[END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] Oh! God ผมโดนท่านเจ้าที่ตามรังควานครับ!:: จบแล้ว [22-08-2018]  (อ่าน 99013 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไรอะ ท่านเจ้าที่มาจับแก้มหลานแทงค์ แล้วหายหัว เฮ้ย ตัวไปเลย  :impress:

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เริ่มเขินและละมุนขึ้นทุกวัน
 :กอด1:

ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอยยย ละมุนเว่อร์
เค้าแอบเขินกันแล้วแหละคุ๊นนนนนนน  :impress2:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
มาหวานแล้วก็จากไป

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 27

“รู้นะว่าเขินข้า”

 

"ท่านจะจัดปาร์ตี้ขึ้นบ้านใหม่?"

"ใช่ ฉลองให้กับบ้านใหม่อันแสนงดงามของข้า"

เอาจริงดิ?!

ผมได้แต่ทำหน้าเหวอๆ ใส่ท่านเจ้าที่ในบ่ายเกือบเย็นของวันเสาร์อันแสนสงบสุข หลังจากที่อีกฝ่ายบอกว่าจะจัดปาร์ตี้เปิดบ้านใหม่(หรือก็คือศาลพระภูมิใหม่นั่นล่ะ) และตั้งใจจะเชิญแขกมาเยอะๆ ซึ่ง...แขกของเขาก็คงหนีไม่พ้นบรรดาพระภูมิเจ้าที่จากบ้านอื่นๆ ในเขตพระนครล่ะมั้ง

"จะจัดจริงอ่ะ?" ผมถามย้ำ และร่างสูงก็พยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างเหมือนเดิมจนผมล่ะอยากจะถาม...นี่ท่านมึงไม่อายศาลตัวเองบ้างหรือไงฟะ! สีชมพูหวานแหววลายก็มุ้งมิ้งซะขนาดนั้น โคตรไม่เข้ากับหน้าตาเถื่อนๆ ของเขาเลยสักนิด! "เอ้อ จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ นั่นก็บ้านท่านนี่ จะมาบอกผมทำไม"

สุดท้ายผมก็ได้แต่เอ่ยอย่างปลงตก อยู่กับไอ้ท่านเจ้าที่มาเป็นเดือนๆ ยังไม่ชินกับพฤติกรรมท่านเขาอีกเหรอวะไอ้แทงค์เอ๊ย เลิกแปลกใจได้แล้วเฟ้ย

"เพราะข้ามีมารยาทน่ะสิถึงได้บอกก่อน อย่างไรเสียเอ็งก็เป็นเจ้าของศาลพระภูมินี้เช่นกัน หมายถึงในทางโลกมนุษย์ล่ะก็นะ" ท่านเจ้าที่เอ่ยอธิบาย ยกมือผลักหัวผมจนแทบหงายหลัง...ทำร้ายร่างกายอีกละแม่ง ถ้าคอผมเคร็ดล่ะน่าดู

"เป็นอันว่าผมรับรู้แล้ว เชิญตามสบายครับ"

“แล้วเอ็งไม่มางานเลี้ยงของข้ารึ?”

“ผม?” ชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยความงุนงง จะให้ผมไปปาร์ตี้กับเหล่าเทวดาเจ้าที่เนี่ยนะ? “ไม่ล่ะครับ ขอบาย อีกอย่างผมต้องไปเล่นดนตรี ลืมแล้วเหรอ”

“เออ ข้าก็ลืมไป งั้นช่างเถอะ ถือว่าข้าชวนแล้วแต่เอ็งไม่สะดวก”

ผมโบกมือให้ท่านเจ้าที่ก่อนจะว่า “ขอบคุณที่ชวนแล้วกันครับ งั้นผมไปละนะ จะไปอาบน้ำ”

“ไปเล่นดนตรีพรุ่งนี้ก็อย่าเมาอีกล่ะ ข้าไม่ไปรับนะ” ท่านเจ้าที่เอ่ยคำพูดที่ทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได หันหน้ามามองสบตาเทวดาปากร้ายด้วยความเบื่อหน่าย ย้ำจริงไอ้เรื่องเมาเนี่ย

“รู้แล้วล่ะน่า”

ทำตัวเป็นพ่อกูเลยห่า ทำแบบนี้มากๆ เข้า เดี๋ยวกูกับจับมาเป็นพ่อทูนหัวกูซะเลยแม่ง

__________

เช้าวันอาทิตย์หลังเลิกกะ พอผมตอกบัตรเสร็จก็เจอท่านเจ้าที่ยืนรออยู่ที่ลานจอดรถแล้ว ไม่แปลกใจเลยสักนิดครับเพราะเขามารอผมอย่างนี้ทุกครั้งที่ผมเลิกกะเช้าอ่ะ ห่วงกลัวผมหลับในเหมือนเดิมนั่นล่ะมั้ง ทั้งๆ ที่ผมก็บอกแล้วว่าผมไหว ก่อนหน้าจะเจอเขาผมก็พาตัวเองกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยมาตลอด แต่เขาก็ไม่ฟังครับ ดื้อแพ่งจะมารับผมให้ได้

เออ เอาเถอะ เอาที่สบายใจนะพ่อคุณพ่อทูนหัวของผม เหอๆ

...อ้าว ยังไม่ได้เป็นพ่อทูนหัวนี่หว่า กูยังไม่ได้จับเขาทำหลัวเลย

“มานานยัง” ผมถาม อีกฝ่ายยักไหล่

“เพิ่งมาถึง เอ็งหิวหรือเปล่า”

“นิดหน่อย แต่ผมง่วงมากกว่า” ความง่วงกับผมเป็นของคู่กันครับ ไม่มีวันไหนที่ผมไม่บ่นว่าง่วง เหอๆ

“งั้นกลับบ้านเลยแล้วกัน ส่วนกับข้าวกับปลาเดี๋ยวข้าหาไว้ให้” ผมนิ่ง เอียงคอมองหน้าท่านเจ้าที่ด้วยความไม่เข้าใจ คนถูกมองเลิกคิ้วก่อนเปิดปากถามเมื่อเห็นสีหน้าฉงนของผม “ทำไมมองข้าอย่างนั้น?”

“ให้ผมพูดตรงๆ เลยนะท่านเจ้าที่ คือผมรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ท่านดู...แปลกๆ ไปนะ”

“แปลก?”

“ใช่ แบบว่าดูใส่ใจผมจนผิดปกติ”

จริงๆ นะครับ ผมรู้สึกว่าตั้งแต่หลังจากวันที่ผมเมาจนเรื้อน ท่านเจ้าที่ก็ดูจะปฏิบัติตัวกับผมแปลกไป คือผมก็รู้นะว่าเขาใจดีแม้จะไม่ค่อยแสดงออกกับผมนักเพราะชอบด่าชอบแขวะผมมากกว่า แต่ก็นั่นล่ะ ท่านเจ้าที่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรไง แต่ก็ไม่ได้ดีจนผมไม่เอะใจเมื่อเขาดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดแบบตอนนี้

ดูใจดีกับผมมากขึ้น ตามใจผมมากขึ้น มารับผมบ่อยๆ บางวันที่ผมเข้ากะบ่ายเลิกสามทุ่มงี้ท่านเจ้าที่ยังออกมารับผมกลับบ้านเลย แถมยังหาข้าวปลามาให้เวลาที่ผมทำงานเลิกดึกนอนตื่นสาย และมันก็บ่อยขึ้นจนผมอดถามตัวเองไม่ได้ว่า...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านเจ้าที่เขาวะ?

“อ๊ะ หรือว่าจะเป็นเพราะกลัวผมไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกล่ะสิ” ผมร้องอย่างนึกขึ้นได้ คนฟังทำหน้างง ผมก็เลยต้องพูดอีกว่า “ก็ที่มารับผมกลับบ้านบ่อยๆ เพราะกลัวผมเหนื่อยหรือง่วงจนไปเกิดอุบัติเหตุสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น หรือที่คอยเตรียมข้าวปลานั่นนี่ไว้ให้เพราะกลัวผมหิวจนเป็นลมตายกลายเป็นภาระของท่าน อะไรทำนองนี้ใช่ป่ะ? ท่านคิดแบบนี้ใช่ไหม?!”

หลังฟังข้อสันนิษฐานของผมจนจบ ท่านเจ้าที่ก็มองผมเหมือนเห็นตัวเหลือบไรน่ารำคาญชวนให้เอานิ้วบี้ทิ้ง...อื้อหือ ไม่ต้องมองกันขนาดนั้นก็ได้ครับท่าน!

“เอ็งนี่มัน...” ท่านเจ้าที่เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก สุดท้ายเลยได้แต่ถอนหายใจ “ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่ที่ข้าทำไปก็เพราะห่วงเอ็ง จำไว้แค่นี้ก็พอแล้วกัน”

ฉ่า...อะ ไอ้เหี้ย เสียงใครโยนปลาทับทิมลงไปทอดในกระทะน้ำมันเดือดวะ ดังฉ่าๆ อยู่ข้างหูกูเนี่ย

แล้วใคร! ใครเอาแผงโซลาร์เซลล์สะท้อนแสงอาทิตย์มาโดนหน้ากู ทำไมหน้ากูร้อนขนาดนี้!

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

นี่ก็อีก ใครมันมาตีกลองอยู่ใกล้ๆ กูอ่ะ เสียงดังสะเทือนไปทั้งหน้าอกกูเลย เวรเอ๊ย เอากลองออกไป๊!

ผมยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองแน่น ไอ้ที่เพ้อเจ้อไปเมื่อกี๊น่ะผมก็แค่อยากจะกลบเกลื่อนอาการของตัวเองเท่านั้นล่ะครับ...หน้าร้อนผ่าวๆ หัวใจเต้นโครมคราม ทุกอย่างมันมาจากตัวผมเองนี่แหล่ะ ไม่ได้มีใครมาทอดปลา ส่องแสง หรือตีกลองทั้งนั้น

ไอ้ฉิบหาย กูเขินจะตายอยู่แล้ว นี่มันครั้งที่สอง!...ครั้งที่สองแล้วนะที่ท่านเจ้าที่พูดอะไรแบบนี้กับผม ครั้งก่อนก็เมื่อหลายวันก่อนนั่นไง โอ้โหคุณพระ! ไม่เคยได้ยินคำว่าเป็นห่วงของใครแล้วดีใจขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะอะไรวะไอ้แทงค์ เพราะอะไรรร!!!

“รู้นะว่าเขินข้า” ได้ยินเสียงท่านเจ้าที่เอ่ยหยอกแว่วมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ ผมงี้เงยหน้าขวับขึ้นมาจ้องอีกฝ่ายตาเขียว(ที่พยายามทำอย่างยากลำบาก) แล้วโวยวายใส่เสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งเดซิเบล

“รู้แล้วก็อย่าทำให้เขินสิวะ!” ...คิดว่าผมจะพูดอะไรได้ล่ะ คนแมนๆ อย่างผมก็ต้องหน้าด้านยอมรับความจริงไง!

“หึๆ เอ็งนี่มันน่ารักพิลึก”

“อะ อะ...” ผมอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอีกครั้ง

เมื่อกี้เขาชมผมว่าน่ารักเหรอวะ น่ารักเนี่ยนะ? (แต่ไอ้น่ารักพิลึกนี่คือยังไง?) โอ้โห อเมซิ่ง! คนปากจัดเหมือนเลี้ยงหมาไว้กับฝูงจระเข้ในปากเนี่ยนะชมผมว่าน่ารัก! บอกว่าเป็นห่วงด้วย...นี่กูเมาอากาศอยู่หรือเปล่า ใครก็ได้บอกกูที รบกวนพากูออกไปจากตรงนี้ด้วยครับ หัวใจทำงานหนักเกิน สมองก็ทำงานหนักไป ไอ้ฟัคคค

“เลิกทำหน้าตลกๆ แบบนั้นแล้วกลับบ้านกันได้แล้ว วันนี้ข้าไม่ว่างมาเป็นเพื่อนเล่นเอ็งนะ ข้าต้องไปจัดบ้านต่อ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักโดยไม่พูดอะไร ที่จริงคือยังคงพูดไม่ออกครับ...ท่านเจ้าที่เรียกสติของผมด้วยการขึ้นคร่อมรถแล้วสตาร์ท ผมก็เลยต้องดึงสติกลับมาแล้วกระโดดขึ้นซ้อนท้ายเขา เดี๋ยวนี้ชอบนักมาเป็นสารถีขับรถให้ผมเนี่ย อย่ามาทวงบุญคุณทีหลังล่ะ เหอๆ

เมื่อเรากลับมาถึงบ้านผมก็กระโดดลงจากรถทันที ปล่อยให้ท่านเจ้าที่เขาเอารถเข้าไปเก็บที่โรงจอดแทนผม แต่แล้วผมก็ต้องชะงักงันเมื่อพบว่ามีแขกแปลกหน้ายืนกระจายกันเต็มลานหน้าบ้านไปหมด!

“เฮ้ย! พวกคุณเป็นใครกันเนี่ย!?”

“โอ๊ะ นี่น่ะรึเด็กมนุษย์ที่ทำให้ท่านภูตลาขัดเคืองใจจนต้องทำเรื่องย้ายศาลพระภูมิตามมาสั่งสอนถึงที่นี่” เสียงของชายหนุ่มร่างท้วมคนหนึ่งดังขึ้น อีกฝ่ายมองผมอย่างพินิจพิจารณาไม่ต่างจากคนอื่นๆ รอบตัว

“หน้าตาดีไม่เบาเลยนี่” มีหลากหลายเสียงวิจารณ์ดังเซ็งแซ่ และถ้าให้ผมเดา...ผมรู้แล้วล่ะว่าคนพวกนี้เป็นใคร

“พวกเขาเป็นพระภูมิเจ้าที่ที่ข้าเชิญมางานปาร์ตี้น่ะ” ท่านเจ้าที่บอกกับผม ซึ่งก็ตรงตามที่ผมคิดไว้เลย ฮ่าา

“คือพวกท่านคงจะไม่ปาร์ตี้กันที่บ้านของผมหรอกใช่ไหมครับ?” ผมชิงถาม เข้าใจมาตลอดว่าปาร์ตี้จัดขึ้นในศาลพระภูมิ เกิดมาจัดเอาในบ้านผมนี่เป็นเรื่องเลยเนอะ เพื่อนบ้านคนอื่นๆ ในละแวกนี้ได้มาถามไถ่กันแน่ว่ามีงานอะไร ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดมากกก

“แน่นอน พวกเราจะไปสังสรรค์กันที่บ้านใหม่ของท่านภูตลา แหม สีชมพูนี่มันน่ารักกุ๊กกิ๊กจริงเชียว”

“ตัวบ้านก็ช่างทันสมัย อยากได้แบบนี้บ้างจัง” แล้วเหล่าท่านพระภูมิเจ้าที่ทั้งหลายก็หันไปพูดคุยกันเอง ลืมเลือนผมคนนี้ที่เป็นมนุษย์คนเดียวท่ามกลางเทวดาเสียสิ้น

“ยืนอยู่ทำไม เอ็งจะไปไหนก็ไปสิ ไปนอนเลยไป”

“เอ่อ โอเค” ผมตอบรับคำพูดแกมสั่งของท่านเจ้าที่ก่อนจะเดินเข้าบ้าน หากแต่สองขาก็ต้องชะงักลงอีกครั้งเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วพบเข้ากับ...เฮ้ย!! นี่มันแก็งสาวนางฟ้าที่ไหนอีกล่ะเนี่ย!

ผู้หญิงครับ! มีเป็นสิบเลย นั่งเมาท์มอยอย่างเมามันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้านของผมอ่ะ!

“อุ๊ยตาย เด็กหนุ่มคนนี้คือเจ้าของบ้านใช่ไหมเอ่ย”

“น่ารักน่าชังดีแท้ ไม่แปลกใจที่ท่านภูยอมตามมาถึงที่นี่ คงอยากจะแกล้งเด็กมันล่ะสิท่า”

“ข้าตามมาราวีเด็กปากร้ายต่างหากเล่า บุปผาวารี” ท่านเจ้าที่ที่เดินตามผมเข้ามาเอ่ยทักท้วง เหลือบมองผมที่ทำหน้าเอ๋ออยู่ที่เดิม แล้วจึงยอมอธิบายให้ฟังว่าผู้หญิงที่ใส่ชุดราตรีราวกับเป็นเมียนายกสโมสรสารพัดนึกพวกนี้เป็นใคร “พวกเธอคือพระภูมิเจ้าที่ในเขตการปกครองของข้าเอง เหมือนพวกข้างนอกนั่นล่ะ”

“พระภูมิเจ้าที่? ผู้หญิง?” ผมทวนถาม ชีวิตนี้ก็เพิ่งจะเคยได้ยินว่ามีพระภูมิเจ้าที่เป็นผู้หญิงนี่แหล่ะครับ นี่มันเรื่องประหลาดอีกเรื่องในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาของผมเลยนะเว้ย

“ใช่ สังคมของสวรรค์ก็ถือความเท่าเทียมเหมือนสังคมมนุษย์ แล้วทำไมจะมีพระภูมิเจ้าที่เป็นหญิงไม่ได้ล่ะ”

“เอ้อ อย่างนั้นเหรอ” ผมตอบรับแบบมึนๆ เหมือนสมองของผมมันรัดวงจรแล้วล่ะนะ คิดว่าคงไม่มีอะไรทำให้ผมแปลกใจได้อีกแล้วแต่มันก็ยังมีว่ะ ผมว่า...ผมควรไปนอนพักผ่อนการทำงานของสมอง “โอเค ผม...ผมไปละ ตามสบายละกันนะครับ”

 

คล้อยหลังเด็กหนุ่มชาวมนุษย์เพียงคนเดียวในบ้านหลังนี้ เหล่าเจ้าที่หญิงต่างกันพากันหันมามองผู้เปรียบดั่งนายเหนือหัว หนึ่งในเจ้าที่หญิงเอื้อนเอ่ยวาจาขึ้นว่า...

“ข้ารู้นะว่าท่านคิดอะไรอยู่ ท่านภูตลา”

“รู้หรือ” ภูตลาย้อนถามอย่างไม่หวั่นเกรงที่มีคนล่วงรู้ถึงสิ่งที่เขาคิดและกำลังกระทำอยู่ ทั้งๆ ที่ควรจะกังวลเสียด้วยซ้ำแต่ใบหน้าคมยังคงนิ่งเฉยเช่นเดิม “แล้วอย่างไร พวกเจ้าจะขัดขวางข้าหรือไงเล่า”

“ไม่เลยท่านภู พวกข้าเข้าใจดี เพียงแต่กังวลใจแทนท่านว่าอาจจะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นได้ ท่านก็น่าจะรู้...ว่าไม่เคยมีใครทำแบบท่านมาก่อน แม้จะไม่มีกฎตายตัวบนสวรรค์ในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีเทวดานางฟ้าองค์ใดคิดจะทำ เพราะพวกเราล้วนเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งที่ท่านรู้สึกกับเด็กหนุ่มคนนั้นจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับพวกเราเลย”

“ข้ารู้ดารามณี และเพราะเหตุนั้นข้าจึงต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ในประวัติศาสตร์ของชาวสวรรค์ แต่ข้าจะทำให้แน่ใจว่ามันจะออกมาดีและไม่เดือดร้อนใครเด็ดขาด”

“ข้อเสนอที่ท่านยื่นต่อองค์มหาเทพนั่นน่ะ ท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่? มันคุ้มค่ากับสิ่งที่ท่านคิดว่าจะได้มาจริงๆ แล้วหรือ” ท่านเจ้าที่บุปผาวารีเอ่ยถามอย่างรู้เท่าทันสิ่งที่ภูตลาคิด ทำเอาคนถูกถามนิ่งงัน ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ แล้วว่า...

“เจ้ารู้เรื่องของข้าเสมอเลยนะ และใช่...คำตอบของข้าคือ มันคุ้มค่า”

“เพราะห่วงท่านหรอกจึงได้เฝ้าติดตามเรื่องของท่าน พวกเราที่เป็นเหมือนผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านรู้สึกห่วงใยท่านเสมอ อีกอย่าง...สิ่งที่ท่านทำใช่ว่าจะเป็นความลับ ตอนนี้ทั้งสวรรค์แทบจะรู้กันหมดแล้วว่าท่านคิดจะทำอะไร”

“ข้าขอบใจพวกเจ้ามาก แต่เชื่อเถอะว่าข้ารับมือกับเรื่องนี้ได้ และข้อต่อรองของข้ากับท่านมหาเทพก็เป็นผลสำเร็จแล้วด้วย เพียงแต่ข้าต้องทำแต้มบุญเพิ่มอีกนิดหน่อย แต้มบุญทั้งหมดจึงจะพอกับสิ่งที่ข้าร้องขอไป”

ทุกคนนิ่งฟังโดยไม่คิดจะคัดค้านต่อผู้ที่เป็นดั่งนายเหนือหัว

ก็คนๆ นี่เป็นถึงผู้ว่าราชการศาลพระภูมิเขตพระนครเชียวนะ ไม่มีอันใดต้องกังวลมากนักหรอก หากแต่ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่บุปผาวารีเจ้าที่นึกสงสัย จนอดเอ่ยถามไม่ได้

“เมื่อใดกันที่ท่านรู้ตัวว่าท่าน...”

แม้จะไม่ได้รับคำถามที่จบใจความ แต่คนถูกถามอย่างภูตลาก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายต้องการพูดถึงสิ่งใด ดวงตาคู่คมมองไปที่บันไดขึ้นชั้นสองของบ้าน ที่ๆ เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านเพิ่งจะก้าวหายขึ้นไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

“ไม่รู้สิ เพราะรู้ตัวอีกทีข้าก็พร้อมยอมทุ่มพลังทุกอย่าง เพื่ออนาคตของข้า...กับเขา”




__________

ปาร์ตี้ของท่านเจ้าที่กับแก็งเพื่อนพระภูมิจ้า อยากจะไปร่วมด้วยจริงๆ แต่ไปไม่ได้ ที่นั่นไม่ใช่ที่ของเราเด้อ ให้คนมีบุญเขาสังสรรค์กันไป ส่วนพวกเราจินตนาการเอานะ 555 ตอนแถมนี่จะเรียกว่าเป็นการเปิดปมเล็กๆ ของเรื่องก็ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่ปมดราม่าอะไรหรอกนะคะ เป็นปมที่มีส่วนกับตอนจบน่ะค่ะ ซึ่งเราจะเฉลยในตอนพิเศษนู่นแหน่ะ ตอนนี้มีตอนพิเศษที่คิดไว้ในหัวอยู่ 2 ตอน ซึ่งทั้งสองตอนจะลงเว็บแน่นอนค่ะ แต่จะมีตอนนอกเหนือจากนั้นอีกไหมค่อยว่ากันอีกที อิอิ

โหยย วันนี้พรีเซนต์งานวิชาสัมมนา โดนอาจารย์คอมเมนต์พังอ่ะค่ะ ฮืออ ใจเสียมาก แต่หลังจากนี้จะเป็นงานที่ต้องทำร่วมกันทั้งเซค เราจะไม่ตายคนเดียวอีกแล้วค่ะ ย๊ากกก!!! //แหกปาก

ไปละ เจอกันตอนหน้า อืมม สักวันพฤหัสมั้งนะ ไม่แน่ใจค่ะ ขอดูอีกที แต่จะพยายามไม่หายไปนาน แต่เอ๊ะ? หรือนานๆ มาสักตอนดี ยังไม่อยากอัพเลยอ่ะ เดี๋ยวจบไว 5555


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2017 22:03:03 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอ...... ท่านเจ้าที่จะแอบทำอะไรที่เกี่ยวกับอนาคตเอ่ย  :o11:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ท่านเจ้าที่วางแผนอะไรไว้คะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม นึกถึงอนาคตด้วย มีแบบนี้อีกไหม เอามาเผื่อมั่งเจ้าที่

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อื้อหือ วางแผนไว้เงียบ ๆ สินะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มีการจัดปาร์ตี้ด้วย เหมือนขึ้นบ้านใหม่55555

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 28

“อย่าผิดสัญญาล่ะ”



ผมกลับมาถึงบ้านตอนเกือบๆ ตีสอง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้วางกระเป๋าเป้ลงกับโต๊ะเขียนหนังสือด้วยซ้ำ เสียงกระซิบพร้อมกับความร้อนของอุณหภูมิร่างกายจากใครอีกคนก็แนบชิดทางด้านหลัง ทำให้ผมสะดุ้งอย่างเผลอตัว

“กลับมาแล้วหรือ”

อะ ไอ้เหี้ย! ตกใจหมด “มาแบบปกติไม่ได้หรือไงเนี่ยท่านเจ้าที่!”

ผมหันไปโวยวายใส่ แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ตอบแล้วยังยักไหล่ทำหน้ากวนตีนกลับมาอีกต่างหาก สองเท้าของอีกฝ่ายก้าวเข้ามาหาผมจนทำให้ผมต้องถอยร่นไปจนสะโพกติดชิดกับขอบโต๊ะคอมพิวเตอร์ วงแขนแกร่งทั้งสองข้างของท่านเจ้าที่ยันกับขอบโต๊ะกักผมเอาไว้ทางด้านหน้า ร่างที่สูงกว่าผมอยู่หลายเซนติเมตรโน้มใบหน้าลงมาหาผมจนปลายจมูกของเราแตะกัน...

อะ อะไรวะ มามองหน้ากูในระยะประชิดติดลมหายใจทำไมเนี่ย!

“ถะ ถอยไปเลยท่านเจ้าที่ เข้ามาใกล้ขนาดนี้ทำไมวะ” ผมถามพลางยกมือดันอกอีกฝ่าย แต่ดันเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมถอยหนี ขืนตัวเอาไว้ไม่ขยับเขยื้อนจนผมที่ก็ไม่ได้ร่างบางอ้อนแอ้นอะไรยังต้องยอมแพ้เพราะสู้แรงไม่ได้

“ดมหากลิ่นเหล้า” ท่านเจ้าที่ตอบ ไม่พูดแค่นั้นหรอกนะแต่ยังเอียงหน้าลงไปตรงซอกคอของผมแล้วทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นอีกต่างหาก! กลิ่นเหล้าอะไรล่ะ! ผมดื่มไปแค่นิดหน่อยเอง ไม่ได้ดื่มจนเมาเละเหมือนวันนั้นสักหน่อย กลิ่นมันก็มีอยู่แค่จางๆ เท่านั้นแหล่ะ! แต่อย่ามาดมที่คอเซ่!...

ลมหายใจที่มันกระทบกับคอผมแม่งทำให้ขนลุกพิลึกอ่ะครับ ฮื่อ!

“ไม่ได้ดื่มมาเยอะ ไม่ต้องมาดมอะไรทั้งนั้นเฟ้ย!” ผมว่า ยิ่งเอนตัวหนีทั้งที่มือก็ยังผลักอกอีกฝ่ายออกห่างไม่หยุด...ทำไมผู้ชายสูงเกือบร้อยแปดสิบอย่างผมต้องมาทำตัวสะดีดสะดิ้งเหมือนนายเอกนิยายเวลาโดนพระเอกจะลวนลามหื่นกามใส่ด้วยวะ!

“ก็ข้าไม่ไว้ใจ”

“ถ้าผมเมามากแล้วจะขี่รถกลับบ้านมาได้เหรอวะ คิดสิคิด!”

ท่านเจ้าที่ชะงัก เอี้ยวหน้ามามองผมทั้งๆ ที่ใบหน้าของเรายังอยู่ใกล้กันมาก...คือใกล้มากมึงเอ๊ย ปลายจมูกท่านเขาจะจิ้มแก้มผมอยู่แล้วเนี่ย “ก็จริงของเอ็ง”

ผมถอนหายใจเฮือกเมื่ออีกฝ่ายยอมถอยห่างออกไป พอเว้นระยะห่างจนปลอดภัยแล้วผมก็รีบถลาไปคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนวิ่งเข้าห้องน้ำเป็นการหนีทันที...ปิดประตูได้ก็เอนหลังพิงกับบานประตู ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจเอาไว้ แรงสั่นสะเทือนของก้อนเนื้อในอกสะท้อนกลับมากระทบฝ่ามือของผมเข้าอย่างจัง ในหูได้ยินเสียงของมันเต้นเป็นจังหวะรุนแรงดังตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก...

ไม่รู้ทำไมหลังๆ มานี้ผมมักจะใจเต้นได้ง่ายนักกับการกระทำของท่านเจ้าที่ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ผมแม่งก็ใจสั่นทุกครั้งไปอ่ะ มันคืออะไรวะไอ้อาการแบบนี้ หรือว่าผมจะชอบท่านเจ้าที่เข้าแล้วจริงๆ น่ะ?

แต่...ไม่ว่ะ ผมไม่ได้ชอบไอ้ท่านเจ้าที่โรคจิตนั่นหรอก ไม่มีทางแน่ๆ นั่นเทวดานะเว้ย ผมย้ำเรื่องนี้กับตัวเองหลายครั้งมาก ผมจะไปชอบเขาได้ไงกันล่ะ และผมไม่มีทางชอบคนที่ตั้งใจจะมาตามรังควานกันอยู่ทุกวี่วันด้วย (แม้จริงๆ จะไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้มากมาย แถมยังคอยดูแลผมอย่างดีก็เถอะ)

ผมสลัดความคิดบ้าบอนั่นออกจากหัว ก่อนจะปลดเสื้อผ้าออกเพื่อชำระล้างร่างกาย สัมผัสของสายน้ำเย็นๆ ที่รินรดตัวทำให้ผมสดชื่นขึ้น พออาบน้ำเสร็จผมก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำ ลืมเอาเสื้อผ้ามาแต่งตัวในห้องน้ำอีกแล้วไง เลยต้องออกมาด้วยสภาพเปลือยท่อนบนแบบเนี้ย

ไม่รู้ไอ้ท่านเจ้าที่ยังอยู่ไหม แต่ช่างเหอะ จะให้ผมขังตัวเองในห้องน้ำทั้งคืนก็ใช่เรื่องป่ะวะ

ผมแง้มประตูเปิดออกมา เมียงมองไปทั่วห้องก็ไม่พบคนที่ชอบโผล่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยแม้แต่เงา แอบโล่งใจนิดหนึ่ง รีบตรงดิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกชุดสบายๆ มาใส่นอนทันที ใส่มันหน้าตู้เสื้อผ้านั่นล่ะ

แต่ขณะที่ผมเพิ่งจะใส่เสื้อเสร็จและกำลังจะคว้าบ็อกเซอร์มาสวมต่อ คนที่ผมคิดว่ากลับบ้านใหม่ของตัวเองไปแล้วก็โผล่มาอีกครั้ง นั่งอยู่บนเตียงของผมด้วยท่วงท่าเหมือนนายแบบดีกรีระดับโลกกำลังโพสน์ท่าถ่ายแบบอยู่

อีกฝ่ายกอดอกจ้องมองมาที่ผม ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคำถามน้ำเสียงนุ่มทุ้ม... “จะนอนแล้วหรือยัง”

“ว้าก!” ผมตกใจร้องลั่น และที่เหี้ยที่สุดคืออะไรรู้ไหมครับ?

พรึ่บ! ผล็อย!

...คือการที่ผมตกใจจนเผลอเกี่ยวขอบผ้าเช็ดตัวที่นุ่งอยู่หลุดออกจากเอวน่ะสิ! ฉิบ-หาย-แล้ววว

ผมเบิกตาโต ยืนค้างจังงังอยู่ท่าเดิมด้วยความช็อก มองท่านเจ้าที่ที่เวลานี้หลุบสายตาคมเข้มลงมองเบื้องล่างของผมแทนที่จะสบตาปิ๊งๆ กัน...ท่อนล่างของผมที่โป๊เปลือย

เจ้าตัวพยักหน้าเบาๆ กระตุกยิ้มหยอกล้อ “สมชายดีนี่นา”

อ๊ากกกกกกกก!!!!! ไอ้ท่านเจ้าที่มึงมองอะร๊ายยยย!!!

ผมรีบเอาบ็อกเซอร์ในมือปิดบังส่วนลับของตัวเองเอาไว้ ถลึงตามองเทวดาปากร้ายอย่างม่พอใจปนอับอาย

“มองอะไรเล่า! หันป๊ายยย”

“อายข้าหรืออย่างไร มีอะไรให้ต้องอาย เจ้ากับข้าก็มีเหมือนๆ กัน” ท่านเจ้าที่พูดหน้าตาย เบือนสายตากลับมามองหน้าผม...แล้วมันต้องเห็นไง ต้องเห็นแน่ๆ ว่าหน้าผมแดงแจ๊ดแจ๋มากขนาดไหน เพราะเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ เอ่ยเสียงกระเซ้าเย้าแหย่อีกว่า “อีกอย่างเอ็งก็เป็นคนผิดนะที่มาโชว์ให้ข้าดู บัดสีเสียจริง”

ว้ากกก!!! ไอ้ฉิบหายยย ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบเน้ด้วยยย

ผมโอดครวญ เบ้หน้าเม้มปากแน่น ร่างสูงสง่าบนเตียงนอนของผมหลุดหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนสุดท้ายเขาจะยอมหลับตาลง ปากก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่า...

“เอาล่ะๆ ข้าไม่มองก็ได้ รีบแต่งตัวเร็วๆ เข้าสิ”

ผมมองเขาอีกสองวินาทีเป็นอย่างน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่แอบลืมตาขึ้นมามองก่อนที่ผมจะใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ พอเห็นว่าปลอดภัย(?)แน่ๆ ผมก็คลี่บ็อกเซอร์ออกแล้วสวมมันอย่างรวดเร็วภายในเวลาครึ่งนาที ไม่เมพไม่เทพทำไม่ได้อ่ะไอ้สัด!

ผมกระโดดผลุงไปนั่งบนเตียงอีกฝั่ง พอเตียงมันยวบลงอีกคนก็คงรู้ว่าผมเสร็จแล้วเลยลืมตาแล้วขยับมานั่งเอียงข้างมองผมแทน กูขอซื้อได้ไหมไอ้รอยยิ้มล้อเลียนนั่นน่ะ จะเอาไปโยนทิ้งให้ปิรันย่าแดก!

ผมหลบสายตามองไปทางอื่น ในใจนี่ฮึดฮัดนะ แต่เบื้องหน้าแม่งมันเขินๆ อายๆ จนไม่กล้าเปิดปากพูดอะไรสักคำ วุ้ย! กูนอนดีกว่าว่ะ...คิดได้ดังนั้นก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้ท่านเจ้าที่ทันที คว้าหมอนข้างมากอดแน่น ผ้าห่มไม่ต้องห่มมันหรอก ร้อนไปทั้งหน้าทั้งตัวเลยเนี่ยจะห่มทำไม

“หึๆ” ได้ยินเสียงหัวเราะสองหึดังมาจากด้านหลัง ก่อนที่เตียงจะโยกเบาๆ พร้อมกับร่างสูงที่ล้มตัวลงนอนลงข้างกัน เกือบจะแนบชิดกันเลยด้วยซ้ำ เพราะผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของอีกฝ่าย

“บ้านใหม่ก็เสร็จแล้ว ทำไมไม่ไปนอนบ้านตัวเองอ่ะ”

ผมขมวดคิ้ว หันกลับมานอนตะแคงข้างเข้าหาท่านเจ้าที่ สบตากับเทวดาหน้าหล่ออย่างไม่เข้าใจ

“อืม...” ท่านเจ้าที่ลากเสียงยาว ไม่ได้สบตาผมหรอกแต่มองตรงไปที่เพดานด้านบนแทน นายอยู่ทีเดียวกว่าเขาจะเปิดปากตอบคำถามข้อนั้น “พอมาอยู่กับเอ็งข้าก็เลยชิน ให้ไปนอนคนเดียวมันก็...เหงาล่ะมั้ง”

“ท่านเนี่ยนะเหงา?” ผมย้อนถามเสียงสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“เป็นเทวดาอารักษ์เหงาไม่ได้หรืออย่างไรกันล่ะ”

“ก็เปล่า แต่ไม่คิดว่าจะเหงาเป็นด้วยไง อยู่กันมาตั้งเกือบสองร้อยปีได้นี่หว่า” ผมว่าเสียงเบาก่อนจะนึกขึ้นได้ “เออ งานเลี้ยงเป็นไงบ้างอ่ะ ผมนึกว่าท่านจะปาร์ตี้กันทั้งคืนซะอีก”

ท่านเจ้าที่ส่ายหน้า “พวกเราแค่นัดกันมากินเลี้ยงนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรีบกลับแล้ว ยังไงก็ทิ้งบ้านที่ปกป้องคุ้มครองมาสังสรรค์นานๆ ไม่ได้หรอก ถือเป็นการบกพร่องทางหน้าที่”

“เพราะแบบนี้ก็เลยเหงาหรือเปล่า?” ผมถามไปอีกเรื่องเมื่อฟังๆ ดูแล้วก็พอจะเข้าใจอะไรมากขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง “พวกท่านมีเวลาสังสรรค์ด้วยกันน้อย แถมไม่ค่อยได้พบป่ะพูดคุยกันสักเท่าไหร่นี่ใช่ป่ะ? คงจะเหงาใช่ไหมล่ะครับ?”

“...คงงั้น ไม่รู้สิ เหมือนข้าชินเสียแล้วกับเรื่องพวกนี้”

ผมเงียบไปอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกหดหู่แปลกๆ การต้องอยู่มาอย่างยาวนานถึง 200 ปี โดยมีหน้าที่เทวดาเจ้าที่ค้ำคอ ทำให้เดินทางไปไหนไม่ได้นานหรือไกลเกินจำเป็น...ชีวิตแบบนี้มันก็ดูเศร้าสร้อยยังไงไม่รู้แฮะ ผมอยู่คนเดียวมาจะสามปียังเหงาเลย แล้วอีกฝ่ายจะไม่เหงาได้ไงล่ะครับอยู่มาตั้งเกือบสองร้อยปีแล้ว

“นี่ท่านเจ้าที่ ไว้เราไปเที่ยวด้วยกันเปล่า?”

“เที่ยว?” ท่านเจ้าที่ทวนถาม ขยับตัวหันมานอนตะแคงหาผมเต็มตัว ผมเห็นดังนั้นก็เลยขยับนอนให้ดีบ้าง ยกแขนขึ้นตั้งฉากเอามือรองหัวขณะเอ่ยขึ้นว่า...

“อื้อ! ไปเที่ยวกัน ยังไงผมก็อยู่กับท่านแทบจะตลอดเวลา ทิ้งบ้านไปเที่ยวกันสองคนคงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

ท่านเจ้าที่นิ่งคิด คิดนานมากจนผมคิดว่าเขาคงปฏิเสธ แต่กลับไม่ใช่แฮะเพราะเขาพยักหน้าเฉยเลย “เอาสิ”

“เจ๋ง ว่าแต่เราจะไปไหนกันดีล่ะ ท่านมีที่ที่อยากไปหรือเปล่า?”

“...นิวยอร์ก”

“หา?”

“ข้าอยากไปนิวยอร์ก”

นิวยอร์ก? สหรัฐอเมริกา? ทวีปอเมริกาเหนือ?

นี่กูได้ยินผิดป่ะวะเนี่ย อยากไปนิวยอร์กเนี่ยนะ!?!

“ไปทำแป๊ะอะไรวะไอ้ท่านเจ้าที่ นั่นมันก็ไกลเกินไปโว้ย!”

“ฮ่าๆๆๆ” อีกฝ่ายหัวเราะลั่นเมื่อผมโวยวายใส่ ผมขึงตามองเขาจนแทบหลุดออกจากเบ้า

“ยังจะมาขำอีก นี่ถามจริงๆ นะเว้ยว่าอยากไปไหน ไม่ใช่ให้มากวนส้นทีนกันแบบนี้” ผมด่าเข้าให้ ไม่สนแต้มบุญแต้มบาปแล้วห่าเอ๊ย! ตอนนี้ไม่รู้ลดลงไปกี่เปอร์เซนต์ ชึ่ย!

“ฮะๆ แล้วที่มาชวนข้าเนี่ย เอ็งว่างไปเที่ยวรีไง?”

เออว่ะ ชวนเขาแล้วเกิดไปไกลๆ นี่จะไปได้ไงวะ ผมก็มีงานมีการมีเรียนแทบทุกวัน เอาจริงๆ นี่ชีวิตผมแม่งไม่มีวันว่างเลยนะเว้ย ว่างอย่างมากก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงงี้ แล้วจะไปเที่ยวยังไงอ่ะ?

อ๊ะ หรือผมควรลางานไปเที่ยวดี แต่เอ...หรือจะโดดเรียนสักวันสองวันดีล่ะ เฮ้ยๆ ไม่ได้ดิ ผมกำลังจะสอบกลางภาคนี่หว่า โดดไม่ได้เด็ดขาด แต่...แล้วจะเอาไงดีอ่ะ

“งั้นติดไว้ก่อนแล้วกัน ไว้หลังสอบกลางภาคเสร็จผมจะพาท่านไปเที่ยว โอเคไหมครับท่าน ฮ่าๆ”

“หึๆ เอางั้นก็ได้” ท่านเจ้าที่ตอบรับเสียงนุ่ม มองผมด้วยดวงตาที่มันดู...เป็นประกายแปลกๆ จนผมรู้สึกแปลกตามไปด้วย ผมต้องแสร้งเสตามองไปทางอื่นเพราะไม่อยากสบตาอีกฝ่ายนานไปกว่านี้ แม่ง เดี๋ยวใจสั่นหวั่นไหวอีกอ่ะกู

“แต่ท่านก็ต้องไปคิดมาด้วยนะว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน ขอที่ใกล้ๆ หรือไม่ไกลมากถ้าจะออกต่างจังหวัดอ่ะ”

“เออ ข้ารู้แล้วล่ะน่า ก่อนหน้านี้ก็แค่แกล้งเอ็งเท่านั้นแหล่ะ ไม่ไปจริงๆ หรอกนิวยอร์กอะไรนั่นน่ะ”

“ต่อให้แกล้งบอกว่าไปเชียงใหม่ผมก็ไม่ไปหรอกครับ เหอะ! ไกลเกิ๊น แต่ถ้าเป็นพัทยา อยุธยาไรงี้อ่ะได้นะ”

“อืม เข้าใจแล้ว” เขาตอบรับ พอใช้หางตาเหลือบมองก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มบางๆ มาให้ผมอยู่...นั่นไง กูไม่น่าเหลือบไปมองเล้ยยย แค่รอยยิ้มบางๆ ของท่านเจ้าที่ก็ทำให้ผมใจเต้นตึกตักได้อ่ะคิดดู นี่แอบเล่นคุณไสยใส่กูเปล่าวะไอ้ท่านเจ้าที่!

ผมได้แต่โวยวายเงียบๆ ในใจ หลบสายตามามองหมอนข้างที่ตัวเองกอดอยู่แทน ตอนแรกผมง่วงจะตายห่า ทำไมมาตอนนี้ไม่ยอมหลับวะครับ หรือเป็นเพราะแรงเต้นของไอ้ก้อนเนื้อในอกที่มันดังจนทำให้ผมนอนไม่หลับอ่ะ

“เด็กน้อย” เสียงของท่านเจ้าที่เรียกให้ผมเผลอเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย ดีนะเขาไม่ได้ยิ้มชวนใจสั่นอยู่ผมก็เลยไม่โดนแอทแทครอบสอง “อย่าผิดสัญญาล่ะ”

ผมนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้ ความคิดไร้สาะรอะไรก็แล้วแต่ที่มีอยู่ในหัวของผมปลิวหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนโดนพายุพัดโบก...ผมสบตาเขาก่อนจะระบายยิ้มบางแล้วตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “แน่นอน”

ผมหลับตาลง และก่อนที่จะปล่อยให้สติล่องลอยไปกับม่านหมอกของความฝัน ผมก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่าการพูดคุยกับท่านเจ้าที่ในครั้งนี้ เป็นการคุยกันโดยที่เราไม่ต่อล้อต่อเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครเหมือนเช่นทุกทีที่ผ่านมา

นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เราคุยกันดีๆ แบบนี้น่ะครับ




__________

งุ้ย ฟีลลิ่งเค้าเหมือนคนเป็นแฟนกันเลยเนอะ ควรจับสองคนนี้ขังไว้ในห้อง จนกว่าเขาจะได้กันเราจะไม่ปล่อยเขาออกมา //บ้าเรอะ!

มีสัญญาใจกันด้วยยย แต่จะได้ไปไหมนี่อีกเรื่องนะคะ ไปลุ้นกันเอาเนอะ หุหุ ตอนหน้าจะเข้าสู่ความดราม่าแบบอะลิตเติ้ลบิต และจะได้เห็นความละมุนละไมของท่านเจ้าที่มากขึ้นนับจากตอนหน้าเป็นต้นไปเด้อออ

ไปดีกว่า ไปปั่นตอนพิเศษก่อนนะคะ เหมือนเราจะเผลองอกตอนพิเศษเพิ่มมาอีกตอนนึงด้วยแหน่ะ อะไรของฉันวะเนี่ยย 55555


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2017 22:05:30 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เขินนนน เค้าจะไปเที่ยวกัน :impress2:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม มีถอดผ้าเอ้ย ผ้าหลุดโชว์ท่านเจ้าที่ด้วย  :hao6:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
มารอกินมาม่า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :n1: นัดกันจะไปเดตกันแล้ว

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แทงค์ หวั่นไหวมากๆแล้วนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
นัดเดท!! เค้านัดเดทกัน!!
กรี๊ดดดดดดดด >\\\\\\\<♡

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ค.สัมพันพัฒนาสุดๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ตามมาเป็น fc ท่านเจ้าที่ค่าาา

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
แม้ท่านเจ้าแอ่วเด็กในปกครองซะด้วย

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
ตอนที่ 29

“...”

 

เช้าอันแสนปกติสุขของวันพฤหัสฯ เริ่มขึ้นด้วยการที่ผมมามหา’ลัยแล้วโดนอาจารย์เรียกพบทันทีที่เท้าแตะบันไดหน้าคณะ อาจารย์ที่เคารพรักไลน์ส่วนตัวมาหาผมเหมือนรู้คิวอ่ะครับ แหม่ นั่งทางในแล้วเห็นกูมาถึงพอดีหรือเปล่าเนี่ย แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากไปหาท่านที่ห้องพักอาจารย์ประจำคณะ แอบแปลกใจไม่น้อยอยู่เหมือนกันที่เขาเรียกพบผมทั้งๆ ที่วันนี้ผมก็มีเรียนกับเขาอยู่แล้ว เจอกันในห้องเรียนก็ได้ไง ไม่รู้จะรีบเรียกไปทำไม หรือจะให้ผมไปช่วยถือของ? ไม่มั้ง...คงไม่ใช่เรื่องแค่นี้อ่ะ

ได้แต่คิดสะระตะไปเรื่อยเปื่อย สองเท้าก้าวมาจนถึงห้องพักอาจารย์ก็ยกมือเคาะเป็นสัญญาณทันที แล้วจึงค่อยๆ แง้มบานประตูเปิดเข้าไป “ขออนุญาตครับอาจารย์”

แอร์ในห้องเย็นฉ่ำเล็ดลอดออกมากระทบร่าง หน้าผมนี่เย็นซู่ทันทีที่ยื่นหน้าเข้าไปในห้อง...อาจารย์วีรชัยที่เป็นคนเรียกผมมาเงยหน้าขึ้นจากการตรวจรายงานนักศึกษา ผมเดาว่าน่าจะใช่นะเพราะมันเสียบสันซ้อนกันตั้งหลายเล่มนี่

“มาแล้วเหรอ เข้ามาสิๆ”

ผมก้าวเข้าไปในห้องพลางยกมือไหว้ “สวัสดีครับ เรียกผมมามีอะไรหรือครับ’จารย์”

“ผมรู้มาว่าคุณทำงานพิเศษที่ร้านเหล้าแถวข้าวสารใช่ไหม?”

“เอ่อ ครับ” ผมตอบรับอย่างงงๆ หรืออาจารย์เรียกผมมาต่อว่าเรื่องที่ไปทำงานร้านเหล้า? เหย ถ้าเป็นงั้นก็ต้องเรียกพวกผมทั้งวงดิครับไม่ใช่แค่ผมคนเดียว เอ๊ะ? หรือว่าผมไปทำอะไรผิดมาอาจารย์ถึงได้เรียก กะเรียกมาตักเตือนไรงี้เปล่าวะ เอ๊า ล่ะนี่กูไปทำอะไรมาหรือเปล่าเนี่ย

“ไม่ต้องกังวลหรอกทิราวัฒน์ ผมแค่ถามเฉยๆ” อาจารย์ดูเหมือนจะมองสีหน้าผมออกก็เลยเอ่ยปลอบแกมหัวเราะ “ผมไม่เคยไปดูวงของคุณเล่น แต่มีใครคนหนึ่งติดต่อผมมาว่าเขาได้ดูวงของคุณแล้วเกิดสนใจในความสามารถของคุณ”

“สนใจความสามารถของผมเหรอครับ? ผมคนเดียว?”

“ใช่ เขาบอกว่าตอนคุณตีกลอง สีหน้าของคุณได้อารมณ์มาก เข้าถึงจิตวิญญาณของดนตรี แถมยังเล่นดีมากอีกด้วย รวมๆ คือเขามองว่าคุณมีเสน่ห์ และอยากได้คุณไปเป็นเด็กในสังกัด”

เด็กในสังกัดเหรอ...เดี๋ยวนะ สังกัด?

“สังกัดที่ว่านี่คือ...” ผมลากเสียงยาว เบิกตาโตขึ้นมานิดนึงเมื่อพยายามประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน

“ใช่ คนที่เขาสนใจฝีมือของคุณน่ะ เป็นเอเจนซี่จากค่ายเพลง PN Music”

“!!!”

โอ้ชิท! นี่เรื่องจริงป่ะวะเนี่ย!?

ผมยอมรับว่าตอนนี้อึ้งตะลึงจนตัวแข็งทื่อไปแล้วครับ มัน...จะว่าไงดีล่ะ ผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะได้รับความสนใจจากเอเจนซี่ค่ายเพลงทั้งๆ ที่เพิ่งจะอยู่ปีสอง สิ่งที่ผมคิดจะมีก็แต่ผมต้องฝึกฝีมือให้ดีขึ้นเพื่อต่อไปจะได้เอามาใช้เป็นอาวุธในการยื่นขอฝึกงานตามค่ายเพลงต่างๆ มันต้องมีสักแห่งที่ให้โอกาสผม

ผมคิดแค่นั้นจริงๆ นะ และผมไม่คิดว่าโอกาสมันจะมาเร็วขนาดนี้ เร็วกว่าที่คาดหวังเอาไว้เสียด้วยซ้ำ

“เขาบอกว่าคุณยังไม่ต้องเข้าไปฝึกเต็มตัวก็ได้ แค่ไปทดลองดูก่อน เฉพาะวันเสาร์ ส่วนปีที่คุณต้องฝึกงานก็ให้ถือว่าคุณเป็นนักศึกษาควบเด็กเทรนในค่ายไปด้วยเลย นี่เป็นโอกาสที่ดีมากเลยนะคุณทิราวัฒน์ ไม่ใช่นักศึกษาทุกคนที่จะได้รับความสนใจจากค่ายเพลงก่อนที่จะเรียนจบ ว่ายังไงล่ะ คุณสนใจหรือเปล่า”

“สนใจครับ! ผมสนใจครับอาจารย์!” ผมตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด โอกาสแบบนี้ใครจะกล้าปฏิเสธล่ะครับ!

“ดี ผมจะได้ตอบรับทางฝั่งนั้นไป ได้รับโอกาสขนาดนี้แล้วยังปฏิเสธก็ออกจะน่าเสียดายเกินไป คุณโชคดีจริงๆ” ใช่ ผมโชคดีจริงๆ โชคดีมาก “หลังจากนี้ผมจะแจ้งไปทางเอเจนซี่ว่าคุณตอบตกลง เราจะได้นัดพบกับทางฝั่งนู้นเพื่อพูดคุยทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ตกลงมั้ยคุณทิราวัฒน์?”

“ครับอาจารย์ ผมโอเคทุกอย่างเลยครับ!” ผมตอบรับ ยิ้มกว้างให้กับอาจารย์ “ขอบคุณนะครับอาจารย์ ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร เอาล่ะคุณไปเถอะ เจอกันที่ห้องเรียนนะ”

เดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ด้วยหัวใจที่ยังเต้นแรงเพราะความตื่นเต้นดีใจไม่หาย ผมคิดทบทวนถึงเรื่องที่ได้คุยไปเมื่อครู่อีกครั้ง และเมื่อพบว่ามันไม่ใช่ความฝันผมก็อดไม่ได้ต้องกระโดดจนตัวลอยอยู่หน้าห้อง ถ้าตะโกนได้ผมทำไปแล้ว นี่มันเรื่องมหัศจรรย์ของชีวิตผมเลยนะ! มันเยี่ยมที่สุดไปเลย!

ในขณะที่ผมกำลังยินดีปรีดา เสียงไลน์ก็ดังเรียกให้ผมต้องควักโทรศัพท์ออกมาดู ไม่ใช่ใครอื่นหรอกครับ ก็ไอ้พวกเพื่อนเวรนั่นล่ะ มันไลน์มาตามไปเข้าคลาส อีกสิบห้านาทีจะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว

ผมเดินไปที่ห้องแบบเอื่อยเฉื่อย ไม่รีบเพราะรู้ว่ายังไงผมก็ไปถึงก่อนอาจารย์วีรชัยแน่นอน ก็ผมเพิ่งออกมาจากห้องพักของอีกฝ่ายนี่นา แล้วเขาก็เข้าสายห้านาทีเป็นประจำอยู่แล้วด้วย ไม่รู้ไอ้ฮัทจะรีบเพื่ออะไรเหลืออีกตั้งยี่สิบนาที

ห้องที่ผมเรียนอยู่ห่างจากห้องพักอาจารย์ไม่ไกล เดินไปเรื่อยๆ แบบนี้ห้านาทีก็ถึง พอก้าวเข้าห้องมาเท่านั้นล่ะเสียงไอ้เนสงี้ตะโกนมาจากกลางแถวฝั่งริมหน้าต่างดังลั่นทันทีเลย

“ไอ้แทงค์โว้ย! มาสักที!”

“อะไรของมึง” ผมเอ่ยถาม หย่อนตัวลงนั่งแล้วเอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะเลคเชอร์

“ก็ไอ้ฮัทอ่ะดิ มันจะ...มึงยิ้มอะไรวะ?”

หืม?

“อ้าว นี่กูยังยิ้มอยู่อีกเหรอ?” ผมถาม แต่ก็รู้ตัวเองดีว่าตอนนี้ริมฝีปากของผมมันฉีกยิ้มกว้างมากแค่ไหน

“มึงนี่ก็ถามแปลกๆ ก็มึงยิ้มอยู่เนี่ย ไม่รู้ตัวหรือไง” ไอ้คลาร์กที่นั่งอยู่ข้างๆ ไอ้เนสแฟนมันขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่ไอ้ฮัทเลิกคิ้วแล้วถามด้วยโทนเสียงเรียบๆ ของมันตามปกติ

“ไปเจอเรื่องดีๆ อะไรมาล่ะ”

ผมยิ่งยิ้มหน้าบานเข้าไปใหญ่ รู้สึกเจ็บแก้มพิลึกแต่ก็ยังยิ้มไม่หุบอยู่ดี มันหุบยิ้มไม่ได้จริงๆ ว่ะครับ มีความสุขอ่ะ

“เอ๊าเงียบอีก มึงตอบมาดิว่ายิ้มทำไม พวกกูมองมึงยิ้มแล้วรู้ว่าไปเจอเรื่องดีๆ มา แต่ไม่รู้หรอกนะเว้ยว่ามันเรื่องอะไร กูอ่านรอยยิ้มแล้วแปลเป็นภาษาไทยไม่ออก!” ไอ้เนสบ่นยาวเหยียด หน้ามันมู่ทู่จนน่าตลกเลยว่ะครับ

“ก็...” ผมเอ่ยขึ้น ลากเสียงยาวมองพวกมันด้วยสายตาเป็นประกาย ทั้งสามคนขยับเข้ามาใกล้ผม ตั้งอกตั้งใจรอฟัง สีหน้านี่อยากเสือกเต็มที่จนผมอดขำออกมาไม่ได้ “ฮ่าๆๆๆ”

“ไอ้เหี้ยแทงค์! ขำหาพ่อมึงเหรอ!? ตกลงจะตอบไม่ตอบหา!?” ไอ้เนสทนไม่ไหวยื่นมือมาตบหัวผมฉาดใหญ่ ก็ไม่เบาไม่แรงหรอก แต่ก็เจ็บๆ คันๆ ได้เหมือนกัน

“เออ ลีลานะไอ้สัด มึงทำอาชีพเสริมเป็นนักยิมนาสติกลีลารึไง?” ไอ้คลาร์กบ่นบ้าง แต่มันไม่ได้ตบหัวผมหรอกนะ นี่...มันดีดหน้าผากผมต่างหาก เจ็บนะโว้ย!

“โอ๊ย! ไอ้ห่ากูเจ็บนะ!” ผมโวยวาย แต่สีหน้าก็ยังคงยิ้มและหัวเราะน้อยๆ ตามเดิม จนไอ้ฮัทต้องยื่นมือมาจับหน้าผมเอาไว้ด้วยสองมือ แล้วเขย่าๆๆ จนผมหัวสั่นหัวคลอน

“มึงจะพูดได้หรือยัง เลิกอมพะนำได้แล้ว”

“โอย ฮะๆ เออๆ พูดแล้วโว้ยพูดแล้ว” พอเห็นผมยอมแพ้ ไอ้ฮัทก็ปล่อยมือจากหัวผมก่อนจะกลับไปนั่งกอดอกจ้องมาอย่างคาดคั้น ผมกระแอมเบาๆ ยกยิ้มกริ่มก่อนจะยอมเปิดปากเล่าในที่สุด “ก่อนมาห้องเรียนอาจารย์วีรชัยเรียกกูเว้ย ตอนแรกกูก็งงว่าเรียกทำไม”

“แล้วสรุปเขาเรียกทำไม?” ไอ้ฝรั่งแทรกถาม ก็เลยโดนแฟนมันผลักหัวไปที

“มึงก็อย่าไปขัดมันสิวะ ให้มันเล่าเอง!”

“ครับผม ขอโทษครับฮันนี่” ไอ้คลาร์กเอาหัวถูๆ ไถๆ ไหล่ไอ้เนส ทำหน้าอ้อนงุ้งงิ้งใส่ด้วยนะ แต่ผมมองว่าแม่งโคตรอ้อนตีนอ่ะ นอกเรื่องแป๊บ...หมั่นไส้พวกมึงฉิบหาย ไอ้สันขวาน เป็นแฟนกันแล้วจำเป็นต้องมาหวานใส่กันให้กูเห็นป่ะล่ะ!? เหม็นความรักวุ้ย

“เล่าต่อ” ไอ้ฮัทดึงผมกลับเข้าเรื่องเดิมเมื่อเห็นว่าผมมัวแต่แสดงอาการหมั่นไส้ไอ้ห่าสองตัวนี่ทางสีหน้า

“เออๆ ทีนี้กูก็กลัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วโดนเรียกมาด่างี้ แต่จริงๆ ไม่ใช่เว้ย เขาเรียกกูไปถามเรื่องที่ว่ากูเล่นดนตรีที่ร้านเหล้าแถวข้าวสารใช่มั้ย พอกูตอบไปว่าใช่เขาก็เลยบอกว่า...”

“ว่าาา...”

ผมอมยิ้มขำกับท่าทีของเพื่อนทั้งสาม มันลากเสียงยาวตามผมด้วยอาการลุ้นระทึกออกนอกหน้า ฮะๆๆ ตลกพวกมันว่ะ อยากรู้ใจจดใจจ่ออะไรกันขนาดนี้วะ

อ่า...แต่คิดดูอีกทีถ้าผมเป็นพวกมันก็คงจะอยากรู้ไม่ต่างกันอ่ะว่าเพื่อนไปเจออะไรมา หึๆ

“...ว่ามีเอเจนซี่จากพีเอ็นมิวสิคมาชวนกูเข้าสังกัดว่ะ”

ผมพูดจบไปแล้ว และสิ่งที่ได้รับกลับมาจากเพื่อนๆ ก็คือสีหน้าอึ้งตะลึงของพวกมัน สักพักใหญ่ๆ เลยกว่าที่ไอ้ฮัทจะเป็นคนแรกที่ยื่นมือมาตบไหล่ ยกยิ้มที่กว้างมากกว่าปกติมาให้ผม “ดีใจด้วยว่ะไอ้แทงค์ มึงเก่งมาก”

“ขอบใจมึง” ผมยิ้มให้มัน แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อไอ้เนสพูดขึ้นเสียงเรียบขัดความยินดีของผม

“ทำไมถึงเป็นมึงวะ? แค่มึงเนี่ยนะ?”

“อ่า ก็ทำนองนั้นอ่ะ อาจารย์วีรชัยบอกว่า...” ผมเล่าทุกสิ่งที่คุยกับอาจารย์ก่อนหน้านี้ให้พวกมันฟังจนจบ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมองไอ้เนสกับไอ้คลาร์กอย่างไม่เข้าใจ ถ้าผมไม่ได้โง่จนเกินไป ผมว่าผมมองออกนะว่าพวกมันกำลังไม่พอใจผม...ไม่พอใจอะไรวะ?

“แล้วมึงก็ตอบรับไป ทั้งๆ ที่พวกเราสัญญากันไว้แล้วว่าจะฟอร์มวงไปด้วยกันน่ะเหรอวะ?” ไอ้เนสว่าเสียงเข้ม มองผมด้วยสายตากรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก ขณะที่ไอ้คลาร์กพูดเสริมขึ้นอีกว่า

“พวกกูก็ไปเล่นดนตรีร้านเดียวกันกับมึง เล่นด้วยกันกับมึง แต่ทำไมเอเจนซี่ถึงสนใจแค่มึงวะแทงค์”

ผมรู้แล้วล่ะว่าพวกมันโกรธอะไรผม

“เฮ้ย ทำไมพวกมึงพูดแบบนั้นวะ ไอ้แทงค์ไม่ได้ทำอะไรผิดนะเว้ย เอเจนซี่มาสนใจมันเอง แปลว่าเขามองเห็นความสามารถและเสน่ห์ของมัน มันไม่ได้ไปหาเขาก่อนสักหน่อย มึงจะพูดเหมือนมันผิดไม่ได้ ที่มันตอบรับไปก็ถูกแล้ว ใครบ้างวะจะไม่ยอมรับโอกาสดีๆ แบบนี้” ไอ้ฮัทเอ่ยแย้งแทนผม มันพูดยาวมาก มากกว่าปกติจนถ้าเป็นสถานการณ์ปกติผมคงได้ทำตาค้างใส่มันไปแล้ว

“แล้วยังไงวะ! เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ผิดที่มัน แต่มันก็ยังผิดอยู่ดีที่ตอบตกลงไปแล้วทั้งๆ ที่มันสัญญากับพวกเราเอาไว้ว่าจะเดินไปในเส้นทางสายนี้ด้วยกัน!” ไอ้เนสเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้

ซึ่ง...ที่มันพูดมาก็ถูก...ถูกต้องแล้วล่ะครับ

“กูไม่คิดเลยว่ามึงจะทิ้งเพื่อนแบบนี้” ไอ้คลาร์กเอ่ยเอื้อนประโยคที่ทำให้ผมตัวชาไปทั้งร่าง

มันสองคนลุกเดินออกจากห้องเรียนโดยไม่สนใจว่าอาจารย์กำลังจะมาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว เหลือไอ้ฮัทที่มองมายังผมอย่างไม่สบายใจ มันลูบไหล่พลางเอ่ยปลอบผม “มึงอย่าคิดมากนะ พวกมันคงแค่กำลังโกรธ”

หากแต่คำพูดของมันไม่เข้าหูผมเลยสักนิด ในเวลานี้ผมได้ยินแต่เสียงของไอ้สองคนนั้นดังก้องสะท้อนไปมาอยู่ในหู ตอกย้ำให้ผมรู้สึกเจ็บไปทั้งใจกับคำกล่าวหาของพวกมัน...คำกล่าวหาที่เป็นจริงตามนั้นทุกอย่าง ผมทิ้งเพื่อนจริงๆ

ที่ผมตัดสินใจลงไปคือความผิดพลาดสินะ




__________

อ่ะ นี่แหล่ะดราม่าของเรื่อง 5555 ฮันแหน่ะ นี่คิดว่าเป็นดราม่าของน้องแทงค์กับท่านเจ้าที่กันหรือเปล่าคะ เหยๆ เราก็บอกไว้ในตอนที่แล้วนาา ว่าตอนนี้จะมีดราม่านิดหน่อยและหลังจากนี้จะได้เห็นความน่ารักของท่านเจ้าที่ ซึ่ง...ความน่ารักที่ว่านั้นจะเริ่มมาในตอนหน้าเป็นต้นไปค่ะ เขาจะมุ้งมิ้งกันแย้วว อ้อ อาจสงสัยกันว่าทำไมเราไม่เล่นประเด็นดราม่าของพระนายล่ะ งั้นบอกไว้ตรงนี้เลยละกันว่าดราม่าของพระนายมาตอนจบนู่นค่ะ จบแบบดราม่าๆ 555 //ขู่ให้ทุกคนกลัว ฮิฮิ

อ่านตอนนี้อาจจะคิดว่าเออ ทำไมแค่แทงค์ได้ดีเพื่อนต้องโกรธ เนสกับคลาร์กอิจฉาเหรอ อันนี้เราอยากให้ลองคิดกันเอาเองเนอะว่าสองคนนี้รู้สึกยังไงถึงได้พาลแทงค์กันขนาดนี้ เรื่องนี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ อาจจะคิดว่าทะเลาะกันเรื่องไร้สาระมาก แต่เราอยากจะบอกว่าเรื่องเล็กๆ นี่แหล่ะค่ะ ที่ทำให้คนเป็นเพื่อนกันทะเลาะกันได้ง่ายดายสุดๆ เพราะครั้งหนึ่งเราก็เคยทะเลาะกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งอยู่เกือบปี เพียงเพราะตั้งสเตตัสแซะกันแบบไม่เอ่ยชื่อ(ซึ่งเกิดจากความเข้าใจผิดกันล้วนๆ) เรียกว่าเราเอาประสบการณ์ตรงมาใส่ลงไปก็ได้ค่ะ แค่เปลี่ยนซิทูเอชั่นเฉยๆ ฮ่าาา

ทอล์คยาวมาก อิผี ฉันบ่นอะไรยาวขนาดนี้ ไปดีกว่า ไปอ่านมังงะต่อแล้วค่ะ 555 เจอกันตอนหน้าเด้ออ เมนต์ๆ ให้เรากันเยอะๆ น้าา อยากได้กำลังใจ ตอนนี้เนือยมาก ปั่นตอนพิเศษไม่ออกทั้งๆ ที่ก็รู้นะว่าจะเขียนอะไร หรือจริงๆ เราแค่ขี้เกียจหว่า? 5555


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2017 22:43:42 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

((( ชอบผลงานของคุณนักเขียนมากครับ  ขอชื่นชมและขอให้กำลังใจครับ  )))


 :L2: :pig4: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด