[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก
Part 8# Phumpruk ช็อกโกแลตวาเลนไทน์
“กูสร้างสถานการณ์ให้แล้ว ใช้จังหวะนี้บอกว่าชอบไปเลยไอ้พี่ชาย” ไอ้เพลิงกระซิบที่ข้างหูของผม จากนั้นก็รีบวิ่งหนีเผ่นแน่บออกจากห้องไปอย่างไวเพราะกลัวจะถูกผมฆ่าตาย
ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้น้องทรพี!
“เอ่อ...มึงมาหากูที่นี่มีอะไรรึเปล่าซ่า” ผมส่งยิ้มไปให้โดยพยายามตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่อง แต่นอกจากจะไม่ตกหลุมพรางแล้วซ่ายังหน้าบึ้งลงอีกต่างหาก
“ถามแบบนี้หมายความว่าไง ถ้าเป็นคนที่ชื่อตะวันมึงจะถามแบบนี้เหมือนกันมั้ย” ซ่าทำตาขวางยิ่งกว่าวันแรกที่เจอกับผมซะอีก
“กูก็ต้องถามอยู่แล้ว เวลามีคนเข้ามาห้องก็ต้องถามแบบนี้ไม่ใช่รึไง”
“เฮอะ! จะอุ้มอัญเชิญเข้าห้องอย่างไวล่ะสิไม่ว่า” ซ่าเบ้ปากออกมา จากนั้นก็ทำท่าจะเดินหนีแต่ผมก็ความที่ข้อมือเอาไว้ซะก่อน
“ตะวันเป็นเพื่อนในเอกของกู”
“แล้ว?”
“เป็น...คนที่กูเคยชอบ” ผมไม่อยากโกหกเลยตัดสินใจพูดความจริงออกไป เพราะขืนมารู้ทีหลังว่าผมปิดบังซ่าคงได้โมโหหนักกว่านี้
“อ๋อ พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงเป็นคนเอาเพื่อนเอาฝูง” ซ่าสะบัดข้อมือทิ้งแล้วเดินหนีไป ส่วนผมที่ไม่เข้าใจเลยขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งคิดออกนั่นแหละเลยรีบวิ่งไปหาซ่าที่ตอนนี้กำลังเดินลงบันไดไปข้างล่าง
“กูแค่แอบชอบเฉยๆ มากสุดก็แค่จับมือไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“แล้วยังไง มึงมาบอกกูทำไม กูอยากรู้หรอก็ไม่ ใครสนใจใครได้แคร์วะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าของซ่าตอนนี้กำลังฉุนเฉียว หงิกงอ เกรี้ยวกราด และไม่สบอารมณ์สุดๆ ทำอย่างกับว่ากำลังหึงผมยังไงยังงั้น
เอ๊ะ หรือว่าจะใช่?
“ยิ้มเหี้ยอะไรของมึง” ซ่าที่จู่ๆ ก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาทางนี้ถามขึ้น ผมที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยิ้มออกไปก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ก็ทำไม่ค่อยได้เพราะตอนนี้ผมกำลังดีใจจนแทบบ้า
“เปล่า กูไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”
“ไม่ได้ยิ้มเชี่ยไรปากแทบจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว!” ยิ่งเห็นอารมณ์ซ่าเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งฝืนทำหน้าปกติไม่ได้ ผมจึงอมยิ้มแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวซ่าซะเลย
“กูจะตอบคำถามมึงก็ได้ แต่มึงต้องตอบคำถามของกูมาก่อน”
“คำถามเชี่ยอะไร”
“ก็...” ผมลากเสียงยาวแล้วก้มหน้าลงไปใกล้ๆ ซ่า “ทำไมพอได้ยินว่ากูมีคนที่ชอบ มึงต้องโมโหขนาดนี้ด้วย”
“หา!” ซ่าผงะถอยออกไปพร้อมกับทำหน้าตาตื่น
“ว่ายังไง” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใหม่ แต่ซ่าก็ถอยห่างออกไป ส่วนสีหน้าและแววตาก็ดูหลุกหลิกลนลาน
“ระ...เรื่อง...เรื่องนั้น...คือ...” ติดอ่างขนาดนี้ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่าซ่าชอบผมจริงๆ
“คือ?” ในขณะที่ถามผมก็ก้าวเข้าไปใกล้ ส่วนซ่าก็ถอยหลังไป แต่ผมก็ไม่ยอมก้าวไปหาเรื่อยๆ จนในที่สุดซ่าก็จนมุมแผ่นหลังชิดกับราวบันได ไม่เพียงเท่านั้นผมยังก้มหน้าลงไปใกล้ จนใบหน้าของเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบเท่านั้น
“มึงจะต้อนกูขนาดนี้เพื่อ!”
“ก็กูอยากได้คำตอบ”
“แต่กูไม่บอกโว้ย! แม่งจะสิงกูรึไงถอยไปไกลๆ ซิ!” ซ่าดันที่แผ่นอกของผมแล้วรีบวิ่งลงบันได ส่วนผมก็เดินตามไปโดยที่ใบหน้ายังอมยิ้มเหมือนเดิม
“จะเดินตามกูทำมะเขืออะไร!”
“ก็นี่มันบ้านกู กูจะเดินไปไหนก็ได้”
“ถ้างั้นก็เชิญเดินตามสบาย กูจะกลับบ้าน!” พูดจบซ่าก็สะบัดหน้าใส่แล้วเดินไปทางประตู แต่ก็รีบหยุดจนแทบคะมำเมื่อได้ยินผมพูดว่า...
“ถ้าจะกลับก็เอาเงิน 5000 คืนมา”
“เชี่ย...” ซ่าสบถออกมาเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ จากนั้นก็ทำท่าเหมือนว่าจะเอายังไงดี มีความคิด 2 อย่างกำลังตีกันอยู่ในหัว แต่ในที่สุดก็สามารถเลือกข้างได้
“ไหนงานบ้านที่จะให้กูทำ” ผมยิ้มออกมา ซ่าก็ยังเป็นซ่าอยู่วันยังค่ำ ยังคงงกเงินเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ตรงนั้นแหละที่ผมมองว่าน่ารักน่าเอ็นดู
“ก็พวกกวาดบ้านถูบ้านนั่นแหละ” พอผมพูดแบบนี้ซ่าก็ขมวดคิ้วแล้วมองดูรอบๆ ตัว
“มีอะไรให้กูทำ บ้านแม่งสะอาดจะตายห่า ฝุ่นเฝิ่นคราบเคริบก็ไม่มี” จะไปมีได้ยังไง ในเมื่อตอนเช้าก่อนออกจากบ้านไปกับพี่ภู ตะวันกวาดถูทุกซอกทุกมุมเรียบร้อยแล้ว
“ถ้างั้นมึงไม่ต้องทำก็ได้ แต่เอาเงินค่าจ้างคืนมา 2000” เท่านั้นแหละจากที่กำลังทำท่าเกียจคร้านเบื่อหน่าย ซ่าก็เปลี่ยนไปกลายเป็นขยันกระฉับกระเฉงทันที
“อ๊ะ! นี่ไงฝุ่น ส่วนนู่นก็เหมือนเศษขยะ ตายๆๆ สกปรกเหมือนเล้าหมูแบบนี้มึงอยู่ไปได้ยังไง ไม่ไหวๆ เดี๋ยวกูจะจัดการทำความสะอาดให้ก็แล้วกัน” พอได้ยินแบบนี้ผมก็แทบหลุดขำออกมา ส่วนซ่าก็เดินไปกวาดถูบ้านอย่างขยันขันแข็งแต่ก็ไม่ยอมมองหน้าผมเลย
ผ่านไปเกือบชั่วโมงพอทำเสร็จผมก็หางานให้ซ่าทำอีกหลายอย่าง แต่ก็เป็นพวกงานเล็กๆ น้อยๆ เพราะส่วนใหญ่ตะวันก็ทำหมดแล้ว แต่ถ้าไม่ให้ทำงานอะไรเลยเดี๋ยวซ่าก็สงสัยว่าผมจะชวนมาที่บ้านแถมให้นอนค้างด้วยทำไม ผมไม่อยากสารภาพความในใจตอนที่ซ่ายังเคืองผมไม่หาย ไว้รอตอนค่ำที่บรรยากาศเป็นใจน่าจะดีกว่า
“เดี๋ยวเช็ดตรงนี้เสร็จมึงไปทำกับข้าวเลยนะ กูชักจะหิวแล้ว” ผมพูดกับซ่าที่กำลังเช็ดชั้นวางของ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น
“เออ แล้วมึงอยากกินอะไร”
“ได้หมด อะไรที่มึงทำกูชอบทั้งนั้นแหละ” ผมกลั้นใจพูดประโยคเลี่ยนๆ ออกไปทั้งที่ไม่ใช่ตัวผม โดยหวังว่าซ่าจะรู้สึกดีหรือเกิดปฏิกิริยาอะไรขึ้นบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่เลยสักนิด เพราะซ่าตอบมาสั้นๆ ห้วนๆ แค่คำเดียวเท่านั้น
“เค” มิหนำซ้ำยังตั้งหน้าตั้งตาเช็ดชั้นต่อไปไม่ยอมมองหน้าผมเหมือนเดิม ผมเลยเดินคอตกกลับไปนั่งที่โซฟาพลางคิดคำพูดหวานๆ เพื่อง้อตอนที่ซ่าทำกับข้าวเสร็จ โดยที่ผมไม่เห็นเลยว่าตอนนี้ซ่ากำลังแสยะยิ้มแล้วมองผมด้วยสายตาอาฆาต
จากนั้นซ่าก็เข้าครัวไปทำกับข้าวตามที่ผมบอก ถึงผมจะไม่รู้ฝีมือการทำอาหารของซ่า และไม่ได้หวังว่าจะทำอร่อยอย่างกับภัตตาคาร แต่ผมก็เชื่อว่าคนสู้ชีวิตที่ช่วยเหลือตัวเองมาตั้งหลายปีน่าจะทำอาหารได้อยู่แล้ว เพราะงั้นผมเลยวางใจแล้วออกไปจัดโต๊ะกินข้าวตรงศาลาสีขาวที่อยู่ในสวน
แสงสีนวลจากหลอดไฟและแสงเทียนสลัวๆ รวมไปถึงดอกกุหลาบที่ประดับอยู่บนโต๊ะน่าจะทำให้ซ่าเข้าใจความรู้สึกของผมและอารมณ์ดีขึ้นบ้าง แล้วไหนจะยังช็อกโกแลตในกล่องรูปหัวใจที่ผมตั้งใจจะมอบให้อีก หวังว่าคืนนี้คงไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกนะ
แล้วไม่นานซ่าก็เดินถือจานอาหารมา หน้าตาบึงตึงแบบนี้คงไม่ได้สนใจบรรยากาศสุดโรแมนติกรอบตัวอย่างแน่นอน
“เอ้า กินซะ” ซ่ากระแทกจานลงตรงหน้าผมอย่างแรงจนโต๊ะสะเทือน แต่การกระทำนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมอึ้งและตกใจเท่ากับสิ่งที่อยู่ในจาน
“นี่มันอะไรเนี่ย” สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้ามันไม่น่าจะเรียกว่าอาหารได้เลย เพราะมันเหมือนก้อนอะไรสักอย่างที่มีสีดำปิ๊ดปี๋ ก้อนพวกนี้ผมคิดว่ามันสมควรอยู่ในถังขยะมากกว่าจะเอามาจัดใส่จาน
“ผัดรวมมิตรชาโคล”
“หา?”
“ไม่รู้จักชาโคลหรอ บ้านนอกฉิบหาย” ซ่าเหยียดสายตามองผมพร้อมกับเบ้ปากใส่
“ชาโคลน่ะกูรู้จัก แต่ไอ้ที่อยู่ตรงหน้ากูมันไม่น่าจะเรียกว่าชาโคลได้นะ มันเหมือนอาหารไหม้ที่มึงจงใจทำมากกว่า” ขนาดแค่เปิดฝายังไม่ได้ดมใกล้ๆ ผมยังได้กลิ่นไหม้ออกมาเลย
“เออ กูจงใจ แล้วมึงจะทำไม ไหนบอกว่ากินอะไรก็ได้” ซ่ากอดอกมองผมอย่างหาเรื่อง
ไม่ได้การ สถานการณ์ชักจะมาคุสุดๆ แล้ว ผมคิดว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้มีหวังแย่แน่ๆ เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจยื่นช็อกโกแลตที่อยู่ในกล่องรูปหัวไปให้ซ่า
“กูขอโทษนะ” ผมยิ้มออกมา ตั้งใจจะเอาให้เป็นของขวัญแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นของง้อก็ไม่รู้
“ขอโทษกูทำไม มึงทำผิดอะไร แล้วกูโกรธอะไรมึง” ซ่าพูดห้วนๆ พร้อมกับปรายหางตามองมา ไม่แม้แต่จะหยิบกล่องที่อยู่ตรงหน้าไปเลย
“คือ...” ผมไม่รู้ควรจะพูดอะไร ถ้าบอกไปว่าขอโทษที่ทำให้มึงหึง ผมต้องโดนต่อยปากสวนกลับมาแน่ๆ
“แล้วนี่มึงไปซื้อมาจากตลาดนัดรึไง ดีไซน์กิ๊กก๊อกเด็กน้อยฉิบหาย สาบานเถอะว่ามึงคิดจะง้อกูจริงๆ แม่งโคตรไม่ลงทุน” ซ่าเบ้ปากเหยียดมองกล่องช็อกโกแลตสุดหรูอย่าง Godiva ที่เป็นสเปเชียลคอลเลคชั่นวันวาเลนไทน์ ผมไม่คิดว่าซ่าจะมองของสุดหรูเป็นของตลาดนัดได้เลยถึงกับเงิบจนพูดอะไรไม่ออก
แล้วที่มึงบอกกูไม่ลงทุนจะง้อ แต่ช็อกโกแลตกล่องนี้ราคา 1380 เลยนะซ่า!
“เฮ้ออออ แต่ไหนๆ มึงก็ให้มาแล้วกูจะทำใจรับเอาไว้ก็ได้” ซ่าพูดจบก็หยิบกล่องช็อกโกแลตจากมือผมไป จากนั้นก็เปิดฝาด้านบนออก ซึ่งพอเห็นของด้านในเท่านั้นแหละ...
“เชี่ยยยยยยยยยยยย กล่องตั้งใหญ่แต่เสือกใส่ช็อกโกแลตมาแค่ 6 ชิ้นเนี่ยนะ! คุณหลอกดาววววววววว” ซ่าแหกปากโวยวายอย่างไม่พอใจ ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับจิตตกไปเลย แต่นั่นก็ยังไม่หนักเท่ากับหลังจากซ่าลองชิม
“แหยะ! รสชาติส้นตีนฉิบหาย! มึงไปซื้อที่ตลาดไหนกูจะไปเผาแม่งให้วอด!” ซ่าทำหน้าพะอืดพะอมในขณะที่กำลังเคี้ยวช็อกโกแลตจนเต็มปาก ผมอยากจะพูดแทบตายว่าจะให้รสชาติมันอร่อยได้ยังไงในเมื่อตัวเองยัดเข้าปากไปพร้อมกันตั้ง 3 ก้อน ไส้ข้างในช็อกโกแลตมันต่างกันอยู่แล้ว กินรวมกันแบบนั้นรสมันจะห่วยก็ไม่แปลก แต่ผมก็เหนื่อยใจเกินที่จะพูดอะไรออกไปทั้งนั้น
ไก่ได้พลอยชัดๆ!
“มึงจะหมดอาลัยตายอยากทำเชี่ยอะไร กูสิที่ต้องเป็นไอ้ฉิบหาย แต่ไหนๆ มึงก็อุตส่าห์ซื้อช็อกโกแลตมาง้อกูแล้ว ถึงจะไม่ค่อยลงทุนไปหน่อยก็เถอะ แต่กูจะไปทำกับข้าวมาให้ใหม่ก็แล้วกัน” ซ่าพูดจบก็ลุกเดินเข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็นั่งหมดอาลัยตายอยากเหมือนเดิมไม่ลุกไปไหน เพราะสิ่งที่คิดกับความเป็นจริงมันไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยสักนิด
“เฮ้ออออออ” ผมถอนหายใจออกมา เพราะคิดไม่ออกเลยว่าหลังจากนี้จะทำยังไงดี
จริงอยู่ว่าซ่ามีท่าทีโมโหผมน้อยลง แต่ผมก็ยังคงเห็นความขุ่นเคืองหลงเหลืออยู่ดี เห็นทีคงต้องสารภาพความรู้สึกออกไปตรงๆ ไม่ต้องคิดเยอะหรือซื้อของขวัญอะไรให้วุ่นวาย คนนิสัยแปลกแถมรสนิยมประหลาดแบบนั้นคงไม่เข้าใจอะไรที่ซับซ้อนหรอก
เมื่อตัดสินใจได้แล้วผมก็เดินไปเข้าบ้าน กลิ่นหอมๆ ที่ลอยมาแตะจมูกทำเอาผมน้ำลายสอ ขาสองข้างเลยรีบก้าวเข้าไปในครัว จึงเห็นว่าตอนนี้ซ่ากำลังคนอะไรสักอย่างที่อยู่ในหม้อแล้วตักขึ้นมาชิม
“อาาาส์ แซ่บเวอร์” สีหน้าของซ่าตอนนี้ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ทำอะไรกินน่ะซ่า”
“ต้มยำไก่ ลองชิมดูมั้ย” แล้วซ่าก็ใช้ช้อนตักต้มยำในหม้อมายื่นให้ผม ดูท่าซ่าคงจะทำไว้ตั้งแต่แรก แต่ว่าแกล้งเอาผัดชาโคลอะไรนั่นมาให้ผมเฉยๆ
“ใส่พริกไปเท่าไหร่เนี่ย ทำไมสีมันถึงได้แดงจนน่ากลัวขนาดนี้” ผมมองช้อนต้มยำในมืออย่างหวั่นๆ
“มึงกินเผ็ดไม่ได้หรอ”
“ก็เปล่า แต่เผ็ดมากๆ กูไม่ค่อยได้กิน บ้านกูไม่ค่อยกินอาหารรสจัดเท่าไหร่” พอได้ยินแบบนี้ซ่าก็ลอบยิ้มออกมา แต่ผมไม่ทันได้มองเพราะมัวแต่กังวลเรื่องต้มยำที่อยู่ตรงหน้า
“มึงไม่ต้องกลัวหรอกไอ้พฤกษ์ ที่สีมันแดงก็เพราะกูใส่ผงต้มยำเฉยๆ ความเผ็ดระดับนี้เด็กอนุบาลกินได้สบาย” ซ่าพูดอย่างหน้าซื่อตาใส แต่ผมกลับรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจยังไงไม่รู้
“แน่ใจนะว่ามึงไม่ได้หลอกกู?”
“ดูตากูสิเพื่อน” ซ่าทำตาปิ๊งๆ ชัดเลยว่าต้องกำลังโกหกแน่นอน แต่ผมจะยอมเล่นตามเกมไปก็ได้ เพราะผมคิดวิธีเอาคืนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“โอเค กูเชื่อมึง” เท่านั้นแหละซ่าก็ยิ้มกว้างออกมา ส่วนผมก็กลั้นใจซดน้ำต้มยำเข้าไปเต็มคำ เท่านั้นแหละความเผ็ดระดับทำลายล้างก็จี๊ดขึ้นหูขึ้นตาลามไปที่สมอง ตอนนี้ผมเผ็ดขนาดที่ว่าแทบจะพ่นไฟได้อยู่แล้ว
“กร๊ากกกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ควายในควายชัดๆ โอ๊ยขำโว้ยยยยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ซ่าหัวเราะอย่างสะใจจนแทบจะกลิ้งลงไปกับพื้น
“น้ำ! เอาน้ำให้กูที! กูเผ็ดจะตายอยู่แล้ว!” ผมดิ้นเร่าๆ ถึงจะดูเวอร์ไปหน่อยแต่ผมก็เผ็ดจริงๆ เผ็ดจนน้ำตาผมแทบไหลขนาดนี้ นี่ซ่าใส่พริกลงไปทั้งสวนรึเปล่า
“เฮ้ออออ ลำบากกูจริงๆ ไอ้ลิ้นผู้ดีเอ๊ย” ซ่าบ่นทั้งที่ยังหัวเราะกับอาการเผ็ดของผม แต่ก็ยอมเดินไปรินน้ำใส่แก้วมาให้ตามคำขอ ผมรับน้ำมาดื่มอักๆ จนหมดแก้วภายในเวลาไม่กี่วิ
“กูยังไม่หายเผ็ดเลยซ่า หาอะไรหวานๆ มาให้กูกินหน่อย” ผมพูดจบก็อ้าปากแล้วใช้มือพัดลิ้นให้หายเผ็ดร้อน แต่มันก็ช่วยได้แค่นิดเดียวเท่านั้น
“อะไรล่ะที่มันหวาน น้ำตาลดีมั้ยเดี๋ยวกูจับกรอกใส่ปากมึงให้” ซ่าหัวเราะคิกๆ คักๆ
“เอาอะไรที่มันเป็นไปได้หน่อยสิซ่า อย่างช็อกโกแลตที่กูให้มึงไปไง” ผมมองไปยังกล่องช็อกโกแลตที่วางอยู่ไม่ไกล ซ่าที่ได้ยินแบบนั้นเลยเดินไปหยิบมาแล้วเปิดฝาออก
“เหลืออยู่ชิ้นนึงพอดีเลย เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามากูกินไปอีก 2 ชิ้น พอไม่ได้จับกินรวมกันรสชาติก็อร่อยใช้ได้เลยนะเนี่ย” ซ่าทำหน้าชื่นชม เล่นเอาผมอยากมองบนเพราะทำไมไม่กินแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก
“กูขอ” ผมยื่นมือออกไปตรงหน้า ซ่าเลยมองมาพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
“เอ...จะให้ดีมั้ยน้า”
“ซ่า! ตอนนี้กูเผ็ดจะตายอยู่แล้วนะ!”
“หรอ งั้นก็ลองตายให้กูดูหน่อยสิ” ซ่าแสยะยิ้ม จากนั้นก็หยิบช็อกโกแลตชิ้นสุดท้ายเข้าปากไปเลย
“ซ่า!!”
“อาาาส์ ฟินโคตรรรร ชิ้นนี้ทั้งหอม ทั้งหวาน ทั้งเข้มข้น กูอยากให้มึงได้ลองชิมจริงๆ นะเพื่อน แต่น่าเสียดายเพราะมันเป็นชิ้นสุดท้ายแล้ว” ในขณะที่กำลังเคี้ยวซ่าก็แสร้งทำหน้าเห็นใจ ทั้งที่กำลังสะใจเสียเต็มประดา ผมคิดว่าตอนนี้คงได้เวลาเอาคืนแล้วล่ะ
“มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรอ” ผมเดินเข้าไปประชิดตัว ซ่าที่มัวคิดแต่เรื่องกินอ้างผมเลยไม่ได้ขยับหนีไปไหน แถมยังลอยหน้าลอยตาอีกต่างหาก
“แน่นอน อร่อยมว้ากกกกกกกกก”
“ถ้างั้นกูขอชิมหน่อยแล้วกัน” พอผมพูดแบบนั้นซ่าก็ทำหน้างง แต่ผมก็ไม่พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็ใช้มือประคองแก้มของซ่าทั้งสองข้าง แล้วก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากช่างแกล้งนั้นทันที
!!!
2BC
สวัสดีค่า Avert หัวใจซ่อนรักตอนที่ 8 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้มาช้านิดนึงเพราะเมื่อคืนมัวแต่ดูละคร (ตอนนี้แทบจะเรียกเพื่อนว่าออเจ้าแล้ว 55555
) แต่เนื่องจากมาช้าเราเลยโยกของตอนหน้ามาใส่จะได้อ่านกันแบบจุใจ ว่าแต่...อ่านจบตอนนี้ใครกรี๊ดบ้างน้อ เพราะในที่สุดซ่ากับพฤกษ์ก็ได้จูจุ๊บกันแล้ว กรี๊ดดดดดด
(แต่ไม่อยากจะเซดเลยว่าตั้งแต่เขียนนิยายมาคู่นี้เป็นคู่ที่ช้าที่สุดเลย 55555)
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันนะคะว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป พฤกษ์จะได้จูบแบบลึกซึ้งมั้ยนะ หรือว่าจะโดนซ่ากระโดดถีบขาคู่ ไม่วันอาทิตย์ก็วันจันทร์เจอกันนะคะ มาเอาใจช่วยคู่พฤกษ์ซ่ากันน้า
(3 มี.ค. 61)