[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก
Part 4# Niza ความงกเป็นเหตุ
“เออใช่ แล้วเรื่องเกม Truth or Dare นี่เอาไง จะเล่นต่อเลยปะหรือว่าพอแค่นี้” ไอ้แมนถามพลางมองหน้าเพื่อนรอบวง พอมันพูดขึ้นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้เลิกฟุ้งซ่านเรื่องของไอ้พฤกษ์สักที
“กูก็อยากเล่นต่อนะ แต่กูขี้เกียจทำตามคำสั่งเหี้ยๆ อีกอะถ้าเลือก Dare” พอผมพูดแบบนี้ก็มีเพื่อนบางคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้างั้นกูว่าเปลี่ยนกติกาใหม่ดีมั้ย ใครเลือก Dare ให้เปลี่ยนเป็นแดกเหล้าเข้มๆ สักแก้ว แต่ถ้าเลือก Truth ก็ตอบเรื่องจริงไปตามเดิม” ไอ้สนเสนอ ผมว่าก็เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน เพราะผมจะได้หารายได้โดยการชงเหล้า คนเมาน่ะเปย์ง่ายจ่ายคล่องอยู่แล้ว
“กูเห็นด้วยกับไอ้สน มีใครเห็นด้วยอีกบ้าง” ผมมองหาแนวร่วมแต่ก็มีแต่คนลังเล ผมเลยเอาไหล่สะกิดไอ้พฤกษ์แล้วถลึงตาให้มันอยู่ข้างผม ดีที่มันฉลาดเลยเข้าใจอะไรง่ายหน่อย
“กูก็เห็นด้วยเหมือนกัน” พอมีคนเปิดก็มีคนตาม ไอ้พวกที่ลังเลหลายคนก็หันมาสนับสนุนข้างเดียวกับผม จนในที่สุดก็ได้เปลี่ยน Dare ให้กลายเป็นดื่มเหล้าเข้มๆ 1 แก้วสมใจ
“กูรู้นะมึงคิดอะไรอยู่” ไอ้พฤกษ์เอียงศีรษะมากระซิบข้างหูผม แสนรู้จริงๆ ไอ้คุณชาย
“ถ้ารู้แล้วก็เงียบไปไม่ต้องพูดมาก” ผมถลึงตาใส่มัน จากนั้นก็หันไปส่งเสียงเชียร์ (แช่ง) พวกเพื่อนที่เริ่มทอยลูกเต๋า...เกม Truth or Dare กำลังเริ่มเล่นอีกครั้งแล้ว
ครั้งนี้ เนื่องจากไม่มีการสั่งให้ทำอะไรแปลกประหลาดพิสดาร การเล่นเกมแต่ละครั้งเลยใช้เวลาไม่นาน ส่วนใหญ่เมื่อซวยทอยเต๋าได้แต้มรวมน้อยสุดก็มักจะเลือก Dare ที่ได้ดื่มเหล้า (แน่นอนว่าผมเป็นคนชง) เพราะคำถามของคนที่เลือก Truth มันรุนแรงและสัปดนขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงมีเพื่อนที่ดวงซวยและคออ่อนเมาหลับไป 1 คน หนึ่งชั่วโมงเพิ่มเป็น 3 คน ชั่วโมงครึ่งเพิ่มเป็น 6 คน จนตอนนี้เหลือสมาชิกเพียงแค่ 4 คน นั่นก็คือไอ้สน ไอ้แมน ไอ้พฤกษ์ แล้วก็ผม แต่ถึงจะบอกว่าเหลือ 4 คน อันที่จริงต้องบอกว่าเหลือคนที่สติดี 3 คน ส่วนอีกคนกำลังเมาเรื้อนพูดอะไรแทบไม่รู้เรื่อง ดังนั้นพวกผมเลยตกลงกันว่าจะหยุดเล่นเกมกันแค่นี้
“มึงช่วยกูพาไอ้แมนขึ้นไปนอนบนห้องหน่อยดิไอ้ซ่า” ไอ้สนพูดกับผมแล้วหิ้วปีกข้างหนึ่งของไอ้แมนที่กำลังพูดพล่ามอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ผมที่เห็นอย่างนั้นจึงได้รีบลุกขึ้นไปหิ้วปีกอีกข้างของมันเอาไว้
“ไอ้พฤกษ์ ระหว่างนี้มึงช่วยเก็บแก้วกับจานไปไว้ในครัวหน่อยนะ” ผมหันไปสั่งไอ้พฤกษ์ มันจึงพยักหน้าลง ผมกับไอ้สนเลยช่วยกันพยุงไอ้แมนที่ตัวอ่อนเปลี้ยแทบไม่มีแรงเดินขึ้นไปบนห้องของมันที่อยู่ชั้นสอง ซึ่งกว่าจะถึงก็เล่นเอาแทบหมดแรงเพราะไอ้แมนแม่งไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่โชคยังดีที่พอหัวถึงหมอนมันก็นอนหลับเป็นตาย
“เออ มึงช่วยหาฟูกไปปูนอนให้ไอ้พวกข้างล่างหน่อยนะ เดี๋ยวกูว่าจะไปเปลี่ยนชุดแล้วก็เอากิ๊บไปคืนที่ห้องน้องไอ้แมนน่ะ” ผมพูดกับไอ้สน
“ได้ๆ เสร็จแล้วตามมาแล้วกัน” ผมพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้องไอ้แมน เสร็จแล้วผมก็ลงมาช่วยไอ้สนกับไอ้พฤกษ์ที่กำลังจัดระเบียบพวกที่เมาหลับอยู่ข้างล่าง ซึ่งกว่าจะลากพวกมันไปนอนบนฟูกครบทุกคนได้ก็ใช้เวลาเกือบสิบนาที
“แม่ง เหนื่อยฉิบหาย แต่ละคนแดกควายกันมารึไงถึงได้ตัวหนักขนาดนี้” ผมบ่นพร้อมกับปาดเหงื่อ
“ถ้าเหนื่อยมึงจะนอนนี่มั้ยล่ะ โซฟาก็ยังว่างนะ” ไอ้สนพูดกับผม
“ไม่ล่ะ กูกลับไปนอนที่หอเลยดีกว่า อยู่ถัดไปแค่ 2 ซอยเอง” ที่หลังม.ซอยแต่ละซอยมันไม่ห่างกันมากอยู่แล้ว จากบ้านไอ้แมนเดินไปที่หอผมอย่างมากก็แค่ 10 นาทีเท่านั้นแหละ
“แล้วมึงล่ะจะนอนที่นี่รึเปล่า” คราวนี้ไอ้สนหันไปถามไอ้พฤกษ์บ้าง
“ไม่ดีกว่ากูเกรงใจ เดี๋ยวกูขับรถกลับบ้านเลยแล้วกัน” แน่นอนมันต้องปฏิเสธอยู่แล้ว ก็มันไม่ได้สนิทกับไอ้พวกนั้นจะกล้านอนค้างด้วยได้ยังไง ไอ้สนที่เหมือนจะนึกขึ้นได้เลยไม่ได้รบเร้าจะให้มันนอนที่นี่
“แล้วบ้านมึงอยู่แถวไหน กูจะเช็คดูในกลุ่ม ‘มีด่านบอกด้วย’ ให้ว่าแถวนั้นมีด่านตั้งอยู่รึเปล่า” ที่ไอ้สนถามแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะถึงไอ้พฤกษ์มันจะไม่ได้เมา แต่มันก็ดื่มเหล้าไปหลายแก้วอยู่ ถ้าเจอด่านแล้วได้เป่ายังไงก็เกินแน่นอน
“กูอยู่แถววัชรพล”
“โอเคเดี๋ยวกูเช็คแป๊บ.............โอ้โห! มีแม่งตั้ง 3 ด่าน ดักแม่งทุกแยกเลยมึงเอ๊ย!” ไอ้สนอุทานจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้พฤกษ์ดู
“จริงด้วยแฮะ ดักเส้นที่เข้าบ้านกูทุกทางเลย” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าเครียด
“แล้วมึงจะทำไงล่ะเนี่ย กลับบ้านไม่ได้ยังไงก็ต้องหาที่นอนแถวนี้แล้วล่ะ” ผมทำเป็นหูทวนลมในสิ่งที่ไอ้สนพูด เพราะเรื่องของไอ้พฤกษ์มันไม่ใช่เรื่องของผม คืนนี้มันจะไปนอนที่ไหนหรือจะแวะไปนอนที่ห้องกรงก็ตามใจ แต่ไหงไอ้สนถึงได้ลากผมเข้าไปเกี่ยวด้วยก็ไม่รู้
“เออ จะว่าไปมึงไปนอนที่หอไอ้ซ่าก็ได้นะ วันนี้มันฟันเงินมึงไปตั้งเยอะ”
“อ้าวเฮ้ย! เงินนั่นมันค่าจ้างที่มันใช้แรงงานกู กูได้บังคับขู่เข็ญให้มันเอาเงินมาให้รึไง แล้วทำไมกูต้องพามันไปนอนที่หอให้เป็นภาระด้วย ทำอย่างกับว่าค่าน้ำค่าไฟกูได้ใช้ฟรี” พอผมโวยวายแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็หรี่ตาลง แถมยังทำหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
“เอ...ถ้าจำไม่ผิดวันนี้มึงต้องเอาเงินให้กูด้วยนี่นะ”
“หา? ค่าอะไร อย่ามามั่ว” ผมทำหน้างง ไอ้พฤกษ์มันกำลังจะหลอกต้มเอาเงินผมใช่มั้ย
“ก็ค่าส่วนแบ่ง 40% ที่มึงหลอกให้กูมา...” แต่ว่ายังไม่ทันที่ไอ้พฤกษ์จะได้พูดจนจบประโยค ผมก็รีบกระโดดขึ้นไปเอามืออุดปากมันไว้ ความฉิบหายเกือบมาเยือนผมแล้วมั้ยล่ะ
“เดี๋ยวคืนนี้มึงไปนอนที่หอกูนะเพื่อนรัก แหม...แกล้งเล่นแค่นี้ถึงกับจะใส่ร้ายกูเลยหรอ ร้ายไม่เบานะเนี่ย” ผมยิ้มหวานทั้งที่ตาเหลือกแทบถลน ในขณะที่มือก็ยังคงอุดปากไอ้พฤกษ์เอาไว้เหมือนเดิม
นี่ถ้าไอ้พวกเพื่อนมันรู้ว่า ผมหลอกให้ไอ้พฤกษ์มาที่นี่แล้วเราสองคนก็ไม่ได้สนิทกัน ผมได้ถูกยึดเงินคืนแถมยังได้กินยำตีนชัวร์!
“จะว่าไปนี่ก็ชักง่วงแล้ว งั้นเดี๋ยวกูกลับหอก่อนนะไอ้สน บาย” ผมรีบโบกมือลา ก่อนที่จะลากไอ้พฤกษ์ออกมาจากบ้านอย่างไว ส่วนไอ้สนที่ถึงแม้จะงงๆ อยู่แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรแล้วเดินไปหาที่นอน
“หึหึ” ไอ้พฤกษ์หัวเราะในลำคอหลังจากที่ผมลากมันออกมาจนถึงรถ ผมจึงรีบปล่อยมือออกจากปากของมันแล้วเท้าสะเอวอย่างหาเรื่อง
“หัวเราะอะไร อย่าได้ใจไปหน่อยเลยไอ้คุณชาย กูไม่ได้จะให้มึงนอนฟรีๆ เพราะกูจะยึดเงิน 40% ที่ต้องแบ่งให้มึงถือเป็นค่าเช่าห้อง” ผมยิ้มที่มุมปาก
เอาวะ อย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่ต้องเสียเงิน 720 บาทให้ไอ้พฤกษ์ กล้ำกลืนฝืนทนให้มันนอนค้างที่ห้องไม่กี่ชั่วโมงยังไงก็คุ้มล่ะน่า
แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ไอ้พฤกษ์มันกลับทำลายความคิดของผมลงอย่างโหดเหี้ยม!
“งั้นกูเปลี่ยนใจไม่ไปนอนหอมึงดีกว่า มึงเอาเงินมาเดี๋ยวกูไปเช่าห้องพักรายวันแถวนี้เอา เพราะอย่างมากกูก็ได้จ่ายแค่ 5 – 6 ร้อย จะได้นอนสบายๆ มีเงินเหลือซื้อข้าวเช้า แล้วก็จะได้ไม่ต้องรบกวนมึงด้วย” ไอ้พฤกษ์โปรยยิ้มมาดคุณชาย แต่สายตาของมันมองยังไงก็วายร้ายชัดๆ
ม่ายยยยยยยยย ผมไม่ยอมให้ 720 ปลิวออกจากประเป๋าของผมเด็ดขาดดดดดดดดด
“เฮ้ยเพื่อน รบกงรบกวนอะไร ไม่ต้องเกรงใจหรอกไปนอนหอกูนี่แหละ” ผมเปลี่ยนท่าทีจากหลังส้นตีนเป็นหน้ามือพร้อมกับยิ้มหวาน จากนั้นก็รีบเขย่งปลายเท้าเพื่อที่จะได้วาดแขนไปกอดคอคนสูงเปรตอย่างไอ้พฤกษ์
“แต่กูว่าไม่...”
“ไม่ต้องมีต่งมีแต่อะไรแล้วเพื่อน ไปนอนหอกูนี่แหละ เดี๋ยวกูทำข้าวเที่ยงเลี้ยงมึงอีกมื้อเลยเอ๊า” ผมพูดอย่างใจป้ำ ก็แน่ล่ะเพราะเมื่อกี้ไอ้พฤกษ์มันทำท่าจะปฏิเสธผมนี่นา แล้วดูท่าว่ามันค่อนข้างจะพอใจเลยลอบยิ้มออกมาได้ แต่ก็ไม่วายได้คืบจะเอาศอก
“ทำข้าวเช้าให้กูกินด้วยสิ”
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง แต่เสียใจด้วย ตอนเช้ากูยังไม่ตื่น” นี่มันก็ดึกมากแล้ว ผมเลยคิดว่าเที่ยงนู่นแหละผมถึงจะลืมตาตื่น อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์ด้วย ผมเลยไม่รู้ว่าจะรีบตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าทำไม
“ถ้างั้นมึงก็ทำข้าวเที่ยงกับเย็นเลี้ยงกูแล้วกัน” ไอ้พฤกษ์ต่อรอง ผมเลยเบ้ปากใส่มัน
“นี่ไอ้คุณชาย มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างเลยรึไง”
“ไว้ค่อยกลับตอนเย็นก็ได้ กูไม่รีบ พรุ่งนี้กูไม่มีธุระที่ไหน”
“แต่กูมี กูไม่ได้นอนสบายบนกองเงินกองทองแบบมึงนะโว้ย ตอนบ่ายกูต้องไปทำงานพิเศษ”
“อ้อ ถ้างั้นกูกินแค่ข้าวเที่ยงก็ได้” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าเสียดายนิดๆ
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” พูดจบผมก็เปิดประตูเข้าในนั่งในรถทันทีโดยที่ไม่ต้องให้ไอ้พฤกษ์เชิญ มันจึงเดินตามมานั่งยังฝั่งคนขับ จากนั้นก็ถามทางไปหอพักของผมซึ่งอยู่ถัดไปอีก 2 ซอย
หลังจากขับออกจากบ้านไอ้แมน ไอ้พฤกษ์ก็แวะซื้อของใช้ที่โลตัสเอ็กซ์เพรสก่อน เพราะงั้นกว่าจะมาถึงหอของผมเลยเสียเวลาไปประมาณ 15 นาที แต่ก็ดีเพราะถ้ามันมาใช้ของร่วมกันกับผมมันก็ไม่ไหว อย่างสบู่ โฟมล้างหน้า ผ้าเช็ดตัวอะไรพวกนี้ผมพอเข้าใจ แต่พวกกางเกงในหรือแปรงสีฟันที่เป็นของใช้ส่วนตัวผมไม่โอเค
“ถึงแล้ว ห้องแคบนิดนึงนะเว่ย” ผมพูดในขณะที่ไขกุญแจเข้าไปในห้องของตัวเอง ห้องนี้มีขนาดแค่ 20 ตร.ม. เท่านั้นเพราะค่าเช่าแค่ 2000 แน่นอนว่าราคาถูกขนาดนั้นภายในห้องมันเลยแทบไม่มีอะไร มีแค่ตู้เสื้อผ้า พัดลมติดผนัง โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็เตียงขนาด 3.5 ฟุตเท่านั้นเอง
“ห้องมึงไม่มีแอร์หรอ” ไอ้พฤกษ์ถามพลางกวาดสายตามองรอบๆ ห้องของผม
“ไม่มี ห้องแอร์มันแพงกูไม่มีปัญญาจ่าย” ห้องพัดลม 2000 ส่วนห้องแอร์ 3000 คนจนๆ อย่างผมก็ต้องอยู่ห้องพัดลมอยู่แล้ว แต่ถึงห้องนี้จะมีแอร์ผมก็ไม่เปิดหรอกเพราะมันเปลืองไฟ
“แล้วอย่าบอกนะว่าห้องนี้ก็ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว” กรุงเทพแม่งร้อนเกือบทั้งปีไอ้คุณชายนี่มันยังจะอาบน้ำอุ่นอยู่อีกหรอ ท่าทางจะบ้า
“ถ้างั้นกูเปลี่ยนใจไปเช่าห้องพักแถวนี้นอนดีกว่า ดูท่าจะสบายกว่ากันเถอะ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็รีบวิ่งไปขวางประตูเอาไว้ทันทีเลยน่ะสิ
“โหย มาถึงที่นี่แล้วมึงจะไปลำบากหาที่นอนทำไม อีกอย่างนี่มันก็จะเที่ยงคืนแล้วนะเว่ย มึงหาที่พักแถวนี้ไม่ได้ง่ายๆ หรอก” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมไอ้พฤกษ์อย่างสุดฤทธิ์ เพราะไม่อยากคืนเงิน 720 ให้มัน
“ถึงมึงจะพูดแบบนั้น แต่เตียงที่ห้องมันก็แค่ 3.5 ฟุตเองนะ กูกับมึงจะนอนกันยังไง”
“ไม่เห็นยาก มึงนอนพื้น ส่วนกูก็นอนเตียง” ผมยิ้มแฉ่ง เท่านั้นแหละไอ้พฤกษ์มันก็ยื่นมือออกมาตรงหน้าผมทันที
“งั้นมึงเอาเงิน 720 มาเลย”
“โหย ล้อเล่นน่ะเพื่อน มึงนอนเตียงไปเลยเดี๋ยวกูนอนพื้นเอง โอเคตามนี้เนอะ” ผมยิ้มอย่างประจบประแจง ทั้งที่ในใจกำลังสาปแช่งไอ้พฤกษ์อยู่
ก็ไม่รู้ว่าคุณชายสายเปย์แบบมันเกิดผีเข้ารึไง จู่ๆ ถึงได้มางกกะอีแค่เงินหลักร้อยแบบนี้ หงุดหงิดจริงเว่ย!
“เฮ้อ ก็ถ้ามึงอยากให้กูนอนที่นี่ขนาดนั้น กูจะยอมนอนด้วยก็ได้” คำพูดของไอ้คุณชายทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะแอบเบ้ปากเป็นรูปสระอิ แต่เพียงไม่กี่วินาทีผมก็ตอแหลยิ้มหวานใส่มัน
“อย่างนั้นล่ะเพื่อน เอาล่ะ ถ้างั้นมึงไปอาบน้ำก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูจะไปจัดที่นอนของกู”
“เอางั้นก็ได้” แล้วไอ้พฤกษ์ก็หยิบเสื้อผ้ากับของใช้เข้าไปในห้องน้ำ ผมจึงไปเอาเสื่อกับผ้าขนหนูอีกผืนมาปูเป็นที่นอน ส่วนหมอนที่ห้องมีอันเดียวผมเลยเอาเสื้อกันหนาวตัวหนาๆ มาม้วน ซึ่งพอลองหนุนดูมันก็พอจะใช้แก้ขัดแทนหมอนได้ แต่ที่นอนนี่สิแข็งฉิบหายไม่ต่างอะไรจากการนอนพื้นเปล่าๆ
“มึงนอนได้หรอน่ะ ไม่แข็งรึไง” ไอ้พฤกษ์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามขึ้น ตอนนี้มันใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาวลายตาราง ถึงแม้มันจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา แต่ว่าออร่าคุณชายของมันก็ยังแผ่กระจายออกมาอยู่ดี
“ไม่มีปัญหา กูนอนได้สบายมาก” ผมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เพราะถ้าบอกว่านอนไม่ได้ เกิดไอ้พฤกษ์มันบอกจะสละเตียงแล้วไปนอนที่อื่น ผมก็เสียเงิน 720 ที่สามารถกินข้าวได้ทั้งอาทิตย์ไปให้มันน่ะสิ
“โอเค ถ้างั้นกูนอนเลยแล้วกัน” พูดจบไอ้พฤกษ์ก็เดินขึ้นเตียงไปนอน ส่วนผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นไม่นานเมื่อทำอะไรเสร็จผมก็เดินออกมา แต่ก็พบว่าไอ้พฤกษ์ได้นอนหลับไปแล้ว โดยนอนติดผนังหันหน้าไปทางนั้นอย่างเรียบร้อยเลยล่ะ
แปลกแฮะ นึกว่าจะแปลกที่จนนอนไม่หลับซะอีก เพราะคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น แต่จะว่าไปบางทีฤทธิ์แอลกอฮอล์อาจจะทำให้หลับง่ายก็ได้ ที่ไอ้พฤกษ์กินถึงไม่เยอะมากแต่ก็ไม่ต่ำกว่า 3 – 4 แก้วล่ะนะ
ผมไม่ได้สนใจเรื่องที่มันหลับอีก แต่ก็พยายามเดินไปหยิบจับนู่นนี่อย่างระวังไม่ให้เกิดเสียงดัง จนกระทั่งไม่มีอะไรทำแล้วผมก็ปิดไฟ ตามด้วยการเดินไปยังที่นอนชั่วคราวซึ่งปูไว้ข้างๆ เตียงที่ไอ้พฤกษ์นอน
เอ...เกือบ 20 นาทีแล้วสินะที่ไอ้พฤกษ์นอนอยู่ท่านี้ บางทีคุณชายอย่างมันอาจจะนอนนิ่งๆ แบบนี้ทั้งคืนโดยไม่เปลี่ยนท่าเลยก็ได้ เพราะงั้น...ถ้าผมแอบขึ้นไปนอนก็คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง ที่ว่างก็เหลือตั้งเยอะ
ความคิดบรรเจิดทำเอาผมลอบยิ้มออกมา เพราะถ้าผมนอนตรงนี้ที่แข็งไม่ต่างจากนอนพื้น ตื่นขึ้นมาผมได้ปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัวแน่ๆ ซึ่งพอตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ผมก็ค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนเตียงจนสามารถนอนอยู่บนนั้นได้ในที่สุด
ตอนแรกผมก็หวั่นๆ อยู่ว่าไอ้พฤกษ์จะจับได้ แต่ว่ามันที่กำลังหลับเป็นตายก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด ยังคงนอนนิ่งๆ หันหน้าเข้าผนังเหมือนเดิม
“สาบานว่านอน? กูนึกว่าซ้อมตาย” ผมพูดออกมาเบาๆ แล้วส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็ว่าจะพลิกตัวหันไปเอาหมอนที่อยู่ข้างล่าง แต่ไอ้พฤกษ์ก็ดันหันหน้ากลับมาทางนี้ซะงั้น!
“เฮ่ย!” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ แล้วยังไม่พอ มันยังมีการวาดแขนมากอดเอวผมเอาไว้อีกต่างหาก!
“ไอ้พฤกษ์ มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะเว่ย ไอ้พฤกษ์...ไอ้พฤกษ์...ไอ้พฤกษ์!” ในขณะที่พูดผมก็พยายามดิ้นและแกะแขนของมันออกไป แต่ให้ตาย คนบ้าอะไรหลับลึกฉิบหาย นี่มันซ้อมตายจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย
“ไอ้พฤกษ์! ไอ้เชี่ยพฤกษ์! ไอ้...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้โวยวายอะไรต่อ ไอ้พฤกษ์มันก็เอามือข้างหนึ่งกดศีรษะของผมให้ซุกลงไปซบที่อกของมัน จากนั้นมันก็ออกแรงกอดผมแน่นขึ้นเป็นเท่าตัว
“อื้อ!!!” ผมคำรามในลำคออย่างหัวเสีย ไอ้พฤกษ์มันคิดว่าผมเป็นหมอนข้างรึไงถึงได้กอดซะแน่นขนาดนี้ แถมยิ่งผมดิ้นและโวยวาย มันก็ยิ่งกอดผมแน่นมากขึ้นจนแทบหายใจไม่ออกอีกต่างหาก ผมเลยคิดว่าป่วยการที่จะต่อต้าน ซึ่งพอลองอยู่นิ่งๆ มันก็คลายวงแขนจนผมสามารถหายใจหายคอได้อย่างคล่องปอด
จะว่าไปแล้วถ้าไม่อคติผมก็รู้สึกว่า การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของไอ้พฤกษ์มันก็สบายดีเหมือนกัน เพราะแขนของมันสามารถหนุนแทนหมอนได้เป็นอย่างดี ส่วนลำตัวของมันก็รู้สึกอบอุ่นจนผมคิดว่าไม่ต้องมีผ้าห่มก็ได้
พอรู้สึกสบายก็ชักจะเริ่มง่วงแล้วสิ
เพราะงั้น...ผมจะยอมนอนนิ่งๆ อยู่ในอ้อมกอดของไอ้พฤกษ์คืนนึงก็แล้วกัน
พอคิดได้แบบนั้นผมก็ปิดเปลือกตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่า คนที่คิดว่ากำลังหลับเป็นตายได้แอบยิ้มออกมา จากนั้นก็กระชับอ้อมกอดแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามผมในที่สุด...
2BC
ฮัลโหลวววว สวัสดีค่า Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ก็จบลงไปแล้วน้า สารภาพมาซะดีๆ ว่าตอนนี้ใครกำลังแอบยิ้มเหมือนพฤกษ์อยู่ อย่าทำซึนแล้วชูมือขึ้นขอเสียงหน่อยค่า
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันว่าความสัมพันธ์ของคู่พฤกษ์ซ่าจะพัฒนาขึ้นมั้ย แล้วจะมีโมเมนท์หวานๆ น่ารักๆ แบบนี้ให้ทุกคนฟินกระจายรึเปล่า
ยังไงก็มาลุ้นและเอาใจช่วยทั้งคู่ด้วยน้า ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจนะคะทุกคน
(31 ม.ค. 61)