เวลาผ่านไปพร้อมๆ กับความเป็นเพื่อนของพวกเราที่ยังคงมั่นคงและรักษารอยร้าวเดิมเอาไว้ไม่ให้มันร้าวไปมากกว่านี้ได้ แต่กลับมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นมาอีก หากแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่รอยร้าวในความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของพวกเรา...แต่เป็นรอยร้าวของหัวใจไอ้แทงค์
จู่ๆ มันก็ไม่มาเรียนถึงสองวันติด โทรไปหาแม่งก็ไม่รับ จนพวกผมเป็นห่วงมันฉิบหาย สุดท้ายในเย็นวันที่สามพวกเราทั้งหมดก็ตรงไปหามันที่บ้าน ก่อนจะพบว่าสภาพของมันดูแทบไม่ได้
หน้ามันโทรมเหมือนคนไม่ได้นอน ร่างกายก็ดูอ่อนแรง และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือดวงตาของมัน...ตาแดงช้ำที่มองมายังพวกผมทำให้อดตกใจไม่ได้ มันร้องไห้มาอย่างหนัก นั่นคือสิ่งที่ผมอ่านได้จากดวงตาของมัน
“มึงเป็นอะไรวะแทงค์” ไอ้เนสถามอย่างเป็นห่วง มันคงเห็นท่าไม่ดีด้วยมั้งเพราะเข้าไปพยุงไหล่ไอ้แทงค์ที่จะล้มไม่ล้มแหล่เอาไว้ ผมเห็นอย่างนั้นก็เลยเข้าไปช่วยพยุงอีกข้าง ขณะที่ไอ้คลาร์กปัดผมที่ปรกหน้าไอ้แทงค์ออกแล้วสำรวจหน้าตาของเพื่อน
“มึงร้องไห้นี่ เป็นอะไรวะ บอกพวกกูเถอะ อย่าร้องไห้คนเดียวดิ”
คำพูดของมันดูอ่อนโยนจนเหมือนไม่ใช่มันพูด ปกติไอ้ฝรั่งจะโผงผางมากกว่า...แต่กระนั้นสิ่งที่มันพูดก็ทำให้ไอ้แทงค์ปล่อยน้ำตาไหลพราก สะอื้นออกมาจนตัวโยนในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่รู้จักมันมา
“ไอ้แทงค์...”
พวกผมพยุงพามันเข้าบ้าน สภาพมันอ่อนแรงมากจริงๆ นะครับ มากจนผมยังอดคิดไม่ได้ว่าแม่งเดินออกไปเปิดประตูบ้านให้พวกผมเข้ามาได้ยังไงโดยไม่ล้มพับไปเสียก่อน
เรานั่งอยู่เคียงข้างมัน ปลอบมันทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเสียใจเรื่องอะไร...ไอ้แทงค์มันเป็นคนเข้มแข็งมาก อันนี้ผมรู้ดี แต่คนเข้มแข็งใช่ว่าจะไม่เก็บซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ และตอนนี้มันกำลังแสดงความอ่อนแอออกมา
เนิ่นนานเป็นขั่วโมงกว่าที่มันจะเอ่ยปากพูดออกมาได้ “เขาไปแล้ว”
“หา? ใครไปไหน?” ไอ้เนสทำหน้างง ย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ
“พี่ภู...” เสียงไอ้แทงค์สั่นเครือและแหบเบาจนแทบไม่ได้ยิน
เราอีกสามคนหันมาสบตากัน ก่อนจะเป็นผมที่เอ่ยปากถาม “พี่ภูไปไหนเหรอ”
มันส่ายหน้า “ไม่รู้ แต่เขาไปแล้ว”
“มึงกับเขาเลิกกันเหรอ?”
“เปล่า ไม่...แต่เขาไม่อยู่ เขาไปแล้ว อึก...เขาจำเป็นต้องไป” มันพูดไปก็เหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกได้ทุกเมื่อ จนพวกผมต้องเลิกซักถาม
ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งผม ไอ้เนส และไอ้คลาร์กคิดเหมือนกันหลังจากนั้นก็คือ...พวกเราจะอยู่เคียงข้างมัน ให้กำลังใจและฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกัน ไม่ว่าไอ้แทงค์ หรือเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มเราจะต้องเจอกับความเสียใจอะไรก็ตาม แต่พวกเราก็จะอยู่เคียงข้างกันเสมอ
และพวกผมก็ทำแบบนั้นมาตลอดสามปี...สามปีต่อมาที่พวกเราไม่ใช่นักศึกษาอีกแล้ว แต่เป็นนักร้องวงน้องใหม่ของค่ายเพลง PN Music ที่เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลเพลงช้าฟังสบาย เป็นเพลงที่ไอ้แทงค์แต่ง เกี่ยวกับความคิดถึงของผู้ชายคนหนึ่งที่คิดถึงคนที่รัก แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน
มันแต่งเพลงนี้ให้พี่ภู และพวกผมก็คิดเห็นเหมือนกันว่าควรเอาเพลงนี้เป็นเพลงเดบิวต์...ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นเพลงที่กินใจหรือเมโลดี้ดีเท่านั้น แต่พวกเราอยากให้เพลงนี้ส่งไปถึงผู้ชายคนนั้น คนที่ไอ้แทงค์เฝ้าคิดถึงมาตลอดสามปี
และสิ่งที่พวกเราเลือกก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะคนรักของเพื่อนปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะนายแบบหนุ่มดังจากฝรั่งเศส...เขากลับมาหามันแล้ว และแน่นอนว่าพวกผมที่เหลือรู้สึกยินดีกับมันมาก
ตลอดสามปีที่ผ่านมาเราได้รู้ซึ่งถึงความหมายมากมายของคำว่าเพื่อน รอยร้าวครั้งนั้นยังคงอยู่ แม้มันยังไม่สมานกันดี แต่ผมก็รู้ว่าลึกๆ แล้วรอยร้าวในความสัมพันธ์ของพวกเรามันไม่ขยายเพิ่มขึ้น และได้รับการซ่อมแซมจนกลายเป็นแผลเป็นจางๆ เท่านั้น
การรักษาน้ำใจกัน ไม่พูดทำร้ายจิตใจกัน เมื่อไหร่ที่ทะเลาะกันก็คิดให้ดีเสมอก่อนพูดอะไรออกมาเพื่อจะได้ไม่เป็นการพูดจาร้ายกาจใส่กัน ผมคิดว่านั่นล่ะที่ทำให้รอยร้าวของพวกเรามันคงที่จนเกือบหายไป
การที่เราโตขึ้นก็ยิ่งทำให้เราคิดไตร่ตรองทุกอย่างให้ถี่ถ้วนได้ดีขึ้น...สามปีที่ผ่านมาใช่ว่าพวกเราไม่เคยทะเลาะกัน แต่เราก็มักจะเคลียร์กันโดยไว เปิดใจคุยกันแมนๆ ฉันเพื่อนโดยไม่ปล่อยให้ความรู้สึกขุ่นเคืองในใจตกเป็นตะกอนให้เผลอพูดจาไม่ดีใส่กันอีก
เพื่อนคือคนที่เข้าใจกัน พูดคุยกันได้แทบทุกเรื่อง เคารพซึ่งกันและกัน รับฟังกันและกัน และการรักษาความเป็นเพื่อนเอาไว้ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเรามีค่าอย่างหาอะไรมาเทียบไม่ได้
หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ได้แต่หวังว่าพวกเราจะยังก้าวเดินไปในเส้นทางของการเป็นศิลปินด้วยกัน ก้าวเดินไปในเส้นทางของความเป็นเพื่อนที่แน่นแฟ้นกันแบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะก้าวต่อไม่ไหว
ก็เพื่อนน่ะ...ควรจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ?
[FIN]
__________
ตอนพิเศษที่สองมาแล้วค่ะ งามสุมแล้วเครียดเน้อ เลยเอามาลงด้วยการพิมพ์ๆๆๆ กดแป้นพิมพ์อย่างเมามัน ไม่รู้คนอื่นแก้เครียดยังไง แต่การแต่งนิยายคือหนึ่งในทางแก้เครียดของเราค่ะ ฮือออ จะตายแล้ว เป็นแทบทุกอย่างให้เธอแล้ว ยังจะเอาอะไรกับเราอี๊กกก เหนื่อยแล้วนะ ว๊ากกกกก!!! //อาละวาดเงียบๆ ในใจ
ตอนนี้เน้นพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนผ่านทางหนุ่มพูดน้อยหน้านิ่งอย่างฮัทค่ะ ในความคิดเรา คนเงียบนิ่งจริงๆ แล้วคิดอะไรมากมายอยู่ในหัวอ่ะแหล่ะ แค่เขาไม่แสดงออกมา ฮัทเองก็เป็นประเภทนั้น ขาจะแสดงออกมากหน่อยก็ตอนที่อะไรๆ รอบตัวมันหลุดออกไปจากสถานการณ์ปกติ เขียนไปก็คิดว่าอยากได้ผู้ชายแบบนี้เป็นแหนจังน้าา ในเมื่อฮัทไม่มีคู่พอดี งั้นน้องฮัทควรเป็นของเราค่ะ ฮ่าาาา
ไปละ เจอกันกับตอนพิเศษตอนสุดท้าย (คิดว่านะคะ 555) ตอนหน้าเป็นเรื่องราวของคลาร์กกับเนสค่ะ มุมมองของสองคนนั้นอาจจะทำให้ทุกคนไม่เกลียดพวกเขาก็ได้นะ ฮือออ สงสารพวกนางจัง นี่เราทำให้พวกนางโดนเกลียดไปแล้วหรือยังเนี่ย แหงะ