ตอนที่ 25
“แล้วตอนนั้นบอกไม่ได้เป็นห่วง”
[ภูตลา]
เจ้าเด็กนั่นหายไปสองวันแล้ว ไม่ยอมกลับบ้าน ไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่ปลายเส้นผม ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน สองวันที่ผ่านมาเด็กแสบนั่นไม่มีกะทำงานพิเศษที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ถึงจะไปหาอย่างไรก็คงไม่เจออยู่ดี คิดเอาไว้ว่าคืนวันพุธจะลองไปหาเจ้าเด็กนั่นที่ร้านเหล้า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงจะกลับบ้านมาเอง ซึ่ง...เขาคิดผิด นี่มันคืนที่สองแล้ว และอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่วันที่สามที่เจ้าเด็กตัวร้ายนั่นไม่ยอมกลับบ้าน!
มาถึงตรงจุดนี้ท่านเจ้าที่หนุ่มก็เริ่มรู้สึกไม่ดี เขายอมรับโดยไม่มีอะไรจะแก้ตัวว่าที่พูดไปในคืนนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง เขาก็แค่โมโหที่แทงค์กลับบ้านมาโดยให้ใครก็ไม่รู้มาส่ง แทนที่จะเรียกให้เขาไปรับ แม้ใครที่ว่านั่นจะเป็นรุ่นพี่อย่างที่เจ้าตัวพูดก็เถอะ แต่ภูตลาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
อย่าถามเลยว่าทำไมเขาต้องหงุดหงิดใจด้วยกะอีแค่มีคนอื่นมาส่งเด็กในปกครองของเขา(?) เพราะชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ใช่สิ จริงๆ แล้วภูตลารู้ รู้ดีเลยล่ะแต่พยายามไม่แสดงออกให้ใครเห็นมากกว่า...ไม่เว้นแม้แต่ตัวเอง
“เฮ้อ เอ็งจะโกรธจะงอนอะไรข้านักหนา กลับบ้านได้แล้วเจ้าเด็กนิสัยเสีย”
เทวดาหนุ่มรำพึงรำพัน รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้แทงค์หนีออกจากบ้าน ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไปอยู่ที่ไหนเป็นอย่างไรบ้าง ถึงจะเป็นผู้ชายโตจนอายุยี่สิบปีเข้าไปแล้ว แต่ร่างสูงก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี...ไม่ได้การ เขาคิดว่าตัวเองควรต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
คิดได้ดังนั้นท่านเจ้าที่ก็เอ่ยปากเรียกเลขาฯ สาวผู้เป็นนางไม้ออกมาทันที “มัทนา”
“เจ้าค่ะท่านภูตลา”
“แจ้งไปที่พระภูมิเจ้าที่ทุกองค์ในเขตพระนคร ถ้าใครเจอเจ้าเด็กแทงค์ให้รีบบอกข้าทันที”
“รับทราบเจ้าค่ะ” นางไม้มัทนาเสกแทบเล็ตขึ้นมาจากอากาศ กดพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็ถ่ายทอดข้อความไปหาพระภูมิเจ้าที่ในเขตพระนครครบทุกองค์เรียบร้อย “ข้าได้ส่งอีเมลให้กับพระภูมิทั้งหมดเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ท่านภูตลาต้องการให้ข้าทำเรื่องติดต่อไปขอความร่วมมือไปที่เขตธนบุรีด้วยหรือไม่เจ้าคะ?”
ภูตลานิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ต้อง รอดูอีกสักวัน หากไม่มีใครในเขตพระนครพบเห็นเขา ถึงเวลานั้นจึงจะติดต่อไปที่ผู้ว่าราชการศาลพระภูมิประจำเขตธนบุรีแล้วกัน”
“เจ้าค่ะท่านภูตลา”
“นี่ มัทนา เจ้าเคยง้อใครบ้างไหม?” คำถามของผู้เป็นนายเหนือหัวทำให้นางไม้ที่มักมีรอยยิ้มอันอ่อนหวานและสุขุมนุ่มนวลเสมอเผลอยิ้มกว้าง หลุดหัวเราะคิกคักออกมา เป็นเหตุให้ภูตลาต้องแสร้งดุเสียงเข้ม “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยมัทนา นี่มันบ้าสิ้นดีที่เทวดาอย่างข้ามาถามอะไรเช่นนี้กับเจ้า”
“ข้ามิได้ขบขันกับคำถามหรอกนะเจ้าคะ แต่ข้าขบขันกับสิ่งที่ท่านภูตลาคิดจะทำต่างหาก หากให้ข้าเดา...ท่านภูตลาคงอยากจะง้อน้องแทงค์ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
เทวดาหนุ่มไม่ตอบ แต่แค่นั้นก็แทนคำตอบได้ดีที่สุดแล้วว่าใช่...เขาอยากง้อเจ้าเด็กนั่น
“ก่อนอื่นข้าขออนุญาตตำหนิติติงท่านสักเล็กน้อย” นางไม้สาวเอ่ยขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายไม่ตอบคำ “ในวันนั้นท่านพูดกับเขาด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเกินไปเจ้าค่ะ เด็กหนุ่มคนนั้นอยู่อย่างเดียวดายมาหลายปี แม้จะมีญาติหลงเหลืออยู่แต่ก็ห่างไกลกัน เขาเหงานะเจ้าคะ และเขาก็คาดหวังว่าท่านจะห่วงใยเขาบ้าง เพราะในตอนนี้เขามีเพียงท่านที่อยู่เคียงข้างในยามที่กลับบ้านมาแล้วพบว่ายังมีใครคนหนึ่งอยู่ในบ้านหลังนี้กับเขาด้วย”
คำพูดทุกคำของนางไม้แห่งดอกกุหลาบซึมลึกเข้าสู่สมองของเจ้าที่หนุ่ม ร่างสูงคิดตามในทุกๆ คำพูดของเลขาฯ สาว สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจยาว เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจือความรู้สึกผิดชัดเจน “ข้าทำผิดไปมากจริงๆ สินะ”
“ข้าก็มิอาจบอกได้ว่ามากเพียงใด แต่ถ้าเป็นเรื่องง้อขอคืนดีล่ะก็...”
“เจ้ามีวิธีรึ?” ท่านเจ้าที่หันขวับมามองเลขาฯ คนเก่งของตนอย่างมีความหวัง มัทนายิ้มให้ก่อนจะบอกวิธีง้องอนขอคืนดีเด็กน้อยที่หนีออกจากบ้าน
“วิธีก็ไม่มีอะไรมากเลยเจ้าค่ะท่านภูตลา แค่ท่าน ‘ขอโทษ’ เขาด้วยใจจริง ใช้ความจริงใจของท่านบอกกับเขาว่าท่านรู้สึกผิดและไม่ได้คิดอย่างที่ท่านเอ่ยเอื้อนวาจาออกไป วิธีนี้ดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะในการง้อใครสักคน”
__________
หากถามว่าสิ่งที่เจ้าที่ศาลพระภูมิควบตำแหน่งผู้ว่าราชการศาลพระภูมิฯ อย่างภูตลาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องทำมาก่อนคืออะไร ตอนนี้เขาก็คงบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า...การง้อเด็กขี้งอนที่หนีออกจากบ้านยังไงล่ะ
“ท่านภูตลา เจ้าที่จากพระภูมิหมู่บ้านที่ 8 แจ้งมาว่าพบน้องแทงค์อยู่ที่บ้านในอาณาเขตการปกครองของเขาเจ้าค่ะ” นางไม้สาวปรากฏตัวตรงหน้าผู้เป็นนายเพื่อแจ้งข่าว
“หลังไหน?!” ท่านเจ้าที่ผุดลุกขึ้นทันที
“บ้านของเพื่อนน้องแทงค์ที่ชื่อฮัท อยู่ซอย 7 เจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามาก” เทวดาหนุ่มกล่าวก่อนจะเหลือบมองดวงอาทิตย์ที่กำลังแตะขอบฟ้า เขากำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าหากหมดคืนนี้แล้วยังไม่พบตัวแทงค์ก็คงต้องยื่นเรื่องไปที่อีกเขตให้ช่วยตามหา แต่เป็นโชคดีที่ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้น
ภูตลาดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ชุดที่สวมใส่ก็เปลี่ยนจากเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเป็นเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มและกางเกงยีนส์ฟอกสีซีด ชายหนุ่มกำลังจะหายตัวไปแล้วเชียว หากแต่นางไม้มัทนากลับเอ่ยเรียกรั้งเขาเอาไว้เสียก่อน
“สักครู่เจ้าค่ะท่านภูตลา รับสิ่งนี้ไปด้วยสิเจ้าคะ” นางไม้สาวยื่นดอกกุหลาบช่อหนึ่งมาให้ เป็นดอกกุหลาบสีแดง ชมพู ขาว และเหลืองปนกันรวมทั้งสิ้น 15 ดอก มัดเข้าด้วยกันเป็นช่อสวย “กุหลาบสิบห้าดอกหมายถึง ‘ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ’ ท่านภูตลาไม่คิดว่ามันเหมาะจะเอาไปขอโทษเด็กหนุ่มคนนั้นหรือเจ้าคะ”
ภูตลานิ่งไป ในสมองคิดถึงความเหมาะสมที่จะเอาดอกกุหลาบช่อโตไปมอบให้เด็กหนุ่มชาวมนุษย์คนหนึ่งเพียงเพื่อขอโทษ แต่สุดท้ายก็รับมาถือก่อนจะหายตัวไป “ขอบใจนะ เจ้าเป็นเลขาฯ ที่ดี”
ทิ้งให้เลาขาฯ สาวอมยิ้มเชิงถูกใจปนขบขัน “หากท่านรู้ความหมายในสีแต่ละสีของดอกกุหลาบด้วยล่ะก็ คงได้ปฏิเสธหัวชนฝาที่จะเอามันไปง้อเด็กคนนั้น”
...แน่นอน ก็ในเมื่อนอกจากกุหลาบสีเหลืองที่แทนความรักแบบเพื่อนแล้ว ดอกกุหลาบสีที่เหลือมันแทนความรักในแบบ ‘คนรัก’ ทั้งหมดเลยนี่นา หึๆ
ด้านพระภูมิเจ้าที่หนุ่มที่หายตัวมา ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าบ้านของเด็กที่ชื่อฮัท ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปในรั้วบ้านโดยที่ยังกำบังกายตนเองไม่ให้มนุษย์พบเห็น โดยมีพระภูมิเจ้าที่ของบ้านหลังนี้ออกมารอต้อนรับ
“เดินทางมาไกลเลยนะขอรับท่านภู”
“อืม เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน?”
“ในบ้านขอรับ พวกเขาเพิ่งจะกลับมาจากมหาวิทยาลัย”
“งั้นหรือ” เขาพยักหน้ารับ “เจ้าจะไปไหนก็ไปเถิด ข้าจัดการธุระของข้าเอง รบกวนเพียงไม่นานก็จะกลับแล้ว”
ภูตลาเดินถอยกลับออกไปนอกรั้วบ้าน สูดลมหายใจเข้าลึก มองดอกไม้ในมือเล็กน้อยก่อนจะเอามันไปซ่อนไว้ข้างหลัง เตรียมความพร้อมทางใจอีกนาทีหนึ่งเต็มๆ จึงได้ปลดกำบังกายออก พลางเสียงทุ้มเข้มก็เปล่งออกไปเรียกผู้ที่ตนตามหาดังลั่น
“แทงค์!!!”
เสียงกัมปนาทจนได้ยินไปสามบ้านแปดบ้านทำให้คนที่อยู่ในบ้าน รวมไปทั้งคนบ้านใกล้เรือนเคียงต่างพากันโผล่หน้าออกมาดู ทั้งมองจากหน้าต่างหรือเดินออกมาที่สวนหน้าบ้านก็มี แม้กระทั่งเดินออกมานอกรั้วบ้านเพื่อมองเขาก็มีอยู่สองสามคนได้ หากแต่ภูตลากลับไม่สนใจ เขายังคงเอ่ยด้วยเสียงอันดังต่อไป
“ออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ!!!”
ปึง! แกร๊ก!
“!!!” เสียงปึงปังมาพร้อมกับประตูหน้าบ้านที่เปิดออก แล้วคนที่ร่างสูงตามหาก็ยืนอยู่ตรงนั้น มองมาทางเขาด้วยสายตาตกตะลึง “ทะ ทะ พะ พี่มาได้ไง!?!”
“ก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าฉันมาได้ยังไง” ท่านเจ้าที่ย้อนถาม ได้ยินดังนั้นแทงค์ก็ทำหน้าบึ้งใส่ ถามใหม่เสียงห้วนสั้น
“งั้นมาทำไม!”
“...” ร่างสูงไม่ตอบในทันที หากแต่กวักมือเรียกให้อีกฝ่ายออกมาหา แต่เมื่อแทงค์ไม่ยอมทำตาม ชายหนุ่มจึงพ่นหายใจหนักๆ แล้วว่าเสียงดังอีกครั้ง “นายจะออกมาคุยกันตรงนี้! หรือจะให้ฉันตะโกนต่อไป!”
“เออๆๆ ออกไปแล้วๆ หยุดตะโกนเดี๋ยวนี้นะ!” แทงค์วิ่งออกมาจนถึงนอกรั้วบ้าน ยืนเผชิญหน้ากับเขาด้วยระยะห่างไม่เกินห้าก้าว “มีอะไรก็ว่ามาดิ”
ภูตลาเหลือบไปมองเพื่อนของเจ้าเด็กเกเรหนีออกจากบ้านเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสบตาคนตรงหน้าด้วยแววตาที่ฉายประกายจริงจังที่สุดจนคนถูกมองทำหน้าไม่ถูก กำลังจะเอ่ยปากถามว่ามองอะไรนักหนาทำไมไม่พูดสักทีก็กลับโดนขัดจังหวะเข้าเสียก่อน
“ข้ามาตามเอ็งกลับบ้าน” พออยู่ใกล้กันและมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยิน ชายหนุ่มก็เปลี่ยนมาใช้สรรพนามเดิม
“มาตามผม?” แทงค์แค่นหัวเราะ เด็กหนุ่มเสหน้าไปมองทางอื่น เอ่ยเสียงห้วนอีกครั้ง “จะมาตามทำไมไม่ทราบ”
“ก็เพราะข้าเป็นห่วงเอ็งน่ะสิ”
กึก...คนฟังได้ยินดังนั้นก็นิ่งงันในทันที เหลือบกลับมามองท่านเจ้าที่หน้าหล่ออย่างไม่เข้าใจปนๆ ไปกับรู้สึกดี นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหมล่ะนั่น คุณเทวดาปากร้ายบอกเองกับปากว่าห่วงเขาถูกไหม?
“แล้วตอนนั้นบอกไม่ได้เป็นห่วง”
“ตอนนั้นข้าขอโทษ ข้าแค่...” ท่านเจ้าที่เงียบไปนิด เหมือนไม่แน่ใจว่าควรจะพูดดีหรือไม่พูดดี แต่ก็ตัดบทเหลือเพียงว่า “เอาเป็นว่าตอนนั้นข้าพูดโดยไม่คิด ใจจริงแล้วข้าไม่ได้มีเจตนาจะพูดจาทำร้ายจิตใจเอ็ง...ข้าขอโทษ ดีกันนะ?”
ช่อดอกกุหลาบสี่สีสิบห้าดอกถูกยื่นมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม แทงค์เบิกตากว้างมองของในมืออีกฝ่ายตาโต
กะ กะ กุหลาบ!!!
ท่านเจ้าที่เอากุหลาบเป็นช่อมาง้อเขา?! ง้อเขาด้วยช่อดอกกุหลาบเนี่ยนะ!?!
เด็กหนุ่มมองหน้าเทวดาปากร้ายสลับกับช่อดอกกุหลาบไปมา และยิ่งทำหน้าไม่ถูกพอๆ กับใจเต้นจะแทบจะกระเด็นออกมาจากอกเข้าไปอีกเมื่อตอนนี้คนตรงหน้าเขากำลัง...หน้าแดงว่ะ!
แม้จะไม่ได้แดงมาก แต่ก็ถือว่าอีกฝ่ายกำลังหน้าแดงอยู่ไม่ผิดแน่ เขามั่นใจ หากแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ มือหนาของเจ้าที่หนุ่มก็เขย่าช่อดอกไม้ในมือเพื่อบอกให้เด็กแสบรับมันไปเสียที ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเอ่ยอีกประโยคหนึ่งที่ตั้งใจจะพูดตั้งแต่มาถึงบ้านหลังนี้
ประโยคที่ทำให้แทงค์ยอมแพ้และตามกลับบ้านโดยไม่อิดออดแต่อย่างใด
“แทงค์ กลับบ้านกับฉันเถอะนะ”
กลับครับกลับ! กลับเดี๋ยวนี้เลยแม่งเอ๊ย! ใครสั่งใครสอนให้มาตามกลับบ้านด้วยวิธีนี้วะเนี่ยยย
__________
เห็นมะ บอกแล้วว่าเรื่องนี้ใสๆ ไร้ดราม่า 55555 ทะเลาะกันตอนที่แล้ว มาตอนนี้ก็ดีกันละ จะให้เขาโกรธเคืองกันทำไม รักกันไว้ดีกว่ามิใช่หรือออ แถมท่านเจ้าที่ยังทำเสี่ยว เอาช่อดอกกุหลาบมาให้ด้วย เป็นไงล่ะ ชายหนุ่มยุค 200 ปีก่อน ผู้ยังไม่ทันมุกเสี่ยวของโลก 4.0 ก๊ากกก
ทำไมมาอัพเร็ว อารมณ์ดีอีกแล้วค่ะ เพราะเราปั่นต้นฉบับจบแล้ว กรี๊ดดดดด!!! จุดพลุให้เราสิคะรออะไรเล่า! //ปัง! ปัง! เอื้อออ (จุดพลุุหรือโดนยิงวะนั่น)
จริงๆ ก็ยังเหลือบทส่งท้ายนะ (เอ๊า แล้วบอกจบแล้ว เหอๆ) กระซิบบอกไปเลยแล้วกันว่าเรื่องนี้มี 44 ตอน ไม่รวมบทนำและบทส่งท้ายค่ะ แค่นี้แหล่ะ ไปนอนละนะ บ๊าย!