[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก
Part 11# Niza สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง
ฟ้าเหลือง อาการนี้ผมเคยได้ยินไอ้พวกเพื่อนบางคนบ่นว่าเคยเป็น เพราะมีเซ็กส์กับแฟนแบบมาราธอนไม่ก็จัดหนักจัดเต็มจนแทบไม่ได้พัก แต่ตอนนั้นนอกจากจะไม่เชื่อแล้วผมยังแอบเบ้ปากด้วยซ้ำ ในใจคิดว่ามันก็แค่โม้ไม่ก็โชว์พาว แต่ตอนนี้ผมรู้ซึ้งเลยล่ะว่ามันคือเรื่องจริง
เมื่อคืนผมภาพตัดไปตอนไหนอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ คือผมเสร็จไปแล้วตั้ง 3 ครั้ง ร่างกายมันเกินจะรับไหวเลยสลบไสลไปเรียบร้อย แต่ประเด็นคือถ้าเสร็จแค่นี้มันไม่พอที่จะทำให้ผมฟ้าเหลืองหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเช้าไอ้พฤกษ์มันทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นกับผม...
‘อรุณสวัสดิ์ แข็งแรงแต่เช้าเชียวนะ’ ไอ้พฤกษ์ที่น่าจะตื่นมาได้สักพักทักทายผม โดยนอนตะแคงข้างแล้วหันมาทางนี้พร้อมกับกอดเอวผมเอาไว้
‘หืม?’ ผมไม่เข้าใจที่มันพูดเพราะยังสะลึมสะลืออยู่ สมองยังไม่ทำงานจนไม่สั่งการให้เขินเรื่องเมื่อคืนเลยด้วยซ้ำ
‘นี่ไม่รู้ตัวเลยหรอว่าตรงนั้นของมึงกำลังแข็งโดนของกูอยู่’ เท่านั้นแหละผมก็เบิกตาโพลงแล้วก้มลงมองไปยังด้านล่าง
‘เชี่ย!’ เหตุการณ์ที่ราวกับว่าเล่นซ้ำทำเอาผมตกใจจนตาเบิกกว้าง สองมือออกแรงผลักไอ้พฤกษ์อย่างแรงกะให้มันกระเด็นออกไป แต่ไหงครั้งนี้มันกลับไม่สะทกสะท้านต่างจากครั้งแรกที่กระเด็นไปจนติดฝา มิหนำซ้ำมันยังกอดเอวผมให้แน่นยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก
‘ปล่อยกูนะเว่ย’ ผมพยายามดันที่อกของไอ้พฤกษ์ออกไป แต่ให้ตายสิ เรี่ยวแรงของผมมันหายไปไหนหมดวะเนี่ย
‘กูปล่อยมึงแน่ แต่...หลังจากที่มึงปล่อยนะ’ ‘หา?’ คำพูดชวนงงแบบนั้นทำเอาผมต้องขมวดคิ้วขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ไว้ใจสายตาวิบวับเจ้าเล่ห์ที่อยู่ตรงหน้า ผมเลยพยายามใช้สมองที่ยังคงทำงานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งมันก็ช้าเกินไป กว่าจะคิดได้ไอ้พฤกษ์ก็คว้าหมับเข้าที่แก่นกายของผมซะแล้ว
‘อ๊ะ!’ ตอนนี้ผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ฝ่ามือของมันเลยกำรอบท่อนเนื้อของผมเข้าเต็มๆ เล่นเอาผมหน้าร้อนวาบและอ้าปากพะงาบๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก
‘เดี๋ยวกูจะช่วยรีดพิษออกให้มึงเอง’ ไอ้พฤกษ์พูดด้วยเสียงกระเส่า แล้วก้มหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากของผมเพื่อปิดกลั้นคำต่อต้าน จากนั้นก็จัดการ ‘รีดพิษ’ ให้ผมอย่างที่ว่า แถมยังไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยนะ แต่เป็นถึง 2 ครั้ง! ซึ่งครั้งที่ 2 ผมก็เสร็จพร้อมมันที่ฝังท่อนเนื้อเข้ามาในตัวผมนั่นแหละ!
กว่าจะตื่นมาอีกทีเวลาก็ปาเข้าไปบ่าย 3 กว่า ผมหลับไปนานขนาดที่คิดว่าตัวเองอาจจะซ้อมรอวันตาย ตั้งแต่จำความได้ผมเคยนอนไปนานขนาดนี้ที่ไหนกันล่ะ แล้วไอ้พฤกษ์ก็ไม่ได้นอนพร้อมหรือคิดจะปลุกผมด้วยนะ แต่มันกลับหายหัวไปไหนไม่รู้แล้วทิ้งให้ผมนอนอยู่คนเดียว
ซึ่งผมก็คิดว่ามันคงจะอยากให้ผมพักผ่อนเต็มที่เพราะเหนื่อยนั่นแหละ แต่พอตื่นมาแล้วไม่มีคนอยู่ข้างๆ มันก็รู้สึกเหงานี่นา
อาบน้ำแล้วลงไปหาไอ้พฤกษ์ข้างล่างดีกว่า
พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็เกิดอาการเวียนหัวและแข้งขาอ่อนแรงเลยต้องนั่งพักต่อสักหน่อย จนกระทั่งค่อยยังชั่วผมจึงได้เดินเข้าไปในห้องน้ำ
พอเจอน้ำเย็นๆ ร่างกายของผมก็สดชื่นขึ้นมาจนลืมความเหนื่อยล้า ช่วงล่างโดยเฉพาะช่องทางด้านหลังมันรู้สึกระบมหน่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้เจ็บหรือปวดมากมายอย่างที่คาดไว้ ซึ่งนั่นก็คงเป็นเพราะไอ้พฤกษ์มันอ่อนโยนกับผม เพราะงั้นผมจะยกโทษเรื่องที่มันทำรอบเพิ่มตอนเช้าก็แล้วกัน
หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปส่องกระจกเช็คหน้าเช็คผมให้เรียบร้อย เมื่อโอเคแล้วผมก็เปิดกระตูออกจากห้องลงไปยังข้างล่าง เท่านั้นแหละผมก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันไม่ต่ำกว่า 4 – 5 เสียง
เวร ไหงจู่ๆ คนเยอะขนาดนี้ได้เนี่ย ใครเป็นใครผมก็ไม่รู้จักซะด้วย แล้วอย่างนี้ผมจะกล้าลงไปข้างล่างได้ยังไงกันล่ะ
ซึ่งขณะที่ผมกำลังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง ทั้งยังยื่นมือมาแตะที่บ่าของผมอีกต่างหาก
“ตื่นแล้วหรอ นอนนานขนาดนี้แสดงว่าเมื่อคืนหนักมากเลยสิท่า” ถึงแม้ว่าหน้ากับเสียงจะเหมือนกันแค่ไหน แต่ลักษณะท่าทางและคำพูดผมก็รู้ทันทีว่านี่คือใครโดยไม่ต้องหันหน้าไปมอง
“เมื่อคืนกูจะหนักหรือไม่หนัก แล้วมันไปหนักบนหัวมึงรึไง” พูดจบผมก็สะบัดที่ไหล่ไล่มือของไอ้เพลิงออกไป จากนั้นก็หันไปมองหน้ามันตาขวาง
“หูยยยย เกรี้ยวกราดแบบนี้แสดงว่ามึงยังเคืองกูเรื่องเมื่อวานอยู่หรอ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว มึงทำกูแสบซะขนาดนั้น นอกจากจะแตะอั๋งแล้วยังทำให้กูเข้าใจผิดเรื่องของไอ้พฤกษ์อีกต่างหาก พูดแล้วแม่งก็ขึ้น” พอเห็นผมทำท่าทางเอาเรื่องไอ้เพลิงมันก็รีบยกธงขาว แต่เอาจริงๆ หน้ามันก็ไม่ได้ดูสำนึกผิดเท่าไหร่หรอก
“อย่าพึ่งขึ้นเลยน่า ที่กูทำไปก็แค่อยากทดสอบคนที่พี่ชายกูชอบว่าเหมาะจะเป็นสะใภ้ของบ้านนี้มั้ยเท่านั้นเอง”
“เดี๋ยวคราวมึงชอบใคร กูจะลากไอ้พฤกษ์ไปทดสอบคนคนนั้นแบบที่มึงทำก็แล้วกัน”
“ถ้างั้นมึงกับไอ้พฤกษ์ก็คงเหนื่อยหน่อยนะ เพราะคนที่กูชอบมีไม่รู้กี่สิบคน เผลอๆ อาจจะถึงร้อยแล้วก็ได้ ใครที่เคยนอนกับกู กูก็ชอบเขาทั้งนั้นนั่นแหละ” ไอ้เพลิงพูดจบก็หัวเราะในลำคอ
“ไอ้คนสำส่อนเอ๊ย!” ผมชูนิ้วกลางให้แม่งซะเลย แต่นอกจะไม่โกรธแล้วมันยังมีหน้าหัวเราะดังขึ้นอีกต่างหาก ไม่รู้ไอ้บ้านี่มันไปโดนตัวไหนมา หรือโดนรถขนกัญชาคว่ำใส่ก็ไม่รู้
“กูว่าตอนนี้มึงเลิกด่ากูแล้วไปดูหวานใจของมึงในครัวดีกว่า ป่านนี้ไม่รู้ว่าสวีทกับตะวันจนกับข้าวเป็นสีชมพูไปแล้วรึยัง” ไอ้เพลิงยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ สายตายิ่งกว่าหมาจิ้งจอกแบบนี้ใครเชื่อก็ควายดีๆ นี่เอง
“มึงไม่ต้องมาปั่น คนที่ชื่อตะวันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อีกอย่างไอ้พฤกษ์ก็ยืนยันกับกูแล้วด้วยว่าไม่ได้คิดอะไรกับตะวันแล้ว” พอเห็นผมยืดอกอย่างมั่นใจในตัวไอ้พฤกษ์แบบนี้ แทนที่ไอ้เพลิงจะเสียเซลฟ์ที่ปั่นไม่สำเร็จ แต่มันกลับเลิกคิ้วแล้วยิ่งทำหน้าเจ้าเล่ห์กว่าเก่าอีกต่างหาก
“หืม? มึงพูดแบบนี้แสดงว่าไอ้พฤกษ์ยังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญกับมึงสินะ?”
“เรื่องอะไร บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าคิดจะปั่นมึงโดนกูแทงเข่าใส่เป้าอีกแน่” แต่ถึงผมจะขู่ขนาดนี้ไอ้เพลิงก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเลยแม้แต่น้อย
“กูจะยอมอยู่เฉยๆ ให้มึงทำเลยเอ้าถ้ากูโกหก”
“ดี งั้นมึงบอกมาเลยว่าเรื่องสำคัญที่ไอ้พฤกษ์ยังไม่ได้บอกกูคือเรื่องอะไร”
“ก็...เรื่องที่ตะวันทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่นี่ แล้วก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ยังไงล่ะ”
“ว่าไงนะ!” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมตกใจจนเบิกตากว้าง แต่พอคิดว่านั่นคงเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้นผมเลยเปลี่ยนเป็นมองไอ้เพลิงตาขวาง มันจึงชูสามนิ้วขึ้นมายืนยันแถมยังท้าผมอีกต่างหาก
“ถ้าไม่เชื่อมึงก็ลองไปพิสูจน์ดูสิ ก่อนกูจะขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไอ้พฤกษ์กับตะวันกำลังช่วยกันทำอาหารในครัว”
“ได้ แต่ถ้ากูไม่เจอใครมึงเตรียมตัวตายได้เลยไอ้เพลิง” ผมหมายหัวมันไว้ จากนั้นก็รีบเดินลงไปยังครัวที่อยู่ข้างล่าง โดยที่ผมเชื่อมั่นเต็มร้อยว่าตัวเองกำลังโดนปั่น เรื่องสำคัญขนาดนั้นถ้าเป็นความจริงไอ้พฤกษ์ต้องบอกผมแล้ว
แต่พอผมเดินไปถึงครัวเท่านั้นแหละ ขาของผมมันก็แทบก้าวต่อไปไม่ออก เพราะภาพที่ผมเห็นตอนนี้ก็คือ ไอ้พฤกษ์กำลังยืนคุยกับตะวันพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน แต่ดูจากสายตาของไอ้พฤกษ์ที่มองตะวันนั้นช่างอบอุ่นและอ่อนโยน จนผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจขึ้นมา
“นั่นแหละตะวัน คนที่ไอ้พฤกษ์เคยชอบมาตั้งแต่ปี 1” ไอ้เพลิงเดินตามมากระซิบที่ข้างหูของผม แต่ถึงมันจะไม่บอกผมก็รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายที่อยู่ข้างไอ้พฤกษ์ชื่อตะวัน เพราะ 3 – 4 เดือนก่อนเราสองคนเคยทำงานพิเศษใส่ชุดมาสคอตด้วยกันที่สวนสนุก
“กูรู้จักตะวันอยู่แล้ว” ตอนแรกที่ได้ยินชื่อตะวันผมไม่ได้เอะใจว่าจะบังเอิญเป็นคนเดียวกันกับที่ผมรู้จัก
“เอ้าจริงดิ ถ้างั้นมึงก็รีบเข้าไปทักทายเลย” ไอ้เพลิงดันผมเข้าไปในครัวแล้ววิ่งหายหัวไปไหนไม่รู้ ส่วนไอ้พฤกษ์กับตะวันที่กำลังคุยกันอยู่พอเห็นผมก็ทำหน้าตกใจ
“อ้าว! ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เดินไหวมั้ยซ่า” ไอ้พฤกษ์รีบเข้ามาหาผม ความเป็นห่วงเป็นใยของมันทำให้ผมยิ้มออกมาได้
“ไหวสิ กูไม่ได้พิการสักหน่อย” พูดจบผมก็หันไปหาตะวันที่กำลังยิ้มหวานมาให้ผม แต่ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะยิ้มตอบเลยทักไปอย่างห้วนๆ เท่านั้น “หวัดดี”
“สวัสดีซ่า ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย”
“ก็ดี แต่พึ่งรู้นะเนี่ยว่าตะวันทำงานอยู่ที่นี่”
“ต้องขอบคุณพฤกษ์เลยล่ะที่ชวนเรามา ตอนนั้นเรามีปัญหาเรื่องเงินกับที่พักพอดี” พูดถึงตรงนี้ตะวันก็หันไปมองไอ้พฤกษ์แล้วยิ้มจนตาหยี สีหน้าและแววตาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน
แต่ผมจะไม่คิดอะไรเลยถ้าไอ้พฤกษ์ไม่ยิ้มตอบ แถมยังมองตะวันด้วยสายตาอ่อนโยนอีกต่างหาก ส่งตาหวานให้กันข้ามหน้าข้ามตากูไปแล้วนะเฟ้ย!
“จะขอบคุณเราทำไม เราสิต้องขอบคุณตะวันที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทุกคนในบ้านทาน” ยัง ยังไม่หยุดอีกนะไอ้พฤกษ์ ลืมแล้วหรอว่ากูคือแฟนมึงไอ้สันขวาน!
“ว่าแต่...พึ่งรู้นะเนี่ยว่าตะวันกับซ่ารู้จักกันด้วย ไปรู้จักกันได้ยังไงล่ะเนี่ย”
“กูกับตะวันเคยทำงานพิเศษด้วยกัน” ผมรีบแทรกก่อนที่จะไม่มีบทให้พูด แต่คิดดูนะ ขนาดผมทำเสียงแข็งขนาดนี้ไอ้พฤกษ์มันยังไม่รู้เลยว่าผมเริ่มหัวร้อน ดีที่ตะวันพอมองออกถึงได้เอ่ยปากถามผม
“สีหน้าซ่าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ เราว่าพฤกษ์พาซ่าไปนั่งพักตรงโซฟาก่อนดีกว่ามั้ย”
“ก็ดีเหมือนกัน ถ้างั้นเดี๋ยวเราจะไปตามใครสักคนมาเป็นลูกมือตะวันนะ”
“โอเค” ตะวันพยักหน้า ส่วนไอ้พฤกษ์ก็หันมามองผมแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า สีหน้ามึงดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย”
“ถามมาได้ว่าเจ็บตรงไหน เมื่อคืนกับเมื่อเช้ามึงทำอะไรกูไว้ล่ะ รู้มั้ยว่ากูมองท้องฟ้าเป็นสีเหลืองหมดแล้ว!” ผมค้อนใส่ แต่ความจริงผมแค่ปวดเมื่อยเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร ที่ผมพูดแบบนี้เพราะจงใจให้ตะวันรับรู้สถานะของผมกับไอ้พฤกษ์ต่างหาก แต่ก็ดูเหมือนว่าตะวันจะรู้เรียบร้อยแล้ว
“ยังจะมัวยืนชวนซ่าคุยอีก ทำไปตั้งขนาดนั้นรีบอุ้มซ่าพาออกไปนั่งพักเลยพฤกษ์” ตะวันหันมาทำหน้าดุใส่ ไอ้พฤกษ์เลยทำท่าจะอุ้มผมออกไปข้างนอก แต่พอคิดว่าคนในบ้านน่าจะอยู่กันเยอะพอสมควรผมก็รีบยกมือห้ามเอาไว้ซะก่อน
“ไม่ต้องๆ กูเดินเองได้” ไอ้แว่นนี่แม่งก็บ้าจี้ แต่พอเห็นมันพร้อมจะทำเพื่อผมโดยไม่ลังเลแม้จะอยู่ต่อหน้าตะวันผมค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ส่วนตะวันลองได้พูดแบบนี้ก็คงไม่ได้คิดอะไรกับไอ้พฤกษ์หรอก...มั้ง
“แน่ใจนะว่ามึงเดินไหว ไม่ให้กูอุ้มไปจริงๆ หรอ”
“ไม่ต้องหรอกน่า ขนาดลงบันไดกูยังเดินได้สบาย อีกอย่างขืนให้มึงอุ้มออกไปกูได้อายฉิบหายกันพอดี พี่น้องมึงอยู่กันตั้งเยอะ ประเจิดประเจ้อ” พูดจบผมก็เดินออกมาจากครัว ส่วนไอ้พฤกษ์ก็เดินตามออกมา ถึงผมจะรู้ว่าคนในบ้านของมันชอบผู้ชายกันหมด แต่ก็คงกระอักกระอ่วนน่าดูถ้าต้องมาเห็นอะไรแบบนี้
“โธ่เอ๊ย แค่เรื่องอุ้มมันธรรมดาจะตายไป คนในบ้านกูมีภูมิต้านทานกับเรื่องแบบนี้ เพราะตั้งแต่ที่พี่ภูกับตะวันคบกัน สองคนนั้นสวีทกันสุดๆ จนพวกกูชินแล้ว”
“หา!?” เรื่องที่ได้ยินทำให้เท้าของผมที่กำลังก้าวเดินอยู่ถึงกับชะงัก จากนั้นก็หันหน้าไปหาไอ้พฤกษ์ด้วยความงุนงงเป็นไก่ตาแตก
“เดี๋ยวนะไอ้พฤกษ์...เมื่อกี้มึงบอกว่าตะวันคบใคร?”
“พี่ภู พี่ชายคนโตของบ้านกูเอง”
“หา!” ตะวันมีแฟนแล้ว! แถมยังเป็นพี่ใหญ่ของบ้านอีกต่างหาก! ถ้างั้นเรื่องของไอ้พฤกษ์กับตะวันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แสดงว่าไอ้เหี้ยเพลิงมันหลอกปั่นหัวผมเล่นใช่มั้ย!
“ตกใจอะไรขนาดนั้น แล้วนั่นมึงจะไปไหนน่ะซ่า” ไอ้พฤกษ์รีบเดินตามมา เมื่อเห็นว่าผมกำลังเดินดุ่มๆ ออกไปจากตรงนี้
“ไปแก้แค้นน้องชายตัวแสบของมึง” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็ทำหน้างง แต่ผมไม่มีอารมณ์ที่จะอธิบาย ผมเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องรับแขกที่มีหลายๆ เสียงคุยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีไอ้เพลิงที่เป็นเป้าหมายของผม
“ขอโทษนะครับทุกคน ถ้าหากผมต้องทำเรื่องเสียมารยาทตั้งแต่แรกเจอ” ผมยกมือไหว้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ไล่ตั้งแต่คนที่คิดว่าน่าจะเป็นพี่ใหญ่เพราะดูภูมิฐาน ตามด้วยพี่สาว...ไม่สิ พี่ชายคนสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ ผู้ชายหน้าตาซื่อๆ ส่วนน้องผู้ชายที่ใส่ชุดม.ปลายผมก็ยกมือไหว้ด้วยเช่นกัน ยกเว้นก็แต่ไอ้ตัวเสี้ยมตัวปั่นที่ผมมองมันอย่างเกรี้ยวกราด
ตอนนี้ทุกสายตาต่างก็มองมาที่ผมด้วยความงุนงงและสงสัย แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้ถามอะไร แต่ละคนก็ต้องอ้าปากค้างตามกันไป เพราะเห็นผมเดินเข้าไปเหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าของไอ้เพลิงอย่างสุดแรง!
!!!
................
.........
.....
“สมน้ำหน้า!!!!!”
แทบทุกคนที่พอรู้เหตุผลก็พูดเป็นเสียงเดียวกันพลางมองไปยังไอ้เพลิง ที่ถูกผมต่อยตรงมุมปากจนร่วงไปกองกับพื้น ซึ่งหมัดแรกมันคาดการณ์ไว้แล้วเลยเอียงตัวหลบทัน แต่มันก็ไม่คิดว่าผมจะเหวี่ยงหมัดซ้ายใส่อีกเลยหลบไม่ทัน สรุปใบหน้าหล่อๆ ของมันเลยมีรอยสีเขียวอมม่วงประดับอยู่อย่างชัดเจน
“โหยยยย ไรอะ ทำไมไม่มีใครเข้าข้างผมเลย” ไอ้เพลิงเอามือกุมที่มุมปากพลางทำหน้าเหยเก ส่วนสายตาก็แสร้งทำเป็นตัดพ้อ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าได้แค้นหรือโกรธเคืองผมแต่อย่างใด
เอาจริงๆ ทีแรกผมก็เตรียมใจไว้แล้วแหละว่าจะต้องถูกทุกคนเกลียด เพราะเจอกันครั้งแรกกลับได้เห็นความรุนแรงแทนที่จะเห็นอะไรที่น่าประทับใจ แต่ผมก็คิดผิดไป เพราะหลังจากนั้นน้องที่ใส่ชุดนักเรียนม.ปลายกลับลุกขึ้นแล้วเชียร์ผมให้ต่อยไอ้เพลิงอีกหมัดซะงั้น เล่นเอาผมถึงกับงงไปเลยน่ะสิ
ยังดีที่หลังจากนั้นไอ้พฤกษ์มาเบรกเอาไว้ ส่วนพี่ใหญ่ของบ้านก็ถามที่มาที่ไป พอรู้เรื่องวีรกรรมที่ไอ้เพลิงทำกับผมไว้แทบทุกคนเลยร่วมใจกันสมน้ำหน้า
“ทำไมไม่บอกกูสักหน่อย มึงจะได้ไม่ต้องเสียมือไปต่อยคนอย่างมัน” ไอ้พฤกษ์พูดพร้อมกับจับมือผมขึ้นมาลูบอย่างห่วงใย น้องที่ใส่ชุดนักเรียนม.ปลายเลยพูดขึ้นต่อ
“ใช่ๆ ถ้าพี่ซ่าบอกก่อน ผมจะล็อกตัวพี่เพลิงเอาไว้ไม่ให้หลบหมัดแรกได้เลย” คำพูดนั้นทำให้ผมหลุดขำออกมา ส่วนการที่เรียกชื่อผมว่าซ่า ท่าทางไอ้พฤกษ์คงจะแนะนำผมให้คนที่บ้านรู้จักคร่าวๆ แล้วล่ะมั้ง
“เป็นพี่ พี่จะจับมันมัดแล้วเอาหวายแช่น้ำเกลือเฆี่ยนมันจนหนำใจ” ประโยคนี้พี่ชายคนสวยพูด หูยยยย สวยประหารสังหารโหด!
“พวกแกสองคนนี่พูดจาเป็นละครไปได้ เพลาๆ ลงบ้างจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” พี่ใหญ่ของบ้านพูดขึ้นจากนั้นจึงหันหน้าไปทำตาดุใส่ไอ้เพลิง “ส่วนแก ถ้าโสดแล้วพาลก็รีบหาแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที”
“ผมไม่ได้พาลสักหน่อย ก็แค่รับขวัญไอ้ซ่ามันเฉยๆ ส่วนเรื่องแฟน...ผมไม่คิดสั้นอยากมีห่วงผูกคอหรอกนะ เป็นโสดแบบนี้อิสระดีจะตาย อยากเที่ยวอยากนอนกับใครก็ได้ไม่ซ้ำซากจำเจ” คำพูดนั้นของไอ้เพลิงทำให้ผมเบ้ปากออกมา ส่วนคนอื่นที่ถึงแม้จะไม่ได้แสดงอาการขนาดผมแต่ก็ทำหน้าเอือมๆ เช่นกัน ซึ่งหลังจากนั้นพี่ใหญ่ของบ้านก็หันมองมาทางผม
“พี่ต้องขอโทษเราแทนไอ้เพลิงด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ได้ซัดมันผมก็หายโกรธแล้ว” พอผมพูดแบบนี้พี่แกก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“งั้นเอาเป็นว่าเรื่องไอ้เพลิงให้จบเท่านี้ก็แล้วกัน ว่าแต่...พฤกษ์แนะนำทุกคนให้เรารู้จักรึยัง”
“ยังเลยครับ” ผมคิดว่าไอ้พฤกษ์มันคงตั้งใจจะรอให้ผมตื่นแล้วพาลงมาแนะนำให้รู้จักอยู่นั่นแหละ แต่ว่าผมถูกไอ้เพลิงปั่นหัวจนเกิดเรื่องวุ่นวายเข้าซะก่อน
“ถ้างั้นเริ่มจากพี่ก่อนแล้วกัน พี่ชื่อภู เป็นพี่คนโต” อ๋อ พอได้ยินแบบนี้ผมก็นึกออกเลยว่าไอ้พฤกษ์เคยบอกชื่อของพี่ภูมาแล้ว
“ส่วนฉันชื่อธารเป็นพี่รอง แล้วนี่ก็หมอกแฟนฉันเอง”
“ต้องบอกว่าแฟนเด็กด้วยสิถึงจะถูก” ประโยคนี้เพลิงเป็นคนพูดเสริมขึ้น ส่วนหลังจากนั้นเป็นยังไงไม่น่าถาม โดนพี่ธารคนสวยบิดหูสำเร็จโทษไปตามระเบียบ
“ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า! บิดแรงๆ เลยพี่ธาร! อ้อ...ผมชื่อวานะพี่ซ่า จากนี้ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยนะคร้าบ” น้องวาพูดอย่างร่าเริงแล้วโค้งตัวให้ผมแทบจะ 90 องศา
“พี่ว่าพี่ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวมากกว่านะน้องวา เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทุกคน ยังไงผมก็ขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้ก่อเรื่องวุ่นวาย” ผมยิ้มแห้งๆ พร้อมกับพนมมือไหว้ทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือแก่กว่า ถึงทุกคนจะไม่มีใครว่าผมก็เถอะ แต่ผมก็สร้างความแตกตื่นให้ทุกคนอยู่ดี
หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็พูดคุยกันต่อสักพัก แต่ถึงจะบอกว่าพูดคุยกัน ส่วนใหญ่แต่ละคนก็ซักถามเรื่องของผมกับไอ้พฤกษ์มากกว่า อย่างเช่นรู้จักกันได้ยังไง ไปเจอกันที่ไหน ทำไมถึงชอบกันได้อะไรแบบนี้ ซึ่งไอ้พฤกษ์ก็ตอบคำถามโคตรดี จนคนที่งกเงินอย่างผมกลายเป็นคนดีในสายตาของทุกคนเลยล่ะ
“วันนี้ขอบใจมากเลยนะ” ผมพูดกับไอ้พฤกษ์เมื่อเราสองคนเดินขึ้นมาบนห้อง หลังจากที่ทานข้าวเย็นพร้อมกับทุกคนที่โต๊ะอาหาร
วันนี้กับข้าวทุกอย่างจากฝีมือตะวันนั้นอร่อยมาก แถมหน้าตายังน่าทานไม่ต่างจากภัตตาคารเลยสักนิด ทำเอาผมชักติดใจอยากจะมาฝากท้องทานอาหารที่นี่บ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นลึกๆ ผมก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ทำอาหารอร่อยสู้ไม่ได้
ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ผมก็ยังไม่มีอะไรสู้ตะวันได้เลยอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นนิสัย มารยาท หรือหน้าตา ผมแพ้ทุกอย่างราบคาบ จริงอยู่ว่าตะวันไม่ได้คิดจะแข่งกับผม แต่ผมก็อดที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะตะวันคือคนที่ไอ้พฤกษ์เคยชอบ
“ขอบใจกู? เรื่องอะไรหรอซ่า?” ไอ้พฤกษ์ทำหน้างง
“ก็ทุกเรื่องนั่นแหละ” ผมรู้สึกเขินเกินกว่าจะบอกว่าขอบคุณที่คุณชายอย่างมันอุตส่าห์มาชอบคนกากๆ อย่างผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สัญญาในใจว่าจะไม่ทำให้มันผิดหวังในตัวผมเด็ดขาด แม้ว่ามันก็ดูเหมือนจะไม่ได้หวังอะไรจากผมมากมายก็เถอะ
“เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน” พูดจบผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปยังห้องน้ำ แต่ว่ายังไม่ทันที่จะได้ปิดประตูไอ้พฤกษ์ก็ยื่นมือมาขวางเอาไว้ซะก่อน
“อาบด้วยคนสิ”
“หะ...หา!?” ผมรู้สึกงงและตกใจ แต่ไอ้พฤกษ์นี่ยังไง ผมยังไม่ได้ตอบอะไรสักหน่อยกลับแทรกตัวเข้ามาข้างในซะงั้น
“กูจำไม่เห็นได้เลยว่าอนุญาตให้มึงเข้ามาตอนไหน”
“แล้วกูขออนุญาตเมื่อไหร่ เมื่อกี้เป็นประโยคบอกเล่าต่างหาก” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ ผมที่ไม่รู้จะเถียงอะไรเลยได้แต่แยกเขี้ยวใส่
“เจ้าเล่ห์จริงนะไอ้คุณชาย แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าแค่อาบอย่างเดียว ห้ามทำอะไรมากกว่านั้นเด็ดขาด” เมื่อคืนกับเมื่อเช้าก็ทำไปตั้งขนาดนั้น ร่างกายของผมมันก็อยากพักบ้างอะไรบ้าง แต่ไอ้พฤกษ์กลับลอยหน้าลอยตาตอบมาว่า...
“ไม่รับปาก”
“เอ๊ะไอ้...”
“แต่สัญญาว่าไม่มีอะไรเกินเลยแน่นอน” พอมันพูดแบบนี้ผมค่อยอ่อนลงมาได้ สีหน้าของมันถึงจะกวนโอ๊ยไปหน่อยแต่สายตาก็ดูจริงใจไม่น่าโกหก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงก็ขู่คาดโทษไว้หน่อยดีกว่า
“ถ้าผิดสัญญากูฟ้องศาลแน่มึง”
“ศาลอะไร แพ่งหรืออาญา?”
“ไม่ใช่ทั้ง 2 อย่างนั่นแหละ! กูจะฟ้องศาลไคฟงให้ท่านเปาตัดหัวมึง!” พูดจบผมก็แลบลิ้นใส่ แต่ไม่กี่วินาทีผมก็ต้องหลุดหัวเราะ เพราะไอ้พฤกษ์มันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไม่แคร์ภาพลักษณ์คุณชาย
กว่าที่เราสองคนจะเริ่มอาบน้ำได้ก็เสียเวลาไปหลายนาที แต่ที่เสียเวลาสุดๆ ก็คือตอนถูสบู่ เพราะไอ้พฤกษ์มันมัวแต่ลูบตรงนั้นตรงนี้แถมยังลูบนานตั้งหลายนาที แต่ก็ยังดีที่มันทำตามสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกินเลย
“ฝันดีนะ” ไอ้พฤกษ์จูบที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบาเมื่อเราสองคนขึ้นมานอนบนเตียง การที่ได้นอนภายใต้อ้อมกอดของมันทำให้ผมรู้สึกดีมากจนไม่อยากนอนคนเดียวอีกต่อไป ผมยิ้มหวานให้แล้วซุกหน้าลงไปยังแผ่นอกอันอบอุ่นที่อยู่ตรงหน้า
“ฝันดีเหมือนกัน”
แล้วคืนนั้นก็เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ผมมีความสุขราวกับล่องลอยอยู่ในวิมาน...
................
.........
.....
เช้าวันต่อมาผมไปมหา’ลัยพร้อมไอ้พฤกษ์และตะวัน โดยไอ้พฤกษ์ขับมาส่งผมที่คณะก่อน จากนั้นจึงได้ขับไปยังคณะของตัวเอง ไอ้พวกเพื่อนที่เห็นว่าผมมาเช้าก็ถึงกับแปลกใจ แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าก็คือมีคนขับรถมาส่งผมนี่แหละ
“เหยดดดด เดี๋ยวนี้มีราชรถมาเกยนะมึง” ไอ้แมนแหกปากแซวเป็นคนแรก ตั้งแต่ที่ผมยังเดินไปไม่ถึงโต๊ะที่มันกับเพื่อนเกือบสิบคนนั่งอยู่เลยด้วยซ้ำ
“ทำไม อิจฉากูรึไง” ผมยักไหล่พลางทำหน้าเย้ย มันที่เห็นปฏิกิริยาของผมไม่เป็นอย่างที่หวังเลยทำหน้าเซ็งออกมา
“อะไรว้า ไม่หนุกเลย แล้วนั่นรถใครทำไมกูรู้สึกคุ้นๆ”
“ไม่คุ้นได้ยังไง ไม่กี่อาทิตย์ก่อนรถคันนี้ก็ไปจอดอยู่ที่บ้านของมึง...เอ๊า ทำหน้าโง่อีก ก็รถของไอ้พฤกษ์ไงไอ้ฟาย” พูดจบผมก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของมันจนหงายเงิบ จากนั้นผมก็หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“แล้วไหงไอ้พฤกษ์ถึงมาส่งมึงได้” ประโยคนี้ไอ้สนเป็นคนถาม
“ก็วันเสาร์กับอาทิตย์กูไปนอนที่บ้านมันมา”
“หืม? พวกมึงสองคนสนิทกันถึงขั้นนั้นเลยหรอเนี่ย”
“ไม่อยากจะบอกเล้ยว่ายิ่งกว่าที่มึงคิดไว้อีก” พอผมพูดแบบนี้ไอ้สนก็ยิ่งทำหน้าแปลกใจ แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะมัน เพราะไอ้แมนรวมทั้งเพื่อนคนอื่นๆ ก็ทำหน้าแปลกใจกันด้วย
“กูว่าจะถามตั้งนานแล้ว มึงไปสนิทกับไอ้พฤกษ์ได้ยังไงวะ” ไอ้หมาก หรือที่เพื่อนในห้องพากันเรียกว่า ‘ป๋าหมาก’ ถามผม การที่ทุกคนยกย่องมันแบบนี้เป็นเพราะสกิลปากของมันที่หมาเกินพิกัดนั่นเอง เมื่อก่อนตอนที่ผมหมั่นไส้ไอ้พฤกษ์หนักๆ ก็ได้มันนี่แหละเป็นช่วงคนผสมโรง
“มันมาจ้างกูให้ช่วยงาน” ผมขี้เกียจลงรายละเอียดมากเพราะเดี๋ยวจะยาวเลยพูดแค่นี้
“อ๋อ แล้วมันจ้างมึงเท่าไหร่”
“ก็แล้วแต่งานอะ อย่างล่าสุดที่จ้างกูไปทำงานบ้านมันก็ให้กูมา 5 พัน”
“โอ้โห! แค่ทำงานบ้านโง่ๆ เนี่ยนะ? เปย์หนักขนาดนี้มิน่ามึงถึงได้ไปสนิทกับมันทั้งที่เหม็นขี้หน้า คงกะหวังปอกลอกเต็มที่เอาทั้งเงินทั้งความสะใจเลยสินะไอ้ซ่า มึงนี่มันร้ายจริงๆ” ไอ้หมากพูดอย่างรู้ทัน สีหน้าของมันกำลังสะใจสุดๆ
“กูก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีอยู่แล้ว” ผมยักไหล่ ท่าทางแบบนั้นทำให้ไอ้หมากยิ่งออกอาการเกลียดขี้หน้าไอ้พฤกษ์ยิ่งกว่าเดิม
“โลกนี้แม่งโคตรไม่ยุติธรรม คนรวยแม่งก็รวยล้นฟ้า มีเงินเป็นภูเขาให้เอาไปโปรยเล่น ชีวิตแม่งไม่เคยพบเจอความลำบาก ดีแต่เก๊กหน้าหล่อแต่ก็ได้ทุกอย่างมากองตรงหน้า ไม่เคยพยายามห่าอะไรทั้งที่คนอื่นดิ้นรนแทบตาย คนอย่างมันถ้าไม่มีเงินคงไม่ต่างอะไรจากหมาตัวนึง มึงก็คิดเหมือนกันกับกูใช่มั้ย” โดยไม่ต้องคิด ผมเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วตอบกลับไปแทบจะทันที
“ใช่” คำตอบนั้นทำให้ไอ้หมากตบเข่าฉาดแล้วหัวเราะอย่างสะใจ ผิดกับใครคนหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลเพราะได้ยินประโยคสนทนาชัดเจนทุกคำ มือที่ถือกระเป๋าที่ผมลืมไว้บนรถกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว...
2BC
สวัสดีค่ะทุกคน Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้มาช้าจากที่สัญญาเอาไว้ คือเราไม่สบายและปวดหัวมากเลยนอนเป็นผักอยู่บนเตียงน่ะคะ
ยังไงตอนหน้าเราสัญญาว่าจะรีบมาอัพให้อ่านในวันอาทิตย์กันนะคะ เพราะเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะกรีดร้องกับกลิ่นมาม่าที่เริ่มโชยมา
แต่ก็ไม่แน่บางทีอาจจะเป็นหม้อต้มของหวานก็ได้น้า
แล้วมาลุ้นกันนะคะว่าอะไรดลใจให้ซ่าตอบเพื่อนไปแบบนั้น หรือนั่นคือความคิดจริงๆที่อยู่ในใจของซ่า ตอนหน้าเป็นตอนที่พฤกษ์จะบรรยาย ยังไงแม่ยกทั้งหลายช่วยปลอบใจและก็เอาใจช่วยพฤกษ์หน่อยน้า แล้วเจอกันนะคะ บ๊ายบายยยยย
(23 มี.ค. 61)