม พอเหลือบไปมองอีกฝ่ายก็แค่ยักคิ้วให้แล้วหันไปมองรอบกาย ขยับเบี่ยงตัวหลบผู้คนที่เดินผ่านไปมาบ้างบางครั้ง...ผมอ้าปากกำลังจะถามว่าจะไปที่ไหนกันแน่ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือหนาจับเข้าที่ข้อมือของผมแล้วจูงพาผมเดินไปตามทาง

ผมมองมือของเขาที่เปลี่ยนจากจับหลวมๆ เป็นกำแน่นทั้งข้อมือของผม ความอุ่นของผิวเนื้อที่สัมผัสได้ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ผมกับท่านเจ้าที่แตะตัวกันมาก็หลายครั้ง แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกอบอุ่นในใจยังไงก็ไม่รู้

ผมเดินตามแรงลากจูงของอีกฝ่ายจนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านไก่ทอดชื่อดัง “เคเอฟซี?”

“อ่าฮะ” ท่านเจ้าที่พยักหน้ารับเมื่อผมพูดขึ้น “ข้าอยากกิน”

“คิดไงถึงอยากกิน”

“อยากกินนี่มันต้องคิดด้วยรึ ข้าก็แค่อยากกิน” เทวดาหน้าหล่อหันมากลอกตาทำหน้าเอือมใส่ผม สายตานี่มองมาเหมือนจะด่าผมว่าซื่อบื้อหรือไงถึงได้ถามแบบนั้น มองขนาดนี้พูดเลยก็ได้มั้งท่าน เหอะ

“งั้นก็เข้าไปดิ รอไก่มันเดินออกจากร้านมาหาหรือไง” ผมก็เลยประชดใส่ เป็นฝ่ายจับมือของท่านเจ้าที่แล้วพาเดินเข้าร้าน ไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ ทั้งในและนอกร้านที่มองมาทางเราสองคนแต่อย่างใด ไม่มองดิแปลก ผู้ชายหน้าตาดีสองคนเดินจูงมือกันเข้ามาในร้าน ยิ่งคนหนึ่งหน้าหล่อฉิบหายวายวอด รูปร่างสูงใหญ่ประหนึ่งนายแบบบนรันเวย์แฟชั่นจากปารีส คนไม่มองก็เหี้ยละครับ

“กินอะไร เดี๋ยวผมไปซื้อมาให้”

“เอาอันไหนมาก็ได้ แบบที่ทั้งเอ็งและข้ากินหมดน่ะ”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปสั่งไก่ กวาดตามองเซ็ตต่างๆ ที่หลังเคาท์เตอร์นิดหน่อย ก่อนจะสั่งเซ็ต 399 บาทมา จริงๆ มันก็ดูเยอะไปนะสำหรับคนสองคน แต่สั่งๆ ไปเถอะ กินไม่หมดก็ใส่กล่องเอากลับบ้านได้ไม่ยาก

รอสิบนาทีผมก็ได้ตามที่สั่งไป ยกถือไปที่โต๊ะก็เห็นท่านเจ้าที่กำลังนั่งเท้าคางมองมาทางผมอยู่พอดี

“อ่ะ เดี๋ยวผมไปเอาซอสให้”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวข้า...เดี๋ยวฉันไปเอาเอง” ท่านเจ้าที่เอ่ยแย้ง แถมยังเปลี่ยนสรรพนามในการพูดจนผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเอี้ยวไปมองตามสายตาของเขาก็เห็นว่ามีครอบครัวหนึ่งเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะด้านหลังของเราพอดี อ่อ เพราะงี้เลยเปลี่ยนคำแทนตัวสินะ ใช้ข้าเอ็งทั้งๆ ที่หน้าหล่อฉิบหายตายห่าแบบนี้คงดูแปลกพิลึกอ่ะ

ผมหันกลับมาสนใจเขา “ไปเอาได้แน่เหรอ รู้เหรอว่าไปเอาที่ไหน”

“รู้สิ ถึงฉันจะเป็น...นั่นล่ะ แต่ฉันก็เคยบอกแล้วนี่ว่าบางครั้งก็มาสำรวจคนในสังคมบ่อยๆ มากินไก่ทอดนี่ฉันก็เคย บางทีก็ต้องลองทำอะไรแบบคนทั่วไปบ้าง”

ผมพยักหน้าตอบรับว่าเข้าใจแล้ว ขณะมองตามอีกฝ่ายเดินไปเอาซอสมะเขือเทศกับซอสพริกยังจุดที่มีไว้ให้ลูกค้ากดซอสเอง ไม่นานเขาก็กลับมา จากนั้นเราสองคนถึงได้ฤกธิ์ลงมือกินไก่ทอดชื่อดังนี่

ผมนึกอะไรขึ้นมาได้เลยเงยหน้ามองเขาแล้วว่า “เมื่อกี้ผมเป็นคนออกค่าไก่”

“แล้ว?”

“แต่ผมไม่ได้อยากกินนะ พี่เป็นคนอยากกิน เพราะงั้นคืนเงินผมมาเลย”

“ไอ้เด็กขี้งก จริงๆ นายเป็นคนเลี้ยงฉันมันก็ถูกแล้วมั้ย” ท่านเจ้าที่ถลึงตามองผม ทำท่าจะยกส้อมพลาสติกในมือขึ้นแทงหน้าผมอยู่รอมร่อ ผมกลอกตามองบนใส่เขาพลางบ่น

“อะไรวะ ไม่ได้อยากกินสักหน่อยดันต้องมาเสียตังค์เลี้ยงอีก”

“ฉันจ่ายคืนก็ได้” ผมเบิกตาโตมองอีกฝ่ายเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นถลึงตาใส่แทนเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “แต่นายต้องคายทั้งหมดที่กินเข้าไปออกมาคืนฉัน”

“เฮ้ย! เกินไปป้ะ!” ผมโวยวายทันที บ้าเหรอวะใครจะไปคายออกมาได้!

“ไม่เกินไปหรอก แต่นายต้องคายออกมาให้เป็นเหมือนเดิมด้วย ไหน กินอะไรเข้าไปบ้าง” ท่านเจ้าที่ชะโงกหน้ามามองในจานของผม ยกนิ้วชี้มาที่กองกระดูกตรงขอบจาน “นั้นวิงซ์แซ่บใช่ไหม คายออกมาให้ได้น่องวิงซ์แซ่บเหมือนเดิมล่ะ”

“ตลกละ! ใครจะไปทำได้”

“ถ้าทำไม่ได้งั้นก็ต้องจ่ายเงิน”

“ไอ้...!” ผมจะด่าก็ด่าไม่ออก ได้แต่ยกมือชี้หน้าคนตรงข้าม เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขุ่นเคือง

ท่านเจ้าที่ยักคิ้วข้างเดียวส่งมาให้ผม มุมปากกระตุกยิ้มร้าย นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นเทวดาอารักษ์ ผมคงคิดว่าเป็นปีศาจจอมเจ้าเล่ห์อ่ะ!

เห็นผมทำหน้าโมโหล่ะมั้ง จู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะปลอบใจผมด้วยการยื่นข้อเสนออื่นให้แทน “อย่าโกรธฉันไปเลยน่า นายเลี้ยงไก่ งั้นเดี๋ยวฉันเลี้ยงไอศกรีม ตกลงมั้ย?”

ผมตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “ผมจะสั่งที่แพงที่สุดเลยคอยดู”

คำที่ทำให้ท่านเจ้าที่หน้าหล่อหัวเราะเสียงดังขึ้นจากเดิมอีกหนึ่งเลเวล

__________

หลังจากจัดการไก่ทอดจนหมดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมก็เดินลูบพุงออกมาจากร้านพร้อมท่านเจ้าที่ อิ่มอืดสุดๆ อ่ะครับ แม่งไม่น่ากินเพลินเลย รู้ตัวอีกทีแดกจนหมดเกลี้ยงทั้งผมทั้งท่านเจ้าที่อ่ะ แล้วงี้จะไปกินติมได้ไงว้า

“ไปเดินย่อยหน่อยแล้วกัน ค่อยไปกินไอติมก่อนกลับบ้าน”

“จะไปเดินที่ไหนอ่ะ?”

“อืม ร้านหนังสือไหมล่ะ”

ผมเห็นด้วย “เอาดิ”

เราสองคนมาที่ร้านหนังสือได้ก็แยกกันไปคนละมุม ผมไม่รู้หรอกว่าท่านเจ้าที่สนใจหนังสือแบบไหน แต่ผมอ่ะต้องโซนนี้เลย นิยายสืบสวนสอบสวนฆาตกรรมที่ผมล่ะโคตรชอบ ฟีลลิ่งตอนอ่านนิยายพวกนี้จะเหมือนตอนดูโคนันอ่ะครับ ใครวะเป็นฆาตกร ไอ้คนนี้แน่ๆ หรือไอ้คนนั้น แล้วแม่งก็เดาผิด ฮ่าๆ

ผมมองหาเรื่องที่น่าสนใจไปเรื่อยจนได้มาสองเล่ม ก่อนจะย้ายไปโซนนิยายรัก เลือกนิยายไปเรื่อย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน สุดท้ายผมก็ได้นิยายวายมาอีกสองเล่ม เดินๆ วนๆ ไปตามเชลฟ์ต่างๆ จนเมื่อท่านเจ้าที่กลับมาหาผม ในมือของผมก็มีไลฟ์โนเวลอีกสองเล่ม กับนิยายแฟนตาซีอีกเล่มหนึ่ง...ฉิบหาย มาร้านหนังสือทีไรเหมือนโดนดูดอ่ะ หนังสือพวกนี้นี่แหล่ะที่ดูดเงินออกจากกระเป๋าตังค์ ถ้ากระเป๋าตังค์ของผมมันพูดได้ มันคงพูดว่ามึงจะซื้ออะไรปรึกษากูบ้าง เกรงใจกูหน่อย ถามกูสิว่ากูอยากให้แบงค์ร้อยแบงค์พันที่อยู่ในนั้นออกไปเจอโลกภายนอกไหม

ผมว่าผมชักจะเพ้อเจ้อแล้วว่ะ คนเหี้ยอะไรวะคุยกับกระเป๋าตังค์ โว๊ะ!

“จะซื้อหมดนั่นเลยรึ?” ท่านเจ้าที่ถามผม

“อื้อ ไม่ได้เข้าร้านหนังสือนานแล้ว พอเห็นเรื่องไหนน่าสนใจก็อยากอ่านไปหมด พี่ล่ะได้อะไรมา”

“ได้แล้ว” ท่านเจ้าที่ชูหนังสือในมือให้ผม หนังสือที่ทำให้ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะมันคือหนังสือทำขนม “ฉันอยากลองทำมานานแล้ว เมื่อวานเพิ่งซื้อเครื่องอบขนมมา ต้องลองใช้เสียหน่อย”

“เครื่องอบขนม? ซื้อไว้ในศาลของพี่อ่ะเหรอ?” ผมมองเขาเหมือนมองคนประหลาดเป็นรอบที่ล้าน

“เออ แปลกหรือไง” เขาย้อนถามเหมือนจะหาเรื่อง ผมก็เลยได้แต่กลอกตาโดยไม่ตอบ แต่แล้วก็ต้องนิ่งงันเมื่อเขาเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่ประดับริมฝีปากว่า “ฉันคิดจะทำให้นายกินนั่นล่ะ”

ตึกตัก ตึกตัก...ผมสบดวงตาสีรัตติกาลของคนตรงหน้าอยู่หลายวินาที หัวใจเต้นโครมครามกับคำพูดของเขา ก่อนจะหลบสายตาไปมองทางอื่น สุดท้ายผมก็ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เลยเลือกที่จะเดินหนีแต่ไม่ลืมที่จะตอบเขา...

“จะรอกินแล้วกัน”



__________

มาต่อให้อย่างไว โอ้โห ตอนที่แล้วคอมเมนต์กันน่ากลัวมากค่ะ 5555 หลายคนมีความอินกับความงี่เง่าของคลาร์กและเนส คนเราก็เนอะ หลายคนหลายความคิด แต่อย่าเพิ่งเกลียดพวกนางเลยนะคะ พวกนางน่ารักน้าา ตอนนี้ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเด้อ แฮะๆ //แก้ตัวแทน

ส่วนตอนนี้ เห็นไหมคะ เห็นถึงความน่ารักของท่านเจ้าที่กันไหมมม อิอิ ช่วงที่แทงค์อ่อนแอ คนเดียวที่ทำให้แทงค์สามารถลืมเรื่องเสียใจได้บ้างก็คือเจ้าที่ที่บอกว่าจะมาตามรังควานกันนี่แหล่ะค่ะ และหลังจากนี้ท่านภูจะน่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ เลยล่าา โปรดติดตามอย่าพลาดเด็ดขาด 555

อืมมม จริงๆ เราคิดตอนพิเศษได้ 5 ตอนแล้ว แต่ยังอยากได้เพิ่มอีก มีใครมีไอเดียหรือมีจุดไหนที่สงสัยในเรื่องแล้วอยากรู้บ้างไหมคะ เผื่อจะเป็นไอเดียให้เราได้บ้าง ขอกันหน้าด้านๆ ตรงนี้เลยแล้วกัน ฮ่าาา เสนอมาได้น้าา จะรับไว้พิจารณาค่ะ เอาล่ะ...เจอกันตอนหน้าเน้ออ //ยิ้มกว้าง

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 30 [19-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-09-2017 22:35:45
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 30 [19-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 19-09-2017 23:25:19
พี่ภูทำไมต้องน่ารักกอะ
มารงมาเราอะไรร เอ็นดูกันไปอีกกก
แทงค์ลืมเรื่องเครียดไปหมดแล้วมั้งเนี่ยย
อยากอ่านตอนพี่ภูเขินมากๆ หรือเสียเปรียบแทงค์มากๆค่ะ55
ทุกวันนี้แทงค์ทำอะไรพี่ภูไม่ได้เหลยย อย่าเห็นแกเสียเปรียบบ้าง
กับ1วันทำงานของพี่ภูโดยไม่มีแทงค์(ตอนที่รักกันแล้ว)
อยากรู้ว่าจะคิดถึงน้องมั้ยย หรือจะทำงานรัวๆเพลินๆ แยกแยะได้งี้
รอค่าา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 30 [19-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-09-2017 23:29:53
ตอนนี้น่ารักเน๊อะ มีทำขนงขนมให้ด้วย ทำเยอะๆ มาเผื่อบ้างนะท่านเจ้าที่  :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 30 [19-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-09-2017 01:53:13
มีทำขนมให้กินด้วย แบ่งให้คนแก่กินด้วยนะชิ้นหนึ่ง  o11 o11
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 30 [19-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 20-09-2017 07:42:19
สงสารแท็งค์  :sad11:
เนสกับคาล์กรีบหายงอนไวๆ นะ
ส่วนท่านเจ้าที่ช่วงนี้มุ้งมิ้งมาก น่ารักที่สุด 555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 30 [19-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-09-2017 08:39:51
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 30 [19-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 20-09-2017 08:43:06
พี่ภูพาน้องแทงค์ไปคลายเครียดละสิ แหมะๆๆๆ แล้วจะรอชมขนมของท่านนะค่ะ
ส่วนเรื่องเพื่อน เฮ้อ... ไม่มีความเห็นจุกค่ะ
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 31 [22-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 22-09-2017 20:29:10
ตอนที่ 31

“ฉันจะอยู่กับนายนะเด็กดี”

 


หลังจากซื้อหนังสือเสร็จ ผมกับท่านเจ้าที่ก็ตรงมาที่ร้านไอศกรีมต่อทันที เลือกโต๊ะนั่งเรียบร้อยพนักงานก็นำเมนูมาให้ ผมเลือกอยู่นานเลยล่ะครับ แต่ที่ตั้งใจไว้ว่าจะเอาแพงๆ ก็กลายเป็นว่าเลือกเอาอันที่กินสองคนน่าจะหมดแทน เราเลือกที่จะกินด้วยกันแทนที่จะสั่งคนละถ้วย แบบที่ผมอยากกินถ้าสั่งมากินคนเดียวมันกินไม่หมด เพราะงั้นให้ท่านเจ้าที่ช่วยกินคือดีที่สุด แล้วอีกอย่าง...ใครจะไปสั่งของแพงกันล่ะ สั่งมาก็บ้าแล้ว เสียเงินโดยใช่เหตุ

“ทวนรายการอีกครั้งนะคะ เป็น...” พนักงานทวนสิ่งที่พวกเราสั่งไปอีกครั้ง เมื่อผมพยักหน้าตอบรับ เธอก็เดินกลับไปเพื่อส่งออเดอร์ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำเปล่า “ขออนุญาตเสิร์ฟน้ำนะคะ”

หนึ่งนาทีหลังจากนั้นทั้งโต๊ะก็เหลือแค่เราสองคน ผมเหลือบมองท่านเจ้าที่ แต่พออีกฝ่ายหันมามองผมบ้างผมก็แสร้งเบือนหน้าไปมองด้านนอกร้านแทน...ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับเสียงนุ่มทุ้มที่ลอยมาเข้าหู

“อยากมองฉันก็มองไปสิ ไม่ได้ห้ามเสียหน่อย ฉันรู้ว่าฉันหล่อ”

“แหยะ หลงตัวเอง” ผมหันกลับมามองแล้วทำหน้ายี้ใส่ เลยโดนมือหนาดีดหน้าผากเข้าให้ “โอ๊ย มันเจ็บนะเว้ย”

“ก็ดีดให้เจ็บน่ะสิ พูดจาไม่เข้าหู”

“พี่เองก็พูดจาแสลงหูผมเหมือนกัน” ผมเถียง ก่อนจะต้องโยกหัวหลบมือหนาที่ยื่นมาหมายดีดหน้าผากผมอีกครั้ง

ฝันไปเหอะว่าจะได้มีครั้งที่สอง ชิชะ!

รออยู่อีกไม่นานไอศกรีมที่สั่งก็มาเสิร์ฟ ผมถูมือไปมา เห็นแล้วก็น้ำลายสอขึ้นมาซะงั้นทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้อยากกินอะไรมากมายหรอกนะ แต่แบบ...เคยไหมครับ ของน่ากินมาอยู่ตรงหน้าก็อยากจะกินขึ้นมาทันทีอ่ะ

ผมตักไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รี่เข้าปาก ซึบซับรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ และความเย็นฉ่ำของมัน วู้ว สดชื่นว่ะ และผมคงจะกินไปยิ้มไปอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ตัวว่าถูกมอง ถ้าไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายดังมาจากโต๊ะที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“มึ้งงง ดูดิ พี่ผู้ชายที่หน้าใสๆ คนนั้นกินไอติมแล้วยิ้มหวานเลยอ่ะ หล่อเกาหลีฉิบหาย กูอยากขยำแก้ม”

“ขยำไม่ได้หรอกอีห่า มึงดูด้วยพี่เขามากับผัว!”

อุ้ก!...ผมเกือบสำลักเมื่อได้ยินอย่างนั้น ผัวอะไรวะ!?

“มึงรู้ได้ไงว่าพี่หน้าหล่อเข้มประหนึ่งนายแบบในนิตยสารคนนั้นเป็นผัวพี่หน้าใสคนนี้ เขาอาจจะเป็นพี่น้องหรือเพื่อนกันก็ได้”

ใช่ๆ รู้ได้ไงว่าผมกับไอ้ท่านเจ้าที่เป็นผัวเมียกัน ไม่ใช่สักหน่อย ผมน่ะคน ส่วนไอ้คนนั่งตรงข้ามนี่เทวดาใจโฉด!

“ก็มึงดูสายตาที่พี่หล่อเข้มมองพี่หน้าใสดิ แม่งหวานฉิบหาย หวานจนไอติมวานิลลายังอายอ่ะ”

ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น เงยหน้าขึ้นมามองท่านเจ้าที่แล้วก็ต้องเป็นฝ่ายนิ่งงันเมื่อพบว่าร่างสูงกำลังมองผมอยู่จริงๆ มอง...ด้วยสายตาวิบวับเป็นประกายเลยล่ะ

สายตาที่ทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียเฉยๆ จนต้องหลุบตาลงมองถ้วยไอศกรีม ตักชาเขียวเข้าปากโดยที่ไม่รู้แล้วว่ารสชาติมันเป็นยังไง สายตาของท่านเจ้าที่ที่มองผมมันไม่เห็นเหมือนสายตาหวานเชื่อมประหนึ่งไอติมวานิลลาเลยสักนิด มันเหมือน...เชอร์เบทมะนาวมากกว่า

ไอ้ห่า! แล้วทำไมต้องเชอร์เบทมะนาว ไม่ดิ! แล้วทำไมผมต้องไปเปรียบเทียบกับไอติมด้วยวะ แล้วก็ไม่ดิ! มันไม่เหมือนอะไรทั้งนั้น กูจะเอามาเปรียบเทียบทำไมเนี่ย แล้ว...แล้วทำไมกูต้องเขินด้วย

ผมจ้วงไอศกรีมเข้าปากแบบไม่คิดจะรับรู้รสชาติโดยละเอียดอะไรทั้งนั้นแล้วครับ แต่!...แต่ผมก็ต้องตัวแข็งค้างตาเบิกโตเมื่อมีมือหนึ่งยื่นมาเช็ดที่มุมปาก ตามมาด้วยเสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า...

“จะรีบกินทำไม เปื้อนหมดแล้ว”

ฉ่า

“กรี๊ดดดด แก๊! พี่หล่อเข้มเช็ดปากให้พี่หน้าใสด้วยอ่ะ!”

“กูเห็นแล้ว อีเหี้ย กูเขินแทน จะตายยย”

“ฟินสัดๆ แอร๊ยยย สาววายตายคาถ้วยไอติมแล้วค่า”

เสียงกรีดร้องงุ้งงิ้งของพวกน้องๆ โต๊ะเดิมทำให้ผมยิ่งหน้าร้อนผะผ่าว

“หึๆ” ท่านเจ้าที่หัวเราะในลำคอแบบที่ทำให้ผมต้องเงยขึ้นมองเขาอีกครั้ง เม้มปากขึงตาใส่เขาเป็นเชิงปราม

“หัวเราะอะไร!”

“หึๆ ก็หัวเราะเด็กที่กำลังเขินฉันน่ะสิ”

“ไม่ได้เขินเว้ย!” ผมเถียง ไม่ยอมรับง่ายๆ หรอกว่าเขิน ใครจะไปเขินคนอย่างเขากัน!

แต่แล้วผมก็ต้องหน้าแดงเข้าไปอีกเมื่อคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามยกยิ้มกว้าง เอ่ยแซ็วด้วยคำพูดที่ทำให้ผมอยากจะหนีหายไปจากตรงนี้เสียเดี๋ยวนั้น “หน้าแดงนะเรา”

ไอ้เอี้ยยย ก็ไม่ต้องพูดก็ได้มั้ยเล่า! กูรู้แล้วโว้ย!

ใครจะไปเขินเทวดาจอมน่ารำคาญกันล่ะ ใครจะไปเขิน ใครล่ะใคร!?

...ใครคนนั้นก็กูเองนี่ล่ะครับ ฮึ่ยๆ

ยอมรับก็ได้ว่าเขิน แล้วก็ยิ่งเขินเข้าไปอีกเมื่อเสียงของน้องๆ กลุ่มเดิมดังประสานกันให้ได้ยินว่า...

“ขนาดนี้กลับบ้านไปปลุกปล้ำกันเลยก็ได้นะคะพี่ อร๊ายยย”

อ๊ากกก!! ใครปล้ำใคร!? ไม่ปล้ำอะไรทั้งนั้นว้อย!!

แล้วตลอดการกินไอศกรีมจนกลับถึงบ้าน ผมก็ทำได้แค่เอาแต่เขินไม่พูดไม่จาอะไรกับใครทั้งนั้น เอาแต่ประหม่าท่านเจ้าที่จนลืมไปหมดสิ้นถึงเรื่องก่อนหน้านี้...เรื่องที่ผมกำลังเสียใจกับคำพูดของเพื่อนสนิทและความผิดพลาดของตัวเอง

คนที่ทำให้ผมลืมก็คือคนที่ทำให้ผมเขินจนคิดเรื่องอื่นไม่ได้นั่นล่ะครับ ผมไม่ทันได้รับรู้เลยว่าคนที่ทำให้ผมหายเศร้าก็คือคนที่ผมมองว่าเป็นจอมก่อกวนมาตลอด ท่านเจ้าที่คือคนที่ทำให้ผมลืมเรื่องทุกข์ใจทั้งหมดนั้นจริงๆ แม้จะแค่ชั่วคราวก็ตาม...ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเขาที่ผมรำคาญมาโดยตลอด

แต่...

พอกลับมาอยู่คนเดียวโดยไม่มีเรื่องอื่นให้ต้องคิด ผมก็หวนกลับมานึกถึงเรื่องเดิมอีกครั้ง...ก็จะเรื่องอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องของไอ้เนสกับไอ้คลาร์ก คำพูดของพวกมันยังดังวนเวียนในความนึกคิดของผมไม่หายเมื่อผมปล่อยให้สมองว่างเปล่าขาวโพลนปราศจากเรื่องอื่นในสมอง

‘กูไม่คิดเลยว่ามึงจะทิ้งเพื่อนแบบนี้’

พรึ่บ

ผมยกมือขึ้นพาดปิดดวงตา เมื่อประโยคสุดท้ายที่มันพูดกับผมดังขึ้นซ้ำๆ

“อึก...” อยากจะร้องไห้ พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งอก เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ที่คอ เบ้าตาร้อนผ่าว แต่ผมก็พยายามกล้ำกลืนทุกอย่างกลับลงไปอีกครั้ง กระพริบตาไล่หยาดน้ำที่คลอหน่วยไม่ให้มันไหลลงมา

ไม่ บอกแล้วไงว่าผมจะไม่ร้องไห้...จะไม่ร้องไห้เด็ดขาด

ผมเสียน้ำตาครั้งสุดท้ายหลังจากทำใจรับการจากไปของพ่อกับแม่ได้ครึ่งปี และสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก...ผมจะไม่ผิดสัญญากับตัวเองไม่ว่าจะท้อจะเหนื่อยแค่ไหน ไม่ว่าจะต้องเจอกับเรื่องเศร้าเสียใจมากเท่าไร ผมก็จะไม่ยอมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเด็ดขาด ผมต้องเข้มแข็ง ต้องไม่อ่อนแอ

ผมสูดหายใจเข้าลึก ตั้งสติและปัดไล่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกจากสมอง ถึงแม้จะรู้ดีว่ามันไม่มีทางหายไปก็ตาม...ผมหลับตาลงหวังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา อย่างน้อยถ้าผมหลับ ผมก็จะไม่คิดถึงเรื่องนี้ แต่หลังจากพยายามข่มตาให้หลับมาเป็นชั่วโมง กระนั้นผมก็ไม่สามารถจะหลับได้ลงอยู่ดี ไม่ว่าจะพลิกตัวซ้ายขวาหรือพยายามนึกถึงเรื่องอื่นๆ ก็ตาม

มันเป็นไปได้ยากนะครับ และผมก็คิดว่าตัวเองคงนอนไม่หลับจนถึงเช้า ถ้าไม่ใช่เพราะถาพใบหน้าของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นในมโนสำนึก

ท่านเจ้าที่

ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก เปิดปากเปร่งเสียงเรียกอีกฝ่ายออกไปโดยไม่ทันไตร่ตรอง ใจรู้แค่ว่าอยากเรียก อยากให้เขามาอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ ผม

ฟุ่บ

สิ้นเสียงเรียกอันแผ่วเบา ผมสัมผัสได้ถึงฟูกนอนที่ยุบลงเพราะมีใครอีกคนนั่งลงบนเตียงข้างๆ ตัวผมที่นอนปิดตาอยู่ ก่อนต่อมาผมจะรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นที่รั้งมือของผมไปจับเอาไว้...อีกฝ่ายสอดประสานปลายนิ้วเข้ากับปลายนิ้วของผม กุมกระชับมั่น นิ้วโป้งลูบไปมาที่หลังมือคล้ายปลอบประโลมอยู่ในที ขณะที่ฝ่ามืออุ่นอีกข้างวางลงบนหน้าผากของผม มือข้างนั้นลูบที่หัวของผมเบาๆ ประหนึ่งจะกล่อมนอน

ตลอดเวลาที่ผมไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเลยสักนิด แต่รับรู้ได้ด้วยหัวใจและการสัมผัสว่าคนที่ผมเรียกนั่งอยู่ตรงนี้ กำลังปลอบผมโดยไม่พูดอะไรสักคำ และทั้งๆ ที่ผมเอ่ยเรียกเขาด้วยเสียงที่เบาราวกับกระซิบ กระนั้นเขากลับได้ยิน แถมยังปรากฏตัวขึ้นมาในทันทีที่สิ้นเสียงของผม ราวกับเขารอเวลาที่ผมจะเรียกเขาให้มาหา

ราวกับเขารอที่จะปลอบประโลมผมให้คลายจากความทุกข์ใจ

ราวกับเขารู้ดีว่าผมกำลังเป็นอะไร กำลังรู้สึกอย่างไร

และราวกับเขาเข้าใจผม พร้อมจะอยู่เคียงข้างผมในเวลาที่ผมอ่อนแอ

ระหว่างเรามีแต่ความเงียบ ผมเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ผมคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะเอ่ยคำไหนออกมา ซึ่งก็เหมือนว่าท่านเจ้าที่จะรู้ เพราะอีกฝ่ายไม่ถามอะไรผมสักคำ ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากเขา

ผมรู้สึกขอบคุณนะที่เขาไม่ถาม เพราะผมคงไม่มีคำตอบให้เขาในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะผมไม่อยากเล่าหรอกนะครับ แต่เพราะผมไม่มีแรงแม้แต่จะเปิดปากพูดอะไรทั้งสิ้นต่างหาก การเรียกเขาให้มาหาเพราะหวังอยากให้เขาเป็นที่พึ่งในตอนที่อ่อนแอ ผมรู้ว่ามันดูน่าเกลียดที่คิดจะใช้ประโยชน์ใครคนหนึ่งเมื่อตัวเองต้องการ แต่ผมไม่มีใครแล้วจริงๆ ที่ผมจะสามารถแสดงความอ่อนแอออกมาได้ ไม่มีใครเลย...นอกจากเขา

ท่านเจ้าที่เป็นคนเดียวที่ผมไม่อายที่จะแสดงทุกความรู้สึกออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ นะครับ ผมคงชินชากับการที่มีเขาเข้ามาในชีวิต ชินชาที่ไม่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกนึกคิดอะไรไว้ในใจเมื่ออยู่กับเขา ชินกับการที่ได้รับความช่วยเหลือจากเขาหลายครั้งหลายหน กลับบ้านมาก็ได้เจอเขาอยู่ในบ้านของผม ผมคงชินชาไปแล้วที่ได้มีเขาอยู่ข้างกายมาเกือบสองเดือน...สองเดือนที่ท่านเจ้าที่สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายให้กับชีวิตของผม

เราเงียบกันอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดท่านเจ้าที่ก็เอ่ยออกมาด้วยประโยคเดียวที่ทำให้ผมไม่อาจฝืนทนได้อีกต่อไป

“ข้าอยู่กับเอ็ง เอ็งไม่ได้อยู่คนเดียวนะ เข้าใจไหมแทงค์”

ว่าจะไม่ร้องไห้แล้วเชียว แต่คำพูดอันอ่อนโยนและสัมผัสอันอบอุ่นของท่านเจ้าที่ก็ทำให้ผมอดกลั้นอีกต่อไปไม่ไหว ในที่สุดผมก็ปล่อยให้น้ำตาคลอที่เบ้าตาอยู่ไหลออกมาจนหล่นลงไปกระทบหมอนที่หนุนนอน...หยดแล้วหยดเล่า

“ฮึก...” ผมกลั้นสะอื้น ในตอนที่ท่านเจ้าที่ขยับนอนลงข้างๆ ผม วงแขนแกร่งดึงผมเข้าไปในอ้อมกอด มือหนาลูบแผ่นหลังของผมอย่างอ่อนโยน เสียงทุ้มกระซิบข้างหู

“นอนซะนะเด็กดี ข้าจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

ผมซบหน้าลงกับอกแกร่ง ฝังตัวเองเอาไว้ในอ้อมแขนที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย สองแขนกอดรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ ยึดเขาเป็นที่พึ่งพิงต่อความอ่อนไหวของตัวเอง

น้ำตาที่ไหลไม่หยุดหยดลงกับเสื้อนอนของท่านเจ้าที่จนเปียกชุ่ม แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำเพียงกอดผมเอาไว้แน่น และถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง...ผมสัมผัสได้ถึงริมฝีปากของเขาที่กดลงกลางศีรษะของผมพร้อมเสียงนุ่มที่กระซิบข้างหู

“ฉันจะอยู่กับนายนะเด็กดี”



__________

เหมือนตอนนี้จะย้อนแย้งกันแปลกๆ เนอะ ครึ่งแรกก็น่ารักงุุ้งงิ้ง ประกายสีชมพูฟรุ้งฟริ้งกลางร้านไอติม แต่ไหงครึ่งหลังมันหม่นๆ เศร้าปนอ่อนหวานล่ะเนี่ย

ใจจริงอยากอัพทุกวันเลยค่ะ แต่พอเห็นว่ามันใกล้จะจบก็รู้สึกว่าไม่อยากให้จบเลย ก็เลยไม่ยอมอัพเสียแทน ฮ่าา ไม่ใช่อะไรค่ะ ยังไม่ได้ปั่นตอนพิเศษเลยยังไม่อยากรีบจบ 5555 (อ้าว เป็นงั้นไป)

ตอนหน้ายังคงได้พบกับความน่ารักของท่านเจ้าที่เหมือนเดิมค่ะ อีกหลายตอนเลยแหล่ะ บอกไปแล้วเนอะ (หรือเปล่า?) โอเค ไปหาวิจัยสำหรับทำสัมมนาต่อแล้วค่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 31 [22-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-09-2017 21:01:34
ฟินช่วงแรก แต่ตอนท้ายพาน้ำตาไหลซะงั้น  :mew4:
ดีที่มีพี่ภูคอยกอดปลอบ  :katai3:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 31 [22-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakkriengkai ที่ 22-09-2017 22:21:37
ชอบกว่าท่านเจ้าที่ และนุ้งแท้งค์มากตอนนี้ก็คือ ทอล์คของคนเขียนนี่แหละครับ 5555 ดั่งเป็นการติดตามชีเว้ดอันโหดระ-ร-ร้ายยยย !  :laugh:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 31 [22-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-09-2017 22:36:28
 :กอด1: :กอด1: อยู่ด้วยกันนาน ๆ นะ ท่านเจ้าที่ ไงต่ออายุราชการดีกว่าไหม ชลอการไปเกิดแล้วกันนะ  :m12:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 31 [22-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-09-2017 22:38:43
ช่วงเวลาหวาน (หรือเปล่า)
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 31 [22-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-09-2017 23:02:10
ช่วงแรกนี่หวานจนสาววายฟินตายคาโต๊ะไอศกรีม ช่วงท้ายอึมครึมสงสารน้อง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 31 [22-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-09-2017 23:11:49
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 31 [22-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 23-09-2017 00:33:22
หวานปนเศร้า  :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 31 [22-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 24-09-2017 00:13:33
พึ่งเข้ามาอ่านสนุกมากเลยนะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 32 [25-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 25-09-2017 20:39:32
ตอนที่ 32

“เอ็งนี่เหมือนเด็กน้อยเลยนะ”

 

ผมตื่นขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ปวดหนึบ มานึกย้อนดูอีกทีก็พอจะจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนตัวเองร้องไห้หนักไม่ใช่น้อย ร้องจนหลับไปตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำเถอะ

“ตื่นแล้วเหรอ” ได้ยินเสียงนุ่มๆ เอ่ยถามมาจากเหนือหัว พอหรี่ตาเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นท่านเจ้าที่

ผมกระพริบตาปริบอีกสามทีถ้วน ก่อนจะประเมินได้ว่าตอนนี้ตัวเองยังนอนอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย หากเป็นในเวลาปกติผมคงตกใจเบิกตาโต ผละออกแล้วโวยวายยกใหญ่...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำในวันนี้

หมับ

ผมสวมกอดเอวแกร่งแล้วซุกหน้ากับแผ่นอกของท่านเจ้าที่อีกครั้งเหมือนกับที่ทำมาตลอดทั้งคืน เปล่งเสียงเรียกอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำที่ผมมักจะกระดากปากทุกครั้งที่ต้องพูดออกมา หากแต่เช้านี้ผมกลับอยากจะพูดมันออกไปเหลือเกิน

“พี่ภู”

ให้ตาย เสียงผมโคตรแหบเหมือนคนป่วยเลยว่ะ แต่ผมไม่ได้ป่วยนะ แค่ร้องไห้มากไปเท่านั้นเอง

“หึ ว่าไง” ท่านเจ้าที่ตอบรับ วางคางลงบนหัวของผมแล้วกระชับอ้อมกอดดึงผมเข้าไปแนบชิดกับตัวเขามากขึ้น

มันออกจะประหลาดนะที่ผมทำเหมือนกำลังอ้อนเขา และเขาก็ทำเหมือนกำลังกอดปลอบน้องชายตัวน้อย แต่นั่นล่ะคือสิ่งที่ทั้งผมและเขากำลังทำ โดยไม่คิดจะสนใจว่ามันโคตรแปลกจากปกติมากแค่ไหน และใช่...ผมก็แค่อยากอ้อนใครสักคน อยากมีใครสักคนที่ผมจะแสดงด้านอื่นๆ ที่เก็บซ่อนเอาไว้มานานออกมาได้ก็แค่นั้น

“พี่ภู พี่ภู...”

“เอ็งนี่เหมือนเด็กน้อยเลยนะ” ท่านเจ้าที่ว่าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ พลางยกมือลูบหัวลูบหลังผมไปด้วย “แต่ข้าไม่ว่าหรอก ทำตัวให้สมกับเป็นเด็กอายุยี่สิบบ้างก็ดี”

“อายุยี่สิบก็ไม่ควรมาอ้อนเป็นเด็กๆ แล้วป่ะครับ ฮะๆ” ผมตอบกลับไป รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเดิมยังไงก็ไม่รู้

“อายุเท่าเอ็งน่ะถือว่ายังเด็กนัก”

“งั้นเด็กอย่างผมอ้อนได้ไม่แปลกใช่ป่ะ?” ผมเหลือบขึ้นมองเขา ยกยิ้มอย่างชอบใจเมื่อเขาพยักหน้า

“อืม อ้อนมาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ อยากให้ข้าทำอะไรให้ก็บอก”

“ทำไมวันนี้ใจดีจัง”

ท่านเจ้าที่ขยี้เส้นผมของผมจนยุ่งเหยิงแม้ว่ามันจะยุ่งอยู่แล้ว เสียงทุ้มเอ่ยถามทีเล่นทีจริง “ปกติข้าก็ใจดีอยู่แล้วแค่ไม่แสดงออกกับเอ็ง หรืออยากให้ข้าใจร้ายกับเอ็งกันล่ะ?”

“ฮึ” ผมส่ายหน้าไปมากับแผ่นอกแกร่ง “ไม่ ใจดีกับผมบ้างเถอะ ตอนนี้ผม...”

ผมเงียบไม่พูดต่อ เพราะเมื่อพาลนึกไปถึงเรื่องที่ทำให้ผมอ่อนแอ ผมก็รู้สึกย่ำแย่ขึ้นมาอีกแล้ว

“เจ้าเด็กน้อย คนเราย่อมมีช่วงเวลาที่อ่อนแอ ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยอ่อนแอ” ท่านเจ้าที่ลูบหลังผม “การแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้หมายความว่าเอ็งพ่ายแพ้ แต่การเผยมันออกมาคือการยอมรับว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราอ่อนแอคือเรื่องที่สำคัญต่อเรา และเราต้องผ่านมันไปให้ได้ เข้าใจที่ข้าพูดใช่หรือไม่?”

“เข้าใจครับ” ผมพยักหน้ารับ ฝังจมูกกับอกเสื้อของท่านเจ้าที่อีกครั้ง ปัดป่ายไปมาให้คนโดนซุกหัวเราะ

“เหมือนลูกแมวเวลาคลอเคลียเจ้าของเลยนะเอ็ง ฮะๆ”

“อือ วันนี้ผมจะเป็นลูกแมว” ผมตอบรับ ริมฝีปากระบายรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ในใจตระหนักรู้แล้วว่าคนที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นคือผู้ชายคนนี้จริงๆ เทวดาจอมกวนประสาทของผม

ดูเหมือนแสดงความเป็นเจ้าของเลยว่ะ ไอ้คำว่า ‘ของผม’ เนี่ย แต่ท่านเจ้าที่เขาเป็นเทวดาอารักษ์ของบ้านผมนี่นา แล้วเขาจะไม่ใช่ของผมได้ยังไงล่ะ จริงไหม?

ผมกอดท่านเจ้าที่อยู่อย่างนั้น ไม่สนใจจะมองเวลาว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ก็แค่อยากจะอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ เพราะผมอุ่นใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนี้ น่าแปลกนะที่ผมกับเขาสามารถคุยกันอย่างคนปกติธรรมดาได้ ก็ทุกทีด่ากันเถียงกันตลอดนี่หว่า ฮะๆ

“จะหลับอีกเหรอ นี่มันสายแล้วนะ” ท่านเจ้าที่เอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบไปนาน ผมผละใบหน้าออกเล็กน้อย

“กี่โมงแล้วครับ”

“จะสิบโมงแล้ว หิวหรือเปล่า”

“นิดหน่อย แต่อยากนอนมากกว่า ปวดตา”

“ไม่แปลกหรอก ก็ร้องไห้เสียขนาดนั้น เอาล่ะ ปล่อยข้าสิ”

“จะไปไหนอ่ะ?” ผมถามเมื่อท่านเจ้าที่ดันผมออกจากอ้อมแขน มองเขาที่ลุกออกไปยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความฉงนสงสัย อีกฝ่ายยิ้มมาให้บางๆ ตอบพร้อมกับเดินไปทางประตูห้อง

“ข้าจะไปหาข้าวไว้ให้เอ็งกินน่ะสิ”

...มันก็แค่คำตอบธรรมดาๆ นะครับ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงใจเต้นแรงขึ้นมาซะได้

รู้สึกดี...ดีมากๆ

“ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มให้เขาแบบที่คิดว่าดีที่สุด ท่านเจ้าที่ยิ้มตอบ เอื้อนเอ่ยคำพูดที่ทำให้ผมใจสั่นอย่างรุนแรง

“ไม่เป็นไร ข้าเต็มใจทำให้เอ็ง”

__________

ผมเผลอหลับล่ะ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนเที่ยงกว่าๆ ไม่ได้ตื่นเองด้วยนะครับ ท่านเจ้าที่มาปลุกต่างหาก

“ตื่นไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวจะปวดท้องเป็นโรคกระเพาะเสียก่อน”

“ไม่เป็นไรหรอก ทุกวันนี้ก็แทบไม่ได้กินครบสามมื้ออยู่แล้ว” ผมตอบขณะลุกขึ้นนั่ง แต่เพราะลุกเร็วไปหน่อย ไหนจะทั้งไม่ได้กินข้าวเช้า ไหนจะร้องไห้จนเหนื่อยจนเพลีย ผมก็เลยหน้ามืดล้มฟุบลงกับที่นอนอีกครั้ง และหัวคงจะโขกอะไรเข้าสักอย่างแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่เพราะท่านเจ้าที่ขยับเข้ามารั้งผมเอาไว้ได้ทัน ดึงหัวผมไปซบที่แผ่นอกของเขาแทน

“เป็นอะไร?”

“หน้ามืดนิดหน่อย”

“ดีขึ้นหรือยัง”

ผมสูดหายใจเข้าออกลึกๆ อีกสองสามทีแล้วจึงพยักหน้า ลืมตาขึ้นมามองท่านเจ้าที่แล้วยิ้มให้นิดๆ

“ผมไม่เป็นไร ไปเถอะ หิวข้าวแล้ว”

“งั้นไปกินข้าวก่อน ล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปเลย ยังไม่ต้องอาบน้ำหรอก”

“ครับพ่อ” ผมตอบรับ พาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำมา ได้ยินเสียงของท่านเจ้าที่ดังไล่หลังตามมาด้วยว่า...

“ข้าไม่ใช่พ่อเอ็งเว้ย”

“ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะอย่างอดไม่ได้...พ่อดิ ทำไมจะไม่ใช่พ่อ ก็ท่านเจ้าที่ตอนนี้น่ะเหมือนพ่อที่พยายามบังคับลูกไปกินข้าวเลย จะว่าไปแล้วก็น่าจับเขามาทำเป็นพ่อทูนหัวแฮะ หึๆ

“ล้างหน้าเสร็จหรือยัง”

เสียงของท่านเจ้าที่ทำให้ผมหลุดออกจากความคิดบ้าบอของตัวเอง ยื่นมือไปคว้าผ้าเช็ดหน้าที่แขวนเอาไว้บนราวตากเล็กๆ มาซับใบหน้าให้แห้งก่อนจะเดินกลับออกมา...ท่านเจ้าที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ พอเห็นผมเดินออกมาก็สะบัดหัวไปทางประตูห้องเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าให้ออกไปได้แล้ว จะได้ไปกินข้าวเสียที

ลงมาจนถึงห้องครัวผมก็ต้องตาโตเมื่อเจออาหารหลายอย่างบนโต๊ะ มีทั้งขาหมูพะโล้ ต้มข่าไก่ ทอดมันปลากราย ยำหมูยอ โอ้โห จะกินเข้าไปหมดไหมวะเนี่ย!

“เยอะจังวะท่านเจ้าที่ จะกินหมดเหรอ กลัวกินไม่หมดอ่ะ”

“ทำไมถึงไม่เรียกข้าว่า ‘พี่ภู’ เหมือนเดิมล่ะ” แทนที่เขาจะตอบคำถามผม กลับย้อนถามผมด้วยอีกเรื่องแทน

ผมเลิกคิ้ว “ทำไม อยากให้ผมเรียกท่านแบบนั้นอีกเหรอ?”

“ข้าก็แค่มองว่ามันน่ารักดีเวลาเอ็งเรียกข้าอย่างนั้น” ท่านเจ้าที่โบกมือไปมา พูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่คำพูดของเขาทำให้ผมชะงักไป รู้สึกใจเต้นอย่างน่าประหลาดอีกแล้ว

ผมนิ่งคิดอยู่สามวินาทีถ้วน ก่อนจะว่า “ผมจะเรียกท่านเจ้าที่ว่าพี่ภูอีกก็ได้ ถ้าท่านยอมพูดกับผมแบบคนทั่วไป”

“คนทั่วไป?”

“ก็ผมเรียกท่านว่าพี่ภูใช่มะ? ท่านก็เรียกผมว่าแทงค์ แทนตัวว่าฉันกับนายอะไรแบบนี้น่ะ เหมือนที่เราพูดกันเวลาออกไปข้างนอก เหมือนเมื่อวานที่เราพูดกันตอนไปกินไก่กับไอศกรีมไง”

ท่านเจ้าที่เงียบไปพักหนึ่งเหมือนชั่งใจอยู่ว่าจะทำแบบที่ผมเสนอดีหรือไม่ ก่อนสุดท้ายจะพยักหน้ารับ

“เอาสิ เอางั้นก็ได้ ไม่ได้ลำบากอะไร”

“ดีๆ” ผมว่าพลางปรบมือเปาะแปะอย่างยินดี ยิ้มกว้างจนตาหยีโดยไม่รู้ตัว

ท่านเจ้าที่มองผมอยู่อีกแป๊บหนึ่งจนผมเกือบจะถามแล้วว่ามองทำไม แต่อีกฝ่ายก็ละสายตาไปมองจานอาหารก่อนจะสั่งให้ผมนั่งลงกินข้าวได้แล้ว “นั่งเถอะ เดี๋ยวไปตักข้าวให้”

“เฮ้ย ผมไปเองก็ได้ แค่ท่าน...ไม่สิ แค่พี่หากับข้าวกับปลามาให้ผมก็เกรงใจมากแล้ว เป็นเจ้าที่ศาลพระภูมิแท้ๆ แต่กลับต้องมาดูแลผมที่เป็นมนุษย์เนี่ย ผมรู้สึกเหมือนกำลังทำบาปเลยว่ะ”

“เอ็ง...ไม่สิ นายบาปหนาอยู่แล้ว บาปอีกนิดไม่เป็นไรหรอก”

“ปากเหรอนั่นไอ้พี่ภู!” ผมโวยวายใส่ เนี่ย เผลอไม่ได้แขวะตลอดดด

“นั่งลงไปเถอะน่า” ท่านเจ้าที่บังคับให้ผมนั่งลงโดยไม่สนใจที่ผมเรียกเขาเสียงเขียวเมื่อครู่ เขาเดินหนีไปหาหม้อข้าว คดข้าวใส่จานมาสองจานก่อนจะเดินกลับมาวางให้ผมจานหนึ่ง “กินเข้าไปเยอะๆ ฉันอุตส่าห์ไปซื้อมาให้”

“ที่ไหนอ่ะ ร้านเดิมกับคราวก่อนที่พี่ไม่ยอมบอกผมป่ะ?”

“นั่นล่ะ แต่ไม่ต้องมาถามให้ยาก บอกแล้วไงว่าไม่บอก มันเป็นความลับทางธุรกิจ”

ผมกลอกตามองบนใส่ ยอมตักข้าวเข้าปากโดยไม่คิดจะเถียง...มื้ออาหารของเราสองคนในวันนี้ก็เป็นเหมือนกับสองเดือนที่ผ่านมานั่นล่ะครับ จะต่างก็ตรงที่คราวนี้ผมกับเขา พวกเราไม่ได้ทะเลาะกันให้ตายไปข้างเหมือนทุกที และไม่ได้แทนตัวด้วยข้ากับเอ็งผมกับท่านด้วย

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้ทั้งเพื่อน พ่อ และพี่ชายที่แสนดีมานั่งกินข้าวด้วยกัน นี่เป็นอีกครั้งที่ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าการได้อยู่กับท่านเจ้าที่ทำให้ผมลืมทุกเรื่องเศร้าและความผิดพลาดของตัวเองภายในจิตใจ แม้รู้ดีว่าผมไม่ได้ลืมมันตลอดไป แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่นานพอให้ผมรู้สึกดีขึ้นเป็นกองเลย

...ต้องขอบคุณเขาสินะ





__________

มันก็จะละมุนหน่อยๆ เด้อออ คือเอาเข้าจริงตอนนี้ไม่มีอะไรเลยอ่ะ เหมือนเรายืดเนื้อหาเลยเนอะ ฮื่อออ ทนอ่านไปก่อนนะคะ อีกไม่นานก็จบแล้ว เหลืออีกแค่ 13 ตอนเอง อย่าเพิ่งเบื่อ จะจบแล้ววว

อืม มีคนถามหา NC งั้นเราจะบอกไว้ตรงนี้ละกันว่ามันจะหน่วงๆ แบบนี้ไปจนถึงตอนที่ 36 แล้วหลังจากนั้นจะน่ารักมาก แล้วก็...ฉากที่ทุกคนรอคอย (หรือเปล่าหว่า? 555) จะมาในตอนที่ 40 พอดีเป๊ะเด้อค่ะ หุหุ //นักอ่านบอก : กว่าจะได้กันรอนานละเกิน อิเวง! (อะไม่ใช่เนอะ อย่าด่าเราเลยนะ 55555)

ตอนหน้านี่ไม่อยากอัพเลย กลัวโดนด่า แง้ แต่เพื่อให้เรื่องดำเนินต่อไป เราจะมาอัพอย่างไวเลยค่ะ...ถ้าเราว่างนะ ฮืออ พรุ่งนี้ต้องเขียนบทโรลเพลย์วิชาอังกฤษการบิน พุธต้องประชุมวิชาสัมมนา แล้วไหนจะต้องซ้อมบทโรลเพลย์อีก ศุกร์ก็ต้องสอบโรลเพลย์แล้ว จะตายไหมให้เดาค่าา ชีวิตปีสี่อันแสนทรหด ว้ากกก!!! //ขยุ้มหัวอย่างบ้าคลั่ง

ทอล์คยาวอีกแล้ว ถามจริงๆ เลยนะคะ รำคาญที่เราทอล์คไหม ถ้าไม่ชอบเราจะพยายามลดการพูดไร้สาระลงค่ะ แฮะๆ เอาล่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 32 [25-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-09-2017 21:02:42
ตอนนี้เล่นเอาคนแก่ระทวยไปเลย เดินไม่เป็นแล้ว  :-[ :ling1: :katai5:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 32 [25-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-09-2017 21:22:26
พี่ภูกับแทงค์น่ารักมากกก
น้องอ้อนนนอะ อ้อนนนน่ารักกกมากก
พี่ภูก้ตามใจน้องซะะ เอาอกใจแบบ แหมมมมมมมม
ตอนหน้าดราม่าแน่ๆเลยยกลัววใจจคนแต่งจังง
ยังจำปมดราม่าเรื่องพี่ภูจะเกษียณแล้วไปเกิดได้อยู่เลย
จะหน่วงดราม่าหนักๆตอนหน้าแล้วสินะคะ
รอความหวานนนน
ปล.เราชอบอ่านทอล์คค่ะ ยาวๆได้เลยยย เหมือนเราได้รู้จักคนแต่งมาขึ้น
เหมือนเราได้คุยกันผ่านตัวหนังสืองี้ พออ่านเราก้จะรู้ว่าคนแต่งแต่ละคนเป็นยังไง
ดีกว่าซื้อนิยายเล่มอ่านแล้วเสพแต่ผลงานโดยที่ไม่รู้จักคนแต่งเลยอีกค่ะ
ทอล์คต่อไปยาวๆๆได้เลยค่าา รออ่านทั้งนิยายทั้งทอล์คเลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 32 [25-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-09-2017 01:50:21
 :man1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 32 [25-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-09-2017 09:11:00
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 32 [25-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-09-2017 13:03:24
น่ารักเน๊อะ ดีนะที่กลับจากร้านไอติม
ไม่งั้นสาวกสาววาย เลือดกำเดาไหลหมดตัวแน่
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 32 [25-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 26-09-2017 13:05:04
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 32 [25-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 26-09-2017 15:44:56
 ปูทางม่ามาแล้วอ่ะ แค่นี้น้องมันก็ร้องจนตาบวมแล้วยังจะมีอีกหรือนี้ พี่ภูปลอบ  :กอด1: โอ๋ๆ เด็กดี
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 32 [25-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Tikking7 ที่ 27-09-2017 21:34:48
มาต่อเร็วๆนะครับ รอ รอ รอ คิดถึงแท้ง กับพี่ภูแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 33 [28-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 28-09-2017 23:55:51
ตอนที่ 33

“ชอบไหม”

 


[เฮ้ยมึง ไอ้แทงค์]

“ว่าไง” ผมตอบรับเมื่อได้ยินเสียงไอ้ฮัทดังลอดออกมาทันทีที่ผมกดรับสายมัน

[มึง...โอเคป่ะวะ]

“...ไม่มีอะไรที่กูโอเคหรอกตอนนี้” ผมตอบเสียงเนือย เหนื่อยล้าเหลือเกิน...ไม่ใช่กายนะครับ เป็นใจต่างหาก

[กูไม่รู้จะ...เฮ้อ กูทำอะไรไม่ได้เลยเหรอวะ ไม่อยากให้พวกมึงทะเลาะกันแบบนี้เลย]

ผมเองก็ไม่ได้อยากทะเลาะกับพวกมันเหมือนกัน แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ผมเป็นฝ่ายผิดในสายตาของไอ้เนสกับไอ้คลาร์ก และใช่...ผมผิดจริงอย่างที่พวกมันคิดนั่นล่ะ “มึงไปคุยกับพวกมันมาว่าไงล่ะ”

[พวกมันโกรธมึงมากเลยว่ะ พูดเหตุผลอะไรไปก็ไม่ฟัง]

“ฮึ ก็ไม่ต่างจากที่กูคิดไว้” ผมแค่นหัวเราะ “ช่างมันเถอะ พวกมันจะคิดไงก็แล้วแต่ เพราะกูคงทำอะไรไม่ได้แล้วเหมือนกันในเมื่อพวกมันคิดว่ากูทิ้งเพื่อน ซึ่งก็เป็นตามที่มันพูดทุกอย่าง กูทิ้งทุกคนไม่เว้นแม้แต่มึง มึงเองก็ควรจะโกรธกูเหมือนกัน”

[ไม่ไอ้แทงค์ กูคนหนึ่งที่ไม่คิดแบบนั้น กูเข้าใจมึง และถ้ากูเป็นมึงกูก็ตอบรับเหมือนกัน โอกาสแบบนี้ไม่ใช่จะมีเข้ามาในชีวิตง่ายๆ ใครไม่คว้าไว้ก็แปลกแล้ว]

“ขอบใจ” ผมยิ้มบางๆ รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยที่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนที่เข้าใจกัน แต่...ความรู้สึกผิดของผมก็ยังไม่จางหายไปอยู่ดี

ผมไม่ได้คิดจะทิ้งเพื่อน อาจจะเป็นการแก้ตัวที่ผมมาพูดอะไรแบบนี้ แต่จริงๆ นะ ผมไม่ได้คิดจะทิ้งพวกมัน ตอนนั้นผมดีใจมากไปหน่อยที่ผมได้รับความสนใจจากค่ายเพลงดังทั้งๆ ที่ยังเรียนอยู่ปีสอง นั่นน่ะเป็นความฝันของนักดนตรีหลายๆ คนเลยนะครับ มีใครบ้างจะกล้าปฏิเสธข้อเสนอที่ได้รับ

แต่ก็แล้วยังไง สุดท้ายแล้วพอโดนพวกมันพูดใส่หน้าแบบนั้น ผมก็เพิ่งจะสำนึกได้ว่าตัวเองตัดสินใจพลาดไปแล้วจริงๆ ผมนึกถึงแต่ตัวเอง โดยลืมคิดถึงคนอื่นๆ ในวงไปซะสนิท...ผมแม่งโคตรแย่เลยว่ะ

“แล้วนี่มึงโทรมาแค่เรื่องของพวกมัน หรือว่ามีเรื่องอื่นอีก?”

[ก็มีเรื่องอื่นด้วย คือ...] ไอ้ฮัทเงียบไป มันดูลังเลใจว่าควรจะพูดดีไหม จนผมต้องบอกให้มันเอ่ยออกมาตรงๆ มันถึงได้ยอมอ้อมแอ้มบอกออกมา [เรื่องร้านพี่เฟิ่งคืนพรุ่งนี้อ่ะ พวกมันบอกกับพี่เฟิ่งว่าจะขอหยุดเล่นไม่มีกำหนดว่ะ มันบอกว่าจนกว่าจะหามือกลองคนใหม่ได้ค่อยกลับไปเล่น]

ให้ตาย ผม...พูดไม่ออกเลยว่ะ

ที่มันพูดแบบนั้น หมายความว่าตัดผมออกจากวง ผมเข้าใจถูกแล้วใช่ไหม...

[ไอ้แทงค์ มึงอย่าเพิ่งคิดมาก พวกมันก็แค่กำลังโกรธ อีกสักพักก็คงหาย กูจะช่วยพูดอีกแรง มันคงไม่ตัดมึงออกจากวงจริงๆ หรอก เราฟอร์มวงกันมาตั้งแต่แรก ไม่ทิ้งกันง่ายๆ หรอกว่ะ]

“แปลกนะที่คนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดแบบมึงมาพูดปลอบใจกูซะเยอะแยะแบบนี้ ฮะๆ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อนความวูบโหวงในใจ “แล้วเผื่อมึงลืม...มันบอกกูเองนะว่ากูทิ้งพวกมันแล้ว คงไม่แปลกถ้าพวกมันจะทิ้งกูบ้าง หึๆ”

[ไอ้แทงค์...]

“ช่างเถอะฮัท ออกก็ออก สมแล้วกับความผิดของกูที่ทำกับพวกมึง ยังไงก็ขอบใจมึงมากนะเว้ยที่โทรมาบอก ไว้คุยกันวันหลังนะ กู...มีธุระต้องไปทำว่ะ” ผมบอกมันก่อนจะกดตัดสายทิ้งทันทีโดยไม่รอให้มันแย้ง และมันก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าผมไม่ต้องการคุยอะไรอีกแล้วทั้งนั้นในตอนนี้ เพราะมันไม่ได้โทรกลับมาหาผมอีก

ผมถอนหายใจยาว ค้อมหลังลงแล้วยกขาทั้งสองข้างขึ้นมากอดเข่า ซบหน้าลงไปกับเข่าก่อนจะหลับตาลง

แปะ

เฮือก!

แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมีมือหนึ่งมาแตะเข้าที่หัว หากพอลืมตาเงยหน้าขึ้นมองก็เจอเข้ากับคนที่อยู่เคียงข้างผมไม่ไปไหนมาตั้งแต่เมื่อวาน คนที่ทำให้ความหนักอึ้งในใจของผมคลายตัวลงได้อย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง

ท่านเจ้าที่

“หิวไหม” เขาถามผมด้วยโทนเสียงอ่อนโยน ราวกับรู้ว่าจิตใจของผมตอนนี้กำลังไม่มั่นคง

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ดึงเขาให้ขยับเข้ามาหาก่อนจะเปลี่ยนเป็นสวมกอดเอวหนาของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นแทน แนบหน้าผากลงกับหน้าท้องเป็นลอนที่แม้จะมีเสื้อยืดกั้นแต่ผมก็สัมผัสถึงกล้ามแน่นๆ ข้างใต้นี้ได้ ฮะๆ ขนาดผมกำลังเศร้าแม่งก็ยังคิดเรื่องหื่นๆ ได้ว่ะ ตลกตัวเองชะมัด

ผมยกยิ้มบางเบา คลอเคลียจมูกไปมากับหน้าท้องของท่านเจ้าที่ ปากก็พึมพำเรียกชื่อท่านเขาไปด้วย

“พี่ภู พี่...”

“อืม ว่าไง” เขาตอบรับ แขนข้างหนึ่งโอบไหล่ผมเอาไว้หลวมๆ ส่วนอีกข้างยกขึ้นมาลูบเส้นผมของผมเล่น

“ผมเหนื่อยว่ะพี่ เหนื่อยใจจังเลย” ผมโอดครวญ ถอนหายใจก่อนจะนึกขึ้นได้...จะว่าไปแล้วผมก็ยังไม่ได้เล่าให้เขาฟังเลยนี่นะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผมตอนนี้ “พี่รู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม”

“ไม่รู้” เขาตอบ

ผมเงยมองเขาพลางถอนหายใจอีกครั้ง ตอนนี้พวกเราอยู่ในศาลานั่งเล่น ผมมานั่งรับลมชมดอกไม้ในสวนที่นี่ด้วยหวังว่าสายลมเย็นๆ กับสีสันของดอกไม้จะทำให้จิตใจอันห่อเหี่ยวของผมมันฟื้นคืนความสดใสขึ้นมาได้บ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล เพราะผมยังคงได้ยินคำพูดของพวกมันดังซ้ำๆ อยู่ในหัวไม่เลิกอยู่ดี

“อยากเล่าไหม?” ผมหันกลับมามองท่านเจ้าที่เมื่อเขาเอ่ยขัดความคิดคำนึงของผม “อยากระบายความในใจของนายออกมาหรือเปล่า ฉันพร้อมรับฟังนายนะ อย่างไรเสียนายก็เป็นคนที่ฉันต้องปกป้องคุ้มครอง”

ผมเงียบไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น ใจรู้สึกดีขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกแล้ว เพราะแบบนั้นผมก็เลยเปิดปากเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง อย่างน้อยคนที่มีอายุมายาวนานเกือบสองร้อยปีอาจจะมีวิธีที่ทำให้ผมแก้ปัญหาบ้าบอนี่ได้

ผมเล่า เล่า แล้วก็เล่า เล่าทุกเหตุการณ์ ทุกคำพูดที่พวกมันพูดกับผมและผมจำได้ไม่ลืม เล่าไปก็แสดงความรู้สึกของตัวเองออกไปโดยไม่รู้ตัว...ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหนในขณะที่เล่าอยู่ ไม่รู้เลยว่าตอนที่เล่าจนเกือบจะจบ ผมกำลังร้องไห้ แม่ง ผมร้องไห้อีกแล้วว่ะ ทุเรศฉิบหาย

“อึก...” ผมพยายามฝืนตัวไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีก เวรเอ๊ย นี่มันแย่โคตรๆ เลยว่ะครับ ผมไม่ชอบที่ตัวเองอ่อนไหวทางอารมณ์แบบนี้เลย ทำไมคนที่ผมแคร์ถึงได้ทำให้ผมเจ็บใจได้มากขนาดนี้ พวกมันคือเพื่อนที่ผมแคร์มาก แต่จะโทษใครได้ในเมื่อที่พวกมันทำแบบนี้กับผมก็เพราะผมทำพวกมันก่อน

ผมทำลายคำสัญญาที่ให้ไว้กับพวกมันด้วยตัวผมเอง

ผมยกมือเช็ดน้ำตาออกลวกๆ แต่ท่านเจ้าที่กลับปัดมือผมออกแล้วเป็นฝ่ายเกลี่ยปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาแทนผม มือหนาปาดมันออกจากแก้มทั้งสองข้างอย่างเบามือ ดวงตาสีรัตติกาลมองผมด้วยสายตาอบอุ่นอ่อนโยน

“อย่าทำหน้าแบบนั้น อย่าโทษตัวเองเลย การเลือกทางเดินให้อนาคตของตัวเองไม่ได้หมายความนายทิ้งคนข้างหลังเสมอไป พวกนายก็แค่กำลังโกรธและไม่เข้าใจกัน ขอแค่ฝ่ายหนึ่งยอมรับฟังและอีกฝ่ายพยายามอธิบาย ฉันเชื่อว่ะพวกนายจะกลับมาดีกันได้แน่นอน เพื่อนกันยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก”

“ผม...พวกมันคงคิดว่าผมทิ้งพวกมันไปแล้วจริงๆ”

“ความดีใจทำให้คนเราหลงลืมสิ่งรอบข้าง ความโกรธทำให้คนเราพูดจาหักหาญน้ำใจคนอื่นโดยไม่ทันคิดให้ดีอยู่เสมอ บางทีนายอาจจะต้องรอให้พวกเขาใจเย็นลงก่อน เมื่อพวกเขาคิดอะไรได้บ้างและพร้อมจะรับฟังคำพูดของนาย พวกเขาอาจจะเป็นฝ่ายเดินกลับมาหานายเองก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่นายควรทำก็คือรอ และอย่าโทษว่าตัวเองผิดอีกเลย”

“มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอครับ?” ผมถาม ไม่แน่ใจเลยสักนิดว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาพูด

ผมพร้อมจะยอมรับหากพวกมันคิดจะตัดเพื่อนกับผมจริงๆ (ซึ่งมันอาจจะคิดแบบนั้นไปแล้วก็ได้) แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นอยู่ดีนะครับ ผมยังเห็นพวกมันเป็นเพื่อนเสมอ

“ฉันไม่รู้หรอก เมื่อถึงเวลานะเด็กน้อย ไอ้เจ้าเวลานี่ล่ะที่จะบอกนายเองว่ามันจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่” ท่านเจ้าที่ตอบพลางยกยิ้มอ่อนโยนมาให้ผมอีกครั้ง รอยยิ้มที่คอยปลอบประโลมผมตั้งแต่เมื่อวาน

“ขอบคุณนะพี่ที่รับฟังผม” ผมยิ้มตอบเขาด้วยใจจริง

เขาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคว้ามือผมไปจับแล้วดึงผมเดินออกมาจากศาลานั่งเล่น “ตามมานี่หน่อยสิ”

“ไปไหนครับ?”

“เถอะน่ะ”

แม้จะงงแต่ผมก็ก้าวเท้าตามเขาไป...ท่านเจ้าที่จูงผมมาจนถึงอีกฝั่งของบ้าน ส่วนใหญ่ตรงนี้ผมไม่ค่อยได้เดินมาเพราะว่ามันเป็นสวนต้นไม้ที่ส่วนมากมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่โต แถมยังปลูกเอาไว้เรียงชิดติดกันจนดูรกไปหมด ผมไม่มีเวลาทำสวนในส่วนนี้นัก อย่างมากเลยก็แค่รดน้ำโดยการเปิดสปิงเกอร์เอาไว้เท่านั้น และนานๆ ทีถึงจะมาถอนมาถากหญ้า

“ตกลงลากผมมาทางนี้ทำมะ...”

ผมนิ่ง อะไรที่คิดจะพูดก็มีอันหยุดปากลงในทันทีเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบื้องหน้าของผมคือต้นไม้ใหญ่ตระหง่านสูงต้นเดิม หากแต่ที่ใต้ต้นของมันนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...ตรงกิ่งก้านอันใหญ่โตของมันที่โน้มลงมามากกว่ากิ่งอื่นๆ ถูกผูกเอาไว้ด้วยเชือกป่านเส้นหนาสองเส้น ตามสายเชือกป่านพันตกแต่งเอาไว้ด้วยเถาวัลย์สีเขียวปนน้ำตาลเปลือกไม้ และตามก้านเถาวัลย์ก็มีดอกไม้สีขาวบานสะพรั่งอยู่ทั่ว สิ่งที่เชื่อมเชือกทั้งสองเส้นเอาไว้ที่ด้านล่างก็คือแผ่นกระดานขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มันมีขนาดพอเหมาะให้คนๆ หนึ่งนั่งลงไปได้โดยไม่หล่น

ชิงช้า

...มันคือชิงช้าครับ และมันสวยมากเลยด้วย

“ชอบไหม”

ผมหลุดจากอาการตกตะลึง เลิกลั่กมองหน้าคนถาม “ถามผมเหรอ?”

“ถามสัมภเวสีเร่ร่อนล่ะมั้ง ก็ฉันคุยอยู่กับนายเนี่ย จะให้ฉันไปถามใคร”

ผมพ่นลมหายใจแรงๆ ยกมือเสมอไหล่เป็นเชิงบอกว่ายอมแพ้ “โอเค ผมผิดเองที่ถามโง่ๆ ว่าแต่ชิงช้านี่พี่ทำ?”

“อืม ตกลงนายชอบหรือเปล่าล่ะ”

ผมเงียบไม่ตอบ มองชิงช้าที่อาจจะดูธรรมดา แต่มันกลับสวยงามจนไม่อยากละสายตา ริมฝีปากยกยิ้มกว้างขึ้นมาในตอนที่ผมตัดสินใจเดินไปนั่งลงบนแผ่นไม้ของชิงช้าแล้วแกว่งไกวมันเบาๆ

ผมมองสำรวจเส้นเถาวัลย์กับดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ ที่พันเกี่ยวกับเชือกป่านอยู่พักหนึ่ง ก่อนสุดท้ายจะหันกลับไปหาท่านเจ้าที่เพื่อตอบคำถามที่เขาถามค้างเอาไว้และผมยังไม่ได้ให้คำตอบ

“ชอบมากเลยครับ”

ท่านเจ้าที่ยิ้มกว้างมาให้ผม รอยยิ้มของเขาทำเอาผมใจกระตุก รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งอกจนต้องยิ้มกว้างตามเขา...

“แค่นายชอบก็ดีแล้ว”




__________

อ้าว เราบอกผิดแฮะ ตอนหน้าต่างหากที่อาจจะโดนด่า 555 ตอนนี้มันก็จะอบอุ่นหน่อย...รึเปล่า?  หูยย จริงๆ จะอัพตั้งแต่เมื่อวาน แต่หมดเวลาไปกับการดูพี่เอก HRK แคสเกมผีไทยอย่าง Home Sweet Home ย้อนหลังค่ะ แฮ่ๆ 5 ชั่วโมงแห่งความระทึก กรี๊ดจนคอแทบแตก ไม่มีอะไรโหดเท่าผีไทยอีกแล้ว โดยเฉพาะผีนางรำกับเสียงดนตรีไทยเนี่ย ยอมอ่ะ ผวากรี๊ดจนคอแทบแตกอ่ะค่ะ ว่างๆ ไปดูกันได้นะ หลอนแต่สนุกดีค่าาา

ส่วนวันนี้มาอักช้ามากเพราะหนึ่ง...ติดดูหนังค่ะ วันนี้ดูจบไปสองเรื่อง ตอนบ่าย Wonder Woman ตอนค่ำ White House Down ดูจนตาแฉะ 55 ไม่ได้หรอกค่ะ มีเวลาว่างต้องใช้ให้คุ้มก่อนจะไม่ว่าง ฮือออ พรุ่งนี้สอบโรลเพลย์แล้วด้วย ขอกำลังใจให้เราด้วยนะคะ กำลังใจของเราคือคอมเมนต์ค่ะ ส่งมาเยอะๆ //ขอแบบหน้าด้านๆ ไปอีก 5555

วันไหนสักวันเราอาจจะพิมพ์ทอล์คพิเศษมาคุยด้วยนะคะ หวังว่าจะมีคนสนใจอ่าน เพราะเราอยากคุยเกี่ยวกับที่มาของนิยายเรื่องนี้และอีกหลายๆ เรื่องด้วยค่ะ บางทีอาจจะตอบคอมเมนต์ด้วย ใครมีอะไรสงสัยทิ้งคำถามไว้ได้นะคะ ถ้าตอบได้จะได้เอามาตอบทีเดียวเลยเนอะ...ออหอ ทอล์คยาวอีกแล้ว ไปดีกว่า เจอกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 33 [28-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: tkung ที่ 29-09-2017 00:35:12
จิ้มๆๆ

สู้ๆ นะค่ะ  :mew3: :mew1:

'พี่ภูของน้องแทงค์"
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 33 [28-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-09-2017 01:38:44
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 33 [28-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 29-09-2017 02:52:31
พี่ภูละมุนมากกกก ความดีงามของโลกใบนี้ชัดๆ
แทงค์ต้องปล่อยไปก่อน อย่าไปเสียใจกับเรื่องมี่เราแก้ไขไม่ได้
เราแก้อดีตไม่ได้ เราแก้ความคิดคนอื่นไม่ได้
เราทำได้แค่รอให้เค้าคิดได้เองเท่านั้นแหละ
พี่ภูปลอบน้องด้วยยยย โอ๋ๆนะะ
ดราม่าอีสสสคัมมิ่ง รอค่าา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 33 [28-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-09-2017 04:36:36
ปัญหาของหลานแทงค์ ยังแก้ได้ซักที ท่านเจ้าที่ช่วยทีสิ สงสารหลานแทงค์  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 33 [28-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-09-2017 10:54:51
 :กอด1: ดูแลและปกป้องน้องด้วยใจรักเน๊าะพี่ภู หวานไปน่อ แต่อ่านตัวหนังสือแดงๆ แล้วเครียดไปก่อนได้ป่ะคะ
เอาเบาๆ อย่าหนักมากสงสารน้องมัน จิตใจไม่ปกติดีมีท่านภูคอยดูแล เฮ้อ....
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 33 [28-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-09-2017 17:51:23
ท่านภูละมุนขึ้นเรื่อยๆเลยอ่าาา แพ้ทางงง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 33 [28-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-09-2017 19:52:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 33 [28-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 30-09-2017 00:17:38
ดีงามมมม
รักท่านภูตลา  :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 34 [30-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 30-09-2017 21:59:05
ตอนที่ 34

“ฉันจะเป็นคนดูแลนายแทนทุกกระเบียดนิ้วเลยล่ะ"
 

วันจันทร์ผมลังเลใจอยู่นานมากว่าจะไปเรียนดีไหม ก็นั่นล่ะครับผมไม่อยากเจอพวกมันในตอนนี้สักเท่าไหร่ จะให้ทนมองหน้าเพื่อนที่ตัดเราทิ้งออกจากชีวิตของพวกมันโดยที่ไม่ฟังเราอธิบายเลยแม้แต่นิดเดียวได้ยังไงล่ะครับ อีกอย่างผมก็ยังรู้สึกผิดไม่หายด้วย ไม่กล้าไปสู้หน้าพวกมันหรอก

เฮ้อ! แต่ผมไม่อยากขาดเรียนอ่ะ และผมจะไม่ยอมให้อะไรก็แล้วแต่มาทำให้ผมเรียนไม่ทัน เพราะฉะนั้นผมยอมเผชิญหน้ากับพวกมันดีกว่าหนีแล้วตัวเองเดือดร้อนเรื่องเรียนล่ะนะ

“นายไหวแน่นะ?” ท่านเจ้าที่ถามผมเป็นรอบที่สิบเห็นจะได้ ผมเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงผม และนั่นทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมนะครับว่า...

“ผมไหวน่า พี่เลิกกังวลได้แล้ว”

“ก็สีหน้านายเหมือนคนไม่ได้หลับได้นอนนี่ ฉันกลัวนายจะขี่รถไปล้มเลิ้มที่ไหนเข้า”

“กลัวผมไปชนคนอื่นก็บอกมาเถอะ ฮะๆ”

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ยังไงฉันก็เป็นห่วงนายมากกว่าอยู่ดี”

ตึกตัก...ผมกระพริบตาปริบมองหน้าท่านเจ้าที่อยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะเสมองไปทางอื่น พยายามควบคุมหัวใจที่เต้นผิดจังหวะให้กลับมาเป็นปกติ เดี๋ยวนี้ท่านเจ้าที่ชอบทำให้ผมใจเต้นว่ะ ไม่ดีเลย ผมรู้สึกหายใจไม่ทันยังไงก็ไม่รู้

“ผมโอเคน่า เอาเป็นว่าจะไม่ไปล้มหรือไปชนใครครับผม”

“เฮ้อ ดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจากความไม่ดูแลตัวเองของนายล่ะก็” ท่านเจ้าที่ชี้นิ้วใส่หน้าผมจนแทบจะจิ้มจมูก อื้อหือ ขนาดนี้จิ้มตาเลยไหมล่ะ “ฉันจะเป็นคนดูแลนายแทนทุกกระเบียดนิ้วเลยล่ะ”

วะ โว้ย! ไปดีกว่า พูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่อยากคุยกับเขาแล้ว!

“ผมไปละ บาย” ผมโบกมือก่อนจะก้าวฉับๆ ไปคร่อมรถแล้วขี่ออกจากบ้านทันที ฉิบหาย เดี๋ยวนี้ท่านเจ้าที่เป็นคนแบบนี้แล้วหรือวะ!? มีใครบ้างขู่คนอื่นว่าถ้าไม่ดูแลตัวเองจะเป็นคนดูแลให้เองอ่ะ ไม่ใช่แฟนทำแบบนี้ก็ได้หรืองายยย

พูดให้คนอื่นหวั่นไหวใจสั่นงี้ได้ไง เดี๋ยวผมอยากได้เขาเป็นแฟนขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไงล่ะ ฮึ่ย

__________

มาถึงมหา’ลัยผมก็แวะซื้อขนมปังกับนมเป็นมื้อเช้า นั่งกินที่โต๊ะหน้าตึกคณะจนหมดโดยใช้เวลาไม่กี่นาที ก่อนจะแบกเป้ที่มีหนังสือเรียนกับสมุดเลคเชอร์ไม่กี่เล่มก้าวขึ้นบันได ผมเรียนแค่ชั้นสองนี่เอง จะขึ้นลิฟท์ทำไมให้เสียเวลาล่ะ แล้วดูคนรอลิฟท์ซะก่อนเหอะ เยอะขนาดนั้นเบียดกันเข้าแน่ๆ ผมไม่เอาด้วยหรอก เหอๆ

พอมาถึงห้องเรียนผมก็ยืนทำใจอยู่หน้าห้องเกือบห้านาที ในหัวคิดไปต่างๆ นานาว่าพวกมันมากันหรือยัง แล้วถ้าเกิดเจอหน้ากันพวกมันจะมองผมยังไง...ตัวผมเองก็ด้วย จะมองหน้าพวกมันยังไง

ทุกอย่างระหว่างผมกับพวกมันน่ะกำลังย่ำแย่ ย่ำแย่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยสักครั้ง น่าตลกนะครับที่แค่เพียงเรื่องๆ เรื่องเดียวทำให้เราทะเลาะกันได้ขนาดนี้

ผมสูดหายใจเข้าลึก ตั้งสติบอกตัวเองว่าจะเจออะไรหลังบานประตูก็ช่าง ผมก็แค่ต้องเข้มแข็ง ต้องเผชิญหน้าโดยไม่หนี ผมจะอ่อนแอไม่ได้ พวกมันไม่มีเหตุผล แต่ผมต้องมี

ผมก้าวเท้าเข้าห้องในวินาทีต่อมา เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเพื่อนร่วมเซคพูดคุยกันดังลั่นห้องเป็นปกติ ผมกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะชะงักเมื่อเจอพวกมันนั่งอยู่ตรงที่ประจำของพวกเรา...ไอ้เนสหันมามองผม แต่พอเห็นว่าเป็นผมมันก็เบือนหน้าหนี ไอ้คลาร์กเหลือบมามองเช่นกันแต่ก็หันกลับไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ อ่า...พวกมันเมินผมตามที่คาดเอาไว้เลยครับ จะมีก็แต่ไอ้ฮัทที่ส่งยิ้มมาให้ แต่ผมก็มองออกว่ายิ้มของมันแห้งแล้งมากขนาดไหน ผมคงต้องขอบคุณมันที่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้โกรธผมเหมือนไอ้สองคนนั้น

ผมยิ้มตอบมันเล็กน้อยหวังคลายความกังวลใจของมัน จากนั้นจึงมองหาที่ว่างที่ตรงอื่นแทน แอบเหลือบมองไปที่ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กอีกครั้ง ตอนนี้พวกมันไม่มองมาที่ผมเลยสักนิด มีแค่ไอ้ฮัทอีกเหมือนเดิมที่คอยแต่จะมองผมเรื่อยๆ ผมรู้ว่ามันเป็นห่วง และผมก็ซาบซึ้งที่อย่างน้อยผมก็ยังมีมัน

เสียงของเพื่อนร่วมเซคที่ผมไม่ได้สนิทด้วยแต่ก็รู้จักกันดีในระดับหนึ่งดังขึ้นข้างๆ เรียกให้ผมกลับมาสนใจมัน

“เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมมึงมานั่งนี่”

“ไม่มีอะไร”

“จริงอ่ะ ไม่ใช่ว่าทะเลาะกับพวกมันเหรอ?” เพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้กันเอ่ยถามพลางพยักพเยิดหน้าไปทางไอ้เนสกับไอ้คลาร์ก ผมส่ายหน้าอีกครั้ง ไม่อยากอธิบายเรื่องวงในของกลุ่มผมให้ใครรู้

“ไม่มีอะไรจริงๆ กูก็แค่ขี้เกียจเดินไปนั่งกับพวกมัน”

พวกมันทำหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ยอมล่าถอยไป “อ่าฮะ เชื่อก็ได้”

ผมลอบถอนหายใจ หลังจากนี้ต้องมีเสียงนินทาดังไปรอบๆ เซคนี้แน่นเลย...เรื่องที่ไอ้แทงค์โดนเพื่อนร่วงวงบอยคอต อะไรแบบนั้นล่ะมั้ง

เรียนจนจบคลาสเช้าก็เล่นเอาผมแทบหลับคาหนังสือ ผมรอให้เพื่อนส่วนใหญ่ลุกออกไปก่อนเช่นเคยแล้วถึงจะลุกขึ้นบ้างหลังจากคนเริ่มซาลง เตรียมจะก้าวออกจากห้องแต่ก็ดันได้เผชิญหน้ากับไอ้เนสและไอ้คลาร์กเข้าเสียก่อนโดยไม่ทันตั้งตัว

ไอ้เนสเป็นคนแรกที่สบตากับผม มันยกยิ้มหยันส่งมาให้แล้วหันหน้ากลับไป ก้าวออกจากห้องโดยไม่ลืมคว้าไหล่ไอ้คลาร์กไปด้วย ส่วนผมก็ได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น

“แทงค์” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีมือข้างหนึ่งตบปุลงบนไหล่พร้อมกับเสียงเรียกชื่อ หันไปมองก็พบว่าเป็นไอ้ฮัท มันยักคิ้วให้ผมพลางเอ่ยชวน “ไปกินข้าวกัน”

“กู...กูว่ากูจะกลับบ้านว่ะ”

“เฮ้ย ยังเหลือคลาสบ่ายนะ มึงจะเทเหรอวะ?” ไอ้ฮัทแย้งอย่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่กับความคิดผม

ผมส่ายหน้าให้มัน “กูคงทนเรียนต่อไม่ไหวหรอกว่ะ มึงดูสายตาที่มันมองกูดิฮัท ถ้าจะให้กูเข้าคลาสบ่ายแล้วเผลอหันไปสบสายตาแบบนั้นของพวกมันอีก กู...กูไม่เอาหรอก กูกลับบ้านดีกว่า”

“กูรู้ว่าพวกมันดูงี่เง่านะเว้ยที่โกรธมึงในเรื่องแบบนี้ พวกมันเหมือน...” ไอ้ฮัทถอนใจ “เหมือนคนที่เห็นเพื่อนได้ดีกว่าไม่ได้ แต่กูรู้นะว่าพวกมันไม่ใช่คนแบบนั้น พวกมันก็คงแค่ไม่อยากให้มึงทิ้งวงที่เราฟอร์มมาด้วยกัน”

“แต่พวกมันก็น่าจะรู้ว่ากูไม่มีทางทำแบบนั้น ถึงกูจะตอบรับข้อเสนอของทางนั้นโดยไม่ทันได้คิดถึงเรื่องวงของพวกเรา ซึ่งกูยอมรับว่านั่นเป็นความผิดของกูจริงๆ แต่กูก็ไม่เคยคิดเลยแม้แต่สักครั้งเดียวที่จะทิ้งวง” ผมระบายความในใจออกมาจนหมด “แต่พูดไปก็เหมือนแก้ตัว ช่างมันเถอะ สุดท้ายแล้วยังไงกูก็ผิดอยู่ดี”

“กูเข้าใจ และพยายามอธิบายให้พวกมันเข้าใจอยู่ มึงรออีกนิดแล้วกันนะ”

ผมพยักหน้ารับพลางถอนหายใจ “มึงอย่ากังวลเลย กูก็แค่รู้ตัวว่าตัวเองผิดจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดจะรู้สึกเสียใจไม่ได้ที่พวกมันพูดจาทำร้ายจิตใจกูเมื่อวันนั้น...นี่มันเรื่องงี่เง่า พวกมันไม่มีเหตุผล ส่วนกูก็เหี้ยเกินกว่าจะให้อภัย”

“มึง...” ไอ้ฮัทเหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี สุดท้ายมันเลยเปลี่ยนเรื่อง “ตกลงจะกลับบ้านสินะ”

“อื้อ ไปก่อนนะมึง ฝากจดเลคเชอร์ให้ด้วย”

“ได้ กลับไปพักผ่อนเถอะ มึงเหมือนคนไม่ได้นอนเลย”

ผมโบกมือลามันโดยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธข้อสันนิษฐานของมัน...ก็ตามที่มันพูดน่ะแหล่ะ ผมนอนไม่ค่อยหลับเลยมีสภาพสะโหลสะเหลดูไม่ค่อยได้แบบนี้ คนอื่นไม่ทันสังเกตแต่กับไอ้ฮัทมันไม่มีพลาดหรอกครับที่จะเห็นความผิดปกติของเพื่อน ไอ้นี่มันเงียบๆ ไม่ค่อยพูดแต่ชอบสังเกตคนอื่นเสมอ

ผมขี่รถกลับบ้าน หากแต่ความคิดหนึ่งก็รั้งผมให้เลี้ยวเข้าดีซีซุปเปอร์ฯ ก่อนจะถึงบ้าน เอ่ยทักทายพวกพี่ๆ พนักงานกะบ่ายที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเล็กน้อย ตอนนี้เที่ยงกว่าแล้ว ซึ่งนั่นก็ดีเพราะผมมีเป้าหมายอยู่ที่ตู้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ผมหยิบเอาเบียร์ใส่ตะกร้าทั้งสิ้นแปดขวดได้ หยิบขนมเคี้ยวเล่นอีกสองสามห่อก่อนจะตรงไปชำระเงินที่เคาท์เตอร์...พี่กันต์ที่ประจำอยู่ตรงเคาท์เตอร์พอดีมองของในตะกร้าผมตาโต คิดเงินไปก็ชวนคุยไปด้วย

“โห ซื้อไปขนาดนี้ที่บ้านมีปาร์ตี้เหรอแทงค์ แต่หัววันเลยนะ”

“ตอนเย็นน่ะพี่ แต่ผมขี้เกียจออกมาอีกเลยแวะซื้อตอนนี้” ผมตอแหลส่งๆ ไป ใครบอกว่ามีปาร์ตี้ล่ะครับ ทั้งหมดนี่ผมจะดื่มคนเดียวต่างหาก ผมอยากดื่มให้เมาปลิ้น เผื่อจะลืมเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นไปได้บ้าง

จ่ายเงินเสร็จผมก็เดินออกมาและพาตัวเองกลับบ้านอย่างไวที่สุด เข้าบ้านมาได้สิ่งแรกที่ผมทำก็คือสอดส่ายสายตามองหาท่านเจ้าที่ แต่ก็ไม่ยักเจออีกฝ่าย บ้านเงียบสนิท

ท่านเจ้าที่คงไปทำงานแบบพระภูมิๆ ของเขาล่ะมั้ง...ซึ่งก็ดีครับ ผมจะได้ไม่โดนบ่นเรื่องดื่ม

ผมเลือกจะดื่มบนห้องนอน โยนกระเป๋าลงแถวโต๊ะคอมฯ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นก่อนจะเอนหลังพิงขอบเตียงนอนของตัวเอง เอื้อมมือหยิบควรเบียร์มาเปิดด้วยที่เปิดขวดซึ่งแวะหยิบมาจากห้องครัวก่อนขึ้นมาบนห้อง จากนั้นก็กระดกมันลงคอโดยไม่คิดจะใช้แก้วให้เสียเวลาริน

สมองของผมหวนนึกไปถึงสายตาของไอ้เนสกับไอ้คลาร์กที่มองผม...ริมฝีปากของพวกมันที่ยิ้มเหยียดใส่ผม ประโยคเดิมๆ ที่มันพูดกับผมเมื่อหลายวันก่อนดังวนเวียนซ้ำๆ ไม่เลิกราอยู่ในห้วงความคิดคำนึงของผม จนผมทำได้แค่ดื่มเบียร์เข้าไปอีกเท่านั้นเพื่อหวังว่าตัวเองจะเมาจนหลับไปจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดใจกับเรื่องนี้อีก แม้จะแค่ไม่นานก็ตาม





__________

ถ้าจัดหน้าแปลกๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีเราอัพในโทรศัพท์น่ะค่ะ เลยค่อนข้างทุลักทุเล แหะๆ ตอนแรกว่าจะอัพพรุ่งนี้ แต่คิดดูอีกทีอัพวันนี้ดีกว่า เพราะวันจันทร์เรามีสอบเช้า พรุ่งนี้เราควรอ่านหนังสือค่ะ 55555

ดราม่าเรื่องเพื่อนเช่นเดิม เพิ่มเติมคือทำให้นักอ่านเกลียดเจ้าเนสกับเจ้าคลาร์กยิ่งกว่าเดิม แง้ อย่าด่าพวกนางเลยนะคะ อย่าเพิ่งเกลียดพวกนางด้วย พวกนางน่ารักน้าา แค่ตอนนี้น่ากระทืบไปนิดนึงเท่านั้นเอ๊งง และอย่าด่าเราด้วย กลัวเด้อ //พนมมือแล้วก้มลงกราบ

ไปดีกว่า ควรนอนไวๆ บ้าง ฮือออ หลังๆ มานี่บางทีอยากนอนก่อนเที่ยงคืนแต่สุดท้ายถ้าไม่ตีสองตีสามก็ไม่ยอมหลับ รู้สึกแย่มากค่ะ ตื่นมาทีงี้หน้ามืดโลกหมุน ความดันต่ำอีกแล้วแน่เลย ทำยังไงถึงจะนอนไวๆ ได้บ้างคะเนี่ย...เอาล่ะเจอกันตอนหน้านะคะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 34 [30-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-09-2017 22:24:03
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 34 [30-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-09-2017 22:42:29
 :เฮ้อ:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 34 [30-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-09-2017 22:51:28
เมื่อไหร่จะดีกันเสียที งอนกันนานแล้วนะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 34 [30-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 30-09-2017 22:52:49
เราว่าพฤติกรรมเนสกับคาล์กด็ไม่เหมือนคนที่โกรธเพื่อนเลย ดูเหมือนไม่เคยเป็นเพื่อนกันมากกว่า ใจร้ายยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 34 [30-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-10-2017 09:33:12
 :z6: โห...พูดงี้ได้ไงอ่ะ สองคนนั้นคิดอะไรอยู่ ความคิดน่าเกลียดมาก  :m16:
สู้ๆ น้องแทงค์ กลับไปหาพี่ภู ให้พี่เขาปลอบ  :กอด1:
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 34 [30-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-10-2017 09:34:41
ชีวิตของคนเรา ไม่ได้ราบรื่นไปทุกสิ่งทุกอย่างนะแทงค์
เดี๋ยววันนี้ก็จะผ่านไป ใจเย็นๆ หันไปสนใจเจ้าที่ดีกว่านะ กรู๊ๆๆๆๆ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 34 [30-09-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-10-2017 11:22:10
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 02-10-2017 01:16:26
ตอนที่ 35

“...ทำกับผม”

 

[ภูตลา]

กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ เทวดาอารักษ์หนุ่มก็แทบหมดเรี่ยวหมดแรง หลังเซ็นเอกสารชุดสุดท้ายของวันนี้ส่งให้เลขาฯ สาวแล้ว เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้เสียที

เหลืออีกเดือนเศษ ๆ ภูตลาก็จะเกษียณอายุการเป็นเทวดา สัปดาห์สุดท้ายคือการลงจากตำแหน่งและเปิดการเลือกตั้งสภาแห่งเทพสมัยใหม่ เขาไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่อย่างใด แน่นอนเพราะเขากำลังจะไปเกิดอยู่รอมร่อ กฏหมายแห่งสวรรค์มาตราที่ 2317 ตราไว้ว่าห้ามเทวดาที่กำลังจะไปเกิดร่วมลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโดยเด็ดขาด

จะว่าไปแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ตั้งแต่เขาย้ายศาลพระภูมิมาอยู่ที่บ้านของเจ้าเด็กแทงค์ก็ผ่านมาสองเดือนกว่าเข้าไปแล้ว จากที่ตั้งใจจะมาตามรังควานเจ้าเด็กสามหาวคนนั้น ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นมาดูแลเด็กมันแทนเสียได้

แทงค์ไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอก พอได้รู้จักจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาก อยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังนี้ช่างน่าสงสาร ต้องเหงาเพราะไม่มีใครให้พูดคุย ยิ้ม หรือหัวเราะยามเมื่อกลับมาถึงบ้าน หากแต่เด็กคนนั้นก็ยังทนอยู่ได้ เทวดาอย่างเขาจึงรู้สึกเอ็นดูไม่น้อยกับความอดทนและความพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปของอีกฝ่าย

จะมีก็แต่เหตุการณ์ล่าสุดนี่ล่ะที่เจ้าแทงค์เสียศูนย์จนยอมปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมา เด็กที่เข้มแข็งคนนั้นร้องไห้...น้ำตาที่ภูตลาไม่เคยเห็นเลยแม้แต่น้อยในวันที่มันพูดถึงพ่อแม่และชีวิตอันเงียบเหงาเดียวดายของตัวเอง แต่เขากลับได้เห็นมันเพียงเพราะอีกฝ่ายทะเลาะกับเพื่อน เห็นได้ชัดว่าเพื่อนคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้สำหรับเด็กหนุ่ม

"มัทนา เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว"

นางไม้กุหลาบเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นนายเมื่อได้ยินคำถาม มือที่กำลังจัดเรียงเอกสารหยุดลงก่อนจะเอ่ยตอบ "กำลังดำเนินการเจ้าค่ะ ตอนนี้ภารกิจของท่านคืบหน้าไปได้ 50% แล้ว"

"งั้นหรือ..."

"ท่านภูตลากังวลหรือเจ้าคะ"

"อืม ข้ากลัวว่ามันจะผิดพลาด"

"เดิมทีสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นการเล่นสนุกของบรรดารองมหาเทพอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ดูจะเกินไปเสียหน่อย จึงค่อนข้างยากที่จะแก้ไขได้โดยง่ายเหมือนครั้งที่ผ่าน ๆ มาก็เท่านั้นนี่เจ้าคะ แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ไขจนลุล่วงไปได้"

"นั่นล่ะมัทนา เพราะมันยากกว่าครั้งที่ผ่านมา ข้าจึงกังวล" เทวดาหนุ่มเอ่ยพลางทอดถอนใจ "ครั้งนี้บรรดารองมหาเทพเล่นกับความรู้สึกของมนุษย์มากเกินไป แม้ว่าจะยังไม่มีกฏหมายมาตราไหนที่บ่งชี้ว่าพวกเขากระทำผิด แต่มหาเทพเองก็ค่อนข้างไม่พอใจกับการกระทำของพวกเขา ยิ่งเมื่อองค์มหาเทพกำลังจะลงสมัครเลือกตั้งสมัยที่สองแล้วด้วย ก็ยิ่งไม่อยากให้ตนเองพลาดตำแหน่งเพียงเพราะลูกน้องในพรรคทำเรื่องผิดพลาดหรอก”

“พวกเขา...ไม่น่าเล่นสนุกแบบนี้เลยนะเจ้าคะ”

"ใช่ เฮ้อ บางทีข้าก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาอยู่กันมานานจนเบื่อหน่ายล่ะมั้ง ครั้งนี้จึงทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เรื่องมันจึงได้ยุ่งยากมากถึงเพียงนี้ บางทีข้าก็อยากจะเดินเข้าไปหาพวกเขาแล้วตะบันหน้าสักคนละที เอาให้สาสมกับที่สร้างความเดือดร้อนใหญ่โต แถมยังไม่คิดจะจะสละตนเองเพื่อแก้ไขมันอีก...เจ้าก็รู้นี่มัทนาว่าวิธีแก้ไขความผิดพลาดในครั้งนี้คืออะไร ไม่แปลกเลยจริง ๆ ที่จะไม่มีใครออกมารับผิดชอบ แม้พวกเขาจะกระทำมันลงไปเองก็ตาม หึ!”

เกิดความเงียบขึ้นเมื่อท่านภูตลากล่าวจบ นางไม้กุหลาบแสนสวยคิดถึงสิ่งที่ผู้เป็นนายลงทุนลงแรงทำเพื่อผลประโยชน์สำคัญก่อนจะไปเกิดใหม่ ก็ให้อดเป็นห่วงไม่ได้

"ท่านภูตลาเจ้าคะ ท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่ที่ยื่นข้อเสนอเช่นนั้นกับองค์มหาเทพ"

คนถูกถามยกยิ้มบางให้กับเลขาฯ สาว รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเขา "แน่นอน ไม่มีครั้งใดที่ข้าจะมั่นใจเท่านี้มาก่อน"

"ความรักช่างงดงามนัก ข้าขอให้ท่านผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ แม้สิ่งที่ต้องแลกเพื่ออนาคตจะยิ่งใหญ่ แต่ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องไม่เสียใจที่เลือกเช่นนั้นเจ้าค่ะ"

"ขอบใจมัทนา"

เพล้ง!!!

เสียงบางอย่างแตกดังกังวานเขามาถึงในศาลพระภูมิของเทวดาหนุ่ม ขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขาทั้งสอง ภูตลาเหลียวมองออกไปนอกศาล มองไปยังที่มาของเสียงซึ่งไม่ใช่ที่ไหนอื่นไกล แต่เป็นห้องนอนของเจ้าเด็กแทงค์

"ข้าคิดว่าท่านควรไปดูเขาเสียหน่อยดีกว่านะเจ้าคะ ส่วนเอกสารพวกนี้ข้าจะนำส่งให้เรียบร้อยเจ้าค่ะ"

"อืม ฝากด้วยนะมัทนา"

ภูตลาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในห้องนอนของเด็กหนุ่มผู้สร้างความกระวนกระวายใจให้เขามาหลายวัน เหตุเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เศร้าซึมเรื่องเพื่อนจนนอนไม่ค่อยพอ ท่าทางหม่นหมองจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้...เมื่อมาถึงห้องของอีกฝ่าย ก็พบว่าเวลานี้แทงค์กำลังนอนแผ่หลาอยู่กับพื้นห้อง รอบตัวเต็มไปด้วยขวดเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วทั้งสิ้นแปดขวด เห็นดังนั้นเจ้าที่หนุ่มก็ยิ่งเป็นห่วงเป็นใยเด็กหนุ่มยิ่งกว่าเดิม

“อืออ ไอ้พวก...เหี้ย! พวกมึงแม่ง...ไม่เข้าใจ...กู!!”

เด็กหนุ่มจอมแสบของท่านเจ้าที่หนุ่มโวยวายไปก็กลิ้งไปมาโดยไม่สนใจว่าตอนนี้กำลังนอนอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ ส่งเสียงอ้อแอ้ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ออกมาตลอดเวลา

“ให้ตายสิ” ภูตลาส่ายหน้าให้กับภาพที่เห็น จะเอ่ยต่อว่าก็ทำได้ไม่เต็มปากนักเพราะเข้าใจว่าอะไรทำให้อีกฝ่ายมีสภาพเช่นนี้ สุดท้ายเลยได้แต่ปล่อยไปไม่บ่นออกมา แล้วเลือกที่จะพาคนเมาเข้านอนแทน “ลุกขึ้นมาก่อน”

“อื้อ! ไม่อาววว พวกมึงมาคุย...คุยกะกูก่อน กู...กูขอท่ดได้ป่าล่ะ”

“ฉันไม่ใช่เพื่อนนายสักหน่อย เอ้า ลุกสิวะ”

“ไม่ช่ายเพื่อนน แล้ว...ครายยย”

“ท่านเจ้าที่ของนายไง” ภูตลาตอบ มือหนาดึงรั้งต้นแขนเรียวของเด็กหนุ่มขี้เมาที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะโอบเอวบางเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปอีก “ยืนดี ๆ”

“ท่านเจ้าที่...ท่านเจ้าที่ของนาย...ของผม...” แทงค์พูดวกวนไปมา แต่จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นสบตาคนสูงกว่า ยิ้มหวานนัยน์ตาเยิ้มให้ สุ่มเสียงแหบทุ้มเอ่ยยานคางเพราะเมาจัด “ท่านเจ้าที่...ของแทงค์หรอออ”

“...” ภูตลาชะงัก มองใบหน้าใสของเด็กในอ้อมแขนอยู่นานหลายนาที...คำพูดธรรมดา แต่กลับทำให้หัวใจของเทวดาหนุ่มกระตุกวูบ อ่า...ไม่ได้การละ รีบส่งเด็กขี้เมาเข้านอนดีกว่า เขาจะได้ไปพักบ้าง

“เดินดี ๆ ฉันจะพานายไปนอน ยังไม่ทันมืดค่ำเลยก็เมาเสียแล้ว นิสัยไม่ดีเลยนะเจ้าเด็กนี่”

“ไม่นอนนน”

“ต้องนอน เมาเหมือนหมาอย่างนี้ ฉันไม่ยอมให้นายก่อความวุ่นวายแน่ อะ เฮ้ย!”

ตุบ!

ทั้งๆ ที่พาเดินมาถึงเตียงนอนได้โดยไม่ล้มลงไปแล้วแท้ ๆ แต่แทนที่ภูตลาจะได้วางร่างของแทงค์ลงกับฟูกนุ่ม ดันกลายเป็นว่าเขาเสียเองที่โดนผลักให้นั่งลงกับขอบเตียง แถมคนเมาที่ตาเยิ้มสุด ๆ ยังขึ้นมานั่งคร่อมบนตักเขาอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก!!

“ลงไปเลยนะไอ้เด็กนี่ ทำแบบนี้มันบัดสีบัดเถลิงนะว้อย!”

“อะไยง่ะ” แทงค์เอียงคอเอ่ยถามด้วยคำพูดที่แทบไม่เป็นคำแล้วในตอนนี้ ดวงตาเรียวกระจ่างหวานเยิ้มสบเข้ากับนัยน์ตาสีรัตติกาล ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าใกล้เจ้าที่หนุ่มมากกว่าเดิมจนตอนนี้ปลายจมูกของทั้งสองแตะกัน ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดกันและกันเหนือริมฝีปาก ก่อนจะหลอมรวมกันในเวลาต่อมาเมื่อฝ่ายที่แนบรอยสัมผัสก่อนคือคนเมา...

แทงค์กดเรียวปากลงกับริมฝีปากของเทวดาหนุ่ม บดคลึงเบา ๆ ก่อนจะหนักหน่วงขึ้นเมื่อฝ่ายตรงข้ามตอบรับด้วยการจูบตอบคืนมา...สองคนเคล้าเคลียริมฝีปากเข้าหากันอยู่หลายวินาที จากนั้นเด็กหนุ่มที่เมาไม่ได้สติก็เป็นฝ่ายแทรกปลายลิ้นเข้าหาในปากอุ่นของอีกคน

เรียวลิ้นปัดป่ายแตะไล้กันและกัน ลืมไปหมดสิ้นทั้งเวลาและสถานภาพของตัวเอง ลืมแล้วจริง ๆ ว่าคนหนึ่งนั้นคือมนุษย์ หากแต่อีกคน...เป็นเทวดา

ระหว่างแลกจูบกัน สองมือของภูตลาโอบเอวของคนที่นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาเอาไว้แน่น ขณะที่แทงค์ไล้ปลายนิ้วไปตามแนวกรามและลำคอของท่านเจ้าที่หนุ่ม ลูบวนไปมาก่อนจะเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ จนฝ่ามือสัมผัสเข้ากับหน้าท้องแกร่งที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำขวางกั้น

คนเมาผละจูบออกในเวลาต่อมา มือข้างที่ไม่ได้ลูบไล้แผ่นท้องแกร่งเลื่อนขึ้นไปจับขยุ้มเส้นผมสีปีกกาของท่านเจ้าที่ ออกแรงดึงเบา ๆ ให้ใบหน้าหล่อเข้มแหงนเงยขึ้น แล้วตัวเองจึงเลื่อนใบหน้าลงฝังปลายจมูกเข้ากับลำคอแกร่ง

จุ๊บ...จุ๊บ...

เรียวปากสีแดงช้ำเพราะฤทธิ์จุมพิตก่อนหน้ากดแนบจูบไปทั่วลำคอแกร่งของคนข้างใต้ ตามด้วยตวัดปลายลิ้นลงที่ลูกกระเดือกเพียงหนึ่งครั้ง กระนั้นกลับทำให้คนโดนกระทำสะดุ้งเฮือก เรียวแขนที่รัดเอวบางไว้เผลอกระชับแน่นมากขึ้นกว่าเดิม จนอะไรบางอย่างใต้กางเกงสัมผัสกันแผ่วเบา พาเอาร่างของคนทั้งสองร้อนวูบวาบขึ้นมาในฉับพลัน

“พี่ภู...”

“หะ หืม?” ภูตลาตอบรับเสียงเบาราวกับกระซิบ มองเหม่อเข้าไปในดวงตาฉ่ำเยิ้มแสนยั่วยวนของร่างบนตักอย่างไม่รู้ตัว ลืมเลือนแล้วซึ่งสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำก่อนหน้านี้

“ผม...” แทงค์พูดได้เพียงแค่นั้น แล้วเจ้าเด็กหนุ่มขี้เมาก็ฟุบหน้าลงกับบ่าแกร่ง เมาหลับไปอย่างรวดเร็วในที่สุด ทิ้งให้ภูตลานั่งนิ่งงันอยู่ที่เดิมและท่าเดิมเป๊ะ กว่าจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปอีกหลายนาทีเลยเชียวล่ะ

เป็นเทวดามาจะสองร้อยปีไม่เคยใกล้ชิดมนุษย์คนไหนมากขนาดนี้มาก่อน มากจนแทบจะได้เสียกันอยู่รอมร่อ นี่เขา...นี่เขาทำอะไรลงไปกันเนี่ย!

เทวดาหนุ่มสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ อยู่หลายครั้ง พยายามตั้งสติก่อนจะจับร่างคนเมาที่หลับไปแล้วลงนอนกับเตียงนุ่มดี ๆ แล้วจึงรีบผุดลุกขึ้นถอยออกห่าง...อ่า ไม่ดีแน่หากยังอยู่ใกล้อีกฝ่าย ไม่ปลอดภัยกับใจเขาเลยสักนิด

ใช้เวลาสงบสติอารมณ์อยู่อีกนานกว่าที่ภูตลาจะกลับมาตั้งสติให้เป็นปกติได้ ชายหนุ่มเหลือบมองไปยังร่างบนเตียง สุดท้ายก็ตัดสินใจหายตัววับกลับมาที่ศาลพระภูมิของตัวเองในทันทีทันใด ถ้าหากเขายังอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ เขาคงหักห้ามใจตนเองไว้ไม่ได้เป็นแน่ เพราะเขาอาจจะเผลอ...

สัมผัสเรียวปากอันนุ่มนิ่มและหอมหวานนั่นอีกครั้ง



__________

พอเห็นฟีดแบ็กของตอนที่แล้วก็ถึงกับกลัวเลยค่ะ ฮือ ทุกคนอินอะไรกันขนาดนั้นนน อินจนเราต้องรีบมาอัพตอนใหม่อ่ะ จะได้จบๆ ดราม่าไปเนอะ มันควรเข้าสู่ความหวานได้แล้ววว แหะๆ

เหย มีคนรู้ทันเราอ่ะ รู้ได้ไงว่าแทงค์เมาแล้วจะทำมิดีมิร้ายพี่ภูคะ 55555 เป็นไงล่ะ ทำจริงๆ ด้วย ฮ่าา ท่านเจ้าที่โดนเด็กเมายั่ว สงสารเขานะครับ กรั๊กๆๆ //หัวเราะสะใจเบาๆ

มีคนมองอีกมุมของความสัมพันธ์ระหว่างแทงค์กับเพื่อนทั้งสองด้วยล่ะ มาดูกันเนอะว่าเรื่องจะเป็นไงต่อ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่อยากบอกก็คือ...นักอ่านคนไหนดูใจเริง ให้คิดว่าแทงคคือพิมและเนสกับคลาร์กคือใจเริงค่ะ 55555 เพราะอะไรเดี๋ยวเรามาเฉลยในตอนที่ 37 นะคะ

ส่วนตอนหน้า ท่านเจ้าที่จะทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวค่ะ ฮ่าาา ไปอ่านหนังสือสอบต่อละ ว่าจะอ่านอีกนิดแล้วไปนอน ไว้พบกันตอนหน้านะคะ ตอนหน้าก็จบดราม่าแล้วเด้อ แล้วเจอกันค่ะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 02-10-2017 02:06:08
โอ๊ยยยยยยย จะรักกันยังไง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-10-2017 04:25:17
 :z6: ของทีนึงนะหลานแท้งค์ เกือบจะได้กินท่านเจ้าที่อยู่แล้วเชียว เกิดมีจิตสำนึกส่างเหล้าขึ้นมาได้เนอะ  :m31: :fire:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-10-2017 07:02:56
เกือบไปละ สู้ต่อไปจ้า
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-10-2017 07:38:42
พี่ภูทำอะไรอะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakkriengkai ที่ 02-10-2017 09:25:35
เมื่อไหร่เขาจะได้กันนนนนนนนนน   :z1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 02-10-2017 14:36:06
พี่ภูเกือบไแล้วววว เกือบเสร็จแทงค์แล้วว55555
ท่านเจ้าที่ของเราเหมือนโดนล่อลวงเลยนะคะ วงวารรร
โอ๋ๆแทงค์นะ เพื่อนพูดแย่ขนาดนี้จะเสียใจก้ไม่แปลกอะ
แต่หนูจะเมาแล้วไปล่อลวงพี่ภูมาแบบนี้ไม่ได้นะคะ
เดี๋ยวพี่เค้าทำผิดกฎแล้วมันจะยุ่งงงง
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 02-10-2017 16:48:25
เกลียดอิเพื่อนอยากให้น้องเลิกคบไปเลย ถ้ากลับไปดีกันรู้สึกรับไม่ได้คะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-10-2017 17:28:35
 :hao7: :z1: :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 02-10-2017 22:56:58
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-10-2017 23:20:02
เกือบไปแล้วท่านเจ้าที่  :hao6:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 35 [02-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 02-10-2017 23:20:18
เกือบไปแล้วววววว ท่านเจ้าที่เกือบเสียตัวแล้วนะคะ  :z2: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 03-10-2017 21:41:39
ตอนที่ 36

“...พี่ อย่าทิ้งผมนะ”

 

[ภูตลา]

เพราะเมื่อวานเจอคนเมาทำให้เสียศูนย์เกือบยับยั้งชั่งใจเอาไว้แทบไม่อยู่ พระภูมิเจ้าที่หนุ่มจึงเลือกที่จะเฟดตัวเองออกมาจากบ้านของเจ้าเด็กตัวแสบเป็นการชั่วคราว ตั้งใจจะหลบภัยอยู่ในศาลไม่ออกไปเจออีกฝ่ายจนกว่าเขาจะลืมรสจูบเมื่อวานได้

แม้สวรรค์จะไม่ได้เคร่งครัดในข้อห้ามเรื่องการมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันของเทวดานางฟ้า แต่ด้วยความที่พวกเราล้วนคิดตรงกันเสียส่วนใหญ่ว่าตนเองเป็นสิ่งบริสุทธิ์ ความรักและความสัมพันธ์ฉันคนรักจึงมิใช่เรื่องจำเป็น ดังนั้นแล้วกับเด็กหนุ่มชาวมนุษย์เองก็หาใช่ข้อยกเว้นไม่ ตราบใดที่เขายังเป็นเทวดาอยู่ ภูตลาคิดว่าเขาควรจะอดทนอดกลั้นเอาไว้เสียก่อนน่าจะดีกว่า

เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กนั่นจะตื่นมาแล้วเป็นยังไง จะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้หรือไม่ เอาเป็นว่าเจ้าที่หนุ่มรู้สึกไม่พร้อมกับการพบหน้ากันในเช้าวันนี้เท่าไหร่นัก...แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ลึก ๆ ในใจเขาก็ยังเป็นห่วงแทงค์อยู่ดี เมื่อคืนเมาขนาดนั้นคงไปเรียนในวันนี้ไม่ไหวเป็นแน่ ไหนจะงานพาร์ทไทม์ที่ซุปเปอร์ฯ ตอนบ่ายนี้อีก สงสัยคงต้องไปลางานให้เสียแล้วล่ะมั้ง

ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาหรอก แต่ทำให้เด็กน้อยขี้เมาหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นะ...คิดได้ดังนั้นภูตลาจึงโผล่มาปรากฏตัวที่ศาลของพระภูมิเจ้าที่ประจำดีซีซุปเปอร์ฯ อีกฝ่ายเห็นเขาก็เอ่ยทักอย่างยินดี

“อ้าว ว่าเช่นไรท่านภู มีธุระอะไรกับข้ารึ?”

“สวัสดียามเช้าท่านภาธี ข้าเพียงแต่แวะมาเยี่ยมเยียนท่านก่อนไปทำธุระส่วนตัวน่ะ”

“หึ ๆ ธุระของท่านภูคงไม่พ้นเรื่องของเจ้าบ้านหลังนั้นใช่หรือไม่” คนโดนแซ็วไม่ตอบคำ เบือนสายตาไปมองทางอื่นแทน เรียกเสียงหัวเราะอีกระลอกจากภาธี “เอาเถอะ ข้ารู้ว่าเด็กคนนั้นสำคัญกับท่านเพียงใด”

“รู้?” คราวนี้เรียกความสนใจของภูตลาให้หันกลับมาเลิกคิ้วย้อนถามเสียงสูงจนได้ ภาธียิ้มบาง ๆ หากแต่ในดวงตาฉายชัดถึงความเห็นใจ

“ตอนนี้ใคร ๆ ก็รู้เรื่องของท่าน แม้ไม่ใช่เทวดาทั้งหมดในสวรรค์ แต่ก็มีไม่น้อยที่รู้ว่าท่านกำลังทำอันใดอยู่”

“แล้ว...พวกเขามีปฏิกิริยาเช่นไรกันบ้างล่ะ”

“ก็มีหลากหลายเสียงนะท่าน บ้างก็ว่าท่านทำไม่ถูกต้อง บ้างก็ว่าท่านน่าเห็นใจ บ้างก็ตกใจไม่น้อย และบ้างก็เอาใจช่วยท่านให้ทำสำเร็จ แต่ก็นะ...ถึงพวกเขาจะรู้ว่าท่านกำลังคิดจะทำสิ่งใด หากแต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังหรอกว่าท่านจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทน พวกเขารู้เพียงว่าท่านทำทุกอย่างก็เพื่อเด็กหนุ่มคนนั้น”

“งั้นหรือ”

“ข้าเอาใจช่วยท่านนะท่านภู เฮ้อ ความรักนั้นมีอำนาจเหนือสิ่งใดจริง ๆ” เจ้าที่ประจำศาลพระภูมิของซุปเปอร์ฯ แห่งนี้ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะว่าต่อ “เอาเถิด ท่านไปทำกิจของท่านเถิด ไว้พบกันใหม่ในภายหลัง หวังว่าเราจะได้เลี้ยงฉลองส่งท้ายให้ท่านก่อนท่านไปเกิดนะขอรับ”

เมื่อเจ้าที่ประจำซุปเปอร์ฯ หายวับไป ภูตลาก็พาตัวเองมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในที่ลับตาคนด้วยรูปลักษณ์ของมนุษย์ปกติ เขามองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นเขา พยายามทำตัวให้ธรรมชาติที่สุดแล้วจึงก้าวเท้าออกจากตรงนี้เพื่อเข้าไปยังด้านในซุปเปอร์มาร์เก็ต

“ดีซีซุปเปอร์มาเก็ต สวัสดีครับ อ๊ะ!” กันต์ซึ่งเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ตรงเคาท์เตอร์คิดเงินในตอนนี้เอ่ยทักทาย แต่ก็ชะงักลงเล็กน้อยเมื่อพบว่าลูกค้าเป็นใคร หากแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ภูตลาก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“ฉันมาลางานให้แทงค์น่ะ”

“ครับ? แทงค์เป็นอะไรหรือครับ?” กันต์เอ่ยถาม น้ำเสียงเจือความเป็นห่วงอย่างจริงใจ

“ใครเป็นอะไรหรือกันต์?”

“คุณคนนี้เขามาลางานให้แทงค์อ่ะพี่ทศ”

“อ้าว สวัสดีครับ แทงค์เป็นอะไรหรือครับ?” ทศที่เพิ่งเดินพ้นเชลฟ์ขายเครื่องปรุงอาหารขมวดคิ้วถามอย่างไม่สบายใจนักเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาลางานให้รุ่นน้องที่เขาค่อนข้างเอ็นดู

“ไม่สบายน่ะ คิดว่าวันนี้คงมาทำงานไม่ไหวฉันเลยมาลางานให้ จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“อ๋อ ไม่หรอกครับ เดี๋ยวผมบอกผู้จัดการให้ ว่าแต่เขาไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมครับเนี่ย” ทศยังถามอีก

“เขาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก พักสักวันคงหายดี” เจ้าที่หนุ่มบอกเพื่อให้ทั้งสองคนคลายกังวล อดคิดในใจไม่ได้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้าเด็กแทงค์อยู่บ้าง “งั้นฉันกลับล่ะ ขอบใจนะ”

เดินออกจากซุปเปอร์ฯ มาได้ ภูตลาก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านทันที อยากจะไปดูแทงค์เสียหน่อยว่าตื่นขึ้นมาหรือยัง หากแต่ก็เกิดลังเลใจขึ้นมาเมื่อมีอีกที่หนึ่งที่เขาอยากจะไปมากกว่า

ชั่งใจอยู่นานหากแต่สุดท้ายเทวดาก็ตัดสินใจหลบเข้ามุมลับตาคนก่อนจะหายตัววับแล้วมาโผล่ที่มหาวิทยาลัยของแทงค์...ที่จริงแล้วนี่ไม่ธุระกงการอะไรของเขา ความบาดหมางของแทงค์กับเพื่อนเป็นเรื่องที่เด็กคนนั้นจะต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง แต่ความเศร้าหมองของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาทนมองต่อไปไม่ไหวเช่นกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อยุติการทะเลาะกันของแทงค์กับเพื่อนลงเสียที

ไม่มีใครอยากเห็นคนที่เรา ‘รัก’ ต้องร้องไห้หรอกน่ะ ดังนั้นอะไรที่พอจะทำได้เพื่อไม่ให้ ‘คนที่เขารัก’ ต้องร้องไห้อีก ภูตลาก็คิดว่าเขาพร้อมยอมจะทำ...และใช่ เจ้าที่หนุ่มกำลังมีความรัก

ความรักที่เขาไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตัวเขาเป็นเทวดาที่มีอายุยาวนานและไม่เคยสนใจเรื่องรักใคร่เลยสักครั้ง จึงไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ ว่าไปหลงรักเจ้าเด็กหนุ่มนั่นตอนไหน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกเช่นนี้ ยามเมื่อเขารู้ตัวอีกที...หัวใจก็บอกแล้วว่าคน ๆ นี้สำคัญกับเขามากเพียงใด

แทงค์สำคัญ และภูตลาก็ ‘ตกหลุมรัก’ เด็กคนนั้นไปแล้วอย่างถอนตัวไม่ทัน

อ่า จริงอย่างที่ท่านภาธีบอก ความรักนั้นมีอำนาจเหนือสิ่งใดจริง ๆ มันมีอำนาจเหนือกว่าเขา และเพราะอำนาจของมันจึงทำให้เขามาโผล่อยู่ที่นี่...หน้าคณะของแทงค์

“คุณ...” เสียงทุ้มเรียบของใครคนหนึ่งเอ่ยทัก ทำให้ท่านเจ้าที่หนุ่มต้องเหลียวกลับไปมอง แล้วก็เจอเข้ากับเด็กหนุ่มหน้านิ่งผมดำที่เขาจำได้ว่าเคยพบกันมาก่อนที่ร้านเหล้าเมื่อนานมาแล้ว

“นายคือคนที่เป็นเพื่อนของแทงค์?”

“ครับ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ครับ หรือว่ามาหาไอ้แทงค์ แต่วันนี้มันไม่ได้มาเรียนนะครับ ผมโทรไปมันก็ไม่รับ”

“อืม ฉันรู้แล้ว”

“อ่า เหรอครับ” ฮัทรับคำหน้านิ่ง ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นมากกว่าปกติแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณอยู่บ้านข้าง ๆ มันไม่ใช่เหรอครับ แล้วมันเป็นอะไรหรือเปล่า หรือมันหนีหายไปไหนคุณก็เลยมาตามมันที่นี่!? มันเป็นอะ...”

“ใครเป็นอะไรวะไอ้ฮัท?” บุคคลที่สามและสี่ก้าวเท้าเข้ามายืนข้าง ๆ เพื่อนหนุ่มที่กำลังทำหน้าตื่นตูมผิดจากปกติ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองขมวดคิ้วมองมาที่ภูตลา ขณะที่เจ้าหนุ่มหน้าฝรั่งผมสีน้ำตาลแดงเอียงคอมองมาด้วยความสนใจ

“ฉันมาคุยกับพวกนาย เรื่องของแทงค์” ภูตลาเข้าเรื่องทันที เขาเดาได้ไม่ยากว่าสองคนนี้คงไม่พ้นเนสกับคลาร์ก

เกิดความเงียบขึ้นมาทันทีเมื่อสิ้นประโยคของเทวดาหนุ่ม ใบหน้าของทั้งคนฟังทั้งสองขึงตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่มีอีกอย่างที่ชัดมากในดวงตาของพวกเขาด้วย...มันคือสายตารู้สึกผิดและกังวลใจ สายตาในแบบที่ทำให้ภูตลาเข้าใจได้ในทันทีว่าแม้เด็กทั้งสองจะโกรธเคืองแทงค์ แต่ลึก ๆ แล้วก็ยังรักและเป็นห่วงเพื่อนอยู่ดี

“ทำไมครับ มันไปฟ้องอะไรคุณแล้วให้มาหาเรื่องพวกผมหรือไง!?” หนุ่มฝรั่งตาสีฟ้าสวยกอดอกขึ้นเสียงถาม แต่แล้วทุกคนก็ต้องนิ่งงันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำตอบ

“ไม่ แทงค์ไม่เคยฟ้องอะไรฉัน และเขาก็ไม่ได้ส่งฉันมาหาเรื่องพวกนายด้วย เป็นเพื่อนกันพวกนายไม่รู้หรือว่านิสัยของเด็กคนนั้นเป็นยังไง เขาเป็นพวกขี้ฟ้องหรือพวกที่ชอบส่งคนอื่นไปหาเรื่องใครต่อใครหรือยังไงล่ะ?”

“...” คนฟังหน้าเสีย หากแต่เจ้าที่หนุ่มก็ไม่คิดจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาเริ่มเอ่ยเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว

“ที่ฉันจะมาพูดวันนี้คือเรื่องที่พวกนายโกรธเขา แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจเขาอีกต่างหาก รู้ไหมว่าเด็กคนนั้นนอนแทบไม่หลับเพราะเอาแต่คิดวนเวียนถึงคำพูดของพวกนายสองคน กับการกระทำที่พวกนายทำกับเขาราวกับไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว หรือพวกนายคิดจะตัดเพื่อนกับเขาจริง ๆ ถึงได้ทำร้ายจิตใจเขาได้ขนาดนี้”

ยิ่งชายหนุ่มพูด เด็กหนุ่มอีกสามคนก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ แม้แต่ฮัทที่ไม่ได้ทำอะไรผิดก็อดจะเสียใจไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยินอยู่ในตอนนี้

“พวกนายก็รู้กันดีไม่ใช่หรือไงว่าโอกาสแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับ คนเราทุ่มเทเพื่ออนาคตของตัวเอง และแทงค์ก็แค่เลือกสิ่งที่คิดว่าดีกับอนาคตของตัวเอง เป็นพวกนายถ้าได้รับโอกาสแบบนี้จะไม่เลือกตอบรับงั้นหรือ? เขาอาจจะผิดจริงที่ตอบรับไปโดยไม่คำนึงถึงพวกนาย แต่พวกนายก็น่าจะฟังเขาบ้าง ให้โอกาสเขาอธิบายและขอโทษ”

“...”

“เด็กคนนั้นไม่เหลือใครที่เขาจะพึ่งพาได้อย่างเต็มหัวใจ หลังจากนี้เขาต้องดิ้นรนมีชีวิตด้วยตัวเอง ต้องทำเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคตด้วยตัวเอง สร้างตัว สร้างอาชีพด้วยตัวเอง” ภูตลาพูดไม่หยุด ยิ่งพูดใจเขาก็ยิ่งรู้สึกคุกกรุ่นด้วยอารมณ์โกรธเคืองลึก ๆ ขึ้นมา เด็กสองคนนี้ไม่ผิดที่จะโกรธ แต่ก็ไม่น่าจะพูดจาทำร้ายจิตใจกันขนาดนั้น แลเพราะแทงค์ต้องเสียน้ำตา ภูตลาจึงยอมไม่ได้ “พวกนายไม่รู้หรอกว่าคำพูดของพวกนายทำร้ายเขามากแค่ไหน ตั้งแต่พ่อแม่เสียเขาแทบไม่เคยร้องไห้ด้วยความเสียใจเลยสักครั้ง แต่เพราะพวกนายเขาถึงต้องเสียน้ำตา แถมยังเสียใจแล้วดื่มจนเมาหนักอีกต่างหาก”

“อะ ไอ้แทงค์ร้องไห้...” ฮัทเอ่ยขึ้นเสียงเบาอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

ภูตลากวาดตามองเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่กำลังแสดงสีหน้าแตกต่างจากก่อนหน้านี้ออกมาอย่างชัดเจน เขาพูดทิ้งท้ายอีกประโยคก่อนจะหันหลังเดินจากมา “ลองไปคิดดูแล้วกันว่ามิตรภาพที่ผ่านมามันไร้ค่า จนพวกนายไม่คิดจะให้โอกาสแทงค์เลยแม้แต่ครั้งเดียวหรือเปล่า”

เจ้าที่หนุ่มคิดว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว ได้แต่หวังว่าเด็กพวกนี้จะเข้าใจและคิดได้ หวังว่าเด็กพวกนี้จะแก้ไข และหวัง...ว่าแทงค์ของเขาจะไม่ต้องร้องไห้อีก

__________

กลับมาถึงบ้าน ภูตลาก็อดไม่ได้ต้องไปดูเด็กหนุ่มที่เมื่อคืนเมาจนทำอะไรไม่เข้าท่ากับเขาเสียหน่อย แม้จะไม่ค่อยอยากเห็นหน้าเพราะพาลให้นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ความเป็นห่วงก็มีมากกว่าจนทนไม่ไหวต้องก้าวเท้าเข้ามาในห้องนอนของอีกฝ่ายจนได้

แทงค์ยังนอนอยู่บนที่นอนนุ่ม นี่มันก็บ่ายแล้วแต่ยังไม่ยอมตื่นเสียทีจนเทวดาหนุ่มอดกังวลไม่ได้ เขาควรปลุกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมากินข้าวเพราะนี่มันเลยมาสองมื้อแล้ว และเด็กนี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน

คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็ก้าวเข้าไปนั่งตรงขอบเตียง เอื้อมมือไปเขย่าไหล่มนพลางเอ่ยปากเรียก

“แทงค์ ตื่นได้แล้ว”

“อือ...” เสียงนุ่มๆ แหบเครือครางอื้ออึงในลำคอ ร่างโปร่งพลิกหันใบหน้ามาทางคนปลุก ดวงตาสีนิลสวยเปิดปรือขึ้นช้า ๆ สบตาคนตัวโตกว่า เรียวปากแห้งผากขยับพูดเสียงเบา “...พี่ภู”

“เออ ฉันเอง ตื่นได้แล้ว นี่มันบ่ายแล้วนะ”

“อะ เหรอ อืมมม” คนเมาค้างยกมือขึ้นกุมหน้าผาก อาการปวดหัวจี๊ดทำให้ต้องนิ่วหน้า

“ปวดหัวล่ะสิ เมื่อคืนดื่มเสียขนาดนั้น”

“อื้อ ปวดจัง” แทงค์พึมพำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ก่อนจู่ ๆ จะขยับเข้ามาใกล้ตักหนา ซบหน้าผากกับต้นขาของเจ้าที่หนุ่ม...การกระทำที่ทำให้ภูตลานิ่งไปชั่วอึดใจ หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้นมาอีกหนึ่งจังหวะ

พอเขารู้ตัวว่ารักเจ้าเด็กนี่ ไม่ว่าอีกฝ่ายทำอะไรก็มักทำให้เขาใจเต้นแรงเสมอ...ให้ตายเถอะ จั๊กจี้หัวใจชะมัด

“ตื่นแล้วก็ลุกเถอะ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันจะหาอะไรให้กิน”

“ลุก...ไม่ไหวอ่า...”

“เฮ้อ นายเนี่ยนะไอ้เด็กนิสัยเสีย ทีหลังก็อย่าเมาสิ มันลำบากฉันเห็นไหมเนี่ย ชอบสร้างความลำบากให้ตลอด” ท่านเจ้าที่ทำหน้าดุ เอ่ยบ่นอย่างไม่จริงจังนัก แต่พอเห็นดวงตาเศร้าหมองของคนที่ยังนอนซบหน้าอยู่บนตักของเขา ชายหนุ่มก็อยากจะตบปากตัวเองนักที่เผลอบ่นออกไป จนเอ่ยปลอบแทบไม่ทัน “เฮ้ อย่าทำหน้าอย่างนั้น ฉันก็แค่พูดไปงั้นเอง”

“แต่มันก็จริงนะ ผม...ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและรู้สึกแย่ เฮ้อ ผมขอโทษ” แทงค์ยอมรับ แต่ทำเอาคนฟังใจหาย

ภูตลาถอนหายใจก่อนจะลูบเส้นผมสีปีกกาบนตัก แล้วว่า “ไม่เอาน่า ฉันบอกแล้วไงว่าพูดไปงั้นเอง ฉันเข้าใจนาย และนายก็ไม่ใช่เด็กไม่ดีอะไรด้วย ฉันไม่ได้ลำบากอะไรหรอกที่ต้องคอยดูแลนาย ตรงกันข้ามฉันกลับเต็มใจมากด้วยซ้ำที่ได้ดูแลนายแบบนี้ พึ่งพาคนอื่นบ้างก็ได้แทงค์ หรือถ้าไม่อยากพึ่งใคร งั้นก็เว้นฉันเอาไว้สักคน...พึ่งพาฉันบ้าง นายไม่ได้อยู่คนเดียว ตอนนี้นายมีฉันเข้าใจมั้ย?”

แทงค์ขยับลุกขึ้นก่อนจะสวมกอดเทวดาหนุ่มแน่น ใบหน้าหล่อใสฝังลงกับไหล่หนา ปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อคลอไหลซึมลงไปกับบ่าแกร่ง เรียวปากสวยเม้มเขาหากันแน่น...เขาบอกแล้วไงว่าเขาไม่อยากร้องไห้ แต่เขาก็ไม่อยากจะกักเก็บความเสียใจอีกต่อไปแล้วเช่นกัน อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคน ๆ หนึ่งที่เขายอมที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น

คนที่บอกให้เขาพึ่งพาอีกฝ่าย...คนที่บอกว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว

ท่านเจ้าที่คือคน ๆ นั้น คนที่เขาไม่อยากให้จากไปไหน อยากให้อยู่ด้วยกันอย่างนี้เรื่อยไป

“...พี่ อย่าทิ้งผมนะ”

ภูตลาไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงกระชับกอดแน่นขึ้นเท่านั้น เพราะเขาไม่สามารถรับปากกับสิ่งที่เด็กหนุ่มร้องขอได้ ตอนนี้เขาอาจจะยังอยู่ แต่อีกไม่นานเขาก็ต้องไปเกิดแล้ว เขาไม่สามารถอยู่กับเด็กคนนี้ได้ตลอดไป ไม่มีทาง...

คำขอที่เขาอยากตอบรับจับใจ แต่ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์เอ่ยออกมา



__________

เอ้า ทำไมเหมือนทิ้งท้ายไว้ด้วยความดราม่ายิ่งกว่าเดิมล่ะเนี่ย คิคิ เป็นไงคะ พระเอกขี่ม้าขาวเห็นมะ ถึงขั้นไปเตือนสติเด็กน้อยที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลกันเลยทีเดียว เพราะไม่อยากเห็นคนที่รักร้องไห้อีก งุ้ย หล่อเลย 55555 //ปกติก็หล่ออยู่แล้วนี่หว่า ก๊ากกก

อืม เราเข้าใจนะคะว่าบางคนก็รับไม่ได้กับการกระทำของเนสกับคลาร์กเนอะ แต่จะว่าไงดี คนเป็นเพื่อนกันเนี่ย บางทีมันก็มีบ้างที่ทะเลาะกัน พูดจาทำร้ายจิตใจกันเพราะอารมณ์กรุ่นโกรธชั่ววูบ ตัวเราก็เคยทะเลาะกับเพื่อนด้วยเรื่องเล็กน้อยจนไม่คุยกันครึ่งปี แต่สุดท้ายแล้วเพื่อนแท้ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอกค่ะ ต่อให้จะโกรธกันมากแค่ไหน ในวันหนึ่งก็อยากจะพูดคำว่าขอโทษออกมาแล้วคืนดีกันอยู่ดี ต่อให้ตอนนี้จะโมโหมากเท่าไร แต่ลึกๆ ก็ยังคิดถึง ยังนึกเป็นห่วงว่าตอนนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง สุดท้ายแล้วก็กลับมารักกันเหมือนเดิม...อาจไม่ใช่ทุกคน แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามีแบบนี้จริงๆ

เราคิดว่าหลายคนน่าจะเดาได้ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง อ่านทอล์คมาถึงตรงนี้คงพอเดาได้อ่ะแหล่ะเนอะเพราะเราชี้ทางขนาดนี้ 555 ถ้าใครรับไม่ได้ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ก็หวังว่าจะยังติดตามกันต่อไปจนจบนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะทุกคน รักนะ //ส่งมินิฮาร์ทพร้อมจูบ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 03-10-2017 22:23:50
 :monkeysad: มาทำให้น้ำตาไหลตอนดึกๆ ดูรากนคราไป อ่านไป เฮ้อ... 2 เรื่องรวมๆ กัน ร้องไห้ไปสิเรา  :sad4:
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-10-2017 22:24:56
พี่ภูจะไปไหนน เมื่อไหร่ และมีภารกิจอะไร (เผือกเต็มหัวเลย)
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-10-2017 23:34:25
 o13

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-10-2017 23:40:28
เรื่องเพื่อนเริ่มจะดีแหละ สรุปต้องเป็นคนนอกซินะ ที่จะพูดเรื่องนี้ได้ รอดูว่าเพื่อน ๆ จะไปพูดกับแท้งค์อย่างไร ท่านเจ้าที่ทำดีมาก  o13 o13
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-10-2017 09:34:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-10-2017 12:30:46
หืออออ พี่ภูจะทิ้งน้องไปจริงๆหรือคะ?
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-10-2017 12:49:48
พี่ภู อย่าทิ้งน้องไปนะ สงสารจัง :mew6:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 04-10-2017 13:52:10
เอาใจช่วยดีกับเพื่อนเร็วๆนะแทงค์

พี่ภูอย่าทิ้งน้องไปไหนนะ :call:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 04-10-2017 14:03:09
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-10-2017 23:08:03
น้ำตาไหลพราก สงสารแทงค์อยู่คนเดียวต้องเหงาขนาดไหน แล้วเพื่อนมาทำอย่างนี้อีก :m15:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 36 [03-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 05-10-2017 09:57:16
ปล่อยปมไว้แบบโครตดราม่า
พี่ภู
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 05-10-2017 22:01:17
ตอนที่ 37

“ผมมีอีกเรื่องจะบอก”

 

เช้าวันพุธผมมาเรียนตามปกติ หลังจากหยุดเรียนไปหนึ่งวันเพราะเมาค้าง แถมงานพิเศษที่ดีซีซุปเปอร์ฯ ก็ไม่ได้ไปทำ ดีนะที่ท่านเจ้าที่ไปลางานให้ ไม่งั้นผมต้องโดนพี่ผู้จัดการดุเอาแน่ ๆ ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าท่านเจ้าที่จะลงทุนทำให้ผมถึงขนาดนั้นหรอกนะครับ ได้ยินครั้งแรกก็แปลกใจอยู่หรอก แต่สุดท้ายผมก็ยิ้มให้เขาแล้วบอกขอบคุณจากใจจริง

อ่า...รู้สึกดีชะมัดที่ตอนนี้ผมมีเขาอยู่ด้วย

“ไอ้แทงค์”

ขณะที่ผมกำลังคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อวาน น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่เอ่ยเรียกผมก็ทำให้ผมชะงักฝีเท้า หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นไปวูบหนึ่งก่อนจะกลับมาเต้นอีกครั้งด้วยจังหวะที่หนักหน่วงกว่าเดิม

ผมสูดหายใจเข้าลึก หันไปเผชิญหน้ากับคนเรียก พยายามตีสีหน้าเรียบเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เบนสายตาไปมองทางอื่นแทนที่จะมองหน้าพวกมัน...ผมไม่อยากมองหน้าพวกมันตอนนี้ และก่อนที่พวกมันจะพูดอะไร ผมก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“พวกมึงจะด่าอะไรกูอีกล่ะ แต่ก่อนจะด่าก็ขอกูพูดหน่อยเถอะ...กูขอโทษ กูรู้ว่ากูตัดสินใจโดยไม่คิดถึงพวกมึง กูกำลังจะไปบอกอาจารย์วันนี้แหล่ะว่ากูขอยกเลิก กูไม่อยากเป็นเด็กเทรนค่ายพีเอ็นแล้ว”

“ไม่ ไม่ ๆ กูไม่ได้จะมาว่าอะไรมึง และอย่าได้ทำแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะเว้ย ห้ามสละสิทธิ์!” ไอ้คลาร์กเป็นฝ่ายโบกมือบอกปฏิเสธ มันหันไปสบตาไอ้เนสแล้วพยักหน้าให้กันเหมือนส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง

ผมมองพวกมันอย่างไม่เข้าใจ เลื่อนสายตาไปมองไอ้ฮัทที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปอีกกับรอยยิ้มของไอ้หน้านิ่งอย่างมันที่กำลังยิ้มกริ่มมาให้ผม แววตามีความยินดีในอะไรสักอย่างจนผมงงไปหมดแล้วครับ

แต่แล้วผมก็ต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อจู่ ๆ ไอ้เนสโพล่งขึ้นมาว่า “พวกกูมาขอโทษมึง”

“หา!?” ผมหลุดอุทานเสียงหลง เบิกตากว้างมองมันสองคน ไอ้คลาร์กพยักหน้าให้เพื่อยืนยันว่าผมได้ยินไม่ผิด

“เออ พวกกูมาขอโทษที่พูดไม่ดีกับมึง ขอโทษที่ไม่ฟังที่มึงพูดก่อน ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจว่ะไอ้แทงค์”

“เดี๋ยวๆ นี่พวกมึง...” ผมรีบยกมือเบรกทุกคำพูดที่มันสองคนจะพ่นออกมาหลังจากนี้ ขอเวลานอกแป๊บ...อะ อะไรของพวกมันวะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับพวกมันวะ? “พวกมึง...ทำไมจู่ ๆ มาขอโทษกู?”

ไอ้เนสผ่อนลมหายใจ มันก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับผม แต่ปากของมันยังพูดต่อ “กูรู้ว่ากูทำผิดกับมึง ผิดที่ต่อว่ามึงทำให้มึงรู้สึกแย่ กูเลยมาขอโทษ กู...กูอยากให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”

“อืม กูเองก็ด้วย” ไอ้ฝรั่งพยักหน้าหงึกหงักสนับสนุนคำพูดของแฟนมัน

ผมนิ่ง...นิ่งอยู่นานเลยล่ะครับ ผมไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้พวกมันมาขอโทษผม แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือหัวใจที่แห้งผากของผมเหมือนได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้อาจจะมีบ้างที่ผมโกรธพวกมัน โกรธที่พวกมันพูดจาทำร้ายจิตใจผม โกรธที่พวกมันไม่เข้าใจผม แต่มาตอนนี้ความรู้สึกพวกนั้นมันหายไปหมดเลยครับ มันเหมือนว่าสุดท้ายแล้วยังไงพวกมันก็คือเพื่อน และผมก็โกรธพวกมันต่อไปไม่ได้หรอกในเมื่อพวกมันมาขอโทษกันขนาดนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือผมเองก็ผิดเหมือนกันด้วย

“กูกลับไปเป็นเพื่อนกับพวกมึงไม่ได้หรอก” ได้ยินผมพูดแบบนั้นพวกมันก็ถึงกับหน้าซีดไปเลย ผมเลยหัวเราะ แล้วรีบเอ่ยต่ออีกว่า “เพราะกูไม่เคยคิดว่าพวกมึงไม่ใช่เพื่อน พวกเรายังเป็นเพื่อนกันเสมอว่ะ”

“ไอ้เหี้ยแทงค์ มึงแม่งทำกูใจแป้ว นึกว่าจะไม่ให้อภัยกันแล้วไอ้สัด” ไอ้เนสว่าพลางยกมือกุมอกตัวเอง

“เออไอ้เหี้ย มึงนี่นะ”

“ฮ่าๆๆๆ” แล้วพวกเราสี่คนก็ล้อมวงกอดคอกัน ไอ้ฮัทที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์เท่าไหร่ มาตอนนี้มันกลับกำลังยิ้มกว้าง ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กเองก็ไม่ต่างกัน ส่วนผมน่ะเหรอ? แน่นอนว่าผมดีใจสุด ๆ ไปเลยล่ะครับ เหมือนว่าความเสียใจของผมก่อนหน้านี้โดนสายลมพัดให้มันหายไปจนหมดสิ้น รู้สึกดีชะมัด!

การได้มีเพื่อนที่รักและเข้าใจกันน่ะดีที่สุดแล้ว และเพื่อนที่แม้จะทะเลาะกันแต่สุดท้ายก็มาขอโทษกัน...เพื่อนแบบนี้สิคือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับผม

“กูเองก็ต้องขอโทษพวกมึงที่ตัดสินใจตอบรับกับทางนั้นไปโดยไม่นึกถึงสัญญาที่เคยให้ไว้กับวงของเรา กูขอโทษจริง ๆ ว่ะ”

“ไม่เป็นไรมึง มาคิด ๆ ดูถ้าเป็นพวกกูก็คงตอบรับไปโดยไม่ทันคิดถึงอย่างอื่นเหมือนกัน”

ผมส่งยิ้มกว้างให้พวกมัน ก่อนจะว่าต่ออีกว่า “ว่าแต่อะไรทำให้พวกมึงมาขอโทษกูได้วะ”

“ก็ผัวมึงอ่ะแหล่ะมาด่าพวกกูถึงหน้าคณะ” ไอ้คลาร์กว่าพลางยักไหล่

“หะ? ผัวกู?”

“ก็คนที่หน้าหล่อ ๆ เข้ม ๆ มีหนวดหน่อย ๆ หุ่นเหมือนนายแบบต่างประเทศคนนั้นอ่ะ”

“มึงหมายถึงพี่ภู?” ผมถามย้ำ และมันสองคนก็พยักหน้ารับ หลังจากนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ไหลออกมาประหนึ่งสายน้ำจากปากของพวกมันทั้งสามคน ยิ่งฟังหัวใจผมก็ยิ่งเต้นรัวแรง ความรู้สึกบางอย่างเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจของผม...ซึ่งผมรู้แล้วว่ามันคืออะไร

ความรู้สึกที่ผมแอบถามตัวเองในใจเงียบ ๆ มาตลอดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่สุดท้ายในวันนี้ผมก็ปฏิเสธมันไม่ได้อยู่ดีว่าผมรู้สึกแบบนั้นไปแล้วจริง ๆ อาจรู้สึกมานานแล้วด้วย เพียงแต่ผมพยายามกดมันให้ลึกเอาไว้ในใจมาตลอด

“เขาดูเป็นห่วงมึงมาก ถามจริงเหอะไอ้แทงค์ มึงกับเขาเป็นแค่เพื่อนบ้านกันจริงดิ?”

“ใช่” ผมตอบรับคำถามของไอ้ฮัท ก่อนจะยิ้มกว้าง “แต่กูไม่อยากให้เขาเป็นแค่เพื่อนบ้านแล้วว่ะ กูว่า...”

“???”

“กูชอบเขา”

__________

ผมกลับบ้านทันทีที่เลิกเรียน พวกไอ้เนสทำท่าจะรั้งผมเอาไว้ มันบอกพวกเราควรไปเลี้ยงฉลองที่กลับมาคืนดีกัน แต่ผมบอกว่าขอเป็นครั้งหน้าแล้วกันเพราะผมอยากมาหาท่านเจ้าที่ไว ๆ พวกมันแซ็วผมใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ยื้อผมเอาไว้ตามความตั้งใจแรก สุดท้ายผมก็กลับมาถึงบ้านตั้งแต่นาฬิกาเพิ่งจะบ่ายสามโมง ส่วนงานเล่นดนตรีคืนนี้พวกมันบอกว่าเอาไว้ค่อยกลับไปเล่นวันอาทิตย์แทน และคงต้องอธิบายกับพี่เฟิ่งยกใหญ่เลยล่ะที่ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้ไปเล่นตั้งหลายวัน

“พี่ภู!!” ผมตะโกนเรียกร่างสูง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมชินกับการเรียกเขาว่าพี่ภูในทุกวัน “อยู่ไหนเนี่ย!?”

“มีอะไร”

“เหวอ!” ผมสะดุ้งโหยง สะดุดอากาศจนเกือบล้มหน้าทิ่ม แต่มือแข็งแรงของท่านเจ้าที่ก็รั้งเอวผมเอาไว้ได้ซะก่อน ใจหายแวบเลยครับ “มาไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยวะ!”

“เออ ๆ โทษที” อีกฝ่ายจับผมยืนตรง ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วใส่ “แล้วตกลงเรียกฉันมีเรื่องอะไรล่ะ?”

ผมอมยิ้มมองเขาตาพราวจนท่านเจ้าที่ทำหน้างงใส่ หัวเราะให้กับท่าทางของเขาก่อนจะเปิดปากพูดออกมา

“ผมรู้เรื่องเมื่อวานแล้วนะ ที่พี่ไปหาเพื่อนผมน่ะ”

“หืม? พวกนั้นมาบอกนายเหรอ?”

“ครับ พวกมันมาขอโทษผม” ผมพยักหน้าประกอบ ร่างสูงทำหน้าแปลกใจเมื่อได้ยิน ก่อนจะตามมาด้วยรอยยิ้มบางอันแสนละมุน มือหนาลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน เอ่ยเสียงนุ่มที่ทำเอาผมแทบละลาย

“คืนดีกันแล้วก็ดี นายจะได้ไม่ต้องร้องไห้อีก”

“ผมขอบคุณพี่มากนะที่ทำเพื่อผม” ผมสวมกอดเข้าที่เอวของเขาแบบที่ไม่ให้เขาได้ทันตั้งตัว

ท่านเจ้าที่นิ่งงันไปเล็กน้อย หากแต่สุดท้ายก็กอดตอบผมกลับมา “ฉันเต็มใจ”

และคำตอบของเขาก็ทำให้ผมยิ่งยิ้มกว้าง

“ผมมีอีกเรื่องจะบอก”

“อะไรล่ะ?” เขาผละกอดออกเพื่อมองหน้าผม

“ผมน่ะ...” ผมลากเสียงยาวหวังให้อีกฝ่ายลุ้น แต่ดูเหมือนจะมีแค่ผมที่ลุ้นว่ะเพราะท่านเจ้าที่ทำท่าจะเขกมะเหงกใส่ผมแล้ว ฮ่า ๆ “โอเค ๆ พูดแล้ว”

“เออ พูดมา อย่าลีลาได้มั้...”

“ผมชอบพี่นะ”

กึก

ท่านเจ้าที่หยุดพูดลงทันทีเมื่อผมเอ่ยแทรกด้วยประโยคที่ผมท่องไว้ในใจมานับครั้งไม่ถ้วน และเป็นอีกครั้งที่ผมเห็นท่านเจ้าที่นิ่งงันไปเลย หากแต่ครั้งนี้ดวงตาสีรัตติกาลแสนดึงดูดของเขาไม่ได้นิ่งเฉย...แต่กำลังเบิกกว้าง

“ผมไม่รู้หรอกว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ผมรู้แต่ว่าพอมาคิดดูดี ๆ แล้ว เพราะพี่ทำให้ชีวิตที่เงียบเหงาของผมมีสีสันขึ้น ทำให้ผมวุ่นวายสารพัดแต่มันก็สนุกด้วยเช่นกัน ถึงผมกับพี่จะเถียงกันแทบทุก ๆ ประโยค แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันทำให้ผมสบายใจที่อย่างน้อยผมก็มีคนให้ได้เถียงด้วยเวลากลับมาถึงบ้าน”

“...”

“หลายครั้งที่พี่ใจดีกับผม ดูแลผม เอาใจใส่ผม คอยไปรับไปส่ง คอยเป็นห่วง ผมรู้สึกดีมากเลยนะรู้ป่ะ ผมไม่คิดว่าจะมีใครทำอะไรให้ผมมากมายขนาดนี้มาก่อน แต่พี่ก็เข้ามาในชีวิตของผมและทำทั้งหมดนั่นให้ผม ผมไม่รู้จะพูดยังไงดีว่ะ แต่ผมอยากขอบคุณนะที่พี่ทำทุกอย่างนั้นเพื่อผม”

ท่านเจ้าที่ไม่ตอบอะไรกลับมาสักคำ แต่ก็ดีแล้วเพราะผมยังพูดไม่จบ และผมอยากให้เขาฟังผมให้จบก่อน

“ที่ทำให้ผมรู้สึกดีที่สุดก็คือการที่พี่อยู่เคียงข้างผมในวันที่ผมเสียใจ ปลอบผมในวันที่ผมร้องไห้ ถึงขั้นไปเคลียร์กับเพื่อนของผมเพราะไม่อยากเห็นผมเศร้า ในวันที่ผมอ่อนแอผมมีพี่อยู่ด้วย พี่ไม่ปล่อยให้ผมต้องอยู่คนเดียว และผมโคตรรู้สึกดีจริง ๆ กับสิ่งที่พี่ทำ”

ผมสูดหายใจเข้าลึก จ้องตรงเข้าไปในดวงตาคู่คมที่มองตอบกลับมาไม่ละไปไหน เราสองคนสบตากัน ผมพยายามสื่อทุกความรู้สึกของผมผ่านดวงตาคู่นี้

“ผมมั่นใจว่าผมชอบพี่ และผมไม่ได้พูดเล่นหรือคิดไปเอง ผมรู้ว่ามันไม่สมควรมาพูดอะไรอย่างนี้ เพราะยังไงซะสุดท้ายแล้วผมก็แค่มนุษย์ธรรมดา ส่วนพี่เป็นเทวดาที่สูงส่ง แต่ผมก็แค่อยากบอกให้พี่รู้นะ”

“...”

“พี่ภู ผมชอบพี่...ชอบพี่นะครับ”

เกิดความเงียบขึ้นหลังจากนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก...ผมไม่พูดเพราะผมได้พูดออกไปหมดแล้ว และผมหมายความตามนั้นทุกอย่าง ผมแค่อยากให้เขาได้รับรู้ ไม่ได้อยากให้เขาตอบรับความรู้สึกของผมแต่อย่างใด ด้วยผมรู้ดีว่ายังไงเรื่องระหว่างเรามันก็เป็นไปไม่ดะ...

“เช่นกัน”

ผมสะดุ้งโหยง หลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง พยายามทบทวนส่งที่ได้ยินเมื่อครู่อีกครั้งว่าผมได้ยินผิดไปหรือเปล่า...ท่าทางของผมมันคงตลกมากถึงได้ทำให้ท่านเจ้าที่หลุดหัวเราะออกมาได้ เขาเอ่ยย้ำอีกครั้งให้ผมได้ยินชัด ๆ

“ฉันเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับนาย”

!!!

เหมือนมีเสียงระเบิดดังขึ้นในหัวของผมตูมใหญ่ คำพูดของท่านเจ้าดังซ้ำ ๆ อยู่ในหู และผมคงจะคิดว่าเขาพูดเล่นไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะหัวใจที่เต้นกระหน่ำแรงในอกของเขามันกระทบมาถึงตัวผมที่ยังคงสวมกอดกับเขาอยู่หลวม ๆ

เสียงหัวใจของท่านเจ้าที่ดังมาก มันทำให้หัวใจของผมเต้นดังขึ้นมาแข่งอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

“พี่จะบอกว่าพี่ชอบ...พี่ชอบผม...เหรอ?”

“ฉันจะไม่พูดหรอกนะคำนั้นน่ะ แต่เอาเป็นว่าเราสองคน...ใจตรงกันก็แล้วกัน หึ ๆ”

แล้วริมฝีปากของอีกฝ่ายก็กดแนบลงมาบนปากของผมแบบที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจเลยสักนิด

เราสองคนแลกสัมผัสอ่อนหวานให้กันเนิ่นนาน...ผมไม่รู้หรอกว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมมีความสุข และผมจะเก็บเกี่ยวความสุขครั้งนี้ไว้ให้นานที่สุด

ผมไม่ได้ลืมหรอกนะว่าผมกับท่านเจ้าที่พวกเรามีเวลาเหลือให้อยู่ด้วยกันแค่อีกไม่นาน แต่ทุกช่วงเวลาที่เหลือทั้งหมดหลังจากนี้ ผมจะขอเก็บความทรงจำระหว่างเราเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้...ผมชอบเขาไปแล้ว ต่อให้ต้องเจอกับอะไรในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้า ผมก็พร้อมจะน้อมรับมันเอาไว้ ผมจะไม่หนีหัวใจตัวเองเด็ดขาด

ไม่มีทาง


__________

แฮปปี้เอนดิ้งงง ควรตัดจบแค่นี้ดีมั้ย? 55555 พอมาอ่านทวนก่อนอัพก็เกิดความรู้สึกว่ามันคืนดีกันง่ายไปป่ะวะ? แต่คิดดูแล้วก็ไม่หรอก เพราะด้วยนิสัยของแทงค์ น้องเป็นคนโดดเดี่ยวที่ให้ความสำคัญกับคนสำคัญของตัวเองเสมอ และสำหรับเขา ทั้งญาติที่อยู่ต่างจังหวัด ทั้งเพื่อนไม่ว่าจะพัค ไวท์ ธีร์ หรือแม้แต่เนส คลาร์ก ฮัท น้องให้ความสำคัญกับคนทั้งหมดที่กล่าวมา เพราะงั้นไม่ว่าจะเสียใจมากแค่ไหน แต่ขอแค่กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ น้องก็พร้อมจะให้อภัยแหล่ะ นี่มันนางเอกยุคโบราณชัดๆ 5555

จริงๆ การทะเลาะกันคราวนี้ก็กลายเป็นรอยร้าวเล็กๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานะคะ ซึ่งเราจะกล่าวถึงในตอนพิเศษของฮัทแหล่ะ อิอิ ตอนแรกว่าจะไม่บอก แต่คิดอีกทีกลัวคนอ่านหนีเราไปก่อนเรื่องจะจบ เพราะงั้นบอกดีกว่า 555 อย่าเพิ่งหนีเราเด้อ อยู่กับเราก่อนนน สำหรับกรณีพี่ภูไปเกิด บอกเลยดราม่าครั้งต่อไปสั้นกว่าดราม่าเรื่องเพื่อนอีกเธอออ เชื่อเราสิ เชื่อเรา!! //ถลึงตามอง

แถมตอนนี้เขาบอกชอบกันแล้วด้วย งุ้ยๆ หลังจากนี้จะมีแต่ความหวานละมุนอบอุ่นหัวใจ มาคิดดูอีกทีเราปูเรื่องมาด้วยความคอมเมดี้ ไหงมันค่อยๆ กลายเป็นโรแมนติกปนดราม่าล่ะเนี่ย งงตัวเอง ฮ่าา เอาล่ะ ตอนหน้าเค้าจะมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งกันละนะ อยากอ่านเมื่อไหร่ไหนพูดสิ? 555 เจอกันตอนหน้านะคะ รักทุกคนเน้อออ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 05-10-2017 22:16:27
 :กอด1: ใจตรงกัน เพื่อนก็ดีกันแล้ว ดี๊ดีอะ แต่ แต่ ดราม่าพี่ภูนิสั้นๆ แน่นะคะ  :ruready
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-10-2017 22:32:39
ยังไม่ให้จบง่าย ๆ หรอก คนแก่ยังไม่รู้เลยว่า 2 คนที่ไม่ใช่มนุษย์เป็นใคร อยากรู้จริง ๆ  :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-10-2017 22:57:17
 :katai2-1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: SANDทราย ที่ 05-10-2017 23:10:27
ฮือออออ ในที่สุดวันที่เขาความรู้สึกตรงกันก็มาถึงงงง
อ่านไปกรีดร้องไป จะห้องข้างๆตกใจหมด 55555555.
อยากให้มาต่อพรุ่งนี้มากๆเลยค่ะ ฮืออออ อยากอ่านมากกกกกกก
ขอร้องนะคะ พลีสสสสสส แต่ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะะะ อยากอ่านเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ
ชอบมากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะคะ สู้ๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-10-2017 00:18:10
เราเชื่อว่าพี่ภูจะต้องเตรียมการอะไรบางอย่างไว้
สำหรับการไปเกิดใหม่เพื่อให้ได้อยู่กับน้อง
เขื่อมั่นในการจัดการกับดราม่าของพี่ภูค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 06-10-2017 00:42:09
 อ่านแล้วอยากมีเจ้าที่แบบนี้บ้างจัง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-10-2017 08:06:12
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-10-2017 10:04:14
อิจฉาาาาาา และดีใจกับแทงค์ด้วยนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 37 [05-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-10-2017 14:17:27
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 38 [08-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 08-10-2017 23:14:05
ตอนที่ 38

“หื่อ! อุ้มหน่อย”

 

“ไปไหน” ผมส่งเสียงถามหลังจากตื่นขึ้นมาเพราะคนที่นอนอยู่ข้างกันขยับตัวลุกขึ้น หรี่ตาสู้แสงที่ส่งผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนเพื่อมองหน้าพี่ภูให้ชัด

“ไปทำมื้อเช้า”

“หือ? จะทำให้ผมกินเหรอ?” ผมอมยิ้มมองอีกฝ่ายตาเป็นประกาย เลยโดนหยิกจมูกด้วยความเอ็นดูมาหนึ่งที

“รู้แล้วยังจะถาม”

“ว้าว พูดจริงป่ะเนี่ย”

“ถามแบบนี้คิดว่าฉันทำอาหารไม่เป็นหรือไง”

“เปล่า แค่ไม่คิดว่าพี่จะทำให้ผมกินต่างหาก” ผมตอบ ก็มันจริงนี่หว่า ปกติถ้าไม่ผมเป็นคนทำ ท่านเจ้าที่เขาก็จะเป็นคนซื้อมาจากข้างนอกแทนนี่นา “ไม่ต้องทำหรอก”

“ทำไม?”

ผมขยับเข้าไปหาร่างสูงที่ยังนั่งอยู่ท่าเดิม ก่อนจะโอบแขนกอดเอวหนาเอาไว้ ซุกหน้าลงกับข้างเอวเขาแล้วปัดป่ายจมูกไปมา...ผมรู้ตัวครับว่ากำลังอ้อนเขาอยู่ แต่ขอหน่อยเถอะ ผมไม่ได้อ้อนใครมานานแล้วอ่ะ

“เดี๋ยวผมทำเอง พี่ไม่ต้องทำหรอก”

“แต่ฉันอยากทำ” เทวดาหน้าหล่อแย้งทันควัน พอเห็นผมมองอย่างไม่เข้าใจ เขาก็เอ่ยขยายความขึ้นว่า “อยากทำมื้อเช้าให้คนพิเศษทานมันแปลกรึไงล่ะ”

“โอเค ยอมแล้ว ผมจะรอกินนะ”

“ฮ่า ๆๆๆ”

“แต่ยังไม่ต้องรีบหรอกน่า ขอผมกอดพี่ก่อน”

“เมื่อคืนยังกอดไม่พออีกหรือไง หึ ๆ” เขาแซ็วผม คิดว่าผมจะเขินมั้ยล่ะ?

แน่นอนเขินดิวะ หน้าร้อนมากเลยเนี่ย แต่ก็...มีความสุขมากเลยล่ะครับ

กว่าผมจะปล่อยท่านเจ้าที่ลงไปทำมื้อเช้าได้ก็อีกพักใหญ่เลยล่ะ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรผมนะครับ ตรงกันข้ามกลับนอนลงแล้วกอดตอบผมอีกต่างหาก เขินว่ะ วุ้ย!

พี่ภูลงไปแล้ว แต่ผมยังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงเช่นเดิม ก็ขี้เกียจอ่ะ วันนี้วันอาทิตย์และผมไม่ได้ไปไหนนอกจากเล่นดนตรีตอนดึก ฉะนั้นขอนอนโง่ๆ แบบนี้อีกสักหน่อยเหอะนะ

หลังจากวันพุธที่ผ่านมา นอกจากผมจะเคลียร์ปัญหาบ้าบอกับพวกไอ้เนสได้แล้ว ยังมีข่าวดีอีกอย่างด้วยนะครับ เพราะจู่ ๆ อาจารย์วีรชัยก็มาบอกผมว่าทางค่ายเพลงเปลี่ยนใจอยากได้พวกผมทั้งวงไปเป็นเด็กเทรนในค่ายแทนที่จะเลือกผมไปคนเดียว พวกเขาบอกว่าไหน ๆ พวกผมก็เล่นเป็นวงมาด้วยกันตั้งแต่แรก เอาไปเทรนทั้งวงง่ายกว่าจับให้ผมไปร่วมวงกับคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน

โคตรน่ายินดีอ่ะครับ ทั้งวงเลยนะครับไม่ใช่แค่ผมคนเดียวอีกแล้ว จะไม่ให้เราดีใจกันได้ยังไง ทีนี้แหล่ะจะได้ชัดเจนไปเลยว่าผมไม่ได้ทิ้งเพื่อนอีกแล้ว ฮะ ๆ

ส่วนเรื่องของผมกับท่านเจ้าที่ ถ้าถามว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างในหลายวันมานี้ สิ่งที่เห็นชัดที่สุดก็คงเป็นความสัมพันธ์ของเราสองคนล่ะมั้ง...ถึงทุกอย่างจะดูปกติธรรมดา ผมกับเขายังคงด่ากันเถียงกันเหมือนทุกที แต่ก็ลดน้อยลงมากกว่าเดิมไม่น้อยเลยล่ะ ผมเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าพี่ภูอย่างไม่ขนลุกขนพองอีกแล้ว ฮ่า ๆ ส่วนเขาก็ชอบหยอกล้อผมมากขึ้น ยิ้มให้มากขึ้น ไม่เก็กหน้าทำท่าเท่เหมือนทุกที เอาเป็นว่าเขาทำตัวน่ารักกับผมมาก ๆ เลยล่ะครับ

อ่า พูดแล้วก็เขินว่ะ นี่คืออาการของคนกำลังอินเลิฟใช่เปล่าวะ เพราะถ้าใช่นะ ผมก็เป็นแบบนั้นโดยไม่ต้องให้ใครมาบอกเลยล่ะ รู้ตัวเองดีเลยเนี่ย

“ยังไม่ลุกอีกหรือ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ผมเพิ่งจะนึกถึงไปเมื่อกี้

“อือออ ยังขี้เกียจอยู่อ่ะ”

“แต่มันสายแล้ว ลุกไปอาบน้ำไป จะได้ไปกินข้าวเช้ากัน”

“หื่อ! อุ้มหน่อย” ผมแกล้งพูดไปงั้นแหล่ะ แกล้งยกสองมือขึ้นไปหาเขาด้วย คิดไว้แล้วว่าอาจจะโดนบ่นใส่ด้วยหน้ายักษ์ ๆ ประมาณว่าโตแล้วยังมาอ้อนเป็นเด็ก ๆ ไปได้

แต่ผิดคาดนะครับเพราะท่านเจ้าที่เขาเดินเข้ามาหาผมแล้ว...ฟึ่บ!

อุ้มผมขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมต้องกอดคอเขาแน่น “เหวอ!”

“อะไร? ก็บอกให้อุ้มไม่ใช่เหรอ?” เขาเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เล่นเอาผมหน้าร้อนวาบขึ้นมา สองขายาวก้าวพาร่างผมเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว วางผมลงยืนได้ก็จัดการจับชายเสื้อยืดที่ผมใส่นอนเตรียมดึงขึ้น

“เฮ้ย ๆ ทำอะไรเนี่ย” ผมงี้ร้องเสียงหลง รีบรั้งมือหนาเอาไว้แน่น

“เอ๊า ก็ถอดเสื้อผ้าให้นายไง อยากให้ฉันอาบน้ำให้ไม่ใช่หรือ”

“ไม่ได้บอกสักคำเลยเว้ย! แค่แกล้งให้อุ้มต่างหากเล่า!” ผมเถียง “ไปเลย เดี๋ยวผมอาบเอง”

“เอางั้นเหรอ แต่ฉันอาบให้ได้นะ ฉันเต็มใจ”

“หื่นว่ะท่านเจ้าที่! เป็นเทวดาไม่ควรทำหน้าหื่นนะเว้ย!”

“ฉันเปล่าเสียหน่อย ฮะ ๆๆๆ” เขาหัวเราะจนตาหยี ปกติหล่ออยู่แล้ว พอทำงี้ก็ยิ่งหล่อ หล่อจนผมทนมองต่อไม่ไหวต้องดันไหล่อีกฝ่ายให้ถอยออกจากห้องน้ำไป

“ไปเลยยย ผมจะอาบน้ำแล้ว”

“ฮ่า ๆ โอเค เจอกันที่ห้องครัวนะ”

“ครับผม”

จุ๊บ!

“อรุณสวัสดิ์”

“อะ อรุณสวัสดิ์ครับ”

ผมปิดประตูทันทีที่พูดจบ ได้ยินเสียงหัวเราะดังเบา ๆ รอดเข้ามาในห้องน้ำด้วย

ไอ้ท่านเจ้าที่ ใครใช้ให้มามอร์นิ่งคิสกันแบบไม่ทันตั้งตัววะ เขินนะว้อยยย!

ผมสะบัดหน้าไล่ความร้อนผ่าวที่ฉาบไปทั้งสองข้างแก้มก่อนจะรีบอาบน้ำชำระล้างร่างกาย สิบห้านาทีต่อมาผมก็ลงมานั่งอยู่หน้าจานอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย...อาหารประเภทอเมริกันเบรคฟาสต์ทำให้ผมทึ่งจนตาค้าง คือมันก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอก แค่ไข่ดาวกึ่งสุกกึ่งดิบโรยพริกไทย ไส้กรอก เบคอน ขนมปังปิ้งทาเนยหอม ๆ กับน้ำเปล่าเย็น ๆ หนึ่งแก้ว แต่มันดูพิเศษสำหรับผมมาก ๆ เลยว่ะครับ เพราะคนที่ทำให้คือคนที่ผมรักน่ะสิ ฮ่าาา

“น่ากินเหมือนจานอาหารเช้าในหนังในโฆษณาเลย”

“แน่นอน” พี่ภูของผมยืดอกรับ ทำหน้าภูมิใจในตัวเองจนน่าหมั่นไส้ ฮะ ๆ

ผมดึงมือหนาให้ขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ ลากเก้าอี้ของอีกฝ่ายมาวางข้างผมด้วยเลยเอ้า ตามด้วยจิ้มไส้กรอกชิ้นหนึ่งจากในจานตัวเองยื่นไปตรงปากของพี่ภูโดยไม่พูดอะไร ทำแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วไหมล่ะว่าผมจะป้อน

ร่างสูงมองมันก่อนจะเลื่อนสายตามามองผม แต่สุดท้ายเขาก็ยอมอ้าปากรับไส้กรอกทอดเข้าไปเคี้ยวหงับ ๆ

“นายก็กินบ้างสิ ฉันทำให้นายกินนะ ไม่ใช่ให้นายมาป้อนฉัน” เขาว่าพลางตัดเบคอนในจานตัวเองมาป้อนผมบ้าง

“ขอบคุณครับ” ผมบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง อ้าปากรับโดยไม่อิดออด พอปากผมเปื้อนพี่ภูก็หยิบทิชชู่มาเช็ดให้ ผมเองก็ทำแบบเดียวกันกับเขาเป๊ะเวลาที่ปากของเขาเปื้อน

สรุปมื้อนั้นแทนที่เราจะกินข้าวเอง ก็กลายเป็นว่าเราผลัดกันป้อนผลัดกันเช็ดปากให้อีกฝ่ายซะแทน อาหารในจานตัวเองเข้าไปอยู่ในท้องของอีกคน ประหลาดดีที่มาทำอะไรแบบนี้ แต่ผมก็ชอบนะครับ น่ารักดี ฮ่า ๆ

หลังจากเราจัดการมื้อเช้าเสร็จ ผมกับท่านเจ้าที่ก็ย้ายตัวเองมานอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่น วันนี้ผมไม่อยากจะไปไหนทั้งนั้น แค่อยากจะอยู่กับเขา ทำตัวให้เหมือนคู่รักที่ใช้เวลาว่างในวันหยุดด้วยกันทั้งวัน...พูดแบบนี้ก็เขินอีกแล้ว โว๊ะ!

เราเอาผ้านวมมาปูที่พื้น ขนหมอนมานอนหนุนดูหนังหน้าโทรทัศน์แทนที่จะนั่งบนโซฟา...ผมเอาขาก่ายขาของท่านเจ้าที่ ขณะที่ร่างสูงก็โอบศีรษะผมเอาไว้ ปลายนิ้วลูบเส้นผมของผมเล่นไปมา

“เบ้บี้กรูทน่ารักว่ะ” ผมพูดขึ้นหลังจากเปิดแผ่นหนังที่ผมซื้อมาแล้ว เรื่องที่เราดูคือหนังฮีโร่อวกาศครับ การ์เดี้ยนออฟเดอะกาแล็คซี่ภาคสอง (Guardians of the Galaxy Vol.2) ตอนภาคแรกผมชอบมาก แน่นอนภาคสองผมย่อมไม่พลาด ผมโคตรชอบเลยเรื่องนี้ พระเอกเป็นลูกครึ่งมนุษย์ที่ถูกเลี้ยงดูโดยโจรสลัดอวกาศ ต่อมาก็จับผลัดจับผลูได้รวมทีมกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวกลายเป็นผู้พิทักษ์จักรวาลจากเหล่าร้าย แหม่ อลังการดีแท้ ฮ่า ๆ

“ไอ้ตัวนี้มันเรียกว่าเบบี้กรูทรึ?” พี่ภูเอ่ยปากถาม เขาไม่เคยดูหนังมาก่อน ถึงหลัง ๆ จะดูบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูทุกเรื่องทุกแนว ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้จักหรือสงสัย จะว่าไปผมก็น่าจะเอาภาคแรกมาเปิดให้เขาดูก่อนนะเนี่ย

“มันชื่อกรูท เป็นต้นไม้มั้ง ก่อนหน้านี้ตัวมันสูงมาก แต่มันปกป้องเพื่อนจนเกือบตาย พอเกิดใหม่ก็เลยกลายเป็นต้นไม้ต้นเล็ก ๆ อีกนานแหล่ะกว่าจะโต คนดูก็เลยชอบเรียกมันว่าเบบี้กรูท”

“เกิดใหม่เหรอ...” พี่ภูเอ่ยทวนเบา ๆ หากแต่คำพูดของเขาทำให้ผมชะงักงัน

อ่า นั่นสินะ ท่านเจ้าที่ก็กำลังจะไปเกิดใหม่นี่...กรูทน่ะเกิดใหม่เป็นต้นไม้ต้นน้อย ๆ แล้วเขาล่ะ เขาจะเกิดเป็นอะไร ทารกตัวน้อย ๆ ในครอบครัวไหนสักครอบครัวหนึ่งหรือเปล่า ถึงตอนนั้นเขาคงจะจำผมไม่ได้แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคือเราคงไม่มีทางได้เจอกันอีก ไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้าผมกับเขาก็จะกลายเป็นแค่คนที่เคยอยู่ด้วยกัน

เป็นแค่คนที่เคยรักกัน

ความคิดนั้นทำให้ผมขยับตัวนอนตะแคงแล้วซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกของพี่ภูมากขึ้น หนังที่กำลังฉายอยู่บนจอทีวีไม่อยู่ในสายตาของผมอีกต่อไป ใจผมบีบแน่นเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำมันเอาไว้

การที่เราไม่รู้ว่าเราจะต้องจากกับคนที่รักเมื่อไหร่เป็นเรื่องดีนะผมว่า เพราะเราจะได้ไม่ต้องมากังวลอะไร แต่กลับกันการที่ผมรู้ว่าคนที่รักกำลังจะไปจากผมในอีกไม่ช้านี้ มันทำให้ผมปวดร้าวไปทั้งใจเลยว่ะครับ...ผมไม่อยากเสียเขาไป ไม่อยากให้เขาไปเกิดเลยสักนิด แต่ผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน ผมรั้งเขาเอาไว้ไม่ได้หรอก ไม่มีทางทำได้

“คิดอะไรอยู่” เสียงของท่านเจ้าที่ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด

ผมส่ายหน้ากับอกของเขา พาดแขนลงกอดร่างแกร่ง ตอบเสียงอู้อี้ “เปล่าครับ”

“โกหก” เขาสวนกลับทันควัน “ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่”

“แล้วจะถามทำไมล่ะ!” ผมเงยหน้าขึ้นไปโวยวายใส่

พี่ภูยิ้มบาง กดจูบลงที่หน้าผากผมพลางว่า “อย่าคิดเรื่องนั้นเลย คิดเรื่องที่เรากำลังอยู่ด้วยกันตรงนี้ดีกว่านะ”

“...อืม” ผมตอบรับในลำคอ เป็นฝ่ายกดจูบลงที่ปลายคางของอีกฝ่าย ไรหนวดบาง ๆ ของท่านเจ้าที่ทำให้ผมจั๊กจี๊ริมฝีปาก ก่อนผมจะเลื่อนลงมากอดจูบที่แผ่นอกตรงตำแหน่งหัวใจของเขาแทน

ผมกดค้างเอาไว้อย่างนั้น สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจใต้นั้น มันเต้นแรงขึ้นมาหนึ่งจังหวะ ก่อนจะค่อย ๆ กลับไปเต้นตามปกติ แรงเต้นที่ทำให้ผมรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ที่ข้าง ๆ ผม

ผมไม่ได้แค่ชอบเขาแต่ผมรักเขา...รักเขาไปแล้ว และมันทำใจยากจริง ๆ นะที่รู้ว่าผมกับเขาจะต้องแยกจากกัน

อ่า เลิกคิดสักทีเถอะน่าไอ้แทงค์ คิดวนเวียนเรื่องเดิมอยู่ได้ มึงบอกเองไม่ใช่หรือวะว่าไม่ว่าจะเป็นยังไง เวลานี้มึงจะเก็บเกี่ยวความทรงจำระหว่างมึงกับพี่ภูเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะงั้นมึงควรเลิกคิดแล้วโฟกัสที่ตอนนี้เวลานี้สิ

ผมบอกตัวเอง แล้วในเวลาต่อมาผมก็ผละกอดออกก่อนจะหันไปสนใจหนังที่ฉายไปแล้วเกือบสิบนาทีอีกครั้ง...ท่านเจ้าที่กดจูบที่กลางศีรษะของผมเบา ๆ พอผมเหลือบขึ้นไปมอง อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มหวานมาให้ผม แล้วหันกลับไปสนใจหนังตามเดิม

ผมเอ่ยขึ้นเสียงเบาทั้ง ๆ ที่ตายังมองคริส แพตต์ซึ่งรับบทเป็นสตาร์ลอร์ดพระเอกของเรื่องกำลังต่อสู้กับเอเลี่ยนประหลาดอย่างเมามันไม่ละสายตา “ผมชอบจังที่พี่อยู่ตรงนี้กับผม”

ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับกลับมาก็มีความหมายไม่ต่างกันกับผม...

“อืม ฉันก็ชอบ”




__________

เหม็นความรักเด้อ 55555 พอใจตรงกันนี่หวานกันเหลือเกิน เดี๋ยวกอด เดี๋ยวจุ๊บ ลองนับดูสิคะว่าเจ้าแทงค์มันพูดคำว่าเขินกี่ครั้ง ก๊ากกก เออนะ เขินแต่ก็ชอบไง เดี๋ยวอ้อน เดี๋ยวป้อน เดี๋ยวยิ้ม โว๊ะ อิจฉาคนมีฟามรักจริงๆ เลยวุ้ย! หมั่นไส้ 55555

ในส่วนที่ว่าวงของแทงค์ได้เข้าสังกัดทั้งวงนี่มีที่มานะคะ จะพูดถึงในตอนพิเศษของฮัทอีกเช่นกัน รออ่านกันด้วยเน้อ หุหุ ส่วนเบบี้กรูทนี่ ไม่ใช่อะไรค่ะ ตอนเขียนบทนี้เพิ่งดูเรื่องนี้จบ ภาคสองอ่ะค่ะ แล้วแบบสนุกมาก ชอบมากกก นี่ก็เลยเอามาเขียนซะเลย จับโยงเรื่องไปเกิดได้พอดีด้วย แหม่ เป๊ะดีจริงๆ ฮ่าาา พอมาคิดดูอีกทีเราก็เผลอเอาความชอบของเราใส่ลงไปในเรื่องไม่น้อยเลยง่ะ ไม่ได้ทำดอกจันทร์ไว้ด้วย จะมีใครเข้าใจเราไหมเนี่ย ตั้งแต่คราวฟิกเกอร์ที่แทงค์อยากได้ละ อันนั้นอนิเมะญี่ปุ่นเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดในโลกที่มียักษ์ไททันไล่จับมนุษย์กินค่ะ แล้วเฮย์โจวที่ว่าก็คือหัวหน้าทหารผู้เป็นตัวประกอบที่เด่นยิ่งกว่าพระเอกของเรื่อง ก๊ากๆ มาอธิบายตอนนี้นี่ทันมั้ย? 5555

เมื่อวานจะอัพก็ลืมเพราะกำลังติดนิยายค่ะ นิยายแปลฝรั่งเรื่อง Him series ของสำนักพิมพ์ Pride my Kaewkarn ค่ะ มันดีงามมากเธอออ มีสองเล่มจบ เล่มแรกนี่มีแต่ความหื่นอ่ะ เล่มสองก็จะหน่วงๆ หน่อยแต่ความแซ่บยังคงเดิม อ่านไปปาดเลือดไป รักพระเอกแนวเมะชนเมะสลับโพซิชั่นกันจังเลยอ่าา แอร๊ยย ใครสนใจเข้าไปอ่านรีวิวในเพจของเราก่อนได้นะคะ แต่อยากให้ไปตำอ่ะ งานดีจริงๆ นะแกเอ๋ย

วันนี้ก็เกือบลืมอัพ กำลังแปลงานวิจัยอยู่ ดีนะนึกขึ้นได้ ไปละคะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ขอไปแปลงานต่อ พรุ่งนี้เช้าไม่มีเรียนนอนดึกได้ เย้! 55555 ฝันดีนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 38 [08-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-10-2017 23:56:05
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 38 [08-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-10-2017 00:11:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 38 [08-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 09-10-2017 00:50:43
ทำไมเขินนนนนนนนน
งือออออออ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 38 [08-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 09-10-2017 01:20:18
เขาหวานกันไม่เกรงใจเลยค่ะ เขินไปหมดแล้ว :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 38 [08-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-10-2017 05:15:57
 :o8:  เบาหวานขึ้นตาคนแก่แล้ว
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 38 [08-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-10-2017 08:43:18
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 38 [08-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-10-2017 11:23:47
หวานจิงอะไรจิง >\\\\\\<
เราจะยังไม่คิดถึงเรื่องดราม่าในอนาคต แหะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 38 [08-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 09-10-2017 13:06:22
รักท่านเจ้าที่
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 39 [10-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 10-10-2017 20:42:58
ตอนที่ 39

“เปล่าสักหน่อย”

 

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

ผมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีในตอนที่มารวมพลกับพวกไอ้เนสก่อนจะไปร้านพี่เฟิ่ง ตอนนี้หกโมงเย็นแล้วครับ วันนี้พวกเราค่อนข้างสายนะเนี่ย ต้องขึ้นเล่นตอนหนึ่งทุ่มด้วย แต่ไม่เป็นไรหรอก ไปทันแน่นอน

“หน้าตาเบิกบานจังนะ” ไอ้เนสเอ่ยแซะ

“แหงสิ ก็วันนี้วันเกิดมันนะ ไม่ให้อารมณ์ดีได้ไง” ไอ้คลาร์กเป็นลูกคู่รับไม้ต่อมาในการแซะผมทันที

แต่ที่มันพูดก็ถูกแล้วครับ วันนี้เป็นวันเกิดผม อันที่จริงผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านเจ้าที่ถามขึ้นในวันหนึ่งที่เรากำลังปูเสื้อนอนเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ กับชิงช้าที่เขาทำให้ผมอยู่ล่ะก็ ผมคงลืมสนิทไปแล้วล่ะ

‘วันเกิดนายจะไปไหนหรือเปล่า?’

‘วันเกิดใคร?’ จำได้ว่าตอนนั้นผมย้อนถามพร้อมทำหน้างงส่งให้ไปด้วย เขาก็เลยเขกมะเหงกลงหัวผมหนึ่งที

‘วันเกิดนายไง ลืมเหรอเนี่ย’

‘เออ จริงด้วยวะ! ผมลืมจริง ๆ นะเนี่ย ฮะ ๆๆ’

สุดท้ายผมก็ยังไม่ทันได้ตัดสินใจเลยว่าจะไปฉลองวันเกิดที่ไหน เพราะคนที่ตัดสินใจแทนผมน่ะคือไอ้พวกเพื่อนเฮงซวยทั้งหลายนี่ไง พวกมันบอกว่าจะจัดงานฉลองวันเกิดให้ผม ส่วนพี่เฟิ่งก็เห็นดีเห็นงามรับปากว่าจะเลี้ยงเหล้าฟรี งานนี้ไอ้พวกขี้เมาอย่างไอ้เนสกับไอ้คลาร์กเลยชอบใจใหญ่ บังคับผมให้มางานวันเกิดของตัวเองที่จัดขึ้นในร้านพี่เฟิ่งจนได้

งงไหมครับ? บังคับเจ้าของวันเกิดมางานวันเกิดของตัวเอง ตลกดีว่ะ ฮ่า ๆๆ

“ตั้งแต่มีผัวนี่หน้ารื่นรมณ์ตลอดดด” ผมคงเผลอยิ้มออกมาล่ะมั้ง ไอ้เนสเลยแซ็วทั้ง ๆ ที่มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมยิ้มเพราะอะไร ผมก็เลยสวนกลับอย่างไม่ยอมน้อยหน้า

“ตั้งแต่มึงกับไอ้คลาร์กเป็นผัวเมียกันก็น่าหมั่นไส้ขึ้นตลอด ๆ เหมือนกันนะ”

แล้วก็ได้รับนิ้วกลางกับคำด่ากลับมาหนึ่งคำเน้น ๆ “สัด!!!”

“ฮ่า ๆๆๆๆ” พวกเราหัวเราะลั่น ตบหัวเอ่ยแซ็วกันอีกยกหนึ่ง

“ไอ้คลาร์กมึงช่วยออกค่าเหล้าด้วย ถึงพี่เฟิ่งบอกจะเลี้ยงแต่เราก็น่าจะเกรงใจเขาหน่อย เปิดขวดทีไม่ใช่ถูก ๆ เดี๋ยวร้านพี่เขาขาดทุน พวกมึงยิ่งแดกเหล้าต่างน้ำกันอยู่ด้วย”

“เอ๊า ทำไมต้องกูอ่ะ พวกมึงก็ช่วยกันด้วยดิ มีแค่ไอ้แทงค์คนเดียวก็พอที่แดกฟรี” ไอ้ฝรั่งเอ่ยแย้ง

“ก็มึงรวย” ไอ้ฮัทพูดมาคำเดียวพวกผมก็ถึงกับฮาลั่น มีแค่คนที่รวยอยู่คนเดียวเท่านั้นที่ทำหน้าเอือมใส่

 “งั้นมึงเลี้ยงนะคลาร์ก พวกกูรอแดก” ไอ้เนสเอ่ยอย่างชอบใจ ตบไหล่ผัวมันดังตุบ ๆ

“ไม่ได้ครับเมีย ถึงผัวจะรวยมากแค่ไหน แต่งานนี้เลี้ยงไอ้แทงค์ก็ต้องหารกันสิครับ เอาไว้เราแดกเหล้าด้วยกันสองคนเมื่อไหร่ ถ้าเป็นตอนนั้นเดี๋ยวผัวจะเลี้ยงเมียไม่อั้นเลยครับ หึ ๆ”

“แล้วมึงจะได้มอมมันให้เมาหนัก ๆ ก่อนจะจับปล้ำสินะ” ไอ้ฮัทเอ่ยต่ออย่างรู้เท่าทันความคิดไอ้ฝรั่งดี ผมงี้หัวเราะลั่นเลย ไอ้ฉิบหาย พวกมึงจะตลกกันเกินไปแล้ว ฮ่า ๆๆๆ

“มึงก็อย่าพูดดิวะ รู้ทันกูได้แต่เงียบ ๆ ไม่เป็นไง๊!”

“ไอ้ฝรั่งแผนสูง อย่าหวังจะได้แอ้มกูเลยสัด!” ไอ้เนสขึงตาใส่ ก่อนจะหน้าแดงแทนเมื่อผัวมันบอกว่า...

“ได้ข่าวกูแอ้มมึงมาหลายครั้งละนะเมีย”

“ไอ้เหี้ยยย”

__________

วันนี้พี่เฟิ่งให้พวกผมเล่นถึงแค่ครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังเปิดเพลงเอา เขายกให้เป็นกรณีพิเศษเพราะเห็นว่าเป็นวันเกิดผม ที่สำคัญคือเขาอยากจะเจอหน้าแฟนผมด้วย (พูดแล้วก็แอบเขินว่ะ เรียกท่านเจ้าที่ว่าแฟนเนี่ย)

พอสามทุ่มพวกเราก็เก็บอุปกรณ์แล้วมารวมตัวกันที่โต๊ะวีไอพี วันนี้นอกจากพวกไอ้เนสเพื่อนผม แล้วก็พี่เฟิ่งกับเมีย ยังมีไอ้พัฟ แล้วก็ไอ้ธีร์กับไวท์มาด้วย มากับเพื่อนของพวกมันน่ะแหล่ะครับ ไวท์มากับอัศ ส่วนไอ้ธีร์มากับเอลเลียต

“ไงมึง” เสียงทักที่ดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ตบลงบนไหล่ของผมทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็เจอเข้ากับคนที่เพิ่งเอ่ยถึงในใจไปเมื่อกี้

“มาแล้วเหรอวะไอ้ธีร์ ไวท์ นั่งดิ ๆ” ผมชี้มือไปที่โซฟาที่ยังว่างอยู่ ก่อนจะยิ้มทักทายอีกสองคน “หวัดดีอัศ เอล”

“อืม” ทั้งสองพยักหน้าพลางยิ้มบาง ๆ ให้ผม อัศเสริมขึ้นอีกว่า “แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับคุณแทงค์”

“ขอบใจ เออ ลืมแนะนำ นี่...” ผมแนะนำคนมาใหม่ให้เพื่อนกับพี่ ๆ รู้จัก พวกไอ้เนสไม่เคยเจอกับพวกไอ้ธีร์หรอกครับ แต่พวกมันก็ต่างฝ่ายต่างรู้นะครับว่าผมมีเพื่อนจากมหา’ลัยชื่ออะไร มีเพื่อนจากที่ทำงานพาร์ทไทม์ชื่ออะไร

ไอ้พัฟเป็นคนถัดมาที่มาถึง “มึงมาพอดี นี่พัฟ เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของกู”

“ไงมึง”

“อ้าวไอ้ธีร์ มึงมาด้วยเหรอ” ไอ้พัฟกับไอ้ธีร์เอ่ยทักทายกัน แบบที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว

“พวกมึงรู้จักกันด้วยเหรอวะ?” คือผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกมันรู้จักกัน ไปรู้จักกันตอนไหนเนี่ย

“รู้จักดิ ก็ไอ้พัฟมันเรียนเอกเดียวกับกู แต่อยู่คนละห้องกัน มีแค่วิชาเดียวที่เราเรียนด้วยกัน เออ กูได้ดูหนังสั้นของไอ้พัฟนละนะ ศาลพระภูมิบ้านมึงสวยฉิบหายพออยู่ในหนัง ฮ่า ๆ”

“เอ๊า นี่พวกมึงเรียนเอกเดียวกันหรือวะเนี่ย ไม่เห็นเล่า” แม่งโคตรบังเอิญเลยว่ะ

“ก็ไม่รู้มาก่อนหรอก จนกระทั่งกูได้ดูหนังสั้นของมันก็เลยเข้าไปถามมัน ได้ความมาว่ามันเป็นเพื่อนรักตั้งแต่เด็กของมึงนั่นแหล่ะ โลกกลมชะมัด”

หลังจากนั้นพวกเราก็พูดคุยกันไปเรื่อย ดื่มไปด้วยแบบไม่ต้องเกรงใจเพราะพี่เฟิ่งสั่งเปิดขวดไม่อั้น แต่พวกผมบอกไปแล้วว่าจะขอหารเพราะไม่อยากให้พี่เขาเลี้ยงคนเดียว มันเปลืองเดี๋ยวร้านขาดทุน พี่เฟิ่งก็เลยยอมทำตามที่พวกผมขอ เขาบอกว่าดี พวกมึงช่วยกูประหยัดนี่ล่ะดี ฮ่า ๆ

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผมที่กำลังดื่มชิล ๆ ไม่ได้กระดกเอา ๆ เหมือนครั้งก่อนที่พี่เฟิ่งบังคับแดก ก็โดนพวกเพื่อนตัวดีหันมารุมถาม...ถามถึงพี่ภูของผมน่ะแหล่ะครับว่าทำไมไม่มาสักที

“ไหนพี่ภูอ่ะ มึงบอกว่าเขาจะมาไม่ใช่เหรอวะ?”

“อีกสักพักน่าจะมามั้ง เขาติดงาน”

“ติดงาน? พี่เขาทำงานไรวะ เลิกดึกจัง”

ผมยักไหล่ให้คำถามไอ้เนส ตอบแค่ว่า “ธุรกิจส่วนตัวน่ะ”

“แล้วจะมากี่โมงล่ะ พวกกูจะได้รอ ไม่อยากเมาก่อนจะได้ทำความรู้จัก ถึงครั้งก่อนจะเจอกันแต่ก็ไม่ได้ถามแม้แต่ชื่อเลยว่ะ” ไอ้คลาร์กว่าพลางวางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะกระจก

“ไม่รู้แฮะ แต่คงไม่ถึงเที่ยงคืนหรอก”

ผมนึกไปถึงเมื่อวานที่บอกเขาว่าจะไปฉลองกับเพื่อนที่ร้านพี่เฟิ่ง ผมชวนเขาด้วยนะว่าจะมาด้วยกันไหม เทวดาเข้าร้านเหล้าผิดศีลหรือเปล่า ท่านเจ้าที่หัวเราะใหญ่ บอกว่าเข้าได้แล้วก็รับปากว่าจะมาฉลองด้วย แต่ขอเคลียร์งานก่อน

นั่นล่ะครับ เป็นเหตุผลที่ผมยังนั่งรออยู่ตรงนี้โดยไม่กระวนกระวายหรือโทรตามเขา ก็นะ...เขาทำงานนี่หน่า เห็นว่าใกล้ช่วงเลือกตั้งเข้ามาทุกทีงานก็ยิ่งยุ่งขึ้นเป็นกอง ซึ่งผมก็เข้าใจเขานะครับเลยไม่ได้เซ้าซี้อะไร หรือถ้าเขามาไม่ได้จริง ๆ ผมก็ไม่ว่าหรอก คนเรามีหน้าที่ความรับผิดชอบไม่เหมือนกัน และบางครั้งหน้าที่ก็สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

“เออ กูว่าจะถามไม่ได้ถามสักที” ไอ้ธีร์เอ่ยขึ้น เรียกให้ผมหลุดจากความคิดเพลิน ๆ ของตัวเอง ผมหันไปมองมันแล้วเลิกคิ้ว “ไหนบอกแค่เพื่อนบ้าน ทำไมไม่ถึงเดือนมาบอกว่าเป็นแฟนกันวะครับเพื่อน”

“เออ นั่นดิ ตอนนั้นมึงก็บอกว่าไม่ใช่ผัว แค่เพื่อนบ้าน” ไอ้เนสพยักหน้าสนับสนุน ให้ผัวมันเสริมอีกว่า...

“มาตอนนี้เป็นผัวแล้วคืออะไรเหรอครับบบ”

“มึงมีผัวตอนไหนกูไม่รู้เรื่องเลยห่า ไม่เคยจะบอก” ไอ้พัฟที่ไม่เคยเจอพี่ภูมาก่อนว่าบ้าง ทำหน้าตัดพ้อใส่ผมอย่างน่าถีบด้วยเถอะ...ก่อนจะปิดท้ายด้วยไวท์ เห็นเรียบร้อยสุภาพนี่ก็ไม่วายแซ็วผมนะครับ

“ตอบมาเลยครับคุณแทงค์ กับพี่ภูนี่ไปรักกันตอนไหนเหรอครับ ฮะ ๆ”

“ก็...อุ๊บ”

ฟึ่บ!

ผมยังไม่ทันได้พูดก็โดนมือใหญ่ปิดปากเสียก่อน และเจ้าของมือก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่ผมกำลังรออยู่นั่นล่ะ

“เรื่องของเราก็ให้เป็นเรื่องของเราสิครับ อย่าไปบอกคนอื่น หึ ๆ” พี่ภูปล่อยมือจากปากของผม ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ทำเอาผมใจสั่นเลยว่ะ เพิ่งเคยเห็นเขาทำหน้าแบบนี้เป็นครั้งแรก ไอ้เหี้ย ใจบางมากอ่ะ เขิน!

“โอ้โห พี่พูดแบบนี้กำลังด่าว่าพวกผมเสือกหรือเปล่าอ่ะ” ไอ้ธีร์แกล้งโวยวาย แต่หน้ามันนี่ยิ้มกว้างเชียวล่ะครับ

“เขาอาจจะบอกว่าอย่ายุ่งมากกว่ามั้งธีร์”

“กูอยากคิดให้ได้อย่างไวท์ว่ะ ดูซอร์ฟลงเยอะเลยไอ้ห่า”

“ฮ่า ๆๆๆ” ทุกคนหัวเราะกับคำพูดของไอ้พัฟ ตามด้วยไอ้ฮัทที่โพล่งขึ้นเป็นคนถัดมา

“พี่ภูอาจจะอยากจะเก็บเรื่องนี้เป็นเรื่องของเราสองคนกับไอ้แทงค์เฉย ๆ ก็ได้ พวกมึงก็คิดมาก เขาไม่ได้ด่าว่าเสือกหรอกน่ะ ใช่ไหมครับพี่?”

ผมมองหน้าคนตัวสูงที่ยังยืนอยู่ที่เดิม อีกฝ่ายกวาดตามองทุกคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “ที่ธีร์พูดน่ะถูกแล้ว”

“อ้าว!!!”

“ฮ่า ๆๆๆ กูล่ะชอบแฟนมึงว่ะไอ้แทงค์” พี่เฟิ่งที่ไม่พูดแซ็วผมสักประโยคพูดขึ้นมา ส่วนเจ๊เฟย์เมียเขาก็เสริมว่า...

“แฟนแทงค์หล่อมากอ่ะ อย่างกับนายแบบ โอ๊ย เจ๊จะเป็นลม หล่ออะไรขนาดนี้คะเนี่ย หล่อกว่าผัวเจ๊อีก”

“อ้าวเฟย์ ทำไมพูดถึงผัวงี้ล่ะครับ”

คนที่เหลือหัวเราะลั่น ผมเองก็เช่นกัน ก่อนทุกคนจะพากันเงียบราวกับนัดกันไว้ยังไงยังงั้น เมื่อจู่ ๆ ท่านเจ้าที่ดึงแขนผมเป็นเชิงบอกให้ลุกขึ้น...แม้จะยังงง ๆ แต่ผมก็ยอมทำตามที่เขาต้องการ แล้วก็ต้องอึ้งเมื่อร่างสูงนั่งลงแทนที่ผม ตามด้วยแยกขาออกกว้างแล้วดึงผมให้ลงไปนั่งตรงกลางหว่างขาของเขาแทน

แม่เจ้า ไม่คิดว่าผมจะเขินบ้างหรือไงที่ต้องนั่งอยู่กลางหว่างขาเขาท่ามกลางสายตาคนอื่นเนี่ย ไอ้ฉิบหายยย

“โห่ววววว” ทุกคนที่เห็นการกระทำของผมกับพี่ภูส่งเสียงโห่ใส่ทันที ตามมาด้วยเสียงแซ็วอีกระลอกใหญ่

“ทำอะไรเกรงใจกันบ้างครับเพื่อนครับ”

“ที่นั่งมีเยอะแยะ จำเป็นต้องนั่งด้วยกันขนาดนั้นไหมครับ”

“ห่างกันบ้างไม่ได้หรืองายยย จำเป็นต้องอิงแอบแนบชิดกันขนาดนั้นป่ะ!”

“แล้วยังมีหน้ามาคลอเคลียกันให้เห็นอีก โว้ยยย หมั่นไส้!!”

พอเลิกอึ้งได้ผมก็ถึงกับหัวเราะร่วน อิงหลังพิงแผ่นอกแกร่งที่ไม่ได้สวมอะไร...ครับ ไม่ได้สวมอะไร พี่ภูของผมมาร้านเหล้าด้วยการไม่สวมเสื้ออะไรข้างในสักชิ้น สวมแค่เสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำ เปิดโชว์ซิกซ์แพ็คส์แน่นๆ ให้ได้เห็น กับกางเกงยีนส์สีเข้มเอวต่ำเห็นกระดูกสะบักสวยๆ

ไอ้เหี้ย ทำไมแฟนกูฮ็อตงี้ว่ะ กูจะตายแล้ว ใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยเวรเอ๊ย!

หมับ

ท่อนแขนแข็งแรงของคนด้านหลังโอบเอวผมแล้วดึงเข้าไปหาให้แนบชิดมากขึ้นทำให้ผมต้องเอียงหน้ามองเขา...ท่านเจ้าที่ยกยิ้มบาง ๆ เลิกคิ้วแล้วกระซิบถามผมข้างหู ชนิดที่ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาทำให้ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว

“ใจเต้นแรงนะ เขินฉันเหรอ”

“อะ...” ผมอุทานเบา ๆ เอียงหน้าหลบก่อนจะตอบเสียงสั่น “เปล่าสักหน่อย”

นอกจากเสียงสั่นแล้วใจผมยังสั่นมากด้วยครับ ไอ้ฟัคคค อย่ามาอ่อยกันนะเว้ย! เดี๋ยวแม่งก็จับเทวดาปล้ำมันตรงนี้ซะหรอก! เขินอะไรล่ะ ไม่มีเว้ย ไม่มี๊!

“ตรงนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะครับ เฮลโหลลล เห็นพวกผมมั้ยเอ่ยยย” ไอ้พัฟแทรกเสียงขัดจังหวะ ผมก็เลยหันไปคว้าแก้วเหล้ามากระดกดื่มแก้เขิน ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของคนด้านหลังพาเอามือสั่นไปด้วยอีกสเต็ป หอกหัก อย่ามาหัวเราะด้วยเสียงเซ็กซี่แบบนั้นได้ป่ะ!? กูจะทนไม่ไหวแล้วนะ!

“แหน่ะ ๆ ถึงแสงจะไม่ค่อยสว่าง แต่กูก็เดาได้ว่ามึงเขินนะครับเพื่อน”

“วิ้ววว ไอ้แทงค์เขินว่ะ ของแปลกต้องเก็บภาพไว้”

“ไอ้พวกเหี้ย” ผมด่าพวกมันออกไป เรียกเสียงหัวเราะอีกครั้ง ผมก็เลยหันมาต่อว่าท่านเจ้าที่ของผมแบบไม่จริงจังนักแทน “เพราะพี่เลย ทำให้พวกมันแซ็วไม่เลิกเนี่ย”

“อ้าว ความผิดฉันเหรอ? งั้นเดี๋ยวไถ่โทษ” เขาว่าพลางจับหน้าผมให้มั่น แล้วกดจูบที่ปากผมหนัก ๆ หนึ่งที แต่ทำเอาผมเบิกตาโตด้วยไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น “จูบแล้วหายโกรธเนอะ”

“อะ ไอ้...!” ผมถึงกับไม่รู้จะพูดอะไรเลยครับ เลยพูดไปส่ง ๆ ว่า “ไม่หายเว้ย!!”

ได้ยินดังนั้นท่านเจ้าที่แกล้งตีหน้าเศร้าใส่ผม “แล้วทำไงถึงจะหายโกรธล่ะเนี่ย”

ผมนิ่งคิดเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะเป็นฝ่ายยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เอาวะ ไหนๆ ก็ขนาดนี้แล้ว เลิกเขินแล้วเล่นให้เต็มที่แม่งดีกว่า...ผมโน้มใบหน้าไปที่ข้างหูของเขาแล้วกระซิบด้วยโทนเสียงที่พยายามทำให้แหบต่ำและสั่นพร่า

“ต้องจูบอีกเยอะ ๆ จูบจริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่ปากแตะปากนะ แล้วผมจะยอมหายโกรธทันทีเลย”

...ไม่ลืมกดจูบลงที่ข้างหูของอีกฝ่ายไปหนึ่งที ก่อนจะผละออกมาดูปฏิกิริยา

แต่แล้วก็ต้องเป็นผมเองอีกนั่นล่ะที่ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เมื่อท่านเจ้าที่มองผมด้วยดวงตาเป็นประกายกล้า กล่าวเสียงหนักราวกับจะคาดโทษกัน “ไว้กลับบ้านเมื่อไหร่นายโดนแน่ไอ้เด็กแสบ”

ฉิบหาย กูจะโดนอะไรบ้างวะเนี่ย ฮ่า ๆๆๆ




__________

รีบมาอัพก่อนจะลืม ทำงานติดพันอยู่ค่ะ พรุ่งนี้เช้ามีพรีเซนต์งานอีกแล้ววว //ร้องไห้

หวานเนอะ เลี่ยนอ่ะ เพื่อนก็ขยันแซ็วขยันแซะ เจ้าแทงค์ก็ขยันเขิน ขยันหื่น(หืม?) ลำไยเด้อ 55555 เอาล่ะเหวย ตอนที่ 39 แล้ว ตอนหน้าตามที่สัญญาเอาไว้ ตื่นเต้นนนน เอาจริงๆ เราไม่ถนัดฉาก nc อ่ะ ที่เขียนไปก็ไม่รู้จะดีหรือเปล่า เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอัพต่อให้เลยละกัน ฮ่าาาา

ไปทำงานต่อละนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ (ถ้าเราไม่ลืม ไม่ขี้เกียจ ไม่ติดงาน หรือไม่ติดนิยายนะคะ 55555)
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 39 [10-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 10-10-2017 20:59:25
โหท่านมาแบบโซฮอตสุดๆ  :z1:
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 39 [10-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 10-10-2017 22:03:02
ฉันเป็นคนเดียวหรือเปล่านะ ที่นับตอนมาตลอด 5555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 39 [10-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 10-10-2017 22:08:58
เขินพี่ภูอะะะ โซแดมฮอตตมากค่าา
แทงค์เหมือนเขินและหื่นแทนคนอ่านไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
ดีใจจริงๆที่น้องรู้งานได้ขนาดนี้5555
เหม็นความรักกกค่ะ 555555
รอตอนหน้าพี่ภูต้องโดนล่อลวงไปแน่ๆเลยค่ะคุณขาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 39 [10-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-10-2017 23:28:03
 :m10: รออ่านตอนกลับถึงบ้านอีกกว่า  :haun4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 39 [10-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-10-2017 23:32:10
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 39 [10-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 11-10-2017 03:12:02
แทงค์คนเจ้าเล่ห์
งื้อออออออ
ท่านภูตลาเจ้าขาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 39 [10-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-10-2017 06:14:21
ทุกอย่างลงตัว
ความบาดหมางระหว่างเพื่อน กลับมาคืนดีกัน
ความก้าวหน้าทางอาชีพดนตรี ได้รับการติดต่อทั้งวง ไม่ใช่แค่แทงค์คนเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างแทงค์ กับพี่ภู ดีมากๆ

แทงค์ รู้แล้วว่าสักวันเจ้าที่ต้องไปจากแทงค์แน่นอน
แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ก็ใช้เวลาอยู่กันอย่างมีความสุข
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 39 [10-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-10-2017 09:24:05
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 11-10-2017 22:45:10
ตอนที่ 40

“เกมนี้ผมเป็นคนนำนะครับ”

 

รอบนี้ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เมา แค่กรึ่ม ๆ ดื่มพอให้ตาเยิ้มเท่านั้น แต่ผมยังมองทุกอย่างเป็นภาพชัดเจนนะครับ ไม่มึนหัว ไม่เห็นคนแยกร่าง เอาเป็นว่าสติผมครบถ้วนทุกประการ แต่ไอ้คนเมาอ่ะนู่น...ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กครับ ก็รู้ตัวว่าแดกมาก ๆ แล้วจะเมาเรื้อน แต่พวกแม่งก็ยังจะซัดเหล้าต่างน้ำกันอีก ผมล่ะซูฮกพวกมันจริง ๆ เมาขนาดนี้เดี๋ยวแม่งก็เสียตัวให้กันอีกอ่ะ อ่า แต่คิดดูอีกทีพวกแม่งก็เป็นผัวเมียกันอยู่แล้วป่ะวะ คงไม่แปลกถ้าพวกมันจะได้เสียกันอีก

ไอ้ฮัทก็ยังเหมือนเดิม แผนกเก็บศพผู้ไม่เคยเมา จะว่าไปบางทีผมก็อยากเห็นมันเมาเหมือนกันนะ จับแม่งกรอกเหล้าดีกว่า เดี๋ยวผมค่อยโบกแท็กซี่ไปส่งมันที่บ้าน อยากเห็นมันเมาจริง ๆ นะครับ ฮ่าาา

"ไอ้ฮัท แดก ๆๆ" ผมคิดได้ก็ยัดแก้วเหล้าเพียว ๆ ปราศจากโซดาผสมให้มัน

"กะจะมอมกูเหรอ?" มันทำหน้ารู้ทัน ยิ้มกวนตีนฉิบหาย แต่ก็ยอมกระดกดื่มหมดแก้วในทีเดียว

"โอ้โห มึงนี่คอทองแดงเคลือบไนลอนป่ะเหี้ย ทำไมดื่มเพียวแบบไม่สะทกสะท้านเลยวะ ฮ่า ๆๆ"

"ส่วนมึงคอทองเหลืองเครือบสเปรย์ว่ะไอ้แทงค์" มันสวนกลับมาอีก อะไรคือคอทองเหลืองเคลือบสเปรย์วะ? คิดจะถามแต่ผมยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็มีเสียงแทรกขึ้นว่า...

"นี่ตกลนพวดเมิงพุดเริ่งรัยกานน"

"เสียงไอ้เนสแม่งอย่างจี้ อ้อแอ้ฉิบหาย ฮ่า ๆๆๆ" พี่เฟิ่งที่นั่งจิบเหล้าเงียบ ๆ หัวเราะลั่น พี่มันเหมือนคนโรคจิตอ่ะ ชอบเห็นพวกผมเมา เอ้อ ประหลาดคน

"อ้อคือคราย แอ้คือคราย อ้อแอ้เปนฝ้าแฝ้ดกันเหยอออ" ไอ้คลาร์กออกอาการเมาตามมาติด ๆ เลยครับ

"ฝาแฝดไหมละไอ้ฝรั่ง ฮ่า ๆ เพื่อนมึงตลกสัด ๆ อ่ะไอ้แทงค์" ไอ้ธีร์พูดไปหัวเราะขำไปด้วย

ผมหันไปมองมัน หนุ่มนิเทศยังจิบเหล้าเคล้าดนตรีอย่างสบายใจ แต่เพื่อนมันน่ะฟุบลงซบไหล่มันไปละ

"เอลเลียตเมาแล้วเหรอวะ" พอได้ยินผมถามมันก็เอี้ยวหน้ามองคนที่หลับตาสนิทบนไหล่มันก่อนจะจุดยิ้มเจ้าเล่ห์

"อือ น่าจะเมา ไอ้นี่เวลาเมาไม่เรื้อนหรอก เมาแล้วหลับมากกว่า...อ้อ เมาแล้วยิ่งร้อนแรงด้วย" ประโยคท้ายมันพูดงึมงำของมันคนเดียว ผมนั่งอยู่ไกลก็เลยไม่รู้ว่ามันพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้ถามเพราะไม่ใช่เรื่องของผมอีกตามเคย

ผมหันมาสนใจเพื่อนหนุ่มจากสถาปัตย์ต่อ "ไวท์เป็นไง คออ่อนป่ะเนี่ย"

"นิดหน่อย เราไม่ค่อยดื่มหรอก ผสมโค้กมากกว่าเหล้าอีก" เจ้าตัวโคลงแก้วในมือให้ดู บอกว่าโค้กเพียว ๆ ผมก็เชื่อนะนั่น ไวท์คงไม่ชอบดื่มล่ะมั้ง ส่วนอัศเพื่อนเขาก็นั่งจิ้มกับแกล้มกินเล่นมากกว่า

เออดีเว้ย ไอ้คู่นี้ไม่เมาแน่ ๆ อ่ะ สายสุขภาพกันแหง ๆ

คนสุดท้ายที่ผมจะมองข้ามไม่ได้คือเพื่อนสมัยเด็ก...ตอนนี้ไอ้พัฟเป็นไงรู้ไหมครับ?

มันเมาครับ เมาแล้วพูดเป็นต่อยหอยเลยไอ้ห่า ขุดเรื่องสมัยไหนมาพูดผมเองยังจำไม่ได้ทุกเรื่องอ่ะ แล้วเจ๊เฟย์ดันตั้งใจฟังด้วยนะ ทำไมวันนี้อะไร ๆ มันก็ดูประหลาดไปหมดเลยล่ะเนี่ย

แต่ก็ตลกดีแหล่ะครับ เป็นวันเกิดที่เจ๋งโคตร ๆ ของผมอ่ะ ฮ่า ๆๆ

"ห้ามเมานะแทงค์" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นที่ข้างหูพร้อมกับวงแขนแกร่งที่เปลี่ยนจากกอดเอวเป็นกอดคอผมแทน ผมเอียงหน้าเข้าหาแก้มสากที่มีไรหนวดขึ้นจาง ๆ ก่อนจะถูไถไปมา...คนโดนกระทำกดตาจ้องผม มุมปากกระตุกยิ้มร้าย

อื้อหือ ยิ้มงี้ไม่เหมือนเทวดาเลยครับ เหมือนตัวร้ายมากกว่า!

"ไม่เมาหรอก หมดแก้วนี้ผมก็เลิกดื่มแล้วล่ะ"

"ดีมากครับ"

คำเดียวพร้อมรอยยิ้มหวานทำเอาผมหน้าร้อนวาบเลยครับคุณผู้ชม

ไอ้ฉิบหาย ใครสั่งใครสอนให้อ่อยกันงี้วะ! เดี๊ยะ ๆ เดี๋ยวกูจับปล้ำแม่งจริง ๆ หรอกไอ้ท่านเจ้าที่!!

__________

เราสองคนกลับมาถึงบ้านเอาตอนตีหนึ่งกว่าๆ หลังจากตระเวนไปส่งเพื่อนๆ ทั้งหมดกลับถึงบ้านแล้ว คนที่พวกเราไปส่งก็มีไอ้เนส ไอ้คลาร์ก ไอ้ฮัท แล้วก็ไอ้พัฟครับ ส่วนไอ้ธีร์กับไวท์นี่ไม่เมาเท่าไหร่เลยกลับกันเองได้

ใช่ครับ ไอ้ฮัทเมา! วันนี้ผมได้รู้เลยว่ามันเมาแล้วเป็นยังไง...อาจจะแปลกใจว่าเออ พวกมึงเป็นเพื่อนกันมาสองปีไม่เคยเห็นเพื่อนเมาเหรอ? แต่มันใช่ไงครับ ถึงจะดื่มด้วยกันบ่อยแต่พวกผมไม่เคยเห็นไอ้ห่าเงียบนี่มันเมาสักที อย่างมากก็กรึ่ม ๆ มันบอกชอบเป็นแผนกเก็บศพเพื่อนกลับไปส่งบ้านมากกว่าเลยดื่มไม่เยอะ แถมยังคอแข็งอีกด้วยเลยเมายากไปอีก

แต่ครับแต่ แต่วันนี้มันเมาไง ไอ้ฉิบหายอย่างพีคอ่ะ มันเมาแล้วชอบโวยวายครับ โวยวายจะร้องเพลงบ้างล่ะ จะออกไปเต้นบ้างล่ะ ท้าคนนั้นคนนี้ต่อยบ้างล่ะ โคตรจี้ ฮ่า ๆๆๆ

“เหนื่อยชะมัด” ผมพูดขึ้น ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเต็มแรง บิดขี้เกียจแก้ความเมื่อยขบไปด้วย...แบกไอ้พวกนั้นเข้าบ้านไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะครับ เล่นเอาหลังแทบเคล็ด ถึงจะตัวเท่า ๆ กันก็เหอะ แต่น้ำหนักไม่เท่ากันแน่ผมมั่นใจ

“แต่ก็มีความสุขใช่ไหมล่ะ” ท่านเจ้าที่เอ่ยด้วยรอยยิ้มรู้ทันความรู้สึกผม เขาก้าวเข้ามายืนตรงหน้าผม ผมก็เลยขยับตัวขึ้นแล้วโอบเอวหนาเอาหน้าซุกซิกซ์แพ็คส์ของเขา

“อื้ม ผมมีความสุขมาก”

มือหนาลูบหัวผม “ดีแล้ว”

ผมเงยหน้ามองพี่ภู อีกฝ่ายก็กำลังก้มลงมามองผมเช่นกัน ผมเลยลุกขึ้นจับเขาให้หันมานั่งลงบนโซฟาแทนผม ก่อนตัวเองจะขึ้นไปนั่งคร่อมตักเขาเอาไว้ ท่านเจ้าที่มองผมอย่างอึ้ง ๆ แต่หลังจากนั้นก็ยกยิ้มร้ายพลางหัวเราะแล้วว่า...

“นี่ตกลงเมาใช่ไหม ไม่อย่างนั้นนายคงไม่ทำอะไรแบบนี้กับฉันหรอก”

“ไม่เมา แต่อยากทำเฉย ๆ”

“หืม? รู้ตัวไหมว่าครั้งก่อนที่นายเมา นายจู่โจมฉันด้วย”

“ครั้งก่อน?” ผมเลิกคิ้ว พยายามนึกว่าครั้งก่อนนี่ผมไปทำแบบนี้เอาตอนไหน จะว่าตอนที่โดนพี่เฟิ่งมอมก็ไม่ใช่ เพราะอันนั้นผมตื่นมาก็จำได้หมดแทบทุกอย่างที่เกิดขึ้น งั้นก็เหลือแค่ตอนล่าสุดที่ผมซัดเบียร์ไปแปดขวด อ่า...แต่ตอนนั้นผมจำอะไรไม่ได้จริง ๆ ครับ ลืมสนิทเลย ไม่รู้เป็นงั้นไปได้ไง นี่มันขัดกับหลักความสามารถพิเศษของผมนะครับเนี่ย “ผมเคยทำแบบนี้ ตอนที่ผมเมาครั้งล่าสุดป่ะ?”

“อ่าฮะ” พี่ภูพยักหน้า “ตอนนั้นนายจูบฉัน”

ผมหน้าร้อนวูบ ถึงจำไม่ได้ แต่แค่ได้ยินก็รู้สึกอับอายสุด ๆ แล้วว่ะ นี่ผมทำแบบนั้นจริงดิ!?

ผมซุกหน้าหนีอายกับไหล่แกร่ง ร่างสูงหัวเราะกับท่าทางของผมก่อนจะกดจูบที่ข้างแก้มผมหนัก ๆ ไม่วายขยี้ปลายจมูกด้วยนะ...อย่าทำแบบนี้สิเฟ้ย เดี๋ยวอดใจไม่ไหว!

แล้วความอดทนของผมก็ขาดสะบั้นลงในตอนที่ท่านเจ้าที่เคลื่อนใบหน้ามาซุกไซ้ที่ข้างใบหูของผม ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดทำเอาผมใจสั่น ยิ่งเมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายเม้มเบา ๆ เข้าที่ติ่งหู สติของผมก็เหมือนจะยิ่งกระเจิดกระเจิงหายไปในพริบตา

พรึ่บ!...ผมขยับตัวนั่งในท่าที่แนบชิดกว่าเดิม สะโพกของผมแนบกับกึ่งกลางลำตัวของพี่ภู ผมยืดตัวขึ้นจนใบหน้าของเราเสมอกัน แล้วจากนั้นก็บดสะโพกลงไปอย่างเนิบช้า หยอกเย้าให้คนที่ทำให้ผมฝืนทนต่อไปไม่ไหวได้สติแตกบ้าง

ท่านเจ้าที่สูดลมหายใจเข้าลึกเหมือนตั้งตัวไม่ทันกับการกระทำของผม แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าเขาจะรู้สึกยังไง เพราะผมยังคงคลึงสะโพกตัวเองอยู่อย่างนั้น แนบลำตัวลงไปชิดกับร่างแกร่ง...ผมกดดวงตาสบกับนัยน์ตาของพี่ภู เคลื่อนใบหน้าเข้าหาจนลมหายใจของเรากระทบกัน แล้วก็เป็นผมอีกนั่นล่ะที่เอียงหน้าเพื่อกดจูบลงบนเรียวปากบางของอีกฝ่าย

“อืม...” ร่างสูงครางแผ่ว ๆ ในลำคอ ไม่ได้ผลักไสผมออก ตรงข้ามกลับโอบกระชับเอวผมไว้มั่น ตอบรับจูบที่ผมมอบให้ด้วยการอ้าปากออกให้ผมได้สอดปลายลิ้นเข้าหา เกี่ยวกระหวัดรัดพันลิ้นของเราเข้าหากันแนบแน่น

เราจูบกันอยู่นาน ผมโดนไล่ต้อนจนต้องหดเรียวลิ้นหนีแต่ท่านเจ้าที่ก็ไล่ตามมาแล้วช่วงชิงลมหายใจของผมต่อ ทำเอาผมแทบบ้าคลั่งกับจูบอันแสนร้อนแรงนี้...ผมลูบไล้ฝ่ามือเปะปะไปตามแผ่นอกและแผ่นท้องเป็นลอนสวย สะกิดเขี่ยที่ยอดอกของอีกฝ่ายเบา ๆ หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคืออาการสะดุ้งเล็ก ๆ ของเขา

เราถอนริมฝีปากออกจากกัน หอบหายใจแรง พี่ภูไม่ละสายตาไปจากทุกการกระทำของผม ส่วนผมก็ไม่คิดจะหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่แต่อย่างใดเช่นกัน...ผมเอื้อมมือสอดเข้าไปในกลุ่มผมสีปีกกา กำขยุ้มมันเบา ๆ รั้งให้ใบหน้าหล่อเข้มเงยขึ้นอีกนิด ก่อนจะกัดลงไปที่ปลายคางของท่านเจ้าที่จนเกิดรอยฟัน ผมคงกัดแรงอยู่ไม่น้อยเพราะได้ยินเสียงเขาร้องซี๊ดดังลอดออกมาเบา ๆ ให้ได้ยิน

“ฮะ ๆ” ผมอดหัวเราะไม่ได้ การได้เห็นเขาเจ็บจนร้องนี่มันน่าอภิรมณ์แปลกๆ ดีแฮะ

แต่เฮ้! ผมไม่ได้มีรสนิยม BDSM หรอกนะครับ ไม่ได้เป็น S หรือ M ด้วย แค่อยากกัดเพราะหมั่นเขี้ยวเฉย ๆ หึ

“อึก...” ผมได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังตามมาเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงกดจูบที่กลางลำคอของร่างสูง เหลือบตามองใบหน้าคมคร้ามเล็กน้อยแล้วผมก็ตัดสินใจ...แลบปลายลิ้นตวัดเลียลูกกระเดือกบนลำคอแกร่ง “...อ่า”

กดจูบไปทั่วเพื่อฝากรอยจาง ๆ ไว้ ทั้งที่ไหปลาร้าและส่วนอื่น ๆ เลาะเล็มผิวเนื้อสีแทนสวยลงมาเรื่อยจนถึงตุ่มไตกลางอก...ผมขบกัดข้างหนึ่ง ขณะที่อีกข้างใช้ปลายนิ้วสะกิดเขี่ยอย่างไม่น้อยหน้า

“อะ...ฮึ่ม...นายทำ...อ่า...” ท่านเจ้าที่พูดแทบไม่เป็นคำ ผมผละออกสบตาเขาอีกครั้ง ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่

“อยู่เฉย ๆ นะพี่ภู” ผมขยิบตาใส่เขา “เกมนี้ผมเป็นคนนำนะครับ”

อย่างรวดเร็ว...ผมยกสะโพกตัวเองขึ้น ตวัดมือลงด้านล่างเพื่อปลดเข็มขัดกับกระดุมกางเกงของร่างสูงออก ควักเอาตัวตนของอีกฝ่ายออกมาสู่อากาศภายนอก

!!!

อ่า...ขนาดใหญ่ไม่เบานี่หว่า

ผมคิด แล้วก็คงเผลอเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวด้วยล่ะมั้งเพราะท่านเจ้าที่ถึงกับหัวเราะร่วน มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อยืดของผมแล้วลูบฝ่ามือไปทั่วแผ่นหลัง เล่นเอาผมขนลุกไปทั้งตัวด้วยความวูบวาบเพราะสัมผัสร้อนผ่าวนั่น

“ทำหน้าหื่นนะ”

ผมหน้าร้อนฉ่า ตอนลงมืออ่ะไม่เขินหรอก แต่พอโดนพูดแบบนี้ใส่ก็อดจะเขินไม่ได้ว่ะ “เงียบไปเลย”

“หึ ๆ” เทวดาอารักษ์หุ่นนายแบบเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งลงไปที่สะโพกของผม บีบเค้นผ่านกางเกงยีนส์ให้ผมสูดหายใจดังเฮือก แล้วไม่กี่นาทีต่อมากางเกงของผมทั้งตัวนอกตัวในก็ถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว...อะ ไอ้ท่านเจ้าที่ทำได้ยังไงวะเนี่ย เปลื้องผ้าผมไวโคตร! จริง ๆ แอบหื่นใช่ไหม!? เป็นเทวดาทำไมว่องไวเป็นงานขนาดนี้เล่า!

ผมอยากจะถามอยู่หรอกนะ แต่อารมณ์ที่กรุ่นขึ้นมาระหว่างเราก็ทำให้ผมปัดคำถามนั้นทิ้งไปอย่างไม่คิดจะใยดีอีก ผมกลับมาสนใจร่างแกร่งตรงหน้าต่อ...ปลายนิ้วของผมเลื่อนไปที่เรียวปากของพี่ภู ลูบมันเบา ๆ แล้วส่งสายตาเป็นความนัยให้เขา วินาทีต่อมาท่านเจ้าที่ก็แลบปลายลิ้นเลียลงบนนิ้วทั้งสองของผม

มืออีกข้างของผมไม่ได้ว่างเว้น ขยับรูดรั้งความเป็นชายของร่างสูงไปด้วย พอเห็นว่าพอแล้วผมก็ผละนิ้วออกจากปากของเขา ก่อนจะ...สอดนิ้วทั้งสองเข้าที่ช่องทางด้านหลังของตัวเอง

“อึก ฉิบ...เสียดว่ะ...” ผมสบถเบา ๆ เพราะไม่ได้ไปยุ่งกับมันมานานมาก ไม่แปลกที่ผมจะเจ็บ ๆ เสียด ๆ อย่างนี้

“ไหวหรือเปล่า” พี่ภูเอ่ยถาม ขบเม้มใบหูของผมสลับเลียไปมาพาเอาผมวูบวาบยิ่งกว่าเก่า เรียวนิ้วแกร่งบดคลึงยอดอกของผมผ่านเสื้อเนื้อนุ่ม การเสียดสีของเนื้อผ้ากับหัวนมทำให้ผมยิ่งสะท้าน สั่นระริกไปทั้งร่าง

“อืม...ไหว...แทงค์ไหว...”

ท่านเจ้าที่ชะงักเมื่อได้ยินที่ผมตอบ ใบหน้าคมคร้ามขยับมาบดจูบจนปากผมแดงช้ำไปหมด “น่ารัก”

คำชมของเขาทำให้ผมใจเต้นตึกตัก ตัดสินใจในวินาทีนั้นว่าควรจะหยุดมือที่ขยับขยายทางแล้วหลอมรวมร่างกายของเราสองคนเข้าด้วยกันได้แล้ว...สิ้นความคิดนั้นผมก็ยกสะโพกขึ้น จับความแข็งแกร่งจ่อที่ปากทางแล้วกดสะโพกตัวเองลงไปช้า ๆ

“อึก...ฮ้า...อ่า...”

ความเจ็บเสียดทำให้ผมน้ำตาปริ่มโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะกดลงไปพรวดเดียว ผมเลยต้องค่อย ๆ ขยับลงไปทีละนิด กลืนกินความใหญ่โตทีละน้อย จนเมื่อผมลงไปสุดปลายทาง ทั้งผมทั้งท่านเจ้าที่ก็ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

“อ่า...ทำไมมันถึงดูตลกได้ละเนี่ย” ผมพูดขึ้นกลั้วเสียงหัวเราะ

“แต่ฉันว่ามันดูเซ็กซี่มากกว่านะ” เทวดาหนุ่มหน้าหล่อของผมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีรัตติกาลมองผมด้วยสายตาระยิบระยับราวกับราชสีห์มองเหยื่อ เล่นเอาผมสั่นสะท้านไปทั้งร่างอีกครั้ง

“เงียบน่า พูดมาก ๆ แล้วผมเขินเว้ย” ผมยกมือไปปิดปากของเขา และไม่รอให้อีกฝ่ายหาเรื่องโต้แย้งอะไรกลับมาอีกด้วย เพราะผมจัดการ...ขยับ

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ

ผมยกสะโพกขึ้นแล้วกดลงอย่างไม่เร่งรีบ รับเอาความแข็งแกร่งใหญ่โตเข้ามาเนิบช้า ลมหายใจของผมกับเขาถี่กระชั้นในทุกครั้งที่ร่างกายของเราเชื่อมสัมผัสกัน...ผมโอบกอดลำคอของท่านเจ้าที่เอาไว้ อีกฝ่ายซุกไซ้ซอกคอของผม กดจูบฝากรอย บางครั้งก็ครอบครองตุ่มไตกลางอกของผมผ่านเสื้อยืด ผมล่ะอยากจะบอกเขาว่าทำแบบนั้นมันยิ่งทำให้ผมเสียว แต่ก็พูดไม่ออกเพราะทำได้เพียงส่งเสียงครางแผ่ว ๆ ในลำคอเท่านั้น

อ่า...มันรู้สึกดี รู้สึกดีมาก ๆ ในทุกครั้งที่ความร้อนผ่าวกระทบจุดกระสันของผม ยิ่งเมื่อข้างหูได้ยินเสียงหอบหายใจแสนเซ็กซี่ของพี่ภู ผมก็ยิ่งรู้สึกดีแทบบ้า ดีมากจนเผลอขยับสะโพกเร็วขึ้น

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั้งห้องนั่งเล่น ความเงียบสงัดถูกแทนที่ด้วยเสียงครางแหบพร่าของเราสองคน

“อืม...แทงค์...อ่า...ดีครับ...”

“อื้อ...พี่ภู...จูบผม...”

ท่านเจ้าที่จูบผมตามคำขอ บดจูบเคล้าคลึงสอดปลายลิ้นเข้าหาอย่างดุดัน ผมเร่งสะโพกขยับเร็วขึ้น รู้สึกได้ถึงปลายทางที่ใกล้จะมาถึง แล้วเพียงไม่นานเลยที่ผมจะประทุออกมาเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของปลายทางแห่งอารมณ์

“อื้อ...” ผมกอดร่างแกร่งแน่นในตอนที่ความอุ่นร้อนของเขาฉีดพ่นเข้าสู่ในกายผม โน้มใบหน้ากดจูบที่ข้างแก้มสาก กระซิบเสียงเบาแหบพร่าที่ข้างใบหูของอีกฝ่าย “รัก”

พี่ภูจูบที่ข้างขมับของผมแล้วตอบกลับมาเพียงว่า...

“เหมือนกัน”



__________

อิ้ววว เขิน 5555555 ได้แค่นี้แหล่ะ หื่นได้แค่นี้จริงๆ ก๊ากกกก! ไม่รู้จะทอล์คอะไรเลยเนี่ย หวังว่าจะฟินกันนะคะ ฮ่าาา รู้สึกยังไงเมนต์บอกกันได้นะ คิดว่ามันไม่ค่อยลื่นไหลหรืออะไรติมาได้เลยค่ะ เราจะได้เอาไปแก้ไขเนอะ เพราะมีโครงการเขียนความหื่นอีกเยอะ (หืม? 555)

วันนี้ปวดหัวมาก นั่งหาวิจัยสามชั่วโมงแต่หาอันที่ใช้ได้ไม่ได้เลยสักอัน ดีนะเมื่อเช้าพรีเซนต์งานผ่านไปได้ด้วยดี แต่ได้แค่เจ็ดคะแนนเต็มสิบค่ะ 555 พอใจแหล่ะ ดีกว่าได้น้อยอ่ะเนอะ นี่เกือบไม่ได้มาอัพแล้ว กำลังอ่านวิชชอร์อยู่ (นิยายแฟนตาซีค่ะ) เราเป็นคนชอบอ่านอ่ะ ถ้าอยู่กับหนังสือเมื่อไหร่จะผละไปทำอย่างอื่นได้ยาก แต่สัญญาไว้แล้วก็ไม่อยากให้ทุกคนรอเก้อ

ตอนหน้าไม่มั่นใจว่าจะมาได้เมื่อไหร่เพราะต้องไฟต์กับงานวิจัยอีก วันจันทร์พรีเซนต์ไง ฮือออ ไปละค่ะ เจอกันตอนหน้าเด้อ รักทุกคน จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 11-10-2017 23:15:30
ชอบนิยายเรื่องนี้มากๆคะ น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-10-2017 00:47:42
กรี้ดดดดดดดดดด น้องแทงค์แซ่บมากกกลูกกก
ออนท้อปปป ครั้งแรกก้ออนท้อปปเลยหรออ
พี่ภูฟินไปถึงไหนแล้วเนี่ยยย
เมียเด็กเอาใจขนาดนี้ รัก หลงไปไหนไม่รอดแล้วว
พี่ภูก้แซ่บบบ อบอุ่นด้วยยยย งืออออ
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-10-2017 01:14:21
 :katai2-1: :z1: :katai2-1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 12-10-2017 02:38:33
โอ๊ยยยย ใจกล้ามากค่า
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 12-10-2017 02:57:44
     เค้าได้กัแล้วค่าาาา
น่ารักทั้งพี่ภูและน้องแทงค์เลยนะค่ะหวานไม่เกรงใจเลยนะค่ะแต่แอบกังวลว่าจะไปไงต่อเพราะพี่ภูต้องไปเกิดนี่ค่ะฮือออออ ร่ออ่านตอนต่อไปนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-10-2017 03:18:08
แซ่บเวอร์มาก ๆ คะ หลานแทงค์  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-10-2017 10:01:55
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 12-10-2017 13:37:12
หวายยยยยยย
ได้กันแล้ววววววววววว
รู้สึกเหมือนลูกออกเรือน
555555555555555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 12-10-2017 14:03:26
 :haun4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-10-2017 20:40:00
 :o8:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 15-10-2017 21:47:33
ตอนที่ 41

“ป้อนหน่อย”

 

ช่วงครึ่งเดือนหลังผมกับท่านเจ้าที่แทบไม่ค่อยได้เจอกันเลยครับ ตัวผมก็ยุ่ง ๆ กับเรื่องเรียน นอกจากต้องเคลียร์งานส่งอาจารย์แล้ว ผมยังมีสอบย่อยเยอะแยะเต็มไปหมดอีกต่างหาก แถมเริ่มเข้าบริษัทแล้วด้วยเลยยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่

ส่วนพี่ภูของผม รายนั้นโหมเคลียร์งานเอกสารสารพัดก่อนลงจากตำแหน่งผู้ว่าราชการศาลพระภูมิเต็มตัว ทั้งติดประชุมหารือเรื่องนโยบายพรรคใหม่ และสารพัดการประชุมมากมายก่ายกองที่ทำให้เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อน เจอกันแต่ละทีผมงี้อยากจะต่อยให้หน้าแหก ใต้ตาคล้ำอดหลับอดนอน เขาผอมลงด้วยผมมั่นใจ เพราะเวลากอดมันรู้สึกได้เลยล่ะว่าเขาผอมลง แค่มองยังรู้เลยเถอะ

ทุกครั้งที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน ทั้งผมและเขาก็เลยเลือกที่จะนอนกอดกันดูหนัง อ่านหนังสือ หรือทำอะไรก็ได้ขอแค่ได้ทำหรืออยู่ด้วยกันเท่านั้นก็พอ เพียงแค่นี้ผมก็คิดว่ามันมากพอสำหรับเราสองคนแล้วล่ะ

วันนี้ผมไม่ได้ทำงานพิเศษที่ดีซีซุปเปอร์ฯ ขอลางานเพราะต้องเข้าบริษัทน่ะครับ ตอนผมบอกผู้จัดการเรื่องที่ได้เป็นเด็กเทรนในค่ายเพลงดังนะ ผู้จัดการดีใจกับผมใหญ่ แถมยังป่าวประกาศจนพนักงานทั้งร้านรู้หมดทุกกะเลยด้วยซ้ำ เล่นเอาผมประหม่าจนทำตัวไม่ถูก แต่พอเห็นทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีผมก็อดจะรู้สึกดีใจไม่ได้เหมือนกัน อ่า...มีคนยินดีกับเรามันย่อมดีกว่าเขามาอิจฉาเรานี่ครับจริงไหม?

ว่าแต่ตอนนี้ท่านเจ้าที่กำลังทำอะไรอยู่นะ คิดถึงว่ะ อยากกอดจังเลยแฮะ

กำลังคิดถึงเขาเพลิน ๆ ผมก็สัมผัสได้ถึงแรงยวบของฟูกนอน หันไปมองก็เจอเข้ากับคนที่กำลังคิดถึง ดวงตาของเขามองมาที่ผมก่อนเรียวปากนั้นจะส่งยิ้มมาให้ ท่าทางของเขาดูเหนื่อยล้า ให้ตาย ผมคิดว่าเขาควรพักผ่อนอ่ะ...ตอนนี้เลย

“อาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนไหมครับ จะได้มานอน พี่ไม่ได้นอนมากี่วันแล้วเนี่ย”

“อืม ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมานะ” เขาพยักหน้ารับ ลูบหัวผมเบา ๆ สองสามทีก่อนจะหายตัวไปพักหนึ่ง กลับมาอีกทีก็เปลี่ยนจากชุดสูทเป็นเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นใส่สบายสีน้ำตาลแล้ว

ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนข้างผม มือหนารั้งผมเข้าไปใกล้แล้วช้อนคอผมขึ้นให้หนุนแขนของเขาแทนหมอน ทำซะผมเหมือนตุ๊กตายัดนุ่นธรรมดา ๆ เลย แต่ผมก็ยังนอนหงายอยู่ท่าเดิม ใช้ดวงตาเหลือบขึ้นมองใบหน้าอ่อนล้าของเขา

“ไม่ร้อนเหรอมากอดกันอย่างนี้”

“ร้อน แต่อยากกอดมากกว่า”

“โอเค๊ งั้นนอนเถอะ พี่ดูเหนื่อยมากเลย”

“ฉันไม่ได้เหนื่อยมากมายอะไร”

“ตาคล้ำ แถมยังผอมลงเนี่ยนะไม่เหนื่อยมากมายอะไร? นอนไปเลยไป เดี๋ยวมื้อเย็นผมทำของโปรดให้ อยากกินอะไรครับ” ผมพลิกตัวเพื่อจะได้มองหน้าเขาได้ถนัดตามากกว่าเดิม

คนโดนถามทำหน้าคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะร่ายยาวเมนูที่อยากกินออกมายาวเหยียดแบบที่ทำให้ผมตาโต

“อยากกินแกงเทโพ ไข่เจียวหมูสับ ต้มยำรวมมิตรทะเล ผัดคะน้าปลาเค็ม”

“ได้ มีอีกไหม เอาให้เต็มที่ ผมจะขุนพี่ให้กลับมามีเนื้อมีหนังมากกว่านี้”

“ฮะ ๆ ไม่มีแล้ว ที่เหลือถ้าอยากจะทำอะไรอีกก็แล้วแต่นายแล้วกัน”

“อ่าฮะ” ผมพยักหน้ารับคำ ยืดตัวขึ้นไปกดจูบที่ริมฝีปากของร่างสูง อีกฝ่ายเกี่ยวลิ้นตอบผมก่อนจะผละออก ผมยิ้มให้เขา “นอนเถอะครับ ไว้มื้อเย็นผมจะปลุกนะ”

“อืม อย่าเพิ่งไปไหนนะ”

“ไม่ไปไหนหรอก จะอยู่จนกว่าพี่จะหลับสนิทเลย” คำตอบของผมทำให้ได้รับจูบหนัก ๆ ที่หน้าผากมาอีกที

ผมนอนฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะคงที่สอดประสานไปกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนหลับ จนผ่านไปราวสองชั่วโมงได้ผมก็ค่อย ๆ ดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดอุ่น ขยับตัวลงจากเตียงแผ่วเบาที่สุดด้วยไม่อยากให้ท่านเจ้าที่ตื่น...เมื่อแน่ใจว่าเขาจะไม่ตื่น ผมก็ออกจากห้องลงมาที่ครัวเพื่อทำอาหารให้เขาตามที่ตั้งใจไว้

ใกล้จะสี่โมงแล้ว กว่าจะทำเสร็จก็คงทันท่านเจ้าที่ตื่นพอดี เริ่มตอนนี้เลยแล้วกันเพราะในตู้เย็นก็มีของครบครัน ผมไปซื้อมาตุนเอาไว้กับท่านเจ้าที่เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาน่ะครับ หลัง ๆ มานี้ถ้าทำอาหารได้ ไม่ผมก็เขาจะทำอาหารให้อีกคนกินเสมอ

หนึ่งชั่วโมงต่อมาอาหารก็เสร็จไปแล้วสองอย่างคือแกงเทโพกับผัดคะน้าปลาเค็ม เหลือต้มยำรวมมิตรทะเลกับไข่เจียว อันหลังนี้ผมเลือกทำทีหลังสุดเลยเพราะอยากให้ท่านเจ้าที่ได้กินตอนร้อน ๆ มันจะอร่อยกว่านะผมว่า ข้าวก็หุงเรียบร้อย ทำต้มยำต่อเลยแล้วกัน

ขณะที่ผมจัดการเอาเครื่องต้มยำลงหม้อ เสียงหวานที่ผมไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าของเสียง “สวัสดียามเย็นเจ้าค่ะคุณแทงค์”

“อ๊ะ สวัสดีครับพี่มัทนา” ผมหันกลับมาทักทาย ส่งยิ้มให้นางไม้กุหลาบป่า ฝ่ายนั้นยิ้มตอบ

“กำลังทำอะไรหรือเจ้าคะ”

“ทำมื้อเย็นน่ะครับ พี่มัทนามีอะไรหรือเปล่า มาหาท่านเจ้าที่เหรอครับ?”

“เปล่าเจ้าค่ะ แค่มาทักทายเท่านั้น งานของท่านภูตลาเสร็จหมดแล้ว สัปดาห์หน้าคือการเลือกตั้ง หลังสิ้นสุดการเลือกตั้งจึงจะมีงานเลี้ยงอำลาตำแหน่งของท่านภูตลาเจ้าค่ะ”

“แล้วอีกสองวันหลังจากนั้นเขาก็จะไป...” ผมพูดกับตัวเองเบา ๆ หัวใจพลันวูบโหวงเมื่อตระหนักได้ว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบวันที่ผมกับเขาจะได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้

เขากำลังจะไปเกิดใหม่ ในขณะที่ผมต้องอยู่ต่อไปคนเดียว...อีกแล้ว

ความคิดนั้นทำให้ผมเหมือนจะหายใจไม่ออก...ผมสูดหายใจเข้าลึก หันไปบอกกับพี่มัทนาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนว่าผมไม่ได้กำลังเสียใจอยู่ “เดี๋ยวผมไปข้างนอกหน่อยนะครับ ฝากพี่ดูบ้านให้หน่อยนะ”

“เจ้าค่ะ”

ปลีกตัวออกมาจากห้องครัว ผมเห็นสายตาของพี่มัทนาที่มองตามหลังมาแต่ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ...สายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจของเธอ ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดี

ผมออกมาที่หน้าปากซอย ก็แถว ๆ หน้าดีซีซุปเปอร์แหล่ะครับ อย่างที่เคยบอกว่ามันมีของกินขายเยอะ ผมก็เลยกะว่าจะมาหาของกินเล่นกับขนมหวานไว้กินล้างปากหลังมื้อเย็น...เลือกซื้อของกินอยู่พักหนึ่ง พอได้ของที่ต้องการครบถ้วนผมก็ถือของทั้งหมดกลับมายังรถที่จอดทิ้งไว้หน้าซุปเปอร์ เข้าไปทักทายพี่ ๆ พนักงานและพี่ผู้จัดการเล็กน้อย ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเจอเข้ากับไวท์ ถ้าจำไม่ผิดวันนี้ไวท์ไม่มีกะไม่ใช่เหรอ?

“อ้าวไวท์ มาทำไรที่นี่อ่ะ”

“อ่า ไงแทงค์ สบายดีนะ” เขาทักผมกลับ ยิ้มให้น้อย ๆ แต่สีหน้าดูไม่ดีนักจนผมต้องดึงแขนเขาเอาไว้

“เป็นอะไรหรือเปล่า ไปหาที่นั่งคุยกันไหม เอ่อ ถ้าไม่คิดว่าเราก้าวก่ายเรื่องของไวท์นะ”

เขาเงียบไปหลายนาทีเมื่อได้ยินที่ผมพูด แต่สุดท้ายก็พยักหน้าให้ผม เราสองคนก็เลยหาที่นั่งคุย แล้วก็มาจบที่ม้านั่งด้านนอกซุปเปอร์ฯ

“เล่าได้นะถ้าไวท์อยากเล่า” เป็นอีกครั้งที่ผมเอ่ยกับเขาแต่ไวท์ก็ยังคงเงียบ ผมก็เลยใช้โอกาสนี้ลอบสังเกตเขา

ตอนนี้ไวท์ดูผอมลง ทำไมตอนนี้ถึงมีแต่คนผอมลงล่ะเนี่ย หรือทำงานหนักเหมือนกัน? เออ จะว่าไปไวท์เรียนสถาปัตย์นี่นะ คงตัดโมอะไรพวกนั้นจนไม่ค่อยได้กินได้นอน หน้าก็โทรม ๆ เหมือนจะไม่สบายด้วย

ผมกำลังสำรวจอีกฝ่าย แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อเสียงของไวท์ดังขึ้นว่า “เขาไปแล้วแทงค์ เราจะทำยังไงดี”

“หือ? ใครไปไหนเหรอ?” ผมย้อนถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

“เขา...อึก...อัศน่ะ เขาไม่อยู่แล้ว เรา...ฮึก...” พูด ๆ อยู่แล้วไวท์ก็ร้องไห้ออกมาเสียเฉย ๆ เล่นเอาผมเหวอ

“อะ เอ่อ” เจออย่างนี้ผมก็ไม่รู้เลยว่าจะปลอบยังไงดี งั้นปล่อยให้เขาได้ร้องไห้จนพอใจแล้วกันนะ

นานอยู่เหมือนกันกว่าที่ไวท์จะหยุดร้องได้ ไวท์ดูอ่อนล้าเหลือเกิน แผ่นหลังค้อมลง ใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตา ผมลูบไหล่ปลอบเขาโดยไม่พูดอะไร และผมก็ไม่คิดจะถามถึงสาเหตุที่เขาร้องไห้ด้วยเหมือนกัน ถ้าไวท์อยากเล่าก็คงจะเล่าเอง ผมไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่นหากเจ้าตัวไม่ต้องการพูดถึง

“แทงค์ ขอบคุณนะที่นั่งดูเราร้องไห้เหมือนคนบ้าตั้งนาน” ไวท์เอ่ยขึ้นหลังจากหยุดร้องไห้ได้แล้ว

“เราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่นั่งเฉย ๆ เอง”

“อ่า แล้วนี่แทงค์มาทำอะไรเหรอ?”

“อ๋อ เรามาซื้อขนม” ผมยิ้มพลางชูถุงในมือให้เขาดู แต่ก็ต้องเบิกตากว้างพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ “ฉิบหายละ ลืมไปเลยว่ายังทำต้มยำไม่เสร็จ พี่ภูตื่นหรือยังเนี่ย”

“เอ่อ ถ้าแทงค์รีบก็ไปเถอะ เราโอเคแล้วล่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะที่อยู่เป็นเพื่อน”

“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร แล้วก็...ไม่ว่าเจอเรื่องอะไร เราขอให้ไวท์ผ่านมันไปให้ได้นะ”

อีกฝ่ายยิ้มให้ผม ทำท่าจะร้องไห้อีกครั้งแต่ก็เหมือนพยายามฝืนเอาไว้ “อื้ม!”

ผมโบกมือลาแล้วเดินจากมา นึกไปถึงสิ่งที่ตัวเองพูดเมื่อกี้ก็อดหัวเราะด้วยความสมเพชตัวเองไม่ได้ ฮะ ๆ ไปบอกให้คนอื่นผ่านไปให้ได้ แต่ตัวผมเองนี่สิกลับผ่านมันไปไม่ได้

ผ่านความเสียใจที่รู้ว่ากำลังจะต้องเสียคนที่รักไปไม่ได้สักที

__________

กลับมาถึงบ้านผมก็แทบจะทำถุงสารพัดอย่างที่ถือมาหลุดมือ เมื่อจู่ ๆ มีมือหนึ่งยื่นมาดึงร่างของผมอย่างรวดเร็ว และคงจะล้มไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะมีกำแพงมนุษย์ขวางกั้นผมเอาไว้อยู่

“ทำอะไรเนี่ยพี่ภู!” ผมโวยวายด้วยความตกใจ

คนทำฝังหน้ากับกลุ่มผมของผมแล้วบ่นอุบอิบ “ไปไหนมา นานจัง”

“ผมไปซื้อขนมมาให้พี่ไง” ว่าพลางชูของในมือให้ดู “ปล่อยเร็ว เดี๋ยวไปทำต้มยำกับทอดไข่ เราจะได้กินข้าวกัน แต่ถ้าพี่หิวก็กินกับข้าวที่มีไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจะรีบทำอีกสองอย่างให้”

“ไม่ ฉันจะรอนาย”

“รอทำไม?”

“อยากกินพร้อมนาย...ไม่ได้เหรอ” พูดแล้วทำไมต้องทำหน้าอ้อนด้วยวะนั้น ไม่รู้เหรอว่าทำคนมองใจสั่นอ่ะไอ้ท่านเจ้าที่นี่!

ผมเบือนหน้าหนีเพราะทนต่อสายตาออดอ้อนไม่ไหว ตอบเสียงสั่นกลับไป “ดะ ได้ดิ”

หลังจากนั้นกว่าผมจะได้ทำกับข้าวจนเสร็จก็เล่นเอาหมดเสียงไปกับการตะโกนใส่ท่านเจ้าที่ซะหลายรอบ...คนจะทำกับข้าวก็ตามมาวอแวอยู่ได้ โว้ย! ว่าจนไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เดินกอดเอวตามหลังมาเหมือนลูกลิงเวลาเกาะหลังแม่ลิงไม่มีผิด อ้อนอะไรนักหนาเนี่ย ทำงี้ผมก็เขินนะเว้ย

“ปล่อยได้แล้วน่า ผมจะได้ไปตักข้าวให้”

“ไม่เอา ไปด้วย”

ผมเอี้ยวหน้ามองคนด้านหลัง อดถามกลั้วเสียงหัวเราะไม่ได้ว่า “ทำไมดูงอแงแปลก ๆ คิดถึงผมเหรอ”

“อืม ไม่อยากอยู่ห่างจากนายเลย”

“อะ...กะ ก็ไม่ต้องพูดตรง ๆ ตลอดก็ได้นะ” ผมต่อว่าเขาทั้งที่หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเพราะความเขิน

“เขินเหรอ?” เขาเลิกคิ้วถามผมเป็นเชิงหยอกล้อ แต่คิดเหรอว่าคนหน้าด้านอย่างไอ้แทงค์จะปฏิเสธ

“เออดิ”

คำตอบที่ได้ทำให้ท่านเจ้าที่มอบหอมหนักๆ ที่ข้างแก้มให้ผมมาหนึ่งที

“นายเขินแล้วน่ารัก”

อะ...ไอ้ท่านเจ้าที่โดนผีสิงอีกแล้วหรือเปล่าวะ ทำไมขยันหยอดจังเลยเนี่ย!

สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระเมื่อได้เห็นผมหน้าแดงเรื่อตามที่ใจต้องการ ผมรีบหันไปตักต้มยำใส่ชามตามด้วยจานไข่เจียวแล้วเดินมาวางร่วมกับอาหารอีกสองอย่าง บนโต๊ะอาหารตอนนี้มีเมนูที่ท่านเจ้าที่อยากกินอยู่ครบถ้วน ผมเดินกลับไปคดข้าวอีกครั้ง ขณะที่ท่านเจ้าที่ลุกไปเตรียมน้ำเย็นกับแก้วมาให้ เออดี ช่วย ๆ กันบ้าง ฮ่า ๆ

“ป้อนหน่อย” พี่ภูเอ่ยขึ้นหลังจากเรานั่งลงเตรียมลงมือกินข้าว แต่คำพูดของเขาทำให้ผมต้องส่ายหน้า

“เป็นเด็กเหรอต้องให้คนอื่นป้อนข้าว”

“ก็อยากให้ป้อน เถอะน่า นะๆ ป้อนหน่อย” เขาออดอ้อน เล่นเอาผมใจเต้นขึ้นมาเลย สุดท้ายผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากยอมทำตามที่เขาร้องขอ

“ครับ ๆ งั้นกินข้าวเยอะ ๆ นะ พี่ดูยังเพลียอยู่เลย กินเสร็จจะได้ไปพักผ่อน”

“ขอบคุณครับ”

อ่า ให้ตายเถอะ เวลาเขายิ้มหวานนี่มัน...ไม่ดีกับใจเลย รู้สึกเหมือนหัวใจจะวายว่ะ โว๊ะ!



__________

ไม่สบายค่ะ หมอบอกเป็นทอนซิลอักเสบ อยากจะร้องไห้ TOT พรุ่งนี้พรีเซนต์ยังแปลวิจัยไม่ถึงไหนเลยค่ะ งอแง ฮือออ เจ็บคอไม่อยากพูด แต่พรุ่งนี้ต้องพูดไง กรีดร้องงงง //กระทืบเท้าเร่าๆ

ตอนนี้ก็จะหวานอมขม และคิดว่าคงเป็นงี้ไปจนถึงตอนจบ ฮ่าา มีสองคำถามที่จะมาตอบในวันนี้ค่ะ...ข้อแรก ท่านภูเป็นเจ้าที่ ได้กับน้องแทงค์นี่บาปไหม 5555 เหยแก พูดตามตรงเรื่องนี้มันก็บาปตั้งแต่แรกแล้วป่ะวะ บาปที่ฉันนี่แหล่ะเอาเจ้าที่มาเป็นพระเอกเนี่ย! เออ แต่เราก็เคยบอกนะว่าแบบสวรรค์เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องอื่นนะ ไม่อิงความจริง 100% นะ เพราะงั้นในตอนที่แล้วก็ให้คิดกันเอาเองเนอะว่ามันบาปไหม

ส่วนอีกคำถาม...น้องแทงค์ยังซิงหรือเปล่า 5555 ประเด็นนี้เราก็อยากให้จิ้นกันเองเช่นกันค่ะ เราไม่อยากกำหนดตายตัวให้ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้เด้อ 55555 ไปละ อีก 4 ตอนก็จะจบแล้ววว
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 15-10-2017 22:04:53
เริ่มปูทางให้ต้องจากกันแล้ว อัศไปแล้ว เหลือท่านภู  เฮ้อ....  :monkeysad:
หายป่วยไวไวนะค่ะ  :3123:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-10-2017 23:27:37
เรื่องมันเศร้าเหลือเกิน  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-10-2017 23:32:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-10-2017 23:57:43
 :เฮ้อ:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 16-10-2017 00:52:30
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-10-2017 02:40:58
ทั้ง3คู่จะหายไปในเวลาใกล้ๆกันเลยเนอะ
ไม่ว่าพี่ภูจะเตรียมการอะไรไว้นะ ขอให้มันไปด้วยดีเถอะะ
สงสารแทงค์อะ เหมือนต้องกลับไปอยู่คนเดียวอีกครั้ง
รอค่าา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-10-2017 10:25:33
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 16-10-2017 11:21:51
แล้ววววว มันนนน จะผ่าน ไปปปปปด้วยดีย์
ส่งเพลงพี่พ็อพไปปปปป
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-10-2017 11:27:56
นี่จะฟินก็ฟินไม่สุด กลัวหน่วงตอนหน้า...ฮาาา

ปล. หายเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 41 [15-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakkriengkai ที่ 17-10-2017 23:27:43
ชอบมัทนามาก (สมัยเรียนวรรณคดีม.ปลายก็ยังคงชอบ) แต่ตอนหน้านี่สิ ใจคอ(ล) เริ่มไม่ดีแล้วอะ ฮือออออ
ปล. ไวท์ต้องสู้ต่อไปนะลูก/ยื่นผ้าเช็ดหน้า  :o12:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Special Talk [18-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 18-10-2017 00:17:38

Special Talk



Q: แนะนำตัวก่อนแล้วกัน

A: ไม่รู้เราเคยบอกไหม แต่เราชื่อณัฐนะคะ จะเรียกเรายังไงก็ได้ จะไรท์ หรือนัด นัท ณัฐ หรือนักเขียนคนสวย ยังไงก็ได้ค่ะ ฮ่าาาาา



Q: จุดเริ่มต้นของนิยายเรื่องนี้

A: พูดถึงจุดเริ่มต้นก่อนเลย มันเริ่มมาจากเรากำลังทำงานพาร์ทไทม์ช่วงปิดเทอมค่ะ แล้วงานมันก็จะน่าเบื่อๆ หน่อย ตอนทำก็เลยชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วทีนี้เราเพิ่งจะปิดนิยายเรื่องหนึ่งจบไป เป็นแนวแฟนตาซี นายเอกของเรื่องเป็นมนุษย์ครึ่งโลมา (ใช่ค่ะ โลมานั่นล่ะ) และกำลังจะเริ่มเขียนภาคต่อที่พระเอกของเรื่องเป็นครึ่งม้า แต่เกิดตันค่ะ ไปต่อไม่ได้ ฮ่าๆ ก็เลยคิดว่าอยากแต่งเรื่องใหม่ (นิสัยไม่ดีเลยสิเรา ไม่ได้ดองเรื่องเก่านะ แค่ยังไม่มีไอเดียเลยขอพักไว้ก่อนเองงง //พยายามแถ) แล้วเราก็ปิ๊ง! ขึ้นมาเสียเฉยๆ ว่าเออ ถ้าพระเอกเป็นพระภูมิเจ้าที่เนี่ย มันจะเป็นยังไง มีคนเคยแต่งเปล่าวะ ก็เกิดเป็นจินตนาการขึ้นหลายฉากในหัว สุดท้ายก็เอาไปรำพึงรำพันกับพี่นักเขียนคนสนิท จนกลายมาเป็นนิยายเรื่องนี้ค่ะ ฮ่าาา



Q: ทำไมต้องพระภูมิเจ้าที่?

A: เราชอบแนวแฟนตาซีเป็นพิเศษค่ะ แล้วก็คิดด้วยว่าอยากแต่งพระเอกหรือนายเอกที่มันไม่ใช่คนธรรมดา แต่ถ้าจะเอาแวมไพร์ หมาป่า อะไรพวกนั้นก็ดูเดิมๆ หลายครั้งเลยชอบคิดว่าอยากให้พระเอกเป็นนั่นนะ อยากให้นายเอกเป็นนี่นะ อย่างเรื่องที่แล้วก็นายเอกเป็นโลมา (แถมด้วยแก็งเพื่อนครึ่งสัตว์อีกนับสิบกว่าชีวิตที่ครึ่งหนึ่งจะได้มีเรื่องแยกของตัวเองอีกต่างหาก...ม้า นกยูง กระรอก บลาๆ) เรื่องก่อนหน้านั้นก็นายเอกเป็นยมทูต เออ ทำไมฉันไม่แต่งคนธรรมดาบ้างฟะ (จริงๆ ก็เคยแต่งนะ แต่ไม่สนุก ฮือออ) เรื่องนี้ก็พระภูมิเจ้าที่ เรื่องต่อไปก็...หึๆ



Q: ที่มาของชื่อเรื่องและไอเดียหลายๆ อย่างในเรื่อง

A: ที่มาของชื่อเรื่องคือฉากแรกที่เด้งเข้ามาในหัวของเราค่ะ เป็นฉากบทนำนั่นล่ะ 555 ตอนนั้นคิดแค่ว่า เออ ถ้าเจ้าที่ศาลพระภูมิเป็นฝ่ายตามรังควานมนุษย์ล่ะ มันจะเป็นยังไง และก็อยากให้ชื่อเรื่องสะดุดสายตาคนอ่านด้วย เป็นการเรียกแขกนั่นล่ะค่ะ เลยได้ชื่อนี้มา...บวกเพิ่มมาด้วยว่าเจ้าที่ยุคนี้มันไม่ควรเหมือนในละครที่เราๆ เคยดู มันควรจะไฮโซโมเดิร์นนะ จึงเป็นที่มาของท่านเจ้าที่หล่อน่าปล้ำที่แต่งตัวราวกับนายแบบในนิตยสารค่ะ 5555 แล้วไอเดียมันก็ผุดมาเรื่อยๆ มีที่ว่าการอำเภอ มีธนาคาร มีนั่นนี่ เอาให้เหมือนสังคมมนุษย์เลยแล้วกัน ง่ายดี



Q: บางอย่างที่ไม่ได้เอ่ยถึงในเรื่อง

A: จริงๆ มันก็มีหลายอย่างล่ะเนอะที่เราไม่ได้พูดถึงในเรื่อง อย่างที่มีนักอ่านเคยถามเกี่ยวกับเรื่องเงิน ว่าท่านเจ้าที่เอาเงินมาจากไหน ใช้เงินมนุษย์เหรอ ตรงจุดนั้นเราได้อธิบายเพิ่มเติมไปในทอล์คของตอนต่อมาว่าไม่ได้ใช้เงินมนุษย์ แต่บนสวรรค์มีโรงผลิตธนบัตรและเหรียญกษาปณ์นะ คือระบบสวรรค์ในเรื่องนี้ก็เหมือนโลกมนุษย์อ่ะแหล่ะจ้า โรงหนังก็มี เอาจริงๆ ร้านเหล้ายังมีเลยเถอะ 555

แล้วก็เรื่องกฎของสวรรค์ อันนี้เราก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก มันก็มีเหมือนกฎหมายของเรานั่นล่ะค่ะ ส่วนที่ว่าท่านเจ้าที่กับแทงค์...กันเนี่ย ถามว่ามันผิดไหม? (แบบผิดหลักศีลธรรมหรืออะไรก็แล้วแต่ บลาๆๆ นั่นไหม) ที่จริงเราอยากให้ทุกคนคิดกันเองอ่ะ แต่ถ้าคาใจเราจะบอกให้ก็ได้ว่าจริงๆ มันไม่ผิดกฎหรอกค่ะ (หมายถึงในเรื่องนี้นะ เรื่องจริงไม่รู้ ฮ่า) แต่ส่วนใหญ่เทวดานางฟ้าในเรื่องนี้ไม่นิยมทำกัน เพราะพวกเขาถือว่าตนเองสูงส่งอ่ะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องแบบนี้มันไม่จำเป็นกับชีวิตอะไรงี้ อาจมีการเกี้ยวกันเองระหว่างเทวดานางฟ้า แต่กับมนุษย์เนี่ยไม่ค่อยมีหรอก ท่านเจ้าที่อาจเป็นคนแรกในรอบศตวรรษเลยก็ได้ค่ะ 555555555



Q: เหตุผลที่ไม่ได้ใส่เนื้อหาในส่วนที่กล่าวมาลงไปในเรื่อง

A: ที่เราไม่ใส่อธิบายเพิ่มเติมเข้าไปเพราะเรารู้สึกว่ามันทำให้เนื้อเรื่องยืดเยื้อค่ะ เราคิดว่ามันไม่ได้สำคัญมากมายอะไร ปกติเรื่องนี้ก็ยืดฉิบหายตายห่าอยู่แล้ว ใส่เข้าไปอีกนี่ยิ่งทำให้น่าเบื่ออ่า เราก็เลยไม่ใส่ ก็ไม่คิดว่าจะมีคนติดใจสงสัย พอมีหลายคนทักเราก็เออ น่าจะใส่เนอะ และคิดว่าอาจมีโอกาสได้ใส่ค่ะ เพราะหลังจากนี้เราต้องแก้เนื้อหาใหม่ คงได้รีไรท์อีกรอบและคิดว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ อย่างด้วย ยังไงจะแจ้งให้ทราบนะคะถ้ามันเปลี่ยนมากจนเกินไป



Q: พูดถึงเรื่องบาปกรรมกับนิยายเรื่องนี้

A: 5555555555555 ขอหัวเราะก่อน คำคอมเมนต์ของหลายคนจากตอนที่แล้วมาก บาปตั้งแต่ชื่อเรื่องบ้างล่ะ บาปตั้งแต่กดเข้ามาอ่านบ้างล่ะ บาปตั้งแต่กดเฟบบ้างล่ะ โอ๊ยยย พวกเธอแค่บาปเพราะอ่าน ฉันนี่บาปตั้งแต่คิดให้พระเอกเป็นเจ้าที่แล้ว ตอนนั้นกลัวบาปมากถึงขั้นไปไหว้ศาลในวันพระแล้วต้องกราบขอโทษขอขมาท่านอ่ะ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจลบหลู่นะคะ มันเป็นแค่งานเขียนเพื่อความบันเทิงเท่านั้นค่ะ 555555555 แต่คิดว่าสุดท้ายมันก็บาปอยู่ดี ช่างเถอะ ชีวิตคงไม่บาปไปกว่านี้แล้ว แค่ตบยุงก็บาปแล้วไหมล่ะ ก๊ากกกก!



Q: กับคำถามที่ว่าตอนจบของเรื่องนี้เป็นเช่นไร

A: เหยพวกเธอออ เราเคยบอกไปหลายหนแล้วนะเว้ย ว่าเรื่องนี้จบดี แฮปปี้เอนดิ้งแน่นอน ทำไมไม่เชื่อเรากันเลยยย 55555 เราไม่นิยมตอนจบแบบแบดเอนดิ้งค่ะ เพราะงั้นนิยายของเราทุกเรื่องจะจบดีตลอด ชีวิตจริงทุกข์พอแล้ว ไม่อยากเขียนอะไรเศร้าๆ อีกอ่ะ อยากได้ความสดใสมาเติมเต็มชีวิต! เพราะงั้นเชื่อเรา เรื่องนี้จบดีแน่นอนนน



Q: ในส่วนของไวท์กับธีร์

A: บางคนอาจจะเดาได้แล้วว่าเราจะเขียนเรื่องของไวท์กับธีร์ด้วยเนอะ เรื่องของไวท์จะมาก่อน ตามด้วยธีร์ แต่ไทม์ไลน์จะอยู่ในช่วงเดียวกันนี่แหล่ะค่ะ เพราะเราทำให้มันมีจุดเชื่อมต่อกันเป็นจุดเล็กๆ เรียกได้ว่าอ่านแยกก็ไม่งงหรอกค่ะ เพราะงั้นใครจะรอติดตามเรื่องของไวท์กับธีร์หรือไม่ตามก็ได้จ้า และแน่นอนพระเอกของสองคนนี้ก็ปรากฏตัวออกมาแล้วทั้งคู่ พูดขนาดนี้เดาได้ไม่ยากหรอกจริงมะ? 555 สารภาพมาซะดีๆ ด้วยว่าใครคิดว่าไวท์กับธีร์เป็นเมะ เพราะไม่ใช่ค่ะ เราวางให้สามคนนี้เป็นเคะแมนๆ แทงค์ก็แมนนะเห็นมั้ย? (แมนเปล่าอ่ะ? เราพยายามให้แมนแล้วนะ เพราะเราชอบเคะแมนมากกว่าเคะตัวน้อยตัวนิดหรือเคะหน้าหวานอ่ะค่ะ แหะๆ แต่แบบที่ว่ามานั่นก็ชอบน้า)



Q: สำหรับคำถามที่ว่า...อัศเป็นเจ้าที่ด้วยไหม แล้วเอลเลียตล่ะเป็นอะไร?

A: เซ็ตนี้ทั้งสามเรื่องพระเอกไม่ใช่คนธรรมดาทั้งสามคนเลยค่ะ และแน่นอน...ไม่ใช่ประเภทเดียวกันด้วย พี่ภูเป็นเจ้าที่ แต่อัศกับเอลเลียตนี่ไม่ใช่ สำหรับอัศเราเคยใบ้ไว้ในเรื่องนี้แล้วว่าเขาเป็นอะไร แต่จะมีคนเดาได้หรือเปล่า (ย้อนอ่านดูก็ได้ค่ะ ฮ่าาา) ส่วนเอลเลียตนี่...เป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาแต่คิดว่าน่าจะคุ้นเคยกันดี เราอยากข้ามไปเขียนเรื่องของเขามากเลย เพราะไอเดียมันมาจากการที่เราเป็นติ่งนักร้องเกาหลีค่ะ 55555



Q: การไปเกิดใหม่ของท่านเจ้าที่นั้น...

A: หลายคนคงสงสัยว่าท่านเจ้าที่ไปเกิดนี่จะเกิดแบบไหน เป็นเบบี้ตัวน้อยที่กว่าจะโตมาเจอกัน แทงค์คงสี่สิบเข้าไปแล้วเหรอ แก่กินเด็กไปอีก 555 หรือจะเป็นหนุ่มหล่อเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือจำอะไรตอนเป็นเจ้าที่ไม่ได้ อันนี้เราอยากให้รอติดตามอีกเช่นเคยค่ะ แต่เอาเข้าจริงมันเป็นอะไรที่ธรรมดามากๆ เลยอ่ะ เราไม่มีมุกจะเล่นค่ะ มันก็มีให้เลือกไม่กี่แบบเอง คิดว่าคงไม่เซอร์ไพรส์เท่าไหร่ แต่เราก็หวังนะคะว่าทุกคนจะโอเคกับตอนจบของเรื่องนี้ การเริ่มต้นกับการจบเรื่องเนี่ยมันยากที่สุดในการเขียนนิยายเลยล่ะค่ะ ฮือออ



Q: เรื่องที่อยากขอโทษทุกคน

A: เราคิดว่ามีหลายอย่างในเรื่องที่อาจทำให้นักอ่านทุกคนรู้สึกไม่โอเค อย่างเช่นเรื่องที่แทงค์ทะเลาะกับเพื่อนแต่คืนดีกันง่ายเหลือเกิน หรือเรื่องที่ตอนแรกแทงค์ได้ฝึกงานคนเดียวแต่ตอนหลังกลับได้ทั้งวงงี้ เรารู้ค่ะว่ามันคงดูไม่สมเหตุสมผลนัก แต่อย่างที่เราเคยบอกว่าเราเอาความจริงบางอย่างในชีวิตจริงที่เราเจอมาใส่เข้าไปในเรื่อง ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็ดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่อ่ะเนอะ แหะๆ แต่ค่ะแต่...แต่เราก็มีอธิบายเพิ่มในตอนพิเศษนะคะ อยากให้ทุกคนรออ่านกันค่ะ แล้วจะโอเคหรือไม่ ติชมกันได้เลยค่ะ เราจะปรับปรุงในเรื่องต่อไปแน่นอน ยังไงก็ตาม สำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ เราก็ขอโทษเอาไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ และคิดว่าถ้ามีโอกาสแก้ไขจะแก้ให้ดีกว่านี้ค่ะ



Q: ตอนพิเศษมีกี่ตอน

A: จริงๆ คิดไว้หลายตอนมาก แต่ที่เราตัดสินใจเอาลงเว็บแน่ๆ คือมีแล้ว 3 ตอนค่ะ ตอนที่เหลือขออุบไว้ก่อนนะ อิอิ ซึ่งตอนที่จะลงก็ได้แก่...

-          Extra 1 ทุกอย่าง...เพื่อเรา

-          Extra 2 รอยร้าวเล็กๆ ของความสัมพันธ์ (Hut’s Part)

-          Extra 3 ความผิดพลาดในคืนนั้น (Clark x Nes)



Q: สิ่งที่อยากจะบอกกับนักอ่านที่น่ารักของเราทุกคน

A: ก่อนอื่นเลยก็คือขอบคุณค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ขอบคุณทุกยอดเฟบในเด็กดี ยอดวิวจากทั้งสามเว็บ และเหนือสิ่งอื่นใดคือขอบคุณคอมเมนต์ของทุกคนที่คอมเมนต์ให้เราค่ะ คนที่คอมเมนต์ให้เราทุกตอนหรือแทบทุกตอนจนเราจำได้แม่น ทุกคนที่เมนต์ให้เรา ต้องขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ คุณคือกำลังใจที่สำคัญของเรา เราไม่ค่อยได้ขอเมนต์นักเพราะคิดว่ามันเป็นสิทธิ์ของนักอ่านที่จะเมนต์หรือไม่เมนต์ก็ได้ แต่อยากให้รู้ว่าทุกๆ คอมเมนต์ทำให้เรายิ้มได้และรู้สึกสนุกมากๆ กับฟีดแบ็คของพวกคุณที่ส่งมาถึง ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ ถ้าเป็นไปได้ไม่มีนักเขียนคนไหนหรอกค่ะที่ไม่อยากได้คอมเมนต์ ฮ่าๆ



Q: สุดท้ายนี้

A: อืมมม ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ไปจนจบด้วยนะคะ มาบาปไปด้วยกันค่ะ 55555 แล้วก็อยากจะฝากให้ติดตามเรื่องของไวท์กับธีร์ และนิยายเรื่องอื่นๆ หลังจากนี้ของเราด้วยนะคะ รักทุกคนเด้อ //แจกจูบ



ปล. ส่วนที่อยากบอกเฉยๆ: เรื่องของไวท์อาจจะมาช้านิดนึงเพราะเรามีแพลนจะเขียนแนว sex friend ก่อนค่ะ เป็นเรื่องที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก base on true story (มีเค้าโครงจากเรื่องจริง) เพราะงั้น...ก็ฝากติดตามแล้วก็ขอให้รอคอยเรื่องของไวท์นิดนึงนะคะ รักทุกคนอีกครั้ง //กอดดด



Ps. สอบถามเฉยๆ: ถ้าเรื่องนี้ทำเป็นเล่มจะมีคนสนใจจับจองกันบ้างไหมคะ ฮือออออ

 

อาจจะมีทอล์คพิเศษอีก ไว้พบกันครั้งหน้านะคะ //ยิ้มหวาน

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Special Talk [18-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 18-10-2017 02:28:34
ยาวม้วกกกกกกกกก
555555555555555555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Special Talk [18-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-10-2017 02:39:41
รับทราบจ้า  o1
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Special Talk [18-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-10-2017 05:37:10
ไรท์ เปิดอก  :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Special Talk [18-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-10-2017 08:49:15
 o13  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 18-10-2017 23:14:45
ตอนที่ 42

“ผมรอพี่”

 

เวลาผ่านไปไวเสมอในตอนที่เรากำลังมีความสุข

“วันนี้จะกลับมาหรือเปล่าครับ?”

ผมถามท่านเจ้าที่ อีกฝ่ายกำลังผูกเนกไทอยู่...วันนี้เป็นวันเลือกตั้งสภารัฐบาลแห่งเทพอะไรของเขานั่นล่ะครับ คูหาจะเปิดตอนแปดโมง แม้จะไม่ได้มีสิทธิ์ออกเสียงในครั้งนี้แต่ก็เหมือนว่าเขาจะต้องไปเป็นเจ้าหน้าที่นับคะแนนน่ะครับ

“กลับสิ แต่คงดึกหน่อย ถ้าง่วงก็นอนไปก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอ”

ผมพยักหน้ารับ ลุกขึ้นนั่งแล้วหย่อนขาลงข้างเตียง ตั้งใจว่าจะรอให้พี่ภูไปก่อนแล้วตัวเองค่อยไปอาบน้ำ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเขาเดินเข้ามาหาผมแล้วโน้มหน้าลงกดจูบหนัก ๆ ลงที่ปากผม

“แล้วจะรีบกลับนะ”

“อื้อ” ผมยิ้มกว้างให้เขา

สามสิบนาทีต่อมาผมก็อยู่ในชุดพร้อมไปเรียน กินมื้อเช้าเรียบร้อยก็บึ่งรถไปมหา’ลัยทันที ผมนัดกับพวกไอ้เนสเอาไว้ที่โรงอาหารคณะ ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมง พวกผมก็เลยตั้งใจว่าจะหารือกันเรื่องเพลงใหม่ที่เพิ่งแต่งเสร็จ พูดถึงแล้วก็ตื่นเต้นแฮะ ถ้าในอนาคตเราได้เดบิวต์เป็นศิลปิน ถ้าเพลงที่พวกเราแต่งได้ใส่ลงไปในอัลบั้มด้วยก็คงจะดีไม่น้อย ถึงจะไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ แต่ขอมโนล่วงหน้าแล้วกันนะครับ ฮะ ๆๆ

“มาพอดีไอ้แทงค์ เพลงนี้กูไปลองใส่โน้ตมาใหม่ คิดว่าไงถ้าจะ...”

ผมยังไม่ทันได้นั่ง ไอ้คลาร์กก็พูด ๆ แล้วยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผมทันที ผมยื่นมือไปรับเอามาอ่าน หลังจากนั้นการพูดคุยของเราก็เป็นเกี่ยวกับเพลงที่กำลังแต่งทั้งหมดไปโดยปริยาย

__________

[ภูตลา]

การเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาของการนับคะแนน และภูตลาก็กำลังรวมคะแนนเสียงทั้งหมดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะส่งผลที่ได้ให้กับโฆษกสภาเพื่อออกประกาศผลการเลือกตั้งรัฐบาลสมัยใหม่แห่งสวรรค์

“คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์” ภายหลังจากรวบรวมคะแนนจนเสร็จสมบูรณ์ เสียงประกาศของโฆษกรัฐสภาก็กล่าวขึ้นท่ามกลางการรวมตัวกันของเทวดาทั้งสวรรค์ “ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งคือ...พรรครีพับลิกัน!!”

“เฮ!!!”

เสียงเฮดังลั่น ผสมไปกับเสียงโอดครวญอย่างเสียดายของพรรคที่พ่ายแพ้ ส่วนภูตลาก็เพียงยกยิ้มบาง ๆ เท่านั้น...แม้จะสละตำแหน่งทุกอย่างหมดแล้ว แต่เขาก็อดยินดีไม่ได้ที่อดีตพรรคของตัวเองได้ครองตำแหน่งอีกสมัย

หลังจากเทวดาทั้งหลายแยกย้ายกัน พรรครีพับลิกันทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่ห้องประชุมใหญ่ของพรรค ผู้นำพรรคซึ่งได้ขึ้นเป็นมหาเทพสมัยที่สองประกาศจัดงานฉลองควบงานอำลาตำแหน่งของภูตลาและเทวดาองค์อื่น ๆ ที่ปลดเกษียณพร้อมกันในคราเดียว อีกทั้งยังจัดในคืนนี้ทันทีเลยด้วยเพราะพรุ่งนี้คงไม่มีเวลาปาร์ตี้รื่นเริงเป็นแน่ ด้วยมีงานมากมายให้ต้องจัดการในรัฐบาลใหม่

ร่างสูงเกิดความกังวลขึ้นทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เขาอยากกลับไปหาเจ้าเด็กแสบของเขาที่รออยู่บ้าน แต่จะขัดคำสั่งขององค์มหาเทพก็ไม่ได้ ดังนั้นเขาคงต้องจำอยู่ที่นี่อีกสักพักแล้วค่อยกลับล่ะนะ เฮ้อ

และเพราะสีหน้าของเขาล่ะมั้งที่แสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไร อดีตเพื่อนร่วมพรรคจึงหันมาตบบ่าพลางเอ่ยถาม “กังวลอะไรรึท่านภูตลา หรือไม่สะดวกอยู่ร่วมปาร์ตี้ครั้งนี้”

“อ่า เปล่าหรอก ข้าแค่อยากกลับไปพักผ่อนน่ะ รู้สึกเหนื่อย ๆ”

“งั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นก็ร่วมดื่มฉลองและอำลากับพวกเราสักพักหนึ่งก่อนเถอะ พวกเราไม่รั้งท่านเอาไว้จนดึกดื่นแน่นอน ฮะ ๆ”

งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแบบกระชั้นชิด แต่ไม่ได้ยากอะไรเลยเมื่อเรามีนางไม้ที่สามารถเสกสรรค์ปาร์ตี้ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จนเวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปถึงเกือบเที่ยงคืน ภูตลาตั้งใจแล้วว่าจะกลับเพราะป่านนี้เด็กน้อยของเขาคงใกล้จะนอนแล้ว...ปกติเด็กคนนั้นนอนเกือบเที่ยงคืนตลอด ยกเว้นคืนที่ไปเล่นดนตรีร้านเฟิ่งหลงเมียถึงจะนอนตีสองตีสาม

หลังจากกล่าวลาเพื่อนเทวดาที่กำลังคุยด้วยเสร็จ หากแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกจากงานด้วยซ้ำ น้ำเสียงทรงพลังอำนาจของมหาเทพผู้ครองตำแหน่งรัฐมนตรีสมัยที่สองติดกันก็ดังขึ้น เรียกรั้งฝีเท้าของเขาเอาไว้เสียก่อน

“จะกลับแล้วหรือภูตลา”

ร่างสูงหันกลับไปหาเจ้าของเสียง โค้งให้เล็กน้อยแล้วตอบรับ “ครับท่าน”

“ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ไปคุยกันที่ห้องทำงานของข้าเถอะ”

แม้จะสงสัยว่าเรื่องอะไร แต่ภูตลาก็ตอบรับแล้วก้าวตามไปจนมาถึงห้องทำงานโดยไม่ปริปากถามก่อนเวลา...เมื่อเหลือเพียงแค่เขากับท่านผู้นำแห่งสวรรค์ ผู้มีอำนาจสูงสุดจึงเอ่ยเข้าเรื่องเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“อีกสี่วันเจ้าจะไปเกิดใช่หรือไม่”

“ครับท่าน”

“แต่ข้ามีเรื่องจะแจ้งกับเจ้า ภูตลา” องค์มหาเทพจ้องสบเข้าไปในดวงตาสีรัตติกาลของคนใต้บังคับบัญชา ประโยคต่อมาที่เอื้อนเอ่ยทำให้ร่างสูงชาไปทั้งตัว “กำหนดการไปเกิดใหม่ถูกร่นขึ้นมาเป็นวันมะรืนนี้แทน”

เจ้าที่หนุ่มนิ่งอึ้งอยู่นานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ “ทะ ทำไมเล่าครับ ทำไมถึงเร่งขึ้นมาเหลือเพียงสองวัน!”

“กำหนดการเดิมทับซ้อนกับงานเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างเทวดาจากประเทศเพื่อนบ้าน เราจึงต้องเลื่อนขึ้นมาเร็วกว่าเดิมสองวัน เป็นไปได้ข้าก็อยากให้มันเป็นไปตามกำหนดการเดิมอยู่หรอกนะ นี่เป็นความผิดพลาดของรัฐมนตรีฝ่ายการต่างประเทศ แต่จะให้พวกเขาแก้ไขอะไรก็ไม่ทันแล้ว มีแต่ต้องเลื่อนการปลดเกษียณเทวดาที่ครบอายุขัยเร็วขึ้นเท่านั้น”

“แต่ข้า...” ภูตลาอยากจะแย้ง หากแต่เขากลับพูดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มทำได้แค่นั่งนิ่งงัน เพราะเขารู้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยแม้แต้นิดเดียว กำหนดการเป็นเช่นไรเขาก็ต้องให้มันเป็นไปเช่นนั้น

“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องใดภูตลา แต่เจ้ารู้ดีใช่หรือไม่ ว่าไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องไปเกิดตามกำหนดการ” ผู้นำสูงสุดแห่งสวรรค์กล่าวขึ้นอย่างเห็นใจ เขาเข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเทวดาใต้บังคับบัญชาของเขา ทั้งเห็นใจและรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายด้วยซ้ำที่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อแก้ไขความผิดพลาดซึ่งเกิดจากน้ำมือของเหล่ารองมหาเทพ “สำหรับเรื่องวุ่นวายก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้น ขอบใจเจ้าที่ยอมเสียสละตนเองเพื่อแก้ไขมันแทนเหล่าเทพที่ไม่ได้เรื่องพวกนั้น ข้าสัญญาว่าจะทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับเจ้า และจะจัดการตรากฏหมายใหม่เพื่อป้องกันเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นจากความคะนองไม่เข้าท่าของเทวดาทั้งหลายบนสวรรค์ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”

“ขอบคุณครับ” ภูตลาตอบรับได้เพียงเท่านั้น เขาไม่รู้จะพูดอะไรอีก ในห้วงคำนึงของเขามีเพียงแต่ภาพใบหน้าของเด็กหนุ่มชาวมนุษย์ที่เป็นหนึ่งเดียวในหัวใจของเขาตอนนี้...คนที่ทำให้เขายอมทุ่มเททั้งชีวิตให้

ท่าทางที่ทำให้รัฐมนตรีแห่งสวรรค์ได้แต่ทอดถอนใจ เอ่ยปลอบด้วยประโยคที่คิดว่าดีที่สุดในเวลานี้

“เพื่อรอวันที่จะได้พบกันอีกครั้งภูตลา เจ้าจึงจำเป็นต้องจากลา”

น้ำคำที่ทำให้ภูตลาได้สติ และยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

...อีกสองวันสินะ

__________

แทงค์กำลังจะหลับในตอนที่ท่านเจ้าที่กลับมาถึง ดวงตาที่ใกล้จะปิดปรือเปิดขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่เขาฝืนทนรอ เวลานี้กลับมาถึงบ้านแล้ว

“ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ”

“ผมรอพี่”

“บอกแล้วไงว่าถ้าง่วงก็ไม่ต้องรอ หืม”

“ไม่เป็นไร ผมอยากรอ” แทงค์เอ่ยอย่างดื้อดึง ขยับตัวให้ร่างสูงเคลื่อนมานั่งลงข้างกัน ก่อนเด็กหนุ่มจะแนบหน้าลงไปกับไหล่กว้างของร่างสูง ริมฝีปากระบายยิ้มบางอย่างมีความสุข มือเรียวกอบกุมเข้ากับมือหนา สอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันก่อนกระชับแนบแน่น ตามด้วยยกมือเจ้าที่หนุ่มขึ้นแนบจุมพิตที่หลังมือ

ภูตลาตาพราว ดึงมือเรียวของเด็กหนุ่มเข้าหาตัวแล้วทำตามบ้าง จูบประทับหนัก ๆ ก่อนจะแนบแก้มตัวเองกับหลังมือขาวด้วยความรักใคร่ สักพักหนึ่งจึงผละออก แล้วเปลี่ยนเป็นขบเบา ๆ เข้าที่ปลายนิ้วเรียวแทน

คนโดนขบเหลือบตาขึ้นมองทันที แทงค์ยู่จมูกใส่ด้วยท่าทางน่ารักแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก เอาคืนด้วยการดึงฝ่ามือหนากลับมาหาตัวเองแล้วคลายมือที่กุมแน่นออก เพื่อ...แลบลิ้นเลียปลายนิ้วยาวของเทวดาหนุ่มเป็นการหยอกเย้ากลับ

แผล่บ

การกระทำที่ทำให้ภูตลานิ่งงัน หัวใจพลันสูบฉีดแรงเต้นอย่างรุนแรง รู้สึกเหมือนกำลังโดนยั่วยวนอยู่ในทีก็ไม่ปาน หมั่นเขี้ยวจนอยากจะจับเจ้าเด็กแสบของเขาลงฟัดให้หนำใจกลางฟูกนอนนุ่ม ใครสั่งใครสอนให้ยั่วเย้ากันได้ถึงเพียงนี้นะ

และเหมือนว่าเท่านั้นจะยังไม่พอ เพราะแทงค์ยังเลื่อนไปงับข้อมือหนาจนเกิดรอยฟัน คนโดนกัดร้องซี๊ดด้วยความเจ็บ แต่ก็เป็นความเจ็บที่ทำให้รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวเข้าไปอีกเมื่อคนกัดเลียเบา ๆ ตรงรอยฟันราวกับจะปลอบโยนกัน...เอากับเขาสิ กัดแล้วเลียประหนึ่งทำผิดแล้วรีบไถ่โทษอย่างไรอย่างนั้น ทำตัวอย่างนี้แล้วจะให้เขาทนไหวได้ยังไงกัน!

“หยุดเสีย ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวนะแทงค์”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มแหบพร่าเอ่ยราวกับกระซิบที่ข้างใบหูของร่างโปร่ง ดวงตาคมจับจ้องการกระทำของคนตรงหน้าด้วยสายตาคมกริบ...สายตาของสิงโตยามจ้องจะกินเหยื่อ

แทงค์เงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูง มุมปากกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ลากปลายลิ้นไล้เลียนิ้วแกร่งทั้ง ๆ ที่ยังมองลึกเข้าไปยังนัยน์ตาสีรัตติกาลคู่สวยแสนลึกลับและดึงดูด...ท่วงท่าหยอกล้อที่ทำให้ภูตลาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนความอดทนจะสิ้นสุดเมื่อเด็กหนุ่มจอมร้ายกาจกล่าวประโยคที่เป็นดั่งคำเชิญชวนกับเขา

“ก็ไม่ต้องทนสิครับ”



__________

ตอนหน้าเตรียมวาร์ปกันด้วยนะคะ 5555555 วาร์ปให้ฟินกันส่งท้ายก่อนที่จะ...ฮ่าาา อีกสองตอนจะจบแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นบทส่งท้าย เท่ากับเหลืออีกสามตอนเนอะ ตอนพิเศษอีกสามตอน สารภาพเลยว่าตอนพิเศษเพิ่งเขียนได้ตอนเดียวค่ะ ขี้เกียจ (โดนตบ) บ้าา ไม่ว่างเว้ย ตอนนี้งานสุมมาก ไหนจะสอบยิบย่อย ยุ่งจนไม่ได้ไปหาที่ฝึกงานสักที จะร้องงง //กุมหน้าน้ำตาไหลพราก

สำหรับสเปเชี่ยลทอล์คเมื่อวานนี้ ขอบคุณนะคะสำหรับคอมเมนต์ที่ตอบกลับมาและให้กำลังใจกัน แล้วก็ขอบคุณที่ยอมบาปไปกับเราค่ะ 55555 และสำหรับคำถามที่เราถามทิ้งท้ายไว้นั้น...นิยายเรื่องนี้ผ่านพิจารณาของสำนักพิมพ์เพื่อนใจแล้วค่ะ ฮือออ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มีวันนี้ กราบท่านเจ้าที่ ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านภูแผ่ออกมาจากในนิยายหรือไร ปริ่มเด้อ //ยกน้องแทงค์ถวาย

ใครอยากพูดคุยกับเราก็กดไลค์เพจหรือกดฟอลทวิตเตอร์ของเราได้นะคะ มาคุยกับเราเถอะ เราอยากคุยด้วย ไม่มีเพื่อนคุยเรื่องนิยายเลย ฮือออ แล้วพบกันตอนหน้านะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-10-2017 23:20:13
 :monkeysad: เรื่องมันเศร้าจนไม่คิดว่าอีกไม่กี่ตอนจะจบ
แต่ยินดีด้วยที่ผลงานได้รับการตีพิมพ์  :mc4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 18-10-2017 23:58:29
 :sad4 :hao5: พี่ภูจะไปเกิดแล้ววววว
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-10-2017 00:23:47
ท่านภูจะบอกแทงค์ไหมนะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-10-2017 00:43:10
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 19-10-2017 01:58:50
ร้ายนะคะน้องแทงค์อ่อยแรง :haun4: :pighaun:
พี่ภูจะบอกน้องเรื่องไปเกิดยังไงคะมันกะทันหันไป :katai1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-10-2017 09:14:01
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Amploveakame ที่ 19-10-2017 10:46:41
 :sad4: :o12:เง้ออพี่ภูจะไปเกิดแล้วจะบอกแทงค์ยังไงแทงค์ต้องเสียใจมากๆๆพอๆๆกะพี่ภูแน่นอนเลย รักกันขนาดนี้แง้งงง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-10-2017 17:18:12
วุ้ย ตอนหน้ามีจัดหนักส่งลาด้วย อร๊ายย  :hao6:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2017 19:05:54
แทงค์ จะรู้การจาก ลาไหมนะ :a5:

แล้วจะเจอกันใหม่แบบไหน  :katai1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-10-2017 22:15:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 20-10-2017 02:07:22
อีกไม่กี่ตอนจบนี่เศร้ากว่าพี่ภุตะไปเกิดอีกนะ5555
พี่ภูต้องไปเกิดเร็วขึ้น จะไม่บอกแทงค์หน่อยหรอ
สงสารน้องงง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 42 [19-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-10-2017 16:47:48
ตัดใจจากเพื่อจะพบกันใหม่ :monkeysad: แทงค์อดทนนะลูก :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 22-10-2017 20:14:40
ตอนที่ 43

“ผมอยากกอดพี่แบบนี้นานๆ”

 

[ภูตลา]

ภาพสุดท้ายที่เขาจำได้ คือการที่แทงค์ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปหยิบอะไรสักอย่างในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า แล้วภูตลาก็ตามไปรั้งให้อีกฝ่ายหันกลับมาก่อนจะดันร่างโปร่งให้แนบแผ่นหลังไปกับบานประตูตู้ ก่อนจะประกบจูบลงไปอย่างรวดเร็วที่เรียวปากบางสีอ่อน

“อืม...อื้อ...” เสียงครางเครือปนไปกับเสียงจูบดังก้องห้องนอน ฝ่ามือของทั้งสองลูบสัมผัสร่างกายของกันและกัน ก่อนที่อาภรณ์จะถูกปลดออกจนทั้งร่างกายเหลือเพียงความเปลือยเปล่า

เทวดาหนุ่มแทรกเข่าเข้ากลางหว่างขาของแทงค์ ใบหน้าคร้ามจูบซับที่ต้นคอขาว สร้างรอยสีกุหลาบขึ้นประปราย ขณะที่เด็กหนุ่มเองก็แหงนหน้าขึ้น ยอมให้กระทำโดยไม่ขัดขืน...เสียงลมหายใจดังสอดประสานไปกับเสียงเสียดสีของร่างกายกันและกัน แทงค์ยกขาขึ้นข้างหนึ่งแล้วใช้เข่าถูไถหยอกล้อความแข็งแกร่งของร่างสูง

ภูตลาสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ผละออกมามองคนใต้อาณัติด้วยสายตาคาดโทษ โน้มหน้าลงไปกัดปากเรียวบางอีกครั้ง กัดแรงจนเลือดซึมเลยล่ะ หึ

“อื้อ!” แทงค์ถึงกับร้องประท้วง “เป็นหมาเหรอมากัดปากผม เลือดออกด้วยเนี่ย”

“ฮะ ๆ ถ้าฉันเป็นหมา งั้นนายก็คงเป็นกระดูก” ภูตลาเอ่ยเสียงพร่า เปลี่ยนมางับปลายจมูกโด่งเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “เพราะฉันจะแทะกระดูกชิ้นนี้ให้หมดเลย”

“อะ...” คนโดนย้อนถึงกลับพูดไม่ออก หน้าร้อนวาบกับคำพูดสองแง่สองง่ามนั่น ไม่คิดว่าคนเป็นเทวดาจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้

แต่แล้วแทงค์ก็ต้องสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เมื่อร่างสูงขยับอีกนิดหน่อย ความร้อนผ่าวของทั้งเขาและเด็กหนุ่มก็สัมผัสหยอกล้อกันในที่สุด...ความเปียกชื้นที่เกิดจากแรงอารมณ์ไหลปริ่มผสมปนเปกันจนเปียกลื่นไปหมด แทงค์ตอบรับจูบร้อนระอุที่แนบประทับลงมาอีกครั้งอย่างดุดัน ขณะที่มือทั้งสองข้างก็ไม่ว่างเว้น เปิดขวดเจลที่หยิบออกมาจากลิ้นชักเทลงฝ่ามือตัวเอง ลูบ ๆ จนปลายนิ้วเปียกลื่นไปด้วยของเหลวสำหรับหล่อลื่น แล้วจึงยกเรียวขาเกี่ยวเอวหนาเอาไว้

ภูตลารู้จังหวะ ตวัดแขนแกร่งรั้งสะโพกเพรียวรับน้ำหนักตัวของเด็กหนุ่มเอาไว้ไม่ให้หล่น

“อ่า...” แทงค์สอดปลายนิ้วเข้าขยายความอ่อนนุ่มด้านหลัง หลับตาพริ้มรับจูบที่ปะป่ายไปทั่วใบหน้าจากพี่ภูของเขา เสียงลมหายใจสั่นเครือ จนเมื่อแน่ใจว่าพอแล้ว เด็กหนุ่มจึงลืมตาขึ้นสบแก้วตาสีรัตติกาล “เข้ามาเถอะ”

ภูตลาบดจูบบนเรียวปากอิ่มอีกครั้งก่อนจะสอดแทรกกายแกร่งเข้าไปในร่างของเด็กหนุ่ม

สวบ

“อืมมม”

“อื้อ!”

ชายหนุ่มผู้เป็นเทวดาครางต่ำด้วยความพึงพอใจ ความแข็งแกร่งของเขาสอดเข้าประสานกายกับเด็กหนุ่มอย่างเชื่องช้า แต่สร้างความหวามไหวเกินทานทนให้กับคนทั้งสอง จนเมื่อสอดลึกสุดทาง แทงค์ที่กำลังหอบหายใจถี่แรงก็กระซิบบอกข้างใบหูของร่างแกร่ง

“...ขยับสิครับ”

“หึ ๆ ไม่ ฉันอยากเห็นนายร้องขอฉันให้มากกว่านี้ ร้องขอฉันสิแทงค์ ไม่เช่นนั้น...” แต่เจ้าที่หนุ่มกลับส่ายหน้าปฏิเสธ ดันตัวเข้าลึกยิ่งขึ้น แม้ว่ามันจะไม่สามารถลึกเข้าไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว...การกระทำของเขาทำให้แทงค์อึดอัดและเสียดเสียวจนแทบทนไม่ไหว จิกปลายเล็บกับไหล่แกร่งเป็นการประท้วงจนขึ้นรอย

“อื้อ! คน...ขี้แกล้ง อย่า อะ! อย่าดัน...อื้ม!”

“เร็วสิแทงค์ ร้องขอฉันสิ” ร่างสูงย้ำคำเดิม ยังคงดันตัวเข้าลึกต่อไปเรื่อย ๆ แม้ตนเองจะอึดอัดไม่น้อยเช่นกันก็ตาม แต่เพราะยังไม่ได้สิ่งที่ประสงค์ เขาจึงไม่คิดจะหยุดสิ่งที่ทำอยู่

แทงค์ครางเครือเสียงสั่น ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอเพราะความอึดอัดและเสียวซ่านที่ได้รับมากจนเกินไป ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อโดนกลั่นแกล้งจนแทบจะตายคาอกแกร่งอยู่รอมร่อ...สุดท้ายคนโดนแกล้งก็ทำได้เพียงร้องขอด้วยเสียงสั่นเครือแหบพร่าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์

“พี่ภู...อื้ม...ขอร้อง ขยับเถอะนะ...แทงค์ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้วครับ...พี่ภู...ฮื่อ...”

คำขอที่ทำให้คนได้รับฟังพอใจ ยกยิ้มร้ายแสนเจ้าเล่ห์ กดจูบที่ปากบางอีกครั้งก่อนจะถอนสะโพกออกช้า ๆ จนส่วนที่สอดแทรกเข้าไปเกือบหลุดออก แล้วจึงกระแทกกลับเข้าหาอีกครั้งจนสุดทางในทีเดียว!

“อ๊า! อึก อื้อ อ่ะ...อ่า...”

จูบปิดกั้นเสียงครางสั่นของเด็กหนุ่มในอ้อมแขน สอดปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดพันเข้าด้วยกันแนบแน่นจนน้ำใสไหลซึมออกมาถึงปลายคาง เนิ่นนานจึงถอนจุมพิตสูบวิญญาณออกพร้อมกับสะโพกที่ขยับส่งแรงกระทั้นหนักหน่วงมากขึ้น

น้ำเสียงทุ้มนุ่มแสนเร้าอารมณ์กระซิบเสียงเบาอยู่ตรงริมฝีปากแดงช้ำ...

“เด็กดีของฉัน คืนนี้ฉันไม่ปล่อยนายไปง่าย ๆ หรอกนะ”

คำประกาศก้องที่มาพร้อมแรงสอดประสานอันรุนแรงและร้อนผ่าว กระตุ้นอารมณ์และเสียงครางทุ้มสั่นของทั้งสองให้ดังก้องไปทั่วทั้งห้องกว้าง และจะเป็นอยู่อย่างนั้นจนกว่ารุ่งสางจะมาเยือน

__________

ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยเข้าสู่ช่วงสายของวันใหม่ แต่แทงค์เพิ่งจะได้นอนไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ดูท่าวันนี้อีกฝ่ายคงจะไม่ได้ไปเรียนอีกแล้วเป็นแน่ หรือต่อให้เจ้าตัวอยากจะไป แต่มีหรือที่ภูตลาจะยอม เมื่อดูจากสภาพของเด็กหนุ่มที่ไม่น่าจะไปไหวแล้วนั้น เทวดาหนุ่มคิดว่าเขาไม่ให้แทงค์ฝืนสังขารไปเรียนย่อมดีกว่า

ใบหน้าขาวใสนอนหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข แม้จะมีร่องรอยอ่อนเพลียบ้างเพราะกิจกรรมเมื่อคืนที่เกิดขึ้น แต่เรียวปากของคนหลับดันยิ้มราวกับเจ้าตัวกำลังฝันดีอยู่...เป็นภาพที่ภูตลายอมแลกทุกอย่าง ขอแค่ได้มองรอยยิ้มและใบหน้านี้ต่อไปให้นานกว่านี้อีกสักนิดก็ยังดี

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้อยู่กับแทงค์ เมื่อเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้มาเยือน ภูตลาก็จะไม่ได้เจอกับแทงค์อีกแล้ว หัวใจเทวดาหนุ่มเหมือนโดนถ่วงด้วยน้ำหนักมหาศาล สองร้อยปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยหลงรักใคร ไม่ว่าจะเทวดา นางฟ้า นางไม้ หรือมนุษย์ เขาไม่เคยใกล้ชิดใครเท่ากับที่ใกล้ชิดแทงค์มาก่อนเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้เขากำลังใกล้ชิดและตกหลุมรักเด็กหนุ่มคนนี้อย่างหมดหัวใจ

หากโชคชะตาเลือกให้เราได้มารู้จักกัน เลือกให้เขาได้มารักเด็กคนนี้ เขาก็ไม่คิดจะโทษโชคชะตาหรอกที่สุดท้ายกลับทำให้เขาต้องแยกจากกับอีกฝ่ายในตอนท้าย เพราะแค่นี้...แค่สามเดือนที่ผ่านมาเขาก็ได้รับความสุขมากเกินพอแล้ว

ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้กรอบหน้าหล่อใส มองด้วยแววตารักใคร่อ่อนโยน จนเชื่อเถอะว่าถ้าเด็กแสบของเขาตื่นขึ้นมาเห็นล่ะก็ คงได้มีเขินหน้าแดงเป็นแน่

หลายครั้งชายหนุ่มอยากจะเอื้อนเอ่ยคำว่ารักออกไปให้แทงค์ได้ฟัง อยากกล่าวคำนั้นซ้ำ ๆ ที่ข้างหูอีกฝ่าย ให้คำ ๆ นี้มันซึมลึกลงไปในใจของเราทั้งสองคน หากแต่เขาก็ไม่อาจจะพูดมันออกไปได้ ด้วยเพราะมันไม่ใช่คำที่สมควรพูดหากว่าตอนนี้เขายังเป็นเทวดาอยู่

คำบางคำก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ มันทรงพลังมากเกินไปที่จะกล่าวด้วยสุรเสียง และเพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่เคยบอกมันออกมาตรง ๆ ให้อีกฝ่ายได้ฟัง ทำได้เพียงตอบรับด้วยถ้อยคำที่สื่อให้รู้ว่าเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกันก็เท่านั้น

“ขอโทษนะที่พูดออกไปไม่ได้สักที” ชายหนุ่มกระซิบเสียงเบา กดจูบที่หน้าผากมน “ขอโทษนะเด็กน้อยของฉัน”

“อืมมม” เสียงนุ่มร้องอื้ออึงในลำคอเมื่อโดนรบกวนการนอน คนหลับเพราะอ่อนเพลียปรือดวงตาขึ้นในวินาทีต่อมา กระพริบถี่ด้วยท่าทีง่วงงุน ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าใส ดวงตาเป็นประกายสบเข้ากับนัยน์ตาสีรัตติกาลคู่คม

“รีบตื่นทำไมล่ะ เพิ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ” เจ้าที่หนุ่มเอ่ยถาม เก็บทุกอารมณ์ความรู้สึกเมื่อครู่ของตนเองออกจากใบหน้า

“อือ มันตื่นเอง” แทงค์สวมกอดร่างสูง ซุกหน้าคลอเคลียแผ่นอกแกร่งอย่างน่ารักผิดกับภาพลักษณ์ของอีกฝ่าย

ใช่ น่ารัก ต่อให้เด็กคนนี้จะหล่อเหลาเพียงใด แต่ก็น่ารักในสายตาของภูตลาที่สุดอยู่ดี

“เป็นยังไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า”

แทงค์ส่ายหน้า รู้สึกหน้าร้อนผ่าวแต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ “ไม่เป็นไร แค่ง่วง ๆ แล้วก็หิวนิดหน่อย”

“งั้นอยากกินอะไร เดี๋ยวไปทำให้” คนตัวโตทำท่าจะผละออกจากเตียงนอนนุ่ม มือหนารูดซิบกางเกงขึ้น มองหาเสื้อไปด้วยแต่ก็ไม่เจอ เลยคิดว่าจะลงไปทั้งอย่างนั้น หากแต่ก็โดนรั้งเอาไว้เสียก่อน

“อย่าเพิ่งไปเลย” แทงค์กล่าวเสียงอ่อน เงยหน้าสบตาอย่างออดอ้อน แล้วเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ภูตลาอดใจไม่ไหวต้องโน้มลงไปฟัดแก้มนุ่มเต็มแรง “ผมอยากกอดพี่แบบนี้นาน ๆ”

ฟอด! ฟอด!

“พูดจาน่าเอ็นดูมาก ๆ แบบนี้มันไม่ดีนะ”

“ฮ่า ๆ ๆ ผมแค่พูดตามที่ใจคิดเองงง”

“เฮ้อ เจ้าเด็กแสบ เอาเถอะ ว่าแต่วันนี้อยากไปไหนหรือเปล่า”

“หืม?” คนโดนถามเงยหน้าขึ้นสบตาอีกครั้ง เลิกคิ้วอย่างฉงนใจ

ร่างสูงยกยิ้มอ่อนโยน “ไปเดตกันไหม?”

คำถามกึ่งชวนที่ทำคนฟังอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยการหัวเราะเสียงใส ทำท่าคิดอยู่นานแต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ผมไม่อยากไปไหนเป็นพิเศษ แต่ถ้าพี่อยากไปไหนผมก็จะไปด้วย เพราะไม่ว่าที่ไหนก็ตามขอแค่มีพี่อยู่ด้วยผมก็อยากไปทั้งนั้นล่ะ”

“น่ารัก” คนฟังยิ้มกว้าง เอ่ยชมแล้วกดจูบที่ปากแดงช้ำอีกหลายที ริมฝีปากนี้เขาจูบเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอเลยจริง ๆ  “งั้นอยู่บ้านแล้วกัน ดูหนังด้วยกันเหมือนทุกทีดีไหม?”

“ครับ ไงก็ได้”

สุดท้ายทั้งคู่ก็เลือกที่จะอยู่บ้าน ดูหนัง กินข้าว เล่นเกม และทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่อยู่ที่บ้านด้วยกัน นั่งยิ้มนั่งมองหน้ากันไปมา จนเวลาพลบค่ำมาเยือนอีกครั้ง

“ดูง่วง ๆ นะ ไปนอนไหม”

ภูตลาเอ่ยถามเด็กน้อยของเขาที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ข้างกัน ในจอฉายภาพผู้เข้าแข่งขันร้องเพลงของรายการหนึ่งหากแต่เขาไม่ได้สนใจมันมากนัก ขณะที่แทงค์เริ่มง่วงตั้งแต่ยังไม่ทันสามทุ่มด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบรับ

“อือ ง่วง” แทงค์แปลงร่างจากเด็กหนุ่มเป็นเด็กน้อยขี้อ้อนไปเสียแล้ว เพราะเจ้าตัวล้มตัวลงนอนหนุนตักแกร่ง หลับตาพริ้มลงเมื่อมีมือหนาคอยลูบเส้นผมให้ราวกับจะกล่อมกัน

“งั้นไปนอนเถอะ”

ภูตลาเอ่ยพลางดีดนิ้วปิดโทรทัศน์และไฟ ก่อนจะรั้งไหล่ของร่างโปร่งขึ้นยืนแล้วพาเดินขึ้นห้องนอน พอส่งเจ้าเด็กน้อยของเขาลงนอนได้ ชายหนุ่มก็ทรุดลงนั่งที่ขอบเตียง ดวงตายังคงจับจ้องใบหน้าใสที่ตะแคงข้างหันมามองทางเขาทั้ง ๆ ที่ตาจะปิดอยู่รอมร่อ

เจ้าที่หนุ่มพยายามทำใจกล้าอยู่นาน เขายังไม่ได้บอกเรื่องที่เขาต้องไปเกิดในวันพรุ่งนี้กับแทงค์ และเห็นทีเขาควรจะบอกอีกฝ่ายได้แล้ว...ตอนนี้เลยจะดีไหมนะ

ใจหนึ่งเขาก็ยังไม่กล้าพูด ไม่พร้อมที่จะพูดเพราะเขากลัวเหลือเกินว่าเด็กน้อยของเขาจะร้องไห้ มันกะทันหันจนแม้แต่เขาก็ทนแทบไม่ไหวเมื่อรู้ว่ากำลังจะต้องไป...ต้องไปแล้วจริง ๆ

ความคิดสองด้านดังขึ้นต่อสู้กันในหัว เขาควรบอกตอนนี้หรือรอให้รุ่งสางมาถึง แต่ถ้าเวลานั้นมาถึงเข้าจริง ๆ แล้วเขาจะมีความกล้ามากพอเพื่อบอกแทงค์ก่อนจากไปงั้นหรือ?

...คำตอบที่ได้ก็คือไม่ เขาไม่มีทางทำแบบนั้นได้แน่ มันเจ็บปวดเกินไป ดังนั้นเขาควรจะบอกมันตอนนี้เลย

ภูตลาสูดลมหายใจลึก เอื้อนเอ่ยเรียกคนที่กำลังจะหลับให้ลืมตาขึ้นมามองกัน “แทงค์ ฉันมีเรื่องจะบอก”

ร่างสูงเลื่อนมือไปคว้ามือบางมาจับเอาไว้มั่น สบตากับนัยน์ตาสีนิลของคนที่นอนมองเขาอยู่ เผลอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแต่ก็คลายออกเมื่อเห็นเรียวคิ้วคู่สวยของเด็กหนุ่มขมวดมุ่นมองมา

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น มีอะไรเหรอครับ?” แทงค์ผุดลุกขึ้นนั่ง ความง่วงงุนหายไปราวกับถูกพายุเป่าทิ้ง...ใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำขึ้นมาเสียเฉย ๆ มันเต้นอย่างอึดอัดเหมือนจะสื่อให้เขารู้ว่ากำลังจะได้ยินอะไรที่มันไม่ดีต่อความรู้สึก ต่อจิตใจของเขาเอง...ความรู้สึกวูบโหวงที่เกิดขึ้นนี้ มันอะไรกัน?

“พรุ่งนี้เช้า...” ภูตลาเอ่ยขึ้นในที่สุด แต่เสียงของเขาก็เบาจนแทบไม่ได้ยิน “พรุ่งนี้เช้าฉันต้องไปแล้ว”

แทงค์กำมือใหญ่ของภูตลาเอาไว้แน่น หัวใจเต้นแรงด้วยความตกตะลึงจนแทบหลุดกระเด็นออกมาจากอก ในหัวได้แต่ร่ำร้องด้วยถ้อยคำซ้ำ ๆ ที่ท่านเจ้าที่เพิ่งบอกกับเขา และเขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อย

ไม่นะ ไม่ ๆ ๆ หมายความว่าไง ท่านเจ้าที่กำลังจะไปแล้วงั้นเหรอ!

ไม่สิ นี่มันยังไม่ถึงวันที่กำหนดเลยนะ!

“ฉันต้องไปถือกำเนิดใหม่ยามเมื่อรุ่งสางนี้มาเยือน”

...หากแต่ประโยคต่อมาก็ทำให้เด็กหนุ่มได้แต่ทิ้งมือลงอย่างหมดแรง



__________

หายไปนาน ติดนิยายอเกนค่ะ 555 ตั้งแต่วันศุกร์อ่านจบไปสองเรื่อง วันนี้ไปานหนังสือแบบไม่ได้ตั้งใจ พอดีแม่อยากไปเลยพาไป ได้นิยายกลับมาอีกสามเล่มถ้วน แต่คิดว่าคงดองเพราะไม่มีอารมณ์อ่านแฮะ เป็นเพราะอ่านไปเยอะแล้วหรือเปล่ากันนะ? ฮ่าา

หลังจากตอนนี้เราจะของดอัพยาวจนถึงสิ้นเดือนเลยนะคะ ไว้อาลัยให้พ่อหลวงค่ะ ช่วงนี้งานเยอะด้วย ต้องเร่งเคลียร์งานให้ทันเวลา จะได้มีเวลาไปหาที่ฝึกงานสักทีด้วย แอบเครียดไม่น้อยเลยเพราะเราไม่ใช่คนเก่ง เฮ้อ จะมีที่ไหนเหมาะกับเราบ้างไหมนะ ยิ่งคิดยิ่งกังวล แหงะ //ร้องไห้

ตอนนี้ไม่ขอพูดถึงมากนักเพราะ...เพราะเข้าสู่ดราม่าาา แต่ตอนหน้าอีกตอนก็จบแล้วอ่ะ แอบใจหาย อ้อ สำหรับรูปเล่มก็ขอขอบคุณคนที่สนใจนะคะ แต่กว่าจะได้เห็นกันก็ปีหน้านู่นแหล่ะ หวังว่าตอนนั้นจะไม่ลืมกันไปเสียก่อนนะคะ งืออ โอเค เจอกันวันที่ 1 พ.ย. เด้อ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-10-2017 20:35:40
 :mew6:

 :L2: :pig4: :L2:

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-10-2017 21:02:38
สงสารแทงค์จังเลยอะ  :o12:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-10-2017 22:35:36
สงสารทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 23-10-2017 00:24:49
ท่านเจ้าที่จะไปเกิดเเล้ว :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-10-2017 01:32:13
สงสารหลานแทงค์จังเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-10-2017 08:17:23
ฮืออออออ สงสารทุกคนเลยยย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakkriengkai ที่ 23-10-2017 16:54:04
ไม่นะ ม่ายยยยยยยยยยย
ท่านเจ้าที่เจ้าครับ อย่าเพิ่งไปเลย~
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-10-2017 22:42:26
เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยค่ะ เราชอบแนวนี้นะ

แฟนตาซีน่าติดตาม แล้วก็นะ ภูตลาน่ะ แค่

"เราจากกันในวันนี้ เพื่อให้ได้พบกันในวันหน้า" ใช่รึไม่?

ึงไม่จบเศร้าหรอกใช่ไหม. รอสามตอนที่เหลือนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 23-10-2017 22:46:35
อ่านรวดเดียวยาวไป
ยิ้ม เขินอาย แก้มแทบปริ
นึกว่าตัวเองบ้า 555
แต่ไหงมาเจออารมณ์อึนๆ ตอนท้าย
OMG
 :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 24-10-2017 01:05:12
     อารมณ์ที่แทงค์เจอนั้นน่าสงสารนะรู้ตัวว่าวันนี้ต้องมาถึงแต่ใครละจะทำใจได้ถ้ามันมาถึงจริงๆ
เข้าใจคำว่าหมดแรง เลย ถ้าได้เจอเหตุการณ์แบบนี้
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-10-2017 19:21:18
รอตอนต่อไป  :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 26-10-2017 00:20:28
เศร้าอยากให้แทงค์สมหวัง
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 43 [22-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 28-10-2017 18:47:09
เจ็บปวด ไม่อยากให้พี่ภูไปเลย :m15:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 28-10-2017 22:18:49
ตอนที่ 44

“จะคิดถึงฉันไหม”

 

[แทงค์]

“ทะ ทำไมเป็นพรุ่งนี้ล่ะ”

ผมเอ่ยถาม รู้สึกชาไปหมดทั้งร่าง หัวใจราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นควักออกไป มันวูบโหวงไปหมดอย่างรวดเร็ว ผม...ผมตั้งตัวไม่ทัน นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ!?

“แทงค์...”

“ผะ ผมไม่...ผมไม่เข้าใจ ไหนพี่บอกว่าหลังเลือกตั้งอะไรนั่นพี่จะมีเวลาอีกสี่วันไม่ใช่เหรอ ละ...แล้วทำไมล่ะ ทำไมถึงเป็นพรุ่งนี้!” ผมเถียง เผลอโวยวายขึ้นเสียงดังใส่เขา “พี่บอกผมมาสิ! พรุ่งนี้เช้ามันก็อีกไม่กี่ชั่วโมงเองนะ! มันเกิดอะไรขึ้น! บอกผมมานะ! บอกผม!”

“แทงค์ ใจเย็น ๆ ก่อน ใจเย็น ๆ แล้วฟังฉัน”

“ใจเย็นเหรอ!? พี่บอกให้ผมใจเย็นทั้ง ๆ ที่พี่กำลังจะไปจากผมเนี่ยนะ! แล้วทำไมพี่เพิ่งมาบอกผม ทั้งที่ตั้งแต่เมื่อวานพี่จะบอกผมก็ได้แต่พี่ก็ไม่บอก ทำไมต้องมาบอกตอนนี้ ทำไมล่ะ ทำไม...อึก...ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

ปลายเสียงอ่อนลงเหมือนคนหมดแรงที่จะพูด และใช่ผมไม่มีแรงจะพูดจริง ๆ ร่างกายของผมราวกับโดนสูบเรี่ยวแรงจนหายไปหมด ความร้อนผ่าวจู่โจมที่ดวงตาของผมก่อนมันจะกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาอย่างรวดเร็ว

ผมปล่อยให้หยาดน้ำใสไหลลงอาบแก้ม จากหนึ่งหยด เป็นสองหยด และหยดเป็นทางไม่ขาดสายในเวลาต่อมา

น้ำตาที่ไหลไม่หยุดแม้ในตอนที่ท่านเจ้าที่ดึงผมเข้าไปกอด บ้าเอ๊ย! ผมไม่ได้อยากร้องไห้ แต่มันไหลออกมาเอง

“ทำไมพี่ไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้ อึก...ทำไมพี่ต้องรีบไปด้วย ทำไม...” ผมร้องถามเสียงเบา ยกมือกำเสื้ออีกฝ่ายจนยับยู่ ทั้งทึ้งทั้งขยำอย่างต้องการคำตอบ

“ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนาย แต่ฉันไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกนายต่างหากล่ะ”

“อึก...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย...” ผมยังคงร้องไห้

“แทงค์ ฉันขอโทษนะ ขอโทษ” น้ำเสียงทุ้มเจือความเสียใจบอกขอโทษผมซ้ำ ๆ และผมก็ได้แต่ส่ายหน้าซ้ำ ๆ พยายามจะหยุดร้องไห้แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน

เรากอดกันอยู่อย่างนั้น ผมปล่อยให้ตัวเองน้ำตาไหลโดยไม่พยายามหยุดมันแล้ว ท่านเจ้าที่ก็ทำเพียงกอดผมเอาไว้แน่นสลับกับกดจูบที่ข้างขมับ ข้างแก้ม และริมฝีปากของผมวนไปวนมา นานอยู่เหมือนกันกว่าที่ผมจะหยุดร้องได้...ให้ตาย ผมไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน ตอนที่ร้องไห้เพราะทะเลาะกับพวกไอ้เนสผมยังไม่ร้องหนักเท่านี้เลยเถอะ

ที่ผมต้องร้องไห้ก็เพราะเขา เพราะผู้ชายที่กำลังประคองกอดผมเอาไว้คนนี้ที่ทำให้ผมร้องไห้จนเหมือนจะตายเลยด้วยซ้ำ ผมเจ็บว่ะ เจ็บไปทั้งใจเลย เขากำลังจะไปแล้ว และผมทำใจไม่ได้...ไม่ได้เลยจริง ๆ

พี่ภูโยกตัวผมเบา ๆ “ให้อภัยฉันเถอะนะที่บอกเรื่องนี่กับนายช้าไป”

“ไม่” ผมส่ายหน้า แต่ยังไม่ยอมเงยขึ้นสบตาเขา และคำว่าไม่ของผมก็ทำให้ร่างสูงเผลอกลั้นหายใจ ผมรู้สึกได้เพราะผมยังซบหน้าอยู่กับแผ่นอกของเขา หากแต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร ผมก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ผมไม่ได้โกรธ ก็แค่...ผมไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ผมรู้ว่ายังไงพี่ก็ต้องไป ไม่ช้าก็เร็วเราต้องจากกันอยู่ดี แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยก็ยังเหลืออีกตั้งสี่วันแหน่ะ สี่วันที่ผมตั้งใจไว้แล้วด้วยว่าจะหยุดเรียน หยุดทุกอย่างที่ทำเพื่อใช้เวลาอยู่กับพี่ในทุกวินาทีให้มีค่ามากที่สุด ผมไม่คิดเลยว่า...ไม่คิดเลยว่ามันจะเลื่อนขึ้นมาเร็วกว่าเดิมถึงสองวัน”

“ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะกะทันหันแบบนี้เหมือนกัน เมื่อวานที่งานเลี้ยงของเทวดา องค์มหาเทพเรียกฉันไปพบเพื่อแจ้งว่ากำหนดการไปเกิดใหม่ของเทวดาที่มีอายุครบตามเงื่อนไขจะถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น เพราะวันเดิมตรงกับวันเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างเทวดาจากประเทศเพื่อนบ้าน”

“เทวดาจากประเทศเพื่อนบ้าน?” ผมทวนถาม เงยหน้าขึ้นไปกระพริบตาปริบ ๆ ใส่ท่านเจ้าที่ เรื่องประหลาดครั้งที่ล้านอีกแล้วสินะ แต่เป็นเรื่องประหลาดที่ทำให้ผมอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะมันเป็นเรื่องประหลาดที่กำลังจะพรากท่านเจ้าที่ไปจากผม

“ใช่ เครือข่ายสวรรค์ไม่ได้มีแต่ประเทศไทยนี่ ประเทศอื่น ๆ ก็มี เราจึงต้องมีการเชื่อมสัมพันธไมตรีกันอยู่เสมอ” พี่ภูอธิบาย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามคำถามที่ทำให้ผมน้ำตาคลออีกครั้ง “เสียใจใช่ไหม”

ผมสบตาเขา เราสบตากันอยู่นานมาก ผมไม่รู้สึกง่วงอีกเลยทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พร้อมจะหลับคาที่ได้ทุกเวลา

“อืม ผมเสียใจ”

“ฉันเองก็เสียใจ” ท่านเจ้าที่ตอบกลับมา ดึงผมเข้าไปกอด ผมไม่อยากให้อ้อมกอดนี้หายไป...ไม่อยาก “นอนเถอะ นายง่วงไม่ใช่เหรอ”

“ผมไม่อยากหลับ ผมอยากกอดพี่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก่อนที่ผมจะไม่...จะไม่ได้กอดอีก” ผมส่ายหน้า ซบลงกับไหล่ของเขา “อย่างน้อยก็จนกว่าจะเช้าเถอะนะ ช่วยกอดผมไว้แบบนี้ที”

พี่ภูกดจูบกลางกระหม่อมของผม ขยับเอนตัวลงนอนโดยจับผมให้ทาบทับอยู่บนตัวเขา กอดเอวผมเอาไว้หลวม ๆ

“จะคิดถึงฉันไหม”

เขาถามผม...ผมหลับตาลง เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ทุกวันที่มีลมหายใจ”

__________

รุ่งสางมาถึงเหมือนเวลาอยากจะพรากผมกับเขาให้จากกันไว ๆ

ผมยืนอยู่หน้าบ้าน ยืนอยู่ตรงหน้าศาลพระภูมิสีชมพูหวานที่เพิ่งจะทำเสร็จไปเมื่อเดือนก่อน เวลาผ่านไปไวอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนเมื่อวานนี้เองด้วยซ้ำที่ผมเพิ่งจะทาสีศาลนี้จนเสร็จ

ผมมองศาลตรงหน้าที่เป็นต้นเหตุให้ผมได้รู้จักกับคนที่ผมรัก ไม่น่าเชื่ออีกเช่นกันว่าผมจะได้เจอกับเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างเทวดาเจ้าที่ ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ได้ต่อปากต่อคำ ได้กินข้าว ดูหนัง และทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยกัน

หากนี่เป็นความฝัน ผมก็คิดว่ามันเป็นฝันดีที่สุดในชีวิตของผม

ท่านเจ้าที่กำลังคุยกับเลขาฯ ของเขา พี่มัทนาปรากฏตัวขึ้นก่อนที่ดวงอาทิตย์จะได้แตะขอบฟ้าเสียด้วยซ้ำ พวกเขาคุยอะไรกันผมไม่รู้ เพราะผมแยกออกมายืนอยู่ตรงนี้ จ้องมองสิ่งของที่เป็นดั่งของที่เชื่อมโยงเราสองคนเข้าไว้ด้วยกัน ถึงเขาจะจากไป แต่ศาลพระภูมินี้และความทรงจำตลอดสามเดือนที่ผ่านมาระหว่างเขากับผม...จะเป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันลืม

สัมผัสแผ่วเบาที่ไหล่เรียกให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิด และปลายนิ้วที่ยื่นมาเช็ดคราบน้ำตาก็ทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังร้องไห้อีกแล้ว

ความอ่อนโยนที่เกลี่ยใต้ขอบตาของผมชวนให้ไม่อยากผละหนี ผมจับมือหนามาแนบแก้ม เอียงหน้าซบฝ่ามือนั้น จดจ้องดวงหน้าของคนที่ผมรักสุดหัวใจทั้งน้ำตา

ผมสำรวจทั่วทั้งใบหน้าคมคร้าม เก็บทุกรายละเอียดไม่ว่าจะไรหนวดนั่น โครงหน้าที่ได้รูป เส้นผมสีปีกกาที่ล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ จมูกโด่งที่หอมแก้มผมหลายครั้งหลายครา ดวงตาสีรัตติกาลที่มองผมด้วยแววหวานซึ้ง หรือแม้แต่ริมฝีปากนั่นที่กดจูบผมครั้งแล้วครั้งเล่า

ผมพยายามจดจำทุกอย่างของเขา จำมันให้ฝังลึกในสมองและจิตใจให้ได้มากที่สุด

พี่ภูเคลื่อนหน้าเข้ามาหาผม แนบจุมพิตอ่อนหวานลงบนเรียวปากของผม เขาจูบผมอย่างอ่อนโยน อบอุ่น โหยหา และอาลัยอาวรณ์ ทุกความรู้สึกของผมกับเขาส่งผ่านกันทางจุมพิตนี้...ไม่มีใครอยากแยกจากใคร แต่ผมกับเขาจำต้องแยกจากกัน

ผมสวมกอดเขาแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลจนพอใจก่อนจะผละออกมามองใบหน้าที่แสนรักอีกครั้ง

“จะจำผมได้มั้ยครับ”

ท่านเจ้าที่ประคองใบหน้าของผมเอาไว้ด้วยสองมือ เขาไม่ตอบ แต่ย้อนถามผมแทน

“รักฉันไหมแทงค์”

“รัก...ผมรักพี่...รัก...รัก...” ผมตอบซ้ำ ๆ พยายามฝืนน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอีก ถ้าต้องจากกันในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ผมก็อยากให้พี่ภูได้เห็นผมยิ้มอำลา ไม่ใช่เห็นน้ำตาที่หลั่งริน

ผมย้อนถามเขาบ้าง

“รักผมมั้ย”

ร่างของท่านเจ้าที่ค่อย ๆ เลือนลางลง สัมผัสที่แนบแก้มผมบางเบาราวกับเป็นแค่อากาศที่พัดผ่าน ผมพยายามคว้ามือหนาเอาไว้แต่ก็จับได้เพียงความว่างเปล่า

คำตอบของคำถามที่ผมถามออกไป มาพร้อมกับรอยยิ้มสุดท้ายของพี่ภูที่ผมได้เห็น...

“อืม”

ก่อนร่างสูงใหญ่ของคนที่ผมมอบหัวใจให้ก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา เหลือเพียงสายลมวูบใหญ่ที่พัดผ่านกายไป

ผมทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้น ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่พยายามฝืนอีกต่อไป ปล่อยให้ตัวเองสะอื้นไห้แทบขาดใจ และได้แต่พูดคำเดิมซ้ำ ๆ อีกครั้ง แม้รู้ว่าคนที่อยากให้ฟังไม่มีทางได้ยินอีกแล้วก็ตาม

“ผมรักพี่ รักพี่ พี่ภูผมรักพี่ รักพี่...”

ผมเพิ่งมานึกขึ้นได้ ว่าจนแม้แต่ในวินาทีสุดท้าย...ผมก็ยังไม่ได้ยินคำว่ารักออกมาจากปากของเขา

ไม่ได้ยินเลยแม้แต่คำเดียว



__________

ทีแรกจะอัพวันที่ 1 พ.ย. เนอะ แต่เปลี่ยนใจกลับมาอัพวันนี้แทนค่ะ ก็ดำเนินมาถึงตอนจบของเรื่องแล้วนะคะ เหลือบทส่งท้ายอีกตอนเดียวเท่านั้นนน...ท่านเจ้าที่ไปเกิดใหม่ละ ทีนี้ด้วยความที่เราบอกว่ามันจบแฮปปี้ งั้นลองตอบกันเล่นๆ ไหมคะ ว่านักอ่านที่น่ารักของเราทุกคน คิดว่าพี่ภูจะหายไปกี่ปี ตอบถูกรับไปเลยค่ะ ชุดธูปหอมพร้อมเทียนไข 55555 นี่ถ้ากล้ารับเราก็กล้าส่งให้นะบอกเลย ฮ่าาา

ตอนนี้แทงค์ร้องไห้หนักมาก เขาเสียใจยิ่งกว่าตอนทะเลาะกับเพื่อนอีกค่ะ เพราะคนเพียงคนเดียวที่ยึดเหนี่ยวเอาไว้กลับจากไปในที่สุด เขาพยายามเข้มแข็ง แต่คนที่พยายามเข้มแข็งแน่นอนย่อมมีความอ่อนแอซ่อนอยู่มากมาย แทงค์น่าสงสารเนอะ ทำไมต้องทำร้ายแทงค์ขนาดนี้ด้วย! //เราเปล่าทำนะคะบอกเลย ท่านเจ้าที่ทำต่างหาก *ก้มหน้าหลบตาทุกคน*

เอาล่ะ หวังว่าทุกคนจะใจจดใจจ่อรอตอนจบบริบูรณ์ของนิยายเรื่องนี้นะคะ 555 เจอกันกับบทส่งท้าย รักทุกคนนน
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-10-2017 22:35:37
ต่อมน้ำตาคนแก่แตก  :o7: ถ้าให้เดา เอาเป็น 20 ปี แบบตอนเป็นเจ้าที่ดูแลหลานแทงค์ตั้งหลายอย่าง กลับมาก็ให้หลานแทงค์ดูแลกลับบ้างแล้วกัน (แต่ 20 ปีนี่ก็สงสารหลานแทงค์นะ จากกันแบบไม่รู้อะไรเลย จะตามหากันอย่างไร จะเจอกันเมื่อไหร่)  :L3: อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-10-2017 22:35:57
 o18

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune_Mizu ที่ 28-10-2017 23:28:13
ขอสักห้าปีละกันอยากเห็นท่านเจ้าที่ตอนเปนเบบี๋ :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 29-10-2017 00:35:13
สงสารรรรร
จะจบแล้วว อย่าทรมานน้องนานเลยย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 29-10-2017 01:20:52
น่าจะสัก 18 ปีคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 29-10-2017 01:30:39
        ใจร้าวมากค่ะ  :hao5: :hao5:
คนจากไปเค้าแค่จากเราไปแต่คนที่ยังอยู่และอยู่กับความทรงจำที่คิดถึงใครสักคนมันมีความสุข นะค่ะ
แต่แปลกนะทุกครั้งที่คิดถึงความสุขที่ผ่านๆมาด้วยกันน้ำตาจะไหล
      สัมผัสที่คุ้นเคยกลับจางหายเหลือเพียงความทรงจำ
      กลิ่นกายที่เคยได้กลิ่นก็จืดจาง
      รสชาติอาหารที่เคยกินด้วยกันที่แสนอร่อยแต่วันที่ต้องกินคนเดียวมันกลับจืดสนิท..........  :กอด1: :กอด1:
อินกับนิยายแล้วหันมามองตัวเอง555ทุกคนมีช่วงที่ต้องผ่านไปให้ได้ค่ะเอาใจช่วงแทงค์นะค่ะและเชื่อว่ารักแท้จะนำคนรักกลับมาให้ค่ะ
      :L1: :L1: :L1: รอท่านเจ้าที่นะค่ะน้องแทงค์ ....รอพี่ภูกลับมาบอกคำว่ารักให้ได้ยิน   :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 29-10-2017 04:48:27
ปีเดียวก็เกินใจแล้วค่ะเราสงสารคนรอ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 29-10-2017 07:56:10
200 ปี
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-10-2017 10:48:04
 :sad11: ท่านเจ้าที่ไปซะละ

กว่าท่านเจ้าที่ที่ไปเกิดใหม่จะโตแล้วมาเจอกัน น้องไม่กลายเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนเหรอ  :try2:

จากกัน 7 ปีพอ เลี้ยงต้อยกันไปเลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 44 [28-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mmanitaa ที่ 29-10-2017 11:33:31
โอ๊ยยย ฮามาก อ่านเรื่อยๆ อ่านสบายๆ เบาสมอง ชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 30-10-2017 23:50:59
บทส่งท้าย

“รักผมมั้ย”

 

สามปีต่อมา

“งานจะเริ่มในอีกสิบห้านาทีนี้แล้วนะ ทำไมแทงค์ยังไม่มาอีก”

“มันมาทันแน่นอนพี่ ไม่ต้องห่วง”

“แต่นี่มันจะสายแล้วนะ ไม่ให้กังวลได้ยังไงล่ะ”

“มานั่นแล้วพี่” ฮัทชี้มือบอกผู้จัดการวง ทุกคนหันไปมองพร้อมกันแล้วก็พบเข้ากับร่างสูงโปร่งของหนุ่มหล่อหน้าใสที่เดินตรงมายังพวกเขา

“แทงค์! นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว” ผู้จัดการวงของพวกเขาเอ่ยอย่างยินดี คนมาใหม่หัวเราะเบา ๆ พลางลูบหลังลูบไหล่ปลอบหนุ่มวัยทำงานที่เครียดจนเกินจำเป็น

“ผมมาทันอยู่แล้วน่า พี่ก็น่าจะรู้ว่าผมไม่เคยสาย”

“ว่าแต่มึงไปไหนมาวะแทงค์ ทำไมมาช้า” คลาร์กเอ่ยถามเพื่อน

คนโดนถามระบายยิ้ม “ไปรับลุงกับป้าแล้วก็ไอ้ทอชที่ขนส่งอ่ะ พอดีรถยนต์ที่บ้านเสีย เลยต้องนั่งบขส. มา”

“อ๋อ เออ ๆ ดีเหมือนกัน กูอยากเจอลุงมึงพอดี” เนสว่าตาเป็นประกาย แทงค์เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าทำไมถึงอยากเจอลุงของเขา แต่คนที่ตอบไขความกระจ่างให้กลับเป็นคลาร์ก

หนุ่มฝรั่งส่ายหน้า ยกมือโยกหัวแฟนแล้วว่า “จะมีอะไรนอกจากอยากไปก๊งเหล้ากับลุงมึง”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” พวกเขาพากันหัวเราะครืน เออเนอะ ไอ้พวกนี้มันชอบแดกเหล้าเมาท์เรื่องมัน ๆ กับลุงของเขานี่นะ เวลาครอบครัวของลุงลงมาหาเขาทีไรก็ต้องได้ตั้งวงกันที่บ้านตลอด

“เหลือยี่สิบนาที พี่ว่าพวกนายไปเช็คความเรียบร้อยที่ห้องแต่งตัวก่อนไป เดี๋ยวใกล้เวลาจะให้สตาฟฟ์ไปตามมาแสตนด์บายที่ข้างเวที”

พวกเขาทั้งสี่คนพยักหน้ารับ เดินเลี้ยวไปทางห้องแต่งตัวของวงก่อนจะก้าวเข้าไปทักทายพี่ ๆ สไตล์ลิสต์และช่างแต่งหน้าทำผม ทันทีที่เท้าก้าวเข้าประตูไปแต่ละคนก็โดนจับไปเติมแป้งเซ็ตผมแบบเร่งด่วนทันที

หลังจากเรียนจบ แทงค์และเพื่อน ๆ ก็ได้เป็นนักร้องในค่ายเพลงชื่อดังที่พวกเขาเป็นเด็กเทรนตั้งแต่ตอนยังเรียนนั่นล่ะ หลังจบการศึกษาก็เริ่มวางแผนปล่อยเพลงและแผนเปิดตัวอยู่ครึ่งปี ก่อนจะเดบิวต์ด้วยซิงเกิ้ลแรกและอัลบั้มเปิดตัว กับชื่อวงที่ใช้มาตลอดตั้งแต่เริ่มฟอร์มวงตอนเรียนปีหนึ่ง

‘วงเหล้า’

...นั่นล่ะคือชื่อวงของพวกเขา

มาวันนี้ หลังจากเดบิวต์ได้สองเดือน บริษัทก็ได้ตอบรับโปรเจ็คพิเศษที่จะทำร่วมกับโมเดลลิ่งนายแบบแห่งหนึ่ง ทางนั้นติดต่อมาว่านายแบบหนุ่มระดับโลกที่มีเชื้อสายไทยแท้ ๆ อยากจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิด และอยากลองเปลี่ยนงานแนวใหม่ดูบ้าง จึงกลายมาเป็นคอนเซ็ปงานถ่ายแบบผสมทำเอ็มวีกับวงดนตรีป็อปร็อคของไทย...ได้ข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ มีหรือที่ทางค่ายจะปล่อยให้งานนี้หลุดมือไป

ประธานค่ายเลือกวงเหล้าของพวกเขาเป็นผู้ร่วมงานของทางฝั่งนั้น เพราะอยากจะดันให้วงน้องใหม่นี้เป็นกระแสมากขึ้น และทางโมเดลลิ่งก็ไม่ได้ขัด กลับบอกว่าตัวนายแบบหนุ่มถูกใจมากเสียด้วยซ้ำ จึงดีลงานกันได้อย่างง่ายดาย

หนึ่งเดือนของการเตรียมงานและการเข้าประชุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งไม่เคยมีใครได้เจอนายแบบคนนั้นเลย ทางโมเดลลิ่งอ้างว่าเจ้าตัวต้องการเวลาพักผ่อนก่อนกลับมาทำงานจริง และขอไม่เข้าร่วมการประชุมในทุกกรณี

ฟังดูแปลกอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครคิดต่อว่าอะไรเพราะเชื่อว่าคนที่เคยเป็นนายแบบดังระดับโลกย่อมมีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะไม่ทำให้งานพัง ดังนั้น...ทุกคนจึงจะได้เจอกับนายแบบหนุ่มในวันแถลงข่าวพร้อมกันกับสื่อมวลชน

สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือการที่ตลอดหนึ่งเดือนทางโมเดลลิ่งไม่เคยเอาภาพนายแบบคนนั้นมาให้ผู้ร่วมงานดูเลยสักครั้งเดียวเช่นกัน ด้วยคำขอจากตัวนายแบบปริศนาคนนั้นอีกนั่นล่ะ เจ้าตัวบอกว่าอยากให้เซอร์ไพรส์พร้อมกันในวันแถลงข่าว แต่จำเป็นต้องเซอร์ไพรส์พวกเขาด้วยไหมเนี่ย เหอ ๆ

สิ่งที่พวกเขารู้มีเพียงชื่อในวงการของอีกฝ่าย นายแบบหนุ่มคนนี้มีชื่อเรียกว่า ‘PAIN’ และผลงานของเขาก็มีแค่งานถ่ายแบบที่ไม่เห็นใบหน้าตรง ๆ เลยสักภาพ ส่วนใหญ่จะเห็นแค่เสี้ยวหน้า หรือต่อให้มองกล้องอยู่ก็จะมีพร็อพใช้บดบังใบหน้าอยู่ดี ราวกับอีกฝ่ายไม่อยากให้ใครได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ไม่เคยออกให้สัมภาษณ์กับสื่อไหนเป็นพิเศษ ทำก็แต่ถ่ายนิตยสารเท่านั้น...ซึ่งการปิดบังของเขากลับทำให้เขาดังมากอย่างไม่น่าเชื่อได้ยังไงก็ไม่รู้

เข้าทำนองความลึกลับคือเสน่ห์ล่ะมั้ง

แม้จะมีเรื่องแสนประหลาดสารพัดเรื่อง หากแต่สุดท้ายงานนี้ก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้…งานแถลงข่าวเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ของการร่วมงานกันครั้งแรก ระหว่างนักร้องวงน้องใหม่ที่ได้รับความนิยมหลังจากเปิดตัวได้เพียงหนึ่งเดือน กับนายแบบฝรั่งเศสเชื้อสายไทยแท้แสนลึกลับที่ไปโด่งดังยังต่างแดน

“อีกห้านาทีเริ่มงานแถลงข่าว วงเหล้าแสตนด์บายหลังเวทีครับ!”

แทงค์เดินรั้งท้ายออกจากห้องแต่งตัว พวกเขาทั้งสี่มารวมตัวเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งที่ด้านหลังเวที ขณะที่ด้านบนเวทีพิธีกรของงานครั้งนี้กำลังเกริ่นนำเข้าสู่จุดประสงค์หลักของงานแล้ว

“ทำไมไม่เห็นเจอนายแบบคนนั้นสักทีวะ?” คลาร์กเอ่ยถาม ชะเง้อหน้ามองหาคนที่เข้าข่ายนายแบบหนุ่มในตำนาน(?)แต่ก็ไม่เห็นคนที่เข้าเค้าเลยสักคน

“PAIN คงรออยู่ตรงไหนสักทีล่ะมั้ง” ฮัทตอบอย่างไม่ใส่นัก

“ไม่ใช่เทเราทิ้งนะเว้ย เตรียมงานเป็นเดือน ถ้าเทกันกูจะไปตั๊นหน้าให้” ปิดท้ายด้วยเนสที่เอ่ยอย่างเข่นเขี้ยว

“ขอเชิญพบกับ...วงเหล้าครับผม!!”

“กรี๊ดดดด!!!”

เสียงแฟนคลับของพวกเขาที่มาร่วมงานแถลงข่าวดังขึ้น แทงค์เดินตามหลังเพื่อนทั้งสามจนมายืนเรียงหน้ากระดานอยู่กลางเวที...ชายหนุ่มโบกมือทักทายกล้องของสื่อมวลชนและแฟนคลับที่มาให้กำลังใจกัน

“และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ต่อไปขอเชิญพบกับนายแบบหนุ่มผู้เป็นปริศนาของเราเลยดีกว่านะครับ บอกไว้ก่อนว่าคนนี้เป็นหนุ่มไทยแท้ ๆ ที่ไปโด่งดังถึงประเทศฝรั่งเศส ส่วนที่บอกว่าเป็นปริศนา เพราะเขาเป็นนายแบบที่ไม่เคยเปิดเผยหน้าตาของตัวเองเลยสักครั้งไม่ว่าจะถ่ายนิตยสารเล่มไหน ไม่ออกสื่อให้สัมภาษณ์ด้วยนะครับ แหม่ ลึกลับจริง ๆ” พิธีกรหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงติดจะตื่นเต้นอย่างจริงใจ งานนี้เซอร์ไพรส์ทุกคนจริง ๆ นะ เพราะนอกจากโมเดลลิ่งของ PAIN ก็ไม่มีใครเคยเห็นเขาคนนี้มาก่อน ไม่เว้นแม้แต่พิธีกรของงาน “ขอเชิญพบกับคุณ PAIN! หรือคุณภูตลาได้เลยครับ!!!”

“!!!”

ชื่อของคนที่ติดอยู่ในความทรงจำมาตลอดสามปีดังกระทบโสตประสาทของแทงค์ พร้อมกับร่างสูงสง่าที่ก้าวเข้ามาจากทางหน้างาน ผ่านแฟนคลับที่กำลังมองด้วยความอึ้งตะลึง ผ่านนักข่าวที่รัวชัตเตอร์จนแสงแฟลชสาดกระจาย ก่อนชายหนุ่มผู้เป็นนายแบบดังจากฝรั่งเศสคนดังกล่าวจะก้าวขึ้นมาบนเวที

...หากแต่นัยน์ตาสีรัตติกาลคู่นั้นกลับไม่ได้มองใครอื่น แต่กำลังมองมาที่แทงค์

เด็กหนุ่มที่ตอนนี้ต้องเรียกว่าชายหนุ่มเต็มตัวรู้สึกชาไปหมดทั้งร่าง หัวสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเพื่อน ๆ กำลังพูดอะไรกับเขาอยู่บ้าง รู้ตัวอีกทีพวกมันก็ดึงเขาให้เดินออกไปยืนเผชิญหน้ากับร่างสูงใหญ่ของนายแบบหนุ่มแล้ว

ดวงตาสีนิลสวยมองสบนัยน์ตาคู่คมสีรัตติกาล ตะลึงงันจนร่างทั้งร่างแข็งทื่อไปหมด

เสียงรองเท้าราคาแพงกระทบพื้นเป็นจังหวะ แล้วในที่สุดผู้เป็นเจ้าของมันก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าแทงค์ เรียวปากบนใบหน้าแสนหล่อเหลาที่ยังคงคมคร้ามไปด้วยหนวดเคราบาง ๆ ยกยิ้มอ่อนหวานมาให้

รอบด้านเงียบเสียงลง แม้แต่นักข่าวก็หยุดมือที่กำลังลั่นชัตเตอร์ราวกับโดนสั่งให้หยุดถ่ายพร้อมกัน...แทงค์เบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น และได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ ในใจว่าเขากำลังฝันไปหรือเปล่า

หากแต่ความอบอุ่นของฝ่ามือใหญ่ที่แนบลงบนแก้มซ้ายคือคำตอบว่าเขาไม่ได้ฝัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่เฝ้าคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจตลอดสามปีเอื้อนเอ่ยคำพูดที่เขาทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ เพราะก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่คอจนไม่อาจอ้าปากตอบอะไรออกไปได้

ดวงตาของเขาร้อนผ่าว ก่อนกลั่นเป็นหยดน้ำใสคลอหน่วยดวงตาจนบดบังภาพเบื้องหน้าให้พร่าเลือน

“จำวันนั้นได้ไหม ที่นายถามฉันว่ารักนายหรือเปล่า แต่ฉันตอบไปแค่คำว่า ‘อืม’ เท่านั้น”

แทงค์พยักหน้ารับหลายทีแบบที่คนถามต้องหัวเราะออกมากับท่าทางของเขา ยิ่งเมื่อดวงตาเรียวเริ่มแดงและพร้อมที่จะปล่อยหยาดน้ำตาลงมาได้ทุกเมื่อ ใบหน้านี้ก็ยิ่งน่ารักขึ้นไปอีกในสายตาของนายแบบหนุ่ม

“วันนี้ฉันจะมาตอบคำถามนั้นใหม่”

“...” ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีเม้มปากเข้าหากันแน่น

“ถามฉันอีกครั้งสิแทงค์”

แทงค์ปล่อยให้น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากดวงตา เอียงหน้าซบแก้มกับมือหนาที่กำลังลูบปลายนิ้วเช็ดน้ำตาของเขาอย่างแผ่วเบา เสียงนุ่มสั่นเครือยามเอ่ยถามตามที่อีกฝ่ายเรียกร้อง...คำถามที่เขาเคยถามเมื่อครั้งที่จากกัน

“รักผมมั้ย”

...และคำตอบก็มาพร้อมกับจุมพิตหวานซึ่งประทับลงบนริมฝีปาก

“ฉันรักนาย”

 

[THE END]



__________

จบแล้วค่ะ ฮาเลลูย่า! ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้ว และดีใจด้วยนะคะกับคนที่เดาถูก 555 ท่านเจ้าที่หายไป 3 ปีค่ะ หายไปเป็นนายแบบชื่อดังถึงฝรั่งเศษแหน่ะ เป็นไงล่ะ หรูหราไฮโซไหม มีชื่อในวงการว่า Pain ที่แปลว่าความเจ็บปวดค่ะ เพราะการจากลากับคนที่รัก สำหรับเขาคือความเจ็บปวด

ไม่มีอะไรจะทอล์คแล้ว ดังนั้นจึงขอใช้พื้นที่ในส่วนท้ายนี้เพื่อขอบคุณค่ะ ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนจบ ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ที่เป็นดั่งกำลังใจสำคัญของเรา ขอบคุณที่ให้ความสนใจและเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ และขอบคุณที่ยอมบาปไปด้วยกันกับเราค่ะ 55555 แค่ได้เห็นว่ามีคนอ่าน เราก็สุขใจมากที่สุดแล้วค่ะ

การเขียนนิยายเรื่องหนึ่งให้จบเป็นเรื่องยาก แต่การได้รับความสนใจจากนักอ่านมากมายนั้นยากกว่า เพราะฉะนั้นจึงต้องขอบคุณนักอ่านจริงๆ ที่ทำให้นักอยากจะเขียนคนนี้ได้รับโอกาสในการสร้างสรรค์เรื่องราวร้อยเข้าด้วยกันเป็นนิยายเรื่องนี้จนจบบริบูรณ์ และหวังว่าจะยังได้รับโอกาสในการรังสรรค์นิยายเรื่องใหม่ต่อไปนะคะ รักทุกคนมากๆๆๆๆ เลยค่ะ :)

สำหรับตอนพิเศษจะมีลงเว็บทั้งหมดสามตอนอย่างที่เคยบอกไปในทอล์คพิเศษ อดใจรอกันหน่อยนะคะ แล้วพบกันไม่ช้าก็เร็วนี้ค่ะ 555 หลังจากนี้จะเริ่มอัพนิยายเรื่องใหม่ ซึ่งก็คือเรื่อง Worthless ของตาย หากใครสนใจอย่าลืมไปติดตามกันด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 31-10-2017 00:30:50
งงว่าไหนบอกกลับไปเกิดแล้วมาได้ยังไงแล้วหายไปไหน 3 ปี แล้วจูบกันกลางงานแบบนั้นยังไง งง คะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-10-2017 00:46:57
 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 31-10-2017 01:50:45
 :pig4: :pig4: :pig4:  สนุกมากค่ะจริงๆเราคิดไว้แล้วว่าน่าจะออกมาเป็นแแบบนี้แบบอยู่ๆท่านเจ้าที่ก็กลับมาแต่กลับมาในรูปแบบของคนจากที่บอกว่าไปเกิดนะไม่ได้กลับไปเกิดเป็นเบบี่แต่กลับมาในร่างชายหนุ่มแทน
ที่เราคิดไว้คือมีร่างของท่านเจ้าที่ในร่างมนุษย์เพียงแต่ร่างนั้นอาจนอนเป็นผักที่ไหนแล้วพอท่านเจ้าที่ที่เป็นเทวดามาเกิดคือท่านแค่กลับมาในร่างมนุษย์แค่นั้น อิอิ ไม่รู้เดาไปถูกไหมนะค่ะ
     แต่จะให้ดีรอนักเขียนมาอธิบายจะดีมากค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-10-2017 02:08:36
จากกัน 3 ปี พบกันที่กลางงาน มีทั้งเพื่อนร่วมวง มีทั้งแฟนคลับ มีทั้งนักข่าว แต่คุยกัน จูบกัน 2 คน หวังว่าตอนพิเศษคงมีเหตุการณ์หลังจากนี้ให้ได้อ่านนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 31-10-2017 02:55:08
กลับมาเจอกันแล้วเปิดตัวแบบนี้
อยากรู้เหตุการณ์ต่อไปเลยค่ะ
ช้อคกันเลยมั้ยทั้งนักข่าวทั้งแฟนคลับ
อยากรู้ว่าพี่ภูทำอะไรบ้างในช่วง3ปี
แล้วทำไมถึงต้องรอตั้ง3ปีถึงจะมาหาน้อง
ชอบเรื่องนี้มากกกก ถึงตอนอ่านจะรู้สึกว่าบาปหน่อยๆก้เถอะ
แต่ก้ยอมก้ได้ ถ้าเจ้าที่จะหล่อละมุนอบอุ่นขนาดนี้
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
รอตอนพิเศษค่าาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune_Mizu ที่ 31-10-2017 04:16:49
รอตอนพิเศษ ขอncเยอะๆนะ :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 31-10-2017 07:55:56
จบแบบ งงๆ ขอตอนพิเศษด้วยน้าาา  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 31-10-2017 09:18:31
ถึงจะมาแบบงงๆ แต่ก็น่ารัก แหมะ ข้ารักเอ็ง โอ๊ยสลบคาขอบเวทีจ้า  :katai2-1:
รอผลงานชิ้นต่อไป  :mew1:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-10-2017 11:22:50
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 31-10-2017 12:13:23
รอตอนพิเศษน้า อยากรู้ช่วงที่ท่านภูหายไป แล้วตอนกลับมา ตอนแรกเราแอบกลัวว่าถ้ามาเกิดใหม่เป็นมนุษย์แล้วจะจำแทงค์ไม่ได้ โชคดีที่ยังมีความทรงจำเดิมอยู่  แอบสงสัยมาก ตอนเจอกัน บอกรักและจูบ ท่ามกลางคนเยอะๆ ทั้งแฟนคลับ ทั้งนักข่าว มีอึ้งแน่ๆ เรื่องราวหลังเหตุการณ์นี้จะเป็นยังไงน้า
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-10-2017 13:52:21
รอตอนพิเศษนะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-10-2017 19:47:30
พลิกจากที่คาดไว้ ท่านเจ้าที่ไม่ได้เกิดใหม่ตามวัฎจักรของมนุษย์

ได้เจอกันแล้ว แต่ยังรู้สึกค้างๆ ชอบกล  :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 31-10-2017 20:15:13
ขอบคุณคนเขียนเช่นกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: บทส่งท้าย [30-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-10-2017 20:43:35
ขอบคุณค่ะ
ปล. รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 31-10-2017 22:33:46

Extra 1

ทุกอย่าง...เพื่อเรา

 

นายแบบลึกลับเปิดตัวครั้งแรก จูบปากกับมือกลองหนุ่มจากวงเหล้า ศิลปินหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้!!!

นายแบบดัง PAIN ประกบปากดูดดื่มกับศิลปินหน้าใหม่ค่าย PN Music กลางงานแถลงข่าวโปรเจ็กต์พิเศษ!

ตะลึงทั้งงาน! PAIN+แทงค์...นายแบบดังกับนักดนตรีหนุ่ม จูบกันท่ามกลางสื่อมวลชนและแฟนๆ มากมาย!!

หรือนี่คือการโปรโมตโปรเจ็คพิเศษของ PN Music และ YT Modelling!?

ร้อนแรงกลางงานแถลงข่าว PAIN แนบปากกับแทงค์ออกสื่อ!!

 

หนังสือพิมพ์และนิตยสารมากมาย ประโคมข่าวด้วยเรื่องเดียวกันมาตลอดสามวันหลังงานแถลงข่าวเปิดตัวโปรเจ็กต์พิเศษของค่ายเพลง PN และโมเดลลิ่ง YT จบลง

ผมนั่งจ้องกองนิตยสารและหนังสือพิมพ์สารพัดค่ายบนโต๊ะโดยไม่สบตาใครอยู่กลางโซฟาตัวใหญ่ โดยมีเพื่อนร่วมวงนั่งอยู่ข้างกัน ฝั่งขวามือของผมเป็นไอ้เนสกับไอ้คลาร์กที่กำลังยิ้มกว้าง ส่วนโซฟาเดี่ยวทางซ้ายมือของผมเป็นไอ้ฮัทนั่งคนเดียว...พวกมันยิ้มแล้วส่งสายตาล้อเลียนมาให้ผมเป็นระยะๆ

กูเครียดอยู่มึงไม่เครียดกันเลยหรือไงวะ!? ยังมีหน้ามายิ้มล้อกูอี๊ก!!

ด้านตรงข้ามของพวกเราคือโต๊ะทำงานของประธานค่ายที่กำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาเข้มขึง โดยมีผู้ช่วยคนสนิทยืนอยู่ไม่ห่าง ขณะที่พี่ว่านผู้จัดการวงของพวกผมนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวทางขวามือตรงข้ามไอ้ฮัท สีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน

ผมถอนหายใจ เอนหลังพิงพนักโซฟา เงยหน้ามองท่านประธานแล้วเอ่ยออกไปได้แค่ว่า “ขอโทษครับที่ทำให้วุ่นวาย”

ทุกคนในห้องหันมามองผมเป็นตาเดียว พี่ว่านถอนหายใจก่อนจะเปิดปากถามผมด้วยคำถามที่ผมรู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงไม่ช้าก็เร็วต้องโดนถามแบบนี้

“นายรู้จักกับ PAIN งั้นเหรอแทงค์?”

ผมนิ่งไปนิด แต่สุดท้ายก็ตอบ “ถ้าหมายถึงนายแบบดังจากฝรั่งเศสที่ชื่อ PAIN ผมคงไม่รู้จักหรอกครับ แต่ถ้าหมายถึงพี่ภูล่ะก็...ใช่ครับ ผมรู้จักเขา”

“แล้วนายเป็นอะไรกับเขา” เสียงของท่านประธานดังขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พวกเราเข้ามาในห้องทำงานของเขา

ผมเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย ไม่คิดหลบหลีกสายตาแต่อย่างใด...ไม่มีอะไรที่ผมต้องปิดบังหรือหวาดกลัว หากปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผม ผมก็พร้อมจะเผชิญหน้ากับมันและหาทางแก้ไข แต่กระนั้นคำถามของท่านประธานก็ทำให้ผมไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกันแฮะ

แน่นอน...ผมกับพี่ภู ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานถึงสามปี แต่ความรู้สึกรักที่ผมมีต่อเขาก็ไม่เคยหายไป ผมยังคงคิดถึงเขาอยู่เสมอ และคำรักที่เขากระซิบบอกผมในงานแถลงข่าววันนั้น ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเรารักกัน

เรายังรักกันไม่เคยเปลี่ยน

ถึงจะมั่นใจ แต่จะให้ผมตอบไปว่าเป็นแฟนกันมันก็จะดูแปลกๆ ในสายตาของพวกเขาหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจเลยจริงๆ เพราะถึงทุกคนในที่นี้จะรู้ว่าผมเป็นเกย์ แต่คนอื่นๆ ไม่ว่าจะสื่อมวลชนหรือแฟนคลับ...พวกเขาไม่รู้

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูทำให้ผมหยุดชะงักในทุกๆ ความคิดที่วิ่งวนอยู่ในหัว วินาทีต่อมาเลขาฯ ของท่านประธานก็เข้ามาในห้องพร้อมกับแขกที่นัดกันไว้ในวันนี้

ผู้ชายที่ผมเฝ้าคิดถึงย่างเท้าตรงมาหาผม ก่อนจะนั่งลงบนที่วางแขนแล้วโน้มหน้าลงจูบที่หน้าผากของผมโดยไม่สนใจว่าใครจะมองอยู่บ้าง...ผละออกไปได้ก็ส่งยิ้มละมุนมาให้อีกหนึ่งดอก เล่นเอาผมอดยิ้มตามไม่ได้

ผมสบตาเขาเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปตอบคำถามท่านประธาน “เราเป็นแฟนกันครับ”

“แฟน!?!” นอกจากเพื่อนของผมกับผู้จัดการส่วนตัวของพี่ภูแล้ว ทุกคนในห้องล้วนอุทานออกมาดังลั่นด้วยประโยคเดียวกันประหนึ่งนัดกันไว้

“ทำไมนายไม่เคยบอกพี่ว่ามีแฟนล่ะ!?” พี่ว่านเบิกตาโตร้องถาม

“คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่” แต่ท่านประธานกลับคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีแล้วกลับมาถามด้วยเสียงสุขุมเรียบนิ่งเช่นเดิม

เป็นอีกครั้งที่ผมถอนหายใจ ไม่รู้จะตอบยังไงออกไปดี...จะให้บอกว่าผมกับพี่ภูรักกันตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน ตอนที่พี่ภูยังเป็นพระภูมิเจ้าที่ในศาลที่บ้านของผมงั้นเหรอ? นั่นก็ไม่ใช่คำตอบที่ตอบไปแล้วใครจะเชื่อได้นะครับ เหอๆ

แล้วในตอนที่ผมกำลังจนตรอกหาทางออกไม่ได้ คนที่โอบไหล่ผมเอาไว้หลวมๆ ก็เป็นฝ่ายตอบแทนผม

“เรารู้จักกันตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน ผมเคยย้ายไปอยู่ข้างบ้านของแทงค์ พอคบกันได้พักหนึ่งผมก็ต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศเพื่อไปเป็นนายแบบ” ร่างสูงหยุดพูดเล็กน้อยเพื่อดูท่าทีของทุกคน ก่อนจะว่าต่อ “เราไม่เคยพูดออกมาว่าเลิกกัน เพราะแน่นอนอยู่แล้ว ทั้งผมและแทงค์ไม่คิดจะเลิกกัน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้บอกใครว่ายังคงคบกันอยู่”

“แต่ผมไม่เคยเห็นแทงค์ติดต่อกับคุณเลยนะ พวกเพื่อนๆ ของเขาก็ไม่เคยพูดถึงคุณเลยสักครั้งด้วย” พี่ว่านยังคงถามอย่างไม่เข้าใจ

พี่ภูก้มลงสบตาผม ขยิบตาให้แบบที่ผมมองว่ามันโคตรเท่เลย ก่อนจะหันกลับไปตอบคำถามอีกครั้ง “เพราะเราไม่ได้ติดต่อกันเลยน่ะสิครับ”

“หา?”

“พวกเราตกลงกันไว้น่ะครับ ว่าถ้าไม่ประสบความสำเร็จในการเดินทางตามความฝันของตัวเอง เราจะไม่ติดต่อกันหรือกลับมาเจอกันเด็ดขาด”

ผมนิ่งอึ้ง...โอ้โห! โกหกได้เป็นเรื่องเป็นราวยิ่งใหญ่มาก นี่มันอดีตพระภูมิเจ้าที่จริงเปล่าวะเนี่ย! ทำไมพูดเรื่องไม่จริงได้ลื่นไหลขนาดนี้วะ ไม่กลัวแต้มบาปจะพุ่งเลยเหรอเฮ้ย!!

“ผมไปทำงานที่ฝรั่งเศสจนได้เป็นนายแบบดัง แต่ไม่เคยเปิดเผยหน้าตาจริงๆ ของตัวเองเพราะไม่อยากให้ใครจำได้ จะว่าขายแต่ร่างกายมากกว่าหน้าตาก็ไม่ผิดนักหรอกครับ การเป็นนายแบบดังแสนลึกลับก็น่าตื่นเต้นดีไม่หยอกนะ หึๆ” พี่ภูพูดติดตลก ขยิบตาให้ทุกคน “พอผมเห็นข่าวว่าแทงค์ได้เป็นศิลปินแล้ว ผมก็เลยเดินทางกลับไทยทันที่ที่หมดสัญญากับทางเอเจนซี่ที่นั่น มาเซ็นสัญญากับทาง YT Modelling ก่อนจะยื่นข้อเสนอกับต้นสังกัดว่าผมอยากจะถ่ายแบบเปิดตัวครั้งแรกในไทยด้วยคอนเซ็ปอะไรก็ได้ แต่ต้องได้ร่วมงานกับ...วงเหล้า”

แปะๆๆๆ

พวกเพื่อนของผมพากันปรบมือแปะๆ สีหน้าพวกมันมีความทึ่งและชื่นชมอย่างมาก...อะไรของพวกมันวะ?

“พี่แม่งโคตรเท่เลยว่ะ! ไม่เจอกันสามปีแต่ยังเท่ไม่เปลี่ยนเลย”

“โคตรเจ๋ง ไอ้แทงค์ก็ไม่เคยบอกว่ายังคบกับพี่อยู่ เห็นมันบอกว่าพี่ไปแล้วผมก็คิดว่าเลิกกัน ไอ้ห่า มึงหลอกกูเนียนเลยนะไอ้แทงค์!”

“กูหลอกอะไร ก็เขาไปแล้วกูก็พูดความจริงป่ะวะ?” ผมเถียงไอ้เนสกับไอ้คลาร์ก ผมไม่เคยโกหกอะไรเลยนะครับ ไปแล้วก็คือไปแล้ว ท่านเจ้าที่ก็ไปจริงๆ นี่...แต่ที่ผมรู้คือไปเกิดใหม่นะ ไม่รู้ทำไมกลับมาอีกทีถึงกลายเป็นนายแบบดังไปได้

“แต่มึงไม่เคยเล่าไงว่าเขาไปไหน มึงตกลงอะไรกับเขาเอาไว้บ้างก็ไม่เคยพูด ไอ้เพื่อนใจบาป! ไม่ยอมขยายให้พวกกูเสือกเลย!” ไอ้เนสชี้หน้าด่าผมเป็นจริงเป็นจังมาก ขณะที่ไอ้คลาร์กก็เสริมแฟนมันอีกว่า

“เออ เงียบกริบเลยสัด ตอนนั้นเห็นเศร้าๆ พวกกูเลยคิดว่าเลิกกัน ที่ไหนได้”

ผมกลอกตาใส่พวกมัน...คือกูจะบอกได้ไงอ่ะ ก็เรื่องที่พวกมึงเพิ่งได้ฟังเนี่ยมันเรื่องโกหกด้นสดของไอ้พี่ภูเว้ย! กู-ไม่-รู้-เรื่อง-!

ไอ้ฮัทหัวเราะเบาๆ ผมหันไปมองมัน “ดีใจด้วยที่ในที่สุดก็ได้กลับมาเจอกัน”

อ่า...แค่ประโยคเดียวของมันทำให้ผมตื้นตันไปหมดเลยว่ะครับ

“ขอบใจมึง”

“สรุปว่านายสองคนเป็นคนรักกันมาสามปีแล้วสินะ” ท่านประธานพูดขึ้น หลังจากมองความวุ่นวายของพวกเราอยู่พักหนึ่ง ผมสบตาอีกฝ่ายแล้วตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงเพียงคำเดียวว่า...

“ครับ”

ผมใจเต้นแรงขึ้นมาในทันที รู้สึกกดดันอย่างน่าประหลาดทั้งๆ ที่ท่านประธานก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ สมองคิดสะระตะไปแล้วว่าอาจจะโดนสั่งให้เลิกกันบ้างล่ะ อาจจะโดนจับแยกไม่ให้เจอกันบ้างล่ะ และอีกสารพัดเหตุการณ์หลายๆ แบบที่อาจทำให้ผมกับพี่ภูไม่สามารถอยู่ด้วยกันหรือรักกันได้อีกบ้างล่ะ ซึ่งไม่ว่าวิธีไหน ผมก็ทนไม่ได้ทั้งนั้น แค่คิดผมก็ใจหายแล้วครับ

ผมเฝ้าคิดถึงเขามาตลอดสามปี คิดถึงทุกห้วงคำนึง คิดถึงทุกลมหายใจ แม้ไม่รู้ว่าเขากลับมาได้ยังไง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ข้างๆ ผมได้ แต่ผมก็ไม่อยากจะแยกจากเขาอีกแล้วครับ...ผมไม่อยากต้องพรากจากคนที่รักอีกแล้ว

ดูเหมือนเขาก็คิดเหมือนผม เพราะร่างสูงดึงผมเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมเพื่อโอบผมไว้จนใบหน้าด้านข้างของผมแนบกับแผ่นอกแกร่ง เสียงหัวใจของเขาเต้นแรง มันดังจนสัมผัสได้ และนั่นทำให้ผมรู้ว่าไม่ได้มีแค่ผมที่กังวล...

“ถ้าฉันขอให้พวกนายเลิกกันล่ะ?”

คนที่เหลือร้องเฮ้ยด้วยความตกใจ แต่ผมกับพี่ภูยังคงนิ่ง เราสองคนสบตากัน ยิ้มให้กัน แล้วหันไปตอบคำถามนั้น

“งั้นผมก็คงต้องขอปฏิเสธ ต่อให้ประธานยกเลิกสัญญาการเป็นศิลปินของผม ผมก็พร้อมรับการตัดสินใจของท่าน แต่ผมจะไม่ยอมทิ้งคนที่ผมรักแน่นอนครับ”

“อืม ผมก็เหมือนกัน ต่อให้ต้องทิ้งทุกอย่าง ผมก็จะไม่ยอมแยกห่างจากแทงค์อีกแล้ว” พี่ภูเองก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นดุจเดียวกัน

พอได้ยินคำตอบของเราสองคน ท่านประธานก็เหมือนจะเครียดขึ้นกว่าเดิม หากแต่สุดท้ายเขากลับกล่าวสิ่งที่ทำให้ทั้งผมและพี่ภู...ไม่สิ ทำให้ทุกคนในห้องนี้เลยต่างหาก ตกตะลึงไปตามๆ กัน

“เฮ้อ ฉันคงห้ามพวกนายไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็จัดงานแถลงข่าวชี้แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนให้เรียบร้อยแล้วกัน ฝากด้วยนะ” เขาหันไปบอกกับผู้ช่วยและเลขาฯ ก่อนจะหันมาพูดกับผู้จัดการส่วนตัวของพี่ภู “ทางโมเดลลิ่งของคุณจะว่าอะไรไหมครับ กับการตัดสินใจของทางเรา”

“ไม่ค่ะ ทางเราได้มีการคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว และเราให้อิสระกับ PAIN มากพอที่จะไม่ขัดขวางความรักของเขาค่ะ” ผู้จัดการของพี่ภูยิ้มให้ผม “ยินดีด้วยนะที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง”

“ขอบคุณครับ” ผมตอบเสียงเบา รู้สึกหน้าร้อนๆ ขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่มีอะไรให้น่าเขินอายเลยสักนิด

“ส่วนเรื่องงานแถลงข่าว ดิฉันจะแจ้งให้ทางโมเดลลิ่งทราบ และจะประสานงานกับทางคุณนะคะ”

“ครับ รบกวนด้วยนะครับ”

__________

งานแถลงข่าวจัดขึ้นหลังจากนั้นหนึ่งวัน เป็นงานด่วนที่เล่นเอาทีมงานหัวหมุนกันไปหมด ส่วนนักข่าวก็แทบฝีเท้าลุกเป็นไฟ เดาว่าพวกเขาต้องปรับตารางงานกันให้วุ่นวายเป็นแน่ เพราะข่าวของผมก็ดังไม่ใช่เล่นนี่นะ

ไม่ได้ดังเพราะผมหรอกนะผมว่า แต่มันดังเพราะคนที่เป็นข่าวกับผมคือท่านเจ้าที่ เอ๊ย พี่ภูมากกว่า ก็อีกฝ่ายเป็นถึงนายแบบระดับโลกเลยนี่หว่า...อ่า ให้ตายสิ จะว่าไปทำไมผมยังติดเรียกเขาว่าท่านเจ้าที่อีกล่ะเนี่ย ผ่านมาก็สามปีแล้ว หรือมันเป็นเพราะความเคยชินยังตกค้างอยู่?

หมับ

แรงกอดจากด้านหลังพร้อมกับวงแขนแกร่งที่โอบกระชับรอบเอวทำให้ผมต้องหยุดคิดแล้วหันไปมองคนกอด...ใบหน้าของเราใกล้ชิดกันจนปลายจมูกแตะกันเบาๆ

“ตื่นเต้นไหม?” พี่ภูถามผม เรียวปากบางยิ้มให้ผม ใบหน้าคมคร้ามยังคงมีไรหนวดขึ้นรำไรเหมือนเช่นครั้งสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกัน เขายังเหมือนเดิมแทบทุกอย่าง...แทบทุกอย่างเลยจริงๆ

“นิดหน่อย พี่ล่ะ”

“ไม่ตื่นเต้นสักนิด ฮ่าๆ”

“แหงสิ ก็พี่เป็นถึงนายแบบดังของฝรั่งเศสนี่ แค่งานแถลงข่าวคงเป็นเรื่องกล้วยๆ ใช่ไหมล่ะ” ผมแกล้งเย้าแหย่ ปัดป่ายปลายจมูกของผมกับปลายจมูกของเขาเป็นเชิงหยอกล้อ

เขาจุ๊บเบาๆ ที่ปากของผม แล้วเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “ไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมพี่ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”

...แถมยังเป็นการเปลี่ยนเรื่องที่ทำให้ผมชะงักงันเสียด้วย

ผมพยักหน้ารับว่าเป็นเชิงบอกว่าอยากรู้สิ ก่อนจะรัวคำถามใส่ไม่ยั้ง เพราะนับตั้งแต่งานแถลงข่าว วันนี้เป็นวันแรกที่เราได้มาเจอกัน...สามวันที่ผ่านมาเราต่างฝ่ายต่างโดนต้นสังกัดสั่งให้อยู่กับที่ห้ามไปไหน แถมยังไม่ให้ติดต่อกันอีกต่างหาก

“พี่บอกว่าไปเกิดใหม่ ผมเข้าใจมาตลอดว่าพี่ต้องไปเกิดเป็นเบบี๋ร้องอ้อแอ้ และคงจำอะไรเกี่ยวกับเรื่องของเราไม่ได้เลยสักอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นผมปลงแล้วด้วยซ้ำว่าเราคงไม่มีทางได้เจอกันอีก แล้วทำไมพี่ถึงยังจำเรื่องระหว่างเราได้ล่ะ? ทำไมถึงกลายเป็นนายแบบดัง? พี่ไม่ได้ไปเกิดใหม่เหรอ? แล้วตอนนี้พี่เป็นอะไร? มนุษย์ธรรมดาหรือยังเป็นเทวดาอารักษ์อยู่? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? สามปีที่ผ่านมาพี่หายไปไหน?”

“ว้าว!!” พี่ภูแสร้งทำตาโตมองหน้าผม ร้องว้าวด้วยสีหน้ากวนส้นซะไม่มีจนผมต้องต่อยเข้าที่แขนเขาเต็มแรง แถมด้วยการงับปลายจมูกของเขาอีกทีด้วย เล่นเอาร่างสูงร้องเสียงหลงเพราะความเจ็บ “โอ๊ย! กัดพี่ทำไมเนี่ย”

“ก็พี่อยากมากวนตีนผมทำไมเล่า” ผมมองเขาที่ผละใบหน้าถอยออกไปเพื่อลูบปลายจมูกตัวเอง ก่อนสุดท้ายจะเป็นผมนี่แหล่ะที่หมุนตัวไปหาเขาแล้วปัดมือหนาออก เป็นฝ่ายลูบรอยฟันเล็กๆ ที่เกิดจากที่ผมทำแทนเขาเพื่อปลอบโยน

พี่ภูมองผมด้วยสายตาเป็นประกายสดใส เล่นเอาผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียเฉยๆ แต่ผมก็แกล้งทำเป็นนิ่ง ถามย้ำ “ตกลงจะตอบไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“ฮะๆ ตอบสิ” เขาสวมกอดผมอีกครั้ง แนบหน้าผากตัวเองลงบนหน้าผากของผม...เราสบตากันในระยะประชิด “รู้ไหมว่าคนที่ตกหลุมรักก่อนก็คือพี่”

“หือ?!”

“พี่รักนายก่อนที่นายจะรักพี่เสียอีก ตอนนั้นก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่ารักนายเข้าตอนไหน รู้ตัวอีกทีพี่ก็ลงทุนลงแรงทำทุกทางเพื่อให้ได้กลับมาหานายอีกครั้ง และพี่ก็ทำสำเร็จ”

“ทะ ทำยังไง” ผมถามเสียงสั่นด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“ตอนนั้นพี่ใกล้จะไปเกิดใช่ไหมล่ะ ปกติแล้วเทวดาที่ไปเกิดใหม่ก็จะได้เกิดเป็นทารกน้อยๆ และโดนลบความทรงจำทุกคนนั่นล่ะ แต่พี่ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น พี่ไม่อยากลืมนาย ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ก็เกิดเรื่องขึ้นบนสวรรค์พอดี”

“...”

“เคยเล่าใช่ไหมว่าบนสวรรค์ คนที่มีตำแหน่งมหาเทพกับรองมหาเทพเท่านั้นที่จะมีอายุขัยการเป็นเทวดาแบบไร้ขีดจำกัด และเพราะอยู่มานาน บางครั้งพวกเขาก็มักจะแก้เบื่อด้วยการเล่นสนุกไปเรื่อย แต่การเล่นสนุกครั้งล่าสุดของพวกเขาก่อให้เกิดความผิดพลาด”

“อ่า...ฮะ” ผมตอบรับว่าเข้าใจ สมองก็คิดตามไปด้วย

“นายยังติดต่อกับเพื่อนของนายที่ชื่อไวท์กับธีร์บ้างหรือเปล่า?”

“ก็ยังติดต่อกันอยู่ เมื่อไม่นานมานี้ก็ไปกินเหล้าด้วยกันมา พี่ถามทำไมเหรอ?” ผมนึกไปถึงเมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อนได้มั้งที่ผมเจอกับสองคนนั้น

พี่ภูจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผม ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพราะพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการได้มาเกิดเป็นมนุษย์โดนไม่โดนลบความทรงจำ และสามารถเลือกชีวิตใหม่ในแบบที่อยากจะเป็นของพี่ได้น่ะสิ”

“!!!” ผมเบิกตากว้าง เผลอหยุดหายใจกับสิ่งที่ได้ยิน เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้พี่ภูพูดว่าอะไรนะ? ไวท์กับธีร์น่ะเหรอ? สองคนนั้นเกี่ยวอะไรด้วย “ผมไม่เข้าใจ พวกเขาเกี่ยวอะไรกับการเกิดใหม่ของพี่ แล้วที่ว่าเลือกชีวิตใหม่ได้นั่นอีก มันหมายถึงอะไรครับ?”

“เทวดาที่ได้ไปเกิดใหม่ จะได้รับแต้มบุญที่สะสมเอาไว้ในตอนที่เป็นเทวดาติดตัวไปด้วย แต่พี่ยอมเอาแต้มบุญทั้งหมดของพี่ยกให้คนอื่น แลกกับการได้ไปเกิดใหม่ในร่างเดิมพร้อมความทรงจำเดิม” นายแบบหนุ่มสุดหล่อของผมหยุดพูดเล็กน้อยเพื่อรอให้ผมประมวลสิ่งที่ได้ยินให้ทัน พอเห็นผมรับคำในลำคอทั้งๆ ที่ยังงงๆ อยู่ เขาก็อธิบายต่ออีกว่า “แถมยังมีสิทธิ์เลือกได้ด้วยว่าจะเป็นมนุษย์แบบไหนบนโลกนี้ พี่ก็เลยเลือกเกิดเป็นนายแบบหนุ่มไทยแท้ที่หล่อโคตรๆ หึๆๆ”

“หะ...หา?” ผมเหวอ เบิกตาโตมองคนพูดด้วยไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน “เดี๋ยว แล้วทำไมต้องนายแบบ?”

พอได้ยินคำถามนี้ พี่ภูของผมก็เหมือนจะอดหัวเราะไม่ได้ เสียงทุ้มขลุกขลักกลั้วหัวเราะอยู่ในลำคอ ขณะตอบว่า “ไม่รู้สิ ก็แค่รู้สึกว่าควรเป็นนายแบบ ก็นะ...นายก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าพี่หุ่นดีขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เป็นถึงนายแบบระดับโลกหรอกนะ ต้องขอบคุณองค์มหาเทพที่ส่งพี่ไปลืมตาตื่นกลางคอนโดฯ หรูของกรุงปารีส พร้อมกับตัวตนที่ทุกคนรู้จักพี่ในชื่อว่าภูตลา เศวตสวัสดิ์ หรือ PAIN”

“นี่มันอเมซิ่งโคตรๆ เลยว่ะ” ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากประโยคนี้แล้วครับ อ๊ะ แต่ผมก็ยังมีอีกเรื่องที่สงสัยนะ “แล้วตกลงเรื่องที่ไวท์กับธีร์มีความเกี่ยวข้องกับการเลือกมาเกิดใหม่ของพี่น่ะ มันหมายความว่ายังไง บอกมานะ!”

“จะว่าเกี่ยวกับพวกเขาสองคนโดยตรงก็ไม่เชิงหรอก มันเกี่ยวกับเพื่อนของทั้งสองคนนั้นมากกว่า อ้อ ตอนนี้ไม่ใช่เพื่อนกันไปแล้วนี่”

“ใคร?” ผมขมวดคิ้วถาม แต่ก็นึกขึ้นได้เสียก่อนจึงโพล่งออกไป “อัศกับเอลเลียตเหรอ?”

“ใช่” พี่ภูพยักหน้ารับ “มีหลายอย่างเกิดขึ้น เป็นเรื่องของพวกเขาและพี่แค่เข้าไปช่วยเพื่อแลกกับสิ่งที่พี่ปรารถนา แต่อย่าถามเลยนะ เพราะพี่ตอบนายไม่ได้ มันเป็นข้อตกลงของพี่กับมหาเทพน่ะ ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนอกเหนือจากนี้ให้ใครรู้ คนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมดนอกจากเทพทั้งสวรรค์แล้ว ก็มีแค่ไวท์ อัศ ธีร์ และเอลเลียตเท่านั้น”

“แล้วถ้าผมไปถามพวกมันเอาเองล่ะ?” ผมหยั่งเชิงถาม...ถึงจะบอกว่าตัวเขาเองตอบไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเจ้าพวกนั้นที่เป็นคนเล่าล่ะ? มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า

ผมไม่ยอมหรอกนะ! อุตส่าห์รู้มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็ต้องได้รู้ทั้งหมดสิ! จะว่าผมขี้เสือกก็ได้ ยอมรับเหอะ!

“อืม กรณีนั้น...” ร่างสูงทำหน้าคิด ก่อนจะยิ้มกว้าง พูดกลั้วหัวเราะแล้วยกมือขยี้เส้นผมของผมอย่างรักใคร่ “ก็คงได้มั้ง เพราะมหาเทพไม่ได้ห้ามสี่คนนั้นนี่นะ...อ่า เขาพลาดเสียแล้ว ฮะๆๆ”

“โอเค งั้นเจอกันครั้งหน้าผมจะเค้นพวกมันให้หมดเปลือกเลย” ผมหมายมาด

“ฮ่าๆๆๆ จะอยากรู้อะไรขนาดนั้น”

“ต้องอยากรู้สิ เออ ยอมรับก็ได้ว่าส่วนหนึ่งก็อยากเสือก แต่อีกส่วนหนึ่ง...” ผมยกยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดให้กับคนที่ผมรักสุดหัวใจ “ผมอยากจะขอบคุณพวกเขาต่างหากที่ทำให้พี่ได้กลับมาหาผม”

“...”

“และผมอยากขอบคุณพี่ด้วย ที่ยอมเสียสละทิ้งแต้มบุญอะไรนั่นจนหมดเพื่อเลือกผม...คนธรรมดาที่ไม่ได้มีค่ามากมายอะไรคนนี้”

“ใครบอก นายมีค่าสำหรับพี่มากที่สุดต่างหากล่ะ” ร่างสูงเถียงผมกลับมา “นายทำให้พี่มีความสุข ทำให้พี่ได้รู้จักการรักใครคนหนึ่ง และต่อให้ต้องแลกอะไรอีกพี่ก็ยอม ขอแค่ได้ทำเพื่ออนาคตที่เราจะได้ก้าวเดินไปด้วยกันนับจากวันนี้เป็นต้นไปก็พอ”

“อื้ม ผมเองก็จะทำทุกอย่างเพื่ออนาคตหลังจากนี้ของเราสองคนเหมือนกัน”

เราแนบจุมพิตเข้าหากัน มอบจูบที่เป็นเหมือนคำสาบานกลางโบสถ์ของคู่แต่งงานชาวคริสต์ก็ไม่ปานให้แก่กัน...ผมโหยหาริมฝีปากนี้ ลมหายใจนี้ สัมผัสของปลายนิ้วที่ลูบแก้มผมอยู่นี้ ผมโหยหาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นผู้ชายคนนี้ คนที่ผมผูกพันทางใจยิ่งกว่าใครก็ตามบนโลกใบนี้...พี่ภูของผม

แชะ!

เราผละจูบออกจากกันพร้อมกับเสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้น...ผมหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะเจอเข้ากับเพื่อนร่วมวงทั้งสามคน ในมือไอ้คลาร์กมีโทรศัพท์ที่เป็นเจ้าของเสียงแชะเมื่อครู่ ส่วนในมือไอ้เนสมีสมาร์ทโฟนอีกเครื่องที่ยังคงจ่อมาที่ผมกับพี่ภู เดาว่ามันคงอัดวิดีโอเอาไว้

ไอ้ฉิบหาย แล้วมันอัดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย!

สีหน้าตื่นตระหนกของผมคงเป็นคำถามได้อย่างดี เพราะไอ้ฮัทที่ยืนดูอยู่เงียบๆ หัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบผม ทั้งที่ผมยังไม่ทันได้ถามด้วยซ้ำ

“มันเริ่มอัดคลิปตั้งแต่ตอนที่พี่ภูบอกว่ามึงมีค่าที่สุดสำหรับพี่เขาน่ะ หึๆๆๆ”

อะ ไอ้เหี้ย! ตอนนั้นมีแต่คำพูดน่าอายนะเว้ย!

“ถ่ายคลิปทำพ่อมึงเหรอไอ้สัดเนส! แล้วเมื่อกี้มึงถ่ายรูปอะไรไปไอ้เชี่ยคลาร์ก!!” ผมหันไปขึงตาถามไอ้ฝรั่งกับเมียมัน คนโดนด่าหัวเราะร่า มันหันหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังขึ้นหน้าอินสตาแกรมเอาไว้มาให้ผมดู และผมคงจะไม่ว่าอะไรหรอกครับ หากไม่ใช่เพราะรูปที่มันอัปโหลดลงไปเมื่อครู่...

คือรูปที่ผมกับพี่ภูเพิ่งถอนจูบออกจากกัน!!

หน้าผมกับร่างสูงนี่ยังแนบหน้าผากแตะปลายจมูกกันอยู่เลย ไอ้ฟ๊าคคค!!! ลงรูปแบบนั้นลงไปได้ยังง๊ายยย!! เดี๋ยวนักข่าวกับแฟนคลับก็ถล่มกันตายห่าหรอกไอ้คลาร์กกก!!!

ผมได้แต่ด่ามันในใจเพราะพูดไม่ออกครับ อ้าปากค้างอยู่เนี่ย! เวรๆๆ เดี๋ยวโดนพี่ว่านกับท่านประธานด่าอีกจะทำยังไงเล่า!?

“ฮ่าๆๆๆ เอาน่ามึง จะกลัวอะไรก็แค่เป็นข่าว แล้วก็แค่โดนด่า ทำอย่างกับพวกเราแคร์นักนี่” ไอ้เนสว่าพลางหัวเราะ แม้แต่ไอ้ฮัทเองยังพยักหน้าเห็นด้วย

“มึงบอกเองไม่ใช่เหรอไอ้แทงค์ ว่าการเป็นตัวของตัวเองและเปิดเผยคือการแสดงความจริงใจต่อแฟนคลับ การที่มึงมีแฟนแล้วพร้อมประกาศออกไป ก็ถือเป็นการแสดงความจริงใจอย่างนึงนะ ไม่คิดงั้นเหรอ?”

“แต่ก็ไม่ต้องเปิดเผยขนาดนี้ไหมเล่าไอ้พวกเวรรร!!” ผมโวยวาย แทบจะเข้าไปทึ้งหัวพวกมันทีละตัว หากยังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิด แขนของผมก็โดนดึงรั้งเอาไว้ก่อนด้วยมือแกร่งของพี่ภู

อีกฝ่ายเอ่ยบอกเสียงละมุนทั้งๆ ที่ยังยิ้มขำ “ไปกันเถอะ จวนจะได้เวลาแถลงข่าวแล้ว”

ชิ! ฝากไว้ก่อนก็ได้ ให้เสร็จงานก่อนเถอะ ผมจะไล่เตะพวกมันเรียงตัวจริงๆ ด้วย!!!

ส่วนตอนนี้...ขอผมไปเปิดตัวแฟนให้สาธารณะชนได้รับรู้ก่อนนะครับ อิอิ

“นี่แทงค์” ผมเลิกคิ้วเมื่อพี่ภูเรียกผม อีกฝ่ายระบายยิ้มบางแล้วว่าต่อ “ขอบคุณที่ยังรักกันนะ”

...ผมยิ้มกว้าง ตอบกลับไปด้วยคำพูดที่แทนทุกความรู้สึกในใจของผม

“ขอบคุณที่รักผมเหมือนกันครับ”

 


[FIN]





__________

ตอนพิเศษแรกมาอย่างไวซะงั้น หลังจากอ่านคอมเมนต์หลายๆ คนก็พบว่าทุกคนคาใจเนอะว่าทำไมท่านเจ้าที่กลับมาอีกทีก็กลายเป็นนายแบบไปซะงั้น ถึงกับงงกันเลยทีเดียว แต่ก็มีบางคนโอเคกับตอนจบ คือจริงๆ เราตั้งใจให้จบแบบนี้ เพราะมันคือการจบเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเราค่ะ และเราก็ตั้งใจจะอธิบายถึงเหตุการณ์ที่ต่อจากตอนจบด้วยตอนพิเศษอยู่แล้วด้วย ก็เลยไม่ได้ใส่มันลงไปในตอนจบของเรื่อง ถ้าทำให้งงต้องขอโทษด้วยค่ะ แต่วันนี้เอาตอนพิเศษมาเสิร์ฟแล้วเน้อ หวังว่าจะหายคาใจกันนะคะ

สำหรับตอนพิเศษอีกสองตอน คงอีกหลายวันนะคะ เพราะเรายังเขียนไม่ถึงไหนเลย 555 ดองเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ปและใครที่ขอ nc ของพี่ภูกับน้องแทงค์มา ไม่มีลงเว็บแล้วจ้าา ถ้าจะมีก็คงลงในเล่มนู่นแหล่ะ (หากไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็นะ...) ขอโทษด้วยค่ะที่ทำให้ผิดหวัง 55555 เธอจะหื่นเกินไปแล้ว ฉากแบบนั้นมันเขียนยากนะเฟ้ย นิดๆ หน่อยๆ ก็พอม้างงง ให้เขาไปรักกันลับๆ แล้วเราจิ้นกันเอาเองก็พอ ผ่าง! 555 เจอกันกับตอนพิเศษที่สองนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 31-10-2017 23:30:10
ฟินที่สุด พี่ภูโคตรหล่อเลยยย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-10-2017 23:47:18
 :katai2-1: o13 :katai2-1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-11-2017 00:20:15
พี่ภูคือละมุนนมากกก
ดีต่อใจจสุดดดอะ
หล่อจนอิจฉาแทงค์เลย555
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-11-2017 00:27:25
หรอ เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เข้าใจล่ะ  :m4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: kittvara ที่ 01-11-2017 00:52:12
 :o8: :-[ :o8:  :-[
 :mew1: :mew1:
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
อ่านไปลุ้นไป จะสมหวังกันไหมน้อ
สุดท้ายก็แฮปปี้กันถ้วนหน้า
มีร้องไห้ มีหัวเราะ ไปกับการอ่านเรื่องนี้
ขอให้มีผลงานดีๆ แบบนี้ต่อไปนะค่ะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 01-11-2017 01:08:30
ชอบเรืองนี้มากเป็นเรื่องที่อ่านแล้วน่ารักมากคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-11-2017 08:43:16
 :-[ :-[ :-[ :-[
พี่ภูเท่ห์อ่ะ ตอนแทงก์กำลังคุยกับประธานค่ายแล้วพี่ภูเข้ามานี่จิกหมอนเลยทีเดียว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 01-11-2017 09:04:40
ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 01-11-2017 11:19:10
จบแล้ว   :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-11-2017 13:00:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 01-11-2017 18:07:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-11-2017 18:14:50
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-11-2017 19:58:45
พอได้อ่านตอนพิเศษนี้จบแล้วถึงจะรู้สึกสมบูรณ์ ดีต่อใจจริงๆ   :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-11-2017 20:37:37
กรี๊ดดดดดดด ออกสื่อหนักมากอ่ะ >\\\\\<
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 01-11-2017 21:16:37
วะวะวะว้าวววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 1 [31-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-11-2017 01:29:44
งื้อท่านภูตลา ดีใจแทนแทงค์เลย  :mew1:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ กระจ่างเลยค่ะ 55 ท่านเจ้าที่ละมุนมากก
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 02-11-2017 23:51:02
Extra 2

รอยร้าวเล็กๆ ของความสัมพันธ์

[Hut’s Part]


ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยทะเลาะกับเพื่อน...ใช่ ผมคิดอย่างนั้น จะยกเว้นก็แต่คนที่ไม่มีเพื่อนนั่นล่ะนะ

มีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่ทำให้คนเราทะเลาะกันได้ ยิ่งกับเพื่อนที่แม้จะสนิทกันมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่คนในครอบครัวที่เมื่อทะเลาะกันแล้วจะหายโกรธกันได้ง่ายๆ

ผมเคยโกรธกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมต้น เหตุเพราะมันดันไปจีบผู้หญิงคนเดียวกันกับผม ทั้งๆ ที่มันก็รู้ว่าผมชอบเธอคนนั้นมากแค่ไหน หรือน้องสาวของผมเองก็เคยโกรธกับเพื่อนของตัวเองเพียงเพราะโดนเพื่อนเปิดกระโปรงในห้องเรียนสมัยประถม...เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องใหญ่โตมโหฬารอะไรก็แล้วแต่ ล้วนทำให้คนที่เป็นเพื่อนกันทะเลาะกันจนไม่คุยกันได้เสมอ หรือมองหน้ากันไม่ติดไปเลยก็มีด้วยซ้ำไป

และไม่ว่าจะเราจะอายุเท่าไหร่ การทะเลาะกับเพื่อนก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตลอด เหมือนกับตอนนี้...ผมที่อยู่ตรงกลางระหว่างเพื่อนสองฝั่งที่กำลังทะเลาะกัน บอกตรงๆ นะครับว่าผมไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ดี เฮ้อ!

ผมเป็นคนพูดน้อย แต่เหตุการณ์ทะเลาะกันครั้งใหญ่ของไอ้แทงค์กับไอ้คลาร์กและไอ้เนส มันทำให้ผมหนักใจฉิบหายจนกลายเป็นคนพูดมากเลยล่ะครับ

ผมเพิ่งวางสายจากไอ้แทงค์ ก่อนหน้านี้ผมได้เจอกับไอ้เนส ไอ้คลาร์กมา พวกมันบอกว่าจะไม่ขึ้นเล่นดนตรีที่ร้านพี่เฟิ่งจนกว่าจะหามือกลองคนใหม่ได้ และไม่ว่าผมจะโน้มน้าวพวกมันยังไง แต่แม่งก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ

เดิมทีผมก็คิดว่าพวกมันคงแค่โกรธแป๊บๆ ก็หาย กระนั้นจนถึงตอนนี้พวกมันก็ยังหน้าบึ้งตึงทุกครั้งที่ผมพยายามพูดถึงไอ้แทงค์และเรื่องที่มันได้รับความสนใจจากเอเจนซี่ค่ายเพลง...ความสำเร็จของเพื่อนย่อมน่ายินดีไม่ใช่หรือครับ แล้วทำไมพวกมันถึงได้โกรธล่ะ ทั้งๆ ที่ไอ้แทงค์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด

ผมไม่เข้าใจเลย และจนปัญญาจะแก้ไขเรื่องนี้ให้ผ่านไปได้จริงๆ ครับ

วันจันทร์ผมมาเรียนด้วยความรู้สึกหนักใจ ตอนเห็นไอ้แทงค์เดินเข้าห้องเรียนมาด้วยหน้าตาโทรมๆ ผมก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้ และมันคงไม่กล้ามานั่งกับผมเหมือนทุกทีด้วย เพราะผมนั่งอยู่กับพวกไอ้เนส มันก็เลยเลือกนั่งที่อีกมุมหนึ่งของห้อง...พอมันเหลือบๆ มามองทางพวกเรา ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยให้มัน ส่วนไอ้เนสไอ้คลาร์กนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ แม่งไม่สนใจจะมองเลยแม้แต่นิดเดียว

พวกเหี้ย ทำไมใจร้ายกับเพื่อนกันจังวะ ไอ้แทงค์มันไม่ได้ทำอะไรผิดนะเว้ย โกรธมันทำไมกันวะ!?

จนเวลาเลิกเรียนมาถึง ผมเดินตามหลังสองผัวเมียเพื่อออกจากห้องไปหาข้าวกลางวันกิน และครั้งนี้ผมตั้งใจว่าจะไปกับไอ้แทงค์...ผมไม่อยากปล่อยมันไว้คนเดียว เดี๋ยวมันจะคิดว่าไม่มีใครเข้าใจมัน เพราะในความเป็นจริงผมคนหนึ่งล่ะที่เข้าใจมัน

พอไอ้สองตัวนั้นออกจากห้องไปแล้ว ผมก็ตบปุลงไปที่ไหล่ไอ้แทงค์ ทำเอามันสะดุ้งโหยง พอมันหันมาสบตากัน ผมก็ออกปากชวน “ไปกินข้าวกัน”

ไอ้แทงค์ทำหน้าลังเลขณะพูดออกมาว่า “ถ้าไปกับพวกมึงกูไม่ไปหรอก เดี๋ยวพวกมันจะโกรธยิ่งกว่าเดิม”

“ไม่ แค่มึงกับกู” ผมส่ายหน้าปฏิเสธคำพูดของมัน และเพราะคำพูดของผมทำให้ไอ้แทงค์พยักหน้าให้

เราสองคนเลือกร้านอาหารตามสั่งหน้ามอ. สั่งของที่อยากกินเรียบร้อยผมก็ลอบมองสีหน้าของไอ้แทงค์ไปด้วย สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวต้องเอ่ยปากถามออกไป

“มึงโอเคป่ะ?”

“มึงถามก็แบบนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะ ฮะๆ” ไอ้แทงค์ชะงัก สบตากับผมพลางยิ้มนิดๆ แล้วยอมรับตามตรง “ก็ไม่ แต่ก็ไม่ได้แย่มากมายอะไร”

“กูรู้ว่าพวกมันดูงี่เง่านะเว้ยที่โกรธมึงในเรื่องแบบนี้ พวกมันเหมือน...” ผมชั่งใจ คิดว่าควรจะพูดดีไหม แต่เพราะความอึดอัดใจในความคิดตัวเอง สุดท้ายผมก็เผลอพูดออกไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรพูด เพราะมันดูไม่ดีเลยสักนิด “เหมือยคนที่เห็นเพื่อนได้ดีกว่าไม่ได้ แต่กูรู้นะเว้ยว่าพวกมันไม่ใช่คนแบบนั้น พวกมันก็คงแค่...”

ไอ้แทงค์เอ่ยแทรกผม “มึงอย่ากังวลเลย กูไม่คิดงั้นหรอก นี่มันเรื่องงี่เง่า และตอนนี้พวกมันกำลังไม่มีเหตุผล กูก็แค่ได้แต่รอว่าพวกมันจะมีเหตุผลเมื่อไหร่ก็เท่านั้น”

“เฮ้อ ทำไมพวกเราต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องแบบนี้ด้วยวะ” ผมถอนหายใจหนักๆ ไอ้แทงค์แค่หัวเราะแล้วบอกแค่ว่านั่นสิ...เสียงหัวเราะของมันแห้งแล้งมากๆ ก็นะ เป็นใครจะหัวเราะออกวะครับ โดยเพื่อนโกรธแถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจกันอีกอ่ะ

คาบบ่ายผมเลือกนั่งกับไอ้แทงค์ จนหมดคาบก็ตั้งใจว่าจะรอให้คนออกไปจนหมดก่อนแล้วค่อยกลับ ไม่อยากออกไปแย่งลิฟท์กับคนเยอะๆ แต่ขณะที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์เช็คเฟสบุ๊คเรื่อยเปื่อย ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเรา

หลังจากนั้นไอ้เหี้ยเนสก็พ่นคำพูดไม่เข้าหูออกมาให้ได้ยิน จนผมต้องเอ่ยปรามอย่าทนฟังไม่ได้...เวรเอ๊ย! เพื่อกันเขาพูดกันแบบนี้เหรอวะ!? ผมทั้งด่าพวกมันว่างี่เง่า โตแล้วควรมีเหตุผลแต่กลับไม่มี ซ้ำยังถามมันอีกว่ามีสมองมั้ยถึงได้คิดไม่เป็น และคิดว่าคงด่ามากกว่านั้นถ้าไม่ใช่เพราะไอ้แทงค์ห้ามผมไว้

ผมที่เป็นคนใจเย็น มาตอนนี้ใจร้อนดั่งไฟ รู้สึกโกรธฉิบหายที่ไอ้พวกเหี้ยสองตัวนี้มันไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ซ้ำยังมาพูดจาทำร้ายจิตใจกันอีก...แต่เหมือนว่าไอ้แทงค์จะกลายเป็นคนที่ใจเย็นกว่าผมเสียแล้ว เพราะมันตอกกลับไอ้เนสกับไอ้คลาร์กจนพวกมันเดือดจัด ก่อนจะเดินหนีไป

หากแต่ประโยคสุดท้ายที่ไอ้คลาร์กตะโกนไล่หลังไอ้แทงค์ไปก็ทำให้ผมเลือดขึ้นหน้าจนคว้าขอเสื้อไอ้ฝรั่งเต็มแรง เกือบได้ต่อยมันแล้วด้วยถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เนสเข้ามาจับพวกเราแยกออกจากกัน

“กูไม่น่ามาเป็นเพื่อนมึงเลยว่ะ!!”

“ไอ้คลาร์ก!! ทำไมพูดจาหมาไม่แดกงี้วะ!? นั่นเพื่อนนะเว้ย! มันทำอะไรผิดมึงถึงต้องด่ามันขนาดนี้! มันได้รับโอกาสที่ดีแล้วมันผิดตรงไหนวะ!? มึงอิจฉามันใช่มั้ยถึงได้ทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้!” ผมตะคอกใส่มัน และเพราะผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ก็เลยทำให้พวกมันสองคนมองผมตาค้าง “กูไม่คิดเลยว่าจะมีเพื่อนเห็นแก่ตัวอย่างพวกมึง แทนทีเพื่อนเราได้ดีจะยินดีกับมัน แต่นี่กลับมาอิจฉา กลับโกรธที่เขาได้ดีกว่า แม่งเอ๊ย! กูก็ไม่น่ามาเป็นเพื่อนกับพวกมึงเหมือนกันว่ะ!!”

หลังจากนั้นผมก็จำไม่ได้หรอกว่าไอ้เนสกับไอ้คลาร์กทำหน้ายังไง ผมรู้แต่ว่าผมเดินหนีออกมาด้วยความโกรธที่อัดแน่นในอก ถ้าผมไม่รีบออกมาล่ะก็ คงได้ซัดหน้าพวกมันระบายความโกรธไปแล้ว

หลังจากนั้นผมพยายามโทรหาไอ้แทงค์แต่มันก็ไม่รับสาย วันต่อมามันก็ไม่ได้มาเรียน จนผมอดเป็นห่วงไม่ได้ ตั้งใจว่าหลังเลิกเรียนจะไปหามันที่บ้าน ไม่รู้มันจะเป็นยังไงบ้าง...แต่แน่นอนผมคิดว่ามันต้องเสียใจมากแน่ๆ เพราะขนาดผมเองยังเสียใจเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

ขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นตึกเรียน สายตาของผมก็ดันหันไปเจอคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเข้าพอดี เพ่งมองไปๆ มาๆ ผมก็นึกออกว่าเขาคนนี้เป็นใคร...ผุ้ชายที่มารับไอ้แทงค์กลับบ้านเมื่อคราวก่อนนู้นที่มันเมาหนัก คนที่บอกว่าเป็นเพื่อนบ้าน

“คุณ...” ผมไม่รู้ชื่อของเขา แต่เพียงแค่เอ่ยออกไปเท่านั้น อีกฝ่ายก็หันมามองผม เลิกคิ้วถามว่าผมคือเพื่อนของแทงค์ใช่ไหม ผมตอบรับ “เอ่อ ครับ แล้วคุณมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือมาหาไอ้แทงค์ แต่ว่าวันนี้มันไม่ได้มาเรียนนะครับ ผมโทรไปมันก็ไม่รับ”

“อืม ฉันรู้แล้ว”

อีกฝ่ายตอบรับ แรกสุดผมค่อนข้างงงกับปฏิกิริยาของเขา แต่พอคิดว่าไอ้แทงค์เป็นอะไรหรือเปล่าพี่คนนี้ถึงได้มาหามันที่มหาลัย หรือว่ามันหายออกจากบ้าน หนีไปไหนแล้วหรือเปล่า...ด้วยความตระหนกผมก็เผลอสาดคำถามใส่เขา หากแต่ยังไม่ทันที่ผู้ชายตัวสูงหน้าเข้มตรงหน้าผมจะได้เอ่ยตอบ เสียงของไอ้เพื่อนเฮงซวยที่ผมเมินพวกแม่งตั้งแต่เช้าก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง

“ใครเป็นอะไรวะฮัท?”

ผมไม่ตอบ แต่คนที่พูดออกมาก่อนก็คือพี่ผู้ชายที่เพื่อนบ้านของไอ้แทงค์ เขาเลิกคิ้วมองไอ้เนสกับไอ้คลาร์ก “นายสองคน ใครเนส? ใครคลาร์ก”

มันออกจะเป็นคำถามที่แปลกในสายตาของผม เพราะฟังจากชื่อแล้วมองหน้าก็น่าจะรู้แล้วไหมครับว่าใครชื่ออะไร แต่คิดดูอีกทีชื่อไอ้เนสมันก็เหมือนชื่ฝรั่งนี่นะ พี่คนนี้อาจจะแยกไม่ออกก็ได้

หากแต่สิ่งที่ผมได้ยินหลังจากนั้นทำให้ผมนิ่งอึ้งไปทั้งใจ...

“พวกนายก็รู้กันดีไม่ใช่หรือไงว่าโอกาสแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับ ทุกคนทุ่มเทเพื่ออนาคตของตัวเอง และแทงค์ก็แค่เลือกสิ่งที่คิดว่าดีกับอนาคตของตัวเอง เป็นพวกนายถ้าได้รับโอกาสแบบนี้จะไม่เลือกตอบรับงั้นหรือ?” เพื่อนบ้านไอ้แทงค์พูดไปก็ทำหน้าถมึงทึงใส่พวกเราไปด้วย ผมคิดว่าเขากำลังโกรธ...โกรธมากๆ แต่พยายามเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ “เด็กคนนั้นไม่เหลือใครที่เขาจะพึ่งพาได้อย่างเต็มหัวใจ หลังจากนี้เขาต้องดิ้นรนมีชีวิตด้วยตัวเอง ต้องทำเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคตด้วยตัวเอง สร้างตัว สร้างอาชีพด้วยตัวเอง แล้วมันผิดมากเลยหรือไงที่เขาได้รับโอกาสและยินดีรับมัน พวกนายไม่รู้หรอกว่าคำพูดของพวกนายเองทำร้ายเขามากแค่ไหน ตั้งแต่พ่อแม่เสียเขาแทบไม่เคยร้องไห้ด้วยความเสียใจเลยสักครั้ง แต่เพราะพวกนาย เขาถึงต้องเสียน้ำตาและเอาแต่ถามว่าเขาผิดมากเลยหรือ”

ผมนิ่งงัน...ร่างทั้งร่างเหมือนโดนแช่แข็งทันทีที่ได้ยินว่าไอ้แทงค์ร้องไห้...ผมรู้ว่ามันเป็นคนเข้มแข็ง มันไม่เคยร้องไห้สักครั้งตั้งแต่ที่ผมรู้จักมันมา ชีวิตมันอาจจะไม่ได้ลำบากต้องดิ้นรนอะไรมากมายเพราะมีเงินมรดกจากพ่อแม่ทิ้งไว้ให้ แต่ผมรู้ว่ามันเหงาและเดียวดายจับใจที่ต้องอยู่คนเดียวในบ้านหลังนั้น

คำพูดมากมายหลังจากนั้นของคนตรงหน้าทำให้ผมหนักอึ้งไปทั้งหัวใจ ถึงจะไม่ได้เป็นคนที่ทำร้ายจิตใจไอ้แทงค์ แต่สิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ผมรู้สึกเสียใจ...เสียใจที่ปกป้องความรู้สึกของเพื่อนคนหนึ่งไม่ได้

“...ตื่นขึ้นมาในวันนี้เขาก็ยังต้องเจ็บปวดอยู่ดี...เจ็บปวดเพราะพวกนาย”

หลังจากเพื่อนบ้านไอ้แทงค์กลับไป ผมกับไอ้เนสไอ้คลาร์กกลับยังยืนอยู่ที่เดิม...ผมแค่นหัวเราะ เงยหน้ามองพวกมันสองผัวเมียที่กำลังทำหน้าสับสนจนเห็นได้ชัด

“ได้ยินขนาดนี้ พวกมึงยังคิดว่าไอ้แทงค์ผิดอยู่อีกหรือเปล่าล่ะ” ผมต่อว่าพวกมัน “พวกมึงที่มีพร้อมทุกอย่าง ชีวิตไม่ได้โดดเดี่ยวและต้องดิ้นรนเหมือนไอ้แทงค์ ยังคิดว่ามันเห็นแก่ตัวอยู่อีกหรือเปล่าที่ตอบรับโอกาสดีๆ ที่เข้ามาในชีวิต หรือได้ยินคนนอกพูดขนาดนั้นแล้ว แต่พวกมึงก็ยังคิดว่าตัวเองไม่ผิดอยู่ดีหรือเปล่าที่พูดคำว่าไม่น่าเป็นเพื่อนกันใส่หน้าไอ้แทงค์น่ะ หะ!? พวกมึงรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างหรือยัง!?”

มันสองคนไม่ตอบผม...และผมก็ได้แต่หวังว่าพวกมันจะคิดได้

ขอล่ะ คิดได้สักนิดหนึ่งเถอะ

ในวันต่อมาผมก็ต้องทั้งยินดีและแปลกใจที่ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กมันเดินเข้ามาหาผม และเอ่ยปากบอกว่าจะขอโทษไอ้แทงค์...แสดงว่าคำพูดของผู้ชายคนนั้นคงทำให้พวกมันคิดได้ขึ้นมาบ้าง ว่าที่ทำไปทั้งหมดพวกมันทำไม่ถูกต้อง

ดีจริงๆ ที่อย่างน้อยพวกมันก็คิดได้ ผมนึกว่าพวกเราคงกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ...ดีจริงๆ นะที่มันไม่เป็นแบบนั้น

ทันทีที่เจอหน้าไอ้แทงค์ ผมก็ได้แต่ยืนดูอยู่ไม่ไกล ดูสิว่าไอ้สองผัวเมียคู่นี้มันจะขอโทษไอ้แทงค์ยังไง แล้วไอ้แทงค์จะให้อภัยหรือเปล่า...แต่ผมมั่นใจว่าไอ้เหี้ยแทงค์แม่งต้องให้อภัยชัวร์ๆ เพราะมันเป็นคนใจดี ต่อให้โกรธมากแค่ไหน แต่มันเป็นคนให้ความสำคัญกับเพื่อนและคนรอบข้างที่มันรักหรือเชื่อใจมาก

และก็เป็นไปตามคาดเมื่อมันพูดขึ้นมาว่า...

“เพราะกูไม่เคยคิดว่าพวกมึงไม่ใช่เพื่อน เพราะงั้นเรายังเป็นเพื่อนกันเสมอว่ะ”

“ไอ้เหี้ยแทงค์ มึงแม่งทำกูใจแป้ว นึกว่าจะไม่ให้อภัยกันแล้วไอ้สัด”

“เออไอ้เหี้ย มึงนี่นะ”

“ฮ่าๆๆๆ”

ผมเดินเข้าไปหาพวกมัน หลังจากนั้นพวกเราสี่คนก็ล้อมวงกอดคอกัน ผมไม่ค่อยแสดงสีหน้า แต่ตอนนี้ผมรู้ตัวเองดีเลยว่ากำลังยิ้มกว้างมากแค่ไหน

พวกมันอาจจะคืนดีกันง่ายเกินไปหน่อย แต่ในสายตาผม...การที่เพื่อนให้อภัยเราคือสิ่งที่มีค่าที่สุดแล้วล่ะครับ

ไอ้แทงค์ถามถึงที่มาที่ทำให้ไอ้เนสกับไอ้คลาร์กมาขอโทษมัน พอรู้ว่าใครที่ทำให้พวกแม่งคิดได้ ไอ้แทงค์ก็ยิ้มกว้าง จนผมอดถามไม่ได้ว่า “ถามจริงๆ เหอะไอ้แทงค์ มึงกับเขาเป็นแค่เพื่อนบ้านกันจริงดิ?”

“ใช่” มันตอบพลางยิ้มกว้างสุดๆ แล้วว่าต่อ “แต่กูไม่อยากให้เขาเป็นแค่เพื่อนบ้านแล้วว่ะ กูว่า...กูชอบเขา”

วันนั้นผมกลับบ้านมาด้วยความรู้สึกดีโคตรๆ ก็นะ...เพื่อนที่ทะเลาะกันมันกลับมาคืนดีกัน ใครไม่ดีใจบ้างล่ะครับ

ผมนั่งฮัมเพลงอยู่หน้าบ้านอย่างอารมณ์ดี น้องสาววัยมัธยมปลายของผมเดินเข้ามานั่งข้างกันแล้วเลิกคิ้วถามอย่างฉงนใจ...คงแปลกใจที่พี่ชายจอมเงียบขรึมเกิดอารมณ์สุนทรีย์มานั่งฮัมเพลงชมดอกไม้ล่ะมั้ง หึๆ

“เป็นอะไรของพี่ วันนี้ดูมีความสุขแปลกๆ”

“เรื่องของพี่น่า ก็แค่มีความสุขนิดหน่อย ไม่ได้หรือไง?”

“ก็ไม่ใช่ไม่ได้ แค่แปลกใจเฉยๆ” ผมยีหัวน้องเบาๆ อย่างเอ็นดู เจ้าน้องสาวตัวน้อยของผมย่นจมูกใส่ ก่อนจะเอ่ยถามไปอีกเรื่อง “เออ ว่าแต่พวกพี่ยังเล่นดนตรีกันอยู่หรือเปล่าอ่ะ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมาที่บ้านเราบ้างเลย ปกติต้องนัดกันมาแต่งเพลงอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ”

“ก็ยังเล่นอยู่ แต่ช่วงนี้ไม่ได้แต่งเพลงใหม่เลยก็เลยไม่ได้มาน่ะ ทำไม? คิดถึงไอ้แทงค์หรือไง หึๆ” น้องสาวของผมมันปลื้มไอ้แทงค์ครับ...ไม่ได้ปลื้มเพราะหล่อเท่านั้นหรอกนะ แต่น้องผมมันเป็นสาววาย พอมันรู้ว่าพี่แทงค์เป็นเกย์นี่ดี๊ด๊าใหญ่ ชอบคุยกับไอ้แทงค์เรื่องเกี่ยวกับวายๆ ของมันน่ะแหล่ะ

นี่ถ้ามันรู้ว่าไอ้เนสกับไอ้คลาร์กได้กันแล้วมันจะทำหน้ายังไงวะ ฮะๆ บอกเลยดีกว่า

“ก็นิดหนึ่ง อยากรู้ว่าตอนนี้พี่เขามีแฟนยังอ่า”

“หึ มีแล้วมั้ง”

“เห?! หมายความว่าไงพี่ฮัท! บอกฮาร์ทมาเดี๋ยวนี้เลยน้าาา” น้องสาวของผมเขย่าแขนผมใหญ่

“ก็...ดูเหมือนมันจะชอบผู้ชายหล่อสัดที่มีหุ่นเหมือนนายแบบต่างประเทศ และเป็นเพื่อนบ้านของมันเองน่ะนะ และถ้าพี่เดาไม่ผิด...ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นก็ชอบมันเหมือนกันอ่ะแหล่ะ”

“อ๊ายยย จริงป่ะเนี่ย กรี๊ดๆๆๆ ฮาร์ทอยากเห็นหน้าอ่ะ ตายแล้ววว พี่แทงค์กำลังจะมีผัวววว”

“ฮะๆๆ อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง” ผมเกริ่นให้น้องอยากรู้ เจ้าเด็กตัวน้อยมองผมตาโตอย่างลุ้นระทึก แต่พอผมบอกไปเท่านั้นแหล่ะ... “ไอ้คลาร์กกับไอ้เนสที่แกจิ้นหนักหนา ตอนนี้มันคบกันแล้วนะ หึๆ”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!”

นั่นไง...ผมว่าแล้วว่ามันต้องกรี๊ดลั่นบ้าน

ผมตอบคำถามที่น้องถามมาไม่ยั้งไปเรื่อยเปื่อย จนไม่รู้ว่ามาจบที่เรื่องฝึกงานของผมได้ยังไง...พอน้องถามว่าไม่อยากไปฝึกงานที่ค่ายเพลงแบบไอ้แทงค์มันบ้างเหรอ (ผมเล่าให้น้องฟังน่ะว่าไอ้แทงค์มันโชคดีที่มีเอเจนซี่ค่ายเพลงมาสนใจจีบไปเป็นเด็กฝึกงานและเด็กฝึกหัดในค่าย) ผมก็อดคิดตามไม่ได้

“นั่นสินะ” ผมเหม่อมองไปที่ศาลพระภูมิตรงข้างรั้วบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมก็ทอดสายตาตรงไปที่ตรงนั้น แล้วเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “อันที่จริง ถ้าพวกเราทั้งวงได้เป็นนักร้องด้วยกัน เดบิวต์พร้อมกัน ออกเพลงด้วยกัน ได้เดินสายร้องเพลงเล่นดนตรีด้วยกันทั้งวงก็คงดี”

คำพูดที่ผมก็แค่คิดเลยพูดออกมา แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นจริง

...เพราะหลายวันต่อมาพวกผมก็ได้รับข่าวดีว่าทางค่ายเพลงเปลี่ยนใจอยากให้พวกเราทั้งวงไปเป็นเด็กฝึกในค่ายของเขา ไม่ใช่แค่ไอ้แทงค์คนเดียวเหมือนก่อนหน้านี้

อ่า...ผมมีความสุขชะมัดเลยล่ะครับ

__________

หลังจากเหตุการณ์ที่พวกเราทะเลาะกันครั้งใหญ่ (แม้ผมจะไม่ได้ไปร่วมทะเลาะด้วยก็เถอะ) ดูเหมือนจะมีหลายอย่างเปลี่ยนไปกับกลุ่มของพวกเราครับ...ผมรู้สึกมาสักพักแล้ว แต่ไม่คิดจะพูดออกมา

นับจากวันที่เคลียร์กันได้จนมาถึงวันที่วงของเราได้เป็นเด็กฝึกในค่ายเพลงชื่อดังด้วยกัน ผมก็รู้สึกว่าหลายครั้งไอ้แทงค์ ไอ้เนส และไอ้คลาร์กที่มักจะพูดคุยกันอย่างสบายใจ หลังๆ มานี้พวกมันมักจะพูดแล้วชะงักซะบ่อยยครั้ง ราวกับว่าพวกมันไม่แน่ใจว่าควรจะพูดสิ่งที่คิดออกมาดีไหม ต้องมีการไตร่ตรองก่อนพูดเสมอ ซึ่งในสายตาของผมนั่นมันก็ดี แต่บางทีมันก็ชวนให้อึดอัดใจยังไงพิกล

หากให้ผมเดา ผมคิดว่าพวกมันคงต่างฝ่ายต่างกลัวว่าคำพูดของตัวเองจะไปทำให้ฝ่ายตรงข้ามเก็บเอาไปคิดมากล่ะมั้ง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ดูจะกังวลไปหมดเวลาที่ต้องพูดออกมา...ไอ้ตัวผมที่เป็นคนพูดน้อยน่ะไม่ค่อยมีปัญหาหรอก แต่กับพวกมันคงแย่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะจากที่พูดไปเรื่อยไม่ต้องคิดมากอะไร มาตอนนี้จะพูดอะไรก็ดูไม่ค่อยกล้าพูดออกมาตรงๆ สักเท่าไหร่

วันหนึ่งผมมีโอกาสได้อยู่กับไอ้สองผัวเมียตามลำพัง เพราะไอ้แทงค์มันรีบไปทำงานพิเศษ ผมก็เลยลองแย็บๆ ถามพวกมันสองคนดูว่ารู้สึกยังไง หรือคิดอะไรอยู่...คำตอบที่ได้ก็ไม่เกินที่ผมคาดเดาเอาไว้นัก

“ไม่รู้ดิมึง กูก็แค่รู้สึกว่าไม่กล้าพูดอะไรแรงๆ กับไอ้แทงค์มันว่ะ” ไอ้เนสเอ่ยขึ้นมาก่อน “เมื่อก่อนพวกเราอาจจะพุดจาแรงๆ ใส่กันเพราะรู้ว่าเป็นการหยอกกันเล่น แต่พอผ่านเหตุการณ์ที่กูทำให้ไอ้แทงค์มันเสียใจเพราะคำพูดของกูเอง กูก็รู้สึกว่าไม่กล้าพุดอะไรรุนแรงใส่มันอีก”

“อือ เหมือนกัน” ไอ้คลาร์กพยักหน้าเห็นด้วย “กูกลัวว่ามันจะเก็บเอาไปตีความว่ากูด่ามันจริงจัง มึงก็รู้ ไอ้แทงค์มันเป็นคนจำลึกฝังใจ ถึงท่าทีมันจะสบายๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าลึกๆ มันคิดอะไร ไม่แน่ตอนนี้มันอาจจะยังเก็ยเรื่องที่กูเคยพูดทำร้ายจิตใจมันไปคิดอยู่บ่อยๆ ก็ได้นี่หว่า”

ผมพยักหน้ารับ “เออ กูเข้าใจ เพราะถึงแม้กูจะไม่ได้ด่ามัน แต่กูก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่ปกป้องความรู้สึกของมันไม่ได้ เหมือนว่ากูเองก็ไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีของมันสักเท่าไหร่ เฮ้อ” ผมถอนหายใจ พาให้ไอ้สองตัวผัวเมียถอนหายใจตามบ้าง

“บางทีกูก็อึดอัดนะที่ต้องมาคอยคิดว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด แต่มาคิดดูแล้ว...ถ้าเพื่อไม่ให้พวกเราทะเลาะกันอีก การคิดให้ดีก่อนพูดคือสิ่งสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของพวกเราเอาไว้ว่ะ” ไอ้เนสว่า และคำพูดของมันก็ทำให้ผมเห็นด้วยอย่างไม่มีเงื่อนไขเลยล่ะ

“การทะเลาะกันครั้งนั้นเหมือนเป็นรอยร้าวเล็กๆ ในความสัมพันธ์ของพวกเรา...กูคิดว่างั้นนะ” ผมเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากพวกเราเงียบกันไปอยู่หลายนาที เพื่อนทั้งสองคนหันมามองหน้าผม ผมก็เลยยักไหล่ให้มันแล้วว่าขึ้นอีก “หรือมึงไม่คิดอย่างนั้น?”

“เออ กูเข้าใจที่มึงพูด และก็คิดเหมือนกันด้วย” ไอ้ฝรั่งห่อไหล่ลง “ทีนี้ก็อยู่ที่พวกเราแล้วว่าจะพยายามรักษารอยร้าวนี้ไว้ไม่ให้มันร้าวมากไปกว่านี้ ระมัดระวังไม่ทำให้รอยร้าวของพวกเรามันเพิ่มขึ้นมากไปกว่านี้”

อ่า...นั่นสินะ คงมีแต่การดูแลเอาใจใส่เท่านั้นที่จะทำให้พวกเรารักษาความเป็นเพื่อนระหว่างกันเอาไว้ได้

__________

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 02-11-2017 23:51:53

เวลาผ่านไปพร้อมๆ กับความเป็นเพื่อนของพวกเราที่ยังคงมั่นคงและรักษารอยร้าวเดิมเอาไว้ไม่ให้มันร้าวไปมากกว่านี้ได้ แต่กลับมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นมาอีก หากแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่รอยร้าวในความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของพวกเรา...แต่เป็นรอยร้าวของหัวใจไอ้แทงค์

จู่ๆ มันก็ไม่มาเรียนถึงสองวันติด โทรไปหาแม่งก็ไม่รับ จนพวกผมเป็นห่วงมันฉิบหาย สุดท้ายในเย็นวันที่สามพวกเราทั้งหมดก็ตรงไปหามันที่บ้าน ก่อนจะพบว่าสภาพของมันดูแทบไม่ได้

หน้ามันโทรมเหมือนคนไม่ได้นอน ร่างกายก็ดูอ่อนแรง และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือดวงตาของมัน...ตาแดงช้ำที่มองมายังพวกผมทำให้อดตกใจไม่ได้ มันร้องไห้มาอย่างหนัก นั่นคือสิ่งที่ผมอ่านได้จากดวงตาของมัน

“มึงเป็นอะไรวะแทงค์” ไอ้เนสถามอย่างเป็นห่วง มันคงเห็นท่าไม่ดีด้วยมั้งเพราะเข้าไปพยุงไหล่ไอ้แทงค์ที่จะล้มไม่ล้มแหล่เอาไว้ ผมเห็นอย่างนั้นก็เลยเข้าไปช่วยพยุงอีกข้าง ขณะที่ไอ้คลาร์กปัดผมที่ปรกหน้าไอ้แทงค์ออกแล้วสำรวจหน้าตาของเพื่อน

“มึงร้องไห้นี่ เป็นอะไรวะ บอกพวกกูเถอะ อย่าร้องไห้คนเดียวดิ”

คำพูดของมันดูอ่อนโยนจนเหมือนไม่ใช่มันพูด ปกติไอ้ฝรั่งจะโผงผางมากกว่า...แต่กระนั้นสิ่งที่มันพูดก็ทำให้ไอ้แทงค์ปล่อยน้ำตาไหลพราก สะอื้นออกมาจนตัวโยนในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่รู้จักมันมา

“ไอ้แทงค์...”

พวกผมพยุงพามันเข้าบ้าน สภาพมันอ่อนแรงมากจริงๆ นะครับ มากจนผมยังอดคิดไม่ได้ว่าแม่งเดินออกไปเปิดประตูบ้านให้พวกผมเข้ามาได้ยังไงโดยไม่ล้มพับไปเสียก่อน

เรานั่งอยู่เคียงข้างมัน ปลอบมันทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเสียใจเรื่องอะไร...ไอ้แทงค์มันเป็นคนเข้มแข็งมาก อันนี้ผมรู้ดี แต่คนเข้มแข็งใช่ว่าจะไม่เก็บซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ และตอนนี้มันกำลังแสดงความอ่อนแอออกมา

เนิ่นนานเป็นขั่วโมงกว่าที่มันจะเอ่ยปากพูดออกมาได้ “เขาไปแล้ว”

“หา? ใครไปไหน?” ไอ้เนสทำหน้างง ย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ

“พี่ภู...” เสียงไอ้แทงค์สั่นเครือและแหบเบาจนแทบไม่ได้ยิน

เราอีกสามคนหันมาสบตากัน ก่อนจะเป็นผมที่เอ่ยปากถาม “พี่ภูไปไหนเหรอ”

มันส่ายหน้า “ไม่รู้ แต่เขาไปแล้ว”

“มึงกับเขาเลิกกันเหรอ?”

“เปล่า ไม่...แต่เขาไม่อยู่ เขาไปแล้ว อึก...เขาจำเป็นต้องไป” มันพูดไปก็เหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกได้ทุกเมื่อ จนพวกผมต้องเลิกซักถาม

ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งผม ไอ้เนส และไอ้คลาร์กคิดเหมือนกันหลังจากนั้นก็คือ...พวกเราจะอยู่เคียงข้างมัน ให้กำลังใจและฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกัน ไม่ว่าไอ้แทงค์ หรือเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มเราจะต้องเจอกับความเสียใจอะไรก็ตาม แต่พวกเราก็จะอยู่เคียงข้างกันเสมอ

และพวกผมก็ทำแบบนั้นมาตลอดสามปี...สามปีต่อมาที่พวกเราไม่ใช่นักศึกษาอีกแล้ว แต่เป็นนักร้องวงน้องใหม่ของค่ายเพลง PN Music ที่เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลเพลงช้าฟังสบาย เป็นเพลงที่ไอ้แทงค์แต่ง เกี่ยวกับความคิดถึงของผู้ชายคนหนึ่งที่คิดถึงคนที่รัก แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน

มันแต่งเพลงนี้ให้พี่ภู และพวกผมก็คิดเห็นเหมือนกันว่าควรเอาเพลงนี้เป็นเพลงเดบิวต์...ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นเพลงที่กินใจหรือเมโลดี้ดีเท่านั้น แต่พวกเราอยากให้เพลงนี้ส่งไปถึงผู้ชายคนนั้น คนที่ไอ้แทงค์เฝ้าคิดถึงมาตลอดสามปี

และสิ่งที่พวกเราเลือกก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะคนรักของเพื่อนปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะนายแบบหนุ่มดังจากฝรั่งเศส...เขากลับมาหามันแล้ว และแน่นอนว่าพวกผมที่เหลือรู้สึกยินดีกับมันมาก

ตลอดสามปีที่ผ่านมาเราได้รู้ซึ่งถึงความหมายมากมายของคำว่าเพื่อน รอยร้าวครั้งนั้นยังคงอยู่ แม้มันยังไม่สมานกันดี แต่ผมก็รู้ว่าลึกๆ แล้วรอยร้าวในความสัมพันธ์ของพวกเรามันไม่ขยายเพิ่มขึ้น และได้รับการซ่อมแซมจนกลายเป็นแผลเป็นจางๆ เท่านั้น

การรักษาน้ำใจกัน ไม่พูดทำร้ายจิตใจกัน เมื่อไหร่ที่ทะเลาะกันก็คิดให้ดีเสมอก่อนพูดอะไรออกมาเพื่อจะได้ไม่เป็นการพูดจาร้ายกาจใส่กัน ผมคิดว่านั่นล่ะที่ทำให้รอยร้าวของพวกเรามันคงที่จนเกือบหายไป

การที่เราโตขึ้นก็ยิ่งทำให้เราคิดไตร่ตรองทุกอย่างให้ถี่ถ้วนได้ดีขึ้น...สามปีที่ผ่านมาใช่ว่าพวกเราไม่เคยทะเลาะกัน แต่เราก็มักจะเคลียร์กันโดยไว เปิดใจคุยกันแมนๆ ฉันเพื่อนโดยไม่ปล่อยให้ความรู้สึกขุ่นเคืองในใจตกเป็นตะกอนให้เผลอพูดจาไม่ดีใส่กันอีก

เพื่อนคือคนที่เข้าใจกัน พูดคุยกันได้แทบทุกเรื่อง เคารพซึ่งกันและกัน รับฟังกันและกัน และการรักษาความเป็นเพื่อนเอาไว้ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเรามีค่าอย่างหาอะไรมาเทียบไม่ได้

หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ได้แต่หวังว่าพวกเราจะยังก้าวเดินไปในเส้นทางของการเป็นศิลปินด้วยกัน ก้าวเดินไปในเส้นทางของความเป็นเพื่อนที่แน่นแฟ้นกันแบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะก้าวต่อไม่ไหว

ก็เพื่อนน่ะ...ควรจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ? :)


[FIN]



__________

ตอนพิเศษที่สองมาแล้วค่ะ งามสุมแล้วเครียดเน้อ เลยเอามาลงด้วยการพิมพ์ๆๆๆ กดแป้นพิมพ์อย่างเมามัน ไม่รู้คนอื่นแก้เครียดยังไง แต่การแต่งนิยายคือหนึ่งในทางแก้เครียดของเราค่ะ ฮือออ จะตายแล้ว เป็นแทบทุกอย่างให้เธอแล้ว ยังจะเอาอะไรกับเราอี๊กกก เหนื่อยแล้วนะ ว๊ากกกกก!!! //อาละวาดเงียบๆ ในใจ

ตอนนี้เน้นพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนผ่านทางหนุ่มพูดน้อยหน้านิ่งอย่างฮัทค่ะ ในความคิดเรา คนเงียบนิ่งจริงๆ แล้วคิดอะไรมากมายอยู่ในหัวอ่ะแหล่ะ แค่เขาไม่แสดงออกมา ฮัทเองก็เป็นประเภทนั้น ขาจะแสดงออกมากหน่อยก็ตอนที่อะไรๆ รอบตัวมันหลุดออกไปจากสถานการณ์ปกติ เขียนไปก็คิดว่าอยากได้ผู้ชายแบบนี้เป็นแหนจังน้าา ในเมื่อฮัทไม่มีคู่พอดี งั้นน้องฮัทควรเป็นของเราค่ะ ฮ่าาาา

ไปละ เจอกันกับตอนพิเศษตอนสุดท้าย (คิดว่านะคะ 555) ตอนหน้าเป็นเรื่องราวของคลาร์กกับเนสค่ะ มุมมองของสองคนนั้นอาจจะทำให้ทุกคนไม่เกลียดพวกเขาก็ได้นะ ฮือออ สงสารพวกนางจัง นี่เราทำให้พวกนางโดนเกลียดไปแล้วหรือยังเนี่ย แหงะ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-11-2017 00:19:08
 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune_Mizu ที่ 03-11-2017 01:12:14
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-11-2017 03:40:57
ฮัทเป็นคนที่หนักแน่นมากที่สุด เสียดายไม่มีคู่ แต่คนแก่ก็ชอบฮัทนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-11-2017 11:08:07
ดีใจที่ได้เห็นพัฒนาการของความสัมพันธ์ของเพื่อนๆนะ
มันแปลว่าที่ทะเลาะกันไปไม่ได้ไม่มีความหมายอะไรเลย
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-11-2017 11:09:35
ชอบฮัท ฟีลกู๊ดอะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-11-2017 14:49:47
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-11-2017 19:17:12
ตอนนี้ ชอบน้องสาวขอฮัทมากกว่า บทน้อย แต่กรี๊ดดดดดดดดด ลั่นบ้าน
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-11-2017 19:49:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-11-2017 09:54:23
ชอบเรื่องนี้มากมีทั้งแฟนตาซี ฮา แล้วก็ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน สนุกมาก ขอบคุณค่ะ :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Amploveakame ที่ 07-11-2017 14:01:51
จบแล้วหรอๆๆๆยังไม่อยากให้จบเลยสนุกมากมายคะมีครบทุกรสเลยคะ
 :mew1: :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนพิเศษที่ 2 [02-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-11-2017 14:39:32
 :pig4: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 16-11-2017 00:05:01
แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ


สวัสดีค่ะทุกคน คิดถึงจังเลย ฮือออ //ส่งจูบรอบทิศ

พอท่านเจ้าที่จบก็ไม่ได้มาอัพเดตอะไรเลยเนอะ ตอนพิเศษอีกตอนก็ยังไม่ได้อัพ โปรดรอกันอีกสักนิดนะคะ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงรีไรท์ท่านเจ้าที่นี่แหล่ะค่ะ ตกลงกับบก. ไว้ว่าเดดไลน์เดือนธันวานี้ เลยต้องเร่งมือหน่อย แถมช่วงนี้เริ่มสอบแล้วด้วย ใกล้วันสัมมนาจริงเข้าไปทุกที เหนื่อยจะขาดใจแล้วค่ะ ฮือๆ

พูดถึงเรื่องรีไรท์ท่านเจ้าที่หน่อยแล้วกัน อย่างแรกเลยเราขอบอกก่อนว่าต้นฉบับท่านเจ้าที่ เดิมมีทั้งหมด 44 ตอน + บทนำกับบทส่งท้าย ทั้งสิ้นก็ 260 หน้าเวิร์ดได้อ่ะค่ะ เยอะฉิบหาย 55555 แต่ค่ะแต่ เรารู้สึกว่ามันเยอะเพราะเนื้อเรื่องบางฉากบางตอนเนี่ยมันยืดเยื้อเกินไป หลังจากรีไรท์รอบแรกเสร็จ เราก็เลยตัดส่วนที่ไม่โอเคสำหรับเราออก แล้วก็เอาสองบทมารวมกันเป็นบทเดียว เท่ากับว่าจาก 44 ตอนจึงลดลงมาเหลือ 22 ตอน และจาก 260 หน้า จึงลดลงมาเหลือ 208 หน้าค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะทำการรีไรท์อีกสองรอบเป็นอย่างต่ำ อาจมีเพิ่มหรือลดลงอีกก็เป็นได้ แต่ยืนยันว่าไม่แตกต่างจากเนื้อเรื่องเดิม ไม่ต้องอ่านซ้ำก็ได้ค่ะ

และก็ในส่วนที่เรารีไรท์เสร็จ เราจะกลับมาแก้ไขในเว็บทั้งสามเว็บแน่นอนค่ะ แต่ไม่ได้เปลี่ยนจำนวนตอนเน้อ คือในเว็บลงไว้ 44 ตอน เราก็จะแก้ไขตามจำนวนตอนเท่าเดิม แต่ในเล่มก็จะเปลี่ยนเป็น 22 ตอน งงกันไหมคะ? 5555 เอาเป็นว่าเนื้อเรื่องจะเหมือนกันหมดทุกอย่าง สรุปงี้เข้าใจง่ายกว่าเนอะ

สำหรับใครที่รอเรื่องใหม่ ขอให้รออีกสักพักนะคะ ไว้เราเคลียร์ต้นฉบับพร้อมตอนพิเศษของท่านเจ้าที่ได้เมื่อไหร่ เราจะเริ่มอัพเรื่อง Worthless ของตาย ค่ะ เรื่องนี้จะไม่ยาวเท่าท่านเจ้าที่แน่นอน พอจบจากนั้นก็จะเปิดเรื่องของน้องไวท์ต่อ เอาสิ แพลนนิยายมาหมดแล้วตอนนี้ เหลือแค่ว่าจะมีเวลาแต่งไหมเท่านั้นค่ะ 55555

มาแจ้งข่าวเท่านี้ กลัวทุกคนจะลืมเราและท่านเจ้าที่กับน้องแทงค์ไปเสียก่อน อืมมม...กระซิบเบาๆ ว่าตอนนี้ได้คนวาดปกแล้วนะคะ หุหุ อยากเห็นปกไวๆ จังเลยย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเราควรรีบปิดต้นฉบับค่ะ แง้ //หัวเราะทั้งน้ำตา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 17-11-2017 07:23:29


เจ้าที่หล่อบอกต่อด้วย

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 18-11-2017 18:49:27
 :a5:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 18-11-2017 19:03:58
 :mew2:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Zerzes_kim ที่ 19-11-2017 02:50:48
ทำไมเราคิดต่างอะ เรื่องฝึกงาน แทงค์เหมือนคนลืมเพื่อนจริงๆ ไม่แปลกที่เนสกับคาร์กจะโกรธ คนเขียนเน้น "เรื่องงี่เง่า" กับ "ไม่ผิดที่จะเลือกโอกาสดีๆ" มากเกินไป โอกาสดีๆของแทงค์มันไปตัดโอกาสของทั้งวงอะในความคิดเรานะ คือถ้าแทงค์แยกตัวออกไปฝึกงาน วงก็ต้องขาดมือกลองถูกมั้ย แล้วเพื่อนที่เหลือล่ะจะทำยังไง หาคนใหม่ก็กว่าจะเข้าขากัน แทงค์ดีใจจนตอบตกลงไปเลย แบบไม่สนความเห็นเพื่อนเลยสักนิด เออ ถ้าแทงค์บอกอาจารย์ว่า เดี๋ยวผมต้องปรึกษาวงก่อน จะให้คำตอบพรุ่งนี้ แล้วมาคุยกับเพื่อนว่า เออเอาแบบนี้แบบนั้นมั้ย ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจ ตอนเนี่ยแหละที่เนสกับคาร์กสมควรโดนด่า แต่นี่คนเขียนเข้าข้างแทงค์เกินไป พยายามผลักให้เนสกับคาร์กผิด แทงค์คนดีเหลือเกินพูดช่วยเพื่อน เราว่ามันไม่ใช่อะ แทงค์ผิดที่ตอบตกลงไปเลยโดยไม่ถามความเห็นของวง วงดนตรีอะ ใครหายไปมันก็พังหมด เล่นคนเดียวต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่เพราะหรอก ไหนว่าไปไหนไปกันเป็นวง ตั้งใจว่าจะหาประสบการณ์ไปพร้อมกันกับวง แต่พอมีเรื่องดีๆเข้ามาหา ไม่ปรึกษาเพื่อนสักคำ เออ ถ้าเอาเข้าไปเป็นวงแล้วแทงค์ตอบตกลงแทนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นเรื่องของตัวเอง ที่มีคนมาเห็นได้ก็เพราะวง มึโอกาสปุ๊ป สละเรือ เป็นเราเราก็โกรธอะ มาบอกตอนที่ตอบตกลงไปแล้วก็เหมือนมัดมือชกให้เราโอเคกับมันอะ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะถ้ามันเกี้ยวกับอนาคตของคนหลายคนอะ พอเห็นว่าย้ำ "เรื่องงี่เง่า" บ่อยๆแล้วเราขัดใจ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-11-2017 10:49:48
จบสวยยยบยย

มันดีต่อใจจริงๆ ชอบคุณเจ้าที่ มากกก
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 21-11-2017 22:17:59
 o13
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 28-11-2017 16:38:26
คู่ของไวท์กับคู่ของธีร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: 【focus_kung】 ที่ 02-12-2017 11:05:58
ทำไมเราถึงเพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ พลาดมากกกกก
สนุกมากๆค่ะ ชอบมากกกก
ตอนนี้มองเห็นศาลพระภูมิทีไรนี่ก็คิดนะว่าท่านเจ้าที่ทั้งหลายจะเห็นว่ามันเชยจริงๆหรือเปลีร
โอยยยย อ่านไปบาปจะกินกบาล
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 22-12-2017 00:15:28
Extra 3

ความผิดพลาดในคืนนั้น

[Clark X Nes]

 

ย้อนกลับไปเมื่อวันนั้น...

วันที่พี่เฟิ่งกลับมาเปิดร้านหลังจากหยุดไปสองสัปดาห์เต็ม วันที่พวกเขาทั้งสี่คนได้กลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง และพากันสังสรรค์กับพี่เฟิ่งด้วยการกรอกเหล้าเข้าปากแบบไม่สนใจว่าตนเองจะเมาแค่ไหนในคืนวันพุธ

หลังจากฮัทมาส่งคู่ซี้คู่กัดที่บ้านของเนสแล้วคลาร์กดันเดินตามลงไปด้วย หนุ่มหน้านิ่งก็ตัดสินใจปล่อยให้เพื่อนทั้งสองอยู่ด้วยกันก่อนตัวเองจะขับรถกลับบ้าน โดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดบางอย่างที่ไม่คาดฝันขึ้น

คนเมาทั้งสองก้าวเท้าเข้าบ้านมาได้แบบทุลักทุเลสุด ๆ เนสล้มตัวลงนอนตรงทางเดินเข้าบ้าน แสงไฟสว่างจ้าขึ้นจากเซนเซอร์อัตโนมัติยามเมื่อมีคนอยู่ในบ้าน ก่อนที่หนุ่มลูกครึ่งจะล้มตัวลงนอนตามที่ข้าง ๆ กัน

“เท่นี่ที่หนายนะ?” คลาร์กเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ ขณะที่เจ้าบ้านเลิกคิ้ว สายตาพร่าเลือนมองไปรอบ ๆ ตัวก่อนจะตอบ

"บ้านใคร...อ๊ะนี่บ้านกู๊หนิหว่าา"

"บ้านกูด้วยยย" คลาร์กยกมือขึ้นไปโบกสะบัดในอากาศ

“เหรอ เออ ๆ บ้านเรา...ท้างคู่!” เนสพยักหน้าเออออ ก่อนจะพยายามผุดลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก และยากเข้าไปอีกเมื่อเขาพยายามจะลุกขึ้นยืน “มึง ๆ ปายห้องนั่งเล่นกานดีกว่า”

“อือ ๆ” ลูกครึ่งหนุ่มได้ยินดังนั้นก็พยายามลุกขึ้นเช่นกัน กว่าจะยืนขึ้นมาได้ก็เล่นเอาเซล้มไม่เป็นท่าไปซะหลายครั้ง ตื่นขึ้นมาคนเมาทั้งสองคนได้งงแตกแน่ ๆ ว่ารอยช้ำตามตัวนี้มาจากไหน ล้มกระแทกกันเองบ้างล่ะ กระแทกพื้น กระแทกกำแพงบ้างล่ะ

เฮ้อ

หลังจากนั้นเนสกับฮัทก็โซเซเข้ามานั่งแปะลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นได้สำเร็จ สองคนกอดคอกันร้องเพลง เมาจนแทบไม่ได้สติอยู่รอมร่อ แต่ก็ยังคึกคักเกินกว่าจะหลับได้ลง

"ไอ้คากกก"

"คลาร์กเว้ย กูชื่อคลาร์กกก" เจ้าของชื่อว่าเสียงยานคางด้วยสำเนียงฝรั่งแท้ ๆ แถมยังพูดผิด ๆ ถูก ๆ "เรียกห้ายถูกเดะว้าไอ้เนส"

"อ่าวหรออ เออ ๆ โต้ดที" เนสเองก็ไม่ต่างกัน ซุ่มเสียงเริ่มฟังไม่ได้ศัพท์เข้าไปทุกทีแล้ว

ร้องเพลงกันไปอีกพักใหญ่โดยที่ไม่มีดนตรีประกอบ จู่ ๆ คลาร์กก็กลิ้งตกจากโซฟาลงไปนอนแผ่หลาที่พื้น แต่มันคงจะไม่เป็นอะไรเลยสักนิดถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตัวกอดคอเนสอยู่ พอตัวเองตกลงไปก็เผลอเกี่ยวคอเพื่อนตามลงไปด้วย

พลั่ก!

“โอ๊ยยย”

สภาพของทั้งสองคนตอนนี้เลยกลายเป็นว่าคลาร์กนอนหงายโดยมีร่างที่ผอมบางกว่าของเนสทาบทับอยู่ด้านบน

“ไอ้เชี่ยเจ็บบบ”

“ท่ดๆ โทษที” หนุ่มลูกครึ่งว่าพลางจับต้นแขนของเพื่อนหวังจะพาลุกขึ้น แต่เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับริมฝีปากของเนสก็อดจะทักออกไปไม่ได้ "ไอ้เนส ทำมายมึงปากแดง...แท้ว้า”

“หือ?” เนสเลิกคิ้ว ยกหัวขึ้นมามองคนถาม สายตายังคงพร่าเลือนจากฤทธิ์น้ำเมาที่ทำให้เขามองอะไรแยกร่างไปหมด แต่กระนั้นก็ยังตอบออกไปว่า "กูลากไก่ปายกินในน้ำมา เลือดก่ายติดปาก!"

คลาร์กได้ยินดังนั้นก็โวยวายลั่น "ไอ้เพื่อนเวน! ม่ายแบ่งกันกินเลอ"

"งั้นเมิงมากินจากปากกุมา" เนสว่าอย่างเมา ๆ พลางยื่นหน้าเข้าไปหาคลาร์ก ลูกครึ่งหนุ่มนิ่งไป สมองที่ไม่สามารถไตร่ตรองได้อย่างรอบคอบเหมือนปกติสั่งให้เขาแนบปากกับปากของเพื่อนสนิท

เร็วเท่าความนึกคิดจากจิตใต้สำนึก คลาร์กเลื่อนฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเองมาตรึงต้นคอของเนสเอาไว้ ก่อนจะเอียงหน้าแล้วแนบริมฝีปากของตนเองเข้ากับเรียวปากบางของคนด้านบน

เนสนิ่งงัน เบิกตาโตด้วยความตกใจ ชั่ววูบหนึ่งเขามองทุกอย่างเป็นภาพกระจ่างชัดในดวงตา ในใจไม่คิดว่าเพื่อนจะทำอะไรแบบนี้กับเขา และยังคงมึนงงอยู่ว่าอะไรทำให้คลาร์กทำแบบนี้...โดยลืมไปสิ้นว่ามันเกิดจากคำพูดของตัวเองก่อนหน้านี้นั่นล่ะ

‘งั้นเมิงมากินจากปากกุมา’

แต่แม้จะยังไม่เข้าใจ หากกระนั้นเบื้องลึกในใจของเนสก็ผลักดันให้เขาบดปากตอบคลาร์กด้วยความเมาล้วน ๆ ที่ยังคงไม่สร่างซาลงไปเลยแม้แต่น้อย...คลาร์กเป็นฝ่ายสอดปลายลิ้นเข้าหาเนส เกี่ยวปลายลิ้นอีกฝ่ายไปมา มือหนาค่อย ๆ ดันร่างของเพื่อนผมทองลงนอนราบไปกับพื้นแทนที่ตัวเขาเอง ก่อนตามด้วยสอดปลายนิ้วเข้าไปลูบหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อแน่นเป็นลูกเบา ๆ หากแต่สร้างความสยิวให้คนได้รับไม่น้อยเลย

แต่แล้วเนสก็ผลักคลาร์กให้ถอนจูบระหว่างกันออก หอบหายใจแรงเพราะรสจูบดูดดื่ม

"อาไร...วะ" คลาร์กบ่นเมื่อโดนขัดจังหวะ มือข้างหนึ่งของเขาจับเอวของเนสเอาไว้เฉย ๆ แทนที่จะลูบไล้เหมือนอย่างก่อนหน้านี้ ด้วยยังงง ๆ อยู่ว่าทำไมถึงโดนเพื่อนรักผลักอกเสียสุดแขน

เนสเอ่ยถามหลังจากหยุดหอบได้แล้ว "มึงจะกดกูเหรอฟะ"

"เอ้อ เออ มั้ง...” หนุ่มลูกครึ่งตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ เศษเสี้ยวหนึ่งของสมองที่ยังมีสติยั้งคิดบอกเขาว่าการทำแบบนี้กับเพื่อนตัวเองไม่ถูกต้อง เพราะอาจนำไปสู่มิตรภพที่จบลงก็ได้

แต่ทุกอย่างที่เขาคิดพลันชะงักงันไปหมดเมื่อเนสโพล่งขึ้นเสียงดังว่า "แต่กูเป็นรุก!"

น้ำคำที่ทำให้คนฟังต้องสะบัดหน้าไล่ความมึนงง ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเจือจางลงเรื่อย ๆ แต่ความปรารถนาแรงกล้าที่จะทำสิ่งที่ค้างเอาไว้อีกครั้งเสือกไสให้เขาตอบออกไปว่า...

"วันนี้มึงก็ลองเป็นรับห้ายกูสิ!"

"เอางั้นอ่อ" ยิ่งผิดจากปกติเข้าไปใหญ่เมื่อเนสถามกลับด้วยความไม่แน่ใจ แต่พอคลาร์กพยักหน้าให้ หนุ่มผมทองก็ยอมเห็นด้วย "กะด๊าย!"

คลาร์กยิ้มกว้างจนตาหยี โน้มใบหน้าลงไปกดจูบที่เรียวปากแดงของเพื่อนซี้อีกครั้ง ปัดป่ายปลายลิ้นที่ริมฝีปากล่างของเนส ดูดดึงเล็กน้อยเป็นสัญญาณขอให้เปิดปากออก...และเมื่อคนใต้ร่างยอมอ้าปาก หนุ่มลูกครึ่งก็ไม่ปฏิเสธเลยที่จะแทรกปลายลิ้นเข้าหาโพรงปากอุ่นกรุ่นกลิ่นเหล้ารสชาติขมปร่าที่ติดอยู่บนปลายลิ้นของอีกฝ่าย

จุ๊บ...จุ๊บ...

เสียงจูบแลกลิ้นดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่นกว้าง ความเงียบรอบด้านยิ่งทำให้เสียงลมหายใจของพวกเขาดังกระเส่าเข้าไปอีก มือหนาเลื่อนขึ้นไปสะกิดยอดอกของเนส ทำเอาคนโดนกระทำสะดุ้ง ครางเสียงแผ่วในลำคอเพราะปากยังโดนประกบปิดแนบแน่นอยู่

“อืม”

คลาร์กผละจูบออกมาเพื่อให้เพื่อนได้หายใจหอบอากาศเข้าปอดอีกเฮือกใหญ่ๆ ก่อนชายหนุ่มสองสัญชาติจะบดจูบลงไปอีกครั้ง หนักหน่วงและเร่าร้อนยิ้งกว่าเดิม

ความร้อนผ่าวใต้กางเกงแข็งขืนชูชัน สัมผัสกับความร้อนผ่างของคนใต้ร่างที่ดุนดันขึ้นมาแตะกันโดยมีกางเกงยีนส์เท่านั้นที่ขวางกั้น...ความต้องการของพวกเขาทั้งสองคนล้นปรี่จนไร้ซึ่งความคิดไตร่ตรองหาเหตุผลให้กับการกระทำของตนเอง สิ่งที่ปรารถนาคือการได้สัมผัสร่างกายกันและกันอย่างลึกซึ่ง

นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนกันควรทำด้วยกันเลยสักนิด แต่ยามนี้ความต้องการทางเพศและความเมาดูเหมือนจะเป็นตัวควบคุมการกระทำทั้งหมดของพวกเขา

อย่างรวดเร็ว...สองมือของทั้งคู่ปปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างกายก่อนจะทาบทับแนบสัมผัสกันอีกครั้ง เนสครางต่ำในลำคอยามเมื่อสองมือของคลาร์กลูบไปทั่วร่างกายของเขา และยิ่งกระตุกเฮือกเข้าไปอีกเมื่อลูกครึ่งหนุ่มกอบกุมความแข็งขืนของเขาเอาไว้ รูดรั้งมันอย่างเนิบนาบแช่มช้า

คลาร์กไม่แน่ใจว่าเขาไปรู้วิธีมาจากไหน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยทำกับผู้ชายมาก่อน อาจจะเป็น GV สักเรื่องที่เคยลองเปิดดูเพราะอยากรู้อยากเห็นว่าผู้ชายเขาทำกันยังไงล่ะมั้ง เพราะนาทีต่อมาชายหนุ่มก็แตะปลายนิ้วที่เปียกลื่นไปด้วยน้ำอยากจากแก่นกายของเนส มาแตะไล้เข้าที่ช่องทางเล็ก ๆ ด้านหลังของเพื่อนหนุ่มผมทองแทน

หลังจากนั้นมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนแทบจะจำขั้นตอนไม่ได้ ทั้งการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าภายใน การแตะกระตุ้นเร้าที่จุดกระสันเรียกเสียงครางเครือของคนใต้ร่าง หรือการสอดใส่ที่นำความเจ็บมาให้เนสจนร้องลั่น ความเมาที่มีก่อนหน้าปลิวหายภายในพริบตา เหลือเพียงความเจ็บแต่อยากของเจ้าตัว

ช่องทางที่บีบรัดแน่นด้วยไม่เคยเจออะไรใส่เข้าไปมาก่อนเลยสักครั้งทำให้คลาร์กสูดหายใจเข้าลึกเพื่อควบคุมอารมณ์ไม่ให้ทำตามใจด้วยการกระแทกเข้าไปจนมิดด้าม ขณะที่เนสมีใบหน้าบิดเบ้ แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือผลักไสการกระทำของเพื่อนสนิทแต่อย่างใด

เรื่องนี้มันเลยเถิดจนเกินจะหักห้ามใจตัวเองได้ทันแล้วล่ะ

กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็เล่นเอาทั้งสองเหงื่อตกสร่างเมาไปตาม ๆ กัน เนสบอกให้คลาร์กขยับเบา ๆ ก่อนเป็นอย่างแรก ก่อนที่ทุกอย่างจะลงตัวในอีกห้านาทีต่อมา และท่วงทำนองแห่งความหรรษาของทั้งคู่ก็เกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงครางแหบต่ำในลำคอ และเสียงเนื้อกระทบเนื้อของพวกเขาสองคนยามเมื่อท่อนเนื้อร้อนผ่าวกระทั้นกระแทกเข้าสู่ช่องทางด้านหลังหนักหน่วงร้อนแรง

และเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง...ความเป็นเพื่อนของพวกเขาก็ไม่อาจเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไป

__________

ช่วงสายของวันต่อมาทั้งคลาร์กและเนสก็ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตระหนกขั้นสุดเมื่อพบว่าตนเองนอนแก้ผ้ากอดก่ายกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย” หนุ่มลูกครึ่งร้องถามพลางยกมือขยี้หัว หลังจากคว้าเสื้อผ้ามาใส่เรียบร้อยแล้ว

“เรา...เรามีอะไรกันเหรอวะเมื่อคืนนี้” เนสเองก็เอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก พยายามเค้นสมองว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืน แต่จากความเจ็บที่ช่องทางด้านหลัง ก็พอจะเป็นคำตอบให้เขาได้แล้วว่ามันเกิดขึ้นจริง

เมื่อคืนเขากับไอ้คลาร์กได้กันไปแล้วเรียบร้อย และคนที่เป็นฝ่ายรับก็คือเขาด้วย!

ห่าเอ๊ย เคยแต่จิ้มคนอื่นเขา ไหงคราวนี้เขาดันโดนจิ้มได้วะ แถมคนจิ้มยังเป็นเพื่อนสนิทอีกต่างหาก!

หลังจากทบทวนกันดูดี ๆ และส่วนเสี้ยวหนึ่งในความทรงจำของเมื่อคืนมีภาพหลายภาพเด้งเข้ามาในหัวเพื่อช่วยยืนยัน ทั้งสองคนก็ต้องยอมรับไปโดยปริยายว่าเมื่อคืนพวกเขา...ได้กันจริง ๆ ว่ะ

“เหี้ยเอ๊ย ไม่น่าเมาแหลกขนาดนั้นเลย”

“เออ นั่นดิ” เนสตอบรับอย่างเห็นด้วย และเริ่มจะสติแตกขึ้นมาแล้ว จนต้องคอลวิดีโอไลน์กลุ่มไปหาไอ้ฮัทกับไอ้แทงค์เพื่อถามเรื่องเมื่อคืนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคลาร์กถึงมานอนบ้านของหนุ่มหัวทองได้

คุยกันไม่กี่ประโยคพร้อมกับที่เกือบหลุดปากโวยวายเรื่องที่พวกเขาสองคนได้เสียเกินเพื่อนกันออกไป เนสก็จัดการวางสายแล้วหันมาทึ้งหัวตัวเองแก้เครียด

“เวร ๆๆ ทำไมมันเป็นงี้ไปได้วะเนี่ยยย”

“หลังจากนี้กูจะไม่เมาจนไร้สติอีกแล้ว เหี้ย” หนุ่มลูกครึ่งเองก็มีท่าทีไม่ต่างกันนัก

ไม่ใช่ว่ารังเกียจการมีเซ็กส์กับเพื่อนหรอกนะ แต่ก็นั่นล่ะ...เพราะเป็นเพื่อนไง เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมวง เพื่อนรัก ไม่ใช่เพื่อนนอน เพราะงั้นการนอนกับเพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อนนอนจึงเป็นอะไรที่ชวนให้กระอักกระอ่วนใจสุดๆ แล้ว

“เอาไงต่ออ่ะทีนี้” หนุ่มผมทองเอ่ยถามหลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่นาน

เกิดความเงียบขึ้นหลังจากนั้น ทั้งคนถามและคนโดนถามเองก็ต่างไม่แน่ใจว่าควรพูดยังไงออกไปดี...ที่จริงจะบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งเดียวและจะไม่ให้เกิดขึ้นมาอีก แต่ลึกๆ ก็เกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมา

ทำไมกันนะ...ทำไมพวกเขาถึงต่างฝ่ายต่างลังเลใจล่ะ?

ฉับพลันนั้นความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมองของคลาร์ก แต่ก่อนจะเอ่ยอะไรออกไปเกี่ยวกับสิ่งที่คิด ชายหนุ่มจะต้องแน่ใจในอะไรบางอย่างก่อน

“ไอ้เนส”

“อะไร”

“เมื่อคืน...มึงรู้สึกดีเปล่าวะ?”

“หะ? ทำไมถามงี้วะ!?”

“เออน่า ตอบมา รู้สึกดีไหม?”

คนโดนถามหน้าแดงขึ้นมาเสียเฉย ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ว่ากับใคร เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องเมือคืนที่พอจะจำได้บ้างแล้วก็ให้หน้าร้อนผ่าว ตอบออกไปโดยไม่คิดปิดบัง “เออ มันก็ดีอ่ะ”

“เราเป็นเพื่อนกัน มึงรู้ใช่ไหม?” ลูกครึ่งหนุ่มยังคงถามอีก

“ก็เออ กูรู้อยู่แล้วไหมล่ะ”

“ที่จริงเราจะแกล้งปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปก็ได้ แต่...”

“แต่...” เนสลากเสียงตามเพื่อนสนิทสองเชื้อชาติ

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เราสองคนมาแบบว่า...ลองคบกันดูมั้ย?”

“หา!?” หนุ่มผมทองถึงกับร้องลั่น “มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย เฮ้ย! เราเพื่อนกันนะ อีกอย่างมึงก็ไมได้ชอบกูด้วย และกูก็เหมือนกัน กูไม่ได้คิดอะไรกับมึงเกินเพื่อนนะเว้ย!”

“กูรู้”

“งั้นมึงเสนอให้เราลองคบกันทำไมวะ!?”

“ก็...” คลาร์กยกมือขยี้เส้นผมอย่างขัดใจ ทั้งขัดใจตัวเองและเพื่อนสนิทผมทองนั่นล่ะ “กูชอบนะ เซ็กส์ของพวกเราเมื่อวานอ่ะ ก็เลยอยากให้เราลองคบกันดูก่อน ลองเปลี่ยนสถานะดูก็ไม่เสียหายหรอก...มั้งนะ”

“อ๋อ ที่มึงเสนอแบบนี้เพราะชอบเซ็กส์ที่ทำกับกูแล้วอยากทำอีกว่างั้น!” เนสเอ่ยตรงประเด็นชัดเจน ทำเอาคนฟังหน้าร้อนผ่าวและกระอักกระอ่วนใจยังไงพิกล หากแต่เขาก็ยังยอมพยักหน้าตอบ

“เออ ก็ตามนั้นอ่ะ อีกอย่างช่วงนี้กูก็ไม่ได้ไปตกหญิงที่ไหน มึงก็เบื่อๆ ไม่ใช่เหรอ คบกันแก้เหงาก็ไม่เสียหายป่ะวะ เอากันแก้เบื่อไรเงี้ย”

“ทั้งๆ ที่เราเป็นเพื่อนกัน?”

“อ่า นั่น...” หนุ่มลูกครึ่งไม่รู้แล้วว่าจะพูดอย่างไรดี เอาเข้าจริงในความนึกคิดของเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองนักว่าคิดยังไงถึงเสนอวิธีการนี้ออกมา มันก็แค่...เขาไม่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเรื่องคืนเดียวก็เท่านั้น “ถ้ามึงไม่โอเคกูไม่ว่านะเว้ย แค่เสนิอ่ะ เพราะกูยอมรับ กูชอบเซ็กส์ที่ทำกับมึงว่ะ มึงแม่ง...โคตรร้อนแรงเลย”

“ไอ้สัด! ก็ไม่ต้องพูดไหมเล่า!?” เนสหน้าแดงขึ้นมาทันที ใจที่กำลังสับสนกับคำพูดของเพื่อนและสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพียงแค่คำพูดของคลาร์กลับทำให้เขาไขว้เขวได้อย่างน่าประหลาด

พวกเราเป็นเพื่อนกัน นั่นคือความจริง

แต่พวกเราเพิ่งจะมีอะไรกันไป นั่นก็คือความจริง

และยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเราชอบใจในเซ็กส์เมื่อคืนที่มอบให้แก่กัน...

มีความรู้สึกว่าไม่อยากให้มันจบลงแค่คืนเดียวเหมือนกัน เพราะงั้นลองคบกันก็คงไม่เป็นไรมั้ง

น่า ก็แค่เอากันแก้เหงาไง เซ็กส์เฟรนด์น่ะ...ก็อะไรทำนองนั้น

“ตกลง”

“หือ?” คลาร์กเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามย้ำ เมื่อกี้เขามัวคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจนไม่ทันได้ฟัง

เนสสูดหายใจเข้าลึกเพื่อพูดอีกครั้ง “กูบอกว่าตกลง เรามาลองคบกัน”

คำพูดที่ทำให้หนุ่มลูกครึ่งยิ้มร่า ก่อนจะประเดิมการ ‘ลอง’ คบกันของพวกเขาทั้งสองคน ด้วยการแนบจูบลงบนปากแดงๆ ของเนสอย่างหนักหน่วง ก่อนจะเลยเถิดไปเป็นการมีเซ็กส์รอบที่สองในเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงของทั้งคู่

และครั้งนี้พวกเขามีสติครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่าง

__________

สามปีต่อมาคือช่วงเวลาที่เกิดอะไรขึ้นมากมายหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ทั้งเรื่องที่น่าดีใจและเศร้าใจ ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี รวมไปถึง...เรื่องที่เหนือความคาดหมายด้วย

เรื่องความสัมพันธ์ของคลาร์กกับเนส

จากการทดลองคบกันเพื่อเซ็กส์แก้เหงา กลับกลายเป็นความจริงจังและจริงใจ ช่วงเวลาที่ดำเนินผันผ่านจวบจนสามปีนี้ การลองคบกันของทั้งสองกลายเป็นการคบกัน...อย่างแท้จริง

คลาร์กจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารักเนสตอนไหน เนสเองก็ไม่ต่างกัน เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ารักคลาร์ก ต่างฝ่ายต่างรู้แค่ว่าไม่อยากไปคบใครอีกแล้ว เพราะแค่ได้คบกันเองแบบนี้ก็มีความสุขมากที่สุด

จากเพื่อน...จึงเลื่อนสถานะมาเป็นคู่รักโดยสมบูรณ์

ไม่มีการทดลอง ไม่มีแค่เรื่องเซ็กส์ ไม่ใช่การแกล้งกันเล่นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งนั้น

พวกเขารักกันจริง ๆ และคบกันเฉกเช่นคนเป็นแฟนกันจริง ๆ

“พวกมึงคิดจะเปิดตัวเมื่อไหร่”

เสียงของเพื่อนร่วมวงดังขึ้นในวันหนึ่งที่พวกเขาต้องขึ้นเล่นร้านพี่เฟิ่ง (ใช่ พวกเขายังทำงานร้านพี่เฟิ่งอยู่แม้ว่าจะเป็นศิลปินดังแล้วก็ตาม) เนสเงยหน้าจากเนื้อเพลงที่กำลังอ่านเพื่อมองแทงค์ ขณะที่คลาร์กเองก็หยุดมือกับสิ่งที่กำลังทำก่อนจะเดินมานั่งลงข้าง ๆ หนุ่มผมทอง

“ทำไม?”

“อ้าว พวกมึงไม่คิดจะบอกกับแฟน ๆ หน่อยเหรอวะว่าคบกันมาสามปีแล้ว”

“ก็คิดจะบอกนะ” คลาร์กตอบ

“เมื่อไหร่?” ฮัทที่มักเงียบเสมอเลิกคิ้วเอ่ยถาม คนโดนถามทั้งสองเงียบ แทงค์จึงเสนอไอเดียให้

“เอางี้ไหมมึง ไหน ๆ คู่กูก็เปิดตัวไปแล้วกลางงานแถลงข่าว คู่มึงก็ประกาศไปเลยคืนนี้กลางร้านเหล้า”

“ประกาศ? ประกาศไงวะ?” หนุ่มสองเชื้อชาติถาม ครึ่งหนึ่งสนใจกับข้อเสนอของเพื่อนมาก แต่อีกครึ่งหนึ่งก็รู้สึกลังเลใจไม่น้อยเช่นกัน

“ก็แล้วแต่พวกมึงสิว่าจะประกาศยังไง กูแค่เสนอว่าให้เปิดตัวคืนนี้ไปเลย”

“กูเห็นด้วย” ฮัทพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของแทงค์

เนสที่เงียบคิดอยู่พักหนึ่งยกยิ้มร่าแล้วโพล่งขึ้นมาว่า “กูคิดออกละจะเปิดตัวยังไง”

“ยังไง?” สามเสียงถามขึ้นพร้อมกัน หากแต่คนโดนถามกลับส่ายหน้าพลางหัวเราะ

“ไว้รอดูแล้วกัน”

พอถึงเวลาขึ้นเล่นในตอนหนึ่งทุ่มตรง หลังจากหมดเพลงเร็วชวนเต้นเรียกเหงื่อไปสามเพลง ก็มาถึงคราวที่ของเพลงช้าบ้าง เขาหันไปกระซิบบอกเพื่อนร่วมวงว่าให้เล่นเพลง ‘ไม่อยากพูดว่ารักให้รู้สึกดี’ ของเมฆ จิรกิตติ์

แม้คนในวงจะงง ๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่านี่อาจเป็นหนึ่งในวิธีประกาศให้แฟน ๆ ได้รู้ว่าเขากับมือกีตาร์ของวงน่ะเป็นแฟนกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดแย้งอะไร

“ต่อไปเป็นเพลงที่ผมอยากร้องให้กับคนๆ หนึ่งครับ” เนสหันมาเอ่ยกับแฟนคลับและลูกค้าของร้านพี่เฟิ่ง “เพลงนี้ไม่ใช่เพลงของวงเรา แต่ผมคิดว่าอยากจะร้องเพราะมันตรงกับสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อให้คนๆ นั้นได้รับรู้ความในใจของผม ไปฟังกันเลยครับ”

ดนตรีประสานดังขึ้นทันทีที่แทงค์ให้สัญญาณด้วยการเคาะไม้กลองเข้าด้วยกันสามครั้ง จนเข้าท่อนแรกที่เนสร้องออกไปด้วยเสียงนุ่มทุ้ม จนเข้าสู่ท่อนฮุกที่ชายหนุ่มหันไปสบตากับมือกีตาร์...คลาร์ก แฟนหนุ่มของเขา

ไม่อยากจะพูดว่ารักให้เธอรู้สึกดี

อยากทำอะไรดีๆ ให้เธอรู้สึกรัก

ไม่ต้องพูดเพื่อเอาใจ

อยากให้เธอนั้นดูที่การกระทำ ของฉัน

แล้วนักร้องนำของวงก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อเจ้าตัวเดินตรงไปหามือกีตาร์ก่อนจะรั้งคออีกฝ่ายโน้มเข้ามาหาแล้ว...กดจูบลงไปบนเรียวปากของคลาร์กท่ามกลางสายตาคนทั้งร้านเหล้า!

“กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!!!!”

“เฮ้ย!!!”

“อ๊ายยย พี่เนสกับพี่คลาร์กจูบกันอ่ะ!”

“เขาคบกันเหรอวะ เฮ้ยๆๆ”

เสียงของคนในร้านดังเซ็งแซ่ ทันทีที่เนสถอนจูบออก หนุ่มผมทองก็สบตากับหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังเบิกตาค้างด้วยสายตาเป็นประกายหยอกล้อ ก่อนจะหันกลับมาหาคนดูแล้วกล่าวขึ้นว่า...

“ผมกับคลาร์กเป็นแฟนกันครับ พวกเราคบกันมาได้สามปีแล้ว”

“กรี๊ดดดดด!!!!”

“เชี่ยยย เปิดตัวว่ะ”

“โหยพี่แม่งจริง!”

หลายเสียงยังคงดังขึ้นด้วยการพูดถึงข่าวน่าช็อกของสมาชิกวงเหล้า...ศิลปินหน้าใหม่ไฟแรงแห่งปี

ท่ามกลางสายตาและเสียงกรี๊ด ก่อนที่เพลงจะดำเนินต่อไปพร้อมกับที่นักร้องนำกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง คลาร์กก้าวเข้ามาใกล้เนสมากขึ้นก่อนจะกระซิบคำพูดให้ได้ยินกันแค่สองคน...

“ร้ายนักนะ แต่...กูชอบว่ะ รักมึงชะมัด”

น้ำคำที่ทำให้เนสเกือบหลุดหัวเราะ แต่พยายามฝืนไว้และทำแค่ฉีกยิ้มกว้าง พลางคิดในใจว่า...

เออ กูก็รักมึง

ไว้บอกมันหลังจากจบงานคืนนี้แล้วกัน หึ ๆ




[FIN]





__________

กว่าจะแต่งจบ โฮกกก ไม่ได้เขียนนิยายแบบจริงๆ จังๆ นานมาก เพราะทุกวันนี้ก็ทำอย่างมากแค่รีไรท์ตัดนั่นเพิ่มนี่เท่านั้น พอมาเขียนตอนพิเศษตอนสุดท้ายที่จะลงเว็บหลังจากไม่ได้เขียนมานาน ก็รู้สึกว่ามันดูแปลกพิกล อ้อ อ่านๆ ไปถ้าใครงงหรือคิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลต้องขอโทษด้วยนะคะ เราปวดตาอ่ะ สมองเบลอๆ ยังไงจะกลับมาตรวจทานแล้วแก้ให้นะคะ เอาแบบนี้ไปอ่านก่อนเนอะ

อยากทอล์คอีกหลายเรื่องแต่คิดว่าไม่ไหวแล้วล่ะ ต้องนอนแล้ว ไว้โอกาสหน้าจะมาชวนคุยนะคะ ไม่รู้จะมีคนอยากคุยกับเรามั้ย เห็นชวนคุยทีไรเงียบกันทุกที ฮือออ แล้วพบกันเมื่อมีโอกาสค่ะ คิดถึงนะ รักมากด้วย จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-12-2017 10:27:49
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-12-2017 13:13:41
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-12-2017 16:26:17
 :L2:
 o15 o15
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-12-2017 19:08:28
ว้าว...
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-12-2017 02:46:20
คู่นี้ก้น่ารักนะเนี่ยย
ขอบคุณค่าาา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-12-2017 16:52:16
เป็นการเปิดตัวที่อล่างฉ่างมาก5555 เหมาะกับนิสัยเนสดี :laugh:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 26-12-2017 21:47:58
ท่านเจ้าที่ 555 อยากไปจุดธูปที่ศาลพระภูมิ แล้วด่ามั่งเลย555 เผื่อจะได้แบบนี้บ้าง :hao7:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Persephone ที่ 28-12-2017 11:11:37
คือเมื่อกี้ดูทีวี มีธุรกิจบ้านเทวดา แบบ เฮ้ย เหมือนเรื่องนี้เลย ใช่เลยอ่ะ55555555 แค่ไม่มีลายชมพูพาสเทลกับยูนิคอร์นสีรุ้ง :hao7:

Cr.The angel home บ้านเทวดา
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: beer9999 ที่ 04-01-2018 06:28:29
ชอบอ่ะ น่ารักดี แต่ น้ำตาไหลแปบกลั้นไม่อยู่อ่ะ ขอบคุณน๊า
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Extra 3 [22-12-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-01-2018 06:36:05
น่ารักมาก อ่านแล้วชอบ
แต่อยากอ่านคู่ไวท์กับคู่ของธีร์ด้วย
อยากรู้เรื่องราว เกี่ยวโยงกับท่านเจ้าที่ยังไง
แค่ยังไงก็ขอบคุณนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: HAPPY NEW YEAR [09-01-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 09-01-2018 22:44:41

Special Chapter

HAPPY NEW YEAR

 

ปีใหม่ปีแรกที่เขาสูญเสียหัวใจไปมันเป็นยังไง...แทงค์จำได้แม่นเลยล่ะ

ก่อนที่จะได้พบกับท่านเจ้าที่ ปีใหม่ของเขาก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าเดิม ก็แค่ไปสังสรรค์กับเพื่อน แล้วกลับบ้านมานอนในสภาพที่มีสติและเมากรึ่มๆ เท่านั้น หรือไม่ก็เมาหนักจนหลับคาที่ต้องให้เพื่อนมาส่ง

ไม่มีอะไรพิเศษเลยจริงๆ จนเมื่อเขาได้พบกับคนที่รักมากกว่าใคร หากแต่ก็เสียอีกฝ่ายไปในเวลาไม่นานเช่นกัน

ปีใหม่ปีนั้นเปรียบดั่งนรกสำหรับเขา หลายเดือนนับจากที่ท่านเจ้าที่จากไป แทงค์ไม่เคยทำใจได้เลย เขายังคงไปเรียน ไปทำงาน ไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ทุกอย่างที่เขาทำไร้ซึ่งความสุข ราวกับว่าคำๆ นั่นมันโดนขโมยไปจากชีวิตของเขา ทิ้งไว้เพียงความคิดถึงและความเสียใจที่โอบล้อมรอบตัวเขาไม่จางหาย

ตอนนั้นเขาปฏิเสธคำชวนของเพื่อน ไม่ว่าจะพวกไอ้เนสหรือไอ้ธีร์ ไม่ว่าใครเขาก็ไม่ตอบรับคำชวนไปเคานท์ดาวน์ด้วยเลยแม้แต่คนเดียว เพราะเขาไม่อยากไปไหน อยากอยู่เงียบๆ ในบ้านที่มีแตค่เขากับความทรงจำที่คิดถึง

คืนนั้นหนาวจับใจ ทรมานราวกับมีเกล็ดน้ำแข็งห่อหุ้มตัวเขาทั้งๆ ที่มันไม่มีทางเป็นไปได้ ก็ในเมื่อนี่มันประเทศไทยนะ จะไปหนาวจับจิตจับใจแบบนั้นได้อย่างไรกันล่ะ

เวลานับถอยหลัง แทงค์นอนเหม่อมองนาฬิกาอยู่บนเตียงนอน ไม่นำพากับเสียงพลุที่ดังมาให้ได้ยิน เสียงสรวลเสเฮฮาของเพื่อนบ้านที่กำลังฉลอง เสียงเพลงรื่นเริง ไม่ว่าเสียงอะไรก็ราวกับลอยผ่านการรับรู้ของเขาไปหมดทั้งสิ้น

เขาปิดตาลงในตอนที่เข็มนาฬิกาเลื่อนจากห้าสิบแปดนาทีเป็นห้าสิบเก้านาที...อีกแค่นาทีเดียวเท่านั้นวันสุดท้ายของปีนี้ก็จะผ่านไป และปีใหม่ก็จะมา

ปีใหม่ที่เขาก็ยังคงสูญเสียหัวใจไปอยู่ดี

ชายหนุ่มนอนลืมตานิ่งๆ อยู่ท่าเดิม ไม่นำพาต่อเสียงพลุที่ดังขึ้น เสียงเฉลิมฉลองหรือเสียงเพลง ไม่ว่าเสียงอะไรก็ไม่เข้าหูของเขา ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย ในสมองวนเวียนคิดแต่ว่าตอนนี้ท่านเจ้าที่จะเป็นยังไง ไปเกิดใหม่ที่ไหน ครอบครัวที่ได้ต้อนรับอดีตเทวดาผู้สูงศักดิ์จะดูแลเขาดีหรือเปล่า

และเขาคงจะเป็นอย่างนั้นจนถึงเช้าหากไม่ใช่เพราะเหล่าเพื่อนๆ ของเขาบุกมาถึงที่บ้านเพื่อลากเขาออกไปสังสรรค์ วันนั้นเขาเผลอตวาดใส่พวกมันไปด้วยซ้ำตอนที่โดนตื๊อมากๆ เข้าจนตัวเองรำคาญ

“มึงจะไปไหนก็ไป แต่กูไม่ไปไหนทั้งนั้น!!!”

“ไอ้แทงค์! มึงเลิกเป็นอย่างนี้ได้ไหมวะ!?”

“กูจะเป็นยังไงก็เรื่องของกู อย่ามายุ่ง!”

“ไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะมึงเป็นเพื่อน แล้วพวกกูจะปล่อยมึงให้จมกับควาเศร้าต่อไปได้ยังไง! มึงรู้ตัวไหมว่าตอนนี้สภาพมึงดูไม่ได้ขนาดไหน หา?!”

“...”

“กูเข้าใจว่ามึงเสียใจ แต่อย่าทำร้ายตัวเองดิวะไอ้แทงค์”

“นั่นดิ พวกกูเป็นห่วงนะเว้ย ถ้ามึงอยากระบายก็พูดกับพวกกู แต่อย่าเป็นแบบนี้ อย่าทำเหมือนชีวิตมึงไม่เหลือใครทั้งๆ ที่มึงยังมีเพื่อนอย่างกู ไอ้เนส ไอ้คลาร์ก ไอ้ฮัท ทุกคนที่เป็นเพื่อนมึงยังยืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้ามึงนี่ไง!”

“...”

“เพราะงั้นช่วยเห็นความห่วงใยของพวกกูเหอะนะ”


คำพูดของไอ้พัฟในตอนนั้นทำให้เขาได้สติ แทงค์เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เหตุผลแรกเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง ก็จริงอย่างที่มันพูด...เขาไม่ได้อยู่คนเดียว ตอนนี้เขายังมีเพื่อน มีญาติพี่น้องเหลืออยู่ แม้จะไม่ได้ใกล้ตลอดเวลา แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความห่วงใยเสมอ

และเขาไม่ควรทำให้คนเหล่านี้เป็นห่วงไปมากกว่านี้อีก

เวลาผันผ่าน จากปีใหม่ปีนั้นเข้าสู่ปีใหม่ปีต่อมา แต่ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม...แทงค์ไม่ได้เศร้าเสียใจร้องไห้คนเดียวอีกแล้ว เขากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ไปเที่ยวเล่น ทำงาน ไปเรียน ไปสังสรรค์กับเพื่อน หากแต่สิ่งหนึ่งที่เขายังคงเฝ้านึกถึงเสมอก็คือท่านเจ้าที่

เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็หยุดรักและคิดถึงคนๆ นั้นไม่ได้...ไม่มีวัน

ปีใหม่ปีที่สามเวียนผ่าน เขาดำเนินชีวิตด้วยความสุขที่มากกว่าเดิม และแน่นอนความคิดถึงคำนึงหาท่านเจ้าที่ก็ยังมีอยู่เช่นเดิมเหมือนกัน เขากลายเป็นศิลปิน มีเพลง มีแฟนคลับ เป็นที่รู้จักมากขึ้น

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับเขาเมื่อได้ทำงานร่วมกับโมเดลลิ่งชิ้นนั้น...งานที่ทำให้เขาได้พบกับคนที่จากไปและกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งแบบที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน

ท่านเจ้าที่ของเขากลับมาหลังจากปีใหม่ปีที่สามผ่านพ้น

 

 

ปีนี้คือปีใหม่ปีที่สี่ แต่ไม่ใช่ปีที่เขาสูญเสียหัวใจอีกแล้ว...

คนที่หัวใจเฝ้าคิดถึงมาอยู่ตรงหน้าเขา กอดเขาเอาไว้ท่ามกลางลมหนาวที่พัดโชยมาสัมผัสผิวกาย

“นึกยังไงพาผมมาเที่ยวที่นี่”

มือกลองหนุ่มเอ่ยถาม แย้มยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบที่กระซิบอยู่ข้างหู

“ก็แค่คิดว่าที่นี่โรแมนติกดี”

“เหรอ”

“ไม่คิดงั้นเหรอ?” ร่างสูงย้อนถาม แขนแกร่งปล่อยคนร่างโปร่งออกเพื่อมองสบตา คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงขอคำตอบจากคำถามที่ได้เอ่ยออกไป

คนโดนถามยิ้มกริ่ม “ก็ดี”

“แค่ก็ดีเนี่ยนะ?”

“อ่า...ฮะ งั้นอยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ”

“ที่นี่ดีมาก ผมชอบ”

“โห นี่มั่นใจมากเลยสินะว่าผมต้องชอบที่นี่”

“แน่นอน” นายแบบหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มใบหน้าลงแนบหน้าผากตนเองกับหน้าผากของคนรัก ดวงตาสีรัตติกาลสบลึกเข้าไปยังนัยน์ตาของอีกฝ่าย “เพราะพี่ตั้งใจให้ที่นี่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในการฉลองปีใหม่ปีแรกของเรา”

แทงค์นิ่งงันไป ชายหนุ่มหวนนึกไปถึงเทศกาลปีใหม่เมื่อปีก่อนๆ คิดแล้วก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างห้าไม่ได้เมื่อนึกย้อนไปถึงปีนั้นที่เขาโดนไอ้พัฟพูดเคตือนสติ ก่อนวันต่อมามันจะลากเขาไปฉลองปีใหม่ที่ต่างจังหวัด

ภูตลาต้องเอ่ยถามเมื่อเห็นคนรักหัวเราะขึ้นมาเสียเฉยๆ “หัวเราะอะไรเนี่ย”

“เปล่าๆ ผมไม่ได้ขำพี่นะ แต่ผมนึกถึงครั้งก่อนนู้นที่ผมไม่ยอมไปฉลองปีใหม่ที่ไหนเพราะยังเสียใจเรื่องพี่น่ะ”

“อ่า...” พอได้ยินแบบนั้นนายแบบหนุ่มก็พูดอะไรไม่ออก สีหน้ารู้สึกผิดฉายชัดจนแทงค์ต้องโบกมือไปมาแล้วว่า

“อย่าคิดมากเลย ตอนนั้นพี่ก็ไม่ได้อยากทิ้งผมไปนี่จริงมั้ย?”

“อืม”

“ปีนั้นผมอาการแย่มากล่ะมั้ง เอาแต่เรียน ทำงาน แต่ไม่ยอมไปเที่ยวไปสังสรรค์ที่ไหนกับเพื่อนเลย พวกไอ้เนสกับไอ้พัฟไม่รู้ว่ามันไปคุยวางแผนกันตอนไหน พวกมันบุกมาลากผมออกไปเที่ยวที่อยุธยา พาไปไหว้พระเก้าวัดอ่ะ ฮ่าๆๆ”

“นึกว่าจะไปทะเลหรืออะไรทำนองนั้นเสียอีก”

“นั่นสินะ แต่รู้ไหมพวกมันให้เหตุผลกับผมว่าอะไร”

“อะไรล่ะ?”

“พวกมันบอกว่ามึงเอาแต่เสียใจแบบนี้ จิตใจมึงก็ไม่ยอมสงบลงสักที มาไหว้พระบ้างเผื่อว่าจะทำให้จิตใจสงบและปลงได้กับการจากไปของพี่”

“ฮะๆ นายมีเพื่อนที่ดีนะ”

“นั่นสิครับ” แทงค์ตอบรับพลางหัวเราะ

ร่างสูงนึกบางอย่างขึ้นได้ “ว่าแต่นายบอกพวกเขาไปว่าอะไรเหรอ ตอนที่พี่ไม่อยู่แล้วน่ะ”

“อ้อ ผมบอกไปว่าพี่ย้ายไปแล้ว พวกมันก็ถามนะว่าผมโดนพี่ทิ้งเหรอ ผมก็บอกว่าเปล่า แต่พี่แค่จำเป็นต้องไป และคงจะไม่ได้เจอกันอีก”

“แล้วพวกเขาก็เชื่อ?”

“แรกๆ ไอ้เนสไอ้คลาร์กก็โมโหแหล่ะ มันปักใจเชื่อว่าพี่ทิ้งผม แต่พอผมยืนยันมากๆ เข้าพวกมันก็เชื่อ แถมยังแต่งเรื่องเพิ่มความเข้าใจให้ตัวเองด้วยการคิดเป็นตุเป็นตะว่าพี่เป็นลูกเศรษฐีพันล้านจากต่างประเทศ แต่โดนกีดกันไม่ให้รักกับผมเลยต้องแยกจากกัน”

“ฮ่าๆๆๆๆ” ได้ฟังมาถึงตรงนี้ภูตลาก็อดจะหัวเราะลั่นไม่ได้ ความคิดของมนุษย์นี่ช่างบรรเจิดดีจริงๆ “แล้วนายบอกพวกเขาว่าไง”

“หึๆ ก็บอกแค่ว่าอยากคิดอะไรก็เชิญ” แทงค์หัวเราะตาม “แต่ตอนนี้พวกมันก็เชื่อตามที่พี่โกหกกับท่านประธานและสื่อมวลชนนั่นล่ะ ว่าพี่ไปเป็นนายแบบตามความฝันเลยต้องไปจากผม”

“อืมมม แบบนี้ดีกว่านะ ไม่เว่อร์จนเกินจริง ไม่คิดงั้นเหรอ?”

“ครับๆๆ แฟนผมเนียนกว่าครับ ฮ่ะๆ”

นายแบบหนุ่มรั้งร่างโปร่งมากอดอีกครั้ง หากแต่คราวนี้สวมกอดจากด้านหลังแทน วางคางลงบนศีรษะของแทงค์แล้วโยกตัวไปมาพาให้มือกลองหนุ่มต้องหลุดหัวเราะอีกรอบ อยากจะแซ็วอยู่หรอกว่าทำเหมือนเขาเป็นเด็กๆ แต่พอดีว่าเขาก็ชอบน่ะนะ เลยไม่ได้ท้วงอะไร

“ว่าแต่จะบอกได้หรือยังว่าทำไมพาผมมาที่นี่ บ้านพักตากอากาศกลางเขาแบบนี้ไม่ใช่จะจองก็จองได้ง่ายๆ พี่ไปแอบจองเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนกันเนี่ย”

“ก็หลายเดือนอยู่นะ แล้วก็อย่างที่พี่บอกไปนั่นล่ะ พี่อยากให้ปีใหม่ปีแรกของเราเป็นที่น่าจดจำที่สุด”

ได้ฟังดังนั้นแทงค์ก็รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก แก้มแทบปริเมื่อเขาไม่สามารถหุบยิ้มลงได้ มีแต่จะยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิมเรื่อยๆ ซะด้วยซ้ำ

“นี่”

“หืม?”

“ผมมีของขวัญปีใหม่ให้พี่ด้วยนะ”

“หืมมม” ร่างสูงทำตาเป็นประกาย แบมือไปตรงหน้าคนรักทันที “ไหนๆๆ”

“อยู่ในห้องอ่ะ”

“งั้นไปเอา” ว่าแล้วก็จับจูงมือบางให้เดินกลับเข้าห้องพัก แต่แทงค์ก็รั้งเอาไว้ซะก่อน

“พี่อยู่นี่แหล่ะ เดี๋ยวผมเข้าไปเอาคนเดียว”

“จะเซอร์ไพรส์กันหรือไง หึๆ”

“ไม่มีเซอร์ไพรส์ไรทั้งนั้น อย่าหวังเลย ฮ่าๆๆ” มือกลองหนุ่มหัวเราะขำ “รอนี่แหล่ะ อีกสิบนาทีจะเที่ยงคืนแล้ว ผมอยากให้เห็นพลุ”

“ไม่เห็นเกี่ยวกับที่จะกลับเข้าไปเอาของในห้องเลย”

“เกี่ยวแน่ๆ เพราะถ้าพี่เข้าไปด้วย เดี๋ยวพี่ก็หาเรื่องจับผมทุ่มลงเตียงแล้วเคานท์ดาวน์บนเตียงแทนน่ะสิ!”

“ฮ่าๆๆๆ”

“หัวเราะแบบนี้ผมพูดถูกใช่ไหมล่ะ เจ้าที่อะไรวะหื่นชะมัด”

“ตอนนี้พี่ไม่ได้เป็นเจ้าที่แล้วนะแทงค์ จะหื่นกับแฟนก็ไม่แปลกหรือเปล่าครับ? หึๆ”

แทงค์แกล้งถลึงตาใส่ร่างสูงก่อนจะรีบก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ไม่อยากต่อปากต่อคำกับแฟนหนุ่มมากไปกว่านี้เพราะกลัวจะถึงเวลาเคานท์ดาวน์เสียก่อน

ไม่นานชายหนุ่มก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกล่องขนาดพอเหมาะไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป เป็นกล่องสำเร็จรูปที่สามารถเปิดฝาได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาแกะกระดาษใดๆ ทั้งสิ้น

“เหลืออีกกี่นาทีครับ”

“ห้านาที” ภูตลาหันมาตอบ ดวงตาคู่คทเหลือบลงมองกล่องในมือบาง “นั่นของพี่?”

“อ่าฮะ แต่จะว่าไปผมมีของให้พี่แล้วพี่ล่ะ มีให้ผมบ้างเปล่า?” แทงค์เลิกคิ้วยียวนใส่ ให้คนตัวโตกว่าขยี้เส้นผมอย่างมันเขี้ยว

“พี่ก็พามาเที่ยวที่นี่ไง นี่แหล่ะของขวัญปีใหม่ของพี่”

“พูดจริง?”

นายแบบหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะรีบถาม “โกรธหรือเปล่า?”

“ฮะ? โกรธอะไร ผมไม่ได้โกรธอะไรนะ”

“ก็ที่พี่ไม่มีของขวัญให้ไง”

“เฮ้ย! ไม่โกรธๆ ผมก็แค่ถามไปงั้น แค่พี่พามาเที่ยวก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว” แทงค์ยิ้มละไมให้แฟนหนุ่ม ก่อนจะยื่นกล่องในมือให้อีกฝ่าย “อ่ะ เอาไปเปิดดูสิครับ”

“เปิดได้เลยเหรอ?”

“ใช่”

อดีตเทวดาหนุ่มรับกล่องมา เรียวนิ้วแกร่งเตรียมเปิดฝากล่องด้วยความตื่นเต้น เหลือบขึ้นสบตาสีนิลสวยของคนรัก เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มกว้างให้ ชายหนุ่มก็เปิดกล่องออกทันที

ของในกล่องเป็นของธรรมดา แต่ทันทีที่เห็น...ภูตลาก็ไร้ซึ่งคำพูดใดจะเอ่ยออกมาแทนความรู้สึกเต็มตื้นในใจ

ในนั้นคือสมุดเล่มหนึ่ง หน้าปกมีรูปคู่ของพวกเขาสองคนพร้อมกับประโยคหนึ่งประกอบรูปถ่ายนั้น...

ความทรงจำครั้งใหม่ของเรา

“เปิดดูข้างในสิครับ” มือกลองหนุ่มพยักพเยิดหน้าให้กับของในกล่อง

ภูตลาหยิบสมุดออกมาก่อนจะเปิดสู่หน้าแรก แล้วเขาก็ได้รู้ว่าสิ่งนี้คือสมุดภาพของเขากับแทงค์

ในนั้นมีภาพของพวกเขาตั้งแต่วันแรกที่กลับมาเจอกัน...วันแถลงข่าวและจูบหวานๆ บนเวทีท่ามกลางสื่อมวลชนและแฟนคลับ ภาพที่ถ่ายด้วยกันอัพลงโซเชียลแทบทุกวัน หรือแม้แต่ภาพที่เราถ่ายเล่นกันในวันหยุด ทุกๆ ภาพล้วนมีความหมาย เพราะมันคือการรวมช่วงเวลาที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

หน้าสุดท้ายของสมุดภาพคือประโยคเรียบง่ายแต่ตราตรึงหัวใจคนอ่านที่สุด

I LOVE YOU

นายแบบหนุ่มเงยหน้าสบตาเป็นประกายของคนรัก มือหนาข้างหนึ่งละจากสมุดภาพมาจับใบหน้าขาวใสของมือกลองหนุ่ม ก่อนจะโน้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่ม เนิ่นนานก่อนจะผละออกเพื่อกระซิบบอกคำรักหวานๆ กลับไป กอ่นที่เสียงพลุจะดังขึ้นเมื่อเวลาเที่ยงคืนมาถึง

“ไอเลิฟยูทู”

ปั้ง! ปั้ง!

“แฮปปี้นิวเยียร์ครับพี่ภู”

“สุขสันต์วันปีใหม่ครับ”

อ้อมกอดอันอบอุ่นในวันปีใหม่แรกของพวกเรา...แทงค์จะไม่มีวันลืมเด็ดขาด





__________

ตอนพิเศษปีใหม่ค่ะ มาช้ามากกก 55555 แต่หวังว่าจะยังมีคนอยากอ่านนะคะ ฮือ ปีใหม่ปีแรกของอดีตท่านเจ้าที่กับน้องแทงค์ เราห่างหายจากการเขียนนิยายไปเป็นเดือนได้ ถ้าภาษามันแปลกๆ ก็บอกได้นะคะ เราก็มึนๆ งงๆ เหมือนกัน ป่วยอยู่ด้วย เป็นหวัดมาหลายวันแล้ว พิมพ์ไปไอไป เอื้อ จะตายยย

ช่วงนี้ดองหมดทุกอย่าง เพิ่งส่งต้นฉบับท่านเจ้าที่ไปค่ะ เลยยังไม่ได้เขียนอะไรอีก เรื่องของตายนั่นก็ชะงักงันไปเป็นเดือนกว่าๆ แล้วเช่นกัน แง อยากเขียนนะ แต่ฟีลตอนนี้ไม่มีอารมณ์จริงๆ ค่ะ ไม่มีแรงใจจะเขียนเลย ทำไงดี แง้ อยากจะกรีดร้องโวยวายใส่ตัวเองเหลือเกิน

ก็...ขอสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะคะ ขอให้ปีนี้นักอ่านทุกคนของท่านเจ้าที่พบเจอแต่สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต มีปัญหาอุปสรรคอะไรก็ขอให้ป่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็ว ร่ำรวยเงินทอง มีความสุขในทุกๆ วันกันนะคะ รักกกก //มินิฮาร์ท

หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: HAPPY NEW YEAR [09-01-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 14-01-2018 21:31:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: HAPPY NEW YEAR [09-01-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-01-2018 10:37:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: HAPPY NEW YEAR [09-01-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-01-2018 15:50:03
 :o12:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: HAPPY NEW YEAR [09-01-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 03-02-2018 14:52:37
 o13
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: HAPPY NEW YEAR [09-01-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 07-02-2018 17:07:07
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: HAPPY NEW YEAR [09-01-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 11-02-2018 21:48:34
พล็อตเรื่องน่าติดตามดีครับ
ฮาไปกับความง๊องแง๊งของทั้งคู่

ตอนจบค่อนข้างจะเคลียร์ไปเรื่องราวบางส่วนใน ตอนพิเศษ ถือว่าได้รวมยอมรับได้ว่าจบแล้ว
หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: HAPPY NEW YEAR [09-01-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 01-03-2018 16:07:23
น่าร้ากกกกกกกก อ่านรวดเดียวจบเลยยยยย
เขินท่านเจ้าที่มากกกกก ><
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 1 [18-06-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 04-03-2018 20:31:02
ฮามากชอบ  5555555  :laugh:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 15 [30-07-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 04-03-2018 23:06:17
 :a5: o22 พีค! 55555 นึกว่าผีสาวจะมาตามแทงค์

ที่ไหนได้อยากเห็นท่านเจ้าที่  :m20:
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: ตอนที่ 40 [11-10-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 04-03-2018 23:21:31
 :jul1:   :haun1:
หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Happy White Day [14-03-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 14-03-2018 23:00:18
Short Special Chapter

Happy White Day

 

Today: 14 March 2018

เนส: พี่ภู วันนี้ไม่พาไอ้แทงค์ไปเที่ยวไหนเหรอ

แทงค์: เที่ยว? เที่ยวทำไมวะ? วันนี้ไม่ใช่วันหยุดนี่

คลาร์ก: มึงไม่รู้จริงอะว่าวันนี้วันอะไร?

แทงค์: //ทำหน้างง

ภูตลา: หึ ๆ //ยิ้มขำ

แทงค์: พี่หัวเราะทำไมเนี่ย หัวเราะแบบนี้แปลว่าวันนี้ไม่ใช่วันธรรมดาทั่วไปใช่ป่ะ?! แล้วมันวันอะไรวะ?

ฮัท: วันนี้วันไวท์เดย์

แทงค์: อ๋อออ...แล้วทำไมอะ ก็แค่วันไวท์เดย์

เนส: มึงนี่แม่งไม่มีความโรแมนติกเลยไอ้ห่า วันไวท์เดย์มันเป็นวันที่เขาเอาไว้ให้คำตอบกับคนที่มาสารภาพรักในวันวาเลนไทน์ไง ถือเป็นวันพิเศษ ๆ วันหนึ่ง ถึงแม้ประเทศไทยเราจะไม่ได้ยึดถือวันนี้เป็นเทศกาลเล็ก ๆ เหมือนที่เกาหลี ญี่ปุ่นก็เหอะน่ะ

คลาร์ก: ใช่! และเพราะมันถือเป็นวันพิเศษวันหนึ่ง พวกกูเลยสงสัยว่าทำไมมึงไม่ออกไปเที่ยวกับพี่ภู ไหน ๆ วันนี้ก็ไม่มีงานอยู่แล้วด้วย

แทงค์: ทำงานมาตลอดหลายวันติด ได้พักสักวันใครมันจะอยากออกไปเที่ยวข้างนอกวะ นอนพักอยู่เฉย ๆ ดีกว่า ว่างั้นมั้ยพี่ภู //หันไปถามความเห็นแฟนหนุ่มสุดหล่อ

ภูตลา: อ่าฮะ แล้วอีกอย่างพี่กับแทงค์ก็เป็นแฟนกันแล้วด้วย วันนี้ไม่ใช่วันที่จำเป็นสำหรับเราสองคนหรอก //ว่าพลางดึงไหล่มือกลองหนุ่มมากอดรัดแนบแน่น ไม่วายกดจมูกหอมขมับบางไปอีกทีหนึ่งหนัก ๆ

คนที่เหลือ: //ทำหน้าเอือมกับการแสดงความรักไม่แคร์เพื่อนของทั้งสอง

ฮัท: จะว่าไปเมื่อวันวาเลนไทน์ก็ไม่ได้ไปฉลองด้วยกันไม่ใช่เหรอครับ?

เนส: เออ เหมือนวันนั้นจะติดงานใช่ป่ะ เราไปออกรอบแสดงที่ต่างจังหวัดพอดี กว่าจะกลับมาก็อีกวันหนึ่งแล้ว ส่วนพี่ภูก็ไม่ว่างตามไปดูไอ้แทงค์เพราะติดถ่ายแบบ

แทงค์: พวกมึงนี่จำแม่นเรื่องของกูกับแฟนมากเลยเนอะ //ยิ้มเจ้าเล่ห์มองเพื่อนทั้งสามคน

คลาร์ก: จะด่าพวกกูว่าเสือกก็ด่ามา ไอ้เวร

แทงค์: ฮ่า ๆ ๆ ๆ มึงพูดเองนะ

ฮัท: ผมว่าพี่พาไอ้แทงค์มันไปพักผ่อนด้วยกันบ้างก็ดีนะพี่ ไหน ๆ ก็ว่างจนถึงวันพรุ่งนี้ด้วย ช่วงก่อนหน้านี้งานสุมจนแทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลยไม่ใช่หรือไงพี่

ภูตลา: ก็จริง งั้นพี่พาแทงค์ไปพักผ่อนก่อนดีกว่า

แทงค์: หะ? พี่จะพาผมไปไหนอะ?

ภูตลา: อืม นั่นสิ ไปไหนดีนะ //ว่าพลางซุกหน้าลงกับเส้นผมนุ่มลื่นสีปีกกา ไซ้ปลายจมูกเล่นกับใบหูขาว

แทงค์: มาซุกงี้ผมว่าพี่คงไม่อยากออกไปไหนหรอก อยากพาผมขึ้นเตียงมากกว่ามั้ง ฮะ ๆ //เอ่ยแซ็วแต่ก็เลื่อนสองแขนโอบกอดเอวหนาของนายแบบหนุ่มเอาไว้

ภูตลา: รู้ใจดีจัง //เลื่อนฝ่ามือเข้าใต้เสื้อยืดตัวบางที่คนรักใส่อยู่ ลากปลายนิ้วลูบเอวไปมา

แทงค์: ก็คิดเหมือนกันเลยรู้ใจ หึ ๆ //เงยหน้าสบตาคู่คมของอดีตท่านเจ้าที่ มองริมฝีปากที่กำลังเลื่อนลงมาหาตนเองช้า ๆ สายตามีความคาดหวัง อยากจะลิ้มรสสัมผัสเรียวปากหนาของอีกฝ่ายโดยไว

คนที่เหลือ: //มองทั้งสองตาโตแทบถลน

ฮัท: หยุด! หยุด ๆ ๆ หยุดเดี๋ยวนี้เลย!

เนส: กลับไปซั่มกันที่บ้านโว้ยยย!!! //ตะโกนลั่นพลางยกมือปิดหน้ารับไม่ได้ที่ต้องมาเห็นเพื่อนนัวเนียกับผัว!

คลาร์ก: ทำไมกูต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ด้วยวะ แม่งเง้ยยย //ยกมือทึ้งหัวรับไม่ได้เช่นกัน

แทงค์: ฮะ ๆ ๆ ๆ ไปเหอะพี่ภู กลับบ้านของเรากัน

ภูตลา: บ้านของเรา...ฟังกี่ครั้งก็รู้สึกดีแฮะ //ยิ้มกว้าง ลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือให้มือกลองหนุ่มจับ

แทงค์: เนอะ บ้านของเรา ขอแค่มีเราก็พอแล้ว //จับมือหนาแล้วฉุดตัวเองขึ้นยืน ก่อนจะสวมกอดเอวของนายแบบหนุ่มอีกครั้ง ถูกหน้าไปกับแผ่นอกกว้างล่ำสัน

ภูตลา: //สวมกอดกลับแล้วโยกตัวไปมา

คนที่เหลือ: ไปหวานกันไกล ๆ โว้ยยย!!!

 

HAPPY WHITE DAY

หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Happy White Day [14-03-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-03-2018 01:21:39
ขอบคุณนะค่ะที่แวะมาลงตอนพิเศษเพื่อเพิ่มความหวานให้คนอ่านค่ะ,,,
ถ้ามีเรื่องใหม่อย่าลืมมาแนะนำไว้ในนี้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Happy White Day [14-03-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: akajinkame ที่ 23-03-2018 07:02:30
อึ้งตั้งกะ บ้านข้าไม่มีไวไฟน์แล้ว 5555 ชอบเวลาที่เถียงกัน ท่านเจ้าที่แซ่บมากกกก อยากอ่านเรื่องของไวท์กับธีย์แล้วค่า
หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Songkran Day [16-04-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 16-04-2018 23:48:15
Special Chapter

HAPPY SONGKRAN DAY

 

วันสงกรานต์คือวันแห่งความสุข เทศกาลนี้อาจไม่ใช่เทศกาลออริจินัลของคนไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศเราค่อนข้างขึ้นชื่อ และเทศกาลนี้ก็มักจะมาพร้อมความคึกคักทุกปี มีทั้งเรื่องดีและไม่ดีปะปนกันไป

และแน่นอนมันมีทั้งคนที่เล่นน้ำและไม่เล่นน้ำ คนที่ได้หยุดและคนที่ยังต้องไปทำงาน ที่จริงวงเหล้าเองก็มีงานเหมือนกัน แต่เป็นแค่งานโชว์ตัวในวันสงกรานต์ที่สยามเท่านั้น...ก็แค่ไปที่นั่น เล่นน้ำและพูดคุยกับแฟนคลับ จะเรียกว่างานก็ยังเรียกได้ไม่เต็มปากด้วยซ้ำ เพราะเหมือนไปเล่นสงกรานต์ปกติธรรมดานี่แหละนะ

“พี่แทงค์ อ๊ายยย พี่แทงค์จ๋า”

“ครับผม” มือกลองหนุ่มหันไปยิ้มให้แฟนคลับมาเอ่ยเรียกเขา พอเห็นอีกฝ่ายถือสมาร์ทโฟนส่องมาทางเขา ชายหนุ่มก็ยกสองนิ้วให้แต่ก็ไม่ลืมที่จะถาม “ถ่ายรูปหรือวิดีโอครับเนี่ย”

“รูปค่า พี่แทงค์ หนูขอเซลฟี่ได้มั้ยง่า”

“ได้ครับ มาสิ”

แล้วแทงค์ก็แวะเวียนถ่ายรูปกับแฟนคลับที่เข้ามาขอถ่ายด้วยไปเรื่อย ๆ ทั้งถ่ายเดี่ยวบ้าง ถ่ายกับสมาชิกคนอื่นในวงบ้าง หมุนเวียนกันไป บางทีก็มีถ่ายวิดีโอด้วยเช่นกัน แฟนคลับบางคนก็ยื่นมือมาให้เขาวางคาง เป็นการถ่ายคลิปยอดฮิตในโซเชียลช่วงนี้นี่นะ

RRRrrr

เสียงริงโทนโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ให้ต้องหยิบมันออกมากดรับ ปลายสายคือคนรักผู้เป็นนายแบบของเขาเอง

“ครับพี่ภู อยู่ไหนครับเนี่ย”

(อยู่ที่งานแล้ว นายอยู่ไหน)

“ผมอยู่...”

“กรี๊ดดดดด!!!!!”

ยังไม่ทันจะคุยกันรู้เรื่อง เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นแทรกเสียก่อน พร้อมกับเสียงฮือฮาที่ดังเคล้าคลอกันไป

แทงค์เอี้ยวตัวมองหาที่มาของสิ่งที่ทำให้คนกรี๊ด แล้วก็เห็นว่าตรงที่ไกลๆ นั่น คนจำนวนมากกำลังมองอะไรบางอย่างอยู่ พร้อมกันนั้นเสียงอื้ออึงก็ดังเข้ามาในสายจากทางฝั่งของพี่ภู

(เฮ้ย สุดยอดอ่ะ แต่งคอสเพลย์เหรอวะ)

(หน้าตาโคตรดีเลยอ่ะ แต่ทำไมแต่งชุดนี้)

(อ๊าย แก! ฉันว่าฉันจำเขาได้นะ)

(หน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนเลย)

เสียงที่ได้ยินลอดเข้ามาล้วนเป็นเสียงของคนอื่น จนมือกลองหนุ่มสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาพอจะเดาได้แล้วว่าพี่ภูอยู่ตรงไหน...ก็น่าจะจุดที่คนพากันไปมุงนั่นล่ะ

“พี่ภูครับ?”

(ฮัลโหล ได้ยินพี่ไหม)

“ได้ยิน ๆ ตกลงพี่อยู่ไหนครับเนี่ย”

“เฮ้ยไอ้แทงค์ กูว่าที่คนกำลังมุงอยู่นั่นน่ะ คือพี่ภูของมึงนะ”

“หา?” แทงค์ค่อนข้างงุนงง แต่ก็จ้ำเท้าเดินไปยังทิศทางที่ว่า โดยมีแฟนคลับวงเหล้าไล่ตามมาเช่นกัน “พี่ภู?”

อีกฝ่ายตัดสายทิ้งไปแล้ว มือกลองหนุ่มจึงยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จวบจนกระทั่งได้แทรกตัวเข้ามาอยู่แถวหน้าสุดของวงล้อมผู้คนที่กำลังมุงบางสิ่งบางอย่างอยู่

และภาพที่เห็นก็ทำให้ชายหนุ่มเบิกตากว้าง...

“พี่ภู!!!”

“อ้าว หาพี่เจอแล้วเหรอ” อดีตเจ้าที่ศาลพระภูมิยิ้มละไม เดินตรงเข้ามาหาคนรักหนุ่ม ก่อนจะกางแขนออกให้ดูชุดที่เขาสวมใส่ พลางว่า “เป็นไง เหมาะกับพี่มั้ย?”

“นี่พี่ใส่ชุดอะไรมาเนี่ย” แม้จะพูดเหมือนต่อว่า แต่สุดท้ายแทงค์ก็หัวเราะลั่น “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”

“ทำไมอ่ะ ไม่เจ๋งเหรอ?”

“เจ๋ง...เจ๋งมากครับ ฮ่า ๆ ๆ พี่นี่ช่างกล้านะครับ นึกถึงหน้านายแบบหล่อ ๆ ของตัวเองบ้างเถอะ”

สิ้นคำพูดของมือกลองหนุ่มวงเหล้า รอบข้างที่ได้ยินก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง เมื่อบางคนเริ่มจำได้แล้วว่าคนที่กำลังใส่ชุด ‘เจ้าที่’ อยู่ตรงหน้านี้คือใคร

“ตายโหง นี่มัน PAIN ที่เป็นนายแบบดังนี่นา”

“หา?! คนที่เป็นแฟนของน้องแทงค์น่ะเหรอ?!”

“แน่นอน ก็เมื่อกี้น้องแทงค์พูดเองนี่นา อ๊าย แก ฉันจะเป็นลม ฉันชอบคู่นี้มากอ่ะ”

“นายแบบดังคนนั้นไง ๆ”

“คุณเพน ๆ ๆ”

...และใช่แล้ว ตอนนี้ภูตลากำลังอยู่ในชุดเจ้าที่ล่ะ

ก็ไอ้ชุดสีขาวเหมือนพวกพราหมณ์เขาใส่กันนั่นไง ที่ครั้งหนึ่งแทงค์เคยถามเขาว่าทำไมเป็นเจ้าที่แล้วไม่ใส่ชุดแบบนี้เหมือนนละครน่ะ มาวันนี้เขาก็เลยใส่มาเล่นน้ำสงกรานต์ที่นี่ซะเลย พร้อมหมวกทรงสูงแหลมอันเป็นเอกลักษณ์

“พี่ภูของมึงโคตรกล้าอ่ะแทงค์”

เสียงของไอ้เนสดังขึ้นที่ข้างตัว ตามด้วยเสียงของแฟนลูกครึ่งของมัน...ก็ไอ้คลาร์กนั่นล่ะ

“ทำไมต้องชุดนี้วะ คอสเพลย์”

“งั้นมั้ง ฮะ ๆ ๆ ๆ” แทงค์ได้แต่ตอบรับแบบขอไปที ก้าวเท้าเข้าไปหาคนรักหนุ่ม “ไม่อายสินะครับ”

“ไม่อาย เท่ดีออก หึ ๆ”

“ถามจริงนึกไงใส่ชุดนี้เนี่ย”

“ก็แค่จำได้ว่านายเคยถามเมื่อตอนเรารู้จักกันใหม่ ๆ เลยคิดว่าน่าจะลองใส่ให้นายเห็นสักครั้ง”

“ลงทุนไปนะครับ ฮ่า ๆ ๆ”

ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน แน่นอนว่าแฟนคลับและผู้คนที่อยู่รายล้อมไม่พ้นต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอัดคลิปเก็บเอาไว้ พร้อมกับเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่ตามมา

“แต่หล่ออ่ะ ไม่คิดว่าใส่ชุดนี้ก็ยังหล่อ”

“นับถือความกล้า แต่จะว่าไปมันเรียกกล้าหรือบ้าวะ?”

“มึงไม่ลองใส่แบบนี้มาเล่นน้ำบ้างอ่ะ ปีนี้สนับสนุนการแต่งผ้าไทยด้วยนี่หว่า”

“เออ นี่อาจจะเป็นการใส่ผ้าไทยของ PAIN ก็ได้ แต่อยากให้แหวกแนวงี้”

“ถ้ากูใส่กูคงเป็นเจ้าที่จริง ๆ อ่ะไอ้สัด ไม่ใช่นายแบบแต่งคอสเพลย์”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”

คำวิจารณ์ที่ทำให้แทงค์ยิ่งหลุดขำ แต่ก็ไม่ลืมที่จะยื่นมือไปหาคนรักหนุ่มร่างสูง...ภูตลายื่นมือมาจับกันเอาไว้ พร้อมกันนั้นเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอีกครั้ง สลับไปกับเสียงลั่นชัดเตอร์ คาดว่าแฮชแท็กสงกรานต์วันนี้ต้องมีรูปของเขาสองคนเยอะมากแน่ ๆ

“ไปเล่นน้ำกันเถอะครับ”

แล้วหลังจากนั้นการเล่นสงกรานต์ก็กลับมาสนุกสนานเฮฮาตามปกติ มีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปบ้างประปราย แทงค์ทั้งโดนฉีดน้ำและไล่ฉีดคนอื่น ตัวของเขาเปียกปอนไปหมด ต่างจากพี่ภูที่เปียกเป็นหย่อม ๆ เท่านั้น

ที่ไม่เปียกทั้งหมดเพราะแทบไม่มีใครกล้าสาดน้ำใส่เขาน่ะสิ คงกลัวเจ้าที่อาละวาดล่ะมั้ง ทั้ง ๆ ที่พี่ภูอยากตัวเปียกจะตายแล้ว ฮ่า ๆ ๆ

“พี่หน้าดุเหรอแทงค์ ทำไมไม่มีใครกล้าสาดน้ำพี่แรง ๆ เลย”

“กลัวเจ้าที่สาปมั้งครับ ฮะ ๆ”

“ไม่อยากทำคนหล่อเปียกมากกว่าหรือเปล่า” ฮัทที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยแซวบ้าง วันนี้ทั้งวันมือเบสหนุ่มยิ้มมากกว่าหลายเดือนรวมกันซะอีก ก็นะ...เทศกาลมาเล่นน้ำแต่ทำหน้านิ่งก็ไม่ใช่เรื่องอ่ะ

“งั้นผมสาดพี่ให้เอาไหมครับ” เนสว่าพลางยักคิ้ว คนเป็นนายแบบกระตุกยิ้ม

“เอาสิ อยากเปียก”

“จัดไป” นักร้องนำของวงเหล้าสาวเท้าไปยังจุดบริการเติมน้ำที่อยู่ไม่ไกล โดยมีคลาร์กตามไปด้วย ไม่นานก็กลับมาพร้อมถังน้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่

ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้สัญญาณใด ๆ ทั้งสิ้น หนุ่มผมทองจัดการวงสวิงถังในมือขึ้นสูงแล้วสาดน้ำใส่ภูตลาเต็มกำลัง

โครม! ซ่า!!

เปียกปอนมาก ๆ บอกเลย

“สมใจไหมพี่ ฮ่า ๆ” มือกีตาร์หนุ่มเอ่ยถามพลางหัวเราะ ขณะที่แทงค์ถึงขั้นกุมท้องหัวเราะจนหยุดไม่ได้ไปแล้ว

เวลานี้อดีตท่านเจ้าที่ในชุดพราหมณ์สีขาวเปียกไปทั้งตัว แรงสาดทำให้หมวกที่ใส่อยู่ปลิวหล่นไปเลยด้วยซ้ำ เส้นผมสีเข้มเปียกลู่ลงมา แต่กระนั้นก็ไม่อาจบดบังความหล่อของเขาได้อยู่ดี

ไม่มีอะไรมากลบความหล่อของชายไทยแท้วัยฉกรรจ์หุ่นล้ำหน้าหล่อได้อยู่แล้วล่ะนะ ขนาดใส่ชุดเจ้าที่มายังดูดีเลย แค่เปียกจะไปหมดสง่าได้ยังไง หึ ๆ

“ขอบใจนะ สะใจดี”

“ฮ่า ๆ ๆ”

“อ๊ายย หล่อค่า” เสียงแฟนคลับดังขึ้นพร้อมเสียงชัตเตอร์อีกครั้ง

แต่ระหว่างนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีฝรั่งร่างสูงผิวขาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาหาคนทั้งหมด...อีกฝ่ายส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ แบบที่สายฝ. ทั้งหลายต้องกรีดร้องในใจว่าผัวอย่างไม่ต้องสงสัย

“Hi~~”

“Hi” อดีตนายแบบหนุ่มไทยบนรันเวย์ปารีสทักทายกลับ ความเป็นมืออาชีพทำให้เขายิ้มรับได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“Can I take a photo with you? (ขอผมถ่ายรูปกับคุณได้มั้ย?)”

“Yes! That’s fine (แน่นอน แค่นี้เองสบายมาก)”

แล้วชาวต่างชาติคนนั้นก็ยื่นกล้องให้กับฮัทที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ พอดี พลางขอให้ช่วยถ่ายรูปให้ ไม่ลืมจะกวักมือเรียกเพื่อนที่มาด้วยกันให้เข้ามาถ่ายด้วยอีกคน

“Okay...one two three...smile!” มือเบสหนุ่มรัวชัตเตอร์ให้ทีเดียวหลายรูปมาก ก่อนจะส่งกล้องคืนให้เจ้าของของมัน ฝรั่งหนุ่มตัวโตรับมาเปิดดู ยิ้มอย่างพอใจพลางว่า...

“Thank you~” เขากับเพื่อนที่มาด้วยกันก้มหัวให้ทั้งภูตลาและฮัทเล็กน้อยอย่างขอบคุณ มือเบสหนุ่มเพียงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ส่วนนายแบบชื่อดังยิ้มอย่างเป็นมิตรตอบกลับไป

“You’re welcome~ (ด้วยความยินดีครับ)”

“Are you on Facebook? (คุณมีเฟสบุ๊คไหม?)” แทนที่จะไปหลังจากได้รูปถ่ายแล้ว แต่ฝรั่งหน้ามนคนเดิมก็ยังไม่ยอมไปไหน แถมยังถามหาเฟสบุ๊คของภูตลาอีกต่างหาก “Can I add you on Facebook? (ขอผมแอดเฟสบุ๊คคุณได้มั้ย?)”

“No, I don’t have Facebook. (ไม่ ผมไม่เล่นเฟสบุ๊คน่ะ)”

“So, Do you have a girlfriend? (ถ้างั้น...คุณมีแฟนหรือเปล่าครับ?)”

“โห คำถามแม่งโคตรรุกหนักอ่ะ ไอ้แทงค์ แฟนมึงโดนจีบอยู่นะ ไม่เข้าไปขวางหน่อยเหรอวะ?”

“ไม่” แทงค์ตอบเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์

คลาร์กถึงกับตาโต “เฮ้ย ไม่หวงหน่อยเหรอวะ นั่นแฟนมึงนะ”

“ไม่เหลือไอ้สัด กูหวงดิวะ!” มือกลองหนุ่มลืมตัวเผลอพูดคำหยาบออกมา แต่นาทีนั้นไม่ได้สนใจแล้วว่าจะมีแฟนคลับได้ยินหรืออัดคลิปเขาเอาไว้ เพราะเจ้าตัวไม่สนใจอะไรอีกนอกจากโผเข้าไปแตะแขนของนายแบบหนุ่มชื่อดัง ส่งยิ้มให้ฝรั่งหน้ามนทั้งสองคน โดยเฉพาะคนที่บังอาจมาจีบแฟนเขาซึ่งหน้า

ฝรั่งตัวโตเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่ก่อนจะได้พูดอะไรแทงค์ก็เอ่ยขึ้นซะก่อนว่า...

“Sorry for interrupting but ‘my boyfriend’ and I have to work again. (ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ แต่ว่าผมกับ ‘แฟนของผม’ ต้องไปทำงานต่อแล้ว)” มือกลองจากวงเหล้ายิ้มหวาน ไม่สนใจสีหน้าเหวอแดกของฝรั่งหนุ่มแล้วพูดต่อ “Good bye, have a nice trip (บ๊ายบาย เที่ยวให้สนุกนะครับ)”

แล้วจากนั้นแทงค์ก็ลากพี่ภูออกมาจากตรงนั้นทันที คิดแค่ว่าต้องไปให้ห่างจากไอ้ฝรั่งขี้เต๊าะนั่น เรื่องอะไรมาจีบแฟนของเขา เห็นแบบนี้หวงมากนะเว้ย!

ลากนายแบบคนดังมาได้สักพักชายหนุ่มก็หยุดเดิน ก่อนจะหันมาจ้องหน้าพี่ภูตาเขม็ง ไม่สนว่ารอบข้างจะมีผู้คนมองมากแค่ไหน

“ทำไมปล่อยให้เขาจีบครับ”

“พี่เปล่า กำลังจะตอบว่ามีแฟนแล้วด้วยซ้ำ แต่นายเข้ามาแสดงตัวซะก่อน” ภูตลายิ้มกว้าง ยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ ส่งสายตาล้อเลียนให้กับคนรักอายุน้อยกว่าไปด้วย

“เหรอออ”

“ครับผม รักแฟนมาก จะไปยุ่งกับคนอื่นได้ไง เนอะ” มีการพยักพเยิดหน้าพลางยกนิ้วมาจิ้มแก้มขาวของมือกลองหนุ่มเล่นไปด้วย โดยที่คนโดนแหย่ก็ไม่ได้ว่า แค่พ่นลมหายใจหนัก ๆ พลางว่า

“ผมไม่น่าหึงเล้ย”

“ฮ่า ๆ ๆ แต่พี่ดีใจนะที่นายหึงพี่”

คนฟังนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนสุดท้ายจะยกยิ้มให้คนรัก

“งั้นถ้าผมจะแสดงออกว่าหึงก็ไม่ว่าใช่ป่ะ?”

“ถ้าพี่ทำบ้างนายก็จะไม่ว่าใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นก็ถือว่าเราต่างฝ่ายต่างหึงกันได้”

“โอเค ฮะ ๆ”

“ไอ้ตัวแสบเอ๊ย” นายแบบหนุ่มโยกหัวคนรักเล่นอย่างเอ็นดู ก่อนจะโอบไหล่บางเข้ามากอดแล้วพากันเดินถือปืนฉีดน้ำไปตามทางเพื่อเล่นน้ำอีกครั้ง

วันสงกรานต์เป็นวันแห่งความสุข และตอนนี้พวกเขาก็มีความสุขมากมากด้วย

กระนั้นแทงค์ก็อดจะแซวไม่ได้ว่า...

“ผมว่าพี่ควรไปเปลี่ยนชุดนะ ฮ่า ๆ ๆ”





__________

ย้อนหลังวันสงกรานต์ค่ะ มาช้าดีกว่าไม่มาเนอะ 555 แค่นี้ ไม่รู้จะตลกไหม แต่พยายามทำให้มันตลก ซึ่งตอนนี้ชีวิตตลกไม่ออกค่ะ งานสุมหัวจะตายคากองงานอยู่แล้ว ไม่รู้จะทำอันไหนก่อนดี แหงะ ไว้เจอกันครั้งหน้ากับตอนพิเศษที่อาจจะมีอีกในอนาคตนะคะ ส่วนเรื่องรูปเล่มของท่านเจ้าที่ อีกพักใหญ่เลยกว่าจะได้รายละเอียด ไว้มีกำหนดเปิดพรีเมื่อไหร่จะรีบมาแจ้งค่ะ โปรดอุดหนุนเราด้วยยย //ส่งจูบ
หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Happy Songkran Day [16-03-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-04-2018 04:40:10
ึิคิดถุ๊ง คิดถุงเฮียภู กับ น้องแท็งค์  :mew1:
หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Happy Songkran Day [16-03-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-04-2018 05:10:07
ดีใจ  ไรท์มา  :katai2-1:

หวานชื่น แทงค์ หึงพี่ภู ด้วย  :ling1:

ไรท์ ลงเดือนผิดที่หัวข้อนะ
Happy Songkran Day [16-03-2018]  ต้องเป็น  Happy Songkran Day [16-04-2018]
หัวข้อ: Re: Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: แจ้งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ [16-11-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Catchul ที่ 03-05-2018 07:00:32
ทำไมเราคิดต่างอะ เรื่องฝึกงาน แทงค์เหมือนคนลืมเพื่อนจริงๆ ไม่แปลกที่เนสกับคาร์กจะโกรธ คนเขียนเน้น "เรื่องงี่เง่า" กับ "ไม่ผิดที่จะเลือกโอกาสดีๆ" มากเกินไป โอกาสดีๆของแทงค์มันไปตัดโอกาสของทั้งวงอะในความคิดเรานะ คือถ้าแทงค์แยกตัวออกไปฝึกงาน วงก็ต้องขาดมือกลองถูกมั้ย แล้วเพื่อนที่เหลือล่ะจะทำยังไง หาคนใหม่ก็กว่าจะเข้าขากัน แทงค์ดีใจจนตอบตกลงไปเลย แบบไม่สนความเห็นเพื่อนเลยสักนิด เออ ถ้าแทงค์บอกอาจารย์ว่า เดี๋ยวผมต้องปรึกษาวงก่อน จะให้คำตอบพรุ่งนี้ แล้วมาคุยกับเพื่อนว่า เออเอาแบบนี้แบบนั้นมั้ย ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจ ตอนเนี่ยแหละที่เนสกับคาร์กสมควรโดนด่า แต่นี่คนเขียนเข้าข้างแทงค์เกินไป พยายามผลักให้เนสกับคาร์กผิด แทงค์คนดีเหลือเกินพูดช่วยเพื่อน เราว่ามันไม่ใช่อะ แทงค์ผิดที่ตอบตกลงไปเลยโดยไม่ถามความเห็นของวง วงดนตรีอะ ใครหายไปมันก็พังหมด เล่นคนเดียวต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่เพราะหรอก ไหนว่าไปไหนไปกันเป็นวง ตั้งใจว่าจะหาประสบการณ์ไปพร้อมกันกับวง แต่พอมีเรื่องดีๆเข้ามาหา ไม่ปรึกษาเพื่อนสักคำ เออ ถ้าเอาเข้าไปเป็นวงแล้วแทงค์ตอบตกลงแทนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นเรื่องของตัวเอง ที่มีคนมาเห็นได้ก็เพราะวง มึโอกาสปุ๊ป สละเรือ เป็นเราเราก็โกรธอะ มาบอกตอนที่ตอบตกลงไปแล้วก็เหมือนมัดมือชกให้เราโอเคกับมันอะ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะถ้ามันเกี้ยวกับอนาคตของคนหลายคนอะ พอเห็นว่าย้ำ "เรื่องงี่เง่า" บ่อยๆแล้วเราขัดใจ


คิดเหมือนกันเลยค่ะ กลายเป็นคนมองว่าเนสกับคลาร์กเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแทงก์เป็นเพื่อนทั้งๆที่คนผิดสัญญาคือแทงก์อ่ะ
หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ! :: Happy Songkran Day [16-03-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 03-05-2018 12:35:25
 :L2:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ji_tem22 ที่ 06-10-2018 20:16:28
สนุกมากฟินอ่ะ อยากเจอเจ้าที่แบบนี้เลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:43:37
 :pig4: