ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]  (อ่าน 205978 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
 :haun4: เลือดหมดตัว ฟินนนนนนนนน

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ไม่เหมือนเพิ่งเคยทำครั้งแรกเลย ดูเชี่ยวขนาดนี้น่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 11# Niza สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง


   ฟ้าเหลือง


   อาการนี้ผมเคยได้ยินไอ้พวกเพื่อนบางคนบ่นว่าเคยเป็น เพราะมีเซ็กส์กับแฟนแบบมาราธอนไม่ก็จัดหนักจัดเต็มจนแทบไม่ได้พัก แต่ตอนนั้นนอกจากจะไม่เชื่อแล้วผมยังแอบเบ้ปากด้วยซ้ำ ในใจคิดว่ามันก็แค่โม้ไม่ก็โชว์พาว แต่ตอนนี้ผมรู้ซึ้งเลยล่ะว่ามันคือเรื่องจริง


   เมื่อคืนผมภาพตัดไปตอนไหนอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ คือผมเสร็จไปแล้วตั้ง 3 ครั้ง ร่างกายมันเกินจะรับไหวเลยสลบไสลไปเรียบร้อย แต่ประเด็นคือถ้าเสร็จแค่นี้มันไม่พอที่จะทำให้ผมฟ้าเหลืองหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเช้าไอ้พฤกษ์มันทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นกับผม...


   ‘อรุณสวัสดิ์ แข็งแรงแต่เช้าเชียวนะ’ ไอ้พฤกษ์ที่น่าจะตื่นมาได้สักพักทักทายผม โดยนอนตะแคงข้างแล้วหันมาทางนี้พร้อมกับกอดเอวผมเอาไว้


   ‘หืม?’ ผมไม่เข้าใจที่มันพูดเพราะยังสะลึมสะลืออยู่ สมองยังไม่ทำงานจนไม่สั่งการให้เขินเรื่องเมื่อคืนเลยด้วยซ้ำ


   ‘นี่ไม่รู้ตัวเลยหรอว่าตรงนั้นของมึงกำลังแข็งโดนของกูอยู่’ เท่านั้นแหละผมก็เบิกตาโพลงแล้วก้มลงมองไปยังด้านล่าง


   ‘เชี่ย!’ เหตุการณ์ที่ราวกับว่าเล่นซ้ำทำเอาผมตกใจจนตาเบิกกว้าง สองมือออกแรงผลักไอ้พฤกษ์อย่างแรงกะให้มันกระเด็นออกไป แต่ไหงครั้งนี้มันกลับไม่สะทกสะท้านต่างจากครั้งแรกที่กระเด็นไปจนติดฝา มิหนำซ้ำมันยังกอดเอวผมให้แน่นยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก


   ‘ปล่อยกูนะเว่ย’ ผมพยายามดันที่อกของไอ้พฤกษ์ออกไป แต่ให้ตายสิ เรี่ยวแรงของผมมันหายไปไหนหมดวะเนี่ย


   ‘กูปล่อยมึงแน่ แต่...หลังจากที่มึงปล่อยนะ’


   ‘หา?’ คำพูดชวนงงแบบนั้นทำเอาผมต้องขมวดคิ้วขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ไว้ใจสายตาวิบวับเจ้าเล่ห์ที่อยู่ตรงหน้า ผมเลยพยายามใช้สมองที่ยังคงทำงานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งมันก็ช้าเกินไป กว่าจะคิดได้ไอ้พฤกษ์ก็คว้าหมับเข้าที่แก่นกายของผมซะแล้ว


   ‘อ๊ะ!’ ตอนนี้ผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ฝ่ามือของมันเลยกำรอบท่อนเนื้อของผมเข้าเต็มๆ เล่นเอาผมหน้าร้อนวาบและอ้าปากพะงาบๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก


   ‘เดี๋ยวกูจะช่วยรีดพิษออกให้มึงเอง’ ไอ้พฤกษ์พูดด้วยเสียงกระเส่า แล้วก้มหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากของผมเพื่อปิดกลั้นคำต่อต้าน จากนั้นก็จัดการ ‘รีดพิษ’ ให้ผมอย่างที่ว่า แถมยังไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยนะ แต่เป็นถึง 2 ครั้ง! ซึ่งครั้งที่ 2 ผมก็เสร็จพร้อมมันที่ฝังท่อนเนื้อเข้ามาในตัวผมนั่นแหละ!


   กว่าจะตื่นมาอีกทีเวลาก็ปาเข้าไปบ่าย 3 กว่า ผมหลับไปนานขนาดที่คิดว่าตัวเองอาจจะซ้อมรอวันตาย ตั้งแต่จำความได้ผมเคยนอนไปนานขนาดนี้ที่ไหนกันล่ะ แล้วไอ้พฤกษ์ก็ไม่ได้นอนพร้อมหรือคิดจะปลุกผมด้วยนะ แต่มันกลับหายหัวไปไหนไม่รู้แล้วทิ้งให้ผมนอนอยู่คนเดียว


   ซึ่งผมก็คิดว่ามันคงจะอยากให้ผมพักผ่อนเต็มที่เพราะเหนื่อยนั่นแหละ แต่พอตื่นมาแล้วไม่มีคนอยู่ข้างๆ มันก็รู้สึกเหงานี่นา


   อาบน้ำแล้วลงไปหาไอ้พฤกษ์ข้างล่างดีกว่า


   พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็เกิดอาการเวียนหัวและแข้งขาอ่อนแรงเลยต้องนั่งพักต่อสักหน่อย จนกระทั่งค่อยยังชั่วผมจึงได้เดินเข้าไปในห้องน้ำ


   พอเจอน้ำเย็นๆ ร่างกายของผมก็สดชื่นขึ้นมาจนลืมความเหนื่อยล้า ช่วงล่างโดยเฉพาะช่องทางด้านหลังมันรู้สึกระบมหน่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้เจ็บหรือปวดมากมายอย่างที่คาดไว้ ซึ่งนั่นก็คงเป็นเพราะไอ้พฤกษ์มันอ่อนโยนกับผม เพราะงั้นผมจะยกโทษเรื่องที่มันทำรอบเพิ่มตอนเช้าก็แล้วกัน


หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปส่องกระจกเช็คหน้าเช็คผมให้เรียบร้อย เมื่อโอเคแล้วผมก็เปิดกระตูออกจากห้องลงไปยังข้างล่าง เท่านั้นแหละผมก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันไม่ต่ำกว่า 4 – 5 เสียง


เวร ไหงจู่ๆ คนเยอะขนาดนี้ได้เนี่ย ใครเป็นใครผมก็ไม่รู้จักซะด้วย แล้วอย่างนี้ผมจะกล้าลงไปข้างล่างได้ยังไงกันล่ะ


ซึ่งขณะที่ผมกำลังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง ทั้งยังยื่นมือมาแตะที่บ่าของผมอีกต่างหาก


   “ตื่นแล้วหรอ นอนนานขนาดนี้แสดงว่าเมื่อคืนหนักมากเลยสิท่า” ถึงแม้ว่าหน้ากับเสียงจะเหมือนกันแค่ไหน แต่ลักษณะท่าทางและคำพูดผมก็รู้ทันทีว่านี่คือใครโดยไม่ต้องหันหน้าไปมอง


   “เมื่อคืนกูจะหนักหรือไม่หนัก แล้วมันไปหนักบนหัวมึงรึไง” พูดจบผมก็สะบัดที่ไหล่ไล่มือของไอ้เพลิงออกไป จากนั้นก็หันไปมองหน้ามันตาขวาง


   “หูยยยย เกรี้ยวกราดแบบนี้แสดงว่ามึงยังเคืองกูเรื่องเมื่อวานอยู่หรอ”


   “ของมันแน่อยู่แล้ว มึงทำกูแสบซะขนาดนั้น นอกจากจะแตะอั๋งแล้วยังทำให้กูเข้าใจผิดเรื่องของไอ้พฤกษ์อีกต่างหาก พูดแล้วแม่งก็ขึ้น” พอเห็นผมทำท่าทางเอาเรื่องไอ้เพลิงมันก็รีบยกธงขาว แต่เอาจริงๆ หน้ามันก็ไม่ได้ดูสำนึกผิดเท่าไหร่หรอก


   “อย่าพึ่งขึ้นเลยน่า ที่กูทำไปก็แค่อยากทดสอบคนที่พี่ชายกูชอบว่าเหมาะจะเป็นสะใภ้ของบ้านนี้มั้ยเท่านั้นเอง”


   “เดี๋ยวคราวมึงชอบใคร กูจะลากไอ้พฤกษ์ไปทดสอบคนคนนั้นแบบที่มึงทำก็แล้วกัน”


   “ถ้างั้นมึงกับไอ้พฤกษ์ก็คงเหนื่อยหน่อยนะ เพราะคนที่กูชอบมีไม่รู้กี่สิบคน เผลอๆ อาจจะถึงร้อยแล้วก็ได้ ใครที่เคยนอนกับกู กูก็ชอบเขาทั้งนั้นนั่นแหละ” ไอ้เพลิงพูดจบก็หัวเราะในลำคอ


   “ไอ้คนสำส่อนเอ๊ย!” ผมชูนิ้วกลางให้แม่งซะเลย แต่นอกจะไม่โกรธแล้วมันยังมีหน้าหัวเราะดังขึ้นอีกต่างหาก ไม่รู้ไอ้บ้านี่มันไปโดนตัวไหนมา หรือโดนรถขนกัญชาคว่ำใส่ก็ไม่รู้


   “กูว่าตอนนี้มึงเลิกด่ากูแล้วไปดูหวานใจของมึงในครัวดีกว่า ป่านนี้ไม่รู้ว่าสวีทกับตะวันจนกับข้าวเป็นสีชมพูไปแล้วรึยัง” ไอ้เพลิงยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ สายตายิ่งกว่าหมาจิ้งจอกแบบนี้ใครเชื่อก็ควายดีๆ นี่เอง


   “มึงไม่ต้องมาปั่น คนที่ชื่อตะวันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อีกอย่างไอ้พฤกษ์ก็ยืนยันกับกูแล้วด้วยว่าไม่ได้คิดอะไรกับตะวันแล้ว” พอเห็นผมยืดอกอย่างมั่นใจในตัวไอ้พฤกษ์แบบนี้ แทนที่ไอ้เพลิงจะเสียเซลฟ์ที่ปั่นไม่สำเร็จ แต่มันกลับเลิกคิ้วแล้วยิ่งทำหน้าเจ้าเล่ห์กว่าเก่าอีกต่างหาก


   “หืม? มึงพูดแบบนี้แสดงว่าไอ้พฤกษ์ยังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญกับมึงสินะ?”


   “เรื่องอะไร บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าคิดจะปั่นมึงโดนกูแทงเข่าใส่เป้าอีกแน่” แต่ถึงผมจะขู่ขนาดนี้ไอ้เพลิงก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเลยแม้แต่น้อย


   “กูจะยอมอยู่เฉยๆ ให้มึงทำเลยเอ้าถ้ากูโกหก”


   “ดี งั้นมึงบอกมาเลยว่าเรื่องสำคัญที่ไอ้พฤกษ์ยังไม่ได้บอกกูคือเรื่องอะไร”


   “ก็...เรื่องที่ตะวันทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่นี่ แล้วก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ยังไงล่ะ”


   “ว่าไงนะ!” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมตกใจจนเบิกตากว้าง แต่พอคิดว่านั่นคงเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้นผมเลยเปลี่ยนเป็นมองไอ้เพลิงตาขวาง มันจึงชูสามนิ้วขึ้นมายืนยันแถมยังท้าผมอีกต่างหาก


   “ถ้าไม่เชื่อมึงก็ลองไปพิสูจน์ดูสิ ก่อนกูจะขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไอ้พฤกษ์กับตะวันกำลังช่วยกันทำอาหารในครัว”


   “ได้ แต่ถ้ากูไม่เจอใครมึงเตรียมตัวตายได้เลยไอ้เพลิง” ผมหมายหัวมันไว้ จากนั้นก็รีบเดินลงไปยังครัวที่อยู่ข้างล่าง โดยที่ผมเชื่อมั่นเต็มร้อยว่าตัวเองกำลังโดนปั่น เรื่องสำคัญขนาดนั้นถ้าเป็นความจริงไอ้พฤกษ์ต้องบอกผมแล้ว


แต่พอผมเดินไปถึงครัวเท่านั้นแหละ ขาของผมมันก็แทบก้าวต่อไปไม่ออก เพราะภาพที่ผมเห็นตอนนี้ก็คือ ไอ้พฤกษ์กำลังยืนคุยกับตะวันพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน แต่ดูจากสายตาของไอ้พฤกษ์ที่มองตะวันนั้นช่างอบอุ่นและอ่อนโยน จนผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจขึ้นมา


   “นั่นแหละตะวัน คนที่ไอ้พฤกษ์เคยชอบมาตั้งแต่ปี 1” ไอ้เพลิงเดินตามมากระซิบที่ข้างหูของผม แต่ถึงมันจะไม่บอกผมก็รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายที่อยู่ข้างไอ้พฤกษ์ชื่อตะวัน เพราะ 3 – 4 เดือนก่อนเราสองคนเคยทำงานพิเศษใส่ชุดมาสคอตด้วยกันที่สวนสนุก


   “กูรู้จักตะวันอยู่แล้ว” ตอนแรกที่ได้ยินชื่อตะวันผมไม่ได้เอะใจว่าจะบังเอิญเป็นคนเดียวกันกับที่ผมรู้จัก


   “เอ้าจริงดิ ถ้างั้นมึงก็รีบเข้าไปทักทายเลย” ไอ้เพลิงดันผมเข้าไปในครัวแล้ววิ่งหายหัวไปไหนไม่รู้ ส่วนไอ้พฤกษ์กับตะวันที่กำลังคุยกันอยู่พอเห็นผมก็ทำหน้าตกใจ


   “อ้าว! ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เดินไหวมั้ยซ่า” ไอ้พฤกษ์รีบเข้ามาหาผม ความเป็นห่วงเป็นใยของมันทำให้ผมยิ้มออกมาได้


   “ไหวสิ กูไม่ได้พิการสักหน่อย” พูดจบผมก็หันไปหาตะวันที่กำลังยิ้มหวานมาให้ผม แต่ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะยิ้มตอบเลยทักไปอย่างห้วนๆ เท่านั้น “หวัดดี”


   “สวัสดีซ่า ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย”


   “ก็ดี แต่พึ่งรู้นะเนี่ยว่าตะวันทำงานอยู่ที่นี่”


   “ต้องขอบคุณพฤกษ์เลยล่ะที่ชวนเรามา ตอนนั้นเรามีปัญหาเรื่องเงินกับที่พักพอดี” พูดถึงตรงนี้ตะวันก็หันไปมองไอ้พฤกษ์แล้วยิ้มจนตาหยี สีหน้าและแววตาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน


   แต่ผมจะไม่คิดอะไรเลยถ้าไอ้พฤกษ์ไม่ยิ้มตอบ แถมยังมองตะวันด้วยสายตาอ่อนโยนอีกต่างหาก ส่งตาหวานให้กันข้ามหน้าข้ามตากูไปแล้วนะเฟ้ย!


   “จะขอบคุณเราทำไม เราสิต้องขอบคุณตะวันที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทุกคนในบ้านทาน” ยัง ยังไม่หยุดอีกนะไอ้พฤกษ์ ลืมแล้วหรอว่ากูคือแฟนมึงไอ้สันขวาน!


   “ว่าแต่...พึ่งรู้นะเนี่ยว่าตะวันกับซ่ารู้จักกันด้วย ไปรู้จักกันได้ยังไงล่ะเนี่ย”


   “กูกับตะวันเคยทำงานพิเศษด้วยกัน” ผมรีบแทรกก่อนที่จะไม่มีบทให้พูด แต่คิดดูนะ ขนาดผมทำเสียงแข็งขนาดนี้ไอ้พฤกษ์มันยังไม่รู้เลยว่าผมเริ่มหัวร้อน ดีที่ตะวันพอมองออกถึงได้เอ่ยปากถามผม


   “สีหน้าซ่าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ เราว่าพฤกษ์พาซ่าไปนั่งพักตรงโซฟาก่อนดีกว่ามั้ย”


   “ก็ดีเหมือนกัน ถ้างั้นเดี๋ยวเราจะไปตามใครสักคนมาเป็นลูกมือตะวันนะ”


   “โอเค” ตะวันพยักหน้า ส่วนไอ้พฤกษ์ก็หันมามองผมแล้วถามด้วยความเป็นห่วง


   “เจ็บตรงไหนรึเปล่า สีหน้ามึงดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย”


   “ถามมาได้ว่าเจ็บตรงไหน เมื่อคืนกับเมื่อเช้ามึงทำอะไรกูไว้ล่ะ รู้มั้ยว่ากูมองท้องฟ้าเป็นสีเหลืองหมดแล้ว!” ผมค้อนใส่ แต่ความจริงผมแค่ปวดเมื่อยเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร ที่ผมพูดแบบนี้เพราะจงใจให้ตะวันรับรู้สถานะของผมกับไอ้พฤกษ์ต่างหาก แต่ก็ดูเหมือนว่าตะวันจะรู้เรียบร้อยแล้ว


    “ยังจะมัวยืนชวนซ่าคุยอีก ทำไปตั้งขนาดนั้นรีบอุ้มซ่าพาออกไปนั่งพักเลยพฤกษ์” ตะวันหันมาทำหน้าดุใส่ ไอ้พฤกษ์เลยทำท่าจะอุ้มผมออกไปข้างนอก แต่พอคิดว่าคนในบ้านน่าจะอยู่กันเยอะพอสมควรผมก็รีบยกมือห้ามเอาไว้ซะก่อน


   “ไม่ต้องๆ กูเดินเองได้” ไอ้แว่นนี่แม่งก็บ้าจี้ แต่พอเห็นมันพร้อมจะทำเพื่อผมโดยไม่ลังเลแม้จะอยู่ต่อหน้าตะวันผมค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ส่วนตะวันลองได้พูดแบบนี้ก็คงไม่ได้คิดอะไรกับไอ้พฤกษ์หรอก...มั้ง


   “แน่ใจนะว่ามึงเดินไหว ไม่ให้กูอุ้มไปจริงๆ หรอ”


   “ไม่ต้องหรอกน่า ขนาดลงบันไดกูยังเดินได้สบาย อีกอย่างขืนให้มึงอุ้มออกไปกูได้อายฉิบหายกันพอดี พี่น้องมึงอยู่กันตั้งเยอะ ประเจิดประเจ้อ” พูดจบผมก็เดินออกมาจากครัว ส่วนไอ้พฤกษ์ก็เดินตามออกมา ถึงผมจะรู้ว่าคนในบ้านของมันชอบผู้ชายกันหมด แต่ก็คงกระอักกระอ่วนน่าดูถ้าต้องมาเห็นอะไรแบบนี้


   “โธ่เอ๊ย แค่เรื่องอุ้มมันธรรมดาจะตายไป คนในบ้านกูมีภูมิต้านทานกับเรื่องแบบนี้ เพราะตั้งแต่ที่พี่ภูกับตะวันคบกัน สองคนนั้นสวีทกันสุดๆ จนพวกกูชินแล้ว”


   “หา!?” เรื่องที่ได้ยินทำให้เท้าของผมที่กำลังก้าวเดินอยู่ถึงกับชะงัก จากนั้นก็หันหน้าไปหาไอ้พฤกษ์ด้วยความงุนงงเป็นไก่ตาแตก


“เดี๋ยวนะไอ้พฤกษ์...เมื่อกี้มึงบอกว่าตะวันคบใคร?”


“พี่ภู พี่ชายคนโตของบ้านกูเอง”


“หา!” ตะวันมีแฟนแล้ว! แถมยังเป็นพี่ใหญ่ของบ้านอีกต่างหาก! ถ้างั้นเรื่องของไอ้พฤกษ์กับตะวันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แสดงว่าไอ้เหี้ยเพลิงมันหลอกปั่นหัวผมเล่นใช่มั้ย!


   “ตกใจอะไรขนาดนั้น แล้วนั่นมึงจะไปไหนน่ะซ่า” ไอ้พฤกษ์รีบเดินตามมา เมื่อเห็นว่าผมกำลังเดินดุ่มๆ ออกไปจากตรงนี้


   “ไปแก้แค้นน้องชายตัวแสบของมึง” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็ทำหน้างง แต่ผมไม่มีอารมณ์ที่จะอธิบาย ผมเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องรับแขกที่มีหลายๆ เสียงคุยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีไอ้เพลิงที่เป็นเป้าหมายของผม


   “ขอโทษนะครับทุกคน ถ้าหากผมต้องทำเรื่องเสียมารยาทตั้งแต่แรกเจอ” ผมยกมือไหว้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ไล่ตั้งแต่คนที่คิดว่าน่าจะเป็นพี่ใหญ่เพราะดูภูมิฐาน ตามด้วยพี่สาว...ไม่สิ พี่ชายคนสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ ผู้ชายหน้าตาซื่อๆ ส่วนน้องผู้ชายที่ใส่ชุดม.ปลายผมก็ยกมือไหว้ด้วยเช่นกัน ยกเว้นก็แต่ไอ้ตัวเสี้ยมตัวปั่นที่ผมมองมันอย่างเกรี้ยวกราด


   ตอนนี้ทุกสายตาต่างก็มองมาที่ผมด้วยความงุนงงและสงสัย แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้ถามอะไร แต่ละคนก็ต้องอ้าปากค้างตามกันไป เพราะเห็นผมเดินเข้าไปเหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าของไอ้เพลิงอย่างสุดแรง!


        !!!

................

.........

.....


        “สมน้ำหน้า!!!!!”


   แทบทุกคนที่พอรู้เหตุผลก็พูดเป็นเสียงเดียวกันพลางมองไปยังไอ้เพลิง ที่ถูกผมต่อยตรงมุมปากจนร่วงไปกองกับพื้น ซึ่งหมัดแรกมันคาดการณ์ไว้แล้วเลยเอียงตัวหลบทัน แต่มันก็ไม่คิดว่าผมจะเหวี่ยงหมัดซ้ายใส่อีกเลยหลบไม่ทัน สรุปใบหน้าหล่อๆ ของมันเลยมีรอยสีเขียวอมม่วงประดับอยู่อย่างชัดเจน


   “โหยยยย ไรอะ ทำไมไม่มีใครเข้าข้างผมเลย” ไอ้เพลิงเอามือกุมที่มุมปากพลางทำหน้าเหยเก ส่วนสายตาก็แสร้งทำเป็นตัดพ้อ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าได้แค้นหรือโกรธเคืองผมแต่อย่างใด


เอาจริงๆ ทีแรกผมก็เตรียมใจไว้แล้วแหละว่าจะต้องถูกทุกคนเกลียด เพราะเจอกันครั้งแรกกลับได้เห็นความรุนแรงแทนที่จะเห็นอะไรที่น่าประทับใจ แต่ผมก็คิดผิดไป เพราะหลังจากนั้นน้องที่ใส่ชุดนักเรียนม.ปลายกลับลุกขึ้นแล้วเชียร์ผมให้ต่อยไอ้เพลิงอีกหมัดซะงั้น เล่นเอาผมถึงกับงงไปเลยน่ะสิ


ยังดีที่หลังจากนั้นไอ้พฤกษ์มาเบรกเอาไว้ ส่วนพี่ใหญ่ของบ้านก็ถามที่มาที่ไป พอรู้เรื่องวีรกรรมที่ไอ้เพลิงทำกับผมไว้แทบทุกคนเลยร่วมใจกันสมน้ำหน้า


“ทำไมไม่บอกกูสักหน่อย มึงจะได้ไม่ต้องเสียมือไปต่อยคนอย่างมัน” ไอ้พฤกษ์พูดพร้อมกับจับมือผมขึ้นมาลูบอย่างห่วงใย น้องที่ใส่ชุดนักเรียนม.ปลายเลยพูดขึ้นต่อ


“ใช่ๆ ถ้าพี่ซ่าบอกก่อน ผมจะล็อกตัวพี่เพลิงเอาไว้ไม่ให้หลบหมัดแรกได้เลย” คำพูดนั้นทำให้ผมหลุดขำออกมา ส่วนการที่เรียกชื่อผมว่าซ่า ท่าทางไอ้พฤกษ์คงจะแนะนำผมให้คนที่บ้านรู้จักคร่าวๆ แล้วล่ะมั้ง


“เป็นพี่ พี่จะจับมันมัดแล้วเอาหวายแช่น้ำเกลือเฆี่ยนมันจนหนำใจ” ประโยคนี้พี่ชายคนสวยพูด หูยยยย สวยประหารสังหารโหด!


“พวกแกสองคนนี่พูดจาเป็นละครไปได้ เพลาๆ ลงบ้างจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” พี่ใหญ่ของบ้านพูดขึ้นจากนั้นจึงหันหน้าไปทำตาดุใส่ไอ้เพลิง “ส่วนแก ถ้าโสดแล้วพาลก็รีบหาแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที”


“ผมไม่ได้พาลสักหน่อย ก็แค่รับขวัญไอ้ซ่ามันเฉยๆ ส่วนเรื่องแฟน...ผมไม่คิดสั้นอยากมีห่วงผูกคอหรอกนะ เป็นโสดแบบนี้อิสระดีจะตาย อยากเที่ยวอยากนอนกับใครก็ได้ไม่ซ้ำซากจำเจ” คำพูดนั้นของไอ้เพลิงทำให้ผมเบ้ปากออกมา ส่วนคนอื่นที่ถึงแม้จะไม่ได้แสดงอาการขนาดผมแต่ก็ทำหน้าเอือมๆ เช่นกัน ซึ่งหลังจากนั้นพี่ใหญ่ของบ้านก็หันมองมาทางผม


“พี่ต้องขอโทษเราแทนไอ้เพลิงด้วยนะ”


“ไม่เป็นไรครับ ได้ซัดมันผมก็หายโกรธแล้ว” พอผมพูดแบบนี้พี่แกก็หัวเราะออกมาเบาๆ


“งั้นเอาเป็นว่าเรื่องไอ้เพลิงให้จบเท่านี้ก็แล้วกัน ว่าแต่...พฤกษ์แนะนำทุกคนให้เรารู้จักรึยัง”


“ยังเลยครับ” ผมคิดว่าไอ้พฤกษ์มันคงตั้งใจจะรอให้ผมตื่นแล้วพาลงมาแนะนำให้รู้จักอยู่นั่นแหละ แต่ว่าผมถูกไอ้เพลิงปั่นหัวจนเกิดเรื่องวุ่นวายเข้าซะก่อน


“ถ้างั้นเริ่มจากพี่ก่อนแล้วกัน พี่ชื่อภู เป็นพี่คนโต” อ๋อ พอได้ยินแบบนี้ผมก็นึกออกเลยว่าไอ้พฤกษ์เคยบอกชื่อของพี่ภูมาแล้ว
“ส่วนฉันชื่อธารเป็นพี่รอง แล้วนี่ก็หมอกแฟนฉันเอง”


“ต้องบอกว่าแฟนเด็กด้วยสิถึงจะถูก” ประโยคนี้เพลิงเป็นคนพูดเสริมขึ้น ส่วนหลังจากนั้นเป็นยังไงไม่น่าถาม โดนพี่ธารคนสวยบิดหูสำเร็จโทษไปตามระเบียบ


“ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า! บิดแรงๆ เลยพี่ธาร! อ้อ...ผมชื่อวานะพี่ซ่า จากนี้ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยนะคร้าบ” น้องวาพูดอย่างร่าเริงแล้วโค้งตัวให้ผมแทบจะ 90 องศา


“พี่ว่าพี่ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวมากกว่านะน้องวา เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทุกคน ยังไงผมก็ขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้ก่อเรื่องวุ่นวาย” ผมยิ้มแห้งๆ พร้อมกับพนมมือไหว้ทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือแก่กว่า ถึงทุกคนจะไม่มีใครว่าผมก็เถอะ แต่ผมก็สร้างความแตกตื่นให้ทุกคนอยู่ดี


หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็พูดคุยกันต่อสักพัก แต่ถึงจะบอกว่าพูดคุยกัน ส่วนใหญ่แต่ละคนก็ซักถามเรื่องของผมกับไอ้พฤกษ์มากกว่า อย่างเช่นรู้จักกันได้ยังไง ไปเจอกันที่ไหน ทำไมถึงชอบกันได้อะไรแบบนี้ ซึ่งไอ้พฤกษ์ก็ตอบคำถามโคตรดี จนคนที่งกเงินอย่างผมกลายเป็นคนดีในสายตาของทุกคนเลยล่ะ


“วันนี้ขอบใจมากเลยนะ” ผมพูดกับไอ้พฤกษ์เมื่อเราสองคนเดินขึ้นมาบนห้อง หลังจากที่ทานข้าวเย็นพร้อมกับทุกคนที่โต๊ะอาหาร


วันนี้กับข้าวทุกอย่างจากฝีมือตะวันนั้นอร่อยมาก แถมหน้าตายังน่าทานไม่ต่างจากภัตตาคารเลยสักนิด ทำเอาผมชักติดใจอยากจะมาฝากท้องทานอาหารที่นี่บ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นลึกๆ ผมก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ทำอาหารอร่อยสู้ไม่ได้


ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ผมก็ยังไม่มีอะไรสู้ตะวันได้เลยอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นนิสัย มารยาท หรือหน้าตา ผมแพ้ทุกอย่างราบคาบ จริงอยู่ว่าตะวันไม่ได้คิดจะแข่งกับผม แต่ผมก็อดที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะตะวันคือคนที่ไอ้พฤกษ์เคยชอบ


“ขอบใจกู? เรื่องอะไรหรอซ่า?” ไอ้พฤกษ์ทำหน้างง


“ก็ทุกเรื่องนั่นแหละ” ผมรู้สึกเขินเกินกว่าจะบอกว่าขอบคุณที่คุณชายอย่างมันอุตส่าห์มาชอบคนกากๆ อย่างผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สัญญาในใจว่าจะไม่ทำให้มันผิดหวังในตัวผมเด็ดขาด แม้ว่ามันก็ดูเหมือนจะไม่ได้หวังอะไรจากผมมากมายก็เถอะ


 “เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน” พูดจบผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปยังห้องน้ำ แต่ว่ายังไม่ทันที่จะได้ปิดประตูไอ้พฤกษ์ก็ยื่นมือมาขวางเอาไว้ซะก่อน


“อาบด้วยคนสิ”


“หะ...หา!?” ผมรู้สึกงงและตกใจ แต่ไอ้พฤกษ์นี่ยังไง ผมยังไม่ได้ตอบอะไรสักหน่อยกลับแทรกตัวเข้ามาข้างในซะงั้น


“กูจำไม่เห็นได้เลยว่าอนุญาตให้มึงเข้ามาตอนไหน”


“แล้วกูขออนุญาตเมื่อไหร่ เมื่อกี้เป็นประโยคบอกเล่าต่างหาก” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ ผมที่ไม่รู้จะเถียงอะไรเลยได้แต่แยกเขี้ยวใส่


“เจ้าเล่ห์จริงนะไอ้คุณชาย แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าแค่อาบอย่างเดียว ห้ามทำอะไรมากกว่านั้นเด็ดขาด” เมื่อคืนกับเมื่อเช้าก็ทำไปตั้งขนาดนั้น ร่างกายของผมมันก็อยากพักบ้างอะไรบ้าง แต่ไอ้พฤกษ์กลับลอยหน้าลอยตาตอบมาว่า...


“ไม่รับปาก”


“เอ๊ะไอ้...”


“แต่สัญญาว่าไม่มีอะไรเกินเลยแน่นอน” พอมันพูดแบบนี้ผมค่อยอ่อนลงมาได้ สีหน้าของมันถึงจะกวนโอ๊ยไปหน่อยแต่สายตาก็ดูจริงใจไม่น่าโกหก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงก็ขู่คาดโทษไว้หน่อยดีกว่า


“ถ้าผิดสัญญากูฟ้องศาลแน่มึง”


“ศาลอะไร แพ่งหรืออาญา?”


“ไม่ใช่ทั้ง 2 อย่างนั่นแหละ! กูจะฟ้องศาลไคฟงให้ท่านเปาตัดหัวมึง!” พูดจบผมก็แลบลิ้นใส่ แต่ไม่กี่วินาทีผมก็ต้องหลุดหัวเราะ เพราะไอ้พฤกษ์มันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไม่แคร์ภาพลักษณ์คุณชาย


กว่าที่เราสองคนจะเริ่มอาบน้ำได้ก็เสียเวลาไปหลายนาที แต่ที่เสียเวลาสุดๆ ก็คือตอนถูสบู่ เพราะไอ้พฤกษ์มันมัวแต่ลูบตรงนั้นตรงนี้แถมยังลูบนานตั้งหลายนาที แต่ก็ยังดีที่มันทำตามสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกินเลย


“ฝันดีนะ” ไอ้พฤกษ์จูบที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบาเมื่อเราสองคนขึ้นมานอนบนเตียง การที่ได้นอนภายใต้อ้อมกอดของมันทำให้ผมรู้สึกดีมากจนไม่อยากนอนคนเดียวอีกต่อไป ผมยิ้มหวานให้แล้วซุกหน้าลงไปยังแผ่นอกอันอบอุ่นที่อยู่ตรงหน้า


“ฝันดีเหมือนกัน”


แล้วคืนนั้นก็เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ผมมีความสุขราวกับล่องลอยอยู่ในวิมาน...


................

.........

.....


   เช้าวันต่อมาผมไปมหา’ลัยพร้อมไอ้พฤกษ์และตะวัน โดยไอ้พฤกษ์ขับมาส่งผมที่คณะก่อน จากนั้นจึงได้ขับไปยังคณะของตัวเอง ไอ้พวกเพื่อนที่เห็นว่าผมมาเช้าก็ถึงกับแปลกใจ แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าก็คือมีคนขับรถมาส่งผมนี่แหละ


   “เหยดดดด เดี๋ยวนี้มีราชรถมาเกยนะมึง” ไอ้แมนแหกปากแซวเป็นคนแรก ตั้งแต่ที่ผมยังเดินไปไม่ถึงโต๊ะที่มันกับเพื่อนเกือบสิบคนนั่งอยู่เลยด้วยซ้ำ


   “ทำไม อิจฉากูรึไง” ผมยักไหล่พลางทำหน้าเย้ย มันที่เห็นปฏิกิริยาของผมไม่เป็นอย่างที่หวังเลยทำหน้าเซ็งออกมา


   “อะไรว้า ไม่หนุกเลย แล้วนั่นรถใครทำไมกูรู้สึกคุ้นๆ”


   “ไม่คุ้นได้ยังไง ไม่กี่อาทิตย์ก่อนรถคันนี้ก็ไปจอดอยู่ที่บ้านของมึง...เอ๊า ทำหน้าโง่อีก ก็รถของไอ้พฤกษ์ไงไอ้ฟาย” พูดจบผมก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของมันจนหงายเงิบ จากนั้นผมก็หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ


   “แล้วไหงไอ้พฤกษ์ถึงมาส่งมึงได้” ประโยคนี้ไอ้สนเป็นคนถาม


   “ก็วันเสาร์กับอาทิตย์กูไปนอนที่บ้านมันมา”


   “หืม? พวกมึงสองคนสนิทกันถึงขั้นนั้นเลยหรอเนี่ย”


   “ไม่อยากจะบอกเล้ยว่ายิ่งกว่าที่มึงคิดไว้อีก” พอผมพูดแบบนี้ไอ้สนก็ยิ่งทำหน้าแปลกใจ แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะมัน เพราะไอ้แมนรวมทั้งเพื่อนคนอื่นๆ ก็ทำหน้าแปลกใจกันด้วย


   “กูว่าจะถามตั้งนานแล้ว มึงไปสนิทกับไอ้พฤกษ์ได้ยังไงวะ” ไอ้หมาก หรือที่เพื่อนในห้องพากันเรียกว่า ‘ป๋าหมาก’ ถามผม การที่ทุกคนยกย่องมันแบบนี้เป็นเพราะสกิลปากของมันที่หมาเกินพิกัดนั่นเอง เมื่อก่อนตอนที่ผมหมั่นไส้ไอ้พฤกษ์หนักๆ ก็ได้มันนี่แหละเป็นช่วงคนผสมโรง


   “มันมาจ้างกูให้ช่วยงาน” ผมขี้เกียจลงรายละเอียดมากเพราะเดี๋ยวจะยาวเลยพูดแค่นี้


   “อ๋อ แล้วมันจ้างมึงเท่าไหร่”


   “ก็แล้วแต่งานอะ อย่างล่าสุดที่จ้างกูไปทำงานบ้านมันก็ให้กูมา 5 พัน”


   “โอ้โห! แค่ทำงานบ้านโง่ๆ เนี่ยนะ? เปย์หนักขนาดนี้มิน่ามึงถึงได้ไปสนิทกับมันทั้งที่เหม็นขี้หน้า คงกะหวังปอกลอกเต็มที่เอาทั้งเงินทั้งความสะใจเลยสินะไอ้ซ่า มึงนี่มันร้ายจริงๆ” ไอ้หมากพูดอย่างรู้ทัน สีหน้าของมันกำลังสะใจสุดๆ


   “กูก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีอยู่แล้ว” ผมยักไหล่ ท่าทางแบบนั้นทำให้ไอ้หมากยิ่งออกอาการเกลียดขี้หน้าไอ้พฤกษ์ยิ่งกว่าเดิม


   “โลกนี้แม่งโคตรไม่ยุติธรรม คนรวยแม่งก็รวยล้นฟ้า มีเงินเป็นภูเขาให้เอาไปโปรยเล่น ชีวิตแม่งไม่เคยพบเจอความลำบาก ดีแต่เก๊กหน้าหล่อแต่ก็ได้ทุกอย่างมากองตรงหน้า ไม่เคยพยายามห่าอะไรทั้งที่คนอื่นดิ้นรนแทบตาย คนอย่างมันถ้าไม่มีเงินคงไม่ต่างอะไรจากหมาตัวนึง มึงก็คิดเหมือนกันกับกูใช่มั้ย” โดยไม่ต้องคิด ผมเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วตอบกลับไปแทบจะทันที


   “ใช่” คำตอบนั้นทำให้ไอ้หมากตบเข่าฉาดแล้วหัวเราะอย่างสะใจ ผิดกับใครคนหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลเพราะได้ยินประโยคสนทนาชัดเจนทุกคำ มือที่ถือกระเป๋าที่ผมลืมไว้บนรถกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว...


   2BC


 o14 สวัสดีค่ะทุกคน Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้มาช้าจากที่สัญญาเอาไว้ คือเราไม่สบายและปวดหัวมากเลยนอนเป็นผักอยู่บนเตียงน่ะคะ  :sad2: ยังไงตอนหน้าเราสัญญาว่าจะรีบมาอัพให้อ่านในวันอาทิตย์กันนะคะ เพราะเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะกรีดร้องกับกลิ่นมาม่าที่เริ่มโชยมา  :katai1: แต่ก็ไม่แน่บางทีอาจจะเป็นหม้อต้มของหวานก็ได้น้า  :hao3:
แล้วมาลุ้นกันนะคะว่าอะไรดลใจให้ซ่าตอบเพื่อนไปแบบนั้น หรือนั่นคือความคิดจริงๆที่อยู่ในใจของซ่า ตอนหน้าเป็นตอนที่พฤกษ์จะบรรยาย ยังไงแม่ยกทั้งหลายช่วยปลอบใจและก็เอาใจช่วยพฤกษ์หน่อยน้า แล้วเจอกันนะคะ บ๊ายบายยยยย  :bye2:
(23 มี.ค. 61)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 00:26:45 โดย Sameejaejung »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ซ่า ถึงกับใช้หมัดชกเลยหรือ ไงอย่าลืมตีศอก แทงเข่า จระเข้ฟาดหาง มณฑลนั่งแท่น หนุมานถวายแหวน หักงวงไอยรา ด้วยนะ  :laugh:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ฝากด้วยซ่า หมั่นไส้มานานละ555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สมน้ำหน้าเพลิง ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สมน้ำหน้าเพลิง ปั่นดีนัก  :laugh:

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
กลัวครอบครัวพฤกษ์ไม่ปลื้มซ่า แต่ไม่เป็นไรคนอ่านปลื้ม55

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
สมเพลิง เล่นไม่รู้เรื่อง   

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ลิซ่า ปากโฮ่งๆ อีกแล้วนะ  :serius2:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อ้าววววเห้ยยยยยยยยยยยย!!! :a5:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อ้าววว ปากพาซวยจนได้

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ poonbabor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ้าวซ่าาาาา ตะไมหนูพูดแบบนั้นนนน คุณชายของเรางอน นอยด์ น้อยใจไปแล้วววว

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ปากนะปาก คราวนี้คงซวยจริงๆ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
น่านไง มีปัญหาจนได้ ..

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
แล้ววพฤกษ์ก็โกรธจนไม่ได้ยินประโยคถัดไปจากซ่าใช่มะ

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
ซ่านะซ่า ถ้าพฤกษ์เลิกจะไม่แปลกใจเลย

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 12# Phumpruk เกรี้ยวกราด



   “ตะวัน รอเราอยู่ในนี้แป๊บนึงนะ ซ่าลืมกระเป๋าเอาไว้เราเลยว่าจะเอาไปให้” ผมพูดกับตะวันที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของซ่าตรงที่วางเท้าเบาะหน้า


ตอนนี้ผมขับรถออกมายังไม่ไกลเท่าไหร่ เดินเอาไปให้คงเร็วกว่าโทรไปบอกแล้วรอให้ซ่าเดินมาหา เพราะงั้นผมเลยชะลอรถแล้วจอดเทียบฟุตบาท ช่วงเวลาเช้าๆ แบบนี้ถนนยังโล่งเลยสามารถจอดรถเอาไว้ได้


   ผมหยิบกระเป๋าออกมาแล้วรีบเดินไปหาซ่า ถ้ามองไม่ผิดรู้สึกว่าพวกเพื่อนๆ ของมันน่าจะนั่งกันอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกคณะ ดังนั้นผมเลยเดินตรงไปที่นั่น ซึ่งก็เจอมันกับพวกเพื่อนๆ นั่งอยู่จริงๆ


   “กูว่าจะถามตั้งนานแล้ว มึงไปสนิทกับไอ้พฤกษ์ได้ยังไงวะ” เมื่อได้ยินประโยคคำถามนั้น ผมที่ตั้งใจว่าจะเรียกซ่าก็ถึงกับต้องแอบหลบไปอยู่หลังเสา หากเข้าไปตอนนี้คงมีแต่คนทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ เพราะบุรุษที่สามที่ถูกกล่าวถึงกำลังยืนอยู่ตรงหน้า


   “มันมาจ้างกูให้ช่วยงาน” ซ่าตอบสั้นๆ ห้วนๆ ไม่ได้ขยายความแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะหากพูดมากเกินไป เพื่อนในกลุ่มอาจมองความสัมพันธ์ของผมกับมันออกก็ได้ล่ะมั้ง ดังนั้นผมเลยคิดว่าบทสนทนาเรื่องของผมคงจะจบลงแค่นี้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้


   “อ๋อ แล้วมันจ้างมึงเท่าไหร่” ผมมองไม่เห็นใบหน้าเพื่อนคนนี้ของซ่าเลยไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ฟังจากน้ำเสียงรู้สึกเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม ซึ่งผมก็พยายามคิดในแง่ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่พอซ่าบอกไปว่าได้ค่าจ้างจากผมเท่าไหร่ ความรู้สึกไม่ชอบในตัวผมก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นกว่าเดิม


   “โอ้โห! แค่ทำงานบ้านโง่ๆ เนี่ยนะ? เปย์หนักขนาดนี้มิน่ามึงถึงได้ไปสนิทกับมันทั้งที่เหม็นขี้หน้า คงกะหวังปอกลอกเต็มที่เอาทั้งเงินทั้งความสะใจเลยสินะไอ้ซ่า มึงนี่มันร้ายจริงๆ” คำพูดนั้นทำให้ผมยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กลั้นใจรอฟังคำตอบของซ่า


   “กูก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีอยู่แล้ว” คำตอบที่ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธแบบนั้นทำเอาผมรู้สึกสับสน จริงอยู่ว่าคนอย่างซ่านั้นชอบเงิน แต่ผมก็เชื่อว่าซ่าต้องชอบผมมากกว่า ผมไม่คิดว่าแววตาของซ่าที่แสดงออกมาตอนอยู่ด้วยกันจะเป็นเรื่องหลอกลวง


ผมเชื่อและมั่นใจในคนรักของผม...


   “โลกนี้แม่งโคตรไม่ยุติธรรม คนรวยแม่งก็รวยล้นฟ้า มีเงินเป็นภูเขาให้เอาไปโปรยเล่น ชีวิตแม่งไม่เคยพบเจอความลำบาก ดีแต่เก๊กหน้าหล่อแต่ก็ได้ทุกอย่างมากองตรงหน้า ไม่เคยพยายามห่าอะไรทั้งที่คนอื่นดิ้นรนแทบตาย คนอย่างมันถ้าไม่มีเงินคงไม่ต่างอะไรจากหมาตัวนึง มึงก็คิดเหมือนกันกับกูใช่มั้ย”


แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังเชื่อซ่าอย่างสนิทใจ แต่แล้วผมก็แทบหยุดหายใจเมื่อซ่าตอบกลับไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ


   “ใช่”


คำตอบนั้นทำเอาผมเผลอกำกระเป๋าที่อยู่ในมือแน่น ความเจ็บปวดมันแล่นขึ้นมายังอกจนผมหายใจแทบไม่ออก ความรู้สึกที่ถูกคนที่ชอบหักหลังมันทรมานจนแทบขาดใจ แต่รู้อะไรมั้ย หัวใจของผมกลับไม่สามารถเกลียดซ่าได้เลย เคยชอบยังไงผมก็ยังคงชอบอยู่อย่างนั้น จะมีก็แต่ความผิดหวังเท่านั้นที่กำลังกัดกินหัวใจของผมช้าๆ ผมคิดว่าผมสมควรเดินออกมา ทั้งจากตรงนี้และชีวิตของซ่าด้วย


เมื่อตัดสินใจได้แล้วผมก็ไม่ลังเลที่จะก้าวถอยหลัง แต่ว่าเสียงของซ่าที่พูดต่อจากคำว่า ‘ใช่’ ออกมา ก็ทำให้ขาของผมถึงกับหยุดชะงัก


“ใช่..........................................ใช่ก็เหี้ยแล้วไอ้สัส!” ซ่าลุกพรวดขึ้นมาแล้วคว้าคอเสื้อของหมากพร้อมกับกำเอาไว้แน่น การกระทำนั้นทำเอาทุกคนถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รวมทั้งผมก็ด้วย


“มึงบอกโลกแม่งโคตรไม่ยุติธรรม เรื่องนั้นกูไม่เถียงเพราะมันคือเรื่องจริง แต่กูก็ไม่ได้นั่งตัดพ้อชีวิตแล้วก็เอาแต่อิจฉาคนนู้นคนนี้ไม่คิดทำห่าอะไร กูอยากจะบอกมึงเอาไว้ว่าไอ้คนที่มึงคิดว่าดีแต่เก๊กหน้าหล่อก็ได้ทุกอย่างมากองตรงหน้า ชีวิตของมันเคยลำบากมากกว่าทั้งชีวิตของกูซะอีก พ่อแม่มันก็ไม่มี แต่ที่มันได้ดีทุกวันนี้ก็เพราะความพยายามของตัวมันเอง เงินส่วนใหญ่ที่ใช้เปย์นู่นนั่นนี่มันก็ใช้สมองหามาเองทั้งนั้น ถ้ามันจะจุดไฟเผาไม่ก็เอาไปโปรยเล่นนั่นก็สิทธิ์ของมัน มึงไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้นแล้วจะไปเสือกเดือดร้อนแทนทำไม เอาเวลาที่อิจฉาแล้วก็พูดพล่ามไร้สาระไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นแม้แต่เห็บของไอ้พฤกษ์ที่มึงดูถูกว่าเป็นหมามึงยังเป็นไม่ได้เลย”


ซ่าพูดจบก็ผลักที่อกของหมากแล้วเดินขึ้นตึกเรียนไป ผมมองไม่เห็นว่าสีหน้าตอนนี้ของซ่าเป็นยังไง แต่ก็พอเดาได้ว่าคงเลือดขึ้นหน้าสุดๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เกรี้ยวกราดจนเกือบจะอาละวาดได้ถึงขนาดนี้ ดีนะที่หมากยืนฟังอยู่นิ่งๆ ไม่คิดตอบโต้


“เดี๋ยวกูรีบขึ้นไปดูไอ้ซ่าก่อนแล้วกัน” แมนเป็นคนแรกในกลุ่มที่ตั้งสติได้หลังจากที่อึ้งไปพักใหญ่ ก่อนที่จะรีบวิ่งตามซ่าขึ้นไปบนตึกเรียนทันที ผมที่คิดจะตามซ่าไปพอดีเลยเปลี่ยนใจเดินกลับไปที่รถแทน


ในตอนแรกผมตั้งใจจะไปขอบคุณซ่าที่ช่วยปกป้องและแก้ต่างเรื่องของผมให้ แต่ไปๆ มาๆ ผมคิดว่าการที่ผมไม่ไปน่าจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นพวกเพื่อนๆ ของซ่าโดยเฉพาะหมากก็คงเข้าหน้าผมไม่ติด แถมบางทีอาจจะคิดสงสัยในความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ได้ ผมไม่อยากให้ซ่าต้องถูกล้อหรือถูกแซวจนอับอายที่มีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สัญญาว่าตอนอยู่ตามลำพัง ผมจะแสดงความรัก ดูแล เทคแคร์ และเอาใจใส่ซ่าเป็นอย่างดีแน่นอน


ผมเลือกรักคนไม่ผิดจริงๆ...


Niza


   “ไอ้ซ่า! ไอ้ซ่าโว้ย! รอกูด้วยมึงจะรีบไปไหนเนี่ย!” ไอ้แมนแหกปากดังลั่น จากนั้นก็รีบใส่เกียร์หมาวิ่งตรงมาทางนี้ จนในที่สุดก็สามารถมาดักข้างหน้าของผมได้


   “มึงมาทำไม ถ้าจะมาบอกให้กูไปขอโทษไอ้หมาก ดูปากกูเลยนะว่าอีกสิบชาติก็ไม่มีทาง!”


“เปล่าๆ กูไม่ได้จะบอกให้มึงไปขอโทษมัน ปากแบบนั้นสมควรแล้วล่ะถ้าจะโดนด่า แต่กูก็ไม่คิดว่ามึงจะเกรี้ยวกราดขนาดนี้”


“แฟนกูโดนด่าทั้งทีจะให้กูอยู่นิ่งๆ ได้ยังไง กูไม่ต่อยหน้ามันไปก็บุญแค่ไหนแล้ว”


“อ้อ ก็ว่า ทำไมมึงถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนไอ้พฤกษ์ขนาดนั้น.............................ห้ะ! เมื่อกี้มึงว่าไงนะ! มึงกับไอ้พฤกษ์เป็นแฟนกันงั้นหรอไอ้ซ่า!” ความรู้สึกช้าจริงๆ นะไอ้นี่


   “เออ กูกับมันเป็นแฟนกัน พึ่งคบกันวันนี้เป็นวันที่สาม” ผมยิ้มแฉ่ง แถมยังยืดอกนิดๆ ด้วยความดีใจที่ในที่สุดผมก็ได้มีแฟนกับเขาสักที นี่ถ้าพวกผู้หญิงในมหา’ลัยรู้เรื่องนี้ มีหวังได้อิจฉาตาร้อนกันหมดแน่ๆ


   “เชรดดดดดด ตอนแรกกูก็คิดว่ามึงล้อเล่นซะอีก”


   “ล้อเล่นกับผีอะไร ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกันกูจะเกรี้ยวกราดแทนมันขนาดนั้นเรอะ แม่ง...พูดแล้วก็ของขึ้นอยากไปกระทืบไอ้หมากฉิบหาย”


   “ใจเย็นๆ น่า ถึงปากมันจะเป็นแบบนั้นแต่จริงๆ ไม่มีอะไร อีกอย่างกูคิดว่าตอนนี้มันน่าจะคิดได้แล้ว มึงอย่าไปถือสามันเลย” ไอ้แมนตบที่บ่าของผมเบาๆ


“เออๆๆ” ผมยอมตอบแบบนั้นไปเพราะไม่อยากให้มันที่เป็นคนกลางลำบากใจ แต่เอาจริงๆ ตอนนี้ผมยังรู้สึกโกรธไอ้หมากอยู่ ถ้าหากมันสำนึกและคิดได้จริงๆ ผมถึงจะยอมยกโทษให้มัน


   “ต้องแบบนี้สิเพื่อน” ไอ้แมนกอดคอผมแล้วยกนิ้วหัวแม่มือให้ แต่พอคิดอะไรได้ก็ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา “ว่าแต่...เรื่องของมึงกับไอ้พฤกษ์นี่ยังไง เล่าให้กูฟังเดี๋ยวนี้เลยมึง”


   “กูคิดว่ามึงจะไม่ถามซะแล้ว” ผมยิ้มอย่างรู้ใจ ก่อนที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังอย่างไม่คิดปิดบัง (ยกเว้นรายละเอียดของเรื่องคืนนั้น) เพราะรู้ว่าคนอย่างมันไม่มีทางเปลี่ยนไป หรือเอาเรื่องที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชายไปพูดและล้อในเชิงเสียหายอยู่แล้ว ผมเชื่อใจมันรวมทั้งเพื่อนทุกคนในกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่ไอ้หมากที่ปากหมาสมกับฉายา ‘ป๋าหมาก’ ที่ได้รับ


   หลังจากนั้นสักพักเพื่อนคนอื่นๆ ก็เข้ามาสมทบกับผมและไอ้แมนที่นั่งอยู่หลังห้อง ตลอดเวลาที่เรียนในช่วงเช้า ตอนที่พักเที่ยงกินข้าว แล้วก็เริ่มเรียนต่อในภาคบ่าย ผมสังเกตเห็นว่าไอ้หมากมันพยายามจะเข้ามาคุยกับผม แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ ก็ไม่รู้ว่ามันกลัวผมต่อยหรือไม่ได้อยากจะง้อจริงจังอยู่แล้ว


   “กูกลับแล้วนะเว่ย แฟนกูมารอรับอยู่ข้างล่างจะพาไปกินข้าว” ผมพูดพร้อมกับปรายตาไปมองไอ้หมาก จากนั้นก็รีบเดินตัวปลิวลงไปข้างล่าง
การที่ผมพูดแบบนี้เป็นเพราะตอนนี้เพื่อนทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าผมเป็นแฟนกับไอ้พฤกษ์ ซึ่งหลังจากที่รู้ทุกคนก็ดูตกใจกันมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็พากันยินดีกับผม ไม่มีใครล้อเรื่องรสนิยมในเชิงเสียหายอย่างที่คิดเลยสักคนเดียว


   “รอกูนานมั้ย” ผมพูดเมื่อเดินไปอยู่ตรงหน้าไอ้พฤกษ์ ที่กำลังยืนรอผมอยู่ตรงหน้าคณะ


   “ไม่นาน กูพึ่งมาเมื่อกี้นี้เอง”


   “อ้อ แล้วนี่อารมณ์ไหนถึงจะพากูไปเลี้ยงข้าว ร้านที่มึงบอกแม่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมเลยนะ เลี้ยงตามสั่งในซอยหอกูก็ได้” นี่ผมยังแปลกใจอยู่เลยที่ตอนเที่ยงไอ้พฤกษ์ส่งไลน์มาชวน ถ้าจะบอกว่าถูกหวยแต่วันนี้หวยก็ไม่ได้ออกนี่นะ แต่จะว่าไปไอ้พฤกษ์มันเป็นคนเล่นหุ้นไม่ได้เล่นหวยนี่หว่า


   “มีเรื่องดีๆ กูเลยอยากพามึงไปเลี้ยงน่ะ” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร


   “น่าสงสัยนะเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ หน้าที่ของกูคือกินนี่นะ” พอได้ยินแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็หัวเราะออกมา


   “ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ” ชวนอย่างเดียวไม่พอมันยังยื่นมือมากุมมือของผมเอาไว้อีกด้วย ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำเอาผมถึงกับเขินจนหุบยิ้มไม่ได้ แต่ว่ายังพากันเดินไปได้ไม่ถึงไหน เสียงของไอ้แมนที่อยู่ตั้งไกลก็แหกปากเรียกผมเอาไว้ซะก่อน


   “ไอ้ซ่าาาาาาาา!” เสียงแปดหลอดขนาดนั้นทำเอาคนรอบข้างหันมองมาทางนี้ด้วยความสนใจ จังหวะนั้นแหละที่ไอ้พฤกษ์รีบกระชากมือกลับคืนไปด้วยความรวดเร็ว


การกระทำนั้นทำเอาผมอึ้งจนยืนนิ่งอยู่กับที่ ผมไม่คิดเลยว่าไอ้พฤกษ์มันจะกลัวคนอื่นรู้เรื่องของผมกับมันขนาดนี้ จริงอยู่ว่ามันเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ดีงามไม่เคยมีเรื่องเสียหาย แต่การที่คบกับผมมันเป็นเรื่องน่าอายจนให้ใครรู้ไม่ได้เลยหรอ ทีผมยังปกป้องและแก้ต่างให้มันจนเกือบจะทะเลาะกับเพื่อนด้วยซ้ำ


   “วันนี้ไปกินเหล้ากัน”


   “หา?” ผมมัวแต่ตกอยู่ในภวังค์จนไม่ทันได้ยินว่าไอ้แมนพูดกับผมว่าอะไร เอาจริงๆ มันวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเมื่อไหร่ผมยังไม่รู้ตัวเลย


   “กูบอกว่าวันนี้ไปกินเหล้ากัน ไอ้หมากมันอยากเลี้ยงขอโทษเรื่องเมื่อเช้า” พูดถึงตรงนี้ไอ้แมนก็หันหน้าไปหาไอ้พฤกษ์ “เอ่อ...มันฝากชวนมึงด้วย”


   “กูเนี่ยนะ?” มันชี้มือเข้าหาตัวเอง


   “อืม คนกันเอง ไปกันเยอะๆ สนุกดี” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าลังเลยังไม่ตัดสินใจว่าจะเอายังไง แต่จังหวะนั้นเองก็มีสายโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ซะก่อน


   “โทษทีนะ กูขอรับสายแป๊บนึง” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็เดินเลี่ยงออกไป แต่ถึงอย่างนั้นหางตาของผมก็ทันเห็นรายชื่อของคนที่โทรมาได้ ซึ่งคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...ตะวัน


   “มึงจะไปด้วยกันอยู่ใช่มั้ยไอ้ซ่า งานนี้ขาดมึงไม่ได้เลยนะเว่ย...” แล้วไอ้แมนก็ชักแม่น้ำมาเป็นร้อยสายเพื่อโน้มน้าวให้ผมไปกินเหล้าด้วยกันให้ได้ แต่ผมกลับแทบไม่ได้ฟังที่มันร่ายมาเลย ผมเอาแต่มองไอ้พฤกษ์ที่ยืนคุยโทรศัพท์กับตะวันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สีหน้าของมันดูอบอุ่นและอ่อนโยนเกินกว่าคนที่เป็นเพื่อนจะพูดคุยกัน เพราะงั้นบางทีมันอาจจะยังรักตะวันอยู่ก็ได้


   คนที่แสนดีแบบนั้นคนอย่างผมจะเอาอะไรไปสู้...


   พอคิดได้แบบนั้นสีหน้าของผมก็หม่นหมองลงไป แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นไอ้แมนกลับไม่ได้สังเกต ยังคงพูดจาโน้มน้าวให้ผมไปกินเหล้าด้วยกันให้ได้ แต่จะว่าไป พอลองคิดดูดีๆ การที่ผมไปกินเหล้ากับพวกมันน่าจะดีเหมือนกัน


   “เดี๋ยวคืนนี้กูไปกินด้วยก็ได้” เท่านั้นแหละไอ้แมนก็ชูกำปั้นขึ้นพร้อมกับร้อง ‘เย่ส!’ ด้วยความดีใจ


   “ถ้างั้นเดี๋ยวกูรีบวิ่งไปบอกไอ้พวกนั้นก่อนนะ” แล้วมันก็วิ่งกลับไปที่หน้าคณะด้วยความรวดเร็ว ส่วนผมก็เดินเข้าไปหาไอ้พฤกษ์ที่ยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ ผมไม่รู้ว่ามันคุยเรื่องอะไรแล้วผมก็ไม่สนใจด้วย


   “วันนี้กูจะไปกินเหล้ากับเพื่อนนะ” พูดจบผมก็หันหลังกลับมา สองเท้ารีบก้าวไปยังคณะโดยไม่สนใจเสียงเรียกของไอ้พฤกษ์ที่ไล่หลังมาเลยแม้แต่น้อย...



Phumpruk



   5 วันแล้วที่ซ่าจงใจหลบเลี่ยงผม


   ตั้งแต่วันจันทร์ที่ซ่าเบี้ยวนัดผมไปกินเหล้ากับเพื่อน หลังจากวันนั้นพอผมชวนไปไหนซ่าก็จะอ้างว่ามีธุระไปไม่ได้ตลอด ทั้งง่วงนอน ติดงาน วันเกิดเพื่อน และสารพัดข้ออ้าง เกือบทั้งสัปดาห์ผมได้เจอหน้าซ่าตอนเย็นไม่ถึง 5 นาที ส่วนตอนกลางคืนที่คุยกันก็แค่บอกฝันดีเท่านั้นเอง


ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมทำอะไรให้ซ่าไม่พอใจ จะให้ถามไปตรงๆ ซ่าก็ไม่ยอมเปิดโอกาส พอลองเอาไปปรึกษาคนในบ้าน ทุกคนก็ต่างไม่รู้เพราะเดาไม่ถูกเหมือนกัน เพราะงั้นวันนี้ผมเลยคิดว่าจะต้องเคลียร์กับซ่า นี่ถ้าหากตลอดทั้งสัปดาห์ผมไม่ยุ่งกับการแก้วิจัยและเตรียมพรีเซนต์งาน ผมคงจะมีเวลาง้อและปรับความเข้าใจกับซ่าไปนานแล้ว คงไม่รอให้เวลาผ่านไปหลายวันจนกระทั่งถึงวันนี้ที่เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแบบนี้หรอก


หลังจากเลิกเรียนในช่วงเย็นผมก็รีบโทรหาซ่า แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้งซ่าก็ไม่ยอมรับสาย ดังนั้นผมเลยตัดสินใจขับรถไปดูที่คณะ ซึ่งขณะที่กำลังจอดอยู่นั่นเอง ผมก็เห็นแมนเพื่อนในกลุ่มของซ่ากำลังเดินอยู่ไม่ไกล


“แมน!” ผมรีบลงจากรถแล้ววิ่งไปหาแมนทันที แมนที่หันหลังกลับมาแล้วเห็นว่าผมเป็นคนเรียกก็ถึงกับทำหน้างง


“อ้าวไอ้พฤกษ์ เมื่อกี้มึงเรียกกูหรอ”


“อืม คือกูจะถามมึงว่าเห็นซ่ารึเปล่า กูโทรไปเท่าไหร่ซ่าก็ไม่ยอมรับสายเลย”


   “ถ้ารับได้ก็แปลกแล้ว ก็วันนี้มันลืมเอาโทรศัพท์มา มันเลยรีบกลับหอเพราะจะไปเอาโทรศัพท์นี่แหละ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็รู้สึกโล่งอก เพราะซ่าคงไม่ได้โกรธผมมากขนาดจงใจไม่ยอมรับสาย


   “กูขอถามอะไรมึงหน่อยได้มั้ย ช่วงนี้ซ่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า” ที่ผมถามแบบนี้ เพราะผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำอะไรผิดจนซ่าไม่พอใจ เลยคิดว่าบางทีซ่าอาจจะมีเรื่องอื่นที่ไม่สบายใจก็ได้


   “ไม่รู้สิ แต่คงจะมีล่ะมั้งเพราะ 4 – 5 วันนี้กูเห็นมันนั่งเหม่อบ่อยๆ ตอนแรกกูก็คิดว่ามันเครียดที่ทะเลาะกับไอ้หมาก แต่พอวันนี้มันชวนทุกคนไปกินเหล้ากูคิดว่ามันไม่น่าใช่แล้ว”


   “คือ...ดูเหมือนว่าซ่าจะไม่พอใจอะไรกูสักอย่าง นี่ทั้งสัปดาห์ก็หาทางเลี่ยงกูตลอด” ผมตัดสินใจพูดออกไปเพราะคิดว่าแมนอาจจะช่วยผมได้ ซึ่งพอได้ยินแบบนั้นแมนก็แทบจะตบเข่าฉาดออกมาเลย


   “นั่นไง กูว่าแล้ว อารมณ์แบบนี้ยังไงก็ไม่ใช่เพราะทะเลาะกับเพื่อนแน่ๆ มึงรีบไปง้อมันเถอะ ปล่อยไว้นานกว่านี้เดี๋ยวแม่งจากงอนจะกลายเป็นโกรธเข้าจริงๆ” คำพูดของแมนทำเอาผมถึงกับต้องขมวดคิ้ว แมนพูดอย่างกับรู้ว่าผมกับซ่าเป็นแฟนกัน?


   “เอ่อ...มึง...”


   “ไม่ต้องมาอ่งมาเอ่ออะไรแล้ว รีบขับรถไปง้อมันที่หอเลยไป แต่ถ้าง้อไม่สำเร็จแล้วมีเรื่องให้ช่วยก็โทรมาที่เบอร์ 08x-xxx-xxxx ก็แล้วกัน มึงจำได้ใช่มั้ย”


   “อืม ได้” เรื่องจำเบอร์แค่นี้ไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว


   “โอเค งั้นมึงรีบไปเลย” แมนพูดจบก็รุนหลังผมให้เดินกลับไปที่รถ ผมจึงพักเรื่องที่อยากจะถามเอาไว้ แล้วรีบขับรถไปหาซ่าเพื่อที่จะง้อตามคำแนะนำของแมน



Niza



   กี่วันแล้วนะที่ผมจงใจหลบเลี่ยงไอ้พฤกษ์?


   ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 5 วันได้แล้วมั้ง ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผมเทมันไปกินเหล้ากับเพื่อน หลังจากวันนั้นพอมันชวนไปไหนผมก็มีข้ออ้าง 108 อย่างที่จะหาเรื่องปฏิเสธมันไป แต่มันก็แทบไม่ได้สนใจ ไม่คิดจะง้อ ไม่คิดจะถาม แค่ทำหน้าที่แฟนอย่างมาพอให้ได้เจอหน้า กับโทรหาก่อนนอนบอกว่าฝันดีแค่นั้น ซึ่งนั่นมันก็ยิ่งตอกย้ำว่าผมไม่ได้เป็นคนสำคัญ ความจริงแล้วมันอาจจะไม่ได้ชอบผมเลยก็ได้


   ไอ้พฤกษ์คงแค่คบผมเพื่อให้ลืมตะวันเท่านั้นเอง...


   กริ้งงงงงงงงงงง กริ้งงงงงงงงงงงง


   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้ผมสะดุ้งตกใจ ผมไม่รู้ว่าหลังจากกลับมาที่ห้องแล้วผมนั่งซึมอยู่ที่ปลายเตียงนานเท่าไหร่ แต่มันก็คงนานพอดูเพราะจากที่สว่างก็เริ่มจะพลบค่ำ สีของท้องฟ้าตอนนี้ช่างมืดมนจนเกือบไร้แสงไม่ต่างจากหัวใจของผมเลย


    ไอ้คุณชาย


   ชื่อของปลายสายที่โทรมาทำให้ผมลังเลไม่อยากรับ แต่อีกใจนึงก็คิดถึงมันจนอยากได้ยินเสียง เพราะวันนี้ทั้งวันผมยังไม่ได้คุยกับมันเลย ขนาดเจอหน้าก็ยังไม่ได้เจอเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็ตัดสินใจอยู่สักพักก่อนจะเลื่อนนิ้วไปกดรับสาย


   “ฮัลโหล” พอผมกรอกเสียงลงไป ไอ้พฤกษ์รีบตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความดีใจทันที


   “นึกว่ามึงจะไม่รับสายกูซะแล้ว”


   “โทษที วันนี้กูลืมเอาโทรศัพท์ไปม.น่ะ” นอกจากโทรศัพท์ ผมยังลืมกระเป๋าตังกับหนังสือเรียนด้วยอีกต่างหาก เพราะผมมัวแต่เหม่อใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มัวแต่คิดเรื่องของไอ้พฤกษ์ที่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย


   “แสดงว่าตอนนี้มึงอยู่หอใช่มั้ย”


   “อืม”


   “ถ้างั้นลงมาเจอกันหน่อย ตอนนี้กูอยู่ข้างล่าง” เท่านั้นแหละผมก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปดูที่หน้าต่าง จึงเห็นว่าตอนนี้ไอ้พฤกษ์กำลังยืนพิงรถของมันอยู่ที่ข้างล่างจริงๆ ด้วย


   ความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองเป็นคนสำคัญทำให้หัวใจของผมพองโตขึ้นมา แต่พอคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงไอ้พฤกษ์ต้องมาหาผมตั้งแต่ 5 วันที่แล้ว หัวใจของผมก็ห่อเหี่ยวเพราะตัวเองไม่ได้สำคัญขนาดนั้น


   แต่ไหนๆ มันก็อุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่ ผมก็คงต้องลงไปเจอหน้ามันสักหน่อย เพราะถึงแม้ว่าผมจะกำลังน้อยใจ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคิดถึงมันจริงๆ


   “มึงรอแป๊บนึงเดี๋ยวกูลงไป” ผมพูดจบก็กดวางสาย ก่อนที่จะออกจากห้องลงไปหาไอ้พฤกษ์ที่อยู่ด้านล่าง ทันทีที่เห็นผมมันก็ส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นมาหา แต่พอคิดว่ารอยยิ้มแบบนั้นไม่ได้มีแค่ผมเพียงคนเดียวที่ได้รับ ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของผมมันยิ่งทวีคูณมากกว่าเดิม


   “มึงมีธุระอะไร” ผมถามไอ้พฤกษ์ไปด้วยเสียงห้วนๆ มันที่ถึงจะรู้สึกได้แต่ก็ยังใจเย็นยิ้มให้ผมเหมือนเดิม


   “มาหาแฟนต้องมีธุระด้วยหรอ”


   “ถ้าไม่มีธุระงั้นกูกลับขึ้นห้องเลยแล้วกัน” ถึงผมจะใจสั่นกับคำพูดนั้น แต่วันนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับมันต่อแล้ว


   “เดี๋ยวสิซ่า มึงเป็นอะไรทำไมถึงเอาแต่คอยเลี่ยงไม่ยอมคุยกับกูเลย กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจรึเปล่า” ไอ้พฤกษ์คว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ เมื่อเห็นผมจะเดินหนีขึ้นไปบนห้อง


   “หึ! กูคอยเลี่ยงมาตั้งหลายวัน แต่มึงพึ่งมาถามเอาวันที่ 5 มันไม่ช้าเกินไปหน่อยหรอ” ผมสะบัดข้อมือของไอ้พฤกษ์ออกไปแล้วหันหน้ากลับมาเผชิญกับมัน


   “กูขอโทษนะซ่า พอดีช่วงที่ผ่านมากูยุ่งมาก ต้องแก้วิจัยแล้วก็เตรียมพรีเซนต์...”


   “พอเถอะว่ะ นั่นมันก็แค่ข้ออ้างปะวะ”


   “หา?” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ผมที่ขี้เกียจจะเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้เลยตัดสินใจถามมันออกไปตรงๆ


   “มึงชอบกูจริงๆ รึเปล่า” คำถามนั้นทำเอาไอ้พฤกษ์ยิ่งทำหน้างงมากกว่าเดิม


   “ถามอะไรแบบนั้น การกระทำของกูยังไม่ชัดเจนอีกหรอ”


“ก็ถ้ามันชัดแล้วกูจะถามมึงมั้ย!” ผมเผลอขึ้นเสียงใส่ แต่ไอ้พฤกษ์ก็ไม่มีท่าทีโกรธเคืองแต่อย่างใด มันมองเข้ามาข้างในดวงตาของผมแล้วตอบคำถามด้วยความหนักแน่น


“กูชอบมึง” ประโยคนั้นทำเอาพายุอารมณ์ที่อยู่ในใจของผมสงบลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะจางหายไป


   “โอเค งั้นกูขอถามใหม่ มึงได้ชอบใครอีกคนที่มากกว่ากูรึเปล่า”


   “ใครอีกคน? มันจะไปมีได้ยังไง นอกจากมึงกูจะชอบใครได้ล่ะซ่า”


   “ก็จะใครล่ะถ้าไม่ใช่ตะวัน” คำพูดนั้นทำเอาไอ้พฤกษ์

ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ มันคงจะกำลังอึ้งสินะที่ถูกผมจับได้ ปฏิกิริยานั้นถึงแม้ผมจะทำใจไว้อยู่แล้ว แต่พอเจอเข้าจริงๆ มันก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี


   “เรื่องของตะวัน...”


   “มึงยังไม่ต้องตอบกูตอนนี้ก็ได้” ผมพูดขัดไอ้พฤกษ์ก่อนที่มันจะพูดจบประโยค โดยที่ผมพยายามฝืนก้อนที่กำลังจุกตรงอก และบังคับตัวเองไม่ให้พูดด้วยเสียงสั่นเครือ


   “ลองถามใจตัวเองดูว่าระหว่างกูกับตะวันมึงชอบใคร คนที่เรียบร้อย น่ารัก แสนดี มีมารยาท ทำอาหารอร่อย กับคนที่สถุน หยาบคาย ร้ายกาจ นิสัยไม่ดี แล้วก็งกเงินเป็นที่สุด มึงชอบใครกันแน่” พอลองเปรียบเทียบแบบนี้ มันก็ทำให้ผมได้รู้ว่านอกจากจะสู้ตะวันไม่ได้ ผมยังไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเป็นคู่แข่งเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นคำตอบมันก็ชัดอยู่แล้วล่ะว่าไอ้พฤกษ์มันชอบใคร


   “มึงฟังกูให้ดีนะซ่า” ไอ้พฤกษ์ตรงเข้ามาใช้สองมือจับที่ไหล่ของผมเอาไว้ จากนั้นก็ใช้ดวงตาเรียวยาวจ้องมองเข้ามาข้างในดวงตาของผม


   “กูยอมรับว่ายังมีความรู้สึกดีๆ ให้ตะวัน” เท่านั้นแหละผมก็หลับตาลงแล้วหันหน้าไปทางอื่น ตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว แต่ผมไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะให้ใครเห็นน้ำตาของตัวเองง่ายๆ ดังนั้นผมจึงพยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา


   “ในเมื่อมึงยังชอบตะวัน ถ้างั้น...”


   “ฟังให้จบก่อนสิซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดขัดขึ้นมา ผมจึงได้หันหน้ากลับไปมองมันอีกครั้ง


   “ยังมีเรื่องอะไรที่กูต้องฟังอีก”


   “ก็ความรู้สึกของกูที่มีต่อตะวันไง จริงอยู่ที่กูบอกว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้ แต่ก็เหมือนผู้ชายทั่วไปที่ปลื้มไอดอลหรือคนในสเปคเท่านั้น ซึ่งมันก็แค่ผิวเผินไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย ไม่เหมือนกับมึงที่กูรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ อยากอยู่ใกล้ๆ อยากสัมผัส แล้วก็อยากครอบครอง เพราะงั้นกูเลยอยากให้มึงเชื่อและมั่นใจว่ากูชอบมึงจริงๆ”


   “แล้วมึงชอบกูมากพอที่จะกล้าประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้มั้ย”


ตอนนี้ผมรับรู้ได้ถึงความจริงใจว่าไอ้พฤกษ์มันไม่ได้ชอบตะวัน แววตาของมันฉายชัดว่าชอบผมแค่คนเดียว แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าความรู้สึกที่มีต่อผมนั้นอยู่ในระดับไหน พอลองคิดดูมันก็เล่นอ่อนโยนกับทุกคนในมหา’ลัย แล้วอย่างนี้ผมพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหนกัน


   “เรื่องนั้นมันไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่กูชอบมึงเลยนะซ่า” สีหน้าของไอ้พฤกษ์ตอนนี้มีความกังวลปรากฏออกมาอย่างชัดเจน


   “ทำไมจะไม่เกี่ยว การที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ บอกใครไม่ได้ว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน มึงคิดว่าแบบนั้นกูจะมีความสุขรึไง”


“แต่ถ้าบอกไปมึงคิดว่าจะมีสักกี่คนที่รับเรื่องนี้ได้ จริงอยู่ว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป แต่เชื่อสิคนส่วนใหญ่ก็ยังเหยียดกันเหมือนเดิม กูไม่อยากให้มึงต้องถูกสายตาแบบนั้นมองมาทุกวันหรอกนะซ่า”


“เฮอะ! มึงไม่ต้องเอากูมาอ้างหรอก ตัวมึงเองมากกว่าที่แคร์ภาพลักษณ์กับสายตาคนอื่นที่มองมา ขนาดแค่จับมือกูต่อหน้าคนอื่นมึงยังไม่กล้า เรื่องที่บอกว่าชอบกูมันก็คงเป็นแค่ลมปากเท่านั้นล่ะมั้ง เพราะงั้น...กูว่าเราสองคนห่างกันสักพักน่าจะดีกว่า บางทีการกลับไปอยู่จุดเดิมอาจจะเวิร์คกว่าคบกันเป็นแฟนก็ได้"


พอผมพูดจบไอ้พฤกษ์ก็นิ่งอึ้งไป ส่วนผมที่ถึงแม้จะเสียใจและเจ็บปวดแค่ไหน แต่ในเมื่อเราสองคนเดินไปด้วยกันไม่ได้ ผมก็ต้องตัดใจแล้วถอยออกมา ดีกว่าฝืนดันทุรังจนใจพังยิ่งกว่านี้...


2BC


 o15 สวัสดีค่ะ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ก็จบแล้วน้า ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ระหว่างพฤกษ์กับซ่าใครจะน่าสงสารมากกว่ากัน คนนึงต้องการความชัดเจน แต่อีกคนก็มีเหตุผลที่ต้องการปิดบัง  :hao5:
แล้วอย่างนี้ความรักของทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อไป ทั้งสองคนจะไปด้วยกันรอดมั้ย หรือว่าจะถอยหลังไปสู่จุดเริ่มต้น  :o12: แล้วมาลุ้นกันตอนที่ 13 นะคะทุกคน วันพรุ่งนี้ตอนดึกๆหรือมะรืนเจอกันค่ะ  :man1:
ซึ่งช่วงนี้เราจะอัพถี่นิดนึง แบบว่าอีกไม่กี่วันก็จะปิดจองแล้ว เราเลยอยากลงนิยายให้จบพร้อมๆกัน (เรื่องนี้มี 14 บท รวมบทส่งท้าย) แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทันมั้ย ช่วงสิ้นเดือนงานหนักแทบจะขาดใจ  :katai4: เราเลยแทบไม่มีเวลามาลงนิยายเลยค่ะ (ประเด็นคือลง 4 เว็บเลยนานด้วยแหละ แหะๆ) ยังไงก็มาเอาใจช่วยพฤกษ์กับซ่าด้วยนะคะทุกคน กอดดดดดด  :กอด1: :bye2:
(28 มี.ค. 61)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2018 23:40:33 โดย Sameejaejung »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตกลงต่างฝ่ายต่างนอยด้วยกันทั้งคู่  :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด