พิมพ์หน้านี้ - ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Sameejaejung ที่ 07-06-2017 17:31:31

หัวข้อ: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 07-06-2017 17:31:31
 :laugh:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

H.E.A.R.T.


        โปรเจคซีรีส์ความรักเกี่ยวกับพี่น้องทั้ง 5 ได้แก่ ภูผา ธารา ภูมิพฤกษ์ เพลิงกัลป์ และวาโย โดยโปรเจคซีรีส์นี้จะมีทั้งหมด 5 เรื่อง ซึ่งชื่อของแต่ละเรื่องจะขึ้นต้นด้วย H. E. A. R. T. รวมกันเป็น HEART ที่หมายถึงหัวใจนั่นเอง

        เรื่องแรกของโปรเจคซีรีส์นี้จะมีชื่อว่า H. Hanger หัวใจชิงรัก จะเป็นเรื่องราวความรักของภูผาพี่ใหญ่สุดซึน กับตะวันหนุ่มเรียบร้อยใสซื่อที่กลายมาเป็นแม่บ้านจำเป็น (จบแล้ว)

        ส่วนเรื่องที่สอง E. Erotic หัวใจร้อนรัก จะเป็นเรื่องราวความรักของธาราพี่รองของบ้าน หนุ่มหน้าสวยที่เคยมีแต่เซ็กส์เฟรนด์เพราะคิดว่าความรักน่าเบื่อ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เพราะได้ส่ง2หนุ่มที่หน้าเหมือนกันแต่นิสัยต่างกันสุดขั้วเข้ามาในชีวิต แต่หนุ่มคนไหนจะเป็นตัวจริงและได้ใจของธาราไปก็ต้องมาลุ้นกันแล้วจ้า (จบแล้ว)

       สำหรับเรื่องที่สาม A. Avert หัวใจซ่อนรัก ก็จะเป็นเรื่องของพฤกษ์ หนุ่มแว่นสุดหล่อแสนดี ที่เคยเป็นพระรองในเรื่องแรกอย่างหัวใจชิงรัก คราวนี้พฤกษ์จะได้เป็นพระเอกกับเขาสักที แต่หวานใจที่ฟ้าประทานมากลับตรงข้ามเสปคทุกอย่าง ทั้งหยาบคาบ เปลี่ยนสีไวอย่างกับกิ้งก่า แถมยังหน้าเงินเป็นที่สุด! (จบแล้ว)

       มาต่อกันเรื่องที่สี่ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ซึ่งเรื่องราวความ (คลั่ง) รักของ "เพลิง" แบดบอยคนดังรักไม่จริงหวังแค่ฟัน แต่หลังจากได้ฟันเขากับถูก “พาย” ทิ้งไว้ในห้องพร้อมกับเงินพันห้า มาดูกันว่าแบดบอยวายร้ายอย่างเพลิงจะทำยังไงต่อไป เพราะพายเหมือนจะหยามศักดิ์ศรีจนเพลิงหัวร้อนสุดๆ


สารบัญ HANKER

บทนำ  (https://goo.gl/1jKKRb)    ตอนที่ 1  (https://goo.gl/kmVJ7h)     ตอนที่ 2  (https://goo.gl/6csE6f)    ตอนที่ 3  (https://goo.gl/8wPAAX)    ตอนที่ 4 NC  (https://goo.gl/U5Pwps)

 ตอนที่ 5  (https://goo.gl/1KLfxc)    ตอนที่ 6  (https://goo.gl/EDvpdZ)    ตอนที่ 7 NC  (https://goo.gl/PRXmPi)    ตอนที่ 8  (https://goo.gl/YbkWLd)    ตอนที่ 9  (https://goo.gl/FBBG7i)   

 ตอนที่ 10  (https://goo.gl/4iAKCv)    ❤ เปิดจอง Hanker ❤  (https://goo.gl/cdMbUJ)    ตอนที่ 11 NC  (https://goo.gl/KAdkwb)    ตอนที่ 12  (https://goo.gl/5NxjdU)   

 ตอนที่ 13  (https://goo.gl/P15QLu)    บทส่งท้าย  (https://goo.gl/4YWyUH)


สารบัญ EROTIC

บทนำ  (https://goo.gl/VrwVoG)    ตอนที่ 1 NC  (https://goo.gl/MuoiJm)    ตอนที่ 2.1  (https://goo.gl/LbNxwh)    ตอนที่ 2.2  (https://goo.gl/LusSLV)    ตอนที่ 3.1  (https://goo.gl/bmLE2D)     ตอนที่ 3.2 NC  (https://goo.gl/hiYRDb)

 ตอนที่ 4  (https://goo.gl/46Lxdd)    ตอนที่ 5 NC  (https://goo.gl/uTsiDm)    ตอนที่ 6  (https://goo.gl/9pPqD7)    ตอนที่ 7.1 NC  (https://goo.gl/S6zTLq)    ตอนที่ 7.2  (https://goo.gl/SKWSf8)    ❤ เปิดจอง Erotic ❤  (https://goo.gl/LavVWW)

 ตอนที่ 8  (https://goo.gl/9rn1Ky)    ตอนที่ 9  (https://goo.gl/xo3soa)    ตอนที่ 10  (https://goo.gl/KcBtbX)    ตอนที่ 10.2  (https://goo.gl/ChmH4z)    ตอนที่ 11 NC  (https://goo.gl/STHRa5)    ตอนที่ 11.2  (https://goo.gl/wdrJjN)

 ตอนที่ 12  (https://goo.gl/2Kb5tt)    บทส่งท้าย  (https://goo.gl/2CDh9k)


สารบัญ AVERT

บทนำ  (https://goo.gl/W27xyV)    ตอนที่ 1  (https://goo.gl/9fnT5E)    ตอนที่ 2.1  (https://goo.gl/SU5Wz8)    ตอนที่ 2.2  (https://goo.gl/SU5Wz8)    ตอนที่ 3.1  (https://goo.gl/ntz5Ur)    ตอนที่ 3.2  (https://goo.gl/UMKCfD)   

 ตอนที่ 4.1  (https://goo.gl/JSuHwX)    ตอนที่ 4.2  (https://goo.gl/9N7kX6)    ตอนที่ 5  (https://goo.gl/9N7kX6)    ตอนที่ 5.2  (https://goo.gl/t7fTkK)    ตอนที่ 6  (https://goo.gl/udzsq5)    ตอนที่ 7  (https://goo.gl/VDEUqu)

 ❤ เปิดจอง Avert ❤  (https://goo.gl/Kntepb)    ตอนที่ 8.1  (https://goo.gl/72ovBf)    ตอนที่ 8.2  (https://goo.gl/72ovBf)    ตอนที่ 9  (https://goo.gl/gjT14c)    ตอนที่ 10.1 NC  (https://goo.gl/M4R3ZZ)   

 ตอนที่ 10.2 NC  (https://goo.gl/M4R3ZZ)    ตอนที่11  (https://goo.gl/QeDbLD)    ตอนที่ 12  (https://goo.gl/xjnEs4)    ตอนที่ 13  (https://goo.gl/zLUB6N)    บทส่งท้าย  (https://goo.gl/J7B8Sa)


สารบัญ Rabid

บทนำ NC  (https://goo.gl/kqBpuR)    ตอนที่ 1 NC  (https://goo.gl/nR97WD)    ตอนที่ 2  (https://goo.gl/b4sU5Y)    ตอนที่ 3 NC  (https://goo.gl/fwT2uG)    ตอนที่ 4  (https://goo.gl/ytJaA4)    ตอนที่ 5 NC  (https://goo.gl/dkTgsa)

 ตอนที่ 6  (https://goo.gl/8oVMcn)    ตอนที่ 7  (https://goo.gl/krzxUE)    ตอนที่ 8  (https://goo.gl/X2e7gC)    ตอนที่ 9  (https://goo.gl/Ecjhkb)    ❤ เปิดจอง Rabid ❤  (https://goo.gl/Rw1CBW)    ตอนที่ 10.1  (https://goo.gl/3onJCP)

 ตอนที่ 10.2  (https://goo.gl/C6GCeZ)    ตอนที่ 11 NC  (https://goo.gl/EKLHZx)    ตอนที่ 12  (https://goo.gl/UzwVK9)    ตอนที่12.2  (https://goo.gl/j9sD2p)    ตอนที่13  (https://goo.gl/GGBqQV)   

 ตอนที่ 14.1  (https://goo.gl/HgCwP7)    ตอนที่ 14.2  (https://goo.gl/DHDSQX)    บทส่งท้าย  (https://goo.gl/iM8a3m)


สารบัญ Trap

บทนำ  (https://goo.gl/5CwM4C)    ตอนที่ 1  (https://goo.gl/EamY9R)    ตอนที่ 2  (https://goo.gl/HRcXcG)    ตอนที่ 3  (https://goo.gl/ZBWp3b)    ตอนที่ 4  (https://goo.gl/WywYxo)     ตอนที่ 5.1  (https://goo.gl/Hu3Cn9)    ตอนที่ 5.2  (https://goo.gl/Hu3Cn9)

 ตอนที่ 6  (https://goo.gl/3ruKKa)    ตอนที่ 7  (https://goo.gl/oApwNj)    ตอนที่ 8.1  (https://goo.gl/Q2UTLo)    ตอนที่ 8.2  (https://goo.gl/CGPf5c)    ตอนที่ 9.1  (https://goo.gl/1Z2pSr)    ตอนที่ 9.2  (https://goo.gl/TbpkFu)    ตอนที่ 10  (https://goo.gl/7kqfqV)   

 ตอนที่ 10.2  (https://goo.gl/7kqfqV)    ตอนที่ 11.1  (https://goo.gl/sf1MW1)    ตอนที่ 11.2  (https://goo.gl/Ts3r6L)    ตอนที่ 12.1  (https://goo.gl/YmDLvk)    ตอนที่ 12.2  (https://goo.gl/kBymf5)    ตอนที่ 13.1  (https://goo.gl/Kj4m12)    ตอนที่ 13.2  (https://goo.gl/EprD8R)





✿*゚¨゚Sameejaejung Fanpage *゚‘゚・✿ (https://www.facebook.com/sameejaejung2)      ✿*゚¨゚Sameejaejung Twitter *゚‘゚・✿ (https://twitter.com/Sameejaejung)

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | บทนำ (7.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 07-06-2017 17:35:56
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Intro# ผู้ชายในสายฝน


   “หยุดก่อนครับคุณป้า! นี่มันอะไรกันน่ะครับ!” ผมรีบวิ่งไปหาคุณป้าเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ ที่ตอนนี้กำลังชี้นิ้วสั่งใครก็ไม่รู้ให้รื้อและขนข้าวของออกมาจากห้องที่ผมเช่าอยู่


   “จะอะไรซะอีกล่ะ เธอไม่จ่ายค่าเช่ามา 3 เดือนแล้ว ฉันก็ต้องขอห้องคืนน่ะสิ...เอ้าตรงนั้นน่ะเร็วๆ หน่อย! พรุ่งนี้จะมีคนย้ายเข้าแล้วนะ!” ประโยคแรกคุณป้าหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะหันไปเร่งผู้ชาย 2 คนที่ยังคงรื้อข้าวของของผมอยู่ในห้อง


   “แต่ว่าคุณป้าครับ...ค่าเช่าห้องของเดือนนี้กับที่ค้างไว้ ผมฝากคุณพ่อไปจ่ายตั้งแต่สิ้นเดือนแล้วนะครับ”
หลังจากที่เงินทำงานพิเศษออก ผมก็รีบกดให้คุณพ่อเอาไปจ่ายคุณป้าทันที ความจริงผมก็อยากเอาไปจ่ายเองอยู่หรอก แต่ว่าผมต้องรีบไปเข้ากะอีกงานหนึ่ง แถมวันต่อมาผมยังต้องรีบไปทำงานที่ค้างคืนต่างจังหวัดเป็นเวลา 3 วันด้วย เพราะงั้นผมเลยต้องฝากคุณพ่อเอาค่าเช่าห้องทั้ง 3 เดือนไปจ่ายแทน


   “ถ้างั้นเธอก็ต้องไปถามพ่อเธอแล้วล่ะว่าเอาเงินไปไหน เพราะฉันยังไม่ได้เงินจากพ่อเธอเลยแม้แต่บาทเดียว” พอได้ยินแบบนี้ผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคุณพ่อทันที แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้งท่านก็ปิดเครื่องตลอด จนผมต้องฝากข้อความเสียงเอาไว้


   “โทรไม่ติดงั้นหรอ?” คุณป้าที่ก่อนหน้านี้ทำหน้ารำคาญผมตลอด แต่พอเห็นว่าริมฝีปากของผมกำลังสั่น ส่วนดวงตาก็มีน้ำตาคลอ จึงได้เปลี่ยนสีหน้าไปเป็นสงสารและเห็นใจ


   “ครับ คุณพ่อปิดเครื่อง” ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาออกไปก่อนที่มันจะไหลลงมา ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณพ่อจะทำกับผมได้ถึงขนาดนี้ นั่นน่ะมันเงินก้อนสุดท้ายที่ผมอุตส่าห์หามาแทบตายเลยนะ


   “ถ้างั้นก็คงจะไปกินเหล้าหรือว่าไปเล่นพนันที่ไหนสักที่นั่นแหละ เฮ้อ...ฉันก็สงสารเธออยู่นะที่มีพ่อแบบนี้ แต่ก็ช่วยเห็นใจฉันด้วย ฉันสร้างห้องให้คนเช่าไม่ได้ทำทานให้พักฟรี ในเมื่อเธอไม่มีเงินจ่ายฉันก็ต้องไล่ออกให้คนอื่นมาอยู่แทน ที่ให้ค้างมา 2 เดือนก็ถือว่าปราณีสุดๆ แล้ว”


   “เรื่องนั้น...ผมเข้าใจครับ ต้องขอบคุณและขอโทษคุณป้าจริงๆ” ผมพูดจบก็ยกมือขึ้นไหว้คุณป้า


   “เอาล่ะๆ ไปเก็บเสื้อผ้ากับข้าวของที่จำเป็นซะ ส่วนของมีค่าฉันขอยึดนะ ยังไงเธอก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าที่ค้างอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”


   “ครับ ผมให้คุณพ่อไปหมดแล้ว” ผมพูดจบก็เดินคอตกเข้าไปเก็บเสื้อผ้า หนังสือ กับของใช้เท่าที่จะเอาใส่เป้และถุงพลาสติกไปได้ ผมใช้เวลาเก็บไม่นานเท่าไหร่ เพราะว่าข้าวของในห้องก็ไม่ได้มีอะไรมากมายอยู่แล้ว


   “คุณป้าครับ ถ้าเกิดคุณพ่อกลับมาฝากบอกให้ท่านโทรหาผมด้วยนะครับ” ผมพูดจบก็ยื่นกระดาษที่เขียนเบอร์โทรของผมเอาไว้ เพราะบางทีท่านก็เอาโทรศัพท์ไปจำนำเวลาไม่มีเงินไปกินเหล้าหรือเล่นพนัน ซึ่งท่านก็คงจะจำเบอร์ของผมไม่ได้


   “เฮ้อ...เธอนี่มันเป็นเด็กแบบไหนกัน จนถึงขนาดนี้แล้วก็ยังเป็นห่วงคนแบบนั้นอีกหรอ นั่นก็แค่พ่อเลี้ยงไม่ใช่พ่อแท้ๆ สักหน่อย”


“นั่นก็ใช่ครับคุณป้า แต่ว่า...ถึงอย่างนั้นท่านก็เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของผม...” พูดถึงตรงนี้น้ำตาของผมมันก็ทำท่าจะรื้นขึ้นมาอีกครั้ง จนผมต้องเงยหน้าแล้วกะพริบตาเพื่อไล่มันกลับลงไป


แม่ผมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุประมาณ 2 ปีที่แล้ว โดยทิ้งหนี้สินจากการลงทุนล้มเหลวร่วม 3 ล้านเอาไว้ แถมเงินที่ได้จากประกันชีวิตก็ไม่ได้มากมายอะไร เพราะงั้นบ้านและทรัพย์สินที่มีเลยต้องถูกยึดเพื่อไปใช้หนี้ ส่งผลให้คุณพ่อและผมต้องกลายเป็นคนยากไร้ ไม่มีสมบัติและที่อยู่ จึงต้องมาเช่าอพาร์ทเม้นท์เก่าๆ อยู่ด้วยกันเพียงแค่ 2 คน


ถึงจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่ว่าผมก็รักและเคารพท่านมาก เพราะตั้งแต่เล็กจนโตท่านเลี้ยงดูผมเป็นอย่างดีราวกับลูกในไส้ แม้ว่าท่านจะเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคนหลังจากที่คุณแม่เสีย ทั้งติดเหล้า ติดพนัน และไม่ทำการทำงาน แต่ว่าผมก็ยังรักและเคารพท่านเหมือนเดิม จึงได้ทำงานพิเศษหาเงินมาใช้จ่ายทุกอย่างในระหว่างเรียนไปด้วย แม้ว่ามันจะทำให้ผมเหนื่อยเป็น 2 เท่าก็ตาม


“เฮ้อ...ก็ได้ๆ เดี๋ยวถ้าพ่อของเธอกลับมาฉันจะบอกให้โทรหาเธอแล้วกัน” คุณป้าทำหน้ารำคาญ แต่ก็รับกระดาษจากมือของผมไป ผมจึงยกมือไหว้ขอบคุณและกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจึงได้สะพายเป้และถือถุงพลาสติกเดินออกมาจากอพาร์ทเม้นท์อย่างเศร้าๆ
   

ผมเดินไปตามทางเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ตอนนี้ผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะทำอะไร จะไปที่ไหน หรือว่าจะขอความช่วยเหลือจากใครดี
ผมไม่มีญาติที่ไหน ส่วนเพื่อนที่คณะก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ผมเป็นคนเงียบๆ พูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ การเรียนก็ธรรมดาทั่วไป กิจกรรมก็แทบไม่ได้เข้าเพราะเอาแต่ทำงานพิเศษ ดังนั้นมันจึงไม่แปลกถ้าหากผมจะไม่ค่อยมีเพื่อน


ผมลองนับเงินในกระเป๋า กับเช็คยอดเงินในบัญชีแบบออนไลน์ ซึ่งก็มีรวมกันประมาณ 2 พันกว่าบาท เงินจำนวนนี้ถ้าหากใช้อย่างประหยัดสุดๆ ก็คงพออยู่ได้จนถึงสิ้นเดือน ส่วนเรื่องที่จะต้องเสียเงินกับค่าที่พักก็โยนทิ้งไปได้เลย ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีค่าอาหารกับค่าเดินทางไปทำงานพิเศษแน่ๆ


บางทีช่วงนี้ผมอาจจะต้องไปนอนวัดก็ได้ล่ะมั้ง ถึงแม้ว่าการทำแบบนั้นจะเป็นภาระของหลวงพ่อ แต่ว่าผมก็จะพยายามทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะกวาดลานวัด ทำความสะอาด หรือว่างานจิปาถะต่างๆ เพื่อตอบแทนบุญคุณ
   

“อ๊ะ!” ซึ่งขณะที่คนไร้จุดหมายอย่างผมกำลังจะไปพึ่งใบบุญของหลวงพ่อนั่นเอง ฝนเจ้ากรรมก็ดันเทกระหน่ำลงมาซะได้ ผมจึงต้องเปลี่ยนแผนไปหาที่หลบฝนก่อน ซึ่งก็คือป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่
   

ทำไมต้องมาตกเอาตอนนี้ด้วยนะ ชีวิตของผมวันนี้มันยังแย่ไม่พออีกรึไง...
   

ผมตัดพ้อในใจระหว่างกำลังวิ่งไปยังป้ายรถเมล์ที่ร้างผู้คน เมื่อไปถึงผมก็วางถุงที่ใส่หนังสือไว้ข้างตัว จากนั้นก็ชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงไป เพราะน้ำตาที่พยายามห้ามเอาไว้ตั้งหลายครั้ง มันได้ไหลทะลักลงมาอย่างไม่ขาดสาย


หนาวจัง แถมยังเหงามากเลยด้วย...


ปกติผมชินกับการที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ว่าตอนนี้ผมกลับต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างกาย ผมไม่อยากอยู่คนเดียวอีกต่อไป ตอนนี้ผมเหงาเหลือเกิน


จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น...


ขอแค่เพียงสักคน...


แค่คนเดียว...


ตึก ตึก ตึก


ซึ่งขณะนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาทางนี้ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าคงจะมารอรถเมล์ไม่ก็มาหลบฝน แต่พอได้ยินว่าเสียงนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้า ผมจึงได้เงยหน้าขึ้นไปมองผู้ชายคนนั้น ซึ่งตอนนี้กำลังถือร่มและจ้องมองมาที่ผม พลางส่งยิ้มบางๆ อย่างอบอุ่นมาให้
   

“ตะวันใช่มั้ย? ท่าทางคงจะไม่มีที่ไปสินะ ถ้างั้นมาอยู่ด้วยกันมั้ยล่ะ ที่บ้านกำลังขาดแม่บ้านอยู่พอดี”
   

2BC


 :m4: สวัสดีค่ะ นี่เป็นนิยายเรื่องแรกในรอบกี่ปีก็ไม่รู้ที่เราลงนิยายในนี้ ปกติจะลงในเด็กดีไม่ก็ธัญวลัย ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ  :m5:
มาพูดถึงตัวนิยายกันหน่อย อย่างที่แนะนำไปด้านบนเนอะว่านิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในโปรเจคซีรีส์ 5 เรื่องของ 5 พี่น้อง (แต่ละคนจะมีคู่ของตัวเองไม่ได้กินกันเองน้า > <) ซึ่งชื่อของแต่ละเรื่องจะขึ้นต้นด้วย H. E. A. R. T. รวมกันเป็น HEART ที่หมายถึงหัวใจ โดยเรื่องนี้ที่เป็นเรื่องแรกนั้นมีชื่อว่า H. Hanger หัวใจชิงรัก ค่ะ
ชื่อเรื่องก็บอกชัดเจนแล้วเนอะว่าต้องมีการแย่งชิงความรักเกิดขึ้น เพราะงั้นก็ต้องมาลุ้นกันแล้วล่ะค่ะว่า หนุ่มน้อยแสนอาภัพที่ชื่อตะวัน ในที่สุดแล้วจะกลายเป็นของหนุ่มคนไหน จะใช่หนุ่มที่ถือร่มมาชวนไปอยู่ด้วยกันมั้ย แล้วมาลุ้นกันน้า  :impress:
ปล.เราจะอัพนิยายทุกๆ 2 วันนะคะ ยังไงก็ขอฝาก H. Hanger หัวใจชิงรัก ไว้ด้วยน้า บทนำเหมือนจะดราม่า แต่จริงๆแล้วเรื่องนี้มุ้งมิ้งน่ารักนะคะ   :-[
(7.06.60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | บทนำ (7.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 07-06-2017 18:14:02
 :impress2: รอติดตามลุ้นจ้า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | บทนำ (7.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 08-06-2017 02:32:01
อยากอ่านต่ออยากรู้ว่าใครเป็นพระเอก

เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ศึกระหว่างพี่น้อง (9.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 09-06-2017 17:56:39
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก



Tawan# ศึกระหว่างพี่น้อง


   นี่ผมคิดอะไรอยู่นะ ถึงได้พยักหน้าแล้วก็เดินขึ้นรถตามคำชวนมาอย่างง่ายดายแบบนี้ ถึงจะรู้ว่าคนที่อยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังขับรถอยู่ไม่ได้เป็นคนไม่ดี แถมยังเป็นเพื่อนที่เรียนอยู่เอกเดียวกันอีกต่างหาก แต่ว่าเราสองคนก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
เอาจริงๆ เคยคุยกันถึง 5 ประโยครึเปล่าผมยังไม่รู้เลย!


   “พฤกษ์” หรือ “ภูมิพฤกษ์” หนุ่มอัจฉริยะสุดหล่อประจำเอก เป็นคนที่โดดเด่นทั้งเรื่องเรียน กิจกรรม และหน้าตา เป็นคนที่ดังมากๆ จนน่าจะไม่มีใครในมหา’ลัยที่ไม่รู้จัก ซึ่งต่างจากผมที่แทบจะไม่เป็นที่จดจำของคนในเอกด้วยซ้ำไป


   “หน้าเรามีอะไรติดหรอตะวัน?” ที่พฤกษ์ถามอย่างนี้คงเพราะสังเกตเห็นว่าผมมองอยู่นานแล้ว ปกติผมก็เห็นพฤกษ์พูดมึง-กูกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นตลอด แต่ที่เรียกแทนตัวเองว่าเราคงเพราะไม่สนิทกับผม หรือไม่ก็เห็นว่าผมไม่พูดคำหยาบเลยไม่อยากพูดก็ได้ล่ะมั้ง


   เป็นคนที่ละเอียดอ่อนจังเลยนะ


   “เอ่อ...หน้าพฤกษ์ไม่มีอะไรติดหรอก แต่เราแค่ยังงงๆ อยู่น่ะว่าคนอย่างพฤกษ์จะชวนเราไปอยู่ด้วยจริงๆ หรอ มันดูน่าเหลือเชื่อยังไงก็ไม่รู้”


   “หืม? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?”


   “ก็พฤกษ์เป็นคนดังนี่นา ความจริงเราไม่คิดว่าพฤกษ์จะจำเราได้เลยด้วยซ้ำ” พอได้ยินแบบนี้พฤกษ์เลยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหน้ามามองผมแว้บหนึ่ง จากนั้นจึงได้หันกลับไปมองถนนที่อยู่ตรงหน้าต่อ


   “ตะวันนี่ไม่ได้รู้อะไรเลยนะ คนดังในเอกคือตะวันที่ทำตัวลึกลับจนแทบไม่สุงสิงกับใครมากกว่า”


   “หา? เราเนี่ยนะ? นี่พูดเล่นใช่มั้ยพฤกษ์” ผมชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ แต่พฤกษ์กลับไม่ตอบอะไร ได้แต่ยักไหล่แล้วขับรถต่อไปเท่านั้น


   “ว่าแต่...พฤกษ์รู้ได้ยังไงว่าเราไม่มีที่ไปถึงได้ชวนไปอยู่ด้วย แถมยังจะให้เราไปเป็นแม่บ้านด้วยอีก” อันที่จริงต้องพูดว่าพ่อบ้านถึงจะถูกมากกว่านี่เนอะ


   “ก็ไม่รู้หรอก แค่เดาเอาจากท่าทางตะวันกับข้าวของที่หอบมาน่ะ ส่วนเรื่องแม่บ้าน เราจำได้ว่าเข้าค่ายตอนปี 1 ตะวันทำกับข้าวอร่อยมาก แถมยังดูแลคนอื่นเก่งด้วยเลยน่าจะเหมาะ เพราะแม่บ้านคนเก่าพึ่งออกไปพอดี” สิ่งที่ได้ยินทำให้ผมถึงกับอึ้งไปเลย


“โห...จำได้ถึงขนาดนั้นเลยหรอ พฤกษ์นี่จะความจำดีเกินไปแล้วนะ” ถ้าผมความจำดีสักครึ่งหนึ่งของพฤกษ์ก็ดีสินะ งานพิเศษจะได้ทำได้หลากหลายมากขึ้น


“ก็ถ้าเรื่องนั้นมันสำคัญ ถึงไม่ต้องพยายามก็จำได้เองใช่มั้ยล่ะ”


   “หา? เมื่อกี้พฤกษ์ว่ายังไงนะ?” ผมมัวแต่คิดเรื่องงานพิเศษอยู่เลยไม่ทันได้ฟังสิ่งที่พฤกษ์พูด ได้ยินแต่อะไรสำคัญๆ ก็ไม่รู้


   “ถ้าไม่ได้ยินก็ไม่เป็นไร...จะว่าไปเรายังไม่ได้โทรบอกคนที่บ้านเลยนี่นะ งั้นขอคุยโทรศัพท์แป๊บนึง” ตอนนี้กำลังติดไฟแดงพอดี พฤกษ์เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนที่บ้าน


   “อยู่ไหนน่ะเพลิง?....เออดีเลย งั้นฝากบอกทุกคนด้วยว่ากูหาแม่บ้านคนใหม่ได้แล้ว...เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยคุยที่บ้าน แค่นี้แหละกูขับรถอยู่” พูดถึงตรงนี้พฤกษ์ก็ตัดสายไปเลยเพราะไฟจราจรได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว


   หลังจากนั้นรถก็ตกอยู่ในความเงียบ เพราะทั้งผมและพฤกษ์ต่างก็เป็นคนพูดไม่เก่งทั้งคู่ ผมเลยได้แต่มองเส้นทางตามกระจกข้างไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผ่านไปสักพักพฤกษ์ก็ชะลอรถแล้วเลี้ยวเข้าไปในซอยที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นจึงได้เอ่ยปากพูดกับผม


“ใกล้จะถึงบ้านแล้วนะ ตะวันเก็บของเตรียมตัวเลยแล้วกัน”


“อ๋อ โอเค” ผมพยักหน้าแล้วรีบเก็บของให้เข้าที่ ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที พฤกษ์ก็เลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน 2 ชั้นหลังหนึ่งที่สร้างได้สวยเก๋และทันสมัยมาก ผมไม่แน่ใจว่านี่ใช่สไตล์โมเดิร์นรึเปล่า แต่ว่ามันแตกต่างจากบ้านทั่วไปแบบฉีกออกมาเลย


   “บ้านสวยจังพฤกษ์ สวยสุดๆ เลย” ผมเบิกตากว้างด้วยความทึ่ง


   “ถ้าพี่ภูได้ยินคงดีใจ เพราะนี่คือผลงานที่พี่ภูภูมิใจมากที่สุด...พี่ภูเป็นสถาปนิกที่ออกแบบบ้านหลังนี้น่ะ”


   “ว้าว พี่ของพฤกษ์เก่งจัง แล้วนี่ที่บ้านอยู่กันกี่คนหรอ?” ถึงแม้จะเรียนเอกเดียวกัน แต่ผมก็ไม่ได้สนิทกับพฤกษ์ขนาดที่จะรู้ว่าครอบครัวมีกี่คน แต่ถ้าเพื่อนผู้หญิงในห้องก็คงจะรู้หมดแม้กระทั่งชื่อเลยล่ะมั้ง


   “ที่นี่อยู่กัน 5 คน มีพี่ชาย 2 คน น้องชาย 2 คน แล้ว 1 ในนั้นก็มีน้องชายฝาแฝดของเราด้วย”


   “หา! พฤกษ์มีแฝดด้วยหรอ?”


   “อืม ชื่อเพลิง แต่เอาจริงๆ ก็มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าเราเป็นแฝดกัน เพราะนอกจากหน้าก็ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง”


   “ขนาดนั้นเลยหรอ?” ผมทำหน้าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะขึ้นชื่อว่าแฝดอย่างน้อยมันก็น่าจะมีอะไรที่เหมือนกันบ้างสินอกจากหน้าตา


   “เดี๋ยวพอได้เจอตะวันก็รู้ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปสุงสิงกับมันมากหรอกนะ เพราะไอ้นี่มันเป็นตัวอันตราย” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่พฤกษ์ก็ไม่ได้มีท่าทีเกลียดชังแฝดคนน้องแต่อย่างใด แถมยังอมยิ้มน้อยๆ เมื่อพูดถึงอีกต่างหาก


   “เราจะพยายามก็แล้วกัน แต่ว่าท่าทางพฤกษ์จะสนิทกับพี่น้องมากเลยเนอะ คุณพ่อกับคุณแม่คงดีใจมากที่มีลูกชายตั้ง 5 คน เราอยากมีครอบครัวอบอุ่นแบบนี้บ้างจัง” พอผมพูดแบบนี้ สีหน้าของพฤกษ์ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นยิ้มหยันทันที


   “พ่อกับแม่งั้นหรอ? หึ!” พฤกษ์พูดแค่นี้ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ผมที่รู้สึกสงสัยเลยว่าจะถามสักหน่อย แต่พฤกษ์ก็ชวนผมเข้าบ้านซะก่อน


   “เข้าไปข้างในกันเถอะตะวัน ป่านนี้ทุกคนคงกำลังรออยู่ มีอะไรให้ช่วยถือรึเปล่า?”


   “ไม่มีหรอก ของมีไม่กี่อย่างเราถือเองได้” จะให้คนที่มีบุญคุณอย่างพฤกษ์มาช่วยถือของได้ยังไงกันล่ะ


   “ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ถุงหนังสือท่าทางจะหนักนะ เดี๋ยวเราช่วยดีกว่า” แล้วพฤกษ์ก็เอื้อมมือมาหยิบถุงหนังสือที่ตักของผมไปเลย จากนั้นก็เปิดประตูแล้วเดินลงจากรถ ผมที่ถึงแม้จะไม่อยากรบกวน แต่พอพฤกษ์ทำแบบนี้ก็เลยต้องเลยตามเลย


   ผมเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งตามไปหาพฤกษ์ที่ตอนนี้กำลังกดรหัสเข้าบ้าน จากนั้นก็พาผมเดินเข้าไปข้างใน ซึ่งพอได้เห็นก็ทำเอาผมถึงกับตกตะลึงจนตาค้างอีกครั้ง


แต่ที่ตาค้างไม่ใช่เพราะการตกแต่งภายในที่ดูสวยเก๋แบบโมเดิร์นที่เห็นภายนอกหรอก ที่ผมตาค้างเพราะเห็นผู้ชายที่มีออร่าความหล่อรายล้อมตัวเหมือนพฤกษ์ถึง 3 คนต่างหาก!


   “หืม? นี่หรอแม่บ้านคนใหม่ที่มึงพูดถึง?” ผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนพฤกษ์ราวกับแกะพูดขึ้น จะต่างกันก็แค่ทรงผมและการแต่งตัวที่ไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไหร่ ซึ่งหลังจากที่พูดจบผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วใช้สายตาคมกริบมองผมจนแทบจะทะลุเข้าไปในร่าง


“น่ารักใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า พอเห็นท่าทางใสๆ แบบนี้แล้วชักอยากทำให้แปดเปื้อนยังไงก็ไม่รู้” ไม่พูดเปล่าผู้ชายตรงหน้ายังแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหายอีกต่างหาก สายตาที่มองมากับการกระทำนั้นทำให้ผมถึงกับกลัวจนขนลุกซู่


คนคนนี้ต้องเป็นน้องชายฝาแฝดของพฤกษ์ที่ชื่อเพลิงไม่ผิดแน่ ผมเชื่อแล้วล่ะว่านอกจากหน้าตา สองคนนี้ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแม้แต่อย่างเดียว!


   “เดี๋ยวเถอะเพลิง พูดอะไรอย่างนั้นกันเล่า ไม่เห็นรึไงว่าหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนี้กำลังกลัวน่ะ...ชื่ออะไรหรอเรา? ฉันชื่อธารนะ” ผู้ชายหน้าสวย ที่มีรูปร่างสูงโปร่งแต่เพรียวบางถามขึ้น แถมยังใช้ปลายนิ้วเรียวยาวเชยคางของผมขึ้นอีกต่างหาก


   “อะ...เอ่อ...ตะวัน...ผมชื่อตะวันครับ” ผมตอบอย่างตะกุกตะกักเพราะยังปรับอารมณ์ไม่ทัน แถมยังตกตะลึงกับความสวยของผู้ชายอย่างคุณธาร มิหนำซ้ำยังมีความยั่วยวนถึงแม้ว่าจะกำลังสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคก็ตาม


   เป็นคนที่เสน่ห์เหลือล้นและเซ็กซี่เรี่ยราดจริงๆ!


   “ตะวันงั้นหรอ? แหม...ช่างเป็นชื่อที่ทำให้รู้สึกร้อนรุ่มซะจริง ถามตรงๆ เลยนะ สนใจลองมามีเซ็กส์กับฉันมั้ยหนุ่มน้อย?”
“ห้ะ!” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อกี้ผมฟังผิดไปใช่มั้ย ใครมันจะไปชวนคนที่พึ่งเจอกันมีเซ็กส์ได้เล่า!


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นคุณธารกลับก้มหน้าลงมาหาผมเพื่อที่จะจูบซะงั้น ผมที่กำลังช็อกอยู่ร่างกายเลยขยับไปไหนไม่ได้ ยังดีที่หนุ่มน้อยน่ารักในชุดนักเรียนม.ปลายเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทัน เลยทำให้ริมฝีปากของคุณธารเฉียดริมฝีปากของผมไปแค่นิดเดียว


   “หยุดเลยนะครับพี่ธาร! ว่าพี่เพลิงไม่ดูตัวเองเลยนะ! พี่ธารทำให้พี่ตะวันกลัวจนสั่นไปหมดแล้วนะครับ!”


   “ถ้างั้นวาก็ไม่ดูตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ มือน่ะจับเต็มๆ เลยไม่ใช่หรอ แล้วก็อย่าอ้างนะว่าไม่ได้ตั้งใจ ใครจะไปเชื่อก็เล่นขยำซะขนาดนั้น” ที่คุณธารบอกว่ามือน้องวาจับเต็มๆ...ไม่สิ ต้องเรียกว่าขยำมากกว่า ก็เพราะตอนนี้มือทั้ง 2 ข้างของน้องวากำลังวางอยู่ที่แผ่นอกของผม!


   ใจจริงผมก็อยากจะผลักน้องวาออกไปหรอกนะ แต่มันก็ติดอยู่ที่ว่าผมไม่กล้าทำร้ายเด็ก แถมตัวของผมตอนนี้ก็ยังช็อกจนแข็งค้างอยู่เลย


“ชิ! เกลียดจริงๆ คนรู้ทัน” น้องวาแลบลิ้นใส่คุณธาร จากนั้นก็ปล่อยมือที่ขยำแผ่นอกของผม แล้วเอาไปกอดอกของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่


   “อะ...เอ่อ...นะ...นี่มันอะไรกันพฤกษ์...” ผมถามอย่างตะกุกตะกักพลางหันหน้าไปหาพฤกษ์ช้าๆ ซึ่งตอนนี้พฤกษ์กำลังทำหน้ากลุ้มใจแล้วใช้มือข้างหนึ่งเสยผมของตัวเองขึ้นไปด้านบน


   “เฮ้อออออ ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะนะว่าทุกคนต้องเข้ามาจีบตะวัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะรุกจีบหนักกันถึงขนาดนี้”


   “หา? จีบ? จีบเราเนี่ยนะ?” ผมชี้มือเข้าหาตัวเองด้วยความงุนงง ผมว่าวันนี้ผมต้องเสียใจเรื่องคุณพ่อจนสมองทำงานไม่ปกติแน่ๆ แล้วบางทีการกระทำกับคำพูดของพี่น้องบ้านนี้ผมอาจจะคิดไปเองคนเดียวก็ได้


   ใช่...มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ!


   แต่ทั้งๆ ที่กำลังจะสะกดจิตตัวเองให้คิดแบบนั้นได้อยู่แล้ว พฤกษ์กลับขยับเข้ามาใกล้แล้ววาดมือมากอดคอของผม จากนั้นจึงก้มหน้าลงมาจนจมูกแทบจะชนกัน แล้วจึงพูดขึ้นมาว่า...


   “บ้านนี้ไม่มีใครชอบผู้หญิงหรอกนะ แล้วรูปร่างหน้าตาแบบตะวันถึงแม้จะไม่ใช่สเปค แต่ทุกคนก็ยังอยากได้อยู่ดี”


   หา! หา!! หา!!!


   นี่มันอะไรกันเนี่ยยยยยยยยยย!!!


        ผมเบิกตากว้างจนแทบจะถลนกับเรื่องที่ได้ยินเมื่อกี้ แถมท่าทีของพฤกษ์ก็ไม่มีวี่แววล้อเล่นอีกต่างหาก มิหนำซ้ำทุกคนในบ้านก็ยังยิ้มรับไม่มีปฏิเสธอีกด้วย แล้วอย่างนี้การเป็นแม่บ้านของผมจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย!


   ซึ่งขณะที่ผมกำลังสองจิตสองใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี จะเป็นแม่บ้านของที่นี่หรือว่าจะไปตายเอาดาบหน้า ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อน


   “อย่าเหมารวมพี่ไปกับพวกแกสิพฤกษ์ พี่ไม่เคยบอกสักคำว่าพี่ชอบผู้ชาย”


   ผู้ชายที่พึ่งเปิดประตูออกมาจากห้องคนนี้ คงต้องเป็นพี่ชายอีกคนของพฤกษ์ที่ชื่อภูผา แน่นอนว่าออร่าความหล่อที่รายล้อมตัวก็มีเหมือนกันกับทั้ง 4 คน แต่ผมกลับรู้สึกว่าคุณภูผาแตกต่าง เพราะนอกจากจะดูเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้แล้ว คุณภูผายังบอกว่าไม่ได้ชอบผู้ชายอีกด้วย


   คนคนนี้อาจทำให้การเป็นแม่บ้านของผมไม่ลำบากอย่างที่คิดก็ได้!


   “แต่พี่ภูก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงใช่มั้ยล่ะ ไม่สิ...ต้องบอกว่าเกลียดผู้หญิงเหมือนพวกเราทุกคนมากกว่า”


   “หา! เกลียดผู้หญิง?” ผมก็ว่าจะอุทานขึ้นมาในใจเฉยๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้กลายเป็นอุทานออกเสียงซะได้ ยังดีที่ไม่มีใครว่าผมสอดรู้สอดเห็น มีแต่คุณภูผาคนเดียวที่ใช้สายตาดุๆ ตวัดมองมาทางผม


   “ก็จะไม่ให้เกลียดได้ยังไง ก็แม่ของพวกเราเป็นกะ...โอ๊ย! พี่ธาร! ผมเจ็บนะ!” แต่ยังไม่ทันที่เพลิงจะได้พูดไขข้อข้องใจให้ผมจนจบประโยค ก็ถูกคุณธารเอื้อมมือไปบิดหูซะก่อน แถมยังบิดอย่างแรงจนหูของเพลิงแดงเถือกอีกต่างหาก


   เพลิงกำลังจะบอกว่าแม่ของทุกคนเป็นอะไรกันนะ จะเป็นกะลาสี หรือว่าเป็นเกษตรกร?


   “พูดให้มันดีๆ หน่อย ถึงจะเกลียดยังไงแต่นั่นก็แม่นะเพลิง”


   “เออๆๆ ผมไม่พูดคำนั้นก็ได้ งั้นเปลี่ยนเป็นอีตัวที่รับแต่แขก VIP พอมีลูกทีก็เอามาทิ้งให้ยายเลี้ยงแทนก็แล้วกัน พอใจแล้วนะ”


   “พอใจกับผีน่ะสิ! ไอ้น้องคนนี้!” แล้วหลังจากนั้นคุณธารก็บิดหูของเพลิงแรงขึ้นไปอีก จนเพลิงต้องร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด โดยมีน้องวาคอยปรบมือเชียร์และหัวเราะสมน้ำหน้าเพลิงใหญ่ แต่ผมกลับรู้สึกหดหู่กับเรื่องที่ได้ยินยังไงก็ไม่รู้


   “ขอโทษนะตะวัน คงจะรู้สึกแย่กับพวกเราสินะ” พฤกษ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเงียบไป สีหน้าของพฤกษ์ตอนนี้ราวกับว่าเสียใจเพราะคิดว่าถูกผมรังเกียจ


   “เปล่านะพฤกษ์ เราไม่ได้รู้สึกแย่หรือว่ารังเกียจทุกคนเลยนะ แต่ว่าเรารู้สึกสงสารน่ะ ตอนเด็กๆ คงจะลำบากกันน่าดู”


   “ก็...ไม่เท่าไหร่หรอก แม่ส่งเงินมาให้ยายเดือนละหลายหมื่น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราทุกคนก็เกลียดแม่กันอยู่ดี เกลียดทั้งเงิน ทั้งนิสัย และอาชีพที่แม่ทำ จนพาลเกลียดผู้หญิงทุกคนบนโลกไปด้วยน่ะ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่น้องบ้านนี้ถึงได้ไม่ชอบผู้หญิง ก็มีปมขนาดใหญ่อยู่ในใจเลยนี่นา


   “แล้วตอนนี้คุณแม่ของพฤกษ์เป็นยังไงบ้าง?” ผมคิดว่าอายุท่านน่าจะมากแล้ว คงไม่น่าจะทำอาชีพแบบนั้นได้หรอก แต่ผมก็ไม่คิดว่าท่านจะ...


   “ตายแล้ว ถูกฆ่าปิดปากเพราะไปรู้ความลับของนักการเมืองที่นอนด้วยได้ 10 กว่าปีแล้ว” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมถึงกับใจหล่นวูบ แต่ถึงอย่างนั้นพฤกษ์กลับเล่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงความรู้สึกเศร้าหรือว่าเสียใจเลยแม้แต่น้อย


        ผิดกับผมที่กลับรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก พฤกษ์ที่เห็นสีหน้าของผมตอนนี้จึงได้ยิ้มออกมาบางๆ แล้ววางมือลงบนศีรษะของผม จากนั้นก็ลูบไปมาเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน


   “เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ตะวันไม่ต้องทำหน้าเศร้าไปหรอก แค่เรื่องของตะวันก็หนักหนามากพออยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ต้องเก็บเรื่องของครอบครัวเราไปใส่ใจหรอกนะ” ที่พฤกษ์พูดแบบนี้ ก็เพราะว่าผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตอนที่พฤกษ์เดินกางร่มลงจากรถมาหาผมที่ป้ายรถเมล์


   “จะให้ทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะ เพราะงั้นเราจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดีเอง เราจะทำหน้าที่ของแม่บ้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย” ผมยิ้มกว้างอย่างหมายมั่นปั้นมือ


   แต่แล้วยังไม่ทันที่พฤกษ์จะได้พูดตอบกลับมา เสียงของคุณภูผาก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน


   “เดี๋ยวนะ แม่บ้านงั้นหรอ? นี่มันเรื่องอะไรทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่อง” พอได้ยินแบบนี้พฤกษ์เลยรีบหันหน้าไปหาเพลิงทันที


   “ไอ้เพลิง กูสั่งให้มึงบอกทุกคนเรื่องตะวันแล้วไม่ใช่หรอวะ”


   “ก็กูบอกทุกคนแล้วไง แต่ยกเว้นพี่ภูที่ทำงานอยู่ในห้อง”


   “เอ๊า แล้วอย่างนี้มันจะเรียกว่าทุกคนได้ยังไงล่ะวะ”


   “ก็ทุกคนนั่นแหละ ยกเว้นแต่พี่ภูคนเดียว มึงนี่เข้าใจอะไรยากเนอะ”


   “มึงนั่นแหละที่เข้าใจอะไรยาก ไอ้...”


   “พอได้แล้วทั้งสองคน เถียงกันเป็นเด็กๆ ไปได้ ปีนี้ก็จะ 22 กันแล้วนะให้ตายเถอะ” คุณภูผาพูดขึ้นเพื่อห้ามทัพของพฤกษ์และเพลิงที่มีแววจะทะเลาะกันจริงๆ


   “เฮ้ออออ ผมไม่เถียงกับไอ้เพลิงก็ได้ ส่วนเรื่องตะวันก็เอาเป็นว่าผมบอกตอนนี้เลยแล้วกันว่าจะมาเป็นแม่บ้านคนใหม่ของที่นี่ พี่ภูคงยังไม่ได้จ้างแม่บ้านที่ไหนหรอกใช่มั้ย”


   “อืม พี่ยังไม่ได้จ้าง” เท่านั้นแหละพฤกษ์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่จะยิ้มบางๆ ออกมาด้วยความดีใจ แต่ยังไม่ทันไรรอยยิ้มของพฤกษ์ก็ต้องหุบลงซะแล้ว เพราะคุณภูผาได้พูดขึ้นมาอีกว่า...


   “แต่ถึงยังไม่ได้จ้างแม่บ้าน ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะรับคนที่แกพามาสักหน่อย เพราะงั้นแกไปเก็บมาจากไหนก็เอาไปคืนที่เดิมซะ” คำพูดนั้นทำให้ผมช็อกจนตัวแข็งค้าง ยิ่งสายตาอันดุดันของคุณภูผาที่มองมา มันก็ยิ่งทำให้ผมใจหล่นวูบจนแทบจะตกลงไปที่พื้น


   ผมได้ไปทำอะไรให้คุณภูผาไม่พอใจรึเปล่านะ?


   “ผมจะไม่พาตะวันไปไหนทั้งนั้น ตะวันกำลังลำบากไม่มีที่ไป บ้านเราก็ต้องการแม่บ้านอยู่พอดี ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ภูต้องมีปัญหาด้วย เพราะทุกคนก็โอเคกันหมดแล้ว” หลังจากที่พฤกษ์พูดจบทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกันหมด แต่คุณภูผากลับยิ้มหยันออกมาซะงั้น


   “หึ แม่บ้านงั้นหรอ นั่นมันเป็นแค่ข้ออ้างมากกว่า จริงๆ แล้วพวกแกแค่อยากได้คู่นอนที่สะดวกเวลาอยากไม่ใช่รึไง” คำพูดนั้นทำให้ผมถึงกับหัวร้อนด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องมีราวอะไรเลยได้แต่เงียบแล้วก็เม้มปากแน่นเท่านั้น เป็นพฤกษ์ซะอีกที่ทนไม่ได้จึงรีบแก้ตัวแทนให้ผม


   “ตะวันเป็นเพื่อนที่เรียนเอกเดียวกันกับผม ตะวันไม่ใช่คู่นอนของพวกเราหรือว่าใครคนใดคนหนึ่งทั้งนั้น พี่ภูควรจะถอนคำพูดและขอโทษตะวันเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของพฤกษ์ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดังหรือว่าตะคอก แต่กลับดูแข็งกร้าวและน่ากลัวเอามากๆ


   “นี่แกกล้าสั่งพี่หรอพฤกษ์” ส่วนคุณภูผาก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าน่ากลัวไม่ต่างกัน...ไม่สิ ต้องเรียกว่าน่ากลัวมากกว่าต่างหาก


   “คำว่า ‘ควรจะ’ มันเป็นคำสั่งตรงไหนหรอพี่ภู ผมก็แค่พูดให้พี่คิดเท่านั้นเองว่าสมควรมั้ยที่พูดกับตะวันไปแบบนั้น”


   “พฤกษ์!”


   “ทำไมครับพี่ภู?”


   ตอนนี้คุณภูผาจ้องมองมาที่พฤกษ์ด้วยสายตาวาวโรจน์ ส่วนพฤกษ์ที่ถึงแม้สีหน้าจะยังเรียบเฉย แต่ก็จ้องคุณภูผากลับไปอย่างไม่ลดละเช่นกัน ผมที่เห็นแบบนั้นเลยคิดว่าคงปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้ จะให้พี่น้องมาทะเลาะกันเพราะผมได้ยังไงกันล่ะ


   “พฤกษ์ เอ่อ...อย่าทะเลาะกับคุณภูผาเพราะเราเลยนะ เราไม่ทำงานที่นี่ก็ได้” ถึงแม้ว่าผมจะกำลังลำบากเรื่องที่พักก็เถอะ แต่เดี๋ยวผมไปนอนที่วัดอย่างที่เคยคิดเอาไว้น่าจะดีกว่า


   “ไม่ได้ เราไม่ให้ตะวันไปไหนทั้งนั้น” พฤกษ์พูดจบก็จับมือของผมเอาไว้แล้วดึงให้เข้าไปประชิดตัว คุณภูผาที่เห็นอย่างนั้นเลยเดินเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นก็ตวัดสายตามองมาที่ผมอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะเบนกลับไปจ้องที่พฤกษ์เหมือนเดิม


   “แต่พี่ก็ไม่ยอมรับผู้ชายคนนี้เป็นแม่บ้านเหมือนกัน ที่นี่เป็นบ้านของพี่ เพราะงั้นพี่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด” พอได้ยินแบบนี้พฤกษ์ก็ทำเสียงขึ้นจมูก จากนั้นก็ใช้นิ้วดันแว่นพลางใช้สายตาคมกริบจ้องมองไปที่คุณภูผา


   “แต่พวกเราเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอว่า บ้านหลังนี้ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครใหญ่กว่าใครถึงแม้จะเป็นพี่ภูก็ตาม”


        สายตาและคำพูดของพฤกษ์ยิ่งทำให้คุณภูผาไม่สบอารมณ์หนักขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นพฤกษ์ก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด เพราะงั้นทั้งสองคนจึงได้จ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนผมแทบจะเห็นสายฟ้าผ่าลงมาตรงกลาง แถมยังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศมาคุสุดๆ อีกต่างหาก


   ทำยังไงดี เรื่องราวมันชักจะบานปลายไปกันใหญ่แล้ว ผมต้องทำยังไงถึงจะให้พฤกษ์กับคุณภูผาเลิกทะเลาะกันได้ล่ะเนี่ย!


   2BC


 :m9: สวัสดีค่ะทุกคนหัวใจชิงรักก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า แต่ตอนแรกก็เกิดศึกระหว่างพี่น้องซะแล้ว แล้วต่อไปเรื่องราวมันจะวุ่นวายบานปลายไปจนถึงขนาดไหนกันน้อ ยังไงก็ขอฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้กับตะวันกับพี่น้องทั้ง 5 ด้วยนะคะ  :m13:
ว่าแต่...อ่านมาจนถึงตอนนี้พอจะเดากันได้รึยังน้อว่าใครคือพระเอกของเรื่องนี้ (บอกไว้ก่อนเน่อว่าไม่ใช่ 3 4 5 6P นะคะ) มีคนที่เชียร์เป็นพิเศษมั้ยคะ คือเท่าที่เห็นเหมือนเรื่องมันจะเอนเอียงเอียงไปทางพฤกษ์ไม่ก็ภูผาใช่ม้า แต่ก็ไม่แน่น้าว่าบางทีพระเอกอาจจะเป็นเพลิง ธาร หรือว่าวาก็ได้ (ถึง 2 คนหลังจะเป็นเคะก็เถอะ แต่เคะxเคะก็ใช่ว่าจะไม่มีคนเขียนใช่ม้า อิอิ)  o3
แล้วมาลุ้นกันตอนต่อๆไปนะคะว่าใครจะเป็นพระเอก ซึ่งตอนหน้าอีกสัก 2 วันเราน่าจะมาลงให้อ่านกันได้ค่ะ หวังว่าคงจะไม่นานเกินไปเนอะ ยังไงก็รอเค้าด้วยน้า ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่เข้ามาอ่านและเม้นให้นิยายเรื่องนี้  :pig4: ตอนแรกๆถึงคนอ่านและเม้นจะยังน้อยอยู่แต่เราก็หวังว่าต่อไปจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนะคะ ยังไงก็อย่าพึ่งทิ้งเราไปไหนน้า  :dont2:  แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ บ๊ายบายยยยยยยย  :bye2:


หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | พี่น้องหนุ่มหล่อทั้ง 5 (9.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-06-2017 19:10:22
ถ้าดูจากรูป ภูมิพฤกษ น่าจะเป็นคนผมดำลำดับที่ไม่สองก็สาม ดังนั้นเดาว่าพระเอกเรื่องนี้น่าจะเป็นพี่ใหญ่ ภูผา นั่นเอง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | พี่น้องหนุ่มหล่อทั้ง 5 (9.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 10-06-2017 05:44:42
อิจฉาตะวันอยากไปอยู่ตรงนั้นแทน :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | พี่น้องหนุ่มหล่อทั้ง 5 (9.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 10-06-2017 07:31:25
 o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ศึกระหว่างพี่น้อง (12.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 12-06-2017 23:43:53
ภูผาพี่ใหญ่นี่หล่ะพระเอก
ส่วนตัวชอบคู่แฝดพฤกษ์เพลิงมากกว่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ศึกระหว่างพี่น้อง (12.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 13-06-2017 08:36:26
 :hao7: ลุ้นไปด้วยเลยแต่เราชอบพฤกษ์นะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอน2บททดสอบแม่บ้านมือใหม่ (16.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 15-06-2017 23:37:51
Part 2# Tawan บททดสอบแม่บ้านคนใหม่


   “พอได้แล้วทั้งสองคน จะทะเลาะกันให้อายแขกอย่างตะวันทำไม” คุณธารพูดขึ้นหลังจากที่พฤกษ์และคุณภูผาจ้องตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้เป็นนาที พอได้ยินแบบนี้คุณภูผาเลยเหลือบสายตามองมาทางผมแว้บหนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาว่า...


   “พี่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้คือแขกของบ้านเราหรอกนะ” สายตาที่มองมานั้นไม่เท่าไหร่ แต่คำพูดที่แสดงออกถึงความเกลียดชังมันทำให้ผมรู้สึกแย่มากจนอยากจะร้องไห้อยู่แล้ว อยากรีบออกไปจากบ้านหลังนี้จัง


   “เอาเข้าไป นี่พี่ภูจะจงเกลียดจงชังอะไรตะวันนักหนา พฤกษ์ก็บอกแล้วไงว่าตะวันคือเพื่อนที่เรียนเอกเดียวกัน ไม่ได้เป็นผู้ชายขายน้ำอย่างที่พี่คิดสักหน่อย” คุณธารกอดอกแล้วทำหน้าดุใส่คุณภูผา แต่คุณภูผาก็ไม่แคร์แถมยังยักไหล่ใส่อีกต่างหาก


   “ให้ตายสิ คนแก่นี่มันพูดยากจริงๆ” พอได้ยินคุณธารพูดใส่แบบนี้คุณภูผาก็เลยชักยั้วะขึ้นมา


   “นี่ธาร...” แต่ยังไม่ทันที่คุณภูผาจะได้พูดอะไร คุณธารก็หันมาทางผมแล้วชิงพูดตัดหน้าขึ้นมาซะก่อน


   “ตะวันไม่ต้องไปสนใจคนแก่ทิฐิมากคนนั้นหรอกนะ เพราว่าฉัน พฤกษ์ เพลิง แล้วก็วาเต็มใจให้ตะวันทำงานที่นี่...จริงมั้ยทุกคน?” ประโยคหลังคุณธารหันหน้าไปถามทุกคนที่กล่าวถึง ซึ่งทั้งหมดก็พยักหน้าลงแล้วตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน


   “จริงครับพี่ธาร!”


   “เฮ้อออออ ให้มันได้อย่างนี้สิ” คุณภูผาที่เห็นอย่างนั้นเลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมศีรษะ ส่วนผมที่ถึงแม้คุณธาร พฤกษ์ เพลิง แล้วก็น้องวาจะเต็มใจให้ทำงานที่นี่ แต่ถ้าคุณภูผาไม่โอเคผมก็ไม่อยากทำงานที่นี่ให้บรรยากาศมันอึดอัดหรอก


   “ผมขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะครับ แต่ผมไม่ขอรบกวนดีกว่า ผมขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอครับ”


   “อ้าว ทำไมล่ะตะวัน หรือเป็นเพราะพี่ภูงั้นหรอ?” พฤกษ์พูดขึ้นก่อนที่จะตวัดสายตาไปทางคุณภูผา ผมเลยรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที


   “เปล่านะพฤกษ์! มันไม่ใช่เพราะคุณภูผาหรอก!” ถึงแม้ความจริงมันจะเป็นเพราะเรื่องนี้ แต่ผมจะกล้าพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไงกันเล่า


   “ถ้างั้นแล้วมันเป็นเพราะอะไร ก่อนหน้านี้ตะวันก็โอเคไม่ใช่หรอถึงได้ขึ้นรถมากับเรา”


   “นั่นมันก็ใช่ แต่...”


   “แต่อะไร?” พฤกษ์จ้องหน้าผมอย่างจับผิด ผมที่โกหกไม่เก่งและไม่ทันได้คิดข้ออ้างเอาไว้ เลยได้แต่เงียบแล้วก้มหน้าลงต่ำเท่านั้น


   “สรุปก็เป็นเพราะพี่ภูสินะ” พอพฤกษ์พูดแบบนี้ผมเลยเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะปฏิเสธอีกครั้ง แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของคุณภูผาที่มองมา มันก็ทำให้ผมกลัวจนต้องก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม


   คนอะไรตาดุชะมัด!


   “พี่ตะวันจะไม่เป็นแม่บ้านให้พวกเราจริงๆ หรอครับ ผมเบื่อที่จะต้องกินข้าวกล่องเซเว่นแล้วนะ ผมอยากให้พี่ตะวันทำให้กิน ผมเชื่อว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ เลย” น้องวาเกาะแขนของผมแล้วมองตาปริบๆ เพลิงเลยพยักหน้าแล้วพูดขึ้นสนับสนุนน้องวา


   “จริงด้วยวา พี่ก็เบื่อข้าวเซเว่นเหมือนกัน ให้น้อยไม่พอยังไม่อร่อยอีกต่างหาก...นี่ นายเปลี่ยนใจมาเป็นแม่บ้านให้พวกเราเถอะ”


   “เอ่อ...คือเราไม่...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบปฏิเสธเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ออกไป คุณธารก็ชิงพูดขัดขึ้นมาซะก่อน


   “อย่าปฏิเสธเลยนะตะวัน ทุกวันนี้ฉันไปทำงานเกือบจะสายตลอด ก็เพราะต้องตื่นมาทำอาหารเช้าให้ไอ้พวกนี้ แถมยังต้องรีดผ้า แล้วก็ซักผ้าให้อีกต่างหาก จนตอนนี้ฉันแทบจะเปลี่ยนสถานะจากพี่ไปเป็นแม่ของพวกมันอยู่แล้วนะ” แต่เอาจริงๆ ผมคิดว่าคุณธารก็เหมาะจะเป็นแม่ของทุกคนในบ้านอยู่นะ ส่วนพ่อก็ต้องเป็นคุณภูผาอย่างไม่ต้องสงสัย


   “ก็อย่างที่ทุกคนพูดไปนั่นแหละ ถ้าตะวันมาเป็นแม่บ้านของที่นี่ก็จะช่วยทุกคนได้เยอะเลย ส่วนตะวันก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน เพราะนอกจากจะพักอยู่ที่นี่ฟรีก็ยังมีเงินเดือนให้อีกต่างหาก ตะวันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำงานหลายๆ อย่างเหมือนเมื่อก่อน แล้วถ้าวันไหนวิชาเรียนตรงกันกับเราก็สามารถติดรถเราไปเรียนได้อีกต่างหาก อยู่ที่นี่ตะวันมีแต่ได้กับได้ลองคิดดูดีๆ นะ”


        สิ่งที่พฤกษ์พูดนั้นถูกต้องทั้งหมด ผมมีแต่ได้กับได้จริงๆ ถ้าทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่ แต่ว่าถ้าต้องทำงานกับคนที่ไม่ชอบผมไปตลอด มันก็จะเป็นการอึดอัดทั้งสองฝ่ายเลยน่ะสิ


   “นี่สรุปพวกแกจะเอาผู้ชายคนนี้เป็นแม่บ้านจริงๆ ใช่มั้ย” คุณภูผาพูดขึ้น พลางใช้สายตาดุๆ จ้องมองมาที่ผม จนตอนนี้ผมที่แทบจะทำตัวหดลีบอยู่แล้วยิ่งลีบลงเข้าไปใหญ่


   “ใช่ ถึงพี่ภูไม่จ่ายค่าจ้างแต่ผมก็จ่ายเองได้ไม่มีปัญหา” คุณธารพูด


   “เรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ แต่พวกแกไม่คิดจะทดสอบดูหน่อยหรอว่าผู้ชายคนนี้ทำอะไรเป็นบ้าง เอาเรื่องหลักๆ เลยก็คือกับข้าว ไม่รู้ว่าจะทำออกมารสชาติเป็นยังไง กินได้รึเปล่าก็ไม่รู้” พอได้ยินแบบนี้พฤกษ์เลยรีบตอบคุณภูผาไปเลยทันที


   “ทำไมจะกินไม่ได้ ในเมื่อผมเคยกินมาแล้ว”


   “แต่พี่ยังไม่เคยกิน เพราะงั้น...ไปลองทำกับข้าวมาให้ฉันกินสิ ถ้าหากรสชาติผ่านฉันก็จะให้นายทำงานที่นี่” ประโยคหลังคุณภูผาหันหน้ามาคุยกับผม


   “เอ่อ...แต่ว่าผมไม่ได้...” ผมตั้งใจจะบอกว่าผมไม่ได้คิดจะทำงานที่นี่ แต่ก็ถูกพฤกษ์พูดขัดขึ้นมาซะก่อน ก็ไม่รู้ว่าคนบ้านนี้ชอบพูดขัดจังหวะ หรือว่าผมกันแน่ที่คิดช้าพูดช้าจนเกินไป


   “มันจะไปผ่านได้ยังไงล่ะพี่ภู ก็ในตู้เย็นมีแต่ของเหลือทั้งนั้น” พฤกษ์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่คุณภูผากลับยักไหล่อย่างไม่แคร์


   “ของเหลือแล้วยังไง ในเมื่อมันก็เป็นของกินเหมือนกัน”


   “พี่ภู!”


   “เอ่อ...พฤกษ์ เราว่าเราทำได้นะ ปกติเราก็เอาของเหลือมาทำกับข้าวกินอยู่แล้ว” คำพูดนั้นทำเอาพฤกษ์และคุณภูผาที่กำลังจะเริ่มเปิดศึกกันอีกครั้งถึงกับชะงัก จากนั้นพฤกษ์ก็หันหน้ามองมาทางผม


   “นี่ตะวันพูดจริงๆ หรอ?”


   “อืม เราทำงานพิเศษที่ร้านอาหาร บางวันมีอาหารหรือวัตถุดิบที่ใกล้เสีย เจ้าของร้านก็จะให้เราเอากลับมาทำกินที่บ้านน่ะ”


   “งั้นก็ดีเลย...พี่ภู ถ้าเกิดตะวันทำกับข้าวอร่อยก็อย่าคืนคำก็แล้วกัน” พฤกษ์หันไปพูดกับคุณภูผาที่กำลังทำหน้าเซ็งหน่อยๆ จากนั้นก็จูงมือผมพาเดินไปที่ห้องครัว โดยมีน้องวาเดินตามมาติดๆ


   “นี่ๆ พี่ตะวันจะทำอะไรให้พี่ภูกินหรอครับ แล้วมีส่วนของผมด้วยมั้ย ผมก็อยากกินข้าวที่พี่ตะวันเป็นคนทำเหมือนกันนะครับ” น้องวาถามหลังจากที่ผมเปิดตู้เย็น แล้วก็เอาของที่พอจะทำเป็นอาหารได้ออกมาวางเรียงกันตรงข้างๆ เตาไฟฟ้า


   ของทั้งหมดมีอย่างละนิดละหน่อย แต่ก็พอจะเอามาทำเป็นอาหารได้อยู่ ซึ่งก็มีข้าวสวยของเซเว่น เนื้อหมู เต้าหู้ ไส้กรอก แฮม เศษผักต่างๆ แล้วก็ไข่ไก่อีก 3 ฟอง


   “อืม...ของคุณภูผาน่าจะเป็นข้าวผัดห่อไข่กับแกงจืดมั้ง ส่วนของน้องวา...ถ้าเป็นข้าวผัดอเมริกันก็น่าจะพอทำได้” เพราะพวกซอสที่นี่ก็มีครบ ส่วนลูกเกดกับน่องไก่ถึงแม้ว่าจะไม่มีแต่ก็พอถูๆ ไถๆ ทำได้ล่ะนะ


   “ว้าววววว แค่ได้ยินน้ำลายผมก็เริ่มไหลแล้วครับพี่ตะวัน” น้องวาพูดด้วยสายตาเป็นประกาย ความน่ารักสดใสนั้นทำเอาผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้


   “เอาล่ะวา พี่ว่าตอนนี้เราออกไปรอที่ห้องนั่งเล่นกันดีกว่า อยู่ที่นี่มีแต่จะเกะกะตะวันจนทำอะไรไม่สะดวก”


   “โอเคครับพี่พฤกษ์ ถ้างั้นพี่ตะวันก็สู้ๆ น้า” น้องวาหันมาพูดให้กำลังใจผม ส่วนพฤกษ์ก็ยิ้มให้บางๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องครัวไปรอที่ห้องนั่งเล่น


   จากนั้นผมก็เอาวัตถุดิบมาหั่นเตรียมไว้ โดยแยกเป็นของอาหารแต่ละอย่างเพื่อไม่ให้ปนกัน แล้วเริ่มต้นลงมือทำซึ่งก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง


   ถ้าหากคุณภูชอบกับข้าวพวกนี้ และยอมรับผมโดยไม่มีท่าทีต่อต้านอีกก็ดีสินะ เพราะการจะหางานที่มีที่พักฟรีแถมยังมีเงินเดือนให้ด้วยอีกมันแทบไม่มีแล้วล่ะ


   “เสร็จรึยังตะวัน พี่ภูเริ่มบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้ว” คุณธารเดินมาตามผมด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย


   “เสร็จพอดีเลยครับคุณธาร” ผมพูดจบก็ยกจานข้าว 2 ใบขึ้นมา แต่ยังเหลือถ้วยแกงจืดอยู่ที่โต๊ะ คุณธารที่เห็นอย่างนั้นเลยเดินมายกขึ้นไป


   “เดี๋ยวฉันช่วยถือนะ”


   “ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มพร้อมกับค้อมศีรษะให้คุณธาร จากนั้นจึงได้เดินออกไปยังห้องรับแขก แล้ววางจานข้าวผัดอเมริกันไว้ตรงหน้าน้องวา ส่วนข้าวผัดห่อไข่ไว้ตรงหน้าคุณภูผา โดยมีคุณธารวางแกงจืดตามลงมาติดๆ


   “ว้าววววว น่ากินมากๆ เลยครับพี่ตะวัน” น้องวาพูดด้วยสายตาเป็นประกาย ส่วนคุณภูผาก็พูดขึ้นด้วยหน้าตาบูดบึ้งเหมือนเดิม


   “หน้าตาน่ากินก็จริงนะวา แต่ก็ใช่ว่ารสชาติจะดีไม่ใช่รึไง”


   “งั้นผมจะลองกินเดี๋ยวนี้แหละพี่ภู” พูดจบน้องวาก็ตักกับข้าวที่อยู่ในจานเข้าปาก เท่านั้นแหละ...


   “ว้าววววว อร่อยสุดยอดดดดด!” น้องวาทำตาเป็นประกายขึ้นกว่าเดิม จากนั้นก็รีบตักทั้งแฮมและไข่ดาว รวมทั้งแกงจืดที่ผมทำให้คุณภูผาเข้าปากตามไปติดๆ


   “โอ๊ยยยยย อันนี้ก็อร่อยสุดๆ เหมือนกัน!”


   “รีบกินอะไรขนาดนั้นวา เดี๋ยวก็ติดคอกันพอดีหรอก” คุณภูผาหันไปทำหน้าดุใส่น้องวา


   “โหยพี่ภู ผมไม่ได้กินกับข้าวที่อร่อยขนาดนี้มานานมากแล้วนะ ฮืออออ น้ำตาจะไหล” น้องวากินไปพูดไป ภาพที่เห็นทำเอาผมเอ็นดูจนต้องยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของคุณภูผาที่มองมา ผมก็ต้องรีบหุบยิ้มลงอย่างรวดเร็ว


   “แล้วนี่เมื่อไหร่พี่ภูจะลองกินกับข้าวฝีมือตะวันสักที หวังว่าคงไม่ได้กะรอให้มันเย็นแล้วก็หาเรื่องว่าไม่อร่อยหรอกนะ” ประโยคนี้พฤกษ์เป็นคนพูดขึ้น เพลิงเลยพูดเสริมขึ้นบ้าง


   “แต่กูว่าไม่ใช่หรอกว่ะ พี่ภูคงกลัวว่าจะติดใจเหมือนกับวามากกว่าล่ะมั้ง” พอพูดจบเพลิงก็หัวเราะคิกๆ คักๆ จนคุณภูผาชักยั้วะขึ้นมา


   “เงียบไปเลยไอ้พวกแฝดนรก” คุณภูผาหันไปทำหน้าดุใส่พฤกษ์กับเพลิง จากนั้นก็จับช้อนกับส้อมขึ้นมาแหวกไข่เจียวที่ห่อข้าวผัดเอาไว้ แล้วตักข้าวผัดที่อยู่ข้างในขึ้นมาใส่ปาก


   “พี่ไม่คิดว่าข้าวผัดที่ทำจากของเหลือแบบนี้มันจะ...เฮ้ย อร่อย!” แล้วคุณภูผาที่เบ้ปากทำหน้าตาเหยียดข้าวผัดที่ผมทำอยู่เมื่อกี้ ก็เปลี่ยนสีหน้าไปเป็นตรงข้ามกันทันทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ


   “ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ เลยนะครับคุณภูผา” ผมยิ้มกว้างด้วยความดีใจ


   “เฮ้ย ฉันไม่ได้...” แต่ยังไม่ทันที่คุณภูผาจะได้พูดอะไรออกมา น้องวาก็ตักหมูสับและเต้าหูhในแกงจืดเข้าปากของคุณภูผาเข้าไปซะก่อน


   “นี่ก็อร่อยใช่มั้ยล่ะครับ! พี่ธาร พี่พฤกษ์ แล้วก็พี่เพลิงลองมากินด้วยกันสิ กับข้าวฝีมือพี่ตะวันอร่อยสุดยอดไปเลย” พอน้องวาเอ่ยชวนแบบนี้ ทุกคนเลยลองชิมอาหารทุกจานฝีมือของผมบ้าง ซึ่งก็ได้รับคำชมว่าอร่อยถูกปากจนตอนนี้ผมหน้าบานยิ่งกว่าจานข้าวซะอีก


   “เห็นมั้ยล่ะ ผมบอกแล้วว่ากับข้าวฝีมือตะวันอร่อยจริงๆ…เก่งมากเลยนะตะวัน” พฤกษ์หันไปเย้ยคุณภูผาก่อนที่จะหันหน้ามายิ้มให้ผม รอยยิ้มกับคำชมนั้นทำให้ผมอดที่จะยิ้มออกมาอย่างเขินๆ และดีใจไม่ได้


   “เพราะงั้นพี่ภูก็คงไม่คัดค้านแล้วนะ ถ้าพวกเราจะให้ตะวันทำงานเป็นแม่บ้านของที่นี่” คุณธารพูดขึ้น เท่านั้นแหละทุกคนก็หันไปจ้องมองคุณภูผาเป็นสายตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่ผมเช่นกัน


ตอนนี้ผมกับทุกคนลุ้นกับคำตอบของคุณภูผาจนแทบจะหยุดหายใจอยู่แล้ว!


   “เอ่อ...กับข้าวเมื่อกี้มันก็รสชาติไม่ได้แย่ล่ะนะ เพราะงั้น...ฉันจะยอมให้นายทำงานเป็นแม่บ้านของที่นี่ก็ได้”


คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาจนแก้มแทบปริ ส่วนคุณธาร พฤกษ์ และเพลิงก็ยิ้มกว้างออกมาเช่นกัน มีน้องวานี่แหละที่ดีใจกว่าใครเพื่อน เลยรีบลุกจากโซฟาเข้ามาสวมกอดผมอย่างแนบแน่นด้วยความลิงโลด


“ไชโย! ได้เวลาบอกลาข้าวเซเว่นแล้ว! เย่ๆๆ!”


“ต่อไปน้องวาอยากกินอะไรก็บอกพี่ได้เลยนะ เอ่อ...ขอบคุณคุณภูผาด้วยนะครับที่อนุญาตให้ผมทำงานที่นี่” ประโยคหลังผมหันไปมองคุณภูผาแล้วยิ้มออกมาบางๆ


“ก็หวังว่าจะทำหน้าที่อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องล่ะนะ” คุณภูผาพูดจบก็ลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในห้องของตัวเอง


ถึงแม้ว่าคำพูดนั้นจะดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ ส่วนสีหน้าก็ยังดูดุเหมือนเดิม แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าคุณภูผาลดความอคติที่มีต่อผมไปจนเกือบหมดแล้ว เพราะงั้น...


“ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะทุกคน”


การเป็นแม่บ้านของผมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!


_________________________________


“นี่คือห้องนอนของตะวันนะ อยู่ได้ใช่มั้ย เล็กไปรึเปล่า?” พฤกษ์เดินมาส่งผมยังห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างของบ้าน ส่วนทุกคนจะอยู่ชั้นสองและมีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง


               “ไม่เล็กเลยพฤกษ์ นี่มันกว้างจะตาย แทบจะเท่าห้องที่อพาร์ทเม้นท์เก่าของเราเลยด้วยซ้ำ เราชอบมากเลย” ห้องนี้มีโต๊ะ ตู้ เตียง แล้วก็เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นครบครัน เรียกได้ว่าดีกว่าห้องที่ผมเคยเช่าอยู่ไม่รู้กี่เท่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีห้องน้ำในตัว แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะห้องน้ำก็อยู่ข้างๆ ห้องผมนี่แหละ


               “ดีแล้วที่ตะวันชอบ ถ้างั้นคืนนี้ก็พักผ่อนซะนะ พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์เพราะงั้นไม่ต้องตื่นเช้ามากก็ได้ วันนี้ตะวันก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วด้วย” พฤกษ์วางมือลงบนศีรษะของผมแล้วส่งยิ้มออกมาบางๆ รอยยิ้มนั้นทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาเลย


               “ขอบคุณนะพฤกษ์ ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องเลย” ผมยิ้มกว้างจนตาหยี เพราะรู้สึกขอบคุณพฤกษ์จากใจจริงที่ชวนผมมาอยู่ที่นี่


               “ตะวัน...” พฤกษ์เรียกชื่อผมอย่างแผ่วเบา พร้อมกับจ้องมองเข้ามาในดวงตาของผมเพื่อที่จะสื่ออะไรบางอย่าง แต่ผมไม่เข้าใจเลยได้แต่จ้องกลับไปด้วยความงุนงง พฤกษ์เลยเลื่อนฝ่ามือลงมาประคองที่ข้างแก้มของผม แล้วก้มหน้าลงมาช้าๆ แต่พอเห็นว่าผมยังคงทำตาแป๋วเหมือนเดิม พฤกษ์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วเงยหน้ากลับขึ้นไปด้านบน


               “ฝันดีนะตะวัน เราไม่กวนละ” พฤกษ์พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องทันที ส่วนผมก็งงไปเลยน่ะสิกับการกระทำของพฤกษ์ แต่ก็พยายามคิดว่าพฤกษ์อาจจะง่วงนอนเลยมึนๆ ผมจึงไม่สนใจอะไรต่อ


               ผมจัดการเก็บเสื้อผ้าและข้าวของให้เข้าที่อย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดตัว อุปกรณ์อาบน้ำ และชุดสำหรับใส่นอนเข้าไปในห้องน้ำ


                ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานมากนักก็เดินออกมา แต่พอเข้าห้องไปเท่านั้นแหละผมก็ต้องชะงักเพราะเห็นน้องวากำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงของผม แถมยังเปิดแอร์ในห้องซะเย็นฉ่ำ ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจว่าจะเปิดพัดลมนอนเพราะกลัวเปลืองไฟ


               “อ้าว น้องวามาทำอะไรที่นี่งั้นหรอ?”


               “ผมว่าจะมาขอนอนด้วยคนน่ะครับ พี่ตะวันคงไม่ว่าอะไรหรอกเนอะ” น้องวาวางโทรศัพท์ลงแล้วยิ้มให้ผมอย่างน่ารัก


               “พี่ไม่ว่าหรอก ยินดีเลยล่ะ” ผมยิ้มตอบน้องวา จากนั้นก็เอาผ้าเช็ดตัวไปตาก ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่แล้วก็ใส่ลงในตะกร้า


               “น้องวาจะทำอะไรรึเปล่า พี่ว่าจะปิดไฟนอนแล้ว”


               “ไม่ครับ พี่ตะวันปิดไฟได้เลย” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ปิดไฟแล้วเดินขึ้นไปนอนบนเตียงข้างน้องวา เตียงในห้องนี้มีขนาดกว้าง 5 ฟุต เพราะงั้นผมกับน้องวาเลยสามารถนอนด้วยกันได้อย่างสบาย โดยไม่รู้สึกว่าเบียดแต่อย่างใด


               “ราตรีสวัสดิ์นะน้องวา”


               “ราตรีสวัสดิ์เหมือนกันครับพี่ตะวัน”


               หลังจากที่ผมกับน้องวาพูดจบห้องนี้ก็เริ่มเข้าสู่ความเงียบ ผมเป็นคนนอนง่ายอยู่แล้ว เพราะงั้นเพียงไม่กี่นาทีก็เคลิ้มจนแทบจะหลับ แต่น้องวาท่าทางจะเป็นคนนอนยากถ้าผิดที่ เพราะได้พลิกไปพลิกมาเปลี่ยนท่าอยู่หลายรอบ


               “นอนไม่หลับหรอน้องวา?”


               “เอ่อ...ครับ คือผมเป็นคนติดหมอนข้าง พอไม่มีกอดผมเลยนอนไม่ค่อยหลับอะครับ”


               “อ้อ แล้วทีนี้จะทำไงดีล่ะ ที่ห้องนี้ก็ไม่มีหมอนข้างซะด้วย หรือว่าจะให้พี่ขึ้นไปเอาที่ห้องให้มั้ย?”


               “ไม่ต้องหรอกครับพี่ตะวัน ผมเกรงใจ”


               “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ก็พี่เป็นแม่บ้านของบ้านนี้นี่นา ถ้าน้องวามีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” ตอนแรกผมก็คิดว่าน้องวาจะให้ผมขึ้นไปเอาหมอนข้างที่ห้องให้ แต่สิ่งที่น้องวาพูดกลับเป็น...


               “ถ้างั้นผมขอกอดพี่ตะวันแทนหมอนข้างได้มั้ยครับ?”


               “หา!” ผมอุทานด้วยความตกใจ แต่พอได้ยินน้องวาทำเสียงเศร้าๆ แล้วพูดเบาๆ ออกมาว่า ‘ไม่ได้จริงๆ ด้วยสินะ’ ผมก็ใจอ่อนยวบลงทันที


               “ทำไมจะไม่ได้ล่ะน้องวา เมื่อกี้พี่แค่ตกใจเฉยๆ” เท่านั้นแหละเสียงของน้องวาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสดใสเหมือนเดิม


               “ถ้างั้นผมก็กอดพี่ตะวันได้เลยใช่มั้ยครับ!”


               “เอ่อ...ได้สิ มาเลยน้องวา” ผมกางแขนออก น้องวาเลยรีบขยับเข้ามากอดผมโดยซุกหน้าลงที่แผ่นอก


               ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นนอนกอดเป็นครั้งแรกทำให้ผมใจเต้นขึ้นมานิดนึง แถมยังรู้สึกแปลกๆ เวลาที่น้องวาขยับใบหน้า วงแขน และฝ่ามือไปมา ซึ่งอาจเป็นเพราะกำลังจัดท่าทางให้นอนได้อย่างสบายก็ได้ล่ะมั้ง


               ผมพยายามไม่คิดอะไรแล้วอยู่นิ่งๆ เพื่อจะได้นอนหลับอย่างที่ตั้งใจ แต่น้องวาก็ยังไม่ยอมหยุดขยับสักที แถมยังมีแนวโน้มจะขยับมากกว่าเดิมจนผมชักรู้สึกอึดอัด ซึ่งขณะนั้นเองก็มีเสียงสวรรค์ดังขึ้นเพื่อช่วยเหลือผมจากสถานการณ์ตรงนี้


               ก๊อก ก๊อก ก๊อก


               เสียงเคาะประตูห้องผมดังขึ้น ถึงจะไม่รู้ว่าใครแต่ผมก็รีบลุกพรวดขึ้นจากที่นอนไปเปิดประตูทันที เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะดีกว่านอนอยู่บนเตียงกับน้องวา


               แต่แล้ว...


              ผมก็คิดผิดถนัด! เพราะเมื่อเปิดมาเจอเพลิงก็ถูกดันเข้ามาในห้อง ก่อนที่เพลิงจะปิดประตูแล้วดันผมติดกำแพง แถมยังใช้มือทั้งสองข้างปิดกั้นทางหนีของผมเอาไว้อีกต่างหาก


               “จะ...จะทำอะไรน่ะเพลิง!” ผมถามอย่างตะกุกตะกักด้วยความกลัวและตกใจ


               “แล้วนายคิดว่าเรากำลังจะทำอะไรล่ะ?” เพลิงก้มหน้าลงมาใกล้ๆ ผม แล้วใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ที่พวงแก้มไปมา ถึงแม้ว่าห้องนี้มันจะมืดเพราะไม่ได้เปิดไฟ แต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้เพลิงต้องกำลังทำหน้าเจ้าเล่ห์อยู่แน่ๆ


               แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร จู่ๆ ไฟในห้องก็สว่างวาบขึ้นมา ตามด้วยเสียงของน้องวาที่ดังขึ้นอยู่ใกล้ๆ พลางเบ้ปากใส่เพลิง


               “ถามจริงเถอะครับ นี่พี่เพลิงมองไม่เห็นผมเลยงั้นหรอ?”


               “เฮ้ย! นี่แกก็อยู่ที่นี่ด้วยหรอวา!” ท่าทางแบบนี้ก็ชัดเจนเลยล่ะว่าเพลิงต้องมองไม่เห็นน้องวาชัวร์ ผมเลยถือโอกาสที่เพลิงกำลังตกใจ เบี่ยงตัวหลบออกมาแล้วไปยืนที่ด้านหลังของน้องวา


               “พี่เพลิงนี่น้า มาช้าไม่พอยังตาถั่วด้วยอีกต่างหาก” น้องวาส่ายหน้าไปมาพลางทำหน้าสงสาร...ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็ต้องเป็นสมเพชมากกว่า


               “หนอย...ไอ้น้องคนนี้ ปากดีแบบนี้มันน่าจับมัดแล้วตีก้นซะให้เข็ด!”


               “ผมคงจะอยู่เฉยๆ รอให้พี่เพลิงมาจับตัวได้หรอก! แบร่!” น้องวาแลบลิ้นใส่แล้ววิ่งหนี เพลิงที่เห็นอย่างนั้นเลยชี้หน้าแล้ววิ่งไล่ตามทันที แต่วิ่งไล่จับในห้องนอนแบบนี้พื้นที่มันก็มีแค่นิดเดียวล่ะนะ


               ผมมองสองพี่น้องวิ่งไล่จับและตะโกนใส่กันด้วยความเอ็นดู แต่ดูท่าผมจะคิดแบบนั้นคนเดียว เพราะเพียงไม่กี่นาทีต่อมาก็มีเสียงเคาะประตูห้องของผมดังขึ้น ซึ่งพอเปิดออกมาก็พบกับคุณธารที่กำลังขมวดคิ้วทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่


               “เสียงอะไรน่ะตะวัน มันดังขึ้นไปถึงห้องของฉันที่อยู่ด้านบนเลย” ท่าทางห้องของคุณธารคงจะอยู่ด้านบนห้องของผมล่ะมั้ง


               “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ว่าตอนนี้น้องวากับเพลิงกำลัง...” ผมพูดแค่นี้ก็ชี้นิ้วให้คุณธารมองดูด้วยตัวเอง พอเห็นแล้วคุณธารก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความระอา


               “เฮ้ออออ ไอ้พวกเด็กไม่รู้จักโต เดี๋ยวฉันจัดการเองตะวัน” พูดจบคุณธารก็เดินเข้าไปในห้องของผม ผมจึงปิดประตูเพื่อกันไม่ให้เสียงหลุดรอดออกไป แล้วยืนดูสามพี่น้องคุยกันอยู่ห่างๆ


               “พอได้แล้วทั้งสองคน ไม่อย่างนั้นพี่จะหักค่าขนมเหลือแค่ครึ่งเดียวนะ” เท่านั้นแหละน้องวากับเพลิงก็หยุดชะงักพร้อมกัน จากนั้นก็นั่งลงที่ปลายเตียงอย่างสงบเสงี่ยม


               “แล้วนี่เข้ามาทำอะไรที่ห้องของตะวัน ดึกแล้วนะทำไมไม่รู้จักหลับจักนอน”


               “คือ...ผม...เอ่อ...ผมกลัวพี่ตะวันเหงาเลยอาสามานอนเป็นเพื่อนครับพี่ธาร” ประโยคนี้น้องวาเป็นคนพูด แน่นอนว่าคุณธารต้องไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่ก็ไม่อยากซักไซ้เลยหันหน้าไปทางเพลิงเพื่อเร่งเอาคำตอบ


               “แล้วเราล่ะว่าไง?”


               “ผมหิวเลยมาบอกให้ตะวันไปทำกับข้าวให้กินน่ะ”


               “หรอ? แล้วอยากกินอะไรบอกตะวันไปรึยัง?”


               “ก็ยัง แบบว่า...ไอ้วามันมากวนประสาทผมก่อนน่ะพี่ธาร” พอได้ยินเพลิงพูดแบบนี้น้องวาก็รีบขัดขึ้นทันทีเลยว่า...


               “แต่นั่นก็เพราะพี่เพลิงกำลังจะลวนลามพี่ตะวันนั่นแหละ!”


               “เฮอะ! แกเองก็คงไม่ต่างกันหรอก ไม่อย่างนั้นจะทำทีอาสามานอนเป็นเพื่อนตะวันทำไม”


               “ผมอาสาเพราะความบริสุทธิ์ใจหรอก!”


               “เชื่อก็โง่แล้วเฟ้ย!”


               “โอ๊ย! พอสักทีทั้งสองคน! ถ้าไม่เลิกเถียงกันพี่จะตัดค่าขนมจริงๆ แล้วนะ!” แล้วหลังจากนั้นคุณธารก็เทศน์น้องวากับเพลิงซะยกใหญ่ ส่วนผมก็ได้แต่ฟังเงียบๆ เพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของพี่น้องครอบครัว ซึ่งขณะที่ผมกำลังเบื่อเพราะไม่มีอะไรทำนั่นเอง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง


               ก๊อก ก๊อก ก๊อก


               “หืม...ใครมาอีกเนี่ย?” นี่เป็นเสียงของคุณธารไม่ใช่เสียงของผม แต่ว่าผมก็กำลังคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน ทำไมคืนนี้ประตูห้องผมถึงได้มีเสียงเคาะไม่หยุดหย่อนเลยนะ

 
               “ครับ! มาแล้วครับ!” ผมพูดขึ้นแล้วรีบเดินไปที่ประตู ซึ่งพอเปิดออกมาก็พบว่าเป็นพฤกษ์ที่บอกฝันดีกับผมไปแล้ว


               “เอ่อ...มีอะไรรึเปล่าพฤกษ์?” ผมเดาไม่ออกเลยว่าพฤกษ์จะมาเคาะห้องของผมทำไม จะมาขอนอนด้วยอย่างน้องวา หรืออ้างว่าหิวข้าวอย่างเพลิงก็คงไม่น่าใช่


               “คือเราจะมาถามตะวันน่ะว่า ที่ห้องนี้มีอะไรขาดเหลือ...อ้าว! พี่ธาร เพลิง วา ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กันได้ล่ะ!” พฤกษ์ที่กำลังพูดอยู่ดีๆ พอเห็นทั้ง 3 คนอยู่ในห้องกับผมก็เบิกตากว้างแล้วอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ


               “เรื่องมันยาวน่ะ เอาเป็นว่าถ้าอยากฟังก็เข้ามา” คุณธารพูดขึ้น พฤกษ์เลยหันมามองหน้าผม ผมจึงยิ้มแล้วก็พยักหน้าให้พฤกษ์เข้าไปข้างใน


               หลังจากนั้นคุณธารก็เล่าที่มาที่ไปของแต่ละคนที่เข้ามาในห้องนี้ให้พฤกษ์ฟัง ตามด้วยการคุยเล่นต่างๆ นานา ซึ่งก็เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละคนให้ผมรับรู้ อย่างเช่นนิสัย งานอดิเรก อาหารที่ชอบ โดยที่ผมได้จดใส่สมุดเล็กๆ เอาไว้ เพราะจะได้ทำหน้าที่ของแม่บ้านให้สมบูรณ์มากขึ้น


               “ฮ้าวววววว” เมื่อเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงน้องวาก็อ้าปากหาวขึ้นมา แต่ละคนเลยตัดสินใจว่าจะแยกย้ายกันกลับห้อง เพราะว่านี่เป็นเวลา 5 ทุ่มเกือบจะเที่ยงคืนซึ่งมันก็ดึกมากแล้ว


               “ราตรีสวัสดิ์นะทุกคน” ผมเดินออกมาส่งทุกคนที่หน้าห้องแล้วโบกมือให้ ทุกคนจึงโบกมือกลับก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดแล้วแยกย้ายเข้าไปในห้องของตัวเอง ส่วนผมก็ปิดประตูแล้วเดินขึ้นไปนอนบนเตียง ในที่สุดก็จะได้นอนสักทีสินะ...


               แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น เพียงไม่กี่นาทีต่อมาในระหว่างที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบ ก็มีเสียงเคาะประตูห้องผมดังขึ้น


               หืม...ใครอีกเนี่ย?


               ผมคิดในใจก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนตรงไปยังประตู พลางคิดว่าบางทีคุณธาร พฤกษ์ เพลิง หรือว่าน้องวาอาจจะมีใครลืมของเอาไว้ในห้องของผมก็ได้


               แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


              พอผมเปิดประตูออกไปกลับพบว่า…คนที่มาเคาะประตูกลับเป็นคนที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายอย่างคุณภูผาซะงั้น!


              คุณภูผามีธุระอะไรกับผมล่ะเนี่ย!


               2BC
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่2 บททดสอบแม่บ้านคนใหม่ (16.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-06-2017 09:40:12
พ่อบ้านคนใหม่ จะฝ่าด่านไปได้มั้ยเนี่ยย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่2 บททดสอบแม่บ้านคนใหม่ (16.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 16-06-2017 10:56:46
รออ่านต่อค่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่2 บททดสอบแม่บ้านคนใหม่ (16.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 16-06-2017 11:35:25
 :m25:มาติดตามโปรเจคซีรีย์ค่ะ ชอบแนวแบบนี้ เอาใจตัวตะวัน พ่อบ้านมือใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่2 บททดสอบแม่บ้านคนใหม่ (16.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 16-06-2017 21:29:07
ยอมได้ซักทีนะพี่ภู
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่2 แม่บ้านผู้เนื้อหอม100% (18.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 18-06-2017 22:58:22
พี่ภูคิดอะไรกับตะวันอะป่าว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่2 แม่บ้านผู้เนื้อหอม100% (18.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 19-06-2017 00:31:34
อยากให้ตะวันคู่กับพี่ภู
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่3 ผู้ชายอบอุ่น (27.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 27-06-2017 21:18:27
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Part 3# Tawan ผู้ชายอบอุ่น?


   “นอนรึยัง?” คุณภูผาถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกกลัวจนมือไม้เกิดสั่นขึ้นมา แถมยังตอบคำถามแบบตะกุกตะกักไปอีกต่างหาก


   “เอ่อ...กำลังจะนอนครับ คุณภูผามีธุระอะไรกับผมรึเปล่า?”


   “พรุ่งนี้ฉันจะพานายออกไปข้างนอก”


   “หา!” ข้างนอกที่ว่า คงไม่ได้หมายถึงจะไล่ผมออกจากบ้านนี้หรอกนะ!


   “ตกใจอะไรนักหนา คิดว่าฉันจะไล่นายออกจากบ้านรึไง” คุณภูผาพูดขึ้นด้วยท่าทีรำคาญราวกับว่าอ่านใจผมได้ แถมพอผมก้มหน้าหลบสายตาไม่ตอบอะไร คุณภูผาก็ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที


   “พรุ่งนี้ฉันจะพานายออกไปซื้อของเข้าบ้าน โดยเฉพาะของกินนายก็เห็นแล้วนี่ว่าในตู้เย็นมันแทบไม่มีอะไรเหลือเลย”


   “อ๋อ ครับ” เฮ้ออออ โล่งอกไปที นึกว่าผมจะโดนคุณภูผาไล่ออกจากบ้านซะแล้ว


   “พรุ่งนี้เจอกัน 6 โมงตรง ทำอะไรเสร็จก็เข้าไปเรียกฉันในห้องทำงานด้วยแล้วกัน” ห้องทำงานของคุณภูผาก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล แต่อยู่ตรงข้ามห้องนอนของผมนี่เอง


   “ได้ครับ ว่าแต่คุณภูผาไม่ขึ้นไปนอนบนห้องล่ะครับ”


   “มีงานด่วนเข้ามา ฉันเลยต้องทำจนถึงเช้า”


   “ถ้างั้นคุณภูผาจะเอากาแฟมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปชงมาให้” พูดจบผมก็ว่าจะเดินไปที่ห้องครัว แต่ก็ถูกคุณภูผากางแขนข้างหนึ่งกั้นเอาไว้ก่อน


   “ไม่ต้อง เรื่องแค่นี้ฉันทำเองได้ นี่มันก็ดึกมากแล้วนายรีบไปนอนซะ ถ้าพรุ่งนี้ตื่นสายฉันไล่นายออกจากบ้านจริงๆ แน่” คุณภูผาใช้น้ำเสียงและสายตาดุๆ มองมาที่ผม ก่อนจะหันหลังแล้วกลับเข้าไปในห้องทำงานโดยไม่สนใจผมอีกเลย


   คนอะไรดุชะมัด เมื่อกี้ผมทำตัวลีบจนแทบจะติดกำแพงอยู่แล้วนะ


        ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณภูผามีความคิดจะไล่ผมออกจากบ้านจริงๆ รึเปล่า ผมรู้แต่ว่าถ้าพรุ่งนี้ผมตื่นสายคุณภูผาต้องใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการไล่ผมออกไปแน่ๆ เพราะงั้นผมเลยรีบกลับเข้าไปในห้องแล้วตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 5 ถึงแม้ว่าผมจะอาบน้ำทำอะไรไม่นาน แต่ตื่นมาก่อนเวลามันก็อุ่นใจกว่าตื่นอย่างกระชั้นชิดมากกว่าล่ะนะ


......................................................
....................................
..................


   กรี๊งงงงงงงงงงงง กรี๊งงงงงงงงงงงง


   เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น จึงได้รีบลุกขึ้นจากที่นอนไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวรวมกันประมาณ 20 นาที พอมีเวลาเหลือเลยไปทำความสะอาดตู้เย็นและจัดห้องครัวรอ


จนกระทั่งใกล้ถึงเวลานัดผมถึงได้วางมือจากงานที่ทำอยู่ แล้วเดินไปยังห้องทำงานของคุณภูผาพลางเคาะประตูเรียก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“คุณภูผาครับ ผมตะวันเองนะครับ” ผมรออยู่สักพักแต่ก็เงียบไร้เสียงตอบรับ ดังนั้นผมเลยลองจับลูกบิดประตูแล้วหมุนดู ซึ่งก็ปรากฏว่าประตูเปิดได้เพราะไม่ได้ล็อกเอาไว้ ผมเลยถือวิสาสะเดินเข้าไปข้างใน หวังว่าคุณภูผาคงจะไม่ว่าอะไรผมหรอกนะ


ห้องนี้เป็นห้องที่มี 2 ห้องเชื่อมต่อกัน โดยเจาะผนังตรงกลางให้โค้งเป็นช่องว่างเพื่อที่จะสามารถเดินไปยังอีกห้องหนึ่งได้ ห้องที่ผมยืนอยู่ตรงนี้มีแต่ชั้นหนังสือและโมเดลบ้านเยอะแยะมากมาย เพราะงั้นคุณภูผาก็น่าจะอยู่ห้องข้างๆ ถึงว่าล่ะเลยไม่ได้ยินเสียงเรียกและเคาะประตูจากผม


ผมเดินไปยังช่องว่างแล้วชะโงกมองไปยังห้องข้างๆ จึงเห็นว่าคุณภูผาที่นั่งหันหลังอยู่กำลังออกแบบบ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่แล้วสักพักคุณภูผาก็หาวออกมาด้วยความง่วง ดูท่าคงจะอดนอนมานานหลายชั่วโมงแล้วสินะ เผลอๆ อาจจะเป็นวันเลยก็ได้


ไปชงกาแฟให้คุณภูผาสักแก้วดีกว่า


เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็เดินกลับออกไปจากห้อง แล้วตรงไปยังครัวเพื่อชงกาแฟให้คุณภูผาทันที ผมไม่รู้ว่าปกติคุณภูผาดื่มสูตรไหน แต่ถ้าให้เดาก็คงไม่น่าชอบหวานล่ะมั้ง เพราะงั้นผมจึงได้ใส่น้ำตาลเพียงแค่ช้อนเดียวเท่านั้น จากนั้นจึงได้เอาไปให้คุณภูผาที่ห้องทำงาน


“กาแฟครับคุณภูผา” ผมพูดขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้ๆ คุณภูผาจึงรีบลุกขึ้นแล้วหันขวับมาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยความหัวเสียใส่ผม


“ใครใช้ให้นายเข้ามาในนี้ แล้วฉันสั่งให้นายไปชงกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่”


นั่นไง กะแล้วเชียวว่าต้องถูกดุแน่ๆ ถึงผมจะเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วที่ทำลงไปโดยพละการ แต่ว่าผมก็อดที่จะก้มหน้าลงและรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อยไม่ได้


“ผมเคาะประตูกับส่งเสียงเรียกแล้วนะครับ แต่คุณภูผาไม่ได้ยิน ส่วนกาแฟผมชงมาให้เองเพราะคิดว่าคุณภูผาอาจจะง่วง แต่ถ้าผมทำให้คุณภูผาโกรธผมก็ต้องขอโทษ...”


“พอๆๆ ไม่ต้องสาธยายด้วยใบหน้าแบบนั้นได้แล้วฉันรำคาญ” คุณภูผาพูดจบก็ยื่นมือมาหยิบแก้วกาแฟจากมือของผมไปดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นก็วาง (กระแทก) ลงบนจานรองที่อยู่ในมือของผม


“คราวหน้าไม่ต้องใส่น้ำตาลมานะ ฉันดื่มแต่กาแฟดำ”


“ครับ ผมจะจำเอาไว้” คิดอยู่แล้วว่าคุณภูผาไม่น่าจะชอบหวาน แต่ก็ไม่คิดว่าจะชอบขมๆ เข้มๆ ขนาดนี้


“นายออกไปรอข้างนอกซะ เดี๋ยวฉันเก็บของเสร็จแล้วจะเดินตามออกไป” คุณภูผาพูดจบก็หันหลังจะเดินไปเก็บของ แต่ก็ต้องชะงักซะก่อนเพราะถูกผมเรียกเอาไว้


“เดี๋ยวก่อนครับ เอ่อ...คือ...ผมว่า...คุณภูผาไปงีบสักหน่อยน่าจะดีกว่านะครับ” พอได้ยินแบบนี้คุณภูผาก็รีบหันหน้ากลับมาทันที


“หา? งีบเนี่ยนะ? พูดบ้าอะไรของนาย”


“ผมไม่ได้บ้านะครับ แต่ว่าคุณภูผาดูง่วงแล้วก็ล้ามากเลย ถ้าขับรถออกไปข้างนอกตอนนี้ผมกลัวว่าจะไม่ไหวเอาน่ะครับ”


“ไหวไม่ไหวฉันรู้ตัวดีนายไม่ต้องมายุ่ง หน้าที่ของแม่บ้านอย่างนายคือทำตามคำสั่งของฉันก็พอเข้าใจมั้ย!”


“ก็เข้าใจอยู่หรอกครับ แต่เรื่องนี้ผมไม่ยุ่งไม่ได้จริงๆ ผมคิดว่าหน้าที่แม่บ้านนอกจากทำงานภายในบ้านแล้ว ก็ต้องดูแลทุกคนที่อยู่ในบ้านด้วยนะครับ”


“นายนี่มันดื้อกว่าที่ฉันคิดอีกนะ!”


“ครับ ผมยอมรับว่าดื้อก็ได้ แต่คุณภูผาก็ต้องยอมไปงีบสักหน่อยตามที่ผมบอกนะครับ เชื่อผมสิว่าหลังจากดื่มกาแฟแล้วได้งีบสัก 15 นาที ตื่นขึ้นมาคุณภูผาจะรู้สึกสดชื่นแน่นอน เพราะคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟจะออกฤทธิ์พอดีเลยครับ”


ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่ผมพูดนั้นมันจริงมั้ย แต่เท่าที่ผมสังเกตดู ถ้าผมดื่มกาแฟแล้วนอนงีบสัก 15 นาทีก่อนออกไปทำงานกะดึกหรือออกไปเรียนตอนเช้า ผมจะรู้สึกสดชื่นแล้วก็ไม่รู้สึกง่วงเลย


“แล้วถ้าฉันไม่รู้สึกสดชื่นแต่ยิ่งง่วงมากกว่าเดิมล่ะ?” ผมรู้สึกไปเองรึเปล่านะว่าสีหน้าของคุณภูผาเปลี่ยนไป จากกำลังหัวเสียกลายเป็นเจ้าเล่ห์ซะงั้น


“เอ่อ...ระ...เรื่องนั้น...”


“ถ้าฉันรู้สึกง่วงมากกว่าเดิม นายต้องรับผิดชอบโดยการเก็บข้าวของแล้วออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ” นั่นไง! ผมกะแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ แน่นอน


“ตะ...แต่ว่าคุณภูผา...อ๊ะ!” แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไป ผมก็ถูกคุณภูผาคว้าที่ข้อมือแล้วลากให้เดินตามไปซะก่อน


“คุณภูผาจะพาผมไปไหนน่ะครับ!” ผมถามด้วยความตกใจ แต่จะขืนตัวเอาไว้ก็ไม่ได้เพราะแรงคุณภูผานั้นเยอะกว่าผม


“ฉันก็จะไปนอนตามที่นายบอกน่ะสิ แล้วจานกับแก้วก็วางเอาไว้ที่โต๊ะซะ ถือเอาไว้อย่างนั้นเดี๋ยวก็เมื่อยตายกันพอดี”


“คะ...ครับ แต่ว่า...คุณภูผาจะไปนอนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะครับ” ผมวางจานรองกับแก้วกาแฟเอาไว้บนโต๊ะตามที่คุณภูผาบอก ก่อนจะถูกคุณภูผาลากไปยังโซฟาตัวยาวที่อยู่ติดกับกำแพงภายในห้อง


“ทำไมจะไม่เกี่ยว ห้องนี้ไม่มีหมอน เพราะงั้นนายก็ต้องเป็นหมอนให้ฉัน”


“หา?” ผมงงกับสิ่งที่คุณภูผาพูด ก่อนที่จะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเมื่อคุณภูผาดันผมให้ลงไปนั่งที่โซฟา จากนั้นก็ทิ้งตัวลงมาเหยียดขาหนุนนอนที่ตักของผม!


“อีก 15 นาทีปลุกฉันด้วยล่ะ” คุณภูผาพูดจบก็ปิดเปลือกตาลง ส่วนผมก็ได้แต่นั่งตัวเกร็งและแข็งทื่อไม่กล้าเคลื่อนไหว เพราะกำลังอึ้งและทำตัวไม่ถูกที่มีคนมานอนหนุนตักเป็นครั้งแรกแบบนี้


ตอนแรกผมก็คิดว่าคุณภูผาอาจจะพูดเล่นไม่ได้กะนอนจริงจัง แต่พอผ่านไปสักพักลมหายใจของคุณภูผาก็สม่ำเสมอ ซึ่งนั่นก็แปลว่าคุณภูผาได้หลับไปจริงๆ เล่นหลับเร็วขนาดนี้แสดงว่าต้องอดนอนมานานมากเลยสินะ


ถ้างั้น...ผมจะยอมเป็นหมอนให้คุณภูผาสัก 15 นาทีก็ได้


ในระหว่างที่รอผมก็ฆ่าเวลาโดยการมองสำรวจห้องนี้ จนกระทั่งไม่มีอะไรที่จะมองแล้วจึงได้เบนสายตาลงมายังเจ้าของห้องที่กำลังนอนหลับหนุนตักของผมอยู่


ถ้าเป็นปกติผมคงกลัวจนไม่กล้ามองหน้าของคุณภูผานานขนาดนี้ แต่ตอนนี้คุณภูผากำลังหลับอยู่ เพราะงั้นผมก็จะมองจนกว่าจะพอใจเลยล่ะนะ
จะว่าไปพอได้มองใกล้ๆ ผมก็รู้สึกว่าคุณภูผานั้นดูหล่อดีแล้วก็หน้าเด็กกว่าที่คิด ปกติเห็นชอบทำแต่หน้าโหดๆ ตาดุๆ แต่พออยู่นิ่งๆ แบบนี้ ผมกลับรู้สึกว่าคุณภูผานั้นดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นแล้วก็ใจดียังไงไม่รู้


ถ้าตื่นมาแล้วเลิกตีหน้ายักษ์ใส่ผมก็ดีสินะ แต่ว่ามันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณภูผาเกลียดผมอย่างกับอะไรดี


ผมมองพิจารณาใบหน้าของคุณภูผาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งครบ 15 นาที ก่อนที่ผมจะทำใจอยู่หลาย 10 วินาทีจึงจะกล้าส่งเสียงเรียกคุณภูผาออกไป


“ตื่นได้แล้วครับคุณภูผา ครบ 15 นาทีแล้วนะครับ”


หลังจากที่ผมพูดจบเปลือกตาของคุณภูผาก็ขยับเคลื่อนไหว ก่อนที่จะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมสบตากับคุณภูผาเข้าอย่างจัง


ก็ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่สามารถเบนสายตาออกไปจากคุณภูผาได้เลย หรือบางทีผมอาจจะกลัวคนคนนี้มากก็ได้ เพราะทันทีที่ตื่นมาใบหน้าที่ผมเคยมองว่าอบอุ่นและใจดี ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นดุราวกับยักษ์ไปซะแล้ว


เราสองคนต่างจ้องเข้าไปในดวงตาของกันและกันอยู่นาน คุณภูผาจึงได้พูดทำลายความเงียบขึ้นมาว่า...


“นายน่ะชอบใช้สายตาไร้เดียงสายั่วคนอื่นเขาไปทั่วเลยรึไง”


“เอ๊ะ?” ผมไม่เข้าใจความหมายของเรื่องที่คุณภูผาพูด เลยได้แต่ขมวดคิ้วทำหน้างุนงง ไม่ได้ตอบปฏิเสธออกไปแต่อย่างใด


“เถียงไม่ได้เพราะฉันพูดแทงใจดำสินะ” คุณภูผาเหยียดยิ้มออกมาที่มุมปาก ก่อนที่จะลุกขึ้นจากตักของผมไปหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าตังที่วางเอาไว้บนโต๊ะ แล้วจึงหันมองมาทางผมที่ยังคงนั่งเอ๋ออยู่ตรงโซฟาที่เดิม


“ถึงนายจะใช้สายตานั้นยั่วคนทั้งบ้านได้ แต่สำหรับฉันจำเอาไว้ว่ามันไม่มีทางได้ผลแน่นอน” พูดจบคุณภูผาก็เดินออกจากห้องไปเลย ส่วนผมก็ได้แต่นั่งอย่างงุนงงอยู่นานสองนาน พลางคิดในใจว่า ผมได้ไปใช้สายตายั่วคุณภูผากับทุกคนในบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่?


แต่บางทีคุณภูผาอาจจะกำลังมึนเพราะพึ่งตื่นก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่พูดอะไรแปลกๆ แบบนั้นออกมาหรอก...คงจะเป็นเพราะนอนไม่พอจริงๆ นั่นแหละ


หลังจากที่สรุปได้แล้ว ผมก็รีบลุกขึ้นแล้วตามคุณภูผาออกไปจากห้อง ซึ่งตอนนี้กำลังเดินตรงไปทางประตูหน้าบ้าน ก่อนที่จะไปยังโรงจอดรถที่มีรถจอดเรียงอยู่ 4 คัน แต่ละคันนั้นมีคนละสีและเป็นคนละยี่ห้อ


ถ้าให้เดาทุกคนในบ้านยกเว้นน้องวาน่าจะมีรถส่วนตัวใช้กันหมด ส่วนใครจะเป็นเจ้าของรถคันไหนก็เดาได้ไม่ยาก เพราะรถของพฤกษ์ที่ผมนั่งมาเมื่อวานเป็นสีน้ำเงินเข้ม สีแดงก็น่าจะเป็นของเพลิง สีขาวก็น่าจะเป็นของคุณธาร ส่วนสีดำก็น่าจะต้องเป็นของคุณภูผาอย่างไม่ต้องสงสัย


แล้วความคิดของผมก็ถูกต้องจริงๆ เมื่อคุณภูผาเปิดประตูรถคันสีดำแล้วเข้าไปนั่งข้างใน พอเห็นแบบนี้ผมก็ว่าจะตามเข้าไปอยู่หรอก แต่มันก็ติดอยู่ที่ผมไม่รู้จะเข้าไปนั่งตรงไหนระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลัง


หากผมเลือกเบาะหน้าคุณภูผาอาจคิดว่าผมทำตัวตีเสมอเจ้านาย แต่ถ้าผมเลือกเบาะหลังคุณภูผาก็จะกลายเป็นคนขับรถของผมไปน่ะสิ


โธ่เอ๊ย ทำไมเรื่องแค่นี้มันถึงได้ตัดสินใจลำบากนักนะ ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่ต้องคิดมากถึงขนาดนี้ แต่นี่เป็นคุณภูผาที่ดูท่าจะไม่ชอบผมเอามากๆ ถ้าหากผมทำอะไรไม่ถูกใจคงจะหาเรื่องต่อว่าไม่ก็ตีหน้ายักษ์ใส่ผมแน่นอน


ซึ่งขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่นั่นเอง คุณภูผาก็เลื่อนกระจกรถลง จากนั้นก็ใช้สายตาดุๆ มองมาทางผมอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก


“นี่! จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย! รีบขึ้นมาสักที!” ไม่พูดเปล่าคุณภูผายังเอื้อมมือมาเปิดประตูเบาะหน้าให้ผมอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าคุณภูผาจะกำลังทำหน้าอารมณ์เสีย แต่ผมกลับยิ้มออกมาด้วยท่าทางดีใจและโล่งใจ เพราะในที่สุดผมก็ไม่ต้องเครียดแล้วว่าจะเลือกนั่งตรงไหนระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลัง


“โดนด่าแล้วยิ้มเนี่ยนะ? นายเป็นบ้ารึไง” ผมไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงแค่ส่งยิ้มไปให้เท่านั้น คุณภูผาเลยทำหน้างง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรก่อนจะหันหน้ามองตรงแล้วเริ่มต้นขับรถออกไปจากตัวบ้าน


ตอนแรกผมก็คิดว่าคุณภูผาจะพาผมไปตลาดเช้า แต่เปล่าเลยเพราะคุณภูผากลับพาผมเข้าแม็กซ์แวลูที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง


ผมเคยมาซื้อของสดที่แม็กซ์แวลูอยู่เหมือนกัน ถึงจะไม่ใช่สาขานี้แต่ว่าของก็มีคุณภาพดีใช้ได้ ส่วนราคานี่ไม่ต้องพูดถึงเพราะแพงกว่าห้างสรรพสินค้าทั่วไปอย่างบิ๊กซีหรือว่าโลตัสพอดู ยกเว้นก็แต่วันพุธหรือว่าช่วงดึกๆ ที่จะมีของลดราคาให้ซื้อเพียบ


“คุณภูผาจะซื้ออะไรเข้าบ้านบ้างหรอครับ?” ผมถามขึ้นหลังจากที่เราสองคนเข้าไปข้างใน ก่อนที่คุณภูผาจะไปเอารถเข็นออกมา


“หลักๆ เลยก็คือของไว้ทำอาหารสำหรับ 1 อาทิตย์ กับของใช้ทั่วไปภายในบ้าน แล้วถ้านายอยากได้อะไรเพิ่มเติม ไม่ว่าของส่วนตัวหรือส่วนรวมก็หยิบได้เลยเดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง”


“อุ้ย ถ้าเป็นของของผมไม่ต้องหรอกครับ ผมเกรงใจ” ผมรีบปฏิเสธ เพราะแค่ให้งานทำและที่อยู่อาศัยมันก็มากเกินพอแล้ว


“จะมาเกรงใจทำไมกับเรื่องแค่นี้” คุณภูผาพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วเข็นรถเข็นเดินหนี


“เดี๋ยวสิครับคุณภูผา” ผมวิ่งตามไป แต่คุณภูผาก็พูดตัดบทและเปลี่ยนไปเรื่องอื่นซะก่อน


“ถ้าจะมาพูดเรื่องที่ฉันตัดสินใจแล้วก็ไม่ต้อง หน้าที่ของนายตอนนี้คือหยิบของเข้ารถเข็นอย่างเดียวเข้าใจมั้ย”


“ขะ...เข้าใจก็ได้ครับ” ความจริงผมก็อยากตอบไปว่าไม่เข้าใจอยู่หรอก แต่เดี๋ยวผมจะถูกคุณภูผาทำตาดุใส่มากกว่านี้ ถ้าทำตัวดีๆ คุณภูผาอาจจะลดความไม่ชอบผมลงกว่านี้ก็ได้ล่ะมั้ง


“ถ้างั้นก็ดี แล้วนี่นายจะซื้ออะไรเข้าบ้านบ้าง”


“เอ่อ...แป๊บนึงนะครับ” ผมพูดจบก็หยิบสมุดโน้ตเล็กๆ ออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดดู คุณภูผาที่เห็นอย่างนั้นเลยถามพลางขมวดคิ้วทำหน้างุนงง


“นั่นอะไรน่ะ?”


“สมุดโน้ตน่ะครับ ผมจดเอาไว้เมื่อคืนว่าใครในบ้านชอบหรือไม่ชอบทานอะไรบ้าง”


“หืม? งั้นไหนลองไล่มาให้ฉันฟังซิ” คุณภูผาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ผมเลยหน้ามุ่ยเล็กน้อย ก่อนจะอ่านสิ่งที่จดไว้ให้คุณภูผาฟัง


“คุณธารชอบทานผักและผลไม้ อาหารเช้าและเย็นกำหนดว่าให้เป็นสลัดทุกวัน แต่ตอนเช้าให้ใส่ทูน่าหรือว่าแซลมอนลงไปด้วย ส่วนเพลิงทานอะไรก็ได้แต่เน้นเนื้อเป็นหลัก อาหารเย็นถ้าเป็นสเต็กจะดีมาก ส่วนพฤกษ์กับน้องวาบอกว่าทานอะไรก็ได้ แต่น้องวาจะไม่ทานเผ็ดและไม่ชอบทานผักทุกชนิดครับ”


ผมอ่านจบก็เลื่อนสมุดโน้ตลงแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองคุณภูผา ตอนแรกผมก็ว่าจะยืดอกนิดหน่อยเพราะผมจดมาจริงๆ ไม่ได้โม้อย่างที่คุณภูผาคิด แต่ผมก็ต้องชะงักไปซะก่อนเพราะเห็นว่าตอนนี้คุณภูผากำลังส่งยิ้มมาให้ผม


กะ...โกหกใช่มั้ยเนี่ย หวังว่าผมคงไม่ได้ตาฝาดไปหรอกนะ ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนั้นมันจะแค่บางๆ แต่ว่านั่นมันก็เป็นรอยยิ้มครั้งแรกเลยที่คุณภูผาส่งมาให้


“นายนี่เป็นคนละเอียดใช้ได้เลยนะ” ยิ้มให้ไม่พอคุณภูผายังชมผมอีกต่างหาก ตอนนี้ผมดีใจมากจนตัวแทบจะลอยทะลุเพดานอยู่แล้ว


“ขะ...ขอบคุณครับ” ผมอมยิ้มน้อยๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูกยังไงไม่รู้ที่จู่ๆ คุณภูผาก็ชมผมแบบนี้


“แล้วข้อมูลเกี่ยวกับฉันนายไม่ได้จดเอาไว้บ้างหรอ?”


“เอ่อ...คือเมื่อคืนแต่ละคนบอกข้อมูลของตัวเองอย่างเดียว ไม่มีใครบอกเรื่องของคุณภูผาเลยน่ะครับ” ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยเพราะกลัวว่าคุณภูผาจะไม่พอใจ แต่ผมก็คิดมากไปเพราะคุณภูผาไม่ได้ชักสีหน้าใส่ผมอย่างที่คิด


“ถ้าไม่มีใครบอกงั้นฉันบอกเองก็ได้ นายเอาปากกามารึเปล่า?”


“เอามาครับ” ผมพูดจบก็หยิบปากกาออกมาจากกระเป๋ากางเกง


“ดี ถ้างั้นก็เริ่มจากกาแฟ...”


“กาแฟดำไม่ได้ใส่น้ำตาล เรื่องนี้ผมจำได้ครับ” ผมรีบพูดขัดขึ้นก่อนที่คุณภูผาจะได้พูดอะไร เพราะผมไม่อยากให้คุณภูผารู้สึกว่าผมลำเอียงหรือแบ่งแยกคุณภูผาออกจากคนอื่นๆ ในบ้าน ถึงแม้คุณภูผาจะทำเหมือนไม่ชอบผม แต่ว่าผมก็จะปฏิบัติต่อคุณภูผาเหมือนกับที่ปฏิบัติกับคนอื่นๆ เช่นกัน


“ดีมาก แล้วก็จดลงไปด้วยล่ะว่าตอนเช้าฉันดื่มแต่กาแฟดำ”


“ครับ” ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าน้ำเสียงของคุณภูผาดูอ่อนโยนขึ้น ขอให้ผมไม่ได้คิดไปเองด้วยเถอะเพี้ยง


“แล้วตอนเที่ยงกับตอนเย็นล่ะครับคุณภูผา?”


“อะไรก็ได้ ฉันกินได้ทุกอย่าง แต่ว่าตอนเย็นอย่าเป็นของทอดก็พอ กินของมันๆ แล้วฉันปวดหัวคิดงานไม่ค่อยออกน่ะ”


“โอเคครับ” ผมจดทุกคำพูดของคุณภูผาลงในสมุดอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อจดเสร็จแล้วผมจึงได้เงยหน้าขึ้นมา...


“อ๊ะ!” แต่ว่าผมก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าคุณภูผาจะก้มหน้าลงมาจนอยู่ใกล้ผมเพียงไม่กี่เซนติเมตร!


“โทษที ฉันแค่อยากรู้ว่านายจดตามที่ฉันบอกถูกต้องรึเปล่า” คุณภูผายืดตัวขึ้นแล้วถอยห่างออกไปก้าวหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย


“อ๋อ ครับ” ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่คุณภูผาจะชวนผมไปซื้อของเข้าบ้านทั้งของกินและของใช้ ปริมาณทั้งอาทิตย์สำหรับ 6 คนรวมผมด้วย ทำให้ข้าวของมีเยอะแยะมากมายจนเกือบเต็มรถเข็นเลยล่ะ


ขากลับบรรยากาศของการนั่งอยู่ด้วยกันกับคุณภูผาภายในรถไม่ได้อึดอัดเหมือนอย่างขามา ถึงแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้พูดคุยกันสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้นั่งตัวเกร็ง ส่วนคุณภูผาก็ไม่ได้นั่งตีหน้ายักษ์ใส่เหมือนกัน


จนกระทั่งถึงบ้าน ผมกับคุณภูผาก็ช่วยกันหอบถุงพลาสติกเต็มสองไม้สองมือลงมาจากรถ สีหน้าตอนนี้ของคุณภูผาถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยิ้มแต่ก็ไม่ได้บูดบึ้งแต่อย่างใด แต่พอเปิดประตูเข้าไปในบ้านเท่านั้นแหละ สีหน้าของคุณภูผากลับกลายเป็นไม่สบอารมณ์ขึ้นมาซะงั้น


“ทุกคนครับ! พี่ภูกับพี่ตะวันกลับมาแล้ว!” เสียงใสๆ ของน้องวาตะโกนขึ้นที่หน้าประตู คุณธาร พฤกษ์ และเพลิงจึงได้รีบตามมาสมทบ ก่อนที่พฤกษ์และเพลิงจะรีบอาสาช่วยถือถุงพลาสติกจากมือของผมไปคนละข้าง


“ขอบใจนะทั้งสองคน” ผมยิ้มให้กับความมีน้ำใจของพฤกษ์และเพลิง


“ไม่เป็นไร เราจะให้ตะวันถือของหนักๆ ได้ยังไงกันล่ะ” พฤกษ์ตอบ แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร คุณภูผาก็ชิงพูดขัดขึ้นอย่างหัวเสียซะก่อน
“แล้วพี่ที่เป็นพี่ชายของพวกแกล่ะ นี่ไม่คิดจะมาช่วยกันถือเลยรึไง”


“ไม่ล่ะ ก็พี่ภูตัวใหญ่ไม่เหมือนตะวันที่ตัวเล็กนี่นา” ประโยคกวนๆ แบบนี้แน่นอนว่าเพลิงต้องเป็นคนพูด


“ไอ้น้องทรพี” คุณภูผาถลึงตาใส่ แต่เพลิงก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแถมยังทำลอยหน้าลอยตาใส่อีกต่างหาก คุณภูผาที่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเลยเปลี่ยนเรื่องแล้วหันไปทางน้องวาแทน


“แล้วนี่ทำไมถึงได้มารวมกันอยู่ที่นี่ ปกติเวลานี้ยังไม่ตื่นกันเลยไม่ใช่รึไง”


“ผมตื่นเต้นน่ะสิครับเลยนอนไม่ค่อยหลับ พอถึงเวลาที่คิดว่าพี่ตะวันจะตื่นแล้วเลยลงมาหา แต่พอไม่เห็นอยู่ในห้องนอนหรือในบ้าน แถมพี่ภูยังไม่อยู่ด้วยอีกต่างหาก ผมก็ไปปลุกทุกคนเพราะนึกว่าพี่ภูจะไล่พี่ตะวันออกแล้วพาไปส่งที่ไหนน่ะสิ” เอาจริงๆ มันก็ไม่แปลกหรอกที่น้องวาจะคิดแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ผมก็คิดแบบเดียวกันกับน้องวาเหมือนกัน


“ไร้สาระ ถ้าพี่จะไล่ตะวันออกแล้วพี่จะเสียเวลาไปส่งทำไม”


“ไม่รู้แหละ ก็ผมโทรหาเท่าไหร่พี่ภูก็ไม่รับสายนี่นา แถมเบอร์มือถือของพี่ตะวันก็ไม่มีใครรู้อีกต่างหาก ว่าแล้วก็บอกเบอร์พวกผมมาเดี๋ยวนี้เลยครับพี่ตะวัน” ประโยคหลังน้องวาหันมาพูดกับผม ผมเลยบอกเบอร์มือถือของตัวเองไป ซึ่งคนที่เม็มเอาไว้ก็ไม่ได้มีเพียงน้องวาคนเดียว เพราะคุณธาร พฤกษ์ และเพลิงก็เม็มเอาไว้เช่นกัน


“ก็พี่ลืมเอาโทรศัพท์ไปจะกดรับสายได้ยังไงล่ะวา”


“ไม่ต้องมาอ้างเลยครับ พี่ภูอยากเดทกับพี่ตะวันสองต่อสองไม่อยากให้พวกผมไปเป็นก้างขวางคอล่ะสิ ฮึ่ย...ตอนแรกผมก็อุตส่าห์ตัดพี่ภูออกจากรายชื่อคู่แข่งไปแล้ว แต่นี่ผมต้องใส่ชื่อพี่ภูลงไปใหม่งั้นหรอเนี่ย เซ็งจริงๆ” น้องวาทำแก้มป่องแล้วกอดอกอย่างขัดใจ ส่วนคุณภูผาก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์หนักขึ้นยิ่งกว่าเดิม


“พี่ว่าแกเข้าใจพี่ผิดไปใหญ่แล้วนะวา พี่แค่พาตะวันไปซื้อของเข้าบ้าน ไม่ได้ไปเดทหรือว่าคิดจะเป็นคู่แข่งของพวกแกเลยสักนิด เพราะงั้น...แกลบชื่อของพี่ออกไปจากคู่แข่งของพวกแกแบบถาวรได้เลย” คุณภูผาพูดจบก็ตีหน้ายักษ์แล้วทำตาดุใส่ผมยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จากนั้นก็วางถุงข้าวของที่ซื้อมาลงพื้น แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานโดยไม่สนใจอะไรอีกเลย


นี่มันอะไรกันเนี่ย ผมก็นึกว่าคุณภูผาจะเลิกอคติและญาติดีกับผมแล้ว แต่ไหงตอนนี้กลับยิ่งดูหนักข้อมากขึ้นไปอีกได้ล่ะ


เฮ้อออออออออออ


2BC


สวัสดีค่ะทุกคน H.Hanger หัวใจชิงรักตอนที่ 3 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า ตอนนี้แทบจะเป็นตอนของตะวันและภูผาล้วนๆเลย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าพออ่านจบแล้วความนิยมของพี่แกจะเพิ่มมากขึ้นมั้ย (แต่มีแววจะลดลงนะเนี่ย อิอิ  :o11:) ไหนใครเชียร์ภูผาให้เป็นพระเอกขอเสียงหน่อยค่า > <  :katai2-1:
ส่วนทีมอื่นอย่างพฤกษ์ เพลิง ธาร วา ก็อย่าพึ่งถอดใจไปน้า บางทีตอนหน้าอาจจะมีโมเมนท์กับตะวันก็ได้ใครจะไปรู้ ยังไงก็มาลุ้นกันต่อไปและส่งใจเชียร์ทีมตัวเองด้วยน้า  :give2:
แล้วเจอกันตอนหน้าในอีก 2-3 วันนะคะ ขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่ะที่เข้ามาอ่านและเม้นให้นิยายเรื่องนี้  :pig4: ทุกคนคือกำลังใจของเค้าจริงๆ รักทุกคนม้ากกกกมาก จุ๊บบบบบบ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่3 ครั้งแรกของตะวัน (27.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 28-06-2017 01:31:53
 :hao7: อยากอ่านต่อมากมาย
ถึงขนาดนี้ก้ชัดเจนแล้วหละว่าภูผาเป็นพระเอก o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่3 ครั้งแรกของตะวัน (27.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 28-06-2017 16:21:59
น่าสนุก ปักไว้ก่อนนะครับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่3 ครั้งแรกของตะวัน (27.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 29-06-2017 06:41:51
คุณภูผา มาเนียนกว่าน้องๆคนอื่นเลยสินะ 555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่3 ผู้ชายอบอุ่น? 100% (30.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 30-06-2017 17:39:17
พี่ภูผาปากไม่ตรงกับใจเลย แต่นี่หละพระเอก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่3 ผู้ชายอบอุ่น? 100% (30.06.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 01-07-2017 14:48:56
  :fcuk: อยากตบปากคุณภูผา แข็งไปไหน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่4 ผ้าเช็ดตัวไม่รักดี (4.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-07-2017 06:58:54
อู๊ววววผ้าหลุด  :pighaun:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H. Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่4 ผ้าเช็ดตัวไม่รักดี (4.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 05-07-2017 20:48:59
คาใจเรื่องวาโย แต่เอาเรื่องตะวันผ้าหยุดก่อนครับ เรื่องใครคือพระเอกด้วย ขอให้เป็นภูผาอย่างที่คิด
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอน4 ไร้เดียงสาหรือมารยากันแน่? NC (7.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 07-07-2017 19:09:31
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Part 4# Tawan ไร้เดียงสาหรือมารยากันแน่?


   หลังจากนั้นคุณภูผาก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานทั้งวัน จนกระทั่งตอนเย็นถึงออกมาทานข้าวกับทุกคนด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ เสร็จแล้วก็ขึ้นห้องไปนอนแบบยาวๆ โดยกำชับว่าจะนอนถึงเช้าห้ามใครไปรบกวนเด็ดขาด


   ส่วนผม หลังจากที่ทุกคนทานข้าวกันหมดแล้วก็ทำความสะอาดโต๊ะอาหาร ตามด้วยการเอาจานชามไปล้างโดยมีพฤกษ์อาสามาช่วย ตอนแรกผมก็ยืนยันจะทำคนเดียวเพราะมันเป็นหน้าที่ของผม แต่พฤกษ์ก็ไม่ยอมยังดึงดันจะช่วยเหมือนเดิม ผมเลยต้องเลยตามเลยเพราะเถียงใครไม่ค่อยเป็นซะด้วย


   “พรุ่งนี้ตะวันมีเรียนเช้ากับบ่ายเหมือนเรารึเปล่า?” พฤกษ์ถามในระหว่างที่กำลังช่วยผมล้างจาน โดยผมเป็นคนล้างน้ำยา ส่วนพฤกษ์เป็นคนล้างน้ำสะอาด


   ถึงแม้เราสองคนจะเรียนเอกเดียวกันแต่ก็ไม่ได้ลงเรียนเหมือนกันซะทีเดียว เพราะว่าผมต้องปรับตารางเรียนให้เป็นคนละเวลากับการทำงานพิเศษ ส่วนพฤกษ์ที่เรียนอย่างเดียวจึงลงเรียนตามตารางที่มหา’ลัยกำหนดมาให้ไม่ได้ปรับเปลี่ยนเหมือนผม


   “ใช่ ทำไมหรอพฤกษ์?”


   “ก็ถ้าเรียนเหมือนกันตะวันจะได้นั่งรถไปพร้อมเราเลยไง จะได้ไม่เสียค่ารถแล้วก็สะดวกดีด้วย”


   “อ๋อ ถ้างั้นเราก็ขอรบกวนด้วยนะ”


   “รบกวนอะไรกันเล่า เรื่องแค่นี้เอง งั้นเดี๋ยวพอล้างจานเสร็จเราขอดูตารางเรียนของตะวันหน่อยนะว่ามีวันไหนตรงกับเราบ้าง”


   “โอเค”


แล้วหลังจากที่ล้างจานเสร็จ พฤกษ์ก็ตามผมเข้าไปในห้องเพื่อดูตารางเรียนที่ผมพับใส่กระเป๋าตังเอาไว้ ซึ่งก็มีวันที่ตรงกันอยู่ 2 วันนั่นก็คือจันทร์และพฤหัส ส่วนวันอังคารและพุธตอนเช้าพฤกษ์ไม่มีเรียนเหมือนผม ในขณะที่วันศุกร์พฤกษ์มีเรียนทั้งวันแต่ผมไม่มี


   “เราเห็นมีตารางที่ด้านหลังด้วย มันคือตารางทำงานพิเศษหรอตะวัน”


   “อืม เราทำงานพิเศษ 2 ที่น่ะ แถมวันศุกร์ก็ต้องทำทั้งคู่เราเลยจดไว้เพราะกลัวสับสน”


   “หา! เยอะขนาดนี้ทำไหวหรอตะวัน?” สีหน้าของพฤกษ์ดูตกใจและเป็นห่วงผมมาก ถึงแม้แต่ละวันผมจะรู้สึกเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด แต่ผมก็ต้องโกหกออกไปเพราะไม่อยากให้พฤกษ์เป็นกังวล


   “ไหวสิ พอขึ้นปี 4 วิชาเรียนก็เหลือนิดเดียว ไม่ได้เรียนหนักเหมือนปีก่อนๆ นี่นา”


   “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ว่าทำงานแบบไม่มีวันพักแบบนี้มันไม่หนักเกินไปหรอตะวัน แถมตอนนี้ตะวันยังรับงานเป็นแม่บ้านของที่นี่ ที่ต้องดูแลคนในบ้าน 5 คนทุกวันอีกต่างหาก เราว่าตะวันลาออกจากงานพิเศษหรือไม่ก็ลดลงเหลือแค่งานเดียวจะดีกว่ามั้ย”


   เรื่องที่พฤกษ์พูดมาผมก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ที่ผมต้องทำงาน 2 ที่ก็เพราะต้องแบกค่าใช้จ่ายทั้งค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเทอม แล้วก็ค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆ แต่ในเมื่อตอนนี้ค่าใช้จ่ายของผมไม่ได้มีเท่าเมื่อก่อน แถมยังต้องมีเวลาทำงานบ้านด้วยอีก บางทีผมอาจจะต้องลาออกจากงานพิเศษจริงๆ นั่นแหละมั้ง


   งานพิเศษที่ผมทำอยู่มี 2 ที่คือร้านอาหารและร้านกาแฟ โดยร้านอาหารผมจะทำทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่ 5 โมงเย็น – 5 ทุ่ม ส่วนร้านกาแฟผมจะทำทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า – 4 โมงเย็น ซึ่งวันนี้จริงๆ ผมต้องไปทำงานที่ร้านกาแฟ แต่ว่าผมขอลาหยุดโดยให้เหตุผลว่าย้ายที่อยู่เลยไม่สะดวกไปทำงาน


   “ไว้เดี๋ยวเราจะไปคุยกับเจ้าของร้านแล้วกันนะว่ายังไง ถ้าออกกะทันหันแบบนี้จะมีคนมาทำแทนรึเปล่า” เจ้าของร้านทั้ง 2 ที่ก็ใจดีและช่วยเหลือผมเอาไว้เยอะเหมือนกัน ผมไม่ใช่คนที่จะถีบหัวส่งเจ้าของร้านเมื่อได้งานที่ดีกว่าหรอกนะ


   หลังจากที่คุยกับพฤกษ์เสร็จแล้ว ผมก็กลับเข้าครัวอีกครั้งเพื่อทำแกงกะหรี่สำหรับเย็นวันพรุ่งนี้ เพราะกว่าที่ผมจะกลับถึงบ้านก็คงสักเที่ยงคืนเพราะต้องทำงานพิเศษ ถ้าหากให้ทุกคนต้องมารอผม หรือว่าซื้อกับข้าวมาทานเองมันก็ไม่ใช่ เพราะในส่วนนี้มันคือหน้าที่ของผมที่ต้องรับผิดชอบ


   วันต่อมาผมจึงตื่นตอน 6 โมงครึ่งเพื่อทำอาหารเช้าให้ทุกคนทาน ซึ่งก็เป็นอาหารที่ทำง่ายๆ อย่างข้าวผัด ไข่ดาว ไส้กรอก และเบคอน ยกเว้นคุณธารที่เป็นสลัดแซลมอน ส่วนคุณภูผาก็เป็นกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล


   “อาหารถูกปากกันมั้ยครับ?” ผมถามทุกคนที่ลงมาทานอาหารเช้าพร้อมกันตอน 7 โมงตรง หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว


   “สลัดอร่อยมาก” คุณธารเอ่ยชม ส่วนคนอื่นๆ ก็ตอบว่าอร่อยเหมือนคุณธารเช่นกัน ผมจึงยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่ทำอาหารได้ถูกปากทุกคน


   “ถ้างั้นผมขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเรียนก่อนนะครับ” ผมพูดจบก็ว่าจะถอดผ้ากันเปื้อนที่ใส่อยู่ออกไป แต่คุณภูผาก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน


   “เดี๋ยว นายยังไปไหนไม่ได้” คุณภูผาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ แถมยังใช้สายตาดุๆ ตวัดมองมาทางผมอีกต่างหาก


“ทะ...ทำไมหรอครับคุณภูผา” ผมถามอย่างตะกุกตะกัก พลางคิดในใจว่าได้ไปทำอะไรให้คุณภูผาไม่พอใจอีกรึเปล่า ถ้าจะเป็นเรื่องกาแฟ ผมก็มั่นใจว่าชงกาแฟดำเพียวๆ ไม่ใส่น้ำตาลตามที่คุณภูผาบอกมาแล้วนะ


“นายกินข้าวแล้วรึยัง” คำถามนั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปไกลมาก จนผมถึงกับยืนอึ้งไปไม่เป็นเลยทีเดียว


“ว่ายังไง ที่ฉันถามไม่ได้ยินหรอ”


“เอ่อ...ได้ยินครับ”


“ถ้าได้ยินก็ตอบมาสิ มัวยืนนิ่งอยู่ทำไม” ก็ผมไม่คิดว่าคุณภูผาจะถามอะไรแบบนี้น่ะสิถึงได้ยืนอึ้งเพราะว่าไม่ชิน ปกติก็เห็นชอบหาเรื่องติ ด่า แล้วก็ต่อว่าผมอย่างเดียวแท้ๆ


   “ขอโทษครับ ส่วนเรื่องข้าวผมยังไม่ได้กินครับ”


   “ถ้างั้นก็ไปทำส่วนของตัวเองแล้วมากินซะ เสร็จแล้วค่อยไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน”


   “เอ่อ...แต่ถ้าทำแบบนั้นผมกลัวพฤกษ์จะสาย...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยค พฤกษ์ก็ชิงพูดขัดขึ้นมาซะก่อน


   “ไม่สายหรอก มหา’ลัยมันไม่ได้ไกลเท่าไหร่ ตะวันไปทำกับข้าวมากินเถอะ มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดเลยนะ”


   “เอ่อ...ก็ถ้าพฤกษ์บอกว่าไม่สาย งั้นเดี๋ยวเราไปทำมากินก็ได้” พอได้ยินแบบนี้พฤกษ์ก็ส่งยิ้มอันอบอุ่นมาให้ผมทันที ผิดกับคุณภูผาที่ทำหน้ารำคาญ แถมยังพูดเบาๆ ในขณะที่ผมกำลังเดินเข้าครัวด้วยว่า...


   “ถ้าจะสายก็เป็นเพราะนายมัวแต่พิรี้พิไรอยู่นั่นแหละ”


   หลังจากนั้นผมก็ไปทอดไข่เจียวมากิน เพราะมันทำง่ายกินง่ายจะได้ประหยัดเวลา เสร็จแล้วก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมาจากห้องโดยใช้เวลาเพียงแค่สิบกว่านาที


   “อ้าว ทุกคนล่ะพฤกษ์” ผมถามเพราะตอนนี้ในบ้านเหลือเพียงแค่ผมกับพฤกษ์เพียงแค่ 2 คน


   “ไอ้เพลิงไปเรียน พี่ธารไปทำงาน ส่วนพี่ภูไปส่งวาที่โรงเรียน”


   “อ่อ น้องวานี่ม.6 แล้วสินะ ปีหน้าจะเข้ามหา’ลัยที่ไหนได้มาปรึกษาพฤกษ์บ้างรึเปล่า” ผมคิดว่าคนเก่งๆ อย่างพฤกษ์น่าจะเป็นที่ปรึกษาไม่ก็เป็นติวเตอร์ให้น้องวาได้อย่างดีเลยล่ะ


   แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น พฤกษ์กลับตอบผมมาว่า...


   “ตอนนี้วาเรียนอยู่ม.5 ยังไม่ขึ้นม.6 เลย”


   “เอ๊ะ? แต่ว่าน้องวาอายุ 18 ปีแล้วไม่ใช่หรอ หรือว่าน้องวาจะเข้าเรียนช้า”


“เปล่าหรอก วาก็เรียนตามเกณฑ์นั่นแหละ แต่ตอนม.4 มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย เลยต้องลาออกแล้วก็ดรอปเรียนเอาไว้ พอปีถัดไปค่อยเข้าโรงเรียนที่ใหม่น่ะตะวัน”


“หา! ลาออกแล้วก็ดรอปเรียน! มันเรื่องร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอพฤกษ์?” ผมไม่คิดว่าเด็กที่ร่าเริงสดใสอย่างน้องวาจะเกเรจนต้องลาออกแล้วก็ดรอปเรียนหรอกนะ จริงอยู่ว่าน้องวาอาจจะมีมุมเจ้าเล่ห์นิดๆ แต่ผมก็มั่นใจว่าน้องวาไม่ได้เลวร้ายหรือว่าร้ายกาจขนาดนั้นแน่ๆ


“จะว่ายังไงดีล่ะ หลังจากเกิดเรื่องวาก็เอาแต่เก็บตัวเงียบไม่ยอมไปไหน ขนาดกว่าจะออกจากห้องได้ก็ต้องกล่อมแล้วกล่อมอีกตั้งหลายวัน แต่ถึงจะออกมาแล้ววาก็ยืนกรานจะไม่ไปเรียนเด็ดขาด พี่ภูเลยต้องไปทำเรื่องลาออกให้วาพักรักษาจิตใจน่ะ”


“เอ่อ...เราถามได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องวา?” หวังว่าพฤกษ์คงจะไม่คิดว่าผมไม่มีมารยาท หรือว่าเป็นคนสอดรู้สอดเห็นหรอกนะ เพราะพอได้ฟังเรื่องราวมาถึงขนาดนี้ มันก็เป็นธรรมดาที่อยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมด


 “เราก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดทั้งหมดหรอก ไว้โอกาสเหมาะๆ ตะวันค่อยไปถามวาเองดีกว่าว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ส่วนตอนนี้เรารีบไปเรียนกันดีกว่า ออกช้ากว่านี้มีหวังเข้าเรียนสายแน่ๆ” พฤกษ์พูดจบก็จูงมือผมออกจากบ้านไปขึ้นรถ โดยที่ผมก็พยายามเดาสาเหตุเรื่องที่น้องวาต้องลาออกแล้วดรอปเรียนเอาไว้ไปตลอดทาง แต่ไม่ว่ายังไงผมก็เดาสาเหตุไม่ออก เพราะงั้นก็คงต้องรอโอกาสเหมาะๆ แล้วค่อยถามน้องวาอย่างที่พฤกษ์ว่านั่นแหละนะ


 ซึ่งโอกาสเหมาะๆ ที่ว่า แน่นอนว่ามันก็ต้องไม่ใช่วันนี้ เพราะหลังจากที่ผมเรียนเสร็จในคาบบ่าย ผมก็ต้องไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารจนถึง 5 ทุ่ม กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเที่ยงคืนนิดๆ ที่ทุกคนนอนกันหมดแล้ว แถมผมยังต้องล้างจานและทำกับข้าวสำหรับเย็นวันพรุ่งนี้ ดังนั้นผมจึงไม่มีเวลาไปถามน้องวา เอาจริงๆ แค่เวลาจะนึกถึงเรื่องนี้ยังแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ


หลังจากที่ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ด้วยความรีบร้อนเลยทำให้ผมลืมเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนข้างในเหมือนกับทุกที แต่ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตี 2 แล้ว คงไม่มีใครมาใช้ห้องน้ำต่อหรือว่าเดินผ่านห้องน้ำไปมา เพราะงั้นถ้าหากผมจะนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกไปก็คงไม่มีใครคิดว่าผมทำตัวไม่สุภาพหรอกมั้ง


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็ว่าจะเปิดประตูออกไป แต่ประตูกลับถูกเปิดออกก่อนโดยใครคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่คิดว่าจะเป็น...


“คุณภูผา!”


“อ้าว ตะวัน”


“อ๊ะ! เหวออออออออออ” ด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าคุณภูผาจะเปิดประตูเข้ามาในเวลานี้ ผมเลยผงะจนเสียหลักเซไปทางด้านหลัง


“ตะวัน! ระวัง!” คุณภูผาอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้วรีบขยับเข้ามาประคองแผ่นหลังของผมเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ผมจะล้มลงไปที่พื้น


เฮ้อออออออ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่สินะ


พอคิดได้อย่างนั้นผมก็ว่าจะกล่าวขอบคุณคุณภูผาที่อุตส่าห์ช่วยผมเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร ผ้าเช็ดตัวไม่รักดีมันก็ดันเลื่อนหลุดลงจากเอวลงไปที่พื้น ทั้งๆ ที่ผมขยับตัวเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง!


Phupha


“อ๊ะ! วะ...ว้ากกกกกกกกกกกก!” ตะวันร้องลั่นด้วยความตกใจ เมื่อผ้าเช็ดตัวที่พันเอาไว้รอบเอวเลื่อนหลุดลงไปที่พื้น ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมเห็นส่วนนั้นของตะวันอย่างชัดเจน แม้เจ้าตัวพยายามลดมือข้างหนึ่งลงไปปิดไว้ก็ตาม


   “กะอีแค่ผ้าเช็ดตัวหลุดนายจะแหกปากทำไม ทำเหนียมอายเป็นผู้หญิงไปได้” ผมพูดโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยวงแขนที่กำลังประคองแผ่นหลังของตะวันออกไป แถมยังรัดให้แน่นขึ้นเมื่อตะวันออกแรงดิ้นอีกต่างหาก


   ชักอยากรู้แล้วสิว่า ปฏิกิริยาแบบนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ หรือตะวันแค่แกล้งทำกันแน่


    “ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่ผมก็อายเป็นนะครับคุณภูผา เพราะงั้นช่วยปล่อย...อ๊ะ!” แต่ยังไม่ทันจะได้พูดให้จบประโยค ตะวันก็ต้องสะดุ้งขึ้นมาซะก่อน เพราะว่าผมใช้นิ้วจากมือข้างหนึ่งจิ้มไปที่ยอดอกสีชมพูที่เด่นสะดุดตาอยู่ตรงหน้า


   “ถ้าไม่รู้มาก่อนว่านายเป็นผู้ชาย ฉันคงจะนึกว่านายเป็นผู้หญิงที่มีหน้าอกแบนไปแล้ว โดยเฉพาะน้ำเสียงของนายที่ร้องครางออกมา” ผมก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูของตะวัน เท่านั้นแหละใบหน้าที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงจัดมากขึ้น ส่วนร่างกายก็สั่นสะท้าน แถมเสียงพูดก็ยังกระเส่าและขาดห้วงอีกต่างหาก


   “อา...พะ...พอเถอะครับ...ปล่อยผมเถอะคุณภูผา...”


ให้ตายสิ เล่นพูดเสียงกระเส่าแบบนี้ใครมันจะเชื่อว่านายอยากให้ฉันปล่อยจริงๆ!


    “ฉันไม่ปล่อย ถ้าหากไม่ชอบจริงๆ นายก็ออกแรงดิ้นให้มันมากกว่านี้สิ” สีหน้า ท่าทาง แล้วก็มารยาแบบนี้ ไม่แปลกหรอกที่คนทั้งบ้านจะพากันหลงตะวันซะจนหัวปักหัวปำ แต่เสียใจด้วยนะ เพราะคนอย่างฉันไม่มีทางหลงนายเหมือนกับไอ้น้องพวกนั้นแน่นอน!


   “ผะ...ผมจะไปมีแรงได้ยังไง ในเมื่อคุณภูผา...อ๊ะ...อย่าครับ...อา...” ทำเป็นบอกว่าอย่า แต่พอผมงับที่ใบหูและบีบที่ยอดอกก็ครางเสียงหวานออกมาซะแล้ว


   “แน่ใจหรอว่านายไม่อยากให้ฉันทำต่อจริงๆ?”


   “นะ...แน่ใจสิครับ”


   “แต่ว่าตรงนั้นของนายมันแข็งขึ้นมาแล้วไม่ใช่หรอ?” ผมถามยิ้มๆ ถึงแม้ว่าตะวันจะพยายามใช้มือปิด แต่มันก็หลุดรอดสายตาของผมไปไม่ได้หรอก


   “นะ...นั่นมัน...ก็เพราะคุณภูผาทำแบบนั้น...” ตะวันหน้าร้อนฉ่าแล้วก้มหน้างุด


   หึ! ทำเป็นไร้เดียงสา แต่จริงๆ แล้วมันคือมารยาที่กำลังล่อลวงผมอยู่สินะ


   ก็ได้...ไหนๆ ก็ลงทุนทำถึงขนาดนี้ ถ้างั้นผมก็จะยอมเล่นตามเกมของตะวันให้ก็แล้วกัน


   “ถ้านายจะโทษว่าเป็นความผิดของฉัน งั้นเดี๋ยวฉันจะรับผิดชอบร่างกายของนายให้เอง” พูดจบผมก็ก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากของตะวันทันที


   “อึ่ก!” ปฏิกิริยาของตะวันไม่เหมือนกับที่ผมคิด เพราะไม่ได้โวยวายทำเป็นผลักไส แต่กลับเบิกตากว้างแล้วตัวแข็งทื่อเป็นขอนไม้ แถมยังไม่ยอมหายใจอีกต่างหาก


   “นี่ กลั้นหายใจนานๆ เข้าเดี๋ยวก็ตายจริงๆ หรอก ทำเป็นตกใจอย่างกับไม่เคยจูบไปได้”


   “กะ...ก็ไม่เคยน่ะสิครับ!” คำตอบที่ได้ยินทำให้ผมอดที่จะต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจไม่ได้


   “หืม? ถ้างั้นฉันขอพิสูจน์หน่อยก็แล้วกัน” แล้วผมก็ก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากของตะวันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคราวนี้ผมได้สอดลิ้นเข้าไปข้างในด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ปากแตะปากอย่างคราวแรก


    “อื้อ! อื้อ! อื้ม!” ตะวันใช้มือดันที่แผ่นอกของผมแล้วพยายามหันหน้าหนี แต่พอผมใช้มือข้างหนึ่งลงไปกอบกุมส่วนนั้นของตะวันเอาไว้ จากแรงต่อต้านก็กลายเป็นสั่นสะท้านขึ้นมาทันที


   “อ๊ะ! อึ่ก...อื้อ...อื้ม...” ตะวันส่งเสียงครางในลำคอ สองมือกำเสื้อตรงไหล่ของผมเอาไว้แน่น ส่วนริมฝีปากและปลายลิ้นก็ตอบสนองรสจูบของผมอย่างไร้เดียงสา ในขณะที่ร่างกายก็ยิ่งสั่นสะท้านมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก


   บอกตามตรง ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่านี่ยังเป็นการแสดงของตะวันอยู่รึเปล่า


   “ยะ...อย่าครับ...คุณภูผา...มะ...ไม่เอา...อะ...อา...” ตะวันส่งเสียงห้ามเมื่อผมถอนจูบออกมา แล้วก้มหน้าลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอขาวผ่องแทน ความร้อนจากปลายลิ้นและริมฝีปากของผม ทำให้แรงต่อต้านของตะวันลดน้อยลงเรื่อยๆ แล้วยิ่งเมื่อผมใช้มือที่กอบกุมส่วนนั้นของตะวันอยู่รูดขึ้นลงไปพร้อมกันด้วยอีก เสียงครางหวิวที่ชวนให้ใจสั่นก็ดังระงมขึ้นมาอีกครั้ง


   “คะ...คุณภูผา...ยะ...อ๊ะ...อา...อืม...อา...” สีหน้าของตะวันตอนนี้นั้นเร้าอารมณ์สุดๆ เพราะแก้มขาวเนียนได้แดงซ่าน ดวงตาก็หรี่ปรือ ส่วนริมฝีปากที่บวมเจ่อนิดๆ ก็เป็นสีแดงสด เล่นเอาผมอดใจไม่ไหวจึงได้ก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากของตะวันซ้ำแล้วซ้ำเล่า


   “อื้อ...อื้ม...อืม...” ในขณะที่กำลังจูบและตวัดลิ้นเกี่ยวพันกับลิ้นที่ไม่ประสีประสาของตะวันอยู่นั้น มือของผมก็ยังคงขยับส่วนนั้นของตะวันขึ้นลงเหมือนเดิม โดยที่เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก


   “อื้ม...อา...คะ...คุณภูผา...ผมจะ...ยืนไม่ไหว...ยะ...หยุดเถอะ...อา...ครับ...” ตะวันพูดแทบไม่เป็นภาษา ส่วนขาก็สั่นสะท้านจนแทบจะยืนไม่ไหวจริงๆ ถ้าผมไม่ได้ใช้วงแขนประคองเอาไว้ก็คงจะทรุดลงไปกองที่พื้นตั้งนานแล้ว


   ด้วยเหตุนี้ผมเลยขยับไปนั่งที่ขอบอ่างอาบน้ำ โดยให้ตะวันนั่งคร่อมที่ตัวของผมเอาไว้ ก่อนที่ผมจะโอบรอบเอวบางให้แน่นขึ้นเพื่อไม่ให้หนี แล้วจึงก้มหน้าลงไปครอบครองยอดอกสีหวาน ที่ช่างยั่วยวนจนผมอดใจไม่ไหวที่จะลองชิม


   “อ๊ะ...ยะ...อ๊า...” ตะวันหวีดร้องเสียงสูง แถมยังสะดุ้งเฮือกเมื่อผมออกแรงดูดยอดอกที่อยู่ในปาก ก่อนที่ผมจะใช้ลิ้นตวัดเลียขึ้นลง ทั้งยังดูดดุนแรงขึ้นจนแผ่นอกของตะวันถึงกับแอ่นโค้งงอด้วยความเสียวซ่าน


   “อ๊า...คุณภูผา...อ๊ะ...อ๊า...” ในขณะที่กำลังดูดเลียที่ยอดอกของตะวัน มือของผมก็ไม่ได้อยู่เฉยเพราะยังคงรูดรั้งส่วนนั้นของตะวันขึ้นลงเช่นเดิม แถมยังเอานิ้วหัวแม่มือไปหมุนวนตรงส่วนปลายเพื่อเพิ่มความเสียว จนตอนนี้ได้มีน้ำใสๆ ไหลซึมออกมาแล้ว


   “อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ไม่นะ...คุณภูผา...ยะ...อ๊า...” ตะวันหวีดร้องลั่นแทบไม่เป็นภาษา ส่วนร่างกายก็บิดเร่าไปมา เพราะถูกผมมอบความสุขสมจากทั้งยอดอกและส่วนนั้นพร้อมกัน เสียงครางที่ได้ยินนั้นทำเอาผมต้องเร่งจังหวะริมฝีปากและปลายลิ้น รวมทั้งข้อมือให้ขยับอย่างรวดเร็วมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ


   “ยะ...อ๊ะ...หยุดก่อนครับ! ผะ...ผมจะ...อ๊า...คุณภูผา...”


ตอนนี้ส่วนนั้นของตะวันที่อยู่ในกำมือของผมได้ขยายใหญ่ขึ้นไปอีก ผมจึงรู้ว่าในไม่ช้านี้ตะวันก็คงจะเสร็จแล้ว เพราะงั้นผมจึงได้เลื่อนฝ่ามือที่โอบเอวของตะวันมาบีบขยี้ยอดอกที่กำลังแข็งเป็นไต ส่วนยอดอกอีกข้างแน่นอนว่าผมก็ยังคงดูดเลียอย่างไม่หยุดยั้ง เช่นเดียวกับฝ่ามือที่กำลังรูดรั้งท่อนเนื้อสีอ่อนขึ้นลงด้วยความรวดเร็ว


   “อ๊ะ...ยะ...อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” การถูกปลุกเร้าจากทั้ง 3 ที่ทำให้ตะวันเสียวซี้ดจนหวีดร้องลั่น จากนั้นก็จิกทึ้งที่แผ่นหลังของผมพร้อมกับบิดกายเร่าด้วยความเสียวซ่าน


   “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...คุณภูผา! ผมจะ...อ๊ะ...ทนไม่ไหวแล้ว!...ยะ...อ๊ะ...อ๊าาาาาาาา!” ตะวันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็แอ่นอกขึ้นจนโค้งงอ ก่อนที่จะปลดปล่อยความสุขสมทั้งหมดออกมา จนเลอะเต็มฝ่ามือรวมทั้งเสื้อที่ผมสวมอยู่บางส่วนอีกด้วย


   “อา...” หลังจากเสร็จแล้วตะวันก็อ่อนแรงทรุดลงซบที่ไหล่ของผม แต่ยังไม่ทันไรตะวันก็ดีดตัวขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นแล้ววิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่กองอยู่บนพื้น


   “คุณภูผาใจร้ายที่สุด! ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม แต่ก็ไม่เห็นต้องทำเรื่องโหดร้ายขนาดนี้เลย!” ตะวันพูดตัดพ้ออย่างน้ำตาคลอ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วออกตัววิ่ง แต่ก็ต้องทรุดลงซะก่อนเพราะขาอ่อนเปลี้ยไม่มีเรี่ยวแรง


“ตะวัน!” ผมพูดขึ้นด้วยความตกใจแล้วจะพุ่งเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกใบหน้าหวานๆ หันมาทำตาเขียวปั๊ดใส่ จนผมไม่กล้าขยับตัวไปไหนเลยได้แต่นั่งอยู่ที่เดิม


   “คุณภูผาไม่ต้องมายุ่งกับผมเลย!” พูดจบตะวันก็รวบรวมแรงที่มีทั้งหมดชันตัวลุกขึ้น จากนั้นก็ตรงดิ่งออกจากห้องน้ำเข้าไปในห้องนอน แถมยังมีการปิดประตูดังปั้งอย่างแรงใส่ผมอีกต่างหาก


   ก็ถ้าตะวันเข้าไปในห้องได้แล้วคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะนะ เพราะงั้น...ก็เหลือแต่ตัวผมเองนี่แหละที่น่าเป็นห่วงมากกว่า 


   ทำไมน่ะหรอ?


   ก็เพราะตอนนี้ท่อนล่างของผมมันกำลังแข็งสุดๆ เพราะมีอารมณ์ ทั้งที่คิดว่าตั้งใจจะแกล้งตะวันเท่านั้นน่ะสิ!


   “บ้าเอ๊ย!”


   2BC


ฮัลโหลววววสวัสดีค่าาาาา  :mew1: ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เฉลยพระเอกของเรื่องแล้วนะคะ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “ภูผา” พี่ใหญ่สายซึนนั่นเอง อิอิ  :mc4: พระเอกคนนี้มาพร้อมกับ NC ครั้งแรกของเรื่องซะด้วย ก็ไม่ได้พลิกโผจากที่เชียร์กันนะคะ (ก็นะ เดาง้ายง่าย อิอิ)
ว่าแต่...อ่านจบแล้วชอบหรือฟินกันมั้ยเอ่ย?  :z1: NC เบาๆแบบนี้คงไม่ถึงกับเสียเลือดจนตายเนอะ เชื่อว่าสายหื่นทั้งหลายน่าจะมีภูมิคุ้มกันจากเรื่องก่อนๆของเค้ากันแล้ว ส่วน NC เต็มๆจะมาตอนไหนนั้น...รอให้พี่ภูผาแกปากตรงกับใจเลิกซึนก่อนดีกว่าค่ะ ทำเป็นบอกว่าอยากจะแกล้งตะวัน แต่แหม มีอารมณ์เต็มเลยนะนั่น หึหึ  o3 ส่วนหลังจากนั้นพี่แกจะทำยังไง จะปล่อยค้างหรือว่ารีดพิษออกก็ต้องจิ้นต่อแล้วล่ะจ้า  :impress2:
สำหรับทีมพฤกษ์ที่ต้องกินแห้วก็ไม่ต้องเสียใจไปน้า ยังไงหนุ่มแว่นแสนดีคนนี้ก็มีคู่อยู่แล้วค่า แต่จะเป็นใครและจะมาเป็นเรื่องที่เท่าไหร่ก็รอลุ้นกันต่อไปนะคะที่ร้าก  :give2:
แล้วมาลุ้นเรื่องราวหลังจากนี้ และมาเอาใจช่วยให้ตะวันคนน่ารักลงเอยกับพี่ภูผาคนซึนด้วยนะคะ  :pig4: ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่ะที่เป็นกำลังใจให้โดยการเม้นหรือว่าเม้ามอยกับเราที่แฟนเพจ รักทุกคนมากๆเลยค่า  :กอด1:
(7 ก.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอน4 ไร้เดียงสาหรือมารยากันแน่? NC (7.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 07-07-2017 21:11:51
 o13 พี่ภูเป็นพระเอก

 :katai1: ค้างตามพี่ภู
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอน4 ไร้เดียงสาหรือมารยากันแน่? (7.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 08-07-2017 22:01:20
 :jul1: เสือดหมดตัวแล้วครับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T.] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 5 จอมเผด็จการ (11.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 11-07-2017 19:34:55
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Part 5# Tawan จอมเผด็จการ


   เมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับเลย...


   หลังจากที่โดนคุณภูผาทำเรื่องแบบนั้นลงไป ผมก็ได้แต่กระสับกระส่ายนอนไม่หลับเลยทั้งคืน เพราะไม่ว่าผมจะพยายามข่มตานอนเท่าไหร่ ภาพความทรงจำอันลามกมันก็ฉายชัดขึ้นมาในสมองทุกที


จนในที่สุดหลังจากที่ผมเกลือกกลิ้งไปร่วมชั่วโมงกว่า ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวันมันก็ทำให้ผมนอนหลับเกือบเป็นตาย แต่ถึงอย่างนั้นยังไม่ถึง 3 ชั่วโมงผมก็ต้องตื่นขึ้นมาแล้ว เพราะเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกเอาไว้ตอน 6 โมงตรงซึ่งเร็วกว่าเมื่อวานครึ่งชั่วโมงดังขึ้น
   

กรี๊งงงงงงงงงงงง กรี๊งงงงงงงงงงงง


   เฮ้ออออออ นี่แทบจะเป็นไม่กี่ครั้งที่ผมอยากนอนต่อไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เพราะนอกจากความง่วงแล้ว ผมยังรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังอ่อนล้าและไร้เรี่ยวแรงยังไงก็ไม่รู้ แต่ว่าผมคงจะคิดมากไป เพราะสาเหตุมันก็มาจากเรื่องเลวร้ายที่คุณภูผาทำกับผมเมื่อคืน จนผมหนักใจไม่อยากพูดคุยและสู้หน้าคุณภูผาอีกต่อไปแล้ว


   รีบทำไปทำอาหารเช้าให้ทุกคนแล้วรีบหลบออกไปเรียนดีกว่า


   เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบไปทำอาหารเช้าให้ทุกคนด้วยความเร่งรีบ ก่อนที่จะกลับเข้าห้องมาอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว แล้วก็ว่าจะหลบออกไปจากบ้านด้วยความไวแสงก่อนที่จะมีใครลงมาจากบนห้อง
แต่แล้ว...


แผนการของผมมันก็ต้องพังไม่เป็นท่า เพราะคุณภูผาที่จะออกจากห้องมาตอนเฉียด 7.00 น. กำลังนั่งดื่มกาแฟดำที่โต๊ะอาหารซะงั้น ทั้งที่ตอนนี้พึ่งเป็นเวลา 6.30 น. เท่านั้นเอง!


   “กาแฟรสชาติกำลังดีเลยล่ะ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าฉันมีคนนั่งดื่มหรือกินอะไรเป็นเพื่อน” คุณภูผายิ้มที่มุมปากพลางส่งสายตาคมกริบมาทางผม ผมไม่รู้ว่าสายตาและคำพูดนั้นมันสื่อถึงอะไร แต่ที่แน่ๆ ผมมั่นใจว่าคุณภูผาไม่ได้หมายความอย่างที่พูดจริงๆ แน่นอน!


   “อีกสักพักทุกคนก็คงลงมาแล้วล่ะครับ เพราะงั้นผมขอตัวก่อน” ผมพูดจบก็หมุนตัวกลับจะเดินไปยังประตูบ้าน แต่ก็ถูกคนภูผาเรียกเอาไว้แล้วตรงเข้ามาคว้าข้อมือของผมซะก่อน


   “เดี๋ยว นายจะรีบไปไหน”


   “ไปมหา’ลัยครับ” ในขณะที่พูดผมก็ก้มหน้าลงเพราะไม่อยากสบตากับคุณภูผา ส่วนมือก็พยายามสะบัดทิ้งแต่ว่ามันก็ไม่มีประโยชน์


   “รอไปพร้อมพฤกษ์ก็ได้นี่”


   “วันนี้พฤกษ์มีเรียนบ่าย ส่วนผมมีเรียนเช้าครับ”


   “เช้าที่ว่าน่ะมันกี่โมง นี่พึ่งจะ 6 โมงครึ่งเองนายจะรีบออกไปทำไม มหา’ลัยก็อยู่ใกล้ๆ ทำอย่างกับว่าตั้งใจจะหลบหน้าใครอย่างนั้นแหละ” พอโดนพูดจี้ใจดำแบบนี้ ผมก็รีบเงยหน้าขึ้นไปแล้วแก้ตัวอย่างรวดเร็ว


   “ผมไม่ได้หลบหน้าคุณภูผาสักหน่อย!”


   “หืม? แล้วฉันบอกรึไงว่านายกำลังหลบหน้าฉัน?” เท่านั้นแหละผมก็รู้ทันทีว่าเสียท่าตกหลุมพรางของคุณภูผาเข้าแล้ว


   “กะ...ก็...คือ...แบบว่า...” ตอนนี้เซลล์สมองของผมมันตายไปหมดแล้วรึไงนะ ทำไมถึงได้คิดข้ออ้างหรือหาข้อแก้ตัวไม่ได้เลย


   “นายตั้งใจจะหลบหน้าฉันเพราะเรื่องที่ฉันใช้มือช่วย...”


   “ว้ากกกกกกกก! หยุดนะครับคุณภูผา! อย่าพูดเรื่องนั้นออกมานะครับ! ถ้ามีใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไง!” ผมรีบพูดขัดขึ้นก่อนที่คุณภูผาจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้ เพราะถ้าเกิดทุกคนในบ้านรู้เรื่องเมื่อคืน ผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนน่ะสิ


   “ทำไม? หรือว่านายกลัวใครจะเข้าใจผิด” คุณภูผาบีบที่ข้อมือของผมแรงขึ้น ผมรู้สึกไปเองรึเปล่านะว่าคุณภูผาดูท่าทางอารมณ์ไม่ดียังไงก็ไม่รู้


   “ก็กลัวทุกคนได้ยินนั่นแหละครับ คุณภูผาปล่อยมือผมด้วยนะครับผมเจ็บ” พอได้ยินแบบนี้คุณภูผาก็ผ่อนแรงที่บีบข้อมือของผมลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยตามคำขอของผมอยู่ดี


   “ฉันจะปล่อยก็ได้ แต่ว่านายต้องให้ฉันไปส่งที่มหา’ลัย”


   “หา! ไปส่งผม? ไปทำไมไม่ต้องหรอกครับ”


   “ฉันมีธุระที่ต้องไปทำแถวนั้นพอดี หรือว่านายนัดเจอใครถึงไม่อยากให้ฉันไปส่งห้ะ”


   “ผมไม่ได้นัดใครทั้งนั้น ก็บอกแล้วไงครับว่าผมมีเรียนตอนเช้า”


   “ถ้างั้นนายก็ให้ฉันไปส่งสิ”


   “ถ้าคุณภูผาไปส่งผมแล้วใครจะไปส่งน้องวาล่ะครับ”


   “ก็พฤกษ์ไง ช่วงเช้าไม่มีเรียนก็ไปส่งวาได้อยู่แล้ว”


   “แต่ว่า...”


   “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ตามฉันมาขึ้นรถซะ นี่คือคำสั่ง” พูดจบคุณภูผาก็จูงมือ (ลาก) ผมออกจากบ้านไปขึ้นรถทันที โดยที่ผมไม่มีสิทธิ์ขัดขืนหรือปฏิเสธอะไรทั้งนั้น


เผด็จการที่สุดเลย!


   หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมตลอดเวลาที่ผมกับคุณภูผาอยู่ในรถ มหา’ลัยที่อยู่ใกล้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันไกลมากเพราะต้องตกอยู่ในบรรยากาศอันน่าอึดอัดแบบนี้


ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งที่คุณภูผากำลังทำอยู่ตอนนี้นั้นต้องการอะไร ทำไมถึงได้เกลียดผมจนต้องหาเรื่อง บังคับขู่เข็ญ แล้วก็กลั่นแกล้งผมถึงขนาดนี้ด้วยนะ


“จอดข้างหน้าก็ได้ครับ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” ผมพูดขึ้นเมื่อรถของคุณภูผาขับมาถึงหน้าคณะที่ผมเรียนอยู่


“ไม่เป็นไร ก็บอกแล้วว่าฉันต้องมาทำธุระแถวนี้พอดี” คุณภูผาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่วนผมที่ไม่มีอะไรจะพูดแล้วก็เปิดประตูลงจากรถเดินขึ้นตึกเรียนไปเลย


ตลอดช่วงเช้าผมได้แต่สัปหงกระหว่างเรียนเพราะนอนไม่พอ ยังดีที่ช่วงพักเที่ยงผมไปซื้อกาแฟมาดื่มและหาที่งีบสัก 15 นาทีได้แล้ว เพราะงั้นคาบบ่ายที่เป็นวิชาบรรยายผมจึงตาสว่างและจดตามอาจารย์ได้ทั้งหมดจนกระทั่งจบคาบ


หลังจากเรียนเสร็จผมก็รีบขึ้นรถเมล์ไปยังร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่ แต่โชคร้ายที่ฝนดันตกหนักเลยทำให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก จนผมต้องตัดสินใจโบกวินมอเตอร์ไซค์เพื่อให้ไปส่งที่ร้าน ซึ่งก็มาถึงได้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด แต่ว่าผมก็ต้องเปียกไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า


 “ว้ายตายแล้ว+ ทำไมเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำขนาดนั้นล่ะฮ้าน้องตาหวาน” พี่กิตติ หรือ ‘เจ๊คิตตี้’ เจ้าของร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่พูดขึ้นเมื่อเห็นสภาพของผมที่เดินเข้ามาในร้าน


ถ้าคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนคงมองไม่ออกและไม่รู้เลยว่าพี่กิตติแกเป็นกะเทย เพราะพี่แกจะแสดงท่าทางออกสาวเฉพาะคนคุ้นเคยเท่านั้น แถมรูปร่าง หน้าตา และการแต่งตัวของพี่แกก็ไม่ต่างจากผู้ชายแท้ๆ ซ้ำยังหล่อและดูเท่อีกด้วย แต่หากได้รู้จักจะรู้เลยว่าพี่กิตติแกมีหัวใจเป็นสาวน้อยมาก ซึ่งนั่นก็ทำให้สาวๆ บางคนที่ส่งสายตามาให้พี่แกเกิดอาการเซ็งไปตามๆ กัน


“ฝนมันตกน่ะครับผมเลยนั่งพี่วินมา ว่าแต่เมื่อไหร่พี่กิตติจะเลิกเรียกผมว่าตาหวานสักที พี่รู้มั้ยครับว่าตอนนี้ลูกค้าขาประจำบางคนก็เรียกผมว่าตาหวานไปด้วยแล้วนะ” ผมทำหน้ามุ่ย


การที่พี่กิตติเรียกผมแบบนี้ เป็นเพราะตอนที่ผมมาสมัครงานพี่แกได้ยินผมแนะนำตัวเองว่าชื่อตาหวาน ถึงแม้ผมจะแก้ความเข้าใจผิดไปแล้วว่าผมชื่อตะวัน แต่พี่แกก็ตีมึนไม่สนใจแล้วเรียกผมว่าตาหวานมาเรื่อยๆ ไม่ยอมเปลี่ยนจวบจนปัจจุบัน


   “ใครอยากเรียกก็ให้เรียกไปสิจ๊ะอย่าได้แคร์”


   “โธ่...พี่กิตติอะ”


   “ไม่ต้องมาธ่งมาโธ่อะไรแล้วน้องตาหวาน รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยนะเดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี” พี่กิตติรุนหลังผมไปที่หลังร้าน จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ผมเปลี่ยน


   จากนั้นผมก็เริ่มทำงานตามปกติ หน้าที่ของผมคือพนักงานเสิร์ฟจึงต้องเดินไปโต๊ะนั้นโต๊ะนี้จนทั่วร้าน ซึ่งปกติผมก็สามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีไม่มีบกพร่อง แต่วันนี้พอผ่านไปได้สัก 3 – 4 ชั่วโมงผมกลับรู้สึกว่าตัวหนักอึ้งและเดินได้อย่างเชื่องช้า


   “เป็นอะไรรึเปล่าตะวัน? ไม่สบายรึเปล่า?” หมิว พนักงานเสิร์ฟในร้านถามขึ้นเมื่อเห็นผมเดินเซๆ ในระหว่างที่กำลังเดินเอาใบออเดอร์ของลูกค้ามาส่งพ่อครัว


   “ไม่เป็นไร เราสบายดี” ผมฝืนยิ้มแล้วพยายามทรงตัวก้าวเดินต่อไป แต่คราวนี้ผมกลับเซมากกว่าเดิมจนล้มลงไปกองกับพื้นในที่สุด


   “เฮ่ย! ตะวัน!” หมิวอุทานขึ้นอย่างตกใจแล้วรีบเข้ามาประคองผมที่ยังคงมีสติหลงเหลืออยู่นิดหน่อย จากนั้นก็รีบตะโกนบอกให้คนไปตามพี่กิตติมา ซึ่งไม่กี่วินาทีต่อมาพี่แกก็พรวดพราดเข้ามาเลย


   “คุณพระช่วย! ตาหวานเป็นอะไรไปหมิว!”


   “น่าจะเป็นไข้ค่ะเจ๊ ตะวันตัวร้อนจี๋เลย”


   “ว้าย! แล้วนี่มีใครรู้จักบ้านหรือครอบครัวตะวันบ้าง?...หา! ไม่มีเลยหรอ! โอ๊ยยยยย แล้วนี่จะเอาไงดี...เออใช่! โทรศัพท์ของตะวันไง! ใครก็ได้ไปเอาที่ล็อกเกอร์มาให้เจ๊ด่วน!” แล้วหลังจากนั้นสักพักก็มีคนไปเอาโทรศัพท์ของผมมาให้พี่กิตติ พอพี่แกได้มาก็รีบโทรเข้าเบอร์ของคุณพ่อผมทันที แต่ไม่ว่าจะโทรไปเท่าไหร่คุณพ่อก็ยังคงปิดเครื่องติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม


   ตอนนี้ผมรู้สึกจุกและหน่วงที่หัวใจจนน้ำตาอุ่นๆ มันรื้นขึ้นมา ก่อนที่ความเหนื่อยล้าทั้งใจและกายมันจะทำให้สติของผมค่อยๆ ดับวูบลง โดยสิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้คือเสียงของพี่กิตติที่คุยโทรศัพท์กับใครบางคน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าใครและจับใจความอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย...


.............................................
..............................
...............


   “อืม...” ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะรู้สึกถึงอะไรชื้นๆ กำลังสัมผัสอยู่ที่ใบหน้าของผม


   “รู้สึกตัวแล้วหรอตะวัน เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวรึเปล่า” ใครสักคนถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนในระหว่างที่กำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าของผม แต่ว่าผมก็มองไม่เห็นว่าเป็นใครเพราะห้องนี้ไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นเงาลางๆ อยู่ดี จึงเห็นว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้สวมแว่นสายตาเอาไว้ด้วย


   เป็นพฤกษ์สินะ...


   “ยังปวดนิดหน่อยอยู่เลย ว่าแต่...เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ที่นี่ที่ว่าก็คือห้องนอนของผมเอง ผมจำได้ว่าผมหมดสติไปที่ร้านอาหาร แต่ทำไมพอฟื้นขึ้นมาถึงกลับมาที่นี่ได้ก็ไม่รู้


   “เจ้าของร้านที่นายทำงานอยู่โทรเข้าเบอร์บ้านมาบอกน่ะ” พอพี่กิตติโทรเข้าเบอร์คุณพ่อไม่ติด ก็เลยโทรเข้าเบอร์ของบ้านหลังนี้สินะ


   “ลำบากแย่เลย ขอโทษที่ต้องรบกวนจริงๆ” ผมพูดอย่างรู้สึกผิด เวลานี้พฤกษ์ควรจะได้นอนพักผ่อน ไม่ควรเสียเวลาขับรถไปรับผมแถมยังต้องคอยดูแลผมแบบนี้เลย


   “พูดอะไรอย่างนั้น การดูแลนายไม่ใช่เรื่องลำบากสักหน่อย” พฤกษ์ดุผมเบาๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเช็ดที่ใบหน้าและลำคอของผมอย่างอ่อนโยนเช่นเดิม


   “นายเป็นคนดีจริงๆ”


   “วันนี้นายพูดจาแปลกๆ นะตะวัน”


   “ฮะๆ คงเพราะฉันไม่สบายล่ะมั้ง”


   “ถ้างั้นก็รีบนอนซะ แล้วถ้าพรุ่งนี้ไปเรียนหรือไปทำงานไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะเข้าใจมั้ย” อะไรกัน นี่จอมเผด็จการเข้าสิงพฤกษ์รึไงเนี่ย


   “เข้าใจแล้ว”


   “ดีมาก” พฤกษ์พูดจบก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ผมจนถึงแผ่นอก จากนั้นก็ลูบที่ศีรษะของผมเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน


   “ฝันดีนะตะวัน”


   “ฝันดีเหมือนกันพฤกษ์” แต่ทันทีที่ผมพูดประโยคนี้จบ มือของพฤกษ์ที่กำลังลูบที่ศีรษะของผมก็หยุดชะงักทันที จากนั้นผมก็ได้ยินเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูกเบาๆ ก่อนที่พฤกษ์จะชักมือกลับแล้วเดินออกจากห้องไปเลย


   เป็นอะไรของเขากันนะ? นี่ผมพูดอะไรผิดไปงั้นหรอ?



Phupha



   “พรุ่งนี้พี่ภูจะไปส่งผมที่โรงเรียนรึเปล่าครับ?” วาถามขึ้น ในขณะที่พวกเรา 5 คนพี่น้องกำลังทานข้าวเย็นฝีมือตะวันที่เตรียมไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืน


   “อืม พี่ไม่มีธุระที่ไหน เดี๋ยวพี่จะไปส่งวาเหมือนเดิม”


   “โอเคครับ ว่าแต่...พี่ภูไปไหนตั้งแต่เช้าหรอ ปกติผมไม่เห็นพี่ภูจะออกไปไหนเช้าขนาดนี้เลย” คำถามของวาทำให้ผมที่กำลังทานข้าวอยู่ถึงกับชะงัก


   “คือ...ลูกค้าต้องการแก้แบบบ้านกะทันหันน่ะ พี่เลยต้องรีบเอาไปให้ดู” ผมพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าปกติทั้งที่ในใจกำลังร้อนรน เพราะสิ่งที่ผมพูดเมื่อกี้ผมโกหก ความจริงแล้วผมแค่จะไปส่งตะวันเฉยๆ ไม่ได้มีธุระที่ไหนทั้งนั้น


   ตอนแรกผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปส่งตะวันหรอก แต่ที่ตื่นมาแต่เช้าก็เพราะมั่นใจว่าจะต้องถูกตะวันหลบหน้าแน่นอน ซึ่งผมก็คิดถูกจริงๆ


   “แต่เห็นตะวันบอกว่าพี่ภูไปส่งที่มหา’ลัยตอนเช้าไม่ใช่หรอครับ” พฤกษ์พูดขึ้นแล้วมองตรงมาทางผม สายตาแบบนั้นทำอย่างกับว่ากำลังสืบสวนไม่ก็จ้องจับผิดผมยังไงยังงั้น


   รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์ขึ้นมาเลยแฮะ


   “ก็พี่ผ่านไปทางนั้นพอดีเลยแวะไปส่งตะวันด้วย แกมีปัญหาอะไรรึไง” นอกจากผมจะไม่สบอารมณ์เรื่องที่พฤกษ์ทำเหมือนจ้องจับผิดผมแล้ว ผมยังไม่สบอารมณ์เรื่องที่ตะวันรายงานทุกอย่างในชีวิตให้พฤกษ์ฟังด้วย


   ก็แค่เพื่อนไม่ใช่รึไง รายงานทุกอย่างขนาดนี้ไม่เลื่อนขั้นสถานะไปเลยล่ะ!


   “ผมก็แค่ถามดูเฉยๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรสักหน่อย” พฤกษ์พูดแบบนั้นแล้วก็ทานข้าวต่อ ผมที่ไม่ใช่คนพูดมากอะไรอยู่แล้วเลยให้บทสนทนาหยุดอยู่แค่นั้น จากนั้นก็ทานข้าวกับทุกคนต่อจนหมดก่อนที่จะแยกย้ายกันไปที่อื่น


   ผมเริ่มทำงานต่อจากช่วงเย็นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นจากห้องนั่งเล่น ผมจึงได้พักจากการทำงานแล้วเดินไปรับสาย


   “ภูผาพูดครับ”


   [“สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้าของร้านอาหารที่น้องตาหวาน...เอ๊ย! น้องตะวันทำงานอยู่นะครับ ไม่ทราบว่าที่นั่นใช่บ้านของน้องตะวันรึเปล่า”] เสียงเข้มๆ ของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น ตอนแรกผมก็ยังอารมณ์ปกติอยู่นะ แต่พอได้ยินไอ้หมอนั่นเรียกตะวันว่าตาหวาน ผมก็ชักไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที


   หึ! ขยันส่งสายตายั่วยวนผู้ชายจริงนะ!


   “ที่นี่ไม่ใช่บ้านของตะวัน แต่ตะวันอยู่ที่นี่เพราะทำงานเป็นแม่บ้าน” ผมพูดด้วยเสียงแข็งๆ และห้วนต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง


   [“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นผมสามารถแจ้งอาการของน้องตะวันให้คุณทราบและมารับได้มั้ยครับ พอดีผมโทรหาพ่อของน้องตะวันไม่ติดเลย”] น้ำเสียงอันร้อนรนจากปลายสายทำให้ผมเลิกคิดเรื่องอื่น เพราะรู้สึกเป็นห่วงตะวันขึ้นมาแล้ว


   “ตะวันเป็นอะไร?”


   [“หมดสติไปเพราะเป็นไข้ครับ ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากการนั่งวินตากฝนมาทำงานที่ร้าน แถมยังอดนอนเพราะเห็นใต้ตาคล้ำๆ ร่างกายเลยน่าจะอ่อนแอน่ะครับ”] ทีแรกผมก็นึกบ่นตะวันในใจอยู่หรอกที่นั่งวินตากฝนไปทำงาน แต่พอเจ้าของร้านบอกว่าเห็นตะวันใต้ตาคล้ำๆ เพราะอดนอน ผมก็อดที่จะรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้


   นอนไม่หลับเพราะผมทำเรื่องแบบนั้นไปสินะ...


   “คุณบอกที่อยู่ร้านมาเลย ผมจะออกไปรับตะวันเดี๋ยวนี้” ผมพูดผมก็หยิบกระดาษกับปากกาที่อยู่ใกล้ๆ มาจดที่อยู่ร้านตามคำบอกของปลายสาย เสร็จแล้วก็รีบเข้าห้องไปหยิบกุญแจรถออกมา โดยไม่ลืมหยิบแว่นสายตาออกมาด้วยเพราะผมเป็นคนสายตาสั้น แต่ที่ผมไม่ชอบใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์ก็เพราะมันเกะกะ ยกเว้นตอนที่ต้องขับรถในเวลากลางคืนเท่านั้นผมจึงจะใส่เพราะมองทางไม่ค่อยเห็น


   ผมใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่ร้านแล้ว เพราะถนนค่อนข้างโล่งเลยสามารถเหยียบคันเร่งได้เต็มฝีเท้า ผมจอดรถที่ด้านหลังตามคำบอกของเจ้าของร้าน ก่อนที่จะรีบเปิดประตูเข้าไปข้างใน


   “คุณ...เอ่อ...ใช่คุณภูผามั้ยคะ?” พอเข้าไปข้างในก็มีพนักงานสาวคนหนึ่งถามผม บางทีเจ้าของร้านอาจจะสั่งเอาไว้ล่ะมั้ง


   “ครับ ผมมารับตะวัน”


   “ถ้างั้นเชิญที่ชั้น 2 เลยค่ะ คุณกิตติเจ้าของที่นี่กำลังเฝ้าไข้ตะวันอยู่” ผมรู้สึกไม่สบอารมณ์อีกแล้วที่รู้ว่าไอ้เจ้าของร้านกำลังเฝ้าไข้ตะวัน
ไม่รู้จะเป็นห่วงเป็นไยอะไรกันนักหนา ก็แค่เจ้านายกับลูกน้องไม่ใช่รึไง!


   ผมเดินตามพนักงานสาวขึ้นไปจนกระทั่งถึงห้องที่อยู่ชั้น 2 พอเข้าไปเท่านั้นแหละจากที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ก็กลายเป็นว่าผมกลับยิ่งอารมณ์เสียมากกว่าเดิม เพราะที่นี่เป็นห้องนอนของไอ้เจ้าของร้านน่ะสิ!


   “อ้าว! มาแล้วหรอครับ คุณคงเป็นคุณภูผาสินะ” เจ้าของเสียงและหน้าตาอันหล่อเหลาพูดขึ้น ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่าไอ้หมอนี่ต้องเป็นเจ้าของร้านแน่นอน เพราะกำลังนั่งอยู่ปลายเตียงแล้วลูบศีรษะของตะวันด้วยความเป็นห่วง


   “ใช่ ผมภูผา” ผมขบกรามแน่นและแผ่รังสีมาคุออกไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะงั้นผมจึงไม่ทันสังเกตว่าไอ้เจ้าของร้านและพนักงานสาวมองมาที่ผมด้วยสายตาแบบไหน


   “อะ...เอ่อ...คะ...คือ...ถ้างั้น...ผะ...ผมจะอุ้มตะวันไปส่งที่รถนะครับ” เสียงที่พูดอย่างตะกุกตะกักของไอ้เจ้าของร้านทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด แต่ที่หงุดหงิดมากกว่านั้นก็ตรงที่ได้ยินว่ามันจะอุ้มตะวันไปส่งให้ที่รถน่ะสิ!


   “ไม่ต้อง! ตะวันเป็นคนของผม! ผมดูแลเองได้!” พูดจบผมก็ตรงเข้าไปเบียดไอ้เจ้าของร้านแล้วช้อนตัวของตะวันขึ้นมาในอ้อมแขน การกระทำนั้นทำให้ผมชนไอ้หมอนั่นแรงไปหน่อยจนมันเซไปข้างหลังและเกือบจะหงายลงพื้น


   “ว้าย!!” แต่โชคดีที่ไอ้หมอนั่นทรงตัวได้ก่อนเลยไม่หงายลงไป


แต่เอ๊ะ...ว้ายงั้นหรอ?


“แหมเจ๊คิตตี้ แค่โดนหนุ่มหล่อชนนิดๆ หน่อยๆ ก็ถึงกับขาเปลี้ยเลยนะคะ” พนักงานสาวที่อยู่ในห้องด้วยเอ่ยแซว


เจ๊คิตตี้งั้นหรอ?


โอเค ชัดเลย


“เอ๊ะยัยนี่ อย่าพูดมากได้มะเดี๋ยวแม่ตบปากฉีก! เอ่อ...ต้องขอโทษคุณภูผาด้วยนะคะ อย่าไปใส่ใจที่ยัยหมิวพูดเลยค่ะ แล้วก็ถ้าหากดิฉันแสดงกิริยาไม่ดีก็ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ” เจ้าของร้านที่เปลี่ยนมาใช้คำพูดแบบผู้หญิงพูดจบก็ก้มศีรษะให้ผมเล็กน้อย ส่วนผมแทนที่จะรู้สึกไม่ดีที่เจ้าของร้านเป็นสาวประเภทสอง แต่ผมกลับรู้สึกดีใจมากจนเผลอยิ้มออกมาเลยด้วยซ้ำ


“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่เผลอชนคุณไปเมื่อกี้” ปฏิกิริยาของผมที่เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือทำให้เจ้าของร้านถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก


แต่นั้นเรื่องผมไม่ได้สนใจ เพราะเรื่องสำคัญตอนนี้คือต้องพาตะวันกลับไปที่บ้าน หากพรุ่งนี้เช้าอาการยังไม่ดีขึ้นผมจึงจะพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล


“ถ้าหากไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวพาตะวันกลับบ้านก่อนแล้วกันครับ” พูดจบผมที่อุ้มตะวันอยู่ก็เดินลงไปข้างล่าง ส่วนเจ้าของร้านก็ตามมาส่งที่รถแล้วให้นามบัตรผมเอาไว้เพื่อแจ้งอาการของตะวัน


   หลังจากที่ขับรถกลับถึงบ้านแล้ว ผมก็อุ้มตะวันที่ยังคงตัวร้อนจี๋เข้าไปนอนในห้องที่ไม่ได้เปิดไฟ เพราะกลัวแสงไปรบกวนการนอน จากนั้นผมก็พยายามปลุกตะวันเพื่อให้ลุกมากินยา แต่ไม่ว่าจะปลุกเท่าไหร่ตะวันก็ยังคงไม่ได้สติเลยแม้แต่น้อย


ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องใช้วิธีสุดท้าย...


ผมลังเลนิดหน่อยเพราะถ้าหากตะวันรู้อาจจะคิดมากจนนอนไม่หลับอีก แต่พอคิดว่าในห้องนี้ไม่มีใครอื่นแล้วผมเลยตัดสินใจหยิบเม็ดยาเข้าปาก จากนั้นก็ดื่มน้ำตามด้วยการก้มลงไปประกบปากกับตะวันเพื่อป้อนยาทันที


ผมบีบแก้มของตะวันเบาๆ ให้ช่องปากเปิดออก จากนั้นก็ปล่อยให้เม็ดยาและน้ำไหลลงไปในลำคอ โดยใช้ลิ้นดุนและดันเม็ดยาให้เข้าไปได้ง่ายขึ้น ส่วนคราบน้ำที่เลอะอยู่ตรงมุมปากผมก็ใช้ทิชชู่ซับให้แห้ง แต่ไหนๆ ก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว เพราะงั้นผมเลยไปหากะละมังใบเล็กๆ มารองน้ำอุ่น และหาผ้าขนหนูเพื่อจะมาเช็ดใบหน้ากับลำตัวของตะวันซะเลย


   ซึ่งในจังหวะที่ผมวางผ้าขนหนูลงที่หน้าผากของตะวันนั่นเอง   


“อืม...” ตะวันก็ส่งเสียงออกมาเบาๆ แล้วค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ


   “รู้สึกตัวแล้วหรอตะวัน เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวรึเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง เพราะดูท่าทางตะวันยังคงไม่สู้ดีและดูสะลึมสะลือ


   “ยังปวดนิดหน่อยอยู่เลย ว่าแต่...เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ตะวันมองซ้ายมองขวา ถึงแม้ในห้องจะไม่ได้เปิดไฟ แต่ก็มีแสงเลือนรางส่องเข้ามาจากหน้าต่างทำให้รู้ว่าที่นี่คือห้องนอนของที่บ้าน


   “เจ้าของร้านที่นายทำงานอยู่โทรเข้าเบอร์บ้านมาบอกน่ะ” พอได้ยินแบบนี้ตะวันก็ทำหน้ารู้สึกผิดทันที


   “ลำบากแย่เลย ขอโทษที่ต้องรบกวนจริงๆ”


   “พูดอะไรอย่างนั้น การดูแลนายไม่ใช่เรื่องลำบากสักหน่อย” ผมดุตะวันเบาๆ ที่คิดอะไรแบบนี้ ตัวเองป่วยอยู่แท้ๆ ยังมีกะจิตกะใจเป็นห่วงผมอีก แต่ถึงจะดุตะวันแบบนั้น ผมก็ยังคงเช็ดที่ใบหน้าและลำคอของตะวันอย่างอ่อนโยนเช่นเดิม


   “นายเป็นคนดีจริงๆ” คำพูดนั้นทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เพราะตะวันไม่เคยพูดจาแบบนี้กับผมเลยสักครั้ง


   “วันนี้นายพูดจาแปลกๆ นะตะวัน” แถมยังดูผ่อนคลายไม่เกร็งเหมือนปกติอีกต่างหาก หรือบางทีจะเป็นเพราะพิษไข้ที่ทำให้ตะวันเป็นแบบนี้
“ฮะๆ คงเพราะฉันไม่สบายล่ะมั้ง” คิดเหมือนกันขนาดนี้ก็คงจะใช่แล้วล่ะ


   “ถ้างั้นก็รีบนอนซะ แล้วถ้าพรุ่งนี้ไปเรียนหรือไปทำงานไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะเข้าใจมั้ย” ผมคิดว่าเจ้าของร้านคงจะเข้าใจไม่ว่าอะไรตะวันหรอกที่ไม่ไปทำงาน


   “เข้าใจแล้ว” ตะวันรับปากแต่โดยดีไม่ดื้ออย่างที่คิด


   “ดีมาก” ผมยิ้มบางๆ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ตะวันจนถึงแผ่นอก เสร็จแล้วก็ลูบที่ศีรษะกลมมนเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน


   “ฝันดีนะตะวัน” นานขนาดไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้พูดประโยคนี้กับใครที่ไม่ใช่คนในครอบครัว เพราะว่าผมเป็นคนค่อนข้างโลกส่วนตัวสูงและไม่ค่อยเปิดใจรับใครง่ายๆ ขนาดผมยังงงกับตัวเองเลยที่จู่ๆ ก็พูดประโยคนี้ออกไป


   หรือว่าผมอาจจะกำลังเปิดใจให้ตะวัน?


   ความคิดนั้นทำให้ผมเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้ แต่แล้วผมก็ต้องชะงักไปและหุบยิ้มลงเมื่อตะวันพูดตอบมาว่า...


   “ฝันดีเหมือนกันพฤกษ์”


ประโยคนั้นทำให้ผมรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ผมรู้สึกหน้าชาและตัวแข็งทื่อยิ่งกว่าท่อนไม้


พฤกษ์งั้นหรอ...?


ไม่ใช่ภูผาสินะ...?


ตอนนี้ผมอยากหัวเราะเพราะรู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆ ที่เป็นได้แค่ตัวแทนของพฤกษ์ ถึงว่าล่ะทำไมตะวันถึงได้พูดจาแปลกๆ ดูไม่เกร็ง ผ่อนคลาย แล้วก็ว่าง่ายต่างจากเวลาปกติที่อยู่กับผม


“หึ” ผมทำเสียงขึ้นจมูกแล้วชักมือที่กำลังลูบศีรษะของตะวันกลับไป ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจตะวันที่กำลังทำหน้างุนงงอีกเลย
ผมไม่ใช่ตัวแทนของใคร ส่วนเรื่องที่ผมบอกว่าอาจจะเปิดใจให้ตะวันมันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอยู่แล้ว!


คนอย่างผมเนี่ยนะจะไปชอบคนอย่างตะวัน? ผู้ชายที่มีแต่ตัวไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า แถมยังชอบทำหน้าใสซื่อและส่งสายตาหวานๆ ยั่วยวนผู้ชายไปวันๆ อีกต่างหาก


คนแบบนั้นผมจะไปชอบได้ยังไง พูดเลยว่าไม่มีทาง!


   2BC


ฮัลโหลววว สวัสดีค่าทุกคน หัวใจชิงรักตอนที่ 5 ก็จบลงไปแล้วน้า  :m18: ครึ่งแรกก็เป็นการบรรยายของน้องตาหวาน...เอ๊ย! ตะวัน ส่วนครึ่งหลังก็เป็นของคุณภูผา (จอมซึน)  o8 ซึ่งครึ่งแรกทุกคนก็จะได้เห็นความน่ารักและขยันขันแข็งของตะวัน ในขณะที่ครึ่งหลังก็จะเห็นคุณภูผาในหลากหลายอารมณ์ (มีอารมณ์ไหนบ้างน้อไหนใครไล่ได้หมดบ้าง อิอิ)  o3 ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นยังไง ภูผากับตะวันจะเข้าใจกันตอนไหน (หรือต้องลุ้นให้ภูผาหายปากแข็งก่อนก็ไม่รู้นะอันนี้) ยังไงก็มาเอาใจช่วยทั้งคู่กันด้วยนะคะ  :man1:
แล้วเจอกันวันจันทร์น้าทุกคน ก่อนจากกันไปที่ขาดไม่ได้เลยก็คือขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่เม้นให้และเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้  :pig4: ทุกคนคือกำลังใจของเค้าจริงๆ กอดดดดดดดด  :กอด1:
(14 ก.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 5 จอมเผด็จการ (11.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-07-2017 22:00:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 5 จอมเผด็จการ (11.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 12-07-2017 08:13:32
ตะวันนั่นพี่ภูไม่ใช่พฤกษ์ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 5 จอมเผด็จการ (11.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 12-07-2017 12:56:24
ตะวันเข้าใจผิดซินะ คนที่มาดูแลคือภูผาแต่เห็นไม่ชัดเห็นว่าใส่แว่นเลยคิดว่าเป็นพฤกษ์ ภูผาโกรธแย่เลย
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 5 จอมเผด็จการ (11.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 13-07-2017 16:52:50
 :mew2: ผิดคนแล้วครับ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 5 เปิดใจให้คนตาหวาน 100% (14.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 15-07-2017 00:04:37
ภูผาหึงก้น่ารักนะครับ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 5 เปิดใจให้คนตาหวาน 100% (14.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 16-07-2017 00:02:19
อย่ากลับคำนะพี่ภู :m16:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 5 เปิดใจให้คนตาหวาน 100% (14.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-07-2017 09:27:43
อ่ออ ตะวันมองผิดคนนี่เอง... 5555
หัวข้อ: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 6 เป็นบุหรี่ให้ดูด...เอ๊ย! สูบต่างหาก
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 17-07-2017 21:29:42
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Part 6# Tawan เป็นบุหรี่ให้ดูด...เอ๊ย! สูบต่างหาก


   หลังจากนั้นผมก็นอนซมอยู่ 2 วันเต็มๆ เพราะงั้นผมเลยไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ทำอะไร ส่วนใหญ่ได้แต่นอนอยู่บนเตียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งในช่วงเวลานั้นคุณธาร พฤกษ์ เพลิง แล้วก็น้องวาต่างก็ช่วยดูแลผมเป็นอย่างดี มีแต่คุณภูผานั่นแหละที่ไม่สนใจใยดีผมเลย ขนาดจะมาเยี่ยมสักครั้งก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ


   คนใจร้าย...


   เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้หวังจะให้คุณภูผาหรือว่าใครมาดูแลผมหรอก เพราะการที่ผมป่วยแล้วทุกคนต้องทำงานบ้านซึ่งมันเป็นหน้าที่ของผม ผมก็รู้สึกผิดและเกรงใจจะแย่อยู่แล้ว แต่การที่ผมคิดว่าคุณภูผาใจร้ายแบบนี้ก็เพราะคุณภูผาใจจืดใจดำเกินไป คนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันป่วยยังไม่คิดจะมาถามไถ่อาการเลยสักนิด


   ผมนอนตัดพ้อคุณภูผาอยู่บนเตียงอีกสักพักจนกระทั่งหลับไปไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีพอดูนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 11 โมงกว่าๆ มิน่าล่ะถึงได้ตื่นขึ้นมาเพราะความหิว


   ตลอด 2 วันมานี้พฤกษ์จะซื้ออาหารอ่อนๆ มาให้ผมกินทุกมื้อ ไม่ใช่เฉพาะมื้อเย็นเท่านั้น แต่ว่ามื้อเช้าพฤกษ์ก็ไปซื้อโจ๊กมาให้ ส่วนมื้อเที่ยงพฤกษ์ก็ซื้อแกงจืดกลับมาให้เช่นกัน การกระทำของพฤกษ์ทำเอาผมซึ้งใจจริงๆ ที่มีเพื่อนที่แสนดีขนาดนี้


   ส่วนวันนี้ผมบอกพฤกษ์ว่าไม่ต้องซื้ออาหารมาให้ เพราะพอตื่นมาตอนเช้าผมก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมากแล้ว มื้อเที่ยงน่าจะมีแรงทำอาหารเองได้ ยิ่งพอได้นอนต่อจนเกือบเที่ยงแบบนี้ เรี่ยวแรงของผมก็กลับมาจนแทบจะเป็นปกติแล้วล่ะ


   ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะเข้าครัวไปทำอะไรง่ายๆ มากิน แต่พอไปถึงผมกลับเจอคุณภูผากำลังนั่งทำอาหารอยู่ในครัวซะงั้น ดังนั้นผมจึงได้หยุดฝีเท้าแล้วก็ว่าจะหนีกลับเข้าไปในห้อง แต่คุณภูผากลับรู้ตัวซะก่อนเลยพูดดักผมไว้


“จะไปไหน” น้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมา 2 วันเต็มๆ ยังคงดุเหมือนเดิม ซึ่งพอผมหันหลังกลับไปก็พบกับสายตาที่ดุไม่ต่างกัน


“เอ่อ...ผมว่าจะกลับไปเอาของที่ห้องน่ะครับ” พอได้ยินแบบนี้คุณภูผาก็ทำเสียงขึ้นจมูก จากนั้นก็พาดตะหลิวกับกระทะแล้วเดินเข้ามาใกล้ผม


“รู้อะไรมั้ย นายน่ะเป็นคนที่โกหกไม่เก่งเอาซะเลย”


“น่ะ...นั่นมัน...” ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวว่ายังไง คุณภูผาที่เห็นแบบนั้นเลยจูงมือ (ลาก) ผมไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหาร จากนั้นก็ชี้นิ้วสั่งให้ผมนั่งอยู่ตรงนี้ห้ามลุกไปไหนทั้งนั้น


คนเผด็จการ...


ผมได้แต่นั่งหน้ามุ่ยเพราะไม่รู้ว่าคุณภูผาสั่งผมแบบนี้ทำไม แต่พอเวลาผ่านไปไม่กี่นาทีผมก็รู้จุดประสงค์นั้น เพราะคุณภูผาได้วางจานไข่เจียวร้อนๆ และหอมจนท้องผมร้องโครกครากลงมาตรงหน้า


“กินซะ ที่เข้ามาในครัวก็เพราะจะทำอะไรกินใช่มั้ยล่ะ” ทั้งที่แทบไม่ค่อยได้คุยกันแท้ๆ แต่ทำไมคุณภูผาถึงได้รู้ความคิดของผมได้นะ แถมยังอุตส่าห์ทำอาหารให้ผมกินอีกต่างหาก


คนคนนี้เป็นห่วงผมงั้นหรอ?


แต่คิดไปคิดมาคงไม่ใช่ บางทีอาจจะกลัวผมตายในบ้าน หรือไม่ก็ทำเครื่องครัวเสียหายมากกว่า


“ครับ ผมจะเข้ามาทำอะไรกิน แต่ถ้าคุณภูผาเอาไข่เจียวมาให้ผม แล้วอย่างนั้นคุณภูผาจะกินอะไรล่ะครับ”


“ก็ไม่เห็นยาก ฉันก็ทอดมากินใหม่น่ะสิ” คุณภูผาพูดอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็หันหลังกลับไปทอดไข่เจียวให้ตัวเองใหม่ทันที


“ขอบคุณนะครับ” ถึงจะรู้ว่าคุณภูผาไม่ได้ตั้งใจจะทำไข่เจียวให้แต่ผมก็ต้องขอบคุณอยู่ดี ส่วนคุณภูผาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ซึ่งบางทีอาจจะไม่ได้สนใจคำขอบคุณของผมเลยก็ได้


วันนี้เป็นวันศุกร์ เพราะงั้นที่บ้านจึงไม่มีใครอยู่นอกจากผมกับคุณภูผา ดังนั้นที่โต๊ะอาหารจึงไม่มีใครนั่งอยู่ด้วย บรรยากาศการกินข้าวจึงเป็นไปด้วยความเงียบงัน ต่างคนต่างกินของตัวเองโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย


ความอึดอัดที่กำลังประสบพบเจอทำให้ผมรีบกินข้าวให้หมดจาน เสร็จแล้วก็ว่าจะรีบไปล้างแล้วก็รีบเข้าไปในห้อง แต่ก็ถูกคุณภูผาเรียกไว้ซะก่อน


“เดี๋ยว อาการป่วยเป็นยังไงบ้าง”


“เอ่อ...ก็ดีขึ้นแล้วครับ” นั่งกินข้าวด้วยกันตั้งนานไม่ถาม มาถามอะไรเอาตอนนี้กันนะไม่เข้าใจจริงๆ


“แล้ววันนี้จะออกไปทำงานที่ร้านรึเปล่า”


“ถ้าร้านอาหารผมว่าจะโทรไปลาอีกวันอยู่ครับ ส่วนร้านกาแฟพฤกษ์บอกให้ผมโทรไปลาออกตั้งแต่วันก่อนแล้ว” พอได้ยินแบบนี้คุณภูผาก็เบ้ปากนิดหน่อยแล้วส่งเสียง ‘หึ’ ออกมาเบาๆ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อโดยไม่สนใจผมอีกเลย


อะไรของเขาก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็ทำเหมือนโกรธผมซะงั้น ผมเดาใจจอมเผด็จการเจ้าอารมณ์ไม่ออกหรอกนะ


ในเมื่อคุณภูผาไม่สนใจผม ผมก็เลยไม่รู้จะยืนอยู่ตรงนี้ไปทำไม เพราะงั้นผมจึงเดินไปล้างจานแล้วกลับเข้าไปในห้อง ตอนแรกผมก็ว่าจะโทรไปหาพี่กิตติเพื่อลาต่ออีกวัน แล้ววันจันทร์ค่อยเริ่มทำงาน แต่ก็ดันมีสายโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ของผมซะก่อน


พฤกษ์


“สวัสดี”


[“เสียงสดใสแบบนี้แสดงว่าหายไข้แล้วใช่มั้ย”] ผมอมยิ้มนิดหน่อยกับคำถามนั้นของพฤกษ์


“อืม วิ่งเล่นสบายเลยล่ะ” อันที่จริงผมก็โม้ไปงั้นแหละ ถึงแม้ผมจะหายแล้วแต่ก็ยังไม่มีแรงขนาดที่จะวิ่งได้หรอก


[“ถ้างั้นกลับไปเดี๋ยวเรามาวิ่งแข่งกัน ใครแพ้ต้องถูกลงโทษนะโอเคมั้ย”]


“ใจร้าย...เราพึ่งหายป่วยเองนะพฤกษ์” ผมโอดครวญ แต่ก็รู้แหละว่าพฤกษ์ล้อเล่นไม่ได้ท้าวิ่งแข่งกับผมจริงๆ


[“ก็ตะวันเป็นคนพูดเองนี่นาว่าวิ่งเล่นได้สบาย เราเปล่าใจร้ายสักหน่อย”]


“นั่นสินะ พฤกษ์เป็นคนใจดีจะตาย ไม่เหมือน...” ผมพูดได้แค่นี้ก็ต้องเงียบไป เพราะเกือบหลุดนินทาพี่ชายให้น้องชายฟังซะแล้ว


[“ไม่เหมือนใครหรอ?”]


“ปะ...เปล่าหรอก เราพูดผิดน่ะ เราตั้งใจจะบอกว่าพฤกษ์เป็นคนดีไม่ใช่คนใจร้าย เราขอบคุณจริงๆ นะที่ตลอด 2 วันที่ผ่านมาพฤกษ์ดูแลเราเป็นอย่างดี โดยเฉพาะวันนั้นถ้าไม่ได้พฤกษ์เราต้องแย่แน่ๆ ทั้งที่ดึกขนาดนั้นแต่ก็ยังอุตส่าห์ไปรับเราที่ร้าน แถมยังเช็ดตัวและอยู่ดูแลเราอีกต่างหาก” ผมโชคดีจริงๆ ที่มีคนดีๆ อย่างพฤกษ์เป็นเพื่อน


[“เอ่อ...เดี๋ยวนะตะวัน รู้สึกว่าตะวันจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ”]


“เข้าใจผิด? เรื่องอะไรหรอ?”


[“ก็เรื่องที่บอกว่าเราไปรับที่ร้าน แล้วก็เช็ดตัวและอยู่ดูแลตะวันไง”]


“เอ๊ะ?” อะไรกันเนี่ย ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วนะ พฤกษ์บอกว่าผมเข้าใจผิดได้ยังไง ในเมื่อคืนนั้นผมมองเห็นพฤกษ์ แถมยังคุยกับพฤกษ์ตั้งหลายประโยคอีกต่างหาก


[“ตะวันฝัน ละเมอ หรือว่าเพ้อเพราะพิษไข้รึเปล่า?”] ตอนแรกผมก็มั่นใจนะว่าคืนนั้นผมได้เห็นและได้คุยกับพฤกษ์จริงๆ แต่ตอนนี้ผมชักไม่มั่นใจแล้วล่ะ


“ไม่รู้สิ ว่าแต่...ถ้าพฤกษ์ไม่ได้ไปรับเรา แล้วคืนนั้นเรากลับมาที่บ้านได้ยังไง”


[“คงเป็นคนที่ร้านมาส่งมั้ง”] แต่ว่าคืนนั้นผมจำได้แม่นเลยนะว่า พฤกษ์บอกว่าที่ร้านโทรเข้าเบอร์บ้านตามคนให้ไปรับผม


“งั้นเดี๋ยวเราโทรไปถามเจ้าของร้านเลยดีกว่า” ถ้าเรื่องไม่กระจ่างผมคงคาใจจนไม่เป็นอันทำอะไรทั้งวันแน่ๆ


[“อืม ถ้างั้นเราไม่กวนแล้ว แต่ว่าโทรเสร็จก็หาข้าวกินด้วยล่ะ ที่โทรมาก็เพราะจะบอกเรื่องนี้นี่แหละ”] พฤกษ์นี่เป็นคนดีจริงๆ เลยนะ ขนาดเรื่องที่ผมเข้าใจผิดจะเลยตามเลยก็ได้แท้ๆ แต่พฤกษ์ก็ไม่ทำ


“เรากินเรียบร้อยแล้ว พฤกษ์ก็อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ”


[“อืม ถ้างั้นก็แค่นี้นะ...บาย”]


“บาย...”


หลังจากนั้นผมก็กดวางสายของพฤกษ์ไป แล้วรีบต่อสายหาพี่กิตติเจ้าของร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่ทันที


[“ว่าไงฮ้าน้องตาหวาน หายป่วยแล้วรึยัง แล้ววันนี้จะมาทำงานมั้ยเอ่ย”] น้ำเสียงของพี่กิตติยังคงร่าเริงสดใสเหมือนเดิม


“เกือบจะหายดีแล้วครับ แต่ว่าผมขอลาพักอีกสักวันจะได้มั้ย”


[“ได้สิจ๊ะทำไมจะไม่ได้ พักผ่อนอยู่ที่บ้านนั่นแหละดีแล้ว เกิดหน้ามืดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาอีกจะแย่เอา”]


“ขอบคุณมากๆ เลยครับพี่กิตติ” นอกจากผมจะมีเพื่อนที่ดีแล้ว ผมก็ยังมีเจ้านายที่ดีด้วยสินะ


[“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องแค่นี้เอง แต่จะว่าไป...พี่ว่าถ้าน้องตาหวานเป็นอะไรขึ้นมาอีกก็ดีเหมือนกันนะ เพราะว่าพี่จะได้โทรให้คุณภูผาสุดหล่อมารับน้องตะวันอีก นี่รู้มั้ยว่า 3 คืนที่ผ่านมาพี่เก็บเอาคุณภูผาไปฝันทุกคืนเลยนะ ขนาดใส่แว่นอยู่ความหล่อยังทะลุออกมากระแทกตาพี่ได้เลย”]


“หา? ดะ...เดี๋ยวนะครับพี่กิตติ เมื่อกี้พี่พูดว่าใครมารับผมนะครับ” นี่ผมฟังผิดไปรึเปล่า คนอย่างคุณภูผาเนี่ยนะจะออกมารับผมดึกๆ ดื่นๆ ที่ร้าน แถมผมยังจำไม่เห็นได้เลยว่าคุณภูผาใส่แว่นตั้งแต่เมื่อไหร่ คนเดียวในบ้านที่ใส่แว่นคือพฤกษ์ต่างหาก


[“พี่พูดว่าคุณภูผาเป็นคนมารับน้องตาหวาน แถมหลังจากนั้นยังโทรมาแจ้งพี่ด้วยอีกนะว่าเช็ดตัวและป้อนยาให้น้องตาหวานแล้ว คนอะไรก็ไม่รู้ดี๊ดี อบอุ๊นอบอุ่น”] ถ้าลองพี่กิตติย้ำอย่างชัดเจนขนาดนี้ก็แสดงว่า คนที่มารับและดูแลผมต้องเป็นคุณภูผาไม่ผิดคนอย่างแน่นอน


พอได้รู้ความจริงแบบนี้ ผมก็ชักรู้สึกผิดขึ้นมาแล้วสิที่ก่อนหน้านี้ได้ต่อว่าและตัดพ้อคุณภูผาไปตั้งหลายอย่าง ทั้งหาว่าเป็นคนใจร้าย ใจจืด ใจดำ แล้วก็อีกสารพัด ผมนี่มันแย่จริงๆ ที่ด่วนตัดสินคุณภูผาไปแบบนั้น เพราะงั้น...ผมต้องไปขอโทษและขอบคุณคุณภูผาแล้วล่ะ


 ผมคุยอะไรต่อกับพี่กิตติอีกนิดหน่อย จากนั้นพอวางสายไปก็รีบออกจากห้องไปเคาะประตูเรียกคุณภูผาในห้องทำงาน แต่ถึงผมจะเคาะไปถึง 3 รอบก็ไม่มีเสียงตอบรับจากคุณภูผาเลยสักนิด ดังนั้นผมเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไปข้างในซะเลยเพราะประตูไม่ได้ล็อก


คุณภูผาไม่ได้อยู่ห้องแรกอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะงั้นผมจึงได้เดินเข้าไปในห้องที่สอง เลยเห็นว่าตอนนี้คุณภูผากำลังยืนหันหลังอยู่ที่ระเบียงและสูบบุหรี่อยู่


ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบและเหม็นกลิ่นบุหรี่เอามากๆ ผมเลยลืมความตั้งใจของตัวเองที่มาที่นี่ไปชั่วขณะ จึงได้เดินไปหาคุณภูผาแล้วพูดขึ้นว่า...


“บุหรี่มันไม่ดีต่อร่างกายและคนรอบข้างนะครับคุณภูผา” เสียงพูดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของผมทำให้คุณภูผาสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนที่จะหันมาทางผมอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก


“ฉันจำได้ว่าจ้างนายมาเป็นแม่บ้าน ไม่ได้จ้างมาเป็นเมียของฉันสักหน่อย” คำพูดนั้นทำเอาผมหน้าร้อนวาบขึ้นมาทันที แต่จะเพราะโมโหหรือเพราะอะไรอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน


“ผมเคยบอกไปแล้วนี่ครับว่า หน้าที่ของแม่บ้านนอกจากทำงานภายในบ้านแล้ว ยังต้องดูแลทุกคนภายในบ้านด้วยนะครับ ดังนั้นผมเลยไม่อยากให้คุณภูผาสูบบุหรี่เพราะมันไม่ดีแถมมีแต่โทษ แล้วก็...ควันบุหรี่มันเหม็นด้วยครับ” ประโยคสุดท้ายผมพูดอย่างอ้อมแอ้มเพราะมันเป็นเหตุผลส่วนตัวของผม ซึ่งมันไม่ใช่เหตุผลที่จะยกมาอ้างได้เลย แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดนะ


“นายไม่ชอบกลิ่นบุหรี่งั้นหรอ?”


“ไม่ใช่ไม่ชอบครับ แต่เกลียดเลยล่ะ” คำตอบของผมทำเอาคุณภูผาถึงกับชะงัก จากนั้นจึงได้คีบบุหรี่ลงไปขยี้กับที่เขี่ยที่อยู่ข้างๆ


ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่คุณภูผายอมหยุดสูบง่ายกว่าที่คิด แว้บหนึ่งผมก็เกิดรู้สึกว่าคุณภูผาน่ารักขึ้นมา


“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้เป็นคนติดบุหรี่หรอก แค่สูบเฉพาะเวลาเครียดๆ หรือคิดงานไม่ออกน่ะ ว่าแต่นายเข้ามาหาฉันมีธุระอะไร หรือว่าควันบุหรี่มันลอยเข้าไปในห้องของนาย” ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าคุณภูผาดูกังวลว่าจะถูกผมเกลียดยังไงชอบกล


 “ควันมันไม่ได้ลอยเข้ามาในห้องของผมหรอกครับ ที่ผมมาหาคุณภูผาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องจะพูดด้วย”


“เรื่อง?”


“คือ...ผมอยากจะขอบคุณเรื่องที่คุณภูผาไปรับผมมาจากที่ทำงานกับช่วยดูแลผม แล้วก็...ผมอยากจะขอโทษที่คืนนั้นเข้าใจผิดว่าคุณภูผาคือพฤกษ์ จนผมคิดว่าคุณภูผาใจจืดใจดำไม่เคยมาถามไถ่อาการผมเลย” ยิ่งพูดเสียงของผมก็ยิ่งอ่อยลงเรื่อยๆ เพราะถึงแม้ผมจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ผมก็กลัวถูกคุณภูผาโกรธอยู่ดีนี่นา ขนาดเวลาปกติน้ำเสียงและสายตายังดูดุจนน่ากลัวเลย


แต่ทั้งที่คิดว่าจะต้องถูกโกรธแน่นอน คุณภูผากลับถามคำถามกับผมแทนซะได้


“นายคิดว่าฉันเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ งั้นหรอ”


“เอ่อ...คือ...ขอโทษครับ” ผมอึกอักด้วยความลำบากใจ แต่ผมก็ไม่อยากพูดโกหกออกไปเลยต้องก้มหัวขอโทษ ซึ่งก็คือการรับสารภาพกลายๆ นั่นแหละ


“ในสายตานายฉันคงเป็นคนที่แย่มากเลยสินะ” คุณภูผาหันหน้าไปมองต้นไม้ใบหญ้าแล้วพูดขึ้น สีหน้าที่ดูปลงตกและขมขื่นแบบนั้น ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อยแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกผิดมากจริงๆ จึงได้รีบพูดขึ้นเพื่อแก้ความเข้าใจผิดของคุณภูผา


“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นกับคุณภูผาเลยนะครับ ผมแค่คิดว่าคุณภูผาดูดุไปหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าหากลองยิ้มออกมาบ้างก็คงจะดีน่ะครับ” ผมลองเสนอความคิดดู หวังว่าคุณภูผาคงจะไม่โกรธหรอกนะ


ซึ่งหลังจากที่เงียบไปสักพักคุณภูผาก็พูดขึ้นมาว่า...


“ฉันจะลองยิ้มบ้างอย่างที่นายบอกก็ได้ ส่วนเรื่องเลิกบุหรี่แบบถาวรก็ว่าจะลองดูเหมือนกัน”


“จริงหรอครับ!” ผมทำตาลุกวาวและยิ้มกว้างอย่างเซอร์ไพรส์


“จริงสิ แต่ว่า...ฉันมีข้อแม้นิดหน่อย แล้วก็อยากให้นายช่วยอะไรฉันบางอย่างด้วย”


“ได้เลยครับ! คุณภูผาจะให้ผมช่วยอะไรก็บอกมาได้เลยผมยินดี!” ผมมัวแต่ดีใจและตื่นเต้นที่จะได้ทำประโยชน์ให้คุณภูผา เลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์นิดๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาเลยแม้แต่น้อย


“ฉันอยากให้นายช่วยเป็นบุหรี่เวลาที่ฉันอยากดูด...เอ๊ย! อยากสูบน่ะสิ”


“หา! ช่วยเป็นบุหรี่! มะ...หมายถึง...”


“ก็หมายความว่า เวลาที่ฉันอยากสูบบุหรี่นายก็ต้องจูบกับฉันแทนไงล่ะ”



 Phupha




“จะ...จะ...จะ...จูบหรอครับ! นี่ล้อผมเล่นใช่มั้ยครับคุณภูผา!” สีหน้าที่กำลังตกใจสุดขีดของตะวันตอนนี้ทั้งตลกและน่ารักในเวลาเดียวกัน จนผมเกือบจะหลุดวางมาดแล้วเผลอยิ้มออกมา


   “หน้าฉันเหมือนคนพูดล้อเล่นงั้นหรอ?”


   “กะ...ก็ไม่ครับ ตะ...แต่ว่า...เรื่องที่จะให้จูบกับคุณภูผาน่ะ...มัน...มัน...ผมทำไม่ได้หรอกครับ” ตะวันพูดอย่างอึกอัก แถมยังถอยหลังให้ห่างจากผมอีกด้วย ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะตรงเข้าไปประชิดตะวันแล้วใช้วงแขนรวบเอวบางเอาไว้


   “กะอีแค่จูบทำไมนายจะทำไม่ได้ ขนาดทำมากกว่านี้ยังเคยมาแล้วเลย” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ ตะวันก็หน้าแดงวาบขึ้นมาทันที


   “ระ...เรื่องนั้น...ผมอุตส่าห์ลืมไปแล้วทำไมคุณภูผาต้องพูดขึ้นมาอีกด้วยล่ะครับ!” ตะวันทำหน้าราวกับจะร้องไห้ ก็ไม่รู้ว่ากำลังโกรธหรืออายล่ะนะ แต่เท่าที่รู้คือตะวันตอนนี้น่ารักสุดๆ จนผมอยากแกล้งมากกว่าเดิม


   “ก็ฉันไม่อยากให้นายลืมไงว่า คืนนั้นฉันทำอะไรนายไปบ้าง แล้วนายมีความสุขมากขนาดไหน” ระหว่างที่พูดผมก็ใช้มือข้างที่ว่างเชยคางของตะวันขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ ลูบไล้ลงไปเรื่อยๆ ตามซอกคอ แผ่นอก และหน้าท้อง จริงๆ ผมก็อยากจะลามไปยังด้านล่างด้วยล่ะนะ แต่ก็กลัวว่าจะดูเป็นการคุกคามตะวันเกินไป


   “ยะ...หยุดนะครับคุณภูผา” ตะวันพูดด้วยร่างกายสั่นสะท้าน ส่วนใบหูและลำคอก็แดงจัดตามใบหน้าไปเรียบร้อย


   “นายอยากให้ฉันหยุดอะไรล่ะ ระหว่างหยุดพูดกับหยุดทำ?” ผมก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูของตะวันด้วยเสียงแหบพร่า แถมยังถือโอกาสเอาปลายจมูกเฉียดแก้มเนียนใสไปด้วย การกระทำนั้นมันยิ่งทำให้ร่างกายของตะวันสั่นสะท้านมากกว่าเดิม


   “ยะ...หยุดทั้ง 2 อย่างนั่นแหละครับ คะ...คุณภูผาอย่าแกล้งผมอีกเลยนะ มันไม่สนุกหรอกครับ” ใครว่าไม่สนุกกันเล่า ตอนนี้ผมกำลังสนุกมากแล้วก็มีอารมณ์มากๆ เลยด้วย


   “ฉันไม่ได้แกล้งนายสักหน่อย ที่ฉันทำก็แค่อยากให้นายนึกออกเฉยๆ ว่าวันนั้นเราสองคนทำอะไรกันบ้าง แล้วไอ้เรื่องพวกนี้มันก็มากกว่าการจูบซะอีก เพราะงั้นยอมตกลงเป็นบุหรี่ให้ฉันดูด...เอ๊ย! สูบเถอะน่า” ถึงจะทำเหมือนว่าพูดผิด แต่จริงๆ แล้วผมตั้งใจพูดแบบนี้ทั้งสองรอบนั่นแหละ


   “ตะ...แต่ว่า...”


   “แต่อะไร? ไหนว่าหน้าที่ของแม่บ้านนอกจากทำงานภายในบ้านแล้ว ยังต้องดูแลทุกคนภายในบ้านด้วยไงล่ะ? แล้วบุหรี่มันก็ไม่ดีต่อร่างกาย นายเลยอยากให้ฉันเลิกสูบไม่ใช่หรอ?” ผมพยายามโน้มน้าวตะวันอย่างสุดความสามารถ ด้วยนิสัยของตะวันผมคิดว่าการพูดแบบนี้มันต้องได้ผลแน่นอน


   ตอนแรกที่ผมมีอคติกับตะวัน เป็นเพราะผมคิดว่าตะวันตั้งใจจะมาอ่อยทุกคนในบ้าน หน้าตาใสซื่อและไร้เดียงสาแบบนั้น ผู้ชาย (ที่ชอบผู้ชาย) ที่ไหนเห็นก็ต้องหลงอยู่แล้ว แต่ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าผู้ชายแบบนั้นจะมีอยู่จริง ผมมั่นใจว่านั่นต้องเป็นมารยาเลยจับตาดูตะวันมาโดยตลอด


   แต่ไปๆ มาๆ ผมก็เริ่มรู้ตัวแล้วล่ะว่าผมคิดผิดไป ตะวันตั้งใจทำงานเป็นแม่บ้านจริงๆ แถมยังขยันมาก และเอาใจใส่เรื่องต่างๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม นอกจากนี้ตะวันยังดูใสซื่อ เป็นคนดี และหัวอ่อนสุดๆ จนผมคิดว่าคนในบ้านต่างหากที่จะเป็นคนล่อลวงตะวัน และผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย


   ผมคิดว่าผมคงจะหลงเสน่ห์ของตะวันเข้าแล้ว ซึ่งบางทีอาจจะเป็นตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้า เหมือนกับพวกน้องๆ ที่หลงเสน่ห์ของตะวันก็ได้ ไม่อย่างนั้นคืนนั้นผมคงไม่ทำแบบนั้นกับตะวัน แถมยังมีอารมณ์สุดๆ จนต้องไปอาบน้ำเย็นเป็นชั่วโมงเพื่อดับความร้อนรุ่มของร่างกายอีกต่างหาก


   ผมชอบตะวันเข้าแล้ว...


   ในที่สุดก็กลืนน้ำลายตัวเองจนได้...


   แต่เรื่องนั้นช่างปะไร ในเมื่อตอนนี้ผมยอมรับและรู้ใจตัวเองแล้ว เพราะงั้นผมจะเลิกปากไม่ตรงกับใจและแสดงออกว่าชอบตะวันอย่างตรงไปตรงมาล่ะนะ


   “ที่คุณภูผาพูดมามันก็ใช่ครับ แต่ว่า...”


   “น่านะ ช่วยฉันเถอะตะวัน หรือว่านายรังเกียจฉันงั้นหรอ?” พูดถึงตรงนี้ผมก็แสร้งทำหน้าสลด จนตะวันต้องรีบแก้ตัวและส่ายหน้าปฏิเสธ


   “ผมไม่ได้รังเกียจคุณภูผาเลยนะครับ!”


   “ถ้างั้นนายก็ช่วยฉันสิ...นะ” ผมพูดด้วยเสียงออดอ้อน เพราะเดาได้ว่าถ้าใช้ไม้นี้ตะวันจะต้องยอมใจอ่อนอย่างแน่นอน ซึ่งผมก็คิดถูก


   “...” ตะวันไม่ตอบอะไรได้แต่เม้มปากแน่นแล้วก้มตามองลงต่ำ แค่เห็นตะวันลังเลสองจิตสองใจ ไม่ยืนกรานปฏิเสธเหมือนที่ผ่านมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว


   “ถ้านายไม่พูดอะไรฉันจะถือว่านายตกลงนะตะวัน” ผมอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ตะวันจึงอ้าปากจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่ผมก็ชิงก้มหน้าลงไปปิดปากนั้นด้วยริมฝีปากของผมซะก่อน


   “อื้อ!” ตะวันร้องประท้วงในลำคอแล้วพยายามผลักผมออกไป แต่แรงแค่นั้นจะไปสู้ผมได้ยังไง ผมไม่สะทกสะท้านแถมยังบดขยี้ริมฝีปากลงไปมากขึ้นอีกต่างหาก


   “อื้อ...อื้ม...” แรงต่อต้านของตะวันเริ่มลดน้อยลงกลายเป็นโอนอ่อนให้ผมมากขึ้น สองมือที่เคยพยายามผลักไสที่แผ่นอกของผมตอนนี้กลับกำที่เสื้อแน่น เมื่อผมใช้ริมฝีปากดูดกลีบปากบาง จากนั้นก็สอดลิ้นเข้าไปชิมความหวานจากภายใน


   “อือ...” ตะวันครางหวิวด้วยร่างกายอันสั่นสะท้าน ลิ้นเล็กๆ ที่อยู่ภายในดูตื่นกลัวเมื่อโดนผมรุกล้ำเข้าไป แต่พอโดนผมไล่ต้อนมากๆ จนไม่มีทางหนีก็ต้องยินยอมตอบสนอง ลิ้นทั้งสองของเราจึงตวัดเกี่ยวพันกันอย่างดูดดื่มและลึกซึ้งในที่สุด


   จนกระทั่งตะวันเริ่มหายใจติดขัดนั่นแหละผมจึงได้ถอนจูบออกมา แต่ก็ยังคงอ้อยอิ่งพรมจูบและดูดดุนกลีบปากบางอย่างยั่วเย้าไม่ยอมห่าง ในขณะที่มือทั้งสองข้างก็เริ่มอยู่ไม่สุข เพราะได้สอดเข้าไปข้างในเสื้อของตะวัน แล้วลูบไล้ผิวเนียนลื่นตามสีข้างขึ้นมาเรื่อยๆ


   ซึ่งขณะที่มือของผมกำลังจะได้สัมผัสยอดอกเล็กๆ นั่นเอง...


“ยะ...หยุดนะครับคุณภูผา...ที่นี่มันระเบียงนะครับ” ตะวันพูดด้วยเสียงเบาหวิวแล้วเริ่มขัดขืนผมอีกครั้ง


   “ที่ระเบียงไม่ได้ หมายความว่าถ้าเป็นในห้องก็ได้สินะ?” ผมถามยิ้มๆ ความจริงก็รู้อยู่หรอกว่าคำพูดนั้นหมายความว่ายังไง แต่ผมแค่อยากแกล้งตะวันเฉยๆ


   “จะที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละครับ!”


   “เฮ้ออออ...นายนี่เอาแต่ใจจริงๆ”


   “คนที่เอาแต่ใจมันคือคุณภูผาต่างหากล่ะครับ!”


   “ก็ถ้านายคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว งั้นฉันก็จะเอาแต่ใจสุดๆ เลยแล้วกัน” ในเมื่อทุกอย่างเข้าทางที่วางเอาไว้แล้ว ผมก็กอดเอวของตะวันให้ยกขึ้นแล้วพาเดินเข้าไปในห้องทันที


“อ๊ะ! คุณภูผาจะพาผมไปไหน ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้นะครับ!” ตะวันพูดอย่างตกใจแล้วดิ้นไปมา แต่แรงอันน้อยนิด แถมตัวก็เบาอย่างกับเด็กๆ มันไม่ทำให้ผมรู้สึกอะไรเท่าไหร่หรอกนะ ผมยังคงเดินด้วยท่าทีสบายๆ จนกระทั่งมาถึงโซฟาที่อยู่ในห้อง


“เลิกดิ้นได้แล้ว ฉันก็ปล่อยนายแล้วนี่ไง” แต่ปล่อยให้นั่งลงที่ตัก ไม่ได้ปล่อยให้ยืนบนพื้น


“แบบนี้มันเรียกว่าปล่อยที่ไหนล่ะครับ!”


“ก็ปล่อยที่โซฟาไง”


“คุณภูผา!!” ตะวันขึ้นเสียงใส่ผมดังกว่าปกติ ก่อนจะหอบเล็กน้อยเพราะพึ่งหายป่วยเลยต้องใช้พลังในการเค้นเสียง ดูท่าทางตอนนี้ตะวันจะเริ่มโมโหจริงๆ แล้วล่ะมั้ง


“เอาล่ะๆ ฉันไม่แกล้งนายแล้ว” ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นไปลูบที่ศีรษะของตะวันเบาๆ อย่างอ่อนโยน จนเมื่อจังหวะการหายใจของตะวันกลับมาเป็นปกติแล้ว ผมก็เลื่อนมือลงมาลูบไล้ที่แก้มเนียนใส จากนั้นก็เคลื่อนใบหน้าเข้าไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้ชิมความหอมหวานจากริมฝีปากของตะวันอีกรอบ


“จะ...จะจูบผมอีกหรอครับ เมื่อกี้ยังไม่พออีกหรอ ไหนว่าไม่ได้สูบบุหรี่จัดไงล่ะครับ” ตะวันถามอย่างเขินอาย ส่วนใบหน้าก็เริ่มแดงซ่าน


“ฉันโกหกน่ะ ความจริงแล้วฉันสูบจัดมาก ต้องสูบทุกวัน วันละ 3 มื้อหลังอาหาร แถมยังต้องสูบก่อนนอนอีกด้วยนะ” ผมพูดยิ้มๆ ส่วนตะวันพอได้ยินแบบนี้ก็ถึงกับเหวอไปเลย


“ถะ...ถ้าต้องจูบกับคุณภูผาขนาดนั้น งั้นผมคงเป็นบุหรี่ให้คุณภูผาไม่ได้แล้วล่ะครับ” พูดจบตะวันก็ทำท่าจะลุกออกจากตักของผม แต่ว่าผมก็รีบใช้วงแขนกอดเอวบางเอาไว้ซะก่อน


“ฉันล้อเล่นหรอกน่า ฉันไม่ได้ติดบุหรี่แล้วก็ไม่ได้สูบจัดขนาดนั้น ฉันสูบแค่วันละครั้งเท่านั้นแหละ” แต่ความจริงก็คือสัก 3 วันผมสูบทีต่างหาก


“เฮ้อ...ถ้างั้นก็ค่อยยังชั่ว” ตะวันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาเลยน่ะสิ


“พูดแบบนี้แสดงว่านายจะยอมเป็นบุหรี่ให้ฉันแล้วใช่มั้ย”


“ถึงผมไม่ยอม คุณภูผาก็คงหาวิธีทำให้ผมยอมอยู่ดีนี่ครับ” ตะวันพองลมที่แก้ม ส่วนผมก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ตะวัน


“แต่นายก็ไม่ได้รังเกียจฉันไม่ใช่รึไง”


“ก็...ไม่ได้รังเกียจครับ...” ตะวันพูดด้วยท่าทางเอียงอาย ส่วนใบหน้าก็มีสีแดงระเรื่อ


ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยนะว่า บางทีตะวันอาจจะชอบหรือมีความรู้สึกดีๆ ให้ผมเหมือนกัน?


“ถ้างั้นฉันขอจูบนายอีกรอบนะ” ผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ตะวันอีกนิด จนปลายจมูกของเราสองคนชนกัน


ส่วนตะวันนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ก็อมยิ้มเล็กน้อยอย่างขวยเขิน ก่อนที่จะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ


ผมจะถือว่านั่นเป็นคำอนุญาตก็แล้วกัน เพราะงั้นผมจึงได้ยิ้มออกมา ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาตะวัน จนริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกันในที่สุด...


2BC


ฮัลโหลววววสวัสดีค่าทุกคน หัวใจชิงรักตอนที่ 6 ก็จบลงไปแล้วน้า ไหนใครอ่านจบแล้วมดขึ้นตาหรือหน้าจอบ้างมีมั้ยน้อ  :-[
ตอนนี้เรียกได้ว่าภูผาเปลี่ยนจากหลังเท้ากลายเป็นหน้ามือเลยก็ว่าได้ (เอ๊ะ มีอะไรสิงพี่แกรึเปล่า  o17 ) พอรู้ใจตัวเองว่าชอบตะวันนี่ก็หวานเชียวเนอะ คนโหดและซึนตอนก่อนๆนี้หายไปไหน เหลือแต่ความหวานและความเจ้าเล่ห์  o3 ก็หวังว่าจนถึงตอนนี้ทีมหมั่นไส้พี่แกจะเปลี่ยนใจกลับมาหลงพี่แกบ้าง (หรือจะหมั่นมากกว่าเดิมก็ไม่รู้นะ 555555  :laugh:)
ส่วนตอนหน้าอีก 3 วันอัพนะคะ มาดูกันค่ะว่าพี่แกยังจะหวานกับตะวันอยู่รึเปล่า แล้วจะเดินหน้าจีบตะวันแข่งกับน้องๆมั้ย ยังไงก็มาเอาใจช่วยภูผาและตะวันกันด้วยน้า  :impress:
ก่อนลากันตรงนี้ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้  :pig4: คนที่เม้นให้ กดไลค์ โหวต แล้วก็เข้ามาเม้ามอยกับเราที่แฟนเพจ รักทุกคนมากๆเลยค่า  :L1:
(20 ก.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 6 คุณภูผาก็ดูน่ารักดีนะ (17.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 18-07-2017 01:37:57
พี่ภูเจ้าเล่อ่า :o8:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 6 คุณภูผาก็ดูน่ารักดีนะ (17.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 18-07-2017 08:25:04
คุณภูมีแอบงอนตะวันที่เข้าใจผิด พอมาแก้ความเข้าใจแล้วมีอ้อนกลับด้วย
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 6 คุณภูผาก็ดูน่ารักดีนะ (17.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 19-07-2017 08:30:50
 :o8: เขินแทน
หัวข้อ: Re: [HEART]❤H.Hanger หัวใจชิงรัก #6 เป็นบุหรี่ให้ดูด...เอ๊ย! สูบต่างหาก (20/07)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 20-07-2017 21:26:42
เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจริงด้วย หวีดพี่ภูอ่า :katai5:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤H.Hanger หัวใจชิงรัก #6 เป็นบุหรี่ให้ดูด...เอ๊ย! สูบต่างหาก (20/07)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-07-2017 22:32:18
บทจะรุกขึ้นมาก็หวานซ้าาา 5555
หัวข้อ: Re: [HEART]❤H.Hanger หัวใจชิงรัก #6 เป็นบุหรี่ให้ดูด...เอ๊ย! สูบต่างหาก (20/07)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 21-07-2017 23:27:43
หวานจนมดขึ้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: [HEART]❤H.Hanger หัวใจชิงรัก #6 เป็นบุหรี่ให้ดูด...เอ๊ย! สูบต่างหาก (20/07)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 21-07-2017 23:55:39
คุณภูผาบทจะหวานออดอ้อนก็น่ารักเชียว ตอนก่อนหน้านี้คืออะไรกันเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 7 คู่แข่ง (24.7.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 25-07-2017 02:06:45
น่ารัก ชอบฉากแย่งกันจีบตะวัน
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 7 คู่แข่ง (24.7.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 26-07-2017 16:12:42
เหมือนพี่น้องแย่งของเล่น555
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 7 (หาเรื่อง) ลงโทษ NC (24.7.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 27-07-2017 19:02:05
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Part 7# Phupha (หาเรื่อง) ลงโทษ NC


   ถึงจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ความหวานจากรสจูบของตะวันยังคงอบอวลอยู่ในปากของผมอยู่เลย แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาหัวค่ำที่คนในบ้านต่างพากันมารวมตัวกันเพื่อจะกินข้าวเย็น


   หลังจากตอนนั้นที่ผมจูบตะวันจนหนำใจ ก็ทำเอาตะวันอ่อนระทวยและไร้เรี่ยวแรงจนผมต้องอุ้มไปนอนพักในห้อง กว่าจะตื่นมาอีกทีก็ตอนที่วากลับจากโรงเรียนแล้วเข้าไปดูอาการ ซึ่งผมว่ามันก็คือการเข้าไปกวนดีๆ นี่เอง


   แม้ว่าพึ่งจะฟื้นจากอาการป่วย แต่พอตื่นมาได้สักพักตะวันก็เริ่มหยิบจับงานบ้านมาทำซะแล้ว ถึงผมกับวาจะพยายามห้าม รวมทั้งธาร พฤกษ์ และเพลิงที่พึ่งกลับมาก็ด้วย แต่ตะวันก็ยังดื้อยืนยันจะทำงานบ้านให้ได้


   นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย ผมคงจะจับตะวันมาจูบจนหมดแรงอีกครั้งไปแล้ว


   “พี่ภูกับตะวันนี่มีอะไรกันงั้นหรอ?”


   “หา!” คำถามนั้นของธารที่ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาผมตกใจจนอุทานดังลั่น เล่นเอาตะวันที่กำลังทำกับข้าวอยู่ โดยมีพฤกษ์ เพลิง และวาคอยช่วย (ป่วน) หันมองมาทางนี้ด้วย


   “เป็นไรอะพี่ภู” เพลิงถามด้วยความสงสัย แต่ผมก็ตอบกลับไปโดยมองแต่หน้าตะวันที่กำลังทำหน้าสงสัยเช่นกัน


   “ไม่มีอะไรหรอก ทำกับข้าวต่อเถอะ” พอได้ยินแบบนี้แต่ละคนเลยหันไปทำกับข้าวต่อ ผมจึงหันหน้ากลับมา แต่ก็ต้องชะงักเพราะเห็นว่าธารกำลังจ้องมองมาพลางหรี่ตาลงอย่างจับผิด


   “พี่ภูนี่มีอะไรกับตะวันจริงๆ สินะ”


   “อะไรของแก พูดให้มันเคลียร์นะธาร” ตอนนี้ในใจของผมกำลังลนไปหมด ดีนะที่ผมเป็นคนสีหน้าค่อนข้างนิ่ง เลยไม่แสดงอาการอะไรออกไป


   “ที่ผมพูดก็ไม่เห็นมีอะไรเข้าใจยากตรงไหน บรรยากาศระหว่างพี่ภูกับตะวันเปลี่ยนไป ผมเลยสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นก็เท่านั้นเอง” ผมไม่เชื่อหรอกว่าธารจะสงสัยแค่นั้น ไม่อย่างนั้นจะเลือกถามคำถามกำกวมแบบนี้รึไง ผู้จัดการโรงแรมอย่างธารคงไม่มีทักษะการพูดแค่นี้หรอก


   “ก็ไม่มีอะไร ที่ผ่านมาตะวันพิสูจน์แล้วว่าตั้งใจทำงานเป็นแม่บ้านจริงๆ พี่เลยไว้ใจแล้วก็เลิกอคติน่ะ”


   “หืม? แค่นี้จริงหรอพี่ภู?” ธารทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ


   “จริงสิ พี่จะไปโกหกแกทำไม” ผมไม่ได้โกหก แต่แค่พูดไม่หมดเฉยๆ


   “นั่นสินะ พี่ภูไม่เห็นมีเหตุผลที่จะต้องโกหกนี่เนอะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าของธารก็ไม่ได้ดูเชื่อผมเลยสักนิด แต่ผมไม่อยากพูดแก้ตัวอะไรมากเพราะจะดูเป็นการร้อนตัวเปล่าๆ เลยได้แต่ทำหน้านิ่งเก็บอาการอยู่เหมือนเดิม


   จากนั้นไม่นานตะวันก็ทำอาหารเย็นเสร็จ พวกลูกมือทั้งหลายเลยช่วยกันยกจานมาจนเต็มโต๊ะ ก่อนที่พวกเราทุกคนจะเริ่มลงมือกินอาหารเย็นด้วยกัน


   “กินเยอะๆ นะตะวัน” พฤกษ์พูดอย่างเป็นห่วงเป็นใย แล้วตักผักในถ้วยแกงจืดไปใส่จานของตะวัน ผมมองภาพนั้นพลางขมวดคิ้ว


   “ขอบใจนะพฤกษ์” ตะวันยิ้มหวานส่งให้ เพียงเท่านั้นก็ทำเอาพฤกษ์ดีใจจนยิ้มไม่หุบแล้ว แต่ผมนี่สิกลับหน้าบึ้งตรงข้ามกับพฤกษ์โดยสิ้นเชิง


   ทางด้านเพลิงที่กลัวว่าพฤกษ์จะทำคะแนนอยู่คนเดียวเลยพูดขึ้นบ้าง จากนั้นก็ตักหมูย่าง 2 – 3 ชิ้นไปใส่ในจานของตะวันด้วย


   “กินหมูด้วยสิตะวัน”


   “ขอบใจนะเพลิง” ตะวันยิ้มหวานส่งให้เพลิงเหมือนกัน พฤกษ์ที่เห็นอย่างนั้นเลยทำหน้าเซ็งๆ ส่วนเพลิงก็ยักคิ้วกลับไปให้ แล้วทำหน้าประมาณว่า ‘อย่าคิดว่าจะชนะกู’


ผมมองภาพนั้นอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ก่อนที่มันจะยิ่งทวีคูณมากกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อวาตักปลานึ่งจากในจานขึ้นมาแล้วยื่นช้อนไปที่ปากของตะวัน ไม่ได้ใส่ในจานเหมือนกับพฤกษ์และเพลิง


   “ช่างผักกับหมูก่อนนะครับพี่ตะวัน ตอนนี้มากินปลาจากผมดีกว่า อ้าม...” พอโดนช้อนจ่อที่ปากแถมยังโดนอ้อนจากวาขนาดนี้ ตะวันจะทำอะไรได้นอกจากต้องอ้าปากกินปลาเข้าไปน่ะสิ แต่เท่านั้นวายังไม่พอใจ เพราะได้ดึงช้อนกลับมาจูบ แถมยังทำเสียง ‘จุ๊บ’ เพื่อเย้ยพฤกษ์กับเพลิงอีกด้วย


   ภาพที่เห็นทำเอาผมถึงกับต้องขบกรามแน่น แถมยังกำหมัดที่อยู่ใต้โต๊ะจนเส้นเลือดมันเด่นชัดขึ้นมาอีกต่างหาก


   “หนอย...แกทำเกินไปแล้วนะไอ้วา!” ประโยคนี้ผมไม่ได้เป็นคนพูด แต่เป็นเพลิงต่างหาก จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือไปเขกกะโหลกวาที่อยู่ตรงข้ามอย่างหมั่นไส้ โดยมีพฤกษ์ยกนิ้วให้เพื่อชื่นชม ส่วนวาที่โดนอย่างนั้นก็โวยวายออกมาเสียงดังลั่นโต๊ะอาหาร


   การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของผม ส่วนอาการหึงและไม่พอใจของผมก็อยู่ในสายตาของคนคนหนึ่งมาโดยตลอดเช่นกัน ซึ่งคนคนนั้นก็คือธารนั่นเอง เพราะงั้นธารจึงขยับเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นจึงได้กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของผมว่า...


   “เก็บอาการหน่อยพี่ภู เดี๋ยวไอ้พวกนั้นก็รู้กันพอดีว่าพี่หึงตะวัน” เท่านั้นแหละผมก็ถึงกับสะดุ้ง ก่อนที่จะรีบหันกลับไปถลึงตาใส่ธาร


   “พี่ไม่ได้หึง” ผมพูดด้วยเสียงรอดไรฟัน


   “หรอ? ไฟลุกท่วมตาขนาดนี้เนี่ยนะ? ถ้าไม่อยากให้จับได้ก็อย่าหลุดแสดงอาการสิพี่ภู” ธารพูดยิ้มๆ ส่วนผมที่ขี้เกียจจะแก้ตัวแล้วเลยไม่ได้ตอบอะไร แถมก็ไม่ได้อยากจะปิดบังความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่เลยยอมรับไปโดยปริยาย


การที่ผมพยายามปิดบังความรู้สึกของตัวเองมาจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่เพราะว่าไม่มั่นใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อตะวัน แต่ว่าผมกลัวโดนล้อหรือเหน็บแนมที่ก่อนหน้านี้ตั้งแง่และอคติกับตะวันต่างหาก


   “ไม่ตอบแบบนี้แสดงว่ายอมรับว่าหึงสินะพี่ภู?”


   “เออ แล้วแกจะทำไม” ผมกัดฟันกรอด พยายามพูดด้วยเสียงที่เบาที่สุดเพื่อไม่ให้พวกที่เหลือได้ยิน


   “ก็ไม่ทำไมหรอก ผมแค่ดีใจเฉยๆ ที่ในที่สุดก็มีคนพังกำแพงภูเขาน้ำแข็งของพี่ได้แล้ว แถมคนที่พังก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่พี่เกลียดจนเคยไล่ออกจากบ้านอีกต่างหาก” ธารอมยิ้มอย่างล้อเลียน คิดแล้วเชียวว่าผมต้องโดนอย่างนี้ เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้ไม่อยากให้ใครรู้


“ถ้าจะถามเพื่อล้อเรื่องนี้แกก็เงียบไปเลยธาร”


“แหม แค่นี้ก็ต้องโมโหด้วย พี่ภูเอาเวลาที่โมโหผมไปคิดเรื่องกำจัดคู่แข่งดีกว่า ดูสิตอนนี้ไอ้พวกนั้นแข่งกันทำคะแนนใหญ่เลย” ธารหันไปมองยังพฤกษ์ เพลิง และวา ที่ตอนนี้เลิกทะเลาะกันแล้วหันไปเอาใจตะวันเหมือนเดิม


“พี่ไม่ทำอะไรเป็นเด็กๆ แบบไอ้พวกนั้นหรอกนะ ว่าแต่แกเถอะจะมาซักไซ้พี่ทำไม หรือคิดจะหลอกถามข้อมูลจากพี่” ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด ส่วนธารก็ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง


“หา? ผมจะทำแบบนั้นเพื่อ?”


“ก็ไม่รู้สิ เผื่อแกเบื่อรับอยากลองรุกดูบ้าง” เพราะระหว่างธารกับตะวัน คนที่รุกได้น่าจะเป็นธารมากกว่า


“เรื่องแบบนั้นผมไม่เบื่อหรอกนะ ถ้าจะเบื่อก็เพราะคู่ขาไม่ได้เรื่องมากกว่า เพราะงั้นพี่ตัดผมออกจากสารบบคู่แข่งได้เลย ส่วนวากับเพลิงจะตัดทิ้งไปด้วยก็ได้เหมือนกัน เพราะวามันคงรุกไม่ขึ้น แถมไม่รู้ว่าแผลใจมันหายแล้วรึยัง ส่วนเพลิงมันก็แค่ ‘อยากได้’ ไม่ได้คิดอะไรกับตะวันจริงจัง เพราะงั้นคู่แข่งของพี่เลยมีแค่คนเดียวนั่นก็คือพฤกษ์ ซึ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดด้วย”


พอลองคิดตามสิ่งที่ธารพูดมันก็ถูกต้องทุกอย่าง คู่แข่งของผมไม่ใช่ธาร เพลิง หรือวา แต่เป็นพฤกษ์ซึ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกัน แต่ที่ผ่านมาก็ยังเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่ตะวันมากที่สุดอีกด้วย ในขณะที่ผมกลับดีแต่จ้องจับผิดและพูดจาทำร้ายจิตใจ แล้วอย่างนี้ผมจะเอาอะไรไปสู้ได้ล่ะ


ก่อนหน้านี้ผมก็มั่นใจในระดับหนึ่งแหละว่า ตะวันคงจะมีความรู้สึกดีๆ ให้ผมหรือชอบผมบ้าง เพราะดูจากท่าทีเขินอายและยินยอมให้ผมทำนู่นทำนี่ แต่พอลองนึกดูดีๆ ตะวันก็ไม่เห็นเคยปฏิเสธใครจริงจัง แถมยังมีท่าทีเขินอายหน้าแดงกับทุกคนในบ้านอีกต่างหาก อย่างตอนนี้ก็ด้วย


ไม่ได้การล่ะ ผมว่าผมต้องหาทางพิสูจน์ความรู้สึกของตะวัน และรีบทำคะแนนแซงพฤกษ์ให้ได้ซะแล้ว


ถึงแม้ตั้งแต่เล็กจนโตผมจะเสียสละให้น้องและทำงานหนักมาโดยตลอด แต่ก็มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมจะสู้กันแบบแฟร์ๆ ไม่ยอมเสียสละเด็ดขาด เรื่องของความรักมันไม่มีพี่มีน้องและไม่มีถูกผิดหรอกนะ


เพราะงั้น...คืนนี้แหละผมจะต้องทำให้ตะวันเลือกผมและเป็นของผมให้ได้เลย!


......................................................
....................................
..................


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“นั่นใครครับ?” ตะวันถามขึ้นจากในห้องเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู


“ฉันภูผาเอง เปิดประตูให้หน่อยสิ”


“ครับ” ตะวันรับคำ จากนั้นก็เงียบไปแป๊บหนึ่งก่อนที่จะเดินมาเปิดประตูให้ผม


ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะ 5 ทุ่มแล้ว พฤกษ์กับวาเลยขึ้นห้องไปอ่านหนังสือไม่ก็เล่นโซเชียล ส่วนธารกับเพลิงก็ออกไปเที่ยวตามประสาคนชอบสนุก (แต่ไม่ผูกพัน) ดังนั้นผมเลยได้โอกาสมาเคาะห้องของตะวัน เพราะทางสะดวกไม่มีใครอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเลยแม้แต่คนเดียว


“คุณภูผามีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ”


“ฉันมาดูอาการของนายน่ะว่าดีขึ้นรึยัง” พูดจบผมก็ถือโอกาสก้มตัวลงไป เอาหน้าผากของตัวเองแนบกับหน้าผากของตะวันซะเลย


“อ๊ะ!” การกระทำนั้นทำเอาตะวันตกใจจนสะดุ้งและเบิกตากว้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขยับไปไหนหรือว่าผลักไสผมล่ะนะ


“ผม...ผมหายแล้วครับคุณผา”


“หายที่ไหนตัวยังรุมๆ อยู่เลยนะ” พูดจบผมก็ยืดตัวขึ้น จากนั้นก็แทรกตัวเข้าไปในห้อง จัดการล็อกประตูให้เรียบร้อย แล้วก็จูงมือของตะวันไปยังเตียงนอน


“นอนพักผ่อนซะ แล้วก็ไม่ต้องฝืนตื่นขึ้นมาแต่เช้าด้วย หัดตื่นสายๆ บ้างเข้าใจมั้ย”


“ถ้างั้นคุณภูผาก็หัดนอนเร็วบ้างสิครับ ปกติตี 2 ตี 3 ยังนั่งทำงานอยู่เลย แถมบางคืนยังโต้รุ่งไม่ยอมหลับยอมนอนอีกด้วย ทำแบบนี้มันเสียสุขภาพนะครับ” ตะวันได้ทีเลยย้อนผมคืน แต่ผมไม่คิดว่านี่เป็นการพูดตอกกลับเพื่อเอาชนะหรอกนะ ผมมั่นใจว่าที่ตะวันพูดเพราะเป็นห่วงผมจริงๆ


“ฉันจะนอนเร็วอย่างที่นายบอกก็ได้” พอผมพูดแบบนี้ตะวันก็ยิ้มกว้างออกมาทันที


“จริงนะครับ!”


“อืม จริงสิ แต่ว่า...นายต้องให้ฉันนอนที่นี่ด้วยคนนะ” เท่านั้นแหละจากที่ยิ้มอยู่ตะวันก็ทำหน้างุนงงและตกใจแทน


“หา? นอนที่นี่? ทำไมล่ะครับ?”


“ก็ฉันอยากนอนกับนายนี่นา” นอนที่ว่าผมหมายถึง ‘หลับนอน’ ไม่ใช่ ‘นอนหลับ’ หรอกนะ


“แล้วทำไมต้องอยากนอนกับผมด้วยล่ะครับ เวลาที่ผมขอร้องอะไรคุณภูผาต้องมีข้อแม้ทุกทีเลย ตั้งแต่เรื่องที่...เอ่อ...จูบผม...แทนสูบบุหรี่แล้ว” พูดถึงตรงนี้ตะวันก็เสียงเบามากจนแทบไม่ได้ยิน แถมยังก้มหน้างุดด้วยพวงแก้มที่แดงจัดอีกต่างหาก


“นายไม่รู้จริงๆ หรอว่าทำไมฉันถึงอยากนอนกับนายแล้วก็อยากจูบกับนาย” ผมพูดพร้อมกับเดินเข้าไปประชิดตัวตะวัน จากนั้นก็ยื่นสองมือออกไปโอบเอวบางเอาไว้ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ตะวันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม


“เอ่อ...ไม่รู้สิครับ”


“ลองคิดดูดีๆ สิ” ผมก้มใบหน้าลงไปจนปลายจมูกชนเข้ากับปลายจมูกของตะวัน


“คะ...คุณภูผาไม่ชอบผม?”


“ถ้านายตอบผิดนายต้องโดนลงโทษนะรู้มั้ย” ถ้าผมไม่ชอบผมคงไม่ทำเรื่องแบบนี้กับหรอกนะ เพราะงั้นผมจึงได้ลงโทษตะวันด้วยการจูบทันที แถมยังไม่ใช่จูบธรรมดา เพราะว่าผมได้ขบเม้มที่ริมฝีปากบาง ตามด้วยการสอดลิ้นเข้าไปภายในอีกด้วย


“อื้อ...” ตะวันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้ก็เริ่มออกแรงดิ้นไปมา แต่ว่าพอผ่านไปสักพักก็เลิกต่อต้าน เพราะเรี่ยวแรงหดหายแถมยังเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบอันดูดดื่มจากผม


“อา...” เสียงครางกระเส่าหลุดออกมาเบาๆ เมื่อผมถอนจูบออกไป ก่อนที่ตะวันจะไร้แรงยืนจนทรุดลงไปข้างล่าง ยังดีที่ผมไวกว่ารับเอาไว้ได้ทันเลยถือโอกาสรวบเอวบางมานั่งที่ตัก โดยที่ผมได้นั่งลงแล้วพิงหัวเตียงเอาไว้อีกที


“คราวนี้ถ้านายตอบผิดมันจะไม่ใช่แค่การจูบแล้วนะตะวัน”


“เอ๊ะ! ไหงงั้นล่ะครับคุณภูผา!”


“ฉันไม่ได้ให้นายถามคำถามกับฉันนะ ฉันให้นายตอบคำถามฉันต่างหาก เอาล่ะ ตอบมาสิว่าทำไมฉันถึงได้ทำเรื่องแบบนี้กับนาย” ในขณะที่พูดผมก็สอดมือเข้าไปใต้เสื้อของตะวัน จากนั้นก็ลูบไล้ร่างกายเนียนลื่นจนทั่วทุกตารางนิ้ว


“ยะ...หยุดเถอะครับ...คุณภูผา...อ๊ะ...ต้องการแกล้งผม...อื้อ...ใช่มั้ยครับ” ตะวันพูดแทบไม่เป็นภาษา ส่วนร่างกายก็สั่นสะท้านและกระตุกเกร็งเป็นจังหวะตามมือของผม


“แน่ใจแล้วนะกับคำตอบนั้น?” ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าตะวันคิดแบบนั้นได้ยังไง ผมจะทำเรื่องแบบนี้กับคนที่ไม่ชอบเพราะว่าอยากแกล้งได้งั้นหรอ พูดเลยว่าไม่มีทาง


“กะ...ก็ผมคิดเหตุผลอย่างอื่นไม่ออกแล้วนี่ครับ..อ๊ะ! อ๊า!” ผมรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยกับคำตอบของตะวัน เพราะงั้นผมเลยลงโทษโดยการใช้สองมือบีบไปที่ยอดอกเล็กๆ จากนั้นก็ขยี้ไปมาจนมันตั้งชูชันและแข็งเป็นไต


“นายตอบผิดนะตะวัน เตรียมใจรับบทลงโทษแล้วใช่มั้ย”


“หา! มะ...ไม่นะครับคุณภูผา...ยะ...อื้อ!” ผมขี้เกียจฟังคำปฏิเสธอีกต่อไปแล้ว เลยดันท้ายทอยของตะวันลงมาจูบปิดปากซะเลย การกระทำนั้นทำเอาตะวันตกใจจนตาเบิกกว้าง จากนั้นก็เริ่มต่อต้านและดิ้นไปมา แต่ว่าเพียงไม่นานเรี่ยวแรงทั้งหมดก็เริ่มหดหาย กลายเป็นว่าต้องอ่อนระทวยและตอบสนองรสจูบของผม


“อือ...อืม...อือ...” ผมดูดที่กลีบปากบางอย่างยั่วเย้า จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียก่อนที่จะสอดเข้าไปภายในเพื่อเกี่ยวพันกับลิ้นของตะวัน


ด้วยความที่ไร้ประสบการณ์ทำให้การตอบสนองเป็นไปอย่างไร้เดียงสา ทั้งกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็รู้สึกสุขสมจนมัวเมา เล่นเอาผมแทบคลั่งจนลืมตัวจูบอย่างรุกเร้า รุนแรง และดูดดื่มมากขึ้นกว่าเดิม


“อื้ม...อื้อ...อา...” จนกระทั่งตะวันเริ่มหายใจไม่ทันผมจึงได้ถอนจูบออกมา ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าลงไปซุกไซ้ยังซอกคอขาวผ่อง ทำเอาตะวันถึงกับสั่นสะท้านและครางกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน


“อา...คุณภูผา...” สีหน้าของตะวันตอนนี้เร้าอารมณ์เป็นบ้า ดูท่าจะรู้สึกดีและเคลิบเคลิ้มจนลืมต่อต้านไปซะแล้ว ผมยิ้มกับอาการนั้นของตะวัน จากนั้นก็แหวกสาปเสื้อที่ปลดกระดุมเรียบร้อยออกไป แล้วก้มหน้าลงใช้ริมฝีปากครอบครองยอดอกสีสวยทันที


“อ๊ะ...อ๊า...” ตะวันแอ่นอกรับและร้องครางด้วยความเสียว เมื่อผมตวัดลิ้นตุ่มไตเล็กๆ ขึ้นลง จากนั้นก็ดูดกลืนยอดอกสีหวานเข้าไปในปาก ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาตะวันขยุ้มเส้นผมของผมแน่น


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” เสียงครางของตะวันดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผมใช้มือที่ว่างอยู่ลูบไล้ตามสีข้างของตะวันขึ้นไปจนถึงยอดอกข้างซ้าย จากนั้นก็บีบและขยี้มันทั้งๆ ที่ริมฝีปากของผมกำลังดูดเลียยอดอกข้างขวา ซึ่งนั่นก็ทำให้ความเสียวกระสันของตะวันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...คุณภูผา...อ๊ะ...อ๊า...” ตะวันครางกระเส่าและบิดกายเร่า ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาส่วนนั้นที่อยู่ภายใต้กางเกงตื่นตัวและนูนเด่นขึ้นมา แน่นอนว่าผมก็เช่นกัน ตอนนี้ผมรู้สึกปวดหนึบอยากปลดปล่อยออกมาแทบบ้า แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือการช่วยตะวันก่อนเป็นดันดับแรก


ผมล้วงมือข้างที่ว่างลงไปในกางเกงของตะวันแล้วคว้าส่วนนั้นขึ้นมา จากนั้นก็ทำการรูดรั้งขึ้นลงตามความยาว ไปพร้อมๆ กับการบีบขยี้และดูดเลียยอดอกที่แข็งเป็นไต


“อ๊า...ซี้ดด...อ๊า...” การที่ถูกผมรุกเร้าทั้ง 3 ที่พร้อมกันทำเอาตะวันเสียวสุดๆ จนหวีดร้องออกมาดังลั่น ในขณะที่ส่วนนั้นก็มีน้ำใสๆ ไหลซึมออกมาจากรูเล็กๆ ตรงส่วนปลาย


“อ๊ะ...อ๊า...อ๊า...อ๊า...” ยิ่งตะวันร้องครางมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งมีอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น สารภาพตามตรงเลยว่าตอนนี้ผมอยากจะเอาท่อนเนื้อของผมออกมา แล้วจับร่างของตะวันขย่มลงมากลืนกินทั้งลำจนใจจะขาด ข้างในของตะวันคงจะร้อน ตอดรัด และดูดกลืนจนผมเสียวแทบขาดใจแน่ๆ

 
อา...ให้ตายสิ แค่คิดผมก็แทบจะเสร็จได้อยู่แล้ว!


“คะ...คุณภู...คุณภูผา...ผมจะ...อ๊ะ...อ๊า...จะเสร็จ...อ๊า...” ตะวันพูดแทบไม่เป็นภาษา คำพูดนั้นทำให้ผมดึงสติกลับมาแล้วเร่งปรนเปรอความเสียวซ่านให้ตะวัน โดยการบีบขยี้ยอดอกให้แรงขึ้น ตวัดลิ้นเลียพร้อมดูดดุนให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น ส่วนท่อนเนื้อที่อยู่ในมือก็รูดรั้งขึ้นลงให้เร็วขึ้นเช่นกัน


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...คุณภูผา! คุณภูผา!!” ตะวันเรียกชื่อผมดังลั่น สองมือขยุ้มที่ศีรษะของผมด้วยความเสียวจนสุดแรง ส่วนแก่นกายก็ได้ขยายใหญ่มากขึ้นแถมยังมีน้ำใสๆ ไหลออกมามากกว่าเดิมอีกต่างหาก ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยเร่งการขยับนิ้ว ฝ่ามือ ริมฝีปาก และปลายลิ้นเพื่อเพิ่มความเสียวซ่านให้ตะวันมากกว่าเดิม


จนในที่สุด...


“อ๊ะ...อ๊า...อ๊าาาาาาาาาา!” ตะวันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง จากนั้นก็ปลดปล่อยความเสียวทั้งหมดที่ได้รับออกมาจนเต็มฝ่ามือของผม


“อา...” ตะวันหมดแรงทรุดลงมาซบลงที่ไหล่ของผมพร้อมหายใจหอบฮัก ตอนแรกผมก็คิดว่าจะให้ตะวันพักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยทำขั้นต่อไป แต่เสียงลมหายใจที่หอบกระเส่าแถมยังรดอยู่ที่ต้นคอ มันก็ทำเอาผมเสียววาบจนควบคุมความต้องการเอาไว้ไม่ได้แล้ว


ผมฝังใบหน้าลงที่ซอกคอของตะวัน จากนั้นก็บีบขยี้ยอดอกของตะวันจนเริ่มหลุดเสียงครางออกมาอีกครั้ง ในขณะที่ฝ่ามืออันเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นก็อ้อมไปทางด้านหลัง แล้วทำการล้วงเข้าไปในกางเกงจนกระทั่งพบช่องทางรักอันคับแคบ


“อ๊ะ...อ๊า!!” ตะวันสะดุ้งเฮือกแล้วหวีดร้องลั่น จากนั้นก็เริ่มโวยวายและดิ้นรนเสียยกใหญ่ด้วยความหวาดกลัว


“คุณภูผาทำอะไรน่ะครับ! มะ...ไม่เอานะ! หยุดเลยนะครับ!”


“ใจเย็นๆ นะตะวัน ที่ฉันทำมันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เดี๋ยวสักพักพอนายชินก็จะรู้สึกดีเอง” ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นไปลูบศีรษะของตะวันเพื่อปลอบประโลม แต่ว่ามันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะตะวันยังคงตื่นกลัวและดิ้นพล่านเช่นเดิม


“ไม่! ไม่เอา! ที่ตรงนั้น...ที่แบบนั้นมันจะรู้สึกดีได้ยังไง! เอาออกไปเลยนะครับคุณภูผา! เอานิ้วออกไป! ผมไม่ชอบ! ไม่ชอบ! ไม่ชอบ!!” ตะวันร้องลั่น แถมตัวก็สั่นและน้ำตาไหลพราก ทำเอาผมรู้สึกผิดและสงสารจับใจจึงได้ถอนนิ้วออกมา


ถึงแม้ว่าผมจะอยากแค่ไหน แต่ถ้าตะวันไม่เต็มใจผมจะฝืนทำต่อได้ยังไงกันล่ะ


“ชู่วววว ไม่เอาไม่ร้องนะตะวัน ฉันไม่ทำต่อแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะเด็กดี” ผมโอบกอดร่างอันสั่นเทาของตะวันเอาไว้ ในขณะที่กำลังลูบศีรษะกลมมนและก้มหน้าลงไปจูบที่ขมับ


เนิ่นนาน...กว่าร่างกายของตะวันจะหยุดสั่นและไร้เสียงสะอื้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงปลอบตะวันต่อไป จนกระทั่งตะวันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้


“ตะวัน หลับแล้วหรอ” ผมถาม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงลมหายใจอันสม่ำเสมอที่บอกให้รู้ว่าตอนนี้ตะวันได้หลับไปแล้วจริงๆ


ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้ค่อยๆ เอนตัวตะวันนอนลงบนที่นอน ก่อนที่จะเอาทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้ เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนข้างตะวัน จากนั้นก็ใช้วงแขนโอบกอดร่างอันบอบบาง ตามด้วยการก้มหน้าลงไปจูบที่หน้าผากมน แล้วจึงกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาออกมาว่า...


“ชอบนะตะวัน...ฉันชอบนาย”


2BC


อั๊ยยยยย สวัสดีค่ะทุกคน หัวใจชิงรักตอนที่ 7 ก็จบไปแล้วน้า อ่านจบแล้วมีใครเสียเลือดบ้างน้อ หวังว่าคงจะเสียแค่นิดหน่อยพอให้เป็นกระสัย ไม่ได้ทำให้หมดตัวไปแล้วหรอน้า  :pighaun:
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าแต่ละคนจะหมั่นไส้ เห็นใจ สมน้ำหน้า หรือว่าสงสารคุณภูผาดีที่หาเรื่องลงโทษตะวัน ที่ทำไปน่ะกำไรทั้งน้าน พอรู้ใจตัวเองพี่แกก็รุกหนักจากหลังเท้าเป็นหน้ามือเลย นี่ถ้าตะวันไม่ตัวสั่นเพราะกลัวก่อน คิดว่าคืนนี้ลูกแกะน้อยคงไม่พ้นหมาป่า (จอมหื่น) แน่เลยนะเนี่ย  o3
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันค่ะว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป จะได้เห็นตะวันบรรยายหรือว่ายังคงเป็นภูผาอยู่ก็ต้องติดตามแล้วค่า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคิดว่าวันอาทิตย์น่าจะอัพให้ทุกคนได้อ่านกันนะคะ มาเอาใจช่วยคู่ภูตะวันกันด้วยน้า  :กอด1:
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่เข้ามาอ่านและเม้นให้นิยายเรื่องนี้ จะมากจะน้อยเราก็อ่านอย่างมีความสุขทุกครั้ง ขอบคุณจริงๆนะคะ รักทุกคนน้า จุ๊บบบบบ  :L1:
(27 ก.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 7 (หาเรื่อง) ลงโทษ NC (24.7.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 27-07-2017 23:22:23
 :o8: เขินพี่ภูหนักมาก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 7 (หาเรื่อง) ลงโทษ NC (24.7.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 28-07-2017 15:25:01
 :haun4:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 8 คนที่ร้ายที่สุด (31.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 01-08-2017 09:50:05
ร้ายกาจแผนการพี่ภูช่างล้ำลึก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก | ตอนที่ 8 คนที่ร้ายที่สุด (31.07.60)
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 02-08-2017 07:55:13
 o13
หัวข้อ: Re: [HEART]❤H.Hanger หัวใจชิงรัก 8# เงินสด รถ เอทีเอ็ม (สายเปย์ที่แท้ทรู) 3/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 03-08-2017 20:08:14
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Part 8# Phupha เงินสด รถ เอทีเอ็ม (สายเปย์ที่แท้ทรู)

               เช้านี้ผมตื่นมาด้วยความสดชื่นและสดใส แถมยังสุขล้นจนอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้าง เพราะการตื่นมาแล้วมีคนที่ชอบนอนอยู่ข้างๆ มันช่างรู้สึกดีจนเกินบรรยายจริงๆ

               ผมนอนมองตะวันที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่แบบนี้มาได้สักพัก สีหน้าตอนนี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดูจนผมแทบอดใจไม่ไหว แต่ดูจากปฏิกิริยาของตะวันเมื่อคืนนี้ผมก็รู้แล้วว่าผมทำเกินไป เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจว่าจะไม่รุกหนักเท่าเดิม ผมจะค่อยๆ อ่อนโยนจนกว่าตะวันจะโอนอ่อนคล้อยตาม

               ถึงผมจะเลิกรุกหนัก แต่ก็ใช่ว่าผมจะยอมให้ไอ้พวกน้องๆ มันแซงได้หรอกนะ ผมออกตัวสตาร์ทช้ากว่าใครก็จริง แต่ผมจะแสดงให้พวกมันดูว่าผมนี่แหละจะเป็นคนที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก!

               ตอนนี้เป็นเวลา 8 โมงกว่าๆ ถ้าเป็นปกติป่านนี้ตะวันต้องตื่นมาทำกับข้าวให้คนในบ้านกินเรียบร้อยแล้ว ที่วันนี้ยังนอนอยู่บนเตียงคงเป็นเพราะเหนื่อยสะสมจากพิษไข้ และเหนื่อย (ปนสุขสม) จากการปลดปล่อยเมื่อคืนนี้

แต่ผมว่านะ ตะวันคงได้นอนอีกแค่แป๊บเดียว เพราะอีกเดี๋ยวไอ้ตัวป่วนมันก็คงจะมาก่อกวนตะวันแน่นอน

               ก๊อก ก๊อก ก๊อก

               “พี่ตะวันอยู่ข้างในรึเปล่าครับ ตื่นรึยังเอ่ย ออกมาเปิดประตูให้ผมหน่อย”

               นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำไอ้เจ้าน้องเล็กของบ้านก็มารบกวนการนอนของตะวันเข้าซะแล้ว แต่นี่ก็ถือเป็นข้อดีล่ะนะ เพราะผมจะได้แสดงให้ดูสักทีว่าตอนนี้ผมอยู่เหนือกว่าพวกมันกี่เท่าตัว

               “อืม...เสียงใครน่ะครับคุณภูผา” ตะวันลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงียแล้วพยายามจะชันตัวลุกขึ้น เพราะตอนนี้วายังคงร้องเรียกและเคาะประตูไม่หยุด แล้วถ้าผมฟังไม่ผิดตอนนี้ทั้งธาร พฤกษ์ และเพลิง ก็น่าจะมาสมทบอยู่ที่หน้าประตูด้วย เพราะผมเหมือนได้ยินเสียงคนหลายๆ คนกำลังคุยกัน

               ดี! มากันครบทุกคนแบบนี้จะได้เห็นกันอย่างชัดเจนไปเลย!

“เสียงวาน่ะตะวัน แต่ว่านายไม่ต้องฝืนลุกขึ้นมาหรอก” ผมดันตะวันให้กลับลงไปนอนเหมือนเดิม

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ นอนต่อเถอะตะวัน ฝืนมากๆ เดี๋ยวไข้กลับมาอีกจะว่าไงหืม”

“ถ้างั้น...ผมนอนต่อก็ได้ครับ”

“ดีมาก” ด้วยความที่ตะวันทำตัวว่าง่ายเป็นเด็กดี เพราะงั้นผมจึงได้ให้รางวัลโดยการก้มหน้าลงไปจูบที่หน้าผากดังจุ๊บ

การกระทำนั้นทำเอาตะวันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่พอผมเลื่อนใบหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากพร้อมขบเม้มเบาๆ ตะวันก็หน้าร้อนฉ่าจนต้องเอาผ้าห่มขึ้นมาปิดบังใบหน้าด้วยความเขินอาย

“คุณภูผาอ่า...” -///-

“หึหึ” ความน่ารักของตะวันทำเอาผมอดที่จะยิ้มและหัวเราะออกมาไม่ได้ แต่ว่าพอได้ยินเสียงเคาะประตูและร้องเรียกตะวันที่ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ทำหน้าเบื่อหน่ายและต้องลุกขึ้นจากเตียงด้วยความเซ็งสุดขีด

“พี่ตะวันตอบผมหน่อยครับ! ไม่สบายหรือว่าไข้กลับรึเปล่า! ถ้าอีก 1 นาทีพี่ตะวันไม่เปิดผมจะ...”

“จะอะไรของแก?” ผมชิงเปิดประตูก่อนที่วาจะได้พูดจนจบประโยค พอเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละวาก็ทำหน้าตกใจเป็นไก่ตาแตกทันที รวมทั้งพฤกษ์และเพลิงก็ด้วย ขนาดธารที่รู้เรื่องที่ผมชอบตะวันแล้วก็ยังทำหน้าตกใจเลยที่เห็นผมเปิดประตูออกมาแบบนี้

“พะ...พะ...พะ...พี่ภู...” เห็นแค่นี้ก็ถึงกับติดอ่างซะแล้วน้องผม

“อืม พี่เอง หรือแกคิดว่าไม่ใช่”

“กะ...กะ...ก็ใช่ครับ ตะ...แต่ว่า...ทะ...ทำไมพี่ภูถึงได้...” ดูท่าวาจะช็อคเอามากๆ เลยพูดตะกุกตะกักได้ถึงขนาดนี้ เล่นเอาผมที่กำลังเก็กขรึมอยู่เกือบจะหลุดขำออกมา พฤกษ์ที่ทนรอให้วาพูดจนจบประโยคไม่ไหวเลยพูดแทรกขึ้นก่อนด้วยความร้อนรน

“พี่ภูเข้าไปทำอะไรในห้องของตะวันครับ” เป็นคำถามที่ดี นี่แหละที่ผมรออยู่เลย

“จะเข้าไปทำอะไรได้ล่ะ พี่ก็ต้องเข้าไปนอนน่ะสิ” ผมตอบด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่ในใจนี่อยากจะยิ้มอย่างผู้ชนะใจจะขาด คำตอบนั้นทำเอาพฤกษ์ถึงกับช็อคจนตัวแข็งทื่อไปเลย

“เดี๋ยวๆๆ พี่ภูเข้าไปนอนกับตะวันตั้งแต่ตอนไหน” คำถามนี้เพลิงเป็นคนถาม ผมจึงได้ตอบกลับไปอย่างนิ่งๆ เหมือนเดิม

“เมื่อคืน”

“ถ้างั้นก็หมายความว่า...”

“พี่นอนอยู่กับตะวันในห้องทั้งคืนยังไงล่ะ”

“ห้ะ!! ทั้งคืน!!” คราวนี้เพลิงกับวาประสานเสียงออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ

“ใช่ ถ้าพวกแกอยากรู้อะไรมากกว่านี้ก็ไปถามตะวันเอาเองละกัน แต่ว่าสัก 3 – 4 ชั่วโมงค่อยไปปลุกนะ ตอนนี้ปล่อยให้ตะวันนอนพักเถอะเพราะเมื่อคืนพวกเราเหนื่อยกันมาก”

“ห้ะ!! เหนื่อยกันมาก!!”

“เออ แล้วนี่พวกแกจะเสียงดังไปไหน พี่บอกแล้วไงว่าอยากให้ตะวันนอนพัก”

ผมพยายามพูดตอกย้ำให้พวกมันเข้าใจผิดไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าสิ่งที่พวกมันคิดจะเกินจริงไปหน่อยเพราะผมกับตะวันไม่ได้มีอะไรกัน แต่ผมก็ไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิดนั้นหรอกนะ ให้พวกมันเข้าใจแบบนี้แหละดีแล้ว

ส่วนความจริงจะเป็นยังไงพวกมันคงไม่กล้าถามตะวันตรงๆ หรอก แต่ถึงจะถามตะวันก็คงเขินหน้าแดงแล้วก็รีบกลบเกลื่อนจนพวกมันยิ่งสงสัยมากขึ้นอยู่ดี และท้ายที่สุดพวกมันก็จะเชื่อในสิ่งที่ผมพูดทั้งหมด

“พี่ภู แต่ว่าเรื่องนี้มัน...”

“พอๆๆ เลิกซักไซ้พี่ได้แล้วเพลิง พี่ไม่ได้มีเวลาว่างมาตอบคำถามแกทั้งวันนะ แยกย้ายกันไปที่อื่นได้แล้ว” ผมพูดจบก็ปลีกตัวออกมาทันที แต่เพลิงและวายังไม่ยอมจบเลยทำท่าจะตามมาคุยกับผมต่อ ส่วนพฤกษ์นั้นก็ยังยืนแข็งค้างเป็นท่อนไม้เหมือนเดิม ยังดีที่ธาร (น่าจะ) อยู่ทีมผมเลยห้ามพวกมันเอาไว้แล้วสั่งให้สลายตัว

ผมเดินขึ้นห้องอย่างอารมณ์ดี เพราะในที่สุดก็กำจัดคู่แข่งทั้งหมดได้เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนี้ผมคิดว่าคงจะไม่มีใครมาจีบตะวันแข่งกับผมแล้วล่ะนะ ถ้ามีก็คงจะแค่หยอดนิดหยอดหน่อยตามประสานั่นแหละ

พอคิดได้แบบนี้ผมก็สบายใจ เลยว่าจะอาบน้ำให้สดชื่นแล้วไปทำงานที่ค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนต่อ แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้ไปไหน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาซะก่อน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“นั่นใคร?”

“ผมธารเองพี่ภู” พอรู้ว่าไม่ใช่เพลิงกับวาที่คิดจะมาซักไซ้ ผมเลยเดินไปเปิดประตูให้ธารเข้ามาในห้อง

“แกมีอะไร?” คำถามของผมดูห้วนๆ เหมือนจะไม่พอใจ แต่ความจริงแล้วตอนนี้ผมกำลังมีความสุขอยู่ต่างหาก

“ผมอยากรู้เรื่องของพี่กับตะวันที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ขอความจริงด้วยนะพี่ภู ไม่งั้นถ้าผมรู้ความจริงผมแฉพี่หมดเปลือกแน่” ธารพูดยิ้มๆ พลางยืนกอดอกพิงประตูห้อง พอโดนถาม (ขู่) แบบนี้แล้วผมจะทำยังไงได้ล่ะนอกจากต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้ธารฟัง

ซึ่งพอได้ฟังจนจบธารก็ถึงกับพูดออกมาเลยว่า...

“โอ้โห พี่นี่มันตัวร้ายชัดๆ”

“แกพูดผิดพูดใหม่ได้นะธาร พี่ไม่ใช่ตัวร้ายแต่เป็นพระเอกต่างหาก” เพราะพระเอกตัวจริงของตะวัน มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น!

“งั้นผมพูดใหม่ก็ได้ พี่น่ะร้ายมากเลยนะรู้ตัวมั้ย”

“แล้วพี่เคยบอกรึไงว่าพี่เป็นคนดี บ้านนี้ก็มีแต่พวกวายร้ายทั้งนั้น”

“จริงอยู่ที่บ้านนี้มีแต่พวกวายร้าย แต่คนที่ร้ายที่สุดก็คือพี่ภูนั่นแหละ”

“เรื่องนี้พี่ไม่เถียง แล้วพี่แถมให้ด้วยเลยว่า...นอกจากจะร้ายที่สุดพี่ยังฉลาดที่สุดในบ้านอีกด้วย หึหึหึ” ผมหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย ส่วนธารก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ

“เฮ้อออออ ผมล่ะสงสารตะวันจริงจริ้ง ที่ดันไปถูกใจวายร้ายตัวพ่ออย่างพี่ได้น่ะ ดูท่าคงจะรอดยากซะแล้ว...”


Tawan


              หลังจากวันนั้น วันที่คุณภูผาขอ (บังคับ) มานอนกับผมที่ห้อง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคุณภูผาก็เข้ามานอนกับผมที่ห้องทุกคืน ตอนแรกผมก็กลัวอยู่หรอกว่าคุณภูผาจะบังคับทำอะไรผมเหมือนคืนแรกรึเปล่า แต่ก็ปรากฏว่าคุณภูผาไม่ได้ทำ อย่างมากก็มีแค่จูบเท่านั้น เพราะงั้นผมเลยสามารถหลับโดยมีคุณภูผานอนกอดได้อย่างสบายใจ

ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ผมได้อยู่ใกล้ชิดและรู้จักคุณภูผามากขึ้น (แต่กลับกันผมกลับรู้สึกว่าพฤกษ์และเพลิงได้ตีตัวออกห่างจากผมอย่างน่าประหลาด ยังดีที่น้องวากับคุณธารยังเข้ามาคุยเล่นกับผมเหมือนเดิม) ตัวตนที่แท้จริงของคุณภูผาไม่ได้น่ากลัว เจ้าอารมณ์ ชอบดุ หรือว่าเป็นจอมเผด็จการอย่างที่ผมเคยคิดเอาไว้ ความจริงแล้วคุณภูผาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและอบอุ่นมาก มากซะจนบางครั้งมันก็ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวและใจเต้นตึกตักอย่างไม่ทราบสาเหตุ

แต่ถึงจะอ่อนโยนและอบอุ่น คุณภูผาก็แอบมีความเจ้าเล่ห์เช่นกัน เพราะบางครั้งก็ชอบเข้ามากอด หอม จูบ หรือว่าทำอะไรแปลกๆ กับผม ต่อให้ผมไม่ยอมคุณภูผาก็จะชักแม่น้ำทั้ง 5 มาหว่านล้อมจนผมใจอ่อนยอมจนได้

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคุณภูผาทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร เพราะเกลียดหรืออยากแกล้งคุณภูผาก็บอกว่าไม่ใช่ แต่ถ้าจะให้คิดเข้าข้างตัวเองว่าบางทีคุณภูผาอาจจะชอบผม ผมก็ไม่กล้าคิดเหมือนกัน

จริงอยู่ว่าพฤกษ์เคยบอกว่าบ้านนี้ไม่มีใครชอบผู้หญิง แต่คุณภูผาก็ไม่เคยบอกว่าชอบผู้ชายเหมือนกัน ยิ่งผู้ชายธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างผมแล้ว มันแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่คุณภูผาจะหันมาชอบ

ผิดกับคุณภูผา ที่ผมมองว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีและมีเสน่ห์เอามากๆ นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้วหน้าที่การงานก็ยังดีอีกต่างหาก นิสัยใจคอก็ไม่ใช่คนเลวร้าย ผมกล้าพูดได้เลยว่าคุณภูผาเป็นคนที่เพียบพร้อมและเพอร์เฟคจริงๆ

เพราะงั้นคนแบบนั้นน่ะหรอจะมาชอบคนอย่างผมได้?

ถ้าบอกว่าคนอย่างผมไปชอบคุณภูผามันยังดูเป็นไปได้มากกว่าซะอีก...ไม่สิ บางทีมันอาจจะเป็นไปแล้วก็ได้ ผมคิดว่าตอนนี้ผมอาจจะชอบคุณภูผาเข้าแล้ว

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

พอคิดได้แบบนี้หัวใจของผมมันก็เต้นรัวจนแทบจะระเบิด แถมใบหน้าก็ยังร้อนวาบราวกับโดนไฟเผา

ทำไงดี นี่หมายความว่าผมชอบคุณภูผาจริงๆ แล้วใช่มั้ย?

“ทำอะไรอยู่น่ะตะวัน!”

“ว้ากกกกกกกก!” จู่ๆ คุณภูผาที่มาจากไหนก็ไม่รู้เข้ามากอดผมจากทางด้านหลัง ผมที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับความคิดเลยไม่ทันได้รู้ตัว จึงสะดุ้งตกใจร้องเสียงหลงลั่นบ้าน

“ตกใจอะไรขนาดนั้น ฉันไม่ใช่ผีสักหน่อย” คุณภูผาพูดจบก็หัวเราะอย่างขบขัน

“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหละครับ ก็คุณภูผาเล่นมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนี่นา” ผมบ่นพลางพยายามแกะแขนปลาหมึกที่กอดเอวของผมอยู่ แต่ไม่ว่าจะแกะเท่าไหร่ปลาหมึกตัวนี้ก็ไม่ยอมปล่อย เพราะงั้นผมจึงได้ปล่อยเลยตามเลยอย่างช่วยไม่ได้

“ฉันเรียกนายแล้วนะ แต่นายไม่ได้ยินเองต่างหาก มัวแต่ใจลอยคิดถึงใครอยู่ก็ไม่รู้” คุณภูผาพูดอย่างตัดพ้อทำเป็นงอน

อยากจะบอกจริงๆ ว่าคนที่ผมมัวแต่ใจลอยคิดถึงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวคุณภูผาเองนั่นแหละ

“ผมไม่ได้กำลังคิดถึงใครครับ แต่ผมกำลังคิดเมนูอาหารเย็นนี้อยู่ต่างหาก” เรื่องที่พูดผมไม่ได้โกหกนะ เพราะก่อนที่ผมจะคิดถึงเรื่องคุณภูผาผมกำลังคิดเมนูอาหารเย็นอยู่จริงๆ

“อ้อ แล้วคิดได้รึยัง”

“ยังเลยครับ พอคิดจะทำอะไรวัตถุดิบที่ต้องใช้มันก็ขาดนิดๆ หน่อยๆ ถ้าจะเอาที่มีมายำรวมกันผมก็กลัวว่ามันจะไม่อร่อยน่ะครับ”

“วัตถุดิบไม่พองั้นหรอเนี่ย ก็นะ...มันจะครบอาทิตย์แล้วนี่นา แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่ว่างซะด้วยสิ ต้องรีบส่งงานให้ลูกค้าก่อน 5 โมงเย็น ไว้ส่งเสร็จแล้วฉันจะพานายออกไปซื้อแล้วกันนะ”

“แต่ถ้ารอจนถึงตอนนั้นรถมันก็ติดพอดีน่ะสิครับ วันนี้เป็นวันศุกร์ด้วย แค่คุณภูผาออกไปรับน้องวาอย่างเดียวก็น่าจะกินเวลาเป็นชั่วโมงแล้วนะครับ ผมว่าผมออกไปซื้อเองดีกว่า แม็กซ์แวลูก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ด้วย” ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย 3 โมง รถเลยยังไม่น่าจะติดเท่าไหร่

“อืม...เอางั้นก็ได้ ว่าแต่นายขับรถเป็นรึเปล่า”

“เป็นครับ”

“แล้วใบขับขี่ล่ะ?”

“มีทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์เลยครับ”

“ดี ถ้างั้นนายรออยู่นี่แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปหยิบกุญแจรถกับเงินสดมาให้” คุณภูผาพูดจบก็คลายอ้อมแขนออกจากเอวผมแล้วเดินกลับไปยังห้องทำงาน โดยที่ผมยังคงยืนอึ้งอยู่กับที่ เพราะไม่คิดว่าการที่คุณภูผาถามเรื่องขับรถกับใบขับขี่ คุณภูผาจะให้ผมเอารถของตัวเองไปใช้จริงๆ ตอนแรกผมคิดว่ากะจะนั่งรถเมล์ไม่ก็แท็กซี่ไปด้วยซ้ำ

จากนั้นไม่เกิน 5 นาทีคุณภูผาก็เดินกลับมา แล้วตรงมาหาผมพร้อมกับเอาของวางไว้ในมือ

“นี่กุญแจรถ เงินสด กับเอทีเอ็ม ฉันยังไม่ได้กดเลยมีเงินติดกระเป๋าแค่นิดหน่อย ถ้าหากไม่พอนายก็ไปกดเอาที่ตู้ได้เลย รหัสคือ...”

“เดี๋ยวววววววว เดี๋ยวก่อนครับคุณภูผา เอ่อ...คุณภูผาไม่ต้องบอกรหัสกับผมหรอกครับ แล้วก็เก็บบัตรเอาไว้กับตัวด้วย เงินสดที่ให้มาผมว่ายังไงมันก็พอครับ” เงินที่คุณภูผาให้มา 3 พัน ถึงไม่พอผมก็จะตัดบางรายการออกจนพอให้ได้ ใครมันจะไปกล้าเอาบัตรเอทีเอ็มของคนอื่นมากดอย่างหน้าตาเฉยได้เล่า

คุณภูผานะคุณภูผา นี่คิดอะไรอยู่ถึงได้ให้ทั้งเงิน รถ แล้วก็เอทีเอ็มกับผมมาง่ายๆ กันเนี่ย!

“เงินแค่นี้มันจะพออยู่หรอ อย่าลืมสิว่าบ้านนี้อยู่กัน 6 คนเลยนะตะวัน”

“ก็ถ้าไม่พอเดี๋ยววันหลังผมค่อยให้คุณภูผาพาออกไปซื้ออีกก็ได้นี่ครับ”

“แต่ฉันว่า...”

“ไม่มีแต่แล้วครับ คุณภูผาเก็บบัตรไว้เถอะ ผมต้องรีบออกไปแล้ว ขืนช้ากว่านี้เดี๋ยวคุณภูผาจะไปรับน้องวาไม่ทัน” ผมพูดจบก็รีบยัดบัตรเอทีเอ็มใส่คืนในมือคุณภูผา จากนั้นก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านแล้วไปขึ้นรถทันที

เฮ้อออออ ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยรับอะไรที่มันลำบากใจขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณภูผาคิดอะไรอยู่กันแน่ ของแบบนั้นมันใช่ของที่จะเอามายื่นให้คนอื่นรึไงกัน

จากนั้นผมก็สตาร์ทรถ แล้วขับออกไปด้วยความเกร็งและระมัดระวังสุดๆ เพราะหากมีเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้รถเป็นรอยหรือเกิดอุบัติเหตุผมคงไม่มีปัญญาชดใช้แน่นอน ดังนั้นผมเลยใช้เวลานานกว่าปกติถึงจะมาถึงแม็กซ์แวลู แต่อย่างน้อยผมก็มาถึงที่นี่อย่างปลอดภัยล่ะนะ

ผมใช้เวลาหยิบวัตถุดิบประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะต้องคิดไปด้วยว่าใครชอบอะไร และจะทำอะไรแต่ละมื้อให้ทุกคนกิน จากนั้นจึงไปหยิบขนมและของใช้จิปาถะเอาไว้ติดบ้าน เสร็จแล้วก็เดินวนอีกรอบเผื่อว่าผมจะลืมซื้ออะไรไป

ในขณะนั้นเองผมก็สะดุดเข้ากับของอย่างหนึ่ง ทันทีที่เห็นผมก็รีบเข็นรถเข็นวิ่งตรงไปหยิบมันขึ้นมาจากชั้นวางทันที ซึ่งนั่นก็คือ...กุ้งลายเสือลดราคา 50%!

ว้าววววววว วันนี้ผมโชคดีสุดๆ เลย นานๆ ทีผมจะเห็นกุ้งชนิดนี้ลดราคา แถมยังไม่ใช่แค่แพคเดียวด้วยเพราะมันลดถึง 2 แพค ดังนั้นผมเลยรีบวางพวกมันลงในรถเข็น แล้วก็คิดว่าจะเอามันไปทำเมนูอะไรให้ทุกคนกินเย็นนี้ดี เพราะของลดราคามันอยู่ได้แค่วันเดียวเท่านั้น ผมเลยต้องรีบทำก่อนที่มันจะเสีย

เอ...จะว่าไปตั้งแต่เป็นแม่บ้านมาผมยังไม่เคยทำอาหารจากกุ้งเลยนี่นา ไม่แน่ว่าบางทีคนบ้านนี้อาจจะไม่ค่อยชอบกินกุ้งกัน เพราะงั้นผมเลยคิดว่าจะทำเป็นอาหารว่างไม่ใช่จานหลัก แล้วจังหวะนั้นเทมปุระมันก็ลอยเข้ามาในหัว

เอาอันนี้แหละ!

พอตัดสินใจได้แล้วผมก็ไปเลือกซื้อส่วนผสมเพิ่ม โดยคำนวณให้มันพอดีกับเงินที่เหลือ เสร็จแล้วผมก็รีบไปจ่ายเงินและขับรถตรงกลับบ้านทันที

เมื่อไปถึงคุณภูผาที่ส่งงานเสร็จแล้วก็มาช่วยขนของเข้าไปในครัว แต่ก็ไม่ได้ช่วยจัดอะไรเพราะต้องรีบไปรับน้องวาที่โรงเรียน

ผมใช้เวลาจัดของสักพัก ซึ่งในขณะที่จัดผมก็เกิดปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมาว่าผมจะทำเทมปุระหลายๆ อย่าง โดยมีทั้งของที่ทำจากทะเลและของที่ทำจากผักรวมกัน ซึ่งผมจะชุบแป้งให้หนากว่าปกตินิดหน่อย และจะตัดหางกุ้งรวมทั้งจุดเด่นของวัตถุดิบตัวอื่นๆ ออก เพราะไม่อยากให้รู้ว่าข้างในแป้งมีอะไร

การที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้ทุกคนลุ้นและสนุกในการกิน แล้วผมก็อยากให้น้องวาสามารถกินผักที่เกลียดได้อย่างเอร็ดอร่อยด้วย เพราะตอนเด็กๆ ผมก็ไม่ชอบกินผักเหมือนกัน แต่พอคุณแม่ทำแบบนี้ให้กิน ผมก็รู้สึกว่าผักมันอร่อยแล้วก็กินง่ายกว่าที่คิดเยอะเลย

ผมลงมือทอดเทมปุระพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ซึ่งขณะที่ทอดสมาชิกในบ้านแต่ละคนก็ทยอยกันกลับมา เริ่มจากพฤกษ์ เพลิง ตามด้วยคุณธาร และอีกสักพักคุณภูผากับน้องวาก็คงจะกลับมาล่ะมั้ง

“วันนี้ทำกับข้าวเร็วจัง มีอะไรให้เราช่วยมั้ยตะวัน” พฤกษ์เดินเข้ามาในครัวแล้วถามขึ้น

“อันนี้ไม่ใช่กับข้าวแต่เป็นของกินเล่นน่ะ แต่เราทำใกล้เสร็จแล้ว พฤกษ์ไปนั่งรอหน้าทีวีกับเพลิงและคุณธารเลยก็ได้”

“โอเค ถ้าเสร็จแล้วก็บอกนะ เดี๋ยวเรามายกออกไปให้”

“ได้เลย ขอบใจมากนะพฤกษ์” ไม่ว่าจะเมื่อไหร่พฤกษ์ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีและมีน้ำใจกับผมเสมอ

หลังจากที่พฤกษ์เดินออกไป เพียงไม่กี่นาทีคุณภูผากับน้องวาก็กลับมา ซึ่งพอมาถึงคุณภูผาก็ไปนั่งพักเหนื่อยที่โซฟาเพราะเห็นบ่นว่ารถติดสุดๆ ส่วนน้องวาที่พลังงานเต็มเปี่ยมก็รีบเข้ามาหาผมในครัวด้วยความร่าเริง

“หอมจังเลย พี่ตะวันกำลังทำอะไรอยู่ครับ อ๊ะ! เทมปุระนี่นา” น้องวาที่หยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะอาหารพูดขึ้น เพราะผมวางจานเทมปุระที่ทอดเสร็จชุดแรกเอาไว้

“ในนี้มีอะไรบ้างครับเนี่ยพี่ตะวัน ผมเห็นรูปร่างมันไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่เลย”

“ไม่บอก แต่ว่าพี่ทำหลายๆ อย่างปนกัน ถ้าอยากรู้ก็ต้องลองชิมดูนะน้องวา” ผมพูดยิ้มๆ ส่วนน้องวาก็ทำปากจู๋และพองลมที่แก้ม

“ง่า...ผมเริ่มกลัวแล้วนะครับ”

“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า พี่ไม่ใส่อะไรแปลกๆ เข้าไปหรอก”

“จริงนะครับ?”

“จริงสิ เห็นพี่เป็นคนชอบแกล้งรึไง”

“ก็...เปล่าครับ”

“เห็นมั้ยล่ะ เพราะงั้นก็ลองชิมดู พี่รับรองว่ามีแต่ของอร่อยแน่นอน” พอผมพูดแบบนี้น้องวาก็จ้องไปที่เทมปุระแล้วตัดสินใจสักพักหนึ่ง

“โอเคครับ ผมจะลองชิมดูก็ได้”

“น่ารักที่สุดเลย” ผมยิ้มกว้าง น้องวาเลยหยิบเทมปุระชิ้นหนึ่งขึ้นมาใส่ปาก ซึ่งพอกัดลงไปเท่านั้นแหละ...

“อี๋~~~~~~~~ นี่มันหัวหอมนี่นา แหวะ!” น้องวาทำหน้าพะอืดพะอมสุดขีด ก่อนจะรีบหยิบทิชชู่ขึ้นมาคายหัวหอมใส่แล้วโยนทิ้งลงถังขยะ จากนั้นก็รีบวิ่งไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นมาดื่มหลายอึกเพื่อล้างปาก

“โหย หัวหอมรสชาติออกจะหวาน น้องวาคายทิ้งแบบนี้พี่เสียดายนะเนี่ย” ผมนึกว่าการทำแบบนี้จะทำให้น้องวากินผักได้ง่ายขึ้นซะอีก แต่สงสัยแรงเกลียดผักท่าจะมากกว่าผมตอนเป็นเด็กหลายเท่าเลยล่ะ

“หวานตรงไหนครับพี่ตะวัน รสชาติมันแบบ...อี๋~~~~~~~~” น้องวาทำท่าพะอืดพะอมอีกรอบ

“ลองเปิดใจดูนะน้องวา ตอนแรกๆ อาจจะรู้สึกไม่คุ้นรสชาติเท่าไหร่ แต่พอกินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวน้องวาก็จะชินเอง ผักบางอย่างมันหวานแล้วก็อร่อยมากเลยนะ” ที่ผมพูดไม่ได้โกหกเกินจริงแต่อย่างใด แต่น้องวาก็ยังทำท่าขยะแขยงเหมือนเดิม

“ให้ผมตายซะยังดีกว่าต้องมากินผักอะพี่ตะวัน”

“โธ่ ผักมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย ลองกินให้พี่หน่อยนะน้องวา ที่พี่ตั้งใจทำเทมปุระก็เพื่อน้องวาเลยนะรู้มั้ย” ผมลองอ้อนน้องวาดู หวังว่ามันคงจะได้ผลนะ

“ง่า พี่ตะวันเล่นพูดขนาดนี้ผมจะกล้าปฏิเสธได้ยังไงล่ะครับ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ้มกว้างออกมาทันทีเลยน่ะสิ

“น่ารักมากเลยน้องวา”

“ถ้าคิดว่าผมน่ารักจริงๆ พี่ตะวันต้องให้รางวัลผมนะ”

“หืม? รางวัล?”

“ครับ ผมขอไม่มากหรอก แค่ขอหอมแก้มพี่ตะวันเท่านั้นเอง” น้องวายิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ผมนี่สิกลับตกใจจนตาเบิกกว้าง

“หา! หอมแก้มเนี่ยนะ!”

“ครับ แค่ฟอดเดียวเอง เอางี้ถ้าผมหยิบได้ชิ้นที่เป็นผักผมสัญญาเลยว่าจะกินให้หมดไม่มีเหลือ เพราะงั้นพี่ตะวันต้องให้รางวัลผมน้า นะๆๆๆ” น้องวาทำเสียงออดอ้อนแล้วส่งสายตาปิ๊งๆ ผมที่เป็นคนใจอ่อนอยู่แล้ว พอเจอลูกอ้อนขนาดนี้เข้าไปก็เลยต้องยอมตกลงอย่างช่วยไม่ได้

“เฮ้ออออ ก็ได้ๆ”

“เย่ๆๆ” น้องวาร้องตะโกนด้วยความดีใจ ส่วนผมก็ยิ้มให้อย่างเอ็นดู เพราะแค่หอมแก้มมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับคุณภูผาที่มักจะทำอะไรต่อมิอะไรกับผมแล้ว เรื่องแค่นี้มันเทียบกันไม่ติดเลยล่ะ

พอคิดว่าก่อนหน้านี้ผมถูกคุณภูผาทำอะไรบ้าง ผมก็รู้สึกว่าหน้าของผมมันร้อนวาบขึ้นมาเลยแฮะ

“งั้นผมขอเลือกชิ้นที่จะกินก่อนนะครับพี่ตะวัน” น้องวาพูดขึ้น ผมจึงหลุดออกจากภวังค์ที่กำลังคิดอะไรฟุ้งซ่าน

“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ทอดเทมปุระต่อก่อนนะ” ผมพูดจบก็หันกลับไปเอาวัตถุดิบที่หั่นเตรียมไว้ในจานไปชุบแป้งที่ผสมเอาไว้ จากนั้นก็เอาลงไปทอดในกระทะจนเหลืองกรอบน่ากิน

ในช่วงเวลานั้นผมกำลังจดจ่ออยู่ที่การทอดเทมปุระ เลยไม่ได้หันกลับไปมองน้องวาว่ากำลังทำอะไรอยู่ เลือกชิ้นที่จะกินได้รึยัง หรือว่าคิดจะตุกติกอะไรมั้ย เพราะงั้นกว่าที่น้องวาจะส่งเสียงพูดกับผม ผมเลยไม่รู้ว่าเวลามันได้ผ่านไปนานกี่นาทีแล้ว

“พะ...พี่ตะวัน...ของที่พี่ทอด...มีอะไรบ้างครับ” น้ำเสียงของน้องวาที่ดูแปลกไปทำให้ผมรีบหันกลับไปมอง จึงพบว่าตอนนี้น้องวากำลังเหงื่อตก ตื่นกลัว และลนลานยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก

“น้องวาเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย” ผมวางตะหลิว กดสวิตช์ปิดเตา แล้วรีบตรงเข้าไปหาน้องวาอย่างเป็นกังวล

“พี่ตะวันตอบผมมาก่อน ขะ...ของที่พี่ทอดมีอะไร...หนึ่งในนั้นมีกุ้ง...ใช่มั้ยครับ” น้องวาพยายามเค้นเสียงถาม แต่ว่าตาไม่ได้มองมาที่ผม กลับมองไปที่แขนที่ตอนนี้เริ่มมีผื่นสีแดงผุดขึ้นมา ซึ่งดูท่ายิ่งนานไปยิ่งจะลามไปทั่วผิวมากขึ้นเรื่อยๆ

“ชะ...ใช่ มีกุ้ง หมึก ปลา ละ...แล้วก็พวกผักอย่างหัวหอม แครอท เห็ด ฟักทอง ตะ...แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน น้องวาเป็นอะไร ยะ...อย่าบอกนะว่าน้องวาแพ้กุ้ง”

“ครับ...ผมแพ้...แพ้หนักมาก...”

ระหว่างที่พูดผมก็สังเกตเห็นว่าที่ปากและคางของน้องวาเริ่มบวม ผมคิดว่าถ้ายิ่งปล่อยเอาไว้ต้องแย่แน่ๆ และผมก็ไม่รู้ว่าต้องช่วยเหลือหรือปฐมพยาบาลยังไง ทางเดียวที่ผมคิดออกคือต้องรีบไปบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้เท่านั้น

“น้องวารอพี่ตรงนี้ก่อนนะ พี่จะรีบไปตามคนมาช่วย” ผมพูดจบก็รีบวิ่งออกจากครัวไปหาทุกคนที่รวมตัวกันอยู่หน้าทีวีในห้องรับแขก เพราะถ้าจะให้ผมตะโกนเรียกจากห้องครัว เสียงของผมคงมาไม่ถึงที่นี่แน่ๆ

“แย่แล้วครับทุกคน! น้องวาแย่แล้ว!” พอได้ยินแบบนี้ ทุกคนที่กำลังดูทีวีอยู่ก็ทำหน้าเคร่งเครียดกันขึ้นมาเลย

“วาเป็นอะไร?” คุณภูผาถามเสียงเข้มแล้วจ้องมาที่ใบหน้าของผม ส่วนคนอื่นๆ ก็ด้วย

“คือ...น้องวาเผลอกินกุ้งเข้าไป ผมไม่รู้ว่าน้องวาแพ้ก็เลย...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดให้จบประโยค คุณภูผาก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องครัวทันที โดยมีพฤกษ์และเพลิงวิ่งตามไปติดๆ

“บอกฉันมาว่าวาเผลอกินกุ้งไปได้ยังไง” คุณธารที่ยังคงอยู่ตรงนี้ถามผมขึ้น แต่ถึงจะไม่ได้ไปไหน คุณธารก็มีสีหน้าเป็นกังวลและร้อนรนไม่ต่างจากคนอื่นๆ เลย

“คือผมทำเทมปุระผักและทะเลรวมกันน่ะครับ ผมชุบแป้งหนาๆ เพื่อพรางไม่ให้รู้ว่าข้างในเป็นอะไร เพราะอยากให้ทุกคนลุ้นและสนุกในการกิน แล้วผมก็คิดว่าถ้าทำแบบนี้น้องวาอาจจะเริ่มกินผักได้สักที แต่ผม...ผมทำพลาดไป...ผมไม่รู้ว่าน้องวาแพ้กุ้งครับคุณธาร...” ยิ่งพูดน้ำเสียงของผมก็ยิ่งสั่น ส่วนน้ำตาก็ยิ่งไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง

ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้องวาแพ้กุ้งเพราะไม่เคยมีใครบอกผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกผิดอยู่ดี เพราะผมสะเพร่าเองที่ไม่เคยถาม เรื่องที่ผมถามมีแต่ของที่แต่ละคนชอบเท่านั้นเอง

“ใจเย็นๆ นะไม่ต้องร้องไห้ เรื่องนี้ตะวันไม่ผิดเพราะตะวันไม่รู้ และฉันก็เห็นถึงความตั้งใจกับความหวังดีของตะวัน เพราะงั้นหยุดร้องไห้ได้แล้วนะ” คุณธารยิ้มหวานให้กำลังใจ แถมยังใช้มือประคองที่ข้างแก้มและเช็ดน้ำตาให้ผมอีกด้วย

“ครับคุณธาร”

ซึ่งขณะนั้นเองผม ก็เห็นว่าคุณภูผากำลังอุ้มน้องวาที่มีสีหน้าไม่สู้ดีและหายใจเริ่มติดขัดเดินมาทางนี้ โดยมีพฤกษ์และเพลิงเดินตามมาติดๆ อย่างกระวนกระวาย ผมจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเพราะห่วงอาการของน้องวา

“น้องวาเป็นยังไงบ้างครับคุณภูผา อาการยังไม่ดีขึ้นอีกหรอครับ แล้วได้กินยา...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยค คุณภูผาก็ใช้หางตาตวัดมองมาที่ผม จากนั้นก็เบี่ยงตัวหลบราวกับรังเกียจที่จะให้ผมสัมผัสตัวเองและน้องวา

 “หลีกไป เกะกะ”

คำพูดนั้นยังไม่เท่าไหร่ แต่น้ำเสียงและสายตาของคุณภูผาที่มองมานี่สิ มันทำให้ผมถึงกับช็อกและใจหล่นวูบลงไปที่พื้น น้ำตาที่ถูกคุณธารเช็ดให้ก็รื้นขึ้นก่อนที่จะไหลรินลงมาอีกครั้ง

 น้ำเสียงและสายตาแบบนั้นมันยิ่งกว่าตอนที่ผมกับคุณภูผาเจอกันวันแรกซะอีก

นี่ผม...คงถูกคุณภูผาเกลียดเข้าจริงๆ แล้วใช่มั้ย?

2BC

หัวใจชิงรักตอนที่ 8 ก็จบลงไปแล้วน้า ถ้าชอบหรือฝากคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤H.Hanger หัวใจชิงรัก 8# เงินสด รถ เอทีเอ็ม (สายเปย์ที่แท้ทรู) 3/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 04-08-2017 00:58:33
 :hao5:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤H.Hanger หัวใจชิงรัก 8# เงินสด รถ เอทีเอ็ม (สายเปย์ที่แท้ทรู) 3/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 04-08-2017 18:26:14
พูดกับตะวันดีๆเหมือนช่วงแรกไม่ได้เหรอพี่ภู
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก 9# ถูกเกลียดแล้วสินะ 7/08/60
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 08-08-2017 04:02:08
 :katai1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก 9# ถูกเกลียดแล้วสินะ 7/08/60
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 09-08-2017 18:07:09
ปากรึนั่นพี่ภู :m16:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่9# ลาออก 10.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 10-08-2017 22:56:46
Part 9# Tawan ลาออก

               
คุณภูผาอุ้มน้องวาเดินผ่านหน้าผมไปอย่างไม่คิดจะเสียเวลาหันมามอง พฤกษ์และเพลิงเลยต้องรีบเดินตามไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังส่งสายตามามองผมด้วยความสงสาร ส่วนคุณธารที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง

               
“เฮ้ออออ ไอ้เราก็อุตส่าห์ปลอบจนเลิกร้อง พี่ภูนะพี่ภู” คุณธารเหลือบตามองบน จากนั้นก็หันมาหาผมแล้วจัดการเช็ดน้ำตาออกไปให้อีกครั้ง


“ไม่ต้องคิดมากนะตะวัน พี่ภูไม่ได้ตั้งใจจะว่าตะวันหรอก ตอนนี้คงเป็นห่วงวามากจนไม่ทันได้คิดเรื่องอื่น เพราะงั้นอย่างร้องไห้เลยนะ” คำปลอบโยนของคุณธารทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากจนสามารถฝืนยิ้มออกมาได้


“ครับคุณธาร” ถ้าคุณภูผาคิดอย่างที่คุณธารพูดจริงๆ ก็คงจะดี


 “ถ้างั้นเรารีบตามออกไปดูอาการวากันเถอะ หวังว่าคงจะไปถึงโรงพยาบาลทันเวลา” คุณธารพูดจบก็จูงมือผมออกไปข้างนอก จึงเห็นว่าตอนนี้คุณภูผากำลังยืนอุ้มน้องวายืนอยู่ข้างๆ เพลิง ส่วนพฤกษ์กำลังขับรถของคุณภูผาออกมาจากโรงจอดรถ


“แกไปนั่งข้างหน้านะเพลิง ส่วนพี่จะนั่งข้างหลังดูแลวาเอง” คุณภูผาพูดขึ้นเมื่อพฤกษ์ขับรถมาจอดตรงหน้า


“โอเค” เพลิงรับคำ ก่อนจะรีบเปิดประตูให้คุณภูผาอุ้มน้องวาขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ผมที่อยากไปโรงพยาบาลด้วยเพราะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด จึงได้รีบพูดขึ้นก่อนที่เพลิงจะปิดประตู


“ผมขอไปด้วยได้มั้ยครับ” ผมส่งสายตาเว้าวอนและรู้สึกผิดไปยังคุณภูผา แต่ผมก็ได้รับคำตอบอันไร้เยื่อใยและสายตาเย็นชากลับมาว่า...


“ในนี้มันไม่มีที่สำหรับนายหรอกนะ” เท่านั้นแหละน้ำตาของผมมันก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ผมก็พยายามฝืนทนไม่ให้มันไหลออกมา ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่คุณภูผาก็เบือนหน้าหนีอย่างไม่สนใจ แล้วหันไปตะโกนใส่เพลิงแทน


“เพลิง! ทำอะไรอยู่! รีบๆ ปิดประตูเข้าสิ! แกอยากให้วาตายรึไง!”


“อ้อ! โอเคๆ พี่ภู” เพลิงที่ดูเหมือนว่าจะลืมเรื่องความเป็นความตายของน้องวาไปชั่วขณะพูดขึ้น จากนั้นก็รีบปิดประตูตามคำสั่งของคุณภูผา แล้วก้าวขึ้นไปนั่งยังเบาะหน้าด้วยความรวดเร็ว


แต่ถึงจะเร็วแค่ไหนผมก็ยังได้ยินเสียงพูดอย่างหัวเสียจากคุณภูผาที่นั่งอยู่ในรถอยู่ดี


“ให้ตาย...เสียเวลาจริงๆ”


ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดคุณภูผาหมายถึงใคร เป็นผมหรือว่าเพลิง แต่คุณธารก็เท้าสะเอวเพราะโมโหแทนผม


“หนอย...พูดเกินไปแล้วนะพี่ภู!” คุณธารพูดในจังหวะที่พฤกษ์ได้ขับรถออกไปแล้ว ผมที่ทำอะไรไม่ได้และไม่รู้จะทำอะไรเลยได้แต่ก้มหน้าคอตกอย่างเศร้าๆ


“นี่...จะเศร้าไปทำไม พี่ภูไม่ให้ไปด้วยแล้วไง ฉันขับรถพานายไปก็ได้ไม่เห็นจะยาก” คุณธารยักไหล่อย่างไม่แคร์ ก่อนจะบอกให้ผมยืนรออยู่ตรงนี้ เพราะตัวเองจะเข้าไปเก็บของและเอากุญแจรถออกมา


ยิ่งคุณธารทำดีกับผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดที่สะเพร่าจนทำให้น้องวาเป็นแบบนี้มากเท่านั้น


ผมบกพร่องในหน้าที่ของแม่บ้าน และผมคิดว่าตัวเองสมควรได้รับโทษ หรือไม่ก็ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้


ซึ่งขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือที่ผมมักจะพกติดตัวเอาไว้เสมอ เพื่อรอให้คุณพ่อติดต่อมาถึงแม้ว่าจะไม่เคยเลยก็ตามก็ดังขึ้น ผมจึงรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อมองหน้าจอว่าใครโทรมา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่คุณพ่อของผม คนที่โทรมาคือพี่กิตติ


ถ้าเป็นเมื่อก่อน วันนี้ผมต้องเข้าไปทำงานที่ร้าน แต่ตั้งแต่ที่ผมป่วยคราวนั้นพี่กิตติก็บอกว่าให้ผมเข้ามาทำงานเฉพาะวันจันทร์ - พฤหัสก็พอ เพราะเป็นห่วงสุขภาพและกลัวผมทำงานหนักจนล้มป่วย ดังนั้นผมเลยไม่รู้ว่าพี่กิตติโทรมาหาผมวันนี้ทำไม


แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง เพราะว่าผมก็มีเรื่องที่จะคุยและรบกวนพี่กิตติอยู่พอดี...

...............
.........
...

“มาแล้วตะวัน โทษทีที่ปล่อยให้รอนาน พอดีฉันไลน์คุยกับเพลิงอยู่น่ะว่าตอนนี้กำลังไปโรงพยาบาลไหนกัน” คุณธารพูดขึ้น ซึ่งก็เป็นเวลาพอดีที่ผมพึ่งวางสายจากพี่กิตติ


“ไม่เป็นไรครับคุณธาร ผมไม่ได้รอนานขนาดนั้น”


“โอเค งั้นเรารีบไปกันเถอะ” พูดจบคุณธารก็เดินนำผมไปที่รถ เมื่อเราสองคนขึ้นไปนั่งในนั้นแล้ว คุณธารก็สตาร์ทและออกรถทันที


ระหว่างทางผมเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา บางทีก็ก้มหน้าไม่ก็มองกระจกข้างด้วยสีหน้าเศร้าๆ เพราะทั้งรู้สึกผิดและเป็นห่วงน้องวาที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะถึงมือหมอรึยัง แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง


“นี่...อย่าทำหน้าเศร้าสิตะวัน ยังไงวาก็ต้องปลอดภัยแน่นอน” คุณธารพูดขึ้นกับผมในระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดง


เห็นคุณธารคอยปลอบผมตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่าคุณธารไม่ทุกข์ร้อนกับอาการของน้องวา แต่คุณธารเลือกที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้ แล้วปลอบใจผมที่กำลังเครียดและโทษตัวเองมากกว่า


“ครับ ผมก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน” ผมเชื่อว่าน้องวาต้องไม่เป็นอะไร แต่สำหรับคุณภูผาผมไม่มั่นใจเลยว่าตอนนี้จะคิดยังไงกับผม


บางทีคุณภูผาอาจจะเกลียดผมไปแล้วก็ได้...


ซึ่งก็เหมือนคุณธารจะรู้ความคิดนี้ เพราะอ่านสีหน้าของผมออก ดังนั้นคุณธารจึงเลื่อนมือข้างซ้ายมาลูบบ่าผมเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ


“พี่ภูไม่มีทางเกลียดตะวันหรอกนะ แต่พี่ภูคงเป็นห่วงวามาก ก็นะ...เลี้ยงมากับมือตั้งแต่ไม่กี่เดือนเลยนี่นา เอาจริงๆ ฉันว่าพี่ภูคิดว่าวาเหมือนลูกมากกว่าน้องชายซะอีก” คุณธารพูดจบก็หัวเราะอย่างขบขัน แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับมองเห็นว่าแววตาของคุณธารดูขมขื่นสวนทางกับรอยยิ้ม


“ทำไมคุณธารถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ” ถ้าให้ผมเดาก็คงจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณแม่ล่ะมั้ง ซึ่งพอได้ฟังมันก็ใช่อย่างที่ผมคิดจริงๆ


“หลังจากแม่คลอดวาก็เอามาทิ้งให้ยายเลี้ยงเหมือนกับลูกทุกคน แต่ตอนนั้นยายกำลังป่วยอยู่ เพราะงั้นหน้าที่หลักในการเลี้ยงเลยเป็นพี่คนโตอย่างพี่ภูที่ตอนนั้นอยู่แค่ ป.6 ส่วนฉันเองก็ช่วยบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็อยู่แค่ ป.3 เองเลยทำอะไรไม่ได้มากน่ะ” คุณธารพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไปเพราะไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี ซึ่งพอขับรถเข้าที่จึงได้เล่าเรื่องราวให้ผมฟังต่อ


“ช่วงนั้นพี่ภูเหนื่อยแค่ไหนฉันจำได้ดี การดูแลทุกคนในบ้านโดยเฉพาะเด็กทารกอย่างวาเป็นงานที่หนักมาก แต่ถึงอย่างนั้นพี่ภูก็ไม่เคยบ่นให้พวกเราฟัง ขนาดวันที่แอบหลับในห้องเรียน แถมยังลืมทำการบ้านจนโดนครูตียังแอบให้ยายทายาหม่องให้เลย...พี่ภูน่ะรักพวกเรามากจริงๆ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้คุณธารรู้สึกยังไงอยู่ เพราะขนาดผมที่เป็นคนฟังแต่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ยังอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้


“ตอนเด็กๆ พวกเราลำบากกันมาก พึ่งมาลืมตาอ้าปากได้ก็ตอนที่แม่ตายนั่นแหละ... หึ ใครจะไปเชื่อว่าแม่ที่แทบไม่เคยเลี้ยงพวกเราเลย กลับทำประกันไว้ให้ตั้ง 20 ล้าน เพราะงั้นฉันเลยคิดว่าลึกๆ แล้วแม่อาจจะรักพวกเรา 5 พี่น้องบ้างก็ได้ แต่ก็นะ...คนในบ้านไม่มีใครคิดเหมือนฉันเลยสักคน” มิน่าล่ะวันที่เจอกันครั้งแรกคุณธารเลยเป็นคนเดียวที่พูดปกป้องคุณแม่


แต่เรื่องที่น่าเศร้ากว่านั้นคือคุณยายที่เลี้ยงดูทุกคนมาด้วยความยากลำบาก ยังไม่ทันจะได้ใช้ชีวิตปั้นปลายอย่างสุขสบาย ก็ต้องเสียชีวิตตามคุณแม่ไปเพราะอาการป่วยซะก่อน


“จะว่าไปทำไมพูดถึงเรื่องวาอยู่ดีๆ ไหงกลายเป็นดราม่าเรื่องครอบครัวไปได้ล่ะเนี่ย ไม่ไหวเลยนะฉัน เอาเป็นว่ากลับมาเรื่องวาต่อก็แล้วกัน เพราะพี่ภูเลี้ยงวามาตั้งแต่ยังเป็นทารกเลยรักเหมือนลูกในไส้ ยิ่งเมื่อ 3 ปีก่อนที่เกิดเรื่องแบบนั้น พี่ภูเลยยิ่งรัก ดูแลเอาใจใส่ และตามใจวามาตลอด เรียกได้ว่ามดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะ ดังนั้นพอเห็นวาเป็นแบบนี้พี่ภูก็คงจะเป็นกังวลเพราะห่วงวามาก บางทีอาจจะพูดจาไม่ดีก็อย่าคิดมากเลยนะตะวัน” ที่คุณธารพูดมาทั้งหมดผมก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่า ทำไมคุณภูผารวมถึงทุกคนถึงได้เป็นห่วงน้องวาขนาดนี้


แต่เรื่องที่ผมยังคาใจอยู่ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องวาเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนั้นที่พฤกษ์บอกเรื่องนี้กับผม แต่พฤกษ์ก็ไม่ได้บอกเหตุผลซะด้วยเพราะเห็นว่าไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่ เพราะงั้นผมเลยว่าจะถามเรื่องนี้กับคุณธาร แต่เราสองคนก็ดันมาถึงโรงพยาบาลซะก่อน ดังนั้นผมจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ แล้วรีบตามไปสมทบกับทุกคนที่หน้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งตอนนี้กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียดและเป็นกังวลกันอย่างมาก


“วาเป็นไงบ้างพี่ภู” คุณธารถามขึ้นเมื่อไปถึงหน้าห้องฉุกเฉิน ส่วนผมที่รู้สึกผิดอย่างมากจึงไม่กล้าถามอะไรทั้งนั้น เอาจริงๆ ผมแทบไม่กล้าสู้หน้าใครเลยด้วยซ้ำ


“ก่อนเข้าห้องฉุกเฉินอาการของวาแย่มาก คือพูดแทบไม่รู้เรื่อง หายใจแทบไม่ได้ ผื่นลมพิษก็ขึ้นเต็มตัว...พี่ไม่รู้ว่าอาการหนักขนาดนี้หมอจะรักษาวาทันรึเปล่า” ยิ่งพูดสีหน้าคุณภูผาก็ยิ่งเครียดหนัก ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกแย่มาก เพราะว่าผมทำหน้าที่แม่บ้านบกพร่องอย่างไม่น่าให้อภัย


“ผมขอโทษนะครับคุณภูผา ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้องวาแพ้กุ้ง”


“โอเค เรื่องนี้วาอาจจะผิดที่ไม่เคยบอกนาย แต่การที่นายอยู่บ้านหลังนี้มาเป็นเดือน นายไม่เคยสังเกตเลยหรอว่าทำไมถึงไม่เคยมีใครกินกุ้งเลย นายเคยบอกฉันไม่ใช่หรอว่า หน้าที่ของแม่บ้านนอกจากทำงานบ้านแล้ว ยังต้องดูแลทุกคนภายในบ้านด้วย...นี่หรอที่นายบอกว่าดูแล? ถ้าหากวาเป็นอะไรขึ้นมานายจะรับผิดชอบยังไง?”


คุณภูผาจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาแข็งกร้าว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขึ้นเสียงหรือตะคอกใส่ผมอย่างที่ทำใจเอาไว้ มิหนำซ้ำน้ำเสียงโดยเฉพาะช่วงท้ายๆ ยังสั่นเล็กน้อยราวกับจะร้องไห้ออกมาอีกต่างหาก


ยิ่งเห็นคุณภูผาเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดและสะเทือนใจ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมตัดสินใจในสิ่งที่ลังเลมาตลอดหลังจากเกิดเรื่องได้อย่างทันที


“ผมขอโทษจริงๆ เรื่องนี้ผมเป็นคนผิดเองทั้งหมด เพราะงั้น...ผมจะรับผิดชอบโดยการลาออกครับคุณภูผา”


“ว่าไงนะ?” คุณภูผาถามขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ส่วนคุณธาร พฤกษ์ และเพลิงก็อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็กรูเข้ามาหาผมอย่างพร้อมเพรียงกัน


“ตะวันจะออกทำไม เรื่องที่เกิดขึ้นตะวันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” พฤกษ์พูดขึ้น เพลิงที่ได้ยินแบบนี้เลยพยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดสนับสนุน


“ใช่ ตะวันไม่ต้องออกหรอก อยู่เป็นแม่บ้านให้พวกเราต่อไปเถอะ”


“แต่ว่า...เราไม่มีหน้าทำงานต่อแล้วล่ะ เราจะกล้าสู้หน้าน้องวาได้ยังไง เราสะเพร่า ไม่รอบคอบ บกพร่องในหน้าที่ เราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น” ผมรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ ผมทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้แล้วผมจะกล้าทำงานต่อได้ยังไง นี่ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าผมจะทำหน้าแบบไหนเมื่อเจอน้องวา


“ถ้าอย่างนั้นตะวันก็รับผิดชอบด้วยการทำอย่างอื่นก็ได้นี่นา การลาออกมันไม่ได้เป็นการรับผิดชอบอย่างเดียวสักหน่อย” ประโยคนี้คุณธารเป็นคนพูดขึ้น แต่ผมที่ตัดสินใจแล้วจึงตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล


“จริงอยู่ครับว่าการลาออกมันไม่ได้เป็นหนทางเดียว แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าผมไม่มีหน้าไปสู้น้องวา หรือกล้ากลับwxทำงานที่บ้านหลังนั้นต่อแล้ว เพราะงั้น...”


“คิดจะหนีปัญหาสินะ”


“หา?” ผมไม่ค่อยได้ยินคำพูดเมื่อกี้เท่าไหร่ แต่ก็มั่นใจว่าคุณภูผาพูดกับผม เพราะตอนนี้สายตาคมกริบกำลังจ้องมาที่ใบหน้าของผมอยู่


“ฉันบอกว่า...นายกำลังคิดจะหนีปัญหาสินะ” คุณภูผาพูดอย่างช้าๆ และชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจ จนเผลอจ้องตาคุณภูผากลับไปอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งๆ ที่ปกติถ้าโดนแบบนี้ผมต้องก้มหน้าหลบตาไม่กล้าสู้หน้าไปแล้ว


“ผมไม่ได้คิดจะหนีปัญหานะครับ ผมตั้งใจจะรับผิดชอบจริงๆ”


“แน่ใจหรอ? แต่ฉันว่าไม่มั้ง ฉันว่านายแค่ตั้งใจจะชิ่งหนีปัญหามากกว่า…หึ! ทำเป็นบอกว่าไม่กล้าสู้หน้าวา แต่เอาจริงๆ คือกลัวได้จ่ายค่ารักษาหรือค่าทำขวัญต่างหากล่ะมั้ง” คุณภูผายิ้มหยัน สายตาดูถูกดูแคลนแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกโมโหจนแทบควันออกหู


“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะครับ! ผมไม่กล้าสู้หน้าน้องวาและตั้งใจจะรับผิดชอบจริงๆ! ส่วนค่ารักษาหรือค่าทำขวัญ ผมจะหาเงินมาชดใช้ครบทุกบาททุกสตางค์ให้เร็วที่สุด!”


ก่อนหน้านี้ผมได้ปรึกษากับพี่กิตติเรื่องการเปลี่ยนเวลามาทำงานทุกวัน พอเล่าปัญหาให้ฟังพี่กิตติก็ยินดีจะให้ผมนอนพักที่ร้านด้วยซ้ำ เพราะงั้นผมเลยมั่นใจว่าค่าใช้จ่ายทุกอย่างผมจะสามารถหามาคืนได้ในเวลาไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นคุณภูผาก็ไม่เชื่อใจในสิ่งที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย


“หึ! นั่นมันก็แค่ลมปาก มีอะไรมารับประกันได้หรอว่านายจะทำจริงอย่างที่พูด”


“ผมสาบานได้เลยครับว่าผมทำจริงอย่างที่พูดแน่นอน!”


“แต่ฉันไม่เชื่อ!” คุณภูผาใช้สายตาอันดุดันจ้องมองมาจนตัวผมแทบจะทะลุ จากนั้นก็ก้าวเดินเข้ามาประชิดตัวผม แล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวกับผมว่า...


               “รับผิดชอบโดยการอยู่ดูแลวาจนกว่าจะหายซะ แล้วหลังจากนั้นถ้านายยังยืนยันที่จะลาออกก็เชิญตามสบาย!” คุณภูผาพูดจบก็เบี่ยงตัวเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าของคุณภูผาก็ยังติดตาของผมอยู่ดี


               มันเป็นสายตาที่โกรธเกรี้ยว ผิดหวัง และไม่พอใจ จนผมรู้สึกได้ว่าคุณภูผาไม่อยากเห็นหน้าผมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมเจ็บปวดที่หัวใจราวกับว่ามีใครกำลังบีบมันเอาไว้ ก่อนที่น้ำตาของผมมันจะไหลรินลงมาเป็นทางอย่างไม่ขาดสาย


               คุณภูผาเกลียดผมแล้วจริงๆ แต่ผมจะไปโทษใครได้ ในเมื่อผมเป็นคนทำพังด้วยตัวเอง...


...............
.........
...


               ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง คุณหมอก็ออกมาแจ้งว่าตอนนี้อาการของน้องวาดีขึ้นแล้ว แต่เนื่องจากน้องวาเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง ดังนั้นคุณหมอเลยให้แอดมิท 1 คืนเพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด หากไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงช่วงสายๆ ก็สามารถกลับบ้านได้เลย


               หลังจากคุยกับคุณหมอเสร็จ ก็มีพยาบาลเดินนำพวกเราไปยังห้องพิเศษที่น้องวากำลังพักอยู่ โดยที่ตลอดเวลาไม่มีใครกล้าพูดหรือว่าส่งเสียงอะไรออกมา เพราะคุณภูผาได้แผ่บรรยากาศมาคุและอึมครึมด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ซึ่งก็เป็นมาตลอดหลังจากที่คุยกับผมและเดินหนีไปในตอนนั้น


               ผมไม่รู้ว่าบรรยากาศอันน่าอึดอัดแบบนี้จะยังคงอยู่อีกนานขนาดไหน บางทีอาจจะเป็นเรื่อยๆ จนกว่าผมจะออกจากบ้านหลังนี้ก็ได้

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


พอพวกเราทั้งหมดก้าวเท้าเข้าไปในห้องเท่านั้นแหละ น้องวาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงก็ยิ้มแฉ่ง แล้วโบกมือทักทายพวกเราอย่างร่าเริงราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น


               “ไงครับทุกคน ไม่ได้เจอตั้งหลายชั่วโมงคิดถึงจังเลย เนี่ย...ช่วงนี้ผมกำลังเบื่อห้องนอนที่บ้านอยู่พอดี ได้เปลี่ยนบรรยากาศมานอนที่อื่นแบบนี้มันดี๊ดีเนอะว่ามั้ยครับ”


               คำทักทายของน้องวาเล่นเอาพวกเราทุกคนยืนอึ้ง เพราะไม่คิดว่าคนป่วยใกล้ตายเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อนจะลั้นลาร่าเริงได้ถึงขนาดนี้ นี่ถ้าสีหน้าของน้องวาไม่ซีด ตามเนื้อตัวไม่เห็นผื่นสีแดงจางๆ ส่วนใบหน้า ริมฝีปาก และลำคอก็ไม่บวมหน่อยๆ ผมคงคิดว่าน้องวาหายดีแล้วนะเนี่ย


               “ยังมีหน้ามายิ้มระรื่นอีกนะวา นอนโรงพยาบาลนี่มันดีที่ไหนกัน เฮ้ออออ...อย่าทำให้พี่เป็นห่วงมากนักจะได้มั้ย” ถึงจะทำเป็นดุ แต่คุณภูผาก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่เห็นน้องวาปลอดภัย จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปสวมกอดน้องวาเอาไว้ทันที


               ส่วนคุณธาร พฤกษ์ และเพลิงที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปสวมกอดน้องวาเช่นกัน ภาพของพี่น้องทั้ง 5 ที่กำลังกอดกันด้วยความรัก ทำเอาผมรู้สึกซาบซึ้งจนอดที่จะยิ้มและน้ำตาซึมออกมาไม่ได้


               ผมยืนอยู่ห่างๆ ปล่อยให้พี่น้องได้คุยกันเพราะไม่อยากเป็นส่วนเกิน จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก น้องวาที่เห็นผมยืนหลบอยู่ที่มุมห้องจึงได้ยิ้มให้แล้วทักทายผม


               “พี่ตะวันไปยืนทำอะไรตรงนั้นครับ ไม่คิดจะเข้ามากอดรับขวัญผมหน่อยหรอ”


พอได้ยินแบบนี้ผมก็อึกอักเพราะทำตัวไม่ถูก จึงได้หันไปมองที่คุณภูผาว่าจะห้ามผมมั้ย แต่คุณภูผาก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังขยับออกไปนั่งที่โซฟาเพราะให้พื้นที่กับผม ดังนั้นผมจึงได้เดินไปสวมกอดน้องวาที่อ้าแขนรออยู่สักพักแล้ว


               “พี่ขอโทษนะน้องวา” ผมพูดอย่างสำนึกผิด และเตรียมใจไว้แล้วว่าน้องวาจะต้องโกรธและโทษผม แต่นั่นมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้เลย


               “ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ เรื่องนี้พี่ตะวันไม่ได้เป็นคนผิดสักหน่อย ผมสิที่เป็นคนผิดเพราะดันลืมบอกเรื่องที่แพ้กุ้งกับพี่ตะวัน ผมนึกว่าวันแรกที่เจอกันผมบอกเรื่องนี้พร้อมเรื่องของกินที่ชอบ-ไม่ชอบไปแล้ว” นอกจากน้องวาจะไม่โกรธผม ยังโทษว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของตัวเองอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนผิดอยู่ดี


               “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่น่าจะเอะใจว่าทำไมบ้านนี้ถึงไม่มีใครกินกุ้งเลย ทั้งที่มันไม่ได้หากินยากแถมยังอร่อยอีกต่างหาก” พอผมพูดแบบนี้เพลิงเลยขัดขึ้นเพราะไม่เห็นด้วย


               “ไม่นะตะวัน คนที่เอะใจต้องเป็นไอ้วามากกว่า เห็นเทมปุระก็ต้องคิดแล้วว่าเป็นกุ้ง แต่นี่ดันกินเข้าไปเฉย”


               “นั่นสิ” พฤกษ์เห็นด้วย


               “พี่ก็ว่างั้น” คุณธารก็อีกคน น้องวาที่เห็นอย่างนั้นเลยทำปากจู๋ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อยๆ


“ง่า...ก็ผมนึกว่าผมบอกเรื่องนี้กับพี่ตะวันไปแล้วนี่ครับ ผมเลยไม่คิดว่าในนั้นมันจะมีกุ้งอ่า”


“ไม่ต้องมาอ้างเลย แกมันตะกละอยากกินของอร่อยคนเดียวล่ะสิ” พูดจบเพลิงก็เขกกะโหลกวาด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็เขกแค่เบาๆ ไม่ได้รุนแรง ถึงอย่างนั้นน้องวากลับเล่นใหญ่ร้องโอดครวญซะเสียงดัง


“โอ๊ยยยยยย ใจร้ายยยยยย นี่ผมป่วยอยู่นะพี่เพลิง!”


“ไม่ต้องมาสำออย จ้อไม่หยุดขนาดนี้แกอย่ามาอ้างเลยว่าป่วย จริงปะไอ้พฤกษ์?” เพลิงหันไปถามความเห็นของพฤกษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ


“เออ คนป่วยอะไรพูดเป็นต่อยหอยขนาดนี้” สมแล้วที่เป็นแฝดกัน เพราะเข้ากันได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยจริงๆ คู่นี้


“พี่พฤกษ์พี่เพลิงใจร้าย! ง่ะ พี่ธารก็อย่าหัวเราะไปด้วยสิครับ!” น้องวาพองลมที่แก้มอย่างขัดใจเพราะถูกพวกพี่ๆ แกล้ง ดังนั้นผมที่เป็นคนเดียวที่อยู่ตรงนี้ เลยถูกน้องวากอดแขนเอาไว้แล้วอ้อนให้มาเป็นพวก


“พี่ตะวันดูพี่ใจร้ายพวกนี้สิครับ ผมป่วยอยู่แท้ๆ ยังแกล้งกันได้ลงคอ หวังว่าพี่ตะวันคงจะไม่ร่วมวงแกล้งผมไปด้วยคนหรอกนะครับ” น้องวาช้อนตาปริบๆ ขึ้นมามอง ผมเลยยิ้มให้บางๆ ก่อนจะลูบศีรษะเล็กๆ ด้วยความอ่อนโยน


“พี่ไม่แกล้งน้องวาแน่นอน แล้วพี่ก็จะดูแลน้องวาเป็นอย่างดีจนกว่าจะหายด้วยนะ”


“เย่! พี่ตะวันใจดีที่สุดในโลกเลย!” น้องวาชูกำปั้นขึ้นอย่างดีใจ จากนั้นก็เอียงใบหน้ามาซบลงที่แขนของผมแล้วถูไปมา


ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยไม่กล้าพูดออกไปว่า หลังจากที่น้องวาหายดีผมจะลาออกตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ เพราะถึงน้องวาจะไม่โกรธ แต่ผมก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองอยู่ดี ซึ่งผมก็คิดว่าคุณภูผาน่าจะยินดีและพอใจ ที่คนก่อปัญหาอย่างผมจะออกจากบ้านไปได้สักที...


คืนนี้พวกเราทุกคนตัดสินใจอยู่เฝ้าน้องวาเพราะไม่มีใครอยากกลับบ้าน ซึ่งนอนหลับบ้างไม่หลับบ้าง เนื่องจากแต่ละคนต้องนั่งหลับกันบนเก้าอี้ไม่ก็โซฟา มีแค่เพลิงคนเดียวที่นอนราบไปกับพื้นแล้วใช้แขนหนุนแทนหมอน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการนอนแต่อย่างใด แถมดูเหมือนว่าจะนอนสบายกว่าใครเพื่อนอีกต่างหาก...ช่างเป็นคนที่อยู่ง่ายนอนง่ายซะจริง


หลังจากนั้นช่วงสายๆ เมื่อไม่มีอะไรแล้วคุณหมอก็อนุญาตให้น้องวากลับบ้านได้ โดยพวกผมยกเว้นคุณภูผาจะกลับบ้านกันก่อน เพราะคุณภูผาต้องเคลียร์ค่ารักษาพยาบาลแล้วก็จะเลยไปทำธุระต่อ จะกลับมาอีกทีก็ช่วงค่ำๆ ไม่ก็ดึกๆ ดังนั้นตลอดทั้งวันจึงไม่ต้องให้ผมทำกับข้าวเผื่อ


ตอนแรกผมก็รู้สึกแปลกใจนิดๆ เพราะปกติคุณภูผาจะเป็นคนติดบ้านมาก วันๆ เอาแต่ทำงานในห้องแทบจะไม่ออกไปไหนแท้ๆ ถึงจะมีธุระจริงๆ ก็ออกไปแค่ 2 – 3 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่เคยหายไปทั้งวันขนาดนี้


แต่พอหลังจากนั้นเกือบทั้งอาทิตย์คุณภูผาก็หายไปทั้งวัน แถมกลับมาตอนดึกๆ ก็ไม่พูดไม่จาและหน้าหงิกงอใส่ผมอยู่ตลอด ผมจึงเข้าใจได้ว่าคุณภูผาคงเกลียดผมมากและไม่อยากเจอหน้าผมอีกต่อไปแล้ว


แต่นั่นก็ดีแล้วล่ะ เพราะมันทำให้ผมสามารถตัดใจออกไปจากบ้านหลังนี้ได้อย่างง่ายดาย และผมก็จะได้ตัดใจจากคุณภูผาได้โดยไม่มีลังเล


ผมใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดีที่สุด ทั้งเรื่องงานบ้านและเรื่องดูแลทุกคนโดยเฉพาะน้องวา ซึ่งทุกคนก็ดูมีความสุขกันมาก อาจเพราะไม่มีใครเอะใจเลยก็ได้ว่าผมจะออกจากบ้านไปจริงๆ ดังนั้นเลยไม่มีใครคอยจับตามองผม พอตกกลางคืนก็แยกย้ายกันกลับเข้าไปนอนในห้องอย่างสบายใจ


จนกระทั่งวันนี้ซึ่งเป็นวันศุกร์ ผมไม่มีเรียนและอยู่บ้านคนเดียวเลยสามารถเก็บเสื้อผ้าและข้าวของได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องระมัดระวังอะไร เสร็จแล้วผมก็ไปทำงานบ้านทุกอย่าง โดยไล่เช็คห้องของแต่ละคนเลยว่าสะอาดเรียบร้อยดีมั้ย เพราะถึงจะเป็นวันสุดท้ายแต่ผมก็อยากให้ทุกอย่างออกมาดีไม่มีขาดตกบกพร่อง


จากนั้นผมก็ไปทำอาหารเย็นเพื่อที่จะได้กินร่วมกันกับทุกคนเป็นมื้อสุดท้าย ผมทำอาหารที่ทุกคนชอบอย่างตั้งใจและสุดฝีมือ ซึ่งผมก็หวังว่ามื้อสุดท้ายคุณภูผาจะได้มานั่งกินด้วย แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะคุณภูผาก็ยังคงไม่กลับมากินข้าวเย็นเหมือนเคย


หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อย คุณธารกับเพลิงก็ออกไปเปิดหูเปิดตานอกบ้าน ส่วนพฤกษ์กับวาก็นั่งดูทีวีและอยู่คุยเล่นกับผมต่อ จนกระทั่งใกล้จะได้เวลานอนทั้ง 2 คนจึงขอตัวแยกย้ายขึ้นไปบนห้อง

ทางสะดวกแล้วสินะ

ผมเดินเข้าไปในห้องแล้วเอากระเป๋าเสื้อผ้ากับถุงหนังสือที่แอบซ่อนไว้ออกมา จากนั้นก็เขียนจดหมายเพื่อขอบคุณและบอกลาทุกคน เสร็จแล้วก็วางเอาไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือข้างๆ หัวเตียง ก่อนที่ผมจะสะพายกระเป๋าและหิ้วถุงหนังสือเดินออกมา


รู้สึกใจหายนิดๆ แฮะ


ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวบ้าน เวลาเดือนกว่าๆ ที่อยู่ที่นี่ ถึงแม้มันจะสั้นแต่ผมก็รู้สึกผูกพันกับทุกคนราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ประสบการณ์และความทรงจำตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ผมจะจดจำและเก็บมันเอาไว้ในใจราวกับสิ่งล้ำค่าไม่รู้ลืม...


“ลาก่อนนะทุกคน” ผมบอกลาด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ จากนั้นจึงใช้นิ้วมือปาดน้ำตาที่มันซึมออกมา ก่อนที่จะรีบเดินออกไปจากบ้านเพราะกลัวน้ำตามันจะไหลออกมาจริงๆ


ผมตั้งใจว่าจะเดินไปขึ้นแท็กซี่ที่หน้าปากซอย เพื่อไปยังร้านของพี่กิตติที่เอื้อเฟื้อที่นอนให้ผม


แต่ถึงอย่างนั้น...

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ไปไหน แค่พอผมเปิดประตูรั้วออกไป ผมก็เจอกับคุณภูผายืนกอดอกรออยู่ด้วยใบหน้าอันบูดบึ้งซะแล้ว!


               “คะ...คะ...คะ...คุณภูผา!” สาบานเลยว่าถึงแม้จะเห็นผี แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะตกใจได้ถึงขนาดนี้เลยจริงๆ


“ใช่ฉันเอง...หึ! กะเอาไว้แล้วว่านายต้องแอบหนีไปสักวัน ไม่เสียแรงจริงๆ ที่อุตส่าห์อดหลับอดนอนมาดักเฝ้านายทุกคืน”


หา? อดหลับอดนอนมาดักเฝ้าผมทุกคืน!


ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...ตลอดหลายวันที่ผ่านมาคุณภูผาไม่ได้ไปไหน แต่มาดักรอผมอยู่ที่หน้าบ้านเนี่ยนะ!

               2BC


สวัสดีค่ะทุกคน หัวใจชิงรักตอนที่ 9 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า จบไปพร้อมกับความค้างคาเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะอยากปาโทรศัพท์ทิ้งหรือว่าด่ากราดเค้าเพราะอยากอ่านต่อมากๆเลยใช่ม้า ซึ่งก็รอกันไม่นานหรอกนะคะ วันอาทิตย์ได้อ่านกันแน่นอนค่าที่ร้าก :give2:
ก่อนลากันตรงนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ให้เราทุกคนคือกำลังใจของเราจริงๆค่า  :pig4: รักทุกคนมากๆเลยน้า แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ บ๊ายบายยยยยยยย  :bye2:
(10 ส.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่9# ลาออก 10.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-08-2017 06:51:20
ตะวันจะหนีทำไมล่ะ ลาออกตรงๆเลย ไหนๆก็จะออกแล้วนี่นา
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่9# ลาออก 10.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 11-08-2017 08:21:03
ตะวันหนีแบบนี้ไม่ดีเลยน้า ทำไมไม่พูดกันดีๆล่ะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่9# ลาออก 10.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 11-08-2017 17:46:17
 o13
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่9# ลาออก 10.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 12-08-2017 22:15:50
โกรธพี่ภูมากแต่ยกโทษให้ตอนจบนี้หล่ะ o13
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่9# ดักฉุด! 13.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 13-08-2017 21:02:20
อยากให้พี่ภูลดความแข็งลงซักนิด
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่9# ดักฉุด! 13.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 14-08-2017 15:17:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่10 แผนเซอร์ไพรส์ 16.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 16-08-2017 21:47:30
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Part 10# Tawan แผนเซอร์ไพรส์

               
“คะ...คุณภูผาจะมาดักเฝ้าผมทำไมครับ ก็คุณภูผาเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่า หลังจากที่ผมดูแลน้องวาจนหายดีแล้ว คุณภูผาจะอนุญาตให้ผมลาออกไงครับ” ผมจำคำพูดของคุณภูผาแบบเป๊ะๆ ไม่ได้ แต่ผมก็มั่นใจว่าคุณภูผาพูดทำนองนี้ไม่ผิดแน่นอน

               
แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น คุณภูผากลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วพูดขึ้นว่า...

               
“ฉันพูดว่าอยากลาออกก็เชิญ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตให้นายลาออกสักหน่อย”


“หา?” นี่ผมจับใจความไม่ได้หรือว่าคุณภูผาพูดไม่รู้เรื่องกันแน่เนี่ย!


“ไม่ต้องมาหา แล้วก็ไม่ต้องทำหน้างงด้วย ฉันไม่อนุญาตให้นายลาออก เพราะงั้นกลับเข้าบ้านไปซะ” คุณภูผาพูดจบก็เดินเข้ามาคว้าแขนของผมแล้วจะลากเข้าไปในบ้าน แต่ผมไม่ยอมจึงขืนตัวเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์


“ไม่เอาครับผมไม่กลับ! ผมจะไม่ทำงานที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว! ผมจะลาออกครับคุณภูผา!” ในขณะที่พูดผมก็พยายามสะบัดแขนและแกะมือของคุณภูผาออกไปด้วย แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะคุณภูผายิ่งเพิ่มแรงบีบมากขึ้นกว่าเดิม


“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ให้ลาออก! นายต้องทำงานที่นี่ต่อเข้าใจมั้ย!”


“ผมไม่เข้าใจครับ! แล้วผมก็จะไม่ทำตามคำสั่งของคุณภูผาด้วย! คุณภูผาไม่ใช่เจ้านายของผมอีกแล้ว! ตอนนี้เจ้านายของผมมีแค่พี่กิตติคนเดียวเท่านั้นครับ!”


ผมรู้สึกเหนื่อยจริงๆ ที่ต้องเค้นเสียงตะโกนใส่คุณภูผาแบบนี้ แต่ที่เหนื่อยกว่าก็คือการตัดสินใจต่อต้านจอมเผด็จการอย่างคุณภูผานี่แหละ เพราะผมไม่รู้ว่าทุกอย่างมันจะเลวร้ายลงกว่าเดิมมั้ย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้คุณภูผาอีกแล้ว


ผมก็มีความรู้สึกและหัวจิตหัวใจเหมือนกัน เพราะงั้นผมจะสามารถฝืนทำงานอยู่ในบ้านที่มีคนเกลียดผมได้ยังไง โดยเฉพาะคนคนนั้นยังเป็นคนที่ผมชอบอีกต่างหาก


“ถ้านายจะพูดอย่างนั้น งั้นฉันจะจ้างนายเป็นแม่บ้านต่อโดยเพิ่มเงินเดือนให้ 2 เท่า แถมบวกเงินเดือนจากร้านอาหารที่นายทำอยู่ด้วยเลยเอ้า!”


โธ่เอ๊ย! นี่คุณภูผาไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด!


“เรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหานะครับคุณภูผา ปัญหาของผมมันอยู่ที่ใจต่างหาก ใจของผมไม่ต้องการทำงานที่นี่ ผมไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนี้ ไม่อยากเห็นหน้าและทำงานกับคุณ เพราะงั้น...ต่อให้คุณเพิ่มเงินให้อีกกี่เท่าผมก็จะไม่ทำต่อเด็ดขาด!” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของคุณภูผาแล้วพูดอย่างหนักแน่น คำพูดนั้นทำให้คุณภูผาถึงกับชะงัก ผมเลยใช้โอกาสนั้นสะบัดข้อมือให้หลุดจากพันธนาการแล้วก้าวถอยหลังออกมาอยู่ห่างๆ


ผมรู้สึกตกใจที่คุณภูผามีปฏิกิริยาแบบนี้กับคำพูดของผม บางทีอาจจะช็อกเรื่องที่รู้ว่าไม่สามารถซื้อผมได้ด้วยเงินล่ะมั้ง


“นาย...เกลียดฉันขนาดนี้เลยงั้นหรอ?” น้ำเสียงของคุณภูผาที่เอ่ยออกมาดูหมดอาลัยตายอยาก แถมสีหน้าก็ยังดูเจ็บปวดมากอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


“เอ่อ...คือ...” ผมรู้สึกใจหล่นวูบอย่างบอกไม่ถูกที่ทำให้คุณภูผาเป็นได้ถึงขนาดนี้ ตอนนี้ผมใจอ่อนยวบและละลายราวกับเทียนที่ถูกไฟลน


แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะแสดงออกให้คุณภูผารู้ไม่ได้ เพราะคุณภูผาต้องใช้โอกาสนี้บังคับให้ผมทำงานที่นี่ต่อแน่ และคนที่ต้องเจ็บปวดทรมานก็ไม่ใช่ใคร คนคนนั้นก็คือตัวผมเอง


“ผม...ขอโทษครับ” ผมก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับคุณภูผา เพราะไม่อยากรับรู้ว่าคุณภูผากำลังทำหน้าแบบไหน ก่อนที่ผมจะค่อยๆ ถอยหลังแล้วหมุนตัวเดินจากไป พลางคิดในใจว่าต้องตัดใจจากคุณภูผาให้ได้แม้ว่าต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ก็ตาม


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปถึงไหน ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นผมจึงได้หันหลังกลับไปดูด้วยความสงสัย แต่ก็ต้องร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อถูกคุณภูผาช้อนตัวขึ้นมาอุ้มเอาไว้อยู่ในอ้อมอก


“ว้ากกกกกกกกก!!! นี่มันอะไรกันครับคุณภูผา! ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้เลยนะครับ!” ผมออกแรงดิ้นไปมา แต่คุณภูผาก็ยังเดินอย่างมั่นคงไม่มีสะทกสะท้านเลยสักนิด


“ไม่ต้องกลัวหรอกฉันปล่อยนายแน่ แต่ว่ารอให้ฉันเดินถึงรถก่อนนะ” รถที่ว่าก็คือรถของคุณภูผาที่จอดแอบเอาไว้ไม่ไกลจากตัวบ้าน ท่าทางทุกๆ วันคงจะเฝ้าดูผมอยู่ในรถคันนี้ไม่ผิดแน่


“คุณภูผาจะพาผมไปไหน! ที่คุณทำอยู่นี่มันเรียกว่าอาชญากรรมได้เลยนะครับ!”


“ฉันไม่สน ดักเฝ้าทั้งอาทิตย์ก็ทำมาแล้ว แค่ดักฉุดเพิ่มอีกมันจะเป็นไรไป”


“คุณภูผา!”


“ฉันจำชื่อของตัวเองได้น่า”


“โอ๊ยยยยยย ผมไม่ได้เรียกคุณเพราะแบบนั้นนะครับ!” ตอนนี้ผมปวดประสาทจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว แต่คุณภูผากลับเดินด้วยใบหน้าระรื่น แถมยังยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจจนกระทั่งไปถึงตัวรถ


“ไม่เอานะครับผมไม่เข้าไป!” ผมออกแรงดิ้นมากขึ้นเมื่อคุณภูผาเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วพยายามจับตัวผมยัดเข้าไปยังเบาะที่อยู่ข้างๆ


“ดิ้นไปก็เท่านั้น นายสู้แรงฉันไม่ได้หรอกน่า” แล้วก็เป็นอย่างที่คุณภูผาว่าไว้จริงๆ แรงอย่างผมไม่มีทางสู้คุณภูผาได้เลย เพราะงั้นผมเลยถูกคุณภูผาจับยัดเข้าไปข้างในได้สำเร็จ แถมระหว่างที่กำลังจัดแจงท่าทางและสัมภาระที่ทับตัวผมอยู่ คุณภูผาก็แทรกตัวเข้ามานั่งประจำที่ก่อนจะรีบขับรถออกไปซะแล้ว


ไม่นะ แบบนี้ผมก็หมดโอกาสที่จะเปิดประตูหนีแล้วน่ะสิ เพราะถ้าจะให้เปิดแล้วกระโดดลงตอนรถวิ่งเร็วขนาดนี้ สภาพร่างกายของผมต้องยับเยินปางตายแน่ๆ


“คุณภูผาจอดรถให้ผมลงด้วยครับ” ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าคุณภูผาไม่มีทางทำตามคำขอของผม แต่ผมก็คิดอะไรไม่ออกอีกแล้วนอกจากวิธีนี้


“...” เงียบ ไร้เสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น


“คุณภูผาได้ยินที่ผมพูดมั้ยครับ” ผมเริ่มขึ้นเสียงเล็กน้อยเพราะชักโมโห ผมมั่นใจว่าคุณภูผาต้องได้ยินที่ผมพูดแน่นอน แต่คุณภูผาทำเป็นไม่ใส่ใจเฉยๆ


“...”  แล้วก็เงียบ ไร้เสียงตอบรับเช่นเคย


“คุณภูผา! ถ้าได้ยินก็ช่วยตอบผมด้วยครับ!” ตอนนี้ผมรู้สึกโมโหจริงๆ แล้ว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าคุณภูผาจะรู้เลยยอมเปิดปากพูดกับผมสักที


“ได้ยิน” ถึงจะเป็นคำพูดสั้นๆ ห้วนๆ ก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าคุณภูผาทำเป็นไม่รู้ใส่ผมล่ะนะ


“ถ้าได้ยินก็รบกวนช่วยจอดรถให้ผมลงด้วยครับ” ตอนนี้ผมเริ่มอารมณ์เย็นลงแล้ว แต่สิ่งที่คุณภูผาตอบกลับมามันกลับทำให้ผมอารมณ์ร้อนมากขึ้นกว่าเดิม


“ไม่จอด”


“คุณภูผา!”


“ต้องให้บอกสักกี่ครั้งว่าฉันจำชื่อของตัวเองได้”


“คุณภูผา!!” สาบานได้เลยว่า ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยโมโหเรื่องอะไรหรือใครมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกับว่ามีไฟสุมอยู่ในตัวของผมจนร้อนแทบพันองศา


“ฉันรู้ว่านายกำลังโมโห แต่ฉันก็ไม่จอดให้นายลงหรอกนะ แล้วฉันก็จะไม่ตอบด้วยว่าจะพานายไปที่ไหน” พอได้ยินแบบนี้ความโมโหของผมก็ยิ่งปรี๊ดขึ้นมามากกว่าเดิมน่ะสิ


แต่ผมไม่ใช่คนประเภทที่โมโหแล้วชอบโวยวายหรือทำลายข้าวของ ผมเป็นคนประเภทที่โมโหแล้วนิ่งมากกว่า ที่ตะโกนออกไปอย่างที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นอะไรที่สุดๆ แล้ว เพราะงั้นผมเลยเหนื่อยจนนั่งอย่างเงียบๆ ไปตลอดทาง โดยพยายามทำใจปล่อยให้ความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ค่อยๆ จางหาย จนกระทั่งผมเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้...


ตื่นมาอีกทีผมก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ซะแล้ว แสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ โผล่พ้นขึ้นมาส่องกระทบเปลือกตาของผม จนทำให้ผมที่หลับสนิทรู้สึกตัวขึ้นในที่สุด

             
“อืม...” ผมบิดขี้เกียจเบาๆ เพราะรู้สึกเมื่อยที่ต้องนอนหลับบนรถเป็นเวลานานๆ แต่ว่ามันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะคุณภูผาปรับเบาะเอนลงจนสุดเพื่อให้ผมนอนได้สบาย แถมยังเอาเสื้อเชิ้ตมาคลุมที่ร่างกายเพราะคงเห็นว่าผมหนาวอีกด้วย

               
การกระทำของคุณภูผาทำให้ผมรู้สึกสับสนจริงๆ เพราะคุณภูผาบางทีก็ดี แต่บางทีก็ร้าย บางเวลาก็ดูเหมือนเอาใจใส่ แต่บางเวลาก็ดูเหมือนละเลย

             
“เฮ้อออออ” มีเรื่องให้คิดไม่ตกตั้งแต่เช้าเลยแฮะ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ผมต้องลุกขึ้นมาดูว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วคุณภูผาทำไมถึงหายไป ไม่คิดจะอยู่เฝ้าผมเพราะกลัวหนีแบบเมื่อคืนอีกหรอ

               
แต่พอผมลุกขึ้นมาความสงสัยทั้งหมดก็ได้หายไป กลายเป็นความตกใจได้เข้ามาแทนที่ เพราะว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ชายทะเล โดยมีคุณภูผาใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงยีนส์ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ท้ายรถ!


ทะเลเนี่ยนะ?


คุณภูผาพาผมมาที่นี่ทำไม?


แล้วอย่าบอกนะว่า...เสื้อที่ผมห่มอยู่คุณภูผาเสียสละถอดออกมาให้ผม?

               
ด้วยความสงสัย ผมจึงได้ออกไปหาคุณภูผาโดยถือเสื้อติดมือไปด้วย คุณภูผาที่เห็นผมลงจากรถมาเลยรีบเดินไปทิ้งบุหรี่ที่ถังขยะใกล้ๆ นานหลายอาทิตย์แล้วนะที่ผมไม่เห็นคุณภูผาสูบบุหรี่แบบนี้ บางทีอาจจะกำลังเครียดเรื่องอะไรสักอย่างอยู่ก็ได้

               
“ตื่นนานแล้วหรอตะวัน” คุณภูผาถามขึ้นเมื่อเดินมาอยู่ข้างๆ ผม

               
“เมื่อกี้นี้ครับ เอ่อ...ตัวนี้ใช่เสื้อที่คุณภูผาใส่เมื่อคืนรึเปล่า” พูดจบผมก็ยื่นเสื้อที่อยู่ในมือคืนให้

               
“อืม ฉันเห็นว่านายนอนขดตัวเพราะหนาวน่ะ” คุณภูผารับเสื้อคืนไปแล้วสวมกลับไปใหม่


“ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ถอดเสื้อมาห่มให้ผม ว่าแต่คุณภูผาพาผมมาที่นี่ทำไมหรอครับ”


“แล้วนายคิดว่าฉันพามาที่นี่ทำไมล่ะ”


“ไม่รู้สิครับ แต่หวังว่าคุณภูผาคงไม่ใจร้ายพาผมมาปล่อยทิ้งเอาไว้ที่นี่หรอกนะ” ที่นี่คือหัวหินที่ผมไม่เคยมา ดังนั้นผมเลยแอบรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย คุณภูผาที่เห็นอย่างนั้นเลยหลุดยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นจึงได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาของผมอย่างหวานซึ้ง


“ฉันจะกล้าปล่อยนายทิ้งเอาไว้ที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อนายคือคนสำคัญในชีวิตของฉัน”


“คนสำคัญ?” ผมทวนคำพูดของคุณภูผาอย่างไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ เมื่อกี้ผมฟังผิดไปใช่มั้ย คุณภูผาเนี่ยนะบอกว่าผมคือคนสำคัญ


แต่ถึงจะคิดแบบนั้นผมกลับภาวนาขอให้สิ่งที่คุณภูผาพูดมาเป็นความจริง ตอนนี้หัวใจของผมเต้นแรงมากจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

               
“คนสำคัญที่ว่ามันหมายความว่ายังไงหรอครับ?” ผมกลั้นใจถามออกไปเพราะไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่คุณภูผานอกจากจะไม่ตอบแล้วยังถามผมกลับซะงั้น

 “แล้วนายคิดว่ามันหมายความว่ายังไงล่ะ” คุณภูผาพูดยิ้มๆ

               
“ผม...ผมไม่รู้ครับ” ถ้าคุณภูผาไม่พูดออกมาตรงๆ ผมจะรู้ได้ยังไง อย่างที่เคยบอกไปว่าผมไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ


ก่อนหน้านี้คุณภูผายังกระชากลากถูและขึ้นเสียงใส่ผมอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับพูดจาและมองเข้ามาในดวงตาของผมอย่างอ่อนโยนราวกับคนละคน การกระทำของคุณภูผามันย้อนแยงกันเกินไปจนผมเดาอะไรไม่ถูกแล้ว


“ถ้านายไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันค่อยหาวิธีบอกให้นายเข้าใจเองก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า” คุณภูผาพูดจบก็ใช้รีโมทล็อกรถ จากนั้นก็จูงมือผมเดินไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่ร้านที่เปิดในเวลาเช้าตรู่ขนาดนี้

             
 “นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย” คุณภูผาถามผมเมื่อพนักงานเอาเมนูมาให้

               
“ไม่มีครับ ผมกินอะไรก็ได้”


อันที่จริงพอมองเมนูอาหารพวกนี้แล้วผมกลับรู้สึกไม่ค่อยอยากกิน เพราะส่วนใหญ่มันเป็นเมนูที่ทำจากกุ้งซึ่งมันทำให้ผมนึกถึงเรื่องของน้องวา คุณภูผาที่พอจะเดาออกเลยพูดขึ้นมาว่า...

               
“เรื่องของวาฉันมาคิดๆ ดูแล้ว คนที่ผิดไม่ใช่นายแต่เป็นวากับฉันมากกว่า วาผิดที่ลืมบอกเรื่องแพ้กุ้งกับนาย ส่วนฉันก็ผิดที่เป็นพี่ใหญ่แต่กลับไม่ย้ำเรื่องสำคัญ แถมพอเกิดเรื่องขึ้นกลับพาลไปโทษนายที่ไม่รู้เรื่องซะได้ ฉันมันเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ เพราะงั้น...ฉันขอโทษนะตะวัน ยกโทษให้ฉันได้มั้ย” คุณภูผาจ้องมองเข้ามาในดวงตาของผมอย่างเว้าวอนเพราะรู้สึกผิด ผมที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณภูผาจะพูดแบบนี้ก็เล่นเอาอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก

                 
“เอ่อ...คือ...คุณภูผาไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ เพราะผมไม่ได้รู้สึกโกรธคุณภูผาเลย เรื่องของน้องวาผมคิดว่าผมผิดเองที่ไม่รู้จักสังเกต ความจริงผมว่าผมผิดตั้งแต่ลืมถามเรื่องอาหารที่แพ้แล้วด้วยซ้ำ ผมทำหน้าที่ได้บกพร่องทั้งที่ต้องดูแลทุกคนให้ดีที่สุด เพราะงั้นคนที่ผิดก็คือผมไม่ใช่คุณภูผาหรือน้องวาหรอกครับ” พอได้ยินแบบนี้คุณภูผาก็ยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็เลื่อนมือมาวางทับมือของผมที่อยู่บนโต๊ะเอาไว้

               
“นายทั้งน่ารักและแสนดีขนาดนี้ ฉันรู้สึกแปลกใจจริงๆ ว่าอะไรดลใจให้ก่อนหน้านี้ฉันหลงผิดคิดอคติกับนาย เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของฉันเลยมั้ง” คำพูดนั้นทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนวาบขึ้นมา ส่วนริมฝีปากก็แทบจะหลุดยิ้มด้วยความเขินอายอยู่แล้ว

               
“ผม...คือ...เอ่อ...ผมหิวข้าวแล้วครับคุณภูผา” ผมไม่รู้จะพูดอะไรเพราะรู้สึกเขินจนแทบตาลาย จึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องหนีแล้วชักมือกลับลงมาม้วนชายเสื้อเล่น คุณภูผาที่เห็นอย่างนั้นเลยยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเรียกพนักงานให้เดินมาทางนี้


คุณภูผาสั่งอาหารมาถึง 5 อย่างด้วยกัน ซึ่งนั่นก็มีปูนึ่ง กุ้งผัดผงกะหรี่ หมึกทอดกระเทียม ปลากะพงทอดน้ำปลา และต้มยำทะเล รายการอาหารที่มากถึงขนาดนี้ทั้งที่มากินกันแค่ 2 คนทำเอาผมได้แต่มองตาปริบๆ ด้วยความอึ้ง

             
 “เราสองคนจะกินหมดหรอครับคุณภูผา”

             
 “ก็นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าหิว”

               
“แต่ผมไม่คิดว่าคุณภูผาจะสั่งมาเยอะขนาดนี้นี่ครับ”

               
“ไม่รู้ล่ะฉันสั่งมาแล้ว เพราะงั้นนายต้องรับผิดชอบครึ่งนึงเข้าใจมั้ย ไม่อย่างนั้นฉันจะจับนายมานั่งตักแล้วป้อนทีละคำเลยคอยดู” คุณภูผาขู่ผม แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นคำขู่ที่จริงจังอะไร เพราะงั้นเมื่อกับข้าวมาถึงผมจึงกินเท่าที่กินปกติ ไม่ได้กินเยอะถึงครึ่งนึงอย่างที่คุณภูผาบอก


ดังนั้น...


               
“อ๊ะ! คุณภูผาจะทำอะไรน่ะครับ!” ผมถามด้วยความตกใจที่เห็นคุณภูผาลุกเดินมาทางนี้ จากนั้นก็นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ แล้วพยายามอุ้มตัวผมไปนั่งตัก

               
“ถามมาได้ ฉันก็จะจับนายมานั่งตักแล้วป้อนกับข้าวที่เหลือให้หมดน่ะสิ”


 “หา! นี่คุณภูผาเอาจริงหรอครับ!”

             
 “แน่นอน นายเลือกมาเลยว่าอยากให้ฉันป้อนด้วยช้อน หรือว่าอยากให้ฉันป้อนด้วยปาก” คุณภูผายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

               
“ผมไม่เลือกสักอย่างนั่นแหละครับ!” ผมออกแรงดิ้นอย่างสุดชีวิตจนหลุดจากวงแขนของคุณภูผา จากนั้นก็วิ่งไปนั่งยังฝั่งตรงข้าม แล้วยกมือห้ามเมื่อคุณภูผาทำท่าจะลุกตามมา

               
“หยุดเลยนะครับ! ผมสัญญาก็ได้ว่าจะกินกับข้าวที่เหลือให้เกลี้ยงเลย!” ต่อให้ท้องแตกตายผมก็จะไม่ยอมหยุดกินเด็ดขาด!

               
“โอเค แต่ฉันให้เวลาแค่ 15 นาทีนะ ถ้าเกินนั้นฉันจะจับนายมานั่งตักแล้วป้อนจริงๆ ด้วย...แน่นอนว่าป้อนด้วยปากไม่ใช่ด้วยช้อน” เท่านั้นแหละผมก็รีบตั้งหน้าตั้งตากินอาหารที่อยู่ตรงหน้าทันที เพราะผมเชื่อว่าคนที่ไม่แคร์หน้าอินทร์หน้าพรหมอย่างคุณภูผา ต้องทำตามสิ่งที่พูดเอาไว้ล้านเปอร์เซ็นต์แน่นอน

               
จากนั้น 15 นาทีผ่านไปไม่ขาดไม่เกิน ผมก็สามารถกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าหมดลงได้อย่างสำเร็จ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมโล่งอกจนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คุณภูผาที่เห็นอย่างนั้นเลยยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงได้กวักมือเรียกให้ผมยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ

               
“มีอะไรหรอครับ”

               
“ฉันจะให้รางวัลน่ะ”

               
“รางวัล?”

               
“ก็อย่างนี้ไง...” คุณภูผาพูดจบก็ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับยกเมนูขึ้นมาบังศีรษะเอาไว้ ซึ่งในจังหวะที่ผมกำลังงุนงงและสงสัยอยู่นั่นเอง ริมฝีปากของคุณภูผาก็ได้เคลื่อนเข้ามาสัมผัสกับริมฝีปากของผมซะแล้ว

               
จุ๊บ!

               
O.O!

               
“รางวัลพิเศษสำหรับนายที่เป็นเด็กดีไงล่ะ” คุณภูผาพูดยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่วนผมที่ไม่คิดว่าคุณภูผาจะกล้าจูบผมกลางร้านก็ถึงกับช็อกจนตัวแข็งค้าง กระทั่งคุณภูผาจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วจูงมือผมออกจากร้าน ผมก็ยังมึนๆ เอ๋อๆ ไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่เลย

             
 “ไปเดินเล่นที่ชายหาดกันมั้ย เช้าๆ แบบนี้อากาศกำลังดีแดดก็ยังไม่มีด้วย”

               
“ครับ” ผมตอบรับอย่างใจลอย เพราะราวกับว่าวิญญาณของผมได้หลุดออกไปจากร่าง ตั้งแต่ที่ถูกคุณภูผาจูบที่ร้านอาหารแล้ว

               
จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้ผมเคยถูกคุณภูผาทำอะไรที่มันมากกว่านี้ แต่นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่ผมรับรู้ได้ว่าคุณภูผามีความรู้สึกพิเศษให้กับผม

               
นี่ผมคงไม่ได้คิดไปเองหรอกใช่มั้ย?

               
ผมจะสามารถคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่า บางทีคุณภูผาก็อาจจะชอบผมเหมือนกัน?

               
จากนั้นตลอดทั้งวันคุณภูผาก็เทคแคร์ดูแลผมเป็นอย่างดี โดยพาผมไปเดินกินลมชมวิวที่ชายหาด ตามด้วยการไปเที่ยวที่อุทยาน ตลาดน้ำ เพลินวาน และเวเนเซีย


อย่างที่เคยบอกไปว่าผมไม่เคยมาหัวหินเลย เพราะงั้นผมจึงได้ตื่นเต้นกับความสวยงามและแปลกตาของที่นี่ วันนี้ผมรู้สึกสนุกสนานและยิ้มได้กว้างมากกว่าหลายสัปดาห์ที่ผ่านมารวมกันซะอีก แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะสถานที่ที่ผมมาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะคนที่อยู่ข้างๆ ที่กุมมือของผมและส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้ตลอดทั้งวันต่างหาก

               
ผมมีความสุขมากจนลืมนึกถึงใครต่อใครที่อาจจะกำลังเป็นห่วงผมอยู่ เอาจริงๆ ผมลืมสนิทจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณภูผาแอบเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าของผมไปซ่อน ส่วนคุณภูผาก็แทบไม่ได้เอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาใช้เลย คุณภูผาให้เวลาทั้งหมดกับผมคนเดียวตลอดทั้งวัน

               
“นี่เรากำลังจะไปไหนกันครับคุณภูผา” ผมถามหลังจากที่พวกเรากินอาหารค่ำกันเรียบร้อยแล้ว ในใจผมคิดว่าคุณภูผาคงจะพาผมกลับบ้านเลยมั้ง แต่คุณภูผากลับตอบผมมาว่า...

               
“ไปโรงแรม”

               
“หา! โรงแรม!” ผมตกใจมากจนอุทานดังลั่น คุณภูผาที่เห็นอย่างนั้นเลยหัวเราะอย่างขบขันในขณะที่กำลังขับรถอยู่

               
“ฉันล้อเล่นหรอกน่า ฉันจะพานายไปบ้านเพื่อนของฉันต่างหาก” แต่ถึงจะได้ยินแบบนี้ ผมก็ยังรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจคุณภูผาอยู่ดีนั่นแหละ


“แล้วทำไมต้องไปที่นั่นด้วยล่ะครับ”

               
“ก็คืนนี้เราสองคนจะนอนค้างกันที่นั่นน่ะสิ”

               
“ทำไมต้องนอนค้างด้วยครับ กลับบ้านเลยไม่ได้หรอ”

               
“ถามว่าได้มั้ยมันก็ได้อยู่นั่นแหละ แต่ฉันไม่อยากเสี่ยงขับรถกลับบ้านตอนนี้ เพราะเมื่อคืนฉันไม่ได้นอนแถมวันนี้ยังเดินเที่ยวตลอดวัน แล้วนายคงจะยังไม่รู้สินะว่าฉันเป็นคนสายตาสั้น ที่ฉันไม่ใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์เป็นเพราะรำคาญ แต่เวลากลางคืนถ้าไม่ใส่ฉันจะมองทางไม่ค่อยเห็นน่ะ”

               
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” ผมก็ลืมคิดไปว่าคุณภูผาอาจจะล้าจนขับรถกลับไม่ไหว ส่วนเรื่องที่สายตาสั้น มิน่าล่ะคืนนั้นที่ไปรับผมที่หมดสติถึงได้ใส่แว่นสายตา นั่นน่ะทำเอาผมหลงเข้าใจผิดคิดว่าคุณภูผาเป็นพฤกษ์เพราะมองอะไรไม่ค่อยเห็น

               
จากนั้นประมาณ 15 นาทีต่อมาคุณภูผาก็ขับรถมาถึงตัวบ้านที่ไร้แสงไฟ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมองเห็นความสวยงามของบ้านสไตล์วินเทจที่ตั้งอยู่ริมทะเล บางทีที่นี่อาจจะเป็นบ้านพักต่างอากาศที่ไม่มีใครอยู่เป็นประจำก็ได้ล่ะมั้ง


“นายเข้าไปในบ้านก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันจะถือกระเป๋ากับข้าวของแล้วเดินตามไป”


“ได้ครับ แล้วกุญแจ...?”


“บ้านไม่ได้ล็อกหรอกนายเข้าไปข้างในได้เลย” ผมรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่บ้านหลังนี้ไม่ได้ล็อกกุญแจ แต่ก็พยายามคิดหาเหตุผลเอาเองว่า บางทีเพื่อนของคุณภูผาที่เป็นเจ้าของอาจจะอยู่แถวนี้เลยมาเปิดบ้านไว้ให้ล่ะมั้ง


ดังนั้นผมจึงได้เดินลงจากรถไปยังตัวบ้าน ความมืดมิดไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใดเพราะผมสายตาปกติ ส่วนสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นผมก็ไม่เคยนึกกลัว แต่มีครั้งนี้นี่แหละที่ผมชักเริ่มหวั่นใจ เพราะผมได้กลิ่นหอมของดอกไม้ และกลิ่นควันไฟจางๆ ลอยออกมาจากบ้าน


คงไม่มีอะไรหรอกน่า


ผมพยายามปลอบใจตัวเองแล้วยื่นมือออกไปเปิดประตูบ้าน ซึ่งพอเปิดออกมาเท่านั้นแหละผมก็ต้องเบิกตาออกกว้างด้วยความตกใจ แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าผมเจอเรื่องสยองขวัญสั่นประสาท แต่เป็นเพราะว่าผมเจอเทียนหอมนับร้อยถ้วยเปล่งแสงและเรียงรายตามทางเดิน


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


ตอนนี้หัวใจของผมเต้นแรงมาก ก่อนที่มันจะยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสองขาของผมเดินตามทางที่เทียนวางเรียงเอาไว้จนไปสิ้นสุดอยู่ที่ห้องโถง


ซึ่งที่นั่นเอง มันก็ทำให้ผมพบคุณภูผายืนถือช่อดอกไม้อยู่กลางห้อง โดยมีเทียนหอมวางเรียงเป็นรูปหัวใจล้อมรอบตัวคุณภูผาเอาไว้อีกที ภาพที่เห็นนี้ทำเอาความรู้สึกนับพันถาโถมเข้ามาจนผมตั้งตัวไม่ถูก ก่อนที่มันจะรวมตัวกันเป็นหยดน้ำเอ่อคลอที่ตา เมื่อคุณภูผาพูดขึ้นมาว่า...


“ฉันรักนายนะตะวัน ขอโอกาสให้ฉันดูแลนายไปตลอดชีวิตได้รึเปล่า”


2BC


 :mew1: สวัสดีค่าทุกคน เห็นเค้ามาทักทายเซย์ไฮแบบนี้ก็แสดงว่าตอนที่ 10 ของหัวใจชิงรักได้จบลงไปแล้วจ้า จบได้ค้างนิดนึง แต่วันเสาร์เค้ามาอัพแน่นอนค่า
มาพูดเรื่องตอนนี้กันบ้าง คนที่เคยเกลียดพี่ภูตอนนี้เปลี่ยนใจกลับมารักบ้างรึยังน้อ เพราะตอนนี้โดยเฉพาะครึ่งหลังพี่แกเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือกันเลยทีเดียว มีความหวาน ดูแล เทคแคร์ เจ้าเล่ห์ แต่ก็มุ้งมิ้ง มีความย้อนแยงกับตอนที่เจอกันแรกๆเหมือนที่ตะวันบอกเลยเนอะ 555555  :laugh:
ก็หวังว่าพี่ภูในโหมดนี้จะทำให้ทุกคนเปิดใจรักได้น้า แต่ถ้าไม่ก็รอตอนหน้าแล้วกันเนอะ เพราะพี่แกจะเป็นคนบรรยายเอง แล้วมาลุ้นกับความรู้สึกของพี่แกและที่มาของแผนเซอร์ไพรส์กันนะคะทุกคน   :L2:
ก่อนลากันในค่ำคืนนี้เค้าก็ขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ให้นิยายของเค้า  :pig4: ขอบคุณที่ตามลุ้นและเชียร์ความรักของคู่ภูตะวัน ซึ่ง...การเดินทางมันก็ใกล้สิ้นสุดแล้วค่ะ อีกแค่ 3 ตอนเท่านั้นก็จะได้บทสรุปของคู่นี้แล้ว เพราะงั้นเค้าเลยว่าจะเปิดให้จองนิยายวันเสาร์นี้ ราคาก็เบาๆ 200 กว่าบาท ยังไงก็ฝากเอ็นดูและรับเลี้ยงหนุ่มๆด้วยน้า  :m13:
(16 ส.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่10 แผนเซอร์ไพรส์ 16.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-08-2017 23:15:20
เซอร์ไพร์สจริงๆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่10 แผนเซอร์ไพรส์ 16.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 17-08-2017 16:19:46
ฟินที่สุดดีต่อจัยมากอิจฉาตะวัน :o8:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่10 แผนเซอร์ไพรส์ 16.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 18-08-2017 19:19:45
 o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก *แจ้งข่าว* 19.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 19-08-2017 14:13:22
(http://upic.me/i/k8/97593.jpg)


เปิดพรีออเดอร์ Hanger หัวใจชิงรัก


- สั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 ก.ย. 60 (แต่สามารถชำระได้ถึง 1 ต.ค. 60 เป็นวันสุดท้าย)
- หนังสือราคา 259 บาท จำนวนหน้าประมาณ 230 หน้า จัดส่งประมาณสิ้นเดือน ต.ค. 60



เรื่องย่อ

“บ้านนี้ไม่มีใครชอบผู้หญิงหรอกนะ
แล้วรูปร่างหน้าตาแบบตะวันถึงแม้จะไม่ใช่สเปค
แต่ทุกคนก็ยังอยากได้อยู่ดี”
ผมเบิกตากว้างจนแทบถลนกับเรื่องที่ได้ยิน
แล้วอย่างนี้การทำหน้าที่แม่บ้านให้พี่น้องทั้ง 5 จะเป็นยังไง
เพราะแค่เริ่มต้นทุกคนก็เข้าจู่โจมผมซะแล้ว
เริ่มจาก “พฤกษ์” เพื่อนในเอกที่แอบชอบผม
เสริมด้วย “เพลิง” คู่แฝดตัวแสบ
ตามด้วย “ธาร” พี่รองคนสวย
ต่อด้วย “วา” น้องเล็กตัวร้าย
ปิดท้ายด้วย “ภูผา” พี่ใหญ่
ที่ตอนแรกดูเหมือนว่าจะเกลียดผมเข้าไส้
แต่ไป ๆ มา ๆ กลับจู่โจมผมหนักกว่าใครในบ้าน!


สั่งจองได้ที่ >>> https://goo.gl/Q11trr
ดูรายชื่อและสถานะ >>> https://goo.gl/ytWpvv



(http://upic.me/i/7j/4zn54.jpg)


(http://upic.me/i/7j/7y1e5.jpg)


ถ้าหากอ่านรายละเอียดแล้วไม่เข้าใจ หรือมีข้อสงสัยตรงไหน สามารถคอมเมนท์หรือทักข้อความมาถามที่แฟนเพจ Sameejaejung ได้เลยค่ะ ฝากรับเลี้ยงหนุ่มๆด้วยนะคะทุกคน  :กอด1:


หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 11 ค่ำคืนแสนหวาน NC 19.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 19-08-2017 23:13:40
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Part 11# Phupha ค่ำคืนแสนหวาน


               ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง พูดอะไรหวานๆ ไม่ค่อยเป็น ชอบเน้นที่การกระทำมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เป็นคนรักใครรักจริงและรักมั่นคงอย่างเช่นภูผา...ซึ่งก็คือชื่อของผมเอง


               ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมกล้าพูดได้เลยว่าผมไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อน ตะวันเป็นคนแรกที่ผมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ โดยเฉพาะเวลา ความรู้สึก รวมทั้งแผนเซอร์ไพรส์นี้ด้วย


               ผมคิดเรื่องนี้ได้ในระหว่างที่กำลังขับรถหลังจากตะวันหลับไป ผมรู้สึกผิดที่ใจร้อนไปหน่อย ทั้งเรื่องที่ต่อว่าตะวันเรื่องวาแล้วก็ฉุดขึ้นมาในรถ แต่ถ้าจะให้ผมพูดขอโทษเฉยๆ ตะวันก็อาจจะไม่ยกโทษให้ ผมเลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสร้างความประทับใจ ซึ่งชื่อของธารก็โผล่ขึ้นมาในหัวเป็นคนแรก


               ธารเป็นผู้จัดการโรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง เหล่าเซเลปดารามักจะไปจัดอีเวนท์หรือแต่งงานที่นั่น ผมเลยคิดว่าธารน่าจะมีไอเดียดีๆ รวมทั้งรู้จักออแกไนซ์เก่งๆ และผมก็คิดไม่ผิดเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ตะวันดูประทับใจมาก


               ผมพาตะวันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของหัวหินทั้งวัน ถึงนั่นจะเป็นเพราะต้องถ่วงเวลาให้ออแกไนซ์หาบ้านพักสวยๆ ติดทะเล และจัดเทียนหอมไม่รู้กี่ร้อยอันมาวางเรียงจนแทบจะทั่วบ้าน แต่ผมก็ดูแลเทคแคร์ตะวันเป็นอย่างดี เพราะผมต้องการและตั้งใจที่จะทำแบบนั้นจริงๆ


ผมรู้ว่าก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยได้ทำดีกับตะวันเท่าไหร่ ยิ่งช่วงแรกๆ ขนาดคำพูดดีๆ ยังแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นผมเลยอยากจะชดเชยตรงส่วนนี้ ถึงจะรู้ว่ามันคงชดเชยได้ไม่มาก แต่จากนี้ไปผมจะชดเชยให้ทั้งชีวิตอย่างแน่นอน


               “ฉันรักนายนะตะวัน ขอโอกาสให้ฉันดูแลนายไปตลอดชีวิตได้รึเปล่า”


สารภาพตามตรงว่าผมจำบทพูดที่ท่องมาไม่ได้ เพราะตอนที่วิ่งมาเข้าประตูข้างบ้านผมลนลานสุดๆ แถมระหว่างที่รอให้ตะวันมาถึงผมก็ตื่นเต้นจนสมองขาวโพลน ดังนั้นประโยคที่พูดออกไปมันก็อาจจะดูธรรมดา ไม่ซาบซึ้ง ไม่ประทับใจ จนทำให้ทุกอย่างที่เตรียมการมาพังไปก็ได้


ดังนั้นตอนนี้ผมถึงได้ลุ้นสุดๆ ว่าตะวันจะรับรักผมมั้ย ผมจะดีพอและคู่ควรที่ตะวันจะยอมให้ดูแลรึเปล่า แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นตะวันกลับพูดขึ้นมาว่า...


               “เป็นผมดีแล้วหรอครับคุณภูผา ผมเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลยนะครับ” ตะวันใช้ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลออยู่มองมาที่ผม ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วพูดเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตะวัน


               “ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นล่ะ นายทั้งน่ารัก นิสัยดี ทำอาหารก็อร่อย แถมยังเรียบร้อยและขยันอีกต่างหาก เพราะงั้นเลิกมองตัวเองไร้ค่าได้แล้วนะ สำหรับฉันนายมีค่ามากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ซะอีก”


               “คุณภูผา...” ตะวันพูดได้แค่นี้น้ำตาที่คลออยู่ก็เอ่อล้นออกมาทันที


               “อย่าร้องไห้สิ พอเห็นนายร้องไห้แบบนี้ฉันก็ทำอะไรไม่ถูกเลยนะ” ผมพูดอย่างเก้ๆ กังๆ แต่ก็ได้ยื่นมือออกไปเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มใสๆ ของตะวันอย่างอ่อนโยน


               “ก็ผมไม่คิดว่าคุณภูผาจะทำเรื่องเซอร์ไพรส์แล้วก็บอกรักผมแบบนี้ครับ”


               “ฉันก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนี้ได้ ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกความรู้สึกของตัวเองให้ฉันรู้หน่อยหรอ นายได้รักฉันเหมือนที่ฉันรักนายรึเปล่า แล้วนายยินดีที่จะให้ฉันดูแลไปตลอดชีวิตเลยมั้ย” ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตของตะวันอย่างหวานซึ้ง แล้วยื่นช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือออกไปข้างหน้า


               เพียงแค่ระยะเวลาไม่กี่วินาทีที่ตะวันเงียบไป ผมรู้สึกแทบจะขาดใจเพราะรู้สึกเหมือนว่ารอคอยคำตอบมานานนับปี ก่อนที่ในที่สุดตะวันจะยื่นมือมารับช่อดอกไม้ไว้ในมือ แล้วตอบผมกลับมาว่า...


               “ผมก็รักคุณเหมือนกันครับคุณภูผา ผมยินดีมากๆ ที่จะให้คุณดูแลผมไปตลอดชีวิต ส่วนผมเองก็จะดูแลคุณภูผาเหมือนกัน แล้วก็สัญญาด้วยครับว่าจะรักคุณภูผาคนเดียวตลอดไป” เท่านั้นแหละผมก็ยิ้มกว้างออกมาทันที ก่อนจะรีบสวมกอดตะวันเอาไว้แนบแน่นอย่างมีความสุข


               “ขอบคุณนะตะวัน ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกเลย” ที่ผมพูดมันไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด การได้ตะวันที่แสนดีขนาดนี้มาเป็นคู่ชีวิตนั้นคือของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว


เมื่อก่อนผมอาจจะไม่ค่อยได้ทำดีกับตะวันมากนัก แต่จากนี้ไปผมสัญญาเลยว่าจะรัก จะดูแลตะวันเป็นอย่างดี และจะไม่ทำให้ตะวันเสียใจเป็นอันขาด


ผมสัญญา...


               ผมเอียงใบหน้าไปจูบที่ขมับของตะวันก่อนที่จะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ซึ่งตะวันก็กอดตอบผมอย่างแนบแน่นเช่นกัน เราสองคนกอดกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน เพื่อซึมซับความรัก ความอบอุ่น และความสุขที่อบอวลอยู่รอบกาย จนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่เราสองคนจึงได้คลายอ้อมกอดออกมา


               “เป็นอะไรไป ทำไมถึงได้เอาแต่ก้มหน้าแบบนั้นล่ะตะวัน” ผมถามเพราะไม่เห็นตะวันจะเงยหน้าขึ้นมาเลย หรือจะเขินอายจนไม่กล้ามองหน้าผมกันนะ


               “ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง ตอนนี้ผมเขินแล้วก็อายจนทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ” ยิ่งพูดตะวันก็ยิ่งก้มหน้ามากขึ้นจนแทบจะชิดแผ่นอก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นใบหูที่แดงจัดจนแทบจะเป็นลูกมะเขือเทศ


               “ไม่ต้องอายไปหรอก นี่มันพึ่งจะเริ่มต้นเอง ยังมีเรื่องที่มันน่าอายกว่านี้อีกเยอะ” ผมพูดยิ้มๆ ซึ่งพอได้ยินแบบนี้ตะวันก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที


               “คุณภูผาหมายความว่ายังไงหรอครับ”


               “นั่นสินะ แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ เรื่องที่คนรักกันทำกันมันมีอยู่ไม่กี่เรื่องใช่มั้ยล่ะ” ผมพูดจบก็ยื่นสองแขนไปโอบรอบเอวของตะวันเอาไว้หลวมๆ ส่วนตะวันก็เอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วเริ่มใช้สมองคิด


               “อืม...เรื่องที่คนรักกันทำกัน...............อ๊ะ!” หลังจากที่คิดอยู่นานตะวันก็อุทานขึ้นมาแบบนี้ แถมยังมีสีหน้าตกใจและแดงวาบมากกว่าเมื่อกี้อีกต่างหาก


               “ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าคิดเหมือนกันกับฉันสินะ” ผมยิ้มที่มุมปากส่วนตะวันก็รีบส่ายหน้าไปมาทันที


               “เปล่านะครับ! ใครจะไปคิดเรื่องลามกแบบคุณภูผาได้เล่า!”


               “หืม? ฉันได้บอกเมื่อไหร่ว่าฉันคิดเรื่องแบบนั้น มีแต่นายต่างหากที่คิดไม่งั้นจะพูดออกมาได้ยังไง” พอได้ยินแบบนี้ตะวันก็ถึงกับหน้าหราและทำปากพะงาบๆ เพราะไปไม่เป็นเลยน่ะสิ


               “นะ...นั่นมัน...ผมไม่ได้คิดนะครับคุณภูผา”


               “อย่าปฏิเสธเลยน่า ถ้าอยากทำก็บอกมาตรงๆ เลยก็ได้ ฉันไม่ว่าอะไรแถมยังยินดีบริการเต็มที่ด้วยซ้ำ”


               “โธ่คุณภูผา ผมไม่ได้อยาก...อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะครับ คุณภูผาจะพาผมไปไหน” ตะวันที่ยังพูดไม่จบประโยคร้องเสียงหลง เมื่อถูกผมช้อนตัวขึ้นมาไว้ในอ้อมอกแล้วพาเดินออกไปจากตรงนี้


               “ฉันจะพานายไปที่ห้องนอน”


               “หา! ห้องนอน! ไม่เอานะครับผมไม่ไป!” ตะวันเริ่มออกแรงดิ้นซะยกใหญ่ แต่แรงแค่นี้มันไม่สามารถทำอะไรผมได้เลยแม้แต่น้อย


               “ไม่ต้องดิ้นให้เปลืองแรงหรอกตะวัน ฉันว่านายเก็บแรงเอาไว้ใช้บนเตียงจะดีกว่า” แต่ก็ดูเหมือนว่าความหวังดีของผมจะไม่เป็นผล เพราะตะวันกลับยิ่งออกแรงดิ้นมากกว่าเมื่อกี้ซะอีก


               “คุณภูผา! ผมไม่เล่นนะครับ! ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”


               “ไอ้ปล่อยน่ะปล่อยแน่ แต่...รอให้ถึงเตียงก่อนนะ”


               “คุณภูผา!” แน่นอนว่าตะวันไม่มีทางรอเฉยๆ ต้องยิ่งออกแรงดิ้นให้ถึงที่สุดอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะออกแรงดิ้นเท่าไหร่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมสะเทือนจนปล่อยตะวันได้อยู่ดี เพราะงั้นตอนนี้ผมจึงพาตะวันเข้ามาที่ห้องนอนและวางลงบนเตียงได้อย่างสำเร็จ


               “เป็นของฉันนะตะวัน เลิกดิ้นได้แล้วเด็กดี” ผมพูดอย่างอ่อนโยนพร้อมกับใช้ฝ่ามือลูบที่เส้นผมของตะวันอย่างแผ่วเบา การกระทำนั้นทำให้ตะวันที่ยังดิ้นอยู่ลดการต่อต้านลงได้อย่างชะงัด จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นอาการเขินอายขึ้นมาแทน


               “แต่ว่า...มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรอครับคุณภูผา”


               “เร็วอะไรกันเล่า ฉันอายุ 30 แล้วนะตะวัน หรือนายกะจะรอให้ฉันอายุ 40 ก่อนหืม?” พอผมพูดแบบนี้ตะวันก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ


               “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย ที่ผมพูดหมายถึงเราสองคนพึ่งจะตกลงคบกันวันนี้เองนะครับ”


               “ก็แล้วยังไง จะวันนี้หรือวันหน้านายก็ต้องเป็นของฉันอยู่ดี ที่สำคัญก่อนหน้านี้เราสองคนก็เคยทำกันจนเกือบจะถึงขั้นสุดท้ายอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”


               “นั่นมัน...ก็ใช่ครับ”


               “เห็นมั้ยล่ะ แล้วอย่างนี้นายจะให้ฉันรออะไร” ตะวันเงียบไปหลังจากที่ผมพูดจบ สีหน้าตอนนี้ดูลังเลและกังวลจนผมรู้สึกได้


“ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมครับคุณภูผา ผมกลัว...” ตะวันหลุบสายตาลงต่ำและพูดด้วยเสียงอ้อมแอ้ม ผมที่ได้ยินอย่างนั้นเลยก้มหน้าลงไปจูบที่ศีรษะของตะวันอย่างแผ่วเบาเพื่อให้ผ่อนคลาย


“ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ฉันสัญญาว่าจะอ่อนโยนกับนาย แล้วก็จะทำให้นายรู้สึกดีสุดๆ จนลืมความเจ็บไปเลย” ผมไม่อยากโกหกว่าครั้งแรกมันไม่เจ็บ แต่ผมก็มั่นใจว่าจะทำให้ตะวันรู้สึกดีจนลืมเจ็บได้อย่างที่พูดแน่นอน


“ว่ายังไงตะวัน นายจะยอมเป็นของฉันรึเปล่า” ผมถามพลางใช้สายตาที่มีแต่ความปรารถนาจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตของตะวัน ซึ่งตอนนี้มันกำลังสั่นไหว ส่วนใบหน้าก็ค่อยๆ ขึ้นสีเลือดฝาดจนแดงจัด ก่อนที่ตะวันจะตอบกลับผมมาว่า...


“ครับ ผมจะเป็นของคุณ...” พูดจบตะวันก็ยกสองมือขึ้นมาโอบรอบศีรษะของผมเอาไว้ ผมจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกันในที่สุด...


“อืม...” ตะวันครางออกมาเบาๆ เมื่อผมขบเม้มและดูดดุนที่ริมฝีปาก จากนั้นก็สอดลิ้นเข้าไปชิมความหวานที่อยู่ภายใน ก่อนที่ผมจะได้สัมผัสกับลิ้นเล็กๆ ที่ยังคงไม่ประสีประสา แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามตอบสนองและไล่ตามลิ้นของผมที่ตวัดเกี่ยวพันไปมาอยู่ดี


               เราสองคนจูบกันเนิ่นนาน จนริมฝีปากและปลายลิ้นแทบจะหลอมรวมกัน โดยในระหว่างนั้นผมก็ใช้มือปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองและตะวัน จนกระทั่งร่างกายของเราสองคนเปลือยเปล่า


               ถึงแม้ผมจะไม่ได้เปิดไฟในห้อง แต่แสงจันทร์ก็สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ผมได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของตะวันที่ขาวเนียนงดงาม จนผมห้ามใจที่จะใช้มือลูบไล้ไปมาด้วยความหลงใหลไม่ได้


               “อา...” ตะวันครางหวิวเมื่อผมวางมือลงที่แผ่นอกแล้วนวดคลึงเบาๆ ก่อนที่ผมจะค่อยๆ ลูบไล้ฝ่ามือลงไปเรื่อยๆ ผ่านเอวบาง ท้องน้อย สะโพก และเรียวขา การกระทำนั้นทำให้ร่างกายของตะวันสั่นสะท้าน โดยที่หลุดเสียงครางออกมาเป็นระยะ


               ผมจับเรียวขาของตะวันแยกออกจากกัน จากนั้นก็กดจูบลงที่น่องเนียนข้างหนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ จูบไล่ขึ้นไปยังส่วนบนช้าๆ จนกระทั่งถึงซอกขาตะวันที่กำลังจิกเล็บลงบนที่นอนอย่างเสียวซ่าน ก็ครางกระเส่าด้วยร่างกายสั่นสะท้านทันที


“ซี้ดดด...อา...คุณภูผา...ยะ...อ๊า!” แล้วเสียงครางกระเส่าก็กลายเป็นหวีดร้องเสียงสูง เมื่อผมได้ใช้มือข้างหนึ่งกอบกุมส่วนนั้นของตะวันที่ตั้งชันเอาไว้ จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากครอบครองลงไป ทั้งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะทำเรื่องแบบนี้ให้ใครในชีวิต


“อ๊า! อ๊ะ! ยะ...ไม่นะ...ตรงนั้นมัน...อ๊ะ...อ๊า!” ตะวันร้องครางหนักขึ้นเมื่อผมออกแรงดูดที่ส่วนปลาย ความเสียวซ่านทำให้ร่างกายของตะวันสั่นระริก แต่ถึงอย่างนั้นตะวันก็ยังมีปฏิกิริยาต่อต้านทั้งการพูดจาและใช้มือห้ามอยู่ดี


“อ๊ะ...อ๊า...คุณภูผา...ที่แบบนั้น...อื้อ...ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น...ซี้ดด...อ๊า...” ตะวันพูดแทบไม่เป็นภาษา ความเสียวซ่านทำให้สะโพกเล็กลอยขึ้นสูงจากที่นอน พร้อมกับท่อนเนื้อที่อยู่ภายในปากของผมได้ขยายใหญ่ขึ้น ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยยิ่งออกแรงดูดส่วนนั้น ทั้งยังขยับริมฝีปากขึ้นลงไปพร้อมๆ กับการขยับฝ่ามือ


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...คุณภูผา...อ๊า...” ตะวันครางลั่นด้วยความสุขสม สองมือที่เคยผลักไสผมตอนนี้ได้กลายเป็นขยุ้มที่เส้นผมของผมเพื่อระบายความเสียวซ่านเรียบร้อยแล้ว


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตะวันกำลังรู้สึกดีขนาดไหน เพราะตอนนี้แก่นกายได้มีน้ำใสๆ ไหลซึมออกมาแล้ว เพราะงั้นผมจึงได้ใช้ลิ้นตวัดเลียมัน ในขณะที่ยังคงดูดดุนและรูดรั้งส่วนนั้นขึ้นลงโดยที่ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย


“อ๊า...ซี้ดดด...อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” พูดตามตรงตอนนี้สีหน้าของตะวันช่างเร้าอารมณ์เป็นบ้า ส่วนเสียงครางที่ทั้งหวานกระเส่าและแหบพร่า มันก็ยิ่งทำให้ความปรารถนาของผมพลุ่งพล่านและปั่นป่วน


ผมอยากได้ยินเสียงครางหวานๆ และสีหน้าของตะวันที่เร้าอารมณ์มากกว่านี้ ดังนั้นผมจึงได้ออกแรงดูดท่อนเนื้อที่อยู่ในปากให้แรงขึ้น ใช้ลิ้นดุนและตวัดเลียให้รวดเร็วขึ้นเช่นกัน ส่วนฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ลดแรงลงเลยแม้แต่น้อย


“อ๊า...คะ...คุณภูผา...ซี้ดด...ผมจะ...อ๊า...จะเสร็จแล้ว...” ตะวันบิดกายเร่า ผมจึงได้เร่งจังหวะทุกอย่างทั้งฝ่ามือ ริมฝีปาก และปลายลิ้นให้เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด เพื่อปรนเปรอความสุขสมและเสียวซ่านให้กับตะวันที่ผมรักสุดหัวใจ


ซึ่งในที่สุดหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที...


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...ซี้ดด...อ๊าาาาาาาา!” ตะวันก็กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง ก่อนจะจิกปลายเท้าลงบนที่นอนพร้อมยกสะโพกขึ้นสูง แล้วทำการปลดปล่อยความเสียวซ่านทั้งหมดเข้ามาในปากของผม


“อา...อา...” ตะวันหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ส่วนผมก็ถอนริมฝีปากออกมาจากส่วนนั้นที่อ่อนนุ่มลง แล้วจัดการกลืนของเหลวสีขาวขุ่นลงไปในคออย่างไม่นึกรังเกียจ


ตอนนี้ตะวันไปถึงฝั่งฝันแล้ว แต่ผมยังคงอยู่ในห้วงความปรารถนาอยู่เลย ดังนั้นผมจึงยืดตัวขึ้นไปเปิดลิ้นชักข้างหัวเตียง เพราะผมคิดว่าธารน่าจะรอบคอบไม่ลืมใส่ของสำคัญเอาไว้ ซึ่งน้องรักคนนี้ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ในนั้นมีของที่ผมต้องการจริงๆ แถมยังมีอีกหลายๆ สิ่งที่เกินความจำเป็นอีกต่างหาก


ผมไม่สนใจอย่างอื่นแล้วหยิบเจลหล่อลื่นขึ้นมา จากนั้นก็เปิดฝาตามด้วยการบีบใส่มือแล้วละเลงจนเปียกชุ่ม เสร็จแล้วผมก็นำไปหมุนวนตรงปากทางเข้าของตะวัน ที่ผมได้จับเรียวขาทั้งสองให้ตั้งขึ้นและแยกออกจากกันช้าๆ


               “คะ...คุณภูผา...” ตะวันเสียงสั่นด้วยความอับอาย แถมยังดูหวาดกลัวและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นผมจึงได้โน้มตัวลงไปจูบที่ริมฝีปากของตะวันด้วยความอ่อนโยน


               “ไม่ต้องกลัวนะตะวัน ฉันสัญญาว่าเราสองคนจะมีความสุขไปพร้อมกัน” พอได้ยินแบบนั้นตะวันก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น ดวงตากลมโตที่มองมาฉายชัดถึงคำว่าเชื่อใจในตัวผม และผมก็จะไม่ทำให้ตะวันผิดหวังแน่นอน


               ผมก้มหน้าลงไปจูบตะวันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่ปากแตะปากอย่างครั้งที่แล้ว เพราะผมได้ขบเม้ม ดูดดุน และสอดลิ้นเข้าไปชิมความหวานภายใน ทั้งยังตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของตะวันไปมาอีกด้วย


               “อืม...อา...” ผมถอนจูบออกมา จากนั้นก็ฝังใบหน้าลงที่ซอกคอของตะวันแล้วพรมจูบซุกไซ้ ผมฝากรอยรักเอาไว้ 2 – 3 รอยอย่างห้ามใจไม่ไหว ก่อนที่จะค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าลงไปจนกระทั่งถึงแผ่นอก ที่มีส่วนยอดกำลังตั้งชูชันและแข็งเป็นไต


               “อ๊ะ...อ๊า...” ตะวันร้องครางด้วยความเสียว เมื่อผมกดจูบลงไปที่ยอดอกตามด้วยการใช้ลิ้นเลียและดูดดุนจนเกิดเสียงอันลามกขึ้น ส่วนยอดอกอีกข้างผมก็ไม่ได้ปล่อยให้มันเว้นว่าง เพราะได้ใช้มือข้างหนึ่งขึ้นไปเค้นคลึงและบีบขยี้เพื่อเพิ่มความสุขสมเป็น 2 เท่า


               “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า” ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาตะวันครางระงม จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาขยุ้มเส้นผมของผมอย่างรุนแรง


               ในจังหวะนี้เอง ผมก็ถือโอกาสสอดนิ้วที่หมุนวนมานานเข้าไปข้างในช่องทางด้านหลังของตะวัน โดยผมเลือกสอดนิ้วกลางซึ่งเป็นนิ้วที่ยาวที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับเข้าไปได้ไม่หมด เพราะข้างในมันทั้งแคบแล้วก็บีบรัดนิ้วผมแน่นมาก


               “อย่าเกร็งนะตะวัน ผ่อนคลายหน่อยเด็กดี...ใช่ อย่างนั้น...” ตะวันทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย เพราะงั้นผมจึงสามารถสอดนิ้วเข้าไปข้างในได้จนสุด ความอ่อนนุ่มและอุ่นร้อนที่ตอดรัดเป็นจังหวะทำเอาผมแทบคลั่งอยู่แล้ว


               “เป็นยังไงบ้าง ไม่เจ็บใช่รึเปล่าตะวัน” ผมถามเสียงแหบพร่า สารภาพเลยว่าตอนนี้ผมอยากเอาแก่นกายเข้าไปแทนที่นิ้วกลางใจจะขาด แต่ผมก็จะพยายามอดทนไม่ทำอะไรแบบนั้น เพราะผมอยากให้ตะวันมีความสุขไปพร้อมกับผมด้วย


               “มะ...ไม่เจ็บครับ แต่ว่า...อา...ผมอึดอัด...อื้อ...นิดหน่อย...” ตะวันตอบไปครางไป เพราะผมได้ขยับนิ้วที่อยู่ภายในเข้าออกช้าๆ แถมยังคว้านลึก หมุนวน และหักงอเพื่อขยายช่องทางให้คุ้นชิน จนเมื่อมันขยายกว้างขึ้นและนุ่มลงแล้วผมจึงได้สอดนิ้วชี้เพิ่มเข้าไปข้างใน


               “อื้อ!” ตะวันนิ่วหน้า ท่าทางจะอึดอัดมากเพราะสองนิ้วของผมที่อยู่ข้างในแทบจะขยับไม่ได้ ดังนั้นผมจึงใช้มือข้างหนึ่งรูดรั้งแก่นกายของตะวัน ส่วนริมฝีปากก็ดูดเลียยอดอกที่แข็งชันเพื่อกระตุ้นความเสียวซ่าน จนตอนนี้ผมสามารถขยับสองนิ้วที่อยู่ภายในได้แล้ว


“อา...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ตะวันครางกระเส่า สองมือขยุ้มที่เส้นผมของผมตามแรงอารมณ์ ผมจึงเร่งการขยับนิ้วเข้าออกให้เร็วขึ้น ส่วนปลายลิ้นและฝ่ามือก็ยังคงปรนเปรอความสุขสมให้ตะวันไม่ได้ขาด


               “อ๊า...อ๊า...ซี้ดด...อ๊า...” เมื่อโดนกระตุ้นจุดเสียวทั้ง 3 ที่พร้อมกัน ทำให้ตะวันถึงกับครางลั่นด้วยความเสียวซ่าน ส่วนช่องทางตอดรัดนิ้วของผมแน่นและถี่ยิบจนผมแทบบ้า ผมจึงคิดว่าตอนนี้ตะวันน่าจะพร้อมรับผมเข้าไปข้างในแล้ว


               ผมจัดการถอดนิ้วออกมาจากช่องทางด้านหลังของตะวัน จากนั้นก็หยิบเจลหล่อลื่นมาบีบใส่มือ แล้วนำไปชโลมแก่นกายที่ทั้งแข็งขึงและขยายใหญ่จนทั่วทั้งลำ ตะวันที่มองเห็นภาพนั้นก็ถึงกับตกใจและตื่นกลัวขึ้นมาเลย


               “ยะ...ใหญ่ขนาดนี้ จะเข้ามาได้จริงๆ หรอครับ” ตะวันถามอย่างหวาดๆ


               “ได้แน่นอนอยู่แล้ว เชื่อใจฉันนะตะวัน” ผมโน้มตัวลงไปจูบที่หน้าผากมนอย่างอ่อนโยน ซึ่งนั่นก็ทำให้ตะวันผ่อนคลายขึ้นมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงตื่นกลัวอยู่ดี เพราะงั้นผมจึงได้นำแก่นกายไปบดเบียดและหมุนวนที่ช่องทางด้านหลัง เพื่อให้ตะวันคุ้นชินแม้ว่าผมจะทรมานเพราะอยากเข้าไปจะตายอยู่แล้ว


               “อื้อ...คุณภูผา...” ยิ่งเสียงครางหวานๆ และเรียกชื่อผมด้วยเสียงกระเส่าแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้ผมของขึ้นจนแทบบ้า แต่ว่านั่นก็ยังไม่เท่ากับการที่ช่องทางอันอ่อนนุ่มแทบจะดูดกลืนแก่นกายของผมเข้าไป จนผมอดใจไม่ไหวเผลอขยับสะโพกจนส่วนหัวมันผลุบเข้าไปข้างในจนได้


               “อึ่ก! อื้อ!!” ตะวันนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ส่วนร่างกายก็แข็งเกร็งจนบีบรัดผมแน่น ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมเสียวสุดๆ จนหลุดเสียงครางออกมา


               “ซี้ดด...อา...” แต่ถึงจะเสียวแค่ไหน ผมก็ต้องกัดฟันทนพยายามข่มใจไม่ขยับ เพราะต้องการให้ตะวันผ่อนคลายและคุ้นชินกับท่อนเนื้อของผมซะก่อน ดังนั้นผมจึงได้ก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากบาง ตามด้วยการดูดเบาๆ และขบเม้มยั่วเย้าจนตะวันเลิกเกร็งในที่สุด


               “เป็นของฉันนะตะวัน” พูดจบผมก็ค่อยๆ ดันแก่นกายเข้าไปในช่องทางรักช้าๆ จนในที่สุดก็สามารถเข้าไปข้างในได้จนมิดลำ


               “อา...” ผมหลุดเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะช่องทางด้านหลังของตะวันทั้งร้อนและอ่อนนุ่ม แถมยังบีบและตอดรัดท่อนเนื้อของผมแน่นมากจนผมเสียวแทบขาดใจ


               “เป็นยังไงบ้าง โอเครึเปล่าตะวัน” ผมลูบศีรษะของคนใต้ร่างที่มีเหงื่อไหลซึมออกมา


               “คะ...ครับ...มะ...ไม่เจ็บมากอย่างที่คิด” ตะวันหอบเล็กน้อย ส่วนร่างกายก็ยังคงเกร็งอยู่แต่ไม่มากเท่าไหร่ ผมเลยสามารถขยับแก่นกายเข้าออกได้ โดยเริ่มจากช้าๆ แล้วจึงเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้สีหน้าอันทรมานของตะวันได้เปลี่ยนไปกลายเป็นสุขสม


               “อา...อื้ม...อา...คุณภูผา...ซี้ดด...อา...” ตะวันครางด้วยความเสียว สองมือขยุ้มที่ศีรษะของผมจนยุ่งเหยิงไปหมด แต่ผมก็ไม่มีเวลาไปสนใจตรงนั้น เพราะช่องทางด้านหลังของตะวันบีบและตอดรัดแก่นกายของผมแน่นมาก ทำเอาผมเสียวสุดๆ จนหยุดขยับสะโพกไม่ได้เลย


               “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า! คุณภูผา...อ๊ะ...อ๊า!” ตะวันหวีดร้องเสียงสูง เมื่อแก่นกายของผมโดนจุดเสียวที่อยู่ภายใน ผมที่รู้แล้วว่าจุดนั้นอยู่ตรงไหน เลยยิ่งกระแทกแก่นกายเข้าไปอย่างแรงและรวดเร็ว จนช่องทางด้านหลังยิ่งบีบและตอดรัดแก่นกายของผมแน่นยิ่งขึ้น


               “อาา...ดีมั้ยตะวัน รู้สึกดีเหมือนฉันใช่มั้ย” ผมถามด้วยเสียงกระเส่า ส่วนสะโพกก็ยังขยับโดยที่ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย แถมมีแต่จะเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ


               “อ๊า...ดีครับ...ตรงนั้น...อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” นอกจากคำพูดที่ยืนยัน สีหน้าและน้ำเสียงของตะวันก็แสดงออกได้อย่างชัดเจนเลยว่าตอนนี้กำลังรู้สึกดีขนาดไหน ผมจึงได้กระแทกแก่นกายเข้าไปข้างในอย่างไม่ยั้ง โดยเน้นย้ำแต่ตรงจุดนั้นจนตะวันเสียวแทบขาดใจ


               “อ๊ะ...อ๊า...อ๊า...คุณภูผา! อ๊ะ...อ๊า...” นอกจากช่วงล่างที่ขยับเข้าออก ฝ่ามือของผมก็ยังบีบขยี้ที่ยอดอกสีชมพูไปมา พร้อมกับฝ่ามืออีกข้างที่ได้เลื่อนไปชักส่วนนั้นของตะวันขึ้นลง ส่งผลให้ตอนนี้ท่อนเนื้อในมือของผมได้มีน้ำใสๆ ไหลออกมา ส่วนช่องทางด้านหลังก็บีบและตอดรัดแก่นกายของผมจนเสียวแทบบ้าอยู่แล้ว


               “ซี้ดด...อา...ตะวัน” ผมครางอย่างพึงพอใจ แล้วเร่งจังหวะการซอยแก่นกายเข้าไปข้างในอย่างถี่ยิบ เพราะตอนนี้ผมใกล้จะถึงขีดสุดของความอดทน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าตะวันก็เช่นกัน


“คุณภูผา...คุณภูผา! อ๊า...ผมจะ...อ๊ะ...อ๊า...จะเสร็จแล้ว!” เมื่อได้ยินแบบนี้ผมจึงเลื่อนมือลงไปตรึงที่สะโพกของตะวัน จากนั้นก็กระแทกกระทั้นแก่นกายเข้าไปอย่างไม่ยั้งทั้งรุนแรงและรวดเร็ว


“อาา...” ตอนนี้ผมเสียวสุดๆ จนแทบจะทนไม่ไหว เพราะตะวันได้ขยับสะโพกสอดรับกับจังหวะของผม แถมข้างในก็ยังดูดกลืนและตอดรัดท่อนเนื้อของผมถี่ยิบอีกต่างหาก


“ซี้ดดด...อาา”


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...คุณภูผา! คุณภูผา! อ๊า...อ๊า!” ตะวันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง เมื่อผมซอยแก่นกายเข้าไปอย่างถี่ยิบด้วยความเร็วสูงสุด ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาตะวันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...อ๊าาาาาาาาาาา!” สิ้นเสียงนั้นตะวันก็ปลดปล่อยความสุขสมออกมาทันที ส่วนผมที่ถูกช่องทางรักตอดรัดอย่างรุนแรงก็พ่ายแพ้ต่อความเสียวเช่นกัน จึงได้กระแทกกระทั้นแก่นกายอย่างไม่ยั้ง แล้วฝังในส่วนที่ลึกที่สุดเมื่อถึงจุดสุดยอด


“อาาาส์” ผมครางอย่างสุดกลั้น แล้วปลดปล่อยความสุขสมทั้งหมดเข้าไปในตัวของตะวันจนแทบจะล้นทะลักออกมาข้างนอก


“รักนะตะวัน ฉันรักนาย” ผมก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากของตะวันอย่างแผ่วเบา ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเหนื่อยจัดจนหลับไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นริมฝีปากบางก็ยังอมยิ้มขึ้นมานิดนึง บางทีอาจจะรับรู้ถึงความรักที่ผมส่งไปก็ได้


“ราตรีสวัสดิ์สุดที่รักของฉัน” ผมพูดจบก็จัดแจงท่าทางการนอนของตะวันให้หลับอย่างสบาย ตามด้วยการทำความสะอาดร่างกายไม่ให้เหนียวเหนอะหนะ จากนั้นผมก็ล้มตัวลงไปนอนกอดตะวัน โดยที่ค่ำคืนนั้นก็เป็นค่ำคืนที่ผมหลับฝันดีและมีความสุขที่สุดในชีวิต...


2BC


สะ...สวัสดีค่าทุกคน  :-[ หัวใจชิงรักตอนที่ 11 ค่ำคืนแสนหวาน ก็จบลงไปแล้วน้า ถ้าหากทุกคนชื่นชอบเราก็จะดีใจมากเลย ยังไงก็คอมเมนท์มาเม้ามอยความฟินกันด้วยน้า  :m13: ส่วนตอนหน้าเจอกันวันศุกร์ค่าที่ร้าก บ๊ายบายยยยย  :bye2:
(22 ส.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 11 สารภาพรัก 20.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-08-2017 06:48:24
บทจะรุก คุณภูผาก็รุกซะตั้งตัวไม่ติดเลย ^^
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 11 สารภาพรัก 20.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 20-08-2017 18:02:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 11 สารภาพรัก 20.08.60
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 21-08-2017 00:18:29
 :o8: เขินอ่า ตะวันจะถูกพี่ภูกินแล้ว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 11 ค่ำคืนแสนหวาน NC [22.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-08-2017 21:59:58
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 11 ค่ำคืนแสนหวาน NC [22.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 23-08-2017 01:17:57
 :m25: :m25: :m25: อูย เลือดไหลหมดตัว :jul1:  :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 11 ค่ำคืนแสนหวาน NC [22.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 23-08-2017 14:30:01
 :pighaun: :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 11 ค่ำคืนแสนหวาน NC [22.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 24-08-2017 05:45:06
 :heaven  :haun4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 11 ค่ำคืนแสนหวาน NC [22.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-08-2017 14:25:11
เลือดท่วมแล้วววว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 12 ข้าวใหม่ปลามัน [25.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 25-08-2017 21:57:48
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


Part 12# Tawan ข้าวใหม่ปลามัน


               ในที่สุดความรักของผมก็สมหวัง...


               เมื่อคืนผมกับคุณภูผาได้ตกลงคบกัน แถมเราสองคนยังมีอะไรกันเป็นที่เรียบร้อยอีกด้วย ผมรู้สึกเขิน อาย และประหม่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มีความสุขมากเพราะคุณภูผาอ่อนโยนกับผมเหลือเกิน


               ผมยิ้มออกมาบางๆ พลางมองหน้าของคุณภูผาที่นอนกอดผมเอาไว้โดยที่ยังคงหลับสนิท ทั้งที่ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ความจริงผมตื่นมาได้สักพักแล้วแหละ แต่ที่ยังไม่ขยับตัวลุกไปไหนก็เพราะไม่อยากให้คุณภูผาตื่น ผมอยากให้คุณภูผานอนอย่างเต็มอิ่ม เพราะคืนก่อนหน้านี้คุณภูผาขับรถพาผมมาหัวหินโดยที่ไม่ได้นอนเลย


               “ผมรักคุณนะครับ” ผมพูดด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ เพราะผมจำได้รางๆ ว่าเมื่อคืนคุณภูผาได้พูดแบบนี้กับผม แต่ว่าผมรู้สึกเหนื่อยและล้ามากเกินกว่าจะตอบกลับไป ดังนั้นผมจึงได้อยากบอกว่าผมก็รักคุณภูผาเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมผมไม่รอบอกตอนตื่น เหตุผลก็มีแค่อย่างเดียวคือผมกลัวจะเขินจนทำอะไรไม่ถูกนั่นเอง


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


คุณภูผาที่ผมคิดว่ากำลังหลับอยู่กลับลืมตาขึ้นมา แถมยังเคลื่อนใบหน้าเข้ามาจูบผมอย่างรวดเร็วอีกด้วย!


“ต่อไปพอตื่นนอนไม่ต้องพูดว่าอรุณสวัสดิ์แล้วนะ พูดว่านายรักฉันแบบเมื่อกี้ดีกว่าเป็นไหนๆ” คุณภูผาพูดยิ้มๆ หน้าตาไม่ได้ดูงัวเงียเหมือนคนพึ่งตื่นนอนเลยแม้แต่น้อย


“นะ...นี่คุณภูผาตื่นมาตั้งแต่ตอนไหนครับเนี่ย” ผมพูดขึ้นอย่างตกใจเมื่อตั้งสติได้ หลังจากที่เอ๋อเมื่อถูกจูบสักพักหนึ่ง


“ก็เกือบจะพร้อมกับนายนั่นแหละ นายขยับตัวนิดนึงตอนตื่นฉันเลยรู้สึกตัว”


“โธ่...แล้วทำไมถึงได้แกล้งหลับล่ะครับ ผมก็อุตส่าห์พยายามเกร็งตัวนอนนิ่งๆ อยู่ได้ตั้งนาน” ผมอดที่จะบ่นไม่ได้เพราะถูกแกล้งตั้งแต่ตอนตื่น โดยแอบหวังว่าคุณภูผาจะมีเหตุผลซึ้งๆ ที่ดูน่ารักๆ แต่พอได้ฟังเท่านั้นแหละผมก็แทบอยากบ้าตาย


“ก็ฉันอยากรู้นี่นาว่าพอตื่นแล้วนายจะทำอะไร จะแอบแต๊ะอั๋งหรือว่าลักหลับฉันรึเปล่า”


               “ใครมันจะไปทำแบบนั้นกันล่ะครับ!” พูดจบผมก็ใช้สองมือทุบไปที่แผ่นอกของคุณภูผา ถึงแม้ว่าผมจะทุบเบาๆ ไม่ได้ใส่แรงลงไปมากมายอะไร แต่คุณภูผากลับรวบมือของผมเอาไว้ด้วยกันซะงั้น


               “ปล่อยมือผมนะ แค่แกล้งไม่พอแล้วยังจะมารังแกกันอีกหรอครับ”


               “ฉันได้รังแกนายที่ไหน นายเองนั่นแหละที่มาทุบฉันก่อน แต่จะว่าไปไหนๆ ก็ถูกกล่าวหาอยู่แล้ว งั้นฉันก็จะรังแกนายจริงๆ เลยดีกว่า” พูดจบคุณภูผาก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ แล้วจับรวบข้อมือของผมให้ขึ้นไปอยู่ที่เหนือศีรษะ


               “ยะ...อย่านะครับ คุณภูผาจะทำอะไร” ผมถามอย่างตะกุกตะกัก หวังว่าคงจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดหรอกนะ


               “ฉันก็บอกแล้วไงว่าจะรังแกนาย แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ รับรองว่านายจะต้องชอบที่ถูกฉันรังแก” คุณภูผายกยิ้มที่มุมปาก พลางใช้สายตาหื่นกระหายจ้องมองมาที่ผม


ผมที่เห็นอย่างนั้นก็คงจะนอนเฉยๆ ให้ถูกกินตั้งแต่ตอนตื่นหรอก แน่นอนว่าผมต้องออกแรงดิ้นและโน้มน้าวคุณภูผาให้เลิกคิดรังแกผมอยู่แล้ว


“มะ...ไม่นะครับ เมื่อคืนเราสองคนก็พึ่งทำ...อ๊ะ! อย่าจับตรงนั้นสิครับคุณภูผา! อา...ยะ...อย่าครับ...คุณภูผา...อื้ม...อาา...”


และแล้วแรงต่อต้านของผมก็พ่ายแพ้ต่อแรงปรารถนาที่ถูกคุณภูผาปลุกเร้าไม่ได้ ดังนั้นผมจึงถูกคุณภูผารังแก (แต่อ่อนโยน) เป็นชั่วโมง ก่อนที่ผมจะเพลียจัดจนกระทั่งเผลอหลับไป...



................................................

................................

................


               ตื่นมาอีกทีผมก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเย็นแล้ว ผมรู้สึกตกใจที่ตัวเองทำไมนอนไปได้นานขนาดนี้ แต่ที่ผมรู้สึกตกใจยิ่งกว่าก็คือการที่คุณภูผาไม่รู้หายไปไหน เพราะงั้นผมจึงได้ลุกจากที่นอนแล้วเดินออกไปตามหา


               บ้านหลังนี้ไม่กว้างเท่าไหร่ ผมเลยเดินเพียงแค่แป๊บเดียวก็ทั่วทั้งบ้านแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหาคุณภูผาไม่เจออยู่ดี


               ไปไหนของเขากันนะ?


               ผมถามตัวเองด้วยความสงสัย ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นคุณภูผายืนหันหลังคุยกับใครสักคนอยู่ที่รั้วบ้าน


ผมมองเห็นไม่ชัดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครเพราะตัวคุณภูผาบังอยู่ แถมผมยังมองผ่านหน้าต่างที่ค่อนข้างไกลและเขาก็ใส่หมวกปิดหน้าปิดตา แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้สึกคุ้นเคยกับเขาอย่างประหลาดยังไงไม่รู้ เพราะงั้นผมจึงจะเดินออกไปดู แต่คุณภูผาก็หันหน้ากลับมาแล้วเดินมาทางนี้ซะก่อน


               “อ้าว ตื่นมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ยตะวัน” คุณภูผาถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมเดินมาที่หน้าประตูบ้าน


               “เมื่อกี้นี้เองครับ พอเห็นว่าคุณกำลังคุยกับใครสักคนที่ผมรู้สึกว่าคุ้นๆ เลยว่าจะออกไปดูสักหน่อย” ระหว่างที่พูดผมก็พยายามมองหาผู้ชายคนนั้น แต่ผมก็ไม่เห็นเลยแม้แต่เงาเพราะคงจะกลับไปแล้ว


               “คุ้น? กับหนึ่งในทีมออแกไนซ์เนี่ยนะ?” คุณภูผาขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมถึงกับงงไปด้วย


               “เอ่อ...ทีมออแกไนซ์ที่ว่า...?”


               “ก็ที่มาจัดบ้านจนเซอร์ไพรส์นายเมื่อคืนไง วันนี้พวกนั้นมาเก็บอุปกรณ์แล้วก็ส่งตัวแทนมารับเงินที่เหลืออีกครึ่งนึงน่ะ” คุณภูผาพูดอย่างชิลๆ แต่ผมนี่สิที่ถึงกับอึ้งและตกใจจนพูดอะไรแทบไม่ออก


               “ดะ...เดี๋ยวนะ เมื่อคืนคุณภูผาถึงกับต้องจ้างทีมออแกไนซ์เลยหรอครับ” ผมไม่รู้หรอกนะว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดมันเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ มันต้องไม่ใช่น้อยๆ อย่างหลักร้อยหลักพันแน่นอน


               “ก็แน่ล่ะสิ ฉันมีเวลามาทำเองที่ไหน แล้วก็...ฉันอยากให้นายประทับใจจนรับรักฉันด้วย” ประโยคหลังคุณภูผาเบนสายตาไปทางอื่น แถมยังเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมาเกาท้ายทอยด้วยความเขินและประหม่าอีกด้วย


ท่าทางที่ไม่ค่อยมั่นใจแบบนั้นดูไม่สมกับเป็นคุณภูผาเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้อยู่ดี


               “ความจริงคุณไม่ต้องทำอะไรสิ้นเปลืองแบบนี้ก็ได้นะครับ เพราะยังไงผมก็รักคุณอยู่แล้ว” ผมรู้สึกเขินนิดหน่อยที่ต้องพูดอะไรหวานๆ แบบนี้ แต่คนที่เขินไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว เพราะคุณภูผาก็เขินเป็นเพื่อนผมด้วยเหมือนกัน


               “นายนี่จะพูดจาน่ารักเกินไปแล้วนะ” คุณภูผาเดินเข้ามาใกล้แล้วโอบเอวผมเอาไว้หลวมๆ จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาจนกระทั่งริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกัน


               ผมหลับตาลงเพื่อซึมซับความรักและความอ่อนโยนจากคุณภูผาด้วยความเต็มใจ ตอนนี้ผมรู้สึกมีความสุขมากจนร่างกายแทบจะลอยได้อยู่แล้ว แต่หลังจากที่คุณภูผาถอนจูบออกไปเท่านั้นแหละ บรรยากาศอันอบอุ่นและหวานซึ้งมันก็หายวับไปทันที


               “แย่ล่ะ ฉันชักอยากจะทำอีกรอบซะแล้วสิ”


               “หา! นะ...นี่คุณภูผาล้อผมเล่นใช่มั้ย!”


               “จะลองจับดูมั้ยล่ะ?”


               “ใครมันจะไปทำเรื่องแบบนั้นกันครับ!”


               ตอนนี้ผมอยากจะกัดลิ้นตายให้มันรู้แล้วรู้รอดจริงๆ ทั้งที่เมื่อคืนกับเมื่อเช้าก็พึ่งทำไปแท้ๆ แต่แค่ตอนเย็นก็เกิดอยากทำขึ้นมาอีก นี่คุณภูผาไปกินโด่ไม่รู้ล้มมารึไง!


               “ไม่ต้องอายไปหรอกน่า มากกว่านี้ก็เคยทำมาแล้วแท้ๆ” คุณภูผายิ้มกรุ้มกริ่ม คำพูดนั้นทำเอาผมหน้าร้อนด้วยความอับอายจนแทบไฟลุก


               “ผมไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้อีกแล้วนะครับ!” ผมหน้าบึ้งแล้วยกสองมือขึ้นมาปิดหูเพื่อแสดงความไม่พอใจ แต่ทั้งที่ผมทำถึงขนาดนั้น คุณภูผาก็ยังไม่ยอมหยุดเลยสักนิด


“อะไรกันเล่า นายเป็นคนยั่วให้ฉันของขึ้นเองแท้ๆ”


“ผมได้ไปทำเรื่องแบบนั้นเมื่อไหร่กันครับ!” ตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยจริงๆ ที่ต้องเค้นเสียงใส่คุณภูผา แต่ที่เหนื่อยกว่านั้นก็คือการถูกกล่าวหาลอยๆ นี่แหละ


ผมจำได้ว่าคุณภูผาเคยพูดแบบนี้กับผมแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมคิดว่าคุณภูผาอาจจะเบลอๆ เลยไม่ได้ติดใจอะไร แต่ทำไมถึงได้มีอีกเป็นครั้งที่สองก็ไม่รู้


“ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่าสายตาของนายน่ะมันยั่วสุดๆ ถึงจะดูไร้เดียงสาแต่ก็น่าปู้ยี่ปู้ยำทำให้แปดเปื้อนซะเหลือเกิน”


“คุณภูผา!”


“ไม่ใช่แค่สายตานะ แต่เสียงของนายที่ดูแหบพร่า สีหน้าที่แดงนิดๆ แถมยังจื่อปากที่ช้ำหน่อยๆ มันได้อารมณ์สุดๆ เลย รู้ตัวมั้ยว่านายทำให้ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน จนเหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นวัยรุ่นยังไงยังงั้น” ยิ่งได้ฟังสิ่งที่คุณภูผาพูดมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งลมแทบจับมากเท่านั้น


คุณภูผาที่ผมเคยมองว่าสุขุมเป็นผู้ใหญ่หายไปไหน ทำไมตรงหน้าผมถึงได้มีแต่ตาแก่โรคจิตที่ผมไม่รู้จักได้ล่ะเนี่ย!


“.............................................แล้ว”


“หืม? เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?” คุณภูผาถามพลางเอียงหูเข้ามาใกล้ๆ เพราะคงไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพึมพำออกไปเมื่อกี้


“ผมบอกว่าผมทนไม่ไหวแล้ว...ผมทนฟังเรื่องแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วครับ!” พูดจบผมก็รวบรวมแรงที่มีทั้งหมดผลักคุณภูผาออกไป จากนั้นก็ใช้โอกาสนี้วิ่งหนีให้ไกลจากตรงนี้อย่างสุดชีวิต


“จะไปไหนน่ะตะวัน! กลับมารับผิดชอบฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!” คุณภูผาตะโกนไล่หลังมา แต่ผมก็ไม่แม้แต่จะเสียเวลาหันกลับไปดูเพราะกลัวคุณภูผาจะวิ่งตามผมทัน


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


“จับได้แล้ว!”


“ว้ากกกกกกกกกก!” ผมร้องเสียงหลงเพราะถูกคุณภูผาตามทันแล้วอุ้มขึ้นมาอยู่ในท่าเจ้าหญิง ผมก็ลืมไปว่าขาของคุณภูผายาวกว่าผมแค่ไหน แถมเรี่ยวแรงของผมก็หดหายเพราะถูกกิจกรรมเมื่อคืนกับเมื่อเช้าสูบออกไปจนเกือบหมด


“ปล่อยผมลงนะครับคุณภูผา!” ผมออกแรงดิ้นไปมาเพราะคิดว่าจะต้องถูกคุณภูผากินอีกเป็นครั้งที่ 3 และคุณภูผาก็คงจะต้องบอกประมาณว่า ‘ไอ้ปล่อยน่ะปล่อยแน่ แต่จะปล่อยลงที่เตียงนะ’ อะไรแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ คุณภูผากลับพาผมไปที่ชายหาด แล้วปล่อยผมลงยืนตรงที่คลื่นซัดสาดเข้ามายังชายฝั่งซะงั้น


“ทำหน้าอะไรแบบนั้น หรือหวังจะให้ฉันพาไปที่เตียง?” คุณภูผาพูดยิ้มๆ


“ผมไม่พูดกับคุณแล้ว คนอะไรขี้แกล้งชะมัด” ผมพองลมที่แก้มแล้วก้าวท้าวเดินหนี คุณภูผาที่เห็นอย่างนั้นเลยรีบเดินตามมา จากนั้นก็ยื่นมือออกมาสอดประสานกับมือของผม


“ฉันไม่แกล้งแล้วก็ได้ หายงอนฉันนะตะวัน” คุณภูผาพูดพลางส่งสายตาปริบๆ มาให้ผม การกระทำที่ขัดกับภาพลักษณ์แบบนั้นทำเอาผมถึงกับหลุดยิ้มแล้วก็ขำออกมา


“โอเคครับ ผมไม่งอนแล้วก็ได้” พอได้ยินแบบนี้คุณภูผาก็ยิ้มกว้าง จากนั้นก็เอี้ยวใบหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ โดยให้เหตุผลที่มักอ้างอยู่เสมอว่า...


“รางวัลสำหรับเด็กดี”


ตอนนี้ผมได้แต่อมยิ้มอย่างขวยเขินและเอียงอาย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มีความสุขมากจนแทบจะล้นออกมานอกอก ซึ่งผมก็สัมผัสได้ว่าคุณภูผาก็กำลังมีความสุขเหมือนกับผมเช่นกัน


จากนั้นเราสองคนก็เดินไปตามชายหาด โดยไม่ยอมห่างและปล่อยมือจากกันเลยแม้แต่เสี้ยววินาที ก่อนที่เราทั้งคู่จะมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินเคียงข้างกันอย่างมีความสุข...


ผมกับคุณภูผาค้างกันที่นี่อีกคืน ก่อนที่ช่วงสายๆ เราสองคนจะเดินทางกลับบ้านโดยไม่ลืมแวะซื้อของฝากไปให้ทุกคน แต่พอไปถึงกลับไม่มีใครสนใจของฝากเลยสักนิด เพราะทุกคนรีบรุมเข้ามากอดผมแล้วประนามคุณภูผากันยกใหญ่ โดยเฉพาะน้องวาแล้วก็เพลิง


               “พี่ภูใจร้าย! มาแย่งพี่ตะวันไปจากผมได้ยังไง! จำไว้เลยว่าผมจะไม่พูดด้วยทั้งอาทิตย์เลยคอยดู!” น้องวากอดอกแล้วจ้องคุณภูผาอย่างเอาเรื่อง เพลิงที่ได้ยินอย่างนั้นเลยรีบพูดเสริมทันที


               “เฮอะ! ปากก็บอกว่าเกลียด ไม่ชอบ อยากไล่ออกจากบ้านอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ที่แท้ก็เล็งตะวันเอาไว้เหมือนกัน แถมยังได้ใจตะวันไปอีก เจ็บใจจริงโว้ยยยยยย!” เพลิงโวยวายจนแทบจะพ่นไฟออกมา คุณภูผาที่ยืนนิ่งอยู่นานก็ถึงกับกลอกตามองบน


               “อย่ามาทำเป็นโมโหพี่หน่อยเลย พี่รู้หรอกว่าแกแค่อยากได้ แต่ไม่ได้คิดจริงจังกับตะวัน” ประโยคนั้นทำเอาผมอยากหันไปถามคุณภูผาจริงๆ ว่ามันหมายความว่ายังไง โดยเฉพาะคำว่า ‘อยากได้’ ที่ผมรู้สึกข้องใจมาก แต่ว่าเพลิงก็ดันพูดกับคุณภูผาขึ้นมาซะก่อน


               “โอเค เรื่องนั้นผมไม่เถียง แต่ที่ผมพูดคือผมเจ็บใจแทนไอ้พฤกษ์ต่างหาก เพราะมันแอบชอบตะวันมาตั้งแต่ตอนปี 1 แล้ว” ประโยคนั้นทำเอาผมอึ้งจนร่างกายแข็งทื่อแทบจะเป็นท่อนไม้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีอาการต่างไปจากผมเลยโดยเฉพาะคุณภูผา


ยกเว้นก็แต่...


               “บ้าเอ๊ย เพลิงรู้โลกรู้จริงๆ กูบอกแล้วไงว่ามึงต้องเหยียบเรื่องนี้ให้มิดห้ามพูดเด็ดขาด” พฤกษ์พูดขึ้นพร้อมกุมขมับ จากนั้นก็จัดการใช้ศอกกระทุ้งสีข้างของเพลิงอย่างแรงจนร้องโอดโอย แต่พฤกษ์ก็ไม่ได้สนใจแล้วหันมองมาทางผมกับคุณภูผา


               “ทั้งสองคนอย่าไปใส่ใจเรื่องที่ไอ้เพลิงมันพูดเลย จะว่าไงดีล่ะ...คือเรื่องนั้นมันนานมากแล้ว ความรู้สึกนั้นมันไม่มีหลงเหลืออีกแล้วล่ะ” พฤกษ์พยายามฝืนยิ้มออกมาให้เป็นธรรมชาติ แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่ยอมสบตาใครเลยสักคน


               “พฤกษ์ คือพี่...” คุณภูผาคงจะพยายามพูดปลอบใจหรือว่าขอโทษเพราะรู้สึกผิด แต่พฤกษ์ก็ชิงยกมือห้ามและพูดขัดขึ้นมาซะก่อน


               “ถ้าพี่ภูจะขอโทษผมก็ไม่ต้องเลยนะครับ ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้ผมไม่ได้คิดอะไรกับตะวันจริงๆ แล้วผมก็ดีใจมากที่พี่กับตะวันได้ลงเอยกัน ผมรู้สึกยินดีแล้วก็มีความสุขมาก” ประโยคสุดท้ายพฤกษ์ยิ้มออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังจ้องมองมาที่ผมกับคุณภูผาโดยไม่หลบตา ผมรู้สึกได้ว่าพฤกษ์พูดมันออกมาจากใจจริงๆ อย่างที่พูด


               “ขอบใจนะพฤกษ์” จากที่มีสีหน้าเป็นกังวลคุณภูผาก็ยิ้มออกมาได้ พอเห็นเรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงด้วยดีกองเชียร์ที่ลุ้นอยู่ข้างๆ ก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก


               “เอาล่ะ พี่ว่าทุกคนควรจะสลายตัวกันได้แล้วนะ พี่ภูกับตะวันเดินทางมาเหนื่อยๆ ก็ควรปล่อยให้พักผ่อนกันบ้าง เอ้าแยกย้ายกันได้แล้ว” คุณธารพูดขึ้นแล้วออกแรงดันแต่ละคนให้สลายตัวออกไปจากตรงนี้ ซึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะผมยังทำตัวไม่ถูก แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรโดยเฉพาะกับพฤกษ์


               หวังว่าหลังจากนี้พฤกษ์จะได้เจอคนดีๆ และเป็นคนที่ใช่ในเร็ววันด้วยเทอญ...


.............................................
..............................
...............


               วันต่อมาผมก็ออกไปเรียนแต่เช้าพร้อมพฤกษ์ตามปกติ โดยที่พฤกษ์ก็ยังคงวางตัวเป็นเพื่อนที่ปรารถนาดีและเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็ไม่ได้มากเกินไปจนล้ำเส้นเข้ามา การมีเพื่อนที่ดีอย่างพฤกษ์ทำให้ผมรู้สึกดีและสบายใจจริงๆ


               ที่มหา’ลัยเราสองคนไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก เอาจริงๆ ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้ว่าเราสองคนอยู่บ้านเดียวกันเลยด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าผมอาศัยติดรถมาด้วยเพราะบ้านอยู่ทางเดียวกัน การที่ผมตั้งใจปิดบังก็ไม่มีอะไรมากนอกจากรักสงบไม่อยากเป็นจุดเด่น เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าที่มหา’ลัยพฤกษ์เป็นคนดังจึงมักจะมีคนรุมล้อมอยู่เสมอ


               หลังจากเลิกเรียนถ้าเป็นปกติพฤกษ์ก็จะตรงกลับบ้าน ส่วนผมก็จะไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหาร แต่ว่าวันนี้ไม่ปกติ เพราะว่าผมได้หอบของมากมายที่ซื้อมาจากหัวหินไปฝากทุกคนที่ร้าน พฤกษ์ที่กลัวว่าผมจะเดินทางลำบากเลยอาสามาส่งถึงที่


               “ขอบใจมากเลยนะพฤกษ์”


               “ไม่เป็นไร ว่าแต่จะให้เรารอรับกลับด้วยเลยมั้ย”


               “อุ้ยอย่าเลย แค่นี้เราก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว พฤกษ์กลับบ้านไปอ่านหนังสือแล้วก็พักผ่อนเถอะ”


“เอางั้นก็ได้” พฤกษ์ยอมอย่างว่าง่าย ผมจึงได้ยิ้มให้แล้วก็โบกมือลา จากนั้นจึงหอบข้าวของทุกอย่างลงรถแล้วเดินตรงไปยังร้านที่ตั้งอยู่ข้างหน้า แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้เปิดประตูเข้าไป คนที่อยู่ข้างในก็ดันประตูพรวดออกมาซะก่อน


               “ฮั่นแน่! หนุ่มที่ไหนมาส่งหรอฮ้าน้องตาหวาน ถึงคนนั้นจะหนุ่มกว่า แต่แอบนอกใจคุณภูผามันไม่ดีเลยนะรู้มั้ย” แน่นอนว่าเสียงแบบนี้ต้องเป็นพี่กิตติอยู่แล้ว ท่าทางจะแอบดูอยู่จากข้างในตั้งแต่ที่ผมกับพฤกษ์มาถึง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร หมิวที่ยืนอยู่ด้วยกันก็ชิงพูดขัดขึ้นมาซะก่อน


               “แหมเจ๊คิตตี้ อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยค่ะ ที่เจ๊พูดแบบนี้ก็เพราะอยากให้ตะวันแบ่งมาให้สักคนใช่มั้ยล่ะ หนูรู้ทันเจ๊หรอก”


               “ต๊าย! ยัยนี่อยู่นานแล้วชักรู้มาก! เดี๋ยวแม่ไล่ออกซะเลยดีมั้ยยะ!” พอได้ยินแบบนี้หมิวก็รีบยกสองมือขึ้นมาประกบกันไว้ที่เหนือศีรษะทันที


“เจ๊คิตตี้คนสวย หนูผิดไปแล้วยกโทษให้หนูด้วยนะค้า” หมิวทำตาปริบๆ แต่ความจริงก็ไม่ได้สำนึกอะไรหรอก เพราะพี่กิตติก็ไม่ได้โกรธจริงจังอยู่แล้ว


               “ย่ะ! ถ้ามีอีกแม่จะสั่งให้ตบปากตามอายุเลยคอยดู!” พี่กิตติจิกตามองแรงใส่หมิว จากนั้นก็หันมาทำตาเป็นประกายอยากรู้อยากเห็นมาทางผม


               “นี่น้องตาหวาน สรุปหนุ่มหล่อเมื่อกี้นี้ใครหรอ เป็นแค่กิ๊กหรือว่าเป็นชู้”


               “โธ่...ไม่ใช่ทั้งคู่นั่นแหละครับ คนที่มาส่งผมเป็นเพื่อนชื่อว่าพฤกษ์ ซึ่งพฤกษ์เนี่ยก็เป็นน้องชายของคุณภูผา แล้วผมก็ไม่เคยคิดจะนอกใจคุณภูผาด้วยครับ” พอผมพูดแบบนี้พี่กิตติก็ร้องอ๋อแล้วพยักหน้าเข้าใจ แต่แล้วเพียงเสี้ยววินาทีก็มองมาที่ผมใหม่เพราะเหมือนจะสะกิดใจอะไรสักอย่าง


               “เดี๋ยวนะน้องตาหวาน ที่พูดมาเมื่อกี้เจ๊รู้สึกข้องใจอะไรนี้สนึง”


               “เรื่องอะไรหรอครับ หรือพี่กิตติไม่เชื่อว่าพฤกษ์เป็นน้องของคุณภูผา?”


               “โอ้โนๆๆ เจ๊ไม่ได้โฟกัสตรงจุดนั้น แต่เจ๊โฟกัสที่น้องตาหวานบอกว่าไม่เคยคิดจะนอกใจคุณภูผาต่างหาก บอกเจ๊มาเดี๋ยวนี้เลยนะว่ามันอะไรยังไง” ตอนนี้ผมได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะดันเผลอหลุดปากพูดเรื่องที่คบกับคุณภูผาออกไปซะแล้ว


               “เอ่อ...คือ...เรื่องนั้น...” ผมคิดอะไรไม่ออกแถมยังไปไม่เป็นอีกต่างหาก พี่กิตติที่เห็นอย่างนั้นเลยแสยะยิ้มออกกว้าง จากนั้นก็ก้าวเท้าเข้ามาจนประชิดตัวผม


               “เจ๊ว่าท่าทางเราจะได้คุยกันยาวเลยล่ะน้องตาหวาน...ยัยหมิว หล่อนไปบอกใครก็ได้ให้ดูแลร้านแทนเจ๊ที เพราะวันนี้เจ๊จะเผือกยาวไปจนกว่าจะนิพพานเลยจ้า!”


               “กรี๊ด! รับแซ่บค่ะเจ๊! แต่เจ๊รอหนูก่อนนะเดี๋ยวหนูจะรีบมาเผือกด้วย!” หมิวพูดจบก็รีบวิ่งไปหาคนดูแลร้านตามคำสั่ง จากนั้นเพียงไม่กี่นาทีก็รีบกลับมาสมทบกับผมที่ถูกพี่กิตติลากขึ้นมาบนห้องที่อยู่ชั้นสอง พร้อมจัดเตรียมที่ทางและเสบียงอย่างเสร็จสรรพ       
     

และแล้วในที่สุดวันนี้ผมก็ไม่ได้ทำงาน เพราะต้องเล่าเรื่องระหว่างตัวเองกับคุณภูผา (แต่ก็มีข้ามบ้างโดยเฉพาะเรื่องคืนนั้น) ให้พี่กิตติและหมิวฟัง ซึ่งการที่ผมไม่ได้ปิดบังเพราะทั้งสองเป็นคนสนิทที่ผมไว้ใจได้ ผมเชื่อว่าทั้งคู่จะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดให้ผมและคุณภูผาเสียหาย ที่มาซักไซ้ก็เพราะอยากรู้และอยากแสดงความยินดีกับผมนั่นเอง


               พอได้เวลาเลิกงานผมก็กลับบ้านตามปกติ โดยหลังจากลงรถแท็กซี่ที่มาจอดหน้าบ้านผมก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะขำกับข้อความที่พี่กิตติและหมิวส่งมาแซวในไลน์กลุ่มที่พึ่งตั้ง


ผมมัวแต่สนใจตรงนั้นเลยไม่ทันได้มองว่ามีคนกำลังดักรออยู่ ซึ่งเขาคนนั้นก็ค่อยๆ ย่างสามขุมเข้ามาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนที่เขาจะรีบรวบตัวและเอามืออุดปากผมเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้ผมหนีและส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ!


2BC


สวัสดีค่า หัวใจชิงรักตอนที่ 12 ก็จบลงไปแล้วน้า  :katai2-1: ตอนนี้แอบเอาชื่อตอนและรูปที่โพสต์ลงเพจมาหลอกนิดนึง กะให้ลุ้นเรื่องพฤกษ์ที่แอบรักตะวัน แต่ก็ปรากฏว่า.......จบตอนมันมีพีคกว่านั้นจ้า  o22
ตอนหน้ามาลุ้นกันนะคะว่าคนที่แอบซุ่มจับตัวตะวันนั้นเป็นใคร (ถ้าเป็นภูผานี่มีฮา 555555  :laugh:) ซึ่ง...ตอนหน้าก็จะเป็นตอนจบของเรื่องแล้ว (แบ่งลงเป็นทีละครึ่งเหมือนเดิม และจะมีบทส่งท้ายอีก 1 ตอน) แอบใจหายนิดนึงเนอะ แต่ก็คิดในแง่ดีว่าจะได้อ่านเรื่องใหม่แล้ว ส่วนจะเป็นเรื่องของใครและแนวไหนก็ต้องมาลุ้นกันนะคะ  :m13:
ก่อนลากันในค่ำคืนนี้ที่ขาดไม่ได้คือเค้าต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่เข้ามาอ่าน คอมเมนท์ และสั่งจองนิยายเข้ามา ทุกคนน่ารักมากๆ รักทุกคนเลยน้า แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะบ๊ายบาย  :bye2:
(28 ส.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 12 ข้าวใหม่ปลามัน [25.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 26-08-2017 00:30:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 12 ข้าวใหม่ปลามัน [25.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 26-08-2017 06:54:32
โดนน้องๆจัดการแน่ๆภูผา มาเอาแม่บ้านที่รักของพวกเค้ามากินเนี้ย :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 12 ข้าวใหม่ปลามัน [25.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 27-08-2017 16:25:19
 :o8: สวีทหวานมากๆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 12 เพื่อนที่แสนดี [28.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 29-08-2017 02:24:59
 :z3: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 12 เพื่อนที่แสนดี [28.08.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 30-08-2017 16:45:50
ใคร!!!!!!บังอาจจับตัวตะวัน พี่ภูช่วยตะวันด้วย
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 13 ความจริงที่ไม่มีวันได้รู้
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 01-09-2017 19:33:06
Part 13# Tawan ความจริงที่ไม่มีวันได้รู้

             
“อื้อ!!!” ผมร้องประท้วงในลำคอด้วยความตกใจ พร้อมกับออกแรงดิ้นไปมาอย่างสุดชีวิต เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีใครมาแอบซุ่มอยู่แล้วจับตัวผมเอาไว้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะแค่ทำร้ายหรือจะฆ่าผมให้ตายกันแน่

             
ตอนนี้ผมกลัวมาก ร่างกายของผมสั่นและน้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะผมคิดว่าวันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะมีชีวิตอยู่ก็ได้


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


ผู้ชายที่ล็อกตัวและปิดปากผมเอาไว้ กลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ผมจำได้ขึ้นใจอย่างไม่มีวันลืม แม้ว่าผมจะไม่ได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงเขามาเป็นเดือนแล้วก็ตาม

               
“แกหยุดดิ้นสักทีได้มั้ย ฉันไม่ได้จะมาทำร้ายแกสักหน่อยไอ้ลูกบ้า” เท่านั้นแหละร่างกายของผมก็ถึงกับชะงักไปทันที เขาที่เห็นอย่างนั้นเลยปล่อยแขนและมือออกจากตัวผม


“คุณพ่อ!” ผมพูดอย่างดีใจแล้วรีบหันหลังกลับไปสวมกอดท่านเอาไว้ ผมน้ำตาไหลพรากด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ จนลืมสังเกตสีหน้าของท่านว่าเป็นแบบไหน รวมทั้งสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองกับผมก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

               
“คุณพ่อมาที่นี่ได้ยังไง แล้วก่อนหน้านี้ไปอยู่ไหนมา คุณพ่อรู้มั้ยว่าผมคิดถึงแล้วก็เป็นห่วง...”

               
“โอ๊ย! พอๆๆ แกไม่ต้องถามเซ้าซี้แล้วก็สาธยายความรู้สึกหรอกฉันไม่อยากฟัง” คุณพ่อพูดขัดขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค จากนั้นก็ดันตัวผมออกไปโดยที่มีท่าทีรำคาญ

               
ผมคิดว่าคุณพ่ออาจจะเหนื่อยเลยไม่อยากให้ผมซักถามแล้วก็เซ้าซี้ล่ะมั้ง แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นท่านกลับพูดขึ้นมาว่า...

               
“ที่ฉันมาวันนี้คือฉันจะมาขอเงินจากแก พรุ่งนี้เจ้าหนี้จะมาเอาแล้ว ถ้าฉันยังไม่มีให้พวกมันได้ฆ่าฉันตายแน่ๆ” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมรู้สึกช็อกจนร่างกายแข็งทื่อ ที่คุณพ่อมาหาผมไม่ใช่ว่าคิดถึงแต่เป็นเพราะต้องการเงินอย่างนั้นเองหรอเนี่ย

               
รู้สึกจุกจนพูดอะไรแทบไม่ออกเลย...

               
“ตอนนี้แกมีเงินอยู่เท่าไหร่” คุณพ่อพูดอย่างเร่งเร้า ผมจึงได้หยิบกระเป๋าตังออกมาแล้วเปิดดูเงินที่อยู่ข้างใน

               
“มีประมาณ 5 พันครับคุณพ่อ” ปกติผมไม่ได้พกเงินติดตัวมากขนาดนี้หรอก แต่ว่าผมกดมาไว้เผื่อใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ตั้งใจจะลาออกจากบ้านแล้ว และถึงแม้ผมจะยังทำงานต่อที่นี่ แต่ผมก็ยังไม่มีเวลาเอาเงินไปฝากธนาคารเลย

               
“แล้วเงินในบัญชีล่ะ?”

               
“ไม่มีแล้วครับ ทั้งตัวผมมีแค่นี้ แต่ผมยังไม่จำเป็นต้องใช้อะไร เพราะงั้นคุณพ่อเอาไปทั้งหมดเลยก็ได้ครับ” ผมหยิบเงินออกจากกระเป๋าตังให้ท่านอย่างไม่คิดเสียดาย เพราะผมเป็นห่วงท่านไม่อยากให้เจ้าหนี้มาทำร้ายหรือว่าฆ่าแกง แต่ท่านก็เบ้ปากแล้วดันมือของผมที่ถือเงินอยู่ออกไปอย่างไม่เห็นค่า

               
“เงินแค่นี้มันจะไปพออะไร ที่ฉันต้องการคือ 3 หมื่นไม่ใช่ 5 พัน!”

               
“หา! เงินมากขนาดนั้นผมไม่มีหรอกครับคุณพ่อ!” ผมรู้สึกตกใจมากที่คุณพ่อมีหนี้ขนาดนี้ จริงอยู่ว่าเมื่อก่อนจะมีคนจากร้านเหล้าหรือนักพนันที่ท่านติดหนี้ไว้มาทวง แต่ยอดมันก็แค่หลักร้อยหรือพันต้นๆ ไม่เคยถึงหมื่นแบบนี้เลย

               
“ไม่รู้ล่ะ ถึงไม่มีแกก็ต้องไปหาหยิบยืมมาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นพวกมันได้ฆ่าฉันทิ้งแน่ๆ หรือว่าแกอยากให้ฉันตาย!”

               
“ผมจะไปอยากให้คุณพ่อตายได้ยังไงกันครับ แต่คุณพ่อมาบอกกะทันหันแบบนี้ผมจะไปหาเงินทันได้ยังไง เพื่อนที่มหา’ลัยของผมก็ใช่ว่าจะมีเงินกันขนาดนั้น แถมผมยังทำแต่งานเลยแทบไม่สนิทกับใครอีกต่างหาก”

               
“ถ้าเพื่อนไม่มีงั้นแกก็ยืมเจ้านายแกสิ! เออใช่ จะว่าไปฉันก็ว่าจะถามแกตั้งแต่มาแล้ว ตอนนี้แกอยู่บ้านหลังนี้งั้นหรอ?” คุณพ่อมองไปยังบ้านที่ผมอาศัยอยู่ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมถึงกับเหงื่อตกและลำบากใจที่จะตอบคำถาม

               
“เอ่อ...คือ...ใช่ครับ ผมอาศัยอยู่ที่นี่ ผมทำงานเป็นแม่บ้านน่ะครับ” พอได้ยินแบบนี้คุณพ่อก็ตาเป็นประกายแล้วยิ้มกว้างออกมาทันที

               
“โอ้โห! บ้านหลังใหญ่แถมยังหรูขนาดนี้ แสดงว่าเจ้านายของแกก็ต้องรวยมากเลยน่ะสิ” คุณพ่อเดินเข้ามาใกล้แล้วใช้สองมือจับไหล่ของผมเอาไว้

               
“เรื่องนั้น...ผมไม่รู้หรอกครับคุณพ่อ” ผมก้มหน้าหลบตา ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ท่านรู้สึกโมโหจนบีบไหล่ของผมแน่น

               
“แกจะไม่รู้ได้ยังไง! อย่ามาโกหกฉันนะ! หรือแกเห็นว่าฉันมีเขางอกออกมาที่หัว!”

               
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณพ่อ คือผมพึ่งทำงานที่นี่ได้แค่เดือนกว่าๆ แล้วผมก็ไม่กล้าออกปากขอยืมเงินเจ้านายมาให้คุณพ่อด้วยครับ”


ผมจะกล้าบากหน้าไปขอยืมเงินคุณภูผาได้ยังไง คุณภูผาคงคิดว่าผมตั้งใจปอกลอกแน่ๆ เพราะเราสองคนพึ่งคบกันได้แค่ 2 วันเท่านั้นเอง


แต่ถึงจะไม่ได้คบกัน ในฐานะลูกจ้างผมก็ไม่กล้าไปขอยืมเงินคุณภูผาอยู่ดี เพราะผมกินฟรีอยู่ฟรีโดยที่รับเงินเดือนเต็มๆ มันก็มากเกินพอแล้ว


“แกไม่กล้าพูดเรื่องขอยืมเงินงั้นหรอ?” คุณพ่อทวนคำพูดของผม น้ำเสียงของท่านดูปกติ ส่วนสีหน้าก็ไม่ได้มีท่าทีโมโหผม เลยคิดว่าท่านน่าจะเข้าใจความลำบากใจของผม

               
“ครับ เพราะงั้นคุณพ่อช่วยไปเจรจากับเจ้าหนี้ได้มั้ย บอกว่าขอผลัดไปก่อนแล้วสิ้นเดือนจะจ่ายคืนให้นะครับ ซึ่งมันอาจจะไม่ทั้งหมด แต่ผมสัญญาว่าจะเอาให้คุณพ่อมากที่สุดเลยครับ” ผมพยายามต่อรอง แน่นอนว่าผมตั้งใจจะทำตามที่พูดไม่ได้โกหกอยู่แล้ว ซึ่งผมก็คิดว่าคุณพ่อคงจะเข้าใจและเห็นด้วย แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย

               
“แกจะบ้ารึไง! จะโลกสวยไปถึงไหนหา! เจ้าหนี้มันคงจะฟังที่ฉันพล่ามหรอก! แค่รู้ว่าฉันไม่มีเงินมันก็คงเอาลูกตะกั่วยัดปากฉันแล้ว!”

               
“ถะ...ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะเป็นคนไปคุยให้เองก็ได้ ผมจะให้บัตรประชาชนหรือเอกสารทุกอย่างเพื่อยืนยันว่าผมจะใช้หนี้ให้จริงๆ”

               
“โว้ยยยยยยยยย! นี่แกไม่ได้เข้าใจอะไรเลยใช่มั้ย! พวกมันไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากเงิน 3 หมื่นเข้าใจมั้ยไอ้ลูกโง่!”

               
“โธ่ คุณพ่อครับ...” ผมพูดอย่างสิ้นหวัง ตอนนี้คุณพ่อกับผมความคิดไม่ตรงกันจนพูดจากันไม่รู้เรื่องแล้ว ผมไม่รู้จริงๆ ว่าปัญหาหนี้สินก้อนนี้มันจะจบลงยังไง

               
ซึ่งขณะที่ผมกำลังกลุ้มใจจนสมองแทบจะระเบิดนั่นเอง...

               
“ตะวันนั่นใคร แล้วเอะอะโวยวายอะไรกันจนเสียงดังเข้าไปในบ้าน” คุณภูผาที่กำลังเดินออกมาจากบ้านพูดขึ้น จากนั้นก็ดึงตัวผมไปอยู่ข้างๆ แล้วจ้องไปที่คุณพ่อตาขวาง

               
“คุณเป็นใคร มาทำอะไรที่หน้าบ้านผม แล้วมายุ่งกับแฟนผมทำไม” ไม่พูดเปล่าคุณภูผายังใช้มือโอบที่ไหล่ของผมเอาไว้เพื่อปกป้องและแสดงความเป็นเจ้าของ คุณพ่อที่เห็นอย่างนั้นจากที่หน้าบึ้งอยู่ก็ยิ้มที่มุมปากออกมาทันที

               
“หืม...แฟน?”

               
“ใช่ คุณมีปัญหารึไง”

               
“แน่นอนมันก็ต้องมีอยู่แล้ว ฉันไม่คิดจะยกลูกชายให้แกฟรีๆ หรอกนะ” เท่านั้นแหละผมก็ถึงกับเหวอจนไปไม่เป็น ทำได้แค่เบิกตากว้างและอ้าปากค้างเท่านั้นเอง

               
“ตะวันนั่นพ่อของนายหรอ” คุณภูผาหันหน้ามาถาม ผมที่พอจะตั้งสติได้แล้วจึงพยักหน้าลงเพื่อยืนยัน

               
“ครับ” ผมไม่ได้ลงรายละเอียดว่าท่านเป็นพ่อเลี้ยง เพราะผมรักและเคารพท่านราวกับว่าเป็นพ่อแท้ๆ แล้วผมก็กลัวว่าถ้าบอกเรื่องนี้ไปคุณภูผาอาจจะเล่นงานคุณพ่อเอา เพราะยังไงซะท่านก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับผม

               
“แล้วคุณมาที่นี่มีธุระอะไร”

               
“ฉันจะมาขอเงินตะวัน แต่ในเมื่อมันไม่มีแกก็เอามาให้ฉันแทนแล้วกันถือซะว่าเป็นค่าตัว ฉันเรียกไม่เยอะหรอกแค่แสนเดียวพอ”

               
“คุณพ่อ!” ตอนนี้ผมทั้งโมโหและรู้สึกอับอายมากจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ผมไม่คิดเลยจริงๆ ว่าคุณพ่อจะกล้าพูดแบบนั้นกับคุณภูผา แถมยังเรียกเงินมากกว่าเดิมโดยอ้างว่าเป็นค่าตัวของผมอีกต่างหาก


เงิน 1 แสนบาทบางคนอาจจะคิดว่าน้อย แต่สำหรับผมแล้วมันมีค่ามาก เพราะผมสามารถอยู่ได้ทั้งปี หรือถ้าเอาไปจ่ายค่าเทอมก็ได้ตั้งหลายเทอม แล้วผมก็ไม่คิดว่าคุณภูผาจำเป็นต้องมาเสียเงินกับเรื่องแบบนี้ด้วย

               
“คุณภูผาอย่าไปใส่ใจที่คุณพ่อพูดเลยนะครับ ท่านคงจะเมาเลยล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง เพราะงั้นผมว่าตอนนี้คุณภูผาเข้าบ้านไปก่อนเถอะนะครับ ผมขอคุยอะไรกับคุณพ่อให้รู้เรื่องแล้วจะตามเข้าไป” ผมพยายามหว่านล้อมและดันคุณภูผาให้เข้าไปในบ้าน แต่คุณภูผาก็ไม่ขยับแถมยังจ้องไปที่หน้าของคุณพ่ออย่างไม่วางตา ซึ่งคุณพ่อก็เช่นกัน

               
จนกระทั่งผ่านไปสักพักคุณภูผาก็พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ

               
“คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกันเดี๋ยวผมมา” คุณภูผาพูดกับคุณพ่อ จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้พูดอะไรกับผมเลย

ตอนนี้ผมรู้สึกงงและสับสนมาก ผมอยากถามคุณภูผาว่าจะไปไหน ไปทำอะไร แต่ผมก็ไม่อยากทิ้งคุณพ่อเอาไว้คนเดียวเลยตัดสินใจยืนอยู่กับท่านตรงนี้

               
ทุกวินาทีที่กำลังดำเนินไปมันช่างแสนยาวนานสำหรับผม ในสมองของผมได้จำลองเหตุการณ์ขึ้นมามากมาย โดยทั้งหมดเป็นเรื่องเลวร้ายต่างกันก็ที่มากน้อยเท่านั้น ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมวิตกกังวลเพราะเป็นห่วงคุณพ่อ ผมจึงตั้งใจว่าจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้ท่านกลับไป แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรคุณภูผาก็เดินออกมาจากบ้านซะแล้ว

               
“คุณภูผาอย่าทำอะไรคุณพ่อเลยนะครับ คือท่าน...” ผมตั้งใจจะพูดแก้ตัวให้คุณพ่อ แต่คุณภูผาก็วางมือลงที่ศีรษะของผมแล้วลูบเบาๆ อย่างอ่อนโยน

               
“วางใจเถอะ ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรพ่อของนายหรอก ฉันแค่จะพูดอะไรด้วยนิดหน่อยเท่านั้นแหละ” คุณภูผายิ้มอย่างอ่อนโยน พอได้ยินแบบนี้ผมจึงรู้สึกโล่งใจราวกับได้ยกภูเขาอันหนักอึ้งออกไปจากอก เพราะงั้นผมจึงหลีกทางให้คุณภูผาสามารถคุยกับคุณพ่อได้อย่างสะดวก

               
“แกมีอะไรจะพูดกับฉัน”

               
“เรื่องค่าตัวของตะวัน ผมว่าคุณเรียกน้อยไปหน่อยนะ”

               
“หา?” คุณพ่อทำหน้างง อย่างว่าแต่ท่านเลยเพราะตอนนี้ผมก็งงไปด้วยเหมือนกัน

               
“สำหรับผมตะวันมีค่ามากกว่านั้น ไม่ว่าเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่ไหนๆ คุณก็เรียกเงินมาแล้ว เพราะงั้นผมก็จะให้ตามคำขอ แต่อย่ามองว่ามันเป็นค่าตัว ให้เรียกว่าค่าสินสอดจะดีกว่า” คุณภูผาพูดจบก็หยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นส่งให้คุณพ่อ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมถึงกับเหวอเพราะไม่คิดว่าคุณภูผาจะให้เงินคุณพ่อจริงๆ แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ผมเหวอมากกว่าสิ่งที่คุณพ่อพูดออกมา

               
“เฮ้ย!!! เงินหนึ่งล้าน!!!”

               
“ว่าไงนะครับคุณพ่อ!” ตอนนี้ผมกับคุณพ่อเบิกตากว้างด้วยความตกใจเหมือนกัน แต่จะต่างกันตรงที่หลังจากนั้นพ่อของผมก็น้ำตาคลอพลางโห่ร้องแล้วหัวเราะลั่น ส่วนผมเมื่อตั้งสติได้ก็หันไปหาคุณภูผา จากนั้นก็เอ่ยถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ

               
“ทำไม...เงินมากมายขนาดนั้น...” บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้ผมอึ้งจนสมองแทบไม่ทำงาน ผมไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดและคำถามที่อยู่ในหัวเป็นล้านออกมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นคุณภูผาก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจความรู้สึกของผม

               
“ฉันบอกแล้วไงว่าสำหรับนายเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพราะงั้นเงิน 1 ล้านมันยังถูกเกินไปเลยด้วยซ้ำ”

               
“แต่คุณภูผาครับ ผมไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น ผมมันก็แค่...”

               
“ชู่วววว เงียบเถอะ ฉันตัดสินใจให้เงินพ่อนายไปแล้ว ฉันรู้ว่านายไม่พอใจเพราะงั้นฉันเลยบอกไงว่าให้ถือเป็นค่าสินสอด”

               
“คุณภูผา...” ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออกจริงๆ เพราะผมทั้งจุกแต่ก็รู้สึกซึ้งในเวลาเดียวกัน คุณภูผาเลยยิ้มให้แล้วลูบที่ศีรษะของผม 2 – 3 ครั้ง จากนั้นก็เบี่ยงตัวเดินตรงไปหาคุณพ่อของผมที่ยังคงโห่ร้องด้วยความดีใจอยู่เลย


“เงินนั่นถึงผมจะบอกว่าเป็นค่าสินสอดของตะวัน แต่ผมก็มีข้อแม้ไม่ได้ให้คุณฟรีๆ หรอกนะ”


“จะมีข้อแม้หรืออะไรก็รีบๆ ว่ามา หวังว่าแกคงไม่เล่นตุกติกจะเอาเงินคืนนะ ยังไงฉันก็ไม่ให้” คุณพ่อพูดอย่างหวาดระแวงแล้วรีบพับเช็คใส่ในกระเป๋าเสื้อ


“ผมไม่ได้จะเล่นตุกติกแล้วก็จะเอาเงินคืนด้วย ผมแค่อยากให้คุณรับปากว่า ถ้าจะรับเงินนั่นคุณต้องออกไปจากชีวิตของตะวัน แล้วก็ห้ามกลับมายุ่งวุ่นวายหรือขอเงินอีกเด็ดขาด ถ้าคุณยังมาให้ตะวันเห็นหน้า ผมจะเรียกตำรวจลากคุณเข้าคุกแน่นอน แล้วก็อย่าคิดล่ะว่าผมจะใจอ่อน เพราะผมไม่ได้เป็นคนใจดีเหมือนกับตะวัน” สิ่งที่คุณภูผาพูดทำเอาผมถึงกับช็อก แต่ที่ช็อกยิ่งกว่าก็คือคำตอบจากคุณพ่อที่พูดออกมาอย่างไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย

 
“ได้ ฉันรับปากว่าจะไม่มาเจอหน้ามันอีก แค่นี้ใช่มั้ยที่แกจะขอ”


“ใช่ ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เพราะงั้นคุณก็กลับไปซะ แล้วอย่าลืมล่ะว่าห้ามกลับมาให้ตะวันเห็นหน้าอีกเด็ดขาด” คุณภูผาพูดจบก็หันกลับมาแล้วจะจูงมือผมเข้าไปในบ้าน แต่ว่าผมก็ขืนตัวไม่ไปไหน แล้วเรียกคุณพ่อที่กำลังเดินจากไปเอาไว้ซะก่อน


“เดี๋ยวครับคุณพ่อ!”


“มีอะไร” คุณพ่อหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองผมด้วยความรำคาญ สายตานั้นมันทำให้ผมรู้สึกกลัวจนแทบไม่กล้าถามในสิ่งที่คิด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากรู้คำตอบอยู่ดีจนกลั้นใจถามออกไป


“คุณพ่อเคยรักผมบ้างมั้ยครับ เคยเห็นผมเป็นลูกจริงๆ บ้างรึเปล่า” ส่วนผมนั้นแน่นอนว่าผมรักคุณพ่อมาก แล้วก็คิดเสมอว่าท่านคือคุณพ่อแท้ๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นท่านกลับตอบผมมาว่า...


“หึ! ถามอะไรโง่ๆ ถ้าฉันรักแกฉันจะทำแบบนี้กับแกมั้ยล่ะ แกมันก็แค่ตัวหาเงินให้ฉันใช้เท่านั้นแหละ”


สิ่งที่ได้ยินมันทำให้ผมรู้สึกจุกที่อกราวกับมีอะไรบีบรัดอย่างรุนแรง แถมมันยังเจ็บจนแทบหายใจไม่ออกอีกต่างหาก จนความเจ็บนั้นมันได้กลายเป็นน้ำตาที่ไหลทะลักลงมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ถึงอย่างนั้นคุณพ่อก็ไม่สนใจ เพียงแค่ปรายตามามองเท่านั้นแล้วก็เดินจากไปทันที


“ฮึ่ก...ฮือออออออออ” ผมปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น คุณภูผาที่เห็นอย่างนั้นเลยตรงเข้ามากอดปลอบผมเอาไว้


ผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าตอนนี้ไม่มีคุณภูผาอยู่ข้างกายผมจะเป็นยังไง ผมจะทำใจได้มั้ยที่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณพ่อเห็นผมเป็นแค่ตัวหาเงินและไม่เคยรักผมเลย...



PhuPha



   ตอนนี้ผมกำลังกอดปลอบตะวันที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวสั่นอย่างน่าสงสาร เมื่อรับรู้ว่าพ่อเลี้ยงที่เคารพรักราวกับพ่อแท้ๆ ไม่เคยเห็นตัวเองเป็นลูกเลยแม้แต่น้อย ผมเข้าใจความรู้สึกของตะวันดี เพราะผมก็เคยรู้สึกแบบนั้นกับพ่อและแม่ของตัวเองมาก่อนเหมือนกัน


    แต่ถึงอย่างนั้น ครั้งนี้ผมก็เข้าใจและนับถือหัวใจของพ่อตะวันด้วย...


   ย้อนกลับไปเมื่อ 2 วันก่อน ผมได้เจอกับพ่อตะวันมาก่อนแล้วที่หัวหิน ตอนนั้นผมกำลังเดินไปที่รถเพื่อจะเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน แต่ก็เห็นมีคนมาด้อมๆ มองๆ อยู่ใกล้ๆ เลยเดินเข้าไปหา จึงได้รู้ว่าเขาคือพ่อของตะวัน


    ผมไม่ค่อยรู้เรื่องครอบครัวของตะวันเท่าไหร่ แต่ก็พอรู้จากพฤกษ์นิดหน่อยว่าแม่ของตะวันเสียชีวิตไปแล้ว เพราะงั้นตะวันจึงต้องอยู่กับพ่อเลี้ยง 2 คนที่ดูเหมือนว่าจะยังทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้รู้ละเอียดขนาดที่ว่าท่านจะกินแต่เหล้า เอาแต่เล่นพนัน และไม่ทำการทำงาน จนกระทั่งได้ฟังจากปากของท่านเอง


   ท่านเล่าด้วยความภาคภูมิใจว่าตะวันเป็นเด็กดีมาก เพราะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทุกอย่างแต่ก็ไม่เคยบ่นหรือตำหนิอะไรท่านเลย มิหนำซ้ำยังดูแลท่านเป็นอย่างดีอีกต่างหาก แต่ท่านก็ไม่เคยเห็นค่าหรือคิดกลับตัวกลับใจได้ จนกระทั่งวันนั้น...


   ตะวันยื่นเงินค่าเช่าห้อง 3 เดือนที่ค้างไว้ให้ท่านไปจ่าย ซึ่งท่านก็ตั้งใจจะเอาไปจ่ายจริงๆ แต่ก็ดันถูกคนในอพาร์ทเม้นท์ที่รู้จักขโมยเงินไปซะก่อน ซ้ำร้ายพอจะไปแจ้งความกลับถูกเขาคนนั้นชิงแจ้งตัดหน้า แถมตำรวจยังเชื่อเขาซะด้วยเพราะตัวท่านเองมีประวัติไม่ดี ทำให้ท่านต้องถูกจับเข้าคุกในที่สุด


   กว่าความจริงจะปรากฏเวลาก็ผ่านไปนานเกือบเดือน เพราะคนร้ายตัวจริงถูกจับกุมข้อหาชิงทรัพย์ ทำให้ตำรวจเจ้าของคดีต้องรื้อทุกอย่างแล้วสอบสวนใหม่ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ตำรวจคนนั้นรู้สึกผิดมาก จึงได้ไถ่โทษโดยการฝากฝังให้ท่านไปทำงานกับเพื่อนที่อยู่หัวหิน
ท่านที่ไม่กล้ากลับไปสู้หน้าตะวันอยู่แล้ว จึงตั้งใจจะทำงานจนมั่นคงและเก็บเงินสักก้อนก่อนจะไปรับตะวันมาอยู่ด้วยกัน แต่ท่านก็เจอตะวันกับผมเดินเล่นด้วยกันที่หัวหินเข้าซะก่อน


   ท่านบอกว่าเจอพวกเราสองคนที่เวเนซีย เพราะท่านทำงานเป็นผู้ช่วยในร้านค้าของที่นั่น จากนั้นจึงได้คอยแอบมองเพราะคิดถึงและเป็นห่วงตะวัน ก่อนที่จะถึงขั้นสะกดรอยตามมาถึงบ้านพักต่างอากาศริมทะเล


   แต่ด้วยความที่ไม่กล้าเข้ามาทักและไม่อยากรบกวนตอนมืดค่ำ ท่านจึงได้ตัดใจแล้วกลับมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งก็ทำให้ผมได้พบและเข้ามาพูดคุยกับท่านในตอนนี้นั่นเอง


   ผมแนะนำตัวอย่างไม่คิดจะปิดบังว่าเป็นคนรักของตะวัน แต่ท่านก็ดูไม่ได้ตกใจคงเพราะน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่แอบตามดูแล้ว ท่านบอกว่าไม่มีปัญหาหรือคัดค้านอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ตะวันมีความสุขท่านก็พึงพอใจและมีความสุขด้วย


   “ความจริงผมตั้งใจว่าจะมารับตะวันไปอยู่ด้วยกัน แต่ก็คงไม่ต้องเพราะตะวันมีคุณอยู่ข้างๆ อยู่แล้ว คุณสัญญากับผมได้มั้ยว่าจะรักและดูแลตะวันอย่างดี จะไม่มีวันทำให้ตะวันเสียใจเด็ดขาด” พ่อของตะวันมองเข้ามาที่ดวงตาของผม ซึ่งผมก็ตอบกลับไปอย่างมั่นคงและหนักแน่นโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยแม้แต่น้อย


“ครับ ผมสัญญา”


“ขอบใจมาก แต่ถึงคุณไม่สัญญาผมก็เชื่อว่าคุณต้องดูแลตะวันได้ดีแน่นอน รอยยิ้มของตะวันที่เห็นเมื่อวานมันสดใสและออกมาจากใจจริงๆ ซึ่งตั้งแต่แม่ของเขาตายผมก็แทบไม่เคยเห็นมันอีกเลย...” พูดถึงตรงนี้สีหน้าของท่านก็ดูเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ท่านจะพูดขึ้นอีกว่า...


“ที่ผ่านมาผมแย่มากที่ทำตัวเป็นภาระตะวัน เอาแต่เข้าบ่อนไม่ก็กินเหล้าหัวราน้ำ แต่ถึงอย่างนั้นตะวันก็ยังดูแลผมเป็นอย่างดี ถ้าเป็นคนอื่นคงหนีไปไม่สนใจแล้วเพราะยังไงผมก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ตะวันเป็นเด็กดีมากจริงๆ มากซะจนผมละอายใจไม่กล้าที่จะไปสู้หน้าเลย”


“คุณพูดเหมือนว่าจะไม่ไปเจอตะวัน?”


“ใช่ ผมตัดสินใจแล้ว ถ้าตะวันเห็นผมแล้วรู้ว่าผมตั้งใจจะลงหลักปักฐานที่นี่ บางทีตะวันอาจจะตัดสินใจทิ้งคุณแล้วมาอยู่ดูแลผมก็ได้ คุณก็รู้ว่าตะวันเป็นคนที่เลือกความสุขของตัวเองเอาไว้ลำดับสุดท้าย เพราะงั้นผมถึงเลือกตัดใจไม่ไปเจอตะวันจะดีกว่า”


“คุณ...คิดดีแล้วหรอครับ?” ผมรู้สึกทึ่งในความคิดนั้นเพราะมันสุดโต่งเกินไป ไม่ต้องบอกเลยว่ามันยากแค่ไหนที่จะตัดใจได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่มันก็มีตั้งหลายวิธีที่จะทำให้ทุกฝ่ายมีความสุข


“ผมคิดดีแล้ว ถึงคุณจะโน้มน้าวยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก แถมผมยังมีเรื่องที่จะขอร้องให้คุณช่วยด้วย”


“เรื่องอะไรครับ”


“ช่วยเล่นละครตบตาตะวันที ผมอยากให้ตะวันเกลียด หรือไม่ก็ผิดหวังจนไม่คิดถึงและตามหาผมอีก ผมอยากให้ตะวันมีความสุขกับปัจจุบันและอนาคตที่มีคุณ คุณพอจะช่วยผมได้มั้ย”


เรื่องที่ถูกขอให้ช่วยมันทำให้ผมตัดสินใจลำบากมากจริงๆ เพราะผมไม่อยากให้ตะวันกับพ่อต้องจากกันทั้งที่ยังรักและห่วงใยกัน ที่สำคัญผมไม่อยากเห็นตะวันต้องเจ็บปวดจนต้องเสียน้ำตา แต่ผมก็เดาว่าถึงผมจะไม่ช่วยท่านก็คงมีวิธีจัดการด้วยตัวเอง และตะวันก็คงจะต้องร้องไห้ด้วยความเสียใจคนเดียวแน่นอน


เพราะงั้น...


“ได้ครับ ผมจะช่วยคุณเล่นละคร แต่ว่าผมมีข้อแม้นิดหน่อยนะครับ” แล้วผมก็กระซิบบอกข้อแม้ที่ว่า ซึ่งท่านก็ดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับปากทำตามที่ผมร้องขอ ก่อนที่ท่านคุยนัดแนะเรื่องแผนการ พร้อมวันเวลาที่จะเล่นละครตบตาตะวัน


แล้วหลังจากนั้น เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นและดำเนินมาจนถึงตอนนี้...


“ไหนๆ คุณก็เรียกเงินมาแล้ว เพราะงั้นผมก็จะให้ตามคำขอ แต่อย่ามองว่ามันเป็นค่าตัว ให้เรียกว่าค่าสินสอดจะดีกว่า” พูดจบผมก็หยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นส่งให้พ่อตะวัน ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ท่านถึงกับงงเล็กน้อย เพราะนี่มันไม่ได้อยู่ในแผนการที่ท่านเตี๊ยมเอาไว้กับผม


ความจริงผมต้องทำทีว่าจะโทรเรียกตำรวจ ท่านที่กลัวเลยรีบหนีไปแต่ก็จะชี้หน้าด่าตะวันทิ้งท้าย พร้อมกับลั่นว่าจะตัดพ่อตัดลูกแล้วไม่ให้ตะวันมาเจอหน้าอีก ดังนั้นเมื่อได้เช็คจากผมท่านเลยมีสีหน้างุนงง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นจำนวนเงินที่เขียนเอาไว้ในนั้น


   “เฮ้ย!!! เงินหนึ่งล้าน!!!”


   “ว่าไงนะครับคุณพ่อ!” ไม่ใช่แค่ท่านแต่ตะวันก็ตกใจเช่นเดียวกัน ผมเลยแอบยิ้มและพยักหน้าให้ท่านรับเช็คจำนวนนั้นไป ก่อนที่ตะวันจะหันมาหาผมด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเลยสักนิด


   “ทำไม...เงินมากมายขนาดนั้น...”


   “ฉันบอกแล้วไงว่าสำหรับนายเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพราะงั้นเงิน 1 ล้านมันยังถูกเกินไปเลยด้วยซ้ำ” แน่นอนว่าผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ตะวันเป็นสิ่งที่มีค่าในชีวิตของผมที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ต่อให้เอาอะไรมาแลกผมก็ไม่ยอม


   “แต่คุณภูผาครับ ผมไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น ผมมันก็แค่...”


   “ชู่วววว เงียบเถอะ ฉันตัดสินใจให้เงินพ่อนายไปแล้ว ฉันรู้ว่านายไม่พอใจเพราะงั้นฉันเลยบอกไงว่าให้ถือเป็นค่าสินสอด” ประโยคนี้ผมตั้งใจพูดกับพ่อของตะวันด้วย เพราะผมรู้ว่าถ้าให้เฉยๆ ท่านคงไม่รับอย่างแน่นอน


   “คุณภูผา...” ตะวันพูดอะไรไม่ออก ผมจึงยิ้มให้แล้วลูบที่ศีรษะเล็กๆ 2 – 3 ครั้ง จากนั้นก็เบี่ยงตัวเดินตรงไปหาพ่อของตะวัน ที่กำลังแสดงละครทำเป็นโห่ร้องด้วยความดีใจที่ได้เงินก้อนใหญ่ ก่อนที่เหตุการณ์จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งท่านรับปากว่าจะไม่มาเจอหน้าตะวันอีกเป็นครั้งที่สอง


ซึ่งก่อนที่ท่านจะไป...


“เดี๋ยวครับคุณพ่อ!” ตะวันก็เรียกท่านเอาไว้ ท่านจึงหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองด้วยความรำคาญ


“มีอะไร”


“คุณพ่อเคยรักผมบ้างมั้ยครับ เคยเห็นผมเป็นลูกจริงๆ บ้างรึเปล่า” ตะวันถามด้วยเสียงสั่นเครือ ผมคิดว่าบางทีตะวันอาจจะพอรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ที่ถามก็คงเพราะคาดหวังว่าท่านจะตอบแบบถนอมน้ำใจ ถึงแม้จะโกหกก็ไม่เป็นไรถ้ามันทำให้รู้สึกดี


แต่แน่นอน ท่านต้องเลือกพูดจาทำร้ายจิตใจจนตะวันร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว


“หึ! ถามอะไรโง่ๆ ถ้าฉันรักแกฉันจะทำแบบนี้กับแกมั้ยล่ะ แกมันก็แค่ตัวหาเงินให้ฉันใช้เท่านั้นแหละ” พูดจบท่านก็ปรายตามองไปที่ตะวัน จากนั้นก็หมุนตัวกลับแล้วเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยทันที แต่ถึงอย่างนั้นถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า แววตาของท่านนั้นเศร้าและขมขื่นเหลือเกินที่ต้องโกหกตะวันออกไปแบบนี้


เสียดายจริงๆ ที่ตะวันมองไม่เห็น เพราะภาพทุกอย่างได้ถูกน้ำตาที่พังทลายลงมาบดบังมันเอาไว้จนพร่ามัว...


“ฮึ่ก...ฮือออออออออ” ตะวันร้องไห้ปานจะขาดใจ ทำเอาผมที่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการนี้รู้สึกผิดเอามากๆ จึงได้ตรงเข้าไปกอดปลอบตะวันแล้วพร่ำขอโทษอยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมา


หลังจากนี้ผมจะไม่ทำให้ตะวันเสียใจจนร้องไห้อีกเป็นอันขาด ผมจะรัก ทะนุถนอม และดูแลตะวันเป็นอย่างดี แล้วผมก็จะทำให้ตะวันมีความสุขในทุกๆ วันโดยมีผมเคียงข้างตลอดไป


ผมมั่นใจว่าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน


ผมสัญญา...


2BC


สวัสดีค่ะทุกคน หัวใจชิงรักตอนที่ 13 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า  สำหรับตอนนี้ก็อย่างที่เค้าเคยบอกไปแล้วเนอะว่าจะเป็นตอนจบของเรื่องแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าพึ่งใจหายกันนะคะ เพราะยังมีบทส่งท้ายอีก 1 ตอนที่จะทำให้เรื่องราวสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่ง...จะเป็นตอนแบบไหน จะหวานหยดย้อยหรือว่าซึ้งตราตรึงใจก็ต้องมาลุ้นกันนะคะ รอกันไม่นานค่ะพรุ่งนี้ค่ำๆเค้าจะรีบมาอัพให้เลย แล้วเจอกันนะคะ มาร่วมส่งท้ายความรักของพี่ภูและตะวันกันด้วยน้า  :m13:
(4 ก.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 13 ค่าสินสอด [1.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 01-09-2017 22:09:36
ไม่ต้องมีหรอกพ่อแบบนี้ เลวๆๆๆๆ :angry2:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 13 ค่าสินสอด [1.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 04-09-2017 02:17:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 13 ความจริงที่ไม่มีวันได้รู้ [4.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-09-2017 19:00:10
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 13 ความจริงที่ไม่มีวันได้รู้ [4.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 05-09-2017 01:41:09
 :m15:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก ตอนที่ 13 ความจริงที่ไม่มีวันได้รู้ [4.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-09-2017 14:48:46
 :mew4: น้ำตาซึม ด่าคุณพ่อไปเยอะด้วย
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก บทส่งท้าย [5.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 05-09-2017 19:50:02
[H.E.A.R.T.] H. Hanger หัวใจชิงรัก


บทส่งท้าย


   “คุณภูผา คุณจะรับตะวันเป็นคู่ชีวิต พร้อมสัญญาว่าจะรัก ซื่อสัตย์ และดูแลทั้งยามทุกข์หรือยามสุขตลอดไปหรือไม่” พี่กิตติที่รับหน้าที่เป็นบาทหลวงจำเป็นพูดขึ้น โดยมีกองเชียร์อีก 4 คนอย่างคุณธาร พฤกษ์ เพลิง และน้องวาอยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังมองมาที่ผมกับคุณภูผาพลางลุ้นจนตัวเกร็ง


    วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 เดือนที่เราคบกัน ดังนั้นคุณภูผาเลยชวนผมกับทุกคนในบ้าน รวมทั้งพี่กิตติมายังบ้านพักต่างอากาศที่หัวหิน ซึ่งมีแต่ความทรงจำดีๆ เพื่อจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เฉลิมฉลอง โดยที่ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณภูผาจะทำเซอร์ไพรส์เป็นครั้งที่ 2 ด้วยการขอผมแต่งงานแบบนี้


   หลังจากที่พี่กิตติพูดจบคุณภูผาก็หันมองไปทางรั้วบ้าน ซึ่งผมไม่ได้เอะใจเลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังแอบมองมาและน้ำตาซึมอยู่ที่นั่น จากนั้นคุณภูผาก็หันหน้ากลับมา แล้วจ้องมองเข้ามาในดวงตาของผมอย่างหนักแน่นและมั่นคง พร้อมกับพูดขึ้นว่า...


   “ครับ ผมจะรับตะวันเป็นคู่ชีวิต พร้อมสัญญาว่าจะรัก ซื่อสัตย์ และดูแลทั้งยามทุกข์หรือยามสุขตลอดไป” คำพูดนั้นทำเอาผมซึ้งและตื้นตันจนอดที่จะน้ำตารื้นขึ้นมาไม่ได้


   “ส่วนตะวัน คุณก็จะรับคุณภูผาเป็นคู่ชีวิต พร้อมสัญญาว่าจะรัก ซื่อสัตย์ และดูแลทั้งยามทุกข์หรือยามสุขตลอดไปเช่นกันใช่รึเปล่า” คราวนี้พี่กิตติถามผม ซึ่งผมก็ตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลเช่นกัน


   “ครับ ผมจะรับคุณภูผาเป็นคู่ชีวิต พร้อมสัญญาว่าจะรัก ซื่อสัตย์ และดูแลทั้งยามทุกข์หรือยามสุขตลอดไป”


   “เอาล่ะ เมื่อท่านทั้งสองได้สัญญาเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็ขอให้ท่านสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้กันและกัน เพื่อแสดงถึงความรักและความซื่อสัตย์แต่เพียงผู้เดียว” พอได้ยินพี่กิตติพูดแบบนี้ คุณภูผาก็หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็เปิดออกแล้วหยิบแหวนทองคำขาวเรียบๆ แต่สลักชื่อของเราสองคนเอาไว้ข้างในออกมา


   คุณภูผาบรรจงจับมือผมเอาไว้อย่างแผ่วเบาแล้วค่อยๆ สวมแหวนเข้ามาช้าๆ เสร็จแล้วผมก็หยิบแหวนตามด้วยการสวมให้คุณภูผาบ้าง ก่อนที่เราทั้งคู่จะยิ้มให้กันและมองตากันด้วยความรักอย่างหวานซึ้ง


   “คราวนี้ก็ถึงคราวเสี่ยงทายหาผู้โชคดีที่จะได้มีคู่เป็นคนต่อไปแล้ว ซึ่ง.................หมดหน้าที่ของเจ๊แล้วนะฮ้า! โยนดอกไม้มาทางนี้เลยค่ะน้องตาหวาน! เจ๊อยากมีผัวกับเขาสักทีแล้วค่า!”


ตอนนี้พี่กิตติได้ทิ้งคราบบาทหลวงผู้สำรวม กลายเป็นเจ๊คิตตี้ผู้มีจริตจะก้านเกินผู้หญิงไปเรียบร้อยแล้ว ผมกับคุณภูผาที่มองตากันอย่างหวานซึ้งเลยหัวเราะออกมาอย่างขำๆ จากนั้นคุณภูผาก็เกณฑ์ทุกคนไปยืนเรียงกัน โดยที่ผมนั้นยืนหันหลัง จึงไม่รู้ว่าใครกำลังยืนอยู่ตรงจุดไหน


   “พร้อมมั้ยครับทุกคน!” ผมตะโกนถาม ชักตื่นเต้นขึ้นมานิดๆ ซะแล้วสิ


   “พร้อม!!!!!” ชายหนุ่มทั้ง 5 (ที่มีหัวใจเป็นหญิงสาวอยู่ 1) ตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ผมจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วนับ 1 – 3 จากนั้นก็โยนช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือส่งไปที่ข้างหลังทันที


   ซึ่งคนที่ได้รับนั่นก็คือ...


   “อ๊ะ! ไหงโยนมาทางฉันได้ล่ะตะวัน?” คุณธารพูดขึ้น ผมจึงหันหลังกลับไปดู จึงเห็นว่าตอนนี้คุณธารกำลังทำหน้างงๆ โดยที่มีช่อดอกไม้อยู่ในมือ


   “ว้าววววว อย่างนี้พี่ธารก็จะได้แต่งงานเป็นคนต่อไปใช่มั้ยครับเนี่ย” น้องวาพูดพร้อมกับทำตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น แต่คุณธารกลับทำหน้ายี้ใส่ซะงั้น


   “พูดเป็นเล่นน่ะวา คนอย่างพี่เนี่ยนะจะแต่งงาน? ฝันไปเถอะ!” ผมรู้สึกแปลกใจที่คุณธารพูดออกมาแบบนี้ เพราะงั้นผมจึงได้ถามออกไปเพื่อให้หายข้องใจ


“ทำไมหรอครับคุณธาร การได้แต่งงานกับคนที่รักมันมีความสุขมากเลยนะครับ” พูดจบผมก็หันมองไปที่คุณภูผา คุณภูผาจึงเดินมาใกล้ๆ แล้วกุมมือผมเอาไว้


   “ความสุขของฉันคือการไม่ผูกมัดกับใครต่างหาก ความรักมันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อจะตายไป ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะทนอยู่กับคนคนเดียวแบบจำเจตลอดไปได้หรอกนะตะวัน”


   “ที่คุณธารพูดแบบนั้นเพราะยังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหากล่ะครับ ผมเชื่อว่าถ้าคุณธารได้เจอคนคนนั้น ความคิดของคุณธารจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน” ผมเชื่ออย่างที่พูดจริงๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าคุณธารจะไม่ได้เชื่อเหมือนผม แถมยังมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระอีกต่างหาก


   “เฮ้อออออ วันนี้เป็นวันมงคลของตะวันกับพี่ภูนะ เพราะงั้นฉันว่าเราอย่าเสียเวลาแล้วมาฉลองกันต่อดีกว่า...เจ๊คิตตี้ครับ ช่วยนำทุกคนฉลองหน่อยได้มั้ยเอ่ย?” คุณธารจงใจเปลี่ยนเรื่องแล้วโยนหน้าที่ให้พี่กิตติ พี่แกที่เป็นคนตลก เฮฮา และสนิทกับทุกคนแล้วแม้จะพึ่งเจอกันวันนี้ จึงได้รับช่วงต่อจากคุณธารทันทีอย่างไม่มีติดขัด


   “เอาล่ะทุกคน ตอนนี้พิธีสาบานรักและการโยนช่อดอกไม้ก็เสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นเรามาดื่มฉลองให้กับคู่รักอย่างคุณภูผาและน้องตาหวานกันดีกว่า ทุกคนว่าดีมั้ยฮ้า!”


   “ดี!!!”


   “โอเค แต่ว่าก่อนที่พวกเราจะดื่มฉลองกัน ยังมีเรื่องสำคัญอีก 1 เรื่องนะคะที่คุณภูผากับน้องตาหวานยังไม่ได้ทำ มีใครรู้มั้ยว่าเรื่องนั้นคือเรื่องอะไร” พี่คิตตี้ยิ้มกรุ้มกริ่ม น้องวาจึงยกมือขึ้นแล้วตะโกนตอบออกมาทั้งๆ ที่ผมยังงงอยู่เลย


   “ผมรู้ครับเจ๊คิตตี้! จูบสาบานใช่มั้ยครับ!” เท่านั้นแหละผมก็เบิกตากว้างแล้วหน้าร้อนวาบขึ้นมาทันที


   “ถูกต้องเลยฮ้า! ไหนใครอยากเห็นคุณภูผากับน้องตาหวานจูบกันบ้างขอเสียงเชียร์หน่อยเร้วววว!” พี่กิตติพูดจบก็เอียงหน้าไปข้างๆ แล้วเอามือป้องหู ทุกคนที่อยู่ที่นี่ทั้งคุณธาร พฤกษ์ เพลิง และน้องวาจึงร่วมใจกันส่งเสียงเชียร์อย่างพร้อมเพรียงกันจนกึกก้องไปทั้งชายหาด


   “จูบเลยๆๆๆๆๆๆ”


   ตอนนี้ผมเขินและอายมากจนแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว แต่คุณภูผากลับไม่เป็นเหมือนผม แถมยังดูเหมือนว่าจะชอบใจอีกต่างหาก เพราะได้ใช้สองมือจับไหล่ของผมให้หันไปหา ก่อนที่จะก้มหน้าลงมากระซิบกับผมว่า...


   “ไม่ต้องเขินไปหรอกน่า มากกว่านี้ก็เคยทำมาแล้วไม่ใช่รึไง”


   “คุณภูผา!” ผมถลึงตาใส่ ก่อนจะรีบหันซ้ายหันขวาว่ามีใครได้ยินที่คุณภูผาพูดรึเปล่า แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มี เพราะตอนนี้เสียงเชียร์กับเสียงปรบมือนั้นดังมากจริงๆ


   “ถ้าอายจะหลับตาลงก็ได้นะ แล้วคิดซะว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในห้องกันแค่สองคน”


   ผมไม่คิดว่าสิ่งที่คุณภูผาพูดมันจะทำได้ง่ายๆ แต่เอาเข้าจริงพอหลับตาลงแล้วลองตั้งสมาธิดูมันก็ไม่ยากอย่างที่คิด ตอนนี้ผมไม่รับรู้ถึงเสียงรบกวนของคนรอบข้างแต่อย่างใด ผมรับรู้แต่เสียงลมหายใจและไออุ่นของคุณภูผา ที่ค่อยๆ ขยับเข้ามาแนบชิดจนกระทั่งแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ


   จูบนี้แม้จะไม่ได้เป็นจูบแรก แต่ก็เป็นจูบที่หวานล้ำและตราตรึงที่สุดในความทรงจำ เพราะมันโอบล้อมไปด้วยผู้คนที่ผมรัก ท่ามกลางเสียงคลื่นที่ซัดสาด แสงจันทร์อันนวลผ่อง และดวงดาวที่สุกสกาวนับล้าน ที่เป็นสัขขีพยานในการจูบสาบานรักของพวกเรา...


...จบบริบูรณ์...


สวัสดีค่ะทุกคน ในที่สุดความรักของภูผาและตะวันก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้วนะคะ ซึ่งก็เป็นความรักที่ขมนิดๆ ในตอนแรกเนอะ แต่เรื่องพอกลางเรื่องไปก็หวานหยดย้อยจนบางคนอาจจะเลี่ยนได้เลย > < แต่ถึงอย่างนั้นเราก็หวังว่าทุกคนจะประทับใจและชื่นชอบกันนะคะ  :impress3:
มาพูดถึงนิสัยตัวละครกันหน่อย เอาพระเอกอย่างภูผาพี่ใหญ่ก่อนเลย ช่วงแรกพี่แกก็จะมีความไบโพลาร์หน่อยๆ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เป็นคนที่แทบทุกเสียงที่อ่านออนไลน์บอกว่ามีความย้อนแยงในตัวสูงมาก  :laugh: แต่นั่นก็เพราะยังอคติกับตะวันอยู่ พอหายอคติพี่แกนี่รุกแรงกว่าใครเพื่อน แถมยังอบอุ่นและโรแมนติกซะด้วย เชื่อว่าคนที่เคยด่าหลายๆ คนได้กลายเป็นชอบและเชียร์พี่แกสุดใจแน่นอน  o18
ส่วนตะวัน นายเอกของเรื่องที่ถึงแม้ชีวิตจะรันทดและอาภัพ ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลาย เป็นคนอ่อนหวาน พูดเพราะ และขยันมาก งานบ้านงานครัวนี่ทำได้ทุกอย่าง แถมยังชอบดูแลคนอื่นอีกต่างหาก ก็ไม่แปลกหรอกเนอะที่ทุกคนจะรักและเอ็นดู  :man1: ภูผาโชคดีมากๆ ที่เป็นคนได้หัวใจของตะวันไปครอง
ตั้งแต่บรรทัดแรกจนถึงบรรทัดสุดท้ายที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ เราก็หวังว่าทุกคนจะชอบ มีความสุข และประทับใจกับความรักของคู่ภูตะวันนะคะ มันอาจจะเป็นความรักเรียบๆ ไม่หวือหวา แต่ถึงอย่างนั้นความรักที่ทั้งคู่มีให้กันมันไม่ได้ธรรมดาเลยล่ะค่ะ
และสำหรับคนที่ต้องการความรักแบบแซ่บๆ และร้อนแรงยิ่งกว่าแดดประเทศไทย ก็ต้องติดตามเรื่องต่อไปของโปรเจคซีรีส์นี้เลยค่ะ นั่นก็คือ... E. Erotic หัวใจร้อนรัก  :z1: แค่ชื่อก็การันตีถึงความแซ่บแล้ว มีใครรู้มั้ยนะว่าจะเป็นเรื่องของใครในบ้าน และเขาคนนั้นจะคู่กับหนุ่มแบบไหน แต่ถ้าไม่อยากเดาก็มาลุ้นกันอีกไม่กี่วันนะคะ น่าจะศุกร์หรือเสาร์นี้แหละเราจะมาลงให้อ่านแน่นอน ลงต่อในบทความนี้เลยค่า ^^
ปล.ขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่ติดตามและเอาใจช่วยคู่ภูตะวันมาจนถึงตอนนี้  :pig4: ขอบคุณจริงๆที่เข้ามาอ่าน คอมเมนท์ให้ และสั่งจองหนังสือนิยายเข้ามานะคะ ขอย้ำนิดนึงหนังสือจะเปิดจองถึงสิ้นเดือนก.ย.นี้ ราคาเบาๆ 259 เท่านั้น ยังไงก็ช่วยรับพี่ภูและตะวันไปนอนกอดนอนฟัดด้วยน้า มีตอนพิเศษในเล่ม 2 ตอนรับรองว่าถูกใจแน่นอนค่ะ รักทุกคนเลยน้า แล้วเจอกันคู่ต่อไปค่ะ บ๊ายบายยยยยย  :bye2:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก บทส่งท้าย P.3 [5.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 05-09-2017 20:47:05
จบประทับใจมากครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก บทส่งท้าย P.3 [5.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-09-2017 21:04:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก บทส่งท้าย P.3 [5.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 06-09-2017 04:08:16
 :pig4: ขอบคุณที่เขียนนิยายฟินๆหวานๆน่ารักๆให้อ่านคะ ชอบทุกเรื่องที่ไรท์เขียนมาก รอคู่พี่ธารคะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก บทส่งท้าย P.3 [5.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 06-09-2017 09:13:52
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก บทส่งท้าย P.3 [5.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-09-2017 09:55:58
 :pig4: :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก บทส่งท้าย P.3 [5.09.60]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-09-2017 11:23:19
น่ารักกกกกก ^^
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก บทนำ หนุ่มใสซื่อไร้ประสบการณ์(กาม) [10.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 10-09-2017 19:17:08
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Intro# Thara หนุ่มใสซื่อไร้ประสบการณ์ (กาม)


   “ผมขอร้อง คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้ผมยอมทั้งนั้น จะให้ผมเป็นหมา เป็นแมว หรือเป็นสัตว์เลี้ยงอะไรของคุณก็ได้ แต่ขออย่างเดียวคุณอย่าทิ้งผมไปเลยนะ ชีวิตของผมถ้าขาดคุณคงต้องตายแน่ๆ” ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพูดพร้อมกับจ้องมองเข้ามาในดวงตาของผมอย่างเว้าวอน


   ไอ้หมอนี่คือผู้ชายที่ช่างตื๊อและน่ารำคาญที่สุดในโลก ผมกับเขานอนด้วยกันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผมได้บอกกับเขาอย่างชัดเจนว่าคืนเดียวจบ เสร็จแล้วก็ทางใครทางมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก แต่ทั้งๆ ที่ตกลงกันซะดิบดี วันต่อมาเขากลับมาดักรอผมแล้วตามตื๊อมาตลอดทั้งสัปดาห์ซะได้


แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ ที่น่ารำคาญกว่าความช่างตื๊อก็คือคำพูดคำจาที่มันน้ำเน่าสุดๆ เล่นเอาผมอยากอ้วกทุก 3 เวลาหลังอาหาร!


   “นี่ เลิกพูดจาชวนอ้วกแบบนั้นสักที แล้วก็ช่วยอย่าพูดจาเหมือนว่าฉันกับนายเป็นอะไรกันด้วย เพราะขนาดชื่อของนายฉันยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” ผมเบ้ปากพลางทำหน้าเบื่อหน่าย ส่วนผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าก็ช็อกจนตัวแข็งค้าง


   “นะ...นี่คุณ...พูดจริงหรอ”


   “เรื่องอะไรล่ะ ระหว่างฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกัน หรือเรื่องที่ฉันจำชื่อนายไม่ได้”


   “ทะ...ทำไม...คุณถึงได้ใจร้ายแบบนี้”  ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าพูดอย่างตัดพ้อ ทำเหมือนกับว่าผมเป็นคนผิด ทั้งที่จริงคนผิดก็คือตัวเขาเองนั่นแหละ


   “ฉันใจร้ายตรงไหนมิทราบ คืนนั้นฉันก็บอกชัดเจนแล้วไม่ใช่รึไงว่าคืนเดียวจบ ถ้าเข้าใจแล้วก็เลิกตามตอแยฉันสักที เพราะมันน่ารำคาญ” พูดจบผมก็หันหลังแล้วจะเดินหนีไป ความจริงวันนี้ผมตั้งใจว่าจะมาหาคนนอนด้วยสักหน่อย แต่ตอนนี้ผมเสียอารมณ์สุดๆ เลยเปลี่ยนใจว่าจะกลับบ้านนอนดีกว่า


แต่ทั้งที่คิดอย่างนั้น ผมกลับถูกคว้าที่ข้อมือเอาไว้ แล้วดึงให้หันหน้ากลับไปซะได้


“คุณจะไปไหน! ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้น!” ไอ้บ้านั่นขึ้นเสียงใส่ผม ทำเอาตอนนี้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองมาเป็นสายตาเดียว
จริงอยู่ว่าผมไม่รู้จักใครแล้วก็ไม่มีใครที่รู้จักผม แต่ผมก็ไม่อยากมีเรื่องหรือเป็นเป้าสายตาคนอื่นที่หน้าผับหรอกนะ


“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ปล่อยฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆ ด้วย” ผมหันไปถลึงตาใส่ แต่ไอ้บ้านั่นมันกลับกำที่ข้อมือของผมแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม แถมยังพูดท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่างหาก


“แจ้งเลยสิ แต่ผมไม่รับประกันความปลอดภัยของคุณหรอกนะ” พูดจบมันก็ใช้มืออีกข้างล้วงมีดพกออกมาจากกระเป๋า ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมถึงกับผงะ


ซวยแล้วไง ไอ้บ้านี่มันไม่ใช่แค่คนน่ารำคาญช่างตื๊อธรรมดา แต่มันเข้าข่ายโรคจิตแล้วนะเนี่ย!


“รับปากว่าจะคบกับผมเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นหน้าสวยๆ ของคุณได้เละแน่” ไม่พูดเปล่ามันยังเลื่อนใบมีดขึ้นมาจ่อที่แก้มของผม ทำเอาผมต้องเกร็งไปหมดเพราะกลัวคมมีดจะกดลงมา


ผมพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังคนรอบข้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเพราะกลัวตัวเองจะเป็นอันตรายกันหมด ก็นะ...ถ้าเป็นผมผมก็ไม่ยื่นมือเข้าไปสอดเหมือนกันนั่นแหละ


“ว่ายังไง คุณตัดสินใจได้รึยัง” ไอ้บ้านั่นกดปลายมีดลงมานิดหน่อย แต่ผมก็ไวพอที่จะเอียงหน้าหลบได้อย่างฉิวเฉียด


หนอย...ผมกัดฟันกรอด เพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหนมันก็เลวร้ายเหมือนกันทั้งนั้น จะให้คบกับมันอันนั้นก็ไม่ไหว แต่ถ้าจะให้ใบหน้าเป็นอะไรผมขอยอมตายซะดีกว่า


อันที่จริงก่อนหน้านี้ก็มีบ้างเหมือนกันที่คู่นอนของผมอยากจริงจังจนตามตอแย แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดขู่ทำลายใบหน้าของผมถึงขนาดนี้ นี่ถ้าผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็ดีสิ ปัญหาน่าปวดหัวแบบนี้คงหมดไป แต่ผมจะไปหาผู้ชายที่ถูกใจได้จากไหน เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่พวกห่วยแตกน่าเบื่อด้วยกันทั้งนั้น


ซึ่งขณะที่ผมกำลังเครียดและคิดไม่ตกอยู่นั่นเอง...


จู่ๆ ก็มีใครไม่รู้เข้ามาประชิดด้านหลังของไอ้ช่างตื๊อโรคจิตด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็ใช้สันมือสับข้อมือของมันจนมีดตกลงไป ตามด้วยการบิดข้อมือของมันไว้ที่ด้านหลังอย่างแรง จนมันร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด


“โอ๊ยยยยยยยยยย!”


ส่วนผมที่ถึงแม้จะเป็นอิสระแล้ว แต่ก็ยังคงไม่ขยับไปไหน เพราะผมมัวแต่ตกตะลึงกับการปรากฏกายของเจ้าชายขี่ม้าขาว ที่มาช่วยผมตอนกำลังวิกฤตสุดๆ


“เอามีดมาทำแบบนี้มันอันตรายนะครับ” ผู้ชายคนนั้นพูดกับไอ้โรคจิตช่างตื๊อ เสียงที่นุ่ม ทุ้ม และสุภาพนั้นทำเอาผมถึงกับเคลิบเคลิ้มจนแทบละลาย


อา...แทบไม่อยากจินตนาการเลยว่า ถ้าถูกเสียงนั้นกระซิบที่ข้างหูตอนอยู่บนเตียงผมจะอ่อนระทวยขนาดไหน


อยากลากขึ้นเตียงจนแทบทนไม่ไหวแล้วเนี่ย!


“ปล่อยกูนะเว่ย!” ไอ้ช่างตื๊อโรคจิตโวยวายแล้วออกแรงดิ้น แต่ก็สู้แรงของผู้ชายคนนั้นที่ยังรวบแขนของมันไขว้หลังเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
“ผมจะปล่อยก็ได้ถ้าคุณรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องอันตรายอีก”


“แล้วมึงมาเสือกอะไร! หรือว่ามึงเป็นอะไรกับธาร!”


“ธาร?” ผู้ชายคนนั้นทำหน้างง แน่ล่ะ เขาจะรู้จักชื่อผมได้ยังไง ก็เราสองคนไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย แต่ผมจะไม่ปล่อยให้ไอ้ช่างตื๊อโรคจิตรู้เรื่องนั้นหรอกนะ


เพราะงั้น...


“ที่รัก! ขอบคุณนะที่มาช่วยได้ทันพอดี!” ผมพูดจบก็รีบโผเข้ากอดผู้ชายคนนั้นทันที ทำเอาเขาตกใจจนถึงกับตัวแข็งทื่อ


“อะ...เอ่อ...คุณ...”


“ชู่วววว ฉันรู้ว่านายจะถามอะไร ฉันปลอดภัยดีไม่มีแผลตรงไหนเลย เพราะงั้นไม่ต้องกังวลนะคนดี” ผมยิ้มหวานพลางเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากของเขา ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมา ท่าทางจะเป็นผู้ชายใสซื่อกว่าที่คิดซะอีกนะเนี่ย


“นี่มันอะไร! ไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร! แล้วทำไมคุณต้องเรียกมันว่าที่รักด้วย!” ไอ้ช่างตื๊อโรคจิตโวยวาย ผมจึงกลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่ายแล้วหันไปหามัน


“นี่ยังต้องให้ฉันอธิบายอะไรอีก คำตอบมันก็อยู่ในคำถามของนายหมดแล้วไง”


“ไม่...ไม่จริง...คุณโกหก ผมตามติดคุณทั้งอาทิตย์แต่ไม่เคยเห็นคุณอยู่กับมันเลยสักครั้ง แล้วคุณกับมันจะเป็นคนรักกันได้ยังไง ผมไม่เชื่อ!”


“แล้วฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันกับเขาเป็นคนรักกัน ความจริงฉันแอบชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก”


“ผมไม่เชื่อ!”


“จะให้ฉันจูบโชว์เลยมั้ยล่ะ?” คำพูดนั้นทำเอาไอ้ช่างตื๊อโรคจิตถึงกับชะงัก จากนั้นก็ก้มหน้าลงพลางกำหมัดแน่น ท่าทางจะเจ็บใจน่าดูเพราะรู้ว่าผมทำจริงแน่ๆ เรื่องแบบนี้มันเป็นปกติของผับเกย์อยู่แล้ว มากกว่านี้ยังมีเลยด้วยซ้ำ


“นายตัดใจจากฉันซะเถอะ ฉันรักคนอื่นไปแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางรักนายได้หรอก” ผมพูดจบก็จูงมือผู้ชายที่กำลังกอดอยู่ให้เดินออกไปจากตรงนั้น เขาที่ยังอึ้งอยู่เลยเดินตามผมมาแต่โดยดี จนกระทั่งปลอดคนผมจึงได้หยุดแล้วหันหน้าไปหาเขา


“นายชื่ออะไร ฉันชื่อธารนะ”


“เอ่อ...หมอก...ผมชื่อหมอก”


“เป็นชื่อที่เหมาะกับนายดีนะ” ผมรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ เพราะคนคนนี้ถึงแม้จะหน้าตาดีแต่กลับดูไม่เด่น ไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะการแต่งตัวที่ดูเรียบง่าย ท่าทางไม่ค่อยมั่นใจ แล้วก็ผมข้างหน้าที่ค่อนข้างจะยาวจนลงมาปรกตา


“ว่าแต่นายมาทำอะไรแถวนี้”


“ผมพักอยู่หอที่ซอยตรงข้าม รู้สึกหิวพอดีเลยออกมาซื้ออะไรกิน แต่พอเห็นคุณกำลังจะโดนทำร้ายเลยรีบเข้ามาช่วยน่ะครับ” ถ้าพักอยู่แถวนี้ก็แสดงว่าหมอกคงจะเป็นพนักงานออฟฟิศในละแวกนี้ล่ะมั้ง เท่าที่ดูคร่าวๆ น่าจะเด็กกว่าผม 2 – 3 ปี เพราะงั้นหมอกน่าจะอายุสัก 24 – 25 ปีเห็นจะได้


ถึงแม้ว่าเด็กจะไม่ใช่สเปคของผมก็เถอะ แต่หมอกก็ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ เพราะงั้นคงไม่ทำตัวงี่เง่าง้องแง้งจนน่ารำคาญแน่ๆ


“นายนี่เป็นคนดีจังนะ ชักอยากรู้แล้วสิว่ามีแฟนแล้วรึยัง” ผมช้อนตาขึ้นไปมองเพื่อหว่านเสน่ห์ หมอกจึงหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งพลางส่ายหน้าไปมา


“ไม่มีครับ ว่าแต่...คุณชอบผมหรอ เมื่อกี้เห็นคุณพูดกับผู้ชายคนนั้น...” ถามถึงตรงนี้หมอกก็ยิ่งหน้าแดงมากขึ้นกว่าเดิม น่ารักจริงๆ เลยน้า


“ใช่ ฉันชอบนาย ความจริงฉันแอบมองนายอยู่บ่อยๆ แสดงว่าไม่ได้รู้ตัวเลยสินะ” หมอกส่ายหน้าไปมา ก็แน่ล่ะถ้าพยักหน้าสิแปลก ถึงผมจะมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นหมอกเลยสักครั้ง คงเป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบเที่ยวชอบสังสรรค์เท่าไหร่


“ขอโทษนะครับที่ผมไม่ทันสังเกตุ ทั้งที่คุณเป็นคนสวยขนาดนี้แท้ๆ” คำพูดนั้นทำให้ผมเริ่มหน้าแดงขึ้นมาบ้าง น่าแปลกเพราะปกติผมได้ยินคำชมนี้บ่อยมากจนรู้สึกเอียน อาจเป็นเพราะหมอกดูจริงใจไม่ได้หวังร่างกายผมเหมือนกับคนพวกนั้นล่ะมั้ง


 “แล้วฉันสวยพอที่จะทำให้นายชอบได้บ้างมั้ยล่ะ รังเกียจฉันที่เป็นผู้ชายรึเปล่า” ผมยิ้มหวาน จากนั้นก็วางมือลงบนแผงอกกว้าง แล้วลูบขึ้นช้าๆ จนกระทั่งสามารถโอบรอบลำคอไว้ได้ การกระทำของผมทำเอาหมอกหน้าแดงจัดจนเห็นชัดเจนแม้จะเป็นเวลากลางคืน


“ไม่...ไม่เลยครับ ผมไม่มีทางรังเกียจคุณหรอก แต่ว่าผมไม่เคยคบใครมาก่อนเลยไม่รู้ต้องทำตัวยังไง”


“หืม? กับผู้หญิงก็ไม่เคยงั้นหรอ?” ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ


 “ไม่เคยครับ” หมอกส่ายหน้า ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะโกหกด้วย ผู้ชายดีๆ แบบนี้ทำไมถึงปล่อยเอาไว้ได้นะ ผู้หญิงพวกนั้นนี่ตาถั่วจริงๆ แต่พูดถึงถ้าลองไม่เคยคบใครแบบนี้ก็แสดงว่า หมอกก็ยังบริสุทธิ์ไร้ประสบการณ์ (กาม) สินะ


อา...พอคิดได้แบบนี้ผมก็ชักครั่นเนื้อครั่นตัว อยากขึ้นครูสอนวิชาเพศศึกษาแบบเจาะลึกให้ซะแล้วสิ!


“นี่ อยากรู้มั้ยล่ะว่าคนที่คบกันเขาทำอะไรกันบ้าง” ผมยืดตัวขึ้นไปจนใบหน้าอยู่ใกล้หมอกเพียงไม่กี่เซนติเมตร


คำถามนั้นหมอกไม่ตอบอะไรแต่ก็พยักหน้าลงช้าๆ ผมจึงยิ้มที่มุมปากก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของหมอกว่า...


“ถ้างั้นก็ไปโรงแรมกัน เดี๋ยวฉันจะเป็นครูสอนให้นายเอง”


2BC


 :mc4: สวัสดีค่าทุกคน บทนำของหัวใจร้อนรักก็ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วน้า ก็ไม่รู้จะถูกใจทุกคนกันมั้ย สารภาพตามตรงว่าเค้าไม่เคยเขียนแนวนี้ ถ้าหากทำได้ไม่ดีก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ  :m5: แต่ถ้ารู้สึกสนุกและอยากติดตามต่อเค้าก็จะดีใจและขอขอบคุณมากๆเลยค่า  :pig4:
ส่วนตอนหน้าก็มาลุ้นกันนะคะว่าธารจะได้เป็นครูสอนวิชาเพศศึกษาให้หมอกรึเปล่า  o3 แล้วหมอกจะใช่พระเอกที่คู่กับธารมั้ย หนุ่มใสซื่อไร้ประสบกามแบบนี้ไม่น่าเอาธารอยู่ใช่มั้ยล้า ถ้ายังไงก็มาลุ้นกันนะคะ ฝากคอมเมนท์เพื่อเจิมและให้กำลังใจเราด้วยน้า รักทุกคนนะคะ จุ๊บบบบบบบบบ  :mew1:
(10 ก.ย. 60)
 
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก บทนำ หนุ่มใสซื่อไร้ประสบการณ์(กาม) [10.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 10-09-2017 23:13:13
หูววววววว เปิดมาก็แซ่บเลยสมเป็นพี่ธาร  :hao6:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก บทนำ หนุ่มใสซื่อไร้ประสบการณ์(กาม) [10.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-09-2017 05:42:48
ธารทำเด็กใจแตกมั้ยเนี่ยย
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก บทนำ หนุ่มใสซื่อไร้ประสบการณ์(กาม) [10.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-09-2017 20:34:27
พี่ใหญ่ มีความสุขไปแล้ว
ภูผา ตะวัน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

คราวนี้ถึงพี่รองธาร หนุ่มหน้าสวยหวาน เซ็กซี่
รอตอนต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก บทนำ หนุ่มใสซื่อไร้ประสบการณ์(กาม) [10.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 12-09-2017 00:57:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก บทนำ หนุ่มใสซื่อไร้ประสบการณ์(กาม) [10.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 12-09-2017 15:59:21
ธารหลอกเด็ก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก บทนำ หนุ่มใสซื่อไร้ประสบการณ์(กาม) [10.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 12-09-2017 19:03:20
ใครจะหลอกใครกันแน่
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 13-09-2017 22:21:48
 :pighaun: พี่ธารXมาก ยั่วฝุดๆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-09-2017 22:37:23
เลือดพุ่งฮะ..นี่แค่ออร์เดิฟหราฮะ..รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ   :m25:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 13-09-2017 23:16:52
ชอบเคะแบบนี้ราชินีสุดๆ ร้อนฉ่าทะลุ100องศาไปเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-09-2017 02:14:52
 :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-09-2017 12:00:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 14-09-2017 14:30:35
 :hao7: :hao7: เร่าร้อนไปไหนนน
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 14-09-2017 16:23:20
ฟินไปถึงโลกหน้าาาา  :haun4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-09-2017 19:13:29
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 15-09-2017 02:29:58
 :m25: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 15-09-2017 04:00:19
ธารเคะราชินี ปะทะ หมอกสายบริสุทธิ์ น่าสนใจมาก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน1 บทเรียนรักวิชาเพศศึกษา NC [13.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-09-2017 15:27:04
น้องธารเซ็กซี่มาก  :pighaun:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 15-09-2017 21:43:44
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 1# Thara ขึ้นครู NC-18


“เข้ามาสิหมอก มัวรออะไรอยู่” ผมหันไปถามหมอกที่กำลังยืนอย่างประหม่าอยู่หน้าประตูห้อง ท่าทางตอนนี้คงกำลังสับสน เป็นกังวล และลังเลอยู่แน่ๆ


   “คือ...เอ่อ...ผม...คิดว่า...”


   “ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ตอนนี้คิดแค่เรื่องของฉันก็พอ” ผมรีบขัดขึ้นเพราะคิดว่าหมอกอาจจะปฏิเสธ ผู้ชายงานดีแบบนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหน ถ้าผมปล่อยให้กลับไปโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรก็เสียชื่อกันพอดี


   ผมจูงมือหมอกเข้ามาในห้อง จากนั้นก็จัดการล็อกอย่างดิบดีแล้วพาไปยืนข้างเตียงขนาดคิงไซส์


   “พึ่งอาบน้ำมาใช่มั้ย ฉันได้กลิ่นสบู่กับแชมพูออกมาจากตัวนาย” ผมพูดในระหว่างที่กำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของหมอกที่ใส่อยู่ แต่ความจริงผมได้กลิ่นตั้งแต่ที่โผเข้ากอดอยู่หน้าผับแล้วล่ะ


   “คะ...ครับ ผมพึ่งอาบน้ำก่อนออกมา” หมอกพูดอย่างตะกุกตะกักด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน เมื่อผมโยนเสื้อที่เกะกะทิ้งไปทางอื่น จากนั้นก็ลูบไล้แผนอกกว้างที่มีกล้ามเนื้อมากกว่าที่คิดไปมาช้าๆ


   “ฉันก็พึ่งอาบน้ำก่อนออกมาเหมือนกัน ถ้างั้นเราก็อย่าเสียเวลากันเลยนะ” พูดจบผมก็โอบรอบลำคอแล้วยืดตัวขึ้นไปจูบที่ริมฝีปากของหมอก การกระทำนั้นทำเอาหมอกถึงกับตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ แถมยังไม่ยอมหายใจออกมาอีกต่างหาก


   “นี่อย่าบอกนะว่าแค่จูบนายก็ยังไม่เคย?”


   “ครับ...” หมอกพยักหน้าลงด้วยใบหน้าแดงจัดอย่างกับลูกหนู


คำตอบนั้นทำเอาผมรู้สึกตกใจและแปลกใจจริงๆ ที่ยังมีคนแบบนี้อยู่บนโลก ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่เชื่อเพราะคิดว่าเป็นเรื่องโกหก แต่สำหรับหมอกผมเชื่อได้ทันทีโดยไม่คิดสงสัย เพราะท่าทางซื่อๆ ประหม่า และไร้เดียงสาที่เห็นนั้นคือของจริงอย่างแน่นอน


   อา...ชักอยากกินจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว


   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะสอนวิธีจูบให้ เสร็จแล้วก็ทำตามด้วยล่ะเข้าใจรึเปล่า”


“ครับ” หมอกพยักหน้าลง ผมจึงยิ้มที่มุมปากแล้วเคลื่อนตัวไปจูบหมอกอีกครั้ง


   ผมเริ่มจากการขบเม้มที่ริมฝีปากของหมอกเบาๆ ตามด้วยการดูดดุนอย่างยั่วเย้า แล้วจึงสอดลิ้นเข้าไปข้างใน จนกระทั่งเจอลิ้นของหมอกผมก็ตวัดปลายลิ้นเพื่อเกี่ยวพัน จากนั้นก็เพิ่มความเร็วและบดขยี้ริมฝีปากลงไปมากยิ่งขึ้นด้วยความหนักหน่วง


   “อา...” ผมส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เมื่อถอนจูบออกมา จากนั้นก็ส่งสายตาเชิญชวนให้หมอกเป็นฝ่ายจูบผมบ้าง ซึ่งหมอกก็เข้าใจแล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงมาหาผมจนกระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกันอีกครั้ง


   หมอกทำตามที่ผมทำทุกอย่าง ตั้งแต่ขบเม้มที่ริมฝีปากตามด้วยการดูดดุนแล้วจึงสอดลิ้นเข้ามาข้างใน ถึงแม้ว่าหมอกจะไม่เชี่ยวชาญเท่าไหร่แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อย ดังนั้นหลังจากที่หมอกถอนจูบออกไป ผมจึงได้ยื่นหน้าเข้าไปใหม่แล้วใช้ลิ้นเลียที่ริมฝีปากของหมอกช้าๆ จากนั้นก็ดูดเบาๆ อย่างยั่วเย้าจนหมอกครางต่ำในลำคอ


   “แค่จูบก็แข็งแล้วหรอหืม?” ผมพูดยิ้มๆ หมอกจึงหน้าแดงซ่านยิ่งกว่าครั้งไหนๆ


   “ขอโทษครับ คุณเซ็กซี่เกินไปผมก็เลย...” หมอกพูดได้เท่านี้ก็หลุบสายตาลงต่ำไม่กล้าสบตา ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งครั่นเนื้อครั่นตัว อยากสวมบทครูสอนวิชาเพศศึกษาขั้นต่อไปให้ใจจะขาด


   “จะขอโทษทำไมกันเล่า นั่งลงซะสิเดี๋ยวฉันจะทำอะไรดีๆ ให้” หมอกนั่งลงที่ขอบเตียงอย่างว่าง่าย ส่วนผมก็คุกเข่าลงแล้วแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง จากนั้นก็เริ่มปลดกระดุมกางเกงตามด้วยการรูดซิปลงมา


   “ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ อย่าบอกนะว่าคุณจะ...”


   “ก็ตามนั้น บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อน” ผมไม่ได้พูดโกหกแต่อย่างใด ผู้ชายที่เคยผ่านมาไม่มีค่าให้ผมลดตัวลงไปทำเรื่องแบบนี้ให้สักคน แต่สำหรับหมอกก็ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากทำให้ หรือเพราะผมติดใจท่าทางซื่อๆ ไร้ประสบการณ์แบบนั้นก็ไม่รู้


   แต่ถึงจะไม่เคยทำ ผมก็มั่นใจในทฤษฎีและลีลาของตัวเองเกินร้อย!


   “อื้อหือ ใหญ่กว่าที่คิดซะอีกนะเนี่ย” ผมพูดด้วยใจที่เต้นระส่ำ เมื่อเห็นส่วนนั้นของหมอกที่ร้อนผ่าวและใหญ่โตโผล่พ้นออกมาจากกางเกง
ขนาดของมันผมไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ แต่ที่มั่นใจคือมันเกินมาตรฐานชายไทยที่มีค่าเฉลี่ย 4 นิ้วอย่างแน่นอน บางทีผมว่ามันอาจจะขนาด 7 – 8 นิ้วเลยด้วยซ้ำ และที่สำคัญไปกว่านั้น คือผมอยากกลืนกินมันเข้าไปในปากจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว!


   ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอ จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียที่ริมฝีปากช้าๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเลียส่วนปลายของแก่นกายที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็ทำให้มันสั่นและขยายใหญ่ขึ้นอีกจนมือผมแทบกำไม่รอบ


   “อา...คุณธาร...” เสียงครางของหมอกทำให้ผมใจเต้นรัว ยิ่งเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหล่อๆ ที่แดงจัดและกัดริมฝีปากล่างอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ มันก็ยิ่งทำให้ผมอยากรุกเร้าหมอกมากขึ้นไปอีก


   ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้กำรอบส่วนโคนของแก่นกายหมอกให้แน่น จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียตรงส่วนปลาย ก่อนที่จะหมุนวนและขยี้รูเล็กๆ ตรงกลาง การกระทำนั้นเล่นเอาหมอกถึงกับครางลั่น แล้วใช้สองมือกำผ้าปูที่นอนจนยับย่นด้วยความเสียวซ่าน


“ซี้ดด...อา...” เสียงครางของหมอกเป็นแรงกระตุ้นให้ผมทำต่อได้เป็นอย่างดี เพราะงั้นผมจึงจัดการลากลิ้นเลียท่อนเนื้ออันใหญ่โตจนชุ่มไปหมดทั้งลำ จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากครอบครองมันลงไป


“อา!” เพียงแค่ผมดูดที่ส่วนหัวเท่านั้นหมอกก็กระตุกเกร็งขึ้นมาซะแล้ว ท่าทางจะเสียวมากเพราะไม่เคยมีประสบการณ์จริงๆ ผมที่เห็นอย่างนั้นจึงลอบยิ้มเบาๆ ก่อนที่จะออกแรงดูดให้มากขึ้น แถมยังอมลงไปให้ลึกยิ่งขึ้นอีกด้วย


“อา...ซี้ดดด...อาา...” หมอกครางหนักขึ้น ท่อนเนื้อที่อยู่ในปากของผมก็ขยายใหญ่มากขึ้นจนคับปากของผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่หยุดรูดรั้งริมฝีปาก ทั้งยังขยับมือสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน


ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ เสียงครางของหมอกก็ยิ่งทวีคูณความดังมากขึ้นเท่านั้น เล่นเอาใจของผมถึงกับสั่น ส่วนร่างกายก็สะท้านด้วยความต้องการ ผมรู้สึกว่าตัวเองแพ้เสียงนั้น เสียงที่นุ่ม ทุ้ม และสุภาพ เพราะเวลาที่ครางออกมามันช่างหื่นกามเร้าใจจริงๆ


   “คุณธาร...ซี้ดด...อา...อาา...” ผมคิดว่าตอนนี้หมอกคงใกล้จะเสร็จแล้ว เพราะรู้สึกถึงของเหลวที่ไหลออกมาจากส่วนปลายของแก่นกาย ดังนั้นผมจึงได้ขยับริมฝีปากขึ้นลงให้เร็วขึ้น ดูดท่อนเนื้ออันร้อนระอุให้แรงขึ้น พร้อมกับใช้ลิ้นดุนตรงส่วนปลายให้หนักหน่วงมากยิ่งขึ้น


 “ซี้ดดด...คะ...คุณธาร หยุดก่อนครับ อื้อ...ผมจะเสร็จ...อา...” หมอกกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับพยายามดันผมออกไป แต่ผมก็คว้าแก่นกายเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังเร่งการขยับทั้งฝ่ามือ ริมฝีปาก และปลายลิ้นอย่างรุนแรงมากกว่าเดิมโดยเฉพาะการดูด


ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที...


“คุณธาร! ผม...อึ่ก! อาา...” หมอกก็ทนต่อความเสียวซ่านไม่ไหว จึงได้เกร็งกล้ามเนื้อแล้วปลดปล่อยความสุขสมทั้งหมดออกมา ปริมาณที่ทั้งเยอะและข้นทำเอาผมกลืนลงคอด้วยความยากลำบาก แต่รสชาติมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด


“คะ...คุณธาร! นั่นคุณ...ผมขอโทษครับ” หมอกพูดด้วยความอึ้งและลนลาน ที่เห็นผมกลืนน้ำของตัวเองลงไป


“จะขอโทษทำไม นายไม่ได้บังคับให้ฉันทำสักหน่อย นายนี่ชอบพูดขอโทษจังเลยนะ”


“ก็ผมตกใจนี่ครับ ไม่คิดว่าคุณจะ...เอ่อ...” หมอกพูดได้เท่านี้ก็หยุดพูดไปซะดื้อๆ ท่าทางเขินอายแบบนั้นทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตรงมุมปาก จากนั้นก็ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ แก่นกายข้างหน้าที่กำลังอ่อนตัวลง


“ไม่คิดว่าฉันจะอะไร? เลีย ดูด อม หรือว่ากลืนน้ำของนาย” พูดจบผมก็ทำตามที่พูดทันที เริ่มจากใช้ลิ้นเลียท่อนเนื้อให้ทั่วจนมันแข็งตัวขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากดูดที่ส่วนหัว ตามด้วยการอมลงไปอย่างลึกจนครึ่งค่อนลำ ปิดท้ายด้วยการกลืนกินน้ำรักที่ยังคงหลงเหลืออยู่นิดหน่อยลงไปในลำคอ


“ซี้ดดด...คุณธาร...อา...” หมอกครางกระเส่าเพียงอย่างเดียวไม่ยอมตอบคำถามของผม แต่เรื่องนั้นผมก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ผมสนใจแต่ท่อนเนื้อร้อนๆ ที่กำลังขยายใหญ่จนคับปากของผมมากกว่า


“ปากของฉันทำให้นายรู้สึกดีใช่รึเปล่า” ผมถอนริมฝีปากออกมา แต่ก็ยังคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ แก่นกายเช่นเดิม


“อา...ดีครับ...ผมไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อนเลย” หมอกพูดด้วยเสียงแหบพร่า สีหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความต้องการที่กำลังคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง
“แต่ข้างในตัวของฉันมันดีกว่าปากหลายเท่าเลยนะรู้มั้ย นายอยากรู้สึกดีมากกว่านี้อีกรึเปล่า” ผมพูดพร้อมกับช้อนสายตาขึ้นไปมองอย่างยั่วยวน ราวกับว่าแม่เสือสาวกำลังล่อลวงกวางหนุ่มน้อยให้มาติดกับยังไงยังงั้น


แน่นอนว่าหมอกต้องพยักหน้าลงไม่มีปฏิเสธผมอยู่แล้ว


“ครับ...อยากครับคุณธาร...” คำตอบนั้นทำเอาผมยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบถุงยางอนามัยยี่ห้อ Sagami original ที่บางเฉียบราวกับไม่ได้ใส่ขึ้นมา


ผมใช้ฟันกัดตรงปลายเพื่อฉีกซองถุงยาง ก่อนที่ผมจะช้อนสายตาขึ้นไปมองหมอกอีกครั้งแล้วถามอย่างยั่วสุดๆ ว่า...


“ระหว่างมือกับปาก อยากให้ฉันใส่ให้นายแบบไหนดี?” คำถามนั้นทำเอาหมอกตกใจจนเบิกตากว้าง
   

“คะ...คุณธาร! เอ่อ...มือ...มือก็พอครับ” ท่าทางหมอกจะยังเกรงใจไม่กล้าให้ผมใส่ด้วยปาก ผมก็ไม่อยากขัดความต้องการของหมอกซะด้วย เลยใช้มือสวมถุงยางให้ตามที่ขอ
   

“เสร็จเรียบร้อย” พูดจบผมก็ลุกขึ้นยืนเพื่อจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกไป แต่หมอกก็ยื่นมือมาห้ามเอาไว้ซะก่อน
   

“เดี๋ยวผมถอดให้เองครับ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็ขยับไปใกล้ให้หมอกถอดเสื้อผ้าออกไปได้อย่างสะดวก จนตอนนี้ผมเหลือเพียงแค่ร่างกายอันเปลือยเปล่าเท่านั้น
   

“คุณสวยมากเลย” หมอกพูดอย่างเพ้อๆ พลางใช้สายตามองเรือนร่างของผมด้วยความหลงใหล เล่นเอาผมชักรู้สึกเขินอายขึ้นมานิดหน่อยซะแล้ว
   

“ปากหวานจริงนะ ต้องการอะไรจากฉันรึเปล่าเนี่ย” ผมก็พูดแก้เขินไปอย่างนั้นเอง แต่หมอกกลับตอบอย่างจริงจังออกมาว่า...
   

“ผมต้องการคุณ” ประโยคดังกล่าวทำให้ผมถึงกับใจเต้นตึกตัก ส่วนสายตาแห่งความปรารถนาของหมอกที่มองมานั้น มันก็ทำให้ร่างกายของผมถึงกับสั่นสะท้านด้วยความต้องการจนแทบทนไม่ไหว
   

ผมดันหมอกให้ขยับไปนิ่งพิงหัวเตียงเอาไว้ แล้วก้าวขึ้นไปนั่งคร่อมที่ตักของหมอกทันที จนตอนนี้ท่อนเนื้อร้อนๆ มันกำลังบดเบียดอยู่ที่ช่องทางด้านหลังของผม ซึ่งมันก็ทำให้ร่างกายของผมยิ่งสั่นระริกมากกว่าเดิม
   

“อา...” ผมครางกระเส่าเมื่อหมอกใช้มือลูบไล้ที่ร่างกายของผมช้าๆ สายตาที่มองมาอย่างหลงใหลทำให้ผมร้อนเร่า จึงได้สอดมือเข้าไปใต้ไรผมดำขลับแล้วดันให้ขยับมาใกล้ยอดอกของผม
   

ไม่ต้องเสียเวลาบอกหมอกก็เข้าใจว่าผมต้องการให้ทำอะไร เพราะหมอกได้ใช้ลิ้นร้อนๆ ตวัดเลียขึ้นลง ก่อนที่จะหมุนวน และบดขยี้จนผมร้องลั่นด้วยความเสียวซ่าน
   

“อ๊ะ...อ๊า...อีกข้างก็ใช้มือด้วยสิหมอก...อื้ม...ใช่เลย...อ๊า...อ๊า...” หมอกทำตามที่ผมสอนเป็นอย่างดี แถมลิ้นกับมือก็เป็นงานเร็วกว่าที่คิดอีกต่างหาก จนตอนนี้ผมเสียวแทบบ้า และต้องการแท่งร้อนๆ ที่กำลังร่อนสะโพกบดเบียดไปมาจนแทบคลั่งอยู่แล้ว
   

“หมอก เห็นเจลหล่อลื่นที่โต๊ะข้างๆ นั่นมั้ย หยิบมาบีบใส่มือแล้วสอดนิ้วเข้ามาตรงนี้นะ” ผมพูดด้วยเสียงกระเส่า ส่วนดวงตาก็หรี่ปรือ พร้อมกับจับมือของหมอกให้ไปสัมผัสที่ช่องทางด้านหลังของผม ที่ตอนนี้กำลังเต้นตุบและสั่นระริกด้วยความต้องการ
   

“ครับ...” หมอกตอบรับด้วยใบหน้าแดงจัด จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบเจลหล่อลื่นมาบีบใส่มือ ตามด้วยการละเลงจนชุ่ม เสร็จแล้วก็เอื้อมมือมายังช่องทางด้านหลังของผม แล้วเอานิ้วจ่ออยู่ตรงนั้นจนผมแทบร้องซี้ดออกมา
   

“ผมจะเข้าไปแล้วนะครับคุณธาร” หมอกพูดด้วยเสียงแหบพร่า จากนั้นก็ดันนิ้วหนึ่งเข้ามารวดเดียวจนมิดลำ
   

“อ๊า!” ผมกรีดร้องลั่นพร้อมกับสะดุ้งเฮือก หมอกที่เห็นอย่างนั้นเลยหน้าตาตื่นแล้วถามผมด้วยความตกใจ
   

“เจ็บหรอครับคุณธาร! ให้ผมเอาออกก่อนดีมั้ย” แล้วหมอกก็ทำท่าจะเอานิ้วออกไปอย่างที่ว่า ช่างเป็นผู้ชายที่ใสซื่อซะจริงๆ
   

“หยุดเลยห้ามเอาออกนะหมอก ที่ฉันร้องก็เพราะเสียวต่างหาก แต่จะเสียวกว่านี้ถ้านายขยับแล้วก็งอนิ้วไปด้วย ลองทำดูสิ” ผมพูดจบก็จูบที่ริมฝีปากของหมอก จากนั้นก็เปลี่ยนไปใช้จมูกลากผ่านพวงแก้ม จนกระทั่งไปถึงใบหูผมก็ใช้ปลายลิ้นเลียขึ้นช้าๆ
   

“คะ...คุณธาร...” หมอกเรียกชื่อผมเสียงกระเส่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้ขยับนิ้วเข้าออกพร้อมกับหักงอตามคำสอนของผม นักเรียนที่เก่งและฉลาดแบบนี้สมควรได้เกียรตินิยมจริงๆ
   

“อา...ฉันชอบนิ้วยาวๆ ของนายจัง เอาเข้ามาอีกนิ้วสิหมอก...อื้อ! ดีมาก...อ๊า...สุดยอด...” ผมครางด้วยความสุขสม เมื่อนิ้วอันเรียวยาวของหมอกถูกสอดเข้ามาข้างในอีก 1 รวมเป็น 2 ก่อนที่หมอกจะขยับเข้าออกโดยที่เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
   

“ซี้ดดด...อ๊า...” ตอนนี้ผมรู้สึกเสียวมาก แต่ว่าแค่นิ้วมันยังไม่พอ ผมต้องการท่อนเนื้อร้อนๆ ของหมอกจนแทบจะทนไม่ไหว
   

อยากขึ้นครูขย่มนักเรียนจนแทบบ้าอยู่แล้ว!


“พอ...พอแล้วหมอก...เอานิ้วของนายออกไป...ตอนนี้ฉันอยากให้นายเข้ามา...” ผมพูดด้วยเสียงกระเส่า ในขณะที่ร่างกายก็สั่นสะท้านด้วยความต้องการ หมอกที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถอนนิ้วออกมา ผมเลยจับแก่นกายที่ทั้งใหญ่และยาวมาจ่ออยู่ที่ช่องทางด้านหลังของผม


“พูดสิว่านายก็ต้องการฉันเหมือนกัน” ไม่พูดเปล่าผมยังร่อนสะโพกบดเบียดกับท่อนเนื้อของหมอก จนส่วนหัวมันแทบจะผลุบเข้าไปข้างในตัวผมอยู่แล้ว


“อา...ต้องการครับ...ผมต้องการคุณ...” เท่านั้นแหละ ผมก็กดสะโพกลงไปกลืนกินแก่นกายของหมอกทันทีจนมิดลำ


“อาาาา!”


“อ๊าาาาาาาา!”


วินาทีที่ได้สอดใส่ครั้งแรกทำเอาหมอกร้องครางออกมาอย่างสุดกลั้น ส่วนผมที่ถึงแม้จะผ่านผู้ชายมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทำให้ผมสุขสมจนแทบจะเสร็จได้ตั้งแต่เริ่มขนาดนี้


ร่างกายของหมอกทำให้ผมเสียวสุดยอดจนแทบขาดใจอยู่แล้ว!


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...อ๊า...” ผมออกแรงขย่มโดยไม่อารัมภบทใดๆ จนตอนนี้ท่อนเนื้ออันใหญ่โตได้เสียดสีกับผนังช่องทางของผม แถมยังกระแทกเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดจนผมเสียวแทบบ้า


“อ๊า...ซี้ดดด...อ๊า...เสียวสุดๆ เลย...อ๊า...นายรู้สึกเหมือนฉันมั้ยหมอก” ผมถามในขณะที่จิกทึ้งเส้นผมของหมอกเพื่อระบายความเสียวซ่าน โดยที่สะโพกก็ไม่ได้ลดแรงที่ขย่มลงไปเลย มีแต่จะเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ


“อา...ครับคุณธาร...ข้างในของคุณ...ซี้ดด...ร้อนมาก...อา...รัดผมแน่นสุดๆ เลย...” สีหน้าของหมอกตอนนี้แสดงออกได้อย่างชัดเจนว่ากำลังเสียวแค่ไหน ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ จนบีบรัดท่อนเนื้อของหมอกมากขึ้น ส่วนแรงในการขย่มก็แรงขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน


“ซี้ดดด...อา...” หมอกครางออกมาอย่างสุดกลั้น ก่อนที่จะระงับเสียงครางนั้นด้วยการดูดเลียยอดอกของผมที่อยู่ตรงหน้า ลีลาการใช้ปากและลิ้นของหมอกพัฒนาเร็วมาก จนตอนนี้เสียงครางด้วยความสุขสมของผมดังระงมไปทั่วทั้งห้องแล้ว


“อ๊า...ซี้ดดด...อ๊า...ตรงนั้นเสียวมากเลยหมอก...ฉันทนไม่ไหวแล้ว...ฉันจะเสร็จแล้วหมอก! อ๊า...อ๊า...” หมอกที่ได้ยินดังนั้นเลยเลื่อนมือลงมาชักส่วนนั้นของผมขึ้นลง ส่วนริมฝีปากและปลายลิ้นก็ยังคงดูดเลียยอดอกของผมอยู่ไม่ขาด


ความเสียวซ่านที่ได้รับทำให้ผมออกแรงขย่มอย่างไม่ยั้ง ส่งผลให้ท่อนเนื้อของหมอกกระแทกจุดเสียวภายในตัวของผมซ้ำๆ จนผมแทบจะมองเห็นสวรรค์อยู่ข้างหน้า


“อ๊า...อ๊า...อ๊า...หมอก...หมอก! อ๊าาาาาาา!” สิ้นเสียงนั้นความเสียวซ่านที่รวมตัวกันจนอัดแน่นก็ถูกปลดปล่อยออกไปทันที เซ็กส์ที่รู้สึกดีขนาดนี้ผมพึ่งเคยสัมผัสจริงๆ


ร่างกายของผมกับหมอกเข้ากันได้ดีมาก มากซะจนถึงแม้ว่าจะถึงจุดสุดยอดไปแล้วแต่ก็ยังไม่พอ ผมยังต้องการมากกว่านี้ ดีที่หมอกยังไม่เสร็จผมจึงได้โยกสะโพกขึ้นลงต่อไป เพื่อดำเนินบทเรียนรักบทใหม่แบบไม่ให้ขาดตอน


“อา...รู้สึกดีมั้ยหมอก” ผมถาม ในขณะที่ยังคงขย่มกลืนกินแก่นกายของหมอกอย่างเมามันเช่นเดิม ส่วนหมอกก็ยังคงหยอกเอินที่ยอดอกของผม โดยใช้ทั้งริมฝีปาก ลิ้น และปลายนิ้ว


“ดี...ดีครับคุณธาร...”


“แต่ถ้านายขยับเอวสวนขึ้นมาด้วยจะยิ่งรู้สึกดีกว่านี้อีกนะ ลองทำดูสิหมอก” แล้วหมอกก็ลองเด้งสะโพกสวนขึ้นมากับจังหวะที่ผมขย่ม แรงกระแทกตรงจุดกระสันอย่างรุนแรง ทำให้ผมถึงกับหวีดร้องลั่นด้วยความเสียวซ่าน


“อ๊า! ตรงนั้น!”


“ชอบตรงนี้ใช่มั้ยครับ” ถึงจะเป็นคำถาม แต่หมอกก็ไม่ได้ต้องการคำตอบเพราะรู้อยู่แล้ว จึงได้กระแทกแก่นกายขึ้นมาอย่างแรงโดยเน้นย้ำแต่ตรงจุดเสียวจุดนั้น จนช่องทางด้านหลังได้บีบและตอดรัดท่อนเนื้อของหมอกแน่นมาก จนหมอกไม่สามารถกลั้นเสียงครางเอาไว้อีกต่อไปได้


“ซี้ดดด...อา...” เสียงครางของหมอกยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์มากขึ้น จึงได้ออกแรงขย่มให้เร็วและหนักหน่วงมากขึ้น ส่วนหมอกก็กระแทกแก่นกายสวนขึ้นมาแรงขึ้นด้วยเช่นกัน


“อ๊ะ...อ๊า...อ๊า...สุดยอด...เสียวสุดๆ เลยหมอก...อ๊า...อ๊า...อ๊า...” ผมกรีดร้องด้วยความสุขสม พลางโยกสะโพกขย่มขึ้นลงอย่างเมามัน ในขณะที่ช่องทางด้านหลังก็ตอดรัดและดูดกลืนท่อนเนื้อของหมอกอย่างถี่ยิบ


“อา...ซี้ดด...อาา...ผม...ผมจะเสร็จแล้วครับคุณธาร”


“อ๊า...ฉันก็ใกล้เสร็จแล้วเหมือนกัน” พอได้ยินดังนั้น หมอกก็เลื่อนสองมือลงไปบีบสะโพกของผมเอาไว้ แล้วกระแทกแก่นกายสวนขึ้นมาอย่างหนักหน่วง รวดเร็ว และรุนแรง จนผมแทบจะถึงจุดสุดยอดอีกครั้งอยู่แล้ว


“อ๊ะ...อ๊า...อ๊า! หมอก! อ๊าาาาาา!” ผมกรีดร้องออกมาดังลั่น จากนั้นก็ขย่มลงไปยังท่อนเนื้อของหมอกอย่างสุดแรงจนมิดลำ แล้วปลดปล่อยความเสียวกระสันที่อัดแน่นอยู่ออกไปทันที


ส่วนหมอกที่ถูกช่องทางด้านหลังของผมบีบและตอดรัดอย่างรุนแรง ก็ตรึงสะโพกของผมเอาไว้แน่น แล้วกระแทกท่อนเนื้ออันใหญ่โตและร้อนระอุเข้ามาอย่างไม่ยั้ง ซึ่งจากนั้นเพียงไม่นานก็ทะยานขึ้นสู่จุดสุดยอดตามผมไปติดๆ


“คุณธาร...คุณธาร!...อึ่ก!...อาาาาส์” หมอกครางออกมาเป็นครั้งสุดท้าย พลางฝังแก่นกายเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วฉีดพ่นความเสียวซ่านทั้งหมดออกมาทันที


“อาา...” หมอกกัดริมฝีปากล่างพลางหลับตาพริ้ม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้กำลังสุขสมขนาดไหน เพราะมันออกมาทางสีหน้าอันแดงซ่านและเร้าอารมณ์จนหมดแล้ว


“เป็นยังไงบ้าง เซ็กส์ครั้งแรกรู้สึกดีรึเปล่า” ผมใช้สองมือประคองใบหน้าของหมอก จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปาก


“ดีครับคุณธาร...ดีมากเลย...” หมอกตอบอย่างเพ้อๆ สีหน้าอันสุขสมราวกับกำลังล่องลอยอยู่นั้นทำให้ผมยิ้มออกมา ก่อนที่จะเริ่มขยับสะโพกโยกขึ้นลงช้าๆ แล้วกัดริมฝีปากล่างพลางขยิบตาเพื่อเชิญชวนหมอก


“แล้วนายอยากจะรู้สึกดีอีกครั้งมั้ย ไหนๆ ก็จบหลักสูตร On top ไปแล้ว คราวนี้มาเริ่มเรียนหลักสูตร Missionary กันดีกว่า” พูดจบผมก็ยกสะโพกขึ้นสูงจนแก่นกายของหมอกหลุดออกมา ผมสังเกตเห็นว่าปริมาณน้ำที่อัดแน่นอยู่ในถุงยางมีค่อนข้างมากแม้จะเคยเสร็จไปแล้ว 1 รอบ และแน่นอนว่าตอนนี้ส่วนนั้นของหมอกก็ได้แข็งตัวขึ้นมาอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อย


“ไปเปลี่ยนถุงยางซะสิ แล้วในระหว่างนี้ฉันจะแสดงอะไรดีๆ ให้ดู”


“ครับ” หมอกพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนถุงยางอันใหม่ตามคำสั่งของผม ส่วนตัวผมก็นอนหงายลงไปกับเตียงแล้วกางขาออกเป็นรูปตัว M จนหมอกสามารถเห็นช่องทางด้านหลังอันแดงก่ำและเต้นตุบของผมได้อย่างชัดเจน


“อึ่ก!” หมอกกลืนน้ำลายลงคอพลางมองมาจนตาค้าง ยิ่งจังหวะที่ผมใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางสอดเข้าออกข้างในช่องทาง มันก็ทำให้หมอกที่กำลังแกะถุงยางถึงกับมือไม้สั่น


“ซี้ดด...อา...เร็วๆ สิหมอก...ตอนนี้ฉันต้องการนายจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ” ผมพูดด้วยเสียงกระเส่า ส่วนสะโพกก็บิดเร่าและส่ายไปมาอย่างยั่วยวน


การกระทำของผมเล่นเอาหมอกถึงกับกัดริมฝีปากแน่นแล้วครางซี้ดในลำคอ ก่อนที่จะเร่งแกะซองแล้วสวมถุงยางให้เสร็จ จากนั้นก็รีบเร่งกระโจนขึ้นเตียงมาคร่อมผมเอาไว้


“เป็นของผมอีกครั้งนะครับคุณธาร” หมอกพูดด้วยเสียงแหบพร่า จากนั้นก็แทรกแก่นกายเข้ามาแทนที่นิ้วของผมอย่างแรงรวดเดียวจนมิดลำ ความสุขสมและเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาเราสองคนครางลั่น ก่อนที่เสียงครางนั้นจะดังระงมไปทั่วทั้งห้องจนเกือบฟ้าสาง...


2BC


 :jul1: เฮือก! สะ...สวัสดีค่ะทุกคน เขียนเองยังเกือบตายเอง ไหนใครเสียเลือดไปเท่าไหร่รายงานหน่อยเร้ว ถ้าเลือดสำรองที่เตรียมไว้ไม่พอเดี๋ยวเราจะเอาถุงเลือดไปส่งให้ถึงที่เลยค่า  :haun4:
ตั้งแต่เขียนนิยายมานี่คือเรื่องแรกเลยที่เขียนให้เคะหิวจัด เอ็กซ์จัดจนเกินพิกัดขนาดนี้  :impress2: ตอนแรกเราก็ยังแอบกังวลอยู่ว่าทุกคนจะรับได้มั้ย แต่ดูจากคอมเมนท์แล้วก็ชื่นชอบกันทั้งนั้น บอกว่าเคะแรงๆกับเมะใสๆนี่เข้ากันดี เห็นแบบนี้เราก็ดีใจมากๆเลยค่ะ  :impress3:
ว่าแต่...จนถึงตอนนี้ยังมีคนคิดว่าหมอกไม่ได้ใสซื่ออยู่มั้ยนะ? เจอลีลาการยั่วแบบเอ็กซ์เซ็กส์แตกของธารยังมือไม้สั่นขนาดนั้น ตอนนี้คงจะปักใจเชื่อกันแล้วนะคะว่าหมอกใสซื่อจริงๆ
แต่...เราก็ยังไม่ได้บอกนะคะว่าหมอกคือพระเอก นี่พึ่งจะเริ่มต้นเอง ไม่รอกันสักนิดหรอคะเพราะบางทีอาจจะมีหนุ่มคนอื่นโผล่มาอีกก็ได้นะ  o3 แต่เอ๊ะหรือว่านี่จะเป็นการสับขาหลอกเพื่อแกล้งทุกคนกันน้อ?  :a11:
เอาเป็นว่ามาลุ้นกันต่อในตอนหน้านะคะที่ร้าก ถ้าหากทันวันอาทิตย์เราจะมาลงให้ แต่ถ้าไม่ทันก็คงเป็นวันจันทร์นะคะ แล้วถ้าหากฟินและชื่นชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า ขอบคุณมากๆเลยค่ะทุกคน  :pig4:
(15 ก.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-09-2017 22:23:05
 :jul1: น้องธารร้อนแรงมาก  :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-09-2017 23:02:15
อ๊าก..กกกกกกกกก    :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-09-2017 23:34:58
 :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 16-09-2017 00:27:34
ต้องยอมรับว่า...จมูกร้อนเลยค่ะ กำเดาจะไหล
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 16-09-2017 12:09:29
 :pighaun: อู๊วๆๆ เลือดกระฉูดหมดตัว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-09-2017 13:41:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 16-09-2017 15:43:07
มันดีจริงๆ นะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-09-2017 21:57:24
 :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-09-2017 12:50:55
เพิ่งได้มาอ่านนิยายเซ็ทนี้ว่าเรื่องแรกก็ร้อนแรงแล้วนะ เจอเรื่องสองของธารเข้าไปนี่แซ่บมาก ปาดกำเดาแป๊บ เหมือนแต่ละเรื่องจะเพิ่มความร้อนแรงความแซ่บขึ้นเรื่อยๆรึเปล่านะ แต่เรื่องสองเราชอบแล้วอะคุณธารนี่เคะควีนมาก โอ๊ยย อยากฟัด
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 17-09-2017 23:27:36
 :haun4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 18-09-2017 09:40:24
เลือดหมดตัวสุดดดดดดดด :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่1 ขึ้นครู NC [15.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 18-09-2017 14:40:20
เลือดหมดตัวสุดดดดดดดด :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 18-09-2017 19:13:23
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 2# Thara เป็นแฟนกัน...ก็ได้


   ผมตื่นมาอีกทีก็ช่วงสายๆ ของวันถัดไป ถึงแม้เมื่อคืนผมจะมีเซ็กส์แบบจัดหนักขนาดไหน แต่ด้วยความเคยชินร่างกายของผมมันก็ยังสั่งให้ตื่นขึ้นมาอยู่ดี ถึงแม้จะสายกว่าเดิมไปสักหน่อยก็ตาม


   พอลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกก็คือใบหน้าของหมอก ที่ยังคงหลับตาพริ้มด้วยลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมื่อคืนหมอกเหนื่อยขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกอดผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี


   ความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ในหัวใจทำให้ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเพราะไม่เคยนอนค้างกับใคร ปกติพอมีอะไรกันเสร็จเรียบร้อยต่างคนก็ต่างแยกย้ายทางใครทางมัน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมนอนค้างกับผู้ชายแปลกหน้าแบบนี้


   แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะนอนค้างคืนกับหมอกหรอก มันเป็นเพราะผมหมดเรี่ยวแรงจนแทบสลบต่างหากเลยต้องนอนค้างอย่างช่วยไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร ในใจมันรู้สึกดีเลยแหละที่ตื่นมาแล้วมีคนนอนข้างๆ พร้อมกับกอดตัวเองเอาไว้แบบนี้


   เริ่มเข้าใจพี่ภูแล้วล่ะว่า ทำไมถึงได้อยากย้ายไปนอนกับตะวันที่ห้องนักหนา


   จะว่าไป พอได้นอนอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ก็ทำให้ผมมองเห็นใบหน้าของหมอกได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเปลือกตา จมูก แก้ม แล้วก็ริมฝีปาก ทุกอย่างราวกับว่าถูกปั้นออกมาเป็นอย่างดีไม่มีที่ติ ยิ่งได้มองก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าหมอกนั้นหล่อจริงๆ ถ้าจะมีอะไรติก็คงเป็นผมด้านหน้าที่ยาวมากจนบดบังความหล่อไปเกินครึ่งนั่นล่ะ


   ถ้วยความขัดใจ ผมเลยเผลอยื่นมือขึ้นไปปัดผมข้างหน้าของหมอกที่ปรกลงมา ซึ่งนั่นมันก็ทำให้หมอกที่กำลังหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที


   “เอ่อ...ฉันขอโทษนะ นายกำลังหลับสบายอยู่แท้ๆ” ไม่น่ามือซนเลยผม


   “ไม่เป็นไรครับคุณธาร ความจริงผมต้องขอโทษมากกว่าที่ตื่นช้ากว่าคุณซะได้”


   “นายนี่เป็นคนที่ชอบพูดขอโทษจริงๆ เลยนะ ปากนี้น่ะเอาไว้ทำเรื่องดีๆ กับฉันก็พอเข้าใจมั้ย” พูดจบผมก็ยื่นหน้าเข้าไปจูบที่ริมฝีปากของหมอก ก่อนที่จะใช้ลิ้นเลียแล้วดูดเบาๆ เป็นการทิ้งท้าย การกระทำของผมทำให้หมอกหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอายจนเห็นได้อย่างชัดเจน


   กวางหนุ่มน้อยคนนี้ไม่ได้เจนโลกขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เมื่อคืนใสซื่อยังไงตอนนี้ก็ยังใสซื่ออยู่อย่างนั้น ช่างเป็นเด็กที่น่ารักซะจริงๆ


   “จริงสินายหิวรึเปล่า ฉันรู้สึกหิวนิดหน่อยเลยว่าจะโทรสั่งอะไรขึ้นมากิน” ก็เซ็กส์เมื่อคืนมันสูบพลังงานไปน้อยที่ไหน เอาจริงๆ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเสร็จไปกี่รอบ


   “ผมก็ชักหิวขึ้นมาแล้วเหมือนกัน คุณธารอยากกินอะไรครับเดี๋ยวผมโทรสั่งให้เอง”


   “อืม...ฉันเอาสลัดกับออมเล็ตก็แล้วกัน” ปกติตอนเช้าผมจะกินแต่สลัดอย่างเดียว แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าเมื่อคืนผมเสียพลังงานไปเยอะ เพราะงั้นเลยต้องกินอะไรเพื่อฟื้นฟูกันหน่อย


   หลังจากนั้นหมอกก็ลุกไปโทรศัพท์สั่งอาหารกับบริการรูมเซอร์วิส ส่วนผมก็ลุกไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นพร้อมทั้งชำระคราบต่างๆ ให้สะอาด ซึ่งกว่าจะเสร็จเวลามันก็ผ่านไปนานจนอาหารได้ขึ้นมาเสิร์ฟแล้ว


   “อ้าว อาหารมานานแล้วรึยัง”


   “เมื่อกี้นี้เองครับ”


“แล้วค่าอาหาร...”


“ผมจ่ายเรียบร้อยแล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะครับคุณธาร” หมอกพูดจบก็คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเลย โดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดว่าจะเป็นคนจ่ายค่าอาหารด้วยซ้ำ


อันที่จริงตอนจ่ายค่าห้องพักก็เหมือนกัน หมอกรีบควักตังจ่ายโดยไม่ยอมให้ผมหยิบกระเป๋าตังออกมาเลย ทั้งที่ปกติเรื่องแบบนี้ก็ต้องแชร์กันคนละครึ่งอยู่แล้วเพราะเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่


รู้สึกประทับใจขึ้นมานิดหน่อยเลยแฮะ


ผมเอามือทัดผมอย่างขัดเขิน เพราะการที่ถูกเอาใจใส่และให้ความสำคัญ ทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจอย่างประหลาด ผมเคยคิดว่าการอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครมาวุ่นวายข้องเกี่ยวมันก็ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผมว่าผมคงต้องทบทวนความคิดนี้ใหม่แล้วล่ะ


ผมยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ตามด้วยการจัดหน้าจัดผมให้ดูดี ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีหมอกก็เดินออกมาจากห้องน้ำ


   “รอนานมั้ยครับ คงหิวแย่เลยใช่รึเปล่า” เสียงของหมอกทำให้ผมที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะอาหารหันหน้าไปมอง ก่อนที่ผมจะต้องเบิกตาค้างด้วยความตกตะลึง


   “หิว...” ริมฝีปากของผมสั่นนิดๆ ก่อนที่จะกลืนน้ำลายลงไปในลำคอ แต่ที่ผมบอกว่าหิวนั้นไม่ได้หมายถึงข้าว ตอนนี้ผมหิวหมอกที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำต่างหาก


   ผ้าเช็ดตัวนี่มันเกะกะเป็นบ้า อยากกระชากออกไปให้พ้นหูพ้นตาจริงๆ!


   “ถ้าหิวคุณก็กินก่อนได้เลยไม่ต้องรอผมหรอกครับ เดี๋ยวผมขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแป๊บนึง” หมอกใสซื่อซะจนอ่านความคิดทางสายตาของผมไม่ออก ถ้าเป็นคนอื่นคงจะสลัดผ้าเช็ดตัวแล้วกระโจนกินผมก่อนอาหารเช้าไปแล้ว


   “เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนก็ได้หมอก มากินข้าวพร้อมฉันตอนนี้นี่แหละ” ถ้านายไม่อยากกินฉัน ก็มาให้ฉันกินนายทางสายตาเดี๋ยวนี้เลย เพราะกล้ามตรงแผ่นอกและหน้าท้องของนาย มันทำให้ฉันเจริญอาหารมากกว่าเดิมตั้งหลายเท่า


   “เอ่อ...เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” หมอกเดินมานั่งกับผมที่โต๊ะอาหารอย่างว่าง่าย ก่อนที่เราสองคนจะเริ่มต้นกินอาหารเช้าพร้อมกัน โดยของผมก็เป็นสลัดและออมเล็ตอย่างที่สั่ง ส่วนของหมอกเป็นข้าวผัด ไข่ดาว แล้วก็เบคอน


   ตอนแรกก่อนจะเริ่มกินข้าว ผมก็ว่าจะกินหมอกทางสายตาไปด้วย แต่ไหงพอลงมือกินผมกลับต้องหลบสายตา เพราะถูกหมอกจ้องมองมาอย่างเดียวจนทำอะไรแทบไม่ถูกอยู่แล้ว


   “เอ่อ...หน้าฉันมีอะไรติดรึเปล่า” ผมถามพลางเอามือลูบที่ใบหน้าและเส้นผม แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรติดอยู่เลย


   “เปล่าหรอกครับ คือผมแค่ดีใจที่ไม่ได้กินข้าวเหงาๆ คนเดียวแล้ว ถ้าทำให้คุณอึดอัดก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ” สายตาของหมอกบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าก่อนหน้านี้ต้องเหงามากแค่ไหน คนไร้คู่ที่ต้องใช้ชีวิตในเมืองหลวงส่วนใหญ่ก็คงจะรู้สึกแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น


   “จะขอโทษทำไม นายอยากมองก็มองไปสิฉันไม่ได้สึกหรอสักหน่อย มากกว่านี้ก็เคยทำมาแล้วแท้ๆ” พอผมพูดแบบนี้ ใบหน้าของหมอกก็แดงวาบขึ้นมาทันที


   “คือ...ผมยังไม่ชินกับการมีแฟนน่ะครับเลยยังทำตัวไม่ค่อยถูก” พูดถึงตรงนี้หมอกก็หน้าแดงจัด ผิดกับผมที่ตอนนี้จากที่ยิ้มอยู่ได้ชะงักค้างไปซะแล้ว


   เดี๋ยวนะ...แฟน?


   ผมเคยบอกตอนไหนว่าจะเป็นแฟนกับหมอก?


   ผมพยายามคิดทบทวนคำพูดของตัวเองว่าก่อนมาที่นี่ได้พูดอะไรไปบ้าง จริงอยู่ว่าผมโกหกว่าแอบชอบหมอก ถามว่าหมอกมีแฟนรึยัง แล้วก็ถามว่าอยากรู้มั้ยว่าคนที่เป็นแฟนกันเขาทำอะไรกันบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยถามนี่นาว่าเราสองคนมาเป็นแฟนกันมั้ย ผมก็แค่ชวนหมอกขึ้นโรงแรมมานอนด้วยเท่านั้นเอง


   “แต่ถึงผมจะมีคุณเป็นแฟนคนแรก ผมก็สัญญาเลยนะครับว่าจะดูแลเอาใจใส่คุณเป็นอย่างดี ผมจะรักคุณแค่คนเดียว แล้วก็จะไม่ทำให้คุณเสียใจอย่างแน่นอน” ยิ่งหมอกพูดด้วยใบหน้าจริงจังมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเหงื่อตกและพูดไม่ออกมากเท่านั้น


   ใครจะไปพูดจาทำร้ายจิตใจหนุ่มใสซื่อที่คิดจริงจังกับผมได้ลงกันเล่า ถึงแม้จะไม่อยากคบ แต่ผมก็ต้องเออออห่อหมกบอกว่าจะคบด้วยอยู่แล้ว


   “ขะ...ขอบใจนะหมอก ฉันเชื่อว่านายจะต้องเป็นแฟนที่ดีของฉันได้แน่ๆ” ผมยิ้มแหยๆ แต่หมอกกลับมองเป็นยิ้มหวาน แล้วเริ่มกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่ออย่างมีความสุข


   เฮ้ออออออ ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างแรงอยู่ข้างใน จะให้โทษใครได้ล่ะถ้าไม่ใช่เพราะผมพูดจากำกวมจนหมอกคิดไปไกล
แต่คิดไปคิดมามีแฟนอย่างหมอกก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ถึงจะใสซื่อแต่ก็เรียนรู้เรื่องอย่างว่าได้ไวอยู่เหมือนกัน ไอ้นั่นก็ใหญ่โตอวบอั๋นดีด้วย ที่สำคัญหน้าตาก็ยังหล่อเหลาแถมยังนิสัยดีอีกต่างหาก ผมยังไม่เห็นเลยว่าหมอกจะมีข้อเสียที่ตรงไหน


   เพราะงั้น...สรุปผมจะคบกับหมอกเป็นแฟน (ก็ได้) แล้วกัน


   “จะว่าไปวันนี้นายไม่ได้เข้าบริษัทหรอหมอก” ผมถามขึ้นหลังจากที่เราสองคนกินข้าวที่สั่งมากันหมดแล้ว


   “เอ่อ...ทำไมผมต้องเข้าบริษัทด้วยหรอครับ” หมอกทำหน้างง


   “หรือว่าบริษัทของนายให้ทำงานแค่วันจันทร์ถึงศุกร์หรอ โชคดีจริงๆ เลยน้า” ผมพูดด้วยความอิจฉา เพราะเดี๋ยวนี้หายากจะตายที่บริษัทเอกชนจะไม่ให้พนักงานทำงานวันเสาร์ด้วย ขนาดทำเสาร์เว้นเสาร์อย่างผมยังหาได้ยากจนแทบไม่มี


   “คือ...ผมยังไม่ได้ทำงานเลยนะครับคุณธาร” คำพูดของหมอกทำให้ผมทำหน้างงขึ้นมาบ้าง


   “นายกำลังตกงานอยู่งั้นหรอ”


   “เปล่าครับ ผมกำลังเรียนอยู่”


“มิน่าล่ะถึงได้ทำหน้างงตอนที่ฉันถามเรื่องงาน แต่เดี๋ยวนี้เด็กที่จบตรีก็มักจะเรียนโทต่อเลยล่ะนะ ว่าแต่นายเรียนเกี่ยวกับอะไรแล้วใกล้จบรึยัง ฉันรู้จักคนค่อนข้างเยอะเผื่อจะฝากฝังเข้าทำงานได้”


ไหนๆ ผมกับหมอกก็เป็นแฟนกันแล้ว ผมเลยคิดว่าจะช่วยเหลือและสนับสนุนหมอกให้เต็มที่ไปเลย เพราะหมอกก็ดูท่าทางเอาการ เอางาน แล้วก็เอาเก่ง...แต่เอ๊ะ! อันนี้ไม่เกี่ยวนี่นะ ถ้างั้นก็ข้ามไปแล้วกลับไปที่เรื่องงานของหมอกดีกว่า


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ความคิดของผมก็ถึงกับสะดุดเพราะหมอกได้ตอบผมมาว่า...


“เรื่องงานเอาไว้ก่อนก็ได้ครับคุณธาร เพราะผมพึ่งจะเข้าเรียนป.ตรีปี 1 เอง”


“ห้ะ! นายว่าไงนะ!” คำพูดของหมอกทำให้ผมตกใจจนถึงกับลุกพรวดขึ้นมา พลางคิดในใจว่า…ฉิบ – หาย – แล้ว!


โอ้พระเจ้า! ผมคว้าเด็กที่อายุห่างกันเกือบ 10 ปีมากิน มิหนำซ้ำยังหลวมตัวตอบไปว่าจะเป็นแฟนกันอีกต่างหาก นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นในชีวิตของผมกันเนี่ย!


จริงอยู่ว่าตอนแรกผมเดาอายุของหมอกไว้แล้วว่าคงจะน้อยกว่าผม แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะน้อยกว่าถึงขนาดนี้ เพราะถึงหมอกจะหน้าเด็กแต่ก็มีบรรยากาศที่สุขุมดูเป็นผู้ใหญ่ ใครจะไปคิดกันเล่าว่าจะอายุแค่ 18 หรือ 19 ปี...แบบนี้ผมรับไม่ได้หรอกนะ!


 “เอ่อ...คุณธารตกใจอะไรหรอครับ” หมอกมองมาที่ผมด้วยแววตาใสซื่อ


ให้ตายสิ! ทำไมผมถึงไม่คิดเอะใจเลยนะว่าพนักงานออฟฟิศอายุ 24 – 25 จะใสซื่อขนาดนี้ได้ยังไง แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องคิดเป็นอันดับแรกก็คือ...จะหาทางชิ่งหมอกยังไงดี!


ซึ่งในขณะที่ผมกำลังคิดไม่ตกกับเรื่องนี้อยู่นั่นเอง เสียงสวรรค์จากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเพื่อช่วยชีวิตผม คนที่โทรมานั้นไม่ใช่ใคร เป็นพี่ชายสุดที่รัก (ที่วันนี้รักมากเป็นพิเศษ) ของผมนั่นเอง!


“ฮัลโหล! ว่าไงพี่ภู!” สาบานได้เลยว่า ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยรับสายด้วยท่าทีลิงโลดและดีใจขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง


[“จะมาว่าไงอะไร เมื่อคืนไม่กลับบ้านยังมีหน้ามาทำเสียงลั้นลาอีกนะ”] ดูท่าวิญญาณมนุษย์พ่อคงจะเข้าสิงพี่ภูเข้าแล้ว แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะไม่ว่าผมจะไปสนุกกับใครที่ไหน แต่หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็จะกลับไปนอนที่บ้านตลอด ไม่เคยค้างคืนกับใครจนไม่กลับบ้านช่องแบบนี้
“ขอโทษที พอดีผมมีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อยน่ะ ว่าแต่ที่พี่โทรมามีอะไรรึเปล่า”


[“จะมีอะไรได้ล่ะนอกจากเป็นห่วงแก”]


“ว่าไงนะ! วาแพ้กุ้งอยู่ที่โรงพยาบาลงั้นหรอ!”


[“หา? แกละเมอรับสายรึไงธาร พี่บอกว่าที่โทรมาเพราะเป็นห่วง...”]


“โอเคๆ เดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละพี่ภู อีกไม่เกิน 20 นาทีเจอกัน” พูดจบผมก็กดวางสายทันที แถมยังกดปิดเครื่องเพื่อไม่ให้พี่ภูโทรหาอีกรอบ ก็แน่นอน เพราะเมื่อกี้ผมกับพี่ภูพูดจาคนละเรื่องเลยนี่นา แต่ว่าผมไม่ได้ละเมออย่างที่พี่ภูพูดหรอกนะ ผมจงใจพูดคนละเรื่องเพื่อที่จะหาทางชิ่งหมอกให้ได้ต่างหาก


“ขอโทษทีนะหมอกฉันต้องรีบไปแล้ว น้องฉันแพ้กุ้งอย่างรุนแรงเลยต้องรีบไปโรงพยาบาล ไว้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉันจะติดต่อมาหา แล้วเจอกันนะ” ผมพูดในระหว่างที่วิ่งไปเก็บข้าวของ จากนั้นก็รีบออกไปทางประตูโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้หมอกได้พูดอะไรเลยสักนิด


“ดะ...เดี๋ยวครับคุณธาร...คุณธาร!” หมอกตะโกนไล่หลังผมมา ก็แน่ล่ะถึงผมจะบอกว่าจะติดต่อไปหา แต่ในเมื่อเราสองคนรู้เพียงชื่อของกันและกัน ส่วนเรื่องที่อยู่ สถานที่เรียน/ทำงาน หรือว่าเบอร์ติดต่อก็ยังไม่ได้บอกกันเลยด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้ผมจะติดต่อหรือว่านัดเจอกับหมอกได้ยังไง


แต่ถึงจะข้องใจและกระวนกระวายแค่ไหน หมอกก็ไม่สามารถออกมาจากห้องแล้วไล่ตามผมได้อยู่ดี เพราะตอนนี้หมอกยังคงนุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงแค่ผืนเดียว คนอย่างหมอกไม่มีทางที่จะออกมาจากห้องในสภาพแบบนั้นได้อยู่แล้ว และผมก็คิดถูก!


“เฮ้อออออออ” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ที่ในที่สุดก็หลุดพ้นจากหมอกได้สักที ถึงแม้ตอนนี้ลึกๆ ข้างในผมจะรู้สึกผิด อาลัยอาวรณ์ และสงสารหมอกนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะไม่ยอมเปลี่ยนใจเด็ดขาด


เด็กที่อายุห่างกันขนาดนั้นผมจะทำใจคบด้วยได้ยังไง ผมต้องการแฟนนะไม่ใช่ลูกหรือว่าหลาน เพราะงั้นจากนี้ก็บ๊ายบายทางใครทางมันก็แล้วกัน!


2BC


 :110011: สวัสดีค่าทุกคน Erotic หัวใจร้อนรักตอนที่ 2 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า หลังจากเสียเลือดหนักมาในตอนแรกพออ่านจบตอนที่ 2 แล้วเป็นยังไงกันบ้างเอ่ย ถูกใจ เงิบ หรือว่าหัวเสียกันอยู่มั้ยน้อ อิอิ  :ling1:
ก็เคยบอกไว้แล้วว่าบางทีหมอกอาจจะไม่ใช่พระเอกก็ได้ เด็กขนาดนี้ธารจะไปชอบลงได้ยังไง ติดใจก็แค่ตรงนั้นเฉยๆ  o16 แต่...อะไรก็เกิดขึ้นได้ เอาจริงๆธารก็แอบหวั่นไหวกับหมอกที่ใสซื่อแต่เอาใจใส่ตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ก็นะ พอหนีพ้นแล้วถ้าหากจะอยากติดต่อก็คงยากแล้วล่ะ ต่างคนต่างรู้เพียงแค่ชื่อเล่นเท่านั้น แล้วอย่างนี้จะหากันเจอได้ยังไง เพราะงั้น...ทีมหมอกคงต้องกินแห้วแล้วล่ะม้าง อิอิ  o3
ไวรอลุ้นกันตอนหน้านะคะว่าจากนี้ธารจะเจอหนุ่มคนใหม่หรือว่าจะวกกลับไปหาหมอก อีก 2 – 3 วันเรามาต่อแน่นอนปูเสื่อรอไว้เลย ยังไงถ้าชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ ตอนที่แล้วคนคอมเมนท์เยอะมากๆ เราอ่านแล้วมีความสุขสุดๆเลยค่า  :m3:
(18 ก.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 18-09-2017 19:44:19
อย่าร้ายสิคะคุณธาร
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-09-2017 20:04:10
อ้าวทำไมทำกับเด็กมันแบบนี้ล่ะคะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 18-09-2017 23:41:03
คุณธารชิ่งเลยหรอ มาสอนเด็กให้ใจแตกแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 19-09-2017 00:05:03
คุณธาราผู้โหดร้าย อ่อยเด็กแล้วจากไปได้ไง!!!!
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-09-2017 00:19:03
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-09-2017 00:21:07
อ้าวววววววทำไมคุณธารทำอย่างนี้ละคะ มาทำเด็กให้ใจแตกแล้วก็ชิ่งหนีแบบนี้ก็ได้เหรอ สงสารหมอกเลยอะเสียตัวไม่พอยังโดนทิ้งให้คิดว่าเป็นแฟนกันด้วยอีก คุณธารจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ กลับมาาา!!! ระวังจะเจอพิษรักแรงแค้นจากเด็กเอานะคะ ขอเตือน!
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-09-2017 06:48:34
โธ่ๆๆ...........ทั้งที่เคมีต้องกัน  :mew2:
ต่างฝ่ายต่างสุขสม ถูกใจกัน มีความสุขแท้ๆ
แค่หมอกยังเรียนปี 1
คุณธารก็ชื่งหนีเสียแล้ว

เสียดาย......หมอกที่ซื่อๆ 
เพิ่งมีประสบการณ์เซ็กส์สุดยอด เพราะคุณธาร
บอกธารว่าเป็นแฟนคนแรก แฟนก็ชิ่งหายซะและ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-09-2017 08:03:57
คุณธารใจร้ายอ่าา ฟันแล้วทิ้ง 555
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-09-2017 09:22:33
เดี๋ยวก็ได้เจอกัน ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 19-09-2017 16:08:50
 :sad4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-09-2017 18:37:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-09-2017 18:47:05
เด็กไม่ดีตรงไหน..พี่ธารจะได้เป็นอมตะ   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-09-2017 18:55:33
 :katai1: รออีก 2 - 3 วันเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 19-09-2017 19:57:46
สงสารน้องอะะ ธารใจร้ายอะะ ถ้าน้องตามเจอขอให้น้องจับมาตีก้นซะให้เข็ดดด :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 19-09-2017 23:52:50
กินเด็กไม่ดีตรงไหน เป็นอมตะเชียวนะพี่ธาร
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 เป็นแฟนกัน...ก็ได้ [18.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-09-2017 00:39:10
น้องหมอกถูกทิ้งซะแล้ว
คุณธารใจร้าย :hao5:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 20-09-2017 21:48:33
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 2# Thara การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ?


   “กลับมาแล้ว” ผมพูดขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ซึ่งก็เจอทุกคนมายืนออกันที่ทางเข้าโดยมีพี่ภูเป็นแกนนำ


   “เมื่อคืนไปนอนที่ไหน เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยธาร” พี่ภูตีหน้ายักษ์ใส่ผม ส่วนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าลงสนับสนุน แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะเล่าอะไรให้ใครฟังหรอกนะ


“ผมเหนื่อย ขอตัวไปนอนก่อนนะพี่ภู” พูดจบผมก็เบี่ยงตัวหลบออกมา พี่ภูที่เห็นอย่างนั้นเลยว่าจะเดินตามมาแต่ก็ถูกตะวันรั้งเอาไว้ซะก่อน


“ปล่อยให้คุณธารอยู่คนเดียวสักพักเถอะครับ ตอนนี้อาจจะมีเรื่องกลุ้มใจอยู่ ไว้ดีขึ้นเดี๋ยวคุณธารก็คงเล่าให้พวกเราฟังเอง” ผมกล่าวขอบคุณตะวันอยู่ในใจ ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเอง


ผมรู้ดีว่าตอนนี้ทุกคนกำลังเป็นห่วงผม แต่ผมเป็นผู้ใหญ่ที่อายุ 27 แล้ว ไม่ใช่เด็กอายุ 17 ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะสักหน่อย


   “เฮ้ออออออ” เมื่อถึงห้องผมก็ล้มตัวลงบนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เพราะระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน ความรู้สึกผิดมันได้คืบคลานเข้ามาในจิตใจของผมอยู่ตลอด ยิ่งพอนึกถึงสายตาของหมอกที่มองผมอย่างหลงใหล ราวกับว่าได้มอบหัวใจให้ผมมาแล้ว มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากกว่าเดิม


กับผู้ชายคนอื่นที่ผมเคยทิ้ง ผมไม่เคยอาลัยอาวรณ์และรู้สึกผิดแบบนี้เลยสักครั้ง ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าผมบอกเงื่อนไขและข้อตกลงอย่างชัดเจนว่าคืนเดียวจบ ไม่เหมือนหมอกที่ผมหลอกใช้ประโยชน์จากความใจดี แถมยังล่อลวงจนหนุ่มที่ใสซื่อแบบนั้นลุ่มหลง เพราะงั้นผมถึงได้จมปลักกับความรู้สึกผิดที่เกาะกุมหัวใจอยู่แบบนี้


   นี่ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วที่ผมหนีออกมา ผมเดาไม่ออกเลยว่าหลังจากนั้นหมอกจะทำยังไงต่อไป จะอยู่รอผมเหมือนหมาน้อยรอเจ้านาย หรือว่าจะปลงตกแล้วเก็บข้าวของออกจากห้องไป ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าหมอกคงจะเลือกอย่างหลัง เพราะถึงยังไงผมก็ไม่มีทางกลับไปหาหมอกที่นั่นอีกครั้งแน่ๆ


   สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับฉันใด ธาราอย่างผมเมื่อตัดสินใจแล้วก็จะไม่หันหลังกลับฉันนั้น ไม่ว่าใครหรืออะไรก็ไม่สามารถทำให้ความจริงข้อนี้เปลี่ยนแปลงไปได้ ในเมื่อมันถูกกำหนดเอาไว้แล้วจะมีข้อยกเว้นได้ยังไง...


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก


   เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้น ทำให้ผมที่เหนื่อยทั้งกายและใจจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ลืมตาตื่นขึ้นมา จากนั้นก็ลุกไปเปิดประตูห้องด้วยท่าทางอ่อนล้าและอิดโรย


   “มีอะไรหรอตะวัน”


   “เอ่อ...ผมจะมาถามน่ะครับว่าข้าวเย็นคุณธารจะกินอะไร”


   “หา? นี่ฉันเผลอหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยความตกใจ ผมก็นึกว่าตัวเองเผลอหลับไปแค่ 30 – 40 นาทีซะอีก


   “คุณธารมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ใช่มั้ยครับ เล่าให้ผมฟังได้นะเผื่อผมจะช่วยอะไรได้บ้าง” ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นคนรักของพี่ภูแล้ว แต่ตะวันก็ยังคงดูแลและเอาใจใส่ทุกคนในบ้านอยู่เหมือนเดิม ความอ่อนโยนที่ได้รับทำให้ผมเผลอนึกถึงหมอกเข้าจนได้


   ผมรู้สึกลังเลอยู่นิดหน่อยว่าควรจะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ตะวันฟังหรือไม่ แต่พอเห็นสิ่งที่คล้ายกัน อย่างเช่นความใสซื่อของหมอกและตะวัน ผมเลยตัดสินใจให้ตะวันเข้ามาในห้อง


   “เข้ามาสิ” ผมพูดจบก็เดินนำไปนั่งตรงปลายเตียง ส่วนตะวันก็ปิดประตูแล้วเดินลงมานั่งข้างๆ ผม


   ผมนั่งเงียบๆ เพื่อเรียบเรียงคำพูดอยู่สักพัก โดยที่ตะวันก็รอคอยอย่างดีไม่ได้เร่งเร้าอะไรจากผมเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งพร้อมแล้ว ผมจึงได้เล่าทุกอย่างโดยไม่ปิดบังให้ตะวันฟังทั้งหมด ซึ่งพอได้ฟังจนจบตะวันก็ดูอึ้งๆ และมองผมอย่างไม่เชื่อสายตา


   “ภาพลักษณ์ฉันมันดูแย่กว่าที่คิดใช่มั้ยล่ะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก เพราะคนรอบข้างมักจะคิดไปเองว่าผมสูงส่ง แต่ความจริงแล้วผมก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปที่มีอารมณ์ ความต้องการ แล้วก็ด้านมืดในจิตใจเท่านั้นเอง


   “ก็...ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ มนุษย์เรามีความคิดและการกระทำที่แตกต่างกันอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เชื่อว่าทุกคนล้วนต้องการความรักจากใครสักคนทั้งนั้น จะเป็นใครก็ได้แต่ขอให้รักเราจริงและรักในสิ่งที่เราเป็นก็พอ”


   สิ่งที่ตะวันพูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง เห็นผมเป็นคนรักสนุกแบบนี้ แต่ลึกๆ แล้วผมก็ต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างกายอยู่ดี แต่มันก็ติดอยู่ที่ว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครถูกใจผมเลยแม้แต่คนเดียว


   ส่วนหมอก...จริงอยู่ว่าผมรู้สึกถูกใจอยู่ไม่น้อย ทั้งหน้าตา นิสัย และร่างกายที่เข้ากันได้อย่างดีมาก แต่พอได้รู้ว่าอายุของเราสองคนห่างกันเกือบ 10 ปีผมก็รับไม่ไหวจริงๆ ยิ่งพอคิดว่าตอนผมเข้าเรียนมหา’ลัยหมอกยังอยู่แค่ป.3 แต่พอหมอกจบมหา’ลัยผมก็อายุปาไป 30 ผมก็ยิ่งทำใจไม่ได้ ช่องว่างของอายุเราสองคนมันมากเกินไปจริงๆ


   “เรื่องนั้นฉันไม่เถียงหรอกนะ แต่ฉันทำใจคบเด็กที่อายุห่างกันขนาดนั้นไม่ลงหรอก” พอผมยืนกรานแบบนี้ตะวันเลยทำท่าจะพูดอะไรออกมา แต่ว่าผมก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างเลยยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะปาก แล้วส่งเสียง ‘ชู่วววว’ เบาๆ เพื่อให้ตะวันเงียบ


   “กินเด็กไม่ดีตรงไหน สงสัยพี่ธารไม่เคยได้ยินว่ากินแล้วจะเป็นอมตะ”


   “เออ พี่ก็ว่างั้น เด็กๆ นี่ตัวเด็ดเลยขอบอก ทั้งใส ทั้งซิง ทั้งว่าง่าย วุ้ย! พูดแล้วชักหิว”


   “มึงหยุดหื่นสัก 5 นาทีได้มั้ย เรื่องของมึงใครเขาอยากรู้ มาช่วยกันคิดเรื่องของพี่ธารดีกว่า”


   “นั่นสิพี่ก็เห็นด้วยกับแก แต่แปลกใจจริงๆ นะที่ธารไปนอนกับคนที่เด็กขนาดนั้นได้ นี่ถ้าเกิดเป็นเด็กที่อ่อนกว่านี้สักปีสองปีมีสิทธิ์ติดคุกได้เลยนะเนี่ย”


   สิ่งที่ได้ยินมันทำให้ผมรู้สึกปรี๊ดจนขึ้นสมอง ถึงไม่ต้องมองหรือเห็นหน้าผมก็รู้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคไหน


หนอย...งานการไม่มีทำรึไงถึงได้มาแอบฟังกันครบทุกคนขนาดนี้!


   ผมหันไปชี้นิ้วสั่งตะวันให้อยู่เงียบๆ ห้ามลุกไปไหน ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นแล้วค่อยๆ ย่องไปที่ประตู จากนั้นก็ดึงพรวดเข้ามาจนเพลิงกับวาที่พิงประตูอยู่ถึงกับหน้าคว่ำ ส่วนพฤกษ์กับพี่ภูที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอะไร แต่หน้าก็เจื่อนไปเหมือนกันที่ถูกผมจับได้ซะแล้ว


“ว้า แย่จัง พี่ธารรู้ตัวตั้งแต่ตอนไหนครับเนี่ย” วาทำท่าทางแอ๊บแบ๊วเพื่อไม่ให้ผมโมโห


“ความน่ารักไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะวา” ผมกอดอกแล้วเก็กโหด แต่อันที่จริงผมก็แค่แกล้งเล่นๆ ไม่โกรธอะไรหรอก ผมรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงผมเพราะครอบครัวเราก็มีกันอยู่แค่นี้


“โหย พี่ธารอย่าทำหน้าดุสิครับ เดี๋ยวหน้าแก่ไปพี่หมอกไม่รักไม่รู้ด้วยนะ” วาพูดจบก็อมยิ้มจนแก้มป่อง ส่วนผมที่โดนล้อขนาดนั้นจากที่ไม่โกรธก็ชักจะหัวร้อนขึ้นมาแล้ว


“วา!!”


“แว้กกกกก! พี่ภูช่วยผมด้วย!” แล้ววาก็รีบวิ่งไปหลบหลังพี่ภู ซึ่งแน่นอนว่าพี่ภูก็ต้องออกโรงปกป้องน้องที่รักมากจนเหมือนลูกอยู่แล้ว


“ใจเย็นๆ น่า วาก็แค่แซวเล่นนิดหน่อยเอง แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว พี่ว่าเรามานั่งคุยกันเรื่องนี้กันเลยดีมั้ย” พอพี่ภูพูดแบบนี้แล้วผมจะว่าไงได้ล่ะ ก็ต้องยอมให้ทุกคนเข้ามาคุยกันในห้องอยู่แล้ว เพราะเล่นมาแอบฟังตั้งแต่ต้นจนรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนี่


   “ผมว่าพี่หมอกก็ไม่ได้เด็กขนาดนั้นนะครับพี่ธาร อายุก็ตั้ง 18 – 19 ปีแล้ว” วาที่ตอนนี้นอนคว่ำอยู่บนเตียงผมพูดขึ้น โดยมีเพลิงนอนในท่าเดียวกันอยู่ข้างๆ ในขณะที่พฤกษ์ก็นั่งอยู่ตรงขอบเตียง ส่วนพี่ภูได้ลากเก้าอี้มานั่งที่ปลายเตียง ตรงข้ามผมกับตะวัน


   “ที่แกบอกว่าไม่เด็กก็เพราะหมอกอายุเยอะกว่าแกน่ะสิ หรือว่ามีใครในนี้คิดเหมือนกันกับวาด้วย?” ประโยคหลังผมหันไปถามทุกคน แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรยกเว้นพี่ภู


   “จริงอยู่ ถ้ามองกันที่อายุหมอกดูเด็กจริงๆ แต่พี่อยากให้แกมองที่อย่างอื่นมากกว่า อย่างเช่นนิสัย การกระทำ หรือวุฒิภาวะ แกคิดว่าทั้งหมดที่พี่พูดมาหมอกมีอะไรบ้างที่ดูเป็นเด็ก”


   “ก็...นอกจากความใส หมอกก็ดูเป็นผู้ใหญ่คนนึงเลยพี่ภู” เพราะงั้นผมถึงได้ดูพลาด จนชวนหมอกขึ้นโรงแรมไปนอนด้วยยังไงเล่า


   “ถ้าเป็นอย่างนั้นแกก็ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลยนี่”


   “นั่นสิพี่ธาร อายุเป็นแค่ตัวเลขพี่ไม่เคยได้ยินรึไง” ประโยคนี้เพลิงเป็นคนพูดขึ้นสนับสนุนพี่ภู


   “เรื่องนั้นพี่ก็เคยได้ยินอยู่หรอก แต่ว่านอกจากเรื่องอายุมันก็ยังมีเรื่องอื่นที่เป็นปัญหาอยู่ดี หมอกกับพี่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตตรงข้ามกันทุกอย่าง พี่ว่าเราสองคนไม่น่าจะไปกันรอด” พอได้ยินแบบนี้พฤกษ์เลยพูดขึ้นมาว่า...


   “แต่ความแตกต่างมันอาจจะเข้ากันดีก็ได้นะครับ ดูจากแม่เหล็กขั้วบวกกับขั้วลบสิพี่ธาร เป็นเพราะเส้นแรงแม่เหล็กที่ต่างขั้วกัน เลยทำให้ทั้งสองขั้วมีแรงดูดจนดึงเข้าหากัน เพราะงั้นถ้าพี่ธารจะกังวลเรื่องความต่าง ผมว่ามันก็ไม่น่าจะมีปัญหามั้งครับ” สิ่งที่พฤกษ์พูดมามันมีเหตุผลดูเป็นหลักการจนเกือบทำให้ผมเคลิ้มอยู่แล้ว แต่มันก็ติดปัญหาเรื่องสำคัญอยู่ดี


   “พี่กับหมอกเป็นคนไม่ได้เป็นแม่เหล็กนะพฤกษ์ ทฤษฎีของแกมันเอามาใช้ในชีวิตจริงไม่ได้”


“แล้วคุณธารรู้ได้ยังไงครับในเมื่อยังไม่ได้ลอง” ประโยคนี้ตะวันเป็นคนพูดขึ้น ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมถึงกับนิ่งอึ้งเพราะพูดอะไรไม่ออก
ผมยังไม่ได้ลองอย่างที่ตะวันพูดจริงๆ...


“ไหนๆ คุณธารก็ทำให้หมอกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนกันแล้ว ผมว่าคุณธารลองเปิดใจให้หมอกดูก็ไม่เห็นเสียหายนี่ครับ ถ้าเกิดไปกันไม่ได้ก็แค่ตัดขาดกันเหมือนวันนี้ แต่ถ้าไปกันได้ดีคุณธารก็จะได้คู่ชีวิตมาเลยนะครับ”


ผมนิ่งไปทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่ตะวันพูด แค่ลองเปิดใจก็อาจได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กลับมาแล้ว ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงได้ถือทิฐิและนึกต่อต้านขนาดนั้น


ผมไม่น่าทำร้ายความรู้สึกของหมอกไปแบบนั้นเลย...


“ขอบใจนะตะวัน ฉันตัดสินใจได้แล้ว” ผมยิ้มให้ตะวันก่อนที่จะหันไปยิ้มให้ทุกคน


สีหน้าของผมตอนนี้ ถึงไม่ต้องบอกแต่ทุกคนก็เดาออกว่าผมจะทำยังไงต่อไป เพราะงั้นทุกคนเลยให้กำลังใจก่อนจะแยกย้ายกันลงไปข้างล่าง ส่วนผมก็อาบน้ำแต่งตัวและเปลี่ยนชุดใหม่เพื่อจะออกไปข้างนอก แต่ผมก็โดนพี่ภูบอกให้กินข้าวเย็นด้วยกันก่อน เพราะผมนอนหลับยาวจึงได้กินเพียงแค่ข้าวเช้าเท่านั้น


หลังจากกินข้าวกับทุกคนเสร็จผมก็ขับรถไปที่โรงแรมเดิมที่เคยนอนกับหมอก แต่แน่นอนว่าหมอกต้องเช็คเอาท์ออกไปแล้ว ดังนั้นผมจึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปยังบริเวณที่เจอหมอกครั้งแรก เพราะผมจำได้ว่าหมอกเคยชี้ไปยังซอยที่เช่าหอพักเอาไว้อยู่


ในซอยนี้ถึงแม้จะไม่ลึกแต่ก็มีหอพักอยู่หลายตึกเหมือนกัน ผมจึงหาที่จอดรถตรงมุมดีๆ แล้วพยายามสอดส่องมองหาหมอกที่เผื่อจะลงมาจากหอ แต่ผมรอเป็นชั่วโมงก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ถ้าจะให้ลงไปถามกับผู้ดูแลหอเขาก็คงไม่ยอมบอก แถมดูท่ายังจะไล่ตะเพิดผมออกมาด้วยซ้ำเพราะกลัวเป็นมิจฉาชีพ


“เฮ้ออออออ” ผมถอนหายใจออกมาที่คว้าน้ำเหลว การตามหาใครสักคนที่รู้เพียงแค่ชื่อและหน้าตามันมีโอกาสเจอยากมากจริงๆ บางทีผมกับหมอกอาจจะไม่ได้เป็นคู่กันก็ได้ เพราะงั้นผมคงต้องตัดใจอย่างเดียวแล้วล่ะมั้ง


เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมก็ถอนหายใจอีกครั้งแล้วขับรถออกมาจากซอย ผมยังคงรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่ไม่น้อยเลยขับรถช้าๆ พลางสอดส่องสายตาเพื่อมองหาหมอกเช่นเดิม


จนกระทั่งขับมาถึงหน้าปากซอย สายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับหน้าผับที่เจอกับหมอกเมื่อวาน มันจะเป็นไปได้มั้ยนะว่าบางทีหมอกอาจจะเข้าไปตามหาผมในนั้น?


ถึงแม้จะมันจะมีโอกาสเพียงแค่น้อยนิดที่จะเจอ แต่ผมก็ยูเทิร์นขับรถไปยังผับดังกล่าวจนได้ เมื่อหาที่จอดได้แล้วผมก็เดินเข้าไปตามหาหมอกข้างใน แต่ไม่ว่าจะพยายามหาที่มุมไหนผมก็ยังหาหมอกไม่เจออยู่ดี


“เฮ้ออออออ” กี่ครั้งแล้วนะที่วันนี้ผมถอนหายใจออกมา ผมรู้สึกว่าความพยายามของผมนั้นช่างไร้ค่า จนคิดว่าจะตัดใจเลิกหาหมอกแบบถาวร
แต่ก่อนที่ผมจะเดินออกมา เสียงฮือฮาจากทางด้านหลังของผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน ถึงแม้จะไม่ได้สนใจแต่ผมก็เผลอหันกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้อยู่ดี


โธ่เอ๊ยก็แค่คนจูบกัน ทำเป็นฮือฮาอย่างกับไม่เคยเห็นไปได้


เรื่องแบบนี้มันก็เป็นปกติของที่นี่อยู่แล้ว ผมแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมผู้คนถึงได้สนใจกันนักก็ไม่รู้ ซึ่งพอลองมองดูดีๆ ฝ่ายที่เป็นรับเหมือนจะเป็นนักร้องวัยรุ่นนี่นา ถ้างั้นก็ไม่แปลกหรอกที่ผู้คนจะสนใจ ว่าแต่ฝ่ายที่เป็นรุกคือใครผมชักสนใจซะแล้วสิ


ด้วยความที่เห็นแต่ด้านหลังของเขา ทำให้ผมก้าวเท้าขยับไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะมองหน้าให้เห็นได้ชัดๆ แต่น่าแปลกที่ทุกย่างก้าวที่เข้าใกล้ผมกลับยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับเขามากขึ้น ทั้งส่วนสูง รูปร่าง และทรงผม มันช่างดูคล้ายกับคนที่ผมกำลังตามหาเหลือเกิน


คงไม่ใช่หรอกน่า...


ถึงแม้จะพยายามคิดอย่างนั้น แต่สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้ามันก็ชัดเจนเลยว่าผมดูไม่ผิด คนที่กำลังจูบอย่างดูดดื่มกับนักร้องวัยรุ่นคือหมอกจริงๆ ไม่ผิดคนแน่!


“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะหมอก! นายเป็นแฟนฉันแต่กล้าไปจูบกับคนอื่นได้ยังไง!” ผมตรงเข้าไปจับสองคนนั้นแยกกันแล้ววีนแตกออกมาทันที ตอนนี้ผมหัวร้อนจนแทบจะพ่นไฟเผาร้านได้อยู่แล้ว


หนอย...ไอ้ผมก็เครียดและกลุ้มใจจนออกตามหาอยู่ได้ไม่รู้กี่ชั่วโมง แต่หมอกกลับออกมาเที่ยวอย่างไม่ทุกข์ร้อน แถมยังนอกใจไปจูบกับคนอื่นอย่างหน้าตาเฉยอีกต่างหาก เจออย่างนี้ใครมันจะไปทนไหวกันเล่า!


แต่แทนที่เห็นผมกำลังหัวเสียแบบนี้แล้วหมอกจะรีบเข้ามาขอโทษ เปล่าเลย เพราะหมอกกลับขมวดคิ้วแล้วกอดอกมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าซะงั้น!


สายตาและท่าทางแบบนั้นทำเอาผมโมโหจนถึงกับเลือดขึ้นหน้า แต่ที่ยิ่งโมโหมากกว่า ก็คือคำพูดกวนประสาทของหมอกนี่แหละ!


“เมาโบท็อกซ์จนเพี้ยนรึไงคุณ ผมชื่อเมฆไม่ได้ชื่อหมอก มาแอบอ้างว่าเป็นแฟนแบบนี้ผมเสียหายนะ”


2BC


สวัสดีค่าทุกคน แปลกใจใช่ม้าที่เห็นเค้ามาลงนิยายวันนี้  :hao3: ตอนนี้มาลงให้อ่านเร็วกว่ากำหนด เพราะรู้ว่าทุกคนค้างคาจนรีบปั่นจนเขียนเสร็จทันทีพอดี เย่!  :a2:
แต่...ดูเหมือนว่าอ่านจบตอนนี้ทุกคนจะค้างคามากกว่าเดิมนะเนี่ย อิอิ จะมีใครรู้หรือเดาออกมั้ยน้อว่า “หมอก” คนที่น่ารัก แสนดี ใสซื่อ และอ่อนต่อโลกคนนั้นอยู่ไหน แล้ว “เมฆ” คนที่ร้ายกาจ กวนประสาท ปากเสีย และเจนจัดคนนี้เป็นใคร ไหนใครคิดยังไงมาเม้ามอยและเปลี่ยนความคิดกันค่า  :katai2-1:
ส่วนตอนหน้าก็อาจจะต้องรอกันสัก 3 วันนะคะ พอเข้าปลายเดือนแล้วงานเริ่มหนักจนแอบอู้มาเขียนไม่ได้ ยังไงก็ช่วยรอเค้าหน่อยน้า แล้วถ้าชื่นชอบ (หรืออยากพ่นไฟระบายความค้างคา  :m31:) ก็คอมเมนท์เข้ามาเพื่อเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะคะ แล้วเจอกันวันเสาร์ค่ะบ๊ายบายยยย  :bye2:
(20 ก.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-09-2017 23:12:42
หืมมมม? คืออะไรยังไงหว่าตอนนี้ถ้าให้เดาก็คิดได้อย่างเดียวว่าเป็นฝาแฝดแต่จะแฝดจริงๆหรือหมอกแค่อ้างชื่อเพราะโกรธคุณธารอันนี้คงต้องรอตอนต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-09-2017 23:27:14
ถ้าไม่ใช่ฝาแฝด หมอกก็ต้องเป็นคนสองบุคลิกแน่นอน  งานนี้ราชินีอาจจะมีเหนื่อยแน่   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-09-2017 23:34:44
แฝดหรือเปล่า หรือพี่น้อง
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-09-2017 23:56:08
แฝด??? ไบโพล่า???     :o :o :o
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 21-09-2017 00:29:29
แฝด?
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 21-09-2017 07:00:52
ถ้าเป็นฝาแฝด ขอ3pเลยนะขอรับ คึหึหึๆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 21-09-2017 08:28:59
3p จะมามั้ยย จะมารึเปล่าาาา :hao6: :z2:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 21-09-2017 08:31:05
พระเอกจะเป็นฝาแฝดรึเปล่า น่าติดตามมากเลย
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-09-2017 12:23:25
ท่าทางมีแฝด ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 21-09-2017 18:24:02
 :a5:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-09-2017 19:07:56
เราว่าขอแบบเอามันทั้งแฝดพี่เมฆน้องหมอกเลยเถอะค่ะ คุ้มค่าความแซบของธารหน่อย
ถ้าสองบุคลิคจะแอบรับมือยากกว่ารึเปล่า รอนะคะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 22-09-2017 04:12:20
โอ๊ยค้างมากมาย หมอกมีฝาแฝดหรือแกล้งธารหรือมีสองบุกคลิก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่2 การกินเด็กทำให้เป็นอมตะ? [20.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-09-2017 09:54:34
ภูตะวัน ก็ลงเอยด้วยดี
ภูก็ทำปากแข็ง หน้าเหี้ยม จริงๆ ก็สนใจตะวันหรอก
ตะวันน่ารักมากเลย นิสัยดี ขนาดพ่อทำเรื่องไม่ดี ยังรักมากขนาดนั้น

โอ๊ยยย เซ็งธารมาก บอกเลย
แล้วหมอกหรือเมฆ มีจริงไหมคะ หรือเป็นทั้งเมฆและหมอก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 23-09-2017 22:06:32
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก



Part 3# Thara เงื่อนไข 3 ข้อ


“วะ...ว่าไงนะ!” ตอนนี้ผมช็อกจนเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะถูกด่าว่าเมาโบท็อกซ์ แถมคนด่าก็ยังเป็นหมอกที่บอกว่าตัวเองชื่อเมฆอีกต่างหาก


นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!


“เมฆ นายมีแฟนแล้วหรอ” นักร้องวัยรุ่นที่จูบกับหมอกเมื่อกี้ถามขึ้น รู้สึกว่าจะชื่อพิทหรือพีทนี่แหละมั้ง แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะผมไม่สนใจ ผมสนใจแค่ว่าหมอกจะโกหกผมว่าชื่อเมฆทำไม หรือโกรธที่ถูกผมทิ้งที่โรงแรมเลยกำลังเอาคืน


“เปล่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้...เฮ้ย! อะไรเนี่ย! คุณจะพาผมไปไหน!” หมอกร้องโวยวาย เมื่อถูกผมจับที่ข้อมือแล้วลากออกมาให้ห่างจากนักร้องวัยรุ่นคนนั้น แต่ไหนๆ ก็ได้ลากออกมาแล้ว ผมเลยพาหมอกออกมาจากผับซะเลย เพราะสถานที่แบบนั้นมันไม่ได้เข้ากับหมอกเลยสักนิด


“เวรเอ๊ย เกือบจะสอยนักร้องได้อยู่แล้ว” หมอกสบถออกมาพลางเอามือเสยผมอย่างไม่สบอารมณ์


“เลิกพูดจาแบบนี้เถอะหมอก มันไม่ได้เหมาะกับนายเลยนะ” ผมกอดอกแล้วทำหน้าดุใส่ แต่หมอกก็ไม่ได้สนใจแถมยังทำหน้าเบื่อหน่ายอีกต่างหาก


“คุณเป็นอัลไซเมอร์รึไง ผมก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าผมชื่อเมฆไม่ได้ชื่อหมอก”


“เลิกประชดฉันได้แล้ว ฉันรู้ว่านายกำลังโกรธ จะให้ฉันขอโทษกี่ครั้งก็ได้ แต่นายช่วยกลับมาเป็นคนเดิมจะได้มั้ย” ตอนนี้ผมรู้สึกผิดจริงๆ เด็กที่ใสซื่ออย่างหมอกพอรู้ว่าตัวเองโดนทิ้งคงสติหลุด ถึงได้จัดการเปลี่ยนลุคแล้วทำตัวไม่ดีประชดชีวิตแบบนี้


“ประชดเนี่ยนะ? ผมจะประชดเพื่อในเมื่อผมไม่รู้จักคุณเลยด้วยซ้ำ แต่เอ๊ะ หรือว่านี่เป็นมุกใหม่ที่เอาไว้ตกผู้ชาย? แหม...ถ้าหิวก็บอกกันดีๆ ก็ได้ ถึงคุณจะไม่ใช่สเปคเพราะแก่ไปหน่อย แต่หน้าของคุณก็สวยไม่เบาอยู่เหมือนกัน”


นี่เป็นอีกครั้งที่ผมช็อกจนเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง ตอนนี้ความรู้สึกผิดที่กัดกินใจของผมได้กระเด็นหายไปจนหมด แถมผมยังหัวร้อนจนตัวสั่นแทบเป็นเจ้าเข้าอีกต่างหาก!


“หมอก! ถ้ายังไม่เลิกประชดฉันจะโกรธจริงๆ แล้วนะ!”


“จะโกรธก็โกรธไปสิผมสนที่ไหน ให้ตาย...เรียกหมอกๆๆๆ อยู่ได้ ถ้าหูตาฟ่าฟางจนจำคนผิด แถมยังฟังไม่รู้เรื่องขนาดนั้นก็กลับบ้านไปนอนเถอะลุง!” คำพูดสุดท้ายของหมอกทำเอาผมถึงกับอ้าปากพะงาบๆ ตอนนี้ผมปรี๊ดแตกจนฟิวส์ขาดเรียบร้อยไปแล้ว!


“ไอ้เด็กบ้า! กล้าดียังไงถึงได้เรียกฉันว่าลุงกันห้ะ!”


“ถ้างั้นหรือจะให้ผมเรียกว่าป้าดีล่ะ?”


“อ๊ากกกกกกก! ไอ้เด็กบ้าฉันจะตบปากนาย!” ผมพูดจบก็พุ่งตัวใส่หมอก แต่หมอกก็เบี้ยงตัวหลบอย่างง่ายดาย แล้วเดินหนีไปราวกับว่ากำลังรำคาญผมเสียเต็มประดา


“นี่! มาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ! นายจะหนีฉันไปไหน!” ผมรีบวิ่งไปคว้าแขนหมอกเอาไว้ แล้วดึงให้หันหน้ากลับมาหาผม


“จะไปไหนมันก็เรื่องของผม คุณมายุ่งอะไรในเมื่อเราสองคนไม่ได้รู้จักกัน”


“อย่ามาทำเป็นไม่รู้จักฉันนะหมอก!”


“โธ่เว่ย! ก็บอกแล้วไงว่าผมชื่อเมฆ! ผมพูดชัดเจนแล้วนะว่าไม่ใช่คนที่คุณกำลังตามหา!”


“เลิกเล่นบ้าๆ ได้แล้วหมอก! ถ้าจะแกล้งปลอมตัวเป็นคนอื่นก็ช่วยทำให้มันเนียนๆ หน่อยสิ! ทั้งหน้าตา รูปร่าง ทรงผมก็หัดเปลี่ยนซะด้วยไม่ใช่เปลี่ยนแค่นิสัย! แต่ความจริงถึงนายจะเปลี่ยนทุกอย่างที่ฉันพูดไป แต่ฉันก็ยังจำรูปร่างกับขนาดของไอ้นั่นนายได้อยู่ดี!”


พูดถึงตรงนี้หมอกก็ถึงกับนิ่งอึ้งและชะงักไปทันที แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาก็กลับไปเป็นเจ้าเล่ห์และร้ายกาจเหมือนเดิม...ไม่สิ มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ


“คุณนี่มันอัจฉริยะจริงๆ เลยนะ แม้แต่ขนาดไอ้นั่นคุณยังจำได้เล่นเอาผมทึ่งไปเลย แต่ก็น่าแปลกอยู่นะที่ทำไมผมกลับจำคุณไม่ได้ หรือบางทีคุณอาจจะห่วยเกินไปจนผมไม่คิดจะจำล่ะมั้ง” แค่คำพูดอย่างเดียวมันก็ทำให้ผมปรี๊ดแล้วนะ แต่นี่ยังมีสายตาดูถูกเหยียดหยามด้วยอีก เจอแบบนี้ใครจะไปทนไหวกันล่ะ!


“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ! เมื่อคืนนายครางชื่อฉันลั่นห้องเลยไม่ใช่รึไงที่ได้ฉันขึ้นครู!”


“หืม? ขึ้นครู? หมายถึงเป็นคนเปิดซิงผมน่ะนะ?” หมอกทำหน้างงแล้วชี้มือเข้าหาตัวเอง


“ก็ใช่น่ะสิไอ้เด็กไก่อ่อน!” ผมจงใจพูดให้หมอกโกรธ แต่นอกจากจะไม่โกรธแล้วหมอกยังหัวเราะเสียงดังออกมาอีกต่างหาก


“ฮ่าๆๆๆ คุณคิดว่าผู้ชายที่จะอายุ 19 ในปีนี้จะมีใครซิงอยู่อีกงั้นหรอ นี่คุณบ้าปะเนี่ย” พูดถึงตรงนี้หมอกก็ยังไม่หยุดขำเลยด้วยซ้ำ


“ถ้าอย่างนั้นนายจะบอกว่า เมื่อคืนนายแค่แกล้งแสดงละครหลอกฉันว่างั้น? นายคิดว่าฉันไร้ประสบการณ์จนแยกเรื่องนั้นไม่ออกเลยรึไง” ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าเมื่อคืนเป็นครั้งแรกของหมอก ปฏิกิริยาที่ใสซื่อแบบนั้นไม่มีทางที่คนประสบการณ์โชกโชนจะแกล้งทำได้แน่


ผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่ายังไงก็ไม่มีทาง!


“เฮ้ออออออ ดูท่าจะพูดอีกกี่รอบคุณก็คงไม่ยอมเข้าใจสินะว่าผมไม่ใช่คนที่คุณตามหา แต่ก็เอาเถอะ ถ้าคุณอยากให้ผมเป็นแฟนจริงๆ ผมจะยอมเป็นให้ก็ได้ แต่ผมมีข้อแม้อยู่สามข้อ คุณจะยอมตกลงรึเปล่าล่ะ” หมอกถามด้วยหน้าตายียวนกวนประสาท


ผมคิดว่าหมอกต้องกำหนดเงื่อนไขสุดโหดมาให้ผมแน่ๆ แต่ถึงรู้ทันผมก็จะยอมเล่นไปตามเกม เพราะผมผิดเองที่ทำให้หมอกโกรธจนต้องกลายเป็นแบบนี้


“ก็ได้ บอกข้อแม้ของนายมาเลย” หมอกทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมตอบตกลงง่ายๆ แต่ผมกลับเป็นฝ่ายที่แปลกใจเองมากกว่า เมื่อหมอกบอกเงื่อนไขข้อแรกกับผม


“ในเมื่อคุณเป็นแฟนผมแล้ว เพราะงั้นไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นคุณก็ห้ามบอกเลิกผมเด็ดขาด”


ที่ผมรู้สึกแปลกใจเป็นเพราะว่า ก่อนหน้านี้หมอกยืนกรานว่าผมทักคนผิดอยู่ตลอด แต่ตอนนี้กลับเป็นคนบอกให้ผมห้ามบอกเลิกซะงั้น จะย้อนแยงไปไหนเนี่ย


แต่ก็นะ ถึงจะย้อนแยงผมก็ไม่คิดว่าข้อแม้นี้จะเสียหายอะไร เพราะโดยพื้นฐานหมอกเป็นคนที่มีนิสัยดีมากอยู่แล้ว คนที่แย่จนอาจถูกบอกเลิกน่าจะเป็นฝ่ายผมมากกว่า เพราะงั้น...


“โอเค ฉันสัญญา” คำตอบของผมทำเอาหมอกอมยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย จากนั้นจึงได้บอกข้อแม้ที่สองออกมา ซึ่งมันก็ทำให้ผมถึงกับงงจนต้องอ้าปากค้าง


“คืนนี้คุณต้องเรียกผมว่าเมฆเท่านั้น ห้ามหลุดเรียกผมว่าหมอกออกมาแม้แต่คำเดียว”


“หา?” ตอนแรกผมก็เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าต้องถูกหมอกเอาคืนเพราะแค้นแน่ๆ แต่ไหงกลับกลายเป็นว่าให้ผมเปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองใหม่ซะงั้น
หรือว่านี่จะเป็นการเอาคืนรูปแบบใหม่?


พอคิดไปคิดมามันก็มีความเป็นไปได้ เพราะถ้าผมเผลอหลุดเรียกหมอกออกไปก็อาจจะโดนแกล้งอย่างหนัก แถมใช่ว่าก่อนหมดคืนนี้เมฆจะสามารถแกล้งผมได้ครั้งเดียวเสียเมื่อไหร่


แต่ก็เอาเถอะ แค่ไม่หลุดเรียกว่าหมอกออกไปก็ไม่มีอะไรแล้ว


“โอเค ตลอดคืนนี้ฉันจะเรียกนายว่าเมฆ” พอได้ยินแบบนี้เมฆก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงได้บอกเงื่อนไขข้อที่สามแก่ผม
“สุดท้าย...เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้คุณต้องห้ามพูดถึงอีกเป็นอันขาด”


“หา? ทำไมล่ะ”


ผมรู้สึกว่าเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อของเมฆนั้นมันประหลาดจริงๆ ถ้าโกรธผม แค้นผม ก็น่าจะเอาคืนผมให้สาสมไม่ใช่รึไง แต่เงื่อนไขพวกนี้มันห่างไกลจากคำว่าแก้แค้นลิบลับเลย


แปลก...นี่มันแปลกเกินไปแล้ว...


“คุณบอกว่าการที่ผมเป็นแบบนี้มันไม่เหมาะกับผมเลยใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นผมเลยไม่อยากให้คุณพูดถึงมันอีกก็แค่นั้นเอง”


“งั้นหรอ...” ผมรู้สึกว่าเหตุผลนี้มันก็ดูฟังขึ้นและมีความเป็นไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกติดใจอยู่ดี เพราะเหมือนว่ามีอะไรสักอย่างที่มันยังขัดแย้งกันอยู่ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร


“เอางี้ ถ้าคุณรับปาก ตื่นเช้ามาผมสัญญาเลยว่าจะให้ของขวัญที่คุณต้องการเป็นการตอบแทน”


ของขวัญที่ผมต้องการงั้นหรอ?


เราสองคนพึ่งจะรู้จักกันเมื่อวานแท้ๆ แต่เมฆกลับพูดอย่างมั่นใจเสียเต็มประดาขนาดนั้น ชักอยากรู้แล้วสิว่าตื่นเช้ามาเมฆจะให้อะไรกับผม
“ก็ได้ ฉันตกลง” ผมรู้ดีว่าจากคำพูดของเมฆนั้นหมายความว่า ตลอดคืนนี้เราสองคนต้องอยู่ด้วยกันจนถึงเช้า ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่การจับมือกันแล้วต่างคนต่างหลับไปอยู่แล้ว


“ถ้างั้นก็อย่าเสียเวลากันเลย ไปโรงแรมกับผมดีกว่า” เมฆตรงเข้ามาประชิดตัวผมแล้วก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู


อะไรกันเนี่ย เมื่อวานผมเป็นคนเอ่ยปากชวนแท้ๆ แต่ไหงวันนี้มันถึงได้กลับตาลปัตรเป็นเมฆที่เป็นฝ่ายชวนกันนะ! 


2BC


สวัสดีค่า Erotic หัวใจร้อนรักตอนที่ 3 ก็ได้จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า  o18 ไหนใครอ่านจบแล้วเดาออกบ้างว่าเมฆเป็นใคร จากคอมเมนท์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เดาว่าน่าจะเป็นแฝดของหมอก นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเสียงเหมือนกันที่เดาว่าหมอกเป็นคน 2 บุคลิก หรือที่เดาว่าหมอกก็แค่อยากเอาคืนเฉยๆก็มีเหมือนกัน พออ่านจบแล้วยังยืนยันความคิดเดิมนั้นอยู่มั้ยน้อ?  :hao3:
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันนะคะว่าจะมี NC รึเปล่า ถ้ามีธารจะเป็นฝ่ายกินหรือจะเป็นฝ่ายถูกกินกันนะ?  รอกันไม่เกิน 3 วันรับรองได้รู้กันแน่นอนค่า  :z1:
แต่ถึงจะได้รอนานแต่พรุ่งนี้เราก็มีเซอร์ไพรส์มาให้ทุกคนนะคะ เพราะเราจะเอาภาพสเก็ตปกมาให้ดูกันจ้า มาลุ้นกันเถอะว่าปกจะเป็นแบบไหน แล้วใครที่จะเป็นพระเอกของเรื่องนี้ หรือว่าจะเป็นทั้ง 2 คนเลยนะ?  มาส่องกันได้ที่แฟนเพจ Sameejaejung หรือทวิตเตอร์ @Sameejaejung เลยนะคะ (ทวิตเตอร์พึ่งเล่นเมื่อวานเอง ฝากฟอลด้วยน้าทุกคน)  :m1:
(23 ก.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-09-2017 23:24:38
หอมกลิ่น 3 P   :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-09-2017 23:48:04
หึหึสามคนก้อดีนะมีความลงตัว
แต่ถ้าหมอกแกล้งเป็นหมอกตั้งแต่วันแรกนี่เอาออสการ์ไปเลยเหอะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-09-2017 00:45:44
โอ๊ะๆๆๆๆ จะออกมายังงัยน้อ  ลุ้นๆๆ   :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-09-2017 06:28:59
ลุ้นๆๆๆ ฝาแฝดหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ 3p เลยยย
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 24-09-2017 09:55:56
ตอนนี้คิดอีกแบบ คิดว่าหมอกน่าจะมี 2 บุคลิก ไม่ก็แอ๊บแสดงเฉยๆ เฮ้ยยๆๆ อ้าวว รีบมาต่อนะจ๊าา :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-09-2017 10:51:06
เมฆ หมอก เดาง่ายๆก็น่าจะฝาแฝด ซึ่งมันเดาง่ายไปมั้ยน้า??
แต่อีกใจนี่ก็คิดว่าน่าจะคนเดียวกัน แต่ที่ทำเป็นไม่รุ้จักนี่กะจะตลบหลังคุณธารรึเปล่า
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 24-09-2017 13:18:35
แกล้งกันเหรอ ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 24-09-2017 17:15:09
ขอตอนต่อไปด่วนเลยค่ะ งงมากตกลงเป็นไบโพล่าหรือมีแฝดอีกคนกันแน่ สนุกมากๆค่ะ o13 :katai4: :katai4:

หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-09-2017 20:36:39
เอิ่มมม อ่านแล้วงงมากทั้งที่เราชอบเรื่องนี้นะแต่ทำไมตอนนี้รำคาญนิสัยคุณธารจังเลยละ ดูไม่ฉลาดและก็ไม่ทันคนเหมือนที่ผ่านมา คือคิดจะง้อหมอกอย่างเดียวโดยไม่ดูองค์ประกอบอื่นๆเลยเหรอ หือ?
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 25-09-2017 02:20:59
ตอนที่ผ่านมาสับสนว่าฝาแฝดหรือ2บุกคลิก อ่านตอนนี้เทใจที่2บุกคลิกมากกว่า เจอปกที่ไรท์ลงในเฟซยิ่งมั่นใจ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 25-09-2017 04:34:43
จงเป็น3pด้วยเถิดดดด~
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 25-09-2017 19:48:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 เงื่อนไขสามข้อ [23.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 25-09-2017 22:35:25
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 26-09-2017 23:01:47
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 3# Thara ของขวัญจากเมฆ NC-18


ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเดิม โรงแรมเดิม และห้องเดิมเหมือนเมื่อวาน...


ผมจำได้เป็นอย่างดีเลยว่า เมื่อมาถึงเมฆได้ลังเลและประหม่าขนาดไหน ความใสซื่อและไร้เดียงสาของหนุ่มน้อยที่อ่อนต่อโลกทำให้ผมรู้สึกสนใจ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า หนุ่มน้อยที่เจนจัดมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีเช่นเดียวกัน


   “อา...ดะ...เดี๋ยวก่อนเมฆ อื้อ...นี่จะทำ...ตั้งแต่ตรงนี้...อา...เลยรึไง” เมื่อเข้ามาในห้องผมก็ถูกดันให้หลังติดกับกำแพง ก่อนที่เมฆจะตามมาประชิดแล้วก้มหน้าลงซุกไซ้ที่ซอกคอของผม ไปพร้อมๆ กับการใช้มือปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างกายของเราทั้งคู่


   แว้บหนึ่งผมคิดว่าเมฆอาจจะไม่ใช่หมอกเพราะดูช่ำชองและเจนจัดเกินไป แต่ผมก็มั่นใจว่าใบหน้าและร่างกายนี้เป็นของหมอกอย่างแน่นอน ยิ่งบวกกับความหัวไวและเป็นงานของหมอกเมื่อวาน จึงทำให้ผมเชื่อว่านี่คือหมอกที่แกล้งเป็นเมฆเพื่อเอาคืนผมเฉยๆ


   “ไม่ใช่แค่ตรงนี้ แต่ผมจะทำกับคุณทุกที่เลยต่างหาก” เมฆพูดจบก็ขบเม้มที่ซอกคอของผมแรงขึ้น ส่วนสองมือก็บีบและขยี้ที่ยอดอกอย่างหนักหน่วง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รุนแรงจนทำให้ผมเจ็บปวด ความรู้สึกเดียวที่ผมรับรู้คือความเสียวซ่าน ซึ่งมันก็ยิ่งไต่ระดับมากขึ้นในทุกวินาที


“อืม...อา...” ผมครางกระเส่า ความเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้นทำให้ร่างกายท่อนล่างของผมมันเริ่มแข็งตัว เมฆที่รู้สึกได้จึงลดมือข้างหนึ่งลงไปด้านล่าง จากนั้นก็ค่อยๆ ลูบไล้ตามเรียวขาขึ้นมาช้าๆ


“อา...” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่นด้วยความเสียว ส่วนเรียวขาก็สั่นสะท้าน ในขณะที่ส่วนนั้นก็ได้แข็งตัวขึ้นมาอย่างเต็มที่


“ความรู้สึกของคุณนี่ไวจังเลยนะ” เมฆพูดจบก็รูดรั้งส่วนนั้นของผมขึ้นลงช้าๆ จากนั้นก็ย่อตัวลงไปจนแผ่นอกของผมอยู่ตรงกับใบหน้า แล้วจึงได้ใช้ริมฝีปากครอบครองตรงยอดที่กำลังแข็งเป็นไต


“ซี้ดด...อา...” การกระทำของเมฆทำให้ผมครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน ยิ่งจังหวะที่ลิ้นร้อนๆ กำลังตวัดเลียขึ้นลงที่ยอดอก ส่วนฝ่ามือก็เร่งจังหวะในการขยับขึ้นลง มันก็ยิ่งทำให้ผมเสียวสุดๆ จนส่วนนั้นได้มีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากส่วนปลาย


“เมฆ...อื้ม...อา...” เมฆที่รู้ว่าผมใกล้เสร็จแล้วจึงได้เร่งจังหวะการขยับมือให้รวดเร็วมากขึ้น ส่วนปลายลิ้นก็เช่นกัน แถมริมฝีปากยังขบเม้มและออกแรงดูดที่ยอดอกอย่างรุนแรงอีกต่างหาก จนผมต้องกรีดร้องออกมาเพราะต้านทานความเสียวซ่านไม่ไหว


“อ๊ะ...อ๊า...เมฆ...ฉันจะ...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊าาา!” สิ้นเสียงนั้นห้วงอารมณ์ของผมก็ทะยานขึ้นสู่จุดสุดยอดทันที โดยที่เมฆก็ได้ใช้มือรองรับเอาไว้ทุกหยาดหยด จากนั้นก็วาดมืออ้อมมาทางด้านหลังของผม แล้วสอดนิ้วอันเรียวยาวนิ้วหนึ่งเข้ามาข้างใน


“อื้อ!” ผมที่ไม่ได้ตั้งตัวเลยถึงกับสะดุ้งเฮือก สองมือจึงโผโอบรอบลำคอของเมฆเอาไว้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เมฆหลุดหัวเราะด้วยความขบขันออกมา


“คุณก็ไม่เห็นจะโปรสักเท่าไหร่เลยนี่นา” เมฆพูดในขณะที่กำลังขยับนิ้วเข้าออกในตัวของผม สีหน้าและคำพูดที่สบประมาททำเอาผมถึงกับปรี๊ด


“เจอของจริงแล้วนายจะพูดไม่ออก” เมฆยักไหล่ ผมจึงได้เลื่อนฝ่ามือลงไปกอบกุมท่อนเนื้อของเมฆทันที เท่านั้นแหละจากที่กำลังอุ่นๆ อุณหภูมิก็สูงขึ้นจนผมรู้สึกร้อน แน่นอนว่าขนาดของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมือของผมแทบจะกำไม่รอบอยู่แล้ว


“ข้างหลังของคุณรัดแน่นขึ้นนะ อยากได้ของผมมากเลยรึไง” เมฆยิ้มที่มุมปากพร้อมกับสอดนิ้วที่สองเข้ามา ถึงจะทำท่าทีเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ผมก็พอจะสังเกตได้ว่าเมฆกำลังเสียวแค่ไหนด้วยมือของผม


“ของนายก็แข็งแล้วก็ร้อนเหมือนกัน อยากเข้ามาข้างในตัวฉันแล้วล่ะสิ” ผมกระซิบด้วยเสียงแหบพร่าอย่างยั่วยวน จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียช้าๆ ที่บริเวณใบหู ส่วนมือก็ยังคงรูดรั้งและใช้นิ้วหัวแม่มือถูไถที่ส่วนปลายของแก่นกายเมฆอีกต่างหาก


“อึ่ก!” ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาเมฆถึงกับตัวเกร็งและหยุดหายใจไปชั่วขณะ เพียงแค่นี้ผมก็รับรู้ได้ว่าชัยชนะได้อยู่ข้างๆ ตัวผมแล้ว


“คราวนี้ขอฉันดูลีลาของนายหน่อยแล้วกัน หวังว่าคงจะไม่ห่วยเกินไปจนฉันหมดอารมณ์หรอกนะ” ผมพูดในขณะที่กำลังฉีกซองถุงยาง จากนั้นก็สวมให้กับท่อนเนื้ออันใหญ่ยาวและอวบอั๋นของเมฆ


“หึ! หมดอารมณ์งั้นหรอ ผมกลัวว่าคุณจะร้องครางไม่หยุดซะมากกว่า” เมฆพูดจบก็ยกตัวผมขึ้นโดยใช้แขนรองที่ข้อพับขา จากนั้นก็ดันให้แผ่นหลังของผมชิดติดกำแพง แล้วจึงได้กระแทกท่อนเนื้อเข้ามารวดเดียวจนมิดลำ


“อ๊า!!!” ผมกรีดร้องลั่นพร้อมกอดคอของเมฆแน่น ความรู้สึกที่ถูกเสียดสีอย่างแรงมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด ผมรู้สึกดีและเสียวสุดใจจนหยุดร้องครางไม่ได้เลย


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ตอนนี้ช่องทางของผมสั่นระริก และกระตุกตอดรัดท่อนเนื้อร้อนๆ ของเมฆอย่างถี่ยิบ ทำเอาเมฆที่กำลังจะพูดข่มผมถึงกับกัดริมฝีปากล่างแล้วร้องซี้ด ก่อนที่จะเพิ่มความเร็วของการขยับแก่นกายให้เร็วขึ้น แรงขึ้น และลึกมากยิ่งขึ้นตามแรงอารมณ์


“อ๊ะ! อ๊า...อ๊า...ตรงนั้น!...อ๊า...ดีจัง...แรงอีกเมฆ! อ๊า...” ผมกรีดร้องด้วยความสุขสม เมื่อถูกท่อนเนื้อของเมฆกระแทกโดนจุดเสียว โดยไม่ต้องพูดซ้ำ เมฆก็จัดการกระแทกจุดนั้นซ้ำๆ อย่างรุนแรงและหนักหน่วง จนผมแทบไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกจากความเสียว ซึ่งเมฆก็เช่นกัน


“ซี้ดด...อา...” ความเสียวซ่านทำให้เมฆครางกระเส่าออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อช่องทางด้านหลังของผมบีบและตอดรัดท่อนเนื้อของเมฆมากขึ้น ทำเอาเมฆต้องขยับสะโพกกระแทกเข้ามาแรงขึ้น จนเสียงเนื้อที่กระทบกันแทบจะดังกว่าเสียงครางของเราสองคนแล้ว


“เมฆ! เมฆ! อ๊า! ฉันจะ...อ๊ะ...อ๊า...เสร็จแล้ว...อ๊า...”


“อึ่ก...ถ้างั้นก็ปล่อยออกมา...ซี้ดดด...ผมก็จะ...อา...” เมฆพูดได้แค่นั้นก็กัดริมฝีปากล่างแน่น จากนั้นก็บีบสะโพกของผมแล้วกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้ามาอย่างสุดแรงไม่มียั้ง ความรู้สึกที่ถูกเสียดสีและกดย้ำซ้ำๆ ตรงจุดกระสันที่อยู่ข้างใน มันทำให้ผมเสียวแทบขาดใจจนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว


“เมฆ! อ๊า...เมฆ...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊าาาาาาาาา!” ผมกรีดร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ปลดปล่อยความเสียวซ่านทั้งหมดออกไปทันทีเป็นครั้งที่สอง


“อึ่ก! อาาาาส์” ส่วนเมฆเมื่อโดนช่องทางของผมบีบและตอดรัดอย่างรุนแรง ก็ทนไม่ไหวจนกระแทกแก่นกายเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วฉีดพ่นทุกหยาดหยดออกมาอย่างอัดแน่นจนผมรู้สึกได้ แม้ว่าจะมีอะไรบางๆ ขวางกั้นเอาไว้ก็ตาม


   “อา...” เมฆหอบหายใจออกมา ก็นะ...ท่านี้มันกินพลังงานไปน้อยที่ไหน ถ้าคนที่ไม่แข็งแรงจริงๆ ไม่มีทางยืนทำจนเสร็จได้แน่ๆ แต่ถึงจะเสร็จแล้วก็ใช่ว่าเมฆจะหยุดแค่นี้เสียเมื่อไหร่


   “ไปต่อที่เตียงกันเถอะ” เมฆพูดจบก็ประคองที่สะโพกของผมเอาไว้ให้มั่น จากนั้นก็พาผมเดินไปยังเตียงโดยที่ร่างกายของเราทั้งคู่ยังคงเชื่อมกันอยู่เลย


“อา...” แรงสั่นสะเทือนทุกย่างก้าวของเมฆทำให้สะโพกของผมขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้แรงนักแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเสียวได้อยู่ดี ส่งผลให้ตอนนี้ช่องทางด้านหลังของผมกระตุกตอดรัดท่อนเนื้อของเมฆจนขยายใหญ่ขึ้น


“อา...” คราวนี้เมฆส่งเสียงครางออกมาบ้าง ผมชอบนักล่ะเวลาที่ทำให้คนที่นอนด้วยครางกระเส่าออกมาได้ แล้วผมก็ชอบเป็นคนคุมเกมด้วย เมื่อกี้เมฆเป็นฝ่ายทำแล้วต่อไปก็เป็นคราวผมแล้วกัน เพราะงั้นผมจึงได้กอดคอและเกี่ยวขากับสะโพกของเมฆให้แน่นขึ้น จากนั้นก็เอี้ยวหน้าไปใช้ลิ้นเลียที่ใบหูพร้อมกับขบเม้มอย่างยั่วเย้า


“อื้ม...ดีจังเมฆ...อา...” เสียงครางและการกระทำของผมทำให้เมฆครางต่ำในลำคอ ก่อนจะรีบเดินไปนั่งที่ขอบเตียงแล้วยกสะโพกผมขึ้นเพื่อถอนท่อนเนื้อร้อนๆ ออกมา ซึ่งผมก็เป็นงานจึงได้ถอดถุงยางเก่าออกไป แล้วสวมอันใหม่ให้ภายในเวลาไม่กี่วินาที


  “อยากเข้ามาในนี้รึเปล่าเมฆ” ผมถามในขณะที่ยกสะโพกขึ้นสูง แล้วจ่อแก่นกายอันร้อนระอุของเมฆที่ช่องทางด้านหลัง ซึ่งตอนนี้กำลังเต้นตุบจนแทบจะดูดกลืนมันเข้าไปข้างในอยู่แล้ว


“อย่าถามในสิ่งที่คุณก็รู้อยู่แล้วได้มั้ย” เมฆขบกรามแน่นจนแทบเห็นเส้นเลือด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เมฆกำลังต้องการผมขนาดไหน แต่ผมจะไม่ทำอะไรจนกว่าเมฆจะพูดออกมาหรอกนะ


“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น พูดออกมาสิว่าต้องการฉัน...เดี๋ยวนี้” ผมเน้นย้ำคำสุดท้าย พร้อมกับร่อนสะโพกส่ายไปมา แถมยังบดเบียดกับท่อนเนื้อของเมฆจนส่วนหัวแทบจะผลุบเข้าไปข้างในตัวของผม


“อา...ต้องการ...ผมต้องการคุณ” เมฆแทบจะถอดประโยคเดิมที่พูดกับผมเมื่อวานออกมาเลย คำตอบนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แล้วกดสะโพกลงไปครอบครองท่อนเนื้ออันใหญ่โตจนมิดลำ


“อ๊าาาาาาา!”


“อาาาา!”


ผมกับเมฆเราสองคนร้องครางออกมาดังลั่นด้วยความเสียวซ่าน ช่องทางด้านหลังของผมตอดรัดท่อนเนื้ออันอวบอั๋นของเมฆถี่ยิบอย่างควบคุมไม่ได้ ร่างกายนี้ยังคงทำให้ผมเสียวสุดยอดจนแทบขาดใจได้เหมือนเคย


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...ดีจัง...อ๊า...” ผมยกสะโพกขึ้นสูงจนแก่นกายของเมฆเกือบหลุด จากนั้นก็ทิ้งตัวลงมาอย่างแรงจนกลืนกินเมฆเข้าไปอย่างสุดโคน แล้วทำการยกสะโพกขย่มขึ้นลงโดยเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” แรงเสียดสีก่อให้เกิดความเสียวซ่าน แต่นั่นก็ไม่มากเท่ากับการที่เมฆเด้งสะโพกกระแทกสวนขึ้นมา แถมยังใช้มือทั้งสองข้างบีบขยี้ที่ยอดอกของผมไปด้วย


“เมฆ...อ๊า...เมฆ...” ผมออกแรงขย่มกลืนกินท่อนเนื้อของเมฆอย่างเมามัน ส่วนเมฆก็ไม่ต่างกัน เพราะตอนนี้ได้ลดมือข้างหนึ่งลงไปรูดรั้งส่วนนั้นของผม ส่วนยอดอกข้างที่ว่างก็ใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นดูดเลียอย่างตะกรุมตะกราม


“อ๊า...อ๊ะ...เมฆ...ดีจัง...แรงอีก...อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” ผมจิกทึ้งที่เส้นผมดำขลับของเมฆจนยุ่งเหยิง แต่เมฆก็ไม่ได้สนใจตรงนั้น เพราะกำลังตั้งหน้าตั้งตาดูดเลียที่ยอดอกของผม ส่วนท่อนเนื้อก็กระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างดุดันและรุนแรงตามที่ผมร้องขอ


“ซี้ดดด...อา...เสียวเป็นบ้า...อาา...” ความเสียวซ่านจากการที่ถูกผมขย่มและตอดรัดทำเอาเมฆแทบคลั่ง จึงได้ฟัดที่ยอดอกของผมอย่างเมามันและเด้งสะโพกอย่างสุดแรง จนตอนนี้ห้วงอารมณ์ของเราสองคนได้พุ่งทะยานขึ้นสูงจนแทบจะถึงฝั่งฝัน


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...เมฆ! อ๊า...อ๊า...”


“อา...อา! ซี้ดด...อา!”


เราสองคนครางระงม โดยที่ผมได้ขย่มสะโพกกลืนกินแก่นกายของเมฆด้วยความเร็วสูงสุด แถมยังดูดกลืน บีบรัด และกระตุกตอดท่อนเนื้อร้อนๆ อย่างถี่ยิบ เล่นเอาเมฆถึงกับครางซี้ดแล้วกระแทกแก่นกายสวนขึ้นมาอย่างไม่ยั้ง ทั้งหนักหน่วง รุนแรง และรวดเร็วยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จนในที่สุดหยาดหยดแห่งความเสียวซ่านก็พังทะลายออกมาเพราะถึงจุดสุดยอด


“อา...อา...” ผมหอบหายใจแล้วทรุดตัวลงไปซบที่ไหล่ของเมฆอย่างหมดเรี่ยวแรง เมฆที่เห็นอย่างนั้นเลยลูบศีรษะของผมไปมา แล้วหันหน้ามาจูบที่ขมับอย่างแผ่วเบา 2 – 3 ที


การที่ทำแบบนี้เมฆคิดว่าผมเป็นเด็กรึไงนะ ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าตัวเองอายุน้อยกว่าผมเกือบ 10 ปีแท้ๆ แต่ที่น่าแปลก...ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เผลอยิ้มออกมา


“ไปอาบน้ำกันมั้ย เดี๋ยวผมจะบริการอาบให้คุณเอง” เมฆพูดขึ้น เมื่อรู้สึกว่าแรงสั่นสะเทือนจากการหอบของผมได้เบาบางลงแล้ว


“แค่อาบงั้นหรอ?” ผมเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับหรี่ตามองเมฆ แต่เมฆก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วลุกขึ้นจากเตียงทันที ทั้งๆ ที่ร่างกายของเราสองคนยังคงเชื่อมต่อกันอยู่เลย


“อ๊ะ!” ผมอุทานด้วยความตกใจแล้วรีบโอบรอบลำคอของเมฆเอาไว้ ส่วนเรียวขาก็กอดรัดที่สะโพกของเมฆเอาไว้เช่นกัน


   “นี่ ตอบคำถามฉันมาก่อนนะ แล้วนั่น...นายหยิบอะไรไปด้วยน่ะเมฆ!” ผมแยกเขี้ยวใส่เมื่อเห็นเมฆยื่นมือออกไปหยิบซองถุงยาง จากนั้นก็ก้าวเท้าตรงไปโดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ห้องน้ำ


   เมฆเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากไม่ยอมตอบคำถามของผมเหมือนเดิม ผมจึงเริ่มออกแรงดิ้นเพราะรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่การกระทำของผมมันก็ทำให้ความรู้สึกอย่างอื่นก่อตัวขึ้นมา


   “อื้อ...” คำบ่นและด่าที่ตั้งใจจะออกจากปากแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางกระเส่า การที่ผมดิ้นจนแก่นกายของเมฆเสียดสีที่ช่องทาง ทำให้ผมเสียวซ่านจนเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง


   “หึหึ” เมฆยิ้มที่มุมปากพลางหัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะใช้มือบีบที่สะโพกของผม แล้วโยกตัวขยับแก่นกายเข้าออกช้าๆ


   “ซี้ดด...อา...” ท่านี้มันเสียวเป็นบ้า ตอนนี้ช่องทางด้านหลังของผมได้บีบและตอดรัดท่อนเนื้อของเมฆถี่ยิบอย่างควบคุมไม่ได้แล้ว


   “อา...รัดแน่นจังนะ...ชอบท่านี้ขนาดนั้นเลยรึไง” เมฆพูดด้วยเสียงกระเส่าแล้วใช้ลิ้นเลียที่ใบหูของผม ซึ่งก็คงตั้งใจจะแกล้งและยั่วโมโหผมนั่นแหละ แต่คงไม่คิดว่าผมจะตอบไปว่า...


   “คะ...ใครบอกนาย...อา...ฉันชอบนาย...ซี้ดด...กับตรงนั้นของนาย...อื้อ...ต่างหาก...” พอได้ยินแบบนี้เมฆก็ถึงกับชะงัก ส่วนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นแดงซ่านอย่างขัดเขิน


   “พูดแบบนี้ขี้โกงนี่นา ผมก็ชอบคุณนะ...ชอบสุดๆ เลย...” เมฆฝังใบหน้าลงที่ซอกคอของผม จากนั้นก็ออกแรงดูดพร้อมกับขบเม้มจนผมเสียวซ่าน แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับการที่เมฆกระแทกกระทั้นส่วนนั้นเข้ามาข้างใน ความใหญ่โต แข็งขึง และร้อนรุ่ม มันทำให้ผมเสียวสุดๆ จนแทบบ้าอยู่แล้ว


   “เมฆ...เมฆ! อ๊า!” ผมกรีดร้องด้วยความสุขสม เมื่อเมฆเดินไปถึงห้องน้ำแล้ววางผมลงบนขอบอ่างล้างหน้าที่เป็นกระเบื้อง จากนั้นก็เสือกแก่นกายที่สวมถุงยางอันใหม่เข้ามาอย่างแรง จนกระแทกกับจุดเสียวของผมเข้าเต็มๆ


   “อ๊า! ตรงนั้น! แรงอีก...เร็วเข้า...อ๊า!...เมฆ...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” เมฆซอยเอวกระแทกแก่นกายเข้ามาอย่างรุนแรงและรวดเร็วตามคำสั่งของผม ความสุขสมนั้นทำให้ผมกรีดร้องลั่นและกระตุกตอดรัดท่อนเนื้ออันอวบอั๋นอย่างถี่ยิบ


   “ซี้ดด...สุดยอด...อา...เสียวสุดๆ เลย” เมฆพูดด้วยเสียงกระเส่าแล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหลับตาแน่น สีหน้าตอนนี้ดูหื่นกามแต่ก็เร้าอารมณ์มากจนผมใกล้จะเสร็จอีกครั้งอยู่แล้ว


   “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...เมฆ...อ๊า...” ความเสียวซ่านที่ยิ่งทวีคูณทุกวินาที ทำให้ตอนนี้ส่วนนั้นของผมได้มีน้ำใสๆ ไหลออกมา เมฆจึงได้ใช้มือข้างหนึ่งไปกอบกุมและรูดรั้ง ในขณะที่สะโพกก็ยังคงกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้าออกอย่างรุนแรง


   “อ๊ะ...อ๊า...อ๊า...อ๊า...” ตอนนี้ส่วนนั้นของผมที่สั่นไหวไปตามแรงกระแทกของเมฆได้มีน้ำใสๆ ไหลออกมามากขึ้น ส่วนช่องทางด้านหลังก็บีบรัดท่อนเนื้อของเมฆแรงขึ้น เล่นเอาเมฆเสียวสุดๆ จนหลุดเสียงครางต่ำออกมา


“อา...ซี้ดด...อา...ไปพร้อมกันนะ...อา...” เสียงกระเส่าของเมฆทำให้ผมถึงกับใจสั่น ยิ่งบวกกับการที่เมฆกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้ามาอย่างไม่มียั้ง มันก็ทำให้ผมเสียวกระสันจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว


“อ๊า...เมฆ!...อ๊า...อ๊ะ...อ๊าาาาาาา!” สิ้นเสียงนั้นผมก็ปลดปล่อยความสุขสมทั้งหมดออกไปทันที ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่เมฆฝังท่อนเนื้อเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วฉีดพ่นความเสียวซ่านออกมาจนหยาดหยดสุดท้าย


“อาาาาส์” เมฆครางออกมาอย่างพึงพอใจ ส่วนผมที่ไร้เรี่ยวแรงจนแทบสลบอยู่แล้ว จึงได้ทิ้งตัวพิงเมฆและหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า


   “ถ้าไม่ไหวคุณจะหลับไปเลยก็ได้นะ เดี๋ยวผมจะอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้คุณเอง” ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำพูดนั้นเท่าไหร่ เพราะเมื่อกี้เมฆก็พูดอย่างนี้แต่กลับจัดหนักกับผมอีกรอบ แต่ผมก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะพูดอะไร เพราะงั้นจึงได้พยักหน้าลงอย่างเชื่องช้าแล้วหลับไปทั้งๆ อย่างนั้นเลย...


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก


   ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่ผมได้ยินเสียงเคาะประตูห้องจากใครสักคน แต่ผมก็ไม่ต้องเสียเวลาถาม เพราะหลังจากนั้นคนที่เคาะก็บอกว่าเป็นบริการรูมเซอร์วิส ผมจึงได้ลุกจากเตียงไปสวมชุดคลุม จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูด้วยความงุนงงและสะลึมสะลือ


   “มาส่งผิดห้องรึเปล่า ฉันยังไม่ได้สั่งอะไรเลยนะ”


   “ถูกห้องแล้วค่ะ มีผู้ชายคนหนึ่งไปสั่งอาหารที่ฟร้อนท์ แล้วก็ฝากจดหมายเอาไว้ให้คุณด้วย” พนักงานสาวยื่นจดหมายที่อยู่ในซองมาให้ผม ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นเมฆที่ไม่ได้อยู่ในห้องแน่นอนอยู่แล้ว


หวังว่าจะมีข้อแก้ตัวดีๆ ที่ทิ้งผมเอาไว้คนเดียวนะ ไม่งั้นผมจะวีนแตกจนเมฆหูดับทั้งสองข้างเลยคอยดู แต่พอได้เปิดจดหมายออกดูมันก็ทำให้ผมช็อกจนถึงกับสตั๊น


   ผมไม่ใช่คนที่คุณตามหา ถ้าอยากเจอกันอีกครั้งก็รอพรหมลิขิตก็แล้วกัน ส่วนคนคนนั้นที่คุณอยากเจอ...ลองโทรไปที่เบอร์นี้ดูสิ 08x-xxx-xxxx


   2BC


ฮัลโหลวววววว สวัสดีค่าาาาา   :กอด1: Erotic หัวใจร้อนรัก ก็ได้จบลงไปแล้วน้า ไม่รู้ว่าตอนนี้จะพากันเสียเลือดอย่างจัดหนัก  :jul1: หรือช็อกกันอย่างรุนแรงกับตอนสุดท้าย  :a5: แต่ถ้าทุกคนสนุกเค้าก็จะดีใจมากๆเลยค่า  o18
มาเม้ามอยถึงตอนนี้กันหน่อยดีกว่า เอาที่เด็ดๆเลยแล้วกัน  :hao3: ทุกคนคิดว่าเมฆคือใคร? แล้วเมฆกับหมอกชอบลีลาการรักของใครมากกว่ากันน้อ?  :impress2: หนุ่มเจนจัดอย่างเมฆก็เด็ดไม่หยอก ส่วนหนุ่มซื่อๆอย่างหมอกก็ร้อนแรงเหมือนกันน้า  :oo1:
ถ้าหากยังคิดไม่ออกยังตัดสินใจไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องที่เมฆนั้นเป็นใคร ก็เอารูปสเก็ตปกไปปลากรอบการตัดสินใจได้เลยจ้า...


(http://upic.me/i/hb/dke1dniu8aajtah.jpg)


ไหนใครทีมไหนขอเสียงหน่อยเร้ววว ส่วนตอนหน้าเจอกันวันศุกร์นะคะ มาลุ้นกันค่ะว่าเรื่องราวของธารกับหนุ่มหมอกและเมฆจะเป็นยังไงต่อไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดยังไงก็ขอฝากคู่แรกของโปรเจคนี้อย่างพี่ภูกับหนูตะวันกันด้วยนะคะ  :m13: เพราะอีกไม่กี่วันจะปิดจองแล้วจ้า สามารถสั่งจองได้ที่นี่เลย...https://goo.gl/Q11trr ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะ รักนะ จุ๊บๆ  :จุ๊บๆ:
(26 ต.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 26-09-2017 23:15:48
 :jul1: :jul1: :jul1: เลือกไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-09-2017 23:24:04
หลังจากร้อนแรงกันมาทั้งคืน กลับบอกว่าไม่ใช่คนที่ตามหา ธารคงช๊อคหน้าดู  เหมือนถูกทิ้ง

แต่ให้เบอร์โทรมา แสดงว่ารู้จัก แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ชิ...
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-09-2017 23:30:58
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-09-2017 23:42:12
 :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-09-2017 00:27:04
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-09-2017 04:27:15
มีแฝดก็ไม่บอก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-09-2017 05:59:14
มีแฝดเหรอเนี่ยยยย 3P เลยได้มั้ย 555
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-09-2017 06:00:41
ใช่แฝดจริงๆด้วย อะร๊างงงงงงงง :impress2:
เมฆ หมอก  :z3: :z3: :z3:

คนนึงเชี่ยวชาญ เป็นงาน
อีกคน ใสซื่อ เก้อเขิน ประหม่า
ว้าวๆๆ.........ธารเจอแฝดซะและ
ธาร ควบสองเลยดีมั้ย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 27-09-2017 07:03:51
คุณธารโดนกับดักจากเด็กซะแล้ว คึหึหึๆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-09-2017 08:42:02
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC Page.6 [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 27-09-2017 09:38:04
เอ้าาาาาาาาาา :katai4: :katai4:
แล้วก็ยังไม่ใช่อักอ่อ โอ๊ยยย :a5:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC Page.6 [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 27-09-2017 11:48:48
ว้าวแฝดจริงด้วย เรื่องราวจะเป็นยังไงจะเป็น 3Pไหมเนี่ย อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC Page.6 [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-09-2017 13:09:14
ีทำไมเมฆหมอกไม่จับทำแซนวิชไปเลยล่ะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC Page.6 [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-09-2017 19:51:04
ใกล้กระจ่างแล้ว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 3 ของขวัญจากเมฆ NC Page.6 [26.9.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 28-09-2017 04:55:09
 :haun4: ncดีย์อ่า คิดว่า2บุกคลิกเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก [กิจกรรมแจกนิยายที่เพจและทวิตค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 28-09-2017 17:48:43
(http://upic.me/i/lv/0assss.jpg)



เล่มตัวอย่าง Hanger หัวใจชิงรัก มาแล้วน้าทุกคน ในที่สุดพี่ภูกับหนูตะวันก็ได้มาอยู่ในอ้อมกอดของเราแล้ว กรี๊ดดดดดด สวยงามมากกกกกก อยากเอาไปกอดไปฟัดให้หนำใจ  :man1:

ตอนนี้หนังสือยังไม่ปิดจองนะคะ ใครที่ยังไม่ได้จองก็รีบเลยน้าเพราะ 30 ก.ย. นี้ก็จะหมดเขตแล้วจ้า สามารถกดจองได้ที่นี่เลย >>>  คลิก  (https://goo.gl/Q11trr ​)  :กอด1:

นอกจากนี้ที่เพจ  Sameejaejung  (https://www.facebook.com/sameejaejung2 ​) ของเราก็ยังมีกิจกรรมแจกนิยายมาให้ร่วมสนุกกันด้วย กติกาก็ง่ายๆ เพียงแต่กดไลค์ แชร์ และตอบคำถามที่ใต้โพสต์นี้เท่านั้น ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับพี่ภูกับหนูตะวันไปกอดไปฟัดกันฟรีๆเลยจ้า ส่วนที่ทวิต  @Sameejaejung  (https://twitter.com/Sameejaejung ​) ก็มีแจกเหมือนกันนะคะ อันนี้ง่ายมากเพราะแค่ฟอล+รีทวีตเท่านั้นเอง ไปร่วมสนุกกันได้ทั้งสองที่เลย หมดเขตเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย. นะคะทุกคน ^_^


*นิยายที่แจกจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเล่มพิเศษเมื่อซื้อครบทั้งซีรีส์

*จำนวนนิยายที่แจกทั้งเฟสและทวิตแยกกันต่างหาก สามารถร่วมเล่นได้ทั้ง2ที่

มาร่วมเล่นกันเยอะๆน้าทุกคน ^_^
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก [กิจกรรมแจกนิยายที่เพจและทวิตค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-09-2017 23:05:43
อ้าว ทำไมเมฆร้าย หวังผลหรอ ทำมึน ไม่สนใจ ไม่รู้จักหมอก

หมอกเอ้ยยย รอไปก่อนนะ

แล้วดูสิ จัดเต็มกันขนาดนี้ ยังจะคิดว่าเป็นหมอกได้อีกหรอ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก [กิจกรรมแจกนิยายที่เพจและทวิตค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-09-2017 08:52:54
เรื่องนี้แซ่บมาก! รอๆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก [กิจกรรมแจกนิยายที่เพจและทวิตค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 29-09-2017 18:03:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ H.Hanger หัวใจชิงรัก [กิจกรรมแจกนิยายที่เพจและทวิตค่ะ]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-09-2017 12:21:09
ลุ้นกันต่อไป ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 01-10-2017 20:44:58
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 4# Thara นางพญาเทครัว


ผมไม่ใช่คนที่คุณตามหา ถ้าอยากเจอกันอีกครั้งก็รอพรหมลิขิตแล้วกัน ส่วนคนคนนั้นที่คุณอยากเจอ…ลองโทรไปที่เบอร์นี้ดูสิ 08x-xxx-xxxx


โอ้พระเจ้า เมฆกับหมอกเป็นคนละคนกัน นี่มันเรื่องล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย!


ผมก้มอ่านจดหมายที่อยู่ในมือซ้ำไปซ้ำมา เพื่อพยายามมองว่าตัวเองมองหรือตีความผิดไป แต่ไม่ว่าผมจะอ่านทวนสักเท่าไหร่ เนื้อความของจดหมายมันก็ไม่เปลี่ยนจากเดิมเลยสักนิด


“เอ่อ...ไม่ทราบว่าคุณลูกค้ามีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ” เสียงของพนักงานสาวที่ถามขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ สีหน้าของเธอเป็นกังวลเล็กน้อยเพราะเห็นท่าทีตกใจของผม


“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” ผมพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติ


“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” พนักงานสาวค้อมตัวให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินออกจากห้องไป ส่วนผมก็ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ พลางตั้งสติและใช้สมองเพื่อวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น


ถึงเมฆจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่หมอก แต่รูปร่าง หน้าตา ทรงผม น้ำเสียง รวมถึงตรงนั้นของเมฆเหมือนกับหมอกมาก มาก...จนผมเชื่อไม่ลงว่าจะเป็นคนละคนไปได้ เอาจริงๆ ถึงจะเป็นแฝดกันแต่ก็ไม่น่าจะเหมือนกันได้ขนาดนี้


แต่ถ้าสมมติว่าเมฆกับหมอกเป็นแฝดกันจริงๆ แบบนี้ก็เท่ากับว่าผมเป็นนางพญาเทครัวน่ะสิเพราะได้กิน (หรือถูกกิน) ทั้งพี่ทั้งน้อง!


โอ้พระเจ้า! เรื่องบ้าๆ แบบนั้นผมรับไม่ได้หรอกนะ ถึงผมจะชอบสนุกไม่ผูกมัดกับใคร แต่ถ้าจะให้ผมใช้ชีวิตแบบ 3 คนผัวเมีย ผมก็รับไม่ได้เหมือนกัน!


“ให้ตายสิ ปวดหัวชะมัดเลย” ผมยกมือกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้ม เพราะตอนนี้ผมไม่รู้ว่าหมอกกับเมฆเป็นฝาแฝดกัน หรือกำลังปั่นหัวเพื่อเอาคืนผมที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่โรงแรมกันแน่


โดยส่วนตัวผมจะเทคะแนนให้กับอย่างหลังมากกว่า เพราะผมค่อนข้างมั่นใจว่าจำรูปร่าง หน้าตา และสรีระทั้งหมด โดยเฉพาะตรงนั้นของหมอกและเมฆได้อย่างขึ้นใจ ผมไม่คิดว่าแฝดที่ไหนจะเหมือนกันมากราวกับก็อปปี้ได้ถึงขนาดนี้ ส่วนเรื่องนิสัยของสองคนนั้นที่ไม่เหมือนกัน ก็ใช่ว่าจะแกล้งแสดงละครหลอกกันไม่ได้ซะเมื่อไหร่


เฮ้อออออ นี่มันคือบทลงโทษคนรักสนุกจากพระเจ้ารึยังไง ถึงได้ส่งหมอกกับเมฆเข้ามาป่วนจนผมหัวปั่นได้ถึงขนาดนี้ ส่วนไอ้เรื่องเบอร์นี่ก็เหมือนกัน ที่ให้มาเพราะมีแผนอะไรรึเปล่าผมก็ไม่รู้


จะเอายังไงดี?


ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลางหันไปมองเบอร์โทรที่ถูกเขียนอยู่ในกระดาษสลับกัน ผมชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจกดเบอร์แล้วก็โทรออก เพราะถ้าไม่โทรผมก็ไม่รู้จะไปหาคำตอบเรื่องนี้จากไหน ทางเดียวที่ผมจะรู้ได้ก็มีแต่การเผชิญหน้าเท่านั้น หวังว่ามันคงจะไม่ใช่กับดักหรือว่าหลุมพรางอะไรหรอกนะ


ผมรอสายด้วยหัวใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แต่ละวินาทีที่รอคอยมันช่างยาวนาน แม้ว่าความจริงมันจะผ่านไปแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นปลายสายก็กดรับแล้ว


[“สวัสดีครับ”] เสียงอันนุ่ม ทุ้ม และสุภาพที่ดังขึ้นทำให้ผมใจเต้นรัว


เสียงแบบนี้และวิธีการพูดแบบนี้ ปลายสายคือหมอกคนเดิมไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน!


“สวัสดี นี่ฉันธารเองนะหมอก” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติมากที่สุด เพราะถึงผมจะมั่นใจว่าปลายสายเป็นหมอก แต่ก็ไม่แน่ว่าหมอกกับเมฆอาจจะเป็นคนคนเดียวกัน แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจกำลังวางแผนอะไรอยู่ก็ได้


แต่ทั้งที่ผมกำลังเครียดจนหัวแทบแตก หมอกกลับมีน้ำเสียงลิงโลดและดีใจที่ผมโทรไปหาอย่างสุดชีวิต


[“คุณธาร! นี่เป็นคุณจริงๆ ใช่มั้ยครับ! ผมไม่ได้กำลังฝันไปใช่มั้ย! ผมนึกว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณอีกแล้ว!”] น้ำเสียงของหมอกดูดีใจไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นมันก็ทำให้เรื่องที่หมอกกับเมฆเป็นแฝดกัน มีน้ำหนักเทียบเท่ากับเป็นคนคนเดียวกันเข้าซะแล้ว!


ตอนนี้หัวใจของผมได้หล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะถ้าเกิดหมอกกับเมฆเป็นแฝดกันจริงๆ ผมมันก็เลวมากเลยน่ะสิที่มีอะไรกับทั้งพี่และน้อง ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่ได้ชอบอะไรหมอกมากมาย แต่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนผมก็ไม่ควรนอกกายและนอกใจไปนอนกับคนอื่นใช่มั้ยล่ะ


แต่จะว่าไป เมื่อคืนก็ดูเหมือนผมจะรับปากว่าจะเป็นแฟนกับเมฆด้วยนี่นา ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...ผมมีแฟนพร้อมกันทีเดียวสองคนเลยงั้นหรอ!
ให้ตายสิ! สรุปแล้วผมคือนางพญาเทครัวจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย!


[“คุณธาร...คุณธารครับ...คุณธารครับ...คุณธาร...”] เสียงหมอกที่เรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมา ในที่สุดก็ดังเข้าโสตประสาทจนทำให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์


“ว่ายังไงนะหมอก?”


[“คือเมื่อกี้ผมถามว่า คุณธารรู้เบอร์ผมได้ยังไงน่ะครับ”] เอาแล้วสิ ผมก็ดันลืมคิดข้ออ้างก่อนโทรหาหมอกซะด้วย ส่วนถ้าจะให้พูดความจริง...ผมขอยอมกัดลิ้นตายซะยังดีกว่า!


“คือ...ฉันทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมเลยพอจะมีเส้นสายนิดหน่อยน่ะ เรื่องหาเบอร์มันก็แค่เรื่องง่ายๆ ไม่ได้ยากอะไรเลย” ว่าไปนั่น งานของผมมันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง ผมไม่ใช่ตำรวจ สายลับ หรือว่าเอฟบีไออะไรพวกนั้นสักหน่อย แต่หมอกกลับเชื่อผมอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไรสักนิด


[“อย่างนี้นี่เอง คุณทั้งสวยทั้งเก่งจริงๆ ผิดกับผมที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเข้าวัดทำบุญแล้วอธิษฐานให้ได้เจอคุณอีกเท่านั้นเอง”]


สิ่งที่หมอกพูดมันทำให้ผมอึ้งจนพูดไม่ออกและไปไม่เป็น เพราะนอกจากหมอกจะไม่ตัดพ้อเรื่องที่ถูกผมทิ้ง ยังมีการเข้าวัดทำบุญอธิษฐานเพื่อให้ได้เจอผมอีกต่างหาก


หมอกไม่ได้มีทีท่าโกรธแค้นอะไรผมแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นมันก็ยิ่งทำให้น้ำหนักเรื่องที่หมอกมีแฝดยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิมจนแซงเรื่องการแก้แค้นไปไกลแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ผมต้องไปเจอเพื่อพิสูจน์ให้แน่ใจว่าหมอกไม่ได้โกรธแค้นอะไรผมจริงๆ


“แล้วนายอยากให้คำอธิษฐานเป็นจริงมั้ยล่ะ อยากให้ฉันไปเจอนายตอนนี้รึเปล่า”


[“ได้หรอครับ! คุณจะมาหาผมจริงๆ หรอ!”] น้ำเสียงของหมอกดูตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก


“จริงสิ ตอนนี้นายอยู่ที่วัดอะไร” แล้วหมอกก็บอกชื่อวัดที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ ผมจึงคิดว่าถ้ารีบอาบน้ำออกไปสักครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึง


“แล้วเจอกันนะหมอก” พูดจบผมก็กดวางสาย จากนั้นก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะได้ไปหาหมอกที่วัด แต่ถึงอย่างนั้น พอผมเดินผ่านโต๊ะที่มีอาหารวางอยู่มันก็ทำให้ผมถึงกับชะงัก


เมฆอุตส่าห์สั่งรูมเซอร์วิสมาส่งให้ผมแล้ว แต่ผมจะปล่อยอาหารทิ้งเอาไว้โดยไม่ยอมแตะต้องมันสักนิดเลยงั้นหรอ?


ผมก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่ล่ะนะ แต่ว่าขาของผมกลับก้าวไปนั่งที่เก้าอี้แล้วเริ่มกินอาหารตรงหน้าซะได้ ส่วนจะเพราะอะไรอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...
ผมใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีอาหารที่อยู่ตรงหน้าก็หมดลง ก่อนที่ผมจะรีบเก็บข้าวของแล้วเดินออกจากห้องไปขึ้นรถ จากนั้นก็ตรงไปหาหมอกที่กำลังรอผมอย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่วัด


เมื่อไปถึงผมก็ไม่ต้องเสียเวลาโทรหรือตามหาหมอก เพราะหมอกได้มายืนรอผมที่ลานจอดรถเรียบร้อยแล้ว ขนาดมองไกลๆ ผมยังเห็นเลยว่าสีหน้าและแววตาของหมอกกำลังมีความสุขแค่ไหน เพราะงั้นยิ่งได้มองใกล้ๆ เมื่อเราสองคนเดินเข้าไปหากัน มันก็ทำให้ผมยิ่งเห็นได้ชัดว่าหมอกมีความสุขมากจริงๆ


ดังนั้น...ความเป็นไปได้ที่หมอกคิดจะเอาคืนผมจึงกลายเป็นศูนย์ทันที


“ไปกราบพระด้วยกันมั้ย” ผมเอ่ยชวน เพราะตั้งแต่ที่เจอกันหมอกเอาแต่มองหน้าผมแล้วก็ยิ้มอยู่อย่างเดียวเท่านั้น ท่าทางคงจะชอบผมเอามากๆ เลยนะเนี่ย ส่วนผมก็ชอบท่าทีใสซื่อแบบนั้นอยู่เหมือนกัน


หมอกพาผมไปกราบพระในอุโบสถเพื่อขอพรและเป็นศิริมงคล ก่อนที่จะพาผมไปทำบุญและไหว้พระยังจุดต่างๆ ท่าทางหมอกดูคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างมาก คงจะมาบ่อยๆ และเป็นสายบุญตัวยง ตรงข้ามกับเมฆที่น่าจะเป็นสายบาปตัวพ่อ


สองคนนี้ทำไมถึงได้นิสัยตรงข้ามกันอย่างสุดขั้วได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่มีหน้าตาเหมือนกันราวกับก็อปปี้กันมาแท้ๆ


“จริงด้วยหมอก ฉันยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับนายเท่าไหร่เลย ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ” ผมพูดในระหว่างที่เราสองคนกำลังให้อาหารปลาอยู่ที่ศาลากลางน้ำ


ผมต้องการทำความรู้จักกับหมอกให้มากขึ้นอย่างที่ถาม แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธว่าอยากรู้เรื่องที่เกี่ยวกับเมฆด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเหตุผลที่จงใจสวมรอยเป็นหมอก ถึงตอนแรกผมจะเป็นฝ่ายเข้าใจผิดเองก็เถอะ แต่ถ้าเมฆบอกว่าเป็นฝาแฝดกับหมอกผมก็จะได้เลิกยุ่งวุ่นวาย นี่อะไรกลับตามน้ำจนเราสองคนมีอะไรกันซะได้ กลายเป็นว่าได้ทำผิดกับหมอกอย่างไม่น่าให้อภัยเข้าแล้ว


ตอนนี้ผมอยากเจอเมฆมากๆ แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าอยากจะสานสัมพันธ์อันร้อนแรงต่อไป ถึงผมจะรู้สึกติดใจอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะเรื่องลีลา แล้วก็ถึงเมฆจะกวนประสาทกับปากร้ายไปหน่อย แต่แค่ผมพูดว่าชอบก็แพ้ราบคาบให้ผมแล้ว เพราะงั้นผมเลยรู้สึกว่าความจริงเมฆก็ไม่ได้เลวร้ายแถมยังดูน่ารักซะด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น เพื่อความถูกต้องผมคงไปต่อกับเมฆไม่ได้ เพราะถึงยังไงหมอกก็เป็นคนมาก่อน แถมผมก็ยังรู้สึกชอบหมอกอยู่เหมือนกัน


หมอกเล่าว่าตัวเองก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ชีวิตปกติก็จะอยู่แค่มหาวิทยาลัยไม่ก็หอพักเท่านั้น นานๆ ทีถึงจะออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิทที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ส่วนวันหยุดถ้าไม่อยู่อ่านหนังสือที่หอ ก็จะออกมาไหว้พระทำบุญที่วัดแห่งนี้


หมอกเป็นคนไม่ชอบเที่ยว ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แล้วก็ไม่ชอบพูดคำหยาบคาย แต่เวลาอยู่กับเพื่อนมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องพูดบ้าง โดยเฉพาะสรรพนามแทนตัวอย่างคำว่ากูกับมึง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติเวลาที่เพื่อนพูดคุยกันอยู่แล้ว


“ผู้ชายดีๆ อย่างนายนี่หายากมากเลยนะหมอก เดี๋ยวนี้แทบไม่มีหรอกผู้ชายที่ชอบเข้าวัด ชอบอยู่หอ ไม่ชอบเที่ยว ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบพูดคำหยาบ ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากเลยที่ได้มาเจอกับนาย” ที่ผมพูดไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด ผมรู้สึกอย่างที่พูดไปจริงๆ แถมผมยังคิดอีกว่าคนที่โชคไม่ดีน่าจะเป็นหมอกมากกว่า เพราะหากไม่ได้เจอคนอย่างผมก็คงจะได้คบกับคนที่ดีกว่านี้


“ผมไม่ได้เป็นคนดีอะไรขนาดนั้นหรอกครับคุณธาร ผมก็แค่ถูกพ่อแม่คาดหวังเอาไว้มากเพราะเป็นลูกคนเดียว เพราะงั้นผมเลยไม่อยากออกนอกลู่นอกทางให้พวกท่านเสียใจ” ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ผมก็ยังคิดว่าหมอกเป็นคนดีอยู่ดี การที่ถูกคาดหวังเพราะเป็นลูกคนเดียว จะมีสักกี่คนกันเชียวที่ทำได้ขนาดหมอก


แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ...


หมอกเป็นลูกคนเดียวงั้นหรอ? นี่ผมฟังผิดไปรึเปล่า?


“หมอก นายเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องหรือว่าฝาแฝดเลยหรอ” ผมตัดสินใจถามไปตรงๆ เพราะไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา ตอนนี้หัวใจของผมเต้นรัวเพราะลุ้นคำตอบจนแทบบ้า ส่วนเหงื่อก็ยังไหลซึมออกมาตามแผ่นหลังและท้ายทอยอีกด้วย


ขอให้หมอกพูดผิดหรือว่าผมฟังผิดไปด้วยเถอะ!


แต่ถึงจะภาวนาให้เป็นแบบนั้น หมอกกลับตอบผมมาว่า...


“ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้องหรือว่าฝาแฝดหรอกครับคุณธาร”


ไม่มี


ไม่มี!


ไม่มี!!


ถ้าหากหมอกไม่มีฝาแฝดแล้วเมฆเป็นใคร ถ้าจะให้คิดว่าเมื่อคืนผมฝันไป แต่ความรู้สึกที่สุขสมและเสียวซ่านมันก็ยังชัดเจนในความทรงจำของผมอยู่เลย!


ผมเชื่อว่าหมอกไม่ได้โกหกผมแน่ๆ แต่ผมก็มั่นใจว่าเมฆมีตัวตนจริงๆ เหมือนกัน เพราะงั้นผมต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้ได้ แม้ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม!
   

“หลังจากนี้นายมีธุระจะต้องไปไหนรึเปล่าหมอก”
   

“ไม่มีครับ ผมคงกลับห้องเลย หรือคุณธารจะชวนผมไปที่ไหน”
   

“เปล่าหรอก ฉันแค่อยากไปส่งนายน่ะ แล้วก็อยากขึ้นไปที่ห้องของนายด้วย เผื่อวันไหนคิดถึงมากๆ จะได้ขึ้นไปหาได้เลยไง” ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่วนหมอกก็หน้าแดงซ่านพลางหลุบสายตาลงต่ำ ท่าทางที่เขินอายอย่างเป็นธรรมชาติแบบนั้น ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่มีทางเป็นเมฆได้เลย
   

“ห้องของผมมันอาจจะรกนิดนึงนะครับ ถ้าผมรู้ก่อนว่าคุณจะขึ้นไปผมคงจะตื่นเช้ากว่านี้มาเก็บห้องรอแล้ว” สีหน้าของหมอกดูเป็นกังวลนิดหน่อย
   

“ไม่เป็นไรฉันไม่คิดมากหรอก”
   

“ถ้างั้นจะไปกันเลยมั้ยครับ”
   

“อืม ไปสิ” ผมโยนขนมปังชิ้นสุดท้ายลงไปให้ปลา จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถพร้อมกันกับหมอก แล้วให้หมอกชี้ไปยังหอที่พักอยู่เมื่อผมขับไปถึงซอยที่เคยมาดักรอ ซึ่งหอก็อยู่ใกล้ๆ กับรถที่ผมเคยจอดนั่นแหละ
   

หมอกปลดล็อกประตูทางเข้าโดยใช้คีย์การ์ด จากนั้นก็พาผมขึ้นไปยังห้องริมสุดที่อยู่ชั้น 3 เมื่อถึงแล้วก็ใช้กุญแจไขประตูเพื่อเปิดเข้าไปข้างใน
   

“ห้องกว้างดีนะหมอก แถมยังสะอาดไม่ได้รกอย่างที่พูดสักหน่อย” ที่หมอกพูดแบบนั้นอาจเป็นเพราะถ่อมตน หรือไม่ก็เป็นคนขี้กังวลจนเกินเหตุล่ะมั้ง


ห้องที่หมอกพักอยู่นี้ถึงแม้จะเป็นห้องเดียว แต่ก็กว้างพอสมควรจนสามารถวางชั้นขนาดใหญ่คั่นกลางเพื่อแบ่งเป็น 2 โซนได้ โดยจะมีโซนที่เอาไว้นอนเพราะมีเตียงขนาด 5 ฟุตวางตั้งไว้ ส่วนอีกโซนจะเป็นสำหรับทำกิจกรรมอย่างกินข้าว อ่านหนังสือ ดูทีวี หรือใช้คอมพิวเตอร์


ห้องนี้มีของไม่เยอะเท่าไหร่เลยทำให้ห้องที่กว้างอยู่แล้วดูโล่งและสบายตา ซึ่งก็ดูเหมาะกับหมอกที่เป็นคนเรียบง่าย ถ้าหากเป็นเมฆห้องคงจะรกและไม่เป็นระเบียบแบบนี้แน่นอน
   

“คุณธารนั่งรอที่โซฟาก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปเอาน้ำมาให้” หมอกพูดจบก็เดินไปเปิดตู้เย็นและรินน้ำใส่แก้ว แต่ผมอยากเดินสำรวจมากกว่านี้เลยไม่ได้นั่งรอที่โซฟา จึงได้เดินไปหน้าทีวีที่มีรูปของหมอกกับพ่อและแม่อัดกรอบวางไว้ ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ภาพเดียวเพราะมีถึง 4 ภาพ 4 ช่วงวัยตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน


ครอบครัวนี้น่าจะมีกันแค่ 3 คน ส่วนหมอกก็เป็นลูกชายคนเดียวไม่มีพี่น้องฝาแฝดจริงๆ...


ผมใช้เวลาอยู่ตรงนี้ไม่นาน เพราะหลังจากนั้นหมอกก็รินน้ำเสร็จ ผมจึงได้กลบเกลื่อนเพื่อหันไปมองผนัง แล้วจัดการเคาะเบาๆ เพื่อทดสอบมันซะเลย เพราะงั้นตอนที่หมอกเดินเอาน้ำมาให้จึงทำหน้าสงสัยนิดหน่อย


“คุณธารทำอะไรอยู่หรอครับ” หมอกยื่นแก้วน้ำให้ผมแล้วทำหน้างง ผมจึงดื่มไปอึกใหญ่ก่อนจะวางเอาไว้ที่โต๊ะใกล้ๆ ตัว


“ฉันกำลังทดสอบกำแพงอยู่น่ะ”


“ทดสอบ?” หมอกขมวดคิ้วทำหน้างงยิ่งกว่าเดิม


“ฉันอยากรู้ว่าผนังห้องนี้มันหนาพอที่จะเก็บเสียงรึเปล่าน่ะสิ” ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเข้าใจคำพูดของผมได้ไม่ยาก แต่สำหรับหมอก...


“ทำไมหรอครับ” กะแล้วเชียวว่าต้องไม่เข้าใจ


“ก็...” ผมพูดแค่นี้ก็ยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปหาหมอกแล้วยกสองมือโอบรอบลำคอเอาไว้ ตามด้วยการยืดตัวขึ้นไปกระซิบข้างหูเสียงกระเส่า


“เวลาที่ฉันสอนหลักสูตรเซ็กส์บทใหม่ให้นาย ฉันจะได้รู้ยังไงล่ะว่าเสียงมันจะดังออกไปจนห้องข้างๆ ได้ยินรึเปล่า” แล้วก็เป็นไปตามคาด ตอนนี้หมอกตัวเกร็งแถมยังหน้าแดงจัดอีกต่างหาก ช่างเป็นปฏิกิริยาที่แสนซื่อแต่ก็น่ารักโดนใจซะจริงๆ


“คะ...คุณธาร...คือ...”


“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ วันนี้ฉันมีธุระต่อเลยว่าจะกลับแล้ว แต่ว่าเจอกันครั้งหน้าเตรียมถุงยางไว้ให้พร้อมด้วยนะ” ผมพูดจบก็ขยิบตาข้างหนึ่ง


“คะ...ครับ” หมอกพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย ผมเลยเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจูบและขบเม้มที่ริมฝีปากอย่างหยอกเย้าเพื่อให้รางวัล


“ถ้างั้นฉันกลับแล้วนะ เย็นๆ เดี๋ยวฉันโทรหาอีกที หรือถ้าคิดถึงก็โทรมาหาฉันได้ตลอดเลย”


“ครับคุณธาร งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งนะครับ” หมอกทำหน้าเสียดายนิดๆ ที่ผมจะกลับแล้ว


ความจริงผมก็อยากอยู่ที่นี่กับหมอกต่ออยู่หรอก เพราะผมอยากทำความรู้จักกับหมอกให้มากกว่านี้ แต่ผมมีเรื่องเมฆที่ยังคาใจต้องไปจัดการ ดังนั้นผมจึงต้องไปปรึกษาคนที่คาดว่าน่าจะช่วยเหลือผมได้ ซึ่งคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใคร...พฤกษ์กับเพลิงน้องชายฝาแฝดของผมนั่นเอง
   

ผมขับรถประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงบ้าน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ทุกคนเลยอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะงั้นผมจึงตรงเข้าไปหาพฤกษ์กับเพลิงที่นั่งดูหนังตรงโซฟาพร้อมกับทุกคน
   

“พฤกษ์ เพลิง ตามพี่ขึ้นมาบนห้องหน่อย” สองแฝดมองหน้ากันอย่างงุนงง เช่นเดียวกับทุกคนที่นั่งกันอยู่ตรงนี้
   

“มีอะไรหรอครับพี่ธาร” วาที่ผมไม่ได้เรียกเป็นคนถามขึ้น
   

“ไว้เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง...พฤกษ์ เพลิง ตามพี่ขึ้นมาเร็วๆ” ผมเร่ง สองแฝดเลยลุกจากโซฟาแล้วเดินตามผมเข้ามาในห้อง ซึ่งพอมาถึงผมก็จัดการล็อกประตูแล้วหันไปสั่งสองแฝดด้วยสีหน้าจริงจัง
   

“พวกแกถอดเสื้อออกซิ”
   

“ห้ะ!!” พฤกษ์กับเพลิงทำหน้างงแล้วอุทานด้วยความตกใจพร้อมกัน แต่ผมก็ไม่สนใจตรงนั้นแล้วสั่งต่อไปอีกว่า...
   

“กางเกงด้วย”
   

“เฮ้ย!! อะไรเนี่ยพี่ธาร!!” พฤกษ์กับเพลิงทำหน้างงและตกใจมากกว่าเดิม แต่อุทานเหมือนกันขนาดนี้สมแล้วที่เป็นฝาแฝดกัน
   

“คือ...ถามจริงๆ นะพี่ธาร พี่ไปหิวมาจากไหนถึงได้จะมาระบายกับพวกผม น้องนุ่งก็ไม่เว้นหรือว่าแฟนเด็กของพี่ไม่ถึงใจ” คำพูดแบบนี้จะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่เพลิง
   

“พี่ไม่ได้หิว แล้วก็ไม่ได้จะมาระบายกับพวกแกด้วย แฟนเด็กของพี่ลีลาถึงใจดี แต่มีปัญหาตรงที่มากัน 2 คนเลยน่ะสิ”
   

“หมายความว่าไงครับพี่ธาร” ประโยคนี้พฤกษ์เป็นคนถาม ผมเลยถอนหายใจออกมาก่อนจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งพอได้ฟังสองแฝดก็ถึงกับอึ้งและงุนงงจนพูดไม่ออกไปพักใหญ่
   

“ตอนนี้พี่สับสนสุดๆ เดาไม่ออกจริงๆ ว่าเมฆคือใครกันแน่ แล้วพี่ก็มั่นใจด้วยว่าหมอกพูดความจริงไม่ได้โกหก”
   

“แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเสี้ยวนึงที่ไม่มั่นใจเลยหาทางจับผิดอยู่ใช่มั้ยล่ะ” เพลิงพูดราวกับรู้ความคิดผม
   

“ใช่ เพราะนอกจากแฝดของหมอกพี่ก็นึกไม่ออกแล้วว่าเมฆเป็นใคร เพราะงั้นพี่เลยอยากพิสูจน์ไงว่าร่างกายของฝาแฝดมันเหมือนกันทุกส่วนเลยรึเปล่า” พอได้ยินแบบนี้พฤกษ์กับเพลิงเลยมองหน้ากัน จากนั้นก็ถอดเสื้อออกพร้อมกันโดยไม่ต้องพูดนัดแนะกันเลย
   

“อืม...เหมือนเกือบจะ 100% เลยแฮะ” ผมพึมพำเบาๆ ในขณะที่ไล่สายตามองกล้ามเนื้อของสองแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน


จริงอยู่ว่าทรงผมและนิสัยของสองคนนี้ไม่เหมือนกัน เพราะเพลิงตัดผมทรงอันเดอร์คัตและมีนิสัยโผงผาง ส่วนพฤกษ์จะไว้ทรงธรรมดาและมีนิสัยสุขุม แต่ด้านสรีระของร่างกายสองคนนี้เหมือนกันมากจนแทบแยกไม่ออกเลยจริงๆ ถ้าหากไม่ได้มองหน้าบางทีผมอาจจะชี้ตัวผิดก็ได้ว่าใครเป็นใคร
   

การที่พฤกษ์กับเพลิงมีร่างกายเหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่าสองคนนี้เป็นนักกิจกรรมที่มหา’ลัยด้วยกันทั้งคู่ ถึงแม้จะเรียนกันคนละที่แต่ดีกรีความฮอตไม่ได้แพ้กันเลย เพราะว่าเด่นทั้งด้านเรียน กีฬา และกิจกรรม


เห็นปกติเพลิงทำตัวกวนโอ๊ย ไม่เอาอ่าว ไม่ค่อยมีสาระ แต่เรื่องมันสมองเพลิงอัจฉริยะไม่แพ้พฤกษ์เลย เพราะการันตีด้วยทุนเรียนดีจากมหา’ลัย และเกรดแต่ละเทอมไม่เคยต่ำกว่า 3.80


“พี่แน่ใจนะว่าร่างกายหมอกกับเมฆเหมือนกันจริงๆ?” เพลิงถามผม


“อืม ขนาดตรงนั้นยังมีขนาดเท่ากันเลย ว่าแต่ตรงนั้นของพวกแกสองคนเท่ากันรึเปล่า” คำถามของผมทำเอาพฤกษ์ถึงกับกุมขมับ ส่วนเพลิงกลับตอบออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย


“เท่ากันเป๊ะ ผมพึ่งวัดกับมันไม่กี่วันก่อนนี่เอง”


“พวกแกสองคนนี่เปิดเผยกันดีเนอะ” ผมอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ เพราะถึงพวกผม 5 พี่น้องจะสนิทกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทขนาดที่จะวัดขนาดตรงนั้นเทียบกันได้ขนาดนี้


“พี่ธารอย่าเอาผมไปรวมกับคนแบบมันสิครับ มันแอบอยู่ในห้องตอนผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าต่างหาก” พฤกษ์ทำหน้าเบื่อหน่าย


“ก็กูว่างไง เลยไปหาเรื่องกินตีนเล่นๆ บันเทิงจะตาย ฮ่าๆๆๆ” เพลิงหัวเราะร่า ท่าทางวันนั้นคงถูกพฤกษ์เตะไม่ก็ถีบเต็มๆ เลยล่ะ


“เรื่องของพวกแกเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้มาช่วยพี่คิดก่อนว่าเรื่องของหมอกกับเมฆสรุปแล้วเป็นคนเดียวกันหรือว่าฝาแฝด” พอผมเริ่มจริงจังสองแฝดก็เลิกเล่นทันที ก่อนที่ผมจะบอกให้ทั้งคู่นั่งลงที่เก้าอี้ ส่วนผมนั่งอยู่ที่ขอบเตียงเพื่อเป็นผู้ฟัง


“ผมคิดว่ามีโอกาสเป็นได้ทั้งสองกรณี แล้วทั้งสองกรณีก็แยกย่อยออกได้อีกสองอย่างครับพี่ธาร”


“ยังไงพฤกษ์ พี่ไม่เข้าใจ”


“กรณีแรกคือหมอกมีฝาแฝด...แบ่งเป็นอย่างแรกคือหมอกรู้เรื่องเมฆอยู่แล้วแต่แค่กำลังปิดบัง ซึ่งอาจเป็นเพราะทั้งคู่กำลังปั่นหัวเอาคืนพี่ที่ถูกทิ้ง เพราะเมฆก็ทำแบบนี้กับพี่ในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากตื่นนอนเหมือนกัน”


“ก็จริงของแก พี่ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย” ผมมัวแต่ตกใจเรื่องที่เมฆบอกว่าไม่ใช่หมอก เลยลืมนึกถึงเรื่องที่เมฆทิ้งผมไปว่ามันอาจจะเป็นการเอาคืนหรือแก้แค้นแทนหมอกก็ได้


“แล้วอย่างที่สองล่ะพฤกษ์”


“หมอกไม่รู้ว่าตัวเองมีฝาแฝดครับพี่ธาร อาจเป็นเพราะถูกแยกกันเลี้ยงจากพ่อและแม่ที่หย่ากัน เพราะพี่ธารก็ไม่รู้ใช่มั้ยล่ะครับว่ารูปที่เห็นในห้องใช่พ่อแม่แท้ๆ ของหมอกรึเปล่า บางทีอาจจะเป็นแค่พ่อเลี้ยงหรือแม่เลี้ยงก็ได้ แต่ผมก็ไม่คิดว่ากรณีนี้จะมีน้ำหนักมากเท่าไหร่ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่หมอกจะไม่รู้ว่าตัวเองมีฝาแฝด ทั้งๆ ที่เมฆก็รู้จักหมอกและยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ถึงขนาดนี้ ถ้าถูกเลี้ยงกันคนละประเทศก็ว่าไปอย่าง”


“นั่นสินะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย กรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากจริงๆ สถานที่ที่ผมเจอหมอกกับเมฆก็เป็นที่ผับเหมือนกัน ถึงจะเจอคนนึงข้างในคนนึงข้างนอกก็เถอะ แต่ถ้าทั้งสองคนอาศัยอยู่ใกล้ๆ นี้ยังไงก็ต้องมีโอกาสเจอกันอยู่แล้ว


“มาฟังกรณีที่สองจากผมบ้างดีกว่า” ประโยคนี้เพลิงพูดขึ้น ผมล่ะแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมทั้งที่ยังไม่ได้นัดแนะกัน แต่ทำไมสองคนนี้ถึงได้รู้ความคิดของกันและกันได้ หรือมันเป็นความสามารถพิเศษของฝาแฝดก็ไม่รู้


“กรณีนี้คือหมอกกับเมฆเป็นคนคนเดียวกัน ซึ่งอย่างแรกเมฆที่พี่เห็นนั้นไม่มีตัวตน เพราะหมอกจงใจแสดงเป็นคนละคนเพื่อปั่นหัวและเอาคืนพี่ โดยอาศัยหน้าตากับท่าทางซื่อๆ ทำให้พี่เชื่อใจไม่คิดสงสัย”


“แต่พี่ไม่คิดว่าหมอกจะหลอกพี่ได้นะ คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมมันทำแววตาให้ใสซื่อไม่ได้หรอก ขนาดดาราดังๆ พี่ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะทำแนบเนียนขนาดนี้ได้ ถ้าหมอกทำได้คงต้องยกออสการ์ให้จริงๆ”


“ถ้างั้นก็อาจเป็นอย่างที่สองก็ได้ หมอกกับเมฆเป็นคนคนเดียวกัน แต่ทั้งสองมีตัวตนด้วยกันทั้งคู่”


“หมายความว่ายังไง แกหมายถึงสองบุคลิกหรือไบโพลาร์น่ะหรอ” ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง จริงอยู่ที่ผมเคยได้ยินเรื่องแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมีคนเป็นโรคนี้จริงๆ เพราะดูน่าเหลือเชื่อยังไงก็ไม่รู้


“ผมว่าพี่เข้าใจอะไรผิดไปนิดนึงนะ ไบโพลาร์คือโรคทางอารมณ์ที่แบ่งเป็นสองขั้ว คือเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอะไรแบบนี้ แต่สองบุคลิกหรือที่เรียกว่าดิสโซสิเอทีฟ จะออกแนวเหมือนมีหลายคนในร่างเดียวกันซะมากกว่า ไม่จำเป็นต้องมีแค่สองเพราะบางทีอาจมีเป็นร้อยบุคลิกก็ได้ และแต่ละบุคลิกก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมว่าอย่างหมอกกับเมฆที่พี่เจอก็พอเข้าเค้าอยู่นะ”


“สองบุคลิกเนี่ยนะ?” ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องโรคแบบนี้เท่าไหร่เลยยังงงๆ และสับสนอยู่ พฤกษ์จึงได้พูดขึ้นเพื่อสนับสนุนคำพูดของเพลิง


“ใช่ครับพี่ธาร ผมคิดว่าหมอกอาจจะเป็นโรคนี้ก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังให้น้ำหนักเรื่องฝาแฝดที่แกล้งปั่นหัวเอาคืนพี่อยู่ดี เพราะพี่จะรู้นิสัยจริงๆ ของคนที่พึ่งเจอกันไม่กี่วันได้ยังไงจริงมั้ยครับ”


“นั่นมัน...ก็ใช่...” ผมพูดเสียงอ่อย เพราะถึงผมจะมั่นใจว่าดูคนออก แต่ก็ไม่แน่ว่าหมอกอาจจะหลอกผมอย่างแนบเนียนเลยก็ได้


“แต่เรื่องนั้นผมว่าเอาไว้ก่อนก็ได้ครับ เพราะตอนนี้ถึงพี่จะคิดจนหัวแทบแตก แต่ก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีใช่มั้ยล่ะว่าความจริงมันเป็นยังไง ผมว่าพี่เอาเวลานี้ไปตัดสินใจดีกว่าว่าจะเลือกใครระหว่างหมอกกับเมฆ เพราะผมไม่คิดว่าพี่จะยอมรับความสัมพันธ์แบบ ‘รักสามเศร้า เราสามคน’ ได้ และถึงหมอกกับเมฆจะไม่ใช่ฝาแฝดแต่เป็นดิสโซสิเอทีฟ แต่พี่ก็ต้องเลือกใครสักคนอยู่ดี เพราะในท้ายที่สุดต้องมีใครสักคนหายไป ไม่มีทางที่ทั้งสองบุคลิกจะอยู่ในร่างเดียวกันได้ตลอดชีวิตหรอกนะครับ”


2BC


สวัสดีค่ะทุกคน Erotic หัวใจร้อนรัก ก็จบลงไปอีกตอนแล้วน้า  :L2: เรื่องราวเหมือนจะเริ่มคลี่คลายลงไปแล้ว (รึเปล่า) แต่ก็ดูท่าว่าจะมีกลิ่นมาม่าโชยมาแทน (มั้ง) แต่ธารคงไม่ใจร้ายขนาดจะเลือกใครสักคนแล้วให้อีกคนเสียใจหรือหายไปหรอกเนอะ  :hao5:
ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปก็มาลุ้นกันน้า คาดว่าวันเสาร์หน้าน่าจะมาลงให้อ่านกันได้นะคะ ยังไงก็ขอฝากให้ทุกคนรักและเอ็นดูหนุ่มหมอกและเมฆด้วยน้า  :m13: ส่วนใครจะเป็นพระเอกก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ให้ด้วยนะคะ  :pig4: รักนะจุ๊บๆ  :จุ๊บๆ:
(4 ต.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-10-2017 20:50:13
เอิ่มน้องหมอกลูก  ลูกมีพี่ชายฝาแฝดแน่ๆแต่เราก็ได้แต่หวังว่าจะไม่วุ่นวายนะ เชื่อว่าสามคนแน่นอน
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-10-2017 20:51:30
 :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-10-2017 21:18:38
ตอนแรกคิดว่าเป็นแฝด
แต่ตอนนี้กลับมาลังเลว่ามีแฝด (แต่หมอกไม่รู้) หรือเป็นอีกด้านของหมอกกันแน่
คนเขียนช่างแกล้งให้คนอ่านสับสนเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-10-2017 21:41:14
เมฆหมอก เหมือนกันประหนึ่งโคลนนิ่งกันมา ขนาดไอ้นั่นยังเท่ากัน(คอนเฟิร์มโดยคุณธาร) ก็ยังคงคิดว่าเป็นคนเดียวกันอยู่ดี แต่ถ้า3Pก็ได้ คงคอนเซ็ปได้หมดถ้าสดชื่น :hao3:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-10-2017 22:22:17
อ่าวเฮ้ย...ยยยยย ไม่เหมือนที่คิดเอาไว้นี่นา   :a6:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-10-2017 22:38:07
เอาล่ะสิ หมอกเป็นลูกคนเดียวแล้วเมฆผู้ที่มีเหมือนหมอกทุกอย่างกระทั่งตรงนั้น จะมีตัวตนจริงหรือเป็นมโนของธารกัน   :mew2:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 01-10-2017 23:50:06
ตอนนี้คิดว่าหมอกเป็นโรคสองบุคลิก 55555555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 02-10-2017 00:26:57
ธาร...เรางงกว่าเธออีก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-10-2017 00:56:00
หรือหมอกจะมีสองบุคลิก!?
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 02-10-2017 09:32:38
เป็นลูกพี่ลูกน้องกันรึเปล่า แบบเป็นลูกของอาที่เป็นแฝดกับพ่ออ่ะ เลยมีส่วนที่เหมือนกันอ่ะ เดาเอานะจะใช่มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-10-2017 11:48:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-10-2017 18:37:00
ปกติเราชอบ 3P นะแต่ทำไมไม่รู้กับเรื่องนี้เราไม่อยากให้ 3P อะ อาจเป็นเพราะคนเขียนไม่ได้เกริ่นตั้งแต่ต้นว่าเรื่องนี้จะ 3P ละมั้งใจเราเลยยึดไปแล้วว่าหมอกเป็นพระเอกแต่พอมาอ่านถึงบทที่คุณธารมีอะไรกับเมฆเราเลยรู้สึกผิดหวังอยู่หน่อยๆเหมือนถูกหลอกอะ นี่คือแค่ที่เราคิดไว้นะแต่ก็ยังไม่ได้ปักใจว่ามันจะ 3P ซะทีเดียวคงต้องรอให้มันกระจ่างก่อนแหละว่ายังไงแล้วเราจะได้ตัดสินใจว่าอ่านต่อหรือไม่อ่านต่อดี
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-10-2017 19:22:01
เอ๊ะยังไง งงๆๆๆ แต่ก็ลุ้นด้วย
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 02-10-2017 23:09:28
กรี๊ด2บุกคลิกซินะ :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-10-2017 23:52:40
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-10-2017 12:59:31
เป็นแฝดที่ไม่รู้ว่ามีแฝด ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-10-2017 16:32:34
คิดได้สองอย่าง คือ เมฆ หมอก เป็นแฝดกัน
แต่หมอก ไม่รู้ว่าเมฆ เป็นแฝด
เมฆ อาจรู้หรือไม่รู้ ว่าหมอกเป็นแฝด
แต่สงสัยทำไมเมฆ มีเบอร์หมอก

กับอีกอย่างคือหมอกมีสองบุคลิก
ด้านหนึ่งใสซื่อ เรียบร้อย ธรรมมะ ธรรมโม เข้าวัด
อีกด้านก็เป็นตัวตนของเมฆ ที่ชอบแสงสี เข้าผับเข้าบาร์ โลดแล่นปาร์ตี้เต็มที่
พร้อมมีอเพศสัมพันธ์ อะะไรกับใครก็ได้ตลอด

ให้ธาร หาเมฆ หมอก เองละกันว่ายังกันแน่  o18
       :L1:  :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 03-10-2017 20:09:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 นางพญาเทครัว [1.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-10-2017 21:21:50
อ้าว แล้วสรุปยังไง มีแล้วไม่รู้หรอ หรืออยากแกล้งธาร

ธารก็งงไปเหอะ คือถ้ายังไม่รู้ ก็งงต่อไป เหมือนเรา 55555

แล้วก็คนละขั้วเลยเนาะ หมอกเมฆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-10-2017 21:55:32
รักหมอกเอ็นดูเมฆค่ะแต่ถ้าสองบุคลิคจริงงั้นงานนี้ยากแล้ว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-10-2017 23:37:37
งานยาก..กกกกก อยากเก็บเธอไว้ทั้ง2คน   :m23: :m23: :m23:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-10-2017 23:55:44
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-10-2017 01:29:41
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-10-2017 09:18:35
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-10-2017 10:23:57
อยากให้เป็น เมฆ →  ธาร  ←หมอก  3P ซะเลย

ชอบแฝด พฤกษ์ เพลิง  :mew1: :mew1: :mew1:
รอตอนต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-10-2017 12:56:59
ลุ้นกันต่อไป ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 05-10-2017 19:00:40
ลุ้นไปอีกกกกกกกกกกกกกก :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-10-2017 23:18:05
 :sad4: ปวดตับ ชอบทั้งสองก็เลือกทั้งหมอกทั้งเมฆ 3Pคือนิพพาน
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 06-10-2017 16:01:37
ยังรอลุ้นอยู่นะคะ ว่าหมอกกับเมฆเป็นแฝดกันหรือปล่า  หรือสองบุคลิก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 4 รักสามเศร้า เราสามคน [4.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 07-10-2017 03:15:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 เสียศูนย์ NC [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 09-10-2017 00:22:03
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 5# Thara เสียศูนย์ NC-18


“ต้องเลือกใครสักคน...งั้นหรอ?” ผมพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ ในขณะที่หัวใจก็สั่นไหวและเจ็บแปลบราวกับถูกไฟช็อต
   

หมอก...เด็กหนุ่มใสซื่อและจิตใจดี ที่ผมรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกพบจนกระทั่งตอนนี้ เวลาอยู่กับหมอกผมจะรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมาก อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายคนไหนที่เคยเจอมาก่อนเลยแม้แต่น้อย
   

ส่วนเมฆ...เด็กหนุ่มสุดร้ายกาจแต่ลีลาแซ่บซี้ดถึงใจ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่อยู่ด้วยกันแล้วผมได้เป็นตัวของตัวเอง เมฆทำให้ผมรู้สึกสนุกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงอายุ 10 ปลายๆ อีกครั้ง
   

ผมรู้สึกชอบและถูกใจทั้งสองคน เพราะแต่ละคนต่างก็มีข้อดีเป็นของตัวเอง ถึงก่อนหน้านี้ผมจะเคยคิดว่าถ้าต้องให้เลือกจริงๆ ผมก็จะทิ้งเมฆแล้วเลือกหมอก แต่พอคิดไปคิดมาผมก็ทำใจทิ้งเมฆไม่ลงซะงั้น แน่นอนว่าหมอกก็เหมือนกัน ดังนั้นผมจึงมืดแปดด้านจริงๆ เพราะตัดสินใจไม่ได้เลย
   

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับพี่ธาร พี่ยังมีเวลาให้คิดอีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องเร่งเอาคำตอบวันนี้ก็ได้” พฤกษ์พูดขึ้นเมื่อเห็นผมก้มหน้าลงแล้วเอามือกุมขมับ
   

“จริงด้วย เอางี้มั้ยพี่ธาร วันไหนสักวันพี่ลองชวนหมอกมากินข้าวที่บ้านดิ พวกผมจะได้ช่วยสแกนให้ด้วยไงว่าใสซื่อจริงอย่างที่พี่คิดรึเปล่า” เพลิงเสนอความคิด ซึ่งพฤกษ์ก็พยักหน้าเห็นด้วย
   

“ผมว่าความคิดไอ้เพลิงมันก็ไม่เลวเหมือนกันนะครับ”
   

“นั่นสินะ ให้ทุกคนช่วยดูมันก็ดีเหมือนกัน”
   

แล้วหลังจากนั้นผมก็ลงไปข้างล่างเพื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟัง จากนั้นก็นัดแนะวันเวลาก่อนที่จะโทรไปแจ้งหมอกอีกที ซึ่งหมอกก็ไม่มีปัญหา แถมยังยินดีและเต็มใจมากที่จะได้มาพบกับครอบครัวของผม โดยนับเวลาถอยหลังทุกวันจนกระทั่งตอนเย็นของวันเสาร์ถัดมา...
   

“ตะวันทำไปก่อนนะ เมื่อกี้หมอกไลน์มาบอกว่าแท็กซี่ที่นั่งมาขับเข้าซอยมาแล้ว ฉันเลยจะออกไปรอรับที่หน้าบ้าน เดี๋ยวหลังจากนั้นฉันจะเข้ามาช่วยทำต่อ” ผมพูดในระหว่างที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อน เพราะกำลังช่วยตะวันทำกับข้าวอยู่ในครัว
   

“ไม่ต้องหรอกครับคุณธาร พอผัดจานนี้เสร็จก็เหลือแค่ตกแต่งจานนิดหน่อยเองครับ”
   

“อ๋อ ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะ” ผมพูดจบก็เดินออกมาจากครัว สักพักพอเห็นวาเดินสวนมาผมเลยใช้ให้เข้าไปช่วยงานตะวัน จากนั้นก็ไปบอกคนอื่นๆ ให้เตรียมตัวเพราะหมอกใกล้จะถึงแล้ว


ผมออกไปยืนรอหมอกอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน จากนั้นไม่นานแท็กซี่ที่หมอกนั่งมาก็วิ่งมาจอดอยู่ตรงหน้าผม
   

“ขอบคุณนะครับ” หมอกเปิดประตูเดินลงมาแล้วพูดกับคนขับรถแท็กซี่


ความจริงผมตั้งใจจะขับรถไปรับหมอกที่หอด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แต่หมอกบอกว่าเกรงใจไม่อยากให้ผมขับรถกลับไปกลับมา เลยยืนกรานขอนั่งแท็กซี่มาเองคนเดียว   


“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับคุณธาร” สีหน้าของหมอกเป็นกังวลเพราะกลัวจะเสียมารยาท ทั้งที่ตัวเองมาถึงก่อนเวลาตั้งเกือบ 15 นาทีแท้ๆ
   

“จะขอโทษทำไมนายไม่ได้มาช้าสักหน่อย แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า” ผมพูดจบก็จูงมือหมอกให้เดินตามมา ผมรู้สึกว่าหมอกประหม่าเพราะมือกำลังสั่งเล็กน้อย แถมยังมีเหงื่อไหลซึมออกมาอีกต่างหาก
   

“ไม่ต้องเกร็งไปหรอก เคยบอกไปแล้วนี่ว่าครอบครัวฉันมีแต่พี่น้องไม่มีญาติผู้ใหญ่” ผมหันไปยิ้มให้บางๆ หมอกที่เห็นอย่างนั้นเลยพยักหน้าลง แล้วจึงหายใจเข้าออกเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย
    

เมื่อเห็นหมอกดูไม่เกร็งและเป็นกังวลเท่าไหร่แล้ว ผมจึงได้จูงมือหมอกไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่ภายในบ้าน ซึ่งพอไปถึงก็เห็นทุกคนนั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว
   

“ทุกคนนี่หมอกนะ ส่วนหมอกเดี๋ยวฉันจะแนะนำแต่ละคนให้ฟัง เริ่มจากคนนู้นพี่ภูพี่ใหญ่ของบ้าน ที่นั่งข้างๆ คือตะวันแฟนของพี่ภู ส่วนสองหนุ่มแฝดตรงนี้ชื่อพฤกษ์กับเพลิง แล้วนั่นก็วาน้องเล็กของบ้าน เป็นคนเดียวที่อายุน้อยกว่าหมอก”
   

“เอ่อ...สะ...สวัสดีครับ” หมอกยกมือขึ้นไหว้พร้อมพูดอย่างตะกุกตะกัก ท่าทางจะเกร็งมากกว่าเมื่อกี้ซะอีกนะเนี่ย
   

“สวัสดี ทำตัวตามสบายนะ คิดซะว่าพวกเราคือพี่น้อง แล้วที่นี่ก็คือบ้านของหมอกด้วย” พี่ภูส่งยิ้มอย่างอบอุ่นไปให้ ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ก็ด้วย พอเห็นว่าทุกคนยินดีต้อนรับอย่างเป็นอย่างดีหมอกจึงคลายกังวล ผมเลยบอกให้หมอกนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่าง ซึ่งก็คือข้างๆ เก้าอี้ตัวประจำของผม
   

บรรยากาศการกินข้าวเย็นเป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน เพราะเพลิงกับวาที่เป็นคนพูดมากอยู่แล้วได้ตีซี้และชวนหมอกคุยอยู่ตลอด แต่ถึงอย่างนั้นก็ลอบสังเกตท่าทีของหมอกเวลาหลอกถามข้อมูลอะไรไปด้วย ซึ่งหมอกก็ตอบอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีท่าทีปิดบังหรือว่าโกหกอะไรเลย
   

เกือบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่แยกกันที่วัดผมก็เจอหมอกแทบทุกวัน โดยจะนัดกันช่วงเย็นที่หน้ามหา’ลัยของหมอกบ้าง หรือหน้าโรงแรมที่ผมทำงานบ้าง แต่ก็เพียงแค่กินข้าวเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ไม่ได้นอนค้างคืนเพื่อทำกิจกรรมอย่างอื่นด้วยกันแต่อย่างใด
   

หมอกไม่เคยมีแฟนเลยค่อนข้างเคอะเขินและไม่รู้ว่าคนที่เป็นแฟนกันต้องทำอะไรบ้าง ส่วนผมก็ใช่ว่าจะเคย ที่ผ่านมาก็แค่วันไนท์สแตนด์เฉยๆ ไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตนสักที แต่ถึงอย่างนั้นเราสองคนก็เข้ากันได้ดี ความแตกต่างทั้งด้านอายุและการใช้ชีวิตไม่ได้เป็นอุปสรรคอย่างที่ผมเคยคิดเอาไว้ แถมผมยังให้ใจกับหมอกมากขึ้นทุกวันๆ อีกต่างหาก
   

“เรื่องของหมอกทุกคนคิดว่ายังไงกันบ้าง” ผมพูดขึ้นในขณะที่หมอกอาสาไปช่วยตะวันล้างถ้วยจานหลังจากกินข้าวเสร็จ ผมกับคนอื่นๆ เลยย้ายสำมะโนครัวมารวมตัวกันอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
   

“พี่คิดว่าหมอกคือช้างเผือกเลยล่ะธาร ทั้งนิสัย หน้าตา การศึกษา รวมทั้งครอบครัวที่รับราชการกันหมด พี่คิดว่าหมอกเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์คนหนึ่งเลย” เป็นเรื่องยากมากที่พี่ภูจะชื่นชมใครถึงขนาดนี้ แต่หมอกก็เป็นเฟอร์เฟคแมนไร้ที่ติอย่างที่พี่ภูพูดจริงๆ นั่นแหละ
   

“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันนะครับพี่ธาร นี่ถ้าไม่ได้เจอกับตาจริงๆ ผมคงไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลก” วาพูดสนับสนุนความคิดของพี่ภู
   

“แล้วพวกแกสองคนล่ะ คิดยังไงกับเรื่องของหมอกบ้าง” ผมหันไปถามความคิดจากพฤกษ์กับเพลิง ที่สีหน้าดูเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง ซึ่งพอได้ยินผมถามคำถามก็หันหน้าไปมองกัน จากนั้นจึงได้หันมาหาผมอีกที
   

“ผมคิดว่าหมอกดูสมบูรณ์แบบเกินไปจนน่าสงสัยครับพี่ธาร” ประโยคนี้พฤกษ์เป็นคนพูด เพลิงจึงพยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดเสริมขึ้น
   

“จะหาว่าพวกผมโลกมืดก็ได้ แต่พวกผมไม่คิดว่าคนแบบนี้จะมีอยู่จริงๆ เพราะงั้นพวกผมเลยเชื่อว่าหมอกต้องมีอีกบุคลิก หรือไม่ก็กำลังใส่หน้ากากเพื่อปกปิดความจริงเรื่องเมฆที่เป็นฝาแฝด”


ผมก็อยากจะค้านความคิดของพฤกษ์กับเพลิงอยู่หรอกนะว่าอาจคิดมากไปเอง แต่ผมก็ไม่สามารถพูดออกไปได้เพราะเรื่องของเมฆก็ยังคงคาใจผมอยู่เหมือนกัน


ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยเจอหรือได้รับการติดต่อจากเมฆอีกเลย เมฆหายไปโดยทิ้งไว้แต่ความทรงจำที่ราวกับฝัน แต่ผมก็มั่นใจว่าเรื่องคืนนั้นได้เกิดขึ้นจริง เพราะงั้นผมจึงได้คาใจและพยายามหาความจริงมาจนถึงตอนนี้


“งั้นพี่คงต้องลองเข้าไปในห้องของหมอกอีกครั้งแล้วล่ะ ถ้าลองได้ค้นดูสักหน่อยอาจจะเจออะไรที่เกี่ยวกับเมฆก็ได้”
   

“ก็ดีเหมือนกันนะ แต่พี่อย่ามัวแต่ทำอย่างอื่นจนลืมเรื่องที่ตั้งใจจะทำล่ะ” เพลิงพูดยิ้มๆ อย่างรู้ทัน ผมจึงถลึงตาใส่ด้วยความหมั่นไส้
   

หลังจากนั้นไม่นานหมอกกับตะวันก็เดินออกมา พวกเราทั้ง 5 เลยเปลี่ยนเรื่องคุยซึ่งก็เป็นไปได้อย่างแนบเนียน จนกระทั่งไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกันแล้วนั่นแหละ ผมจึงได้บอกทุกคนว่าจะพาหมอกกลับไปส่งที่หอ
   

“คนที่บ้านฉันชอบนายกันทุกคนเลยนะ แล้วนายคิดยังไงกับคนที่บ้านของฉัน อึดอัดรึเปล่าที่มีคนอยู่กันเยอะขนาดนี้” ผมถามในขณะที่เราสองคนกำลังอยู่ในรถ ซึ่งก็ใกล้จะถึงหอพักของหมอกแล้ว
   

“ไม่เลยครับ ทุกคนต้อนรับผมอย่างอบอุ่นแล้วก็เป็นกันเองกับผมมาก ผมเป็นลูกคนเดียวไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ เพราะงั้นผมเลยรู้สึกประทับใจมากครับคุณธาร” ถึงแม้ผมจะไม่ได้หันหน้าไปมอง แต่ฟังจากน้ำเสียงก็รับรู้ได้เลยว่าหมอกประทับใจอย่างที่พูดจริงๆ
   

ผมขับรถต่อไปไม่กี่นาทีก็ถึงหอพักของหมอก ซึ่งผมก็ตั้งใจจะนอนค้างตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่ขับรถออกมาส่งตอนดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้ แต่หมอกกลับใสซื่อเกินไปจนมองความตั้งใจของผมไม่ออก เพราะงั้นพอรถจอดจึงได้พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อพูดขึ้นมาว่า...
   

“คืนนี้ค้างกับผมที่ห้องนะครับคุณธาร ผม...เอ่อ...6 วันที่ผ่านมาผมศึกษาเรื่องนั้นมาเยอะเลย เพราะงั้น...ครั้งนี้ขอให้ผมเป็นฝ่ายให้ความสุขคุณบ้างนะครับ” หมอกพูดด้วยใบหน้าแดงจัด ส่วนมือก็กำขากางเกงแน่นจนยับย่น


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หมอกกำลังตื่นเต้นขนาดไหน แต่ผมก็ไม่ต่างกันนักหรอก เพราะแค่ได้ยินเสียงที่สั่นและกระเส่าเล็กน้อยของหมอก ผมก็แทบอยากถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นขย่มทั้งๆ ที่ตอนนี้ยังอยู่ในรถเลยด้วยซ้ำ


แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องสะกดกลั้นอารมณ์ระงับความต้องการเอาไว้ เพราะทำในรถมันจะไปถึงใจเท่ากับทำในห้องได้ยังไงจริงมั้ยล่ะ


“ถ้างั้นก็อย่าช้าเลยดีกว่า ฉันอยากรู้ใจจะขาดแล้วว่านายไปศึกษาเรื่องอะไรมา แล้วจะผ่านหลักสูตรกับได้คะแนนไปเท่าไหร่” คำพูดของผมทำเอาหมอกหน้าแดงจัดยิ่งกว่าเดิม แถมตัวยังเกร็งจนแทบหยุดหายใจอีกต่างหาก ขนาดเราสองคนทำความรู้จักจนสนิทกันมากขึ้นแล้วนะ แต่หมอกก็ยังคงประหม่าเวลาที่อยู่กับผมไม่เคยเปลี่ยน


‘ผมพึ่งมีแฟนคนแรกแถมยังชอบคุณมาก เวลาอยู่กับคุณผมเลยตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเลยครับ’
   

นี่คือคำตอบของหมอกหลังจากที่ผมถามเหตุผล ซึ่งมันก็ทำให้ผมยิ่งชอบแล้วก็เอ็นดู (จนอยากดูเอ็น) หมอกมากกว่าเดิม
   

เราสองคนรีบขึ้นไปบนห้องโดยไม่ให้เสียเวลา แต่ผมก็ยังไม่ลืมว่าตั้งใจจะมาทำอะไร เพราะงั้นอันดับแรกเลยบอกให้หมอกเข้าไปอาบน้ำ ส่วนผมก็ใช้เวลานั้นค้นห้องตามจุดต่างๆ แต่ไม่ว่าจะค้นตรงไหนผมก็ไม่เจออะไรเกี่ยวกับเมฆเลยแม้แต่น้อย
   

หมอกไม่มีฝาแฝดจริงๆ หรือว่าซ่อนหลักฐานทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดีกันแน่?
   

“ขอโทษที่ช้านะครับคุณธาร” หมอกที่สวมผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำพอดี ผมที่เห็นแผงอกอันน่ากินที่อยู่ข้างหน้า เลยได้สติแล้วหลุดจากความคิดที่กำลังตีกันอยู่ในหัว
   

“ไม่เป็นไร ถ้างั้นฉันเข้าไปอาบต่อเลยนะ” ในเมื่อไม่เจอหลักฐานอะไร ดังนั้นผมก็จะไม่สนใจเมฆอีกต่อไปแล้ว คืนนี้ผมจะสนใจแต่หมอกและคิดถึงหมอกเพียงคนเดียวเท่านั้น


ผมใช้เวลาอาบน้ำประมาณ 20 นาที โดยทำความสะอาดร่างกายทุกซอกทุกมุมเพื่อให้พร้อมสำหรับหมอก ซึ่งหมอกก็เตรียมพร้อมเหมือนกัน เพราะพอผมออกมาจากห้องน้ำก็พบว่ามีถุงยางกับเจลหล่อลื่นวางอยู่ข้างเตียงเรียบร้อย


“ดูอะไรอยู่น่ะ ท่าทางตั้งอกตั้งใจเชียว” ผมถามในขณะที่เดินเข้าไปหาหมอกที่นั่งจ้องโทรศัพท์ โดยที่ผมสวมเพียงแค่ชุดคลุมอาบน้ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


“คือ...เอ่อ...ผม...” หมอกพูดได้แค่นี้ จากนั้นก็ก้มหน้างุดด้วยใบหน้าแดงซ่าน ท่าทางเอียงอายแบบนั้นทำให้ผมนึกสงสัย จึงได้เดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วก้มหน้าลงไปมองหน้าจอโทรศัพท์ของหมอก


เทคนิคการออรัล


“อยากใช้ปากให้ฉันหรอหมอก?”


“ครับ คือ...ครั้งที่แล้วคุณทำให้ผม ครั้งนี้ผมเลยอยากทำให้คุณบ้าง นี่ก็ศึกษามาทั้งอาทิตย์เลยครับ” ถึงสีหน้าของหมอกจะดูเขินอาย แต่แววตานั้นแน่วแน่และตั้งใจเป็นอย่างมาก


“แต่ฉันก็อยากใช้ปากให้นายเหมือนกัน ถ้างั้นก็ 69 กันเลยเนอะ” พูดจบผมก็ดันหมอกให้ขยับไปกลางเตียงแล้วนอนลง ส่วนผมก็ขึ้นคร่อมโดยหันสะโพกไปทางใบหน้าของหมอก ส่วนใบหน้าของผมจะอยู่ที่ส่วนนั้นของหมอกแทน


“เคยเห็นท่านี้ตอนศึกษามาด้วยรึเปล่า” ผมพูดในขณะที่แหวกผ้าเช็ดตัวของหมอกออก แล้วใช้มือลูบไล้ท่อนเนื้ออันใหญ่โตและอวบอั๋นที่กำลังเริ่มแข็งตัวช้าๆ


“คะ...เคยครับ อืม...คุณธาร” เสียงพูดที่กระเส่าของหมอกทำให้ผมเริ่มเกิดอารมณ์ขึ้นบ้าง ยิ่งจังหวะที่หมอกสอดมือเข้าไปใต้ชุดคลุมอาบน้ำของผม แล้วค่อยๆลูบไล้ตามเรียวขาขึ้นไปถึงสะโพกมันก็ทำให้ร่างกายของผมถึงกับสั่น ส่วนสะโพกก็บิดและส่ายไปมาด้วยความต้องการ


“อา...หมอก...” ตอนนี้ผมต้องการหมอกแทบบ้า แล้วผมก็รู้ว่าหมอกต้องการผมเช่นกัน ดังนั้นผมจึงได้ประคองท่อนเนื้อของหมอกที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้ แล้วใช้ลิ้นไล้เลียแท่งร้อนๆ ตั้งแต่โคนจรดปลาย


“ซี้ดด...อา...คุณธาร” ความเสียวซ่านทำให้หมอกร้องครางอย่างสุดกลั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองสุขสมเพียงคนเดียว เพราะหมอกได้ใช้มือข้างหนึ่งกดสะโพกของผมลงมา ส่วนมืออีกข้างก็กอบกุมส่วนนั้นของผมเอาไว้ แล้วยื่นหน้าขึ้นไปใช้ลิ้นเลียที่ส่วนปลาย ก่อนจะวนซ้ำและขยี้รูเล็กๆ ไปมาอีกด้วย


“อ๊ะ...อ๊า...หมอก...อ๊า...” ผมเชื่อแล้วว่าหมอกศึกษาเรื่องนี้มาทั้งอาทิตย์จริงๆ ผมให้ผ่านหลักสูตรโดยได้คะแนนเต็มอย่างไม่มีข้อกังขา เพราะตอนนี้ผมรู้สึกดีและเสียวซ่านเอามากๆ จึงได้ครางระงมในลำคอในขณะที่กำลังใช้ปากรูดรั้งส่วนนั้นของหมอกขึ้นลงไปด้วย


“อื้อ...อื้ม...อื้อ...” ยิ่งผมเสียวมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งขยับริมฝีปากและออกแรงดูดท่อนเนื้อของหมอกแรงขึ้นมากเท่านั้น จนตอนนี้มันได้ขยายใหญ่ขึ้นจนคับปากของผมไปหมดแล้ว


“ซี้ดด...อย่าดูดแรง...อา...ขนาดนั้นสิครับ เดี๋ยวผมก็...อื้อ...เสร็จก่อนพอดี...” หมอกถอนริมฝีปากออกมาเพื่อพูดกับผม แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้เอามืออุ่นๆ ไปรูดรั้งส่วนนั้นของผมที่อยู่ตรงหน้าแทน


“อา...ถ้านายไม่อยากเสร็จก่อนก็รีบทำให้ฉันเสร็จซะสิ คิดว่าทำได้รึเปล่าล่ะ” ผมท้าอย่างนึกสนุก เพราะอยากกระตุ้นหนุ่มใส่ซื่อและขี้อายอย่างหมอกให้เจนจัดขึ้นมาบ้าง แต่ผมก็ไม่คิดว่าหมอกจะ...


“ถ้างั้นผมขอเลียตรงนี้ด้วยนะครับ”


“ตรงไหน?...อ๊ะ!” แล้วผมก็สะดุ้งเฮือกแล้วหวีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อหมอกยืดตัวขึ้นไปนิดนึงแล้วฝังใบหน้าลงที่บั้นท้าย ตามด้วยการใช้ลิ้นเลียลงไปตรงช่องทางด้านหลังของผม


“หมอก! ตรงนั้นมัน...อ๊า! หยุดนะ...ยะ...อ๊ะ...อ๊า...หมอก...อ๊า!” ผมพูดแทบไม่เป็นภาษา ส่วนปากก็อยากจะร้องห้าม แต่สมองมันกลับขาวโพลนจนคิดอะไรแทบไม่ออก ตอนนี้ผมรู้สึกแต่ความเสียวแล้วก็ลิ้นของหมอกที่กำลังเลียเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ถึงแม้ว่าผมจะเคยมีเซ็กส์มาหลายต่อหลายครั้ง กับผู้ชายไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แต่ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ผมจะถูกเลียตรงช่องทางด้านหลัง แล้วก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะถูกเลียด้วย เพราะนี่มันคือชีวิตจริงไม่ใช่ใน AV ถึงผมจะมั่นใจว่าทำความสะอาดตรงนั้นมาเป็นอย่างดี แต่หมอกไม่จำเป็นต้องทำให้ผมขนาดนี้เลยก็ได้


“หมอก...อ๊า...หยุดก่อน...ไม่...อ๊ะ...ยะ...ไม่เอา...อ๊า...” แต่ถึงผมอยากจะห้ามแค่ไหนร่างกายกลับไม่ยอมฟัง เพราะสะโพกของผมได้บิดเร่า สั่นระริก และส่ายไปมา ส่วนช่องทางด้านหลังก็บีบและตอดรัดลิ้นของหมอกด้วยความสุขสม ส่งผลให้ส่วนนั้นของผมที่อยู่ด้านหน้ามีน้ำใสๆ ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย


“คุณพูดเหมือนไม่ชอบ แต่ร่างกายของคุณดูเหมือนว่าจะรู้สึกตรงข้ามเลยนะครับคุณธาร” หมอกพูดจบก็ก้มหน้าลงไปเลียช่องทางด้านหลังของผมใหม่ แถมยังชอนไชลิ้นเข้าไปข้างในให้ลึกขึ้นจนผมเสียวแทบบ้าอยู่แล้ว


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ซี้ดดด...อ๊า...” ตอนนี้ผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกจากความเสียวที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกวินาที นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมสูญเสียการควบคุมตัวเองได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งจังหวะที่หมอกขยับลิ้นที่อยู่ภายในเข้าออกพร้อมกับชักที่ด้านหน้าไปด้วย มันก็ทำให้ผมเสียวสุดๆ จนน้ำตาคลอ ได้แต่ร้องครางพลางกำผ้าปูที่นอนแน่นเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น


“หมอก! หมอก!! อ๊าาาาาา!” สิ้นเสียงนั้นความสุขสมทั้งหมดก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา ก่อนที่ผมจะหอบหายใจอย่างรุนแรงทั้งๆ ที่ร่างกายยังสั่นสะท้านอยู่เลย โดยเฉพาะตรงช่องทางด้านหลัง


“ผมดีใจนะครับที่ทำให้คุณมีความสุขได้ถึงขนาดนี้” หมอกก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูของผม ก่อนจะพรมจูบที่พวงแก้ม ซอกคอ ลาดไหล่ แล้วก็ไล่ลงมาเรื่อยๆ ตามแผ่นหลัง โดยที่มือก็กำลังลูบไล้จากสะโพกขึ้นมายังตรงสีข้าง


“อา...หมอก...” ผมครางเสียงกระเส่า ส่วนร่างกายก็สั่นสะท้านมากขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนนี้ความปรารถนาของผมได้ถูกจุดติดขึ้นมาอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว


“ผมต้องการคุณนะครับคุณธาร คุณก็ต้องการผมเหมือนกันใช่มั้ยครับ”


“อือ...” ทันทีที่ผมพยักหน้าหมอกก็ยกสะโพกของผมขึ้น แล้วใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นวนตรงปากทางเข้า จากนั้นก็ค่อยๆ สอดนิ้วอันเรียวยาวเข้ามาข้างในจนกระทั่งสุดความยาว


“อ๊ะ...อ๊า...” ผมร้องครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อหมอกขยับนิ้วเข้าออกสลับกับคว้านเป็นวง จนกระทั่งช่องทางด้านหลังของผมผ่อนคลายจึงได้แทรกนิ้วเข้ามาเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 2


“อื้อ...อื้ม...อา...อ๊า...” หมอกขยับนิ้วเข้าออกเร็วขึ้น นิ้วอันเรียวยาวเข้ามาลึกมากจนผมครางไม่หยุดปาก แต่ถึงอย่างนั้นทุกจังหวะก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจนผมรู้สึกได้


หมอกให้ความสำคัญกับร่างกายของผมแม้ว่าตัวเองกำลังอึดอัดละทรมาน ที่ผมรู้ก็เพราะพอเอี้ยวหน้าไปด้านหลังก็พบว่าแก่นกายของหมอกกำลังแข็งขึงอย่างขีดสุดจนเหยียดเกร็ง ส่วนตรงปลายก็กำลังเปียกชุ่มเพราะต้องการปลดปล่อยจนแทบเกินขีดจำกัดแล้ว


“พอ...พอแล้วหมอก...อื้อ...ใส่ถุงแล้วเข้ามา...อา...เดี๋ยวนี้เลย” อย่าว่าแต่หมอกจะทนไม่ไหว เพราะผมก็ใกล้ขาดใจแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ช่องทางด้านหลังของผมมันกำลังกระตุกและสั่นระริกเพราะต้องการหมอกจนแทบขาดใจอยู่แล้ว


“ผะ...ผมจะเข้าไปแล้วนะครับคุณธาร” หมอกพูดขึ้นหลังจากที่ใส่ถุงยางเรียบร้อย แล้วเอาท่อนเนื้อร้อนๆ มาจ่ออยู่ที่ช่องทางด้านหลังของผม


“เข้ามา...เอาให้สุดเลย...เร็วเข้าหมอก...อ๊ะ...อ๊าา!” ทันทีที่ได้ยินผมสั่งแบบนั้น หมอกก็ดันแก่นกายเข้ามารวดเดียวจนมิดลำ ความยาวและความใหญ่โตของมันทำให้ผมกรีดร้องด้วยความสุขสมและเสียวซ่านจนลั่นห้อง


“ซี้ดด...อา...คุณธาร...ข้างในของคุณร้อนมาก...อา...อาา...” ส่วนหมอกก็ครางด้วยความสุขสมและเสียวซ่านไม่ต่างกัน ก่อนที่จะครางหนักขึ้นเมื่อเริ่มขยับแก่นกายเข้าออก โดยถอนออกมาจนเกือบสุดแล้วแทรกกลับเข้าไปในคราวเดียวจนสุดโคน


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ตรงนั้น! แรงอีกหมอก! อ๊า...ดี...อ๊า...ซี้ดด...อ๊า...” ผมครางระงมพร้อมกับจิกทึ้งผ้าปูที่นอนแน่น เมื่อท่อนเนื้อของหมอกกระแทกเข้ามาโดนจุดเสียวที่อยู่ภายใน ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาช่องทางด้านหลังกระตุกตอดรัดหมอกอย่างรุนแรง


“ซี้ดดด...อาา...” หมอกครางด้วยความเสียว แล้วเร่งจังหวะการขยับแก่นกายให้รวดเร็วมากขึ้นตามแรงอารมณ์ ส่วนผมก็โยกสะโพกและส่ายไปมาให้เข้ากับจังหวะการขยับของหมอก ร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยมไม่เปลี่ยน ตอนนี้ผมเสียวสุดๆ จนแทบทนไม่ไหวแล้ว


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...ฉันจะเสร็จแล้วหมอก...อ๊า...” พอได้ยินแบบนี้หมอกก็เลื่อนมือข้างหนึ่งมาข้างหน้า จากนั้นก็ชักส่วนนั้นของผมเข้าออก ในขณะที่สะโพกก็ไม่ได้ลดการกระแทกกระทั้นลงเลย แถมยังเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...สุดยอด..เสียวสุดๆ เลยหมอก...อ๊ะ...อ๊า...” ผมจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับย่นด้วยความเสียวซ่าน ส่วนสะโพกก็ยิ่งแอ่นและบิดส่ายไปมา ในขณะที่ช่องทางด้านหลังก็ตอดรัดท่อนเนื้ออันอวบอั๋นและร้อนระอุของหมอกอย่างถี่ยิบ


“อา...คุณรัดผมแน่นขนาดนี้...ซี้ดด...ผมก็ทนไม่ไหวสิครับคุณธาร” หมอกกัดปากครางซี้ดอย่างสุดกลั้น จากนั้นก็เร่งจังหวะการกระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างหนักหน่วง รวดเร็ว และรุนแรงมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จนเสียงของเนื้อที่กระทบกันดังยิ่งกว่าเสียงครางของเราสองคนซะอีก


“อ๊า...อ๊า...อ๊า...ไม่ไหว...อ๊า...จะเสร็จ...ฉันจะเสร็จแล้วหมอก! อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊าาาาาา!” ผมกรีดร้องออกมาดังลั่นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่สายธารแห่งความสุขสมจะถูกฉีดพ่นออกมาจนหมดสิ้น


“ซี้ดด...คุณธาร! อึ่ก...อาาาา” ส่วนหมอกที่ถูกช่องทางด้านหลังของผมบีบและตอดรัดอย่างถี่ยิบ ก็เสียวซี้ดจนต้องซอยแก่นกายเข้ามาข้างในอย่างไม่ยั้ง จนกระทั่งถึงจุดสุดยอดก็ฝังตัวเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้ามาในตัวผมโดยมีถุงบางๆ ขวางกั้นเอาไว้


“อา...อา...” ผมหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ถึงแม้จะเสร็จเพียงแค่ 2 ครั้งแต่ผมก็รู้สึกเหนื่อยมากกว่าครั้งไหนๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะผมเสียศูนย์ สุขสม และเสียวซ่านมากเกินไป ตั้งแต่ที่ถูกหมอกใช้ลิ้นตรงด้านหลังของผมล่ะมั้ง


ขนาดแค่คิดความเสียวกระสันมันก็ยังแล่นพล่านขึ้นมาเลย...


“อึ่ก! คะ...คุณธาร...จู่ๆ ทำไมถึงได้รัดแน่น...อา...ขนาดนี้ล่ะครับ” หมอกพูดด้วยเสียงกระเส่า ส่วนท่อนเนื้อที่ยังคงอยู่ในตัวของผมก็แข็งขึงขึ้นมาอีกครั้ง


“นะ...นั่นมัน...” ผมอึกอัก ก็จะให้พูดได้ยังไงกันล่ะว่าแค่นึกถึงการใช้ลิ้นของหมอกร่างกายของผมก็มีปฏิกิริยาแล้ว คนที่เทิร์นโปรมาตั้งแต่อายุ 15 อย่างผมถ้าพูดแบบนั้นออกไปก็เสียชื่อกันพอดี


“หรือว่าคุณธารอยากทำอีกรอบครับ?”


“หา?”


“ถ้างั้นก็ได้นะครับ แต่ผมขอเปลี่ยนถุงยางก่อน” หมอกพูดจบก็ถอนแก่นกายออกไป จากนั้นก็เปลี่ยนถุงยางเป็นอันใหม่โดยไม่ได้สังเกตหน้าตาของผมที่กำลังเหลอหลาอยู่เลย


“หมอก...คือฉัน...” ผมลุกขึ้นแล้วพลิกตัวกลับมาเพื่อจะอธิบายว่าผมไม่ได้อยากทำ แต่หมอกก็รวบตัวผมไปคร่อมตักตัวเองที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงเอาไว้ซะก่อน


“เวลาเห็นหน้าคุณมันรู้สึกดีกว่าจริงๆ ด้วย...ผมชอบคุณนะครับคุณธาร” หมอกพูดจบก็ยื่นหน้ามาจูบที่ริมฝีปากของผม จากนั้นก็สอดลิ้นเข้ามาข้างใน ไปพร้อมๆ กับการยกสะโพกของผมขึ้นแล้วกดลงมาใหม่ โดยให้กลืนกินท่อนเนื้ออันใหญ่โตช้าๆ จนสุดความยาว


“อื้อ...” ความเสียวซ่านที่แล่นพล่านขึ้นมาทำให้ร่างกายของผมสั่นระริก แต่ถึงอย่างนั้นทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของหมอกก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจนหัวใจของผมแทบละลาย ทำเอาผมลืมไปเลยว่าเคยคิดถึงใครอีกคนที่หน้าถอดแบบกันมา เพราะหลังจากนั้นเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่โผล่มาหา ผมจึงพยายามคิดว่านั่นอาจเป็นเพียงแค่จินตนาการหรือความฝันที่สมจริงของผมเท่านั้น


จนกระทั่ง...


2BC


 :mc4: สวัสดีค่ะทุกคน Erotic หัวใจร้อนรักตอนที่ 5 ก็จบลงไปแล้วน้า หลังจากที่เรางดอัพนิยายไปช่วงนึงเพื่อความเหมาะสม พอกลับมาก็ลง NC แบบจัดเต็มเพื่อชดเชยให้ทุกคนเลยค่า หวังว่าคงจะถูกใจกันน้า เลือดสำรองกับทิชชู่ที่เตรียมมาเพียงพอมั้ยน้อ  :z1:
หลังจากอ่านจบก็หวังว่าทุกคนคงจะชอบกันน้า ที่ได้เห็นเคะราชินีที่เทิร์นโปรมาอย่างโชกโชนเสียศูนย์ได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้กับหมอกคนใส ที่ตอนนี้ได้พัฒนากลายเป็นหมอกสายเบิร์นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่า  :-[ อั๊ยยยย พูดแล้วก็เขิน
ส่วนตอนหน้าก็มาลุ้นกันต่อกับระเบิดที่เราทิ้งเอาไว้ตอนท้ายนะคะว่าเมฆจะคัมแบ็คจริงๆมั้ย แล้วเมฆโผล่จะมาแบบไหน ซึ่งก็รอกันไม่นานอีก 2 – 3 วันเราจะมาอัพแน่นอน แล้วเจอกันนะคะ ถ้าชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้าจุ๊บๆ  :give2:
ปล.เพื่อไถ่โทษที่เรามาลงตอนนี้ช้า เพราะงั้นเราเลยเอาภาพปกที่ลงสีเสร็จเรียบร้อยแล้วมาให้ดูกันค่าว่าจะดีงามแค่ไหน ว่าแต่ใครทีมไหนขอเสียงเชียร์ด้วยน้าาาาาา > <

(http://upic.me/i/xq/33333333333.jpg)
(20 ต.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-10-2017 01:15:03
จนถึงตอนนี้เค้าก็ยังคิดว่าเป็นคนๆเดียวกันอยู่ดี แต่จะเมฆหรือหมอกก็เสียเลือดได้เหมือนกันค่ะ:jul1:  :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-10-2017 01:39:38
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-10-2017 01:40:54
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-10-2017 05:11:57
ทำไมหมอกน่ารักแบบนี้
คนที่ดูเหมือนอยู่ในฝันน่ะคือหมอกต่างหาก เมฆนี่อย่างเรียล ดิบปานนั้น สุขสันต์วันเกิดนะคะ
กินให้เต็มที่แล้วรีบมาต่อนะคะ
แอบอยากเฉลยแล้ว 55
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-10-2017 07:35:14
ทำไมหมอกน่ารักแบบนี้
คนที่ดูเหมือนอยู่ในฝันน่ะคือหมอกต่างหาก เมฆนี่อย่างเรียล ดิบปานนั้น สุขสันต์วันเกิดนะคะ
กินให้เต็มที่แล้วรีบมาต่อนะคะ
แอบอยากเฉลยแล้ว 55

ก็ว่างั้น
ยังไงๆ ธารก็ได้กิน ไม่ว่าจะเมฆ จะหมอก
ธาร กินเด็ก   :laugh: :laugh: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-10-2017 08:35:35
อยากเก็บเธอเอาไว้..ทั้งสองคน #พี่ธารกล่าว     :hao3:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-10-2017 09:14:33
เราก็ยังคิดว่าเป็นคนเดียวกันนะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-10-2017 18:54:11
ตามต่อไป ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 10-10-2017 00:50:34
 :hao7: อยากอ่านต่อแล้ว หมอกไฟแรงนะนี่
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 10-10-2017 21:38:13
ยังไม่รู้เลยว่าหมอกกับเมฆเป็นแฟนกันหรือป่าว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 11-10-2017 14:53:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-10-2017 02:25:14
เดาไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นแฝดหรือไม่แฝด จะ 3p หรือไม่ 3p คนแก่รับได้หมด แต่งมาโลดเลยหลานคนแต่ง  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 13-10-2017 10:28:05
ก็ยังคิดว่าหมอกมีสองบุคลิกอยู่ดี :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน5 ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ..จนเกินไป [9.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-10-2017 21:20:51
เออ เอาแล้วไง ยังไม่ทันรู้ว่าเมฆหรือหมอก ธารก็พร้อมเสี่ยงไปเจอบทเรียนใหม่ซะแล้ว

แต่คิดว่าหมอกอะคือเมฆ แบบตัวจริง แล้วที่ทำตอนนี้ ถ้าไม่ลองใจ ก็เรียกความสนใจ
เดาเอาเองว่าเป็นแบบนี้ เพราะหมอกดูไม่สงสัยเลย ยังดูชิลกับทุกสิ่ง

รอธารพิสูจน์นะ อย่าไปเพลินกับตำราใหม่ล่ะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-10-2017 20:39:29
หมอกๆๆๆ........สุดยอดดดดด  :z3: :z3: :z3:
ทำให้คุณธาร เสียศูนย์ สมองขาวโพลนไปเลย  :hao5: :sad4: :heaven

ลีลาหมอก ก็เทิร์นโปรไปและ  :z1: :pighaun: :haun4:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า9 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-10-2017 20:44:50
ใจจิขาดตามธาร   นี่รอเมฆมาแจมอยู่นะ
จนกระทั่งอะไรน้ออออ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-10-2017 23:35:23
กลับมาพร้อมเลือดโซมกาย อ๊าก..กกกกกก   :oo1:  :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-10-2017 23:51:36
ต่อมน้ำหมากแตกกระจาย  :pighaun: จนกระทั่ง........... คนแก่ค้างงงงง  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-10-2017 00:15:24
:pighaun: โอยยย เพิ่มดีกรีความร้อนแรงด้วย69 :pighaun: คุณธารก็คุณธารเถ๊อะ เจอน้องหมอก(ใสๆ?) เข้าไปนี่ระทวยเชียว

อ่านๆฟินๆมาเจอ....จนกระทั่ง..... แล้วก็ค้าง:a5:

สุดท้ายก็ยังแอบคิดเหมือนเดิมว่าน่าจะคนเดียวกันแหล่ะนะ ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่า

 :pighaun:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-10-2017 00:22:05
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-10-2017 11:45:00
รอเวลาเฉลย ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 21-10-2017 20:23:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 21-10-2017 21:46:10
รออออออ อย่าจดจ่อ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-10-2017 13:01:57
แหม สมกับที่บอกว่าศึกษามาเป็นอย่างดีเลยใช่มั๊ยคะคุณหมอก   :hao3:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 22-10-2017 19:45:27
อ๊ากกกกก   ร้อนแรงงง เลือดจะหมดตัวแล้ว  :pighaun:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 5 เสียศูนย์ NC หน้า8 [20.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 23-10-2017 00:15:51
  :haun4: เลือดกระฉูด นับวันหมอกจะยิ่งโปรขึ้นเรื่อยๆ ดีย์งาม รอมาต่อจนกระทั่ง...
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 23-10-2017 19:43:24
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 6# Thara ปณิธานหัวใจ
   

วันหนึ่งหลังจากที่ผมคบกับหมอกมาได้เกือบเดือน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่หมอกสอบเสร็จเป็นวันสุดท้าย ผมเลยจองคอร์สอาหารในโรงแรมที่ผมทำงานอยู่เอาไว้ เพื่อให้รางวัลกับหมอกที่ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์
   

วันนี้ผมนัดเจอหมอกตอนเวลา 3 ทุ่ม เพราะต้องรับรองนายดีแลน ลูกค้า VIP จากไต้หวันของทางโรงแรมที่ระบุตัวผมมา แน่นอนว่าถ้าไม่ถูกบังคับผมไม่มีวันทำแม้จะได้ค่าล่วงเวลา เพราะลูกค้ารายนี้ทั้งแววตา การพูดจา และการกระทำแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากได้ผมมาก ขนาดผมปฏิเสธอย่างชัดเจนมาตั้งหลายต่อหลายครั้งที่นายดีแลนเข้ามาเจรจาธุรกิจและเข้าพักที่โรงแรม แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
   

ถึงแม้จะพึ่งรับรองนายดีแลนเมื่อตอนเย็น แต่ผมก็รู้สึกเหนื่อยมากกว่าการทำงานมาตลอดทั้งวันซะอีก เพราะผมต้องปั้นหน้ายิ้มและพูดจาอย่างสุภาพ ทั้งที่ในใจอยากด่าแล้วก็สาปส่งให้มันไปลงนรกขุมสุดท้าย


ตั้งแต่ที่เจอหน้ากันนายดีแลนก็คอยจ้องแต่จะใช้มือลวนลามผม โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมหรือคนที่อยู่รอบๆ เลย และถึงแม้ว่าเกือบทั้งหมดผมจะสามารถหลบได้ แต่สายตาที่ถูกโลมเลียผมจะไปหลบได้ยังไงกันเล่า
   

“ช่วงนี้คุณธาราดูนาฬิกาบ่อยจังเลยนะครับ หรือว่าต้องไปทำธุระที่ไหนต่อ” เสียงติดสำเนียงจีนของนายดีแลนถามขึ้น เมื่อเห็นผมยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูเวลาที่บอกเวลา 20.50 น. แล้ว
   

“พอดีตอน 3 ทุ่มผมมีนัดน่ะครับ” พูดตามตรงว่าตอนนี้ผมค่อนข้างเป็นกังวล เพราะหมอกชอบมาก่อนเวลานัดอยู่เสมอ แล้วผมก็สังหรณ์ใจว่านายดีแลนอาจจะพยายามถ่วงเวลาเพื่อให้อยู่กับผมนานขึ้นด้วย
   

“เห็นคุณธาราใจจดใจจ่อขนาดนี้ ท่าทางจะเป็นนัดสำคัญมากเลยนะครับ” นายดีแลนลองถามหยั่งเชิงดู ผมจึงยกยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปโดยไม่คิดจะปิดบัง
   

“ครับ เป็นนัดสำคัญจากคนพิเศษ” ทันทีที่ได้ยินคำตอบนายดีแลนก็ถึงกับชะงักไปเลยทันที ผมที่เห็นอย่างนั้นก็อยากจะยิ้มหยันใส่ แต่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้เลยได้แต่เก็บอาการอย่างสุดความสามารถ
   

“ผมก็หลงเข้าใจผิดมาตั้งนานว่า คุณนอนกับใครก็ได้ที่ถูกใจเพราะไม่ชอบการผูกมัด”
   

“อันที่จริงคุณดีแลนก็ไม่ได้เข้าใจผิดหรอกครับ ผมเคยเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่นั่นมันก็แค่อดีต เพราะตอนนี้ผมมีตัวจริงแล้ว” ถึงแม้ว่าตอนแรกหมอกจะเป็นตัวจริงที่ผมไม่ค่อยเต็มใจอยากได้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้หมอกก็ได้หัวใจของผมไปเป็นที่เรียบร้อย
   

“ว้า น่าเสียดายจัง ถ้าผมกลับมาไทยเร็วกว่านี้ผมอาจจะมีสิทธิ์ได้เป็นตัวจริงของคุณธาราก็ได้” นายดีแลนทำหน้าเสียดาย ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ โดยไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจได้สวนกลับไปแทบจะทันทีเลยว่า...ถึงตายก็ไม่มีทาง!
   

“ในเมื่อคุณมีตัวจริงอยู่แล้ว ถึงผมจะพยายามยื้อเวลาให้อยู่กับคุณนานขึ้นก็คงไม่มีประโยชน์ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมขอตัวกลับเลยดีกว่า แต่รบกวนคุณธาราไปส่งผมที่รถด้วยนะครับ”
   

“ยินดีครับคุณดีแลน” ผมยิ้มออกมาบางๆ ในที่สุดตัวปัญหาก็จะออกไปจากชีวิตได้สักที แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ไว้ใจ 100% จึงได้รักษาระยะห่างระหว่างที่เดินไปส่งนายดีแลนยังลานจอดรถ โดยพยายามไม่เข้าใกล้ภายในรัศมี 1 เมตร ที่ผมพยายามรักษาระยะห่างมาตลอดตั้งแต่ตอนเย็น
   

“เห็นคุณทำตัวห่างเหินแบบนี้ ผมก็อดที่จะรู้สึกน้อยใจไม่ได้เลยนะครับ” นายดีแลนพยายามทำหน้าเศร้า แต่ผมก็มองออกว่าเป็นการเสแสร้ง เพราะแววตายังดูเจ้าเล่ห์ไม่ได้สลดเลยแม้แต่น้อย
   

“คุณดีแลนไม่ต้องน้อยใจไปหรอกครับ เพราะคุณกับผมก็ไม่ได้ใกล้ชิดหรือว่าคุ้นเคยกันอยู่แล้ว” ผมพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้ว่าประโยคที่พูดจะทำให้คนฟังยิ้มไม่ออก แต่ในเมื่อนายดีแลนไม่คิดจะตัดใจผมก็ไม่จำเป็นต้องอดทนต่อไปแล้ว
   

“ในเมื่อคุณพูดตรงๆ แบบนี้ ผมก็ขี้เกียจจะใส่หน้ากากแล้วเหมือนกัน”
   

“ก็ดีครับ เพราะถึงจะห่มหนังแกะเอาไว้ แต่มันก็ปิดบังความเป็นหมาป่าของคุณไม่ได้อยู่ดี”
   

“เข้าใจเปรียบเทียบนะครับ นอกจากความสวยผมก็ชอบความฉลาดและทันคนของคุณนี่แหละ พูดตรงๆ เลยนะว่าผมอยากนอนกับคุณ คุณจะเรียกค่าตอบแทนเท่าไหร่ก็ได้ จะหกหลักหรือมากกว่าผมยอมจ่ายทั้งนั้น” นายดีแลนพูดอย่างใจป้ำ คงคิดสินะว่าผมจะกระดิกหางแล้วกระโจนเข้าใส่เพราะเห็นแก่เงิน
   

เงิน 6 หลักถึงมันจะเยอะ แต่ผมทำงาน 2 เดือนก็ได้มาแล้วเถอะ!
   

“ผมจะบอกอะไรให้นะครับ สำหรับคนที่ถูกใจถึงไม่ต้องจ่ายสักบาทผมก็อยากนอนด้วย แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่ถึงจ่ายเท่าไหร่ผมก็ไม่ยอม แน่นอนว่าคุณถูกจัดอยู่ในประเภทหลัง ผมพูดอย่างชัดเจนขนาดนี้ก็หวังว่าคุณจะเข้าใจ ขอตัวนะครับ” พูดจบผมก็หันหลังกลับจะเดินเข้าไปในโรงแรม เพราะนี่มันก็เลยเวลาที่นัดกับหมอกเอาไว้แล้ว ป่านนี้อาจจะกำลังชะเง้อหาผมอยู่ก็ได้
   

แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหน นายดีแลนก็ตรงมาคว้าข้อมือของผม แล้วดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้ากันซะก่อน
   

“ที่เล่นตัวแบบนี้เพราะอยากเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองใช่มั้ยคุณธารา! ถ้างั้นคุณอยากเรียกเท่าไหร่ก็บอกมาได้เลย! ผมจะเซ็นเช็คให้คุณเดี๋ยวนี้!”
   

“นี่คุณฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องรึไง! ผมบอกชัดเจนแล้วนะว่าผมไม่อยากนอนกับคุณ! ตอนนี้ผมมีตัวจริงที่กำลังคบด้วยแล้ว!” ถึงขนาดนี้จะลูกค้า VIP หรือสำคัญกว่านี้ผมก็ไม่สนใจแล้วทั้งนั้น พูดเลยนะว่าถ้าผมดิ้นหลุดไปได้ ผมจะถอดรองเท้าแล้วเอาฟาดหน้ามันเต็มแรงเลยคอยดู!
   

“ตัวจริงของคุณมันจะมีปัญญาจ่ายได้ถึงครึ่งนึงของผมมั้ย! มันให้คุณได้อย่างที่ผมให้คุณรึเปล่าล่ะ!”
   

“โธ่เว่ย! ไอ้...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ด่าไอ้บ้าเงินที่อยู่ตรงหน้า ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาแทรกตรงกลาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับดูดุดันอย่างน่ากลัว
   

“ปล่อยมือจากคุณธารเดี๋ยวนี้” เพียงแค่เห็นแผ่นหลังผมก็รับรู้ได้ทันทีว่านี่คือหมอกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่บรรยากาศเปลี่ยนไปคงเป็นเพราะไม่พอใจที่เห็นนายดีแลนมายุ่มย่ามกับผมนั่นเอง
   

“แกเป็นใคร”
   

“ผมสิที่ต้องเป็นคนถามประโยคนั้น คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรถึงได้มาแตะต้องคนของผม” หมอกพูดจบก็กระชากมือของนายดีแลนออกจากข้อมือของผมอย่างไม่สบอารมณ์
   

“เดี๋ยวนะ...คนของแก? อย่าบอกนะว่าเด็กอย่างแกคือตัวจริงของคุณธารา” นายดีแลนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา ก็แน่ล่ะเพราะหมอกดูเด็กซะขนาดนี้ นี่ถ้าใส่ชุดนักศึกษามาพนันได้เลยว่านายดีแลนไม่มีทางเชื่อแน่ๆ ว่าหมอกเป็นแฟนผม
   

“เด็กแล้วไง ผู้ใหญ่อย่างคุณยังไม่มีปัญญาจีบคุณธารให้ติดเลยเถอะ” คำพูดที่ดูถูกของหมอกทำให้นายดีแลนชักยัวะ จึงได้กำหมัดแน่นแล้วตวัดสายตามองมาทางผม
   

“คุณธารา สั่งสอนเด็กของคุณให้ดีหน่อยนะว่าอย่าปีนเกลียวกับผม ผมเป็นถึงลูกค้า VIP ที่จ่ายให้โรงแรมคุณปีละเป็นล้านๆ เชียวนะ”
   

“ก็แล้วยังไง คิดว่าจ่ายเป็นล้านแล้วจะมีสิทธิ์ทำอะไรใครก็ได้งั้นหรอ” ประโยคนี้ผมไม่ได้เป็นคนพูด คนที่พูดคือหมอกที่อยู่ข้างหน้าผมต่างหาก
   

“ถึงทำไม่ได้ทุกอย่าง แต่ก็น่าจะทำให้คุณธารากระเด็นออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมได้ล่ะนะ” นายดีแลนยิ้มที่มุมปาก คำพูดนั้นทำให้ผมถึงกับใจหล่นวูบลงไปอยู่ที่พื้น
   

พูดตามตรงว่าถ้าหากนายดีแลนออกปาก บอร์ดผู้บริหารคงไม่เอาผมไว้เพราะต้องเอาใจลูกค้า VIP แต่ก็คงไม่ใจร้ายขนาดที่จะไล่ผมออก อาจจะให้ผมทำงานเป็นรองผู้จัดการหรือตำแหน่งที่ต่ำกว่าเล็กน้อยเท่านั้นล่ะมั้ง...คิดว่านะ
   

“แค่นี้ก็ถึงกับหน้าซีดเลยหรอคุณธารา แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ถ้าอยากมีปัญหากับผมคุณก็ต้องทำใจหน่อย” นายดีแลนยิ้มอย่างผู้ที่เหนือกว่า ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนหมอก...
   

“หึหึหึ” ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้หัวเราะในลำคออย่างนั้น ทำเอานายดีแลนถึงกับหุบยิ้มลงแล้วทำหน้างุนงงแทน
   

“แกสมองเพี้ยนไปแล้วรึไง”
   

“คนที่เพี้ยนน่าจะเป็นคุณมากกว่า คิดว่าแค่ลูกค้า VIP จะมีอำนาจเทียบเท่าลูกเจ้าของโรงแรมได้งั้นหรอ”
   

“ว่าไงนะ!” นายดีแลนอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ อย่าว่าแต่นายดีแลนเลยเพราะผมก็ตกใจเหมือนกัน เพียงแค่เก็บอาการเอาไว้สุดฤทธิ์เท่านั้นเอง
   

พ่อแม่หมอกรับราชการไม่ใช่รึไง แล้วไหงจู่ๆ กลายเป็นเจ้าของโรงแรมไปได้ล่ะเนี่ย!
   

“เท่าที่ดูคุณก็ยังไม่แก่นะ แต่ทำไมถึงหูตึงขนาดนี้ได้ล่ะ” หมอกพูดอย่างกวนประสาท ก่อนจะเดินเข้าไปประชิดตัวของนายดีแลนแล้วก้มต่ำมองเหยียด
   

“ผมจะทำเป็นลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าคุณรีบไสหัวออกไปจากที่นี่แล้วไม่กลับมายุ่งกับคุณธารอีก ไม่อย่างนั้นอะไรที่คุณดีลไว้อาจจะมีปัญหาก็ได้ผมขอเตือนไว้ก่อน” คำพูดของหมอกทำเอานายดีแลนถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก ผมอยู่ข้างหลังเลยมองไม่เห็นสายตาของหมอก แต่มันคงต้องน่ากลัวมากแน่นอน ถึงทำให้นายดีแลนหน้าถอดสีได้ถึงขนาดนี้
   

ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอยู่เกือบนาที ก่อนที่นายดีแลนจะเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถโดยไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย
   

“เฮ้อออออ” ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดความวุ่นวายก็จบลงสักที หวังว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีอะไรที่มันวุ่นวายมากไปกว่านี้อีกนะ
   

“แล้วนี่คิดอะไรอยู่น่ะหมอก ถึงได้โกหกว่าเป็นลูกเจ้าของโรงแรมไปแบบนั้น ถ้าเกิดถูกจับได้จะทำยังไง”


พอคิดดูดีๆ หมอกก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าตัวเองเป็นลูกเจ้าของโรงแรม แค่ทำให้นายดีแลนเข้าใจผิดคิดไปเองเท่านั้น ที่สำคัญถึงเจ้าของโรงแรมท่านจะมีลูกหลายคนและมีอายุประมาณหมอก แต่ผมก็เคยเห็นหน้าและพูดคุยด้วยหมดแล้ว


ดังนั้นผมจึงสรุปได้ว่าเมื่อกี้หมอกแค่แสดงละครตบตา นายดีแลนที่ไม่ได้อาศัยอยู่เมืองไทยเป็นหลักเลยอาจไม่เคยเห็นหน้าลูกเจ้าของโรงแรมทุกคน ยิ่งพอเจอน้ำเสียงและท่าทีคุกคามของหมอกเลยหลงเชื่อเอาง่ายๆ


“ถ้าถูกจับได้ผมคงจะต่อยมันสักหมัด แล้วใช้จังหวะนั้นพาคุณหนีก็ได้ล่ะมั้ง” ผมทำหน้างงเล็กน้อยกับคำตอบนั้น แต่พอหมอกหันหลังกลับมามันก็ทำให้ผมถึงกับเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง เพราะแววตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนี้ ไม่มีทางเป็นใครไปได้เลยนอกจาก...


“เมฆ!”


“ในที่สุดก็เรียกชื่อผมถูกสักทีนะ ผมล่ะแปลกใจจริงๆ ที่คุณดูไม่ออกว่าผมคือใคร ทั้งที่คุณจับโกหกผมได้เรื่องที่ทำเนียนว่าเป็นลูกเจ้าของโรงแรม” ผมไม่สนใจคำเหน็บแนมนั้น สิ่งที่ผมทำเป็นอันดับแรกคือตรงเข้าไปทุบไอ้เด็กนิสัยไม่ดีที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก
   

“หายไปไหนมาตั้งนานห้ะไอ้เด็กบ้า!”


ถึงแม้ปากจะด่าแต่หัวใจของผมกลับพองโตด้วยความคิดถึง ช่วงเวลาที่เมฆหายไปมันนานมากจนผมนึกถอดใจไปแล้วว่าคงไม่มีทางได้เจอกับเมฆอีก เพราะไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่เจอข้อมูล หลักฐาน หรืออะไรที่จะเชื่อมโยงไปถึงเมฆได้เลย จนผมพยายามคิดว่าเรื่องคืนนั้นมันเป็นแค่ความฝันของผมไปแล้ว


เพราะอย่างนี้เมื่อกี้ผมเลยไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือเมฆ คิดเพียงแค่ว่าหมอกคงหึงผมจนฟิวส์ขาดก็เท่านั้น ที่สำคัญถ้าหากเป็นเมฆผมก็คิดว่าคงจะหัวร้อนและหุนหันมากกว่านี้ ใครจะไปคิดล่ะว่าจะควบคุมอารมณ์โมโหได้ดีกว่าที่คิด
   

“ที่โวยวายกับทำร้ายร่างกายผมขนาดนี้ แสดงว่าคุณต้องคิดถึงผมมากเลยสินะ” เมฆยิ้มกว้างพลางรวบเอวผมไปกอดไว้แน่น


“หลงตัวเอง ฉันได้พูดแบบนั้นเมื่อไหร่”


“ถึงไม่พูดแต่ผมก็รู้ ในเมื่อแววตาของคุณมันบอกผมหมดแล้ว” ความมั่นหน้านี้ทำให้ผมเบ้ปาก เมฆจึงก้มหน้าลงมาจะจูบผม แต่ผมก็หันหน้าหนีแถมยังเอามือดันไว้อีกด้วย
   

“หยุดเลยนะ ที่นี่มันลานจอดรถนะเมฆ” จริงอยู่ว่าที่นี่มันไม่มีคน เพราะเป็นลานจอดรถชั้นใต้ดินสำหรับผู้บริหารและลูกค้า VIP แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คือที่สาธารณะอยู่ดีไม่ใช่ห้องส่วนตัว
   

“ถึงเป็นกลางโรงแรมผมก็ไม่แคร์หรอกเพราะผมคิดถึงคุณ” คำพูดนั้นถ้าเป็นคนอื่นพูด ผมคงจะเบ้ปากเพราะอยากอ้วกใส่ไปแล้ว แต่นี่เป็นเมฆ นอกจากผมจะไม่ทำแบบนั้นผมยังรู้สึกขัดเขินอีกต่างหาก แต่ผมก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะไม่อยากให้เมฆรู้สึกได้ใจ
   

“พอเลย ไม่ต้องมาทำเป็นพูดคำหวาน ตามฉันมาเพราะฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายเพียบเลย” ผมพูดจบก็จูงมือเมฆไปยังรถของผมที่จอดอยู่ใกล้ๆ ถึงแม้ผมจะไม่ใช่ผู้บริหาร แต่ด้วยความที่ผมเป็นผู้จัดการเลยสามารถจอดรถส่วนตัวที่นี่ได้
   

เมื่อเดินไปถึงรถผมก็จัดการเข้าไปนั่งเบาะหน้าแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมกับเปิดแอร์ แต่เมฆกลับเปิดประตูไปนั่งยังเบาะหลัง แถมยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เมื่อผมสั่งให้มานั่งข้างหน้าด้วย เพราะงั้นผมจึงได้เป็นฝ่ายที่ย้ายไปนั่งข้างหลังแทน   


“1 เดือนที่ผ่านมานายหายไปไหน” ผมรีบเข้าเรื่องทันที เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมต้องการจะรู้จากเมฆ


“ผมไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย ผมก็อยู่ใกล้ๆ ตัวคุณนี่แหละ” เมฆตอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่ก็แฝงความกวนประสาทเช่นเดิม


“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่ปรากฏตัวออกมา รู้มั้ยว่าตลอดเวลาฉันพยายามหานายแทบตายเลยนะ”


“ผมรู้ แต่ผมออกไปหาคุณไม่ได้”


“ทำไม?”


“ก็คุณดูมีความสุขกับหมอกอยู่แล้ว” คำพูดของเมฆไม่ได้เป็นการประชดแต่อย่างใด แถมสีหน้าและแววตายังดูเหมือนว่าจะปรารถนาดีต่อหมอกอีกต่างหาก ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ


สิ่งที่เมฆพูดนั้นเหมือนกับว่า การที่ไม่ปรากฏตัวออกมาเป็นเพราะไม่อยากทำลายความสุขของหมอก แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วคืนนั้นเมฆจะสวมรอยเป็นหมอกจนผมหลงไปมีอะไรด้วยทำไม ความย้อนแยงนี้ทำให้ผมรู้สึกงงและสับสนมากจริงๆ


“ถ้านายบอกว่าฉันกับหมอกมีความสุขกันอยู่แล้ว แล้ววันนี้นายมาหาฉันทำไมกันล่ะ” ทีแรกผมก็คิดว่าจะได้ยินคำพูดประมาณว่า จะเลิกทำตัวเป็นคนดีแล้วแย่งชิงผมมา แต่เมฆกลับตอบผมมาว่า...


“ก็เพราะหมอกมาหาคุณไม่ได้น่ะสิ”


“มาหาไม่ได้! หมอกเป็นอะไร! ทำไมถึงไม่ยอมโทรมาบอกฉัน! แล้วนายรู้เรื่องนั้นได้ยังไง! นายเกี่ยวข้องกับหมอกยังไงกันแน่!” ตอนแรกผมก็ว่าจะค่อยๆ ตะล่อมถามเมฆเรื่องความสัมพันธ์กับหมอก แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเป็นกังวลและห่วงหมอกมากจนลนลานไปหมดแล้ว


“ใจเย็นๆ ก่อนเถอะคุณ ถามมารัวๆ ขนาดนี้ผมฟังไม่ทันหรอกนะ” คำพูดของเมฆดูก็รู้ว่าพยายามเลี่ยงหรือถ่วงเวลาเพื่อหาข้อแก้ตัวอยู่


“อย่ามากวนประสาทกันนะเมฆ ฉันรู้ว่านายฟังทัน เพราะงั้นตอบคำถามมาให้หมดเดี๋ยวนี้” ผมโน้มตัวไปกำคอเสื้อแล้วถลึงตาใส่เมฆ แต่เมฆนอกจากจะไม่กลัวแล้วยังรวบตัวผมขึ้นไปนั่งคร่อมที่ตักอีกต่างหาก


“นี่นายคิดจะทำอะไรน่ะเมฆ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมพยายามออกแรงดิ้น แต่พื้นที่ในรถที่มีจำกัดบวกกับแรงล็อกของเมฆมันก็ทำให้ผมหนีไปไหนไม่ได้


“ถ้าคุณยอมอยู่นิ่งๆ ผมจะตอบคำถามทั้งหมดที่คุณสงสัยให้ก็ได้นะคุณธาร” เท่านั้นแหละผมก็หยุดดิ้นโดยอัตโนมัติ


“ว่าง่ายๆ แบบนี้สิค่อยน่ารักหน่อย” เมฆพูดจบก็ยื่นหน้ามาจูบที่ริมฝีปากของผม


“เมฆ!”


“ยังนุ่มเหมือนเดิมเลยนะ”


“ไอ้เด็กบ้านี่!”


“ถ้าคุณด่าผมอีกผมจะไม่ยอมตอบคำถามคุณแล้วนะ” เมฆพูดยิ้มๆ ส่วนผมที่พอถูกขู่แบบนี้ก็มีแต่ต้องเงียบปากแล้วเก็บคำด่าเอาไว้ แต่ก็ยังไม่วายแยกเขี้ยวกับถลึงตาใส่อยู่ดี


“ฉันเลิกด่านายแล้ว ทีนี้นายจะตอบคำถามได้รึยัง”


“จะให้ผมตอบคำถามไหนก่อนล่ะ” สีหน้ากวนประสาทของเมฆทำให้ผมปรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็พยายามระงับอารมณ์ให้เย็นลงแล้วถามคำถามออกไป


“หมอกเป็นอะไรถึงมาหาฉันไม่ได้”


“มีเรื่องนิดหน่อยแต่ไม่ได้เป็นอะไร”


“ถ้างั้นทำไมถึงไม่ยอมโทรบอกฉัน” ตอนนี้ผมลองกดโทรศัพท์โทรหาหมอก แต่ก็ปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้


“ผมไม่ใช่หมอกนะคุณ เรื่องนั้นผมจะไปรู้ได้ยังไง ส่วนรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ก็เหมือนกัน ถ้าอยากรู้ก็รอหมอกโทรหาคุณเอาเองเถอะ” ผมหน้ามุ่ยเพราะเซ็งนิดหน่อยกับคำตอบของเมฆ แต่อย่างน้อยพอรู้ว่าหมอกไม่ได้เป็นอะไรผมก็สบายใจไปเปลาะนึงล่ะนะ


“ถ้างั้นฉันถามเรื่องอื่นก็ได้ บอกมาว่านายเกี่ยวข้องกับหมอกยังไง นายเป็นฝาแฝดหรือว่าเป็นอีกบุคลิกนึงของหมอก” คำถามของผมไม่ได้ทำให้เมฆตกใจแต่อย่างใด เพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจเท่านั้นเอง
   

“อีกบุคลิกเนี่ยนะ? ทำไมถามอะไรที่มันแฟนตาซีอย่างนั้นล่ะคุณ”
   

“แฟนตาซีที่ไหน นี่มันคือโรคดิสโซสิเอทีฟต่างหาก”
   

“แหม รู้ดีขนาดนี้แสดงว่าคุณคงหาข้อมูลเรื่องนี้มาเป็นอย่างดีเลยสินะ แต่ผมขอถามคุณกลับหน่อยว่า ผู้ชายโคตรดีโคตรเพอร์เฟคอย่างหมอก มีปมอะไรในชีวิตถึงจะเป็นคนสองบุคลิกได้งั้นหรอ”
   

“นั่นมัน...” อันที่จริงผมก็พยายามคิดหาเหตุผลในเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่หมอกเป็นผู้ชายที่ดีมากและสมบูรณ์แบบสุดๆ จนผมนึกไม่ออกเลยว่าจะกลายเป็นคนสองบุคลิกไปได้ยังไง


“ถ้างั้นหรือว่านายจะเป็นฝาแฝดของหมอก”
   

“แล้วหมอกเคยบอกคุณหรอว่าตัวเองมีฝาแฝด”
   

“ก็...เปล่า หมอกบอกว่าตัวเองเป็นลูกคนเดียว”
   

“นั่นไง แล้วอย่างนั้นผมจะเป็นฝาแฝดกับหมอกได้ยังไง”
   

“ก็แล้วถ้าไม่ใช่ทำไมนายถึงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนหมอกขนาดนี้ได้ล่ะ!” ผมเริ่มขึ้นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเมฆไม่ยอมบอกสักทีว่าตัวเองเป็นใคร แถมไม่ว่าผมจะถามอะไรไปก็เอาแต่พูดปัดอย่างเดียว ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธให้ชัดเจนเลยสักอย่าง
   

“นายเป็นใครกันแน่บอกฉันมาเดี๋ยวนี้!”
   

“ถ้าอยากรู้คุณก็เป็นของผมสิ ที่นี่แล้วก็ตอนนี้เลยด้วย”
   

“ว่าไงนะ!” ผมอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะถึงผมจะเตรียมใจรับความเจ้าเล่ห์ของเมฆไว้แล้ว แต่ผมก็ไม่คิดว่าเมฆจะยื่นข้อเสนอมาถึงขนาดนี้
   

“ผมคิดว่าผมพูดชัดเจนแล้วนะ คุณคงยังไม่แก่จนหูตึงหรอกมั้งคุณธาร” ท่าทางยียวนกวนประสาทแบบนี้มันน่าซัดจริงๆ ให้ตาย
   

“เรื่องที่นายพูดฉันได้ยิน แต่ฉันคงมีอะไรกับนายด้วยไม่ได้หรอกนะ นายก็รู้นี่ว่าฉันมีหมอกเป็นแฟนอยู่แล้ว” ผมคิดว่าพอได้ยินแบบนี้เมฆจะทำหน้าเศร้าหรือว่าผิดหวัง แต่เมฆกลับมีท่าทีปกติและตอบกลับมาอย่างสบายๆ
   

“เรื่องนั้นผมรู้ แต่ผมไม่ถือหรอกเพราะผมใจกว้างมากพอ”


“เฮอะ! ถ้าใจกว้างขนาดนั้นแล้วเมื่อกี้นายจะเข้ามาขวางไอ้ดีแลนมันทำไม”


“แล้วผมบอกเมื่อไหร่ว่าผมใจกว้างกับคนอื่น ผมใจกว้างกับหมอกแค่คนเดียวเท่านั้น”


“นายนี่มัน...”


“เลิกพูดถึงคนอื่นเถอะคุณธาร ตอนนี้มาพูดถึงเรื่องของเราสองคนดีกว่า คุณคงไม่ลืมหรอกนะว่าผมก็เป็นแฟนของคุณเหมือนกัน”
   

“เรื่องนั้น...นายเป็นคนผิดเองนะที่ทำให้ฉันเข้าใจผิดว่านายคือหมอก” แต่ความจริงวันนั้นเมฆก็ปฏิเสธผมหลายครั้งแล้ว ผมเองต่างหากที่ไม่ยอมเชื่อและเซ้าซี้มากๆ จนเมฆต้องตามน้ำตัดรำคาญว่าตัวเองคือหมอก
   

“โอเค ผมไม่เถียงก็ได้เพราะผมทำแบบนั้นจริงๆ แต่คุณกล้าปฏิเสธมั้ยล่ะว่าคุณไม่ได้ชอบผม”


“ฉันไม่ได้ชอบนาย” ผมตอบกลับไปทันทีโดยไม่ต้องคิด แล้วผมก็ไม่ได้อ่อนหัดขนาดที่จะก้มหน้าหลบตา อย่างที่คนส่วนใหญ่ชอบทำด้วย


“แต่ผมไม่เชื่อ คุณรู้มั้ยว่าคนที่กำลังโกหกหัวใจจะเต้นเร็วมากกว่าปกติ” ไม่พูดเปล่าเมฆยังเอามือข้างหนึ่งขึ้นมาแตะที่อกข้างซ้ายของผมอีกด้วย
พอถูกจับได้แบบนี้ผมก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก จนต้องหลบตาและหันหน้าไปทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้


“มองตาผมแล้วพูดความรู้สึกจริงๆ ของคุณออกมา คุณจะโกหกคนทั้งโลกก็ได้ แต่คุณโกหกใจตัวเองไม่ได้หรอกนะ” เมฆยื่นมือมาจับที่คางของผมแล้วดันให้กลับไปเผชิญหน้ากัน


“ฉัน...” ตอนนี้ผมตกอยู่ในสถานะน้ำท่วมปาก ผมจะกล้าพูดว่าชอบเมฆออกไปได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ผมมีหมอกเป็นแฟนทั้งคนอยู่แล้ว แล้วผมก็ยังชอบหมอกมากๆ อีกด้วย


“ผมชอบคุณนะคุณธาร แล้วคุณล่ะ คิดยังไงกับผม” แต่พอได้ยินคำว่าชอบจากเมฆ ด้วยสายตาที่จริงจังและเต็มไปด้วยความปรารถนา มันก็ทำให้หัวใจของผมถึงกับสั่นไหวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ยิ่งพอได้รับจูบอันแผ่วเบาแต่แสนยั่วเย้า มันก็ยิ่งทำให้ผมมึนเมาจนปณิธานหัวใจถึงกับพังทลาย


“ฉันก็ชอบนายเหมือนกันเมฆ...”


2BC


สวัสดีค่ะทุกคน Erotic หัวใจร้อนรักตอนที่ 6 ก็จบลงไปแล้วนะคะ สารภาพเลยว่าตอนนี้เราไม่ค่อยจะกล้าลงเท่าไหร่  :m17: เพราะ 1.อยู่ในช่วงวันเวลาที่ไม่สมควรลงสิ่งบันเทิง (แต่เราก็สัญญาไปแล้ว ไม่อยากผิดสัญญาด้วยเลยมาแอบลงตอนดึกๆ แหะๆ) ส่วนข้อ 2.คือเรากลัวจะมีดราม่าจาก FC ของหนุ่มหมอก งืออออ ธารก็ยอมรับว่าชอบเมฆด้วยแบบนี้หวังว่าคงจะไม่ลุกฮือขึ้นมาเผาบ้านเค้าน้า  :sad4: ยังไงก็ฝากเอ็นดูหนุ่มเมฆด้วยคน ถึงจะร้ายแต่ก็น่ารักน่ากรี๊ดจิตาย  :impress2:
มาพูดเรื่องอื่นกันบ้าง ตอนนี้นอกจากความรู้สึกของธารแล้ว ก็ยังมีเรื่องของเมฆให้งงในงงกันอีกต่างหาก สรุปแล้วก็ยังไม่ชัดเจนว่าเมฆเป็นใคร เพราะงั้นก็ต้องลุ้นและเดาต่อไปกันน้าว่าเมฆกับหมอกจริงๆแล้วเกี่ยวข้องยังไงกันแน่  o3
ส่วนตอนหน้าคิดว่าคงเป็นวันจันทร์นะคะเราถึงจะมาอัพนิยายได้ เพราะเสาร์-อาทิตย์นี้เราไปทำงานที่อื่นไม่ได้อยู่บ้าน ยังไงก็รอกันนิดนึงนะคะทุกคน มาเม้ามอยระหว่างคิดถึงธารกับสองหนุ่มหมอกเมฆก็ได้น้า  :give2:
(27 ต.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ข้อเสนอพร้อมเงิน6หลัก [23.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-10-2017 20:35:32
ยังคงคิดว่าเป็นคนๆเดียวกันอยู่ดี
ดีที่เมฆมาขวางไว้ ไม่งั้นคุณธารโดนฉุดแหงๆ
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ข้อเสนอพร้อมเงิน6หลัก [23.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-10-2017 21:28:00
ตอนหน้าจะรอดูว่าเป็นแฝดหรือเปล่า  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ข้อเสนอพร้อมเงิน6หลัก [23.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-10-2017 23:33:44
WHAT!!!   :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ข้อเสนอพร้อมเงิน6หลัก [23.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-10-2017 08:53:29
น่าสงสัย?
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ข้อเสนอพร้อมเงิน6หลัก [23.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 24-10-2017 21:40:19
ทีมหมอกนะ มาเมื่อไรกร๊าวใจตลอด :hao7:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ข้อเสนอพร้อมเงิน6หลัก [23.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-10-2017 12:44:09
ใจเริ่มเอียงไปทางน้องเมฆ  มาทีไรร้อนแรงตลอด ถ้าไม่ได้เมฆป่านนี้จะได้คบกับหมอกไหม ถ้าวันนี้ไม่ทีเมฆจะโดนลากไปรึเปล่าก็ไม่รู้   ชอบมากอะมีนิสัยรวย 55555555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ข้อเสนอพร้อมเงิน6หลัก [23.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 25-10-2017 23:29:54
ใจเริ่มเอียงไปทางน้องเมฆ  มาทีไรร้อนแรงตลอด ถ้าไม่ได้เมฆป่านนี้จะได้คบกับหมอกไหม ถ้าวันนี้ไม่ทีเมฆจะโดนลากไปรึเปล่าก็ไม่รู้   ชอบมากอะมีนิสัยรวย 55555555

+1  o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ข้อเสนอพร้อมเงิน6หลัก [23.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-10-2017 10:46:05
ลุ้นๆ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ข้อเสนอพร้อมเงิน6หลัก [23.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-10-2017 20:39:07
อะไรกันนี่  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-10-2017 01:45:33
ในที่สุดก็ไม่ได้พบเมฆกับหมอกพร้อมกันเสียที  :เฮ้อ:
ทำให้คิดว่าทั้ง 2 คนเป็นคน ๆ เดียวกัน กันแน่ ๆ เลย  แบบเมฆเป็นตัวจริง แล้วมีหมอกเป็นร่างแฝง จะใช่แบบที่คิดไหมนะ  :really2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-10-2017 06:58:43
เราว่ายิ่งเดาจะยิ่งมึนตึ้บนะคะ
เอาเป็นว่าไม่คดมากแล้วควบไปเลยสองหนุ่มเพราะน้องเมฆใจกว้างกับน้องหมอกมากแถมวันนี้สารภาพอีกว่าชอบ ลูกขานั่นลานจอดรถ ไปที่อื่นเหอะนะ หลัง31ค่อยลงNCก้อดีนะคะคนเขียน ไม่นานเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-10-2017 07:38:19
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-10-2017 10:06:10
สรุปก้อยังไม่รู้ว่าเมฆเป็นใคร  :m28: :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-10-2017 16:17:23
สรุปก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-10-2017 21:31:51
ยิ่งอ่านแล้วก็ยังคงความคิดเดิม คนเดียวกันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 28-10-2017 12:25:23
คำตอบไปในทาง2บุกคลิกมาก ถ้าไม่โดนหลอก55
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 28-10-2017 22:12:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-10-2017 23:05:54
อาจจะมีหักมุมมั๊ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 29-10-2017 15:11:23
เราว่าคนเดียวกันอ่ะ  โหแสดงเก่งมากอ่ะ  มันหลายครั้งแล้วนะ ที่หมอกหายไปเมฆเข้ามา  เป็นไปไม่ได้ที่ไม่ใช่แฝดอ่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่6 ปณิธานหัวใจ [27.10.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-10-2017 15:53:32
รอ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 09-11-2017 22:02:34
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 7# Thara ล้วงความลับ NC-18


“อืม...” จูบของเมฆทำให้ผมครางออกมาเบาๆ จูบนั้นแฝงไปด้วยความยินดีที่ผมพูดได้ถูกใจ จึงได้ให้รางวัลด้วยจูบอันแสนหวาน แต่ก็แฝงไปด้วยความเร่าร้อนจนตัวผมแทบจะละลาย


ปลายลิ้นของเมฆไล้เลียริมฝีปากของผม จากนั้นก็สอดเข้ามาข้างในเพื่อชิมความหวาน ตามด้วยการกวาดลิ้นไปทั่วจนมาตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของผม แต่ก็ไม่ลืมขบเม้มและดูดดุนเบาๆ ที่ริมฝีปากไปด้วย
   

“อา...” ผมอดที่จะหอบน้อยๆ ไม่ได้หลังจากที่เมฆถอนจูบออกไป เทคนิคอันแพรวพราวขนาดนั้นแตกต่างกับหมอกโดยสิ้นเชิง ซึ่งพอคิดได้แบบนี้จิตใต้สำนึกของผมมันก็เกิดรู้สึกผิดขึ้นมา


ผมกำลังทรยศความรักของหมอก


“เมฆ ฉันไม่...” ผมตั้งใจจะบอกว่าผมทำไม่ได้ แต่เมฆก็ชิงจูบกลับมาใหม่โดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมพูดเลยสักนิด


‘อย่า’ ผมปฏิเสธในใจแต่ร่างกายกลับทำตรงกันข้าม นอกจากจะไม่หลบหนียังยินยอมให้เมฆสัมผัสแต่โดยดี ฝ่ามือของเมฆที่กำลังลูบไล้ตามสีข้างหลังจากปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกไป สร้างความร้อนรุ่มและเสียวซ่านให้ผมแทบทุกตารางนิ้ว


“อืม...อา...” ผมครางเสียงกระเส่าเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ หลังจากที่ถอนจูบออกมาเมฆก็ไปซุกไซ้ที่ซอกคอของผมต่อ ส่วนสองมือก็บีบคลึงและขยี้ที่ยอดอกจนมันหดตัวแข็งเป็นไต


“อื้อ...อื้ม...อา...” ผมขยุ้มที่ศีรษะของเมฆด้วยความเสียวซ่าน ตอนนี้ในสมองของผมคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้ว ความรัญจวนและความวาบหวามได้เข้ามาแทนที่ความผิดบาปโดยสมบูรณ์


“เมฆ...อา...เมฆ...” ผมจิกทึ้งที่ศีรษะของเมฆแน่นขึ้นเมื่อถูกดูดเลียที่ยอดอก ปลายลิ้นร้อนๆ ทำให้ผมเสียวสะท้านจนแทบบ้า สะโพกจึงสั่นระริกและบิดไปมา แน่นอนว่าต้องบดเบียดกับส่วนนั้นของเมฆจนมันแข็งตัวและนูนขึ้นมาจากกางเกง


“ท่าทางจะอึดอัดน่าดูเลยนะเมฆ” ขณะที่พูดผมก็บดเบียดสะโพกยั่วเมฆมากขึ้น เพราะตอนนี้สมองของผมได้กลับมาทำงานตามเดิมแล้ว ถึงแม้ว่าจะหยุดความปรารถนาที่ลุกโชนไม่ได้เพราะผมก็ชอบเมฆเหมือนกัน แต่ผมก็ยังไม่ลืมเรื่องที่จะต้องล้วงความลับออกมาให้ได้
   

เรื่องที่เมฆเป็นใครผมจะรีดจะเค้นออกมาจนหยดสุดท้ายเลยคอยดู!
   

“อา...อย่าทำแบบนี้สิคุณ...ซี้ดด...ผมเสียวนะ...” เมฆกัดริมฝีปากล่าง ท่าทางจะกำลังเสียวสุดๆ เพราะส่วนนั้นได้พองตัวและแข็งขึ้นมากกว่าเดิม
   

“แล้วอยากเสียวมากกว่านี้มั้ยล่ะเมฆ” ผมก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูของเมฆเสียงกระเส่า ส่วนสะโพกก็ยกขึ้นเพื่อเลื่อนสองมือลงไปปลดกางเกง แล้วเอาท่อนเนื้ออันใหญ่โตที่กำลังร้อนระอุออกมาข้างนอก
   

“อะไรกัน ทำไมจู่ๆ ถึงได้กระตือรือร้นขึ้นมา” เมฆหรี่ตาทำหน้าสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นเสียงก็แหบพร่าเต็มไปด้วยความต้องการ ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่ยอมตอบคำถาม เมฆจึงใช้มือทั้งสองข้างปลดเปลื้องกางเกงของผมจนในที่สุดมันก็ลงไปกองที่พื้น
   

“มีเจลหล่อลื่นมั้ยคุณ”
   

“ถุงยางฉันก็มีพร้อม” พูดจบผมก็เปิดคอนโซลกลางแล้วหยิบเจลหล่อลื่นส่งไปให้เมฆ ก่อนที่ผมจะหยิบถุงยางอนามัยแบบบางเฉียบตามออกมา จากนั้นก็ฉีกซองแล้วสวมลงไปยังท่อนเนื้อร้อนๆ ที่เตรียมปะทุลาวาออกมาในไม่ช้านี้
   

“ว้า นึกว่าพอทำในรถแล้วจะได้สดซะอีกนะเนี่ย” ถึงจะบ่นเสียดายแต่สีหน้าของเมฆก็ดูเหมือนจะเดาออกอยู่แล้ว จึงได้บีบเจลหล่อลื่นใส่มือแล้วละเลงจนทั่ว จากนั้นก็อ้อมด้านหลังมาหมุนวนที่ปากทางเข้าของผม
   

“หึ เร็วไปร้อยปีนะเด็กน้อย จะที่ไหนฉันก็เตรียมพร้อม...อ๊า!” ผมยังไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยค ผมก็ต้องหวีดร้องออกมาดังลั่น เพราะเมฆได้ใช้สองนิ้วดันพรวดเข้ามาข้างในช่องทางด้านหลังจนมิดด้าม โดยไม่ยอมให้ผมได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย
   

“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลย ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ” เมฆจ้องผมเขม็งอย่างไม่พอใจ พร้อมขยับนิ้วเข้าออกข้างในตัวของผมอย่างรุนแรง แต่ให้ตายเหอะ มันเสียวเป็นบ้า
   

“หึ ใช่ว่าฉันไม่เคยเรียกนายแบบนี้สักหน่อย อะ...อีกอย่างนายก็พึ่งเปลี่ยนจากเด็กชายเป็นนายได้แค่ 3 ปีเองเถอะ” ถึงจะเสียวแค่ไหนผมก็ต้องพยายามเก็บอาการเอาไว้ ผมไม่ยอมให้เมฆได้ใจแล้วเป็นฝ่ายคุมเกมครั้งนี้หรอก
   

“คุณกำลังทำให้ผมโกรธแล้วนะ” สายตาของเมฆจ้องผมเขม็งมากกว่าเดิม รวมทั้งแรงในการขยับนิ้วเข้าออกที่ช่องทางด้านหลังด้วย
   

“ถ้างั้นแสดงว่านายจะไม่เข้ามาสินะ” ผมยิ้มที่มุมปากพลางกำรอบท่อนเนื้อของเมฆแน่น จากนั้นก็รูดขึ้นลงเป็นจังหวะสลับช้าเร็ว ความเสียวซ่านที่ได้รับทำให้เมฆถึงกับกัดริมฝีปากล่าง
   

“แฟนใครวะยั่วเก่งเป็นบ้า”
   

“แล้วชอบมั้ยล่ะ?”
   

“ยิ่งกว่าชอบอีก” เมฆพูดจบก็ดันท้ายทอยผมลงมาจนริมฝีปากของเราสัมผัสกัน รสจูบที่ได้รับมันหวานล้ำแต่ก็เผ็ดร้อน ยิ่งตอนที่เมฆสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวพันสลับกับการดูดดุนที่กลีบปากล่าง มันก็ทำให้ความรู้สึกวาบหวามซาบซ่านแผ่กระจายไปทั่วทั้งตัว
   

“เป็นของผมนะ ผมต้องการคุณ” เมฆถอนจูบออกมาแล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่า สีหน้าและแววตาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าปรารถนาในตัวผมมากแค่ไหน และแน่นอนในตอนนี้ผมก็ต้องการเมฆเช่นกัน แต่ผมก็ยังไม่ลืมความตั้งใจที่จะล้วงความลับจากปากของเมฆ
   

“ฉันเป็นของนายแน่ แต่นายต้องบอกมาก่อนว่านายเกี่ยวข้องกับหมอกยังไง” พูดจบผมก็จับแก่นกายของเมฆให้มั่น จากนั้นก็ยกสะโพกตัวเองไปจ่อยังส่วนปลาย ตามด้วยการส่ายร่อนบั้นท้ายให้บดเบียดจนมันแทบจะผลุบเข้ามา
   

“ซี้ดด...คุณจะมาถามอะไรตอนนี้” เมฆซี้ดปากด้วยความเสียว อย่าว่าแต่เมฆเลย เพราะตอนนี้ผมก็เสียวจนตัวสั่นระริกไปหมดแล้ว
   

“ก็ถามตอนอื่นนายยอมบอกซะที่ไหน”


“แต่ตอนนี้มันใช่เวลามั้ยเล่า”


“ไม่รู้แหละ ถ้านายไม่ยอมตอบฉันก็ไม่ยอมเป็นของนาย” ผมยืนกรานหนักแน่น เมฆที่ได้ยินอย่างนั้นเลยกัดฟันอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ความต้องการที่พลุ่งพล่านก็ทำให้เมฆยอมจำนนกับผมในที่สุด


“ตอนนี้ผมจะตอบคุณแค่ข้อเดียวนะ นอกนั้นหลังจากเสร็จถ้าคุณถามผมจะตอบให้” คำพูดของเมฆทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วเพราะรู้สึกงงนิดหน่อย


“พูดอะไรแปลกๆ ยังไงฉันก็ต้องถามนายอยู่แล้ว ตัวนายนั่นแหละจะยอมตอบฉันรึเปล่า”


“ก็บอกแล้วไงว่าถ้าคุณถามผมตอบแน่ ส่วนเรื่องที่คุณถามมาแล้วผมจะยอมตอบให้ก็ได้...ผมรู้จักหมอกเป็นอย่างดี แต่หมอกไม่รู้จักผม แล้วก็ไม่เคยรับรู้ด้วยว่ามีผมอยู่บนโลก ผมเป็นลูกที่มองไม่เคยเห็นความรักจากพ่อกับแม่”


“หา? ที่นายพูดหมายความว่ายังไง?” คำตอบของเมฆนอกจากจะไม่ทำให้ผมหายข้องใจแล้ว กลับทำให้ผมรู้สึกงงมากกว่าเดิมอีกต่างหาก


“บอกแล้วไงว่าตอนนี้ผมจะไม่ตอบคำถามของคุณแล้ว รีบๆ เป็นของผมสักทีเถอะ” เมฆพูดจบก็จับมือผมยกขึ้นไปกอดยังลำคอ ก่อนที่จะกดสะโพกของผมลงมาครอบครองแก่นกายของเมฆรวดเดียวจนมิดลำ
   

“อ๊า!!!” ผมกรีดร้องลั่น แรงเสียดสีก่อให้เกิดความเสียวซ่านไปทั่วทั้งร่าง ช่องทางด้านหลังกระตุกตอดรัดท่อนเนื้อที่อยู่ข้างในถี่ยิบ
   

“ซี้ดด...อา...” เมฆครางออกมาด้วยความพึงพอใจ เสียงอันแหบพร่าของเมฆทำให้ช่องทางด้านหลังของผมยิ่งบีบรัดแน่นขึ้นไปอีก เล่นเอาเมฆเสียวซี้ดจนต้องหลับตาข้างหนึ่งแล้วกัดริมฝีปากล่าง ใบหน้าของเมฆช่างเซ็กซี่และได้อารมณ์จนผมห้ามใจไม่ไหว
   

“เมฆ...เมฆ! อ๊า...” ผมยกสะโพกขย่มขึ้นลงกลืนกินท่อนเนื้ออันอวบอั๋น ส่วนเมฆก็กระแทกสวนขึ้นมาเหมือนกัน ซ้ำยังก้มหน้าลงไปฟัดที่แผ่นอกของผม โดยเฉพาะตรงยอดอกที่แข็งเป็นไตเพราะถูกดูดและเลีย


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” แก่นกายอันใหญ่โตของเมฆได้เสียดสีกับผนังช่องทางของผม แถมยังยาวมากจนกระแทกจุดเสียวที่อยู่ในส่วนลึกจนผมเสียวสุดๆ แทบบ้าอยู่แล้ว


“เมฆ! อ๊า...อ๊า...ตรงนั้น! อ๊ะ...อ๊า...” ผมกรีดร้องลั่นพลางจิกทึ้งเส้นผมของเมฆเพื่อระบายความเสียวซ่าน โดยที่สะโพกไม่ได้ลดแรงที่ขย่มลงไปเลยแม้แต่น้อย มีแต่เพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นสูง


“อา...เสียวเป็นบ้า...ซี้ดด...ธาร...ผมขอเรียกคุณว่าธารเฉยๆ ได้มั้ย”


“ดะ...ได้ยังไง นายอายุน้อยกว่าฉันตั้งเยอะ”


“ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ให้ผมเรียกว่าธาร ผมจะเรียกคุณว่าเมีย”


“อะ...ไอ้เด็กบ้า...อ๊า! แรงไปแล้วนะ!” ก็ไม่รู้ว่าเมฆขัดใจที่ผมไม่ให้เรียกว่าธารเฉยๆ หรือเป็นเพราะผมพูดคำว่าเด็ก เพราะเมฆได้ใช้สองมือบีบที่สะโพกของผมแล้วกดลงอย่างแรง สวนกับการกระแทกแก่นกายขึ้นมาจนความเสียวซ่านแล่นพล่านราวกับไฟช็อต


“ผมรู้ว่าคุณชอบแรงๆ ไม่ใช่สิต้องบอกว่า...ผัวรู้ว่าเมียชอบแรงๆ ต่างหากล่ะ” เมฆยิ้มที่มุมปาก คำพูดนั้นทำให้ผมถึงกับเหวอ


“เมฆ! ใครอนุญาตให้นายเรียกฉันแบบนั้น!”


“ถ้างั้นก็ให้ผมเรียกว่าธารสิ ถ้าไม่อยากให้ผมเรียกคุณว่าเมีย”


“หนอย...”


“ว่ายังไง”


“...”


“เมียจ๋า”


“โอเคๆ ธารก็ธาร ต่อไปห้ามเรียกฉันว่าเมียอีกเด็ดขาดเข้าใจมั้ย” ในที่สุดผมก็ต้องยอมเมฆจนได้ ให้ตายสิ การถูกเรียกว่าเมียมันน่าขนลุกแล้วก็จั๊กจี้เป็นบ้า


“รับทราบครับเมีย...เอ๊ย! ธาร” ผมรู้ว่าเมฆจงใจพูดผิดเลยอ้าปากจะด่า แต่ว่าก็ต้องร้องครางออกมาแทนเพราะถูกแก่นกายกระแทกขึ้นมาอย่างไม่ยั้ง ทั้งยังถูกดูดเลียที่ยอดอกอย่างแรงอีกต่างหาก


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าตั้งใจจะด่าทอเมฆ เพราะในสมองรับรู้แต่ความเสียวซ่านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงได้ยกสะโพกขย่มขึ้นลงอย่างเมามัน สวนกับการที่เมฆกระแทกกระทั้นแก่นกายขึ้นมาด้วยความดุดันและรวดเร็ว


“อาา” สีหน้าและเสียงครางของเมฆแสดงออกได้เป็นอย่างดีเลยว่ากำลังเสียวแค่ไหน ยิ่งจังหวะที่ผมบีบรัดท่อนเนื้อของเมฆมากขึ้น รวมทั้งแรงในการขย่มก็รวดเร็วมากขึ้น มันก็ยิ่งทำให้เมฆครางกระเส่าออกมาอย่างไม่หยุดปาก จึงได้ระงับเสียงครางด้วยการดูดเลียยอดอกของผมที่อยู่ตรงหน้าจนผมเสียวซ่านมากขึ้นไปอีก


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ซี้ดด...อ๊า...เสียวมาก...ฉันจะเสร็จแล้วเมฆ!” พอได้ยินดังนั้นเมฆเลยใช้มือข้างหนึ่งมากอบกุมส่วนนั้นของผมแล้วชักขึ้นลง ส่วนริมฝีปากและปลายลิ้นก็ยังคงดูดเลียยอดอกของผมเช่นเดิม แน่นอนว่าท่อนเนื้อก็ยังคงกระแทกขึ้นลงอย่างแรงไม่มีตกด้วย


“ไปพร้อมกันนะธาร” เสียงเรียกชื่ออย่างกระเส่านั้นทำให้ผมถึงกับใจสั่น ยิ่งบวกกับการที่ถูกเมฆกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้ามาอย่างไม่มียั้ง มันก็ทำให้ผมเสียวกระสันจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว


“เมฆ...เมฆ! อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊าาาาา!” ผมขย่มสะโพกอย่างหนักหน่วงเป็นยกสุดท้าย ก่อนจะทิ้งกายลงไปอย่างสุดแรงเมื่อถึงจุดสุดยอด หยาดหยดสีขาวขุ่นพวยพุ่งออกไปจนเลอะเสื้อผ้าของเมฆ


“อาาา...” ส่วนเมฆเมื่อถูกผมบีบและตอดรัดอย่างถี่ยิบก็ทนต่อความเสียวไม่ไหวเช่นกัน จึงได้ฝังท่อนเนื้อเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วฉีดพ่นความเสียวซ่านออกมาจนหยดสุดท้าย


“อา...อา...” ผมทรุดตัวลงไปซบที่ไหล่ของเมฆพลางหายใจอย่างหอบถี่ เมฆที่เห็นอย่างนั้นเลยลูบศีรษะของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันหน้ามาจูบที่ขมับของผมเน้นๆ อีกหนึ่งที ผมจำได้ว่าครั้งที่แล้วเมฆก็ทำแบบนี้กับผมเหมือนกัน


“ชอบนะธาร” เสียงทุ้มต่ำแต่อ่อนโยนของเมฆทำให้ผมใจเต้นตึกตัก แว้บหนึ่งผมรู้สึกว่าคนที่ผมซบอยู่เป็นหมอกไม่ใช่เมฆ แต่พอนึกถึงคำพูดของเมฆที่ราวกับว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับหมอกแล้ว ผมเลยต้องสะบัดศีรษะไล่ความคิดนี้ออกไปจากสมอง


“ถ้านายชอบฉันจริง นายก็เล่าเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองให้ฉันฟังทั้งหมดสิ ก่อนหน้านี้ที่นายบอกมาฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเลย โดยเฉพาะเรื่องที่นายพูดถึงพ่อกับแม่แบบนั้น ฉันไม่อยากให้นายเก็บความทุกข์เอาไว้คนเดียว” ผมมองเข้าไปในดวงตาของเมฆ แววตาที่ผมเห็นกำลังสั่นไหวด้วยความสับสนและสองจิตสองใจ แต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้บริหารกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาทางนี้ แววตาของเมฆก็เปลี่ยนไปกลายเป็นเจ้าเล่ห์ทันที


“ผมก็บอกแล้วไงว่าหลังจากเสร็จถ้าคุณถามผมจะตอบให้ แต่ผมไม่ได้บอกนะว่าเสร็จรอบไหน เพราะงั้นมาต่อรอบสองกันเถอะ” เมฆพูดจบก็ยกตัวผมขึ้นแล้วจับพลิกคว่ำให้อยู่ในท่าคลาน โดยที่มือทั้งสองข้างกำลังยันกระจกรถเอาไว้


ด้วยความที่ยังงง ตกใจ และหวาดกลัวจะถูกเห็นท่าทางน่าอายและกิจกรรม (กาม) ที่กำลังทำอยู่ ร่างกายของผมเลยได้แต่นิ่งเกร็งไม่กล้าขยับไปไหน ส่วนหัวใจก็เต้นเร็วมากจนกลัวว่ามันจะระเบิดออกมา จนกระทั่งถูกท่อนเนื้อร้อนๆ ที่สวมปลอกอันใหม่สอดแทรกเข้ามาทั้งลำ มันก็ทำให้ผมถึงกับสะดุ้งเฮือกแล้วใช้มือครูดกระจกรถด้วยความเสียว


“อื้อออออ!!!” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่นเพื่อไม่ให้เสียงครางมันหลุดรอดออกมา แต่ยิ่งกลุ่มผู้บริหารเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่เมฆก็ยิ่งกระแทกแก่นกายเข้ามาแรงขึ้นราวกับจะแกล้งผม


“กลัวถูกเห็นหรอธาร เคยทำเรื่องแบบนี้ในรถรึเปล่า” เมฆก้มหน้าลงมากระซิบถาม จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียที่ใบหูแล้วขบเม้มเพื่อเพิ่มความเสียวซ่าน โดยที่เอวไม่ได้ลดจังหวะการซอยแก่นกายเข้ามาในตัวผมเลยแม้แต่น้อย


“คะ...ใครจะไป...อึ่ก...อื้อ...เคย...” ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากเพราะกลัวเสียงครางจะหลุดรอดออกไป จริงอยู่ที่ฟิล์มติดกระจกมันทึบแล้วก็หนามาก แต่ผมก็ยังเป็นกังวลอยู่ดีว่าข้างนอกจะเห็นถ้าหากถูกมองในระยะใกล้ๆ


“ดีใจจังที่ได้เป็นครั้งแรกของคุณ” เมฆพูดด้วยน้ำเสียงดี๊ด๊า ส่วนนั้นที่ใหญ่อยู่แล้วยิ่งขยายใหญ่ขึ้นไปอีกจนช่องทางของผมคับแน่นไปหมด


“ยะ...หยุด...เมฆ...อา...พอ...พอแล้ว...” ถ้ามากกว่านี้ผมกลัวว่าจะกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้


“แน่ใจหรอว่าอยากให้พอ ผมว่าคุณอยากให้ทำแรงมากกว่านี้อีกล่ะมั้ง” พูดจบเมฆก็ยิ่งกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้ามาแรงขึ้นอย่างที่ว่า


“มะ...ไม่...อึ่ก...ไม่จริง...” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น ตอนนี้ผมอยากให้เมฆหยุดจริงๆ ไม่ได้อยากให้ทำแรงๆ สักหน่อย แต่ให้ตาย...ทำไมมันถึงได้รู้สึกดีแล้วก็เสียวได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้


“ซี้ดดด...คุณรัดผมแน่นมากเลย...อา...ซี้ดด...ธาร...” เสียงของเมฆทำให้ผมสติแทบจะเตลิด แต่ก็ยังไม่ลืมว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ไหน เลยพยายามหักห้ามใจไม่ส่งเสียงคราง พลางภาวนาให้กลุ่มผู้บริหารรีบเดินผ่านไปให้พ้นสักที


โชคดีที่คนกลุ่มนั้นมัวแต่คุยกันเลยไม่ทันสังเกตรถของผม แถมยังขึ้นรถแวนที่จอดอยู่ก่อนจะถึงรถผมประมาณ 3 – 4 คันเห็นจะได้ ไม่อย่างนั้นคงต้องรู้แน่นอนว่ารถที่ขยับโคลงเคลงราวกับถูกคลื่นทะเลซัดสาด มีใครกำลังทำอะไรกันอยู่ในนี้


“ยิ่งตื่นเต้นก็ยิ่งเสียวใช่มั้ยล่ะธาร” เมฆกระซิบอย่างอารมณ์ดีที่แกล้งผมได้ ผมจึงหันหน้ากลับไปจะด่าที่ทำอะไรบ้าๆ แต่ก็ถูกริมฝีปากร้อนๆ ประกบลงมากลืนกินคำพูดทุกอย่างลงไปซะก่อน


“ชอบนะธาร...ชอบ...ผมชอบคุณ...” พอถูกพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่าและสายตาหวานซึ้งขนาดนี้จะให้ผมกล้าด่ากลับไปได้ยังไง ผมก็ต้องใจละลายจนยอมมอบกายให้เมฆทำตามใจชอบกระทั่งถึงจุดสุดยอดอยู่แล้ว


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...เมฆ! อ๊าาาาา!”


ด้วยความเหนื่อยและอ่อนเพลียทั้งใจและกาย หลังจากเสร็จสมเป็นครั้งที่สองภาพตรงหน้าก็ถึงกับดับวูบ ผมไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นเพราะสลบไสลไม่ได้สติ ตื่นมาอีกทีก็พบเพียงแค่กระดาษใบเล็กๆ ที่เมฆเขียนข้อความเอาไว้แต่ตัวได้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้


ผมบอกแล้วนะว่าหลังจากเสร็จถ้าคุณถามผมจะตอบให้ แต่นี่คุณดันหลับไปก่อน เพราะงั้นจะมาโทษผมไม่ได้นะธาร


2BC


สวัสดีค่า หลังจากที่ห่างหายจากการอัพไปสักพักในที่สุดเราก็กลับมาแล้วน้า  :mc4: ช่วงที่หายไปเป็นเพราะอยู่ในช่วงที่ควรจะงดความบันเทิง แถมหลังจากนั้นน้องเหมียวที่เราเลี้ยงไว้ยังมาด่วนจากไปอีก ทำเอาเราช้ำใจจนทำไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยค่ะ  :m15: ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆที่เข้ามาให้กำลังใจเราในแฟนเพจนะคะ ตอนนี้เราทำใจได้ระดับหนึ่งแล้วค่ะจึงจะเริ่มกลับมาอัพนิยายแล้ว ขอโทษจริงๆนะคะที่ทำให้เป็นห่วงและหยุดอัพไปนานขนาดนี้  :m5:
บอกลาเรื่องเศร้าๆแล้วมาเม้ามอยกับ Erotic ตอนนี้ดีกว่าเนอะ ตอนนี้ธารพยายามอย่างมากที่จะล้วงความลับออกมาจากปากของเมฆ แต่ก็ได้มาแค่นิดเดียวเพราะถูกเด็กเจ้าเล่ห์ทำให้สลบจนถามคำถามไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าอ่านตอนนี้จะทำให้ทุกคนเจ็บใจจนหมั่นไส้เมฆรึเปล่า แต่เอ๊ะ หรือว่าจะชอบเมฆมากขึ้นกันนะ?  :give2:
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันนะคะว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปแบบไหน ข้อมูลที่ได้เพิ่มมาจากเมฆจะทำให้ธารสืบเรื่องนี้จนรู้ความจริงได้รึเปล่า ไหนจะหมอกอีกที่หายเงียบไปไม่รู้อยู่ไหน ยังไงก็มาลุ้นและเอาใจช่วยกันด้วยน้า อีก 2 วันได้อ่านแน่นอนจุ๊บๆ  :จุ๊บๆ:
ปล.เรื่องนี้เปิดพรีออเดอร์แล้วน้า ยังไงก็ฝากรับเลี้ยงธารคนงามกับสองหนุ่มหมอกเมฆด้วยนะคะที่ร้ากกก  :m1:
(9 พ.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-11-2017 23:26:03
เมฆเจ้าเล่ห์ ทำซะคุณธารสลบแล้วจะเอาเวลาไหนไปถาม ถถถถ :jul1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-11-2017 00:00:38
ตั้งใจจะล้วงความลับหลานเมฆ แต่สุดท้ายโดนหลานเมฆล้วงตับตัวเองไปกินแทนซะได้  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-11-2017 07:48:21
เรียกว่าผลัดกันล้วงจนสลบ เมียแซ่บผัวทั้งสองก็  :haun4:
น่าสงสารเมฆและหมอกนะคะ เป็นแฝดกันแท้ๆแต่ถูกพ่อแม่รังแกแบบนี้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-11-2017 09:16:05
จนแล้วจนรอดก้อยังไม่ได้รู้...เมฆน้อยลอยนวลจากไป   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 10-11-2017 13:06:37
อืม ตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องราวไรเลย  ตกลงมีแฝด ?
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 10-11-2017 16:24:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 10-11-2017 18:55:09
คือยังไง...สรุปเป็นคนเดียวกันไม๊..อยากรู้ๆๆๆๆ  :ling3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-11-2017 19:58:04
ยังสงสัยอยู่นะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 10-11-2017 23:02:34
ncดีงามเลือดสาดเหมือนเดิม ละกะงงเหมือนเดิมเรื่องเมฆ55+
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-11-2017 09:50:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 ล้วงความลับ NC [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-11-2017 13:28:34
ก็ยังสรุปไม่ได้ว่ายังไง ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 หัวใจสองรัก [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 11-11-2017 22:45:21
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 7# Thara หัวใจสองรัก


“บ้าเอ๊ย!” ผมกำกระดาษที่อยู่ในมือจนยับย่น จากนั้นก็ปามันออกไปชนประตูรถด้วยความโมโหจนสุดแรง


ให้ตายสิ! ผมเสียรู้เมฆจนได้ ไอ้เด็กนั่นเจ้าเล่ห์เป็นบ้า ทำเป็นบอกว่าจะยอมตอบคำถามแต่โดยดี แต่ดันทำจนผมสลบซะขนาดนี้แล้วผมจะมีปัญญาถามได้ที่ไหนกันเล่า!


“เจ็บใจชะมัด!” มีอะไรน่าเจ็บใจไปกว่าถูกฟันแล้วทิ้งซ้ำสองจากคนคนเดียวกันบ้าง แถมนอกจากผมจะเสียตัวฟรีๆ โดยแทบไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เมฆยังหายตัวไปโดยไม่ทิ้งอะไรไว้ให้ติดต่อเหมือนเดิมอีกต่างหาก


คอยดูนะถ้าคราวหน้าเจอกันผมจะจับเมฆล่ามโซ่เอาไว้ไม่ยอมให้หนีไปไหนเลยคอยดู!


   ผมกัดฟันกรอดพลางคิดในใจด้วยความคับแค้น แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซึ่งรายชื่อที่โทรมาก็ทำให้ความคิดเรื่องเมฆหยุดชะงักลงทันที


   หมอก


   “ฮัลโหล! เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่มาตามนัด!” ตอนนี้ในสมองของผมไม่มีเรื่องเมฆอีกต่อไปแล้ว มันมีแต่เรื่องของหมอกอยู่ข้างในเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถึงแม้เมฆจะบอกว่าหมอกเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ซึ่งดูจากท่าทางไม่น่าจะเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ถึงอย่างนั้นพอหมอกโทรมาแบบนี้ผมก็เป็นห่วงจนอดที่จะถามไม่ได้อยู่ดี


   [“ผมรู้สึกหน้ามืดน่ะครับเลยวูบอยู่ที่ห้อง บางทีคงเป็นเพราะช่วงนี้ผมอ่านหนังสือสอบหนักไปหน่อยเลยไม่ค่อยได้นอนพักผ่อน ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เป็นห่วงแล้วก็ไม่ได้ไปตามนัด”] น้ำเสียงของหมอกฟังดูแหบกว่าเดิมเล็กน้อย คงเป็นเพราะพึ่งฟื้นและเหนื่อยสะสมมาหลายวัน


   “นายจะขอโทษทำไม ฉันสิต้องเป็นฝ่ายขอโทษมากกว่า เจอกันเกือบทุกวันแต่ฉันไม่ได้สังเกตเลยว่าร่างกายนายกำลังแย่ ความจริงช่วงที่นายไม่ได้สติฉันควรจะเป็นฝ่ายดูแลนายด้วยซ้ำ แต่ฉันกลับ...” พูดถึงตรงนี้ผมก็ได้แต่นิ่งเงียบไป เพราะความรู้สึกผิดได้แล่นมาเกาะกุมหัวใจของผมจนมันปวดหนึบแทบจะหายใจไม่ออก


ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นแฟนที่เลวและแย่มาก ที่มัวแต่เอาเวลาไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น ถึงผมจะไม่รู้และผู้ชายคนนั้นจะเป็นแฟนอีกคนของผมก็ตาม
เฮ้อออออออ เกิดมาก็พึ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลวได้ถึงขนาดนี้ 


   [“อย่าโทษตัวเองเลยครับคุณธาร ก็คุณไม่รู้นี่นาว่าผมหน้ามืดอยู่ที่ห้อง”]


คำพูดของหมอกช่างปลอบใจผมได้อย่างเหมาะเจาะเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนเลวอยู่ดี เพราะถึงผมจะรู้สึกผิดในเรื่องที่ทำลงไป แต่ผมก็ไม่สามารถตัดเมฆออกไปจากชีวิตได้อยู่ดี เพราะหัวใจดวงนี้นอกจากจะมีหมอกอยู่ข้างใน มันก็ยังมีเมฆอยู่ในนั้นอีกคนเช่นกัน


   “ตอนนี้นายเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นแล้วรึยัง” 


   [“ดีขึ้นแล้วครับ พอดีพี่หมอที่รู้จักกันแวะมาหาพอดีเลยมาดูอาการให้น่ะครับ”]


แวะมาเยี่ยมพอดี? ผมคิดว่ามันดูจะเหมาะเจาะเกินไปนะ ถ้าบอกว่ามีคนส่งมาน่าจะเข้าเค้ามากกว่า...หรือว่าจะเป็นเมฆ!


   “ตอนนี้หมอคนนั้นยังอยู่ที่ห้องรึเปล่าหมอก” ผมพยายามถามด้วยเสียงปกติ แม้ว่าตอนนี้หัวใจของผมมันกำลังเต้นรัว บางทีหมอคนนี้อาจจะช่วยพาผมเข้าไปใกล้เมฆอีกก้าวก็ได้


   [“ยังอยู่ครับ ทำไมหรอครับคุณธาร”]


   “ฉันอยากซื้อกระเช้าไปขอบคุณหมอที่ช่วยดูแลนายน่ะ” แต่ความจริงถึงหมอไม่อยู่ผมก็ตั้งใจจะไปดูแลหมอกอยู่แล้ว


   [“ตอนนี้เลยหรอครับ?”] คำถามของหมอกทำให้ผมรีบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู จึงได้พบว่าตอนนี้เป็นเวลาตี 1 กว่าๆ เกือบจะตี 2 แล้ว เวลามันได้ผ่านไปนานจนถึงขนาดนี้เลยหรอเนี่ย


   “อืม ตอนนี้แหละ ดึกขนาดนี้รถโล่งจะตาย สัก 15 นาทีก็น่าจะขับรถถึงหอนายแล้ว”


   [“ก็ได้ครับเดี๋ยวผมบอกพี่หมอให้ ผมก็คิดถึงอยากเจอคุณอยู่เหมือนกัน”] น้ำเสียงอันอ่อนโยนของหมอกทำให้ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้


   “ฉันก็คิดถึงนายนะ แล้วเจอกัน”


   [“ครับ”]


   แล้วหลังจากนั้นผมก็กดวางสาย ก่อนที่จะย้ายไปนั่งยังเบาะคนขับแล้วออกรถมุ่งตรงไปหาหมอก โดยไม่ลืมแวะซื้อกระเช้าของขวัญเพื่อขอบคุณหมอที่ดูแลหมอกตอนที่กำลังแย่


   15 นาทีไม่ขาดไม่เกินผมก็มาถึงหอพักของหมอก ตั้งแต่คบกันผมก็เข้าออกที่นี่บ่อยจนมีคีย์การ์ดและกุญแจสำรองเอาไว้กับตัว เพราะงั้นผมจึงสามารถขึ้นมาบนห้องได้เลยโดยที่หมอกไม่ต้องลงไปรับ สีหน้าของหมอกตอนนี้ดูเหนื่อยนิดหน่อยเหมือนคนไม่ค่อยได้พักผ่อนจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ซีดเซียวและอิดโรยมากอย่างที่ผมคิดเอาไว้


   พอเข้าไปในห้องหมอกก็แนะนำให้ผมรู้จักกับหมอเจ ซึ่งเป็นหมอเวชกรรมทั่วไปประจำโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพ หมอกกับหมอเจสนิทกันมากเพราะอยู่บ้านข้างๆ กัน ถึงแม้ตอนนี้หมอกจะย้ายมาอยู่ที่หอพักแล้ว แต่นานๆ ครั้งหมอเจก็จะแวะมาหาหมอกบ้าง ครั้งล่าสุดก็ประมาณ 2 เดือนที่แล้ว


   “ธารเรียกผมว่าเจเฉยๆ ก็ได้ ถึงตามพ.ศ.ผมจะห่างกับธารปีนึง แต่ถ้านับจริงๆ ผมเกิดก่อนธารแค่ 4 เดือนเอง” หมอเจพูดอย่างเป็นมิตรในขณะที่พวกเราทั้งหมดกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา


   “แต่เรียกเจเฉยๆ มันก็ยังไงๆ อยู่ ผมขอเรียกคุณว่าหมอไม่ก็หมอเจแทนแล้วกัน”


   “จะเรียกผมแบบไหนก็ได้ตามใจธารเลย” หมอเจยิ้มบางๆ


รูปลักษณ์ภายนอกของหมอเจดูอบอุ่นและใจดี ผมเลยคิดว่าน่าจะช่วยผมไขข้อข้องใจเรื่องเมฆได้อย่างไม่ยาก แต่ประเด็นคือผมไม่รู้จะถามหมอเจตอนไหน จะถามต่อหน้าหมอกก็ไม่ได้ เพราะหมอกไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเมฆเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญหากถามต่อหน้าแล้วหมอกเกิดสงสัยว่าเมฆกับผมเกี่ยวข้องกันยังไง ผมก็ตายกันพอดีน่ะสิ


“อืม...นี่มันก็ตี 2 กว่าแล้ว พี่ว่าพี่ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” หมอเจพูดจบก็ลุกขึ้นยืน หลังจากที่นั่งคุยกับผมและหมอกสัก 10 กว่านาทีเห็นจะได้


“ถ้างั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งข้างล่างนะครับพี่หมอ”


“ไม่ต้องหรอก หมอกจะลงไปส่งพี่ทำไมเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปอีกพอดี แค่นี้พี่เดินกลับเองได้” ถึงหมอเจจะพูดอย่างนั้น แต่ด้วยนิสัยขี้เกรงใจแบบหมอกก็ยังอยากจะไปส่งอยู่ดี แม้ว่าปากจะไม่ได้พูดออกไปแต่สีหน้าและแววตาก็แสดงออกมาจนหมด


“งั้นเดี๋ยวฉันลงไปส่งหมอเจแทนนายแล้วกัน พอดีฉันลืมเสื้อผ้าที่จะใส่นอนคืนนี้เอาไว้ในรถด้วยน่ะ” ผมหันไปพูดกับหมอก ที่ผมอาสาเพราะลืมเสื้อผ้าเอาไว้ในรถจริงๆ ตอนเดินขึ้นห้องมาผมก็ถือแต่กระเช้าของขวัญ แต่ถึงอย่างนั้นจุดประสงค์หลักของผมก็คือต้องการถามเรื่องเมฆจากหมอเจนั่นแหละ


“หมายความว่าคืนนี้คุณจะนอนกับผมที่นี่หรอครับ” หมอกทำหน้าดีใจราวกับได้ของขวัญชิ้นใหญ่ ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู


“มันก็แน่อยู่แล้ว แฟนป่วยทั้งทีจะไม่ให้ฉันอยู่ดูแลได้ยังไงกันล่ะ”


“ขอบคุณนะครับคุณธาร”


“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอ้อมกอดอุ่นๆ ตอนนอนก็แล้วกัน แต่ว่าแค่กอดอย่างเดียวนะ ถ้าจะทำอย่างอื่นไว้รอแข็งแรงก่อนนะเด็กดีเข้าใจรึเปล่า”


“ขะ...เข้าใจครับ ผมก็ไม่ได้คิดจะทำอย่างอื่นสักหน่อย” หมอกก้มหน้างุดด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่แต่หมอกก็ยังดูเป็นกวางหนุ่มน้อยผู้ใสซื่อเช่นเดิม ซึ่งตรงนั้นแหละที่ทำให้หมอกต่างจากผู้ชายคนอื่นที่เคยพบเจอผมจึงรู้สึกชอบ


“งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นมานะหมอก...ป่ะหมอเจเดี๋ยวผมไปส่ง ขอโทษนะที่ปล่อยให้รอซะนานเลย” ผมเดินไปหาหมอเจที่ยืนยิ้มๆ มองมาอยู่แถวๆ ประตู
การที่ผมแสดงความรักกับหมอกอย่างชัดเจน เป็นเพราะหมอกแนะนำผมว่าเป็นแฟนก่อนที่ผมจะเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ซึ่งหมอเจก็มีรสนิยมเดียวกัน ดังนั้นผมจึงทำตัวตามปกติไม่ต้องเกรงใจแต่อย่างใด


ผมเดินมาส่งหมอเจที่ด้านล่าง ระหว่างทางเราก็คุยกันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันดูอึดอัดจนเกินไป จนกระทั่งถึงรถของหมอเจนั่นแหละ ผมจึงได้เอ่ยปากถามเรื่องที่คาใจอยู่ออกไป


“หมอเจ หมอรู้จักคนที่ชื่อเมฆรึเปล่า” คำถามที่ถามออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของผม ทำให้หมอเจที่กำลังยื่นมือออกไปจะเปิดประตูรถถึงกับชะงัก ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อย


ปฏิกิริยานั้นแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาที เพราะหลังจากนั้นหมอเจก็มีสีหน้าและท่าทางปกติ แต่ว่ามันก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาของผมที่กำลังจ้องมองอยู่ได้


“เมฆ? ธารหมายถึงเมฆไหนล่ะ ถามกว้างแบบนี้ผมก็ตอบไม่ถูกกันพอดีน่ะสิ” ถึงสีหน้าหมอเจจะยิ้มแย้มเหมือนไม่มีพิรุธอะไร แต่ผมก็เดาออกว่าข้างในคงจะกำลังลนลานอยู่แน่ๆ


“ผมหมายถึงเมฆที่หน้าตาเหมือนกันกับหมอกมาก จนผมคิดว่าถ้าหากไม่ใช่ฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ก็คงเป็นอีกบุคลิกที่อยู่ในร่างเดียวกันกับหมอก” น่าแปลกที่พอได้ยินผมพูดแบบนี้แล้วหมอเจไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือลนลานอย่างที่คิด แต่กลับยืนนิ่งๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มไม่ต่างจากปกติเลย


“ที่ธารถามแบบนี้ เพราะคิดว่าผมอาจจะรู้จักเมฆที่ธารพูดถึง?”


 “ไม่ใช่อาจจะ แต่ผมมั่นใจเลยล่ะว่าหมอต้องรู้จักเมฆ ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าหมอจะแค่บังเอิญแวะมาหา ในวันที่หมอกหน้ามืดได้แบบพอดีขนาดนี้ ผมคิดว่าเมฆเป็นคนบอกให้หมอมา” คำพูดของผมทำให้หมอเจหรี่ตาลงเล็กน้อย ในขณะที่ริมฝีปากยังคงยิ้มน้อยๆ เช่นเดิม


“ถ้าธารคิดอย่างนั้น แล้วเมฆจะรู้ได้ยังไงว่าหมอกจะหน้ามืดช่วงเวลาไหน”


“เรื่องนั้น...” จริงด้วยสิ ผมก็ไม่ทันคิดเลยว่าเมฆจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง


“ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าที่ผมแวะมาเพราะเอะใจและเป็นห่วงหมอก ธารคงไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้หมอกมักจะหน้ามืดอยู่บ่อยๆ เพราะเป็นคนที่เหนื่อยง่ายร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง”


“หา? เรื่องจริงหรอหมอเจ?” ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ตั้งแต่คบกันมาผมไม่เคยเห็นหมอกหน้ามืดหรือว่าเป็นลมเลยสักครั้ง ส่วนเรื่องที่เหนื่อยง่ายร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็เหมือนกัน ผมรู้สึกว่าหมอกแข็งแรงมากต่างจากที่หมอเจพูดลิบลับ ไม่อย่างนั้นตอนที่มีอะไรกันหมอกจะสามารถทำถึง 3 – 4 ครั้งได้ยังไง


“เรื่องแบบนี้ผมไม่โกหกธารหรอก”


“แล้วทำไมผมถึงไม่เคยรู้เลยล่ะหมอ ว่าแต่หมอกแค่เหนื่อยง่ายเฉยๆ ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หายใช่มั้ย”


“ไม่ต้องกังวลไปหรอก หมอกไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร ส่วนที่ธารไม่รู้คงเพราะพักหลังมานี้หมอกไม่ค่อยหน้ามืดบ่อยเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะพอโตเป็นผู้ใหญ่ร่างกายเลยแข็งแรงขึ้นก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเป็นห่วงจนต้องแวะมาดูอาการบ้าง อย่างเช่นวันนี้” ผมยังรู้สึกข้องใจที่หมอเจพูด ถึงแม้มันจะฟังดูมีเหตุผลแต่มันก็ยังดูทะแม่งๆ อยู่ดี


แต่ก็เอาเถอะ แค่หมอกไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรงผมก็สบายใจแล้ว


“ที่พูดมาทั้งหมดคือหมอต้องการจะบอกว่า การมาหาหมอกวันนี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ไม่มีใครใช้ให้หมอมา?”


“แล้วมันเป็นไปไม่ได้หรอ?”


“โธ่หมอ ผมรู้ว่าหมอรู้จักเมฆ หมอบอกผมมาเถอะว่าเมฆเป็นใคร หมอรู้มั้ยว่าตอนนี้ผมสับสนมากแค่ไหน เวลาที่อยู่กับหมอกผมก็เอาแต่คิดถึงเมฆ แต่ตอนที่อยู่กับเมฆผมก็เอาแต่คิดถึงหมอก ผมไม่อยากรู้สึกผิดและสองจิตสองใจแบบนี้อีกต่อไปแล้วนะหมอ” ผมมองหมอเจอย่างอ้อนวอนเพื่อขอให้เห็นใจ ที่ผมพูดไปทั้งหมดไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด ผมรู้สึกสับสนอย่างที่พูดออกไปจริงๆ


“ผมเข้าใจนะว่าตอนนี้ธารกำลังตกอยู่ในความรู้สึกแบบไหน แต่เชื่อเถอะว่ายังมีคนที่เจอเรื่องหนักหนากว่าธารอีกหลายเท่า”


“อย่างเช่นเมฆน่ะหรอ?” หมอเจไม่ตอบ สีหน้ายังคงยิ้มเช่นเดิม แต่ดวงตาราวกับว่ากำลังประเมินอยู่ว่าผมรู้เรื่องราวของเมฆมากน้อยแค่ไหน
เมฆบอกกับผมว่าตัวเองเป็นลูกที่มองไม่เคยเห็นความรักจากพ่อแล้วก็แม่ ผมไม่รู้ว่าที่เมฆพูดแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง ที่ผ่านมาเมฆต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง มันมีเรื่องราวและเหตุการณ์เป็นร้อยเป็นพันอย่างที่สามารถโยงไปถึงสิ่งที่เมฆพูด


แต่ถึงผมจะไม่รู้และเดาไม่ออก ผมก็เข้าใจความรู้สึกของเมฆเป็นอย่างดี เพราะผมก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกัน จะต่างกันก็ตรงที่ผมยังมีพี่น้องอยู่เคียงข้าง ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเมฆที่ต้องเผชิญเรื่องราวแต่เพียงลำพัง


 “เอาเป็นว่าถ้าธารมีเรื่องกลุ้มใจ จะโทรมาปรึกษาเมื่อไหร่ก็ได้ผมยินดี” หมอเจยื่นนามบัตรให้ผม ไม่สนใจตอบคำถามหรืออธิบายในสิ่งที่ผมถามเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยื่นมือไปรับนามบัตรมา พลางคิดว่ายังไงก็ต้องตื๊อจนหมอเจยอมบอกเรื่องของเมฆกับผมให้ได้


“อ้อ แต่ผมแค่ให้คำปรึกษาเรื่องที่ธารกลุ้มใจนะ ถ้าหากธารจะถามเรื่องอื่นผมไม่มีคำตอบให้หรอก ไปถามกับเจ้าตัวเองดีกว่า” หมอเจพูดขึ้นราวกับว่าอ่านใจผมได้


“พูดแบบนี้แสดงว่าหมอก็ต้องรู้จักเมฆจริงๆ สินะ” ผมหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างจับผิด หมอเจจึงหัวเราะออกมาเบาๆ


“คนรอบตัวผมชื่อเมฆมีเยอะแยะไป” เฉไฉเก่งเหลือเกิน!


“มีใครเคยบอกมั้ยว่าหมอเป็นคนเจ้าเล่ห์ตรงข้ามกับภาพลักษณ์สุดๆ”


“เคยมีอยู่คนนึง พึ่งเจอวันนี้ด้วย” หมอเจพูดยิ้มๆ จากนั้นก็เปิดประตูขึ้นรถแล้วขับออกไป ตอนแรกผมก็ไม่ได้เอะใจในสิ่งที่ได้ยินเพราะคิดว่านั่นหมายถึงผม แต่พอลองนึกและวิเคราะห์ดูดีๆ...ที่หมอเจพูดมันน่าจะหมายถึงเมฆมากกว่าไม่ใช่รึไง!


โธ่เว่ย! กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะไอ้หมอเจ! เจ้าเล่ห์เหมือนกับแบบนี้มิน่าล่ะเมฆถึงได้ไว้ใจ! ให้ตายสิแล้วแบบนี้เมื่อไหร่ผมจะได้รู้เรื่องของเมฆสักที!


2BC


 :katai2-1: สวัสดีค่ะทุกคน Erotic ตอนหัวใจสองรักก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า ตอนนี้มีตัวละครเข้ามาเพิ่มนั่นก็คือหมอเจ ซึ่งดูเหมือนว่าหมอคนนี้จะเป็นคนที่รู้จักเมฆซะด้วย ถ้าหากธารไม่คิดไปเองล่ะนะ ว่าแต่ทุกคนล่ะคะคิดว่ายังไง หมอเจจะรู้จักเมฆจริงมั้ย แล้วคิดว่าเมฆเกี่ยวข้องยังไงกับหมอกกันแน่ เรื่องราวได้ดำเนินผ่านครึ่งเรื่องไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่ได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์เล้ยยย เรื่องเมฆยังไม่ทันกระจ่างเรื่องอาการของหมอกก็ยังมาให้งงอีก อะไรกันน้าก็ไม่รู้ เฮ้อออออ  :เฮ้อ: ถอนหายใจแทนทุกคน
ส่วนตอนหน้าก็มาเอาใจช่วยธารและร่วมลุ้นกันต่อนะคะว่า จะสามารถสืบเรื่องราวของเมฆคนเจ้าเล่ห์และลึกลับได้หรือไม่ อีก 2 วันช่วงค่ำๆหรือดึกๆแบบนี้มาเจอกันค่ะ แล้วเจอกันนะคะบ๊ายบายยยยย  :bye2: ขอบคุณทุกคอมเมนท์และกำลังใจที่ส่งมาให้เค้าด้วยน้าทุกคน  :pig4:
(11 พ.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 หัวใจสองรัก [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Somporn ที่ 11-11-2017 22:50:07
ติดตามน้าาาา
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 หัวใจสองรัก [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-11-2017 23:23:40
คนแก่หงุดหงิดดดดดดดด คนแก่อยากรู้ อยากเห็น  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 หัวใจสองรัก [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-11-2017 23:41:19
เมื่อไหร่จะรู้....รอ..อออออออ  :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 หัวใจสองรัก [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 12-11-2017 11:13:59
สนใจหมอ แพ้คนเจ้าเล่ห์ อยากรู้ความจริงอ่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 หัวใจสองรัก [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-11-2017 11:58:29
โอ้วนี้ครึ่งเรื่องแล้วหรอ ปริษนายังแสนมืดมน
มึนตึ้บไปพร้อมธาร
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 หัวใจสองรัก [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-11-2017 12:09:11
อยากรู้แล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 หัวใจสองรัก [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-11-2017 14:53:04
ความลับมีได้ แต่อย่านานมากนะ ระวังคนอื่นจะไม่สนุกด้วย ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 7 หัวใจสองรัก [11.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 13-11-2017 00:01:41
 :pig4:
หัวข้อ: เปิดจองนิยาย Erotic หัวใจร้อนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 14-11-2017 22:52:35
(http://upic.me/i/cd/erotic.jpg)


เปิดพรีออเดอร์ Erotic หัวใจร้อนรัก


          - สั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. – 3 ธ.ค. 60

          - หนังสือราคา 289 บาท มีตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บ จัดส่งประมาณสิ้นเดือน ธ.ค. 60

                       สั่งจองได้ที่ >>> ​https://goo.gl/8qU6EX

                       ดูรายชื่อและสถานะ >>> https://goo.gl/zaBmm3

          ​- ผู้ที่โอนก่อน 200 เล่มแรกรับฟรีปกแจ็ตเก็ต หากยอดโอนเกิน 300 แถมฟรีทุกเล่ม

          - ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจ Sameejaejung เลยค่ะ

​ยังไงก็ฝากรับเลี้ยงพี่ธารคนสวยกับสองหนุ่มหมอกเมฆด้วยน้า ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 สืบหาความจริง [14.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-11-2017 23:33:58
เรื่องเมฆยังไม่คลี่คลาย...มีมารร้ายจ้องจะผจญอีกแล้ว..แต่พี่ธารคงสู้ไหว เปรี้ยวซะขนาดนั้น #ทีมพี่ธาร  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 สืบหาความจริง [14.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-11-2017 00:30:04
ชะนีน้อยเมเปิ้ลรักหมอกมาก ระวังจะเจอเมฆเข้าให้นะ  :haun5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 สืบหาความจริง [14.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 15-11-2017 16:04:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 สืบหาความจริง [14.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-11-2017 19:29:53
เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้นตัวละครเริ่มโผล่มา
สงสัยแล้วว่างานนี้เมฆจะออกโรงมาช่วยรึเปล่า
อดใจรอฉาก3Pไม่ไหวแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 สืบหาความจริง [14.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 16-11-2017 02:11:22
มารไม่มีบารมีไม่เกิด พี่ธารสู้มัน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 สืบหาความจริง [14.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 16-11-2017 11:59:56
ยิ่งอ่านยิ่งสับสน 555555555555 มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเยอะแยะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 สืบหาความจริง [14.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 16-11-2017 17:15:47
เพิ่มความร้ายเข้ามาอีก ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 16-11-2017 20:29:58
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 8# Thara ยัยงูพิษ!


   “ผมว่าเป็นฝาแฝด”


   “แต่ผมว่าสองบุคลิก”


   พฤกษ์และเพลิง สองแฝดของบ้านพูดขึ้นเมื่อได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากผม ซึ่งผมเล่าทุกอย่างทั้งหมดแบบไม่คิดปิดบัง โดยเฉพาะความรู้สึกของผมที่สองจิตสองใจเลือกใครไม่ได้ ผมชอบทั้งเมฆทั้งหมอกและจะไม่ยอมเสียใครไปทั้งนั้น


   “เฮ้ออออออ ขนาดพวกแกความคิดเห็นยังแตกแยกหรอเนี่ย” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลองถ้าเป็นแบบนี้ผมก็คงต้องกลุ้มใจต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รู้ความจริงสินะ


   ตอนนี้ผมนั่งเอามือข้างหนึ่งกุมศีรษะอยู่ที่ข้างเตียงในห้องนอน โดยมีพฤกษ์และเพลิงลากเก้าอี้มานั่งอยู่ตรงข้าม บรรยากาศเหมือนกับวันแรกที่ผมเล่าเรื่องของหมอกกับเมฆให้ฟังอย่างไม่มีผิดเพี้ยน


   อันที่จริงผมยังไม่คิดจะกลับบ้านวันนี้หรอก เพราะอยากอยู่ดูแลหมอกมากกว่า แต่หมอกมีนัดฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนที่เอก จะไม่ไปก็ไม่ได้เพราะเพื่อนทุกคนก็ไปกันหมด แถมผมยังรู้สึกว่าหมอกกลับมาแข็งแรงจนแทบจะเป็นปกติแล้ว งานฉลองก็แค่กินหมูกระทะไม่มีแอลกอฮอล์ ผมเลยอนุญาตให้ไปแต่มีข้อแม้ว่าผมจะไปรับไปส่ง


   “เอาจริงๆ มันก็มีความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ ก็คำพูดของเมฆฟังดูกำกวมซะขนาดนั้น” พฤกษ์พูดขึ้น ผมกับเพลิงจึงพยักหน้าเห็นด้วย


“เออ มันก็เป็นได้ทั้งคู่จริงๆ แต่ที่กูคิดว่าเป็นสองบุคลิกมากกว่า ก็เพราะหมอกกับเมฆแม่งไม่เคยโผล่มาพร้อมกันเลยนี่แหละ โดยเฉพาะไอ้คนหลังนี่ทำตัวลึกลับฉิบหาย” เพลิงพูดด้วยท่าทางหัวเสีย นี่ขนาดเป็นแค่คนฟังนะ ถ้าเป็นคนเจอด้วยตัวเองเหมือนผมคงจะพ่นไฟจนบ้านไหม้แน่ๆ


“ที่มึงพูดมันก็ทำให้คิดว่าเป็นสองบุคลิกจริงๆ นั่นแหละ แต่กูรู้สึกสงสัยเรื่องที่เมฆพูดถึงพ่อแม่ แล้วก็เรื่องที่บอกว่ารู้จักหมอกเป็นอย่างดี แต่หมอกไม่เคยรับรู้ว่ามีตัวเองอยู่บนโลก มันเลยทำให้กูคิดว่าหมอกกับเมฆมีเปอร์เซ็นต์เป็นฝาแฝดกันมากกว่า”


“ทำไมล่ะพฤกษ์?” ผมอยากรู้เร็วๆ จนอดที่จะถามออกไปไม่ได้


“คือต้องบอกก่อนนะครับว่าบางทีเมฆอาจจะจงใจพูดให้สับสนจนเอนเอียงมาทางนี้ก็ได้ แถมผมเป็นคนที่คิดอะไรค่อนข้างซับซ้อนซะด้วยเลยอาจจะติดกับ เพราะงั้นผมเลยคิดว่าบางทีหมอกกับเมฆอาจจะถูกจับแยกกันตั้งแต่เกิดด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจเกี่ยวกับสุขภาพของหมอกก็ได้ แต่ผมยังประติดประต่อไม่ได้เพราะมีข้อมูลแค่นี้”


“นั่นสินะ ข้อมูลที่ได้มามันก็ชวนงงจริงๆ นั่นแหละ แถมอาการของหมอกที่ได้ฟังมามันก็ดูแปลกๆ ด้วย อีตาหมอบ้านั่นก็พูดเฉไฉไปเรื่อยไม่ยอมบอกอะไรเป็นเรื่องเป็นราว พอโทรไปหามากๆ เข้าก็ดันปิดเครื่องใส่อีก มันน่าบุกไปหาถึงโรงพยาบาลจริงๆ เลย” พูดแล้วก็เจ็บใจ ถ้าไม่อยากรับสายแล้วจะให้เบอร์ผมมาทำไมก็ไม่รู้ไอ้หมอเจ้าเล่ห์!


“ผมว่าพี่ไม่ต้องเสียเวลาบุกไปหาไอ้หมอนั่นหรอก เชื่อเหอะถึงไปกราบกรานอ้อนวอนมันก็ไม่ยอมบอกความจริงอยู่ดี ผมคิดว่าพี่น่าจะลองสืบจากคนใกล้ตัวของหมอกดู อย่างครอบครัวหรือพวกเพื่อนสนิทไรงี้” เพลิงเสนอความคิด ซึ่งผมคิดว่ามันก็ดูเข้าท่าอยู่เหมือนกัน


   “เดี๋ยวพี่จะลองสืบจากกลุ่มเพื่อนของหมอกก็แล้วกัน ส่วนครอบครัวคงต้องเอาไว้ทีหลัง เพราะหมอกไม่เคยพูดเรื่องครอบครัวกับพี่เลย จะว่าไปวันที่มากินข้าวบ้านเรานั่นแหละที่หมอกพูดถึงครอบครัวเป็นครั้งแรก แต่นั่นก็เพราะถูกพี่ภูถาม แล้วหมอกก็ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากมายด้วย”


   “เหมือนไม่อยากพูดถึง!” / “เหมือนไม่อยากพูดถึง!”


   พฤกษ์กับเพลิงพูดขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็หันหน้าไปมองกันก่อนจะหันกลับมาหาผม


   “ชัวร์เลย ครอบครัวของหมอกต้องมีอะไรแปลกๆ แน่ๆ ถึงเลี่ยงที่จะพูดถึงซะขนาดนั้น แต่พี่อย่าไปถามกับหมอกตรงๆ ล่ะเดี๋ยวจะถูกสงสัย ไปตีซี้หลอกถามจากเพื่อนหมอกดีกว่า ยิ่งถ้ามีคนที่จบ.ต้นหรือม.ปลายมาด้วยกันก็ยิ่งดี” พอเพลิงพูดแบบนี้พฤกษ์ก็พยักหน้าเห็นด้วย


   “อย่างวันนี้หมอกมีนัดไปกินเลี้ยงกับเพื่อนใช่มั้ยครับ ตอนไปรับพี่ธารจะเดินไปหาที่โต๊ะเลยก็ได้ ถ้าหากโดนถามว่าเป็นใครแล้วกลัวหมอกเสียหาย พี่ธารก็โกหกไปว่าเป็นญาติ เพราะคงไม่มีใครมานั่งซักประวัติว่าเป็นญาติฝั่งไหนของหมอกหรอก”


   “อืม...นั่นสินะ พี่จะลองดูก็ได้พฤกษ์” คำแนะนำของทั้งสองแฝดที่พูดมามันก็น่าลองเหมือนกัน ถึงผมจะไม่ค่อยมั่นใจก็เถอะว่าจะเข้ากับเพื่อนหมอกได้มั้ย เพราะช่วงวัยเล่นห่างซะเกือบ 10 ปี แต่ผมจะพยายามเต็มที่ เพราะตอนนี้ผมคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ


   จากนั้นประมาณ 4 ทุ่มนิดๆ หมอกก็โทรมาหาผมว่า งานเลี้ยงเริ่มซาเพื่อนบางคนได้ทยอยกันกลับบ้านแล้ว ผมเลยบอกลาสองแฝดแล้วก็คนอื่นๆ ในบ้าน จากนั้นก็ขับรถไปรับหมอกยังร้านหมูกระทะหลังมหา’ลัยที่เคยไปส่ง


ระหว่างทางผมก็พยายามคิดไปด้วยว่าจะทำทีเดินไปตามหมอกที่โต๊ะยังไง กะให้ดูเป็นธรรมชาติไม่ให้ดูจงใจเกินไปว่ามีจุดประสงค์ไปตีซี้เพื่อนของหมอก แต่พอไปถึงผมกลับไม่ต้องเสียเวลาทำแบบนั้น เพราะผมเห็นทั้งหมอกและเพื่อนผู้หญิงกับผู้ชายจำนวน 10 กว่าคนกำลังยืนจับกลุ่มกันที่หน้าร้าน


แปลก มายืนทำอะไรกันตรงนี้?


แต่ถึงจะสงสัยผมก็ไม่ต้องเดินลงจากรถไปถามให้เสียเวลา เพราะหมอกได้เดินมาเคาะกระจกรถผม (อันที่จริงต้องบอกว่าถูกเพื่อนดันให้มาซะมากกว่า) ผมเลยต้องกดกระจกลงอย่างช่วยไม่ได้


“ว่าไงหมอก?”


“คือ...คุณธารลงจากรถมาสักแป๊บได้มั้ยครับ พวกเพื่อนผมมันอยากเจอคุณ” หมอกพูดอย่างกลัวๆ กล้าๆ ด้วยท่าทางเกรงใจ


“อยากเจอฉัน? ทำไมหรอ?” ผมชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ


“คือ...พอถูกถามว่าใครมารับมาส่ง ผมมีพิรุธเลยถูกจับได้ว่าเป็นแฟนน่ะครับ” มิน่าล่ะถึงได้ออกมายืนออกันหน้าร้านแบบนี้


“ฉันไม่มีปัญหาหรอกนะถ้าจะลงไป แต่นายจะไม่เป็นไรหรอ ไม่กลัวถูกล้อที่มีแฟนเป็นผู้ชายรึไง” จริงอยู่ที่เดี๋ยวนี้ความรักมันเปิดกว้างแล้ว คู่รักเพศเดียวกันสามารถควงกันได้โดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แต่คนที่รังเกียจและยังเหยียดอยู่ก็ใช่ว่าจะไม่มี


“ผมไม่แคร์เรื่องนั้นหรอกครับ คำพูดของคนอื่นจะไปสำคัญเท่ากับความรู้สึกของคุณได้ยังไง” ผมรู้สึกตื้นตันจนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้กับคำพูดนั้น แต่หมอกคงจะรู้สึกเขินที่พูดอะไรจริงจัง เลยหัวเราะเบาๆ กลบเกลื่อนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ


   “ว่าไปนั่น ความจริงเพื่อนผู้ชายในเอกที่คบกันก็มีครับ ถึงพวกนั้นจะกลับไปแล้วก็เถอะ แต่ยังไงก็ไม่มีใครล้อเรื่องของเราสองคนแน่นอน”


   “อืม...ถ้างั้นฉันจะลงไปทักทายเพื่อนของนายหน่อยก็ได้” พูดจบผมก็ดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูรถลงไปข้างล่าง หมอกจึงจูงมือผมพาเดินไปหาพวกเพื่อนๆ


   “พวกมึง นี่คุณธารแฟนกูเอง” หมอกแนะนำผมให้เพื่อนรู้จักอย่างเสียงดังฟังชัด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นว่าหมอกมีอาการเขินอาย แม้จะพยายามข่มมันเอาไว้แค่ไหนก็ตาม


   “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เรียกฉันว่าพี่ธารก็ได้” ผมยิ้มหวานให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร ไม่ได้รู้สึกขัดเขินสักนิดที่ถูกสายตา 10 กว่าคู่จดจ้องอย่างตกตะลึง ก็นะ...เรื่องแบบนี้ผมชินแล้ว


   “เหยดดดดด แฟนมึงโคตรสวยเลยว่ะหมอก ถามจริงพี่ธารเป็นผู้ชายจริงเปล่าวะ” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งสะกิดที่ไหล่หมอก ทั้งที่ดวงตายังคงจ้องผมไม่วางตา ดูจากท่าทางแล้วคงจะเกรียนและสนิทกับหมอกพอสมควร


   “กูจะโกหกมึงทำไมล่ะไอ้น็อต แล้วเมื่อไหร่จะเลิกจ้องคุณธารสักที นี่แฟนกู กูหวง” หมอกพูดจบก็เอามือปิดตาเพื่อนที่ชื่อน็อต คำพูดและการกระทำของหมอกทำเอาผมอดที่จะเขินไม่ได้ แต่ก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เห็นหมอกพูดแบบนี้ ถ้าเป็นเมฆยังพอจะเข้าเค้ามากกว่า แต่ดูจากแววตาคนที่ยืนอยู่นี่คือหมอกไม่ใช่เมฆอย่างแน่นอน


   “โหย แค่นี้ทำหวง ไอ้คนเห่อแฟนเอ๊ย” น็อตเบ้ปากมองบนใส่ แต่ก็ดูออกว่าเป็นมุขตลกเพื่อนที่อยู่รอบๆ เลยพากันหัวเราะ จะมีก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนริมสุดเท่านั้นที่ทำหน้าบึ้ง แถมยังจ้องมาทางนี้ราวกับว่ากำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ว่าก็แค่แป๊บเดียว เพราะหลังจากนั้นหมอกก็แนะนำทุกคนให้ผมรู้จักเธอก็ยิ้มแย้มตามปกติ ผมเลยพยายามคิดว่าผมคงคิดมากไปเอง


   “ตอนนี้พวกมึงก็ได้เจอคุณธารแล้ว ถ้างั้นกูกลับแล้วนะ”


   “อ้าวเฮ้ย แค่นี้เองหรอวะ พวกกูยังไม่ได้คุยกับพี่ธารเลยนะเว่ย” คนที่พูดนี้ชื่อเก่ง ท่าทางจะเฮ้วและเกรียนไม่ต่างจากน็อต


   “นั่นสิ มึงจะรีบกลับไปไหน นี่พึ่ง 4 ทุ่มครึ่งเองนะไอ้หมอก” น้องผู้หญิงหนึ่งในสองคนที่ยืนอยู่ตรงนี้พูดขึ้น เห็นน้ำเสียงและท่าทางห้าวๆ แบบนี้ แต่ก็มีชื่อที่หวานเจี๊ยบตรงข้ามกับรูปลักษณ์โดยสิ้นเชิง เพราะน้องเขามีชื่อว่าน้ำตาล


อ้อ แต่น้องคนนี้เป็นคนละคนกับที่ผมเห็นว่าจ้องมองมาอย่างไม่พอใจนะ เพราะน้องคนนั้นน่ะชื่อเมเปิ้ล (ก็ไม่รู้ว่าตอนเกิดชื่อเปิ้ลเฉยๆ แต่พอโตขึ้นอยากเพิ่มความเก๋ความชิคให้กับชื่อ เลยเติม ‘เม’ เข้าไปข้างหน้าจนชื่อเมเปิ้ลรึเปล่าล่ะนะ) ถึงจะแต่งตัวเรียบร้อยใสๆ และทักทายผมอย่างยิ้มแย้ม แต่ผมกลับคิดว่านั่นเป็นการแอ๊บไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผมจะคิดไปเองอีกรึเปล่า


“ถ้าอยากคุยกับพี่งั้นพรุ่งนี้ไปร้องคาราโอเกะกันมั้ยล่ะ เดี๋ยวพี่เป็นเจ้ามือเอง” ผมยื่นข้อเสนอ แน่นอนล่ะว่าผมไม่ได้เลี้ยงฟรีๆ เพราะมีจุดประสงค์ที่จะหลอกถามข้อมูล แต่น้องๆ แต่ละคนไม่รู้เลยร้องว้าวตาโตพร้อมกับพยักหน้ากันรัวๆ


“ไปครับ!” / “ไปค่า!”


   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ให้หมอกโทรไปนัดเวลาอีกทีนะ ส่วนวันนี้พี่ขอตัวกลับก่อน” พูดจบผมก็โบกมือลา ทุกคนเลยยกมือไหว้ ก่อนที่ผมจะเดินนำหมอกไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้


   “ขอโทษนะครับคุณธาร พรุ่งนี้วันหยุดแท้ๆ แทนที่คุณจะได้พักผ่อน แต่ต้องออกไปร้องคาราโอเกะแล้วก็เลี้ยงเพื่อนผมซะได้” หมอกพูดขึ้นอย่างเกรงใจเมื่อเราสองคนขึ้นมาบนรถเรียบร้อยแล้ว


   “ฉันเป็นคนเสนอตัวเลี้ยงเองนายจะขอโทษทำไม”


“ก็ผมเกรงใจนี่ครับ อีกอย่างผมกลัวคุณจะเบื่อด้วย ไอ้พวกนั้นมันติงต๊องไร้สาระกันทั้งนั้น” ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่หมอกก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทางมีความสุข


“ฉันไม่เบื่อหรอก อันที่จริงฉันรู้สึกสนุกด้วยซ้ำไปที่ได้เห็นนายอีกมุมที่ไม่เคยเห็น นึกว่านายจะเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา นายดูร่าเริงกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”


“ตอนแรกที่เข้ามาเรียนผมก็เงียบๆ อย่างที่คุณธารคิดนั่นแหละครับ แต่พอได้สนิทกับไอ้พวกนั้น ผมเลยติดนิสัยของพวกมันมา”


“ดีแล้วแหละ ฉันดีใจนะที่เห็นนายร่าเริง นายมีเพื่อนที่ดีนะหมอก” ผมพูดจบก็ยื่นมือไปวางที่ศีรษะของหมอกแล้วลูบเบาๆ โดยที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ถนนตรงหน้า ขนาดพึ่งเจอกันได้แค่แป๊บเดียว แต่ผมก็รู้สึกว่าเพื่อนของหมอกเป็นเด็กดีและน่าคบหากันทุกคนจริงๆ


แต่ที่ผมคิดอย่างนั้นก็เพราะลืมใครคนหนึ่งไป...


   ผมไม่รู้เลยว่าน้องผู้หญิงที่ผมพยายามคิดไปเองว่าเข้าใจเธอผิด ตอนนี้กำลังกำหมัดแน่นและจ้องมาทางรถของผมที่ขับออกมาไกลลิบด้วยความชิงชัง สายตานั้นไม่เหลือเค้าความใสและน่ารัก เหลือแต่โฉมหน้าจริงที่ยิ่งกว่างูพิษ ซึ่งกำลังคิดแผนร้ายทำลายความสัมพันธ์ของผมกับหมอก


“ถ้ากูไม่ได้ก็อย่าฝันเลยว่าใครจะได้ ยิ่งเป็นผู้ชายกูยิ่งแพ้ไม่ได้เข้าไปใหญ่” เสียงนั้นแม้จะเต็มไปด้วยความแค้นและเจ็บใจ แต่ก็ดังแค่ในลำคอไม่มีใครสักคนได้ยิน ก่อนที่เสียงนั้นจะกลืนหายไปพร้อมกับสายลมที่ผ่านพัดมา...


.....................................................................

.........................................

................


“สวัสดีครับ / ค่ะ พี่ธาร” กลุ่มเพื่อนของหมอกยกมือไหว้ผมเมื่อเดินเข้ามาในห้องคาราโอเกะที่จองเอาไว้ จากนั้นก็หันไปยกมือทักทายหมอกที่เดินเข้ามาพร้อมกันกับผม


   “มาถึงกันนานรึยัง ขอโทษที่ช้านะ พอดีเส้นที่พี่มากำลังสร้างรถไฟฟ้ารถเลยติดสุดๆ น่ะ” ขนาดผมเผื่อเวลาเอาไว้พอสมควรแล้วนะ แต่รถกลับติดนรกกว่าที่คิดไว้ซะอีก


   “ไม่นานค่า พวกหนูก็พึ่งมากันครบเมื่อกี้เอง” น้ำตาลสาวห้าวเป็นคนตอบ


   “หืม? นี่มากันครบแล้วหรอ พี่ก็นึกว่าจะมากันเยอะกว่านี้ซะอีก”


ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะสมาชิกที่อยู่ในห้องถ้าไม่รวมหมอกกับผมก็มีแค่ 5 คนเอง จะมีน้ำตาล เมเปิ้ล น็อต เก่ง แล้วก็เต๋า ซึ่ง 4 คนแรกผมจำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะน้องที่ชื่อเมเปิ้ลนี่ผมจำได้ขึ้นใจ ส่วนน้องที่ชื่อเต๋าผมจำได้ว่าเมื่อวานก็อยู่ด้วยแต่ไม่ได้คุยกัน เพราะท่าทางน้องเป็นคนเงียบขรึมยิ่งกว่าหมอกซะอีก


   “ความจริงเพื่อนคนอื่นก็อยากมานะพี่ธาร แต่ไอ้ตาลมันไม่ให้มา มันบอกว่ากลัวพี่ธารล้มละลาย” น็อตพูดขึ้นแล้วหัวเราะขำๆ


   “ก็แล้วมันจริงมั้ยล่ะ แต่ละคนแดกล้างผลาญอย่างกับห่าลง มากันแค่กลุ่มเราก็พอแล้วเว่ย” คำพูดของน้ำตาลถึงแม้จะหยาบเกินผู้หญิงไปหน่อยจนผมตกใจ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความหวังดีและความจริงใจที่มีให้ผม


   “ขอบใจมากนะน้ำตาลที่เป็นห่วงพี่ แต่คราวหน้าให้เพื่อนคนอื่นมาด้วยก็ได้ พี่คิดว่าคงไม่โดนถล่มจนล้มละลายขนาดนั้นหรอกมั้ง” ผมพูดยิ้มๆ ทุกคนในห้องเลยหัวเราะออกมาเบาๆ


จนกระทั่ง...


   “พี่ธารนี่สปอร์ตจังเลยนะคะ เวลาไปเที่ยวบาร์โฮสต์คงจะเปย์หนุ่มๆ หนักน่าดูเลยนะคะเนี่ย คิกคิก” ประโยคนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องถึงกับเงียบกริบ มีเพียงเมเปิ้ลเจ้าของเสียงที่หัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่คนเดียว


   “อ้าว ทำไมถึงเงียบกันหมดล่ะ ไม่ขำกับมุขของเราหรอ เราว่าตลกจะตาย” เมเปิ้ลเอียงคอถามอย่างบ้องแบ๊ว


“ตลกกับผีน่ะสิอีเปิ้ล!” ประโยคนี้ผมไม่ได้เป็นคนพูด แต่คนพูดคือน้ำตาล ซึ่งราวกับว่าเอาความในใจของผมไปพูดยังไงยังงั้น


“เราชื่อเมเปิ้ล เรียกให้ครบด้วยสิน้ำตาล”


“ย่ะ! เมเปิ้ลก็เมเปิ้ล! กูแก้ชื่อให้มึงแล้วมึงก็เอามุขตลกที่ขำไม่ออกของมึงกลับไปด้วย เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง หนูขอโทษแทนมันด้วยนะคะพี่ธาร” ประโยคสุดท้ายน้ำตาลหันมาพูดกับผม ผมจึงยิ้มให้บางๆ อย่างไม่ถือสา ทั้งที่ในใจกำลังเดือดปุดๆ อย่างไม่สบอารมณ์


ลองถ้าเมเปิ้ลพูดแบบนี้ก็แสดงว่า สิ่งที่ผมเห็นเมื่อวานมันเกิดขึ้นจริงไม่ใช่เป็นการคิดไปเอง ส่วนสาเหตุก็คงเป็นได้แค่อย่างเดียวคือเมเปิ้ลแอบชอบหมอก เลยหาทางปั่นให้ผมดูไม่ดีเพื่อที่ตัวเองจะได้มีโอกาสเสียบแทน แต่ก็ยังดีที่หมอกไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับคำพูดนั้น


“เอ่อ...ถ้าไงพวกเรามาร้องเพลงกันดีกว่า ใครอยากร้องเป็นคนแรกยกมือขึ้นเลย” เก่งเป็นคนพูดขึ้นเมื่อเห็นทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ซึ่งก็ช่วยแก้สถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เพราะเพียงไม่นานทุกคนก็กลับมาสนุกสนานเฮฮากันอีกครั้ง


“ใครอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” แต่ถึงผมจะพูดแบบนี้ทุกคนก็ยังเกรงใจผมอยู่ดี ผมจึงเป็นคนออกปากสั่งอาหารแทน เมื่อสั่งไปแล้วจนอาหารถูกวางเรียงกันอยู่ตรงหน้า ทุกคนที่ถึงแม้จะเกรงใจแต่ก็ต้องช่วยกันกินเรื่อยๆ อยู่ดี


เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอน 14 ตอนที่ฉันมีแฟนคนแรก ลึกๆ ข้างในมันหวั่นมันไหวแปลกๆ เธอรู้ไหมฉันเหมือน 14 อีกครั้ง ~~~


ตอนนี้เก่งกำลังยืนร้องเพลงโดยพยายามทำท่าทางและดัดเสียงให้คล้ายเจ้าของเพลงอย่าง ‘เสก โลโซ’ เล่นเอาทุกคนถึงกับต้องปรบมือให้เพราะถูกใจในความเป๊ะ นี่ถ้าจับแปลงโฉมพร้อมให้ใส่ชุดคอสเพลย์ คงเหมือนพี่เสกแกมาร้องเพลงเองจริงๆ


“จะว่าไป ในนี้มีใครบ้างอะที่มีแฟนตอนอายุ 14” น็อตถามขึ้นพลางไล่มองใบหน้าแต่ละคน ซึ่งก็ได้รับการส่ายหน้าปฏิเสธเป็นคำตอบ


“โหย ไรเนี่ย อย่าบอกนะว่ามีแฟนก่อน 14 กันทุกคนเลย” พอคิดเองเออเองแบบนี้ น็อตก็ถูกน้ำตาลเหวี่ยงใส่ทันที


“บ้านมึงสิ! ก่อน 14 กูยังเป่ากบโดดยางอยู่เลยไอ้น็อต!” คำตอบนั้นทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาตามๆ กัน


“แล้วมึงมีแฟนคนแรกตอนไหนล่ะ” น็อตยังคงถามต่อ


“มึงจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา ผ่านโว้ยผ่าน แฟนเฟินห่าเหวอะไรไร้สาระ”


“แหม ไร้สาระหรือว่าไม่มีคนเอากันแน่มึง ฮ่าๆๆๆ” น็อตหัวเราะอย่างสะใจ น้ำตาลจึงถลึงตาใส่อย่างเคียดแค้นราวกับจะฆ่าให้ตาย แต่น็อตก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์แล้วหันไปหาเมเปิ้ล


“แล้วเมเปิ้ลล่ะมีแฟนคนแรกตอนไหน”


“เราไม่เคยมีแฟนหรอกน็อต คุณพ่อคุณแม่เราค่อนข้างหวง แล้วเราก็เป็นคนรักนวลสงวนตัวด้วย” เมเปิ้ลก้มหน้าน้อยๆ อย่างเอียงอาย แต่ก็แอบช้อนตาขึ้นมามองหมอก เล่นเอาผมอยากเอามือควักลูกตาที่ใส่บิ๊กอายเบอร์ 18 ให้แหกออกมาจริงๆ


   “อื้อหือ กุลสตรีที่ชายไทยต้องการอยู่ตรงนี้เอง” น็อตยกนิ้วหัวแม่มือให้ แต่ผมอยากยกนิ้วกลางให้แทนมากกว่า


เฮอะ! อยากอ้วกใส่เป็นบ้า ถ้าเรียกยัยนี่ว่าหมูตัวเมียยังเข้าท่ากว่าเยอะ! (กุน = หมู / สตรี = ผู้หญิง)


   “มาที่ฝั่งผู้ชายบ้างดีกว่าว่ามีแฟนคนแรกตอนอายุเท่าไหร่ เริ่มจากมึงเลยไอ้เต๋า” น็อตหันหน้าไปถามเต๋าที่นั่งเงียบๆ อยู่ริมสุดของโซฟา เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าน้องคนนี้ก็มาด้วย


   “กูไม่เคยมีแฟน”


   “เหยดดดดด นี่มึงพูดจริงพูดเล่น?” น็อตทำหน้าแปลกใจ


   “ถ้าไม่เชื่อก็ถามไอ้หมอกดูสิ มันเรียนที่เดียวกับกูมาตั้งแต่ม.ต้น” ประโยคนั้นทำให้ผมรีบหันขวับไปมองเต๋าทันที แต่นั่นไม่ใช่เป็นเพราะสนใจเรื่องการมีหรือไม่มีแฟนของเต๋า เป็นเพราะเต๋าบอกว่าเรียนที่เดียวกันกับหมอกมาตั้งแต่ม.ต้นต่างหาก


   ผมเจอเป้าหมายที่จะตีซี้เพื่อหลอกถามเรื่องของหมอกและเมฆแล้ว!


   “กูยืนยันเลยว่าไอ้เต๋ามันไม่เคยมีแฟนจริงๆ วันๆ มันเอาแต่เตะบอลเคยสนใจใครที่ไหน” หมอกหันไปยืนยันเรื่องของเต๋ากับน็อต ผมจึงสบโอกาสเริ่มคุยกับเต๋าเพื่อตีซี้


   “งั้นพี่ขอถามเต๋าหน่อยสิว่า หมอกเคยมีแฟนก่อนจะได้มาเจอพี่รึเปล่า เห็นหล่อๆ แบบนี้แต่บอกไม่เคยมีแฟนพี่เลยไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่น่ะ” ผมแสร้งหรี่ตาทำเป็นไม่ค่อยไว้ใจ


   “โธ่ คุณธารก็...ไอ้เต๋ามึงตอบดีๆ อย่าแกล้งกูนะเว่ย” หมอกโอดครวญกับผม ก่อนจะหันหน้าไปอ้อนวอนเต๋าที่นั่งข้างๆ


   “สบายใจได้ครับพี่ธาร ไอ้หมอกมันไม่เคยมีแฟนหรอก พี่เป็นแฟนคนแรกของมันจริงๆ” นี่ถ้าเต๋าช่วยอำเพื่อแกล้งหมอกด้วยคนคงจะฮากันลั่นห้องแน่ๆ


   “แล้วพี่ธารล่ะคะ ก่อนมีหมอกเป็นแฟนเคยได้ผู้ชาย...เอ๊ย! มีแฟนเป็นผู้ชายมากี่คนแล้วคะ” เสียงแอ๊บๆ ที่แสร้งตอแหลทำเป็นพูดผิดคงไม่ต้องบอกนะว่าใคร แน่นอนว่าต้องเป็นยัยเมเปิ้ลชัวร์อยู่แล้ว!


   “เฮ้ยมึง พี่ธารไม่ใช่เพื่อนพวกเราสักหน่อย ถามแบบนี้มันเสียมารยาทนะเว่ย” เป็นอีกครั้งที่น้ำตาลช่วยออกหน้าแทนผม ผมรู้สึกว่าน้ำตาลดูจะไม่ค่อยชอบเมเปิ้ลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจเพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกันเลยมองออกก็ได้ว่าธาตุแท้ของเมเปิ้ลเป็นคนยังไง


   “เราก็แค่ถามคำถามธรรมดาเองนะน้ำตาล ไม่เห็นรู้สึกเลยว่ามันจะเสียมารยาทตรงไหน” เมเปิ้ลกระพริบตากลมโตอย่างใสซื่อ น้ำตาลที่คงคนไม่ไหวกับความแอ๊บนั่นเลยง้างปากจะด่า แต่ผมก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องวิวาท พวกผู้ชายที่ดูไม่ออกเดี๋ยวจะเข้าข้างยัยเมเปิ้ลกันซะหมด


   “พี่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนหรอกนะน้องเมเปิ้ล” ที่ผมพูดไม่ได้เป็นการโกหกแต่อย่างใด ผมไม่เคยมีแฟนอย่างที่พูดจริงๆ ที่ผ่านก็เป็นแค่คู่นอนเท่านั้นเอง


   คำพูดของผมทำให้ยัยเมเปิ้ลถึงกับหน้าเสียเพราะคงจะผิดแผน แต่ก็สามารถกลับมายิ้มหวานและแก้เกมได้อย่างรวดเร็ว


   “ว้าว ถ้างั้นเมเปิ้ลก็ต้องแสดงความยินดีกับหมอกสินะคะ ที่อุตส่าห์รักษาความบริสุทธิ์จนได้มาเจอคนที่คู่ควรเพราะบริสุทธิ์เหมือนกัน” คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกราวกับถูกตบหน้ากลางสี่แยก เอาจริงๆ ผมคิดว่าถ้าถูกตบตรงนั้นยังดีกว่าการนั่งอยู่ตรงนี้ซะอีก


ผมไม่เคยรู้สึกแย่และคิดว่าตัวเองทำผิดที่เคยฟรีเซ็กส์จนกระทั่งวันนี้...


ตอนนี้ผมไม่กล้าหันไปมองหมอกด้วยซ้ำว่ากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่...


   “อ้าว ทำไมหน้าซีดล่ะคะพี่ธาร หมอกก็ด้วยนั่งเงียบเชียว เป็นอะไรกันคะเนี่ยเมเปิ้ลงงไปหมดแล้ว” ยัยเมเปิ้ลเอียงคอ 45 องศาอย่างบ้องแบ๊ว แต่กลับยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากอย่างผู้ชนะ


   อยากลุกไปตบยัยงูพิษนี่เป็นบ้า!


   แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นผมก็ได้แค่ขบกรามแน่นเพียงอย่างเดียว ก็ผมเป็นผู้ชายนี่นะจะให้ลุกไปตบผู้หญิงได้ยังไง แค่นี้ภาพลักษณ์ของผมก็ย่อยยับจนไม่เหลือชิ้นดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นหมอกคงไม่นั่งก้มหน้านิ่งๆ จนผมรู้สึกใจคอไม่ดีแบบนี้หรอก


   ไม่ได้การ ผมต้องทำอะไรสักอย่างให้ยัยหมูตัวเมียหุบปากได้แล้ว!


   ซึ่งขณะที่กำลังคิดอยู่นั่นเองผมก็เหลือบไปเห็นบิลค่าอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมจึงยิ้มที่มุมปากเมื่อเกิดความคิดดีๆ เลยหยิบกระเป๋าตังของตัวเองออกมา จากนั้นก็หยิบแบงค์พันกับเหรียญบาทออกมาจากกระเป๋า


การกระทำของผมทำเอาทุกคนที่อยู่ในห้องถึงกับทำหน้างง โดยเฉพาะเก่งที่พึ่งร้องเพลงเสร็จและยังยืนอยู่อย่างเก้ๆ กังๆ


   “ยื่นมือออกมาหน่อยสิเมเปิ้ล” ผมยิ้มหวาน เล่นเอายัยเมเปิ้ลงงหนักกว่าเดิม แต่ก็ยอมยื่นมือออกมาตามคำขอของผมอย่างโดยดี ผมเลยวางเหรียญบาทลงบนนั้นแล้ววางแบงค์พันลงที่มือของผม


   “ทุกคน ตอบพี่หน่อยว่าเหรียญในมือของเมเปิ้ลมีค่าเท่าไหร่”


   “1 บาทครับ / ค่ะ” ทุกคนตอบคำถามอย่างพร้อมเพรียง


   “แล้วในมือพี่ล่ะ?”


   “1 พันครับ / ค่ะ” ผมยิ้มกับคำตอบที่ได้รับ ก่อนที่จะขยำแบงค์พันในมือจนมันขดเป็นก้อนกลมๆ แต่หลังจากนั้นก็คลี่กลับคืนให้กลายเป็นแผ่นเหมือนเดิม


   “พอพี่ทำแบบนี้ แบงค์พันในมือของพี่มีค่าลดลงไปรึเปล่า”


   “ไม่ครับ / ค่ะ” จนถึงตอนนี้ทุกคนคงจะเข้าใจกันหมดแล้วล่ะว่าผมต้องการจะสื่ออะไร


   “ของบางอย่างหรือคนบางคน ไม่ว่าจะเคยผ่านอะไรมามันก็ยังคงมีค่าเสมอ แต่สำหรับของบางอย่างหรือคนบางคน ถึงแม้จะไม่เคยผ่านอะไรมาเลยแต่มันก็ยังราคาถูกอยู่ดี ที่พี่พูดแบบนี้น้องเมเปิ้ลคงจะเข้าใจสินะ” ผมยิ้มที่มุมปาก ส่วนยัยเมเปิ้ลก็กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ เพราะคงคิดไม่ถึงว่าจะถูกผมตอกกลับจนหน้าหงายได้ขนาดนี้


ยกนี้ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายชนะไม่ใช่ยัยงูพิษ!


   2BC


ฮัลโหลวววว สวัสดีค่าาาาาา Erotic ตอนที่ 8 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนที่กำลังอ่านทุกคนคงจะลุ้นและเจ็บใจแทนคุณธารมากๆเลยใช่มั้ยล่ะ  :hao3: ที่ต้องมาไฝว้กับนีน้อยเมเปิ้ลจอมแอ๊บแบ๊วแบบนี้ แต่ในที่สุดมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะคุณธารสามารถตอกกลับไปได้สวยๆ เหมือนใบหน้าเลยค่า  :katai2-1:
ส่วนตอนหน้าก็มาลุ้นกันนะคะว่านีน้อยจะยอมแพ้แล้วร้องไห้วิ่งกลับบ้าน  :o12: หรือว่าจะไฝว้ต่อจนพี่ธารต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเสียน้ำตา หรือว่าจะมีอะไรที่พีคยิ่งกว่านี้เกิดขึ้น!? ถ้ายังไงก็รอกันอีกแค่ 2 วันนะคะ รับรองว่าช่วงค่ำๆหรือดึกๆเจอกันตอนที่ 9 แน่นอน บ๊ายบายยยย  :bye2:
แล้วมาเอาใจช่วยพี่ธารคนสวยกันด้วยน้า ถ้าชื่นชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยเน่อ หรือจะเข้ามาเม้ามอยที่แฟนเพจก็ได้นะคะ รักทุกคนเลยน้า จุ๊บบบบบ  :จุ๊บๆ:
(16 พ.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-11-2017 21:17:45
อั้ยยะแซบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-11-2017 22:45:48
วินเนอร์ แมชนี้ธารชนะขาดลอยจ้า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-11-2017 00:24:20
โห...พี่ธาร #แม่ก้อคือแม่   :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-11-2017 02:07:46
เมเปิ้ลอย่าเพิ่งรีบหายตัวนะ ให้หลานธารฟัดอีกสักตอนเถอะ รมณ์เสียยยยยยยย  :o211:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 17-11-2017 13:30:15
ยกที่ 1 หมดเวลา ..

รอดูต่อ ยกที่ 2 ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-11-2017 20:23:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 18-11-2017 01:20:18
เมเปิ้ลอย่าเพิ่งรีบหายตัวนะ ให้หลานธารฟัดอีกสักตอนเถอะ รมณ์เสียยยยยยยย  :o211:

+1  o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 18-11-2017 13:40:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 8 ยัยงูพิษ! [16.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 18-11-2017 15:55:47
ราชินีก็คือราชินีสินะ 
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 18-11-2017 21:19:14
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 9# Thara การกระทำที่ผิดพลาด


“แหม พี่ธารก็เข้าใจเปรียบเทียบนะคะ แต่เมเปิ้ลคิดว่ามันก็ไม่ถูกซะทีเดียว...” ยัยเมเปิ้ลพูดขึ้นหลังจากที่หน้าเสียไปพักใหญ่ ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองได้ชนะน็อคไปเรียบร้อย แต่ผมก็คิดผิดเพราะยัยงูพิษนี่มันร้ายและฉลาดกว่าที่คิดไว้ซะอีก!


“คนกับเงินมันไม่เหมือนกันนะคะพี่ธาร พอเอามาเทียบกันแบบนี้เมเปิ้ลรู้สึกว่ามันตะหงิดๆ ยังไงไม่รู้ เงินเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่เอาไว้ใช้จ่าย เพราะงั้นถึงจะผ่านอะไรมาก็ถูกแล้วที่มันยังมีค่าเหมือนเดิม แต่สำหรับคนนั้นไม่ใช่ คนเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะงั้นถ้ามันแปดเปื้อนหรือว่าสกปรกไปแล้ว ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่สะอาดขึ้นมาได้หรอกค่ะพี่ธาร อย่าพยายามเอาคำพูดสวยหรูมาปลอบใจตัวเองหน่อยเลย”
   

คำพูดและหน้าตาเย้ยหยันของยัยเมเปิ้ลทำให้ผมถึงกับกำหมัดแน่น ยิ่งบวกกับรอยยิ้มที่มุมปากด้วยใบหน้าแอ๊บแบ๊วนั่นมันก็ทำให้ผมยิ่งโมโห
 ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยโกรธใครจนอยากจะฆ่าให้ตายเท่ากับวันนี้เลย
   

แต่ที่โกรธมากกว่าก็คือตัวเองที่ไม่รู้จะตอกกลับยัยงูพิษไปว่ายังไงนี่แหละ!
   

“พอเถอะเมเปิ้ล” เสียงอันเรียบเฉยของหมอกดังขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน ตอนนี้หมอกกำลังก้มหน้าลงต่ำจนผมมองไม่ออกว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่


   “ทำไมล่ะหมอก ทนฟังความจริงไม่ได้งั้นหรอ”


   “ผมบอกให้พอไงเมเปิ้ล” ถึงแม้หมอกจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศกำลังแปลกไป ส่วนยัยเมเปิ้ลที่ไม่ได้รู้เรื่องเลยยังลอยหน้าลอยตาพูดต่อไปอย่างไม่หยุดปาก


   “เราหวังดีกับหมอกหรอกนะเราถึงได้พูด ผู้ชายดีๆ อย่างหมอกน่าจะได้คบกับผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควรมากกว่า ไม่ใช่ผู้ชายที่เคยผ่านผู้ชายมาก่อน แถมยังไม่แน่ว่าอาจจะเคยผ่านผู้ชายมามากกว่าทหารทั้งกองทัพ...”


   “ก็บอกว่าให้หุบปากไม่ได้ยินรึไงเมเปิ้ล!” เสียงตะคอกของหมอกทำให้ยัยเมเปิ้ลที่ยังพล่ามไม่จบถึงกับสะดุ้ง ส่วนคนอื่นที่อยู่ในห้องก็ตกอยู่ในอาการไม่ต่างกันรวมทั้งผมก็ด้วย


   โกหกใช่มั้ย เมื่อกี้หมอกเป็นคนพูดแบบนั้นจริงๆ หรอเนี่ย?


   “เอ่อ...คือ...หมอก...” ผมยื่นมือออกไปจะวางลงบนไหล่ แต่หมอกก็ลุกขึ้นแล้วก้าวขายาวๆ ไปตรงหน้ายัยเมเปิ้ล ที่ตอนนี้ยังตัวแข็งค้างและตาเบิกกว้างด้วยความอึ้งไม่หายอยู่เลย


   ตอนนี้หมอกกำลังยืนก้มหน้ามองยัยเมเปิ้ลที่อยู่ต่ำกว่า ผมมองเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าเลยไม่รู้ว่าตอนนี้หมอกกำลังทำสีหน้าแบบไหน


   “ผมจะบอกอะไรให้นะว่า ต่อให้คุณธารเคยผ่านผู้ชายมาทั้งโลกผมก็ไม่แคร์” คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกตื้นตันจนอดที่จะยิ้มบางๆ และน้ำตาคลอไม่ได้


ผิดกับยัยเมเปิ้ล เพราะยัยนั่นถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะประโยคถัดไปของหมอกที่พูดขึ้นว่า...


“แต่สำหรับบางคน ต่อให้เหลือแค่คนเดียวในโลกผมก็ไม่เอา...โดยเฉพาะคนอย่างคุณ” หมอกพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม แต่คำพูดนั้นขนาดคนฟังอย่างผมยังถึงกับหน้าชา แล้วนับประสาอะไรกับยัยเมเปิ้ลที่โดนต่อหน้าอย่างเต็มๆ ถ้าผมเป็นยัยนั่นผมก็คงจะร้องไห้ออกมาแบบนี้แน่นอน


   แต่ที่หน้าแปลกนั่นก็คือ หมอกไม่น่าฟิวส์ขาดจนโมโหได้ถึงขนาดนี้ ปกติผมเคยเห็นหมอกขึ้นเสียงหรือพูดจาแรงๆ ใส่คนอื่นแบบนี้ที่ไหน ถ้าเป็นเมฆยังพอจะเข้าใจได้มากกว่า...


เอ๊ะ! หรือว่านี่อาจเป็นเมฆที่เป็นอีกบุคลิกหนึ่งของหมอก?


   ผมว่าใช่! มันต้องใช่อย่างที่ผมคิดแน่ๆ!


   “ทุกคน พี่ขอโทษนะแต่ตอนนี้ช่วยกลับกันไปก่อนจะได้มั้ย” ผมรีบหันไปพูดกับทุกคนในห้องเพราะกลัวจะรู้ถึงความลับนี้ เรื่องที่หมอกมีสองบุคลิกจะแพร่งพรายให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด!


   “ค่ะพี่ธาร เดี๋ยวหนูจะลากอีตัวปัญหาออกไปให้ด้วยนะคะ...มากับกูเลยอีเปิ้ล!” น้ำตาลพูดกับผมก่อนจะหันไปหาเมเปิ้ลแล้วลากออกไปจากห้อง ส่วนน้องผู้ชายคนอื่นก็รีบเก็บของแล้วตามสองสาวออกไป จนตอนนี้ในห้องเหลือเพียงแค่ผมกับหมอกสองคนเท่านั้น ไม่สิ...ผมต้องเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าว่าเมฆถึงจะถูกต้องมากกว่า


   “เมฆ...” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วแตะมือลงที่ไหล่กว้าง แต่เจ้าของร่างกลับหันขวับมาหาผมด้วยสายตาวาวโรจน์


   “เมื่อกี้คุณเรียกผมว่ายังไงนะ” น้ำเสียงเย็นเยียบที่ได้ยินทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือสายตาของคนตรงหน้าที่จ้องมองมา
   “คะ...คือ...” ผมอึกอักเพราะเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าคนตรงหน้าผมเป็นใครกันแน่ แต่ที่แน่ๆ การที่ผมเรียกชื่อเมฆออกไปเป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงแน่นอน


   “ที่ผมถามคุณไม่ได้ยินรึไง...ตอบผมมาเดี๋ยวนี้ว่าเมื่อกี้คุณเรียกผมว่าเมฆใช่มั้ย! ใช่มั้ยคุณธาร!” หมอกตะคอกใส่ผมเสียงดังแถมยังใช้สองมือบีบที่ไหล่ของผมแน่นอีกต่างหาก ความเกรี้ยวกราดที่เห็นทำเอาผมรู้สึกกลัวและตกใจจนลืมความเจ็บที่ไหล่ไปเลย


   “ชะ...ชะ...ใช่ เมื่อกี้ฉันเรียกนายว่าเมฆ”


   “ในเวลาแบบนี้คุณยังกล้าเรียกชื่อผู้ชายคนอื่นออกมาอีกงั้นหรอ!” คำตอบของผมทำให้หมอกโกรธมากกว่าเดิมจนออกแรงบีบที่ไหล่แรงขึ้น ผมไม่เคยคิดเลยว่าคนนิ่งๆ เวลาโมโหจะน่ากลัวได้ถึงขนาดนี้


   “นายฟังฉันก่อนนะหมอก เรื่องนี้ฉันอธิบายได้ คือฉัน...”


   “ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น! ผมได้ยินเต็มสองหูคุณยังจะแก้ตัวอีกหรอคุณธาร!” สีหน้าตอนนี้ของหมอกน่ากลัวมาก แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเจ็บปวด แล้วถ้าผมมองไม่ผิด ผมยังเห็นว่าตอนนี้มีน้ำตารื้นขึ้นมาจากดวงตาของหมอกอีกด้วย


   “คุณรู้มั้ยว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อผู้ชายคนนั้นออกมาจากปากของคุณ”


“วะ...ว่าไงนะ?” ผมแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะผมพยายามปิดบังเรื่องของเมฆมาโดยตลอดแท้ๆ แต่ทำไมหมอกถึงได้ยินชื่อเมฆออกมาจากปากของผมได้


 “คุณคงจะกำลังแปลกใจอยู่สินะ ตอนนั้นคุณไม่รู้ตัวหรอกเพราะคุณกำลังหลับอยู่ คุณละเมอเรียกชื่อมันหลายครั้งจนผมรู้สึกสงสัย แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่ากำลังถูกคุณสวมเขา ผมคิดเพียงแค่ว่าคุณคงจะฝันอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมมันคงโง่มากเลยสินะคุณธาร...” ประโยคสุดท้ายหมอกพูดด้วยเสียงสั่นเครือ สายตาของหมอกที่มองมาแสดงออกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน


“ฉันไม่เคยคิดว่านายโง่เลยนะหมอก ฉันรู้สึกชอบนายจริงๆ ส่วนเรื่องเมฆ...”


“อย่าพูดชื่อของมันให้ผมได้ยินอีกผมไม่อยากฟัง!” ผมสะดุ้งตกใจ เมื่อถูกหมอกขึ้นเสียงใส่ด้วยความเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกครั้ง


“คุณรู้มั้ยว่าผมไม่เคยรังเกียจจริงๆ ที่คุณเคยมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นมาก่อน ผมไม่เคยสนใจและรับได้ทุกอย่างไม่ว่าคุณจะเคยผ่านอะไรมา แต่เรื่องที่ผมรับไม่ได้เลยก็คือการที่ถูกคุณนอกใจ แล้วผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครรับเรื่องแบบนี้ได้แน่นอน เพราะงั้น...เราเลิกกันเถอะคุณธาร” สิ้นเสียงนั้นก็ราวกับว่าหัวใจของผมได้หยุดเต้นลง ผมได้แต่ยืนตัวแข็งค้างโดยมีน้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย


 นี่มันไม่จริงใช่มั้ย?


ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่านี่มันคือความฝัน


แค่ฝันร้ายเท่านั้นพอตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม


ได้โปรด...


“เราสองคนอย่าเจอกันอีกเลยคุณธาร” หมอกพูดจบก็หันหลังแล้วเดินจากไป ผมรู้ตัวเลยว่ายิ่งระยะห่างมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้หมอกค่อยๆ ลบผมออกไปจากใจมากเท่านั้น แต่เท้าเจ้ากรรมมันดันไร้เรี่ยวแรงจนผมขยับเคลื่อนไหวไม่ได้


จนกระทั่ง...


“อา!” จู่ๆ หมอกก็กุมศีรษะเอาไว้แล้วทรุดตัวลงไปที่พื้น นั่นแหละผมจึงได้มีแรงแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาหมอกอย่างร้อนรน


“หมอก! นายเป็นอะไร!” ผมถามด้วยความเป็นห่วงแล้วจะประคองหมอกให้ลุกขึ้น แต่หมอกก็ปัดมือผมทิ้งแล้วพยายามประคองตัวลุกขึ้นเอง


“ไม่ต้องมายุ่งกับผม!”


“แต่เรื่องนี้ฉันไม่ยุ่งไม่ได้!”


“อย่าทำให้ผมรู้สึกเกลียดคุณไปมากกว่านี้ได้มั้ยคุณธาร!” ประโยคนั้นทำให้ผมถึงกับตัวแข็งค้าง คำว่าเกลียดจากหมอกมีอิทธิพลกับร่างกายและหัวใจของผมมากมายจริงๆ เพราะงั้นผมจึงได้ยืนอยู่นิ่งๆ แบบนั้น จนกระทั่งผ่านไปสักพักอาการปวดศีรษะของหมอกก็จางหาย สีหน้าและอาการของหมอกดีขึ้นจนสามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง


“นายโอเครึยังหมอก ถ้ายังจะให้ฉันพานายไปโรงพยาบาล...”


“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” หมอกพูดตัดบทแล้วรีบก้าวเท้าเดินออกจากห้องไปทันที ผมที่เห็นอย่างนี้เลยรีบวิ่งตามออกไป แต่ก็ถูกพนักงานของร้านเข้ามาขวางเอาไว้เพราะว่าผมยังไม่ได้จ่ายค่าห้องและค่าอาหาร ซึ่งกว่าจะออกมาได้หมอกก็หายตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


มันจบแล้วสินะ...


ความรักของผมกับหมอกมันได้จบลงไปแล้ว...


ผมปล่อยให้หมอกจากไปโดยที่ไม่สามารถฉุดรั้งเอาไว้ได้เลย...


“จะให้จบแบบนี้จริงๆ หรอ?” ผมถามตัวเองในใจ แต่รู้สึกจะถามดังไปหน่อยจนเสียงมันดังออกมาข้างนอก ยังดีที่ตรงนี้ไม่มีใคร ไม่งั้นผมคงถูกหาว่าบ้าแน่ๆ คนสติดีที่ไหนจะมายืนร้องไห้แถมยังพูดคนเดียวได้แบบนี้


ผมพยายามข่มความเศร้าเอาไว้แล้วปาดน้ำตาออกไปช้าๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาร้องไห้คร่ำครวญ ผมควรจะตามหาหมอกเพื่อง้อและปรับความเข้าใจกัน ถึงแม้ผมจะไม่มั่นใจก็เถอะว่าหมอกจะยอมให้อภัยผมมั้ย แต่ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าหมอกมี 2 บุคลิกก็แสดงว่าผมไม่ได้นอกใจ เพราะงั้นผมต้องไปเค้นถามจากคนที่น่าจะรู้เรื่องซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...หมอเจ!


   ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ไอ้หมอเจ้าเล่ห์แล้วโทรหา แต่ไม่ว่าจะโทรไปเท่าไหร่ไอ้หมอบ้านั่นก็ไม่ยอมรับสาย ซึ่งก็เป็นมาตลอดตั้งแต่วันที่ให้นามบัตรผมมาแล้ว ถ้าจะไม่รับตั้งแต่แรกแล้วจะให้เบอร์ผมมาเพื่อ!


   แต่ก็เอาเถอะ ไม่รับสายแล้วไง ผมบุกไปหาถึงโรงพยาบาลซะก็สิ้นเรื่อง!


   พอคิดได้แบบนั้น ผมก็รีบเดินไปขึ้นรถเพื่อขับไปยังโรงพยาบาลที่หมอเจทำงานอยู่ทันที โดยที่ผมก็ไม่ลืมมองไปรอบๆ เพื่อหาหมอก เพราะคิดว่ายังคงไปไหนได้ไม่ไกล แต่ผมกลับพบใครคนหนึ่งกำลังยืนรอรถเมล์ที่ป้ายอยู่


“ให้พี่ไปส่งมั้ยเต๋า” ผมเปิดกระจกลงหลังจากที่จอดรถตรงหน้าเต๋า เพื่อนสนิทของหมอกที่เห็นว่าเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม.ต้น


   “เอ่อ...ไม่เป็นไรครับพี่ธาร ผมเกรงใจ”


   “ขึ้นมาเถอะ พี่มีเรื่องของหมอกอยากจะถามเต๋าพอดี” ผมคิดว่าจะใช้จังหวะนี้ถามเรื่องในอดีตของหมอกดู ซึ่งพอผมพูดแบบนี้เต๋าก็ลังเลอยู่แป๊บหนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจเปิดประตูขึ้นมานั่งยังเบาะหน้าข้างๆ ผม


   “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์จะไปส่งผม ว่าแต่ไอ้หมอกล่ะครับ ไม่ได้มาด้วยกันหรอ” ผมรู้สึกหน่วงขึ้นมาทันทีกับคำถามของเต๋า แต่ผมก็พยายามปั้นสีหน้าแล้วยิ้มออกมาบางๆ ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น


   “พอดีพี่จะไปทำธุระต่อน่ะเลยแยกกลับกับหมอก”


   “อ้าว แล้วอย่างนี้พี่ธารจะไปทำธุระทันหรอครับถ้าต้องไปส่งผม”


   “มันก็ไม่ใช่ธุระที่เร่งด่วนเท่าไหร่หรอก พี่มีเรื่องเร่งด่วนอยากจะถามเต๋ามากกว่า ตั้งแต่ที่รู้จักกับหมอกมา หมอกเคยมีอาการโมโหเกรี้ยวกราดอย่างวันนี้มั้ย หรือว่าเคยมีพฤติกรรมที่แปลกไปเหมือนไม่ใช่คนเดิมรึเปล่า” พอผมถามแบบนี้เต๋าก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ซึ่งก็คิดอยู่เป็นนาทีกว่าจะเอ่ยปากตอบคำถามของผม


   “อาการโมโหแบบนี้ไอ้หมอกไม่เคยเป็นหรอกครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นคนเก็บกดยังไงไม่รู้ พี่ธารเคยสงสัยใช่มั้ยล่ะครับว่าทำไมไอ้หมอกหน้าตาก็ดีแต่ไม่เคยมีแฟน คือจริงๆ คนชอบมันเยอะนะ แต่ไม่อยากเข้าหาเพราะที่บ้านมันต่างหาก” ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ความคิดของพฤกษ์กับเพลิงถูกต้องจริงๆ ด้วย


   “ที่บ้านของหมอกมันทำไมหรอเต๋า”


   “ถามแบบนี้แสดงว่าพี่ธารยังไม่เคยเจอพ่อกับแม่ไอ้หมอกสินะครับ”


   “อืม หมอกแทบไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านให้พี่ฟังเลย บอกแค่ว่าพ่อกับแม่รับราชการ”


   “ก็ไม่แปลกหรอกครับที่มันไม่เล่าให้ฟัง คือพ่อแม่ของมันเข้มงวดมาก ทุกอย่างในชีวิตต้องเดินตามกรอบที่ถูกวางเอาไว้ คือผมก็พยายามเข้าใจนะว่ามันเป็นลูกคนเดียวเลยถูกคาดหวังมาก แต่รุ่นเกรดตกไปศูนย์จุดกว่าๆ ไม่ถึง 1 เลยด้วยซ้ำยังถูกด่ายับเหมือนสอบตกนี่ก็เกินไป”


พอได้ยินแบบนี้ผมก็มั่นใจแล้วแหละว่าหมอกต้องมีสองบุคลิกแน่นอน ส่วนสาเหตุน่าจะเป็นเพราะความเครียดและเก็บกดจากที่บ้านที่เข้มงวดมากเกินไป จนถึงจุดที่ทนไม่ไหวสมองจึงได้สร้างเมฆขึ้นมาล่ะมั้ง ซึ่งมันก็สอดคล้องกับอาการหมดสติของหมอกที่เกิดขึ้นบ่อยๆ พอดี


หลังจากนั้นผมก็คุยกับเต๋าเรื่องของหมอกต่ออีกนิดหน่อย ซึ่งก็ทำให้ผมยิ่งมั่นใจเรื่องที่หมอกมี 2 บุคลิกมากขึ้น เพราะงั้นหลังจากไปส่งเต๋าที่บ้านผมก็พยายามโทรหาหมอก เพื่อที่จะพูดคุยและปรับความเข้าใจว่าผมไม่ได้นอกใจอย่างที่คิด หมอกกับเมฆเป็นคนเดียวกัน ดังนั้นถ้าหากผมจะชอบทั้งคู่มันก็ไม่ผิดไม่ใช่รึไง แต่หมอกกลับไม่รับสายแถมยังปิดเครื่องใส่ผมอีกต่างหาก


“เฮ้อออออออ” ผมถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม พอหมอกได้โมโหก็เกรี้ยวกราดและอารมณ์ร้ายจนไม่ฟังใครเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เข้าใจความรู้สึกของหมอกนะ ถูกคนที่รักหักหลังทั้งที่เราปกป้องแทบตาย ถ้าหากกลับกันเป็นผมที่โดนแบบนั้น ผมคงวีนแตกและหัวร้อนมากกว่าหมอกไม่รู้กี่เท่าแน่ๆ


พอติดต่อหมอกไม่ได้ ผมเลยแวะไปดูที่หอว่าหมอกกลับมารึยัง แต่หมอกก็ยังไม่กลับเพราะภายในยังคงอยู่สภาพเดิมก่อนที่เราสองคนจะออกมา ดังนั้นผมจึงได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่แรกที่ผมตั้งใจจะไป นั่นก็คือโรงพยาบาลที่หมอเจทำงานอยู่


“สวัสดีครับ ผมธาราเป็นเพื่อนหมอจิณณวัตร ไม่ทราบว่าผมจะไปพบตามนัดได้ที่ห้องไหน พอดีว่าหมอปิดเครื่องไว้ผมเลยติดต่อไม่ได้น่ะครับ” ผมตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล โดยพูดโกหกให้แนบเนียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นธรรมชาติ แถมยังสร้างความเชื่อถือด้วยการหันหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังโทรออกเบอร์ของหมอเจให้ดูอีกด้วย


“คุณหมอจิณณวัตรตอนนี้อยู่ที่ห้องพักแพทย์ค่ะ แต่รู้สึกว่าตอนนี้คุณหมอกำลังมีแขกนะคะ”


“อ๋อ นั่นคนรู้จักผมเอง หมอนัดผมกับเขาพร้อมกันแต่เราแยกกันมาน่ะ” ผมพูดโกหกอีกครั้ง ถึงจะรู้ว่าเข้าพบตอนนี้มันไร้มารยาท แต่ยังไงผมก็ต้องคุยกับหมอเจวันนี้ให้ได้


“ถ้าอย่างนั้นก็เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายที่สองนะคะ ห้องจะอยู่ทางขวามือค่ะ” พยาบาลสาวผายมือบอกทางให้ผมอย่างง่ายดาย คงเพราะเชื่อถือจากการพูดจาและลักษณะท่าทางที่ไม่มีพิษมีภัยของผมล่ะมั้ง


“ขอบคุณมากครับ” ผมยิ้มรับแล้วโค้งน้อยๆ จากนั้นก็เดินไปตามทางที่พยาบาลสาวบอก จนกระทั่งถึงห้องที่ติดป้ายเอาไว้ว่าห้องพักแพทย์


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ใครครับ” เสียงของหมอเจถามขึ้นเมื่อผมผมเคาะประตูห้อง แต่ผมไม่ยอมตอบหมอเจเลยออกมาเปิดประตูด้วยความสงสัย ซึ่งพอเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละใบหน้าหล่อๆ ก็แสดงอาการตกใจอย่างปิดไม่มิด


“ผมธารเอง ตอนนี้หมอกำลังคุยกับใครอยู่รึเปล่า” ผมลอบมองเข้าไปในห้อง แต่ก็ปรากฏว่าไม่เห็นมีใครอยู่เลย บางทีแขกของหมอเจที่พยาบาลสาวบอกอาจจะกลับไปแล้วล่ะมั้ง


“เอ่อ...เปล่า ผมอยู่คนเดียว” หมอเจพูดอย่างตะกุกตะกัก คงคิดไม่ถึงล่ะสิว่าผมจะบุกมาหาถึงได้ตกใจขนาดนี้


“ก็ดีเพราะผมมีธุระที่สำคัญมากจะคุยกับหมอ” ผมพูดจบก็เบี่ยงตัวเข้าไปในห้อง โดยที่หมอเจยังไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตเลยแม้แต่น้อย


“ผมยังไม่ได้เชิญธารเลยนะ” หมอเจพูดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีต้องการไล่ผมออกไป แถมยังปิดประตูและล็อกห้องอย่างเรียบร้อยอีกต่างหาก


“ไม่เป็นไรผมเชิญตัวเองแล้ว แล้วหมอก็ไม่ต้องหาเรื่องบ่ายเบี่ยงด้วย ยังไงวันนี้ผมก็ต้องคุยกับหมอให้ได้” ผมยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็เดินไปนั่งยังโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ หมอเจที่เห็นอย่างนั้นเลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินมานั่งยังโซฟาอีกตัวที่อยู่ตรงหน้าผมอย่างช่วยไม่ได้


“เอาล่ะ ธารมีเรื่องอะไรจะคุยก็ว่ามา”


“ผมรู้แล้วว่าหมอกกับเมฆคือคนเดียวกัน หมอกมีสองบุคลิกใช่มั้ยหมอเจ” คำถามของผมไม่ได้ทำให้หมอเจแสดงอาการตกใจมากขึ้นแต่อย่างใด มิหนำซ้ำท่าทางของหมอเจยังกลับมาผ่อนคลาย สายตามีแววเจ้าเล่ห์อีกครั้งทั้งที่ใบหน้ากำลังเปื้อนยิ้มอย่างอ่อนโยน


   “ดูท่าทางธารจะมั่นใจมากเลยสินะเรื่องที่หมอกมีสองบุคลิก”


   “ใช่ ผมมั่นใจมาก แต่ตอนนี้ผมติดต่อหมอกไม่ได้ คือหมอกโกรธมากคิดว่าผมนอกใจเลยขอเลิกกับผม”


   “ธารเลยอยากให้ผมช่วยตามหมอกมา เพราะอยากอธิบายเรื่องเมฆให้กระจ่างสินะ” ฉลาดและเข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้สมแล้วที่เป็นหมอ


   “ใช่ หมอพอจะช่วยผมได้มั้ย” หมอเจไม่ตอบอะไร แต่สายตากลับมองเลยไปยังด้านหลังของผม ด้วยความสงสัยผมเลยว่าจะหันหลังกลับไปมอง แต่หมอเจก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังประตูห้องซะก่อน ผมเลยตกใจคิดว่าหมอเจจะชิ่งเลยรีบวิ่งเข้าไปหา


   “หมอจะไปไหน! มาคุยกับผมให้รู้เรื่องก่อนนะ!”


   “ธารคุยกับคนที่อยู่ข้างหลังเถอะ เขาน่าจะตอบธารได้ดีกว่าผม” เท่านั้นแหละผมก็รีบหันหลังกลับไปทันที ก่อนจะพบว่าตอนนี้ หมอก...ไม่สิ น่าจะเป็นเมฆ กำลังยืนกอดอกพิงประตูห้องน้ำอยู่ มิน่าล่ะตอนนั้นสีหน้าของหมอเจจึงดูตกใจผิดปกติเมื่อเห็นผมมา แต่ผมกลับไม่ได้เอะใจทั้งที่พยาบาลสาวก็บอกแล้วว่าหมอเจกำลังมีแขก


   “คุยกันไปแล้วกัน ผมไปตรวจคนไข้เสร็จแล้วจะกลับมา เดี๋ยวจะห้อยป้ายห้ามเข้าเอาไว้ด้วย” หมอเจพูดจบก็ออกจากห้องไป ส่งผลให้ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่ผมกับเมฆแค่สองคนเท่านั้น


   “ถ้าอยู่ตั้งแต่แรกก็ไม่เห็นต้องหลบเลยนี่นา” ผมพูดยิ้มๆ แต่สีหน้าของเมฆกลับเรียบเฉย ในแววตามีความเคร่งเครียดและจริงจังอยู่ในนั้น


   “ธาร เราสองคนมีเรื่องต้องคุยกัน” เมฆพูดจบก็เดินมานั่งยังโซฟาตัวที่หมอเจเคยนั่ง ผมสังเกตว่าเสื้อผ้าของเมฆที่กำลังใส่อยู่ ต่างจากของหมอกที่ใส่วันนี้อย่างสิ้นเชิง


   “นายมีเรื่องอะไรจะพูดกับฉัน แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลยนะเมฆ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่กลับไปนั่งยังโซฟาตัวเดิม ตอนนี้ผมรู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง แต่ผมก็พยายามปั้นยิ้มและหลอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไร ผมแค่คิดมากไปเท่านั้น


   “คุณอยากรู้ใช่มั้ยว่าผมกับหมอกเราเป็นอะไรกัน”


   “ใช่ ฉันอยากรู้”


   “ถ้างั้นผมจะบอกให้ก็ได้ ผมกับหมอกเราเป็นฝาแฝดกัน แต่ถูกแยกกันตั้งแต่เกิดหมอกเลยไม่รู้ว่ามีผมเป็นน้อง”


   “วะ...ว่าไงนะ!” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ


นี่ผมฟังผิดไปใช่มั้ย ถ้าหมอกกับเมฆไม่ใช่คนเดียวกัน งั้นผมก็นอกใจหมอกจริงๆ น่ะสิ!


   “ทำหน้าแบบนี้ นี่คุณจะคิดว่าหมอกมีสองบุคลิกจริงๆ น่ะหรอ”


   “กะ...ก็ใช่น่ะสิ! นายกับหมอกไม่เคยปรากฏตัวพร้อมกันเลยนี่นา ไหนจะเรื่องปมที่บ้านอีก ฉันเลยคิดว่านายจะเก็บกดจนสร้างอีกบุคลิกขึ้นมา ข้อมูลทุกอย่างมันชี้ไปที่สองบุคลิกชัดๆ!”


   “เพ้อเจ้อ” คำพูดและสีหน้าที่ราวกับว่าความคิดของผมไร้สาระเสียเต็มประดานั้นทำให้ผมชักยั้วะ


   “นายจะมาว่าฉันแบบนี้ไม่ได้นะ! ก็นายทำตัวลึกลับแถมยังไม่เคยบอกอะไรฉันเลยนี่นา!”


   “นั่นก็เป็นเพราะว่าผมไม่อยากเกี่ยวข้องกับใคร ผมไม่เคยมีตัวตนที่ประเทศนี้อยู่แล้ว ทำไมผมต้องสร้างความผูกพันกับใครในเมื่อสุดท้ายผมก็ต้องกลับไปอยู่ดี” คำพูดของเมฆทำให้ผมชะงักจนแทบหยุดหายใจ อารมณ์หัวร้อนของผมเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นรู้สึกเหมือนถูกบีบที่หัวใจทันที


   “หมายความว่ายังไง” ผมพยายามเค้นเสียงพูดออกไปให้เหมือนปกติมากที่สุด แม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม


   “พรุ่งนี้ผมต้องกลับอเมริกา ความจริงผมต้องกลับตั้งนานแล้วล่ะเพราะสัญญากับป้าเอาไว้ แต่ผมก็พยายามยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่เจอคุณ คุณทำให้ตารางชีวิตของผมวุ่นวายไปหมด แต่คุณรู้ไหมเวลาที่ผมอยู่กับคุณผมมีความสุขมากจริงๆ ผมอยากเป็นคนที่ได้ครอบครองคุณเอาไว้ แต่ผมทำเรื่องที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้ ถึงผมจะไม่อยู่แล้วแต่คุณรู้เอาไว้นะว่าผมรักคุณจริงๆ” เมฆมองตรงเข้ามาในดวงตาของผม สายตานั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารักผมมากแค่ไหน ทุกคำพูดของเมฆทำให้ผมรู้สึกตื้นตันและสุขล้นในหัวใจ แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกรวดร้าวและเจ็บปวดเหลือเกิน


   “นายจะทิ้งฉันอีกคนหรอเมฆ” ตอนนี้ผมแทบมองไม่เห็นใบหน้าของเมฆอีกแล้ว เพราะน้ำตาได้รื้นขึ้นมาจนเต็มขอบตาของผมไปหมด ก่อนที่มันจะล้นทะลักออกมาเมื่อได้ยินเมฆพูดขึ้นว่า...


   “ผมขอโทษ แต่เราเลิกกันเถอะนะธาร” สิ้นเสียงนั้นก็ราวกับว่าหัวใจของผมได้หยุดเต้นลง วันนี้ความรู้สึกนี้ได้มาเยือนผมเป็นครั้งที่สอง ผมถูกหมอกกับเมฆบอกเลิกในวันเดียวกัน ตอนนี้หัวใจของผมได้พังทลายลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


   “ลาก่อนนะธาร หวังว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีก” เมฆพูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไปทันที ไม่มีแม้แต่อ้อมกอดหรือจูบลาเป็นครั้งสุดท้าย ภายในห้องเหลือเพียงแค่ผมที่นั่งร้องไห้ราวกับจะขาดใจ ชีวิตของผมมันได้ตายลงไปแล้วตั้งแต่วินาทีนี้


   นี่สินะบทลงโทษของคนสองใจ...


สุดท้ายแล้วผมก็ไม่เหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว...


   2BC


สวัสดีค่ะทุกคน (ปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสายน้ำ)  :o12: Erotic ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใครได้จบลงไปเรียบร้อยแล้วนะคะ ดราม่าทั้งตอนเลยตอนนี้ ครึ่งแรกหมอก็บอกเลิกคุณธาร ครึ่งหลังคุณธารยังมาถูกเมฆบอกเลิกซ้ำอีก ฮืออออออ นี่มันอัลไลกันนนนนน  :monkeysad:
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าระหว่างธาร หมอก และเมฆ ใครจะน่าสงสารที่สุด หลังจากนี้ไปเรื่องราวจะดำเนินไปแบบไหน ใครคือพระเอกของเรื่องกันแน่ หรือท้ายที่สุดแล้วธารจะไม่ได้กับเลยใครสักคน  :m15: คนสองใจสมควรที่จะมีความสุขกับใครสักคนหรือไม่ ยังไงก็มาลุ้นตอนต่อไปกันนะคะ บ๊ายบายยยยย  :bye2:
ปล.ตอนนี้ทีมสองบุคลิกเป็นยังไงกันบ้าง เมฆเฉลยว่าเป็นฝาแฝดกับหมอกแล้วน้า เพราะงั้นสลายตัวกันได้แล้ว  o3
(21 พ.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-11-2017 22:29:45
เมเปิ้ล ที่ยกตัวเองเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่ธาร  :fire:
ว่าผู้ชายดีๆ อย่างหมอก
น่าจะได้คบกับผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควรมากกว่าแบบตัวเองล่ะสิ
แล้วหมอก ก็ตอกหน้าเมเปิ้ลได้เยี่ยมมาก
“แต่สำหรับบางคน ต่อให้เหลือแค่คนเดียวในโลกผมก็ไม่เอา...โดยเฉพาะคนอย่างคุณ”

หมอก จะรู้ตัวเมื่อไรกันนะ
ว่าเมฆ เป็นอีกบุคลิกหนึ่งของหมอก แต่หมอกไม่เคยรู้ตัว
เพราะพอเมฆ ออกมา หมอกจะเหมือนหลับไปไม่มีสติ
หมอกไม่สังเกต ไม่สงสัยเลยหรือ ว่าธารทำไมเรียกตัวเองว่าเมฆ  :hao3:
ที่แน่ๆหมอกถึงกับบอกเลิกธาร  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-11-2017 22:44:01
ผิดคาดที่คนจัดการชะนีเป็นหมอก ผิดคาดที่หมอกโมโหจนมีพฤติกรรมเหมือนเมฆ นึกว่าจะหมดสติแล้วฟื้นมาเป็นเมฆ สรุปแล้วจะมีคน 2 บุคคลิก หรือจะเป็นฝาแฝดนะอยากรู้จริง ๆ  :confuse:
แต่ถ้าไม่ได้เป็นฝาแฝดล่ะ แต่มีพ่อหรือแม่ที่เป็นฝาแฝด แล้วมีสิทธิ์ที่ลูกออกมาจะเป็นเหมือนกันไหม อันนี้ก็น่าสงสัย  :o11:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-11-2017 23:27:34
เอ่อ..ออออ สะใจที่นังชะนีโดนเล่นงานอยู่ดีๆ เกมส์พลิกซะงั้น อิหมอกใจร้าย  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 19-11-2017 01:28:36
โอ้ยยยหมอกกก บทจะใจร้อนก็ไม่ฟังไรเลย หมอกเหมือนคนเก็บกดอ่ะ พอหลุดที ไปไกลเลย
ธารช็อเลย ค้างสุดๆ จะร้องไห้ตามพี่ธาร  :o12:
มาเลยได้ไหม ไม่ไหวแล้วววว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-11-2017 05:42:18
อ้าว พลิกเลยจ้ะ  งานนี้เมฆุต้องออกโรงนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-11-2017 11:48:33
ทำไม โมโหง่าย ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 19-11-2017 12:20:20
แปลกมาก  หมอกมีปวดหัวด้วยอ่ะ  สองบุคลิกแน่ ๆ คนเดียวกันชัวร์  เวลาโกรธคล้ายเมฆ หมอกเมฆคนเดียวกันอ่ะ เป็นไบโพลาร์ป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 19-11-2017 18:47:08
หวีดหมอกแบบนี้แบดมากกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 20-11-2017 13:18:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 การกระทำที่ผิดพลาด [18.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-11-2017 16:03:49
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-11-2017 01:22:03
ถึงเมฆมันจะบอกว่าเป็นแฝด แต่ก็รู้สึกว่าพร้อมใจกันบอกเลิกเกินไป งือออออ แอบสงสารคุณธารอยู่นะเนี่ยโดนเททั้งคู่เลย :hao5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-11-2017 03:27:13
ไม่ได้คนพี่ก็ต้องได้คนน้องล่ะวะธาร สู้ๆ555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-11-2017 05:25:55
อ้าวๆ.........หวยออกแล้ว  o22 o22 o22

ธาร จะทำไงต่อล่ะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-11-2017 09:43:29
Strong ไว้คุณธาร เททั้งพี่ทั้งน้องเลย ไม่ปลื้ม หาใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม  :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-11-2017 11:34:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-11-2017 13:06:13
ดราม่า...
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 21-11-2017 13:30:51
ไม่อยากจะเชื่อ  omggg  เกิดขึ้นพร้อมกันได้ไง 555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-11-2017 14:38:05
คบเด็กสร้างบ้านเขาก้อว่ามักจะไปไม่รอด ตงจะจริงนะ เล่นไม่ฟังดันเลย บทจะตัดก้อตัเขาดง่ายแบบไร้เยื่อใย
แบบนี้น่าสงสัยหมอเจที่สุด
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-11-2017 14:47:35
เก็บไว้ทั้ง 2 เหมือนเดิม .. อิอิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 21-11-2017 19:57:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-11-2017 01:59:28
คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง   กลับบ้าน ๆ หลานธาร  เอาธรรมมะเข้าข่มไว้หลาน  :amen:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 9 สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 22-11-2017 12:27:21
ใช่อ่อ แปลกอ่าถ้าไม่ใช่2บุคลิก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [21.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 22-11-2017 21:37:01
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 10# Thara ความจริงของหมอกกับเมฆ


   “ไง เคลียร์กันเข้าใจแล้วใช่มั้ย...อ้าว ทำไมถึงได้ร้องไห้แบบนั้นล่ะธาร” หมอเจเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วถามด้วยน้ำเสียงสดใส แต่พอเห็นผมกำลังนั่งร้องไห้ก็รีบเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมทันที


   “เมฆทิ้งผมอีกคนแล้วหมอ...ฮึ่ก...ตอนนี้ผมไม่เหลือใครแล้ว...ฮืออออออ” พูดจบน้ำตาของผมมันก็ยิ่งไหลทะลักออกมามากกว่าเดิม ตอนนี้ผมไม่อายแล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าหมอเจจะมองผมแบบไหน ที่ผู้ใหญ่อายุ 27 กำลังร้องไห้ฟูมฟายราวกับเด็ก 7 ขวบ


   “เอาเข้าไป นี่หรอที่มันบอกว่าจะเคลียร์ เฮ้ออออ โดนไอ้แสบมันหลอกเข้าแล้ว” หมอเจถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นก็เอามือเสยผมขึ้นไปด้วยใบหน้าเซ็งๆ


   “แล้วนี่ธารจะทำยังไงต่อไป อยากจะไปคุยกับเมฆใหม่มั้ย ผมพาธารไปได้นะ” หมอเจพูดขึ้นอย่างมีน้ำใจ เท่านั้นแหละผมที่กำลังก้มหน้าอยู่ก็รีบหันขวับไปหา


   “จริงหรอหมอเจ!”


   “จริงสิ ผมมีทั้งที่อยู่และเบอร์โทรของเมฆนั่นแหละ” คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกมีความหวังจึงได้ใช้หลังมือปาดน้ำตาออกไป แต่แล้วไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็ถอนหายใจแล้วก้มหน้าคอตกเหมือนเดิม


   “ขอบคุณนะหมอเจ แต่ผมไม่ไปหาเมฆดีกว่า ถึงไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก ยังไงพรุ่งนี้เมฆก็ต้องกลับอเมริกาอยู่ดี” พูดถึงตรงนี้น้ำตาของผมมันก็รื้นขึ้นมา เพราะต่อไปผมคงจะไม่ได้เจอกับเมฆอีกแล้ว


   “ถ้าอย่างนั้นธารจะไปหาหมอกมั้ยล่ะ ผมรู้นะว่าหมอกอยู่ที่ไหน”


   “หมอรู้ได้ยังไง” ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปมองหมอเจอีกครั้ง


   “ก่อนหน้านี้หมอกโทรมาระบายเรื่องธารให้ผมฟัง ตอนนั้นเมฆก็อยู่ด้วย” พอได้ยินแบบนี้ผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเมฆถึงได้ตัดสินใจบอกเลิกผมในวันนี้ เพราะเมฆคงรู้สึกผิดคิดว่าตัวเองคือต้นเหตุ ซึ่งพอนึกถึงคำพูดของเมฆที่บอกว่าทำเรื่องเห็นแก่ตัวอย่างครอบครองผมเอาไว้คนเดียวไม่ได้ มันก็เชื่อมโยงและลงล็อกได้อย่างพอดี


   “บางทีเมฆอาจจะอยากให้ผมกลับไปคืนดีกับหมอกก็ได้มั้ง” อันที่จริงผมมั่นใจมากๆ เลยล่ะ เพราะเมฆดูหวังดีและเป็นห่วงเป็นใยหมอก ก็อย่างว่าล่ะนะสองคนนี้เป็นฝาแฝดที่มีความผูกพันมากกว่าพี่น้องซะอีก


   “ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าธารก็จะไปง้อหมอกสินะ”


   “ไม่ล่ะ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้” คำตอบของผมทำเอาหมอเจขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ


   “หมายความว่ายังไง หรือธารชอบเมฆมากกว่า”


   “เปล่าหรอก ผมชอบทั้งคู่เท่ากัน ไม่สิ...ผมต้องใช้คำว่ารักต่างหาก เฮ้ออออ นี่ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่คบกับสองคนนั้นมา ผมเคยพูดคำว่ารักออกไปสักครั้งรึยัง” พูดถึงตรงนี้ผมก็ทิ้งตัวพิงโซฟา จากนั้นก็เงยหน้ามองเพดานพลางคิดย้อนถึงเรื่องในอดีต


   “ธารรักทั้งคู่เท่ากันจริงๆ น่ะหรอ ถ้าถึงจุดที่จำเป็นต้องเลือกสักคนล่ะ” ผมหยุดคิดสักพักกับคำถามนั้น ซึ่งหลังจากที่ไตร่ตรองอย่างดีผมจึงได้ตอบหมอเจออกไปว่า...


   “ผมเลือกไม่ได้หรอกหมอ ผมรักทั้งคู่เท่ากันจริงๆ” ถึงแม้หมอกกับเมฆจะมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันมาก แต่กลับมีนิสัยต่างกันอย่างสุดขั้ว ซึ่งนั่นมันก็เลยทำให้ทั้งคู่มีเสน่ห์กันคนละแบบ


อย่างหมอกที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นผู้ชายธรรมดาที่ดูจืดชืด แต่ผมกลับมองว่าตรงนั้นแหละที่น่าหลงใหล หมอกทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา เวลาว่างก็เข้าวัดทำบุญสร้างกุศลให้ชีวิตมันมีความสุขจะตายไป


ส่วนเมฆที่หลายคนอาจจะมองว่าร้าย ทั้งปากเสียแล้วก็ยียวนกวนประสาท แต่เอาจริงๆ ถึงจะทำเป็นเก่งแต่เมฆก็ยอมแพ้ให้ผมตลอด ซึ่งผมมองว่าตรงนั้นแหละที่น่ารัก แถมผมยังสนุกที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเมฆด้วย เมฆทำให้ชีวิตของผมมีสีสัน ถึงแม้จะได้อยู่ด้วยกันเพียงแค่แป๊บเดียวแต่ผมก็รู้สึกมีความสุขมากจริงๆ   


   “ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่อยู่ด้วยกันแบบ 3 คนไปเลยล่ะ” คำถามของหมอเจเป็นคำถามที่ผมคิดอยู่ในใจมาโดยตลอด แต่คำตอบก็ไม่เคยเปลี่ยนไปจากวันแรกที่ผมคิดเลย


   “ไม่ ยังไงผมก็ไม่มีทางใช้ชีวิตแบบ 3 คนผัวเมียเด็ดขาด”


   “ทำไมล่ะธาร แบบนั้นมันน่าจะดีกว่าไม่ใช่หรอ เพราะธารจะได้ไม่ต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง”


   “นั่นก็ใช่ แต่ถ้าผมทำแบบนั้นมันจะเห็นแก่ตัวเกินไป ผมจะมีความสุขอยู่แค่คนเดียว แต่หมอกกับเมฆคงไม่มีความสุขด้วย โดยเฉพาะหมอกที่ยังไงก็ไม่มีทางรับได้แน่ๆ” ถึงไม่ต้องถาม แต่แค่ดูความเกรี้ยวกราดของหมอกในวันนี้ผมก็รู้คำตอบแล้ว


ส่วนเมฆที่ถึงแม้จะบอกว่าสามารถใจกว้างเรื่องของผมกับหมอก แต่การที่เมฆบอกเลิกผมในวันนี้ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าเมฆรู้สึกผิดมากที่ได้เข้ามาแทรกกลาง เพราะงั้นการใช้ชีวิต 3 คนผัวเมียแบบนั้นมันไม่มีทางมีความสุขได้ทุกฝ่ายอยู่แล้ว ส่วนผมที่เป็นคนกลางก็คงจะกระอักกระอ่วนเหมือนกัน


“แล้วแบบนี้ธารจะเอายังไงต่อไป ธารเลือกใครไม่ได้ แถมยังไม่ยอมใช้ชีวิตด้วยกันทั้ง 3 คนอีกต่างหาก” คำถามนั้นผมมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ถึงแม้ผมจะมีเวลาคิดไม่มาก แต่ผมก็มั่นใจว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และผมก็จะไม่เสียใจภายหลังที่ตัดสินใจแบบนี้เด็ดขาด


“ผมคิดว่าผมจะอยู่คนเดียว คนโลเลอย่างผมไม่สมควรจะมีความสุขกับใครทั้งนั้น ผมควรปล่อยให้สองคนนั้นไปเจอคนดีๆ ที่รักจริงมากกว่า ไม่ใช่คนสองใจเลือกใครไม่ได้เพราะรักทั้งคู่แบบผม” พูดจบผมก็เงยหน้าให้สูงขึ้นอีกแล้วกระพริบตาช้าๆ เพื่อให้น้ำตาที่กำลังรื้นขึ้นมาไหลกลับลงไป ผมไม่อยากร้องไห้กับการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะมันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว


คนเลวอย่างผมสมควรแล้วล่ะที่สุดท้ายจะต้องเหลือตัวคนเดียว...


“เอาล่ะ ถ้าตัดสินใจเลือกได้แล้วงั้นก็ไปกัน” หมอเจพูดจบก็จับมือผมแล้วฉุดให้ลุกขึ้น


“หา! ไปไหน! อะไรของหมอนี่ผมงงไปหมดแล้วนะ!”


“ผมจะพาธารไปหาหมอกกับเมฆ”


“หา! ไปทำไม! ไม่เอาผมไม่ไป!” ด้วยความตกใจผมจึงรีบสะบัดมือของหมอเจออก แต่หมอเจกลับจับมือผมให้แน่นกว่าเดิม แถมยังพาลากเดินออกไปจากห้องอีกต่างหาก


“เดี๋ยวสิหมอ! ผมก็บอกว่าผมไม่...”


“ชู่วววว อย่าโวยวายสิ นี่มันโรงพยาบาลนะธาร อีกอย่างเดี๋ยวใครมาเห็นภาพลักษณ์หนุ่มดอกไม้อย่างผมก็เสียหายกันพอดี” หมอเจหันหน้ามาหาผม แล้วเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของตัวเอง


“เฮอะ! ช่างกล้าพูดนะว่าตัวเองเป็นหนุ่มดอกไม้ จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ล่ะสิไม่ว่า” ผมเบ้ปากใส่ แต่นอกจากจะไม่โกรธแล้วหมอเจยังหัวเราะออกมาอีกต่างหาก


“ร่าเริงแล้วสินะธาร ถ้างั้นก็อย่าดื้อแล้วตามผมมาดีๆ” พูดจบหมอเจก็พาผมเดินต่อไป โดยที่จูงมือผมอย่างอ่อนโยนไม่ได้ลากเหมือนเมื่อกี้นี้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี ก็ดูสิไอ้หมอบ้านี่พูดกับผมอย่างกับว่าผมเป็นเด็ก ผมก็อายุ 27 เท่ากันไม่ใช่รึไง!


หลังจากนั้นผมก็ถูกหมอเจพาไปขึ้นรถ ซึ่งก็คือรถของผมเองที่ถูกยึดกุญแจเอาไปขับซะเรียบร้อย พอถามว่าจะพาผมไปไหนก็ไม่ยอมตอบ แล้วพอผมจะร้องเรียนที่ไม่ยอมทำการทำงาน ไอ้หมอบ้านั่นก็อ้างว่าออกเวรแล้ว น่าเจ็บใจชะมัดเลย


ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ผมเลยได้แต่นั่งกอดอกด้วยท่าทางฮึดฮัด อีตาหมอเจก็เห็นอาการของผมแหละแต่ก็ขับรถต่อไปไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ผมที่เห็นว่าเส้นทางมันใกล้ถึงหอพักของหมอกเข้าไปเรื่อยๆ เลยเริ่มจะนั่งไม่ติดที่แล้ว


“นี่อย่าบอกนะว่าหมอจะพาผมไปหาหมอกที่หอ”


“ก็ไม่รู้สินะ” หมอเจยักไหล่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้


“นี่! อย่ามากวนประสาทกันนะหมอ! ก่อนหน้านี้ผมก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ง้อไม่เจอใครทั้งนั้น!” ผมโวยวายด้วยท่าทางหัวเสียมากกว่าเดิม ไอ้หมอบ้านี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง


“เอาน่าอย่าพึ่งเหวี่ยงสิธาร นี่ผมกำลังช่วยธารอยู่นะ เชื่อเถอะว่าหลังจากนี้ธารจะต้องขอบคุณผม”


“สาปส่งล่ะสิไม่ว่า” ผมแยกเขี้ยวใส่ ส่วนหมอเจก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่หัวเราะขำๆ แล้วขับรถอย่างอารมณ์ดีจนกระทั่งถึงหอพักของหมอก


“ลงมาสิธาร จะนั่งอยู่ตรงนี้ไปถึงเมื่อไหร่” หมอเจเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งของผม เพราะหลังจากที่จอดรถแล้วหมอเจเดินลงไปแล้ว ผมก็ยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ยอมลุกไปไหน


“ผมไม่อยากลงไปอะหมอ ผมกลัวหมอกพูดจาไม่ดีใส่ หรือไม่บางทีอาจจะไล่ผมออกจากห้องเลยก็ได้” พูดถึงงตรงนี้ผมก็คอตกทันที ผมยังจำสีหน้าและคำพูดของหมอกทุกคำได้เป็นอย่างดี ผมไม่รู้ว่าถ้าผมโดนแบบนั้นอีกทีหัวใจของผมยังจะรับไหวรึเปล่า


“ไม่ต้องกลัวหรอกนะธาร” คำปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนของหมอเจทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากจนสามารถยิ้มบางๆ ออกมาได้ แต่พอได้ยินคำพูดต่อไปเท่านั้นแหละผมก็รีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน


“ยังไงธารก็โดนแน่นอน”


“ไอ้หมอบ้านี่!” ผมเงื้อหมัดขึ้น อยากจะทุบหมอเจสักหมัดสองหมัดให้สาสมกับที่มากวนประสาทผม แต่ผมก็ถูกคว้าที่ข้อมือเอาไว้ แล้วโดนลากลงจากรถไปจนได้


“ปล่อยผมนะหมอ ผมไม่อยากเจอหมอกจริงๆ” ผมพยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ไม่ว่าจะออกแรงเท่าไหร่ผมก็สู้แรงของหมอเจไม่ได้เลย


“ผมรู้ว่าตอนนี้ธารกำลังรู้สึกยังไง แต่ธารต้องไปเจอหมอกกับผม เชื่อเถอะว่าผมหวังดีกับทุกฝ่าย” หมอเจพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจังไม่มีแววขี้เล่นอีกต่อไป ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยต้องยอมอยู่นิ่งๆ อย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่ผมจะเดินตามหมอเจขึ้นไปจนกระทั่งถึงที่หน้าห้องของหมอก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“หมอกนี่พี่เอง เปิดประตูให้พี่หน่อย” ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ทำไมหมอเจถึงได้มั่นใจว่าหมอกอยู่ที่นี่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมมาหาหมอกรอบหนึ่งแล้วแต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า


“ผมว่าบางทีหมอกอาจจะไม่ได้...” แต่แล้วยังไม่ทันที่จะได้พูดจนจบประโยคผมก็ต้องเงียบไป เพราะหมอกได้เปิดประตูห้องออกมา ซึ่งพอเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ สีหน้าเรียบเฉยก็เปลี่ยนเป็นความโกรธและเกลียด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นแววตาเศร้าๆ และเจ็บปวดมองตรงมาทางนี้


“คุณมาที่นี่ทำไม” น้ำเสียงเย็นชาและสีหน้าของหมอกที่เห็น ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกบีบที่หัวใจ ผมรู้สึกทรมานจนหายใจแทบไม่ออก


“คือ...คือฉัน...”


“ถ้าจะมาแก้ตัวหรือโกหกก็กลับไปซะ ผมไม่อยากฟังแล้วก็ไม่อยากเจอหน้าคุณ” คำพูดนั้นทำให้ผมน้ำตารื้นขึ้นมา แต่ผมก็เงยหน้าแล้วพยายามกระพริบตาไล่มันกลับไป เพราะไม่อยากให้หมอกเข้าใจผิดว่าผมมาบีบน้ำตาเพื่อเรียกร้องความสงสาร แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นน้ำตาเจ้ากรรมมันก็ยังไหลลงมาอยู่ดี


“ที่อุตส่าห์ให้พี่หมอพามาถึงนี่เพราะแค่จะมาร้องไห้ใช่มั้ย ถ้างั้นคุณก็กลับไปซะ อย่ามาเสียเวลากับผม ไปหาผู้ชายคนนั้นที่คุณรักมากจนเพ้อหาแต่มันจะดีกว่า” คำพูดของหมอกทำให้ผมเม้มปากแน่น ผมไม่อยากอยู่ที่นี่เพื่อทรมานหัวใจของตัวเองอีกแล้วเลยว่าจะเดินจากไป แต่คำพูดของหมอเจก็ทำให้ขาของผมหยุดชะงักไปซะก่อน


“แต่ผู้ชายคนนั้นมันก็คือหมอกเองนะ” คำพูดนั้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหมอเจทันที


“หมายความว่ายังไงพี่หมอ ผมไม่เข้าใจที่พี่พูด” อย่าว่าแต่หมอกเลย เพราะตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน หมอเจที่ได้ยินหมอกถามแบบนั้นก็ยิ้มที่มุมปากก่อนจะเฉลยออกมาว่า...


“เมฆกับหมอกคือคนคนเดียวกัน เพราะว่าหมอกมีสองบุคลิกยังไงล่ะ”


2BC


สวัสดีค่า Erotic หัวใจร้อนรักก็จบลงไปแล้วน้า ซึ่งพออ่านจบทุกคนคงจะอุทานประมาณว่า เฮ้ยยย! หรือ ห๊าาา! อะไรแบบนี้ใช่มั้ย  :a5: ก็นะ...คำพูดของหมอเจนี่หนังคนละม้วนกับที่เมฆพูดเลยนี่นา อยากรู้กันใช่มั้ยล่ะว่าใครกันแน่ที่พูดจริง  :hao3: ถ้าอย่างนั้นก็รอลุ้นตอนหน้านะคะ รับรองว่าวันศุกร์เค้าเลิกงานจะรีบมาอัพให้ทุกคนอ่านแน่นอน ส่วนตอนนี้ก็ลองเดาๆดูก่อนว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป จะมีเรื่องให้พลิก ให้เงิบ หรืองงต่อมั้ย มาเอาใจช่วยพี่ธารกับสองหนุ่มหมอกเมฆกันด้วยนะคะ จุ๊บๆ
(22 พ.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-11-2017 21:54:02
หมอกต้องดึงสติแรงๆนะเนี่ยงานนี้
เอาล่ะแบบนี้สาทพีในฝันก้อพับโครงการไป
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-11-2017 22:08:30
อ้าวๆ......โดนไรท์ หลอกซ้ำซ้นและ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-11-2017 22:22:54
ไม่อยากจะสรุปอะไรที่เข้าข้างตัวเองแล้ว รอหลานคนแต่งมาต่อดีกว่า  :z3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-11-2017 22:27:40
กรี๊ดดดด คนๆเดียวกันจริงด้วย
 :hao7:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-11-2017 23:00:47
ห๊ะ!!!!!  ปรับอารมณ์ไม่ทัน หลอก 20 ตลบแล้วเนี่ย..ยยยยย   :m8: :m8: :m8:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-11-2017 23:34:35
โดนหลอกซ้ำหลอกซ้อนซะแล้วสิ   o22
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-11-2017 02:28:08
ดักตีไรท์ดีมั้ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 23-11-2017 13:10:56
นึกว่า 3P ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 23-11-2017 13:25:53
555555555555  ว่าแล้ว   อาการแบบนี้เหมือนคนมีสองบุคลิก  ตอบถูกล่ะ  มันเป็นไปได้ที่คนนึงจะมาอีกคนหายไปไม่ใช่แฝดแน่ ๆ ถ้าแฝดก็ต้องเจอสองคนไหมละ  เข้าใจหมอกนะที่ทำแบบนี้คงเก็บกดจากครอบครัวแน่ ๆ อ่ะ  ถึงว่าทำไมไม่อยากพูดถึงพ่อแม่
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 23-11-2017 19:58:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอน10 ความจริงของหมอกกับเมฆ [22.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 24-11-2017 03:19:06
กรี๊ด เดาถูก 2บุคลิก  :z2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 27-11-2017 22:45:38
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 10# Thara สองบุคลิก


“เมฆกับหมอกคือคนคนเดียวกัน เพราะว่าหมอกมีสองบุคลิกยังไงล่ะ”


 “ว่าไงนะ!!” ผมกับหมอกอุทานขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ


“ไปนั่งคุยกันในห้องดีกว่า เสียงดังไปถึงข้างล่างแล้วมั้ง” หมอเจพูดอย่างชิลๆ แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาในห้อง ส่วนผมกับหมอกก็มองหน้ากัน เมื่อต่างคนต่างไม่รู้เลยต้องเดินตามหมอเจไปนั่งที่โซฟาอย่างช่วยไม่ได้


“เรื่องที่บอกว่าผมมีสองบุคลิกนี่มันยังไงครับพี่หมอ” หมอกเริ่มเอ่ยปากถามทันที โดยที่สีหน้ามีแต่ความงุนงง สับสน และไม่เข้าใจ


“มันอาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อไปหน่อย แต่มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงแน่นอน โรคสองบุคลิกมันมีอยู่จริงๆ ซึ่งบางรายอาจจะมีหลายบุคลิกที่แตกแยกออกไปมากกว่านี้ก็ได้ แต่รวมๆ ทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่าดิสโซสิเอทีฟ”


เรื่องนี้ผมพอจะมีความรู้อยู่บ้างเพราะพฤกษ์กับเพลิงอธิบายให้ผมฟังแล้ว แต่สำหรับหมอกอาจเป็นเรื่องใหม่พอสมควร แถมยังเกิดขึ้นกับตัวเองด้วยเลยทำหน้าไม่เข้าใจ นอกจากนี้ยังมีแววต่อต้านและไม่ยอมรับอีกต่างหาก


“ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้หรอกนะครับ ผมปกติดี พี่หมอเข้าใจผิดแล้วล่ะ” หมอกยืนยันหนักแน่น ส่วนผมก็สองจิตสองใจ เพราะเมฆบอกผมกับปากเองว่าตัวเองคือฝาแฝดกับหมอก แต่เนื่องจากเหตุผลมันดูไม่ค่อยน่าเชื่อ แถมข้อมูลที่ผมมีมันก็ชี้ไปที่สองบุคลิก ดังนั้นผมเลยเอนเอียงไปทางหมอเจมากกว่า


“ก็ไม่แปลกล่ะนะที่หมอกจะไม่เชื่อพี่ แต่พี่ถามหน่อยเถอะว่าหมอกไม่เคยสงสัยบ้างหรอว่า ทำไมตัวเองถึงเหนื่อยง่ายจนวูบอยู่บ่อยๆ ทั้งที่ไม่ได้เป็นโรคอะไร อย่างวันนี้ที่หมอกจำได้ล่าสุดก็ตอนทะเลาะกับธารจนปวดหัวที่คาราโอเกะใช่มั้ยล่ะ” คำถามของหมอเจทำให้หมอกขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นเครื่องหมายคำถาม


“เรื่องเหนื่อยง่ายจนวูบผมไม่เคยสงสัย แต่เรื่องความจำล่าสุดของผมพี่หมอรู้ได้ยังไงครับ”


“ทำไมจะไม่รู้ ก็เมฆเป็นคนบอกพี่เองว่าเมฆออกมาหลังจากตอนนั้น...ที่บอกว่า ‘ไม่ใช่เรื่องของคุณ’ นั่นคือเมฆพูดนะไม่ใช่หมอก” ประโยคสุดท้ายหมอเจหันมาพูดกับผม


“หนอย...ไอ้เด็กบ้านั่น” ผมกัดฟันกรอด แต่พอเห็นหมอกหันมามองผมเลยรีบหุบปาก แล้วนั่งเงียบๆ รอฟังหมอกกับหมอเจคุยกันเพราะผมยังมีชนักติดหลังอยู่


“แต่ผมก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดีครับพี่หมอ เรื่องสองบุคลิกอะไรนั่นมันดูเกินจริงเกินไป” หมอกพูดด้วยใบหน้าสับสน บางทีอาจจะกำลังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ล่ะมั้ง


“ถึงมันจะดูไกลตัวไปหน่อยแต่เรื่องนี้มันไม่ได้เกินจริงนะหมอก พี่ขอเอาเกียรติและอาชีพของพี่ยืนยันได้เลยว่าหมอกเป็นโรคนี้จริงๆ หมอกสร้างอีกบุคลิกขึ้นมานั่นก็คือเมฆ มันคือกลไกการปกป้องตัวเองอีกทางหนึ่งของมนุษย์ เพื่อรองรับความเครียด ความกดดัน และความเจ็บปวดที่ได้รับจากพ่อแม่ หมอกสร้างเมฆขึ้นมาตั้งแต่อายุ 12 แล้ว” คำพูดของหมอเจทำให้ผมรู้สึกหดหู่และสะเทือนใจ ถึงแม้ผมจะพอเดาเหตุผลที่หมอกมี 2 บุคลิกได้แล้ว แต่พอรู้ว่าหมอกเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ชั้นประถมมันก็ทำให้ผมรู้สึกจุกในอกจนแทบน้ำตาคลอ


“พี่หมอรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกผม” หมอกเอามือเสยผมแล้วก้มหน้าลงต่ำ ท่าทางตอนนี้เหมือนจะยอมรับได้แล้วว่าตัวเองมี 2 บุคลิก แสดงว่าความเครียด ความกดดัน และความเจ็บปวดที่ได้รับมันคงจะมากมายจริงๆ สินะ


“พี่รู้เรื่องนี้ประมาณ 2 ปีก่อน ตอนนั้นเมฆโทรหาพี่เพราะถูกจับที่แอบเข้าผับทั้งที่อายุไม่ถึง พอพี่ซักไซ้ก็บอกว่าเครียดเลยมาหาที่ระบาย แล้วก็เล่าเหตุผลที่หมอกสร้างตัวเองขึ้นมาให้พี่ฟัง ส่วนที่พี่เก็บเงียบเอาไว้ก็เพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างจะอธิบายยาก และเมฆก็ขอพี่เอาไว้ด้วยเพราะไม่อยากให้หมอกต้องทนกับความกดดัน เมฆจะเป็นคนรับมันเอาไว้เอง” พอได้ยินแบบนี้หมอกก็เงียบไปพักใหญ่เพราะคงมีหลายเรื่องให้ต้องคิด โดยเฉพาะความรู้สึกเกลียดและต่อต้านเมฆที่เกิดขึ้นในครั้งแรก


บางทีตอนนี้หมอกคงจะกำลังพยายามยอมรับเมฆ ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของตัวเองอยู่ก็ได้ หมอกได้แต่นั่งนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร ส่วนผมกับหมอเจก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนแต่อย่างใด เพียงแค่ให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ จนกระทั่งหมอกคงจะยอมรับเมฆได้จึงเริ่มเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง


“มีวิธีไหนมั้ยครับที่ผมจะได้เจอกับเมฆ” คำถามนั้นทำเอาหมอเจถอนหายใจออกมา ก่อนจะส่ายหน้าไปมาช้าๆ


“ไม่มีหรอก เพราะถ้าเมฆออกมาหมอกก็จะอยู่ในภาวะหลับไหล ไม่มีความทรงจำในช่วงเวลาที่เมฆออกมา เพราะแบบนี้ไงล่ะเมฆถึงได้ให้พี่ช่วยโกหกทุกคนว่าหมอกร่างกายอ่อนแอจนวูบอยู่บ่อยๆ”


“ถ้างั้นก็แสดงว่าเมฆจะออกมาตอนที่ผมวูบไปสินะครับ”


“ใช่”


“แล้วพี่หมอรู้มั้ยว่าช่วงเวลาไหนเมฆจะออกมา”


“ตอนที่หมอกอยู่ในภาวะที่เครียดมากๆ ตอนนั้นแหละที่เมฆจะออกมารับความกดดันนั้นแทน จนเมื่อเมฆนอนหลับไปตัวตนของหมอกก็จะกลับมาอีกครั้ง”


“มิน่าล่ะผมถึงไม่เคยเห็นเมฆนอนหลับเลย เมฆจะทำให้ผมหลับก่อนทุกครั้งแล้วก็ใช้จังหวะนั้นหนีไปเสมอ” ผมเผลอพูดความคิดที่อยู่ในใจออกมา คำพูดนั้นทำให้หมอกหันหน้ามาหา ผมที่พอรู้ตัวว่าพลาดมากจึงได้รีบเอามือปิดปากเอาไว้ทันที


“ฉะ...ฉันขอโทษนะหมอก ฉันไม่ควรพูดชื่อเมฆตอนนี้ ฉัน...” ผมละล่ำละลัก โดยที่สมองก็พยายามคิดข้อแก้ตัวดีๆ เพื่อที่จะไม่ให้หมอกรู้สึกโกรธ แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะคิดมากเกินไปหน่อย เพราะนอกจากไม่โกรธหมอกยังพูดกับผมออกมาว่า...


“เล่าเรื่องของเมฆให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ”


“หา?” ผมเบิกตากว้างและอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง


“เอ่อ...นายพูดจริงหรอหมอก นายไม่ได้โกรธเกลียดเมฆแล้วหรอ” หมอกส่ายหน้าไปมาช้าๆ กับคำถามของผม


“ถึงผมจะยังรู้สึกแปลกๆ ที่มีเมฆเป็นอีกหนึ่งตัวตนของผมก็เถอะ แต่เมฆทำเพื่อผมขนาดนั้นแล้วผมจะไปโกรธเกลียดเมฆลงได้ยังไง ผมต้องขอบคุณมากกว่าที่เมฆเกิดมาเพื่อผม แต่ผมกลับพูดจาไม่ดีถึงเมฆไปแบบนั้น...” หมอกพูดได้เท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าของหมอกดูเสียใจกับคำพูดตัวเองจริงๆ


 “ฉันเชื่อว่าเมฆต้องไม่โกรธนายแน่นอน เมฆต้องดีใจมากกว่าที่ถูกนายยอมรับ” ผมยิ้มให้แล้ววางมือลงบนไหล่ของหมอก หมอกจึงวางมือทับลงไปแล้วยิ้มบางๆ ตอบผม เราสองคนยิ้มให้กันจนบรรยากาศที่ขุ่นมัวเมื่อกี้ค่อยๆ สดใสขึ้นมา


“ในที่สุดก็เข้าใจกันได้แล้วนะ ทีนี้เชื่อรึยังล่ะว่าธารจะต้องขอบคุณผม” หมอเจพูดยิ้มๆ หน้าตาตอนนี้น่าหมั่นไส้จนผมอยากแยกเขี้ยวใส่ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผมกลับมาคืนดีกับหมอกก็เพราะหมอเจจริงๆ


“เออ เชื่อแล้ว ขอบคุณนะหมอ เดี๋ยวผมจะเลี้ยงข้าวตอบแทนชุดใหญ่แบบไม่อั้นเลยเอ้า” ผมพูดอย่างใจป้ำ ส่วนหมอเจก็หัวเราะอย่างขำๆ ออกมา
“โอเคธารพูดแล้วนะ” หมอเจทำหน้าเจ้าเล่ห์


“โหย ทำหน้าแบบนี้นี่ผมชักกลัวแล้วนะว่าหมอจะจัดเต็มจนผมล้มละลายรึเปล่า” ผมทำหน้าหวาดๆ สีหน้าและคำพูดของผมเล่นเอาหมอเจถึงกับขำพรืด


“ผมไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกน่า ธารนี่ก็ชอบมองผมในแง่ร้าย”


“นั่นเพราะผมมองออกน่ะสิว่าที่จริงหมอเป็นคนยังไง” หมอเจยักไหล่ไม่แก้ตัวใดๆ ทั้งนั้น ผมจะถือว่านั่นคือการยอมรับก็แล้วกันว่าผมพูดถูก
“เออจริงด้วย ผมมีเรื่องที่ยังสงสัยอยู่อีกอย่างน่ะหมอเจ”


“หืม? เรื่องอะไรหรอ?”


“คือผมไม่เข้าใจว่าทำไมเมฆต้องโกหกด้วยว่าตัวเองเป็นแฝดน้อง ทั้งที่เมฆเป็นอีกบุคลิกหนึ่งของหมอก” คำถามของผมทำให้หมอกทำหน้าสงสัยด้วยคน จึงได้หันไปรอคำตอบจากหมอเจด้วย


“เมฆต้องการทดสอบความรู้สึกของธารว่า จะรักมากถึงขนาดที่ยอมตัดใจเพราะเลือกใครไม่ได้รึเปล่า ถ้าหากธารเลือกทั้งคู่แล้วมีเหตุผลไม่มากพอนอกจากความต้องการของตัวเอง เมฆจะไม่ไปเจอธารอีกและจะทำเหมือนว่าตัวเองกลับต่างประเทศไปแล้ว เพราะถึงจะรักธารมากแค่ไหนแต่สำหรับเมฆหมอกนั้นคืออันดับ 1 เสมอ แต่ถ้าธารเลือกจะเสียสละและตัดใจ เมฆก็ให้ผมพาธารมาเจอกับหมอกที่นี่ และให้บอกเรื่องที่มี 2 บุคลิกให้หมอกรับรู้ด้วย”


สิ่งที่ได้ยินทำให้ผมถึงกับพูดไม่ออก ถ้าตอนนั้นผมเลือกอีกทางนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตของผมจะเป็นยังไง การถูกบอกเลิกจากคนที่รักพร้อมกันมันทรมานหัวใจมากเกินจนผมแทบรับไม่ไหว ดีจริงๆ ที่การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ผมได้มานั่งอยู่ที่นี่


“เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องทุกอย่างเคลียร์แล้วงั้นวันนี้ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน...พี่ไปแล้วนะหมอก” ประโยคสุดท้ายหมอเจหันไปพูดกับหมอก ซึ่งหมอกก็พยักหน้าลงแล้วยกมือไหว้ และหลังจากที่หมอเจออกจากห้องไปหมอกจึงได้ขยับมานั่งใกล้ๆ พร้อมหันหน้ามาคุยกับผม


“ผมขอโทษนะครับคุณธารที่วันนี้พูดจาไม่ดีกับคุณ แถมยังทำให้คุณร้องไห้จนตาบวมอีกต่างหาก” หมอกพูดอย่างรู้สึกผิดพร้อมกับยกมือขึ้นมาประคองที่ใบหน้าของผม จากนั้นก็ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ที่ใต้ดวงตาไปมาอย่างแผ่วเบา


“ไม่เป็นไรฉันไม่โกรธนายหรอก ฉันสิที่ต้องเป็นคนถามว่านายยังโกรธฉันอยู่รึเปล่า เรื่องที่ฉันกับเมฆ...เอ่อ...จะว่ายังไงดีล่ะ...ฉันรู้สึกกับเมฆเหมือนที่รู้สึกกับนาย ฉันรักพวกนายเท่ากันทั้งสองคน” ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการตัดสินใจพูดออกไปแบบนี้มันจะดีหรือร้าย แต่ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง ผมก็ไม่เสียใจเพราะได้พูดความจริงออกไปแล้ว


หลังจากพูดจบหมอกก็มองตรงเข้ามาในดวงตาของผมสักพัก สีหน้าและสายตาของหมอกนิ่งมากจนผมเดาไม่ออกว่าหมอกกำลังรู้สึกยังไง และก่อนที่ผมจะรู้สึกใจแป้วหมอกก็ยิ้มออกมาช้าๆ


“ทำไมผมต้องโกรธคุณด้วยล่ะครับ ก็เมฆกับผมเป็นคนคนเดียวกัน แถมยังมีหัวใจดวงเดียวกันอีกต่างหาก ผมรักคุณมันก็ไม่แปลกเลยที่เมฆจะรักด้วย ส่วนการที่คุณจะรักทั้งผมและเมฆมันก็ไม่แปลกเหมือนกัน ก็เพราะนั่นมันคือตัวผมทั้งคู่” คำพูดของหมอกทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา ความสุขและความดีใจที่ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายจึงทำให้ผมโผเข้ากอดหมอกแน่น ซึ่งหมอกก็กอดตอบผมอย่างแนบแน่นเช่นกัน


“ผมรักคุณนะครับคุณธาร”


“ฉันก็รักนายเหมือนกัน” เราสองคนยิ้มกว้างและกอดกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนกระทั่งซึมซับความรักจากกันและกันอย่างเต็มที่นั่นแหละ จึงได้คลายอ้อมกอดออกมาในที่สุด


“ผมอยากฟังเรื่องของเมฆ คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับคุณธาร”


“ได้สิ นายอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”


“ก็เรื่องทั่วไปแหละครับ อย่างเช่นนิสัยอะไรแบบนี้”


“อืม...จะว่ายังไงดี...เมฆตรงข้ามกับนายทุกอย่างเลยล่ะหมอก ทั้งเจ้าเล่ห์ กวนประสาท แล้วก็ปากเสีย เรียกได้ว่าเป็นวายร้าย ต่างจากนายที่แสนดีราวฟ้ากับเหว เฮอะ! พูดแล้วก็หมั่นไส้ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉันหลงไปรักคนแบบนั้นได้ยังไง” ผมเบ้ปากแล้วถอนหายใจออกมา หมอกที่เห็นแบบนั้นเลยหัวเราะออกมาอย่างขำๆ


“ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ท่าทางคุณมีความสุขมากเลยนะครับ ว่าแต่ปกติเวลาที่อยู่กับเมฆคุณจะทำอะไร หืม...ทำไปหน้าแดงล่ะครับคุณธาร?” หมอกพูดด้วยท่าทางสงสัย


ก็จะไม่ให้ผมหน้าแดงได้ยังไง ในเมื่อกิจกรรมเดียวที่ผมทำเวลาที่อยู่กับเมฆก็คือเซ็กส์อย่างเดียวนี่นา!


“เอ่อ...คือ...” ผมได้แต่อึกอักเพราะน้ำท่วมปาก ส่วนหมอกก็ยังรอคำตอบด้วยใบหน้าใสซื่อเช่นเดิม


“ว่ายังไงครับคุณธาร?”


โอ๊ย! ให้ตาย! นี่ผมควรจะโกหกหมอกหรือว่าควรจะบอกความจริงออกไปดี!


“คือ...นายจะโกรธมั้ยถ้าฉันจะบอกว่า กิจกรรมเดียวที่ฉันทำกับเมฆก็คือเซ็กส์” ผมกลั้นใจตอบความจริงออกไป เพราะผมไม่อยากโกหกหรือปิดบังอะไรหมอกอีกแล้ว


“ที่ไหน...คุณสองคนมีอะไรกันที่ไหนบ้าง” หมอกพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมา จนตอนนี้ผมรู้สึกขนลุกแทบจะทั้งตัวอยู่แล้ว


“คะ...ครั้งแรกก็ที่โรงแรม ห้องเดียวกับที่เคยไปกับนาย” ผมก้มหน้าลงต่ำแต่ก็แอบลอบมองขึ้นไปมองหมอก ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองราวกับเป็นนักโทษที่กำลังถูกสอบสวนยังไงไม่รู้


“นี่ตั้งใจจะทับไลน์กันงั้นหรอ” ผมไม่รู้ว่าหมอกตั้งใจจะพูดกับใครระหว่างผมกับเมฆ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมคิดว่าหมอกน่าจะเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้วล่ะ


“เมฆเคยพาคุณขึ้นมาที่ห้องนี้รึเปล่าคุณธาร”


“เปล่าๆ ไม่เคยเลยหมอก” ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที คำตอบนั้นเป็นที่น่าพอใจจนทำให้บรรยากาศรอบตัวของหมอกแจ่มใสขึ้นมาหน่อย


“แล้วคุณเคยมีอะไรกับเมฆที่ไหนอีกบ้าง ระหว่างเมฆกับผมคุณเจอใครบ่อยกว่ากัน”


“ก็ต้องเป็นนายอยู่แล้ว เมฆทำตัวเหมือนผีที่เดี๋ยวแว้บไปแว้บมาตามจับตัวไม่ได้ เพราะงั้นฉันเลยมีอะไรกับเมฆแค่ 2 ครั้ง ครั้งแรกก็ที่โรงแรมอย่างที่เคยบอกไป ส่วนครั้งสุดท้ายก็คือในรถ เพราะงั้นนายไม่ต้องกังวลหรอกว่าฉันจะเจอเมฆมากกว่านาย” ผมยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง โดยที่คิดว่าคำตอบนั้นจะทำให้หมอกอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น


“บนรถ...คุณบอกว่ามีอะไรกับเมฆบนรถงั้นหรอครับคุณธาร” หมอกถามด้วยเสียงราบเรียบ ส่วนใบหน้าก็ยังนิ่งเฉยไม่ต่างจากปกติ แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไป


“นี่อย่าบอกนะว่านายกำลังหึงเมฆ?” ผมหรี่ตาลงแล้วถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ


“ทำไมผมต้องหึงด้วยครับ ในเมื่อเมฆกับผมก็เป็นคนคนเดียวกัน” ถึงจะบอกไม่หึง แต่หน้าของหมอกกลับบึ้งตึงอย่างชัดเจน


“ไม่หึงก็ไม่หึง ถ้างั้นฉันจะเล่ารายละเอียดให้นายฟังด้วยเลยแล้วกัน คืนนั้นน่ะฉันกับเมฆ...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ หมอกก็รีบพูดขัดขึ้นแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง


“พอเถอะครับคุณธาร ผมไม่อยากฟังเรื่องของเมฆแล้ว” สีหน้าของหมอกในตอนนี้งอง้ำจนแทบจะเป็นตะขอ ผมจึงคิดว่าถ้าแกล้งหมอกมากกว่านี้มีสิทธิ์โดนโกรธจริงๆ จนง้อไม่หายแน่นอน


“โอเค ฉันไม่พูดเรื่องเมฆแล้วก็ได้ เพราะงั้นมาคืนดีกันนะ เลิกงอนเลิกหึงได้แล้วเด็กดี” ผมพลิกตัวไปนั่งคร่อมที่ตักของหมอกเอาไว้ จากนั้นก็ใช้สองแขนโอบรอบลำคอตรงหน้าอีกที


“ผมไม่เด็กแล้วนะครับคุณธาร” ผมคิดว่านอกจากหน้าตา ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ชอบให้เรียกว่าเด็กนี่แหละที่หมอกเหมือนกันกับเมฆ


“โอเคๆ นายไม่ใช่เด็กแต่เป็นผู้ใหญ่ ไม่งั้นจะสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะเนอะ” พูดจบผมก็ก้มหน้าลงไปจุ๊บที่ริมฝีปากของหมอก การกระทำนั้นทำให้หมอกอารมณ์ดีขึ้นมากจนผมรู้สึกได้ แม้ว่าหมอกจะยังไม่ได้ยิ้มออกมาแต่ใบหน้าก็เลิกบูดบึ้งแล้ว


“ผมอยากรู้ว่าระหว่างผมกับเมฆใครเก่งเรื่องแบบนั้นมากกว่ากันครับคุณธาร”


“หา?” คำถามที่ถามออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของหมอกทำให้ผมถึงกับเหวอ อยู่ดีๆ จะถามเรื่องแบบนี้ขึ้นมาทำไม แล้วถ้าหากตอบความจริงออกไปหมอกจะโกรธผมมั้ยเนี่ย


“เอ่อ...”


“ว่ายังไงครับคุณธาร หรือที่อึกอักเป็นเพราะไม่กล้าตอบว่าเมฆเก่งกว่าผม” ก็ใช่น่ะสิ! ขืนตอบไปแบบนั้นนายได้โกรธฉันจริงจังแน่ๆ!


“ไม่ใช่สักหน่อย แต่ฉันเปรียบเทียบไม่ถูกเพราะพวกนายสไตล์ต่างกันไงเล่า แต่ถ้าจะให้ตอบว่าฉันชอบมีอะไรกับใครมากกว่า คนคนนั้นก็คือนายนะหมอก” ที่พูดไปผมไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ผมรู้สึกดีเวลาที่มีเซ็กส์กับหมอกมากกว่าจริงๆ เพราะหมอกมักจะทำตามคำสั่งไม่ชอบบังคับเหมือนกับเมฆ ผมชอบเป็นคนคุมเกมเองเพราะมันเร้าใจกว่าเยอะ


“คุณพูดจริงหรอครับ?” ถึงจะถามแบบนี้แต่สีหน้าของหมอกก็ดูจะเชื่อคำพูดของผมไปแล้ว


“สาบานได้เลยว่าจริง 100 เปอร์เซ็นต์” เท่านั้นแหละหมอกก็หายหน้าบึ้งแล้วอมยิ้มออกมาได้ มิหนำซ้ำยังยกสองมือขึ้นมาโอบรอบเอวของผมเอาไว้อีกต่างหาก


“ถ้างั้นผมขอพิสูจน์ได้มั้ยครับ”


“พิสูจน์? ยังไง?” ผมทำเป็นไม่เข้าใจทั้งที่รู้เต็มอกอยู่แล้ว


“เป็นของผมนะครับ...นะครับคุณธาร...” พอโดนอ้อนด้วยเสียงที่นุ่ม ทุ้ม สุภาพ แต่แอบมีความกระเส่าและแหบพร่านิดๆ มันก็ทำให้ผมถึงกับใจสั่นและต้องร้องซี้ดในใจ ผมจำได้ว่าผมแพ้เสียงนี้ตั้งแต่แรกเจอ แล้วก็คงจะแพ้ตลอดไปอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน


“ถึงไม่ต้องขอฉันก็เป็นของนายอยู่แล้ว” พูดจบผมก็ก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากของหมอกทันที จูบนี้เป็นจูบที่หวานล้ำและวาบหวามยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะหัวใจของเราสองคนได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์...


2BC


สวัสดีค่ะ Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 ก็จบลงไปแล้วน้า ในที่สุดก็ได้รู้ความจริงสักทีว่าหมอกกับเมฆเป็นคนคนเดียวกัน รวมทั้งเหตุผลที่เมฆโกหกว่าเป็นฝาแฝด และการกระทำแปลกๆที่ผ่านมา เพราะงั้นก็ขอแสดงความดีใจกับทีม 2 บุคลิกด้วยน้าเพราะคุณได้ไปต่อ  :mc4: ส่วนทีม 3P ก็อย่าพึ่งใจแป้วเน่อ แอบกระซิบเลยว่าตอนพิเศษในเล่มมีฉาก 3P ด้วยน้า (แอบมาเนียนขายของ แบบว่าใกล้ปิดพรีแล้ว อิอิ  :m23:)
ส่วนตอนหน้าและตอนต่อๆไปเราจะพยายามรีบมาลงให้บ่อยขึ้นนะคะ เพราะอยากจะรีบลงนิยายให้จบก่อนวันปิดจอง (เรื่องนี้จริงๆมี 13 ตอนแต่เราว่าจะปรับให้เหลือ 12 โดยให้แต่ละตอนมีความยาวมากขึ้น อย่างตอนนี้เราก็แอบเอาของตอนหน้ามาใส่เหมือนกัน มันถึงได้ยาวขนาดนี้ แหะๆ)
สำหรับเรื่องที่เรามาต่อช้ากว่าที่นัดไม่ใช่ว่าเราลืมหรือจะไม่ลงต่อแล้วน้า อย่าพึ่งเข้าใจผิดเน่อ แต่เป็นเพราะว่าเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเราไปทำธุระที่กทม. แล้วก็ไปรับน้องเหมียวมาเลี้ยงแทนตัวเก่าที่ตาย ซึ่งเราไม่ได้เอาโน้ตบุ๊คไปเลยลงนิยายไม่ได้ เพราะงั้นก็ต้องอภัยที่มาลงช้าด้วยนะคะ  :m5: ส่วนหลังจากนี้เราไม่ได้ไปไหนแล้วก็จะลงตามนัดเหมือนเดิม แต่จะดึกหน่อยเพราะช่วงสิ้นเดือนงานเยอะมากกก ต้องกลับช้ากว่าเวลาปกติหลายชั่วโมงเลย  :katai4: แต่ยังไงจะรีบมาต่อให้เร็วที่สุดนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าในวันสองวันนี้นะคะบ๊ายบายยย  :bye2:
(27 พ.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-11-2017 23:11:43
คืนดีกันแล้ว จุดพลุฉลองจ้า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-11-2017 23:51:10
ชอบพี่หมอเจ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-11-2017 00:09:58
สองบุคลิกจนได้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-11-2017 00:10:29
คนแก่อยากให้เมฆกับหมอกเจอกันอ่ะ แต่หมอเจบอกเป็นไปไม่ได้ ให้เจอกันแบบเป็นคลิปได้ปะ จะได้เข้าใจกันมากขึ้น ส่วนจะมี 3P เกิดขึ้น ยังนึกไม่ออกว่าจะเป็นแบบไหน จะเป็นในฝันของธารปะ  :confuse:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-11-2017 00:11:30
ในที่สุดก็เข้าใจกันจนได้   :katai2-1:

แอบนึกว่าจะมีบิ้กเซอไพรส์ซะอีก  ฮุ ฮุ 
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-11-2017 09:32:04
เคลียร์กันเรียบร้อย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-11-2017 10:03:29
ว้ารอสามพีในฝันนะคะ
ดีกันแล้วก้อดีใจนะเนี่ย ธารจะรับมือทั้งสองไหวไหมนะ5555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-11-2017 16:06:56
เราอ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงหนังเกาหลีเรื่องนึงที่พระเอกมี 7-8 บุคคลิกเยอะมาก จะออกมาตามอารมณ์ตอนนั้น

แล้วเราจำได้ว่าเครียดและเศร้ามากตอนพระเอกหายจากโรค เหลือเป็นเพียงบุคคลิกปกติ

เพราะเราพูกพันกับตัวบุคคลิกทุกตัวมาก   


เราเลยเชียร์เป็น 3พี ตั้งแต่แรก เรากลัวว่าเมฆ หรือ หมอกจะหายไป


เค้าจะอยู่ทั้งคุ่ใช่ไหมคะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 28-11-2017 22:09:25
โง้ยดีกันละน่ารัก ดีอะเหมือนได้แฟนสองคน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-11-2017 10:23:00
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-11-2017 11:58:16
โดนควบ 2 บุคลิก ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 สองบุคลิก [27.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 29-11-2017 14:26:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 30-11-2017 00:37:57
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 11# Thara ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง เปลี่ยนระเบียงเป็นโซฟาหรือเครื่องซักผ้าแทนก็ได้


“อืม...” ความหวานจากรสจูบทำให้ร่างกายของหมอกและผมแทบหลอมละลาย แต่ถึงอย่างนั้นในระหว่างนี้พวกเราก็ใช้มือปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่ายไปด้วย จนเมื่อเปลือยเปล่าทั้งตัวแล้วเราสองคนก็ลูบไล้ที่ร่างกายของกันและกัน ความร้อนของฝ่ามือที่ลากผ่านตามส่วนต่างๆ ทำให้อารมณ์ของเราพุ่งทะยานสูงขึ้นอีกเป็นทวีคูณ


“อา...” เสียงครางกระเส่าหลุดออกมาเบาๆ เมื่อเราทั้งคู่ถอนจูบออกมา ก่อนที่หมอกจะก้มหน้าลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอของผม ตามด้วยการขบเม้มและดูดเลียเบาๆ จนผมต้องซี้ดปาก แต่หลังจากที่ถูกนิ้วมือของหมอกบีบขยี้ตรงยอดอก เสียงครางของผมก็ดังระงมมากขึ้นกว่าเดิม


“อา...ซี้ดด...อาา...” ความเสียวซ่านทำให้ร่างกายของผมสั่นสะท้าน ยิ่งนานวันหมอกก็ยิ่งเก่งและโปรมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องรอให้ผมออกคำสั่งก็รู้แล้วว่าต่อไปต้องทำแบบไหน แถมยังรู้ใจว่าผมชอบให้ดูดและเลียมากกว่า จึงได้ก้มหน้าลงมาใช้ริมฝีปากครอบครองพร้อมกับตวัดลิ้นด้วยความรวดเร็ว


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ลีลาของหมอกทำเอาผมเสียวมากจนต้องแอ่นอกขึ้น สองมือจิกทึ้งที่เส้นผมดำขลับข้างหน้าไปมาเพื่อระบายความเสียวซ่าน


หมอกเหลือบสายตาขึ้นมามองใบหน้าอันสุขสมของผมแว้บหนึ่ง แล้วจึงออกแรงดูดที่ยอดอกให้แรงยิ่งขึ้น ตวัดลิ้นเลียให้เร็วมากขึ้น ส่วนยอดอกอีกข้างก็ถูกบีบขยี้อย่างหนักหน่วงไปพร้อมกัน สร้างความเสียวกระสันให้ผมจนครางลั่นอย่างห้ามไม่อยู่


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...อ๊า...อ๊า...” ตอนนี้นอกจากเสียงคราง สะโพกของผมก็ยังส่ายร่อนไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ ช่องทางข้างในมันต้องการอะไรสักอย่างเข้าไปเติมเต็ม หมอกที่รู้ความต้องการของผมดี จึงได้สอดนิ้วที่ชโลมไปด้วยเจลหล่อลื่นเข้าไปรวดเดียวจนสุดความยาว


“ซี้ดดด...อ๊าา...” ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาผมครางลั่นด้วยความสุขสม ยิ่งตอนที่หมอกขยับนิ้วเข้าออกพร้อมกับหักงอเสียดสีกับผนังอันอ่อนนุ่ม มันก็ยิ่งทำให้ผมเสียวมากขึ้นจึงยิ่งส่งเสียงครางระงมมากกว่าเดิม


“หมอก...อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” จนเมื่อช่องทางด้านหลังของผมขยายออกมากขึ้น หมอกก็สอดนิ้วที่สองตามเข้ามาข้างใน จากนั้นก็เร่งจังหวะการขยับเข้าออกให้เร็วมากขึ้น โดยที่มืออีกข้างและริมฝีปากก็ยังคงฟัดที่ยอดอกของผมอย่างหนักหน่วงเช่นเดิม


   “อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” ตอนนี้ผมรู้สึกเสียวสุดๆ จนสะโพกสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ถึงนิ้วจะทำให้ผมพึงพอใจได้แค่ไหน มันก็ไม่มีทางเทียบเท่าท่อนเนื้อร้อนๆ ได้อยู่ดี ดังนั้นผมจึงใช้มือคว้าที่ท่อนเนื้อของหมอกที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะรูดขึ้นลงตามความยาวช้าๆ จนหมอกครางต่ำในลำคอ


   “อยากเข้ามาข้างในตัวฉันแล้วใช่มั้ย” ผมกระซิบที่ข้างหูของหมอก ก่อนจะสวมถุงยางไซส์บิ๊กแต่บางเฉียบครอบเอาไว้ จากนั้นก็ยกสะโพกขึ้นให้ปากทางเข้าจ่ออยู่ที่ส่วนปลายของแก่นกายหมอก


“อา...ครับคุณธาร...” หมอกกัดริมฝีปากล่างอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ผมที่เห็นแบบนั้นเลยไม่รอช้า จึงรีบกดสะโพกลงไปกลืนกินแก่นกายของหมอกทันทีจนมิดลำ


“อาา! คุณธาร!”


“อ๊าาา! อ๊ะ...อ๊า...หมอก!”


หมอกกับผมครางลั่น วินาทีที่ท่อนเนื้อร้อนๆ ที่ทั้งยาวและอวบอั๋นถูกสอดแทรกเข้ามา มันก็ทำให้ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั้งร่าง จนช่องทางของผมหดตัวบีบและตอดรัดอย่างถี่ยิบ ตอนนี้เราสองคนเสียวซี้ดจนแทบขาดใจอยู่แล้ว


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ผมไม่รอช้ารีบยกสะโพกขึ้นลงทันที แรงเสียดสีที่ผนังและแรงกระแทกตรงจุดกระสันทำให้ผมครางลั่นอย่างทนไม่ไหว สองมือจิกทึ้งและขยุ้มเส้นผมดำขลับของหมอกจนยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว


“หมอก...หมอก...อ๊า...” ถึงผมจะเป็นฝ่ายขย่มและคุมเกมรักในครั้งนี้ แต่ก็ใช่ว่าหมอกจะนั่งนิ่งๆ พิงโซฟาเป็นหุ่นอย่างเดียว เพราะหมอกได้ใช้มือบีบขยี้ที่ยอดอกของผม ส่วนอีกข้างก็ใช้ริมฝีปากกับปลายลิ้นดูดเลีย การกระทำของหมอกทำให้ผมเสียวจนส่วนนั้นมีน้ำใสๆ ไหลออกมาแล้ว


“จะเสร็จแล้วหรอครับคุณธาร ทนอีกนิดได้มั้ย รอเสร็จพร้อมผมนะ” หมอกพูดกับผมเสียงกระเส่า แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นหมอกกลับดูดที่ยอดอกของผมแรงขึ้น ตวัดลิ้นเลียเร็วขึ้น แถมยังใช้มือข้างหนึ่งกอบกุมส่วนนั้นของผมเอาไว้ แล้วรูดขึ้นลงตามความยาวอีกต่างหาก


“ถะ...ถ้าจะให้รอ...อ๊า...งั้นนายก็อย่า...อ๊ะ...อ๊า...ทำแบบนี้...” ผมพูดแทบไม่เป็นภาษา เพราะตอนนี้ผมเสียวซ่านจนแทบบ้าอยู่แล้ว ดูท่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้คนที่จะเสร็จคงมีแค่ผมคนเดียว ดังนั้นผมจึงได้เร่งการขยับสะโพก แถมยังก้มหน้าลงไปดูดและขบเม้มที่ซอกคอของหมอกไปด้วย


“อา!” หมอกหลุดเสียงครางออกมา แถมส่วนนั้นที่ผมยังคงขย่มกลืนกินอยู่ก็กระตุกและขยายใหญ่ขึ้น สร้างความเสียวซ่านให้ผมมากขึ้น จนช่องทางด้านหลังบีบและตอดรัดหมอกถี่ยิบจนเสียวสุดใจ


“ซี้ดด...คุณธาร...” เสียงกระเส่าของหมอกยิ่งทำให้ผมออกแรงขย่มอย่างเมามัน ส่วนหมอกก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน เพราะได้กอดรัดที่สะโพกของผมให้แนบแน่นแล้วกระแทกแก่นกายขึ้นสวน ดูท่าตอนนี้หมอกจวนเจียนจะเสร็จเหมือนกับผมแล้ว


“คุณธาร...อาา...คุณธาร...”


“หมอก...หมอก! อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...”


เราสองคนครางลั่นห้อง ก่อนที่ผมจะก้มหน้าลงไปแลกลิ้นกับหมอกอย่างดูดดื่ม ส่วนสะโพกก็ยังคงส่ายร่อนและขย่มกลืนกินท่อนเนื้อร้อนๆ อย่างสุดแรง ในขณะที่หมอกก็ได้กระแทกแก่นกายขึ้นสวนอย่างไม่ยั้ง ทั้งยังขยับรูดรั้งที่ท่อนเนื้อของผมขึ้นลงอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก การกระทำนั้นทำให้ผมเสียวมากจนทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว


“อ๊า...อ๊า...อ๊าาาาา!” ผมถอนจูบออกมาแล้วเชิดหน้ากรีดร้องเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ทิ้งกายลงอย่างสุดแรงแล้วปลดปล่อยความเสียวซ่านออกมาทันที


“คุณธาร! อาาา!” ส่วนหมอกเมื่อถูกช่องทางด้านหลังของผมบีบรัดเป็นจังหวะอย่างสุดแรง ก็พ่ายแพ้ให้แก่ความเสียวแล้วฉีดพ่นความสุขสมที่ได้รับออกมาจนหมดเช่นกัน ซึ่งหลังจากนั้นผมก็ทรุดกายลงไปซบที่ซอกคอของหมอก พร้อมกับหอบหายใจออกมาอย่างแรง


“อา...เก่งขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยนะหมอก” ผมพูดในขณะที่ยังคงหอบเช่นเดิม


“ที่ผมอ่านมากกว่าหนังสือก็คือเรื่องพวกนี้นี่แหละครับ” หมอกพูดยิ้มๆ คำพูดนั้นทำให้ผมรีบยืดตัวขึ้นทันที


“ถามจริง ตอนนี้นายคือหมอกแน่รึเปล่าเนี่ย” ถึงสีหน้า แววตา และบรรยากาศโดยรวมจะเป็นหมอกจริงๆ แต่ผมก็อดจะแปลกใจไม่ได้อยู่ดีเพราะหมอกเคยพูดจาแบบนี้ที่ไหน


“อะไรกันครับ พูดแบบนี้มันน่าน้อยใจนะคุณธาร” หมอกทำหน้างอง้ำ


“โธ่...ไม่เอาไม่งอนนะ ก็ปกตินายไม่เคยพูดแบบนี้ฉันก็ต้องสับสนเป็นธรรมดาสิ” ผมทำตาปริบๆ เพื่อง้อ แถมยังใช้สองมือประคองที่ข้างแก้มแล้วก้มลงไปจุ๊บปากหมอกอีกสองที


“ที่พูดไปเมื่อกี้ผมพูดจริงนะครับ ผมศึกษาแล้วก็อ่านเรื่องพวกนี้เยอะมาก เพราะผมอยากทำให้คุณมีความสุข” หมอกพูดอย่างจริงจัง สายตาที่มองตรงมานั้นทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา


“ขอบใจมากนะ ฉันมีความสุขจริงๆ” พูดจบผมก็ก้มหน้าลงไปจูบหมอกอีกครั้ง โดยที่คราวนี้ผมใช้ลิ้นเลียไปที่ริมฝีปาก จากนั้นก็ตามด้วยการงับและขบเม้มเบาๆ อีกด้วย


“พอคุณทำแบบนี้ผมก็มีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้งน่ะสิครับ” คำพูดนั้นของหมอกทำให้ผมหัวเราะออกมาเบาๆ


“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันรับผิดชอบเอง ไปที่เตียงกันมั้ยหรือจะต่อยกสองที่นี่” ถึงแม้ที่โซฟานี้จะไม่กว้างเท่าเตียง แต่มันก็ไม่ได้ลำบากแถมยังทำได้หลายท่าอีกต่างหาก


“ผมอยากไปตรงที่คุณกับเมฆยังไม่เคยไป” พอได้ยินแบบนี้ผมก็แทบจะหลุดขำพรืดทันที นี่หรอที่บอกว่าไม่หึง ถ้าหึงนี่จะขนาดไหน


“อืม...งั้นไปที่ระเบียงดีมั้ย” อย่าว่าแต่กับเมฆเลย ขนาดผู้ชายคนอื่นผมยังไม่เคยทำที่ระเบียงด้วยซ้ำ ก็นะ...มีเตียงให้ทำสบายๆ ผมก็เลยไม่รู้จะไปทำตรงอื่นทำไม


“ไม่เอาครับ ถ้าทำที่ระเบียงผมกลัวว่าจะมีใครเห็นหน้าตาเซ็กซี่กับร่างกายสวยๆ ของคุณ” หมอกพูดด้วยใบหน้าจริงจัง (หวงจริงจัง) ทำเอาผมรู้สึกเขินจนหน้าร้อนวาบขึ้นมา


“ถ้างั้นจะไปตรงไหนดีล่ะ อืม...โต๊ะ ตู้ เตียง มันก็ธรรมดาเกินไป อ๊ะ! ถ้างั้นเอาเป็นเครื่องซักผ้ามั้ย ฉันว่ามันก็น่าจะได้อารมณ์ไปอีกแบบ” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีคู่รักคู่ไหนเคยมีอะไรกันที่เครื่องซักผ้าบ้าง แต่ผมว่ามันก็น่าจะดีนะ ยิ่งถ้าเปิดให้เครื่องสั่นไปพร้อมกับตอนที่ทำด้วยล่ะก็ แค่คิดผมก็แทบจะร้องซี้ดด้วยความเสียวอยู่แล้ว


“อึ่ก! อะไรกันครับ จู่ๆ ก็รัดผมซะแน่นขนาดนั้น” หมอกกัดริมฝีปากล่าง ท่าทางจะเสียววาบขึ้นมาเมื่อผมเผลอบีบรัดท่อนเนื้อที่ยังคงอยู่ในตัวของผม


“ก็ฉันทนไม่ไหวแล้วน่ะสิ ไปเร็ว ไปที่เครื่องซักผ้ากัน” ผมอมยิ้มแล้วใช้สองมือโอบรอบลำคอของหมอกเอาไว้


“ถ้างั้นก็เกาะให้แน่นๆ นะครับ” พูดจบหมอกก็ลุกขึ้นยืน ผมจึงเกี่ยวขาพันรอบเอวของหมอกเอาไว้ แต่ยิ่งหมอกก้าวเท้าเดินออกไปมากเท่าไหร่แรงเกี่ยวของผมก็ยิ่งหดหาย เพราะความเสียวซ่านจากแรงสั่นทุกย่างก้าว ได้แผ่กระจายทั่วร่างจนผมสั่นสะท้านไปหมดแล้ว


“อื้อ...หมอก...” ผมซุกใบหน้าลงไซ้ที่ซอกคอของหมอกเพื่อระบายความเสียวซ่าน หมอกจึงครางซี้ดแล้วยิ่งก้าวอย่างรวดเร็วจนไปถึงเครื่องซักผ้า ตอนแรกหมอกก็ว่าจะวางผมลงบนฝาแต่ว่ามันสูงเกินไป หมอกจึงวางผมลงบนพื้นให้ยืนหันหลังแทน


“รอแป๊บนึงนะครับคุณธาร” หมอกกระซิบที่ข้างหูของผมแล้วกดจูบลงที่ซอกคอ ก่อนจะไล่ลงมาเรื่อยๆ ตามแผ่นหลังจนผมเสียวสะท้าน จนเมื่อหมอกเปลี่ยนถุงยางเป็นอันใหม่เรียบร้อย ก็ค่อยๆ แทรกแก่นกายอันใหญ่โตเข้ามาข้างในจนกระทั่งสุดความยาว


“อาาาา...” ผมครางด้วยความเสียว การถูกสอดใส่เข้ามาอย่างช้าๆ มันช่างรู้สึกซาบซ่านแต่ก็ทรมานราวกับจะขาดใจ


“แรงๆ เลยหมอก...อ๊า! ใช่! อ๊า!” แล้วหมอกก็จัดให้ตามคำขอ โดยการถอนแก่นกายออกจนเกือบสุดความยาว แล้วกระแทกกลับเข้ามารวดเดียวมิดลำจนผมเสียวแทบบ้า ช่องทางด้านหลังจึงบีบรัดและกระตุกตอดท่อนเนื้อของหมอกเป็นจังหวะอย่างรุนแรง


“ซี้ดด...คุณธาร...” หมอกกัดปากร้องซี้ด ก่อนจะยิ่งกระแทกแก่นกายเข้ามาอย่างรุนแรงและรวดเร็วมากขึ้นจนเครื่องซักผ้าสั่นสะท้าน แต่มันก็ยังสั่นไม่มากพอผมจึงได้หมุนให้มันทำงาน เท่านั้นแหละแรงสั่นมันก็ทำให้ร่างกายผมถึงกับสะท้าน ความเสียวซ่านได้ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นทันที


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ดีจังหมอก...เสียวมากเลย...อ๊ะ...อ๊า...” ผมจิกเล็บลงที่เครื่องซักผ้าแน่น รสชาติแปลกใหม่ทำให้ผมรู้สึกเสียวถึงใจ ยิ่งตอนที่หมอกใช้สองมืออ้อมมาขยี้ที่ยอดอกพร้อมกับการกระแทกแก่นกายเข้ามา มันก็ยิ่งทำให้ผมเสียวมากจนน้ำตาคลอขึ้นมาเลย


“อา...ข้างในคุณแน่นมาก...ซี้ดด...รัดผมไม่หยุดเลย...” หมอกครางด้วยความพึงพอใจแล้วยิ่งเร่งจังหวะการซอยแก่นกายเข้ามา จังหวะการกระแทกที่ดุดันพอบวกกับแรงสั่นของเครื่องซักผ้า มันก็ทำให้ผมเสียวมากจนน้ำใสๆ ไหลออกมาจากส่วนนั้นเป็นสาย ตอนนี้ผมใกล้จะถึงจุดสุดยอดอยู่แล้ว


“หมอก...อ๊า...อ๊ะ...ฉันจะเสร็จแล้ว...มันเสียว...อ๊า...ไม่ไหวแล้ว...” ผมพูดแทบไม่เป็นภาษา สาบานเลยว่าตอนนี้สมองของผมขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ


“ผมก็ใกล้เสร็จแล้ว อา...ไปพร้อมกันนะครับ” หมอกพูดจบก็ก้มลงขบเม้มที่ใบหูของผม จากนั้นก็เร่งจังหวะการกระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างไม่มียั้ง ทั้งหนักหน่วง รุนแรง และรวดเร็ว โดยที่มือข้างหนึ่งก็ยังบีบคลึงและขยี้ที่ยอดอก ส่วนอีกข้างก็เลื่อนลงมาชักแก่นกายของผมเข้าออก พอเจอการรุกเร้าจากหลายๆ ทางพร้อมกันรวมทั้งการสั่นของเครื่องซักผ้า มันก็ทำให้ความเสียวพุ่งทะยานขึ้นมาจนถึงจุดสุดยอดทันที


“อ๊า...อ๊า...อ๊า...หมอก! อ๊าาาาาาา!” ผมกรีดร้องเป็นครั้งสุดท้าย แล้วปลดปล่อยความสุขสมออกมาเป็นครั้งที่ 2 จนเลอะเครื่องซักผ้า ก่อนที่มันจะค่อยๆ ไหลลงตามแนวโน้มถ่วงจนกระทั่งถึงพื้น


ส่วนหมอกเมื่อเห็นว่าผมเสร็จแล้วก็เปลี่ยนมาใช้สองมือตรึงสะโพกของผมเอาไว้ จากนั้นก็เร่งจังหวะการซอยแก่นกายเข้ามาอย่างไม่ยั้ง จนเสียงเนื้อที่กระทบกันดังลั่นยิ่งกว่าเครื่องซักผ้า


“คุณธาร...คุณธาร! อึ่ก...อาาาา!” สิ้นเสียงนั้นหมอกก็ฝังท่อนเนื้อเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วก็ถึงจุดสุดยอดโดยการฉีดพ่นความเสียวซ่านทั้งหมดเข้ามา ถึงแม้จะมีถุงบางๆ ขวางเอาไว้แต่ผมก็รับรู้ถึงความรักและความร้อนรุ่มจากหมอกได้อยู่ดี


“รักนะหมอก...ฉันรัก...นาย...” ผมพยายามจะเอี้ยวหน้ากลับไปหาหมอก แต่ก็ฝืนสังขารไม่ไหวจึงได้วูบลงไปตรงนั้น บางทีรสชาติใหม่ๆ มันอาจจะตื่นเต้นเร้าใจจนเกินไปก็ได้


“คุณธาร...คุณธารครับ...คุณธาร...” หมอกเขย่าตัวผมพร้อมกับร้องเรียก แต่ผมที่สลบไปแล้วจึงไม่รับรู้เรื่องใดๆ แม้กระทั่งตอนเช้าที่มีคนไขกุญแจเปิดประตูเข้าห้องมาผมก็ยังนอนเฉยไม่ได้รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย...


2BC


ฮัลโหลวววว สวัสดีค่าทุกคน ฉลองสิ้นเดือนวันเงินเดือนออกด้วยการเสียเลือดกับบท NC ที่ร้อนแรง  :pighaun: ตอนนี้ก็เป็นบทกุ๊กกิ๊กน่ารักๆ ของหมอกและธารหลังจากเจอดราม่าหนักหน่วง ซึ่งเราก็หวังว่าทุกคนจะชอบกันน้า ว่าแต่เสียเลือดกันไปคนละเท่าไหร่น้อ อิอิ  :hao3:
ส่วนตอนหน้าถ้าพรุ่งนี้เราไม่ได้ค้างที่บริษัทก็จะลงให้อ่านน้า (สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจเพราะงานหนักหน่วงมาก ฮืออออ  :katai4:) ที่เร่งลงแบบนี้เพราะเรื่องจะได้ลงจบก่อนปิดพรี นี่ก็ปรับตอนใหม่จนเหลือ 12 ตอนแล้วจ้า ยังไงก็มาเอาใจช่วยหมอก เมฆ และธารจนถึงบทสุดท้ายด้วยนะคะทุกคน  :กอด1:
(30 พ.ย. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-11-2017 01:14:50
ใครเข้ามา หวังว่าคงไม่ใช่แม่ของหมอกหรอกนะ
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-11-2017 02:08:46
 :freeze: ทำบนเครื่องซักผ้า แถมยังเปิดเครื่องด้วย โอ้ย... เบาหวานขึ้นตาคนแก่แล้ว  :sad5:
ขอถามนิดเครื่องซักผ้านี่ฝาบน หรือฝาหน้า  :m28:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-11-2017 08:18:50
0_0!
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-11-2017 08:59:32
ใครเข้ามาล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-11-2017 09:54:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 30-11-2017 10:16:35
ความจริงโผล่แล้วเนี่ยย จัดหนักจัดเต็มเลยนะะะ :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 30-11-2017 10:48:07
เลือดพุ่งเต็มจอเลยค่ะ :m10:


รับบริจาคกรุ๊ฟบีค่ะ ใครมีแบ่งปัญเราบ้าง
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-11-2017 11:11:16
แม่หมอกหรือเปล่า  :katai1:
ดราม่าแน่  :mew2:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 30-11-2017 12:19:06
ใครอ่ะ  กลัวใจ 55555555555555555
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-11-2017 12:22:14
ธารลืมไปเลยว่าเคยร้องไห้ อิอิ
นั่นสินะใครไขเข้าห้องมาล่ะอย่าบอกนะว่าเมฆคัมแบค
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-11-2017 12:24:00
เมฆ เปิดประตูเข้าห้องมา ..
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-11-2017 15:24:00
ชื่อตอนเต็มๆนี่..... ชวนหัวใจวาย  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 30-11-2017 21:57:18
 :haun4: ยอมในไอเดียเครื่องซักผ้า หมอกจะหื่นกว่าเมฆล่ะ55
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 30-11-2017 22:38:27
 :jul1:  ถึงกับเลือดหมดตัวกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11#ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง NC [30.11.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 01-12-2017 12:20:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 02-12-2017 23:28:07
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 11# Thara ปัญหาคลี่คลาย?


“นี่มันอะไรกันหมอก! ตอบแม่กับพ่อมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง!” แม่ของหมอกตวาดลั่นห้องด้วยความโมโห โดยมีพ่อของหมอกนั่งทำหน้าตาถมึงทึงอยู่ที่โซฟาข้างๆ ส่วนผมกับหมอกนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามีปากมีเสียง


เมื่อคืนหลังจากที่ผมกับหมอกมีอะไรกันอย่างถึงอกถึงใจ มันก็ทำให้เราสองคนหลับเป็นตายจนไม่ได้ยินเสียงพ่อกับแม่หมอกที่ไขเข้ามาในห้อง จึงทำให้พวกท่านทั้งสองเห็นสภาพของเราที่นอนกอดกันแบบไม่ใส่เสื้อผ้า ถึงจะมีผ้าห่มคลุมร่างเอาไว้มันก็แทบไม่ช่วยอะไร เพราะยังไงก็ถูกมองออกอยู่ดีว่าเมื่อคืนพวกเราสองคนนั้นมีอะไรกัน


พอพ่อกับแม่ของหมอกเห็นสภาพนั้น ท่านทั้งสองก็โวยวายดังลั่นจนพวกเราตาสว่าง จึงได้รีบกระวีกระวาดใส่เสื้อผ้าด้วยความลนลาน ก่อนจะมานั่งคอตกให้พวกท่านด่าแม้ว่าผมจะไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด คนที่ผิดคือพ่อกับแม่ของหมอกที่เปิดประตูห้องเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตต่างหาก


“ขอโทษครับแม่” หมอกยังคงก้มหน้า ไม่ยอมตอบคำถามของแม่ที่ถามออกมาเมื่อกี้ ส่วนผมที่ไม่รู้จะต้องพูดอะไรดีเลยได้แต่นิ่งเงียบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


“แม่ไม่ต้องการคำขอโทษ! ตอบมาว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร!” แม่ของหมอกยังคงตวาดเสียงดังเช่นเดิม สายตาที่มองมายังผมแสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งพ่อของหมอกก็มองผมด้วยสายตาแบบนั้นเช่นกัน


ก็นะ...คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะยินดีที่เห็นลูกชายคนเดียวนอนกอดกันบนเตียงกับผู้ชายเหมือนกันหรอก


“คุณธารเป็นแฟนของผมครับ” คำตอบนั้นทำให้ผมแอบยิ้มออกมาบางๆ ผิดกับพ่อและแม่ของหมอกที่หน้าบึ้งตึงลงยิ่งกว่าเดิม


“ผู้ชายกับผู้ชายจะเป็นแฟนกันได้ยังไง! เรื่องวิปริตพรรค์นี้พ่อรับไม่ได้หรอกนะ!” พอได้ยินแบบนั้นหมอกก็ถึงกับชะงักแล้วกำหมัดแน่น ผมจึงจับมือหมอกเอาไว้แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองพ่อของหมอกด้วยสายตาไม่พอใจ นี่มันพ.ศ.ไหนแล้วทำไมถึงยังมีมนุษย์ไดโนเสาร์ที่มีความคิดเหยียดเพศอยู่อีกก็ไม่รู้!


“ผมว่าคุณพูดแรงเกินไปนะครับ”


“นี่มันเรื่องภายในครอบครัว คนนอกอย่างคุณไม่เกี่ยว” คำพูดและสายตาดูแคลนนั้นทำให้ผมรู้สึกปรี๊ดจนอยากวีนให้ห้องแตก นี่ถ้าไม่ติดว่าคนที่พูดเป็นพ่อของหมอก ผมคงด่ากลับเป็นชุดให้ผมหงอกหมดหัวไปแล้ว!


“พ่อครับ ผมเข้าใจว่าพ่ออาจจะหัวโบราณไปหน่อย แต่ผมก็อยากให้พ่อเข้าใจว่าความรักมันไม่เกี่ยวกับเพศนะครับ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ” ถึงแม้หมอกจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ผมก็รู้ว่าตอนนี้หมอกกำลังเครียดมาก ผมกลัวว่าความกดดันที่หมอกกำลังเผชิญจะทำให้เมฆปรากฏออกมา ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็เรื่องราวได้วุ่นวายมากกว่าเดิมแน่นอน


“แกอยากให้พ่อเข้าใจ แล้วแกล่ะเคยเข้าใจพ่อบ้างมั้ย แกลองคิดดูสิว่าคนอื่นจะมองพ่อยังไง พ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ใครต่อใครได้สมเพชพ่อพอดีที่เลี้ยงแกให้โตมาผิดเพศแบบนี้!”


“ที่พูดมาทั้งหมดคุณก็แค่นึกถึงแต่ตัวเองสินะ” ผมที่ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจึงได้พูดขึ้นมา แม้ว่าอาจจะโดนด่ากลายๆ ว่าสาระแนอย่างเมื่อกี้นี้อีกรอบ


“ก็บอกแล้วไงว่านี่มันเรื่องในครอบครัว คนนอกอย่างคุณไม่เกี่ยว”


“ไม่เกี่ยวสิดีเพราะผมจะได้พูดแบบไม่ต้องเกรงใจ ถามจริงๆ เถอะว่าที่ผ่านมาพวกคุณเคยถามความต้องการของหมอกบ้างมั้ย หรือเอาแต่ยัดเยียดความต้องการของตัวเองให้หมอกอย่างเดียวมาตั้งแต่เกิด” ถึงแม้ว่าหมอกจะไม่เคยเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้ผมฟัง แต่ผมก็พอจะเดาออกว่าหมอกต้องเผชิญอะไรมาบ้าง ซึ่งมันก็ต้องเครียดและกดดันมาก จึงทำให้หมอกสร้างเมฆที่เป็นอีกบุคลิกขึ้นมาแบบนี้


“พวกผิดเพศอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาว่าผมหรอกนะ ไม่มีปัญญามีลูกก็อย่ามาอวดดีสั่งสอนผมหน่อยเลย” พอได้ยินแบบนี้แม่ของหมอกก็พูดเสริมขึ้นด้วยเช่นกัน


“จริงด้วยค่ะคุณ แถมเท่าที่ดูอายุก็น่าจะพอสมควรแล้วด้วย โตจนป่านนี้ยังไม่คิดสร้างครอบครัวแต่มาไล่จับเด็กผู้ชาย ความคิดน่ารังเกียจจริงๆ”


“พวกคุณสิที่น่ารังเกียจ ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้พวกคุณเหยียดคนอื่นไปกี่ครั้งแล้ว” พอโดนผมตอกกลับแบบนี้พ่อกับแม่ของหมอกก็ถึงกับหน้าเหวอ
“นี่...นี่เธอ...” แม่ของหมอกอ้าปากพะงาบๆ คงจะคิดคำด่าไม่ทันผมจึงใช้จังหวะนั้นพูดต่อทันที


“ผมว่าพวกคุณน่าจะหัดมองโลกซะใหม่ โลกมันไม่ได้หมุนรอบพวกคุณ แล้วพวกคุณก็ไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาลด้วย เพราะงั้นพวกคุณควรจะเลิกยัดเยียดความคิดของตัวเองให้คนอื่นได้แล้ว โดยเฉพาะหมอกที่คุณตีกรอบชีวิตและเข้มงวดทุกอย่างจนไม่มีความสุข” ผมพยายามพูดด้วยเสียงปกติที่ไม่ใส่อารมณ์ เพราะถ้าต่างฝ่ายต่างร้อนใส่กันมันคงไม่เป็นผลดี แต่ถึงผมจะทำแบบนี้ผลลัพธ์มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ต่างกัน เพราะแม่ของหมอกก็ยังคงร้อนใส่ผมเหมือนเดิม


“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าริอาจสั่งสอนผู้ใหญ่! ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนเธอทำไมจะไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี! ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำไปก็เพื่อหมอกทั้งนั้น! ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนที่ไม่รักลูกหรอก!”


“เลิกอ้างตรรกะพ่อแม่ทุกคนต้องรักลูกเถอะ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีอยู่ออกบ่อยเรื่องที่พ่อข่มขืนลูกในไส้ หรือเรื่องที่แม่ทำร้ายตบตีลูกจนสาหัสไม่ก็ตาย เพราะงั้นสิ่งที่คุณพูดมันก็ไม่เสมอไปหรอกนะ พ่อแม่ที่เห็นแก่ตัวรักตัวเองมากกว่าลูกน่ะมีให้เกลื่อน” คำพูดของผมทำให้แม่ของหมอกอ้าปากพะงาบๆ อีกครั้ง ส่วนพ่อของหมอกก็ขบกรามแน่นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครแย้งอะไรออกมาเพราะสิ่งที่ผมพูดมันคือความจริง


“ที่พูดไปผมไม่ได้อยากจะเอาชนะเพื่อความสะใจหรอกนะ แต่ผมแค่อยากให้พวกคุณทำตามความต้องการของหมอกบ้าง การที่พวกคุณเข้มงวดกับหมอกมาตั้งแต่เล็กจนโต แถมยังตีกรอบบังคับให้หมอกต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ พวกคุณรู้มั้ยว่ามันทำให้หมอกเครียดและกดดันมาก มากซะจนสมองได้สร้าง...” พอถึงตรงนี้ผมก็หยุดพูดทันที ผมหันหน้าหนีแล้วเชิดหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาที่รื้นขึ้นมันไหลลงมา ผมรู้สึกหดหู่และสงสารหมอกมากที่ต้องเผชิญกับความกดดันแบบนั้นมาไม่รู้กี่ปีแล้ว


“เธอยังพูดไม่จบใช่มั้ย เธอตั้งใจจะบอกอะไรฉันกันแน่” แม่ของหมอกถามพลางขมวดคิ้ว


“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อินไปหน่อยเท่านั้นเอง” ผมตอบเฉไฉเพราะไม่อยากให้ท่านรู้เรื่องที่หมอกมีสองบุคลิก


“แต่ฉันคิดว่าไม่นะ เธอกำลังมีเรื่องที่ปิดบังอยู่ บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าหมอกเป็นอะไร หมอกสร้างอะไรพูดให้จบเลยนะ” แม่ของหมอกรุกผมหนักขึ้น นี่ถ้าไม่ติดว่ามีโต๊ะเล็กๆ คั่นกลางก็คงจะลุกมาเค้นเอาคำตอบกับผมไปแล้ว


ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงวิกฤกติ เพราะไม่รู้ว่าจะต่อประโยคที่ค้างไว้ให้จบสวยได้ยังไง ความกดดันมันทำให้สมองของผมคิดอะไรแทบไม่ออก ซึ่งในขณะนั้นเอง หมอกที่นิ่งเงียบไปนานก็ได้พูดขึ้นมาว่า...


“พวกคุณอยากรู้จริงๆ หรอว่าหมอกสร้างอะไรขึ้นมา ถ้าผมบอกไปพวกคุณจะเชื่อมั้ย จะสำนึกบ้างรึเปล่าว่าที่ผ่านมาทำอะไรกับหมอกไปบ้าง” หมอกเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องไปที่ใบหน้าของพ่อและแม่อย่างแข็งกร้าว ในแววตามีแต่ความเคียดแค้นและชิงชัง สายตานั้นไม่มีทางที่หมอกจะใช้มองพ่อกับแม่ได้แน่


เพราะงั้น...


“เมฆ...นั่นนายใช่มั้ย?” ถึงจะเป็นประโยคคำถาม แต่ผมก็มั่นใจว่านี่ต้องเป็นเมฆอย่างแน่นอน หมอกคงจะกำลังหลับไหลอยู่ข้างใน ซึ่งก็น่าจะหลับไปได้สักพักแล้ว


“เธอพูดอะไร เมฆคือใคร แล้วหมอกทำไมถึงพูดแบบนั้นกับแม่” แม่ของหมอกพูดอย่างสับสน ก่อนจะหันมองหน้าผมกับเมฆสลับกัน อาการนั้นไม่ต่างกับสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ


“แกเป็นใครกันแน่” คำถามนั้นทำให้เมฆส่งเสียง ‘หึ’ ในลำคอแล้วแค่นยิ้มออกมา


“ผมชื่อเมฆ เป็นอีกบุคลิกที่หมอกสร้างขึ้นเพื่อรองความความเครียดและความกดดันที่ได้รับจากพวกคุณ ผมเกิดขึ้นในวันเกิดของหมอกตอนอายุ 12 วันนั้นควรเป็นวันที่หมอกจะต้องมีแต่ความสุข แต่หมอกกลับต้องทนทุกข์เพราะเกรตตกไปนิดเดียวก็ถูกพวกคุณดุด่าทุบตี มิหนำซ้ำยังถูกพวกคุณขังเอาไว้ในห้องพร้อมกับหนังสือกองโตอีกต่างหาก ตอนนั้นแหละที่หมอกสร้างผมขึ้นมา ไม่อย่างนั้นหมอกคงได้เก็บกดจนฆ่าตัวตายไปแล้ว”


สิ่งที่เมฆพูดทำให้ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก การที่เด็กอายุ 12 ต้องเผชิญกับเรื่องแบบนั้นมันเป็นอะไรที่โหดร้ายมาก แล้วยิ่งรู้ว่าวันนั้นหมอกเกือบจะฆ่าตัวตายด้วยอีกมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสงสาร กลับกันจากที่รู้สึกไม่ชอบพ่อแม่ของหมอก ตอนนี้ความรู้สึกของผมได้กลายเป็นโกรธและเกลียดเหมือนเมฆไปแล้ว


“นี่หรอที่พวกคุณบอกว่ารักหมอกทำเพื่อหมอก นี่มันไม่ได้ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ ถามจริงๆ เถอะพวกคุณเห็นหมอกเป็นลูก ทาส หรือว่าเครื่องจักรกันแน่ ผมมองไม่เห็นแล้วก็ไม่รับรู้ถึงความรักที่พวกคุณมีให้หมอกเลยสักนิด แค่สักนิดก็ไม่มี!” ผมโพล่งออกมาอย่างสุดทน สิ่งที่หมอกต้องเผชิญมันหนักหนาสาหัสมากกว่าผมด้วยซ้ำ เพราะตอนเป็นเด็กแม้ผมจะลำบาก แต่ผมก็ยังมีพี่น้องคอยอยู่เคียงข้าง ไม่ได้โดดเดี่ยวอ้างว้างเผชิญปัญหาตามลำพังแบบนี้


“นี่มัน...เรื่องจริงงั้นหรอ...?” แม่ของหมอกยกมืออันสั่นเทาขึ้นมาปิดปาก ส่วนดวงตาก็ไหวระริกโดยมีน้ำตาคลออยู่ ดูท่าคงจะเริ่มรู้สึกผิดและสำนึกได้แล้วว่าที่ผ่านมาได้ทำร้ายอะไรหมอกไปบ้าง


นอกจากนี้การที่ท่านเชื่ออย่างสนิทใจโดยไม่คิดสงสัยว่าคำพูดของเมฆอาจจะเป็นเรื่องโกหก คงเป็นเพราะคนเป็นพ่อแม่ย่อมจำลูกของตัวเองได้อยู่แล้วว่าเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะแววตาของเมฆที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าโกรธแค้นชิงชังท่านมาก ซึ่งมันต่างจากหมอกโดยสิ้นเชิง


“คุณคะ เราสองคนเป็นพ่อแม่ที่แย่มากเลยใช่มั้ย” น้ำเสียงท่านสั่นมากขึ้น ก่อนที่จะสั่นเทิ้มไปทั้งตัวโดยมีน้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย พ่อของหมอกที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยเข้าไปกอดปลอบเอาไว้ ก่อนจะเบนสายตามองมาที่ลูกอย่างรู้สึกผิด แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่มีนิสัยปากหนักเลยไม่ได้พูดอะไรออกมา ผิดกับภรรยาที่พูดขอโทษออกมาซ้ำๆ เป็นเวลาหลายนาที


“แม่ขอโทษนะหมอก...แม่ขอโทษ...ยกโทษให้แม่เถอะนะ...”


เกือบสิบนาทีกว่าที่แม่ของหมอกจะหยุดร้องไห้ แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังสะอึกสะอื้นและมีน้ำตาไหลซึมออกมาอยู่ดี เมฆที่นั่งมองอยู่นานจึงเดินไปหยิบทิชชู่แล้วเอามายื่นส่งให้ท่าน


“ขอบใจนะลูก”


“ไม่เป็นไรครับ” เท่าที่ดูจากท่าทางและคำพูด เมฆกับพ่อแม่ต่างฝ่ายต่างก็อ่อนลงกว่าเดิมมาก พอเห็นแบบนี้ผมก็ดีใจเพราะจะได้ปรับความเข้าใจกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นครอบครัวจะได้อบอุ่นและมีแต่ความสุขสักที


“เมื่อกี้ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่พูดจาไม่ดีใส่พวกคุณ” ผมก้มศีรษะพร้อมกับยกมือไหว้พ่อแม่ของหมอก ตอนนั้นผมโมโหจนพูดแรงเกินไปจริงๆ
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจว่าเธอคงจะรักหมอกมากเลยโกรธแทนขนาดนี้” แม่ของหมอกยิ้มบางๆ ให้ผม ซึ่งพ่อของหมอกก็เช่นกัน ตอนนี้พวกท่านทั้งสองไม่ได้แสดงอาการต่อต้านผมเหมือนอย่างทีแรก แต่ก็ไม่ได้ยินดีและยอมรับมากเท่าไหร่ คงต้องให้เวลาพวกท่านทั้งสองปรับตัวล่ะนะ


“นี่ แล้วนายไม่คิดจะพูดอะไรกับพ่อแม่หน่อยหรอ หายโกรธพวกท่านรึยัง” ผมหันไปถามเมฆที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงเห็นว่าสายตาคู่นั้นมีความกังวลอะไรบางอย่าง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นเพราะหลังจากนั้นเมฆก็ยิ้มออกมาให้ผม


“ขอบคุณนะธาร ถ้าไม่มีคุณปัญหาทุกอย่างก็คงจะไม่คลี่คลายแบบนี้ ต่อไปหมอกจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติสักที ผมขอบคุณจริงๆ” คำพูดของเมฆทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ จะดีใจก็ยังไม่สุด มันเหมือนมีเรื่องคาใจสักอย่างซึ่งผมก็นึกไม่ออกว่ามันคือเรื่องอะไร แต่แล้วผมก็ต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้ เพราะเมฆได้หันหน้าไปหาพ่อกับแม่แล้วพูดความในใจออกมา


“ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้สึกถึงความรักที่พวกคุณมีให้หมอกเลย ในใจของผมเลยมีแต่ความโกรธ เกลียด แล้วก็แค้น แต่ในเมื่อตอนนี้พวกคุณสำนึกในการกระทำที่ผ่านมาแล้ว ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเกลียดพวกคุณอีกต่อไป แต่ก็หวังว่าหลังจากนี้พวกคุณจะไม่เข้มงวดกับหมอกเหมือนเดิม ให้หมอกได้ทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง พวกคุณรับปากผมได้มั้ย” โดยไม่ต้องคิดพ่อกับแม่ของหมอกก็พยักหน้าตอบตกลงทันที


“เท่านี้ผมก็เบาใจแล้ว” เมฆยิ้มกว้างออกมา รอยยิ้มนั้นคงจะเป็นรอยยิ้มแรกที่เมฆส่งไปให้พ่อกับแม่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เห็นแววตาของเมฆกำลังฉายแววเศร้าๆ


“นายเป็นอะไรรึเปล่าเมฆ ทำไมถึงพูดจาแปลกๆ แล้วก็ทำหน้าแบบนั้น” ตอนนี้ผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ผมรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น หัวใจจึงได้เต้นแรงแถมยังมีเหงื่อไหลซึมออกมาอีกต่างหาก ขอให้ผมแค่คิดมากไปด้วยเถอะนะ


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


“ในเมื่อตอนนี้พ่อกับแม่เข้าใจหมอกแล้ว ผมก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่อีกต่อไป หลังจากพ้นคืนนี้ตัวตนของผมจะถูกลบออกไปตลอดกาล”


2BC


สวัสดีค่ะทุกคน Erotic หัวใจร้อนรักตอนที่ 11 ก็จบลงไปแล้วนะคะ ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างก็ได้คลี่คลายลงไปแล้ว แต่ทำไมมันถึงได้รู้สึกเศร้าและหน่วงแบบนี้  ฮืออออออ :o12:
ประโยคสุดท้ายที่เมฆพูดมันจะเป็นความจริงหรือไม่ ตัวตนของเมฆจะถูกลบออกไปจริงๆน่ะหรอ มาลุ้นคำตอบพร้อมกันตอนหน้าไม่เกินวันจันทร์นะคะทุกคน แล้วมาเอาใจช่วยเมฆด้วยน้า  :monkeysad:

ปล.ไขข้อข้องใจว่าเครื่องซักผ้าที่ห้องหมอกเป็นฝาหน้าหรือฝาบน? อันนี้แล้วแต่ใจจะจิ้นเลยค่ะ แต่สำหรับเรารู้สึกว่าฝาบนมันจะสั่นแรงกว่านะคะ อิอิ  o3

(2 ธ.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-12-2017 23:44:07
ทำไมเมฆจะหายไปง่าย ๆ ล่ะ ยังไม่ได้คุยกับหมอกเลย อย่าไปเลยนะ คิดถึง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 03-12-2017 01:36:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย? [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-12-2017 07:43:17
อ้าวเมฆจะไปจริงเหรอความรักของธารล่ะ รักกันไม่ใชเหรอ  เกลียดพ่อแม่งี่เง่าแบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย? [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-12-2017 11:15:33
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย? [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-12-2017 11:36:30
เมื่อความเข้าใจมา ความเกลียดแค้น จะหายไป ..
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย? [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-12-2017 12:50:01
 :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย? [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-12-2017 14:55:16
ซะงั้น   :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย? [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-12-2017 17:24:00
เมฆ มาไว ไปไว  :mew6:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 11# ปัญหาคลี่คลาย? [2.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 03-12-2017 22:46:37
สงสารเมฆอ่า จะร้องไห้ เมฆไม่หายไปไม่ได้เหรอ ผูกพันกับตัวละครไปแล้ว :sad11:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤E.Erotic หัวใจร้อนรัก 12# ค่ำคืนสุดท้าย [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 05-12-2017 02:31:37
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 12# Thara ค่ำคืนสุดท้าย


“ไม่จริงใช่มั้ย” ผมน้ำตาไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เมฆพูดมันช่างโหดร้ายและทรมานจิตใจผมเกินไปแล้ว


“คุณรู้ว่าผมพูดจริง ในเมื่อคุณหาข้อมูลเรื่องสองบุคลิกมาเป็นอย่างดีคุณก็ต้องรู้สิว่า ไม่ช้าก็เร็วต้องมีใครคนใดคนหนึ่งหายไป ไม่มีทางที่ทั้งสองบุคลิกจะอยู่ในร่างเดียวกันได้ตลอดชีวิต”


คำพูดของเมฆทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่พฤกษ์เคยพูดกับผม พฤกษ์เคยบอกผมเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ผมกลับลืมเพราะมีเรื่องสำคัญให้ต้องคิดมากกว่า ผมก็หลงดีใจไปว่าหลังจากนี้คงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เพราะปัญหาทุกอย่างได้คลี่คลายหมดแล้ว ผมกับหมอกและเมฆจะรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดเลยแม้แต่น้อย เมฆจะจากผมไปโดยเหลือเวลาให้อยู่ด้วยกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น


“อันที่จริงตอนที่แกบอกว่าเป็นอีกบุคลิกของหมอก พ่อก็คิดว่าจะพาแกไปรักษาอยู่เหมือนกัน พ่อเป็นห่วงกลัวว่าแกจะมีปัญหาในการใช้ชีวิต ไหนจะร่างกายของแกอีก” พอได้ยินพ่อพูดแบบนี้เมฆเลยหันหน้าไปหาท่าน


“พี่หมอก็เคยบอกผมแบบนี้เหมือนกัน การที่มีผมอยู่ทำให้ร่างกายของหมอกรับภาระหนักเกินไป ยิ่งผมออกมาบ่อยเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้หมอกพักผ่อนน้อยมากเท่านั้น ตอนนี้หมอกยังอายุน้อยอยู่เลยอาจจะยังไม่ส่งผลกระทบเท่าไหร่ แต่นานไปร่างกายหมอกรับไม่ไหวแน่ๆ หมอกอาจจะอ่อนแอจนอายุสั้นก็ได้” พูดถึงตรงนี้เมฆก็หันหน้ามองมาที่ผม จากนั้นก็ใช้มือประคองที่ข้างแก้มแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาออกให้


“ทีนี้ธารเข้าใจแล้วนะว่าทำไมผมต้องหายไป เพราะงั้นอย่าร้องไห้แล้วก็อย่าเศร้าเลยนะ” เมฆพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อาจพยักหน้าหรือตอบรับได้ แม้ว่าผมจะเข้าใจเหตุผลที่เมฆต้องหายไป แต่ผมก็ยังอดที่จะเศร้าและเสียใจไม่ได้อยู่ดี


 “แล้วนี่พวกคุณมาหาหมอกมีธุระอะไรรึเปล่า” เมฆหันไปหาพ่อกับแม่อีกครั้ง


“แม่เห็นว่าลูกปิดเทอมแล้วแต่ยังไม่กลับบ้านเลยมาตามน่ะ”


“ถ้าเป็นเรื่องนั้นหมอกอึดอัดน่ะเลยไม่อยากกลับบ้าน แต่ตอนนี้ในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว อีกวันสองวันเดี๋ยวหมอกก็คงกลับไปมั้ง”


“อ๋อ” แม่ของหมอกพยักหน้ารับรู้


“ทำไมแกยังเรียกพ่อกับแม่ว่าคุณอยู่ล่ะ เรียกพ่อกับแม่เหมือนหมอกสิ” ประโยคนี้พ่อเป็นคนพูด เมฆจึงมองหน้าท่านแล้วพูดอย่างไม่ปิดบังออกมาว่า...


“พูดตามตรงผมไม่เคยคิดว่าพวกคุณคือพ่อแม่อยู่แล้ว ผมเกิดมาจากความโกรธแค้น ถึงแม้ตอนนี้ผมจะให้อภัยพวกคุณแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ลืมอยู่ดีว่าก่อนหน้านี้พวกคุณเคยทำอะไรกับหมอกไว้บ้าง” พอได้ยินแบบนี้พ่อของหมอกก็หน้าเจื่อนลงไปทันที ส่วนแม่ก็มีน้ำตาคลอใกล้จะร้องไห้ออกมาอีกรอบ


“พ่อขอโทษนะ” เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำคำนี้ออกมาจากปากของท่าน สีหน้าท่านตอนนี้ดูเสียใจและรู้สึกผิดกับการกระทำที่ผ่านมาจริงๆ


“เอาเถอะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว หลังพ้นคืนนี้ยังไงผมก็ต้องหายไปอยู่ดี เพราะงั้นพวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องของผมหรอก ทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดีกับหมอกก็พอ” พวกท่านทั้งสองพยักหน้ารับรู้ ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมา แต่ผมก็มองออกว่าจากนี้ไปพวกท่านจะเลิกเข้มงวดและบงการชีวิตหมอกอย่างที่ผ่านมาแน่นอน


“ถ้างั้นแม่กับพ่อกลับก่อนดีกว่า ลูกจะได้มีเวลาอยู่กับ...เอ่อ...ธารใช่มั้ย?” แม่ของหมอกหันหน้ามามองผมอย่างไม่ค่อยมั่นใจ


“ครับ ผมชื่อธาร”


“ฝากดูแลเมฆด้วยนะ แล้วก็...ตอนหมอกกลับบ้านถ้าเธอว่างก็มาด้วยกันนะ จะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น” พูดจบท่านก็ส่งยิ้มมาให้ ผมที่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ก็ถึงกับอึ้งจนไปแทบไม่เป็น


“เอ่อ...ครับ...ได้ครับ” ผมส่งยิ้มกลับคืนไปให้


“ไปกันเถอะค่ะคุณ ตอนนี้ให้เวลาเด็กๆ อยู่ด้วยกันดีกว่า” แม่ของหมอกหันหน้าไปหาสามีที่อยู่ข้างๆ ท่านจึงพยักหน้าแล้วเดินตามภรรยาออกไป จนตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่ผมกับเมฆสองคนเท่านั้น


“มีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงทำอะไรกันดี” เมฆพูดขึ้นทำลายความเงียบด้วยท่าทีสบายๆ ผมที่ได้ยินแบบนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะหันไปฟาดท่อนแขนของเมฆอย่างแรง


“ยังจะมาทำเป็นไม่ทุกข์ร้อนอีก! นายกำลังจะหายไปนะเมฆ! เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้บ้างมั้ย!” พูดแล้วน้ำตาของผมก็ทำท่าจะไหลลงมาอีกรอบ วันสองวันนี้ผมคิดว่าตัวเองร้องไห้มากกว่าทั้งชีวิตรวมกันซะอีก


“ก็เพราะผมเข้าใจไงธารถึงได้ทำแบบนี้ ผมไม่อยากเห็นคุณต้องร้องไห้ มาทำให้วันสุดท้ายของเรามีแต่รอยยิ้มเถอะธาร” เมฆพูดจบก็ยิ้มกว้างออกมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นว่าเสี้ยวหนึ่งในแววตามีความเศร้าปะปนอยู่ เมฆก็คงจะรู้สึกเหมือนผมในตอนนี้ การที่ต้องจากลาคนรักตลอดกาลมันทำใจได้ยากจริงๆ


แต่ในเมื่อนี่คือคำขอสุดท้ายของเมฆ เพรางั้นผมก็จะต้องทำให้ได้ แม้ว่าผมต้องฝืนเก็บความเศร้าเอาไว้ในใจมากเท่าไหร่ก็ตาม


“อืม วันนี้นายอยากได้อะไรก็บอกนะ ฉันจะตามใจนายทั้งวันเลย” ผมพยายามฝืนยิ้มกว้างออกมาให้เป็นธรรมชาติ เมฆถึงแม้จะมองออกแต่ก็ทำเป็นปล่อยผ่าน เราสองคนเหลือเวลาไม่มากเพราะงั้นจะมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่ได้


“ผมยังไม่เคยกินข้าวกับคุณเลยธาร เราออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกมั้ย หรือจะสั่งมากินที่นี่ก็ได้”


“ถ้างั้นให้ฉันทำกับข้าวให้นายกินมั้ย ฉันพอจะทำของง่ายๆ เป็นบ้าง แต่ถ้านายไม่อยากกิน...”


“ก็ต้องอยากกินอยู่แล้ว! ฝีมือแฟนสุดที่รักผมจะไม่อยากกินได้ยังไงกันล่ะ!” เมฆพูดขัดขึ้นอย่างตื่นเต้น ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยยิ้มออกมา


“ถ้างั้นก็ไปอาบน้ำซะ ระหว่างนี้ฉันจะไปทำกับข้าว นายจะได้ไม่มาเกะกะ” อันที่จริงผมกลัวจะทำอะไรเปิ่นๆ โก๊ะๆ ต่อหน้าเมฆต่างหาก เพราะตั้งแต่มีตะวันมาเป็นแม่บ้าน (พ่วงตำแหน่งเมียพี่ภู) ผมก็ไม่ได้เข้าครัวทำอาหารอีกเลย


“โหย ผมก็อุตส่าห์ว่าจะไปยืนอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้คุณแท้ๆ”


“ไม่ต้องเลย เกะกะ” พูดจบผมก็ลุกเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วเลือกของที่พอจะทำอาหารได้ออกมา จากนั้นก็เดินไปยังระเบียงที่มีเตาไฟฟ้า ตอนแรกผมก็คิดว่าเมฆจะรั้นตามมาแต่ก็ผิดคาด เมฆยอมอยู่ในห้องไม่มาเกะกะแต่โดยดี เชื่อฟังมากกว่าที่คิดนี่นา


ผมใช้เวลาทำอาหารประมาณ 20 นาที ถึงจะใช้เวลาทำนานขนาดนี้แต่ผมก็ทำได้แค่ผัดมาม่ากับไข่เจียวเท่านั้น ก็นะ...วัตถุดิบในตู้เย็นมันมีเพียงแค่ไม่กี่อย่าง แถมผมก็ไม่ได้เข้าครัวนานแล้วเลยเงอะงะไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นรสชาติก็ออกมาอร่อยใช้ได้เลยล่ะ


“กับข้าวเสร็จแล้วนะเมฆ! ฝากจัดใส่จานหน่อยฉันจะไปอาบน้ำ!” ผมตะโกนเรียกเมฆในขณะที่กำลังล้างมืออยู่ที่ซิงค์


“โอเค!” เสียงเมฆตะโกนกลับมา ก่อนที่สักพักจะเดินมาจัดทุกอย่างใส่จานตามคำสั่ง ส่วนผมก็ไปอาบน้ำล้างคราบควันและความมัน จากนั้นจึงได้ออกมานั่งกินข้าวกับเมฆ


“เป็นไง อร่อยมั้ย?” ผมถามหลังจากที่เมฆคีบเส้นเข้าปากคำแรก


“อร่อยมาก” เมฆพูดทิ้งที่เส้นยังคงเต็มปาก แถมยังยกนิ้วหัวแม่มือการันตีอีกด้วย ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยอมยิ้มและหัวเราะน้อยๆ ก่อนที่จะลงมือกินอาหารจานตัวเองบ้าง ซึ่งกว่าจะกินเสร็จก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะเมฆได้สวมวิญญาณเด็กงอแงให้ผมป้อนอยู่นั่น แถมผมก็ยังบ้าจี้ยอมทำตามอีกต่างหาก ไม่รู้กล้าทำลงไปได้ยังไง


“ดูหนังด้วยกันมั้ยธาร” เมฆพูดขึ้นหลังจากที่เราสองคนย้ายมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกัน ซึ่งเมฆกำลังนอนตักผมแล้วกดรีโมททีวีไล่หาช่องได้สักพักกว่าจะเจอที่ถูกใจ


“เอาสิ เรื่องอะไรล่ะ” แล้วเมฆก็บอกชื่อเรื่องหนังที่เกี่ยวกับทหารและสงคราม เรื่องแบบนี้ไม่ใช่แนวที่ผมชอบเลยสักนิด แถมเนื้อหายังอิงกับสงครามโลกอีกต่างหากมันเลยทำให้ผมดูไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงได้เบื่อและง่วงจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้


ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตอนนี้เป็นช่วงเย็นใกล้จะค่ำแล้ว ผมยังคงอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งพิงโซฟาเป็นนอนราบอย่างสบาย ซึ่งผมไม่มีทางลงมานอนเองอย่างเรียบร้อยได้ขนาดนี้แน่ๆ เมฆต้องเป็นคนจัดท่าทางการนอนให้ผมอยู่แล้ว


“ทำไมถึงไม่ยอมปลุกฉัน เวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันมันยิ่งน้อยๆ อยู่ด้วย” ผมเดินไปหาเมฆที่ระเบียง โดยใช้มือสวมกอดที่ด้านหลังแล้วเอียงหน้าซบลงไปที่แผ่นหลังกว้าง ตอนนี้ความเศร้าโศกกำลังแผ่กระจายเกาะกุมหัวใจของผมอีกครั้ง ผมไม่น่าเสียเวลาอันมีค่านอนหลับไปแบบนั้นเลย


“ผมอยากให้คุณพักผ่อนเพราะเมื่อคืนคุณนอนแค่แป๊บเดียวเอง อีกอย่างผมก็อยู่กับคุณไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” เมฆหันหน้ามาหาแล้วโอบเอวผมเอาไว้ โดยที่ผมก็ยังคงสวมกอดเมฆไม่ปล่อยเช่นเดิม


“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ฉันก็รู้สึกว่าได้อยู่กับนายแค่แป๊บเดียว อีกเดี๋ยวมันก็จะค่ำแล้ว” ผมพูดอย่างเศร้าๆ ผมไม่เคยเกลียดกลางคืนขนาดนี้มาก่อนเลย ยิ่งท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้หัวใจของผมถูกบีบรัดมากเท่านั้น


“อย่าทำหน้าเศร้าสิธาร จำไม่ได้หรอว่าผมขอให้วันสุดท้ายของเรามีแต่รอยยิ้ม”


“เรื่องนั้นฉันจำได้ แต่ตอนนี้ฉันทำไม่ได้ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่เวลาที่ฉันจะได้อยู่กับนายมันก็ยิ่งน้อยลง ฉันจะไม่ได้เจอนายอีกแล้วนะเมฆ” พูดถึงตรงนี้น้ำตาของผมมันก็ไหลทะลักลงมา ผมฝืนทำเป็นร่าเริงและทำเป็นไม่รู้สึกอะไรไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว


“โธ่...อย่าร้องไห้สิธาร พอเห็นคุณร้องไห้แล้วผม...” เมฆพูดได้แค่นี้ก็เงยหน้าขึ้นแล้วหลับตา ผมไม่รู้ว่าเมฆกำลังจะร้องไห้เหมือนผมรึเปล่า แต่ที่ผมรู้คือเมฆรู้สึกเศร้าและเสียใจไม่ต่างจากผม เพียงแค่กำลังฝืนทนไม่แสดงมันออกมาเท่านั้นเอง


“เข้าไปข้างในกันเถอะธาร ผมมีอีกอย่างที่ต้องการทำกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย” เมฆพูดจบก็ช้อนตัวผมขึ้นแล้วอุ้มเข้าไปในห้อง จัดการวางผมนอนราบไปกับที่นอนแล้วทาบทับลงมา


“ผมจะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับคุณตรงนี้ จะใช้ร่างกายบอกรักคุณทั้งคืนจนคุณไม่มีวันลืมผม จำความรู้สึกและช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ดีนะธาร...ผมรักคุณ” เมฆพูดจบก็ก้มหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากของผม ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีทั้งหมดจนแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ จูบนี้ถึงแม้ว่ามันจะหวานหอมแต่ก็ขมขื่น จนผมไม่อาจฝืนทนกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้


“ฉันก็รักนายนะเมฆ” ผมยกสองมือขึ้นไปโอบรอบลำคอของเมฆเอาไว้ ผมอยากจะรับรู้ถึงอุณหภูมิของร่างกาย ความรู้สึกที่ส่งผ่านมา รวมทั้งความรักและความอบอุ่นจากร่างที่อยู่ตรงหน้าทุกวินาที


เราสองคนต่างปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกัน จากนั้นก็ลูบไล้สัมผัสให้ตราตรึงในความทรงจำเพราะมันคือค่ำคืนสุดท้าย ผมจะจดจำเมฆเอาไว้ในใจตลอดไป ไม่ว่ากี่วัน กี่เดือน กี่ปีก็ไม่มีทางลืมเลือน


“คืนนี้ไม่ต้องใช้หรอกเมฆ” ผมคว้าถุงยางอนามัยออกมาจากมือของเมฆแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี คืนนี้ผมจะไม่ยอมให้มีอะไรมาขวางกั้นทั้งนั้น ผมอยากสัมผัสถึงเมฆทุกอณู


“ถ้างั้นผมเข้าไปเลยนะ” เมฆก้มลงมาจูบที่หน้าผาก จากนั้นก็แทรกกายเข้ามาในคราวเดียวจนผมเสียวสะท้าน ความรู้สึกซาบซ่านกว่าครั้งไหนๆ ได้แผ่กระจายขึ้นมา แต่พอคิดว่ามันคือครั้งสุดท้ายน้ำตาของผมมันก็ไหลลงมาอีกครั้ง


“คุณร้องไห้อีกแล้วนะธาร” เมฆใช้มือประคองที่ใบหน้าของผมแล้วปาดน้ำตาออกไป สีหน้าตอนนี้ของเมฆกำลังเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด


“ก็ฉันมีความสุขนี่นา ฉันมีความสุขมากเลยนะถึงได้ร้องไห้ การได้รักนายมันทำให้ฉันมีความสุขมากจริงๆ” ยิ่งพูดน้ำตาของผมมันก็ยิ่งไหล เรื่องที่พูดผมไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เพียงแต่ผมบอกไม่หมดเท่านั้นว่ากำลังปวดร้าวที่ใจควบคู่กันไปด้วย


“ผมก็มีความสุขเหมือนกัน...รักคุณนะธาร...ผมรักคุณ...” พูดจบเมฆก็ก้มหน้าลงมาจูบผมอีกครั้ง พร้อมกับขยับร่างกายเข้าออกช้าๆ จนเมื่อห้วงอารมณ์ทะยานสูงขึ้นเมฆก็เร่งจังหวะ กระทั่งถึงจุดสูงสุดก็ฝากฝังสายธารแห่งความรักเข้ามา แล้วก็ปล่อยซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนมันอัดแน่นไปทั้งร่าง การกระทำในคืนนี้จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของผมมิรู้ลืม...


“ผมไม่ไหวแล้วธาร ผมแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว” เมฆพูดอย่างสะลึมสะลือ เมฆคงฝืนร่างกายได้เพียงเท่านี้หลังจากที่ร่วมรักกันมาทั้งคืนจนเกือบฟ้าสาง ตอนนี้เมฆกำลังพิงขอบเตียงโดยมีผมนั่งคร่อมอยู่ที่ตัก ร่างกายของเราสองคนยังคงเชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่น


“ถ้าไม่ไหวก็นอนซะนะ ขอบคุณที่ฝืนอยู่กับฉันมาจนถึงตอนนี้ ฉันรักนายนะเมฆ” ผมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ โดยที่ใบหน้ากำลังมีน้ำตาไหลทะลักลงมาอย่างไม่ขาดสาย ในที่สุดมันก็ถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่กับเมฆแล้ว


 “ผมก็รักคุณเหมือนกันนะธาร...จะรัก...ตลอดไป...” เมฆพูดจบก็ดันท้ายทอยของผมลงมาจนริมฝีปากของเราสัมผัสกัน ซึ่งนั่นก็เป็นจุมพิตครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นเมฆก็ไม่ปรากฏออกมาอีกเลย


ตัวตนของเมฆได้ถูกลบไปตลอดกาล...


2BC


สวัสดีค่ะทุกคน Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนค่ำคืนสุดท้ายก็ได้จบลงไปแล้ว ซึ่งก็จะเป็นตอนที่เศร้าและบีบหัวใจนิดนึง  :hao5: ซึ่งตอนแรกเราเขียน NC แบบจัดเต็มเอาไว้ แต่คิดไปคิดมาไม่อยากให้โฟกัสตรงนั้น เลยตัดสินใจเขียนใหม่โดยเน้นที่ความรู้สึกของเมฆและธาร เพราะงั้นเราถึงได้มาลงดึกขนาดนี้ทั้งที่ตั้งใจจะลงสักช่วงหัวค่ำ แหะๆ  :m23:
ส่วนเรื่องที่เมฆจะต้องหายใป เราก็คิดว่าหลายคนน่าจะทำใจไว้แล้ว เพราะเราได้เกริ่นมาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง ส่วนคนที่ลืมก็อาจจะรู้สึกหน่วงอยู่บ้าง แต่เอาน่า อย่าพึ่งเศร้าไปเลยนะคะ เพราะถึงเมฆจะหายไปแล้วแต่หมอกก็ยังอยู่เหมือนเดิม ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้หมอกกับคุณธารในบทส่งท้ายด้วยนะคะ เพราะตอนหน้าเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่ติดตามเรื่องนี้มาจนถึงตอนนี้  :pig4: รักทุกคนมากๆเลยค่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้น้า บ๊ายบายยยยย  :bye2:
(4 ธ.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-12-2017 03:20:57
บีบคั้นหัวใจมาก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-12-2017 04:09:34
 :dont2: เมฆคนแซ่บไม่อยู่แล้ว เสียใจ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-12-2017 04:57:36
หวานปนเศร้า   แง
เมฆไปไม่เป็นไรนะเพราะหมอกก็สำคัญที่สุด
จากนี้ขอแค่หมอกเข้าใจนะว่าทำไมธารยอมให้เมฆยสตน.
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-12-2017 07:45:03
เศร้าอ่ะ~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-12-2017 11:08:10
ถึงจะดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี แต่ก็ต้องแลกกับต้องสูญเสียบางอย่างไป มันเศร้าบอกไม่ถูก 

แต่ยังงัยหมอกกับเมฆก็เป็นคนเดียวกัน ธารคงไม่ต้องเสียใจนาน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-12-2017 11:24:28
อยากเก็บเธอเอาไว้..ทั้ง 2 คน  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-12-2017 11:29:41
อย่างน้อย ก็ยังได้รักคนเดิม ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย P.13 [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 05-12-2017 13:27:08
 :m15:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย P.13 [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2017 13:48:22
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 12 ค่ำคืนสุดท้าย P.13 [4.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-12-2017 16:24:12
ใจพังหมดแล้ว :z10:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 05-12-2017 20:46:50
[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก


Part 13# Thara บทส่งท้าย


“คิดอะไรอยู่ครับธาร” หมอกเดินมาหาผมที่ยืนอยู่ตรงระเบียง โดยที่ผมกำลังมองหน้าขึ้นไปยังท้องฟ้า แสงสีส้มของช่วงเวลาพลบค่ำมันทำให้ผมนึกถึงอดีตที่สุขสมแต่ก็ขมขื่น


วันที่เมฆได้ถูกลบไป...


“ฉันกำลังคิดถึงนาย” ผมหันหน้าไปหามองหมอกที่ยืนอยู่ข้างๆ หมอกจึงขมวดคิ้วด้วยท่าทางงุนงงแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง


“คิดถึงผม?”


“อืม” ผมพยักหน้ายืนยัน


“อะไรกัน เมื่อวานกับวันนี้คุณอยู่กับผมตลอด 24 ชั่วโมงแล้วนะ อยู่ด้วยกันขนาดนี้ยังมีเวลาให้คิดถึงผมอีกหรอธาร” หมอกพูดจบก็ขยับเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ใช้สองมือโอบรอบเอวผมเอาไว้ ตามด้วยการหน้าลงมาจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปาก


ผมอมยิ้มและหัวเราะคิกคักกับการกระทำนั้น ซึ่งผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผมจะทำมันได้ ผมคิดว่าตัวเองจะเอาแต่จมปลักกับความทุกข์และความเสียใจ แต่ว่าผมก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย


ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะ...


หลังจากวันนั้นที่เมฆได้หายไป หมอกก็ตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายราวกับคนใหม่ ไม่สิ...ต้องบอกว่าเป็นคนเดิมแต่เพิ่มเติมคือมีนิสัยของเมฆพ่วงมามากกว่า หรือไม่ก็ราวกับว่าทั้งหมอกและเมฆได้หลอมรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันกลายเป็นหนึ่งเดียว


อย่างเมื่อก่อนหมอกจะเรียกผมว่า ‘คุณธาร’ แต่หลังจากตื่นขึ้นมาหมอกกลับเรียกผมว่า ‘ธาร’ เฉยๆ เหมือนกันกับเมฆ แถมยังดูเจ้าเล่ห์มากขึ้นไม่ได้ใสซื่อเหมือนที่ผ่านมา แล้วก็ยังเก่งเรื่องบนเตียงมากขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก โดยที่หมอกก็แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ฝืนหรือพยายามเลียนแบบเมฆเลยแม้แต่น้อย


นอกจากนี้หมอกยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่เปลี่ยนไปคล้ายคลึงกับเมฆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีพื้นฐานเป็นหมอกคนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปทั้งหมด เพราะงั้นผมจึงได้คิดว่าทั้งสองบุคลิกน่าจะหลอมรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คนหนึ่งขาวคนหนึ่งดำกลายเป็นสีเทา ซึ่งผมก็คิดว่าหมอกคนปัจจุบันคือส่วนผสมที่ลงตัว


แต่มันจะลงตัวกว่านี้ถ้าหากความทรงจำในช่วงเวลาที่เคยเป็นเมฆไม่หายไป...


ปัจจุบันหมอกจำได้แค่ว่าเมฆเคยเป็นอีกบุคลิกหนึ่งของตัวเองเท่านั้นเอง...


“จริงสิ นี่มันใกล้จะถึงเวลานัดแล้วนี่นา ถ้างั้นเรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะสาย” ผมก้มลงมองดูนาฬิกาที่ข้อมือจึงพบว่า ขณะนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 40 นาทีก็จะถึงเวลานัดทานข้าวกับทุกคนที่บ้านแล้ว เพราะงั้นผมจึงได้จูงมือหมอกออกมาจากห้องไปขึ้นรถ จากนั้นก็รีบมุ่งตรงสู่บ้านของผมทันที


“ทันเฉียดฉิวเลยนะเนี่ย” ผมถอนหายใจออกมาเมื่อขับรถมาถึงบ้านก่อนเวลานัด 5 นาที นี่ถ้ามาช้าพี่ภูได้บ่นเป็นหมีกินผึ้งแน่ๆ เพราะตั้งแต่ที่มีแฟนผมก็มีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง


ก็นะ...มันเป็นเรื่องปกตินี่นา ลองไอ้พวกน้องๆ ทั้ง 3 คนมีแฟนบ้างก็คงจะไม่ต่างจากผมเหมือนกัน


“จะว่าไปเหมือนรถหายไปคันนึงรึเปล่าครับธาร” หมอกถามผมหลังจากที่เราสองคนลงมาจากรถเรียบร้อย


“เออจริงด้วย รถของพฤกษ์ไม่อยู่ แต่ปกติวันหยุดแบบนี้พฤกษ์ไม่ค่อยออกไปไหนนี่นา ยิ่งวันนี้พี่ภูนัดกินข้าวด้วยยิ่งไม่น่าจะออกไป เอ...มันแปลกๆ แล้วเนอะว่ามั้ย” ผมหันหน้าไปถามหมอก


“นั่นน่ะสิครับ ผมก็คิดว่าแปลกอยู่เหมือนกัน” พอได้ยินดังนั้นผมก็รีบจูงมือหมอกเข้าไปในบ้านทันที เรื่องนี้ผมต้องหาคำตอบให้ได้ ไม่อย่างนั้นผมได้คาใจทั้งวันแน่ๆ


“อ้าว มากันแล้วหรอครับคุณธารน้องหมอก” ตะวันทักขึ้นก่อนใครเพื่อน เมื่อเห็นผมกับหมอกเดินเข้ามาในบ้าน ผมจึงยิ้มทักทายพลางกวาดสายตามองสมาชิกที่โต๊ะอาหาร แต่ที่นั่งของพฤกษ์ก็ยังว่างอยู่


“พฤกษ์ไปไหนล่ะ ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันหรอ” ผมถามหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ตัวประจำ โดยมีหมอกนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ


“เห็นมันว่าออกไปทำงานวิจัย อาจจะมาช้าหน่อยสักครึ่งชั่วโมง” เพลิงฝาแฝดคนน้องของพฤกษ์เป็นคนตอบ


“แล้วแกคิดว่าไง”


“เรื่องวิจัยไอ้พฤกษ์มันไม่ได้โกหกหรอกพี่ธาร แต่ผมคิดว่ามันน่าจะพูดไม่หมด คือต้องบอกก่อนว่าช่วงนี้ปี 4 อย่างพวกผมยุ่งกับวิชาวิจัยกันอยู่แล้ว แต่ละคนหน้าดำคร่ำเครียดอย่างกับโดนของทั้งนั้น มีแต่มันอะที่แฮปปี้ชีวิตดี๊ดีอยู่คนเดียว” พอได้ยินเพลิงพูดแบบนี้ ตะวันที่เรียนเอกเดียวกันกับพฤกษ์เลยพูดเสริมขึ้นมา


“จริงครับคุณธาร ช่วงนี้พฤกษ์ดูมีความสุขมากเลย เชื่อมั้ยครับว่าบางทีนั่งเรียนอยู่ก็ยิ้มไม่ก็หัวเราะออกมา ผมเลยคิดว่าพฤกษ์อาจจะมีแฟนแล้วก็ได้” คำพูดของตะวันทำให้พวกเราทุกคนหันมองหน้ากันทันที


“อาการหนักแล้วนะเนี่ย” พี่ภูหัวเราะแล้วส่ายหน้าไปมา วาจึงพูดขึ้นพลางอมยิ้มน้อยๆ


“อยากรู้จริงๆ เนอะว่าแฟนพี่พฤกษ์จะเป็นคนแบบไหน”


“นั่นสินะ” คำพูดนั้นทำให้พวกเราต่างก็พากันจินตนาการถึงแฟนของพฤกษ์กันถ้วนหน้า แต่ก็ไม่รู้ล่ะนะว่าแต่ละคนจะจินตนาการแบบไหน แล้วใครจะตรงกับความเป็นจริงที่สุด


“ผมว่านะ พี่ภูซื้อเก้าอี้ไว้เพิ่มเลยก็ดี เร็วๆ นี้พฤกษ์ต้องพาแฟนมาแนะนำให้พวกเรารู้จักแน่นอน” ผมพูดอย่างมั่นใจ


“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จะรีบสั่งให้มาส่งพรุ่งนี้เลย” คำพูดของพี่ภูทำให้ทุกคนพากันหัวเราะออกมา ก่อนที่พวกเราจะเริ่มลงมือทานอาหารฝีมือตะวันที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานพฤกษ์ก็กลับบ้านมาสมทบ


ชักอยากรู้แล้วสิว่าคนที่ได้หัวใจพฤกษ์ไปจะเป็นคนแบบไหน


อดใจรอแทบไม่ไหวแล้ว...



จบบริบูรณ์



 :mc4: สวัสดีค่ะทุกคนในที่สุดในที่สุดความรักของคุณธารกับหนุ่มสงบุคลิกอย่างหมอกเมฆก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้วนะคะ เรื่องนี้ก็จะเป็นความรักที่เผ็ดร้อนตั้งแต่ตอนแรก (ต่างกับเรื่องแรกอย่างพี่ภูกับตะวันมากกกก 55555  :laugh:) ส่วนตอนท้ายก็จะเศร้าโศกและขมนิดๆ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีความหวานและความสุขอบอวลอยู่ ซึ่งเราก็หวังว่าทุกคนจะประทับใจและชื่นชอบกับตอนจบแบบนี้นะคะ  :-[ (ใครเชียร์ให้ฟิวชั่นหมอกเมฆมีฉลองกันล่ะ อิอิ)
สายหวานเลี่ยน (อย่างพี่ภูกับตะวัน) และสายเผ็ดร้อน (อย่างธารกับสองหนุ่มหมอกเมฆ) ก็ได้จบไปแล้ว เรื่องหน้าแต่ละคนอยากอ่านสายไหนบ้างคะ อยากรู้จังว่าที่อยากอ่านจะใช่แนวที่เราจะลงมั้ยน้อ  :m12: ส่วนคู่ต่อไปอันนี้ไม่ต้องลุ้นก็รู้กันอยู่แล้วเนอะว่าต้องเป็นพฤกษ์แน่นอนอยู่แล้ว แง้มบอกชื่อเรื่องก่อนเลยว่าคือ A. Avert เร็วๆ นี้เจอกันแน่นอน แล้วมาลุ้นกันนะคะว่าหนุ่มแบบไหนจะได้หัวใจของพฤกษ์ไป จะใช่แบบที่คิดกันมั้ยน้อ? o3
ปล.ขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่ติดตามและเอาใจช่วยพี่ธารกับสองหนุ่มหมอกเมฆ  :pig4: ขอบคุณจริงๆที่เข้ามาอ่าน คอมเมนท์ และสั่งจองหนังสือเข้ามานะคะ ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายในการเปิดจองแล้ว ถ้าหากชื่นชอบคู่นี้ก็มาสู่ขอกันได้น้า ค่าสินสอดเบาๆ 289 บาทค่า มีตอนพิเศษที่เป็น 3P ในเล่มด้วยนะคะ รับรองว่าแซ่บถูกใจแน่นอน  :z1: แล้วเจอกันอีกทีคู่ของพฤกษ์นะคะ บ๊ายบายยยยยย  :bye2:
(5 ธ.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-12-2017 20:55:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-12-2017 22:53:33
 :pig4: ขอบคุณคะ รวมร่างกันก้อดีนะ สุขทุกคน คนอ่านด้วยเป็นกำลังใจให้ต่อไป อยากอ่านเรื่องพฤกษ์แล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-12-2017 23:32:47
จบไปอีกเรื่อง รออ่านตอนหลานพฤกษ์คนดี ดีกว่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-12-2017 00:15:40
จบแบบมีความสุขกันถ้วนหน้า

รอติดตามคู่ต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: VarainDark ที่ 06-12-2017 01:53:23
จบไวอีกแล้ว แต่เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยที่ผ่านมานะครับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-12-2017 05:48:06
แฮปปี้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-12-2017 09:29:37
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-12-2017 09:35:32
จบแล้ว รอเรื่องของพฤกษ์น้า~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 06-12-2017 10:25:32
จบแบบดีมาก ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ  รออ่านเรื่องของพฤกษ์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-12-2017 11:32:11
ชอบมากเลยค่ะ จบแบบไม่คาใจเลยค่ะ
ดีใจที่สุดท้ายหมอกเมฆลงตัวกันแบบสมบูรณ์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 06-12-2017 13:06:10


ตะวันน่ารัก

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 07-12-2017 00:11:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-12-2017 14:08:09
ความรักที่สุขสม ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-12-2017 00:15:29
หลานคนแต่ง ตอนนี้เรื่องนี้โดนย้ายไปอยู่ที่ นิยายที่โพสจบแล้ว เลยยังจะถามว่า อีก 3 ตอนของเรื่องนี้หลานจะโพสที่ห้องนิยายที่จบแล้ว หรือจะตั้งกระทู้ใหม่ จะได้ตามอ่านได้ถูกที่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-12-2017 22:46:31
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ E.Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 13 บทส่งท้าย (ตอนจบ) [5.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-12-2017 01:08:52
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆ นะครับ //รออ่านคู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ^^
หัวข้อ: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 15-12-2017 20:09:16
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Intro# Niza เงินไม่มีทางซื้อผมได้ (ถ้าไม่มากพอ!)


“สวัสดี นายชื่อซ่ารึเปล่า?” เสียงอันทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะของผม


ด้วยความที่ผมนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้โดยใส่เฮดโฟน เลยเห็นเพียงแค่รองเท้าหนังของเขาที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งถ้ามองไม่ผิดน่าจะเป็นยี่ห้อหรูอย่าง CLARKS เพราะงั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีอันจะกินอย่างแน่นอน


“โทษนะ นายได้ยินที่เราพูดมั้ย?” ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าถามผมขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ แน่นอนล่ะว่าผมได้ยินเพราะไม่ได้เปิดเพลงดังขนาดนั้น แต่ผมกำลังประเมินราคารองเท้าที่เขากำลังใส่อยู่ต่างหาก ราคาน่าจะสัก 5000 เห็นจะได้ ส่วนของผม 150 บาทขาดตัวเพราะไปต่อมาจากตลาดนัดมือสอง


“เอ่อ...ขอโทษที่ต้องเสียมารยาทนะ แต่เรามีเรื่องด่วนที่ต้องคุยกับนายจริงๆ” ผู้ชายคนนั้นพูดจบก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งจนใบหน้าอยู่ไม่ห่างจากผม ก่อนที่เขาจะยื่นมือทั้งสองข้างออกมาเลื่อนเฮดโฟนที่ผมใส่อยู่ลงไป การกระทำนั้นทำเอาผมถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ จนถึงกับหลุดคำสบถออกมา


“เชี่ย!”


“โทษที เราเรียกนายหลายรอบแล้วแต่นายไม่ได้ยิน” ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพูดอย่างสำนึกผิด จากนั้นก็ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ถ้าสาวๆ แถวนี้มาเห็นคงใจละลาย...


แต่ไม่ใช่สำหรับผม!


“พูดมึงกูเป็นปะ? ได้ยินอะไรเพราะๆ แล้วมันแสลงหู” ผมทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่ที่เบื่อไม่ใช่เพราะสรรพนามที่ได้ยินหรอก แต่เป็นเพราะหนังหน้าของไอ้หมอนี่ที่กำลังยิ้มสลอนให้ผมต่างหาก!


ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของผมชื่อพฤกษ์ ไอ้หมอนี่มันเป็นคนดังโคตรๆ ของมหา’ลัย เพราะนอกจากจะหล่อแล้วยังฉลาด บ้านก็รวย นิสัยก็ดี เรียกได้ว่าไอ้หมอนี่ไม่มีที่ติจนสาวๆ ทุกคนยกย่องมันให้เป็นสมบัติของมหา’ลัย


ถุ้ย! น่าหมั่นไส้ชะมัด!


แล้วสาบานเลยนะว่าคนที่หมั่นไส้มันไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ผู้ชายเกือบครึ่งมหา’ลัยก็หมั่นไส้มันเหมือนกันกับผมนั่นแหละ!


“ถ้ามึงอยากให้กูพูดแบบนี้ก็ได้นะ ปกติกูก็พูดกับเพื่อนแบบนี้อยู่แล้ว ดีเหมือนกันจะได้สนิทกับมึงเร็วๆ” ไอ้พฤกษ์พูดอย่างเป็นกันเอง ดูท่าไอ้แว่นนี่มันจะเข้าใจผมผิดไปนะ


“ใครอยากสนิทกับมึงไม่ทราบ” เท่านั้นแหละรอยยิ้มของไอ้พฤกษ์ก็ชะงักไปทันที สีหน้าของมันตอนนี้ดูเจื่อนเล็กน้อย


“เอ่อ...”


“แล้วกูก็ชื่อนิษา ส่วนซ่าเอาไว้เรียกเฉพาะเพื่อนสนิท เข้าใจ๋?” ผมมองหน้าไอ้พฤกษ์อย่างกวนตีน ก็ผมไม่ชอบมันอะมีไรปะ มันที่เห็นอย่างนั้นเลยถอนหายใจออกมา แล้วเปลี่ยนสีหน้าจากเป็นมิตรกลายเป็นเรียบเฉย


“โอเค กูเข้าใจแล้ว ต่อไปกูจะเรียกมึงว่านิษา”


เอาตามตรงเลยนะ ผมโคตรจะไม่ชอบไอ้ชื่อนี้ที่แม่ตั้งให้เลย ฟังยังไงมันก็ชื่อผู้หญิงชัดๆ แล้วพวกเพื่อนของผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน มันเลยจัดการเปลี่ยนชื่อเรียกของผมจากนิษาเป็นซ่าซะเลย


ส่วนเรื่องที่ผมไม่ให้ไอ้พฤกษ์เรียกว่าซ่าก็ไม่ใช่อะไร ผมก็แค่หาเรื่องกวนตีนมันไปอย่างนั้นเอง เพราะมันกับผมคงไม่ได้เกี่ยวข้องกันจนมันต้องเรียกชื่อผมบ่อยๆ หรอก


“แล้วนี่มึงมาหากูมีธุระอะไร”


“กูมีเรื่องต้องการให้มึงช่วย”


“หืม? คนอย่างมึงน่ะนะมีเรื่องที่ต้องให้กูช่วย?” ผมทำหน้าแปลกใจ ก็จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้ยังไง ไอ้เทพบุตรสมบัติของมหา’ลัยมีเรื่องให้คนกากๆ จนๆ อย่างผมช่วยเชียวนะ


“กูรู้มาว่ามึงสนิทกับอาจารย์ปรัชญา กูเลยอยากให้มึงช่วยพากูไปหาอาจารย์หน่อย คือกูอยากถามข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อวิจัย แต่อาจารย์ก็บอกไม่สะดวกตลอด” ไม่แปลกหรอกก็อาจารย์แกไม่ได้สอนไอ้พฤกษ์โดยตรง แถมช่วงนี้อาจารย์แกก็กำลังเร่งทำผลงานเพื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ เพราะงั้นอาจารย์แกไม่มีเวลาว่างไปคุยกับใครหรอก


อ้อ ส่วนผมเป็นข้อยกเว้นนะ เพราะผมน่ะเป็นผู้ช่วยของอาจารย์แก แต่ในอีกความหมายหนึ่งก็คือเบ๊ดีๆ นี่แหละ เพราะผมรับทำงานทุกอย่างทั่วราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นงานหิน งานยาก งานหนัก งานเบา ไม่ว่างานอะไรผมรับทำทั้งนั้น ซึ่งก็ทำตั้งแต่สากกะเบือยันเรือดำน้ำเลยล่ะถ้ามีคนจ้าง!


“เรื่องที่มึงอยากให้กูช่วยกูก็พอจะช่วยได้อยู่ล่ะนะ แต่...” ตอนแรกที่ผมพูดสายตาของไอ้พฤกษ์มันก็มีประกายความหวังอยู่หรอก แต่พอได้ยินคำว่า ‘แต่’ จากผมสายตาของมันก็ลอบมองบนทันที


“มึงจะเอาเท่าไหร่” โอ้! เข้าใจอะไรง่ายแบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย


“จริงๆ กูก็ไม่เอาอะไรมากหรอก แค่มึงเลี้ยงกาแฟกับข้าวกูสักมื้อ แล้วก็จ่ายค่าเหนื่อยกูสักสอง...”


“ตอนนี้ทั้งตัวกูมีแค่พันห้า แต่ถ้ามึงอยากได้ด่วนๆ ก็เอาเลขบัญชีมาเดี๋ยวกูจะโอนเงินสองพันเข้าบัญชีให้” ไอ้พฤกษ์พูดขัดขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค จากนั้นก็ล้วงเอาแบงค์สีเทากับสีม่วงออกมาจากกระเป๋าเสื้อ คำพูดกับการกระทำนั้นทำเอาผมถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองมันตาปริบๆ อย่างเดียวเท่านั้น


“ส่วนกาแฟกับข้าวมึงอยากกินอะไรก็บอกมา สตาร์บัคส์ ชาบู ฟูจิ บาร์บีคิว ซิสเลอร์ หรืออะไรก็ได้ตามใจมึง” ไอ้พฤกษ์พูดต่ออย่างป๋า


โอ้โห! สายเปย์ที่แท้ทรู! ชาติก่อนมึงกู้ชาติมาหรอวะถึงได้เกิดมาเงินถุงเงินถังขนาดนี้!


เอาจริงๆ เลยนะ ที่ผมพูดเมื่อกี้คือกะจะให้มันเลี้ยงแค่กาแฟโบราณกับร้านอาหารข้างทางเท่านั้น ส่วนเงินผมก็ไม่ได้คิดจะเอาถึงหลักพัน ผมตั้งใจจะบอกมันว่าสองร้อย หรือต่อลงเหลือร้อยห้าสิบผมก็โอเค!


“เอ่อ...” ตอนนี้สมองของผมเออเร่อเอ๋อแดกไปเรียบร้อย เลยได้แต่อ้ำอึ้งไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดที่อยู่ในหัวออกไปได้


“ว่ายังไงนิษา ถ้าหากมึงยังไม่โอเคกับข้อเสนอ งั้นกูเพิ่ม...”


“เดี๋ยวววววว หยุดก่อนเลยมึง หยุดดดดดดด” คราวนี้ผมเป็นคนพูดขัดไอ้พฤกษ์บ้าง เพราะผมรู้สึกขนลุกทุกทีเวลาที่มีใครเรียกว่านิษา นอกจากนี้ขืนมันเพิ่มเงินให้ผมมากขึ้นไปอีก เดี๋ยวยมบาลในนรกได้ลงบัญชีหนังหมาว่าผมกรรโชกทรัพย์ไอ้พฤกษ์กันพอดี ส่วนหลังจากนี้ผมจะค่อยปอกลอกมันทีละนิดละหน่อยแทน หึหึ


“มึงไม่ต้องเพิ่มเงินให้กูก็ได้ แหม...เพื่อนกันแท้ๆ ขาดแค่นิดหน่อยกูไม่ซีเรียสหรอกน่า” ผมโบกมือไปมาอย่างไม่ถือสา แถมยังยิ้มร่าแล้วพุ่งตัวเข้าไปกอดคอของไอ้พฤกษ์อีกต่างหาก


การกระทำที่เปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือแบบนี้ทำเอาไอ้พฤกษ์ถึงกับทำหน้าแปลกใจ แถมยังเอียงหน้ามาหาผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นอีกต่างหาก


“เพื่อนหรอ?” ไม่แปลกหรอกที่มันถามผมแบบนี้ ก็เมื่อกี้ผมพูดซะเสียงดังเลยว่าไม่อยากสนิทกับมัน พูดแล้วอยากตบปากตัวเองตามอายุจริงๆ ให้ตาย!


“กูกับมึงอายุเท่ากัน ถ้าไม่เรียกว่าเพื่อนจะให้เรียกว่าอะไรล่ะจริงปะ?” ผมเปลี่ยนสีไวยิ่งกว่ากิ้งก่า ชีวิตนี้จะยอมกลืนน้ำลายตัวเองสักครั้งก็ได้วะ มีเพื่อนเป็นตัวเงินตัวทอง...เอ๊ย! บ่อเงินบ่อทองแบบนี้ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย มีแต่ได้กับได้ชัดๆ


“มึงว่าไงกูก็ว่างั้น” ไอ้พฤกษ์ตอบผมด้วยใบหน้านิ่งๆ ไม่ได้แสดงความเป็นมิตรเหมือนกับที่เข้ามาหาผมในตอนแรก แต่เรื่องนั้นใครแคร์ ผมสนใจแค่เงินของมันเท่านั้นแหละ!


ว่าแล้วผมก็ยื่นมือออกไปหยิบแบงค์สีเทากับสีม่วงที่ไอ้พฤกษ์ถืออยู่ในมือมาเข้ากระเป๋าเสื้อของตัวเองซะเลย


“ถ้างั้นก็เป็นอันว่า กูกับมึงเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนี้แล้วนะ ไม่สิ...เพื่อนซี้เลยล่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะเพื่อน” ผมยิ้มกว้างจนตาหยี ขอพูดเอาไว้ตรงนี้ให้รู้ทั่วกันเลยว่า คนอย่างไอ้ซ่าไม่มีทางซื้อด้วยเงินได้...ถ้าไม่มากพอ!


2bc


 o14 ฮัลโหลวววว สวัสดีค่าาาาาา บทนำของเรื่อง Avert หัวใจซ่อนรักก็ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วน้า หลังจากสายหวานเลี่ยนอย่างพี่ภูกับหนูตะวัน และสายหื่นอย่างพี่ธารกับหนุ่มหมอกจบไป คราวนี้ก็ถึงสายเกรียนอย่างคู่พฤกษ์ซ่าบ้างนะคะ ฮูเร่!  :mc4:
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจทุกคนกันมั้ย เพราะก่อนจะแอบเอารูปซ่ามาให้ชมกันที่แฟนเพจไม่มีใครคิดว่าพฤกษ์จะมาสายนี้กันเลย ส่วนใหญ่คิดว่าสายละมุน 55555 แต่ก็หวังว่าทุกคนคงจะชื่นชอบกันน้า เรื่องนี้ก็จะเฮฮา บ้าบอ ตามสไตล์เคะเกรียน พล็อตก็จะเบาลงมาจากเรื่องพี่ธารพอสมควร ก็นะ...เรื่องนั้นได้ลุ้นกันแทบทุกตอนเลยนี่นา แต่จะว่าไปเรื่องนี้ก็ลุ้นเหมือนกันนะ ลุ้นว่าสองคนนี้จะชอบกันได้ยังไง 55555  :laugh:
ยังไงก็ฝากเอ็นดูคู่พฤกษ์ซ่ากันด้วยนะคะ ถ้าหากชื่นชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า แล้วเจอกันในอีก 2-3 วันจ้า รักทุกคนนะคะ บ๊ายบายยยยย  :bye2:
ปล.ขอบคุณ คุณ areenart1984 มากๆเลยนะคะที่แจ้งเรื่องนิยายถูกย้ายมาห้องนิยายจบแล้ว ตอนนี้เราส่ง PM ไปหาคุณ oaw_eang ให้ย้ายกลับคืนแล้วค่ะ แต่คิดว่าสักพักเลยมั้งคะกว่าจะได้ย้าย ยังไงก็แวะมาดูที่ห้องนี้บ่อยๆนะคะ ทุกคนด้วยน้า กอดดดด  :กอด1:
(15 ธ.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-12-2017 20:32:09
5555555
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-12-2017 20:33:11
เคะเกรียนแบบนี้ชอบบบบ  o13
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-12-2017 21:01:19
ชอบค่ะแบบนี้เข้าทางพี่พฤกษ์เลย
แล้วชีวิตจะมีสีสันแน่นอน
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-12-2017 22:32:49
หนูนิษา หนูแจ่มได้ใจคนแก่มั่กๆ แซ่บนัว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 16-12-2017 06:13:13
กรี๊ดดดดดสไตล์ที่ชอบ ซ่าคือซ่าสมชื่อ55
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mod40 ที่ 16-12-2017 07:09:50
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-12-2017 07:46:17
พฤกษ์มาแล้วๆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 16-12-2017 15:36:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-12-2017 13:06:25
คู่ใหม่ น่ารัก มาละ ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก บทนำ# เงินไม่มีทางซื้อผมได้ ถ้าไม่มากพอ! 15/12
เริ่มหัวข้อโดย: kobyp_lu ที่ 19-12-2017 15:12:33
55555555555555นายเอกนี่แบบ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 20-12-2017 23:29:08
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 1# Niza คุณชายสายเปย์


“นี่ก็เย็นแล้ว มึงมีธุระหรือต้องรีบกลับมั้ยไอ้พฤกษ์” ผมเรียกชื่อไอ้คุณชายแว่นอย่างสนิทสนม แต่ความจริงผมอยากจะสนิทกับเงินของมันมากกว่า


“ไม่มี มึงพากูไปหาอาจารย์ปรัชญาตอนนี้เลยก็ได้” สีหน้าไอ้พฤกษ์ดูยินดีและพร้อมมากที่จะเจออาจารย์ แต่ฝันไปเถอะว่าผมจะให้มันได้เจอง่ายๆ ไม่อย่างนั้นแผนปอกลอกของผมก็พังทลายฉิบหายกันพอดี!


“มึงจะบ้ารึไง ขืนพามึงไปตอนนี้กูก็ซวยน่ะสิ อาจารย์คงได้เฉดหัวกูออกจากการเป็นผู้ช่วย แถมเงินค่าจ้างกูก็ยังจะชวดอีก พูดอะไรไม่คิดนะมึง” ผมเล่นใหญ่เหวี่ยงไอ้พฤกษ์ไปเพราะไม่อยากให้มันสงสัย แต่ที่ผมพูดไปมันก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องโกหก


“แล้วเมื่อไหร่มึงจะพากูไปหาอาจารย์” สีหน้าของไอ้พฤกษ์ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ก็แน่ล่ะถูกผมด่ากลายๆ ว่าไร้สมองขนาดนั้น แต่เรื่องนั้นผมแคร์ที่ไหน


“ไม่รู้ ขึ้นอยู่กับว่ามึงจะปลีกตัวมาหากูได้บ่อยแค่ไหน ถ้าอาจารย์รู้ว่ามึงสนิทกับกูเมื่อไหร่กูก็จะพามึงไปเมื่อนั้น เพราะถ้าเป็นตอนนั้นอาจารย์คงมองไม่ออกใช่มั้ยล่ะว่ามึงจ้างกู แต่จะคิดว่ากูเห็นแก่เพื่อนอย่างมึงเลยพาไปหา” เห็นผมจนๆ กากๆ แต่ผมก็ฉลาดพอตัวอยู่นะ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องการหาเงินสมองของผมจะยิ่งจะมีประสิทธิภาพ


“นั่นสินะ ที่มึงพูดมาก็ถูก เพราะถึงมึงพากูไปหาตอนนี้อาจารย์ก็คงไม่ยอมคุยกับกูอยู่ดี” พอเห็นไอ้พฤกษ์คล้อยตามแบบนี้ผมก็แทบจะลุกขึ้นมาเซิ้งด้วยความลิงโลด ยังดีที่ผมสร้างภาพเก่งสีหน้าเลยไม่ได้เปลี่ยนไปมาก


“เห็นมั้ยล่ะ เพราะงั้นมึงต้องมาหากูบ่อยๆ อย่างช่วงพักเที่ยง เวลาว่างระหว่างรอเรียน หรือก่อนกลับบ้านไรงี้” แต่ถ้าพกมันนี่และของกินติดไม้ติดมือมาด้วยจะดีมาก หึหึ


“โอเค งั้นเอาตารางเรียนมึงมาดู กูจะได้รู้ว่ามีวันไหนมาเจอมึงได้บ้าง” แล้วผมก็รีบยื่นโทรศัพท์ที่เปิดรูปตารางเรียนเอาไว้ไปให้ไอ้พฤกษ์


“อืม...เท่าที่ดูกูก็มาเจอมึงได้ทุกวันเลยนะ บางวันช่วงเที่ยง บางวันช่วงเย็น ว่าแต่มึงเถอะมีธุระที่ต้องไปทำรึเปล่า”


“ก็ถ้ามีเดี๋ยวกูแคนเซิลมาหามึงก็ได้ แต่...”


“จะเอาค่าเสียโอกาสใช่มั้ยล่ะ” ไอ้พฤกษ์พูดอย่างรู้ใจ แหม่...คนฉลาดนี่เข้าใจอะไรง่ายดีจริงๆ


“เออ แต่กับเพื่อนกับฝูงกูไม่เอาอะไรมากหรอก แค่เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำกับให้ค่ารถเมล์กูก็พอ” ผมลอบยิ้มในใจ เท่านี้ผมก็จะประหยัดไปได้วันละหลายตัง


“โอเคตามนั้น แล้วค่ารถเมล์มึงจะเอาวันละเท่าไหร่ พันนึงพอมั้ย?”


“พันนึงพ่องสิ! กูเอาค่ารถเมล์ประเทศไทยไม่ใช่ดูไบนะโว้ย!” ผมเริ่มสงสัยแล้วนะว่าบ้านไอ้คุณชายนี่ค้ายาบ้าหรือว่าค้าอาวุธเถื่อนรึเปล่า แม่ง...เงินถุงเงินถังเปย์หนักฉิบหาย


“ก็แล้วมึงจะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามาสิ ขืนกูให้น้อยไปเกิดมึงไม่พอใจกูก็อดไปหาอาจารย์กันพอดี” ไอ้พฤกษ์ชักสีหน้าใส่ผม คงจะไม่พอใจที่เมื่อกี้ผมด่ามันล่ะมั้ง แต่มันน่ามั้ยล่ะ รถเมล์บ้านป้ามันสิราคาขนาดนั้น


“กูเอาวันละร้อยพอ”


“นี่มึงล้อเล่นใช่มั้ย” ไอ้พฤกษ์ชักสีหน้าใส่ผมมากกว่าเดิม เอ๊า กูผิดอะไร?


“กูเอาวันละสองร้อยก็ได้” เงินเท่านี้กูขึ้นรถเมล์ครีมแดงได้ตั้ง 30 เที่ยวเลยนะเฟ้ย!


“เมื่อไหร่มึงจะเลิกพูดเล่น” กูพูดจริงโว้ยไอ้คุณชาย!


“งั้นกูเอาเท่าค่าแรงขั้นต่ำก็ได้! สามร้อยขาดตัว! รีบดีลมาเลย!”


ให้ตายสิ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งคนหน้าเงินอย่างผมต้องมาต่อราคาขึ้นไม่ใช่ราคาลง นี่โลกมันกลับตาลปัตรไปแล้วรึไง แล้วไอ้คุณชายนี่ก็เหมือนกัน แทนที่มันจะดีใจที่ผมอยากได้เงินมันน้อยๆ แต่ดั๊นทำหน้าไม่พอใจใส่ผมซะงั้น


ถ้าเงินเหลือใช้ขนาดนั้นก็โอนเข้าบัญชีมาเลยเดี๋ยวกูใช้ให้!


“โอเคสามร้อยก็สามร้อย ว่าแต่ที่มึงถามตอนแรกว่ากูมีธุระต้องรีบกลับมั้ย มึงถามทำไม” เออ ผมก็มัวแต่พูดเรื่องเงินๆ ทองๆ จนลืมเรื่องปากท้องไปแล้วนะเนี่ย


“มึงยังติดเลี้ยงข้าวกับกาแฟกูไม่ใช่รึไง อย่าบอกนะว่าจะทำเนียนไม่เลี้ยง” ผมก็หาเรื่องพูดใส่ไอ้พฤกษ์ไปงั้นล่ะ ถึงจะเจอกันยังไม่ถึงชั่วโมงแต่ผมก็รู้ว่าไอ้นี่มันป๋าขนาดไหน


“มึงอยากกินอะไรก็ว่ามาสิ” ประเด็นคืออันนี้แหละ ที่มันร่ายมาตอนแรกผมไม่เคยกินเลยสักร้าน หรูสุดในชีวิตผมก็แค่ KFC เท่านั้น แล้วผมจะรู้มั้ยล่ะว่าอะไรอร่อย


“เอ่อ...กูตามใจเจ้ามือแล้วกัน มึงอยากกินอะไรกูก็กินอันนั้นไม่เรื่องมากหรอก”


“โอเค มึงไม่ได้เอารถมาอยู่แล้วใช่มั้ย ถ้างั้นก็ไปรถกู” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินนำผมไปยังลานจอดรถ ซึ่งผมก็เดินตามมันต้อยๆ แถมยังคอยเบะปากไปตลอดทางเพราะสาวๆ ต่างก็ส่งยิ้มให้ไม่ก็เข้ามาทักทายมัน แต่ในจำนวนนั้นไม่มีเลยที่จะมองเห็นผมที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้


หมั่นไส้จริงโว้ย!


“เดินนวยนาดแบบนี้เมื่อไหร่จะถึงรถ! กูหิวจนจะกินควายได้ทั้งตัวอยู่แล้วนะเว่ย!” ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้พฤกษ์ มันที่กำลังยิ้มอย่างมาดคุณชายเลยหน้าบึ้งตึงลงทันที


“พึ่งรู้นะเนี่ยว่าปกติมึงกินเนื้อควายด้วย” ไอ้พฤกษ์พูดด้วยใบหน้านิ่งๆ จากนั้นก็ใช้นิ้วดันแว่นสายตาขึ้นไป หนอย...เดี๋ยวนี้มีตอบโต้นะไอ้แว่น


“กูจะกินหรือไม่กินเนื้อควายแล้วมันไปหนักหัวมึงรึไง”


“ก็เปล่า แต่กูจะได้รู้ไงว่ารสนิยมเรื่องกินมึงเป็นแบบไหน จะได้พาไปกินร้านที่มึงน่าจะถูกใจไงล่ะ” ไอ้พฤกษ์พูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แบบเดิม แต่ไหงผมกลับรู้สึกว่ามันกวนตีนผมเพิ่มก็ไม่รู้


“ไม่เป็นไร ไปร้านที่มึงชอบนั่นแหละ”


“กูถามมึงแล้วนะ” ไอ้พฤกษ์เหลือบสายตามามองผม สีหน้าของมันตอนนี้ถึงแม้ว่าจะเรียบเฉย แต่ผมก็พอเดาออกว่ามันกำลังวางแผนแกล้งผมอยู่ ไม่แน่ว่ามันอาจจะพาผมไปร้านที่สั่งยากๆ กะให้ผมอายเพราะสั่งไม่เป็นก็ได้


“เออ มึงเลือกร้านเลย” ส่วนผมก็จะเล่นตามน้ำไป ถ้าหากมันไม่ได้คิดจะทำอะไรผมจะปล่อยผ่าน แต่ถ้ามันคิดจะแกล้งผม ผมจะเอาคืนมันให้สาสมเลยคอยดู!


จากนั้นไม่นานไอ้พฤกษ์ก็ขับรถมาถึงห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งพอไปถึงมันก็เดินนำผมตรงไปยังร้านกาแฟชื่อดัง ซึ่งคนทั้งประเทศน่าจะรู้จักร้านนี้ดีแม้ว่าจะไม่เคยเข้าไปกินเลยก็ตาม...สตาร์บัคส์


“เอา Chocolate Chip Cream Frappuccino® Blended Beverage ครับ” ไอ้คุณชายเดินไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์อย่างโปร ซึ่งพอสั่งเสร็จก็หันมาหาผมที่ยืนต่อคิวอยู่ข้างหลังมัน


“มึงอยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะไม่ต้องเกรงใจ แต่ถ้าสั่งไม่เป็นก็บอกได้นะเดี๋ยวกูสั่งให้” ดูเผินๆ เหมือนมันจะถามผมอย่างมีน้ำใจ แต่ความจริงแล้วมันตั้งใจจะแกล้งให้ผมอายมากกว่า


แต่โทษทีนะ มึงรู้จักกูน้อยไปแล้วไอ้พฤกษ์ เกรียนมาเกรียนกลับไม่โกงเฟ้ย!


“ไม่เป็นไร กะอีแค่สั่งกาแฟทำไมกูจะสั่งไม่เป็น” คำตอบของผมทำเอาไอ้พฤกษ์เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง คงจะผิดคาดเลยสินะ


“โอเค งั้นมึงสั่งเลย” พอมันพูดแบบนี้ผมเลยหันหน้าไปมองพนักงาน จากนั้นก็พูดชื่อเมนูที่ผมตั้งใจจะสั่งตั้งแต่ที่เข้ามาในร้านด้วยเสียงดังฟังชัดว่า...


“โอเลี้ยงใหญ่แก้วนึง!”


เท่านั้นแหละคนทั้งร้านต่างก็พากันหันมองมาทางนี้เป็นสายตาเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังทำค้างไว้ต่างก็หยุดชะงักราวกับต้องมนต์หยุดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ไอ้พฤกษ์ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ ผมด้วย


“อะ...เอ่อ...เมนูนี้ทางร้านเราไม่มี ถ้ายังไงรับเป็น Americano แทนมั้ยคะ” พนักงานที่ดูเหมือนว่าจะได้สติขึ้นมาก่อนเป็นคนพูดขึ้น


“ไม่เอาอะ กาน่งกาโน่อะไรไม่รู้จัก แล้วชานมไข่มุกล่ะมีปะ?” ผมถามต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา แม้ว่าคนภายในร้านและคนที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังบางคนเริ่มจะหัวเราะผมกันแล้ว


“มะ...ไม่มีค่ะ”


“โหย นู่นก็ไม่มีนั่นก็ไม่มี นี่มันร้านกาแฟจริงปะเนี่ย...เดี๋ยวสิไอ้พฤกษ์มึงจะไปไหน ถ้าจะไปหาที่นั่งก็อย่าพึ่งเลย รอไปพร้อมกูดีกว่า” ผมรีบเดินไปลากไอ้พฤกษ์กลับมา เมื่อมันค่อยๆ ก้าวเท้าถอยห่างทำท่าเป็นไม่รู้จักผม


“ปล่อยกู” ไอ้พฤกษ์กัดฟันพูดแล้วพยายามแกะมือของผมออก แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยแถมยังกอดแขนของมันให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก


“มึงว่ากูควรจะสั่งอะไรดี โอเลี้ยงกับชาไข่มุกไม่มีงั้นเอาเป็นชาไทยดีมั้ย หรือว่าจะเป็นชาเย็น?” ผมทำเป็นไม่รับรู้ถึงสีหน้าของไอ้พฤกษ์ที่กำลังแดงจัดไปจนถึงใบหู ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้มันกำลังอายขนาดไหน เพราะสายตาเกือบทุกคู่ภายในร้านไม่ได้มองมาที่ผมคนเดียว แต่ยังมองมาที่มันด้วยเช่นกัน


สะใจเป็นบ้า ภาพลักษณ์คุณชายของมันป่นปี้ไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ


“มึงกำลังแกล้งกูอยู่ใช่มั้ยซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดด้วยเสียงรอดไรฟัน


“ทำไมกูต้องแกล้งมึงด้วยล่ะเพื่อน หรือว่ามึงแกล้งอะไรกูก่อนกูถึงต้องเอาคืนมึงรึเปล่า” ผมช้อนตาขึ้นไปมองมันพลางยิ้มหวาน แต่สายตาของผมห่างไกลจากคำว่ายิ้มโดยสิ้นเชิง


“เฮ้ออออ ขอโทษ กูยอมรับก็ได้ว่าตั้งใจจะแกล้งมึง” ในที่สุดผู้ร้ายก็ยอมรับสารภาพแล้ว


“หึ! ก็แค่นั้น” ผมพูดจบก็สะบัดแขนของมันที่ผมกอดอยู่ออกไปอย่างไม่ไยดี จากนั้นก็หันหน้าไปหาพนักงานที่ยืนยิ้มหน้าเจื่อนๆ อยู่ตรงเคาน์เตอร์


“โทษทีเมื่อกี้ผมแกล้งเพื่อนน่ะ เอาชาเขียวปั่นเพิ่มวิปครับ” ถึงผมจะไม่เคยเข้ามากินแต่ผมก็รู้หรอกน่าว่าสั่งแบบธรรมดาพนักงานก็ทำให้ได้ ไม่จำเป็นต้องสั่งแบบเวอร์วังอย่างที่ไอ้พฤกษ์มันสั่งเลยแม้แต่น้อย


“รับทราบค่ะ เดี๋ยวรอรับเครื่องดื่มทางนี้นะคะ” พนักงานพูดจบก็ผายมือไปยังด้านข้าง ผมเลยเดินไปทางนั้นพร้อมกับไอ้พฤกษ์ที่มีสีหน้าบอกบุญไม่รับ


“คราวหน้ายังคิดจะแกล้งกูอยู่มั้ย” ผมหันหน้าไปหาไอ้พฤกษ์แล้วยิ้มที่มุมปาก ตอนนี้ผมคิดว่ามันคงจะเข็ดจนไม่กล้าทำอะไรผมแล้ว
แต่...


“ไม่ ถ้ามึงไม่คิดจะกวนประสาทกู” ไอ้แว่นนี่มันดื้อด้านกว่าที่คิดอีกเว่ย!


“มึงอยากโดนดีรึไง”


“แล้วมึงไม่อยากได้เงินจากกูงั้นหรอ” พอได้ยินแบบนี้ จากที่กำลังวางก้ามอย่างใหญ่โต ผมก็ถึงกับตัวหดลีบลงอย่างรวดเร็ว


“เออ กูอยากได้เงินมึง ส่วนมึงก็อยากให้กูพาไปหาอาจารย์ใช่มั้ยล่ะ ถ้างั้นกูว่าเราสองคนมาทำสัญญาสงบศึกชั่วคราวกันดีกว่า”


“นั่นสินะ ยังไงเราสองคนก็อยู่ด้วยกันเพราะผลประโยชน์อยู่แล้ว” พอไอ้พฤกษ์พูดแบบนี้ก็เป็นเวลาพอดีที่พนักงานเอาเครื่องดื่มที่พวกเราสั่งไปมาวางไว้ ผมกับมันเลยมองตากัน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหยิบแก้วใครแก้วมันมาชนกันพร้อมกับพูดว่า...


“สงบศึกชั่วคราว!!”


แต่ถึงผมจะพูดว่าจะสงบศึกชั่วคราว เคยได้ยินกันมั้ยล่ะว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร ซึ่งผมมันก็คนประเภทเดียวกันกับโจรนั่นแหละ ดังนั้นฝันไปเถอะว่าผมจะสงบศึกกับไอ้พฤกษ์จริงๆ ไว้สบโอกาสเมื่อไหร่ผมจะแกล้งจนภาพลักษณ์คุณชายของมันย่อยยับกว่านี้อีกคอยดู หึหึ


ส่วนไอ้พฤกษ์ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะคิดแบบผมมั้ย เพราะหน้ามันดูนิ่งๆ สายตาไม่ได้มีแววเจ้าเล่ห์แต่อย่างใด ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ไว้ใจแล้วระวังตัวทุกฝีเก้าอยู่ดี


“มึงหิวรึยัง จะไปกินข้าวกันเลยมั้ย”


“หวังว่ามึงคงไม่คิดจะแกล้งอะไรกูอีกนะไอ้พฤกษ์” ผมหันไปมองตาขวาง มันเลยมองบนแล้วถอนหายใจออกมา


“เมื่อกี้ก็ทำสัญญาสงบศึกไปแล้วไง หรือว่ามึงมีแผนจะแกล้งกูในใจเลยคิดว่ากูจะทำแบบมึงด้วย” ไอ้พฤกษ์พูดขึ้นราวกับอ่านใจผมได้ ไอ้คุณชายมันจะแสนรู้เกินไปแล้วนะ


“มึงอย่ามาปรักปรำกู กูก็แค่พูดดักคอมึงไว้เฉยๆ”


“ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เถอะ”


“ไอ้...”


“สรุปจะไม่กินข้าวใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นกูจะได้กลับ” ไอ้พฤกษ์รีบพูดขัดขึ้นก่อนที่ผมจะได้ง้างปากด่ามัน เพราะงั้นคำพูดของผมเลยเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือทันที


“แหม...จะรีบกลับไปไหนล่ะเพื่อน ไปกินข้าวกระชับมิตรกับกูก่อนดีกว่า เดี๋ยวกูจะถ่ายรูปแล้วเช็คอินลงเฟซบุ๊กให้ด้วย กูคงยังไม่ได้บอกสินะว่าอาจารย์ปรัชญาก็เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกู”


“พูดจริง?” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่


“เอ๊าไอ้นี่ กูจะโกหกทำมะเขืออะไร ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวกูเปิดให้ดูก็ได้” ว่าแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเฟซบุ๊ก จากนั้นก็เสิร์ชชื่ออาจารย์ให้ไอ้พฤกษ์ดูว่าเป็นเพื่อนกับผมจริงๆ ไม่ได้โม้


“พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงสนิทกับอาจารย์ขนาดได้เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กด้วย”


“เอาจริงๆ เลยปะ กูไม่ได้อยากแอดหรอกแต่อาจารย์บังคับเข้ากลุ่มที่มีกัน 2 คน เพราะแกบอกว่าจะส่งงานให้ช่วยหรือลงนัดหมายวันเวลาในนี้ง่ายดี”
“อ้อ” ไอ้พฤกษ์พยักหน้ารับรู้


“ว่าแต่มึงเล่นเฟซบุ๊กมั้ย จะให้กูแอดไปปะ เวลาลงรูปจะได้แท็กมึงด้วย”


“เอางั้นก็ได้” แล้วไอ้พฤกษ์ก็บอกชื่อเฟซบุ๊กของมันมา ซึ่งมันใช้ชื่อว่า ‘Pruk Phumpruk’


“เหยดดดด นี่มึงมีเพื่อนตั้ง 4900 กว่าคนเลยเรอะ!” ผมเบิกตากว้างด้วยความทึ่ง เพราะเพื่อนของมันมีมากกว่าผมเกือบ 10 เท่าเห็นจะได้


“ก็ถ้าเฟซบุ๊กไม่จำกัดกูคงมีเพื่อนเป็นหมื่นไปแล้วมั้ง” ไอ้พฤกษ์ยักไหล่ คำพูดคำจาแม่งน่าหมั่นไส้ฉิบหาย!


“เออ! ไอ้คนดัง! ถ้ายังไงมึงก็กรุณารับแอดกูด้วย!” ผมพูดประชดแล้วเบ้ปากใส่


“บอกชื่อเฟซบุ๊กมึงมาสิ คำขอกูมีเป็นร้อย” หนอย...มันน่าโบกให้แว่นหลุดจริงๆ!


“กูพึ่งแอดไปเมื่อกี้มึงไม่เห็นรึไง หรือโทรศัพท์มึงกากมันเลยไม่แจ้งเตือน” ว่าไปนั่น ถ้าไอโฟนรุ่นล่าสุดของไอ้พฤกษ์มันกาก งั้นโทรศัพท์จีนแดงอย่างผมก็คงยิ่งกว่าเศษซากของเหลือแล้วล่ะ


“มันขึ้นแจ้งเตือนอยู่ แต่กูไม่แน่ใจว่าจะใช่เฟซบุ๊กของมึงมั้ย”


“แล้วมันขึ้นชื่อว่าอะไรล่ะ”


“เจ้ากรรม นายเวร”


“เออ นั่นแหละเฟซบุ๊กกู” เท่านั้นแหละไอ้พฤกษ์ก็ถอนหายใจแล้วมองบนทันที


“กูจ้างมึงพันนึง เปลี่ยนชื่อใหม่เถอะซ่า” สีหน้าของไอ้พฤกษ์ตอนนี้ดูสมเพช เวทนา แล้วก็ละเหี่ยใจจริงๆ ที่ผมใช้เฟซบุ๊กชื่อนี้


“มึงไม่ต้องเอาเงินมาจ้างกู แต่เอาเงินไปจ้างไอ้มาร์คสากกะเบือโน่น! แม่ง...ตอนกูใช้ชื่อจริงมันเสือกบอกว่ากูใช้ชื่อปลอม แล้วพอกูลองใส่ชื่อไปมั่วๆ แม่งเสือกให้ผ่านเฉย” พูดแล้วผมก็ยังเคืองไม่หาย ไอ้มาร์คนะไอ้มาร์ค เจอหน้าพ่อจะด่าให้ยับเลยฮึ่ม!


“เฮ้ออออ นี่กูต้องรับมึงเป็นเพื่อนจริงๆ หรอเนี่ย ‘เจ้ากรรม นายเวร’ ได้เป็นเพื่อนคุณแล้ว นี่กูควรจะดีใจมั้ย” ไอ้พฤกษ์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


“ก็ถ้ามันลำบากใจขนาดนั้นก็ลบเพื่อนกูซะไป๊จะได้จบๆ” ผมแยกเขี้ยวใส่ ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะโมโหไอ้มาร์คหรือว่าไอ้พฤกษ์มากกว่ากัน


“กูก็คงทำแบบนั้นถ้ามึงไม่เป็นเพื่อนกับอาจารย์ปรัชญา แต่เอาเถอะมี ‘เจ้ากรรม นายเวร’ เป็นเพื่อนมันก็ดูแปลกใหม่ดี” คำพูดคำจาแม่งน่ากระทืบฉิบหาย!


“มึงเลิกพูดถึงชื่อเฟซบุ๊กกูได้แล้วไอ้พฤกษ์! กูหิว! กูอยากกินข้าวแล้วเว่ย!” คอยดูนะ พอไปถึงผมจะสั่งมาเต็มโต๊ะให้มันล้มละลายไม่มีปัญญาจ่ายเลย!


“มึงอยากกินอะไรล่ะ”


“ได้หมด แต่ขอให้ได้กินเลยกูขี้เกียจต่อคิว”


“งั้นเดินไปดูทางนู้นกัน” แล้วไอ้พฤกษ์ก็เดินนำผมไปยังโซนร้านอาหาร แต่ละร้านผมเคยเห็นผ่านทางโฆษณา แต่ว่ามันดูหรูหราและราคาแพงโคตรๆ จนผมไม่มีปัญญากิน


“เอาร้านนี้แล้วกันคนไม่เยอะ มึงไม่มีปัญหาใช่มั้ย” ไอ้พฤกษ์หันมาถามผม เมื่อเดินมาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งซึ่งคนไม่เยอะเท่าไหร่


“กูไม่มีปัญหา” แต่ว่ามึงอาจจะมี เพราะหลังจากนี้อาจไม่มีปัญญาจ่ายจนต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยก็ได้ ฮ่าๆๆๆ


“ถ้างั้นก็ตามเข้ามา” ไอ้พฤกษ์ที่ไม่ได้รับรู้ความคิดของผมเลยเดินนำเข้าไปด้วยท่าทีสบายๆ ส่วนผมก็ลอบยิ้มในใจแล้วเดินตามมันเข้าไปติดๆ


“รับอะไรดีคะ” พนักงานสาวถามขึ้นหลังจากวางเมนูลงตรงหน้าของผมและไอ้พฤกษ์ได้สักพัก ราคาแต่ละอย่างแพงเวอร์วังจนผมแทบตาเหลือก ผิดกับไอ้พฤกษ์ที่แทบไม่ต้องมองเมนูก็สั่งได้ชิลๆ เพราะคงจะมาบ่อย


“เอาราเมนแกงกะหรี่ อลาสก้าแซลมอนโรล แล้วก็เกี๊ยวซ่าครับ” หลังจากไอ้พฤกษ์สั่งพนักงานสาวก็หันหน้ามองมาทางผม ซึ่งผมก็เหลือบสายตาไปมองไอ้พฤกษ์พร้อมกับยิ้มมุมปากนิดนึง จากนั้นก็สั่งอาหารรัวๆ ราวกับไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตลอดทั้งเดือน


“ผมเอาปลาดิบชุดพิเศษ แซลมอนย่างราดซอสสไปซี่ แซลมอนอบหม้อดิน ยำปูอัด สลัดปูนิ่ม หมึกย่างซีอิ๊ว กุ้งผัดกระเทียม สเต็กหอยเชลล์ ซูชิทอดซอสปลาทูน่า สปาเก็ตตี้ไข่ปลา เทมปุระ ทาโกะยากิ พิซซ่าญี่ปุ่น ชุดข้าวปั้นหน้าปลาดิบ ข้าวหน้าปลาทูน่ากับปลาแซลมอน แล้วก็ข้าวหน้าปลาไหลครับ” ผมยิ้มกว้างเมื่อสั่งอาหารทั้งหมดเสร็จ ค่าเสียหายของมื้อนี้ไม่ต่ำกว่า 5000 อย่างแน่นอน!


“อะ...เอ่อ...ขออนุญาตทวนรายการอาหารนะคะ” พนักงานพูดขึ้นอย่างอึ้งๆ และงงๆ เพราะคงไม่เคยมีใครสั่งล้างผลาญราวกับจะกินได้ทั้งหมู่บ้านทั้งที่มากันแค่ 2 คน ก่อนที่พนักงานจะทวนรายการอาหารที่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของผม บอกตามตรงผมจำรายการที่สั่งไปไม่ได้หรอก เพราะผมก็แค่เปิดเมนูแล้วอ่านไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง


“สั่งมาเยอะเอาเรื่องเลยนะซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดขึ้นหลังจากที่พนักงานเดินออกไป น่าแปลกที่ผมคิดว่ามันคงจะต้องโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ผมก็คิดผิดเพราะมันยังคงหน้านิ่งแถมติดจะยิ้มที่มุมปากหน่อยๆ ด้วยซ้ำ


“พอดีกูหิวน่ะ แต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้นกูเลยเผลอสั่งมาซะเยอะ มึงคงไม่มีปัญหาใช่มั้ย” ผมยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า แต่สายตากำลังเยาะเย้ยและกวนตีนสุดๆ


“กูไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ไอ้พฤกษ์ยักไหล่ใจอย่างป๋า


“ถ้างั้นก็ดี” ผมยิ้มค้าง อะไรวะ ทำไมมันถึงไม่มีปฏิกิริยาอย่างที่ผมคิดเอาไว้เลย ถึงแม้มันจะไม่ได้โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่มันก็ต้องแสดงอาการไม่พอใจออกมาบ้างสิ ไม่ใช่ยังทำหน้านิ่งไม่ทุกข์ไม่ร้อนแบบตอนนี้


 เซ็งจริงๆ สงสัยไอ้พฤกษ์มันคงเป็นคุณชายที่ใช้จ่ายได้วันละเป็นพันเป็นหมื่นโดยที่ขนหน้าแข้งไม่ร่วงล่ะมั้ง


หลังจากนั้นไม่นานอาหารก็เริ่มทยอยกันมาจนกระทั่งเต็มโต๊ะ ไม่สิ ต้องเรียกว่าล้นมากกว่าจนผมต้องเอาบางรายการไปไว้ในจานเดียวกัน ซึ่งรายการที่ผมสั่งไอ้พฤกษ์ไม่ได้แตะต้องเลยแม้แต่น้อย มันกินแค่ในส่วนที่ตัวเองสั่งมาเท่านั้น ไม่รู้ว่ามันรังเกียจผมหรือว่าคิดอะไรอยู่


“กูอิ่มแล้วนะ” ไอ้พฤกษ์บอกผมเมื่อมันกินโรลคำสุดท้ายหมด


“อืม กูก็อิ่มแล้วเหมือนกัน เช็คบิลได้เลย” ผมหยิบเทมปุระเข้าปากเป็นคำสุดท้าย จากนั้นก็วางตะเกียบลงพร้อมกับยกน้ำชาขึ้นมาดื่ม


“มึงจะกินแค่นี้เองหรอ อาหารยังเหลืออีกเพียบเลยนะ” ไอ้พฤกษ์กวาดสายตามองจานอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ ซึ่งผมยังกินไปได้ไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ
“หูตึงรึไง เมื่อกี้กูก็บอกไปแล้วนี่ว่าอิ่มแล้ว” ผมตอบอย่างกวนตีนแล้วดื่มน้ำชาต่ออย่างสบายอารมณ์


“อันนั้นกูได้ยิน แต่มึงจะไม่กินให้หมดจริงๆ ใช่มั้ย” ไอ้พฤกษ์ถามพลางใช้สายตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นมองตรงมายังผม


แต่คิดว่าผมจะกลัวเรอะ?


เฮอะ! พูดเลยว่าไม่มีทาง!


“มึงจะถามเซ้าซี้อะไรมากมาย กูก็บอกไปแล้วไงว่ากูอิ่ม กูกินได้แค่นี้ ที่กูพูดไปมันเข้าใจยากตรงไหน” พอผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็พยักหน้าลงทันที


“โอเค กูเข้าใจแล้ว งั้นกูจะเรียกเช็คบิลเลยนะ แต่...กูจะจ่ายให้เฉพาะจานที่มึงกินหมดนะซ่า ส่วนที่มึงกินเหลือมึงก็รับผิดชอบจ่ายเอาเองแล้วกัน”


เท่านั้นแหละ...


พรูดดดดดดดดด!!!


ผมก็พ่นน้ำชาที่กำลังดื่มออกไปพร้อมกับทำตาเหลือกเลยน่ะสิ!


“นี่มึงล้อกูเล่นใช่มั้ยไอ้พฤกษ์!”


“แล้วหน้ากูเหมือนคนล้อเล่นรึไง” ก็เพราะไม่น่ะสิกูถึงได้ตาเหลือกอยู่แบบนี้!


ฉิบ – หาย – แล้ว! จะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายเนี่ยกู!


2BC


 o14 ฮัลโหลววว สวัสดีค่าาาาา จบไปอีกตอนแล้วสำหรับ Avert หัวใจซ่อนรัก ซึ่งเนื้อหากับชื่อเรื่องนั้นสวนทางกันมาก แต่ก็หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบสายฮาหลังจากอ่านสายหวานของพี่ภู และสายหื่นอย่างคุณธารมาแล้วนะคะ  :give2:
จากคอมเมนท์ที่ผ่านมาจากเว็บต่างๆที่เค้าอัพลง รู้สึกว่าภาพลักษณ์ของพฤกษ์ที่สั่งสมมาจากเรื่องก่อนๆจะพังทลายลงไปในพริบตา แต่นั่นแหละฮะท่านผู้ชม ต้องไปโทษตัวการตัวเกรียนอย่าง ‘เจ้ากรรม นายเวร’ ที่ชื่อซ่าเลยค่ะ  :laugh: เกรียนแตกขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าทุกคนจะเอ็นดูลงมั้ย หรือจะสมน้ำหน้าที่ถูกพฤกษ์แก้เผ็ดได้ ยังไงก็มาตามต่อกันในตอนหน้าด้วยนะคะ  :m13:
ฝากคู่พฤกษ์ซ่าด้วยน้า มาลุ้นกันค่ะว่าคู่นี้จะรักกันได้ยังไง แล้วใครจะรักใครก่อน อีก 2-3 วันเจอกันค่า บ๊ายบายยยย  :bye2:
ปล. Merry Christmas นะคะทุกคน  :pig3:
(24 ธ.ค. 60)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-12-2017 00:02:21
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 21-12-2017 00:22:33
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-12-2017 00:33:46
แน่ใจนะว่าจะสงบศึกนะ จะจริงหรอ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-12-2017 09:11:24
สนุกดีๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 21-12-2017 11:28:34
ซ่านี่ร้ายจริงเชียว

ทำเอาเงิบกันทั้งร้านเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-12-2017 12:29:05
แกล้งมา แกล้งกลับ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-12-2017 18:58:07
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 21-12-2017 22:41:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 คุณชายสายเปย์ [20.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 22-12-2017 17:09:19
ฮาเจ้าซ่าไม่มีความอายเลย555 พฤกษ์ก็เกรียนใช่ย่อย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 เจ้ากรรม นายเวร 100%[24.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-12-2017 17:43:57
เจอของจริงเข้าไปล่ะสิงานนี้
เจ้ากรรมนายเวรจะเจอกรรมตามสนองแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 เจ้ากรรม นายเวร 100%[24.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 24-12-2017 21:14:57
ความเกรียนไปถึงชื่อเฟส ความที่บอกจะสงบศึก ความเลิกเป็นสายเปย์ โอ๊ยมวยถูกคู่ :m20:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 เจ้ากรรม นายเวร 100%[24.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-12-2017 01:21:55
สมน้ำหน้าซ่า เล่นอะไรไม่เล่น ไปเล่นกับของกิน เจอแบบนี้ก็สมควรแล้ว  o18
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 เจ้ากรรม นายเวร 100%[24.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-12-2017 08:30:01
เอาล่ะสิ!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 เจ้ากรรม นายเวร 100%[24.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-12-2017 13:21:24
เจ้ากรรม นายเวร
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 เจ้ากรรม นายเวร 100%[24.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-12-2017 15:39:01
สมมมม!!!! :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 1 เจ้ากรรม นายเวร 100%[24.12.60]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 26-12-2017 01:44:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 2 เพื่อนรัก [05.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 05-01-2018 20:14:47
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 2# Phumpruk เพื่อนรัก


“พฤกกกกกษ์ ยกโทษให้กูเถอะน้าาาาา กูผิดไปแล้ววววว กูขอโทษษษษษ” ซ่ารีบลุกจากเก้าอี้ตรงเข้ามากอดขาอ้อนวอนผมด้วยเสียงดังลั่น การกระทำนั้นเล่นเอาผมถึงกับอึ้งและตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ ใครจะไปคิดล่ะว่าซ่าจะกล้าทำเรื่องแบบนี้กลางร้านอาหารจนทุกสายตามองมา


แต่จะว่าไปขนาดที่สตาร์บัคส์ยังทำมาแล้วนี่นะ อยากรู้จริงๆ ว่าคนคนนี้เคยรู้จักกับคำว่าอายบ้างรึเปล่า


“ลุกขึ้นได้แล้วซ่า คนมองมาทั้งร้านแล้วไม่เห็นรึไง” ผมกัดฟันพูดพร้อมกับพยายามแกะมือและแขนของซ่าออกจากขาของผม แต่ให้ตายสิ ทากาวดักหนูเอาไว้รึไงทำไมถึงได้เหนียวจนแกะไม่ออกขนาดนี้


“กูไม่สน ใครจะมองก็ปล่อยให้มองไปสิกูไม่แคร์”


“แต่กูแคร์แล้วกูก็อายด้วย ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะซ่า”


ผมอยากจะบ้าตาย ทำไมชีวิตของผมต้องมาข้องเกี่ยวกับคนแบบนี้ด้วยนะ หน้าตาก็ออกจะน่ารักแท้ๆ แต่ทำไมนิสัยถึงได้ทรยศหน้าตาราวฟ้ากับเหวก็ไม่รู้


“กูไม่ลุกจนกว่ามึงจะรับปากว่าจะจ่ายค่าอาหารให้กู ค่าอาหารแพงบรรลัยขนาดนี้กูจะมีปัญญาจ่ายได้ยังไงกันเล่า”


“แล้วมึงสั่งมาเยอะทำไม ทำอะไรไว้ก็รับผิดชอบเองสิ” อยากล้อเล่นกับของกินดีนัก เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้ดัดนิสัย


“ง่า กูก็ขอโทษแล้วไง กูสำนึกผิดแล้วจริงๆ นะ ต่อไปกูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว นี่เป็นความผิดครั้งแรกมึงแค่ขึ้นบัญชีหนังหมาไว้ก่อนก็พอ ถ้ามีอีกค่อยลงโทษกูจริงจังนะพฤกษ์เพื่อนรัก นะๆๆ น้าาาาา” ซ่าช้อนดวงตากลมโตขึ้นมามองผมพร้อมกับทำตาปริบๆ


“เฮ้ออออ ครั้งนี้กูจะยอมจ่ายให้มึงก็ได้ มึงรีบลุกขึ้นมาได้แล้ว” ผมไม่ได้แพ้คำพูดเสแสร้งและสายตาแกล้งทำแบบนั้นหรอกนะ แต่ที่ผมยอมก็เพราะว่าผมอายสายตาเป็นสิบๆ คู่ที่กำลังมองตรงมาทางนี้ต่างหาก


“ต้องอย่างนี้สิเพื่อนร้ากกกก” ซ่าฉีกยิ้มกว้างแล้วรีบลุกขึ้นมานั่งข้างๆ พลางกางแขนจะกอดผม แต่ว่าผมก็เบี่ยงตัวหลบแถมยังยกมือกันเอาไว้อีกต่างหาก


“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย กูจำไม่เห็นได้เลยว่าไปเป็นเพื่อนรักของมึงตอนไหน”


นี่มันคนประเภทไหนก็ไม่รู้ ตอนเจอผมครั้งแรกยังทำหน้าบอกบุญไม่รับ คำพูดก็ไม่เป็นมิตร สายตาก็มองเหยียด แต่พอตอนนี้ดันเปลี่ยนกลับบอกว่าผมเป็นเพื่อนรัก ทั้งยังทำท่าสนิทสนมด้วยอีกต่างหาก


กิ้งก่าที่เปลี่ยนสีไวยังเทียบซ่าไม่ได้แม้แต่ฝุ่น!


“โหยยยย อย่าพูดจาตัดเยื่อใยกันแบบนั้นสิเพื่อน กูกับมึงต้องพึ่งพาอาศัยกันอีกนาน ปรองดองกันเอาไว้ดีกว่า มาๆ มาถ่ายรูปลงเฟซบุ๊คให้อาจารย์เห็นกัน” แล้วซ่าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องหน้า จากนั้นก็เอียงหน้าเข้ามาหาผมพร้อมกับใช้มือชูโทรศัพท์ขึ้น


“ยิ้มสิมึง ทำมือมินิฮาร์ทเหมือนกูด้วย” ซ่าหันมาสั่ง ผมที่ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ยอมทำเพราะตัดรำคาญ อีกอย่างเผื่ออาจารย์ปรัชญามาเห็นจะได้คิดว่าผมสนิทกับซ่าด้วย


“ดีมาก อย่างนั้นแหละเพื่อน เอาล่ะนะ 3...2...1...cheese!” สิ้นเสียงนั้นซ่าก็กดชัตเตอร์ จากนั้นก็ลงรูปของเราสองคนที่กำลังยิ้มพร้อมทำมินิฮาร์ทลงในเฟซบุ๊ค โดยมีแคปชั่นว่า ‘เจ้ามือ & เจ้ากรรมนายเวร’ ซึ่งผมก็ได้แต่ถอนหายใจกับแคปชั่นนั้นเพราะไม่มีอะไรจะพูด


“เออใช่ มึงจะทำยังไงกับอาหารที่เหลือพวกนี้งั้นหรอ” ซ่าหันมาถามผมหลังจากที่โพสต์รูปลงเฟซบุ๊คเรียบร้อย แต่ถึงจะเป็นคำถาม สายตาที่มองมากลับกำลังขอร้องอ้อนวอนผมมากกว่า


“มึงอยากห่อกลับไปกินที่บ้านมั้ยล่ะ” เท่านั้นแหละสายตาของซ่าก็ราวกับว่ามีประกายวิบวับขึ้นมาทันที


“ได้หรอ!”


“อืม เดี๋ยวกูบอกพนักงานให้ ยังไงกูก็ไม่คิดจะห่อกลับอยู่แล้ว” ผมพูดจบก็เรียกพนักงานมาเช็คบิลพร้อมกับบอกให้ห่ออาหารที่เหลือลงกล่องกลับบ้าน ผมรู้สึกได้ว่าซ่าเริ่มมองผมเป็นมิตรมากขึ้นจากการกระทำในครั้งนี้


ค่าเสียหายทั้งหมดที่ผมจ่ายไปทั้งวันเฉียดหมื่นไปนิดเดียว นี่ถ้าพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปผมได้จ่ายขนาดนี้มีหวังได้ล้มละลายแน่ๆ กำไรจากการเล่นหุ้นและขุดบิทคอยน์อย่างขำๆ ร่วมกับเพลิงนอกจากไม่เหลือแล้วยังจะติดลบอีกต่างหาก ก็หวังว่าซ่าจะเข็ดหลาบที่ถูกผมดัดนิสัยในวันนี้ไม่เกรียนใส่ผมอีกล่ะนะ


“จริงสิ พรุ่งนี้ตอนเช้ามึงมีเรียนตอนไหน” ซ่าถามผมขึ้น ท่าทางเหมือนจะพึ่งนึกอะไรออก


“มึงถามทำไม”


“ตอบมาเถอะน่า กูจะตอบแทนที่มึงให้กูห่อข้าวกลับบ้านไง เนี่ย...กูอยู่ได้ 3 วันเลยนะ” ซ่ามองอาหารที่ถูกแพคไว้ในกล่องอย่างดีด้วยดวงตาเป็นประกาย เวลาแบบนี้ดูไม่มีพิษมีภัยต่างจากปกติราวกับพลิกฝ่ามือ


“กูมีเรียนตอน 8 โมงครึ่ง”


“ถ้างั้นมึงมาเจอกูที่หน้าคณะตอน 8 โมงได้ปะ คือกูต้องหอบเอกสารที่อาจารย์ปรัชญาฝากปริ้นท์ไปให้ บางทีมึงอาจจะมีโอกาสได้คุยกับอาจารย์ก็ได้”


“โอเค ไม่มีปัญหา งั้นเอาเบอร์มึงมา” แล้วซ่าก็บอกเบอร์กับผม ก่อนที่เราสองคนจะคุยอะไรกันอีกนิดหน่อยแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน ซึ่งตอนแรกผมก็อาสาจะไปส่ง แต่พอซ่าถามที่อยู่ผมแล้วรู้ว่าอยู่คนละทางเลยปฏิเสธ เล่นเอาผมแปลกใจนิดหน่อยเพราะคิดว่าซ่าน่าจะตอบตกลง นั่งไปกับผม นอกจากจะประหยัดเงินแล้วยังนั่งสบายกว่าอีกต่างหาก


บางทีผมอาจจะต้องมองซ่าใหม่ซะแล้ว...


.......................................
..........................
.............


วันต่อมา


ผมมาหาซ่าช้ากว่าเวลาที่นัดไว้นิดหน่อยเพราะรถค่อนข้างติด แถมผมยังต้องไปส่งตะวันที่หน้าคณะและจอดรถที่นั่นด้วยเลยยิ่งช้าเข้าไปใหญ่ ซึ่งกว่าจะเดินไปถึงหน้าคณะของซ่า ผมก็เห็นซ่านั่งหน้าหงิกงอพร้อมทำตาขวางด้วยท่าทางหัวเสียอยู่ใต้ต้นไม้


“ขอโทษทีที่กูมาช้า”


“เอากองไว้ตรงนั้นแหละ! กูไม่รับ!” ไม่พูดเปล่าซ่ายังแยกเขี้ยวใส่ผมอีกด้วย คนอะไร ดุยิ่งกว่าหมา


“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่ามึงจะไม่รับไอ้นี่ด้วยใช่มั้ย” ผมพูดจบก็หยิบแบงค์สีม่วงจากกระเป๋าเสื้อชูขึ้นมา เท่านั้นแหละตาที่ดุยิ่งกว่าหมาก็เปลี่ยนเป็นบ้องแบ๊วราวกับลูกแมวทันที


“แหม...เมื่อกี้กูแค่หยอกเล่นเฉยๆ มึงก็อย่าคิดจริงจังสิพฤกษ์เพื่อนรัก” ซ่ายิ้มหวานให้ผมราวกับว่าไม่เคยแยกเขี้ยวใส่ จากนั้นก็รีบยื่นมือมาหยิบแบงค์สีม่วงจากมือของผมเข้ากระเป๋าตัวเองด้วยความรวดเร็ว การกระทำกับคำพูดนั้นทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบนแล้วถอนหายใจออกมา


“ว่าแต่เอกสารพวกนี้มึงจะเอาไปให้อาจารย์ที่ไหน” ผมเปลี่ยนเรื่องพูดพร้อมกับมองไปยังเอกสารปึกใหญ่ที่ใส่ในถุงพลาสติกถึง 3 ถุง ซึ่งถูกวางเอาไว้ข้างๆ ตัวของซ่า


“ก็ที่ห้องวิจัยของอาจารย์นั่นแหละ ตามกูมา” ซ่าพูดจบก็ก้มลงไปหยิบถุงเอกสารทั้ง 3 แต่ผมไวกว่าเลยคว้าเอาไว้ได้ทั้งหมด


หนักเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย ตัวแค่เนี้ยยกมาคนเดียวได้ยังไง


“เดี๋ยวกูถือให้” ผมพูดอย่างมีน้ำใจ แต่ซ่ากลับมองเจตนาผมผิดซะงั้น


“ไม่ต้อง กูถือเองได้ ถ้าคิดจะสร้างภาพก็ไปสร้างที่อื่นนู่น” แล้วซ่าก็แย่งถุงเอกสารจากมือของผมไป ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมซ่าถึงได้ดูมีอคติกับผมนัก


“โอเค สร้างภาพก็สร้างภาพ กูยอมรับแล้วเพราะงั้นมึงก็เอาถุงเอกสารมาซะ จะได้ไม่ต้องถือให้หนักเปล่าๆ” ถึงผมจะพูดแบบนั้นแต่ซ่าก็ยังกำถุงเอาไว้แน่นอยู่ดี


“แค่นี้กูถือได้สบาย”


“เป็นเด็กรึไงทำไมดื้อแบบนี้ หิ้วจนมือแดงขนาดนั้นยังจะมาเถียงอีก” พูดจบผมก็แย่งถุงเอกสารในมือซ่ามาไว้ในมือของผมอีกครั้ง ซึ่งซ่าก็จะแย่งกลับคืนไปนั่นแหละแต่ก็สู้แรงของผมไม่ได้


“ถ้าอยากถือมากนักก็ตามใจ แต่อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน” ซ่าทำปากยื่นปากยาว


“ถ้ากูจะบ่นกูจะช่วยมึงถือทำไม ตัวแค่นี้เดินนำทางเฉยๆ ก็พอ” พอได้ยินแบบนี้ซ่าที่เตรียมตั้งท่าจะต่อปากต่อคำกับผมก็ถึงกับชะงัก จากนั้นก็เสหน้ามองไปทางอื่นแต่ก็ไม่วายเหน็บผมอยู่ดี


“สติไม่ดีรึไง มีอย่างที่ไหนให้ตังกูแล้วยังจะมาลำบากช่วยกูถือของอีก ประสาท!” ผมไม่ถือสากับคำพูดนั้น แถมยังยิ้มอย่างขำๆ ออกมาอีกต่างหาก ตอนนี้ผมเข้าใจเหตุผลที่ซ่ายืนกรานจะถือถุงเอกสารเองแล้ว


 “มึงจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม ก็มึงเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่ากูคือเพื่อนรัก เรื่องแค่นี้เพื่อนช่วยเพื่อนได้สบายอยู่แล้ว” ผมพูดอย่างเป็นมิตร


บอกตามตรงว่าผมไม่อยากหาเรื่องทะเลาะหรือเปิดศึกกับซ่าอีก เราสองคนยังต้องพบเจอกันอีกนาน อย่างน้อยก็จนกว่าผมจะสามารถเข้าหาอาจารย์ปรัชญาได้ เพราะงั้นผมเลยคิดว่าถ้าหากเราสองคนเป็นเพื่อนกันได้มันก็น่าจะดี


“มึงนี่ก็แปลก ปกติคนอื่นพอให้เงินกูแล้วก็จะใช้งานกูเยี่ยงทาสด้วยกันทั้งนั้น”


“สงสัยกูไม่ใช่คนปกติมั้ง” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ซ่าก็หลุดขำพรืดออกมา


“เออ มึงมันคนบ้า แต่ว่า...................ขอบใจนะ” คำพูดสุดท้ายซ่าก้มหน้างุดแล้วเว้นช่วงไปพักหนึ่ง แถมยังพูดด้วยเสียงที่เบามากจนถ้าไม่ตั้งใจฟังดีๆ ก็คงจะไม่ได้ยิน ผมไม่คิดว่าซ่าจะพูดคำคำนี้เลยค่อนข้างแปลกใจจึงเลิกคิ้วขึ้นมา


“หืม? นี่กูหูฝาดไปรึเปล่าเนี่ย?” ผมอมยิ้มเล็กน้อย เพราะตั้งใจจะแกล้งหยอกเล่นเฉยๆ แต่ซ่ากลับเงยหน้าขึ้นแล้วทำตาขวางใส่ผมซะงั้น


“เออ! มึงหูฝาดไปเอง! กลับบ้านไปแคะขี้หูเลยไป๊ไอ้คุณชาย!” พูดจบซ่าก็สะบัดหน้าหนีแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวออกไปทันที พอเห็นแบบนี้ผมก็ถึงกับงงไปเลยน่ะสิ


จู่ๆ เป็นอะไรก็ไม่รู้ ผมเดาอารมณ์ซ่าไม่ถูกแล้วนะเนี่ย


2BC


 o14 สวัสดีค่ะทุกคน Avert หัวใจซ่อนรักตอนที่ 2 ครึ่งแรกก็จบลงไปแล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปนานเลยค่ะ น่าจะเกือบ 2 อาทิตย์ได้ พอดีว่าคุณตาเราเสียกะทันหันในช่วงดึกๆวันคริสต์มาส เพราะงั้นเราเลยค่อนข้างยุ่งกับการช่วยแม่และญาติๆจัดงานศพ  :m15: สภาพจิตใจเราก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะช็อกมาก กว่าจะทำใจมาเขียนต่อได้เลยเว้นช่วงนานขนาดนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะยังมีคนรอเราอยู่รึเปล่า หวังว่าคงจะไม่หายกันไปไหนนะคะ หลังจากนี้เค้าสัญญาว่าจะพยายามมาอัพให้ถี่ขึ้น ถ้าเป็นไปได้อาจจะวันเว้นวัน ยังไงก็อย่าพึ่งทิ้งเค้าเลยน้า  :impress:
ส่วนครึ่งหลังมาลุ้นถึงความสัมพันธ์ของพฤกษ์และซ่ากันนะคะว่าจะดำเนินไปแบบไหน จะมีการพัฒนาขึ้นบ้างรึเปล่า ซึ่งเรื่องนี้ก็จะดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ลุ้นระทึกหัวใจวายแบบเรื่องคุณธาร ซึ่งก็หวังว่าทุกคนคงจะไม่เบื่อกันน้า แล้วเจอกันอีก 2 วันค่ะ กอดทุกคนแน่นมาก  :กอด1:
ส่วนของขวัญย้อนหลังปีใหม่ เผื่อใครไม่ได้ตามเพจเค้า เพราะงั้นเค้าเลยเอารูปซ่ามาโพสต์ให้ชมที่นี่อีกครั้งนะคะ ขอให้ความสุขน้าทุกคน ^^

(http://upic.me/i/r4/5untitled-3.jpg)

(5 ม.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 2 เพื่อนรัก [05.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-01-2018 23:22:06
ตู้หู ซ่าน่ารักเวอร์ :m10: อยากเห็นรูปพฤกษ์บ้าง

ขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณตาด้วยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 2 เพื่อนรัก [05.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-01-2018 23:35:44
ซ่าน่ารักน่ารังแก ชอบค่ะกัดกันไปมาสักพักก้อนัว
เสียใจด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 2 เพื่อนรัก [05.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-01-2018 23:49:25
ไม่นานหรอก ไม่นาน ต้องรักกันเพราะความใกล้ชิด อิอิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 2 เพื่อนรัก [05.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-01-2018 23:52:47
อย่าถามถึงความอาย ซ่าไม่รู้จักคำ ๆ นี้ ยอมใจให้เลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 2 เพื่อนรัก [05.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-01-2018 11:46:02
พ่อแง่ แม่งอน ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 2 เพื่อนรัก [05.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 06-01-2018 20:07:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 2 เพื่อนรัก [05.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-01-2018 20:43:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่2 Truth or Dare จริงหรือกล้า?[08.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 08-01-2018 21:43:31
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 2# Phumpruk Truth or Dare จริงหรือกล้า?


“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจออกมา จากนั้นก็รีบตามซ่าขึ้นไปยังตึกที่อยู่ตรงหน้า ตลอดระยะทางจนถึงห้องวิจัยของอาจารย์ที่อยู่ริมสุดของชั้น 2 ซ่าไม่ยอมพูดกับผมเลยแม้แต่ประโยคเดียว


“อาจารย์ไม่อยู่หรอเนี่ย” ผมพูดขึ้นอย่างเสียดายหลังจากเดินตามซ่าเข้าไปในห้อง จากนั้นผมก็วางถุงเอกสารลงบนโต๊ะของอาจารย์


“ถามโง่ๆ ถ้าอยู่มึงก็เห็นแล้วสิ” ซ่าตอบผมอย่างกวนประสาท ผมว่าชาติที่แล้วซ่าคงไม่พ้นเกิดเป็นหมา ไม่งั้นคงไม่ขยันกัดขนาดนี้


“กูขอโทษแล้วกัน” ผมพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่อยากเสียเวลาต่อความยาวสาวความยืด ซึ่งคำพูดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ซ่าอารมณ์ดีขึ้นมานิดนึง


“ห้องไม่ได้ล็อกแบบนี้บางทีอาจารย์อาจจะไปเข้าห้องน้ำมั้ง มึงจะอยู่รอมั้ยล่ะ แต่กูไม่อยู่ด้วยนะเดี๋ยวเข้าเรียนสาย” พอซ่าพูดแบบนี้ผมเลยก้มหน้าลงมองนาฬิกา ซึ่งบอกเวลาเกือบจะ 8.20 น. แล้ว


“ไม่ล่ะ กูก็ไม่อยากเข้าเรียนสายเหมือนกัน” ถึงจะเสียดายอยู่บ้างแต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่มีโอกาสได้เจออาจารย์อีกสักหน่อย


“โอเค ถ้างั้นกูไปละ บาย” ซ่าพูดจบก็หันหลังจะเดินหนีไป แต่ผมก็คว้าที่ข้อมือของซ่าเอาไว้ก่อน


“เดี๋ยวสิ วันนี้ตอนเย็นกูต้องมาหามึงอีกรึเปล่า” ซ่าไม่ยอมตอบคำถามของผม แต่กลับจ้องไปยังข้อมือของตัวเองที่ผมกำลังจับอยู่ จนเมื่อผมปล่อยมือนั่นแหละซ่าเลยยอมตอบคำถาม


“ไม่ต้อง เย็นนี้กูมีนัด อาจารย์ก็ไม่ได้บอกให้กูมาหาด้วย” ผมพยักหน้ารับรู้ โดยมีเรื่องที่สงสัยอยู่นั่นก็คือ ทำไมทีตัวเองยังชอบสกินชิพกับผม ทั้งกอดคอ กอดแขน กอดขา แต่แค่ผมคว้าที่ข้อมือกลับมองผมอย่างไม่ค่อยพอใจซะได้


“โอเค ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นกูไปล่ะ” ผมพูดจบก็เดินลงจากตึกคณะของซ่าแล้วตรงไปที่ตึกคณะของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเข้าไปในห้องเรียนก่อนที่อาจารย์จะมาอย่างเฉียดฉิว เล่นเอาเพื่อนทั้งห้องถึงกับแปลกใจเพราะปกติผมจะมาถึงก่อนเวลาเริ่มเรียนพอสมควร


ถึงตอนเช้าตารางชีวิตของผมจะรวนไปหน่อย แต่หลังจากนั้นตารางชีวิตของผมก็เป็นแบบเดิม นั่นก็คือช่วงเที่ยงไปกินข้าว ช่วงบ่ายมาเรียนต่อ พอช่วงเย็นก็กลับไปพักผ่อน อ่านหนังสือ เช็คตลาดหุ้นหรือดูบิทคอยน์ วันๆ กิจวัตรของผมก็จะเป็นแบบนี้ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ซึ่งผมก็คิดว่าวันนี้ก็เช่นกัน แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นช่วงค่ำๆ กลับมีสายโทรเข้าโทรศัพท์ของผม


เจ้ากรรม นายเวร


ชื่อนี้แน่นอนว่าต้องเป็นซ่า ตอนแรกผมก็ไม่ได้กะจะเม็มชื่อนี้หรอก แต่คิดไปคิดมาไม่มีชื่อไหนจะเหมาะกับซ่าเท่ากับชื่อนี้อีกแล้ว เพราะชีวิตของผมก็เหมือนมีซ่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรนั่นแหละ


“ฮัลโหล” ผมกดรับสายแล้วกล่าวทักทาย เท่านั้นแหละซ่าก็รีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน


[“มึง! ตอนนี้ว่างมั้ย! กูมีเรื่องต้องการให้มึงช่วย! มาหากูที่หลังม.ด่วน!”] พอได้ยินแบบนี้ผมก็ตกใจจนรีบลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ฟังจากน้ำเสียงและคำพูดของซ่ามันต้องเป็นเรื่องร้ายแรงมากแน่ๆ


“มีเรื่องอะไรซ่า! มึงเป็นอะไร!” ถึงแม้จะไม่สนิทแถมติดจะหมั่นไส้ในความเกรียนอยู่หน่อยๆ แต่พอคิดว่ากำลังเกิดเรื่องร้ายแรงกับซ่า ในฐานะเพื่อน (มั้งนะ) ผมก็ต้องรู้สึกเป็นห่วงอยู่แล้ว


[“กูไม่มีเวลาอธิบายแล้วไอ้พฤกษ์ มึงรีบมาเลยด่วนๆ เดี๋ยวมาถึงมึงก็รู้เอง ถึงหลังม.แล้วมึงโทรหากูนะ”] ซ่าพูดจบก็วางสายไปเลย ยิ่งซ่าไม่อธิบายอะไรแบบนี้ผมก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นไปใหญ่ ดังนั้นผมจึงรีบไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องทันที


“จะไปไหนน่ะมึง” เพลิง น้องชายฝาแฝดของผมที่นั่งดูทีวีกับวา ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องของบ้านเป็นคนถามขึ้น


“ไปหาเพื่อนที่หลังม. เหมือนว่ากำลังเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง” พอได้ยินแบบนี้เพลิงก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผมอย่างเป็นกังวล


“ถ้างั้นให้กูไปด้วยมั้ย เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน”


“ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีปัญหาเดี๋ยวกูโทรหามึงอีกที”


“เออๆ ถ้างั้นก็ระวังตัวด้วย” เพลิงตบไหล่ผมเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง


ถึงแม้ปกติพวกผมจะชอบเถียงกันเหมือนไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วในบรรดาพี่น้องพวกผมกลับเข้าใจกันและเป็นห่วงกันมากกว่าใคร ซึ่งนั่นคงเป็นเพราะเราสองคนเป็นฝาแฝดที่มีความผูกพันมากกว่าพี่น้องธรรมดาล่ะมั้ง


“ขอบใจ กูไปล่ะนะ” พูดจบผมก็เดินออกมาจากบ้านไปขึ้นรถ ก่อนที่จะขับออกไปโดยมุ่งตรงสู่หลังมหา’ลัย ที่ซ่าบอกให้ผมไปหาที่นั่นด้วยความรวดเร็ว


เมื่อไปถึงผมก็รีบโทรหาซ่าทันที ซ่าเลยบอกให้ผมขับเข้าไปในซอยที่อยู่ไม่ไกลแล้วตรงเข้าไปเรื่อยๆ ผ่านแยกนั้นแยกนี้จนกระทั่งถึงบ้านหลังหนึ่งซึ่งซ่ากำลังยืนอยู่ข้างหน้า


“ขับเข้ามาเลยมึง!” ซ่าตะโกนบอกผมพร้อมกับโบกมือนำทาง ผมเลยต้องขับเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้แม้จะนึกสงสัยก็ตาม


“มึงเรียกกูมาที่นี่ทำไม” ผมถามขึ้นหลังจากที่ลงรถมาแล้ว ตอนนี้ท่าทางซ่าดูสบายๆ ไม่ได้ร้อนรนเหมือนตอนที่โทรหาผมแม้แต่น้อย


“คนในวงมันขาด”


“หา?” ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ผมไม่เข้าใจคำพูดของซ่าเลยสักนิด จนกระทั่งซ่าพาผมเข้าไปข้างในนั่นแหละผมถึงได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แถมยังอึ้งจนแทบจะไปไม่เป็นอีกต่างหาก


“คนในวงที่มึงว่าขาด มันคือวงเหล้าเนี่ยนะ?” ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตา ให้ตายสิ! นี่ผมรีบร้อนออกมาเพื่อ!


“ใช่แล้ว เนี่ยมึงต้องขอบคุณกูนะที่ชวนออกมาสังสรรค์ ไม่งั้นป่านนี้มึงก็ต้องนอนเหงาอยู่ที่บ้าน” พอได้ยินแบบนี้ผมก็โมโหจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ผมอยากบีบคอเล็กๆ ให้หักคามือเป็นบ้า แต่ว่าผมก็ต้องหยุดความคิดนั้น เมื่อเพื่อนคนนึงของซ่าที่นั่งอยู่ในวงเหล้าหันมาทางนี้พอดี


“อ้าว! มาแล้วหรอไอ้ซ่า! หูย...นี่มึงชวนไอ้พฤกษ์มาได้จริงๆ หรอวะเนี่ย แม่งโคตรเจ๋งเลยสาดดดด” ประโยคนั้นทำเอาทุกคนที่นั่งล้อมวงอยู่หันมาทางพวกผม ซึ่งทุกสายตาต่างก็ตกอยู่ในความอึ้งด้วยกันทั้งนั้น


“ก็บอกแล้วว่ากูน่ะสนิทกับไอ้พฤกษ์ ใครที่คิดว่ากูโม้ก็สำนึกผิดแล้วจ่ายมาซะดีๆ” ซ่ายิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็เดินไปเก็บเงินเพื่อนแต่ละคนที่ควักเงินออกมาจ่ายอย่างไม่เต็มใจ ถ้าผมดูไม่ผิดน่าจะมีทั้งหมด 6 คน คนละ 300 บาท


ที่ซ่าเรียกผมมาด่วนก็เพราะเอาผมไปพนันกับเพื่อนงั้นหรอ!


“ยืนทำแป๊ะอะไรไอ้พฤกษ์ มานั่งนี่สิกูก็อุตส่าห์เว้นที่ไว้ให้” ซ่ากวักมือเรียกผม สีหน้าตอนนี้มีความเหวี่ยงนิดๆ ที่เห็นว่าผมยังคงยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน


แต่คนที่ควรจะเหวี่ยงต้องเป็นผมไม่ใช่รึไง!


“เอ๊า พูดด้วยแล้วยังนิ่ง หูตึงรึไงมึงนี่” ซ่าพูดด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิม ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินมาจับมือผมแล้วลากไปนั่งยังที่ว่างในวงเหล้า


“อย่าหน้าบูดไปเลยน่าไอ้คุณชาย คีพลุคสมบัติของมหา’ลัยหน่อยดิ” ซ่าเอียงใบหน้ามากระซิบที่ข้างหูของผม


“ถูกหลอกให้รีบมาที่นี่กูคงมีอารมณ์ทำแบบนั้นหรอก” ผมกัดฟันพูดอย่างหัวเสีย การที่ผมข่มโทสะไม่โวยวายหักหน้าซ่า แถมยังยอมตามมานั่งร่วมวงโดยไม่ขัดขืนมันก็ดีแค่ไหนแล้ว


“เอาน่า หลังจบงานเดี๋ยวกูแบ่งให้มึง 30% เลยก็ได้...แน่ะ ยังทำหน้าบึ้งเหมือนไม่พอใจ งั้นเอาไปสุดๆ 40% เลยแล้วกัน เนี่ย...กูแทบไม่ได้อะไรเลยนะเว่ย” ซ่าบ่นอิดออด การที่บอกว่าตัวเองไม่ได้อะไรทั้งที่เอาไปตั้ง 60% โดยไม่ได้ลงทุนสักบาท ผมควรจะเรียกการกระทำนี้ว่าช่างกล้าหรือว่าหน้าไม่บางดี?


แต่จะเรียกว่าอะไรและแบ่งให้ผมเท่าไหร่ก็ช่างเถอะ ผมเริ่มจะมีภูมิต้านทานเรื่องนิสัยอันสุดโต่งของซ่าแล้ว คิดซะว่าเป็นเรื่องตลกและสีสันของชีวิตก็แล้วกันที่ได้รู้จักกับคนประหลาดแบบนี้


“มึงไม่คิดจะแนะนำเพื่อนของมึงให้กูรู้จักบ้างหรอ”


ไหนๆ ผมก็ได้หลวมตัวมาอยู่ที่นี่แล้ว เพราะงั้นผมก็ขอเลยตามเลยก็แล้วกัน ซึ่งพอได้ยินผมถามแบบนั้นซ่าก็ทำตาโตอย่างแปลกใจ ก่อนจะรีบแนะนำเพื่อนทั้ง 8 คนที่อยู่ตรงนี้ให้ผมรู้จักโดยวนตามเข็มนาฬิกา จนกระทั่งจบที่เจ้าบ้านซึ่งเป็นเจ้าของวันเกิดในวันนี้ด้วย


“สุขสันต์วันเกิดนะแมน ขอโทษที่กูมาตัวเปล่า พอดีซ่าโทรหากะทันหันน่ะ” ผมพูดอย่างรู้สึกผิดที่มานั่งกินฟรีโดยไม่มีของขวัญติดไม้ติดมือมาด้วย


“ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมาก จะว่าไปมึงนี่ก็เข้าถึงง่ายกว่าที่คิดอีกนะ ตอนแรกกูคิดว่ามึงจะเป็นคนหยิ่งๆ ซะอีก” คำพูดของแมนทำให้ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง


“พูดจริง?” ผมไม่เห็นรู้สึกเลยว่าผมเป็นคนแบบนั้น


“จริงยิ่งกว่าจริงอีก ภาพลักษณ์มึงแม่งอย่างกับคุณชาย” ประโยคนี้ซ่าเป็นคนพูดขึ้น แมนและเพื่อนคนอื่นที่นั่งร่วมวงเลยพยักหน้าเห็นด้วย


“เอาจริงๆ เลยนะ กูเคยหมั่นไส้มึงด้วย โดยเฉพาะไอ้ซ่านี่ตัวดีเลย เพราะงั้นตอนที่มันบอกว่าสนิทกับมึงกูถึงไม่เชื่อ เลยได้เสียเงินเพราะแพ้พนันมันเนี่ย” พอโดนแมนแฉแบบนี้ซ่าเลยชูนิ้วกลางให้พร้อมกับแยกเขี้ยวใส่


“ผีเจาะปากมาพูดรึไงไอ้เหี้ยแมน! แม่ง จู่ๆ ก็มาเผาบ้านกู!” ซ่าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนผมตอนนี้ก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมซ่าถึงดูไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม คงเป็นเพราะความอคติล้วนๆ


“แล้วตอนนี้มึงคิดยังไงกับกู หายหมั่นไส้กูรึยัง” ผมหันไปถามซ่า ซ่าจึงชะงักไปแว้บหนึ่ง แต่ก็เพียงแป๊บเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นซ่าก็เบนนิ้วกลางจากแมนมาให้ผม


“หายกับผีน่ะสิ! ตอนนี้กูยิ่งหมั่นไส้มึงมากกว่าเดิม!” พูดจบซ่าก็สะบัดหน้าหนีไม่สนใจผม แล้วไปสนใจกับเหล้าและกับแกล้มที่อยู่ตรงหน้าแทน


“อย่าไปถือสามันเลย มาๆ มาชนแก้วกับกูดีกว่า” แล้วแมนก็ยื่นแก้วเหล้าให้ผม ผมเลยรับมาแล้วก็ชนกับทุกคนตามด้วยการยกขึ้นดื่ม


ปกติผมเป็นคนค่อนข้างติดบ้าน ไม่ค่อยชอบกินเลี้ยงสังสรรค์เท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ เพียงแค่ผมจะไม่ดื่มหนัก แค่แก้วสองแก้วเท่านั้นก็พอแล้ว


“เออพวกมึง แล้วเกมที่เล่นค้างไว้เมื่อกี้จะเล่นกันต่อมั้ย หรือว่าจะไม่เล่นแล้ว” แมนเป็นคนถามขึ้นแล้วมองหน้าเพื่อนรอบวง


“พวกกูทุกคนไม่น่ามีปัญหาหรอก ยกเว้นก็แต่ไอ้คุณชายที่ไม่รู้ว่ามันจะกล้ารึเปล่า” ซ่าหันมามองผมพร้อมกับยิ้มหยัน โดนหยามซะแล้วสิผม


“พวกมึงเล่นเกมอะไรกัน”


“Truth or Dare”


“อ๋อ จริงหรือกล้าสินะ” เกมยอดฮิตในหมู่วงเหล้า เพราะเล่นง่ายแถมยังทำให้รู้จักและสนิทกับเพื่อนมากขึ้น


“ก็ดีที่มึงรู้จักเกมนี้อยู่แล้ว งั้นกูขอถามเลยแล้วกันว่ามึงจะกล้าเล่นกับพวกกูรึเปล่า” ซ่าพูดอย่างท้าทาย


“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่หวังว่ามึงจะไม่เล่นตุกติกนะซ่า” พูดตามตรงว่าผมไม่ไว้ใจ แต่จะให้ผมปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวเสียหน้า แค่นี้ซ่าก็หยามผมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว


“กูคนจริงไม่เล่นตุกติกแน่นอน” ซ่ายืดอกพูดอย่างมั่นใจ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่อยากไว้ใจอยู่ดี แต่ก็นะ...หลวมตัวมาขนาดนี้จะถอนตัวคงไม่ทันแล้ว


“ถ้างั้นก็เป็นอันว่า มึงจะเล่นเกมนี้ด้วยคนสินะพฤกษ์” แมนหันมาถามผมเพื่อความแน่ใจ


“อืม” พอผมตอบกลับไปแมนก็อธิบายวิธีการเล่นให้ผมฟังทันที


“Truth or Dare คือเกมจริงหรือกล้าอย่างที่มึงรู้อยู่แล้ว ส่วนกติกาการเล่นก็ไม่ยาก หากใครทอยลูกเต๋าได้ผลรวมน้อยที่สุดก็โดนแจ็คพอตไป หากเลือก Truth ก็ต้องตอบคำถามตามความจริงห้ามโกหกเด็ดขาด หากเลือก Dare ก็ต้องทำตามคำสั่ง แต่จะโดนอะไรก็ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมาก”


“โอเค” ผมพยักหน้าลงรับรู้ ซึ่งจากนั้นเกมก็สตาร์ท


คนที่ทอยลูกเต๋าเป็นคนแรกคือซ่า ต่อด้วยผมที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วไล่วนตามเข็มนาฬิกาจนกระทั่งครบทุกคน ซึ่งคนที่โดนแจ็คพอตเพราะมีผลรวมน้อยที่สุดก็คือแมนเจ้าของวันเกิดนั่นเอง


“แม่งเอ๊ย! ซวยฉิบหาย!” แมนสบถอย่างหัวเสีย ตรงข้ามกับเพื่อนคนอื่นโดยเฉพาะซ่าที่หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ


“กร๊ากกกก ในที่สุดแต้มบุญของมึงก็หมดแล้ว Truth or Dare เลือกมาเลยเพื่อน กูจะเอาคืนให้สาสมใจเลยคอยดู!” สีหน้าของซ่าแลดูพร้อมมากสำหรับการแกล้งแมน บางทีก่อนหน้านี้คงถูกแมนแกล้งมาล่ะมั้งถึงได้อยากเอาคืนขนาดนี้


“กูเลือก Truth! ฝันไปเถอะว่ากูจะเลือก Dare!”


“แต่จะเลือกอะไรมันก็ไม่ต่างกันหรอกไอ้แมน กูให้เวลามึงทำใจ 2 นาที ฮ่าๆๆๆ” ซ่าหัวเราะร่าก่อนจะกวักมือเรียกทุกคนให้มาสุมหัวคิดคำถามที่จะถามแมน แต่ละคนที่เสนอนี่คำถามเรท 18+ กันทั้งนั้น ส่วนผมก็แค่นั่งฟังไม่ได้ออกความเห็นเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ตกลงเลือกคำถามกันได้


“กูจะเป็นตัวแทนทุกคนถามมึงเองไอ้แมน ตอบมาตามความจริงว่ามึงชอบไปตีหม้อแถวรัชดาบ่อยๆ ใช่มั้ย!” ซ่าเป็นคนถาม ซึ่งคำถามนั้นก็ทำเอาแมนถึงกับเหวอ


“เฮ่ย! กูไม่เห็นถามมึงเหี้ยขนาดนี้เลยนะไอ้ซ่า!”


“อันนี้มึงจะมาโทษกูไม่ได้นะ คนที่คิดคำถามคือไอ้สนนู่น” ซ่าโบ้ยไปให้เพื่อนในวงคนหนึ่งที่ชื่อสน ซึ่งตอนนี้กำลังยักไหล่ด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้


“จำไว้เลยนะ เดี๋ยวกูจะจัดหนักพวกมึงเรียงตัวเลยไอ้พวกฉิบหาย!” แมนชี้หน้าด่ากราด แต่ว่าก็ไม่มีใครสนใจแถมยังหัวเราะร่ากันอีกต่างหาก


“ก่อนที่มึงจะจัดหนักพวกกู มึงควรตอบคำถามมาก่อนนะไอ้แมน แล้วก็อย่าคิดจะโกหกนะ พวกกูทุกคนเตรียมแช่งไปถึงโคตรเหง้าศักราชมึงแล้วนะโว้ย” คำขู่ของซ่าทำเอาแมนถึงกับกัดฟันกรอด แต่ก็ต้องยอมตอบคำถามอย่างช่วยไม่ได้เพราะเป็นคนเลือก Truth เอง


“เออ! กูชอบไปตีหม้อแถวรัชดา แต่ว่ากูไม่ได้ไปบ่อยนะเว่ย เดือนละสองสามครั้งแค่นั้นแหละ!” คำตอบของแมนทำเอาทุกคนถึงกับหลุดขำออกมาไม่เว้นแม้แต่ผม ส่วนซ่าจะโอเวอร์แอคติ้งกว่าใครเพื่อน เพราะถึงกับทิ้งตัวลงไปด้านหลังแล้วชักดิ้นชักงอพร้อมกับขำก๊าก เวลานี้ซ่าดูสดใสจนผมถึงกับมองเพลิน


“ฮ่าๆๆๆๆ มึงนี่แม่งคนจริงว่ะไอ้แมน คนหื่นจริง 2018 ฮ่าๆๆๆๆ” ซ่าหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง คำพูดนั้นเล่นเอาแมนที่หน้าแดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่


“ขอให้แม่งสำลักน้ำลายตายห่า!” แมนแช่งซ่า แต่ก็ดูเหมือนว่าซ่าจะไม่แคร์เพราะยังคงหัวเราะต่อไปอีกเรื่อยๆ แมนจึงเปลี่ยนเรื่องบอกให้ทุกคนทอยลูกเต๋าเริ่มเกมใหม่ นั่นแหละซ่าถึงได้หยุดหัวเราะแล้วลุกขึ้นมาทอยบ้าง


“สาธุ ขอให้มึงได้เต๋าแต้มเดียวทั้งสองลูกด้วยเทอญ” แมนถึงกับพนมมือไหว้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อแช่งซ่า แต่ไหงคำแช่งกลับเลยมาตกที่ผม ส่วนซ่าที่ทอยก่อนผมดันได้แต้มรวมสูงลิ่วยิ่งกว่าตาที่แล้วซะอีก


“กร๊ากกกก เต๋าแต้มเดียวทั้งสองลูก คนอะไรดวงกุดฉิบหาย” ซ่าหัวเราะอย่างสะใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ส่วนผมก็ได้แต่ตัวแข็งค้างเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะดวงซวยถึงขนาดนี้


ทำยังไงดี ระหว่าง Truth กับ Dare เลือกแบบไหนจะหายนะน้อยที่สุด?


“กูขอโทษนะพฤกษ์ เมื่อกี้ตอนแช่งกูลืมบอกชื่อไอ้ซ่า เทวดาท่านอาจจะสับสนเลยมาลงที่มึงแทน” แมนพูดกับผม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรซ่าก็ชิงพูดขัดขึ้นมาก่อน


“กูมันคนดี ผีสางเทวดาเลยคุ้มครองเฟ้ย”


“หรา! ถ้ามึงคนดีบนโลกนี้คงไม่มีคนเลวแล้วล่ะไอ้ซ่า” คำพูดของแมนช่างตรงกับความคิดในใจของผม จนผมต้องแอบยกนิ้วหัวแม่มือให้ในมุมที่ซ่ามองไม่เห็น แต่น่าแปลกที่ซ่ากลับไม่โวยวายที่ถูกแมนด่า กลับพูดจาชวนงงออกมาแทน


“มึงนี่ปากตรงกับใจดีนะไอ้แมน”


“หืม? อะไรของมึง?” แทนทำหน้างง อย่าว่าแต่แทนคนเดียว เพราะผมกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็งงด้วยเช่นกัน ซ่าจึงยิ้มที่มุมปากก่อนจะเฉลยออกมาว่า...


“มึงมันปากหมา ส่วนใจแม่งก็หมาด้วยเหมือนกันยังไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ” ซ่าพูดจบก็ระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น เช่นเดียวกับทุกคนที่อยู่ที่นี่รวมทั้งผมด้วย ขนาดคนโดนด่าเองอย่างแมนยังอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เลย


พูดตามตรง คนอย่างซ่าเป็นประเภทที่ผมไม่อยากเกี่ยวข้องหรืออยากสุงสิงด้วยมากที่สุด เพราะทั้งหยาบคาย กวนประสาท และบ้าเงินเป็นชีวิตจิตใจ แต่น่าแปลกไม่รู้ทำไมผมถึงไม่เคยรู้สึกเกลียดซ่าเลย จะมีก็แค่หมั่นไส้ในเวลาที่เกรียนเอามากๆ แต่บางทีโดยเฉพาะตอนที่ยิ้มและหัวเราะผมกลับคิดว่าซ่าน่าเอ็นดู


ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่ ทำไมผมถึงมีความคิดแบบนี้ได้ก็ไม่รู้...?


2BC


 :oni2: สวัสดีค่ะทุกคน Avert หัวใจซ่อนรักตอนที่ 2 ก็จบลงไปแล้วน้า พอจบตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าแม่ยกจะยังเอ็นดูซ่าอีกอยู่รึเปล่า เพราะมันเกรียนและปากดีเกินพิกัดจริงๆ กลุ้มจายยยย มาพูดถึงพระเอกอย่างพฤกษ์กันบ้าง ภาพลักษณ์คุณชายเริ่มหายไปทีละนิดเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับซ่า (เช่นเดียวกับเงินในกระเป๋าที่ร่อยหรอลงทุกวัน 55555)  :laugh:
แล้วมาลุ้นกันนะคะว่าตอนหน้าภาพลักษณ์คุณชายอย่างพฤกษ์จะพังพินาศลงหรือไม่ ระหว่าง Truth กับ Dare พฤกษ์จะเลือกอะไร แล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะพัฒนาขึ้นมั้ย (หรือจะดิ่งเหวลง) ยังไงก็มาลุ้นและเอาใจช่วยคู่พฤกษ์ซ่ากันด้วยน้า  :impress:
ปล.ขอขอบคุณทุกคนนะคะที่ให้กำลังใจเราเรื่องคุณตา กอดทุกคนแน่นมาก แล้วก็ต้องขอขอบคุณเรื่องที่ยังไม่ทิ้งเค้าไปไหนด้วยน้า รักทุกคนมากๆเลยค่ะ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า บ๊ายบายยย  :bye2:
(8 ม.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่2 Truth or Dare จริงหรือกล้า?[08.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-01-2018 22:30:18
เรื่องของทั้งคู่จะมีการพัฒนาหรือไม่ คนแก่ไม่สน สนแต่ว่าเมื่อไหร่พฤกษ์จะได้เจอกับอาจารย์เสียทีนะ กลัวจะหมดเทอมไปเสียก่อนนี่สิ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน2 Truth or Dare จริงหรือกล้า? P.15 [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-01-2018 06:37:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน2 Truth or Dare จริงหรือกล้า? P.15 [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-01-2018 09:45:22
เริ่มสงสารพฤกษ์แล้วนะเนี่ย ซ่าก็เกรียนไปอีก
หัวข้อ: Re: [HEART]❤A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน2 Truth or Dare จริงหรือกล้า? P.15 [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-01-2018 13:55:15
เพลินดีจ้าาา มารอลุ้นว่าจะคำถามอะไร
หัวข้อ: Re: [HEART]❤A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน2 Truth or Dare จริงหรือกล้า? P.15 [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 09-01-2018 20:35:14
ซ่า ฉีกทุกกฏวงการเคะ :m20:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน2 Truth or Dare จริงหรือกล้า? P.15 [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 10-01-2018 14:43:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน2 Truth or Dare จริงหรือกล้า? P.15 [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-01-2018 17:27:14
เริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 3 คุกกี้เสี่ยงทาย [11.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 11-01-2018 21:01:00
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 3# Niza คุกกี้เสี่ยงทาย


“เลือกมาไอ้คุณชาย ระหว่าง Truth กับ Dare มึงจะเลือกอะไร” ผมถามไอ้พฤกษ์ หลังจากหัวเราะอย่างหนักที่คิดมุขปากกับใจ (หมา) ตรงกันเพื่อด่าไอ้แมน ทันทีที่ผมถามแบบนั้นจากที่กำลังยิ้มเพราะมุขของผมมันก็หน้าถอดสีลงไปเลย


“กูเลือก Truth” ไอ้พฤกษ์ตอบคำถามหลังจากตัดสินใจอยู่นาน แต่ความจริงผมว่ามันเลือกแบบส่งๆ มาก็ได้ เพราะยังไงมันก็ต้องโดนพวกผมแกล้งแบบจัดหนักอยู่แล้ว หึหึ


“โอเค มึงเลือกเองนะ อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” ผมยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะไปสุมหัวกับไอ้พวกเพื่อนเพื่อเลือกคำถามที่จะถามไอ้พฤกษ์


“จัดหนักแม่งเลยมั้ย” ผมกระซิบถาม อยากทำลายภาพลักษณ์คุณชายของไอ้พฤกษ์ใจจะขาดแล้ว


“จะดีหรอวะ พวกกูไม่ได้สนิทกับมันเหมือนมึงนะเว่ย” กูไม่อยากจะบอกเล้ยว่ากูก็ไม่ได้สนิทกับไอ้พฤกษ์เหมือนกัน แล้วกูก็ไม่ได้อยากสนิทกับมันด้วย กูอยากสนิทกับเงินของมันต่างหาก


“ยิ่งไม่สนิทสิดี ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมองหน้ากันไม่ติด เพราะแทบไม่ได้คุยกันอยู่แล้ว”


“นั่นมันก็ใช่ แต่ว่าไอ้พฤกษ์มันดูเป็นผู้ดี ไม่ได้มียศเหี้ยนำหน้าแบบพวกเรา กูเลยไม่อยากเอาความต่ำตมไปแปดเปื้อนมันน่ะสิ” พอได้ยินแบบนี้ผมเลยอดที่จะกลอกตามองบนไม่ได้


“เออ! ถ้างั้นก็ตามใจพวกมึงแล้วกัน!” ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะนั่งนิ่งๆ ฟังพวกมันเสนอคำถามอย่างเดียว


แต่ให้ตายเถอะ ถึงพวกมันจะบอกว่าไม่อยากเอาความต่ำตมไปแปดเปื้อนผู้ดีอย่างไอ้พฤกษ์ แต่คำถามที่เสนอมากันแต่ละอย่างแม่งจัญไรกว่าที่ผมคิดเอาไว้อีก


 “โธ...ไอ้พวกคนดี ดีเหี้ยๆ เลยนะพวกมึง” ผมเบ้ปากเป็นรูปสระอิกับความย้อนแยงของพวกมัน


“แน่นอน ขอบคุณที่ชม” ไอ้แมนยิ้มรับ อันนี้ก็ไม่รู้มันโง่จริงหรือว่ามันรับมุขผมล่ะนะ


“แล้วใครจะเป็นคนถาม” ทันทีที่ผมพูดจบทุกสายตาก็พากันมองตรงมาที่ผมราวกับนัดกันมา


“ไอ้พวกฉิบหาย เรื่องเหี้ยๆ นี่โยนมาให้กูจังนะ” ผมแยกเขี้ยวใส่พวกมัน


“เอาน่า ก็มึงสนิทกับไอ้พฤกษ์ที่สุดไง” ไอ้แมนยิ้มแฉ่ง ก่อนจะดันหัวผมออกไปจากวงที่สุมกันอยู่เพื่อถามไอ้พฤกษ์


“เตรียมใจไว้ยังมึง” ผมถามด้วยสีหน้ากวนตีน


“เตรียมตั้งแต่ที่เห็นแต้มลูกเต๋าแล้ว” ไอ้พฤกษ์ตอบด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สังเกตเห็นว่าแววตาของมันมีความกังวลเล็กน้อย ผมจึงยิ้มที่มุมปากออกมาก่อนจะถามมันออกไปว่า...


“มึงเสียซิงครั้งแรกเมื่อไหร่” คำถามนั้นทำเอาไอ้พฤกษ์ถึงกับชะงักไปแว้บหนึ่ง ซึ่งปฏิกิริยานั้นทำเอาผมและพวกเพื่อนคนอื่นๆ ถึงกับหัวเราะหึหึในลำคอออกมา นี่ถ้าหากสนิทกันพวกมันคงจะแซวจนทำให้ไอ้พฤกษ์ต้องอาย ไม่ใช่เก๊กหน้านิ่งเป็นคุณชายอย่างตอนนี้แน่ๆ


“เอ้าเร็วๆ สิมึง คิดนานไปแล้วนะ หรือไม่กล้าตอบเพราะกลัวภาพลักษณ์พังพินาศ” ผมยิ้มที่มุมปาก พลางเดาคำตอบไปด้วยว่าคุณชายอย่างไอ้พฤกษ์มันต้องยังซิงอยู่แล้ว เพราะถึงมันจะเป็นคนดังและมีสาวๆ ตามกรี๊ดแค่ไหน แต่ตั้งแต่เข้ามหา’ลัยมาผมยังไม่เห็นได้ยินข่าวมันคบใครเลยสักคน 
ดังนั้นฟันธง...ไอ้พฤกษ์ต้องเป็นพวกไก่อ่อนแน่ๆ!


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ไอ้พฤกษ์กลับตอบคำถามออกมาว่า...


“ตอนม.2 กับครูสาวสอนภาษาอังกฤษ” เท่านั้นแหละผมก็ถึงกับเหวอ ส่วนพวกเพื่อนของผมก็เปลี่ยนท่าทีจากเตรียมล้อเป็นสรรเสริญกันอย่างรวดเร็ว


“เหยดดดดดด มึงแม่งอย่างเจ๋งเลยไอ้พฤกษ์” ไอ้แมนทำท่าคารวะอย่างเลื่อมใส ซึ่งพอเห็นเจ้าบ้านเปิดพวกลิ่วล้อคนอื่นๆ เลยทำตามบ้าง แม่งทำอย่างกับว่าเจอปรมาจารย์ยังไงยังงั้น มันต้องไม่ใช่แบบนี้เซ่!


“มึงอย่ามาขี้โม้!” ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง! ผมไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด! ไอ้พฤกษ์มันต้องโกหกแน่นอน!


“มีหลักฐานมาแย้งมั้ยล่ะ” ไอ้พฤกษ์พูดอย่างท้าทาย หนอย...พอได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ่งของขึ้นไปอีกน่ะสิ!


“ถามแต่กู แล้วไหนล่ะหลักฐานของมึง!”


“หลักฐานหรอ? มีสิ ก็อยู่ที่หน้าของกูนี่ไง” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ อย่างมั่นหน้า เล่นเอาผมอยากโห่ไล่แล้วก็อ้วกใส่สักที แต่พวกเพื่อนของผมนี่สิกลับปรบมือให้มันกันอย่างเกรียวกราว


“แม่งยอมใจ ไม่หล่อจริงพูดแบบนี้ไม่ได้นะเนี่ย” เออ ชมกันเข้าไป นี่ลืมแล้วใช่มั้ยว่ากูคือเพื่อนของพวกมึง!


“เบ้าหน้าคือหลักฐานบ้านมึงเซ่ไอ้พฤกษ์! หยุดตอแหลแล้วบอกความจริงมาซะ! ไม่งั้นกูแช่งพ่อแช่งแม่มึงจริงๆ ด้วย!” ผมโพล่งไม้ตายสุดท้าย ลองเอาพ่อแม่มาขู่คุณชายอย่างไอ้พฤกษ์ต้องยอมบอกความจริงมาอยู่แล้ว แต่...


“จะแช่งก็แช่งไปสิ แม่กูตายนานแล้วส่วนพ่อเป็นใครกูก็ไม่รู้” ไอ้พฤกษ์ยักไหล่อย่างไม่แคร์ แม่ง...หมดกันไม้ตายกู แล้วอย่างนี้กูจะรู้มั้ยเนี่ยว่ามึงพูดจริงหรือว่ามึงแค่โม้!


“กูว่ามึงพอเถอะซ่า กูรู้นะว่าที่มึงเค้นถามไอ้พฤกษ์แทบตายเพราะอิจฉา ก็ตั้งแต่เกิดมามึงยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนนี่นา ฮ่าๆๆๆ” ไอ้แมนพูดจบก็หัวเราะดังลั่น เพื่อนคนอื่นที่ได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะออกมาด้วยเหมือนกัน ส่วนไอ้พฤกษ์ที่ถึงแม้จะเก็บอาการแต่ก็ยังหลุดขำออกมาอยู่ดี


แม่งเอ๊ย! ถ้าก่อนหน้านี้ผมไม่ดวงซวยทอยเต๋าได้แต้มรวม 5 พวกมันคงไม่รู้ความลับนี้ที่ผมอุตส่าห์ปิดตายเอาไว้ เจ็บใจจริงโว้ยยยยยยยยย!


“หัวเราะกันเข้าไป! จำเอาไว้กูจะเอาคืนพวกมึง 2 เท่าเลยคอยดู!” ผมประกาศกร้าว ความแค้นนี้ต้องได้รับการชำระ ซึ่งผมก็หมายหัวแต่ละคนเอาไว้รอเลยว่าจะถามหรือจะแกล้งพวกมันยังไง


แต่ทั้งๆ ที่ผมเตรียมพร้อมเอาไว้ดิบดี คนที่ซวยได้แต้มรวมน้อยที่สุดกลับเป็นผมซะงั้น!


“นี่มันวันซวยอะไรของกูววววววววว!” ผมแหกปากร้องโหยหวนอย่างกับผีโดนน้ำมนต์สาด โดนแจ็คพอตไปรอบนึงก็ถือว่าซวยมากแล้วนะ นี่พระเจ้ายังจะให้ผมซวยซ้ำซ้อนซวยซ่อนเงื่อนไปถึงไหน!


“เมื่อกี้ใครบอกนะว่าจะเอาคืน 2 เท่า” ไอ้พฤกษ์หันมาถามยิ้มๆ ผมที่ไม่มีอะไรจะพูดเลยยกนิ้วกลางใส่มันแม่งเลย


ฮึ่ย! เจ็บใจ! เจ็บใจโว้ยยยยยยยยยยย!


“มึงจะเลือกอะไรไอ้ซ่า” ไอ้แมนหันมาถามผมบ้างพร้อมกับยิ้มเหี้ยม ผมจึงหันไปมองคนอื่นๆ ซึ่งก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน


“กูเลือก Dare!” ครั้งที่แล้วผมอายฉิบหายเพราะเลือก Truth ครั้งนี้ผมจึงเลือก Dare เพราะหวังว่ามันจะฉิบหายน้อยลง ขอให้ผมเลือกถูกทีเถอะ!


“โอเค เลือกได้ดี” ไอ้แมนแสยะยิ้ม ก่อนจะเรียกพวกเพื่อนคนอื่นๆ ไปสุมหัวกันประชุม


ในระหว่างที่พวกมันคุยกันผมก็พยายามเงี่ยหูฟังอย่างสุดชีวิต แต่ก็ได้ยินเพียงเสียงงุบงิบๆ และเสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ เท่านั้น ทำเอาตอนนี้ผมแทบจะนั่งไม่ติดพื้นอยู่แล้ว


จนกระทั่งผมเกือบจะทนไม่ไหวนั่นแหละ พวกมันจึงตกลงกันได้แล้วก็แยกย้ายกันกลับที่


“มึงรู้จัก BNK48 มั้ย” จู่ๆ ไอ้แมนก็ถามขึ้น พอได้ยินแบบนี้ผมก็ถึงกับงงไปเลยน่ะสิ


“รู้จัก มึงถามทำไม” ไอ้แมนไม่ตอบผมแต่กลับถามคำถามใหม่ออกมาแทน


“แล้วมึงเคยได้ยินเพลงคุกกี้เสี่ยงทายมั้ย” สีหน้าของมันดูกรุ้มกริ่มแปลกๆ ผมเลยลองหันไปมองเพื่อนคนอื่นจึงพบว่าก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน ตอนนี้ผมชักหวั่นๆ และสังหรณ์ใจไม่ดีซะแล้ว


“มึงไม่ต้องอ้อมค้อม แต่พูดมาเลยได้มั้ยว่าต้องการให้กูทำอะไรกันแน่” ผมทนไม่ไหวแล้ว นี่ลุ้นจนไมเกรนแทบจะแดกหัวอยู่แล้วนะเนี่ย แต่ถึงผมจะพูดแบบนั้นไอ้แมนแม่งก็ยังลีลาเหมือนเดิม


“มึงตอบคำถามเมื่อกี้กูมาก่อน” หนอย...


“เออ! กูเคยได้ยิน! แล้วก็ร้องเป็นด้วยพอใจรึยัง!” ลองถ้ามันยังท่ามากอยู่อีกผมจะวีนให้วงแตกเลยคอยดู!


“โอเคกูพอใจมาก เพราะสิ่งที่พวกกูโหวตกันก็คือเรื่องที่จะให้มึงร้องเพลงนี้นี่แหละ” ในที่สุดไอ้แมนก็ยอมเฉลยออกมาสักที


“โธ่เอ๊ย ถ้าเรื่องแค่นี้มึงจะมัวลีลาทำมะเขืออะไรอยู่ได้ตั้งนาน กูร้องให้พวกมึงฟัง 3 รอบเลยก็ได้” ผมพูดอย่างสบายๆ แล้วเตรียมตั้งท่าจะร้องเพลงออกไป แต่ก็ถูกไอ้แมนเบรกเอาไว้ซะก่อน


“เดี๋ยวก่อนไอ้ซ่า มึงร้องแค่รอบเดียวก็พอเพราะเมื่อกี้กูยังพูดไม่จบ”


“เหลืออะไรอีกก็ว่ามา เสียเวลาจริงๆ” ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่พอผมได้ยินสิ่งที่มันพูดต่อก็เล่นเอาผมถึงกับร้องเสียงหลง เพราะคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะเล่นผมหนักถึงขนาดนี้


“มึงไม่ได้ทำแค่ร้องเพลงอย่างเดียว แต่ว่ามึงต้องแต่งหญิงแล้วก็เต้นไปพร้อมกันด้วย”


“ห้ะ! ว่าไงนะ!” นี่ผมฟังผิดไปใช่มั้ยเนี่ย!


“กูรู้ว่ามึงได้ยิน...เฮ้ย ขอลูกมือช่วยไอ้ซ่าแปลงโฉมเป็นน้องลิซ่าหน่อยดิ๊” ประโยคแรกไอ้แมนพูดกับผม จากนั้นก็หันไปหาเพื่อนคนอื่นซึ่งก็ได้ไอ้สนมาเป็นตัวช่วย


“เดี๋ยวสิวะ นี่พวกมึงล้อเล่นใช่มั้ย...เฮ้ยๆๆ อย่าเข้ามานะเว่ย แล้วนี่พวกมึงจะมาจับกูทำไม จะลากกูไปไหน ปล่อยกูไอ้พวกเหี้ยยยยยยย!” ผมร้องโวยวายเมื่อไอ้แมนกับไอ้สนย่างสามขุมมาทางนี้แล้วหิ้วปีกผมคนละข้าง จากนั้นพวกมันก็พากันลากผมขึ้นบันไดไปยังห้องหนึ่งของบ้าน ซึ่งก็คือห้องน้องสาวสุดแบ๊วของไอ้แมนที่วันนี้ไปนอนค้างบ้านเพื่อน


“พวกมึงเอาจริงหรอวะ เรื่องร้องกับเต้นนี่กูยังพอทำใจ แต่เรื่องแต่งหญิงกูไม่โอเค” ผมทำตาปริบๆ เพื่ออ้อนวอน ตอนนี้พลังงานของผมแทบหมดแล้วจากการดิ้นพล่านระหว่างที่ถูกลากขึ้นมา


“กูกำลังค้นตู้เสื้อผ้าน้องอยู่นี่กูคงพูดเล่นมั้งไอ้ห่า” ไอ้แมนหันมามองค้อน ก่อนที่สักพักจะโยนเสื้อกับกระโปรงมาให้ผม ซึ่งพอผมยกขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ...


“เชี่ย! นี่มันชุดเด็กหรือชุดหมากระเป๋า!”


“ชุดผู้หญิงเว่ยไอ้ห่า มึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วเสียเวลาฉิบหาย”


“โหย แต่กู...”


“ไม่มีแต่ หรือมึงอยากให้กูกับไอ้สนจับมึงแก้ผ้า” พอได้ยินคำขู่นั้น จากที่กำลังจะอ้าปากต่อรองผมก็ต้องยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างช่วยไม่ได้


ให้ตายสิ เสื้อผ้าบ้าอะไรตัวเล็กฉิบหาย แล้วก็ไม่รู้ว่าแม่งมันหดรึยังไง หลังจากที่ผมใส่เอวมันถึงได้ลอยจนเห็นสะดือ ส่วนกระโปรงก็สั้นเวอร์จนแทบจะเห็นบ็อกเซอร์ที่ผมใส่อยู่แล้ว


“เหยดดดด มึงแม่งน่ารักว่ะไอ้ซ่า” ไอ้แมนพูดขึ้นพลางมองผมซ้ำๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไอ้สนที่ได้ยินแบบนั้นเลยพยักหน้าเห็นด้วย


“จริง นี่ถ้าจับแต่งหน้าทำผมด้วยนะกูว่า...”


“โน้วววววว! แค่นี้กูก็อายจะตายห่าอยู่แล้วไอ้พวกเหี้ย!” ผมรีบพูดขัดขึ้น ไอ้พวกนี้แม่งจะหยามศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของผมไปถึงไหน แค่พวกมันรู้ว่าผมไม่เคยมีแฟนแล้วล้อกันฉิบหายวายป่วงก็อนาถมากแล้วนะ แต่ผมยังมาถูกพวกมันบังคับแต่งหญิงอีก นี่ชีวิตของผมมันถึงจุดต่ำสุดแล้วรึไง


“อะๆๆ ไม่แต่งก็ไม่แต่ง แต่ติดกิ๊บเพื่อความแบ๊วหน่อยแล้วกัน” ไอ้สนพูดจบก็หยิบกิ๊บรูปโบว์สีชมพูมาติดผมข้างหน้าของผมให้ปัดไปข้างๆ ทำอย่างกับเล่นตุ๊กตาไอ้เพื่อนเวร


“พอใจรึยัง” ผมถามด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ


“พอใจมากกกกกก” ไอ้แมนลากเสียงยาว ก่อนที่มันจะลากผมออกจากห้องลงไปข้างล่าง โดยมีไอ้สนประกบอยู่ข้างหลังเพราะกลัวผมจะวิ่งหนี ซึ่งพอไอ้พวกเพื่อนที่เหลือเห็นสภาพของผมตอนนี้เท่านั้นแหละ...


“ฮิ้ววววววววววววว”


“วี้ดวิ้ววววววววววว”


“เชรดดดดดดดดด”


“เหยดดดดดดดดด”


พวกมันก็แหกปากร้องแซวกันอย่างสนุกสนานจนผมโคตรอาย มิหนำซ้ำพวกมันยังยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปและเตรียมอัดคลิปกันอย่างพร้อมเพรียงอีกต่างหาก มีเพียงไอ้พฤกษ์คนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้เอ่ยปากแซวหรือยกโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนกับคนอื่น


ตั้งแต่ที่ผมเดินลงจากบันไดมา ดวงตาเรียวยาวของไอ้พฤกษ์ก็เบิกกว้างจนผมสังเกตได้ กระทั่งผมเดินลงไปถึงข้างล่างมันก็ยังไม่ยอมกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ จนเมื่อผมเริ่มโวยวายชี้หน้าด่าพวกเพื่อนเรียงตัวนั่นแหละ มันจึงคล้ายๆ ว่าได้สติเลยหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นอยู่ดีว่าสีหน้าของมันแดงนิดหน่อยจนลามไปถึงใบหู


เป็นอะไรของมัน อากาศวันนี้หนาวจนมันเป็นไข้ หรือว่าแดกเหล้าเยอะเกินไปจนเมากันแน่?


2BC


ฮัวโหลวววว สวัสดีค่า  o15 Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 3 ครึ่งแรกก็จบลงไปแล้วน้า หลังจากอ่านจบใครก็ได้ช่วยตอบคำถามของซ่า (หรือจะเรียกว่าน้องลิซ่าดี? :laugh: ) ให้หายข้องใจทีว่าตอนสุดท้ายพฤกษ์เป็นอะไร ไหนจะเรื่องข้องใจที่พฤกษ์ตอบคำถามเรื่องเสียซิงนั่นอีกด้วย ซ่านี่ขี้สงสัยจัง  :confuse:
ตอนนี้ก็หวังว่าทุกคนจะรู้สึกชอบและสนุกกันนะคะ ส่วนตอนหน้ามาดูซ่าเต้นคุกกี้เสี่ยงทายกันค่ะ แต่จะน่ารักหรือน่าปวดหัวก็ไม่รู้ล่ะนะ 55555  o17 ส่วนใครที่นึกหน้าซ่าไม่ออกก็ย้อนกลับไปตอนที่แล้วเพื่อดูรูปได้เลย ซึ่งซ่าก็น่าร้ากกกกกน่าเอ็นดู (ตรงข้ามกับนิสัย) มากๆ ลองเอาภาพไปจิ้นดูเน่อว่าพอแต่งหญิงแล้วจะน่ารักขนาดไหน  :give2: ยังไงก็ฝากเอ็นดูซ่าด้วยนะคะ แล้วเจอกันอีก 2 – 3 วันค่ะ บ๊ายบายยย  :bye2:
(11 ม.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 3 คุกกี้เสี่ยงทาย [11.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 11-01-2018 22:52:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 3 คุกกี้เสี่ยงทาย [11.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-01-2018 00:09:38
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 3 คุกกี้เสี่ยงทาย [11.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-01-2018 00:41:33
คงจะน่ารักจริงๆ นะ น้องซ่า ไม่งั้นพี่พฤกษ์เราคงไม่มองจนตาค้างซะขนาดนั้น  :m20:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 3 คุกกี้เสี่ยงทาย [11.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-01-2018 08:23:44
ให้คุ้กกี้ทำนายกัน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 3 คุกกี้เสี่ยงทาย [11.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-01-2018 11:56:25
แล้วจะเต้นพร้อมกันไหม ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 3 คุกกี้เสี่ยงทาย [11.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 14-01-2018 17:31:33
แอบมองเธออยู่นะจ๊ะแต่เธอไม่รู้บ้างเลย
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก 3# แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~[16/01]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 16-01-2018 19:51:37
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 3# Niza แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~


ตั้งแต่ที่ผมเดินลงจากบันไดมา ดวงตาเรียวยาวของไอ้พฤกษ์ก็เบิกกว้างจนผมสังเกตได้ กระทั่งผมเดินลงไปถึงข้างล่างมันก็ยังไม่ยอมกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ จนเมื่อผมเริ่มโวยวายชี้หน้าด่าพวกเพื่อนเรียงตัวนั่นแหละ มันจึงคล้ายๆ ว่าได้สติเลยหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นอยู่ดีว่าสีหน้าของมันแดงนิดหน่อยจนลามไปถึงใบหู


เป็นอะไรของมัน อากาศวันนี้หนาวจนมันเป็นไข้ หรือว่าแดกเหล้าเยอะเกินไปจนเมากันแน่?


แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง มันจะเป็นอะไรก็ไม่ได้เกี่ยวกับผมสักหน่อย ตอนนี้มันใช่เวลาไปสนใจคนอื่นที่ไหน เรื่องของตัวเองยังไม่รู้จะจัดการยังไงเลยเนี่ย


“พร้อมยังไอ้ซ่า เอ๊ย! ต้องบอกว่าน้องลิซ่าต่างหาก” ไอ้แมนหันมาพูดยิ้มๆ แม่งเปลี่ยนชื่อผมให้เพี้ยนไปไกลกว่าเดิมไม่พอ มันยังมีการย้ายวงให้ลิซ่าจากอยู่ BLACKPINK มาเป็น BNK48 อีกต่างหาก เอากับมันสิ


“ถ้าจะเรียกกูว่าลิซ่า แล้วทำไมมึงไม่ให้กูร้องเต้นเพลงของ BLACKPINK ไปเลยล่ะ”


“แหม่ พูดอย่างกับมึงทำได้ อีกอย่างพวกกูไม่มีใครจำชื่อเพลงวงนี้ได้ด้วยแหละ จำได้แค่ท่อน now burn baby burn ฮ่าๆๆๆ” ไอ้แมนหัวเราะร่า ในขณะที่ผมก็ได้แต่เหลือบตามองบน เพราะตอนที่มันพูดคำว่า burn แม่งกระดกลิ้นรัวยิ่งกว่าปืนกลซะอีก


“เออ จะว่าไปมึงเปิดเพลงให้กูด้วยนะเว่ย ใช่ว่ากูร้องเป๊ะเต้นได้อะไรขนาดนั้น” ไอ้ผมก็ไม่ใช่โอตะ ลำพังวันๆ หาเงินเลี้ยงตัวเองก็ลำบากแล้ว ถ้าต้องไปเปย์ไอดอลหรือนักร้องอีกได้บรรลัยกันพอดี


“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวกูไปเปิดให้” ไอ้แมนพูดจบก็เข้ายูทูบจากโน้ตบุ๊กที่กำลังเปิดเพลงอยู่ จากนั้นก็เสิร์ชหาเพลงคุกกี้เสี่ยงทายแบบ dance version ซึ่งตัดแล้วเหลือแค่ 2 นาที


“พร้อมรึยังมึง” ไอ้แมนหันมาถามผม


“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมล่ะตอนนี้” เอาวะ กัดฟันเต้นตามไม่กี่นาทีก็จบแล้ว จากนั้นผมจะได้ไปเปลี่ยนไอ้เสื้อผ้าไซส์หมากระเป๋านี่เป็นเสื้อผ้าคนปกติสักที ตอนนี้ผมชักจะเริ่มเย็นตรงช่วงต้นขาและหน้าท้องแล้วเนี่ย


“โอเค ถ้างั้นกูเปิดเลยนะ” ไอ้แมนพูดจบก็กดเริ่มเล่นเพลง จากนั้นก็รีบกลับไปนั่งประจำที่แล้วมองตรงมาทางนี้พร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ
ทันทีที่ดนตรีขึ้นผมก็กัดฟันทนนับ 1 – 3 เพื่อข่มความอาย จากนั้นก็ยกมือยกขาเต้นตามน้องเฌอปราง น้องเจนนิษฐ์ และน้องปัญที่อยู่ในคลิป


แอบมองเธออยู่นะจ๊ะแต่เธอไม่รู้บ้างเลย
แอบส่งใจให้นิดๆ แต่ดูเธอช่างเฉยเมย
เอาล่ะเตรียมใจไว้หน่อย มันจะหัวก้อยต้องเสี่ยงกัน
Yeah Yeah Yeah


พอผมเริ่มเต้นไอ้พวกผีเจาะปากแถมยังชิงหมามาเกิดอย่างพวกเพื่อนผมก็แหกปากร้องแซวกันทันทีจนผมยิ่งอายกว่าเดิม จะมีก็แค่ไอ้พฤกษ์คนเดียวที่นั่งอยู่นิ่งๆ แต่กลับยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นมันหมายความว่ายังไง ผมไม่สามารถเดาความคิดของมันได้เลย


คนน่ารักก็เยอะนะที่เดินอยู่ทั่วๆ ไป
คนธรรมดาอย่างฉันนะเธอคงจะไม่สนใจ
เอาล่ะเตรียมใจไว้เถอะ เราเองก็ชักเริ่มไม่แน่ใจ
Yeah Yeah Yeah

   
ถ้าผมเป็นผู้หญิงแล้วถูกไอ้พฤกษ์มองแบบนี้ ผมคงคิดว่ามันสนใจผม แต่นี่ผมเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นผู้ชายแปลกๆ ที่กำลังแต่งตัวประหลาด เพราะงั้นข้อสันนิษฐานนั้นก็เป็นอันตกไป บางทีไอ้พฤกษ์มันอาจจะกำลังคิดแผนแกล้งหรือเอาคืนที่ผมหลอกมันมาที่นี่ก็ได้


เหมือนว่าฉันนั้นเคว้งคว้างลอยไปกับเสียงเพลง
ยังคงบรรเลงไม่มีวันเลือนราง
เพราะไม่รู้ว่าเค้านั้นในใจแอบคิดอะไร
ยังคงกังวลไม่แน่ใจในคำตอบนั้น
เพราะยังไงก็ต้องเสี่ยง รักไม่รักก็ต้องเสี่ยง
Come on Come on Come on Come on baby
ให้คุกกี้ทำนายกัน


ระหว่างที่ผมเต้นตามเพลง สมองของผมก็พยายามคิดแผนรับมือไอ้พฤกษ์ไปด้วย คนหน้านิ่งแบบนั้นใครจะไปรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ยิ่งตอนนี้มันกำลังยิ้มแถมยังจ้องผมตาไม่กระพริบด้วยอีก ผมก็ยิ่งคิดว่ามันน่ากลัวเพราะต้องมีแผนอะไรในใจแน่ๆ 


Koisuru Fortune Cookie
มาลุ้นดูสิ อาจจะเจอความหวังที่ยังรออยู่
Hey Hey Hey
Hey Hey Hey


พอถึงท่อนนี้ เสียงของไอ้พวกเพื่อนผมก็ดังมากขึ้นจนผมไม่มีสมาธิไปคิดถึงเรื่องของไอ้พฤกษ์ แน่ล่ะเพราะช่วงที่ร้อง Hey Hey Hey ผมต้องหมุนตัวเต้นจนกระโปรงมันเปิด ขนาดผมพยายามหมุนเบาๆ แล้วนะแต่พวกมันก็ยังเห็นบ็อกเซอร์ของผมจนแหกปากแซวออกมาอยู่ดี


แล้วไม่เพียงเท่านั้น ไอ้พวกเพื่อนของผมบางคนนำโดยไอ้แมนยังลุกขึ้นมาเต้นข้างๆ ผมอีกต่างหาก สงสัยวิญญาณโอตะจะเข้าสิงพวกมัน แต่ก็ดีเหมือนกัน มีเพื่อนเต้นยังไงมันก็ดีกว่าเต้นคนเดียวล่ะวะ ต่อไปก็ท่อนสุดท้ายแล้ว กัดฟันทนอีกแค่อึดใจเดียว!


รัก ไม่รัก จะรัก ไม่รัก ก็ลองเสี่ยงดูอีกสักนิด
ปาฏิหาริย์และดวงชะตาอาจทำให้เราไม่คาดคิด
ฉันมั่นใจว่าเราจะเป็นดั่งฝันในวันแห่งความรัก
สักวันนึง...


“จบแล้วโว้ยยยยยยยย!” ผมกำหมัดแล้วชูมือขึ้นด้วยความโล่งใจที่ในที่สุดผมก็หลุดพ้นแล้ว


“แหม พอจบเพลงก็ทำตัวห้าวเลยนะจ๊ะน้องลิซ่า” ไอ้แมนพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม ยังไม่พอ มันยังมีการวาดมือมาตบตูดผมแถมยังบีบเบาๆ อีกต่างหาก


“ไอ้เหี้ยแมน!” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจแล้วแยกเขี้ยวใส่มันด้วยความโมโห แต่มันก็หัวเราะคิกๆ คักๆ ไม่รู้สึกรู้สา เพื่อนคนอื่นเลยพลอยเป็นไปกับมันด้วยแถมยังกรูกันเข้ามาจะลวนลามผมอีกต่างหาก


“ไม่ต้องอายไปหรอกน่าน้องลิซ่า”


“มาหาป๋าสิจ๊ะคนดี”


“เอ...ถ้าพี่เปิดกระโปรงน้องลิซ่าแล้วจะมีงูออกมามั้ยนะ” แล้วก็อีกสารพัดคำพูดที่พูดขึ้นพร้อมกันจนผมจับใจความไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่างผมคงถูกไอ้พวกนี้ปู้ยี่ปู้ยำแน่ๆ


“หยุดดดดดดดด! หยุดเลยนะไอ้พวกเหี้ยยยยยยย!” ผมชี้หน้าด่าแล้วจ้องพวกมันเรียงตัว ยกเว้นไอ้พฤกษ์ที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ได้กรูเข้ามาหาผมเหมือนคนอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับมองมาทางนี้อย่างไม่วางตาราวกับกำลังดูสถานการณ์อยู่


“โหยมึง จับนิดจับหน่อยทำเป็นหวงตัวไปได้ มึงเป็นผู้ชายจะไปเสียหายอะไรวะ” ไอ้แมนพูดขึ้น พอได้ยินแบบนี้ไอ้สนกับพวกเพื่อนคนอื่นเลยพยักหน้าเห็นด้วย


“เออ พวกกูก็แค่หยอกเล่นไม่ได้คิดจะทำอะไรมึงจริงจังสักหน่อย วันนี้แม่งมีแต่ตัวผู้ พอเห็นมึงแต่งหญิงแล้วน่ารักพวกกูเลยคึกเฉยๆ มึงอย่าซีเรียสเลยน่าไอ้ซ่า” ตอนแรกผมก็ว่าจะด่ากลับไอ้สนไปอยู่หรอก แต่พอคิดอะไรดีๆ จากคำพูดของมันได้ ผมเลยเปลี่ยนท่าทีแล้วอมยิ้มที่มุมปากออกมา


“รู้สึกว่าพวกมึงอยากได้สาวมาเอนเตอร์เทนสินะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกูทำหน้าที่นั้นให้ดีมั้ยล่ะ” เท่านั้นแหละพวกเพื่อนของผมก็เบิกตากว้างอย่างเป็นประกาย ยกเว้นไอ้พฤกษ์คนเดียวที่ขมวดคิ้วแถมยังหรี่ตาลง


“แต่...กูยังพูดไม่จบนะ” กลับกันพอผมพูดประโยคนี้ไอ้พฤกษ์กลับเบิกตากว้างขึ้น แต่พวกเพื่อนของผมกลับขมวดคิ้วและหรี่ตาลงแทน


“อะไรของมึงวะไอ้ซ่า” ผมยิ้มที่มุมปากก่อนจะเฉลยไอเดียเด็ดที่ผมพึ่งคิดได้สดๆ ร้อนๆ


“กูไม่ได้จะเอนเตอร์เทนฟรีๆ ของแบบนี้มันต้องมีค่าจ้าง แต่กับเพื่อนกับฝูงกูคิดไม่แพงหรอก อย่างป้อนข้าวป้อนน้ำคำละ 20 ชงเหล้าแก้วละ 50 แต๊ะอั๋งนิดๆ หน่อยๆ ครั้งละ 100 แต่ทำเกินกว่านั้นขอให้พ่องตาย แถมยังจะได้กินตีนกูด้วย โอเค้?” ผมยิ้มหน้าบาน คืนนี้ฟันเหนาะๆ 2 พันเป็นอย่างต่ำ หึหึ


อีกอย่างไหนๆ ตอนนี้ผมก็ดวงซวยถูกพวกมันแกล้งให้แต่งหญิง เพราะงั้นผมเลยขอพลิกวิกฤติเป็นโอกาสโดยการปอกลอกเพื่อเอาคืนพวกมันก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆๆๆ


“โอ้โห มึงนี่หาเงินได้ทุกที่ทุกเวลาเลยนะไอ้ซ่า” ผมยักไหล่กับคำพูดของไอ้แมน


“แน่นอน ก็แทบทุกอย่างบนโลกมันต้องใช้เงินซื้อทั้งนั้นนี่หว่า อ้อ...จะว่าไปราคาที่กูบอกเมื่อกี้คือจ่ายสดงดเซ็น ถ้าหากใครมือลั่นทำก่อนที่จะจ่ายกูปรับ 2 เท่านะบอกไว้ก่อน”


“โอเค งั้นเดี๋ยวกูขอเจิมเป็นลูกค้าคนแรกของมึงก็แล้วกัน...ชงเหล้าให้เฮียทีน้องลิซ่า” พูดจบไอ้แมนก็สวมบทเป็นเฮียสายเปย์ยื่นแบงค์ 100 มาให้ผมแล้วบอกไม่ต้องทอน พอเห็นแบบนั้นวิญญาณน้องลิซ่า ณ BNK (?) ก็เข้าสิงร่างของผมทันที


“ได้เลยค่ะเฮีย” ผมจีบปากจีบคอพูด จากนั้นก็รีบไปชงเหล้าให้ไอ้แมนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แถมด้วยการป้อนเหล้าคำนึงเพื่อเซอร์วิสอีกด้วย เรียกเสียงโห่ร้องและผิวปากจากเพื่อนคนอื่นได้อย่างเกรียวกราว พวกมันจึงได้พากันควักเงินแล้วเรียกผมไปเอนเตอร์เทนกันยกใหญ่


การกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาของไอ้พฤกษ์ตลอดเวลา แต่ว่ามันก็นั่งหน้านิ่งไม่ได้มีทีท่าจะเรียกผมไปเอนเตอร์เทนแต่อย่างใด


“น้องลิซ่ามีบริการนวดไหล่มั้ยจ๊ะ” ไอ้สนถามขึ้นหลังจากที่ผมเวียนชงเหล้าให้มันแก้วที่ 3


“ก็ถ้าพี่สนจ้างน้องซ่าก็นวดให้ค่ะ”


“แล้วน้องลิซ่าคิดยังไงล่ะจ๊ะ”


“อืม...นาทีละ 100 ก็แล้วกัน”


“โอ้โห ขนาดหมอนวดมืออาชีพยังตกแค่นาทีละ 3 – 4 บาท ถ้าน้องลิซ่าจะคิดราคาขนาดนี้ก็เอาตังไปฟรีๆ ไม่ต้องนวดให้พี่หรอก”


“โอเคตามนั้น พูดแล้วอย่าคืนคำนะคะพี่สน” ผมยิ้มหวานก่อนจะฉกแบงค์ 100 จากมือไอ้สนแล้วสะบัดบ็อบเดินไปหาเพื่อนคนอื่นที่เป็นคิวถัดไป การกระทำของผมทำเอาไอ้สนถึงกับหน้าเหวอเอ๋อแดก ส่วนคนอื่นๆ ก็ฮาแตกแบบไม่ไว้หน้ามัน


“เอ...จะว่าไปเหมือนมึงไม่ได้เรียกใช้ไอ้ซ่าเลยปะไอ้พฤกษ์” ไอ้แมนถามขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังชงเหล้าให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ ไอ้พฤกษ์


“อืม” มันพยักหน้า


“ทำไมล่ะวะ กูว่าเรียกใช้มันก็สนุกดีออก แถมโอกาสที่จะได้ยินมันพูดจาหวานๆ เอาใจแบบนี้ไม่น่ามีอีกแล้วนะเว่ย” เรื่องที่ไอ้แมนถามผมก็รู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกัน ผมสังเกตเห็นนะว่ามันคอยมองผมอยู่ตลอด แต่ทำไมถึงไม่ยอมเรียกอันนี้ผมก็ไม่รู้


“กูไม่มีอะไรให้มันทำน่ะ อย่างเหล้ากูก็ไม่อยากดื่มแล้ว”


ถุ้ย! เหตุผลแบบนั้นใครเชื่อก็คงต้องไปแดกหญ้าแทนข้าวกันแล้ว!


“ถ้างั้นก็ใช้ให้มันนวดหรือป้อนกับแกล้มก็ได้นี่นา” ไอ้แมนเสนอ ถ้ามันพูดกับเพื่อนคนอื่นผมคงจะรีบขอบคุณที่มันชงให้ผมได้ลูกค้า แต่พอมันพูดกับไอ้พฤกษ์ผมเลยอยากจะสาปส่งมันแทน


“ก่อนมึงจะบอกให้มันเรียกใช้กู ช่วยถามกูก่อนมั้ยว่าอยากให้มันเรียกใช้รึเปล่า” ผมเบ้ปากแล้วมองเหยียดใส่ไอ้พฤกษ์ เฮอะ! ทำอย่างกับว่าผมแคร์มันงั้นแหละ คนเรียกใช้ผมเยอะแยะไม่เห็นต้องไปแคร์มันสักหน่อย


“กูว่ากูเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้กูอยากกินเหล้า ชงให้กูแก้วนึงสิซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆ สีหน้าของมันตอนนี้ถึงจะอยู่ในโหมดคุณชาย แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันต้องมีแผนแกล้งผมแน่ๆ เพราะงั้นฝันไปเถอะว่าผมจะทำ


“กูไม่...”


“เดี๋ยวกูจ่ายให้มึง 2 เท่า”


“เอาเข้มมากมั้ยมึง” ผมยิ้มหวานแล้วรีบถลาไปหาไอ้พฤกษ์อย่างรวดเร็ว เรื่องเปลี่ยนสีและเปลี่ยนจากหลังส้นตีนเป็นหน้ามือเป็นเรื่องถนัดของผมอยู่แล้ว เงินมากองอยู่ตรงหน้าใครจะบ้าไม่เอากันล่ะ


“ไม่ต้องเข้ม ฝาเดียวพอ”


“โอเค งั้นเดี๋ยวกูชงให้ก่อนค่อยจ่ายทีหลังก็ได้” ผมพูดอย่างใจดีแล้วรีบชงเหล้าให้ไอ้พฤกษ์ตามคำสั่ง เพราะถึงผมจะไม่อยากญาติดีกับมัน แต่ว่าผมอยากญาติดีกับเงินของมันนี่นา แล้วอีกอย่างทะเลาะกับมันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ถึงจะชนะก็ได้แค่ความสะใจ แต่แล้วยังไง ความสะใจมันกินได้มั้ย สู้เอาคืนโดยการรีดไถเงินมันดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆ


“เอ้า ได้แล้วเหล้าของมึง” ผมพูดจบก็ยื่นเหล้าที่พึ่งชงเสร็จไปให้ไอ้พฤกษ์ แต่มันกลับนั่งนิ่งๆ ไม่ยอมยื่นมือมาหยิบซะงั้น


“ทำไมกับกูพูดเสียงแข็งนักล่ะ ทีคนอื่นนี่พูดเสียงหวานเชียว” ไอ้พฤกษ์ยิ้มที่มุมปาก คิดแล้วเชียวว่ามันต้องมีแผนที่จะแกล้งผม
แต่เอาวะ ท่องเอาไว้ว่าเพื่อเงิน!


“แหม...เหี้ยพฤกษ์ เอ๊ย! เฮียพฤกษ์อย่าน้อยใจไปเลยค่ะ เดี๋ยวน้องซ่าจะนวดไหล่ให้ในราคาปกติไม่ต้องจ่าย 2 เท่านะคะเหี้ย เอ๊ย! เฮีย” ผมพูดเสียงอ้อนเสียงหวาน ส่วนคำด่าแน่นอนว่าผมตั้งใจ แต่ไอ้พฤกษ์ที่ดูออกก็ไม่ได้ว่าอะไร ใบหน้าของมันยังคงยิ้มในโหมดคุณชายตามปกติ


“ดีเลยน้องซ่า เฮียกำลังเมื่อยอยู่พอดี” พอไอ้พฤกษ์พูดแบบนี้ผมเลยขยับไปคุกเข่าที่ด้านหลังแล้วนวดไหล่ให้มัน แต่ถึงจะได้นาทีละตั้ง 100 ผมก็ไม่ได้นวดอะไรจริงจัง แค่บีบๆ แตะๆ พอเป็นพิธี ครบ 1 นาทีก็รีบหยุดแล้วเคลื่อนตัวไปข้างๆ พลางแบมือไปตรงหน้ามัน


“ขอค่าจ้างด้วยค่ะเฮีย” แล้วไอ้พฤกษ์ก็ยื่นแบงค์ 1000 มาให้ผม


“มีทอนรึเปล่า” แหม่ พูดแบบนี้ก็เข้าทางคนชั่วอย่างผมเลยสิ


“ไม่มีค่ะเฮีย ที่เหลือทิปน้องซ่าเลยแล้วกันนะคะเฮีย น้าาาา” ผมพูดเสียงหวานกว่าเดิมพร้อมทำตาปริบๆ ก็ลองดูสิว่าไอ้พฤกษ์มันจะกล้าปฏิเสธต่อหน้าคนเยอะแยะ งานนี้ผมฟันกำไรบาน ฮ่าๆๆๆๆ


“โอเค ที่เหลือเฮียทิปน้องซ่าก็ได้” นั่นไง เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เป๊ะ


“ขอบคุณนะคะเฮีย” ผมยิ้มจนตาหยีแล้วรีบฉกเงินมาด้วยความไวแสง ขืนมันเกิดเปลี่ยนใจหรือตุกติกผมก็ชวดเงินกันพอดี


“เดี๋ยวสิน้องซ่า รีบเก็บเงินเร็วไปรึเปล่า เมื่อกี้เฮียยังพูดไม่จบเลยนะ เฮียยังไม่ได้บอกข้อแม้น้องซ่าไปเลย”


“โอ๊ยยยยย ข้อแม้อะไรก็ว่ามาเลยค่ะเฮีย เพื่อ (เงิน) เฮียน้องซ่าทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” ผมพูดในระหว่างที่กำลังพับแบงค์พันที่พึ่งได้มาเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ จะได้ยัดใส่กระเป๋าเสื้อขนาดจิ๋วที่อยู่ตรงอกเสื้อได้ เพราะงั้นผมจึงไม่ทันเห็นสายตาเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มที่มุมปากของไอ้พฤกษ์เลยแม้แต่น้อย


“น้องซ่าพูดเองนะว่าทำได้ทุกอย่าง”


“แน่นอนค่ะเฮีย”


“โอเค ทุกคนเป็นพยานนะ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็คิดว่ามันชักจะทะแม่งๆ เลยรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะถามเรื่องข้อแม้ แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไร ไอ้พฤกษ์ก็ฉุดแขนของผมให้เสียหลักเซลงไปนั่งที่ตักของมัน จากนั้นมันก็ใช้วงแขนกอดเอวผมเอาไว้แน่นพร้อมกับพูดว่า...


“นั่งตักเอาใจเฮียสัก 10 นาทีก็แล้วกันนะน้องซ่า”


2BC


 :katai2-1: สวัสดีค่า จบไปแล้วน้าสำหรับ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 3 ไหนใครไปแอบซ้อมเพื่อที่จะได้มาเต้นเป็นเพื่อนซ่าวันนี้ขอเสียงหน่อยยยยยย ><
ตอนนี้ก็เป็นตอนน่ารักๆ (หรือน่าปวดหัวกับความเกรียน) ของไอ้ซ่าตอนนึง แถมยังเป็นตอนที่ได้เห็นความร้ายกาจของคุณชายอย่างพฤกษ์อีกด้วย  o3 ซึ่งก็หวังว่าตอนนี้จะทำให้ทุกคนอมยิ้ม หัวเราะ และสนุกสนานกันนะคะ แล้วระหว่างที่กำลังอ่านก็เปิดเพลงคุกกี้เสี่ยงทายไปด้วยก็ได้ เปิดแบบ dance version นะคะเนื้อเพลงที่ถูกตัดจะได้ตรงกันเพื่อความอรรถรส อิอิ  :z2:
แล้วมาลุ้นกันตอนหน้านะคะว่าระหว่างแผนปอกลอกพฤกษ์ของซ่า กับแผน...(อะไรสักอย่าง)...ของพฤกษ์แผนไหนจะเด็ดกว่ากัน ซ่ามุมแดงกับพฤกษ์มุมน้ำเงินใครจะชนะกันนะ? มาลุ้นและเอาใจช่วยทีมที่เชียร์ประมาณวันศุกร์นะคะทุกคน ขอบคุณทุกคอมเมนท์และกำลังใจนะคะ บ๊ายบายยย  :bye2:
(16 ม.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก 3# แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~[16/01]
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 16-01-2018 20:00:55
พฤกษ์ษษษษ ความมือไวนี้ ///---////
//แอบมองเธออยุ่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย
แอบแต๊ะอั๋งนิดๆนะ แต่ก็ทำเธอเขินเลย ฮิ้วววว
#ตรวจพบโอตะตรงนีี้หนึ่งคน
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก 3# แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~[16/01]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-01-2018 20:01:40
บอกเฮียพฤกษ์ไปเลยว่า นั่งตัก 10 นาที จ่ายแบงค์เทาเพิ่มอีกใบนะคะเฮียยยยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก 3# แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~[16/01]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-01-2018 21:53:54
โอ๊ย ความซ่านี้ เฮาส์ นั่งตักจนเหน็บกินกันไปเลยสิจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก 3# แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~[16/01]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-01-2018 09:26:07
น้องลิซ่า ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก 3# แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~[16/01]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-01-2018 09:50:02
พฤษ สายเปย์ที่แท้ทรูมาก 55555


คุ้มค่า
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก 3# แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~[16/01]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 17-01-2018 13:04:02
นั่งตักกันแล้ว ..
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก 3# แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~[16/01]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 18-01-2018 02:10:04
อั๊ยยะป๋ามากเจ้าเล่ห์โคตร เขิล :o8:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก 3# แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~[16/01]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 19-01-2018 20:17:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 จูบ [26.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 26-01-2018 21:24:20
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 4# Niza จูบ


“หา! จะ...จะบ้ารึไง! ใครจะไปยอมวะ! ปล่อยกูนะเว่ยนะไอ้พฤกษ์!” ผมโวยวายดังลั่นพร้อมกับดิ้นอย่างสุดแรง


“โอเค ไม่ยอมก็ไม่ยอม แต่ว่ากูขอเอาเงินที่ให้ไปคืนแล้วกัน” พูดจบไอ้พฤกษ์ก็ใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้ามาหยิบแบงค์พันในกระเป๋าตรงอกเสื้อของผมออกไป นั่นแหละผมที่กำลังดิ้นแทบเป็นแทบตายก็ถึงกับหยุดชะงักทันที


“เดี๋ยวสิ! นี่มันเงินกูนะไอ้พฤกษ์!” ผมยื่นมือออกไปจะคว้าเอาเงินคืนมา แต่ไอ้พฤกษ์ก็เลื่อนแขนยาวๆ ขยับหนีผม แถมยังทำหน้าเย้ยอีกต่างหาก


“เงินมึงที่ไหน เงินกูต่างหาก ส่วนค่าชงเหล้ากับนวดไหล่ที่เรียกใช้มึงทั้งหมด 200 เดี๋ยวกูหาแลกกับเพื่อนสักคนแล้วจะจ่ายให้” ฉิบหายแล้วไง จากเงินพันที่จะได้กลายเป็นว่าเหลือแค่ 200 เนี่ยนะ? ม่ายยยยยยยยยย


“มึง...เอ๊ย! เฮียไม่ต้องลำบากแลกเงินให้เสียเวลาหรอกค่ะ เดี๋ยวน้องซ่าจะนั่งตักเอาใจเฮีย 10 นาทีเองก็ได้ ไม่สิ...15 นาทีไปเลยค่ะเฮียน้องซ่าแถมให้” ผมยิ้มหวานพร้อมกับเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว


ให้ตายสิ ในที่สุดผมก็ต้องนั่งตักเอาใจไอ้พฤกษ์จนได้ แถมผมยังต้องเพิ่มเวลาให้มันอีก 5 นาทีอีกต่างหากเพราะมันทำท่าลังเลประมาณว่าจะเอายังไงดี แม่งกวนตีนฉิบหาย เจ็บใจจริงโว้ยยยยยยยย!


“ถ้างั้นพอครบ 15 นาทีน้องลิซ่าค่อยเอาเงินก็แล้วกันนะ” ไอ้พฤกษ์ยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็เก็บเงินใส่กระเป๋าเสื้อแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาตั้งนาฬิกาจับเวลา


“ไอ้ห่า จะเขี้ยวไปถึงไหน” ผมบ่นพึมพำด้วยเสียงที่เบามาก


“เมื่อกี้น้องลิซ่าว่าไงนะ?” แต่คนหูผีอย่างไอ้พฤกษ์ก็เสือกได้ยินอีก ดีนะที่มันไม่รู้ว่าผมพูดว่าอะไร หรือมันรู้อยู่แล้วแต่แกล้งโง่อันนี้ผมก็ไม่รู้


“น้องซ่าบอกว่าเราเสียเวลามามากแล้ว เฮียรีบบอกมาเถอะค่ะว่าจะให้น้องซ่าทำอะไร” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อ แต่แล้วยังไง มันมีหลักฐานที่ไหนว่าเมื่อกี้ผมด่ามัน


“รู้สึกว่าน้องลิซ่าอยากจะรีบออกจากตักเฮียเหลือเกินนะ” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็กระชับวงแขนที่กำลังกอดเอวผมให้แน่นขึ้นจนผมแทบจะขยับไปไหนไม่ได้


“เหี้ยพฤกษ์ เอ๊ย! เฮียพฤกษ์ขา เฮียเล่นกอดน้องซ่าแน่นจนอึดอัดขนาดนี้ ขืนนั่งอยู่นานๆ น้องซ่าได้ตายห่าหายใจไม่ออกกันพอดีสิคะ” ผมยิ้มหวาน แต่กลับยักคิ้วนิดนึงด้วยความสะใจที่ด่าไอ้พฤกษ์ไปได้ แต่มันก็ไม่มีทีท่าจะโกรธผมแต่อย่างใด แถมยังยิ้มน้อยๆ ออกมาอีกต่างหาก


“ก็ถ้าน้องลิซ่าไม่อยากนั่งตักเฮียนานๆ งั้นเรามากินขนมแข่งกันมั้ยล่ะ ถ้าน้องลิซ่าชนะเฮียจะคืนตังให้แล้วก็ปล่อยน้องลิซ่าไปเลย”


“หืม? แข่งกันกินขนม? แค่นั้นจริงๆ หรอคะเฮีย?” ผมหรี่ตาลงอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างไอ้พฤกษ์จะไม่มีแผนเอาคืนผม เห็นหน้านิ่งๆ ชอบคีพลุคคุณชายขนาดนี้ แต่ไอ้แว่นนรกนี่มันร้ายจะตายไป


“แค่นั้นจริงๆ แล้วน้องลิซ่าก็ไม่ต้องกลัวว่าเฮียจะโกงด้วย เพราะคนตัดสินไม่ใช่เฮีย แต่เฮียจะให้เพื่อนของน้องลิซ่าทุกคนเป็นคนตัดสิน” พอไอ้พฤกษ์พูดแบบนี้ผมค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย เพราะอย่างน้อยไอ้พวกเพื่อนมันคงไม่เกรียนแตกหักหลังผม ส่วนเรื่องแข่งกินขนมผมเชื่อว่าคนจนๆ อย่างผมสามารถกินได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องแคร์สายตาของใคร ต่างจากคุณชายอย่างไอ้พฤกษ์ที่ต้องรักษาภาพลักษณ์อยู่แล้ว


ดังนั้นเมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว การแข่งครั้งนี้ผมต้องชนะอย่างขาดลอยแน่นอน!


“ตกลง น้องซ่าจะแข่งค่ะเฮีย” ผมพูดอย่างมั่นใจ ไอ้พฤกษ์เลยยิ้มที่มุมปากออกมา จากนั้นจึงหันไปหาพวกเพื่อนของผม


“โอเค ทุกคนเป็นพยานนะ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ชักตะหงิดๆ เพราะกลัวจะพลาดท่าให้ไอ้พฤกษ์รอบสอง


แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะมันเอื้อมมือไปหยิบป๊อกกี้รสช็อกโกแลตที่วางอยู่ในจาน จากนั้นก็เอามาใส่ปากของผมที่กำลังอ้าอยู่เพราะกำลังจะพูดพอดี แต่พอโดนทำแบบนี้ผมก็ต้องงับเอาไว้อย่างอัตโนมัติ ไอ้พฤกษ์จึงยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจก่อนจะพูดออกมาว่า...


“ถ้าป๊อกกี้ที่น้องลิซ่าคาบอยู่เหลือน้อยกว่า 1 ซม. น้องลิซ่าก็ชนะไปเลย แต่ถ้าเหลือมากกว่านั้นคือน้องลิซ่าแพ้ แล้วน้องลิซ่าก็ต้องนั่งตักเอาใจเฮียต่อจนครบ 15 นาทีด้วย”


O_O!


What the fuck!


คำพูดนั้นทำเอาผมตกใจมากจนเบิกตากว้างยิ่งกว่าไข่ห่าน ใครจะไปคิดล่ะว่าไอ้พฤกษ์มันจะท้าแข่งกินป๊อกกี้ แถมยังให้ผมเหลือชิ้นที่คาบเอาไว้น้อยกว่า 1 ซม. อีกต่างหาก


ถ้าจะให้ผมเหลือป๊อกกี้ชิ้นเล็กขนาดนั้น ปากของมันกับผมก็ต้องโดนกันน่ะสิ!


“อะ...ไอ้...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร ไอ้พฤกษ์มันก็ก้มหน้าลงมากัดป๊อกกี้ไปเกือบครึ่งแท่งซะแล้ว เล่นเอาผมถึงกับสะดุ้งตกใจจนตาแทบถลน ส่วนไอ้พวกเพื่อนๆ ของผมก็พากันปรบมือโห่ร้องเชียร์กันอย่างเกรียวกราว


“ฮิ้ววววววววววว”


“วิ้ดวิ้ววววววววว”


ตอนนี้ผมอยากจะหันไปด่าพวกมันใจจะขาด แต่ก็ติดอยู่ที่ว่าเกมการแข่งขันระหว่างผมกับไอ้พฤกษ์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ถ้าผมอ้าปากจนป๊อกกี้หล่นผมก็แพ้ นอกจากจะทำให้เสียเวลาผมยังเสียหน้าอีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างหลังมันเป็นสิ่งที่ผมยอมแพ้ไม่ได้!


ตั้งสติให้นิ่งเข้าไว้ไอ้ซ่า!


ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามทำใจให้สงบไม่ตื่นเต้นลนลาน แต่ให้ตายเถอะ ยิ่งไอ้พฤกษ์มันขยับเข้ามาใกล้ผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งลุ้นจนตัวเกร็งและมีเหงื่อไหลซึมออกมามากเท่านั้น


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


เสียงหัวใจของผมเต้นแรงมาก ผิดกับเสียงรอบข้างที่ผมแทบจะไม่ได้ยิน อย่าว่าแต่เสียงเลย จะว่าไปตอนนี้ผมมองอะไรไม่เห็นทั้งนั้นนอกจากไอ้พฤกษ์ที่กำลังขยับใกล้เข้ามา ใบหน้าของมันอยู่ใกล้มากจนผมมองเห็นองค์ประกอบทุกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคิ้วหนา ดวงตาเรียวยาวสีน้ำตาล จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ริมฝีปากบางสีนู้ด รับกับรูปคางและใบหน้าอันเกลี้ยงเกลา ทั้งหมดราวกับถูกปั้นและสรรสร้างขึ้นอย่างประณีต


ความหล่อระดับนี้สมแล้วที่ผู้คนต่างพากันยกย่องให้มันเป็นสมบัติของมหา’ลัย นี่ขนาดว่าใบหน้าของมันมีกรอบแว่นหนาเตอะบดบังเอาไว้ แถมใบหน้ายังติดจะนิ่งๆ ถ้าหากมันเป็นคนชอบโปรยยิ้ม แล้วก็ใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นสายตาล่ะก็ รับรองได้เลยว่าความฮอตของมันต้องมากขึ้นกว่านี้เป็นเท่าตัวแน่ๆ


 แล้วก็เหมือนว่ามันจะรู้ความคิดของผม เพราะจู่ๆ มันก็เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมาถอดแว่นออกไป จากนั้นก็ยกยิ้มบางๆ แต่ช่างมีอานุภาพทำลายล้าง ความหล่อของมันกระแทกเข้าที่9kเล่นเอาหัวใจของผมยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ แถมยังตัวแข็งค้างจนกระทั่งลืมขยับ เมื่อปลายจมูกของมันเข้ามาเฉียดที่ปลายจมูกของผม


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


ทะ...ทำยังไงดี ใกล้ขนาดนี้นี่ผมจะโดนไอ้พฤกษ์มันจูบมั้ย ละ...แล้วผมสามารถหายใจได้รึเปล่า หรือว่าผมต้องกลั้นมันเอาไว้ ละ...ละ...แล้ว...แล้ว...แล้วอะไรอีก ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง สมองของผมมันขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น


ก็จะให้คิดออกได้ยังไงกัน ในเมื่อตอนนี้ไอ้พฤกษ์มันเลื่อนฝ่ามือที่ประคองแผ่นหลังของผมขึ้นมาอยู่ที่ท้ายทอย จากนั้นมันก็เอียงใบหน้า 45 องศา ตามด้วยการขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น...มากขึ้น...และมากขึ้น จนริมฝีปากของเราสองคนแทบจะชนกันอยู่แล้ว!


ผมหลับตาปี๋และนั่งตัวเกร็งเพราะกำลังจะเสียจูบแรกไปให้ไอ้พฤกษ์!


แต่ทั้งๆ ที่ผมเตรียมใจเอาไว้แบบนั้น...


“ไอ้แมน มึงเอาไม้บรรทัดมาวัดหน่อยสิว่าป๊อกกี้มันเหลือกี่ซม.”


“หา?” เท่านั้นแหละผมก็ลืมตาแล้วอ้าปากขึ้นมาด้วยความงุนงง ส่งผลให้ป๊อกกี้ชิ้นจิ๋วที่ผมคาบเอาไว้หล่นลงไปที่ตัก ไอ้พฤกษ์ที่เห็นอย่างนั้นเลยหยิบไปให้ไอ้แมนวัด ซึ่งมันก็วัดอย่างโปร่งใสโดยการชูให้ทุกคนเห็นด้วย


“0.9 ซม. ยินดีด้วยนะไอ้ซ่า เกมนี้มึงเป็นฝ่ายชนะ!” พอไอ้แมนพูดจบพวกเพื่อนของผมแต่ละคนต่างก็พากันปรบมือยินดีอย่างเกรียวกราว แต่ผมที่เป็นผู้ชนะกลับนั่งนิ่งเพราะยังมึนงง สมองของผมคิดแต่เรื่องที่ผมกำลังจะถูกจูบ


เมื่อกี้ไอ้พฤกษ์มันได้จูบผมรึเปล่า?


“มึงชนะแล้วนะไม่ดีใจหน่อยหรอ หรือว่าเสียดายที่เมื่อกี้กูไม่ได้จูบมึง?”


“หา?” คำพูดของไอ้พฤกษ์ที่กำลังอมยิ้มเป็นเชิงล้ออยู่ทำให้สติของผมกลับมา เท่านั้นแหละผมก็รีบผลักที่อกหนาแล้วรีบขึ้นลุกจากตักของมันทันที
“พ่องสิ! ใครจะไปคิดแบบนั้นกันวะ!”


“คิดอะไรวะไอ้ซ่า?” ประโยคนี้ไอ้พฤกษ์ไม่ได้เป็นคนถาม คนที่ถามผมคือไอ้แมนที่ยังคงถือเศษป๊อกกี้กับไม้บรรทัดเอาไว้อยู่เลย


“มะ...ไม่มีอะไร” ใครจะกล้าบอกกันล่ะว่าไอ้พฤกษ์มันพูดอะไร ขืนบอกไปคนปากหมาอย่างไอ้พวกนี้ได้ล้อผมตายห่ากันพอดี
เพราะงั้น...เก๊กหน้านิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรนี่แหละดีที่สุด!


“เอาเงินมา เมื่อกี้กูชนะแล้ว” ผมยื่นมือไปตรงหน้าไอ้พฤกษ์ มันจึงล้วงมือไปหยิบแบงค์พันจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นมาให้ ผมจึงรีบคว้าไว้แล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อของตัวเองทันที ไอ้แมนที่เห็นอย่างนี้เลยยกนิ้วแล้วเอ่ยปากแซวผม


“แหม...กำไรเน้นๆ เลยนะไอ้ซ่า ไม่กี่นาทีมึงก็ได้จากป๋าพฤกษ์เป็นพันแล้วเนี่ย”


กำไรกับผีมันน่ะสิ! คนที่ได้กำไรมันคือไอ้พฤกษ์ต่างหาก เพราะมันได้ทั้งใช้งาน ได้ทั้งกอด แล้วก็เกือบจะได้จูบผม ส่วนผมน่ะต้องเรียกว่าขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง!


แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ทำเป็นยักไหล่แล้วยิ้มอย่างผู้ชนะอยู่ดี


“แน่นอน คนอย่างกูไม่มีวันเสียเปรียบใครหรอก” พอได้ยินแบบนี้ไอ้พฤกษ์ที่อยู่ข้างๆ ผมก็หัวเราะในลำคอออกมา เล่นเอาผมอยากกระโดดถีบมันขาคู่ให้หน้าหงายจริงๆ


แต่ก็นะ ในเมื่อทำอย่างที่คิดไม่ได้ผมเลยได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิด้วยความเซ็งข้างๆ ไอ้พฤกษ์มันนั่นแหละ


“ทำไมวันนี้มันถึงได้หนาวอย่างนี้วะ” ผมบ่นพึมพำแล้วยกเหล้าตรงหน้าที่เหลืออยู่ในแก้วขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด เพราะเคยได้ยินว่าดื่มเหล้ามันช่วยแก้หนาวได้ แต่จะจริงไม่จริงอันนี้ผมก็ไม่รู้


“ถ้าหนาวแล้วทำไมไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ” ไอ้พฤกษ์หันมาถาม ส่วนคำตอบก็ง่ายมาก เพราะถ้าผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าผมก็อดหารายได้จากการสวมบทเป็นน้องลิซ่าน่ะสิ แต่ว่าเรื่องนั้นผมไม่จำเป็นต้องตอบมัน เพราะผมจำไม่เห็นได้เลยว่าไปพูดกับมันตอนไหน เมื่อกี้ผมบ่นของผมคนเดียวต่างหาก


“สาระแน” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้พฤกษ์ จากนั้นก็ยืดตัวขึ้นแล้วเอื้อมมือไปชงเหล้า ผมสังเกตเห็นว่าตลอดเวลาไอ้พฤกษ์มันเอาแต่จ้องผมแบบไม่วางตา ไม่รู้ว่ามันตั้งใจจะหาเรื่องผมรึยังไง


“มึงมีปัญหาอะไรกับกูไอ้...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยค ไอ้พฤกษ์ก็ถอดแจ็คเก็ตที่มันสวมอยู่มาคลุมขาของผมที่พึ่งนั่งลงหลังจากชงเหล้าเสร็จ


“ถ้ายังไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็คลุมเอาไว้ซะ กระโปรงมึงสั้นซะขนาดนั้นจะไม่ให้หนาวได้ยังไง อีกอย่างนั่งไม่ระวังแบบนั้นคนอื่นเขาก็เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” คำพูดนั้นทำเอาผมถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที เมื่อกี้ที่ไอ้พฤกษ์ถามแล้วก็เอาแต่จ้องมาทางนี้คือมันเป็นห่วงผมงั้นหรอ?


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


พอคิดได้แบบนี้หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมา เมื่อกี้ผมก็มัวแต่อคติคิดว่ามันตั้งใจจะหาเรื่องผม แต่พอรู้ว่ามันเป็นห่วงผมแบบนี้ ผมก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปเลยน่ะสิ


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


ให้ตายสิ ไอ้หัวใจบ้านี่มันจะยิ่งเต้นแรงขึ้นมาทำไม ผมจำได้นะว่าตอนกลางวันที่ไอ้พฤกษ์มันช่วยถือของหัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมาเหมือนกัน จริงอยู่ว่าปกติไม่ค่อยมีคนสนใจผมสักเท่าไหร่ แต่แค่มันเป็นห่วงเป็นใยแค่นี้หัวใจของผมมันก็เต้นแรงขึ้นมาแล้ว ท่าทางผมจะเพี้ยนไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย!


2BC


 :katai2-1: สวัสดีค่า Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ครึ่งแรกก็จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้เชื่อว่าหลายๆคนคงจะยิ้มออกมาได้ล่ะ ไม่หลงความเจ้าเล่ห์ของพฤกษ์ก็ต้องหลงความน่ารัก (หรือความเกรียน) ของไอ้ซ่าบ้างล่ะน่า  :-[ ว่าแต่...คิดว่าสองคนนี้แค่แกล้งกันเฉยๆหรือแอบชอบกันแล้วรึยัง ถ้าหากชอบกันแล้วใครที่จะเป็นคนแอบซ่อนความรู้สึกเอาไว้น้อ?  :m28:
ส่วนตอนหลังเค้าจะพยายามมาลงต่อใน 2 – 3 วันนะคะ ช่วงนี้ผิดนัดบ่อยมาก แบบว่ามีแต่งานเข้าทั้งนั้น อย่างล่าสุดเค้าก็ไปงานรับปริญญาน้องที่มช. ไปเกือบสัปดาห์แถมยังลืมเอาโน้ตบุ๊คไปอีกต่างหาก เพราะงั้นเค้าเลยไม่ได้มาลงนิยายตามที่นัดเอาไว้ ยังไงก็อย่าพึ่งงอนเค้าเลยน้า ครั้งหน้าจะพยายามไม่ผิดนัดอีกนะคะ  :m5: ยังไงก็มาลุ้นและเอาใจช่วยคู่พฤกษ์ซ่ากันต่อด้วยน้า ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจนะคะ กอดดดด  :กอด1:
(26 ม.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 จูบ [26.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 26-01-2018 22:34:00
 :o8:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 จูบ [26.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-01-2018 01:08:18
 :m22:  แอบมอง ๆ ๆ ไม่เห็นเลยว่าจูบกันหรือเปล่า เพราะไอ้ท่าจับท้ายทอย ทำมุม 45 องศาแท้ ๆ คนแก่เซ็งเลยอ่ะ  o6
แต่ถ้าให้เดา อีหนูลิซ่าคงจะเขินมาก ๆ ที่คิดว่าโดนจูบ ประมาณนี้แน่ ๆ  :จุ๊บๆ:   :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 จูบ [26.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-01-2018 06:14:09
ชอบเฮียพฤกษ์ 555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 จูบ [26.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-01-2018 09:18:01
พฤกษ์เจ้าเล่ห์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 จูบ [26.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-01-2018 12:24:01
น่ารัก น่าชัง ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 จูบ [26.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 27-01-2018 21:22:03
น่ารักมากกกกกก กอไก่ล้านตัว พฤกษ์เจ้าเล่สุด ร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 31-01-2018 02:30:08
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 4# Niza ความงกเป็นเหตุ


“เออใช่ แล้วเรื่องเกม Truth or Dare นี่เอาไง จะเล่นต่อเลยปะหรือว่าพอแค่นี้” ไอ้แมนถามพลางมองหน้าเพื่อนรอบวง พอมันพูดขึ้นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้เลิกฟุ้งซ่านเรื่องของไอ้พฤกษ์สักที


“กูก็อยากเล่นต่อนะ แต่กูขี้เกียจทำตามคำสั่งเหี้ยๆ อีกอะถ้าเลือก Dare” พอผมพูดแบบนี้ก็มีเพื่อนบางคนพยักหน้าเห็นด้วย


“ถ้างั้นกูว่าเปลี่ยนกติกาใหม่ดีมั้ย ใครเลือก Dare ให้เปลี่ยนเป็นแดกเหล้าเข้มๆ สักแก้ว แต่ถ้าเลือก Truth ก็ตอบเรื่องจริงไปตามเดิม” ไอ้สนเสนอ ผมว่าก็เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน เพราะผมจะได้หารายได้โดยการชงเหล้า คนเมาน่ะเปย์ง่ายจ่ายคล่องอยู่แล้ว


“กูเห็นด้วยกับไอ้สน มีใครเห็นด้วยอีกบ้าง” ผมมองหาแนวร่วมแต่ก็มีแต่คนลังเล ผมเลยเอาไหล่สะกิดไอ้พฤกษ์แล้วถลึงตาให้มันอยู่ข้างผม ดีที่มันฉลาดเลยเข้าใจอะไรง่ายหน่อย


“กูก็เห็นด้วยเหมือนกัน” พอมีคนเปิดก็มีคนตาม ไอ้พวกที่ลังเลหลายคนก็หันมาสนับสนุนข้างเดียวกับผม จนในที่สุดก็ได้เปลี่ยน Dare ให้กลายเป็นดื่มเหล้าเข้มๆ 1 แก้วสมใจ


“กูรู้นะมึงคิดอะไรอยู่” ไอ้พฤกษ์เอียงศีรษะมากระซิบข้างหูผม แสนรู้จริงๆ ไอ้คุณชาย


“ถ้ารู้แล้วก็เงียบไปไม่ต้องพูดมาก” ผมถลึงตาใส่มัน จากนั้นก็หันไปส่งเสียงเชียร์ (แช่ง) พวกเพื่อนที่เริ่มทอยลูกเต๋า...เกม Truth or Dare กำลังเริ่มเล่นอีกครั้งแล้ว


ครั้งนี้ เนื่องจากไม่มีการสั่งให้ทำอะไรแปลกประหลาดพิสดาร การเล่นเกมแต่ละครั้งเลยใช้เวลาไม่นาน ส่วนใหญ่เมื่อซวยทอยเต๋าได้แต้มรวมน้อยสุดก็มักจะเลือก Dare ที่ได้ดื่มเหล้า (แน่นอนว่าผมเป็นคนชง) เพราะคำถามของคนที่เลือก Truth มันรุนแรงและสัปดนขึ้นเรื่อยๆ


ผ่านไปครึ่งชั่วโมงมีเพื่อนที่ดวงซวยและคออ่อนเมาหลับไป 1 คน หนึ่งชั่วโมงเพิ่มเป็น 3 คน ชั่วโมงครึ่งเพิ่มเป็น 6 คน จนตอนนี้เหลือสมาชิกเพียงแค่ 4 คน นั่นก็คือไอ้สน ไอ้แมน ไอ้พฤกษ์ แล้วก็ผม แต่ถึงจะบอกว่าเหลือ 4 คน อันที่จริงต้องบอกว่าเหลือคนที่สติดี 3 คน ส่วนอีกคนกำลังเมาเรื้อนพูดอะไรแทบไม่รู้เรื่อง ดังนั้นพวกผมเลยตกลงกันว่าจะหยุดเล่นเกมกันแค่นี้


“มึงช่วยกูพาไอ้แมนขึ้นไปนอนบนห้องหน่อยดิไอ้ซ่า” ไอ้สนพูดกับผมแล้วหิ้วปีกข้างหนึ่งของไอ้แมนที่กำลังพูดพล่ามอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ผมที่เห็นอย่างนั้นจึงได้รีบลุกขึ้นไปหิ้วปีกอีกข้างของมันเอาไว้


“ไอ้พฤกษ์ ระหว่างนี้มึงช่วยเก็บแก้วกับจานไปไว้ในครัวหน่อยนะ” ผมหันไปสั่งไอ้พฤกษ์ มันจึงพยักหน้าลง ผมกับไอ้สนเลยช่วยกันพยุงไอ้แมนที่ตัวอ่อนเปลี้ยแทบไม่มีแรงเดินขึ้นไปบนห้องของมันที่อยู่ชั้นสอง ซึ่งกว่าจะถึงก็เล่นเอาแทบหมดแรงเพราะไอ้แมนแม่งไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่โชคยังดีที่พอหัวถึงหมอนมันก็นอนหลับเป็นตาย


“เออ มึงช่วยหาฟูกไปปูนอนให้ไอ้พวกข้างล่างหน่อยนะ เดี๋ยวกูว่าจะไปเปลี่ยนชุดแล้วก็เอากิ๊บไปคืนที่ห้องน้องไอ้แมนน่ะ” ผมพูดกับไอ้สน


“ได้ๆ เสร็จแล้วตามมาแล้วกัน” ผมพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้องไอ้แมน เสร็จแล้วผมก็ลงมาช่วยไอ้สนกับไอ้พฤกษ์ที่กำลังจัดระเบียบพวกที่เมาหลับอยู่ข้างล่าง ซึ่งกว่าจะลากพวกมันไปนอนบนฟูกครบทุกคนได้ก็ใช้เวลาเกือบสิบนาที


“แม่ง เหนื่อยฉิบหาย แต่ละคนแดกควายกันมารึไงถึงได้ตัวหนักขนาดนี้” ผมบ่นพร้อมกับปาดเหงื่อ


“ถ้าเหนื่อยมึงจะนอนนี่มั้ยล่ะ โซฟาก็ยังว่างนะ” ไอ้สนพูดกับผม


“ไม่ล่ะ กูกลับไปนอนที่หอเลยดีกว่า อยู่ถัดไปแค่ 2 ซอยเอง” ที่หลังม.ซอยแต่ละซอยมันไม่ห่างกันมากอยู่แล้ว จากบ้านไอ้แมนเดินไปที่หอผมอย่างมากก็แค่ 10 นาทีเท่านั้นแหละ


“แล้วมึงล่ะจะนอนที่นี่รึเปล่า” คราวนี้ไอ้สนหันไปถามไอ้พฤกษ์บ้าง


“ไม่ดีกว่ากูเกรงใจ เดี๋ยวกูขับรถกลับบ้านเลยแล้วกัน” แน่นอนมันต้องปฏิเสธอยู่แล้ว ก็มันไม่ได้สนิทกับไอ้พวกนั้นจะกล้านอนค้างด้วยได้ยังไง ไอ้สนที่เหมือนจะนึกขึ้นได้เลยไม่ได้รบเร้าจะให้มันนอนที่นี่


“แล้วบ้านมึงอยู่แถวไหน กูจะเช็คดูในกลุ่ม ‘มีด่านบอกด้วย’ ให้ว่าแถวนั้นมีด่านตั้งอยู่รึเปล่า” ที่ไอ้สนถามแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะถึงไอ้พฤกษ์มันจะไม่ได้เมา แต่มันก็ดื่มเหล้าไปหลายแก้วอยู่ ถ้าเจอด่านแล้วได้เป่ายังไงก็เกินแน่นอน


“กูอยู่แถววัชรพล”


“โอเคเดี๋ยวกูเช็คแป๊บ.............โอ้โห! มีแม่งตั้ง 3 ด่าน ดักแม่งทุกแยกเลยมึงเอ๊ย!” ไอ้สนอุทานจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้พฤกษ์ดู


“จริงด้วยแฮะ ดักเส้นที่เข้าบ้านกูทุกทางเลย” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าเครียด


“แล้วมึงจะทำไงล่ะเนี่ย กลับบ้านไม่ได้ยังไงก็ต้องหาที่นอนแถวนี้แล้วล่ะ” ผมทำเป็นหูทวนลมในสิ่งที่ไอ้สนพูด เพราะเรื่องของไอ้พฤกษ์มันไม่ใช่เรื่องของผม คืนนี้มันจะไปนอนที่ไหนหรือจะแวะไปนอนที่ห้องกรงก็ตามใจ แต่ไหงไอ้สนถึงได้ลากผมเข้าไปเกี่ยวด้วยก็ไม่รู้


“เออ จะว่าไปมึงไปนอนที่หอไอ้ซ่าก็ได้นะ วันนี้มันฟันเงินมึงไปตั้งเยอะ”


“อ้าวเฮ้ย! เงินนั่นมันค่าจ้างที่มันใช้แรงงานกู กูได้บังคับขู่เข็ญให้มันเอาเงินมาให้รึไง แล้วทำไมกูต้องพามันไปนอนที่หอให้เป็นภาระด้วย ทำอย่างกับว่าค่าน้ำค่าไฟกูได้ใช้ฟรี” พอผมโวยวายแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็หรี่ตาลง แถมยังทำหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นมา


“เอ...ถ้าจำไม่ผิดวันนี้มึงต้องเอาเงินให้กูด้วยนี่นะ”


“หา? ค่าอะไร อย่ามามั่ว” ผมทำหน้างง ไอ้พฤกษ์มันกำลังจะหลอกต้มเอาเงินผมใช่มั้ย


“ก็ค่าส่วนแบ่ง 40% ที่มึงหลอกให้กูมา...” แต่ว่ายังไม่ทันที่ไอ้พฤกษ์จะได้พูดจนจบประโยค ผมก็รีบกระโดดขึ้นไปเอามืออุดปากมันไว้ ความฉิบหายเกือบมาเยือนผมแล้วมั้ยล่ะ


“เดี๋ยวคืนนี้มึงไปนอนที่หอกูนะเพื่อนรัก แหม...แกล้งเล่นแค่นี้ถึงกับจะใส่ร้ายกูเลยหรอ ร้ายไม่เบานะเนี่ย” ผมยิ้มหวานทั้งที่ตาเหลือกแทบถลน ในขณะที่มือก็ยังคงอุดปากไอ้พฤกษ์เอาไว้เหมือนเดิม


นี่ถ้าไอ้พวกเพื่อนมันรู้ว่า ผมหลอกให้ไอ้พฤกษ์มาที่นี่แล้วเราสองคนก็ไม่ได้สนิทกัน ผมได้ถูกยึดเงินคืนแถมยังได้กินยำตีนชัวร์!


“จะว่าไปนี่ก็ชักง่วงแล้ว งั้นเดี๋ยวกูกลับหอก่อนนะไอ้สน บาย” ผมรีบโบกมือลา ก่อนที่จะลากไอ้พฤกษ์ออกมาจากบ้านอย่างไว ส่วนไอ้สนที่ถึงแม้จะงงๆ อยู่แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรแล้วเดินไปหาที่นอน


“หึหึ” ไอ้พฤกษ์หัวเราะในลำคอหลังจากที่ผมลากมันออกมาจนถึงรถ ผมจึงรีบปล่อยมือออกจากปากของมันแล้วเท้าสะเอวอย่างหาเรื่อง


“หัวเราะอะไร อย่าได้ใจไปหน่อยเลยไอ้คุณชาย กูไม่ได้จะให้มึงนอนฟรีๆ เพราะกูจะยึดเงิน 40% ที่ต้องแบ่งให้มึงถือเป็นค่าเช่าห้อง” ผมยิ้มที่มุมปาก
เอาวะ อย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่ต้องเสียเงิน 720 บาทให้ไอ้พฤกษ์ กล้ำกลืนฝืนทนให้มันนอนค้างที่ห้องไม่กี่ชั่วโมงยังไงก็คุ้มล่ะน่า


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ไอ้พฤกษ์มันกลับทำลายความคิดของผมลงอย่างโหดเหี้ยม!


“งั้นกูเปลี่ยนใจไม่ไปนอนหอมึงดีกว่า มึงเอาเงินมาเดี๋ยวกูไปเช่าห้องพักรายวันแถวนี้เอา เพราะอย่างมากกูก็ได้จ่ายแค่ 5 – 6 ร้อย จะได้นอนสบายๆ มีเงินเหลือซื้อข้าวเช้า แล้วก็จะได้ไม่ต้องรบกวนมึงด้วย” ไอ้พฤกษ์โปรยยิ้มมาดคุณชาย แต่สายตาของมันมองยังไงก็วายร้ายชัดๆ


ม่ายยยยยยยยย ผมไม่ยอมให้ 720 ปลิวออกจากประเป๋าของผมเด็ดขาดดดดดดดดด


“เฮ้ยเพื่อน รบกงรบกวนอะไร ไม่ต้องเกรงใจหรอกไปนอนหอกูนี่แหละ” ผมเปลี่ยนท่าทีจากหลังส้นตีนเป็นหน้ามือพร้อมกับยิ้มหวาน จากนั้นก็รีบเขย่งปลายเท้าเพื่อที่จะได้วาดแขนไปกอดคอคนสูงเปรตอย่างไอ้พฤกษ์


“แต่กูว่าไม่...”


“ไม่ต้องมีต่งมีแต่อะไรแล้วเพื่อน ไปนอนหอกูนี่แหละ เดี๋ยวกูทำข้าวเที่ยงเลี้ยงมึงอีกมื้อเลยเอ๊า” ผมพูดอย่างใจป้ำ ก็แน่ล่ะเพราะเมื่อกี้ไอ้พฤกษ์มันทำท่าจะปฏิเสธผมนี่นา แล้วดูท่าว่ามันค่อนข้างจะพอใจเลยลอบยิ้มออกมาได้ แต่ก็ไม่วายได้คืบจะเอาศอก


“ทำข้าวเช้าให้กูกินด้วยสิ”


“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง แต่เสียใจด้วย ตอนเช้ากูยังไม่ตื่น” นี่มันก็ดึกมากแล้ว ผมเลยคิดว่าเที่ยงนู่นแหละผมถึงจะลืมตาตื่น อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์ด้วย ผมเลยไม่รู้ว่าจะรีบตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าทำไม


“ถ้างั้นมึงก็ทำข้าวเที่ยงกับเย็นเลี้ยงกูแล้วกัน” ไอ้พฤกษ์ต่อรอง ผมเลยเบ้ปากใส่มัน


“นี่ไอ้คุณชาย มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างเลยรึไง”


“ไว้ค่อยกลับตอนเย็นก็ได้ กูไม่รีบ พรุ่งนี้กูไม่มีธุระที่ไหน”


“แต่กูมี กูไม่ได้นอนสบายบนกองเงินกองทองแบบมึงนะโว้ย ตอนบ่ายกูต้องไปทำงานพิเศษ”


“อ้อ ถ้างั้นกูกินแค่ข้าวเที่ยงก็ได้” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าเสียดายนิดๆ


“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” พูดจบผมก็เปิดประตูเข้าในนั่งในรถทันทีโดยที่ไม่ต้องให้ไอ้พฤกษ์เชิญ มันจึงเดินตามมานั่งยังฝั่งคนขับ จากนั้นก็ถามทางไปหอพักของผมซึ่งอยู่ถัดไปอีก 2 ซอย


หลังจากขับออกจากบ้านไอ้แมน ไอ้พฤกษ์ก็แวะซื้อของใช้ที่โลตัสเอ็กซ์เพรสก่อน เพราะงั้นกว่าจะมาถึงหอของผมเลยเสียเวลาไปประมาณ 15 นาที แต่ก็ดีเพราะถ้ามันมาใช้ของร่วมกันกับผมมันก็ไม่ไหว อย่างสบู่ โฟมล้างหน้า ผ้าเช็ดตัวอะไรพวกนี้ผมพอเข้าใจ แต่พวกกางเกงในหรือแปรงสีฟันที่เป็นของใช้ส่วนตัวผมไม่โอเค


“ถึงแล้ว ห้องแคบนิดนึงนะเว่ย” ผมพูดในขณะที่ไขกุญแจเข้าไปในห้องของตัวเอง ห้องนี้มีขนาดแค่ 20 ตร.ม. เท่านั้นเพราะค่าเช่าแค่ 2000 แน่นอนว่าราคาถูกขนาดนั้นภายในห้องมันเลยแทบไม่มีอะไร มีแค่ตู้เสื้อผ้า พัดลมติดผนัง โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็เตียงขนาด 3.5 ฟุตเท่านั้นเอง


“ห้องมึงไม่มีแอร์หรอ” ไอ้พฤกษ์ถามพลางกวาดสายตามองรอบๆ ห้องของผม


“ไม่มี ห้องแอร์มันแพงกูไม่มีปัญญาจ่าย” ห้องพัดลม 2000 ส่วนห้องแอร์ 3000 คนจนๆ อย่างผมก็ต้องอยู่ห้องพัดลมอยู่แล้ว แต่ถึงห้องนี้จะมีแอร์ผมก็ไม่เปิดหรอกเพราะมันเปลืองไฟ


“แล้วอย่าบอกนะว่าห้องนี้ก็ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย”


“แน่นอนอยู่แล้ว” กรุงเทพแม่งร้อนเกือบทั้งปีไอ้คุณชายนี่มันยังจะอาบน้ำอุ่นอยู่อีกหรอ ท่าทางจะบ้า


“ถ้างั้นกูเปลี่ยนใจไปเช่าห้องพักแถวนี้นอนดีกว่า ดูท่าจะสบายกว่ากันเถอะ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็รีบวิ่งไปขวางประตูเอาไว้ทันทีเลยน่ะสิ


“โหย มาถึงที่นี่แล้วมึงจะไปลำบากหาที่นอนทำไม อีกอย่างนี่มันก็จะเที่ยงคืนแล้วนะเว่ย มึงหาที่พักแถวนี้ไม่ได้ง่ายๆ หรอก” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมไอ้พฤกษ์อย่างสุดฤทธิ์ เพราะไม่อยากคืนเงิน 720 ให้มัน


“ถึงมึงจะพูดแบบนั้น แต่เตียงที่ห้องมันก็แค่ 3.5 ฟุตเองนะ กูกับมึงจะนอนกันยังไง”


“ไม่เห็นยาก มึงนอนพื้น ส่วนกูก็นอนเตียง” ผมยิ้มแฉ่ง เท่านั้นแหละไอ้พฤกษ์มันก็ยื่นมือออกมาตรงหน้าผมทันที


“งั้นมึงเอาเงิน 720 มาเลย”


“โหย ล้อเล่นน่ะเพื่อน มึงนอนเตียงไปเลยเดี๋ยวกูนอนพื้นเอง โอเคตามนี้เนอะ” ผมยิ้มอย่างประจบประแจง ทั้งที่ในใจกำลังสาปแช่งไอ้พฤกษ์อยู่
ก็ไม่รู้ว่าคุณชายสายเปย์แบบมันเกิดผีเข้ารึไง จู่ๆ ถึงได้มางกกะอีแค่เงินหลักร้อยแบบนี้ หงุดหงิดจริงเว่ย!


“เฮ้อ ก็ถ้ามึงอยากให้กูนอนที่นี่ขนาดนั้น กูจะยอมนอนด้วยก็ได้” คำพูดของไอ้คุณชายทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะแอบเบ้ปากเป็นรูปสระอิ แต่เพียงไม่กี่วินาทีผมก็ตอแหลยิ้มหวานใส่มัน


“อย่างนั้นล่ะเพื่อน เอาล่ะ ถ้างั้นมึงไปอาบน้ำก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูจะไปจัดที่นอนของกู”


“เอางั้นก็ได้” แล้วไอ้พฤกษ์ก็หยิบเสื้อผ้ากับของใช้เข้าไปในห้องน้ำ ผมจึงไปเอาเสื่อกับผ้าขนหนูอีกผืนมาปูเป็นที่นอน ส่วนหมอนที่ห้องมีอันเดียวผมเลยเอาเสื้อกันหนาวตัวหนาๆ มาม้วน ซึ่งพอลองหนุนดูมันก็พอจะใช้แก้ขัดแทนหมอนได้ แต่ที่นอนนี่สิแข็งฉิบหายไม่ต่างอะไรจากการนอนพื้นเปล่าๆ


“มึงนอนได้หรอน่ะ ไม่แข็งรึไง” ไอ้พฤกษ์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามขึ้น ตอนนี้มันใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาวลายตาราง ถึงแม้มันจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา แต่ว่าออร่าคุณชายของมันก็ยังแผ่กระจายออกมาอยู่ดี


“ไม่มีปัญหา กูนอนได้สบายมาก” ผมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เพราะถ้าบอกว่านอนไม่ได้ เกิดไอ้พฤกษ์มันบอกจะสละเตียงแล้วไปนอนที่อื่น ผมก็เสียเงิน 720 ที่สามารถกินข้าวได้ทั้งอาทิตย์ไปให้มันน่ะสิ


“โอเค ถ้างั้นกูนอนเลยแล้วกัน” พูดจบไอ้พฤกษ์ก็เดินขึ้นเตียงไปนอน ส่วนผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นไม่นานเมื่อทำอะไรเสร็จผมก็เดินออกมา แต่ก็พบว่าไอ้พฤกษ์ได้นอนหลับไปแล้ว โดยนอนติดผนังหันหน้าไปทางนั้นอย่างเรียบร้อยเลยล่ะ


แปลกแฮะ นึกว่าจะแปลกที่จนนอนไม่หลับซะอีก เพราะคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น แต่จะว่าไปบางทีฤทธิ์แอลกอฮอล์อาจจะทำให้หลับง่ายก็ได้ ที่ไอ้พฤกษ์กินถึงไม่เยอะมากแต่ก็ไม่ต่ำกว่า 3 – 4 แก้วล่ะนะ


ผมไม่ได้สนใจเรื่องที่มันหลับอีก แต่ก็พยายามเดินไปหยิบจับนู่นนี่อย่างระวังไม่ให้เกิดเสียงดัง จนกระทั่งไม่มีอะไรทำแล้วผมก็ปิดไฟ ตามด้วยการเดินไปยังที่นอนชั่วคราวซึ่งปูไว้ข้างๆ เตียงที่ไอ้พฤกษ์นอน


เอ...เกือบ 20 นาทีแล้วสินะที่ไอ้พฤกษ์นอนอยู่ท่านี้ บางทีคุณชายอย่างมันอาจจะนอนนิ่งๆ แบบนี้ทั้งคืนโดยไม่เปลี่ยนท่าเลยก็ได้ เพราะงั้น...ถ้าผมแอบขึ้นไปนอนก็คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง ที่ว่างก็เหลือตั้งเยอะ


ความคิดบรรเจิดทำเอาผมลอบยิ้มออกมา เพราะถ้าผมนอนตรงนี้ที่แข็งไม่ต่างจากนอนพื้น ตื่นขึ้นมาผมได้ปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัวแน่ๆ ซึ่งพอตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ผมก็ค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนเตียงจนสามารถนอนอยู่บนนั้นได้ในที่สุด


ตอนแรกผมก็หวั่นๆ อยู่ว่าไอ้พฤกษ์จะจับได้ แต่ว่ามันที่กำลังหลับเป็นตายก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด ยังคงนอนนิ่งๆ หันหน้าเข้าผนังเหมือนเดิม


“สาบานว่านอน? กูนึกว่าซ้อมตาย” ผมพูดออกมาเบาๆ แล้วส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็ว่าจะพลิกตัวหันไปเอาหมอนที่อยู่ข้างล่าง แต่ไอ้พฤกษ์ก็ดันหันหน้ากลับมาทางนี้ซะงั้น!


“เฮ่ย!” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ แล้วยังไม่พอ มันยังมีการวาดแขนมากอดเอวผมเอาไว้อีกต่างหาก!


“ไอ้พฤกษ์ มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะเว่ย ไอ้พฤกษ์...ไอ้พฤกษ์...ไอ้พฤกษ์!” ในขณะที่พูดผมก็พยายามดิ้นและแกะแขนของมันออกไป แต่ให้ตาย คนบ้าอะไรหลับลึกฉิบหาย นี่มันซ้อมตายจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย


“ไอ้พฤกษ์! ไอ้เชี่ยพฤกษ์! ไอ้...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้โวยวายอะไรต่อ ไอ้พฤกษ์มันก็เอามือข้างหนึ่งกดศีรษะของผมให้ซุกลงไปซบที่อกของมัน จากนั้นมันก็ออกแรงกอดผมแน่นขึ้นเป็นเท่าตัว


“อื้อ!!!” ผมคำรามในลำคออย่างหัวเสีย ไอ้พฤกษ์มันคิดว่าผมเป็นหมอนข้างรึไงถึงได้กอดซะแน่นขนาดนี้ แถมยิ่งผมดิ้นและโวยวาย มันก็ยิ่งกอดผมแน่นมากขึ้นจนแทบหายใจไม่ออกอีกต่างหาก ผมเลยคิดว่าป่วยการที่จะต่อต้าน ซึ่งพอลองอยู่นิ่งๆ มันก็คลายวงแขนจนผมสามารถหายใจหายคอได้อย่างคล่องปอด


จะว่าไปแล้วถ้าไม่อคติผมก็รู้สึกว่า การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของไอ้พฤกษ์มันก็สบายดีเหมือนกัน เพราะแขนของมันสามารถหนุนแทนหมอนได้เป็นอย่างดี ส่วนลำตัวของมันก็รู้สึกอบอุ่นจนผมคิดว่าไม่ต้องมีผ้าห่มก็ได้


พอรู้สึกสบายก็ชักจะเริ่มง่วงแล้วสิ


เพราะงั้น...ผมจะยอมนอนนิ่งๆ อยู่ในอ้อมกอดของไอ้พฤกษ์คืนนึงก็แล้วกัน


พอคิดได้แบบนั้นผมก็ปิดเปลือกตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่า คนที่คิดว่ากำลังหลับเป็นตายได้แอบยิ้มออกมา จากนั้นก็กระชับอ้อมกอดแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามผมในที่สุด...


2BC


 o14 ฮัลโหลวววว สวัสดีค่า Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ก็จบลงไปแล้วน้า สารภาพมาซะดีๆ ว่าตอนนี้ใครกำลังแอบยิ้มเหมือนพฤกษ์อยู่ อย่าทำซึนแล้วชูมือขึ้นขอเสียงหน่อยค่า  :a11:
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันว่าความสัมพันธ์ของคู่พฤกษ์ซ่าจะพัฒนาขึ้นมั้ย แล้วจะมีโมเมนท์หวานๆ น่ารักๆ แบบนี้ให้ทุกคนฟินกระจายรึเปล่า  :-[ ยังไงก็มาลุ้นและเอาใจช่วยทั้งคู่ด้วยน้า ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจนะคะทุกคน  :pig4:
(31 ม.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-01-2018 03:07:06
รอดูตอนตื่นนอน อีหนูลิซ่าจะแก้ตัวว่าไง ถึงได้ขึ้นมานอนด้วยกัน  :katai3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-01-2018 08:51:30
เนียนเนาะพฤกษ์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-01-2018 09:38:27
บริการดีมีหมอนข้างอุ่นๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-01-2018 11:18:16
พฤกษ์ขี้แกล้ง :-[
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-01-2018 18:06:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 31-01-2018 22:29:31
นายเอกขี้แกล้ง555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 01-02-2018 13:36:05
เมาเนียน ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 01-02-2018 21:28:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 02-02-2018 17:19:48
 :o8:  ร้ายนะเฮียพฤกษ์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 4 ความงกเป็นเหตุ [31.01.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-02-2018 11:54:39
ร้ายกว่าน้องซ่าก็พฤกษ์นี่แหละ   :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 03-02-2018 22:05:02
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 5# Niza บรรยากาศที่เปลี่ยนไป


แสงแดดแรงๆ ในช่วงสายๆ ส่องทะลุผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตา ผมที่กำลังนอนฝันหวานอยู่เลยรู้สึกตัวตื่นอย่างช่วยไม่ได้ แต่ความรู้สึกสบายและอบอุ่นที่กำลังโอบกอดผมเอาไว้เลยไม่ได้ทำให้ผมลืมตา ผมกะว่าจะนอนเล่นต่ออีกสักพัก เพราะหมอนข้างที่กำลังกอดอยู่มีขนาดพอดี ไม่นุ่มไม่แข็งเกินไปแถมยังมีขนาดใหญ่กอดแล้วอุ่นอีกต่างหาก


หืม...หมอนข้าง?


ที่ห้องผมมีหมอนข้างตั้งแต่เมื่อไหร่?


พอคิดได้แบบนั้นผมก็รีบลืมตาขึ้นมาทันที เท่านั้นแหละผมถึงได้เห็นว่าไอ้ที่กอดอยู่ไม่ใช่หมอนข้าง แต่เป็นคุณชายอย่างไอ้พฤกษ์ต่างหาก!


“ตื่นได้สักทีนะ นึกว่ามึงจะกอดกูไปจนค่ำซะแล้ว” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ เป็นเชิงล้อ ส่วนผมก็ได้แต่เหวอและตัวแข็งทื่อทำอะไรแทบไม่ถูก


“มะ...มะ...มะ...มึงตื่นมาตั้งแต่ตอนไหน”


“จริงๆ กูตื่นตั้งแต่ 8 โมงแล้ว แต่พอจะลุกมึงก็ไม่ยอมกอดกูไว้แน่น กูเลยนอนต่อจนถึงประมาณ 20 นาทีที่แล้วนี่แหละ” ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่ามันนอนมองผมอยู่นิ่งๆ แบบนี้ตั้ง 20 นาทีเลยเรอะ!


“แล้วทำไมมึงไม่ยอมปลุกกู” ถึงแม้ใจจริงอยากจะโวยวาย แต่ผมก็ทำได้แค่ก้มหน้างุดแล้วพูดด้วยเสียงอ้อมแอ้มเท่านั้น เพราะสายตาของไอ้พฤกษ์ที่จ้องมองมามันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ แถมหัวใจก็เริ่มที่จะเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วด้วย


“กูไม่ใช่คนโหดร้ายขนาดที่กล้าปลุกคนที่กำลังหลับสบายได้หรอกนะ ว่าแต่...ได้กอดกูแล้วรู้สึกดีขนาดนั้นเลยหรอ” ประโยคสุดท้ายของไอ้พฤกษ์ทำเอาผมรีบเงยหน้าขึ้นไปทันที จึงเห็นว่าตอนนี้มันกำลังยิ้มน้อยๆ ล้อเลียนผมอยู่


“กูต่างหากที่ต้องเป็นคนถามประโยคนี้ เพราะเมื่อคืนมึงต่างหากที่เป็นคนกอดกูไว้แน่นไม่ยอมปล่อย”


“สงสัยตอนนั้นกูคงคิดว่ามึงเป็นหมอนข้างล่ะมั้ง ว่าแต่มึงเถอะขึ้นมาทำอะไรบนเตียง อย่าบอกนะว่าแอบคิดอะไรกับกู?” ไอ้พฤกษ์หรี่ตาลง ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าเหยเก


“ช่างกล้าพูด สมองกูปกติไม่ได้มีปัญหานะไอ้คุณชาย” พูดจบผมก็เบ้ปาก จากนั้นก็ว่าจะลงจากเตียงหนีไปให้ไกลจากไอ้คนหลงตัวเอง แต่ว่ามันก็กระชับวงแขนกอดเอวผมไว้แน่นไม่ยอมให้ไปไหน


“ถ้าอย่างนั้นแล้วมึงแอบย่องขึ้นมานอนบนเตียงทำไม” ถามเฉยๆ ได้มั้ย ทำไมต้องกอดกูซะแน่นแถมยังก้มหน้าลงมาใกล้กูด้วย!


“ก็พื้นมันแข็งซะขนาดนั้นจะให้กูนอนได้ยังไงกันเล่า!” พูดจบผมก็พยายามผลักที่อกแล้วก็แกะแขนของไอ้พฤกษ์ออก แต่ว่าผมก็สู้แรงของมันไม่ได้


“อืม...พื้นแข็งมันก็ฟังดูมีเหตุผล แต่ตรงนั้นของมึงที่แข็งอันนี้จะแก้ตัวว่ายังไง?” ไม่พูดเปล่าไอ้พฤกษ์ยังเลื่อนมือลงไปจับที่บั้นท้ายของผม จากนั้นก็ออกแรงดันให้เข้าไปหาตัวมัน จนตอนนี้ส่วนนั้นของเราสองคนกำลังดุนดันกัน และที่สำคัญ...ไอ้นั่นของผมกำลังแข็งอย่างที่ไอ้พฤกษ์พูดจริงๆ ด้วย!


“เชี่ย!” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จนเมื่อได้สติผมก็รีบรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักไอ้พฤกษ์จนกระเด็นติดฝา จากนั้นก็รีบลงจากเตียงมาก่อนที่จะถูกคว้าตัวเอาไว้ได้


“เรื่องที่มันแข็งตอนเช้าทำไมกูต้องอธิบาย! มันก็เป็นปกติของผู้ชายไม่ใช่รึไงไอ้เหี้ยพฤกษ์!” ผมโวยวายหน้าแดงหูแดงด้วยความโมโหปนอับอาย ก่อนที่จะรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างไว โดยมีเสียงหัวเราะ ‘หึหึ’ ของไอ้พฤกษ์ดังหลอกหลอนอยู่ทางด้านหลัง


ให้ตายสิ เมื่อกี้ผมเกือบจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมไม่เคยใกล้ชิดใครจนไอ้นั่นกับไอ้นั่นแนบกันถึงขนาดนี้ จริงอยู่ว่ามันมีกางเกงขวางเอาไว้ แต่เนื้อผ้ามันบางจะตาย แล้วอย่างนี้มันจะต่างอะไรกับการสัมผัสโดนกันตรงๆ กันเล่า


วายร้าย...มึงมันวายร้ายในคราบคุณชายชัดๆ!


ผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างฮึดฮัดที่ประเมินไอ้พฤกษ์ต่ำไป แต่จะให้ทำไงได้ เรื่องนี้ผมผิดเองที่แอบปืนขึ้นไปนอนเตียงเดียวกันกับมัน ไม่สิ ต้องบอกผมผิดตั้งแต่งกเงิน 720 บาทต่างหาก ถ้าผมตัดใจเอาให้มันไปตั้งแต่แรก มันก็คงไม่มีทางได้แกล้งผมอย่างเมื่อกี้นี่หรอก


เฮ้อออออ เมื่อคืนก็ได้เงินมาตั้งเกือบ 4000 แท้ๆ ถึงแบ่งไอ้พฤกษ์ไปก็ยังเหลืออีกตั้ง 3000 กว่าบาท ไม่น่างกเงินที่ไม่ถึง 20 % เล้ยยยยย


แต่เอาเถอะ ถึงจะคร่ำครวญไปก็เท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่ผมควรทำคือการอาบน้ำ ทำกับข้าว แล้วก็ออกไปทำงานพิเศษต่างหาก ถึงแม้ผมจะอยากเอาคืนที่ไอ้พฤกษ์มันแกล้งผม แต่เอาไว้ผมค่อยหาทางเอาคืนมันคราวหลังก็ได้ เรื่องทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องมันสำคัญกว่าการแก้แค้นเยอะ


หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมก็พันผ้าเช็ดตัวออกมา ผมรีบเดินไปใส่เสื้อผ้าเลยไม่ได้สังเกตถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองมา จนเมื่อผมแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ เจ้าของสายตาคู่นั้นถึงได้คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป โดยใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมา แต่ก็สวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่ใส่นอนเพราะซื้อมาแค่ชุดเดียว ก็นะ...เดี๋ยวก็กลับบ้านอยู่แล้ว แถมเมื่อคืนก็ใส่ชุดนั้นนอนแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง


“มึงหิวรึยัง ถ้าหิวแล้วก็ไปกินได้เลย อาหารสุดพิเศษแสนอร่อยที่กูตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ” ผมยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วหันหน้าไปทางโต๊ะญี่ปุ่นที่ผมเอาไปกางไว้กลางห้อง ส่วนตอนนี้ผมกำลังจัดกระเป๋าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทำงานพิเศษ


“นี่มึงกล้าใช้คำว่า ‘อาหารสุดพิเศษแสนอร่อยที่ตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ’ กับมาม่าคัพที่แค่เปิดฝาแล้วก็เทน้ำร้อนใส่เนี่ยนะ?” ไอ้พฤกษ์ยืนกอดอกแล้วมองผมนิ่งๆ


“ถ้ามึงมีปัญหาก็ไม่ต้องกิน เดี๋ยวกูจะกินมันทั้ง 2 ถ้วยเอง” พูดจบผมก็แบกกระเป๋าที่เก็บเสร็จเรียบร้อยแล้วไปนั่งที่โต๊ะ จากนั้นก็ยื่นมือไปจับถ้วยมาม่าส่วนของไอ้พฤกษ์แล้วลากเข้ามาหาตัวเอง


“จริงอยู่ที่กูมีปัญหา แต่กูก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่ากูจะไม่กิน” ไอ้พฤกษ์นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามผม ก่อนจะยื่นมือมาเอาถ้วยมาม่าคืนไป


ผมสังเกตเห็นว่าตอนที่เปิดฝาออกท่าทางของมันคาดหวังให้มีอะไรนอกจากเส้น แต่นั่นมันก็แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ มันแกล้งกวนประสาทผมแต่เช้าผมคงจะใส่นู่นนั่นนี่เข้าไปให้มันหรอก แค่ใส่น้ำร้อนเข้าไปให้ก็บุญขนาดไหนแล้ว


“จริงสิ กูยังไม่ได้ถามเลยว่ามึงทำงานพิเศษเกี่ยวกับอะไร” ไอ้พฤกษ์ถามในระหว่างที่กำลังฉีกซองเครื่องปรุงเทลงในมาม่า


“สอนพิเศษเด็กม.6 เตรียมแอดฯ”


“หืม? เป็นงานที่ดีเลยนี่” ไอ้พฤกษ์เลิกคิ้วด้วยท่าทางแปลกใจ


“อะไรของมึง ทำหน้าอย่างกับเห็นมิจฉาชีพทำงานสุจริต”


“มึงพูดเองนะ” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ ผมเลยแยกเขี้ยวใส่แล้วยกส้อมขึ้นทำท่าจะจิ้มไปที่มัน มันเลยยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพื่อแสดงออกว่ายอมแพ้


“อย่าโหดนักสิ ความจริงกูก็ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นสักหน่อย แต่กูแค่แปลกใจเฉยๆ เพราะคิดว่ามึงน่าจะทำพวกพาร์ทไทม์”


“เฮอะ! งานพวกนั้นแม่งเหนื่อยจะตายห่า ค่าจ้างก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ให้เงินหลักพันแต่ใช้งานหลักแสนแม่งโคตรไม่คุ้ม สู้เอาเวลาไปรับจ็อบนู่นนั่นนี่ดีกว่าเยอะ”


งานพวกนั้นผมผ่านมาหมดแล้ว ทั้งร้านฟาสต์ฟู้ด ร้านสะดวกซื้อ หรือว่าร้านอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ในห้างและศูนย์การค้า ตอนนั้นที่ผมตัดสินใจทำเพราะไม่มีทางเลือก แต่ในเมื่อมีหนทางอื่นที่ได้เงินมากกว่าแถมยังไม่เหนื่อยเท่า ทำไมผมต้องไปทำงานพวกนั้นด้วยล่ะ


“แล้วงานสอนพิเศษมึงได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่”


“หวังว่าที่ถามนี่มึงคงจะกะไม่มาแย่งงานกูหรอกนะ” ผมมองไอ้พฤกษ์อย่างไม่ไว้ใจ ขืนมันหมั่นไส้ผมจนอยากทำแบบนั้นจริงๆ มีหวังผมได้ตกงานแหง


“มึงนี่ก็คิดในแง่ร้ายกับกูจังนะ ที่กูถามก็เพราะอยากรู้ค่าตอบแทนเฉยๆ เผื่อบางทีกูอาจจะมีงานอะไรให้มึงทำ”


“ถ้างั้นก็แล้วไป ส่วนค่าสอนกูได้ชั่วโมงละ 200 กูสอน 2 คนเลยได้ชั่วโมงละ 400 สอนทุกเสาร์ – อาทิตย์ตั้งแต่บ่ายโมงถึง 4 โมงเย็น”


“แสดงว่าอย่างน้อยมึงก็จะได้ค่าสอนเดือนละ 9600 ยิ่งถ้าเดือนไหนมี 5 สัปดาห์มึงก็จะได้ 12000 นี่ยังไม่รวมกับเงินที่มึงหาได้ยิบย่อยรายวันอีก เดือนนึงมึงคงได้ไม่ต่ำกว่า 20000 สินะ หาเงินเก่งเหมือนกันนี่นา” สายตาของไอ้พฤกษ์ดูชื่นชมผมหน่อยๆ แปลกคน ปกติมีแต่คนมองว่าผมหน้าเงินกันทั้งนั้น


 “เอาจริงๆ กูไม่เคยได้เงินเดือนละมากขนาดนั้นหรอก เงินที่นอกเหนือจากสอนพิเศษใช่ว่ากูจะได้ทุกวัน มีพักหลังตั้งแต่ที่รู้จักมึงกูถึงได้เงินเยอะหน่อย”


“จะบอกว่ากูเป็นสายเปย์?” ไอ้พฤกษ์อมยิ้มอย่างมั่นหน้า


“เปล่า กูหมายความว่ามึงเป็นตัวเงินตัวทอง” ผมพูดหน้าตาย เท่านั้นแหละไอ้พฤกษ์ก็ถึงกับเงิบจนพูดไม่ออก สีหน้าและท่าทางแบบนั้นของมันตลกมากจนผมถึงกับหลุดขำออกมา


“มีอะไรน่าหัวเราะรึไง” ไอ้พฤกษ์พยายามเก๊กหน้านิ่ง แต่ผมก็ดูออกแหละว่าตอนนี้มันกำลังเสียหน้าสุดๆ


“เปล๊า ไม่มีอะไร รีบกินมาม่าได้แล้วเดี๋ยวมันก็อืดหมดหรอก” ผมพูดทั้งที่ยังคงขำอยู่ ไอ้พฤกษ์ที่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืเพราะจะยิ่งเข้าตัวเลยลงมือกินมาม่าไปเงียบๆ จนกระทั่งหมดถ้วยนั่นแหละมันถึงได้พูดออกมาอีกครั้ง


“กูขอถามได้มั้ยว่าทำไมมึงต้องหาเงินให้ได้มากขนาดนี้ ที่บ้านไม่ได้ส่งเงินให้ใช้หรอ”


“ก็กูเหลือตัวคนเดียวจะให้ใครมาส่งล่ะ ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเทอม กูต้องจ่ายเองทั้งหมด” พอผมพูดแบบนี้สีหน้าของไอ้พฤกษ์ที่พอจะเดาอะไรได้ก็ถึงกับนิ่งและสลดลงไปเลย


“ไม่เอาน่ามึงอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เรื่องมันผ่านมาตั้งเป็นชาติกูไม่เศร้าแล้วล่ะ” ผมยิ้มออกมาได้โดยไม่ต้องฝืน จริงอยู่ว่าผมยังคิดถึงพ่อกับแม่ทุกวัน แต่ผมก็ทำใจได้ไม่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนช่วงแรกๆ แล้ว


“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงกูก็เสียใจด้วยนะ”


“อืม” ผมพยักหน้าลง จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินเศษมาม่าที่ยังเหลืออยู่ก้นถ้วย


อันที่จริงผมอิ่มและตั้งใจจะทิ้งอยู่แล้ว แต่จู่ๆ ผมก็เกิดอาการทำตัวไม่ถูกขึ้นมา ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะสีหน้าและคำพูดของไอ้พฤกษ์ที่เปลี่ยนไป เหมือนว่ามันมองผมเป็นคนใหม่ ทำไมถึงไม่กวนประสาทหรือหาเรื่องแกล้งผมเหมือนเดิมก็ไม่รู้ เป็นแบบนั้นยังเข้าหน้ากันง่ายมากกว่าอีก


“เย็นนี้มึงว่างมั้ย”


“หืม?” ผมเงยหน้าขึ้นแล้วทำหน้างง เพราะจู่ๆ ไอ้พฤกษ์ก็พูดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย


“หลังจากสอนพิเศษเสร็จไปกินข้าวกัน เดี๋ยวกูเป็นเจ้ามือเอง”


“พูดจริง?” ผมหรี่ตามองไอ้พฤกษ์อย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ อารมณ์ไหนเนี่ยถึงได้อยากเลี้ยงข้าวผม


“อืม แล้วก็ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่หลังจากนี้ทุกๆ เย็นเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง...ไปกินข้าวด้วยกันนะ” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็ยิ้มออกมา แถมยังส่งสายตาอันอบอุ่นมองมาอีกต่างหาก ทำเอาผมเริ่มรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ส่วนหัวใจก็เริ่มที่จะเต้นไม่เป็นจังหวะ


“ก็...ก็ได้กูไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่มึงอย่าคืนคำแล้วกัน ไม่งั้นกูจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรหลอกหลอนมึงไปทั้งชาติเลย” ผมทำเป็นขู่เพื่อกลบเกลื่อนอาการ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วหยิบมาม่าทั้งสองถ้วยไปทิ้งที่ถังขยะ เพราะบรรยากาศที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปทำเอาผมแทบทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว
บ้าจริง นี่ผมกำลังเขินอยู่ใช่มั้ยเนี่ย!


2BC


 :oni1: สวัสดีค่า Avert หัวใจซ่อนรักตอนที่ 5 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้บรรยากาศก็จะแลดูแปลกๆอย่างชื่อตอนจริงๆเนอะ ไม่รู้จะเรียกว่ากวนประสาท น่ารัก มุ้งมิ้ง หรือเรียกว่าอะไรดี แต่ที่แน่ๆความรู้สึกของทั้งพฤกษ์และซ่าน่าจะมีการพัฒนาแล้วนะ แต่หวังว่าคงพัฒนาขึ้นไม่ใช่พัฒนาลง 555555  :laugh:
ตอนที่ผ่านๆมาเห็นแต่ละคนคอมเมนท์ว่าชายพฤกษ์ร้ายกันทั้งนั้น โธ...ทำไมต้องใสร้ายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเค้าด้วย พฤกษ์ร้ายตรงไหน เจ้าเล่ห์เมื่อไหร่ ไม่มี๊ พฤกษ์เป็นผู้ชายที่แสนดีและอบอุ่นต่างหาก (จะมีใครเชื่อเค้ามั้ยเนี่ย  o17)
ส่วนครึ่งหลังมาลุ้นกันนะคะว่าทั้งคู่จะได้ไปกินข้าวด้วยกันรึเปล่า ถ้าไปกินมันจะมุ้งมิ้งหรือน่ารักแค่ไหน เอ...เรื่องนี้จะเปลี่ยนจากสายฮาเกรียนแตกกลายเป็นสายหวานมั้ยนะ  :confuse: ยังไงก็มาลุ้นและเอาใจช่วยคู่พฤกษ์ซ่ากันด้วยน้า แล้วก็ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์มากๆเลยค่า  :pig4:
ปล.เอารูปสเก็ตปกนิยายมาให้ชมกันค่า ใครที่ยังไม่เห็นมาหวีดกันเร้วววว ระหว่างความหล่อทะลุแว่นของพฤกษ์กับความคิวตี้คาวาอี้ซ่า ใครโดนใจมากกว่าน้อ?  :give2:

(http://upic.me/i/ry/8plhw.jpg)
(3 ก.พ. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 04-02-2018 01:42:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-02-2018 02:41:26
แหม.... ที่แค่กินมาม่าคัพยังจะหวานได้อย่างนี้ ทำให้สงสัยว่าถ้าหนูลิซ่า เผอิญไปเจอกับเพลิงที่อื่นจะรู้สึกเหมือนกันรู้สึกกับพฤกษ์ไหมนะ สงสัย ๆ  :m21:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-02-2018 12:24:40
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-02-2018 12:30:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-02-2018 13:02:36
อื้มกว่าจะคุยกันดีได้ต้องเอาน้องชนกันก่อน55
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-02-2018 15:27:42
เริ่มมีอะไรๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-02-2018 16:57:59
กิน(ข้าว)กัน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-02-2018 19:33:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-02-2018 14:05:13
ไม่ได้สงสารแต่จะจีบซ่าใช่มั๊ยเฮียพฤกษ์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-02-2018 16:35:42
เค้าจีบกันค่ะ จีบแบบไม่รุ้ตัวด้วย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป [03.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-02-2018 22:27:46
เฮ้ย !   พฤกษ์เริ่มรู้สึกอะไรๆ แล้วใช่ป่ะ   :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 นัดเดท [08.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 08-02-2018 23:11:39
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 5# Niza นัดเดท


“จริงสิ มึงต้องไปสอนพิเศษแถวไหน เดี๋ยวกูจะแวะไปส่ง” ไอ้พฤกษ์ถามพร้อมกับลุกขึ้นเก็บโต๊ะญี่ปุ่นไปไว้ที่เดิม ก็ดีที่มันไม่รู้ว่าผมเขินเลยเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น


“แถวลาดพร้าว”


“ดีเลย ไม่ไกลจากบ้านกูเท่าไหร่”


“งั้นมึงไปเก็บของเถอะ กูว่าจะออกไปแล้ว” ความจริงผมจะออกไปช้ากว่านี้สัก 20 นาทีก็ได้ แต่ที่ผมรีบออกไปก็เพราะรู้สึกทำตัวไม่ถูกนี่แหละ


“ไปตอนนี้เลยก็ได้ ของที่กูซื้อเมื่อคืนก็เอาไว้ที่นี่แหละ” คำพูดของไอ้พฤกษ์ทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง


“เพื่อ? กูกับมึงใช้คนละยี่ห้อ มึงเอาไว้ที่นี่กูก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว”


“กูก็ไม่ได้บอกว่าเอาไว้ให้มึงใช้สักหน่อย” ไอ้พฤกษ์ตอบหน้าตาย นี่มันตั้งใจจะกวนตีนผมใช่มั้ยเนี่ย


“แล้วมึงจะเอาไว้ที่นี่ทำมะเขืออะไร” ผมกอดอกมองมัน ตอนนี้ผมชักจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่แล้ว แต่พอได้ยินคำตอบเท่านั้นแหละ จากที่ไม่สบอารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นความงุนงงทันที


“ก็เผื่อวันไหนกูกลับบ้านไม่ได้เลยต้องนอนค้างที่นี่อีกน่ะสิ”


“หา?”


“ไม่ต้องมาหาเลย อย่างวันนี้มึงก็หลอกกูให้ออกมาจากบ้าน แล้วก็มัดมือชกให้กูนอนค้างที่นี่ไม่ใช่รึไง” พอโดนไอ้พฤกษ์ย้อนความจริงมาแบบนี้แล้วผมจะไปเถียงอะไรได้ล่ะ


“ถ้างั้นก็ตามใจ จะเอาของไว้ที่นี่ก็แล้วแต่มึง” อนาคตมันก็ไม่แน่นอน ถึงผมจะไม่ค่อยอยากให้ไอ้วายร้ายในคราบคุณชายอย่างไอ้พฤกษ์มานอนที่นี่กับผมเท่าไหร่ แต่บางทีอาจจะมีเรื่องอะไรที่ให้ผมต้องตามมันมาก็ได้ใครจะไปรู้


“ถ้างั้นไหนๆ ก็ไหนๆ กูเอาเสื้อผ้าชุดเมื่อคืนไว้ที่นี่แล้วฝากมึงซักด้วยแล้วกัน” แม่งได้คืบจะเอาศอกนะไอ้คุณชาย แต่ผมขี้เกียจจะพูดกับมันแล้ว อยากทำอะไรก็เอาที่สบายใจเลยแล้วกัน


“เออ เดี๋ยวกูเอาไปซักให้”


“ขอบใจ เดี๋ยวกูเอาเงินให้แป๊บนึง” แล้วไอ้พฤกษ์ก็หยิบกระเป๋าตังออกมา ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะให้ผมเท่าไหร่ แต่ผมก็เอามือไปจับมือของมันไว้ก่อน
“ไม่ต้องหรอกมึง ยังไงวันนี้มึงก็ต้องไปส่งกูอยู่แล้ว” การที่ผมซักเสื้อผ้าให้ยังไม่คุ้มค่าน้ำมันเลยด้วยซ้ำ


“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้กูเลี้ยงข้าวมึงเต็มที่เลยแล้วกัน” ไอ้พฤกษ์ยิ้มออกมา ไอ้นี่ท่าทางจะบ้า ได้เสียเงินแล้วยิ้มอย่างมีความสุข


“เออ กูจะถล่มให้ยับเลยคอยดู” พอได้ยินแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็หัวเราะออกมา ก่อนที่เราสองคนจะเดินออกจากห้องไปขึ้นรถ แล้วมุ่งตรงไปยังบ้านของเด็กที่ผมต้องสอนพิเศษ


ระหว่างทางที่อยู่บนรถด้วยกันเกือบชั่วโมงผมก็ชวนไอ้พฤกษ์คุยไปเรื่อย ผมรู้ว่ามันเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ถ้าหากผมเงียบไปอีกคนบรรยากาศได้ชวนอึดอัดแน่ๆ


ผมชวนไอ้พฤกษ์คุยหลายเรื่อง ตอนแรกก็แค่เพื่อไม่ให้รถเงียบเท่านั้น แต่ไปๆ มาๆ กลับทำให้ผมได้รู้จักมันมากขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้มุมมองความคิดที่ผมมีต่อมันเปลี่ยนไป ความจริงแล้วมันไม่ใช่คุณชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างที่ผมคิดเลย


ช่วงวัยเด็กของไอ้พฤกษ์ลำบากกว่าทั้งชีวิตของผมอีกมั้ง แถมมันยังไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากพ่อและแม่อีกต่างหาก มันกับพี่น้องรวมทั้งหมด 5 คนเกิดจากความผิดพลาด แม่ไม่ต้องการมันเพราะกระทบกับงานเลยเอามาทิ้งไว้กับยาย ถึงจะส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือนแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร แถมยายก็แก่มากแล้วคนที่ดูแลทุกคนเลยเป็นพี่ชายคนโตที่ยังคงเรียนอยู่


   การที่ได้เห็นพี่ชายทำหน้าที่ทุกอย่างเลยทำให้มันรู้สึกว่าจะเป็นภาระไม่ได้ ดังนั้นมันเลยตั้งใจเรียนและประพฤติตัวให้อยู่ในกรอบทุกอย่าง ถึงแม้หลังจากนั้นหลายปีจะลืมตาอ้าปากได้จากเงินประกันหลังแม่ตาย แต่มันก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะไม่ใช่เรื่องเสียหาย แล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกว่าฝืนที่ต้องทำแบบนี้ด้วย


“พอได้รู้แบบนี้กูก็ชักรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ที่เคยไม่ชอบมึง คือกูคิดว่าโลกแม่งโคตรไม่ยุติธรรม เลยหมั่นไส้คุณหนูคุณชายแบบมึงที่ชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กูต้องพยายามแทบตายยังไม่มีอะไรสู้มึงได้เลย” คนที่คิดแบบนี้ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว แต่ผู้ชายเกือบครึ่งมหา’ลัยก็คิดแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น ใครอยากให้วันๆ มันมีแต่สาวๆ สวยๆ รุมล้อมกันล่ะ ความอิจฉามันก็เลยพุ่งปรี๊ดน่ะสิ


“กูก็เคยไม่ชอบมึงเหมือนกัน แต่พอได้มารู้จักมึงจริงๆ กูก็ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว ว่าแต่มึงเถอะ ที่ตอนแรกบอกว่าไม่ชอบกู แล้วตอนนี้ล่ะ...ชอบกูรึเปล่า?” ในจังหวะที่ถามรถกำลังจอดไฟแดงอยู่พอดี เพราะงั้นไอ้พฤกษ์เลยหันหน้ามาทางนี้แล้วมองมาข้างในดวงตาของผม


“อะ...เอ่อ...” จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนติดอ่าง ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแค่คำถามง่ายๆ ทำไมมันถึงได้ตอบยากนัก


“ว่ายังไง ชอบหรือไม่ชอบ?” ไอ้พฤกษ์โน้มตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น สายตาที่จ้องมองมาราวกับจะอ่านผมเข้าไปข้างในถึงจิตใจ ผมที่โดนเร่งเอาคำตอบมากๆ เข้าเลยไม่รู้จะว่ายังไง เลยต้องหาทางตอบให้พ้นตัวไปก่อน


“แล้วมึงล่ะ เมื่อกี้บอกว่าเคยไม่ชอบกู แต่ไม่เห็นบอกเลยว่าตอนนี้มึงคิดยังไง” พอโดนผมถามแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็นิ่งไป ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคำถามนี้มันถึงได้ตอบยากนักก็ไม่รู้ ทั้งมันทั้งผมต่างก็อึกอักด้วยกันทั้งนั้น


“กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีกูอาจจะ...”


ปี๊นนนนนนน ปี๊นนนนนนนน


แต่ยังไม่ทันที่ไอ้พฤกษ์จะพูดจนจนบประโยคเสียงบีบแตรของรถคันหลังก็ดังขึ้น นั่นแหละเราสองคนถึงได้เห็นว่าตอนนี้ไฟสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว ไอ้พฤกษ์เลยหันหน้ามองตรงแล้วรีบขับรถออกไป ไม่อย่างนั้นรถคันหลังได้ลงมาด่าพ่อเราสองคนแน่ๆ


“เดี๋ยวมึงเลี้ยวซ้ายแยกหน้า แล้วก็เลี้ยวซ้ายในซอยที่ 3 อีกที” ผมบอกทางไอ้พฤกษ์ซึ่งมันก็พยักหน้า จากนั้นไม่นานรถก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านเด็กที่ผมต้องสอนพิเศษ


“ขอบใจนะ กูไปล่ะ” พูดจบผมก็จะเปิดประตูลงจากรถ แต่ไอ้พฤกษ์ก็ยื่นมือมาคว้าที่แขนของผมเอาไว้ก่อน


“เดี๋ยวสิ ตอนเย็นให้กูมารับมั้ย”


“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวกูไปเอง ว่าแต่มึงจะให้กูไปเจอที่ไหน”


“อเวนิวมั้ยล่ะใกล้ดี”


“โอเค ประมาณ 4 โมงครึ่งเจอกัน งั้นกูไปล่ะ” ผมโบกมือลาไอ้พฤกษ์ จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถแล้วกดกริ่งหน้าบ้าน จนกระทั่งแม่ของเด็กออกมาเปิดประตูให้แล้วเดินนำผมเข้าไปในบ้าน นั่นแหละไอ้พฤกษ์ถึงวางใจแล้วค่อยขับรถออกไปในที่สุด


“ใครมาส่งอะพี่นิ” แนน เด็กที่ผมสอนพิเศษถามขึ้นหลังจากที่ผมเดินขึ้นไปบนห้อง ท่าทางจะมองลงมาจากระเบียงในห้องที่อยู่ชั้นสอง คนอื่นๆ นอกจากเพื่อนจะเรียกผมว่า ‘นิ’ กันทุกคน


“เพื่อนมาส่ง แล้วนี่แนนอยู่คนเดียวหรอ ภูมิไปไหนซะล่ะ” ผมมองซ้ายมองขวาหาภูมิ เด็กอีกคนที่ผมสอนพิเศษไปพร้อมกับแนน สองคนนี้เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันและอยู่ในหมู่บ้านนี้เหมือนกันด้วย


“วันนี้ภูมิไม่มาหรอกพี่นิ”


“อ้าวทำไมล่ะ”


“ก็...วันก่อนแนนบอกชอบภูมิ แต่ภูมิบอกว่ายังไม่อยากคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องแอดฯ แล้วหลังจากนั้นภูมิก็หลบหน้าแนนมาตลอด” แนนพูดจบก็ถอนหายใจด้วยใบหน้าเซ็งๆ


“เอาน่าอย่าเสียใจไปเลย ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกสักหน่อย” ไอ้ผมก็ไม่เคยอกหักซะด้วย เลยคิดคำปลอบใจที่ดีที่สุดได้เท่านี้แหละ


“แต่ผู้ชายแบบภูมิมีคนเดียวนะพี่นิ แล้วแนนก็ไม่ได้เสียใจด้วย แต่เซ็งแล้วก็เบื่อผู้ชายโง่เง่าที่ไม่รู้ใจตัวเองต่างหาก”


“หืม? แนนคิดว่าภูมิชอบแนนว่างั้น?”


“ไม่ใช่แค่คิดแต่ว่ามั่นใจเลยล่ะ ต้องทำยังไงนะไอ้ซื่อบื้อนั่นถึงจะรู้ใจตัวเองสักที...จริงสิแนนนึกออกแล้ว! พี่นิช่วยแกล้งเป็นแฟนแนนให้ภูมิหึงได้มั้ย!”


“หา? เรื่องแบบนั้นพี่ไม่เอาด้วยหรอก ลองไปให้คนอื่นช่วยดูนะแนน” ทุกวันนี้ชีวิตของผมก็วุ่นวายจะตายห่า แล้วอย่างนี้ผมจะไปหาเรื่องเสี่ยงตีนอีกทำไม ยิ่งแนนดูมั่นใจนักหนาว่าภูมิชอบตัวเองด้วยอีก พิษรักแรงหึงมันน่ากลัวจะตาย


“แต่แนนไม่ได้จะให้พี่นิช่วยฟรีๆ สักหน่อย”


“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ถ้าจะให้รับเงินค่าจ้างจากลูกศิษย์ตัวเองพี่ว่ามัน...”


“แนนให้พี่นิพันนึง”


“โอเคงั้นจัดไป” ผมยิ้มหวานแล้วรีบตอบรับไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ก็เงินพันนึงผมอยู่ได้เป็นอาทิตย์เลยนี่นา อีกอย่างภูมิก็ดูเป็นเด็กเนิร์ดๆ คงไม่โมโหหึงถึงขนาดใช้กำลังกับผมหรอก...มั้ง


“พอเป็นเรื่องเงินนี่ว่าง่ายเลยนะพี่นิ” แนนอมยิ้มแล้วยื่นแบงค์พันมาให้ผม


“ก็ถ้าพี่สังเคราะห์แสงแทนอาหารได้ก็คงไม่ต้องดิ้นรนหาเงินขนาดนี้หรอก ว่าแต่แนนจะให้พี่ทำอะไรบ้าง” ไหนๆ ก็ไหนๆ วันนี้ไม่ต้องสงต้องสอนมันแล้ว ถึงสอนไปแนนก็คงจดจ่ออยู่กับแผนที่จะทำให้ภูมิหึงอยู่ดี เพราะงั้นเรื่องที่จะสอนวันนี้ผมยกยอดไปเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน แน่นอนว่าค่าจ้างของวันนี้ผมก็ต้องไม่เอาอยู่แล้ว


หลังจากนั้นผมกับแนนก็ปรึกษากันเรื่องแผนการยาวไปเป็นชั่วโมง ซึ่งบางแผนมันก็น่ารักดี แต่บางแผนนี่ผมก็เสี่ยงโดนตีนมากๆ ดีนะที่พอคัดค้านแล้วแนนยังพอฟังบ้าง แต่บางเรื่องก็ยืนยันที่จะทำจนผมต้องยอมอย่างช่วยไม่ได้


สรุปแล้วตามแผนคือแนนจะให้เพื่อนที่นัดกันเรียบร้อย ทำเป็นบังเอิญเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกันอย่างกระหนุงกระหนิงแล้วถ่ายรูปส่งไลน์ไปให้ภูมิ แผนการง่ายๆ แต่ก็เรียกตีนได้ง่ายเช่นกัน ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองผมด้วยเทอญ...


“พี่นิไปรอหน้าห้องนะเดี๋ยวแนนเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง”


“โอเค” พูดจบผมก็สะพายกระเป๋าแล้วเดินออกไปรอนอกห้อง ก่อนที่สักพักแนนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นแนวเซ็กซี่เล็กๆ เปิดนิดปิดหน่อยจะเดินออกมานอกห้อง แต่ก่อนออกบ้านก็ต้องสวมเสื้อกันหนาวทับไว้ไม่งั้นเดี๋ยวจะถูกแม่ดุ


“พร้อมยังพี่นิ”


“พร้อมตั้งแต่ได้แบงค์เทาๆ แล้ว” พอได้ยินแบบนี้แนนก็หัวเราะออกมา ก่อนที่จะเดินนำผมลงไปข้างล่างเพื่อขอแม่ออกไปข้างนอก ซึ่งท่านก็อนุญาตแต่กำชับว่าอย่ากลับดึกก็พอ


“เออใช่ แล้วเราจะไปที่ไหนกัน” ผมถามในขณะที่กำลังรอรถแท็กซี่ที่หน้าบ้านแนน


“อเวนิวใกล้ๆ นี่แหละพี่นิ พอภูมิเห็นรูปแล้วจะได้รีบออกมาหาเร็วๆ” แนนอมยิ้มเขินๆ พลางบิดไปมาด้วยท่าทางดี๊ด๊า แต่ผมนี่สิกลับตาเหลือกเพราะดันลืมเรื่องสำคัญ...


เย็นนี้ผมมีนัดกับไอ้พฤกษ์กินข้าวนี่หว่า!


“แนน! แผนเราเอาไว้ทำพรุ่งนี้ได้มั้ย! พี่ลืมไปว่าเย็นนี้พี่มีนัดแล้ว!”


“ไม่รู้แหละ พี่นิรับเงินไปแล้วแนนไม่ยอมให้เลื่อนหรอกนะ”


“งั้นแนนเอาเงินคืนไป เย็นนี้พี่ไปด้วยไม่ได้จริงๆ” พูดจบผมก็เอาเงินคืนแนน ถึงจะเสียดายจนน้ำตาแทบไหลก็เถอะ แต่ผมไม่อยากผิดคำพูดที่ให้ไว้กับไอ้พฤกษ์นี่นา


“ง่ะ ได้ไงล่ะพี่นิ แนนนัดเพื่อนกับเตี๊ยมแผนการทุกอย่างเอาไว้แล้วนะ” แนนยัดเงินคืนใส่กระเป๋าเสื้อของผม


“โธ่...แต่พี่มีนัดแล้วจริงๆ แนนหาคนอื่นมาช่วยเล่นละครแทนพี่ไม่ได้หรอ”


“กระชั้นชิดแบบนี้แนนจะไปหาทันได้ยังไงกันเล่า...เอางี้มั้ยพี่นิ พี่ไม่ต้องยกเลิกนัดก็ได้ แต่เลื่อนเวลาออกไปสัก 2 ชั่วโมง...ไม่สิ แค่ชั่วโมงเดียวก็ได้ นะๆๆๆ ช่วยแนนหน่อยนะพี่นิ น้าาาาา” แล้วแนนก็กอดแขนผมพร้อมกับช้อนตาปริบๆ ขึ้นมามอง ไอ้ผมที่เป็นคนแพ้ลูกอ้อนอยู่แล้วเลยใจอ่อนอย่างช่วยไม่ได้


“โอเคๆ เดี๋ยวพี่จะเลื่อนนัดเพื่อนก็แล้วกัน” ตอนนี้พึ่งบ่าย 3 ครึ่ง ผมกับไอ้พฤกษ์นัดกันในอีก 1 ชั่วโมง บ้านมันก็อยู่ใกล้ๆ เพราะงั้นผมว่ามันคงยังไม่ออกมาหรอกมั้ง


“เย้ๆๆ พี่นิใจดีที่สุดเลย” แนนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จากนั้นก็หันไปโบกแท็กซี่ที่ขับผ่านมาพอดี ในขณะที่ผมก็ต่อสายโทรหาไอ้พฤกษ์ แต่มันก็ไม่รับสายผมเลยไลน์ไปบอกว่าติดธุระสำคัญ ขอเลื่อนนัดเป็นตอน 5 โมงครึ่งแทน


พอไปถึงที่อเวนิวผมกับแนนก็นัดแนะกับเพื่อนที่ไปถึงก่อนแล้วทำตามแผนทันที แนนควงผมไปตรงนั้นตรงนี้อย่างสนุกสนาน ส่วนผมก็ยิ้มด้วยท่าทางร่าเริงเพราะไม่มีเรื่องที่ต้องกังวล แถมยังมีโอบเอว กอดไหล่ ป้อนขนม เช็ดปาก รวมทั้งอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง พูดเลยว่าถ้าทำขนาดนี้แล้วภูมิยังไม่หึงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว...ก็ถ้าภูมิชอบแนนจริงๆ ล่ะนะ


“เป็นไงบ้าง ภูมิได้ส่งอะไรตอบกลับมามั้ย” ผมถามแนนหลังจากเดินวนอเวนิวมาร่วมชั่วโมง ก่อนที่เราสองคนจะมาหยุดนั่งพักกันที่ร้านไอติม โดยนั่งที่โซฟาตัวเดียวกัน


“หน้าแนนเป็นแบบนี้พี่นิคิดว่าภูมิจะตอบอะไรกลับมาอีกมั้ยล่ะ” แนนทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก เพราะหลังจากที่เพื่อนแนนส่งรูปไปให้ภูมิก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ไม่หึง ไม่เกรี้ยวกราด และไม่ซักถามอะไรทั้งนั้น เรียกได้ว่าตรงข้ามกับที่แนนมโนเอาไว้อย่างสุดขั้วเลยล่ะ


“เอาน่าอย่าเศร้าไปเลย แนนอายุแค่นี้ยังมีโอกาสเจอคนดีๆ อีกเยอะ” ผมลูบศีรษะเล็กๆ เพื่อปลอบใจ


“แนนไม่สวย ไม่น่ารัก ไม่มีเสน่ห์หรอพี่นิ” แนนพูดอย่างเศร้าๆ แล้วเอียงศีรษะมาซบที่ไหล่ของผม


“ใครว่าล่ะ แนนทั้งสวย ทั้งน่ารัก แล้วก็มีเสน่ห์มากๆ ต่างหาก แต่การที่จะชอบหรือรักใครสักคนมันไม่ได้มองกันแค่ตรงนั้นหรอกนะ หรือแนนจะบอกว่าชอบภูมิตรงที่หน้าตา?”


“เด็กเนิร์ดใส่แว่นหนาแบบนั้นพี่นิก็ช่างกล้าถาม แนนชอบภูมิตรงที่นิสัยต่างหากเล่า”


“นั่นไงล่ะ เพราะงั้นก็ไม่ต้องนอยด์เรื่องหน้าตาหรอกนะแนน แล้วก็ไม่ต้องนอยด์เรื่องนิสัยหรือว่าอย่างอื่นของตัวเองด้วย บางทีคนไม่ใช่มันก็ไม่ใช่ล่ะนะ อย่าคิดมากแล้วก็อย่าเศร้าไปเลย ร่าเริงแล้วก็ยิ้มเข้าไว้น้องสาวคนสวยของพี่” พูดจบผมก็ขยี้ที่ศีรษะของแนนเบาๆ แนนที่กลัวผมจะยุ่งเลยบ่นอุบแล้วลุกขึ้นมาจัดทรงผม แต่ในที่สุดก็ยิ้มออกมาจนได้


“แนนขอบคุณมากๆ เลยนะพี่นิ ขอน้องสาวคนนี้กอดพี่ชายอีกทีได้มั้ย”


“ด้วยความเต็มใจเลยล่ะสาวน้อย” ผมอ้าแขนออก แนนเลยโผเข้าสู่อ้อมกอดของผม


เราสองคนกอดกันกลมราวกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ ผมที่ไม่เคยมีพี่น้องและตอนนี้เหลือตัวคนเดียวเลยรู้สึกมีความสุขมาก แต่แล้วเมื่อผมมองออกไปนอกกระจกความสุขก็ถึงกับชะงักลง เพราะว่าผมเห็นไอ้พฤกษ์กำลังมองตรงมาทางนี้!


“อ๊ะ!” ทันทีที่สบตากันผมก็อุทานออกมา แม้จะรู้ว่าระยะห่างขนาดนี้แถมยังมีกระจกกั้นเสียงของผมคงส่งไปไม่ถึง แต่ผมก็อยากอธิบายเพราะไม่อยากให้ไอ้พฤกษ์เข้าใจผิด ทั้งที่เป็นอย่างนั้นมันกลับฝืนยิ้มออกมาบางๆ ราวกับว่าเข้าใจทุกอย่างและไม่อยากรบกวน จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปเลย...


2BC


 o15 สวัสดีค่ะทุกคน Avert หัวใจซ่อนรักตอนที่ 5 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้มีหลายฉากที่น่าจะทำให้ทุกคนยิ้มได้ ระหว่างพฤกษ์กับซ่าแต่ละคนชอบใครมากกว่ากันน้อ? ไหนใครชอบฉากไหนมาเม้ามอยกันเนอะ  :hao3:
ส่วนพารากราฟสุดท้าย...มาลุ้นกันค่ะว่าจบอย่างนี้แล้วตอนหน้าจะเป็นยังไง นี่พฤกษ์จะคิดว่าตัวเองอกหักซ้ำสองรึเปล่านะ เรื่องนี้จะเปลี่ยนจากสายฮาเป็นสายเศร้า สายหวาน สายซึ้ง สายมุ้งมิ้ง หรือจะเป็นสายเดิม ยังไงก็มาลุ้นและเอาใจช่วยพฤกษ์กับซ่าด้วยน้า แล้วเจอกันตอนหน้าประมาณวันอาทิตย์นะคะทุกคน บ๊ายบายยย  :bye2:
(8 ก.พ. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 นัดเดท [08.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 08-02-2018 23:34:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 นัดเดท [08.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 08-02-2018 23:40:50
 :hao5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 นัดเดท [08.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-02-2018 01:22:47
เอาละซิ หวังจะให้ภูมิเห็น กลับเป็นพฤกษณ์เสียนี่ ทำไงดีล่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 นัดเดท [08.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-02-2018 13:19:22
ต้มมาม่าเลย ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 นัดเดท [08.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-02-2018 14:17:29
อ่าว เข้าใจผิดเลย

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 นัดเดท [08.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 09-02-2018 21:46:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 นัดเดท [08.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-02-2018 00:03:08
เข้าใจผิดอีกล่ะสิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 5 นัดเดท P.17 [08.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 10-02-2018 12:44:14
กลับมาก่อนนนนนนนพฤกษ์เข้าใจผิดแล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [11.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 11-02-2018 23:38:04
 
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 6# Niza การกระทำที่ชัดเจน


   “นั่นใครอะพี่นิ หล้ออออหล่อ” แนนเงยหน้าขึ้นแล้วมองตามสายตาของผมไปยังไอ้พฤกษ์ ซึ่งตอนนี้กำลังเดินออกไปไกลจากผมเรื่อยๆ แล้ว


   “นั่นเพื่อนพี่เองที่นัดกันวันนี้ เดี๋ยวพี่ไปหามันเลยแล้วกันนะ” พูดจบผมก็ลุกขึ้นแล้วจะวิ่งออกไปหาไอ้พฤกษ์


“เดี๋ยวสิพี่นิ อย่าพึ่ง...”


   “แนน!” ตอนแรกแนนตั้งใจจะรั้งผมเอาไว้ แต่ยังพูดไม่ทันจบเสียงของผู้ชายที่คุ้นเคยก็ดังอยู่ทางข้างหลังซะก่อน แนนกับผมเลยหันไปมองจึงพบว่าเป็นภูมิที่ดูท่าทางรีบร้อนมาที่นี่


   “ตอนนี้แนนคงไม่ต้องการพี่แล้วนะ ขอให้สมหวังล่ะสาวน้อย” ผมวางมือลงบนศีรษะของแนน จากนั้นก็ตั้งใจว่าจะวิ่งตามไอ้พฤกษ์ไป แต่ไหงภูมิดันมาขวางผมเอาไว้ไม่เดินไปหาแนนล่ะเนี่ย


“ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับพี่นิครับ” เฮ้ยๆๆ แกอย่าทำหน้าโหดแบบนั้นใส่พี่สิวะ มันน่ากลัวเหมือนแกจะมาท้าพี่ต่อยเลยนะเว่ย


“อะ...เอาไว้วันหลังได้มั้ย ตอนนี้พี่รีบ” รีบหนีก่อนที่จะโดนแกต่อย!


   “ไม่ได้ครับ ผมต้องคุยกับพี่นิวันนี้แล้วก็ตอนนี้ด้วย” น้ำเสียงของภูมิเข้มขึ้น ส่วนสีหน้าก็ถมึงทึงจนผมขนลุกไปแทบทั้งตัว


“โอเคๆ คุยวันนี้แล้วก็ตอนนี้เลย ภูมิมีอะไรก็ว่ามา” ที่ผมต้องยอมเพราะอยากรักษาชีวิตและความปลอดภัยของตัวเองเอาไว้ ส่วนเรื่องง้อไอ้พฤกษ์เดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้ผมยังพอมองเห็นแผ่นหลังของมันอยู่ มันดูเซ็งๆ และผิดหวังเลยค่อนข้างเดินเชื่องช้า ก็หวังว่าภูมิจะรีบพูดรีบเคลียร์ให้เรื่องมันจบไวๆ ล่ะนะ


“ผมอยากขอแนนคืน พอเห็นแนนอยู่กับคนอื่นผมถึงได้รู้ใจตัวเอง” ภูมิพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ในที่สุดก็สมหวังแล้วนะยัยแนน


“โอเค พี่เข้าใจแล้ว งั้นพี่ไปล่ะ” พูดจบผมก็จะเดินออกจากร้านไปตามไอ้พฤกษ์ที่เห็นแผ่นหลังลิบๆ แต่ให้ตายสิ ภูมิมันดันกางแขนข้างหนึ่งออกจนผมไม่สามารถเดินไปไหนได้ จะมาขวางทำไมล่ะเนี่ย!


“ผมว่าพี่นิยังไม่เข้าใจ” คนที่ไม่เข้าใจมีแต่แกคนเดียวนั่นแหละภูมิ!


“พี่เข้าใจทุกอย่าง ที่ภูมิพูดเมื่อกี้หมายความว่าภูมิชอบแนนใช่มั้ย”


“ใช่ ผมชอบแนน” ภูมิตอบอย่างแน่วแน่และชัดถ้อยชัดคำ แนนที่ได้ยินแบบนั้นเลยยิ้มจนแก้มแทบปริ แถมยังบิดไปบิดมาด้วยความเขิน


“เราก็ชอบภูมิเหมือนกัน”


“เอาล่ะ ในเมื่อภูมิกับแนนใจตรงกันเพราะงั้นพี่ก็หมดธุระแล้ว” พูดจบผมก็เบี่ยงตัวเดินออกมา หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครหน้าไหนมาขวางผมเอาไว้แล้วนะ


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


“เดี๋ยวก่อนครับพี่นิ” ภูมิดันเรียกผมเอาไว้อีกครั้ง มันจะอะไรนักหนากับชีวิตของผมเนี่ย! ชักทนไม่ไหวแล้วนะโว้ยยยยยยยย!


“พวกแกจะรั้งพี่ไว้อีกนานมั้ย! ก็บอกอยู่ว่ารีบนี่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องรึไง! หรือว่าพี่ต้องพูดเป็นภาษาวากันด้าพวกแกถึงจะเข้าใจห้ะ!” เดี๋ยวปั๊ดอัญเชิญองค์ฝ่าบาททีชัลล่า (Black Panther) เข้าประทับร่างเลยนี่!


“อะ...เอ่อ...ผม...ผมแค่อยากขอบคุณพี่นิที่ยอมหลีกทางให้เราสองคน” ภูมิทำหน้าหงอเป็นลูกหมา เปลี่ยนท่าทางจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยเมื่อเจอฤทธิ์วีนแตกของผม ไม่สิ...ความจริงน่าจะเป็นเพราะรู้ว่าใจตรงกับแนนต่างหาก


“ภูมิไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก เพราะพี่ไม่ได้คิดอะไรกับแนนอยู่แล้ว”


“ถ้างั้นแล้วทำไม...”


“ถ้าอยากรู้ก็ไปถามแนนเอานู่น ตอนนี้พี่รีบไม่มีเวลาอธิบายหรอก แล้วก็ไม่ต้องเรียกพี่อีกด้วย ไม่งั้นพี่จะขึ้นค่าสอนเป็นชั่วโมงละ 300 เลยคอยดู” ผมขู่พร้อมกับถลึงตาใส่


ให้ตายสิเสียเวลาจริงๆ แถมผมยังซวยจนไอ้พฤกษ์เข้าใจผิดอีกต่างหาก ทำไมผมต้องมาเสียเวลาและปวดหัวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของไอ้เด็ก 2 คนนี้ด้วยก็ไม่รู้


แต่เอ...พอลองคิดๆ ดูผมก็ผิดที่งกเงินเองนี่หว่า ไม่สิ...ต้องบอกว่าผมเป็นคนดีที่ทำให้เด็ก 2 คนมันเข้าใจกันมากกว่า ถ้าผมไม่ช่วยป่านนี้ภูมิกับแนนก็คงไม่ได้ลงเอยกันหรอก ผมนี่ช่างเป็นคนดีมีเมตตา ส่วนเรื่องค่าจ้างเป็นผลพลอยได้ เพราะงั้นฟ้าจะใจร้ายให้ผมตามหาไอ้พฤกษ์ไม่เจอไม่ได้นะ


“แม่งเดินไปทางไหนวะเนี่ย!” ผมอยากจะบ้าตาย เพราะหลังจากเดินมาตามทางที่ผมเห็นไอ้พฤกษ์ครั้งล่าสุด ปรากฏว่ามันมีทางแยกออกเป็นซ้ายกับขวา


ซ้ายคือทางเดินไปหน้าห้าง ส่วนขวาเป็นทางเดินไปลานจอดรถ งั้นผมเลือกขวาก็แล้วกัน ขอให้เลือกถูกทางทีเถอะ!


ผมออกตัววิ่งเพราะกลัวไม่ทัน ถ้าหากไอ้พฤกษ์มาทางนี้มันต้องคิดจะกลับบ้านแน่นอน ผมไม่ยอมปล่อยให้มันกลับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เลี้ยงข้าว...เอ๊ย! ยังเข้าใจผมผิดแบบนี้หรอกนะ ขอให้ผมวิ่งไปทันก่อนที่มันจะถึงรถด้วยเถอะเพี้ยง!


แล้วก็เหมือนว่าแต้มบุญที่ผมพึ่งได้รับมาจากการช่วยเหลือเรื่องความรักของเด็ก 2 คนนั้นจะส่งผล ผมเลยเห็นแผ่นหลังของไอ้พฤกษ์ที่กำลังเดินไปยังรถ ถึงแม้จะเห็นลิบๆ แต่ผมก็มั่นใจเพราะจำเสื้อที่มันใส่ได้ ดังนั้นผมเลยรีบวิ่งอย่างสุดฝีเท้าจนไปดักด้านหน้ามันได้สำเร็จ


“ซ่า?” ไอ้พฤกษ์ดูงงๆ ที่เห็นผมวิ่งมา แต่ก็ยังไม่ได้ถามอะไรเพราะรู้ว่าผมที่กำลังหอบแฮ่กๆ จนแทบจะลิ้นห้อยเหมือนหมา ยังไม่สามารถตอบคำถามตอนนี้ได้อยู่แล้ว


“มึงจะกลับบ้านแล้วหรอ” ผมถามหลังจากอาการหอบเริ่มดีขึ้นจนแทบเป็นปกติ


“อืม” ไอ้พฤกษ์ตอบแค่สั้นๆ ท่าทางเหมือนไม่ค่อยอยากเสวนากับผมสักเท่าไหร่


“ทำไมถึงรีบกลับนักล่ะ หรือว่ามึงคิดจะเบี้ยวไม่เลี้ยงข้าวกู” ทำเป็นเอาเรื่องสัญญามาอ้าง ความจริงแล้วผมยังไม่อยากให้ไอ้พฤกษ์กลับต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กลัวว่าไอ้พฤกษ์จะคิดจริงจังว่าผมเห็นแก่กิน เลยพูดติดตลกพลางยิ้มกะให้ไอ้พฤกษ์ขำ แต่ว่ามันก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย


หน้านิ่งแบบนี้นี่คนหรือรูปปั้นมาดามทุซโซ่!


“กูไม่ได้จะเบี้ยวสักหน่อย แต่ในเมื่อมึงมีนัดกับแฟน แล้วกูจะอยู่เป็นก้างขวางคอทำไมล่ะ” น้ำเสียงของมันดูเหมือนงอนผมยังไงก็ไม่รู้


“มึงคิดว่าแนนเป็นแฟนกู?”


“ก็หรือว่าไม่ใช่?” ไอ้พฤกษ์ย้อนถามผมคืน คำพูดของมันดูมั่นใจเสียเต็มประดา แต่สีหน้ากลับดูคล้ายกับว่าอยากให้ผมตอบปฏิเสธ ไอ้ผมที่มีนิสัยกวนตีนขี้แกล้งอยู่แล้ว บวกกับความย้อนแยงที่มันแสดงออกมา ผมเลยตอบในสิ่งที่ตรงข้ามกับที่มันหวังเอาไว้


“ก็เปล่า แนนเป็นแฟนกูจริงๆ นั่นแหละ” ทันทีที่ได้ยินแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็หน้าบึ้งลงทันที แต่สิ่งที่พูดผมไม่ได้โกหกนะ แนนจ้างผมเป็นแฟนจริงๆ แถมเงินค่าจ้างยังอยู่ในกระเป๋าของผมอยู่เลย


“ถ้างั้นมึงก็รีบกลับไปหาแฟนมึงเถอะ ออกมาหากูแบบนี้เสียเวลาสวีทกันเปล่าๆ” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็เบี่ยงตัวจะเดินหนีไป ดีที่ผมมือไวเลยคว้าแขนของมันเอาไว้ได้ทัน


“เดี๋ยวสิไอ้พฤกษ์ เมื่อกี้กูยังพูดไม่จบ”


“มีอะไรที่มึงยังไม่ได้พูดอีก” ไอ้พฤกษ์พูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่ผมก็ดูออกว่ามันกำลังไม่สบอารมณ์เท่าไหร่


“คือกูจะบอกว่าแนนเป็นแฟนกูจริง แต่ว่าก็แค่จ้างกูเป็นแฟนให้ผู้ชายที่ชอบหึงเฉยๆ”


“หมายความว่ามึงกับน้องคนนั้นแค่คบกันหลอกๆ?”


“ใช่แล้ว นี่ไงค่าจ้างที่กูได้มา” พูดจบผมก็ควักแบงค์สีเทาออกจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาโชว์ไอ้พฤกษ์ แถมยังยิ้มแฉ่งส่งให้ด้วยอีกต่างหาก


“มึงนี่มัน...หัดพูดทีเดียวให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ได้รึไง” สีหน้าของไอ้พฤกษ์ตอนนี้เหมือนดูโล่งใจ แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าอยากบีบคอผมให้ตายยังไงยังงั้น


“อะไรกันเล่า กูแกล้งเล่นนิดหน่อยทำเป็นซีเรียสจริงจังไปได้ งอนเบอร์แรงขนาดนี้ทำอย่างกับเป็นผัวกู” ผมจีบปากจีบคอพูดเพราะกะจะให้ไอ้พฤกษ์ขำ แต่นอกจากจะไม่ขำแล้ว มันยังพูดสวนมาทันควันจนผมถึงกับไปไม่เป็นอีกต่างหาก


“แล้วกูเป็นผัวมึงได้มั้ยล่ะ ถ้าได้ กูจะได้ขอให้มึงเป็นเมียกูตอนนี้เลย”


“หา!?” ผมเบิกตากว้างออกมา ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าควรจะงงหรือตกใจดี


มันเล่นพูดมาแบบนี้แล้วผมควรจะตอบไปว่ายังไงดีเนี่ย!


“...” ผมได้แต่ยืนเอ๋อเพราะทำตัวไม่ถูก จะว่าโกรธก็ไม่ใช่ จะเขินก็ไม่เชิง ผมรู้สึกสับสนจนคิดอะไรไม่ออกราวกับว่าสมองเป็นอัมพาต ส่วนไอ้พฤกษ์ที่เป็นคนพูดกลับยังคงหน้านิ่งไม่มีเปลี่ยนแปลง เพราะงั้นผมเลยคิดว่าตัวเองต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่บรรยากาศที่กำลังดีขึ้นจะอึดอัดไปซะก่อน


“อุ๊ปส์! ฮ่าๆๆๆ นี่มุขหรือเปลือกหอยวะเนี่ย โอ๊ยยยย ฮากริบจนต้องหัวเราะในความแป้ก ฮ่าๆๆๆ แต่เอาจริงๆ คือจังหวะแม่งพอได้อยู่ ส่วนมุขนี่ต้องไปฝึกมาใหม่ ยังไงกูก็เป็นกำลังใจให้มึงนะเพื่อน” ผมตัดสินใจหัวเราะอย่างท้องคัดท้องแข็งแล้วเดินเข้าไปตบบ่าของไอ้พฤกษ์ มันจึงทำหน้าประมาณว่า ควรจะโมโหหรือปลงกับผมดี


“เออ โทษทีที่มันไม่ฮา” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าเบื่อหน่าย ในที่สุดมันก็เลือกปลงสินะ ดีแล้วล่ะผมจะได้ไม่ต้องเล่นใหญ่ไปมากกว่านี้


“ไม่เป็นไรๆ กูก็ไม่หวังอะไรกับคุณชายอย่างมึงอยู่แล้ว” ผมโบกมือหยอยๆ ไปมา จากนั้นก็แสร้งหัวเราะต่ออีกสักพักเพื่อความแนบเนียน


เฮ้อออออ แกล้งตอแหลตลกให้เนียนนี่มันยากจริงจริ้งงงงงงงง


ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมไอ้พฤกษ์ถึงพูดแบบนั้นออกมา บางทีมันอาจจะหัวเสียมาจากที่บ้าน ระหว่างทางเจอคนขับรถกวนประสาท หรือพาลที่เจอคู่รักเยอะแยะในช่วงวาเลนไทน์เลยมาลงกับผม ซึ่งเหตุผลจะเป็นเพราะอะไรก็ช่าง แต่ผมก็มั่นใจมากว่ามันไม่ได้คิดแบบที่พูดออกมาแน่นอน


คุณชายที่แสนเลิศเลอเพอร์เฟคแบบนั้นจะอยากได้ผมเป็นเมียได้ยังไง ผู้หญิงสวยๆ ในมหา’ลัยมีตั้งเป็นร้อยเป็นพัน มันไม่มีทางสนใจผู้ชายธรรมดาแถมยังหน้าเงินอย่างผมหรอก


ยังไงก็ไม่มีทาง!


“แล้วนี่มึงยังอยากกลับบ้านตอนนี้อยู่อีกรึเปล่า” ผมถามขึ้นเพราะดูท่าทางไอ้พฤกษ์อารมณ์ดีขึ้นเยอะ ถึงจะติดเซ็งๆ อยู่นิดหน่อยก็เถอะนะ


“แล้วมึงว่างรึยังล่ะ ต้องไปเล่นละครเป็นแฟนน้องคนนั้นต่อรึเปล่า”


“ไม่ต้องแล้ว ไปก็เกะกะเปล่าๆ ป่านนี้ยัยแนนคงเป็นแฟนกับภูมิแล้วล่ะ เพราะงั้นเราไปกินข้าวกันนะ มึงคงไม่รีบกลับแล้วใช่มั้ย” ผมยิ้มกว้าง พอภารกิจเรียบร้อยท้องมันก็ร่ำร้องด้วยความหิว


“มึงอยากกินอะไรล่ะ” เย่ส! ถามแบบนี้ก็แสดงว่าไอ้พฤกษ์จะยังไม่กลับบ้านแน่นอน


“เจ้ากรรมนายเวรอย่างกูกินอะไรก็ได้แล้วแต่เจ้ามือเลย” ผมฉีกยิ้มกว้าง ไอ้พฤกษ์เลยหัวเราะออกมาเบาๆ


“ถ้างั้นไปกินอาหารเกาหลีกัน หวังว่ามึงคงจะไม่เกรียนสั่งมาเต็มโต๊ะอย่างครั้งที่ไปกินอาหารญี่ปุ่นหรอกนะ” พูดจบมันก็หรี่ตามองผมอย่างคาดโทษ


“กูยังสติดีอยู่นะเว่ย โดนมึงเอาคืนขนาดนั้นใครจะกล้าทำอีกล่ะ” นี่ถ้ามื้อนั้นมันไม่ใจอ่อนยอมจ่ายค่าอาหารให้ผม ป่านนี้ผมก็คงยังอยู่ทัวร์ห้องกรงไม่ได้มายืนสลอนอยู่ที่นี่หรอก


“ก็ดีที่มึงคิดได้ งั้นเราไปกันเถอะ เย็นกว่านี้คนเยอะเดี๋ยวได้รอคิวนาน” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็จูงแขนผมแล้วพาเดินออกไปจากตรงนี้ ผมที่ปกติไม่เคยถูกเพื่อนผู้ชายจับมือเดินไปไหนก็ถึงกับงง แต่ผมก็ไม่ได้ชักมือออกหรือทักท้วงอะไร ก็ใครจะกล้ามีปัญหากับเจ้ามือกันล่ะ


อาหารของร้านเกาหลีที่ไอ้พฤกษ์พาไปกินมีรสชาติอร่อยมาก เล่นเอาผมซัดซะพุงกางเพราะชาตินึงจะมีปัญญาได้กินอะไรดีๆ ไม่สิ...ตั้งแต่ที่ได้รู้จักไอ้พฤกษ์มาผมก็มีลาภปากตลอด สงสัยมันคงจะเป็นตัว (เรียก) เงินตัว (เรียก) ทองจริงๆ นะเนี่ย 


หลังจากกินข้าวเสร็จผมกับมันก็เดินย่อยสักพัก ระหว่างที่เดินก็เจอแนนกับภูมิกำลังถ่ายรูปกับซุ้มและป้ายเพราะใกล้วันวาเลนไทน์กันอย่างกระหนุงกระหนิง ผมเลยชี้ให้ไอ้พฤกษ์ดูพร้อมกับย้ำว่าผมไม่ได้เป็นแฟนกับแนนจริงๆ


“เรื่องของน้องคนนั้นกูเชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ได้เป็นแฟนกับมึงจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มึงจะมีตัวจริงอยู่รึเปล่า” พอจู่ๆ โดนไอ้พฤกษ์ถามอย่างนี้ผมก็ถึงกับงงไปเลยน่ะสิ


“จะไปมีที่ไหนล่ะ แค่เลี้ยงตัวเองก็ลำบากจะตายห่า กูจะเอาปัญญาที่ไหนไปเลี้ยงคนอื่น” ที่ผมไม่เคยมีแฟนมาตลอดก็เพราะเหตุผลนี้ ใจจริงอยากมีมั้ยก็คืออยากมี แต่มันติดอยู่ที่ผมไม่มีเงินพาไปเที่ยวหรือเลี้ยงข้าว ลำพังแค่ซื้อข้าวกินเองบางวันยังจะไม่พอ


“ถ้างั้นก็หาคนมาเลี้ยงมึงแทนสิ”


“หา! เลี้ยงกู?” ผมชี้มือเข้าหาตัวเองด้วยความงุนงง


“อืม” ไอ้พฤกษ์พยักหน้า นี่มันบ้ารึเปล่าเนี่ย


“ถุย! ผู้หญิงที่ไหนเขาจะอยากมาเลี้ยงกู แค่ชวนไปเดทแล้วหารบางคนยังว่าน่าเกลียดเลยด้วยซ้ำ” ถึงแม้ผมจะไม่เคยชวนผู้หญิงคนไหนเดทก็เถอะ แต่ผมก็เคยได้ยินพวกเพื่อนผู้หญิงในห้องเมาท์ผู้ชายให้ฟังเหมือนกัน


“กูไม่ได้หมายถึงผู้หญิงสักหน่อย”


“เอ๊า แล้วมึงหมายถึงใคร ทอม ผู้ชาย เกย์ ตุ๊ด มนุษย์ สัตว์ สิ่งของ...”


“พอ...พอแค่นั้นเลย มึงจะร่ายอะไรมากมาย กูก็แค่พูดรวมๆ เผื่ออาจมีคนใกล้ตัวอยากเลี้ยงมึงอยู่ก็ได้”


“ใคร? นอกจากมึงแล้วกูยังไม่เห็นมีใครเลยสักคน” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็ถึงกับชะงักจนไปไม่เป็น มันเบิกตากว้างแล้วอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ไม่ยอมพูดมันสักที


“เอ...กูว่ากูรู้จุดประสงค์ที่มึงทำดีกับกูแล้วล่ะ” ผมหรี่ตาลง ไอ้พฤกษ์ที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มมีอาการลนลานขึ้นมา


“มึงรู้...แล้วสินะ...” พูดจบมันก็หันหน้าหนีเพื่อหลบตา


หึ! โดนกูจับได้แล้วไอ้คุณชาย!


“การกระทำมึงชัดขนาดนี้ทำไมกูจะดูไม่ออก”


“ถ้างั้นมึงก็รู้แล้วว่ากูช...”


“มึงอยากให้กูรีบพาไปเจออาจารย์ปรัชญาเร็วๆ ใช่มั้ยล่ะ” ผมพูดขึ้นก่อนที่ไอ้พฤกษ์จะได้พูดจนจบประโยค ซึ่งก็ไม่จำเป็นเพราะการกระทำของมันก็ชัดเจนอย่างที่ผมบอกไปอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้มันดูอึ้งๆ อยู่ด้วยก็ยิ่งชัดไปอีกว่าผมคิดถูก


“เฮ้อออ ก็ตามนั้นแหละ” ไอ้พฤกษ์ยอมรับอย่างเซ็งๆ แหงล่ะ ก็โดนผมจับได้ซะขนาดนั้นนี่หว่า


“มึงไม่ต้องทำหน้าเซ็งไปหรอกน่า เดี๋ยววันจันทร์กูต้องเจออาจารย์อยู่แล้ว เจอปุ๊บเดี๋ยวกูจะขอร้องให้แกช่วยมึงเรื่องวิจัยปั๊บเลย” ผมให้คำมั่น นี่มันก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ไอ้พฤกษ์จะพยายามเอาใจผมเพื่อกระตุ้นให้พาไปเจออาจารย์ก็ไม่แปลกหรอก เพราะนอกจากจะถูกปอกลอกงานยังจะไม่เสร็จอีกต่างหาก


“ขอบใจนะ” ไอ้พฤกษ์ฝืนยิ้มแห้งๆ ออกมา ท่าทางตอนนี้ดูหมดอาลัยตายอยากคล้ายๆ พวกเพื่อนผมเวลาโดนสาวเทยังไงยังงั้น นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมคงคิดว่ามันชอบไปแล้ว แต่ก็นะ...คุณชายอย่างมันจะมาชอบผู้ชายด้วยกันได้ยังไง


หลังจากนั้นไอ้พฤกษ์ก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมอีก บรรยากาศมันอึนๆ หม่นๆ พิกลผมแลยชวนมันกลับบ้าน ซึ่งตอนแรกผมก็กะจะกลับเองนั่นแหละ แต่ไอ้พฤกษ์ยืนยันจะมาส่งผมก็เลยต้องตามนั้น


“พรุ่งนี้สอนพิเศษเสร็จเดี๋ยวกูไปรับนะ นึกร้านที่อยากไปกินเอาไว้ด้วยล่ะ” ไอ้พฤกษ์พูดขึ้นเมื่อขับรถมาจอดที่หน้าหอของผม


“อืม ขอบใจที่มาส่ง กูไปก่อนนะ” ผมหันไปโบกลาไอ้พฤกษ์จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปไหน กระจกด้านข้างก็ถูกเลื่อนลงมาซะก่อน


“มีอะไร จะเอาของที่ห้องกูหรอ”


“เปล่า แค่อยากจะบอกว่าฝันดีเฉยๆ” ไอ้พฤกษ์ยิ้มบางๆ ส่งมาให้ พอได้ยินแบบนี้ผมก็ถึงกับงงไปเลยน่ะสิ


ขับรถมาส่ง พรุ่งนี้จะมารับไปกินข้าว แถมยังบอกอีกว่าฝันดี นี่ไอ้พฤกษ์ทำอย่างกับว่ามันกำลังชอบผม?


ชอบ...เนี่ยนะ?


บะ...บะ...บ้า! บ้าไปแล้ว! มึงแดกกิมจิจนสติฟั่นเฟือนไปแล้วหรอไอ้ซ่า!


พับผ่าสิ! อะไรเข้าสิงถึงได้มีความคิดแบบนี้ได้ก็ไม่รู้ คุณชายอย่างไอ้พฤกษ์มันจะมาชอบผมได้ยังไง คนอย่างผมมีดีตรงไหน ไม่เห็นเมคเซ้นส์เลยสักนิด เลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว!


 “เออ ฝันดีเหมือนกัน กูขึ้นห้องแล้วนะ บาย” ผมพูดจบก็เดินขึ้นห้องไป โดยท่องเอาไว้ว่ามันเข้ามาตีสนิทกับผมเพราะผลประโยชน์เท่านั้น ส่วนผมก็หวังจะปอกลอกมันไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ!


...................................................

..................................

.................


วันหยุดผ่านไปไวเหมือนโกหก แป๊บเดียวก็ถึงวันจันทร์อันน่าเบื่อที่ผมต้องเริ่มเรียนแล้ว ดีนะที่วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายอาจารย์ติดธุระมาสอนไม่ได้ ผมเลยมีเวลาไปช่วยงานอาจารย์ปรัชญาที่ห้องวิจัยเร็วขึ้น แน่นอนว่าค่าตอบแทนผมก็ต้องได้มากขึ้นด้วย


“เดี๋ยวนิเรียงเอกสารตรงนั้นเสร็จแล้วมาช่วยผมพิมพ์เอกสารพวกนี้หน่อยนะ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็หันมองไปยังโต๊ะของอาจารย์ จึงเห็นว่ามีกระดาษ A4 ที่เขียนด้วยลายมือหลายสิบแผ่นวางเอาไว้ คงจะใช้เวลาหลายชั่วโมงเลยล่ะกว่าจะพิมพ์เสร็จ


“ได้ครับจารย์” ผมรับคำแล้วรีบเรียงเอกสารเข้าชั้นเป็นหมวดหมู่ให้เสร็จ จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะอาจารย์กะจะหยิบกองกระดาษ A4 ไปพิมพ์ที่โน้ตบุ๊คอีกเครื่องที่อยู่ในห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้เอาไปอาจารย์ก็ยื่นถุงพลาสติกมาตรงหน้าผมซะก่อน


“นิเอาไปกินเล่นระหว่างพิมพ์นะจะได้เบื่อ” ถึงแม้อาจารย์จะเป็นคนพูดน้อย แต่ก็อ่อนโยนและใจดีกับผมตลอด บางวันยังพาออกไปเลี้ยงข้าวเลยด้วยซ้ำ แกบอกว่าเห็นผมแล้วนึกถึงน้องชายตัวป่วนที่อยู่ที่บ้าน


“ขอบคุณครับจารย์” ผมรับถุงขนมมา


ตอนแรกผมก็กะจะเริ่มทำงาน แต่พอสบโอกาสผมเลยลองพูดเรื่องของไอ้พฤกษ์ดูสักหน่อย คือเมื่อวานที่ไปกินข้าวด้วยกันผมสัญญาเรื่องนี้กับมันเอาไว้ เพราะเริ่มรู้สึกเกรงใจที่มันเปย์ผมตั้งเยอะ แต่ผมยังไม่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนมันเลยทั้งที่เป็นเรื่องง่ายๆ


กับคนอื่นผมปอกลอกขูดรีดได้โดยไม่รู้สึกอะไร แต่ไม่รู้ทำไมกับไอ้พฤกษ์ผมถึงได้เริ่มมีความเกรงใจซะงั้น อาจเป็นเพราะตั้งแต่รู้จักกันมันเสียเงินให้ผมเป็นหมื่นๆ ซึ่งกับคนอื่นผมปอกลอกก็แค่หลักร้อย เพราะงั้นเมื่อวานที่ไปกินข้าวด้วยกันผมเลยบอกให้มันเลี้ยงเป็นวันสุดท้าย ให้มันไปทำอย่างอื่นดีกว่ามาเสียเงินเสียเวลาให้กับผม


“เออใช่จารย์ คือเพื่อนผมมันมีเรื่องอยากปรึกษาจารย์น่ะครับ จารย์พอจะมีเวลาคุยกับมันรึเปล่า” ผมรอลุ้นคำตอบอย่างมีความหวัง แต่อาจารย์ก็พังมันทิ้งอย่างไม่ใยดี


“ช่วงนี้ผมยุ่งมากนิก็รู้ อย่างวันนี้ผมต้องเร่งพิมพ์เอกสารพวกนี้ให้เสร็จด้วย” อาจารย์มองไปยังเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นครึ่งแรกของเอกสารชุดเดียวกันที่ผมต้องพิมพ์


“เดี๋ยวพวกนี้ผมทำให้ก็ได้ครับจารย์ สัญญาเลยว่าจะทำให้เสร็จภายในวันนี้ เพราะงั้นจารย์ช่วยคุยกับเพื่อนผมหน่อยน้า นะๆๆๆ” ผมส่งสายตาปิ๊งๆ ไปให้ อ้อนขนาดนี้ก็ให้มันรู้ไปสิว่าอาจารย์จะไม่ใจอ่อน


“เฮ้อออออ ก็ได้ๆ แต่นิอย่าลืมสัญญาแล้วกัน เอกสารพวกนี้ต้องพิมพ์ให้เสร็จภายในวันนี้นะ”


“รับทราบครับผม!” ผมตะเบ๊ะท่าเลียนแบบทหาร อาจารย์เลยยิ้มออกมาบางๆ พลางส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย


“แล้วเพื่อนของนิชื่ออะไร จะคุยอะไรกับผมหรอ”


“เพื่อนผมชื่อพฤกษ์ มันอยากจะคุยเกี่ยวกับเรื่องวิจัย” พอได้ยินผมพูดแบบนี้อาจารย์ก็ร้องอ๋อออกมาเลย


“ผมจำเขาได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยมาหาผมอยู่ 2 – 3 ครั้ง พึ่งรู้นะเนี่ยว่าเขาสนิทกับนิ” ผมไม่ตอบอะไรได้แต่หัวเราะแหะๆ ออกมา อย่าใช้คำว่าสนิทเลย ผมพึ่งรู้จักไอ้พฤกษ์ได้แค่ไม่กี่วันนี้เอง


“จารย์สะดวกคุยกับมันกี่โมง เดี๋ยวผมจะได้โทรไปบอกมัน”


“อืม....สัก 4 โมงเย็นก็แล้วกัน ตอนนี้ขอผมเคลียร์เอกสารอีกชุดก่อน”


“รับทราบครับผม! ขอบคุณครับจารย์!” ผมยิ้มกว้าง จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาไอ้พฤกษ์ทันที แต่พอคิดว่าตอนนี้มันอาจจะกำลังเรียนอยู่ผมเลยกดวางแล้วเปลี่ยนเป็นส่งไลน์หา ซึ่งไม่กี่วินาทีต่อมามันก็ตอบกลับว่าหลังจากหมดคาบจะรีบมาหาที่ห้องวิจัยเลย


พอคุยไลน์กับไอ้พฤกษ์จบผมก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ผ่านไปหลายชั่วโมงจนกระทั่งถึงเวลานัดก็มีสายเรียกเข้า ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นไอ้พฤกษ์นั่นแหละ


“ไอ้พฤกษ์น่าจะมาแล้ว ผมขอออกไปรับมันก่อนนะครับจารย์” ผมพูดจบก็วางงานแล้วออกไปนอกห้อง จึงพบกับไอ้พฤกษ์ที่กำลังยืนยิ้มอยู่ด้วยความเบิกบาน


“หน้าบานเป็นกระด้งเชียวนะมึง” ผมพูดยิ้มๆ


“ก็คนมันดีใจนี่หว่า ขอบใจนะซ่า มึงช่วยกูได้เยอะเลย”


“กูก็ไม่ได้ทำอะไรมาก...อ๊ะ!” แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดจนจบผมก็ต้องอุทานขึ้นมาก่อน เพราะจู่ๆ ไอ้พฤกษ์มันก็ก้มตัวลงมากอดผมไว้ แถมยังกอดซะแน่นจนผมแทบจะจมลงไปกับแผ่นอกของมันอยู่แล้ว


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


หัวใจของผมมันเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ นี่ผมเป็นอะไรไป ก็แค่กอดกับเพื่อนผู้ชายทำไมหัวใจต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยวะ


“ขอบคุณอีกครั้งนะซ่า” ตอนนี้ไอ้พฤกษ์มันคงจะดีใจมาก แต่ผมนี่สิดันเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ เลยบังคับให้ตัวเองเลิกฟุ้งซ่านสักที


“มึงไม่ต้องขอบคุณกูขนาดนั้นก็ได้ กูไม่ได้เป็นคนดีมีน้ำใจช่วยมึงฟรีๆ สักหน่อย” ผมกอดตอบไอ้พฤกษ์แล้วตบที่ไหล่ของมันเบาๆ 2 – 3 ที ก่อนที่จะดันแผ่นอกกว้างช้าๆ เพื่อขืนตัวออกมา


“เข้าไปในห้องกันเถอะอาจารย์กำลังรออยู่” พอผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็พยักหน้าลง ผมเลยเปิดประตูแล้วเดินนำมันเข้าไปข้างใน


“สวัสดีครับอาจารย์ ขอรบกวนด้วยนะครับ” ไอ้พฤกษ์ยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวทักทาย สีหน้าของมันตอนนี้ดูแฮปปี้มากๆ ก็อย่างว่าล่ะนะจะได้คุยกับอาจารย์เรื่องวิจัยที่รอคอยมาตั้งนานสักที


“มานั่งคุยกันตรงนี้ดีกว่า” อาจารย์ชวนไอ้พฤกษ์ไปนั่งที่โซฟา ผมที่เห็นว่าไปนั่งด้วยก็คุยไม่รู้เรื่องเลยปลีกตัวไปพิมพ์เอกสารต่อ เพราะต้องรีบทำให้เสร็จภายในวันนี้


ผ่านไปไม่นานอาจารย์กับไอ้พฤกษ์ก็คุยกันอย่างออกรส อาจเป็นเพราะเก่งเหมือนกัน พูดภาษาเดียวกันเลยคุยกันถูกคอก็ได้ล่ะมั้ง มิหนำซ้ำอาจารย์ยังไปค้นเอกสารกับตำราอีกหลายเล่มมาให้มันด้วยอีกต่างหาก บางทีความรู้ที่มีคงจะให้ไปวันนี้ทั้งหมดเลยมั้ง มันจะได้ไม่ต้องมาอีกแล้วก็ลุยทำวิจัยของตัวเองไปยาวๆ


แต่เอ๊ะ ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี จากนี้ไปผมกับไอ้พฤกษ์ก็ไม่มีเรื่องที่จะต้องเจอกันแล้วไม่ใช่หรอ?


พอคิดได้แบบนี้จู่ๆ ผมก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก ร่างกายไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ส่วนหัวใจมันก็เป็นหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้


ทำไมผมถึงได้รู้สึกแบบนี้?


นี่ผม...เป็นอะไรกันแน่?


2BC


 o14 สวัสดีค่ะทุกคน Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า อ่านจบตอนนี้แล้วทุกคนรู้สึกยังไงกันบ้าง จะหน่วง จะฟิน จะซึ้ง จะฮา หรือจะรู้สึกแบบไหน แต่ถ้าทุกคนชอบและรออ่านตอนต่อไปเค้าก็จะดีใจมากๆเลยค่า  :m1:
นิยายเรื่องนี้ก็ดำเนินมาจนถึงครึ่งทางแล้วน้า ซึ่งก็มาไกลพอสมควรแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นแม้แต่สักเศษเสี้ยว NC ก็ยังไม่มีโผล่มาเลย จนแอบได้ยินเสียงบ่น (แกมบังคับและขอร้อง (รึเปล่า)  :laugh:) ว่าอยากอ่าน NC ของพฤกษ์ซ่ากันแล้ว แหมๆๆ  :hao3: อยากเห็นลีลาของพฤกษ์กันสินะ แต่ว่าอดใจรอกันนิดนึงเนอะ ชายพฤกษ์ไม่ได้ไวไฟร้อนแรงแบบพี่ธาร ขนาดพี่ภูยังต้องรอตั้งนานกว่าจะมีเลย  o17
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คู่พฤกษ์ซ่าด้วยน้า ก่อนจะลุ้นให้มี NC มาลุ้นให้สองคนนี้ตกลงปลงใจกันก่อน คนนึงก็พูดอ้อมๆ อีกคนก็พยายามไม่คิดมาก แล้วเมื่อไหร่พวกแกจะได้ลงเอยกานนนนนนน ( :angry2: เสียงบ่นของเหล่านักอ่านทั้งหลาย 5555555) แล้วเจอกันในอีกสัก 3 วันนะคะที่ร้ากกกกก
ปล.เอารูปปกตัวเต็มของพฤกษ์ซ่ามาให้ชมกันค่า หวังว่าคงจะชอบกันน้า คือพฤกษ์หล่อ (น่า) ลากมาก ส่วนซ่าก็น่าร้ากมองเงินตาเป็นประกายเชียว  :m3:

(http://upic.me/i/ta/ampt9.jpg)

(16 ก.พ. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [11.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-02-2018 23:53:39
เพลียใจแทนพฤกษ์ ที่ซ่าไม่เก็ต งั้นก็จับกดเลยดีกว่านะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [11.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-02-2018 00:25:36
อยากรู้จังทำไมซ่าชอบแสวงหาเงินจังเลยนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [12.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-02-2018 07:04:15
ขอกันตรงๆเลยหรอ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [12.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-02-2018 09:31:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [12.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-02-2018 09:45:47
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [12.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 12-02-2018 21:23:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [12.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 14-02-2018 03:19:27
ซ่าเอ๋ยถ้าหนูเป็นเมียพฤกษ์หนูจะสบายทั้งชีวิตเลยนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [12.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-02-2018 14:50:33
รูปน่ารักจัง ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 งอนหรอ? ง้อก็ได้ [12.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 15-02-2018 15:42:01
พี่พฤกษณ์ ถ้าน้องจะไม่รู้เรื่องแบบนี้กดเลยค่ะ 5555555
เจ้าซ่าเอ้ยยยยยยย
ปล. ทีมรอ NC * --- * อยากเห็นน้องซ่าโดนแกล้ง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-02-2018 23:12:45
เกือบได้บอกรักกันซะแล้ว ซ่ากำลังหวั่นไหวกับพฤกษ์แล้ว แต่หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจนัดเจอกับอาจารย์แล้ว จะสานต่อกันยังงัยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-02-2018 23:31:36
ต่อไปคงต้องเรียกคู่นี้ว่า "เสี่ยพฤกษ์" กับ "อีหนูลิซ่า"  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 17-02-2018 15:37:37
คงไม่เสียดายที่อดสูบเงินนะหนูซ่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-02-2018 16:34:21
รอncจะผิดไหมคะ 555
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 17-02-2018 19:45:09
เรียกว่า เรียกว่า ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-02-2018 19:55:41
แหม...บอกไปตรงๆซะก็จบ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-02-2018 10:38:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-02-2018 20:40:19
ถ้าซ่าจะไม่ซึน ก็รู้เรื่องนานละ
พฤกษ์ออกตัวขนาดนี้แล้ว

ซ่าจะกังวลทำไมล่ะ ถ้าไม่คิดอะไร
เสร็จภารกิจก็แยกย้ายกันไปสิ

พฤกษ์จะยอมห่างหรอ เตรียมพร้อมผูกตัวเองไว้ขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 18-02-2018 20:50:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-02-2018 07:44:03
ยังไม่รู้ใจตัวเองอีกนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 6 การกระทำที่ชัดเจน [16.02.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Indy555 ที่ 19-02-2018 17:11:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 19-02-2018 21:47:49
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 7# Niza ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี

   
“กูกลับแล้วนะซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดกับผมที่เดินออกมาส่งมันตรงหน้าห้องวิจัย หลังจากที่มันคุยกับอาจารย์นานถึงชั่วโมงกว่า แถมยังได้หนังสือและเอกสารกลับไปจนเต็มไม้เต็มมือ


“เออ แล้วมึงมีเรื่องที่ต้องปรึกษาอาจารย์อีกมั้ย” ผมถามเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ลึกๆ ก็แอบหวังให้ไอ้พฤกษ์บอกว่าจะต้องมาอีก


แต่...


“ไม่ต้องแล้วล่ะ อาจารย์ให้คำปรึกษากับตอบเรื่องที่กูไม่เข้าใจได้หมดเลย” เฮ้ออออ หมดกันความหวังของผม


“งั้นหรอ ดีใจด้วยแล้วกัน” ผมพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นต้นไม้ที่ขาดน้ำยังไงยังงั้น ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้ แต่บางทีอาจเป็นเพราะผมกำลังจะขาดแหล่งรายได้จากลูกค้ารายใหญ่ก็ได้


“กูเข้าไปทำงานต่อก่อนนะ กลับบ้านดีๆ ล่ะ บาย” ผมโบกลือลาพร้อมกับฝืนยิ้มให้เหมือนปกติที่สุด จากนั้นหมุนตัวจะเดินกลับเข้าไปในห้องวิจัย
ผมทำใจเอาไว้แล้วว่าต่อไปคงไม่ได้เจอกับไอ้พฤกษ์อีก ถึงบางทีอาจจะสวนกันโดยบังเอิญแต่ก็คงไม่ได้คุยกัน แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นไอ้พฤกษ์กลับพูดขึ้นมาว่า...


“เสาร์หน้าว่างมึงรึเปล่า” เท่านั้นแหละขาที่ผมกำลังก้าวอยู่ก็ชะงัก จากนั้นจึงได้หันกลับไปด้วยความงุนงงผสมกับความตื่นเต้น ถ้าจำไม่ผิดวันเสาร์หน้าเป็นวันวาเลนไทน์นี่นา


“กูมีงานสอนพิเศษ” ผมตอบด้วยใบหน้านิ่งๆ เพราะไม่อยากให้ไอ้พฤกษ์เห็นอาการตื่นเต้นของผม


“ถ้ามึงไม่ว่างก็ไม่เป็นไร” ไอ้พฤกษ์ตอบอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก สีหน้าของมันบ่งบอกเลยว่ากำลังผิดหวังชัดเจน ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยแอบอมยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า...


“แล้วกูบอกตอนไหนว่ากูไม่ว่าง” เท่านั้นแหละไอ้พฤกษ์ก็รีบเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของมันก็เป็นประกายและจ้องมองมาที่ผมอย่างมีความหวัง


“งั้นกูขอนัดมึงเอาไว้เลยนะ” ยิ้มหน้าบานขนาดนี้แสดงว่าดีใจมากเลยล่ะซี้ที่กูว่าง


“อืม ก็ได้ แต่กูว่างตอนเย็นหลังจากสอนพิเศษเสร็จนะ ว่าแต่...มึงจะชวนกูไปไหนงั้นหรอ” ในขณะที่ถามผมแทบจะอาการตื่นเต้นแทบจะไม่มิด เพราะผมคิดว่าไอ้พฤกษ์มันจะชวนผมไปกินข้าว ดูหนัง หรือฟังเพลง แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะ...


“กูอยากชวนมึงไปที่บ้าน”


“หา!” ผมตกใจจนถึงกับอ้าปากค้าง แต่แค่นั้นยังไม่พอ ประโยคต่อมาของมันยังทำให้ผมตาเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า


“แล้วก็อยากให้มึงนอนค้างกับกูด้วย”


“เฮ้ย!”


นี่มันอะไรกันเนี่ย ไอ้พฤกษ์มันชวนผมไปที่บ้านแถมยังอยากให้ค้างด้วย มิหนำซ้ำวันนั้นยังเป็นวันวาเลนไทน์อีกต่างหาก นี่อย่าบอกนะว่า...ไอ้พฤกษ์มันจะคิดอะไรกับผม!


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


ไม่จริงน่า ถึงจะพยายามคิดมาตลอดว่าเป็นไปไม่ได้ คุณชายแบบนั้นจะมาชอบผมได้ยังไง แต่ดูจากการกระทำและคำพูดของไอ้พฤกษ์ที่ผ่านมา มันก็พอจะเข้าเค้าอยู่ไม่ใช่หรอว่ามันคิดแบบนั้นกับผมจริงๆ?


เอาแล้วไง ตั้งแต่เกิดมาผมก็พึ่งจะเคยมีคนมาชอบครั้งแรกซะด้วย ถึงคนคนนั้นจะเป็นผู้ชายก็เถอะแต่มันก็นิสัยรวย...เอ๊ย! นิสัยดี มีน้ำใจช่วยเหลือคนจนๆ อย่างผม เพราะงั้นผมเลยไม่ได้รู้สึกรังเกียจมัน แถมในหลายๆ ครั้งยังรู้สึกประทับใจอีกต่างหาก


นี่อย่าบอกนะว่าผมก็เริ่มชอบไอ้พฤกษ์เข้าแล้ว?


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


พอคิดได้แบบนี้หัวใจของผมก็เต้นรัวจนผมกลัวว่ามันจะหลุดออกมา ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าผมกับไอ้พฤกษ์ใจตรงกัน แล้วอย่างนี้ความสัมพันธ์ของเราสองคนจะเป็นยังไงต่อไป?


แต่ในระหว่างที่ผมกำลังฟุ้งซ่านอยู่นั่นเอง ไอ้พฤกษ์ที่เห็นผมเปลี่ยนสีหน้าไปมาแทบจะ 100 หน้าในเวลาไม่ถึงนาทีก็ได้พูดขัดขึ้น


“มึงไม่ต้องตกใจแล้วก็คิดมากขนาดนั้นก็ได้ คือวันนั้นไม่มีใครอยู่ที่บ้าน กูเลยจะจ้างมึงทำความสะอาดแล้วก็ทำกับข้าวให้กูกินเท่านั้นเอง”


“หา!?” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมถึงกับสตั๊น ตอนนี้ผมยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นเพราะวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง


ที่ไอ้พฤกษ์มันถามว่าผมว่างมั้ยในวันวาเลนไทน์ ก็เพราะว่ามันอยากจะจ้างผมไปเป็นแม่บ้านแค่นั้นงั้นเรอะ!


ฟ้าคคคคคคคคคคคคคคคคคค!


“กูไม่ทำ!” ผมพูดอย่างหัวเสียแล้วจะเดินกลับเข้าไปในห้องวิจัย แต่ไอ้พฤกษ์ก็ไม่ยอมให้ผมไปไหน เพราะได้ยื่นมือมาคว้าที่แขนของผมเอาไว้ซะก่อน


“เดี๋ยวสิซ่า คืองานมันไม่ได้หนักมาก อาหารกูก็กินแบบง่ายๆ มึงไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่ไหวหรอกนะ”


“กูไม่ได้กลัวเรื่องนั้นเว่ย!” ผมสะบัดแขนทิ้งแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้พฤกษ์อย่างไม่สบอารมณ์ มันทำให้ผมเข้าใจผิดคิดไปเองเหมือนคนบ้า ฆ่าแม่งให้ตายซะตรงนี้เลยดีมั้ย!


“ถ้าไม่ได้กลัวแล้วมึงเป็นอะไรถึงไม่ยอมทำงานให้กู” ไอ้พฤกษ์มองผมอย่างหน้าซื่อตาใส


ให้ตายสิ! ผมโมโหจนแทบจะฆ่ามันได้ แต่มันกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด เหมือนผมเป็นคนบ้า ฟุ้งซ่าน แล้วก็ปัญญาอ่อนที่คิดเองเออเองอยู่คนเดียว!


“กูขี้เกียจ! กูอยากนอนหายใจทิ้งกระดิกนิ้วตีนเล่นอยู่ที่หอ!” ผมพูดอย่างลอยหน้าลอยตา กะกวนประสาทให้ไอ้พฤกษ์หัวเสียอย่างผมบ้าง แต่ดูท่าว่าจะไม่ได้ผล เพราะแทนที่จะโกรธมันกลับยิ้มที่มุมปากออกมาซะงั้น


“แต่ถ้าอยู่หอมึงก็จะไม่ได้ค่าจ้างสักบาทนะซ่า”


“เฮอะ! ก็แล้วยังไง กูอยากพักผ่อนสบายๆ เงินแค่ไหนกูก็ไม่...”


“5000 สำหรับทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว แล้วก็นอนค้าง 1 คืน” เท่านั้นแหละคำว่า ‘ไม่สน’ ของผมก็ถูกกลืนลงคอทันที ยิ่งผมเห็นแบงค์พันห้าใบที่ราวกับว่ามีแสงเปล่งประกายวิบวับอยู่ที่มือของไอ้พฤกษ์ ผมก็ถึงกับตาลุกวาวแล้วเข้าไปประชิดตัวมันด้วยความรวดเร็ว


“พฤกษ์เพื่อนรัก คำขอของเพื่อนอย่างมึงกูจะเมินได้ยังไง แน่นอนว่ากูต้องไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” ผมยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า นี่เป็นอีกครั้งที่ผมเปลี่ยนสีอย่างไวราวกับกิ้งก่าเพราะอำนาจเงิน ก็สันดานเดิมมันฝังรากลึกจนแก้ไม่หายแล้วนี่นา


เงินตั้ง 5000 แถมทำงานสบายๆ ใครไม่คว้าไว้ก็โง่บรรลัยแล้ว!


“โอเค หวังว่ามึงจะไม่คืนคำนะซ่า” ไอ้พฤกษ์ยิ้มออกมากับผลลัพธ์ที่เป็นอย่างใจคิด


“กูไม่เอาน้ำลายที่ถุยทิ้งแล้วมากินหรอกน่า” ผมก็แค่อยากพูดให้มันมั่นใจ แต่ไหงมันถึงทำหน้าพะอืดพะอมออกมาก็ไม่รู้


“เอาเป็นว่าเดี๋ยววันเสาร์กูจะไปรับหลังจากมึงสอนเสร็จก็แล้วกัน ส่วนเงินค่าจ้างไว้วันนั้น...”


“ไหนๆ มึงก็ควักออกมาแล้วงั้นกูขอรับไว้เลยแล้วกันนะเพื่อน” ผมไม่รอให้ไอ้พฤกษ์พูดจนจบก็ฉกเงินในมือของมันมาเลย


“กูชักสงสัยแล้วนะว่ามึงกับโจรใครน่ากลัวกว่ากัน” สีหน้าของไอ้พฤกษ์ตอนนี้ดูละเหี่ยใจกับผมเหลือเกิน


“เออน่า กูดีกว่าโจรแน่นอน เพราะอย่างน้อยคนอย่างกูก็ไม่เคยปล้นใคร” แต่ปอกลอกนี่ทำเป็นประจำ! อันนี้ผมเสริมในใจโดยหมายหัวไอ้พฤกษ์เอาไว้เป็นอันดับแรก


คอยดูเถอะผมจะแก้แค้นโดยการปอกลอกมันให้หนัก มันมาทำให้ผมเข้าใจผิดแบบนี้มันต้องรับผิดชอบ!


“เจอกันวันเสาร์นะซ่า”


“รู้แล้วน่าจะย้ำอะไรมากมาย รีบกลับไปเลยไปกูจะได้ทำงานต่อ” ผมรุนหลังไอ้พฤกษ์ให้เดินออกไป ที่รีบไล่ไม่ใช่อะไร ผมกลัวจะหวั่นไหวกับรอยยิ้มอันอบอุ่นที่มันส่งมาให้นั่นแหละ


ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับกูก็หยุดทำให้กูเข้าใจผิดได้แล้วไอ้คุณชาย!


 หลังจากที่ไอ้พฤกษ์กลับบ้านไปก็ได้เวลาที่ผมต้องเริ่มทำงานต่อ การที่ต้องจดจ่ออยู่กับหน้าจอและตัวอักษรทำให้ผมไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน ตลอด 4 – 5 ชั่วโมงผมมีสมาธิกับงาน จนในที่สุดก็สามารถพิมพ์เอกสารที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จ


“ขอบใจนะนิ นี่ค่าจ้าง” อาจารย์ยื่นแบงค์สีเทาให้ หลังจากที่ผมเซฟงานใส่แฟลชไดรฟ์แล้วเอามาวางที่โต๊ะ


“ขอบคุณครับจารย์” ผมยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มกว้าง แหงล่ะก็ผมได้ค่าจ้างตั้ง 2 เท่าของวันปกติเลยนี่นา ถึงจะต้องแลกมาด้วยการทำงานจนดึกดื่นก็เถอะ


“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับเลยนะครับ”


“อืม ถ้าวันไหนมีงานให้ช่วยเดี๋ยวผมบอกอีกที”


“รับทราบครับผม!” ผมตะเบ๊ะท่าเลียนแบบทหาร จากนั้นก็เดินไปเก็บข้าวของแล้วบอกลาอาจารย์อีกครั้ง


ผมกลับมาถึงห้องตอน 5 ทุ่มกว่าๆ เวลาดึกขนาดนี้ตอนแรกผมก็คิดว่าจะอาบน้ำแล้วก็นอนหลับยาวๆ แต่ภาพความทรงจำเก่าๆ ตอนที่ไอ้พฤกษ์เคยอยู่ที่นี่ก็ฉายขึ้นมาในหัวของผมซะก่อน


พอผมมองไปที่มุมไหน ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นมันก็ปรากฏขึ้นมา แต่ที่ชัดเจนเลยก็คือตอนที่ไอ้พฤกษ์คิดว่าผมเป็นหมอนข้าง มันกอดผมซะแน่นจนผมอึดอัด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่าอ้อมกอดของมันช่างอบอุ่นเหลือเกิน


อบอุ่นซะจนตอนนี้ผมรู้สึกหนาวไปเลย...


เตียงที่ผมเคยคิดว่าแคบมาตลอด แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันกว้างมาก ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอ้างว้างจนต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างๆ มากเท่าวันนี้
นี่มันคือความชอบใช่มั้ย?


“ไอ้พฤกษ์ นี่กูชอบมึงจริงๆ หรอวะ?”


....................................................

.............................

........


Rrrrrr...Rrrrrr...Rrrrrr...


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าในเวลาประมาณ 5 ทุ่มของวันศุกร์ เพราะพรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานและนอนค้างที่บ้านของไอ้พฤกษ์หลังจากสอนพิเศษเสร็จ ถ้าเก็บกระเป๋าไปเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้อนกลับไปกลับมา


“ฮัลโหล โทรมาหาพี่ดึกขนาดนี้มีเรื่องอะไรด่วนรึเปล่าแนน” ผมอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ปกติแนนเคยโทรหาผมดึกขนาดนี้ที่ไหน เอาจริงๆ นอกเวลาสอนพิเศษก็แทบไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ด้วยซ้ำ


[“คือ...ถ้าพรุ่งนี้แนนอยากให้พี่นิมาสอนช่วงเช้าแทนช่วงบ่ายจะได้มั้ยอ่า”] ฟังจากน้ำเสียงแนนค่อนข้างจะเกรงใจผมอยู่ แต่ก็คงมีเรื่องจำเป็นจริงๆ ล่ะมั้งถึงได้โทรมาหาเอาป่านนี้


“มันก็ได้อยู่นะ เปลี่ยนมาเรียนตอน 9 โมงถึงเที่ยงเป็นไง”


[“ดีเลยพี่นิ แนนจะได้ไปกินข้าวเที่ยงกับภูมิต่อ ตอนบ่ายก็ดูหนัง ส่วนตอนเย็นก็เดินชิลไม่ก็ช็อปปิ้ง”]


“เดี๋ยวนะ ที่โทรมาเลื่อนนัดเรียนก็เพราะคิดจะไปเดทกับแฟนงั้นเรอะ”


[“ใช่แล้วค่า”] น้ำเสียงของแนนลั้นลากระดี๊กระด๊ามาก มันน่าแพ่นกบาลจริงๆ


“พี่ยกเลิกกลับไปสอนเวลาเดิมซะดีมั้ย หมั่นไส้จริงๆ นี่ก็นึกว่าต้องไปทำธุระสำคัญ” ผมเบ้ปากออกมา เหม็นความรักจังโว้ย!


[“โหย ก็นี่แหละธุระสำคัญ ไม่รู้แหละแนนถือว่าพี่นิรับปากแล้ว เจอกัน 9 โมงนะพี่นิ ฝันดีค่า”] แนนพูดจบก็รีบกดวางโทรศัพท์ไปเลยก่อนที่ผมจะพูดอะไร เพราะงั้นสิ่งที่ผมทำได้เลยมีแค่การแยกเขี้ยวใส่โทรศัพท์อย่างเดียวเท่านั้น


เห็นผมทำท่าเหมือนไม่พอใจ แต่ความจริงผมกำลังอิจฉามากกว่า ก็วันวาเลนไทน์แนนได้ไปเดทกับแฟนนี่นา ส่วนผมกลับต้องไปทำงานเป็นแม่บ้านงกๆ ถึงจะเป็นบ้านของคนที่ชอบก็เถอะ แต่ในเมื่อมันไม่ได้ชอบผมแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร


“เฮ้อออออ” ผมอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ คนบนโลกนี้มีตั้งมากมายทำไมผมถึงไปชอบไอ้พฤกษ์ได้ก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ


แต่จะว่าไปตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคร่ำครวญเรื่องความรักความชอบนี่นะ ผมต้องบอกเลื่อนนัดกับไอ้พฤกษ์ซะก่อน แต่ตอนนี้มันอาจจะนอนหลับแล้วก็ได้ แถมพอรู้ใจตัวเองผมเลยรู้สึกเขินๆ ที่จะโทรหามัน เพราะงั้นส่งไลน์ไปบอกนั่นแหละดีที่สุด


‘พรุ่งนี้แนนขอเปลี่ยนเวลาเรียน กูสอนเสร็จตอนเที่ยง มึงจะมารับกูที่บ้านแนนหรือจะให้กูไปหามึงที่บ้านเลย’


หลังจากส่งเสร็จผมก็รอสักพักแต่ไอ้พฤกษ์ก็ยังไม่อ่านสักที ผมเลยคิดว่ามันน่าจะนอนแล้วเลยไปเก็บกระเป๋าต่อ เสร็จแล้วก็ขึ้นเตียงไปนอน ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นนั่นแหละ


Rrrrrr...Rrrrrr...Rrrrrr...


“ฮัลล...โหลววว...” ผมกดรับสายด้วยเสียงยานคาง โดยไม่ได้ดูหน้าจอด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนโทรมา


[“ยังไม่ตื่นหรอซ่า”]


“ตื่นแล้วม้างสาสส...เสียงกูโสดสายชีพหายย...สายกว่าผีแม่หม้ายตายมา 3 ปีนี้ดเดียวว...ผ่าม!” ไงล่ะ เจอมุกเล่นเอง ชงเอง ตบเอง ถึงกับเอ๋อแดกไปเลยล่ะสิมึง


[“เอ่อ...กูไม่รู้ว่ากูควรจะพูดอะไร”]


“ถ้าง้านก้อหูบปากปาย แค่นี้น้าสาสคนจาหลับจานอน” ผมด่าส่งท้ายแล้วก็กดวางสายไปเลย


ผมนอนต่อจนกระทั่งเสียงนาฬิกาปลุก จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วพอมีเวลาเหลือเลยมานั่งกินแซนด์วิชพร้อมกับเช็คข้าวของในกระเป๋าว่าลืมอะไรรึเปล่า


จะว่าไปเมื่อเช้ามีไอ้หน้าหนอนคนไหนสักคนโทรหาผมนี่หว่า ไม่รู้ว่าจะชวนไปวิปัสสนารึไงถึงได้โทรมาเช้าขนาดนี้ เห็นทีต้องโทรกลับไปด่าให้รู้สำนึกซะบ้างว่า มันโทรมารบกวนการนอนอันมีค่าของผม!


ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่พอเห็นชื่อที่โทรเข้ามาเท่านั้นแหละ ผมก็ตกใจจนเกือบทำแซนด์วิชที่คาบอยู่ในปากร่วงลงพื้น...คนที่โทรมาหาผมคือไอ้พฤกษ์งั้นหรอเนี่ย!


ซึ่งขณะที่ผมกำลังตกใจจนเบิกตากว้างเกือบจะเท่าไข่ห่านนั่นเอง ‘ไอ้หน้าหนอน’ ที่ผมพึ่งนึกด่าในใจก็โทรเข้ามาซะงั้น


“ฮะ...ฮัลโหล” จู่ๆ ก็ติดอ่างซะงั้นกู ความตื่นเต้นที่ไม่ได้คุยกัน 4 – 5 วันเทียบไม่ได้กับความอายที่คุยกันเมื่อเช้าเลยให้ตายสิ


[“เสียงไม่ได้งัวเงียแบบนี้แสดงว่าตื่นแล้วสินะ”] สัส ประโยคแรกมาก็ล้อกูเลยนะมึง


“เออ ถ้ารู้อยู่แล้วมึงจะถามทำมะเขืออะไร” ในเมื่อไอ้พฤกษ์กวนตีนผมก่อนผมก็เลยกวนตีนมันกลับ ดีเหมือนกันผมจะได้ทำตัวเหมือนเดิม ไม่ต้องเขินเวลาคุยหรือตอนเจอหน้า


[“ก็ถามเพื่อความแน่ใจ ถ้ามึงยังไม่ตื่นกูจะได้เตรียมพร้อมรับมือโหมดงัวเงีย”]


“ตอนนี้กูอยู่ในโหมดเกรี้ยวกราด อยากลองหน่อยมั้ยล่ะ”


[“ไม่ดีกว่า กูอยากลองโหมดหวานๆ ให้เข้ากับวันแห่งความรัก”] ประโยคนั้นของไอ้พฤกษ์ทำเอาผมถึงกับสตั๊น ส่วนหัวใจก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมา ไอ้บ้านี่มันก็ชอบพูดจาให้ผมเข้าใจผิดอยู่เรื่อย!


“ที่โทรมานี่กะกวนตีนกูอย่างเดียวเลยใช่มั้ยเนี่ย” ก่อนที่จะเริ่มฟุ้งซ่านคิดไปไกลผมเลยเปลี่ยนเรื่องแม่งเลย


[“เปล่า กูจะโทรมาบอกว่ากูต้องไปซื้อของก่อนเลยอาจจะไปรับมึงช้าหน่อย อาจจะถึงที่นั่นสักเที่ยงครึ่งมึงรอได้มั้ย”]


“คงไม่ได้ว่ะ คือหลังจากนั้นแนนจะไปเดทกับภูมิไง จะให้กูนั่งสลอนรอมึงอยู่ที่นั่นมันก็ไม่ใช่จริงปะ”


[“นั่นสินะ ถ้างั้นเอาไงดี หรือมึงจะกลับหอก่อนแล้วกูค่อยไปรับมึงที่นั่น”]


“เสียเวลาตายห่า เอางี้แล้วกันเดี๋ยวกูไปหามึงที่บ้านเอง คงจะถึงพร้อมๆ กันหลังจากมึงซื้อของเสร็จนั่นแหละ”


[“แต่...”] น้ำเสียงของไอ้พฤกษ์ฟังดูเกรงใจไม่อยากให้ผมเดินทางมาเอง ผมเลยพูดตัดบทแม่งเลย


“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น แชร์โลมาที่ไลน์กูแล้วกัน ตอนนี้กูสายแล้ว” พูดจบผมก็กดตัดสายไปเลย ก่อนที่ผมจะกินแซนด์วิชที่ยังเหลืออีกเกือบครึ่งรอไอ้พฤกษ์ส่งไลน์มาหา แต่พอผมเห็นสิ่งที่มันส่งมาเท่านั้นแหละ ผมก็รีบกลืนแซนด์วิชลงท้องแล้วอัดเสียงส่งกลับไปด่ามันทันที


“กูให้แชร์โลเคชั่นที่บ้านมึงมาไม่ใช่รูปปลาโลมาเว้ยไอ้เหี้ยยยยยยยยยย!”


......................................................

....................................

..................


“โอเค ถูกหมดทุกข้อ ถ้างั้นก็เลิกเรียนได้” ผมพูดขึ้นหลังจากตรวจแบบทดสอบที่ลองให้แนนกับภูมิทำหลังจากสอนเสร็จ ปกติเด็กสองคนนี้โดยเฉพาะแนนจะแก้โจทย์คณิตมาแบบส่งๆ มีวันนี้นี่แหละที่กระตือรือร้นผิดหูผิดตา สงสัยอยากเลิกเรียนเร็วๆ เพราะจะได้รีบไปเดทชัวร์


“เย่! ดีใจจังวันนี้ได้เลิกก่อนเวลาตั้ง 10 นาที” แนนพูดอย่างกระดี๊กระด๊า จากนั้นก็รีบเอาสมุดหนังสือไปเก็บที่ชั้น โดยมีภูมิมองตามทุกการกระทำพร้อมกับยิ้มด้วยความเอ็นดู


คนไม่มีคู่อย่างผมแม่งโคตรอิจฉา!


“พี่ไปก่อนนะ มีนัดทำงานพิเศษต่อน่ะ” ผมพูดจบก็โบกมือลาเด็กสองคนนั้นแล้วออกจากห้องมาเลย


ความจริงผมยังไม่ต้องรีบออกมาก็ได้ เพราะบ้านของไอ้พฤกษ์ที่ส่งโลเคชั่นมาให้ใหม่ (หลังจากที่โดนผมด่า) มันก็ไม่ได้ไกลจากที่นี่มาก ถ้าผมออกไปตอนนี้ก็คงจะถึงเร็วกว่าเวลานัด แต่ผมไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอเด็กสองคนนั้น อีกอย่างกลิ่นความรักมันก็เหม็นจนผมหมั่นไส้


“ไปบ้านตรงนี้พี่คิดเท่าไหร่” ผมเรียกพี่วินมอไซค์ที่ขับผ่านหน้าบ้านแนนแล้วเอาแผนที่ให้ดู


“120”


“โหยพี่คนกันเองร้อยเดียวแล้วกัน” ถึงไม่รู้ว่าผมกับพี่วินไปสนิทกันตอนไหน แต่ก็ลองต่อดูเผื่อฟลุคจะลดได้ เงิน 20 บาทนี่ซื้อแซนด์วิชกินตอนเช้าได้ 2 วันเลยนะ


“โอเคๆ ร้อยเดียวก็ได้”


“ใจดีที่สุดเลยพี่” ผมยิ้มแก้มปริแล้วรีบก้าวขึ้นไปซ้อน ซึ่งพอผมนั่งได้ที่เท่านั้นแหละ พี่วินแกก็สวมวิญญาณวาเลนติโน รอสซี นักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ชื่อดังแล้วบิดคันเร่งพาซิ่งทันที


ตลอดเวลา 10 กว่านาทีพี่แกขับปาดซ้าย ปาดขวา แซงหน้า แซงหลัง จนผมเสียวว่าจะตายห่า มิหนำซ้ำยังมีการแทรกกลางผ่าเข้าไประหว่างช่องว่างของรถเมล์กับรถกระบะอีกต่างหาก เล่นเอาผมร้องว้ากแล้วสวดภาวนาในใจ พร้อมกับสาบานว่าหากวันนี้รอดอย่างปลอดภัยผมจะไม่ต่อราคาพี่วินคนไหนอีกเด็ดขาด


“เอ้า ถึงแล้ว บ้านหลังนี้ใช่มั้ย” พี่วินพูดขึ้นหลังจากเบรกกะทันหันจนผมหน้าทิ่ม ตอนนี้ไม่รู้แหละว่าตรงหน้าใช่บ้านไอ้พฤกษ์รึเปล่า แต่ผมจะไม่ขอนั่งไปกับพี่แกอีกแล้ว


“ชะ...ใช่ บ้านหลังนี้แหละพี่” ผมก้าวลงจากรถอย่างเซๆ แล้วรีบยื่นแบงค์ร้อยไปให้ ซึ่งหลังจากที่ได้เงินพี่แกก็รีบซิ่งออกไปเลย
เฮ้ออออออ เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วกู


ผมปาดเหงื่อแล้วจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นจึงได้หันมองบ้านสไตล์โมเดิร์นที่อยู่ตรงหน้า ความสวยงามล้ำสมัยที่เห็นทำเอาผมอดที่จะร้องว้าวออกมาไม่ได้


นี่มันบ้านในฝันชัดๆ!


ซึ่งขณะที่ผมกำลังชื่นชมความงามของบ้านอยู่นั่นเอง ประตูรั้วเลื่อนเปิดออกช้าๆ คาดว่าน่าจะถูกสั่งการโดยรีโมตจากคนที่อยู่ข้างใน


ไฮเทคเวอร์!


เรื่องแบบนี้คนในเมืองอาจจะดูเป็นเรื่องปกติ แต่คนบ้านนอกแถมยังจนกรอบแบบผมร้อยทั้งร้อยต้องตื่นเต้นด้วยกันทั้งนั้น แถมยังเห็นรถออดี้สีแดงเฟี้ยวจอดอยู่ใกล้ๆ ด้วยอีก ผมก็ฟินโคตรๆ จนแทบจะนิพพานได้อยู่แล้ว


แอบถ่ายรูปคู่แล้วอัพลงเฟซบุ๊คดีมั้ยนะ?


ถึงจะถามตัวเองในใจแบบนั้น แต่มือของผมก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะที่ผมกำลังคิดท่าแอคชั่นอยู่นั่นเอง เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาซะก่อน


“ทำอะไรน่ะ” เสียงอันคุ้นเคยทำให้ผมรีบหันไปหา ก่อนจะพบว่าเป็นไอ้พฤกษ์ที่กำลังยืนพิงประตูบ้านพลางมองมาทางนี้พร้อมกับขมวดคิ้ว


“แหะๆ เห็นรถสวยดีกูเลยอยากถ่ายรูปคู่น่ะ ว่าแต่...พึ่งรู้นะเนี่ยว่าปกติตอนอยู่บ้านมึงแต่งตัวแบบนี้” ผมพูดพร้อมกับมองไอ้พฤกษ์ที่ดูลุคแปลกตาตั้งแต่หัวจรดเท้า


นอกจากหนังหน้าหล่อๆ ที่เหมือนเดิม นอกนั้นมันแตกต่างจากปกติที่ผมเคยเห็นทุกอย่าง ทั้งเสื้อหนัง รองเท้าผ้าใบ แล้วก็กางเกงยีนส์ขาดๆ อ้อ...ทรงผมที่เสยขึ้นแบบเว็ทลุคกับแว่นสายตาที่หายไปนั่นด้วย เรียกได้ว่าจากลุคคุณชายกลายเป็นลุคแบดบอยไปเลย


เคยได้ยินว่าการที่มันทำตัวให้อยู่ในกรอบก็เพราะความเคยชินตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็ไม่คิดเลยว่าตัวตนที่แท้จริงของมันจะแตกต่างได้ถึงขนาดนี้


“เออไอ้พฤกษ์ นี่มึงกลับบ้านมานานแล้วหรอ”


“หืม?”


“งงอะไรของมึง ก็ที่มึงบอกว่าต้องออกไปซื้อของก่อนเลยไปรับกูไม่ทันไง” พอเปลี่ยนลุคจากคุณชายเป็นแบดบอยก็โง่ทันทีเลยนะไอ้นี่


“อ๋อ นั่นพี่ชายกูไปซื้อ”


“ถ้างั้นก็แสดงว่ามึงอยู่บ้านตลอดไม่ได้ไปไหน?”


“อืม”


“มาองมาอืมเชี่ยไรล่ะฟาย! มึงรู้มั้ยว่ากูต้องเสี่ยงตายแค่ไหนที่นั่งวินมอไซค์มา! แม่งต่อลง 20 บาททำอย่างกับกูขอนั่งฟรี!” พูดแล้วแม่งก็ขึ้น แต่ที่ขึ้นกว่าก็เพราะไอ้พฤกษ์มันอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ยอมไปรับผมนี่แหละ


ว่าแล้วก็ขอดีดหน้าผากมันให้หายแค้นสักทีเถอะ!


“โอ๊ย! กูเจ็บนะ!” ไอ้พฤกษ์โวยวายพร้อมกับเอามือกุมหน้าผาก หลังจากที่ผมจัดการดีดหน้าผากมันอย่างสุดแรง


“รู้แล้ว ก็กูตั้งใจทำให้มึงเจ็บนี่ ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะอย่างสะใจ พอได้ระบายอารมณ์ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ


“ก่อนจะทำร้ายกูมึงไม่คิดจะดูอะไรให้มันดีๆ หน่อยรึไง” ไอ้พฤกษ์กอดอกมองผมอย่างเหนื่อยใจ ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไงเลยหันมองไปรอบๆ ตัว


“จะว่าไปที่บ้านมึงมีรถหลายคันสินะ”


“อืม มี 4 คัน”


“มิน่าล่ะวันนี้มึงถึงจะขับคันนี้...เอ๊ะ! หรือว่านี่คือกำลังจะออกไปรับกู?” พอลองคิดๆ ดูมันก็อาจจะใช่ เพราะไอ้พฤกษ์เดินออกมาจากบ้านพอดี แถมรถยังจอดอยู่ตรงนี้แทนที่จะเป็นโรงรถอีกต่างหาก ถ้างั้นก็แสดงว่าเมื่อกี้มันเจ็บหน้าผากฟรีน่ะสิ!


“บางทีกูก็ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของมึงนะ แต่ว่าตรงนั้นแหละที่ดูน่าสนใจ” ในขณะที่พูดไอ้พฤกษ์ก็มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า สีหน้าและแววตาของมันดูเหมือนกำลังมีแผนร้ายยังไงก็ไม่รู้


“อะไรของมึงเนี่ย เมาแดดรึไงถึงได้พูดจาแปลกๆ”


“อาจจะใช่ก็ได้ ตรงนี้แดดมันแรง เข้าไปหลบแดดแล้วทำเรื่องสนุกๆ ในห้องกูกันดีกว่า ” ไอ้พฤกษ์ยิ้มที่มุมปากแล้วจูงมือผมเข้าไปในบ้าน ซึ่งผมก็เดินตามเข้าไปแต่โดยดีไม่คิดสงสัยอะไรเลย...


2BC


 o14 ฮัลโหลวววว Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 ก็จบลงไปแล้วค่า พออ่านจบเชื่อว่าหลายๆคนต้องกำพระแน่นมาก พร้อมกับสวดภาวนาให้ซ่าแคล้วคลาดปลอดภัย...จากพี่วิน? โน้ววววว อีตาพฤกษ์ลุคแบดบอยนี่แหละ 55555
ส่วนตอนหน้าซ่าจะรอดหรือไม่ หรือจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าก็มาลุ้นไปพร้อมกันนะคะ วันอาทิตย์ค่ำๆเจอกันค่ะ บ๊ายบายยยยย  :bye2:
ปล.ขอประชาสัมพันธ์นิดนึงน้า นิยายเรื่องนี้จะเปิดให้จองในวันเสาร์ที่ 24 นี้ตอนเที่ยงตรง ยังไงก็ฝากเอ็นดูและรับเลี้ยงคู่พฤกษ์ซ่าด้วยนะคะ  :กอด1:
(22 ก.พ. 61)

หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-02-2018 21:52:08
วาเลนไทน์มันต้องมีสักนิดน่า
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-02-2018 22:48:13
พฤกษ์ ทำไมถึงได้ทำร้ายจิตใจของลิซ่าได้นะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-02-2018 12:39:05
ท่าทางจะชอบนะ
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-02-2018 19:14:27
คิดว่าพฤกษ์ไม่น่าจะแค่จ้างมาทำความสะอาดกับทำกับข้าวหรอก มันต้องมีซัมติงแหงๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-02-2018 19:44:40
พฤกษ์แค่อยากฉลองวันวาเลนไทน์กับซ่า แต่ต้องอ้างว่าจ้างทำงาน
ส่วนซ่า...เซ็งล่ะสิ นึกว่าเขาจะชอบตัว คู่นี้ผลัดกันทำเรือล่มเนอะ 5555
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-02-2018 23:22:38
ยึกยักอยู่ได้คู่นี้!
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 21-02-2018 18:10:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 22-02-2018 07:25:14
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ :hao7: ตะโกนใส่หูซ่า
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน7 ประทับใจที่นิสัยรวย เอ๊ย! นิสัยดี [19.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 22-02-2018 09:23:40
ข้ออ้างอะดิ อยากอยุ่ด้วยกันพิเศษตังหากก


สายสปอยยย 5555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ เปิดจอง Avert หัวใจซ่อนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 22-02-2018 22:18:41
(http://upic.me/i/ru/yure1.jpg)


เปิดพรีออเดอร์ Avert หัวใจซ่อนรัก


ตั้งแต่ 24 ก.พ. – 31 มี.ค. 61 (แต่สามารถโอนได้วันสุดท้ายคือ 1 เม.ย. 61)


          - หนังสือราคา 279 บาท มีตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บ

          - แถมฟรี! โปสการ์ดและสมุดโน้ต A6

          - สแตนดี้สามารถซื้อเพิ่มได้ตัวละ 100 บาท

                       สั่งจองได้ที่ >>> ​ https://goo.gl/rCYV42  (https://goo.gl/rCYV42)

                       ดูรายชื่อและสถานะ >>>  https://goo.gl/2Cgk1R  (https://goo.gl/2Cgk1R)

          ​- ดูรายละเอียดหรือเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจ  https://www.facebook.com/sameejaejung2  (https://www.facebook.com/sameejaejung2) เลยค่ะ

​ยังไงก็ฝากรับเลี้ยงคู่พฤกษ์ซ่าด้วยน้า ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  :pig4:

(http://upic.me/i/j3/fjgs2.jpg)


หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-02-2018 23:29:50
หวายยยย น้องซ่ากำลังโดนล่อลวง :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-02-2018 02:01:26
รอดูตอนหน้า ใครจะเสร็จใคร  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-02-2018 07:57:33
พฤกษ์กลับมาเร็วๆเข้า!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-02-2018 09:04:41
เดี๋ยวนะ คือจะแกล้งเฉยๆใช่ปะ


ไม่ใช่ ใช่ปะ


หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-02-2018 09:27:17
ออร่าสีม่วงกำลังเริ่มปกคลุม
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 23-02-2018 12:57:57
ไม่น่าใช่พฤกษ์ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 23-02-2018 23:38:04
เพลิงนั่นแฟนพี่นะ555+
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-02-2018 14:43:29
ซ่าจะเอาตัวรอดจากพฤกษ์แบดบอยได้มั๊ยน้อ ลุ้นๆ 
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 24-02-2018 23:30:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 7 จากคุณชายกลายเป็นแบดบอย [22.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-02-2018 12:46:29
55555 ยังไงก็รอด แผนเยอะจะแย่อะซ่า
แล้วดูความเกรียน ใครโทรมาไม่รู้ แต่ขอให้ได้ด่าสักหน่อย

พฤกษ์อย่าไปนานนะ รีบกลับมาล่ะ
แล้วจะเตรียมเซอร์ไพรส์อะไรหรือเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 น้องทรพี [27.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 27-02-2018 08:01:15
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 8# Phumpruk น้องทรพี


ผมเชื่อว่ามนุษย์แทบทุกคนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ครั้งหนึ่งก็น่าจะต้องมีคนในสเปคที่ชอบด้วยกันทั้งนั้น บางคนอาจจะชอบที่อายุ รูปร่าง หน้าตา ส่วนสูง สีผิว หรือว่านิสัย แน่นอนว่าผมเองก็มีคนในสเปคที่เคยตั้งเอาไว้ในใจเหมือนกัน


ผมชอบคนที่เรียบร้อย อ่อนหวาน พูดจาสุภาพ กิริยามารยาทงดงาม แล้วก็ทำอาหารอร่อย ส่วนคนที่ผมไม่อยากอยู่ใกล้นั่นก็คือคนที่หยาบกระด้าง กวนประสาท พูดจาหยาบคาย ไม่มีมารยาท แล้วก็หาความจริงใจไม่ได้ คนประเภทนี้นอกจากจะอยากอยู่ให้ไกลแล้วผมยังไม่อยากเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก


แต่ก็ไม่รู้ทำไมโชคชะตาดันเล่นตลกให้ผมไปชอบคนประเภทนี้ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อไหนตรงสเปคของผมแท้ๆ ผมพยายามหักห้ามใจตัวเอง แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย


และในเมื่อผมฝืนหัวใจตัวเองไม่ได้ ดังนั้นผมก็ต้องเดินหน้าลุยให้ถึงที่สุด!


แต่ถึงจะตั้งใจเอาไว้แบบนั้น เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงอยู่ดี เพราะผมแทบไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องความรักเลย ส่วนประสบการณ์ในการจีบหรือคบใครก็เป็นศูนย์ ที่ผ่านมาผมมีเพียงแค่มองอยู่ห่างๆ เท่านั้น อย่างล่าสุดก็ตะวันที่ผมแอบชอบมานานถึง 4 ปี


ภายนอกผมอาจจะดูเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ แต่ความจริงแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องความรักหากมีโอกาสที่จะพลาดแม้เพียงแค่เปอร์เซ็นต์เดียวผมก็ไม่อยากเสี่ยง เพียงแค่ได้มองหรือดูแลอยู่ห่างๆ ผมก็มีความสุขแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมความคิดนั้นมันถึงได้หายไปตั้งแต่ที่ผมเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับซ่า


ผมขอข้ามเรื่องที่ชอบซ่าตรงไหน เพราะพยายามคิดเท่าไหร่ผมก็หาคำตอบในเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ แถมยิ่งคิดก็ยิ่งชอบมากขึ้นจนอยากครอบครอง แม้จะลองคิดคำนวณเปอร์เซ็นต์ที่จะสมหวังมีเพียงแค่ครึ่งเดียวแต่ผมก็ยังอยากเสี่ยง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมมีความคิดแบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะผมชอบซ่ามากกว่าใครที่เคยชอบก็ได้


เมื่อรู้ใจตัวเองและอยากเดินหน้าจีบ ผมเลยลองค้นหาวิธีจากอินเตอร์เน็ตเผื่อจะเจออะไรดีๆ เพราะเรื่องแบบนี้ผมจะกล้าไปปรึกษาใคร ยิ่งคนในบ้านโดยเฉพาะไอ้เพลิงนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ขืนมันรู้ว่าผมชอบใครวายร้าอย่างมันได้เข้ามายุ่งวุ่นวายแน่ๆ


ค้นไปค้นมาผมก็เจอวิธีการหลายต่อหลายอย่าง แต่ผมก็ยังคิดว่าวิธีการพวกนั้นมันไม่น่าจะใช้จีบซ่าได้ผล จนกระทั่งผมค้นเจอกระทู้นึงจากเว็บบอร์ดชื่อดัง...


แมวรักเราจริงไหมหรือแค่หลอกให้เลี้ยง?


ตอนแรกผมไม่ได้สนใจหรอก ยังคิดด้วยซ้ำว่าจู่ๆ กระทู้นี้มันขึ้นมาได้ยังไง แต่พอคิดไปคิดมาหากแทนที่แมวด้วยชื่อของซ่าผมว่ามันก็น่าจะเกี่ยวเหมือนกัน เพราะผมดูไม่ออกเลยว่าซ่าชอบผม หรือความจริงแล้วแค่ชอบเงินของผมกันแน่?


แต่ถึงจะสงสัยผมก็ไม่คิดจะพิสูจน์หรือหาคำตอบหรอกนะ ผมมองว่าการทำแบบนั้นมันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ แถมยังบั่นทอนกำลังใจของตัวเองอีกต่างหาก สู้เอาเวลาไปทำเรื่องมีประโยชน์อย่างเช่นให้ซ่าชอบผมดีกว่า เพราะงั้นวันวาเลนไทน์ที่ทุกคนในบ้านพร้อมใจกันไม่อยู่ (พี่ภูกับพี่ธารไปเดทกับแฟนที่ต่างจังหวัด ส่วนวามีเข้าค่าย ไอ้เพลิงตอนแรกไม่ได้จะไปไหน แต่ผมหาทางไล่ให้มันไปนอนที่อื่น) ผมเลยชวนซ่ามาค้างกะจะสารภาพรักซะเลย


แน่นอนว่าผมจะสารภาพปากเปล่าไม่ได้ อย่างน้อยมันก็ต้องมีของแทนใจบ้าง ซึ่งผมก็คิดว่าช็อกโกแลตน่าจะเหมาะที่สุดเพราะวันนี้ตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี


“ทั้งหมด 1610 บาทค่ะ” พนักงานสาวประจำเคาน์เตอร์ร้านช็อคโกแลตสุดหรูจากเบลเยี่ยมอย่าง Godiva พูดขึ้น ผมเลยยื่นเงินให้ก่อนจะรับ Chocolixir มาดื่ม พร้อมทั้งถุงช็อกโกแลตที่บรรจุในกล่องรูปหัวใจลวดลายสวยงาม


พอนึกสีหน้าของซ่าตอนที่ได้รับช็อกโกแลตกล่องนี้ผมก็ยิ้มออกมา รายนั้นน่ะคงจะตะลึงกับยี่ห้อและราคาจนเบิกตากว้าง บางทีอาจจะลนลานจนแทบไม่กล้ากินเลยก็ได้


ชักอยากเห็นไวๆ ซะแล้ว...


   เมื่อคิดได้แบบนี้ผมก็รีบเดินออกจากร้านไปขึ้นรถเพื่อขับกลับบ้าน เวลานี้จากพารากอนไปวัชรพลรถน่าจะติดพอสมควร ซึ่งผมก็ได้เผื่อเวลาเอาไว้แล้ว แผนการน่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด แต่พอผมขับรถมาถึงบ้านก็ดันเห็นรถของไอ้เพลิงจอดอยู่ซะงั้น


   นี่มันยังไม่ออกจากบ้านอีกหรอเนี่ย!


   ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้พึ่งจะ 12.25 น. ซ่าน่าจะยังมาไม่ถึง เพราะถ้าถึงก็คงจะโทรหาผมแล้ว แต่นี่ยังไม่มีโทรมาสักสาย ดังนั้นผมเลยโล่งใจแล้วรีบเดินเข้าบ้านเพื่อที่จะหาทางไล่ไอ้เพลิง แต่ผมก็มาสะดุดกับรองเท้าช้างดาวสีขาวสายน้ำเงินที่ถอดอยู่หน้าประตูเข้าซะก่อน
นี่มันรองเท้าของซ่าไม่ใช่หรอ?


ผมขมวดคิ้วเพราะเริ่มสังหรณ์อะไรบางอย่าง ขาสองข้างเลยรีบก้าวเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่พบซ่าเลย ไอ้เพลิงก็ด้วยไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน หวังว่ามันคงไม่สวมรอยเป็นผมแล้วพาซ่าขึ้นห้องไปหรอกนะ..........................ฉิบหายแล้ว!


   พอคิดได้แบบนั้นผมก็ทิ้งถุงช็อกโกแลตเอาไว้แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 ทันที ไม่แน่ว่าป่านนี้ไอ้เพลิงมันอาจจะทำอะไรๆ กับซ่าไปแล้วก็ได้ ผมรู้จักนิสัยของไอ้น้องชายตัวร้ายคนนี้ดี ซึ่งทันทีที่ผมไปถึงหน้าห้องของมัน...


   “อ๊า!” ผมก็ได้ยินเสียงซ่าร้องขึ้นมา เท่านั้นแหละผมก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า สาบานได้เลยว่าถ้าไอ้เพลิงทำมิดีมิร้ายซ่าผมเอามันตายแน่!


   “มึงอย่าทำอะไรซ่านะไอ้เพลิง!” ผมแทบจะพังประตูเข้าไปด้วยความร้อนรน ในใจก็คิดกังวลไปต่างๆ นานา แต่พอเห็นว่าตอนนี้ซ่ากำลังนั่งหัวเราะคิกคักอยู่ปลายเตียง ขาของผมก็ถึงกับชะงักแล้วก็หยุดนิ่งด้วยความงุนงง


   “โอ๊ะ! กลับมาแล้วหรอไอ้พฤกษ์” ซ่าลดอัลบั้มรูปในมือลงแล้วโบกมือทักทายผม


   “หึหึ หน้าตาตื่นกว่าที่คิดนะไอ้พี่ชาย” ส่วนไอ้เพลิงน้องทรพีที่กำลังค้นอัลบั้มรูปในตู้ก็หันมา พร้อมกับยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์


   ผมยืนเอ๋ออยู่ประมาณ 3 วินาทีก็ประติดประต่อเรื่องราวได้ ในเมื่อทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดผมก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก


   “เฮ้ออออ กูก็นึกว่ามึงจะถูกไอ้เพลิงทำอะไรซะแล้ว”


   “แล้วใครบอกว่ามันไม่ได้ทำอะไรกู”


   “หา! มึงหมายความว่าไง?” พอได้ยินแบบนั้นผมก็หันขวับแล้วรีบเดินเข้าไปหาซ่า ส่วนไอ้เพลิงก็ยิ้มแห้งๆ ด้วยใบหน้าที่ถอดสีเล็กน้อย


   “มันสวมรอยเป็นมึงแล้วพากูขึ้นมากะจะล่อบนนี้”


   “ละ...แล้ว...?” ตอนนี้ผมเริ่มติดอ่างเพราะความร้อนรนอีกครั้ง


   “จะแล้วยังไง กูก็คิดว่ามันไม่ใช่มึงแน่ๆ เลยแทงเข่าเข้าเป้ามันแล้วก็ทุบที่หลังซ้ำอีก 2 รอบน่ะสิ” ซ่าหัวเราะในลำคอแล้วหันไปเยาะเย้ยไอ้เพลิง ผมที่ได้ยินแบบนั้นเลยถอนหายใจออกมา


   “กูขอโทษแทนไอ้เพลิงนะซ่า แต่กูก็ดีใจนะที่มึงแยกกูกับมันได้ ทั้งที่มึงไม่รู้ว่ากูมีแฝด”


   “ของมันแน่อยู่แล้ว ตอนแรกกูก็คิดว่ามันแปลกๆ แต่พอได้ยินคำพูดแทะโลม แถมมันยังก้มหน้าลงมาหอมแก้มกูอีกต่างหาก นั่นแหละกูเลยคิดว่ามันไม่ใช่มึงแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์” ตอนแรกผมก็ยิ้มออกมาอยู่หรอกที่ซ่าแยกผมกับไอ้เพลิงได้ แต่พอผมรู้ว่าซ่าโดนทำอะไร ไฟความโมโหของผมก็ลุกท่วมตัวทันที


   นี่ไอ้เพลิงที่พึ่งเจอกันวันเดียวได้หอมแก้มซ่า แต่ผมที่รู้จักมาตั้งนานยังทำมากสุดแค่กอดเท่านั้นเองนะ!


   หนอย...ตอนแรกผมก็กะว่าจะไม่เอาเรื่องอะไร แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจเป็นฆ่าน้องทรพีอย่างมันทิ้งเลยดีกว่า!


“เดี๋ยวก่อนไอ้เพลิงมึงอย่าพึ่งไปไหน ไปคุยกับกูที่ห้องก่อน” ผมพูดเสียงเข้มเมื่อเห็นไอ้เพลิงกำลังย่องเดินไปทางประตู


“แต่ว่ากูมีนัดตอนบ่าย...”


“คนอย่างมึงสายเป็นปกติอยู่แล้วไม่ต้องมาอ้าง!” ผมพูดจบก็ตรงไปกระชากคอเสื้อของไอ้เพลิงเอาไว้ จากนั้นจึงหันมาหาซ่าที่มองมาทางนี้ตาปริบๆ


“มึงรออยู่นี่ก่อนนะ กูจัดการไอ้น้องทรพีเสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวกูกลับมา อ้อ...ถ้าเจอของมีค่าในห้องก็หยิบเอาไปได้เลยถือเป็นค่าทำขวัญ” พอได้ยินแบบนั้นซ่าก็ตาลุกวาวเป็นประกาย ตรงข้ามกับไอ้เพลิงที่ร้องโวยวายออกมา


“อ้าวเฮ้ย! ไหงมึงพูดแบบนั้นวะไอ้พฤกษ์! ของในห้องกูน่ะ...”


“หุบปาก แล้วตามกูมา” ผมพูดจบก็ลากไอ้เพลิงออกมาจากห้อง มันที่เห็นว่าผมกำลังไม่สบอารมณ์จริงๆ เลยยอมเดินตามมาแต่โดยดี


“เกรี้ยวกราดขนาดนี้หึงล่ะสิมึง” ไอ้เพลิงพูดขึ้นแล้วอมยิ้มนิดๆ หลังจากที่ผมพามันเดินเข้ามาในห้อง


“นอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังมีหน้ามาล้อกูอีกนะ” ผมกอดอกพร้อมกับจ้องหน้ามันตาขวาง
“อย่าซีเรียสไปเลยน่า คิดซะว่ากูแค่ทักทายตามธรรมเนียมต่างชาติก็แล้วกัน”


“มึงนี่มัน...”


“เอาน่าไอ้พี่ชาย เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ แต่เอ...ที่หัวร้อนขนาดนี้อย่าบอกนะว่าแค่หอมแก้มมึงยังไม่เคยทำ?”


“...” ผมไม่ตอบแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง ไอ้เพลิงเลยถอนหายใจออกมาเพราะการกระทำของผมมันก็ตอบได้ชัดอยู่แล้ว


“มึงก็เป็นซะอย่างนี้ กี่ทีแล้วห้ะที่นกไม่ก็โดนหมาคาบไปแดก”


“ให้มันน้อยๆ หน่อย หมาที่มึงว่าก็คือพี่ภูไม่ใช่รึไง” ผมพูดเตือนสติไอ้เพลิงที่ดูเหมือนว่าจะอินกับเรื่องของผมเกินไปหน่อย ทั้งที่ผมไม่ได้เจ็บแค้นแต่อย่างใดเพียงแค่เสียใจนิดหน่อยเท่านั้น


“เออ โทษที กูแค่อยากกระตุ้นให้มึงทำอะไรบ้าง”


“กูก็กำลังพยายามอยู่ แต่มึงดันมาทำให้เสียแผน” ถ้าไอ้เพลิงไม่เข้ามายุ่งตั้งแต่แรก ป่านนี้ผมอาจจะสารภาพความในใจกับซ่าจนตกลงคบกันไปแล้วก็ได้ คิดแล้วก็เจ็บใจ แต่ที่เจ็บใจมากกว่าก็เรื่องที่มันอุกอาจหอมแก้มซ่านี่แหละ


คอยดูนะถ้าวันไหนมันมีคนที่ชอบขึ้นมา มีโอกาสเมื่อไหร่ผมจะหาเรื่องเอาคืนให้สาสมเลย!


“เฮอะ! ไอ้คำว่าพยายามของมึงมันจะถึงขั้นไหนกัน ถ้าเป็นกูนะจะจับทำเมียตั้งแต่ที่เจอวันแรกเลยเถอะ” ไอ้เพลิงยืดอก มันใช่เรื่องที่ควรจะมาข่มหรืออวดกันรึไง


“กูไม่ใช่คนได้ไปทั่วมั่วไม่เลือกแบบมึง”


“เออ กูมันคนชั่ว คนโฉด คนเลว ไม่ได้เป็นเทวดากลับชาติมาเกิดแบบมึงนี่หว่า อ้อ...แต่กูไม่ได้หมายความว่ามาเกิดเป็นคนนะ กูหมายถึงพญานก ฮ่าๆๆๆ” ไอ้เพลิงพูดจบก็หัวเราะออกมา ส่วนผมก็เริ่มกำหมัดเพราะชักจะยัวะแล้ว


“เลือกมาว่าแก้มซ้ายกับขวามึงอยากให้กูต่อยข้างไหน”


“อะไรกันเล่า กูพูดความจริงมึงจะขึ้นทำไม หรือมึงจำไม่ได้ว่าชีวิตนี้เคยนกมากี่รอบแล้ว ถ้างั้นกูจะทวนความจำให้มึงเองก็ได้ ตอนม.ต้นสมัยที่พวกเรายังอยู่ชลบุรีมึงแอบชอบน้องบลู พอย้ายมาอยู่กรุงเทพมึงก็แอบชอบเพื่อนในห้องที่ชื่อมิกเซอร์ ส่วนมหา’ลัยคงไม่ต้องสาธยายนะว่าตลอด 4 ปี...”


“หยุด! มึงหยุดแค่นั้นแหละไอ้เพลิง เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วมึงจะขุดให้มันได้อะไรขึ้นมา” ผมคิดว่าป่านนี้ทั้งคู่น่าจะมีแฟนไปเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ


   “ที่กูพูดก็เพราะไม่อยากให้มึงแอบมองอยู่อย่างเดียวไง ถ้าชอบก็ไปบอกแล้วเดินหน้าจีบแม่งเลย” ไอ้เพลิงยิ้มกว้างแล้วเดินมาตบบ่าผม พอมันทำแบบนี้อารมณ์ที่เคยอยากต่อยมันก็ค่อยๆ สลายหายไป


   “เออ กูก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นแหละ ไม่งั้นกูจะอ้างเรื่องจ้างมาทำงานแล้วให้ซ่าค้างคืนที่นี่ทำไม” พอผมพูดแบบนี้ไอ้เพลิงก็ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาให้ผม


   “ทำดีไอ้พี่ชาย แต่เอ...จะว่าไปสเปคของมึงนี่ก็ไม่เปลี่ยนเลยนี่หว่า น้องบลู มิกเซอร์ ตะวัน แล้วก็ซ่า รูปร่างหน้าตาสไตล์เดียวกันทุกคนเป๊ะ”

 
   “ก็กูชอบคนตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารัก กูรู้สึกว่าเขาน่าปกป้องน่าทะนุถนอม” ส่วนใหญ่ผู้ชายไทยก็ชอบคนสไตล์นี้ด้วยกันทั้งนั้น ถึงแม้ว่าผมจะชอบผู้ชายไม่ได้ชอบผู้หญิงเหมือนผู้ชายทั่วไปก็เถอะ


   “แต่กูรู้สึกว่าซ่าจะผิดแผกคนอื่นตรงนิสัยไปหน่อยนะ” คำพูดนั้นทำเอาผมหลุดขำออกมา


   “นั่นสินะ แต่ว่ากูไม่เคยชอบใครเท่าซ่าเลยสักคน” ผมพูดโดยไม่คิดปิดบัง ส่วนเหตุผลนั้นอันนี้ผมก็ไม่รู้ แต่หัวใจของมนุษย์มันก็อยู่นอกเหนือจากการควบคุมอยู่แล้ว


   “เออใช่ ว่าแต่มึงลืมตะวันได้แล้วหรอวะ” จู่ๆ ไอ้เพลิงก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับงงจนต้องขมวดคิ้วออกมา มันก็รู้อยู่แล้วว่าตอนนี้ผมชอบซ่า ความรู้สึกที่มีต่อตะวันเป็นอดีตไปแล้วมันจะถามถึงอีกทำไม ขืนใครมาได้ยินประโยคคำถามชวนเข้าใจผิดแบบนี้ได้ยุ่งวุ่นวายกันแน่ๆ


   แต่เอ๊ะ! อย่าบอกนะว่า...


   “ตะวันนี่ใครวะไอ้พฤกษ์” เสียงอันเคยคุ้นแต่แข็งกระด้างเป็นเท่าตัวถามขึ้นอยู่ข้างหลัง ชัดเลยว่าไอ้เพลิงมันจงใจปั่นเพราะเห็นซ่าเปิดประตูเข้ามา


งานเข้าแล้วสิผม!


2BC


 o15 สวัสดีค่า Avert หัวใจซ่อนรัก ก็จบลงไปแล้วน้า จบไปพร้อมกับความงานเข้าของพฤกษ์ที่ถูกน้องทรพีทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ ตอนหน้าจะเป็นยังไง พฤกษ์กับซ่าจะมีบรรยากาศอึมครึมดราม่า หรือว่าจะเข้าใจแล้วรักกันมุ้งมิ้งก็มาลุ้นไปพร้อมกันนะคะ  :m13:
ตอนนี้ต้องขอโทษจริงๆค่ะที่เรามาช้าไปหน่อย  :m5: พอดีไฟล์ตอนนี้ในเครื่องเรามันไม่มี บางทีอาจจะคิดว่าเซฟจากที่ทำงานมาแล้วแต่ก็ไม่ได้เซฟมา (เนี่ย รู้กันหมดเลยว่าเราแอบอู้ไม่ทำการทำงาน แหะๆ  :m23: ) เพราะงั้นครึ่งหลังเราเลยจะมาลงให้เร็วหน่อยคืออีก 2 วัน เพราะงั้นรอไม่นานแน่นอนค่า
ปล.เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ ค่าสินสอนเบาๆ 279 บาท ยังไงก็ฝากรับคู่พฤกษ์ซ่าไปเลี้ยงดูด้วยน้า จุ๊บๆ  :give2:
(27 ก.พ. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 น้องทรพี [27.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-02-2018 08:31:42
น้องทรพี แต่ก็หวังดีไม่อยากให้พี่ชายนกนะเออ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 น้องทรพี [27.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-02-2018 09:31:27
อ่าควรจะขอบคุณน้องสินะ ฮิฮิ
เอาเลยจ้าคืนนี้ต้องมีเคลียร์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 น้องทรพี [27.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-02-2018 09:37:30
สู้ๆนะพฤกษ์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 น้องทรพี [27.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-02-2018 14:54:35
มีหวงเว้ยเฮ้ย ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 น้องทรพี [27.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 27-02-2018 23:57:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 น้องทรพี [27.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-02-2018 03:38:34
ความแค้นนี้ต้องได้รับการชำระในภายภาคหน้า พฤกษ์จำแค้นนี้ไว้นะ ห้ามลืมเด็ดขาด  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 น้องทรพี [27.2.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 28-02-2018 23:52:42
น้องทรพีจริงๆ55
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 02-03-2018 07:50:44
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 8# Phumpruk ช็อกโกแลตวาเลนไทน์


“กูสร้างสถานการณ์ให้แล้ว ใช้จังหวะนี้บอกว่าชอบไปเลยไอ้พี่ชาย” ไอ้เพลิงกระซิบที่ข้างหูของผม จากนั้นก็รีบวิ่งหนีเผ่นแน่บออกจากห้องไปอย่างไวเพราะกลัวจะถูกผมฆ่าตาย


   ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้น้องทรพี!


   “เอ่อ...มึงมาหากูที่นี่มีอะไรรึเปล่าซ่า” ผมส่งยิ้มไปให้โดยพยายามตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่อง แต่นอกจากจะไม่ตกหลุมพรางแล้วซ่ายังหน้าบึ้งลงอีกต่างหาก


   “ถามแบบนี้หมายความว่าไง ถ้าเป็นคนที่ชื่อตะวันมึงจะถามแบบนี้เหมือนกันมั้ย” ซ่าทำตาขวางยิ่งกว่าวันแรกที่เจอกับผมซะอีก


   “กูก็ต้องถามอยู่แล้ว เวลามีคนเข้ามาห้องก็ต้องถามแบบนี้ไม่ใช่รึไง”


   “เฮอะ! จะอุ้มอัญเชิญเข้าห้องอย่างไวล่ะสิไม่ว่า” ซ่าเบ้ปากออกมา จากนั้นก็ทำท่าจะเดินหนีแต่ผมก็ความที่ข้อมือเอาไว้ซะก่อน


   “ตะวันเป็นเพื่อนในเอกของกู”


   “แล้ว?”


   “เป็น...คนที่กูเคยชอบ” ผมไม่อยากโกหกเลยตัดสินใจพูดความจริงออกไป เพราะขืนมารู้ทีหลังว่าผมปิดบังซ่าคงได้โมโหหนักกว่านี้


   “อ๋อ พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงเป็นคนเอาเพื่อนเอาฝูง” ซ่าสะบัดข้อมือทิ้งแล้วเดินหนีไป ส่วนผมที่ไม่เข้าใจเลยขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งคิดออกนั่นแหละเลยรีบวิ่งไปหาซ่าที่ตอนนี้กำลังเดินลงบันไดไปข้างล่าง


   “กูแค่แอบชอบเฉยๆ มากสุดก็แค่จับมือไม่มีอะไรมากกว่านั้น”


   “แล้วยังไง มึงมาบอกกูทำไม กูอยากรู้หรอก็ไม่ ใครสนใจใครได้แคร์วะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าของซ่าตอนนี้กำลังฉุนเฉียว หงิกงอ เกรี้ยวกราด และไม่สบอารมณ์สุดๆ ทำอย่างกับว่ากำลังหึงผมยังไงยังงั้น


   เอ๊ะ หรือว่าจะใช่?


   “ยิ้มเหี้ยอะไรของมึง” ซ่าที่จู่ๆ ก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาทางนี้ถามขึ้น ผมที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยิ้มออกไปก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ก็ทำไม่ค่อยได้เพราะตอนนี้ผมกำลังดีใจจนแทบบ้า


   “เปล่า กูไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”


   “ไม่ได้ยิ้มเชี่ยไรปากแทบจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว!” ยิ่งเห็นอารมณ์ซ่าเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งฝืนทำหน้าปกติไม่ได้ ผมจึงอมยิ้มแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวซ่าซะเลย


   “กูจะตอบคำถามมึงก็ได้ แต่มึงต้องตอบคำถามของกูมาก่อน”


   “คำถามเชี่ยอะไร”


   “ก็...” ผมลากเสียงยาวแล้วก้มหน้าลงไปใกล้ๆ ซ่า “ทำไมพอได้ยินว่ากูมีคนที่ชอบ มึงต้องโมโหขนาดนี้ด้วย”


   “หา!” ซ่าผงะถอยออกไปพร้อมกับทำหน้าตาตื่น


   “ว่ายังไง” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใหม่ แต่ซ่าก็ถอยห่างออกไป ส่วนสีหน้าและแววตาก็ดูหลุกหลิกลนลาน


   “ระ...เรื่อง...เรื่องนั้น...คือ...” ติดอ่างขนาดนี้ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่าซ่าชอบผมจริงๆ


   “คือ?” ในขณะที่ถามผมก็ก้าวเข้าไปใกล้ ส่วนซ่าก็ถอยหลังไป แต่ผมก็ไม่ยอมก้าวไปหาเรื่อยๆ จนในที่สุดซ่าก็จนมุมแผ่นหลังชิดกับราวบันได ไม่เพียงเท่านั้นผมยังก้มหน้าลงไปใกล้ จนใบหน้าของเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบเท่านั้น


   “มึงจะต้อนกูขนาดนี้เพื่อ!”


   “ก็กูอยากได้คำตอบ”


   “แต่กูไม่บอกโว้ย! แม่งจะสิงกูรึไงถอยไปไกลๆ ซิ!” ซ่าดันที่แผ่นอกของผมแล้วรีบวิ่งลงบันได ส่วนผมก็เดินตามไปโดยที่ใบหน้ายังอมยิ้มเหมือนเดิม


   “จะเดินตามกูทำมะเขืออะไร!”


   “ก็นี่มันบ้านกู กูจะเดินไปไหนก็ได้”


“ถ้างั้นก็เชิญเดินตามสบาย กูจะกลับบ้าน!” พูดจบซ่าก็สะบัดหน้าใส่แล้วเดินไปทางประตู แต่ก็รีบหยุดจนแทบคะมำเมื่อได้ยินผมพูดว่า...
“ถ้าจะกลับก็เอาเงิน 5000 คืนมา”


“เชี่ย...” ซ่าสบถออกมาเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ จากนั้นก็ทำท่าเหมือนว่าจะเอายังไงดี มีความคิด 2 อย่างกำลังตีกันอยู่ในหัว แต่ในที่สุดก็สามารถเลือกข้างได้


“ไหนงานบ้านที่จะให้กูทำ” ผมยิ้มออกมา ซ่าก็ยังเป็นซ่าอยู่วันยังค่ำ ยังคงงกเงินเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ตรงนั้นแหละที่ผมมองว่าน่ารักน่าเอ็นดู


“ก็พวกกวาดบ้านถูบ้านนั่นแหละ” พอผมพูดแบบนี้ซ่าก็ขมวดคิ้วแล้วมองดูรอบๆ ตัว


“มีอะไรให้กูทำ บ้านแม่งสะอาดจะตายห่า ฝุ่นเฝิ่นคราบเคริบก็ไม่มี” จะไปมีได้ยังไง ในเมื่อตอนเช้าก่อนออกจากบ้านไปกับพี่ภู ตะวันกวาดถูทุกซอกทุกมุมเรียบร้อยแล้ว


“ถ้างั้นมึงไม่ต้องทำก็ได้ แต่เอาเงินค่าจ้างคืนมา 2000” เท่านั้นแหละจากที่กำลังทำท่าเกียจคร้านเบื่อหน่าย ซ่าก็เปลี่ยนไปกลายเป็นขยันกระฉับกระเฉงทันที


“อ๊ะ! นี่ไงฝุ่น ส่วนนู่นก็เหมือนเศษขยะ ตายๆๆ สกปรกเหมือนเล้าหมูแบบนี้มึงอยู่ไปได้ยังไง ไม่ไหวๆ เดี๋ยวกูจะจัดการทำความสะอาดให้ก็แล้วกัน” พอได้ยินแบบนี้ผมก็แทบหลุดขำออกมา ส่วนซ่าก็เดินไปกวาดถูบ้านอย่างขยันขันแข็งแต่ก็ไม่ยอมมองหน้าผมเลย


ผ่านไปเกือบชั่วโมงพอทำเสร็จผมก็หางานให้ซ่าทำอีกหลายอย่าง แต่ก็เป็นพวกงานเล็กๆ น้อยๆ เพราะส่วนใหญ่ตะวันก็ทำหมดแล้ว แต่ถ้าไม่ให้ทำงานอะไรเลยเดี๋ยวซ่าก็สงสัยว่าผมจะชวนมาที่บ้านแถมให้นอนค้างด้วยทำไม ผมไม่อยากสารภาพความในใจตอนที่ซ่ายังเคืองผมไม่หาย ไว้รอตอนค่ำที่บรรยากาศเป็นใจน่าจะดีกว่า


“เดี๋ยวเช็ดตรงนี้เสร็จมึงไปทำกับข้าวเลยนะ กูชักจะหิวแล้ว” ผมพูดกับซ่าที่กำลังเช็ดชั้นวางของ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น


“เออ แล้วมึงอยากกินอะไร”


“ได้หมด อะไรที่มึงทำกูชอบทั้งนั้นแหละ” ผมกลั้นใจพูดประโยคเลี่ยนๆ ออกไปทั้งที่ไม่ใช่ตัวผม โดยหวังว่าซ่าจะรู้สึกดีหรือเกิดปฏิกิริยาอะไรขึ้นบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่เลยสักนิด เพราะซ่าตอบมาสั้นๆ ห้วนๆ แค่คำเดียวเท่านั้น


“เค” มิหนำซ้ำยังตั้งหน้าตั้งตาเช็ดชั้นต่อไปไม่ยอมมองหน้าผมเหมือนเดิม ผมเลยเดินคอตกกลับไปนั่งที่โซฟาพลางคิดคำพูดหวานๆ เพื่อง้อตอนที่ซ่าทำกับข้าวเสร็จ โดยที่ผมไม่เห็นเลยว่าตอนนี้ซ่ากำลังแสยะยิ้มแล้วมองผมด้วยสายตาอาฆาต


จากนั้นซ่าก็เข้าครัวไปทำกับข้าวตามที่ผมบอก ถึงผมจะไม่รู้ฝีมือการทำอาหารของซ่า และไม่ได้หวังว่าจะทำอร่อยอย่างกับภัตตาคาร แต่ผมก็เชื่อว่าคนสู้ชีวิตที่ช่วยเหลือตัวเองมาตั้งหลายปีน่าจะทำอาหารได้อยู่แล้ว เพราะงั้นผมเลยวางใจแล้วออกไปจัดโต๊ะกินข้าวตรงศาลาสีขาวที่อยู่ในสวน

 
แสงสีนวลจากหลอดไฟและแสงเทียนสลัวๆ รวมไปถึงดอกกุหลาบที่ประดับอยู่บนโต๊ะน่าจะทำให้ซ่าเข้าใจความรู้สึกของผมและอารมณ์ดีขึ้นบ้าง แล้วไหนจะยังช็อกโกแลตในกล่องรูปหัวใจที่ผมตั้งใจจะมอบให้อีก หวังว่าคืนนี้คงไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกนะ


 แล้วไม่นานซ่าก็เดินถือจานอาหารมา หน้าตาบึงตึงแบบนี้คงไม่ได้สนใจบรรยากาศสุดโรแมนติกรอบตัวอย่างแน่นอน


“เอ้า กินซะ” ซ่ากระแทกจานลงตรงหน้าผมอย่างแรงจนโต๊ะสะเทือน แต่การกระทำนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมอึ้งและตกใจเท่ากับสิ่งที่อยู่ในจาน


 “นี่มันอะไรเนี่ย” สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้ามันไม่น่าจะเรียกว่าอาหารได้เลย เพราะมันเหมือนก้อนอะไรสักอย่างที่มีสีดำปิ๊ดปี๋ ก้อนพวกนี้ผมคิดว่ามันสมควรอยู่ในถังขยะมากกว่าจะเอามาจัดใส่จาน


“ผัดรวมมิตรชาโคล”


“หา?”


“ไม่รู้จักชาโคลหรอ บ้านนอกฉิบหาย” ซ่าเหยียดสายตามองผมพร้อมกับเบ้ปากใส่


“ชาโคลน่ะกูรู้จัก แต่ไอ้ที่อยู่ตรงหน้ากูมันไม่น่าจะเรียกว่าชาโคลได้นะ มันเหมือนอาหารไหม้ที่มึงจงใจทำมากกว่า” ขนาดแค่เปิดฝายังไม่ได้ดมใกล้ๆ ผมยังได้กลิ่นไหม้ออกมาเลย


“เออ กูจงใจ แล้วมึงจะทำไม ไหนบอกว่ากินอะไรก็ได้” ซ่ากอดอกมองผมอย่างหาเรื่อง


ไม่ได้การ สถานการณ์ชักจะมาคุสุดๆ แล้ว ผมคิดว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้มีหวังแย่แน่ๆ เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจยื่นช็อกโกแลตที่อยู่ในกล่องรูปหัวไปให้ซ่า


“กูขอโทษนะ” ผมยิ้มออกมา ตั้งใจจะเอาให้เป็นของขวัญแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นของง้อก็ไม่รู้


“ขอโทษกูทำไม มึงทำผิดอะไร แล้วกูโกรธอะไรมึง” ซ่าพูดห้วนๆ พร้อมกับปรายหางตามองมา ไม่แม้แต่จะหยิบกล่องที่อยู่ตรงหน้าไปเลย


“คือ...” ผมไม่รู้ควรจะพูดอะไร ถ้าบอกไปว่าขอโทษที่ทำให้มึงหึง ผมต้องโดนต่อยปากสวนกลับมาแน่ๆ


“แล้วนี่มึงไปซื้อมาจากตลาดนัดรึไง ดีไซน์กิ๊กก๊อกเด็กน้อยฉิบหาย สาบานเถอะว่ามึงคิดจะง้อกูจริงๆ แม่งโคตรไม่ลงทุน” ซ่าเบ้ปากเหยียดมองกล่องช็อกโกแลตสุดหรูอย่าง Godiva ที่เป็นสเปเชียลคอลเลคชั่นวันวาเลนไทน์ ผมไม่คิดว่าซ่าจะมองของสุดหรูเป็นของตลาดนัดได้เลยถึงกับเงิบจนพูดอะไรไม่ออก


แล้วที่มึงบอกกูไม่ลงทุนจะง้อ แต่ช็อกโกแลตกล่องนี้ราคา 1380 เลยนะซ่า!


“เฮ้ออออ แต่ไหนๆ มึงก็ให้มาแล้วกูจะทำใจรับเอาไว้ก็ได้” ซ่าพูดจบก็หยิบกล่องช็อกโกแลตจากมือผมไป จากนั้นก็เปิดฝาด้านบนออก ซึ่งพอเห็นของด้านในเท่านั้นแหละ...


“เชี่ยยยยยยยยยยยย กล่องตั้งใหญ่แต่เสือกใส่ช็อกโกแลตมาแค่ 6 ชิ้นเนี่ยนะ! คุณหลอกดาววววววววว” ซ่าแหกปากโวยวายอย่างไม่พอใจ ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับจิตตกไปเลย แต่นั่นก็ยังไม่หนักเท่ากับหลังจากซ่าลองชิม


“แหยะ! รสชาติส้นตีนฉิบหาย! มึงไปซื้อที่ตลาดไหนกูจะไปเผาแม่งให้วอด!” ซ่าทำหน้าพะอืดพะอมในขณะที่กำลังเคี้ยวช็อกโกแลตจนเต็มปาก ผมอยากจะพูดแทบตายว่าจะให้รสชาติมันอร่อยได้ยังไงในเมื่อตัวเองยัดเข้าปากไปพร้อมกันตั้ง 3 ก้อน ไส้ข้างในช็อกโกแลตมันต่างกันอยู่แล้ว กินรวมกันแบบนั้นรสมันจะห่วยก็ไม่แปลก แต่ผมก็เหนื่อยใจเกินที่จะพูดอะไรออกไปทั้งนั้น


ไก่ได้พลอยชัดๆ!


“มึงจะหมดอาลัยตายอยากทำเชี่ยอะไร กูสิที่ต้องเป็นไอ้ฉิบหาย แต่ไหนๆ มึงก็อุตส่าห์ซื้อช็อกโกแลตมาง้อกูแล้ว ถึงจะไม่ค่อยลงทุนไปหน่อยก็เถอะ แต่กูจะไปทำกับข้าวมาให้ใหม่ก็แล้วกัน” ซ่าพูดจบก็ลุกเดินเข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็นั่งหมดอาลัยตายอยากเหมือนเดิมไม่ลุกไปไหน เพราะสิ่งที่คิดกับความเป็นจริงมันไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยสักนิด


“เฮ้ออออออ” ผมถอนหายใจออกมา เพราะคิดไม่ออกเลยว่าหลังจากนี้จะทำยังไงดี


จริงอยู่ว่าซ่ามีท่าทีโมโหผมน้อยลง แต่ผมก็ยังคงเห็นความขุ่นเคืองหลงเหลืออยู่ดี เห็นทีคงต้องสารภาพความรู้สึกออกไปตรงๆ ไม่ต้องคิดเยอะหรือซื้อของขวัญอะไรให้วุ่นวาย คนนิสัยแปลกแถมรสนิยมประหลาดแบบนั้นคงไม่เข้าใจอะไรที่ซับซ้อนหรอก


เมื่อตัดสินใจได้แล้วผมก็เดินไปเข้าบ้าน กลิ่นหอมๆ ที่ลอยมาแตะจมูกทำเอาผมน้ำลายสอ ขาสองข้างเลยรีบก้าวเข้าไปในครัว จึงเห็นว่าตอนนี้ซ่ากำลังคนอะไรสักอย่างที่อยู่ในหม้อแล้วตักขึ้นมาชิม


“อาาาส์ แซ่บเวอร์” สีหน้าของซ่าตอนนี้ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา


“ทำอะไรกินน่ะซ่า”


“ต้มยำไก่ ลองชิมดูมั้ย” แล้วซ่าก็ใช้ช้อนตักต้มยำในหม้อมายื่นให้ผม ดูท่าซ่าคงจะทำไว้ตั้งแต่แรก แต่ว่าแกล้งเอาผัดชาโคลอะไรนั่นมาให้ผมเฉยๆ


“ใส่พริกไปเท่าไหร่เนี่ย ทำไมสีมันถึงได้แดงจนน่ากลัวขนาดนี้” ผมมองช้อนต้มยำในมืออย่างหวั่นๆ


“มึงกินเผ็ดไม่ได้หรอ”


“ก็เปล่า แต่เผ็ดมากๆ กูไม่ค่อยได้กิน บ้านกูไม่ค่อยกินอาหารรสจัดเท่าไหร่” พอได้ยินแบบนี้ซ่าก็ลอบยิ้มออกมา แต่ผมไม่ทันได้มองเพราะมัวแต่กังวลเรื่องต้มยำที่อยู่ตรงหน้า


“มึงไม่ต้องกลัวหรอกไอ้พฤกษ์ ที่สีมันแดงก็เพราะกูใส่ผงต้มยำเฉยๆ ความเผ็ดระดับนี้เด็กอนุบาลกินได้สบาย” ซ่าพูดอย่างหน้าซื่อตาใส แต่ผมกลับรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจยังไงไม่รู้


“แน่ใจนะว่ามึงไม่ได้หลอกกู?”


“ดูตากูสิเพื่อน” ซ่าทำตาปิ๊งๆ ชัดเลยว่าต้องกำลังโกหกแน่นอน แต่ผมจะยอมเล่นตามเกมไปก็ได้ เพราะผมคิดวิธีเอาคืนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว


“โอเค กูเชื่อมึง” เท่านั้นแหละซ่าก็ยิ้มกว้างออกมา ส่วนผมก็กลั้นใจซดน้ำต้มยำเข้าไปเต็มคำ เท่านั้นแหละความเผ็ดระดับทำลายล้างก็จี๊ดขึ้นหูขึ้นตาลามไปที่สมอง ตอนนี้ผมเผ็ดขนาดที่ว่าแทบจะพ่นไฟได้อยู่แล้ว


“กร๊ากกกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ควายในควายชัดๆ โอ๊ยขำโว้ยยยยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ซ่าหัวเราะอย่างสะใจจนแทบจะกลิ้งลงไปกับพื้น


“น้ำ! เอาน้ำให้กูที! กูเผ็ดจะตายอยู่แล้ว!” ผมดิ้นเร่าๆ ถึงจะดูเวอร์ไปหน่อยแต่ผมก็เผ็ดจริงๆ เผ็ดจนน้ำตาผมแทบไหลขนาดนี้ นี่ซ่าใส่พริกลงไปทั้งสวนรึเปล่า


“เฮ้ออออ ลำบากกูจริงๆ ไอ้ลิ้นผู้ดีเอ๊ย” ซ่าบ่นทั้งที่ยังหัวเราะกับอาการเผ็ดของผม แต่ก็ยอมเดินไปรินน้ำใส่แก้วมาให้ตามคำขอ ผมรับน้ำมาดื่มอักๆ จนหมดแก้วภายในเวลาไม่กี่วิ


“กูยังไม่หายเผ็ดเลยซ่า หาอะไรหวานๆ มาให้กูกินหน่อย” ผมพูดจบก็อ้าปากแล้วใช้มือพัดลิ้นให้หายเผ็ดร้อน แต่มันก็ช่วยได้แค่นิดเดียวเท่านั้น


“อะไรล่ะที่มันหวาน น้ำตาลดีมั้ยเดี๋ยวกูจับกรอกใส่ปากมึงให้” ซ่าหัวเราะคิกๆ คักๆ


“เอาอะไรที่มันเป็นไปได้หน่อยสิซ่า อย่างช็อกโกแลตที่กูให้มึงไปไง” ผมมองไปยังกล่องช็อกโกแลตที่วางอยู่ไม่ไกล ซ่าที่ได้ยินแบบนั้นเลยเดินไปหยิบมาแล้วเปิดฝาออก


“เหลืออยู่ชิ้นนึงพอดีเลย เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามากูกินไปอีก 2 ชิ้น พอไม่ได้จับกินรวมกันรสชาติก็อร่อยใช้ได้เลยนะเนี่ย” ซ่าทำหน้าชื่นชม เล่นเอาผมอยากมองบนเพราะทำไมไม่กินแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก


“กูขอ” ผมยื่นมือออกไปตรงหน้า ซ่าเลยมองมาพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด


“เอ...จะให้ดีมั้ยน้า”


“ซ่า! ตอนนี้กูเผ็ดจะตายอยู่แล้วนะ!”


“หรอ งั้นก็ลองตายให้กูดูหน่อยสิ” ซ่าแสยะยิ้ม จากนั้นก็หยิบช็อกโกแลตชิ้นสุดท้ายเข้าปากไปเลย


“ซ่า!!”


“อาาาส์ ฟินโคตรรรร ชิ้นนี้ทั้งหอม ทั้งหวาน ทั้งเข้มข้น กูอยากให้มึงได้ลองชิมจริงๆ นะเพื่อน แต่น่าเสียดายเพราะมันเป็นชิ้นสุดท้ายแล้ว” ในขณะที่กำลังเคี้ยวซ่าก็แสร้งทำหน้าเห็นใจ ทั้งที่กำลังสะใจเสียเต็มประดา ผมคิดว่าตอนนี้คงได้เวลาเอาคืนแล้วล่ะ


“มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรอ” ผมเดินเข้าไปประชิดตัว ซ่าที่มัวคิดแต่เรื่องกินอ้างผมเลยไม่ได้ขยับหนีไปไหน แถมยังลอยหน้าลอยตาอีกต่างหาก


“แน่นอน อร่อยมว้ากกกกกกกกก”


“ถ้างั้นกูขอชิมหน่อยแล้วกัน” พอผมพูดแบบนั้นซ่าก็ทำหน้างง แต่ผมก็ไม่พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็ใช้มือประคองแก้มของซ่าทั้งสองข้าง แล้วก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากช่างแกล้งนั้นทันที


!!!


2BC


 o14 สวัสดีค่า Avert หัวใจซ่อนรักตอนที่ 8 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้มาช้านิดนึงเพราะเมื่อคืนมัวแต่ดูละคร (ตอนนี้แทบจะเรียกเพื่อนว่าออเจ้าแล้ว 55555 o17 ) แต่เนื่องจากมาช้าเราเลยโยกของตอนหน้ามาใส่จะได้อ่านกันแบบจุใจ ว่าแต่...อ่านจบตอนนี้ใครกรี๊ดบ้างน้อ เพราะในที่สุดซ่ากับพฤกษ์ก็ได้จูจุ๊บกันแล้ว กรี๊ดดดดดด  :m3: (แต่ไม่อยากจะเซดเลยว่าตั้งแต่เขียนนิยายมาคู่นี้เป็นคู่ที่ช้าที่สุดเลย 55555)  :laugh:
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันนะคะว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป พฤกษ์จะได้จูบแบบลึกซึ้งมั้ยนะ หรือว่าจะโดนซ่ากระโดดถีบขาคู่ ไม่วันอาทิตย์ก็วันจันทร์เจอกันนะคะ มาเอาใจช่วยคู่พฤกษ์ซ่ากันน้า :m1:
(3 มี.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-03-2018 14:29:19
มันต้องอย่างนี้สิ
ตบเข่าฉาด
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 02-03-2018 14:37:56
เขาจูบกันแล้ว ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-03-2018 19:37:04
ไงล่ะ แกล้งเขาดีนัก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-03-2018 20:43:54
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-03-2018 03:24:20
ช็อกฯ 6 ชิ้น พันกว่าบาท ซ่าบอกเป็นของตลาดนัดขาย เนี่ยถ้าไปซื้อที่ตลาดนัดจริง ๆ ซ่าจะว่าเป็นของขึ้นห้างหรือป่าวนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 03-03-2018 15:50:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-03-2018 23:45:01
จูบบบบ~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-03-2018 15:03:00
ซ่าไม่ได้แกล้งใช่ไหม ทำไมร้ายกับพฤกษ์แบบนี้
ไหนว่าไม่งอนไง ไม่หึงไง

พฤกษ์น่าสงสาร นอยด์ไม่เลิก
จะเอ่ยปากบอกก็ไม่กล้าสักที

เอาใจช่วยพฤกษ์นะ ต้องสู้ถึงจะได้ซ่ามานะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-03-2018 19:27:13
น้องซ่าขี้แกล้งดีนัก โดนจูบซะเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 8 ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ [02.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-03-2018 14:15:54
ลุ้นอ่ะ ซ่าคงไม่ต่อยพฤกษ์นะ55
หัวข้อ: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 9 เป็นแฟนกันมั้ย? [06.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 06-03-2018 00:40:05
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 9# Niza เป็นแฟนกันมั้ย?


   “อื้อ!” ผมเบิกตากว้างพร้อมกับครางประท้วงในลำคอ ตอนนี้ผมตกใจจนคิดอะไรไม่ออก ส่วนสมองก็ขาวโพลนมีแต่ความว่างเปล่าอย่างเดียวเท่านั้น


   นี่ผมกำลังฝันไปรึเปล่า?


   ไอ้พฤกษ์มันกำลังจูบผมจริงๆ งั้นหรอ?


   ถึงจะถามตัวเองแบบนั้น แต่ความรู้สึกอ่อนนุ่มของริมฝีปากและลมหายใจอุ่นๆ มันกลับสมจริงมาก ยิ่งจังหวะที่ไอ้พฤกษ์ขบเม้มริมฝีปากและออกแรงดูดเบาๆ มันก็ทำให้ผมถึงกับใจเต้นโครมคราม จนผมกลัวว่ามันจะหลุดออกมาอยู่แล้ว


   “ยะ...อึ่ก...อื้ม...” ผมพยายามรวบรวมแรงที่มีเหลืออยู่น้อยนิดดันที่แผ่นอกของไอ้พฤกษ์ออกไป แต่ว่ามันกลับไม่สะทกสะท้าน แถมยังล็อกที่แก้มของผมให้แน่นขึ้นแล้วใช้ลิ้นเลียริมฝีปากของผมอีกต่างหาก เท่านั้นยังไม่พอ มันยังสอดลิ้นเข้ามาข้างในโพรงปากของผมด้วย!


   “อื้ออ!!” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจยิ่งกว่าเดิม แต่เรี่ยวแรงของผมกลับลดลงจนยืนแทบจะไม่ไหว สองมือจึงกำเสื้อตรงไหล่ของไอ้พฤกษ์เอาไว้ มันที่เห็นอย่างนั้นเลยได้ใจยิ่งจูบผมหนักหน่วงมากขึ้น


   “อื้ม...อื้อ...อื้อ...อื้มม...” ตอนนี้ร่างกายของผมราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน มันรู้สึกชาวาบ แต่ก็เสียวซ่านจนอดที่จะครางในลำคอออกมาไม่ได้ ยิ่งจังหวะที่ไอ้พฤกษ์ตวัดปลายลิ้นเกี่ยวพันกับลิ้นของผมไปมา ร่างกายของผมก็ยิ่งเสียวมากขึ้นจนรู้สึกร้อนรุ่ม


แค่จูบมันส่งอิทธิพลต่อร่างกายของผมขนาดนี้เลยหรอ?


   “หวาน...” ไอ้พฤกษ์พูดขึ้นด้วยเสียงแหบพร่าหลังจากถอนจูบออกมา มิหนำซ้ำมันยังเลียริมฝีปากของตัวเองช้าๆ เล่นเอาผมยิ่งใจเต้นโครมครามแถมยังหน้าร้อนวาบจนแทบจะไหม้อยู่แล้ว


   “อะ...อะ...ไอ้...ไอ้บ้า...” ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักไอ้พฤกษ์ออกไป


ให้ตายสิ! คำด่าสารพัดเป็นร้อยเป็นพันที่นึกเอาไว้กลับไม่พูดออกมา ดั๊นไปด่าแบบหน่อมแน้มเป็นเด็กอนุบาลไปได้ เวรจริงๆ!


   “ด่ากูทำไม กูทำไม่ถูกตรงไหน กินของหวานแก้เผ็ดก็ถูกต้องแล้วนี่” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ


   “แต่ที่มึงทำมันใช่กินของหวานที่ไหน! เมื่อกี้นี้มึง...จะ...จะ...จูบ...กูเลยนะ...” ประโยคหลังผมพูดอย่างอ้อมแอ้มด้วยเสียงที่เบามาก แค่นึกถึงฉากเมื่อกี้ผมก็หน้าร้อนขึ้นมาและอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว


   “เขินหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นจูบแรก?” ไอ้พฤกษ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าสีหน้าของมันดูดีใจยังไงก็ไม่รู้


   “เออ! จูบแรก! พอใจแล้วใช่มั้ยที่แกล้งกูได้!” ผมดันไอ้พฤกษ์ออกไป จากนั้นก็จะเดินหนีไปที่อื่น แต่ไอ้พฤกษ์ก็คว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ซะก่อน


   “ถ้ากูบอกว่าไม่ได้แกล้งมึงล่ะ”


   “ถ้าไม่ได้แกล้งแล้วมันหมายความว่ายังไง”


   “ชอบ...กูชอบมึง” คำตอบของไอ้พฤกษ์ทำเอาผมอึ้งจนเบิกตากว้าง จากเมื่อกี้ที่กำลังโมโหเพราะคิดว่าถูกแกล้ง แต่ตอนนี้ผมกลับเหวอจนทำอะไรไม่ถูก


   “คะ...คนอย่างมึงเนี่ยนะจะมาชอบกู เลิกทำให้กูเข้าใจผิดสักที” ผมหันหลังกลับแล้วจะเดินหนี ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไปไอ้พฤกษ์ได้รู้พอดีว่าผมคิดยังไงกับมัน ถ้าเป็นอย่างนั้นผมได้เข้าหน้ามันไม่ติดแน่ๆ


แต่ไอ้พฤกษ์ก็ไม่ยอมให้ผมไปไหน เพราะมันได้ยื่นวงแขนมาโอบที่เอวของผมเอาไว้ แล้วออกแรงดึงจนแผ่นหลังของผมแนบชิดติดกับแผ่นอกของมัน มิหนำซ้ำยังเกยคางลงตรงไหล่ของผมอีกด้วย


“กูชอบมึง” เสียงทุ้มๆ ที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ผมถึงกับใจสั่น นี่ไอ้พฤกษ์มันรู้ว่าผมชอบใช่มั้ยถึงได้จงใจแกล้งแบบนี้


“พะ...เพื่อนกันเขาไม่บอกชอบกันหรอกนะ” พูดจบผมก็หันหน้าไปอีกทาง มันเลยยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วกดจมูกลงที่แก้มของผม


“ถ้ากูคิดกับมึงแค่เพื่อน แล้วกูจะทำแบบนี้กับมึงหรอซ่า”


“อะ...ไอ้พฤกษ์” ผมหันหน้ากลับไปหามัน กะจะถามให้แน่ใจว่าที่พูดหมายความว่ายังไง แต่ยังไม่ทันจะได้ถามผมก็ถูกมันจูบเข้าซะก่อน


จูบนี้ไม่ได้เป็นจูบที่เร่าร้อน แต่เป็นจูบที่อ่อนโยนจนผมแทบใจละลาย ถึงแม้ปลายลิ้นของผมจะไม่ได้สัมผัสกัน แต่เพียงแค่ไอ้พฤกษ์ขบเม้มและดูดดุนที่ริมฝีปากของผมเบาๆ เท่านั้น มันก็ทำให้ร่างกายผมแทบสั่นสะท้านยิ่งกว่าจูบแรกซะอีก


“กูไม่คิดจะจูบเพื่อนแบบนี้หรอกนะ ยิ่งอะไรที่มันมากกว่านั้นกูยิ่งไม่เคยคิด” ไอ้พฤกษ์พูดด้วยเสียงกระเส่าหลังจากถอนจูบออกมา จากนั้นก็เลื่อนมือข้างหนึ่งที่กอดเอวผมอยู่ลงไปด้านล่าง ส่วนอีกข้างก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาด้านบน


“จะ...จะทำอะไรน่ะไอ้พฤกษ์ ยะ...อย่านะเว่ย...” ผมพูดด้วยเสียงที่แทบจะเหมือนคราง ร่างกายตรงที่มือของไอ้พฤกษ์ลากผ่านร้อนวาบราวกับถูกไฟเผา


“ก็จะทำให้มึงเข้าใจไงว่ากูชอบมึงแบบไหน” ในขณะที่พูดจมูกและริมฝีปากของไอ้พฤกษ์ก็คลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของผม รสสัมผัสและลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดทำให้ผมเสียวสะท้าน ส่วนนั้นที่อยู่ภายใต้กางเกงจึงตื่นตัวขึ้นมา ผมที่ไม่อยากให้ไอ้พฤกษ์รู้เลยรีบจับมือของมันก่อนที่จะเลื่อนลงไปถึงอย่างฉิวเฉียด


“เข้าใจแล้ว! กะ...กูเข้าใจแล้วว่ามึงชอบกูแบบไหน” พอผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์เลยใช้สองมือจับที่ไหล่ของผมแล้วหมุนตัวกลับมาหา


“มึงเข้าใจว่า?”


“บะ...แบบคนรัก...ใช่มั้ย?” ผมก้มหน้างุด วุ้ย! ถามเองก็เขินเอง!


“ใช่ กูชอบมึงแบบนั้น แล้วมึงล่ะคิดยังไงกับกู” ไอ้พฤกษ์จ้องเข้ามาในดวงตาของผม แววตาของมันดูคาดหวังมากว่าผมจะรู้สึกอย่างเดียวกันกับมัน จริงอยู่ว่าผมรู้สึกแบบนั้น แต่ผมก็ยังลังเลที่จะพูดออกไป


“คุณชายแบบมึงจะมาชอบกูได้ยังไง ในเมื่อผู้หญิงรอบตัวมึงมีเป็นสิบเป็นร้อย แถมยังสวยๆ เก่งๆ ด้วยกันทั้งนั้น” ไอ้ผมมันก็เป็นผู้ชาย จนกรอบไม่พอแถมยังกากเกรียนอีกต่างหาก ถ้าบอกว่าเมื่อกี้มันแกล้งหยอกเล่นผมยังทำใจให้เชื่อได้มากกว่าเลย


“กูไม่ได้ชอบผู้หญิง”


“นั่นไง ในเมื่อกูเป็นผู้ชายแล้วมึงจะชอบ...เมื่อกี้มึงว่าไงนะ?” ผมฟังผิดไปรึเปล่าเนี่ย!


“กูบอกว่ากูไม่ได้ชอบผู้หญิง กู รวมทั้งทุกคนที่อยู่ในบ้านชอบผู้ชาย คราวนี้มึงจะเชื่อได้รึยังว่ากูชอบมึงจริงๆ” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมอึ้งและตกใจจนไปแทบไม่เป็น ใครจะไปคิดฝันว่าคุณชายแสนเพอร์เฟคอย่างมันจะชอบผู้ชายไม่ได้ชอบผู้หญิง


“มึงไม่ได้ล้อกูเล่นแน่นะ?”


“จะให้กูทำกับมึงตอนนี้เลยมั้ยล่ะ?” แล้วไอ้พฤกษ์ก็เดินเข้ามาใกล้ผม สายตาของมันตอนนี้วิบวับเจ้าเล่ห์จนผมต้องรีบถอยห่าง


ไอ้ ‘ทำ’ ที่ว่ามันหมายถึงทำอะไรพูดให้ชัดเจนหน่อยโว้ยยยยยยย!


“โอเคๆ กูเชื่อแล้วว่ามึงพูดจริง!” ผมรีบยกมือเบรกก่อนที่ไอ้พฤกษ์จะเข้ามาประชิดตัวผมได้


“ถ้าเชื่อแล้วคำตอบล่ะ”


“หา?”


“ก็ที่ถามว่ามึงคิดยังไงกับกูไง ได้ชอบกูอย่างที่กูชอบมึงรึเปล่า” คำถามนั้นทำเอาผมหน้าร้อนวาบและใจเต้นแรงขึ้นมา จึงได้เสหน้ามองไปทางอื่น


“ถ้าไม่ชอบกูคงไม่ยอมให้มึงทำแบบนี้หรอก” ผมตอบด้วยเสียงเบามากต่างจากปกติเป็น 10 เท่า


“แบบนี้ที่ว่านี่คือแบบไหน ใช่แบบนี้รึเปล่า” ว่าแล้วไอ้พฤกษ์ก็สอดสองมือเข้ามาใต้เสื้อของผม โดยข้างหนึ่งโอบที่แผ่นหลัง อีกข้างค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปยังแผ่นอก ส่วนใบหน้าของมันได้ก้มลงมาชิดกับผมจนจมูกกับปากแตะโดนกันแล้ว


“ยะ...อย่าน่า...” มือไวหน้าใกล้เกินไปแล้วนะไอ้คุณชาย!


“ไม่ชอบหรอ” พูดเสียงอ้อนเสียงหวานไม่พอ มันยังมีการงับและดูดเบาๆ ที่ริมฝีปากของผมอีกต่างหาก


“กะ...ก็เปล่า...” ผมตอบด้วยใบหน้าแดงซ่าน แต่ให้ตายสิ การที่พูดอย่างนี้ก็หมายความว่าผมชอบไม่ใช่รึไง


“หึหึ” ไอ้พฤกษ์หัวเราะในลำคอ พอได้ยินแบบนั้นผมเลยหน้าขึ้นมองกะจะต่อว่าแก้เขิน แต่พอเห็นสายตาหวานเยิ้มผมก็ลืมไปเลยว่าตัวเองจะพูดอะไร 


   “เป็นแฟนกันนะ” ประโยคนั้นทำให้ผมใจเต้นตึกตักจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา แถมผมยังตื่นเต้นมากจนตัวแข็งทื่อคล้ายกับวิญญาณได้ออกจากร่าง ไม่สิ...ไม่คล้ายล่ะ ตอนนี้วิญญาณของผมได้ออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว!


   “เป็นอะไรไปซ่า อย่านิ่งแบบนี้สิกูใจคอไม่ดีนะ”


   “อะ...เอ่อ...กูไม่ได้เป็นอะไร” แค่ช็อกเพราะไม่คิดว่ามึงกับกูจะใจตรงกันเท่านั้นเอง!


   “ถ้างั้นคำตอบล่ะ เป็นแฟนกับกูได้มั้ย” โดยไม่ต้องคิดผมก็พยักหน้าแทนคำตอบด้วยความเขินอาย ไอ้พฤกษ์เลยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ จากนั้นก็ใช้สองแขนกอดรัดเอวของผมเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมาจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากของผมทันที


   วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ในที่สุดผมก็ได้เสียจูบแรก และมีแฟนคนแรกสักที!


...................................................

................................

...............


   “นี่...พอได้แล้วน่า ปากกูช้ำไปหมดแล้วมั้ง” ผมเบี่ยงหน้าหนีแล้วพยายามดันที่แผ่นอกของไอ้พฤกษ์ออกไป หลังจากที่จูบกันอย่างดูดดื่มไม่น้อยกว่า 5 นาที แต่ที่ผมห้ามไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบที่ถูกจูบ เพียงแค่ผมกำลังรู้สึกเขินต่างหาก


   “พอดูดีๆ มันก็ช้ำนิดหน่อยจริงๆ นั่นแหละ” พอไอ้พฤกษ์พูดแบบนี้ผมก็คิดว่ามันจะหยุดจูบผมแล้ว แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดหลังจากที่ได้ยินประโยคต่อมาของมัน


   “แต่ยิ่งช้ำมันก็ยิ่งน่าจูบ” พูดจบมันก็ทำท่าจะจูบผมอีกครั้ง แต่ผมก็ยกมือขึ้นมากันเอาไว้ได้ก่อน


   “ตอนนี้ภาพลักษณ์คุณชายของมึงเปลี่ยนไปเป็นไอ้คนหื่นแล้วนะ มันน่ากลัวนะเว่ย อีกอย่างกูก็ชักหิวข้าวแล้วด้วย” พอได้ยินแบบนี้ไอ้พฤกษ์เลยต้องยอมคลายอ้อมกอดแล้วขยับถอยไปอย่างช่วยไม่ได้ ก็ยังดีที่มันห่วงปากท้องของผมมากกว่าความหื่นของตัวเอง


   “ต้มยำน่ะ ทำให้เผ็ดน้อยกว่านี้ได้รึเปล่า” ไอ้พฤกษ์มองต้มยำไก่ที่อยู่ในหม้ออย่างแหยงๆ ท่าทางมันจะลิ้นผู้ดีกินเผ็ดไม่ค่อยได้จริงๆ นะเนี่ย ทีแรกผมก็คิดว่ามันแกล้งหาเรื่องจูบผมเฉยๆ


   “เดี๋ยวกูจะใส่น้ำลงไปแล้วปรุงใหม่ น่าจะช่วยได้อยู่มั้ง”


   “โอเค แล้วมีอะไรให้กูช่วยทำรึเปล่า”


   “ไม่มี ถึงมีกูก็ไม่ให้ทำหรอก มึงจ่ายค่าจ้างกูมาตั้งเยอะ ขืนให้ช่วยมึงก็ขาดทุนพอดีน่ะสิ” ผมพูดในขณะที่กำลังเติมน้ำลงไปในหม้อ เลยไม่ทันได้เห็นว่าตอนนี้ไอ้พฤกษ์กำลังยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์สุดๆ


   “เดี๋ยวมึงก็รู้ว่ากูจะเอากำไรจากตรงไหน” ไอ้พฤกษ์พูดพึมพำในลำคอก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้างุดด้วยอาการเขินอายเพราะได้ยินคำพูดนั้น


   วันนี้นอกจากจะได้มีแฟน ผมยังเสียจูบแรก แถมยังจะเสียตัวอีกด้วยใช่มั้ยเนี่ย!


    ให้ตายสิ! เรื่องน่าอายแบบนี้มึงจะเขินทำไมไอ้ซ่า! หาเรื่องชิ่งกลับบ้านกลับช่องไปสิวะ! ขืนอยู่ต่อมึงได้กลายเป็นเมียของไอ้พฤกษ์แน่นอนเลยนะเว่ย!


แต่ถึงจะตะโกนบอกตัวเองในใจแบบนั้น สิ่งที่ผมทำกลับเป็นการแก้รสชาติของต้มยำไก่ในหม้อที่เผ็ดเกินไป นี่ผมเป็นบ้าไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย!


   “มึงลองชิมดูนะว่ายังเผ็ดอยู่รึเปล่า” ผมยื่นช้อนที่ตักน้ำต้มยำไปให้ไอ้พฤกษ์ หลังจากที่ตะโกนเรียกให้มันเข้ามาในครัวอีกครั้ง เมื่อผมแก้รสชาติจนมันไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่แล้ว


   “โอเค กำลังดีเลย” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ้มออกมา


   “งั้นมึงไปรอที่โต๊ะกินข้าวเลย กูตักต้มยำใส่ถ้วยแล้วจะตามออกไป”


   “เดี๋ยวกูตักข้าวออกไปด้วยเลยแล้วกัน”


   “เอางั้นก็ได้” แล้วไอ้พฤกษ์ก็เดินไปตักข้าวสวยใส่จาน ส่วนผมก็ตักต้มยำใส่ถ้วย แต่พอคิดว่าอาหารมื้อนี้มีน้อยอย่างเกินไปผมเลยทอดไข่เจียวเพิ่ม ซึ่งก็ใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วผมก็ยกทั้ง 2 อย่างออกไปยังโต๊ะกับข้าวที่ไอ้พฤกษ์นั่งรออยู่


   พอตกลงคบกันเป็นแฟน บรรยากาศรอบตัวมันก็ดูแปลกไปยังไงไม่รู้ ถึงแม้จะประหม่าและทำตัวไม่ถูก แต่ผมก็มีความสุขโคตรๆ จนโลกแทบจะเป็นสีชมพูอยู่แล้ว


แต่อาการของผมมันก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะผมพึ่งจะมีแฟนเป็นคนแรก แต่ไอ้พฤกษ์นี่สิไม่รู้ยังไง ท่าทางมันก็ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยได้เหมือนผม แถมตลอดตอนกินข้าวก็เอาแต่มองหน้าผมแล้วยิ้มอยู่นั่น เล่นเอาผมยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่


   ไม่ได้การ...ผมต้องทำอะไรสักอย่างก่อนจะเขินจนกินข้าวไม่รู้รสไปมากกว่านี้!


   “กูทำต้มยำไก่ไม่ใช่ต้มใบกัญชานะไอ้พฤกษ์ มึงจะยิ้มแล้วก็ทำตาเยิ้มอีกนานมั้ย” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ ไอ้พฤกษ์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ทันที


   “เฮ้อออออ มึงก็ชอบพูดทำลายบรรยากาศอยู่เรื่อย”


   “กูก็เป็นของกูอย่างนี้ ถ้ามึงไม่ชอบก็ไปคบคนใหม่แล้วกัน ไม่สิ...ต้องบอกว่าคนเก่าต่างหาก ชื่ออะไรนะ ตะวันใช่มั้ย” พอพูดถึงตรงนี้ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อกลางวันเกรี้ยวกราดใส่ไอ้พฤกษ์ขนาดไหน คิดแล้วก็อ้ายอาย ตอนนั้นผมกับมันยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงได้หึงเบอร์แรงขนาดนั้นก็ไม่รู้


   “กูก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ได้คิดอะไรกับตะวันแล้ว” แววตาไอ้พฤกษ์ดูจริงใจเหมือนไม่ได้โกหกเลยสักนิด


   “ก็ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วไอ้เพลิงมันจะถามว่ามึงลืมตะวันได้รึยังทำไม” ดูจากประโยคคำถามเหมือนว่าไอ้พฤกษ์จะแอบชอบคนคนนั้นนานมาก ความรู้สึกของคนเรามันไม่ใช่แค่กดปุ่มก็ลบได้เลยสักหน่อย


   “นั่นไอ้เพลิงมันก็แค่จงใจปั่นเฉยๆ คำพูดของคนอย่างมันเชื่อถือไม่ได้หรอกซ่า เชื่อเถอะว่าตอนนี้กูชอบมึงแค่คนเดียว” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมอดที่จะอมยิ้มด้วยอาการเขินจัดอย่างช่วยไม่ได้ พอไอ้พฤกษ์พูดอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมแบบนี้ ความรู้สึกที่เคยหึงหวงมันก็สลายหายวับไปเลย   


ส่วนเรื่องของไอ้เพลิงน้องชายฝาแฝดของมัน นึกแล้วผมก็ยังโมโหไม่หาย ไอ้เวรนั่นมันใช้หน้าตาของไอ้พฤกษ์มาทำให้ผมหวั่นไหว ดีนะที่ผมเอะใจเลยจัดการมันซะก่อน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังโดนมันขโมยหอมแก้มอยู่ดี คิดแล้วก็เจ็บใจ!


   มีโอกาสเมื่อไหร่ผมจะไปแกล้งจนชีวิตมันฉิบหายวายป่วงเลยคอยดูสิ!


   “แล้ว...เอ่อ...มึงชอบกูตรงไหนหรอ” ไอ้ผมก็เขินรอ เพราะคิดว่าไอ้พฤกษ์มันจะตอบคำถามที่หวานเลี่ยนออกมา แต่แล้วมันกลับตอบผมมาว่า...


   “ผ่าน คำถามยากไป”


   “ไอ้สัส! มึงก็ทำกูหมดอารมณ์เหมือนกันนั่นแหละ!” ผมแยกเขี้ยวใส่ คำถามที่ผมถามไปมันยากตรงไหน ใจตัวเองแท้ๆ ทำไมถึงไม่รู้ล่ะปัดโธ่!


   “ก็กูไม่รู้จริงๆ นี่นา รู้ตัวอีกทีกูก็ชอบมึงไปแล้ว” คำพูดของไอ้พฤกษ์อาจฟังดูเหมือนจะธรรมดา แต่กลับทำดาเมจรุนแรงจนผมใจเต้นตึกตัก นี่ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยเกรี้ยวกราดใส่มันเมื่อกี้


หลังจากที่มันบอกชอบผม มันก็บอกรัวๆ จนผมตั้งตัวไม่ทัน...เขินไปตามระเบียบเลยน่ะสิ!


“แล้วมึงจำได้รึเปล่าว่าเริ่มชอบดูตั้งแต่ตอนไหน” ถามเองก็เขินเอง ถ้าเอาความเขินไปแลกข้าวสารป่านนี้คงกองท่วมบ้านไปแล้วมั้ง


“อืม...อันนี้กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่กูจำได้ว่าแอบใจเต้นกับมึงก็ตอนที่เห็นมึงแต่งหญิงเต้นคุกกี้เสี่ยงทาย”


“มิน่า วันนั้นเห็นมึงหน้าแดงกูก็นึกว่าเป็นไข้ไม่ก็เมา” ส่วนเรื่องที่ว่าไอ้พฤกษ์มันใจเต้นเพราะเห็นผมใส่เสื้อเอวลอยกับกระโปรงสั้นแค่คืบ ถ้าเป็นผู้ชายปกติมันก็คงไม่คิดอะไร อย่างมากก็แซวกันอย่างสนุกปากแบบไอ้พวกเพื่อนผมเท่านั้น แต่สำหรับไอ้พฤกษ์ที่ชอบผู้ชายด้วยกัน พอเห็นผมแต่งตัวแบบนั้นจะรู้สึกใจเต้นก็ไม่แปลก


   “นั่นแหละ แต่ถ้ารู้ตัวว่าชอบก็คงเป็นตอนที่ได้นอนกอดมึงมั้ง คืนนั้นเป็นคืนที่กูนอนแล้วมีความสุขที่สุดเลย” ไอ้พฤกษ์ยิ้มออกมาบางๆ ท่าทางคงจะนึกถึงความทรงจำในคืนนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมอมยิ้มออกมาด้วย


   แต่เอ๊ะ ถ้าจำไม่ผิดพอตื่นเช้ามามันก็อ้างว่าเห็นผมเป็นหมอนข้าง มิหนำซ้ำมันยังเปลี่ยนเรื่องเป็นโบ้ยความผิดให้ผมที่แอบขึ้นไปนอนบนเตียงกับมันอีกนี่นา หนอย...


   “สรุปแล้ววันนั้นมันเป็นแผนที่มึงวางเอาไว้ใช่มั้ยห้ะ! ไอ้คนเจ้าเล่ห์เอ๊ย!” ผมกอดอกอย่างฮึดฮัดแล้วจ้องมันตาขวาง ไอ้คุณชายนี่มันร้ายจริงๆ มันน่าต่อยให้แว่นแตกชะมัด


   “เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนาน มึงจะโมโหย้อนหลังทำไมกันเล่า”


   “แหม มึงไม่เป็นกูที่ถูกหลอกก็พูดได้นี่”


   “ใครบอกให้มึงหลอกกูให้มาหาก่อนล่ะ”


“นั่นมัน...”


“เพราะงั้นในเมื่อมึงหลอกกูก่อน กูก็เลยต้องหาวิธีถอนทุนคืนน่ะสิ” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ พอมันพูดแบบนี้ ผมก็เลยนึกถึงเรื่องที่มันพูดในครัวว่าจะเอากำไรคืนจากผมขึ้นมา เท่านั้นแหละผมก็หน้าร้อนวาบจนแทบจะอุ่นกับข้าวบนโต๊ะได้อยู่แล้ว


   “เลิกพูดจาไร้สาระสักที รีบกินข้าวได้แล้วเดี๋ยวมันก็เย็นหมดหรอก” พูดจบผมก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว ส่วนไอ้พฤกษ์ก็หัวเราะในลำคอออกมา แต่ผมก็เลี่ยงที่จะมองหน้าเพราะกลัวอาการเขินจะกำเริบ


   หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ไปล้างจานและmeความสะอาดครัว ส่วนไอ้พฤกษ์ที่ถูกห้ามไม่ให้ช่วยก็ยืนชวนคุยอยู่ข้างๆ จนกระทั่งไม่มีอะไรให้ทำมันเลยชวนผมขึ้นห้องทั้งที่เป็นเวลาแค่ 4 ทุ่มเท่านั้น


   “กูว่ามึงเป็นคนนอนเร็วไปนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็เดินตามไอ้พฤกษ์ขึ้นห้องต้อยๆ โดยที่หัวใจก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อคิดว่าหลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น


   เขินโว้ยเขิน! เขินจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว!


   “มึงจะอาบน้ำก่อนหรือว่าจะให้กูอาบก่อน” ไอ้พฤกษ์ถามขึ้นหลังจากที่เราสองคนเข้ามาในห้อง ดีนะที่มันไม่ชวนอาบพร้อมไม่งั้นผมได้ระเบิดตัวเองตายแน่ๆ


   “มึงไปอาบก่อนเลย เดี๋ยวกูขอเก็บของก่อน”


   “โอเค” ไอ้พฤกษ์พยักหน้า จากนั้นก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนผมก็เปิดกระเป๋าแล้วเริ่มรื้อของใช้กับเสื้อผ้าออกมา อะไรที่ยังไม่ใช้คืนนี้ผมก็มองหาที่เก็บไว้ แต่ขี้เกียจเดินไปไกลเลยกะจะเก็บไว้ในลิ้นชักของโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ข้างเตียง


   แต่พอผมเปิดออกมาเท่านั้นแหละ...


   “เชี่ย!” ผมก็ตกใจจนถึงกับสะดุ้ง เพราะผมเห็นถุงยางพร้อมกับเจลหล่อลื่นอยู่ในลิ้นชักน่ะสิ!


   “เป็นอะไรไปซ่า” ไอ้พฤกษ์แง้มประตูแล้วโผล่หน้าออกมาถาม


“คะ...คือ...กูพึ่งนึกออกว่าลืมเอาของมาน่ะ” ผมตัดสินใจโกหกออกไป เพราะไม่อยากให้ไอ้พฤกษ์รู้ว่าผมเห็นของที่มันเตรียมเอาไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวจะทำตัวไม่ถูกไปอีกคน ดีจริงๆ ที่มุมนี้ตัวของผมบังลิ้นชักที่ถูกเปิดออกไว้ได้พอดีเลย


“ของสำคัญรึเปล่า จะให้กูพากลับไปเอามั้ย”


“ไม่เป็นไรก็แค่ของไร้สาระ มึงอาบน้ำต่อเถอะ” พอผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็พยักหน้าแล้วกลับไปอาบน้ำต่อ ส่วนผมก็รีบปิดลิ้นชักแล้วหาที่เก็บของตรงอื่น ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานไอ้พฤกษ์ที่อาบน้ำเสร็จก็เปิดประตูเดินออกมา ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำเอาผมอ้าปากค้างจนแทบจะน้ำลายหก


   หยดน้ำจากเส้นผมดำขลับที่เปียกชื้น หยดลงมาตามใบหน้าอันหล่อเหลาที่ไม่มีกรอบแว่นมาบดบัง แถมยังหยดลงมายังแผงอกกำยำรวมถึงกล้ามท้องที่เป็นลอนสวย นอกจากนี้พอมองต่ำลงไปก็จะพบกับผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พันรอบตัวอยู่อย่างหมิ่นเหม่อีกต่างหาก


   โอ้แม่เจ้า! นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมมองเรือนร่างของผู้ชายแล้วเกิดอารมณ์!


   “กะ...กะ...กะ...กูไปอาบน้ำก่อนนะ!” ด้วยความที่กลัวไอ้พฤกษ์จะสังเกตเห็น ผมเลยรีบคว้าผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างด่วนจี๋ ไอ้พฤกษ์ที่เห็นอย่างนั้นก็คงจะนึกสงสัย แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากผมก็เข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว


   “เฮ้อออออ” ผมถอนหายใจออกมา วันนี้เสี่ยงหัวใจวายตายห่ากี่รอบแล้วก็ไม่รู้


   ผมยืนสงบสติอารมณ์อยู่สักพัก จากนั้นก็เริ่มต้นลงมืออาบน้ำ โดยวันนี้ผมพิถีพิถันเป็นพิเศษ ตั้งแต่หัวจรดเท้าผมทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม เพื่อให้พร้อมสำหรับ..............สำหรับอะไรก็รู้ๆ กันอยู่อย่าให้ผมพูดมากจะได้มั้ยเล่า!


   แล้วก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมใส่ชุดนอนออกมาเรียบร้อยเพราะไม่ได้มั่นใจในหุ่นเก้งก้างผอมบางอย่างที่เป็นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าไอ้พฤกษ์มันจะคาดหวัง เพราะงั้นเมื่อเห็นผมใส่ชุดนอนออกมามันเลยอดที่จะทำหน้าเซ็งนิดหน่อยไม่ได้


   “อะไรของมึง จู่ๆ ก็ทำหน้าเหมือนหมาหงอย” พอได้ยินผมแซวมันก็เลยหัวเราะน้อยๆ จากนั้นก็กวักมือเรียกผมให้เดินไปหา


   “มานี่สิ เดี๋ยวกูเป่าผมให้” คำพูดนี้เหนือความคาดหมายของผมพอสมควร ไม่เคยคิดเลยนะเนี่ยว่าพอได้เป็นแฟนกันไอ้พฤกษ์มันจะอบอุ่นและช่างเอาใจขนาดนี้


   ผมเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปนั่งที่ปลายเตียง ส่วนไอ้พฤกษ์ก็คุกเข่าอยู่ข้างหลังแล้วเป่าไดร์ให้ผม ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 นาทีมันทำอย่างอ่อนโยนแม้แต่ตอนสางผม เล่นเอาผมรู้สึกสบายจนแทบจะล่องลอยออกไปในอากาศได้เลย


   “เสร็จแล้ว” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็ปิดสวิตซ์ไดร์ แล้วก้มหน้าลงมาจุ๊บที่กระหม่อมของผมเบาๆ หนึ่งที จากนั้นก็ม้วนเก็บไดร์แล้ววางเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง


   “ขอบใจนะ” ผมอมยิ้มอย่างเขินๆ


   “นอนกันเถอะ กูเริ่มจะง่วงแล้ว” ไอ้พฤกษ์ปิดไฟ แล้วขยับขึ้นไปนอนหนุนหมอนพร้อมกับตบเบาๆ ที่พื้นข้างตัว ผมเลยค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปพลางคิดในใจว่า...ใกล้แล้วสินะ


   “ฝันดีนะซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดขึ้นพร้อมกับขยับตัวหันมาทางผม ผมเลยขยับหันหามันบ้าง


   “ฝันดีเหมือนกัน” เราสองคนสบตากันสักพัก จากนั้นไอ้พฤกษ์ก็ค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผมช้าๆ จังหวะนั้นผมใจสั่นระรัวเมื่อรู้ว่ามันจะทำอะไร แต่ผมก็ไม่ได้ขยับไปไหน ทั้งยังปิดเปลือกตาลงและเผยอริมฝีปากน้อยๆ อีกต่างหาก


   จุ๊บ


   ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนนั้นผมก็ยิ้มออกมา แต่แล้วผมก็ต้องยิ้มค้างเมื่อรู้ตัวว่าไอ้พฤกษ์ไม่ได้จูบที่ริมฝีปากแต่จูบที่หน้าผากของผม มิหนำซ้ำหลังจากจูบเสร็จมันก็ทำเพียงแค่นอนกอดผมเอาไว้ ไม่ได้ทำอะไรที่มันมากกว่านั้นเลยสักนิด


แค่สักนิดก็ไม่มี!


   เชี่ย...เอางี้จริงดิไอ้พฤกษ์ นี่มึงจะไม่ทำอะไรกูสักนิดเลยหรอวะ!


   2BC


 o15 ฮัลโหลวววว สวัสดีค่ะออเจ้าทั้งหลาย Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 9 ก็จบลงไปแล้วน้า ซึ่ง...หลังจากอ่านจบแล้วใครจะเงิบกว่ากันน้อระหว่างซ่าและคนอ่าน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เค้าอยู่ไม่ได้แล้ว เมื่อวานแอบเอาสปอยไปยั่วซะอย่างดี พอเป็นอย่างนี้ก็วิ่งสิคะรออัลไล  :mc1: 555555
ส่วนตอนหน้า ซึ่งก็เป็นตอนที่ขึ้นเลข 2 หลักแล้ว มาดูกันว่าความสัมพันธ์ของพฤกษ์และซ่าจะพัฒนาขึ้นมั้ย ไอ้ซ่ามันเต็มใจและพร้อมสุดๆแต่ทำไมพฤกษ์ยังเฉยอยู่ได้  :katai1: แล้วตอนหน้าพฤกษ์ยังจะเฉยอีกมั้ย หรือว่าคู่นี้จะเป็นรักใสๆ ไม่มีอัลไลเกินเลย  o3 มาลุ้นพร้อมกันวันอาทิตย์นะคะออเจ้า จุ๊บๆ  :จุ๊บๆ:
(8 มี.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 9 เป็นแฟนกันมั้ย? [06.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 06-03-2018 02:33:41
 :pig4:  :impress2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 9 เป็นแฟนกันมั้ย? [06.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-03-2018 02:38:17
 :z6:  อย่างนี้ต้องฉลองกันหน่อย ในฐานะเป็นแฟนกันแล้ว  :laugh:

ปล. กด +เป็ดให้แล้วแต่คะแนนเป็ดไม่ขึ้นอ่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 9 เป็นแฟนกันมั้ย? [06.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-03-2018 15:00:53
ฟินนนน~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 9 เป็นแฟนกันมั้ย? [06.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-03-2018 15:27:59
ชัดเจนในจูบเดียว เย้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 9 เป็นแฟนกันมั้ย? [06.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-03-2018 18:10:54
เป็นแฟนกันแหล่วววว  :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 9 เป็นแฟนกันมั้ย? [06.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 07-03-2018 20:07:53
น่ารักอ่ะ ดีต่อจัยเวอร์ ต่อๆๆ
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน 9 มีแฟนแล้ว เสียจูบแรกแล้ว ต่อไป...? [8.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-03-2018 23:44:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน 9 มีแฟนแล้ว เสียจูบแรกแล้ว ต่อไป...? [8.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-03-2018 03:09:07
หงุดหงิดที่เขาไม่ทำอะไร ตอนเช้าลิซ่าก็ทำก่อนเลยแล้วกันนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน 9 มีแฟนแล้ว เสียจูบแรกแล้ว ต่อไป...? [8.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-03-2018 08:44:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน 9 มีแฟนแล้ว เสียจูบแรกแล้ว ต่อไป...? [8.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 09-03-2018 23:45:37
 :m20: ตลกซ่า เตรียมตัวอย่างดี สุดท้ายแห้ว 55
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน 9 มีแฟนแล้ว เสียจูบแรกแล้ว ต่อไป...? [8.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-03-2018 08:27:30
อ้าว
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน 9 มีแฟนแล้ว เสียจูบแรกแล้ว ต่อไป...? [8.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 10-03-2018 14:58:56
ไม่ทำอะไรเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 12-03-2018 00:41:20
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 10# Niza ยังซิง (จริงปะเนี่ย!) NC-?


   “นอนไม่หลับหรอซ่า” ไอ้พฤกษ์ถามผมที่ขยับตัวไปมา ถึงแม้ผมจะขยับไม่มาก แต่การที่อยู่ในอ้อมกอดของมันเลยทำให้มันรู้สึกตัวอยู่ดี


   “ก็...นิดหน่อยน่ะ” เซ็งนิดหน่อยที่อะไรๆ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ความจริงผมจะไม่ฟุ้งซ่านหรอก ถ้าไอ้พฤกษ์ไม่พูดจาแปลกๆ อย่างจะเอากำไรคืนจากผม แถมยังเตรียมถุงยางกับเจลหล่อลื่นไว้พร้อมอีกต่างหาก


   “คงจะแปลกที่ล่ะมั้ง” ไอ้พฤกษ์คาดเดา เฮอะ! เป็นเพราะแปลกใจที่มึงไม่ทำอะไรกูต่างหาก!


   “คงงั้นมั้ง” ผมตามน้ำไป “หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะปกติกูนอนดึกกว่านี้”


   “ถ้างั้นมาหาอะไรทำฆ่าเวลามั้ยล่ะ”


   “หืม? ทำอะไร?” ตอนแรกผมก็คิดว่าไอ้พฤกษ์จะชวนดูหนังหรือเล่นเกม เพราะผมไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ใบหน้าของมัน แต่พอผมได้ยินคำตอบเท่านั้น ใบหน้าของผมก็แดงวาบและร้อนผ่าวราวกับมีคนมาจุดไฟเผา


   “ทำให้มึงเป็นของกู” พูดจบไอ้พฤกษ์ก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ ผมที่ตัดใจไปแล้วว่าวันนี้คงแค่นอนกอดกันใสๆ ก็ถึงกับตกใจสุดขีดน่ะสิ


   “เฮ้ย! กูก็นึกว่าวันนี้มึงจะไม่ทำ!”


   “ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้ว แต่เดี๋ยวนะ...มึงพูดเหมือนว่ามึงกำลังคาดหวัง?” เท่านั้นแหละผมก็ถึงกับสะดุ้ง ฉิบหายละ จะตอบไอ้พฤกษ์ไปว่ายังไงดีเนี่ย!


   “เอ่อ...” รีบๆ คิดให้ออกสิโว้ย!


   “หรือว่ามึงจะเห็นของที่อยู่ในลิ้นชักแล้ว”


   “เอ่อ...อืม” ผมยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ ถึงโกหกแถต่อไปคนฉลาดอย่างไอ้พฤกษ์ก็คงจับได้อยู่ดี


   “ถ้างั้นก็แสดงว่า ตอนที่มึงร้องเหมือนตกใจก็เพราะเห็นไอ้นี่เข้าสินะ” แล้วไอ้พฤกษ์ก็เปิดลิ้นชักเอากล่องถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่นออกมา เล่นเอาผมรู้สึกเขินจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น


   “อือ...”


“หึหึ น่ารักจริงๆ” แน่ล่ะว่าที่พูดนี่ไม่ใช่คำชม แต่มันเหมือนเป็นการแซวมากกว่า ผมเลยหันหน้ากลับมาแล้วส่งค้อนวงใหญ่ไปให้


“อะไรเล่า มึงไม่ต้องมาล้อกูเลย ก็กูยังไม่เคยนี่หว่า ใครจะไปไวไฟเสียซิงไวตั้งแต่ม.2 อย่างมึง ฮึ! แถมยังขึ้นครูกับอาจารย์สาวสวยอีกต่างหาก” ที่พูดผมไม่ได้หึงหรอกนะแต่แค่หมั่นไส้ เห็นหน้าเรียบร้อยนิสัยเหมือนหงิมๆ แต่ที่จริงแล้วแม่งเสือชัดๆ


“ถ้าเป็นเรื่องนั้นกูอยากจะบอกว่า...กูโกหก”


“หืม?” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมถึงกับงง ดวงตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตขึ้นไปอีก “ยะ...อย่าบอกนะว่า...”


“กูก็ยังไม่เคยเหมือนกันนั่นแหละ”


“เชี่ย! จริงปะเนี่ยไอ้พฤกษ์!” ตอนนี้ผมเบิกตากว้างจนแทบจะเป็นไข่ห่านอยู่แล้ว!


“จริง มึงลองคิดดูสิว่ากูชอบผู้ชาย แล้วอย่างนี้กูจะไปมีอะไรกับครูผู้หญิงได้ยังไง คนที่ชอบผู้ชายจะมีอารมณ์กับผู้หญิงได้ที่ไหนกันเล่า”


“ถะ...ถ้างั้นแล้วทำไม...” วันนั้นมึงถึงได้พูดแบบนี้ออกไปในวงเหล้าล่ะวะ!


แต่ถึงประโยคนี้ผมจะพูดออกไปไม่หมด เพราะมัวแต่ช็อกและอึ้งแดกจนสมองแทบจะเป็นอัมพาต แต่คนฉลาดอย่างไอ้พฤกษ์ก็อ่านสีหน้าที่แทบจะเป็นประโยคคำถามของผมออกได้


“บางสถานการณ์การตอบเรื่องโกหกมันก็ดีกว่าตอบเรื่องจริง ถ้าวันนั้นกูตอบว่ายังซิงคงโดนล้อทั้งปีแน่ๆ” แต่ความจริงที่มันพูดก็ถูก เผลอๆ วันนั้นแกนนำการล้อคงไม่พ้นเป็นผม แถมยังจะกระจายข่าวออกไปให้แม่งรู้กันทั้งมหา’ลัยอีกต่างหาก


“เอ...ถ้ามึงยังซิงแบบนี้ แล้วที่ผ่านมามึงเคยมีแฟนมั้ยอะ” ไอ้พฤกษ์ส่ายหน้าไปมาโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด


“ไม่เคย ไม่อย่างนั้นคนอื่นก็รู้กันแล้วสิว่ากูชอบผู้ชาย”


“เออเนอะ แต่จะว่าไปมึงก็คบผู้หญิงบังหน้าได้นี่นา แต่ละวันล้อมหน้าล้อมหลังมึงอย่างกับแมลงวันตอม...”


“ตอมอะไรพูดให้ดีๆ นะ” ไอ้พฤกษ์ใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของผมพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ส่วนเรื่องคบผู้หญิงบังหน้า กูทำเรื่องแบบนั้นไม่ลงหรอกสงสารผู้หญิง”


“หูย...หล่อสัสๆ” ผมชูนิ้วโป้งขึ้นแล้วยิ้มแฉ่ง


“ไม่ต้องมาแกล้งชมกูเลย บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเมื่อกี้มึงตั้งใจจะบอกว่าแมลงวันตอมอะไร” ถามเฉยๆ ได้มั้ย! ทำไมต้องเอาหน้าเข้าใกล้กูด้วยเนี่ย!


“เอ่อ...ตอม...ตอม...ตอมดอกไม้! ใช่แล้ว! ตอมดอกไม้!” เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ดีนะที่ผมฉลาดเลยหาทางลงหล่อๆ ได้ เกิดบอกความจริงว่าตอนแรกผมคิดอะไร มีหวังโดนไอ้พฤกษ์หาเรื่องแกล้งไม่ก็ลงโทษแน่ๆ


“หึหึ เอาตัวรอดเก่งดีนี่ แต่ก็เท่านั้นแหละนะ ยังไงวันนี้มึงก็ไม่รอดหรอกซ่า”


“หา? มึงหมายความว่า...” แต่ยังถามไม่ทันจบประโยคผมก็โดนไอ้พฤกษ์ปิดปากซะแล้ว แน่นอนว่ามันไม่ได้ใช้มือ แต่ใช้ริมฝีปากของมันกดจูบลงมาต่างหาก


“หมดเวลาถามแล้วซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็ก้มหน้าลงมาจูบผมอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นจูบปิดปากอย่างครั้งแรก แต่เป็นจูบอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความเร่าร้อน เพราะได้ออกแรงขบเม้มแถมยังดูดเบาๆ ตามด้วยการใช้ลิ้นเลียจนผมรู้สึกเสียววาบ


“อือ...” ผมส่งเสียงครางหวิว ยิ่งเมื่อไอ้พฤกษ์สอดลิ้นเข้ามาพร้อมกับใช้ล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อ มันก็ยิ่งทำเอาร่างกายของผมสั่นสะท้าน ความรู้สึกตื่นเต้นและเสียวซ่านเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ


“อืม...อื้อ...” ไอ้พฤกษ์บดขยี้ริมฝีปากลงมาหนักหน่วงมากขึ้น ปลายลิ้นที่เกี่ยวพันกับผมก็ตวัดไปมาเร็วขึ้น ในขณะที่มือก็ลูบไล้ตามเอวบางและสีข้างขึ้นไปอย่างช้าๆ กระทั่งถึงยอดอกมันก็บีบคลึงและขยี้เบาๆ แต่ก็เล่นเอาผมเสียววาบจนต้องแอ่นอกขึ้นสูง


“อา!”


“ตรงนี้ก็รู้สึกสินะ?” ใครจะไปกล้าตอบคำถามนั้น แน่นอนว่าผมต้องหันหน้าหนี แต่ก็ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และได้ยินเสียงหัวเราะ ‘หึหึ’ ซึ่งหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีเสื้อของผมก็ถูกดึงถอดออกไป จากนั้นไอ้พฤกษ์ก็ก้มหน้าลงมาใช้ลิ้นเลียที่ยอดอกของผมทันที


“อ๊ะ! อ๊า!” เสียงครางอันน่าอายถูกร้องออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อปลายลิ้นอันเปียกชื้นสัมผัสโดนจนยอดอกหดตัวแข็งเป็นไต ไม่เพียงเท่านั้น ไอ้พฤกษ์ยังตวัดลิ้นขึ้นลงและหมุนวนไปมาอีกต่างหาก ส่วนยอดอกอีกข้างก็ไม่ได้ว่างเว้นเพราะได้ใช้มือข้างหนึ่งบีบขยี้ไปพร้อมกันด้วย


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ความเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยรู้จักทำเอาผมบิดกายเร่า ยิ่งจังหวะที่ยอดอกถูกดูดพร้อมกับโดนลิ้นดุนมันก็ยิ่งทำเอาผมสั่นสะท้าน สองมือขยุ้มเส้นผมของไอ้พฤกษ์ไปมา ช่วงล่างรู้สึกร้อน อึดอัด และทรมานสุดขีด


“ความรู้สึกไวใช้ได้เลยนะซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ เมื่อสังเกตเห็นว่าส่วนนั้นของผมนูนดันเนื้อผ้าออกมา ปกติเวลานอนผู้ชายมักจะไม่ใส่กางเกงในอยู่แล้ว เพราะงั้นเวลามันตั้งขึ้นมาเลยเห็นได้อย่างชัดเจน


“ยะ...อย่ามาล้อกันนะ ก็เพราะมึงทำแบบนั้น...”


“อย่าเข้าใจผิดสิ กูไม่ได้จะล้อสักหน่อย เพราะกูก็เป็นเหมือนกัน” พอได้ยินแบบนั้นผมก็เลื่อนสายตามองไปยังส่วนกลางลำตัวของไอ้พฤกษ์ จึงพบว่าตอนนี้กางเกงของมันนูนเด่นขึ้นมา จนเห็นรูปร่างท่อนเนื้อที่อยู่ข้างในชัดเจนยิ่งกว่าของผมซะอีก


“กะ...กูไม่คิดว่ามึงจะเป็นขนาดนี้...” มองตรงนั้นนานๆ แล้วก็เขิน แต่พอเหลือบขึ้นมาเห็นสายตาของมันผมก็ยิ่งเขินมากกว่าเดิม


“จะไม่ให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อคนที่ชอบนอนอยู่ข้างหน้า แถมยังครางซะกูใจสั่นเลย” ไอ้พฤกษ์ก้มหน้าลงมาจูบและดูดเบาๆ ที่ริมฝีปากของผม จากนั้นก็ไล่จูบไปตามพวงแก้ม จนกระทั่งคลอเคลียอยู่ตรงบริเวณใบหู


“อือ...ไอ้พฤกษ์...” ผมขนลุกเกรียวส่วนความเสียวซ่านก็แผ่กระจายไปทั่วร่างกาย


“เดี๋ยวกูเอาออกให้มึงก่อนรอบนึงนะ จะได้ไม่ต้องทรมาน” ไอ้พฤกษ์พูดด้วยเสียงแหบพร่าแล้วใช้ริมฝีปากงับเบาๆ ที่ใบหูของผม ส่วนสองมือก็ดึงรูดกางเกงนอนออกไปจนตอนนี้ผมเหลือแค่ร่างกายเปลือยเปล่า


“กะ...กูก็อายเป็นนะ มึงก็ถอดเสื้อผ้าด้วยสิ”


“ถ้างั้นมึงก็ถอดให้กูสิซ่า” คำขอนั้นทำเอาผมหน้าร้อนวาบ แต่ผมก็ทำใจกล้ายื่นมือขึ้นไปแกะกระดุมเสื้อของมันแล้วถอดออก พอถึงคราวกางเกงผมก็ชะงักเล็กน้อย แต่ก็ค่อยๆ ออกแรงดึงลงมา จนในที่สุดส่วนนั้นอันใหญ่โตและแข็งขึงก็ปรากฏสู่สายตาของผม


“หะ...ให้กูเอาออกให้รอบนึงด้วยดีมั้ย” ถึงตอนนี้ผมจะรู้สึกอาย แต่ของไอ้พฤกษ์มันใหญ่ซะขนาดนั้น ผู้ชายด้วยกันดูออกอยู่แล้วว่ามันกำลังอึดอัดและทรมานแค่ไหน


“จะดีหรอซ่า”


“อะ...อืม มึงทำให้กู ส่วนกูก็ทำให้มึง แฟร์ๆ ดี”


“ถ้ามึงเป็นคนพูดแบบนี้กูก็ไม่มีปัญหา” พูดจบไอ้พฤกษ์ก็ยกตัวผมขึ้นไปนั่งคร่อมที่ตักของมัน ก่อนที่มันจะขยับตัวไปนั่งพิงที่หัวเตียงเอาไว้


“แบบนี้น่าจะทำถนัดกว่านะ” ที่มันพูดก็อาจจะใช่ แต่ท่านี้มันล่อแหลมและวาบหวิวสุดๆ เพราะส่วนนั้นของเราสองคนกำลังบดเบียดกันอยู่ จนผมรู้สึกอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว ดีนะที่ห้องมันมืดเพราะมีแค่แสงริบหรี่ที่มาจากนอกหน้าต่าง ถ้าหากไอ้พฤกษ์เปิดไฟจนสว่างผมต้องอายจนระเบิดตัวเองตายแน่ๆ


“เขินหรอซ่า” ไอ้พฤกษ์ถามยิ้มๆ


“มันก็แน่อยู่แล้ว กูไม่ใช่มึงนะเว่ยที่ยังทำใจนิ่งอยู่ได้”


“ใครบอก กูก็รู้สึกเหมือนมึงนั่นแหละ แถมยังตื่นเต้นสุดๆ เลยด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ลองจับเสียงหัวใจของกูดูสิ” พอไอ้พฤกษ์พูดแบบนี้ผมเลยยื่นมือไปวางที่แผ่นอกด้านซ้ายของมัน เท่านั้นแหละผมก็สัมผัสได้ถึงการเต้นที่เป็นจังหวะรวดเร็วไม่ต่างจากผม แบบนี้ก็แสดงว่ามันไม่ได้โกหกสินะ


“ไม่ใช่มึงหรอกนะที่ประหม่าอยู่คนเดียว” ไอ้พฤกษ์ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบศีรษะของผมช้าๆ จากนั้นก็ออกแรงกดลงมาเพื่อให้ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน


แรกเริ่มไอ้พฤกษ์จูบผมด้วยความอ่อนโยนจนผมแทบละลาย แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มความเร่าร้อนด้วยการสอดลิ้นเข้ามาภายใน เราสองคนปรับเปลี่ยนองศาของใบหน้าไปมาหลายต่อหลายครั้ง ส่วนมือไม้ก็เริ่มลูบไล้ร่างกายของกันและกันเมื่อความต้องการเริ่มสูงขึ้น


“อือ...” ไอ้พฤกษ์ฝังใบหน้าลงที่ซอกคอของผมแล้วออกแรงดูดสลับกับการใช้ลิ้นเลีย ความเสียวซ่านทำให้ร่างกายของผมสั่นสะท้าน ส่วนนั้นที่แข็งขึงอยู่แล้วยิ่งผงาดมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก


“อาา!” ทันทีที่ฝ่ามือของมันกำรอบส่วนนั้นเอาไว้ความเสียวซ่านก็ยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นมา แต่ดูท่าทางนี่จะเป็นแค่การเริ่มต้น เพราะหลังจากที่มันขยับมือขึ้นลงความเสียวของผมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...”


“อย่ามัวแต่ครางอย่างเดียวสิซ่า ลืมแล้วหรอว่ามึงต้องช่วยกูด้วย” สารภาพตามตรงว่าสมองของผมขาวโพลนจนนึกอะไรไม่ออกจริงๆ แต่พอไอ้พฤกษ์เตือนความจำแบบนี้ผมเลยนึกขึ้นได้ จึงค่อยๆ เลื่อนมือไปกอบกุมท่อนเนื้อร้อนๆ ของมันเอาไว้อย่างกลัวๆ กล้าๆ


“อา...” นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้พฤกษ์ส่งเสียงครางออกมา ถึงแม้จะเบาๆ แต่ก็เล่นเอาผมตื่นเต้นและดีใจ จนลืมความกระดากอายแล้วเริ่มขยับมือขึ้นลงเป็นจังหวะ


“อือ...” ผมไม่รู้แล้วว่าเสียงครางนี้เป็นของใคร เพราะอารมณ์ที่ทะยานไต่ขึ้นสูงทำให้ไอ้พฤกษ์ขยับมือรูดรั้งส่วนนั้นของผมเร็วขึ้น ส่วนใบหน้าที่กำลังซุกไซ้ตรงซอกคอของผมก็ขยับลงมายังแผ่นอก แล้วเริ่มใช้ลิ้นตวัดขึ้นลงสลับกับการเลียวนจนผมเสียวแทบบ้าอยู่แล้ว


“อ๊า...อ๊า...อ๊ะ...ไอ้พฤกษ์...อื้อ...อ๊า...” ผมใช้มือข้างที่ว่างจิกทึ้งเส้นผมของไอ้พฤกษ์เพื่อระบายความเสียวซ่าน ส่วนอีกข้างก็กำท่อนเนื้อของมันแน่นขึ้น แล้วเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นตามห้วงอารมณ์ของผมที่กำลังพุ่งขึ้นสูง


“ซี้ดด...อา...” ความเสียวซ่านทำให้ไอ้พฤกษ์หลุดเสียงครางออกมาอย่างสุดกลั้น ก่อนที่มันจะฟัดที่ยอดอกของผมแรงขึ้น ทั้งดูด ทั้งเลีย ทั้งใช้มือข้างที่ว่างบีบขยี้จนร่างกายผมบิดเร่า ผมส่งเสียงครางกระเส่าพร้อมกับการที่ส่วนนั้นมีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากส่วนปลาย


“อ๊า...ไอ้พฤกษ์...กูจะ...ไม่ไหว...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ผมพูดแทบไม่เป็นภาษา แต่ไอ้พฤกษ์ก็พอฟังออกเลยเร่งการขยับมือขึ้นลงด้วยความเร็วสูงสุด ส่วนริมฝีปากก็ดูดดุนพร้อมทั้งขบเม้มที่ยอดอกของผมไปด้วย


“อ๊า...อ๊า...อ๊า...” เมื่อถูกรุกเร้าพร้อมกันแบบนี้ ความเสียวของผมก็พุ่งทะยานขึ้นจนถึงขีดสุด จึงได้กรีดร้องลั่นพร้อมทั้งรูดรั้งและกำรอบท่อนเนื้อของไอ้พฤกษ์แน่น จากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีผมก็ปลดปล่อยความสุขสมออกไปจนหยดสุดท้าย


ส่วนไอ้พฤกษ์เมื่อถูกฝ่ามือของผมทำขนาดนั้นมีหรอจะทนไหว ดังนั้นท่อนเนื้อร้อนๆ ที่ผมกำรอบอยู่จึงกระตุกและขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งเพียงช่วงอึดใจน้ำสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมาตามผมไปติดๆ


“ซ่า!” การที่ไอ้พฤกษ์เรียกชื่อผมตอนเสร็จมันเป็นโมเมนท์ที่ดีต่อใจมาก แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดอะไร เลยได้แต่หอบหายใจแล้วทรุดตัวลงซบที่ไหล่ของมันเท่านั้น ซึ่งมันก็ลูบที่ศีรษะและแผ่นหลังของผมด้วยความอ่อนโยน แต่ว่าหลังจากนั้นสักพักวิธีการลูบของมันก็เริ่มเปลี่ยนไป


“อือ...อะ...ไอ้พฤกษ์...” ผมหลุดเสียงครางออกมาน้อยๆ เมื่อไอ้พฤกษ์ค่อยๆ ใช้สองมือลูบไล้ที่สีข้างของผมช้าๆ เล่นเอาความเสียวซ่านเริ่มแล่นพล่านขึ้นมา ความต้องการกำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง


“พร้อมจะเจอของจริงรึยังซ่า?”


2BC


 o14 สวัสดีค่า อ่านจบตอนนี้มีใครฟินบ้างเสียงหน่อยเร้วววว ในที่สุดหลังจากที่เรื่องได้ดำเนินไปหลายตอน พฤกษ์เสียเงินให้ซ่าไปก็มาก แต่วันนี้ก็น่าจะได้กำไรกลับคืนไปแล้วไม่น้อย ว่าแต่...มีใครเสียเลือดให้ตอนนี้บ้างน้อ?  :z1:
แต่ถ้ายังก็อย่าพึ่งได้ใจไป เพราะครึ่งหลังรับรองว่าถ้าไม่เตรียมเลือดสำรองหรือทิชชู่ไว้อุดกำเดาจะต้องเสียเลือดจนตายแน่ๆ พฤกษ์พูดขนาดนี้มีรึที่ซ่าจะรอด แน่นอนว่าถึงจะยังซิง แต่ลีลาของพฤกษ์ก็ไม่ธรรมดาแน่นอน ถ้าไม่เชื่อเตรียมปูเสื่อนอนรอได้เตียงได้เลย  :impress2:
แล้วเจอกันวันพุธหรือพฤหัสหลังจากแม่การะเกดจบนะคะทุกคน ถ้าหากฟินและชื่นชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า รักทุกคนนะคะ จุ๊บๆ  :จุ๊บๆ:
(12 มี.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-03-2018 00:51:37
 :jul1: หมดแล้ว หมดทุกอย่าง ต่อมน้ำหมากแตกซ่าน  :m25:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-03-2018 07:37:51
สิ่งที่ซ่าหวังเป็นจริง 555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-03-2018 10:41:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-03-2018 12:49:11
พร้อมไหม ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 12-03-2018 21:51:39
 :haun4: ไม่รู้ซ่าพร้อมไม๊แต่คนอ่านพร้อมมาก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-03-2018 01:28:23
หูยยยย ขาดตอนเลย555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-03-2018 10:33:19
>///<
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 14-03-2018 14:25:25
อูยยย :haun4:
รอตอนต่อไปเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 ยังซิง(จริงปะเนี่ย!) NC [12.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 14-03-2018 19:51:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 16-03-2018 00:32:17
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 10# Niza แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปร NC-18

“อือ...อะ...ไอ้พฤกษ์...” ผมหลุดเสียงครางออกมาน้อยๆ เมื่อไอ้พฤกษ์ค่อยๆ ใช้สองมือลูบไล้ที่สีข้างของผมช้าๆ เล่นเอาความเสียวซ่านเริ่มแล่นพล่านขึ้นมา ความต้องการกำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง


“พร้อมจะเจอของจริงรึยังซ่า?” แต่คำถามแบบนั้นใครจะไปกล้าตอบ แน่นอนว่าผมก็ต้องหันหน้าหนีอยู่แล้ว


   “ถ้าไม่ตอบกูจะถือว่ามึงพร้อมแล้วนะ” พอไอ้พฤกษ์พูดแบบนี้ผมเลยรีบหันหน้ากลับมา เท่านั้นแหละผมก็พบกับสายตาที่แสดงถึงความปรารถนาในตัวผม ก่อนที่มันจะโน้มคอของผมให้ลงไปหาช้าๆ


   ผมหลับตาแล้วปล่อยตัวปล่อยใจให้ไปตามความต้องการ รสจูบของไอ้พฤกษ์นั้นหอมหวาน แต่ก็แฝงไปด้วยความเร่าร้อนและยั่วเย้าจนผมแทบละลาย ส่วนสองมือของมันที่กำลังลูบไล้ตามร่างกาย มันทำให้ผมรู้สึกร้อนรุ่มจนควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว


   “อืม...อา....” ไอ้พฤกษ์ถอนจูบออกมาแล้วไปซุกไซ้ที่ซอกคอของผม ริมฝีปากนุ่มๆ รวมทั้งลิ้นร้อนๆ ทั้งดูดทั้งเลียจนผมเสียวสะท้าน ในขณะที่สองมือก็ลากผ่านแผ่นอกก่อนจะทำการนวดคลึง จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วหมุนวนสลับกับการบีบขยี้


   “ซี้ดด...อะ...อา...” ผมกัดปากร้องซี้ดอย่างสุดกลั้น เมื่อไอ้พฤกษ์ฝังใบหน้าลงที่แผ่นอกของผมแล้วใช้ริมฝีปากดูดดุน ส่วนปลายลิ้นก็ตวัดตุ่มไตไปมา ผมก็พึ่งรู้นี่แหละว่ายอดอกของผู้ชายมันรู้สึกดีขนาดนี้ มันดีจนขนาดที่ว่าผมแอ่นอกขึ้นและกดศีรษะของไอ้พฤกษ์ให้กลืนกินมันมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


   “อา...ซี้ดด...อา...” ผมครางกระเส่า ส่วนร่างกายก็บิดเร่าไปมา ความเสียวซ่านทำให้แก่นกายของผมขยายใหญ่ขึ้นจนไปบดเบียดกับแก่นกายของไอ้พฤกษ์ ซึ่งถ้าผมฟังไม่ผิด ผมได้ยินมันครางเสียงต่ำในลำคอเหมือนกำลังสะกดกลั้นอารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้สนใจตัวเองแล้วยังคงเล้าโลมผมต่อไป


   ตอนนี้ไอ้พฤกษ์เปลี่ยนมาใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นดูดเลียที่ยอดอกอีกข้าง ส่วนมือก็เลื่อนลงมากอบกุมท่อนเนื้อของผมแล้วรูดขึ้นลงเบาๆ ความสุขสมที่ได้รับทำเอาสมองของผมขาวโพลน


ผมเคลิบเคลิ้มและมัวเมาจนไม่เห็นว่ามืออีกข้างของไอ้พฤกษ์ทำอะไร รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกถึงความลื่นและเย็นเฉียบอยู่ที่บั้นท้าย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามออกไปไอ้พฤกษ์ก็สอดนิ้วอันเรียวยาวเข้ามาข้างในตัวผมช้าๆ


“อึ่ก!” ความรู้สึกอึดอัดทำเอาผมนิ่วหน้า ไอ้พฤกษ์ที่เห็นอย่างนั้นเลยถามขึ้นด้วยความกังวล


“เจ็บหรอซ่า”


“ปะ...เปล่า...แต่มันแปลก...” ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ว่ายังไง จะว่าชอบมันก็ไม่ใช่ แต่ถ้าบอกว่าไม่ชอบมันก็ไม่เชิง


“ไม่เจ็บก็ดีแล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวกูจะลองขยับดูนะ” ผมพยักหน้าอนุญาต ไอ้พฤกษ์เลยเริ่มขยับนิ้วเข้าออกตามคำขอ โดยเริ่มจากช้าๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ


   “อือ...” ผมหลุดเสียงครางออกมา ความรู้สึกแปลกๆ ในตอนแรกมันเปลี่ยนไปกลายเป็นเริ่มเสียวทีละนิดแล้ว


“ดีรึเปล่า” ไอ้พฤกษ์ถามด้วยเสียงแหบพร่า ถึงแม้จะรู้สึกอายแต่ผมก็พยักหน้า มันไม่ใช่คนที่เคยมีประสบการณ์ เพราะงั้นถ้าหากผมโกหกมันคงไม่เป็นผลดีต่อเราสองคนเท่าไหร่


“ถ้างั้นกูจะลองเพิ่มนิ้วเข้าไปดูนะ”


“อือ” เมื่อได้รับอนุญาต ไอ้พฤกษ์ก็ค่อยๆ หมุนวนนิ้วที่อยู่ภายในก่อนจะสอดอีกนิ้วตามเข้ามา ความอึดอัดทำให้ผมถึงกับสะดุ้งและนิ่วหน้า แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บมากอย่างที่คิดเอาไว้ ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะไอ้พฤกษ์เบี่ยงเบนความสนใจโดยการดูดเลียและเลื่อนมืออีกข้างขึ้นมาที่ยอดอกของผม มันเลยทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดแค่แป๊บเดียวแล้วก็เปลี่ยนเป็นเสียวซี้ดแทน


“อา...อืม...อา...” ความลื่นของเจลทำให้นิ้วของไอ้พฤกษ์ขยับเข้าออกได้อย่างไม่ลำบาก ทั้งยังหมุนคว้างเป็นวงและหักงอครูดกับผนังด้านในได้ แม้ว่าช่องทางจะบีบรัดจนคับแน่นแต่มันก็อ่อนนุ่มลงทีละน้อย ตรงข้ามกับความเสียวซ่านของผมที่ก่อตัวมากขึ้นทุกทีๆ


“อื้อ...อื้ม...อา...” ตอนนี้สะโพกของผมเริ่มขยับไปมา จนท่อนล่างบดเบียดเสียดสีกับของไอ้พฤกษ์ที่สวมถุงยางไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ส่วนช่องทางด้านหลังก็ตอดรัดนิ้วที่ขยับเข้าออกภายในเป็นจังหวะ แน่นอนล่ะว่าการกระทำพวกนั้นผมไม่รู้ตัว แต่มันกลับสร้างความทรมานให้ไอ้พฤกษ์จนผมได้ยินเสียงครางต่ำที่แทบจะเป็นเสียงคำรามอยู่แล้ว


“วะ...ไหวมั้ยไอ้พฤกษ์” ถึงไม่ถามผมก็รู้ว่าตอนนี้มันกำลังต้องการผมแทบบ้า สีหน้าตอนนี้ของมันแม้จะมองเห็นลางๆ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความปรารถนาอย่างรุนแรง


“ไหวสิ ว่าแต่มึงเถอะเป็นยังไงบ้าง” ผมไม่ค่อยเข้าใจคำถามนั้นและไม่รู้จะตอบว่ายังไง เลยใช้สองมือประคองที่ใบหน้าของไอ้พฤกษ์แล้วก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของมัน จากนั้นก็ข่มความอายทำใจกล้าเชิญชวนมันออกไป


“จะ...จะเข้ามาตอนนี้เลยก็ได้นะ” ดวงตาของไอ้พฤกษ์เบิกกว้างขึ้น ผมเห็นความลังเลระหว่างความปรารถนาของตัวเองกับความสุขของผม แต่ในที่สุดมันก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง


“กูอยากทำให้มึงพร้อมกว่านี้ก่อน” พูดจบมันก็เพิ่มความเร็วในการขยับสองนิ้วเข้ามา ความเสียวซ่านทำให้ผมถึงกับหลุดเสียงคราง ส่วนสะโพกก็สั่นระริกจนควบคุมไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรวบรวมสมาธิพยายามพูดออกไปอยู่ดี


“อื้อ...ขะ...เข้ามาเถอะพฤกษ์...อา...กูพร้อมแล้ว...ซี้ดด...จริงๆ นะ” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำขลับ จากนั้นก็รีบจูบปิดปากที่กำลังจะปฏิเสธผมอีกรอบ


“มะ...มึงไม่ต้องทนแล้ว...กูพร้อมจริงๆ” เมื่อผมยืนยันแบบนี้ไอ้พฤกษ์เลยถอนหายใจออกมา


“ถ้ามึงเจ็บจะมาโทษกูไม่ได้นะซ่า”


“อือ...สัญญาเลย” ผมพยักหน้าแล้วชู 3 นิ้วด้วยอาการสั่นเล็กน้อย


“ยังมีอีกเรื่อง...มึงต้องเป็นคนทำเองด้วยนะ”


“หา?” ผมอุทานด้วยความงุนงงและตกใจ แต่ไอ้พฤกษ์ก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มที่มุมปากแล้วถอนนิ้วออกมา จากนั้นก็ยกตัวผมขึ้นเล็กน้อย แล้วขยับบั้นท้ายจนช่องทางด้านหลังของผมจ่ออยู่กับส่วนนั้นของมัน


“ครั้งแรกกูคิดว่ามึงทำเองน่าจะดีกว่า เพราะถ้าเจ็บมึงจะได้หยุด หรือถ้าตรงไหนไม่โอเคมึงจะได้ควบคุมเองเลยไง” ผมไม่รู้ว่าไอ้พฤกษ์มันตั้งใจจะแกล้งผมที่ดื้อกับมันรึเปล่า แต่ตอนนี้ผมถอยไม่ได้แล้วเลยได้แต่พยักหน้าตอบรับเท่านั้น


“ขะ...เข้าใจแล้ว”


“ดีมาก แต่มึงไม่ต้องกลัวนะ กูจะช่วยทำให้มึงเจ็บน้อยที่สุดเอง” ในเมื่อไอ้พฤกษ์พูดแบบนี้ผมก็ยิ้มออกมาอย่างวางใจ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่กล้ากดสะโพกลงไปอยู่ดี ได้แต่ครวญครางร้องซี้ดเพราะริมฝีปากและปลายลิ้นของไอ้พฤกษ์ที่กำลังดูดเลียยอดอกของผมอยู่


“อื้อ...อืม...อา...” การกระทำนั้นทำให้ร่างกายของผมสั่นระริก จนควบคุมสะโพกไม่ให้บิดเร่าและส่ายร่อนไปมาไม่ได้ ปากทางเข้าอันอ่อนนุ่มบดเบียดอยู่กับส่วนปลายของท่อนเนื้อร้อนๆ ก่อให้เกิดความเสียวซ่านจนไอ้พฤกษ์หลุดเสียงครางออกมา


“ซี้ดด...” เสียงนั้นทำให้ผมเสียววาบพร้อมกับใจที่เต้นรัว ผมลืมความกลัวและลบความอายค่อยๆ กดสะโพกลงไปช้าๆ เท่านั้นแหละความเจ็บปวดก็แล่นพล่านขึ้นมา เพราะช่องทางอันคับแคบต้องขยายจนสามารถรับส่วนปลายของแก่นกาย ซึ่งเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดให้เข้ามาภายใน


“อึ่ก! มึง...ขะ...เข้ามาแล้ว...ใช่มั้ย...” ผมกัดฟันถามออกไป ตอนนี้ผมเจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว


“อืม...มึงเจ็บมากมั้ยซ่า ถ้าไม่ไหวพอแค่นี้มั้ย” ไอ้พฤกษ์ลูบที่ศีรษะของผมอย่างห่วงใย ถึงแม้ผมจะเจ็บแค่ไหนแต่ผมก็กลั้นใจส่ายหน้าไปมา


“กู...กูไหว...กูโอเค...” ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วผมจะยอมแพ้ได้ยังไง ไม่อย่างนั้นคืนนี้ได้เป็นความทรงจำอันเลวร้ายของเราสองคนเพราะครั้งแรกล่มไม่เป็นท่าแน่ๆ แล้วก็เหมือนว่าไอ้พฤกษ์มันจะรู้ความคิดของผม เพราะมันได้โน้มท้ายทอยของผมลงมาจูบอย่างอ่อนโยนราวกับปลอบขวัญ


“มาพยายามด้วยกันนะ” ผมพยักหน้า ไอ้พฤกษ์เลยเริ่มต้นเล้าโลมผมใหม่ คราวนี้มันใช้มือชักแก่นกายที่เกือบจะอ่อนตัวลงไปของผม ส่วนมืออีกข้างก็หยอกเอินตรงยอดอก ในขณะที่ริมฝีปากและลิ้นร้อนๆ ก็กดจูบและดูดเลียตรงซอกคอจนเป็นรอยสีกุหลาบ


“อะ...อา...” ความเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้นทำให้ผมหลงลืมความเจ็บปวด ช่วงล่างเริ่มสั่นน้อยๆ ก่อนที่จะกลายเป็นสั่นระริกเมื่อไอ้พฤกษ์ย้ายมาดูดเลียที่ยอดอก สะโพกของผมบิดเร่าและร่อนไปมาจนค่อยๆ กลืนกินท่อนเนื้อลงไปช้าๆ เสียงครางกระเส่าของไอ้พฤกษ์ที่เล็ดลอดออกมา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าข้างในตัวผมนั้นรู้สึกดีขนาดไหน


“ซี้ดด...แน่นเป็นบ้า...” ท่อนเนื้อร้อนๆ ของมันขยายใหญ่ขึ้น ถึงแม้จะสร้างความเจ็บแปลบให้ผมมากขึ้นแต่ผมกลับรู้สึกดีอย่างประหลาด ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะร่างกายของผมสร้างความสุขให้มันได้ล่ะมั้ง เพราะงั้นผมเลยกลั้นใจกดสะโพกลงไป จนกลืนกินแก่นกายของไอ้พฤกษ์มิดลำในคราวเดียว


“อ๊าาาาาา!”


“อาาาา!”


ความเจ็บทำให้ผมกรีดร้องออกมา ตรงข้ามกับไอ้พฤกษ์ที่ส่งเสียงครางด้วยความเสียว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความรู้สึกหนึ่งที่ผมกับมันรู้สึกเหมือนกัน นั่นก็คือความสุขที่ตอนนี้เราสองคนต่างเป็นหนึ่งเดียวกันและเป็นของกันและกันแล้ว


“ซ่า...ชอบนะ...กูชอบมึง...” ไอ้พฤกษ์โน้มตัวผมลงมาจูบหนักๆ ตามด้วยการสอดลิ้นเข้ามาแล้วดูดดุนที่ริมฝีปากของผม รสจูบของมันรุนแรงและเร่าร้อนตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น


“อื้อ...” นอกจากรสจูบ มือที่กำลังขยี้ที่ยอดอกและชักแก่นกายของผมอยู่ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบ ไม่ว่ามันจะอ่อนโยนหรือเร่าร้อนผมก็ชอบด้วยกันทั้งนั้น


“ตอนนี้หายเจ็บแล้วรึยัง” ไอ้พฤกษ์ถอนจูบออกมาแล้วถามผมด้วยเสียงกระเส่า สีหน้าของมันตอนนี้ทั้งเซ็กซี่และเร้าอารมณ์สุดๆ จนผมลืมความเจ็บไปเลย


“อือ...ไม่เจ็บแล้ว”


“ถ้างั้นมึงค่อยๆ ยกสะโพกขึ้นลงนะซ่า ทำช้าๆ แบบนี้...” ไอ้พฤกษ์จับมือของผมให้ไปโอบที่ลำคอของมัน จากนั้นก็ยกสะโพกของผมขึ้นจนท่อนเนื้อของมันเกือบจะหลุดออกมา ก่อนที่จะกดสะโพกของผมลงมาช้าๆ จนครอบครองท่อนเนื้อของมันอย่างมิดลำอีกครั้ง


แล้วมันก็ทำไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งดูดและเลียยอดอกของผมไปพร้อมๆ กัน จนตอนนี้ผมเกิดอารมณ์ขึ้นอีกครั้ง และทวีความรุนแรงมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นอีกด้วย


“อื้อ...อา...อ๊ะ...อ๊า...” เสียงครางของผมเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงแหลมสูง ส่วนสะโพกก็ขยับยกขึ้นลงด้วยตัวเองตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าท่อนเนื้อร้อนๆ ที่เสียดสีอยู่กับช่องทาง สร้างความเสียวซ่านให้ผมจนแทบบ้าอยู่แล้ว


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ซี้ดด...อ๊า...” ผมจิกทึ้งเส้นผมของไอ้พฤกษ์เพื่อระบายความเสียว ช่องทางด้านหลังบีบและตอดรัดท่อนเนื้อที่อยู่ภายในอย่างควบคุมไม่ได้ เล่นเอาไอ้พฤกษ์เสียวซ่านแทบขาดใจจนควบคุมสติแทบไม่อยู่


“ซี้ดด...โทษทีนะซ่า กูทนไม่ไหวแล้ว” ไอ้พฤกษ์เลื่อนมือทั้งสองข้างไปบีบเค้นที่สะโพกของผม จากนั้นก็ออกแรงยกขึ้นลงพร้อมทั้งเด้งแก่นกายสวนขึ้นมา


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า! ไอ้พฤกษ์! ตรงนั้น! ไม่นะ...อ๊า...” ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงทำให้ผมกรีดร้องลั่น เมื่อส่วนนั้นของไอ้พฤกษ์เข้าไปกระแทกจุดๆ หนึ่งที่อยู่ในร่างกาย


“อา...” ไอ้พฤกษ์ครางด้วยเสียงแหบพร่าแล้วเร่งจังหวะการเด้งสะโพก ส่วนผมก็ขย่มลงที่ตักของมันอย่างสุดแรง ช่องทางด้านหลังอันคับแน่นตอดรัดท่อนเนื้อร้อนๆ อย่างถี่ยิบเพราะใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว


“ไอ้พฤกษ์...ไอ้พฤกษ์! กูจะ...อ๊ะ...อ๊า...จะเสร็จแล้ว...อ๊า...อ๊า...” เมื่อได้ยินแบบนั้น มือที่บีบขยี้ยอดอกของผมก็เลื่อนลงไปรูดรั้งแก่นกายที่มีน้ำใสๆ ไหลออกมา ส่วนริมฝีปากกับลิ้นร้อนๆ ก็ยังคงดูดกลืนและตวัดเลียตุ่มไตที่แข็งชัน ในขณะที่ผมนั้นก็ขย่มกลืนกินท่อนเนื้อที่กระแทกสวนขึ้นมาอย่างเมามันด้วยความเสียวสุดใจ


“อ๊า...อ๊า...อ๊า...ไอ้พฤกษ์! อ๊าาาาาา!” ผมกรีดร้องลั่นแล้วกดสะโพกลงมาอย่างแรงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะปลดปล่อยความสุขสมทั้งหมดออกไปจนเปรอะไปทั่วทั้งแผ่นอกและกล้ามท้องของคนตรงหน้า


ซึ่งหลังจากที่เสร็จไปร่างกายของผมก็ไร้เรี่ยวแรง ไอ้พฤกษ์ที่ยังไม่เสร็จจึงได้พลิกตัวผมลงไปอยู่ใต้ร่าง จากนั้นก็จับสะโพกของผมเอาไว้ให้มั่น แล้วกระแทกกระทั้นแก่นกายที่ขยายใหญ่ถึงขีดสุดเข้ามาในตัวของผมอย่างสุดแรง


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า! ชะ...ช้าหน่อย! แรงเกินไปแล้ว! มันลึก...อ๊ะ...อ๊า...” ผมพูดแทบไม่เป็นภาษา ส่วนนั้นของไอ้พฤกษ์กระแทกโดนข้างในลึกมากจนผมเสียวขึ้นมาอีกครั้ง ช่องทางด้านหลังกระตุกตอดรัดท่อนเนื้อของมันอย่างรุนแรง


“ซี้ดด...ถ้ามึงจะทำแบบนี้...พระอิฐพระปูนที่ไหนก็ยั้งมือไม่ไหวหรอกนะ!”


“กะ...กูทำอะไร..อ๊า! อ๊ะ...ไอ้พฤกษ์...อ๊ะ...อ๊า...” ผมหวีดร้องลั่น เมื่อไอ้พฤกษ์ยกสะโพกของผมขึ้นสูงแล้วใช้มือตรึงเอาไว้ให้มั่น จากนั้นก็กระแทกกระทั้นแก่นกายเข้ามาข้างในอย่างไม่ยั้ง จนเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปกับเสียงคราง


ผมคิดว่าลีลาของมันจะสุดยอดเกินมือใหม่ไปแล้วนะ แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรได้อยู่แล้ว ครั้งต่อไปไม่อยากคิดเลยว่าจะขนาดไหน คนเทพนี่มันเทพทุกด้านจริงๆ สิน่า!


 “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...อ๊ะ...อ๊า!” แก่นกายของไอ้พฤกษ์กระแทกโดนจุดกระสันที่อยู่ในตัวของผมซ้ำๆ ทั้งรวดเร็วและรุนแรง ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาส่วนกลางลำตัวของผมเริ่มมีน้ำใสๆ ไหลออกมา ในขณะที่ช่องทางด้านหลังก็บีบและตอดรัดท่อนเนื้ออันใหญ่โตอย่างถี่ยิบ


“ซี้ดด...กูจะเสร็จแล้วนะซ่า...อา...อาา...” ไอ้พฤกษ์พูดด้วยเสียงแหบพร่า น้ำเสียงและสีหน้าของมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้กำลังเสียวแค่ไหน ซึ่งผมก็ไม่ต่างกัน ขาสองข้างเลยยกเกี่ยวที่สะโพกของมันเอาไว้อย่างแนบแน่น


“ปะ...ไปพร้อมกันนะ...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า!” ทันทีที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น ไอ้พฤกษ์ก็ใช้มือข้างหนึ่งมาชักส่วนนั้นของผมขึ้นลง ส่วนมันก็ขยับสะโพกกระแทกแก่นกายเข้ามาข้างในตัวผมอย่างไม่ยั้ง ทั้งซอยถี่ยิบและกดตรงจุดกระสันเน้นๆ จนผมเสียวมากแทบจะขาดใจอยู่แล้ว


“อ๊า...อ๊า...ไอ้พฤกษ์! อ๊า...อ๊า...อ๊าาาาาาา!” สิ้นเสียงนั้นน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาจากส่วนนั้นของผมเป็นครั้งที่สาม ส่วนช่องทางด้านหลังก็ดูดกลืนและตอดรัดท่อนเนื้อร้อนๆ อย่างรุนแรง เล่นเอาไอ้พฤกษ์เสียวสุดๆ จนถึงกับทนต่อไปไม่ไหว จึงได้ฝังแก่นกายเข้ามาภายใน แล้วฉีดพ่นความสุขสมออกไปจนหมดสิ้น


“ซ่า! ชอบนะ! อะ...อาาาาาาส์!”


สิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้คือเสียงครางกระเส่าและหน้าตาสุดเร้าอารมณ์ของไอ้พฤกษ์ ซึ่งหลังจากนั้นภาพทุกอย่างตรงหน้าก็ดำมืดลงไปเลย...


2BC


 :jul1: สะ...สวัสดีค่านักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ตอนนี้ร่างกายยังปกติดีมั้ย หรือว่าเสียเลือดหนักมากจนแทบจะหมดร่างอยู่แล้ว (ส่วนเค้าไม่ต้องสืบ จมกองเลือดตายตั้งแต่เขียนเสร็จ  :m25: )
ตอนนี้ครั้งแรกเราคิดว่าอยากให้พฤกษ์บรรยาย แต่ไปๆมาๆก็เปลี่ยนใจให้ซ่าบรรยายดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวทุกคนจะกลัวความหื่นของพฤกษ์กันหมด มาดคุณชายที่สั่งสมมาจะอันตรธานหายไป (เอ๊ะ หรือว่าไม่เหลือตั้งแต่ตอนแรกๆแล้ว 55555  :laugh: )
แต่ถึงซ่าจะบรรยายความแซ่บ ความซี้ด ความเผ็ด ความเด็ดดวง ก็ยังมีเหมือนเดิมนะเออ ที่ว่าเทิร์นโปรเอาจริงๆก็ไม่ใช่แค่พฤกษ์หรอก ซ่าที่ออนท็อปตั้งแรกก็เทพไม่ต่างกัน ใครที่ชื่นชอบและฟินกับลีลาของคู่นี้ก็กรี๊ดบอกกันหน่อยน้า  :m3:
ส่วนตอนวันอาทิตย์เจอกันนะคะ ก่อนลากันตรงนี้ก็ขอพื้นที่ประชาสัมพันธ์นิดนึง หนังสือของคู่พฤกษ์ซ่าเปิดจองถึงสิ้นเดือนนี้น้า ค่าสิ้นสอดเบาๆ 279 บาทเท่านั้นค่า ยังไงก็ขอฝากรับคู่เกรียนคู่นี้ไปเลี้ยงดูด้วยนะคะที่รัก ขอบคุณค่ะทุกคน  :กอด1:  :pig4:
(16 มี.ค. 51)
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-03-2018 00:42:48
หมดกันสารร่างฉานนนนน  ไม่เหลือแล้ว ไม่เหลืออะไรซํกกะอย่าง  :m2:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-03-2018 00:47:41
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 16-03-2018 12:32:11
ทั้ง 2 สบายแล้ว
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-03-2018 17:17:16
0๐0!
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 17-03-2018 02:34:36
 :haun4: เลือดหมดตัว ฟินนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 17-03-2018 07:55:43
ไม่เหมือนเพิ่งเคยทำครั้งแรกเลย ดูเชี่ยวขนาดนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-03-2018 10:31:29
จิกหมอนเบาๆ
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-03-2018 16:48:36
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-03-2018 22:31:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 10 แค่ครั้งแรกก็แทบจะเทิร์นโปรNC [15.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 18-03-2018 17:15:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอน11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [20.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 19-03-2018 23:53:03
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 11# Niza สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง


   ฟ้าเหลือง


   อาการนี้ผมเคยได้ยินไอ้พวกเพื่อนบางคนบ่นว่าเคยเป็น เพราะมีเซ็กส์กับแฟนแบบมาราธอนไม่ก็จัดหนักจัดเต็มจนแทบไม่ได้พัก แต่ตอนนั้นนอกจากจะไม่เชื่อแล้วผมยังแอบเบ้ปากด้วยซ้ำ ในใจคิดว่ามันก็แค่โม้ไม่ก็โชว์พาว แต่ตอนนี้ผมรู้ซึ้งเลยล่ะว่ามันคือเรื่องจริง


   เมื่อคืนผมภาพตัดไปตอนไหนอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ คือผมเสร็จไปแล้วตั้ง 3 ครั้ง ร่างกายมันเกินจะรับไหวเลยสลบไสลไปเรียบร้อย แต่ประเด็นคือถ้าเสร็จแค่นี้มันไม่พอที่จะทำให้ผมฟ้าเหลืองหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเช้าไอ้พฤกษ์มันทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นกับผม...


   ‘อรุณสวัสดิ์ แข็งแรงแต่เช้าเชียวนะ’ ไอ้พฤกษ์ที่น่าจะตื่นมาได้สักพักทักทายผม โดยนอนตะแคงข้างแล้วหันมาทางนี้พร้อมกับกอดเอวผมเอาไว้


   ‘หืม?’ ผมไม่เข้าใจที่มันพูดเพราะยังสะลึมสะลืออยู่ สมองยังไม่ทำงานจนไม่สั่งการให้เขินเรื่องเมื่อคืนเลยด้วยซ้ำ


   ‘นี่ไม่รู้ตัวเลยหรอว่าตรงนั้นของมึงกำลังแข็งโดนของกูอยู่’ เท่านั้นแหละผมก็เบิกตาโพลงแล้วก้มลงมองไปยังด้านล่าง


   ‘เชี่ย!’ เหตุการณ์ที่ราวกับว่าเล่นซ้ำทำเอาผมตกใจจนตาเบิกกว้าง สองมือออกแรงผลักไอ้พฤกษ์อย่างแรงกะให้มันกระเด็นออกไป แต่ไหงครั้งนี้มันกลับไม่สะทกสะท้านต่างจากครั้งแรกที่กระเด็นไปจนติดฝา มิหนำซ้ำมันยังกอดเอวผมให้แน่นยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก


   ‘ปล่อยกูนะเว่ย’ ผมพยายามดันที่อกของไอ้พฤกษ์ออกไป แต่ให้ตายสิ เรี่ยวแรงของผมมันหายไปไหนหมดวะเนี่ย


   ‘กูปล่อยมึงแน่ แต่...หลังจากที่มึงปล่อยนะ’


   ‘หา?’ คำพูดชวนงงแบบนั้นทำเอาผมต้องขมวดคิ้วขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ไว้ใจสายตาวิบวับเจ้าเล่ห์ที่อยู่ตรงหน้า ผมเลยพยายามใช้สมองที่ยังคงทำงานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งมันก็ช้าเกินไป กว่าจะคิดได้ไอ้พฤกษ์ก็คว้าหมับเข้าที่แก่นกายของผมซะแล้ว


   ‘อ๊ะ!’ ตอนนี้ผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ฝ่ามือของมันเลยกำรอบท่อนเนื้อของผมเข้าเต็มๆ เล่นเอาผมหน้าร้อนวาบและอ้าปากพะงาบๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก


   ‘เดี๋ยวกูจะช่วยรีดพิษออกให้มึงเอง’ ไอ้พฤกษ์พูดด้วยเสียงกระเส่า แล้วก้มหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากของผมเพื่อปิดกลั้นคำต่อต้าน จากนั้นก็จัดการ ‘รีดพิษ’ ให้ผมอย่างที่ว่า แถมยังไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยนะ แต่เป็นถึง 2 ครั้ง! ซึ่งครั้งที่ 2 ผมก็เสร็จพร้อมมันที่ฝังท่อนเนื้อเข้ามาในตัวผมนั่นแหละ!


   กว่าจะตื่นมาอีกทีเวลาก็ปาเข้าไปบ่าย 3 กว่า ผมหลับไปนานขนาดที่คิดว่าตัวเองอาจจะซ้อมรอวันตาย ตั้งแต่จำความได้ผมเคยนอนไปนานขนาดนี้ที่ไหนกันล่ะ แล้วไอ้พฤกษ์ก็ไม่ได้นอนพร้อมหรือคิดจะปลุกผมด้วยนะ แต่มันกลับหายหัวไปไหนไม่รู้แล้วทิ้งให้ผมนอนอยู่คนเดียว


   ซึ่งผมก็คิดว่ามันคงจะอยากให้ผมพักผ่อนเต็มที่เพราะเหนื่อยนั่นแหละ แต่พอตื่นมาแล้วไม่มีคนอยู่ข้างๆ มันก็รู้สึกเหงานี่นา


   อาบน้ำแล้วลงไปหาไอ้พฤกษ์ข้างล่างดีกว่า


   พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็เกิดอาการเวียนหัวและแข้งขาอ่อนแรงเลยต้องนั่งพักต่อสักหน่อย จนกระทั่งค่อยยังชั่วผมจึงได้เดินเข้าไปในห้องน้ำ


   พอเจอน้ำเย็นๆ ร่างกายของผมก็สดชื่นขึ้นมาจนลืมความเหนื่อยล้า ช่วงล่างโดยเฉพาะช่องทางด้านหลังมันรู้สึกระบมหน่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้เจ็บหรือปวดมากมายอย่างที่คาดไว้ ซึ่งนั่นก็คงเป็นเพราะไอ้พฤกษ์มันอ่อนโยนกับผม เพราะงั้นผมจะยกโทษเรื่องที่มันทำรอบเพิ่มตอนเช้าก็แล้วกัน


หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปส่องกระจกเช็คหน้าเช็คผมให้เรียบร้อย เมื่อโอเคแล้วผมก็เปิดกระตูออกจากห้องลงไปยังข้างล่าง เท่านั้นแหละผมก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันไม่ต่ำกว่า 4 – 5 เสียง


เวร ไหงจู่ๆ คนเยอะขนาดนี้ได้เนี่ย ใครเป็นใครผมก็ไม่รู้จักซะด้วย แล้วอย่างนี้ผมจะกล้าลงไปข้างล่างได้ยังไงกันล่ะ


ซึ่งขณะที่ผมกำลังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง ทั้งยังยื่นมือมาแตะที่บ่าของผมอีกต่างหาก


   “ตื่นแล้วหรอ นอนนานขนาดนี้แสดงว่าเมื่อคืนหนักมากเลยสิท่า” ถึงแม้ว่าหน้ากับเสียงจะเหมือนกันแค่ไหน แต่ลักษณะท่าทางและคำพูดผมก็รู้ทันทีว่านี่คือใครโดยไม่ต้องหันหน้าไปมอง


   “เมื่อคืนกูจะหนักหรือไม่หนัก แล้วมันไปหนักบนหัวมึงรึไง” พูดจบผมก็สะบัดที่ไหล่ไล่มือของไอ้เพลิงออกไป จากนั้นก็หันไปมองหน้ามันตาขวาง


   “หูยยยย เกรี้ยวกราดแบบนี้แสดงว่ามึงยังเคืองกูเรื่องเมื่อวานอยู่หรอ”


   “ของมันแน่อยู่แล้ว มึงทำกูแสบซะขนาดนั้น นอกจากจะแตะอั๋งแล้วยังทำให้กูเข้าใจผิดเรื่องของไอ้พฤกษ์อีกต่างหาก พูดแล้วแม่งก็ขึ้น” พอเห็นผมทำท่าทางเอาเรื่องไอ้เพลิงมันก็รีบยกธงขาว แต่เอาจริงๆ หน้ามันก็ไม่ได้ดูสำนึกผิดเท่าไหร่หรอก


   “อย่าพึ่งขึ้นเลยน่า ที่กูทำไปก็แค่อยากทดสอบคนที่พี่ชายกูชอบว่าเหมาะจะเป็นสะใภ้ของบ้านนี้มั้ยเท่านั้นเอง”


   “เดี๋ยวคราวมึงชอบใคร กูจะลากไอ้พฤกษ์ไปทดสอบคนคนนั้นแบบที่มึงทำก็แล้วกัน”


   “ถ้างั้นมึงกับไอ้พฤกษ์ก็คงเหนื่อยหน่อยนะ เพราะคนที่กูชอบมีไม่รู้กี่สิบคน เผลอๆ อาจจะถึงร้อยแล้วก็ได้ ใครที่เคยนอนกับกู กูก็ชอบเขาทั้งนั้นนั่นแหละ” ไอ้เพลิงพูดจบก็หัวเราะในลำคอ


   “ไอ้คนสำส่อนเอ๊ย!” ผมชูนิ้วกลางให้แม่งซะเลย แต่นอกจะไม่โกรธแล้วมันยังมีหน้าหัวเราะดังขึ้นอีกต่างหาก ไม่รู้ไอ้บ้านี่มันไปโดนตัวไหนมา หรือโดนรถขนกัญชาคว่ำใส่ก็ไม่รู้


   “กูว่าตอนนี้มึงเลิกด่ากูแล้วไปดูหวานใจของมึงในครัวดีกว่า ป่านนี้ไม่รู้ว่าสวีทกับตะวันจนกับข้าวเป็นสีชมพูไปแล้วรึยัง” ไอ้เพลิงยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ สายตายิ่งกว่าหมาจิ้งจอกแบบนี้ใครเชื่อก็ควายดีๆ นี่เอง


   “มึงไม่ต้องมาปั่น คนที่ชื่อตะวันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อีกอย่างไอ้พฤกษ์ก็ยืนยันกับกูแล้วด้วยว่าไม่ได้คิดอะไรกับตะวันแล้ว” พอเห็นผมยืดอกอย่างมั่นใจในตัวไอ้พฤกษ์แบบนี้ แทนที่ไอ้เพลิงจะเสียเซลฟ์ที่ปั่นไม่สำเร็จ แต่มันกลับเลิกคิ้วแล้วยิ่งทำหน้าเจ้าเล่ห์กว่าเก่าอีกต่างหาก


   “หืม? มึงพูดแบบนี้แสดงว่าไอ้พฤกษ์ยังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญกับมึงสินะ?”


   “เรื่องอะไร บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าคิดจะปั่นมึงโดนกูแทงเข่าใส่เป้าอีกแน่” แต่ถึงผมจะขู่ขนาดนี้ไอ้เพลิงก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเลยแม้แต่น้อย


   “กูจะยอมอยู่เฉยๆ ให้มึงทำเลยเอ้าถ้ากูโกหก”


   “ดี งั้นมึงบอกมาเลยว่าเรื่องสำคัญที่ไอ้พฤกษ์ยังไม่ได้บอกกูคือเรื่องอะไร”


   “ก็...เรื่องที่ตะวันทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่นี่ แล้วก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ยังไงล่ะ”


   “ว่าไงนะ!” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมตกใจจนเบิกตากว้าง แต่พอคิดว่านั่นคงเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้นผมเลยเปลี่ยนเป็นมองไอ้เพลิงตาขวาง มันจึงชูสามนิ้วขึ้นมายืนยันแถมยังท้าผมอีกต่างหาก


   “ถ้าไม่เชื่อมึงก็ลองไปพิสูจน์ดูสิ ก่อนกูจะขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไอ้พฤกษ์กับตะวันกำลังช่วยกันทำอาหารในครัว”


   “ได้ แต่ถ้ากูไม่เจอใครมึงเตรียมตัวตายได้เลยไอ้เพลิง” ผมหมายหัวมันไว้ จากนั้นก็รีบเดินลงไปยังครัวที่อยู่ข้างล่าง โดยที่ผมเชื่อมั่นเต็มร้อยว่าตัวเองกำลังโดนปั่น เรื่องสำคัญขนาดนั้นถ้าเป็นความจริงไอ้พฤกษ์ต้องบอกผมแล้ว


แต่พอผมเดินไปถึงครัวเท่านั้นแหละ ขาของผมมันก็แทบก้าวต่อไปไม่ออก เพราะภาพที่ผมเห็นตอนนี้ก็คือ ไอ้พฤกษ์กำลังยืนคุยกับตะวันพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน แต่ดูจากสายตาของไอ้พฤกษ์ที่มองตะวันนั้นช่างอบอุ่นและอ่อนโยน จนผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจขึ้นมา


   “นั่นแหละตะวัน คนที่ไอ้พฤกษ์เคยชอบมาตั้งแต่ปี 1” ไอ้เพลิงเดินตามมากระซิบที่ข้างหูของผม แต่ถึงมันจะไม่บอกผมก็รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายที่อยู่ข้างไอ้พฤกษ์ชื่อตะวัน เพราะ 3 – 4 เดือนก่อนเราสองคนเคยทำงานพิเศษใส่ชุดมาสคอตด้วยกันที่สวนสนุก


   “กูรู้จักตะวันอยู่แล้ว” ตอนแรกที่ได้ยินชื่อตะวันผมไม่ได้เอะใจว่าจะบังเอิญเป็นคนเดียวกันกับที่ผมรู้จัก


   “เอ้าจริงดิ ถ้างั้นมึงก็รีบเข้าไปทักทายเลย” ไอ้เพลิงดันผมเข้าไปในครัวแล้ววิ่งหายหัวไปไหนไม่รู้ ส่วนไอ้พฤกษ์กับตะวันที่กำลังคุยกันอยู่พอเห็นผมก็ทำหน้าตกใจ


   “อ้าว! ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เดินไหวมั้ยซ่า” ไอ้พฤกษ์รีบเข้ามาหาผม ความเป็นห่วงเป็นใยของมันทำให้ผมยิ้มออกมาได้


   “ไหวสิ กูไม่ได้พิการสักหน่อย” พูดจบผมก็หันไปหาตะวันที่กำลังยิ้มหวานมาให้ผม แต่ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะยิ้มตอบเลยทักไปอย่างห้วนๆ เท่านั้น “หวัดดี”


   “สวัสดีซ่า ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย”


   “ก็ดี แต่พึ่งรู้นะเนี่ยว่าตะวันทำงานอยู่ที่นี่”


   “ต้องขอบคุณพฤกษ์เลยล่ะที่ชวนเรามา ตอนนั้นเรามีปัญหาเรื่องเงินกับที่พักพอดี” พูดถึงตรงนี้ตะวันก็หันไปมองไอ้พฤกษ์แล้วยิ้มจนตาหยี สีหน้าและแววตาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน


   แต่ผมจะไม่คิดอะไรเลยถ้าไอ้พฤกษ์ไม่ยิ้มตอบ แถมยังมองตะวันด้วยสายตาอ่อนโยนอีกต่างหาก ส่งตาหวานให้กันข้ามหน้าข้ามตากูไปแล้วนะเฟ้ย!


   “จะขอบคุณเราทำไม เราสิต้องขอบคุณตะวันที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทุกคนในบ้านทาน” ยัง ยังไม่หยุดอีกนะไอ้พฤกษ์ ลืมแล้วหรอว่ากูคือแฟนมึงไอ้สันขวาน!


   “ว่าแต่...พึ่งรู้นะเนี่ยว่าตะวันกับซ่ารู้จักกันด้วย ไปรู้จักกันได้ยังไงล่ะเนี่ย”


   “กูกับตะวันเคยทำงานพิเศษด้วยกัน” ผมรีบแทรกก่อนที่จะไม่มีบทให้พูด แต่คิดดูนะ ขนาดผมทำเสียงแข็งขนาดนี้ไอ้พฤกษ์มันยังไม่รู้เลยว่าผมเริ่มหัวร้อน ดีที่ตะวันพอมองออกถึงได้เอ่ยปากถามผม


   “สีหน้าซ่าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ เราว่าพฤกษ์พาซ่าไปนั่งพักตรงโซฟาก่อนดีกว่ามั้ย”


   “ก็ดีเหมือนกัน ถ้างั้นเดี๋ยวเราจะไปตามใครสักคนมาเป็นลูกมือตะวันนะ”


   “โอเค” ตะวันพยักหน้า ส่วนไอ้พฤกษ์ก็หันมามองผมแล้วถามด้วยความเป็นห่วง


   “เจ็บตรงไหนรึเปล่า สีหน้ามึงดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย”


   “ถามมาได้ว่าเจ็บตรงไหน เมื่อคืนกับเมื่อเช้ามึงทำอะไรกูไว้ล่ะ รู้มั้ยว่ากูมองท้องฟ้าเป็นสีเหลืองหมดแล้ว!” ผมค้อนใส่ แต่ความจริงผมแค่ปวดเมื่อยเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร ที่ผมพูดแบบนี้เพราะจงใจให้ตะวันรับรู้สถานะของผมกับไอ้พฤกษ์ต่างหาก แต่ก็ดูเหมือนว่าตะวันจะรู้เรียบร้อยแล้ว


    “ยังจะมัวยืนชวนซ่าคุยอีก ทำไปตั้งขนาดนั้นรีบอุ้มซ่าพาออกไปนั่งพักเลยพฤกษ์” ตะวันหันมาทำหน้าดุใส่ ไอ้พฤกษ์เลยทำท่าจะอุ้มผมออกไปข้างนอก แต่พอคิดว่าคนในบ้านน่าจะอยู่กันเยอะพอสมควรผมก็รีบยกมือห้ามเอาไว้ซะก่อน


   “ไม่ต้องๆ กูเดินเองได้” ไอ้แว่นนี่แม่งก็บ้าจี้ แต่พอเห็นมันพร้อมจะทำเพื่อผมโดยไม่ลังเลแม้จะอยู่ต่อหน้าตะวันผมค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ส่วนตะวันลองได้พูดแบบนี้ก็คงไม่ได้คิดอะไรกับไอ้พฤกษ์หรอก...มั้ง


   “แน่ใจนะว่ามึงเดินไหว ไม่ให้กูอุ้มไปจริงๆ หรอ”


   “ไม่ต้องหรอกน่า ขนาดลงบันไดกูยังเดินได้สบาย อีกอย่างขืนให้มึงอุ้มออกไปกูได้อายฉิบหายกันพอดี พี่น้องมึงอยู่กันตั้งเยอะ ประเจิดประเจ้อ” พูดจบผมก็เดินออกมาจากครัว ส่วนไอ้พฤกษ์ก็เดินตามออกมา ถึงผมจะรู้ว่าคนในบ้านของมันชอบผู้ชายกันหมด แต่ก็คงกระอักกระอ่วนน่าดูถ้าต้องมาเห็นอะไรแบบนี้


   “โธ่เอ๊ย แค่เรื่องอุ้มมันธรรมดาจะตายไป คนในบ้านกูมีภูมิต้านทานกับเรื่องแบบนี้ เพราะตั้งแต่ที่พี่ภูกับตะวันคบกัน สองคนนั้นสวีทกันสุดๆ จนพวกกูชินแล้ว”


   “หา!?” เรื่องที่ได้ยินทำให้เท้าของผมที่กำลังก้าวเดินอยู่ถึงกับชะงัก จากนั้นก็หันหน้าไปหาไอ้พฤกษ์ด้วยความงุนงงเป็นไก่ตาแตก


“เดี๋ยวนะไอ้พฤกษ์...เมื่อกี้มึงบอกว่าตะวันคบใคร?”


“พี่ภู พี่ชายคนโตของบ้านกูเอง”


“หา!” ตะวันมีแฟนแล้ว! แถมยังเป็นพี่ใหญ่ของบ้านอีกต่างหาก! ถ้างั้นเรื่องของไอ้พฤกษ์กับตะวันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แสดงว่าไอ้เหี้ยเพลิงมันหลอกปั่นหัวผมเล่นใช่มั้ย!


   “ตกใจอะไรขนาดนั้น แล้วนั่นมึงจะไปไหนน่ะซ่า” ไอ้พฤกษ์รีบเดินตามมา เมื่อเห็นว่าผมกำลังเดินดุ่มๆ ออกไปจากตรงนี้


   “ไปแก้แค้นน้องชายตัวแสบของมึง” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็ทำหน้างง แต่ผมไม่มีอารมณ์ที่จะอธิบาย ผมเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องรับแขกที่มีหลายๆ เสียงคุยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีไอ้เพลิงที่เป็นเป้าหมายของผม


   “ขอโทษนะครับทุกคน ถ้าหากผมต้องทำเรื่องเสียมารยาทตั้งแต่แรกเจอ” ผมยกมือไหว้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ไล่ตั้งแต่คนที่คิดว่าน่าจะเป็นพี่ใหญ่เพราะดูภูมิฐาน ตามด้วยพี่สาว...ไม่สิ พี่ชายคนสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ ผู้ชายหน้าตาซื่อๆ ส่วนน้องผู้ชายที่ใส่ชุดม.ปลายผมก็ยกมือไหว้ด้วยเช่นกัน ยกเว้นก็แต่ไอ้ตัวเสี้ยมตัวปั่นที่ผมมองมันอย่างเกรี้ยวกราด


   ตอนนี้ทุกสายตาต่างก็มองมาที่ผมด้วยความงุนงงและสงสัย แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้ถามอะไร แต่ละคนก็ต้องอ้าปากค้างตามกันไป เพราะเห็นผมเดินเข้าไปเหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าของไอ้เพลิงอย่างสุดแรง!


        !!!

................

.........

.....


        “สมน้ำหน้า!!!!!”


   แทบทุกคนที่พอรู้เหตุผลก็พูดเป็นเสียงเดียวกันพลางมองไปยังไอ้เพลิง ที่ถูกผมต่อยตรงมุมปากจนร่วงไปกองกับพื้น ซึ่งหมัดแรกมันคาดการณ์ไว้แล้วเลยเอียงตัวหลบทัน แต่มันก็ไม่คิดว่าผมจะเหวี่ยงหมัดซ้ายใส่อีกเลยหลบไม่ทัน สรุปใบหน้าหล่อๆ ของมันเลยมีรอยสีเขียวอมม่วงประดับอยู่อย่างชัดเจน


   “โหยยยย ไรอะ ทำไมไม่มีใครเข้าข้างผมเลย” ไอ้เพลิงเอามือกุมที่มุมปากพลางทำหน้าเหยเก ส่วนสายตาก็แสร้งทำเป็นตัดพ้อ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าได้แค้นหรือโกรธเคืองผมแต่อย่างใด


เอาจริงๆ ทีแรกผมก็เตรียมใจไว้แล้วแหละว่าจะต้องถูกทุกคนเกลียด เพราะเจอกันครั้งแรกกลับได้เห็นความรุนแรงแทนที่จะเห็นอะไรที่น่าประทับใจ แต่ผมก็คิดผิดไป เพราะหลังจากนั้นน้องที่ใส่ชุดนักเรียนม.ปลายกลับลุกขึ้นแล้วเชียร์ผมให้ต่อยไอ้เพลิงอีกหมัดซะงั้น เล่นเอาผมถึงกับงงไปเลยน่ะสิ


ยังดีที่หลังจากนั้นไอ้พฤกษ์มาเบรกเอาไว้ ส่วนพี่ใหญ่ของบ้านก็ถามที่มาที่ไป พอรู้เรื่องวีรกรรมที่ไอ้เพลิงทำกับผมไว้แทบทุกคนเลยร่วมใจกันสมน้ำหน้า


“ทำไมไม่บอกกูสักหน่อย มึงจะได้ไม่ต้องเสียมือไปต่อยคนอย่างมัน” ไอ้พฤกษ์พูดพร้อมกับจับมือผมขึ้นมาลูบอย่างห่วงใย น้องที่ใส่ชุดนักเรียนม.ปลายเลยพูดขึ้นต่อ


“ใช่ๆ ถ้าพี่ซ่าบอกก่อน ผมจะล็อกตัวพี่เพลิงเอาไว้ไม่ให้หลบหมัดแรกได้เลย” คำพูดนั้นทำให้ผมหลุดขำออกมา ส่วนการที่เรียกชื่อผมว่าซ่า ท่าทางไอ้พฤกษ์คงจะแนะนำผมให้คนที่บ้านรู้จักคร่าวๆ แล้วล่ะมั้ง


“เป็นพี่ พี่จะจับมันมัดแล้วเอาหวายแช่น้ำเกลือเฆี่ยนมันจนหนำใจ” ประโยคนี้พี่ชายคนสวยพูด หูยยยย สวยประหารสังหารโหด!


“พวกแกสองคนนี่พูดจาเป็นละครไปได้ เพลาๆ ลงบ้างจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” พี่ใหญ่ของบ้านพูดขึ้นจากนั้นจึงหันหน้าไปทำตาดุใส่ไอ้เพลิง “ส่วนแก ถ้าโสดแล้วพาลก็รีบหาแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที”


“ผมไม่ได้พาลสักหน่อย ก็แค่รับขวัญไอ้ซ่ามันเฉยๆ ส่วนเรื่องแฟน...ผมไม่คิดสั้นอยากมีห่วงผูกคอหรอกนะ เป็นโสดแบบนี้อิสระดีจะตาย อยากเที่ยวอยากนอนกับใครก็ได้ไม่ซ้ำซากจำเจ” คำพูดนั้นของไอ้เพลิงทำให้ผมเบ้ปากออกมา ส่วนคนอื่นที่ถึงแม้จะไม่ได้แสดงอาการขนาดผมแต่ก็ทำหน้าเอือมๆ เช่นกัน ซึ่งหลังจากนั้นพี่ใหญ่ของบ้านก็หันมองมาทางผม


“พี่ต้องขอโทษเราแทนไอ้เพลิงด้วยนะ”


“ไม่เป็นไรครับ ได้ซัดมันผมก็หายโกรธแล้ว” พอผมพูดแบบนี้พี่แกก็หัวเราะออกมาเบาๆ


“งั้นเอาเป็นว่าเรื่องไอ้เพลิงให้จบเท่านี้ก็แล้วกัน ว่าแต่...พฤกษ์แนะนำทุกคนให้เรารู้จักรึยัง”


“ยังเลยครับ” ผมคิดว่าไอ้พฤกษ์มันคงตั้งใจจะรอให้ผมตื่นแล้วพาลงมาแนะนำให้รู้จักอยู่นั่นแหละ แต่ว่าผมถูกไอ้เพลิงปั่นหัวจนเกิดเรื่องวุ่นวายเข้าซะก่อน


“ถ้างั้นเริ่มจากพี่ก่อนแล้วกัน พี่ชื่อภู เป็นพี่คนโต” อ๋อ พอได้ยินแบบนี้ผมก็นึกออกเลยว่าไอ้พฤกษ์เคยบอกชื่อของพี่ภูมาแล้ว
“ส่วนฉันชื่อธารเป็นพี่รอง แล้วนี่ก็หมอกแฟนฉันเอง”


“ต้องบอกว่าแฟนเด็กด้วยสิถึงจะถูก” ประโยคนี้เพลิงเป็นคนพูดเสริมขึ้น ส่วนหลังจากนั้นเป็นยังไงไม่น่าถาม โดนพี่ธารคนสวยบิดหูสำเร็จโทษไปตามระเบียบ


“ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า! บิดแรงๆ เลยพี่ธาร! อ้อ...ผมชื่อวานะพี่ซ่า จากนี้ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยนะคร้าบ” น้องวาพูดอย่างร่าเริงแล้วโค้งตัวให้ผมแทบจะ 90 องศา


“พี่ว่าพี่ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวมากกว่านะน้องวา เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทุกคน ยังไงผมก็ขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้ก่อเรื่องวุ่นวาย” ผมยิ้มแห้งๆ พร้อมกับพนมมือไหว้ทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือแก่กว่า ถึงทุกคนจะไม่มีใครว่าผมก็เถอะ แต่ผมก็สร้างความแตกตื่นให้ทุกคนอยู่ดี


หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็พูดคุยกันต่อสักพัก แต่ถึงจะบอกว่าพูดคุยกัน ส่วนใหญ่แต่ละคนก็ซักถามเรื่องของผมกับไอ้พฤกษ์มากกว่า อย่างเช่นรู้จักกันได้ยังไง ไปเจอกันที่ไหน ทำไมถึงชอบกันได้อะไรแบบนี้ ซึ่งไอ้พฤกษ์ก็ตอบคำถามโคตรดี จนคนที่งกเงินอย่างผมกลายเป็นคนดีในสายตาของทุกคนเลยล่ะ


“วันนี้ขอบใจมากเลยนะ” ผมพูดกับไอ้พฤกษ์เมื่อเราสองคนเดินขึ้นมาบนห้อง หลังจากที่ทานข้าวเย็นพร้อมกับทุกคนที่โต๊ะอาหาร


วันนี้กับข้าวทุกอย่างจากฝีมือตะวันนั้นอร่อยมาก แถมหน้าตายังน่าทานไม่ต่างจากภัตตาคารเลยสักนิด ทำเอาผมชักติดใจอยากจะมาฝากท้องทานอาหารที่นี่บ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นลึกๆ ผมก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ทำอาหารอร่อยสู้ไม่ได้


ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ผมก็ยังไม่มีอะไรสู้ตะวันได้เลยอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นนิสัย มารยาท หรือหน้าตา ผมแพ้ทุกอย่างราบคาบ จริงอยู่ว่าตะวันไม่ได้คิดจะแข่งกับผม แต่ผมก็อดที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะตะวันคือคนที่ไอ้พฤกษ์เคยชอบ


“ขอบใจกู? เรื่องอะไรหรอซ่า?” ไอ้พฤกษ์ทำหน้างง


“ก็ทุกเรื่องนั่นแหละ” ผมรู้สึกเขินเกินกว่าจะบอกว่าขอบคุณที่คุณชายอย่างมันอุตส่าห์มาชอบคนกากๆ อย่างผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สัญญาในใจว่าจะไม่ทำให้มันผิดหวังในตัวผมเด็ดขาด แม้ว่ามันก็ดูเหมือนจะไม่ได้หวังอะไรจากผมมากมายก็เถอะ


 “เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน” พูดจบผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปยังห้องน้ำ แต่ว่ายังไม่ทันที่จะได้ปิดประตูไอ้พฤกษ์ก็ยื่นมือมาขวางเอาไว้ซะก่อน


“อาบด้วยคนสิ”


“หะ...หา!?” ผมรู้สึกงงและตกใจ แต่ไอ้พฤกษ์นี่ยังไง ผมยังไม่ได้ตอบอะไรสักหน่อยกลับแทรกตัวเข้ามาข้างในซะงั้น


“กูจำไม่เห็นได้เลยว่าอนุญาตให้มึงเข้ามาตอนไหน”


“แล้วกูขออนุญาตเมื่อไหร่ เมื่อกี้เป็นประโยคบอกเล่าต่างหาก” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ ผมที่ไม่รู้จะเถียงอะไรเลยได้แต่แยกเขี้ยวใส่


“เจ้าเล่ห์จริงนะไอ้คุณชาย แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าแค่อาบอย่างเดียว ห้ามทำอะไรมากกว่านั้นเด็ดขาด” เมื่อคืนกับเมื่อเช้าก็ทำไปตั้งขนาดนั้น ร่างกายของผมมันก็อยากพักบ้างอะไรบ้าง แต่ไอ้พฤกษ์กลับลอยหน้าลอยตาตอบมาว่า...


“ไม่รับปาก”


“เอ๊ะไอ้...”


“แต่สัญญาว่าไม่มีอะไรเกินเลยแน่นอน” พอมันพูดแบบนี้ผมค่อยอ่อนลงมาได้ สีหน้าของมันถึงจะกวนโอ๊ยไปหน่อยแต่สายตาก็ดูจริงใจไม่น่าโกหก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงก็ขู่คาดโทษไว้หน่อยดีกว่า


“ถ้าผิดสัญญากูฟ้องศาลแน่มึง”


“ศาลอะไร แพ่งหรืออาญา?”


“ไม่ใช่ทั้ง 2 อย่างนั่นแหละ! กูจะฟ้องศาลไคฟงให้ท่านเปาตัดหัวมึง!” พูดจบผมก็แลบลิ้นใส่ แต่ไม่กี่วินาทีผมก็ต้องหลุดหัวเราะ เพราะไอ้พฤกษ์มันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไม่แคร์ภาพลักษณ์คุณชาย


กว่าที่เราสองคนจะเริ่มอาบน้ำได้ก็เสียเวลาไปหลายนาที แต่ที่เสียเวลาสุดๆ ก็คือตอนถูสบู่ เพราะไอ้พฤกษ์มันมัวแต่ลูบตรงนั้นตรงนี้แถมยังลูบนานตั้งหลายนาที แต่ก็ยังดีที่มันทำตามสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกินเลย


“ฝันดีนะ” ไอ้พฤกษ์จูบที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบาเมื่อเราสองคนขึ้นมานอนบนเตียง การที่ได้นอนภายใต้อ้อมกอดของมันทำให้ผมรู้สึกดีมากจนไม่อยากนอนคนเดียวอีกต่อไป ผมยิ้มหวานให้แล้วซุกหน้าลงไปยังแผ่นอกอันอบอุ่นที่อยู่ตรงหน้า


“ฝันดีเหมือนกัน”


แล้วคืนนั้นก็เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ผมมีความสุขราวกับล่องลอยอยู่ในวิมาน...


................

.........

.....


   เช้าวันต่อมาผมไปมหา’ลัยพร้อมไอ้พฤกษ์และตะวัน โดยไอ้พฤกษ์ขับมาส่งผมที่คณะก่อน จากนั้นจึงได้ขับไปยังคณะของตัวเอง ไอ้พวกเพื่อนที่เห็นว่าผมมาเช้าก็ถึงกับแปลกใจ แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าก็คือมีคนขับรถมาส่งผมนี่แหละ


   “เหยดดดด เดี๋ยวนี้มีราชรถมาเกยนะมึง” ไอ้แมนแหกปากแซวเป็นคนแรก ตั้งแต่ที่ผมยังเดินไปไม่ถึงโต๊ะที่มันกับเพื่อนเกือบสิบคนนั่งอยู่เลยด้วยซ้ำ


   “ทำไม อิจฉากูรึไง” ผมยักไหล่พลางทำหน้าเย้ย มันที่เห็นปฏิกิริยาของผมไม่เป็นอย่างที่หวังเลยทำหน้าเซ็งออกมา


   “อะไรว้า ไม่หนุกเลย แล้วนั่นรถใครทำไมกูรู้สึกคุ้นๆ”


   “ไม่คุ้นได้ยังไง ไม่กี่อาทิตย์ก่อนรถคันนี้ก็ไปจอดอยู่ที่บ้านของมึง...เอ๊า ทำหน้าโง่อีก ก็รถของไอ้พฤกษ์ไงไอ้ฟาย” พูดจบผมก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของมันจนหงายเงิบ จากนั้นผมก็หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ


   “แล้วไหงไอ้พฤกษ์ถึงมาส่งมึงได้” ประโยคนี้ไอ้สนเป็นคนถาม


   “ก็วันเสาร์กับอาทิตย์กูไปนอนที่บ้านมันมา”


   “หืม? พวกมึงสองคนสนิทกันถึงขั้นนั้นเลยหรอเนี่ย”


   “ไม่อยากจะบอกเล้ยว่ายิ่งกว่าที่มึงคิดไว้อีก” พอผมพูดแบบนี้ไอ้สนก็ยิ่งทำหน้าแปลกใจ แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะมัน เพราะไอ้แมนรวมทั้งเพื่อนคนอื่นๆ ก็ทำหน้าแปลกใจกันด้วย


   “กูว่าจะถามตั้งนานแล้ว มึงไปสนิทกับไอ้พฤกษ์ได้ยังไงวะ” ไอ้หมาก หรือที่เพื่อนในห้องพากันเรียกว่า ‘ป๋าหมาก’ ถามผม การที่ทุกคนยกย่องมันแบบนี้เป็นเพราะสกิลปากของมันที่หมาเกินพิกัดนั่นเอง เมื่อก่อนตอนที่ผมหมั่นไส้ไอ้พฤกษ์หนักๆ ก็ได้มันนี่แหละเป็นช่วงคนผสมโรง


   “มันมาจ้างกูให้ช่วยงาน” ผมขี้เกียจลงรายละเอียดมากเพราะเดี๋ยวจะยาวเลยพูดแค่นี้


   “อ๋อ แล้วมันจ้างมึงเท่าไหร่”


   “ก็แล้วแต่งานอะ อย่างล่าสุดที่จ้างกูไปทำงานบ้านมันก็ให้กูมา 5 พัน”


   “โอ้โห! แค่ทำงานบ้านโง่ๆ เนี่ยนะ? เปย์หนักขนาดนี้มิน่ามึงถึงได้ไปสนิทกับมันทั้งที่เหม็นขี้หน้า คงกะหวังปอกลอกเต็มที่เอาทั้งเงินทั้งความสะใจเลยสินะไอ้ซ่า มึงนี่มันร้ายจริงๆ” ไอ้หมากพูดอย่างรู้ทัน สีหน้าของมันกำลังสะใจสุดๆ


   “กูก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีอยู่แล้ว” ผมยักไหล่ ท่าทางแบบนั้นทำให้ไอ้หมากยิ่งออกอาการเกลียดขี้หน้าไอ้พฤกษ์ยิ่งกว่าเดิม


   “โลกนี้แม่งโคตรไม่ยุติธรรม คนรวยแม่งก็รวยล้นฟ้า มีเงินเป็นภูเขาให้เอาไปโปรยเล่น ชีวิตแม่งไม่เคยพบเจอความลำบาก ดีแต่เก๊กหน้าหล่อแต่ก็ได้ทุกอย่างมากองตรงหน้า ไม่เคยพยายามห่าอะไรทั้งที่คนอื่นดิ้นรนแทบตาย คนอย่างมันถ้าไม่มีเงินคงไม่ต่างอะไรจากหมาตัวนึง มึงก็คิดเหมือนกันกับกูใช่มั้ย” โดยไม่ต้องคิด ผมเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วตอบกลับไปแทบจะทันที


   “ใช่” คำตอบนั้นทำให้ไอ้หมากตบเข่าฉาดแล้วหัวเราะอย่างสะใจ ผิดกับใครคนหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลเพราะได้ยินประโยคสนทนาชัดเจนทุกคำ มือที่ถือกระเป๋าที่ผมลืมไว้บนรถกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว...


   2BC


 o14 สวัสดีค่ะทุกคน Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้มาช้าจากที่สัญญาเอาไว้ คือเราไม่สบายและปวดหัวมากเลยนอนเป็นผักอยู่บนเตียงน่ะคะ  :sad2: ยังไงตอนหน้าเราสัญญาว่าจะรีบมาอัพให้อ่านในวันอาทิตย์กันนะคะ เพราะเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะกรีดร้องกับกลิ่นมาม่าที่เริ่มโชยมา  :katai1: แต่ก็ไม่แน่บางทีอาจจะเป็นหม้อต้มของหวานก็ได้น้า  :hao3:
แล้วมาลุ้นกันนะคะว่าอะไรดลใจให้ซ่าตอบเพื่อนไปแบบนั้น หรือนั่นคือความคิดจริงๆที่อยู่ในใจของซ่า ตอนหน้าเป็นตอนที่พฤกษ์จะบรรยาย ยังไงแม่ยกทั้งหลายช่วยปลอบใจและก็เอาใจช่วยพฤกษ์หน่อยน้า แล้วเจอกันนะคะ บ๊ายบายยยยย  :bye2:
(23 มี.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ฟ้าเหลือง [20.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-03-2018 00:09:07
ซ่า ถึงกับใช้หมัดชกเลยหรือ ไงอย่าลืมตีศอก แทงเข่า จระเข้ฟาดหาง มณฑลนั่งแท่น หนุมานถวายแหวน หักงวงไอยรา ด้วยนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ฟ้าเหลือง [20.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-03-2018 02:20:52
ฝากด้วยซ่า หมั่นไส้มานานละ555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ฟ้าเหลือง [20.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-03-2018 10:26:53
สมน้ำหน้าเพลิง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ฟ้าเหลือง [20.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-03-2018 13:04:45
รุนแรง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ฟ้าเหลือง [20.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-03-2018 21:36:57
สมน้ำหน้าเพลิง ปั่นดีนัก  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ฟ้าเหลือง [20.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 21-03-2018 15:21:56
กลัวครอบครัวพฤกษ์ไม่ปลื้มซ่า แต่ไม่เป็นไรคนอ่านปลื้ม55
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ฟ้าเหลือง [20.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 22-03-2018 15:36:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A.Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ฟ้าเหลือง [20.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 22-03-2018 16:06:14
สมเพลิง เล่นไม่รู้เรื่อง   
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 18:39:23
ลิซ่า ปากโฮ่งๆ อีกแล้วนะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-03-2018 18:43:33
อ้าววววเห้ยยยยยยยยยยยย!!! :a5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 23-03-2018 18:52:44
อ้าววว ปากพาซวยจนได้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-03-2018 00:02:19
กลิ่นมาม่าก็มา...
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poonbabor ที่ 24-03-2018 02:09:20
อ้าวซ่าาาาา ตะไมหนูพูดแบบนั้นนนน คุณชายของเรางอน นอยด์ น้อยใจไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 24-03-2018 09:44:28
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-03-2018 12:17:20
ปากนะปาก คราวนี้คงซวยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 24-03-2018 14:03:20
น่านไง มีปัญหาจนได้ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-03-2018 21:27:08
แล้ววพฤกษ์ก็โกรธจนไม่ได้ยินประโยคถัดไปจากซ่าใช่มะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 25-03-2018 01:00:08
ซ่านะซ่า ถ้าพฤกษ์เลิกจะไม่แปลกใจเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 25-03-2018 17:12:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 สัญญาจะไม่ทำให้ผิดหวัง [23.3.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 25-03-2018 20:57:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 26-03-2018 00:35:40
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 12# Phumpruk เกรี้ยวกราด



   “ตะวัน รอเราอยู่ในนี้แป๊บนึงนะ ซ่าลืมกระเป๋าเอาไว้เราเลยว่าจะเอาไปให้” ผมพูดกับตะวันที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของซ่าตรงที่วางเท้าเบาะหน้า


ตอนนี้ผมขับรถออกมายังไม่ไกลเท่าไหร่ เดินเอาไปให้คงเร็วกว่าโทรไปบอกแล้วรอให้ซ่าเดินมาหา เพราะงั้นผมเลยชะลอรถแล้วจอดเทียบฟุตบาท ช่วงเวลาเช้าๆ แบบนี้ถนนยังโล่งเลยสามารถจอดรถเอาไว้ได้


   ผมหยิบกระเป๋าออกมาแล้วรีบเดินไปหาซ่า ถ้ามองไม่ผิดรู้สึกว่าพวกเพื่อนๆ ของมันน่าจะนั่งกันอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกคณะ ดังนั้นผมเลยเดินตรงไปที่นั่น ซึ่งก็เจอมันกับพวกเพื่อนๆ นั่งอยู่จริงๆ


   “กูว่าจะถามตั้งนานแล้ว มึงไปสนิทกับไอ้พฤกษ์ได้ยังไงวะ” เมื่อได้ยินประโยคคำถามนั้น ผมที่ตั้งใจว่าจะเรียกซ่าก็ถึงกับต้องแอบหลบไปอยู่หลังเสา หากเข้าไปตอนนี้คงมีแต่คนทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ เพราะบุรุษที่สามที่ถูกกล่าวถึงกำลังยืนอยู่ตรงหน้า


   “มันมาจ้างกูให้ช่วยงาน” ซ่าตอบสั้นๆ ห้วนๆ ไม่ได้ขยายความแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะหากพูดมากเกินไป เพื่อนในกลุ่มอาจมองความสัมพันธ์ของผมกับมันออกก็ได้ล่ะมั้ง ดังนั้นผมเลยคิดว่าบทสนทนาเรื่องของผมคงจะจบลงแค่นี้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้


   “อ๋อ แล้วมันจ้างมึงเท่าไหร่” ผมมองไม่เห็นใบหน้าเพื่อนคนนี้ของซ่าเลยไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ฟังจากน้ำเสียงรู้สึกเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม ซึ่งผมก็พยายามคิดในแง่ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่พอซ่าบอกไปว่าได้ค่าจ้างจากผมเท่าไหร่ ความรู้สึกไม่ชอบในตัวผมก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นกว่าเดิม


   “โอ้โห! แค่ทำงานบ้านโง่ๆ เนี่ยนะ? เปย์หนักขนาดนี้มิน่ามึงถึงได้ไปสนิทกับมันทั้งที่เหม็นขี้หน้า คงกะหวังปอกลอกเต็มที่เอาทั้งเงินทั้งความสะใจเลยสินะไอ้ซ่า มึงนี่มันร้ายจริงๆ” คำพูดนั้นทำให้ผมยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กลั้นใจรอฟังคำตอบของซ่า


   “กูก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีอยู่แล้ว” คำตอบที่ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธแบบนั้นทำเอาผมรู้สึกสับสน จริงอยู่ว่าคนอย่างซ่านั้นชอบเงิน แต่ผมก็เชื่อว่าซ่าต้องชอบผมมากกว่า ผมไม่คิดว่าแววตาของซ่าที่แสดงออกมาตอนอยู่ด้วยกันจะเป็นเรื่องหลอกลวง


ผมเชื่อและมั่นใจในคนรักของผม...


   “โลกนี้แม่งโคตรไม่ยุติธรรม คนรวยแม่งก็รวยล้นฟ้า มีเงินเป็นภูเขาให้เอาไปโปรยเล่น ชีวิตแม่งไม่เคยพบเจอความลำบาก ดีแต่เก๊กหน้าหล่อแต่ก็ได้ทุกอย่างมากองตรงหน้า ไม่เคยพยายามห่าอะไรทั้งที่คนอื่นดิ้นรนแทบตาย คนอย่างมันถ้าไม่มีเงินคงไม่ต่างอะไรจากหมาตัวนึง มึงก็คิดเหมือนกันกับกูใช่มั้ย”


แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังเชื่อซ่าอย่างสนิทใจ แต่แล้วผมก็แทบหยุดหายใจเมื่อซ่าตอบกลับไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ


   “ใช่”


คำตอบนั้นทำเอาผมเผลอกำกระเป๋าที่อยู่ในมือแน่น ความเจ็บปวดมันแล่นขึ้นมายังอกจนผมหายใจแทบไม่ออก ความรู้สึกที่ถูกคนที่ชอบหักหลังมันทรมานจนแทบขาดใจ แต่รู้อะไรมั้ย หัวใจของผมกลับไม่สามารถเกลียดซ่าได้เลย เคยชอบยังไงผมก็ยังคงชอบอยู่อย่างนั้น จะมีก็แต่ความผิดหวังเท่านั้นที่กำลังกัดกินหัวใจของผมช้าๆ ผมคิดว่าผมสมควรเดินออกมา ทั้งจากตรงนี้และชีวิตของซ่าด้วย


เมื่อตัดสินใจได้แล้วผมก็ไม่ลังเลที่จะก้าวถอยหลัง แต่ว่าเสียงของซ่าที่พูดต่อจากคำว่า ‘ใช่’ ออกมา ก็ทำให้ขาของผมถึงกับหยุดชะงัก


“ใช่..........................................ใช่ก็เหี้ยแล้วไอ้สัส!” ซ่าลุกพรวดขึ้นมาแล้วคว้าคอเสื้อของหมากพร้อมกับกำเอาไว้แน่น การกระทำนั้นทำเอาทุกคนถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รวมทั้งผมก็ด้วย


“มึงบอกโลกแม่งโคตรไม่ยุติธรรม เรื่องนั้นกูไม่เถียงเพราะมันคือเรื่องจริง แต่กูก็ไม่ได้นั่งตัดพ้อชีวิตแล้วก็เอาแต่อิจฉาคนนู้นคนนี้ไม่คิดทำห่าอะไร กูอยากจะบอกมึงเอาไว้ว่าไอ้คนที่มึงคิดว่าดีแต่เก๊กหน้าหล่อก็ได้ทุกอย่างมากองตรงหน้า ชีวิตของมันเคยลำบากมากกว่าทั้งชีวิตของกูซะอีก พ่อแม่มันก็ไม่มี แต่ที่มันได้ดีทุกวันนี้ก็เพราะความพยายามของตัวมันเอง เงินส่วนใหญ่ที่ใช้เปย์นู่นนั่นนี่มันก็ใช้สมองหามาเองทั้งนั้น ถ้ามันจะจุดไฟเผาไม่ก็เอาไปโปรยเล่นนั่นก็สิทธิ์ของมัน มึงไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้นแล้วจะไปเสือกเดือดร้อนแทนทำไม เอาเวลาที่อิจฉาแล้วก็พูดพล่ามไร้สาระไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นแม้แต่เห็บของไอ้พฤกษ์ที่มึงดูถูกว่าเป็นหมามึงยังเป็นไม่ได้เลย”


ซ่าพูดจบก็ผลักที่อกของหมากแล้วเดินขึ้นตึกเรียนไป ผมมองไม่เห็นว่าสีหน้าตอนนี้ของซ่าเป็นยังไง แต่ก็พอเดาได้ว่าคงเลือดขึ้นหน้าสุดๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เกรี้ยวกราดจนเกือบจะอาละวาดได้ถึงขนาดนี้ ดีนะที่หมากยืนฟังอยู่นิ่งๆ ไม่คิดตอบโต้


“เดี๋ยวกูรีบขึ้นไปดูไอ้ซ่าก่อนแล้วกัน” แมนเป็นคนแรกในกลุ่มที่ตั้งสติได้หลังจากที่อึ้งไปพักใหญ่ ก่อนที่จะรีบวิ่งตามซ่าขึ้นไปบนตึกเรียนทันที ผมที่คิดจะตามซ่าไปพอดีเลยเปลี่ยนใจเดินกลับไปที่รถแทน


ในตอนแรกผมตั้งใจจะไปขอบคุณซ่าที่ช่วยปกป้องและแก้ต่างเรื่องของผมให้ แต่ไปๆ มาๆ ผมคิดว่าการที่ผมไม่ไปน่าจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นพวกเพื่อนๆ ของซ่าโดยเฉพาะหมากก็คงเข้าหน้าผมไม่ติด แถมบางทีอาจจะคิดสงสัยในความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ได้ ผมไม่อยากให้ซ่าต้องถูกล้อหรือถูกแซวจนอับอายที่มีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สัญญาว่าตอนอยู่ตามลำพัง ผมจะแสดงความรัก ดูแล เทคแคร์ และเอาใจใส่ซ่าเป็นอย่างดีแน่นอน


ผมเลือกรักคนไม่ผิดจริงๆ...


Niza


   “ไอ้ซ่า! ไอ้ซ่าโว้ย! รอกูด้วยมึงจะรีบไปไหนเนี่ย!” ไอ้แมนแหกปากดังลั่น จากนั้นก็รีบใส่เกียร์หมาวิ่งตรงมาทางนี้ จนในที่สุดก็สามารถมาดักข้างหน้าของผมได้


   “มึงมาทำไม ถ้าจะมาบอกให้กูไปขอโทษไอ้หมาก ดูปากกูเลยนะว่าอีกสิบชาติก็ไม่มีทาง!”


“เปล่าๆ กูไม่ได้จะบอกให้มึงไปขอโทษมัน ปากแบบนั้นสมควรแล้วล่ะถ้าจะโดนด่า แต่กูก็ไม่คิดว่ามึงจะเกรี้ยวกราดขนาดนี้”


“แฟนกูโดนด่าทั้งทีจะให้กูอยู่นิ่งๆ ได้ยังไง กูไม่ต่อยหน้ามันไปก็บุญแค่ไหนแล้ว”


“อ้อ ก็ว่า ทำไมมึงถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนไอ้พฤกษ์ขนาดนั้น.............................ห้ะ! เมื่อกี้มึงว่าไงนะ! มึงกับไอ้พฤกษ์เป็นแฟนกันงั้นหรอไอ้ซ่า!” ความรู้สึกช้าจริงๆ นะไอ้นี่


   “เออ กูกับมันเป็นแฟนกัน พึ่งคบกันวันนี้เป็นวันที่สาม” ผมยิ้มแฉ่ง แถมยังยืดอกนิดๆ ด้วยความดีใจที่ในที่สุดผมก็ได้มีแฟนกับเขาสักที นี่ถ้าพวกผู้หญิงในมหา’ลัยรู้เรื่องนี้ มีหวังได้อิจฉาตาร้อนกันหมดแน่ๆ


   “เชรดดดดดด ตอนแรกกูก็คิดว่ามึงล้อเล่นซะอีก”


   “ล้อเล่นกับผีอะไร ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกันกูจะเกรี้ยวกราดแทนมันขนาดนั้นเรอะ แม่ง...พูดแล้วก็ของขึ้นอยากไปกระทืบไอ้หมากฉิบหาย”


   “ใจเย็นๆ น่า ถึงปากมันจะเป็นแบบนั้นแต่จริงๆ ไม่มีอะไร อีกอย่างกูคิดว่าตอนนี้มันน่าจะคิดได้แล้ว มึงอย่าไปถือสามันเลย” ไอ้แมนตบที่บ่าของผมเบาๆ


“เออๆๆ” ผมยอมตอบแบบนั้นไปเพราะไม่อยากให้มันที่เป็นคนกลางลำบากใจ แต่เอาจริงๆ ตอนนี้ผมยังรู้สึกโกรธไอ้หมากอยู่ ถ้าหากมันสำนึกและคิดได้จริงๆ ผมถึงจะยอมยกโทษให้มัน


   “ต้องแบบนี้สิเพื่อน” ไอ้แมนกอดคอผมแล้วยกนิ้วหัวแม่มือให้ แต่พอคิดอะไรได้ก็ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา “ว่าแต่...เรื่องของมึงกับไอ้พฤกษ์นี่ยังไง เล่าให้กูฟังเดี๋ยวนี้เลยมึง”


   “กูคิดว่ามึงจะไม่ถามซะแล้ว” ผมยิ้มอย่างรู้ใจ ก่อนที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังอย่างไม่คิดปิดบัง (ยกเว้นรายละเอียดของเรื่องคืนนั้น) เพราะรู้ว่าคนอย่างมันไม่มีทางเปลี่ยนไป หรือเอาเรื่องที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชายไปพูดและล้อในเชิงเสียหายอยู่แล้ว ผมเชื่อใจมันรวมทั้งเพื่อนทุกคนในกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่ไอ้หมากที่ปากหมาสมกับฉายา ‘ป๋าหมาก’ ที่ได้รับ


   หลังจากนั้นสักพักเพื่อนคนอื่นๆ ก็เข้ามาสมทบกับผมและไอ้แมนที่นั่งอยู่หลังห้อง ตลอดเวลาที่เรียนในช่วงเช้า ตอนที่พักเที่ยงกินข้าว แล้วก็เริ่มเรียนต่อในภาคบ่าย ผมสังเกตเห็นว่าไอ้หมากมันพยายามจะเข้ามาคุยกับผม แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ ก็ไม่รู้ว่ามันกลัวผมต่อยหรือไม่ได้อยากจะง้อจริงจังอยู่แล้ว


   “กูกลับแล้วนะเว่ย แฟนกูมารอรับอยู่ข้างล่างจะพาไปกินข้าว” ผมพูดพร้อมกับปรายตาไปมองไอ้หมาก จากนั้นก็รีบเดินตัวปลิวลงไปข้างล่าง
การที่ผมพูดแบบนี้เป็นเพราะตอนนี้เพื่อนทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าผมเป็นแฟนกับไอ้พฤกษ์ ซึ่งหลังจากที่รู้ทุกคนก็ดูตกใจกันมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็พากันยินดีกับผม ไม่มีใครล้อเรื่องรสนิยมในเชิงเสียหายอย่างที่คิดเลยสักคนเดียว


   “รอกูนานมั้ย” ผมพูดเมื่อเดินไปอยู่ตรงหน้าไอ้พฤกษ์ ที่กำลังยืนรอผมอยู่ตรงหน้าคณะ


   “ไม่นาน กูพึ่งมาเมื่อกี้นี้เอง”


   “อ้อ แล้วนี่อารมณ์ไหนถึงจะพากูไปเลี้ยงข้าว ร้านที่มึงบอกแม่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมเลยนะ เลี้ยงตามสั่งในซอยหอกูก็ได้” นี่ผมยังแปลกใจอยู่เลยที่ตอนเที่ยงไอ้พฤกษ์ส่งไลน์มาชวน ถ้าจะบอกว่าถูกหวยแต่วันนี้หวยก็ไม่ได้ออกนี่นะ แต่จะว่าไปไอ้พฤกษ์มันเป็นคนเล่นหุ้นไม่ได้เล่นหวยนี่หว่า


   “มีเรื่องดีๆ กูเลยอยากพามึงไปเลี้ยงน่ะ” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร


   “น่าสงสัยนะเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ หน้าที่ของกูคือกินนี่นะ” พอได้ยินแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็หัวเราะออกมา


   “ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ” ชวนอย่างเดียวไม่พอมันยังยื่นมือมากุมมือของผมเอาไว้อีกด้วย ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำเอาผมถึงกับเขินจนหุบยิ้มไม่ได้ แต่ว่ายังพากันเดินไปได้ไม่ถึงไหน เสียงของไอ้แมนที่อยู่ตั้งไกลก็แหกปากเรียกผมเอาไว้ซะก่อน


   “ไอ้ซ่าาาาาาาา!” เสียงแปดหลอดขนาดนั้นทำเอาคนรอบข้างหันมองมาทางนี้ด้วยความสนใจ จังหวะนั้นแหละที่ไอ้พฤกษ์รีบกระชากมือกลับคืนไปด้วยความรวดเร็ว


การกระทำนั้นทำเอาผมอึ้งจนยืนนิ่งอยู่กับที่ ผมไม่คิดเลยว่าไอ้พฤกษ์มันจะกลัวคนอื่นรู้เรื่องของผมกับมันขนาดนี้ จริงอยู่ว่ามันเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ดีงามไม่เคยมีเรื่องเสียหาย แต่การที่คบกับผมมันเป็นเรื่องน่าอายจนให้ใครรู้ไม่ได้เลยหรอ ทีผมยังปกป้องและแก้ต่างให้มันจนเกือบจะทะเลาะกับเพื่อนด้วยซ้ำ


   “วันนี้ไปกินเหล้ากัน”


   “หา?” ผมมัวแต่ตกอยู่ในภวังค์จนไม่ทันได้ยินว่าไอ้แมนพูดกับผมว่าอะไร เอาจริงๆ มันวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเมื่อไหร่ผมยังไม่รู้ตัวเลย


   “กูบอกว่าวันนี้ไปกินเหล้ากัน ไอ้หมากมันอยากเลี้ยงขอโทษเรื่องเมื่อเช้า” พูดถึงตรงนี้ไอ้แมนก็หันหน้าไปหาไอ้พฤกษ์ “เอ่อ...มันฝากชวนมึงด้วย”


   “กูเนี่ยนะ?” มันชี้มือเข้าหาตัวเอง


   “อืม คนกันเอง ไปกันเยอะๆ สนุกดี” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าลังเลยังไม่ตัดสินใจว่าจะเอายังไง แต่จังหวะนั้นเองก็มีสายโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ซะก่อน


   “โทษทีนะ กูขอรับสายแป๊บนึง” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็เดินเลี่ยงออกไป แต่ถึงอย่างนั้นหางตาของผมก็ทันเห็นรายชื่อของคนที่โทรมาได้ ซึ่งคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...ตะวัน


   “มึงจะไปด้วยกันอยู่ใช่มั้ยไอ้ซ่า งานนี้ขาดมึงไม่ได้เลยนะเว่ย...” แล้วไอ้แมนก็ชักแม่น้ำมาเป็นร้อยสายเพื่อโน้มน้าวให้ผมไปกินเหล้าด้วยกันให้ได้ แต่ผมกลับแทบไม่ได้ฟังที่มันร่ายมาเลย ผมเอาแต่มองไอ้พฤกษ์ที่ยืนคุยโทรศัพท์กับตะวันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สีหน้าของมันดูอบอุ่นและอ่อนโยนเกินกว่าคนที่เป็นเพื่อนจะพูดคุยกัน เพราะงั้นบางทีมันอาจจะยังรักตะวันอยู่ก็ได้


   คนที่แสนดีแบบนั้นคนอย่างผมจะเอาอะไรไปสู้...


   พอคิดได้แบบนั้นสีหน้าของผมก็หม่นหมองลงไป แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นไอ้แมนกลับไม่ได้สังเกต ยังคงพูดจาโน้มน้าวให้ผมไปกินเหล้าด้วยกันให้ได้ แต่จะว่าไป พอลองคิดดูดีๆ การที่ผมไปกินเหล้ากับพวกมันน่าจะดีเหมือนกัน


   “เดี๋ยวคืนนี้กูไปกินด้วยก็ได้” เท่านั้นแหละไอ้แมนก็ชูกำปั้นขึ้นพร้อมกับร้อง ‘เย่ส!’ ด้วยความดีใจ


   “ถ้างั้นเดี๋ยวกูรีบวิ่งไปบอกไอ้พวกนั้นก่อนนะ” แล้วมันก็วิ่งกลับไปที่หน้าคณะด้วยความรวดเร็ว ส่วนผมก็เดินเข้าไปหาไอ้พฤกษ์ที่ยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ ผมไม่รู้ว่ามันคุยเรื่องอะไรแล้วผมก็ไม่สนใจด้วย


   “วันนี้กูจะไปกินเหล้ากับเพื่อนนะ” พูดจบผมก็หันหลังกลับมา สองเท้ารีบก้าวไปยังคณะโดยไม่สนใจเสียงเรียกของไอ้พฤกษ์ที่ไล่หลังมาเลยแม้แต่น้อย...



Phumpruk



   5 วันแล้วที่ซ่าจงใจหลบเลี่ยงผม


   ตั้งแต่วันจันทร์ที่ซ่าเบี้ยวนัดผมไปกินเหล้ากับเพื่อน หลังจากวันนั้นพอผมชวนไปไหนซ่าก็จะอ้างว่ามีธุระไปไม่ได้ตลอด ทั้งง่วงนอน ติดงาน วันเกิดเพื่อน และสารพัดข้ออ้าง เกือบทั้งสัปดาห์ผมได้เจอหน้าซ่าตอนเย็นไม่ถึง 5 นาที ส่วนตอนกลางคืนที่คุยกันก็แค่บอกฝันดีเท่านั้นเอง


ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมทำอะไรให้ซ่าไม่พอใจ จะให้ถามไปตรงๆ ซ่าก็ไม่ยอมเปิดโอกาส พอลองเอาไปปรึกษาคนในบ้าน ทุกคนก็ต่างไม่รู้เพราะเดาไม่ถูกเหมือนกัน เพราะงั้นวันนี้ผมเลยคิดว่าจะต้องเคลียร์กับซ่า นี่ถ้าหากตลอดทั้งสัปดาห์ผมไม่ยุ่งกับการแก้วิจัยและเตรียมพรีเซนต์งาน ผมคงจะมีเวลาง้อและปรับความเข้าใจกับซ่าไปนานแล้ว คงไม่รอให้เวลาผ่านไปหลายวันจนกระทั่งถึงวันนี้ที่เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแบบนี้หรอก


หลังจากเลิกเรียนในช่วงเย็นผมก็รีบโทรหาซ่า แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้งซ่าก็ไม่ยอมรับสาย ดังนั้นผมเลยตัดสินใจขับรถไปดูที่คณะ ซึ่งขณะที่กำลังจอดอยู่นั่นเอง ผมก็เห็นแมนเพื่อนในกลุ่มของซ่ากำลังเดินอยู่ไม่ไกล


“แมน!” ผมรีบลงจากรถแล้ววิ่งไปหาแมนทันที แมนที่หันหลังกลับมาแล้วเห็นว่าผมเป็นคนเรียกก็ถึงกับทำหน้างง


“อ้าวไอ้พฤกษ์ เมื่อกี้มึงเรียกกูหรอ”


“อืม คือกูจะถามมึงว่าเห็นซ่ารึเปล่า กูโทรไปเท่าไหร่ซ่าก็ไม่ยอมรับสายเลย”


   “ถ้ารับได้ก็แปลกแล้ว ก็วันนี้มันลืมเอาโทรศัพท์มา มันเลยรีบกลับหอเพราะจะไปเอาโทรศัพท์นี่แหละ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็รู้สึกโล่งอก เพราะซ่าคงไม่ได้โกรธผมมากขนาดจงใจไม่ยอมรับสาย


   “กูขอถามอะไรมึงหน่อยได้มั้ย ช่วงนี้ซ่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า” ที่ผมถามแบบนี้ เพราะผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำอะไรผิดจนซ่าไม่พอใจ เลยคิดว่าบางทีซ่าอาจจะมีเรื่องอื่นที่ไม่สบายใจก็ได้


   “ไม่รู้สิ แต่คงจะมีล่ะมั้งเพราะ 4 – 5 วันนี้กูเห็นมันนั่งเหม่อบ่อยๆ ตอนแรกกูก็คิดว่ามันเครียดที่ทะเลาะกับไอ้หมาก แต่พอวันนี้มันชวนทุกคนไปกินเหล้ากูคิดว่ามันไม่น่าใช่แล้ว”


   “คือ...ดูเหมือนว่าซ่าจะไม่พอใจอะไรกูสักอย่าง นี่ทั้งสัปดาห์ก็หาทางเลี่ยงกูตลอด” ผมตัดสินใจพูดออกไปเพราะคิดว่าแมนอาจจะช่วยผมได้ ซึ่งพอได้ยินแบบนั้นแมนก็แทบจะตบเข่าฉาดออกมาเลย


   “นั่นไง กูว่าแล้ว อารมณ์แบบนี้ยังไงก็ไม่ใช่เพราะทะเลาะกับเพื่อนแน่ๆ มึงรีบไปง้อมันเถอะ ปล่อยไว้นานกว่านี้เดี๋ยวแม่งจากงอนจะกลายเป็นโกรธเข้าจริงๆ” คำพูดของแมนทำเอาผมถึงกับต้องขมวดคิ้ว แมนพูดอย่างกับรู้ว่าผมกับซ่าเป็นแฟนกัน?


   “เอ่อ...มึง...”


   “ไม่ต้องมาอ่งมาเอ่ออะไรแล้ว รีบขับรถไปง้อมันที่หอเลยไป แต่ถ้าง้อไม่สำเร็จแล้วมีเรื่องให้ช่วยก็โทรมาที่เบอร์ 08x-xxx-xxxx ก็แล้วกัน มึงจำได้ใช่มั้ย”


   “อืม ได้” เรื่องจำเบอร์แค่นี้ไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว


   “โอเค งั้นมึงรีบไปเลย” แมนพูดจบก็รุนหลังผมให้เดินกลับไปที่รถ ผมจึงพักเรื่องที่อยากจะถามเอาไว้ แล้วรีบขับรถไปหาซ่าเพื่อที่จะง้อตามคำแนะนำของแมน



Niza



   กี่วันแล้วนะที่ผมจงใจหลบเลี่ยงไอ้พฤกษ์?


   ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 5 วันได้แล้วมั้ง ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผมเทมันไปกินเหล้ากับเพื่อน หลังจากวันนั้นพอมันชวนไปไหนผมก็มีข้ออ้าง 108 อย่างที่จะหาเรื่องปฏิเสธมันไป แต่มันก็แทบไม่ได้สนใจ ไม่คิดจะง้อ ไม่คิดจะถาม แค่ทำหน้าที่แฟนอย่างมาพอให้ได้เจอหน้า กับโทรหาก่อนนอนบอกว่าฝันดีแค่นั้น ซึ่งนั่นมันก็ยิ่งตอกย้ำว่าผมไม่ได้เป็นคนสำคัญ ความจริงแล้วมันอาจจะไม่ได้ชอบผมเลยก็ได้


   ไอ้พฤกษ์คงแค่คบผมเพื่อให้ลืมตะวันเท่านั้นเอง...


   กริ้งงงงงงงงงงง กริ้งงงงงงงงงงงง


   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้ผมสะดุ้งตกใจ ผมไม่รู้ว่าหลังจากกลับมาที่ห้องแล้วผมนั่งซึมอยู่ที่ปลายเตียงนานเท่าไหร่ แต่มันก็คงนานพอดูเพราะจากที่สว่างก็เริ่มจะพลบค่ำ สีของท้องฟ้าตอนนี้ช่างมืดมนจนเกือบไร้แสงไม่ต่างจากหัวใจของผมเลย


    ไอ้คุณชาย


   ชื่อของปลายสายที่โทรมาทำให้ผมลังเลไม่อยากรับ แต่อีกใจนึงก็คิดถึงมันจนอยากได้ยินเสียง เพราะวันนี้ทั้งวันผมยังไม่ได้คุยกับมันเลย ขนาดเจอหน้าก็ยังไม่ได้เจอเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็ตัดสินใจอยู่สักพักก่อนจะเลื่อนนิ้วไปกดรับสาย


   “ฮัลโหล” พอผมกรอกเสียงลงไป ไอ้พฤกษ์รีบตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความดีใจทันที


   “นึกว่ามึงจะไม่รับสายกูซะแล้ว”


   “โทษที วันนี้กูลืมเอาโทรศัพท์ไปม.น่ะ” นอกจากโทรศัพท์ ผมยังลืมกระเป๋าตังกับหนังสือเรียนด้วยอีกต่างหาก เพราะผมมัวแต่เหม่อใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มัวแต่คิดเรื่องของไอ้พฤกษ์ที่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย


   “แสดงว่าตอนนี้มึงอยู่หอใช่มั้ย”


   “อืม”


   “ถ้างั้นลงมาเจอกันหน่อย ตอนนี้กูอยู่ข้างล่าง” เท่านั้นแหละผมก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปดูที่หน้าต่าง จึงเห็นว่าตอนนี้ไอ้พฤกษ์กำลังยืนพิงรถของมันอยู่ที่ข้างล่างจริงๆ ด้วย


   ความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองเป็นคนสำคัญทำให้หัวใจของผมพองโตขึ้นมา แต่พอคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงไอ้พฤกษ์ต้องมาหาผมตั้งแต่ 5 วันที่แล้ว หัวใจของผมก็ห่อเหี่ยวเพราะตัวเองไม่ได้สำคัญขนาดนั้น


   แต่ไหนๆ มันก็อุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่ ผมก็คงต้องลงไปเจอหน้ามันสักหน่อย เพราะถึงแม้ว่าผมจะกำลังน้อยใจ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคิดถึงมันจริงๆ


   “มึงรอแป๊บนึงเดี๋ยวกูลงไป” ผมพูดจบก็กดวางสาย ก่อนที่จะออกจากห้องลงไปหาไอ้พฤกษ์ที่อยู่ด้านล่าง ทันทีที่เห็นผมมันก็ส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นมาหา แต่พอคิดว่ารอยยิ้มแบบนั้นไม่ได้มีแค่ผมเพียงคนเดียวที่ได้รับ ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของผมมันยิ่งทวีคูณมากกว่าเดิม


   “มึงมีธุระอะไร” ผมถามไอ้พฤกษ์ไปด้วยเสียงห้วนๆ มันที่ถึงจะรู้สึกได้แต่ก็ยังใจเย็นยิ้มให้ผมเหมือนเดิม


   “มาหาแฟนต้องมีธุระด้วยหรอ”


   “ถ้าไม่มีธุระงั้นกูกลับขึ้นห้องเลยแล้วกัน” ถึงผมจะใจสั่นกับคำพูดนั้น แต่วันนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับมันต่อแล้ว


   “เดี๋ยวสิซ่า มึงเป็นอะไรทำไมถึงเอาแต่คอยเลี่ยงไม่ยอมคุยกับกูเลย กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจรึเปล่า” ไอ้พฤกษ์คว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ เมื่อเห็นผมจะเดินหนีขึ้นไปบนห้อง


   “หึ! กูคอยเลี่ยงมาตั้งหลายวัน แต่มึงพึ่งมาถามเอาวันที่ 5 มันไม่ช้าเกินไปหน่อยหรอ” ผมสะบัดข้อมือของไอ้พฤกษ์ออกไปแล้วหันหน้ากลับมาเผชิญกับมัน


   “กูขอโทษนะซ่า พอดีช่วงที่ผ่านมากูยุ่งมาก ต้องแก้วิจัยแล้วก็เตรียมพรีเซนต์...”


   “พอเถอะว่ะ นั่นมันก็แค่ข้ออ้างปะวะ”


   “หา?” ไอ้พฤกษ์ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ผมที่ขี้เกียจจะเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้เลยตัดสินใจถามมันออกไปตรงๆ


   “มึงชอบกูจริงๆ รึเปล่า” คำถามนั้นทำเอาไอ้พฤกษ์ยิ่งทำหน้างงมากกว่าเดิม


   “ถามอะไรแบบนั้น การกระทำของกูยังไม่ชัดเจนอีกหรอ”


“ก็ถ้ามันชัดแล้วกูจะถามมึงมั้ย!” ผมเผลอขึ้นเสียงใส่ แต่ไอ้พฤกษ์ก็ไม่มีท่าทีโกรธเคืองแต่อย่างใด มันมองเข้ามาข้างในดวงตาของผมแล้วตอบคำถามด้วยความหนักแน่น


“กูชอบมึง” ประโยคนั้นทำเอาพายุอารมณ์ที่อยู่ในใจของผมสงบลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะจางหายไป


   “โอเค งั้นกูขอถามใหม่ มึงได้ชอบใครอีกคนที่มากกว่ากูรึเปล่า”


   “ใครอีกคน? มันจะไปมีได้ยังไง นอกจากมึงกูจะชอบใครได้ล่ะซ่า”


   “ก็จะใครล่ะถ้าไม่ใช่ตะวัน” คำพูดนั้นทำเอาไอ้พฤกษ์

ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ มันคงจะกำลังอึ้งสินะที่ถูกผมจับได้ ปฏิกิริยานั้นถึงแม้ผมจะทำใจไว้อยู่แล้ว แต่พอเจอเข้าจริงๆ มันก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี


   “เรื่องของตะวัน...”


   “มึงยังไม่ต้องตอบกูตอนนี้ก็ได้” ผมพูดขัดไอ้พฤกษ์ก่อนที่มันจะพูดจบประโยค โดยที่ผมพยายามฝืนก้อนที่กำลังจุกตรงอก และบังคับตัวเองไม่ให้พูดด้วยเสียงสั่นเครือ


   “ลองถามใจตัวเองดูว่าระหว่างกูกับตะวันมึงชอบใคร คนที่เรียบร้อย น่ารัก แสนดี มีมารยาท ทำอาหารอร่อย กับคนที่สถุน หยาบคาย ร้ายกาจ นิสัยไม่ดี แล้วก็งกเงินเป็นที่สุด มึงชอบใครกันแน่” พอลองเปรียบเทียบแบบนี้ มันก็ทำให้ผมได้รู้ว่านอกจากจะสู้ตะวันไม่ได้ ผมยังไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเป็นคู่แข่งเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นคำตอบมันก็ชัดอยู่แล้วล่ะว่าไอ้พฤกษ์มันชอบใคร


   “มึงฟังกูให้ดีนะซ่า” ไอ้พฤกษ์ตรงเข้ามาใช้สองมือจับที่ไหล่ของผมเอาไว้ จากนั้นก็ใช้ดวงตาเรียวยาวจ้องมองเข้ามาข้างในดวงตาของผม


   “กูยอมรับว่ายังมีความรู้สึกดีๆ ให้ตะวัน” เท่านั้นแหละผมก็หลับตาลงแล้วหันหน้าไปทางอื่น ตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว แต่ผมไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะให้ใครเห็นน้ำตาของตัวเองง่ายๆ ดังนั้นผมจึงพยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา


   “ในเมื่อมึงยังชอบตะวัน ถ้างั้น...”


   “ฟังให้จบก่อนสิซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดขัดขึ้นมา ผมจึงได้หันหน้ากลับไปมองมันอีกครั้ง


   “ยังมีเรื่องอะไรที่กูต้องฟังอีก”


   “ก็ความรู้สึกของกูที่มีต่อตะวันไง จริงอยู่ที่กูบอกว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้ แต่ก็เหมือนผู้ชายทั่วไปที่ปลื้มไอดอลหรือคนในสเปคเท่านั้น ซึ่งมันก็แค่ผิวเผินไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย ไม่เหมือนกับมึงที่กูรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ อยากอยู่ใกล้ๆ อยากสัมผัส แล้วก็อยากครอบครอง เพราะงั้นกูเลยอยากให้มึงเชื่อและมั่นใจว่ากูชอบมึงจริงๆ”


   “แล้วมึงชอบกูมากพอที่จะกล้าประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้มั้ย”


ตอนนี้ผมรับรู้ได้ถึงความจริงใจว่าไอ้พฤกษ์มันไม่ได้ชอบตะวัน แววตาของมันฉายชัดว่าชอบผมแค่คนเดียว แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าความรู้สึกที่มีต่อผมนั้นอยู่ในระดับไหน พอลองคิดดูมันก็เล่นอ่อนโยนกับทุกคนในมหา’ลัย แล้วอย่างนี้ผมพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหนกัน


   “เรื่องนั้นมันไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่กูชอบมึงเลยนะซ่า” สีหน้าของไอ้พฤกษ์ตอนนี้มีความกังวลปรากฏออกมาอย่างชัดเจน


   “ทำไมจะไม่เกี่ยว การที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ บอกใครไม่ได้ว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน มึงคิดว่าแบบนั้นกูจะมีความสุขรึไง”


“แต่ถ้าบอกไปมึงคิดว่าจะมีสักกี่คนที่รับเรื่องนี้ได้ จริงอยู่ว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป แต่เชื่อสิคนส่วนใหญ่ก็ยังเหยียดกันเหมือนเดิม กูไม่อยากให้มึงต้องถูกสายตาแบบนั้นมองมาทุกวันหรอกนะซ่า”


“เฮอะ! มึงไม่ต้องเอากูมาอ้างหรอก ตัวมึงเองมากกว่าที่แคร์ภาพลักษณ์กับสายตาคนอื่นที่มองมา ขนาดแค่จับมือกูต่อหน้าคนอื่นมึงยังไม่กล้า เรื่องที่บอกว่าชอบกูมันก็คงเป็นแค่ลมปากเท่านั้นล่ะมั้ง เพราะงั้น...กูว่าเราสองคนห่างกันสักพักน่าจะดีกว่า บางทีการกลับไปอยู่จุดเดิมอาจจะเวิร์คกว่าคบกันเป็นแฟนก็ได้"


พอผมพูดจบไอ้พฤกษ์ก็นิ่งอึ้งไป ส่วนผมที่ถึงแม้จะเสียใจและเจ็บปวดแค่ไหน แต่ในเมื่อเราสองคนเดินไปด้วยกันไม่ได้ ผมก็ต้องตัดใจแล้วถอยออกมา ดีกว่าฝืนดันทุรังจนใจพังยิ่งกว่านี้...


2BC


 o15 สวัสดีค่ะ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ก็จบแล้วน้า ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ระหว่างพฤกษ์กับซ่าใครจะน่าสงสารมากกว่ากัน คนนึงต้องการความชัดเจน แต่อีกคนก็มีเหตุผลที่ต้องการปิดบัง  :hao5:
แล้วอย่างนี้ความรักของทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อไป ทั้งสองคนจะไปด้วยกันรอดมั้ย หรือว่าจะถอยหลังไปสู่จุดเริ่มต้น  :o12: แล้วมาลุ้นกันตอนที่ 13 นะคะทุกคน วันพรุ่งนี้ตอนดึกๆหรือมะรืนเจอกันค่ะ  :man1:
ซึ่งช่วงนี้เราจะอัพถี่นิดนึง แบบว่าอีกไม่กี่วันก็จะปิดจองแล้ว เราเลยอยากลงนิยายให้จบพร้อมๆกัน (เรื่องนี้มี 14 บท รวมบทส่งท้าย) แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทันมั้ย ช่วงสิ้นเดือนงานหนักแทบจะขาดใจ  :katai4: เราเลยแทบไม่มีเวลามาลงนิยายเลยค่ะ (ประเด็นคือลง 4 เว็บเลยนานด้วยแหละ แหะๆ) ยังไงก็มาเอาใจช่วยพฤกษ์กับซ่าด้วยนะคะทุกคน กอดดดดดด  :กอด1: :bye2:
(28 มี.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-03-2018 00:53:14
ตกลงต่างฝ่ายต่างนอยด้วยกันทั้งคู่  :z3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-03-2018 00:57:51
เรื่องชักจะไปกันใหญ่ละ เห้อ~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด P.21 [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-03-2018 01:02:59
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด P.21 [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-03-2018 08:59:14
ดราม่าอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด P.21 [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 26-03-2018 10:48:51
โห.... พี่พฤกษ์กลัวน้องซ่าโดนล้อ สะบัดมือทิ้งอย่างไว แต่หารู้ไม่ ไอ้น้องซ่าประกาศให้โลกรู้ไปแล้วว่าได้แฟนงานดี 555 งานนี้ก็ง้อกันไป แต่ไม่รู้ว่าใครจะง้อใครนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด P.21 [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-03-2018 12:24:44
งอนกันอีกละ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด P.21 [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-03-2018 13:35:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด P.21 [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 26-03-2018 23:00:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด P.21 [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-03-2018 23:35:35
อ้าววว คดีพลิก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 เกรี้ยวกราด P.21 [26.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 27-03-2018 14:25:25
ขอโทษซ่าที่เคยแช่งให้เลิก  :m15: สงสารง่า ซ่าอย่าคิดมาก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-03-2018 06:41:01
อ้าว…ไหงเป็นแบบนี้อีกล่ะ เกือบจะดีแล้วเชียว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 28-03-2018 07:37:12
อ่าวววว บานปลาย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-03-2018 09:30:21
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-03-2018 09:38:06
ปวดตับจริงๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-03-2018 15:16:04
ไปกันใหญ่แล้ว :sad4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-03-2018 17:21:34
เลอะเทอะแล้วซ่าเอ้ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 29-03-2018 03:11:01
ลองคิดถ้าตัวเองเป็นซ่าถ้าพฤกษ์ทำงี้ก็น้อยใจเหมือนกัน เป็นแฟนกันแต่บอกใครไม่ได้จะเป็นเพื่อ #อิน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-03-2018 12:46:07
ก็ต้องปรับเข้าหากัน ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-03-2018 22:16:45
ซ่าคิดมากไปหรือเปล่า ดูเหมือนพฤกษ์ทำอะไรก็ผิดไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 12 ห่างกันสักพัก [28.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 30-03-2018 18:07:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป... [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 30-03-2018 23:49:02
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 13# Niza จากนี้และตลอดไป...


    “ฮือออออออ” ทันทีที่เดินเข้าห้องผมก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ได้พังทลายลงมา สองขาไร้เรี่ยวแรงจนต้องทรุดลงไปกองที่พื้น ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นจนแทบจะขาดใจ


   กี่ปีแล้วนะที่ผมไม่ได้ร้องไห้ ตั้งแต่ที่เสียพ่อกับแม่ไปหัวใจของผมก็เปลี่ยนเป็นเข้มแข็ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาถึงแม้จะทุกข์หนักหนาแต่ผมก็ไม่เคยมีน้ำตา แต่ว่าตอนนี้ความเสียใจมันรุนแรงมากจนผมฝืนเอาไว้ไม่ไหว น้ำตาได้ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสายจนใบหน้าของผมเปียกปอน


   ผมไม่ชอบตัวเองจริงๆ ที่เป็นแบบนี้ ความรักมันทำให้หัวใจของผมอ่อนแอ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตัดใจจากไอ้พฤกษ์ไม่ได้ ผมไม่กล้าพอที่จะบอกเลิกมันไป เสี้ยวหนึ่งในหัวใจหวังว่ามันจะรั้งผมเอาไว้ แต่มันกลับนิ่งเฉยมองดูผมเดินจากไปเงียบๆ เท่านั้น


ผมเข้าใจแล้วล่ะว่ามันไม่ได้รักผมเลย...


พอคิดได้แบบนี้น้ำตาของผมมันก็ยิ่งไหลทะลักออกมา ผมไม่คิดเลยว่าความรักมันจะทำให้เจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้ ที่ผมเคยคิดไว้มันต้องสวยงามรายล้อมไปด้วยความสุข ถ้าผมรู้ก่อนว่ามันจะทุกข์ ผมขอโสดไปจนตายยังจะดีซะกว่า


แต่จะว่าไป อีกไม่นานเท่าไหร่ผมก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ห่างกันสักพักอะไรนั่น เอาจริงๆ มันก็ไม่ต่างจากการเลิกกันหรอก


ความรักของผมกับไอ้พฤกษ์มันได้จบลงไปแล้ว...


จบไปพร้อมกับหัวใจที่มันพัง...


รักครั้งแรกมันแสนเจ็บปวดเหลือเกิน...


“ฮือออออออ” แล้วเสียงสะอื้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับทำนบน้ำตาที่พังทลายลงมาอีกรอบ ผมนั่งชันเข่าแล้วกอดตัวเองเอาไว้ แล้วนั่งร้องไห้จนกระทั่งหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้...


...................................................

..................................

.................

   กรี้งงงงงงงงงงงงง กรี้งงงงงงงงงงงงง


   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ผมมองไปที่นาฬิกาจึงพบว่าตอนนี้เป็นเวลา 3 ทุ่ม 15 นาที นี่ผมหลับไปนานขนาดนี้เลยหรอเนี่ย


   “อา...” ความปวดเมื่อยที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้นหน้าประตูทำให้ผมร้องโอดครวญออกมา ก่อนที่ผมจะค่อยๆ ลุกเดินไปยังโทรศัพท์ โดยที่ในใจลึกๆ ก็หวังเอาไว้ว่าไอ้พฤกษ์จะเป็นคนโทรมา แต่เปล่าเลย เพราะคนที่โทรมานั้นคือไอ้แมน


   “ฮัลโหล” ผมกดรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย แต่อันที่จริงจะเรียกว่าหมดอาลัยตายอยากน่าจะถูกมากกว่า


   [“อะไรเนี่ยไอ้ซ่า เสียงแบบนี้อย่าบอกนะว่ามึงกำลังนอนอยู่”]


“อือ มึงมีไร” ผมตอบกลับไปด้วยเสียงยานคาง เท่านั้นแหละก็โดนไอ้แมนแหกปากใส่จนแก้วหูแทบจะแตก


   [“จะมีอะไรล่ะ! ลืมแล้วหรอว่ามึงนัดพวกกูมาแดกเหล้า! นี่มากันครบหมดแล้วเหลือแต่มึงเนี่ยไอ้ห่า!”] เวรกรรม ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย


“โทษที ตอนเย็นเกิดเรื่องนิดหน่อย กูมีเรื่องกลุ้มใจ ถ้าวันนี้กูไม่ไปจะเป็นอะไรมั้ยวะ”


   [“เป็น! กูตัดเพื่อนมึงแน่ไอ้ซ่า! หนอย...เป็นคนนัดแท้ๆ แต่มาเทเพื่อนซะเองเนี่ยนะ จิตใจมึงต่ำทรามหยาบช้าฉิบหาย”] โอ้โห ไอ้นี่มันด่าผมเลวอย่างกับไปฆ่าใครตายยังไงยังงั้น


“เออ ถ้าจะด่าขนาดนี้กูไปก็ได้ แม่ง...แต่ขนาดบอกว่าตอนเย็นเกิดเรื่องมึงยังไม่คิดจะถามไถ่กูเลย” คิดแล้วแม่งก็น้อยใจ น้ำตาพาลจะไหลออกมาอีกครั้งแล้วเนี่ย


   [“โอ๋ๆๆ อย่าพึ่งงอนสิวะ ก็เพราะมึงบอกอย่างนั้นกูถึงได้บังคับให้มึงออกมาไง มีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็มาเล่าให้กูฟังได้ เอางี้ดีมั้ย เดี๋ยวกูจะเกณฑ์เพื่อนทั้งเอกมาให้กำลังใจมึงกันให้หมดเลย”] คำพูดของไอ้แมนทำให้ผมซึ้งจนถึงกับน้ำตาคลอ เพราะถึงจะอกหักแต่อย่างน้อยผมก็ยังมีเพื่อน


“เกณฑ์มาให้เยอะที่สุดเลยนะมึง วันนี้กูจะเมาให้ลืมไปเลย” ผมก็ไม่ได้หวังหรอกว่าไอ้แมนจะเกณฑ์คนมาได้ทั้งเอกขนาดนั้น แต่วันนี้ผมตั้งใจจะเมาจนลืมไอ้พฤกษ์ให้ได้อย่างที่พูด


   [“เออ รีบมานะมึง แล้วก็อย่าลืมแต่งตัวดีๆ มาด้วยล่ะ ถ้าใส่เสื้อตราห่าน กางเกงยีนส์ขาดๆ กับแตะคีบช้างดาวกูไม่คบนะเว่ยบอกไว้ก่อน”]


“โวะ จะอะไรนักหนากะอีแค่ไปแดกเหล้า”


   [“ก็กูกะจะไปเหล่สาวด้วยนี่หว่า ขืนมึงแต่งตัวแบบนั้นสาวที่ไหนจะกล้าเข้ามาหากูล่ะไอ้ฟาย”]


“ได้ เดี๋ยวกูจะแต่งให้หล่อกว่ามึงเลยแล้วกัน”


   [“สัส!”] พอได้ยินแบบนั้นผมก็หัวเราะออกมา การกวนตีนเพื่อนมันช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีเลยนะเนี่ย


“งั้นแค่นี้แหละ กูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”


[“เออ บาย”] แล้วไอ้แมนก็กดวางสาย ส่วนผมก็เดินเข้าไปในห้องน้ำกะจะล้างหน้าล้างตา แต่พอส่องกระจกเท่านั้นแหละผมก็แทบร้องว้าก เพราะสารรูปที่เห็นมันโทรมและอิดโรยมากจนแทบไม่ต่างจากศพ!


เวร ขืนไปสภาพแบบนี้ไอ้พวกนั้นได้คิดว่าผมเป็นผีแน่ๆ เห็นทีผมคงต้องอาบน้ำกับแต่งตัวจัดเต็มแล้วแหละ เผื่อจะได้กลบเรื่องหน้าตาโทรมๆ ไปได้บ้าง ซึ่งผมก็ใช้เวลาไปนานสองนาน กว่าจะนั่งพี่วินมาถึงร้านเวลาก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มครึ่ง


“ไอ้ซ่า! ทางนี้!” พอไปถึงไอ้แมนก็รีบแหกปากพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้ผมใหญ่ สีหน้าของมันดูแฮปปี้ดี๊ด๊าจนผมนึกแปลกใจ แต่ก็ยังไม่เท่ากับเรื่องที่มันสามารถเกณฑ์เพื่อนมาได้จนแทบจะทั้งเอกได้ถึงขนาดนี้


“นี่มึงชวนอีท่าไหนทำไมเพื่อนถึงมากันเกือบครบได้วะเนี่ย” ผมกวาดสายตามองอย่างอึ้งๆ พร้อมกับยกมือทักทายเพื่อนในเอกกว่า 40 คน ที่มาไม่ได้น่าจะมีแค่ 5 – 6 คนเท่านั้น เรียกได้ว่าเกือบจะเหมาร้านเลยก็ว่าได้ เพราะคนอื่นๆ ที่ไม่คุ้นหน้ามีแค่ 3 – 4 โต๊ะ แต่ทั้งหมดก็เป็นนักศึกษามหา’ลัยเดียวกันกับผมทั้งนั้น


   “กูก็ชวนท่าปกตินี่แหละ แต่พอบอกว่าคืนนี้มึงเลี้ยงพวกมันก็เลยแห่กันมา”


   “เอ๊าไอ้ห่า! นี่มึงพูดจริงปะเนี่ย!” ลำพังแค่เลี้ยงตัวเองยังจะไม่รอด แล้วผมจะไปมีปัญญาเลี้ยงเพื่อนเกือบทั้งเอกได้ยังไง


   “ล้อเล่นน่า พอกูบอกว่ามึงมีเรื่องเครียดพวกมันเลยพากันมาปลอบใจ ส่วนใหญ่ก็อยู่หอใกล้ๆ แถมฟรายเดย์ไนท์แบบนี้แม่งก็พากันหาเที่ยวอยู่แล้ว” พอได้ยินไอ้แมนพูดแบบนี้ผมก็ร้องอ๋อ ส่วนน้ำตามันก็เอ่อคลอออกมาอย่างช่วยไม่ได้


   “ขอบใจพวกมึงทุกคนเลยนะเว่ย โดยเฉพาะมึงกูขอกอดหน่อย” ผมอ้าแขนหันไปทางไอ้แมน มันเลยตรงเข้ามากอดผมเอาไว้ แถมยังบอกให้เพื่อนแต่ละคนกรูเข้ามากอดผมด้วยอีกต่างหาก


   การที่ถูกคนตั้ง 40 คนรุมกอดทำให้ผมรู้สึกอึดอัด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกตื้นตันและมีความสุขมากจริงๆ


   “กูรักพวกมึงทุกคนเลยนะเว่ย นอกจากพวกมึงกูก็ไม่เหลือใครแล้ว” ผมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ตอนนี้ผมซึ้งจนน้ำตาแทบไหล แต่ผมก็ไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอที่น่าอาย เพราะงั้นผมเลยเงยหน้าขึ้นแล้วกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาให้ไหลกลับลงไป


   “มึงยังมีใครอีกคนนอกจากพวกกูนะไอ้ซ่า” พอได้ยินไอ้แมนพูดแบบนี้ผมก็ถึงกับทำหน้างง


“ใครวะ?”


“มองไปทางนู้นสิ” ไอ้แมนมองไปยังประตู ผมเลยหันไปมองตามมันบ้าง พวกเพื่อนๆ ที่ต่างพากันรุมล้อมผมเลยค่อยๆ ขยับแหวกทางออกเป็น 2 ข้างช้าๆ จากประตูเรียงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงผม


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


“มะ...ไม่จริงหรอกน่า” ผมพยายามสะกดจิตตัวเองไม่ให้คาดหวัง แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของผมมันกลับเต้นแรงขึ้น แล้วก็ยิ่งเร็วขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออกช้าๆ


ภาพที่ผมเห็นคือไอ้พฤกษ์กำลังยิ้มพร้อมกับถือช่อดอกไม้ขนาดใหญ่เดินเข้ามา ผมไม่เคยคิดว่ามันจะลงทุนทำเซอร์ไพรส์เพื่อง้อขนาดนี้ก็ซึ้งจนถึงกับเบิกตากว้าง แต่พอจ้องไปที่ดอกไม้ดีๆ ตาของผมก็โตจนแทบจะเป็นไข่ห่าน เพราะถ้ามองไม่ผิด นะ...นั่นน่ะ...สีเทาๆ แถมยังมีตัวเลข 1000 แบบนั้น นั่นมันช่อดอกไม้ที่ทำจากเงินแบงค์พันใช่มั้ย!


โอ้มายก็อด! ช่อใหญ่ขนาดนั้นมันมีดอกไม้กี่ดอกวะนั่น แถมทุกดอกยังทำจากแบงค์พัน ไอ้พฤกษ์มันจะทุ่มทุนสร้างเกินไปแล้ว!


   แต่เอาจริงๆ มันไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้ จริงอยู่ว่าผมตาลุกวาวกับช่อดอกไม้ และตื่นเต้นกับแผนเซอร์ไพรส์ แต่เพียงแค่เห็นหน้าไอ้พฤกษ์ ความรู้สึกโกรธเคืองและน้อยใจมันก็ได้สลายหายไปเรียบร้อยแล้ว



ในคืนที่ฟ้านั้นเต็มไปด้วยแสงไฟ
เราโอบกอดกันและมองไปบนฟ้าไกล
สุดหัวใจ...สุดสายตา...มีแต่เรา...


   ในตอนแรกผมคิดว่าทางร้านเปิดเพลง “ลูกอม” ของวง “วัชราวลี” ขึ้นมา แต่ผมก็รู้สึกว่าเสียงคนร้องไม่เหมือนต้นฉบับ คือมันมีความทุ้มและนุ่มนวลกว่า แถมผมยังรู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นมากๆ ซึ่งพอสังเกตว่าไอ้พฤกษ์กำลังขยับปาก ส่วนตรงอกก็มีไมโครโฟนเล็กๆ ติดเอาไว้ มันก็ทำให้ผมต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง


ดวงจันทร์ล่องลอยและมอบความรักให้กัน
ขอบคุณวันนี้ที่คอยดูแลรักฉัน
จากหัวใจ...จากนี้ไป...มีแต่เธอ...


   ตลอดสองข้างทางมีคนถ่ายรูปและอัดคลิปวิดีโอไม่ต่ำกว่าสิบคน แต่ไอ้พฤกษ์ก็ไม่สนใจยังคงร้องเพลงเพื่อสื่อความหมายแล้วเดินตรงเข้ามา สายตาของมันจ้องมองเพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้น ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่แคร์ภาพลักษณ์อย่างมัน จะกล้าทำเซอร์ไพรส์ใหญ่โตต่อหน้าคนมากมายได้ถึงขนาดนี้


ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน…


   ยิ่งไอ้พฤกษ์เดินมาใกล้เท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเห็นสายตาอันอบอุ่นและอ่อนโยนมองตรงมาทางผมมากเท่านั้น ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมถึงกับน้ำตาคลอ หัวใจของผมที่ใกล้จะตายได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว


จะมีเพียงเธอ รักเพียงแต่เธอ
โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอ มันเป็นของเธอรู้ไหม
ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ


เราจะลอยข้ามฟ้า ท่ามกลางหมู่ดาว
จะไม่มีความเหงา เข้ามากล้ำกลาย
เพลงนี้เพื่อเธอ มันเป็นของเธอรู้ไหม
สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป


   ทุกประโยค ทุกคำร้อง ทุกท่วงทำนอง ผมสัมผัสได้ว่าไอ้พฤกษ์ร้องออกมาจากหัวใจจริงๆ เพราะสายตาของมันไม่เคยละออกไปจากผมเลยสักวินาที จนกระทั่งตอนนี้ที่มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม


ต่อให้โลกสลาย หายไปกับตา
ต่อให้ดาวบนฟ้า ลบเลือนห่างไกล
ใจฉันให้เธอ มันเป็นของเธอรู้ไหม
ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ


เราจะลอยข้ามฟ้า ท่ามกลางหมู่ดาว
จะไม่มีความเหงา เข้ามากล้ำกลาย
เพลงนี้เพื่อเธอ มันเป็นของเธอรู้ไหม
สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป…


   ทันทีที่เพลงจบลง เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งร้าน บรรดาพวกเพื่อนๆ ของผมต่างก็เข้ามาล้อมผมกับไอ้พฤกษ์เป็นครึ่งวงกลม เพราะด้านหลังของเราสองคนเป็นเคาน์เตอร์บาร์


ตอนนี้สายตาของเราต่างก็จ้องมองกันและกัน สื่อความหมายร้อยพันโดยที่ไม่มีใครพูดออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวราวกับหยุดนิ่งอยู่กับที่
เนิ่นนาน...ไม่รู้กี่นาทีหรือกี่วินาทีที่ผ่านพ้นไป ไอ้พฤกษ์จึงได้ยื่นช่อดอกไม้มาตรงหน้าผม


   “ขอโทษนะซ่าที่ก่อนหน้านี้กูไม่ชัดเจนมากพอ แต่ต่อไปนี้กูไม่คิดจะปิดบังเรื่องของเราอีกแล้ว กูจะเปิดเผยทุกอย่าง จะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น กูสัญญาว่าจะคอยดูแลและอยู่เคียงข้างมึงตลอดไป เพราะงั้นมึงยกโทษให้กูได้มั้ย หายโกรธกูเถอะนะซ่า” ไอ้พฤกษ์อ้อนวอนพร้อมกับจ้องเข้ามาในดวงตาของผม ในใจของมันคงจะรอลุ้นคำตอบเหมือนกับหลายสิบชีวิตที่อยู่ที่นี่ ผมที่ไม่อยากปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ เลยตอบกลับไปทันทีโดยไม่ต้องคิดเลยว่า...


   “ไม่” เท่านั้นแหละแววตาของไอ้พฤกษ์ก็เศร้าหมองลง ความผิดหวังฉายชัดอยู่บนใบหน้า เสียงฮือฮาจากผู้คนที่รายล้อมอยู่เลยดังขึ้น ภาพที่เห็นทำให้ผมที่กะจะแกล้งเอาคืนไอ้พฤกษ์กับทุกคนสักหน่อยถึงกับต้องหลุดอมยิ้มออกมา


   “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” ผมยื่นมือข้างหนึ่งขึ้นไปสัมผัสที่ข้างแก้มของไอ้พฤกษ์ ส่วนอีกข้างก็รับช่อดอกไม้ที่มันตั้งใจให้ผมมาถือเอาไว้


“ที่กูตอบว่า ‘ไม่’ เป็นเพราะกูไม่ได้โกรธมึงแล้ว” เท่านั้นแหละไอ้พฤกษ์ก็ยิ้มกว้างออกมา จากนั้นก็รีบกางแขนออกเพื่อที่จะสวมกอดผมเอาไว้ แต่ก็ติดอยู่ที่ช่อดอกไม้นั้นใหญ่เกินไปจนมันไม่สามารถกอดผมได้


“ให้ตายสิ เกะกะเป็นบ้าเลย” สีหน้าไม่สบอารมณ์ของมันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ช่อนี้มูลค่าของมันหลายหมื่นบาท แต่ไอ้พฤกษ์กลับทำหน้าเหมือนอยากจะเผาทิ้งซะอย่างนั้น


“แล้วใครให้มึงเอาช่อซะใหญ่ขนาดนี้มากันเล่า” พูดจบผมก็หันไปหาไอ้แมนแล้วยื่นช่อดอกไม้ฝากให้มันถือ ซึ่งการที่ผมทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าของที่ไอ้พฤกษ์ให้ไม่มีความสำคัญ แต่ผมอยากให้มันรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของผมคือเป็นมันต่างหาก


“ความจริงถึงจะไม่มีช่อดอกไม้ ไม่มีแผนเซอร์ไพรส์ ไม่มีการร้องเพลงรักให้ กูก็หายโกรธตั้งแต่ที่เห็นมึงยืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว” ผมยิ้มกว้างออกมา ส่วนไอ้พฤกษ์ก็เช่นเดียวกัน แล้วหลังจากนั้นเราสองคนก็ตรงเข้าไปสวมกอดกันและกัน ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาทำเอาผมรู้สึกสุขล้นไปทั้งหัวใจ


“รักนะซ่า กูรักมึง” ไอ้พฤกษ์ลูบที่ศีรษะของผมแล้วเอียงหน้ามาจูบที่ขมับ ความอ่อนโยนที่ได้รับทำเอาผมน้ำตาคลอ ยิ่งพอได้ยินคำว่ารัก น้ำตาที่ผมอุตส่าห์กลั้นมันเอาไว้ก็ไหลลงมาด้วยความตื้นตันทันที


“กูก็รักมึงเหมือนกัน” เท่านั้นแหละเสียงเฮจากบรรดาเพื่อนๆ ที่รายล้อมพวกเราไว้ก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงปรบมือและเสียงดึงพลุสายรุ้งเพื่อเฉลิมฉลอง สายตาของทุกคู่ต่างก็ยินดีและอวยพร ผมหันไปมองรอบตัวอย่างมีความสุข


“พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงขี้แยกว่าที่คิด” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ แล้วใช้สองมือประคองใบหน้าของผมพร้อมกับปาดน้ำตาออกให้ พอได้ยินแบบนั้นผมเลยตั้งใจจะเถียงสักหน่อย เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงน้ำตาแตกตั้งแต่ที่เห็นไอ้พฤกษ์มันร้องเพลงให้แล้ว


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดออกไป เสียงของไอ้แมนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ดังขึ้นมาซะก่อน


“จูบเลยๆๆๆๆๆ”


“เฮ้ย! มึงจะบ้ารึไง!” ผมโวยวาย ใครมันจะไปกล้าทำเรื่องแบบนั้นต่อหน้าคนร่วมครึ่งร้อยกันเล่า แต่ถึงจะได้ยินผมพูดแบบนั้น ไอ้แมนก็ยังทำเป็นหูทวนลมส่งเสียงเชียร์เหมือนเดิม


“จูบเลยๆๆๆๆๆ” คราวนี้ไม่ได้มีแต่เสียงไอ้แมนคนเดียว เพราะเพื่อนคนอื่นๆ ต่างก็ส่งเสียงเชียร์ด้วยเหมือนกัน


“ทำไงดีวะไอ้พฤกษ์” ผมกระตุกชายเสื้อของมันแล้วหันหน้าไปหา จึงพบว่าตอนนี้มันกำลังอมยิ้มอยู่ต่างจากผมที่เป็นกังวลลิบลับ


“ก็ไม่ต้องทำยังไง ทำตามที่พวกนั้นบอกก็จบ” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ แล้วใช้สองมือจับที่ไหล่ของผมไว้มั่น การกระทำนั้นยิ่งทำให้พวกกองเชียร์ส่งเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม


“เฮ้ยๆๆ นี่มึงเอาจริงดิไอ้พฤกษ์” ตอนนี้ผมตัวแข็งทื่อ ถึงมันจะประกาศว่าไม่คิดปิดบังอะไรแล้ว แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะกล้าจูบผมต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้


“จริงไม่จริงเดี๋ยวมึงก็รู้” พูดจบไอ้พฤกษ์ก็เอามือข้างหนึ่งโอบรอบเอวของผมเอาไว้แล้วก้มหน้าลงมา เท่านั้นแหละเสียงฮือฮาจากคนรอบข้างก็ดังกึกก้อง พร้อมกับแสงแฟลชที่สาดมายังเราสองคนรัวๆ


“อะ...ไอ้...ไอ้พฤกษ์...” ผมถึงกับติดอ่าง แถมยังเบิกตากว้างและตัวเกร็งจนแทบจะแข็งเป็นหิน ไอ้พฤกษ์ที่เห็นอย่างนั้นเลยอมยิ้มอย่างขบขัน ก่อนที่มันจะเอื้อมมือไปคว้าช่อดอกไม้ที่อยู่กับไอ้แมนคืนมา จากนั้นก็เอามาบังใบหน้าของเราสองคนก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสกันเพียงเสี้ยววินาที


O.O!


ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าผมอึ้งที่ถูกมันจูบเข้าจริงๆ หรืออึ้งที่มันคิดวิธีไม่ให้ใครเห็นคิสซีนของเราสองคนได้ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรผมก็ไม่สนใจแล้ว ตอนนี้ผมสนใจเพียงแค่ความหวานและอ่อนโยนจากรสจูบของไอ้พฤกษ์เท่านั้น เสียงรอบข้างที่โห่ร้องและส่งเสียงเชียร์ดังลั่นไม่ได้เข้าโสตประสาทของผมเลยแม้แต่น้อย


   “กูรักมึงนะ” ไอ้พฤกษ์ถอนริมฝีปากออกไปพร้อมกับส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ เล่นเอาผมใจหวิวจนแทบจะละลายอยู่แล้ว


   “พูดให้กูฟังทุกวันเลยนะ กูสัญญาว่าจากนี้ก็จะบอกรักมึงทุกวันเหมือนกัน”


   “อืม กูสัญญา” แล้วไอ้พฤกษ์ก็ก้มหน้าลงมาจูบผมอีกครั้ง ตอนนี้เราสองคนแทบจะลืมไปแล้วว่ากำลังอยู่ที่ไหน ในสายตาต่างมองเห็นแค่เพียงกันและกัน


     เมื่อก่อนผมจำได้ว่าเราสองคนพูดเพียงแค่คำว่าชอบ ก็ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนเป็นคำว่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จากนี้และตลอดไปผมสัญญาว่าจะไม่รักใคร ผมจะรักแค่ไอ้พฤกษ์เพียงคนเดียวเท่านั้น


จะมีเพียงเธอ รักเพียงแต่เธอ
โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอ มันเป็นของเธอรู้ไหม
สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป...


   2BC


 :m3: สวัสดีค่ะทุกคน ในที่สุด Avert หัวใจซ่อนรัก ก็ได้ดำเนินมาจนถึงตอนจบแล้ว เชื่อว่าเกือบทุกคนคงจะอมยิ้มและมีความสุขที่ได้อ่านตอนนี้นะคะ (แล้วก็น่าจะหวีดพฤกษ์กันเยอะเลยด้วย บอกเลยว่าเค้ายังหวีด ขึ้นแท่นลูกรักอันดับ1ตลอดกาลลล  :man1:) ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่ติดตามความรักของพฤกษ์และซ่ามาอย่างยาวนานจนกระทั่งตอนนี้  :pig4:
แต่...ถึงนี่จะเป็นตอนจบแต่ก็ยังไม่ใช่ตอนสุดท้ายนะคะ เพราะอย่างที่รู้กันนิยายของเราจะมีบทส่งท้ายเสมอ ซึ่งก็จะเป็นบทกุ๊กกิ๊กน่ารัก และจะมีบทเชื่อมโยงต่อไปถึงเรื่องหน้า ยังไงก็อย่าพลาดกันนะคะโดยเฉพาะ FC หนุ่มแบดบอยสุดร้ายกาจอย่างเพลิง แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะที่รัก บ๊ายบายยยยย  :bye2:
ปล.วันนี้เป็นการพรีออเดอร์นิยายวันสุดท้าย ใครที่ยังไม่ได้จองก็ฝากรับเลี้ยงคู่พฤกษ์ซ่าด้วยน้า ค่าสินสอดเบาๆ 279 เท่านั้นเองจ้า  :m1:
(1 เม.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 31-03-2018 00:02:15
เฮ้ย...ซ่าจะตาโตเพราะดอกละพันเหรอ งี้ก็หายงอนเร็วเลยอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-03-2018 00:37:16
อ้าวเฮ้ย~งอนอยู่ไม่ใช่เรอะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-03-2018 01:19:01
พฤกษ์นี่สายเปย์ตัวจริงเลยนะ มีช่อดอกไม้ง้อลิซ่า จำนวนดอกไม่ทราบ ทราบแต่ดอกละพัน พฤกษ์ทำแบบนี้จะทำให้ลิซ่าเคยตัวในอนาคต ทำให้ต่อไปลิซ่าจะไม่เห็นคุณค่าดอกละพัน ลิซ่าจะเห็นคุณค่าในทองรูปพรรณ และทองคำแท่งแทน อาจจะลามไปถึงตราสารหุ้นก็เป็นได้  :katai3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 31-03-2018 04:24:10
จั่วหัวชื่อตอนไว้น่ากลัวมาก เกือบไปละ  :m15: คนแต่งก็นะ  o18 555 รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-03-2018 09:42:59
ซ่าเอ๊ยยย เก็บอาการหน่อยลูกก
หนูงอนพฤกษ์อยู่นะได้ข่าว  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 31-03-2018 12:01:49
แบงค์พัน ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-03-2018 12:47:40
โห.....สายเปย์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-03-2018 15:06:22
อยากได้บ้างอ่าาา~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 31-03-2018 23:38:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 ใจพัง [30.03.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 01-04-2018 11:03:08
ทำใจก่อนเข้ามาอ่านจริงๆนะ ชื่อตอนอย่างบิ้วน้ำตา ช่างแกล้งกันได้55 อยากมีแฟนแบบพฤกษ์จัง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป [01.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-04-2018 23:48:22
พฤกษ์สายเปย์เสมอต้น เสมอปลายจริงๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป [01.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-04-2018 23:50:21
แอร๊ยย น่ารักจังคู่นี้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป [01.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-04-2018 01:58:12
ลงเอยกันได้สักที  :L2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป [01.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 02-04-2018 09:12:36
 o13 o13 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป [01.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 02-04-2018 21:39:39
ความอิจขึ้นตา เบาหวานขึ้นสมอง55 พฤกษ์โรแมนติกมากเปย์หนักมากด้วย จะหาแฟนแบบนี้ได้จากไหน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป [01.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-04-2018 22:51:00
ฟินนน~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป [01.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-04-2018 10:02:37
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป [01.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-04-2018 11:52:44
น่ารัก น่ารัก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 13 จากนี้และตลอดไป [01.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 03-04-2018 17:03:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 03-04-2018 18:15:30
[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก


Part 14# Niza บทส่งท้าย


   “เชี่ยยยยยยยย ยอดวิวเป็นแสนแล้วหรอเนี่ยยยยยยยย” ผมเบิกตากว้างยิ่งกว่าไข่ห่านพร้อมกับอุทานด้วยความตกใจ ก็จะไม่ให้เป็นอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อคลิปที่ไอ้พฤกษ์ทำเซอร์ไพรส์ผมในร้านเหล้ายอดวิวมันวิ่งขึ้นไปถึงหลักแสน!


   ให้ตายสิ ดูอะไรกันเยอะแยะปานนั้น ขนาดตอนนี้พึ่งจะตี 3 เองนะ นี่ถ้าผมรู้ก่อนว่าคลิปที่ไอ้สนถ่ายยอดวิวมันจะมากมายขนาดนี้ (ยังไม่รวมคลิปของคนอื่นอีก) ผมคงจะสั่งลบคลิปไม่ก็ยึดมือถือของมันเอาไว้แล้ว


   “ยอดวิวเยอะก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ ไหนมึงบอกว่าอยากเปิดเผยเรื่องของเราไง” ไอ้พฤกษ์ที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น ตอนนี้มันกำลังนิ่งพิงหัวเตียงที่หอของผม ส่วนผมกำลังนอนคว่ำอยู่บนที่นอน เราสองคนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยและกำลังเตรียมตัวจะนอน หลังกลับจากปาร์ตี้ที่ฉลองต่อที่ร้านจนถึงตี 2 โดยมีเจ้ามือคือไอ้พฤกษ์นั่นเอง


   “กูอยากเปิดก็จริง แต่กูก็ไม่ได้อยากให้คนรู้กันเยอะขนาดนี้นี่หว่า ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ยอดวิวอาจจะเป็นล้านเลยก็ได้” แค่คิดผมก็รู้สึกสยองแล้ว เดินไปไหนมาไหนคนได้มองให้ควั่กแน่ๆ แต่เห็นผมแทบจะประสาทแดกแบบนี้ ไอ้พฤกษ์กลับหัวเราะในลำคออกมาซะงั้น


   “หึหึ”


   “หัวเราะทำถ้วยอะไร ภาพลักษณ์คุณชายน่ะไม่แคร์แล้วหรอ” ผมแยกเขี้ยวใส่เพราะรู้สึกหมั่นไส้ที่ไอ้พฤกษ์มันดูชิลมาก แต่แล้วพอได้ยินประโยคที่มันกระซิบข้างหูของผมเท่านั้นแหละ อาการใจสั่นและหน้าร้อนวูบวาบก็กำเริบขึ้นมาเลย


   “กูแคร์แค่มึงคนเดียว” พูดจบก็ยังมีการหอมแก้มผมฟอดใหญ่ปิดท้ายอีกต่างหาก


   บ้าจริง! วันนี้มันจะทำให้ผมเขินไปถึงไหน!


   “ถะ...ถึงมึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่วันจันทร์ก็เตรียมตัวถูกแซวด้วยแล้วกัน พวกผู้หญิงน่ะไม่เท่าไหร่คงจะนึกเสียดายเฉยๆ แต่พวกผู้ชายนี่แหละที่ต้องระวัง เกือบครึ่งมหา’ลัยแม่งหมั่นไส้มึงทั้งนั้น เตรียมรับมือสกิลปากพวกมันได้เลย”


   เมื่อวานผมน้อยใจไอ้พฤกษ์แล้วก็คิดมากเรื่องตะวัน เลยพาลพลั้งปากไปว่ามันที่อยากปิดบังเรื่องที่เราคบกันว่าห่วงแต่ตัวเอง แต่ความจริงผมรู้ดีว่าที่มันพูดน่ะถูกต้องแล้ว เชื่อสิว่าต่อไปนี้จะต้องมีพวกปากมอมพูดเหยียดเราสองคนแน่นอน


   “แต่มึงไม่ต้องห่วงนะ กูจะเป็นคนปกป้องมึงเอง ใครด่ามากูด่ากลับไม่โกง ใครมองเหยียดกูจะมองแรงใส่เป็นเท่าตัวเลย” ผมพูดอย่างหมายมั่นปั้นมือ ใครกล้าทำแฟนผม ผมจะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดูสิ!


   “ขอบใจนะ น่ารักแบบนี้กูคงต้องให้รางวัลหน่อยแล้ว”


   “เฮ้ยไม่ต้อง มันเป็นเรื่องที่กูต้องทำอยู่แล้วเว่ย” ผมพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าไอ้พฤกษ์ เพราะเอาแต่อ่านคอมเมนท์ใต้คลิปที่ไอ้สนเอาลง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่า ‘สาววาย’ เข้ามาหวีด คนที่บอกว่าเสียดายก็มีเช่นกัน ส่วนคนที่เหยียดโดยเฉพาะผู้ชายก็มีเยอะเอาเรื่อง


   ผมเอาแต่จดจ่ออยู่กับคอมเมนท์พวกนั้นจนไม่รู้ว่าไอ้พฤกษ์ได้มาขึ้นคร่อมผมตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีโทรศัพท์ที่กำลังถืออยู่ก็ถูกดึงออกไปจากมือเรียบร้อยแล้ว


   “เฮ้ย! เอาคืนมานะไอ้...มะ...มึงจะทำอะไรเนี่ย” ผมพูดอย่างตะกุกตะกักเมื่อพลิกตัวกลับไป จู่ๆ ไอ้พฤกษ์มันขึ้นคร่อมผมทำไมเนี่ย!


   “กูก็บอกแล้วไงว่าจะให้รางวัลมึง เพราะงั้นโทรศัพท์น่ะไม่ต้องเล่นแล้ว” พูดจบมันก็วางโทรศัพท์ของผมเอาไว้ที่โต๊ะข้างเตียงใกล้กับโทรศัพท์ของมัน จากนั้นก็เริ่มใช้มือปลดกระดุมชุดนอนของผม


   “รางวัลให้กูหรือถอนทุนที่จ่ายไปวันนี้กันแน่” แต่ถึงจะบ่นอย่างนั้น ผมก็นอนนิ่งๆ ไม่ได้ขัดขืนหรอกนะ


   “ก็คงจะเป็นอย่างที่มึงว่านั่นแหละ” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ ร้ายจริงๆ ไอ้คุณชาย


   “แล้วมึงไม่ง่วงรึไง นี่มันตี 3 กว่าแล้วนะ”


   “ไม่ง่วงแต่กูอยากนอน...หมายถึงหลับนอนกับมึง” คำพูดสุดเสี่ยวแบบนั้นทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากออกมา แต่อีกใจนึงผมก็ยอมรับว่าเขินมากๆ จนอาการเบ้ปากได้เปลี่ยนเป็นอมยิ้ม


   “เป็นของกูนะซ่า” ผมไม่ตอบอะไรแต่ก็พยักหน้าลงช้าๆ ไอ้พฤกษ์จึงค่อยๆ ก้มหน้าลงมา ผมหลับตาลงเพื่อรอคอยจุมพิตอันอ่อนโยน


   แต่แล้ว...


   ในขณะที่ริมฝีปากของไอ้พฤกษ์กำลังจะสัมผัสกันในอีกไม่กี่มิลลิเมตร เจ้ากรรมนายเวรหรือผีเปรตตัวไหนไม่รู้ก็โทรเข้ามาขัดจังหวะ!


   กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง


   “โว้ยยยยยยยยยย! ใครมันโทรมาเอาตอนนี้วะไอ้พฤกษ์!” ผมโวยวายอย่างหัวเสีย ส่วนไอ้พฤกษ์ที่ถึงจะไม่ได้พูดอะไรแต่สีหน้าก็เซ็งสุดๆ เหมือนกัน


   “กูดูแป๊บนึง....................ไอ้เพลิงโทรมา”


   “พ่องตาย! โทรมาหาสวรรค์วิมานอะไรตอนนี้! มึงเอามือถือมานี่เลยเดี๋ยวกูคุยเอง” แล้วไอ้พฤกษ์ก็ยื่นโทรศัพท์ของมันมาให้ ผมเลยกดรับสายจากนั้นก็เปิดสปีกเกอร์โฟน


   ตอนแรกผมกะจะจัดหนักด่ามันชุดใหญ่ แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากไอ้เพลิงก็ดันพูดขึ้นมาซะก่อน


   “มึงงงงงงงงงงง กูถูกทิ้ง!”


   “หา?” ผมทำหน้างง ไอ้เพลิงที่คงจะสติแตกเลยไม่ทันได้เอะใจว่าเป็นเสียงผมมั้งเลยพล่ามต่อไป


   “ไม่ใช่ๆ ต้องบอกว่ากูถูกฟันแล้วทิ้ง!”


   “หา!”


   “เอ๊ย! เดี๋ยวเอาใหม่นะ คือกูอะฟันเขา แต่กูถูกเขาทิ้งเว่ย!”


   “อ้อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ ก็คิดอยู่ว่าคนอย่างไอ้เพลิงจะถูกใครฟันได้ยังไง แต่ถ้าถูกคนเอามีดฟันค่อยพอจะเข้าใจได้ คนอะไรชั่วยันเงา!


   “เฮ้ยเดี๋ยวสิ นี่มันเสียงมึงใช่มั้ยไอ้ซ่า ไปเรียกไอ้พฤกษ์มารับสายเลย กูต้องการหาที่ระบาย มึงรู้มั้ยว่ากูเสียหน้าแค่ไหน ความจริงกูต้องเป็นฝ่ายทิ้งสิวะ แม่งชิงทิ้งกูก่อนได้ไง ตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยเจอใคร...”


   “โว้ยยยยยยยยย! พล่ามเรื่องไร้สาระอยู่ได้น่ารำคาญ!” ผมพูดขัดขึ้นเพราะขี้เกียจจะฟังที่มันพูดแล้ว แม่งเสียเวลาชีวิตฉิบหาย


   “อะไรเล่า! มึงไม่คิดหรอว่ากูกำลังถูกหยาม! นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ...”


“มึงเอาไปคุยกับมันเลยไป” ผมรำคาญสุดขีดเลยปิดสปีกเกอร์โฟนแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้ไอ้พฤกษ์ ซึ่งตอนแรกผมก็นึกว่ามันจะคุยกับไอ้เพลิงต่อ แต่เปล่าเลย มันกลับตัดสายแล้วปิดเครื่องซะงั้น


   “มันจะไม่โกรธมึงหรอนั่น”


   “กูสิที่ต้องโกรธมัน โทรมาขัดจังหวะคนกำลังเข้าได้เข้าเข็ม” ไอ้พฤกษ์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ ถ้าไอ้เพลิงโทรมาเพราะมีเรื่องด่วนก็ว่าไปอย่าง นี่อะไร ดันเป็นเรื่องที่โคตรจะไร้สาระ


   “แต่จะว่าไปก็สมน้ำหน้ามันเหมือนกัน เฮอะ! ตั้งใจจะทิ้งเขาแต่โดนเขาทิ้งก่อน สะใจจริงโว้ย!” แล้วผมก็หัวเราะออกมา เจอหน้าเมื่อไหร่แม่งจะล้อให้ยับเลยคอยดู


   “กูว่าตอนนี้ช่างเรื่องของไอ้เพลิงเถอะน่า มาต่อเรื่องของเราจากเมื่อกี้กันดีกว่า...นะ” เสียงอ้อนตรงคำสุดท้ายของไอ้พฤกษ์นี่แหละที่ทำให้ผมใจละลาย ผมเลยไล่เรื่องของไอ้เพลิงที่มันรกสมองออกไป จากนั้นก็ยกสองมือขึ้นไปโอบรอบลำคอของไอ้พฤกษ์


   แล้วหลังจากนั้น ‘กิจกรรมรัก’ ที่แสนอ่อนโยนแต่เร่าร้อนสุดๆ ก็ดำเนินต่อไปจนเกือบฟ้าสาง...


จบบริบูรณ์



 o14 สวัสดีค่าทุกคน หลังจากที่ติดตามอ่านกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดคู่พฤกษ์ซ่าก็สุขสมหวังแฮปปี้เอนดิ้งแล้วนะคะ เรื่องนี้ถึงแม้ว่าจะกวนและเกรียนใส่กันมาตลอด แต่ตอนหวานก็หวานเชื่อมไม่แพ้คู่ไหนเลยเนอะ  :-[ จะมีก็แค่ NC ที่แพ้ราบคาบ เพราะมีแค่ตอนเดียวเท่านั้น o17 แต่ก็หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบและประทับใจกันนะคะ  :m1:

ส่วนเรื่อง NC ที่แพ้นั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวฝาแฝดวายร้ายอย่างเพลิงจะมาแก้มือให้  o3 (แต่ถ้าใครอยากอ่าน NC ที่พฤกษ์บรรยายในเล่มมีแน่นอนค่า) เนี่ย...ดูจากที่อีตาเพลิงโทรมาโวยวายกับพฤกษ์ที่ถูกหยามวันนี้ หรือว่าคนนี้จะคือตัวจริงของเพลิงกันนะ? เอ...หรือจะเป็นตัวหลอก? ยังไงก็มาลุ้นกันอีกไม่กี่วันนะคะ ไม่แน่ว่าเสาร์หรืออาทิตย์นี้เค้าอาจจะได้ฤกษ์เปิดเรื่องเพลิงจ้า  :mc3:

แอบกระซิบบอกชื่อเรื่องก่อนเลยก็คือ...R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ดูจากชื่อเรื่องแล้วพอเดากันออกมั้ยน้อว่าจะเป็นแนวไหน? แล้วใครจะได้กุมหัวใจของวายร้ายอย่างเพลิง ยังไงก็ขอฝากเพลิงกับหวานใจไว้ในอ้อมกอดทุกคนด้วยน้า  :impress:

ปล.ขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่ติดตามอ่านคู่พฤกษ์ซ่ากันมาจนถึงตอนนี้  :pig4: ขอบคุณจริงๆค่ะที่เป็นกำลังใจ คอมเมนท์ให้ แล้วก็เข้ามาเม้ามอยกันที่แฟนเพจ รักทุกคนมากๆเลยน้า กอดดดดดด แล้วเจอกันเรื่องเพลิงนะคะ บ๊ายบายยยยย  :bye2:

(3 เม.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-04-2018 19:15:34
เพลิง จะได้เจอคนที่กำราบตัวเองแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 03-04-2018 22:20:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-04-2018 22:50:49
แบบเพลิงต้องเจอกระต่ายน้อยที่ซ่อนเขี้ยวเล็บ555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-04-2018 11:18:32
จบแล้ว~ รอเพลิงๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 04-04-2018 23:50:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-04-2018 21:27:14
กรี๊ดดดดหวานมาก ชอบซ่าตรงจะปกป้องหลัว น่าเอ็นดู๊ว เพลิงแอบมาแย่งซีนนะ รอค่ะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องฟินๆให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 06-04-2018 01:49:39
 :impress2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-04-2018 13:42:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-04-2018 15:10:25
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ ที่จบไป ..
และรอตอนใหม่ ท่าทางสนุก ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 08-04-2018 21:05:14
น่ารักทุกคู่ สนุกทุกตอน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ A. Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 14 บทส่งท้าย [03.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-04-2018 22:31:35
อ่านทันแล้ว สนุกทุกคู่แล้วก็ชอบทุกคู่เลย
- คู่ภูผากับตะวัน ตอนแรกหมั่นไส้ภูผามากจะอคติกับตะวันอะไรเบอร์นั้น สุดท้ายเป็นไงแพ้ความดีและความน่ารักของตะวัน
- คู่หมอกกับธาร ว่าแล้วว่าหมอกต้องมีสองบุคลิค แต่อิจฉาธารที่ได้สาแซ่บมาก ได้หนึ่งเหมือนได้สอง :-[
- คู่พฤกษ์กับซ่า ชอบซ่าที่เงินซื้อไม่ได้ ถ้าไม่มากพอ555555 เป็นคู่ที่ดูคลายเครียดที่สุดเพราะซ่านิสัยตรงๆ ฮาๆ พอเห็นเงินนี่สามารถเปลี่ยนหน้าจากหลังเท้าเป็นหน้ามือได้เลย แต่ต้องเข้าใจนะว่าคนที่ต้องหาเลี้ยงตัวเอง ส่งตัวเองเรียน ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อหาเงินไว้กิน ไว้ใช้เนอะ
รอคู่เพลิงนะคะ อยากรู้ว่าใครที่เทนางก่อนจนนางต้องโทรมาฟ้องพี่ชาย :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 18-04-2018 20:21:24
[H.E.A.R.T.] Rabid หัวใจคลั่งรัก


Intro# Plerng ผู้ชายขายน้ำ NC-18


แม่เจ้าโว้ยยยยย คนอะไรวะเนี่ยสวยฉิบหายยยยย


นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมออกอาการตกตะลึงกับรูปลักษณ์ของใครได้ถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่สวยที่สุดในชีวิตที่ผมเคยเจอ แต่เขาคือผู้ชายที่มีเสน่ห์และคาริสม่าแรงมากจนผมละสายตาไม่ได้ ตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในบาร์ผมเอาแต่จ้องมองเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น


ใครจะไปคิดกันล่ะว่าแค่กางเกงสแลคกับเชิ้ตขาวจะทำให้ดูเซ็กซี่ได้ จริงอยู่ว่าเสื้อมันทรงเข้ารูปและปลดกระดุม 1 เม็ดบน แต่นอกนั้นก็ปิดหมดจนแทบไม่เห็นผิวเนื้อขาวๆ ด้วยซ้ำไป สมองของผมเลยได้แต่จินตนาการเรือนร่างที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้านั่น ซึ่งมันทำให้ผมอยากฉีกทึ้งให้พ้นสายตาออกเป็นชิ้นๆ


แต่ที่เกะกะมากกว่าเสื้อผ้าก็พวกแมลงวันที่กำลังรุมล้อมผู้ชายคนนั้นอยู่นั่นแหละ แต่ละคนคงจะยิงมุกจีบแข่งทำคะแนนกันน่าดู ก็อย่างว่าล่ะนะเขาดูสวย เซ็กซี่ แล้วก็มีเสน่ห์ขนาดนี้ ที่สำคัญยังมีความเป็นธรรมชาติ ไม่กร้านโลก แถมบางจังหวะยังดูไร้เดียงสาอีกต่างหาก เพราะงั้นถึงได้มีคนหมายตาและจ้องจะงาบกันเพียบ แน่นอนว่าผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ผมก็ไม่คิดจะเข้าไปเป็น 1 ในตัวเลือกแบบคนพวกนั้นอยู่แล้ว


ผมส่งเจ๊วิทนีย์เจ้าของบาร์ไปสลายกลุ่มแมลงวันพวกนั้นออกไป แถมยังให้อวยผมสุดๆ เวลาที่ผมเดินเข้าไปหา โดยสัญญาว่าจะให้ค่าตอบแทนเป็นคนรู้จักที่ก้ามปูหุ่นล่ำ เจ๊วิทนีย์จึงรีบตกปากรับคำ ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีเจ๊วิทนีย์ก็แอบกวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไปเมื่อทางสะดวก


“ขอนั่งด้วยคนได้รึเปล่า?” ผมเดินเข้าไปทักจากทางด้านหลัง เท่านั้นแหละผู้ชายคนนั้นก็หันหน้ามาหา ใบหน้าที่ได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งสวยมากจนผมแทบลืมหายใจ


“อ๊ะ! เพลิง!” แต่คำอุทานด้วยความตกใจแบบนั้นทำเอาผมได้สติ ผมขมวดคิ้วแล้วถามออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก


“รู้จักผมด้วยหรอ หรือว่าเราเคยเจอกันมาก่อน แต่เอ...ถ้าเป็นแบบนั้นคนสวยสะดุดตาแบบคุณผมก็ต้องจำได้สิ”


“ก็นายเป็นคนดัง ไม่มีใครไม่รู้จักนายหรอก” คำพูดนั้นทำเอาผมอดที่จะยิ้มออกมาอย่างมั่นหน้าไม่ได้ ก็ผมเป็นคนดังจริงๆ นี่หว่า วงการนี้คนเป็นรุกหายากจะตาย แถมหล่อๆ และยังโสดอย่างผมเนี่ยพูดเลยว่ายิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร


“จริงอย่างที่คุณน้องพูด อย่างเพลิงเจ๊บอกเลยว่าคือตัวท็อป เนี่ย...” แล้วเจ๊วิทนีย์ก็ปฏิบัติการอวยผมอย่างหนัก ผ่านไปสักพักจึงขอปลีกตัวออกไปเนียนๆ แล้วเปิดโอกาสให้ผมกับเขาคุยกันสองต่อสอง


“จริงสิ ผมยังไม่ได้ถามชื่อของคุณเลย”


“ผมชื่อพาย”


“ชื่อน่าอร่อยแบบนี้ผมชักอยากลองชิมซะแล้วสิ” พายอมยิ้มบางๆ แก้มใสขึ้นสีเลือดฝาดด้วยอาการเขินอาย ผมจึงไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสทองหลุดรอดเงื้อมมือ “ไปต่อกันข้างบนกับผมมั้ย”


ข้างบนที่ว่าก็คือห้องพักนั่นแหละ เพราะบาร์แห่งนี้ตั้งอยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรม 2 ดาวที่มีชื่อว่า ‘Arena’ ซึ่งหลังจากที่ถูกชวนพายก็มีท่าทีลังเล ผมมองออกว่านั่นไม่ใช่การเล่นตัวแต่กำลังตัดสินใจจริงๆ


“ผมชอบคนที่อ่อนโยนนะ” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบปรับโหมด เลยกุมมือเรียวสวยเอาไว้แล้วยกขึ้นมาจรดจูบอย่างแผ่วเบา


“สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย” พายยิ้มออกมาบางๆ ผมรับรู้ได้ว่านั่นคือคำตอบเลยประคองตัวพายให้ลุกขึ้น จากนั้นก็โอบไหล่พาเดินออกจากบาร์ขึ้นไปยังห้องด้านบนที่จองเอาไว้แล้ว โดยไม่ลืมส่งสายตาเย้ยพวกแมลงวันที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นพญานกกันถ้วนหน้า หึหึ


พอขึ้นห้องผมก็ไม่อารัมภบทใดๆ หลังจากเปิดไฟกับแอร์ผมก็รีบอุ้มพายแล้วพาไปที่เตียงทันที ในตอนแรกพายตัวสั่นนิดๆ อาจเป็นเพราะความตกใจ แต่พอผมย้ำคำสัญญาว่าจะอ่อนโยนด้วยพายก็คลายกังวล แล้วยินยอมพร้อมใจให้ผมจูบพร้อมกับปลดเปลื้องเสื้อผ้า


ซี้ดดด พายมีร่างกายเซ็กซี่เย้ายวนเป็นบ้า ผิวกายเนียนละเอียดแถมยังสว่างใสแทบจะเท่าหลอดไฟ ตุ่มไตเล็กๆ ทั้งสองก็เป็นสีชมพูอ่อนน่ารักเช่นเดียวกับด้านล่าง ส่วนช่วงขาก็เรียวยาวน่าสัมผัสจนผมอดไม่ไหวที่จะเอามือไปลูบไล้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเลยก้มหน้าลงไปจูบแล้วไล้จมูกกับริมฝีปากขึ้นไปเรื่อยๆ ซะเลย


“อื้อ...” เพียงแค่ได้ยินเสียงครางกระเส่าเท่านั้นก็ทำให้ผมแทบจะอดทนไม่ไหว จึงได้ชันตัวลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกไป จากนั้นก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปากของพายพร้อมกับลูบไล้ร่างกายขาวเนียนไปด้วย


“อืม...อือ...” ผมจูบพายด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแฝงไปด้วยความหื่นกระหายตามสไตล์ของตัวเอง ผมใช้ลิ้นตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กๆ สลับกับการดูดและขบเม้มริมฝีปากอ่อนนุ่มจนชุ่มฉ่ำและบวมเจ่อเล็กน้อย


“อา...” พายครางเสียงหวานเมื่อผมถอนจูบออกมา ส่วนร่างกายก็สั่นสะท้านเมื่อผมลูบไล้ตามสีข้างขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงยอดอก ก่อนที่ผมจะบีบคลึงและใช้นิ้วบิดขยี้ไปมาจนมันหดตัวแข็งเป็นไต พายบิดกายเร่าจนผมอดใจไม่ไหวที่จะก้มลงไปชิมรสชาติ


“อ๊ะ! อ๊า...” ทันทีที่ปลายลิ้นของผมแตะโดนยอดอกเสียงครางแหลมสูงก็ดังขึ้น มือเล็กๆ ขยุ้มที่ศีรษะของผมเพื่อระบายความเสียวซ่าน ผมที่อยากได้ยินเสียงครางหวานๆ อีกเลยออกแรงดูด ขบเม้ม แล้วก็ใช้ปลายลิ้นตวัดเลียและหมุนวนจนยอดอกสีชมพูอ่อนเข้มขึ้นจนเกือบเป็นสีแดงสด


   “อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” พายแอ่นอกขึ้นด้วยความเสียวซ่าน ส่วนกลางลำตัวขยายใหญ่ขึ้นและเหยียดตั้งชันด้วยแรงอารมณ์ ซึ่งผมก็ไม่ต่างกัน ส่วนนั้นมันร้อนรุ่มและปวดหนึบอยากเข้าไปในตัวพายใจจะขาด


   ผมหยิบเจลหล่อลื่นที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆ มาบีบใส่มือแล้วละเลงจนทั่ว เสร็จแล้วก็แยกเรียวขาทั้งสองข้างของพายออกจากกัน จากนั้นก็สอดนิ้วกลางซึ่งเป็นนิ้วที่ยาวที่สุดเข้าไปช้าๆ จนสุดความยาว


   “อื้อ...” พายครางด้วยความเสียว ช่องทางด้านหลังกระตุกตอดนิ้วของผมที่ขยับเข้าออกและหักงอเสียดสีกับช่องทาง เล่นเอาผมเสียววาบจนถึงกับต้องซี้ดปาก นี่ถ้าไม่ติดว่าสัญญาจะอ่อนโยนด้วย ผมคงกระชากนิ้วออกมาแล้วแทนที่ด้วยแก่นกายของตัวเองไปแล้ว


   “ซี้ดด...อา...” พายครางหนักขึ้นเมื่อผมสอดนิ้วเข้าไปเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 2 ช่องทางอันอุ่นร้อนบีบและตอดรัดนิ้วของผมถี่ยิบ ปฏิกิริยาที่ยั่วโคตรๆ ตรงข้ามกับสีหน้าที่ดูเอียงอายไร้เดียงสา ขอพูดเลยว่าต่อให้เจ้าอาวาสมาอยู่ตรงนี้ก็ต้องทนไม่ไหวแน่นอน


ไม่ทงไม่ทนมันแล้วเว่ย!


ผมถอนนิ้วออกมาทันทีแล้วรีบสวมถุงยาง จากนั้นก็ยกสะโพกของพายขึ้นแล้วเอาแก่นกายไปจ่อที่ช่องทางด้านหลัง ซึ่งมันกำลังสั่นระริกและแทบจะดูดท่อนเนื้อของผมเข้าไปอยู่แล้ว


“จะเข้าไปแล้วนะ” ปกติไม่มีหรอกที่ผมจะพูดแบบนี้ มีแต่จะจ้วงแทงเข้าไปจนสุดโคนซะมากกว่า


แต่ก็อย่างที่บอกว่าติดคำสัญญา แถมคนตรงหน้าก็ดูไม่ใช่คนกร้านโลกที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน แต่ก็คงไม่ได้ใสซื่อไร้ประสบการณ์ เพราะช่องทางด้านหลังดูจะคุ้นชินกับนิ้วของผมเป็นอย่างดี ซึ่งผมก็ไม่ได้ซีเรียสตรงนี้ แค่อิจฉาคนที่ได้เปิดซิงพายก็เท่านั้น


“ขะ...เข้ามาเลย” พายพูดด้วยเสียงขาดห้วงตามแรงอารมณ์ แล้วยกสองมือขึ้นมาโอบรอบลำคอของผมเอาไว้ ผมที่ได้ยินอย่างนั้นจะรอช้าอีกทำไม ก็ต้องรีบจับสะโพกของพายไว้ให้มั่น ตามด้วยการแทรกแก่นกายเข้าไปรวดเดียวจนมิดลำอยู่แล้ว


“อาาาาาาส์” ผมครางออกมาอย่างสุดกลั้น ข้างในของพายทั้งแคบและรัดแน่นจนผมเสียวแทบบ้า นี่ถ้าไม่ติดว่าผมเข้าไปอย่างไม่ยากเท่าไหร่คงคิดว่าพายยังซิงอยู่แน่ๆ


แม่งเอ๊ยยยยย เสียวโคตรๆ จนแทบจะแตกอยู่แล้ว!


“อ๊ะ...ยะ...อ๊า...อย่าพึ่ง...มันเร็วไป...อ๊ะ...อ๊า!” พายหวีดร้องลั่นเมื่อผมเร่งจังหวะซอยเอวถี่ยิบตั้งแต่เริ่ม แต่นั่นก็เป็นแค่ช่วงแรกเท่านั้น เพราะพอผ่านไปสักพักพายก็ปรับตัวได้ แถมยังขยับสะโพกสอดประสานกับผมอย่างเป็นงานอีกต่างหาก


“อ๊า! ตรงนั้น! อ๊ะ...ดีจัง...อ๊ะ...อ๊า...อ๊า...” ตรงนั้นที่ว่าต้องเป็นจุดเสียวที่อยู่ข้างในอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะช่องทางด้านหลังของพายกระตุกตอดรัดแก่นกายของผมมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แถมยังดูดกลืนอย่างแรงจนผมแทบจะเห็นสวรรค์รำไร ดังนั้นผมเลยเร่งเครื่องกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้าไปโดยเน้นย้ำแต่ตรงจุดนั้นเพียงจุดเดียว


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...อ๊า! ผมจะ...อ๊า...จะเสร็จแล้ว!” พายใช้สองแขนกอดรัดตัวของผมแน่น เช่นเดียวกับช่องทางด้านหลังที่ตอดรัดท่อนเนื้อของผมถี่ยิบ เล่นเอาผมเสียวซี้ดจนทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จึงได้กระแทกกระทั้นแก่นกายเข้าไปอย่างไม่ยั้ง ทั้งหนักหน่วง รุนแรง และรวดเร็ว โดยไม่ลืมใช้มือข้างหนึ่งชักส่วนนั้นของพายที่มีน้ำใสๆ ไหลออกมาไปด้วย


ซึ่งไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น...


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊าาาาาา!” พายก็กรีดร้องเป็นครั้งสุดท้าย ตามด้วยการปลดปล่อยความสุขสมทั้งหมดออกมา ส่วนผมที่ถูกพายบีบรัดจนเสียวแทบบ้า ก็กระแทกท่อนเนื้อเข้าไปอย่างแรงแล้วปลดปล่อยตามพายไปติดๆ


“อาาาาาาส์!” ผมหลับตาพริ้มด้วยความพึงพอใจ จำไม่ได้แล้วว่าเคยมีเซ็กส์ที่เสียวสุดยอดแบบนี้ล่าสุดเมื่อไหร่ หรือบางทีอาจจะไม่เคยมีเลยก็ได้ ร่างกายของพายเข้ากับร่างกายของผมได้อย่างดีเยี่ยม


คู่นอนในฝันชัดๆ!


“ขออีกรอบได้รึเปล่า?” ถึงจะดูเหมือนเป็นประโยคคำถาม แต่ผมก็ไม่ต้องการคำตอบเพราะได้สลับตำแหน่งกับพาย โดยตัวผมลงไปนอนอยู่ด้านใต้ส่วนพายนั่งคร่อมอยู่ที่ตักของผม แน่นอนว่าตอนนี้ผมเปลี่ยนถุงยางเป็นอันใหม่เรียบร้อย


“แต่ว่า...” พายทำท่าจะปฏิเสธ ก็ไม่รู้ว่าเหนื่อยหรืออะไร แต่ผมจะไม่ยอมกินพายแค่รอบเดียวแน่นอน


พายที่อร่อยขนาดนี้ผมอยากจะกินทั้งคืนเลยด้วยซ้ำ!


“น่านะ ถือซะว่าเป็นการแก้ตัวจากรอบที่แล้ว รอบนี้ผมจะอ่อนโยนจริงๆ สัญญาเลย” ผมพูดด้วยความจริงใจ พอได้ปลดปล่อยไปแล้วครั้งนึงความหื่นมันก็ลดลงเกือบครึ่ง ดังนั้นผมเลยมั่นใจว่าจะควบคุมตัวเองให้อ่อนโยนตามความต้องการของพายได้ ไม่น่าจะตบะแตกกระแทกไม่ยั้งอย่างรอบที่แล้ว


“ก็ได้ถ้านายพูดแบบนั้น” คำตอบของพายทำให้ผมยิ้มออกมา ก่อนจะใช้สองมือลูบไล้ผิวกายเนียนลื่นตรงหน้า ผมลูบช้าๆ ด้วยความหลงใหล ทั้งยังปลุกเร้าอารมณ์ของพายให้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งไปด้วย


“อา...” พายเริ่มครางเสียงกระเส่า ร่างกายบิดเร่าและสั่นระริกด้วยความต้องการ ผมเลยยกสะโพกเล็กขึ้นแล้วกดลงมากลืนกินท่อนเนื้อของผมช้าๆ ความเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้นมาทำให้เราสองคนถึงกับครางออกมาอย่างสุดกลั้น


“ซี้ดดด...อา...” เสียงไหนเป็นของใครผมไม่สนใจแล้ว ตอนนี้ผมสนใจแต่ความเสียวที่พายยกสะโพกขึ้นลงเท่านั้น ช่องทางด้านหลังบีบและตอดรัดท่อนเนื้อของผมถี่ยิบจนผมเสียวแทบขาดใจ จึงได้กระแทกแก่นกายขึ้นสวนพร้อมทั้งบีบขยำแผ่นอกตรงหน้าด้วยแรงอารมณ์


“อาา...สุดยอดเลยพาย ขย่มลงมาแรงๆ...ซี้ดด...อย่างนั้น...อา...สุดยอด...” ตอนนี้พายขย่มลงมาอย่างเมามัน ส่วนผมก็กระแทกแก่นกายสวนขึ้นไปแบบไม่ยั้ง เราสองคนครางออกมาดังลั่นก่อนที่สักพักความเสียวจะล้นทะลักจนถึงจุดสุดยอด


ผมจำได้ว่าไปต่อกับพายอีกรอบในห้องน้ำ โดยไปในท่าอุ้มแตงแล้วไปจบที่ตรงผนังใต้ฝักบัว นี่ถ้าไม่กลัวร่างกายของพายจะรับไม่ไหว ผมคงจะจัดอีกสักรอบส่งท้ายตอนอุ้มพายกลับมาบนที่นอนไปแล้ว


แต่เอาเถอะ ไว้พรุ่งนี้หรือมะรืนค่อยจัดหนักก็ได้ คู่นอนในฝันอย่างพายใครจะบ้าปล่อยให้หลุดมือไป ถึงปกติผมจะได้แล้วทิ้งไม่คิดสานต่อก็เถอะ แต่สำหรับพายเป็นข้อยกเว้นจนกว่าผมจะเบื่อล่ะนะ


พอคิดได้แบบนั้นผมก็นอนหลับข้างๆ พายอย่างสบายใจ หารู้ไม่ว่าหลังจากนั้นไม่นานพายก็รู้สึกตัวตื่นแล้วเก็บของออกจากห้องไป ส่วนผมก็นอนต่ออย่างไม่รู้เรื่องอะไร ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองถูกทิ้งไว้กับความว่างเปล่าและความเย็นชืดของที่นอนเท่านั้น ไม่สิ รู้สึกผมจะเห็นอะไรสักอย่างวางอยู่บนโต๊ะ


“หืม? เงินพันห้า?” ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เงินนี่ไม่ใช่เงินของผมแน่ๆ เพราะงั้นมันก็ต้องเป็นเงินของพาย ซึ่งพายก็ไม่น่าจะลืมเอาไว้ ดูแล้วน่าจะตั้งใจวางเอาไว้มากกว่า


แต่เดี๋ยวนะ ไอ้การกระทำแบบนี้มันดูคุ้นๆ ยังไงชอบกล สมองของผมเลยรีบประมวลผลจนกระทั่งสรุปได้ว่า...               

         
“บ้าเอ๊ย! กูไม่ใช่ผู้ชายขายน้ำนะโว้ยยยยยยยย!”


2BC


 :a9: ฮัลโหลวววว สวัสดีค่าทุกคนขอโทษที่ให้รอกันนานนะคะ แต่ในที่สุด Rabid หัวใจคลั่งรัก ก็ได้ฤกษ์เปิดเรื่องแล้ว เย่!  :mc3: ซึ่งเรื่องนี้ก็คลั่งสมชื่อเรื่องตั้งแต่ตอนแรกเลยล่ะเนอะ ก็นะ...ถูกฟันแล้วทิ้งแถมยังถูกคิดว่าขายตัวอีกต่างหาก โธ...มีใครสงสารอีตาเพลิงกันบ้าง เอ...หรือจะสมน้ำหน้ากันถ้วนหน้ากันนะ  :laugh:
เรื่อง Rabid นี้ก็จะเป็นคนละแนวกับสามเรื่องก่อนหน้านะคะ อย่างพี่ภูกับหนูตะวันก็เป็นสายหวาน คุณธารกับหมอกก็เป็นสายหื่น ส่วนพฤกษ์กับซ่าก็เป็นสายฮา พอมาถึงเพลิงบ้างเราเลยเบนมาเป็นสายนี้ แต่ก็ยังไม่อยากบอกว่าสายไหนกันแน่ แต่เอาเป็นว่าดิบ หื่น โหด โฉด เถื่อน ต้องมีสักอย่างนี่แหละ ยังไงก็มาลุ้นกันต่อไปด้วยนะคะ  :m13:
อ้อ แต่ที่แน่ๆต้องเตือนไว้ก่อนเลยว่า ภาษาที่ใช้ในเรื่องนี้จะดิบและเถื่อนกว่าเรื่องอื่นๆในซีรีส์นิดนึง (โดยเฉพาะตอนที่เพลิงบรรยาย) เพราะงั้นเราก็ขอกราบขออภัยคนที่อาจจะยังไม่ชินและรับไม่ได้ไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ  :m5:
สำหรับตอนนี้ก็หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบกันและจะติดตามอีตาเพลิงต่อน้า แล้วตอนหน้ามาลุ้นกันว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง เพลิงจะหัวเสียขนาดไหนที่ถูกพายทำแบบนี้  :fire: จะพลิกแผ่นดินตามล่าจนเจอตัวรึเปล่า ยังไงก็มาลุ้นกันต่อนะคะที่ร้าก ขอฝากคู่เพลิงพายเอาไว้ในอ้อมกอดทุกคนด้วยนะคะ  :pig4:
(18 เม.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-04-2018 20:50:24
กร๊ากกกกกกก ค่าตัวเพลิงนี่แค่พันห้าเองเหรอ ถถถถ สงสาร :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-04-2018 21:40:56
เมือคนอย่างเพลิงโดนลูบคม555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-04-2018 22:58:55
ที่โมโหคือได้แค่ 5พันใช่ป่ะ5555 ไม่ช่ายยยยย พายต้องโดนเพลิงพลิกแผ่นดินหาแน่ เอ๊ะแต่พายน่าจะรู้จักเพลิงคงหาไม่ยากหรอก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-04-2018 00:10:34
นี่ราคาตัวท๊อปเหรอ 55555
 ก็อยากจะสมน้ำหน้าเพลิงอ่ะนะ แกล้งคนอื่นเอาไว้เยอะ โดนซะมั่ง   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-04-2018 02:47:51
หรือว่าพายอาจจะโดนเพลิงฟันแล้วทิ้งเงินไว้ให้ เลยมาแก้แค้นเอาคืนบ้างก็ได้นะ  :m29:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-04-2018 09:08:25
อิเพลิงโดนทิ้ง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 19-04-2018 10:08:48
บอกได้คำเดียวเลยยยยย อุ๊ยยยยยย  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 19-04-2018 20:15:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-04-2018 22:14:05
55555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC P.23 [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 20-04-2018 08:50:46
 :m25: เปิดตัวได้แซบเวอร์และสะใจเวอร์55
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก บทนำ ผู้ชายขายน้ำ NC P.23 [18.04.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-04-2018 16:31:19
555 ได้เงินใช้ด้วยนะ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 22-04-2018 23:20:26
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 1# Pie หนุ่มเนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย NC-?


ทำไปแล้ว...


มีเซ็กส์ครั้งแรกไปซะแล้ว...


ผมมองไปยังเพลิงที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เสียงกรนเบาๆ ที่ได้ยินบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเพลิงกำลังหลับลึกแค่ไหน ผมเลยใช้โอกาสนั้นค่อยๆ ย่องลงจากเตียงแล้วเก็บข้าวของออกไปจากห้อง ก่อนจะลงไปรอแท็กซี่แล้วโบกกลับหอที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร


ระหว่างทางผมเอาแต่นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมายืนอยู่ตรงจุดนี้...


‘เรามีแฟนแล้วนะพาย’ กวี เพื่อนข้างห้องที่ผมแอบชอบมาตั้งแต่ปี 2 บอกกับผมพลางยิ้มแก้มแทบปริ จากนั้นก็โอบไหล่เดือนแฟนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
ทั้งสองคนหันไปมองสบตากันอย่างเขินอาย แต่ผมนี่สิกลับรู้สึกว่าฟ้ากำลังจะถล่ม โลกกำลังจะทลาย เพราะหัวใจของผมได้แตกสลายไปเรียบร้อยแล้ว


ที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดไปเองสินะที่คิดว่าเราสองคนมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน...


ผมมันบ้าไปเองคนเดียว...


‘ยินดีด้วยนะ ขอให้รักกันนานๆ’ ผมฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตากำลังจะไหล จึงได้อ้างว่ามีธุระแล้วก็ออกไปให้ไกลจากตรงนั้น ผมนั่งร้องไห้พลางปรับทุกข์กับเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่รู้ทุกอย่างกับอินน์ด้วยความเสียใจ


‘เราว่าพายลองปรับลุคดูดีมั้ย เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น’ ถึงจะดูเป็นเหมือนคำถาม แต่อินน์กลับไม่รอคำตอบ แล้วลากผมขึ้นแท็กซี่ไปร้านตัดผมเจ้าประจำที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร พอไปถึงก็ช่างกับอินน์ก็คุยนู่นนั่นนี่กันสักพัก จากนั้นก็จัดการปรับลุคให้ผมจนแทบจะจำตัวเองไม่ได้


เด็กเนิร์ดแว่นหนาที่ผมปรกหน้าปรกตาจนจืดจางแทบไม่มีใครสนใจ แต่พอตัดผมและเซ็ตเป็นทรง รวมทั้งเปลี่ยนไปใส่คอนแทคเลนส์ก็ดูเปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคนกันเลย ผมมองตัวเองที่หน้ากระจกอย่างอึ้งๆ ซึ่งคนในร้านก็เช่นกัน


‘หูยยย พายสวยสุดๆ เลยอะ’ ดวงตากลมโตของอินน์มองผมอย่างชื่นชม ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกเลยผมถูกชมแบบนี้ ปกติแค่มีคนจำผมได้ผมก็รู้สึกดีใจแทบตายแล้ว


‘เราไม่ได้ดูแปลกใช่มั้ย’ ผมพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ


จังหวะนั้นอินน์เลยจัดแจงเสื้อผ้าให้ผมใหม่ โดยถอดเข็มขัดนักศึกษา รวมทั้งไทด์กับสร้อยคอที่ผมห้อยเกียร์เอาไว้ แล้วก็ปลดกระดุมเสื้อผมเพิ่มอีก 1 เม็ดที่ไม่ใช่ตรงคอ พอโดนลอกคราบแบบนี้ผมก็ดูเหมือนคนแต่งตัวมาเที่ยวไม่ใช่คนแต่งตัวไปเรียนด้วยชุดนักศึกษา


‘เชื่อเราสิตอนนี้พายดูดีมากๆ พายคนเก่าน่ะลบทิ้งไปพร้อมกับไอ้กวีไปเลย’ คำพูดของอินน์ทำให้ผมอมยิ้มออกมา ผมเลยตั้งปณิธานว่าจากนี้จะเป็นคนใหม่ พายคนเดิมที่จืดชืดและจืดจางจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว!


เมื่อตัดสินใจได้แบบนั้น หลังจากแยกกับอินน์ผมก็ทำใจกล้าเดินเข้าบาร์ ‘Arena’ ที่ตั้งอยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรมชื่อเดียวกันที่อยู่ไม่ไกล ผมพึ่งเคยเข้าสถานที่แบบนี้เลยต้องเลือกที่ที่มันดูดีหน่อย เพราะอย่างน้อยก็น่าจะคัดกรองคนได้ในระดับหนึ่ง


ทันทีที่ผมเข้าไปแทบทุกสายตาต่างก็พากันมองมาจนผมรู้สึกประหม่า แต่ผมก็พยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้ แล้วเดินเข้าไปพร้อมกับยิ้มด้วยความมั่นใจ ผู้ชายที่มาคนเดียวส่วนใหญ่เลยเดินเข้ามาจีบผม แต่ผมก็ไม่คิดว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นคนใกล้ตัว


‘ขอนั่งด้วยคนได้รึเปล่า?’


‘อ๊ะ! เพลิง!’ พอหันไปเห็นว่าคนที่มาทักผมเป็นใครก็ทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง ถึงจะเรียนคณะเดียวกันแต่ร้อยวันพันปีเพลิงเคยมาทักผมที่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าเพลิงจะจำผมไม่ได้นะ


‘รู้จักผมด้วยหรอ หรือว่าเราเคยเจอกันมาก่อน แต่เอ...ถ้าเป็นแบบนั้นคนสวยสะดุดตาแบบคุณผมก็ต้องจำได้สิ’ สวยสะดุดตางั้นหรอ? ปกติผมจืดจางจนนายและใครต่อใครแทบจะจำไม่ได้ต่างหาก


‘ก็นายเป็นคนดัง ไม่มีใครไม่รู้จักนายหรอก’ ที่ผมพูดไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด เพราะเพลิง หรือ เพลิงกัลป์ เป็นจอมอัณฑะพาล ที่มีชื่อเสีย (ง) ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วทั้งมหา’ลัยเรื่องฟันไม่เลือก อ้อไม่สิ จริงๆ เพลิงเลือกอยู่ เลือกฟันแต่ผู้ชายส่วนผู้หญิงไม่สนใจ ทำเอาผู้หญิงเกือบครึ่งมหา’ลัยพากันเสียดายไปตามๆ กัน


ถึงผมกับเพลิงจะเรียนคณะวิศวกรรมเหมือนกันแต่ก็เรียนคนละสาขา เพราะผมเรียนไฟฟ้าส่วนเพลิงเรียนคอมพิวเตอร์ แม้จะมีบางวิชาที่ต้องเรียนรวมกันมาตั้งแต่ปี 1 แต่ผมกับเพลิงก็ไม่เคยคุยกัน อย่าว่าแต่คุยเลย อันที่จริงเพลิงคงจะจำหน้าผมไม่ได้ด้วยซ้ำ เด็กเนิร์ดกับคนดังโลกมันต่างกัน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าเราสองคนจะได้มาเจอกัน พูดคุยกัน และมีอะไรกันแบบนี้


‘จะเข้าไปแล้วนะ’ เพลิงพูดด้วยเสียงแหบพร่า แก่นกายอันใหญ่โตและร้อนระอุกำลังจ่ออยู่ที่ช่องทางด้านหลังของผม ถึงแม้จะยังไม่เคยมีใครล่วงล้ำเข้ามา แต่ผมก็เคยใช้นิ้วช่วยตัวเองทางนี้โดยจินตนาการว่ากำลังทำกับคนที่ชอบ เพราะงั้นช่องทางมันเลยสั่นระริกจนแทบจะดูดกลืนท่อนเนื้อของเพลิงเข้าไป


‘ขะ...เข้ามาเลย’ ผมพูดด้วยเสียงขาดห้วงตามแรงอารมณ์ แล้วยกสองมือขึ้นไปโอบรอบลำคอของเพลิงเอาไว้ เพลิงที่ได้ยินอย่างนั้นเลยรีบแทรกแก่นกายเข้ามารวดเดียวจนมิดลำ


‘อาาาาาาส์’ เพลิงครางออกมาอย่างสุดกลั้น ข้างในของผมคงทำให้เพลิงเสียวแทบบ้า ส่วนผมที่ถึงแม้จะเจ็บอยู่บ้างเพราะเป็นครั้งแรก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่อนเนื้อของผู้ชายจริงๆ มันให้ความรู้สึกดีกว่านิ้วของตัวเองไม่รู้กี่เท่า


คืนนั้นผมปล่อยตัวปล่อยใจไม่คิดอะไรทั้งนั้น แล้วมีความสุขกับเซ็กส์ของเพลิงอย่างเต็มที่ หลังจากจบรอบแรกเพลิงก็ต่อรอบสองในท่าออนท็อปทันที ผมที่ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ในส่วนลึกกลับรู้สึกว่ายังไม่พอ


‘อา...’ ผมครางเสียงกระเส่า ส่วนร่างกายก็บิดเร่าและสั่นระริกด้วยความต้องการ เพลิงเลยยกสะโพกของผมขึ้นแล้วกดลงมากลืนกินท่อนเนื้อของตัวเองช้าๆ ความเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้นมาทำให้เราสองคนถึงกับหลุดเสียงครางอย่างห้ามไม่อยู่


‘ซี้ดดด...อา...’ เสียงไหนเป็นของใครผมไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมสนใจแต่ความเสียวที่ช่องทางด้านหลังเสียดสีกับท่อนเนื้อของเพลิงเท่านั้น ผมเลยยกสะโพกขึ้นลงทั้งยังบีบและตอดรัดอย่างถี่ยิบ เล่นเอาเพลิงเสียวจนแทบขาดใจจึงได้กระแทกแก่นกายขึ้นสวนพร้อมทั้งบีบขยำแผ่นอกของผมไปมา


‘อาา...สุดยอดเลยพาย ขย่มลงมาแรงๆ...ซี้ดด...อย่างนั้น...อา...สุดยอด...’ ด้วยความที่รู้สึกดีและเสียวซ่านไม่ต่างกัน ผมเลยขย่มสะโพกขึ้นลงอย่างเมามัน ส่วนเพลิงก็กระแทกแก่นกายสวนขึ้นอย่างไม่ยั้ง เราสองคนครางออกมาดังลั่นก่อนที่สักพักความเสียวจะล้นทะลักจนถึงจุดสุดยอด


หลังจากเสร็จรอบสองผมก็ไปต่อกับเพลิงรอบสามในห้องน้ำ เพลิงเป็นคนที่มีความต้องการสูงมาก แต่น่าแปลกที่ผมก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ผมกอดคอและเกี่ยวขารัดเพลิงไว้แน่นด้วยความสุขสม ส่วนเพลิงก็กระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างสุดแรง กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาผมไร้เรี่ยวแรงจนแทบยืนไม่ไหว ไม่อย่างนั้นอาจได้มีต่อรอบสี่กันบนเตียงส่งท้ายก่อนนอนก็เป็นได้...


กลับมาที่ปัจจุบัน ขณะนี้ผมกำลังทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่หอ ก็ไม่รู้ว่าผมทำถูกต้องรึเปล่าที่ประชดชีวิตเพราะอกหักแบบนี้


อันที่จริงครั้งแรกผมก็ตั้งใจจะเก็บไว้ให้คนที่ชอบนั่นแหละ แต่พอคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางสมหวังในความรักเลยพอแล้วดีกว่า ใครจะมาชอบคนเนิร์ดๆ ที่จืดจางแถมยังจืดชืดแบบผม บางทีการมีวันไนท์สแตนด์อาจจะเหมาะกับคนอย่างผมมากกว่าล่ะมั้ง


โชคดีที่เพลิงจำผมไม่ได้ ไม่งั้นผมคงทำตัวไม่ถูกเวลาเดินสวนหรือเรียนในห้องเดียวกัน ดังนั้นเมื่อตื่นมาผมเลยรีบเก็บข้าวของออกไปจากห้อง เพราะยังไงตอนเช้าก็ต้องแยกย้ายต่างคนต่างไป เพลิงเป็นคนที่ไม่ค่อยนอนกับใครซ้ำๆ เพราะงั้นก็คงไม่ได้สนใจอะไรผมอยู่แล้ว


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


วันจันทร์ที่ห้องเรียนรวมผมกลับได้ยินเสียงของเพลิงที่เกรี้ยวกราดดังเล็ดลอดออกมาก่อนที่ผมจะเปิดประตูเข้าไปข้างใน


“ใครลากตัวผู้ชายชื่อพายมาให้กูได้กูให้เลยหมื่นนึง! กูจะสั่งสอนให้แม่งรู้ซึ้งว่ากูไม่ใช่ผู้ชายขายน้ำ! และถึงกูจะขายจริงๆ แต่ค่าตัวกูก็ไม่ใช่แค่พันห้าโว้ยยยยยย!”


ซะ...ซวยแล้ว...


ผมไม่ได้คิดว่าเพลิงเป็นผู้ชายขายน้ำสักหน่อย เงินพันห้าที่วางเอาไว้ผมตั้งใจจะหารค่าห้องกับจ่ายค่าเครื่องดื่มที่เพลิงออกให้ก็เท่านั้น แต่ถึงจะอธิบายไปเพลิงก็คงไม่ฟัง คน (อัณฑะ) พาลแบบนั้นการอยู่ให้ไกลน่าจะปลอดภัยกับชีวิตมากกว่า


ผมเอาผมลงมาปิดหน้าปิดตา จากนั้นก็ดันแว่นสายตาขึ้นพร้อมกับก้มหน้าลง หวังว่าความจืดจางคงจะทำให้เพลิงจำผมไม่ได้ หรือถ้ามองไม่เห็นเลยก็ยิ่งดี!


“ยืนทำอะไรอยู่น่ะ ไม่เข้าห้องเรียนหรอพาย”


“อ๊ะ!” ซึ่งขณะที่ผมกำลังวิตกกังวลจนแทบจะเป็นบ้า อินน์ก็ทักขึ้นจากทางด้านหลังแถมยังวางมือลงที่บ่าของผมอีกต่างหาก เล่นเอาผมตกใจจนมือไม้อ่อน สมุดหนังสือที่ถือเอาไว้จึงหล่นกระจัดกระจายลงที่พื้น


“เป็นอะไรไปพาย หรือว่าเฮิร์ทหนักจนไม่สบาย” อินน์ถามอย่างห่วงใยแล้วก้มลงช่วยผมเก็บสมุดหนังสือ


“ปะ...เปล่าหรอก เราสบายดี ตอนนี้ในหัวของเราไม่ได้คิดเรื่องของกวีแล้ว” แน่ล่ะสิ เพราะตอนนี้ในหัวของผมเอาแต่คิดเรื่องเพลิงที่กำลังตามล่าตัวผมไปสั่งสอน!


“ดีแล้วล่ะ คนโลเลแทงกั๊กแบบนั้นพายอย่าไปสนใจเลย เจอหน้าก็ไม่ต้องยิ้มไม่ต้องทักทายด้วย ทำให้เหมือนกับมันเป็นแค่ธาตุอากาศ” ผมไม่ตอบอะไรได้แต่หัวเราะแห้งๆ กับคำพูดนั้น เพราะเมื่อเช้าผมยังยิ้มแล้วก็ทักทายกวีที่เดินออกมาจากห้อง แถมยังเดินเข้ามหา’ลัยทางประตูด้านหลังด้วยกันอีกต่างหาก


จะให้เมินคนที่ชอบที่ส่งยิ้มมาให้ได้ยังไง ถึงแม้ผมจะนึกเสียใจที่ตลอดทางกวีเอาแต่พูดถึงเรื่องของแฟนก็เถอะ...


“แล้วนี่ทำไมพายถึงยังใส่แว่นเหมือนเดิมล่ะ หรือว่าใส่คอนแทคเลนส์แล้วไม่สบายตา ไหนจะผมที่เอาลงมาปิดหน้านั่นอีก ไม่คิดจะหวีหรือเซ็ตให้มันเข้าทรงหน่อยหรอ” ไม่พูดเปล่าอินน์ยังทำท่าจะหยิบหวีที่อยู่ในกระเป๋าออกมาหวีให้ผมอีกต่างหาก


“ไม่ต้องหรอกอินน์ คือ...เราชินกับการเอาผมลงมาปิดหน้า แล้วก็ชินกับการใส่แว่นด้วย” ผมแถข้างๆ คูๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าอินน์จะเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่คิด


“พายนี่น้า แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะมีใครมาสนใจสักที”


“เราก็ไม่ได้อยากให้มีใครมาสนใจสักหน่อย” โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ผมอยากให้ตัวเองจืดจางจนแทบจะกลืนไปกับอากาศ “จริงสิ ช่วงนี้อินน์อย่าเรียกเราว่าพายได้มั้ย”


   “หืม? ทำไมล่ะ?”


   “คือ...เรารู้สึกเบื่อชื่อตัวเอง ชื่อนี้มันอาจจะไม่เป็นมงคล บางทีถ้าเปลี่ยนชื่อใหม่เราอาจจะสมหวังเรื่องความรักก็ได้นะ”


ว่าไปนั่น ความจริงแล้วผมกลัวเพลิงจะรู้ว่าพายที่ตัวเองกำลังตามหาคือผมต่างหาก ท่าทางเพลิงจะแค้นเอามากๆ ขืนจับได้มีหวังผมต้องถูกเพลิงซ้อมจนน่วมแน่ๆ


   “อ๋อ เราเข้าใจแล้ว ลองแก้เคล็ดแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” ขอบคุณจริงๆ ที่อินน์เป็นคนแทบไม่เคยสงสัยอะไรเลย “แล้วพายอยากให้เราเรียกพายว่าอะไรล่ะ”


   “อะไรก็ได้ เอ่อ...อย่างแว่นเป็นไง ง่ายดี”


“โหย มันง่ายไป แถมยังโหลด้วย คนใส่แว่นทั้งคณะมีไม่รู้กี่สิบคน เกิดเราเรียกพายว่าแว่นแล้วหันมากันทั้งหมดจะไม่ยุ่งเอาหรอ” นั่นสินะ ผมก็ลืมคิดไป


“งั้นอินน์อยากเรียกเราว่าอะไรก็ตามใจเลยแล้วกัน ขอแค่อย่าเรียกเราว่าพายก็พอ”


“อืม...พาย...พราย...พฤกษ์...เอาเป็นชื่อพฤกษ์ดีมั้ย”


“ก็ดีเหมือนกันนะ เอาชื่อนี้แหละ” ชื่อที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับชื่อพายเลยแม้แต่น้อย ถึงอินน์จะเรียกชื่อนี้ใกล้ๆ หรือจะตะโกนอยู่ข้างหู แต่เพลิงก็ต้องไม่สนใจแน่นอน


“โอเค แล้วจะให้เราเรียกพายว่าพฤกษ์ไปจนถึงเมื่อไหร่”


“ไม่นานหรอก แค่วันสองวันก็พอ” ผมว่าไม่เกินพรุ่งนี้เพลิงคงจะเบื่อจนเลิกตามล่าผมแล้วล่ะมั้ง เบาะแสก็ไม่มี รูปก็ไม่ได้ถ่าย แถมลักษณะทุกอย่างยังห่างจากผมลิบลับรับรองไม่มีทางเจอ


เมื่อโล่งใจไม่ต้องมีอะไรกังวลแล้วผมก็ชวนอินน์เดินเข้าไปในห้อง เราสองคนตรงไปนั่งด้านหน้าสุดมุมขวาเหมือนเดิม โดยที่ผมพยายามทำตัวลีบๆ และจืดจางเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา ซึ่งก็ดูเหมือนว่าผมจะทำสำเร็จ


ตลอดช่วงเช้าผมเรียนได้อย่างราบรื่น ถึงแม้บางช่วงผมจะระแวงแอบหันมองไปยังเพลิงที่นั่งอยู่มุมซ้ายด้านหลังสุดของห้องก็เถอะ แต่เพลิงก็เอาแต่เล่นโทรศัพท์ไม่ก็นอนหลับไม่ได้สนใจมองมายังผมสักนิด ผมล่ะแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมทั้งที่ทำตัวแบบนี้แต่เกรดของเพลิงกลับออกมาดีอย่างน่าเหลือเชื่อ


“ไปกินข้าวเที่ยงที่ไหนดีพาย...เอ๊ย! พฤกษ์” อินน์ยังคงเรียกชื่อผมอย่างผิดๆ ถูกๆ แต่ก็นะ ถ้าเรียกถูกต้องทันทีทั้งที่เรียกพายมาตลอด 4 ปีก็แปลกแล้วล่ะ


“กินที่โรงอาหารคณะดีมั้ย ไปกินข้างนอกมันแพง” ถึงที่ผมพูดมันจะจริง แต่ถ้าออกไปกินข้างนอกก็อาจจะเสี่ยงเจอเพลิงก็ได้ คนอย่างเพลิงไม่เคยเฉียดมากินข้าวที่โรงอาหารคณะอยู่แล้ว เพราะงั้นมั่นใจได้เลยว่าถ้าผมไปกินที่นั่นต้องปลอดภัยหายห่วงชัวร์แน่นอน


“เอางั้นก็ได้ งั้นเราไปกันเถอะ” อินน์พูดจบก็จะเดินนำผมออกไปจากห้องเรียนรวม แต่ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขัดขึ้นมาจากทางด้านหลังซะก่อน


“เดี๋ยว อย่าพึ่งไป” เสียงเรียกนั้นทำเอาผมใจหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ผมตัวแข็งทื่อราวกับวิญญาณได้หลุดลอยออกไปจากร่าง


ยะ...อย่าบอกนะว่าเพลิงเป็นคนเรียกผมเอาไว้!


“มีธุระอะไรกับพวกเราหรอป๋อง” แต่พอได้ยินอินน์พูดแบบนี้ ผมก็โล่งอกจนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ที่แท้ก็เป็นเพื่อนในสาขาของผมนี่เอง


“กูไม่ได้มีธุระกับมึง แต่กูมีธุระกับไอ้แว่น” ป๋องพูดจบก็เดินมาตรงหน้าผม จากนั้นก็ก้มหน้าลงมามองผมที่สูงห่างกันเกือบคืบ


“มะ...มีอะไรหรอ”


“ถ้าจำไม่ผิดมึงชื่อพายสินะ”


“อะ...อ๋อ...นั่นชื่อเก่า ตอนนี้เราเปลี่ยนเป็นพฤกษ์แล้ว” ผมยิ้มบางๆ ไม่แสดงอาการลนลาน ทั้งที่ขาสั่นพั่บๆ เพราะกลัวจะตายอยู่แล้ว


“เออ ช่างเถอะ ถึงไม่เปลี่ยนชื่อแต่มึงก็คงไม่ใช่คนที่ไอ้เพลิงตามหาอยู่ดีนั่นแหละ” ป๋องพูดอย่างเซ็งๆ และติดรำคาญ จากนั้นก็เดินกลับไปด้วยท่าทีหัวเสียหน่อยๆ


อะไรของเค้าก็ไม่รู้ จู่ๆ มาทักผมเองแต่กลับอารมณ์เสียซะเอง บ้ารึเปล่า


“ที่ป๋องพูดหมายความว่าไงงั้นหรอ” อินน์ถามผมพลางทำหน้าขมวดคิ้วอย่างงุนงง แต่ผมก็ยิ้มตาใสทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น


“ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงไม่เกี่ยวกับพวกเราหรอก ไปกินข้าวกันดีกว่า” ผมพูดจบก็จูงมืออินน์ออกมาแล้วตรงไปยังโรงอาหาร โดยย้ำว่าจากนี้ต้องเรียกผมว่าพฤกษ์ห้ามเรียกว่าพายเด็ดขาด ซึ่งอินน์ก็รับปากว่าจะพยายามเป็นอย่างดี


ช่วงบ่ายผมมีเรียนวิชาเฉพาะของสาขาจึงไม่ได้เรียนรวมกับเพลิง เพราะงั้นผมจึงค่อนข้างคลายความกังวลและกินข้าวกับอินน์อย่างสบายใจ แต่ไหงในขณะที่ผมยังกินข้าวไปได้แค่ครึ่งจาน ผมกลับเห็นเพลิงพร้อมกับกลุ่มเพื่อนจำนวนหนึ่งเดินมาที่โรงอาหารก็ไม่รู้!


“ไอ้เพลิงบอกว่าคนชื่อพายอาจจะเรียนที่นี่ เด็กม.อื่นมันคงไม่ถ่อมาแต่ไกลเพื่อเข้าบาร์เล็กๆ ตรงนั้น เพราะงั้นพวกมึงสองคนลองไปแยกย้ายกันหา” เสียงของเพื่อนเพลิงคนหนึ่งที่ดังอยู่ในระยะประชิด ทำให้ผมตกใจและตื่นตระหนกจนถึงกับสำลักอาหาร


“อุปส์! แค่กๆๆๆ” ดูท่าทางผมอาจจะตายเพราะลนลานก่อนถูกเพลิงจับได้ซะแล้วมั้ง!


“เป็นอะไรมั้ยพฤกษ์ อะนี่น้ำ” อินน์พูดอย่างห่วงใยแล้วส่งขวดน้ำเปล่ามาให้ ผมเลยคิดข้ออ้างที่จะหนีไปจากตรงนี้ได้ เลยดูดน้ำให้หมดแล้วรีบลุกพรวดขึ้นมา


“เดี๋ยวเราไปซื้อน้ำขวดใหม่ก่อนนะ” ผมพูดจบก็รีบเดินออกมา อินน์ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นห่วงผมมากเลยตะโกนขึ้นเพื่อเรียกผมให้หยุด


“พฤกษ์! เดี๋ยวเราไปซื้อให้เอง!” แต่ก็ดูเหมือนว่าความเป็นห่วงนั้นจะทำให้ผมงานเข้า เพราะเสียงเรียกนั้นทำให้เพลิงหันขวับมาทางนี้ แถมยังย่างสามขุมตรงเข้ามาหาผมอีกต่างหาก!


มะ...ไม่จริงน่า ผมอุตส่าห์เปลี่ยนชื่อหนีแล้วนะ พายกับพฤกษ์ชื่อมันต่างกันขนาดนั้น ทำไมเพลิงต้องตรงมาทางผมด้วยเนี่ย!


2BC


 :m18: สวัสดีค่ะทุกคน Rabid หัวใจคลั่งรักตอนแรกก็ได้จบลงไปแล้วน้า ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพายจะงานเข้าซะด้วย แล้วอย่างนี้พายจะรอดรึเปล่า หรือว่าจะโดนอีตาเพลิงจับได้ตั้งแต่วันแรก  :katai1: (ก็เล่นไปเปลี่ยนชื่อเหมือนพี่ชายของมันนี่นา) ยังไงก็มาลุ้นและเอาใจช่วยพายในตอนหน้าด้วยนะคะที่ร้าก
ว่าแต่...มีใครเป็นทีมเพลิงมั้งมั้ยน้อ (ทีมด่าเพลิงไม่นับนะ 55555  o17 ) ตั้งแต่บทนำยันตอนนี้เหมือนเราจะยังไม่เห็นใครอยู่ทีมอีตาพระเอกเลย แต่ละคนอยู่ทีมพายน้อยๆผู้จืดจางกันหมด รู้สึกวงวารรรรรร นี่หรือคือพระเอก 55555  :laugh:
ส่วนตอนหน้าเจอกันในอีก 3 วันนะคะ สำหรับวันนี้คงจะรู้สึกแปลกใจกันล่ะสิที่เค้ามาเร็ว คืองี้ค่ะ เราพยายามจะปรับวันลงนิยายให้เร็วขึ้นเป็นทุก 3 กับ 2 วัน (ครึ่งแรก 3 วัน ส่วนครึ่งหลัง 2 วัน) แต่เวลาที่คงจะปรับยาก น่าจะลงดึกๆเหมือนเดิม แต่ถ้าวันไหนเรากลับบ้านเร็วจะรีบลงให้อ่านกันแน่นอนค่ะ  :give2:
รักทุกคนนะคะ ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจและคอมเมนท์เมาท์มอยนิยาย เราอ่านไปหัวเราะไปมีความสุขมากๆเลยค่ะ
ปล.อย่าเกลียดชื่อตอนเลยน้า เพราะคำว่า ‘อัณฑะ’ พาล มันจะมาเรื่อยๆ เพราะเหมาะสมกับอีตาเพลิงมาก 55555 :z1:
(24 เม.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลNC [22.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 22-04-2018 23:30:56
 :hao7:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลNC [22.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-04-2018 00:18:41
หวายยยๆๆๆๆ นังเพลิงเกรี้ยวกราด  :laugh: :laugh:
น้องพายหลบดีๆนะลูก อย่าให้จับได้เชียว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลNC [22.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-04-2018 01:20:57
แหม... เพราะเงิน 1,500 ทำให้เพลิงของขึ้น น่าจะเขียนโน็ตแนบด้วยว่าช่วยค่าห้อง นี่แสดงว่าทุก ๆ รายเพลิงไปก่อนซินะ มีแต่ครั้งนี้ที่พายไปก่อนเพลิง  :katai3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลNC [22.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-04-2018 08:41:42
ซวยแล้วพาย~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลNC [22.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 23-04-2018 12:21:00
ทำไมไม่บอก ช่วยค่าห้อง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลNC [22.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 23-04-2018 16:25:50
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลNC [22.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 23-04-2018 20:36:01
เกรี้ยวกราดเวอร์555สงสารนุ้งพาย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลNC [22.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JanLec ที่ 23-04-2018 21:19:01
ถึงตั้งใจก็เถอะ เห็นคำว่า อัณฑะพาล ละขัดใจ ฮาาาาาาา
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่1 เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลNC [22.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 24-04-2018 12:38:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-04-2018 22:59:08
เปลี่ยนชื่อจากพายเป็นพฤกษ์
คิดถูกหรือคิดผิดคะเนี่ย เรียกทีสะดุดหูเพลิงเลย
รอดูว่าน้องพายจะรอดไม่รอด แต่อยากให้รอดนะ
อยากเห็นเพลิงมันบ้าต่อไป  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-04-2018 01:11:46
ชื่อไหนไม่ชื่อ งั้นไปเอาชื่อคู่แฝดเขามาใช้ซะงั้น บอกได้คำเดียว "ซวย" แบบเต็ม ๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-04-2018 11:41:52
จะรอดมั้ยจ๊ะน้องพาย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-04-2018 12:49:55
ลุ้นกันต่อไป ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 25-04-2018 17:52:47
จะรอดมั้ยเนี่ยย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-04-2018 23:58:36
ซวยแล้ว~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 26-04-2018 14:44:38
ทำไมเอาชื่อนี้555 พายน่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 27-04-2018 00:38:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-04-2018 14:12:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 27-04-2018 20:53:49
ชื่อเรื่องตลกดี
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 1#เนิร์ดจืดจางกับอัณฑะพาลตัวร้าย [24.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-04-2018 22:14:53
ที่เพลิงโมโหคือให้ค่าตัวน้อยหรือโกรธที่พายไม่รอเจอหน้าอีก ติดใจพายอ่ะดิ :hao6: จะรอดมั๊ยลูกพายอุตส่าห์เปลี่ยนชื่อ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่2 วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 28-04-2018 07:45:24
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 2# Pie วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง


   “มึงใช่มั้ยที่ชื่อพฤกษ์?” ร่างสูงใหญ่ของเพลิงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม รังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาทำให้ผมที่กำลังก้มหน้าอยู่ถึงกับกลัวจนตัวสั่น


   “ชะ...ชะ...ใช่”


   “กูจำไม่เห็นได้เลยว่าในคณะมีคนชื่อพฤกษ์ตั้งแต่เมื่อไหร่”


‘ก็แล้วมีหรือไม่มีมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า!’ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเพลิงต้องมาสนใจอะไรชื่อนี้ด้วย แต่ก็นะ ถึงจะสงสัยผมก็ไม่กล้าถามออกไปหรอก เพราะถ้าโดนต่อยสวนมาไม่ก็สั่งให้เพื่อนรุมกระทืบผมก็จมกองเลือดกันพอดี


“คือ...ระ...เราพึ่งเปลี่ยนชื่อแก้เคล็ดได้ไม่นาน” ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเปลี่ยนได้ไม่ถึง 4 ชั่วโมงเลยล่ะมั้ง


“เออ เรื่องนั้นช่างมัน แต่มึงจะก้มหน้าอยู่อย่างนั้นอีกนานมั้ย” ก็ถ้าเงยหน้าขึ้นไปก็ถูกนายจับได้พอดีน่ะสิ!


“เรา...เอ่อ...ไม่ค่อยชินกับการพูดกับใคร”


“ชินไม่ชินแล้วยังไง คือกูต้องสนใจมั้ย มึงรีบเงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้” แต่ถึงจะถูกเพลิงสั่งเสียงเข้มแบบนั้น ผมก็ยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่ดี


“นี่มึงกวนตีนกูใช่มั้ยไอ้แว่น!” เพลิงที่เห็นอย่างนั้นเลยพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็เข้ามาประชิดตัวแล้วจับคางผมให้เงยขึ้นไป ผมที่กลัวว่าเพลิงจะจับได้เลยใช้ไม้ตายสุดท้ายที่พึ่งคิดขึ้นมา นั่นก็คือการทำตาเหลือก จมูกบาน ปากเบี้ยว และหดคอให้สั้นจนมีเหนียง!


“เชี่ย!” เพลิงผงะแล้วรีบผลักผมออกไปด้วยความตกใจ ส่วนผมที่ถึงแม้จะเซไปด้านหลังเพราะเสียหลัก แต่ก็ยังสามารถทรงตัวเอาไว้ได้


“มึงจะไปไหนก็ไปเลยไป!” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เพลิงนั่นแหละที่เป็นคนเดินออกไปก่อน ท่าทางจะหัวร้อนและไม่สบอารมณ์มากๆ แต่ผมกลับรู้สึกตรงกันข้าม ตอนนี้ผมดีใจและโล่งอกสุดๆ ไปเลย


เฮ้ออออออออ รอดตายแล้วผม!


“พาย...เอ๊ย! พฤกษ์มีเรื่องอะไรกับเพลิงงั้นหรอ” อินน์เดินเข้ามาหาหลังจากที่เพลิงกับกลุ่มเพื่อนเดินออกไป


“เหมือนเพลิงจะกำลังตามหาใครสักคนอยู่น่ะ แต่ไม่เกี่ยวกับพวกเราหรอก”


“งั้นหรอ” อินน์ไม่พูดอะไรต่อแต่ก็มองตามแผ่นหลังของเพลิงไปจนสุดทาง


“อินน์จะกินข้าวต่อรึเปล่า เราไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว อยากไปนั่งอ่านหนังสือที่เงียบๆ สักที่” สำหรับผมแล้วการเยียวยาจิตใจที่ดีที่สุดก็คือการอ่านหนังสือนี่แหละ


“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ เรากินอิ่มพอดี” พอได้ยินแบบนี้ผมก็เดินไปหยิบจานที่โต๊ะไปวางตรงที่เก็บ โดยมีอินน์เดินตามมาข้างๆ จากนั้นเราทั้งคู่ก็หาที่สงบๆ เพื่ออ่านหนังสือด้วยกัน


ผมกับอินน์เราสองคนเป็นนักเรียนทุนของมหา’ลัย ดังนั้นเลยต้องตั้งใจเรียนมากกว่านักศึกษาทั่วไปอย่างน้อยเท่าตัว เพราะถ้าความประพฤติไม่ดี เกรดแต่ละวิชาต่ำกว่า 2 และเกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 3 พวกเราก็จะถูกถอดไม่ได้รับทุน ค่าเทอมที่แพงหูฉี่กับค่าใช้จ่ายรายเดือนอีกนิดหน่อยก็จะไม่ได้
จริงอยู่ที่บ้านผมก็ไม่ได้ยากจนขัดสนอะไรมากมาย แต่พ่อกับแม่ของผมก็แค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดา ผมเลยอยากแบ่งเบาภาระเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยได้เรียนฟรีและมีเงินไว้จ่ายค่าหอเองทุกเดือนจะได้ไม่ลำบากพวกท่านมาก


จะว่าไปเงินที่เหลือใช้เดือนนี้ก็เหลืออีกไม่กี่ร้อยนี่นะ แต่เอาเถอะอีกไม่กี่วันก็สิ้นเดือนแล้ว คงต้องพึ่งเพื่อนแท้ในยามยากนั่นก็คือมาม่าซอง 6 บาทแล้วล่ะนะ


เมื่อใกล้เวลาเรียนในคาบบ่ายผมกับอินน์ก็พากันเดินขึ้นห้อง เราสองคนเดินไปนั่งตรงที่ประจำนั่นก็คือด้านหน้าสุดมุมขวา วิชานี้เป็นวิชาเฉพาะของสาขา ดังนั้นผมเลยเรียนอย่างสบายใจไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเพลิงจับได้ พอหมดคาบผมกับอินน์ก็แยกย้ายต่างคนต่างไป โดนอินน์จะนั่งรถเมล์ที่หน้ามหา’ลัยกลับบ้าน ส่วนผมจะเดินกลับหอที่อยู่ด้านหลัง


ผมก้มหน้าก้มตาเดินสักพัก จนกระทั่งกำลังจะถึงประตูอยู่แล้วก็มีเสียงๆ หนึ่งเรียกผมเอาไว้ซะก่อน


“พาย!!” เสียงอันคุ้นเคยทำให้เท้าของผมหยุดชะงักแล้วรีบหันกลับไปหา จึงพบว่าเป็นกวีที่กำลังลงจากตึกคณะศึกษาศาสตร์แล้วรีบวิ่งมาหาผม


“ไง กวี” ผมยิ้มทักทาย หัวใจที่ห่อเหี่ยวมาทั้งวันรู้สึกพองโตขึ้นมาทันที อย่างน้อยการที่ได้เจอกวีทั้งเช้าและเย็นก็เป็นหนึ่งในเรื่องดีๆ ที่พอจะหักล้างเรื่องเลวร้ายที่เกิดในวันนี้ได้ล่ะนะ


“นี่พายจะกลับหอใช่ปะ”


“อืม ทำไมหรอ”


“เราก็จะกลับด้วยไง เดี๋ยวไปกินตามสั่งร้านเจ๊หมวยกัน” ร้านที่ว่าก็อยู่ในซอยหอพักที่ผมเช่าอยู่นั่นแหละ


“โอเค” ผมแทบจะยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ นี่ถ้าอินน์รู้ว่าผมดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนี้ มีหวังโดนบ่นเป็นชุดจนหูชาแน่ๆ


แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็ผมยังตัดใจจากกวีไม่ได้นี่นา อีกอย่างผมก็ไม่มีสิทธิ์โกรธกวีเรื่องที่มีแฟนด้วย ถ้าเราสองคนคบกันเป็นแฟนก็ว่าไปอย่าง แต่ผมมันบ้าที่คิดเข้าข้างตัวเองว่ากวีก็มีใจให้ผมเหมือนกัน ทั้งที่กวีคิดกับผมแค่เพื่อนคนนึงแท้ๆ


ก็แค่ไปเรียนพร้อมกันเกือบทุกเช้า กินข้าวเย็นด้วยกันสัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นห่วงเป็นใยเวลาที่ผมมีเรื่องทุกข์ใจ เวลาไม่สบายก็คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ จะไปไหนมาไหนข้างนอกส่วนใหญ่ก็ไปกับผมตลอด ถึงจะไม่ได้นอนด้วยกันแต่ก็บอกฝันดีที่ระเบียงก่อนนอนเกือบทุกวัน เรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนเขาทำกัน ผมมันไม่ค่อยมีเพื่อนเลยมโนไปเองทั้งนั้น น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วว่าใครจะมาชอบเด็กเนิร์ดที่จืดจางแบบผม


คนคนนั้นถ้ายังไม่เกิดก็คงจะตายไม่ก็เป็นบ้าแน่ๆ!


“เป็นอะไรไปน่ะพาย จู่ๆ ก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมา”


“หา?” เสียงของกวีที่ดังขึ้นทำให้ผมที่กำลังใจลอยอยู่ในภวังค์หลุดออกมาสู่โลกความจริง


“พายมีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่า เราให้คำปรึกษาได้นะ” เนี่ย กวีก็ชอบทำใจดีกับผมแบบนี้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมหลงคิดเข้าข้างตัวเองได้ยังไง


“ไม่มีอะไรหรอก” ก็แค่ยังตัดใจจากนายไม่ได้ก็เท่านั้นเอง


“ดีแล้วล่ะที่ไม่มีเรื่องอะไร แต่ถ้าอยากระบายหรืออยากปรึกษาพายต้องคิดถึงเราเป็นคนแรกเลยนะ” คำพูดนั้นยิ่งทำให้ผมตัดใจยากขึ้นไปใหญ่ แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นผมก็คิดว่าตัวเองต้องตัดใจให้ได้อย่างเด็ดขาด เพราะแฟนของกวีได้โทรเข้ามา ซึ่งนั่นก็เหมือนเป็นการย้ำสถานะว่าผมเป็นแค่เพื่อนคนนึงของกวีก็เท่านั้นเอง


“ว่าไงเดือน?...อ้าว โดนเพื่อนเทงั้นหรอ แล้วงี้จะเอาไงต่อ?...หา จะให้เราไปหาตอนนี้เนี่ยนะ แต่เรานัดกับเพื่อนว่าจะไปกินข้าวด้วยกันแล้วอ่า...โธ่ อย่าพูดแบบนั้นสิ ทำไมเดือนจะไม่สำคัญ...ฮัลโหล...ฮัลโหล...เดือน...เฮ้ออออออ” แล้วกวีก็ถอนหายใจออกมา ท่าทางเดือนจะงอนจนกดตัดสายไปซะแล้ว


“เราว่ากวีไปหาแฟนเถอะ ปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ” ถึงแม้ผมจะชอบกวี แต่ผมก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้กวีกับเดือนต้องผิดใจกันหรอกนะ


“แต่ว่าเรื่องกินข้าว...”


“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก เอาไว้วันหลังก็ได้” พอได้ยินแบบนี้กวีที่กำลังทำหน้าลำบากใจจึงค่อยยิ้มออกมาได้


“ถ้างั้นวันนี้เราขอไปหาเดือนก่อนแล้วกัน ส่วนวันหลังเดี๋ยวเราจะเลี้ยงข้าวไถ่โทษพายเอง” กวีโบกมือลาด้วยท่าทางสำนึกผิด ก่อนจะหมุนตัวกลับแล้ววิ่งเข้าไปในม. ผมที่ยังอาลัยอาวรณ์เลยหมุนตัวกลับตามไปมอง แต่ก็ต้องชะงักไปซะก่อนเพราะเจอเพลิงยืนกอดอกอยู่ที่ด้านหลังห่างออกไปไม่ไกล


นี่เพลิงมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่! แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้!


“พะ...พะ...เพลิง” ผมเกิดอาการติดอ่าง ร่างกายสั่นเป็นเจ้าเข้า ส่วนขาสองข้างก็แข็งทื่อจนขยับไปไหนไม่ได้ แม้ว่าเพลิงจะเดินเข้ามาใกล้จนหยุดอยู่ตรงหน้าของผมก็ตาม


“ขอดูหน้ามึงให้ชัดๆ หน่อย” โดยไม่รอให้ผมอนุญาต เพลิงก็กระชากแว่นสายตาหนาเตอะที่ผมสวมอยู่ออกไปทันที ตามด้วยการเชยคางผมขึ้นแล้วเสยผมที่ปรกหน้าปรกตาไปยังด้านหลัง


“เป็นมึงอย่างกูคิดเอาไว้จริงๆ ด้วย” เพลิงแสยะยิ้มออกมา วินาทีที่เห็นรอยยิ้มนั้นผมรู้ทันทีเลยว่าตัวเองกำลังจะชะตาขาด


จอม ‘อัณฑะ’ พาลจับตัวผมได้แล้ว!




Plerng




ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา?


ผมถามตัวเองในใจตั้งแต่ที่เห็นไอ้แว่นนี่ที่โรงอาหาร พายที่ผมต้องการตัวต้องเป็นคนสวยแบบนางพญา คาริสม่าแรงจัด แล้วก็เสน่ห์เหลือล้น ไม่ใช่คนจืดจาง มืดมน ไม่เป็นที่จดจำ แถมยังใส่แว่นหนาเตอะเนิร์ดแตกแบบนี้!


ใครก็ได้บอกผมทีว่านี่มันไม่ใช่เรื่องจริง!


รุกแท้ๆ แถมยังหล่อและรวยมากจนขึ้นเป็นตัวท็อปของวงการ (เกย์) อย่างผม แต่ดันหลงไปมีอะไรกับไอ้แว่นจืดจางจนต้องพลิกแผ่นดินตามหา ถ้าหากเรื่องนี้หลุดรอดออกไปผมต้องอับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างมาก ชื่อเสีย (ง) ที่สั่งสมมาได้เละไม่เป็นชิ้นดีแน่นอน!


“บอกกูมาว่าชื่อจริงของมึงคืออะไรกันแน่” ผมถามไอ้เนิร์ดแตกที่กำลังตัวสั่นเป็นลูกนก


“พะ...พาย...เราชื่อพาย”


“แล้วทำไมตอนกลางวันมึงถึงบอกว่าตัวเองชื่อพฤกษ์”


“คือ...ระ...เรากลัวนายจะหาเราเจอ”


“แล้วรู้มั้ยว่าทำไมกูต้องตามล่าหาตัวมึง”


“ระ...รู้ นายคิดว่าเราดูถูก...”


“ใช่! มึงดูถูกกู!” ผมพูดขัดขึ้นเพราะรำคาญที่ไอ้แว่นมันพูดตะกุกตะกัก เนิร์ดแตกอย่างเดียวไม่พอยังติดอ่างอีกด้วยรึไง “ถ้าเข้าใจผิดคิดว่ากูเป็นผู้ชายขายน้ำ มึงก็จงทำความเข้าใจซะใหม่ว่ากูไม่ได้ขายเข้าใจมั้ยห้ะ!”


“ขะ...เข้าใจ”


“แล้วถึงกูจะขาย แต่ตัวท็อปอย่างกูมึงคิดได้ยังไงว่าค่าตัวแค่พันห้า เอาจริงๆ ถึงมึงวางเอาไว้ห้าพันกูยังโกรธ!”


“ขะ...ขอโทษ...ละ...แล้วนายอยากได้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้เรายังไม่มีให้หรอกนะ คงต้องรอสิ้นเดือนเราถึงจะ...”


“โว้ยยยยยย! หน้ากูเหมือนคนร้อนเงินรึไงวะ!” ให้ตายสิ! ผมขับรถคันละเกือบสามล้าน ตั้งแต่หัวจรดเท้ามีแต่ของแบรนด์เนมทั้งนั้น ไอ้แว่นยังกล้าคิดว่าผมร้อนเงินจนต้องมาไถตังคนอย่างมัน นี่มันมีสมองเอาไว้คั่นหูอย่างเดียวรึไง!


“ละ...แล้วถ้าไม่อยากได้เงินแล้วนายอยากได้อะไร” ตอนแรกที่คิดเอาไว้ พอจับตัวพายได้เมื่อไหร่ผมจะจับมัดแล้วโยนขึ้นเตียงลงโทษให้สาสม แต่พอเจอจริงๆ ผมก็นึกไม่ออกว่าตัวเองจะมีอารมณ์ได้ยังไง ไอ้เนิร์ดแตกนี่คงจะทำให้ผมหดซะมากกว่า


แต่เคยได้ยินมั้ยล่ะว่าความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน เพราะงั้นลองดูสักตั้งก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย


“กูอยากได้มึง”


“นายหมายถึง?”


“ก็เอามึงยังไงเล่า!” ไอ้แว่นนี่มันเด็กเนิร์ดหรือปัญญาอ่อนกันแน่วะ!


“หา! ถ้าเป็นเรื่องนั้นเราไม่ยอมหรอกนะ!” พายเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แถมยังผลักที่แผ่นอกของผมออกไปอีกต่างหาก


“อย่ามาเล่นตัวเลยน่า ตัวท็อปอย่างกูลดตัวลงไปคั่วเด็กเนิร์ดอย่างมึงก็ดีแค่ไหนแล้ว” ทำเป็นทำหน้ารังเกียจกูนะไอ้แว่น หนอย...คิดว่ากูรู้ไม่ทันรึไงว่านั่นมันก็แค่มารยา!


“เราไม่ได้เล่นตัวสักหน่อย แล้วเราก็ไม่เคยขอให้ตัวท็อปอย่างนายลดตัวลงมาหาเราด้วย เราอยู่ของเราเฉยๆ แต่นายนั่นแหละที่เป็นคนมาหาเราเอง” ประโยคที่พูดด้วยเสียงธรรมดา แต่ทำไมมันถึงได้เจ็บเหมือนโดนไม้หน้าสามตีแสกหน้าเลยวะเนี่ย!


“เออ! กูมาหามึงเอง! แต่นั่นมันก็เป็นแผนของมึงไม่ใช่รึไง!”


“แผน?”


“ก็ที่เปลี่ยนลุคไปอ่อยกูที่บาร์ วางเงินไว้พันห้าจนกูต้องเกณฑ์เพื่อนออกตามหา แถมยังจงใจเปลี่ยนชื่อเป็นพฤกษ์ให้เหมือนพี่ชายกูอีก สืบประวัติกูมาอย่างดีเลยนี่ ท่าทางจะชอบกูมากเลยสินะ” คำพูดของผมทำให้พายถึงกับตัวแข็งทื่อ


หึ! ถึงกับอึ้งไปเลยน่ะสิ!


ก็นะ...คนหล่อแถมยังรวยแบบผมใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว แต่ผมก็ไม่คิดเลยว่าพายจะชอบผมมากขนาดตามสืบจนรู้เรื่องของไอ้พฤกษ์ เพราะถึงเราจะเป็นแฝดกันแต่ก็เรียนคนละที่ คนรอบตัวที่ม.แทบไม่มีใครรู้เรื่องนี้เพราะผมไม่คิดจะป่าวประกาศ ผมเบื่อพวกที่ชอบถามคำถามประมาณว่าเป็นแฝดแต่ทำไมถึงไม่เหมือนกันเลย


“เอ่อ...เราไม่รู้จะพูดยังไงให้นายไม่โกรธ แต่คือ...เราไม่ได้ชอบนายหรอกนะ” พายพูดขึ้นหลังจากเงียบไปหลายวินาที


“มึงไม่ต้องทำเป็นกลบเกลื่อนแก้เขินที่ถูกจับได้หรอกน่า” ผมส่ายหน้าไปมา คนที่เข้าหาผมมีไม่น้อยเหมือนกันที่ทำตัวเรียกร้องความสนใจแบบนี้ คือกะจะให้ตัวเองแตกต่างเป็นที่จดจำไง แต่เสียใจด้วยนะที่ผมฉลาดก็เลยรู้ทัน


“คือ...เราพูดจริงๆ นะ เราไม่ได้ชอบนายเลยสักนิด ถ้านายไม่เชื่อจะพาเราไปสาบานที่ไหนก็ได้” พายพูดอย่างแน่วแน่แถมยังจ้องเข้ามาในตาของผมอย่างหนักแน่น สายตาแบบนี้ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจไม่มีโกหกถึง 99.99%


แต่เดี๋ยวก่อน ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีอีก 0.01% ที่ไอ้แว่นมันอาจจะโกหกผม!


“ถ้ามึงบอกว่าไม่ได้ชอบกู แล้วเรื่องที่มึงเปลี่ยนลุคเข้าบาร์ ทิ้งเงินไว้พันห้า กับเปลี่ยนชื่อเป็นพฤกษ์ให้เหมือนพี่ชายกู มึงจะอธิบายเรื่องนี้ว่ายังไง”


“ที่เราเปลี่ยนลุคก็เพราะอกหัก วางเงินไว้พันห้าก็ตั้งใจจะช่วยจ่ายค่าห้อง ส่วนเรื่องเปลี่ยนชื่อเราก็บอกไปแล้วว่ากลัวนายจะหาเราเจอ ถ้ารู้มาก่อนว่าพี่ชายนายชื่อพฤกษ์เราคงไม่ใช้ชื่อนี้หรอก” พายตอบผมได้ทันทีโดยไม่มีเสียเวลาหยุดคิด


Oh shit! ถ้าอย่างนี้ก็หมายความว่า เรื่องทั้งหมดผมมั่นหน้ามโนไปเองอย่างนั้นเรอะ!


ฟ้าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!


“เท่านี้นายก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วสินะ ถ้างั้นเราขอตัวกลับหอก่อนแล้วกัน” พายพูดจบก็เบี่ยงตัวเดินออกไปไม่สนใจผมใดๆ ทั้งนั้น ขนาดแค่หางตายังไม่มีเหลือบมองมาเลย


พอเจออย่างนี้แล้วใครจะไปยอมวะ! กูน่ะตัวท็อปนะเว่ยไอ้แว่นจืดจาง!


“หยุดเลยไอ้แว่น! มึงยังไปไหนไม่ได้!” ผมเดินไปดักหน้าของพายซึ่งพายก็ทำหน้างงๆ


“มีอะไรงั้นหรอ? อ๋อ นายจะคืนแว่นเราสินะ ขอบใจมาก” พายพูดเองเออเอง แล้วยื่นมือมาหยิบแว่นสายตาที่อยู่ในมือของผมคืนไป จากนั้นก็สวมเข้าที่ใบหน้า “เราไปแล้วนะ”


‘เออ โชคดี’ ถุ้ย! ใครมันจะไปพูดแบบนี้กันวะ!


“กูไม่ได้จะคืนแว่นมึงเว่ยไอ้หน้าจืด! ก็บอกแล้วไงว่ากูจะเอามึง! มึงต้องเป็นเมียกูเข้าใจมั้ย!” ผมคว้าที่ข้อมือของพายเอาไว้ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น


“ปล่อยเรานะ ก็บอกแล้วไงว่าเราไม่ยอม” พายพยายามแกะมือของผมออก แต่แรงเท่ามดป่วยแบบนั้นคงจะทำได้หรอก


“มึงไม่มีสิทธิ์เลือกหรอกนะไอ้แว่น ที่กูพูดมันคือคำสั่ง”


“อัณฑะพาลชัดๆ”


“มึงว่าไงนะ?” พายพูดด้วยเสียงที่เบามากจนผมแทบไม่ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พอจะเดาได้ว่าพายต้องด่าผมแน่ๆ


“เราไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย” แถหน้าด้านๆ จนสีข้างถลอกเลยนะไอ้แว่น แต่ก็ช่างเถอะ จะด่าจะสาปแช่งอะไรก็แล้วแต่ผมสนใจที่ไหน


“หอของมึงอยู่แถวนี้ใช่มั้ย พากูไปเดี๋ยวนี้” ผมพูดจบก็ออกแรงลากพายให้เดินตรงไปข้างหน้า แต่ว่าพายก็พยายามขืนตัวเอาไว้อย่างสุดชีวิต


“ใครจะยอมพานายไปกันเล่า” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ชักรำคาญเลยหยุดลาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะถอดใจยอมปล่อยพายไปแค่นี้หรอกนะ
“ไม่ยอมกูก็ไม่ว่าอะไร กูไม่เดือดร้อนอยู่แล้วถ้าต้องแสดงหนังสดให้คนอื่นเห็นกลางซอยแบบนี้”


เรื่องที่พูดไปเมื่อกี้แน่นอนว่าผมโกหก ใครมันจะไปใจกล้าบ้าบิ่นเอาท์ดอร์กลางซอยขนาดนั้น ถ้าเป็นที่ระเบียง ในรถ ห้องน้ำสาธารณะ หรือสระว่ายน้ำก็ว่าไปอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าพายจะเชื่อจริงจังจนเบิกตากว้าง แถมยังเหงื่อแตกพลั่กและหน้าซีดจนแทบจะเป็นกระดาษ


อะไรวะ นี่ผมดูเป็นพวกบ้ากามเอาได้ทุกที่ทุกเวลาขนาดนั้นเลยรึไง?


“สรุปมึงจะไม่พากูไปใช่มั้ย ได้...งั้นมึงก็มาเป็นเมียกูตรงนี้เลยแล้วกัน!” พูดจบผมก็ก้มหน้าลงไปทำท่าจะจูบพาย ไหนๆ ไอ้แว่นนี่ก็คิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นก็แสดงให้สมบทบาทเลยแล้วกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าการแสดงที่พึ่งเริ่มจะต้องจบลงแค่นี้


“ยะ...อย่านะ! เรายอมแล้ว...เราจะพานายไปห้องของเราก็ได้!” ไอ้แว่นนี่แม่งขู่ง่ายจริงๆ เว่ย


“หึ! ก็แค่นั้น แล้วก็อย่าตุกติกนะมึง” ผมชี้หน้าคาดโทษ “เออใช่ แต่ก่อนจะไปกูมีเรื่องที่ต้องทำก่อน อยู่นิ่งๆ ล่ะมึง”


พายดูงงๆ แต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ ตามที่ผมบอก ผมเลยจัดการปรับลุคให้พายใหม่ โดยเลื่อนแว่นสายตาอันหนาเตอะขึ้นไปคาดด้านบน พอไม่มีผมที่ปิดหน้าปิดตาค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้บ้าง ไม่ล่ะ...อันที่จริงต้องบอกว่าสวยมากเลยต่างหาก


ส่วนเสื้อผ้าของพายที่ใส่อย่างถูกระเบียบเป๊ะๆ ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ กระดุม 2 เม็ดบนถูกผมปลดออก แน่นอนว่าชายเสื้อที่สอดอยู่ในกางเกงก็ถูกผมดึงออกมาเช่นกัน


ใครจะยอมให้คนเอาไปเมาท์กันล่ะว่าผมกำลังคั่วอยู่กับไอ้แว่นเนิร์ดแตก!


“เอาล่ะเรียบร้อย” ผมมองฝีมือการแปลงโฉมของตัวเองอย่างชื่นชม พายที่เห็นตรงหน้ากลายเป็นหนุ่มหน้าสวยเสน่ห์เหลือร้ายไปซะแล้ว


แหม่...พอเห็นอย่างนี้ภาพคืนนั้นที่ผมฟัดกับพายอย่างสนุกสุดเหวี่ยงก็ย้อนคืนมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยากกินพายตรงหน้าจนแทบทนไม่ไหว


ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย ถึงห้องเมื่อไหร่จะเลียให้ล้มตั้งแต่หน้าประตูเลยคอยดูสิ!


2bc


 o15 เฮลโหลววววว Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 2 ก็จบลงไปแล้วค่า เชื่อว่าพออ่านจบ 99.99% ต้องหมั่นไส้อีตาเพลิงผู้มั่นหน้าเป็นอย่างมาก กินอะไรเข้าไปทำไมมันถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนี้ 55555  :laugh:
ส่วนน้องพายคนดียังไม่พ้นวันก็ถูกไอ้ ‘อัณฑะพาล’ จับได้ซะแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ยังถูกมันบังคับให้พาขึ้นห้องอีกต่างหาก  :katai1: แล้วอย่างนี้พายจะมีโอกาสรอดมั้ยนะ? หรือจะถูกอีตาเพลิงจับกินเรียบร้อยโรงเรียนอัณฑะพาล? ยังไงก็มาลุ้นกันตอนหน้านะคะ อีก 3 วันหรือก็คือวันพฤหัสค่ำๆหรือดึกๆเจอกันแน่นอนค่า รักทุกคนนะคะ กอดดดดด  :กอด1:
ปล.เนื่องจากยังมีนักอ่านไม่เกทอีกมาก ทั้งจากคอมเมนท์ และอินบ็อกซ์ในเพจที่ทักท้วงเข้ามา คือเราขออธิบายคำนี้อีกครั้งนะคะว่าเราตั้งใจจ้า เป็นการเอาคำว่า ‘อัณฑะ’ กับ ‘อันธพาล’ มารวมกัน ซึ่งก็ตรงกับคาเรคเตอร์อีตาเพลิงคนหื่น คนพาล คนเกรี้ยวกราดมากๆจ้า  :teach:
(30 เม.ย. 61)

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่2 วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 28-04-2018 09:39:24
เพลิงจะทำอะไรพายหรือเปล่า
อย่ารุนแรงกับพายนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่2 วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 28-04-2018 10:21:37
ตอนทำตาเหลือก จมูกบาน ปากเบี้ยวถึงกับหลุดขำ ทำไงเนี่ย รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่2 วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-04-2018 10:53:59
เอาแล้ว เพลิงจับได้แล้ว จะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่2 วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-04-2018 12:09:00
จับได้ละ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่2 วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-04-2018 14:36:17
โชคดีนะพาย ชีวิตต่อไปวุ่นวายแน่ๆ555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่2 วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 28-04-2018 16:59:09
นึกว่าจะได้รอดสักวันสองวันนี่ไม่พ้นวันก้โดนแหละ 555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 2# วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง P.24 [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-04-2018 22:19:25
จับได้แล้ว!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 2# วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง P.24 [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-04-2018 02:14:37
พาย ขอแนะนำให้พายวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากหนูลิซ่า (อยู่ ม.เดียวกันหรือป่าวหว่า ไม่แน่ใจ)  :m26:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 2# วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง P.24 [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-04-2018 16:36:21
งานเข้าแล้วงัยน้องพาย ขอให้โชคช่วยให้รอดพ้นอิตาเพลิงนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 2# วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง P.24 [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-04-2018 22:01:34
โธ่ พายลูกอุตส่าห์ลุงทุนทำตาเหลือก จมูกบาน อิเพลิงมันยังตามมาจับได้ทีหลังอีก เอ็นดู~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 2# วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง P.24 [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 30-04-2018 01:09:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 2# วิธีเอาตัวรอดของคนจืดจาง P.24 [28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 30-04-2018 15:52:25
 จับได้ไวงี้เซะถึงมันส์ o13
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-04-2018 23:12:01
เพลิงหื่นได้ใจมาก โอ้ยย ใจบางหมดแล้วว :hao6:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-04-2018 23:16:01
อิเพลิงหื่น
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-04-2018 23:31:53
พายจะรอดมั้ยเนี่ย!?
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 30-04-2018 23:40:55
 :m20:  :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-05-2018 01:23:59
ฟ้าจ๋า   โปรดส่งหนูลิซ่ามาช่วยหนูพายหน่อยยยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-05-2018 01:41:03
น้องพายคนซื่อ โดนนังเพลิงคนอัณฑะพาลลากแบบนี้ หนูคงไม่รอดแล้วล่ะ
  :m25:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 01-05-2018 09:44:27
โอ้ยยยยยยย
น้องพายยยยยยย
ทำไมน่ารักแบบนี้

รีบๆมาต่อน้า
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-05-2018 15:51:02
อะไรเอ่ยยยย หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ :hao7: มโนไปเอง มั่นหน้ามั่นโหนก "เราอยู่ของเราเฉยๆนายเข้ามาหาเราเอง" ถถถถถถ นิ่มๆแต่เจ็บยันไส้ติ่ง :laugh: แล้วยังจะตีเนียนเอาเค้าอีก รอตอนหน้าไม่ไหวแล้ว :hao6: #หื่น
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 01-05-2018 16:32:21
ลุ้นๆ มาน้อยไปนิดนะ ..
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-05-2018 21:24:27
โดนไปหลายดอกเลยนะเพลิง เสียหน้ามิใช่น้อยที่โดนเด็กจืดเมินเข้าให้ แถมบอกว่าไม่ได้ชอบอีก.  :laugh:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 01-05-2018 22:20:21
โอ่ยยยยย อีเพลิงงงงง ฮ่าๆ ขำแรงมากกกก
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 02-05-2018 10:25:38
จร้าาาาาาหล่อมากรวยเว่อตัวท็อป
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 02-05-2018 19:31:37
เพลิง มั่นหน้ามากเลย ตลก 5555
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: T_TARS ที่ 03-05-2018 10:15:09
ขำกับความมั่นหน้ามั่นโหนกมะโนของนายเพลิงมาก
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: [HEART]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 2#ไอ้แว่นจืดจางเนี่ยนะคือคนที่ผมตามหา? [30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 03-05-2018 13:57:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัวNC
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 04-05-2018 00:58:11
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 3# Plerng กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC-18


“ดะ...ดะ...เดี๋ยวก่อน นี่มันที่หน้าประตูนะเพลิง ละ...แล้ว...อื้อ...เราก็อยากอาบน้ำก่อนด้วย” พายยกมือขึ้นมากันทั้งยังเบี่ยงหน้าหลบซ้ายขวา เมื่อผมคว้าตัวพายมากอดแล้วดูดเลียตรงซอกคอทันทีที่เราสองคนก้าวเข้ามาในห้อง


ให้ตายสิ นี่ผมว่าจะเลียให้ล้มตั้งแต่ที่หน้าประตูสักหน่อย แต่ไม่เป็นไร ไว้ให้พายเป็นคนอมผมให้มิดแทนก็แล้วกัน


“โอเค ถ้ามึงอยากอาบน้ำก่อนกูก็ไม่มีปัญหา” พอได้ยินแบบนั้นพายก็ยิ้มออกมา ก็ไม่รู้ว่ามีแผนจะตุกติกอะไรรึเปล่า แต่ผมก็จะขอกันไว้ก่อน


“แน่นอนว่ากูจะอาบด้วย”


“หา!” พายทำหน้าตกใจ


“จะมาหาอะไรล่ะ เดินนำเข้าไปสิ” ผมใช้หางตามองไปยังห้องน้ำ พายที่ไม่มีทางเลือกเพราะรู้ว่าถึงยังไงผมก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อาบน้ำพร้อมอยู่แล้ว เลยเดินนำผมเข้าไปพร้อมทั้งหยิบผ้าขนหนูสองผืนติดมือไปด้วย


ผมชอบนักล่ะคนที่ฉลาด ว่าง่ายๆ ไม่ทำอะไรโง่ๆ ที่ไร้ประโยชน์


“ถอดเสื้อผ้าออกซะ” ผมออกคำสั่งทันทีที่เดินเข้ามาข้างในห้องน้ำ พายที่ถึงแม้จะทำหน้าไม่ค่อยพอใจแต่ก็ยอมข่มความอายถอดเสื้อผ้าออกไปตามที่ผมสั่งแต่โดยดี แน่นอนว่าทุกชิ้นไม่เว้นแม้แต่ชั้นใน


ขาว เอวบาง ร่างเล็ก หัวนมชมพู อู้ววววว เลือดกำเดาแทบไหล อยากกินพายชิ้นนี้แทบขาดใจจนตรงนั้นแข็งปั๋งขึ้นมาแล้ว!


“ถอดเสื้อผ้าให้กูหน่อยซิ” แน่นอนว่าผมไม่ได้เป็นง่อย แต่การมีคนถอดเสื้อผ้าให้มันสบายกว่านี่นา อีกอย่างก็กระตุ้นอารมณ์ให้พลุกพล่านมากขึ้นอีกด้วย พิสูจน์ได้จากตรงนั้นของผมที่ว่าแข็ง ตอนนี้มันยิ่งแข็งมากขึ้นกว่าเดิมแล้วเนี่ย


“เป็นอะไร อายหรอ ทำอย่างกับไม่เคยเห็น” ผมพูดยิ้มๆ เมื่อพายที่พอดึงกางเกงของผมลงก็ทำหน้าตกใจแล้วหันหน้าหนี ถึงลูกชายผมมันจะดูเหมือนนิสัยไม่ดีที่ชี้หน้าพาย แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาสจะตายไป หึหึ


“เรื่องแบบนี้คนที่ไม่อายก็คงมีแต่นายนี่แหละ” พายพูดทั้งๆ ที่ยังหันหน้าไปทางอื่น ซึ่งพอถอดกางเกงของผมเสร็จแล้วก็ลุกเดินไปยังฝักบัว


“เดี๋ยวกูอาบให้”


“ไม่เป็นไรเราอาบเองได้...นี่นายได้ยินที่เราพูดมั้ย” พายหันมามองค้อนเมื่อผมทำหูทวนลม แล้วหมุนเปิดน้ำทั้งยังบีบสบู่มาถูที่เนื้อตัวนุ่มนิ่มแถมยังเนียนลื่นของพาย


ที่ผมจะอาบให้ไม่ใช่ว่าจะปรนนิบัติเอาใจหรอก แต่เป็นเพราะผมจะหากำไรโดยการลูบไล้ต่างหาก


“ได้ยิน แต่กูไม่ได้ขออนุญาต มันคือคำสั่ง” พอได้ยินแบบนั้นพายก็ทำหน้าเหนื่อยใจ


“ถ้างั้นนายจะทำอะไรก็ทำไปเลย”


“มึงพูดแล้วนะ” ผมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พายเลยทำท่าจะเถียงอะไรออกมา แต่พอคิดว่าคงเปล่าประโยชน์เลยเงียบปากไปเหมือนเดิม


ผมหัวเราะหึหึในลำคอ ก่อนจะลูบไล้เรือนร่างของพายอย่างหนำใจ ทั้งเอวบาง แผ่นหลังเนียน หน้าท้องแบนเรียบ แล้วก็แผ่นอกราบที่มีตุ่มไตเล็กๆ สีชมพูกำลังชูชัน


“อือ...” ผมได้ยินเสียงพายครางกระเส่าออกมาเบาๆ เมื่อมือของผมสัมผัสถูกปลายยอด แล้วพอถูกบีบเค้นไปพร้อมๆ กับการบีบขยี้ ส่วนกลางลำตัวพายก็เริ่มแข็งชันขึ้นมา


ความรู้สึกไวเป็นบ้าเลยแฮะ แต่นี่แหละคือคู่นอนในฝันของผมเลย


“ถูสบู่ให้กูบ้างสิ” ผมก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูของพาย จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียจนร่างกายสั่นสะท้าน ในขณะที่สองมือของผมก็ยังหยอกเอินยอดอกที่กำลังตั้งชันแข็งเป็นไตเช่นเดิม


พายบีบสบู่ลงที่มือแล้วนำมาลูบไล้ร่างกายของผม มือเล็กสั่นระริกซึ่งก็ไม่รู้เป็นเพราะเขินหรือกำลังมีอารมณ์ที่ถูกผมปลุกเร้า ผมรู้แต่ว่าตอนนี้ตัวผมเองกำลังเสียวซี้ด ส่วนกลางลำตัวขยายใหญ่มากขึ้นจนปวดหนึบ


“อย่าลืมถูตรงนี้ด้วยสิ” ผมพูดด้วยเสียงแหบพร่า จากนั้นก็คว้ามือของพายไปกำรอบท่อนเนื้อของผมเอาไว้ พายทำหน้าตกใจ แต่ก็รีบถูจนสะอาดจากนั้นก็ชักมือกลับ แก้มใสแดงปลั่งอย่างกับลูกเชอรี่


แต่ถ้าพายคิดว่าเรื่องมันจะจบแค่นี้ล่ะก็...บอกเลยว่าคิดผิดถนัด!


“เคยใช้ปากให้ใครมาก่อนรึเปล่า” ผมถามหลังจากที่ล้างฟองออกไปจากตัวเองและพายแล้ว


“หา? เรื่องแบบนั้นเราจะเคยได้ยังไง” คำตอบของพายทำให้ผมพอใจเป็นอย่างมากจนยิ้มออกมา ผิดกับพายที่พอจะเดาได้ว่าผมจะให้ทำอะไรก็ถึงกับรีบส่ายหน้า


“ไม่เอานะเพลิง เรื่องแบบนั้นเราไม่เคยทำ แล้วเราก็ไม่...”


“ถ้าไม่เคยก็เคยซะสิ” ผมยิ้มเหี้ยมแล้วกดไหล่ของพายให้คุกเข่าลง “จัดการมันซะ ไม่อย่างนั้นกูจะจับยัดเข้าไปในตัวมึงตอนนี้ คิดดูให้ดีๆ นะว่ามึงจะเจ็บแค่ไหน”


อันที่จริงผมก็แค่ขู่เฉยๆ ไม่คิดจะทำจริงหรอก ถึงผมจะชอบบังคับออกคำสั่ง แต่ผมก็ไม่คิดจะข่มขืนใคร ผมมั่นใจว่าหน้าตาและลีลาของตัวเองดีพอที่จะทำให้ทุกคนสมยอม แน่นอนว่าพายก็ด้วย


“ขะ...เข้าใจแล้ว...”


“ดีมาก แล้วก็อย่าคิดจะกัดด้วยล่ะ ไม่งั้นกูจะกัดของมึงคืนให้แรงเป็น 2 เท่าเลย” ขู่ขนาดนี้ก็ไม่รู้พายจะคิดว่าผมเป็นพวกโรคจิตซาดิสม์ไปแล้วรึเปล่า แต่เอาเถอะจะคิดยังไงก็ช่าง ผมสนใจที่ไหนกันล่ะ


พายหยุดนิ่งเพื่อทำใจหลายวินาที ก่อนที่จะยื่นมือเล็กๆ กอบกุมท่อนเนื้อของผมเอาไว้ เพียงแค่สัมผัสเบาๆ ก็ทำเอาผมเสียววาบจนเกือบหลุดเสียงครางออกมา แต่ว่าก็ยังไม่เท่ากับลิ้นร้อนๆ ที่ค่อยๆ เลียตรงส่วนปลายของแก่นกายของผมช้าๆ


“ซี้ดด” ลิ้นของพายให้ความรู้สึกดีเป็นบ้า เล่นเอาผมถึงกับกลั้นเสียงครางไม่ไหว ยิ่งเมื่อแก่นกายของผมถูกริมฝีปากของพายครอบครองเข้าไป ก็ทำเอาผมเสียวมากจนถึงกับต้องขยุ้มที่เส้นผมดำขลับไว้แน่น


“อา...ขยับมือไปด้วยสิพาย...ออกแรงดูดด้วย...อื้ม...ใช่...อย่างนั้น...” ถึงพายจะไม่เคยมีประสบการณ์แต่ก็เรียนรู้ได้ไว พายขยับมือที่กอบกุมส่วนฐานขึ้นลงไปพร้อมๆ กับการออกแรงดูดเมื่อขยับริมฝีปาก เล่นเอาผมเสียวมากจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว


“ซี้ดดด...อาา...” ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมลิ้นที่ไม่รู้ประสา ริมฝีปากกับฝ่ามือที่ขยับอย่างงกๆ เงิ่นๆ ถึงทำให้ผมรู้สึกดีนัก หรือจะเป็นเพราะที่ผ่านมาผมเคยเจอแต่พวกชั้นครู พอถูกมือใหม่ทำให้ก็เลยรู้สึกตื่นเต้น ประเด็นคือทำเก่งซะด้วย


“อื้ม...อมลงไปลึกๆ แบบนั้น...ซี้ดด...สุดยอด...” ผมใช้สองมือขยุ้มที่ศีรษะของพายไปมา ท่อนเนื้อของผมขยายมากขึ้นจนคับปากเล็กๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกเสียวมากขึ้นจึงได้ขยับสะโพกโยกเข้าออก พายเลยปรับจังหวะการขยับมือและปากตามจังหวะของผมไปด้วย


เสียวโว้ยเสียว! พายจะเก่งเกินไปแล้ว! นี่ผมชักติดใจเข้าจริงๆ แล้วนะเนี่ย!


ผมจัดการกดหัวของพายให้อมลงไปลึกขึ้น พายที่ถึงจะตกใจแต่ก็เห็นว่าผมใกล้เสร็จแล้วเลยออกแรงดูดอย่างสุดแรง ส่วนมือก็กำแน่นตรงส่วนฐานแล้วชักเข้าออกไปพร้อมกัน ผมที่ถูกทำแบบนั้นก็ร้องครางออกมาอย่างสุดกลั้น ก่อนที่ความเสียวซ่านจะทะลักเข้าไปในปากของพาย


“อาาาส์” ผมปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกไปจนหยดสุดท้าย ให้ตายสิ ผมรู้สึกดีเป็นบ้าเลย


ตอนที่ได้กินพายว่าหวานอร่อยแล้ว แต่พอถูกพายกินนี่แม่งสุดยอดดดดดด


“นะ...ในเมื่อนายเสร็จแล้ว งั้นวันนี้ก็พอ...อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะเพลิง!” พายร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่อผมฉุดให้ลุกยืนก่อนจะอุ้มขึ้นไปนั่งตรงกระเบื้องที่อ่างล้างหน้า


“จะทำอะไร? ถามมาได้ ก็ทำให้มึงเป็นเมียกูยังไงล่ะ” พูดจบผมก็ก้มหน้าลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอขาวผ่อง ตามด้วยการกดจูบและออกแรงดูดจนเป็นรอยสีกุหลาบ ตอนแรกพายก็พยายามดิ้นหนีและทุบตีต่อต้าน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะพ่ายแพ้ต่อแรงปรารถนาที่ก่อตัวขึ้น


“อื้อ...” พายครางเสียงหวาน ร่างกายสั่นสะท้านส่วนแก่นกายก็มีน้ำใสๆ ไหลออกมา


ความจริงผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าพายมีอารมณ์สุดๆ ตอนที่ใช้ปากให้ผม ถึงได้ออกแรงดูดจนแทบจะกลืนกินอย่างถึงใจขนาดนั้น ซึ่งตอนแรกผมก็กะว่าพอเสร็จแล้วจะพาไปทำบนเตียงให้สบายๆ แต่พอเห็นว่าพายกลืนน้ำของผมลงไปด้วยใบหน้าแดงซ่าน แถมยังช้อนดวงตาหรี่ปรือขึ้นมามองผมพร้อมกับหอบกระเส่า เท่านั้นแหละความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดของผมก็กระเจิดกระเจิง


โดนยั่วซะขนาดนั้นใครมันจะไปทนไหว!


“มึงกินกูแล้ว ต่อไปถึงทีกูกินมึงบ้างล่ะนะ” จะกินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัวให้เสียวสุดๆ ไปเลย!


        “ดะ...เดี๋ยวสิ ตรงนี้มัน...อื้อ...เพลิง...” พายพยายามห้ามผม แต่ว่าผมไม่รอแล้ว มีพายแสนอร่อยวางอยู่ตรงหน้าใครจะอดใจไหวกันเล่า


   ผมก้มหน้าลงไปยังยอดอกสีชมพูที่ตั้งชูชันทันที ก่อนที่จะใช้ลิ้นเลียวนตามด้วยการใช้ริมฝีปากดูดดุน ส่วนยอดอกอีกข้างผมก็ไม่ได้ปล่อยให้มันเว้นว่าง เพราะได้ใช้มือข้างหนึ่งไปเค้นคลึงและบีบขยี้ ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาพายเลิกต่อต้านแล้วเปลี่ยนเป็นครางเสียงกระเส่า


   “อา...อื้ม...อา...อาา” ร่ายกายของพายตอนนี้สั่นระริก ส่วนกลางลำตัวโดยเฉพาะช่วงปลายเยิ้มไปด้วยน้ำใสๆ ผมเลยใช้มือข้างที่ว่างเลื่อนลงไปกอบกุมเอาไว้ จากนั้นก็ชักขึ้นลงโดยที่ยังคงใช้ลิ้นตวัดเลียที่ยอดอกสีชมพู


   “อา...อ๊ะ...อ๊า...” พายใช้สองมือบีบที่ไหล่ของผมแน่น ผมคิดว่าตอนนี้พายคงใกล้เสร็จแล้วเลยเร่งจังหวะการขยับมือให้เร็วขึ้น ส่วนริมฝีปากและปลายลิ้นก็ดูดเลียให้หนักหน่วงมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นพายก็ยังไม่เสร็จอยู่ดี


   “ขะ...ข้างหลัง...ช่วยทำข้างหลังด้วย...แค่ข้างหน้า...มันไม่พอ...” พายพูดด้วยเสียงแหบพร่า ใบหน้าแดงซ่านส่วนดวงตาก็หรี่ปรือ ภาพที่เห็นเล่นเอาผมแทบคลั่งจนคุมสติไม่ได้ อยากจับแก่นกายกระแทกเข้าไปข้างในเป็นบ้า!


   แต่โชคดีที่ผมยังมีสติ หรือไม่ก็ปลดปล่อยไปแล้วรอบนึงจึงไม่เสี้ยนมาก ดังนั้นผมเลยข่มความต้องการแล้วขยายช่องทางด้านหลังของพายก่อน แน่นอนว่าเจลหล่อลื่นไม่มีเพราะมันกะทันหันผมเลยไม่ได้เตรียมมา แต่น้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากแก่นกายของพายมันก็พอช่วยได้อยู่ล่ะนะ


   “ยกขาขึ้นแล้วก็กางออก...ใช่ อย่างนั้น” วิวดีๆ ที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย ท่านั่งของพายที่กางขาเป็นรูปตัว M นี่แม่งคือที่สุดของความเซ็กซี่!


   ตอนนี้เลือดลมผมสูบฉีดเดือดพล่าน อยากเข้าไปข้างในใจจะขาดแล้วโว้ยยยยยย!


   “อื้อ! อ๊า!” พายหวีดร้องลั่นเมื่อผมสอดนิ้วกลางเข้าไปข้างในรวดเดียวมิดลำ ซึ่งอันที่จริงผมอยากจะสอดแก่นกายของตัวเองเข้าไปซะมากกว่า แต่ก็นะ ผมต้องขยายช่องทางของพายก่อน ยิ่งแคบๆ แถมยังคับแน่นแบบนี้ขืนเข้าไปเลยมีฉีกขาดแน่ๆ


   ด้วยเหตุนี้ผมเลยต้องทำตามขั้นตอน นิ้วมือที่สอดอยู่ข้างในเลยค่อยๆ ขยับเข้าออกช้าๆ จนเมื่อช่องทางคุ้นชินก็เพิ่มความเร็วให้มากขึ้น หมุนวนและหักงอนิดนึง จนในที่สุดช่องทางก็อ่อนนุ่มจนสามารถสอดนิ้วชี้เข้าไปเพิ่มได้


   “อา...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” พายร้องครางหนักขึ้น ช่องทางอันคับแน่นกระตุกตอดรัดนิ้วของผมเป็นจังหวะ ไม่เพียงเท่านั้นสะโพกมนยังบดเบียดเข้าหานิ้วของผมอีกต่างหาก ท่าทางที่แสนยั่วยวนแบบนั้นทำให้ผมแทบคลั่งจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว


   “จะกินล่ะนะ” พูดจบผมก็จ่อแก่นกายของตัวเองที่ช่องทางด้านหลังของพาย จากนั้นก็ดันเข้าไปรวดเดียวจนสุดโคน


   “ซี้ดดดด!”


   “อ๊าาาาาา!”


   ผมกับพายร้องครางออกมาพร้อมกัน ความเสียวที่ได้รับทำเอาท่อนเนื้อของผมถึงกับสั่น ความต้องการคลุ้มคลั่งจนจ้วงแทงอย่างไม่ยั้ง ทั้งๆ ที่พึ่งจะเริ่มแท้ๆ


   แม่เจ้าโว้ยยยยยย สดไม่ใส่ถุงนี่แม่งเสียวโคตรรรรรร


        คือต้องบอกก่อนว่าปกติผมป้องกันตลอด เพราะถึงจะคัดกรองคนที่นอนด้วยแล้วแต่ผมก็ยังไม่ค่อยไว้ใจ แต่สำหรับพายนั้นต่างออกไป ผมมั่นใจว่าจะปลอดภัยแน่นอนเลยเข้าไปโดยไม่มีลังเล


   “อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ช้าหน่อยเพลิง...ยะ...มันเสียว...อ๊าา!” พอได้ยินแบบนั้นใครมันจะบ้าทำช้าลงกันเล่า ผมก็ต้องซอยเอวถี่ยิบกระแทกเข้าไปให้ลึกสุดๆ อยู่แล้ว


   “อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...อ๊า...” การกระทำของผมทำเอาพายกรีดร้องลั่น ช่องทางด้านหลังบีบรัดและตอดแก่นกายของผมอย่างรุนแรง สองแขนกอดที่คอของผมแน่น ซึ่งไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นที่ผมกระแทกไปยังจุดเสียวซ้ำๆ พายก็กรีดร้องดังลั่นแล้วปลดปล่อยความเสียวซ่านออกมา


   “อ๊ะ...อ๊าาาาาาาา!” ช่วงเวลาที่พายปลดปล่อยออกมาช่องทางด้านหลังก็ยิ่งบีบจนคับแน่นขึ้นไปอีก แถมยังกระตุกตอดและดูดกลืนอย่างแรงจนผมแทบทนต่อความเสียวไม่ไหว นี่ถ้าผมไม่ได้เสร็จในปากของพายก่อนหน้านี้มีหวังได้แตกทันทีแน่ๆ


   “อา...” พายหอบหายใจอย่างแรงด้วยความเหนื่อยล้า ใบหน้าเอนซบลงมาตรงอกของผมโดยที่ยังกอดคอเอาไว้ ส่วนผมก็ลดสปีดการขยับแก่นกายจนเชื่องช้า ทั้งยังพยายามควบคุมอารมณ์ที่กำลังพลุกพล่านให้ลดน้อยลง เพื่อที่จะได้เริ่มต้นรอบใหม่ไปพร้อมกับพาย


   “ต่อเลยมั้ย?” ผมถามขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้พายได้หยุดพักสักหน่อย พอพายพยักหน้าผมก็เริ่มต้นเล้าโลมใหม่อีกครั้ง โดยทำอย่างอ้อยอิ่งเพื่อปลุกเร้า ไม่ใช่แบบครั้งแรกที่ทำออกจะรุนแรงไปสักหน่อย


   “อือ...” พายเริ่มครางออกมา เมื่อผมลูบไล้ตามสีข้างขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงยอดอก ก่อนจะหมุนวนและบีบคลึงให้เสียวซ่าน ไปพร้อมๆ กับการที่ผมใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นดูดเลียที่ซอกคอ


   “อา...” เสียงครางของพายกระเส่ามากขึ้น ช่องทางด้านหลังเริ่มบีบรัดท่อนเนื้อของผมอีกครั้ง ส่วนแก่นกายด้านหน้าก็เริ่มตั้งชันขึ้นมา เป็นร่างกายที่รู้สึกง่ายเป็นบ้า แต่นี่ล่ะที่ทำให้ผมติดใจ


        ผมค่อยๆ พรมจูบตามลาดไหล่ของพายลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงยอดอกผมก็ใช้ลิ้นเลียสลับกับการดูดดุน ส่วนอีกข้างมือของผมก็ยังคงบีบคลึงเหมือนเดิม ความเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้นเป็นทวีคูณทำให้พายส่งเสียงครางหวาน ส่วนช่องทางก็ตอดรัดผมถี่ขึ้น


   “ไปต่อกันที่เตียงมั้ย” ผมถามด้วยเสียงแหบพร่า ตอนนี้ผมคิดว่าพายพร้อมที่จะต่อรอบ 2 กับผมแล้ว


   “มะ...ไม่...ทำที่นี่...ให้เสร็จไปเลย...” ดูจากสีหน้าพายคงจะไม่อยากรออีกต่อไป ซึ่งผมก็ไม่ต่างกัน เพราะงั้นจะรออะไรล่ะ เดินหน้าเต็มกำลังเลยสิ!


   ผมถอนแก่นกายออกแล้วจับตัวพายให้ลงมายืนข้างล่าง โดยหันหน้าเข้าหาอ่างล้างหน้า ส่วนแผ่นหลังให้หันมาทางนี้ ก่อนที่ผมจะจ่อแก่นกายไปยังปากทางเข้าของพาย แล้วดันเข้าไปใหม่รวดเดียวจนมิดลำ


   “อ๊าาาา!” พายครางลั่นด้วยความเสียวซ่าน ช่องทางด้านหลังบีบและตอดรัดผมแน่นมาก เล่นเอาผมถึงกับกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ไหว จากที่ตั้งใจว่าจะค่อยๆ ทำสะโพกกลับขยับเข้าออกด้วยความรวดเร็ว


   “ซี้ดดด...อาา...” ผมก้มหน้าลงไปดูดที่แผ่นหลังกับซอกคอของพายตามแรงอารมณ์ ในขณะที่สองมือก็เลื่อนขึ้นไปบีบเค้นและขยี้ที่ยอดอก ส่วนสะโพกก็ยังขยับเข้าออกโดยที่ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกทีๆ เลยด้วยซ้ำ


   “อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...อ๊า...” พายบดเบียดบั้นท้ายและส่ายไปมาเข้ากับจังหวะของผม เล่นเอาผมเสียวซี้ดจนห้ามเสียงครางเอาไว้ไม่ไหว มือทั้งสองข้างเลยบีบขยี้ที่ยอดอกของพายอย่างหนำใจ ส่วนสะโพกก็กระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างไม่ยั้ง


   “อ๊า...เพลิง...อ๊า...” พายครางออกมาด้วยความสุขสม สะโพกมนแอ่นขึ้นและสั่นระริก ส่วนช่องทางด้านหลังอันแดงก่ำก็กลืนกินท่อนเนื้อของผมเข้าไปอย่างตะกรุมตะกราม ภาพที่เห็นตอนนี้มันช่างยั่วยวนและเร้าอารมณ์เป็นบ้า ความปรารถนาของผมคลุ้มคลั่งจนแทบจะระเบิด


“ซี้ดดด...อาา...” ปากบนว่าสุดยอดแล้ว แต่ปากล่างของพายแม่งสุดยอดกว่าอีกหลายเท่าตัว เพราะทั้งคับแน่น อ่อนนุ่ม และอุ่นร้อน แถมยังตอดอย่างถี่ยิบพร้อมทั้งดูดกลืนท่อนเนื้อของผมอย่างแรงอีกต่างหาก


เป็นร่างกายที่สุดยอดอะไรอย่างนี้ นี่ผมเสียวซี้ดจนแทบจะเสร็จอยู่แล้ว!


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...แบบนั้น...อ๊า...ดี...อ๊า...” พายร้องครางด้วยความสุขสมเมื่อผมเร่งจังหวะซอยเอวเข้าออกอย่างถี่ยิบ แถมยังกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง รุนแรง และรวดเร็ว จนเสียงเนื้อที่กระทบกันดังก้องไปทั่วห้องน้ำ


ผมลดมือข้างหนึ่งที่อยู่ตรงแผ่นอกของพายลงมาข้างล่าง จากนั้นก็กำรอบท่อนเนื้อสีอ่อนที่อยู่ด้านหน้า แล้วทำการชักเข้าออกไปพร้อมๆ กับการกระแทกแก่นกาย การกระทำของผมทำให้พายเสียวแทบขาดใจจนกรีดร้องลั่น ส่วนนั้นมีน้ำใสๆ ไหลออกมา ช่องทางด้านหลังก็บีบและตอดรัดท่อนเนื้อของผมแรงมากกว่าครั้งไหนๆ


“อ๊า...อ๊า...เพลิง! อ๊ะ...อ๊าาาาา!” พายกรีดร้องอย่างสุดเสียงเป็นครั้งสุดท้าย ร่างกายเหยียดเกร็งและแอ่นอกขึ้นจนโค้งงอ ก่อนที่จะปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาจนเปรอะไปทั่วอ่างล้างหน้า


ส่วนผมเมื่อถูกช่องทางอันร้อนรุ่มบีบอย่างสุดแรงและตอดรัดอย่างถี่ยิบ ก็กระแทกกระทั้นแก่นกายเข้าไปอย่างไม่ยั้ง ซึ่งหลังจากนั้นไม่ถึงนาทีผมก็ฝังท่อนเนื้อเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วฉีดพ่นความสุขสมทั้งหมดเข้าไปข้างในตัวของพาย


การได้ปล่อยข้างในสดๆ มันโคตรเสียว!


“อาา...” ผมถอนแก่นกายออกมา เท่านั้นแหละน้ำสีขาวขุ่นก็ค่อยๆ ไหลลงมาตามขาขาวเนียน ภาพสุดเอ็กซ์เซ็กส์แตกที่เห็นเล่นเอาผมของขึ้นจนไอ้นั่นมันดีดตัวแข็งปั๋งขึ้นมาอีกรอบ แต่ผมก็ทำไม่ลงเพราะท่าทางของพายดูเหนื่อยล้าและอ่อนแรงเอามากๆ


ถามว่าผมสงสาร?


เปล่า แต่สภาพแบบนี้คงไม่ต่างจากทำกับตุ๊กตายาง ผมทำได้ไม่นานก็คงหดไม่มีอารมณ์แล้ว!


“ไปนอนพักสบายๆ ที่เตียงมั้ย ถ้าเดินไม่ไหวเดี๋ยวกูอุ้มพาไปเอง” ตัวเล็กๆ เอวบางๆ แบบนี้คงน้ำหนักแค่นิดเดียวผมอุ้มได้สบาย


“ไม่เป็นไร เราว่าจะล้างข้างในก่อน”


“โอเค งั้นเดี๋ยวกูไปนอน...” แล้วคำว่า ‘รอที่เตียง’ ที่ผมตั้งใจจะพูดก็ได้กลืนหายไปในลำคอ เพราะพายได้พูดประโยคถัดไปขัดขึ้นมาก่อนว่า...


“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ฝากล็อกห้องให้เราด้วยนะ ขอบใจ” เมื่อสั่งเสร็จพายก็ลากสังขารเดินผ่านหน้าผมไปล้างตัวเฉย ไม่มีเยื่อใยหรืออาลัยอาวรณ์กันเลยสักนิด เรียกได้ว่าถูกเมินโดยสมบูรณ์จนยืนเด๋อเอ๋อแดกอย่างโง่ๆ


นี่ตัวท็อปอย่างกูถูกไล่ออกจากห้องใช่มั้ยเนี่ย!


“โอเค้! ได้! เดี๋ยวกูล็อกห้องให้!” ผมขึ้นเสียงสูงอย่างไม่สบอารมณ์ ถึงจะอยากอยู่ต่อนอนเอาแรงเผื่อได้จัดรอบดึก แต่พอถูกไล่แบบไม่มีเยื่อใยแล้วใครมันจะไปหน้าด้านอยู่ เสียศักดิ์ศรีกันพอดี!


ผมหยิบเสื้อผ้าออกมาจากห้องน้ำแล้วมาสวมใส่ที่ด้านนอก จากนั้นก็ส่องกระจกเช็คความหล่อ เมื่อโอเคแล้วผมก็เดินออกจากห้องโดยไม่ลืมล็อกประตูตามคำสั่งของพาย


ระหว่างที่เดินออกมาผมก็กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพึงพอใจ แล้วก้มลงมองเบอร์ของพายที่ขึ้นสายไม่ได้รับอยู่บนหน้าจอ ก็ตั้งรหัสง่ายๆ อย่างปีพ.ศ.เกิดนี่นะ ถึงจะไม่ใช่คนฉลาดแบบผมแต่ก็คงเดาได้ไม่ยากอยู่ดี


See you later นะเบบี๋ พายที่อร่อย เซ็กซี่ แล้วก็เข้าขากันได้เป็นอย่างดี ใครมันจะโง่ปล่อยไปง่ายๆ กันเล่า!


2BC


เฮือก!  :m25: เลือดไหลทะลักออกจากร่าง  :jul1:  สะ...สวัสดีค่ะที่รัก Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 ก็จบลงไปแล้วนะคะ เสียเลือดกันไปคนละเท่าไหร่ ระหว่าง “พายกินเพลิง” กับ “เพลิงกินพาย” แบบไหนแซ่บซี้ดเร้าใจกว่ากันน้อ แต่จะแบบไหนก็หวังว่าทุกคนคงจะชอบกันนะค้า  :-[
และนอกจากจะฟินเลือดสาดกับ NC ตอนนี้ก็มีเรื่องให้ได้ด่า หมั่นไส้ และสมน้ำหน้าอีตาเพลิงผู้มั่นหน้าเหมือนเดิม (เหมือนมันเป็นลูกเมียน้อยอะ 55555  :laugh:) สงสารก็แต่พายไม่น่ามาเจอวายร้ายแบบมันเล้ย แล้วอย่างนี้ตอนต่อไปเรื่องจะดำเนินแบบไหน ยังไงก็มาลุ้นกันในอีก 2 – 3 วันนะคะที่ร้ากกกก  :bye2:
(6 พ.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 พายกินเพลิง NC [04.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-05-2018 01:41:57
สงสารพายที่ต้องมาเจอคนเจ้าเล่ห์อย่างเพลิง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 พายกินเพลิง NC [04.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-05-2018 02:56:21
หื่นได้โล่ห์จริง ๆ เลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 พายกินเพลิง NC [04.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-05-2018 09:12:00
พอกันทั้งคู่
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 พายกินเพลิง NC [04.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-05-2018 10:51:20
กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว
อูยยยย  :pighaun:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 พายกินเพลิง NC [04.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-05-2018 11:20:30
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 พายกินเพลิง NC [04.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-05-2018 20:32:06
 :haun4:  เพิ่งเริ่มๆ เลือดก็พุ่งไปครึ่งค่อนตัวล่ะ  ตอนหน้าคงหมดตัวแน่ หุ หุ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 พายกินเพลิง NC [04.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 05-05-2018 01:59:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 พายกินเพลิง NC [04.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-05-2018 15:20:39
 :pighaun: รอเพลิงกินพายนะคะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 3 พายกินเพลิง NC P.25 [04.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-05-2018 18:14:33
ตั้งแต่ในห้องน้ำ ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-05-2018 14:01:10
เลือดพุ่งหมดตัวแล้วจ้า~
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-05-2018 16:33:52
โถถถ พ่อตัวท็อป เสร็จกิจก็โดนเฉดหัวจากห้องเลย สม!  :laugh:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-05-2018 17:41:10
หมดตัวแล้ว สติฉาน  :jul1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 06-05-2018 22:35:30
5555ตกลงนายเอกโดนกินใช่ปะแถมยังโดนเทด้วย5555 :really2:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-05-2018 00:31:41
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-05-2018 11:32:09
 :pighaun: :jul1: ขอเลือดสำรองด่วนๆๆๆๆๆ พายแซ่บมาก เพลิงติดใจอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-05-2018 12:18:31
อย่าลืมล็อคห้องด้วยนะ ..
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 07-05-2018 21:27:17
นี่ พระเอก แน่นะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 08-05-2018 04:41:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-05-2018 07:37:44
พายโคจรชิว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 3# กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว NC [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 08-05-2018 20:01:18
เพลิงโดนไล่สะใจอ่ะ :m20:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-05-2018 06:42:01
ประจันหน้ากันแล้ว  น้องพายจะเลือกใครล่ะระหว่างหลัวกะคนแอบรัก  เดาว่าอิเพลิงคงไม่ยอมนกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-05-2018 11:33:07
เปิดศึกชิงนาง 555 :hao7:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-05-2018 12:16:11
ใครจะเป็นคนห้าม พายหรือเปล่า  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-05-2018 14:12:01
แย่งชิง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-05-2018 16:55:18
โอ้ว ศึกชิงนาย~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 09-05-2018 17:00:01
ลงไปนอนดีดดิ้น รออีกครึ่งงงงงง :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 10-05-2018 02:15:41
แอร๊ยเพลิงเก้วกาดกร้าวใจมาก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-05-2018 11:36:52
กวีจะไม่รู้เลยหราว่าพายแอบชอบ?? เดี๋ยวกวีเจอเพลิงแน่ :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-05-2018 11:55:46
ประจันหน้ากันแบบนี้ขอเชียร์นังเพลิงละกัน รู้สึกไม่ชอบกวียังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 12-05-2018 03:46:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 4 เพลิง VS กวี [09.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-05-2018 11:09:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 4# ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 14-05-2018 22:37:03
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 4# Pie เพลิง VS กวี


“เฮ้อออออออ” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากทิ้งตัวลงบนที่นอน ความเหนื่อยล้าจากกิจกรรม (กาม) ที่ทำกับเพลิงเล่นเอาผมแทบหมดแรง อาจเป็นเพราะยังไม่ได้กินข้าวด้วยแหละ แต่ถึงจะหิวผมก็ไม่มีอารมณ์แล้ว เพราะตอนนี้ตาของผมกำลังจะปิด


ก็หวังว่าพอได้เอาคืนผมแล้วเพลิงจะเลิกโกรธแค้นผมสักที ที่ผมยอมมีอะไรกับเพลิงก็เพราะเหตุผลนี้ ขืนดึงดันก็มีแต่จะทำให้คนอัณฑพาลแบบนั้นเกรี้ยวกราดมากกว่า ถ้ายอมง่ายๆ เพลิงที่มีนิสัยชอบเอาชนะจะได้รู้สึกเบื่อผม ชีวิตอันแสนสงบสุขก็จะกลับคืนมา


ผมเคยมีอะไรกับเพลิงไปแล้ว ผมไม่ใช่คนบริสุทธิ์อีกต่อไป เพราะงั้นหากมีอะไรกันอีกครั้งมันก็คงจะไม่เป็นไร ใช่ว่าเพลิงจะโรคจิตซาดิสม์สักหน่อย ถึงจะทำอย่างรุนแรงไปบ้างแต่ผมก็รู้สึกดี ไม่สิ...ดีมากเลยต่างหาก ต่างจากเวลาทำเองลิบลับ เล่นเอาผมเสียววูบที่ตรงท้องน้อยเมื่อคิดถึงตอนที่ทำกัน ผมจึงรีบสลัดภาพความทรงจำพวกนั้นออกไปแล้วข่มตานอน


โชคดีที่ผมง่วงและเหนื่อยล้ามากเพียงไม่นานผมจึงนอนหลับไป แถมดูท่าว่าจะหลับเป็นตายจนไม่รู้สึกถึงแรงสั่นจากโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆ จนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกชื่อผมก็ดังขึ้น ผมหลับลึกจนปล่อยให้คนคนนั้นเคาะประตูอยู่นานเลยแหละกว่าจะรู้สึกตัวตื่น


ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆ


“พาย! พายอยู่ข้างในรึเปล่า! พาย! พาย!” น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่ค่อนข้างร้อนรนทำให้ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู


“ว่าไงกวี” ผมถามอย่างงงๆ ด้วยเสียงงัวเงียนิดหน่อย ส่วนกวีที่พอเห็นประตูเปิดก็ตั้งท่าจะซักถามอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นหน้าผมแล้วมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็เกิดอาการตกตะลึงแถมยังพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ซะงั้น


“พะ...พาย...อะ...เอ่อ...กำลังนอน...อยู่หรอ” ผมสังเกตว่าใบหน้าของกวีเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกผมก็งงอยู่หรอก แต่พอเอะใจเลยก้มลงมองสารรูปของตัวเอง


โอ้ไม่นะ! ตอนนี้ผมใส่เพียงแค่เสื้อยืดคอกว้างตัวใหญ่กับกางเกงชั้นในเท่านั้นเอง!


“อ๊ะ! โทษที! รอแป๊บนึงนะกวี!” ผมพูดจบก็รีบปิดประตูทันที แล้ววิ่งไปเปลี่ยนเสื้อกับใส่กางเกงให้เรียบร้อย ผมไม่คิดว่าจะมีใครมาหาเลยแต่งตัวแบบนั้นเพื่อให้นอนสบาย


ให้ตายสิ! ดันทำตัวน่าอายต่อหน้ากวีไปซะแล้ว!


จากที่กำลังงัวเงียอยู่ก็ตื่นเต็มตาเลยสิผม ซึ่งหลังจากที่แต่งตัวให้เรียบร้อยผมก็เดินวนไปวนมาที่หน้าประตูสักพัก จนกระทั่งสูดหายใจเข้าลึกๆ 3 – 4 ครั้งอาการลนลานก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ นั่นแหละผมถึงทำใจค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดประตูให้กวีได้


“ขะ...ขอโทษนะที่ทำให้ต้องรอนาน” ผมยิ้มแห้งๆ ไม่ค่อยกล้าสบตากวีเท่าไหร่ แต่สำหรับกวีก็รู้สึกว่าอาการตกตะลึงกับสีหน้าที่แดงก่ำได้กลับไปเป็นปกติแล้ว


“ไม่เป็นไร เราสิที่ต้องขอโทษ ถ้ารู้ว่าพายนอนอยู่เราคงไม่กวนหรอก”


“แล้วกวีมาหาเรามีธุระอะไรงั้นหรอ”


“กินข้าวด้วยกันมั้ย พายกินข้าวรึยัง” กวีชูถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่ใส่กล่องโฟม 4 กล่องขึ้นมา


“ยังไม่ได้กินเลย เข้ามาก่อนสิ” ผมหลีกทางให้กวีเข้ามา ก่อนจะเดินไปหยิบโต๊ะญี่ปุ่นออกมากางแล้ววางไว้กลางห้อง จากนั้นก็เดินไปหยิบจาน ช้อน ส้อม แล้วเดินมาหากวีที่นั่งรอตรงโต๊ะเรียบร้อย


“พายหลับไปตั้งแต่กี่โมงหรอ” กวีถามขึ้นในระหว่างที่เราสองคนกำลังกินอาหาร กวีซื้อกับมาซะเยอะแถมยังหลายอย่างมาก ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าพวกเราจะกินให้หมดได้ยังไง


“ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะประมาณ 6 โมงไม่ก็ 1 ทุ่มล่ะมั้ง” ก่อนจะนอนผมก็ไม่ได้มองนาฬิกาซะด้วย แต่ผมก็นอนไปได้แค่แป๊บเดียวเองแฮะ เพราะนี่พึ่งจะเป็นเวลา 3 ทุ่มเอง


“มิน่าล่ะถึงไม่ยอมรับสาย เราตั้งใจจะโทรถามนี่แหละว่ากินข้าวรึยัง ถ้ายังอยากกินอะไร แต่พอพายไม่รับสายแถมเคาะประตูตั้งนานก็ยังไม่ยอมเปิด เราก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี” สีหน้าของกวีตอนที่พูดดูกังวลและเป็นห่วงเป็นใยผมมาก เจอแบบนี้ก็ใจบางเลยสิผม แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ผมจะตัดใจได้สักที


“ขอบใจนะกวีที่เป็นห่วงเรา แต่เราแค่เหนื่อยเลยอยากนอนพักเท่านั้นแหละ” แน่นอนว่าผมไม่ได้บอกว่าเป็นเพราะอะไร ดีที่กวีไม่ได้ถามด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงจะไปไม่เป็นแน่ๆ


“ดีแล้วแหละที่พายไม่ได้เป็นอะไร” กวียิ้มอย่างโล่งใจ


“แล้วนี่ทำไมกวียังไม่ได้กินข้าวล่ะ เราก็นึกว่าจะกินกับเดือนมาแล้วซะอีก” ปกติคนเป็นแฟนกันเวลาไปไหนด้วยกันก็ต้องกินข้าวด้วยกันสักมื้ออยู่แล้วนี่นา


“ก็กินแล้วแหละแต่ว่าไม่อิ่ม”


“หืม?” ผมทำหน้างง กวีเลยยิ้มแห้งๆ แล้วอธิบายให้ผมฟัง


“ก็เดือนเล่นสั่งแต่สลัดกับผลไม้ บอกว่าเลยหกโมงกินเนื้อไม่ได้เพราะกลัวอ้วน ส่วนเราไม่กลัวเลยจะสั่งสเต็กมากิน แต่ทีนี้เดือนไม่ยอมกลัวจะตบะแตก เราเลยต้องจำใจกินแต่สลัดกับผลไม้ตามที่เดือนกินน่ะสิ” พูดจบกวีก็ถอนหายใจออกมา สีหน้าดูเบื่อหน่ายและเซ็งสุดๆ


“เอาน่า กวีต้องเข้าใจนะว่าผู้หญิงน่ะอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย กวีต้องชื่นชมมากกว่าที่เดือนมีวินัยขนาดนี้ จะได้เป็นแฟนที่สวยและน่ารักของกวีตลอดไปไง” พูดเองก็เจ็บเอง แต่เจ็บหนักๆ นั่นแหละดี เพราะผมจะได้ตัดใจจากกวีได้เร็วๆ


“ขอบใจนะพาย” แค่ได้เห็นรอยยิ้มของกวีผมก็คิดว่ามันคุ้มค่ามากๆ แล้ว คนที่แอบรักอยู่ข้างเดียวจะไปหวังมากกว่านี้ได้ยังไง ที่ทำได้ก็คงเป็นแค่ที่ปรึกษาเท่านั้น


การทำให้คนที่เรารักมีความสุข มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเหมือนกัน...


หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมกับกวีก็นั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อ ระหว่างที่คุยผมสังเกตเห็นว่ากวีมองมาที่ผมแปลกๆ แถมยังทำท่าเหมือนจะถามอะไรสักอย่าง แต่ก็อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมถามกลับชวนคุยเรื่องอื่น ผมที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวเลยเอ่ยปากถามซะเลย


“กวีมีเรื่องอะไรอยากจะถามเรารึเปล่า” พอได้ยินแบบนั้นกวีก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะถามคำถามที่ค้างคาใจอยู่นานออกมา


“ตรงคอของพายน่ะ รอยอะไรหรอ” ผมรู้สึกงงกับคำถามนั้นเลยขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แต่พอนึกออกว่าคงเป็นรอยดูดที่เพลิงทำเอาไว้ ผมก็เบิกตากว้างแล้วรีบยกมือขึ้นมาปิดที่ต้นคอด้วยความรวดเร็ว


“คะ...คะ...คือ...ระ...เรา...โดนยุงกัด...ใช่แล้ว! เราโดนยุงกัดน่ะกวี!” ผมรู้ว่าตัวเองกำลังแถแบบฟังไม่ขึ้น แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็ผมคิดไม่ออกนี่นาว่าจะแก้ตัวว่าอะไร ใครจะกล้าบอกความจริงให้คนที่ชอบรับรู้เรื่องไม่ดีของตัวเองกันเล่า


โชคดีที่กวีไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงแค่พูดว่า ‘งั้นหรอ’ อย่างเดียวเท่านั้น ผมก็มองไม่เห็นด้วยว่ากวีกำลังทำหน้าแบบไหน เพราะเอาแต่ก้มหน้าหลบตา แต่ถ้าไม่ถามอะไรออกมาก็คงจะเชื่อผมอยู่ล่ะมั้ง ซึ่งหลังจากนั้นกวีก็ชวนผมคุยตามปกติ จนกระทั่ง 4 ทุ่มนิดๆ ก็ช่วยกันเก็บจานชามไปล้าง


“พรุ่งนี้พายมีเรียนแค่ช่วงบ่ายใช่มั้ย ถ้ายังไงตอนเย็นไปกินข้าวกับเรานะ เดี๋ยวเราเรียนเสร็จจะเดินไปหาที่คณะ” กวีพูดขึ้นตรงประตูก่อนที่จะเดินกลับห้อง


“เรายังไงก็ได้ แต่กวีไม่ต้องไปกินข้าวกับเดือนหรอ”


“ไม่ล่ะ กินกับพายอร่อยกว่านี่นา” ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเขินแทบบ้า แถมยังจะเอาคำพูดนั้นไปนอนฝันหวาน แต่ตอนนี้ผมกลับยืนสงบนิ่ง แน่นอนล่ะว่าเสี้ยวหนึ่งผมรู้สึกดีใจ แต่ผมก็รู้ไงว่ากวีไม่ได้คิดอะไรกับผม เราสองคนเป็นได้แค่เพื่อนกัน เพราะงั้นผมจะเก็บเอาคำพูดนั้นมาคิดเข้าข้างตัวเองทำไม


“ถ้างั้นก็เจอกันหลังเลิกเรียนนะ”


“อืม ฝันดีนะพาย”


“ฝันดีเหมือนกัน” เราสองคนอมยิ้มและโบกมือให้กัน จากนั้นกวีก็เดินกลับเข้าห้องไป ส่วนผมก็หาอะไรทำสักพัก จนกระทั่งความง่วงเริ่มก่อตัวขึ้นมาผมจึงได้ขึ้นเตียงไปนอน


วันต่อมาผมมีเรียนในช่วงบ่าย ซึ่งก็เป็นวิชาเฉพาะเลยไม่ได้เรียนกับสาขาไหน เลยทำให้ผมเรียนได้อย่างสบายใจไม่ต้องหวาดระแวงเหมือนเมื่อวาน


แต่จะว่าไปปัญหากับเพลิงผมก็เคลียร์ไปแล้วนี่นะ เพราะงั้นผมก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรแล้วสิ อีกอย่างวันนี้ทั้งวันเพลิงก็ไม่ได้มาหาเรื่องหรือตามล่าผมด้วย ในที่สุดความสงบสุขก็กลับมาหาคนจืดจางอย่างผมสักที


“เย็นนี้ได้ไปไหนมั้ยพาย เราว่าจะชวนไปทำวิจัยที่ห้องสมุด” อินน์ถามผมหลังจากที่หมดเวลาเรียนตอน 4 โมงเย็น การที่อินน์กลับมาเรียกชื่อผมว่าพาย เป็นเพราะผมบอกว่าการเปลี่ยนชื่อเพื่อแก้เคล็ดได้จบลงแล้ว


“ไว้เป็นวันพรุ่งนี้ได้มั้ยอินน์ วันนี้เรามีนัดแล้วน่ะ”


“หืม? มีนัด? กับหนุ่มที่ไหนอะ?” อินน์อมยิ้มน้อยๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่พอผมตอบไปว่าใครสีหน้าก็กลายเป็นเบื่อหน่ายทันที


“กวี”


“เฮอะ! นี่ยังไม่เลิกคุยกับมันอีกหรอ” ผมกะแล้วว่าปฏิกิริยาของอินน์ต้องเป็นแบบนี้ ก็อินน์ดูเหมือนจะโกรธกวีมากกว่าผมที่เป็นคนอกหักเองซะอีก


“ก็นอกจากอินน์เราก็มีกวีนี่แหละที่เป็นเพื่อนอีกคน แล้วอย่างนี้จะให้เราเลิกคุยได้ยังไง อีกอย่างพวกเราก็อยู่ข้างห้องกันด้วย ยังไงก็ต้องเจอกันเกือบทุกวันอยู่แล้ว”


“ถ้างั้นก็ตามใจแล้วกัน” อินน์ทำหน้าเซ็งๆ


“โกรธเรางั้นหรอ” ผมหน้าจ๋อย อินน์เลยถอนหายใจออกมาแล้วใช้สองมือบีบที่แก้มของผม


“โกรธ แต่ว่าหายแล้ว เพื่อนกันไม่โกรธกันนานหรอก” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ้มออกมา อินน์ที่ใจอ่อนหายโกรธผมแล้วก็เช่นกัน ก่อนจะกลับไปเป็นหน้าบึ้งอีกครั้งก็ตอนที่ลงจากตึกมาแล้วเจอกวียืนอยู่ข้างหน้า


“เฮอะ! เหม็นหน้าคนแถวนี้ชะมัด เราไปก่อนนะพาย” อินน์โบกมือลาแล้วสะบัดหน้าเดินหนีไปเลย กวีที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับงงน่ะสิ


“เมื่อกี้เพื่อนพายหมายถึงเรารึเปล่า” ไม่แปลกหรอกที่กวีจะถาม ก็โดนอินน์มองหน้าซะเขียวปั๊ดขนาดนั้นเลยนี่นา


“เปล่าหรอก อินน์คงโมโหเพื่อนในสาขาล่ะมั้ง อย่าคิดมากเลยกวี” ถึงจะทำหน้าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่กวีคงขี้เกียจซักไซ้ล่ะมั้งเลยไม่ได้ถามอะไรผมต่อ


“อืม แล้วนี่พายหิวรึยัง ไปกินข้าวกันเลยมั้ย”


“ไปเลยก็ได้” ความจริงผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เพราะพึ่งกินข้าวไปตอนเที่ยงกว่าๆ แต่ที่ผมเลยตามเลยก็เป็นเพราะนิสัยอะไรก็ได้ ไม่ค่อยชอบปฏิเสธคน


ระหว่างเดินไปหลังม.เราสองคนก็คุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย โดยที่ระหว่างนั้นได้มีสายโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ของผม แต่ผมพึ่งรู้ตัวเลยรับไม่ทัน แถมยังเป็นเบอร์แปลกด้วยผมเลยไม่ได้สนใจ บางทีอาจจะแค่โทรผิดก็ได้ คนจืดจางอย่างผมที่แทบไม่มีใครรู้เบอร์จะมีคนรู้จักโทรหาได้ยังไง


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


“ทำไมมึงถึงไม่รับสายกู!” เสียงเกรี้ยวกราดอันเป็นเอกลักษณ์ได้พูดขึ้นอยู่ทางด้านหลัง จากนั้นก็ตรงเข้ามากระชากข้อมือของผมให้หันหน้ากลับไปหา


“เพลิง!” ผมเบิกตากว้างราวกับเห็นผี แต่เอาจริงๆ ต่อให้เห็นผีผมก็คงจะไม่ตกใจเท่านี้แน่นอน “นะ...นายรู้เบอร์เราได้ยังไง”


“มึงรู้ไปแล้วมันได้อะไร ยังไงกูก็รู้เบอร์มึงแล้ว” คำตอบนั้นทำให้ผมทำหน้าเหนื่อยใจ แต่ก็เอาเถอะ คำตอบสมกับเป็นคนอย่างเพลิงดี


“แล้วนายโทรหาเราทำไม”


“ไม่ต้องถามมาก เดินตามกูมาก็พอ” ถึงจะบอกให้เดินตาม แต่เพลิงกลับลากผมจะให้เดินกลับเข้าไปในม. ซึ่งถ้าเป็นตอนอื่นผมก็คงจะถูกลากไปได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะผมไม่ได้อยู่คนเดียว


“เดี๋ยว มึงจะพาพายไปไหน ถ้าพายไม่เต็มใจกูก็ไม่ยอม” กวีจับที่แขนอีกข้างของผมเอาไว้ ทำให้ตอนนี้ผมอยู่ตรงกลางระหว่างเพลิงและกวี สถานการณ์ตอนนี้ราวกับซาตาน VS เทวดายังไงยังงั้น ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันและกันอย่างเอาเรื่องโดยไม่มีใครยอมใคร


ทำไมมันถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ล่ะเนี่ย!


“ไอ้หน้าตี๋นี่เป็นใคร” เพลิงถามผมแต่สายตากลับเหยียดมองกวีตั้งแต่หัวจรดเท้า


“เอ่อ...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบคำถาม กวีก็ชิงพูดขัดขึ้นซะก่อน


“พายไปรู้จักกับคนอย่างนั้นได้ยังไง คนรอบข้างมันมีคนดีที่ไหนพายก็น่าจะรู้” กวีเหยียดมองเพลิงคืนบ้าง


อันที่จริงที่กวีพูดมันก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย ถึงแม้ชื่อเสีย (ง) ของเพลิงจะไม่ค่อยดีเพราะเป็นจอม ‘อัณฑะพาล’ ฟันผู้ชายไปทั่ว แต่นิสัยส่วนตัวก็ไม่ได้เลวร้ายเลวทรามขนาดนั้น ติดที่อารมณ์ร้อนแล้วก็เอาแต่ใจไปสักหน่อย ไม่สิ...จะว่าไปก็มากเลยแหละ


“แหม ไอ้คนดี ปากดีไม่พอยังอ้อนตีนกูด้วยนะมึง” เพลิงที่ดูเหมือนว่าจะของขึ้นสุดๆ ทำท่าจะพุ่งเข้าใส่กวี ผมที่เห็นแบบนั้นเลยรีบห้ามเอาไว้ไม่งั้นได้เกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ


“อย่านะเพลิง! กวีไม่ได้ตั้งใจจะว่านายหรอก!”


“ไม่ได้ตั้งใจ? นี่ถ้ามันตั้งใจจะไม่ด่ากูถึงโคตรเหง้าศักราชเลยหรอวะ!” เพลิงหันมาขึ้นเสียงใส่ผม ผมที่ไม่รู้จะแก้ตัวแทนกวียังไงเลยได้แต่เงียบแล้วก้มหน้า กวีเลยคิดว่าผมกำลังกลัวและเสียขวัญอยู่มั้งเลยเป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมา


“หยุดตะคอกใส่พายเดี๋ยวนี้”


“มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู”


“แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรไปตะคอกใส่พาย”


“กูจะพูดดีๆ หรือจะตะคอกแล้วมึงมาเสือกอะไร”


“จะไม่ให้กูเสือกได้ยังไงก็กูเป็นเพื่อนของพาย”


“เฮอะ! แค่เพื่อนทำมาเป็นคุย รู้ไว้ซะว่ากูเป็นผั-...”


“เพลิง!” ผมรีบพูดขัดขึ้นเสียงดังเพราะรู้ว่าเพลิงกำลังจะพูดอะไร ต่อให้ต้องตายผมก็ไม่ยอมให้กวีรู้แน่ว่าผมกับเพลิงมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น!


“ขอร้องล่ะ ช่วยอยู่เงียบๆ อย่าพูดอะไรได้มั้ย แล้วเราจะทำตามที่นายต้องการทุกอย่างเลย” ผมหันไปขยับปากพูดกับเพลิงแบบไม่ออกเสียง เพลิงที่ได้ยินแบบนั้นเลยแสยะยิ้มที่มุมปาก ผมคิดว่าวันนี้คงไม่พ้นโดนอัณฑะพาลอย่างเพลิงจับกินอีกแน่ๆ แต่ถึงจะรู้ผมก็คงต้องยอมเพราะไม่มีทางเลือก


ก็ผมไม่อยากให้กวีรู้เรื่องที่ไม่ดีของผมนี่นา...


ผมแกะมือของเพลิงออกแล้วเดินไปหยุดตรงหน้าของกวี วินาทีนั้นสายตาของกวีหันไปมองเพลิงอย่างผู้ชนะทั้งยังยิ้มหยัน แต่พอผมแกะมือของกวีออกเหมือนกันสายตาและรอยยิ้มนั้นก็พลันหายไป


“เอ่อ...ขอโทษนะกวี เราพึ่งนึกได้น่ะว่ามีนัดกับเพลิงแล้ว ไว้วันหลังเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยวเราจะขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงไถ่โทษเอง”


“แต่พาย...” กวีพยายามจะพูดเพื่อรั้งผมเอาไว้ ผมเข้าใจดีว่ากวีคงเป็นห่วงผมมาก เป็นผมผมก็คงจะห่วงเหมือนกันถ้าเพื่อนบอกว่ามีนัดกับคนอันตราย


“ไม่ต้องห่วงหรอกกวี เพลิงไม่ได้เป็นคนไม่ดีอย่างที่กวีคิดหรอก” ผมยิ้มออกมาเพื่อให้กวีสบายใจ


“ได้ยินชัดแล้วนะไอ้หน้าตี๋” เพลิงเดินเข้ามาโอบไหล่ของผมพลางยิ้มที่มุมปาก สายตามองไปยังกวีอย่างผู้ชนะตัวจริง กวีจึงกำหมัดแน่นแล้วมองหน้าเพลิงอย่างเจ็บใจ แต่เพลิงก็ไม่แคร์แถมยังโอบไหล่ของผมให้แน่นขึ้น แล้วพาเดินกลับไปยังด้านหลัง


“นายจะพาเราไปไหน”


“เดี๋ยวมึงก็รู้” พอได้ยินคำตอบแบบนี้ผมก็ไม่คิดจะถามอีกให้เสียเวลา เลยเดินตามไปเงียบๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองกวี ซึ่งพอเจอสายตาที่มองตรงมาอย่างไม่พอใจ ผมเลยรีบหันหน้ากลับไปเพราะไม่อยากให้กวีรู้สึกโกรธไปมากกว่านี้


พอเดินตรงไปอีกนิดหน่อยผมก็เห็นรถออดี้สีแดงที่จอดอยู่ไม่ไกล ผมจำได้ว่านั่นเป็นรถของเพลิง เพราะสีแบบนี้ทั้งมหา’ลัยมีอยู่คันเดียว ช่างเลือกสีได้เด่นสะดุดตาดีจริงๆ


“ขึ้นไป นี่รถกูเอง” เพลิงเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้แล้วดันผมเข้าไป จากนั้นก็เดินอ้อมไปยังอีกฝั่งแล้วเข้ามานั่งข้างใน เพลิงไม่พูดไม่จาอะไรแล้วขับรถตรงออกไปเลย


ประมาณ 15 นาทีต่อมารถสีแดงของเพลิงก็มาจอดอยู่ที่หน้าโรงแรม Arena จากนั้นก็จูงมือ (ลาก) ผมลงจากรถแล้วตรงเข้าไปข้างใน เพลิงจองห้องที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ผมฟังไม่ทันว่าเป็นห้อง Superior หรือ Deluxe แต่จะเป็นห้องอะไรก็ช่างยังไงผมก็ไม่รอดอยู่ดี เพราะตอนนี้ผมเข้ามาอยู่ข้างในกับเพลิงแล้ว


 “ไอ้หน้าตี๋นั่นเป็นใคร” คำถามนั้นของเพลิงทำให้ผมรู้สึกงงนิดหน่อย ตอนแรกผมก็นึกว่าจะถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้า ไม่ก็ถูกผลักหรือโยนลงไปบนเตียงทันทีที่เข้ามาในห้องซะอีก


“กวีเป็นเพื่อนของเรา”


“มึงแน่ใจนะว่ามันเป็นแค่เพื่อนจริงๆ” เพลิงหรี่ตาลงอย่างไม่ค่อยเชื่อผมเท่าไหร่นัก


“แน่ใจสิ ก็กวีมีแฟนอยู่แล้ว” พอพูดถึงเรื่องนี้ผมก็อดที่จะทำหน้าเศร้าลงไม่ได้ ถึงมันจะไม่ได้มากมายอะไรแต่เพลิงที่กำลังจ้องอยู่ก็สังเกตเห็น


“กูเข้าใจแล้ว ที่มึงบอกว่าอกหักเป็นเพราะไอ้เวรนั่นมันทิ้งมึงไปมีคนใหม่สินะ” เพลิงจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ดูท่าทางจะไม่ชอบขี้หน้ากวีเอามากๆ


“พูดถึงกวีให้ดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง”


“แล้วมึงจะไปโกรธแทนมันทำไม ต้องขอบคุณกูสิที่ช่วยด่ามันให้”


“แต่กวีไม่ได้ทำผิดสักหน่อย เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว แค่อยู่ห้องข้างกันเท่านั้นเอง”


“อ๋อ ก็เลยกินกันง่ายๆ อยากเมื่อไหร่ก็มาเคาะห้องมึงสินะ”


“มันไม่ใช่แบบนั้น...”


“แล้วมันเป็นแบบไหน! หรือว่ามึงเป็นคนไปเคาะห้องมันแล้วถวายตัวให้มันจนถึงที่!” ยิ่งพูดเสียงของเพลิงก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพลิงจะพาลใส่ผมทำไม แต่ก็นะ...ฉายา ‘อัณฑะพาล’ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยอยู่แล้ว


“ถ้านายอยากจะคิดแบบนั้นก็เชิญตามสบาย” ที่พูดผมไม่ได้ประชดแต่อย่างใด เพลิงจะคิดแบบไหนมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าคำตอบนั้นจะทำให้เพลิงยิ่งคลั่งหนักมากขึ้นกว่าเดิม


“ไอ้หน้าตี๋นั่นมันเป็นคนได้ครั้งแรกของมึงไปใช่มั้ย!” ขึ้นเสียงใส่ไม่พอยังจ้องหน้าผมแทบจะกินเลือดกินเนื้ออีกต่างหาก จะโมโหอะไรมากมายก็ไม่รู้


“ไม่ใช่” แต่คำตอบนั้นแทนที่จะทำให้เพลิงอารมณ์เย็นลง เปล่าเลย เพราะเพลิงดันของขึ้นยิ่งกว่าเดิมซะอีก


“นี่ยังมีคนก่อนหน้าไอ้ตี๋นั่นอีกหรอห้ะ!” เอาเข้าไป ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย “ไอ้เวรนั่นมันชื่ออะไรบอกกูมาเดี๋ยวนี้!”


“ชื่อชี้กับกลาง”


“หา? คนบ้าอะไรชื่อประหลาดขนาดนั้น! แต่เดี๋ยวนะ...นี่ครั้งแรกมึงก็เล่นแซนด์วิชแบบ 3P แล้วเรอะ!” ความคิดแบบนั้นของเพลิงทำเอาผมอดไม่ได้จริงๆ ที่จะกลอกตามองบน


“เราไม่ได้เป็นคนมีรสนิยมแบบนั้นสักหน่อย”


“ถ้าอย่างนั้นแล้วไอ้ชี้กับไอ้กลางที่มึงว่ามันหมายความว่ายังไง!” ผมไม่พูดอะไรแต่ชูสองนิ้วแล้วยื่นไปตรงหน้าของเพลิงแทน


ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว หวังว่าผมคงไม่ต้องเติมฉายาให้เพลิงเป็น ‘อัณฑะพาลจอมทึ่ม’ หรอกนะ!


 2BC


 o15 ฮัลโหลวววว สวัสดีค่าทุกคน Rabid หัวใจคลั่งรักตอนที่ 4 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า อีตาเพลิงพระเอกของเรื่อง (หรือตัวร้าย?) ก็มีเรื่องมาให้ได้ด่าทุกตอนจริงๆ ลองทายกันซิว่าตอนหน้ามันจะรู้มั้ยว่ามันนั่นแหละที่เป็นคนแรกของพาย 55555  :laugh:
ส่วนเรื่องของกวีที่ยังสงสัยกันอยู่ว่าคิดยังไงกับพายกันแน่ เดี๋ยวตอนต่อๆไปก็คงจะได้รู้กันนะคะ แต่สำหรับตอนหน้ามาลุ้นเรื่องความสัมพันธ์ของเพลิงและพายกันดีกว่า จะดีขึ้นหรือว่าเลวร้ายกว่านี้ แล้วจะมี NC ให้เลือดสูบฉีดกันรึเปล่า  :z1: (ก็อีตาเพลิงอุตส่าห์ลากพายมาที่โรงแรมเดิมแล้วนี่เนอะ) ยังไงก็มาลุ้นไปพร้อมๆ กันน้า  :impress2:
แต่ตอนหน้าเราอาจจะมาช้าหน่อยเหมือนตอนนี้นะคะ แบบว่าติดภารกิจแพคหนังสือคู่พฤกษ์ซ่าอยู่น่ะค่ะ ยังไงก็อย่าพึ่งเทเค้าไปไหนน้า เค้าจะรีบแพคให้เสร็จแล้วรีบมาลงนิยายแบบปกติให้เร็วที่สุดเลยค่า รักทุกคนนะคะจุ๊บๆ  :mew1:
(14 พ.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 4# ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-05-2018 22:45:20
อิเพลิงหึงไม่ดูตาม้าตาเรือ 5555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 4# ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-05-2018 23:56:56
อ๋อ  น้องพายเสียซิงให้ชี้กับกลาง   o22
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 4# ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-05-2018 00:27:30
ชี้กับกลางนี่ หมายถึงนิ้วของเพลิงป่ะ แก่แล้วตามมุขหลานคนแต่งไม่ทัน  :m21:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 4# ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 15-05-2018 00:54:04
ชี้กับกลางนี่ หมายถึงนิ้วของเพลิงป่ะ แก่แล้วตามมุขหลานคนแต่งไม่ทัน  :m21:

ขออนุญาตคอมเมนท์ตอบคำถามนะคะ ปกติไม่เคยคอมเมนท์แบบนี้สักทีเพราะกลัวโดนว่าปั่นกระทู้ แหะๆ :mew2:

พายหมายถึงนิ้วชี้กับนิ้วกลางของตัวเองค่ะคุณพี่ ก่อนหน้านี้พายเคยช่วยตัวเองมาหลายครั้งแล้ว > <

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 4# ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-05-2018 01:17:11
กวีแปลกๆนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 4# ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-05-2018 01:21:41
กวีต้องการอะไรเหรอ?
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 15-05-2018 06:44:09
คนละขั้วเลย ช่วงทำความรู้จักกันนี่ น่าสนุกดี น้องพาย แอบเกรียนนะเนี่ยๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 15-05-2018 11:23:03
น่าจะหมายถึงช่วยตัวเองหรือเปล่า


55555เพลิงนิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 15-05-2018 11:47:58
อ่านไปมีแต่ขำว่า โอยยยยย อีเพลิงงงงง หึงไม่เข้าเรื่อง ออกตัวแรงมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 15-05-2018 12:26:59
หึง นิ้ว ด้วยไหม
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 15-05-2018 16:28:43
หึงนิ้วก็ได้หร๊าาาา  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 16-05-2018 03:26:26
55555555555555พายกวนแบบมึนๆน่ารักอ่ะ เอาอีกๆอยากเห็นเพลิงคลั่งมากกว่านี้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-05-2018 08:58:46
หึงหน้ามืดสมองๆไปหมดเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: bungg ที่ 16-05-2018 13:53:07
ชอบน้องพายจัง กวนแบบมึนๆดี555555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 17-05-2018 18:36:06
กวีนี่ยังไงๆน้า
คิดอะไรกะพายมั้ย
กั๊กพายแบบที่อินพดรึเแล่า
ทีนี้ไม่ใช่ตามติดเพราะเสียดายคนที่คิดว่าเป็นของตายนะ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 20-05-2018 03:24:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T]❤Rabid หัวใจคลั่งรัก 4#ครั้งแรกของมึงคือมันใช่มั้ย! P26 [14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 20-05-2018 17:13:08
เมื่อจะมาต่อ
รอนานแล้วหนา

 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 21-05-2018 07:26:49
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 5# Plerng แบล็คเมล์ NC-18


คุณจำได้รึเปล่าว่าเรื่องที่น่าอายที่สุดในชีวิตคืออะไร?


ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงนึกไม่ออก เพราะคนที่หล่อลากแถมยังรวยมากอย่างผมจะเคยทำเรื่องน่าอายได้ยังไง แต่ใครจะไปนึกฝันกันล่ะว่าคนอย่างผมก็จะทำเรื่องแบบนั้นได้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นว่าผมรู้สึกหึงนิ้วชี้กับนิ้วกลาง!


ฟ้าคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!


แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าบอกว่าหึงก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย ตัวท็อปอย่างผมจะไปหึงคนที่เนิร์ดแตกแถมยังจืดจางอย่างพายได้ยังไง ก็แค่ไม่สบอารมณ์ที่มีคนได้กินพายแสนอร่อยก่อนผมก็เท่านั้น โดยเฉพาะถ้าคนคนนั้นเป็นไอ้หน้าตี๋ที่ชื่อกวีอะไรนั่น แต่พอรู้ความจริงว่าผมต่างหากที่เป็นคนแรกของพาย ความหงุดหงิดที่มีมันก็จางหายไปเป็นปลิดทิ้ง


“กูเป็นคนแรกที่ได้เปิดซิงมึงจริงดิ” บ้าจริง! ทำไมเรื่องแค่นี้กูถึงหุบยิ้มไม่ได้วะ!


“ก็ถ้าไม่นับนิ้วชี้กับนิ้วกลางของเราล่ะนะ” ฟังดูเหมือนพายจะกวนตีน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น เพราะพายเหมือนไม่มั่นใจว่าการใช้นิ้วช่วยตัวเองจะเรียกว่ายังซิงได้รึเปล่า


“ถ้าไม่เคยมีใครเข้าไปก็ถือว่ายังซิงอยู่ล่ะน่า” แต่เอาจริงๆ จะซิงไม่ซิงผมไม่ได้สนใจหรอก แค่เข้าขากันได้มันก็พอแล้ว แต่น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเปิดซิงหนุ่มใสๆ มาหลายคน แต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกดีใจขนาดนี้มาก่อนเลย


หรือจะเป็นเพราะผมเหนือกว่าไอ้หน้าตี๋กวี?


ของมันแน่อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้น! ไม่งั้นผมจะดีใจขนาดนี้ได้ยังไงกันเล่า! คอยดูเถอะเจอหน้าเมื่อไหร่ผมจะบลัฟมันให้แหลกเลย! ฮ่าๆๆๆ


“มึงเคยใช้นิ้วช่วยตัวเองบ่อยปะ?”


“นายจะอยากรู้ไปทำไมกันเล่า” พายหน้าขึ้นสีเลือดฝาดนิดหน่อย คงจะรู้สึกอายอยู่ล่ะมั้ง แต่นั่นแหละที่ผมรู้สึกว่าน่ารักแล้วก็น่าแกล้งเป็นบ้า


“จริงๆ กูไม่ได้อยากรู้หรอก แต่กูอยากดูมากกว่า ช่วยตัวเองให้กูดูหน่อยสิ” ผมยิ้มกรุ้มกริ่มที่มุมปากพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์


“หา! เรื่องแบบนั้นใครมันจะไปทำ!” พายปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งผมก็คิดเอาไว้เรียบร้อยแล้วแหล เพราะงั้นผมถึงได้คิดเหตุผลที่จะบังคับให้พายทำให้ได้เตรียมเอาไว้


“ไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่ว่ารูปกับคลิปที่มึงมีเซ็กส์กับกูครั้งที่แล้วได้หลุดว่อนเน็ตแน่”


“วะ...ว่าไงนะ!” พายเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ส่วนใบหน้าก็ซีดเผือดลงจนแทบไม่มีสีเลือด


แต่ก็ไม่แปลกหรอก เพราะไอ้ที่ผมพูดนั่นมันอาชญากรรมชัดๆ แน่นอนว่าผมแค่ขู่ไม่ได้คิดจะแบล็คเมล์จริงๆ ก็ผมจะไปมีโอกาสได้ถ่ายรูปถ่ายคลิปพายเมื่อไหร่ เซ็กส์กับพายมันส์สุดยอดแถมยังเสียวสุดใจขนาดนั้น ผมจะมีเวลาวอกแวกไปคิดเรื่องอื่นได้ยังไงกันเล่า


“ถ้าได้ยินชัดแล้วก็ถอดเสื้อผ้าแล้วเดินขึ้นเตียงไปซะ” พายทำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกจะทำไงได้ ก็ต้องยอมทำตามคำสั่งของผมเท่านั้นแหละ


“นายสัญญานะว่าจะไม่เอารูปกับคลิปพวกนั้นไปเผยแพร่”


“ไม่ใช่แค่สัญญา แต่กูสาบานเลย” ก็ของแบบนั้นมันไม่มีอยู่แล้วนี่หว่า ส่วนพายที่พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็ดูเบาใจ (เชื่อคนง่ายไปแล้ว) จึงได้ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกไปทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า ผมไม่ได้รู้สึกรำคาญซ้ำยังมองอย่างหลงใหล ก่อนที่จะกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเสื้อถูกถอดออกไป

 
ให้ตายสิ! ยอดอกสีชมพูอ่อนของพายแม่งน่าดูดฉิบหายเลย!


“เอ่อ...เราขออาบน้ำก่อนได้มั้ย” พายถามในระหว่างที่กำลังปลดเข็มขัดและถอดกางเกงลงมา ขาขาวเนียนที่เห็นแม่งน่าลูบไล้เป็นบ้า ส่วนตรงนั้นก็มีขนาดน่ารักน่าเอ็นดู


“ได้ ไม่มีปัญหา”


ที่ผมอนุญาตเพราะยังไงก็ตามวันนี้พายก็ต้องเป็นของผมอยู่แล้ว อดใจรออีกนิดเพื่อรอกินพายหอมๆ หวานๆ ดีกว่า อีกอย่างผมจะได้เรียกพนักงานขึ้นมารับเสื้อผ้าของเราสองคนไปซักรีดด้วย พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบกลับหอกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เผื่อจะมีเวลาได้กินพายรอบเช้าอีกสักรอบสองรอบ หึหึ


หลังจากอาบน้ำเสร็จพายก็สวมชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา นี่เป็นอีกอย่างที่ผมรู้สึกถูกใจในตัวพาย เพราะพายเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่คิดทำเรื่องโง่ๆ อย่างเช่นตุกติกเพื่อถ่วงเวลา หรือพยายามหาทางรอดเพราะยังไงมันก็ไม่มี


“มึงขึ้นไปรอที่เตียงเลย เดี๋ยวกูอาบน้ำแป๊บนึง” ผมพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาทีก็สวมชุดคลุมเดินออกมา ผมไม่ได้ขึ้นไปบนเตียงแต่นั่งลงตรงโซฟาที่อยู่ตรงกันข้าม ก็มองจากตรงนี้วิวมันดีโคตรๆ เลยนี่หว่า


“เจลหล่อลื่นน่าจะอยู่ในลิ้นชักข้างๆ ล่ะมั้ง” พายที่นั่งอย่างประหม่าอยู่บนเตียงพยักหน้าลง จากนั้นก็ยืดแขนไปเปิดลิ้นชักหยิบเจลหล่อลื่นออกมา
“คือ...ถ้าเราขอปิดไฟแต่เปิดโคมแทนจะได้มั้ย” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้พายกำลังรู้สึกอายแค่ไหน ไอ้ผมก็ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นเลยตอบไปว่าไม่มีปัญหา ไฟสีส้มสลัวๆ ของโคมไฟมันก็น่าจะได้อารมณ์ดีเหมือนกัน


พายยืดตัวขึ้นไปปิดไฟ ตามด้วยการเปิดโคมที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ จากนั้นก็เอนตัวพิงหัวเตียงแล้วหลับตา ตอนแรกผมก็คิดว่าพายคงจะรู้สึกเขินอายเลยกำลังทำใจ ซึ่งนั่นก็คงใช่แหละ แต่เป้าหมายจริงๆ น่าจะเป็นการบิ้วท์อารมณ์ของตัวเองมากกว่า


ไม่นานสองมือของพายก็สอดเข้าไปใต้ชุดคลุมแล้วเค้นคลึงตรงแผ่นอกของตัวเอง ก่อนจะเอานิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้บีบขยี้ตรงยอดจนมันแข็งเป็นไต เสียงครางหวานใสหลุดออกมาเบาๆ แล้วแรงขึ้นตามห้วงอารมณ์ ภาพที่เห็นเล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ สายตาจ้องมองการกระทำของพายอย่างไม่วางตา


ผ่านไปสักพักพายก็ค่อยๆ ยกขาตั้งชันแล้วกางออกจากกัน เผยให้เห็นช่องทางด้านหลังกับส่วนนั้นที่แข็งขึง พายลืมตาขึ้นโดยเลี่ยงที่จะสบตาผมแล้วบีบเจลหล่อลื่นใส่มือ จากนั้นก็ละเลงจนทั่วแล้วจึงนำไปหมุนวนตรงปากทางเข้า ผมเอาแต่จ้องและลุ้นจนแทบลืมหายใจ


“อา...!” พายครางหวิวทันทีที่นิ้วกลางถูกสอดเข้าไปข้างใน ก่อนที่เสียงครางจะทวีความดังและกระเส่าขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพายขยับนิ้วหมุนวนเพื่อขยายช่องทาง จากนั้นก็ขยับเข้าออกพร้อมกับหักงอนิ้วไปด้วย


“อา...อื้ม...อาา...” ตอนนี้นิ้วชี้ได้ถูกพายสอดเข้าไปข้างในอีก 1 แล้ว ความคับแน่นและแรงเสียดสีทำให้พายเสียวจนครางระงม สองขาสั่นระริกส่วนปลายเท้าก็จิกลงบนที่นอน ช่องทางของพายที่นิ้วกำลังขยับเข้าออกกระตุกตอดและดูดกลืนอย่างถี่ยิบ แค่มองผมก็รู้สึกเสียวจนส่วนนั้นมันแข็งสุดๆ แถมยังปวดหนึบขึ้นมาแล้ว


“มองมาที่กูสิพาย” ผมพูดด้วยเสียงแหบพร่า


แน่ล่ะก็ตอนนี้ผมมีอารมณ์สุดๆ จนหัวแม่งเชื่อมไปหมดแล้ว!


“เพลิง...” พายเรียกชื่อผมเสียงกระเส่าจนเหมือนคราง ทำเอาผมของขึ้นจนเกือบยั้งตัวเองไม่ไหว ใจจริงอยากจะกระโจนขึ้นเตียงไปฟัดพายที่ยั่วได้ใจให้รู้แล้วรู้รอด แต่ยังก่อน อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่าเว่ยไอ้เพลิง


ผมไม่รู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้พายถึงเลี่ยงที่จะสบตาผม แต่ถ้าเป็นเพราะกำลังจินตนาการถึงคนอื่นผมไม่ยอมหรอก พายต้องมองมาที่ผมและนึกถึงผมแค่คนเดียวเท่านั้น!


“อื้อ...อ๊า...” สายตาอันร้อนแรงของผมทำให้พายที่หันมาสบตามีอารมณ์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมพอใจมากจนยกยิ้มที่มุมปาก ช่องทางของพายสั่นระริกและดูดกลืนสองนิ้วอย่างรุนแรง ในขณะที่ส่วนกลางลำตัวก็มีน้ำใสๆ ไหลออกมา


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” พายเร่งจังหวะการขยับนิ้วให้เข้าออกด้วยความเร็วสูงสุด ส่วนสะโพกก็ขยับและส่ายไปมาให้เข้ากับจังหวะของนิ้ว


ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคิดว่าอีกไม่เกิน 1 นาทีพายก็คงจะเสร็จ แต่ตอนนี้ท่าทางจะยาก เพราะข้างหลังของพายเคยมีอะไรที่ใหญ่กว่าเข้าไปแล้ว แค่นั้นมันจะไปพอได้ยังไง นิ้วเย็นๆ มีรึจะสู้เอ็นอุ่นๆ ของผม หึหึ


ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะถอดชุดคลุมอาบน้ำที่สวมอยู่ออกไป เผยให้เห็นมัดกล้ามอันแสนภูมิใจแล้วก็แก่นกายที่กำลังเหยียดเกร็ง


ผมเห็นนะว่าพายมองมาด้วยความปรารถนา สายตาแสดงออกอย่างไม่ปิดบังเลยว่าอยากได้ของของผมมากแค่ไหน ผมเลยฉีกซองถุงยางที่วางอยู่ใกล้ๆ แล้วรูดสวมมันเข้าไป จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพายที่ยังคงมองผมอย่างไม่วางตา


“ถ้าไม่พอก็มานี่สิ มาขย่มที่ตักกู”


โดยไม่ต้องให้พูดซ้ำ พายก็ลงจากเตียงแล้วเดินตรงมาคร่อมที่ตักของผมทันที สีหน้าของพายเมื่อมองไกลๆ ว่ายั่วยวนแล้ว แต่พอได้มองใกล้ๆ ความยั่วยวนกลับเพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่า ยิ่งบวกกับการสวมชุดคลุมอาบน้ำที่หลุดรุ่ยจนปิดตรงนั้นเปิดตรงนี้ มันก็ยิ่งทำให้พายดูเซ็กซี่แล้วก็เอ็กซ์แตกโคตรๆ


เมื่อพายแสนอร่อยมาอยู่ตรงหน้าผมจะรออะไรล่ะ สองมือก็รีบกอดรัดเอวบางเอาไว้ ตามด้วยการฝังใบหน้าลงไปฟัดที่ซอกคอขาวๆ อย่างไวเลยน่ะสิ


“อ๊ะ...ซี้ดด...อ๊ะ...อ๊า...” ความเสียวซ่านทำให้พายร้องครางอย่างสุขสม ส่งผลให้ท่อนเนื้อที่อยู่ด้านหน้ามีน้ำใสๆ ไหลออกมามากขึ้น ส่วนบั้นท้ายก็ส่ายร่อนไปมาจนช่องทางด้านหลังบดเบียดกับท่อนเนื้อของผม เล่นเอาผมเสียวซี้ดจนเกือบกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ แต่เมื่อพายยกสะโพกขึ้นแล้วกดลงมากลืนกินแก่นกายของผมเข้าไป ความเสียวซ่านที่คูณจากเดิมไม่รู้เท่าไหร่ก็ทำให้ผมถึงกับหลุดเสียงครางออกมา


“ซี้ดดด...อาา...” ในขณะที่พายก็ครางลั่นด้วยความเสียวเช่นกัน เมื่อทิ้งตัวลงมากลืนกินแก่นกายของผมจนมิดด้าม


“อ๊ะ...อ๊าาาาา!” พายขย่มขึ้นลงอย่างเมามันโดยไม่อารัมภบทใดๆ ทั้งนั้น ส่วนช่องทางด้านหลังก็กระตุกตอดรัดอย่างบ้าคลั่ง ผมที่รู้ว่าพายใกล้จะเสร็จเต็มทีแล้วจึงกระแทกแก่นกายสวนขึ้นไปอย่างไม่ยั้ง โดยไม่ลืมกำรอบและชักด้านหน้าของพายขึ้นลงด้วยความรวดเร็ว


ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที...


“อ๊า...อ๊า...อ๊า...อ๊ะ...อ๊าาาาาาาา!” พายก็ทิ้งตัวลงมาอย่างสุดแรง แล้วปลดปล่อยความเสียวซ่านออกมาจนเต็มฝ่ามือของผมเมื่อถึงจุดสุดยอด


พายทรุดตัวลงซบที่ไหล่ของผมพร้อมหอบหายใจอย่างแรง ส่วนผมแม้จะยังไม่เสร็จแต่ก็ไม่ได้รีบเร่งจะให้พายต่อสองรอบในทันที ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้นั่งนิ่งเป็นขอนไม้ ผมขยับสะโพกเคลื่อนไหวช้าๆ ไปพร้อมๆ กับการลูบไล้เรือนร่างของพายเพื่อปลุกเร้าอารมณ์อีกครั้ง

   
คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ใส่ถุงยาง ผมใช้แบบบางเฉียบเลยเสียวน้อยลงแค่นิดหน่อย แต่แลกกับการสนุกได้นานแถมเสียวได้ยาวผมว่ามันก็คุ้ม 


“มาเป็นเซ็กส์เฟรนด์กันมั้ย” ผมถามในขณะที่กำลังใช้จมูกซุกไซ้ที่ซอกคอของพาย


“นะ...นายหมายถึง...คู่นอน...น่ะหรอ” เสียงของพายดูติดขัดและขาดห้วงเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าไม่แน่ใจความหมายหรือว่ากำลังมีอารมณ์อีกครั้งกันแน่


“ก็ประมาณนั้นมั้ง เป็นสถานะที่อยากเมื่อไหร่ก็เอาเมื่อนั้น ไม่ผูกพัน ไม่ผูกมัด ต่างคนต่างเป็นอิสระไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร”


“บะ...แบบนั้นเราว่ามันไม่...”


“มึงทำคนเดียวแล้วเสร็จรึไง” ผมพูดขัดขึ้นเมื่อพายทำท่าจะปฏิเสธ แถมยังยกสะโพกของพายขึ้นสูงแล้วกดลงมาเน้นๆ ให้เห็นชัดไปเลยว่าระหว่างนิ้วกับท่อนเนื้อของผมอันไหนที่ทำให้พายรู้สึกดีกว่ากัน


“ซี้ดด...เพลิง...” พายเรียกชื่อผมเสียงกระเส่า ส่วนช่องทางด้านหลังก็สั่นระริกและกระตุกตอดรัดแก่นกายที่อยู่ข้างใน พายเคลิบเคลิ้มและอ่อนระทวยขนาดนี้เชื่อสิว่าไม่ถึงนาทีต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน


“มึงไม่คิดเหมือนกูหรอว่าเราสองคนเข้าขากันได้ดีจะตาย กูรู้ว่ามึงชอบให้ทำแบบไหน แล้วคนที่รู้จักด้านนี้ของมึงก็มีแค่กูจริงมั้ยล่ะ” ผมพูดในขณะที่ยกสะโพกของพายขึ้นลงให้เร็วขึ้น แถมยังก้มหน้าดูดเลียยอดอกสีเชอรี่อย่างตะกรุมตะกราม ความเสียวที่ได้รับทำให้พายร้องครางแทบไม่เป็นภาษา สองแขนจิกทึ้งที่ไหล่ของผมแน่น


“อ๊า...เพลิง...อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” ผมขยับสะโพกเด้งขึ้นไปสวนกับการกดพายลงมา การกระทำของผมทำเอาพายเสียวมากจนยิ่งครางลั่น ช่องทางด้านหลังตอดรัดท่อนเนื้อของผมถี่ยิบ


“มึงชอบให้กระแทกแรงๆ ยิ่งแรงเท่าไหร่มึงก็ยิ่งตอดกูแรงมากเท่านั้น...ซี้ดด...แบบนี้เลย...อา...เสียวโคตรๆ” ให้ตายสิ นับวันผมยิ่งติดใจพาย เห็นหงิมๆ เนิร์ดๆ ใส่แว่นหนา แต่พอขึ้นเตียงกลับร้อนแรงเป็นบ้าจนผมแทบคลั่ง


“อ๊ะ...ไม่...อ๊า...อย่าพูด...นะ...อ๊า...อ๊า...” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ผมคิดว่าคำพูดอันลามกของผมกลับทำให้พายมีอารมณ์มากขึ้นต่างหาก เพราะแก่นกายข้างหน้าเริ่มมีน้ำใสๆ ไหลออกมาแล้ว


“ซื่อตรงกับความรู้สึกหน่อย อยู่กับกูไม่ต้องฝืนหรอกน่า เราสองคนมันคนประเภทเดียวกันอยู่แล้ว ยอมรับมาถึงว่ามึงน่ะติดใจกู เพราะกูก็ติดใจมึงเหมือนกัน” พายเม้มปากแน่นไม่ยอมพูดอะไร ผมจึงเร่งความเร็วในการยกพายขึ้นลง ส่วนท่อนเนื้อของผมก็เด้งส่วนขึ้นอย่างแรง


“อ๊า...อ๊า...อ๊า!” พายกรีดร้องด้วยความสุขสม สะโพกสั่นระริกแถมช่องทางด้านหลังยังบีบรัดผมแน่นด้วยความเสียวซ่าน


“ว่ายังไง คำตอบล่ะ?” ผมถามอีกครั้ง โดยมั่นใจว่าคำตอบของพายต้องเซเยสแน่นอนอยู่แล้ว


“อื้อ...ปะ...เป็น...เป็นก็ได้...อ๊า...เพลิง!” พายหวีดร้องลั่น เมื่อผมให้รางวัลกับคำตอบนั้นโดยการกดตัวพายลงมาอย่างแรง แล้วกระแทกแก่นกายขึ้นสวนจนถึงส่วนลึก พายจึงเชิดหน้าขึ้นแล้วแอ่นอกจนโค้งงอ สีหน้าตอนนี้ดูสุขสมชวนกระตุ้นอารมณ์ให้พลุกพล่านโคตรๆ


“อ๊า...ซี้ดด...อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...” พอยอมรับความต้องการของตัวเองได้แล้วพายก็เลิกฝืนอีกต่อไป ตอนนี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ไฟติด เพราะพายก็ติดไม่ต่างจากผม สะโพกกลมกลึงส่ายร่อนและขย่มลงมาอย่างเมามัน สองแขนกอดรัดผมเอาไว้โดยแอ่นอกขึ้นให้ผมดูดเลียอย่างถนัดอีกต่างหาก


“เพลิง...อ๊า...ดี...ซี้ด...เราเสียว...ซี้ดด...อ๊า...” ไม่ใช่แค่พายคนเดียวที่เสียว ตอนนี้ผมก็เสียวแทบบ้าเหมือนกัน ส่วนนั้นของผมโดนพายดูดกลืนและตอดรัดจนแทบจะละลาย


ให้ตายสิ! พายขย่มซะผมเสียวจนแทบจะแตกอยู่แล้ว!


“ซี้ดด...อาา...” ผมครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะก้มหน้าดูดเลียตุ่มไตสีชมพูที่อยู่ตรงหน้า ส่วนอีกข้างผมก็ใช้นิ้วบีบขยี้ โดยที่สะโพกไม่ได้หยุดกระแทกขึ้นสวนกับพายที่ขย่มลงมาเลย


“อ๊า...อ๊า...แรงอีก...จะเสร็จแล้ว...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็จัดให้พายอย่างถึงใจ ทั้งกระแทกท่อนเนื้อขึ้นไปอย่างไม่ยั้ง ตวัดลิ้นเลียยอดอกพร้อมทั้งดูดดุนอย่างรุนแรง ส่วนแก่นกายของพายผมก็ใช้มือข้างที่ว่างรูดรั้งขึ้นลงจนสุดความยาว


“อ๊ะ...ซี้ดด...อ๊า...เพลิง...เพลิง! อ๊าาาาาาา!” พายกรีดร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ทิ้งตัวลงมากลืนกินแก่นกายของผมอย่างแรง ก่อนที่จะแอ่นอกขึ้นแล้วฉีดพ่นความเสียวซ่านทั้งหมดออกมา


ส่วนผม เมื่อถูกพายกลืนกินจนหมดทั้งลำ แถมยังดูดและตอดรัดอย่างถี่ยิบขนาดนั้นมีรึที่จะทนไหว ผมครางด้วยความเสียวสุดใจก่อนจะปลดปล่อยตามพายไปติดๆ


“พาย! ซี้ดดด...อาาาาาส์”


หลังจากเสร็จไปรอบสองพายก็หมดแรงทรุดลงซบผมอีกครั้ง แถมครั้งนี้ยังหอบอย่างรุนแรงมากกว่าครั้งที่แล้วอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมรู้ดีว่าแค่นี้พายยังไม่พอ ก็เราสองคนมันคนประเภทเดียวกันนี่นา


“ครั้งต่อไปขอแตกในได้ปะ?” ผมถามหลังจากที่ถอนแก่นกายออก ก่อนจะถอดถุงยางออกแล้วโยนมันทิ้งลงในถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ


“หา! มะ...ไม่เอานะ นายไม่รู้หรอกว่าการเอาออกมามันลำบากขนาดไหน”


“ถ้ากูบอกว่าเดี๋ยวกูทำให้ แถมจะบริการอาบน้ำแล้วก็อุ้มมานอนที่เตียงด้วยล่ะ?” พูดเลยนะว่าที่ผ่านมาผมยังไม่เคยบริการใครถึงขนาดนี้เลย


“ก็...ก็ถ้านายพูดจริง...อ๊ะ! เพลิง!” แล้วพายก็ต้องร้องด้วยความตกใจทั้งที่ยังพูดไม่ทันจบประโยค เพราะผมได้สอดแก่นกายที่ยังคงแข็งปั๋งเข้าไปในช่องทางด้านหลังของพาย ก่อนจะอุ้มพายขึ้นจนพายต้องเกี่ยวขากับเอวของผมแน่นเพราะกลัวตก


“ท่านี้เสียวดีใช่มั้ยล่ะ” ผมถามยิ้มๆ แล้วโยกตัวพายเข้าออกช้าๆ เรียกเสียงซี้ดบางๆ ครางหวานๆ ให้ผมฟังอย่างรื่นรมย์


“อื้อ...นายนี่...อา...ไม่คิดจะฟังกันก่อนรึไง...”


“ฟังทำไม ในเมื่อกูรู้คำตอบของมึงอยู่แล้ว” คำพูดของผมทำเอาพายมองค้อนใส่หน่อยๆ “อยากจูบอะ ก้มหน้าลงมาหน่อยสิ” พอได้ยินแบบนั้นพายก็ไม่ลีลาเล่นตัวให้เสียอารมณ์ ใบหน้าสวยหวานได้ก้มลงมาหาผมตามที่บอก


เราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม ทั้งยังดูดดุนริมฝีปากของกันและกันจนอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ผมแปลกใจอย่างนึงตรงที่พายจูบไม่ค่อยเก่ง ถ้าเทียบกับคู่นอนที่ผ่านมาของผมจะเรียกว่าห่วยก็ยังได้ แต่ผมกลับรู้สึกดี แล้วก็ยิ่งมีอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาทีที่ได้จูบกับพาย


“อื้ม...อา...” ถ้าไม่กลัวว่าคนตรงหน้าจะหายใจไม่ทันผมคงจะจูบทั้งคืนไปแล้ว คนอะไรชื่อน่ากินไม่พอ ทั้งเนื้อทั้งตัวไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้ายังน่ากินด้วยอีกต่างหาก


“ไปที่โต๊ะตรงนู้นกันดีกว่า” ไหนๆ ก็ได้ใช้บริการห้อง Deluxe ทั้งที ค่าห้องขนาดนี้ก็ต้องเอาให้คุ้มสักหน่อย จะว่าไปเดี๋ยวครั้งหน้าลองใช้บริการห้อง Suite ก็น่าจะดีเหมือนกัน


“ที่โต๊ะ? อ๊ะ...พะ...เพลิง...อย่าเดิน...อื้อ...แบบนั้น...มันเสียวนะ...ซี้ดด...อา” พายพูดไปครางไป เมื่อผมเดินลงส้นเท้าหนักๆ ให้ร่างกายของผมสั่นสะเทือน แน่นอนว่าผมก็ต้องออกแรงโยกตัวพายขึ้นลงไปพร้อมกันด้วย


“กลัวเสร็จก่อนกูรึไง” ผมพูดยิ้มๆ ส่วนพายไม่ได้ตอบอะไร ก็ไม่รู้ว่าเสียวเกินไปจนคิดอะไรไม่ออกรึเปล่า


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ทุกครั้งที่น้ำหนักของฝ่าเท้าผมกดลงที่พื้นพายจะครางลั่น เพราะมันทำให้ท่อนเนื้อที่อยู่ข้างในกระแทกเข้าไปโดนจุดกระสัน ซึ่งนั่นก็ทำให้ช่องทางของพายบีบและตอดรัดผมอย่างแรง


“ซี้ดดด” ความเสียวที่ได้รับทำเอาผมถึงกับครางเสียงต่ำด้วยความสุขสม ตอนแรกว่าจะรีบตรงไปที่โต๊ะแต่ก็เปลี่ยนใจเป็นเดินช้าๆ แล้วกระแทกส้นเท้าหนักๆ พลางยกตัวของพายขึ้นลงกลืนกินท่อนเนื้อของผมเรื่อยๆ


กว่าจะถึงโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลร่างกายของพายก็สั่นระริก ยิ่งผมวางพายให้นอนราบลงที่โต๊ะโดยยกขาขึ้นก็ยิ่งเห็นชัด เรือนร่างบอบบางแถมยังขาวเนียนทำเอาผมหลงใหลจนอดไม่ได้ที่จะเอามือลูบไล้ ส่วนแก่นกายก็ขยับเข้าออกในช่องทางที่ร้อนระอุและนุ่มจนแทบละลาย


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” การที่วางพายเอาไว้ตรงโต๊ะแบบนี้ ทำให้ช่องทางด้านหลังอยู่ตรงกันกับท่อนเนื้อของผมพอดี เลยทำให้ผมขยับเข้าออกได้ง่ายขึ้น สอดใส่เข้าไปข้างในได้ลึกขึ้น จึงทำให้พวกเราเสียวมากขึ้น จนต้องซี้ดปากครางลั่นด้วยความสุขสม


“อา...ซี้ดด...อาา...”


“อ๊า...ดี...ดีจัง...อ๊า...เพลิง...” ผมเร่งความเร็วการขยับสะโพกให้เร็วขึ้น ส่วนมือทั้ง 2 ข้างก็เลื่อนขึ้นไปบีบและขยำที่แผ่นอกของพายอย่างมันมือ โดยไม่ลืมใช้นิ้วเขี่ยและขยี้ตรงยอดที่กำลังแข็งเป็นไต เล่นเอาพายเสียวจนแก่นกายมีน้ำใสๆ ไหลออกมา


“ใกล้จะเสร็จแล้วหรอ” ผมถามด้วยเสียแหบพร่า เพราะตอนนี้ผมก็รู้สึกเสียวมากไม่ต่างจากพายเหมือนกัน ก็ท่อนเนื้อของผมอยู่ข้างในแบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น เอาจริงๆ ผมก็คงทนต่อไปได้อีกไม่นาน


“อื้อ...จะเสร็จ...อ๊า...อ๊ะ...ตรงนั้น! แรงอีก! อ๊า!” พายหวีดร้องลั่นทันทีที่ผมล็อกสะโพกมนแล้วกระแทกเข้าไปเน้นๆ ความเสียวที่ถูกผมทำแรงๆ แถมยังลึกจนสุดทำเอาพายถึงกับเด้งสะโพกรับ ช่องทางด้านหลังตอดรัดแก่นกายของผมถี่ยิบจนเสียวซี้ดสุดๆ


“อา...มึงทำให้กูแทบคลั่งแล้วนะพาย” ผมเร่งสปีดกระแทกแก่นกายเข้าไปข้างในอย่างไม่ยั้ง พายทำให้ผมแทบคลั่งอย่างที่ว่าจริงๆ ชีวิตของผมไม่เคยเจอใครแบบนี้ คนที่ทั้งใส่ซื่อและเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน ถึงจะมีสีหน้าเขินอายแต่ร่างกายกลับต้องการอย่างรุนแรง ความย้อนแยงนั้นทำให้ผมติดใจจนอยากกินพายตรงหน้าอย่างไม่รู้เบื่อ


 “อ๊ะ...อ๊า...เราจะ...อ๊ะ...เสร็จแล้ว...อ๊ะ...อ๊า” เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็เร่งความเร็วขึ้นจนถึงขีดสุด สองมือบีบที่สะโพกของพายแน่นแล้วกระแทกแก่นกายด้วยความรุนแรง แถมยังกดเน้นๆ ตรงจุดเสียวจนพายหวีดร้องลั่นอย่างสุดเสียง


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...เพลิง...เพลิง! อ๊าาาาาาา!” สิ้นเสียงนั้นน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาจากแก่นกายของพาย ปริมาณของมันน้อยกว่าเดิมเพราะนี่เป็นการเสร็จรอบที่ 3 แต่ถึงอย่างนั้นช่องทางด้านหลังกลับตอดรัดอย่างถี่ยิบและบีบแน่นจนผมเสียวเช่นเดิม


“ซี้ดดด...พาย!” ผมกระแทกแก่นกายเข้าไปเป็นครั้งสุดท้าย โดยฝังท่อนเนื้อเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วฉีดพ่นความสุขสมเข้าไปข้างในตัวของพายจนหยดสุดท้าย


“อาาาส์” การได้ปล่อยข้างในมันคือที่สุดของชีวิตจริงๆ ความเสียวที่ผ่านมาแม่งไม่ได้เสี้ยวตรงนี้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็คิดว่าพายน่าจะรู้สึกเหมือนกัน วินาทีที่ความอุ่นวาบทะลักเข้าไปช่องทางของพายก็สั่นระริก แถมยังตอดอย่างถี่ยิบจนแทบจะดูดกลืนผมเข้าไปมากกว่านี้อีกต่างหาก นี่ยังไม่นับเสียงครางหวานๆ ที่หลุดออกมาเบาๆ อีกนะ


“รู้สึกดีใช่รึเปล่า” ผมก้มหน้าลงไปจูบ ขบเม้ม และคลอเคลียที่ริมฝีปากของพาย โดยที่ยังไม่ได้ถอนแก่นกายออกมาเลยแม้แต่น้อย ผมชอบความอุ่นและอ่อนนุ่มที่อยู่ข้างในจนอยากฝังอยู่ในนั้นทั้งคืนเลยด้วยซ้ำ


“อืม...ดี...” พายยังคงหอบอยู่ ก็อย่างว่าล่ะนะเสร็จไปตั้ง 3 รอบแล้วนี่นา ผมที่เห็นอย่างนั้นจากที่คิดว่าจะไปต่ออีกรอบในห้องน้ำเลยพับโครงการเอาไว้


แต่อย่าคิดล่ะว่าผมสงสารหรือเห็นใจ ก็แค่กลัวร่างกายของเซ็กส์เฟรนด์ที่กำลังติดใจจะใช้งานไม่ได้อีกเท่านั้นแหละ!


“ให้กูพาไปอาบน้ำเลยมั้ย” พายพยักหน้าลง ผมเลยถอนแก่นกายออกมาแล้วช้อนตัวของพายขึ้นอุ้ม จากนั้นก็พาเดินเข้าไปยังห้องน้ำแล้ววางลงในอ่าง ตามด้วยการเปิดน้ำอุ่นให้ท่วมจนถึงประมาณแผ่นอก


ตอนนี้พายหลับไปแล้ว ถ้าหากผมไม่อาบน้ำกับล้างข้างหลังให้ก็คงจะไม่เป็นอะไร เหนื่อยจนหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้คงไม่ตื่นมากลางดึกเพราะอึดอัดหรือเหนียวตัวแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับถูสบู่และทำความสะอาดข้างหลังของพายเป็นอย่างดีซะได้


ก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าแค่คำพูดปากเปล่า คนที่สันดานไม่จากต่างโจรแบบผมจะไปทำตามทำไม แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีการอุ้มพายมานอนบนเตียง ห่มผ้าให้ แถมยังนอนกอดให้ไออุ่นกับร่างกายเปลือยเปล่าเพราะไม่มีเสื้อผ้าใส่ด้วยอีกต่างหาก


แต่จะเพราะอะไรก็ช่างแม่งละกัน มันไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดที่ผมต้องเสียเวลานอนอันมีค่ามาคิดหาคำตอบ แล้วเรื่องเหตุผลปัญญาอ่อนอย่างรักหรือชอบนี่ก็ทิ้งไปได้เลย เพราะผมไม่มีทางสิ้นคิดอยากจะมีห่วงไว้ผูกคอเด็ดขาด


ยิ่งห่วงที่ปกติจะเนิร์ดแตกแถมยังจืดจางแบบพายยิ่งไม่มีทางแน่นอนอยู่แล้ว!


2BC


 :jul1: สะ...สวัสดีค่า สารภาพมาว่าอ่านหัวใจคลั่งรักตอนนี้จบมีใครเสียเลือดกันบ้าง ลีลาอีตาเพลิงวายร้าย กับ ลีลาอันยั่วยวนของพาย เสียเลือดให้กับลีลาของใครมากกว่ากันน้อ  :oo1:
ชอบไม่ชอบ ฟินไม่ฟินคอมเมนท์บอกกันหน่อยน้า ส่วนตอนหน้ามาดูกันค่ะว่าความสัมพันธ์ของคู่นี้จะพัฒนาขึ้นอีกมั้ย อย่างตอนนี้ก็ขึ้นแล้วนะ จากวันไนท์สแตนด์เป็นเซ็กส์เฟรนด์ 55555  o17
แล้วเจอกันวันจันทร์นะคะ ส่วนวันอาทิตย์มาส่องที่เพจหรือทวิตของเค้า Sameejaejung ดูปกลงสีเพลิงพายได้เลยค่ะ อีตาอัณฑะพาลจะหล่อลากมาดเลวขนาดไหน ส่วนพายจะเนิร์ดจืดจางหรือน่ารักน่าเอ็นดูได้รู้กันแน่นอนค่า   :m3:
(25 พ.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-05-2018 10:01:33
ดาเมจฝุดๆ :o8:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-05-2018 13:16:30
ยั่วยวน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-05-2018 15:19:43
ว่าแล้วว่าเพลิงต้องอำน้องเรื่องนี้
รีบๆบอกน้องไปเลย ขอเป็นแฟนซะเถิดก่อนที่จะให้ไอ้ตัวกหวงก้างมันจะมาวอแว
ไม่นึกว่าไอ้เจ้าเพลิงมันจะติงต๊อง งี่เง่าขนาดนี้ ต่างกันสุดขั้วเลยนะกับแฝดพี่
ส่วนน้องพายนั้น อื้อหือปรอทแตกสุดๆค่ะลูกขา นี่เป็นสะใภ้ที่ฮอตที่สุดของบ้านนี้เลยนะ แม้แต่เจ้าซ่ายังต้องยอมแพ้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-05-2018 16:24:13
เลือดหมดตัว~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-05-2018 16:39:02
อ่านแล้ว ขอตายอย่างสงบ  :heaven
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 21-05-2018 23:11:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-05-2018 18:56:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-05-2018 11:03:18
 :jul1: :jul1:พายชิ้นนี้ทำเราเสียเลือดเยอะมาก ยั่วมาก อิเพลิงหลงไม่รู้ตัวแน่
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 แบล็คเมล์ NC [21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 23-05-2018 23:25:32
หื่นนนนนนนนมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-05-2018 08:34:32
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-05-2018 09:24:41
เอิ่ม...
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-05-2018 11:45:59
แน่ใจนะแค่ Sex Friend
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-05-2018 16:46:09
ตายอย่างสงบอีกรอบ  :heaven
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 25-05-2018 18:10:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-05-2018 18:31:46
 :jul1: เสียเลือดอีกแล้วววว แล้วจะดูน้ำหน้าอีเพลิงที่บอกว่าไม่มีวันรักพายเด็กเนิร์ดจืดจาง :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-05-2018 10:25:30
เพลิงท่าจะเสพติดพายเสียแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 26-05-2018 19:13:43
อิเพลิงบ้าติดใจพายไม่ขอเป็นแฟนหล่ะฮ่วย พายจ๊ะเอาให้อิเพลิงมันคลั่งกว่านี้ หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 27-05-2018 21:53:39
สนุกทุกเรื่องเลยครับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 5 Sex friend NC P.27 [25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 28-05-2018 01:16:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 28-05-2018 22:55:06
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 6# Plerng แลกเกียร์


เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส ไม่สิ ตอนนี้ 9 โมงกว่าแล้วต้องเรียกว่าสายมากกว่า อา...ร่างกายที่ได้ปลดปล่อยออกไปอย่างเต็มที่นี่มันช่างเบาสบาย กระชุ่มกระชวยแล้วก็มีชีวิตชีวาโคตรๆ


เมื่อคืนผมเสร็จไปกี่รอบกันนะ? ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 2 ล่ะมั้ง บวกกับตอนเช้ามืดที่จัดไปอีก 2 ก็รวมกันเป็น 4 ถือว่าทำรอบได้ดี คุ้มค่าที่เปิดห้อง Deluxe โดยเฉพาะรอบสุดท้ายที่จัดกันตรงกระจกพร้อมชมวิวตอนพระอาทิตย์ขึ้น


เนี่ย...น้ำสีขาวขุ่นยังเลอะตรงกระจกอยู่เลย หึหึ


ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินผิวปากลงจากเตียงไปอาบน้ำ ผมใช้เวลาไม่นานก็สวมชุดคลุมออกมา ก่อนจะพบว่าพายที่ก่อนหน้านี้กำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายได้ตื่นขึ้นมาแล้ว


“พึ่ง 9 โมงกว่าเองนะ ไม่นอนต่ออีกหน่อยหรอ” ที่ผมถามแบบนี้เพราะพายมีเรียนแค่ช่วงบ่ายเหมือนกันกับผม เป็นวิชาเรียนรวมของสาขาผมกับพาย


“ไม่ล่ะ เราหิว ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยงเมื่อวาน”


“หา! งั้นมึงอยากกินอะไรเดี๋ยวกูโทรสั่งให้” ผมค่อนข้างตกใจเพราะนี่มันก็จะ 24 ชม. แล้ว ส่วนผมเมื่อวานตอนเย็นก่อนจะมาหาพายผมกินอะไรรองท้องมานิดหน่อย ตอนเที่ยงก็กินซะเต็มคราบ เพราะงั้นพลังงานเลยเหลือเฟือถึงได้กินพายแบบจุใจขนาดนี้


“เรากินอะไรก็ได้” แม่ง คำตอบแบบนี้นี่มันปัญหาโลกแตกชัดๆ ถ้าไม่ติดว่ารู้สึกผิด (นิดนึง) ที่มัวแต่ทำจนไม่ได้ถามพายเรื่องกินข้าว ผมคงระเบิดลงไปแล้วว่าช่วยระบุให้มันชัดเจนหน่อย


“มึงมีอะไรที่แพ้หรือกินไม่ได้มั้ย” ที่ถามอย่างนี้ไม่ได้แปลว่าผมใส่ใจพายหรอกนะ แค่น้องชายคนสุดท้องที่บ้านของผมแพ้กุ้งอย่างรุนแรง เลยถามไว้ก่อนจะได้ป้องกันเอาไว้ เกิดได้หามส่งโรงพยาบาลก็ยุ่งยากบรรลัยพอดี


“ไม่มี เรากินได้ทุกอย่าง”


“โอเค งั้นระหว่างรอมึงไปอาบน้ำไป ว่าแต่เดินไหวมั้ยนั่น” ผมถามเพราะเห็นพายลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินอย่างทุลักทุเล แต่บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ได้เป็นห่วง ก็แค่กลัวขาไม่มีแรงจนล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ ตายหรือพิการมาผมก็ซวยน่ะสิ


“ไหวอยู่ ขาเราสั่นนิดหน่อยเฉยๆ”

 
“อีกนิดจะเหมือนร่างทรงเจ้าเนี่ยนะที่ว่าไหว? ไม่ต้องพูดอะไรเลย อยู่เฉยๆ เดี๋ยวกูพามึงเดินไปเอง” พูดจบผมก็เดินเข้าไปจะประคองตัวพายไปห้องน้ำ แต่แม่งถ้าทำอย่างนั้นคงช้าตายห่า ผมเลยตัดสินใจช้อนตัวพายขึ้นมาอุ้ม แล้วพาไปวางไว้ที่อ่างอาบน้ำซะเลย


“แช่ซะจะได้หายเมื่อย เดี๋ยวกูจะไปโทรสั่งข้าวให้ อ้อ...แต่กูไม่ปิดห้องน้ำนะ เผื่อเกิดอะไรขึ้นกูจะได้ช่วยทัน”


“ช่วย?” พายทำหน้างง แต่ผมขี้เกียจอธิบายไปว่าเผื่อมึงวูบหลับจนจมน้ำ เลยทำหน้าเบื่อหน่ายผสมรำคาญแล้วเดินออกมา จากนั้นผมก็ยกหูโทรศัพท์ไปสั่งชุดอาหารเช้า มีกี่ชุดก็เอามาให้หมดเพราะผมเป็นคนกินล้างผลาญ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเอามาเผื่อให้พายเลือกกินอาหารที่ชอบ


ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงอาหารก็ขึ้นมาส่งพร้อมกับเสื้อผ้าเมื่อวานที่ผมส่งไปซักรีด ผมเลยเปลี่ยนชุดแล้วตามพายออกมากินข้าว ซึ่งตอนแรกพายก็ว่าจะเปลี่ยนเหมือนกัน แต่ผมกลัวว่าถ้าทำอย่างนั้นจะหิวตายไปซะก่อนเลยบังคับให้รีบเดินมา


“โห ทำไมถึงมีหลายอย่างขนาดนี้ล่ะเพลิง”


“อย่าเข้าใจผิดนะเว่ย กูสั่งมาเพราะกูจะกินไม่ได้สั่งมาให้มึงเลือกของที่ชอบ” ผมรีบแก้ตัว ส่วนพายก็ทำหน้างงๆ


“เราก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย”


“เออ ดีแล้วที่ไม่คิด ว่าแต่มึงอยากกินอะไรก็เลือกไปก่อนเลย เลือกไปเยอะๆ ด้วยนะเดี๋ยวจะไม่มีแรงเดิน กูว่าจะลงไปเอาของที่รถก่อน” ผมพูดจบก็เดินออกจากห้องมาเลย มันรู้สึกแปลกๆ กับสายตากลมโตที่มองมาทางนี้ยังไงไม่รู้


ส่วนเรื่องที่ผมบอกว่าจะไปเอาของที่รถ ความจริงแล้วผมไม่มีอะไรจะต้องไปเอาหรอก แต่ผมกลัวว่าถ้าผมอยู่พายจะเกร็งจนไม่กล้าเลือกกินอาหารที่ชอบ เพราะงั้นไหนๆ ก็ได้โกหกไปแล้ว ผมเลยต้องลงไปที่รถเพื่อหยิบของอะไรสักชิ้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


พอเปิดประตูเข้าไป อย่างแรกที่ผมเห็นเลยก็คือเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูที่ถูกแขวนอยู่ เลยว่าจะเอาขึ้นไปเปลี่ยนด้านบนเพราะวิชานี้จะใส่ช็อปหรือไม่ใส่ก็ได้ แต่คิดไปคิดมาผมก็เสียดายค่าซักรีดชุดนักศึกษา สายตาเลยมองหาไปรอบๆ ก่อนจะเจอของสิ่งหนึ่งเข้า ผมหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินกลับขึ้นไปบนห้อง ก่อนจะพบว่าตอนนี้พายกำลังนั่งกินข้าวอยู่


“ขอโทษนะที่ไม่ได้รอ” สีหน้าของพายดูรู้สึกผิดนิดหน่อย


“ไม่เป็นไร ถ้ามึงหิวก็กินไปเถอะ” ผมไม่ซีเรียสเรื่องนี้อยู่แล้ว อีกอย่างพายก็ท่าทางจะหิวเอามากๆ ถ้าหากรอจนผมขึ้นมาผมจะด่าเข้าให้


หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไร ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเพราะพายก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเดียวไม่พูดไม่จา ผมที่ถึงอยากจะชวนคุยแต่ก็คิดเรื่องไม่ออกเลยได้แต่ตักข้าวเข้าปาก จนกระทั่งอิ่มพายก็ขอตัวลุกขึ้นไปแต่งตัว


ผมปิดหน้าปิดตา แว่นตาหนาเตอะ ส่วนเสื้อผ้าก็เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ให้ตายเถอะแม่งขัดหูขัดตาเป็นบ้า ผมจะไม่ยอมให้พายในสภาพเนิร์ดแตกเดินลงจากรถแล้วขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกับผมแน่ เพราะงั้นแม่งต้องปฏิวัติ!


“อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะเพลิง” พายอุทานด้วยความตกใจ เมื่อผมเดินไปกระชากแว่นเชยๆ ออกแล้วโยนมันลงไปบนเตียง


“ตั้งแต่วันนี้ไปมึงห้ามใส่แว่นอีกเด็ดขาด”


“หา? แต่เราสายตาสั้นนะเพลิง”


“ก็ใส่คอนแทคเลนส์ไปสิเดี๋ยวกูพาแวะซื้อ ส่วนทรงผมก็เลิกเอามาปิดหน้าปิดตาด้วย หัดเซตให้ดูเป็นผู้เป็นคนซะบ้าง” ดีนะที่ผมหยิบสเปรย์แต่งผมติดมือมาด้วย เลยฉีดใส่ทรงผมเห่ยๆ แล้วจัดการกับทรงผมของพายให้ใหม่ โดยที่ผมปัดหน้าม้าไปข้างๆ แล้วเอาอีกด้านทัดหูเอาไว้


 ความจริงแล้วพายเป็นคนหน้าสวยสไตล์พี่ธาร เพราะงั้นผมเลยคิดว่าถ้าทำทรงคล้ายๆ กันก็น่าจะเหมาะ ซึ่งพอได้ลองทำมันก็ดูเหมาะกับพายจริงๆ ตอนนี้พายดูดีต่างจากเมื่อกี้ราวฟ้ากับเหว


อ้อ แต่ถ้าจะดีกว่านี้ก็ต้องจัดการกับเสื้อผ้าที่ถูกระเบียบเป๊ะๆ นั่นด้วย เพราะงั้นผมเลยจัดการดึงไทด์ที่พายใส่อยู่ให้ลงมานิดหน่อย ส่วนกระดุมเม็ดบนสุดก็ปลดออก เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ลบภาพเนิร์ดแตกเป็นสวยมีเสน่ห์อย่างสมบูรณ์


“ยังมีอะไรที่นายจะทำอีกมั้ย” สีหน้าของพายดูเรียบเฉย ติดจะเซ็งหน่อยๆ ด้วยซ้ำ ไม่ได้ยินดีมีความสุขที่ผมจับเปลี่ยนลุคให้เลยสักนิด


“ไม่มีอะไรจะทำ แต่มีอะไรจะให้” ตอนแรกพายก็ทำหน้างงเล็กน้อย แต่พอผมยื่นของที่อยู่ในมือให้เท่านั้นแหละก็ทำหน้างงยิ่งกว่าเดิม


“เกียร์? ของนายหรอ?”


“เออ มึงเอาไปสิ แล้วก็ไม่ต้องขอบคุณกูหรอกนะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ โดยที่มั่นหน้าว่าพายต้องรีบรับไปด้วยความปลาบปลื้มอย่างแน่นอน


แต่...


“เอามาให้เราทำไม เราไม่เอาหรอก เกียร์ของเราก็มี” พายตอบแบบนี้ผมก็หน้าแหกไปเลยน่ะสิ!


“นี่มันเกียร์ของตัวท็อปอย่างกูเลยนะ! มึงไม่คิดอยากจะได้สักหน่อยเลยรึไง!” ให้ตายสิ! คนอยากได้เกียร์ของผมมีเป็นร้อยๆ ผมยื่นให้โดยไม่ต้องขอถือว่าโชคดีสุดๆ แล้ว!


“ทำไมเราต้องอยากได้ด้วยล่ะ”


“ก็เพราะ...” เพราะอะไรวะ? ปกติก็มีแต่คนอยากได้กัน แต่ผมก็ไม่เคยเห็นความสำคัญของมันอยู่แล้ว


“จะว่าไปนี่มันไม่ใช่ตรามหา’ลัยนี่นา ส่วนชื่อน่ะใช่ แต่รหัสนักศึกษาไม่น่าขึ้นต้นด้วยเลขนี้ นี่มันคือเกียร์ของนายแน่หรอ” พายขมวดคิ้วในขณะที่พลิกเกียร์ในมือไปมา


ที่พายพูดอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนั่นมันเกียร์เลียนแบบไม่ใช่ของแท้ ผมเคยโดนรบเร้าจากคู่ขาบ่อยๆ เลยสั่งร้านทำมาร่วมครึ่งร้อย นี่ก็แจกจ่ายไปเยอะจนเหลือแค่ 10 กว่าอันเองมั้ง แต่ละคนที่เคยได้เกียร์นี่ไปก็ปลาบปลื้มมากแถมยังเอาไปโม้อีก 3 วัน 8 วัน มีพายคนแรกนี่แหละที่ไม่เป็นอย่างนั้น นอกจากจะไม่อยากได้แล้วยังดูออกอีกต่างหากว่าเป็นของปลอม


“เอ...แล้วถ้าเราจำไม่ผิด เหมือนเคยได้ยินว่ามีนักศึกษาคณะอื่นทะเลาะกันเพราะเรื่องเกียร์ของนายด้วยนี่นา ต่างคนต่างบอกว่าเป็นของแท้ที่ได้มาจากนาย นี่นายคงจะมีหลายอันแล้วแจกจ่ายไปทั่วเลยล่ะสิ” โอ้โห วิเคราะห์ได้ถูกต้องและแม่นยำขนาดนี้สมแล้วที่เก่งจนเป็นนักเรียนทุน


เจอแบบนี้ก็จุกน่ะสิผม!


“เราไม่รู้นะว่าสำหรับนายเกียร์มีค่าแค่ไหน แต่สำหรับเราเกียร์มันมีค่ามาก กว่าจะได้มาต้องเข้าร่วมกิจกรรมโหดๆ ตั้งหลายอย่าง เพราะงั้นเกียร์เลยเป็นของสำคัญ จะเรียกว่าเป็นหัวใจของเราเลยก็ได้”


ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมหลายๆ คนถึงอยากได้เกียร์ของผมกันนัก คือคิดว่าถ้าได้เกียร์ของผมไปก็เหมือนกับว่าได้หัวใจของผมว่างั้น? เฮอะ! โคตรน้ำเน่า ปัญญาอ่อน แล้วก็ไร้สาระสิ้นดี!


สำหรับผมเกียร์มันได้มาโคตรง่ายไม่มีค่าอะไรเลย ผมไม่ต้องถูกรับน้อง ไม่ต้องเข้าร่วมกิจกรรม แล้วก็ไม่ต้องผ่านบททดสอบอะไรสักอย่าง เพราะคู่ขาของผมเป็นพี่ว้ากที่ตอนนี้จบไปแล้ว ที่พกติดตัวทุกวันนี้ก็เพราะมีชื่อ รหัสนักศึกษา แล้วก็ตราสถาบันเท่านั้นเอง


 “ถ้าเกียร์มันสำคัญกับมึงขนาดนั้น งั้นกูจะขอรับฝากเอาไว้ให้ก็แล้วกัน” พูดจบผมก็ถอดสร้อยเกียร์จากคอของพายออกมา ถึงจะถอดยากหน่อยเพราะพายขัดขืนไม่ยอมง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม


“เอาเกียร์ของเรามานะเพลิง!” นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่พายขึ้นเสียงใส่ผม คงจะนึกโมโหอยู่นั่นแหละ แต่ผมสนใจที่ไหน พายอยากมาหักหน้าผมก่อนเพราะงั้นผมก็ต้องเอาคืน!


“กูไม่ให้ ก็บอกแล้วนี่ว่าจะขอรับฝากเอาไว้”


“แต่เกียร์มันเหมือนเครื่องรางสำหรับเราเลยนะเพลิง” พายลดเสียงให้เบาลงแล้วช้อนตาขึ้นมามองอย่างเว้าวอน พอเห็นแบบนี้ผมก็ชักใจอ่อน แต่ผมจะไม่ยอมคืนเกียร์ให้พายแน่นอน


เพราะงั้น...


“มึงเอาเกียร์ของกูไปแทนแล้วกัน” คราวนี้ผมเอาเกียร์ของแท้ให้พายไป แถมไม่ได้ให้แบบธรรมดา ยังบริการ (บังคับ) สวมเข้าที่คอให้อีกด้วย


“มึงห้ามถอดออกเด็ดขาด ถ้าหากกูเห็นคอมึงโล่งหรือแอบเปลี่ยนอัน รูปกับคลิปของมึงได้หลุดว่อนเน็ตแน่”


“นายนี่มันชอบบังคับจริงๆ เลย” พายพูดอย่างเหนื่อยใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเดียว ผิดกับผมที่กำลังอารมณ์ดีจนต้องอมยิ้มที่มุมปาก เพราะนอกจากจะได้เอาคืนพายที่ไม่อยากได้เกียร์ผมนักหนา ผมยังจะได้ประกาศให้แมลงน่ารำคาญอย่างไอ้กวีรู้ว่า พายมีความสัมพันธ์ยังไงกับผม!


“อ้อ แล้วอย่าคิดล่ะว่า การที่กูเอาเกียร์ของจริงให้จะหมายความว่ากูเอาหัวใจให้กับมึง” ผมพูดดักไว้ก่อน เกิดพายหลงคิดเข้าข้างตัวเองว่าผมชอบก็แย่น่ะสิ


“เรื่องแบบนั้นเราไม่มีทางคิดอยู่แล้ว” รีบตอบจริงนะ ไม่มีแอบคิดสักนิดเลยรึไง


“เออ ไม่คิดก็ดีแล้ว จำเอาไว้แล้วกันว่ามึงไม่ใช่แฟนแต่เป็นเซ็กส์เฟรนด์ของกู”


“อืม”


“ห้ามหึง ห้ามหวง ห้ามทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเด็ดขาด”


“อืม”


“ห้ามโทรจิก ห้ามส่งไลน์หา ต่างคนต่างมีอิสระ อยากไปไหนทำอะไรกับใครก็ได้”


“อืม”


“มึงช่วยพูดอะไรสักอย่างนอกจากคำว่า ‘อืม’ ได้มั้ย!” แม่งหงุดหงิดฉิบหาย ถึงจะไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองหงุดหงิดอะไรก็เถอะ


“งั้นโอเคก็ได้” แต่คำตอบที่เปลี่ยนใหม่ของพายก็ไม่ได้ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเลยสักนิด นี่ถ้าไม่ติดว่าพายหน้าซื่อตาใสดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจกวนตีนจริงๆ ผมคงจะเกรี้ยวกราดอาละวาดให้ห้องพังไปแล้ว!


แม่ง! ทำไมผมมึงได้รู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้กันวะ! หงุดหงิดจริงโว้ยยยยยยยยยยยย!



Pie



ผมอยากเพิ่มฉายาให้เพลิงใหม่เป็น ‘อัณฑะพาลจอมเผด็จการ’ ชะมัด!
   

คนอะไรไม่รู้ทั้งชอบบังคับ เอาแต่ใจ แล้วก็ไม่เคยฟังที่คนอื่นพูดเลย ตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้ที่กำลังนั่งรถไปเรียน ไม่มีเรื่องไหนที่ผมทำตามใจตัวเองได้เลยสักอย่าง มิหนำซ้ำเพลิงยังถือวิสาสะบังคับแลกเกียร์ของเราสองคนอีกด้วย พูดเลยนะว่าผมโมโหจนไม่รู้จะโมโหยังไงแล้ว!
   

แต่ก็นะ...โมโหแล้วยังไง เพลิงสนใจที่ไหนกันล่ะ เพราะงั้นผมที่ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ปลงแล้วพยายามทำใจให้ชินซะ คนเกรี้ยวกราดแถมยังเอาแต่ใจขนาดนั้นคงจะยอมอ่อนข้อลงให้ผมหรอก ยิ่งแรงไปก็ยิ่งจะแรงกลับเป็น 2 เท่ามากกว่า
   

“ลงรถไปแล้วก็เดินห่างๆ อย่ามาใกล้กูนักล่ะ” เพลิงพูดขึ้นเมื่อเลี้ยวรถเข้าไปในมหา’ลัย คงจะไม่อยากให้เด็กเนิร์ดแบบผมเดินใกล้ๆ ล่ะมั้ง เพราะปกติจะมีแต่คนเด่นคนดังเดินอยู่ข้างๆ มากกว่า
   

“โอเค” ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ดีซะอีกที่ไม่ต้องเดินกับเพลิงจะได้ไม่เป็นที่สนใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าคำตอบของผมจะทำให้เพลิงไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ อะไรของเพลิงก็ไม่รู้
   

“งั้นเราไปแล้วนะ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่เพลิงจอดรถตรงที่จอดของคณะ เพลิงคงจะไม่พอใจอะไรผมสักอย่าง เพราะงั้นผมเลยคิดว่าถ้ารีบออกห่างไปให้ไกลก็น่าจะดี


แต่น่าแปลก ตลอดระยะทางที่ผมเดินไปยังตึกคณะ ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมองมา ผมรู้สึกกังวลและประหม่าเป็นอย่างมาก เพราะปกติผมจะจืดจางจนแทบไม่มีใครมองเห็น แล้วทำไมวันนี้ถึงเป็นที่สนใจไปได้?


จริงสิ จะว่าไปวันนี้เพลิงเปลี่ยนลุคให้ผมนี่นา ตอนแรกผมก็คิดอยู่หรอกว่ามันออกมาดูดีมาก แต่ความจริงแล้วคงจะประหลาดสินะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกคนหลายสิบคนมองมาถึงขนาดนี้


“จะรีบเดินไปไหนทำไมถึงไม่ยอมรอกู!” เสียงของเพลิงตะโกนขึ้นอยู่ทางด้านหลัง คำพูดนั้นทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แต่ที่งงมากกว่าก็คือการที่เพลิงรีบก้าวยาวๆ มาเดินข้างๆ ผม แถมยังใช้มือข้างหนึ่งโอบเข้าที่ไหล่ของผมเอาไว้อีกต่างหาก


“ก็ไหนนายบอกว่าให้เราเดินห่างๆ อย่าเข้าใกล้ไง” พอได้ยินแบบนี้เพลิงก็ชะงักไปนิดหนึ่ง


“ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้ว ต่อไปมึงห้ามอยู่ไกลกูเกินระยะ 1 เมตร”


“หา?” อะไรของเพลิงกันเนี่ย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนผมงงไปหมดแล้วนะ


“มึงไม่ต้องมาหา แล้วก็ไม่ต้องมองหน้าใครด้วย ถ้าวันนี้ใครยิ้มให้หรือเข้ามาทักก็ไม่ต้องสนใจเข้าใจมั้ย” บ้าไปกันใหญ่แล้ว นี่เพลิงผีเข้ารึไง ไปอารมณ์เสียอะไรถึงได้เอามาพาลใส่ผมแบบนี้ก็ไม่รู้


“ว่ายังไง ได้ยินที่กูสั่งมั้ย” เพลิงหันมาทางนี้เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมตอบ หน้านี่จะบูดไปไหน ถึงจะไม่อยากทำตามแต่ให้ทำไงได้ล่ะ ผมเป็นคนไม่สู้คนแถมยังรักสงบจึงไม่อยากมีปากเสียง


“ได้ยิน”


 “เออ แล้วก็อย่าลืมทำตามด้วย” พอเห็นผมพยักหน้าเพลิงค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย จากนั้นก็กระชับโอบไหล่ของผมให้แน่นขึ้นแล้วเดินไปบนตึกพร้อมกัน ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าเพลิงดูยืดอกหน่อยๆ ยังไงก็ไม่รู้


“ถึงห้องเรียนแล้ว แยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน” ผมพูดจบก็พยายามจะเบี่ยงตัวออกมาจากการเกาะกุมของเพลิง แต่เพลิงก็ไม่ยอมแถมยังเปิดประตูเข้าไปในห้องทั้งๆ ที่กำลังโอบผมอยู่อีกต่างหาก


ทันทีที่เพลิงเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละทุกสายตาต่างก็จ้องมองมา ตามด้วยเสียงซุบซิบประมาณว่าผมเป็นใคร แทบทุกคนดูสนใจกันมากว่าใครคือคู่ขาคนใหม่ของเพลิง ก็ไม่รู้จะดีใจดีมั้ยที่ไม่มีใครจำผมได้เลย


“อ๊ะ! นั่นพายนี่นา!” แต่ผมก็ลืมคิดไปว่ายังมีใครคนหนึ่งที่จำผมลุคนี้ได้ ซึ่งเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อินน์เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมนั่นเอง


“หวัดดีอินน์” ผมยิ้มแห้งๆ แล้วยกมือโบกทักทายเล็กน้อย หลังจากนี้ผมคิดว่าตัวเองต้องถูกซักไซ้จนหมดเปลือกแน่ๆ แต่ก่อนอื่นผมต้องรับมือกับสายตาหลายคู่ และเสียงฮือฮาที่ทวีคูณมากขึ้นหลังจากที่เพื่อนในห้องรู้กันหมดแล้วว่าผมเป็นใคร


“ล้อเล่นปะ? นี่มันใช่ไอ้แว่นคนนั้นแน่หรอวะ!”


“บ้าไปแล้ว! ไอ้เนิร์ดไร้ตัวตนจะเป็นคนสวยแบบนี้ได้ยังไง!”


“ฉิบหาย! แว่นแม่งสวยกว่ากูอีกอะมึง!”


แล้วก็อีกสารพัดคำพูดอีกมากมายที่ผมจับใจความไม่ได้ แต่พูดจากใจเลยนะ ผมไม่ได้ดีใจที่ถูกชมแบบนี้เลยสักนิด ถ้าเลือกได้ผมอยากเป็นคนจืดจางแบบเดิมมากกว่า ผมไม่อยากเป็นจุดสนใจหรือเป็นหัวข้อหลักของการสนทนา ผมอยากได้ชีวิตแบบสงบสุขและไม่วุ่นวายของผมคืน


“ปล่อยเราได้แล้ว” ผมพยายามแกะมือของเพลิงออก แต่ก็เหมือนเดิม เพลิงยังคงโอบไหล่ผมอยู่แบบนั้น ทั้งยังพาผมเดินไปหาอินน์ที่จองที่ด้านหน้าสุดมุมขวาไว้เหมือนเดิม


“วะ...หวัดดี” อินน์ยิ้มให้แล้วกล่าวทักทายเพลิงอย่างเกร็งๆ นิดหน่อย แต่เพลิงก็แค่ตอบสั้นๆ ว่า ‘อือ’ แล้วปรายตาไปมองเล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้ากลับมามองที่ผม


“ปกติมึงนั่งตรงนี้สินะ”


“อืม” ผมตอบโดยที่ก้มหน้าลง เพราะไม่กล้าสู้สายตาของเพื่อนในห้องที่กำลังมองมาทางนี้อย่างสนอกสนใจ


“โอเค งั้นวันนี้เดี๋ยวกูนั่งตรงนี้ด้วย”


“หา!” ปกติเพลิงจะนั่งที่มุมซ้ายด้านหลังสุดของห้องนี่นา แล้วทำไมจู่ๆ ถึงอยากจะนั่งตรงนี้ได้ล่ะเนี่ย!


“มัวยืนทำอะไร นั่งลงสิหรือว่าอยากยืนเรียนทั้งคาบ” ท่าทางเพลิงจะเอาจริงเพราะได้นั่งลงที่เก้าอี้ก่อนผมแล้ว ส่วนอินน์ที่อยู่อีกข้างก็นั่งลงด้วยเช่นกัน เพราะงั้นผมเลยต้องยอมนั่งลงอย่างช่วยไม่ได้


ยังดีที่หลังจากนั้นเพลิงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ผมเห็นแว้บๆ ว่ากำลังคุยไลน์กับเพื่อนในกลุ่มที่นั่งด้านหลัง คงจะตอบคำถามเรื่องผมล่ะมั้ง แต่ผมก็ไม่มีเวลาสนใจตรงนั้น เพราะผมก็คงต้องตอบคำถามของอินน์ที่เอามือสะกิดผมเช่นกัน


“เล่ามาเลย เรื่องของพายกับเพลิงนี่มันยังไง ไปรู้จักกันตอนไหน แล้วตอนนี้กำลังคบกันอยู่หรอ” อินน์กระซิบถาม


“คือ...เรื่องมันยาวน่ะอินน์ เดี๋ยวเอาไว้เลิกเรียนเราจะเล่าให้ฟังนะ”


“โหย อีกตั้งนาน เราใจจะขาดเรียนไม่รู้เรื่องกันพอดี” อินน์ทำท่าดิ้นเร่าๆ ราวกับจะขาดใจ ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยหลุดขำออกมานิดหน่อย


“อะไรกันเล่า นี่เราอยากรู้จริงๆ นะ”


“เอาเป็นว่าเรากับเพลิงไม่ได้คบกัน แค่มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเฉยๆ” ถ้าจะให้พูดว่าเซ็กส์เฟรนด์ท่ามกลางคนร่วมร้อยมันก็ยังไงๆ อยู่ ถึงคนที่ได้ยินจะมีแค่อินน์คนเดียวก็เถอะ แต่ก็ไม่แน่ว่าคนอื่นที่กำลังเงี่ยหูฟังอาจจะได้ยินด้วยก็ได้


“ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน? ยิ่งคิดเรายิ่งงงนะเนี่ยพาย” ผมไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มแห้งๆ โชคดีที่อาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดีอินน์ถึงไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ ทุกสายตาที่กำลังจับจ้องมองผมก็เปลี่ยนไปที่อาจารย์ ผมเลยสามารถหายใจหายคอได้อย่างทั่วท้องสักที


ถึงแม้ตลอดคาบเรียนเพลิงจะนั่งอยู่ข้างๆ แต่ว่าผมก็สามารถเรียนได้อย่างสบายใจ เพราะเพลิงไม่ได้ก่อกวนหรือทำผมเสียสมาธิเลยแม้แต่น้อย
ถามว่าเพลิงตั้งใจเรียน?


เปล่าหรอก มัวแต่เล่นเกมในโทรศัพท์อย่างเดียวเท่านั้น ที่น่าแปลกคือถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่พออาจารย์ถามเพลิงกลับตอบได้อย่างถูกต้อง ทั้งที่ยังตีป้อมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเลยสักนิดเดียว


“คุณเพลิงกัลป์ ในมาตรฐาน IEEE 802.11g มีอัตราการส่งข้อมูลมากที่สุดเท่าไหร่ และใช้งานที่ความถี่เท่าไหร่ไหนลองบอกหน่อยซิ”


“54 Mbps และความถี่ 2.4 GHz”


“อืม ถูกต้อง แล้วในระบบ IEEE 802.3 ใช้การตรวจสอบความผิดพลาดแบบไหน”


“อ่า... CRC 32” เห็นตอบอย่างสะดุดๆ นี่ไม่ใช่เพราะอะไร ดูเหมือนว่าตัวละครกำลังถูกรุมอยู่เลยกำลังเคร่งเครียดมากกว่า


“แล้ว IEEE 802.5 มีชื่อเรียกว่า?”


“Token Ring ส่วนถ้าอาจารย์จะถามถึงมาตรฐาน IEEE 802.15 น่ะมีชื่อเรียกว่า Bluetooth” เพลิงตอบคำถามถูกอย่างเดียวไม่พอ ยังเล่นตอบล่วงหน้าทั้งที่อาจารย์ยังไม่ได้ถามอีกต่างหาก ทำเอาอาจารย์ถึงกับยอมยกธงขาว แล้วปล่อยให้เพลิงเล่นเกมต่อตามสบาย


สารภาพความจริงจากใจ ผมเคยคิดนะว่าเพลิงได้ใช้เงินซื้อเกรด โกงข้อสอบ หรือว่านอนกับอาจารย์เพื่อแลกเกรดรึเปล่า แต่วันนี้พิสูจน์ชัดเจนแล้วล่ะว่าเพลิงไม่ได้ทำ เกรดที่ได้มาเป็นเพราะความสามารถทั้งนั้น นี่ถ้าขยันกว่านี้อีกนิดคงได้เกรด 4.00 ทุกวิชาไปแล้ว


“งานที่สั่งไปต้องส่งที่โต๊ะก่อนเริ่มเรียนอาทิตย์หน้านะนักศึกษา” อาจารย์ย้ำเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกจากห้องไป เท่านั้นแหละเพลิงถึงได้เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสักที


“ไปเดินเล่นที่ห้างฯ กันมั้ย” เพลิงหันหน้ามาชวนผม แต่ถึงจะบอกว่าชวนอันที่จริงต้องเรียกว่าบังคับมากกว่า เพราะเพลิงได้ลุกยืนแล้วดึงแขนของผมให้ลุกตามด้วย


“เอ่อ...โทษทีนะเราคงไปด้วยไม่ได้ วันนี้เรามีนัดทำวิจัยกับอินน์” พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของเพลิงก็บูดบึ้งลงทันที


“กูกับวิจัยอะไรสำคัญกว่ากัน” แน่นอนว่าคำตอบนั้นผมตอบได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิด


“วิจัย”


“หนอยไอ้...” เพลิงไม่สบอารมณ์จนอยากจะว่าอะไรผมสักอย่าง แต่ผมก็ไม่สนใจแล้วก้มหน้าเก็บของ ก่อนที่จะหันไปหาอินน์


“ไปห้องสมุดกันเถอะ”


“ตะ...แต่...” อินน์หันไปมองเพลิงอย่างหวาดๆ ผมจึงได้หันไปมองเพลิงบ้าง เลยเห็นว่าตอนนี้กำลังจ้องมองอินน์อย่างอาฆาตราวกับเป็นมารหัวขนจนอยากเผาให้วอด


“เราจะไปทำงานนะเพลิง”


“รู้แล้ว กูก็ไม่ได้ห้ามอะไรนี่” ไม่ได้ห้าม แต่จ้องหน้าอินน์ราวกับจะเผาไม่ให้เหลือซากถ้าไปกับผมเนี่ยนะ?


“ถ้างั้นเราไปแล้วนะ”


“เดี๋ยว” เพลิงคว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินไปกับอินน์


“มีอะไรอีก” น้ำเสียงของผมติดจะเบื่อหน่าย เวลาที่เสียไปผมคงหาหนังสือมาเป็นข้อมูลได้หลายเล่มแล้วเนี่ย


“ห้ามปิดมือถือ กูโทรไปต้องรับ ส่งไลน์หาก็ต้องตอบทันทีนี่คือคำสั่ง”


“เอ่อ...” เดี๋ยวนะ ไหนก่อนหน้านี้เพลิงเคยบอกข้อตกลงของการเป็นเซ็กส์เฟรนด์ว่า ห้ามโทรจิก ห้ามส่งไลน์หา ต่างคนต่างมีอิสระ อยากไปไหนทำอะไรกับใครก็ได้ไง แล้วไหงเพลิงถึงได้ทำตรงข้ามกับข้อตกลงที่เคยบอกผมทุกอย่างเลยล่ะ?


“เอ้าว่ายังไง ถ้าไม่ตอบไม่ยอมรับปากกูก็ไม่ให้มึงไป” จะเผด็จการไปไหน คนอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด


“โอเค เรารับปากก็ได้” ผมยอมตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก หวังว่าเพลิงคงจะไม่โทรหรือไลน์มาทุก 5 นาทีหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเป็นไงเป็นกัน ต่อให้ต้องมีเรื่องกับ ‘อัณฑะพาลจอมเผด็จการ’ แบบนั้น ผมก็จะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว!


2BC


 o15 สวัสดีค่า จบไปอีกตอนสำหรับ Rabid หัวใจคลั่งรัก ซึ่ง...อีตาพระเอกก็ยังรักษามาตฐานได้เหมือนเดิม พูดถึงความดี? เปล่าเลยค่ะ ความน่าหมั่นของมันต่างหาก! แถมช่วงหลังๆยังเพิ่มความซึนมาด้วย ปวดหัวกับมันมั้ยคะทุกคน  :z10:
ส่วนตอนหน้า มาลุ้นกันว่าอีตาเพลิงมันจะรู้ตัวว่าชอบพายรึยัง แล้วพายมีท่าทีจะชอบมันขึ้นมาบ้างมั้ย แต่เอาจริงๆ เพลิงนี่มีข้อดีอะไรให้ชอบ ลองคิดอยู่หลายตลบแล้วทำไมเค้านึกไม่ออก หรือว่ามันไม่มีจริงๆ  :laugh:
แล้วเจอกันในอีก 3 วันนะคะทุกคน ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เค้า (ด่าอีตาเพลิงนี่ก็ถือว่าเป็นกำลังใจนะคะ เพราะบันเทิงมาก อิอิ) รักทุกคนเลยน้าาาาา  :กอด1: :L1:
(31 พ.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-05-2018 00:53:28
ทำไมมันสั้นจัง ฟินยังไม่สุดเลย :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-05-2018 01:21:03
คิดว่าที่นังเพลิงมันพูดออกมาทุกอย่างที่ห้ามนะ ตัวมันเองล่ะที่ทำทุกอย่างในภายภาคหน้า  :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 29-05-2018 03:48:05
เราว่าตาเพลิงมันซึนอ่ะ 55555555555555555555555 พายไม่ได้คิดอะไรเลย แต่เพลิงแกแม่งพูดดักทางหมด คิดเองเออเองอีกตังหาก แบบนี้แถวบ้านเรียกซึน 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-05-2018 07:37:13
หงุดหงิดอะไรของมัน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 29-05-2018 10:08:03
ที่ห้ามพายน่ะ ตกลงเพลิงจะเป็นเองทำเองหมดทุกอย่างที่ว่ามาเลยใช่ป่ะ ก๊ากกกๆๆๆๆๆ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-05-2018 12:33:20
เขาไม่ได้ อือ ออ ด้วย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 29-05-2018 16:41:34
คร่ะ ไม่ได้เป็นห่วง ไม่ได้ส่ใจเขาเล้ยยย จะรอดูคร่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-05-2018 17:17:32
ไอ้ที่พ่นๆมาเนี่ย ท่าจะเป็นเองนะเพลิง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-05-2018 18:29:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 30-05-2018 00:51:08
ข้อห้ามทุกอย่างคิดว่าเพลิงแหกหมด :jul3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-05-2018 11:29:59
 :laugh: :laugh: :laugh: อยากจะหัวเราะให้ดังไปถึงดาวอังคาร  สมน้ำหน้าอิเพลิงพายไม่สนใจถึงขนาดต้องบังคับให้เกียร์ เพลิงต้องเจอแบบพายมั่นหน้ามั่นโหนกนัก :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 30-05-2018 11:53:23
ฮาความมั่นหน้าของเพลิงมาก

ทุกคนต้องชอบชั้น
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 แลกเกียร์ [28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 30-05-2018 23:13:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-05-2018 20:23:08
กลืนน้ำลายตัวเองหลายทีแล้วนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 31-05-2018 21:36:44
 :angry2: ถ้าแกจะบ้าขนาดนี้นะ ก็ยอมรับมาซ้าาาา....ว่ารักพายแล้วอ่ะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-05-2018 21:42:30
เพลิงท่าจะเพี้ยน ตั้งกฎกี่ข้อ ก็แหกมันเองทุกข้อ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 31-05-2018 22:28:29
สองมาตรฐาน ชัดๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-06-2018 01:39:39
ถ้าจะขนาดนี้ขอเขาเป็นเมียเถอะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 01-06-2018 01:59:51
ซึนมหาซึน ซึนแตกมากมาย 5555555555 หวงเมียก็บอกมาจ้าาาาาา ระวังนะพายสวยแล้ว ระวังมีคนแย่งเมีย 5555555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-06-2018 02:11:18
อะไรที่ห้ามพายทำ แต่เพลิงทำหมด อะไรของมันฟ่ะ  :3125:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 01-06-2018 09:03:24
เพลิงแกเป็นไรมากป่ะเนี่ยย มีความวุ่นวายนะคะคุณ นี่ถ้าเราเป็นพายนะจะด่าให้ พายโคตรมีความอดทนอ่ะทำได้ไง

ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 01-06-2018 13:28:52
อิ่ม น้ำลาย ตัวเอง แล้วมั้ง ...
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 02-06-2018 00:15:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 02-06-2018 21:00:11
อยากให้พายหือกับเพลิงอ่ะ คงจะช็อคหนัก แค่คิดก็ตลกแระ555555555555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-06-2018 21:10:42
ตั้งกฏมาเพื่อออออ  :hao3: เปิดตัวสุดๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 6 ข้อตกลงของ Sex friend [31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-06-2018 00:23:37
หมั่นไส้เพลิง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 03-06-2018 21:23:12
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 7# Pie มารหัวขน


โชคดีที่ตลอด 2 เกือบ 3 ชั่วโมงเพลิงไม่ได้โทรหาผม เพียงแค่ไลน์มาถามประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นว่าทำวิจัยไปถึงไหนแล้ว ถ้าผมรีบตอบทันทีเพลิงก็จะไม่ถามย้ำแล้วครึ่งชั่วโมงถัดไปค่อยทักมาถามใหม่ แต่ถ้าผมตอบช้าล่ะก็เพลิงจะส่งสติ๊กเกอร์มารัวๆ จนโต๊ะสะเทือนเพราะโทรศัพท์สั่นเลยล่ะ


“นี่พายไม่ได้คบกับเพลิงจริงๆ น่ะหรอ ไลน์หาทุกครึ่งชั่วโมงขนาดนี้มันไม่น่าใช่แค่เซ็กส์เฟรนด์เลยนะ” อินน์ถามขึ้นหลังจากที่ผมตอบไลน์เพลิงไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ ส่วนทำไมอินน์ถึงถามแบบนี้ก็เพราะผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังตั้งแต่มาถึงห้องสมุดแล้ว


“เพลิงคงจะกวนประสาทเราเพื่อเอาคืนนั่นแหละ”


ถึงผมจะบอกไปแล้วก็เถอะว่าเงินพันห้าเป็นค่าโรงแรมกับค่าเครื่องดื่มไม่ใช่ค่าตัวของเพลิง แต่ในมุมมองของเพลิงคงจะเชื่อยากล่ะมั้ง เพราะงั้นผมเลยอยู่นิ่งๆ ไม่คิดมีปากเสียงเวลาเพลิงทำอะไร เดี๋ยวอีกไม่นานพอเบื่อเพลิงก็คงจะเลิกยุ่งกับผมไปเอง


“มันจะใช่แค่นั้นจริงๆ น่ะหรอ” อินน์พูดพึมพำเบาๆ คือผมก็ได้ยินแหละแต่ไม่รู้จะตอบว่าอะไรก็เลยปล่อยผ่าน


“วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนดีมั้ยอินน์ เราชักเริ่มหิวข้าวแล้วล่ะ” ถึงแม้จะต้องเสียเวลาที่มีคนกวนอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่างานเดินไปได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ อีกอย่างตอนนี้มันก็จะ 1 ทุ่มแล้วด้วย ท้องมันก็เลยเริ่มร้อง


“ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยววันไหนว่างๆ ค่อยมาทำต่อก็ได้ ตอนนี้เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า” อินน์ยิ้มกว้างแล้วพับโน้ตบุ๊คลง ส่วนผมก็รวบรวมหนังสือทั้งหมดไปเก็บที่ชั้น จากนั้นเราสองคนก็ลงลิฟต์มายังด้างล่าง


“กินข้าวที่โรงอาหารกันมั้ยอินน์ ตอนนี้น่าจะมีบางร้านขายอยู่”


“ก็ดี ช่วงนี้เราแกลบมาก” ผมหัวเราะเบาๆ กับคำพูดนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหนโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของผมก็สั่นขึ้นมาซะก่อน


“เพลิงล่ะสิ” อินน์เดาได้อย่างไม่ยาก


“อืม แต่คราวนี้โทรมา เรารับสายก่อนนะ” พอกดรับแล้วผมก็ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “ฮัลโหล”


“มึงกำลังจะไปไหน” อะไรกันเนี่ย ผมพึ่งออกจากห้องสมุดได้ไม่ถึงนาทีเลยนะ ทำไมเพลิงถึงรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ


“นายอยู่แถวนี้งั้นหรอ”


“เออ แต่ไม่ใช่เพราะกูอยู่รอเฝ้ามึงหรอกนะ”


“เราก็ไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย” อะไรของเพลิงก็ไม่รู้ พูดอย่างกับร้อนตัวที่ถูกจับได้ยังไงยังงั้น


“แล้วสรุปมึงกำลังจะไปไหน”


“ไปกินข้าวกับอินน์ จะไปกินที่โรงอาหาร นายจะไปด้วยมั้ยล่ะ” ผมก็ถามไปตามมารยาทเท่านั้น ก็ไม่คิดหรอกว่าคนอย่างเพลิงจะตอบตกลงไปกินด้วย


แต่...


“ไป! เอ่อ...ก็ถ้ามึงรบเร้าขนาดนั้นกูจะไปด้วยก็ได้” ผมว่าเพลิงต้องสับสนอะไรแน่ๆ ผมเนี่ยนะรบเร้า? จำไม่เห็นได้เลยว่าผมพูดแบบนั้นตอนไหน


“ถ้าจะไปกินด้วยจริงๆ ก็เจอกันที่โรงอาหารแล้วกัน” พูดจบผมก็กดวางสาย ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆ ให้อินน์ “โทษทีนะ เราชวนไปงั้นๆ แต่ไม่คิดว่าเพลิงจะมาด้วย”


“ไม่เป็นไร เราโอเค” อินน์ยังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิม เป็นคนสดใสและมองโลกในแง่บวกจริงๆ เพราะถ้าผมเป็นอินน์คงจะเกร็งจนอยากปลีกตัวกลับบ้านไปแล้ว


หลังจากนั้นเพลิงก็มาสมทบกับพวกผมที่ถึงโรงอาหารก่อน พอมาถึงกับข้าวที่สั่งเอาไว้ก็เสร็จพอดีเพลิงเลยควักตังจ่ายให้ทั้งหมด ตอนแรกผมก็รู้สึกเกรงใจ เพราะนอกจากของผมเพลิงยังจ่ายในส่วนของอินน์ให้ด้วย ถึงแม้จะเป็นเงินไม่ถึง 200 มันก็เป็นเงินอยู่ดี


แต่ทันทีที่ได้ยินเพลิงกระซิบที่ข้างหูเท่านั้นแหละ ความคิดที่ว่าเกรงใจก็เปลี่ยนเป็นอยากจะสั่งให้หมดทั้งร้าน!


“ไม่ต้องกลัวไปว่ามึงจะไม่ได้ใช้คืน เพราะคืนนี้กูจะจัดหลายๆ ดอกทบต้นทบดอกแน่นอน” ลองถ้าเพลิงได้พูดแบบนี้ คนที่ขาดทุนย่อยยับก็ต้องเป็นผมน่ะสิ!


“เอ้า ยืนเอ๋ออยู่ได้ ข้าวน่ะจะไม่กินรึไง” เพลิงที่เดินไปตรงโต๊ะที่อินน์นั่งอยู่เรียบร้อยแล้วเรียกผม ผมเลยตั้งสติแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เพลิงอย่างช่วยไม่ได้


เฮ้อออออ เมื่อไหร่เพลิงจะเบื่อผมกันนะ ผมคิดว่าตัวเองก็ทำเรื่องน่าเบื่อทุกอย่างไปแล้ว แต่ทำไมดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลยก็ไม่รู้


 หลังที่เราสามคนกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วอินน์ก็ขอตัวแยกกลับบ้านไป ส่วนผมถึงแม้จะภาวนาให้เพลิงแยกกลับบ้านไปอีกคน แต่ความหวังลมๆ แล้งๆ ของผมก็หมดลงเมื่อเพลิงโอบเข้าที่ไหล่แล้วพาผมเดินตรงไปที่รถ


“ต่อไปมึงห้ามใส่คอนแทคเลนส์ ห้ามเปลี่ยนทรงผม ต้องใส่แว่นแล้วก็เอาผมมาปิดหน้าปิดตาเหมือนเดิมเข้าใจมั้ย” เพลิงหันมาสั่งทันทีที่เราสองคนเข้ามานั่งข้างใน


“เข้าใจแล้ว” ความย้อนแย้งและเปลี่ยนกลับไปกลับมาของเพลิงผมเจอมาทั้งวัน เพราะงั้นผมเลยชินและชาจนไม่รู้สึกโมโหแต่อย่างใด ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะเข้าใจความคิดของเพลิงล่ะนะ


“ดีมาก แล้วคืนนี้มึงอยากทำที่ไหน” ถ้าผมตอบไปว่าไม่อยากทำ เชื่อว่าเพลิงต้องเกรี้ยวกราดอาละวาดจนรถพังไปข้างแน่ๆ


“เอ่อ...ที่ไหนก็ได้” ผมไม่อยากมีเรื่องและอยากให้เพลิงเบื่อหน่ายสุดๆ เลยตอบแบบน่าเบื่อไป แต่ก็ดูเหมือนว่าเพลิงจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะเพลิงยิ้มที่มุมปากอย่างนึกสนุกผสมกับความเจ้าเล่ห์


“ถ้างั้นกูทำที่รถเลยแล้วกัน ถึงไม่เคยลองแต่ก็น่าจะมันส์เอาเรื่อง” ไม่พูดเปล่าเพลิงที่พึ่งสตาร์ทรถก็ปลดเข็มขัดแล้วโน้มตัวมาคร่อมผมเอาไว้ ผมที่คิดว่าเพลิงต้องไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ เลยรีบบอกชื่อสถานที่แรกที่อยู่ในหัวออกไปทันที


“ห้องเรา! คืนนี้ไปทำที่ห้องเรานะเพลิง!”


“หึหึ อยู่กับมึงแล้วกูรู้สึกสนุกจริงๆ” พูดจบเพลิงก็ก้มหน้าลงมาจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากของผม เล่นเอาผมถึงกับใจเต้นโครมครามเพราะตั้งตัวไม่ทัน ยังดีที่หลังจากนั้นเพลิงก็กลับไปนั่งที่เบาะคนขับ แล้วออกรถมุ่งตรงไปยังหอของผมที่อยู่ไม่ไกล


ระหว่างทางที่ขับเข้าไปในซอย ผมมองเห็นกวีกับเดือนกำลังกินข้าวอยู่ด้วยกัน ร้านนั้นคือร้านเจ๊หมวยที่ผมกับกวีชอบไปกินด้วยกันเป็นประจำ ภาพที่เห็นทำเอาผมอดรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้ผมจะรู้สึกยินดีกับความรักของกวีจากใจ แต่ผมก็เจ็บเพราะยังตัดใจจากกวีไม่ได้นี่นา


“เป็นอะไรไปน่ะ จู่ๆ ก็ทำหน้าแบบนั้น” หน้าแบบนั้นที่ว่าคือแบบไหนผมไม่รู้หรอก แต่การที่เพลิงสังเกตเห็นทั้งที่ต้องมองทางไปด้วยก็ทำเอาผมรู้สึกแปลกใจขึ้นมา


“ปะ...เปล่าหรอก คือเราแค่เสียดายที่ไม่ได้กินข้าวตามสั่งร้านเมื่อกี้ ปกติไม่เกิน 1 ทุ่มก็ปิดแล้ว ถ้ารู้ว่าเปิดอยู่เราจะได้มากินน่ะ” ที่ผมโกหกไปเพราะไม่อยากให้เพลิงรู้ว่ากวีอยู่ที่นั่น เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเพลิงอาจจะไปหาเรื่องกวีที่ร้านก็ได้ แถมกวีก็ชอบขี้หน้าเพลิงที่ไหน ถ้าได้เจอกันมีหวังได้ก่อสงครามจนร้านเจ๊หมวยพังแน่ๆ


ผมก็ได้แต่หวังว่ากวีคงจะไม่ทันได้มองเห็นรถคันนี้ที่ขับผ่านหน้า จริงอยู่ว่าสีมันแดงโดดเด่นสะดุดตา แต่ความมืดของช่วงกลางคืนน่าจะบดบังความแรงของสีได้ล่ะนะ 


“อาบน้ำพร้อมกันเลยมั้ยจะได้ไม่เสียเวลา” เพลิงถามทันทีที่ขึ้นมาถึงห้องของผม แต่ถึงจะบอกว่าถาม เสื้อของเพลิงก็ถูกถอดออกลงไปกองที่พื้นด้านล่าง จากนั้นเพลิงก็เดินตรงมา แล้วยื่นมือมาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของผม


“เราถอดเองก็ได้”


“แต่กูถอดเองมันได้อารมณ์มากกว่า” คำพูดว่าหื่นแล้ว แต่สีหน้าของเพลิงนั้นดูหื่นกว่าสัก 10 เท่าเห็นจะได้


“ตามใจนายแล้วกัน” ถึงแม้ผมจะรู้สึกอายอยู่บ้าง แต่ผมก็เคยทำอะไรที่มันน่าอายกว่านี้มาแล้ว เพราะงั้นแค่นี้ถือว่าธรรมดาผมเลยปล่อยให้เพลิงทำตามใจ พอถอดเสื้อของผมออกไปได้เพลิงก็เลื่อนมือลงไปยังเข็มขัด โดยที่ระหว่างนั้นก็ก้มหน้าลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอของผมไปด้วย


“อืม...” ผมเป็นคนรู้สึกค่อนข้างไว เพราะงั้นเพียงไม่กี่นาทีก็มีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะไปถึงยังจุดนั้น โชคดีที่เสียงโทรศัพท์ของเพลิงก็ดังขึ้นมาซะก่อน


“เชี่ยเอ๊ย! แม่งมารหัวขนที่ไหนโทรมาขัดจังหวะวะ!” เพลิงสบถอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ผมเห็นแว้บๆ ว่าชื่อที่ปรากฏตรงหน้าจอนั้นคือ ‘พฤกษ์’


“โทรมาหาพ่อมึงหรอตอนนี้!” โอ้โห รับสายได้เป็นมิตรเอามากๆ ถ้าจำไม่ผิดพฤกษ์คือชื่อพี่ชายของเพลิงนี่นา พึ่งรู้ก็วันนี้แหละว่าน้องสามารถเกรี้ยวกราดใส่พี่ได้ถึงขนาดนี้


“จะอะไรนักหนาก็แค่ไม่กลับบ้านคืนสองคืน...ถ้ามึงไม่มีปัญหางั้นก็ไปอัญเชิญคนที่มีปัญหามาคุยกับกู...พี่ภูไม่คุย?...แล้วฝากมึงบอกอะไร?...เชี่ยแม่งใครจะไปยอม! นั่นมันเงินส่วนแบ่งกูแล้วพี่ภูจะเอาไปหารใส่เพิ่มให้คนอื่นได้ยังไง!...โว้ยยยยยยยย! งั้นกลับก็ได้พอใจแล้วนะ! Fuck! Fuck!! Fuck!!!”


ความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรงของเพลิงทำเอาผมรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยแน่ๆ ถ้าอยู่ใกล้ เลยขยับถอยออกมาจนเกือบชิดผนัง ซึ่งหลังจากวางสายเพลิงก็หันขวับมาทางนี้แล้วเดินดุ่มๆ เข้ามา ผมคิดว่าต้องถูกเพลิงทำอะไรสักอย่างเพื่อระบายอารมณ์แน่ๆ เลยหลับตาปี๋ด้วยความกลัว
แต่แล้ว...


จุ๊บ!


เพลิงแค่ก้มลงจูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆ เท่านั้น ไม่มีความรุนแรงหรือดิบเถื่อนอย่างที่คิดเอาไว้แม้แต่น้อย ถ้าว่าไปตามจริงผมคิดว่าเพลิงอ่อนโยนมากกว่าครั้งไหนๆ เลยด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็ทำเอาผมใจเต้นแรงขึ้นมา


เป็นเพราะกลัวจะถูกเพลิงทำร้ายหรือเป็นเพราะว่าอะไรกันแน่?


“โทษทีนะ วันนี้พี่ชายกูบังคับให้กลับบ้าน”


“เอ่อ...ไม่เป็นไร” ผมยังงงไม่หายเลยตอบอย่างติดๆ ขัดๆ แต่ประโยคถัดมาของเพลิงกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกงงมากกว่า


“มึงอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย” สีหน้าของเพลิงดูจริงจังและเป็นห่วงเป็นใยผม ถึงแม้จะยังงงแต่ผมก็ยิ้มออกมา


“ถามอะไรแบบนั้น ลืมแล้วหรอว่านี่มันห้องเรา แล้วทำไมเราจะอยู่ไม่ได้”


“ถ้างั้นก็ดี กูจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” เพลิงมีสีหน้าเบาใจแล้วลูบที่ศีรษะของผม 2 – 3 ที ก่อนที่จะถอยออกไปแล้วหยิบเสื้อที่ทิ้งเอาไว้ตรงพื้นขึ้นมาสวม


“กูไปแล้วนะ” เพลิงหันหลังกลับมามองผมเมื่อเดินไปถึงประตูแล้วเอามือสัมผัสลูกบิด


“อืม ขับรถดีๆ ล่ะ” พอได้ยินผมพูดแบบนั้นเพลิงก็ยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็เปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องไป


จู่ๆ ผมก็คิดว่าบรรยากาศระหว่างผมกับเพลิงเปลี่ยนไปนิดหน่อย นี่ผมคิดไปเองรึเปล่านะ?


ซึ่งในขณะที่ถามตัวเองแบบนั้น ผมกลับไม่รู้ตัวเลยว่าได้เผลออมยิ้มออกมา ภาพที่เพลิงก้มหน้าลงมาจูบผมอย่างแผ่วเบาฉายชัดในความคิดอีกครั้ง แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น เสียงเคาะประตูห้องของผมก็ดังขึ้นซะก่อน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


หืม? หรือว่าเพลิงจะลืมของ?


“ลืมอะไรเอาไว้หรอเพลิ...” ผมรีบเดินไปเปิดประตูให้ แต่ยังไม่ทันได้พูดจนจบผมก็ต้องชะงักไปซะก่อน เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ใช่เพลิงแต่เป็นกวี


“คืนนี้ขอนอนด้วยคนได้มั้ย กุญแจเราหายเลยเข้าห้องไม่ได้น่ะ”


“เอ่อ...กวีลองติดต่อนิติฯ ดูรึยัง” ปกติถ้าคนในหอมีปัญหาก็ต้องติดต่อนิติบุคคลที่อยู่ข้างล่างเป็นอันดับแรก อย่างเรื่องกุญแจก็จะมีของแต่ละห้องสำรองเอาไว้ 3 – 4 ดอก แต่ถ้าลองกวีได้มาเคาะประตูห้องผมแบบนี้นิติบุคคลก็อาจจะปิดแล้วล่ะมั้ง


“เราเห็นปิดไฟ คงไม่มีคนอยู่น่ะ” ว่าแล้วเชียว เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย แต่ก็แปลกเหมือนกันนะ ปกตินิติบุคคลจะปิดตอน 4 ทุ่ม นี่พึ่ง 3 ทุ่มเองทำไมถึงปิดเร็วจัง แต่บางทีผู้ดูแลอาจจะมีธุระที่ต้องไปทำก็ได้ เพราะกวีก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกผมนี่นา


“ถ้างั้นคืนนี้กวีก็นอนกับเราไปก่อนแล้วกัน” ผมหลีกทางให้กวีเดินเข้ามา จากนั้นก็ปิดประตูแล้วรีบเดินไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ตรงพื้นขึ้นมาสวมกลับเข้าไปใหม่


“พายกำลังจะอาบน้ำหรอ”


“อะ...อื้ม...เรากำลังจะไปอาบน้ำ” เวลาที่โกหกผมไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ตัวเองมักจะหลบตาและพูดติดอ่างเป็นประจำ ส่วนคนที่อยู่รอบข้างของผมนั้นรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี


“กวีนั่งรอแถวนี้ก่อนนะ เราอาบแป๊บเดียวเดี๋ยวออกมา”


“โอเค” กวีพยักหน้า ผมเลยเดินไปหยิบชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ


“เฮ้อออออ” ทันทีที่ปิดประตูผมก็ถอนหายใจออกมา


นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกอึดอัด ปกติเวลาที่กวีมาหาที่ห้องผมจะดีใจและมีความสุขมาก ซึ่งสาเหตุที่ผมรู้สึกแบบนั้นคงเพราะกวีมีแฟนแล้ว แถมเมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันและกินข้าวกันด้วยท่าทางมีความสุขอีกต่างหาก


หลังจากที่ยืนถอนหายใจสักพักผมก็เริ่มต้นอาบน้ำ ผมใช้เวลาไม่กี่นาทีก็อาบเสร็จแล้วจึงเดินออกมา โดยที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อย


“กวีจะอาบน้ำเลยมั้ย”


“อาบเลยก็ได้”


“งั้นเดี๋ยวเราไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับหาชุดใส่นอนให้นะ” ผมพูดจบก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็หยิบชุดกับผ้าเช็ดตัวยื่นส่งไปให้กวี ปกติผมจะใส่เสื้อตัวใหญ่จนหลวมโครกอยู่แล้วเพราะมันนอนสบาย ดังนั้นกวีก็คงใส่ได้ไม่น่ามีปัญหา


“ขอบใจนะ” กวียิ้มบางๆ แล้วยื่นสองมือออกมารับชุดกับผ้าเช็ดตัว ซึ่งถ้ารับไปเฉยๆ ผมคงจะไม่กระอักกระอ่วน แต่นี่รู้สึกเหมือนว่ากวีจะจงใจจับที่มือของผมเอาไว้ แถมยังค้างอยู่อย่างนั้นไม่ยอมเลื่อนออกไปสักทีอีกต่างหาก


“เอ่อ...ระ...เรา...หิวน้ำ เดี๋ยวเราไปกินน้ำก่อนนะกวี” ผมดึงมือออกมาแล้วรีบหันหลังเดินไปยังตู้เย็น กวีเป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงได้ทำอะไรแปลกๆ แบบนี้


โชคดีที่กวีไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้ตามผมมา เพราะงั้นผมเลยโล่งใจแล้วเก็บกวาดห้องที่มันค่อนข้างรกนิดหน่อย เสร็จแล้วผมค่อยไปปัดฝุ่นและจัดแจงหมอนกับผ้าห่มตรงที่นอน


เตียงขนาด 5 ฟุตแบบนี้ผู้ชายสองคนนอนด้วยกันได้สบาย ซึ่งผมก็เคยฝันเอาไว้ว่าอยากนอนร่วมเตียงกับกวีดูสักครั้ง แต่พอความจริงมันกำลังจะเป็นอย่างที่ฝัน ผมกลับไม่รู้สึกดีใจแถมยังไม่สบายใจอีกต่างหาก


“นี่จะนอนแล้วหรอพาย เร็วไปมั้ยเนี่ย” กวีที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามผม เพราะตอนนี้พึ่งจะ 3 ทุ่มกว่าๆ เท่านั้นเอง


“เราไม่มีอะไรทำน่ะ งานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ก็เสร็จแล้ว”


“ถ้างั้นก็มานั่งคุยเล่นกับเราเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นี่นา” กวีเดินเอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียง จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ซึ่งพอเห็นผมยังคงนอนอยู่ กวีก็เลยขึ้นมานอนบนเตียงข้างๆ ผมบ้าง


“พอเปลี่ยนจากนั่งคุยกันมาเป็นนอนคุยข้างกันมันก็ดีเหมือนกันนะ พายว่ามั้ย” ในใจของผมตอบว่าไม่ แต่ผมไม่กล้าพอที่จะบอกไปแบบนั้นเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา


ถึงแม้ว่าช่วงเวลานั้นมันจะผ่านไปได้ไม่นาน แต่ผมก็แทบนึกไม่ออกเลยว่าแต่ละวันผมกับกวีเราคุยอะไรกัน ในสมองของผมมันจำได้เพียงแค่วันนั้น...วันที่ผมหัวใจพังเพราะกวีแนะนำให้รู้จักเดือนว่าเป็นแฟนของตัวเอง


“กวีไม่โทรหาเดือนหน่อยหรอ” พอได้ยินผมพูดแบบนี้กวีก็ดูจะอึ้งๆ ไปเล็กน้อย


“ตอนนี้เราอยู่กับพาย ทำไมต้องพูดถึงเดือนด้วยล่ะ”


“แล้วพูดไม่ได้หรอ?” ทำไมล่ะ? นี่ผมงงจริงจังเลยนะ ซึ่งกวีตอนแรกก็ดูเหมือนว่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ตัดใจไม่พูดมันออกมาแล้ว


“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันพายอย่าพูดถึงเดือนอีกก็พอ” ถึงจะไม่เข้าใจแต่ผมก็พยักหน้าลง


เอาตามจริงผมก็ไม่ได้อยากจะพูดถึงเดือนขนาดนั้นหรอก แต่ผมนึกไม่ออกว่าเราสองคนควรคุยเรื่องอะไรกันดี ตอนนี้มันเหมือนมีอะไรบางอย่างมาขวางผมกับกวีเอาไว้ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าอยู่ไกลกับกวีทั้งที่อยู่ข้างๆ กันนี่เอง


ซึ่งขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบกวีไปยังไงดี จังหวะนั้นก็มีเสียงไลน์ดังขึ้นที่โทรศัพท์ของผม


เพลิง
แม่ง เบื่อฉิบหาย ถึงบ้านปุ๊บก็โดนคนแก่เทศน์ปั๊บ ชาติก่อนแม่งคงเป็นเจ้าอาวาส!


พาย
ดูพูดเข้า นายนี่น้า...


เพลิง
ก็แล้วมันไม่จริงรึไง


พายแต่เมื่อคืนนายไม่ได้กลับบ้านนี่นา แล้วก็คงไม่ได้โทรบอกพี่ชายด้วยใช่มั้ยล่ะ


เพลิง
กูโตแล้วนะเว่ย จะไปไหนทำอะไรก็ได้เปล่าวะ


พาย
งั้นนายก็หาเงินใช้เองสิ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ยังไม่ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่หรอกนะ


เพลิง
มึงนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว ไอ้ที่ใช้ทุกวันนี้ส่วนใหญ่กูก็หามาเองทั้งนั้น


พาย
หืม? จริงหรอ?


เพลิง
โกหก


พาย
ว่าแล้วเชียว


เพลิง
กูประชดโว้ยยยยยยย!


พาย
อ้าวหรอ ขอโทษ ก็เราไม่รู้นี่นา แต่พึ่งรู้นะเนี่ยว่านายทำงานแล้ว


เพลิง
ก็แค่เล่นหุ้นกับขุดบิทคอยน์กับพี่ขำๆ เฉยๆ


พาย
ไม่ขำแล้วมั้ง แค่ตัวเครื่องขุดก็เป็นแสนแล้ว ส่วนหุ้นถ้าดูไม่เป็นก็เจ๊งได้เลยนะ


เพลิง
นี่ใคร? ตัวท็อปอย่างกูแค่ดูหุ้นนี่กระจอกมาก


พาย
ขอความจริง


เพลิง
แม่ง กูล่ะเกลียดคนฉลาดอย่างมึงฉิบหาย จะโม้อะไรก็รู้ทันกูซะหมด
เออยอมรับก็ได้ว่าดูหุ้นน่ะแม่งโคตรยาก!


พาย
ก็ถ้าง่ายคนทั้งประเทศคงรวยไปแล้ว
ว่าแต่สมมติเล่น 10 เฉลี่ยกำไรเท่าไหร่ขาดทุนเท่าไหร่หรอ


เพลิง
กำไร 6 ขาดทุน 4 แต่บางทีกำไรรัวๆ หรือขาดทุนรัวๆ ก็มีแล้วแต่จังหวะเหมือนกัน


พาย
แต่ก็คือรวมๆ แล้วไม่ขาดทุนใช่มั้ยล่ะ


เพลิง
เยส


พาย
นายนี่ก็...จะว่ายังไงดีล่ะ จริงๆ แล้วนายก็ไม่ได้แย่เหมือนภาพลักษณ์ที่เห็นเลยนะ


เพลิง
จะชมกูว่าเก่งก็พูดมาตรงๆ เลยน่า จะมัวอ้อมโลกไปทำไมให้เสียเวลา ชอบกูแล้วล่ะซี้


พาย
มีใครเคยบอกมั้ยว่านายน่ะหลงตัวเองสุดๆ


เพลิง
หล่อ ฉลาด บ้านรวยขนาดนี้จะไม่ให้หลงยังไงไหว


พาย
เฮ้อออออ จู่ๆ เราก็รู้สึกเพลีย


เพลิง
งั้นแดกวีต้าแล้วไปนอนซะ


พาย
เราไม่ได้หมายถึงเพลียแบบนั้นสักหน่อย


เพลิง
ฮ่าๆๆๆ รู้หรอกน่า แต่กูไม่อยากให้มึงนอนดึก
เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยพอนี่ รีบไปนอนได้แล้วไป


พาย
ความจริงเราก็กำลังจะนอนนี่แหละ


เพลิง
อ้อ งั้นฝันดี เดี๋ยวเจอกันในฝัน


พาย
อย่างนั้นน่าจะเรียกว่าฝันร้ายมากกว่ามั้ง


เพลิง
มึงนี่มัน...คิดคำด่าแป๊บ


พาย
ไม่ต้องคิดแล้ว ตั้งใจฟังที่พี่ชายอบรมไปเลย เราจะนอนแล้วนะ


เพลิง
เคๆ พรุ่งนี้เจอกัน


แล้วบทสนธนาของผมกับเพลิงในไลน์ก็จบลงเท่านั้นหลังจากคุยกันอยู่นานสองนาน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าการคุยกับเพลิงนั้นสนุกมาก จนบางครั้งผมเผลอยิ้มและหัวเราะออกไปโดยไม่รู้ตัว ผมสนุกจนลืมไปเลยว่าตอนนี้มีกวีที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ


“คุยเสร็จแล้วหรอ” กวีถามผมด้วยใบหน้านิ่งๆ น้ำเสียงติดจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก


“อ๊ะ! ขอโทษนะ เรานี่แย่จริงๆ ที่มัวแต่คุยเพลิน” ผมวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงพลางยิ้มแห้งๆ อย่างรู้สึกผิดที่เผลอลืมกวี


“เมื่อกี้พายคุยกับใคร”


“หา? เอ่อ...” ผมรู้สึกงงๆ และตกใจเล็กน้อยที่ถูกถาม แล้วที่ผมอึกอักก็เพราะไม่อยากตอบว่ากำลังคุยกับใคร กวีกับเพลิงไม่ค่อยลงรอยกันผมเลยไม่อยากให้เป็นเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นกวีก็พอจะเดาออกอยู่แล้ว


“กับไอ้เพลิงสินะ” กวีพูดพร้อมกับหยิบสร้อยเกียร์ที่ผมวางเอาไว้บนหัวเตียงขึ้นมา เกียร์นั้นมีชื่อกับรหัสนักศึกษาของเพลิงสลักอยู่อย่างชัดเจน กวีที่มองเห็นสายตาจึงแข็งกร้าวขึ้นมา ส่วนริมฝีปากก็ยิ้มหยัน


“พายคบกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่” กวีถามพลางวางเกียร์ลงตรงที่เดิม ถึงแม้จะทำอย่างเบามือแต่สายตากลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดชังเจ้าของเกียร์แค่ไหน


“เอ่อ...เปล่า ไม่ได้คบหรอก” และทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น สีหน้ากับแววตาของกวีก็เปลี่ยนเป็นตกใจ แถมยังดูเหมือนว่าจะโกรธเอามากๆ


“ว่าไงนะ! พายไม่ได้คบกับมันทั้งที่มีอะไรกับมันแล้วงั้นหรอ!” ผมไม่กล้าตอบเลยได้แต่นิ่งเงียบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าผมตกใจที่เห็นกวีเกรี้ยวกราดเป็นครั้งแรก หรือว่าตกใจที่ความแตกเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเพลิง


“ไม่ตอบงั้นหรอ?” ผมคิดว่าการนิ่งสงบจะสยบได้ทุกอย่าง แต่ก็ดูเหมือนว่าผลลัพธ์มันจะตรงกันข้าม เพราะนอกจากกวีจะไม่หยุดถามยังพลิกตัวขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้อีกต่างหาก!


“จะ...จะทำอะไรน่ะกวี”


“ก็จะทำเรื่องที่พายทำกับไอ้เพลิงไง ในเมื่อพายไม่ได้คบกับมันแต่มีอะไรกับมันได้ ถ้างั้นพายก็มีอะไรกับเราได้เหมือนกันสินะ”


!!!


2bc


 o15  เฮลโหลววววว เจอเค้าทักทายแบบนี้ก็แสดงว่า Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย เป็นไงคะ ค้างกันยิ่งกว่าเดิมอีกใช่มั้ยล่ะ ส่อแววดราม่าต่างจากสปอยที่เค้าลงในเพจและทวิตลิบลับเลยเนอะ อิอิ  o3
กวีนี่นับวันยิ่งจะส่อแววตัวร้ายมากขึ้น ต่างจากอีตาเพลิงที่เหมือนจะเริ่มเห็นแววความเป็นพระเอกบ้าง 55555 มาลุ้นกันนะคะว่าตอนหน้าพายจะตกเป็นของกวีมั้ย ไม่อยากจิบอกเล้ยว่าเตรียมทิชชู่เอาไว้ด้วยนะคะ ซึ่งจะเอาไว้ซับน้ำตา ซับเลือด หรือซับคราบอะไร วันเสาร์หรืออาทิตย์เจอกันนะคะทุกคน  :กอด1:
แล้วเจอกันนะคะ กำพระให้แน่นๆและเป็นกำลังใจให้พายด้วยน้า รักทุกคนนะคะ บ๊ายบายยยยยย  :bye2:
(6 มิ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 03-06-2018 21:43:31
……


น้องพายคนดี คนซื่อของพี่. ต้องให้กวีมานอนในห้องด้วยแน่เลย

แล้วเพลิงจะคุ้มคลั่ง แล้วยอมรับได้หรือยัง ว่าหวงพายขนาดไหน

ถึงคราวนั้น. น้องพายของพี่ จะยังยอมเพลิงต่อไปไหมนะ

……


 :z2:   :z2:   :z2:   :z2:   :z2:   :z2:


หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-06-2018 23:03:51
กวีคิดจะทำอะไรหราาา
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-06-2018 23:20:55
ไปขอกุญแจสำรองสิกวี
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-06-2018 00:50:40
มีเรื่องแน่ ถ้าเอากวีนอนในห้อง ไม่อยากนึกเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 04-06-2018 01:32:32
โอ้วว ไม่นะกวี ม่ายยย กลับห้องแกปายยย กลับไปซ้าาา ลืมกุญแจจริงๆหรือแกล้งลืมกันแน่! ลืมก็งัดสิ งัด!
 :katai1: :katai1: :m31:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-06-2018 06:42:16
กวีลืมจริงหรือแกล้งกันแน่น้อ น่ากลัวเพลิงจะรู้ทีหลัง พายต้องโดนลงโทษยับแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-06-2018 09:25:12
กวีเริ่มแปลกๆล่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 04-06-2018 20:17:05
ตายล่ะ ตายๆๆๆๆๆๆ เพลิงรู้นะ กระอักแน่ๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 05-06-2018 01:04:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-06-2018 21:29:40
กวีนี่จะมาอะไรนักหนา :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 06-06-2018 01:40:51
 :ling1: เตรียมต้มมาม่า พายต้องไม่ปฏิเสธกวีชัวร์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 7 มารหัวขน P.28 [03.05.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-06-2018 14:32:48
ต้องมีแผน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 06-06-2018 22:35:03
เอ๊า อิตากวี ผีเข้าหรืออย่างไร
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 06-06-2018 22:35:49
คุณตำรวจคะคุณตำรวจจจจ นังกวีมันจะปล้ำพายค่ะ!!! พาย!! คอลไลน์หาเพลิงด่วนเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sarujang ที่ 06-06-2018 22:37:30
มาม่าถ้วยเล็กๆก็พอนะคะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-06-2018 23:10:48
เอ๊า....กวีเป็นอะไร บ้าไปแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 06-06-2018 23:48:12
เห้ยยยยยยยยย
กวี สติค่ะสติ อะไรจะมาปล้ำพายเนี่ย
หึงหรอ แฟนก็มีแล้วป่ะ
หรือแฟนหลอกๆ เรียกร้องความสนใจจากพาย
อะไรก็ไม่รุ้แหละ แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว
เพลิงพายช่วยพายที เร็ววววววววว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-06-2018 00:20:35
เอ๊า!!! อิกวีเป็นบ้าแล้วจ้า~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-06-2018 00:49:24
อ้าววววว ไอ้เพื่อนเลว แกล้งทำเป็นลืมกุญแจใช่ไหม ไม่แน่บางที่นิติอาจยังไม่ปิดก็ได้  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-06-2018 09:31:17
พาย!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 07-06-2018 10:50:39
หล่อนตั้งใจลืมกุญแจเหรอออออนังกวี......แล้วอะไรคือจะกินพายของท่านเพลิง หึ..เด๋วรู้ว่าพี่เพลิงวาปมาหน้าประตูอ่ะมีจริง  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-06-2018 13:52:01
ว่าแล้วเชียว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 07-06-2018 19:32:47
……

อะหยึ๋ยยย.  กวีเป็นตัวร้ายหรือนี่

ถดโถ....  น้องพายเอาตัวรอดให้ได้นะ

งัดวิชาขึ้นมา จะเทควันโด ยูโด ไอคิโด ป้องกันตัวด่วนเลย

หรือมวยไทยดี


 :z6:  :z6:  :z6:   :z6:   :z6:  :z6:   :z6:


……


หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-06-2018 21:59:44
ไอ้กวีอย่าทำอะไรพายนะเว้ย มีแฟนอยู่แล้วนะกวีเลวมาก ใครจะช่วยพายล่ะ :a5: :z6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 08-06-2018 05:55:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 08-06-2018 22:50:35
นั่นไงว่าแล้วเชียวว่ากวีมันต้องคิดไม่ซื่อแน่  ออกไปน้าาา ออกไป!!!  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 7# ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป [6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 09-06-2018 13:15:45
บังอาจไปแล้วไอ้กวี!!!! เตรียมตัวตายได้เลยเพลิงไม่ได้กล่าว55
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 09-06-2018 22:23:10
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 8# Pie สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ


“นี่ล้อเราเล่นใช่มั้ยกวี” ผมพยายามถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยทั้งที่กำลังอึ้งและตกใจจนถึงขีดสุด


“ก็ลองดูแล้วกันว่าเราล้อเล่นรึเปล่า” กวีพูดจบก็ก้มหน้าลงมาจะจูบที่ริมฝีปากของผม แต่ผมก็สามารถหันหน้าหลบได้ทันเพียงเสี้ยววินาที จึงทำให้ริมฝีปากของกวีจูบที่ข้างแก้มของผมแทน


“หึ ถ้าเป็นไอ้เพลิงพายคงจะยอมมันสินะ” กวียิ้มหยัน ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากลงมาที่ซอกคอของผม จากนั้นก็ออกแรงดูดจนผมรู้สึกเสียววาบ สองมือทั้งดันและทุบที่ไหล่ของกวีไปมา แต่กวีก็ไม่สะทกสะท้านแถมยังล้วงมือเข้ามาภายใต้เสื้อของผมอีกต่างหาก


“ยะ...หยุดนะกวี” ผมร้องห้ามพร้อมกับออกแรงดิ้น แต่ยิ่งนานเรี่ยวแรงของผมมันก็ยิ่งลดลง ผมสู้แรงของกวีไม่ได้ มิหนำซ้ำลึกๆ ภายในใจแล้วผมกำลังรู้สึกดี


ก็ผมยังชอบกวีอยู่นี่นา...


ที่ผ่านมาผมรอคอยเวลานี้มาโดยตลอด สามปีเลยนะที่ผมเฝ้ารอ เอาแต่วาดฝัน และจินตนาการว่าจะได้มีอะไรกับกวี แล้วแบบนี้ผมจะขัดขืนไปทำไม ซึ่งทันทีที่คิดได้แบบนั้นแรงต่อต้านของผมลดน้อยลง


ผมอยากเป็นของกวี...


“ในที่สุดก็ยอมเราแล้วสินะ” น้ำเสียงของกวีดูพึงพอใจเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าผมต้องยอมอยู่แล้ว แต่นั่นหมายถึงเมื่อก่อนไม่ใช่ตอนนี้ ผมจะกล้ามีอะไรกับกวีทั้งที่กวีมีแฟนอยู่แล้วได้ยังไง ผมไม่ใช่คนเลวและไร้สามัญสำนึกขนาดนั้น


ที่สำคัญ จู่ๆ ใบหน้าของเพลิงมันก็ลอยขึ้นมา...


“กวีลืมเดือนไปแล้วหรอ” ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นกวีก็ชะงักไปในทันที ผมคิดว่าตัวเองมาถูกทางแล้วที่พูดแบบนี้ ในเมื่อผมสู้แรงของกวีไม่ได้ เพราะงั้นสิ่งที่ทำได้เลยมีแค่การเตือนสติเท่านั้น


“ทั้งชีวิตเรามีเพื่อนสนิทแค่ 2 คนคือกวีและอินน์ อย่าให้เราต้องเหลืออินน์แค่คนเดียวเลยนะ” พอผมพูดแบบนี้ จากที่นิ่งอยู่กวีก็หลับตาลงแล้วกำหมัดแน่น ตอนนี้ความคิดทั้งสองฝั่งทั้งด้านขาวและดำคงกำลังตีกันอยู่


ผมไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาแบบไหน แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่ผมแอบชอบมาตลอด 3 ปีจะไม่ใช่คนเลว


“เรา...ขอโทษ...” กวีถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงเอาไว้ ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างเสยผมของตัวเองขึ้นไปแล้วกำเอาไว้แน่น


“กวี...” ผมลุกขึ้นนั่งแล้วหันหน้าเข้าหากวี ความจริงผมมีเรื่องที่อยากจะพูดมากมายกว่านี้ แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี


ผมไม่รู้ว่ากวีเป็นอะไร ทำไมถึงได้ฟิวส์ขาดจนเกือบจะทำเรื่องเลวทรามขนาดที่คน ‘อัณฑะพาล’ อย่างเพลิงไม่คิดจะทำ ถ้าโกรธเรื่องที่เพื่อนอย่างผมทำตัวไม่ดีก็ไม่น่าจะฟิวส์ขาดได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งถ้าโกรธเพราะคิดกับผมมากกว่าเพื่อนยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นกวีก็คงไม่คบเป็นแฟนกับเดือน


“ขอโทษนะพาย เรา...เราแค่...แค่ตกใจ แล้วก็ไม่คิดว่าพายที่ใสซื่อจะทำเรื่องแบบนั้นได้...เราขอโทษจริงๆ” กวีดูสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก แถมยังดูจะช็อกกับเรื่องของผมที่พึ่งจะได้รู้ด้วย


“เราไม่ได้เป็นคนที่ใสซื่อบริสุทธิ์แบบที่กวีคิดเลย เราก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มีความต้องการ อีกอย่างเราก็ไม่ได้คบใคร แล้วเราผิดด้วยหรอที่จะนอนกับใครสักคนที่ไม่มีแฟนเหมือนกัน” ไหนๆ กวีก็รู้เรื่องนี้แล้ว เพราะงั้นผมเลยคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องปิดบังอีกต่อไป


“พายไม่ผิดหรอก เรื่องทุกอย่างเราเป็นคนผิดเอง เราเป็นคนผิดตั้งแต่แรก เพราะงั้นเราจะไปแก้ไขให้มันถูกต้อง ขอโทษจริงๆ นะพาย เราขอโทษ...” ผมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่กวีพูดเท่าไหร่นัก แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่กวีพูดขอโทษออกมา


“อืม เราไม่โกรธกวีแล้ว” พอได้ยินแบบนี้ จากที่กำลังก้มหน้าอยู่อย่างเคร่งเครียดกวีก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความแปลกใจ คงไม่คิดว่าผมจะยอมยกโทษให้ง่ายๆ ล่ะมั้ง ซึ่งอันที่จริงผมก็ยังไม่อยากยกโทษให้หรอก แต่ก็นะ...ผมมันเป็นคนขี้ใจอ่อนนี่นา


“ขอบใจนะพาย” กวียิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วหยิบหมอนกับผ้าห่มลงไปที่พื้นด้านล่าง ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับงงไปเลย


“นั่นกวีจะทำอะไรน่ะ”


“เดี๋ยวคืนนี้เรานอนที่พื้นนะ พายจะได้นอนสบายๆ แล้วก็จะได้ไม่ต้องกลัวว่าเราจะทำอะไรด้วย” อันที่จริงลึกๆ แล้วผมก็ยังรู้สึกกลัวอยู่นิดหน่อยนั่นแหละว่ากวีจะลุกขึ้นมาทำอะไรผมอีกรึเปล่า แต่ในเมื่อกวีพูดแบบนี้ผมก็รู้สึกสบายใจและไม่กังวลเรื่องนี้อีกแล้ว


“ถ้างั้นก็ฝันดีนะกวี”


“อืม ฝันดีเหมือนกันพาย” เราสองคนอมยิ้มให้กัน จากนั้นผมก็เอื้อมมือไปปิดโคมไฟแล้วเอนตัวลงนอน ก่อนที่สักพักความง่วงจะเข้ามาครอบงำจนทำให้ผมเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด...


.............................................

..............................

...............


เช้าวันต่อมา เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนเวลา 7.45 น. ผมที่มีเรียนตอน 9 โมงเช้าเลยลุกขึ้นไปอาบน้ำ ส่วนกวีที่วันนี้ไม่มีเรียนแต่มีพรีเซนต์ช่วงบ่ายเลยขอนอนต่ออีกนิด ผมเลยคิดว่าหลังอาบน้ำเสร็จค่อยมาปลุกเลยหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ


ผมใช้เวลาสักพักก็เดินออกมา โดยสวมชุดเดิมที่ใส่นอนเพราะลืมหยิบชุดนักศึกษาเข้ามาเปลี่ยน ถ้าจะให้ใส่แต่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมามันก็คงจะไม่โอเค ซึ่งหลังจากที่ออกมาแล้วผมก็ปลุกกวีที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนผ้าห่มที่เอามาปูนอน


“กวี...กวี...ตื่นได้แล้ว” ผมย่อตัวลงนั่งข้างๆ พลางเขย่าตัวของกวีเล็กน้อย


“อืม” กวีลืมตาขึ้นมาแล้ววางมือข้างหนึ่งทับมือของผมเอาไว้ ท่าทางของกวีดูไม่ได้งัวเงียสักเท่าไหร่ บางทีอาจจะตื่นพร้อมผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ได้หลับต่อก็เป็นได้


“จะอาบน้ำรึเปล่า” ผมถามพร้อมกับชักมือกลับ


“ไม่ล่ะ เดี๋ยว 8 โมงครึ่งนิติฯ ก็เปิดแล้ว เราค่อยไปอาบห้องเราทีเดียวดีกว่า”


“โอเค ถ้างั้นจะกินอะไรตอนเช้าพร้อมเรามั้ยล่ะ เดี๋ยวเราทำเผื่อ”


“กินสิ งั้นเดี๋ยวเราไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ”


“อืม” แล้วกวีก็รีบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ โดยไม่ลืมพับผ้าห่มและหยิบหมอนขึ้นไปวางไว้บนเตียงเหมือนเดิม


ส่วนผมก็เดินไปหยิบของออกมาจากตู้เย็นแล้วทำแซนด์วิชง่ายๆ โดยใส่แฮม ปูอัด ทูน่า ตามด้วยมะเขือเทศและผักต่างๆ ปิดท้ายด้วยน้ำสลัด จากนั้นก็หั่นเป็นสามเหลี่ยมสองซีกแล้วจัดใส่จาน


“น่าอร่อยจังเลย” กวีที่ล้างหน้าล้างตาออกมาจากห้องน้ำเรียบร้อยแล้วพูดขึ้น จากนั้นก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับผมที่โต๊ะอาหารเล็กๆ มุมห้อง


“อะไรของกวี พูดอย่างกับไม่เคยกิน” ผมส่ายหน้าไปมา ก่อนหน้านี้ผมก็ทำให้กวีกินอยู่บ่อยๆ อย่างน้อยๆ ก็อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง


“ก็เคยกิน แต่ว่าเราไม่ได้กินมาสักพักแล้ว พอพูดอย่างนี้แล้วก็นึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เรามีด้วยกันเนอะ” กวีหันมาถาม ผมที่ไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรเลยได้แต่พยักหน้าตามน้ำไป


“อื้ม...เอ่อ...กินน้ำมั้ยกวี หรือว่าจะกินนมเดี๋ยวเราไปเทให้” ผมไม่เข้าใจว่ากวีจะรื้อฟื้นความหลังขึ้นมาทำไม มันทำให้ผมรู้สึกสับสนและกระอักกระอ่วนไม่น้อยเลยต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง


“เอานมแล้วกัน”


“โอเค” ผมรับคำแล้วลุกไปเทนมใส่แก้วมาให้กวี ส่วนผมที่ไม่อยากให้แน่นท้องมากเดี๋ยวจะง่วงตอนเรียนเลยเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่า


หลังจากกลับมานั่งที่เก้าอี้ผมกับกวีก็กินแซนด์วิชแล้วพูดคุยกันต่ออีกสักพัก จนกระทั่งคิดว่าได้เวลาที่นิติบุคลจะเปิดทำการ กวีเลยขอตัวลงไปข้างล่างผมก็เลยเดินไปส่งที่ประตู


“ขอโทษเรื่องเมื่อคืนอีกทีนะพาย แล้วก็ขอบใจจริงๆ ที่ไม่โกรธเรา”


“อืม ไม่เป็นไร” กวีขอโทษอย่างรู้สึกผิดซ้ำๆ ขนาดนี้จะให้ผมโกรธลงได้ยังไงกันล่ะ


“ส่วนเสื้อกับกางเกงที่ให้ยืมเราจะรีบซักมาคืนนะ”


“ไม่ต้องรีบก็ได้ เอาที่กวีสะดวกเถอะ” ชุดใส่นอนผมมีเยอะอยู่แล้วเพราะปกติซักผ้าอาทิตย์ละครั้ง กวีที่ได้ยินแบบนั้นเลยพยักหน้าลงแล้วโบกมือลาผม


“ถ้างั้นเราไปแล้วนะ”


“อืม แล้วเจอกัน” ในระหว่างที่พูดประโยคนั้น ผมก็ได้ยินเสียงคนที่เดินขึ้นบันไดมากำลังพูดคุยกัน


ผมไม่ได้ยินทั้งหมดแต่จับใจความได้ประมาณว่า ผู้ชายคนหนึ่งขอบคุณใครสักคนที่ให้เข้ามาในหอด้วยเพราะไม่มีคีย์การ์ด เห็นว่าโทรหาแล้วเพื่อนไม่รับสายอาจเพราะตั้งสั่นหรืออะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผม แต่แล้วผมก็คิดผิดเพราะผู้ชายคนนั้นก็คือ...


“เพลิง”


ซะ...ซะ...ซวยแล้ว...


ผมเบิกตากว้าง สาบานได้เลยว่าต่อให้เห็นผีอยู่ตรงหน้าผมก็ไม่มีทางตกใจถึงขนาดนี้ ส่วนเพลิงที่พอเห็นผมอยู่ที่หน้าห้องกับกวี จากที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ใบหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม สายตาก็แข็งกร้าวจนน่ากลัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผมเคยเห็น


“จะ...ใจเย็นๆ แล้วฟังเราก่อนนะเพลิง” ผมพยายามจะอธิบายแต่ว่ามันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเพลิงที่เดินตรงมาทางนี้เหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าของกวีทันทีที่เดินมาถึง!


“กวี!” ผมอุทานด้วยความตกใจแล้วจะเข้าไปดูกวีที่กระเด็นลงไปกองที่พื้น แต่ผมยังก้าวเท้าได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกเพลิงกระชากแขนกลับไปซะก่อน


“ห่วงมันทำไม! โดนแค่นั้นคิดว่ามันจะตายงั้นหรอ!” เพลิงตะคอกใส่ผมดังลั่น ผมกลัวว่าห้องที่อยู่ใกล้ๆ จะรำคาญจนออกมาด่าเลยต้องปรามเพลิงเอาไว้


“นายเสียงดังไปแล้วนะเพลิง เรื่องของเรากับกวีจริงๆ แล้วมัน...”


“อย่าพูดชื่อไอ้เหี้ยนั่นให้กูฟังอีกเป็นครั้งที่สอง!” ลองเกรี้ยวกราดไม่ฟังอะไรแบบนี้เพลิงคงจะโกรธมาก ผมเลยคิดว่าคงต้องใช้ความเงียบเข้าสู้จนกว่าเพลิงจะใจเย็นลงกว่านี้ แต่กวีกลับราดน้ำมันลงบนกองไฟให้ยิ่งลุกโชนมากกว่าเดิม


“มึงคิดว่าพายเป็นของมึงได้คนเดียวรึไง” กวีที่ลุกขึ้นมาพร้อมกับเช็ดเลือดที่ไหลตรงมุมปากออกไปพูดขึ้น


“นี่กวีพูดอะไร...” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมกวีถึงได้พูดประโยคที่มันชวนเข้าใจผิดแบบนี้ออกมา


“มึงหมายความว่ายังไง” สายตาของเพลิงตอนนี้จ้องไปที่กวีราวกับจะฆ่าให้ตาย แต่กวีก็ไม่สนใจและไม่เกรงกลัวเลยสักนิด


“รู้มั้ยตอนที่พายคุยไลน์กับมึง กูกำลังนอนอยู่ข้างๆ” กวียิ้มที่มุมปาก ส่วนเพลิงก็กำหมัดแน่นจนผมเห็นรอยเส้นเลือดนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน


“นายต้องฟังเราก่อนนะเพลิง...” ผมพยายามที่จะอธิบาย แต่กวีก็ยังคงสุมไฟไม่เลิก


“พายจะอธิบายอะไร ในเมื่อรอยดูดตรงคอที่เราทำไว้มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว” เท่านั้นแหละผมที่พึ่งนึกได้ก็เบิกตากว้าง จากนั้นก็รีบยกมือขึ้นมาปิดต้นคอโดยอัติโนมัติ แต่ก็โดนเพลิงกระชากออกไปอย่างแรงแทบจะทันที


“นี่มึง...” เพลิงที่เห็นรอยตรงคอจ้องเข้ามาในดวงตาของผมอย่างโกรธแค้นและแข็งกร้าว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นว่าเสี้ยวหนึ่งในนั้นมันมีความเจ็บปวดและผิดหวังซ่อนอยู่


“เรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่แบบที่นายคิดเลยนะเพลิง”


“หึ จะใช่หรือไม่ใช่กูมีวิธีพิสูจน์อยู่แล้ว แต่ก่อนอื่น...” เพลิงพูดได้เท่านี้ก็หันกลับไปซัดกวีอีกครั้ง ความแรงของหมัดที่มากกว่าเดิมกับการที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้กวีกระเด็นไปไกล ก่อนที่เพลิงจะใช้จังหวะนั้นคว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้แล้วลากเข้าไปในห้อง


“มึงเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เพลิง!” กวีที่กว่าจะลุกขึ้นแล้ววิ่งกลับมาก็ช้าไปหลายวินาที เลยได้แต่ร้องตะโกนและทุบประตูห้องรัวๆ อยู่ด้านนอก ส่วนผมก็ถูกเพลิงกระชากเสื้อผ้าออกจนร่างกายเปลือยเปล่า แล้วจับหันหน้าเข้าหาประตูโดยที่มือทั้งสองข้างถูกรวบเอาไว้ตรงเหนือศีรษะ


“นะ...นายจะทำอะไร” ผมตัวสั่นอย่างตื่นกลัวเล็กน้อย ถึงแม้พอจะเดาได้ว่าเพลิงจะทำอะไร แต่ผมก็หวังว่าเพลิงไม่ได้จะทำแบบนั้นจริงๆ


“กูจะทำอะไรงั้นหรอ?” เพลิงใช้มืออีกข้างบีบที่คางของผมให้หันหน้ากลับมาหา แต่พอผมพยักหน้าเพลิงกลับยิ้มหยันแล้วหันหน้าไปทางประตูเพื่อพูดกับกวี


“กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงมีอะไรกับพายแล้วจริงมั้ย แต่กูจะบอกอะไรให้ ไม่ว่ามึงหรือใครก็ไม่มีทางทำให้พายถึงใจได้แน่ เพราะคนที่ทำได้มีแค่กูคนเดียวเท่านั้น!”


Plerng


เคยมั้ยที่จู่ๆ คุณก็รู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมา?


เคยมั้ยที่คุณรู้สึกว่าตัวเองแม่งเหมือนขยะที่โคตรไร้ค่า?


แล้วก็เคยมั้ยที่คุณรู้สึกเหมือนตัวเองบ้ามากที่คิดถึงใครคนนึงอยู่ฝ่ายเดียว?


ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นคนโง่ได้ถึงขนาดนี้ เมื่อวานหลังจากที่แยกกับพายผมเอาแต่กังวลและเป็นห่วงต่างๆ นานา เพราะผมรู้ว่าพายเห็นว่าไอ้กวีกำลังนั่งกินข้าวกับแฟนของมันที่ร้านอาหารตอนกำลังขับรถเข้าไปในซอย


พายทำหน้าเศร้าแบบนั้นแสดงว่ายังคงชอบมันอยู่ เพราะงั้นผมเลยรู้สึกเป็นห่วงว่าพายจะอยู่ได้มั้ย จะคิดมากรึเปล่า หรือว่าจะร้องไห้เสียใจ แต่ที่ไหนได้ หลังจากที่ผมกลับไปพายกลับเอามันขึ้นมานอนบนห้อง ตอนที่คุยไลน์กับผมก็มีมันนอนอยู่ข้างๆ แล้วหลังจากนั้นก็อาจจะมีความสุขด้วยกัน ทั้งๆ ที่ผมเอาแต่คิดมากจนนอนไม่หลับแทบจะทั้งคืน!


ผมคิดทบทวนว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมต้องเอาแต่คิดเรื่องของพาย แล้วก็เป็นห่วงเป็นใยทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน ผมพยายามหลอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความชอบ ตัวท็อปอย่างผมจะไปชอบคนที่เนิร์ดแตกแถมยังจืดจางขนาดนั้นได้ยังไง แต่ไม่ว่าผมจะปฏิเสธแทบเป็นแทบตายแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วผมก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น ผมต้องยอมรับจนได้ว่าตัวเองชอบพายเข้าแล้วจริงๆ


ก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไม จะเพราะพายดูแตกต่าง ไม่เหมือนใคร หรือเพราะติดใจลีลาบนเตียงอันนี้ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าพอชอบแล้วผมก็อยากรีบเป็นเจ้าของ พายต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น เพราะงั้นผมที่ตื่นสายเป็นประจำเลยรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปหา อีกอย่างผมก็เป็นห่วงด้วยนั่นล่ะว่าพายจะยังเศร้าอยู่รึเปล่า แต่พอไปถึงเรื่องราวมันกลับตรงข้ามกับที่ผมคิดเอาไว้ พายไม่ได้เสียใจแถมยังมีความสุขกับไอ้กวีตลอดทั้งคืน!


“มึงปล่อยพายเดี๋ยวนี้นะ! ถ้ามึงทำอะไรพายกูจะโทรแจ้งตำรวจ!” น้ำเสียงของไอ้กวีดูร้อนรนและโมโหเป็นอย่างมาก ตรงข้ามกับผมที่กำลังสะใจเป็นบ้าที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ได้


ไม่ว่ามันจะคิดอะไรก็แล้วแต่ แค่หวงก้าง หรือพึ่งคิดได้ว่าชอบพาย แต่ผมจะไม่มีวันยอมให้พายเป็นของมันเด็ดขาด แล้วผมก็จะแสดงให้มันรู้ด้วยว่าพายเป็นของผมไม่ใช่มัน!


“ถ้ามึงคิดว่าตำรวจจะจับกูที่ทำอะไรพายโดยสมยอมก็โทรแจ้งเลยสิ” ผมพูดในระหว่างที่กำลังใช้มือข้างหนึ่งบีบขยี้ยอดอกของพาย ส่วนใบหน้าก็ก้มลงซุกไซ้ตรงซอกคอระหง แล้วดูดตรงรอยสีแดงที่ไอ้กวีทำไว้เป็นอันดับแรก แถมยังดูดอย่างรุนแรงเพื่อให้รอยที่ผมทำกลบของมันจนมิดอีกต่างหาก


“อ๊ะ...อ๊า...!” ถึงแม้พายจะพยายามดิ้นหนี แต่พอผมบีบขยี้ที่ยอดอกและดูดตรงซอกคอ พายกลับส่งเสียงร้องครางหวานหูออกมา ส่วนร่างกายก็สั่นสะท้านด้วยความยินดี ยิ่งเมื่อผมเลื่อนมืออีกข้างลงมาบีบขยี้ยอดอกข้างที่ว่าง โดยที่ใบหน้ายังคงฝังอยู่ที่ซอกคอ เสียงครางของพายก็ยิ่งหวานและดังขึ้นแม้จะพยายามกลั้นเอาไว้แค่ไหนก็ตาม


ปฏิกิริยาการตอบสนองของพายทำให้ผมพอใจจนอารมณ์ดีขึ้นมานิดนึง


“บอกให้ไอ้เหี้ยนั่นที่กล้านอกใจแฟนมาหามึงฟังซิว่า มึงถูกกูข่มขืนหรือว่าสมยอม” ผมพูดจบก็ใช้ปากงับลงไปที่ติ่งหูของพาย ก่อนจะใช้ลิ้นเลียตามด้วยการดูดเบาๆ อย่างยั่วเย้า โดยที่สองมือของผมยังคงหลอกล้อที่ยอดอกทั้งสองข้างของพายอยู่เลย


“ซี้ดด...อา...” ร่างกายของพายสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่าน ส่วนนั้นแข็งชันขึ้นมาแถมยังเยิ้มไปด้วยน้ำใสๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจขึ้นมา


จริงอยู่ว่าพายเป็นคนที่รู้สึกไว แต่แค่ผมเล้าโลมนิดหน่อยก็ไม่น่าจะไวขนาดนี้ ยิ่งถ้าเมื่อคืนมีอะไรกับไอ้กวียิ่งไม่มีทาง เพราะงั้นผมเลยคิดว่าเมื่อคืนคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างมากไอ้เหี้ยนั่นคงหึงหน้ามืดจนลุกขึ้นมาปล้ำพาย แต่พายไม่ยอมเลยได้แค่นอนร่วมห้องเฉยๆ ส่วนเรื่องที่ไม่ไล่มันออกไป คงเป็นเพราะมันตอแหลสร้างเรื่องว่าเข้าห้องไม่ได้ล่ะมั้ง


“อย่ามัวแต่เคลิ้มสิ มึงยังไม่ได้บอกไอ้เหี้ยนั่นเลยนะว่ามึงถูกกูข่มขืนหรือว่าสมยอม” ผมอารมณ์ดีขึ้นมาอีกนิดเลยอ่อนโยนกับพายขึ้นมาหน่อย มือที่บีบขยำและเค้นคลึงตรงอกก็ไม่รุนแรงด้วยโทสะเหมือนเดิม แถมผมยังเลื่อนมืออีกข้างลงไปรูดรั้งแก่นกายของพายที่เยิ้มไปด้วยน้ำใสๆ อีกต่างหาก


ผมมั่นใจเกินร้อยว่าพายจะตอบยังไง เพราะถึงพายจะยังชอบไอ้กวีและอาจจะยังไม่ได้คิดอะไรกับผม แต่พายก็ต้องเลือกผมแน่เพราะไอ้กวีมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตน คนทั่วไปโดยเฉพาะคนดีๆ อย่างพาย ยังไงก็ไม่ไร้จิตสำนึกขนาดที่จะยุ่งกับคนมีเจ้าของได้หรอก


“พะ...เพลิงไม่ได้ข่มขืน...ระ...เราสมยอมเอง...อื้อ...อื้ม!” เมื่อได้ยินแบบนั้นผมก็ก้มหน้าลงไปจูบพายทันที ผมบดขยี้ริมฝีปากสีแดงสดทั้งยังขบเม้มและดูดดุนก่อนจะสอดลิ้นเข้าไป ซึ่งพายก็ให้ความร่วมมือและตอบสนองเป็นอย่างดี ลิ้นของเราตวัดเกี่ยวพันกันไปมาอย่างเร่าร้อนจนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่ง จนกระทั่งหนำใจแล้วนั่นแหละผมถึงได้ถอนจูบออกมา


“อา...” พายหอบกระเส่า ส่วนผมก็ใช้มือปลุกเร้าร่างกายของพายต่อ แต่สายตามองตรงไปยังประตูจนแทบจะทะลุไปถึงไอ้กวีที่ยืนอยู่อีกฝั่ง


“ได้ยินชัดแล้วใช่มั้ย หรือถ้ายังคาใจอยู่มึงจะยืนฟังเสียงครางหวานๆ ของพายก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่ามึงต้องเงียบๆ อย่าโวยวาย ไม่อย่างนั้นเกิดห้องใกล้ๆ ออกมาไล่เพราะรำคาญมึงก็อดฟังกันพอดี” ผมแสยะยิ้มด้วยความสะใจ ส่วนไอ้กวีก็ปิดปากเงียบราวกับคนเป็นใบ้ แต่พนันได้เลยว่าคงจะกำหมัดแน่นอย่างคับแค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้อยู่แน่ๆ


“ส่วนมึง ตอนนี้มึงเลือกกูแล้วก็หมายความว่า ต่อไปต้องเป็นของกูคนเดียว ห้ามไปยุ่งกับใครแล้วก็ห้ามใครเข้ามายุ่งเด็ดขาด เข้าใจมั้ย” ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ในเมื่อพายเลือกผมแล้ว ผมก็จะไม่ยอมยกพายให้กับใคร พายเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น!


“ขะ...เข้าใจแล้ว” คำตอบนั้นทำให้ผมพอใจจนยกยิ้มที่มุมปาก จึงได้ให้รางวัลโดยการสอดนิ้วที่ชุ่มโชกด้วยน้ำใสๆ ของพายที่ช่องทางด้านหลัง จากนั้นก็แทรกเข้าไปรวดเดียวจนสุดความยาว


“อา!” ถึงแม้จะพยายามไม่ครางออกมาแค่ไหน แต่ความเสียวที่ได้รับก็ทำให้พายต้องครางออกมาอยู่ดี ยิ่งเมื่อผมเพิ่มนิ้วแล้วขยับเข้าออกพร้อมกับหักงอพายก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ในสมองคงมีแต่เรื่องความต้องการจนลืมไอ้กวีไปหมดแล้วมั้ง ผิดกับไอ้เหี้ยนั่นที่คงจะประสาทกินจนแทบเป็นบ้า


“อยากให้กูใส่เข้าไปมั้ย?” ผมกระซิบที่ข้างหูพายเสียงกระเส่า เสียงนั้นทำเอาพายยิ่งมีอารมณ์จนร่างกายสั่นระริก


“อื้อ” โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดพายก็พยักหน้าลง ผมเลยก้มหน้าลงไปจูบและดูดกลีบปากสีสดหนักๆ จากนั้นก็ถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลัง แล้วจ่อแก่นกายที่ขยายใหญ่ไปหมุนวนตรงปากทางเข้าช้าๆ เมื่อคิดว่าพายพร้อมแล้วก็กดเข้าไปคราวเดียวจนมิดด้ามทันที


“อ๊าาาา!” พายกรีดร้องลั่นด้วยความเสียวซ่าน ส่วนผมที่เสียวไม่ต่างกันแถมยังอยากตอกย้ำให้ไอ้กวีรู้ว่าพายเป็นของผม จึงไม่คิดอารัมภบทแล้วซอยเอวอย่างไม่ยั้ง เสียงเนื้อที่กระทบกันแทบจะดังพอๆ กับเสียงคราง


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...” ให้ตายสิพายรัดแน่นเป็นบ้า ฟิตขนาดนี้ยิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรกับไอ้กวีจริงๆ พายยอมผมแต่ไม่ได้ยอมมัน พอคิดได้แบบนั้นผมก็ดีใจจนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะจับใบหน้าของพายให้หันมาแล้วจูบเป็นรางวัล


จูบนี้ถึงแม้จะยังรุนแรงและหนักหน่วงเหมือนเดิม แต่สาบานเลยเถอะว่าผมอ่อนโยนที่สุดในชีวิตแล้ว ซึ่งพายก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ เพราะหลังจากที่ผมถอนจูบออกไปก็ทำหน้างงขึ้นมานิดนึง แต่ยังไม่ถึงเสี้ยววินาทีความคิดก็ต้องกระเจิดกระเจิงซะก่อน


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...ลึกจัง...อ๊า...อ๊า...” ผมกระแทกแก่นกายเข้าไปอย่างไม่ยั้ง แถมยังยกสะโพกของพายให้แอ่นสูงขึ้นจนตรงกับแก่นกายของผม ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเข้าไปได้ลึกขึ้น สะดวกขึ้น แล้วก็ทำให้เสียวมากขึ้น มากจนพายขยับสะโพกส่ายไปมาสอดรับกับจังหวะของผม เล่นเอาผมเสียวสุดๆ จนหลุดเสียงครางออกมา


“อาา...ข้างในมึงเสียวเป็นบ้าเลยพาย” ผมรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ แต่แน่นอนว่าก็จงใจให้ไอ้กวีที่น่าจะยังอยู่ตรงหน้าประตูได้ยินด้วย


“โอ๊ยย...ซี้ดดด...ยิ่งพูดยิ่งรัดแน่น ชอบให้กูพูดแบบนี้ก็ไม่บอก...อาา...เสียวโคตรๆ...เสียวจนจะแตกอยู่แล้ว” ยิ่งพูดผมก็ยิ่งซอยแก่นกายให้เร็วขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าพายตอดรัดผมซะแน่นและถี่ยิบ ราวกับชอบและยิ่งมีอารมณ์ที่ได้ยินคำพูดลามกยังไงยังงั้น


   “อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ดีจัง...อ๊า...” พายครางหนักทั้งยังตอดท่อนเนื้อของผมขนาดนี้ ท่าทางอีกไม่กี่นาทีคงจะเสร็จแล้ว เพราะงั้นผมจึงได้เร่งความเร็วและความแรงอย่างเต็มแม็กซ์ แถมยังชักแก่นกายที่อยู่ตรงหน้าของพายเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกันอีกด้วย


   “เพลิง! อ๊า...อ๊ะ...ไม่ไหว...จะเสร็จ...อ๊ะ...อ๊าาาาาา!” สิ้นเสียงนั้นน้ำสีขาวขุ่นของพายก็พุ่งออกมา ส่วนผมที่ถูกตอดรัดจนเสียวแทบบ้ามีรึจะทนไหว ผมกระแทกแก่นกายเข้าไปอีกไม่เท่าไหร่ก็แตกในเสร็จตามพายไปแบบติดๆ


   “ซี้ดดด...อาา...” ผมหลับตาพริ้มเพื่อซึมซับความสุขสม โดยที่ผมยังคงขยับสะโพกเข้าออกในช่องทางด้านหลังของพาย เพื่อที่จะต่อรอบ 2 ทันทีแบบไม่มีหยุดพัก


   “ไปที่เตียงกันมั้ย แต่ถ้าอยากทำตรงนี้ต่อกูก็ไม่มีปัญหา” ผมพูดในขณะที่กำลังก้มหน้าฟัดตรงซอกคอขาวๆ ที่มีรอยจ้ำสีแดงๆ กระจายอยู่จนทั่ว พายเป็นคนที่รู้สึกง่ายและมีความต้องการสูงเหมือนกันกับผม เอาตรงๆ ก็เซ็กส์จัดนั่นแหละ เพราะงั้นเพียงไม่ถึงนาทีความปรารถนาก็ถูกจุดติดเป็นที่เรียบร้อย


   “ไป...อา...ที่เตียง...” เมื่อได้ยินแบบนั้น ผมก็พลิกตัวพายให้หันกลับมาแล้วยกขึ้นอุ้มโดยที่ร่างกายยังคงเชื่อมต่อกันอยู่ พายเป็นคนตัวเล็กและน้ำหนักเบามากตอนเปลี่ยนท่าเลยเป็นไปอย่างง่ายดาย


   “กูจำได้ว่ามึงชอบท่านี้” ท่าที่ว่านั้นก็คืออุ้มแตง ว่ากันตามจริงท่านี้มันก็เสียวพอกันกับออนท็อปล่ะนะ ฝ่ายรับร้อยทั้งร้อยพอได้ลองทำต่างก็ติดใจด้วยกันทั้งนั้น ส่วนผมมันคนหื่นเลยชอบทุกท่าอยู่แล้ว


   “อ๊ะ...อย่าเดินแบบนี้สิเพลิง...ซี้ดด...ได้ยินที่เราพูดมั้ย” พายครางประท้วงเมื่อผมจงใจลงส้นเท้าหนักๆ ให้ตัวของพายที่เชื่อมกับผมกระเด้งกระดอนขึ้นลง


แต่ถึงปากจะบ่นแบบนั้นร่างกายกลับทำตรงกันข้าม เพราะใบหน้าของพายแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังสุขสม ส่วนขาก็เกี่ยวกับเอวของผมแน่น เช่นเดียวกับช่องทางที่บีบและตอดรัดท่อนเนื้อของผมจนเสียวแทบบ้า


   “ซี้ดด...มึงแน่ใจหรอว่าไม่อยากให้กูเดินแบบนี้ อยากให้กูเดินแรงกว่านี้ล่ะสิไม่ว่า” ผมพูดยิ้มๆ ส่วนพายก็ไม่พูดอะไรแต่เสหน้าหนีไปเล็กน้อย ผมที่รู้สึกหมั่นไส้เลยยื่นหน้าเข้าไปจูบซะ ซึ่งพายก็ไม่ขัดทั้งยังกอดรัดรอบลำคอของผมแน่น แล้วจูบตอบอย่างร้อนแรงไม่แพ้อุณหภูมิในร่างกาย


   “อือ...อื้ม...อา...” กว่าที่เราจะถอนจูบออกจากกันก็เมื่อผมเดินไปนั่งตรงปลายเตียง ผมไม่ต้องบอกหรือออกคำสั่งอะไรทั้งนั้น พายที่รู้งานก็จัดการยกสะโพกขย่มที่ตักของผมอย่างเมามัน ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาเราสองคนครางลั่น ในสมองลืมเรื่องทุกอย่างแม้แต่ไอ้กวีที่ไม่รู้ว่าออกจากหน้าห้องไปแล้วรึยัง ตอนนี้รับรู้แค่เพียงเราสองคนที่เชื่อมต่อกันอยู่เท่านั้นเอง


   “อ๊ะ...อ๊า...ซี้ดด...อ๊า...จะเสร็จแล้ว...เพลิง! แรงกว่านี้!” เมื่อได้ยินแบบนี้ผมก็จัดให้พายตามคำขอทันที ผมกดตัวพายลงมาทั้งยังกระแทกแก่นกายขึ้นสวนอย่างไม่ยั้ง แถมยังฟัดตรงยอดอกที่ยั่วยวนตรงหน้าอย่างหนำใจ ในขณะที่ส่วนนั้นของพายก็เสียดสีกับกล้ามท้องของผม ความเสียวซ่านที่จู่โจมพร้อมกันทั้งสามทางทำให้พายถึงกับทนไม่ไหว น้ำสีขาวขุ่นแตกกระจายออกมาเพราะถึงจุดสุดยอด


   “อ๊าาาาาา!” แต่ถ้าคิดว่ามันจะจบแค่นี้ล่ะก็ยังหรอก เพราะผมอีกสักพักนู่นแหละถึงจะเสร็จรอบสอง ซึ่งหลังจากที่เสร็จแล้วรอบ 3 รอบ 4 ก็ยังมีต่อ แล้วก็ยังไม่แน่ว่าอาจมีรอบที่ 5 แถมด้วยก็ได้


ก็ใครอยากใช้ให้พายทำผมของขึ้น (ด้านอารมณ์โมโหและอารมณ์หื่น) จนต้องระบาย (ด้วยเซ็กส์) กันล่ะ ช่วยไม่ได้นะถ้าหากวันนี้พายต้องนอนอย่างหมดสภาพ แล้วก็สะโพกครากจนเดินไม่ได้ แต่จะว่าไปพายก็ไม่ได้ขัดขืนแถมยังมีความสุขสุดๆ ที่ได้ทำกับผมมากกว่า


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ตรงนั้น! แรงอีกเพลิง! อ๊ะ...อ๊าาาาาา!”


2BC


 :jul1: สะ...สวัสดีค่า มหกรรมการเสียเลือดได้โคจรมาอีกครั้งแล้ว (เอา NC มาง้อด้วยแหละค่ะที่ปล่อยให้รอกันนาน)  บอกมาซะดีๆว่าเสียกันไปคนละเท่าไหร่ ฟินไม่ฟินยังไงก็มาหวีดกันนะคะที่ร้ากกกก   :z1:
(14 มิ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 09-06-2018 22:53:56
ซวยอย่างที่พายคิดแน่ๆ
ไม่ต้องพูดถึงรอยที่คอที่กวีทำไว้อีกนะ
เพลิง ต้องโมโหสุดๆ แน่ๆเลย
กวีนี่ก็นะ ชอบพายสินะ แต่ช้าไปละ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-06-2018 23:12:03
งานนี้ถั่วงอกมาทั้งฟาร์มแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-06-2018 02:22:37
มีเรื่องเข้าพายซะแทน ซวยเลยเป็นไงล่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 10-06-2018 07:49:11
ซวยจริงๆค่ะ พี่มั่นใจ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-06-2018 08:21:57
ลงโทษด้วยการจัดไปหลายดอก :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 10-06-2018 11:32:33
มีงานแล้ว
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ P29 [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 10-06-2018 19:46:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ P29 [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 12-06-2018 15:50:42
ซวยจริงพายเอ้ย ไอ้เพลิงคลั่งแน่อ่ะ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ P29 [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 13-06-2018 15:31:38
 :katai1: โอย...รอติดตาม
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ P29 [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-06-2018 09:41:54
รอๆ
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 8#สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ต้องการ P29 [9.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 14-06-2018 20:55:34
กวี เละเป็นโจ้กไปยังคะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-06-2018 23:04:54
ขอเลือดด่วนจ้า :pighaun:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 15-06-2018 00:42:56
ยกนิ้วให้เพลิงเลย
ถึงจะอารมณ์ร้อน แต่ก็ยังมีสติ
เปนไงหล่ะกวีทีนี้ จะยั่วเพลิง แต่ขอโทษเพลิงไม่โง่
แถมเจ็บเองอีกมั้ย รู้ตัวช้าหรือไรไม่รุ้
แต่ไม่ทันละ ทำใจซะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-06-2018 01:45:14
สมกับชื่อ "พาย" โดนกินทุกทีสินะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-06-2018 02:24:40
 :haun4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 15-06-2018 06:41:06
กวีคนดี กะ เพลิงคนร้ายกาจ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 15-06-2018 13:30:49
เรียบร้อย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 15-06-2018 22:36:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-06-2018 23:58:38
ตายๆๆๆ. เลือดหมดตัว.  :jul1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-06-2018 10:08:42
เพลิงพิโรธหนักมากกกก :m25: :jul1: สองคนนี้เค้าเข้ากันได้ดีมากเลยนะ เคมีตรงกัน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 16-06-2018 10:21:49
รุงแรงเหลือเกิน  o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 8 เพลิงพิโรธ NC [14.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 16-06-2018 23:56:23
อู้วเยดุมากมาย :oo1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 18-06-2018 00:30:57
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 9# Pie สารภาพรัก


“เออ รู้แล้วๆ จะย้ำอะไรนักหนา กูไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบนะเว่ย...4 ทุ่มให้ถึงบ้าน? พ่อมึงสิอีกไม่ถึง 10 นาทีจะให้กูวาปกลับรึไง!...เอาเป็นว่าวันนี้กูถึงบ้านแน่ๆ แต่จะกี่ทุ่มกูไม่รู้ บอกพี่ภูด้วยว่าถ้าเกิน 23.59 น. ค่อยด่ากู แค่นี้นะ!”


เสียงคุยโทรศัพท์อย่างหัวเสียทำให้ผมที่กำลังนอนอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ถึงแม้ไม่ต้องหันหน้าไปมองแต่ความเกรี้ยวกราดอันเป็นเอกลักษณ์นี้ก็ทำให้ผมรู้ว่าเป็นใคร


เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาลไงจะใครล่ะ!


“อ้าว! ตื่นแล้วหรอ” เพลิงที่สวมแต่กางเกงยีนส์หันมาทางนี้หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ ซึ่งก็ดูจะตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งพิงตรงหัวเตียงอยู่


“โทษที นี่กูทำให้มึงตื่นใช่มั้ยเนี่ย”


“ไม่เป็นไร นายไม่ต้องขอโทษหรอก ความจริงเราน่าจะตื่นก่อนนี้ตั้งนานแล้ว” นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้นอนหลับไปนานขนาดนี้ ก่อนจะนอน...ไม่สิ ก่อนจะสลบผมก็คิดว่าเย็นๆ คงจะตื่น แต่ไม่คิดเลยว่าจะตื่นเอาตอนดึกจนเกือบข้ามวัน


“ทำไปตั้งขนาดนั้น ถ้ามึงไม่หลับยาวจนถึงตอนนี้คิดว่าจะมีปัญญาลุกขึ้นนั่งรึไง”


“อะไรกันเล่า นายพูดอย่างกับว่าเราเป็นคนผิด คนที่ผิดคือนายที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอต่างหาก”


“แหม แล้วใครล่ะที่ขย่มกูซะมันส์ ครางกระเส่าว่าเอาอีก แถมยังขอลึกๆ แรงๆ อีกต่างหาก” คำพูดของเพลิงทำเอาผมหน้าแดงก่ำและร้อนวาบขึ้นมา เพลิงนี่เป็นคนแบบไหนกันนะถึงได้พูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย


“เราไม่คุยกับนายแล้ว” ผมยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี ก็สิ่งที่เพลิงพูดเมื่อกี้มันเป็นเรื่องจริงนี่นา เวลาเกิดความต้องการขึ้นมาผมมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ไปซะทุกที


“เวลามึงเขินนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” เพลิงพูดยิ้มๆ ก่อนจะลงมานั่งที่ขอบเตียงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม “แต่ตอนที่น่ารักที่สุดก็คือตอนที่มึงมีอารมณ์ เพราะมึงแม่งโคตร...”


“นายไม่ต้องพูดแล้ว บ้านน่ะไม่กลับรึไง พี่ชายโทรมาตามแล้วไม่ใช่หรอ” ผมเอามือปิดปากเพลิงเอาไว้ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการบอกให้เพลิงรีบกลับบ้าน แต่เพลิงก็ดูไม่ได้ใส่ใจ แถมยังทำหน้าเจ้าเล่ห์ออกมาอีกต่างหาก


“ยังพอมีเวลาน่า จัดส่งท้ายก่อนกลับทันเหลือๆ” ไม่พูดเปล่าเพลิงยังใช้ลิ้นเลียที่ฝ่ามือของผม ความเสียวซ่านและวูบวาบที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ผมรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว


“อ๊ะ! นี่ล้อเราเล่นใช่มั้ยเพลิง” ถ้าทำอีกรอบผมคงต้องไปนอนหยดน้ำเกลือที่โรงพยาบาลแน่ๆ!


“กูก็อยากทำจริงอยู่หรอกนะแต่สงสาร ไว้พรุ่งนี้แล้วกันให้มึงพักฟื้นร่างกายก่อน” เพลิงใช้มือขยี้ที่ศีรษะของผมเบาๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ตรงพื้นมาใส่


“เอ่อ...นายเห็นโทรศัพท์ของเรามั้ย” ผมถามเพลิงหลังจากที่มองหารอบตัว ทั้งยังยกหมอนขึ้นมาดูแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา


“อ้อ แบตมันหมดน่ะกูเลยเอาไปชาร์ตให้แล้ววางไว้บนหลังตู้เย็น” เวรกรรม สงสัยเมื่อคืนผมคงลืมชาร์ตแบตเอาไว้มั้ง


“ป่านนี้อินน์คงเป็นห่วงเราแย่เลย เรียนก็ไม่ได้ไปแถมยังติดต่อไม่ได้อีก” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วพยายามคิดว่าจะโทรไปขอโทษกับอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้อินน์ฟังยังไงดี


“มึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก ตอนบ่ายเพื่อนมึงโทรหากูแล้ว กูเลยบอกไปว่ามึงไม่สบาย”


“เอ๊ะ? แล้วอินน์รู้เบอร์นายได้ยังไง” ผมจำได้ว่าผมไม่เคยให้เบอร์เพลิงกับอินน์ไปสักหน่อย แล้วอินน์ก็ไม่เคยขอจากผมเลยด้วย


“กูจะรู้มั้ยล่ะ แต่ว่าเบอร์กูมันก็ไม่ได้หายากขนาดนั้น อย่าลืมสิว่ากูน่ะคนดังไม่ใช่คนจืดจางแบบมึง” ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ผมก็พยักหน้าลง ชีวิตคนดังแบบนั้นมันห่างไกลจากผมลิบลับ ผมไม่เข้าใจแล้วก็เข้าไม่ถึงหรอก


“ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว นอนพักผ่อนซะเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงไปเรียน”


“แต่เราพึ่งตื่นเมื่อกี้เองนะ ก่อนหน้านี้ก็นอนไปตั้งหลายชั่วโมงแล้วด้วย”


“ห้ามดื้อ ห้ามเถียง นอนต่อเดี๋ยวนี้เลยนี่คือคำสั่ง” เพลิงเดินตรงมาหาผมแล้วจับลงไปนอน แถมยังห่มผ้าจนถึงคอให้อย่างเรียบร้อยอีกต่างหาก


“จอมเผด็จการ”


“มึงว่าไงนะ?” ผมคิดว่าเพลิงได้ยินแหละเพราะผมไม่ได้พูดเสียงเบาขนาดนั้น แต่ที่ถามก็คงอยากให้ผมเปลี่ยนคำพูดมากกว่า


“นายจะกลับแล้วหรอ” ผมก็คิดว่าทำตามใจที่เพลิงต้องการแล้วนะ แต่ทำไมเพลิงถึงได้ดูท่าทางไม่พอใจก็ไม่รู้


“รีบไล่กูจังนะ ใช่ซี้ มึงก็ได้กูแล้วนี่” เพลิงจีบปากจีบคอพูดเสียงสูง ท่าทางที่ตลกแบบนั้นทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา


“กลับบ้านดีๆ แล้วกัน” ผมพูดทั้งที่ยังขำ เพลิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าเซ็งขึ้นมาเลย


“เวลานี้มึงควรง้อให้กูอยู่ต่อ ไม่ใช่บอกให้กูกลับบ้านดีๆ นะเว่ย”


“พี่ชายรอนายกลับบ้านอยู่นะ อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอนานสิ”


“ยัง...ยังจะไล่กูอีก มึงนี่มัน...” เพลิงที่ไม่รู้จะด่าผมว่าอะไรเลยเอาแต่ชี้นิ้วใส่ ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมอมยิ้มและหัวเราะคิกๆ คักๆ ขึ้นมาอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีผมก็ถูกเพลิงจูบปิดปากซะแล้ว


ด้วยความตกใจที่ถูกจู่โจมอย่างกะทันหันทำให้ผมเบิกตากว้าง ส่วนร่างกายก็แข็งทื่อราวกับขอนไม้ แต่พอพบว่าเพลิงไม่ได้ทำรุนแรงแถมยังติดจะอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง ผมเลยหลับตาลงแล้วขยับริมฝีปากจูบตอบ ทั้งยังเปิดทางให้เพลิงสอดลิ้นเข้ามาอีกด้วย


เนิ่นนาน...จนกระทั่งผมเริ่มหายใจติดขัดเพลิงถึงได้ถอนจูบออกไปสักที


“กูกลับบ้านแล้วนะ”


“อืม ขับรถดีๆ” ผมโบกมือลาเพลิง


“เออใช่ กูขอสั่งห้ามเลยนะว่าห้ามเปิดประตูให้ใครเข้ามาในห้องเด็ดขาด โดยเฉพาะไอ้เหี้ยกวี” เพลิงสั่งเสียงเข้ม แต่ถึงไม่ออกคำสั่งผมก็ไม่คิดจะให้กวีเข้ามาในห้องอีกครั้งอยู่แล้ว


“อืม” พอเห็นผมรับปากเพลิงถึงได้วางใจแล้วเดินออกจากห้องไป ส่วนผมที่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเลยค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำ ความสดชื่นที่ร่างกายสัมผัสโดนน้ำเย็นๆ มันก็ทำให้อาการเหนื่อยล้าดีขึ้นมาเยอะเลย


 หลังจากที่อาบน้ำเสร็จตอนแรกผมก็ว่าจะนอน แต่ท้องกลับร้องจนผมต้องไปหาอะไรกิน ถ้าเป็นปกติผมคงจะเดินลงไปเซเว่นที่อยู่ไม่ไกลจากหอ แต่ตอนนี้สังขารผมคงไปไม่ไหวเลยทำแซนด์วิชง่ายๆ ซึ่งขณะที่กินคำสุดท้ายเสียงเคาะประตูห้องผมก็ดังขึ้น


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมรู้สึกเหมือนว่าเหตุการณ์มันวนลูปยังไงก็ไม่รู้ เพราะเมื่อวานหลังจากที่เพลิงกลับไปก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแบบนี้เหมือนกัน นี่อย่าบอกนะว่าคนที่เคาะก็คือกวีอีกแล้ว?


“นั่นใครครับ” ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดว่าตาแมวตรงประตูนั้นจำเป็นเลยไม่ได้สนใจว่ามันจะไม่มี แต่ตอนนี้ผมชักเปลี่ยนใจแล้วเพราะมันจำเป็นสุดๆ เลย


“เราเอง” เสียงแบบนี้ วิธีการพูดแบบนี้ เป็นกวีแน่นอน 100%


“มีอะไรรึเปล่ากวี”


“เรามีเรื่องอยากจะพูดกับพาย ช่วยเปิดประตูให้เราหน่อยได้มั้ย” น้ำเสียงของกวีดูมีเรื่องกังวลและร้อนใจ แต่ว่าผมรับปากเพลิงเอาไว้แล้ว ผมไม่อยากให้มันเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นเลยตัดสินใจตอบปฏิเสธ


“ขอโทษนะกวี ตอนนี้เราไม่สะดวก”


“แต่เรามีเรื่องด่วนที่ต้องบอกพายจริงๆ นะ”


“งั้นกวีบอกมาตอนนี้เลยก็ได้”


“โธ่พาย...”


“ถ้ากวีไม่มีอะไรเราขอตัวไปนอนก่อนนะ” ผมคิดว่ากวีคงไม่มีเรื่องอะไรด่วนหรอกมั้งเลยตัดบทแล้วจะเดินไปที่เตียง แต่เสียงของกวีก็ทำให้ขาของผมหยุดชะงักไปซะก่อน


“ถ้างั้นเป็นที่ระเบียงก็ได้ พายคงจะออกมาคุยกับเราได้ใช่มั้ย”


ผมรู้สึกลังเล ใจนึงก็อยากรู้ว่ากวีมีเรื่องอะไรจะพูดกันแน่ แต่อีกใจนึงผมก็ไม่อยากมีปัญหากับเพลิง ซึ่งผมพยายามชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจตอบรับคำขอของกวี เพราะคิดว่าแค่คุยกันที่ระเบียงคงไม่เป็นอะไร ถ้าอยากจะปีนข้ามก็ทำไม่ได้อยู่แล้วเพราะช่องว่างมันกว้างมาก


“อืม ก็ได้”


“ขอบใจนะพาย” น้ำเสียงของกวีดูโอเคขึ้นมาก ส่วนผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วเดินตรงไปที่ระเบียง ซึ่งก็รอไม่กี่วินาทีกวีก็ออกมายืนที่ระเบียงของห้องตัวเองเช่นกัน


“พายดูหน้าซีดๆ จังเลยนะ ร่างกายโอเคใช่มั้ย” กวีถามด้วยความเป็นห่วง ผมที่ไม่คิดว่ากวีจะถามเรื่องนี้เลยค่อนข้างตกใจ


“เอ่อ...เราไม่เป็นไร เราสบายดี” ผมก้มหน้าลงนิดหน่อยไม่กล้าสบตากวี แต่ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าผมโกหก แต่เป็นเพราะพอคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าผมก็รู้สึกอายขึ้นมา


หวังว่ากวีคงจะไม่ยืนฟังตั้งแต่ต้นจนจบหรอกนะ!


“ทำไม................................”


“เมื่อกี้กวีพูดว่าอะไรนะ?” ผมไม่ค่อยได้ยินเพราะกวีพูดด้วยเสียงเบามาก แต่หลังจากที่ผมถามกวีก็กำหมัดแน่นแล้วโพล่งออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด


“ทำไมไอ้เพลิงมันทำรุนแรงแบบนี้! ทำไมมันถึงไม่ถนอมร่างกายของพายเลย!” ผมรู้สึกอึ้งและตกใจมากเลยพูดอะไรไม่ออก ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาผมไม่เคยเห็นกวีเป็นแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง


“ถ้าเป็นเราที่ได้กอดพาย เราจะอ่อนโยนและจะทะนุถนอมพาย เราจะไม่ใช้กำลัง ไม่ทำร้าย แล้วก็ไม่มีวันทำรุนแรงอย่างที่ไอ้เพลิงมันทำกับพายเด็ดขาด!” สีหน้าของกวีในขณะที่พูดดูเกลียดชังและเจ็บแค้นแทนผมมาก แต่ผมว่ากวีดูจะเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ เพราะเพลิงไม่ได้ใช้กำลังแล้วก็ทำร้ายผมเลย ส่วนเรื่องทำรุนแรงอันนี้ผมไม่เถียง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบสักหน่อย


เพราะรู้ว่าผมชอบเพลิงถึงได้ทำรุนแรงอย่างไม่เกรงใจต่างหาก!


“กวีฟังเรานะ...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรกวีก็พูดขัดขึ้นมาซะแล้ว


“พายไม่ต้องแก้ตัวแทนมัน พายถูกมันข่มขู่ใช่มั้ยถึงต้องยอมมันถึงขนาดนี้!”


“มันไม่ใช่อย่างที่กวีคิดเลยนะ เรา...”


“เราชอบพาย”


“หา?” ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินผิดไปรึเปล่า คำพูดที่จะแก้ความเข้าใจผิดให้กวีฟังเลยถึงกับต้องหยุดชะงักไป


เมื่อกี้กวีไม่ได้บอกชอบผมใช่มั้ย?


แต่ก็ราวกับถูกอ่านใจ กวีใช้สายตาจ้องมองมายังผมอย่างหนักแน่น เพื่อแสดงให้รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะพูดออกมาเป็นความรู้สึกจากใจจริงของกวีอย่างแน่นอน


“เราชอบพายมาตั้งนานแล้ว ถึงจะรู้ว่าพายเป็นของไอ้เพลิงเราก็ยังชอบอยู่ดี แล้วเราก็รู้ว่าพายชอบเราเหมือนกัน เพราะงั้นพายเลิกยุ่งกับมันแล้วมาคบกับเราเถอะนะ” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมถึงกับยืนนิ่งด้วยความอึ้งจนถึงกับพูดอะไรไม่ออก


กวีบอกว่าชอบผมงั้นหรอ?


นี่มันเรื่องล้อเล่นใช่มั้ย!


“เราพูดจริงๆ นะพาย” กวีพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมมีสีหน้างุนงง ตกใจ และสับสนมากแค่ไหน


“ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไม...” ผมตั้งใจจะถามเรื่องเดือน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหน กวีที่พอจะเข้าใจเลยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟัง
สองอาทิตย์ก่อนพ่อกับแม่ของกวีถามถึงเรื่องแต่งงานขึ้นมาเพราะใกล้เรียนจบแล้ว ถ้าไม่มีคนที่คบหาอยู่ก็จะให้ไปดูตัวกับบรรดาลูกสาวของเพื่อนที่มีชื่อแซ่นามสกุลดัง กวีคิดไม่ตกอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจบอกว่ามีคนที่ชอบแล้ว เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ซึ่งนั่นก็คือผม


แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ พวกท่านทั้งสองคนไม่ยอมรับ แถมยังทะเลาะกับกวีใหญ่โตจนขู่ว่าจะไล่ออกจากบ้าน กวีไม่มีทางเลือกเลยต้องยอมคบกับเดือนซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนที่พ่อหามาให้ ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ในอนาคตกวีก็ต้องมีทายาทอยู่ดี เพราะกวีเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล


“เราคิดว่าพอแนะนำเดือนให้พายรู้จักแล้วพายจะโวยวายใส่เรา ด่าว่าเรา ไม่ก็โกรธเกลียดเราจนเลิกยุ่งเกี่ยวกันตลอดชีวิต เราคิดว่าถ้าหักดิบใจร้ายกับพายไปเลยมันก็น่าจะดีกับเราทั้งคู่ พายจะได้ตัดใจจากเราเร็วขึ้น ส่วนเราก็เหมือนกัน แล้วเราก็จะได้เปิดใจให้เดือนด้วย...” กวีพูดถึงตรงนี้ก็เงียบไปสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นต่อด้วยสีหน้าอันอมทุกข์เพราะตัดสินใจผิดพลาด


“แต่ทุกอย่างมันไม่เหมือนที่เราคิดไว้ พายก็ยังเป็นพายที่น่ารักและแสนดีเหมือนเดิม คำด่าที่เราเตรียมใจเอาไว้ว่าจะได้รับกลับเป็นคำยินดี แถมเวลาที่เรามีปัญหาพายก็ยังช่วยเหลือ เพราะงั้นความรู้สึกที่มีต่อพายมันเลยยิ่งมากขึ้น ผิดกับเดือนที่จากไม่เคยคิดอะไรด้วยแล้วนับวันยิ่งติดลบมากขึ้นอีกต่างหาก...”


“เรากับเดือนไม่มีอะไรที่เข้ากันได้สักอย่าง ตั้งแต่เรื่องอาหาร ไลฟ์สไตล์ นิสัยที่เอาแต่ใจ แล้วก็การใช้ชีวิตไร้แก่นสารที่เอาแต่ช็อปปิ้งกับปาร์ตี้ไปวันๆ เราสุดจะทนกับผู้หญิงแบบนั้นแล้วพาย แค่อาทิตย์กว่าๆ เราก็ปวดประสาทจะตาย แล้วไหนจะเรื่องของไอ้เพลิงที่มันมายุ่งกับพายอีก...”


ผมจำไม่ได้ว่ากวีพูดเรื่องอะไรต่อ แต่เรื่องที่กวีพูดถึงเดือนยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของผม เพราะผมไม่คิดว่าการที่ผู้ชายเอาเรื่องของผู้หญิงมาพูดลับหลังมันเป็นเรื่องสมควร โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นคือแฟนที่กำลังคบกันอยู่ เพราะงั้นความรู้สึกสงสารและเห็นใจที่ผมมีให้ในตอนแรกเลยกลายเป็นผิดหวังแทน


“พอเถอะกวี” ผมพูดขัดขึ้นทั้งที่กวียังคงพูดอยู่ เพราะผมไม่อยากจะรู้สึกแย่กับกวีไปมากกว่านี้


“เหมือนกวีจะพยายามโทษเดือนไปซะทุกอย่าง แต่เราคิดว่าเดือนไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ อย่าลืมสิว่ากวีนั่นแหละที่เป็นคนตัดสินใจจะคบกับเดือน ซึ่งเดือนก็น่าจะมีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย” กวีหยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี


“ใช่ เราก็พอรู้แหละว่าเดือนเป็นยังไง แต่เราคิดว่าพอคบกันเดือนอาจจะปรับนิสัยให้เข้ากับเราได้ แต่เดือนก็ไม่คิดจะทำ เราเลยอึดอัดแล้วก็เอาแต่คิดถึงพาย เราไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ชีวิตที่ไม่มีพายอยู่ข้างๆ มันไม่มีความสุขเลย เพราะงั้น...เราจะไปบอกเลิกเดือน”


“ว่าไงนะ?” ผมแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน กวีที่ผมรู้จักไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ หรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของกวีกันแน่?


“ถึงตอนนั้นพายคงจะยอมคบกับเราได้อย่างสนิทใจใช่มั้ย ส่วนเรื่องที่บ้านเราพายก็ไม่ต้องกังวลนะ เราเป็นลูกชายคนเดียวป๊ากับม้าไม่กล้าตัดเราจริงๆ หรอก แล้วเราก็เชื่อว่าความดีของพายจะเอาชนะใจพวกท่านได้ เหมือนที่พายชนะใจของเราไง”


กวีพูดถึงอนาคตอันสวยงามโดยไม่ได้มองหน้าผมสักนิดว่ากำลังมีสีหน้าแบบไหน หรือบางทีอาจจะเห็นแต่ก็ทำเป็นมองข้ามไป เพราะไม่อยากยอมรับว่าผมไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับความคิดของตัวเอง


“กวีมีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวไปนอนก่อนนะ” ผมพูดจบก็รีบหันหลังกลับทันที ขืนยังยืนฟังกวีพูดต่อบางทีความรู้สึกดีๆ ที่ผมเคยมีให้อาจจะหมดลงไปเลยก็ได้


“เดี๋ยวสิพาย! แล้วคำตอบ...”


“เราจะถือว่าเราไม่เคยได้ยินเรื่องที่กวีพูดเมื่อกี้ก็แล้วกัน” หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าห้องไปเลย โดยไม่สนใจเสียงเรียกของกวีและเสียงโทรศัพท์ที่สั่นบนหลังตู้เย็น


แล้วไม่นาน ความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจก็ทำให้ผมหลับใหลสู่ห้วงนิทรา...


...................................................

..................................

.................

วันต่อมาเพลิงมาหาผมตั้งแต่เช้า แถมยังเช้ากว่าเมื่อวานคงเพราะจะมาเช็คด้วยล่ะมั้งว่าผมได้ให้กวีมานอนในห้องอีกรึเปล่า แต่แน่นอนว่าเรื่องที่คุยกับกวีตรงระเบียงผมไม่ได้บอก ไม่อย่างนั้นเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะจบแล้วได้ยุ่งยากวุ่นวายคูณสองแน่ๆ


“หวังว่ามึงคงจะไม่ตื่นมาตั้งแต่ 6 โมง แล้วบอกให้มันกลับไปนอนที่ห้องก่อนกูจะมาหรอกนะ” เพลิงหรี่ตามองผมอย่างจับผิด


“ถ้าจะไม่เชื่อใจเราขนาดนั้นก็ไม่ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยล่ะ” ผมก็พูดไปงั้น แต่ไม่คิดว่าเพลิงจะจริงจังจนเห็นดีเห็นงามด้วย


“เออ ที่มึงพูดก็ดีเหมือนกัน แต่ห้องนี้แม่งแคบไปหน่อย กูว่าเราย้ายไปอยู่คอนโดหน้าม.กันดีกว่า แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องนั้นกูต้องคิดหาข้ออ้างดีๆ ไปพูดกับพี่ภูซะก่อน เอ...แล้วจะอ้างอะไรดีวะ ทำวิจัย โปรเจค หรือว่า...”


“เดี๋ยวๆๆ ไปกันใหญ่แล้วเพลิง เมื่อกี้เราพูดประชดนะ” ผมรีบพูดขัดก่อนที่เพลิงจะคิดไปไกลมากกว่านี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนฉลาดอย่างเพลิงจะไม่เข้าใจความหมายที่ผมจะสื่อ


“เรื่องนั้นกูรู้หรอก แต่ก็เผื่อมึงจะคล้อยตาม” เพลิงยักคิ้ว ผมเลยส่ายหน้าไปมา


“เราไม่คุยกับนายแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า” ผมพูดจบก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินตรงไปทางห้องน้ำ แต่ตอนที่จะหันมาปิดประตูก็พบว่าเพลิงได้เอาตัวขวางไว้


“กูอาบให้มั้ย” ทำหน้าเจ้าเล่ห์แถมยังหื่นกาม (กว่าปกติ) แบบนี้ เชื่อสิว่าเพลิงไม่ได้ตั้งใจจะทำแค่อาบน้ำให้ผมอย่างเดียวแน่ๆ


“ไม่เป็นไรเราอาบเองได้” ผมพูดจบก็ดันเพลิงออกไปแล้วรีบปิดประตูทันที ดีที่เพลิงไม่ได้ดึงดันจะเข้ามาข้างใน ไม่อย่างนั้นคงไม่วายต้องออกกำลังกายรอบเช้า เพราะผมคงไม่มีแรงมากพอที่จะสู้เพลิงได้


หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเพลิงก็ชวนผมกินข้าว กับข้าวพวกนี้เพลิงห่อมาจากบ้าน นี่ถ้าไม่บอกว่าแฟนพี่ชายคนโตเป็นคนทำ ผมคงนึกว่าซื้อมาจากร้านอาหารเพราะรสชาติอร่อยมากจริงๆ


“ถ้าติดใจฝีมือของตะวัน งั้นเสาร์หรืออาทิตย์นี้ไปกินข้าวที่บ้านกูมั้ยล่ะ” ในขณะที่พูดเพลิงแทบจะหุบยิ้มไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นดีใจอะไรขนาดนั้น


  “ปกตินายชวนเซ็กส์เฟรนด์ไปกินข้าวที่บ้านบ่อยๆ หรอ” แต่พอได้ยินผมถามแบบนั้น จากที่กำลังยิ้มอยู่เพลิงก็แทบจะเปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยวใส่ผม


“มึงจะบ้ารึไง! ใครมันจะพาเซ็กส์เฟรนด์ไปแนะนำให้คนที่บ้านรู้จักกันเล่า!”


“แต่เมื่อกี้นายชวนเราไปกินข้าวที่บ้านไม่ใช่หรอ” ผมทำหน้างงจริงจัง ถ้าจะว่าผมได้ยินผิดก็ไม่น่าใช่นะ


“แม่งเอ๊ย บทจะโง่ก็โง่ฉิบหายนะมึงนี่” เพลิงเอามือกุมขมับ ส่วนผมก็ยังทำหน้างงเหมือนเดิม เพลิงที่จนปัญญาเลยถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หันหน้าไปอีกทางแล้วพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบาราวกับว่ากำลังเขินยังไงยังงั้น


“มึงไม่ใช่แค่เซ็กส์เฟรนด์ แต่ว่า...มึงพิเศษกว่านั้น” พูดจบใบหูของเพลิงก็แดงเถือก ไม่สิ ไม่ใช่เฉพาะหู เพราะหน้าของเพลิงก็แดงเถือกเช่นกัน


“ไม่ใช่เซ็กส์เฟรนด์แต่พิเศษกว่านั้น...................อ๋อ เราเข้าใจแล้ว” ผมพยักหน้าขึ้นลง


“เออ ก็ตามนั้นแหละ อย่าให้กูต้องพูดซ้ำก็แล้วกัน” เพลิงหันมาสบตาผมแว้บหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ


ดูเหมือนว่าเพลิงจะยังเขินอยู่นิดๆ นะเนี่ย แต่เรื่องที่พูดเมื่อกี้มันมีอะไรให้เขินงั้นหรอ ผมก็แค่เซ็กส์เฟรนด์ที่พิเศษ หรือก็คือเซ็กส์เฟรนด์ที่เพลิงกำลังติดใจเป็นพิเศษไม่ใช่รึไง ถ้าจะบอกว่าผมเข้าใจผิดก็ไม่น่าใช่นะ เพราะเมื่อกี้เพลิงก็ยืนยันคำพูดของผมแล้วนี่นา


ผมเข้าใจถูกต้องแล้วใช่มั้ย?


2BC


 o14 สวัสดีค่า Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า ตอนนี้ช่วงต้นๆ เหมือนจะปูทางไปดราม่าเนอะ แต่ไม่จ้า พอทุกอย่างจบลงด้วยดีอีตาเพลิงกับพายก็มุ้งมิ้งกันซะ แต่ถ้าพายเก็ทก็อาจะมุ้งมิ้งกว่านี้ล่ะนะ ซึ่ง...ก็ไม่รู้ว่าชาติไหนอีตาเพลิงมันจะพูดตรงๆ 55555  :laugh:
ส่วนเรื่องของกวีเอาจริงๆนางก็น่าสงสารอยู่น้า แถวนี้มีใครเห็นใจรับอาสาดามใจตี๋น้อยอย่างนางบ้างมั้ยน้อ แต่ก็ไม่รู้นะว่านางจะยอมแพ้เรื่องพายไปรึยัง เอ...จะมีคัมแบคมั้ยน้า? อิอิ  :hao3:
สำหรับตอนหน้าเจอกันวันอาทิตย์นะคะ เรื่องราวของเพลิงกับพายจะเป็นยังไงต่อไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะพัฒนาขึ้นอีกมั้ย (หรือจะแย่ลงไปอีก 55555) ยังไงก็มาเอาใจช่วยคู่นี้กันด้วยน้า ค่ำๆเจอกันเหมือนเดิมค่า  :m1:
ปล.ขอแจ้งข่าวนิดนึงนะคะว่าเสาร์ที่ 23 นี้ตอนเที่ยงตรง เพลิงพายเปิดจองน้า มารับอีตาอัณฑะพาลกับเนิร์ดจืดจางไปเลี้ยงดูกันด้วยนะคะที่รัก กอดดดด  :L1: :กอด1:
(21 มิ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-06-2018 01:32:44
ช้าไปแล้วกวี ตอนพายยังไม่มีใคร ไม่เข้าหาเอง ช่วยไม่ได้ ไปหาเอาข้างหน้าแล้วกันนะ  o18
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 18-06-2018 02:33:32
เอิ่มมมมมมมม กวี
ช้าไปละ แล้วก้นะ
เลิกคิดเองเออเอง เพลิงไม่ได้บังคับพายนะรุ้ไว้ด้วย
แล้วอีกอย่าง สารภาพตอนนี้เอ
รุ้ทั้งรุ้ว่าพาย ดันไปคบคนอื่น ก็สมน้ำหน้าละป่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 18-06-2018 08:40:27
 :hao5: :hao5: :hao5: เจ็บปวดแทนพาย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-06-2018 09:24:02
กวี....บอกช้าไปป่าว ถ้ารู้ว่าพายชอบ และก็ชอบพาย ทำไมไปคบคนอื่นล่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-06-2018 09:28:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-06-2018 09:57:11
งงไปสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 18-06-2018 10:31:21
เฮ้ยยยยแบบนี้ก็ได้หร๊าาาา แกรู้ว่าพายชอบแกแต่กลับแนะนำแฟนให้พายรู้จัก แล้วมาแบบนี้คืออาร๊ายยยย อิกวี  :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-06-2018 10:48:01
ช้าไปป่ะ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 18-06-2018 23:35:14
บอกช้าไปป่ะ ชอบพายมานานจิงหรือพึ่งจะชอบตอนพายสวย ลำไยกวี
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-06-2018 06:44:01
แหม่. นึกว่าเพลิงจะสารภาพรักกะน้องพาย ก็ดูออกจะหลงน้องพายอย่างกับอะไรดี   :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-06-2018 08:55:46
ยังไงล่ะพาย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 19-06-2018 09:03:30
เอ๊าาาา เงิบ พี่เพลิง กลับมาไวๆเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 สารภาพรัก [18.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 20-06-2018 00:12:43
 :pig4:
หัวข้อ: เปิดจอง Rabid หัวใจคลั่งรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 21-06-2018 20:37:55
เปิดจอง Rabid หัวใจคลั่งรัก

​ตั้งแต่ 23 มิ.ย. – 31 ก.ค. 61


- ราคา 279 บาท สั่งจองได้ที่ https://goo.gl/h3p255

- ของแถมรอบจอง ที่คั่น 1 ใบและโปสการ์ด 2 ใบ​

- พิเศษ! ผู้ที่โอนมาก่อน 250 เล่มแรก รับการ์ดใสลายจิบิและลาย IG ของอีตาเพลิงเพิ่มอีก 2 ลาย!


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจหรือทวิตเตอร์ sameejaejung เลยค่ะ

ฝากรับคู่ #เพลิงพาย ไปเลี้ยงดูด้วยนะคะทุกคน ^^
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-06-2018 21:02:00
 :z13:
อ่านไปแล้วตบหน้าผากไปด้วย นุ้งพายลูกก เข้าใจผิดไปใหญ่เลย ปั๊ดโถ่ 555555
น้องคือซื่อมาก อิตาเพลิงนังคงต้องบอกตรงๆ แล้วมั้งเนี่ย 555
รอตอนหน้าค่ะ ><
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-06-2018 22:08:52
เพลิงแกต้องพูดให้เคลียร์ เมียแกยิ่งโง่ๆอยู่ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-06-2018 22:19:16
นุ้งพายจะอึนไปมั๊ยคะลูก  เห็นเพลิงหน้าแดงหูแดงน่าจะนึกสงสัยหน่อยนะว่าคนหน้ามึนอย่างนี้น่ะ จะเขินจากอะไรได้บ้างง่ะ   :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 22-06-2018 03:31:59
น้องพายยยยแกจะมาซึนไม่ได้นะ5555+
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-06-2018 03:46:37
นังเพลิงงงงงงงงงงงงง ทำให้พายเข้าใจฐานะตัวเองผิดอีกแล้ว บอกตรง ๆ ไม่ได้หรือไงฟ่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 22-06-2018 05:32:23
ป่ะโทะ พี่เพลิง คนขี้อาย :o8:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-06-2018 05:54:24
555555 อิเพลิงงง ถ้าไม่พูดตรงๆ พายก็ไม่รู้หรอกว่าพิเศษยังไง ก็บอกเองว่าเซ็กซ์เฟรนแล้วมาเปลี่ยนใจก็ต้องบอกดิว่ารัก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-06-2018 09:55:39
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 22-06-2018 12:49:57
บางทีก็เข้าใจยาก ทั้ง 2 ฝ่าย นะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 22-06-2018 22:16:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 9 คนพิเศษ [21.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 23-06-2018 15:16:00
ยิ้มแก้มแทบแตก เพลิงหูแดงดั๊วะ นั้ลลั่ค! :o8:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 25-06-2018 18:09:31
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 10# Pie คนที่ไม่เคยอ่อนโยน


หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อยผมกับเพลิงก็เข้ามหา’ลัยพร้อมกัน รถของเพลิงยังคงเด่นสะดุดตาเหมือนเดิม ทำเอาเมื่อลงจากรถสายตาเป็นสิบๆ คู่ก็จ้องมองมาทางนี้จนผมรู้สึกกระอักกระอ่วน ผิดกับเพลิงที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ ซึ่งอาจเป็นเพราะชินแล้วล่ะมั้ง


“ตอนเที่ยงเดี๋ยวกูโทรหา แล้วเราไปหาอะไรกินกัน” เพลิงพูดขึ้นเมื่อเดินมาส่งผมที่หน้าห้อง วันนี้ทั้งเช้าและบ่ายเราสองคนต่างก็เรียนวิชาเฉพาะของสาขา ดังนั้นจึงไม่ได้เรียนรวมกันในห้องใหญ่


“นายไปกินกับเพื่อนนายเถอะ เพราะเราก็ต้องไปกินกับเพื่อนเราเหมือนกัน” เพลิงกลอกตามองบนอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น


“เอางั้นก็ได้ แต่ตอนเย็นมึงต้องไปกินข้าวกับกู ห้ามนัดกับใครเด็ดขาด” ก็ยังดีล่ะนะที่เพลิงไม่ได้ห้ามให้ผมไปกินข้าวกับอินน์ตอนเที่ยง


“อืม เจอกันที่รถนายแล้วกัน งั้นเราเข้าเรียนแล้วนะ” เพลิงพยักหน้า ผมเลยเปิดประตูเข้าไปในห้อง จากนั้นก็เดินตรงไปยังแถวหน้าสุดที่มีอินน์นั่งอยู่คนเดียว


“อ้าว หายป่วยแล้วหรอพาย” ตอนแรกผมก็งงว่าตัวเองได้ป่วยตอนไหน แต่พอนึกย้อนกลับไปก็จำได้ว่าเพลิงบอกอินน์ไปแบบนั้น


“เอ่อ...อืม ตอนนี้เราหายดีแล้ว ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”


“ไม่เป็นไร แต่ว่าน่าอิจฉาจังเลยนะที่มีบุรุษพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด” อินน์พูดยิ้มๆ


“บุรุษพยาบาล...หมายถึงเพลิงน่ะหรอ?”


“ก็แล้วมีคนอื่นรึไง แหม...น่าอิจฉาจริงๆ เลยน้า เราก็อยากมีคนมาคอยดูแลเวลาเจ็บป่วยแบบนี้บ้างจัง” อินน์พูดโดยที่เหม่อมองเพดานพร้อมกับอมยิ้ม ราวกับว่ากำลังจินตนาการถึงฉากที่พึ่งพูดถึง


“อย่างเพลิงน่ะหรอจะคอยดูแล ทำให้ป่วยหนักกว่าเดิมสิไม่ว่า” ซึ่งขณะที่พูดผมไม่ได้รู้เลยว่า คนที่ถูกพูดถึงกำลังจามออกมาอย่างแรง


‘ฮัดเช่ย! แม่งเอ๊ย! ใครนินทากูวะ!’


“เออใช่ ว่าแต่เมื่อวานอาจารย์ได้สั่งงานรึเปล่า” ผมถามอินน์เพราะพึ่งนึกขึ้นได้


“มีให้ส่งตอนเย็นวิชานึง แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเราทำส่งให้แล้ว” พอได้ยินแบบนั้นผมก็เบิกตากว้าง รู้สึกรักเพื่อนอย่างอินน์มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า


“โหย ขอบใจมากเลยนะอินน์” ถ้าไม่ติดว่าคนในห้องเรียนเยอะแยะผมคงพุ่งตัวกอดอินน์แน่นๆ ไปแล้ว


“ไม่เป็นไรหรอกพาย ก็เราเพื่อนกันนี่นา” อินน์ยิ้มจนตาหยี ยิ่งได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ่งรักอินน์มากขึ้นไปอีก โชคดีจริงๆ ที่ผมมีเพื่อนที่ดีถึงขนาดนี้


“ต่อไปถ้าอินน์อยากให้เราช่วยอะไรก็บอกมาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”


“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกพาย ก็แค่งานไม่กี่คะแนนเอง”


“ถึงงั้นก็เถอะ แต่เราก็อยากตอบแทนอินน์นี่นา” แต่ละงานใช่ว่าง่ายที่ไหน ถ้าพวกผมเรียนอนุบาลหรือประถมก็ว่าไปอย่าง


“ไว้เดี๋ยวค่อยว่ากันวันหลังก็แล้วกัน อาจารย์มาแล้ว” อินน์ตัดบทอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ผมที่ถึงแม้อยากจะเซ้าซี้ก็ทำไม่ได้เพราะต้องเริ่มเรียนแล้ว


เมื่อหมดคาบเราสองคนก็ไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร จากนั้นก็ขึ้นตึกมาเรียนต่อจนหมดคาบวิชาของตอนบ่าย วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผ่านไปอย่างเรียบง่าย ก็นะ...อย่างที่บอกไปว่าผมมันคนจืดจาง ถ้าไม่ถูกใครจับเปลี่ยนลุคหรือเดินอยู่ข้างเพลิงก็แทบไม่มีใครมองเห็น ดูสิ ไม่อย่างนั้นจะมีคนเดินชนผมหรอทั้งที่ทางเดินตรงลานจอดรถออกจะกว้าง


“อุ้ย! ขอโทษค่ะ!” เธอคนนั้นพูดพร้อมกับก้มลงเก็บหนังสือที่หล่นช่วยผม ผมที่คิดว่าเสียงนั้นดูคุ้นๆ เลยเงยหน้าขึ้นไปมอง


“อ้าว เดือนนี่เอง” ผมยิ้มทักทาย แต่ก็ไม่รู้ทำไมเดือนที่พอรู้ว่าคนที่เดินชนเป็นผมกลับทำหน้าตึงใส่ซะงั้น


“หึ!” แถมถ้าผมได้ยินไม่ผิด เดือนน่าจะทำเสียงขึ้นจมูกใส่อีกต่างหาก


“เอ่อ...เดือนจอดรถไว้แถวนี้หรอ ว่าแต่กวีล่ะ ทำไมไม่ได้มาด้วยกัน” ผมพยายามชวนคุยเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น


“ยังมีหน้ามาถามอีกนะ” ผมไม่เข้าใจเลยทำหน้างง แต่พอนึกถึงคำพูดของกวีเมื่อคืนแล้วผมก็เบิกตากว้าง


“นี่อย่าบอกนะว่า...” กวีบอกเลิกเดือนอย่างที่พูดจริงๆ!


“ดีใจมากมั้ยที่แย่งแฟนกูไปได้” สายตาของเดือนจ้องมองผมอย่างเกลียดชัง ทำเอาผมยิ่งตกใจและลนลาน จนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอธิบายที่ตรงไหน


“คือ...เราไม่ได้แย่งกวีไปจากเดือนเลยนะ”


“อ๋อ คือจะบอกว่ากวีเป็นของมึงอยู่แล้วว่างั้น?”


“มันไม่ใช่อย่างนั้น เรากับกวีเป็นแค่เพื่อนกัน”


“เพื่อนบ้าเพื่อนบออะไร! มึงมองกวีด้วยสายตาแบบไหนคิดว่ากูดูไม่ออกงั้นหรอ!” คำพูดนั้นของเดือนทำเอาผมถึงกับไปไม่เป็น เซ้นส์ของผู้หญิงนี่แรงอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ ด้วย


“เรา...เอ่อ...ขอโทษนะ ตอนนั้นเราชอบกวีจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่าตอนนี้เราไม่ได้คิดแบบนั้นกับกวีแล้ว” ผมรู้สึกแย่กับการกระทำของกวีเอามากๆ คนที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่มีค่าพอที่จะให้ผมไปชอบเลยสักนิด ทำไมผมถึงเคยหน้ามืดตามัวไปชอบตั้งหลายปีก็ไม่รู้


“ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว? เฮอะ! มึงอย่ามาตอแหล!” น้ำเสียงที่ยิ่งเกรี้ยวกราดและดังมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นักศึกษาที่เดินอยู่แถวนี้มองมาที่ผมกับเดือนอย่างสนอกสนใจ ผมที่ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เลยพยายามจะพูดให้เรื่องมันจบ แต่ก็ดูเหมือนว่าเรื่องราวมันจะยิ่งบานปลายมากขึ้นไปอีก


“เราพูดความจริงนะเดือน จะให้เราสาบานตรงนี้เลยก็ได้”


“ต่อให้มึงสาบาน 9 วัดกูก็ไม่เชื่อ! กูกินข้าวนะไม่ได้กินหญ้า! ลับหลังกูแอบไปกินแฟนกูมากี่รอบแล้วล่ะ! อีเกย์ร่านไร้ยางอาย!” คำด่าของเดือนทำเอาผมรู้สึกชาไปทั่วทั้งหน้า ยิ่งบวกกับการที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนร่วมครึ่งร้อย มันก็ทำให้ผมรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากจนไม่กล้าสู้หน้าใคร ผมได้แต่กอดหนังสือเอาไว้แล้วก้มหน้าลงต่ำเพียงอย่างเดียว


“เรากับกวีไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยนะเดือน เราสองคนเป็นแค่เพื่อน...”


เพียะ!


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยค ใบหน้าของผมก็ต้องหันไปตามแรงกระทบ ก่อนที่ความแสบร้อนมันจะวาบขึ้นมาที่ข้างแก้ม
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมโดนคนตบหน้า


“คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกในละครรึไงถึงได้มาทำเป็นบีบน้ำตา!” เดือนถลึงตาใส่ผมพร้อมกับตวาดดังลั่น ส่วนน้ำตาของผมที่มันไหลออกมานั้นมันเป็นเพราะผมเจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยต่างหาก


สู้คนไม่เป็นแถมยังเถียงไม่เก่ง ผมนี่มันเป็นคนกากจริงๆ เลย


“นี่ยังไม่คิดจะหยุดใช่มั้ย! หรือต้องโดนตบอีกสักทีมึงถึงจะหยุดบีบน้ำตาได้!” ไม่รู้ว่าเพราะโกรธแค้นที่คิดว่าผมแย่งแฟน หรือเป็นเพราะกำลังได้ใจที่รังแกผมต่อหน้าคนมากมายได้ เดือนเลยยกมือขึ้นมาหมายจะตบผมอีกครั้ง ซึ่งผมก็หลับตาปี๋เตรียมใจเอาไว้แล้วแหละ
แต่แล้ว...


“จะทำอะไรพายของกู!” เสียงที่ดังขึ้นอยู่ตรงหน้าทำให้ผมลืมตาขึ้นมามอง จึงพบว่าเพลิงได้จับที่ข้อมือของเดือนเอาไว้แล้วสะบัดออกไปก่อนที่จะฟาดเข้าที่แก้มของผมได้เพียงเสี้ยววินาที


ตอนนี้ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยได้แต่มองไปที่เพลิงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สายตาของผมมันก็ได้สื่อออกไปหมดแล้วว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง และถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้พูดออกไป แต่เพลิงที่เข้าใจจึงได้ใช้แขนอีกข้างโอบกอดผมเอาไว้ ผมรู้สึกได้ถึงความหวงแหนและต้องการปกป้องจากอ้อมกอดของเพลิง


“เกิดอะไรขึ้น! นี่อย่าบอกนะว่าเดือนทำร้ายพาย!” กวีที่พึ่งจะมาถึงพูดขึ้น ผมมองไม่เห็นหรอกว่าตอนนี้กวีกำลังทำหน้าแบบไหน เพราะเพลิงได้กดศีรษะของผมลงไปจนแทบจะจมที่แผ่นอก แถมยังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สัมผัสได้ถึงความโกรธและไม่พอใจในน้ำเสียง


“ถ้าใช่แล้วจะทำไม! คนหน้าด้านอย่างมันดีแค่ไหนแล้วที่เดือนไม่ตบด้วยรองเท้า!”


“ก็ลองกล้าทำดูสิ! กูไม่สนหรอกนะว่ามึงจะเป็นเพศไหนยัยหมูตัวเมีย!” แน่นอนว่าประโยคนี้กวีไม่ได้พูด คนที่พูดคือเพลิงที่กำลังหัวเสียและเกรี้ยวกราดสุดๆ ส่วนเดือนก็คงจะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่


“กะ...แก...นี่ฉันเพศแม่แกนะ!”


“งั้นกูก็เพศพ่อมึงเหมือนกันล่ะวะ!”


“กะ...กะ...กะ...กรี๊ดดดดดดดดดดดด!” เดือนที่ไม่คิดว่าเพลิงจะตอบโต้แบบนี้ก็ร้องกรี๊ดออกมาดังลั่น เสียงนั้นคงทำให้เหล่านักศึกษาที่เข้ามามุงมีมากขึ้นแน่ๆ ผมจึงกระตุกแขนเสื้อของเพลิงแล้วเงยหน้าขึ้นไปด้านบน


“ช่วยพาเราออกไปจากตรงนี้ที เราไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้วเพลิง” แค่ลองมองไปรอบตัวเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่จากจำนวนคนและสายตานับร้อยที่จ้องมองมา มันก็ทำให้ผมรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากจนอยากร้องไห้ขึ้นมาเลย


“โอเค ได้” เพลิงตอบรับคำขอของผม ก่อนจะหันไปพูดกับกวีเป็นการทิ้งท้าย


“สั่งสอนแฟนมึงให้ดีๆ หน่อย ถ้ายังอยากแก่ตายอยู่ก็อย่ามายุ่งกับพายของกูอีก” สิ้นเสียงนั้นเสียงกรี๊ดด้วยความโกรธของเดือนก็ดังขึ้นมา ตามด้วยคำด่าที่ราวกับว่ายกทั้งสวนสัตว์มาด่าเพลิงยังไงยังงั้น ส่วนทางด้านกวีก็หันมองไปที่เดือนด้วยความเย็นชา จากนั้นจึงหันกลับมามองที่เพลิง


“กูกับเดือนไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”


“กวี!” แล้วจากที่กำลังด่าเพลิงอยู่เดือนก็เปลี่ยนเป้าหมายไปด่ากวีแทน


“หึ! กูเข้าใจแล้วว่าทำไมยัยนั่นถึงได้คลั่งเหมือนตกมัน หน้าตากับสมองของมึงนี่โง่ไปทางเดียวกันเลยเนอะ คงจะคิดว่าพอเลิกกับยัยนั่นแล้วพายจะไปคบกับมึงว่างั้น? เฮอะ! คงจะได้แค่ฝันเพราะพายเป็นของกู!” กวีไม่พูดอะไรได้แต่กำหมัดแน่นอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะคงจะรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางหันไปคบกับคนเห็นแก่ตัวอย่างกวีได้แน่นอน


“ไปเถอะมึง” เพลิงพูดจบก็โอบกอดผมให้แน่นยิ่งขึ้น ก่อนจะพาเดินฝ่าฝูงชนไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล


คำพูดของเพลิงยังคงแข็งกระด้างไม่เคยอ่อนโยนแม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหน แต่น่าแปลกไม่รู้ทำไมที่แผ่นอกผมกลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและรู้สึกถึงความปลอดภัย


ผมคิดว่าผมชอบเวลาที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเพลิง...


2BC


 :m18: สวัสดีค่าทุกคน Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 10 ก็จบลงไปแล้วน้า ในที่สุดตอนก็ขึ้นเลข 2 หลักจนได้  :katai2-1: แล้วก็ไถ่โทษที่เมื่อวานเค้าไม่ได้มาตามนัด พอดีเหนื่อยมากและเบลอๆมึนๆเลยกลัวว่าจะพิมพ์ผิดๆถูกๆเราเลยมาลงวันนี้ แล้วก็ลงแบบไม่ค้างคาจะได้สบายใจกันไปเนอะ  :m1:
ว่าแต่ตอนนี้มีใครหวีดอีตาเพลิงบ้างขอเสียงหน่อยค่า แต่เอ...หรือจะว่ามันแทนเพราะปากหมาไปด่าผู้หญิง อีตานี่มันเกรี้ยวกราดด่าไม่เลือกเพศจริงๆ นี่พระเอกหรือตัวร้าย 55555  :laugh:
ส่วนตอนหน้าสัญญาว่าวันพฤหัสได้อ่านกันแน่นอน พูดเลยว่าเตรียมหมอนไว้จิกได้เลย  แต่จะจิกเพราะฟินหรือโมโหอันนี้ค่อยไปลุ้นอีกทีเนอะ อิอิ แล้วเจอกันน้าบ๊ายบายยยยย  :bye2:
ปล.เพลิงพายเปิดจองเรียบร้อยแล้วน้า ดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยจ้า >>> ❤ จิ้มเบาๆนะจ๊ะเดี๋ยวพายช้ำ ❤  (https://www.facebook.com/sameejaejung2/photos/a.1594968477440016.1073741828.1594509174152613/2107637656173093/?type=3&theater)<<< ฝากรับคู่นี้ไปเลี้ยงดูด้วยนะคะที่ร้ากกก
(25 มิ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-06-2018 18:28:33
กวีแย่จริง
เอาตรงๆ ยัยเดือนนางก็น่าสงสารหน่อยๆนะ
เหมือนโดนกวีหลอกใช้เบาๆ
พอคิดว้านางไม่ใช่ก็บอกเลิกนาง ไปแปลกที่จะโกรธ
แต่เสียใจกับกวีด้วยนะ ต่อให้แกเลิก พายก็ไม่ไปหาหรอกย่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-06-2018 18:39:51
 o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-06-2018 19:43:18
ปกป้อง ป้องกัน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-06-2018 21:01:23
ไม่อ่อนโยน แต่ใส่ใจความรู้สึก  ใจบางแล้วจ้า~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-06-2018 21:13:36
ค่อยสมเป็นพระเอกหน่อยนะเพลิง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 25-06-2018 22:48:40
……


ตอนนี้ครบทุกรส ทุกตัวละครเลย

พระเอก_เพลิงผู้เข้ามาปกป้องนายเอก_พายผู้ถูกกระทำ

นางร้าย_เดือนผู้ที่ความผิดหวังมาบังตาทำให้ร้ายยยจนตบผู้ชายได้

แล้วก้อพระรอง_กวี ที่คงต้องช้ำใจไปตามระเบียบ. 555


 :beat:  :beat:  :beat:  :beat:  :beat:  :beat:


……

.
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-06-2018 01:54:56
ไงล่ะ พายของกู
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-06-2018 03:37:09
ตั้งแต่อ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เพลิงทำดี ทำถูกต้อง  o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-06-2018 06:00:20
ไม่อ่อนโยนแต่อบอุ่น ชอบอ่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 26-06-2018 20:57:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 27-06-2018 21:36:26
พระเอกมากกกกกกกรี๊ดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก 10# คนที่ไม่เคยอ่อนโยน [25.06.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 28-06-2018 07:21:56
เพลิงสุดยอด
แต่เดือนร้ายจริงๆ
กวีก็เห็นแก่ตัวสุดๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อน [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 29-06-2018 02:04:05
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 10# Pie ไม่อยากเป็นแค่เพื่อน


“มึงโอเคใช่มั้ย” เพลิงถามหลังจากที่เราสองคนนั่งกันอยู่ในรถ


ตอนนี้เพลิงสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วแต่ยังไม่ได้ขับออกไปไหน ส่วนไทยมุงทั้งหลายก็มองมาจากที่ไกลๆ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มากนักเพราะรู้ว่าเพลิงกำลังอารมณ์ไม่ดี แล้วฟิล์มรถคันนี้ก็ทึบมากจนไม่สามารถมองทะลุถึงข้างในได้


“อืม เราโอเค” ถึงจะตอบแบบนั้นแต่ผมกลับรู้สึกตรงกันข้าม ผมรู้สึกแย่มากจนแว้บหนึ่งคิดว่าอยากจะหายจากโลกนี้ไปซะ


ป่านนี้เรื่องที่เดือนด่าผมคงจะรู้กันทั่วทั้งมหา’ลัย แล้วหลังจากนี้ผมจะมีหน้าไปเรียนได้ยังไง ผมทนไม่ได้หรอกนะที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาแล้วก็ถูกนินทาไม่ว่าจะต่อหน้าหรือว่าลับหลัง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเครียดจัดจนกำหมัดแน่น เล็บที่ค่อนข้างยาวเพราะไม่ได้ตัดมาสักพักเลยจิกเข้าที่มือ ผมไม่รู้สึกเจ็บและไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด จนกระทั่งเพลิงยื่นมือมาจับที่มือของผมเอาไว้


“ไม่ต้องกลัว กูจะปกป้องมึงเอง” สิ้นเสียงนั้นน้ำตาของผมมันก็ไหลออกมา วินาทีนั้นความรู้สึกร้อยพันมันประเดประดังเข้ามาจนเอ่อล้นในใจของผม ความเครียดที่กำลังสะสมจวบจนจะระเบิดได้สลายหายไป แต่ก็ดูเหมือนว่าเพลิงจะไม่เข้าใจเลยรีบดึงตัวผมเข้าไปกอด


“ก็บอกว่าไม่ต้องกลัวไงเล่า ถ้ายัยนั่นหรือใครกล้ามาทำร้ายมึงอีกกูไม่เอามันไว้แน่...บ้าเอ๊ย แล้วนี่มึงจะยิ่งร้องไห้ทำไมวะเนี่ย” ถึงคำพูดของเพลิงจะดูเหมือนหัวเสียและเกรี้ยวกราด แต่ความจริงแล้วเพลิงกลับกังวลและทำอะไรไม่ถูกมากกว่า


“ฮึ่ก...ขะ...ขอบใจมากนะ...ถ้าวันนี้ไม่มีนาย...เรา...ฮึ่ก...คงจะแย่กว่านี้แน่ๆ” ผมพยายามฝืนพูดทั้งที่กำลังสะอื้น เมื่อกี้ผมมันทั้งกากและอ่อนแอจนช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้ แต่ว่าแค่คำขอบคุณผมต้องพูดมันให้ได้ ผมขอบคุณเพลิงจากใจที่เข้ามาช่วยปกป้องผม


“อะไรเล่า ที่แท้มึงก็ร้องไห้เพราะเรื่องนี้เองหรอ” น้ำเสียงของเพลิงดูโล่งใจ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบที่ศีรษะของผมไปมา ผมรู้สึกว่าวันนี้เพลิงอ่อนโยนต่างจากปกติมากๆ จนหัวใจของผมถึงกับเต้นแรงขึ้นมาเลย


“ระ...เรา...เราโอเคแล้วล่ะเพลิง” และก่อนที่เพลิงจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวนี้ ผมก็รีบขืนตัวออกมาแล้วกลับไปนั่งอย่างเรียบร้อยที่เก้าอี้


“มีที่ที่อยากไปมั้ย บอกมาเลยไม่ต้องเกรงใจ กูจะพามึงไปทุกที่เลย” เพลิงพูดราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร


ใช่แล้ว ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ อยากไปให้ไกลจากตรงนี้ ไม่อยากเจอหน้าใครและไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น จะไปที่ไหนก็ได้ ไปอยู่นานหลายๆ วัน นานมากพอจนผมลืมหรือเลิกใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้


“ถ้าหาก...เราอยากไปทะเล...” ผมพูดด้วยเสียงอ้อมแอ้ม ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะผมไม่แน่ใจว่าเพลิงจะสามารถพาผมไปได้มั้ย มันจะไกลเกินไปรึเปล่า

 
ส่วนถ้าถามว่าทำไมผมถึงอยากไปทะเล นั่นก็เป็นเพราะว่าผมยังไม่เคยเห็นแล้วก็ไม่เคยไปเลยสักครั้งในชีวิต หากได้มองเห็นอะไรใหม่ๆ อยู่ในบรรยากาศที่แตกต่างจากเดิม มันก็อาจจะเยียวยาความรู้สึกแย่ๆ ให้หายไปก็ได้


“ไม่มีปัญหา กูบอกแล้วไงว่าถ้ามึงอยากไปไหนกูก็จะพามึงไปทุกที่” เพลิงยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของผม ผมจึงยิ้มให้เพลิงทั้งที่ไม่คิดว่าวันนี้ผมยังจะยิ้มออกมาได้อีก ก่อนที่เพลิงจะขับรถออกไปโดยที่ต่อสายหาใครคนหนึ่งไปด้วย


“ฮัลโหล ตอนนี้ผมกำลังจะไปบ้านพักที่หัวหินนะพี่ภู บอกคนไปทำความสะอาดแล้วก็เปิดบ้านไว้รอหน่อยดิ...ไม่ได้ไปเล่น จะไปนั่งทำวิจัยแล้วก็คิดโปรเจคจบ...จะตามมาคุมเลยมั้ยล่ะถ้าไม่เชื่อ...ไม่รู้ดิ กลับวันไหนเดี๋ยวบอกอีกที แค่นี้นะ ผมขับรถก่อน” แล้วเพลิงก็วางสายไป ท่าทางที่โกหกได้อย่างลื่นไหลทำเอาผมอดที่จะทึ่งไม่ได้ แต่อีกใจนึงก็ชักหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน ที่ผ่านมาผมคิดว่าตัวเองต้องเคยโดนเพลิงหลอกหลายเรื่องแน่ๆ


“บ้านที่หัวหินปกติไม่มีใครอยู่หรอ” ผมชวนเพลิงคุย คงเป็นเพราะรถเงียบเกินไปตั้งแต่ที่เพลิงวางสายจากพี่ชายล่ะมั้ง


“อืม ปกติกูกับคนที่บ้านก็จะอยู่กันที่กรุงเทพนี่แหละ”


แล้วเพลิงก็เล่าต่อว่า บ้านหลังนี้พี่ชายคนโตของเพลิงซื้อไว้เมื่อช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เห็นว่าเป็นสถานที่ที่พี่ชายขอคบกับแฟนและแต่งงานกัน ที่นั่นมีแต่ความทรงจำอันสวยงามและอบอวลไปด้วยความรัก แถมบรรยากาศก็ดีมากเหมาะแก่การมาพักผ่อน พี่ชายของเพลิงเลยตัดสินใจซื้อเอาไว้เพราะคงจะได้ไปอีกหลายครั้ง ถึงแม้ราคาจะสูงเอาเรื่องเพราะเป็นที่ติดทะเล แต่ถ้าเทียบกับความรู้สึกยังไงมันก็คุ้ม


“ฟังดูแล้วโรแมนติกจังเลยเนอะ พี่ชายของนายคงจะรักแฟนน่าดูเลย” ถึงแม้จะไม่เคยเห็น แต่จากคำบอกเล่าพี่ชายของเพลิงต้องรักแฟนมากแน่ๆ ทำเอาผมอดที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ ถ้าผมมีแฟนที่รักผมมากแบบนั้นก็คงจะดีสินะ


“เออ รักมากเลยล่ะ มึงเชื่อปะว่าก่อนหน้านี้กูไม่เคยเชื่อในความรักเลยนะ แต่ตอนนี้ความเชื่อของกูมันได้เปลี่ยนไปแล้ว” ขณะนี้รถกำลังติดไฟแดงอยู่พอดี เพราะงั้นเพลิงจึงได้หันมาทางนี้แล้วจ้องเข้ามาในดวงตาของผม ซึ่งผมก็รู้สึกยินดีด้วยจากใจจนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้


“นี่ถ้าพี่ชายของนายรู้ว่า ได้ทำให้มุมมองความรักของนายเปลี่ยนไป พี่ชายของนายคงจะดีใจมากๆ เลยเนอะ” ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นของผมเพลิงก็ไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถเหมือนเดิม


นี่เพลิงเป็นอะไรไป? หรือว่าผมพูดอะไรผิดไปงั้นหรอ?


แต่ถึงจะพยายามถามตัวเองเท่าไหร่ผมก็ไม่ได้คำตอบ แถมความง่วงยังถามหาจนผมค่อยๆ จมสู่ห้วงนิทรา เพลิงที่สังเกตเห็นจึงกดสวิตช์ด้านข้างเพื่อปรับเลื่อนเบาะให้เอนราบ ผมก็พึ่งรู้วันนี้นี่แหละว่ารถราคาแพงมันมีระบบภายในที่ต่างจากรถธรรมดา ก็นึกว่าแพงเพราะตราสัญลักษณ์กับชื่อแบรนด์ซะอีก


เกือบ 3 ชั่วโมงหลังจากนั้นผมถึงได้ตื่นขึ้นมา ซึ่งผมก็พบว่าตัวเองได้มาถึงบ้านพักที่หัวหินเป็นที่เรียบร้อย บ้านหลังนี้เป็นบ้านสไตล์วินเทจที่ตั้งอยู่ริมทะเล หลังใหญ่พอสมควรเพราะน่าจะมีหลายห้อง เป็นบ้านที่สวยงามเหมาะแก่การมาพักผ่อนเพราะบรรยากาศดีมากจริงๆ


“บ้านสวยมากเลย”


“คิดแล้วว่ามึงต้องชอบ เข้าไปดูข้างในกัน” เพลิงพูดจบก็เดินนำผมเข้าไปในบ้าน โดยที่สองมือของเพลิงก็ถือถุงเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้ที่แวะซื้อก่อนเข้ามา เพลิงไม่รู้ว่าผมจะอยู่กี่วันเลยซื้อมาซะเยอะ แถมพอจะให้เงินก็ยังไม่ยอมรับไว้อีก


“ที่บ้านนี้มี 6 ห้อง มึงอยากนอนห้องไหนเลือกได้ตามสบาย อ้อ แล้วก็เลือกของใช้กับเสื้อผ้าเข้าไปด้วยนะ” ผมรู้สึกงงเล็กน้อยว่าทำไมเพลิงไม่ให้ผมหยิบของทั้งหมดเข้าไปในห้องเลย จะให้ผมเลือกไปทำไม แต่เพลิงก็เดินเข้าไปในห้องครัวที่อยู่ไม่ไกลซะก่อน เพราะงั้นผมเลยไม่มีโอกาสที่จะได้ถาม


ผมหันไปเลือกเสื้อผ้ากับของใช้แล้วเดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่งที่มองเห็นวิวทะเลชัดที่สุด แถมยังสามารถเปิดประตูที่เป็นกระจกออกไปเดินเล่นที่ชายหาดและรับลมทะเลได้เลย ก่อนที่ผมจะเดินสำรวจห้องพร้อมกับเก็บข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่ ซึ่งพอผ่านไปสัก 5 นาทีเพลิงก็เดินเข้ามาหาผม


“หิวรึยัง กับข้าวเสร็จแล้วนะ”


“หืม? นี่นายเข้าครัวไปทำกับข้าวงั้นหรอเพลิง” ผมถามด้วยความแปลกใจ รู้สึกเซอร์ไพรส์มากที่คนอย่างเพลิงทำกับข้าวเป็น แถมยังทำให้ผมกินด้วยอีกต่างหาก รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลยแฮะ


แต่ถึงผมจะคิดอย่างนั้น...


“มึงจะบ้ารึไง ถ้ากูทำกับข้าวครัวคงไหม้บ้านคงวอดกันพอดี คิดอะไรปัญญาอ่อน” เพลิงส่ายหน้าไปมา ส่วนผมก็หน้าจ๋อยไปตามระเบียบน่ะสิที่ดีใจเก้อ


“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ เห็นเมื่อกี้นายเดินเข้าไปในครัวนี่นา”


“กูเดินไปเช็คไงว่าแม่บ้านทำกับข้าวไว้ให้รึเปล่า”


“อ๋อ” ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง


“ให้ตายสิ นี่กูคิดว่าวันนี้จะใจดีกับมึงแล้วนะ แต่จู่ๆ ดันมาถามอะไรแบบนี้กูก็เผลอลืมตัวน่ะสิ เฮ้ออออ ช่างเถอะไปกินข้าวกันมึง กูยกอาหารไปที่โต๊ะแล้ว” เพลิงพูดจบก็กอดคอผมออกไป ซึ่งผมก็ไม่ได้พูดอะไร แค่เดินตามไปอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้แอบอมยิ้มออกมา


ที่โต๊ะอาหารมีกับข้าวอยู่ 3 อย่างพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ แต่ละอย่างมีวัตถุดิบหลักเป็นของทะเลที่สดใหม่ รสชาติหวานล้ำและเนื้อแน่นมากกว่าที่เคยกินครั้งไหนๆ ทำเอามือนี้ผมเจริญอาหารมากกว่าปกติทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีอารมณ์กินเลยด้วยซ้ำ


“ขอบใจนายมากนะ อาหารอร่อยมากๆ เลย”


“กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ถ้าจะขอบคุณก็ไปขอบคุณแม่บ้านนู่น”


“เราไม่ได้หมายถึงเฉพาะเรื่องอาหาร แต่เราหมายถึงทุกอย่าง เราดีใจมากนะที่ตอนนี้มีนายอยู่ด้วย” ทันทีที่ผมพูดจบเพลิงก็ดูจะอึ้งๆ ไป แถมใบหูก็แดงเถือกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ


“กะ...ก็แค่เรื่องจิ๊บจ๊อยน่า อ่า...ไปเดินเล่นข้างนอกกันมั้ย ตรงชายหาด...แบบว่า...บรรยากาศมันน่าจะดี” ผมไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เพลิงถึงได้พูดตะกุกตะกัก แถมส่วนที่แดงก็ยังไม่ใช่เพียงแค่ใบหูแล้ว แต่ใบหน้าก็ยังแดงจัดแทบจะไม่ต่างกันเลยด้วยซ้ำ


“ก็ดีเหมือนกัน งั้นเราไปกันเลยมั้ย”


“อืม” เพลิงพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเก็บจานชามไปวางไว้ที่ซิงค์ ซึ่งจานชามพวกนี้พวกผมไม่ต้องล้าง พรุ่งนี้ตอนเช้าแม่บ้านจะเข้ามาจัดการพร้อมทำกับข้าวไว้ให้พวกเรา


ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ซึ่งไม่ถือว่าดึกมากสำหรับกรุงเทพ แต่สำหรับที่นี่คงจะถือว่าดึกเลยล่ะเพราะเงียบสงบเอามากๆ เสียงอย่างเดียวที่มีคือเสียงคลื่นที่เคลื่อนตัวเข้ามากระทบชายฝั่ง น้ำเย็นๆ กับทรายนุ่มๆ ที่เท้าของผมสัมผัสได้ให้ความรู้สึกที่สดชื่นและผ่อนคลายจากความเครียดที่สะสมมาทั้งวัน


ผมกับเพลิงไม่ได้คุยอะไรกันมาก แค่เดินไปด้วยกันเรื่อยๆ โดยหันไปมองหน้ากันเป็นครั้งคราวและส่งยิ้มให้กันบ้าง แต่น่าแปลกที่เราสองคนกลับเหมือนว่าได้รู้จักกันมากขึ้น ระยะห่างได้แคบลง จนกระทั่งกุมมือกันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมรู้แต่ว่ามือคู่นี้ของเพลิงช่างอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็แข็งแรงมากพอที่จะสามารถปกป้องผมได้


หลังจากที่เดินเล่นด้วยกันร่วมชั่วโมงผมกับเพลิงก็กลับเข้าบ้าน ต่างคนต่างไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็มานั่งคุยกันที่หน้าประตูกระจกของห้องผม ชมวิวทิวทัศน์ข้างหน้าพร้อมรับลมเย็นๆ ที่พัดผ่านมาเป็นระรอก


“เราขออยู่ที่นี่จนถึงวันอาทิตย์เลยได้มั้ย” วันนี้เป็นวันพุธเพราะงั้นวันพรุ่งนี้กับวันศุกร์ก็ต้องขาดเรียน ด้วยความที่เป็นเด็กทุนผมจึงไม่เคยทำตัวเหลวไหลแบบนี้มาก่อน แต่ว่าตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะกลับไปจริงๆ แล้วผมก็ปิดมือถือเพื่อตัดขาดจากทุกๆ คนอีกด้วย มีแค่อินน์คนเดียวที่ผมส่งข้อความไปบอกว่าขอหลบไปทำใจสักพัก หากพร้อมเมื่อไหร่แล้วผมจะกลับไปเรียน


 “มึงจะอยู่ที่นี่กี่วันก็ได้ จะอยู่ทั้งเดือนก็ไม่มีปัญหา กูจะอยู่ข้างๆ มึงเอง” เพลิงวางมือลงที่ศีรษะของผมแล้วยิ้มออกมาบางๆ ผมรู้สึกตื้นตันเอามากๆ จนอดที่จะน้ำตาซึมออกมาไม่ได้


“ขอบใจนะ แต่ว่าอยู่ทั้งเดือนคงไม่ไหว คงโดนไล่ออกกันทั้งคู่กันพอดี”


“นั่นสินะ แค่วันจันทร์กูยังไม่กลับบ้านพี่กูได้ตามมาลากคอแน่ๆ” แล้วผมกับเพลิงก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่เราสองคนจะนั่งมองคลื่นและรับลมทะเลอีกสักพัก เมื่อคิดว่าดึกมากแล้วเพลิงจึงได้ลุกขึ้นแล้วก็ชวนผมกลับเข้าไปข้างใน


“ฝันดีแล้วกัน ถ้ามีอะไรหรือนอนไม่หลับก็เรียกกูได้ตลอดเลยนะ กูอยู่ห้องข้างๆ นี่แหละ” เพลิงพูดจบก็เดินออกไปจากห้อง ผมที่ถึงแม้จะยังรู้สึกงงๆ แต่ก็เดินออกไปส่งแต่โดยดี


“เอ่อ...อืม...ฝันดีเหมือนกัน” อะไรกัน ผมก็นึกว่าเพลิงจะนอนกับผมที่ห้องนี้ซะอีก


“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือมึงยังคิดมากเรื่องที่ถูกยัยนั่นด่าอยู่” เพลิงถามผมด้วยความเป็นห่วง จะเป็นอะไรมั้ยนะถ้าผมจะขอใช้ประโยชน์จากตรงนั้น ก็ผมยังไม่อยากแยกกับเพลิงนี่นา


“ปะ...เปล่าหรอก แต่ว่า...เราไม่อยากนอนคนเดียว นายช่วยนอนเป็นเพื่อนเราหน่อยได้มั้ย” ผมพูดด้วยความประหม่า แถมยังก้มหน้าลงต่ำซะจนมองไม่เห็นว่าเพลิงกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่


“...” เพลิงไม่ยอมตอบอะไรได้แต่นิ่งเงียบ ผมเลยอายนิดๆ แถมยังรู้สึกผิดที่เอาแต่คิดจะรบกวนเพลิงเลยว่าจะบอกไม่เป็นไร


“คือ...”


“ถ้าแค่เพื่อนกูไม่นอน”


“หา?”


“กูไม่อยากเป็นแค่เพื่อนของมึง” เพลิงมองเข้ามาในดวงตาของผมอย่างจริงจัง แต่ผมไม่เข้าใจความหมายนั้นเลยขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เพราะผมกับเพลิงก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วนี่นา เราสองคนเป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์ หรือว่าบางทีเพลิงอาจจะอยากเลื่อนขั้นไปมากกว่านั้น?


จากเซ็กส์เฟรนด์เป็นเพื่อน ถ้างั้นจากเพื่อนก็ต้องเป็น...?


“เราให้นายเป็นเพื่อนสนิทเลยก็ได้” เท่านั้นแหละเพลิงก็แยกเขี้ยวใส่ผม แล้วใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากจนหน้าผมหงายทันที


“เพื่อนสนิทบ้านมึงแม่งเอากันได้ด้วยรึไง!”


“ถ้างั้นแล้วนายอยากจะเป็นอะไรกับเราล่ะ ทาสกับเจ้านายงั้นหรอ”


“โว้ยยยยย! ชักไปกันใหญ่แล้วนะมึงนี่!” คราวนี้เพลิงเอามือตบหน้าผากตัวเอง ดูท่าทางหงุดหงิดราวกับว่าผมพูดไม่ได้ดั่งใจ


ก็ผมจะรู้มั้ยล่ะว่าเพลิงอยากจะเป็นอะไรกับผม ผมไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยได้เข้าสังคม แล้วก็ไม่ค่อยได้คุยกับใคร เพราะงั้นผมเดาใจเพลิงไม่ถูกหรอกนะ ทำไมถึงไม่ยอมพูดให้มันชัดๆ ไปเลยก็ไม่รู้


“ช่างแม่งเถอะ เอาเป็นว่าถ้าอยากให้นอนเป็นเพื่อนกูจะนอนด้วยก็ได้” เพลิงพูดจบก็จัดการปิดประตูแล้วจูงมือผมขึ้นไปนอนบนเตียง


หลังจากที่ปิดไฟและห่มผ้าขึ้นมาจนเกือบถึงคอแล้วเพลิงก็กอดผมเอาไว้ พอผมเงยหน้าขึ้นไปเพลิงก็ก้มหน้าลงมาจุ๊บเบาๆ ที่หน้าผาก แต่ผมก็ยังลืมตาอยู่อย่างนั้นจนเพลิงต้องเอ่ยปากถาม


“เป็นอะไร ทำไมยังไม่ยอมนอนอีก”


“คือ...ปกติมันไม่ใช่แบบนี้”


“แล้วปกติที่มึงว่ามันคือแบบไหน”


“ก็...นายจะต้อง...เอ่อ...ทำ...ก่อน...” ยิ่งพูดเสียงของผมก็ยิ่งเบาลงเรื่อยๆ แถมยังอู้อี้ด้วยจนเพลิงไม่น่าจะฟังรู้เรื่อง เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจถามออกไปอีกครั้ง


“วันนี้จะไม่ทำหรอเพลิง”


“หา?” เพลิงทำหน้างงไปแว้บหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจเลยถอนหายใจออกมา สีหน้าของเพลิงตอนนี้ดูเหลืออดกับผมยังไงก็ไม่รู้


“มึงนี่น้า กูก็อุตส่าห์ฝืนอ่อนโยนทำตัวเป็นคนดีแทบตาย แต่สุดท้ายกูก็ต้องกลับมาเป็นดีแตกเหมือนเดิมจนได้” เพลิงพูดจบก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ จากนั้นก็จัดการถอดเสื้อผ้าของผมออกไปโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น


“มึงเป็นคนยั่วกูเองนะ จะมาโทษกูทีหลังไม่ได้นะเว่ย” คำพูดของเพลิงเหมือนเป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย หากผมเปลี่ยนใจตอนนี้เพลิงก็อาจจะหยุดทัน แต่นอกจากจะไม่ห้ามผมยังยื่นสองมือขึ้นไปโอบรอบลำคอของเพลิงเอาไว้อีกต่างหาก


“เราไม่โทษนายหรอก แล้วนายก็ไม่ต้องฝืนอ่อนโยนกับเราด้วย” เมื่อได้ยินแบบนั้นเพลิงก็ไม่ทนอีกต่อไป แล้วก็ก้มหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากของผมทันที


จูบนี้ไม่ได้มีความอ่อนโยน ยังคงรุนแรงและดุดันเหมือนเดิม แต่ผมกลับรู้สึกชอบ ยินดี และเต็มใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้หมายถึงเรื่องจูบอย่างเดียว ผมหมายถึงเรื่องที่กำลังจะกลายเป็นของเพลิงด้วยเช่นกัน...


2BC


 o15 ฮัลโหลวววว สวัสดีค่า Rabid ตอนที่ 10 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า ตอนนี้มาเลยวันที่นัดไว้ไปชม.กว่าๆ ซึ่งเราก็ต้องขอโทษจริงๆค่าเพราะทำโอทีกว่าจะถึงบ้านก็เที่ยงคืนกว่าเลย ฮือออออ  :sad2:
แล้วเพื่อเป็นการไถ่โทษเค้าเลยตัดของตอนหน้ามาใส่ตอนนี้ให้ยาวมากขึ้น ซึ่งก็หวังว่าจะชื่นชอบตอนนี้กันนะคะ มีหลายรส หลายอารมณ์ หลายรสชาติ โดยเฉพาะความหวานที่ชาตินึงจะได้เห็นจากอีตาเพลิงสักที 55555  :laugh: ส่วนตอนหน้าอย่างเร็ววันอาทิตย์ หรืออย่างช้าวันจันทร์เจอกันค่า ดึกๆเหมือนเดิมนะที่ร้าก บ๊ายบายยยยยย  :bye2:
(29 มิ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อน [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-06-2018 02:15:14
เพลิงมุมนี้ก็น่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-06-2018 02:45:43
พายก็ยังคิดน้อยเหมือนเดิมอยูดี ส่วนเพลิงก็ปากหนักเหมือนเคย  :katai3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-06-2018 12:13:31
กล้องแพนไปที่โคมไฟ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-06-2018 15:25:46
พายเด็กซื่อ อยากเป็นมากกว่าเพื่อนเลยให้เป็นเพื่อนสนิท :m20: เพลิงถึงกับพูดไม่ออก บอกแล้วเพลิงต้องพูดตรงๆ จะขอเป็นแฟนก็พูดตรงๆ น้องไม่เข้าใจ :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 29-06-2018 18:21:21
ง่อวววววว :mew3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-06-2018 00:10:33
พายเอ๋อจริง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 30-06-2018 06:37:54
เพลิงขอพายเป็นแฟนเลย
พูดอ้อมๆแบบนี้ไม่มีทางรู้เรื่องกันหรอก
กล้าๆหน่อยเพลิง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 30-06-2018 08:28:21
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 30-06-2018 11:54:05
แหม่ มีโอกาสแล้วน้าเพลิง ทำไมไม่ขอเป็นแฟนเลยเล่า   :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 30-06-2018 13:18:36
ถ้าไม่พูดไม่บอกกันตรงๆ
แล้วพายจะเข้าใจตรงกันเหรอ

พูดดิ..พูด..บอกให้พูดไง
เพลิง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-06-2018 20:41:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-06-2018 21:24:16
น้องพายยั่วมาก อูย แบบนี้เป็นใครก็ไม่ทน น้องน่ารักแถมเจียมตัวมากๆ
แบบนี้เพลิงควรใช้แผนเดิมของพี่ภูเขานะ ไหนๆก็มาถึงที่แล้ว
จัดหนักให้ชัดเจนไปเลยสิเพราะในใจมีคำตอบอยู่แล้วว่ารักพายเข้าแล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 01-07-2018 01:38:41
 :เฮ้อ: บอกไม่อยากเป็นเพื่อนแต่อยากเป็นแฟนแค่นั้นก็จบแล้วเพลิง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่10 ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนP31 [29.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 01-07-2018 16:05:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 02-07-2018 00:49:24
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 11# Pie พายสายยั่ว NC-18


“อาา...” ผมร้องครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อปลายลิ้นอันร้อนระอุของเพลิงกำลังเลียอยู่ที่แก่นกายของผม โดยที่ผมกำลังคลานสี่ขาหันส่วนนั้นไปที่ใบหน้าของเพลิง สลับกับใบหน้าของเพลิงที่ได้หันไปที่ส่วนนั้นของผม ท่าของเราสองคนที่กำลังทำอยู่นั้นคือท่า 69


ตอนแรกที่ได้ยินเพลิงชวนทำท่านี้ผมก็ค่อนข้างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเพลิงจะยอมใช้ปากให้ใคร ซึ่งพอถามผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคือคนแรก เล่นเอาผมดีใจอย่างไม่รู้สาเหตุ แถมยังตื่นเต้นแล้วก็มีอารมณ์สุดๆ เลยด้วย


“ซี้ดด...เพลิง...” ความเสียวซ่านที่แล่นพล่านขึ้นมาทำเอาร่างกายของผมสั่นสะท้าน สะโพกเริ่มบิดและส่ายไปมา ยิ่งจังหวะที่เพลิงใช้ริมฝีปากจูบที่ส่วนปลาย แถมยังใช้ลิ้นขยี้ตรงรูเล็กๆ ขาของผมมันก็ยิ่งสั่น ส่วนเสียงร้องครางก็ยิ่งดังมากขึ้นจนควบคุมไม่ได้


“ซี้ดด...ซี้ดดด...อาา...”


“เสียงของมึงกูก็ชอบฟังอยู่หรอกนะ แต่ว่าตอนนี้กูอยากให้มึงอมให้กูมากกว่า เร็วเลย” ผมก็มัวแต่เสียวจนลืมว่าต้องทำอะไร พอได้ยินแบบนี้จึงได้ใช้มือกำรอบแก่นกายที่อยู่ตรงหน้า ขนาดของมันยาวซะจนโผล่พ้นมือของผมขึ้นมาครึ่งค่อนลำ แถมยังใหญ่ซะจนมือของผมแทบจะกำไม่รอบ


ผมเลียที่ริมฝีปากของตัวเองช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเลียแก่นกายของเพลิงที่อยู่ตรงหน้า ผมเลียตั้งแต่โคนจรดปลายพร้อมกับใช้มือชักขึ้นลงไปด้วย ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาท่อนเนื้อของเพลิงกระตุก แถมยังหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ


“อาา...” เสียงนั้นทำให้ผมรู้สึกใจเต้นและมีอารมณ์มากขึ้น จึงได้อ้าปากครอบครองแก่นกายของเพลิงเข้าไป ซึ่งนั่นก็ทำให้เพลิงซี้ดปากด้วยความเสียวสุดใจ ก่อนที่เพลิงจะทำแบบเดียวกันกับผมบ้าง นั่นก็คือการครอบครองแก่นกายของผมที่อยู่ตรงหน้าเข้าไปในปากนั่นเอง


“อื้อ!!” ด้วยความที่มีท่อนเนื้ออยู่ในปากผมเลยไม่สามารถครางได้อย่างเต็มเสียง เพราะงั้นผมจึงได้ระบายความเสียวลงกับตรงนั้น โดยทำทั้งอม ทั้งดูด ทั้งดุน แล้วก็รูดรั้งมือขึ้นลงอย่างหนักหน่วง ส่วนเพลิงก็ไม่ต่างกัน เพราะก็ได้ดูดและเลียส่วนนั้นของผมจนเสียวกระสัน เสียงครางในลำคอของเราสองคนดังก้องไปทั่วทั้งห้อง


ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แก่นกายของเพลิงก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น แถมยังร้อนซะจนอุณหภูมิในร่างกายของผมร้อนตามไปด้วย ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังดูดและอมแก่นกายของเพลิงอย่างเมามันแค่ไหน แน่นอนว่าสะโพกของผมที่กำลังส่ายร่อนและบิดไปมาผมก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน


“ซี้ดดด...แม่งเอ๊ย...มึงแม่งโคตรยั่วเลยพาย” ผมมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาดูดเลียแก่นกายตรงหน้าเลยไม่ได้ยินคำพูดเมื่อกี้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีอะไรเย็นๆ สัมผัสตรงบั้นท้าย ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่อะไร เจลหล่อลื่นนั่นเอง


“อื้อ!” หลังจากที่เพลิงหมุนวนนิ้วตรงปากทางเข้าสักพักก็สอดใส่เข้ามา นิ้วยาวๆ ทำให้ผมเสียววาบ ช่องทางด้านหลังจึงกระตุกตอดและบีบรัดมันอย่างควบคุมไม่ได้ ส่วนปากที่กำลังดูดแก่นกายของเพลิงอยู่ก็เช่นเดียวกัน


“อาาาส์” เพลิงครางหนักในลำคอ ก่อนจะใช้ปากครอบครองส่วนนั้นของผมอีกครั้ง ส่วนนิ้วที่สอดอยู่ในช่องทางด้านหลังก็หมุนวนจนมันขยายออก เพลิงเลยสอดนิ้วที่สองตามเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน


ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาผมครางระงม สะโพกของผมสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งจังหวะที่เพลิงใช้นิ้วครูดไปที่ผนังช่องทาง แล้วขยับเข้าออกโดยเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำเอาผมเสียวแทบบ้า น้ำใสๆ คงจะไหลออกมาจนเข้าปากของเพลิงไปแล้ว


“อื้อ!...อื้ม!...อื้อ!” ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาช่องทางของผมตอดรัดสองนิ้วที่อยู่ข้างในถี่ยิบ ยิ่งผมเสียวผมก็ยิ่งตอดถี่ขึ้น เช่นเดียวกับริมฝีปากที่ออกแรงดูดท่อนเนื้อร้อนๆ อย่างรุนแรง จนตอนนี้มันได้ขยายใหญ่ขึ้นจนคับปากของผมไปหมดแล้ว


เพลิงที่ดูเหมือนว่าใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วจึงเด้งสะโพกสวนขึ้นมา ส่วนนิ้วกับริมฝีปากก็เร่งความเร็วขึ้นเช่นกัน ทำเอาผมเสียวกระสันและบีบรัดนิ้วของเพลิงแน่น แถมยังดูดแก่นกายของเพลิงอย่างหนักหน่วงและรุนแรงมากกว่าครั้งไหนๆ


“อึ่ก...อึ่ก! อื้ออออออ!” การถูกทำออรัลอย่างถึงใจทำให้เราสองคนเสียวสุดๆ จนทนต่อไปไม่ไหว ก่อนที่สุดท้ายก็ได้ปล่อยความสุขสมใส่ในปากของอีกฝ่ายโดยห่างกันแค่เสี้ยววินาที ผมหายใจอย่างหอบถี่โดยที่ร่างกายยังสั่นระริก โดยเฉพาะตรงช่องทางด้านหลัง


“ยังไม่พอสินะ” เพลิงพูดอย่างรู้ใจแล้วเคลื่อนตัวขึ้นไปอยู่ในท่าคุกเข่า ส่วนผมก็ยังอยู่ในท่าคลานเหมือนเดิม เพลิงชโลมเจลหล่อลื่นเพิ่ม ก่อนจะเอาท่อนเนื้อร้อนๆ ที่อวบอั๋นและยังแข็งขึงมาถูไถที่ปากทางเข้า


“ถ้าอยากให้กูเข้าไปก็ขอร้องกูสิ” เสียงของเพลิงทั้งแหบพร่าและกระเส่าซะจนใจของผมสั่น ความต้องการของผมทะยานขึ้นสูงจนสะโพกส่ายร่อนและบดเบียดเข้าหาท่อนเนื้อของเพลิงอย่างควบคุมไม่ได้


“ขะ...ขอร้อง...เอาของนายเข้ามาลึกๆ...อื้อ! อ๊ะ...อ๊าาาาาา!” แล้วเพลิงก็จัดให้ตามคำขอ ท่อนเนื้อร้อนๆ ถูกสอดใส่เข้ามารวดเดียวจนมิดด้าม ความเสียวซ่านที่ถูกท่อนเนื้อที่ทั้งยาวและอวบอั๋นกระแทกกระทั้น ทำให้เสียงครางของผมดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ดี...ตรงนั้นแรงอีก...อ๊า...ใช่!...อ๊า...” ผมพูดแทบไม่เป็นภาษา ตอนนี้ผมเสียวมากจนแทบขาดใจ เพราะเพลิงกระแทกท่อนเนื้ออย่างรุนแรงและถี่ยิบ โดยรู้ดีว่าจุดไหนคือจุดที่ทำให้ผมเสียว ร่างกายของเราสองคนเข้าขากันได้ดียิ่งกว่าครั้งไหนๆ


ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมเปิดใจให้เพลิงแล้วรึเปล่า ก่อนหน้านี้ถึงแม้ผมจะยอมมีอะไรด้วยแต่ก็เป็นเพราะไม่มีทางเลือก ผิดกับครั้งนี้ที่ผมเต็มใจ ผมอยากใกล้ชิดกับเพลิง และอยากรู้สึกถึงเพลิงมากกว่านี้


“ซี้ดดด...ข้างในมึงแม่ง...อาาส์...เสียวโคตรรร” เพลิงซี้ดปากด้วยความเสียว เมื่อช่องทางด้านหลังของผมกระตุกตอดรัดเพลิงอย่างรุนแรง จึงได้ซอยแก่นกายอย่างรวดเร็ว โดยถอนออกจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้าไปจนสุดโคน


“อ๊า...อ๊า...เพลิง! อ๊า...ดี! ซี้ดด...อ๊า...” ความเสียวที่ได้รับทำเอาผมต้องจิกทึ้งผ้าปูที่นอนอย่างน้ำตาคลอ ส่วนสะโพกก็ยกสูงและส่ายร่อนเพื่อให้เพลิงกระแทกเข้ามาได้ลึกขึ้น เพราะยิ่งลึกผมก็ยิ่งเสียว ยิ่งเสียวช่องทางก็ยิ่งบีบและตอดรัดท่อนเนื้อของเพลิงแน่น


“อาาส์...ถ้าจะตอดขนาดนี้...ซี้ดดด...กูก็จะแตกน่ะสิ!” เสียงของเพลิงยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์จนยิ่งตอดถี่ขึ้น เพลิงจึงครางต่ำในลำคอจนแทบเหมือนเสียงคำราม ความเสียวกระสันทำให้เพลิงเร่งจังหวะการขยับแก่นกาย ทั้งหนักหน่วง ดุดัน และรุนแรง เล่นเอาผมเสียวสุดๆ จนแทบทนไม่ไหวเช่นกัน


“เพลิง! เราก็จะ...อ๊า!...จะเสร็จเหมือนกัน...อ๊ะ...อ๊ะ...เสียวจัง...อ๊า...เพลิง!” ตอนนี้ผมเสียวสุดใจจนไม่รู้แล้วว่าพูดอะไรออกไปบ้าง ผมรู้แต่ว่าสะโพกของผมกำลังส่ายไปมา เพื่อให้รับกับจังหวะการกระแทกกระทั้นของเพลิง ซึ่งแต่ละครั้งจะยิ่งเพิ่มความเร็วและแรงมากขึ้นเรื่อยๆ


“ถ้าจะเสร็จแล้วก็ปล่อยออกมา...อาา...ข้างหน้าก็เยิ้มไปหมดแล้วนี่” เพลิงพูดด้วยเสียงแหบพร่าแล้วใช้มือข้างหนึ่งชักส่วนนั้นของผมเข้าออก โดยที่เอวของเพลิงไม่ได้ลดจังหวะการขยับเลยสักนิด ยังคงซอยอย่างถี่ยิบ และเน้นย้ำตรงจุดเสียวที่อยู่ข้างในตัวผม


“อ๊า...ยะ...อ๊ะ...อ๊า...ถ้าทำแบบนั้น...อ๊ะ...อ๊า...จะออกแล้ว...เพลิง! อ๊า...อ๊าาาาาาาา!” แล้วผมก็กรีดร้องออกมาดังลั่นอย่างสุดเสียง ความเสียวถึงขีดสุดทำเอาผมทนต่อไปไม่ไหว น้ำสีขาวขุ่นจึงพุ่งกระจายออกมาจนเลอะผ้าปูที่นอน


ส่วนเพลิงเมื่อถูกช่องทางของผมบีบแน่นและตอดรัดอย่างถี่ยิบ ก็ซี้ดปากด้วยความเสียวแล้วซอยแก่นกายเข้าออกไม่ยั้ง จนกระทั่งถึงจุดสุดยอดก็ฝังท่อนเนื้อเข้ามามิดลำ จากนั้นก็ฉีดพ่นความสุขสมเข้ามาจนแทบล้นทะลัก ช่องทางของผมกระตุกรับแถมยังดูดกลืนน้ำของเพลิงด้วยความยินดี


“อือ...อุ่นจัง...ข้างใน...รู้สึกดี...อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะเพลิง!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อถูกเพลิงจับพลิกตัวเปลี่ยนท่าเป็นออนท็อป โดยที่ท่อนล่างของเราสองคนยังคงเชื่อมต่อกันอยู่เลย


“ก็ต่ออีกรอบยังไงล่ะ มึงผิดเองนะที่พูดแบบนั้น รับผิดชอบกูเลย” เพลิงพูดจบก็ก้มหน้าลงมาดูดเลียที่ยอดอกของผม แถมยังเริ่มยกสะโพกของผมขึ้นลงอีกด้วย


“อา...ระ...เราพูดอะไร...อื้อ...ไม่เห็นจะเข้าใจ...ซี้ดด...เลยเพลิง”


“ก็เรื่องที่มึงบอกว่าอุ่นจังกับรู้สึกดีนั่นไงล่ะ ยั่วกันซะขนาดนี้ใครไม่ขึ้นแม่งก็ตายด้านแล้ว” เพลิงเงยหน้าขึ้นมาแป๊บนึงแล้วก็ก้มลงดูดที่ยอดอกของผมต่อ พร้อมกับเพิ่มความเร็วในการยกสะโพกของผมขึ้นลง ทำเอาผมแทบพูดไม่เป็นภาษาเพราะความเสียวซ่านมันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง


“อาา...ตะ...แต่ว่า...เราก็แค่...อื้ม...พูดไปตามที่รู้สึก...” ผมก็คิดว่าคำพูดพวกนี้คือเรื่องปกติ เพราะหนังสือที่อ่านกับคลิปที่เคยดูฝ่ายรับก็พูดตลอด ตอนที่พูดก็ไม่เห็นฝ่ายรุกจะของขึ้นจนต่ออีกรอบนี่นา แล้วผมจะไปรู้มั้ยล่ะว่าจะทำให้เพลิงมีอารมณ์ แถมยังทำให้ผมมีด้วยจนช่วงล่างเริ่มบีบรัดและกระตุกตอดท่อนเนื้อของเพลิงแล้ว


“ซี้ดด...มึงนี่แม่ง...ไม่ได้รู้เลยใช่มั้ยว่าตัวเองยั่วเก่งแค่ไหน” เพลิงกัดริมฝีปากล่างเพื่อกลั้นเสียงคราง ก่อนจะก้มหน้าลงมาฟัดที่ยอดอกของผมอย่างหนักหน่วงและรุนแรง


“อ๊า!...เราไม่ได้...อ๊ะ...เป็นคนแบบนั้น...นะเพลิง...” คนจืดจางแบบผมจะยั่วใครเป็นได้ยังไง แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้นกลับไม่ได้รู้ตัวเลยว่า สะโพกของผมเริ่มจะขย่มท่อนเนื้อของเพลิงด้วยตัวเองแล้ว


“อาา...นั่นล่ะใช่...ขย่มมันส์ขนาดนี้...ซี้ดด...อยากได้น้ำกูเร็วๆ สินะ...” คำพูดอันลามกของเพลิงทำเอาใบหน้าของผมร้อนวาบ ถึงแม้จะรู้สึกอาย แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งมีอารมณ์ที่ได้ยินคำพูดแบบนั้น


“ยะ...อ๊ะ...อย่าพูดนะ...เราไม่ได้...อ๊ะ...อยากได้สักหน่อย...”


“ก็ไหนว่ารู้สึกดีแล้วก็อุ่นข้างในไง...แต่จะว่าไปเหมือนมึงเคยบอกว่า...อา...ไม่ชอบให้กูปล่อยข้างใน” ในขณะที่พูดเพลิงก็ใช้สองมือขยี้ที่ยอดอกของผมไปด้วย ส่วนผมก็ยังควบที่ท่อนเนื้อของเพลิงอยู่อย่างนั้น ขนาดอันใหญ่โตและอวบอั๋นที่เสียดสีกับผนังด้านในทำให้จนเสียวซ่านเป็นอย่างมาก


“มะ...ไม่ใช่ไม่ชอบ อ๊ะ...แต่ว่า...อ๊า...มันเอาออกยาก”


“แล้วถ้ากูบอกว่าจะช่วยเอาออกล่ะ...อาา...ขอปล่อยอีกสักสองรอบได้รึเปล่า” ถึงจะดูเหมือนเป็นคำถาม แต่ผมคิดว่านั่นคือประโยคบอกเล่ามากกว่า ก็ดูสิ สีหน้าของเพลิงพร้อมทำขนาดนี้ แถมยังเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหายอีกต่างหาก


แต่ก็นะ...ใช่ว่าผมจะไม่ชอบและไม่ต้องการสักหน่อย


“ถะ...ถ้างั้นก็ปล่อยเข้ามาเลย...อ๊ะ...หรือจะปล่อยเยอะกว่านั้นก็ได้...”


เมื่อได้ยินแบบนั้นเพลิงก็รีบกดศีรษะของผมมาจูบทันที ริมฝีปากของเพลิงบดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างรุนแรง แถมยังขบและดูดเน้นๆ จนผมรู้สึกร้อนไปทั้งร่าง ยิ่งเมื่อปลายลิ้นของเราสองคนสัมผัสกันก็ราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ส่งผลให้ความต้องการของพวกเราพุ่งสูงยิ่งขึ้น


“อา...” หลังจากที่เต็มอิ่มแล้วเราสองคนก็ถอนจูบออกมา ร่างกายท่อนล่างของเราที่เชื่อมต่อกันจึงเพิ่มแรงขยับอย่างอัตโนมัติ โดยผมได้ขย่มขึ้นลงอย่างเมามัน ส่วนเพลิงก็กระแทกแก่นกายขึ้นสวนอย่างไม่ยั้ง เสียงเนื้อที่กระทบกันดังก้องไปทั่วทั้งห้องพร้อมกับเสียงคราง


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...ดี...อ๊า...ลึกจัง! อ๊า...ข้างในมันเสียว...!” ยิ่งเสียวเท่าไหร่ผมก็ยิ่งขย่มแรงขึ้นเท่านั้น ส่วนเพลิงก็ไม่ต่างจากผม นอกจากจะกดท่อนเนื้อเข้าไปที่จุดเสียวของผมอย่างดุดัน ก็ยังบีบขยำ ดูดเลีย และฟัดที่ยอดอกของผมไปพร้อมๆ กันอีกด้วย


“ซี้ดดด...เสร็จพร้อมกูนะพาย” เพลิงกัดปากครางซี้ดด้วยความเสียว ส่วนผมที่เสียวไม่ต่างกันก็พยักหน้า จากนั้นก็โอบรอบลำคอของเพลิงแน่นแล้วเร่งจังหวะอย่างสุดแรง


แล้วไม่นานเราสองคนก็ถึงฝั่งฝัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะจบลงแค่นี้ ผมกับเพลิงต่ออีกยกในทันที แถมคราวนี้ยังเปลี่ยนสถานที่เป็นเตียงอาบแดดที่อยู่นอกห้อง เราสองคนที่มีความต้องการสูงเลยทำกันต่ออีกไม่รู้กี่รอบ กว่าจะได้นอนก็ตอนที่พระอาทิตย์กำลังลอยขึ้นจากขอบฟ้า แสงสะท้อนที่ตกลงมากระทบน้ำทะเลช่างสวยงามราวกับภาพวาด ผมปิดเปลือกตาซบที่อกของเพลิงแล้วหลับไปอย่างมีความสุข...


.....................................................

..................................

..............


   ช่วงเวลาที่อยู่หัวหินผมรู้สึกสนุกและมีความสุขมาก เพลิงตามใจผมทุกอย่างไม่มีปฏิเสธ ไม่ว่าจะอยากทำอะไรผมก็ได้ทำ อยากกินอะไรผมก็ได้กิน อยากลงเล่นน้ำทะเลตอนไหนผมก็ได้เล่น รวมไปถึงเรื่องเซ็กส์ที่ผมต้องการเมื่อไหร่เพลิงก็พร้อมจะสนองให้ทุกเมื่อ


    ไม่ต้องคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย อยากทำกี่รอบ ชอบให้ทำแบบไหน หรืออยากเปลี่ยนสถานที่ก็บอกได้ไม่ต้องเกรงใจ เพลิงเป็นคนบอกกับผมและตามใจผมทุกอย่าง ผมสามารถเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องฝืนและคิดเรื่องอื่นให้ปวดสมอง ตลอด 4 วันนี้ให้คิดแต่เรื่องของเพลิงก็พอ ซึ่งผมก็คิดแบบนั้นจริงๆ


   การใช้ชีวิตของพวกเราช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ตื่นมาก็เที่ยงกว่าๆ อาหารก็กินจากที่แม่บ้านทำไว้ให้ มีมื้อนึงผมนึกสนุกเลยช่วยกันทำกับเพลิง แต่มันก็ไม่ค่อยเวิร์คเพราะผมดันโดนเพลิงกินก่อนจะได้กินข้าว แถมตอนจะนอนผมยังโดนเพลิงกินซ้ำ จนวันต่อมากว่าจะตื่นก็ปาไปบ่ายกว่าๆ นู่นเลย


   “คืนก่อนก็ทำไปตั้ง 3 – 4 รอบ ยังไม่พออีกรึไง”


   “ก็ใครใช้ให้มึงยั่วกูก่อนล่ะ”


   “หา? เราได้ไปยั่วนายตอนไหน”


   “ก็ตอนที่ทำตาหวานแล้วเสนอตัวให้กูชิมไง”


   “นั่นเราตักกับข้าวให้นายชิมต่างหากเล่า!” ผมพองลมที่แก้มแล้วกอดอกอย่างฮึดฮัด เพลิงที่เห็นอย่างนั้นเลยระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น ได้กวนประสาทผมแล้วคงจะมีความสุขมากเลยล่ะสิ


   เห็นผมพูด (บ่น) แบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าผมจะอารมณ์เสียจริงๆ หรอกนะ ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านั้นว่าผมรู้สึกสนุกและมีความสุขมาก นอกจากนี้ผมยังได้ใกล้ชิดและรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเพลิงมากขึ้น ซึ่งถ้ามองข้ามเรื่องที่มักจะกวนอารมณ์และเอาแต่ใจไปสักหน่อย ผมคิดว่าเพลิงก็เป็นผู้ชายที่ดีและช่างเอาใจมากๆ เลยล่ะ


   “มึงเช็คดูดีๆ นะเว่ยว่าลืมอะไรไว้รึเปล่า” เพลิงถามในขณะที่เราสองคนกำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อกลับกรุงเทพ ผมเลยหันกลับไปมองตัวบ้านที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งนั่นไม่ใช่เป็นเพราะผมลืมอะไร แต่เป็นเพราะผมรู้สึกใจหายที่เวลาแห่งความสุขได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วมากกว่า


   แต่ก็นะ...งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราเสมอ


“เราไม่ได้เอาอะไรมา คงไม่มีอะไรให้ลืมหรอกเพลิง”


“เออ ก็จริงของมึง แต่ถ้าลืมก็ช่างแม่งเถอะ เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่” พอได้ยินแบบนั้นผมก็ส่ายหน้าไปมา เพลิงนี่ก็ชอบใช้เงินแก้ปัญหามันซะทุกเรื่อง แถมยังคงพูดจาไม่ค่อยรื่นหูเหมือนเดิม แต่ก็เอาเถอะ คนที่พูดหวานๆ ใช่ว่าจะเป็นคนดีเสียเมื่อไหร่ ส่วนคนที่พูดจาหยาบคายก็ใช่ว่าจะเป็นคนเลว


   ขากลับพวกเราไม่ได้แวะที่ไหนเลยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงกรุงเทพฯ ออกจากหัวหินตอน 1 ทุ่มนิดๆ เกือบ 4 ทุ่มก็มาถึงหอของผมแล้ว ซึ่งเพลิงก็ขึ้นมาส่งผมแล้วพักกินน้ำสักแป๊บ แต่ไม่กี่นาทีก็กลับเพราะพี่ชายที่บ้านโทรมาตาม


   “กูกลับก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้า”


   “อืม” ผมเดินไปส่งเพลิงที่หน้าห้องพร้อมกับโบกมือลา เพลิงจึงก้มหน้าลงมาหาผมแล้วจูบที่หน้าผาก จากนั้นก็เดินลงบันไดกลับไป


   น่าแปลก ห้องที่อยู่คนเดียวมาตั้งหลายปีไม่เคยเหงา แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเหงาขึ้นมาซะได้ ผมเริ่มจำไม่ได้แล้วว่าการอยู่คนเดียวมันเป็นยังไง นี่ยังไม่รวมถึงการที่ต้องนอนคนเดียวบนเตียงกว้างๆ อีกด้วย


   ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะเสพติดเพลิงเข้าซะแล้ว ชักจะเริ่มเข้าใจคนที่คลั่งไคล้เพลิงหนักจนตบตีแย่งชิงกันแล้วสิ...


   “เฮ้อออ...” พอคิดได้แบบนี้ผมก็ถอนหายใจขึ้นมา ทำไมแว้บนึงผมถึงคิดว่าอยากจะผูกมัดเพลิงเอาไว้คนเดียวก็ไม่รู้ เป็นแค่คู่นอนแท้ๆ แต่คิดแบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหน ไม่ไหวๆ ไปอาบน้ำแล้วเลิกคิดฟุ้งซ่านดีกว่า


   เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ พออาบเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นเตียงไปนอน พอไม่มีคนกอดก็รู้สึกเหงาอย่างที่คิดจริงๆ เพราะงั้นกว่าที่ผมจะหลับเลยต้องพลิกตัวไปมาร่วมชั่วโมง


   เช้าวันต่อมา เพลิงมาหาผมตอนประมาณ 7 โมงกว่าๆ โดยห่ออาหารจากที่บ้านมาด้วย ซึ่งพอเราสองคนกินด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยก็ออกจากห้องแล้วตรงเข้าม.ทันที


   วินาทีแรกที่มาถึงผมค่อนข้างเครียดและกังวล เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธคงจะรู้เรื่องกันทั่วแล้ว ต่อจากนี้เวลาที่ผมเดินไปไหนก็จะต้องตกเป็นเป้าสายตา ตามด้วยเสียงซุบซิบนินทาทั้งเรื่องจริงแล้วก็เรื่องที่เสริมขึ้นแน่นอน


และถึงแม้ผมจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่พอเจอแบบนั้นเข้าจริงๆ ผมก็ยังรับมันไม่ไหว ผมอยากหายไปจากที่นี่หรือโลกนี้ซะให้พ้นๆ แต่แล้วก็มีคนคนหนึ่งยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้ แถมยังกระชับอย่างแนบแน่นเพื่อให้ผมมั่นใจว่าเขาจะไม่ไปไหน จะคอยอยู่ข้างๆ และปกป้องผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


“มึงไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะงั้นมึงไม่ต้องกลัวแล้วก็ไม่ต้องหลบหน้าใครด้วย” เพลิงเชยคางผมขึ้นไป คำพูดของเพลิงทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นจึงได้พยักหน้าลง


“อืม เข้าใจแล้ว”


“ดีมาก” เพลิงยิ้มให้ผม แต่หลังจากนั้นก็หันไปถลึงตาใส่และด่ากราดคนที่กำลังมองมาแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน


“มองทำเหี้ยอะไร! หน้าพวกกูเหมือนหน้าพ่อมึงรึไงวะ!” แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพลิงยังหันไปตะคอกใส่คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังพูดเรื่องของผมอย่างสนุกปากกันอีกต่างหาก


“เฮ่ย! ไอ้พวกนั้นน่ะ! เก็บปากไว้กินข้าวซะถ้าไม่อยากกินตีนกู!” พูดจบเพลิงก็จูงมือของผมที่ยังคงอึ้งอยู่ขึ้นตึกเรียนไปเลย


เพลิงก็ยังคงเป็นเพลิงอยู่วันยังค่ำ พักหลังมานี้ผมก็นึกว่าเพลิงจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่เพลิงก็ยังคงเกรี้ยวกราดพร้อมอาละวาดได้ทุกเวลาเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในความร้ายกาจนั้นผมกลับเห็นความอ่อนโยนซ่อนอยู่ ถึงคนอื่นจะไม่รู้และมองไม่เห็นแต่ว่าผมสัมผัสได้


ก็เหมือนที่ไฟไม่ได้ทำได้แค่เผาไหม้เพียงอย่างเดียว แต่ว่าไฟยังให้ความอบอุ่นและแสงสว่าง ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับคนที่อยู่รอบข้างว่าจะมองแบบไหน


เมื่อก่อนผมมองว่าไฟนั้นอันตรายจนไม่อยากเข้าใกล้ แต่ตอนนี้ความคิดของผมได้เปลี่ยนไป ผมไม่คิดว่าไฟอันตรายเสมอไป แถมผมยังอยากอยู่เคียงข้างไฟอีกต่างหาก


“ขอบคุณนะเพลิง ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องเลย” ผมพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องที่ต้องเรียนรวมกัน ตอนนี้เราสองคนอยู่กันตามลำพังผมเลยมีโอกาสได้พูด


“จะขอบคุณทำไม การปกป้องมึงมันเป็นเรื่องที่กูต้องทำอยู่แล้ว” เพลิงพูดอย่างจริงจัง ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นขึ้นมา หมู่นี้ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะใจเต้นกับเพลิงบ่อยเกินไปแล้ว


“ถึงงั้นก็เถอะแต่เราก็ต้องขอบคุณนายอยู่ดี”


“งั้นเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นทำเรื่องดีๆ ให้กูคืนนี้ก็แล้วกัน” เพลิงกัดปากแถมยังขยิบตาให้ผม ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมหน้าร้อนวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


“สมองนายนี่คิดเรื่องอย่างอื่นไม่เป็นเลยรึไง” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่ทำล่ะนะ


“ก็หัวบนกับหัวล่างของกูมันเชื่อมกัน เหมือนกับปากบนกับปากล่างของมึงเวลา...โอ๊ย! เดี๋ยวนี้กล้าทำร้ายกูหรอ!” ผมไม่อยากฟังเรื่องลามกของเพลิงเลยเอาหนังสือฟาดไปที่ไหล่ แต่ก็แค่เบาๆ เท่านั้น เพลิงเล่นใหญ่ร้องดังซะเวอร์


“เราจะเข้าห้องเรียนแล้ว ถ้ายังอยากพูดต่อก็เชิญตามสบาย” พูดจบผมก็เปิดประตูเข้าห้องเรียนไปเลย ซึ่งวินาทีแรกที่ผมเดินเข้ามาทุกสายตาต่างก็จับจ้อง แต่พอมองไปยังด้านหลังแล้วเห็นเพลิงแผ่รังสีพิฆาต เท่านั้นแหละแต่ละคนก็รีบหลบตาแถมยังไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น


ก็นะ...ฉายา ‘เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาล’ ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยนี่นา นักศึกษาที่อยากใช้ชีวิตในรั้วมหา’ลัยอย่างสงบสุขเลยไม่ค่อยกล้ามีปากเสียงกัน เพราะพรรคพวกของเพลิงเยอะมาก แถมแต่ละคนก็ยังร้ายกาจระดับเดียวกันทั้งนั้น แล้วใครล่ะจะกล้าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง


และเพราะเหตุนี้ชีวิตของคนจืดจางอย่างผมเลยกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม เพิ่มเติมก็คือการที่มีเพลิงคอยอยู่ข้างๆ เช้าไปรับที่หอ ตอนเย็นเมื่อเลิกเรียนก็พาไปกินข้าว เสร็จแล้วก็เป็นฝ่ายผมที่ถูกกิน จนถึงประมาณ 4 ทุ่มนิดๆ นั่นแหละเพลิงถึงได้กลับบ้าน


วัฏจักรการใช้ชีวิตของผมก็หมุนวนประมาณนี้ ผมคิดว่าการอยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดี ส่วนกวีที่ถึงแม้จะเดินสวนกันบ้าง แต่พอเห็นว่ามีเพลิงอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งกับผมอีกเลย


ในขณะที่เพลิงก็ไม่ได้ยุ่งกับใครเหมือนกัน ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาถึงแม้จะมีคนเข้าหาเพลิงบ้าง แต่เพลิงก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง แถมยังตัดสัมพันธ์กับบรรดาคู่ขาที่เคยนอนด้วยทุกคนอีกต่างหาก


“กูสัญญาว่าจากนี้ไปจะมีแค่มึงคนเดียว” เพลิงพูดจบก็สวมกอดผมเอาไว้ วินาทีนั้นหัวใจของผมมันพองโตจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเพลิงแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ จนทำให้ผมหลงคิดไปเองว่าตัวเองคือคนสำคัญ


จนกระทั่งวันหนึ่งผมจึงตาสว่างและเข้าใจสถานะของตัวเอง...


2BC


 :m18: เฮลโหลววววว สวัสดีค่าทุกคน Rabid หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ก็จบลงไปแล้วน้า หวานกันมาทั้งตอนจนเหม็นความรัก แต่ไหงประโยคสุดท้ายถึงได้รู้สึกถึงกลิ่นมาม่าที่โชยมาชอบกล?  :confuse:
บร้าาาาาา อย่าคิดมากเลยน่า กลิ่นมาม่งมาม่าอัลไลไม่มี๊ ตัวอิจฉาก็ไม่มีบทแล้ว ส่วนพระรอง (?) ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ แล้วอย่างนี้จะมีอุปสรรคอะไรได้ล่ะเนอะ เพราะงั้นก็อย่าคิดมากเลยนะที่ร้ากกกก   o3
ส่วนตอนหน้าวันอาทิตย์เจอกันนะคะ ฝากติดตามคู่เพลิงพายต่อไปด้วยน้า  :amen: กำพระให้แน่นๆแล้วมาเอาใจช่วยความรักของคู่หื่นคู่นี้กันค่า บ๊ายบายยยยย  :bye2:
(5 ก.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 02-07-2018 02:24:53
อื่อหือ ครือ............ฟหกด่าสวฟหกด่าสว  :m25:
มือสั่นพิมพ์ไม่ถูก ร้อนแรงเว่อวัง พายนู๋ยั่วจิงลูก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-07-2018 03:05:32
 :jul1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-07-2018 05:34:34
หนูพาย โซ ฮอท
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-07-2018 06:40:00
หมดแรงอ่านแล้ว  :m25:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-07-2018 06:43:22
พายแซ่บ   :heaven  :jul1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 02-07-2018 08:12:33
 :heaven :heaven ตายอย่างสงบ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 02-07-2018 08:24:03
ไม่รู้จะพิมพ์ไรแล้ว  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-07-2018 09:21:18
โอ๊ย~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 02-07-2018 13:11:54
ใครยั่วใคร ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 03-07-2018 17:46:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-07-2018 21:13:41
ในส่วนของตอนนี้นั้น :m25: :pighaun: :jul1: เลือดหมดตัวแล้ววว สำรองเลือดด่วนๆๆๆ เพื่อ nc ตอนหน้า5555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 04-07-2018 10:39:18
แซ่บมากกกก  o13 :haun4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 11 พายสายยั่ว NC [02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 04-07-2018 22:55:08
นุ้งพายยยฮอตนะแต่ไม่แสดงออกกก ต้องรอให้นางบรรยายเองถึงได้รู้ว่าเลเวลความหื่นสูงกว่านายเอกทั้งหมดในนิยายเซตนี้เลยมั้งคะ เห็นเงียบๆถ่อมตัวๆ แหม แซ่บลืมนะคะ  :impress2: :pighaun: :pighaun: :z1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11# ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าซะแล้ว [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-07-2018 21:26:44
เอิ่มมม  เราไม่ค่อยอยากจะเชื่อไรท์ว่ามันจะไม่มี
มาม่า  เราคิดว่ามันน่าจะมีนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11# ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าซะแล้ว [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-07-2018 22:20:27
เราว่าตอนนี้มันลงตัวแล้วนะเพียงแค่ขาดที่สถานะการคบกัน รักก็รักไปแล้วยังจะรออะไรวะเจ้าเพลิง
ไหนว่าจะพาาน้องเข้าบ้านไง ทำให้ชัดเจนได้แล้วย่ะ
น้องพายนี่สุดๆ คู่นี้เกิดมาคู่กันจริงๆ เติมเต็มกันตลอดๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 06-07-2018 00:16:50
ร้อนแรง กว่าคู่นี้ ก็น้ำต้มมาม่านี้แหละ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-07-2018 02:24:22
มาม่าอีกแล้วหรอ ตอนหน้านะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-07-2018 12:22:09
รอต่อไป ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 06-07-2018 12:33:29
ตาสว่างเรื่องอะไร
พายเข้าใจผิดหรือว่ามันเรื่องจริง

ก็คนแต่งบอกเองว่าไม่มาม่าแล้วนี่นา
จริงดิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 06-07-2018 21:41:15
เข้าใจว่าเป็นแฟนเพลิงชิมิพาย :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 07-07-2018 00:06:10
ประโยคสุดท้ายคือ. ?   :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-07-2018 01:22:05
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-07-2018 12:49:07
ไม่นะไม่เอามาม่าแล้ว อิ่มแล้ว :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 07-07-2018 18:12:38
 o22 o22 จะจบแบบไหนก็ได้ แต่จะจบแบบนี้ไม่ได้  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 07-07-2018 23:07:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Rabid หัวใจคลั่งรัก 11#ผมชักจะเสพติดเพลิงเข้าแล้ว P32 [5.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 08-07-2018 14:08:49
อ้าวๆๆๆ ทิ้งขี้ไว้ได้ไง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 08-07-2018 18:25:04
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 12# Pie ตัวจริงของเพลิง


วันนี้ผมมีนัดกับอินน์ทำวิจัยที่หอสมุดเมืองกรุงเทพฯ


หอสมุดแห่งนี้พึ่งเปิดบริการเมื่อปี 60 และอยู่ค่อนข้างไกลจากมหา’ลัยของผม แต่ที่ผมเลือกมาทำวิจัยที่นี่เป็นเพราะอ.ที่ปรึกษาแนะนำมา บอกว่าถึงแม้จะเปิดใหม่แต่ค่อนข้างทันสมัย เอกสารและหนังสือก็มีเยอะพอสมควรโดยเฉพาะ E-book ที่สำคัญยังมีคอมพิวเตอร์ให้บริการฟรีหลายเครื่องมากๆ ผมที่ไม่มีโน้ตบุ๊คส่วนตัวจะได้ช่วยอินน์พิมพ์อีกแรง


วิชาวิจัยนี้ผมกับอินน์ได้ทำเป็นคู่ ซึ่งนี่ก็เป็นโค้งสุดท้ายก่อนจะสอบไฟนอลเทอม 1 เพราะงั้นทุกอย่างเลยต้องเสร็จสมบูรณ์ภายในวันอาทิตย์นี้ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ตลอดสัปดาห์ผมเลยแทบไม่มีเวลาอยู่กับเพลิง เพราะเพลิงก็ต้องเร่งทำวิจัยของตัวเองเหมือนกัน


หากวิจัยมีปัญหาก็จะส่งผลกระทบถึงการทำโปรเจคจบในเทอมหน้า ถ้าจะเรียนต่อโททันทีวิจัยกับโปรเจคจบต้องทำคนเดียว แต่ถ้าจะเรียนแค่ตรีหรือยังไม่ต่อโทตอนนี้ก็สามารถทำเป็นคู่ได้ ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเทอมหน้าผมก็ต้องจับคู่กับอินน์ต่อไปเพราะยังไม่มีแพลนเรียนต่อ


อ้อ ส่วนถ้าเรื่องฝึกงานพวกเราชาววิศวะฝึกกันตั้งแต่ซัมเมอร์ตอนปี 3 ก่อนขึ้นปี 4 กันเรียบร้อย ไม่เหมือนคณะอื่นที่ส่วนใหญ่จะฝึกตอนปี 4 เทอม 2 ก่อนเรียนจบ


“เฮ้ออออออ เสร็จสักที!” อินน์พูดจบก็ฟุบหน้าลงไปที่โต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก เพราะพวกผมนั่งทำกันยิงยาวแบบไม่หยุดพักตั้งแต่ 11โมง จนตอนนี้ใกล้จะ 3 ทุ่มซึ่งเป็นเวลาปิดทำการ


แต่ถึงอินน์จะบอกว่าเสร็จ อันที่จริงก็เป็นการทำเสร็จของวันนี้เท่านั้น เพราะพรุ่งนี้เราสองคนยังต้องลุยกันต่อ ซึ่งก็ต้องลุยกันตั้งแต่ 8 โมงที่หอสมุดเปิดทำการเลยเพราะเป็นวันสุดท้ายแล้ว


คืนนั้นผมถึงห้องตอนเกือบจะ 5 ทุ่มเพราะแวะกินบะหมี่กับอินน์ก่อนเข้ามา ผมจัดการเก็บของแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็ราวกับรู้เวลา เพลิงโทรหาผมเมื่อหัวถึงหมอนได้ไม่ถึงนาที


[“ไง ถึงห้องแล้วใช่มั้ย”] ประโยคทักทายที่เพลิงพูดไม่มีอะไรพิเศษ น้ำเสียงก็ยังห้วนๆ ไม่อ่อนโยนเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยิ้มออกมาได้ด้วยหัวใจที่พองโต


“อืม ถึงสักพักแล้ว”


[“แล้ววันนี้เหนื่อยมั้ย ทำวิจัยเสร็จรึยัง”]


“ก็เหนื่อยนิดหน่อย ส่วนวิจัยพรุ่งนี้น่าจะเสร็จ แล้วนายล่ะ”


“ก็ใกล้แล้ว พรุ่งนี้คงเสร็จเหมือนกัน ค่ำๆ เดี๋ยวกูไปหานะ จะค้างด้วยแล้วก็กอดมึงยันเช้าให้หายเหนื่อยเลย”]


“เราว่านายจะทำให้เราเหนื่อยกว่าเดิมล่ะสิไม่ว่า” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็อมยิ้มออกมา ส่วนช่วงล่างก็เริ่มร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเรื่องที่เพลิงจะทำกับผมคืนพรุ่งนี้


[“หึหึ มีอารมณ์แล้วล่ะสิ”] เพลิงพูดอย่างกับว่าแอบมองอยู่ในห้องยังไงยังงั้น


“คะ...ใครจะไปมีอารมณ์กันเล่า” -///-


[“แหม่ ก็ถ้ามีกูว่าจะชวนเล่นเซ็กส์โฟนสักหน่อย”]


“หา!?” ผมอุทานด้วยความตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นจนใจเต้นรัว ช่วงล่างยิ่งร้อนผ่าวและเสียววาบที่ท้องน้อยขึ้นมาแล้ว


“คะ...คือ...” แต่ขณะที่ผมกำลังจะตอบว่าลองดูก็ได้ เพลิงกลับหัวเราะอย่างขำๆ ขึ้นมาซะงั้น


[“กูล้อเล่นหรอกน่า ซีเรียสอะไรเนี่ย”]


“อะไรกัน ล้อเล่นหรอกหรอ” รู้สึกเสียดายนิดๆ ยังไงก็ไม่รู้


[“จินตนาการจะไปสู้ของจริงได้ยังไงกันเล่า ไปนอนได้แล้วไป ถ้าพรุ่งนี้ตื่นไปทำวิจัยไม่ไหวเดี๋ยวก็มาโทษกู”]


“อืม งั้นเรานอนแล้วนะ”


[“ฝันดี”]


“ฝันดีเหมือนกัน”


แล้วบทสนธนาของผมกับเพลิงก็จบลงเพียงเท่านี้ ผมที่ถึงแม้จะอารมณ์ค้างหน่อยๆ แต่ความเหนื่อยล้าที่เร่งทำงานหลายชั่วโมงติดต่อกันก็ทำให้ผมฝืนต่อไปไม่ไหว เปลือกตาอันหนักอึ้งของผมได้ปิดลงด้วยความง่วงงุนไปเลย


ตื่นมาอีกทีก็ตอน 6 โมงเช้า ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วทำแซนด์วิชกินง่ายๆ จากนั้นก็รีบเดินทางไปหอสมุดเมืองกรุงเทพฯ ทันที วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่นี่เลยจะปิดเร็วกว่าเดิม 1 ชม. ผมกับอินน์เลยต้องเร่งทำงาน ช่วงกลางวันก็แว้บไปกินข้าวไม่ถึง 20 นาทีก็รีบมาลุยต่อ เพราะงั้นเพียง 5 โมงเย็นทุกอย่างจึงได้เสร็จอย่างสมบูรณ์


“ฮืออออ ในที่สุดพวกเราก็ทำได้” อินน์โผเข้ากอดผมด้วยความดีใจ ส่วนผมก็ไม่ต่างกัน ในที่สุดความพยายามทั้งเทอมของเราสองคนก็สำเร็จแล้ว


“หลังจากนี้ต้องรีบไปไหนมั้ย เราว่าจะชวนไปกินอะไรอร่อยๆ ฮีลร่างกายกันหน่อยน่ะ” อินน์ยิ้มแฉ่งด้วยดวงตาเป็นกระกาย


“ตอนค่ำๆ เพลิงบอกว่าจะมาหา แต่ว่ายังพอมีเวลาอยู่ เดี๋ยวเราไปกับอินน์ก่อนก็ได้”


“เฮ้ยไม่เป็นไร ไว้วันหลังเราค่อยไปหาอะไรกินกัน วันนี้พายรีบกลับไปหาเพลิงเถอะ”


“เอ่อ...เอางั้นก็ได้ ไว้หลังสอบเสร็จค่อยนัดกันใหม่เนอะ”


“โอเคได้เลย” อินน์ยังคงยิ้มอย่างสดใสไม่มีท่าทีน้อยใจผมแต่อย่างใด ผมจึงโล่งใจแล้วก็เริ่มเก็บข้าวของและเช็คความเรียบร้อยของไฟล์งาน


เมื่อคิดว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบไม่น่ามีปัญหา ผมกับอินน์จึงพากันแบ่งหนังสือที่หยิบมาอ้างอิงไปคืน โดยอินน์ไปชั้นบนส่วนผมลงชั้นล่างจะได้ไม่เสียเวลา แต่ถึงอย่างนั้นกองที่ผมหอบมาก็ดันมีเล่มที่ต้องไปคืนที่ชั้นบนจนได้ เพราะงั้นหลังจากคืนหนังสือที่เหลือแล้วผมจึงได้เดินขึ้นไปหาอินน์ที่ยังคงไม่ลงมา


พอไปถึงผมก็เก็บหนังสือเจ้าปัญหาเข้าที่ จากนั้นก็กวาดสายตามองหาอินน์ ซึ่งก็เจออินน์ยืนแอบอยู่ข้างชั้นหนังสือ โดยหันหลังทำเหมือนกับว่ากำลังมองใครหรืออะไรสักอย่างที่อยู่ตรงโต๊ะด้านหน้า


“มองอะไรน่ะอินน์” ผมคิดว่าผมก็ถามด้วยเสียงปกติ แถมตอนที่เดินเข้ามาก็ไม่ได้แอบย่องสักหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมอินน์ถึงได้สะดุ้งโหยงอย่างตกใจราวกับเห็นผีซะงั้น


 “พาย!!!”


“ชู่วววว เสียงดังไปแล้ว” ผมเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก “ว่าแต่อินน์มองอะไรยังไม่เห็นตอบเราเลย” ผมพูดจบก็ว่าจะชะโงกหน้าไปดูสักหน่อย แต่อินน์ก็รีบดึงตัวผมเอาไว้แล้วทำหน้าตาตื่นยิ่งกว่าเดิม


“ไม่มีอะไรหรอกพาย! ระ...เราว่านี่มันก็เย็นมากแล้ว รีบกลับบ้านกันเถอะนะ!” ไม่พูดเปล่าอินน์ยังทำท่าจะลากผมออกไปจากตรงนี้ด้วย แต่ท่าทางของอินน์ที่ดูแปลกๆ แบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้ผมสงสัยจนต้องขืนตัวเอาไว้


“ถ้าไม่มีอะไรเราก็ต้องดูได้สิ”


“แต่พาย...” อินน์พยายามจะห้ามผมเอาไว้ แต่ก็ไม่ทัน เพราะตอนนี้ผมก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว แต่ก็เป็นแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เพราะทันทีที่ผมเห็นผู้ชายสองคนที่นั่งข้างกันตรงโต๊ะด้านหน้า ขาของผมก็ก้าวไม่ออกได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่


ภาพที่สายตาของผมมองเห็นก็คือ เพลิงที่ดูลุคแปลกตานิดหน่อย อาจเป็นเพราะต้องแต่งตัวและทำผมให้เรียบร้อยเพราะมาสถานที่ราชการ กำลังนั่งพิมพ์งานที่โน้ตบุ๊คโดยมีผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งนั่งอ่านชีทงานให้ฟังอยู่ข้างๆ ซึ่งถ้านั่งอ่านธรรมดาผมคงจะไม่คิดอะไรมาก แต่การที่ควงแขนแล้วซบไหล่ด้วยท่าทางที่สนิทสนมแบบนั้น ทำเอาผมคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแค่เพื่อนที่จับคู่ทำวิจัยกับเพลิงไม่ได้จริงๆ


ผมยืนนิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อนอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งคนที่ซบไหล่เพลิงรู้ตัวถึงได้มองมาที่ผมอย่างไม่ค่อยพอใจ แล้วก็หันไปสะกิดเพลิงที่กำลังพิมพ์วิจัยอยู่โดยไม่รับรู้ถึงการยืนอยู่ของผมเลย


“มึง นั่นใคร คนรู้จักมึงรึเปล่า” พอได้ยินแบบนั้นเพลิงก็เงยหน้าขึ้นมา สายตามองมาทางผมผ่านทางกรอบแว่นนั้นว่างเปล่าจนผมรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจ แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับคำพูดที่ผมได้ยินหลังจากนั้น


“ไม่นี่ กูไม่รู้จัก แล้วก็ไม่เคยเห็นหน้าด้วย” เพลิงปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ซึ่งนั่นก็ทำให้ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ค่อยยิ้มออกมาได้ ผิดกับผมที่ตอนนี้ราวกับว่าหัวใจได้แตกสลายไปเรียบร้อยแล้ว


“ถ้าไม่รู้จักก็แล้วไป แต่อย่าให้รู้แล้วกันว่ามึงริอาจแอบนอกใจกูไปมีกิ๊ก”


 “จะมีให้ปวดหัวเพิ่มทำไม แค่เลี้ยงดูมึงคนเดียวกูก็แทบจะล้มละลายอยู่แล้ว”


“มึงว่าไงนะ!” ผู้ชายคนนั้นแยกเขี้ยวใส่แล้วทำตาขวาง เพลิงที่เห็นอย่างนั้นเลยหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะใช้สองมือจับไปตรงแก้มที่อยู่ด้านหน้า


“รักหรอกถึงหยอกเล่นน่า สาบานเลยว่ากูรักมึงคนเดียว” สายตาของเพลิงเวลาที่มองผู้ชายคนนั้นดูอบอุ่นและมีความสุขมาก ส่วนคำว่ารักต่อให้เด็กอนุบาลมองก็รู้ว่าเพลิงพูดออกมาจากใจ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมที่ยังคงยืนนิ่งอยู่น้ำตาไหลออกมา


“พาย...” อินน์แตะที่ไหล่ของผมเอาไว้ นั่นแหละผมถึงได้รู้ตัวว่าไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม แต่เป็นที่ของเพลิงกับตัวจริงต่างหาก


ที่ผ่านมาไม่เคยมีสักครั้งที่เพลิงบอกว่ารักผม ขนาดชอบก็ยังไม่มี แล้วอย่างนี้ทำไมผมถึงได้คิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นคนสำคัญกันนะ แถมยังคิดไกลเกินไปอีกว่าเราสองคนกำลังคบกัน ทั้งๆ ที่เพลิงก็เคยย้ำอยู่ตลอดว่าผมเป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์แท้ๆ


อยู่กับผู้ชายคนนั้นเพลิงจะลุคคุณชายแถมยังดูเป็นสุภาพบุรุษ แต่อยู่กับผมเพลิงจะลุคแบดบอยและดิบเถื่อนราวกับสัตว์ป่า ก็อย่างว่าล่ะนะผมมันก็แค่ตัวแทน ความอ่อนโยนที่เคยได้รับมันก็แค่เศษเสี้ยวของตัวจริงเท่านั้น


“เราว่ามันอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดก็ได้ ให้เราไปถามเพลิงให้เอามั้ย บางที...”


“ไม่ต้องหรอกอินน์ เรากลับกันเถอะ” ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ตอนนี้หัวใจของผมมันพังไม่เป็นชิ้นดีและเจ็บยิ่งกว่าตอนที่กวีบอกว่ามีแฟนแล้วซะอีก


นี่หรือว่าผมกำลังอกหักอีกครั้ง?


บ้าน่า...ไม่มีทางหรอก เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง ผู้ชายแบบเพลิงไม่ใช่ประเภทที่ผมจะชอบหรือรักได้สักหน่อย ผมก็แค่รู้สึกแย่เฉยๆ ที่เผลอไปข้องเกี่ยวกับคนที่มีแฟนอยู่แล้ว แถมยังดูรักกันมาก มากซะจนผมนึกไม่ออกว่าคนที่รักแฟนขนาดนั้นจะกล้าแอบไปมีอะไรกับคนอื่นได้ยังไง


“เราอยากเลิก ไม่อยากเป็นเซ็กส์เฟรนด์ของเพลิงอีกแล้ว” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่วางกระเป๋าเอาไว้ ผมก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วเอ่อคลอขึ้นที่ขอบตาก่อนจะไหลลงมาอีกครั้ง อินน์ที่เห็นแบบนั้นเลยบีบมือผมเบาๆ ด้วยความเห็นใจ


“แต่พายรักเพลิงไม่ใช่หรอ ถ้าเกิดว่าเลิก...”


“เราไม่มีทางรักคนแบบนั้นได้หรอก! ก็แค่...รู้สึกแย่...แค่นั้นจริงๆ...” ก็ไม่รู้ว่าประโยคนี้ผมตั้งใจจะอธิบายกับอินน์ หรือตั้งใจจะย้ำเตือนตัวเองกันแน่ แต่ผมก็หวังว่าตัวเองจะรู้สึกอย่างนั้นอย่างที่พูด


 “โอเค ถ้าไม่รักก็ดีแล้ว ว่าแต่เพลิงจะยอมเลิกง่ายๆ หรอพาย บางทีแฟนที่คบอยู่อาจจะไม่ยอมมีอะไรด้วย หรือเพลิงอาจจะอยากถนอมแฟนจนต้องหาที่ระบายอะไรแบบนี้”


“เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาของเรา แล้วเพลิงจะยอมหรือไม่ยอมก็ช่าง แต่ยังไงเราก็จะเลิก” สถานะเซ็กส์เฟรนด์ว่าแย่แล้ว แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเมียน้อยไม่ก็เมียเก็บที่แย่มากกว่าซะอีก


“ถ้าพายอยากจะเลิกจริงๆ เราก็พอมีวิธีที่จะช่วยพายได้อยู่นะ”


“วิธีอะไร” ผมรีบหันไปมองหน้าอินน์ทันที ตอนนี้ไม่ว่าจะวิธีไหนผมก็จะทำทั้งนั้น แต่นั่นผมก็ไม่คิดว่า...


“เราจะเป็นเซ็กส์เฟรนด์ของเพลิงแทนพายเอง”


“วะ...ว่าไงนะ?” นี่ผมได้ยินผิดไปใช่มั้ย หรือว่าอินน์ตั้งใจจะเล่นมุกให้ผมขำ แต่ว่าหน้าของอินน์ดูจริงจังเหมือนไม่ได้ล้อผมเล่นเลยสักนิด


“ตอนแรกเราก็ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับพายหรอก แต่ในเมื่อพายบอกไม่ได้ชอบเพลิงงั้นเราจะบอกพายก็ได้...เราชอบเพลิงมาตั้งแต่ตอนปี 1 แล้ว” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ระหว่างเรื่องที่เพลิงมีแฟนอยู่แล้ว กับเรื่องที่อินน์แอบชอบเพลิงมาตั้ง 3 ปี ผมไม่รู้ว่าควรจะตกใจเรื่องไหนมากกว่ากัน


อินน์เล่าว่าตอนแรกก็ไม่ได้ชอบอะไรเพลิงมาก แค่รู้สึกว่าหล่อ ตรงสเปค แถมยังเก่งแล้วก็เด่นมากเลยชอบมอง แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ได้กลายเป็นชอบขึ้นมาจริงๆ ซึ่งอินน์ก็ชอบมากซะจนเคยสารภาพรักกับเพลิงไปแล้ว แต่แน่นอนว่าเพลิงต้องปฏิเสธ แถมยังไม่สนใจอินน์เลยด้วยซ้ำเพราะไม่คิดจะคบกับใคร ส่วนคู่นอนก็มีแทบทุกคณะในมหา’ลัย ซึ่งแต่ละคนก็เป็นตัวท็อปด้วยกันทั้งนั้น


พอได้รู้ถึงความรู้สึกของอินน์ ผมจึงนึกย้อนไปถึงเรื่องที่คาใจมาสักพัก นั่นก็คือเรื่องที่อินน์มีเบอร์โทรศัพท์ของเพลิงทั้งที่ผมไม่เคยบอก นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ชอบซักถามเรื่องของเพลิง มองเพลิงด้วยสายตาแปลกๆ แถมเวลาแยกกันยังมองจนสุดสายตา ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเพราะกลัวไม่ก็หวาดระแวง แต่ที่แท้ก็เป็นเพราะชอบเองสินะ


“เรามีอีกเรื่องที่จะสารภาพด้วยล่ะ ความจริงวันนั้นเรารู้นะว่าเพลิงกำลังตามหาพาย แต่ที่เราทำเป็นไม่รู้ แล้วก็เออออตามเวลาพายพูดอะไรก็เป็นเพราะเราอิจฉา เราไม่อยากให้เพลิงเจอพาย ขอโทษนะที่เรามันนิสัยไม่ดี” อินน์พูดอย่างรู้สึกผิด สีหน้าที่เห็นผมมองออกว่ามาจากใจจริงไม่ได้เป็นการเสแสร้งแม้แต่น้อย


มิน่าล่ะวันนั้นอินน์ถึงได้เชื่อที่ผมพูดทุกอย่าง ดูเข้าใจอะไรง่ายๆ และไม่สงสัยเลยสักนิด แม้ว่าคำพูดของผมจะมีตรรกะและเหตุผลแปลกประหลาดขนาดไหนก็ตาม


แต่จะว่าไปถ้าจำไม่ผิดเป็นเพราะชื่อ ‘พฤกษ์’ ที่อินน์แนะนำให้ผมเปลี่ยนนั่นแหละที่ทำให้เพลิงจับผมได้ นี่ถ้าบอกไปก็ไม่รู้ว่าอินน์จะรู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ คงจะไม่รู้สึกดีใจหรอกมั้ง


“เรื่องนั้นอินน์ไม่ต้องขอโทษหรอก ก็เราไม่ได้อยากให้เพลิงเจอเราจริงๆ นี่นา ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สาบานเลยว่าเราจะไม่เข้าไปที่บาร์นั้นเด็ดขาด ชาตินี้ทั้งชาติเรากับเพลิงจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน เป็นแค่เพื่อนร่วมคณะที่ไม่เคยคุยกันก็พอ แต่ก็นะ...ในโลกความเป็นจริงเรื่องที่จะย้อนเวลากลับไปมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” ผมยิ้มขื่นๆ ออกมา ทำไมชีวิตของผมถึงต้องมาตกอยู่ในวังวนความรักของคนนั้นคนนี้ไม่จบไม่สิ้นสักที


“จริงอยู่ว่าพายย้อนเวลากลับไปไม่ได้ แต่ถ้าพายทำตามที่เราบอก พายก็จะสามารถเปลี่ยนอนาคตได้นะ”


“แต่อินน์...” สถานะของผมที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็แค่ตัวแทนเท่านั้น ผมไม่อยากให้อินน์ต้องมาตกอยู่ในสถานะเดียวกัน เพราะนอกจากจะไม่มีความสุขแล้วมันยังเจ็บปวดมาก แต่ก็ดูท่าว่าอินน์จะยินดีและเต็มใจแม้จะรู้ถึงผลลัพธ์แบบนั้นอยู่แล้ว


“จำได้มั้ยว่าพายติดค้างคำขอของเราอย่างนึง เพราะงั้น...ขอให้เราได้ไปอยู่แทนที่พายเถอะนะ”


2BC


 o15 สวัสดีค่าทุกคน พบกับเค้าแบบนี้ก็แสดงว่า Rabid หัวใจคลั่งรักก็ได้จบไปอีก 1 ตอนแล้ว ลงแบบยาวกว่าปกติด้วยนะคะ ซึ่งก็ไม่มีกลิ่นมาม่าอย่างที่เค้าบอกเลยใช่มั้ยล่ะ เป็นกลิ่นของหวานจนรู้สึกเหม็นความรักเอามากๆ  :m3: ถามว่าพูดถึงคู่ไหน? ก็คู่พฤกษ์ซ่าไงจะใครล่ะ อิอิ (ได้เอาคืนอีตาเพลิงสมใจแกแล้วนะไอ้ซ่า 55555  :laugh: )
ส่วนคู่ของเพลิงพายนั้น พูดเลยว่ามันไม่ใช่แค่มาม่าแล้วค่ะ แต่มันแทบจะเป็นระเบิดเวลาไปแล้ว 55555  :katai1: เราจำได้ว่าเคยเห็นคอมเมนท์ที่รู้สึกทะแม่งๆกับอินน์บ้าง คืออยากจะปรบมือและยกนิ้วให้เลยค่ะ เก่งและเซ้นส์ดีมากๆเลยที่ร้ากกกกก  :katai2-1:
ไหนๆได้เอ่ยถึงอินน์ละก็ขอถามหน่อยแล้วกัน เกลียดอินน์กันมั้ยน้อ? ส่วนถ้าถามถึงความเห็นของเรา เราไม่เกลียดนะ คืออินน์ไม่ได้ร้ายอะไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่รู้ล่ะนะว่าสร้างความร้าวฉานให้คู่เพลิงพายขนาดไหน ที่แน่ๆต้องมาลุ้นกับคำตอบของพายกันนะคะว่าตอบยังไง วันพุธช่วงค่ำๆหรือดึกๆเจอกันค่ะที่ร้ากกกก  :bye2: กำพระให้แน่นกว่าเดิมแล้วมาเอาใจช่วยคู่เพลิงพายด้วยน้าาาา  :amen:
(8 ก.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-07-2018 18:31:58
คู่นี้มันติดที่การสื่อสารจริงๆ
ว่าแต่ยัยอินน์หล่อนร้ายพอกับกวีเลยนี่
หนูพายรีบตามตัวเพลิงด่วน จะได้รู้สักทีว่าตอนนี้เพลิงตัวจริงอยู่ไหน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 08-07-2018 19:34:30
พี่ชายหรืออะไรเพลิงแน่ๆ
ไม่ใช่เพลิงแน่ๆอ่ะพาย
แต่อินน์ร้ายว่ะ
ดูก็รุ้แล้วป่ะว่าพายรักเพลิงแล้ว
กล้าขอแบบนี้เพื่อนกันจิงหรอ
รักแค่ไหนก็ไม่วรนะแบบนี้
ดูเหมือนพายจะมีแต่เพื่อนเห็นแก่ตัวนะ
หรือเพราะเปนคนสบายๆ เลยมีแต่คนเข้ามาเอาเปรียบ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 08-07-2018 23:52:04
เชื่อแระกับประโยคที่มีคนพูดว่า..
สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่ความจริง....เพลิงงานเข้า ซวยซะ
และสิ่งที่จริงอาจจะไม่เคยได้เห็น..ก็อินน์เพื่อนรักเพื่อนร้ายคนนี้ไง

ยังไงพายก็ต้องคุยกับเพลิงให้รู้เรื่องก่อน..สตินะ ใช้เหอะ
อย่าไปตกปากรับคำคนอื่นก่อนจะได้เคลียร์กัน

วู้ววววว..ไม่รู้ยังไงอ่านตอนนี้แล้วโคตรสงสารเพลิงอ่ะ
อยู่ดีดี..ไม่ได้ทำอะไรผิด เจือกซวยซะงั้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-07-2018 00:21:53
อะไรกันเนี่ย!?
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-07-2018 00:42:23
เพลิงงานเข้าแกแล้ว อิเพื่อนนี่ก็ขยันแทงข้างหลังดีนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-07-2018 01:38:07
อิรุงตุงนังดีเนอะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-07-2018 04:02:55
หรือว่าอินท์จะรู้ว่าเพลิงมีคู่แฝด  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-07-2018 13:00:53
เมียแฝด ทำเรื่อง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 09-07-2018 23:13:48
ด้านอ่ะ เรื่องแบบนี้ขอกันได้เหรอ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-07-2018 07:45:08
พอมีช่องทาง อินทร์ก็เสียบทันทีเลยนะ พายก็คิดเองเออเองตลอด น่าจะรอเจอหน้ากันแล้วถามก่อนนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-07-2018 13:57:56
เฮ้ย อินจริงจังหรือจ้อจี้เนี้ย อินไม่น่าเป็นคนแบบนี้นะ พายเจอพฤกษ์แล้วล่ะลูก รอถามเพลิงก่อนดิอย่าคิดไปเอง :serius2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 ตัวจริงของเพลิง [08.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 10-07-2018 22:44:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 11-07-2018 22:40:17
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 12# Plerng จุดแตกหัก


   Rrrrrrrr Rrrrrrrr


   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยของวิจัยกับคู่หูที่ทำด้วยกัน ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจจึงไม่ได้กดรับเพราะเป็นเบอร์ของไอ้พฤกษ์ แต่นี่เป็นสายที่ 3 ที่มันโทรมา ผมเลยคิดว่ามันน่าจะมีเรื่องด่วนแหละไม่อย่างนั้นคงโทรมารัวๆ ขนาดนี้


   “มึงดูไปก่อนนะ กูรับโทรศัพท์พี่ชายแป๊บ” พูดจบผมก็เดินออกมาตรงระเบียง ส่วนไอ้เจ้าของห้องก็ตรวจเช็คความเรียบร้อยของวิจัยต่อไป


   “ว่าไงไอ้พฤกษ์”


   [“กูมีเรื่องอยากจะถามหน่อย มึงมีคนรู้จักที่ตัวเล็กๆ ใส่แว่นกรอบหนาๆ หน้าจืดๆ อารมณ์เหมือนกับเด็กเนิร์ดอะไรแบบนี้มั้ย”] คำถามของไอ้พฤกษ์ทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วแล้วก็ทำหน้างง คนแบบนั้นผมจะไปรู้จักได้ยังไง


   “ไม่อะ ว่าแต่มึงถามทำไมเนี่ย”


   [“ก็วันนี้ตอนที่กูช่วยซ่าทำวิจัย มีผู้ชายคนนึงมองมาที่พวกกูแล้วก็ทำหน้าแปลกๆ เหมือนจะร้องไห้น่ะสิ กูเลยไม่แน่ใจว่ามึงได้ไปหลอกเด็กที่ไหนเอาไว้รึเปล่า”]   


“ไอ้ห่า พูดเหมือนกูเลวชาติมาเลยนะมึง แต่เดี๋ยวก่อน...อย่าบอกนะว่านั่นคือพาย!” ฉิบหายแล้วไง จะว่าไปลักษณะภายนอกของพายก็เป็นแบบที่ไอ้พฤกษ์พูดเลยนี่หว่า แต่ว่าผมมองทะลุภายนอกเข้าไปถึงความสวยที่ซ่อนอยู่ภายใน เพราะงั้นผมเลยแทบจะลืมไปแล้วว่าลุคของพายคือคนที่เนิร์ดแตกแล้วก็จืดจางสุดๆ


   “มึงกับไอ้ซ่าไปทำวิจัยกันที่ไหน”


   [“หอสมุดเมืองกรุงเทพฯ”]


   “นรกแตกแล้ว นั่นแฟนกูเองแหละมึง” ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเสยผมแล้วกำค้างเอาไว้แบบนั้น ห้องสมุดในกรุงเทพฯ มีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมพวกมึงต้องไปที่นั่นกันด้วยวะเนี่ย!


   [“แฟน? นี่มึงล้อเล่นปะ?”] เสียงของไอ้พฤกษ์ดูแปลกใจสุดๆ ก็แหงล่ะดูเผินๆ ลุคของพายออกจะเนิร์ดแตกซะขนาดนั้นเลยนี่หว่า


   “กูพูดจริงเว่ย เดี๋ยวเคลียร์เรื่องนี้จบแล้วกูจะพาไปเจอ บอกเลยว่ามึงจะต้องเปลี่ยนคำพูด” จริงๆ ผมก็ว่าจะพาพายเข้าไปแนะนำกับคนที่บ้านสักพักแล้วแหละแต่ยังไม่มีโอกาส บางสัปดาห์คนก็ไม่ครบบ้าง ผมกับพายต้องทำวิจัยบ้าง สรุปเลยยังไม่ได้พาไปสักที


   [“เออ จะรอดูแล้วกัน”]


   “เค บาย” แล้วผมก็กดวางสาย จากนั้นก็รีบโทรหาพายทันที แต่ไม่ว่ากี่ครั้งพายก็ไม่ยอมรับสายเลย ท่าทางคงจะโกรธมากเพราะเข้าใจผิดว่าผมนอกใจ เพราะงั้นทางเดียวที่จะสามารถคุยกับพายให้รู้เรื่องได้ ก็คือผมต้องบุกไปคุยถึงที่หอนั่นแหละนะ


   “มึง กูกลับก่อนนะ มีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ” ผมเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วบอกคู่หูทำวิจัย ซึ่งมันก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะงานทั้งหมดมันเสร็จแล้ว เหลือแค่เช็คความเรียบร้อยนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง


   หลังจากนั้นผมก็รีบเดินลงจากคอนโดของมันไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างล่าง จากที่นี่ไปหอพายน่าจะใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ แต่ผมก็ไม่ได้ร้อนใจมากเพราะมันเป็นปัญหาเล็กๆ แค่ผมอธิบายไปว่าที่พายเห็นคือไอ้พฤกษ์ที่เป็นแฝดผมปัญหามันก็จบแล้ว


   ส่วนเรื่องที่ผมไม่ยอมบอกใครเรื่องที่มีพี่ชายฝาแฝด อย่างแรกคือผมเคยบอกไปแล้วว่า เป็นเพราะมีแต่คนชอบถามว่านอกจากหน้าตาทำไมอย่างอื่นเราสองคนถึงไม่เหมือนกันเลย เอาง่ายๆ ก็คือชอบมาเสือกกับชีวิตของพวกผม สาระแนไปหมดทุกเรื่องว่าทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างโน้น ทำไมอย่างนี้ ซึ่งแม่งโคตรน่ารำคาญ


   อย่างที่สองก็เป็นเพราะชอบมีแต่คนเอาพวกเราสองคนมาเปรียบเทียบกัน แล้วคนที่โดนกดจนต่ำจมดินก็ไม่พ้นเป็นผม ส่วนไอ้พฤกษ์แม่งโดนยกซะสูงจนแทบเสียดฟ้า แต่ก็อย่างว่าล่ะนะไอ้พฤกษ์มันลุคคุณชายขนาดนั้น ซึ่งผมก็ไม่ได้มีปัญหาหรืออิจฉาอะไรมันหรอก เอาตรงๆ ผมแอบสงสารมันด้วยซ้ำที่ชอบทำตัวเป็นคนดี แถมยังแบกรับความคาดหวังของคนอื่นอยู่เรื่อย


   เพราะงี้แหละผมเลยไม่อยากบอกใครว่ามีแฝดเป็นไอ้พฤกษ์ โดยเฉพาะพายที่ผมอยากจะบอกเป็นคนสุดท้ายในโลกด้วยซ้ำ!


   ถามว่าเพราะอะไร?


   ก็เพราะกลัวพายจะไปชอบคนอย่างไอ้พฤกษ์น่ะสิ!


จริงอยู่ที่มันมีแฟนแล้วแถมยังรักแฟนมาก (เหม็นความรักฉิบ!) แต่ว่ามันทั้งนิสัยดี อ่อนโยน แล้วก็โคตรเป็นสุภาพบุรุษ ลุคแบบมันผมคิดว่าแม่งคือชายในฝันของพายชัดๆ เพราะงั้นจนกว่าผมจะมั่นใจว่าพายชอบผมมากพอ ผมถึงจะแนะนำให้รู้จักกับไอ้พฤกษ์ แต่แม่งสองคนนั้นก็ดันไปเจอกันซะก่อน แถมยังเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันซะได้


ก็ยังดีที่มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ไม่เกิน 5 นาทีปัญหาก็คงจะคลี่คลาย แต่ผมไม่ได้รู้เลยว่ายังมีปัญหาอีกเรื่อง แถมยังเป็นเรื่องใหญ่มากที่ทำให้ผมกับพายต้องถึงจุดแตกหัก!


หลังจากที่ผมขับรถมาชั่วโมงกว่าก็มาถึงหอพักของพาย ผมจอดรถไว้ด้านหน้าแล้วรีบเดินขึ้นไป ตอนนี้ผมมีคีย์การ์ดและกุญแจห้องของพายแล้ว เพราะงั้นเลยไม่ต้องรอติดสอยห้อยตามคนอื่น ซึ่งพอผมไปถึงหน้าห้องของพายผมก็รีบไขกุญแจเพื่อจะได้เข้าไป แต่พายก็ล็อกกลอนเอาไว้ทำให้ผมไม่สามารถเปิดประตูได้


“พาย อยู่ข้างในใช่มั้ย เปิดประตูให้กูด้วย” ผมเคาะประตูแล้วพยายามพูดอย่างใจเย็น แต่พายก็ยังเงียบจนผมเริ่มจะเย็นไม่ไหวแล้ว


“พาย! เปิดประตูให้กูเดี๋ยวนี้! หรือจะให้กูพังประตูเข้าไป!” คนอย่างผมใจเย็นได้เกินนาทีที่ไหน ผมคือไฟนะมันก็ต้องร้อนเป็นธรรมดาน่ะสิ! 


   แอ๊ด...


   แล้วไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นพายก็เปิดประตูให้ผม สีหน้าของพายมีความเย็นชา ส่วนดวงตาก็แดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างแน่นอน


   “พาย คือเรื่องที่หอสมุด...”


   “ต่อไปนี้เลิกมายุ่งกับเราได้แล้ว” พายพูดขัดขึ้นซะก่อน ซึ่งตอนแรกผมก็ว่าจะพูดต่อให้จบประโยคนั่นแหละ แต่ประโยคถัดไปของพายก็ทำให้ผมถึงกับชะงัก แถมยังต้องขมวดคิ้วด้วยความงุนงง


   “เราไม่อยากเป็นเซ็กส์เฟรนด์ของนายอีกแล้วเพลิง”


   “ว่าไงนะ?” เซ็กส์เฟรนด์บ้าบออะไร ผมกับพายเป็นแฟนกันตั้งแต่เดือนที่แล้วไม่ใช่รึไงวะ!


ทั้งเลิกเที่ยว บอกเลิกคู่ขา ใครที่พยายามเสนอตัวให้ก็ปฏิเสธ ตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมาผมมีแค่พาย ไม่ว่าจะดูแลเทคแคร์ จะควงไปไหนมาไหน จะกอดหรือนอนด้วยก็มีแค่พาย แล้วพายยังกล้าคิดว่านั่นคือเซ็กเฟรนด์ไม่ใช่แฟนอีกงั้นเรอะ ผมอยากจะบ้า!


   “มึงฟังกูให้ดีนะ” ในเมื่อพายไม่เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเปลี่ยนแปลงเพื่อพายผมจะอธิบายให้ฟังก็ได้ ถึงแม้ผมจะหัวร้อนนิดหน่อยก็เถอะที่พายแม่งเข้าใจอะไรโคตรยาก แต่แล้วผมก็ต้องหัวร้อนมากกว่าเดิม เมื่อพายดันไม่ยอมเปิดใจฟังอะไรจากผมเลย


   “พอเถอะเพลิง เราไม่อยากฟังไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เรื่องในวันนี้มันมากเกินกว่าที่เราจะรับไหวแล้ว เพราะงั้น...เรื่องของเราให้มันจบลงวันนี้เถอะ”


   “มึงจะบ้ารึไง! ใครมันจะไปยอมวะ!” กะอีแค่เห็นคนที่หน้าเหมือนผมไปสวีทกับคนอื่นแค่นี้ก็ถึงขั้นจะเลิกเลยงั้นหรอ ทำไมพายถึงไม่คิดจะถาม หรือไม่คิดจะให้โอกาสผมอธิบายความจริงให้ฟังเลยล่ะ


ในสายตาของพายผมมันคงเลวชาติ ไม่มีความดีในตัวสักนิดเลยใช่มั้ย หรือความจริงแล้วพายไม่ได้คิดจริงจังกับผม เป็นผมคนเดียวที่คิดจริงจังกับพายอยู่ฝ่ายเดียว!


“ถ้านายกลัวจะหาคู่นอนลำบากเพราะปฏิเสธไปหมดแล้วก็ไม่ต้องกลัวนะ เพื่อนของเราเต็มใจจะทำหน้าที่นั้นเอง” วินาทีที่ได้ยินประโยคนั้นผมถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ผมถึงกับต้องหลอกตัวเองว่าเมื่อกี้ผมแค่ได้ยินผิดไป


เรื่องบ้าๆ แบบนั้นพายจะพูดออกมาได้ยังไงไม่มีทาง!


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นประตูห้องน้ำก็เปิดออกมา ก่อนที่ผมจะรู้ซึ้งเลยว่าประโยคเมื่อกี้พายได้พูดออกมาจริงๆ เพราะเพื่อนของพายที่ชื่ออินน์ได้เดินออกมา สีหน้ามีความขวยเขิน และอมยิ้มหน่อยๆ ด้วยท่าทางประหม่าเมื่อเจอหน้าผม


“อ๋อ มึงนี่เอง” ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อ 1 หรือ 2 ปีที่แล้วเพื่อนของพายคนนี้เคยมาสารภาพรักกับผม แต่แน่นอนว่าผมไม่เอา คู่ขาของผมมีแต่ตัวท็อปแทบทุกคณะ คนธรรมดาๆ แบบนี้ถ้าไม่ใช่เพื่อนของพายมีเรอะที่ผมจะยังจำได้


   “ดีใจจังที่นายจำเราได้ด้วย” อินน์ทำหน้าเขินยิ่งกว่าเดิม แต่ขอโทษเถอะมึงจะเขินทำเพื่อ!


ส่วนพายถ้าผมมองไม่ผิดสีหน้าตอนนี้เหมือนกำลังทำหน้าเจ็บปวด แต่คนที่ต้องเป็นแบบนั้นมันต้องเป็นผมไม่ใช่หรอ พายเป็นคนแนะนำเพื่อนให้ผมเองแล้วจะมาทำหน้าเจ็บเองทำไม!


“ตั้งแต่ตอนนั้นเราไม่เคยตัดใจจากเพลิงเลยนะ แถมเรายังพยายามดูแลตัวเองเพื่อให้คู่ควรกับเพลิงด้วย ถึงเราจะไม่สวยไม่น่ารักเท่าพาย...”


“ใครบอกมึงแบบนั้น ดูๆ ไปแล้วมึงก็น่ารักใช้ได้เลยนี่” ผมพูดขัดขึ้นแม้จะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปหาอินน์ แล้วใช้มือจับผมที่ปรกลงมาบังใบหน้าทัดที่หูเอาไว้ การกระทำนั้นทำเอาอินน์เขินจัดจนหูแดงเถือก ผิดกับพายที่ดูเจ็บปวดซะจนต้องหลับตาลงแล้วหันหน้าหนี


แต่โทษทีนะ คนที่เจ็บกว่ามันคือผม!


“มึงอยากเป็นเซ็กเฟรนด์ของกูงั้นหรอ?” ผมถามพลางเชยคางของอินน์ขึ้น ซึ่งอินน์ก็รีบพยักหน้าตอบตกลงทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด


“อืม เราสัญญาว่าจะไม่หึง ไม่หวง แล้วก็ไม่ทำตัวเป็นเจ้าของเพลิงเด็ดขาด เพลิงจะไปไหนทำอะไรกับใครก็ได้ เราจะเจียมตัวและจะอยู่ในที่ของเรา ขอแค่นานๆ ครั้งเพลิงเรียกหาเราบ้างเราก็ดีใจแล้ว”


เฮอะ! คำพูดอย่างกับพวกเมียน้อย ได้อยู่ในสถานะแบบนี้มันน่าดีใจตรงไหน คำว่าศักดิ์ศรีนี่สะกดไม่เป็นเลยรึไงวะ!


“หึ! แรกๆ ก็บอกแบบนี้กันทั้งนั้น แต่หลังๆ แม่งก็หึงก็หวงกูกันแทบทุกคน” ยกเว้นก็แค่พาย เพราะฝ่ายที่ตามหึงตามหวงน่ะมันผม นึกแล้วก็สมเพชตัวเองชะมัด!


“แต่เราสาบานได้เลยนะว่าเราจะไม่ทำแบบนั้นจริงๆ” คำพูดของอินน์ทำให้ผมแสยะยิ้มออกมา


“ของแบบนี้มันก็ต้องลองพิสูจน์กันล่ะนะ แต่ก่อนจะลองกูมีข้อแม้อย่างนึง”


“จะกี่อย่างก็ได้ ไม่ว่าเพลิงจะให้ทำอะไรเราก็ยอม”


“งั้นหรอ แต่ข้อแม้นั้นกูไม่ได้หมายถึงมึง กูหมายถึงพายต่างหาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพายจะยอมอย่างที่มึงยอมมั้ย” พอได้ยินแบบนี้จากที่กำลังก้มหน้าน้ำตาซึม พายก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที


“เรื่องของนายกับอินน์มันเกี่ยวอะไรกับเรา” พายมองมาที่ผมอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าตอนนี้ราวกับว่าจะร้องไห้ออกมารอมร่อ


แต่ผมบอกไว้ก่อนเลย ต่อให้พายร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ ผมก็ไม่มีทางใจอ่อน ตัวเองเป็นคนบีบบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้ เพราะงั้นก็จงเสียใจกับการกระทำของตัวเองซะ!


“มึงเป็นคนแนะนำเพื่อนให้กู เพราะงั้นก็อยู่เป็นผู้ชมตอนที่เพื่อนมึงเป็นเมียกูให้หน่อยก็แล้วกัน!”


2BC


 o15 สวัสดีค่า Rabid หัวใจคลั่งรักตอนที่ 12 ก็จบไปแล้ว ครึ่งแรกที่พายบรรยายว่าพีคแล้ว แต่พอมาเจอครึ่งหลังที่เพลิงบรรยายนี่ยิ่งพีคกว่าใช่มั้ยที่รัก โอ้โห อีตาเพลิงคนเกรี้ยวกราดมันองค์ลงแล้ววววว  :fire:
เชื่อว่าหลังจากอ่านจบคงจะเลือกกันไม่ถูกแน่ๆว่าตอนนี้จะเลือกด่าใครก่อน เอาเป็นว่าก่อนอื่นก็พยายามใจเย็นๆ หายใจเข้าออกลึกๆ นะคะ แต่ถ้ายังไม่หายล่ะก็ระบายมาค่ะ  :angry2: จะด่ากราดเรียงตัวเลยก็ได้ หรือถ้าจะปลอบใจใครก็มาเลยที่ร้ากกก  :กอด1:
ส่วนตอนหน้าวันเสาร์เจอกันนะคะ ช่วงเวลาคงเป็นค่ำๆหรือดึกๆเหมือนเดิม แล้วมาลุ้นกันน้าว่าหลังจากนี้เรื่องมันจะมีพีคขึ้นอีกมั้ย เพลิงจะทำจริงอย่างที่พูด แล้วพายจะยอมนั่งดูรึเปล่า กำพระให้แน่นกว่าเดิมแล้วมาเอาใจช่วยคู่เพลิงพายกันค่า  :amen:
(11 ก.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-07-2018 22:54:35
ใจร้ายย ทำแบบนี้กับน้องพายได้ลงคอ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-07-2018 23:02:06
ฮึ่ยยย ขัดใจจริง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-07-2018 23:06:34
เพลิงกับพายนี่คิดไปคนละอย่างเลย เพลิงคิดว่าเป็นแฟน พายคิดว่ายังเป็นเซ็กซ์เฟรนด์อยู่ :เฮ้อ: ก็ทำไมไม่คุยกันนนนน นี่คิดว่าอินก็คงคิดว่าพายเป็นเซ็กซ์เฟรนด์ไง เลิกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ารู้ว่าเป็นแฟนกันอินไม่น่าทำแบบนี้นะ ยังอยากจะมองอินในแง่ดีไว้ก่อน ตอนหน้ารอดูคนเจ็บปวด o22
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-07-2018 23:08:18
เพลิงจะเคลียร์แบบนีจริงง่ะ แค่ยั่วมฟ้พายหึงรึเปล่า คุยกันดีๆเห้อะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-07-2018 23:23:45
ถ้าเพลิงทำจริง เราจะเลิกอ่าน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 11-07-2018 23:32:55
เราไม่ยอมเราก็จะขอเป็นผู้ชมนั่งเป็นเพื่อนอยู่กับพาย
ว่าแต่..เพลิงจะทำยังงี้ได้จริงดิ หุหุ

ไม่เชื่อหรอกแค่เห็นน้ำตาไหลของพาย เพลิงก็คงจะเหี่ยวหดหมดอารมณ์กระปู๋แล้ว
อย่าพยายามผลัดกัน ประชดใส่คนรักเล๊ยยยยย มันไม่ดีต่อทั้งคู้

ทางที่ดีต้องให้เพื่อนอินน์เป็นคนนั่งดู เพลิงกับพายเมคเลิฟให้ดูจะดีกว่า
แบบนี้มันแน่นวลลลลลลลลล ฮ่าฮ่า  เอายังงี้ล่ะ
 :haun4:

+1 ฮับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-07-2018 00:30:20
เฮ้ย เพลิงจะทำจริงๆ เหรอ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-07-2018 03:09:26
้เพลิง แน่ใจนะว่าใช้ปากพูด มันน่า....... :beat:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 12-07-2018 03:42:13
เลว

 :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-07-2018 11:42:07
เอาเข้าไป
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-07-2018 18:08:51
ปาก :beat:

รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 12-07-2018 20:02:59
คือออออออออ
ต่างคนต่างประชดป่ะ
พายแบบไม่ฟังอะไรเลย
เพลิงก็มัวแต่คิดว่าตัวเองเจ็บกว่า
ถ้ารักพายจริง ทำไมไม่พยายามอธิบาย แทนการประชด
อยากให้คนที่เรารักเจ็บ เรียกว่ารักหรอ
ส่วนอินน์ ลำไยแกมาก ทำตัวแบบนี้เรียกว่าอะไรดี
 :m16:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 13-07-2018 05:47:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-07-2018 15:49:22
เนี่ยะะะะะะะะะ..เรายังนั่งเป็นเพื่อนพายอยู่นะ
รอนานแล้ว เมื่อไหร่อ่ะ จะเริ่มเปิดการแสดงสด
fuck live show ซะที นานนนนนนนนนนนนนนน

นังอินน์มั่นหน้า น้ำลายไหลเยิ้มเป็นปี๊บบแล้ว
เพลิงยังมัวจะรออะไรอยู่อีกเล่า

เร็วดิ..เร็วๆเลย

กล้าๆโหน่ยยยยยยยย..เฮีย
กร๊ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 13-07-2018 17:16:39
ถ้าเพลิงทำอย่างนั้นจริง เราคงรับไม่ได้อ่ะ เพลิงจะกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจมาก ส่วนอินน์ไม่ต้องพูดถึง เกลียดมันตั้งแต่ตอนที่แล้วละ ส่วนพายก็นะจะน้อยใจเสียใจยังไงอย่างน้อยๆก็น่าจะฟังเพลิงบ้าง ฟังแล้วจะโกรธจะเสียใจต่อก็แล้วแต่ แต่นี่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยเขามาถึงก็ใส่โครมๆ  เอาเหอะดราม่าให้สุดไปเลย สะใจดี  :m31: :m31: :m31:

ทำไมชั้นอินขนาดนี้ :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 14-07-2018 00:57:13
ทำไมอิเพลิงไม่อ่อนโยน :ling1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 12 จุดแตกหัก P.33 [11.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-07-2018 14:24:43
ทำไม มันไปกันใหญ่แล้ว ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 14-07-2018 21:58:54
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 13# Pie ภาพบาดตา


“นะ...นี่นายพูดอะไร” ผมแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่หูของตัวเองได้ยิน การที่เพลิงบอกจะให้ผมดูเพลิงกับอินน์มีอะไรกันมันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย


   แต่ถึงผมจะพยายามคิดแบบนั้น เพลิงกลับย้ำอย่างชัดเจนซะจนผมจุกจนพูดอะไรแทบไม่ออก


   “ถ้ามึงได้ยินไม่ชัดงั้นกูจะย้ำให้มึงฟังใหม่ก็ได้...ช่วยเป็นผู้ชมตอนที่กูมีอะไรกับเพื่อนมึงให้หน่อย เท่านี้ชัดเจนพอแล้วรึยัง” นอกจากคำพูดที่ย้ำชัด สายตาของเพลิงก็จ้องมองเข้ามาในดวงตาของผมอย่างแข็งกร้าว ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมมั่นใจว่าเพลิงตั้งใจจะทำแบบนั้นอย่างที่พูดจริงๆ


   “ระ...เรื่องแบบนั้น...เราจะไปกล้าทำได้ยังไง”


   “งั้นกูถามหน่อย แล้วทำไมเรื่องที่มึงแนะนำเพื่อนให้เป็นเมียกูมึงถึงได้กล้า” เพลิงขยับเข้ามาใกล้ผมมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ผมเห็นว่านอกจากความแข็งกร้าว สายตาของเพลิงยังมีความเจ็บปวดและตัดพ้อซ่อนอยู่


   “นั่นมัน...ก็เป็นเพราะนาย...” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเพลิงถึงทำเหมือนว่าผมเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่คนที่ผิดมันก็คือเพลิงที่มีแฟนอยู่แล้วแต่ก็ยังมายุ่งกับผมต่างหาก


การที่ผมอยากจะหลุดจากสถานะตัวแทนมันผิดมากเลยงั้นหรอ?


   “หึ! กูมันชั่ว มันเลว มันเหี้ยมาก จนมึงปักใจเชื่อทุกอย่างโดยไม่คิดจะถามอะไรกูเลยใช่มั้ย” เพลิงขบกรามแน่นแล้วกระชากแขนของผมขึ้นอย่างแรงด้วยโทสะ


   “ปล่อยเรานะ เราเจ็บนะเพลิง” เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ยังต้องมีอะไรให้ถามอีกหรอ ในเมื่อผมได้ยินกับหูและเห็นด้วยตาของตัวเองไม่ใช่จากคำบอกเล่าของใครทั้งนั้น


   “เจ็บหรอ? หึ! คิดว่าตัวเองเจ็บเป็นคนเดียวรึไง มึงมันโคตรใจร้ายรู้ตัวบ้างมั้ยพาย!”


   “เราเนี่ยนะใจร้าย? คนที่ใจร้ายมันคือนายต่างหาก!” พูดจบผมก็พยายามจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเพลิง แต่เพลิงก็ยิ่งออกแรงบีบมากขึ้นจนแขนของผมเจ็บร้าวไปหมดแล้ว


   “โอเค ใจร้ายก็ใจร้าย แต่ไหนๆ กูมันก็ร้ายในสายตาของมึงอยู่แล้ว ถ้างั้นกูก็จะร้ายให้สุดไปเลยแล้วกัน!” เท่านั้นแหละเพลิงก็ก้มหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากของผม แต่ผมก็รีบผลักออกไปอย่างสุดแรงจนตัวเองเซถอยหลังไปหลายก้าว


   “รังเกียจกูหรอ! ถามหน่อยเถอะว่าร่างกายมึงมีตรงไหนที่กูไม่เคยจูบบ้าง!” เพลิงพูดจบก็เดินเข้ามาประชิดตัวผม จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอ ส่วนสองมือก็พยายามสอดเข้ามาภายใต้เสื้อ แต่ผมก็พยายามปัดป้องออกไปอย่างสุดตัว


ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าเพลิงแทบจะไม่เคยอ่อนโยน แต่เพลิงก็ไม่เคยโมโหจนฝืนใจผมแบบนี้เลยสักครั้ง ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ความอดทนของผมถึงขีดจำกัด เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันมากเกินกว่าที่ผมจะรับได้แล้ว!


   “หยุดเดี๋ยวนี้นะเพลิง! เราบอกว่าให้หยุดไงยินมั้ย! เราไม่ใช่เซ็กส์เฟรนด์ของนายแล้วนะเพลิง!”


   “เลิกพูดคำว่าเซ็กส์เฟรนด์ได้แล้ว! มึงไม่ได้อยู่สถานะนั้นตั้งนานแล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจสักที!”


   “ก็แล้วที่เป็นอยู่ตอนนี้มันเรียกว่าอะไร! จะคู่นอน ตัวแทน หรือเพื่อนแก้เหงามันก็ไม่ต่างจากเซ็กส์เฟรนด์ไม่ใช่หรอ!”


   “โธ่เว่ย! ทำไมมึงถึงได้เข้าใจอะไรยากแบบนี้วะ!” เพลิงสบถออกมาอย่างหัวเสีย ส่วนสองมือก็บีบที่ไหล่ของผมเอาไว้แล้วเขย่าไปมา แต่ตอนนี้ร่างกายของผมมันชาจนแทบจะไร้ความรู้สึกแล้ว


   “คนที่เข้าใจอะไรยากมันคือนายต่างหาก! เราบอกชัดเจนแล้วนะว่าเราจะเลิกเป็นเซ็กส์เฟรนด์ของนาย! อินน์ก็บอกแล้วไงว่าจะทำหน้าที่แทน! แล้วทำไมนายถึงต้องมายุ่งกับเราอีก!” พอผมพูดแบบนี้เพลิงก็ยิ่งบีบที่ไหล่ของผมแน่นขึ้น สายตาที่มองผมแเข็งกร้าวและเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ


   “ก็ได้ถ้ามึงจะเอาแบบนั้น แต่ก็อย่างที่บอก มึงต้องอยู่ดูตอนที่เพื่อนมึงเป็นเมียกูด้วย!” พูดจบเพลิงก็ปล่อยผมแล้วหันหลังกลับไปหาอินน์ จากนั้นก็จับเหวี่ยงอินน์ที่กำลังทำหน้างงๆ ลงไปที่เตียงโดยไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยน


   “โอ๊ย!” อินน์ทำหน้าเหยเก แต่เพลิงก็ไม่สนใจ สายตาของเพลิงตวัดมองมาที่ผมแล้วออกปากสั่งเสียงเข้ม


“ยืนดูอยู่ตรงนั้นแล้วห้ามกระพริบตาเด็ดขาด!” พูดจบเพลิงก็กระชากเสื้อของอินน์ออกจนบางส่วนฉีกขาด ส่วนกระดุมก็หลุดกระเด็นลงไปที่พื้น แต่เพลิงก็ไม่ได้สนใจ หลังจากที่แหวกเสื้อของอินน์ได้ก็ก้มหน้าลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอทันที


“อ๊ะ! เพลิง!” อินน์ร้องอุทานด้วยความตกใจ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาอาการนั้นก็เริ่มจางหาย ร่างกายของอินน์เลิกเกร็ง ส่วนสองแขนก็ยกขึ้นมาโอบรอบลำคอของเพลิง


ตอนนี้ดูเหมือนว่าอินน์จะลืมไปแล้วว่ามีผมยืนอยู่ในห้อง ดวงตาของอินน์ปิดลงแล้วปล่อยตัวปล่อยใจให้เพลิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เสียงครางหวานหูดังขึ้นเป็นระยะแต่มันช่างเสียดแทงใจของผมเหลือเกิน


ภาพบาดตาที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆ พร่ามัวขึ้นทีละนิด ซึ่งนั่นเป็นเพราะน้ำตามันได้เอ่อคลอขึ้นมาจนบังทัศนวิสัยทุกอย่าง หัวใจของผมรู้สึกรวดร้าวราวกับมีคนเอามือมาบีบคั้นจนมันแทบจะแหลกสลาย วินาทีนั้นผมถึงได้เข้าใจว่าตัวเองได้หลงรักเพลิงเข้าให้แล้ว


ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ความรักมันก็ทำให้ผมเจ็บปวดเจียนตายอีกครั้ง เมื่อไหร่กันนะที่ผมจะได้มีความสุขและสมหวังในรักสักที หัวใจของผมมันรับความเจ็บปวดมากกว่านี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว


เปลือกตาของผมมันปิดลงพร้อมกับหัวใจที่เริ่มจะปิดตาย...


“ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้! นี่คือสิ่งที่มึงอยากให้กูทำไม่ใช่รึไง! ได้ยินมั้ยว่ากูบอกให้มึงลืมตาขึ้นมา!” เพลิงตะคอกใส่ผมดังลั่น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถที่จะมองภาพบาดตาที่อยู่ตรงหน้าได้จริงๆ


“ขอร้องล่ะเพลิง อย่าใจร้ายกับเรามากไปกว่านี้เลย...”


“ใจร้ายงั้นหรอ...คนที่ใจร้ายมันคือมึงต่างหาก! มีสักนิดมั้ยที่มึงคิดจะถามหรือให้โอกาสกูได้อธิบาย...ไม่มี! ไม่มีเลยสักครั้ง!”


“ก็แล้วนายจะให้เราถามอะไร ภาพที่เราเห็น เสียงที่เราได้ยิน มันยังไม่ชัดเจนมากพออีกหรอ”


“แล้วตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันกูไม่ชัดเจนกับมึงเลยว่างั้น! ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้มึง เปลี่ยนแปลงเพื่อมึง มันยังไม่ชัดเจนอีกใช่มั้ย!” พอเพลิงพูดแบบนี้ผมถึงได้ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะพบว่าแววตาของเพลิงนั้นกำลังตัดพ้อ แถมยังดูเจ็บปวดรวดร้าวไม่ต่างจากผมเลย


“เรา...เรา...เราไม่รู้...” ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนจนปวดหนึบที่สมอง ผมคิดอะไรไม่ออก ตอบคำถามเพลิงไม่ได้ ผมไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ถึงแม้จะพยายามคิดแทบตายแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ


“ปล่อยเราไปเถอะเพลิง...” ผมอยากออกไปจากที่นี่ บางทีมันอาจจะทำให้ผมคิดทบทวนอะไรขึ้นมาได้บ้าง แต่เพลิงกลับตีความหมายไปคนละอย่างทั้งที่ความจริงผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลย


“มึงอยากไปจากกูขนาดนั้นเลยหรอ” เพลิงยิ้มอย่างขมขื่น สีหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังเจ็บปวดแค่ไหน ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวหรี่เล็กลงและแดงก่ำราวกับจะร้องไห้


“ได้...ถ้ามึงต้องการแบบนั้น...” เพลิงพูดจบก็หลับตาลงราวกับกำลังตัดใจจากอะไรสักอย่างที่ยากที่สุดในชีวิต ก่อนที่เพลิงจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองตรงมาที่ผม


“กูจะปล่อยมึงไปก็ได้ แต่มึงไม่ต้องเป็นคนไปหรอก เพราะกูจะเป็นคนไปจากชีวิตของมึงเอง” พูดจบเพลิงก็ฉุดอินน์ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เตียงลงมา จากนั้นก็ลากอินน์ที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกจากห้องไปทันที โดยไม่มีแม้แต่จะหันกลับมาหรือว่ามองหน้าผมสักนิด


สักนิดก็ไม่มี...


ปัง!!!


สิ้นเสียงปิดประตูนั้นร่างของผมก็ทรุดลงที่พื้น ตามด้วยทำนบน้ำตาที่พังลงมาอย่างไม่ขาดสาย ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นจนแทบขาดใจ ในที่สุดความรักของผมมันก็ลงเอยที่ความผิดหวังอีกจนได้ ก่อนที่ผมจะหน้ามืดหมดสติไปโดยไม่รับรู้อะไรอีกเลย...


........................................

......................

.....


“พาย...พาย...พาย...” ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่มีคนเรียกชื่อของผมอยู่ข้างๆ เจ้าของเสียงนั้นดูเป็นห่วงเป็นใยผมมาก ความคุ้นเคยนั้นทำเอามือของผมที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงยกมือควานหาโดยอัติโนมัติ


“เราอยู่นี่...” เจ้าของเสียงนั้นจับที่มือของผมเอาไว้ อุณหภูมิที่ส่งผ่านมาทำให้มือที่ซีดเซียวและเย็นชืดของผมเริ่มจะกลับมาอุ่นขึ้นอีกครั้ง


“เพลิง...” ผมลืมตาขึ้นแล้วปรับโฟกัสเพื่อจ้องมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า แต่ว่าคนคนนั้นกลับไม่ใช่คนที่ผมคิดเอาไว้ แววตาของผมเลยหม่นหมองลงด้วยความผิดหวัง


“ขอโทษนะที่เราไม่ใช่มัน” กวีพูดขึ้นแล้ววางมือของผมลงที่เดิม พอได้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้แล้วผมจึงได้สังเกตเห็นว่ากวีดูผอมลงจากเมื่อก่อนไปนิดหน่อย ส่วนแววตาก็ติดจะเศร้าๆ ลงด้วยเช่นกัน


“กวีมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมเราถึงมานอนอยู่บนเตียงได้ล่ะ” เสียงของผมค่อนข้างแหบแห้ง กวีเลยลุกขึ้นไปรินน้ำใส่แก้วแล้วเอามาให้ผมดื่ม จากนั้นก็ช่วยพยุงผมขึ้นนั่งพิงที่หัวเตียงเมื่อผมลุกเองไม่ไหว


“ขอบคุณนะกวี”


“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เราเต็มใจ” กวียิ้มให้ผม ผมจึงยิ้มให้กวีเช่นกัน วันเวลาที่ผ่านบวกกับการเป็นคนที่ใจอ่อน ทำให้ผมลืมความรู้สึกที่เคยโกรธกวีไปจนหมดแล้ว


“ว่าแต่เรื่องที่เราถาม...”


“อ๋อ คือเราได้ยินเรื่องที่พาย ไอ้เพลิง แล้วก็อินน์...เอ่อ...” กวีคงไม่รู้จะพูดต่อยังไงก็เลยเงียบไป แต่แค่เกริ่นมาแบบนี้ผมก็เข้าใจในสิ่งที่กวีจะอธิบายได้แล้ว


“กวีคงจะได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย”


“ขอโทษนะพาย แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังจริงๆ นะ”


“อืม เราเข้าใจ” กำแพงของที่นี่มันบางจะตายไป ผมกับเพลิงแทบจะตะโกนใส่กันขนาดนั้น ถ้ากวีไม่ได้ยินน่ะสิมันถึงจะแปลก


“คือเราได้ยินเสียงไอ้เพลิงมันเปิดประตูออกไป เสียงฝีเท้ามากกว่า 1 คนด้วยเราเลยคิดว่าอินน์น่าจะไปกับมัน เราเป็นห่วงพายที่ถูกทิ้งเอาไว้เลยเคาะประตูเรียกอยู่หลายครั้ง แต่พายก็ไม่ยอมตอบจนเราร้อนใจเลยไปเรียกนิติฯ มาเปิดประตูให้ แล้วเราก็เห็นว่าพายเป็นลมหมดสติอยู่ที่พื้นเลยรีบอุ้มขึ้นมานอนบนเตียง นี่กะว่าถ้าอีกสัก 10 นาทียังไม่ฟื้นเราจะรีบพาไปโรงพยาบาลแล้ว” และถึงแม้ตอนนี้ผมจะฟื้นขึ้นมาเรียบร้อย แต่กวีก็ยังมีสีหน้าร้อนใจและเป็นห่วงเป็นใยผมอยู่เลย


“เราขอบใจนะกวี ถ้าไม่ได้กวีเราคงแย่แน่ๆ” ผมฝืนยิ้มออกมา แว้บหนึ่งในใจของผมได้คิดว่าถ้าหากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นเพลิงก็คงจะดี แต่ผมก็รีบสะบัดความคิดนั้นออกไปเพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เพลิงไม่มีทางกลับมา และผมก็ไม่มีทางกลับไปหาเพลิงเช่นกัน


เราสองคนเปรียบเสมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้อีกแล้ว...


“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องขอบคุณ เราเต็มใจที่ได้ดูแลพาย เราเป็นห่วงพายมากนะ ถ้าต่อจากนี้เราจะขอเป็นคนดูแลพายตลอดไปจะได้รึเปล่า” กวีกุมมือของผมเอาไว้อีกครั้ง คำพูดนั้นทำเอาผมถึงกับต้องมองสบตากับกวีที่มองตรงมาทางนี้ด้วยความหนักแน่น


“กวี...”


“ตอนนี้เราไม่มีใครแล้ว ส่วนเรื่องของเดือนเราก็เคลียร์จบไปนานแล้วด้วย ขอโทษนะที่ความคิดน้อยของเราทำให้วันนั้นพายต้องเจ็บตัว” กวีดูรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นจากใจจริง ผมเลยยิ้มออกมาบางๆ เพราะอย่างที่บอกว่าผมไม่โกรธกวีเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว


“เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ” พอได้ยินแบบนี้กวีถึงค่อยยิ้มออกมาได้


“ขอบใจนะพาย ความจริงเราอยากจะมาขอโทษพายตั้งนานแล้วล่ะ แล้วก็อยากขอโอกาสแก้ตัว แต่เราคิดว่าพายกำลังไปได้ดีกับไอ้เพลิงเลยไม่อยากเข้ามายุ่ง จนวันนี้ที่มันทำแบบนั้นกับพายเราเลยคิดว่าจะทนอยู่เฉยไม่ได้แล้ว” พูดถึงตรงนี้กวีก็กุมมือของผมแน่นขึ้น สายตาแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่ากำลังโกรธมากกับสิ่งที่เพลิงทำกับผม


“คนดีๆ ที่ไหนจะทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้นได้ แล้วที่ลากอินน์ออกไปด้วยก็คงจะพาไปต่อที่ไหนสักที่นั่นแหละ เพราะงั้นพายเลิกอาลัยอาวรณ์มันแล้วให้โอกาสเราเถอะนะ คนอย่างมันไม่มีทางรักใครได้หรอก เราสัญญาเลยว่าถ้าพายเลือกเรา เราจะไม่ทำให้พายเสียใจเด็ดขาด เราจะดูแลเอาใจใส่พายเป็นอย่างดี แล้วเราก็จะมีแค่พาย...เราจะรักพายแค่คนเดียว”


ผมเห็นถึงความจริงใจและจริงจังผ่านทางแววตาคู่นั้น ซึ่งนั่นมันก็ทำให้หัวใจของผมอดที่จะสั่นไหวขึ้นมาไม่ได้ ผมเชื่อว่ากวีต้องเป็นแฟนที่ดีและทำตามที่พูดได้แน่


แต่...


คนที่ไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่ดี


ผมค่อยๆ ดึงมือออกมาจากการเกาะกุมของกวี พร้อมกับหัวใจที่กลับคืนสู่สภาวะปกติ หลังจากที่มันสั่นไหวและเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น


“ขอโทษนะกวี แต่ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันน่าจะดีกว่า”


“ทำไมล่ะพาย” กวีขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ


“ก็เพราะว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับกวีแล้วน่ะสิ”


ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้เพราะกลัวกวีเสียใจ แต่พอคิดไปคิดมา ถ้าหากไม่พูดกวีก็อาจจะคิดว่าตัวเองยังมีความหวัง เพราะงั้นผมเลยต้องพูดตรงๆ เพื่อที่กวีจะได้ตัดใจจากผมได้ แต่ผมก็ไม่คิดว่าคำพูดนั้นมันจะทำให้กวีถึงจุดเดือด


“พายจะบอกว่าพายไม่ได้ชอบเรา แต่ว่าชอบคนเลวๆ อย่างไอ้เพลิงเนี่ยนะ” กวีกำหมัดแน่น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นเสียงใส่ผม แต่ผมก็ดูออกว่ากวีกำลังไม่พอใจมากแค่ไหน


“ถ้าเราบอกว่าใช่ล่ะ”


ผมจะไม่แก้ตัวให้เพลิง เพราะรู้ว่าต่อให้แก้ตัวยังไงคนที่อคติก็จะอคติอยู่อย่างนั้น ต่อให้ผมบอกข้อดีของเพลิงไปเป็นร้อยข้อ แต่กวีก็คงจะมองแค่ข้อเสียที่มีอยู่ไม่กี่ข้อของเพลิงอยู่ดี


“นี่พายเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรอ! มันทำกับพายขนาดนั้นแล้วทำไมถึงยังชอบคนอย่างมันอยู่อีก!”


“...” ผมเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะกลัวจะเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ แต่ไม่ว่ายังไงกวีก็ไม่มีทีท่าว่าจะเย็นลงเลย


   “ทีกับเรา เราทำผิดแค่ครั้งเดียวแต่ทำไมพายถึงไม่ยอมให้โอกาส! ที่ผ่านมาคนที่อยู่ข้างพายควรจะเป็นเรา! คนที่ได้กอดพายก็ควรจะเป็นเรา! ไม่ใช่คนอย่างไอ้เพลิง!”


   “ก็แล้วใครล่ะที่เป็นคนทำลายโอกาสนั้นทิ้งไป!” กวีดูจะอึ้งไปเหมือนกันที่ได้ยินผมตอบกลับไปแบบนี้

 
   ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะนิ่งเงียบแล้วนั่งฟังเพียงแค่อย่างเดียว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าผมจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้ว ความรักไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขมันก็ทำให้ผมเติบโตและเข้มแข็งขึ้นมากกว่าเดิม


   “กวีไม่ใช่หรอที่เป็นฝ่ายทิ้งเรา ตลอด 3 ปีเราเคยรักกวีคนเดียวมาโดยตลอด เราไม่เคยมองใคร สายตาของเรามองแค่กวี โลกของเรามีแค่กวี แต่กวีนั่นแหละที่เป็นคนทำลายมันทิ้ง แล้วอย่างนี้กวียังมีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากเราอยู่อีกหรอ”


   ผมไม่ได้ขึ้นเสียงใส่ เพียงแค่พูดด้วยเสียงเรียบๆ เท่านั้น แต่คำพูดของผมคงเป็นเหมือนคมมีดที่บาดลึกเข้าไปถึงในหัวใจ เพราะกวีได้ทำหน้าเจ็บปวดจนดวงตาไหวระริก ก่อนที่ในที่สุดน้ำตาหยดหนึ่งมันก็ได้ไหลลงมา


   “เราขอโทษ ขอโทษจริงๆ แต่เราขอโอกาสสักครั้ง...ให้เราสักครั้งไม่ได้หรอพาย” กวีมองตรงเข้ามาในดวงตาของผมอย่างเว้าวอน แน่นอนว่าผมรู้สึกสงสารและเห็นใจ แต่ว่าผมไม่ได้รักกวีอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้คนที่ผมรักมีแค่เพลิงคนเดียวเท่านั้น


    “โอกาสมันไม่ได้เข้ามาในชีวิตคนเราบ่อยๆ หรอกนะ เพราะงั้น...ตัดใจจากเราแล้วกลับไปเถอะกวี” พอได้ยินแบบนี้กวีก็เงยหน้าขึ้นแล้วหลับตาลง ทำให้หยดน้ำตาที่คลออยู่ไหลลงมาเป็นสาย ผมเป็นผู้ชายเหมือนกันก็เลยเข้าใจ ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ น้ำตาของลูกผู้ชายจะไม่มีวันไหลออกมา


   “เราเข้าใจแล้ว” กวีพูดด้วยเสียงเศร้าๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วฝืนยิ้มออกมา “แต่ถ้าพายมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาเพื่อนคนนี้ได้เสมอเลยนะ”


   “อืม ขอบใจนะกวี” ผมยิ้มออกมาบางๆ ให้แก่มิตรภาพของเราสองคน จนกระทั่งกวีเดินออกไปจากห้องนั่นแหละรอยยิ้มของผมจึงค่อยๆ จางลง ก่อนที่ความหม่นหมองจะเกาะกินหัวใจของผม จนความเจ็บปวดมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งนั่นมันก็ทำให้น้ำตาของผมมันไหลลงมา แต่ว่านี่มันจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ


   ผมยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตา ก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้เพลิงกับอินน์จะเป็นยังไงต่อไป แต่สำหรับผมกับเพลิงมันคงถึงทางตัน เพราะเพลิงคงไม่มีวันยอมลงให้ผม ส่วนผมก็คงไม่มีวันยอมยกโทษให้กับเรื่องเลวร้ายที่เพลิงทำเช่นกัน เพราะงั้นจากนี้ก็ทางใครทางมันไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป


   จะว่าไปพอคิดๆ ดูแล้ว คนจืดจางอย่างผมกับคนอัณฑะพาลอย่างเพลิงไม่ควรจะโคจรมาเจอกันเลยด้วยซ้ำ โลกของเราสองคนนั้นแตกต่างกัน เราสองคนเดินกันคนละเส้นทางมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะงั้นก็สมควรแล้วที่เราสองคนจะกลับไปสู่จุดเดิม


   รีสตาร์ททุกอย่างแล้วกลับไปเป็นแค่เพื่อนร่วมคณะกันอีกครั้ง...


   2BC

 :hao5: ฮืออออออ น้ำตาไหลพราก สวัสดีทักทายทุกคนพร้อมน้ำตา มีใครอยากได้ทิชชู่มั้ยคะ ถ้าอยากได้ก็หยิบเลยค่ะ เราเหมาทั้งโรงงานมาให้แล้ว T____________T
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะสงสาร (หรือสมน้ำหน้า) ใครดี เอาจริงๆตอนนี้เพลิงกับพายต่างก็มีส่วนที่ผิดด้วยกันทั้งคู่อะเนอะ คนนึงก็หัวร้อนเวอร์ อีกคนก็ไม่ยอมฟังอะไรเลย ส่วนอินน์นี่เค้าขอข้ามก็แล้วกัน รอคนอ่านถล่มน่าจะดีกว่า 55555  :laugh:
ตอนที่แล้วคนคอมเมนท์เยอะมากจนแทบจะเป็นประวัติการณ์ ยังไงก็ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ  :pig4: อ่านคอมเมนท์เยอะๆแล้วเราแฮปปี้ ถึงส่วนใหญ่จะกราดอีตาเพลิงกับอินน์ก็เถอะ 55555 แล้วนี่ก็คิดว่าตอนนี้ก็อาจจะด่าอีกเหมือนกัน ใจนึงก็สงสารมันนะที่โดนด่าตั้งแต่ต้นเรื่องยันจะจบเรื่อง แต่อีกใจนึงก็เออสมควร ไปป่วนคนนู้นคนนี้ไว้เยอะ เรื่องของมันเลยมาม่าหนักที่สุดเลยก็ว่าได้ 555555  :jul3:
แล้วมาลุ้นกันนะคะว่าตอนต่อไปเรื่องราวจะเป็นยังไง เพลิงกับพายจะมีโอกาสกลับมาเลิฟเหมือนเดิมมั้ย (คงจะไม่เปลี่ยนคู่เป็น #เพลิงอินน์ หรอกเนอะ อิอิ) บ๊ายบายยยยย  :bye2:
(17 ก.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 14-07-2018 22:17:42
บางทีพายก้เหมือนจะเข้าใจอะไรๆง่าย บางทีก้มึนจนน่าหงุดหงิด แบบเฮ้อออ ฉลาดๆให้เหมือนตอนมีเซ็กหน่อยซิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-07-2018 23:15:47
ก็ทำไมไม่พูดกันล่ะ หงุดหงิดทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-07-2018 23:26:39
อยากจับพายมาเขย่าตัวแรงๆๆ
ม่ายล่ายลั่งใจเล้ยยย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-07-2018 23:26:56
เหมือนเอามีด กรีดผิวเนื้อ เถือเป็นแผล
ใจร่อแร่ หวิดหวีดหวิว ปลิวเลือนหาย
เจ็บจริงจริง ใจเจ้าเอย เผยใกล้ตาย
จวนวางวาย อยากคลายเจ็บ หนาวเหน็บใจ

ภาพบาดตา ป่วนอารมณ์ ขย่มหนัก
นี่หรือรัก ที่ย้ำตอก บอกไม่ไหว
หรือดีแล้ว แก้วตาเอ๋ย ทำลงไป
บีบหัวใจ ให้ดิ้นเร่า ปวดร้าวแรง
 :hao5:

รักหรือคือจะเอาชนะกันและกัน
พัง..พัง..มีแต่พังทั้งคู่

ทนเจ็บไปทั้งสองคนนั่นล่ะ
ไม่ต้องกล่าวโทษคนใดคนหนึ่ง

ผิดทั้งเพลิง ผิดทั้งพาย
ทำความเข้าใจความรักให้ดีก่อนไหม

เหอะ..คนแต่ง ตอนนี้แจ่มแแมวจริ๊งจริง
 :L2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 14-07-2018 23:37:13
ไม่ยอมกันเลย
พายหัดฟังเพลิงหน่อยเถอะนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-07-2018 23:41:50
พายกับเพลิงน่าจะเข้าพบจิตแพทย์นะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-07-2018 00:18:13
เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 15-07-2018 01:20:39
อ่านตอนนี้ บอกตรงๆ
มันไม่เศร้าเลยซักนิด อ่านไปขมวดคิ้วไป
มันรุ้สึกหงุดหงิด
พายก็ไม่ฟังอะไรเลย
เพลิงรุ้ทั้งรุ้ว่าพายเข้าใจผิดเรื่องอะไร แต่ไม่พูด
แค่พูดว่าคนที่เจอเป็นแฝดจะตายมั้ย
สุดท้ายคืออินน์ คือไม่ต้องด่ากันแล้วมั้ง
ท่าทางคงไม่มีหรอก สามัญสำนึก
 :m31:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 15-07-2018 01:24:59
โง่ให้สุดไปเลยจ้า ทีตอนอื่นละฉลาดนัก  :angry2: :angry2:

ส่วนเพื่อนอินน์ก็คงถูกโยนทิ้งแถวๆนั้นแหละ โคตรไม่มีค่าเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 15-07-2018 06:33:55
ตอนนี้ว้องอินไม่มีพูดอะไรมาก แต่ทำไมกรุเกลียดมันวะ  :z6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-07-2018 08:53:54
 o12 o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-07-2018 08:56:16
วิธีที่ง่ายกว่านี้มีแต่เสือกไม่ทำกันเนาะ จะบ้าตาย
คือฉลาดแต่ตอนเยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 15-07-2018 09:22:42
 :sad4: :o12: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 15-07-2018 09:41:22
……


เพลิงทิฐิเยอะ บางเรื่องก้อต้องการการยืนยันจากคำพูดพร้อมการแสดงออก

บางครั้งพายก้อคงสับสน คิดว่ามโนไปเองไหม เข้าข้างตัวเองไหม

 แต่สิ่งที่เห็นกับตาได้ยินกับหู มันเป็นเรื่องจริงที่ชัดเจน

ถ้าเพลิงไม่มาเคลียร์เรื่องนี้ ทั้งที่มันใหญ่มาก บานปลายจนต้องเลิกกัน

แล้วพายจะยอมต่อ. มันจะยืดยาวได้อย่างไรถ้าอีกคนคนหนึ่งยังทิฐิตลอดเวลา

ทีมน้องพายนะ. เข้มแข็งไว้ เดี๋ยวมันก้อผ่านไป


………


 :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 15-07-2018 17:38:25
ไม่พูดกันสักที เข้าใจกันยากเย็น
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 15-07-2018 23:22:22
เอิ่มม..อินไร้ยางอายมากอ่ะ เข้าขั้นแพศยา พายควรเลิกคบนะคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 ภาพบาดตา [14.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 16-07-2018 18:30:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-07-2018 21:40:26
ถ้าเริ่มนับ จากหนึ่ง ไปถึงร้อย
นับน้อยน้อย แต่นานนาน คืบคลานแสน
มันมองเห็น อนาคต ความเป็นแฟน
มากผูกพัน มันเกี่ยวแน่น เหนียวหนึบไป

แต่จากแสน ย้อนร้อย ถอยถึงหนึ่ง
มันคือดึง หลังกลับ นับงงไหม
กลับอดีต จุดเริ่มต้น คนไกลไกล
ที่เป็นใคร ไม่รู้จัก ไม่ทักทาย

..จะเอายังงี้กัน ใช่ไหม..
ด้ายยยยยยยยย หุหุ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 17-07-2018 21:47:03
อัณฑะพาล=อันธพาล เขียนผิดความหมายเปลี่ยนมั่กๆ บอกเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-07-2018 22:01:11
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-07-2018 23:25:38
แล้วเดี๋ยวเพลิงก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้อีกนั่นแหละ พายก็จะนิ่งๆ จนกว่าจะรู้ความจริง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 17-07-2018 23:26:22
พายเอ้ย
เรื่องมันไม่มีอะไรเล้ย
หันไปคุยกันเถอะนะ
นี่เพลิง แกไม่ได้ไปอะไรกับอินน์หรอกใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-07-2018 23:41:55
เวรละ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-07-2018 01:51:40
 :hao5: งานนี้มีมาม่า ยาวๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-07-2018 02:39:02
หรือมันต้องใช้ตัวช่วย คู่นั้นนะ เข้ามาช่วยเลย โผล่มาให้เรื่องนี้ บทมันต้องเยอะกว่านี้ซิ พฤกษ์-ซ่า  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-07-2018 10:21:11
เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 18-07-2018 16:39:25
ผิดทั้งคู่เลยนั่น คนนึงไม่เคยเล่าอะไรเรื่องตัวเองมีฝาแฝด อีกคนยังไม่ถามให้เคลีย เป็นเราจะถามในห้องสมุดเลย เพราะถ้าถูกหลอก ก็ให้มันเจ็บแบบสุดๆจะได้จบๆไป แต่พายผิด คือดันเสนออินท์ไปให้นะสิ
ลึกๆแล้วก้อแอบสงสัยอินตั้งแต่แรกๆเหมือนกัน สงสัยว่ามีอะไรแอบแฝงไหม?
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 19-07-2018 04:18:18
 :ling1: ร้องไห้ตามพายกี่ตอนแล้วน๋อ ใกล้จบแล้วใครจะง้อใคร
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-07-2018 12:38:47
รอเคลียร์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 19-07-2018 19:01:54
……


เอาละน้องพาย. 

Clear ทุกอย่าง ทั้งกวีและเพลิง  มาRestartชีวิตกันใหม่..

แต่เพลิงจะยอมไหมน้าาาาา.

รอตอนต่อไป


……



  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:


……
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 19-07-2018 21:48:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 13 Restart [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-07-2018 21:09:10
มาดักรอ
 :z6:
อิเพลิง..คนหลายจวย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [17.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 20-07-2018 22:43:58
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 14# Pie เปลี่ยนแปลงตัวเอง


   หลังจากนั้นผมกับเพลิงก็เป็นแค่เพื่อนร่วมคณะกันแค่นั้นจริงๆ เวลาเจอกันโดยบังเอิญหรือว่าเดินสวนกันเพลิงไม่มีแม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกจุกและหน่วงๆ ในใจ แต่ผมได้เตรียมใจเอาไว้แล้วเลยไม่ได้เจ็บมากอย่างที่คิดเท่าไหร่


คงไม่มีเรื่องอะไรทำให้ผมเจ็บได้เท่ากับวันนั้นที่เพลิงทำกับผมอีกแล้ว...


   มาพูดถึงเรื่องของอินน์กันบ้าง ดูเหมือนว่าหลังจากวันนั้นก็จะไปได้สวยกับเพลิง ก็ไม่รู้ว่ากำลังคบกันหรืออยู่ในสถานะเดียวกันกับที่ผมเคยเป็น แต่ผมก็ไม่คิดจะถามเพราะได้ปล่อยวางเรื่องของเพลิงไปแล้ว แถมผมยังรู้สึกยินดีที่ในที่สุดอินน์ก็ได้อยู่ข้างเพลิงอย่างที่ตัวเองต้องการ แม้ว่านั่นจะทำให้อินน์ต้องสูญเสียเพื่อนสนิทอย่างผมไป


   พูดตามตรงผมรู้สึกไม่ค่อยสนิทใจกับอินน์อีกแล้ว ส่วนอินน์ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยกล้าสู้หน้าผมเหมือนกัน เพราะงั้นเราสองคนเลยค่อยๆ ห่างกัน จะมีคุยกันบ้างก็แค่เรื่องงานที่ทำคู่กันเท่านั้น ส่วนเรื่องกินข้าวหรือไปไหนมาไหนด้วยกันนี่ตัดทิ้งไปได้เลย


   อ้อ แต่ถึงจะไม่ได้ไปกับผมก็ใช่ว่าอินน์จะไปกับเพลิง เพราะเท่าที่ผมเห็นเพลิงก็อยู่แต่กับกลุ่มเพื่อน นานๆ ทีจะเห็นอินน์อยู่ข้างๆ บ้าง แต่ผมว่าอินน์ก็น่าจะมีความสุขนะ เพราะถึงนานๆ ทีจะได้อยู่ด้วยกัน แต่อินน์ก็เป็นคนเดียวนอกจากกลุ่มเพื่อนที่ได้อยู่ข้างกายเพลิง


   “ฝากคืนให้เพลิงด้วยนะ เราคงไม่เหมาะที่จะใส่มันแล้วล่ะ” ผมยื่นสร้อยเกียร์ของเพลิงที่ผมใส่เป็นประจำให้กับอินน์ ซึ่งอินน์ก็ดูจะอึ้งๆ ไปนิดนึงแต่ก็ยื่นมือมารับเอาไว้


   ผมคิดว่าจะปล่อยเพลิงออกไปจากใจตั้งแต่คืนสร้อยเส้นนั้น...


   โชคดีที่ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถึงฤดูกาลสอบไฟนอล ตลอด 2 สัปดาห์ผมเลยไม่ต้องไปมหา’ลัยนอกจากวันที่สอบ ผมหมกตัวเองอยู่แต่ในห้องเพื่ออ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีเพราะมันทำให้ผมแทบไม่มีเวลาคิดถึงเพลิงอีกเลย


   วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งการสอบวันสุดท้าย วันนี้เป็นวิชาที่ผมเรียนรวมกับเพลิงเลยต้องสอบห้องเดียวกัน ความจริงยังมีอีกวิชาแต่วิชานั้นไม่มีการสอบ เพราะงั้นนี่จึงเป็นวันแรกใน 2 สัปดาห์ที่ผมจะได้เจอเพลิง ผมเลยอดที่จะตื่นเต้นนิดหน่อยไม่ได้


   ผมมาถึงห้องสอบก่อนเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง โดยที่ผมมักจะเหลือบสายตาจากหนังสือที่อ่านขึ้นมามองหาเพลิงเป็นระยะ กะว่าแค่ได้เห็นหน้าผมก็พอใจแล้ว แต่จนแล้วจนรอดกระทั่งตอนที่อาจารย์เรียกเข้าห้องสอบเพลิงก็ยังไม่มา ก็ไม่รู้ว่าเพลิงมักจะเข้าห้องสอบสายอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะตั้งใจจะหลบหน้าผม แต่ผมก็หวังว่าเพลิงจะมาเข้าห้องสอบทันนะ


   และด้วยความที่เอาแต่คิดเรื่องของเพลิง ผมเลยไม่ทันได้ดูตาม้าตาเรือเลยเดินไปชนเพื่อนคนหนึ่งที่หน้าประตูห้องสอบเข้าอย่างจัง


   “อ๊ะ! ขอโทษนะ เจ็บตรงไหนมั้ย” ผมขอโทษอย่างรู้สึกผิดและถามอย่างห่วงใย ถ้าจำไม่ผิดเพื่อนคนนี้น่าจะเคยเป็นคู่ขาเก่าของเพลิงล่ะมั้ง


   “ประตูตั้งกว้างมึงเดินชนกูได้ไง คิดจะหาเรื่องกูหรอมึง” เพื่อนคนนั้นตั้งท่าจะเอาเรื่องผม ผมที่เป็นคนไม่สู้คนอยู่แล้วเลยยอมก้มหัวพร้อมกับขอโทษไปอีกครั้ง


   “ขอโทษนะ แต่เราแค่เหม่อเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องนายจริงๆ”


เรื่องก้มหัวขอโทษมันแทบจะเป็นเรื่องปกติของผมในช่วงนี้อยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ที่มีข่าวว่าเพลิงเฉดหัวผมทิ้ง ผมก็ถูกอดีตคู่ขาของเพลิงหลายๆ คนแกล้งบ้าง ถูกถากถาง เหน็บแนม หรือสมน้ำหน้าบ้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าทำไม ดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงสอบนานๆ ทีผมเลยจะเจอสักครั้ง


“ถ้าขอโทษแล้วหายจะมีตำรวจไว้ทำซากอะไร” เหมือนเพื่อนคนนั้นจะไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่ยืนนิ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จู่ๆ ที่ด้านหลังของผมก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น


“อาจจะเอาไว้รับแจ้งเหตุคนตายเพราะปากหมาก็ได้ใครจะไปรู้” ทั้งน้ำเสียงและวิธีการพูดที่คุ้นหูทำให้ผมรีบหันกลับไปมองด้านหลัง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเห็นเพลิงที่อยากเจอหน้ามาโดยตลอด


“เพลิง...” ผมรู้สึกดีใจจนอดที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อยไม่ได้ แต่เพลิงกลับไม่ได้มองมาที่ผมเลยด้วยซ้ำ จนทำให้เมื่อกี้ที่แว้บหนึ่งผมแอบคิดว่าเพลิงมาช่วยผมมันคงจะไม่ใช่ซะแล้ว


“ถอยไป นี่มันหน้าประตูห้องสอบไม่ใช่ที่ยืนเถียงกัน แม่งเกะกะฉิบหาย” เพลิงพูดจบก็กระแทกไหล่เพื่อนคนนั้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง โดยที่เพลิงก็ยังคงไม่ได้มองมาที่ผมเช่นเดิม บางทีเพลิงอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือผม


“เอ้า! ตรงนั้นน่ะจะไม่เข้าห้องสอบรึไง!” อาจารย์ผู้คุมสอบที่คงเห็นว่าผมยืนอยู่นานแล้วแต่ยังไม่ยอมเข้าไปสักทีก็เลยตะโกนเรียก ผมที่ได้ยินแบบนั้นเลยสะบัดเรื่องอื่นที่อยู่ในหัวทิ้ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องไปนั่งประจำที่ แล้วก็ทำข้อสอบโดยไม่คิดเรื่องอื่นอีกเลย


ผมใช้เวลาเต็ม 3 ชั่วโมงในการทำข้อสอบ เพราะงั้นกว่าที่ผมจะสอบเสร็จเพื่อนคนอื่นเลยกลับกันไปหมดแล้ว แน่นอนว่าเพลิงก็เช่นกัน และแล้ววันสุดท้ายของภาคเรียนที่ 1 ของผมก็ปิดฉากลงแต่เพียงเท่านี้...


...................................................

..................................

.................


   พอเปิดภาคเรียนที่ 2 สิ่งที่ผมและเหล่านักเรียนทุนทุกคนต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือการรายงานตัว โดยจะเอาสำเนาเอกสารต่างๆ รวมทั้งเกรดของภาคเรียนที่ 1 มายื่น ซึ่งเกรดของผมที่ออกมาก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจมากๆ


   “เทอมเมื่อกี้ได้เกรดเท่าไหร่หรอพาย” ก่อนจะเข้ามาคุยกับผมอินน์มีท่าทีเหมือนไม่ค่อยกล้า แต่พอได้สบตากันแล้วผมส่งยิ้มให้นั่นแหละอินน์ถึงค่อยกล้าเดินมาคุยกับผม ตลอด 1 เดือนที่ปิดเทอมเราสองคนไม่ได้พูดคุยหรือว่าติดต่อกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว


   “3.82 อินน์ล่ะ?”


   “โห เกรดดีกว่าเดิมอีกนี่พาย เราเกรดตกเหลือแค่ 3.16 เอง” อินน์ยิ้มแห้งๆ ก็ไม่รู้ทำไมอินน์ถึงได้เกรดตกลงขนาดนั้น ปกติจะอยู่ที่เท่าๆ กับผมเมื่อเทอมก่อนๆ คือประมาณ 3.50 แต่ก็ยังดีที่ครั้งนี้เกรดของอินน์ไม่ต่ำกว่า 3.00 ไม่อย่างนั้นคงได้ถูกตัดออกจากระบบเด็กทุนแน่นอน


   สำหรับเรื่องที่ผมได้เกรดดีกว่าเดิม นั่นก็เป็นเพราะผมทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือเพื่อที่จะไม่ต้องคิดถึงเพลิง ตอนนั้นก็ไม่คิดหรอกว่าทำเพื่อให้ได้เกรดดีขึ้น แต่ผลพลอยได้นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจ พ่อกับแม่ที่เห็นเกรดตอนอยู่ที่บ้านก็พลอยมีความสุขไปด้วย


   “จริงสิ ช่วงปิดเทอมเมื่อกี้เราไปคิดหัวข้อโปรเจคมาคร่าวๆ แล้วนะ มีเรื่องเจ๋งๆ อยู่ 2 – 3 เรื่องนี่แหละ เดี๋ยวเราจะเอาให้พายเลือกนะว่าเราควรทำเรื่องอะไรกันดี” อินน์พูดจบก็เปิดกระเป๋าทำท่าจะหยิบเอกสารข้อมูลเรื่องโปรเจคจบขึ้นมา แต่ผมก็ห้ามอินน์เอาไว้ก่อน


   “ไม่ต้องให้เราดูหรอกอินน์ เอาไว้ค่อยให้คู่ของอินน์ช่วยอินน์เลือกจะดีกว่านะ”


   “หา? ทำไมพายพูดแบบนั้นล่ะ หรือว่าพายไม่อยากจับคู่ทำโปรเจคกับเราแล้ว” อินน์ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ คงกลัวว่าผมจะโกรธหรือตัดเพื่อนอะไรแบบนี้ล่ะมั้ง ซึ่งเรื่องนั้นผมไม่คิดจะทำอยู่แล้ว สำหรับผมเพื่อนยังไงก็คือเพื่อน แต่ถ้าจะให้เป็นเพื่อนที่สนิทด้วยเหมือนเดิมนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้


   “เปล่าหรอก คือเราจะเรียนต่อโทเลยต้องทำโปรเจคคนเดียวน่ะ” พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของอินน์ก็ดูโล่งใจขึ้นมาหน่อย


   “อ๋อ อย่างนั้นเองหรอ แล้วพายตั้งใจจะต่อโทที่ไหน”


   “ก็ไกลจากที่นี่พอสมควร ไว้เดี๋ยวเราทำเรื่องเสร็จแล้วที่นั่นรับเราแน่ๆ เราจะบอกอินน์อีกทีนะ”


   “อืม” อินน์พยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจไม่พูดมันออกมา แล้วบทสนทนาของเราสองคนก็จบลงเพียงเท่านั้น


วันแรกของการเปิดเรียนของผมนั้นจบลงอย่างเรียบง่าย แต่สำหรับวันที่สองก็ดูจะเป็นที่ฮือฮาอยู่สักหน่อย เพราะผมมาเรียนด้วยลุคใหม่ที่ไม่ใช่เด็กเนิร์ด แว่นตาเชยๆ ถูกแทนที่ด้วยคอนแทคเลนส์ ส่วนทรงผมที่มักจะปิดหน้าปิดตาก็ถูกเซตให้เป็นทรง ซึ่งก็เป็นทรงเดียวกันกับที่เพลิงเคยทำให้ผมวันนึงเมื่อเทอมก่อน


   การที่ผมลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ใช่เป็นเพราะเพื่อดึงดูดเพลิงหรือใคร แน่นอนว่าผมยังรักเพลิงอยู่แต่ผมก็ไม่คิดจะกลับไป แต่ที่ผมทำแบบนี้เป็นเพราะคิดว่าบางทีอาจจะไม่มีคนมาแกล้งผม เหน็บแนมผม หรือว่าดูถูกผมอีกก็ได้


ที่ผมมีความคิดแบบนี้เพราะไปอ่านเจอบทความหนึ่งที่เขียนถึงมนุษย์ประเภท Loser ว่ามักจะคอยหาเรื่องเหยียบย่ำคนที่ตัวเองคิดว่าต่ำกว่า ถ้าผมอยู่เหนือกว่าพวกเขาก็จะไม่มายุ่งกับผม นี่คือการปกป้องตัวเองเพราะต่อจากนี้คงไม่มีใครมาปกป้องผมแล้ว ประสบการณ์แย่ๆ ที่ผ่านมานั้นทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น ซึ่งผลลัพธ์มันก็ออกมาเป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้


แต่ไม่สิ...เหนือความคาดหมายเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากคนที่เคยแกล้งผมจะไม่มี คนที่เข้ามาชวนผมคุยกลับมีมากขึ้นอีกต่างหาก แต่ก็น่าแปลกอยู่อย่างนึง หลังจากนั้นแค่ไม่กี่วันคนพวกนั้นกลับหายไปซะดื้อๆ ไม่มอง ไม่ทัก ไม่คุย และไม่สนใจผมสักนิดจนผมถึงกับงงไปเลย แต่ก็เอาเถอะ ใช่ว่าผมจะชอบการที่มีคนเข้ามาคุยด้วยอยู่แล้ว อยู่คนเดียวมันเงียบสงบดีไม่วุ่นวายจะตาย


วันเวลาผ่านไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงปลายเทอมที่ 2 อีกไม่ถึงสัปดาห์ผมก็จะเรียนจบและเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า แต่ว่าที่แน่ๆ ผมเริ่มเกิดรู้สึกใจหายขึ้นมา ก็นะ 4 ปีที่อยู่ในรั้วมหา’ลัยมันไม่ใช่เวลาน้อยๆ เลยนี่นา


ช่วงเวลาที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นกับผมมากมาย โดยเฉพาะปีสุดท้ายที่ผมได้เจอกับเพลิงมันเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าที่สุด ถึงแม้สุดท้ายผมกับเพลิงจะไม่สมหวังแล้วกลับมาอยู่ในจุดเดิมก่อนที่จะเจอกัน แต่ความรักมันก็เป็นสิ่งสวยงามสำหรับผมเสมอ


ผมจะไม่มีวันลืมเพลิง และเพลิงก็จะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป...


 “พาย! อยู่ที่นี่เองเราตามหาตั้งนาน” อินน์วิ่งกระหืดกระหอบมาหาผมที่อยู่ตรงโรงจอดรถของคณะ


ที่ผมมาที่นี่ก็เป็นเพราะผมนึกถึงตอนที่เพลิงปกป้องผมและโอบกอดผมเอาไว้ ผมอยากเก็บช่วงเวลานั้นเอาไว้ในหัวใจของผม ก่อนที่ผมจะไปจากที่นี่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกเมื่อไหร่


“มีอะไรรึเปล่าอินน์”


“อาจารย์เกศฝากเอกสารมาให้” แล้วอินน์ก็ยื่นซองสีน้ำตาลมาให้ผม ถ้าได้จากอาจารย์เกศที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา งั้นในซองนี้คงจะเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับมหา’ลัยที่ผมขอทุนไปเรียนต่อเมื่อปลายเทอมที่แล้วล่ะมั้ง ซึ่งหลังจากที่ผมเปิดดูคร่าวๆ ก็ใช่อย่างที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ


“ขอบใจนะอินน์”


“ไม่เป็นไร ยังไงเราก็มีเรื่องจะคุยกับพายอยู่แล้ว ว่าแต่นั่นเอกสารอะไรหรอ” อินน์ถามอย่างสนอกสนใจ ผมเลยคิดว่าคงถึงเวลาที่จะได้บอกอินน์สักที


“เป็นเอกสารเกี่ยวกับมหา’ลัยที่เราขอทุนไปเรียนต่อน่ะ”


“อ๋อ จริงด้วยสิ พายยังไม่ได้บอกเราเลยนี่นะว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน” ที่ผ่านมาผมยังไม่ได้บอกใครเพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะขอทุนได้รึเปล่า แต่ว่าผมยื่นเรื่องผ่านไปหลายขั้นตอนจนตอนนี้ได้รับเอกสารยืนยันวันรายงานตัวแล้ว เพราะงั้นคงไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ


“เราจะไปเรียนต่อที่คิงส์คอลเลจ ลอนดอน”


“หา! ว่าไงนะ! ประเทศอังกฤษงั้นหรอ!” อินน์อุทานออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ สีหน้าตอนนี้ของอินน์ดูสับสนและกระวนกระวายมากจนผมชักรู้สึกผิด


“ขอโทษนะที่เราพึ่งมีโอกาสได้บอก”


“ไม่...ไม่...พายไม่ต้องขอโทษเรา ไม่สิ...ถ้าพายอยากขอโทษเราพายต้องห้ามไปเรียนต่อที่นั่นนะ!” อินน์พุ่งเข้ามารวบมือของผมเอาไว้ ดวงตากลมโตอ้อนวอนผมด้วยความร้อนใจสุดขีด


“เอ่อ...คงไม่ได้หรอกอินน์” ผมพยายามจะแกะมือของตัวเองออก แต่อินน์ก็ไม่ยอมแถมยังจับให้แน่นขึ้นอีกต่างหาก


“ขอร้องล่ะพาย อย่าไปเรียนที่นั่นเลยนะ...อ๊ะ! นี่หรือว่าพายตั้งใจจะไปเรียนที่นั่นเพื่อให้ลืมเพลิง!” พอได้ยินอินน์พูดแบบนี้ จากที่ผมกำลังพยายามแกะมือออกมาจากมือของผมอินน์ก็ถึงกับชะงัก


“ใช่จริงๆ ใช่มั้ย!”


“คือ...” ผมได้แต่อึกอักเพราะไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง จริงอยู่ว่าผมตั้งใจจะไปเรียนในที่ไกลๆ เผื่อจะตัดใจจากเพลิงได้ แต่ผมก็ไม่อยากให้อินน์รู้สึกไม่ดีเพราะดูเหมือนว่าอินน์กับเพลิงจะยังคงคบกันอยู่


นอกจากนี้อีกเหตุผลหนึ่งก็คือผมอยากไปเปิดโลกทัศน์ของตัวเอง อยากได้ความรู้ มุมมอง และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ในประเทศให้ไม่ได้ ผมอยากจะลองใช้ชีวิตในที่ที่ตัวเองไม่รู้จัก เพื่อที่สักวันผมจะได้เป็นคนที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่านี้


“พายไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น! แล้วพายก็ไม่ต้องคิดที่จะลืมเพลิงด้วย!”


“อะไรน่ะอินน์ ทำไมจู่ๆ ถึงได้พูดแบบนี้...”


“เราจะบอกความจริงทุกเรื่องให้ก็ได้ แต่พายต้องรับปากนะว่าถ้าเราบอกพายแล้วพายจะไม่ไปเรียนต่อ” อินน์มองตรงเข้ามาในดวงตาของผมอย่างเว้าวอน นอกจากนั้นยังมีความรู้สึกผิดที่ฉายชัดอยู่ในแววตาอีกต่างหาก


“อินน์ต้องการจะบอกอะไรกับเรา”


“ความจริงแล้วเราไม่ได้คบกับเพลิงหรอกนะ ส่วนวันนั้นคนที่พายเจอที่หอสมุดก็ไม่ใช่เพลิง แต่เป็นพี่ชายฝาแฝดของเพลิงที่ชื่อพฤกษ์ต่างหาก!”


2BC


 o14 สวัสดีค่า Rabid หัวใจคลั่งรักตอนที่ 14 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า หลังจากที่ซดมาม่ามาอย่างยาวนาน ในที่สุดตอนนี้ก็ไม่ต้องซดแล้วเน่อ พาราก็ไม่ต้องซัดเช่นกัน สัญญาณความหวังเริ่มจะมีแล้วน้าาา  :katai2-1:
หลายๆตอนที่ผ่านมาคนด่าอินน์นี่นำลิ่วกว่าใครเลย หวังว่าตอนนี้จะเบาบางลงบ้าง เพราะในที่สุดอินน์ก็ยอมถอยให้กับพายแล้ว เย่!  :a2: ถึงจะผ่านไปตั้งเทอมนึงเลยก็เถอะ แหะๆ  :m23:
แล้วมาดูกันตอนหน้านะคะว่าที่ผ่านมาอินน์อยู่ข้างเพลิงในฐานะอะไร ส่วนอีตานั่นก็ดูเหมือนว่าจะอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆและกันซีนคนอื่นจากพายอยู่ (รึเปล่า?  :m17:) นอกจากนี้ก็ต้องมาลุ้นกันอีก 2 เรื่องนะคะนั่นก็คือพายจะไปเรียนต่อมั้ย แล้วทั้งคู่จะได้ปรับความเข้าใจกันรึเปล่า บทสรุปความรักของทั้งคู่ใกล้จะมาถึงตอนจบแล้ว ยังไงก็มาลุ้นและเอาใจช่วยคู่เพลิงพายกันด้วยน้าาาา  :impress: ไม่จันทร์ก็อังคารเจอกันค่า  :bye2:
(20 ก.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-07-2018 23:19:55
เรื่องเรียนก็สำคัญนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-07-2018 23:31:58
แล้วไง? อยากรู้เรื่องของเมิงเหรอ?
ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเป็นเทอม ยังจะให้หวังอะไรจากเมิงอีก
กะอิแค่ทำให้รู้ว่ามันไม่ใช่แต่เป็นคู่แฝด ยากขนาดนั้นเลย? หึหึ

อย่ามาบอกว่าเป็นห่วงอยู่ห่างๆ ใครๆก็พูดแบบนี้ได้ทั้งนั้น
เนี่ยะนะที่เคยพูดเคยบอกว่ารักกัน..กรูไม่เชื่ออออออออออ

เพราะงั้น เมิงก็จงอยู่ห่างๆอย่างนี้ต่อไปเหอะ
ดีออก เพลิง

ใจมันสั่นระรัวๆๆๆๆๆ ซ่งติงสั่นเป็นระวิงๆๆๆๆ
อยากกระโดดถีบหน้าคน..ไอ่หน้าตัวเมีย
หุหุ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 20-07-2018 23:35:54
รีบๆเคลียร์กันนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-07-2018 23:51:48
เพลิงก็สำคัญ แต่การเรียนต่อก็สำคัญ  ต้องเลือกแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 21-07-2018 01:52:50
อุตส่าห์ทำเรื่องขอทุนตั้งนาน ถ้าเกิดจะมายกเลิกเพราะเพลิงนี่มันคุ้มจริงๆเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 21-07-2018 03:12:00
ไปเถอะพาย เรียนสำคัญกว่า
คืนานไปมั้ยกว่าจะบอกความจริง
อินน์ คือแบบบรุ้มาตลอด แต่ปิดไว้
แย่จริงๆ แต่เพลิงก็บ้าพอกัน
ไม่มาเคลียร์กันแบบนี้ ปล่อยให้พายไปเรียนต่อ
แล้วตัดใจไปเลย จะรอสมน้ำหน้าให้
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-07-2018 04:30:58
ไปเรียนต่อเถอะ ปล่อยให้นังเพลิงวิ่งตามพายเองบ้างแล้วกัน  :katai3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-07-2018 04:38:13
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 21-07-2018 07:32:20
……


พายไปเรียนต่อเพื่ออนาคตเถอะ

ถ้าเพลิงเคยห่างมาได้ตั้งหลายเดือน จะห่างอีกสักสองสามปีจะเป็นไรไป…เชอะ

แน่ใจว่ารักจริง ก้อตามไปดิ ไปเรียนไปทำงาน ไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตบ้าง


……


 :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:


หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-07-2018 09:11:09
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 21-07-2018 09:33:18
พอกันทั้งนั้นอะ คนนึงไม่ถามคิดเองเออเองอยากรู้ก็ถามสิเฮ้ยปัดโถ่

อีกคนก็ไม่ยอมบอกทั้งที่เรื่องมันก็แค่นั้นปล่อยลากยาวมาได้ตั้งนาน

ส่วนเพื่อนก็แย่แต่เราเข้าใจว่าคงชอบมานานอยากครอบครองถึงรู้ความจิงก็ไม่อยากบอก
เหมือนคนทุกวันนี้ที่เห็นแฟนดีกว่าเพื่อน ก็ไม่แปลกแต่คบไม่ได้

งี่เง่าทุกคนอะ สรุปไปเรียนเหอะการเรียนต้องมาก่อนตัวเองได้ประโยชน์เต็มๆ
แล้วถ้าจบกันไปแบบนี้เลยคงดีอะ แต่คนเขียนคงอยากให้แฮปปี้เพราะงั้นก็เพลิงตามไปละกัน
บ้านมันรวยนิแล้วไปเริ่มกันใหม่ที่นู่น แต่ขอว่าอย่างี่เง่าเหมือนที่ผ่านมาละกัน :fcuk:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-07-2018 09:48:30


พอกันทั้งนั้นอะ คนนึงไม่ถามคิดเองเออเองอยากรู้ก็ถามสิเฮ้ยปัดโถ่

อีกคนก็ไม่ยอมบอกทั้งที่เรื่องมันก็แค่นั้นปล่อยลากยาวมาได้ตั้งนาน

ส่วนเพื่อนก็แย่แต่เราเข้าใจว่าคงชอบมานานอยากครอบครองถึงรู้ความจิงก็ไม่อยากบอก
เหมือนคนทุกวันนี้ที่เห็นแฟนดีกว่าเพื่อน ก็ไม่แปลกแต่คบไม่ได้

งี่เง่าทุกคนอะ สรุปไปเรียนเหอะการเรียนต้องมาก่อนตัวเองได้ประโยชน์เต็มๆ
แล้วถ้าจบกันไปแบบนี้เลยคงดีอะ แต่คนเขียนคงอยากให้แฮปปี้เพราะงั้นก็เพลิงตามไปละกัน
บ้านมันรวยนิแล้วไปเริ่มกันใหม่ที่นู่น แต่ขอว่าอย่างี่เง่าเหมือนที่ผ่านมาละกัน :fcuk:
ยกนิ้วให้เลย เห็นด้วยว่าเรื่องเรียนควรมาก่อนนะคะเด็กๆ
ถ้ามันคือความรักจริง เพลิงก็ต้องทำอะไรสักอย่างให้พายเลิกบื้อ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-07-2018 11:20:17
ก็ต้องไปเรียนอยู่ดีล่ะเพื่ออนาคต ส่วนเรื่องเพลิงกลับมาค่อยว่ากันหรือจะตามไปเรียนด้วย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-07-2018 12:05:14
สนับสนุนให้ไปเรียนต่อ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-07-2018 13:12:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง P35 [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 21-07-2018 21:19:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง P35 [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 21-07-2018 22:28:39
ความจริงมันไม่ใช่?แล้วเป็นยังไงล่ะอินท์..เพื่อนรัก
จบคือจบ!!!แถมเป็นการจบที่เจ็บ!!จบแบบไม่สวยอย่างนี้ มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะสานต่อ?ที่ผ่านมาเป็นบททดสอบอย่างดีเลยว่า..ทั้งสองคนยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ!!
ไปเรียนต่อ ไปสร้างตัว โอกาสไม่ได้มีมาง่ายๆ ปั้วนะหาง่าย หากเลิกกันไปไม่ได้อะไร นอกจากความเสียใจ.. แต่การศึกษานี่เป็นความรู้ติดตัวเราไปจนตาย!!
ถ้าให้เดาอิเพลิงคงไปซ้อมคนที่มาคุยกับพายแน่ๆ
คนอย่างเพลิง เจ้าชู้ เอาแต่ใจ ใจร้อน ไม่พูดคุยกันด้วยเหตุผล ประชดกันไป ต่อให้กลับมาคบกัน
ท้ายที่สุดคงจบแบบเดิมๆถ้าไม่แก้ไขนิสัยแย่ๆนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง P35 [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 22-07-2018 16:15:25
แอบสงสารเพลิงนะถ้าพายไปแล้วไม่บอกมันอ่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R.Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่14 เปลี่ยนแปลงตัวเอง P35 [20.7.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 22-07-2018 18:31:19
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 24-07-2018 20:38:44
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 14# Pie ปรับความเข้าใจ


“วะ...ว่าไงนะ?” ผมแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เรื่องที่อินน์บอกว่าไม่ได้คบกับเพลิงยังไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่อินน์บอกว่าเพลิงมีพี่ชายฝาแฝดชื่อพฤกษ์ เรื่องที่ฟังดูน่าเหลือเชื่อขนาดนั้นมันคือเรื่องจริงแน่หรอ?


“พายอาจจะไม่เชื่อ แต่ว่าเราพูดความจริงนะ เอาเรื่องที่เพลิงมีพี่ชายฝาแฝดชื่อพฤกษ์ก่อน เรามีทั้งรูปแล้วก็คลิปยืนยันเลย” อินน์พูดจบก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา จากนั้นก็เข้าเฟซบุ๊คแล้วค้นหาชื่อแฟนเพจอะไรวายๆ สักอย่างแต่ผมดูไม่ทัน จากนั้นอินน์ก็เลื่อนฟีดลงมาสักพักจนเจอคลิป VDO หนึ่งก็กดเล่นแล้วส่งให้ผมดู


คลิปนั้นเป็นคลิปของผู้ชายคนหนึ่ง ถึงจะมองหน้าไม่ค่อยชัดเพราะแสงค่อนข้างน้อยและคลิปค่อนข้างสั่น แต่ผมก็พอมองออกว่ารูปร่างหน้าตาของเขาเหมือนกับเพลิงมาก ต่างกันก็แค่ทรงผมและคนคนนั้นสวมแว่นสายตา ลุคเดียวกันกับที่ผมเห็นในหอสมุดนั่นแหละ โดยที่เขากำลังร้องเพลงและหอบช่อดอกไม้ที่ทำจากเงินขนาดใหญ่ทำเซอร์ไพรส์ผู้ชายที่ผมเห็นอยู่ด้วยกัน บรรยากาศดูอบอุ่นและโรแมนติกมากจนผมนึกอิจฉาในใจ


หลังจากนั้นอินน์ก็เลื่อนคลิปไปจนถึงช่วงท้ายๆ ตอนนั้นมีเสียงกองเชียร์ตะโกนให้ทั้งคู่จูบกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้ผู้ชายที่คนหน้าตาเหมือนเพลิงทำเซอร์ไพรส์ให้ถึงกับเหวอและลนลาน


‘ทำไงดีวะไอ้พฤกษ์’


‘ก็ไม่ต้องทำยังไง ทำตามที่พวกนั้นบอกก็จบ’


‘เฮ้ยๆๆ นี่มึงเอาจริงดิ’


‘จริงไม่จริงเดี๋ยวมึงก็รู้’


‘อะ...ไอ้...ไอ้พฤกษ์...’



และแล้วเสียงของเขาก็เงียบไปแต่เพียงเท่านั้น เพราะโดนริมฝีปากของผู้ชายที่หน้าตาเหมือนเพลิงแนบลงมาปิดเอาไว้ซะก่อน แต่ว่าคิสซีนนั้นผมและผู้ชมที่รายล้อมอยู่มองไม่เห็น เนื่องจากผู้ชายที่หน้าตาเหมือนเพลิงเอื้อมมือไปคว้าช่อดอกไม้ที่ทำจากเงินมาปิดบังใบหน้าของพวกเขาเอาไว้


“พายได้ยินชัดเลยใช่มั้ยว่าผู้ชายที่อยู่ในคลิปชื่อพฤกษ์ไม่ใช่ชื่อเพลิง” อินน์ถามผมเมื่อคลิปจบลง


“อืม” ผมพยักหน้า คลิปที่ยอดดูเกือบล้านขนาดนี้คงไม่ใช่คลิปที่จัดฉากขึ้นเพื่อหลอกผมแน่ๆ อีกอย่างวันที่ที่ลงมันก็ตั้งแต่เทอมที่แล้ว เพลิงคงไม่หยั่งรู้อนาคตจนสร้างคลิปนี้มาเตรียมเอาไว้หรอก


ชักรู้สึกผิดขึ้นมาเลยแฮะ


ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วแหละว่าทำไมวันนั้นเพลิงถึงได้เกรี้ยวกราดถึงขนาดนั้น...


“จริงๆ คลิปนี้มันดังมากเลยนะ แต่พายไม่เคยเห็นเพราะไม่ค่อยเล่นโซเชียลใช่มั้ยล่ะ”


“อืม” ผมพยักหน้า ถึงอย่างนั้นก็เถอะแต่ทั้งเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ แล้วก็อินสตราแกรมผมมีแอคเคาท์ทั้งหมดเลยนะ แต่ที่ผมแทบไม่ได้เข้าจนฟีดรกร้างเป็นเพราะผมไม่รู้จะเข้าไปทำไม ก็ผมแทบไม่มีเพื่อนสักคนเลยนี่นา เวลาโพสต์อะไรสักอย่างคนกดถูกใจแทบจะเป็นศูนย์


“จะว่าไป ถ้าอินน์รู้เรื่องคลิปนี้ แสดงว่าอินน์ก็รู้อยู่แล้วงั้นหรอว่าเพลิงมีพี่ชายฝาแฝดชื่อพฤกษ์” แต่ก็น่าแปลกนะ ถ้าอินน์รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ตอนนั้นอินน์จะแนะนำให้ผมเปลี่ยนชื่อเป็นพฤกษ์เพื่อหนีเพลิงทำไม ชื่อที่เหมือนกับฝาแฝดของตัวเองขนาดนี้ยิ่งจะสะดุดตาล่ะสิไม่ว่า


“เราเคยเห็นคลิปนี้มาแล้วแต่เราไม่รู้ว่าเป็นเพลิง พายก็เห็นนี่ว่าคลิปมันทั้งมืดทั้งสั่น แถมผู้ชายในคลิปยังใส่แว่นแล้วก็ชื่อพฤกษ์อีกต่างหาก”


ส่วนเรื่องที่ว่าอินน์รู้เรื่องนี้ได้ยังไง ก็เป็นเพราะวันนั้นหลังจากที่เพลิงลากอินน์ออกไป พี่ชายฝาแฝดของเพลิงก็โทรมาถามข่าวคราวพอดี เพลิงเลยเล่าให้ฟังทั้งหมด จากนั้นก็หันมาขู่อินน์ว่าถ้าเอาเรื่องนี้มาบอกผมจะกระทืบให้ตาย


“กระทืบเนี่ยนะ!? ทำไมเพลิงถึงได้ใจร้ายแบบนั้น! อย่างน้อยอินน์ก็เป็น...” ตอนแรกผมก็กะจะพูดว่าเป็นคนที่คบด้วย แต่พอนึกออกว่าก่อนหน้านี้อินน์บอกว่าไม่ได้คบกับเพลิง ผมเลยชะงักแล้วก็เงียบไป


“เราไม่ได้เป็นอะไรกับเพลิงทั้งนั้น ขนาดเพื่อนยังเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำแล้วเพลิงจะดีกับเราทำไม อีกอย่างทั้งโลกคงมีแค่พายคนเดียวแหละมั้งที่เพลิงดีด้วย พายอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ แต่ว่าเพลิงคอยเฝ้าดูพายอยู่ห่างๆ ตลอดเลยนะ”


“เฝ้าดู...งั้นหรอ?” ผมพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่พอค่อยๆ ทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาดูผมก็ถึงได้เข้าใจ เหตุการณ์ที่หน้าห้องสอบเพลิงคงตั้งใจจะมาช่วยผมจริงๆ สินะ ส่วนเรื่องที่ตอนผมเปลี่ยนลุคใหม่ๆ แล้วมีหลายคนเข้ามาคุยด้วยแต่จู่ๆ ก็หายไป คิดว่านั่นก็คงจะเป็นฝีมือของเพลิงเหมือนกัน


อีตาบ้าเอ๊ย


ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมองว่าการกระทำแบบนั้นของเพลิงมันน่ารักหรือว่าน่าหมั่นไส้ดี


“ที่เราได้อยู่ข้างๆ เพลิง ก็เพราะเพลิงให้เราคอยจับตาดูพาย แล้วก็ให้รายงานเรื่องพายให้ฟังนี่แหละ” น้ำเสียงของอินน์ที่ติดจะเศร้าๆ เล็กน้อยทำให้ผมที่กำลังอมยิ้มอยู่ถึงกับต้องรีบหุบลง ถึงแม้ตอนนี้ผมกับอินน์จะไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ผมจะไปมีความสุขในขณะที่เพื่อนกำลังทุกข์ได้ยังไง


“แรกๆ เราคิดว่าแค่ได้อยู่ใกล้เพลิงเท่านี้ก็มีความสุขมากแล้วนะ แต่หลังๆ เราแทบจะลืมไปแล้วว่าความสุขมันคืออะไร และที่เราเสียใจมากที่สุดก็คือตอนที่เลือกเพลิงแล้วหันหลังให้พาย ในสายตาของพายเราคงจะเป็นเพื่อนที่เลวมาก แล้วเราก็ไม่คิดหรอกนะว่าพายจะยอมยกโทษให้ แต่ว่าอย่างน้อยก็ขอให้รับคำขอโทษของเราเอาไว้เถอะนะ...เราขอโทษจริงๆ” อินน์พูดทั้งน้ำตา ผมรับรู้ได้ถึงความจริงใจในคำขอโทษ ที่ผ่านมาอินน์รู้สึกผิดต่อผมจริงๆ


“ไม่ต้องร้องไห้นะอินน์ เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้วอย่าไปคิดมากเลย” ผมพูดจบก็สวมกอดอินน์เอาไว้ การกระทำนั้นยิ่งทำให้อินน์ร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่แล้วขอโทษผมซ้ำไปซ้ำมา


ผมกอดปลอบและลูบหลังอินน์อยู่สักพัก ในขณะนั้นผมกำลังก้มหน้าอยู่เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง จนกระทั่งอินน์หยุดร้องนั่นแหละผมถึงได้เงยหน้าขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าไม่ไกลมาก ผมเห็นสีหน้าของเขาอย่างชัดเจนว่ากำลังเศร้าแค่ไหน


“เพลิง...” ผมพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ แต่อินน์ก็ได้ยินจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกมา จากนั้นก็ใช้หลังมือปาดน้ำตาที่นองหน้าของตัวเองทิ้ง


“พายไปปรับความเข้าใจกับเพลิงเถอะนะ” อินน์ตบที่บ่าของผมเบาๆ โดยที่ใบหน้ายังคงเปื้อนคราบน้ำตา แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าอินน์เอาใจช่วยให้ผมคืนดีกับเพลิงจากใจ เพราะรอยยิ้มของอินน์นั้นกลับมาสดใสเหมือนกับที่เคยเป็นแล้ว


ผมส่งยิ้มให้แล้วมองแผ่นหลังของอินน์ที่ค่อยๆ เดินจากไปสักพัก จากนั้นจึงหันไปหาเพลิงที่กำลังเดินใกล้เข้ามา จนกระทั่งเพลิงมายืนอยู่ตรงหน้าผม เราสองคนจึงได้เอ่ยปากพูดออกมาพร้อมกัน


“เราขอโทษนะ”


“กูขอโทษนะ”


ผมกับเพลิงเราสองคนถึงกับอึ้งและทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าต่างฝ่ายต่างก็ตั้งใจจะขอโทษตัวเอง พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ผมกับเพลิงเลยยิ้มออกมาน้อยๆ ความประหม่าจากการที่ไม่ได้เผชิญหน้ากันมาอย่างยาวนานจึงค่อยๆ จางลง


“กูขอเป็นคนพูดก่อนแล้วกัน” เพลิงเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อนทั้งที่ผมก็ตั้งใจจะพูดแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยอมพยักหน้าลง


“ที่ผ่านมากูมักจะเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง แถมยังทำประชดมึงหลายๆ อย่างทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ กูขอโทษที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ค่อยได้ ขอโทษที่กูมีทิฐิมากเกินไป แล้วก็ขอโทษที่กูทำให้มึงเสียใจนะพาย”


“เราก็ต้องขอโทษนายเหมือนกัน ที่ผ่านมาเราเอาแต่หนีปัญหา เราปิดกั้นทุกอย่างเพราะไม่กล้าเผชิญความจริง เราอาจจะผิดมากกว่านายด้วยซ้ำก็ได้ อย่างที่นายเคยบอกว่าเราไม่เคยถาม ไม่เคยเปิดโอกาสให้นายได้แก้ตัว เราขอโทษจริงๆ”


“ไม่ กูต่างหากที่ผิดมากกว่า ทั้งๆ ที่กูรู้อยู่แล้วว่ามึงเข้าใจผิดเรื่องอะไร แต่กูก็ไม่พยายามอธิบายให้มากพอ แถมกูยังหัวร้อนจะจับเพื่อนมึงทำเมียประชด แล้วหลังจากนั้นก็แกล้งทำเป็นคบกันด้วย เพราะงั้นคนที่ควรขอโทษก็คือกู กูผิดไปแล้ว ยกโทษให้กูเถอะนะ”


น้ำเสียงของเพลิงอ้อนวอนผมมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผมเคยได้ยินมา ส่วนสายตาและสีหน้าก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังรู้สึกผิดและเสียใจกับการกระทำของตัวเองจริงๆ เพราะงั้นผมจึงได้คลี่ยิ้มออกมา จากนั้นก็ยื่นมือออกไปสัมผัสที่ข้างแก้มของเพลิงด้วยความอ่อนโยน


“อืม” เท่านั้นแหละเพลิงก็พุ่งเข้ามากอดผมทันที วินาทีแรกผมรู้สึกตกใจจนตัวแข็งค้าง แต่หลังจากนั้นความคิดถึงและโหยหามันก็ทำให้ผมน้ำตารื้นขึ้นมา ก่อนที่ผมจะกอดตอบเพลิงอย่างแนบแน่นไม่แพ้กัน


“กูรักมึงนะพาย รักมาก รักแบบที่ไม่เคยรักใคร แล้วกูก็คิดว่าทั้งชีวิตของกูคงจะรักมึงได้แค่คนเดียว”


คำสารภาพรักที่แทบไม่อ่อนหวาน แถมยังติดจะแข็งกระด้างไปด้วยซ้ำ แต่ผมกลับรู้สึกถึงความหนักแน่นและจริงใจที่เพลิงส่งมาให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้น้ำตาของผมที่เอ่อคลออยู่มันไหลลงมาเป็นสายทันที


“เราก็รักนายเหมือนกันเพลิง” ผมไม่รู้เหมือนกันว่าหลงรักเพลิงตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีผมก็รักเพลิงเข้าให้แล้ว และผมก็ไม่เคยเสียใจที่รักเพลิงเลยแม้แต่เสี้ยววินาที เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าสำหรับผมความรักแม้จะสมหวังหรือผิดหวังมันก็ยังสวยงามเสมอ


“เรื่องที่มึงจะไปเรียนต่อที่ลอนดอน กูจะไม่บอกว่าจะไม่ให้มึงไป เพราะไม่ว่ามึงจะไปที่ไหนกูก็จะตามมึงไปด้วย...กูไม่อยากอยู่ห่างจากมึงอีกแล้ว” พูดถึงตรงนี้เพลิงก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ความรู้สึกเศร้า เหงา เดียวดาย และเสียใจส่งผ่านเข้ามาจนถึงหัวใจของผม ซึ่งแน่นอนว่าตลอดมาผมก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นเดียวกัน


“ขอบคุณนะที่นายคิดจะทำเพื่อเราขนาดนี้ เราก็ไม่อยากอยู่ห่างจากนายเหมือนกัน” พูดจบผมก็ออกแรงกอดรัดเพลิงให้แน่นขึ้นพลางหลับตาลง เพื่อให้รู้สึกถึงความรักและความอบอุ่นของเพลิงให้ได้มากที่สุด ก่อนที่ผมจะกลั้นใจดันอ้อมกอดนั้นออก แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว


“แต่เราว่านายอยู่ที่นี่ไม่ต้องตามเราไปหรอกนะ” ทันใดนั้นจากสีหน้าที่มีความสุขของเพลิงก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ


“ทำไม...”


“นายควรจะเลือกทางเดินของตัวเองไม่ใช่เดินตามทางของใคร อีกอย่างเราสองคนก็ห่างกันนานเกินไป จนเราคิดว่ามันเลยจุดที่จะบอกรักกัน คบกัน แล้วก็อยู่ด้วยกันแล้ว” ระยะเวลาหลายเดือนที่ห่างกับเพลิงทำให้ผมชินที่ต้องอยู่คนเดียว จริงอยู่ที่บางเวลาผมอาจจะเหงาอยู่บ้าง แต่ผมก็สามารถอยู่กับมันและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้


“ที่ผ่านมาเราสองคนอาจจะรักกันไม่พอ ถึงไม่เคยพยายามจะเข้าใจอีกฝ่ายและปรับความเข้าใจกัน เพราะงั้นเราสองคนลองห่างกันอย่างจริงๆ จังๆ ดูนะ เผื่อจะทำให้เราสองคนรักกันมากขึ้น ถึงตอนนั้นเราค่อยมาคบกันนะเพลิง” พูดถึงตรงนี้ผมก็น้ำตาคลอ แต่ผมก็พยายามจะไม่ร้องไห้ เพราะที่ผ่านมาผมร้องไห้มามากเกินพอแล้ว


“มึง...ต้องอยู่ที่นั่นนานเท่าไหร่” น้ำเสียงของเพลิงดูสั่นนิดๆ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดราวกับจะขาดใจเมื่อได้ยินคำตอบของผม


“เราต้องเรียนที่นั่น 2 ปีและทำงานใช้ทุนอีก 2 ปี”


“4 ปีเลยงั้นหรอ” เพลิงเงยหน้าขึ้นแล้วหลับตาลง คงจะไม่อยากให้ผมเห็นดวงตาแดงก่ำที่ราวกับจะร้องไห้ออกมา


“ถ้าหาก 4 ปีที่เราอยู่ที่นั่นนายรอเราไม่ได้เราก็ไม่...”


“ยังไงกูก็จะรอ!” โดยไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยคเพลิงก็พูดขัดขึ้น สายตาคู่นั้นถึงแม้จะแดงก่ำแต่ผมก็เห็นถึงความจริงจัง หนักแน่น และมั่นคง


“นายยังไม่ต้องรีบตอบเราตอนนี้ก็ได้”


“จะตอนนี้หรือตอนไหนคำตอบของกูมันก็คือคำเดิม กว่าจะมาเจอมึงจนได้รักมึงกูยังรอตั้ง 22 ปีได้เลย เพราะงั้นกะอีแค่ 4 ปีทำไมกูจะรอไม่ได้ ระหว่างนี้กูจะพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อรอมึงกลับมา” เพลิงฝืนยิ้มแม้ว่าที่ใบหน้ากำลังมีน้ำตาไหลลงมา ภาพที่เห็นทำเอาผมรู้สึกเจ็บปวดและทรมานมากไปถึงใจกลางของหัวใจ


น้ำตาของลูกผู้ชายมันไม่ได้ไหลออกมาง่ายๆ ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ...


“แม่งเอ๊ย ให้มึงเห็นสภาพแย่ๆ ของกูจนได้ นี่กูเป็นคนอ่อนแออย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” เพลิงสบถออกมาอย่างหัวเสีย แล้วจะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา แต่ผมก็ใช้มือคว้าเอาไว้แล้วยื่นอีกข้างขึ้นไปเช็ดน้ำตาของเพลิงแทน


“ขอโทษนะที่เราอาจดูเหมือนเอาแต่ใจ แต่เราสัญญาเลยว่าหลังจากกลับมาเราจะไม่ห่างนายไปไหนอีกแน่นอน” คำสัญญานี้ผมขอใช้ชีวิตและหัวใจของตัวเองเป็นหลักประกัน


“4 ปีที่มึงอยู่ที่นั่นกูขอไปหามึงบ้างได้มั้ย”


“ไม่ต้องมาหรอกเพลิง เราสองคนยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย อีกอย่างเราคงตั้งหน้าตั้งตาคอยจนไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนแน่ๆ”


เรื่องนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนสำคัญคือผมไม่อยากให้เพลิงเสียเวลาและเสียเงินตั้งมากมายเพื่อผม ถ้าบินตรงไปกลับครั้งนึงก็เสียเวลาไปเต็มๆ 1 วัน ส่วนราคาตั๋วก็น่าจะเหยียบ 2 แสนได้ คนอย่างเพลิงไม่มีทางรอต่อเครื่องและนั่งชั้นประหยัดเพื่อเซฟค่าใช้จ่าย แล้วไหนจะค่ากินค่าอยู่ในระหว่างที่อยู่ที่นั่นอีก


“ถ้ามึงจะพูดแบบนี้กูก็คงทำได้แค่รออย่างเดียวสินะ” เพลิงพูดอย่างเศร้าๆ จากนั้นก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อเอาอะไรสักอย่างออกมา ก่อนที่ผมจะเห็นว่าเป็นสร้อยเกียร์ 2 เส้น เส้นหนึ่งเป็นของผม ส่วนอีกเส้นเป็นของเพลิงที่ผมฝากอินน์เอาไปคืนตั้งแต่เทอมที่แล้ว


“เรานึกว่านายทำของเราหายไปแล้วซะอีก” เพราะหลังจากที่ผมฝากสร้อยเกียร์ไปคืนให้เพลิง อินน์ก็บอกว่าเพลิงหาของผมไม่เจอจนคิดว่ามันน่าจะหายไปแล้ว


“กูเก็บเอาไว้อย่างดีเลยต่างหาก แต่กูไม่กล้าคืนเกียร์ให้มึง เพราะกูทำใจไม่ได้ถ้าต้องปล่อยมึงไป” พอได้รู้แบบนี้ จากที่เคยเสียใจและน้อยใจต่างๆ นานา แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกมีความสุขจนมันเอ่อล้นไปทั้งหัวใจ


“มึงช่วยรับเกียร์ของกูไปอีกครั้งจะได้มั้ย” เพลิงถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ครั้งที่แล้วเพลิงเป็นคนบังคับให้ผมใส่ แต่ครั้งนี้ผมยินดีและเต็มใจ แถมยังสัญญาด้วยว่าจะใส่ติดตัวและจะรักษามันเป็นอย่างดีแน่นอน


“อืม” เมื่อผมพยักหน้าเพลิงก็สวมสร้อยเกียร์เข้าที่คอของผม ก่อนที่เราสองคนจะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย คำพูดแทนใจนับร้อยพันถูกส่งไปถึงกันและกัน ก่อนที่สักพักผมจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงเมื่อเพลิงเคลื่อนใบหน้าลงมาหาผมช้าๆ


จูบนี้ไม่มีความเร่าร้อนและไม่ได้เป็นจูบที่ลึกซึ้ง เป็นเพียงแค่การที่ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาเท่านั้น แต่ผมกลับรับรู้ได้ถึงทุกความรู้สึกของเพลิงที่ส่งผ่านมา โดยเฉพาะความรักที่ตอนนี้ได้อัดแน่นและตราตรึงอยู่ในหัวใจ


ผมจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป...


“กูรักมึงนะพาย”


“อืม เราก็รักนายเหมือนกัน”


แล้วหลังจากวันนั้นเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ผมก็ต้องขึ้นเครื่องไปลอนดอน ที่ผมต้องไปก่อนทั้งๆ ที่ยังไม่เปิดเทอมเป็นเพราะต้องไปเรียนคอร์สปรับพื้นฐานด้านภาษา ในวันนั้นมีแค่ครอบครัวของผมมาส่งเพราะผมขอร้องไม่ให้เพลิงมา ช่วงเวลาที่ต้องจากลามันคงจะเศร้าและหน่วงมาก ผมไม่อยากจากไปด้วยความรู้สึกแบบนั้น แล้วผมก็ไม่อยากให้เพลิงต้องรู้สึกแบบเดียวกันด้วย


แต่ผมก็ไม่รู้เลยว่าในวันนั้นเพลิงได้แอบมา โดยมองส่งผมเข้าเกทจนแผ่นหลังลับสายตา จากนั้นก็เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองเครื่องบินที่ผมนั่งไปจนลับขอบฟ้า ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันแสนเศร้า


“รีบกลับมานะพาย...”


2BC


 o18 สวัสดีค่า Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วน้า ตอนนี้มันก็จะเศร้าๆ ซึ้งๆ หน่วงๆ นิดนึงเนอะ ยื่นทิชชู่ให้ทุกคนซับน้ำตา ถ้าม้วนนึงไม่พอมาขอเพิ่มได้เลยนะคะที่รัก  :hao5:
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเรียกว่าแฮปปี้เอนดิ้งหรือแซดเอนดิ้งดี แต่สำหรับเค้ามันก็คือแฮปปี้เอนดิ้งนะ เพลิงกับพายสารภาพว่ารักกัน แถมยังปรับความเข้าใจกันได้อีกต่างหาก ถึงจะต้องจากกัน 4 ปี แต่หลังจากนี้ถ้าได้คบกันก็คงจะยิ่งรักกันมากกว่าเดิม เพราะความห่างมันก็คงจะทำให้ยิ่งคิดถึงและโหยหากันและกันล่ะเนอะ  o15
ส่วนตอนหน้าจะเป็นบทส่งท้ายนะคะ จะเป็นบทสรุปและตอนจบที่แท้จริงของคู่นี้ว่าจะเป็นยังไง แล้วก็จะเชื่อมโยงไปถึงคู่น้องวาที่หลายๆคนกำลังตั้งตารอด้วย แล้วเจอกันวันศุกร์ช่วงค่ำๆนะคะที่รัก บ๊ายบายยยยยย  :bye2:
(24 ก.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-07-2018 21:47:21
พอปรับความเข้ากันได้ ก็ต้องจากกันอีกล่ะ แต่ 4 ปีก็นานพอจะพิสูจน์ความรักว่าจริงจังแค่ไหน ถึงตอนนั้นก็คงมีความสุขมากมายนะจ๊ะเด็กๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 24-07-2018 21:48:22
……


รอ4ปี……ตายยยยยเลยดีกว่าเถอะ


 :jul1:  :jul1:  :jul1:  :jul1:  :jul1:  :jul1:


หงอยเหงาเศร้าใจอ่ะ ……

เพลิงจะทนไหวไหมนะ.

ทำไมให้ไปหาไม่ได้นะพายยยยย


 :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:   :z3:  :z3:


………

.
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-07-2018 22:56:45
ตัดฉับไปตอนที่กลับมาไทยเลยได้ไหม อิอิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-07-2018 23:16:14
ถือว่าเป็นการปรับปรุงนิสัยใจร้อนของเพลิงแล้วกัน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-07-2018 00:08:52
โห 4ปี!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 25-07-2018 00:45:14
ห่างแต่เคียงชิดใกล้
ไกลแค่เพียงคิดถึง
ใกล้เพราะใจคำนึง
ไกลแต่ใจหยั่งถึง..ว่าเรารักกัน

เพลิงพาย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 25-07-2018 08:00:44
4 ปี อะไรก็เกิดขึ้นได้นะ มันไม่ใช่การวัดใจหรือแสดงรักแท้อะไรหรอกสำหรับเรา คิดในแง่ของความเป็นจริงเลวร้ายที่สุดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป จะมานั่งเสียดายไหมนะว่าช่วงเวลาก่อนหน้าไม่น่าทำอย่างนั้นเลย อย่างเพลงเวลาไม่เคยพอ ฟังทีไรเศร้าทุกที 55555 แบบว่าอินจัด
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 25-07-2018 08:22:33
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-07-2018 17:46:20
รอเวลา ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 25-07-2018 23:06:54
 :sad4: 4ปีมันนานเกินไป
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-07-2018 23:20:44
บินไปหาเถอะ ชีวิตจริงมัรอไม่ไหวหรอกสี่ปี
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-07-2018 05:36:34
ถ้าไม่ปากแข็งตั้งแต่แรกก็ไม่เป็นแบบนี้ รอไปนะเพลิง สู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 14 ปรับความเข้าใจ [24.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 26-07-2018 22:14:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 27-07-2018 21:22:15
[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก


Part 15# Plerng บทส่งท้าย


   “เร็วๆ สิวา! เดี๋ยวพี่ก็ไปสนามบินไม่ทันหรอกเว่ย!” ผมตะโกนเร่งวาที่ยังคงอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าจะแต่งตัวอะไรนานกันนักกันหนา ผมก็บอกแล้วว่า 2 ทุ่มจะออกจากบ้าน แต่นี่ปาไปตั้ง 2 ทุ่ม 15 แล้วแต่วาก็ยังไม่ยอมออกจากห้องสักที


   “เสร็จแล้วๆ จะรีบอะไรนักหนาก็ไม่รู้ อีกเกือบ 3 ชั่วโมงเครื่องถึงจะลงนะไม่ใช่อีก 30 นาที” วาเปิดประตูห้องออกมาแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ผม


ใบหน้าเมื่อในอดีตที่ติดจะน่ารักตอนนี้กลับออกไปทางสวยซะมากกว่า ส่วนสูงที่เคยถึงแค่ไหล่ของผมก็ขยับขึ้นมาจนถึงต้นคอ ทรงผมที่เคยตัดสั้นก็ไว้ยาวซะจนเกือบประบ่า รวมๆ แล้วทั้งรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนจากเด็กกะโปโลโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย


   ก็นะ...นี่มันผ่านไป 4 ปีแล้วนี่นา


   “แกว่ารถในกรุงเทพมันมีน้อยรึไง ทางไปสนามบินแม่งติดจะตายห่า พี่ก็ต้องเผื่อเวลาเอาไว้น่ะสิวะ”


   “แต่ก็ไม่ต้องเผื่อตั้ง 3 ชั่วโมงก็ได้ปะ วันเสาร์รถมันไม่ค่อยเยอะเหมือนวันธรรมดา วิ่งบนมอเตอร์เวย์แป๊บๆ ก็ถึงแล้ว ไม่รู้จะรีบเวอร์วังไปไหน” วากลอกตาใส่แล้วเดินหนีผมลงไปข้างล่าง


หนอย...ไอ้น้องบ้านี่มันน่าเขกกบาลสั่งสอนจริงๆ ทีกับพี่ภู พี่ธาร หรือไอ้พฤกษ์นี่พูดเสียงอ้อนเสียงหวาน แถมยังมีครับแทบจะทุกประโยค แต่ทีกับผมนี่แทบจะเล่นหัว ส่วนไอ้คำว่าครับก็แทบจะไม่มี มันน่าโมโหจริงๆ!


แต่ก็เอาเถอะ วามันก็สองมาตรฐานกับผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะถ้ามองย้อนกลับไปผมก็ชอบแกล้งมันหนักกว่าใครในบ้าน ทำตัวไม่น่าเคารพ แล้วก็ชอบหาเรื่องชวนทะเลาะกับมันเป็นประจำ จนมันคงจะคิดว่าผมเป็นเพื่อนมันแทนที่จะเป็นพี่ชายไปแล้ว


เฮ้ออออออ อนาถใจ!


“พร้อมกันหมดแล้วใช่มั้ยทุกคน” ผมถามเมื่อเดินมาถึงข้างล่าง ตอนนี้ที่ห้องรับแขกแทบจะดูแออัดเพราะมีตั้ง 8 ชีวิตอยู่รวมกัน ซึ่งก็มีทั้งพี่ภู ตะวัน พี่ธาร หมอก ไอ้พฤกษ์ ไอ้ซ่า วา แล้วก็ผม การที่ทุกคนมารวมตัวกันแบบนี้ก็เพราะกำลังจะไปรับว่าที่สะใภ้ของครอบครัวคนล่าสุด ที่กำลังเดินทางกลับมาจากลอนดอน


“พร้อม!!!!!!!” 7 เสียงตอบกันอย่างพร้อมเพรียง ท่าทางแต่ละคนจะดูตื่นเต้นไม่ต่างจากผมเลยนะเนี่ย


“โอเค ถ้างั้นก็ไปกันเลย!” ผมพูดจบก็เดินนำออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านนอก ก่อนที่รถทั้ง 4 คันจะขับตามกันออกมา โดยที่แต่ละคันก็นั่งกันเป็นคู่ๆ ส่วนผมที่คู่ยังมาไม่ถึงก็เลยต้องหิ้ววาที่ยังไม่มีคู่มานั่งด้วยอย่างช่วยไม่ได้


แต่จะว่าไปถ้าจะบอกว่าวาไร้คู่มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะตั้งแต่ขึ้นปี 2 ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งคอยมารับมาส่งวาอยู่ตลอดนี่หว่า


“เออ แกไม่ชวนไอ้รุ่นพี่คนนั้นมาด้วยล่ะวา” ผมถามในขณะที่กำลังขับรถ


“จะชวนมาทำไมล่ะ ผมไม่ได้คบกับพี่เขาสักหน่อย”


“ไม่ได้คบแต่ตามรับตามส่งแกเป็นปีๆ เนี่ยนะ?”


“ก็แล้วผมบังคับที่ไหน พี่เขาสมัครใจมารับมาส่งเองต่างหาก” วาตอบอย่างไม่ยี่หระ เออ! เอากับมันสิ!


“แกนี่จะใจแข็งไปถึงไหน ไอ้รุ่นพี่คนนั้นมันก็ดูเป็นคนดีจะตาย ขนาดพี่ภูยังให้สามผ่านเลย หรือว่าแกยังไม่ลืมไอ้รุ่นพี่เหี้ยนั่นที่มันเคย...”


“ไฟแดงแล้วพี่เพลิง!” วารีบพูดขัดขึ้น ผมจึงได้รีบเหยียบเบรกก่อนที่จะเลยเส้นขาวไปแค่นิดเดียวเท่านั้น


เฮ้ออออออ เกือบไปๆ


“เป็นไงล่ะมัวแต่พูดมาก หรือว่าเดือนนี้ยอดใบสั่งที่ส่งมาบ้านยังไม่ถึงเป้าเลยจะทำยอดเพิ่ม?” วาทำหน้ากวนประสาทใส่แถมยังแลบลิ้นให้ผมอีกต่างหาก


“หนอย...กวนตีนจริงนะไอ้น้องเวร” ว่าแล้วผมก็จัดการเขกกะโหลกวามันไปทีนึง มันจึงทำเป็นเล่นใหญ่โอดครวญโวยวายเหมือนจะตายซะให้ได้ ซึ่งการที่มันทำแบบนั้นผมรู้ว่ามันไม่อยากให้ผมพูดถึงเรื่องในอดีต เพราะงั้นผมก็จะหยุดพูดแค่นี้ก็ได้


   หลังจากนั้นเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวผมก็ขับรถต่อไป ไอ้ผมมันก็เป็นพวกตีนผีที่ขับรถเร็วอยู่แล้วเลยมาถึงก่อนใครในบ้าน โดยทำเวลาไปแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เพราะงั้นเวลาที่เหลือผมถึงได้เอาแต่นั่งฟังวาบ่น แต่ผมก็ไม่สนเพราะหัวใจของผมกำลังจดจ่ออยู่กับคนที่กำลังเดินทางกลับมา


   เวลา 4 ปีมันยาวนานและทรมานมากสำหรับผม โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่ผมแทบไม่เป็นอันทำอะไร ถ้าไม่มัวแต่นั่งเหม่อลอยก็เอาแต่ส่องเฟซบุ๊ค ไอจี และทวิตเตอร์ที่แทบจะรกร้างของพาย ผมที่มีสถานะเป็นแค่เพื่อนจึงทำได้เพียงแค่เท่านี้


การตัดสินใจของพายหลายคนอาจจะมองว่าใจร้าย แต่สำหรับผมนั้นคิดว่ามันสาสมแล้ว ที่พายตัดสินใจไปเรียนต่อส่วนหนึ่งก็เพราะตัวผมเอง ถ้าตอนนั้นผมไม่เอาแต่ประชดและถือทิฐิบ้าบอ ตอนนี้ผมกับพายอาจจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปแล้วก็ได้


เฮ้อออออ ชีวิตของคนเรามันก็แบบนี้ อีกอย่างมันก็คงเป็นเวรกรรมของผมด้วยมั้งที่เมื่อก่อนมีความสัมพันธ์กับคนอื่นไปทั่ว ไม่เคยเห็นหัวใคร แล้วก็คิดว่าการมีแฟนมันเหมือนกับการมีห่วงผูกคอ แต่ตอนนี้ผมได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะมีใครเข้าหาผมก็ไม่เคยสนใจ ในเมื่อผมเจอคนที่ใช่แล้วผมจะไปสนคนอื่นทำไม สายตาของผมมีเอาไว้มองพาย ส่วนหัวใจของผมก็มีไว้เพื่อรักพายได้แค่คนเดียว


   เกือบเดือนที่ผมมีสภาพแห้งเหี่ยวเหมือนคนใกล้ตายอยู่ที่บ้าน ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเมื่อพายทักไลน์มาหา ถามว่าผมสบายดีมั้ย งานที่ทำอยู่เป็นยังไง มีความสุขดีรึเปล่า นั่นแหละผมถึงคิดว่าจะอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เกิดพายรู้ว่าสารรูปผมเป็นยังไงแล้วปันใจไปให้หนุ่มๆ ที่อังกฤษก็ฉิบหายกันพอดีน่ะสิผม


   เพราะงั้นหลังจากที่คุยกับพายจบผมเลยรีบโทรไปบอกที่ทำงาน ซึ่งเป็นบริษัท IT ชั้นนำว่าพร้อมทำงานแล้ว หลังจากที่ผมขอเลื่อนไป 1 เดือนโดยอ้างว่าติดปัญหาทางบ้านนิดหน่อย ซึ่งที่นั่นก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะอยากได้ผมเข้าทำงานอยู่แล้ว


ก็นะ...คนมันเก่งก็งี้ พูดแล้วจะหาว่าคุย บริษัทนั้นขอจองตัวผมโดยให้เงินเดือนสูงลิ่วตั้งแต่ซัมเมอร์ปี 3 ที่ผมไปฝึกงานนู่น


    การที่ผมลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองทำให้คนในบ้านโดยเฉพาะพี่ภูถึงกับทำหน้างง เพราะที่ผ่านมาพี่แกขู่ผมสารพัดว่าให้เลิกซึมกะทือแต่ผมก็โนสนโนแคร์ แถมพี่แกยังงงมากขึ้นไปอีกเมื่อผมไปขอเบิกเงินเพื่อเรียนต่อโท


ก็ผมจะยอมน้อยหน้าว่าที่แฟนในอนาคตได้ยังไงล่ะจริงมั้ย ผมอยากจะเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบและดีพร้อมเพื่อให้คู่ควรกับพาย ที่สำคัญเรียนกับทำงานไปพร้อมกันมันก็อาจจะทำให้ผมฟุ้งซ่านเรื่องของพายน้อยลงก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าความรู้สึกของผมจะเปลี่ยนไป ผมยังคงรักพายเหมือนเดิม


   พอพายรู้ว่าผมกำลังเรียนต่อโทก็ยินดีกับผมใหญ่ แถมยังดีใจเพราะจะได้มีเพื่อนคอยปรึกษา ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูกจริงๆ ที่คิดเรียนต่อ ถึงแม้ว่าผมจะเหนื่อยจนบางวันแทบไม่มีเวลานอน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมีเรื่องได้คุยกับพาย


   เราสองคนคุยกันประมาณเดือนละ 2 – 3 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งจะเป็นการคุยเรื่องเรียน เรื่องทั่วไป และถามสารทุกข์สุกดิบเท่านั้น ไม่ได้คุยกันเรื่องอื่นหรือเรื่องหัวใจเลยแม้แต่น้อย เพราะพายกางเขตเฟรนด์โซนได้อย่างชัดเจนมากจนผมไม่กล้าข้ามไป แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ว่าในหัวใจของพายยังคงมีผม ส่วนผมก็เหมือนกัน ผมขีดฆ่าปฏิทินทุกวันเพื่อนับถอยหลังรอพายกลับมา


   ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้พายจะเป็นยังไงบ้าง เพราะเลยครึ่งปีแล้วที่พายไม่ลงรูปตัวเองในโซเชียลเลย แต่ไม่ว่าจะอ้วนขึ้น เป็นสิว เป็นฝ้า เป็นกระ หรือเป็นอะไรก็ตาม แต่ผมก็มั่นใจว่าผมยังคงรักพายเหมือนเดิม ตอนนี้ผมอยากเจอพายจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว


   “พี่เพลิง ใช่ไฟล์ทนี้รึเปล่าที่พี่สะใภ้นั่งมา” วาสะกิดผม ผมที่กำลังอยู่ในภวังค์เพราะเอาแต่จินตนาการถึงพายอยู่เลยสะดุ้ง แล้วก็ตั้งใจฟังประกาศถึงเที่ยวบินที่กำลังจะมาถึง


   “เออ ไฟล์ทนี้แหละ” แล้วผมก็รีบบอกให้ทุกคนเดินไปยังจุด meeting point ที่อยู่ตรงชั้น 2 ประตู 3 เพื่อรอรับพาย


วันนี้การที่พายบอกให้ผมมารับแทนที่จะเป็นพ่อกับแม่ นั่นก็เป็นเพราะว่าพายบินมาถึงดึกเลยไม่อยากรบกวนพวกท่าน ส่วนการที่บรรดาคนในครอบครัวของผมพากันแห่มารับพายด้วย ก็เป็นเพราะอยากเจอหน้าว่าที่แฟนของผมใจจะขาด อีกอย่างคืนนี้ผมก็จะไม่กลับบ้านด้วยแหละ


ถามว่าผมจะไปนอนบ้านพาย?


   เรื่องนั้นเอาไว้วันหลังที่ผมจะไปฝากตัวเป็นลูกเขยอย่างเป็นทางการ ส่วนคืนนี้ผมกับพายจะไปนอนที่อื่น ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหน เป็นโรงแรมที่เมื่อ 4 ปีที่แล้วผมกับพายมักจะไปใช้บริการบ่อยๆ นั่นแหละ


   “หึหึ” ผมแอบยิ้มที่มุมปากเมื่อสมองกำลังจินตนาการไปไกล แต่แล้วผมก็ถูกไอ้พฤกษ์เอาศอกกระทุ้งไหล่ เพราะดูเหมือนว่ามันจะรู้ความคิดในสมองของผม อีกอย่างผู้โดยสารขาเข้าก็เริ่มทยอยกันออกมาแล้ว ผมเลยลืมเรื่องสัปดนที่อยู่ในสมองเพื่อชะเง้อมองหาพาย และในที่สุดผมก็เจอเข้าจนได้


   วินาทีนั้นราวกับว่าโลกทั้งใบได้หยุดชะงักลง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวผมดูเหมือนว่ากำลังหยุดเคลื่อนไหว ไม่เว้นแม้แต่ผมกับพายที่กำลังจ้องมองใบหน้าของกันและกัน ซึ่งหลังจากนั้นดวงตากลมโตคู่สวยก็มีหยดน้ำตาไหลลงมา


    พายดูโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ใบหน้าที่สวยหวานอยู่แล้วยิ่งสวยหวานขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว อาจเป็นเพราะพายดูมีน้ำมีนวลและสมส่วนไม่ผอมแห้งเหมือนเมื่อก่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นพายแบบไหนผมก็ชอบด้วยกันทั้งนั้น ไม่สิ...ต้องพูดว่ารักต่างหาก เพราะความรู้สึกของผมมันได้เลยคำว่าชอบไปเป็นรักตั้งนานแล้ว


   “เพลิง...”


   “พาย...”


   เราสองคนต่างก็เรียกชื่อของอีกฝ่าย ก่อนที่พายจะก้าวมาหาผมโดยที่ผมก็ก้าวไปหาพายเช่นกัน ระยะทางที่ความจริงก็สั้นๆ แต่สำหรับเราสองคนมันกลับยาวมาก เพราะงั้นจากขาที่กำลังก้าวเดินเลยกลายเป็นวิ่งโดยเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ


จนกระทั่งระยะห่างจากไม่รู้กี่สิบเมตรเหลือเพียงแค่ศูนย์ พายก็พุ่งตัวเข้าสู่อ้อมกอดของผมด้วยความคิดถึงโดยไม่สนใจสายตาของใคร ส่วนผมเองก็ไม่สนใจเช่นกัน ผมกอดรัดพายเอาไว้แน่นด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ


“เป็นแฟนกูนะพาย” ในที่สุดประโยคที่ผมอยากจะพูดตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วก็ได้พูดมันออกไปสักที


“อืม แต่ไม่ใช่แค่แฟน เพราะเราจะเป็นทุกอย่างให้นายเลยเพลิง” พายส่งยิ้มที่สวยที่สุดในชีวิตมาให้ผม จากนั้นก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของผมอีกครั้งด้วยความสุขล้น ซึ่งผมก็เช่นเดียวกัน


การที่อยู่ห่างกันมันไม่ได้ทำให้ความรักของเราสองคนน้อยลงไปเลย แต่กลับกันมันยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวันจนมันแทบจะทะลักออกมา จากนี้ผมสัญญาเลยว่าจะไม่มีวันปล่อยพายไปไหนอีกเด็ดขาด เราสองคนจะอยู่เคียงข้างกันและรักกันตลอดไป...


...จบบริบูรณ์...


 o15 สวัสดีค่า หลังจากที่ติดตามอ่านกันมาหลายเดือน ในที่สุดคู่เพลิงพายก็แฮปปี้เอนดิ้งอีกคู่ตามพวกพี่ๆไปเรียบร้อยแล้วค่า เย่!  :katai2-1: ถึงแม้ก่อนจะแฮปปี้คู่นี้ต้องเจอดราม่าศึกใหญ่กว่าใครในบ้าน แต่คนเจ้าชู้และร้ายกาจอย่างอีตาเพลิงก็ต้องเจอแบบนี้แหละค่ะจะได้รู้จักเห็นค่าของความรักเนอะ  o3
ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบและประทับใจความรักของคู่นี้กันนะคะ ความหวานๆอาจจะไม่มีเท่าไหร่เพราะไม่ใช่สไตล์อีตาเพลิง แต่ความแซ่บและกร้าวใจเชื่อว่ามันมีกว่าใครในบ้านแน่นอน  :impress2:
ส่วนเรื่องของน้องวาที่หลายๆคนกำลังรอกัน วันนี้เค้าก็แอบแง้มเรื่องหนุ่มที่จะมาเป็นหวานใจน้องวามานิดนึง ซึ่ง...จะเป็นคนไหนเอาไว้มาลุ้นกันนะคะ ตอนนี้ขอเค้าพักไปจัดการรูปเล่มของอีตาเพลิงสักพัก ประมาณต้นเดือนหน้าอาจจะสามารถเริ่มลงได้ค่า  o18
แอบกระซิบบอกชื่อเรื่องก่อนเลยก็คือ...T. Trap หัวใจพ่ายรัก เอ...ดูจากชื่อเรื่องแล้วพอเดากันออกมั้ยน้อว่าจะเป็นแนวไหน?  :m21: ได้ข่าวว่าหลายๆคนเตรียมต้มมาม่าเอาไว้ จะใช่แนวนี้มั้ยน้อ เพราะแต่ละเรื่องที่เคยเดากันก็พลิกล็อกกันหมด ทั้งคุณธาร พฤกษ์ แล้วก็อีตาเพลิง อิอิ  :laugh:
แล้วเจอกันเรื่องน้องวานะคะ ขอขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่ติดตามอ่านคู่เพลิงพายมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ  :pig4: รักทุกคนมากๆเลยนะคะ บ๊ายบายยยยย  :bye2:
ปล.ขออนุญาตขายลูกชายนิดนึงเนอะ  :m17: หนังสือ Rabid หัวใจคลั่งรัก จะปิดจองในวันที่ 31 ก.ค. นี้แล้วน้า ราคาสินสอดเบาๆแค่ 279 บาท การ์ดใสยังได้อยู่นะคะ หากสนใจสามารถกดสั่งจองได้เลยน้า  >>>จิ้มๆ<<<  (https://goo.gl/h3p255) มีตอนพิเศษในเล่ม 2 ตอนด้วยกัน คือ1.หลังกลับจากสนามบิน และ 2.ตอนที่เพลิงไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกเขยของบ้านพายจ้า  o18
(27 ก.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 27-07-2018 23:32:07
จบประทับใจมาก หวานเชียว เพลิงเปลี่ยนไปในทางที่ดี ชอบคะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่าน

รอเรื่องน้องวา
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-07-2018 01:44:25
กรีดร้อง!!! จบได้หวานมากกกก 
ปล. อยากได้ตอนพิเศษอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-07-2018 03:48:33
จบไปแล้วอีกคู่ 4 ปีทำให้เพลิงเป็นผู้เป็นคนได้นี่ คุ้มนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2018 10:22:41
รอเรื่องของวา~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-07-2018 13:42:37
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ อีก 1 เรื่องคับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-07-2018 13:53:14
ดีแล้วที่เพลิงเปลี่ยนแปลงตัวเอง มีความอดทนได้มากขึ้น มีความสุขซะทีนะ รอเรื่องน้องวาค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-07-2018 20:01:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 30-07-2018 16:38:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ R. Rabid หัวใจคลั่งรัก ตอนที่ 15 บทส่งท้าย [27.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-08-2018 13:04:48
รอตัว T อยู่นะ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก บทนำ# เรื่องในอดีต [18.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 18-08-2018 16:46:20
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Intro# Wayo เรื่องในอดีต


‘หลังเลิกเรียนมาเจอกันที่หลังตึกเก่าได้มั้ยครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกแล้วก็มีของจะให้พี่ แต่พี่ต้องมาคนเดียวอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้นะครับ’


หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นานผมก็กลั้นใจวิ่งเอาจดหมายไปใส่ไว้ใต้โต๊ะของรุ่นพี่ม.6 ที่ชอบ ตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยงพอดีเลยไม่มีใครอยู่เพราะทุกคนลงไปกินข้าวกันหมด พอใส่เอาไว้แล้วผมก็รีบวิ่งออกมาจากห้องก่อนที่จะมีใครจับได้


ในที่สุดความในใจที่ผมเก็บเอาไว้ตลอดทั้งปีก็จะถูกเปิดเผยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่หวังจะให้พี่เขารับรักผมหรอก ก็พี่เขาออกจะหล่อแล้วก็ป๊อปซะขนาดนั้น ส่วนผมมันก็แค่รุ่นน้องในชมรมที่ตัวอ้วนกลมแถมยังสิวเขรอะ ห่างไกลจากคำว่าดูดีไม่พอยังออกไปทางน่าเกลียดซะมากกว่า แล้วอย่างนี้ผมจะกล้าคาดหวังให้พี่เขารับรักผมได้ยังไง แค่ปกติพี่เขายิ้มให้และใจดีด้วยมันก็เกินฝันของผมแล้ว


ถ้าอย่างนั้นถามว่าทำไมผมถึงคิดจะสารภาพรัก?


นั่นก็เป็นเพราะผมอยากบอกความในใจของตัวเองให้รับรู้ เพราะวันนี้เป็นวันที่พี่เขาจะมาเรียนเป็นวันสุดท้าย ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ผมจะไม่ได้เจอกับพี่เขาอีกต่อไปเพราะพี่เขาจบการศึกษาแล้ว นอกจากนี้ผมยังอยากจะให้ของขวัญตอบแทนที่พี่เขาใจดีกับผมมาโดยตลอดอีกด้วย


รู้สึกตื่นเต้นจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย...


ด้วยเหตุนี้ตลอดช่วงบ่ายผมเลยแทบไม่ได้ฟังที่อาจารย์สอน ในสมองเอาจดจ่ออยู่ที่เรื่องจะสารภาพรักอย่างเดียวเท่านั้น จนกระทั่งเสียงออดหมดเวลาคาบสุดท้ายดังขึ้น ผมจึงได้รีบเก็บของลงกระเป๋าแล้วไปรอที่หลังตึกเก่าที่กำลังจะถูกบูรณะ


การที่ผมเลือกนัดเจอพี่เขาที่นี่ก็เพราะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมา ก็ถ้ามีคนพลุกพล่านคงจะไม่มีใครกล้าสารภาพรักใช่มั้ยล่ะ ซึ่งหลังจากที่ผมยืนรอประมาณ 10 นาทีพี่เขาก็เดินมา รอยยิ้มสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าเช่นเดิม


“คิดแล้วเชียวว่าต้องเป็นโย”


“ทะ...ทำไมพี่ถึงรู้ว่าเป็นผมล่ะครับ” ผมพูดอย่างตะกุกตะกักเพราะรู้สึกประหม่า


“พี่จำลายมือของโยได้ หัวจะกลมๆ โตๆ น่ารักดี” คำพูดนั้นทำเอาผมรู้สึกเขินจนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แต่เหนือกว่าการปลื้มที่พี่เขาบอกว่าจำลายมือของผมได้ ก็คือการที่พี่เขาบอกว่าลายมือของผมน่ารัก นี่ถ้าหากพี่เขามองว่าหุ่นอ้วนกลมของผมน่ารักไปด้วยก็คงดี


แต่ก็นะ...มันคงจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว


“ว่าแต่โยนัดพี่มาเจอที่นี่มีเรื่องอะไรจะบอกงั้นหรอ”


“คือ...ผะ...ผม...อยากจะบอกว่า...ยะ...ยินดีด้วยนะครับที่เรียนจบแล้ว!” ให้ตายสิ ประโยคที่ตั้งใจจะสารภาพรักดันกลายเป็นประโยคแสดงความยินดีที่เรียนจบไปซะได้ ทำไมผมต้องมาป๊อดเอาวินาทีสุดท้ายด้วยก็ไม่รู้


“เอ่อ...อื้ม ขอบใจมากนะ” พี่เขาดูจะงงๆ อยู่เหมือนกันเพราะคำพูดของผมมันสุดแสนจะธรรมดา ต่างจากคำว่าสำคัญที่เขียนบอกบนจดหมายเอาไว้ลิบลับ


“ละ...แล้วผมก็มีของขวัญจะให้ด้วยครับ” ผมพูดจบก็ยื่นขวดโหลที่ใส่โซ่พลาสติกที่เป็นรูปตัว C ทั้งหมด 999 อันไปให้


โดยที่ผมเรียงโซ่ตามสีรุ้งเพราะเป็นคำขึ้นต้นของนามสกุลพี่เขา ส่วนจำนวนก็มาจากวันและเดือนเกิดที่เป็นเลข 9 นอกจากนี้ด้านนอกของขวดโหลผมก็ตัดกระดาษสีแปะเป็นคำว่า Congratulation ทั้งยังตกแต่งไปด้วยกลิตเตอร์และไอเท่มให้น่ารัก โดยไม่ลืมใส่ชื่อของพี่เขาที่ฝาขวดโหล


“ขอบใจมากนะ น่ารักมากเลยโย พี่จะเก็บไว้เป็นอย่างดีเลย” แค่ได้เห็นรอยยิ้มที่สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ของพี่เขา ผมก็คิดว่าคุ้มค่าแล้วที่นั่งคิดและลงมือทำตั้งหลายคืน แถมผมยังมีแรงฮึดที่จะสารภาพรักให้สำเร็จอีกด้วย


“เอ่อ...ผมยังมีอีกเรื่องนึงที่อยากจะบอกพี่...”


 “หืม? เรื่องอะไรหรอ?” ดวงตาเรียวยาวของพี่เขาเบิกกว้างขึ้นอย่างสนอกสนใจ ส่วนใบหน้าที่อยู่สูงกว่าผมมากเลยก้มลงมานิดหน่อย ทำเอาผมถึงใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยใบหน้าร้อนผ่าว


“คะ...คือ...ผม...ชะ...ชะ...ชอบ...ผมชอบพี่นะครับ!” ถึงแม้จะตื่นเต้นและประหม่าสุดๆ ผมก็สามารถพูดออกไปจนได้ ส่วนพี่เขาที่ได้ยินคำสารภาพรักของผมก็ดูจะอึ้งๆ ไป แต่ยังไม่ทันที่พี่เขาจะได้ตอบอะไรกลับมา ก็มีคนจำนวนมากที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนโผล่ออกมาซะก่อน


“เหยดดดดด ไอ้น้องอ้วนนี่แม่งเป็นเกย์ว่ะมึง”


“ไม่เจียมสังขารเอาซะเล้ย สิวเต็มหน้าขาก็เบียดยังจะใฝ่สูงชอบเดือนโรงเรียนว่ะ”


“เออ แม่งโคตรใจกล้าหน้าด้าน ตัวอย่างกับช้างหน้าตาก็ทุเรศแม่งใครมันจะไปเอา”


แล้วก็อีกสารพัดคำดูถูกและเหยียดหยาม จริงอยู่ว่ารูปร่างของผมมันก็อ้วนเกินมาตรฐาน ส่วนใบหน้าก็มีสิวค่อนข้างเยอะ แต่ทำไมคนพวกนั้นต้องด่าว่าผมราวกับผมไม่ใช่คน แถมยังหัวเราะเยาะกันอย่างสนุกสนานถึงขนาดนี้ด้วย


ถึงผมจะอ้วน แต่ผมก็ไม่ได้ไปอ้วนบนตัวของคนพวกนั้นไม่ใช่หรอ?


ถึงผมจะมีสิว แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่หน้าของผมไม่ใช่ของคนพวกนั้นไม่ใช่รึไง?


และถึงแม้ว่าผมจะอัปลักษณ์หรือว่าน่าเกลียดแค่ไหน แต่มันก็เป็นเรื่องของผมคนพวกนั้นมาเดือดร้อนด้วยทำไม?


ผมไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจจริงๆ!


“เฮ้ยพวกมึง พูดกันเกินไปแล้ว” ถึงแม้พี่เขาจะพยายามห้ามปรามเพื่อน แต่ก็พูดยิ้มๆ ไม่ได้จริงจัง เพราะงั้นจากที่เคยชอบผมถึงได้เกลียดรอยยิ้มนั่น รอยยิ้มอันจอมปลอมที่มีแต่ความเสแสร้ง!


“พี่...บอกเรื่องจดหมาย...ให้พวกเพื่อนรู้หรอครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามด้วยน้ำตานองหน้า ในขณะที่มือก็กำแน่นจนเล็บได้จิกเข้าไปในเนื้อ แต่นั่นมันก็เทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บที่ใจ


“พี่ขอโทษนะโย คือพวกมัน...” แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร พวกเพื่อนของพี่เขาก็กรูกันเข้ามาโดยมีคนหนึ่งพุ่งมากอดคอ แรงที่ปะทะทำเอาขวดโหลที่ผมพึ่งมอบให้พี่เขาหลุดจากมือร่วงลงไปที่พื้น เสียงแก้วที่แตกกระจายและเสียงโซ่ที่ทะลักออกมาดังชัดในโสตประสาทของผม


ทำไมพี่เขาไม่ยอมถือมันไว้ดีๆ หรือความจริงแล้วพี่เขาก็ไม่ได้เห็นความสำคัญของมันอยู่แล้ว...


ของขวัญที่ผมอุตส่าห์คิดและลงมือทำตั้งหลายวัน แต่สำหรับพี่เขามันก็คงจะเป็นแค่ขยะไม่ได้มีค่าสักนิดเลยใช่มั้ย...


ผมมองเศษแก้วและเศษโซ่ที่กระจายอยู่บนพื้นด้วยน้ำตานองหน้า ตอนนี้หัวใจของผมมันก็พังไม่เป็นชิ้นดีเช่นกัน ก่อนที่มันยิ่งจะถูกกระทืบซ้ำจนแทบจะจมดิน


“มึงก็บอกไอ้น้องอ้วนนี่ไปดิว่ามึงให้พวกกูมา บอกว่ามีเรื่องสนุกๆ จะให้ดู ฮ่าๆๆๆ”


คำพูดและเสียงหัวเราะสุดสกปรกนั้นทำเอาผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ความรู้สึกโกรธ แค้น อับอาย แล้วก็สารพัดความรู้สึกนับล้านที่ถาโถมเข้าใส่ทำเอาผมสั่นไปหมดทั้งร่าง ก่อนที่ผมจะตัดสินใจวิ่งฝ่าฝูงชนออกมา ไม่อย่างนั้นผมต้องเป็นบ้าไม่ก็คิดอยากจะฆ่าคนพวกนี้แน่ๆ!


“โย!” เสียงไอ้รุ่นพี่เลวๆ ที่ผมแอบรักร้องเรียกผมเอาไว้ แต่ผมก็ไม่คิดจะหยุดหรือหันหลังกลับไป ผมไม่อยากหายใจร่วมกับคนพวกนั้นแม้สักเสี้ยววินาที และไม่อยากเป็นตัวตลกให้คนพวกนั้นหัวเราะเยาะอีกต่อไปแล้ว!


จากนี้ความรู้สึกที่ผมเคยมีต่อคนสารเลวพรรค์นั้น...โซ่ สุริยะ รุ้งรวิพัฒน์ จะเปลี่ยนจากความรักเป็นความแค้นตลอดกาล!


2BC


 :mc2: สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากที่ให้รอกันซะนาน ในที่สุด Trap หัวใจพ่ายรัก ซึ่งเป็นเรื่องของน้องวาที่หลายคนรอกันมานานก็ได้ฤกษ์เปิดตัวแล้วค่า ฮูเร่!  :mc3:
เปิดเรื่องมาก็เฉลยปมของน้องวาที่แอบเกริ่นๆไว้ตั้งแต่เรื่องของพี่ภูกันเลย แน่นอนว่าไม่ได้ดาร์กดำมืดอย่างที่เค้าเคยบอกไป แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องการถูกทรยศและถูก Bully มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงต่อจิตใจพอสมควร ใครที่เคยโดนล้อน่าจะเข้าใจฟีลนี้เนอะ คือคนล้ออาจจะขำแต่คนที่ถูกล้อมันไม่ขำด้วยแน่ๆ  :monkeysad:
ถึงตอนนี้หลายๆคนอาจจะพอเดาพล็อตกันออกแล้ว (มั้ย? อิอิ) แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ซีเรียส เชือดเฉือน หรือปะทะคารมอะไรแบบนั้น จริงๆเรื่องมันจะออกไปทางน่ารักเลยนะ (ในมุมเค้า แต่มุมคนอื่นไม่รู้ววว 55555  :laugh:) อ้อ...แน่นอนว่าไม่ใช่ใช่แนว SM โซ่แส้กุญแจมืองี้ไม่มีเน่อ ไม่ใช่แนวเค้า 55555
ส่วนพระเอกของเรื่อง เอ...จะใช่รุ่นพี่คนนี้มั้ยน้า  :m28: ถึงจะเอ่ยถึงชื่อซะเต็มแม็กซ์กับสปอยหน้าปกที่มีโซ่ (ดูได้ที่เพจ Sameejaejung เลยค่า) แต่ลืมอะไรไปรึเปล่า? รุ่นพี่อีกคนที่พี่ภูให้สามผ่านแถมยังไปรับไปส่งวาตั้งแต่ตอนปี 2 นั่นไง ใครกันน้าที่จะได้เป็นพระเอก เดี๋ยวมาลุ้นกันตอนที่ 1 เนอะ ซึ่งเราจะพยายามมาต่อใน 2-3 วันนะคะ ตอนนี้งานศพคุณยาก็เรียบร้อยแล้ว เราน่าจะมีเวลาเขียนต่อแล้วล่ะค่ะ  :m1:
แล้วเจอกันน้า ยังไงก็ขอฝากน้องวากับรุ่นพี่ (ที่รัก) ไว้ด้วยนะคะ แล้วก็หากชื่นชอบฝากคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า รักทุกคนนะคะ จุ๊บๆ  :mew1:
(18 ส.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก บทนำ# เรื่องในอดีต [18.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-08-2018 20:15:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก บทนำ# เรื่องในอดีต P.36 [18.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 18-08-2018 23:50:44
สงสารน้อง อย่าให้โซ่เป็นพระเอกนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก บทนำ# เรื่องในอดีต P.36 [18.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-08-2018 00:16:53
น้องเล็กของบ้านมาแล้ว~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก บทนำ# เรื่องในอดีต P.36 [18.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-08-2018 01:30:55
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แค้นแล้ว แค้นให้ตลอดไปเลยดีกว่า  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก บทนำ# เรื่องในอดีต P.36 [18.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-08-2018 11:36:59
มาแล้ว รอตามอยู่ .. สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก บทนำ# เรื่องในอดีต P.36 [18.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-08-2018 12:59:34
 :katai5: น้องวามาแว้วววว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก บทนำ# เรื่องในอดีต P.36 [18.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 20-08-2018 13:03:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 หัวใจที่เกือบปิดตาย [20.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 20-08-2018 21:25:12
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 1# Wayo โซ่รัก...พันธนาการหัวใจ
   

เฮือก!!!
   

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนประมาณตี 5 กว่าๆ เพราะว่าฝันร้าย


นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้ฝันถึงเรื่องในวันนั้น...1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี? แต่ช่างเถอะ นี่มันก็ผ่านมาตั้ง 7 ปีแล้วทำไมจู่ๆ ผมถึงได้ฝันถึงอีกก็ไม่รู้ เรื่องที่ผมพยายามจะลืม พยายามจะลบออกไป แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังคงจำได้ทุกรายละเอียดอยู่ดี


โดยเฉพาะเรื่องของพี่โซ่...ไม่สิ ไอ้สารเลวพี่โซ่ ผมไม่มีทางลืมเด็ดขาด...
   

ผมเป็นรุ่นน้องที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน วันปฐมนิเทศตอนที่เห็นพี่เขาขึ้นไปพูดต้อนรับในฐานะประธานนักเรียนผมรู้สึกเหมือนกับโดนมนต์สะกด หัวใจค่อยๆ เต้นเร็วขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง และวินาทีนั้นผมก็ได้รู้จักกับคำว่า ‘รักแรกพบ’
   

ทั้งใบหน้าอันหล่อเหลา เสียงที่นุ่มและทุ้มจนทำให้เคลิ้ม รวมไปถึงรอยยิ้มอันอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้ามันก็ทำให้ผมแทบใจละลาย ตั้งแต่วันนั้นสายตาของผมก็ไม่เคยมองใครอีกเลย
   

แต่ก็นะ...เด็กอ้วนตัวกลมแถมยังสิวเขรอะแบบผมอย่าว่าแต่คนหล่อๆ อย่างพี่โซ่จะสนใจเลย ขนาดเพื่อนในห้องยังไม่มีใครสนใจผมเลยด้วยซ้ำ นี่ถ้าผมไม่เข้าไปทักก่อนตามประสาคนอัธยาศัยดีคงจะไม่มีใครพูดกับผมก่อนหรอก แต่ผมก็เข้าใจ ผมมันอ้วนตุ๊ต๊ะไม่ได้หล่อหรือน่ารักนี่นา
   

การที่ผมหุ่นแบบนี้ก็ต้องโทษพวกพี่ๆ เลยที่โอ๋ผมมาก ตามใจผมทุกอย่าง แล้วก็ไม่เคยห้ามปรามเลยเวลาผมกิน มีแต่ยิ่งขนมาให้เมื่อรู้ว่าผมชอบอะไร ยัง...แค่นั้นยังไม่พอ ตอนที่ผมน้ำหนักขึ้นก็ชอบชมผมว่าน่ารัก ยิ่งแก้มนิ่มเท่าไหร่ก็ยิ่งเอามือเอาหน้ามาฟัด ถึงพอโตมาแล้วจะไม่ทำแบบนั้น แต่เรื่องกินก็ยังตามใจผมอยู่ดี แล้วเป็นไงล่ะทีนี้ ก็อ้วนเป็นตุ่มจนจะกลิ้งได้อยู่นี่ไง


เฮ้อออออ พอถอนหายใจแรงๆ แล้วมันก็หิว พอหิวแล้วทำยังไง? ก็ต้องหยิบขนมในกระเป๋าขึ้นมากินน่ะสิ...ง่ำๆๆๆๆ ยังอร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือน้ำหนักของผม แต่เรื่องนั้นใครสน ไปให้สุดแล้วหยุดที่เบาหวาน!


ว่าไปนั่น คือจริงๆ ผมก็อยากผอม อยากหุ่นดีเหมือนคนอื่นเขาเหมือนกันนะ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อร่างกายมันชินจนผมห้ามปากไม่ให้กินไม่ได้ ถ้าจะออกกำลังเพื่อเบิร์นออกก็ไม่ไหว ไม่ถึง 5 นาทีผมก็ลงไปนอนกองกับพื้นเพราะเหนื่อยจนขยับตัวไม่ได้แล้ว


แต่ทั้งที่ผมเหนื่อยง่ายขนาดนั้น ชมรมที่ผมเลือกเข้ากลับเป็นชมรมอาสาที่มักจะต้องทำนู่นนั่นนี่ที่เหนื่อยกว่าชมรมอื่นๆ ไม่รู้ตั้งกี่เท่า


ถามว่าทำไมผมถึงเข้าชมรมนี้?


ก็เพราะพี่โซ่ที่เป็นประธานนักเรียนยังเป็นประธานชมรมนี้ด้วยน่ะสิ! ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง แถมยังจิตใจดีขนาดนี้จะไม่ให้ผมหลงยังไงไหว ผมรีบกรอกใบสมัครเข้าชมรมอย่างไวแม้จะไม่มีเพื่อนในกลุ่มคนไหนเข้าชมรมนี้ด้วยก็ตาม


ตอนแรกผมก็คิดว่าผมจะเหงาเพราะสมาชิกค่อนข้างน้อย แต่เปล่าเลย เพราะรุ่นพี่ที่อยู่ชมรมนี้ใจดีและเฟรนด์ลี่มากๆ แต่ก็อย่างว่า ชอบทำงานอาสาก็ต้องนิสัยแบบนี้อยู่แล้วล่ะนะ ถ้าจะโหด โฉด เถื่อน อัธยาศัยแย่ (อย่างพี่เพลิง) ก็คงจะไม่มาอยู่ชมรมนี้กันหรอก


อ้อ และที่ดีไปกว่ามีรุ่นพี่ใจดี ชมรมนี้จะรับแต่เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ที่ไม่รับผู้หญิงก็เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง แถมชมรมนี้ก็มีออกค่ายไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ ถ้ามีผู้หญิงไปด้วยมันก็จะยุ่งยาก เพราะงั้นตัดปัญหาเลยรับแต่ผู้ชาย


แต่พูดก็พูดเถอะ ผมว่าเหตุผลพวกนั้นน่ะแค่ข้ออ้าง ความจริงที่ไม่รับผู้หญิงน่าจะเป็นเพราะส่วนใหญ่มีเป้าหมายอยากใกล้ชิดกับพี่โซ่มากกว่า ดีนะที่ผมเป็นผู้ชายเลยไม่มีใครระแคะระคาย เพราะงั้นตลอด 1 ปีผมเลยได้ใกล้ชิดกับพี่โซ่


ถามว่าใกล้ชิดระดับไหน?


ก็ระดับที่นอนในเต็นท์ด้วยกันสองต่อสองตอนไปออกค่ายก็ทำมาแล้ว!


พูดเลยว่าตอนนั้นผมเขินสุดๆ ในใจมันกรีดร้องจนแทบจะลุกขึ้นมาแดนซ์ แต่ผมก็พยายามไม่กระโตกกระตากหรือแสดงอาการออกทางสีหน้า ผมทำตัวเป็นปกติทุกอย่าง ยกเว้นก็แต่ตอนนอนที่ผมแอบเอาร่างอ้วนๆ ไปเบียดนิดหนึ่ง ซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าอากาศเย็นๆ นอนเบียดกันแบบนี้มันก็อุ่นดีเหมือนกัน


ตายอย่างสงบศพสีชมพูเลยสิผม!


“เหอะๆ” พอลองย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องในตอนนั้นมันก็อดที่จะทำให้ผมยิ้มหยันออกมาไม่ได้ ไอ้พี่โซ่มันคงจะคิดว่าผมโง่เลเวลเดียวกันกับควาย ในใจมันคงจะหัวเราะเยาะผมเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ตอนนั้นผมก็ยอมรับแหละว่าตัวเองโง่จริงๆ ลองเป็นตอนนี้สิผมดูออกแน่ว่าไอ้พี่โซ่มันตอแหลแค่ไหน!
   

ผมกำหมัดและขบกรามแน่นด้วยความคับแค้น ถึงแม้จะผ่านมาตั้ง 7 ปีแล้วแต่ความแค้นของผมก็ไม่ลดลงเลย แน่สิ ก็มันทำกับผมอย่างเจ็บแสบซะขนาดนั้น วันต่อมาหลังจากที่ผมสารภาพรักข่าวมันก็แพร่ไปทั่ว ขนาดพวกครูยังรู้กันเลย
   

และแน่นอนว่าเพื่อนแทบทุกคนในห้องล้อผมกันกระจาย เหยียดไปหมดตั้งแต่รูปร่าง หน้าตา แล้วก็รสนิยมทางเพศ ไอ้อ้วนบ้างล่ะ ไอ้หน้าสิวบ้างล่ะ ไอ้ตุ๊ดบ้างล่ะ แล้วก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่ว่าคนโดนล้อมันไม่สนุกเลยนะ ไม่สนุกเลยสักนิด ขนาดเพื่อนในห้องยังล้อผมขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนที่ผมไปกินข้าวหรือไปร่วมกิจกรรมต่างๆ คนอื่นจะล้อผมขนาดไหน


ผมผิดด้วยหรอที่ชอบใครสักคน?


คนอ้วนๆ ตัวกลมๆ อย่างผมไม่มีสิทธิ์รักใครรึไง?


การที่ผมชอบผู้ชายมันเป็นปัญหาร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอ?


ผมไม่เข้าใจ...


ด้วยเหตุนี้ผมถึงอยู่ที่โรงเรียนต่อไม่ได้ แค่ไม่กี่ชั่วโมงมันก็ทำให้ผมเครียดจนแทบจะเป็นบ้า เพราะงั้นผมเลยรีบโทรบอกพี่ภูมารับทันทีที่ได้ยินเสียงออดพักเที่ยง แค่ได้ยินเสียงพี่ภูก็ไม่ถามและไม่ซักไซ้อะไรผมทั้งนั้น บอกแค่ว่าให้ผมใจเย็นๆ ระหว่างรออยู่ที่นั่น ไม่เกินครึ่งชั่วโมงสัญญาว่าจะมาถึง


พี่ภูเป็นทั้งพี่แล้วก็พ่อให้ผมจริงๆ...
   

หลังจากนั้นผมก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน ไม่ว่าพวกพี่ๆ จะพยายามเกลี้ยกล่อมเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนอาหารที่ถูกวางไว้หน้าห้องผมก็กินไม่ค่อยลง มันพะอืดพะอมจนจะอ้วกออกทุกครั้ง อาจเป็นเพราะผมฝังใจเรื่องความอ้วนของตัวเองที่โดนล้อด้วยมั้ง ก่อนที่หลายวันต่อมาผมจะทุบกระจกที่อยู่ในห้องจนมันพังทั้งหมดเพราะไม่อยากเห็นรูปร่างของตัวเอง
   

ผมเกลียดความอ้วน...
   

ผมเกลียดใบหน้าที่มีแต่สิว...
   

ผมเกลียดตัวเองที่น่าเกลียดน่าขยะแขยง...
   

ผมอยากตาย!
   

แล้วความคิดเพียงชั่ววูบมันก็ทำให้ผมหยิบเศษแก้วชิ้นใหญ่ที่แตกกระจัดกระจายบนพื้นขึ้นมา แต่ว่าเสียงเคาะประตูและเสียงเรียกของพี่ๆ ที่อยู่ด้านนอกก็ดังขึ้นซะก่อน นั่นแหละผมถึงได้ค่อยๆ ปล่อยเศษแก้วที่กำลังจะกรีดข้อมือทิ้งลงพื้น
   

ถ้าผมตายพวกพี่ๆ ทุกคนคงจะเสียใจมาก...
   

ผมไม่ควรเอาชีวิตที่มีค่าของผมไปทิ้งเพราะคนสารเลวพรรค์นั้น...
   

“โย! เกิดอะไรขึ้น! เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้! ได้ยินมั้ยโย! โย!! โย!!!” เสียงของพี่ภูพูดขึ้นด้วยความร้อนรน ส่วนพี่ๆ คนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน คงจะกังวลที่ได้ยินเสียงกระจกแตกจากห้องของผมสินะ ผมนี่มันเป็นน้องที่แย่จริงๆ
   

“ได้ยินครับพี่ภู ผมไม่...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดว่าไม่เป็นไร เพียงแค่ผมเปิดประตูออกไปพี่ภูก็พุ่งเข้ามากอดผมแล้ว แถมยังกอดผมแน่นมากราวกับกลัวว่าผมจะหายไปไหน ก่อนที่พี่คนอื่นๆ จะเข้ามากอดผมเอาไว้เช่นกัน สีหน้าของทุกคนเป็นห่วงผมมากมายขนาดไหนนั้นผมยังจำได้ถึงทุกวันนี้
   

“ขอโทษนะครับที่ทำให้พวกพี่เป็นห่วง” น้ำตาของผมมันไหลออกมา ผมมันโง่จริงๆ ที่เกือบเอาชีวิตไปทิ้งเพื่อคนที่ไม่เห็นค่าในตัวผมเลย คนที่รักผมยังมีอยู่อีกตั้งเยอะ อย่างน้อยก็พวกพี่ๆ ทั้ง 4 คนที่กำลังกอดผมอยู่นี่ไง
   

หลังจากวันนั้นผมก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง เวลา 1 ปีที่ผมดรอปเรียนเพื่อที่จะได้ย้ายไปเรียนที่ใหม่มันทำให้ผมมีเวลามากพอที่จะลบตัวตนแบบเก่า เริ่มจากชื่อเล่นที่ผมให้พวกพี่ๆ เรียกว่า ‘วา’ แทนที่จะเป็น ‘โย’ ให้พี่ธารพาไปเข้าคอร์สรักษาสิวและผิวหน้าอย่างจริงจังที่คลินิก แล้วผมก็ไปยิมเพื่อออกกำลังกายกับพี่พฤกษ์และพี่เพลิงทุกวัน จน 1 ปีให้หลังผมก็ไม่เหลือเค้าเด็กอ้วนหน้าสิวอีกต่อไป
   

ชีวิตของผมที่โรงเรียนแห่งใหม่พูดเลยว่าเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ จากที่เคยถูกเมินและมองข้ามที่โรงเรียนเก่าผมแทบจะเป็นเจ้าชายของโรงเรียนนี้ มีคนเข้ามาจีบผมเป็นพรวนทั้งผู้ชายผู้หญิง คนเราก็งี้ล่ะนะ มองกันแค่เปลือกแต่ไม่ดูเนื้อแท้ ซึ่งก็แน่นอนว่าผมไม่มีทางสนใจอยู่แล้ว หัวใจของผมแทบจะถูกปิดตายเพราะไม่เชื่อในความรักอีกต่อไป


จนกระทั่งผมเจอกับใครคนหนึ่ง...


พี่ธาม...


ผมกับพี่เขาเราสองคนเจอกันตอนที่ผมเข้ามหา’ลัย ตอนนั้นพี่เขาเป็นพี่สัน ส่วนผมเป็นน้องเฟรชชี่ เราอายุห่างกัน 2 ปี ตอนแรกผมกับพี่เขาก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันขนาดนั้น แต่พอรู้ว่าอยู่สายรหัสเดียวกันเราสองคนก็คุยกันมากขึ้น

 
พี่ธามแสดงออกอย่างไม่ปิดบังเลยว่าชอบผม แต่ก็ไม่ได้รุกหนักอย่างคนอื่นจนผมรู้สึกรำคาญ พี่เขาจะออกแนวคอยดูแลอยู่ห่างๆ เวลาที่ต้องการใครสักคนพี่เขาจะเข้ามาหาผมเป็นคนแรก คอยช่วยเหลือ เทคแคร์ และให้คำปรึกษาผมแทบทุกเรื่อง เพราะงั้นจากที่ไม่เคยอยู่ในสายตาพี่เขาเลยค่อยๆ เข้ามาจนอยู่หน้าประตูหัวใจ


แต่พี่เขาก็เข้ามาไม่ได้ เพราะหัวใจของผมมีโซ่เส้นใหญ่ที่พันธนาการเอาไว้อยู่...


อดีตอันเลวร้ายผมแทบไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ขนาดคนในครอบครัวผมยังไม่รู้รายละเอียดมากมายเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตัดสินใจบอกทุกอย่างกับพี่ธาม


ผมไม่อยากให้พี่เขาคิดว่าที่ไม่ยอมคบกันเป็นเพราะผมเล่นตัว แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะรับใครเข้ามาในใจจริงๆ เรื่องในอดีตมันทำให้ผมกลัวไปหมดทุกสิ่ง ผมกลัวที่จะผิดหวังอีกครั้ง เพราะงั้นผมเลยอยากให้พี่เขาตัดใจ แต่รู้อะไรมั้ย พี่เขากลับบอกว่าจะรอ รอจนกว่าหัวใจของผมจะพร้อม และพี่เขาก็รอมาตลอดจริงๆ


จนกระทั่งตอนนี้พี่เขาก็ยังรอ...


รอมาตลอด 3 ปี...


ตอนนี้โซ่ที่พันธนาการหัวใจของผมมันกำลังสั่นคลอน...


................................................

................................

................

   “อรุณสวัสดิ์ ตื่นแต่เช้าจังเลยน้องวา” พี่ตะวัน แฟนสุดที่รักของพี่ที่แทบจะเหมือนพ่ออย่างพี่ภูถามผมขึ้นเมื่อเห็นผมเดินลงบันไดมา แหงล่ะก็นี่มันพึ่งจะ 6 โมงเช้า ปกติกว่าที่ผมและคนอื่นๆ จะลงมาก็ประมาณ 7 โมงหรือ 7 โมงครึ่งนู่นแหละ


   ตอนนี้ที่บ้านอยู่กันอย่างอบอุ่น (จนแทบจะเรียกว่าร้อน) เพราะอยู่กันถึง 9 คนด้วยกัน เดี๋ยวผมจะไล่เป็นคู่เลยแล้วกันก็มีพี่ภู – พี่ตะวัน พี่ธาร – พี่หมอก พี่พฤกษ์ – พี่ซ่า แล้วก็ล่าสุดที่พึ่งมาอยู่ด้วยกันได้เกือบครึ่งปีอย่างพี่เพลิง – พี่พาย ส่วนผมที่ยังไม่มีใครเลยอยู่มันเหงาๆ คนเดียว


   แต่ไม่สิ บอกว่าเหงามันก็ดูจะเกินไป ต้องเรียกว่าเหม็นความรักของพวกพี่ๆ มากกว่า แต่ละคู่นี่ก็หวานอย่างกับจะแข่งกัน โดยเฉพาะ (ไอ้) พี่เพลิงเนี่ยนะ ขอเมาท์หน่อยเถอะว่าหวานเกินเบอร์จนเข้าขั้นเผ็ด


ในบริเวณบ้านคงจะเหลือแค่กำแพงรั้วกับหลังคานั่นแหละที่ยังไม่ได้ทำ!


   “ผมตื่นเพราะฝันร้ายก็เลยนอนต่อไม่หลับน่ะครับพี่ตะวัน” ไหนๆ ก็ตื่นมาแล้ว จะนอนหายใจทิ้งกลิ้งไปกลิ้งมามันก็ไม่มีประโยชน์ สู้ลงมาช่วยพี่ตะวันทำกับข้าวสำหรับคน 9 คนเลยดีกว่า


“พี่ก็นึกว่าน้องวาตื่นมาเตรียมตัวเพื่อไปฝึกงานวันแรกซะอีก”


“ถ้าคิดในแง่ดี การที่ผมฝันร้ายมันก็มีประโยชน์เหมือนกันเนอะ” ผมหัวเราะแห้งๆ แล้วชวนพี่ตะวันคุยเรื่องอื่นในขณะที่เป็นลูกมือทำกับข้าว จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยผมก็กลับขึ้นไปบนห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่ประมาณเกือบ 7 โมงครึ่งผมจะลงมาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ได้ลงมาประจำที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว


“ช้าตลอด! เป็นน้องประสาอะไรถึงให้พวกพี่ต้องมานั่งรอวะ!” กวนประสาทและปากเสียแบบนี้จะเป็นใครถ้าไม่ใช่ (ไอ้) พี่เพลิง


 “กล้าเนอะถึงได้ใช้คำว่าช้าตลอดกับผม วันนี้ผมลงมาช่วยพี่ตะวันทำกับข้าวหรอกก็เลยสาย ส่วนไอ้คนที่สายทุกวันมันก็คือพี่ไม่ใช่รึไง” ผมแยกเขี้ยวใส่แล้วลงมานั่งที่เก้าอี้ตัวประจำ


“อย่ามาใช้คำว่าทุกวันกับพี่นะเว่ย อย่างน้อยวันนี้พี่ก็ไม่ได้สายที่สุดล่ะวะ ฮ่าๆๆๆ”


“ถามจริง นี่ภูมิใจอะไร? มีเรื่องอะไรที่ควรภูมิใจ? ประสาท!”


“ไอ้...”


“พอแล้วน่าเพลิง กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก” แล้วก็เป็นเหมือนทุกวันที่พี่พายจะคอยเบรคเวลาที่ผมกับพี่เพลิงทะเลาะกัน ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนดีๆ แบบนั้นถึงได้คิดสั้นมาตกนรกอยู่กับพี่เพลิง


เฮ้ออออออ สะเทือนใจ!


หลังจากที่สงบศึกกับพี่เพลิงได้ทุกคนก็เริ่มลงมือกินข้าว เสร็จแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันออกไปทำงานยกเว้นพี่ภูที่ทำงานอยู่บ้านเพราะเป็นสถาปนิก


“ธามจะมารับเรากี่โมง” พี่ภูถามผมในขณะที่กำลังนั่งดูข่าวเพื่อฆ่าเวลา


ก่อนหน้านี้ผมเคยพาพี่ธามเข้ามาแนะนำตัวที่บ้าน แต่บอกก่อนเลยว่าผมก็ไม่ได้อยากจะพามาเท่าไหร่เพราะยังไม่ได้คบกัน แต่ว่าพวกพี่ๆ โดยเฉพาะพี่ภูอยากรู้จัก เอาตรงๆ ก็คือจะสแกนนั่นแหละว่าเป็นคนยังไง ถ้าไม่โอเคจะได้ไล่ตะเพิดออกไปจากชีวิตของผม


ส่วนผลเป็นยังไง?


แน่นอนว่าพี่ภูให้ 3 ผ่านแบบไม่มีข้อกังขา


“พี่ธามบอกว่าไม่เกิน 8 โมงครับพี่ภู” ที่ฝึกงานของผมเวลาทำการคือ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็คงจะถึง ซึ่งนี่ก็ 7 โมง 50 นาที อีกไม่เกิน 10 นาทีพี่ธามก็คงจะมาถึง


“ความจริงเราให้พี่ไปรับไปส่งก็ได้นะ เกรงใจธาม ยิ่งไม่ได้เป็นอะไรกับเราอยู่ด้วย”


“ผมก็บอกพี่เขาแบบนั้นแหละครับ แต่พี่เขาบอกว่ายังไงก็อยากไปรับไปส่งผมเหมือนเดิม”


ตั้งแต่ขึ้นปี 1 เทอม 2 พี่ธามก็คอยรับส่งผมตลอด เพราะเส้นทางจากบ้านพี่เขาไปมหา’ลัยต้องผ่านบ้านผมอยู่แล้ว พอพี่เขาเรียนจบได้ที่ทำงานใกล้ๆ ก็เลยยังรับส่งผมต่อได้ แต่ตอนนี้ที่ฝึกงานของผมต้องไปอีกทางผมก็เลยค่อนข้างเกรงใจ พอบอกว่าจะให้พี่ภูเป็นคนคอยรับส่งผมแล้วพี่ธามก็หน้าจ๋อย เพราะถ้าได้ทำหน้าที่นั้นอย่างน้อยก็จะได้เจอผมทุกวัน แล้วอย่างนี้ผมจะกล้าปฏิเสธพี่เขาได้ยังไง


“3 ปีกว่าแล้วใช่มั้ยที่ธามจีบเรา?”


“ครับ” ตั้งแต่ ปี 1 จนตอนนี้ผมอยู่ปี 4 เทอม 2 แล้ว


“แล้วเมื่อไหร่เราจะใจอ่อน”


“ก็...ไม่รู้สิครับ” เอาจริงๆ ตอนนี้ใจของผมก็อ่อนลงมากแล้วนะ แต่มันก็ยังอ่อนไม่พอที่จะเปิดรับพี่ธามเข้ามาข้างในอยู่ดี


 “คนดีๆ แบบนี้น่ะหายากมากรู้มั้ย พี่เข้าใจว่าเรื่องตอนนั้นมันทำให้เราฝังใจ แต่พี่ก็ไม่อยากให้เราปิดกั้นตัวเองไปจนตาย พี่อยากให้เราเปิดใจจะได้มีความสุขกับความรักสักที” พี่ภูวางมือลงบนศีรษะของผม ผมรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและห่วงใยที่ส่งผ่านมา


“ผม...จะลองดูก็ได้ครับ” พอได้ยินแบบนั้นพี่ภูก็ยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นเมื่อได้ยินเสียงรถที่จอดอยู่หน้าบ้านเราสองคนจึงได้หันไปดู


“พี่ธามมาแล้ว งั้นผมไปก่อนนะครับ” ผมยกมือไหว้พี่ภูก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปที่หน้าบ้าน


“พี่ว่าจะโทรหาวาอยู่พอดีเลย” พี่ธามที่พึ่งลงมาจากรถพูดขึ้น จากนั้นก็ยกมือขึ้นไหว้ทักทายพี่ภูที่ยืนมองเราสองคนอยู่ตรงประตูบ้าน


“พอดีผมได้ยินเสียงรถน่ะครับเลยเดินออกมา ผมว่าเรารีบไปกันเลยเนอะเดี๋ยวพี่ธามจะไปทำงานสาย”


“ครับ” พี่ธามพยักหน้า ผมจึงได้เดินไปขึ้นบนรถโดยนั่งที่เบาะหน้าคู่กับพี่เขา


เวลาเริ่มงานของเราสองคนเป็นเวลาเดียวกัน ผมเลยคิดว่าวันนี้พี่ธามมีสิทธิ์เข้าสายสูงมาก โชคดีทางไปที่ฝึกงานของผมมีทางด่วนให้ขึ้นเลยใช้เวลาไม่นานเลยประหยัดเวลาไปได้เกือบครึ่ง


“ขอบคุณนะครับพี่ธาม”


“ตั้งใจทำงานนะ เป็นเด็กดีให้ผู้ใหญ่เอ็นดูล่ะ” พี่ธามวางมือลงที่ศีรษะของผมแล้วส่งยิ้มอันอบอุ่นมาให้ ผมที่คิดว่าตอนนี้ยังพอมีเวลาเลยว่าจะคุยเรื่องระหว่างเราก่อนสักหน่อย


“ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”


“ได้สิ วาอยากถามอะไรพี่”


“พี่ธามเคยเบื่อมั้ยที่ต้องรอผมอยู่อย่างนี้ รอแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง” พี่ธามหยุดคิดเล็กน้อยก่อนที่จะตอบผม


“ถามว่าเบื่อมั้ยพี่ไม่เคยเบื่อ แต่ถ้าถามว่าเคยท้อมั้ยก็เคยอยู่เหมือนกัน”


“แล้วทำไมพี่ธามยังรอผมอยู่ล่ะครับ”


“ก็พี่รักวาไปแล้วนี่นา ถ้าจะให้ตัดใจพี่คงทำไม่ได้หรอก” คำตอบนั้นทำให้ผมนิ่งงัน ยิ่งพี่ธามไม่เคยเร่งรัดให้ผมรักตอบมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเห็นใจ แต่ถ้าจะให้พูดตามจริงผมยังไม่ได้รู้สึกรักพี่ธามเลย ขนาดแค่ชอบผมยังไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ชอบรึเปล่า


บางทีผมคิดว่าผมอาจจะชอบที่พี่เขารักผม แต่ผมอาจจะไม่ได้ชอบตัวตนของพี่เขาก็ได้...


“จนกว่าฝึกงานเสร็จถ้าหากพี่ยังรอผมอยู่ ผมอาจจะลองคบกับพี่ดูก็ได้ครับ” ความดีของพี่เขาอาจจะทำให้หัวใจของผมพ่ายแพ้สักวัน...ล่ะมั้ง


“นี่วาไม่ได้กำลังล้อพี่เล่นอยู่ใช่มั้ย” พี่ธามพูดอย่างไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ สีหน้าตอนนี้ดูอึ้งๆ และตกตะลึงจนผมอดที่จะยิ้มเพราะรู้สึกขำออกมาไม่ได้


“ถ้าผมบอกว่าเมื่อกี้ผมล้อเล่นล่ะครับ” ไอ้ผมมันก็คนกวนตีนคนนึงนี่แหละ แหงล่ะ ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชา (มาร) มาจากปรมาจารย์อย่างพี่เพลิงนี่นา


“โธ่...วาก็...” ทำหน้าหงอยเหงาเป็นลูกหมาโดนทิ้งเชียวพี่ธาม


“ไม่แกล้งแล้วครับ เรื่องที่ว่าถ้าผมฝึกงานเสร็จแล้วพี่ยังรอผมอยู่ ผมคิดว่าจะลองคบกับพี่ดูจริงๆ” เท่านั้นแหละจากที่ทำหน้าหงอยเหงาเป็นลูกหมาโดนทิ้ง สีหน้าและแววตาของพี่ธามก็สดใสขึ้นมาเชียว


“สัญญานะ?”


“จะให้ผมเกี่ยวก้อยสัญญาเลยก็ได้”


“ถ้างั้นพี่ขอเป็นมัดจำแทนได้มั้ย...มัดจำที่ตรงนี้” พี่ธามเอียงแก้มมาหาแล้วใช้มือแตะเบาๆ แหม ร้ายไม่เบานะพี่ พอเห็นว่าผมยอมอ่อนให้นิดนึงก็ได้ใจเชียวนะ


“ว้า เสียดายจังที่พี่เป็นคนมักน้อย นี่ผมกะว่าจะจูบมัดจำสักหน่อยนะเนี่ย” ว่าไปนั่น ผมก็กะกวนตีนพี่เขาไปงั้นแหละ


“วาพูดแล้วนะ”


“หืม?”


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรพี่ธามก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบผมซะแล้ว ตอนแรกผมก็ตกใจอยู่แหละ ตานี่เบิกกว้างเป็นไข่ห่านส่วนตัวก็แข็งทื่อเป็นขอนไม้ แต่พอตั้งสติได้เพราะพี่เขาเพียงแค่แตะริมฝีปากของผมเบาๆ เท่านั้น ผมถึงได้ผ่อนคลายแล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ


จูบแรกของผมมันเป็นของพี่นะครับพี่ธาม...


2BC


 o15 เฮลโหลวววว สวัสดีค่า เป็นยังไงบ้างคะหลังจากจบครึ่งแรกของตอนที่ 1 ซึ่งก็จะเป็นการย้อนความหลังของน้องวาซะส่วนใหญ่ หวังว่าคงจะไม่เบื่อกันนะคะ แบบว่ามันก็ต้องปูเรื่องเท้าความก่อนเนอะ ไม่งั้นตอนที่เข้าสู่กระบวนการวางกัปดัก (Trap) จนไปถึงการที่หัวใจ (ของใครสักคน) พ่ายรัก เดี๋ยวจะไม่อินกัน แฮ่  :m23:
พูดมาขนาดนี้เชื่อว่าหลายๆคนคงจะอยากอ่านตอนหน้ากันแล้วใช่ม้า แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นมาเดากันก่อนดีกว่าว่าใครจะเป็นพระเอก ระหว่างคนในอดีตอย่าง “พี่โซ่” หรือคนในปัจจุบันอย่าง “พี่ธาม” ซึ่งครึ่งหลังก็จะเป็นการเล่าในส่วนของพี่ธามละ (จะได้ไม่น้อยหน้าพี่โซ่เนอะ อิอิ)  :give2:
แล้วเจอกันในอีก 2 – 3 วันนะคะ (จริงๆเค้าจะพยายามมาต่อทุก 2 วันแหละ แต่กลัวมีงานเข้าเลยบอกเผื่อเอาไว้ก่อน แหะๆ) ยังไงก็เอาใจช่วยน้องวาและว่าที่หวานใจด้วยนะคะ ถ้าหากชื่นชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า จุ๊บๆ  :mew1:
(20 ส.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 หัวใจที่เกือบปิดตาย [20.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-08-2018 00:39:32
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 หัวใจที่เกือบปิดตาย [20.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-08-2018 00:51:40
อดีตของวาโย   :sad4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 หัวใจที่เกือบปิดตาย [20.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-08-2018 08:05:14
น้องวาน่าสงสารอ่า ดีแล้วที่น้องยังคิดได้ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งเพราะคนแบบนั้น น้องยังมีพี่ๆที่รักน้องอยู่
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 หัวใจที่เกือบปิดตาย [20.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-08-2018 12:45:59
สู้ๆ เพื่อตัวเอง และ คนที่เรารัก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 หัวใจที่เกือบปิดตาย [20.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 21-08-2018 21:00:45
ดีใจที่น้องวาคิดได้ สงสารน้องอยากให้เจอคนดีๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 หัวใจที่เกือบปิดตาย [20.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-08-2018 22:23:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 หัวใจที่เกือบปิดตาย [20.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 22-08-2018 14:51:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-08-2018 20:11:09
ยังเดาใจวาไม่ออกเลย เลือกใครดีนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-08-2018 22:40:48
ธามดีขนาดนี้อยากให้เลือกธาม แต่นั่นแหละดูกันต่อไปยาวๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 22-08-2018 23:07:01
ถ้าธามดีจริง
สามปีกว่าคือรอวามาจริง
ไม่ได้แอบมีคนอื่น คือเชียร์สุดๆ
อย่าดีแตกนะธาม อยากเห็นคนรอดีๆ สมหวังบ้างจัง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 22-08-2018 23:57:18
สู้ๆนะ รอติกตามอยู่นะจ๊ะ
ปล.เกลียดอีพี่โซ่
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-08-2018 00:27:16
 :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-08-2018 00:50:33
โซ่ยังไม่มาเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-08-2018 07:29:36
 :katai2-1: รอมาตั้งสี่ปี ความอดทนเป็นเลิศจริงๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 23-08-2018 15:57:12
โซ่กลับมาแย่ง จะมันส์มาก ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 23-08-2018 23:16:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 1 โซ่รัก..พันธนาการหัวใจ [22.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 24-08-2018 22:30:37
ปลิ้มธามอยากให้เป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 25-08-2018 19:37:01
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 2# Wayo พบกันอีกครั้ง


“โกรธพี่รึเปล่าครับ?” พี่ธามถามผมหลังจากที่ถอนจูบออกไป อะไรของพี่เขาเนี่ย ถ้ากลัวผมโกรธแล้วจะทำใจกล้ายื่นหน้าเข้ามาจูบผมเพื่อ


แกล้งเล่นซะดีมั้ยนะ?


แต่ถึงผมจะถามตัวเองแบบนั้น ปากของผมกลับพูดมันออกไปแล้ว


“โกรธ” ผมพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่แผ่รังสีอัมหิตออกมาอย่างแรงกล้า พูดเลยนะถ้าหากผมเบนสายไปเป็นนักแสดง ป่านนี้ถ้วยรางวัลคงเต็มบ้านจนไม่มีที่เก็บไปแล้วมั้ง


“พี่ขอโทษนะวา...คือ...” พี่ธามพูดอย่างรู้สึกผิด พอเห็นสีหน้าหงอยๆ แบบนั้นแล้วผมก็แกล้งไม่ลง


“ผมล้อเล่นหรอกครับ ถ้าผมโกรธจริงๆ ป่านนี้ผมคงชกพี่ไปแล้ว คงไม่นั่งนิ่งๆ ให้พี่จูบผมตั้งนานหรอก” ผมพูดยิ้มๆ พี่ธามเลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


“วาก็นี่ก็ชอบแกล้งพี่จริงๆ นิสัยไม่ดีเลยนะเรา” พี่ธามยื่นมือมาบีบจมูกของผมอย่างหมั่นเขี้ยว พอได้ยินพี่เขาพูดแบบนี้ผมก็ถือโอกาสพูดเรื่องเดิมๆ ที่เคยพูดไปเป็นรอบที่ร้อย


“ถ้าเทียบกับคนดีๆ อย่างพี่ผมมันก็นิสัยไม่ดีจริงๆ นั่นแหละครับ เพราะงี้ไงผมถึงอยากให้พี่ลองมองคนอื่นดูบ้าง ผมไม่อยากให้พี่มาเสียเวลากับผม อย่างที่ผมเคยบอกไปว่าไม่รู้ตอนไหนผมจะสามารถชอบพี่ได้ หรือบางทีมันอาจจะไม่มีวันนั้นเลย...”


โอเคแหละ ที่ผมบอกว่าพูดเรื่องนี้เป็นรอบที่ร้อยมันก็ดูจะเวอร์ไป แต่ว่าผมก็พูดเรื่องนี้กับพี่ธามบ่อยมาก มีโอกาสเมื่อไหร่ก็จะพูดตลอด เพราะผมไม่อยากให้พี่เขามาเสียเวลากับคนที่หัวใจปิดตายอย่างผม โซ่ที่พันธนาการหัวใจของผมมันแน่นหนาเกินไปจนพี่เขาไม่สามารถเข้ามาข้างในได้


“พี่ไม่เคยคิดว่า 3 ปีที่ผ่านมามันเป็นเรื่องเสียเวลาเลยนะ การที่พี่ได้อยู่ใกล้ๆ แล้วก็ได้ดูแลวา มันทำให้พี่มีความสุขมากจริงๆ” คำตอบของพี่ธามทำให้ผมนิ่งงัน บางทีสักวันผมอาจจะแพ้ให้กับความดีของพี่เขา


“ขอบคุณนะครับ”


“หมายถึงเรื่องที่พี่มาส่ง?” เนี่ย จะซึ้งก็ซึ้งไม่สุด


แต่เอาเถอะ ดีแล้วล่ะที่พี่ธามพูดแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคงเกิดเดดแอร์เพราะผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ


“เปล่าสักหน่อย ผมหมายถึงเรื่องที่พี่ช่วยให้ผมมีประสบการณ์จูบครั้งแรกต่างหาก” ผมพูดยิ้มๆ กวนตีนมากวนตีนกลับไม่โกง


“วาทำพี่ไปไม่เป็นเลย” แดงไปทั้งหน้า...ไม่สิ แดงไปทั้งตัวแล้วมั้งพี่ธาม


“แล้วอย่างนี้จะไปทำงานถูกมั้ยครับเนี่ย หรือว่าไหนๆ ก็สายแล้วเลยไม่ไปมันซะเลย”


“ได้ที่ไหนกันล่ะวา”


“ฮ่าๆๆ งั้นผมไปแล้วนะครับพี่ธาม” ผมโบกมือลาแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถ ส่วนพี่ธามก็ยิ้มแล้วโบกมือให้ผมโดยที่ใบหน้ายังคงแดงจัดอยู่เหมือนเดิม ท่าทางจะยังเขินอยู่ที่ถูกผมแซวเรื่องจูบ


ถามว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง?


ก็ตื่นเต้นนิดหน่อยออกไปทางเฉยๆ ซะด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ธามด้วยมั้งเลยไม่รู้สึกหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นแรง หรือเขินแทบเป็นแทบตายอย่างคนทั่วไปตอนที่เสียจูบแรก เพราะงั้นผมเลยเดินเข้าไปในตึกสำนักงานด้วยท่าทางชิลๆ


“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ” พี่สาวที่นั่งตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ถามผม


“ผมเป็นนักศึกษาที่มาฝึกงานครับ”


“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นขึ้นลิฟต์ไปรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลชั้น 4 ได้เลยค่ะ”
   

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้แล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 4 ตามที่พี่สาวตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์บอก เมื่อ 2 เดือนที่แล้วผมมาขอยื่นเรื่องฝึกงานที่นี่เลยจำได้ว่าฝ่ายนี้ต้องเลี้ยวไปทางไหน
   

“สวัสดีครับ ผมวาโย หทัยภักดิ์ เป็นนักศึกษาฝึกงานครับ”
   

“อ๋อ งั้นตามมาทางนี้เลยจ้ะ” พี่เขาพูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินนำผมไปยังห้องประชุมเล็กที่อยู่ไม่ไกล พอเปิดเข้าไปในนั้นก็มีนักศึกษาฝึกงาน 5 คนนั่งอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนละมหา’ลัย
   

“คุยกันไปก่อนนะเดี๋ยวรอน้องอีก 4 คนมาก่อนแล้วพี่ค่อยพูดเรื่องฝึกงานทีเดียว...อ้อ พี่ชื่อยุ้ยนะ” พี่ยุ้ยพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ส่วนผมก็ยิ้มทักทายและทำความรู้จักกับเพื่อน 5 คนที่นั่งอยู่ ก่อนที่สักพัก 4 คนที่เหลือจะทยอยตามมาสมทบ
   

เมื่อคนครบแล้วพี่ยุ้ยก็เข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเอาเอกสารมาให้คนละชุด ซึ่งก็เป็นรูปผู้บริหาร แนะนำองค์กร กฎระเบียบ แล้วก็งานคร่าวๆ ที่ต้องทำขณะที่ฝึก


ในตอนแรกผมนึกว่าพวกเราทั้ง 10 คนจะต้องฝึกงานที่ฝ่ายเดียวกันทั้งหมด ก็คิดอยู่ว่ามันจะต้องแออัดและวุ่นวายมาก แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ละคนก็จะไปฝึกที่ฝ่ายต่างๆ ตามสาขาที่เรียน ก็จะมีฝ่ายบุคคล ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต แล้วก็ฝ่ายจัดซื้อ


ถ้าถามถึงคณะที่ผมเรียนก็คือบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด เพราะงั้นคงไม่ต้องบอกเนอะว่าผมต้องฝึกงานที่ฝ่ายไหน


ส่วนสาเหตุที่ผมเลือกเรียนคณะนี้ก็เป็นเพราะผมรู้สึกว่าตัวเองชอบคิด ชอบวางแผน แล้วก็สนใจติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวในแวดวงธุรกิจพอสมควร ซึ่งพอได้เรียนผมก็รู้สึกสนุก ส่วนผลการเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าดี ไม่อย่างนั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนี้คงไม่รับผมเข้าฝึกงาน แถมยังรับแค่คนเดียวทั้งที่ผมมายื่นเรื่องขอฝึกพร้อมกับเพื่อนตั้ง 6 คน


การที่ผมอยากมาฝึกงานที่นี่ก็คือ 1. เผื่อได้ทำงานต่อที่นี่หลังจากเรียนจบ 2. หากที่นี่ไม่รับแต่ผมก็ยังสามารถเอาไปใส่ Portfolio ได้ว่าผ่านการฝึกงานจากที่นี่ ซึ่งมีภาษีและได้เปรียบเด็กจบใหม่ที่อื่นมากเพราะเป็นบริษัทชั้นนำที่คัดเด็กฝึกค่อนข้างโหด 3. ที่นี่มีค่าตอบแทนระหว่างฝึกงาน ยิ่งถ้าต้องออกนอกพื้นที่หรือต้องฝึกนอกเวลาก็จะยิ่งได้ค่าตอบแทนคูณสอง


บริษัทที่ป๋ากับเด็กฝึกงานขนาดนี้จะหาได้อีกจากที่ไหน!


“น้องๆ คนไหนมีข้อสงสัยหรืออยากจะถามอะไรพี่มั้ยคะ” พี่ยุ้ยถามหลังจากที่พูดยิงยาวคนเดียวร่วมชั่วโมง จนผมอยากจะถามจริงๆ ว่าจิบน้ำหน่อยมั้ยพี่ พูดนานขนาดนี้คอไม่แห้งเป็นผงหมดแล้วหรอ


“ไม่มีครับ”


“ไม่มีค่ะ”


เชื่อปะ ถึงจะมีอะไรสงสัยคงไม่มีใครถาม ขนาดนั่งฟังอย่างเดียวผมยังเบื่อแล้วก็ง่วงจะตายชัก ขืนได้ฟังต่อมีหวังผมได้หลับมันตรงนี้แน่ๆ


“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวน้องๆ นั่งรอที่นี่กันก่อนนะ นั่งแยกเป็นฝ่ายไว้หน่อยก็ดี เวลาที่พี่เลี้ยงเข้ามาจะได้หาง่ายๆ” พี่ยุ้ยพูดจบก็เดินออกไป ส่วนพวกผมจากที่นั่งเรียงตามการมาถึงก่อนหลังก็นั่งกันเป็นคู่ๆ ตามฝ่ายที่ต้องฝึก


ผมหันไปยิ้มให้มิ้งซึ่งเป็นเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันมากพี่เลี้ยงจากแต่ละฝ่ายก็เริ่มเดินกันเข้ามา ก่อนที่ไม่กี่วินาทีต่อมาจะมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างหน้าเราสองคน


“น้องสองคนฝึกฝ่ายการตลาดใช่มั้ย”


“ใช่ครับ”


“ใช่ค่ะ” ผมกับมิ้งพยักหน้าแล้วพูดขึ้นพร้อมกัน


“ชื่ออะไรกันบ้าง”


“ผมชื่อวาครับ”


“หนูชื่อมิ้งค่ะ”


“โอเค พี่ชื่อฟลุคนะครับ ไหนใครอยากให้พี่เป็นพี่เลี้ยง?” สิ้นเสียงของพี่ฟลุคมิ้งก็รีบเอียงหน้ามากระซิบที่ข้างหูของผมอย่างรวดเร็ว


“เราขอ” อูยยยยย แรงงงงง มิ้งไหนไฟแรงเฟร่อ!


“อืม” ผมยิ้มแห้งๆ แล้วพยักหน้าให้ โอเคแหละพี่ฟลุคดูรวมๆ แล้วก็ถือว่าค่อนข้างดูดี แต่เป็นผู้หญิงก็ไม่ต้องออกตัวแรงว่าอยากได้มากขนาดนั้นก็ได้มั้ง


“โอเค งั้นเป็นอันว่าน้องมิ้งจะฝึกกับพี่นะ”


“ค่า พี่ฟลุค” แม่คุณเอ๊ย ยิ้มกว้างจนจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว


“แล้วผมไม่มีพี่เลี้ยงหรอครับ”


“มีสิ เป็นถึงหนุ่มดอกไม้ของบริษัทเลยนะ”


“หนุ่มดอกไม้?”


“สาวๆ ในบริษัทตั้งให้น่ะ ประมาณว่าแค่มองหน้าก็สามารถฮีลใจ ฟื้นพลังกายมาทำงานต่อได้ อะไรประมาณนี้”


“ขนาดนั้นเลยหรอครับ” เวอร์วังไปมั้ยเนี่ยพี่ฟลุค


“เดี๋ยวน้องวาเห็นก็จะรู้ว่าพี่ไม่ได้พูดเกินจริง...อ๊ะ นั่นไงมาพอดี ทางนี้เว่ยมึง!” พี่ฟลุคโบกมือเรียก ‘หนุ่มดอกไม้’ ที่อยู่ด้านหลัง ผมเลยเผลอหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้


แต่ทันใดนั้นเอง...


ผมก็ถึงกับตัวแข็งทื่อและตาเบิกกว้าง เพราะผู้ชายที่กำลังเดินมาเหมือนกับคนคนนั้นแทบทุกอย่าง ถึงแม้ว่ารูปร่าง หน้าตา และทรงผมจะเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเพราะผ่านไปตั้ง 7 ปี แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนนั่นก็คือรอยยิ้มอันอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า


หึ! ทุกคนคงจะมองเห็นอย่างนั้น เพราะมันคือฉากหน้าที่คนคนนั้นสร้างขึ้น มีแค่ผมคนเดียวที่รู้ซึ้งถึงธาตุแท้ความเลวที่อยู่ข้างใน


ใช่...มันคือคนคนนั้นที่ทำให้ผมเจ็บปวดเจียนตาย


ไอ้พี่โซ่...


“โทษทีที่มาช้า กูแวะเอาบิลของทุกคนไปเบิกที่ฝ่ายบัญชีให้น่ะ” ไอ้พี่โซ่พูดขึ้นเมื่อมายืนอยู่ข้างพี่ฟลุค ตอนที่กำลังเดินมาสายตาของพี่มันไม่ได้มองมาทางผมเลยแม้แต่น้อย


“ไม่เป็นไร มึงก็ไม่ได้ช้ามากหรอก แค่มาไม่ทันตอนที่ให้น้องฝึกงานเลือกพี่เลี้ยงเท่านั้นเอง” พี่ฟลุคพูดยิ้มๆ พอได้ยินแบบนี้ไอ้พี่โซ่เลยหันหน้ามองมาที่ผม


วินาทีแรกที่ได้สบตากัน ผมเผลอกำหมัดแน่นแล้วจ้องกลับไปด้วยดวงตาแข็งกร้าว แต่ว่าสายตานั้นพี่มันคงไม่เห็น เพราะเพียงเสี้ยววินาทีสายตาคู่นั้นก็ได้เบนไปทางมิ้งที่อยู่ข้างๆ ของผมซะแล้ว


หรือว่าไอ้พี่โซ่มันจะจำผมไม่ได้?


“ถ้ามิ้งอยากขอเปลี่ยนพี่เลี้ยงจะได้รึเปล่าคะ” มิ้งอมยิ้มแล้วมองไอ้พี่โซ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม อยากรู้จริงๆ ว่ายัยนี่มาฝึกงานหรือว่ามาฝึกอะไร


“น้องมิ้งพูดแบบนี้ไม่กลัวพี่ฟลุคเสียใจหรอครับ” ผมแอบเบ้ปากแล้วกลอกตามองบน อยากจะแหมยาวๆ ให้อ้อมจักรวาลจริงๆ


เฮอะ! ทำเป็นพูดดีนะไอ้พี่โซ่ ทำหน้าเจ้าชู้กรุ้มกริ่มขนาดนั้น ผมว่าคนที่เสียใจก็คือพี่มันนั่นแหละที่ไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงของยัยมิ้ง


“พี่ฟลุคเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่เสียใจกับเรื่องเล็กๆ แบบนี้หรอกค่ะ” ยัง...ไอ้พี่โซ่มันพูดแบบนั้นก็ยังคิดไม่ได้อีกนะ


“จะฝึกกับพี่หรือกับพี่ฟลุคมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ แต่ถ้าพี่ฟลุคดูแลน้องมิ้งไม่ดีมาบอกพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่จัดการมันให้” มีขยิบตงขยิบตา ระหว่างทำงานกับโปรยเสน่ห์อะไรขยันทำมากกว่ากัน ตอบ!


 “ถ้างั้นพี่ชื่ออะไรคะ”


“พี่ชื่อโซ่ครับ”


“มิ้งอยากจะขอไล...” แต่ยังไม่ทันที่มิ้งจะได้พูดจนจบไอ้พี่โซ่ก็หันหน้ามาทางผมซะก่อน หวายยยยยย นก!


“จะไม่พูดอะไรกับพี่เลยหรอครับ” คำถามนั้นทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้ว เพราะผมไม่แน่ใจว่าไอ้พี่โซ่มันจะจำผมได้รึเปล่า แต่เท่าที่ดูมันไม่น่าจะจำผมได้นะ ถึงคำถามจะฟังดูแปลกๆ ก็เถอะ แต่ตอนนี้รูปร่างหน้าตาของผมก็เปลี่ยนไปมากจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม


“ผมชื่อวานะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมแสร้งยิ้มแล้วยกมือไหว้ไอ้พี่โซ่


“วางั้นหรอ?”


“ทำไมครับ ชื่อผมมันคุ้นหูหรอพี่?” ผมลอบยิ้ม เริ่มจะนึกออกแล้วสินะ


“เปล่า ไม่คุ้นเลยต่างหาก ชื่อเล่นแปลกนะเรา พี่ไม่เห็นเคยได้ยินใครชื่อเล่นแบบนี้มาก่อนเลย” หนอย...


“ผมชื่อจริงคือวาโย ชื่อเล่นก็เลยชื่อวาครับ” ได้ยินแบบนี้แล้วจะนึกออกได้รึยัง!


“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องวา” บ้าเอ๊ย! ทำไมถึงยังนึกไม่ออกวะ! คนอย่างผมมันไม่มีค่าให้ไอ้พี่โซ่จดจำขนาดนั้นเลยใช่มั้ย!


ได้...ในเมื่อจำผมไม่ได้ก็ดี เพราะว่าผมจะได้แก้แค้นพี่มันได้สะดวก


จะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดูสิ!


“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับพี่โซ่” ผมยิ้มหวาน แม้ว่าในใจอยากอาละวาดและด่ากราดไอ้พี่โซ่มากแค่ไหนก็ตาม


แต่ยังก่อน ทำตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไอ้พี่โซ่มันจะสำนึกมั้ยก็ไม่รู้ แถมผมยังจะอยู่ฝึกงานที่นี่ได้อย่างยากลำบากอีกต่างหาก เพราะเท่าที่ดูไอ้พี่โซ่ก็ดูจะเป็นที่รักของคนในบริษัท ดังนั้นรอเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยตอกหน้าไอ้พี่มันให้เจ็บแสบไปเลยก็ได้


“จริงสิ ก่อนพี่จะเข้ามาพี่ยุ้ยบอกว่าให้น้องสองคนแวะไปเอาป้ายชื่อที่โต๊ะด้วย ตามพี่มาเลยครับ” ไอ้พี่โซ่พูดจบก็เดินนำผมกับมิ้งออกไป โดยมีพี่ฟลุคเดินตามหลังมาอีกที


พอไปถึงพี่ยุ้ยก็ค้นหาป้ายชื่อแล้วยื่นมาให้ ที่ป้ายจะมีรูปถ่ายในชุดนักศึกษาและข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ โดยมีชื่อจริง นามสกุล ชื่อเล่น วันเดือนปีเกิด มหา’ลัยที่กำลังศึกษา แล้วก็แผนกที่กำลังฝึกงาน ผมคิดว่ารูปถ่ายกับข้อมูลพวกนี้มันก็ไม่มีอะไรแปลก แต่ทำไมไอ้พี่โซ่ถึงได้จ้องป้ายที่กำลังห้อยคอของผมใหญ่ก็ไม่รู้


“มีอะไรรึเปล่าครับพี่โซ่”


“พี่แค่สงสัยน่ะ”


“สงสัยอะไรครับ” หรือว่าพอเห็นนามสกุลแล้วไอ้พี่โซ่มันจะจำผมได้?


“ฝ่ายบุคคลพิมพ์พ.ศ.เกิดของวาผิดไปรึเปล่า รู้สึกจะเกินเพื่อนคนอื่นมา 1 ปี” โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็เรื่องนี้ เฮอะ! ก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าคนสารเลวอย่างไอ้พี่โซ่น่ะหรอจะจำนามสกุลของผมได้ ขนาดชื่อของผมมันยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


“ไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยดรอปเรียนตอนม.ปลายไปหนึ่งปี”


“ทำไมล่ะ หรือว่าวาป่วย?”


“เปล่าหรอกครับ แต่ว่ามีรุ่นพี่สารเลวคนนึงมันทำให้ผมเรียนต่อที่เดิมไม่ได้ ผมเลยต้องดรอปเรียน 1 ปีแล้วไปเข้าที่ใหม่น่ะครับ” ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาของไอ้พี่โซ่ ถึงแม้ว่าผมจะแค้นขนาดไหนแต่ผมก็ไม่ได้แสดงอาการออกมา เพียงแค่จ้องเพื่อที่จะจับสังเกตให้ได้ว่าสีหน้าและแววตาของไอ้พี่มันจะเปลี่ยนไปมั้ย จะรู้สึกเอะใจในคำพูดของผมรึเปล่า


แต่ก็ปรากฏว่าเปล่า ไอ้พี่โซ่ไม่ได้เอะใจเรื่องของผมเลยสักนิด


“งั้นหรอ ทำไมรุ่นพี่คนนั้นถึงได้ใจร้ายจัง แต่พี่ก็ดีใจนะที่วาผ่านช่วงเวลานั้นมาได้” ไอ้พี่โซ่ยิ้มบางๆ แล้ววางมือลงบนศีรษะของผม วินาทีนั้นความอบอุ่นมันก็แผ่ซ่านลงไปตามร่างกาย แต่ว่าตอนนี้ผมเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ผมไม่มีทางโง่เป็นควายหลงเชื่อความอบอุ่นจอมปลอมนั่นหรอก!


“ไอ้โซ่ เดี๋ยวกูพาน้องมิ้งไปเดินทัวร์ออฟฟิศก่อนนะเว่ย” พอพี่ฟลุคพูดขึ้นแบบนี้ผมเลยถือโอกาสถอยห่างออกจากไอ้พี่โซ่ก้าวหนึ่ง มือของไอ้พี่มันที่กำลังวางอยู่บนศีรษะของผมเลยตกลงไปอยู่ข้างตัว


“เออ มึงไปเถอะ” พี่ฟลุคพยักหน้าแล้วจะเดินนำมิ้งออกไป แต่มิ้งก็ดันชวนไอ้พี่โซ่ซะก่อน


“ไม่ไปด้วยกันหรอคะ” ถามแต่ไอ้พี่มันแต่ไม่ยักกะถามผมนะแม่คุณ 


“อืม...ถ้างั้นเราไปพร้อมกับ 2 คนนี้เลยเนอะ” ไอ้พี่โซ่หันมาชวนผม


‘ก็ถ้าผมบอกว่าไม่ไปพี่จะว่ายังไง’ นั่นน่ะสิ่งที่ผมคิด แต่สิ่งที่ผมตอบน่ะคือ... “ครับ”


“โอเค งั้นพวกเราไปกันเลย” พี่ฟลุคเป็นคนเดินนำ ตามด้วยไอ้พี่โซ่ที่มีมิ้งทำตัวเป็นเห็บเกาะติดไม่ยอมห่าง ส่วนผมก็เดินตามหลังสองคนนั้นไปอีกทีด้วยท่าทางเซ็งๆ และเหม็นเบื่อโคตรๆ


เกือบชั่วโมงผมเดินเข้าออกห้องนั้นห้องนี้ เดินขึ้นลงชั้นนั้นชั้นนี้จนแทบขาลาก แต่ผมก็ไม่ปริปากบ่นทั้งยังยิ้มแย้ม แถมยังวาดแผนผังและจดบันทึกห้องที่สำคัญคร่าวๆ เอาไว้ด้วย


การที่ผมทำแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่อีกส่วนก็เพื่อให้ไอ้พี่โซ่ประทับใจผม ถ้าเทียบกับยัยมิ้งที่เอาแต่บ่นคนขยันอย่างผมน่ะดีกว่าเยอะ!


“เดี๋ยวต่อไปพี่จะพาน้องมิ้งกับน้องวาไปแนะนำให้พี่ๆ ที่แผนกรู้จักนะ” พี่ฟลุคพูดจบก็พาพวกผมขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 12


ชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นของฝ่ายการตลาด จะมีหลายห้องที่ถูกกั้นเอาไว้ ก็มีห้องของผู้อำนวยการฝ่าย ห้องประชุมเล็ก ห้องเก็บเอกสาร ห้องครัว แล้วก็ห้องน้ำ ส่วนพนักงาน 10 กว่าคนก็จะนั่งตรงโต๊ะทำงานที่มีฉากกั้น แบ่งออกเป็น 3 แถวเรียงหน้ากระดาน แต่ละโต๊ะจะมีคอมพิวเตอร์ ชั้นเล็กๆ ใส่เอกสาร และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวนิดหน่อย แต่ก็ดูเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน แล้วพื้นที่แต่ละโต๊ะก็ค่อนข้างกว้าง ไม่แออัดกันเหมือนบริษัททั่วไป


“ทุกคนครับ นี่คือน้องที่จะมาฝึกงานกับแผนกของเรา น้องผู้หญิงชื่อมิ้ง น้องผู้ชายชื่อวา ยังไงผมก็ขอฝากให้ทุกๆ คนช่วยกันดูแลน้องทั้ง 2 คนด้วยนะครับ” ไอ้พี่โซ่พูดจบก็โปรยยิ้มมหาเสน่ห์


เรื่องสร้างภาพเป็นเทวดานี่ถนัดซะจริง ดูสิ สาวน้อยสาวใหญ่พากันเคลิ้มกับรอยยิ้มนั้นกันหมดแล้ว นี่ถ้าไม่ติดว่าผมก็ต้องสร้างภาพเหมือนกันคงจะตะโกนบอกไปแล้วว่ามันตอแหลโว้ยยยยยยย!


หลังจากนั้นไอ้พี่โซ่ก็แนะนำพี่ๆ ในแผนกให้ผมรู้จัก ตั้งแต่หัวหน้าไล่ไปเรื่อยๆ ตามที่นั่งจนครบทุกคน แต่วันแรกไม่มีทางหรอกที่จะจำได้หมด ขนาดผมพยายามจำจากจุดเด่นแต่ก็ยังจำได้ไม่ครบเลย


“เดี๋ยวพี่จะวาดผังโต๊ะแล้วเขียนกำกับให้นะครับว่าแต่ละคนชื่ออะไรกันบ้าง” ไอ้พี่โซ่ก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูของผม เสียงทุ้มๆ แบบนี้นี่แหละที่ทำให้แต่ก่อนผมเคลิ้มจนแทบละลาย แต่ตอนนี้นอกจากจะไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วผมยังเบ้ปากเป็นรูปสระอิในใจอีกต่างหาก


“ขอบคุณครับ” แต่ก็นั่นล่ะ สิ่งที่ผมต้องทำก็คือการยิ้มบางๆ ออกมานั่นเอง


“เอาล่ะ เดี๋ยวพี่จะพาไปนั่งที่โต๊ะทำงาน” ไอ้พี่โซ่พูดจบก็เดินนำผมไปยังแถวหลังสุดริมซ้าย ส่วนพี่ฟลุคกับมิ้งเดินไปแทบจะตรงข้ามกับพวกผม ผมแอบเห็นนะว่ามิ้งมองตามมาทางนี้ด้วยสายตาละห้อยและอาลัยอาวรณ์สุดขีด


โต๊ะที่ไอ้พี่โซ่พาผมมานั้นอยู่ติดกับผนังออฟฟิศที่เป็นกระจก มองจากตรงนี้ออกไปข้างนอกจะเห็นท้องฟ้าแจ่มใส ถนนหนทางที่รถสัญจรไปมา รวมทั้งตึกรามบ้านช่องมากมายที่เรียงกันจนสุดสายตา โต๊ะนี้ตั้งอยู่ในจุดที่ดีมากเพราะสามารถมองวิวด้านนอกได้ถึง 90 องศาเลย


“ผมจะได้นั่งโต๊ะนี้หรอครับ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น


“ใช่” พอได้ยินแบบนั้นผมก็แทบจะร้องว้าว แต่ว่ามารอย่างไอ้พี่โซ่ก็ดันทำลายความสุขของผมจนได้ “วานั่งโต๊ะเดียวกันกับพี่”


“ทำไมล่ะครับ” บ้าเอ๊ย! แค่คิดก็อึดอัดจะตายชัก!


“ถ้านั่งแยกโต๊ะพี่สอนงานไม่ถนัดน่ะ” ผมอยากจะบ้า! 3 เดือนนี้ผมได้อกแตกตายก่อนแน่ๆ!


แต่เอาเถอะ คิดในแง่ดีการที่ได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับไอ้พี่โซ่มันก็น่าจะทำให้ผมสามารถทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้ง่ายขึ้น


ถามว่าแผนที่ว่านั้นคืออะไร?


ก็แผนที่จะทำให้ไอ้พี่โซ่รัก แล้วผมก็จะทิ้งไอ้พี่มันอย่างที่ผมเคยโดนยังไงล่ะ!


2BC


 o14 สวัสดีค่า Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 ก็จบลงไปแล้ว พอจะรู้แนวทางของเรื่องแล้วเนอะว่าจะเป็นแนวไหน  :m12: ส่วนพระเอกที่เก็งๆกันไว้จะใช่มั้ยล่ะน้อ ก่อนหน้านี้เรือธามวานี่แน่นมาก แต่ตอนนี้เชื่อว่าคงจะย้ายเรือมาโซ่วากันบ้างล่ะค่ะ อ้อ...แต่เรือผี 3P นี่พังได้เลยนะคะ เพราะไม่ใช่แน่นอนค่า 55555  :laugh:
ส่วนตอนหน้าเจอกันอีก 2 วันนะคะ แต่ถ้าเค้าได้แพคหนังสือเพลิงพายอาจจะต้องรอสัก 3 วัน แล้วมาลุ้นกันนะคะว่าวาจะทำให้โซ่รักได้รึเปล่า  โซ่จะจำวาได้มั้ย แล้วสัญญาที่วาให้กับธามล่ะจะเป็นยังไง ไหนใครลงเรือไหนบอกกล่าวกันหน่อยน้าที่ร้ากกกก  :give2:
(28 ส.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-08-2018 19:43:14
ฝันร้ายมาเยือนแล้วหนูวา  :hao5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 25-08-2018 22:01:18
โซ่เป็นพระเอกแน่ๆ แงงงงเชียร์ธาม
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-08-2018 22:24:24
มาแนวนี้ทุกเรื่อง พระเอกก็คงหนีไม่พ้นโซ่
คนดี คนรอ ก็เป็นพระรองต่อไปสินะ
มาธาม ถ้าวาไม่เอามาทางนี้ได้ 5555
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-08-2018 22:30:49
รักแตกฝังใจ หรือแค้นฝังหุ่น ก็ต้องรอดูกันต่อปาย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-08-2018 23:43:46
ผ่ามมม เจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 26-08-2018 00:25:19
คนรอต้องไม่ใช่พระรองนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-08-2018 08:45:31
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-08-2018 12:52:48
สนุกตรงนี้แหละ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-08-2018 13:25:48
พี่โซ่จะจำน้องวาได้มะ จะสำนึกผิดบ้างป่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-08-2018 17:55:59
มีแววว่าอิพี่โซ่มันต้องเป็นพระเอก  :hao5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 พบกันอีกครั้ง [25.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 27-08-2018 15:10:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 จำผมได้รึเปล่า? [28.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-08-2018 22:23:01
ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าอิตาโซ่มันคือพระเอกแหงๆ  :z3: ส่วนน้องวานี่กว่าแผนจะสำเร็จกลัวน้องจะตกหลุมไปด้วยนี่สิ ม่ายยยย  :sad4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 จำผมได้รึเปล่า? [28.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-08-2018 22:28:05
วาแน่ใจนะลูกว่าจะแก้แค้นได้ หัวใจแข็งแรงพอนะลูกเดี๋ยวเจ็บอีก :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 จำผมได้รึเปล่า? [28.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 28-08-2018 23:15:56
เห้อออออออ แก้แค้นตามสะต็บ
คือต้องตกหลุมรักคนที่แค้นด้วยสินะ
ก็ใจวา มันไม่เคยลืมโซ่เลยหนิ
จะดีหน่อย คงมีเหตุการณ์ มาแก้ให้ว่าตอนนั้นโซ่ไม่ได้ตั้งใจ
ไม่ได้เลว แบบที่วาเข้าใจ สุดท้ายรักกันแฮปปี้ จบปิ๊ง
ธามก็เศร้าไปสิ นี่วาจะหลอกให้รัก จะแก้แค้น
แต่ก่อนทิ้ง มันก็ต้องมีคบกันกับโซ่ก่อนสินะ สุดท้ายก็รุ้ใจว่ารัก
สามปีวา ไม่ผิด เพราะไม่ได้บอกให้ธามรอซะหน่อย จ่ะ
คนรอ มันก็แพ้ตอนจบ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 จำผมได้รึเปล่า? [28.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 28-08-2018 23:33:18
คนรอมันท้อ ต้องรออีกนานเท่าไร

อย่าให้คนที่แสนดีเป้นพระเอกของคนอ่านนะคะ
แต่งมาดีขนาดนี้ ควรเป้นพระเอกของนายเอกนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 จำผมได้รึเปล่า? [28.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-08-2018 03:08:05
ทำไมโซ่จำวาไม่ได้นะ ความจำเสื่อม หรือเรื่องในอดีตไม่น่าจำ หรือเป็นคนละคนที่ทำกับวาในตอนม.ปลาย  :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 จำผมได้รึเปล่า? [28.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-08-2018 10:38:13
แผนจะสำเร็จมั้ยวา?
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 จำผมได้รึเปล่า? [28.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-08-2018 12:42:19
สงสัยจะตกหลุมตัวเอง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 จำผมได้รึเปล่า? [28.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 29-08-2018 17:46:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 จำผมได้รึเปล่า? [28.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-08-2018 22:01:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 31-08-2018 17:46:25
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 3# Wayo หลอกให้รัก


“อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะเที่ยงแล้ว วานั่งอ่านเอกสารที่พี่ยุ้ยให้มาไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวช่วงบ่ายพี่ถึงจะเริ่มสอนงาน” ไอ้พี่โซ่ลากเก้าอี้มาให้ผมนั่งแล้วกดเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า


“ครับ” ผมหยิบเอกสารมาอ่านตามคำบอก แต่สายตาก็แอบเหลือบมองว่าไอ้พี่โซ่กำลังทำอะไร ถ้าแอบอู้งานล่ะก็ผมจะแอบถ่ายรูปแล้วเอาไปฟ้องพี่หัวหน้าซะเลย แต่ปรากฏว่าไอ้พี่มันกำลังนั่งทำแผนส่งเสริมการตลาดของผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัท พอเห็นอย่างนั้นผมก็ถึงกับเซ็งน่ะสิที่หาเรื่องจับผิดไม่ได้


 จนกระทั่งอีกประมาณ 10 นาทีจะเที่ยงไอ้พี่โซ่ก็กดปิดหน้าจอ แล้วหยิบกระดาษมาเขียนอะไรไม่รู้แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ผ่านไปสักพักไอ้พี่โซ่ก็เรียกผมแล้ววางกระดาษใบนั้นไว้ตรงหน้า


“นี่มัน...”


“ผังโต๊ะคนในแผนกที่พี่บอกจะวาดให้ไงครับ”  จำได้ด้วยหรอเนี่ย เอาจริงๆ ตอนนั้นผมคิดว่าไอ้พี่โซ่มันก็พูดเล่นเพื่อสร้างภาพไปอย่างนั้นเอง


“ขอบคุณนะครับ” ถึงผมจะเกลียดพี่มันก็เถอะ แต่ในเมื่ออุตส่าห์เสียเวลาวาดให้ผม มันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมต้องพูดขอบคุณล่ะนะ


“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่เต็มใจ”


แหวะ! ผมอยากจะอ้วก! นี่ถ้าไม่เสียดายข้าวเช้าที่ผมอุตส่าห์เข้าครัวไปเป็นลูกมือของพี่ตะวัน ผมคงจะหยิบถังขยะขึ้นมาแล้วอ้วกมันออกไปจนหมดไส้หมดพุงไปแล้ว


คนบ้าอะไรสร้างภาพเป็นคนดีได้ตลอดเวลา ผมล่ะอยากจะถามจริงๆ ว่าเหนื่อยบ้างมั้ย พักบ้างก็ได้พี่!


แต่ก็ยังดีที่พี่ฟลุคกับมิ้งเดินมาที่โต๊ะของผมกับไอ้พี่โซ่ซะก่อน ไม่อย่างนั้นผมคงได้ถามไอ้ประโยคเมื่อกี้ที่คิดในใจออกไปแน่ๆ


“ไอ้โซ่ น้องวา ไปกินข้าวกัน” ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงพอดี พี่ๆ แต่ละคนในแผนกเลยวางงานแล้วพากันลงไปกินข้าว


“จะกินที่ไหนล่ะ ศูนย์อาหารบริษัทหรือร้านข้างนอก”


“ที่ศูนย์อาหารแล้วกันถูกดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยออกไปกินร้านข้างนอก”


“โอเค เอาตามนั้นก็ได้ ไปกันครับวา” ไอ้พี่โซ่ลุกขึ้นผมเลยลุกตาม แต่ว่าระหว่างทางไปลงลิฟต์กับเดินไปศูนย์อาหารผมไม่ได้เดินข้างๆ ไอ้พี่มันหรอกนะ เพราะมิ้งจัดการเบียดผมจนต้องไปเดินอยู่ข้างพี่ฟลุค


โธ...แม่คุณ ถ้าจะทำขนาดนี้ก็ไม่สิงไอ้พี่โซ่ไปเลยล่ะ!


“เดี๋ยวน้องวากับน้องมิ้งนั่งจองโต๊ะไว้แล้วกัน ส่วนพวกพี่จะไปซื้อข้าวมาให้เอง” พี่ฟลุคพูด


“ก็ได้ครับ ส่วนค่าข้าว...” ผมกำลังจะล้วงประเป๋าตังออกมา แต่ว่าไอ้พี่โซ่ก็พูดขัดขึ้นซะก่อน


“ไม่เป็นไรพี่เลี้ยงเอง” เฮอะ! ทำเป็นป๋า คิดหรอว่าผมจะซาบซึ้ง ไม่มีทางซะล่ะ


“ขอบคุณครับ” ก็แค่พูดไปตามมารยาทหรอกนะ ส่วนคนที่ปลาบปลื้มจนบิดแทบเอวจะหักน่ะมันอีกคน


“หล่อแล้วยังใจดี ผู้ชายแบบนี้หาได้อีกจากที่ไหนคะเนี่ย” ไอ้พี่โซ่ยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร แล้วเดินไปซื้อข้าวพร้อมกับพี่ฟลุค


“วาน่าอิจฉามากเลยอะที่ได้พี่โซ่เป็นพี่เลี้ยง” พูดกับผมแต่ตานี่มองตามไอ้พี่โซ่ตาละห้อยเชียว


“ถ้ามิ้งไม่รีบเลือกพี่ฟลุคก่อนก็คงจะได้พี่โซ่เป็นพี่เลี้ยงนั่นแหละ”


“ก็ใครมันจะไปคิดล่ะว่าจะมีผู้งานดีอย่างนี้อยู่ในบริษัท อยากรู้จังว่าพี่โซ่ยังโสดอยู่รึเปล่า นี่ๆ วาช่วยถามให้เราหน่อยสิ”


“มิ้งถามเองก็ได้นี่นา” ปกติก็เห็นออกตัวแรงยิ่งกว่ารถเมล์สาย 8 อยู่แล้ว


“แหม...ก็มันไม่งาม เดี๋ยวพี่โซ่จะรู้ว่าเราชอบ” ไอ้ที่ทำอยู่นี่ดูไม่รู้เล้ยยยยย


“ถ้ามีโอกาสเราจะถามให้นะ”


อันที่จริงเรื่องนี้ผมก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน ถ้าไอ้พี่โซ่มีแฟนอยู่แล้วแผนหลอกให้รักผมก็คงไม่ทำ เพราะแฟนพี่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ถึงผมจะไม่ใช่คนดีแต่ผมก็ไม่เลวจนลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาเจ็บด้วย ไว้ผมค่อยคิดหาแผนใหม่แก้แค้นเอาก็ได้


แต่ถ้าไอ้พี่โซ่ยังไม่มีแฟน พูดเลยว่าผมจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้แผนการนี้สำเร็จ!


“ว่าแต่มิ้งนี่ไม่มีแฟนหรอ” ว่ากันตามตรงแบบไม่ลำเอียงมิ้งก็เป็นผู้หญิงที่สวยเลยแหละ ตัวเล็กๆ อกโตๆ ดูเปรี้ยวเข็ดฟัน เป็นสไตล์ที่ผู้ชายต้องเหลียวหลังเวลาเดินผ่าน เพราะงั้นถ้าบอกว่ายังไม่มีแฟนก็จะดูน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย


“แหม...สวยๆ อย่างมิ้งถ้ามีแฟนขึ้นมาผู้ชายก็พากันเสียดายแย่สิ” จ้ะ เอาที่สบายใจ ผมพูดเลยนะว่าไอ้ความมั่นเบอร์แรงแบบนี้แหละที่ทำให้ความสวยของยัยนี่ลดลง


“แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าเราคิดกับวาแค่เพื่อน แบบว่า...อย่างวาไม่ใช่สเปคน่ะ” มิ้งทำหน้าลำบากใจ ให้ตายยยย ยัยนี่คิดว่าผมชอบหรือว่าจะจีบงั้นเรอะ!


“สบายใจได้ สเปคของเราก็ไม่ใช่แบบมิ้งหรอก” แน่นอนว่าผมไม่ชอบผู้หญิง แถมผู้หญิงแบบยัยมิ้งถ้าเป็นไปได้ก็ยังอยากอยู่ให้ไกลอีกต่างหาก


“ดีแล้วล่ะวาจะได้ไม่อกหัก”


โว้ยยยยย อยากเอามือทึ้งผมตัวเองเป็นบ้า นี่ผมแอบกลอกตามองบนจนลูกตามันจะไหลมารวมกันอยู่แล้วนะกับความมั่นหน้าและหลงตัวเองของยัยนี่

โชคดีที่พี่ฟลุคกับไอ้พี่โซ่ซื้อข้าวเสร็จแล้วเดินมาทางนี้พอดี ไม่อย่างนั้นลูกตาของผมคงได้ไหลมารวมกันจริงๆ แน่


“พี่ลืมถามว่าน้องสองคนอยากกินอะไรเลยบอกให้ป้าเขาตักมาหลายๆ อย่าง” ไอ้พี่โซ่วางข้าวลงตรงหน้าของผมกับมิ้ง ซึ่งก็เป็นข้าวราดแกงที่หาได้ตามท้องตลาด แต่พอได้กินรสชาติและปริมาณถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลย ส่วนราคาก็ถูกมาก เห็นติดป้ายว่าเริ่มต้นที่ 25 บาท ราคามิตรภาพสำหรับพนักงานสุดๆ


“เออใช่ พี่เลี้ยงแผนกอื่นคุยกันบอกว่าศุกร์นี้อยากพาน้องฝึกงานทุกคนไปเลี้ยงต้อนรับ น้องมิ้งกับน้องวาว่างรึเปล่า” พี่ฟลุคถามพวกผมหลังจากกินข้าวเสร็จ


“พี่โซ่ไปรึเปล่าคะ” ไม่สนใจคนถาม แต่ดันไปถามคนอื่นซะงั้น


“ไปสิครับ” นี่ก็เล่นหูเล่นตาตลอดดดด “แล้ววาล่ะครับ ว่างรึเปล่า”


“ถ้าเลิกไม่ดึกมากก็ได้ครับ เดี๋ยวผมให้พี่ชายไปรับที่ร้าน”


“บ้านวาอยู่แถวไหน”


“วัชรพลครับ”


“เดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้ ไม่ไกลจากคอนโดพี่มาก”


“ถ้างั้นพี่โซ่ไปส่งมิ้งที่หอด้วยได้มั้ยคะ” นี่ก็อยากมีส่วนร่วมตลอดดดด จะว่าไปก็ดูสมกันดีนะไอ้พี่โซ่กับยัยมิ้งเนี่ย แต่ถ้าจะให้ดีต้องอย่ามีลูก ไม่งั้นต้องเป็นภัยสังคมอย่างไม่ต้องสงสัย


“ถ้าอยู่ใกล้ๆ กันก็ไม่มีปัญหาครับ หอมิ้งอยู่แถวไหนล่ะ”


“บางมด ฝั่งธนค่ะ”


“เอ่อ...พี่ว่าไกลไปนิดนึงนะ” ไอ้พี่โซ่ยิ้มแห้งๆ แต่ผมว่าไม่นิดล่ะ ไกลฉิบหาย เรียกแกร็บเถอะแม่คุณจะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน


หลังจากนั้นพวกผมก็คุยเรื่องอื่นกัน ส่วนเรื่องที่ไอ้พี่โซ่ว่าจะไปส่งผมคงเป็นไปไม่ได้ ถึงจะบ้านติดกันก็อย่าหวังว่าพี่ภูจะยอม แต่ถึงจะยอมผมก็ไม่มีทางขึ้นไปนั่งรถพี่มันหรอก เสนียดตูด!


เมื่อใกล้จะหมดเวลาพัก พวกผมรวมทั้งพนักงานที่ยังนั่งตรงศูนย์อาหารก็พากันขึ้นไปทำงานกันต่อ พอขึ้นไปปุ๊บไอ้พี่โซ่ก็จัดการสอนงานผมปั๊บ ตอนแรกผมก็กะจะทำเป็นไม่เข้าใจแล้วให้พี่มันมาสอนใกล้ๆ จะได้มีโมเมนต์ที่ได้จ้องตาหรือแนบชิด เอาง่ายๆ ก็คืออ่อยเนียนๆ นั่นแหละ แต่พอผมเหลือบไปเห็นมิ้งกำลังทำสเต็ปนี้อยู่ แล้วก็ดูเหมือนว่าจะโง่จริงๆ จนพี่ฟลุคยอมแพ้บอกให้นั่งเฉยๆ ผมเลยโยนแผนนี้ทิ้งไม่คิดจะทำ เพราะว่ามันไม่ได้ดูน่ารักเอาซะเลย


เฮ้อออออ ทำไมคนอย่างยัยนี่บริษัทนี้ถึงรับมาฝึกงานได้นะ ท่าทางจะเส้นใหญ่มีคนรู้จักเป็นระดับผู้บริหารแน่ๆ


“วาหัวไวใช้ได้เลยนะเนี่ย พี่สอนแค่ครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว” นี่ถ้าไม่ต้องสร้างภาพว่าเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู ผมคงจะเชิดหน้าแล้วก็ยักไหล่ไปแล้วว่าที่พี่สอนน่ะมันหมูๆ ก็แค่พื้นฐานจากที่เรียนมาตอนปี 1-2 เท่านั้นเอง


“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ พี่โซ่สอนเก่งมากกว่า” แหวะ! พูดเองก็จะอ้วกเอง


“แต่ตอนนี้วาก็ทำงานพวกเบ็ดเตล็ดไปก่อน แล้วก็ดูงานที่พี่ทำไปคร่าวๆ ถ้าคล่องแล้วเดี๋ยวพี่จะเริ่มให้ทำงานจริงจัง แต่ถ้าวาไม่อยากทำบอกพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่จะให้ไปทำพวกถ่ายเอกสาร ย่อยกระดาษที่ไม่ใช้ หรือชงกาแฟอะไรพวกนี้แทน”


“หา? อย่างนี้ก็ได้หรอพี่?” ที่ผมถามไม่ใช่ว่าเพราะผมอยากจะทำแบบนั้นหรอกนะ แค่แปลกใจเฉยๆ ว่าทำไมถึงมีคนอยากทำแบบนั้น มาฝึกงานทั้งทีไม่คิดจะเพิ่มประสบการณ์หรือความรู้ในสมองของตัวเองบ้างหรอ


แล้วก็ดูเหมือนว่าไอ้พี่โซ่จะเข้าใจที่ผมคิด ถึงได้ยักไหล่แล้วก็ยิ้มแห้งๆ ออกมา


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ถ้าใจไม่เอาถึงให้ทำงานไปก็คงออกมาเละเทะอยู่ดี อีกอย่างน้องที่เลือกแบบนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้เส้นเข้ามาทั้งนั้นแหละ”


“อ๋อ งั้นผมก็พอจะเห็นคนที่เข้าเค้าแล้วล่ะครับ” ผมว่าผมก็ไม่ได้เอ่ยชื่อนะ แต่ก็เหมือนว่าไอ้พี่โซ่จะรู้เลยเหลือบสายตาไปมองมิ้ง จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเอามือมาขยี้ที่หัวของผม


“ง่ะ มันยุ่งไปหมดแล้วพี่” ผมย่นจมูกแล้วเอามือจัดผมให้คืนทรง แต่แทนที่จะขอโทษไอ้พี่โซ่กลับยิ่งหัวเราะหนักขึ้น แดกหัวแม่มซะเลยดีมั้ยเนี่ย!


“จริงสิ ที่ม.กำหนดอยู่ใช่มั้ยว่าต้องเขียนรายงานการฝึกด้วย”


“ใช่ครับ”


“งั้นเอามาให้พี่ดูหน่อย พี่จะได้เลือกโปรเจคงานที่พอจะให้วาทำได้” แล้วผมก็เปิดหาเอกสารในแฟ้มที่พกติดตัวมายื่นให้ไอ้พี่โซ่ ไอ้พี่มันก็เปิดอ่านอย่างจริงจังเลยล่ะ จากนั้นก็ให้สัญญาณมือเรียกผมเข้าไปใกล้ๆ


“พี่ว่าจะถามตรงนี้หน่อย”


“ตรงไหนครับ” ผมเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆ จนไหล่ของเราสองคนชนกัน ผมสนใจแค่เอกสารในมือของไอ้พี่โซ่เท่านั้นเลยไม่ทันรู้ตัวว่าไอ้พี่มันได้หันหน้ามาทางผม


“ตัววาหอมจังครับ”


“เอ๊ะ?” ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปหาไอ้พี่มัน โดยที่ใบหน้าของเราสองคนนั้นอยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ


“พะ...พี่โซ่พูดว่าไงนะครับ” ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยเอาแต่ก้มหน้างุด


“พี่บอกว่าตัววาหอมจัง ได้ใช้น้ำหอมรึเปล่าครับ” ผมรู้สึกว่าเสียงทุ้มๆ ของไอ้พี่โซ่มันกระเส่าขึ้นนิดนึง ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกขนลุก ส่วนริมฝีปากก็หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย


“ผมไม่ได้ใช้หรอกพี่”


“แปลกจังนะ แต่พี่ว่าวาตัวหอมมากเลย” ไอ้พี่โซ่ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้พี่มันอยากจะแค่พิสูจน์ความหอมให้ชัดหรือต้องการจะทำอย่างอื่น แต่ผมก็รีบเลื่อนเก้าอี้ถอยออกมาแล้วลุกขึ้นยืนซะก่อน


“ผะ...ผม...ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ!” พูดจบผมก็รีบเดินจนแทบจะเหมือนวิ่งออกมา เพราะกลัวไอ้พี่โซ่มันจะจับได้ว่าตอนนี้หัวใจของผมกำลังเต้นแรงมาก ส่วนใบหน้าก็กำลังฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหู


ถามว่าตอนนี้ผมกำลังเขิน?


บ้าเรอะ! คารมคนชั่วอย่างนั้นผมจะไปหลงได้ยังไง! แต่ที่ผมยิ้ม...ถ้าพูดให้ถูกก็คือแสยะยิ้มและใจเต้นแรง นั่นก็เป็นเพราะท่าทางไอ้พี่โซ่มันคงจะเริ่มติดกับดักของผมแล้ว


แผนหลอกให้รักท่าทางจะปิดจ็อบเร็วกว่าที่คิดซะอีกนะเนี่ย!


“หึหึ” ผมหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาและเพื่อให้น้ำเย็นๆ มันดับไฟแค้นที่กำลังปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั่งผมคิดว่าตัวเองสามารถปั้นหน้าแอ๊บแบ๊วไร้เดียงสาได้แล้ว ผมจึงได้เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะกับไอ้พี่โซ่


“เมื่อกี้พี่โซ่ว่าจะถามอะไรผมหรอครับ”


“เอ...พี่ก็จำไม่ได้แล้วสิ” ลองไอ้พี่มันพูดแบบนี้ก็ชัดเลยว่าเมื่อกี้คือแค่ตั้งใจจะหม้อผม เฮอะ! ไม่ทันไรลายก็ออกซะละ!


“แล้วนี่พี่กำลังทำแผนส่งเสริมการตลาดอยู่ใช่มั้ย มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” ผมเห็นไอ้พี่โซ่นั่งทำมาตั้งแต่ช่วงสายแล้ว ท่าทางจะยังติดอะไรอยู่เลยยังทำไม่เสร็จ ถึงผมจะไม่อยากช่วยงานไอ้พี่มันเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ถ้าจะให้ผมนั่งหายใจทิ้งเฉยๆ อันนี้มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน


“จริงๆ พี่ก็มีไอเดียอยู่ 3 – 4 อย่าง แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเสนอแผนไหนดี วาลองอ่านดูแล้วช่วยพี่เลือกทีสิ”


แล้วไอ้พี่โซ่ก็หยิบเอกสาร 4 ชุดมาให้ผมอ่าน แต่ละชุดก็จะเป็นแผนส่งเสริมการตลาดที่ไอ้พี่มันคิด ไอเดียแต่ละอย่างนั้นดีไปคนละแบบ ทั้งเปลี่ยนแพคเกจให้ทันสมัย เพิ่มปริมาณและลดราคา ใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นดาราที่กำลังเป็นที่นิยม หรือลงโฆษณาในที่ที่ผู้คนจะเห็นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ เว็บไซต์ออนไลน์ ป้ายรถเมล์ หรือรถไฟฟ้า


“ที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเพราะงบประมาณมีไม่พอใช่มั้ยพี่”


“ใช่ งบที่กำหนดคือเท่านี้” ไอ้พี่โซ่กดตัวเลขในเครื่องคิดเลขให้ผมดู โอเคแหละจำนวนตัวเลขมันหลายหลักก็จริงแต่ก็น่าจะทำได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น


“งานนี้เดดไลน์นำเสนอวันไหนครับ”


“จันทร์หน้า”


“ก็ยังพอมีเวลา ถ้างั้นลองส่งทีมไปแจกใบปลิวให้ลูกค้าทำแบบสอบถามดีมั้ยครับ แบบนั้นน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด”


“พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน กำลังคิดอยู่เลยว่าจะทำหนังสือถึงผู้ใหญ่ แต่มันติดอยู่เรื่องเดียวคือไม่มีใครในแผนกว่างไปกับพี่นี่แหละ”


“ก็ผมไงครับที่ว่าง”


“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่จะใส่ชื่อวาไปกับพี่เลยแล้วกัน” ไอ้พี่โซ่พูดยิ้มๆ แล้วหันหน้าไปที่จอคอม จากนั้นก็เปิดไฟล์หนังสือขออนุญาตขึ้นมาแล้วพิมพ์ชื่อผมกับไอ้พี่มันลงไป


เดี๋ยวนะ...นี่ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าไอ้พี่มันวางแผนเรื่องนี้เอาไว้ทั้งหมดแล้ว?


บ้า คงไม่ใช่หรอกมั้ง ผมพยายามคิดในแง่ดี เพราะถ้าไอ้พี่โซ่วางแผนไว้แบบนี้จริงๆ ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่มันแทบจะเดาใจผมได้ชัดๆ


หลังจากนั้นไอ้พี่โซ่ก็หยิบงานอื่นขึ้นมาทำ ส่วนผมก็นั่งว่างๆ มีครั้งหนึ่งที่ไอ้พี่มันใช้ไปถ่ายเอกสาร แต่พอเสร็จแล้วก็ว่างยาว นั่งหายใจทิ้งนานๆ เข้ามันก็เบื่อ เพราะงั้นผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินไปตามโต๊ะพี่คนอื่นๆ เผื่อจะมีอะไรให้ผมทำแก้เซ็ง


ตอนแรกก็ยังไม่มีพี่คนไหนใช้ผมหรอก อาจจะไม่มีอะไรให้ทำจริงๆ คิดว่าไม่สนิทเลยไม่กล้าใช้ หรือว่าไม่ไว้ใจให้ผมทำงาน แต่พอพี่ฟลุคเปิดทางใช้ผมเดินไปส่งเอกสารที่แผนกอื่นและคุยเล่นกับผม เท่านั้นแหละพี่แต่ละคนก็เริ่มหาอะไรให้ผมทำ ถึงจะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็ทำให้ผมหายเบื่อ แถมยังทำให้ผมเริ่มจะคุ้นเคยและสนิทกับพวกพี่ๆ เขาด้วย ซึ่งผมก็วิ่งวุ่นช่วยงานพวกพี่เขาจนถึงเวลาเลิกงานนู่นแหละ


“กลับบ้านกันดีๆ นะคร้าบ บ๊ายบายยยย” ผมยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือลาพวกพี่ๆ ที่กำลังเดินออกจากแผนก กับพี่คนอื่นผมยิ้มแย้มแล้วก็คุยอย่างเป็นมิตรโดยไม่เสแสร้ง ยกเว้นก็แค่คนเดียว คงไม่ต้องให้ผมบอกเนอะว่าคนคนนั้นคือใคร


“บอกแต่ให้คนอื่นกลับบ้านดีๆ แล้วตัวเราเองล่ะไม่กลับบ้านรึไงครับ” ไอ้พี่โซ่ถามผมขณะที่กำลังเก็บของ


“ผมรอพี่มารับครับ ประมาณ 6 โมงครึ่งนู่นแหละกว่าจะถึง” ผมไม่ได้ลงรายละเอียดว่าพี่ที่ว่าคือพี่คนสนิท แต่ไอ้พี่โซ่คงจะคิดว่าเป็นพี่ชายของผมล่ะมั้ง


“ให้พี่ไปส่งเอามั้ย”


“ไม่เป็นไรพี่ ผมเกรงใจ” แต่ถ้าจะให้ตอบตามจริงก็คือรังเกียจ


“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่นั่งรอเป็นเพื่อน วานัดเจอพี่ชายที่ไหน”


“ที่หน้าตึกครับ”


“โอเค งั้นไปกัน” ผมพยักหน้าแล้วตามไอ้พี่โซ่ไปลงลิฟต์ ซึ่งในระหว่างนั้นพี่ธามก็ไลน์มาบอกพอดีว่ากำลังจะออกจากบริษัท ไม่เกินครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง


พอลงจากลิฟต์ไอ้พี่โซ่ก็พาผมไปนั่งที่ม้านั่งตรงหน้าบริษัท ระหว่างนั้นก็ชวนผมคุยเรื่องสัพเพเหระ รวมไปถึงชมเรื่องที่ผมอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย แล้วก็ขยันทำงาน


“พี่โซ่ไม่ต้องรีบกลับหรอครับ คนที่คอนโดจะไม่รอแย่หรอ” ที่ผมยอมให้ไอ้พี่มันมานั่งอยู่ตรงนี้ ก็เพื่อที่จะได้ล้วงข้อมูลที่อยากรู้นี่แหละ


“พี่อยู่คนเดียว ไม่มีใครรอหรอก”


“แสดงว่าพี่ยังไม่มีแฟน?”


“แล้ววาล่ะครับมีแฟนรึยัง?”


“ยังครับ”


“พี่ก็ยัง”


“แล้วไม่มีคนที่ชอบหรอพี่”


“วาล่ะ?”


“แล้วทำไมพี่ต้องถามผมก่อนด้วยล่ะ” ลีลาท่ามากจริงวุ้ย! “ตอบผมมาก่อนสิครับแล้วผมถึงจะตอบพี่”


“คนที่ชอบพี่มีแล้ว”


“ใครหรอครับ”


“ถึงเวลาที่วาต้องตอบคำถามพี่แล้วนะ” หนอย...จากที่คิดจะล้วงข้อมูลไอ้พี่โซ่ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนล้วงข้อมูลซะเองวะเนี่ย!


“ผมยังไม่มีคนที่ชอบครับ”


“ส่วนคนที่พี่ชอบ...” ไอ้พี่โซ่เว้นวรรคอย่างยาวจนผมลุ้นตัวโก่ง แต่ดันขี้โกงพูดออกมาว่า... “ทำอย่างกับพี่บอกแล้ววาจะรู้จัก”


“โหย...นี่ถ้าพี่เป็นเพื่อนผมผมด่าจริงๆ ด้วย” เวร ไอ้ผมก็ดันหลุดคีพลุค แต่ก็ยังดีที่ไอ้พี่โซ่ไม่ได้รู้สึกติดลบกลับหัวเราะออกมาแทน


“เอางี้ ผมไม่ถามว่าเป็นใครก็ได้ แต่ผมขอถามใหม่ ทำไมพี่กับเขาถึงไม่ได้คบกันล่ะครับ หรือว่าเขาไม่ชอบพี่?”


“ไม่รู้สิ อันนี้พี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ”


“แล้วทำไมพี่ถึงไม่ถามเขาล่ะครับ”


“ก็พี่ไม่กล้า”


“โหย...ป๊อด” เวร ดันปากไวอีกแล้วผม แล้วอย่างนี้แผนที่จะทำให้ไอ้พี่โซ่รักจะยังมีแววสำเร็จมั้ยเนี่ย แต่ก็ยังดีที่ไอ้พี่มันดูจะไม่ได้ถือสา ทั้งยังหัวเราะออกมาอีกครั้งอีกต่างหาก


“อาจจะใช่ก็ได้ พี่คงจะป๊อดอย่างที่วาพูดจริงๆ นั่นแหละ”


“แหม...ก็พึ่งรู้นะครับเนี่ยว่า ‘หนุ่มดอกไม้’ อย่างพี่จะมาป๊อดเรื่องแบบนี้ ว่าแต่...คนที่พี่ชอบนี่อยู่ในบริษัทใช่มั้ยครับ” ผมหรี่ตามองไอ้พี่โซ่อย่างจับผิด


“พี่ก็พึ่งรู้เหมือนกันนะว่านอกจากจะมาฝึกงานฝ่ายการตลาด วายังฝึกงานฝ่ายสืบสวนสอบสวนด้วย” ไอ้พี่โซ่หรี่ตาอย่างจับผิดแล้วถามผมคืน


แม่ม! ล้วงข้อมูลยากจริง!


“แหะๆ คือมิ้งเขาอยากรู้น่ะครับเลยบอกให้ผมมาแย็บๆ ถามพี่” เรื่องเอาตัวรอดนี่ผมถนัดนักล่ะ แต่ว่าผมก็ไม่ได้โกหกนะ ก็ยัยมิ้งเป็นคนบอกให้ผมมาถามไอ้พี่โซ่จริงๆ นี่นา


“แสดงว่าที่วาถามพี่มาทั้งหมดนี่มิ้งฝากมางั้นหรอ”


“แฮ่ ก็ประมาณนั้นครับ”


“ถ้างั้นพี่ไม่ตอบแล้วดีกว่า” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ไอ้พี่โซ่กลับก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูผม “แต่ถ้าวาอยากรู้เองพี่จะตอบให้ก็ได้”


ไอ้หน้าหม้อเอ๊ยยยยยย! ขนาดบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วยังจะมากระซิบที่ข้างหูผมเสียงกระเส่าอีกนะ! เรื่องโปรยเสน่ห์นี่ถนัดจริงจริ้งงงงงงง!


“ผมอยากรู้ครับพี่โซ่” ถึงจะด่าไอ้พี่มันในใจแต่ปากผมก็ต้องฝืนพูดดีด้วยล่ะนะ เฮ้อออออ ผมล่ะกลัวจริงๆ ว่าผมจะเป็นไบโพลาร์เข้าสักวัน


“คนที่พี่ชอบอยู่ในบริษัทนี่แหละ” ตอบอย่างเดียวไม่พอยังมีการส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ผมอีกด้วยนะ คือไอ้พี่มันกะจะบอกนัยๆ ว่าเป็นผมว่างั้น? นี่ผมต้องแกล้งเขินให้มะ? ถุ้ย! มุกเก่าๆ แถมน้ำเน่าแบบนี้ใครเชื่อแม่มก็ควายแล้ว!


และระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะแกล้งปั้นหน้าเขินหรือพูดอะไรดี ผมก็เห็นรถของพี่ธามกำลังขับมาทางนี้เลยรีบลุกขึ้น จากนั้นก็ยกมือไหว้ไอ้พี่โซ่ทั้งที่ไม่อยากเสียมือไหว้คนอย่างไอ้พี่มันเลยก็ตาม


“พี่ผมมารับแล้ว งั้นผมขอตัวกลับบ้านเลยแล้วกันนะครับพี่โซ่”


“โอเค” ไอ้พี่มันยิ้มแล้วโบกมือให้ผม ส่วนผมก็ทำตอบพอเป็นมารยาท จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถของพี่ธามที่กำลังจอดอยู่ตรงหน้าบันไดทางลง


“รอพี่นานมั้ยครับวา” พี่ธามถามผมแต่สายตากลับมองไปยังไอ้พี่โซ่ สีหน้าของพี่เขาเรียบเฉยไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร แล้วก็ไม่ได้ถามผมถึงเรื่องของไอ้พี่โซ่ด้วย


“ไม่นานครับ ตอนแรกผมคิดว่าพี่จะมาช้ากว่านี้อีกด้วยซ้ำ ว่าแต่...ไม่ถามหรอครับว่าผู้ชายที่นั่งอยู่กับผมเมื่อกี้เป็นใคร” ผมเหลือบสายตามองไอ้พี่โซ่ที่ตอนนี้กำลังเดินไปยังลานจอดรถ


“ก็คงเป็นพี่ที่แผนกของวามั้งครับ หรือว่าไม่ใช่”


“ใช่ครับ พี่เขาเป็นพี่ที่แผนกนั่นแหละ แต่ว่ามันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ”


“ทำไมหรอ หรือว่าเขามาจีบวา?” พี่ธามถามยิ้มๆ คงจะแค่แกล้งหยอกผมเล่น


“เปล่าหรอกครับ แต่ผมนี่แหละที่กำลังจะจีบพี่เขา” แต่พอได้ยินคำตอบของผมพี่ธามก็ถึงกับชะงักไปเลย


“พี่เข้าใจแล้ว” พี่ธามพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แล้วเลื่อนมือไปเข้าเกียร์เพื่อที่จะได้ขับรถออกไป แต่ว่าผมก็เลื่อนมือไปกุมทับมือของพี่ธามเอาไว้ซะก่อน


“ผมว่าพี่ไม่เข้าใจ พี่คงจะคิดว่าผมชอบไอ้คนชั่วแบบนั้นใช่มั้ย แต่ผมพูดเลยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะไอ้รุ่นพี่คนนั้นมันคือคนเดียวกันที่เคยหักหลังผมเมื่อ 7 ปีก่อน” พอได้ยินแบบนั้นพี่ธามก็หันหน้ามามองผมอย่างไม่เข้าใจ


“ถ้างั้นแล้วทำไม...”


“ไอ้พี่โซ่มันเคยทำกับผมยังไงผมก็จะเอาคืนแบบนั้น ในเมื่อไอ้พี่มันจำผมไม่ได้ผมก็จะหลอกให้ไอ้พี่มันรัก แล้วผมก็จะทำให้ไอ้พี่มันเจ็บอย่างที่ผมเคยเจ็บ”


“แล้ววาแน่ใจหรอครับว่าจะไม่ไปรักเขาอีกเป็นครั้งที่สอง”


“โธ่...พี่ธามครับ พี่มองตาผมนะ ผมรับรองเลยว่าเรื่องแบบนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมเป็นคนนะครับไม่ใช่ควาย ผมจะอยากกลับไปเจ็บซ้ำๆ แบบเดิมอีกทำไม ผมรู้ดีว่าสันดานของไอ้พี่โซ่มันเป็นยังไง แล้วแบบนี้พี่คิดว่าผมจะกลับไปรักคนอย่างนั้นอีกเป็นครั้งที่สองได้หรอครับ”


“แต่โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนไม่ใช่หรอวา ความรู้สึกของคนเรามันสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ”


“แล้วความรู้สึกของพี่ที่มีต่อผมมันได้เปลี่ยนไปมั้ยล่ะครับ” พี่ธามนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมา


“พี่ยังรักวาเหมือนเดิม” คำตอบของพี่ธามทำให้ผมยิ้มออกมา ผมคิดว่าอีกไม่นานหัวใจของผมต้องพ่ายแพ้ให้กับความรักที่มั่นคงของพี่เขาอย่างแน่นอน


“ขอบคุณนะครับสำหรับความรักของพี่ที่มีให้ผมมาตลอด 3 ปี พี่ดีกับผมแบบนี้ผมไม่มีทางทิ้งพี่แล้วเลือกคนเลวๆ อย่างไอ้พี่โซ่แน่นอน ไม่อย่างนั้นผมคงไม่บอกเรื่องนี้กับพี่หรอกจริงมั้ยครับ แต่ที่ผมบอกก็เพราะผมบริสุทธิ์ใจ ผมรับปากเลยว่าถ้าเรื่องการแก้แค้นของผมจบลงเมื่อไหร่ ผมจะตอบตกลงคบเป็นแฟนกับพี่ทันทีผมสัญญา...”


คนอย่างผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น พี่ธามที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเลยไม่ได้ห้ามอะไรผมอีก แค่บอกให้ผมระวังหัวใจเอาไว้เท่านั้น แต่ผมจะต้องระวังไปทำไม คนสารเลวอย่างไอ้พี่โซ่ผมไม่มีทางโง่ไปหลงรักอีกเป็นครั้งที่สองได้แน่นอน


ยังไงก็ไม่มีทาง!


2BC


 :m1: สวัสดีค่า Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 ก็ได้จบลงไปแล้ว คงจะเริ่มชัดกันแล้วเนอะว่าใครคือพระเอกของเรื่อง ส่วนถ้ายังไม่ชัดอีกสักตอนสองตอนก็คงจะรู้กันแน่ๆแล้วล่ะค่ะ เพราะเค้าก็ไม่จะอยากจะให้ลงเรือผิดกันนาน กลัวว่าคนอ่านจะทำใจบ่ได้ถ้าเรือที่ลงมันจะจมลงทะเล แหะๆ  :m23:
ส่วนเรื่องของพี่โซ่ พี่แกจะเป็นคนดีจริงหรือดีออก (ฮา) ก็ต้องเดากันต่อไป เพราะพาร์ทพี่แกบรรยายไม่มี มีแต่พาร์ทน้องวาบรรยายเนอะ ส่วนพี่ธามอันนี้ก็รู้ๆกัน พี่แกดีจริง (รึเปล่า? แอบทำให้ไขว้เขว 55555  :laugh:)
แล้วเจอกันวันพฤหัสนะคะ ยังไงก็มาเอาใจช่วยน้องวาด้วยน้า ถึงน้องจะขี้บ่นในใจและหยาบคายไปบ้าง (ไม่อยากให้น้องหยาบมากเลยใช่คำว่า แม่ม แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ต่างกันเลย 55555) แต่ก็หวังว่าทุกคนจะยังเอ็นดูน้องอยู่น้า รักทุกคนนะคะ จุ๊บๆ  :mew1:
(3 ก.ย. 61)

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 31-08-2018 17:47:00
ไหนตอนที่ 3
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-08-2018 17:54:40
เอาแล้ว โซ่เริ่มก่อนใช่ปะ.  :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-08-2018 18:10:06
ดูท่าแล้วน้องวาจะโดนบุกอยู่ฝ่ายเดียวนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 31-08-2018 23:25:03
ใครจะหลอกใคร เหมือนมีแผนทั้งคู่อ่ะ

พี่ธามนกแน่เรย :ling1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-09-2018 00:34:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-09-2018 06:05:51
ไม่รู้ใครจะหลอกใครมากกว่านะ
แต่ไม่อยากให้เป็นโซ่วาค่ะ 55555

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-09-2018 08:58:57
แค่ไม่กี่วันอิพี่โซ่ก็เริ่มอ่อยน้องวาแล้ว. ว่าแต่จำกันไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งจำไม่ได้เพราะมีแผนอยู่ในใจแล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 02-09-2018 00:25:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 02-09-2018 11:50:01
สร้างสรร กับ สร้างสีสัน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 หลอกให้รัก [31.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-09-2018 20:11:23
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 ระวังหัวใจ [03.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 03-09-2018 19:56:41
อ่านแล้วก็ยังคงคิดเหมือนเดิม ว่าพระเอกมันคือพี่โซ่  :sad4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 ระวังหัวใจ [03.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 03-09-2018 21:43:35
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 ระวังหัวใจ [03.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-09-2018 04:32:45
รอดูว่าวาจะเป็นควาย เป็นวัว อีกครั้งอ่ะป่าว  :katai3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 ระวังหัวใจ P.38 [03.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-09-2018 10:41:07
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 ระวังหัวใจ P.38 [03.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-09-2018 14:27:07
สงสัยในตัวธาม มากกว่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 ระวังหัวใจ P.38 [03.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 04-09-2018 20:42:36
จะเปลี่ยนมาลงเรือพี่โซ่แล้วนะ อย่าทำให้สับสนนะไรท์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 ระวังหัวใจ P.38 [03.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-09-2018 07:11:47
ลุ้นแทนน้องวา ใจดวงเดิม ความรู้สึกเดิมๆ จะกลับมาหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 3 ระวังหัวใจ P.38 [03.08.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 06-09-2018 04:48:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 06-09-2018 23:08:09
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 4# Wayo ไม่ได้เขิน (จริง ๆ นะ!)


วันต่อมา


พี่ธามมารับผมที่บ้านเหมือนเมื่อวาน เพียงแค่มารับเช้าขึ้น 10 นาทีเพราะเดี๋ยวเข้างานสาย และจากนี้ไปพี่ธามก็จะมารับผมเวลานี้ทุกวัน ส่วนขากลับก็จะมารับเวลาเดิม ยกเว้นถ้าวันไหนพี่ธามมีงานด่วนหรือโดนบังคับให้ทำโอที พี่ชายคนใดคนหนึ่งของผมจะเป็นคนมารับเอง


ผมเคยถามพวกพี่ๆ นะว่าเบื่อรึเปล่าที่ต้องไปรับไปส่งผม เพราะผมขับรถไม่เป็นแล้วก็ไม่อยากไปเรียนด้วย เอาง่ายๆ ก็คือขี้เกียจนั่นแหละ ก็แหม...นั่งอย่างเดียวมันสบายกว่านี่นา ขับรถไปไหนมาไหนเองมันเหนื่อยจะตาย แต่พวกพี่ๆ ก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ มีแค่พี่เพลิงคนเดียวนั่นล่ะที่หาเรื่องบ่นให้ผม แต่พอผมบอกให้มารับก็ไม่เห็นจะปฏิเสธสักที


ผมรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ จะโทษพวกพี่ๆ ที่มักจะสปอยล์น้องเล็กอย่างผมตั้งแต่เด็กน่ะก็ใช่ แต่ส่วนใหญ่มันก็มาจากนิสัยของผมด้วยล่ะนะ


ก็ไม่รู้ว่าไอ้คนที่นิสัยแย่อย่างผมมันมีอะไรดีให้พี่ธามชอบ แถมยังชอบมาอย่างยาวนานถึง 3 ปี ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่ได้รู้สึกชอบหรือรักพี่เขา แต่ผมก็หวังว่าสักวันผมจะรู้สึกอย่างนั้น ผมไม่อยากทรยศหักหลังความรู้สึกของพี่เขา เพราะผมรู้ดีว่าการแอบรักโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็นค่ามันเจ็บแค่ไหน


“ขอบคุณนะครับพี่ธาม ขอบคุณมากๆ เลย” ผมพูดขึ้นเมื่อรถของพี่ธามมาจอดตรงหน้าบริษัท


“อะไรกันครับ พี่แค่มาส่งก็ขอบคุณซะใหญ่โตเชียว” รอยยิ้มของพี่ธามไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ยังคงอบอุ่นเสมอ แม้ว่าผมกำลังจะทำเรื่องที่พี่เขาไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม แต่พี่เขาก็ไม่ได้ห้าม ยังคงตามใจผมไม่เปลี่ยน


“ผมขอบคุณสำหรับทุกเรื่องนั่นแหละ แล้วเจอกันตอนเย็นนะครับพี่ธาม” ผมยิ้มกว้างแล้วโบกมือลา จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินขึ้นตึกไปเลย


ผมลงเวลาที่ฝ่ายบุคคลแล้วขึ้นไปบนแผนกที่ตัวเองฝึกงาน ตอนนี้พึ่งจะ 8 โมง 20 กว่าๆ อีกตั้ง 30 กว่านาทีจะเริ่มทำงานเพราะงั้นเลยยังไม่มีคน ผมเอากระเป๋าวางไว้ที่โต๊ะแล้วเดินเข้าไปในครัว เพื่อที่จะชงไมโลกับหาขนมที่เป็นสวัสดิการฟรีกินสักหน่อย แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะเจอใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่นี่


“อ๊ะ! พี่โซ่”


“อ้าว มาเช้าจังวา อรุณสวัสดิ์ครับ” อยู่กันแค่สองคนไม่ต้องเก๊กเสียงหล่อแล้วก็แอ๊บพูดเพราะสร้างภาพเป็นคนดีก็ได้มั้งแหม่


“ผมต้องติดรถมากับพี่เลยต้องมาเช้าน่ะครับ แล้วพี่ล่ะ มาเช้าแบบนี้ทุกวันเลยหรอ”


“ก็ส่วนใหญ่ล่ะนะ ออกบ้านสายรถมันติด เอาเวลามานั่งกินกาแฟกับของว่างชิลๆ ดีกว่า”


“อ๋อ” ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินไปเปิดตู้ชั้นบนเพื่อหาขนม ตอนแรกผมก็ว่าจะชงไมโลนั่นล่ะ แต่ว่าไอ้พี่โซ่กำลังชงกาแฟอยู่ผมเลยต้องหาขนมรอ


“เอาไมโลมั้ยเดี๋ยวพี่ชงให้” ถึงจะถามแบบนั้นแต่ไอ้พี่โซ่ก็หยิบซองไมโล 3 in 1 มาฉีกตรงมุมเรียบร้อย แล้วพี่จะถามผมเพื่อ!


“ขอบคุณครับพี่” แน่นอนว่าผมไม่ได้พูดไอ้ที่อยู่ในใจออกไปหรอก ผมปล่อยให้ไอ้พี่โซ่จัดการชงไมโลให้ผม ส่วนผมก็หยิบขนมที่มีอยู่หลายอย่างออกมาอย่างละอัน ถึงแม้ว่าผมจะอยากกินมากกว่านั้น แต่พอคิดถึงน้ำหนักที่มันจะต้องขึ้นแน่ๆ ผมก็เลยต้องหักห้ามใจ


ทำไมของอร่อยมันต้องอ้วนด้วยว้าาาาาาา


“นี่ไมโลของวา” ไอ้พี่โซ่เลื่อนแก้วไมโลที่คนจนละลายเรียบร้อยแล้วมาให้ผม


“ขอบคุณครับ” ผมยื่นมือออกไปรับแก้วมาแล้วเปิดกระปุกน้ำตาลเพื่อที่จะตักใส่ในแก้วเพิ่มอีกช้อน เมื่อก่อนผมเคยอ้วนล่ะนะมันก็เลยติดหวาน แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้ตักน้ำตาลไอ้พี่โซ่ก็จัดการเบรคซะก่อน


“เดี๋ยวก่อนวา”


“ครับ?”


“จะใส่น้ำตาลหรอ”


“อาฮะ”


“พี่ใส่ไปแล้ว”


“หา?”


“คือพี่ลืมน่ะว่ามันเป็นไมโล 3 in 1” ไอ้พี่โซ่ยิ้มแห้งๆ


บ้าจริง ตกใจหมด ผมก็ยังนึกอยู่ว่าไอ้พี่โซ่มันรู้ได้ไงว่าผมเป็นคนกินหวานขนาดนี้ คนปกติมีที่ไหนจะใส่น้ำตาลเพิ่มลงไปในไมโล 3 in 1


“แล้วนี่ปกติวากินหวานหรอ”


“ครับ ผมชอบกินพวกขนมแล้วก็ของหวานด้วย” ผมก็ตอบไปงั้น ไม่คิดว่าไอ้พี่โซ่มันจะทำป๋าออกปากอยากเปย์ผม


“งั้นวันนี้หลังทำงานเสร็จไปกินกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยง” ถ้าเป็นคนอื่นแน่นอนว่าผมต้องไม่พลาด ยิ่งกินฟรีด้วยแล้วไปไหนไปกัน แต่สำหรับคนอย่างไอ้พี่โซ่นั้นบอกเลยว่าโนววววว


“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ผมเกรงใจ (แต่ถ้าจะเอาตรงๆ คือรังเกียจมาก) อีกอย่างหลังเลิกงานพี่ผมก็ต้องมารับด้วย” เรื่องอะไรผมจะเทพี่ธามไปกับไอ้พี่โซ่ล่ะ กรงจักรขึ้นสนิมกับดอกบัวสวยๆ แน่นอนว่าผมก็ต้องเลือกดอกบัวอยู่แล้ว


“หลังเลิกงานวาก็กลับกับพี่ชายตามปกตินั่นแหละ แต่ที่พี่บอกน่ะหมายถึงหลังทำงานเสร็จไปกินของหวานกันต่างหาก”


“ผมไม่เข้าใจที่พี่โซ่พูด” ผมก็ว่าผมไม่ได้เป็นคนโง่หรือเข้าใจอะไรยากนะ แต่ประโยคที่ไอ้พี่โซ่พูดมันทำเอาผมมึนตึ้บไปหมดแล้ว


“อ้อ แสดงว่าวายังไม่ได้อ่านจดหมายคำสั่งที่โต๊ะสินะ วันนี้เราสองคนต้องไปแจกแบบสอบถามที่สยามกัน เพราะงั้นวาเลือกร้านที่อยากกินได้เลยเดี๋ยวทำงานเสร็จพี่พาไปกิน”


“แต่พี่โซ่...”


“ห้ามปฏิเสธ” ไอ้พี่โซ่ยื่นนิ้วชี้มาแตะที่ปากของผมเอาไว้ ผมที่ไม่คิดว่าไอ้พี่มันจะทำแบบนี้ก็ถึงกับยืนเอ๋อแล้วก็เบิกตากว้างอย่างเดียวน่ะสิ


ไอ้คนสารเลวชอบฉวยโอกาสเอ๊ย! บอกอย่างเดียวก็พอ นิ้วน่ะไม่ต้องเอามาแตะที่ปากผมก็ได้มั้งแหม่!


...................................................

..................................

.................


ผ่านไปแค่แป๊บเดียวช่วงครึ่งวันเช้าก็ผ่านพ้นไปแล้ว โอเคแหละมันก็มีแค่ 3 ชั่วโมงเอง แต่ระหว่างนั้นผมก็ตระเวนไปตามโต๊ะของพี่คนนู้นคนนี้ว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ก็ผมไม่อยากคิดถึงเรื่องตอนที่อยู่ในครัว แบบว่ามันทำหน้าไม่ถูก กลัวจะหลุดคีพลุคแล้วด่าไอ้พี่โซ่ไปน่ะสิ


“เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันน้องวา” พี่ฟลุคชวนผมที่กำลังคัดแยกเอกสารอยู่ใกล้ๆ


“โอเคครับพี่” ผมรีบวางงานในมือแล้วไปหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าตังที่โต๊ะ ส่วนไอ้พี่โซ่ผมหรือพี่ฟลุคไม่ต้องเปลืองน้ำลายชวนหรอก เพราะมิ้งได้จัดการชวนเรียบร้อยพร้อมเกาะติดเป็นเห็บหมัด เห็นแล้วชักรำคาญลูกตา แต่ก็เอาเถอะ สมกันดียิ่งกว่าสัมภเวสีกับผีตายซากซะอีก!


วันนี้พวกผมไปกินข้าวร้านข้างนอก ใกล้ๆ บริษัทมีร้านอาหารให้เลือกกินพอสมควร มีตั้งแต่ข้าวราดแกง ตามสั่ง สเต็ก บุฟเฟต์ แล้วก็อาหารจากนานาชาติ ซึ่งพวกผมก็เลือกกินตามสั่งธรรมดานี่แหละ ไว้มีโอกาสพิเศษค่อยกินร้านที่มันดีกว่านี้หน่อย อีกอย่างผมกับไอ้พี่โซ่ก็ค่อนข้างรีบด้วยเพราะช่วงบ่ายต้องไปสยามต่อ


ประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเราก็กินข้าวกันเสร็จ ความจริงจะเสร็จเร็วกว่านี้อยู่แหละถ้ายัยมิ้งไม่เอาแต่ชวนคุย แน่นอนว่าก็คุยแต่กับไอ้พี่โซ่ ทำอย่างกับว่าโลกนี้มีแค่เราสองคน ส่วนผมกับพี่ฟลุคก็นั่งเซ็งเป็นธาตุอากาศไป


ผมกับไอ้พี่โซ่ขึ้นไปเก็บของกับเอาแบบสอบถามบนแผนก พอเสร็จก็มาขึ้นรถของไอ้พี่มันตรงลานจอดรถด้านหน้าแล้วตรงไปสยาม ระหว่างทางผมกับไอ้พี่มันไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่การเดินทางก็ไม่นานเพราะรถไม่ค่อยติดเท่าไหร่


“มันต้องเริ่มไงครับพี่โซ่ ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้อะครับ” ตอนนี้พวกผมอยู่ตรงลานพาร์คพารากอน โดยมีแบบสอบถามในมือคนละ 100 แผ่น ถึงจะเป็นช่วงบ่ายแต่คนก็สัญจรไปมาใช้ได้ เด็กนักเรียน (ที่น่าจะโดดเรียน) ก็พอมี ส่วนนักศึกษาก็เห็นพอสมควร


“เริ่มจากยิ้มหวาน ใครยิ้มให้เราตอบก็เดินเข้าไปทักแล้วยื่นแบบสอบถามให้เลย จบ”


“แค่นั้นน่ะหรอครับ มันไม่ดูง่ายไปหน่อยหรอ” จากประสบการณ์ตรงเลยนะ ใครเข้ามาหาแบบนี้มีแต่ผมจะยิ่งเดินหนีไปให้ไกล ไม่รู้ว่าจะมาหลอกขายตรงหรือขายประกันรึเปล่า


“แค่แจกแบบสอบถามมันก็ไม่ได้ยากนี่ครับ”


“แต่ผมว่ามันยากนะพี่ จะมีสักกี่คนที่จะยอมทำให้เรา ยืนทั้งบ่ายจะได้ถึง 20 คนมั้ยก็ไม่รู้”


“ก็ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะยาก แต่ถ้าเป็นพี่กับวาเชื่อเถอะว่าง่าย” ไอ้พี่โซ่ขยิบตาให้ผมแล้วเดินไปหานักศึกษากลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาทางนี้ ผมไม่ได้ยินหรอกว่าไอ้พี่มันพูดอะไรบ้าง แต่รอยยิ้มพิฆาตกับหน้าหล่อๆ ของไอ้พี่มันก็ตกสาวๆ กลุ่มนั้นได้แล้ว เพียงไม่ถึง 5 นาทีแบบสอบถามในมือของไอ้พี่มันก็เสร็จไปแล้ว 7 ใบ


“ไงครับวา ไม่ได้ยากอย่างที่พี่บอกเลยใช่มั้ยล่ะ” ไอ้พี่โซ่เดินเข้ามาหาผม ผมรู้สึกหมั่นไส้รอยยิ้มที่มั่นหน้ามั่นโหนกในความหล่อของตัวเอง เลยจัดการแบ่งแบบสอบถามครึ่งนึงในมือของผมไปให้ไอ้พี่มัน


“ถ้างั้นพี่โซ่ก็ช่วยผมทำด้วยแล้วกันนะครับ” ผมพูดยิ้มๆ


“เหมือนพี่จะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธสินะ” ผมยักไหล่ ไอ้พี่โซ่เลยหัวเราะออกมาเบาๆ


จากนั้นไอ้พี่มันก็ชวนผมเดินเข้าไปทักกลุ่มสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ไอ้พี่มันไปหาหมด ซึ่งส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แถมบางคนโดยเฉพาะสาวใหญ่นี่ให้ความร่วมมือดีเกินไปซะด้วยซ้ำล่ะมั้งผมว่า ทั้งถามชื่อ ขอเบอร์ ขอไลน์ แล้วก็เต๊าะไอ้พี่มันกันใหญ่ (ส่วนผมคงไม่ใช่ทาร์เก็ต) แถมมีหนักกว่านั้นคือถึงขั้นลวนลาม อย่างควงแขน ซบไหล่ ทำเป็นเอามือจับตรงนั้นตรงนี้ หรือแม้กระทั่งหยิกแก้มไอ้พี่มันก็โดน แต่ที่ผมงงคือไอ้พี่มันไม่ได้ว่าอะไรแถมยังยิ้มแย้มคุยเล่นเหมือนเดิมอีกต่างหาก


เฮอะ! สงสัยจะชอบล่ะสิท่าที่ถูกสาวๆ ลวนลามแบบนี้!


ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยเดินหนีไปแจกแบบสอบถามที่อื่น เริ่มจากที่สถานีรถไฟฟ้า จากนั้นก็ลงไปเดินตามสยามซอยนั้นซอยนี้ มีหลายคนที่ให้ความร่วมมือกับผมเป็นอย่างดี แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่มองแรงใส่ไม่คิดจะสนใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก แถมยังแอบรู้สึกผิดด้วยซ้ำเพราะเมื่อก่อนผมก็เคยทำแบบนี้ แต่จากนี้ไปผมสัญญาเลยว่าถ้าไม่ใช่ขายตรง ประกัน หรือหลอกล่อให้ช่วยซื้อสินค้าผมจะไม่ทำเป็นเมินอีกเด็ดขาด


ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเดินมานานขนาดไหนแล้ว เพราะก่อนจะปลีกตัวออกมาผมไม่ได้ดูนาฬิกา แต่ว่ามันคงนานพอดูเพราะตอนนี้ผมเริ่มเจ็บเท้า ท่าทางไอ้รองเท้าที่พึ่งซื้อมาใหม่มันจะทำพิษผมซะแล้ว


ความจริงคู่นี้ผมใส่ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ว่าเมื่อวานผมไม่ได้เดินไกลขนาดนี้เลยไม่รู้สึกว่ามันกัด แถมในแผนกผมก็ใส่สลิปเปอร์อยู่ตลอด นี่ถ้าตอนนี้ผมอยู่กับพี่เพลิง ไอ้พี่บ้านั่นมันคงจะบอกให้ผมถอดรองเท้าออกมากัดเพื่อเอาคืนไปแล้ว


“หึหึ” ผมหัวเราะออกมา ทั้งที่ตอนนี้นิ้วก้อยกับหลังส้นเท้านั้นเจ็บแทบบ้า แต่ผมก็ฝืนสังขารลากเท้าไปแจกแบบสอบถามต่อ จนกระทั่งครบแล้วผมถึงค่อยหาที่นั่งพักแล้วก็ถอดรองเท้าออกมา


โอ้มายก็อด! นี่ถึงขนาดเลือดออกเลยงั้นหรอ มิน่ามันได้ถึงเจ็บจนผมแทบน้ำตาเล็ดขนาดนี้


และในขณะที่ผมกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี โทรศัพท์ของผมที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงมันก็สั่นขึ้นมา ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือพี่โซ่


“ครับพี่?” ก่อนจะออกมาจากออฟฟิศไอ้พี่โซ่มันขอเบอร์ผมเอาไว้ ความจริงผมก็ไม่อยากให้หรอกแต่ก็เผื่อหลงกัน นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้พี่มันดูที่หน้าจอของผมตอนเม็มชื่อ ผมจะเม็มชื่ออื่นที่เป็นคำด่าไม่ใช่คำธรรมดาแบบนี้ไปแล้ว


[“วาอยู่ไหนครับ แจกแบบสอบถามเสร็จรึยัง”]


“เสร็จแล้วครับ ผมอยู่ซอย 2 เดี๋ยวเดินไปหา”


[“ให้พี่เดินไปรับมั้ย”]


“ไม่ต้องหรอกพี่ เดินไปเดินกลับเหนื่อยเปล่าๆ เจอกันที่ลานจอดรถเลยก็ได้ แค่นี้นะครับ” แล้วผมก็กดวางสายไป จากนั้นก็สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะสวมรองเท้ากลับไปใหม่แล้วกลั้นใจลากสังขารเดินไปหาไอ้พี่โซ่


ระยะห่างจากสยามสแควร์ซอย 2 ไปลานจอดรถของพารากอนมันก็ไม่ได้ไกลมาก แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันห่างกันราวกับอยู่คนละภาคก็ไม่ปาน ซึ่งขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะถอดรองเท้าเดินแม่มเลยดีกว่า ไอ้พี่โซ่ที่ผมคิดว่าตอนนี้น่าจะถึงลานจอดรถแล้วกลับกำลังเดินตรงมาหาผม


“ทำไมถึงเดินมานี่ล่ะครับพี่โซ่” ผมพยายามเดินให้เป็นปกติ แม้ว่าน้ำตากำลังจะเล็ดเพราะเจ็บจะตายอยู่แล้ว


“จำไม่ได้หรอว่าพอเสร็จงานพี่จะพาไปเลี้ยงขนม” เออ ผมก็ลืมไปเลย “ว่าแต่เท้าเป็นอะไรน่ะครับวา ทำไมถึงเดินท่าแปลกๆ แบบนั้น”


“ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ พี่โซ่คิดมากไปแล้ว”


“รองเท้ากัดใช่มั้ยวา”


“เปล่าหรอกพี่ ไม่มีอะไรจริงๆ” ผมฝืนยิ้มออกมาแล้วกลั้นใจจะเดินต่อ แต่ไอ้พี่โซ่ก็ดันเอาตัวเข้ามาขวาง จากนั้นก็ย่อตัวคุกเข่าที่พื้นโดยหันหลังให้ผม


“ขึ้นมาครับวา”


“หา?”


“มาขี่หลังพี่”


“บะ...บ้า! ไม่เอาพี่! ผมเดินเองได้!” เรื่องน่าอายแบบนั้นใครมันจะไปทำลงกันเล่า แถมนี่ก็เป็นช่วงเย็นแล้วด้วย คนมันเยอะกว่าตอนช่วงบ่ายหลายเท่าเลยนะ


“วาอย่าดื้อ ขึ้นมา ขาเจ็บขนาดนั้นจะเดินเองได้ยังไง” เสียงไอ้พี่โซ่เริ่มเข้มขึ้น


ไอ้พี่บ้า! ถึงจะทำเสียงเข้มขึ้นกว่านี้อีก 10 เลเวลก็ฝันไปเถอะว่าผมจะยอม!


“ก็ผมบอกว่าไม่เป็นไรไงพี่ ผมเดินเองได้จริงๆ”


“ถ้าวาไม่ขึ้นขี่หลัง งั้นพี่ก็จะอุ้มวาท่าเจ้าหญิงนะ จะเอาอย่างนั้นใช่มั้ย” ไอ้พี่โซ่พูดเสียงดุ จากนั้นก็ทำท่าจะลุกขึ้นมาอุ้มผมท่านั้นจริงๆ


ฉิบหายแล้วสิ! นี่ไอ้พี่โซ่มันคิดจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย!


“ขะ...ขี่หลัง! ขี่หลังก็ได้พี่!” แล้วผมก็ต้อมยอมขึ้นขี่หลังไอ้พี่โซ่จนได้ ไอ้พี่มันที่เห็นผมยอมทำตามก็ยิ้มออกมาอย่างได้ใจ


ให้ตาย! ไม่สบอารมณ์ชะมัด!


“เป็นเด็กดีอย่างนี้สิค่อยน่ารักหน่อย” ไอ้พี่โซ่พูดอย่างอารมณ์ดี แต่ผมนี่สิอยากจะกัดหูไอ้พี่มันเป็นบ้า ตอนนี้หน้าของผมร้อนมากจนแทบจะทอดไข่ได้ ส่วนหัวใจก็เต้นเร็วสุดๆ จนผมกลัวว่ามันจะหลุดออกมา


“ผมไหว้ล่ะพี่ รีบๆ เดินเถอะครับอย่าพูดอะไรเลย”


“ทำไมครับ หรือว่าวาเขิน?” เขินบ้าเขินบออะไรเล่า!


“ผมอายที่ถูกคนมองต่างหาก!” ผมแอบค้อนให้ไอ้พี่โซ่ แถมยังแกล้งเอาสองแขนรัดรอบคอของไอ้พี่มันไปอย่างแรง แต่แทนที่จะโกรธ ไอ้พี่มันกลับหัวเราะอย่างมีความสุขจนคนที่ผ่านไปผ่านมายิ่งมองมาทางนี้ เล่นเอาผมยิ่งอายหนักขึ้นจนไม่กล้าสู้สายตาใคร เลยจัดการซุกหน้าลงที่ไหล่ของไอ้พี่มันไปซะเลย


ผมไม่รู้ว่าตัวเองขี่หลังของไอ้พี่โซ่นานแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าระหว่างทางมีสายตาของคนกี่คู่กำลังมองมา ผมรู้แต่ว่าตลอดเวลาผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของแผ่นหลัง กล้ามเนื้อที่แข็งแรง แล้วก็กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นจากเสื้อผ้าและเส้นผม ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกันกับเมื่อ 7 ปีที่แล้ว


“เดี๋ยวพี่แวะร้านขายยาแป๊บนึงนะ” พอได้ยินไอ้พี่โซ่พูดแบบนี้ผมถึงได้ลืมตา


ให้ตาย ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่รู้สึกสบายและผ่อนคลายจนเกือบจะหลับคาแผ่นหลังของไอ้พี่มัน


“จะซื้ออะไรครับ”


“ก็ซื้อยามาใส่แผลที่เท้าของเรานั่นแหละ”


“โอ๊ยไม่ต้องหรอกพี่ แค่รองเท้ากัดนิดเดียวเอง” แต่ก็เหมือนเป็นคนหูหนวก ไอ้พี่โซ่แม่มไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยสักนิด


ขายาวๆ ทั้งสองข้างของไอ้พี่มันก้าวเข้าไปในร้านขายยา จากนั้นก็ให้เภสัชดูแผลที่เท้าของผม เมื่อได้ยามาแล้วก็แบกผมต่อไปจนกระทั่งถึงรถ ตลอดเวลาไอ้พี่มันไม่แม้แต่จะปริปากบ่นหรือแสดงอาการเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย


“ค่อยๆ ลงนะครับวา” ไอ้พี่โซ่พูดกับผมเมื่อเดินมาถึงรถ จากนั้นก็ย่อตัวลงต่ำเพื่อให้ผมลงไปยืนที่พื้น ก่อนที่ไอ้พี่มันจะเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งข้างใน


 “ขอบคุณนะครับพี่โซ่” ผมกำลังจะปิดประตู แต่ไอ้พี่มันก็เอามือขวางเอาไว้ซะก่อน


“เดี๋ยวครับวา หันหน้าแล้วก็ตัวมาทางนี้ก่อน”


“ทำไมครับพี่” ผมทำหน้างง


“เถอะน่า รีบหันมาเร็ว” ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่คิดว่าคงไม่น่าเป็นอะไรเลยยอมหันไปตามที่ไอ้พี่โซ่บอก ไอ้พี่มันที่เห็นอย่างนั้นเลยย่อตัวลงโดยชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง จากนั้นก็ใช้มือถอดรองเท้าแล้วยกเท้าของผมขึ้น


“ดะ...เดี๋ยวก่อนสิพี่โซ่ พี่จะทำอะไร” ผมรู้สึกอึ้งและตกใจเลยพยายามจะชักเท้ากลับ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไอ้พี่มันไม่ยอมปล่อยมือจากเท้าของผมเลย


“พี่ก็จะทำแผลกับทายาให้วาไง”


“ไม่ต้องหรอกครับพี่ เรื่องแบบนี้พี่ไม่ต้องทำให้ผมหรอก ผมทำเองได้” เท้ามันเป็นของต่ำแถมยังสกปรกจะตาย ไอ้พี่โซ่มันคิดอะไรอยู่ถึงได้จับเท้าของผมอย่างหน้าตาเฉยแบบนี้


“อย่าดื้อสิวา แผลตรงหลังส้นเท้าวาทำเองไม่ถนัดหรอก เพราะงั้นนั่งนิ่งๆ ให้พี่ทำให้นะเด็กดี...นะครับ” อย่ามาทำเสียงหวานแล้วก็ส่งสายตาเว้าวอนมาให้ผมจะได้มั้ย!


“กะ...ก็ได้ครับ” บ้าเอ๊ย! ทำไมผมต้องใจอ่อนกับไอ้พี่โซ่ด้วยวะเนี่ย!


“เด็กดี” ไอ้พี่มันยิ้มออกมา ส่วนผมก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูกจึงได้เสหน้าหันไปทางอื่น แต่แป๊บหนึ่งเท่านั้นผมก็ต้องหันกลับมา เพราะว่าผมรู้สึกถึงความอ่อนโยนและความบรรจงของไอ้พี่โซ่ที่กำลังเอาน้ำล้างเท้าของผมอยู่


“แสบมั้ยวา”


“มะ...ไม่ครับ”


“แต่ต่อไปอาจจะแสบนิดนึงนะ เพราะพี่กำลังจะทายาให้” ผมพยักหน้า จากนั้นไอ้พี่โซ่ก็หยดเบตาดีนลงที่สำลีแล้วก็เอามาเช็ดที่แผลของผม ไอ้พี่มันทำอย่างเบามือมากจนผมแทบไม่รู้สึกเลยว่ามันแสบ


หลังจากที่ทายาตรงนิ้วก้อยและหลังส้นเท้าของผมเรียบร้อย ไอ้พี่โซ่ก็ฉีกพลาสเตอร์ยามาแปะทับที่แผลเพื่อกันฝุ่นกับเชื้อโรคเข้า เมื่อเสร็จแล้วก็จับเท้าของผมอีกข้างขึ้นมาทำแบบเดียวกัน ตลอดเวลาผมมองการกระทำของไอ้พี่มันด้วยความรู้สึกหลายๆ อย่าง


“ขอบคุณนะครับพี่โซ่” ผมพูดขึ้นเมื่อไอ้พี่มันทำแผลที่เท้าทั้งสองข้างของผมเสร็จเรียบร้อย แน่นอนว่าผมยังคงเกลียดแล้วก็แค้นไอ้พี่มัน แต่ครั้งนี้มันทำดีกับผมผมก็ต้องขอบคุณสิจริงมั้ย


“พรุ่งนี้กับมะรืนวาอาจจะปวดเท้านะครับ แต่เดี๋ยวพี่จะบอกคนที่แผนกให้ว่าไม่ต้องเรียกใช้วานะ” ไอ้พี่โซ่ยิ้มให้ผม ก่อนจะลุกขึ้น ล้างมือ แล้วก็เดินอ้อมไปขึ้นรถที่ฝั่งคนขับ ส่วนผมก็หันกลับมานั่งให้เข้าที่แล้วปิดประตูรถให้เรียบร้อย ซึ่งหลังจากที่เราสองคนคาดเข็มขัดนิรภัยกันแล้วไอ้พี่โซ่ก็จัดการออกรถทันที


“แอบเสียดายเหมือนกันนะเนี่ยที่วันนี้พี่ไม่ได้พาวาไปเลี้ยงขนม”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่โซ่ก็ออกค่ายาให้ผมไปแล้ว” ตอนนั้นผมบอกจะจ่ายเองไอ้พี่มันก็ไม่ยอม


“แต่ค่ายากับค่าขนมมันคนละส่วนกันนี่นา” พูดแบบนี้คือกะจะให้ผมบอกว่าครั้งหน้าค่อยไปกินด้วยกันสินะ แต่ฝันไปเถอะว่าผมจะพูด


“ไฟเหลืองมันจะแดงแล้วนะพี่ หยุดรถก่อนดีมั้ย” เปลี่ยนเรื่องมันซะเลยผม ไอ้พี่โซ่มันก็รู้แหละเลยแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เอาจริงๆ ตอนนี้ผมชักเริ่มสงสัยแล้วว่า ตกลงระหว่างผมกับไอ้พี่มันใครกำลังจีบใครอยู่กันแน่?


แต่เอาเถอะ ไม่ว่าใครจะจีบใครผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกัน เพราะคนที่เสียใจมันก็ต้องเป็นไอ้พี่โซ่ไม่ใช่ผมแน่นอนอยู่แล้ว!


เกือบสองชั่วโมงไอ้พี่โซ่ก็ขับรถมาถึงหน้าบริษัท ขาไปนั้นใช้เวลาไม่ถึง 40 นาทีเพราะรถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ แต่ขากลับเป็นช่วงเวลาเย็นๆ รถเลยติดบรรลัย กว่าที่เราสองคนจะมาถึงบริษัทเวลาก็ปาไป 6 โมงเกือบครึ่งแล้ว


“วานั่งรอพี่ชายมารับที่นี่นะ ไม่ต้องขึ้นไปเซ็นชื่อข้างบนหรอก เดี๋ยวพี่จะแจ้งกับฝ่ายบุคคลให้เอง” ไอ้พี่โซ่พูดกับผมเมื่อเราสองคนเดินมาถึงม้านั่งตรงหน้าบริษัท ตอนนี้แผลที่เท้าของผมมีพลาสเตอร์ยาปิดเอาไว้ เพราะงั้นเวลาเดินเลยไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเท่าไหร่นัก


“โอเคครับ แต่พี่โซ่ไม่ต้องนั่งเป็นเพื่อนผมก็ได้ ขึ้นไปลงเวลาเถอะครับเดี๋ยวก็กลับบ้านค่ำหรอก”


“ไม่เป็นไร ถึงกลับไปพี่ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” คนบ้าอะไรไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป โชคดีที่ผมเห็นรถของพี่ธามกำลังตีไฟเลี้ยวจะเข้ามาในบริษัทพอดี ผมเลยได้โอกาสไล่ไอ้พี่โซ่ให้ออกไปพ้นหูพ้นตา


“พี่ผมมาแล้วครับ เพราะงั้นพี่โซ่ก็ไม่ต้องนั่งรอเป็นเพื่อนผมแล้ว”


“ว้า น่าเสียดาย” ผมที่ไม่รู้จะตอบอะไรเลยตัดบทโบกมือลาไอ้พี่มัน จากนั้นก็ลงบันไดไปยืนรอพี่ธามที่หน้าบริษัท ซึ่งก็ยืนรอไม่กี่วินาทีรถของพี่ธามก็มาจอดตรงหน้าผมเป็นที่เรียบร้อย


“พี่ว่าวาเดินท่าแปลกๆ นะครับ ขาหรือเท้าไปโดนอะไรมารึเปล่า” พอผมขึ้นรถปุ๊บก็ทักปั๊บ ช่างสังเกตจริงๆ พี่ธาม


“ผมโดนรองเท้ากัดน่ะครับ วันนี้ไปแจกแบบสอบถามที่สยามเลยเดินซะเยอะ” ผมยิ้มแห้งๆ


“อ้าว แล้วเท้าเป็นอะไรมากมั้ย ไหนพี่ขอดูหน่อยครับวา” พี่ธามพูดด้วยความตกใจและเป็นห่วงจนถึงกับจะยกขาของผมขึ้นมา แต่ว่าผมก็เอามือเบรกพี่เขาเอาไว้ก่อน


“ไม่ต้องหรอกครับพี่ธาม เท้าผมใส่ยาติดพลาสเตอร์เรียบร้อยแล้ว”


“วาทำเอง?”


“เอ่อ...เปล่าหรอกครับ ไอ้พี่โซ่เป็นคนทำให้ผม” ตอนแรกผมก็ลังเลว่าจะโกหกพี่ธามดีมั้ย แต่ถ้าหากรู้ความจริงทีหลังพี่ธามอาจจะเสียใจก็ได้ อีกอย่างแค่ไอ้พี่โซ่ทำแผลที่เท้าของผมให้ มันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรือเสื่อมเสียขนาดที่จะต้องปิดบังด้วยนี่นา


“.........................พี่”


“ครับ?” พี่ธามพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามากจนผมแทบจะไม่ได้ยิน


“ทำไม...ทำไมถึงไม่เป็นพี่...” พี่เขาหลับตาลงแล้วหันหน้าไปมองทางอื่น แต่ผมก็ทันได้เห็นว่าสีหน้าของพี่เขาดูท้อแท้ ผิดหวัง และเสียใจมากแค่ไหน


“พี่ธาม...” ผมพูดได้เพียงแค่เท่านี้เพราะไม่รู้จะพูดอะไร แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าพี่เขาไม่ได้โทษผม พี่เขาโทษตัวเองและโชคชะตามากกว่าที่ไม่ดลบันดาลให้ตอนนั้นคนที่อยู่ข้างๆ ผมเป็นพี่เขา


ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาพี่เขาไม่เคยคิดโทษผมเลยสักครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะพี่เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ใดๆ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมไม่เคยรั้งและขอให้พี่เขารอ...


วันนั้นผมกับพี่ธามไม่ได้คุยอะไรกันอีก ถึงแม้ก่อนนอนจะมีไลน์เด้งมาบอกฝันดี แต่ผมก็เริ่มรู้สึกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง แบบว่า...พี่ธามก็มารับมาส่งผมเหมือนเดิมนะ ดูแล เทคแคร์ แล้วก็บอกฝันดีเหมือนเดิม แต่ผมก็รู้สึกได้แหละว่าทุกอย่างมันไม่มีอะไรเหมือนเดิม


บางทีพี่เขาอาจจะท้อจนยอมแพ้แล้วก็ได้...


2BC


 o15 สวัสดีค่า Trap หัวใจพ่ายรัก ก็จบลงไปเรียบร้อยอีกหนึ่งตอน นี่ก็เป็นตอนที่ 4 แล้ว เริ่มมั่นใจกันรึยังคะว่าใครคือพระเอกของเรื่องนี้กันแน่ คนที่จะได้หัวใจของวาไปจะเป็นใครกันน้าระหว่างพี่ธามกับพี่โซ่?  :confuse:
วาจะยอมให้อภัยความเลวร้ายที่พี่โซ่เคยทำมั้ย แล้วพี่ธามจะท้อจนยอมแพ้จริงๆรึเปล่า ยังไงก็ต้องมาลุ้นกันในตอนต่อๆไปนะคะที่ร้ากกก  :m1:
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เรือของคู่ไหนจะมีมากกว่ากัน แต่ยังไงถ้าเรือตัวเองจมก็อย่าเทเรืออีกลำกันน้า น้องวาเลือกใครก็รักคนคนนั้นเหมือนที่น้องรักเนอะคนดีของเค้า  :give2:
ส่วนตอนหน้าอาจจะเป็นวันศุกร์นะคะเค้าถึงจะได้ลง ตอนนี้เค้ายังแพคหนังสือคู่เพลิงพายไม่เสร็จเลย ถ้าหากเสร็จแล้วคงจะกลับมาลงทุก 2 – 3 วันเหมือนเดิมได้นะคะ ยังไงก็ช่วยรอกันหน่อยน้า รักทุกคนนะคะ บ๊ายบายยยยย  :bye2:
(10 ก.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-09-2018 23:40:39
ยิ่งอ่านยิ่งใช่ พระเอกมันต้องเป็นอิพี่โซ่!!
ม่ายยยยยย :sad4:

ว่าแต่น้องวาหนูจะได้เอาคืนพี่มันมั้ยคะลูก ผ่านมา4ตอนอิพี่มันมาเหนือตลอด :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 07-09-2018 01:16:27
โซ่ก็คงจำได้แหละ มาขนาดนี้คิดว่าช่วงที่ห่างกันไปก็คงติดตามเรื่องวามาตลอด

ถ้าเฉลยว่าชอบตั้งแต่ตอนนั้นก็จบ เพราะตอนนี้คนจะแก้แค้นยังไม่มีแววชนะเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-09-2018 03:29:50
เริ่มหรือยังเนี่ยการแก้แค้น  :katai3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-09-2018 12:23:23
รอเวลาแก้แค้น
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-09-2018 17:07:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 07-09-2018 23:42:17
คิดว่าโซ่จำโยได้ แต่แค่ไม่พูด และคิดว่าโซ่พระเอกแน่

เรายังอยากให้คู่กับธามอยุ่ดี คนดีต้องไม่ถูกรักกลับหรอ?
ถึงโยจะไม่รัก แต่ถามหน่อยมันไม่มีความรุ้สึกหวงบ้างหรอ หริออะไรกับธามเลย?


หรือยังต้องลุ้นเดาพระเอกต่อไป
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 08-09-2018 22:28:06
เวลาที่วาอยู่กับโซ่มันว้าวดูมีอะไรอ่ะ อยู่กับพี่ธามจะเรียบๆเนือยๆไม่ว้าว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-09-2018 09:23:03
พี่โซ่จำวาได้แน่เลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 10-09-2018 17:10:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ไม่ได้เขิน (จริงๆนะ!) [6.8.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-09-2018 18:52:43
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-09-2018 00:21:49
สงสารพี่ธามอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-09-2018 09:27:49
โธ่ พี่ธาม~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-09-2018 11:42:57
ความรู้สึกดี ไม่เข้าใครออกใคร
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-09-2018 11:55:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 11-09-2018 13:02:46
 :sad4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-09-2018 19:19:27
เอามันทั้งคู่เลยแล้วกัน เหมาๆ กันไปเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 12-09-2018 00:24:19
ที่เขาดีดีทำไมไม่รัก

รักทำไมแต่คนไม่ดี

ไม่รู้จะเม้นไรร้องเพลงละกัน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-09-2018 07:11:14
กรรม คนไม่รัก ยังไงก็รักไม่ได้สินะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 12-09-2018 20:05:38
สงสารพี่ธาม..... T_T.... แต่น้องวา.. รักพี่โซ่ไง... ออ พี่ มัน ก้อ ไม่มีใคร... เราสามคน..มั้ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 12-09-2018 22:52:54
รอลุ้น o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-09-2018 23:47:53
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 14-09-2018 01:21:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 4 ใครจีบใครกันแน่? [11.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 14-09-2018 12:45:18
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 14-09-2018 21:12:34
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 5# Wayo ผมเนี่ยนะหึง?


“วาครับ นัดกินเลี้ยงต้อนรับน้องฝึกงานสงสัยจะได้ยกเลิกแล้วล่ะ” ไอ้พี่โซ่เดินกลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเคร่งเครียด หลังจากเข้าไปประชุมตั้งแต่เที่ยงครึ่งแต่พึ่งกลับออกมาตอนเกือบจะบ่าย 3


“มีงานเข้าหรอครับพี่โซ่” งานเข้าที่ว่าผมไม่ได้หมายถึงมีงานเข้ามา แต่ผมหมายถึงมีเรื่องซวยเพราะงานมีปัญหาต่างหาก


“อืม คืนนี้แผนกเรากับฝ่ายขายคงต้องโต้รุ่งกันแน่ๆ” ไอ้พี่โซ่ทำหน้าปลง


“งี้พวกพี่ก็คงเหนื่อยกันน่าดูเลยสิครับ” แต่ยังไม่ทันที่ไอ้พี่โซ่จะได้ตอบอะไร พี่ผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะตรงหน้าซึ่งวัยใกล้จะขึ้นคานเต็มทีก็ได้พูดขึ้นซะก่อน


“ก็เหนื่อยแค่กายแหละจ้า ส่วนใจน่ะไม่เหนื่อยเลยเพราะมีน้องโซ่คอยฮีล” ไม่พูดเปล่าพี่แกยังส่งจูบมาให้ไอ้พี่โซ่อีกต่างหาก ไอ้พี่มันถึงจะไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็ยิ้มรับ ผมล่ะเบื่อความฮอตปรอทแตกของไอ้พี่มันจริงจริ้งงงง


“จริงสิครับพี่โซ่ แล้วผมต้องอยู่ช่วยงานด้วยรึเปล่า”


“ไม่ต้องๆ วากลับบ้านตามเวลาปกติได้เลย”


“อ๋อ ถ้างั้นผมขอโทรไปบอกพี่ก่อนนะครับ” ไอ้พี่โซ่พยักหน้า ผมเลยเดินเข้าไปในครัวเพื่อโทรหาพี่ธาม เพราะถ้าหากโทรที่โต๊ะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนพวกพี่คนอื่นๆ


ผมรอสายไม่นานพี่ธามก็กดรับสาย


[“ว่าไงครับวา”]


“พี่ธามยุ่งอยู่มั้ยครับ ว่างคุยกับผมรึเปล่า”


[“คุยได้ ไม่ยุ่งครับ วามีอะไรรึเปล่า”]


“คือวันนี้งานเลี้ยงล่มน่ะครับ ผมเลยกะจะถามว่าพี่ธามมารับผมเวลาเดิมได้รึเปล่า” ตามแผนเดิมคือพี่ภูจะเป็นคนไปรับผมที่ร้านอาหารหลังกินเสร็จ แต่พอต้องเปลี่ยนแผนเพราะงานล่มผมเลยลองโทรถามพี่ธามก่อน


[“จริงๆ เย็นนี้พี่มีนัดกับไอ้เชน แต่ไม่เป็นไร ไปส่งวาก่อนเดี๋ยวพี่ค่อยตามมันไปที่ร้านก็ได้”] ตอนแรกที่ได้ยินว่าพี่ธามมีนัดผมก็กะจะบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวผมให้พี่ภูมารับแทน แต่พอได้ยินชื่อพี่เชนเท่านั้นแหละผมก็เลยเปลี่ยนใจ


“พี่ธามกับพี่เชนจะไปไหนกันหรอครับ”


[“ก็ร้านนั่งฟังเพลงชิลๆ นั่นแหละ” คงจะเป็นร้านกึ่งผับกึ่งเรสเตอรองที่สองสามวันนี้เช็คอินทุกวันล่ะมั้ง หลังจากส่งผมที่บ้านพี่ธามคงจะเลยไปที่ร้านนั้นเลย


“ผมขอไปด้วยได้ปะครับ ไหนๆ วันนี้ผมก็ว่าง”


[“หา? วาจะไปด้วย?”] น้ำเสียงของพี่ธามดูแปลกใจสุดๆ


ก็แหงสิ ปกติผมไม่ค่อยชอบเข้าไปในร้านจำพวกนี้ มันเสียงดัง วุ่นวาย มีแต่กลิ่นเหล้ากับกลิ่นบุหรี่ซึ่งผมไม่ชอบ แต่ทั้งที่ไม่ชอบผมกลับขอไปด้วย นั่นก็เป็นเพราะผมไม่ค่อยอยากให้พี่ธามอยู่กับพี่เชนสักเท่าไหร่


บอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยชอบเพื่อนพี่ธามคนนี้ ไม่รู้สิ คือพี่แกก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับผมหรอก แต่แบบว่า...ผมไม่ค่อยถูกชะตาอะนะ อาจจะเพราะเชน (Chain) มีความหมายว่าโซ่ล่ะมั้ง อีกอย่างบรรยากาศรอบตัวพี่แกก็ดูอันตราย อารมณ์คล้ายๆ พี่เพลิงแต่อันตรายกว่านั้นเยอะ ผมรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเลยไม่อยากให้พี่ธามไปสุงสิงด้วย เอาตรงๆ คือผมกลัวว่าพี่แกจะทำให้พี่ธามดีแตกนั่นแหละ


ถึงแม้พวกพี่เขาจะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แล้วพี่ธามที่เป็นคนดียังไงก็ยังดีคงเส้นคงวา แต่ก็อย่างที่บอกว่าสองสามวันนี้พี่แกพาพี่ธามเข้าแต่ร้านแบบนั้น โอเค อาจจะเป็นเพราะพี่ธามกลุ้มเรื่องผมหรือเครียดจากงาน แต่การเข้าร้านแบบนั้นติดกันทุกวันผมคิดว่ามันไม่โอเค


“ผมไปไม่ได้หรอครับ”


[“เปล่าครับเปล่า วาไปได้อยู่แล้ว พี่แค่แปลกใจเฉยๆ”]


“แล้วพี่เชนโอเครึเปล่าครับ”


[“ถามอะไรอย่างนั้น มันก็ต้องโอเคอยู่แล้วสิ”] แล้วพี่ธามก็ถามโชว์ซะเลยเมื่อเห็นผมไม่มั่นใจ [“ไอ้เชน คืนนี้เดี๋ยววาไปกับเราด้วยนะ...(อ๋อ ได้สิ ไม่มีปัญหา)...ได้ยินแล้วใช่มั้ยครับวา”]


“ครับพี่ธาม แล้วเจอกันตอนเย็น”


[“โอเคครับ”] แล้วผมก็กดวางสาย จากนั้นก็กลับไปที่โต๊ะแล้วถามไอ้พี่โซ่กับพี่คนอื่นๆ ว่ามีงานอะไรให้ช่วยมั้ย ตอนนี้แผลที่เท้าของผมทุเลาลงมากแล้วเลยเดินร่อนได้ทั่ว วิ่งไปแผนกนู้นแผนกนี้ได้สบาย


“น้องวามาช่วยพี่เขียนนี่หน่อยดิ” พี่ฟลุคกวักมือเรียกผมหยอยๆ ผมที่ตอนนี้ว่างๆ ไม่มีอะไรทำเลยเดินเข้าไปหา แต่เห็นมิ้งที่นั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ ก็เลยอดที่จะสงสัยไม่ได้


“มิ้งก็ว่างนี่พี่ ไม่บอกให้ช่วยเขียนล่ะครับ” ผมแอบกระซิบ


“ก็วันก่อนน่ะสิ พี่ขอให้ช่วยกรอกข้อมูลลงเอ็กซ์เซลไม่กี่แผ่นก็เอาไปฟ้องผอ.แผนกว่าพี่ใช้งานหนัก” พี่ฟลุคทำหน้าเซ็งสุดอะไรสุด ผมเลยแอบหัวเราะเบาๆ


“มิ้งเป็นลูกผอ.หรอพี่”


“เปล่า เป็นหลาน แต่รักมากกกก” ตรงคำว่ามากถ้าหากไม่ติดว่ามิ้งนั่งอยู่ใกล้ๆ คงจะลากยาวอ้อมจักรวาลแล้วล่ะมั้ง


“โอเคๆ ผมเข้าใจแล้วพี่” ผมหัวเราะส่งท้าย ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างพี่ฟลุคแล้วกรอกข้อมูลลงเอกสารตรงหน้า ผมใช้เวลาไม่นานก็กรอกเสร็จเรียบร้อยเลยเดินกลับโต๊ะเอาไปให้ไอ้พี่โซ่


“พี่ฟลุคฝากมาครับ”


“ขอบใจมาก นี่ลายมือวาหรอครับ หัวกลมๆ โตๆ น่ารักเชียว” คำชมของไอ้พี่โซ่ทำให้ผมถึงกับชะงัก เพราะ ถ้าจำไม่ผิดเมื่อ 7 ปีก่อนผมก็โดนชมแบบนี้เหมือนกัน


หรือว่าไอ้พี่มันจะจำผมได้?


แต่คิดไปคิดมาก็คงไม่หรอก ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน ไอ้พี่โซ่ก็คงจะแค่หม้อไปตามประสา หรือถ้าจะเอาตรงกว่านั้นก็ตามสันดานนั่นแหละ


“ผมว่าพี่โซ่ก็พูดเกินไป ลายมือของผมธรรมดาจะตาย”


“ธรรมดาที่ไหนน่ารักขนาดนี้ น่ารักเหมือนกับคนเขียนนั่นแหละ” พูดเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องเอาหน้ามาใกล้ผมก็ได้มั้งแหม่ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ จะแกล้งทำเป็นเขินให้ก็แล้วกัน


“พี่โซ่อ่า...” ผมแกล้งทำเป็นอายม้วน แม้ว่าในใจอยากจะบึนปากกลอกตาใส่สุดๆ มุกนี้ใช้มาตั้ง 7 ปีแล้วไม่คิดจะเปลี่ยนบ้างเลยรึไงเพ่!


แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน ปกติไอ้พี่โซ่จะลงไปอยู่เป็นเพื่อนผมรอพี่ธามมารับข้างล่าง แต่วันนี้เนื่องจากมีงานเข้าผมเลยบอกว่าไม่ต้อง ผมบอกลาพวกพี่ๆ ทุกคนแล้วเดินลงไปข้างล่าง ซึ่งไม่นานรถของพี่ธามก็มาจอดอยู่ตรงหน้าผม


“รอนานมั้ยครับวา”


“ไม่ครับ แล้วพี่เชนล่ะพี่” ผมถามโดยที่ภาวนาให้พี่ธามตอบว่ากลับบ้านไปแล้วอะไรประมาณนี้ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับตรงข้ามกับที่ผมหวังเอาไว้


“มันไปรอที่ร้านแล้ว”


“ชิ” ผมแอบจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ก็ไม่รู้ว่าพี่ธามจะได้ยินรึเปล่า แต่ผมทำเสียงเบาๆ พี่เขาคงไม่ได้ยินหรอกมั้ง อีกอย่างถ้าได้ยินก็คงจะถามผมแล้ว ไม่น่าชวนคุยเรื่องอื่นระหว่างขับรถไปถึงร้านแบบนี้หรอก


“ไงวา ไม่เจอกันตั้งนานสบายดีมั้ย” พี่เชนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาถามผมโดยยกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาคมกริบและเรียวยาวราวกับจิ้งจอก บอกตรงๆ ว่าดูเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจโคตรๆ!


“สวัสดีครับพี่เชน ผมสบายดี แล้วพี่ล่ะครับ” ผมพูดในขณะที่นั่งลงตรงโซฟาด้านหน้าพี่แก ส่วนพี่ธามก็นั่งลงข้างๆ ผมอีกที


“ก็เรื่อยๆ ล่ะนะ แล้วนี่วาหิวรึยัง สั่งได้เต็มที่เลยวันนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง”


“หูย จะดีหรอครับ แต่ละอย่างแพงๆ ทั้งนั้น” มือที่กำลังจับเมนูสั่นไปหมดแล้ว ถ้าได้จ่ายเองมีหวังล้มละลายแน่ๆ


“สั่งไปเถอะ ร้านนี้ของที่บ้านพี่เอง”


“อ้อ งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ” รวยเวอร์วังจริงจริ้งพ่อคุณ นอกจากที่บ้านจะเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทที่พี่ธามทำงานอยู่ ที่บ้านก็ยังจะเป็นเจ้าของร้านนี้อีกด้วยหรอเนี่ย ถึงว่าทำไมพี่ธามถึงได้มาร้านนี้ติดๆ กันหลายวันขนาดนั้น


ผมสั่งอาหารไป 4 – 5 อย่าง คือคิดว่าน่าจะพอดีกับผู้ชาย 3 คนไง แต่ไปๆ มาๆ ส่วนใหญ่คนที่กินกลับมีแต่ผม เพราะพี่ธามจะเน้นจิบเบียร์ คุยกับผม แล้วก็ฟังเพลง ส่วนพี่เชนก็เน้นให้สาวๆ สองคนที่เรียกมานั่งด้วยเอาใจ นี่ก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ได้เรียกมาให้พี่ธามด้วยรึเปล่า แต่ผมก็ไม่คิดจะถามหรอกนะ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเพราะงั้นผมไม่ก้าวก่ายอยู่แล้ว


ตลอด 2 ชั่วโมงผมแทบไม่รู้สึกสนุกเลย มันน่าเบื่อ กร่อยๆ แล้วก็อึดอัดกับบรรยากาศแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ คือพี่ธามไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว ปกติเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันคนที่เป็นฝ่ายชวนคุยเลยจะเป็นผม แต่วันนี้ผมกลับชวนคุยไม่ค่อยออก ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นเพราะสองสามวันนี้พี่ธามดูแปลกไปหรอก แต่เป็นเพราะผมไม่ค่อยชอบสายตาที่พี่เชนมองมาที่ผมต่างหาก


ถามว่าเป็นสายตาที่คุกคาม คิดมิดีมิร้าย หรือว่าเป็นสายตาที่หวังอยากจะได้ตัวผมก็ไม่ใช่ ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะผมอ่านใจพี่เชนไม่ออก แต่ที่แน่ๆ เรื่องที่ผมดูออกก็คือพี่แกไม่ได้รู้สึกชอบหรือเอ็นดูผมหรอก บางทีอาจจะไม่ค่อยชอบผมเหมือนที่ผมไม่ค่อยชอบพี่แกก็เป็นได้


เกือบ 3 ทุ่มผมกับพี่ธามก็ออกมาจากร้าน ส่วนพี่เชนยังไม่กลับคงจะนั่งต่ออีกนาน ก่อนจะออกมาผมก็ถามพี่ธามนะว่าจะนั่งต่อมั้ย ผมเป็นคนขอมาด้วยเองเพราะงั้นผมกลับตอนไหนก็ได้ แต่พี่ธามไม่อยากให้ผมกลับบ้านดึกเลยยืนยันจะกลับเวลานี้


“ทำไมช่วงนี้พี่ธามถึงได้ไปดื่มกับพี่เชนทุกวันเลยล่ะครับ” ผมถามในขณะที่นั่งอยู่บนรถ ถนนค่อนข้างโล่งแบบนี้ไม่เกิน 20 นาทีผมน่าจะถึงบ้าน
“ก็...งานมันค่อนข้างเครียดน่ะ” พี่ธามจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าตัวเองเป็นคนที่โกหกไม่เก่งเอาซะเลย


“แน่ใจนะครับว่าเครียดเรื่องงานไม่ใช่เรื่องผม?” เนี่ย เห็นมั้ย ทักแค่นี้ก็ถึงกับขับรถผิดจังหวะซะแล้ว


“คือ...เฮ้ออออ พี่ยอมรับก็ได้ว่าพี่ค่อนข้างกังวลเรื่องวา เห็นพี่ดูเหมือนใจเย็นแต่จริงๆ แล้วพี่ก็ร้อนใจ พี่กลัวว่าวาจะกลับไปรักโซ่ใหม่ ไอ้เชนมันเลยชวนพี่ไปผ่อนคลายแล้วก็ให้คำปรึกษาพี่น่ะ” สาบานเลยว่านี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุดของพี่ธามเลยล่ะตั้งแต่ที่รู้จักกันมา


“ผมขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ธามเป็นกังวล”


“ไม่ต้องขอโทษหรอกวา พี่รู้ดีว่าสถานะของเราตอนนี้มันก็แค่พี่น้อง ความจริงแล้วพี่ไม่มีสิทธิ์หึงหรือไม่พอใจด้วยซ้ำ”


“พี่ธาม...” เจียมตัวไปแล้วพี่ พูดอะไรไม่ออกเลยสิผม แต่บอกตามตรงว่าถ้าหากพี่เขาห้ามอย่างจริงจังเรื่องที่ผมจะแก้แค้นไอ้พี่โซ่ ผมก็คงไม่ทำ หรือแม้กระทั่งเรื่องคบกันที่พี่เขารอมาตลอด ถ้าหากใช้ลูกไม้หลอกล่อหรือแอบบังคับกลายๆ ผมก็อาจจะยอมไปแล้วก็ได้


พี่ธามตามใจผมมากเกินไปจนเคยตัว ถ้าหากดุหรือขัดใจผมบ้างก็คงจะดี คือไม่ใช่ว่าการตามใจผมมันไม่ดีนะ แต่บางทีก็ต้องมีลิมิตบ้าง ผมเป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจเลยอยากได้แฟนที่คอยควบคุมความประพฤติของผมนิดนึง


“จริงสิครับพี่ธาม ผมว่าจะคุยกับพี่เรื่องพี่เชนนานแล้ว”


“ทำไมหรอครับ หรือว่ามันทำอะไรไม่ดีกับวา”


“เปล่าหรอกครับ แต่ผมอยากให้พี่อยู่ห่างๆ พี่เชนเอาไว้หน่อย แบบว่า...ผมรู้สึกว่าพี่เขาดูร้ายๆ ดูอันตรายยังไงก็ไม่รู้” พี่เพลิงที่ว่าร้าย เจอพี่เชนเข้าไปนี่ดูธรรมดาเลยล่ะ


“อันตราย?”


“คือ...ผมอธิบายไม่ถูกน่ะพี่ธาม แต่เอาเป็นว่าพี่อย่าเข้าใกล้พี่เชนมาก รักษาระยะห่างนิดนึง แล้วก็เพลาๆ เรื่องดื่มเรื่องเที่ยวกับพี่เชนด้วยนะครับ” ผมก็อุตส่าห์เตือนด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงจัง แต่ไหงพี่ธามกลับยิ้มกว้างจนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ซะงั้น


“ที่ผมพูดมันมีอะไรน่าขำหรอครับพี่ธาม” ผมถามเพราะงงจริงจัง แต่พี่ธามก็ยังไม่ตอบอะไร อีกนิดนึงจะถึงบ้านผมอยู่แล้วเลยขับรถต่อไปก่อนแล้วจึงจอดที่หน้าบ้าน


“ที่วาพูดมันไม่มีอะไรน่าขำหรอกครับ แต่พี่แค่ดีใจ”


“ดีใจ? เรื่องอะไรครับพี่ธาม” งงในงงสิผม


“ก็ดีใจที่วาหึงพี่น่ะสิ” พี่ธามพูดยิ้มๆ อย่างเก็บอาการไม่อยู่ นี่ขนาดเป็นตอนกลางคืนผมยังรู้เลยว่าหน้าของพี่เขาแดงระเรื่อและมีความสุขมากแค่ไหน


“หา? ผมเนี่ยนะหึงพี่?” ผมชี้มือเข้าหาตัวเอง ว้อททททท?


“แค่รู้ว่าวาหึงพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว” ดูเหมือนว่าพี่ธามจะแฮปปี้ดีใจเวอร์จนไม่ฟังที่ผมพูดแล้ว แต่ก็เอาเถอะ เห็นพี่เขามีความสุขแบบนี้ผมก็ไม่อยากขัด
หึงก็หึงวะ เอาที่สบายใจเลยครัชพี่ธาม!


2BC


 :m4: สวัสดีค่า พบกันตามสัญญากับ Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ค่า! >///< ตอนนี้ลงให้ยาวๆ หลังจากหายไปแพคเพลิงพาย 4 วัน หวังว่าจะหายคิดถึงนะคะทุกคนนนน  :m3:
จนถึงตอนนี้มั่นใจกันแค่ไหนว่าใครคือพระเอก? พี่โซ่ที่ว่าแน่ๆตอนนี้ยังคิดว่าแน่อยู่มั้ยน้อ  :m21: ก็แอร์ไทม์ตอนนี้น้อยซะยิ่งกว่าน้อยไปซะอีก ส่วนพี่ธามที่คิดกันว่านกแน่ๆแต่แอร์ไทม์กลับเยอะมากกกก แล้วอย่างนี้คดีจะพลิกมั้ยล่ะน้อ?  o3
พูดถึงเรื่องตัวเต็งพระเอกกันแล้ว มาคุยเรื่องนายเอกของเรื่องแน่ๆอย่างน้องวากันบ้าง ใครคิดว่าน้องหึงพี่ธามบ้างขอเสียงโหน่ยยย แต่เอ๊ะหรือน้องจะไม่ได้หึงแค่เป็นห่วงเฉยๆ อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปล่ะเนอะ ส่วนเรื่องตัวละครใหม่อย่างเชนก็ด้วย คนคนนี้จะเป็นแค่ตัวปลากรอบหรือมีบทบาทอะไรสำคัญมาลุ้นกันค่า  :give2:
แล้วเจอกันตอนหน้าไม่เกินวันอังคารนะคะ ค่ำๆหรือดึกๆแบบนี้เจอกันแน่นอน ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจนะคะที่รัก  :pig4: บ๊ายบายยยย  :bye2:
(14 ก.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-09-2018 22:13:04
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 14-09-2018 22:14:53
ยังคิดเหมือนเดิม ว่าอิพี่โซ่มันคือพระเอก  :sad4:
ส่วนพี่ธามนี่ คิดว่าน้องไม่น่าหึงนะ แค่เห็นหนังหน้าพี่เชนแล้วน้องคงไม่ไว้ใจ
หรือพี่เชนมันคิดจะล่อลวงพี่ธามกันคะ :a5: อืมม จะว่าไป เชนธามมันก็ดีนะ :laugh:

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 14-09-2018 22:47:16
ดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 14-09-2018 23:29:09
ถ้าวันหนึ่งธามจะดีแตกก้ไม่แปลกใจ
วาหวงมากกว่าห่วงและหึงอ่ะ อาจจะทีข้ออ้างนะ
 แต่เรายังไงรุ้สึกว่าวาไม่ค่อยแคร์ธามเท่าไร
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 15-09-2018 02:43:13
เห้ออออ
เอาจริง อยากให้ธามผิดหวังละ
ธามดีไป รักวามากไป ตามใจมากไป
ไปให้วาเจอแฟนที่บังคับๆ อย่างที่อยากได้เถอะ
เชนธามก็ดีนะ ให้ธามเป็นคนที่ถูกรักบ้างได้เปล่า สงสาร
แต่นี่ถ้าเป็นเพื่อนธาม คงไม่ชอบวาอ่ะ
ไม่แปลก ถ้าวาจะรู้สึกว้าเชนไม่ชอบวา
 :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2018 03:52:38
หึง กับ ห่วง เนี่ยมันเหมือนหรือต่างกันตรงไหนฟ่ะ  :ruready
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-09-2018 08:50:41
เราว่าพี่เชนต้องมีอะไร
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 15-09-2018 20:10:51
พี่เชนแปลกๆนา ชอบพี่ธามรึเปล่า

โซ่วา เชนธาม สองคู่ชูชื่น o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-09-2018 20:56:24
น้องวา พี่ธามเค้าก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา ปกติน้องคงไม่ถามอะไรแบบนี้หรอกใช่มั๊ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 16-09-2018 08:01:19
 :really2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 16-09-2018 12:44:10
ตัวละคร น่าสงสัย และ น่าสนับสนุน ทุกตัว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ผมเนี่ยนะหึง? P.39 [14.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 17-09-2018 15:38:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ทอดสะพาน [19.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 19-09-2018 21:09:42
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 5# Wayo ทอดสะพาน


หลังจากนั้นพี่ธามก็กลับมาเป็นคนเดิม เพิ่มเติมคือมีออร่าความสุขกระจายอยู่รอบตัว ไม่มีอาการท้อแท้ สิ้นหวัง และพยายามทำตัวห่างเหินเหมือนกับช่วง 3 – 4 วันที่ผ่านมา ก็นะ...พี่เขาคงจะคิดว่าผมหึงจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็เอาเถอะผมขี้เกียจจะเถียงแล้ว เถียงไปก็โดนพี่เขาหาว่าซึน


ส่วนไอ้พี่โซ่ รายนั้นน่ะก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เคยสร้างภาพเป็นเทวดายังไงก็ยังคงสร้างภาพเป็นเทวดาอย่างนั้น ส่วนเรื่องหม้อผมก็เหมือนกัน มีโอกาสเมื่อไหร่ไอ้พี่มันก็จะหม้อผมตลอด ส่วนผมก็จะเขินให้พอเป็นพิธี แล้วก็จะแกล้งอ่อยไอ้พี่มันบ้าง


ถามว่าผมจะเลิกแผนการนี้เมื่อไหร่?


ไม่รู้สิ แต่ก็คงจะเป็นตอนที่ไอ้พี่โซ่หลงผมมากและรักผมปานจะขาดใจล่ะมั้ง นี่มันก็พึ่งจะอาทิตย์กว่าๆ เท่านั้น ถึงไอ้พี่มันจะถูกใจผมแต่ก็คงเป็นแค่ชอบยังไม่ได้รัก อีกอย่างผมก็ไม่แน่ใจว่านอกจากผมไอ้พี่มันยังได้คิดแบบนี้กับคนอื่นอีกรึเปล่า ก็เล่นโปรยเสน่ห์ ยิ้มหวาน และใจดีกับคนอื่นไปทั่ว ถ้าผมหักอกไอ้พี่มันตอนนี้แล้วผมจะสะใจได้ยังไง ให้อย่างมากไอ้พี่มันก็คงจะเฮิร์ทแค่วันสองวัน เผลอๆ อาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยซ้ำล่ะมั้งผมว่า


บางทีงานเลี้ยงต้อนรับน้องฝึกงานในวันนี้ ซึ่งก็คือวันศุกร์สัปดาห์ที่สองของการฝึกงาน ผมว่าผมคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่ออ่อยไอ้พี่โซ่แล้วล่ะ แต่ก่อนอื่น ผมต้องจัดการยัยตัวน่ารำคาญที่จ้องจะงาบไอ้พี่มันซะก่อน


“นี่ๆ จำเรื่องที่เราให้วาไปถามพี่โซ่ได้ปะ” มิ้งกวักมือเรียกผมให้เดินไปหาในครัว โดยก่อนที่จะถามก็มองซ้ายมองขวาว่ามีใครอยู่แถวนี้รึเปล่า


“เราก็นึกว่ามิ้งจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วซะอีก” นี่มันก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าๆ แล้วตั้งแต่ที่มิ้งให้ผมไปถาม


“จะลืมได้ยังไงกันเล่า นี่เราก็รอให้วามารายงาน แต่วาก็ไม่ยอมพูดถึงสักที” เออแน่ะ มองค้อนผมซะงั้นแม่คุณ


“ขอโทษแล้วกัน เรานึกว่ามิ้งไม่สนใจแล้วเลยไม่ได้บอกน่ะ”


“เออๆๆ เรื่องนั้นช่างมัน ว่าแต่วาไปถามมาแล้วใช่มั้ยว่าพี่โซ่มีแฟนรึยัง แต่เราคิดว่าก็น่าจะยังนะ ถามใครก็มีแต่คนบอกว่าน่าจะยัง ขนาดพี่ฟลุคก็ยังพูดแบบนี้เลย” ความมั่นใจแบบนั้นทำเอาผมอดที่จะหมั่นไส้นิดๆ (แต่จริงๆ คือมาก) ไม่ได้


“งั้นเราเสียใจด้วยนะมิ้ง พี่โซ่บอกว่ามีแฟนแล้ว”


“หา! ไม่จริง! วาโกหก!” เออ กูโกหก


“เราเปล่าสักหน่อย พี่โซ่มีแฟนแล้วจริงๆ ตอนนี้ก็อยู่กินด้วยกันที่คอนโด” ผมตอบด้วยหน้าตาจริงจัง เพียงเท่านั้นยัยมิ้งก็แทบจะเชื่อสนิทใจแล้ว


“ระ...เรื่องจริงหรอเนี่ย”


“จริงสิ แต่ถ้ามิ้งไม่เชื่อจะไปถามพี่โซ่เองก็ได้นะ” พนันได้เลยว่าคนอย่างมิ้งไม่กล้าถามหรอก


“ไม่ล่ะ จะถามทำไมให้เสียเวลา” นั่นไง กะแล้วเชียวว่ามิ้งต้องพูดแบบนี้ แต่ที่ผมคาดไม่ถึงน่ะก็คือ... “แต่มีแฟนแล้วยังไง มีได้ก็เลิกได้ เราจะแย่งมาให้ดู!” อู้หู! แรงเกินไปแล้วแม่คุณเอ๊ยยยยย!


“เราว่าไม่ดีมั้งมิ้ง บาปกรรมนะนั่น”


“แล้วไงใครแคร์” มิ้งยักไหล่ไม่แคร์อย่างปากว่า “เดี๋ยวเราโทรบอกเพื่อนเอาชุดมาให้ดีกว่า จะเอาให้แซ่บจนพี่โซ่กับคนทั้งร้านต้องมองมาที่เราเลย” มิ้งพูดจบก็สะบัดบ็อบใส่ผมแล้วเดินออกจากครัวไป ส่วนผมก็ได้แต่อึ้งเพราะยัยนี่แรงเกินเบอร์กว่าที่คิดเอาไว้มาก


แต่ก็ใช่ว่าผมจะยอมยกไอ้พี่โซ่ให้หรอกนะ ไอ้พี่มันเป็นเหยื่อของผม ไว้ผมแก้แค้นได้เมื่อไหร่ยัยมิ้งจะเอาไปปู้ยี่ปู้ยำที่ไหนก็เชิญ!


ผมเดินออกจากครัวหลังมิ้งไม่นาน ตอนนี้เป็นช่วงเย็นๆ อยู่แล้วพวกพี่ๆ เลยไม่มีอะไรให้ผมทำ ก็นะ...คงไม่มีบริษัทไหนคาดหวังอะไรมากกับเด็กฝึกงาน แถมยังพึ่งจะฝึกได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์เลยด้วยซ้ำ


จนกระทั่ง 6 โมงเย็นพี่แต่ละคนก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ ส่วนใหญ่ก็จะไปกินเลี้ยงต้อนรับน้องฝึกงานกันนั่นแหละเพราะได้ลงขันกันแล้ว พี่แต่ละคนที่จะไปก็แทบจะทั้งแผนกไม่ได้มีแต่พี่เลี้ยงเท่านั้น รวมจากทั้ง 5 แผนกก็เกินครึ่งร้อยเลยจองแบบเหมาร้านเอาไว้เลย


ร้านที่พวกผมจะไปก็เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีที่อยู่ไม่ไกลบริษัทมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะเดินไปได้ ต้องนั่งรถไปกันอยู่ดี ด้วยเหตุนี้คนที่ไม่มีรถอย่างผม มิ้ง และพี่ผู้หญิงในแผนกอีก 2 คนเลยต้องมานั่งรถไปกับไอ้พี่โซ่ แต่ยังไม่ทันจะได้ตกลงเลยว่าใครจะนั่งข้างหน้า ปรากฏว่ามิ้งที่เปลี่ยนชุดเป็นเดรสสีแดงแหวกข้างสุดแซ่บก็เข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว


“ยัยนี่มันงูพิษคิดจะงาบหนุ่มดอกไม้ของบริษัท พี่ฝากน้องวากันซีนนางทีนะ” พี่จ๋าที่นั่งอยู่ฝั่งขวาของผมแอบกระซิบที่ข้างหู


“ใช่ๆ พี่ก็ฝากน้องวาด้วย ดู๊ดูท่าคุณเธอนั่ง พี่ล่ะกลัวใจน้องโซ่จริงจริ้ง” พี่หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของผมเสริม ส่วนท่านั่งของมิ้งนี่ก็นะ ไขว่ห้างจนข้างที่ชุดผ่าแหวกขึ้นไปแทบจะเห็นกางเกงในอยู่แล้ว นี่ถ้าไอ้พี่โซ่มันเสียสมาธิจนรถชนไม่ก็พลิกคว่ำนะ ต่อให้ตายเป็นผีผมก็จะไปบีบคอยัยนี่ถึงนรกเลยคอยดู!


เมื่อไปถึงร้านพี่ๆ แต่ละคนก็เริ่มจับจองโต๊ะกัน แต่ละโต๊ะจะนั่งได้สูงสุด 6 คน ในร้านมีทั้งหมด 15 โต๊ะเลยสามารถกระจายกันนั่งได้อย่างสบาย แต่โต๊ะผมกว่าจะลงตัวได้ก็แทบตายเหมือนกัน ก็พวกพี่สาวแต่ละคนนี่สิอยากจะนั่งโต๊ะเดียวกันกับไอ้พี่โซ่ทั้งนั้น กว่าจะตกลงกันได้ก็แทบจะเกิดเหตุฆาตกรรมกันกลางร้าน


“ผมลืมบอกไป ใครที่นั่งโต๊ะนี้จะไม่ได้กินกุ้งกันนะครับ”


“อ้าว! ทำไมล่ะน้องโซ่!”


“คือน้องวาแพ้กุ้งน่ะครับ” เท่านั้นแหละพี่สาวแต่ละคนก็ยกธงขาวขอยอมแพ้ จะเหลือก็แค่สาวมั่นเบอร์แรงอย่างมิ้ง พี่สาว 2 คนอย่างพี่จ๋ากับพี่หญิงที่ต้องการกันซีน แล้วก็พี่ฟลุคที่ไม่กินกุ้งอยู่แล้วเพราะขี้เกียจแกะ รวมเป็น 6 คนพอดี๊พอดี


แต่หลังจากที่แบ่งโต๊ะกันได้ปัญหาใหม่ก็ตามมา เพราะแต่ละคน (ยกเว้นพี่ฟลุค) อยากจะนั่งข้างไอ้พี่โซ่ทั้งนั้น ความหล่อของไอ้พี่มันนี่ช่างเป็นบาปจริงจริ้งงงงงงง


“มิ้งไม่สนหรอกนะคะว่าใครจะนั่งตรงไหน แต่ข้างๆ พี่โซ่ 1 ที่ต้องเป็นของมิ้งค่ะ” ยัยมิ้งพูดจบก็สะบัดบ็อบใส่พวกผม จากนั้นก็เดินสวยๆ ไปนั่งข้างไอ้พี่โซ่ที่อยู่ตรงโต๊ะกับพี่ฟลุค ส่วนพี่จ๋ากับพี่หญิงก็ได้แต่มองตาปริบๆ สติมาอีกทีก็ตอนที่มิ้งนั่งข้างไอ้พี่โซ่เรียบร้อย


“นางร้ายอะแกร!” พี่จ๋าบึนปากใส่


“ถ้าไม่ติดว่าเป็นหลานผอ.นี่ตบแล้วคร่า!” พี่หญิงมองอย่างเกรี้ยวกราด


“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ส่วนเรื่องที่นั่งพี่จ๋ากับพี่หญิงตกลงกันตามสบายเลย เดี๋ยวผมจะไปนั่งข้างพี่ฟลุคเอง” ถึงแม้ตอนแรกผมกะว่าจะอ่อยไอ้พี่โซ่ที่งานนี้สักหน่อย แต่ดูจากสถานการณ์แล้วเอาไว้ก่อนดีกว่า ผมไม่อยากสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นพี่จ๋ากับพี่หญิงกลับถึงตัวผมเอาไว้ไม่ให้ไปไหน


“ไม่ได้ค่ะน้องวา น้องวาต้องไปนั่งข้างน้องโซ่”


“หา?”


“ไม่ต้องหาแล้ว ไปนั่งค่ะ กันซีนยัยน้องมิ้งให้พวกพี่ด้วย!” แล้วพี่จ๋ากับพี่หญิงก็ดันผมไปนั่งตรงที่ว่างอีกข้างของไอ้พี่โซ่ ผมถึงแม้จะยังงงๆ แต่ก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี ส่วนพี่จ๋ากับพี่หญิงก็ไปนั่งข้างพี่ฟลุค แล้วหลังจากนั้นพวกเราทั้ง 6 คนก็เริ่มต้นสั่งอาหาร


บรรยากาศการนั่งกินแรกๆ ก็ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะมีสายตาจำนวน 6 ข้างเขม่นกันอยู่ จนกระทั่งพี่ฟลุคเริ่มชวนคุยโดยมีผมเป็นลูกคู่บรรยากาศถึงเริ่มดีขึ้น รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของแต่ละคนก็เลยเริ่มมา แต่เมื่อมิ้งออดอ้อนออเซาะไอ้พี่โซ่บรรยากาศก็จะกลับไปเป็นมาคุเหมือนเดิม พี่ฟลุคกับผมเลยต้องเริ่มเอนเตอร์เทนกันอีกครั้ง ซึ่งวัฏจักรนี้ก็วนลูปไปเรื่อยๆ แบบไม่มีสิ้นสุด


“พี่โซ่รู้มั้ยครับว่า ก่อนหน้านี้สาวๆ จะตบกันตายเพราะพี่เลยเนี่ย” ผมกระซิบข้างหูของไอ้พี่โซ่ แน่นอนว่าผมทำแบบนี้ไม่มีสาวๆ คนไหนเขม่น


แต่ขอโทษนะครับสาวๆ คนที่คิดว่าปลอดภัยไม่เป็นไร แต่ความจริงแล้วอันตรายที่สุดนะครัช!


“แล้ววาไม่เข้าร่วมวงด้วยหรอครับ” ไอ้พี่บ้านี่ นอกจากไม่มีแก้ตัวสักนิด แล้วยังแอบทอดสะพานมาให้ผมอีกด้วยนะแหม่


“พี่โซ่อยากให้ผมร่วมวงว่างั้น?” ทอดมาทอดกลับไม่โกงพูดเลย


“ถ้าพี่บอกว่าใช่แล้ววาจะเข้าร่วมวงด้วยรึเปล่า” ไอ้พี่บ้านี่ก็ทอดไม่เลิก


“ผมไม่พูดเรื่องนี้กับพี่โซ่แล้ว” ผมแกล้งเขินพอเป็นพิธีแล้วหันไปย่างเนื้อลงบนตะแกรงต่อ แต่พอนึกออกว่าก่อนหน้าไอ้พี่โซ่พูดถึงเรื่องที่ผมแพ้กุ้ง ผมเลยอดที่จะหันไปถามไอ้พี่มันด้วยความสงสัยไม่ได้


“พี่โซ่รู้ได้ยังไงครับว่าผมแพ้กุ้ง”


“วาเขียนลงในประวัติอยู่ไม่ใช่หรอ”


“ก็...ครับ” ผมจำได้ว่าผมเขียนลงไปจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ไม่ยักรู้ว่าไอ้พี่โซ่จะหยิบมาอ่านและจำได้ด้วย ดูจากท่าทางไอ้พี่มันก็ไม่ได้ออกพิรุธแต่อย่างใด ผมคงจะคิดมากไปนั่นแหละว่าไอ้พี่มันจำผมได้ เพราะถ้าจำได้ก็ต้องบอกแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเป็นไม่รู้จักสักหน่อย


“เดี๋ยวผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับทุกคน” ผมพูดขึ้นเมื่อนั่งกินได้ชั่วโมงกว่า จากนั้นก็ลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ล้างหน้าที่มีแต่ควันและคราบมันสักหน่อย เมื่อเสร็จแล้วผมก็เดินออกมา แต่ว่าผมก็ต้องกลับเข้าไปใหม่เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากห้องน้ำหญิงที่อยู่ข้างๆ


 “บอกแม่ด้วยว่าคืนนี้พี่ไม่กลับ จะนอนหอเพื่อน...ไม่ต้องถามมากได้มะ เซ้าซี้อยู่ได้ แค่นี้แหละรำคาญ!” ใช่แล้ว เจ้าของเสียงก็คือมิ้งเอง


หลังจากจบบทสนทนาผมก็กะว่าจะเดินออกไป เพราะคืนนี้มิ้งจะนอนที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับผม แต่พอได้ยินมิ้งพูดกับใครอีกคนหลังจากที่โทรหาอีกสาย ผมก็ชักจะเปลี่ยนใจ


“มึง ถ้าแม่หรือน้องโทรหาบอกว่าคืนนี้กูไปนอนด้วยนะ...หึหึ กูก็จะไปนอนกับผู้น่ะสิ...ก็พี่โซ่ พี่ที่ฝึกงานที่กูเคยเล่าให้ฟังไง...ใช่ คนนั้นแหละมึง...” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ถึงกับอึ้ง นี่ยัยมิ้งอ่อยไอ้พี่โซ่ได้สำเร็จแล้วหรอเนี่ย!


หนอย...ผมกัดฟันกรอดและกำหมัดแน่น คนที่แรงตัวแม่อย่างมิ้งผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่คิดว่าไอ้พี่โซ่แม่มก็จะไวไฟเหมือนกัน


ให้ตายสิ! เจ็บใจชะมัด! แผนการของผมพังไม่เป็นท่าแล้วตอนนี้!


แต่ก่อนที่ผมจะออกไปจากห้องน้ำด้วยความฮึดฮัด ผมก็ได้ยินประโยคถัดมาของมิ้งเข้าซะก่อน...


“ยัง...มึงคิดว่าถ้าชวนตรงๆ แล้วพี่โซ่จะยอมนอนกับกูรึไง นี่กูอ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไงแล้วเนี่ย...กูมีแผน...ก็แกล้งเมาแล้วให้พี่โซ่ไปส่งน่ะสิ!...ถ้าส่งบ้านแล้วกูจะได้กินมั้ยล่ะอีนี่ กูก็จะอ่อยจนพี่โซ่เลี้ยวรถเข้าโรงแรมน่ะสิยะ! แค่นี้แหละเสียเวลา เติมหน้าเติมปากให้สวยเป๊ะปังดีกว่า บาย!” แล้วมิ้งก็วางสายไป ส่วนผมจากที่เคยหน้าบึ้งก็เปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มพลางขอบคุณมิ้งในใจ


แผนที่เธอคิดจะใช้ เราขอยืมใช้ก่อนก็แล้วกันนะมิ้ง!


เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ผมเริ่มแผนการทันทีก่อนที่มิ้งจะกลับมา โดยการแกล้งหยิบแก้วผิดจากน้ำเปล่าของตัวเองเป็นแก้วโซจูของพี่จ๋า นี่ขนาดว่าพี่แกกินแบบใส่น้ำแข็งและผสมน้ำเปล่าแล้วนะ ผมยังรู้สึกถึงความขมแล้วก็แสบคอสุดๆ


ที่เขาว่ากันว่าโซจูมันคือเหล้าขาวดีๆ นี่เองสงสัยท่าจะจริง!


“น้องวา! นั่นโซจูพี่!” พี่จ๋าพูดอย่างตกใจเมื่อเห็นผมยกแก้วขึ้นดื่มไปแล้วเกือบครึ่ง คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันเลยรีบหันมามองผมเป็นสายตาเดียว


“เอ๊ะ?” ผมยกแก้วออกจากปากด้วยท่าทางมึนๆ งงๆ ไอ้พี่โซ่เลยรีบดึงแก้วออกมาแล้วหันมาถามผมด้วยความเป็นห่วง


“วาโอเคมั้ยครับ”


“...” ผมไม่ตอบอะไรเอาแต่จ้องเข้าไปในดวงตาของไอ้พี่โซ่อย่างเดียวเท่านั้น


“วา...วาครับ...วาได้ยินพี่มั้ย” แน่นอนว่าผมได้ยิน และผมก็รับรู้ถึงแรงเขย่านิดนึงจากมือของไอ้พี่โซ่ที่จับตรงไหล่ แต่ผมก็ไม่ตอบอะไรแล้วแสร้งทำเป็นตาปรือ ตัวโงนเงน จากนั้นก็เอียงตัวซบลงไปที่ไหล่ของไอ้พี่โซ่ซะเลย


“วา!”


“น้องวา!” ไอ้พี่โซ่กับพวกพี่คนอื่นๆ ร้องเรียกผม แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตัวซบไหล่ของไอ้พี่มันไปแบบนั้น


“นั่นวาเป็นอะไรไปคะพี่โซ่” มาแล้วหรอยัยมิ้ง


“คงจะเมาโซจูน่ะ คออ่อนขนาดนี้แล้วยังป้ำๆ เป๋อๆ หยิบแก้วผิดอีกนะเรา” ประโยคหลังไอ้พี่โซ่แอบบ่นให้ผม แล้วยังไม่พอ ยังมีการบีบจมูกผมเบาๆ อีกด้วยนะ ถ้าไม่ติดว่าแกล้งเมาอยู่จะกัดให้นิ้วขาดแม่มเลย!


“เอาไงดีน้องโซ่ ท่าทางน้องวาจะหลับยาวเลยนะเนี่ย”


“นั่นสิพี่หญิง...กูว่ามึงพาน้องวาไปส่งบ้านก่อนดีกว่ามั้ย”


“ไม่ดีค่ะพี่ฟลุค! พี่โซ่ยังกินไม่อิ่มเลย ปล่อยวานอนไปเถอะค่ะบางทีสักพักอาจจะตื่น” ดูท่าทางคนอื่นก็เป็นห่วงผมกันหมด มีแต่ยัยมิ้งนี่แหละดูจะตรงกันข้าม แต่ก็เอาเถอะ ผมก็ไม่ได้หวังอะไรกับยัยนี่อยู่แล้ว


“นั่งกินมาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้วทำไมพี่จะไม่อิ่มล่ะครับมิ้ง...เอางี้แล้วกันนะครับทุกคน เดี๋ยวผมจะไปส่งวาที่บ้านแล้วก็จะเลยกลับเลย”


“แต่พี่โซ่...” มิ้งที่ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจมากตั้งท่าจะแย้ง แต่พี่จ๋าที่อยากกันซีนมิ้งอยู่แล้วเลยรีบพูดขัดขึ้นทันที


“เอาตามนั้นเลยจ้ะน้องโซ่! มาค่ะ เดี๋ยวพี่จะช่วยถือของน้องวาตามไปส่ง”


“เดี๋ยวกูจะช่วยมึงพยุงน้องวา” อันนี้พี่ฟลุคพูด แต่ยังไม่ทันที่จะได้สัมผัสโดนตัวผม ไอ้พี่โซ่ก็เบรคเอาไว้ซะก่อน


“ไม่ต้อง มึงไปเปิดประตูรถรอกูเลย นี่กุญแจ”


“โอเคๆ” แล้วพี่ฟลุคก็คงจะเดินออกจากร้านไปเปิดประตูรถรอ ส่วนไอ้พี่โซ่ก็ค่อยๆ พยุงผมขึ้นแล้วพาเดินไปที่รถ ผมมองไม่เห็นหรอกว่าตอนนี้พี่ๆ ที่ร้านดูแตกตื่นกันมั้ย แต่ฟังจากเสียงก็คงไม่เท่าไหร่ พี่สาวส่วนใหญ่แค่เสียดายที่ไอ้พี่โซ่ต้องกลับก่อนแค่นั้นเอง


ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็นอนอยู่บนรถเรียบร้อย พี่ฟลุคกับไอ้พี่โซ่คุยกันส่งท้ายนิดหน่อย ก่อนที่ไอ้พี่มันจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับแล้วก็ออกรถไปเลย


ตอนนี้ถ้าไม่ติดว่าแกล้งหลับล่ะก็ ผมคงจะลุกขึ้นมาหัวเราะด้วยความสะใจไปแล้วที่ทำแผนของมิ้งแตกได้ เสียดายที่ผมไม่เห็นสีหน้าของมิ้ง แต่ก็นะ ผมพอจะจินตนาการออกอยู่นั่นล่ะว่าแม่คุณจะหงุดหงิดหัวเสียขนาดไหน สะใจเป็นบ้า!


แต่เอ...จะว่าไปผมก็ลืมคิดไปซะสนิทเลยว่าหลังจากนี้จะทำยังไงต่อ ตอนนั้นผมก็มัวแต่คิดเรื่องพังแผนมิ้ง แต่ช่างมันเถอะ ในเมื่อไม่รู้จะทำยังไงก็ให้ไอ้พี่โซ่ไปส่งผมที่บ้านก็แล้วกัน


แต่เดี๋ยวนะ...ไอ้พี่มันรู้จักบ้านผมงั้นหรอ?


อืม...แต่ก็คงรู้จักล่ะมั้ง อาจจะจำได้จากประวัติที่ผมเขียนไว้ก็ได้ เห็นมั้ย ตอนนี้รถของไอ้พี่มันได้เลี้ยวเข้าไปในบ้านของผมแล้วก็จอดเป็นที่เรียบร้อย


หืม? เลี้ยวเข้าไปในบ้าน?


ผมว่าไม่น่าใช่นะ พวกพี่ๆ ของผมจะเปิดบ้านรอทั้งที่ผมยังไม่โทรบอกได้ยังไง ซึ่งขณะที่ผมกำลังสงสัยและลังเลอยู่ว่าจะลืมตาขึ้นมาดูดีมั้ย ไอ้พี่โซ่มันก็หัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า...


“อยากรู้ใช่มั้ยครับว่าที่นี่คือที่ไหน ถ้าอยากรู้พี่จะบอกให้ก็ได้...คอนโดพี่เองครับวา”


!!!


2BC


 :a11: ฮัลโหลววว สวัสดีค่าทุกคน Trap หัวใจพ่ายรักตอนที่ 5 ก็จบลงไปแล้วค่า มาลุ้นกันว่าตอนหน้าน้องวาจะรอดจากพี่โซ่มั้ย ดูท่าทางพี่แกจะรู้อยู่แล้วนะเนี่ยว่าน้องแกล้งเมา  o3
เอาจริงๆตอนนี้มันไม่ยาวขนาดนี้ เค้าตั้งใจจะจบตอนที่วารู้แผนของมิ้ง แต่ไหนๆเค้าก็ผิดนัดไปหนึ่งวัน เพราะงั้นเลยจัดให้แบบยาวๆเลยค่า
ว่าแต่...หลังจบตอนนี้หลายๆคนยังจะเปลี่ยนข้างพระเอกอีกรึเปล่าน้า? ระหว่างโซ่กับธามใครดูมีราศีพระเอกมากกว่ากัน? แต่ว่ากันตามตรงมันก็ชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะนะ อิอิ  :m17:
ส่วนตอนหน้าเจอกันวันเสาร์นะคะ กำพระให้แน่นๆและมาเอาใจช่วยน้องวา (หรือพี่โซ่) กันด้วยนะคะ บ๊ายบายยยย  :bye2:
(19 ก.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ทอดสะพาน [19.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 19-09-2018 21:50:11
อุ๊ยยยย อิพี่โซ่มันร้าย ได้ทีพาน้องเข้าคอนโดเลยนะเนี่ย  :katai1:

แต่แอบสะใจ น้องมิ้งพญานก  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ทอดสะพาน [19.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-09-2018 04:39:11
คอนโดแล้วไง ทำยังกะวาไม่เคยขึ้นคอนโด วาโตแล้วไปไหนก็ได้  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ทอดสะพาน [19.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-09-2018 14:43:21
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ทอดสะพาน [19.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-09-2018 15:06:45
ร้าย พอ กัน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ทอดสะพาน [19.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 20-09-2018 22:27:16
อิพี่มันร้ายยยยย ชอบอ่ะ!!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ทอดสะพาน [19.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-09-2018 08:54:08
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 5 ทอดสะพาน [19.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 22-09-2018 20:45:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 23-09-2018 22:53:52
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 6# Wayo แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ


“อยากรู้ใช่มั้ยครับว่าที่นี่คือที่ไหน ถ้าอยากรู้พี่จะบอกให้ก็ได้...คอนโดพี่เองครับวา”


!!!


โอ...เอ็ม...จี...ฉิบหายแล้วสิ นี่ไอ้พี่โซ่มันรู้งั้นเรอะว่าผมแกล้งเมา!


แต่เดี๋ยวก่อน คิดอีกแง่ไอ้พี่มันอาจจะแกล้งหยั่งเชิงผมดูก็ได้ ถ้าผมแกล้งหลับเนียนๆ นอนนิ่งๆ ไม่ไหวติงใดๆ ไอ้พี่มันอาจจะเชื่อก็ได้ว่าผมเมาจริงๆ


“ยังไม่ตื่นอีกหรอครับ” ไอ้พี่โซ่ขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น แต่ผมจะตื่นให้โง่รึไง มาขนาดนี้แล้วผมถอยกลับได้ที่ไหน ไปให้สุดแล้วหยุดเมื่อหมดมุกแถ!


“...”


“ถ้าวายังไม่ยอมตื่น พี่จะปลุกด้วยวิธีการของพี่นะครับ”


“...” ไม่ต้องมาขู่ซะให้ยาก คนอย่างผมไม่มีทางยอมแพ้กะอีแค่โดนขู่นิดๆ หน่อยๆ หรอกนะ


“พี่จะนับถึง 3 ถ้าวาไม่ยอมตื่นพี่จะปลุกด้วยจูบล่ะนะ”


“...” ห้ะ! นี่ล้อกันเล่นใช่มั้ยไอ้พี่โซ่!


“พี่จะเริ่มนับล่ะนะ..............สาม!”


“เฮ่ย! ทำไมพี่ไม่เริ่มจากหนึ่ง!” ด้วยความตกใจผมเลยรีบลืมตาแล้วดีดตัวขึ้นมา ก่อนที่วินาทีต่อมาก็ถึงได้รู้ซึ้งว่าตัวเองโป๊ะแตกซะแล้ว


ฉิบหาย...


“แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ” ไอ้พี่โซ่ที่อมยิ้มหน่อยๆ ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม เท่านั้นยังไม่พอ ไอ้พี่มันยังมีการเอาปากกับจมูกมาชนที่แก้มของผมด้วย!


“เฮ่ย! นี่พี่...!” ตอนนี้ผมโมโหจนหน้าร้อนเป็นไฟ มือที่กุมแก้มเอาไว้แทบจะโดนลวกอยู่แล้ว “พี่โซ่หอมแก้มผมทำไม!”


“หรือว่าอยากให้พี่จูบ?” ไม่พูดเปล่าไอ้พี่บ้ามันยังมีการยื่นหน้าเข้ามาด้วย!


“ใช่ที่ไหนล่ะครับ!” ดีที่ผมเอามือมาปิดปากตัวเองเอาไว้ทัน ไม่งั้นโดนไอ้พี่มันขโมยจูบไปอีกแหงๆ


“ถ้าไม่พอใจจะเอาคืนก็ได้นะ พี่ไม่ว่า” แล้วไอ้พี่โซ่ก็ยื่นแก้มของตัวเองมาใกล้ๆ หน้าของผม


“ใครมันจะไปทำล่ะครับ!” ผมพูดจบก็ดันใบหน้าหล่อๆ ของไอ้พี่มันกลับคืนไป แม้ว่าใจจริงผมอยากจะชกกลับไปซะมากกว่า


“ทำอย่างกับสาวน้อยจะโดนขโมยจูบแรกเชียวนะครับวา”


“ถ้าพี่โซ่หวังจะเป็นจูบแรกของผม งั้นผมก็บอกเลยว่าขอแสดงความเสียใจด้วยครับ” ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะทำตามแผนหลอกให้รักหรอกนะ มีแต่อยากจะเอาชนะแล้วก็ทำให้ไอ้พี่โซ่เจ็บใจมากกว่า แต่ไหงไอ้พี่มันกลับยังยิ้มหน้าระรื่นอยู่ก็ไม่รู้


“แต่พี่คิดว่า วาน่าจะเปลี่ยนเป็นแสดงความยินดีถึงจะถูก”


“หา?” ไอ้พี่โซ่พูดอะไรผมไม่เข้าใจ


“หึหึ” ไอ้พี่มันยักไหล่ ท่าทางจะเฟลหนักจนประสาทกินแล้วมั้งเนี่ย


“ว่าแต่พี่โซ่พาผมมาที่คอนโดของพี่ทำไมครับ” มัวแต่ออกนอกเรื่องซะนาน เกือบลืมถามเรื่องสำคัญไปแล้วมั้ยล่ะ ส่วนเรื่องที่ไอ้พี่มันแอบขโมยหอมแก้มผม ถือซะว่าหมาหรือแมวเลียแก้มก็แล้วกัน!


“พี่จะยังไม่ขอตอบจนกว่าวาจะตอบพี่มาว่า ทำไมต้องแกล้งเมาด้วยครับ” ดูทำหน้าเข้า คงจะคิดว่าผมอยากไปต่อกับตัวเองสองต่อสองล่ะสิ ไอ้คนหลงตัวเอง!


“ตอนไปเข้าห้องน้ำ ผมแอบได้ยินมิ้งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนน่ะครับว่าจะใช้แผนนี้กับพี่ ผมเลยชิงใช้ก่อนเพราะอยากช่วยพี่น่ะสิ”


“อ๋อ มิน่าล่ะ มิ้งถึงได้ทำหน้าเหวอเหลอหลาใหญ่เลย” พอได้ยินแบบนี้ผมก็แอบหัวเราะในใจ เสียดายจริงจริ้งที่ไม่ได้เห็นหน้าคุณเธอตอนนั้น


“แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าพี่โซ่จะแอบเสียดายรึเปล่า ก็มิ้งออกจะสวยเซ็กซี่ซะขนาดนั้น” ผมก็พูดไปงั้นกะจะหยอกไอ้พี่โซ่เล่น แต่ไหงไอ้พี่มันกลับดูจริงจังขึ้นมานิดนึงก็ไม่รู้


“พี่ไม่เคยชอบคนที่หน้าตานะครับ พี่ชอบที่นิสัย”


“คนหน้าตาดีร้อยทั้งร้อยที่พูดแบบนี้ ผมก็เห็นมีแฟนหล่อแฟนสวยกันทุกคน”


“แต่คนหล่อคนสวยก็ใช่ว่าจะนิสัยแย่กันทุกคนนี่จริงมั้ย” เรื่องนั้นมันก็จริงอย่างที่ไอ้พี่โซ่พูดล่ะนะ


“เอาล่ะๆ ผมไม่เถียงแล้วครับ ผมตอบพี่ไปแล้วนะว่าทำไมถึงแกล้งเมา คราวนี้พี่จะตอบผมได้รึยังว่าทำไมถึงได้พาผมมาที่นี่”


“ก็ไม่มีอะไร พี่ไม่รู้จักบ้านวาเลยพามาที่คอนโดพี่ก็เท่านั้น” ไอ้พี่มันยักไหล่


“หา? แค่นั้นเองหรอครับ”


“ก็ใช่น่ะสิ หรือวาหวังจะให้พี่ทำอะไร?” ถามอย่างเดียวได้มั้ยทำไมต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมด้วยเนี่ย


“แล้วทำไมผมต้องหวังอะไรแบบนั้นด้วยล่ะครับ”


“ก็ไม่รู้สินะ บางทีวาอาจจะแอบคิดอะไรกับพี่ก็ได้” คำพูดนั้นทำให้ผมถึงกับต้องกลอกตามองบนเลยอะคิดดู


“พี่นี่โคตรจะหลงตัวเอง”


“เปล่าสักหน่อย พี่ไม่ได้หลงตัวเอง แต่พี่กำลังหลงวาอยู่”


“เอ๊ะ?” จากโหมดเล่นๆ พอเปลี่ยนเป็นโหมดจริงจังก็ทำให้ผมชักตามไม่ทัน ไอ้พี่มันที่เห็นผมทำหน้างงๆ เด๋อๆ เอ๋อๆ ก็เลยพูดให้มันชัดเจน


“พี่ชอบวานะครับ” เท่านั้นแหละจากที่กำลังมึนงงผมก็ถึงกับอึ้ง ในที่สุด...ในที่สุดไอ้พี่โซ่ก็ชอบผมแล้ว!


สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมเกือบยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ ในที่สุดแผนหลอกให้รักของผมก็ประสบผลสำเร็จ!


แต่ยังก่อน...ผมจะยังไม่หักอกไอ้พี่โซ่ตอนนี้ ก็แหม ไอ้พี่มันแค่ชอบผมแบบผิวเผิน ถ้าหากผมเซย์โนตอนนี้มันจะไปสะใจอะไร ต้องให้หลงผมรักผมแบบหัวปักหัวปำต่างหาก ถ้าผมหักอกไอ้พี่มันตอนนั้น แน่นอนว่าต้องต่อหน้าคนเยอะๆ ด้วย มันถึงจะสาสมกับที่ไอ้พี่มันเคยทำกับผม!


“พะ...พี่โซ่อย่าล้อผมเล่นสิครับ” ผมแกล้งทำเป็นอายนิดๆ แล้วเสหน้าหนี แต่ไอ้พี่โซ่ก็ใช้มือเชยคางของผมกลับมา


“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ พี่ชอบวาจริงๆ” ไอ้พี่มันจ้องมองเข้ามาในดวงตาของผม ผมค่อนข้างมั่นใจว่าไอ้พี่มันพูดความจริงไม่ได้โกหก


“คือผม...”


“เมื่อตอนบ่ายพี่ได้ยินเรื่องที่วาคุยกับมิ้ง วาพูดแบบนั้นก็แสดงว่าชอบพี่เหมือนกันใช่มั้ย”


“พะ...พี่โซ่ได้ยิน?” อันนี้ผมอึ้งจริงอะไรจริง ผมไม่คิดว่าไอ้พี่มันจะได้ยินเรื่องที่ผมกับมิ้งคุยกัน ถ้างั้นก็ไม่แปลกหรอกที่ไอ้พี่มันจะขี้ตู่ว่าผมก็ชอบตัวเองด้วย


“ครับ พี่ได้ยิน เพราะงั้นพี่จะนับถึง 3 ถ้าหากวาไม่มีเหตุผลดีๆ ให้พี่ พี่ก็จะหาคำตอบด้วยวิธีของพี่เองนะครับ” ไอ้พี่โซ่พูดยิ้มๆ ถึงแม้ตอนนี้แสงจะไม่ค่อยมี แต่ผมก็เห็นสีหน้าของไอ้พี่มันชัดเจนว่ากำลังทำหน้าเจ้าเล่ห์และร้ายกาจขนาดไหน


“ยะ...อย่าบอกนะครับว่าพี่โซ่จะ...” ผมพูดได้เท่านี้ก็อ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่อยากพูดต่อ ไอ้พี่โซ่เลยจัดการพูดแทนซะเลย


“ใช่ครับ จูบ...”


“ไม่เอานะพี่! ผมไม่ยอมนะครับ!”


“ถ้างั้นก็อธิบายมาสิ พี่จะเริ่มนับแล้วนะ”


“อย่าพึ่งดิพี่! ให้เวลาคิดแค่นั้นใครจะไปคิดออกทัน!” แต่เดี๋ยวนะ รู้สึกว่าไอ้พี่มันจะไม่ได้เริ่มนับที่ 1 แต่...


“สาม!” นั่นไงเป็นอย่างที่คิดจริงๆ!


“เดี๋ยวสิพี่...” ผมพยายามจะแย้งเพื่อยื้อเวลาแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะไอ้พี่โซ่ได้ยื่นหน้าเข้ามาจูบที่ริมฝีปากของผมซะแล้ว!


ผมเบิกตากว้าง ส่วนร่างกายก็แข็งทื่อไม่สามารถขยับไปไหนได้ ผมอยากจะผลักไอ้พี่โซ่ออกไป แต่ว่าผมก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะทำแบบนั้น


จูบของไอ้พี่มันราวกับได้ดูดวิญญาณของผมออกไป...


จากที่ริมฝีปากแตะกันเฉยๆ ไอ้พี่มันก็เริ่มขยับริมฝีปากขบเม้มและดูดดุนผมเบาๆ ทุกจังหวะเป็นไปอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อตัวของผมกลับกำลังสั่นสะท้าน ความรู้สึกวาบหวามแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับไฟ ส่วนหัวใจก็เต้นแรงจนแทบจะระเบิด


ก็แน่ล่ะสิ! ที่ผมรู้สึกแบบนั้นก็เพราะว่าโกรธ! โกรธที่ไอ้พี่โซ่บังอาจมาฉวยโอกาสกับผม!


เท่านั้นแหละผมก็รวบรวมสติและแรงเฮือกสุดท้าย จากนั้นก็ผลักไอ้พี่โซ่ออกไปก่อนที่จะสอดลิ้นเข้ามาในปากของผมเพียงเสี้ยววินาที


“พอแค่นั้นแหละครับ ผมยังไม่ได้บอกว่าชอบพี่เลยนะ พี่อย่ามาโมเมเอาเองแล้วก็จูบผมแบบนี้สิ” ในขณะที่พูดผมกำลังหอบเล็กน้อย ส่วนหัวใจก็ยังคงเต้นแรงมาก แน่ล่ะก็ผมกำลังโกรธไอ้พี่โซ่ แต่ผมก็พยายามเก็บความโกรธเอาไว้ เพราะต้องดำเนินตามแผนหลอกให้ไอ้พี่มันรักต่อไป


“วาจะมาโทษพี่แบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ก็วาไม่มีเหตุผลดีๆ ให้พี่เองนี่นา” ไอ้พี่โซ่ยิ้มทะเล้น


“ให้เวลาเยอะขนาดนั้นผมคงจะพูดทันหรอกครับ!” ผมทำหน้าบึ้งใส่ แต่ทั้งที่เห็นอย่างนั้นไอ้พี่มันกลับยังอมยิ้มอยู่ได้


“แต่วาก็ไม่ได้ไม่ชอบที่ถูกพี่จูบไม่ใช่หรอ” โอ้โห! มั่นหน้าเกินไปแล้วพี่!


“พี่อย่ามาขี้ตู่! ผมไม่ได้ชอบที่ถูกพี่จูบ! แล้วผมก็ไม่ได้ชอบพี่ด้วย!” ผมจ้องหน้าไอ้พี่โซ่อย่างเอาเรื่อง แต่ก็เหมือนโดนกัญชา ไอ้พี่บ้านี่ก็เอาแต่ยิ้มอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ


“ปากแข็งนะเรา ไม่เห็นนุ่มเหมือนเมื่อกี้เลย” ไม่พูดเปล่า ไอ้คนฉวยโอกาสยังมีการเอานิ้วมาแตะที่ริมฝีปากของผมอีกด้วย!


“พี่โซ่!” ตอนนี้ผมโมโหจนแทบจะไฟลุกท่วมตัว “ผมไม่คุยกับพี่แล้ว!”


“ถ้างั้นวาจะไม่บอกทางกลับบ้านใช่มั้ยครับ ก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้พาวาขึ้นไปนอนบนห้องของพี่เลย” พอได้ยินแบบนั้นผมก็ถึงกับอ้าปากพะงาบๆ


“ว่าไงครับ สรุปจะไม่คุยกับพี่จริงๆ ใช่มั้ย?”


“ฮึ่ย...ผมยอมคุยกับพี่เหมือนเดิมก็ได้ครับ!”


หนอย...ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้คนเจ้าเล่ห์! ไอ้คนร้ายกาจ! ผมเกลียดคนอย่างไอ้พี่โซ่ที่สุด! คอยดูนะผมจะเอาคืนตอนหักอกให้สาสมเลย!


.......................................................

..................................

............


   “เอ้า! กลับมาแล้วหรอ” พี่เพลิงที่กำลังนั่งดูทีวีพร้อมคุยเล่นกับพวกพี่คนอื่นๆ ที่นั่งกันเป็นคู่ๆ ในห้องรับแขกถามผม เมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในบ้าน


   “ยังไม่กลับ” ผมตอบแบบลอยหน้าลอยตา ไอ้พี่เพลิงที่ได้ยินแบบนั้นเลยตีหน้ายักษ์แล้วเดินมาเขกกบาลผมอย่างหมั่นไส้


   “โอ๊ย! ผมเจ็บนะพี่เพลิง!”


   “สมน้ำหน้า! คนถามดีๆ เสือกตอบกวนตีน!”


“ก็ใครใช้ให้พี่ถามคำถามปัญญาอ่อนกันเล่า เห็นอยู่แท้ๆ ว่าผมกลับมาแล้วก็ยังจะถามอีก” พอผมพูดแบบนี้พี่เพลิงก็เลยเถียงผมไม่ออก


“ก็จริงของแก”


“เห็นมั้ยเล่า” ผมส่ายหน้าไปมา


“แต่แกก็น่าจะรู้ว่าพี่หมายความแบบไหน แกกลับมายังไง ก็ไหนนัดพวกพี่คนใดคนนึงไปรับที่ร้านไม่ใช่หรอวะ” ถามแบบนี้ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่องนะพี่เพลิง


“พอดีพี่ที่ทำงานคอนโดอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเลยแวะมาส่งผมน่ะ”


“แน่ใจหรอว่าแค่พี่ที่ทำงาน?” คำถามนี้คนที่ถามไม่ใช่พี่เพลิงแต่คือพี่ธาร จะเซ้นส์แรงเกินไปแล้วววว


“แน่ใจสิครับ พี่ธารนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอขึ้นห้องไปอาบน้ำก่อนนะครับ คงจะไม่ลงมาอีกเพราะง่วงเลยกะจะนอนเลย ราตรีสวัสดิ์ครับทุกคน” ผมรีบพูดตัดบทแล้วก็ชิ่งหนีขึ้นมาบนห้อง เพราะขืนอยู่นานมีหวังโดนซักจนสะอาดแน่ๆ


เมื่อขึ้นไปบนห้องผมก็จัดการอาบน้ำสระผม เสร็จแล้วก็ทาครีมบำรุงแล้วก็เป่าไดร์ที่หน้ากระจก ผมเป่าไปได้สักพักจนผมเกือบจะแห้งแล้วก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา


   “ครับพี่โซ่?” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ไอ้พี่มันโทรหาผมในเวลานี้ ผมจึงรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ


   [“พี่ไลน์ไปไม่เห็นอ่านก็เลยโทรมาหาน่ะ”]


   “อ๋อ ผมอาบน้ำอยู่น่ะครับ แล้วพี่โซ่ไลน์มามีธุระอะไรรึเปล่า”


   [“พรุ่งนี้ว่างมั้ยครับ พี่อยากชวนไปกินขนมที่ติดวาเอาไว้ตั้งแต่ตอนนู้น”] ตอนนู้นที่ว่าก็คือตอนที่ผมไปแจกแบบสอบถามที่สยามกับไอ้พี่โซ่นั่นแหละ


   “ไม่เป็นไรหรอกครับ วันนั้นพี่ก็ออกค่ายาให้ผมไปแล้วไง”


   [“แต่พี่อยากไปเดทกับวานี่ครับ ฟรีตลอดทริปเลยนะสนใจรึเปล่า”] แหม...ป๋าจริงจริ้งพ่อคู้ณณณณ หมั่นไส้โว้ยหมั่นไส้!


   “คนล่าสุดที่พูดกับผมแบบนี้ได้ข่าวว่าหมดตัว ต้องขายบ้านขายรถไปอยู่ใต้สะพานลอยเลยนะพี่” ผมแกล้งขู่


   [“พี่ไม่กลัวหรอก ก็หมดทั้งตัวหมดทั้งใจพี่ให้วาไปแล้วนี่นา”] โว้ยยยยยย บทจะเลี่ยนไอ้พี่มันก็เลี่ยนแบบไม่บันยะบันยัง ปิ้งย่างที่กินมาแทบจะออกมาทางเก่าอยู่แล้ว แหวะ!


   “พอเถอะครับพี่โซ่ ผมยอมแพ้ไปเดทกับพี่ก็ได้ แต่ขอเป็นวันอาทิตย์แล้วกันนะครับ วันนี้ผมเหนื่อยพรุ่งนี้เลยอยากพักแล้วก็อยู่กินข้าวกับครอบครัว”


   [“ได้ครับวา แล้ววันอาทิตย์ให้พี่ไปรับกี่โมง”] ในจังหวะที่ไอ้พี่โซ่พูดก็มีสายซ้อนโทรเข้ามาพอดี ผมเลยดึงโทรศัพท์ออกมาดูจึงรู้ว่าเป็นเบอร์ของพี่ธาม...


   ตู้ม!!


รถไฟสองขบวนชนกันดังโครมเลยครัช!!


   “เอ่อ...มีสายซ้อนโทรเข้ามา งั้นแค่นี้ก่อนละกันครับพี่โซ่ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันอีกที” เวลามีตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ทำไมต้องโทรมาช่วงเวลาเดียวกันแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้!


   “อะไรกันครับ ลนลานแบบนี้อย่าบอกนะว่าแฟนโทรมา?”


   “เอ...ผมก็เคยบอกพี่โซ่ไปแล้วไม่ใช่หรอครับว่าผมยังไม่มีแฟน”


   “ถ้างั้นก็บอกพี่ได้ใช่มั้ยว่าใครโทรมา” กะแล้วเชียวว่าที่หยั่งเชิงเมื่อกี้ก็เพราะจะหลอกถามผม แต่เสียใจด้วย ผมไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเพ่!


   “บอกได้แต่ไม่บอกครับ ไว้พี่ทำให้ผมใจอ่อนยอมเป็นมากกว่าพี่น้องเมื่อไหร่ แล้วผมจะรายงานทุกอย่างในชีวิตให้พี่ฟังเลย” มีเล่นตัวแต่ก็แอบให้ความหวังเพื่อให้ไอ้พี่มันคลั่งเล่นนิดนึง


“แค่นี้ก่อนนะครับ ไว้ค่อยคุยกันใหม่”


   “เดี๋ยวสิวา...” แต่ผมก็ไม่รอฟังว่าไอ้พี่โซ่จะพูดอะไร ผมรีบกดวางสายแล้วก็รับสายของพี่ธามทันที


   “สวัสดีครับพี่ธาม” ผมรับสายด้วยโทนเสียงสดใส แม้จะเกือบหัวใจวายตายเพราะรถไฟเกือบจะชนกัน


คืออย่างพี่ธามนี่ไม่เท่าไหร่เพราะรู้เรื่องของไอ้พี่โซ่อยู่แล้ว แต่ว่าไอ้พี่โซ่นี่สิที่จะให้รู้เรื่องของพี่ธามไม่ได้ ไม่งั้นแผนหลอกให้รักของผมก็พังกันพอดี!


   [“ทำอะไรอยู่ครับวา นอนแล้วรึเปล่า”] ที่พี่ธามถามแบบนี้คงเป็นเพราะผมกดรับสายช้าล่ะมั้ง


ตอนนี้ผมกำลังสองจิตสองใจอยู่ว่าจะโกหกเพื่อให้พี่ธามสบายใจดีมั้ย หรือจะบอกความจริงเพื่อไม่ให้พี่เขาเสียใจมากกว่าเดิมถ้าหากรู้ภายหลัง ซึ่งผมก็คิดอยู่สักพักจึงตัดสินใจได้


   “เมื่อกี้ผมกำลังคุยกับไอ้พี่โซ่อยู่น่ะครับ”


   [“...”] แล้วก็เป็นไปตามคาด พี่ธามเงียบอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย


   “ผมบริสุทธิ์ใจเลยไม่อยากโกหก ผมกลัวพี่ธามมารู้ทีหลังแล้วจะเสียใจน่ะครับ” พี่ธามเงียบต่อไปสักแป๊บจึงได้ตอบกลับผมมา


   [“พี่เข้าใจครับ แล้วคุยอะไรกันบอกพี่ได้มั้ย”]


   “คือ...พี่โซ่ชวนผมไปเดทวันอาทิตย์นี้น่ะครับ” พี่ธามเงียบไปอีกสักพักจึงค่อยพูดกับผมต่อ


   [“แล้วนี่วากลับจากงานเลี้ยงนานแล้วรึยัง”]


   “น่าจะครึ่งชั่วโมงมั้งครับ”


   [“คงเป็นโซ่ที่มาส่งวาสินะ”]


   “ก็...ครับ”


   [“กับโซ่คงจะไปได้ดีใช่มั้ย”] ผมไม่แน่ใจว่าพี่ธามหมายถึงเรื่องอะไร แต่ผมก็ขอเดาไปในเรื่องที่ผมกำลังดำเนินแผนการวางกับดัก เพื่อหลอกให้ไอ้พี่โซ่รักก็แล้วกัน


   “ก็ดีครับ แผนกำลังไปได้สวยเลยพี่ธาม”


   [“งั้นหรอครับ พี่ดีใจด้วยนะ”] ถึงจะบอกอย่างนั้น แต่น้ำเสียงของพี่ธามกลับดูฝืนๆ ไม่ค่อยดีใจกับผมเลยสักนิด


“จะให้ผม...หยุดทุกอย่างมั้ยครับ”


ผมไม่อยากให้พี่ธามที่ดีกับผมมาตลอดต้องเสียใจไปมากกว่านี้ เพราะงั้นวันอาทิตย์ที่ไปเดทกับไอ้พี่โซ่ผมก็พร้อมที่จะหักอกไอ้พี่มันที่นั่น โอเคแหละถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ค่อยสะใจ แต่เพียงแค่พี่ธามบอกให้ผมหยุด ผมก็จะหยุดทุกอย่างตามที่พูดจริงๆ


เกือบนาทีกว่าที่พี่ธามจะตอบผมกลับมา...


[“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ห้ามวาหรอก” แล้วพี่ธามก็ยังเป็นพี่ธามคนเดิม คนที่เห็นความต้องการของผมมาก่อนความต้องการของตัวเองเสมอ ทำไมคนดีๆ แบบนี้ผมถึงไม่ยอมรักกันนะ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ


“แบบนี้ดีแล้วหรอครับพี่ธาม” เป็นผมดีแล้วจริงๆ หรอ?


[“ครับ แต่วันอาทิตย์พี่ขอไปด้วยได้มั้ย”] คำพูดของพี่ธามทำให้ผมรู้สึกงงจนถึงกับต้องขมวดคิ้ว


“ยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ”


[“พี่อยากจะขอตามไปดูห่างๆ แต่พี่รับปากเลยนะว่าจะไม่เข้าไปขัดขวาง หรือรบกวนการเดทของวากับโซ่แน่นอน พี่สัญญา”]


“พี่ธาม...” หัวใจของพี่ชอบความเจ็บปวดรึไงกันครับ “ผมว่าพี่อย่าไปเลยนะ พี่คงไม่อยากเห็นเวลาที่ผมอยู่กับไอ้พี่โซ่หรอกครับ”


[“แต่ว่าพี่เป็นห่วงวา”]


“โธ่พี่ธาม ยิ่งพี่ดีกับผมแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับพี่เลย ผมอยากให้พี่ได้เจอคนดีๆ อย่างน้อยก็ดีกว่าผมในตอนนี้” หรือเป็นคนที่รักพี่ก็พอ...


[“เป็นวาดีแล้วครับ เป็นวาดีแล้วจริงๆ...”]


แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมนานเป็นนาที อย่างผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะไม่คิดว่าตัวเองดีพอสำหรับพี่ธาม ส่วนพี่ธามก็คงจะรอคำตอบจากผม


แต่ผมไม่รู้จะตอบอะไรพี่ธามจริงๆ...


“สรุปว่าวันอาทิตย์ยังไงพี่ธามก็จะขอตามไปด้วยใช่มั้ยครับ” และในเมื่อไม่รู้จะตอบอะไร ผมจึงได้เปลี่ยนไปคุยอีกเรื่องซะเลย


“ครับ”


“แต่ผมยังไม่ได้นัดเวลาแล้วก็สถานที่กับไอ้พี่โซ่ ไว้เดี๋ยวรู้เมื่อไหร่ผมจะโทรบอกพี่ธามอีกทีนะครับ”


“ได้ครับ แล้วถ้าพี่อยากจะขอไปรับวาที่บ้านจะได้มั้ย ส่วนเรื่องหน้าที่ไปรับไปส่งวาที่ฝึกงานก็เหมือนกัน พี่อยากจะทำเหมือนเดิม ขอแค่เรื่องนี้ อย่าให้โซ่ทำหน้าที่นี้แทนพี่เลยนะ” ที่พี่ธามขอร้องแบบนี้อาจเป็นเพราะคิดว่า ถ้าหากไม่ได้ไปรับไปส่งผมคงไม่รู้จะหาเวลาและเหตุผลอะไรเพื่อมาเจอผมทุกวันล่ะมั้ง


พี่วิ่งตามผมแบบนี้ไม่เหนื่อยบ้างเลยรึไงนะพี่ธาม...


“ครับ แล้วเจอกันวันอาทิตย์” พอได้ยินผมรับปากแบบนี้น้ำเสียงของพี่ธามค่อยดีขึ้นมาหน่อย ซึ่งหลังจากนั้นเราสองคนก็คุยกันต่ออีกเล็กน้อย บอกราตรีสวัสดิ์กันก่อนนอนแล้วก็วางสายไป


ผมโทรหาพี่ธามใหม่ในวันต่อมา หลังจากที่นัดแนะเวลาและสถานที่กับไอ้พี่โซ่เรียบร้อย พี่ธามเลยบอกว่าสิบโมงตรงจะมารับผมที่บ้าน ซึ่งวันอาทิตย์ตอนสิบโมงพอดี๊พอดีพี่ธามก็มาถึง


แต่ไหง...


ทำไมอีตาพี่เชนถึงได้มาด้วยเนี่ย!


2BC


 :m1: เฮลโหลวววว สวัสดีค่าทุกคน Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 6 ก็จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้เชื่อว่าถ้าคนไหนอยู่ทีมพี่โซ่ก็คงจะอมยิ้มเพราะฟินกันบ้าง แต่ถ้าอยู่ทีมพี่ธามก็คงจะหน่วงกันไป  :hao5:
เชื่อว่าถึงตอนนี้ส่วนใหญ่ก็คงมั่นใจเกือบเต็มร้อยแล้วว่าใครคือพระเอก ถึงเค้าไม่ยืนยันแต่มันก็ชัดอยู่แล้วล่ะเนอะ เพราะงั้นทีมที่เรือจมบางคนเลยค่อนข้างนอยด์ ถึงกับขอเลิกอ่านไปก็มี  :m15: ฮืออออ อันนี้เค้าเจ็บปวดจริงๆนะ อยากให้อ่านกันให้จบจริงๆ เพราะนี่พึ่งจะแค่ครึ่งเรื่องเอง ยังมีเรื่องราวอะไรอีกหลายอย่างที่เค้าคิดว่าไม่น่าจะมีใครเดาออกแน่ๆ ยังไงก็อย่าพึ่งเทเรื่องนี้เพราะพระเอกกันเลยน้า  :dont2:
และนอกจากพระเอก ฝั่งนายเอกอย่างน้องวาก็มีหลายคนไม่ค่อยโอเคเหมือนกัน อาจจะเพราะสงสารพี่ธามด้วยมั้ง แต่เค้าก็ไม่อยากให้ไปเกลียดน้อง จริงๆน้องไม่ได้กั๊กเลย เป็นพี่ธามที่ยืดติดน้องมากจนไม่ยอมปล่อยน้องเองต่างหาก  :เฮ้อ: เฮ้ออออ ก็แอบสงสารพี่แกเนอะ แต่ไม่เป็นไร เค้าจะเสียสละตัวเองอาสาไปดามใจพี่ธามเอง ฮิ้วววววว  :haun5:
เอาล่ะค่ะ รู้สึกเค้าจะเริ่มนอกเรื่องแล้ว พูดมายาวมากแล้วด้วยคงจะเบื่อกันแล้วเนอะ 55555  :laugh: ยังไงก็ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ เค้าจะพยายามมาต่อในอีก 3 วันซึ่งก็คือวันเสาร์ แล้วมาลุ้นกันน้าว่าเดทของพี่โซ่กับน้องวา ที่มีพี่เชนกับพี่ธามคอยตามไปดูจะราบรื่นหรือวุ่นวายขนาดไหน บ๊ายบายยยย  :bye2:
(26 ก.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 23-09-2018 23:58:38
เสียใจ

วาเหมือนคนสร้างกำแพงหลอกความรู้สึกตัวเอง
ไม่รุ้ไม่ค่อยปลื้มคนนิสัยแบบนี้ หรือเรายังไม่เข้าใจในตัวชาก้ไม่รุ้

#.อิน
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-09-2018 02:48:29
ก็ยังไม่รู้ว่าโซ่จะจำวาได้หรือยังนะ ว่าเป็นคนเดียวกับโย  :hao4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-09-2018 08:57:06
จะใจแข็งไปได้เท่าไหร่วา
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-09-2018 13:21:53
ไม่น่ารอดแล้วล่ะน้องวา ใจน้องก็ยังหวั่นไหวกับพี่โซ่อยู่ แถมพี่ดันมาบอกชอบอีก
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: อีผี ที่ 24-09-2018 16:04:45
 :o8: :o8: เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเลยค่ะ








บาคาร่าออนไลน์ (https://www.gclub-bet.com/bacc1688)
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 24-09-2018 16:36:16
กลัววาจะเสียใจเอง
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-09-2018 17:20:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 24-09-2018 21:57:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [HEART] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 6# แกล้งเมาไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะครับ[23.9.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 26-09-2018 01:38:32
พี่โซ่เด่นแต่แรกยังไงก็พระเอกอยู่แระ ขอแต่ให้พี่ธามมีคู่เป็นพอ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 6 รถไฟชนกัน! [26.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-09-2018 21:43:33
ช่วงนี้พี่ธามแปลกๆ พูดเหมือนจะเริ่มตัดใจจากน้องวายังไงก็ไม่รู้ แอบสงสารพี่ธามอ่ะ ถ้ามันเจ็บมันฝืนก็พอเถ๊อะ  :sad4:

..
..
..
ว่าแต่พีธามคะ ให้พี่เชนดามใจก็ดีนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 6 รถไฟชนกัน! [26.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-09-2018 02:52:57
สงสารธามเนอะ ดีมีเชนไปเป็นเพื่อนด้วย  :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 6 รถไฟชนกัน! [26.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-09-2018 07:15:43
น่ากลัวพี่เชนจะเป็นตัวป่วนการเดทครั้งนี้ของน้องวาซะมากกว่าล่ะมั้งนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 6 รถไฟชนกัน! [26.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-09-2018 09:02:31
พี่เชนตามมาเพื่อ?
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 6 รถไฟชนกัน! [26.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-09-2018 12:31:42
บางที เวลา ก็อาจทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 6 รถไฟชนกัน! [26.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 27-09-2018 22:05:26
อยากอ่านพาร์ทพี่โซ่จัง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 29-09-2018 22:10:24
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 7# Wayo ดับเบิ้ลเดท?


“เอ่อ...ผมก็นึกว่าพี่ธามจะมาคนเดียว” ผมพูดอย่างเอ๋อๆ งงๆ เมื่อเดินเข้าไปหาพี่ธามที่กำลังยืนอยู่ข้างรถ ซึ่งรถก็ไม่ใช่รถของพี่เขาหรอก เป็นรถของพี่เชนที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ข้างใน


จะมาด้วยทำไมก็ไม่รู้!


“ตอนแรกพี่ก็ว่าจะมาคนเดียวนั่นแหละ แต่ไอ้เชนบอกว่าให้มันมาด้วยน่าจะดีกว่า เผื่อเกิดอะไรฉุกเฉินมันจะได้ช่วยทัน”


“อ๋อ ครับพี่ธาม” อ๋อไปงั้นแหละ ผมคิดไม่เห็นออกเลยว่ามันจะเกิดเรื่องฉุกเฉินได้ยังไง ผมว่าพี่เชนต้องมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงแน่ๆ แต่ประเด็นคือผมคิดไม่ออกนี่แหละ อีตานี่สีหน้าอ่านง่ายที่ไหน!


“งั้นเราไปกันเลยมั้ย”


“ครับพี่ธาม” พอผมพยักหน้าพี่ธามก็หันไปเปิดประตูรถที่เบาะหลังให้ ก่อนที่ผมจะทักทายพี่เชนตามมารยาท ส่วนพี่ธามก็ก้าวขึ้นไปนั่งยังเบาะหน้าคู่กับพี่เชน


“ไปพารากอนใช่มั้ย” พี่เชนถามผมโดยมองผ่านกระจก


“ครับ” ให้ตายสิผมไม่ชอบสายตาที่พี่แกมองมาชะมัด สายตาแบบนั้นมันคืออะไร เกลียดก็ไม่ใช่ ไม่ชอบก็ไม่เชิง นี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจพี่ธาม ผมคงจะกอดอกถามไปแล้วว่ามีปัญหาอะไรกับผมกันแน่!


เอ...จะว่าไปพอพูดถึงพี่ธามผมก็คิดเหตุผลอย่างหนึ่งได้ หรือที่พี่เชนดูไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่อาจเป็นเพราะผมยังไม่ยอมคบกับพี่ธาม ในมุมมองของพี่เชนอาจจะคิดว่าผมกั๊ก ผมเล่นตัว หรือว่าหลอกพี่ธามรึเปล่า อย่างบางทีก็มีเหมือนกันที่ผมจะโกรธคนอื่นแทนเพื่อน แล้วผมก็เชื่อว่าใครหลายๆ คนก็น่าจะเคยเป็น


อืม...อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ล่ะมั้งที่ทำให้พี่เชนไม่ค่อยชอบผม เพราะถ้าเป็นเหตุผลอย่างอื่นผมก็คิดไม่ออกแล้ว


เกือบชั่วโมงที่อยู่บนรถพวกเราไม่ได้คุยอะไรกันมาก อย่างพี่ธามกับพี่เชนก็ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว ส่วนผมที่แม้ปกติจะเป็นคนที่ค่อนข้างพูดมาก แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอึดอัดเลยขี้เกียจพูดอะไร เลยนั่งไถเฟซบุ๊กกับทวิตเตอร์จนไปถึงสยาม


“วานัดเจอโซ่ที่ไหน” พี่ธามถามผมเมื่อพี่เชนขับรถมาถึงพารากอน


“แถวลานน้ำพุครับพี่ธาม แต่เดี๋ยวผมขอลงไปก่อนนะ แล้วสักพักพี่ธามกับพี่เชนค่อยตามไป” ถ้าไปพร้อมกันเกิดไอ้พี่โซ่อยู่แถวนี้ผมจะโป๊ะแตกเอา


“ครับวา”


“งั้นเดี๋ยวสัก 5 นาทีเราค่อยลงไปแล้วกัน” พี่เชนพูดกับพี่ธาม ส่วนผมก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปยังจุดนัดพบ เพราะใกล้จะถึงเวลาที่นัดกับไอ้พี่โซ่แล้ว


ผมมาถึงก่อนเวลา 5 นาที แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นไอ้พี่โซ่ยืนรออยู่ใกล้ๆ ประตูทางเข้าห้างฯ แล้ว วันนี้ไอ้พี่มันดูแปลกตานิดหน่อยเพราะใส่ชุดไปรเวทไม่ใช่ชุดทำงาน ถึงแม้ผมจะหมั่นไส้และไม่ชอบไอ้พี่มัน แต่ผมก็ต้องยอมรับล่ะนะว่าวันนี้ความหล่อนั้นท็อปฟอร์มมาก ผู้หญิงที่เดินผ่านไปผ่านมาเกือบทุกคนต้องหันมองอะคิดดู


“มานานรึยังครับพี่โซ่” ผมพูดขึ้นเมื่อเดินไปอยู่ตรงหน้า ไอ้พี่มันที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่เลยสะดุ้งตกใจนิดๆ


“ไม่นานครับวา นี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”


“เมื่อกี้นี้แหละครับ”


“อ๋อ แล้ววาหิวมั้ย กินอะไรมาแล้วรึยัง”


“ยังเลยครับ พี่โซ่ล่ะ”


“ยังเหมือนกัน พี่ก็รอกินพร้อมวานั่นแหละ อยากกินอะไรบอกพี่ได้เลยไม่ต้องเกรงใจ อย่างที่บอกว่าวันนี้ฟรีตลอดทริป” ไอ้พี่โซ่ขยิบตา ทำป๋าซะจนผมรู้สึกหมั่นไส้


“งั้นพี่ก็เตรียมขายรถขายคอนโดได้เลย”


“กลัวที่ไหน” มีการทำลอยหน้าลอยตาอีกต่างหาก มันน่าล่อให้หมดตัวจริงจริ้งงงงง


“ผมไม่คุยกับพี่แล้วดีกว่า” แน่นอนว่าที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด ส่วนอีกเหตุผลก็เพราะพี่ธามกับพี่เชนเดินมาแล้ว สองคนนั้นทิ้งระยะห่างจากผมพอประมาณ เพราะงั้นไอ้พี่โซ่คงไม่น่าจะรู้ตัวหรอกมั้งว่าโดนแอบซุ่มดูอยู่


“ถ้างั้นเราไปหาอะไรกินกัน วาอยากกินอะไร”


“อาหารญี่ปุ่นก็แล้วกันครับ ร้านไหนก็ได้”


“โอเค ที่ชั้น 4 มีร้านอร่อยอยู่ร้านนึง ไปกันเลยมั้ย”


“ครับพี่”


แล้วผมก็เดินเข้าไปข้างในโดยมีไอ้พี่โซ่เดินอยู่ข้างๆ ตอนแรกก็แค่เดินข้างกันเฉยๆ แต่พอหลังมือเราแตะโดนกัน ไอ้พี่มันก็ดันเนียนจับมือของผมไปกุมเอาไว้ซะงั้น แถมพอผมแอบมองค้อนและจะชักมือออกก็ดันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เท่านั้นไม่พอ ยังมีการกุมมือของผมให้แน่นขึ้นอีกต่างหาก


 “มีคนมองมาทางเราด้วยนะครับพี่โซ่” ผู้ชายสองคนเดินจับมือกันมันปกติที่ไหนเล่า โอเคแหละคนที่มองก็ไม่ใช่ทุกคนที่เดินผ่านหรอก แต่ก็ไม่ใช่น้อยแถมยังแอบซุบซิบกันก็มี


“ถ้าวาอายพี่จะยอมปล่อยมือก็ได้ครับ”


“ผมไม่ได้อายหรอก” แต่แค่เขิน...เอ๊ย! ไม่ใช่สักหน่อย! ผมก็แค่กลัวพี่ธามจะนอยด์เท่านั้นหรอกน่า!


“พี่ก็เหมือนกัน พี่ไม่อายแล้วก็ไม่แคร์สายตาใครหรอก ที่พี่แคร์มีแค่วาคนเดียว” ไอ้พี่โซ่หันมายิ้มให้ผม คำพูดกับรอยยิ้มนั้นทำเอาผมถึงกับเผลอใจเต้นแรงและหน้าร้อนผ่าว แต่ก็แค่ 2 – 3 วินาทีเท่านั้นแหละ นั่นมันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกาย พอสมองของผมคิดได้ว่าไอ้พี่มันแค่สร้างภาพเป็นเทพบุตรผมก็แทบอยากจะอ้วก


เมื่อไปถึงร้านพนักงานก็พาผมกับไอ้พี่โซ่เดินเข้าไป ตอนนี้พึ่งจะ 11 โมงกว่าๆ ห้างฯ พึ่งเปิดคนเลยไม่ค่อยเยอะมาก ผมเลือกนั่งตรงมุมหนึ่งของร้าน ส่วนพี่ธามกับพี่เชนที่ตามเข้ามาทีหลังสักพักก็นั่งห่างไป 3 – 4 โต๊ะ ผมพยายามไม่หันไปมองทางนั้นเพราะกลัวไอ้พี่โซ่จะจับได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทางนั้นจะมองมาทางผมบ่อยขนาดไหนล่ะนะ


จากนั้นไม่นานพนักงานก็เดินมาพร้อมกับเมนู อาหารของที่นี่ราคาจะแรงกว่าร้านภูเขาที่ค่อนข้างโด่งดังพอสมควร ถึงผมจะเคยขู่ว่าจะทำให้ไอ้พี่โซ่หมดตัว แต่เอาจริงๆ ผมก็เกรงใจเลยสั่งอาหารเป็นเซตเล็กๆ แค่อย่างเดียว แต่ไอ้พี่มันที่กลัวผมจะไม่อิ่มเลยจัดการสั่งซาชิมิกับซูชิมาให้เพิ่มอีกเซต


รอไม่นานอาหารก็เริ่มทยอยกันมาเสิร์ฟ ซึ่งพอได้กินก็สมราคาเขาล่ะ นอกจากความสดใหม่แล้วรสชาติก็ยังอร่อยสุดๆ จนผมแทบน้ำตาไหล ความหวานและความนุ่มยังตราตรึงในปากแม้ว่าจะเดินออกจากร้านมาแล้วอะคิดดู


“ถ้าชอบเดี๋ยววันหลังพี่พามากินอีก” พอได้ยินแบบนั้นผมก็รีบหันไปพยักหน้าทันที ถึงแม้จะรู้ว่าไอ้พี่โซ่กำลังเอาของกินมาล่อซื้อผม แต่นาทีนี้ผมยอมมมมม ก็มันอร่อยจริงๆ อ่ะ คืออร่อยจนต้องร้องขอชีวิต


“ไปดูหนังกันต่อมั้ย”


“ก็ได้ครับ ผมไม่ได้ดูหนังนานแล้วเหมือนกัน” ถ้าจำไม่ผิดเรื่องที่ดูล่าสุดน่าจะเป็น 1 ในแก๊ง Avengers นี่แหละมั้ง


“แล้ววาชอบหนังแนวไหนเป็นพิเศษมั้ย”


“อืม...ไม่มีนะครับ ผมว่าผมชอบทุกแนวแหละถ้ามันสนุก อย่างหนังผีหรือซอมบี้นี่ผมก็ชอบ”


“วาไม่กลัวผีงั้นหรอ?”


“ไม่กลัวครับ”


“ว้า น่าเสียดาย นี่พี่กะว่าจะหลอกพาวาไปดูหนังผีสักหน่อย เผื่อจะกลัวจนกระโดดกอดพี่ในโรงไรงี้” ไอ้พี่โซ่ทำหน้าฝันสลาย ผมที่ได้ยินแบบนั้นเลยส่ายหน้าไปมา ไอ้พี่มันนี่ก็บ้าคิดไปได้เนอะ


“พอรู้ว่าผมไม่กลัวผีแบบนี้ แล้วพี่ยังคิดจะพาผมไปดูหนังอยู่อีกมั้ยครับ”


“ไปสิ เดี๋ยววัดดวงเอาเลยแล้วกัน เรื่องไหนฉายตอนนี้ก็ดูเรื่องนั้นเลยเนอะ”


“เอางั้นเลยหรอครับพี่” ชักหวั่นๆ แต่ก็แอบลุ้นและตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย


“เอางั้นแหละ ไปกันครับวา” แล้วไอ้พี่โซ่ก็จูงมือผมขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้น 5 ผมที่ชินแล้วกับการที่ถูกไอ้พี่มันจับมือจึงปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ว่าอะไร


พอขึ้นไปถึงพวกเราก็ดูโปรแกรมฉาย ผมแอบภาวนาให้หนังที่พวกเราจะได้ดูไม่ใช่หนังเฉพาะกลุ่ม หรือเป็นหนังเกรดบีที่ต้นทุนต่ำ พล็อตห่วย แสดงกาก กำกับแย่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าแต้มบุญผมจะยังมี อีก 5 นาทีหนังที่เข้าฉายนั้นเป็นหนังฝรั่งแนวแอคชั่นผสมคอมเมดี้ เห็นชื่อค่ายและนักแสดงก็มั่นใจได้เปลาะหนึ่งล่ะนะว่าหนังมันน่าจะโอเค


“สรุปเป็นเรื่องนี้เนอะพี่โซ่” ผมพูดชื่อหนังค่อนข้างดังเพื่อให้พี่ธามกับพี่เชนได้ยิน ซึ่งไอ้พี่โซ่ก็ดูจะงงหน่อยๆ แต่ก็ไม่น่าจะสงสัยอะไรเพราะแค่พยักหน้าไม่ได้ถามอะไรผมต่อ


ก่อนจะเข้าโรงเราสองคนต่อแถวซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นกันก่อน แน่นอนว่าน้ำน่ะต้องเป็นโค้ก ส่วนป๊อปคอร์นตอนแรกผมก็คิดว่าจะต้องกินผสม เพราะส่วนใหญ่ (วัดจากคนรอบตัวผม) ชอบกินรสชีสด้วยกันทั้งนั้น แน่นอนว่าพี่ธามก็ด้วย แต่ผมน่ะชอบกินรสหวาน แล้วก็บังเอิญที่ไอ้พี่โซ่ก็ชอบรสนี้เหมือนกัน เพราะงั้นทั้งถังเลยเป็นรสหวานอย่างเดียว ไม่ต้องผสมรสอื่นให้เสียอารมณ์เมื่อหลงหยิบเข้าปาก


หลังจากที่ซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นเสร็จแล้วผมกับไอ้พี่โซ่ก็เดินเข้าไปข้างใน ที่นั่งที่พวกเราจองไว้อยู่แถว A เกือบจะริมสุดเพราะจองก่อนหนังฉายไม่กี่นาที ส่วนพี่ธามกับพี่เชนที่เดินตามเข้ามาหลังพวกผมสักแป๊บนั้น...โอ้โห! ล่อโซฟาคู่เลยเรอะ! จะเกินหน้าเกินตาคู่ที่ตั้งใจมาเดทอย่างพวกผมเกินไปแล้วนะเนี่ย!


ผมว่านี่ต้องเป็นการเลือกของพี่เชนแน่ๆ เพราะตลอด 3 ปีที่มาดูหนังกับพี่ธามพวกเราก็นั่งแต่เก้าอี้ธรรมดา ไม่เคยนั่งเก้าอี้พิเศษหรือโซฟาคู่แบบนั้นเลยสักนิด ยิ่งกับพวกเพื่อนผมยิ่งไม่เคยมีความคิดที่จะนั่งด้วยเลย ก็นั่นมันเก้าอี้คู่รักที่เอาไว้สวีทกันชัดๆ พี่เชนคิดอะไรอยู่นะไม่รู้สึกขนลุกรึไง แต่บางทีคนรวยเวอร์วังอย่างพี่เชนอาจจะไม่อยากนั่งเก้าอี้แคบๆ แล้วก็เบียดกับคนข้างๆ ที่ไม่รู้จักก็ได้ล่ะมั้ง


“มีอะไรรึเปล่าครับวา” ไอ้พี่โซ่ยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูเมื่อเห็นผมมองพี่ธามกับพี่เชนอยู่หลายวิ เสียงอันทุ้มต่ำแถมยังกระเส่านิดๆ เล่นเอาผมถึงกับใจหวิวขึ้นมาเลย


“ปะ...เปล่าครับพี่โซ่” แล้วผมจะหน้าร้อนขึ้นมาทำไมฟะเนี่ย!


“รู้จักสองคนนั้นหรอ?” คำถามของไอ้พี่โซ่ทำให้ผมถึงกับใจหล่นวูบ พี่ธามที่เห็นว่าไอ้พี่โซ่หันไปมองก็ถึงกับตัวเกร็ง ผิดกับพี่เชนที่นั่งอย่างชิลๆ ทั้งยังไขว่ห้างแล้วก็วาดมือไปกอดไหล่ของพี่ธามอีกด้วย


แต่คือผมงงว่าจะกอดทำไมครับพี่?


“ไม่ครับ ผมไม่รู้จักครับ ที่ผมมองก็เพราะคิดว่าโซฟามันน่าจะนั่งสบายดีเฉยๆ” ผมพยายามเก็บความตื่นตระหนกและลนลานเอาไว้สุดขีด


“งั้นเดี๋ยวครั้งหน้าที่มาดูหนังเราค่อยนั่งโซฟาก็แล้วกันนะครับ” ไอ้พี่มันนี่ก็เนียนรวบรัดให้ผมมาเดทครั้งหน้าด้วยตลอดดดด


“โอเคครับพี่” ผมหันไปยิ้ม (แห้งๆ) ใส่ไอ้พี่โซ่ ก่อนที่จะหันไปมองหน้าจอแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาดูตัวอย่างหนัง ซึ่งหลังจากนั้นสัก 20 นาทีหนังก็เริ่มฉาย


ตลอด 2 ชั่วโมงผมไม่ได้หันไปมองพี่ธามกับพี่เชนอีกเลย แต่ผมก็พอจะเดาออกว่าพวกพี่เขาโดยเฉพาะพี่ธามคงจะมองมาที่ผมตลอด แต่ผมก็ไม่อยากให้ไอ้พี่โซ่สงสัยไปมากกว่านี้ก็เลยตั้งใจดูหนัง แต่ไอ้พี่มันนี่ยังไง ขยันก้มหน้ามากระซิบคุยเรื่องหนังใกล้ๆ หูผมบ่อยๆ แถมยังบ่นว่าเมื่อยแขนเลยขอเหยียดโดยการสอดมาหลังต้นคอ อย่างนี้มันก็เท่ากับว่ากำลังโอบไหล่ไม่ก็กอดผมอยู่ชัดๆ!


แต่ถ้าคิดว่าหมดแค่นั้นล่ะก็ยัง เพราะไอ้พี่มันยังมีมุกเด็ดในสต็อก ซึ่งก็มีตั้งแต่...


“วาเอียงมาซบไหล่พี่หน่อยได้มั้ย นั่งตรงๆ พี่ชักเมื่อยคอเลยอยากจะเอียงซบวาสักหน่อยน่ะครับ” ไอ้ผมที่ชักจะเมื่อยๆ เหมือนกันก็เลยยอมทำอย่างช่วยไม่ได้ พอเห็นอย่างนั้นไอ้พี่โซ่เลยยิ่งได้ใจ ถึงได้เรียกร้องอ้อนผมมากขึ้น


“พี่อยากกินป๊อปคอร์นจังครับ แต่แขนพี่ขยับไม่ได้วาช่วยป้อนพี่หน่อยสิ” ตอนแรกผมก็นั่งเฉยๆ แต่พอไอ้พี่มันหันหน้ามาทางนี้ แถมยังขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากจะจุ๊บหน้าผากของผมอยู่แล้ว ผมก็เลยต้องยอมป้อนอย่างช่วยไม่ได้


แต่ทั้งที่ผมคิดว่ามุกของไอ้พี่มันจะหมดแค่นั้น.........ยังครับ! ยังมีเหลืออีก!


“ทีนี้พี่เริ่มคอแห้งแล้ว วาช่วยป้อนน้ำพี่หน่อยนะ...นะครับเด็กดี”


‘โว้ยยยยยย! แขนอีกข้างก็มีหรือว่าพี่เป็นง่อยวะครับ!’ ใจจริงผมก็อยากจะวีนไปแบบนั้น แต่ที่ผมทำก็คือการหยิบแก้วน้ำไปป้อนไอ้พี่โซ่โดยที่ไม่ได้พูดอะไร


แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ได้แพ้เสียงทุ้มๆ แล้วก็ลูกอ้อนของไอ้พี่มัน ผมก็แค่ไม่อยากให้คนในโรงที่ตั้งใจมาดูหนังเสียอรรถรสหรอกน่า!


แล้วหลังจากนั้นผมก็ต้องป้อนน้ำป้อนป๊อปคอร์นไอ้พี่โซ่วนไป จนกระทั่งหนังจบนั่นแหละเวรกรรมของผมถึงได้หมดลง โดนไอ้พี่มันเอาคืนซะคุ้มกับเงินที่จ่ายเลยให้ตาย!


“หนังสนุกดีนะว่ามั้ยครับวา” ไอ้พี่โซ่พูดกับผมในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินออกจากโรงเมื่อดูหนังจบ ส่วนพี่ธามกับพี่เชนผมเห็นเดินตามหลังปะปนกับคนอื่นๆ ออกมา โดยทิ้งระยะห่างพอสมควร


“ก็สนุกดีครับ” แต่จะสนุกกว่านี้ถ้าพี่ไม่เอาแต่แต๊ะอั๋งผม แล้วก็ให้ผมเอาแต่ป้อนน้ำป้อนป๊อปคอร์นอย่างกับนางสนมปรนนิบัติฮ่องเต้ตลอดทั้งเรื่อง!


“แล้วนี่วาอยากไปไหนต่อมั้ย” ณ จุดๆ นี้คืออยากไปให้ไกลพี่อะ! แต่ก็นะ...ผมตอบอย่างนั้นได้ที่ไหนกันเล่า


“ผมอยากเดินดูหนังสือสักหน่อย แล้วก็อยากไปกินพวกของหวานอะครับ” ไม่ว่าจะตอนอ้วนหรือผอม แต่ของหวานก็ยังเป็นของที่ผมชอบอยู่ดี


“โอเค งั้นเราลงไปข้างล่างกัน” ผมจะไม่โอเคก็ตรงที่พี่จับมือผมแล้วจูงลงไปข้างล่างนี่แหละ ตอนเด็กๆ ขาดความอบอุ่นไม่เคยมีใครจูงมือรึไง โตขึ้นถึงได้เอาแต่จูงมือผมไปไหนมาไหนแบบนี้เนี่ย


กว่าที่ไอ้พี่โซ่จะปล่อยมือผมได้ก็ตอนถึงร้านแล้วผมต้องหยิบหนังสือขึ้นมาดู ก็ยังดีที่ตอนเดินเลือกไอ้พี่มันไม่ได้เข้ามากวนแต่อย่างใด ผมเลยสามารถเลือกหนังสือได้อย่างสบายใจ แถมยังมีโอกาสส่งไลน์หาพี่ธามที่อยู่ข้างพี่เชนไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวผมด้วย


‘ผมว่าไอ้พี่โซ่กำลังสงสัยเรื่องพี่กับพี่เชน’


ผมมีเวลาไม่มากเลยพิมพ์สั้นๆ แล้วก็รีบกดส่งในจังหวะที่ไอ้พี่โซ่หันไปทางอื่น เมื่อส่งเสร็จแล้วผมก็เลือกหนังสือต่อไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แอบเหลือบไปมองไอ้พี่โซ่ว่ามีปฏิกิริยายังไง เมื่อเห็นไม่มีอะไรแปลกไปยังคงหาหนังสืออ่านฆ่าเวลาผมก็ค่อยโล่ง


คราวนี้ผมแอบเหลือบไปทางพี่ธามบ้าง เมื่อได้อ่านข้อความของผมสีหน้าก็ดูกังวลนิดหน่อย จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ไปให้พี่เชนดู แต่พี่เชนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรแม้แต่น้อย ทั้งยังอมยิ้มที่มุมปากนิดๆ แล้วเอียงหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูของพี่ธามที่สูงห่างกันไม่กี่เซนติเมตร พี่ธามที่พอได้ฟังก็ทำหน้าตกใจในตอนแรก แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยอมพยักหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้


นี่พี่เชนกระซิบอะไรกับพี่ธามมมมมมมมมมมมม!


ให้ตายสิ จะถามไปตรงๆ ก็ไม่ได้ แต่ถ้าจะส่งไลน์ถามผมก็ทำไม่ได้อีก เพราะตอนนี้ไอ้พี่โซ่กำลังหันมองมา... อ๊ะ! แล้วกัน ไอ้พี่มันดันเดินตรงมาทางนี้ด้วย


“เป็นอะไรไปครับวา พี่เห็นทำหน้าแปลกๆ”


“หา? อะ...เอ่อ...ผมเจอหนังสือที่กำลังหาพอดีน่ะครับ” แล้วผมก็หยิบหนังสือที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาหนึ่งเล่ม


“วาแน่ใจนะว่าเล่มนี้?”


“ก็ต้องแน่ใจ............ว้ากกกกก! ไม่ใช่ครับไม่ใช่!” หนังสือมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องไปหยิบ ‘คัมภีร์จีบผู้ชาย’ มาด้วยฟะเนี่ย! แม่มรีบเก็บเข้าที่แทบไม่ทัน


“อย่างวาไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือเล่มนั้นก็ได้ ก็บอกแล้วไงว่าทั้งตัวทั้งใจพี่ให้วาไปหมดแล้ว” ไอ้พี่โซ่พูดยิ้มๆ แล้วก้มหน้าลงมาใกล้ๆ กวนประสาทซะจริงไอ้พี่บ้านี่!


“ผมว่าผมไปเลือกหนังสือทางนู้นดีกว่า” พูดจบผมก็เบี่ยงตัวออกมาแล้วไปทางมุมการ์ตูนญี่ปุ่น ก่อนจะเจอโคนันเล่มล่าสุดที่วางแผงพอดี ไอ้เด็กนี่อยู่ ป.1 มาตั้ง 20 ปีแล้วนะ เมื่อไหร่จะได้เลื่อนชั้นสักทีก็ไม่รู้ แต่ก็นะ...บ่นไปงั้นแหละผม ยังไงก็ซื้อต่ออยู่ดี ก็การ์ตูนมันสนุกนี่นา


หลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อยผมกับไอ้พี่โซ่ก็ตรงไปยังร้านขนมหวาน ที่นี่มีทั้งเค้ก โทส ไอศกรีม บราวนี่ บิงซู และขนมอีกหลายอย่าง เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ที่อยู่บนโลกสำหรับผมก็ว่าได้


วันนี้เป็นไงเป็นกัน ต่อให้เบาหวานเข้าความดันขึ้นผมก็ไม่ถอย!


“วาไม่ต้องสั่งเผื่อพี่นะครับ เดี๋ยวพี่ชิมกับวาอย่างละคำสองคำพอ” ไอ้พี่โซ่พูดกับผมเมื่อเราสองคนเดินเข้ามานั่งในร้าน ท่าทางจะยังอิ่มป๊อปคอร์นไม่หาย แน่ล่ะ ก็เล่นให้ผมป้อนเอาๆ ขนาดนั้น


“โอเคครับ” แล้วผมก็จัดการสั่งชีสเค้กกับบิงซูชุดใหญ่มา ก่อนที่ไม่ถึงนาทีพนักงานจะเดินเอาชีสเค้กที่ผมสั่งไปมาเสิร์ฟเพราะมีอยู่ในตู้อยู่แล้ว ส่วนบิงซูน่าจะต้องรอสัก 10 นาทีเพราะต้องทำใหม่จากเครื่อง


“อร่อยมั้ยครับ” ไอ้พี่โซ่ถามหลังจากที่ผมตักชีสเค้กเข้าปากไปคำแรก อา...ความเข้มข้นแต่ก็เนียนนุ่มจนแทบละลายในปากนี่มันสวรรค์ชัดๆ


“อร่อยมากครับพี่โซ่” ผมตอบทั้งที่กำลังหลับตาพริ้มและยิ้มหวานด้วยความฟิน


“ถ้างั้นพี่ขอชิมคำนึงสิ”


“เชิญเลยครับพี่” ยังไงมื้อนี้พี่ก็จ่ายผมไม่หวงอยู่แล้ว เพราะงั้นผมเลยเลื่อนจานเค้กไปตรงหน้าไอ้พี่โซ่ แต่ก็โดนไอ้พี่มันเลื่อนคืนมาไว้ตรงหน้าผม


“ถ้าวาป้อนพี่คิดว่ามันต้องอร่อยกว่าเดิมแน่ๆ” ให้ตายสิ! สรุปว่าพี่เป็นง่อยจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย!


แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ มื้อนี้ไอ้พี่มันก็เป็นคนจ่าย เพราะงั้นผมก็จะป้อนเค้กหนึ่งคำ (ซึ่งก็อาจจะต้องป้อนบิงซูด้วยมั้ง) เป็นการตอบแทนก็แล้วกัน


“อืม...อร่อยอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย” ไอ้พี่โซ่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากที่ผมป้อนชีสเค้กให้กิน ส่วนผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วลงมือกินชีสเค้กตรงหน้าต่อไป


ในระหว่างนั้นเราสองคนไม่คุยอะไรกัน เพราะผมกำลังจดจ่อและตั้งใจลิ้มรสความอร่อยของชีสเค้ก ส่วนไอ้พี่โซ่ผมก็เห็นมองอะไรอยู่แต่ผมไม่ได้สนใจ จนกระทั่งผมกินชีสเค้กหมดและพนักงานเอาบิงซูมาเสิร์ฟนั่นแหละ ไอ้พี่โซ่ถึงได้พูดกับผม


“วาเห็นผู้ชายสองคนที่นั่งโต๊ะตรงนั้นมั้ย”


“หืม? ไหนครับ” แล้วผมก็หันมองไปทางด้านหลังตามสายตาของไอ้พี่โซ่................โอ้มายก็อด! ไอ้พี่มันหมายถึงพี่ธามกับพี่เชน!


“ทะ...ทำไมหรอครับ” ผมรีบหันกลับมาแล้วพยายามถามด้วยเสียงปกติ แม้ว่าผมจะรู้สึกตกใจสุดๆ จนแทบพ่นบิงซูออกมาก็ตาม


“สองคนนั้นคือคนที่นั่งโซฟาคู่ในโรงหนัง” มืดขนาดนั้นก็ยังจำหน้าได้อีกนะ วิญญาณคุโด้ ชินอิจิ เข้าสิงพี่รึไง!


“จริงหรอครับ? ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ผมทำหน้างงแม้ว่าจะแอบปาดเหงื่อที่กำลังไหลออกมา อากาศก็หนาว บิงซูก็เย็น แต่ผมดันเหงื่อออกได้ไงฟะเนี่ย!


“ไม่ใช่แค่ในโรงหนังนะ แต่ตอนอยู่ที่ลานน้ำพุกับร้านหนังสือสองคนนั้นก็อยู่ใกล้ๆ เราด้วย” ถ้าจะสังเกตขนาดนี้ ผมว่าพี่ลาออกจากบริษัทแล้วไปเป็นนักสืบเถอะครัช!


“อาจจะแค่บังเอิญก็ได้มั้งพี่”


“แต่พี่ว่าไม่นะ พี่ว่าสองคนนั้นตั้งใจตามพวกเรา” พระเจ้าครับ! ตอนนี้ผมแทบจะหยุดหายใจอยู่แล้ว!


“ตะ...ตามหรอครับ พวกพี่เขาจะตามพวกเรามาทำไม ระ...หรือว่าพวกพี่เขาจะเป็นเพื่อนพี่โซ่รึเปล่า ดูท่าทางน่าจะรุ่นๆ เดียวกันนะครับ”


“พี่ก็พยายามคิดอยู่นะ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก พี่ว่าพี่ไม่เคยมีเพื่อนหน้าตาแบบนี้”


“งะ...งั้นหรอครับ”


“แล้วถ้าพี่มองไม่ผิด ผู้ชายเสื้อขาวจะชอบมองมาที่วาบ่อยๆ ด้วย” เอาแล้วววววว ยิ่งไอ้พี่โซ่พูดแบบนี้เหงื่อของผมมันก็ยิ่งไหลออกมาอย่างกับน้ำก๊อก ตอนนี้ถ้าผมแกล้งตายมันจะทำให้รอดมั้ยเนี่ย!


“เอ่อ...คือ...” ที่ผมคิดอะไรไม่ออกแบบนี้อาจเป็นเพราะสมองหยุดทำงาน แต่ไม่สิ สมองของผมมันอาจจะลาตายไปแล้วก็ได้!


“แต่พี่คิดว่าบางทีพี่อาจจะคิดมากไป”


หืม? นี่ผมฟังผิดไปใช่มั้ย? ทำไมไอ้พี่โซ่ที่สงสัยมาตลอดถึงสรุปเอาว่าเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?


“ทำไมล่ะครับ” ความจริงผมควรจะเออออแล้วปล่อยผ่านไป แต่ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสัยไม่อยากให้อะไรคาใจผมก็เลยต้องถาม


“วาลองหันไปดูสองคนนั้นใหม่สิ” ถึงจะงงแต่ผมก็หันไปตามที่ไอ้พี่โซ่บอก ก่อนจะพบว่า...พี่ธามที่ไม่รู้ว่าย้ายไปนั่งข้างพี่เชนเมื่อไหร่ กำลังป้อนบิงซูให้กินอย่างกระหนุงกระหนิงกระดิ่งแมว!


พรวด!


น้ำเปล่าที่หยิบขึ้นมาจิบเพราะคอแห้งเมื่อกี้ถึงกับพุ่งเลยสิครัช!


“เป็นอะไรรึเปล่าวา!” ไอ้พี่โซ่ถามผมด้วยความเป็นห่วงและตกใจ ส่วนผมก็ไอค่อกๆ แค่กๆ อยู่อย่างนั้นเกือบนาที


พี่ธามผีเข้ารึไงถึงได้ไปป้อนบิงซูให้พี่เชนกิน! ขนาดผมที่ตามจีบมา 3 ปียังไม่เคยมีโมเมนต์นั้นเลยสักครั้ง!


“แค่กๆ อะ...โอเคแล้วครับพี่โซ่” เมื่อเห็นผมตอบแบบนั้นไอ้พี่มันก็โล่งใจ


“แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้สำลักน้ำแบบนั้นได้ล่ะ”


“เอ่อ...คือ...”


“หรือเพราะไม่คิดว่าจะมีใครเปิดเผยขนาดนั้นก็เลยตกใจ”


หืม? เปิดเผย? เปิดเผยอะไร?.....................................อ๋อ! ผมเข้าใจแล้ว! ที่แท้พี่ธามกับพี่เชนก็แกล้งเป็นแฟนกัน! ที่พี่เชนกระซิบข้างหูพี่ธามตอนนั้นก็เพราะเสนอความคิดนี้แน่!


“ใช่! ใช่แล้วครับพี่โซ่! ก็แหม...ใครจะไปคิดล่ะครับว่าพวกพี่เขาจะเปิดเผยขนาดนั้น สวีทกันไม่แคร์เวิลด์เลยเนอะ ดูสิครับ น่ารักเชียว” น่ารักกับผีอะไรเล่า! ผู้ชายตัวโตๆ สองคนมานั่งมุ้งมิ้ง ป้อนขนมป้อนบิงซูมันจะมีความน่ารักที่ไหน จริงอยู่ว่าพี่ธามจะตัวบางและเตี้ยกว่าพี่เชนหน่อย แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงฝ่ายรับเอวบางร่างน้อยเลยสักนิด


“พอเห็นสองคนนั้นสวีทกันพี่ก็ชักอิจฉา อยากให้วาป้อนพี่บ่อยๆ เหมือนผู้ชายเสื้อขาวจังเลยน้า” เวร! ออกจากโหมดนักสืบก็กลับสู่โหมดออดอ้อนเลยนะไอ้พี่บ้านี่


“มือมีก็ตักกินเองสิเป็นง่อยรึไง”


“วาว่าไงนะครับ?” แน่นอนว่าเมื่อกี้ผมแค่พูดงึมงำกับตัวเองเท่านั้นไม่ได้พูดดังหรอก


“ผมบอกว่าถ้าพี่โซ่อยากกินเดี๋ยวผมป้อนก็ได้ครับ” เปลี่ยนสีไวกว่ากิ้งก่าก็ผมนี่แหละ จากที่แอบเบ้ปากผมก็ยิ้มหวานแล้วตักบิงซูป้อนไอ้พี่โซ่ไป เกิดไอ้พี่มันนึกสงสัยอะไรขึ้นมาอีกก็ซวยกันพอดี เพราะงั้นเอาใจไอ้พี่มันให้จบๆ ไปก็แล้วกัน


และนอกจากผมพี่ธามก็กำลังคิดแบบเดียวกัน เลยตั้งหน้าตั้งตาเอาใจพี่เชนเพื่อความแนบเนียน แต่ผมกับพี่ธามหารู้ไม่ว่า ไอ้พี่โซ่กับพี่เชนได้คิดกันไปอีกอย่าง แล้วถ้าผมรู้จักสังเกตสักนิดก็จะเห็นเลยว่าสองคนนั้นแอบสบตากัน แถมยังยกยิ้มที่มุมปากออกมานิดๆ อีกต่างหาก!


2BC


 o15 ฮัลโหลววววว สวัสดีค่าทุกคน พบกับเค้าแบบนี้ก็แสดงว่า Trap หัวใจพ่ายรัก ได้จบลงไปแล้วน้า นี่ก็เป็นตอนที่ 7 แล้ว เลยครึ่งเรื่องมานิดนึงแล้วล่ะคะ แถมยังมีเรื่องที่น่าสงสัยเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เรื่อง แล้วมาลุ้นกันต่อไปนะคะว่าสรุปเรื่องพี่เชนกับพี่โซ่นี่มันยังไงกันแน่  :m1:
ตอนแรก Trap ทุกคนคงจะคิดว่าเป็นกับดักของน้องวา แต่ตอนนี้อาจจะเริ่มลังเลแล้วสินะว่าเป็นกับดักของใครกันแน่ แต่อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องที่แน่นอนอยู่น้า นั่นก็คือที่ใครเป็นพระเอกเรื่องนี้ยังไงล่ะ!  :a9:
ก่อนอื่นเราก็ต้องขอโทษคนที่ลงเรือธามวาด้วยนะคะ คงจะเฟลกันน่าดูเนอะ แต่ก็หวังว่าจะไม่เทเรื่องนี้กันน้า กอดขาของทุกคนแน่นมาก ยังไงก็เปิดใจให้พี่โซ่นิดนึงเนอะ ส่วนพี่เชนกับพี่ธาม...อืม...อาจจะเป็นมิตรภาพของลูกผู้ชายก็ได้เนอะ  :hao3:
ส่วนตอนหน้าเจอกันวันศุกร์นะคะ ค่ำๆหรือดึกๆเจอกันเหมือนเดิม แล้วมาลุ้นและเป็นกำลังใจให้พี่โซ่กับน้องวาด้วยนะคะ (ต้องรวมพี่เชนกับพี่ธามด้วยมั้ย?) ถ้าหากชื่นชอบก็คอมเมนท์หรือเข้ามาเม้ามอยที่แฟนเฟจของเค้าได้น้า กอดดดดด  :กอด1:
(2 ต.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 29-09-2018 22:31:25
 :hao5:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-09-2018 02:09:20
ตกลงใครอ่อยใคร   :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-09-2018 08:33:53
ดับเบิ้ลเดตจริงจัง พี่เชนนี่โอบไหล่พี่ธามแสดงความเป็นเจ้าของเหรอคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 30-09-2018 09:20:38
ดูน้องวาจะเต็มใจให้พี่โซ่เต็มที่ พี่ธามคงเป็นสายเอ็มสินะ ตามมาดูภาพบาดตาบาดใจได้เนี่ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-09-2018 12:09:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-09-2018 12:32:09
เดท ซ้อน เดท ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 30-09-2018 20:49:45
โอ้ยพี่โซ่ ก็อมยิ้มนะแต่หมั่นไส้มากกว่าอ่ะ55
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 01-10-2018 18:32:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 ดับเบิ้ลเดท? [29.09.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-10-2018 09:00:37
คู่ที่ตามมามันน่าสงสัย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 แกล้งเป็นแฟน [02.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 02-10-2018 22:18:28
พี่เชนพี่ธามหวานแซงหน้าพี่โซ่น้องวาไปแล้วค่า ฮาาาาาาาาา  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 แกล้งเป็นแฟน [02.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-10-2018 00:10:19
พี่โซ่กับพี่เชนรู้จักกัน?
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 แกล้งเป็นแฟน [02.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-10-2018 03:43:10
เพื่อนสนิทกันแน่ ๆ เพื่อนโซ่ เพื่อนเชน  o18
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 แกล้งเป็นแฟน [02.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 03-10-2018 17:32:03
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 แกล้งเป็นแฟน [02.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 03-10-2018 21:26:27
พี่โซ่พี่เชนร้ายกาจ!!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 แกล้งเป็นแฟน [02.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 04-10-2018 15:07:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 7 แกล้งเป็นแฟน [02.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-10-2018 15:17:37
คงเป็น พี่ห่วงน้อง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 ค่าเปิดปาก [06.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 06-10-2018 20:07:04
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 8# Wayo ค่าเปิดปาก


   หลังจากนั้นเวลาที่ผมไปเดทกับไอ้พี่โซ่ก็จะมีพี่ธามและพี่เชนตามไปด้วยเสมอ คือผมก็พยายามห้ามแล้วนะเพราะกลัวพี่ธามจะเจ็บ แต่พี่ธามก็บอกไม่เป็นไรและยืนยันที่จะไป พอได้ยินแบบนี้แล้วผมจะห้ามอะไรได้อีกล่ะ แต่ประเด็นคือพี่เชนนี่สิที่จะตามมาเพื่อ งานการไม่มีทำรึไงก็ไม่รู้ถึงว่างมาเป็นเพื่อนพี่ธามได้ตลอด ต้องขอบคุณแต้มบุญจริงๆ ที่ไอ้พี่โซ่ไม่คิดสงสัย


   อ้อ แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่า ถึงจะไปเดทกันเกือบทุกอาทิตย์ผมก็ยังไม่เลื่อนขั้นให้ไอ้พี่โซ่หรอก ตอนนี้เป็นแค่พี่น้องไม่มีมากกว่านั้น ก็แหม...ยิ่งต้องพยายามมากไอ้พี่มันก็จะยิ่งหลงผมหนักรักผมมากใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นมันก็ต้องเล่นตัวกันหน่อย


   เวลาอยู่ด้วยกันข้างนอกกับที่ทำงานไอ้พี่โซ่จะปฏิบัติกับผมต่างกัน อย่างถ้าอยู่ข้างนอกไอ้พี่มันก็จะสกินชิพผมหนักมาก แต่ถ้าอยู่ที่ทำงานก็จะลดลงมาเพื่อไม่ให้ใครรู้ ถึงไอ้พี่มันจะบอกว่าเพื่อหวังดีกับตัวผม แต่เชื่อเถอะ ไอ้พี่มันกลัวจะโดนนินทาและความนิยมจะตกมากกว่า


   ถ้าจะไม่เชื่อและบอกว่าผมอคติก็ดูนู่น ยิ้มหวานโปรยเสน่ห์แล้วก็ทำเป็นอาสาไปช่วยงานกลุ่มพี่ผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้น อยากจะไปใกล้ชิดและอยู่ท่ามกลางสาวๆ ล่ะสิไม่ว่า!


   “น้องวาๆ ตอนนี้ว่างปะมาช่วยนี่พี่หน่อย” พี่ฟลุคกวักมือเรียกผมหยอยๆ ผมที่กำลังนั่งว่างๆ และเบื่อเอามากๆ เลยรีบเดินไปหาพี่แกที่โต๊ะ


   “มีอะไรให้ช่วยครับพี่ ตอนนี้ผมว่างสุดๆ เลย”


“งานลูกค้าที่ผอ.พึ่งให้มา แต่ว่าพี่มีงานค้างอยู่เลยไม่ว่าง ถ้าจะให้น้องมิ้งทำมันก็...” แล้วพี่ฟลุคก็ยิ้มแห้งๆ ผมล่ะสงสารพี่แกจริงจริ้งที่ต้องเป็นพี่เลี้ยงของมิ้ง ซึ่งตอนนี้คงจะหนีไปนั่งเมาท์กับเด็กฝึกงานของแผนกไหนสักแผนกนั่นแหละมั้ง


ช่วงเช้าก็เอาแต่อ่อยไอ้พี่โซ่ ส่วนช่วงบ่ายก็หนีไปเมาท์ที่แผนกอื่น ชีวิตของยัยนี่จะบันเทิงเริงรื่นเกินไปแล้ววววววว


“เดี๋ยวผมช่วยเองครับพี่ฟลุค แล้วนี่ลูกค้าจะเอาวันไหนครับ”


“จันทร์หน้านู้น วันนี้พึ่งวันศุกร์เองเพราะงั้นน้องวาทำชิลๆ ก็ได้ แล้วถ้ามีเรื่องสงสัยหรืออยากรู้อะไรก็ถามพี่จ๋าได้เลย งานนี้พี่กับพี่จ๋ารับผิดชอบคนละครึ่ง”


“โอเคครับ”


“ขอบใจมากนะน้องวา จบงานแล้วเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงหนม”


“งั้นผมจะทำอย่างสุดความสามารถเลยครัช!” ผมตะเบ๊ะท่าแบบทหารอย่างขึงขัง พี่ฟลุคเลยหัวเราะอย่างขำๆ แล้วยื่นงานให้ผม


ตลอดทั้งบ่ายผมโทรติดต่อลูกค้าและหาข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมาย เมื่อมีตรงไหนไม่เข้าใจผมก็จะถามไอ้พี่โซ่เพราะอยู่ข้างๆ ซะก่อน แต่ถ้าไอ้พี่มันไม่แน่ใจผมถึงจะเดินไปถามพี่จ๋าที่โต๊ะอยู่ห่างออกไปหลายบล็อก จนกระทั่ง ประมาณ 4 โมงนิดๆ ผมถึงได้ลงมือทำ แต่ว่าก็เริ่มไปได้ไม่กี่นาทีเท่านั้นพี่ฟลุคก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบมาหาผม


“งามไส้แล้วน้องวา! ผอ.มาบอกพี่ใหม่ว่าลูกค้าจะเอางานจันทร์นี้ไม่ใช่จันทร์หน้านู้น!”


“หา! จริงดิพี่!”


ด้วยเหตุนี้พี่ฟลุคเลยเทงานที่ทำค้างอยู่แล้วดึงงานนี้กลับไปทำเอง ผมที่เห็นว่าพี่แกรวมถึงพี่จ๋าที่ทำคู่กันกำลังหัวหมุนเลยเข้าไปช่วยอีกแรง แต่ก็แน่นอนล่ะมีเวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ มันจะไปเสร็จทันได้ยังไง ต่อให้มีคนเพิ่มอีก 10 ยังไงก็ไม่มีทางทัน


“จ๋ากับฟลุค ผมขอความร่วมมือทำโอทีงานนี้ให้เสร็จก่อนวันจันทร์ตอน 9 โมงด้วยนะ” ผอ.เดินมาหาพวกพี่เขาด้วยใบหน้าดุดัน แต่ไอ้ขอความร่วมมืออะไรนั่นมันก็คือคำสั่งดีๆ นี่แหละ


“แต่ถึงจะทำโอทั้งวันทั้งคืนผมว่ามันก็ไม่ทันหรอกครับ ผอ.ช่วยพูดกับลูกค้าว่าขอเลื่อนเป็นสักวันพุธได้มั้ย” พี่ฟลุคต่อรอง


“ไม่ได้หรอก งานนี้ผู้ใหญ่เขาสั่งผมลงมาอีกที” พอได้ยินแบบนี้พี่ฟลุคกับพี่จ๋าก็ทำหน้าเหมือนอยากลาตาย ผมที่รู้สึกเห็นใจและกำลังหาโปรเจคงานที่ต้องเขียนลงในรายงานการฝึกพอดี เพราะเหลืออีกแค่ 1 เดือนเท่านั้นการฝึกงานก็จะจบลง ผมเลยยกมืออาสาจะช่วยพวกพี่เขาอีกแรง


“ผมขอช่วยพวกพี่เขาได้มั้ยครับ ยังไงงานนี้ผมก็ได้ช่วยทำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เท่านั้นแหละจากที่ทำหน้าซังกะตาย พี่ฟลุคกับพี่จ๋าก็ทำตาลุกวาวเหมือนเทวดามาโปรดทันที


“ได้จริงๆ หรอน้องวา!”


“จริงสิครับพี่ฟลุค”


“งั้นผมขออยู่ช่วยอีกคนนะครับ” ทายซิว่าเสียงใคร? ก็ไอ้พี่โซ่ไงจะใครล่ะ!


“น้องโซ่ของพี่ นอกจากจะหล่อแล้วยังมีน้ำใจขนาดนี้ไม่เสียแรงเลยที่พี่รัก” พี่จ๋าส่งสายตาหวานซึ้งไปให้ ส่วนไอ้พี่โซ่ก็ยิ้มโปรยเสน่ห์ตามสไตล์ ผมล่ะหมั่นไส้จริงจริ้งงงงงง


“ก็ถ้าโซ่ยินดีมาช่วยผมก็ไม่มีปัญหา เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะทำเรื่องเพิ่มค่าโอทีให้พิเศษ แล้วผมก็จะออกค่าอาหารช่วง 3 วันนี้ให้ด้วย”


“ขอบคุณมากครับ/ค่ะผอ.!” พวกเรา 4 คนไหว้ขอบคุณ ถึงจะไม่โอเคที่แกสั่งให้ทำงานแบบเร่งด่วน แต่ชีวิตการทำงานมันก็แบบนี้ บางทีมันก็จะมีงานเข้าแบบไม่คาดคิดอย่างนี้ล่ะนะ หลายบริษัทใช้งานลูกจ้างหนักกว่านี้ราวกับแรงงานทาสก็มี การที่ผอ.จะเพิ่มโอทีให้พิเศษและออกค่าอาหารให้อีกนับว่าดีสุดๆ แล้ว


การทำโอทีของที่นี่กำหนดค่าตอบแทนในระเบียบไว้ว่า จะคูณ 1.5 เท่าของค่าแรงเป็นชั่วโมงในวันธรรมดา หากเป็นวันหยุดค่าโอทีจะคูณ 2 ไม่มีกำหนดลิมิตชั่วโมงแต่มีกำหนดเวลาว่าสามารถทำได้ถึงแค่ 4 ทุ่มเท่านั้น หากยังอยู่ต่อจากโอทีก็จะกลายเป็นโอฟรีไป


หลังจากที่ผอ.กลับเข้าไปในห้องพวกเรา 4 คนก็ประชุมแบ่งหน้าที่การทำงาน อย่างไอ้พี่โซ่ที่ถึงแม้จะไม่ได้ช่วยทำตั้งแต่แรก แต่ก็รู้รายละเอียดงานทั้งหมดจากที่ผมคอยถามก่อนหน้านี้อยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา พวกเราประชุมกันจนเกือบ 6 โมงนู่นแหละถึงได้แยกย้ายไปทำงานของใครของมัน


“พี่โซ่ไม่เหนื่อยหรอครับ ช่วยงานคนนู้นคนนี้ไปทั่ว” เหนื่อยที่ผมหมายถึงคือเหนื่อยจากการสร้างภาพเป็นเทวดา ไม่ใช่เหนื่อยจากการทำงานหรอกนะ


“ถ้าเหนื่อยมากกว่าเดิมไม่เท่าไหร่ แต่สามารถช่วยให้คนอื่นเหนื่อยน้อยกว่าเดิมได้มาก พี่ว่ามันก็คุ้มนะ” ไอ้พี่โซ่ยิ้มออกมาบางๆ ถ้าผมลบอคติในใจออกก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่า ไอ้พี่มันเป็นคนดีมีน้ำใจขนาดไหน


“แหม...พูดซะหล่อเชียวนะครับพี่”


“หลงรักพี่เข้าแล้วใช่มั้ยล่ะครับ” ไอ้พี่โซ่พูดยิ้มๆ แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ


เฮอะ! ใครจะไปหลงรักคนชอบสร้างภาพอย่างพี่กันเล่า!


“ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกพี่เรื่องที่ต้องทำโอเลย เดี๋ยวผมขอออกไปโทรแป๊บนึงนะครับ” ผมจัดการเปลี่ยนเรื่องแล้วก็จะเดินหนีซะ แต่ไอ้พี่โซ่ก็เรียกผมเอาไว้ก่อน


“ถ้าจะบอกให้พี่ชายมารับก็ไม่ต้องนะ เดี๋ยวพี่ไปส่งเองยังไงก็ทางเดียวกัน”


“เอางั้นก็ได้ครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วก็เดินเข้าไปในครัว


สายแรกที่ผมโทรหาคือพี่ธาม ตอนที่ได้ยินว่าวันนี้ผมต้องกลับดึก ส่วนเสาร์กับอาทิตย์นี้ผมก็ต้องมาทำงาน น้ำเสียงของพี่ธามก็ดูหงอยๆ ลงนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นพี่ธามก็เข้าใจแล้วก็บอกให้ผมตั้งใจทำงาน


หลังจากวางสายกับพี่ธามแล้วผมก็โทรหาพี่ภูต่อ ตอนแรกพี่ภูก็เป็นห่วงกลัวผมเหนื่อยเลยไม่ค่อยอยากให้ผมช่วยพวกพี่เขาทำงาน แต่ผมก็โน้มน้าวด้วยเหตุผลคลาสสิคนั่นก็คืออยากหาประสบการณ์ ก็ชักแม่น้ำทั้ง 5 อยู่นานเลยล่ะกว่าพี่ภูจะยอม


“ขอโทษนะครับที่หายไปนาน คือพี่ชายไม่ค่อยอยากให้ผมทำน่ะเลยเสียเวลาเกลี้ยกล่อมซะนาน” ผมยิ้มแห้งๆ ให้ไอ้พี่โซ่เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ ตอนนี้พวกพี่คนอื่นๆ ได้กลับกันไปหมดแล้วยกเว้นผมกับไอ้พี่มัน แล้วก็พี่ฟลุคและพี่จ๋าที่นั่งห่างออกไปแทบจะอีกฟาก


“คงจะเป็นพี่คนโตที่ชื่อภูสินะ พี่เข้าใจเพราะเขาดูรักและเป็นห่วงวามาก”


“แต่บางทีผมว่าก็มากเกินไป...เอ๊ะเดี๋ยวนะครับ ทำไมพี่โซ่ถึงได้รู้เรื่องพี่ภูได้ล่ะ” งงในงงเลยสิผม ผมจำไม่เห็นเคยได้เลยว่าเคยพูดชื่อพี่ภูตอนไหน ยิ่งเล่าเรื่องนิสัยด้วยแล้วก็ยิ่งไม่น่าเคย


ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมไม่เคยพูดเรื่องพี่ภูให้ไอ้พี่โซ่ฟังเลยสักครั้ง!


“อยากรู้หรอครับ?” ไอ้พี่โซ่ยิ้มกริ่ม


“ก็ต้องอยากรู้น่ะสิครับไม่งั้นผมจะถามทำไม”


“ถ้าอยากรู้พี่จะบอกให้ก็ได้ แต่...” ไอ้พี่โซ่พูดถึงตรงนี้ก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูดเบาๆ ด้วยเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “วาต้องจ่ายค่าเปิดปากเป็นจูบหวานๆ ให้พี่ก่อน”


“จะบ้าหรอพี่! ใครจะไปทำแบบนั้นกันเล่า!” ผมโวยวายแล้วรีบถอยเก้าอี้ออกห่าง พี่ฟลุคกับพี่จ๋าเลยมองมาทางผมด้วยสายตาประมาณว่ามีเรื่องอะไรกันหรอ


“แฮ่ ไม่มีอะไรครับ พี่โซ่แค่แกล้งกวนผมน่ะครับ” พอได้ยินแบบนั้นพวกพี่เขาก็ก้มหน้าทำงานต่อ ส่วนไอ้พี่โซ่ตัวต้นเหตุก็แอบหัวเราะขำๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สา


“เพราะพี่นั่นแหละที่พูดอะไรแปลกๆ” ผมแยกเขี้ยวใส่แล้วเลื่อนเก้าอี้กลับไปที่เดิม “ว่าแต่จะบอกผมได้รึยังว่าพี่รู้เรื่องของพี่ภูได้ยังไง”


“วาจูบพี่เมื่อไหร่พี่ก็จะบอกเมื่อนั้นแหละ”


“พี่โซ่!”


“ชู่วววว อย่าเสียงดังสิวา พี่จ๋ากับไอ้ฟลุคกำลังทำงานอยู่นะ” คือผมจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้าไอ้พี่มันเอานิ้วชี้แตะที่ปากตัวเองไม่ใช่ที่ปากของผม! ไอ้คนฉวยโอกาส!


“ถ้าพี่ไม่ยอมบอกผมจะโกรธพี่จริงๆ แล้วนะครับ” ผมตีหน้ายักษ์ใส่ แต่ไอ้พี่โซ่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วหยิบเรื่องงานมาคุยกับผมต่อเฉย แถมพอผมไม่ยอมคุยด้วยก็โดนหาว่าไม่มีสปิริตที่เอาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานมาปนกัน มันน่าโมโหจริงๆ สิให้ตาย!


จนแล้วจนรอดกระทั่งตอน 4 ทุ่มที่ต้องกลับบ้านผมก็ยังไม่รู้เรื่องเลย ไอ้พี่โซ่เอาแต่ลีลาเล่นตัวไม่ยอมบอกความจริงอยู่นั่น แต่ถ้าจะให้ผมจูบเพื่อแลกกับการรู้เรื่องนั้นผมก็ไม่ยอมหรอกนะ ทุกวันนี้ผมก็เปลืองตัวให้ไอ้พี่มันสกินชิพมากเกินพอแล้ว


“พรุ่งนี้ 8 โมงครึ่งเดี๋ยวพี่มารับนะครับ” ไอ้พี่โซ่พูดกับผมเมื่อขับรถมาถึงหน้าบ้าน แต่นอกจากเรื่องงานผมก็ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรกับไอ้พี่มันเลย


ก็เอาซี้ว่าจะทนได้ถ้าผมไม่ยอมพูดด้วย!


ผมสะบัดหน้าหนีแล้วเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่ยอมพูดอะไรกับไอ้พี่โซ่สักคำ ส่วนเช้าวันต่อมาก็เหมือนกัน ผมเดินขึ้นรถตอนที่ไอ้พี่มันขับมาจอดที่หน้าบ้าน แล้วตลอดเวลาจนกระทั่งถึงบริษัทผมก็ไม่ยอมเปิดปากพูดกับไอ้พี่มันแม้แต่คำเดียว


“นี่วาจะไม่ยอมพูดกับพี่จริงๆ หรอครับ” ไอ้พี่โซ่พูดในระหว่างที่เราสองคนกำลังอยู่ในลิฟต์ ผมแอบยิ้มในใจเพราะอีกไม่นานไอ้พี่มันต้องยอมบอกผมแน่ๆ แต่แล้วพอลิฟต์เปิดออกเท่านั้นแหละ สิ่งที่ผมคิดเอาไว้มันก็ถูกพังลงไม่เป็นท่า เพราะดันเจอคนที่ไม่น่าจะเจอที่นี่ซะได้


“อ๊ะ! มาแล้วหรอคะพี่โซ่!” เสียงแป้นแล้นแบบนี้ก็ยัยมิ้งไงจะใครล่ะ!


“อ้าว มาได้ยังไงครับมิ้ง”


“ลุงผอ.พึ่งบอกมิ้งน่ะค่ะว่าเสาร์ - อาทิตย์นี้พี่โซ่เข้ามาทำโองานด่วนที่บริษัท มิ้งก็เลยขอมาช่วย” เฮอะ! มาช่วยหรือมาวุ่นวายให้เป็นภาระกันแน่!


“นี่มิ้งกำลังจะลงไปซื้อกาแฟพอดี พี่โซ่ไปเป็นเพื่อนมิ้งหน่อยนะคะ” แล้วแม่คุณก็จัดการควงแขนไอ้พี่มันหมับ จากนั้นก็หันมองมาที่ผมแล้วส่งสายตาไล่


“งั้นเราไปก่อนนะมิ้ง เชิญไปซื้อกาแฟแสนหวานตามสบาย” ประโยคสุดท้ายผมตั้งใจประชดพร้อมกับมองไอ้พี่โซ่ตาขวาง ไอ้พี่มันเลยยิ้มเจื่อนๆ แล้วพยายามแกะมือของยัยมิ้งออก แต่ยัยนั่นที่กำลังบิดไปมาอย่างเขินจัดก็เกาะหนึบอย่างกับตุ๊กแก


เฮอะ! ถ้าอยากจะแกะออกจริงๆ ทำไมจะทำไม่ได้! แรงของผู้หญิงมันจะสู้แรงของผู้ชายได้ยังไงกันเล่า!


ผมสะบัดหน้าหนีแล้วรีบเดินออกมาจากลิฟต์อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่ผมจะอารมณ์บูดแบบนี้ไปตลอดทั้งวัน เพราะยัยมิ้งเอาแต่ออเซาะฉอเลาะไอ้พี่โซ่อยู่นั่น งานการก็แทบไม่ได้ช่วยทำ ส่วนไอ้พี่มันก็ไม่ได้ไล่อย่างเด็ดขาดจริงจัง นี่ถ้าไม่ติดว่าผอ.ก็อยู่ด้วยนะ ผมคงจะวีนให้ออฟฟิศแตกไปแล้ว!


 “เอาล่ะ วันนี้ก็พอแค่นี้แล้วกันนะทุกคน วันพรุ่งนี้ค่อยมาลุยกันต่อ” ผอ.เดินออกมาจากห้องตอน 3 ทุ่ม 50 น. พวกผมที่ได้ยินแบบนี้เลยพากันวางงานในมือแล้วก็เก็บของ


“มิ้งต้องกลับแล้วล่ะค่ะพี่โซ่ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้มิ้งจะมาช่วยใหม่นะคะ” ยัยมิ้งยิ้มหวานแล้วโบกมือลาไอ้พี่มัน จากนั้นก็ถือกระเป๋าแล้วเดินตามผอ.ที่พึ่งออกไปเมื่อกี้นี้


“อีเด็กนี่ นั่งหัวโด่ตั้งหลายคนเสือกลาแค่คนเดียว” พี่จ๋าแยกเขี้ยวใส่ยัยมิ้งลับหลัง อันที่จริงวันนี้พี่แกก็บอกให้ผมกันซีนยัยนั่นนะ แต่ผมไม่มีอารมณ์จะทำเลยหนีไปนั่งกับพี่แกซะเลย


ตอนกลับบ้านไอ้พี่โซ่ก็ไปส่งผมเหมือนเดิม โดยที่ตลอดทางไอ้พี่มันก็พยายามง้อและชวนผมคุย แต่ว่าผมก็นั่งหน้าบูดไม่สนใจที่ไอ้พี่มันพูดเลยแม้แต่น้อย ขนาดตอนก่อนจะนอนที่ไอ้พี่มันโทรหาและไลน์มาผมก็ยังไม่สนใจเลยสักนิด


เช้าวันอาทิตย์ก็เหมือนกับเมื่อวาน ไอ้พี่โซ่มารับผมตอนเช้า วันนี้ผมก็ไม่ยอมพูดกับไอ้พี่มันเหมือนเดิม แต่ไอ้พี่มันดันไม่เหมือนเดิม เพราะไม่พยายามง้อและชวนผมคุยเหมือนเมื่อวาน


ไหงเป็นงั้นไปได้ล่ะไอ้พี่โซ่!


หนอย...การที่ไอ้พี่มันทำเป็นไม่ใส่ใจผมยังไม่เท่าไหร่ แต่การที่ไปคุยหัวร่อต่อกระซิกอย่างสนิทสนมกับยัยมิ้งตลอดทั้งวันนี่คืออะไร ไม่สบอารมณ์จริงๆ โว้ยยยยยยยย!


“ตกลงว่าพี่ชอบผม ชอบมิ้ง หรือว่าชอบมันทุกคนที่อยู่รอบตัวพี่กันแน่!” ผมลากไอ้พี่โซ่เข้ามาในครัวเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง หลังจากรอจนถึง 3 ทุ่มกว่าๆ ที่งานทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้ก็เหลือแค่รอผอ.เช็คความเรียบร้อยเท่านั้น


“ในที่สุดก็ยอมคุยกับพี่แล้วหรอ” ไอ้พี่โซ่พูดยิ้มๆ ท่าทางที่อารมณ์ดีแบบนั้นทำเอาผมที่กำลังจะวีนถึงกับชะงัก


“นี่อย่าบอกนะว่า พี่จงใจเข้าใกล้มิ้งเพื่อให้ผมโมโหงั้นหรอ!” พอได้ยินแบบนั้นไอ้พี่โซ่ก็ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม


“กว่าจะรู้ตัวก็เกือบหมดวันเลยนะ พอโมโหหึงนี่หัวช้าเชียว แต่ก็น่าร้ากกกก” พูดล้อเลียนอย่างเดียวไม่พอ ไอ้พี่บ้านี่ยังมีการเอี้ยวหน้าลงมาหอมแก้มผมอีกด้วย!


“พี่โซ่!” ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมควรจะโกรธเรื่องที่ไอ้พี่มันขโมยหอมแก้มผม หรือว่าเรื่องที่ขี้ตู่โมเมเอาเองว่าผมหึงกันแน่ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้วีน ก็มีบุคคลที่ 3 เดินเข้ามาในนี้ซะก่อน


“พี่โซ่อยู่ที่นี่เอง” เวรล่ะสิ! ยัยมิ้งจะเห็นเรื่องที่ไอ้พี่โซ่ขโมยหอมแก้มผมมั้ยเนี่ย!


“มิ้งตามหาพี่ทำไมหรอครับ” ไอ้พี่มันรีบทำตัวให้เป็นปกติ ผมจึงแอบแยกเขี้ยวใส่ แล้วก็ขยับปากพูดโดยไม่ออกเสียงด้วยว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ”


“คือลุงผอ.เรียกพบที่ห้องน่ะค่ะ ตอนนี้พี่ฟลุคกับพี่จ๋าก็อยู่ในนั้น” ท่าทางของยัยมิ้งก็ดูเฉยๆ คงจะไม่เห็นแล้วก็ไม่ได้ยินอะไรหรอกมั้ง


“อ๋อ ขอบใจมากครับมิ้ง” แล้วไอ้พี่โซ่ก็รีบเดินออกไป ส่วนผมที่ไม่รู้จะอยู่ทำไมเลยว่าจะไปนั่งรอที่โต๊ะ แต่ว่ายัยมิ้งก็เอาตัวเข้ามาขวางไว้ซะก่อน


“เมื่อกี้เราโกหก”


“ว่าไงนะ?” โอเคแหละว่าผมได้ยิน แต่ผมก็แค่ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจเฉยๆ


“เรามีเรื่องอยากคุยกับวาตามลำพัง” ยัยมิ้งเลิกแอ๊บแล้วจ้องหน้าผมอย่างไม่พอใจ


“เรื่องอะไร” หวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่ผมคิดหรอกนะ


“บอกมาว่าวากับพี่โซ่เป็นอะไรกัน เราเห็นนะว่าเมื่อกี้พี่โซ่หอมแก้มวา!” นั่นไงล่ะ! ยัยมิ้งเห็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ ถึงได้ทำตาขวางจ้องผมซะขนาดนี้ ท่าทางงานจะเข้าแล้วล่ะสิผม!


2BC


 o14 สวัสดีค่า จบไปอีก 1 ตอนแล้วสำหรับ Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนนี้ลงให้แบบยาวๆแบบจุใจเลยเพราะเค้ามาช้าไป 1 วัน แบบว่าเค้าจำวันผิดน่ะค่ะ คือเบลอ เอ๋อ เด๋อ มากกกกก  :z3:
ตอนที่แล้วทิ้งปริศนาเรื่องพี่เชนกับพี่โซ่เอาไว้ มาตอนนี้นอกจากปริศนาจะไม่คลี่คลาย ก็มีเรื่องให้สงสัยใหม่นั่นก็คือเรื่องพี่โซ่กับพี่ภู แถมปิดท้ายด้วยความซวยคือเรื่องที่มิ้งมาเห็นพี่โซ่หอมแก้มวาพอดี โอ้โห ตอนนี้มันอะไรกันเนี่ย คิดกันออกตามกันทันรึเปล่าที่ร้ากกก  :m21:
แล้วมาลุ้นกับครึ่งหลังนะคะว่าจะเคลียร์เรื่องไหนบ้าง หรือจะปล่อยให้เป็นปริศนาคาราคาซังต่อไป วันอังคารเจอกันนะคะสัญญาว่าจะไม่ลืม ถ้าหากชื่นชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจหรือมาเม้ามอยที่แฟนเพจได้นะคะทุกคน กอดดดด  :กอด1:
(6 ต.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 ค่าเปิดปาก [06.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 07-10-2018 00:06:51
 :ling1: อยากรู้เฉลยแล้วอ่า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 ค่าเปิดปาก [06.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 07-10-2018 00:43:57
ยัยมิ้ง!! ยัยผู้หญิงน่ารำคาญ !!!
 :m16:
หวังว่านางคงไม่ทำอะไรน้องวานะ
 :m16:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 ค่าเปิดปาก [06.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-10-2018 01:23:53
ตอบไปเลย เป็นคนนั่งโต๊ะทำงานติดกัน   :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 ค่าเปิดปาก [06.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-10-2018 09:48:24
ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 ค่าเปิดปาก [06.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-10-2018 11:17:49
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 ค่าเปิดปาก [06.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 08-10-2018 06:54:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 09-10-2018 22:39:07
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 8# Wayo พี่โซ่โหมดดาร์ก


“เอ่อ...มิ้งแค่มองผิดไปเองต่างหาก พี่โซ่กับเราเป็นผู้ชายทั้งคู่นะจะมาหอมแก้มกันได้ไง” ก็รู้แหละว่าเหตุผลมันฟังไม่ขึ้นและดูแถหน้าด้านๆ แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่เพราะยัยนี่ต้องปากสว่างแน่ๆ


“มองผิดเนี่ยนะ? ถามจริงว่าเราเหมือนคนตาบอดงั้นหรอ?” โอเค ถ้ายัยนี่จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถงไม่แถมันต่อละ


“เออ เรายอมรับก็ได้ เมื่อกี้พี่โซ่หอมแก้มเรา”


“หึ ที่แท้แฟนพี่โซ่ก็คือวาเองสินะ” ยัยมิ้งยิ้มหยัน คงจะเจ็บใจน่าดูที่รู้ว่าตัวเองโดนหลอก ตอนนั้นผมบอกยัยนี่ว่าไอ้พี่โซ่มีแฟนแล้ว ถึงแม้จะแก้ตัวไปว่าไอ้พี่มันไม่ใช่แฟนผม แต่ยัยมิ้งก็คงไม่เชื่อ


“ตอนนั้นที่งานเลี้ยงต้อนรับน้องฝึกงาน วาก็คงจะแกล้งเมาตัดหน้าเราสินะ เฮอะ! ดันช้าไปซะได้” ผมขอถอนคำพูดที่เคยดูถูกว่ายัยนี่โง่ก็แล้วกัน ประติดประต่อได้ขนาดนี้ก็แสดงว่ายัยนี่ก็ต้องมีสมองเอาเรื่อง


“เข้าเรื่องมาเลยดีกว่า มิ้งต้องการจะพูดอะไรกับเรากันแน่”


“ก็แค่อยากจะเตือนความจำวา”


“เตือนความจำ?”


“ใช่” ยัยมิ้งยิ้มที่มุมปาก “จำได้มั้ย ตอนที่วาบอกว่าพี่โซ่มีแฟนแล้วเราพูดว่ายังไง”


“...” ผมไม่ตอบอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะจำไม่ได้ คำพูดที่เห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจแบบนั้นใครจะไปลืมได้ล่ะ


“เราบอกว่าพี่โซ่มีแฟนแล้วยังไง มีได้ก็เลิกได้ เราจะแย่งมาให้ดู ยิ่งคู่แข่งเป็นผู้ชายแบบนี้ก็ยิ่งของหมูๆ วาคงจำได้สินะว่าเราพูดแบบนี้” พูดถึงตรงนี้ยัยมิ้งก็ยิ่งแสยะยิ้มกว้าง คงจะมั่นใจในตัวเองเอามากๆ ท่าทางชีวิตนี้พอเล็งผู้ชายคนไหนก็คงจะไม่เคยนกเลยสินะ ก็แหงล่ะ ถึงไม่อยากชมแต่ผมก็ต้องยอมรับว่ายัยนี่สวยจริงๆ


“ถ้ามิ้งอยากแย่งก็แย่งไปเลย” ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะอยากตัดรำคาญ แต่ยัยมิ้งกลับคิดไปอีกอย่างนั่นก็คือ...


“ที่พูดแบบนี้คงจะมั่นใจมากเลยสินะว่าจับพี่โซ่ได้อยู่หมัดแล้ว เฮอะ! อยากหัวเราะเป็นบ้า!”


“เออ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญตามสบาย” ผมล่ะรำคาญยัยนี่จริงๆ เลยจะเดินหนีออกไป แต่ก็โดนขวางเอาไว้ทำให้หนีไปไหนไม่ได้


“เรายังพูดไม่จบ”


“ก็แล้วจะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมาสิ” ผมพูดอย่างเบื่อหนายเสียเต็มประดา นี่ถ้าผมกับยัยนี่เป็นเพศเดียวกันป่านนี้ผมลุยแหลกไปแล้ว เกิดเป็นผู้ชายมันเสียเปรียบตรงนี้แหละถ้าจะมีเรื่องกับผู้หญิง


“ตอนนี้พี่โซ่อาจจะแค่กำลังหลงของแปลกอย่างวา หรือว่ากำลังเบื่อผู้หญิงเลยอยากลองกิ๊กกับผู้ชายดู แต่วาก็รู้นี่ว่าผู้ชายมันจะไปมีอะไรสู้ผู้หญิง แล้วอย่างนี้วายังคิดว่าพี่โซ่จะคิดจริงจังกับตัวเองงั้นหรอ อย่ามั่นหน้ามั่นโหนกด้วยความมั่นใจไปหน่อยเลย” ยัยมิ้งพูดพร้อมกับเหยียดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยอย่างสมเพชเวทนา ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นใครหัวเราะได้สกปรกเท่ากับยัยนี่เลย


 “เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้ใช่มั้ย” ผมตอบด้วยใบหน้านิ่งๆ เรื่องที่ยัยมิ้งพูดผมไม่รู้สึกอะไรหรอกเพราะเคยเจอมาหนักยิ่งกว่านี้


“ยังมีอีก เมื่อกี้ที่เราพูดดูเหมือนว่าวาจะยังไม่เข้าใจ ถ้างั้นเราก็จะพูดเอาบุญเพื่อให้วาหายโง่ก็ได้ คนฉลาดอย่างพี่โซ่ก็ต้องเลือกไม่ผิดอยู่แล้วว่าจะเลือกผู้ชายหรือผู้หญิงจริงมั้ย?” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาตรงประตูซะก่อน


“จริงครับ” เท่านั้นแหละผมกับยัยมิ้งก็รีบหันมองไปทางต้นเสียง ซึ่งก็ทำให้พบกับ...


“พี่โซ่” ผมเรียกชื่อไอ้พี่มันเบาบางยิ่งกว่าเสียงกระซิบ ก็ไม่รู้ว่าผมอึ้งที่เห็นไอ้พี่มันยืนอยู่ตรงนี้ หรือว่าอึ้งที่ได้ยินในสิ่งที่ไอ้พี่มันพูด


“พะ...พี่โซ่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ยัยมิ้งก็ดูเหมือนว่าจะอึ้งไม่ต่างกัน นอกจากนั้นใบหน้ายังถอดสีอีกด้วย


“มาตั้งแต่เมื่อไหร่? อืม...จะตอบยังไงดี เอาเป็นว่าพี่ไม่ได้ไปไหนตั้งแต่แรกน่าจะเป็นคำตอบที่ตรงที่สุดครับ” ไอ้พี่โซ่พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผิดกับยัยมิ้งที่ยิ่งหน้าซีดมากกว่าเดิม


“ถะ...ถ้างั้นก็แสดงว่า...”


“ครับ พี่แอบอยู่หลังประตู”


“ถะ...ถ้างั้นพี่โซ่ก็ได้ยิน”


“แน่นอน ตั้งแต่แรกเลยครับ”


“ตะ...แต่ลุงผอ.เรียกให้พี่โซ่...”


“พี่ไม่ได้รับผิดชอบงานนี้โดยตรง เพราะงั้นผอ.ไม่น่าจะเรียกพบพี่หรอกครับ หรือถ้าจะเรียกจริงๆ ผอ.ก็คงเรียกไปคุยพร้อมไอ้ฟลุคกับพี่จ๋าไปแล้ว”


“อะ...อ๋อ...มิ้งก็ลืมคิดไปเลย” แล้วยัยมิ้งก็หัวเราะแห้งๆ ออกมา ส่วนไอ้พี่โซ่ก็ยังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิม เพราะงั้นยัยมิ้งเลยคิดว่าพี่โซ่คงไม่ถือโทษโกรธตัวเองล่ะมั้ง


“มิ้งขอโทษนะคะที่โกหก แต่ที่มิ้งทำแบบนี้ก็เพราะสงสารวา พี่โซ่คงจะเข้าใจแล้วก็ไม่โกรธมิ้งนะคะ” เปลี่ยนจากทำผิดเป็นเอาดีเข้าตัวเฉยเลยยัยนี่


“ครับ พี่เข้าใจ” เอาเข้าไป ศีลเสมอกันดี คนหนึ่งก็สัมภเวสีอีกคนก็ผีตายซาก!


“มิ้งคิดอยู่แล้วค่ะว่าพี่โซ่ต้องเข้าใจ ก็มิ้งไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ แถมมิ้งยังช่วยวาให้หายโง่ด้วยซ้ำ ในอนาคตพี่โซ่ก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวแล้วจะจริงจังกับวาได้ยังไง”


“นั่นสินะ จริงอย่างที่มิ้งพูด ใครจะไม่อยากแต่งงานมีครอบครัวล่ะจริงมั้ย” พอได้ยินแบบนี้หัวใจของผมมันก็เจ็บแปลบขึ้นมา ยิ่งพอนึกภาพที่ไอ้พี่โซ่ได้เข้าพิธีแต่งงาน ได้อุ้มลูก และได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดจนหายใจแทบไม่ออก


เรื่องนั้นผมรู้...


รู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนั้นสักวัน...


ก็ไอ้พี่มันเป็นผู้ชายแท้ๆ ที่ชอบผู้หญิงนี่นา...


ผมไม่กล้าหันไปมองหรอกนะว่าไอ้พี่โซ่กำลังทำหน้าแบบไหน แต่แค่มองยัยมิ้งที่กำลังยิ้มเยาะผมก็พอจะเดาได้ไม่ยาก แล้วอย่างนี้ผมยังจะมีหน้าอยู่ที่นี่ได้อีกงั้นหรอ


“ผมขอตัวก่อนแล้วกัน” ผมพูดจบก็รีบเดินออกไป แต่แค่ก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ไอ้พี่โซ่ก็คว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ซะก่อน


“วาจะไปไหน”


“มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ ปล่อยผม!” แล้วผมก็สะบัดข้อมืออย่างแรง แต่ไม่ว่าจะสะบัดยังไงไอ้พี่โซ่ก็ยังจับข้อมือของผมไม่ยอมปล่อยอยู่ดี


“วาชอบหนีปัญหาตลอดเลยนะ”


“หนีปัญหาบ้าบออะไรของพี่!”


“ทำไมวาถึงชอบหนีโดยที่ไม่รอฟังอะไรจากพี่เลย”


“พี่อย่าพูดเหมือนกับว่ามันเคยเกิดเรื่องอย่างนี้มาก่อนจะได้มั้ย!” ผมไม่เข้าใจว่าไอ้พี่โซ่พูดบ้าอะไร ผมหนีปัญหาที่ไหน แต่ที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ของผมต่างหากแล้วผมจะอยู่ต่อไปเพื่อ!


“พี่ขอล่ะครับ อยู่ตรงนี้ อย่าหนีพี่ไปไหนอีก” ไอ้พี่โซ่มองตรงเข้ามาในดวงตาของผม สีหน้า แววตา และคำพูดที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรค้างคาในใจทำเอาผมเริ่มลังเล ก่อนที่ในที่สุดผมก็ยอมอยู่นิ่งๆ ตามที่ไอ้พี่มันขอ ไอ้พี่มันจึงได้หันมองไปยังยัยมิ้งที่ดูเหมือนจะกำลังงงๆ ทำอะไรไม่ถูก


“มิ้งบอกว่าคนฉลาดอย่างพี่ไม่มีทางเลือกผิดแน่นอนใช่มั้ย ระหว่างผู้หญิงอย่างมิ้งและผู้ชายอย่างวา แน่นอนว่าพี่ก็ต้องเลือกวาอยู่แล้ว”


“วะ...ว่าไงนะคะ?” ยัยมิ้งถามอย่างแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อย่าว่าแต่ยัยมิ้งเลย เพราะผมก็แทบไม่เชื่อเหมือนกัน


ไอ้พี่โซ่น่ะหรอจะเลือกคนอย่างผม?


“พี่โซ่...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามออกไป ใบหน้าของไอ้พี่มันก็ก้มลงมาจนริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสโดนกันซะแล้ว


!!!


ด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าไอ้พี่โซ่จะทำแบบนี้ผมเลยเบิกตากว้าง ส่วนยัยมิ้งก็ไม่ต่างกัน ตาโตๆ ด้วยบิ๊กอายเบิกออกกว้างจนแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว


นานหลายวินาทีกว่าที่ไอ้พี่โซ่จะถอนจูบออกไป แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับว่าผมถูกมนต์สะกดจากจูบยังไงยังงั้น


“ชัดนะครับมิ้งว่าพี่เลือกวา” ไอ้พี่โซ่หันไปหายัยมิ้งที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้


“พะ...พี่โซ่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ก็เมื่อกี้พี่โซ่ยังบอกมิ้งอยู่เลยว่าอยากแต่งงานมีครอบครัว”


“ใช่ พี่พูดอย่างนั้น แต่ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็สามารถแต่งงานกันได้นี่ครับ ส่วนคำว่าครอบครัวมันจำเป็นด้วยหรอว่าต้องมีลูก หลายครอบครัวไม่เห็นมีก็ยังอยู่กันได้จริงมั้ยครับ” ไอ้พี่โซ่ยิ้มบางๆ คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบในใจ แต่ก็ตรงข้ามกับยัยมิ้งที่ราวกับว่าหัวใจได้ถูกจุดไฟเผา


“พี่โซ่คิดดีแล้วหรอคะที่หักหน้ามิ้งแบบนี้ การทำให้ผู้หญิงโกรธ โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างมิ้งพี่โซ่คิดบ้างมั้ยว่าจะโดนอะไร...มิ้งจะเอาเรื่องนี้ไปแฉให้ทุกคนรู้ว่าพี่โซ่กับวาเป็นคู่เกย์กัน!” ยัยมิ้งประกาศกร้าวพร้อมกับกำหมัดแน่น ผมเชื่อว่ายัยนี่ต้องทำจริงแน่เพราะว่าแค้นพวกผม แต่ถึงอย่างนั้นไอ้พี่โซ่ก็ยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม


ในสถานการณ์แบบนี้ทำไมไอ้พี่มันถึงยังสามารถยิ้มได้!


“ถ้ามิ้งอยากจะเอาเรื่องนี้ไปแฉให้ทุกคนรู้ก็ได้ พี่ไม่ว่า ไม่แคร์ แล้วก็ไม่อาย แต่คนที่อายน่าจะเป็นมิ้งมากกว่านะครับ”


“พี่โซ่หมายความว่าไง” อย่าว่าแต่ยัยมิ้งเลย เพราะผมก็ไม่เข้าใจที่ไอ้พี่มันพูดเช่นกัน


“ก็คนทั้งแผนก เผลอๆ แทบจะทั้งบริษัทรู้กันหมดแล้วว่ามิ้งพยายามให้ท่าพี่แค่ไหน แต่ถ้ามิ้งเอาเรื่องนี้ไปแฉ มันก็เท่ากับว่ามิ้งประกาศความพ่ายแพ้ของตัวเองนะครับ” พอได้ยินแบบนั้นยัยมิ้งก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ


“ละ...แล้วไง แพ้ก็แพ้สิมิ้งไม่สนหรอก” ถึงจะบอกว่าไม่สน แต่สีหน้าและท่าทางของยัยมิ้งนั้นดูลนลานสุดๆ เลย


“แน่ใจหรอครับว่าไม่สนจริงๆ? สาวมั่นอย่างมิ้งจะทนได้หรอถ้าต้องถูกคนทั้งบริษัทนินทาว่าสู้ผู้ชายไม่ได้ แล้วยิ่งตลอดเวลาที่ผ่านมามิ้งทำตัวให้คนอื่นหมั่นไส้ด้วยแล้ว ลองคิดดูนะครับว่ามิ้งจะถูกเหยียบซ้ำให้จมดินแค่ไหน เพราะงั้นคิดให้ดีๆ นะครับว่ายังจะแฉเรื่องนี้อยู่อีกรึเปล่า” ในขณะที่พูดไอ้พี่โซ่ก็ยังคงยิ้มแย้มเช่นเดิม นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหูและเห็นกับตา ผมไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าไอ้พี่มันจะเป็นคนพูด


รู้สึกขนลุกและเย็นวาบขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้วผมไม่เคยเห็นไอ้พี่โซ่โมโหเลยสักครั้ง ปกติใบหน้าของไอ้พี่มันก็จะยิ้มแย้มเป็นเทวดาตลอดเวลา ก็พึ่งรู้นี่แหละว่าถึงจะเข้าสู่โหมดดาร์กไอ้พี่มันก็จะยังคงยิ้ม


ซึ่งนั่นทำให้แว้บหนึ่งผมรู้สึกกลัว...


แต่ก็เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นความรู้สึกอย่างอื่นก็เข้ามาแทน ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าความรู้สึกนั้นมันเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่ามันทำให้หัวใจของผมที่เหมือนจะตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง


“หึ! ที่เขาว่ากันว่าผู้ชายส่วนใหญ่มักโง่เป็นควายสงสัยท่าจะจริง ถ้าพี่โซ่จะใฝ่ต่ำขนาดนี้มิ้งก็ไม่อยากดึงขึ้นมาหรอกค่ะ เชิญจมอยู่กับปลักโคลนอย่างที่พี่ต้องการก็แล้วกัน!” ยัยมิ้งพูดจบก็สะบัดหน้าหนีแล้วเดินออกไปเลย


“เฮ้ออออ” คงจะหมดเรื่องแล้วล่ะมั้ง ที่พูดแรงขนาดนั้นคงเป็นเพราะต้องการประกาศว่าตัวเองไม่ได้แพ้ให้ผม แต่เป็นเพราะตัวเธอเองเป็นฝ่ายไม่เอาไอ้พี่โซ่แล้วต่างหาก


ไอ้โกรธผมก็โกรธอยู่หรอกนะ แต่บางทีชีวิตของคนเรามันก็ต้องรู้จักคำว่า ‘ช่างแม่ง’ บ้าง จะไปเก็บเรื่องทุกอย่างมาใส่ใจมันก็คงไม่ไหวเหมือนกัน


“วาโอเคมั้ยครับ” ไอ้พี่โซ่ถามผมด้วยความห่วงใยพร้อมกับลูบศีรษะของผมด้วยความแผ่วเบา


“ครับ ขอบคุณมากนะครับที่เข้ามาช่วย”


“มันเป็นเรื่องที่พี่ต้องทำอยู่แล้ว ก็วาเป็นคนสำคัญของพี่...พี่รักวานะครับ” คำพูดที่ไม่คาดฝันว่าจะได้ยินมาก่อนทำเอาหัวใจของผมถึงกับพองโตขึ้นมา เมื่อสบตากับไอ้พี่โซ่ผมก็มองเห็นถึงความจริงใจไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย


“พี่โซ่...” ผมไม่รู้ควรจะตอบอะไร ตอนนี้สมองของผมราวกับว่ามันได้หยุดทำงานไปแล้ว ตรงข้ามกับหัวใจที่มันเต้นแรงขึ้นทุกทีๆ


“เมื่อกี้ที่พี่จูบวาโกรธรึเปล่า” ผมไม่ตอบแต่ก็ส่ายหน้าไปมา “แล้วถ้าพี่ขอจูบอีกครั้งล่ะครับ วาจะยอมแล้วก็จะไม่โกรธพี่ใช่มั้ย”


ผมไม่ตอบอะไรเช่นเดิม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พยักหน้าตอบรับหรือว่าส่ายหน้าปฏิเสธ ไอ้พี่โซ่ที่เห็นอย่างนั้นเลยยื่นข้อเสนอออกมา


“เอางี้แล้วกันนะครับ วาก็คิดซะว่าตัวเองไม่ยอม แต่ว่าพี่เป็นคนไม่ดีที่ฉวยโอกาสจูบวาเอาเอง” สิ้นเสียงนั้นไอ้พี่โซ่ก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงมา ก่อนที่ริมฝีปากของเราสองคนจะสัมผัสโดนกัน วินาทีนั้นผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจ ความอ่อนนุ่ม และความอบอุ่นจากอุณหภูมิของร่างกาย รวมไปถึงความรักจากไอ้พี่โซ่...   


2BC


 :m18: เฮลโหลวววว สวัสดีค่าทุกคน Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 ก็จบไปแล้ว ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวตอนนึงเลยล่ะค่ะ ก็จะมีเรื่องราวหลายอย่างทั้งชวนโมโห ชวนงง ชวนสงสัย แล้วก็ชวนให้ฟิน แต่ก็หวังว่าทุกคนจะสนุกแล้วก็ชื่นชอบตอนนี้กันน้า  :impress:
ว่าแต่ไหนใครเดาอะไรออกบ้างมาเม้ามอยกันหน่อยยย เรื่องราวที่เกี่ยวกับพี่โซ่ได้ถูกเปิดเผยออกมาทีละเล็กละน้อยแล้ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าจะเฉลยเหมือนที่ทุกคนเดากันรึเปล่า  :hao3: 
ส่วนตอนที่ 9 เจอกันวันเสาร์นะคะ แบบว่าพรุ่งนี้ (วันที่10เดือน10) เป็นวันเกิดเราน่ะค่ะ  :a13: มีโปรแกรมเดินสายกินกับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ต่อกันยาวไปเลยกลัวไม่มีเวลา แหะๆ  :m23: แล้วยังไงก็มาเอาใจช่วยพี่โซ่กับน้องวากันด้วยน้า ส่วนน้องมิ้งคนงามคงจะไปแล้วไปลับไม่กลับมาแล้วล่ะค่ะ ก็โดนพี่โซ่พูดใส่ขนาดนั้นนี่เนอะ แอบปากร้ายเหมือนนะเนี่ยพี่โซ่ :o
(9 ต.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-10-2018 23:28:38
พี่โซ่พูดแบบนี้แสดงว่าเมื่อก่อนคงไม่ได้ตั้งใจเรื่องน้องวาหรอกมั้ง น้องคงจะวาร์ปหายไปก่อนที่พี่มันได้อธิบาย

ตอนนี้เริ่มเข้าข้างพี่โซ่และค่ะ แอบเทคะแนนให้เยอะเพราะดาร์กใส่ยัยมิงค์นี่แหล่ะ อีกอย่างน้องวาอย่าคู่พี่ธามเลย เก็บพี่ธามไว้ให้พี่เชนเถอะ :laugh:

ปล. สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะคะ :HBD3: :HBD3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-10-2018 01:58:04
จากอดีตถึงปัจจุบัน อีพี่มันทำอะไรให้อีน้องเข้าใจอะไรผิดหรือป่าว หรือ อีพี่โตแล้ว อีพี่เลยปรับพฤติกรรมให้สมกับอายุ  :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-10-2018 10:01:25
พี่โซ่จำวาได้ชัวร์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-10-2018 14:36:51
 :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-10-2018 22:09:56
แล้วน้องวาก็ตกลงหลุมที่ตัวเองขุดไว้สินะ.



สุขสันต์วันเกิดนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-10-2018 15:13:14
น่านไง โดนแล้ว ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 12-10-2018 17:07:14
 o13 พี่โซ่ทำดีมาก เอาใจน้องไป สสวกคะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 14-10-2018 01:12:47
วันที่14 แล้วครับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 8 พี่โซ่โหมดดาร์ก [09.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 15-10-2018 04:05:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 17-10-2018 21:46:49
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 9# Wayo ร่วมเตียงเคียงหมอน


เช้าวันจันทร์ต่อมาผมและทุกคนในแผนกก็ต้องเซอร์ไพรส์ เพราะผอ.ประกาศให้ทราบว่ายัยมิ้งได้ย้ายไปฝึกงานที่แผนกอื่นเป็นที่เรียบร้อย ถึงจะบอกว่าเป็นเพราะอยากเรียนรู้งานจากหลายๆ แผนก แต่ใครจะไปเชื่อเพราะปกติยัยนั่นขยันทำงานที่ไหน เอาแต่นั่งเมาท์ นั่งแชท แล้วก็หายใจทิ้งไปวันๆ มากกว่า


“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าอีเด็กดอกมิ้งย้ายไปทำไม แต่นางไปได้ก็ดี อย่างนี้ต้องฉลอง!” พี่จ๋าพูดขึ้นเมื่อผอ.เดินเข้าห้องไปแล้ว เท่านั้นแหละเสียงเฮแบบย่อมๆ ก็ดังขึ้นอย่างเกรียวกราว มีแต่ผมกับไอ้พี่โซ่ที่รู้สาเหตุเลยนั่งนิ่งๆ แต่ถึงอย่างนั้นภายในใจก็รู้สึกโล่งเพราะยัยมิ้งคงจะไม่มายุ่งกับพวกเราแล้ว


จะว่าไป ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองลืมเรื่องอะไรไปสักอย่าง แล้วถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเรื่องสำคัญซะด้วย แต่ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ผมก็คิดไม่ออก สมองดันคิดออกแต่เรื่องที่ไอ้พี่โซ่สารภาพรักกับจูบผมอย่างเดียวเท่านั้น


บ้าจริง!


ส่วนเรื่องฉลองอย่างที่พี่จ๋าว่านั่นไม่ใช่แค่พูดล้อเล่นขำๆ หรอกนะ เพราะหลังจากเลิกงานพวกเราทั้งแผนก (ยกเว้นผอ.) ก็ไปฉลองกันจริงๆ เพราะงั้นคงไม่ต้องให้ผมบอกหรอกเนอะว่าทุกคนที่แผนกนี้รักยัยมิ้งกันแค่ไหน


“เอ้าชน!!!”


หลังจากนั้นความสงบสุขก็กลับคืนสู่แผนกของพวกผม ส่วนความวุ่นวายก็ตกไปอยู่ที่แผนกจัดซื้อที่ยัยมิ้งไปอยู่แทน แว่วๆ ว่าแม่คุณไปอ่อยผู้ชายแทบจะทั้งแผนก ขยันจริงจริ้งไอ้เรื่องบริหารเสน่ห์ เหมือนกับคนที่นั่งข้างๆ ผมเด๊ะ ขนาดบอกว่ารักผมแล้วยังชอบทำใจดีกับคนอื่นไปทั่วอยู่ได้ ถึงผมจะรู้ก็เถอะว่าไอ้พี่มันเป็นคนมีน้ำใจ แต่มันก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้นี่นา


“หน้าบูดเชียวนะ เป็นอะไรไปครับ” ไอ้พี่โซ่เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เสียงหล่อไม่พอหน้ายังหล่อด้วยอีกต่างหาก นี่ถ้าหากไอ้พี่มันหล่อน้อยลงกว่านี้ก็ดีสิ พี่สาวแถวนี้จะได้ไปกรี๊ดหนุ่มๆ คนอื่นบ้าง


“เปล่านี่ครับพี่โซ่ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”


“แต่พี่ว่าไม่น่าใช่นะ เอ...หรือจะเป็นเพราะวาหึงที่เห็นพี่อยู่ใกล้กับผู้หญิงคนอื่น?” ไอ้พี่โซ่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ผิดกับผมที่ถึงกับเหวอจนอ้าปากพะงาบๆ


“ผะ...ผมเนี่ยนะหึงพี่?” คนอะไรหลงตัวเองชะมัด!


“หรือวาจะบอกว่าไม่ใช่?”


“มันก็ต้องไม่ใช่แน่นอนสิพี่”


“โกหกแบบนี้เป็นเด็กไม่ดีเลยนะครับ นี่ถ้าอยู่กันสองคนพี่คงจะจูบลงโทษไปแล้ว” ประโยคหลังไอ้พี่โซ่กระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน เล่นเอาผมถึงกับหูแดงหน้าแดงขึ้นมา


ก็แน่ล่ะสิ ตอนนี้หัวของผมมันร้อนไปหมดแล้ว!


“พี่อย่ามาพูดเหมือนกับว่าผมเป็นแฟนพี่จะได้มั้ยครับ!” ผมเค้นเสียงรอดไรฟัน นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยนะ ผมวีนแตกโวยวายดังลั่นแน่นอน


“ถ้าเป็นแฟนแล้วแสดงว่าพูดได้ใช่มั้ย ถ้างั้นวาก็ยอมเป็นแฟนพี่สักทีสิครับ” เฮอะ! ได้โอกาสเมื่อไหร่ก็ขอมันตลอดเลยนะ แต่ฝันไปเถอะว่าผมจะยอมง่ายๆ


“ผมยังไม่อยากคิดเรื่องแฟนตอนนี้ อยากโฟกัสที่เรื่องฝึกงานก่อนน่ะครับ”


“โธ่...นี่มันข้ออ้างของพวกดาราชัดๆ” ไอ้พี่โซ่ทำหน้าเซ็ง ส่วนผมก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรออกมาพี่หัวหน้าก็ตะโกนขึ้นมาซะก่อน


“จ๋า ฟลุค โซ่ วา ผอ.เรียกให้เข้าไปพบในห้อง!”


หืม? ผมกับไอ้พี่โซ่มองหน้ากัน จากนั้นจึงได้หันไปมองพี่ฟลุคแล้วก็พี่จ๋า ซึ่งพวกพี่เขาต่างก็ยักไหล่แล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้เรื่อง


“พี่ว่าผอ.เรียกพบพวกเราทำไมครับ” ผมแอบถามไอ้พี่โซ่ ตอนนี้ขอสงบศึกก่อนก็แล้วกัน


“ไม่รู้สิ แต่ถ้าให้พี่เดาน่าจะเกี่ยวกับงานด่วนที่พวกเราทำโอทีไปเมื่อวันก่อนล่ะมั้ง”


“อ้อ นั่นสินะครับ”


“พี่ว่าเรารีบไปกันเถอะ” ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินตามไอ้พี่โซ่เข้าไปในห้องผอ. โดยมีพี่ฟลุคกับพี่จ๋าเดินตามมาติดๆ ถึงแม้ผมจะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็เถอะ แต่พอโดนผู้ใหญ่เรียกพบโดยไม่ได้บอกสาเหตุแบบนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องแอบมีวิตกจริตกันบ้างแหละน่า


“เห็นว่าผอ.เรียกพบพวกเราหรอคะ” พี่จ๋าที่อาวุโสที่สุดในนี้พูดขึ้นด้วยท่าทางหวาดหวั่น


“ใช่ เอ้านั่งลงก่อน” พอผอ.พูดอย่างนั้นพวกเราทั้ง 4 คนก็นั่งลงตรงเก้าอี้ แล้วหลังจากที่พวกเรานั่งลงผอ.ก็ยื่นซองสีขาวมาให้


นี่อย่าบอกนะว่า...


“ผอ.จะไล่พวกเราทุกคนออกหรอคะ!” พี่จ๋าพูดขึ้นด้วยความตกใจ ส่วนพี่ฟลุคก็ไม่ต่างกัน ไม่สิ เป็นหนักกว่าพี่จ๋าซะอีก


“ไม่นะครับผอ.! ถ้าผมทำอะไรผิดผมก็พร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง หรือถ้าผมทำตัวไม่ดีผมก็พร้อมจะปรับปรุงตัว แต่ขออย่างเดียวผอ.อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ ผมยังต้องส่งเงินให้แม่ที่บ้านนอก แล้วก็ต้องส่งน้องอีก 3 คนที่ยังเรียนอยู่ด้วยนะครับผอ.” พี่ฟลุคพูดอย่างน้ำตาคลอ ส่วนน้ำเสียงก็สั่นเครือ


เรื่องของพี่ฟลุคที่ได้ยินมันทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจมากจนเกือบจะร้องไห้ออกมา แต่ไอ้พี่โซ่ก็เหลือบตามองบนแล้วเบรกขึ้นซะก่อน


“แม่ที่บ้านนอกอะไร ได้ข่าวว่าอยู่เมืองนอกไม่ใช่เรอะ ส่วนเรื่องน้อง 3 คน ได้ข่าวว่ามึงเป็นลูกคนเดียว” เวรกรรม! เอาความสงสารของผมคืนมา!


 “ไอ้ห่า! ซีนดราม่ากำลังไปได้สวยมึงจะมาขัดกูเพื่อ!” พี่ฟลุคแยกเขี้ยวใส่ไอ้พี่โซ่ จากนั้นก็หันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับผอ. “แหะๆ ผมขอโทษนะครับที่โกหก แต่ว่าผมยังไม่อยากถูกไล่ออกนี่นา”


“ไล่ออกอะไร เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว นี่คือซองโอทีที่ผมบอกจะเพิ่มให้พิเศษต่างหาก” พอได้ยินแบบนั้นพี่ฟลุคก็เบิกตากว้าง จากนั้นก็รีบหยิบซองมาเปิดดู พอเห็นว่าเป็นเงินโอทีจริงๆ ก็รีบหันไปแง่งๆ ใส่พี่จ๋าใหญ่เลย


“พี่จ๋าอะ! ทำผมตกใจหมด!”


“อะไรกันเล่า เห็นเรียกมาพบแถมยังให้ซองขาว มันก็น่าคิดว่าต้องโดนไล่ออกมั้ยล่ะ” พี่จ๋าพูดอย่างอ้อมแอ้มด้วยท่าทางอายๆ


“แต่ถ้าอย่างนั้นผอ.ก็ไม่น่าจะเรียกวาเข้ามาด้วยจริงมั้ยครับ” ประโยคนี้พี่โซ่พูดขึ้น จะว่าไปก็จริงอย่างที่ไอ้พี่มันว่า


“นั่นสินะ พี่ก็ตกใจจนลืมคิดไปเลย” พี่จ๋ายิ้มแห้งๆ พอเรื่องที่คิดว่าใหญ่แต่ดันไม่มีอะไร ทุกคนเลยโล่งใจแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างขำๆ รวมทั้งผอ.ก็ด้วย


“เอาล่ะ ผมยังมีอีกเรื่องที่จะแจ้งให้ทราบ อีกเกือบๆ 3 สัปดาห์จะมีงานออกบูธของบริษัทชั้นนำที่เชียงใหม่ มีนักลงทุนเป็นร้อยๆ ที่จะเข้าร่วมงานนี้ ผมที่เห็นศักยภาพของพวกคุณ เลยอยากให้พวกคุณทั้ง 3 คนไปเป็นตัวแทนของบริษัท”


ถ้าผอ.บอกว่า 3 คน งั้นงานนี้คงไม่เกี่ยวกับเด็กฝึกงานอย่างผมล่ะมั้ง แต่ที่เรียกเข้ามาด้วยอาจเป็นเพราะต้องการชมเชยเรื่องงานและให้ซองโอทีเฉยๆ เพราะงั้นผมเลยนั่งฟังเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร


“จ๋าไปได้ไม่มีปัญหาค่ะ”


“ผมก็เหมือนกัน แต่ไอ้ฟลุคนี่สิครับ...” พอไอ้พี่โซ่พูดแบบนั้นผอ.เลยหันหน้าไปมองพี่ฟลุค ซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าลำบากใจอยู่


“ฟลุคมีปัญหาอะไรรึเปล่า”


“คือ...ผอ.อาจจะจำไม่ได้ แต่ว่าเดือนที่แล้วผมยื่นลาพักร้อน 10 วันเพื่อไปเยี่ยมแม่ที่อเมริกา แล้วมันก็ตรงกับช่วงที่ผอ.จะให้ผมไปเชียงใหม่พอดีน่ะครับ” แหม่ แล้วก็ยังสร้างเรื่องดราม่าว่าต้องส่งเงินให้แม่ที่บ้านนอกอีกเนอะพี่ฟลุค


“เอ...รู้สึกคุ้นๆ อยู่เหมือนกัน แล้วก็ดูเหมือนว่าผมจะอนุมัติด้วยแล้วใช่มั้ย”


“แหะๆ ใช่ครับ ตั๋วเครื่องบินผมก็จองไปแล้วด้วย” ลองเป็นแบบนี้ ถ้าผอ.คิดจะให้พี่ฟลุคทิ้งตั๋วอเมริกาแล้วไปเชียงใหม่ให้ได้ก็คงจะใจร้ายเกินไปแล้วล่ะ แต่ก็นะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม บุญพี่แกมีแต่อาจจะกรรมบังก็ได้ใครจะไปรู้


แต่หืม? ทำไมผอ.ต้องมองมาทางผมด้วย?


“เอ่อ...ผอ.มีอะไรกับผมรึเปล่าครับ” ไม่นะ มันต้องไม่ใช่อย่างที่ผมคิด


“ถ้าผมอยากให้วาไปแทนฟลุค วาสะดวกไปรึเปล่า” นั่นไง! ผมกะแล้วเชียว!


“เอ่อ...ตัวผมเองไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่คนที่มีปัญหาน่าจะเป็นพี่ชายของผมมากกว่า คือพี่เขาค่อนข้างจะหวงผมมากน่ะครับ” เอาพี่ภูมาอ้างซะเลย ถ้าบอกว่าตัวเองไม่อยากไปมันก็จะดูไม่ดี เผลอๆ อาจจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาจ้างงานหลังฝึกงานจบก็ได้


ถามว่าทำไมผมถึงไม่อยากไปทำงานนี้ที่เชียงใหม่?


นั่นก็เป็นเพราะว่าผมต้องได้นอนห้องเดียวกับไอ้พี่โซ่น่ะสิ!


เรื่องนี้ต่อให้ไม่ต้องมีใครบอกแต่ก็เป็นเรื่องที่พอจะเดาได้อยู่แล้ว ถึงบริษัทนี้จะค่อนข้างป๋ากับพนักงานก็เถอะ แต่ก็คงไม่ป๋าขนาดที่จะให้พนักงานนอนกันคนละห้องในโรงแรมหรูหรอกจริงมั้ย


“ได้ร่วมเตียงเคียงหมอนพี่ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยนี่ครับ” ไอ้พี่โซ่แอบขยับมาใกล้แล้วกระซิบที่ข้างหูของผม


“ก็เพราะมีพี่อยู่ด้วยน่ะสิครับมันถึงได้น่ากลัว” ผมถลึงตาใส่ไอ้พี่มัน จากนั้นก็หันไปยิ้มให้ผอ.


“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะฝากส่งหนังสือไปขออนุญาตกับพี่ชายวาก็แล้วกัน”


“ได้เลยครับผอ.” ฝากมาเลยไม่มีปัญหา แต่หนังสืออย่าฝันเลยว่ามันจะไปถึงมือพี่ภู เผาวอดแน่นอนสิครัชงานนี้! (คงไม่ต้องบอกเนอะว่าพี่คนไหนเสี้ยมสอนผมมา)


“แต่ผมคิดว่าอาจจะช้าเกินไป ผอ.ไม่ลองโทรติดต่อพี่ชายของวาโดยตรงเลยล่ะครับ” บ้าเจรง! นี่ไอ้พี่โซ่อ่านใจผมได้รึไงถึงได้ทำลายแผนการของผมแบบนี้!


“ก็ดีเหมือนกันนะ” อย่าไปเออออตามไอ้พี่มันสิครับผอ.!


“ต่อสายหาพี่ชายให้ผอ.คุยเลยสิวา” ไอ้พี่โซ่หันมาพูดกับผม ดูเหมือนไอ้พี่บ้านี่จะเร่งผมยิ่งกว่าผอ.ซะอีกนะ


หวังอะไรอยู่ไหนตอบ!


“ตะ...ตอนนี้เลยหรอครับ” แล้วผมจะเอาเวลาที่ไหนไปเตี๊ยมกับพี่ภูได้ล่ะเนี่ย


“ตอนนี้แหละวา ก็นี่มันงานด่วน” แต่นี่มันก็ด่วนเกิ้นนนนนนน


“กะ...ก็ได้ครับ” ผมที่ไม่มีทางเลือกเลยต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพี่ภูอย่างช่วยไม่ได้


ตอนแรกผมก็กะว่าจะกดเบอร์มั่วๆ แต่ถ้าไม่ขึ้นชื่อเดี๋ยวก็โดนไอ้พี่โซ่สงสัย อีกอย่างในประวัติของผมก็มีเบอร์จริงของพี่ภูที่เป็นผู้ปกครองของผมอยู่ดี เพราะงั้นมันเลยไม่มีประโยชน์ถ้าจะทำแบบนั้น


หลังจากที่กดโทรออกผมก็รอสายอยู่สักพัก ในระหว่างนั้นผมก็ภาวนาขอให้พี่ภูไม่รับ หรือถ้ารับก็ขอให้ไม่อนุญาตให้ผมไป แต่ก็ดูเหมือนว่าแต้มบุญของผมจะไม่เคยมีหรือใช้ไปหมดแล้ว เพราะพี่ภูดันกดรับสาย แถมยังยอมอนุญาตให้ผมไปเชียงใหม่ง่ายๆ ทั้งที่ผอ.พูดได้ไม่กี่ประโยคด้วยซ้ำ!


แถมตอนท้ายก่อนที่จะวางสาย พี่ภูยังมีการพูดกับผมอีกด้วยว่า...


[“ดีแล้วนะวาที่ผู้ใหญ่เอ็นดู ไปเก็บเกี่ยวความรู้แล้วก็ฝึกประสบการณ์ซะนะ”]


ฝึกประสบการณ์บ้าบออะไรล่ะ! เผลอๆ จะเป็นการฝึกประสบกามล่ะสิไม่ว่า! ก็ดูสีหน้ากับสายตาของไอ้พี่โซ่นั่นสิ กรุ้มกริ่มขนาดนี้มันน่าไว้ใจที่ไหน!


“หวังว่าห้องที่ทางโรงแรมจัดให้ จะเป็นเตียงเดี่ยวคิงส์ไซซ์นะครับวา” ไอ้พี่โซ่แอบก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูของผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมก็แค่แยกเขี้ยวใส่เท่านั้น ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ถึงจะได้พักห้องเดียวกัน แต่ยังไงทางโรงแรมก็ต้องจัดเตียงคู่ให้พวกเราอยู่แล้ว


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น วันจริงที่พวกผมเดินทางไปถึง...


“เนื่องจากมีลูกค้าจำนวนมากและต้องการห้องเตียงคู่เป็นส่วนใหญ่ ห้องเตียงคู่จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นห้องของคุณลูกค้าเลยเป็นห้องเตียงเดี่ยวนะคะ ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ”


ว้อทเดอะฟ้าคคคคคคคคคคคคค! นี่ผมทำกรรมอะไรไว้! หรือไอ้พี่โซ่มันยัดใต้โต๊ะเจ๊บอกผมมาาาาาาาาาาาาาา!


“เอาล่ะ ขึ้นไปบนห้องของเราดีกว่านะครับวา ห้องเบอร์ 969 ซะด้วย เลขมงคลเลยนะเนี่ยว่ามั้ย” มงคลกับผีอะไรเล่า! สัปดนล่ะสิไม่ว่า! แล้วมือที่กอดเอวของผมอยู่น่ะ อย่ามาเนียนจับนะไอ้คนฉวยโอกาสสสสสส!


2BC


 :m18: สวัสดีค่ะทุกคน Trap หัวใจพ่ายรักก็จบไปอีก 1 ตอนแล้ว แบบว่าไม่ได้มาอัพซะหลายวันเลยเพราะอย่างที่แจ้งไปในเพจว่าเราตาบวม  o2 หมอเลยสั่งห้ามไม่ให้จับคอม ยังไงเราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ หวังว่าจะไม่นานเกินไปจนหลายๆคนลืมเรื่องนี้กันน้า  :impress:
ตามที่เฉลยไปกับรูปร่างปกที่เราลงเพจกับทวิตเนอะว่าเรื่องนี้เป็นคู่โซ่วา ดังนั้นจากนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จะยิ่งพัฒนาขึ้นนะคะ (สวนทางกับพี่ธามที่แอร์ไทม์จะน้อยลงมาก FC พี่ธามต้องสตรองนะคะ แต่ไม่ต้องเสียใจไปน้า เดี๋ยวเค้าหาคนมาดูแลพี่ธามให้แน่นอน อิอิ)  :give2:
มาลุ้นกันครึ่งหลังนะคะว่ามาเชียงใหม่ครั้งนี้พี่โซ่กับน้องวาจะพัฒนาไปถึงขั้นไหน ยิ่งนอนห้องเดียวกันแบบนี้น้องวาจะถูกพี่โซ่จับกินมั้ยน้อ  :-[ พบกันวันเสาร์นะคะทุกคนนนน  :bye2:
(17 ต.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-10-2018 22:15:11
หมั่นไส้ อย่าไปยอมมันนะน้อง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 17-10-2018 22:16:53
โอ๊ย ขำหนักมาก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-10-2018 22:36:34
เลขห้องช่างเป็นใจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-10-2018 02:18:05
จะได้ร่วมเตียงเดียวกันแล้ว  :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-10-2018 09:21:00
ไม่รู้จะขำหรือสงสารวาดี?
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-10-2018 13:37:53
ห้องเลขสวยนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 18-10-2018 23:24:21
ร้ายและเนียนเชียวพี่โซ่ หวังกินน้องเต็มที่อะดิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-10-2018 20:41:10
55555555 ตกลงแต้มบุญน้องวาน้อยหรือเยอะกันแน่ สำหรับเราว่าเยอะมากกกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 ร่วมเตียงเคียงหมอน [17.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 20-10-2018 01:15:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 20-10-2018 22:08:55
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 9# Wayo Good night Kiss


   “ห้องกว้างใช้ได้เลยนะเนี่ย ส่วนเตียงก็ใหญ่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้หลายท่าเลยเนอะ” ไอ้พี่โซ่พูดขึ้นเมื่อเราสองคนเดินเข้ามาในห้อง สายตาของไอ้พี่มันที่จ้องผมนั้นเจ้าเล่ห์สุดๆ จนผมต้องรีบขยับออกห่าง


   “ปะ...เปลี่ยนหลายท่งหลายท่าอะไร พูดให้มันเคลียร์ๆ นะครับพี่โซ่” ผมย้ายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่สะพายหลังเอาไว้มากอดแน่นที่ด้านหน้า เมื่อซาตานในร่างเทวดาอย่างไอ้พี่มันย่างสามขุมเข้ามาหาผมเรื่อยๆ จนตอนนี้หลังของผมได้ชนกับกำแพงเป็นที่เรียบร้อย


หมดทางหนีแล้วสิผม!


“ก็เวลาที่พวกเราหลับนอน...”


“นอนหลับพี่! นอนหลับ!” สลับคำแล้วความหมายเปลี่ยนเป็นคนละเรื่องเลยให้ตาย!


“นั่นแหละๆ ก็เวลาที่พวกเรานอนหลับมันก็ต้องมีพลิกเปลี่ยนท่ากันบ้าง ไม่มีหรอกที่จะนอนท่าเดิมทั้งคืนจริงมั้ย” ถามอย่างเดียวก็ได้! หน้าน่ะจะเอาเข้ามาใกล้ผมทำไมมิทราบ!


“จริงก็ได้ครับพี่โซ่” ผมขี้เกียจเถียงกับไอ้พี่มันแล้ว มีลางสังหรณ์ว่าจะเปลืองตัวยังไงไม่รู้

“แล้วนี่จะถอยไปได้รึยังครับ ผมจะเอาของไปเก็บ”


“ไม่ลองไปทดสอบเตียงกับพี่ก่อนหรอ เดี๋ยวพี่จะอาสาเป็นหมอนข้างให้วากอดเอง”


“ไม่ล่ะครับ พอดีผมเป็นคนไม่ชอบกอดหมอนข้าง” ซะเมื่อไหร่ล่ะ ผมน่ะถ้าไม่มีอะไรกอดจะนอนหลับไม่ค่อยสนิทหรอก นี่ถ้าเอาหมอนข้างขึ้นเครื่องบินมาได้ผมคงทำไปแล้ว


“ว้า น่าเสียดายจัง”


“เพราะงั้นก็ถอยไปได้แล้วครับ” ผมดันที่อกของไอ้พี่โซ่ออกไป ซึ่งไอ้พี่มันก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ก่อนที่พวกเราจะพากันหยิบของออกจากกระเป๋าแล้วเอาไปไว้ตามที่ต่างๆ พอเห็นของใช้ของพวกเราที่วางข้างกันแบบนี้แล้วมันรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้


ทั้งเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในตู้ด้วยกัน ไหนจะของใช้ที่อยู่หน้ากระจกรวมถึงห้องน้ำ แล้วก็ยังแปรงสีฟัน 2 ด้ามที่วางคู่กัน ช่างบังเอิญจริงๆ ที่เป็นยี่ห้อเดียวกันแต่คนละสีเท่านั้นเอง


“เหมือนคู่รักหรือคู่แต่งงานที่อยู่ด้วยกันเลยเนอะ”


“นั่นสินะ” ผมเออออตามเสียงพรายที่มากระซิบตรงข้างหู แต่เมื่อรู้ตัวว่าหลงติดกับคนเจ้าเล่ห์เข้าแล้วผมก็รีบปฏิเสธทันที


“อย่ามาเนียนนะครับพี่โซ่!”


“พี่เปล่าเนียนสักหน่อย ใจเราสองคนก็ตรงกันแท้ๆ แต่ทำไมวาถึงไม่ยอมเป็นแฟนพี่สักทีก็ไม่รู้” ก็เพราะพี่เป็นคนร้ายกาจที่ชอบสร้างภาพเป็นคนดีน่ะสิ!


“อย่ามาขี้ตู่นะครับ ใจตรงกันที่ไหน ผมเคยบอกเมื่อไหร่ว่าชอบพี่”


“ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจวาเคยได้ยินมั้ย ถึงจะไม่เคยพูดแต่ความรู้สึกของวามันก็ออกมาที่แววตาชัดเจนเลยล่ะ” คนอะไรหลงตัวเองเป็นบ้า ส่วนตาน่ะ ทำจากถั่วหรือฝาเป๊ปซี่!


“ผมว่าพี่ลองไปเช็คสายตาดูก็ดีนะครับ” ผมแสร้งยิ้มให้แล้วปลีกตัวเดินออกมา ไหนๆ ก็ไหนๆ ไปหาพี่จ๋าที่ห้องตรงข้ามแล้วชวนลงไปกินข้าวข้างล่างดีกว่า ถึงจะนัดกันตอนบ่ายโมงก็เถอะ แต่นี่ก็เที่ยงจะ 50 แล้ว


โชคดีที่พี่จ๋าเก็บของเสร็จพอดี เราสองคนเลยพากันลงลิฟต์ไปยังห้องอาหาร ส่วนไอ้พี่โซ่ก็เดินตามมาทางด้านหลัง ซึ่งพอเราสามคนทานอาหารโดยใช้คูปองที่ทางโรมแรมแจกให้เป็นที่เรียบร้อย ต่อไปก็เป็นการเข้าห้องบอลลูมไปจัดบูธออกงานในนามบริษัท


พวกเรามีเวลากันถึงเที่ยงคืนก่อนห้องจะปิด ดังนั้นเลยไม่ได้รีบร้อนมากเท่าไหร่ ทำไปคุยไปเรื่อยๆ แก๊งพวกพี่สาวที่อยู่ใกล้ๆ เห็นพวกผมค่อนข้างสบายๆ ก็เลยลองเข้ามาทัก แล้วพอพวกผม (โดยเฉพาะไอ้พี่โซ่) ตอบกลับเท่านั้นแหละ โอ้โห รีบกรูกันเข้ามาจนผมนึกว่ามีแจกของฟรี


“อะไรของยัยพวกนี้ก็ไม่รู้ น้องโซ่เป็นของพี่แท้ๆ” พี่จ๋าแอบมองค้อนไปทางแก๊งพวกพี่สาว แต่เดี๋ยวนะ...ไอ้พี่โซ่ไปเป็นของพี่จ๋าเมื่อไหร่ไม่ยักรู้?


“อย่าไปสนคนเจ้าชู้แบบนั้นเลยครับ” ผมเบ้ปากใส่ อยากเอาน้ำไปสาดให้วงแตกชะมัด!


“น้องโซ่ไม่ใช่คนเจ้าชู้นะน้องวา ก็แค่หน้าตาดี เฟรนด์ลี่ ยิ้มเก่งเท่านั้นเอง” เฮอะ! ถ้าบอกว่าหน้าหล่อ หม้อเก่ง ผมจะไม่เถียงเลย


“เอาเถอะครับ ผมว่าผมจัดบูธต่อดีกว่า” ตอนนี้แรงงานเบอร์ 1 อย่างไอ้พี่โซ่โดนฉกโดยแก๊งพี่สาวไปแล้ว เห็นว่าไม่มีผู้ชายคอยยกของหนักๆ ให้ไอ้พี่มันก็เลยไปช่วย


โธ่เอ๊ย คิดว่าผมไม่รู้รึไงว่านั่นมันก็แค่ข้ออ้าง ความจริงพี่สาวพวกนั้นอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับไอ้พี่โซ่ต่างหากเล่า!


เฮอะ! รู้สึกหงุดหงิดชะมัด! ส่วนไอ้พี่มันผมว่าก็ไม่น่าจะโง่จนดูไม่ออก เพียงแต่ว่าความมีน้ำใจ (ที่ผมรู้สึกว่าช่างมีมากจนเกินพอดี) ทำให้ไอ้พี่มันไม่คิดอะไรมาก แต่แก๊งพี่สาวพวกนั้นก็ไม่มีเกรงใจ ไม่รู้ว่าอยากกักตัวไอ้พี่มันไว้ให้นานที่สุดรึเปล่า เพราะกว่าจะปล่อยตัวมาก็ล่อไปเกือบเที่ยงคืน!


“โอ๊ยยยย เหนื่อยจังเลยครับ” ไอ้พี่โซ่โอดครวญหลังจากเปิดประตูเข้ามาในห้อง จากนั้นก็เดินสะโหลสะเหลมาหาผมที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง ซึ่งผมรวมทั้งพี่จ๋าที่อยู่ห้องตรงข้ามพากันขึ้นมาจากห้องบอลลูมตั้งแต่ 4 ทุ่มกว่าๆ แล้ว


“สมน้ำหน้า” ก็อยากอาสาไปช่วยงานแก๊งพี่สาวพวกนั้นเองนี่นา แต่ว่าคำพูดนั้นของผม ไอ้พี่โซ่ก็ทำเป็นหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยิน


“พี่ขอกอดชาร์ตพลังหน่อยนะเด็กดี” เหมือนจะเป็นคำถาม แต่เปล่าเลย เพราะไอ้พี่มันทิ้งตัวลงมานอนข้างๆ แล้วก็วาดแขนมากอดหมับเข้าที่เอวของผมเป็นที่เรียบร้อย


“ถ้าจะไม่รอคำตอบแบบนี้แล้วพี่จะถามผมเพื่อ” ผมทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วยกแขนของไอ้พี่มันออกไป


ว่าแต่ไอ้หัวใจของผมมันจะเต้นแรงขึ้นทำไม?


อ้อ! ก็จะอะไรล่ะ ของมันแน่ว่าก็ต้องเป็นเพราะผมไม่พอใจอยู่แล้ว!


“งั้นต่อไปพี่ไม่ถามแล้วก็ได้ อยากทำอะไรกับวาพี่ก็ทำได้เลยใช่มั้ย” ไม่พูดเปล่า ไอ้พี่โซ่ยังทำท่าจะลุกขึ้นมาคร่อมผม แต่ว่าผมก็ดันแผ่นอกของไอ้พี่มันออกไปซะก่อน


“ทะลึ่งแล้วพี่ แล้วนี่เมื่อไหร่จะไปอาบน้ำสักที ตัวเหนียวมาถึงผมแล้วนะครับ”


“ถ้าพี่อาบน้ำแล้ว วาจะอนุญาตให้พี่กอดสินะ”


“หา? ผมพูดแบบนั้นเมื่อไหร่?”


“ไม่รู้แหละ พี่อาบน้ำเสร็จวาต้องให้พี่กอด” ไอ้พี่โซ่พูดจบก็รีบเดินตัวปลิวเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนผมก็คงจะบ้ารอหรอก ของมันแน่อยู่แล้วว่าก็ต้องรีบปิดไฟนอนน่ะสิ!


และแล้วคืนแรกที่เชียงใหม่ร่างกายของผมก็ยังปกติดีไม่มีอะไรสึกหรอ อาจจะเพราะความเหนื่อยเลยทำให้ผมหลับไปภายในเวลาไม่กี่นาที ตอนที่ไอ้พี่โซ่ออกมาจากห้องน้ำลมหายใจของผมเลยสม่ำเสมอแล้ว


“ยังไม่รู้จักระวังตัวเหมือนเดิมเลยน้าเด็กอ้วนของพี่” ผมไม่ได้ยินประโยคนี้ แล้วผมก็ไม่ได้รับรู้เลยว่า มีมือข้างหนึ่งกำลังลูบที่ศีรษะของผมด้วยความอ่อนโยน


แต่ถึงจะไม่รับรู้ ร่างกายของผมกลับสัมผัสได้ เพราะความเครียดและความเหนื่อยล้าของผมได้จางหายไป ตอนนี้ผมรู้สึกผ่อนคลายจนริมฝีปากยกยิ้มออกมาบางๆ


“ก็ชอบทำหน้าแบบเนี้ย แล้วพี่จะอดใจไหวได้ยังไงกันครับ” พูดจบพี่โซ่ก็ก้มหน้าลงมา ริมฝีปากที่อยู่ห่างออกไปก็ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ


จากหนึ่งช่วงตัวเหลือเพียงหนึ่งฟุต...


จากหนึ่งฟุตเหลือเพียงหนึ่งคืบ...


จากหนึ่งคืบเหลือเพียงหนึ่งลมหายใจ...


และในที่สุดเราสองคนก็ได้ใช้ลมหายใจเดียวกัน...


 “Good night Kiss นะครับวา”


เนิ่นนานกว่าที่พี่โซ่จะถอนจูบออกมา น้ำเสียงอันนุ่ม ทุ้ม และอ่อนโยนที่กระซิบอยู่ใกล้ๆ รวมถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นที่ร่างกายสัมผัสได้ ทำให้ผมนอนหลับฝันดีตลอดทั้งคืน...


2BC


 o18 สวัสดีค่าทุกคน อ่าน Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนนี้จบใครหน้าเป็นแบบนี้บ้างขอเสียงหน่อยยยย เห็นหลายๆคอมเมนท์ชอบบอกว่าพี่โซ่ชอบทำใจบาง พอมาเจอตอนนี้หัวใจใกล้ถึงขั้นวายแล้วรึยังคะ  :-[
ครึ่งหลังนี้ก็จะสั้นนิดนึงเนอะ แต่ก็หวังว่าจะฟินกันน้า นอกจากนี้เรื่องของพี่โซ่ยังแอบหลุดมาอีกนิดอีกแล้ว ถึงจะยังไม่เฉลยแต่ก็คาดว่าส่วนใหญ่น่าจะพอประติดประต่อกันได้แล้วเนอะ แต่ถ้ายังไม่ได้................ข้ามบรรทัดนี้ไปก็แล้วกันค่ะ อิอิ  o17
ส่วนตอนหน้าแอบกระซิบเลยว่าความสัมพันธ์ของพี่โซ่กับน้องวาจะพัฒนาขึ้นไปอีก แต่จะขั้นไหนไว้มาลุ้นกันนะคะ    :give2:
สำหรับวันที่ลง แต่เค้าขอแจ้งนิดนึงว่าเนื่องจากตอนนี้ตาของเรายังไม่หายขาดเลย ตุ่มที่ตาถึงแม้จะยุบลงไปมากแล้วแต่ก็ยังเป็นอยู่ เพราะงั้นคุณหมอเลยอยากให้เค้าใช้คอมให้น้อยลง (ปวดใจ TT_TT)  :o12: เพราะงั้น 1 สัปดาห์เค้าเลยจะลงนิยายแค่ 2 ครั้ง (วันพุธกับวันเสาร์) ซึ่งก็น่าจะลงแบบนี้ไปจนจบเรื่องเลย ยังไงก็ช่วยรอเค้าหน่อยนะคะ กอดขาทุกคนแน่นมากกกกก  :dont2:
(20 ต.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-10-2018 22:35:25
ว่าแล้วว่าพี่มันต้องจำน้องได้แต่แรก  :hao3:
เด็กอ้วนของพี่ <--เจอประโยคนี้เข้าไปฟินเลย :-[

ปล. ขอให้ตาหายไวๆน้า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-10-2018 02:16:57
วาหลับฝันดีไปแล้ว ตื่นมาจะรู้ไหมว่าเมื่อคืนได้กี่ท่า  o18
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-10-2018 13:05:39
จำเด็กอ้วนได้ด้วย ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-10-2018 15:30:07
พี่โซ่จำวาได้อยู่แล้ว อยากฟังมุมพี่โซ่บ้างงง พี่โซ่ของน้องงงงงงงงง(วา) o18
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-10-2018 15:44:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 21-10-2018 21:59:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-10-2018 09:19:00
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 22-10-2018 23:02:54
พี่โซ่คนบ้าๆๆๆ เด็กอ้วนของพี่ ตายมั๊ยหล่ะประโยคนี้ อินี่แทบดิ้นตาย :ling1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 9 Good night Kiss [20.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-10-2018 00:39:58
ขอให้หายป่วยไวๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้จ้า ยังไงเราก็รอ

เอิ่มมมม เชนโซ่คือรู้จักกันหรอ เหมือนถูกซ้อนแผนนะวาโย
โซ่บอกว่าไม่ยอมฟังให้ดี คือรวมถึงตอนนั้นด้วยไหม
แล้วทำไมไม่แก้ไขแต่แรก แถมปล่อยให้วาคิดไปเองตั้งนาน

ธามคือชอบโซ่จริงจังมากเลย คิดว่าธามดีพอนะ
แต่อาจจะแพ้แรงยุเชน ดูร้ายไม่ใช่ไรหรอก
เดาว่าเชนชอบธาม แล้วกะเนียนแย่งธามมา

ลุ้นน่ะ ทำไมโซ่ต้องซับซ้อน วาเอ้ยยย ขุดหลุมดักตัวเองหรอ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 24-10-2018 21:52:00
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 10# Wayo 6 แพคแน่นๆของพี่โซ่


“วา...วาครับ...เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” เสียงนุ่มๆ กระซิบอยู่ที่ข้างหู พร้อมกับมืออุ่นๆ ที่กำลังเขย่าแขนของผมเบาๆ ผมที่รู้สึกว่ายังไม่อยากตื่น อยากนอนต่ออีกนิดเลยเอามือปัดๆ ออกโดยไม่แม้แต่จะลืมตา


“อืม...ขออีก 5 นาที” ผมตอบด้วยเสียงยานคาง


“แต่พี่ให้วา 10 นาทีแล้วนะครับ”


“ก็บอกว่าอีก 5 นาทีงาย” ใครก็ไม่รู้น่ารำคาญเป็นบ้า ก็บอกว่าขอ 5 นาที...5 นาทีได้ยินม้ายยยยยย


“มันจะสายแล้วนะครับวา ถ้าวาไม่ตื่นตอนนี้พี่จะปลุกด้วยวิธีของพี่แล้วนะครับ”


หืม? วิธีการพูดแบบนี้มันคุ้นๆ อยู่นะ มันเหมือนกับ...เหมือนกับ...เหมือนกับใครสักคนที่ผมต้องคุ้นเคยมากๆ แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร


พี่ภู? คงจะปลุกโดยการดึงผ้าห่มออกจากตัวผมแล้วล่ะ


พี่ธาร? ตัดออกไปได้เลยเพราะไม่คล้ายตั้งแต่เสียงแล้ว


พี่พฤกษ์? คงไม่เขย่าตัวผมอย่างอ่อนโยนขนาดนี้


พี่เพลิง? เฮอะ! ไอ้พี่บ้านั่นคงไม่ปลุกผมด้วยมือหรอก ตรีนสะกิดไม่ก็ถีบผมตกเตียงแน่นอน!


   เอ...ถ้าหากไม่ใช่พี่ภู พี่ธาร พี่พฤกษ์ หรือพี่เพลิง แล้วคนที่สนิทสนมหรือใกล้ชิดกับผมขนาดนี้เป็นใคร? ซึ่งหลังจากใช้สมองคิดอยู่หลายวินาทีในที่สุดผมก้ได้คำตอบ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือ...


   “พี่โซ่!”


ผมรีบลืมตาขึ้นมา จึงเห็นว่าใบหน้าหล่อๆ ของไอ้พี่มันกำลังหลับตาแล้วเคลื่อนเข้ามาใกล้ผม ผมที่คิดว่าตัวเองต้องไม่พ้นโดนขโมยจูบแน่ๆ เลยรวบรวมแรงทั้งหมดแล้วผลักที่อกของไอ้พี่มันไปจนสุดแรง!


ซึ่งตอนแรกผมก็ตั้งใจจะวีนแตกโวยวายให้ลั่นห้องอยู่แหละ แต่พอมองเห็น 6 แพคที่อยู่ตรงหน้าผมก็ถึงกับตาสว่าง


โอ้แม่เจ้า! ตอนนี้ไอ้พี่โซ่พันแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวไว้ที่รอบเอวเท่านั้น!


ละ...แล้วนอกจากนั้น มะ...เมื่อกี้...มือของผมก็จับหมับเข้าที่แผ่นอกของไอ้พี่มันไปด้วย แถมยังจับไปแบบเต็มๆ แล้วก็เน้นๆ จนรู้ด้วยแหละว่าแผ่นอกของไอ้พี่มันนั้นแน่นแค่ไหน!


“เป็นอะไรไปครับวา?” ไอ้พี่โซ่ถามด้วยความงงๆ เมื่อเห็นผมนั่งนิ่ง (หรือถ้าเอาตามจริงก็คือตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ) อยู่บนเตียง


“หรือว่าโกรธจริงๆ ที่พี่แกล้งจะจูบหรอครับ?” ไอ้พี่โซ่พูดจบก็ทำท่าจะเดินตรงเข้ามา


โอ้ไม่นะ! ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้มีหวังเลือดกำเดาของผมต้องพุ่งแน่ๆ!


“ปะ...ปะ...เปล่าพี่ ตะ...แต่ผม...ผม...ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ!” แล้วผมก็รีบลุกจากเตียงวิ่ง 4x100 ไปเข้าห้องน้ำทันที โดยที่ไม่ลืมหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเอามาอุดจมูกเผื่อเลือดกำเดามันจะไหลออกมา


ให้ตายสิ! ผู้ชายอะไรหุ่นทรมานใจเป็นบ้า! ดีนะที่เลือดกำเดาของผมมันไม่ไหลออกมาจริงๆ!


เอ...แต่ก็น่าแปลกอยู่นะที่ผมไม่ยักกะตกตะลึง หรือตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรงขนาดนี้กับพวกพี่ชายที่บ้าน ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่ก็หุ่นดีมี 6 แพคด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะพี่เพลิงที่มักจะไม่ค่อยสวมเสื้อ เดินโชว์กล้ามแน่นๆ ร่อนไปร่อนมาซะทั่วบ้านแบบไม่มียางอาย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันแฮะ


แต่ก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ผมมีเวลาไปหาคำตอบที่ไหน ผมต้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปประจำบูธที่ห้องบอลลูมข้างล่างนี่นา


ผมสลัดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกจากหัวแล้วเริ่มต้นอาบน้ำ ผมใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็อาบเสร็จแล้วเดินออกมา แต่อย่าคิดล่ะว่าผมจะพันผ้าเช็ดตัวมาแบบไอ้พี่โซ่ โนวววว ผมใส่ชุดเดิมออกมาหยิบเสื้อผ้าแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำต่างหาก


“ว้า อดเห็นอกขาวๆ ของวาเลย” ไอ้พี่โซ่แอบบ่นอย่างเสียดาย


เฮอะ! อย่าฝันเลยว่าจะได้แอ้มผมง่ายๆ ถึงจะแค่อาหารตาก็อย่าแม้แต่จะคิด!


   แล้วหลังจากที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บข้าวของที่จำเป็นแล้ว ผมกับไอ้พี่โซ่ก็เดินลงไปหาพี่จ๋าที่กำลังกินข้าวอยู่ข้างล่าง พวกเราใช้เวลาไม่นานก็กินอิ่มเลยรีบไปประจำที่บูธ ตอนนี้เป็นเวลา 8.15 น. อีก 15 นาทีจะมีพิธีเปิดงานคนเลยเริ่มทยอยกันเข้างานแล้ว


   8.30 น. ไม่ขาดไม่เกินประธานของงานก็มาถึง ซึ่งก็เป็นหนึ่งในนายทุนชื่อดังระดับประเทศ พิธีกรเมื่อเห็นท่านเดินเข้ามาก็กล่าวให้ทุกคนลุกขึ้นยืนและปรบมือต้อนรับ จนกระทั่งท่านเดินไปถึงเวทีก็กล่าวสุนทรพจน์เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ใช้เวลา 10 กว่านาทีจึงเสร็จสิ้นก่อนที่ทีมงานจะเปิด VTR ให้แขกภายในงานรับชมร่วมกัน


   เมื่อ VTR จบประธานกับพิธีกรก็ลงจากเวทีแล้วเริ่มเดินตามบูธ โดยจะเดินวนตามเข็มนาฬิกาเป็นรูปตัว U ตามผังของห้องบอลลูม ซึ่งพอไปถึงแต่ละบูธท่านก็จะซักถามเรื่องต่างๆ โดยคร่าวๆ โดยให้เวลา 3 – 5 นาทีเพื่อให้พนักงานประจำบูธพรีเซนต์บริษัทของตัวเองให้น่าสนใจที่สุด


แน่นอนว่าช่วงเวลานี้จะพลาดไม่ได้ เพราะถือเป็นนาทีทองที่ทุกสายตาของนักลงทุนในงานจะโฟกัสมาที่บูธ ตัวแทน (หรือจะเรียกอีกอย่างก็คือความหวังของบริษัท) อย่างพวกผม ก่อนที่จะมาที่นี่เลยต้องซักซ้อมและท่องสคริปต์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ถึงจะจำได้อย่างขึ้นใจแล้วพอถึงเวลาจริงๆ ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี


“กินนี่มั้ย เขาบอกว่าช่วยลดอาการตื่นเต้นได้นะ” ไอ้พี่โซ่ยื่นลูกอมให้ผม 1 เม็ด


“เห็นผมเป็นเด็กรึไงครับ” พูดไปงั้นแหละ แต่ก็รับมาแล้วรีบแกะเข้าปากอย่างไว อื้ม...ความเย็นและรสหวานๆ ของลูกอมช่วยลดอาการตื่นเต้นลงได้จริงๆ ด้วยแฮะ


“เป็นไงบ้าง ดีขึ้นรึเปล่า”


“ก็...ก็โอเคแหละครับ” ผมเสหน้าไปอย่างอื่นอย่างไม่รู้ไม่ชี้


“อย่ามาทำซึนน่า อยากขอบคุณก็บอกมาเร็วๆ พี่รอฟังอยู่” ไอ้พี่โซ่พูดยิ้มๆ เอาจริงๆ ตอนแรกผมก็ว่าจะพูดอยู่หรอก แต่พอได้ยินแบบนี้ก็ไม่พูดมันละ หมั่นไส้!


ผมย่นจมูกแล้วเชิ่ดหน้าใส่ ไอ้พี่โซ่ที่เห็นอย่างนั้นก็เลยเอาแต่วอแวผม การกระทำนั้นอยู่ในสายตาของผู้ชายคนหนึ่งที่จ้องมองอยู่ แต่พวกผมก็ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด


เนื่องจากงานนี้เป็นงานใหญ่ มีบริษัทชั้นนำมากมายที่สนใจเข้าร่วมงาน ดังนั้นภายในห้องบอลลูมเลยมีบูธตั้งอยู่ถึงเกือบครึ่งร้อย กว่าที่ประธานจะเดินมาถึงบูธของพวกผมที่อยู่เกือบสุดของปลายตัว U อีกด้านเลยกินเวลาไปเกือบเที่ยง ซึ่งแน่นอนว่าการพรีเซนต์บริษัทของพวกผมนั้นผ่านไปได้ด้วยดี


เมื่อเดินครบทุกบูธเวลาก็เป็นเที่ยงตรงพอดีราวกับถูกคำนวณไว้ ประธานจึงเชิญนักลงทุนทุกคนไปทานข้าวยังห้องจัดเลี้ยงที่อยู่ด้านข้าง แล้วช่วงบ่ายค่อยให้นักลงทุนมาเดินตามบูธที่สนใจอีกทีหนึ่ง ซึ่งก็สามารถเดินได้จนถึง 2 ทุ่มตามกำหนดเวลาปิดงาน


“อุ้ย! ผอ.โทรมา” พี่จ๋าพูดเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น


“สงสัยคงจะถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ยมั้งครับ” ช่างกะเวลาโทรมาถามได้ดีจริงๆ พอประธานออกจากห้องไปปุ๊บก็โทรมาปั๊บเชียวนะครับผอ.


“งั้นเดี๋ยวพี่รับสายก่อนนะ...สวัสดีค่ะผอ. จ๋าพูดค่ะ...เรียบร้อยดีค่า พรีเซนต์ได้เริ่ดตามที่ซ้อมกันมาเป๊ะๆ เลยค่ะ...เรื่องนั้นผอ.ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จ๋ากับน้องๆ จะต้องตกนักลงทุนได้แน่นอนค่ะ!...อะไรนะคะ? จริงหรอคะผอ.! งั้นงานนี้จ๋าและน้องๆพร้อมลุยเต็มที่แน่นอน ผอ.รอฟังข่าวดีได้เลยค่ะ!” แล้วหลังจากนั้นพี่จ๋าก็วางสายไป ส่วนผมก็ตาปริบๆ เพราะเดาบทสนทนาช่วงหลังไม่ได้


“ดีใจอะไรครับพี่จ๋า แล้วทำไมต้องทำท่าฮึกเหิมขนาดนั้นด้วยล่ะครับ” ไอ้พี่โซ่ถาม


“ก็ผอ.บอกว่า ถ้าพวกเราตกนักลงทุนรายใหญ่ได้ จะให้โบนัสปลายปีกับเราสองคนเพิ่มน่ะสิ!” พอได้ยินแบบนี้ไอ้พี่โซ่ก็ทำท่าฮึกเหิมไม่ต่างจากพี่จ๋า ส่วนผมที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเลยไม่ได้แสดงอาการอะไร แต่พอพี่จ๋าบอกว่าส่วนของผม ผอ.จะยื่นหนังสือให้เบื้องบนพิจารณาจ้างเป็นพนักงานประจำ เท่านั้นแหละ...


“ผมจะพยายามเต็มที่เลยครับ!” ไฟความฮึกเหิมได้ลุกท่วมร่างของผมแล้ว!


“แต่ก่อนจะลุยเรื่องงาน ห่วงเรื่องปากของตัวเองก้อนก็ดีนะครับวา นี่มันก็เที่ยงแล้วนะ” ไอ้พี่โซ่นี่ก็ขัดอารมณ์ผมซะจริง แต่แอบบ่นไปงั้นแหละ ผมรู้หรอกน่าว่าไอ้พี่มันเป็นห่วงผม


“นั่นน่ะสิ ช่วงนี้คนไม่ค่อยมี งั้นพวกเราสลับกันไปกินข้าวดีมั้ย ไปทีละคนแล้วให้ 2 คนเฝ้าบูธเผื่อมีคนมา” พี่จ๋าเสนอ


“แต่ผมยังไม่หิว พวกพี่ไปกินเลยก็ได้ครับ” ตอนเช้าผมกินไปตั้งเยอะแล้ว เพราะงั้นตอนนี้พวกที่อยู่ในกระเพราะมันเลยยังย่อยไม่หมดน่ะสิ


“ถึงไม่หิวแต่ก็ต้องกิน เพราะกว่าจะได้กินอีกทีก็หลัง 2 ทุ่มเลยนะ” ไอ้พี่โซ่หันมามองผมด้วยสายตาดุๆ ชิ!


“งั้นผมไปกินก็ได้ แต่ขอไปคนสุดท้ายแล้วกันนะครับ ไปตอนนี้ผมคงกินได้ไม่เกิน 3 คำหรอก” พอพูดแบบนี้ไอ้พี่โซ่ค่อยยิ้มออกมาได้ จากนั้นก็หันไปหาพี่จ๋า


“Ladies first เชิญก่อนเลยครับ” แต่ยังไม่ทันที่พี่จ๋าจะได้ตอบอะไร แก๊งพี่สาวเมื่อวานก็ดันสอด...อ๊ะ โทษๆ ผมใช้คำผิด ต้องใช้ว่าก็ดันพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน


“ได้ยินว่าน้องโซ่จะไปกินข้าว งั้นไปกินพวกพี่...เอ๊ย! ไปกินกับพวกพี่ตอนนี้เลยดีมั้ย” ก็ถ้าสีหน้าแสดงออกชัดขนาดนั้นไม่ต้องแก้คำก็ได้มั้งแหม่ ส่วนคำถามนั่นก็เหมือนกัน ถ้าจะรุมทึ้งลากไอ้พี่มันไปโดยไม่ฟังคำตอบแบบนั้นแล้วจะถามเพื่อ!


“ก่อนจบงานพี่ว่าพี่หาโอกาสดักตบยัยพวกนั้นดีกว่า” พี่จ๋าพูดอย่างฮึดฮัด แต่มีแค่คนเดียวจะไปสู้คนเป็นสิบได้ยังไงกันเล่า


“ผบว่าตบคนของเรามันน่าจะง่ายกว่านะครับ มีอย่างที่ไหนใครลากไปไหนก็ไปกับเขาหมด คนเจ้าชู้!” นี่หรอที่บอกว่ารักว่าชอบผม ใครเชื่อก็คงต้องเลิกกินข้าวแล้วหันไปกินหญ้าแทน!


“น้องวาอย่าว่าน้องโซ่ของพี่สิ น้องโซ่ของพี่ไม่ได้เจ้าชู้ น้องโซ่ของพี่แค่ปฏิเสธคนไม่เก่งเฉยๆ” เฮอะ! ใช้ยาเสน่ห์สำนักไหน ทำไมผู้หญิงถึงได้รักได้หลงขนาดนี้เนี่ยไอ้พี่โซ่!


“คร้าบๆ พี่โซ่ของพี่จ๋าเป็นคนดีที่หนึ่งเลย” ผมเบ้ปากแล้วกลอกตามองบน พี่จ๋าคงเห็นว่าผมแกล้งทำขำๆ ล่ะมั้งก็เลยหัวเราะออกมา


ช่วงนี้พึ่งจะเที่ยงนิดๆ ในห้องบอลลูมเลยไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ จะมีก็แค่พนักงานประจำบูธละคนสองคนเท่านั้น เพราะงั้นผมกับพี่จ๋าก็เลยยืนเมาท์กันเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมา แต่ว่าพวกผมก็คิดผิดเพราะดันมีนักลงทุนหนุ่มใหญ่คนหนึ่งเดินมาทางนี้พร้อมกับผู้ติดตาม


“ผมสนในโปรเจคนี้ พวกคุณช่วยอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมให้ฟังหน่อยได้มั้ย” ผมกับพี่จ๋าหันไปมองหน้ากันอย่างไม่คาดคิด ก่อนที่จะรีบสลัดความเอ๋อทิ้งแล้วสวมบทมืออาชีพที่ได้เตรียมตัวกันมา


ส่วนใหญ่คนที่อธิบายจะเป็นพี่จ๋ามากกว่า ผมจะเป็นคนเสริมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 นาทีที่คุยกัน นักลงทุนคนนั้นกลับเอาแต่มองมาที่ผม แทบไม่มองหน้าพี่จ๋าที่อธิบายรายละเอียดต่างๆ เลยสักนิด


“ลืมแนะนำตัวไปเลย ผมชื่ออิทธิ เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารบริษัท S Corporation” หลังจากที่เขาพูดจบเลขาที่อยู่ด้านหลังก็ยื่นนามบัตรให้พวกผมคนละใบ


โอ้มายก็อด! S Corporation นี่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เลยนี่นา เพราะงั้นผมกับพี่จ๋าเลยหันหน้ามองกันโดยอัตโนมัติ ถึงจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็เป็นอันรู้กัน...ต้องจับบริษัทนี้ให้อยู่หมัดให้ได้!


“ไม่ทราบว่าท่านมีข้อสงสัย หรือสนใจจะถามรายละเอียดของโปรเจคเพิ่มเติมมั้ยคะ” พี่จ๋ายิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าให้คุณอิทธิ


“ความจริงผมก็อยากฟังรายละเอียดและอยากถามอะไรมากกว่านี้อยู่หรอก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ผมต้องไปทำธุระ กว่าจะกลับมาอีกทีก็คงจะเป็นหลังปิดงานไปแล้ว” พอได้ยินแบบนี้ ผมกับพี่จ๋าก็น้ำตาแทบไหลเพราะเสียดายโอกาสทองสุดๆ


แต่แล้ว ความหวังที่หลุดลอยไปก็ดูเหมือนว่าจะมีแสงสว่างลอยวาบขึ้นมา


“เอาอย่างนี้มั้ยล่ะ ถ้าหลังจากนั้นคุณว่างมาอธิบายรายละเอียดอื่นๆ ให้ผมฟังล่ะก็ ผมจะพิจารณาเซ็นสัญญาร่วมงานกับบริษัทคุณก็ได้” คุณอิทธิให้ทางเลือกกับพวกเราตัดสินใจ...ไม่สิ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นแค่ผมคนเดียว


“การอธิบายรายละเอียดที่ว่า...”


“ก็แค่นั่งคุยชิลๆ ที่บาร์หรือร้านอาหาร แต่ว่าผมเชิญคุณแค่คนเดียวนะ” คุณอิทธิพูดจบก็ยกยิ้มขึ้นมา ผมรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจรอยยิ้มนั่น แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าขึ้นลงเฉยๆ


“เอาล่ะ ถ้าหากตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็ติดต่อมาแล้วกัน หวังว่าผมจะได้ยินข่าวดี” พูดจบคุณอิทธิก็เดินจากไป จนกระทั่งลับสายตาแล้วพี่จ๋าถึงได้สะกิดผม


“น้องวาจะไปตามคำชวนรึเปล่า”


“แล้วถ้าเป็นพี่จ๋า พี่จ๋าจะไปรึเปล่าครับ”


“นั่นน่ะสิ อืม...ก็คงจะลองไปอยู่มั้ง เขาไม่ได้นัดในห้องพักของโรงแรมหรือที่ลับตาคนนี่นา ถ้าเห็นท่าไม่ดีค่อยปลีกตัวออกมาก็น่าจะได้”


“ผมก็คิดเหมือนพี่จ๋าเลยครับ ลองไปดูก่อนก็ไม่น่ามีอะไรเสียหาย” ก็อย่างที่พี่จ๋าว่า คุณอิทธิเขาไม่ได้นัดผมไปที่ลับตาคนนี่นา ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมก็สามารถร้องให้คนอื่นช่วยได้


ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าถ้าการที่คุณอิทธิเรียกผมไปหามันเป็นกับดักล่ะนะ แต่บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เขาอาจจะอยากร่วมงานกับบริษัทผมจริงๆ แล้วก็...อาจจะรู้สึกถูกใจผมนิดๆ เลยอยากหาเรื่องใกล้ชิดอะไรแบบนี้ล่ะมั้ง


“อ้อ! แต่ผมขออย่าให้พี่จ๋าบอกพี่โซ่ได้มั้ยครับ เพราะถ้าบอกพี่โซ่ต้องห้ามไม่ให้ผมไปแน่ๆ” เชื่อมั้ย รายนั้นน่ะคงต้องทำหน้าดุแล้วพูดด้วยเสียงแข็งกร้าวว่า ‘พี่ไม่ให้ไป!’ แน่นอน


“มันจะดีหรอน้องวา” พี่จ๋าทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเห็นด้วย


“แบบนี้แหละดีแล้วครับ ผมดูแลตัวเองได้พี่จ๋าไม่ต้องห่วงหรอก” ผมอายุ 23 แล้วนะ ไม่ใช่เด็ก 13 หรือ 3 ขวบที่จะโดนผู้ใหญ่หลอกได้ง่ายๆ


“ถ้าอย่างนั้นน้องวาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรก็รีบโทรบอกพี่”


“ได้เลยครับผม!” ผมตะเบ๊ะท่าแบบทหาร “อ๊ะ! พี่โซ่มาพอดี อย่าลืมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะครับ”


“จ้า” พี่จ๋ารับคำแล้วก็ทำตามที่พูดเป็นอย่างดี เพราะพอไอ้พี่โซ่มาถึงพี่จ๋าก็ไม่ได้พูดอะไร ซึ่งก็คงจะไม่ได้แอบบอกตอนที่ผมไม่อยู่ด้วย เพราะตลอดทั้งบ่ายจนกระทั่งจบงาน ไอ้พี่มันไม่ได้แสดงอาการว่ารู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย


และแล้วงานออกบูธครั้งนี้ก็ปิดฉากไปได้ด้วยดี มีนักลงทุนหลายกลุ่มหลายคนที่สนใจร่วมงานกับบริษัท ซึ่งเรื่องสัญญาพี่จ๋าจะแจ้งผอ.ให้ติดต่ออีกที พวกผมแค่มีหน้าที่พรีเซนต์บริษัทเฉยๆ


2 ทุ่มนิดๆ หลังจากประธานกล่าวปิดงานพวกผมก็พากันเก็บบูธ ตอนจัดใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่ตอนเก็บนี่ใช้เวลาแค่ 30 – 40 นาทีเท่านั้น เพราะงั้นแค่ 3 ทุ่มพวกเราก็พากันขึ้นไปบนห้องพักกันแล้ว โดยจะนัดกันอีกทีก็ตอนเที่ยงที่ให้เช็คเอาท์ ตามด้วยการกินอาหารกลางวันที่นี่เป็นมื้อสุดท้าย จากนั้นก็ให้รถของโรงแรมไปส่งขึ้นเครื่องบินไฟลท์ตอนบ่าย 3


“ผมขออาบน้ำก่อนนะครับพี่โซ่” พูดจบผมก็เบี่ยงตัวหลบ เมื่อไอ้พี่มันจะเนียนกอดตอนที่ปิดประตูห้อง คงกะจะใช้มุกชาร์จพลังอะไรนั่นล่ะสิท่า แต่ใสเจียเสียใจด้วยนะ มุกเก่าๆ มันใช้กับผมซ้ำไม่ได้หรอกพี่!


 หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วไอ้พี่โซ่ก็เข้าไปอาบต่อ ผมเลยใช้โอกาสนั้นรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจัดหน้าจัดผมให้ดูดี โดยไม่ลืมเช็คเอกสารโปรเจคในซองที่เตรียมไว้ว่าข้อมูลครบรึเปล่า


“หืม? จะออกไปไหนน่ะครับวา แต่งตัวซะดูดีเชียว” ไอ้พี่โซ่ทักขึ้นเมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ


อู้ววววว 6 แพคแน่นๆ กระแทกตาจนกำเดาจะไหลอีกแล้วพ่อคุ๊ณณณณ ซู้ดเลือดกำเดา -.,-


“อ้อ นี่ผมลืมบอกพี่โซ่สินะครับ พอดีเพื่อนที่เรียนด้วยกันมีมาฝึกงานแถวนี้คนนึง พอมันรู้เลยนัดเจอผมที่ห้องอาหารข้างล่าง สักชั่วโมงกว่าๆ เดี๋ยวผมขึ้นมา ถ้าจะนอนก่อนก็ฝันดีล่วงหน้านะครับพี่”


“อ้อ อืม” ไอ้พี่โซ่ทำหน้างงๆ แน่ล่ะก็ผมเล่นร่ายรัวๆ เร็วๆ ซะขนาดนั้นไอ้พี่มันจะฟังทันรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก่อนที่ไอ้พี่มันจะพูดหรือถามอะไรออกมา ผมก็รีบเผ่นแน่บออกจากห้องไปเป็นที่เรียบร้อย


เอาล่ะ Mission Complete ไปหนึ่ง เหลืออีกหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นงานหินสุดๆ เลยล่ะ


ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินขึ้นลิฟต์ลงไปด้านล่าง ก่อนหน้านี้ผมหาจังหวะโทรไปบอกคุณอิทธิว่ายินดีไปพบ คุณอิทธิจึงนัดเจอกับผมตอน 3 ทุ่มครึ่งที่บาร์ของโรงแรม


เวลา 21.25 น. ผมยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า มาถึงนี่แล้วยังไงก็ขอลองดูสักตั้ง การเสี่ยงของผมมันก็แลกกับอนาคตและโบนัสของพวกพี่ๆ ก็อย่างที่เคยได้ยินกันไงล่ะ ถ้าอยากได้ลูกเสือมันก็ต้องเข้าถ้ำเสือ


แต่ถึงจะเป็นการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ผมก็ไม่ได้ประมาทหรอกนะเพราะได้โทรหาพี่จ๋าก่อนที่จะเข้าไป แล้วผมก็ยังตั้งปุ่มอัดเสียงที่โทรศัพท์เอาไว้ด้วย เห็นมั้ยล่ะว่าผมดูแลตัวเองได้ ผมไม่ได้โง่พาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่คิดทำอะไรเลยสักหน่อย


“สวัสดีครับคุณอิทธิ รอผมนานมั้ยครับ” ผมยกมือไหว้และกล่าวทักทายเมื่อเดินเข้าไปใกล้


โต๊ะนี้อยู่ไม่ไกลจากประตูทางเข้าเท่าไหร่ ผมเลยมองเห็นคุณอิทธิได้ตั้งแต่ที่เดินเข้ามา ซึ่งจากการที่ลองกวาดสายตาดู ไม่น่ามีผู้ติดตามคนอื่นตามคุณอิทธิมา ส่วนลูกค้าในบาร์ก็คงไม่ใช่หน้าม้า เท่าที่ดูก็คุ้นหน้าค่าตาเพราะเป็นพนักงานประจำบูธในห้องบอลลูมทั้งนั้น คงจะมาฉลองกันเพราะหาลูกค้าได้ตามเป้านั่นล่ะ


“ผมพึ่งมาเมื่อกี้นี้เอง เชิญนั่งครับวา”


“ขอบคุณครับ” แหม่ ยังคุยกันได้ไม่เท่าไหร่ก็เรียกผมซะสนิทสนมเลยนะตาลุงคนนี้ อุ้ยๆ โทษที ลืมไปว่านี่ลูกค้าจะเรียกตาลุงไม่ได้ กัดฟันเรียกพี่ในใจก็ได้วะ


“สั่งอะไรดื่มหน่อยมั้ย”


“ไม่เป็นไรครับผมไม่...”


“น้องๆ ทางนี้” แล้วพี่ (กัดฟันแบบสุด) จะถามผมเพื่อถ้าจะเรียกเด็กเสิร์ฟมาอยู่แล้ว! ปัดโธ่!


“รับอะไรดีครับ” นี่ก็รีบเดินมาเชียวนะ เห็นท่าทางพี่คนนี้ราศีจับเหมือนอาเสี่ยน่ะสิ เลยเมินโต๊ะอื่นแล้วรีบถลามาเชียว


“เอ่อ...เป๊ปซี่แก้วนึงแล้วกันครับ” เด็กเสิร์ฟพยักหน้ารับ แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็เดินเอาน้ำมาวางไว้ตรงหน้าผม โดยก่อนจะกลับก็ได้ทิปติดไม้ติดมือไปใบนึง


อื้อหือออ แสงสะท้อนจากแบงค์สีเทากระแทกเข้าตา ป๋าสายเปย์ตัวจริงเลยเว้ยเฮ้ย!


“เรามาเริ่มคุยเรื่องโปรเจคกันเลยดีมั้ยครับ” ผมยังไม่กระหายเลยเลื่อนแก้วเป๊ปซี่ออกไปข้างๆ


“ได้สิ วาอธิบายต่อจากเมื่อกลางวันได้เลย” พอได้ยินแบบนี้ ผมก็รีบหยิบเอกสารออกจากซองแล้วส่งให้คุณอิทธิ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะสนใจโปรเจคนี้จริงๆ เพราะเล่นเปิดไฟฉายจากมือถือส่องดูเอกสาร ตั้งใจฟังที่ผมอธิบาย แล้วก็ซักถามข้อสงสัยกับข้อมูลเพิ่มเติมเป็นระยะ


ดูท่าทางผมกับพี่จ๋าจะคิดมากและมองคุณอิทธิในแง่ร้ายเกินไปนะเนี่ย


“เป็นยังไงบ้างครับ โปรเจคนี้ของบริษัทเราน่าสนใจมากเลยใช่มั้ยครับ” เด็กฝึกงานที่ฮาร์ดเซลได้ขนาดนี้มันต้องมีโบนัสให้ แล้วก็ต้องจับเซ็นสัญญาเป็นพนักงานประจำได้แล้ว!


“อืม เป็นโปรเจคที่ดีแล้วก็น่าสนใจมาก แต่ว่าผมต้องการปรับเปลี่ยนรายละเอียดตรงจุดนี้นิดหน่อย”


“จุดไหนหรอครับ” ผมชะโงกเข้าไปใกล้คุณอิทธินิดนึง เพราะมองไม่ค่อยเห็นตรงที่ปลายปากกาจิ้ม


“ตรงนี้...อ๊ะ! แล้วกัน หล่นไปไหนแล้วเนี่ย” เวรกรรม จู่ๆ พี่แกก็ทำปากกาหล่นซะงั้น จับยังไงล่ะนั่น ถ้าเรี่ยวแรงไม่มีก็กลับขึ้นห้องไปนอนฟื้นพลังเถอะ


“เดี๋ยวผมก้มหาให้แล้วกันครับ” เฮ้ออออ ยุ่งยากซะจริง นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ผมไม่ทำให้ขนาดนี้หรอกนะ มืดก็มืด หาก็ยาก กว่าจะเจอก็ทำเอาก้มจนปวดหลังไปหมดแล้วเนี่ย


“นี่ครับคุณอิทธิ” ผมยื่นปากกาคืนให้ คุณอิทธิเลยยื่นมือมารับไป ตอนแรกผมก็หวั่นๆ อยู่ว่าจะแอบโดนจับมือรึเปล่า แต่ก็ปรากฏว่าเปล่า คุณอิทธิแค่จับที่ปลายปากกาไปเฉยๆ


“ขอบใจมากนะ”


ลองถ้าเป็นอย่างนี้ก็แสดงว่าผมคิดมากไปเองจริงๆ นั่นแหละ แอบรู้สึกผิดนิดนึงเหมือนกันที่ก่อนหน้านี้ผมมองคุณอิทธิในแง่ร้าย ไหนๆ ก็ไหนๆ ปิดแอพบันทึกเสียงไปเลยแล้วกัน โทรศัพท์ที่อยู่ในกางเกงก็ชักจะร้อนขึ้นมาแล้ว


“ว่าแต่ตรงไหนนะครับที่คุณอิทธิต้องการปรับเปลี่ยน”


“อ้อ ตรงนี้...” แล้วคุณอิทธิก็แจ้งรายละเอียดมา ผมคิดว่าน่าจะสามารถปรับเปลี่ยนได้เลยรับปากไป แต่ก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ผอ.โทรติดต่ออีกที สรุปว่าวันนี้การเจรจาก็ผ่านไปได้อย่างลุล่วง


เตรียมปิดบ้านฉลองที่ได้งานแน่ล่ะคราวนี้!


“เอ้าดื่มน้ำดื่มท่าสักหน่อย คุยกันตั้งครึ่งชั่วโมงคอไม่แห้งไปหมดแล้วหรอ” คุณอิทธิพูดด้วยท่าทางสบายๆ แล้วก็ยังอุตส่าห์เลื่อนแก้วเป๊ปซี่มาที่ตรงหน้าผม


“ขอบคุณมากๆ เลยครับ” ผมหยิบแก้วขึ้นมาด้วยความเกรงใจ บวกกับรู้สึกกระหายนิดๆ เลยดูดเข้าไปซะอึกใหญ่ ซึ่งทันทีที่กลืนเข้าไปน้ำที่อยู่ในปากมันก็แทบพุ่ง!


มุงจะใส่เหล้าลงในเป๊ปซี่ทำเพื่ออออออออ! ตูสั่งเป๊ปซี่เฉยๆ ไม่ใช่รึไงฟายยยยยยยยย!


“เป็นอะไรไปน่ะ!?” คุณอิทธิถามด้วยความตกใจ ส่วนผมก็ไอค่อกๆ แค่กๆ นิดหน่อย จนกระทั่งหายจากอาการสำลักแล้วผมจึงได้พูดขึ้น


 “ขอโทษที่เมื่อกี้ผมเสียมารยาทนะครับ คือผมไม่คิดว่าในเป๊ปซี่จะผสมเหล้ามาด้วย”


“หรือวาแพ้แอลกอฮอล์เลยดื่มเหล้าไม่ได้?”


“เปล่าครับเปล่า ดื่มได้ครับ แต่ว่าผมแค่ตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะผสมลงในเป๊ปซี่น่ะครับ”


ผมไม่ค่อยได้เข้ามาที่แบบนี้เท่าไหร่ บางทีอาจจะเป็นทำเนียมที่รู้กันอยู่แล้วก็ได้ว่า ถ้าสั่งเครื่องดื่มอะไรก็ตามก็จะผสมเหล้ามาให้เลย
ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าสั่งโซดาน้ำ คงไม่มีลูกค้าคนไหนที่จะดื่มโซดาใส่น้ำเท่านั้นหรอกจริงมั้ย แล้วอย่างเป๊ปซี่กับโค้กก็เหมือนกัน ผมเคยได้ยินผ่านหูอยู่ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ชอบผสมกับเหล้าดื่ม


“เปลี่ยนแก้วใหม่ดีมั้ย เดี๋ยวผมเรียกคนมาเปลี่ยนให้” แล้วคุณอิทธิก็ทำท่าจะเรียกเด็กเสิร์ฟมาทางนี้


“ไม่เป็นไรครับคุณอิทธิ ผมดื่มได้จริงๆ ครับ” ว่าแล้วก็ดูดลงคอไปอีกอึกใหญ่


“ถ้าวาพูดอย่างนั้นผมก็ตามใจ ว่าแต่เราจะแยกกันตรงนี้เลยมั้ย นี่ก็ 4 ทุ่ม 15 แล้ว” คุณอิทธิดูนาฬิกา ผมคิดว่าแยกกันตอนนี้ก็ดีเหมือนกันเลยพยักหน้าตอบตกลง


“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ สำหรับวันนี้ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณอิทธิมากๆ...ครับ” ในจังหวะที่ยืนขึ้น ผมรู้สึกแข้งขาไม่ค่อยมีแรงแปลกๆ เลยเซลงไปนั่งที่โซฟา แถมไม่ใช่เฉพาะแข้งขา เพราะร่างกายของผมมันก็ยังรู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ อีกด้วย


หรือว่าเหล้าแพงมันเลยแรงเป็นธรรมดา?


แต่จะบ้าเรอะ! ถึงจะเมาเพราะเหล้าแรงอาการที่แสดงมันก็ไม่ใช่แบบนี้!


ในแก้วเป๊ปซี่ของผมต้องมีอะไรผสมอยู่อีกนอกจากเหล้า!


2BC


 :a11: สวัสดีค่าทุกคน Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ก็จบลงไปแล้วน้า คงจะแปลกใจกันสินะคะที่ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวมากกก แบบว่าเราไม่ได้แบ่งครึ่งก่อนลงเหมือนทุกทีน่ะค่ะ แต่ลงไปแบบทั้งตอนเลย เพราะตอนหน้าไม่แน่ว่าเราอาจจะมาลงช้ากว่ากำหนด  :m17:
อย่าที่เราเคยแจ้งไปเนอะว่าเรามีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ตอนนี้ข้างนั้นใกล้จะหายสนิทแล้วค่ะ แต่อีกข้างก็ดันมาเป็นอีก คราวนี้เป็นหนักกว่าเดิมด้วยค่ะ วันนี้ตอนที่ไปหาหมอถึงขนาดเลือดไหลออกมาเป็นน้ำตาเลย สยองขวัญรับฮาโลวีนมากกกก  :katai1:
ที่วันนี้สามารถมาลงนิยายได้เพราะว่ายังมีฤทธิ์ยาชา+ยาแก้ปวดอยู่น่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าหลังจากหมดฤทธิ์ยาแล้วจะปวดนรกแค่ไหน เพราะงั้นเราเลยไม่แน่ใจว่าจะมาลงนิยายได้ตามนัดรึเปล่าเลยลงไปแบบเต็มๆ ไว้เดี๋ยวถ้าอาการเราดีขึ้นเมื่อไหร่แล้วเราจะรีบมาลงต่อให้นะคะ เชื่อว่าคงจะค้างคากันมากล่ะเนอะ แล้วมาเอาใจช่วยน้องวากันด้วยนะคะทุกคนนน บ๊ายบายยยย  :bye2:
(24 ต.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-10-2018 21:57:35
เอาใจช่วยคนเขียนค่ะ
น้องวาเอ๊ยยยยยย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-10-2018 22:21:46
น้องวาโดนยาแล้วใช่มั้ยนั่น หวังว่าอิพี่โซ่มันจะเอะใจแล้วแอบตามลงมาดูน้องนะ  :sad4:

ปล.คุณนข.หายไวๆนะคะ พักผ่อนเยอะๆน้า เป็นห่วงค่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-10-2018 02:10:03
วาเอยวา เด็กอ่อนหัดเอย รอพี่โซ่มาช่วยแล้วกัน รักษากุงเกงให้อยู่กับเอวให้ดี ๆ แล้วกัน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-10-2018 07:08:40
หายไวไวนะคะไรท์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-10-2018 09:32:38
โดนวางยา!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-10-2018 19:57:39
โดนวางยาตอนเก็บปากกาแน่เลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 26-10-2018 08:40:56
เอาแล้ววววววเหมือนจะมีnc :hao6:

ไรท์รักษาตัวให้หายก่อนค่อยมาอัพต่อนะ เป็นห่วงค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-10-2018 12:09:57
ขอให้หายเร็วๆนะคะคุณคนเขียน รุนแรงและอันตรายมากๆพักให้หายก่อนดีกว่า

น้องวาโดนตาลุงหัวงูนี่วางยาซะแล้ว พี่โซ่ช่วยน้องด้วย :serius2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-10-2018 16:03:42
แก้วไม่สะอาด ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ซิกแพคแน่นๆของพี่โซ่ [24.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 28-10-2018 10:44:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 31-10-2018 20:40:44
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 10# Wayo ดวงอาทิตย์ของผม


“เป็นอะไรไปน่ะวา!?” คุณอิทธิรีบเข้ามาประคองผมด้วยความเป็นห่วง


แต่ถุยเถอะลุง! มุงไม่ต้องมาเสแสร้งงงงงงงงงงงงงง!


“แก...ใส่อะไรลงไป” ผมพยายามเค้นเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ให้ตายเถอะ เสียงที่ออกมาทำไมมันถึงได้เหมือนเสียงครางแบบนั้นล่ะปัดโธ่!


“Spanische ยาปลุกเซ็กส์แบบรุนแรงไงล่ะหนู หึหึ” ในเมื่อมันเห็นว่าผมรู้ตัวแล้ว ก็เลยไม่คิดจะแอ๊บเป็นลุงใจดีอีกต่อไป


ไอ้แก่ตัณหากลับเอ๊ย! เสียงหัวเราะว่าชั่วแล้ว แต่หน้าของมันแม่มชั่วกว่าเสียงไปอี้กกกกกก


“ไอ้...เหี้ย...เอ๊ย...” ขอหยาบสักครั้งเถอะ นอกจากคำนี้ผมก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าอีตาลุงตัณหากลับนี่ได้อีกแล้ว เพราะสมองของผมตอนนี้มันคล้ายกับว่ากำลังชา แถมความต้องการของร่างกายก็สูงมากขึ้นกว่าเดิม จนเสียงที่เปล่งออกมามันแทบจะกลายเป็นครางกระเส่า


“จุ๊ๆ พูดคำหยาบแบบนี้เป็นเด็กไม่ดีเลยนะ เห็นทีพี่คงต้องพาไปอบรมบนห้องซะแล้ว” สารร่างแบบนี้ยังกล้าเรียกตัวเองว่าพี่อีกเรอะไอ้แก่!


แล้วนี่แม่มไม่คิดจะมีใครมาช่วยผมสักคนเลยใช่มั้ย พากันปล่อยให้ไอ้แก่นี่มันพยุงผมที่ร่างกายปวกเปียกออกไปจากโต๊ะได้ยังไง ไม่มีใครคิดจะสงสัยหรือว่าเข้ามาถามไถ่ผมสักนิดเลยหรอ


“ช่วย...ด้วย...” ผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ว่ามันก็เหมือนเดิม เสียงที่ผมพูดมันแทบไม่ต่างจากเสียงคราง


“เปล่าประโยชน์น่า เก็บแรงไว้ครางให้พี่ฟังดีกว่านะหนูน้อย หึหึ” ไอ้แก่มันกระซิบที่ข้างหูของผมแล้วหัวเราะอย่างสกปรก ตอนนี้ผมอยากชกแล้วก็กระทืบไอ้แก่นี่เป็นบ้า แต่ขนาดจะกำหมัดแขนของผมมันยังสั่นระริกเลยเถอะ


ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้คงมีแค่อย่างเดียวสินะ นั่นก็คือทำใจยอมรับชะตากรรมเพราะผมดันคิดว่าตัวเองฉลาด แต่ที่จริงผมมันทั้งโง่ ทั้งประมาท ทั้งอวดเก่ง จนตามเกมของไอ้แก่นี่ที่มันหลอกให้ผมตายใจไม่ทัน


ผมนี่มันโง่ชะมัดเลย...


“เด็กดี ยอมแพ้แล้วสินะ” ไอ้แก่ยิ้มกริ่มเพราะเห็นว่าผมยอมอยู่นิ่งๆ เลิกต่อต้าน


ใช่...ผมเลิกแล้วจริงๆ ก็มันไม่มีประโยชน์อะไรนี่ ถึงจะพยายามดิ้นหรือพยายามร้องแค่ไหน แต่แรงแค่นี้ก็คงไม่มีใครมองเห็นและไม่มีใครได้ยินเสียงของผมอยู่ดี


“พี่โซ่...”


แปลกนะที่ผมเรียกชื่อนี้ออกมา หรือเพราะไอ้แก่ตัณหากลับมันเรียกผมว่าเด็กดีก็ไม่รู้ ก็คำนี้เป็นคำที่พี่โซ่ใช้เรียกผมบ่อยๆ นี่นา


“อะไรนะ? หนูอยากให้พี่ใช้โซ่? โอ้ย่อมได้! ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แหมชอบเล่นรุนแรงก็ไม่บอก” ไอ้แก่ใช้มือสกปรกบีบแก้มผมไปมา แต่ผมไม่มีอารมณ์จะเถียง แถมร่างกายยังร้อนขึ้นเรื่อยๆ เลยปล่อยให้ไอ้แก่มันพูดพล่ามแล้วทำตามใจ


“พี่โซ่...พี่โซ่......พี่โซ่........”


ผมเอาแต่เรียกชื่อของพี่โซ่ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่ผมออกจะโกรธแล้วก็เกลียดพี่มันขนาดนั้นแท้ๆ แต่พอเกิดเรื่องผมดันคิดถึงหน้าของพี่มันเป็นคนแรก ผมนี่มันแปลกคนชะมัด


“วา...”


หืม? สงสัยนี่คงจะเป็นผลข้างเคียงของยาที่ไอ้แก่มันให้ผมกินแน่ๆ เพราะว่าผมดันหูแว่วได้ยินเสียงของพี่โซ่ซะงั้น ทั้งๆ ที่มันไม่มีทางเป็นไปได้ ก็ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพี่โซ่นี่นา


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


“เอามือสกปรกออกจากวาเดี๋ยวนี้!”


เสียงที่ดังขึ้นอยู่ที่ด้านหลังทำให้ผมหันมองกลับไป ภาพของพี่โซ่ที่เหงื่อซกเพราะดูเหมือนว่าจะวิ่งวุ่นตามหาผมอยู่นานปรากฏอยู่ตรงหน้า วินาทีนั้นผมรู้สึกราวกับว่าเห็นแสงสว่างในความมืดมิดที่ผมกำลังเผชิญ


ดวงอาทิตย์ของผมมาช่วยผมแล้ว...


และเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นร่างของผมก็ถูกกระชากไปปะทะกับอกหนา ความร้อนของอุณภูมิร่างกายกับเสียงหัวใจที่ได้ยิน มันช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แถมนอกจากนั้น...


“นี่หรอเพื่อนที่บอกว่าเรียนด้วยกัน! นี่มันเพื่อนพ่อหรือว่าเพื่อนวากันแน่หา!” ความเกรี้ยวกราดอย่างแรงของพี่มันถ้าเป็นความฝันก็คงจะสมจริงเกินไปล่ะ


ว่าแต่...มันใช่เวลาจะมาด่าผมเรื่องนี้มั้ยล่ะพี่!


“แก...ไอ้คนที่อยู่ด้วยกันกับวาที่บูธ” เสียงของไอ้แก่ทำให้พี่โซ่ละสายตาจากผมไปมองมัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นแววตาคาดโทษเพราะดูเหมือนว่าจะยังคงโกรธผมอยู่


แต่อย่าดุผมเยอะแล้วกัน ผมสำนึกไม่ทันหรอกนะครับพี่!


“ถ้าจำได้ก็ดีเพราะผมก็ขี้เกียจแนะนำตัว ส่วนคุณคงจะชื่ออิทธิที่เป็นกรรมการบริหาร S Corporation สินะ?”


“ใช่” ไอ้แก่ยิ้มที่มุมปากแล้วยืดอกขึ้นอย่างอวดเบ่ง


“งั้นดีเลย เพราะผมจะได้เขียนชื่อกับตำแหน่งของคุณอย่างถูกต้องตอนที่ส่งคลิปนี้ไปให้สื่อ หึหึ” พี่โซ่ชูโทรศัพท์ขึ้น แต่ก็รีบเก็บกลับเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วเพราะเดี๋ยวไอ้แก่มันจะฉกเอาไปได้


“คลิปอะไร! บอกมาเดี๋ยวนี้ว่ามันคือคลิปอะไร!”


“คุณแน่ใจหรอว่าอยากให้ผมพูดตรงนี้จริงๆ?” ถึงตรงนี้มันจะใกล้ประตูทางเข้าบาร์ แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็มี ส่วนที่หันมองมาทางนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย


“ถ้าคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คุณอยากรู้มั้ยว่าบอร์ดบริหารจะจัดการยังไง กับกรรมการบริหารที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมแบบคุณ” คำพูดของพี่โซ่ทำเอาไอ้แก่ถึงกับหน้าซีด


“แก...แกต้องการอะไร...”


“คงเป็นความล่มจมแบบฉิบหายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดของคุณล่ะมั้ง” ถึงจะพูดจารุนแรงแบบนั้น แต่ริมฝีปากของพี่โซ่ก็ยังคงยกยิ้มแบบหนุ่มดอกไม้ไม่ต่างจากเดิม ผมที่เคยเห็นพี่โซ่โหมดดาร์กแบบนี้มาแล้วยังทำใจให้ชินได้ยาก แล้วนับประสาอะไรกับอีตาลุงแก่ๆ


ของมันแน่ว่าก็ต้องกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว!


“ขะ...ขอร้องล่ะ ลบคลิปแล้วฉันจะยอมทุกอย่าง” หึ! สะใจเป็นบ้า! อีตาลุงที่ทำท่าเป็นอวดเบ่งเมื่อกี้ท่าทางตอนนี้ไม่ได้ต่างจากหมาเชื่องๆ เลยสักนิด!


“ถ้าผมลบคลิปแล้วผมจะเหลืออะไรไปต่อรองกับคุณล่ะ แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะ ถ้าคุณยอมทำตามเงื่อนไขที่ผมบอก ผมรับรองด้วยชีวิตเลยว่าจะไม่มีวันปล่อยคลิปของคุณเด็ดขาด” ไอ้แก่ลังเลอยู่สักพัก จากนั้นเมื่อลองไตร่ตรองดูแล้วจึงได้พยักหน้าลงช้าๆ ก็นะ...มันไม่มีทางเลือกนี่นา


“ได้ บอกเงื่อนไขของแกมา”


“1.เลิกยุ่งกับวา”


“ได้” ไอ้แก่ตอบอย่างไม่ลังเล แหงล่ะ ลองไม่รับปากพี่โซ่เล่นมันหนักแน่


“2.เลิกพฤติกรรมชั่วๆ แบบนี้ซะ ถ้าผมได้ยินว่าคุณทำแบบนี้กับเด็กที่ไหนอีก คลิปของคุณไปถึงมือสื่อแน่” ข้อนี้ถึงแม้จะดูน่าลำบากใจสำหรับมันไปสักหน่อย แต่ว่ามันก็ยอมพยักหน้ารับปากอย่างโดยดี


“ได้”


“ส่วนข้อสุดท้าย ภายใน 3 วันเซ็นสัญญาเป็นลูกค้าบริษัทของผมด้วย แต่ว่าคุณไม่ต้องโผล่หน้ามาเองล่ะ เพราะถ้าผมเห็นหน้าคุณอีก ไม่แน่ว่าผมอาจจะมือลั่นส่งคลิปไปให้สื่อก็ได้” เงื่อนไขนี้ไอ้แก่ทำหน้าไม่ค่อยพอใจ บางทีอาจจะไม่ได้คิดเซ็นสัญญาเป็นลูกค้าบริษัทของผมอยู่แล้วตั้งแต่แรกล่ะมั้ง


“เรื่องนั้น...”


“ผมไม่คิดต่อรอง แล้วผมก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะฟังคุณด้วย ตอบมาแค่ว่าได้หรือไม่ได้” พี่โซ่พูดด้วยเสียงเย็นเยียบ ไอ้แก่ที่ถูกบีบมากๆ เข้าเลยกำหมัดแน่น แต่ในเมื่อตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่กัดฟันรับปากไปเท่านั้น


“ได้”


“งั้นก็ดี ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ขอตัว” พี่โซ่ที่ยังคงโอบกอดผมไว้ตรงแผ่นอกพาผมก้าวออกไป แต่พอนึกอะไรได้เลยหยุดกึกแล้วจึงหันไปมองไอ้แก่ที่อยู่ด้านหลัง


“อ้อ ขอเตือนไว้อย่าง ถ้าหากคุณคิดว่าจะให้คนมาอุ้มหรือว่าเก็บผมล่ะก็...บอกไว้ก่อนเลยนะว่าพ่อผมเป็นสารวัตร” คำพูดนั้นก็ทำให้ไอ้แก่ถึงกับเบิกตากว้าง ก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะนะว่ามันตกใจที่พ่อของพี่โซ่เป็นตำรวจยศใหญ่ หรือว่าคิดจะทำอย่างที่พี่โซ่เดากันแน่เลยทำหน้าตกใจซะขนาดนั้น


อ้อ แต่ที่พูดไปเมื่อกี้พี่โซ่ไม่ใช่แค่ขู่มันหรอกนะ พ่อของพี่เขาเป็นสารวัตรจริงๆ ที่ผมรู้เรื่องนี้ก็เพราะเมื่อก่อนเคยถามที่มาของชื่อโซ่ ส่วนเรื่องคลิปผมพึ่งมารู้ทีหลังว่าของแบบนั้นมันไม่มีตั้งแต่แรก ถ้าหากมีจริงป่านนี้ไอ้แก่คงถูกส่งเข้าซังเตไปแล้ว ไม่มีโอกาสได้ต่อรองอะไรหรอก


“ขะ...ขอบคุณนะครับพี่...ที่มาช่วยผมไว้...” ผมพยายามเค้นเสียงพูดเพื่อขอบคุณจากใจ แต่เสียงที่เปล่งออกไปก็ยังคงเหมือนเสียงครางอยู่ดี


“ถ้าพูดไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน” พี่โซ่พูดกับผมห้วนๆ ท่าทางเหมือนกับอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่


“โกรธผม...หรอครับ”


“แล้วมันสมควรโกรธมั้ยล่ะ ทำอะไรไม่รู้จักคิด คิดว่าตัวเองเก่งนักใช่มั้ย ถ้าหากพี่ไม่เอะใจแล้วไปช่วยไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นรู้บ้างมั้ยวา!”


“รู้...สิครับ...” แค่คิดว่าไอ้แก่นั่นมันคิดจะทำอะไร ผมก็รู้สึกรังเกียจและขยะแขยงจนแทบบ้าอยู่แล้ว


ในสายตาของพี่โซ่ตอนนี้ผมคงจะเป็นแค่เด็กอวดดี อวดเก่ง แต่ก็ทำอะไรไม่เห็นได้ เพราะงั้นเลยอาจจะผิดหวังจนเลิกรักผมไปแล้วล่ะมั้ง ก็สีหน้าของพี่เขาไม่ได้ยิ้มให้ผมเหมือนกับที่ผ่านมานี่นา แล้วพอคิดว่าต่อไปนี้พี่เขาอาจจะไม่ยิ้มให้ผมอีก น้ำตาของผมมันก็ไหลลงมาช้าๆ


“ขะ...ขอโทษ...ครับ...” และทันทีที่เห็นน้ำตาของผม พี่โซ่ที่อ้าปากตั้งท่าจะว่าต่อก็ถึงกับต้องตัดใจไป ผมที่คิดว่าพี่เขาอาจจะยังรักผม ไม่ได้เกลียดผมอย่างที่คิดก็เลยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง


“แล้วนี่รู้มั้ยว่าโดนเอาอะไรให้กิน”


“เอ่อ...เห็นมันบอกว่า...เป็นยาปลุก ชะ...ชื่อ Spanis อะไรสักอย่าง...” แม้จะอายที่ต้องบอกให้พี่โซ่รู้ แต่ถึงจะไม่พูด แค่ดูตรงกางเกงของผมพี่โซ่ก็คงจะพอเดาได้ เพราะตอนนี้มันทั้งแข็งและเปียกแฉะไปหมดแล้ว


“บ้าฉิบ!” พี่โซ่สบถออกมา จากนั้นก็ไม่รอช้ารีบช้อนตัวผมขึ้นอุ้มทันที


“อ๊ะ!” ด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจะถูกอุ้มแบบนี้ผมเลยหวีดร้องเสียงหลง แล้วก็เพราะกลัวตกผมก็เลยต้องใช้สองมือโอบรอบลำคอของพี่โซ่เอาไว้แน่น


“พี่จะรีบพาขึ้นไปอาบน้ำเย็นบนห้อง” ผมครางอืออาพยักหน้ารับรู้ การที่พี่โซ่อุ้มผมขึ้นมาก็เพราะว่าถ้าให้ผมเดินขึ้นไปเองมันก็คงจะช้า


แต่ว่ารู้อะไรมั้ย พอได้สูดกลิ่นกายของพี่โซ่อย่างใกล้ชิดมันก็ยิ่งทำให้ผมใจเต้นรัว ส่วนร่างกายมันก็ร้อนระอุ เกลียวคลื่นที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายมันเดือดพล่านอยากปะทุออกมาเต็มที


“อือ...พี่โซ่...” คราวนี้ผมครางออกมาจริงๆ สติของผมกำลังจะหายไป แทนที่ด้วยความต้องการมากมายที่ยากเกินความควบคุม


“อึ่ก! ใกล้จะถึงห้องแล้ววา!” พี่โซ่เร่งฝีเท้ามากขึ้นเมื่อผมอ้าปากงับเข้าที่ลำคอ ซึ่งนั่นก็ทำให้วงแขนที่กอดผมอยู่ถึงกับกระตุกเกร็ง


“พะ...พี่โซ่...” เสียงครางชื่อสุดกระเส่าของผม รวมทั้งสัมผัสของปลายจมูกที่คลอเคลียอยู่ตรงซอกคอทำเอาพี่โซ่แทบจะคำราม แต่ถึงอย่างนั้นพี่เขาก็พยายามหักห้ามใจ วงแขนแกร่งอุ้มผมอย่างมั่นคงตรงเข้าไปในห้อง ผ่านเตียงนอนเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นก็เปิดน้ำจากฝักบัวแบบแรงสุดให้พุ่งมาใส่เราสองคน


“อ๊ะ!” น้ำเย็นเฉียบทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง แล้วก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ผมมีสติมากขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้พี่โซ่วางผมลงพื้น แต่ผมก็ยังไม่สามารถยืนด้วยตัวเองได้ พี่โซ่ที่เห็นอย่างนั้นเลยต้องใช้สองมือประคองแผ่นหลังของผมเอาไว้ ทำให้ร่างกายของเราสองคนต้องแนบชิดกันอย่างเคย


“พี่...พี่โซ่เปียกหมดแล้ว” ในเวลาแบบนี้ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร มันทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้งประหม่า แล้วก็ทั้งสารพัดความรู้สึก


“อืม ช่างมัน” พี่โซ่ยังคงพูดห้วนๆ เช่นเดิม แถมยังพูดโดยที่ยังไม่ยอมมองหน้าผม ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่โซ่ยังโกรธ แต่พอหลุบสายตาไปมองยังเบื้องล่างเท่านั้นแหละผมก็ชักไม่แน่ใจ เพราะผมเห็นส่วนนั้นของพี่โซ่ที่แข็งชันจนแทบดุนดันออกมานอกกางเกง


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


ตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงมาก ก่อนที่มันจะมากขึ้นไปอีกเมื่อพี่โซ่เสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าขึ้นไป แล้วไหนจะแผ่นอกและกล้ามท้องแน่นๆ ที่เห็นได้อย่างเด่นชัดเพราะเสื้อที่เปียกโชกมันแนบเนื้อนั่นอีก มันก็ทำให้ผมยิ่งเนื้อตัวสั่นระริกและร้อนรุ่มมากกว่าเดิม น้ำเย็นๆ จากฝักบัวที่พุ่งลงมาตกกระทบจนเปียกโชกมันไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว


“พะ...พี่โซ่...ผมร้อน...” เสียงของผมกระเส่ามากขึ้น ตอนนี้สมองของผมมันมึนและเบลอไปหมด จนหักห้ามความต้องการและควบคุมการกระทำของตัวเองไม่ได้


“วา! อย่าทำแบบนี้! มีสติหน่อย!” พี่โซ่พยายามเรียกสติของผมโดยการเขย่าที่ตัวไปมา เมื่อผมพยายามยื่นวงแขนเข้าไปกอดและจูบ รวมทั้งลูบไล้แผ่นอกและกล้ามท้องของพี่โซ่ตามความปรารถนา


“พี่โซ่ช่วยผมที...ผมต้องการพี่...นะ...นะครับ...”


“มีสติหน่อยวา!”


“ผมมีสติทุกอย่าง...ผมต้องการพี่...แค่พี่คนเดียว...” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ แววตาของพี่โซ่ก็ไหวระริกด้วยความลังเล แม้จะเป็นแค่เพียงเสี้ยววินาทีแต่ผมก็มองเห็นมัน


“พี่ก็ต้องการผมด้วย...ใช่มั้ยครับ” ผมใช้โอกาสที่พี่โซ่ยังคงนิ่งวางมือลงที่แผ่นอกแล้วลูบต่ำลงไปช้าๆ เรียกเสียงครางต่ำพร้อมทั้งแหบพร่าได้เป็นระยะ แล้วทันทีที่ฝ่ามือของผมสัมผัสและกอบกุมตรงส่วนนั้น เสียงครางที่ต่ำสุดๆ จนแทบจะเป็นเสียงคำรามก็ดังขึ้นมา


“วา...ถ้าจะเล่นก็พอแค่นี้ พี่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะอ่อนโยนกับวาได้หรอกนะ” สีหน้าอันดุดันของพี่โซ่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่พูดนั้นคือเรื่องจริง ตอนนี้พี่โซ่คงกำลังโกรธผมอยู่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าโกรธเรื่องที่ผมดื้อจนเกือบจะไม่รอดเงื้อมมือของไอ้อิทธิ หรือว่าโกรธที่ผมดื้อดึงบอกว่ายังไงก็ต้องการพี่โซ่


แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง ตอนนี้ผมต้องการพี่โซ่จนแทบทนไม่ไหว ในส่วนลึกของร่างกายอยากให้พี่โซ่กระแทกเข้ามาใจจะขาดอยู่แล้ว!


“พี่จะรุนแรงกับผมแค่ไหนก็ได้ แรงไม่กลัว กลัวไม่แรงครับพี่” และทันทีที่พูดจบร่างของผมก็ถูกดันไปติดผนัง ตามด้วยการถูกบดขยี้ที่ริมฝีปากอย่างรุนแรง!


2BC


 o14 สวัสดีค่า Happy Halloween ค่าทุกคน วันนี้มีใครแต่งหน้าเป็นผีลงเฟสลงไอจีมั้ยน้อ ส่วนเค้าน่ะไม่ต้อง หน้าสดปกติก็ไม่ต่างจากผีเลยค่า  :sad3:
ตอนที่ 10 นี้ตอนแรกเราตั้งใจว่าสักเสาร์หรืออาทิตย์ถึงจะอัพลง เพราะกะไปพักดวงตาที่เป็นปัญหาแบบยาวๆ แต่วันนี้ที่ไปพบคุณหมอแกก็บอกว่าดีขึ้นมากแล้ว เพราะงั้นก็เลยไม่รอแล้วค่ะ กลับบ้านปุ๊บมาลุยมันเลย แบบว่า...กลัวคนอ่านจะค้างคากันน่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้ล่ะนะว่าจะค้างกันมากกว่าตอนที่แล้วมั้ย อิอิ  o3
ส่วนตอนหน้าเจอกันวันเสาร์นะคะ แล้วมาลุ้นกันค่ะว่าจะมี NC อย่างที่หวังกันมั้ย ถ้ามีลีลาของพี่โซ่จะเด็ดขนาดไหน งู้ยยยยย แค่คิดก็เขินจนกำเดาแทบไหลแล้วค่า  :haun4:
ปล.ปกนิยายเรื่องนี้มาแล้วน้าา ถ้าใครยังไม่เห็นก็ไปส่องได้ที่เพจหรือทวิต Sameejaejung ได้เลยค่า  :o8:
(31 ต.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-10-2018 22:21:44
ได้เสียๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 31-10-2018 22:40:56
ปูเสื่อ แถวหน้ารอดูตอนไปต่อเลยเนี่ย... NC จงมา!!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-10-2018 22:47:00
"แรงไม่กลัว กลัวไม่แรงครับพี่"

ได้เสียแน่นอน :m25:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 01-11-2018 00:31:34
รอมานาน จดหมายไม่เคยจะมี!!~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-11-2018 02:10:22
อ่านแล้ว ได้แต่สงสาร.........  สงสารกำแพงจะรับแรงสั่นสะเทือนได้กี่ริตเตอร์นะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 01-11-2018 15:37:56
ติดกำแพงแล้ว ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-11-2018 21:19:34
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-11-2018 23:33:35
ปูเสื่อรอเลยจ้า.  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-11-2018 09:10:43
รอตอนหน้าด้วยใจจดจ่อ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 02-11-2018 22:09:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 10 ดวงอาทิตย์ของผม [31.10.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 03-11-2018 10:37:43
 :hao6: น้องจะถูกพี่กินแล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 03-11-2018 20:09:26
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 11# Wayo คนไม่อ่อนโยน NC-18


“อื้อ!” ผมรู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่าพี่โซ่จะจู่โจมแบบรุนแรงและกะทันหันแบบนี้ บางทีพี่เขาอาจจะหมดความอดทนกับผมแล้วจริงๆ แต่สิ่งที่พี่เขาทำก็ใช่ว่าผมจะไม่ชอบ


ผมยกสองแขนขึ้นโอบรอบลำคอหนา จากนั้นก็เอียงใบหน้า 45 องศาเพื่อให้จูบได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น พี่โซ่จึงได้สอดลิ้นเข้ามา ก่อนที่จะเกี่ยวพันรัดรึงและดูดดุนอย่างรุนแรง จนปลายลิ้นรวมทั้งริมฝีปากของผมมันถึงกับเกิดอาการชา


แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจูบแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกดี แถมยังดีมากๆ จนส่วนนั้นของผมที่แข็งขึงมันปวดหนึบจนแทบจะเป็นเจ็บปวดอยู่แล้ว


แล้วก็ดูเหมือนว่าพี่โซ่จะรู้ความต้องการนั้น เพราะพี่เขาได้ชันเข่าขึ้นแล้วแทรกเข้ามาระหว่างขาของผม แรงเสียดสีก่อให้เกิดความเสียดเสียวจนผมครางระงม เสียงจูบกับเสียงครางด้วยความสุขสมของผมดังก้องไปทั่วห้องน้ำ


“อือ...อืม...พี่โซ่...ผม...” ผมตั้งใจจะบอกว่าไม่ไหวแล้ว แต่พี่โซ่ที่รู้ว่าผมจะพูดอะไรก็ชิงถอดเสื้อตามด้วยกางเกงของผม ส่งผลให้ส่วนนั้นที่อุดอู้อยู่ในร่มผ้าเป็นเวลานานดีดตัวขึ้นมาแล้วยิ่งขยายใหญ่ โดยที่ช่วงปลายก็คายน้ำใสๆ ออกมาอย่างไม่ขาดสาย


ผมไม่รู้ตัวว่าน้ำที่ฝักบัวหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะงั้นน้ำที่กำลังไหลออกมามันจึงไม่ได้ถูกชะล้างออกไป ดังนั้นเมื่อฝ่ามือของพี่โซ่ได้กอบกุมมันเอาไว้จึงสามารถขยับรูดรั้งได้อย่างง่ายดายและไหลลื่น สร้างความเสียวซ่านและสุขสมให้ผมจนถึงกับต้องครางออกมา


“อ๊า...พี่โซ่...พี่โซ่!...อ๊า!”  ผมกอดไหล่หนาเอาไว้แน่น แล้วก็ยิ่งเพิ่มแรงลงไปมากขึ้นเมื่อพี่โซ่เร่งความเร็วในการขยับฝ่ามือ ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นทำให้มันดีกว่าทำด้วยตัวเองตั้งเยอะ ยิ่งบวกกับฤทธิ์ยาที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในร่างกายด้วยแล้ว เพียงไม่ถึงนาทีหลังจากที่พี่โซ่เริ่มใช้มือผมก็ไปถึงฝั่งฝัน


“อ๊ะ...อ๊าาาา!” ของเหลวสีขาวขุ่นและเหนียวข้นพุ่งออกไปจนเต็มฝ่ามือของพี่โซ่ แต่ถึงจะปลดปล่อยออกไปแล้วความต้องการของผมก็ยังคงอยู่ พี่โซ่ที่รู้ดีจึงได้จับตัวผมพลิกจนใบหน้าแนบติดผนัง จากนั้นก็ยกสะโพกของผมขึ้นแล้วสอดนิ้วที่เปียกลื่นนิ้วหนึ่งเข้ามาข้างใน


“อ๊ะ!” ผมสะดุ้งตกใจกับความแปลกใหม่ที่ถูกสอดใส่เข้ามา แต่ก็ยังดีที่ผมไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่เคยจินตนาการ เพียงแค่รู้สึกอึดอัดเท่านั้น


“แน่นเชียว อย่าเกร็งล่ะ พี่กำลังจะใส่นิ้วที่สองเข้าไป” แต่ถึงจะได้ยินแบบนั้นผมกลับทำตามไม่ได้ เสียงกระเส่าสุดเซ็กซี่ของพี่โซ่ทำเอาผมเผลอเกร็งจนบีบรัดนิ้วที่อยู่ข้างใน พี่เขาจึงยังไม่ได้สอดอีกนิ้วเพิ่มเข้ามา ทำเพียงแค่ขยับนิ้วข้างในเข้าออกและหมุนวนไปมาเท่านั้น


กระทั่งช่องทางของผมขยายออกนิ้วที่สองจึงได้ถูกสอดเข้ามาเพิ่ม ความอึดอัดที่มากขึ้นทำให้ผมส่งเสียงครางประท้วง แต่ก็ถูกพี่โซ่เอียงคอมาจูบอย่างดูดดื่มจนผมส่งเสียงออกไปไม่ได้ จนเมื่อร่างกายของผมชินนั่นแหละริมฝีปากของผมถึงได้เป็นอิสระ


“อา...อะ...อา...อาา...” ตอนนี้จากเสียงครางที่ตั้งใจจะประท้วง ได้กลับกลายเป็นเสียงหอบกระเส่าด้วยความสุขสมไปซะแล้ว นิ้วเรียวยาวของพี่โซ่ที่ขยับเข้าออกทำเอาผมเกิดความรู้สึกเสียวอย่างที่ไม่เคยรู้จัก ทั้งผนังช่องทางที่ถูกเสียดสี ปลายนิ้วที่หักงอเล็กน้อย แล้วก็จุดสัมผัสตรงนั้น...


“อ๊ะ! ยะ...ไม่!” จู่ๆ ร่างกายของผมก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงจนควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะข้างในช่องทางด้านหลังที่มันสั่นระริกจนบีบรัดนิ้วของพี่โซ่แน่น ความรู้สึกที่รุนแรงแบบนั้นทำเอาผมกลัวจนต้องขยับถอยหนี แต่พี่โซ่ก็ใช้วงแขนกอดรัดเอวผมเอาไว้จนไม่สามารถหนีไปไหนได้


“ไม่อะไร ไม่เอาเบาๆ แต่เอาแรงๆ รึเปล่าวา” พี่โซ่ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของผม น้ำเสียงที่ฟังดูร้ายๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความกระเส่ายิ่งทำให้ร่างกายของผมสั่นสะท้าน แล้วยิ่งพี่เขาก้มหน้าลงมาดูดที่ซอกคอ ไปพร้อมๆ กับการขยับนิ้วเข้าออกที่ช่องทางโดยกดเน้นย้ำแต่ตรงจุดนั้น ความเสียวกระสันก็ทำให้ผมหวีดร้องลั่นอย่างสุดเสียง


“อ๊า! อ๊ะ...อ๊า...พี่โซ่! ผมจะ...ยะ...อ๊า...จะเสร็จอีกแล้ว!” ยิ่งพี่โซ่ได้ยินว่าผมจะเสร็จก็เร่งจังหวะการขยับนิ้วให้เป็นกระแทกกระทั้น จุดกระสันของผมถูกกดย้ำๆ ส่วนซอกคอของผมก็ถูกดูดและเลีย ความเสียวที่ได้รับทำเอาห้วงอารมณ์ของผมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็มาถึงฝั่งฝันเป็นรอบที่สอง


“พี่โซ่! อ๊าาาา!” ของเหลวสีขาวขุ่นถูกฉีดพ่นออกมาอีกครั้ง แต่ร่างกายของผมมันก็ยังไม่พอ ยิ่งช่องทางด้านหลังรู้จักความหฤหรรษ์ที่ทำให้ไปถึงฝั่งฝันนี้ด้วยแล้ว ไฟราคะของผมมันก็ยิ่งลุกไหม้แรงยิ่งขึ้นไปอีก สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดถูกแทนที่ด้วยความต้องการจนสามารถทำเรื่องที่มันน่าอาย


“มะ...มากกว่านี้ ผมต้องการพี่ สะ...ใส่ของพี่เข้ามา...” ไม่พูดเปล่าผมยังยกบั้นท้ายที่กำลังสั่นระริกขึ้นแล้วหันหน้าไปมองยังด้านหลัง


สายตาคมกริบของพี่โซ่ที่กำลังจ้องมาทำให้ผมถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนที่หลังจากนั้นผมจะแทบหายใจไม่ออกเมื่อพี่โซ่ถอดเสื้อผ้าของตัวเองทิ้ง แผ่นอกกับกล้ามท้องแน่นๆ รวมถึงแก่นกายอันใหญ่โตที่เหยียดตรงชี้มาที่ผม ภาพที่เห็นทำเอาผมแทบจะหยุดหายใจ


“ต่อให้วาจะบอกพี่ว่าไม่ พี่ก็จะไม่หยุดให้หรอกนะ” พี่โซ่พูดจบก็เอาแก่นกายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำรักของผมจ่อลงมาที่บั้นท้าย ความใหญ่โตและร้อนระอุที่สัมผัสได้ทำเอาผมส่งเสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจ สะโพกบดเบียดและส่ายร่อนไปมาอย่างไม่รู้ตัว


“ซี้ดด...พี่โซ่...” แค่ส่วนปลายของแก่นกายพี่เขาเสียดสีกับที่ปากทางเข้า ผมก็เสียวจนแทบจะเสร็จอยู่แล้ว ซึ่งพี่เขาก็คงไม่ต่างกัน เพราะว่าผมได้ยินเสียงครางต่ำออกมาเป็นระยะ ในขณะที่ส่วนปลายก็คายน้ำใสๆ ออกมาจนเปียกเยิ้มช่องทางของผมไปหมดแล้ว


“เตรียมใจเป็นของพี่ไว้แล้วสินะ” สิ้นเสียงนั้นแก่นกายอันใหญ่โตก็ถูกดันเข้ามารวดเดียวจนมิดลำ เท่านั้นแหละความจุก เจ็บ และอึดอัดก็แล่นพล่านขึ้นมาทั่วร่าง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากความรู้สึกพวกนั้นยังมีความเสียวปะปนอยู่ด้วย


“อื้อ!” ยิ่งพี่โซ่ขยับแก่นกายเข้าออกความเจ็บแสบก็ยิ่งแผ่กระจาย แต่ในขณะเดียวกันความเสียวซ่านมันก็ยิ่งทวีคูณขึ้นจนกลบความรู้สึกอย่างอื่น แล้วไม่นานผมก็ลืมความจุก เจ็บ และอึดอัดที่เคยรู้สึกไปจนหมดสิ้น


“อ๊า...อ๊ะ...ดี! พี่โซ่...แรงกว่านี้! เข้ามาลึกๆ...อื้ม...อ๊า!” ผมแทบไม่รู้ตัวเลยได้พูดเรื่องที่มันน่าอายขนาดไหน ในสมองมันรับรู้ได้เพียงอย่างเดียวคือตอนนี้ผมกำลังรู้สึกดีและเสียวจนแทบบ้า ผนังช่องทางจึงบีบรัดท่อนเนื้อของพี่โซ่แน่น


“ซี้ดดด...” พี่โซ่หลุดเสียงครางออกมาอย่างสุดกลั้น จากนั้นก็เร่งจังหวะการซอยแก่นกายให้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มเติมคือกระแทกเน้นๆ ตรงจุดเสียวที่อยู่ข้างใน ซึ่งนั่นก็ทำให้ความเสียวมันยิ่งไต่ระดับขึ้นไปจนเห็นสวรรค์รำไรอยู่แล้ว


“พี่โซ่! อ๊า...เสร็จแล้ว...ผมจะเสร็จอีกแล้ว! พี่ครับ! อ๊า...อ๊าาาาา!” ความสุขสมที่ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิตถูกปลดปล่อยออกไปเป็นสาย ส่วนแก่นกายของพี่โซ่ก็ยังคงเคลื่อนไหวข้างในช่องทางของผมอย่างดุดัน ความเสียวกระสันทำให้ผมที่ถึงแม้จะเสร็จไปแล้วหวีดร้องลั่น ช่องทางด้านหลังตอดรัดท่อนเนื้อของพี่โซ่อย่างถี่ยิบ


“อื้ม...วา!” พี่โซ่ครางอย่างพึงพอใจแล้วซอยแก่นกายเข้ามาอย่างไม่ยั้ง ทั้งรุนแรงและรวดเร็วจนเสียงเนื้อที่กระทบกันดังก้องไปทั่วห้องน้ำ ก่อนที่พี่โซ่จะครางต่ำจนแทบเป็นเสียงคำราม แล้วก็จัดการกระแทกแก่นกายเข้ามาข้างในตัวผมเป็นครั้งสุดท้าย


“อึ่ก! อาาาส์” สิ้นเสียงนั้นความเสียวซ่านทั้งหมดของพี่เขาก็ถูกฉีดพ่นเข้ามา ความรู้สึกที่อุ่นวาบอยู่ข้างในทำให้ผมรู้สึกดีจนช่องทางด้านหลังกระตุกตอดถี่ๆ ส่วนนั้นของพี่โซ่ที่อ่อนลงไปนิดนึงจึงแข็งตัวขึ้นมา


“ยังไม่พอสินะ” แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นพี่โซ่กลับถอนแก่นกายออกไป ซึ่งในจังหวะที่ผมรู้สึกต้องการอะไรมาเติมเต็มจนแทบจะตายเสียให้ได้ พี่โซ่ก็พลิกตัวให้ผมหันหน้ากลับมาแล้วก้มหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากของผม


“อื้อ!” ผมถูกบดขยี้อย่างไม่ปราณี อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ผมท้าทายพี่โซ่เองล่ะมั้งว่า ‘แรงไม่กลัว กลัวไม่แรง’ แต่ว่าผมก็ไม่นึกเสียใจหรอกนะ ก็ผมต้องการให้พี่โซ่ทำแบบนั้นกับผมจริงๆ นี่นา


หลังจากที่จูบผมจนพอใจแล้วพี่โซ่ก็ก้มหน้าลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอของผม ส่วนสองมือก็บีบเค้นตรงแผ่นอก ผมเคยอ้วนมาก่อนเลยมีเนื้อตรงนั้นมากกว่าผู้ชายทั่วไป ตอนแรกผมก็รู้สึกไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่ แต่พอเห็นพี่โซ่บีบเค้นอย่างมันมือผมก็เลยเปลี่ยนใจ การมีเนื้อตรงหน้าอกมันก็ไม่เลวเหมือนกันล่ะนะ


“อ๊ะ!” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อพี่เขาก้มหน้าลงไปต่ำมากขึ้นจนถึงแผ่นอก ก่อนที่ลิ้นร้อนๆ จะตวัดขึ้นลงตรงส่วนยอดที่มันตั้งชูชัน เท่านั้นแหละความเสียวซ่านก็ยิ่งแล่นพล่านไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย


เสียงครางด้วยความสุขสมของผมดังประสานกับเสียงอันลามกจากยอดอกที่ถูกดูดเลีย พี่โซ่ยังคงไม่อ่อนโยนทำอย่างรุนแรง แต่นอกจากผมจะไม่ปฏิเสธยังแอ่นอกรับ ในขณะที่ส่วนกลางลำตัวก็สั่นระริกเต็มไปด้วยความต้องการ ซึ่งช่องทางด้านหลังที่มีน้ำขุ่นสีขาวไหลออกมาจนเต็มเรียวขาก็เช่นเดียวกัน


“อา...อ๊ะ! พี่โซ่!” พี่เขาที่เห็นแบบนั้นเลยใช้สองแขนแยกสองขาของผมแล้วยกขึ้นไป โดยให้แผ่นหลังของผมแนบติดกับผนังห้องน้ำเอาไว้ ส่วนแก่นกายอันใหญ่โตของพี่เขาก็จ่ออยู่ที่ปากทางเข้าของผมเข้าพอดี


ไม่มีคำพูดบอกกล่าว ท่อนเนื้อร้อนๆ ของพี่เขาก็กระแทกเข้ามารวดเดียวจนมิดด้าม ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาผมร้องครางลั่นห้องน้ำ ช่องทางด้านหลังบีบรัดท่อนเนื้อที่อยู่ข้างในแน่น


“ซี้ดด...” สีหน้าและเสียงที่หลุดครางออกมาของพี่โซ่ทำเอาผมใจเต้นรัว ส่วนช่วงล่างก็สั่นระริกและตอดท่อนเนื้อถี่ยิบ ทำเอาพี่โซ่เสียวซี้ดจึงยิ่งเร่งจังหวะการกระแทกเข้ามาให้เร็วขึ้น แรงขึ้น และหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น


“อ๊ะ...อ๊า...ข้างใน!...อ๊า...มันเสียว!...อ๊า!” ผมร้องครางด้วยความสุขสม เมื่อท่อนเนื้อของพี่เขากระแทกเข้ามาโดนจุดเสียวที่อยู่ข้างใน สองขาของผมเกาะเกี่ยวสะโพกหนาเอาไว้เพื่อให้เข้ามาข้างในได้ลึกๆ ร่างกายของผมต้องการกลืนกินพี่เขาให้ได้มากที่สุด


“วา...อาา...” พี่โซ่กัดริมฝีปากล่างแน่น ความเสียวที่ถูกผมบีบและตอดรัดอย่างรุนแรงคงจะทำให้พี่เขาเสียวแทบบ้า ซึ่งผมก็ไม่ต่างกัน โดนพี่เขากระแทกกระทั้นอย่างดุดันขนาดนั้น มันก็ทำให้ผมเสียวสุดๆ จนแทบขาดใจอยู่แล้ว


“พี่โซ่...อ๊า...พี่โซ่...” ตอนนี้ผมใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มที พี่โซ่ที่ใกล้จะถึงเหมือนกันก็บีบสะโพกของผมให้แน่น แล้วกระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างไม่มียั้ง ทั้งหนักหน่วง รุนแรง และกระแทกโดนจุดเสียวของผมซ้ำๆ ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที...


“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า! พี่โซ่!...อ๊าาาาา!” ความเสียวซ่านของผมก็ถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ส่วนพี่โซ่เมื่อถูกบีบรัดและกระตุกตอดอย่างถี่ยิบก็ทนต่อไปไม่ไหว แก่นกายได้ถูกกระแทกกระทั้นเข้ามาเป็นยกสุดท้าย ก่อนที่พี่เขาจะฝังกายเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วฉีดพ่นทุกหยาดหยดเข้ามาในตัวของผม


“ซี้ดด...อาา...” เราสองคนหอบหายใจออกมา ก่อนที่สักพักพี่โซ่จะยื่นใบหน้าเข้ามาจูบผมเพราะรู้ว่าผมยังคงไม่พอ ข้างในตัวของผมมันยังร้อน บีบรัด สั่นระริก และตอดท่อนเนื้อของพี่เขาถี่ๆ อยู่เลย


“ไปที่เตียงกันดีกว่า” ผมพยักหน้า จากนั้นพี่เขาก็ล้างคราบอะไรต่อมิอะไรต่างๆ ออกไปจากตัวของผม แน่นอนว่าร่างกายของเราสองคนนั้นยังเชื่อมต่อกัน จนเมื่อเรือนร่างของผมเนียนลื่นไม่มีคราบเหนียวๆ แล้วนั้น พี่โซ่ก็เช็ดตัวเราสองคนอย่างลวกๆ แล้วอุ้มผมในท่าอุ้มแตงออกไปจากห้องน้ำ


“อืม...” ดูเหมือนว่าพี่โซ่จะชอบการจูบกับผมมาก เพราะตั้งแต่เดินออกมาพี่เขาเอาแต่จูบแล้วก็ดูดที่ริมฝีปากของผมไม่ยอมปล่อย แต่ผมก็ใช่ว่าจะไม่ชอบ ก็เพราะชอบนั่นแหละผมถึงได้จูบตอบ จูบของพี่โซ่มันทำให้ร่างกายของผมร้อน แถมยังร้อนมากซะจนช่วงเอวบดเบียดและส่ายร่อนเข้าหาท่อนเนื้อของพี่โซ่ด้วยความต้องการ


“เด็กดี ไม่ต้องรีบ เรามีเวลาทั้งคืน” พี่โซ่พูดด้วยเสียงแหบพร่า แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ตัวพี่เขาเองนั่นแหละที่รีบร้อนก้าวเท้ายาวๆ ไปที่เตียง
พอไปถึงพี่โซ่ก็นั่งพิงขอบเตียงโดยให้ผมนั่งคร่อมที่ตักเอาไว้ ถึงจะไม่เคยทำแต่ผมก็รู้ว่าพี่เขาต้องการให้ผมทำอะไร สะโพกของผมจึงยกขึ้นลงโดยเริ่มจากช้าๆ


“อ๊ะ!” แต่ก็ดูเหมือนว่าการกระทำของผมจะไม่ถูกใจคนที่อยู่ใต้ร่าง เพราะในจังหวะที่ผมยกสะโพกขึ้นมือของพี่โซ่ก็ออกแรงกดตัวของผมลงมา แถมหลังจากนั้นก็ยกตัวของผมขึ้นสูงแล้วกดลงมาซ้ำๆ มิหนำซ้ำพี่เขายังเด้งแก่นกายขึ้นสวนอีกด้วย


“อ๊ะ...ยะ...ระ...แรงไป...มันลึก!...อื้ม...อ๊า...”


“ก็ไหนวาบอกว่าชอบลึกๆ แรงๆ” พี่โซ่ยิ้มที่มุมปาก แต่จะมาเอาอะไรกับคนที่กำลังต้องการมากอย่างผมกันล่ะ ตอนนั้นพูดอะไรไปบ้างผมจำไม่ได้หรอก ส่วนตอนนี้...ซี้ดดด จะว่าไปการที่ถูกกระแทกเข้ามาลึกๆ แรงๆ มันก็เสียวเป็นบ้า


“อ๊า...ครับพี่...แรงกว่านี้! อ๊า! ผมเสียวจังพี่โซ่!” คราวนี้ไม่ใช่แค่พี่เขาเท่านั้นที่ออกแรงทำ แต่ผมก็ยกสะโพกขย่มพี่เขาอย่างเมามัน ท่อนเนื้ออันใหญ่โตที่เสียดสีกับผนังช่องทางทำเอาผมเสียวมากจนแทบขาดใจ


แต่ว่าผมยังเสียวได้มากกว่านั้น เพราะพี่โซ่ได้ใช้มือบีบเค้นที่แผ่นอกของผม ก่อนที่จะก้มหน้าลงมาดูดเลียตรงส่วนยอด ในขณะที่ท่อนเนื้อด้านหน้าก็ถูกมือหนารูดรั้งขึ้นลง ความสุขสมที่ได้รับพร้อมกันถึงสามจุดทำเอาผมเสียวสุดๆ จนใกล้ถึงอีกรอบ ซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้


“อ๊ะ...อ๊า...พี่โซ่...อ๊า...” ผมจิกทึ้งเส้นผมดำขลับไปมา ส่วนสะโพกก็ขย่มกลืนกินแก่นกายของพี่โซ่ด้วยความเร็วสูงสุด แถมยังดูดกลืน บีบรัด และกระตุกตอดท่อนเนื้อร้อนๆ อย่างถี่ยิบ ทำเอาพี่เขาถึงกับครางซี้ดแล้วกระแทกแก่นกายขึ้นสวนอย่างดุดันยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จนในที่สุดห้วงอารมณ์ของผมก็พุ่งสูงไปถึงจุดสุดยอด


“อ๊าาาาาา!” ผมปลดปล่อยออกไปอีกครั้ง ส่วนพี่โซ่นั้นยังไม่เสร็จ เมื่อเห็นผมแข้งขาอ่อนเปลี้ยไม่มีแรงขย่มจึงได้พลิกตัวผมลงไปนอน สองมือล็อกที่สะโพกของผมเอาไว้แน่น จากนั้นก็ซอยแก่นกายเข้าออกอย่างรุนแรง โดยถอนออกจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับไปจนสุดความยาว


ความเสียวซ่านในร่างกายของผมก่อตัวขึ้นอีกครั้ง แต่อันที่จริงจะบอกว่ามันไม่เคยดับมอดลงไปน่าจะถูกมากกว่า สองขาของผมจึงกอดเกี่ยวสะโพกหนา จากนั้นก็แอ่นรับเพื่อให้ส่วนนั้นของพี่เขาเข้ามาได้ลึกมากขึ้น ความเสียวซ่านของเราสองคนจึงเพิ่มมากขึ้น เสียงกระทบกันของเนื้อดังระงมไปกับเสียงคราง


“วา...” ผมคิดว่าพี่โซ่คงจะใกล้เสร็จแล้วเลยครางชื่อผมเสียงกระเส่าแบบนั้น ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีและยิ่งมีอารมณ์ ช่องทางด้านหลังของผมจึงยิ่งบีบรัดท่อนเนื้อที่กำลังขยับเข้าออก พี่เขาจึงยิ่งซอยแก่นกายเข้ามาอย่างไม่ยั้ง ทั้งดุดันและรุนแรง แต่ก็เสียวอย่างสุดใจ


“ซี้ดดด...วา...!”


“อ๊าา! พี่โซ่!” เราสองคนครางออกมาพร้อมกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่แก่นกายจะปลดปล่อยความสุขสมออกมา น้ำของผมที่ถึงแม้จะออกน้อยลงก็เปรอะเปื้อนไปตามช่วงท้อง ส่วนน้ำของพี่โซ่ก็ทะลักเข้ามาจนอัดแน่นไปทั้งช่องทางของผม ปริมาณของมันยังคงมีมากแทบไม่ลดลงเลย


“พี่...” ด้วยความสงสัยผมเลยตั้งใจจะถามออกไป แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรผมก็ถูกจูบที่ริมฝีปากเข้าซะแล้ว จูบของพี่โซ่ยังคงรุนแรง แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีจนสมองมันขาวโพลน


ผมไม่รู้ว่าคืนนั้นเป็นของพี่โซ่ไปอีกกี่ครั้ง รู้แต่ว่าผมทั้งสุขสม เสียวซ่าน แล้วก็เมามัน พี่โซ่เติมเต็มความต้องการของผมจนล้นทะลัก ความทรงจำสุดท้ายก่อนที่ภาพของผมจะตัดนั่นก็คือ ร่างทั้งร่างมีแต่น้ำรักของพี่โซ่เต็มไปหมดเลย...


2BC


 :jul1: สะ...สวัสดีค่า สูญเสียเลือดกันไปกี่ลิตรบอกเค้ามา ส่วนเค้าน่ะพูดเลยว่าหมดตัวววววววววว เฮือก!  :m25:
ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไร เอาเป็นว่าใครเลือดไม่พอมาขอรับได้นะคะ เพราะเค้าเตรียมมาเผื่อเยอะมากกกกก ว่าแต่...ลีลาของพี่โซ่ถูกใจกันมั้ยคะ คิดว่าดุดันหนักหน่วงอย่างที่น้องร้องขอมั้ยน้อออ  :oo1:
ส่วนตอนหน้าเจอกันไม่อังคารก็พุธนะคะ มาดูกันว่าโดนไปซะขนาดนั้นน้องวาจะมีแรงตื่นรึเปล่า อ้อ ส่วนพรุ่งนี้เดี๋ยวเค้าจะมีรูปสเก็ตปก box มาให้ชมที่เพจนะคะ มาลุ้นกันน้าว่าจะโดนใจกันมั้ยยยย  :-[
(3 พ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 03-11-2018 20:58:54
อูยยยยย ดุเดือดขนาดนี้ ลุกไม่ขึ้นแน่ๆน้องวา
 :jul1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-11-2018 21:11:11
เขาแก้แค้นกันจนดุเดือดเชียว   :jul1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 03-11-2018 21:45:26
หือ ดุเดือดมาก เลือดหมดตัวแล้ววว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-11-2018 23:16:04
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-11-2018 06:38:08
ฮืม....... ปูนเขาดีจริงๆ   :hao6:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-11-2018 08:47:19
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: ของเค้าดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-11-2018 09:20:36
ร้อนแรง!
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-11-2018 12:23:57
แก้แค้น ได้อย่างสาสม ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 04-11-2018 20:57:39
 :pighaun: กรี๊ดดดดดดดดไม่อ่อนโยนจริงๆ เยดุเยเก้วกาดมากพี่โซ่ :haun4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 06-11-2018 00:31:43
 :jul1: :jul1:เลือดกำเดาไหล
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 คนไม่อ่อนโยน NC [3.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 06-11-2018 16:57:46
 :pig4:   :m25:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 07-11-2018 19:55:38
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 11# Wayo เป็นแฟนพี่นะครับ


“อืม...พึ่ง 6 โมงเช้าเองหรอเนี่ย” ผมพูดอย่างงัวเงียเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เสียงของผมแหบพร่าลงจากเมื่อวาน ส่วนเนื้อตัวก็ปวดระบมจนแทบขยับไม่ได้ แค่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงก็ลำบากจนแทบแย่


เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นผมจำได้ดี ผมกับพี่โซ่เป็นหนึ่งเดียวกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถึงแม้ว่านั่นมันจะเป็นเพราะฤทธิ์ยา ที่มันทำให้ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปผมจำได้ทุกอย่าง


“พี่โซ่จะคิดว่าเราร่านมั้ยวะ?” ผมถามตัวเองเบาๆ แต่กลับมีเสียงตอบดังขึ้นมา


“ไม่เลยครับ เมื่อคืนว่าน่ารักมากเลยต่างหาก”


“พะ...พี่โซ่!” ผมอุทานด้วยความตกใจ ก็ผมไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ในห้อง แน่นอนว่าผมมองไม่เห็นพี่โซ่ที่เมื่อกี้ยืนอยู่ตรงระเบียงเพราะมีผ้าม่านบัง


“ตะ...ตื่นเช้าจังเลยนะครับพี่” ผมรู้สึกเขินๆ เลยก้มหน้าหลบตาแล้วพยายามเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น เรื่องเมื่อคืนถ้าเลือกได้ผมก็อยากจะลืมๆ ไปซะ ก็มันน่าอายจะตาย


“เช้า?” พี่โซ่เดินมานั่งที่ขอบเตียงข้างๆ ผมพลางทำหน้างง


“ก็นี่มันพึ่งจะ 6 โมงเช้าเองนี่ครับ”


“หา? เอ่อ...หึหึ” พี่โซ่ไม่ได้พูดอะไรเอาแต่หัวเราะในลำคออย่างเดียว ผมที่เห็นอย่างนั้นเลยเป็นฝ่ายงงบ้างน่ะสิ


“มีอะไรน่าหัวเราะหรอครับ”


“เด็กเอ๋อเอ๊ย นี่มัน 6 โมงเย็นแล้วครับ ตอน 6 โมงเช้าพวกเราพึ่งนอนไปได้ไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ”


“วะ...ว่าไงนะพี่! ตอนนี้ 6 โมงเย็นแล้วหรอครับ!” จากที่คิดว่าพึ่งนอนไปได้แป๊บเดียว กลับกลายเป็นว่าผมนอนแบบยาวๆ ตั้งครึ่งวันไปแล้วหรอเนี่ย!


“ใช่ ถ้าไม่เชื่อจะเปิดทีวีดูมั้ยล่ะ” พูดจบพี่โซ่ก็หยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดทีวี...ชัดเลย เดินหน้าประเทศไทย


“ผมเชื่อแล้วพี่ เอ่อ...ปิดไปเลยก็ได้ครับ” พี่โซ่หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็กดปุ่มปิดทีวีแล้ววางรีโมทไว้ตรงที่เดิม


“หิวมั้ย เดี๋ยวพี่สั่งข้าวขึ้นมาให้”


“ก็ได้ครับ”


“อยากกินอะไรล่ะเรา”


“เอ่อ...ไม่รู้สิครับ ผมคิดไม่ออก แต่ท้องมันก็หิว...” น้ำเสียงของผมเบาลงเรื่อยๆ เพราะกลัวพี่โซ่จะว่าที่ดูเรื่องมาก แต่นอกจากจะไม่ทำแบบนั้นแล้วยังลูบศีรษะของผมอย่างเอ็นดูอีกต่างหาก


“โอเค พี่เข้าใจ เดี๋ยวพี่จะสั่งมาหลายๆ อย่างเลยก็แล้วกัน”


จากนั้นพี่โซ่ก็ลุกไปโทรสั่งอาหาร ส่วนผมก็พยายามฝืนสังขารลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินไปยังห้องน้ำ แต่ขาที่อ่อนแรงมันเลยทำให้ผมที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวถึงกับทรุด ซึ่งขณะที่ผมคิดว่าคงต้องเจ็บตัวหน้าคว่ำแน่ๆ แต่พี่โซ่ก็เข้ามาพยุงตัวเอาไว้ได้ทัน


“จะไปไหนทำไมไม่บอกพี่ล่ะวา”


“คะ...แค่ห้องน้ำ ผมคิดว่าคงไปไหว”


“แล้วไหวมั้ยล่ะ ดูสิ หน้าเกือบคว่ำแล้วนะ” ผมหน้าจ๋อยลงไม่ได้พูดอะไร พี่โซ่คงจะโกรธผมอีกแล้ว


“ที่พี่ดุเพราะพี่เป็นห่วงวานะ” เหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรพี่เขาเลยรีบแก้ตัว “ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรวาต้องบอกพี่นะครับ จะเรื่องเล็กแค่ไหนก็ช่าง ตกลงตามนี้นะ”


“อ่า...ครับ” พอผมพยักหน้าลงพี่โซ่จึงได้ยิ้มออกมา ในตอนแรกผมกลัวว่าพี่เขาจะยังโกรธผมตั้งแต่เมื่อคืนไม่หาย แต่เท่าที่ดูตอนนี้พี่เขาก็กลับมาใจดีและอ่อนโยนกับผมเหมือนเดิมแล้ว


“แล้วนี่วาจะไปอาบน้ำงั้นหรอ”


“ครับ ผมรู้สึกเหนียวๆ”


“เอ...แต่พี่ว่าพี่ก็เช็ดตัววาจนสะอาดหมดแล้วนะ หรือว่ามีตรงไหนที่พี่ข้ามไป” พี่โซ่ถามด้วยความสงสัย ส่วนผมก็ถึงกับติดอ่างพูดอะไรแทบไม่ออก


“มะ...ไม่ใช่ข้างนอกหรอกครับ ตะ...แต่เป็นข้างใน...” เสียงของผมเบาลงเรื่อยๆ ด้วยความอาย ยิ่งประโยคสุดท้ายผมยิ่งพูดเบามากจนแทบไม่มีเสียง


“อ๋อ น้ำของพี่” พี่โซ่พูดยิ้มๆ ทำไมต้องทำหน้ามีความสุขขนาดนั้นด้วยล่ะปัดโธ่! “เอางี้แล้วกัน ไหนๆ พี่ก็เป็นคนเอาเข้า งั้นพี่ก็จะเป็นคนเอาออกก็แล้วกัน”


“หา? อ๊ะ! เหวออออ!”


โดยไม่ทันให้ผมได้ตอบปฏิเสธ พี่โซ่ก็ถือวิสาสะช้อนตัวผมขึ้นอุ้มแล้วพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถึงแม้ว่าผมจะโวยวายและดิ้น (ด้วยแรงน้อยนิด) แต่พี่เขาก็ทำหูทวนลม ผมที่ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่กัดฟันทนข่มความอาย ยอมให้พี่เขาล้วงเข้าไปเพื่อที่จะเอาน้ำข้างในออกมา


ละ...แล้วนอกจากความอายมันก็มีความเสียวด้วยหน่อยๆ พะ...เพราะงั้น...พี่เขาเลยต้องจัดการด้านหน้าของผมที่มันไม่รักดีดีดตัวขึ้นมา


บ้าจริง! มันต้องเป็นเพราะฤทธิ์ยายังไม่หมดแน่ๆ ฮืออออออ


   หลังเสร็จจากกิจกาม...เอ๊ย! กิจกรรมในห้องน้ำอาหารก็ขึ้นมาส่งพอดี เพราะงั้นผมเลยมีอะไรทำแก้เขินจึงก้มหน้าก้มตากินข้าวใหญ่ ส่วนพี่โซ่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่อมยิ้มแล้วก็มองผมพลางกินข้าวไปด้วยเท่านั้น


“จริงสิ ผมกับพี่ต้องขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพตอนบ่าย 3 ไม่ใช่หรอครับ” พอได้กินข้าวสมองของผมก็เริ่มทำงาน “ไหนจะพี่จ๋า ผอ. แล้วก็พวกพี่ๆ ของผมอีก ป่านนี้จะไม่เป็นห่วงผมแย่แล้วหรอครับ”


แต่ก็น่าแปลกนะที่ไม่เห็นมีมิสคอลเข้ามาที่โทรศัพท์ของผมสักสาย อย่างพี่จ๋ากับผอ.นี่ไม่เท่าไหร่ แต่พี่ภูนี่สิ ก่อนจะมาที่นี่ผมนัดให้ไปรับที่สนามบินตอน 4 โมงเย็น แต่นี่มันก็ 1 ทุ่มแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่พี่ภูจะไม่โทรมา


“ใจเย็นๆ นะวา เดี๋ยวข้าวก็ติดคอหรอก เรื่องที่วาโดนวางยาพี่บอกกับทุกคนไปแล้ว”


“บะ...บอกแล้ว! บอกทุกคนเลยหรอครับ!”


“ใช่ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ พี่บอกว่าวาโดนยานอนหลับไม่ใช่ยาปลุกเซ็กส์”


“เฮ้ออออออ แล้วไป” จากที่ตกอกตกใจเกือบหัวใจวาย พอได้รู้แบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่อย่างนั้นผมคงรู้สึกอายมากจนไม่กล้าไปเจอหน้าใคร แล้วไหนจะโดนพวกพี่ๆ ที่บ้านสวดยับชุดใหญ่อีก


“ตอนเที่ยงที่นัดกันพี่จ๋ามาเคาะประตูห้อง พี่เลยบอกไปว่าวายังไม่ตื่นเพราะโดนยานอนหลับ แล้วก็ไม่รู้จะตื่นขึ้นมาตอนไหนด้วย”


อันที่จริงพี่จ๋ามาหาพี่โซ่ที่ห้องตั้งแต่เมื่อคืน เพราะเป็นห่วงเรื่องที่ผมไปพบกับไอ้อิทธิที่บาร์ข้างล่าง แต่ตอนนั้นพี่โซ่ไม่อยู่ที่ห้อง กำลังวิ่งวุ่นตามหาผมอยู่เพราะรู้สึกเอะใจในสิ่งที่ผมพูด พอรู้เรื่องจากพี่จ๋าทางโทรศัพท์ทั้งหมดก็รีบไปค้นหาผมที่บาร์ ซึ่งก็มาช่วยผมเอาไว้ได้ทันก่อนที่ไอ้แก่นั่นมันจะทำมิดีมิร้ายผม


“แล้วตอนนี้พี่จ๋าอยู่ที่ไหนหรอครับ”


“กลับไปแล้วล่ะ ที่นี่มีพี่คอยดูแลวาคนเดียวก็พอแล้ว” ตอนที่พูดคำว่าดูแล น้ำเสียงของพี่โซ่ฟังดูอบอุ่นและอ่อนโยนจนผมถึงกับใจเต้นแรง


“เอ่อ...แล้วเรื่องทำงานพรุ่งนี้”


“วาไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ผอ.บอกว่าให้วาลาหยุดได้เต็มที่ จะเข้าบริษัทอีกทีก็อีก 3 วันที่ต้องเลี้ยงส่งน้องฝึกงานก็ได้ แกรู้สึกผิดน่ะที่ให้วาต้องมาทำงานนี้ นี่ก็โทรไปขอโทษขอโพยพี่ของวาใหญ่เลยล่ะ”


“แต่ความจริงผอ.ไม่เห็นต้องรู้สึกผิดแล้วก็โทรไปขอโทษพี่ภูเลยนี่ครับ เพราะคนที่ผิดมันคือผมที่อวดเก่งทำอะไรไม่คิดเองต่างหาก” พูดถึงตรงนี้ผมก็หน้าจ๋อยลงทันที


“ยังเก็บเรื่องที่พี่พูดเอาไปคิดอยู่อีกหรอ พี่ขอโทษนะวา เมื่อคืนพี่โมโหเกินไปหน่อย แค่คิดว่าวาจะกลายเป็นของใครพี่ก็แทบทนไม่ได้ เพราะงั้นพี่ถึงได้ลืมตัวเผลอทำรุนแรงกับวา” สีหน้าของพี่โซ่ดูรู้สึกผิดกับเรื่องที่ทำลงไปจริงๆ


“รู้สึกเสียใจที่ทำกับผมหรอครับพี่” ถามออกไปเอง แต่ทำไมถึงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่หัวใจเองกันนะผม


“พี่เสียใจที่ไม่ได้อ่อนโยนกับวา แต่ว่าเรื่องที่พี่ทำกับวาพี่ไม่ได้เสียใจเลยสักนิด”


“พี่โซ่...”


“แล้วพี่ก็ดีใจมากที่ได้เป็นคนแรกของวา แม้ว่านั่นอาจจะเป็นเพราะยาแต่ว่าพี่ก็ยังดีใจ ส่วนสิ่งที่พี่ทำลงไปพี่ขอรับผิด...”


“ถ้าพี่คิดจะรับผิดชอบก็ไม่ต้องหรอกครับ!” ผมรีบพูดขัดขึ้นเพราะรู้ว่าพี่โซ่ตั้งใจจะพูดอะไร “ผมเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ผมท้องกับพี่ไม่ได้ เพราะงั้นมันก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว”


“โอเค งั้นเอาใหม่ เมื่อกี้พี่อาจจะสื่อความตั้งใจของพี่ผิดไป จริงอยู่ที่พี่ตั้งใจจะพูดว่าขอรับผิดชอบ แต่นั่นก็ไม่ใช่เพราะเรื่องที่พี่มีอะไรกับวา แต่มันเป็นเพราะพี่รักวาต่างหาก”


“พะ...พี่โซ่...”


“พี่เคยบอกไปแล้วนี่ครับว่าพี่รักวา ถ้าวาจำไม่ได้พี่ก็จะบอกให้ฟังอีกครั้ง...พี่รักวานะครับ รักมาก รักมาตลอด รักจนหมดหัวใจ เพราะงั้นวาช่วยคบกับพี่ได้มั้ย พี่สัญญาเลยว่าจะดูแลวาเป็นอย่างดี จะไม่มีวันทำให้วาเสียใจอีกเด็ดขาด...เป็นแฟนกับพี่นะครับ”


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


คำพูดที่ได้ยินทำให้ผมใจเต้นโครมคราม สายตาที่พี่โซ่มองตรงมามันมีแต่คำว่ารักอย่างที่พูดจริงๆ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมหัวใจพองโตด้วยความดีใจ ส่วนใบหน้าก็ร้อนผ่าวราวกับโดนไฟเผา


ผมไม่คิดสงสัยในสิ่งที่พี่โซ่พูดเลยสักนิด ผมเชื่ออย่างหมดใจว่าพี่เขารักผมจริงๆ เพราะการกระทำที่ผ่านมามันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าพี่เขารักผมมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมติดใจคือคำพูดบางคำที่ได้ยินต่างหาก


พี่โซ่พูดอย่างกับว่าความจริงจำผมได้ แล้วก็รักผมมาตลอด 7 ปียังไงยังงั้น ซึ่งมันจะเป็นไปได้ยังไง...?


เด็กอ้วนน่าเกลียดสิวเขรอะแบบนั้นใครมันจะไปรักลง ยิ่งคนหล่อๆ มีแต่คนรุมล้อมอย่างพี่โซ่ยิ่งไม่มีทาง แล้วอีกอย่าง ถ้าพี่โซ่รักผมจริงคงไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น...เรื่องที่ทำให้ผมแทบตายทั้งเป็นเมื่อ 7 ปีก่อน!


“หึ!” ผมเหยียดยิ้มออกมา ก่อนที่จะรีบเปลี่ยนเป็นอมยิ้มอย่างเขินอายเพราะกลัวพี่โซ่จะสงสัย ส่วนเรื่องที่ผมดีใจ นั่นมันก็เพราะว่าแผนที่ผมวางเอาไว้มันใกล้จะสำเร็จ


แผนเอาคืนสุดเจ็บแสบ ที่พี่โซ่ต้องจำฝังใจอย่างไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!


“ถ้าพี่กล้าขอผมเป็นแฟนต่อหน้าทุกคนในวันเลี้ยงส่งน้องฝึกงาน ผมก็อาจจะพิจารณาคบกับพี่เป็นแฟนก็ได้ครับ”


2BC


 o14 สวัสดีค่าทุกคน Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 ก็จบลงไปแล้ว ครึ่งแรกก็จะเป็นกิจกรรมอันร้อนแรง  :z1: ส่วนครึ่งหลัง...จะว่ามีโมเมนท์น่ารักๆน่ะก็ใช่ แต่ตอนท้ายๆนี่มันก็ยังไงๆอยู่ จะมีใครรู้หรือเดาถูกมั้ยนะว่าน้องวาคิดจะทำอะไร?  :confuse:
มีคนถามมานิดหน่อยว่าเห็นเรื่องนี้ใกล้เปิดพรีแล้ว แสดงว่าใกล้จะจบแล้วใช่มั้ย อืม...จะว่าใกล้ก็ใกล้ จะว่าอีกไกลก็ไกล (ผัวะ!  :fcuk:โดนตบข้อหากวนโอ๊ย) แหะๆ จริงๆ เค้าก็ไม่รู้จะตอบยังไงว่าใกล้จบรึยังเพราะมันค่อนข้างก้ำกึ่ง แต่ถ้าถามถึงจำนวนตอน เรื่องของน้องวาจะยาวกว่าเรื่องของพวกพี่ๆ เพราะมีทั้งหมด 15 ตอน + 1 บทส่งท้ายจ้า
ส่วนตอนหน้าเจอกันวันอาทิตย์ที่ 11 เดือน 11 นะคะ อ้อ วันนั้นเป็นวันเปิดพรีด้วยนะ มีโปร One Day ลดราคาพิเศษเฉพาะวันแรกด้วย ซึ่งก็จะเปิดจองทั้งเรื่องน้องวา Box แล้วก็เล่มพิเศษเลยค่า ฝากด้วยนะคะทุกคน  :m1:
(7 พ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-11-2018 20:47:10
การจะเค้นความจริงจากปากพี่โซ่ไม่ยากแล้วล่ะ
บดๆเดี๋ยวก็คายออกมา
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 07-11-2018 22:35:25
น้องวายังคิดจะแก้แค้นพี่โซ่อีกเหรอ ดูยังงัยน้องก็แพ้ทางอิพี่เค้าอยู่ดีอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-11-2018 03:20:39
รอฟังคำตอบอยู่นะเฮีย รีบ ๆ ตอบซิ  :m12:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 08-11-2018 03:24:09
จริงๆ อยากให้น้องคุยกับพี่โซ่ตรงๆ มากกว่า ว่าเมื่อ 7 ปีก่อนมันยังไงกันแน่ บางทีน้องอาจจะฟังพี่โซ่มันไม่หมดก็ได้ (เหมือนกับตอนยัยมิ้งอ่ะ) ยิ่งตอนนี้พี่โซ่ชัดเจนมากว่ารักน้อง ส่วนน้องก็ยังรักพี่โซ่อยู่ ยิ่งน้องจะเอาคืนมันก็เจ็บกันทั้งคู่อ่ะ  :sad4:
..
..
ว่าแต่อิชั้นไปเข้าข้างอิพี่โซ่มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนนนนน  o22 
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-11-2018 05:59:12
เอาคืนได้แล้วก็เจ็บเองอีกน้องวา
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-11-2018 09:18:49
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 08-11-2018 12:16:24
รอเวลานั้น
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 09-11-2018 00:48:20
 :ling1: วาจะทำจิงเหรอ อย่าทำนะ วาเป็นเมียพี่โซ่แล้วอย่าไปแค้นอีกเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 09-11-2018 05:58:36
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 10-11-2018 03:31:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 11 เป็นแฟนพี่นะครับ [7.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 10-11-2018 08:00:07
วา!! ไม่นะ  :z3: หาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 12-11-2018 20:13:33
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 12# Wayo ทวงสัญญา


“ถ้าพี่กล้าขอผมเป็นแฟนต่อหน้าทุกคนในวันเลี้ยงส่งน้องฝึกงาน ผมก็อาจจะพิจารณาคบกับพี่เป็นแฟนก็ได้ครับ”


“เรื่องแค่นั้นพี่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” พี่โซ่ตอบกลับมาทันทีอย่างไม่ลังเล คงกะจะแสดงความจริงใจให้ผมเห็นเต็มที่สินะ


ดี! แผนที่ผมวางเอาไว้มันจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด!


“ผมชักจะรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้วสิครับ” ผมยิ้มหวาน จากนั้นก็กินข้าวต่อไปโดยไม่แสดงพิรุธอะไร จนกระทั่งท้องอิ่มเรียบร้อย ผมที่มีพอจะมีแรงบ้างแล้วเลยออกไปโทรศัพท์หาพี่ภูที่ระเบียง ป่านนี้คงจะเป็นห่วงผมแย่แล้วล่ะมั้ง


ผมรอสายไม่นานก็มีคนรับสาย แต่คนที่รับกลับไม่ใช่พี่ภู เป็นพี่ตะวันหวานใจของพี่ภูต่างหาก


[“น้องวา! นั่นน้องวาใช่มั้ย!”]


“ครับ ผมเอง” เท่านั้นแหละพี่ตะวันก็ร่ายรัวๆ ทันทีว่าทุกคนโดยเฉพาะพี่ภูเป็นห่วงผมมากแค่ไหน ห่วงจนถึงขั้นจะมารับผมที่เชียงใหม่เลยอะคิดดู


“นี่พี่ตะวันล้อเล่นใช่มั้ยครับ” ผมชักเหงื่อตก ขอให้มันเป็นโจ๊กหรือมุกตลกที่พี่ตะวันอำผมเล่นด้วยเถอะ แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...


[“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ พี่พูดจริงๆ นี่คุณภูผาขึ้นไปเก็บของบนห้องอยู่ เพราะพรุ่งนี้จะบินไปรับวาตั้งแต่เช้า...อ๊ะ! คุณภูผาลงมาพอดี น้องวาโทรมาน่ะครับ”] แล้วเสียงก็เงียบไปสักแป๊บ พี่ตะวันคงจะเดินเอาโทรศัพท์ไปให้พี่ภู เท่านั้นแหละ...


[“เป็นไงบ้างวา! ร่างกายปกติใช่มั้ย! ไม่ได้บาดเจ็บหรือว่าโดนใครทำอะไรระหว่างที่กำลังหลับนะ!”] พี่ภูถามมารัวๆ ด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงผมมาก แต่ผมกลับรู้สึกน้ำท่วมปาก จะบอกความจริงกับพี่ภูก็ไม่ได้ซะด้วย


“เอ่อ...ปกติครับ แค่เหนื่อยนิดหน่อย แต่ผมไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน ตอนที่หลับไปก็ไม่มีใครทำอะไรผมด้วยครับ” ถึงจะรู้สึกกระดากปากหน่อยๆ แต่ที่พูดไปผมไม่ได้โกหกเลยนะ ก็พี่โซ่ไม่ได้ทำอะไรตอนผมหลับนี่นา เหอะๆ


[“งั้นก็ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้เป็นอะไร”] น้ำเสียงของพี่ภูค่อยโล่งใจคลายกังวลขึ้นมาหน่อย เพราะงั้นผมถึงได้เกลี้ยกล่อมให้พี่ภูไม่ต้องมารับถึงที่นี่ ซึ่งพี่ภูก็ลังเลนิดๆ บวกกับวันนี้ยังไงก็ไม่มีตั๋ว ต้องรอพรุ่งนี้เช้าอยู่ดีพี่ภูก็เลยยอม


“เดี๋ยวพรุ่งนี้จองไฟลท์ไหนได้ผมจะบอกอีกทีนะครับ บ๊ายบาย” แล้วหลังจากนั้นผมก็วางสายไป ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะถ้าพี่ภูมารับตอนนี้ผมต้องตายหยั่งเขียดแน่ๆ


“ทำไมไม่ให้พี่ชายมารับที่นี่เลยล่ะ”


“เฮ่ย! โหย...พี่โซ่! มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงผมตกใจหมด!” ไอ้พี่บ้านี่มายืนอยู่ที่ด้านหลังของผมตอนไหนก็ไม่รู้ แถมยังนิสัยไม่ดีแอบฟังที่ผมคุยกับพี่ภูอีก


“ขอโทษครับ พี่กลัววาจะยืนไม่ไหวเลยออกมาหา” พอได้ยินแบบนี้จากที่ตอนแรกตั้งใจจะวีน อืม...ช่างมันแล้วกัน


“ทีหลังก็ส่งเสียงบอกผมสักนิดนะครับ ส่วนเรื่องที่พี่ถาม...” ผมไม่พูดอะไรแต่ว่าเอียงคอแล้วชี้มือให้พี่เขาดู


“รอยจูบ? แล้วมันทำไมหรอครับ?”


“ยังจะมาถามอีก! ถ้าพี่ภูเห็นจะทำยังไงล่ะครับ! พี่เป็นคนทำก็หาวิธีลบให้ผมเลย! ทำทำไมตั้งเยอะตั้งแยะก็ไม่รู้...” ประโยคสุดท้ายผมพูดด้วยเสียงอ้อมแอ้ม ไม่รู้จะโกรธหรือจะเขินดีให้ตาย


“ความจริงไม่เห็นต้องลบเลยก็ได้ พี่อยากฝากตัวเป็นเขยบ้านวาจะตายอยู่แล้ว” พี่โซ่พูดยิ้มๆ


“เดี๋ยวพี่จะได้ตายจริงๆ น่ะสิครับ! ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่าพรุ่งนี้ห้ามพูดอะไรกับพี่ภูเด็ดขาด!” ผมสั่งเสียงเข้ม “แต่จะว่าไป ผมว่าพี่กับพี่ภูไม่ต้องเจอกันนั่นแหละดีที่สุด พรุ่งนี้พอเครื่องลงแล้วพี่รีบกลับคอนโดไปเลยเข้าใจมั้ยครับ!”


“อะไรครับวา ต้องให้พี่ทำขนาดนั้นเลยหรอ” พี่โซ่พูดขำๆ ผมจริงจังนะเว้ยเฮ้ย!


 “ตามนั้นแหละครับ เอาล่ะ เข้าห้องไปหาวิธีลบรอยจูบที่ตัวผมกันดีกว่า อ้อ แล้วก็จองเครื่องกลับพรุ่งนี้ด้วยนะครับ”


“คร้าบผม ตามบัญชาขอรับองค์ราชินี” ผมย่นจมูกใส่ทันที ราชินีบ้าบออะไรกันเล่า! แต่ก็เอาเถอะ ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง ตอนนี้ผมรู้สึกเพลียแล้วก็อ่อนแรงจะแย่


หลังจากนั้นเราสองคนก็กลับเข้าไปในห้อง ก่อนที่พี่โซ่จะเข้าแอพจองตั๋วเครื่องบินซึ่งก็ได้ไฟลท์ตอนสายๆ ผมจึงไลน์ไปบอกพี่ภูเพื่อแจ้งเวลา ซึ่งในระหว่างนั้นพี่โซ่ก็ค้นหาวิธีลบรอยจูบจากในเว็บ แล้วก็เจอเยอะแยะหลายวิธีเลยล่ะ


ผมเลือก 2 วิธีที่มันน่าจะได้ผล จากนั้นก็ให้พี่โซ่ลงไปซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่าง พอขึ้นมาก็เริ่มทดลองวิธีที่ว่า นั่นก็คือประคบร้อน-เย็นแล้วเอาช้อนขูดเบาๆ เพื่อไล่เลือดที่มันเป็นจ้ำให้กระจาย ตรงไหนที่ยังมีรอยจางๆ อยู่ก็ลงรองพื้นกลบทับ เท่านั้นก็เรียบร้อย


“สุดยอด รอยหายไปแล้วจริงๆ ด้วยพี่” ผมยืนมองตัวเองที่หน้ากระจก รอยที่ช่วงอกมันเยอะเกินไปจนลบไม่หมดน่ะใช่ แต่รอยที่คอตรงที่ไม่มีเสื้อปิดมันหายไปหมดจริงๆ อย่างนี้พี่ภูไม่มีวันรู้แน่นอน!


“พอเห็นรอยหายไปแบบนี้ พี่ก็ชักอยากจะทำรอยขึ้นมาอีกยังไงก็ไม่รู้” พี่โซ่พูดด้วยใบหน้าชั่วร้าย ผมเลยหันไปแยกเขี้ยวใส่แล้วก็ฟาดที่ไหล่เข้าให้ป๊าบนึง


“ทะลึ่งแล้วพี่!”


“เรื่องที่ทะลึ่งกว่านี้เราสองคนก็เคยทำมาแล้ว หรือว่าไม่จริง?” พี่โซ่อมยิ้ม สีหน้านี่เจ้าเล่ห์สุดๆ จนผมรู้สึกหมั่นไส้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไง ขนาดจะว่าหรือแก้ตัวก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะมันเป็นเรื่องจริง


“ผม...ผม...ผมง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ!” ไม่อาบน้งอาบน้ำมันละ ก็พึ่งอาบไปแค่ 2 – 3 ชั่วโมงเองนี่นา พรุ่งนี้เช้าค่อยอาบทีเดียวแล้วกัน


“อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องเสนอตัวขอเป็นหมอนข้างด้วยนะครับ เพราะผมไม่สนใจ”


“ว้า โดนดักคอซะได้ รู้ใจพี่จริงๆ นะครับ” ชิ! แทนที่จะทำหน้าเซ็งดันยิ้มระรื่นคิดเข้าข้างตัวเองซะงั้น แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ผมชักง่วงขึ้นมาจริงๆ แถมร่างกายยังไม่ค่อยมีแรงคงต้องนอนพักจริงๆ แล้วล่ะ


“ฝันดีนะครับเด็กดื้อของพี่” พี่โซ่จัดการห่มผ้าให้เมื่อผมล้มตัวนอนบนลงเตียง เท่านั้นไม่พอ ยังมีการก้มหน้าลงมาจุ๊บเหม่งของผมอีกต่างหาก นี่ถ้าไม่ติดว่าง่วงมากผมคงจะโวยวายไปแล้วนะ กล้าดียังไงมาฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งผม แถมยังขี้ตู่ว่าผมเป็นของตัวเองอีกต่างหาก


ได้กันแค่คืนเดียวแถมเพราะฤทธิ์ยาเขาไม่นับกันหรอกพี่!


แต่ถามว่าเรื่องที่คิดผมกล้าพูดออกไปมั้ย คำตอบก็คือไม่ เพราะผมเชื่อว่าคนอย่างพี่โซ่ต้องหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองได้แน่ๆ แล้วในเมื่อรู้แบบนี้ผมจะเปลืองน้ำลายพูดให้เหนื่อยทำไม นอนเอาแรงเพื่อฟื้นพลังที่เสียไปดีกว่า


ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่พี่โซ่ปลุกผมตอนเช้า ได้นอนเต็มอิ่ม 10 ชั่วโมงขนาดนี้เรี่ยวแรงของผมก็กลับมาแทบจะเต็มร้อย ส่วนรอยจูบก็จางลงไปอีกหน่อย ลงรองพื้นกลบทับรอยก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง


หลังจากที่อาบน้ำ เก็บของ และตรวจเช็คความเรียบร้อยของห้องผมกับพี่โซ่ก็ลงไปกินข้าวข้างล่าง จากนั้นก็นั่งรถของโรงแรมให้ไปส่งที่สนามบิน หลังจากที่เช็คอินพวกเราสองคนก็นั่งรอสักพัก จนกระทั่งพนักงานเรียกเราสองคนจึงได้เดินขึ้นเครื่อง


ชั่วโมงนิดๆ เราสองคนก็เดินทางมาถึงจุดหมาย ซึ่งพอมาถึงปุ๊บผมก็รีบจัดการไล่พี่โซ่ให้กลับไปปั๊บ เพราะหากเจอกับพี่ภูพี่โซ่อาจจะหลุดพูดอะไรก็ได้ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นหรอกนะ ถ้าพี่ภูรู้ว่าพี่โซ่กับผมมีอะไรกันมันต้องไม่จบที่ต่างคนต่างแยกย้ายแน่ๆ


แต่ไอ้เรื่องนั้นยังไม่นรกเท่ากับเรื่องเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนนี้พี่ภูรวมทั้งพวกพี่คนอื่นๆ ยังไม่รู้ว่าพี่โซ่คือรุ่นพี่ที่ผมเคยแอบชอบ ซึ่งถ้าหากว่ารู้...................ตาย! พี่โซ่ได้ตายคาตีนพวกพี่ๆ ผมแน่ๆ!


อ้อ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ได้เป็นห่วงพี่โซ่ คนเลวๆ แบบนั้นจะเป็นจะตายผมไม่สนใจหรอก แต่ก่อนที่จะตายผมต้องได้แก้แค้นก่อน เพราะงั้นนี่เลยเป็นเหตุผลที่ผมจะให้พี่โซ่เจอกับพี่ภูตอนนี้ไม่ได้


“จะให้พี่กลับตอนนี้จริงๆ น่ะหรอ แต่ว่าพี่อยากเจอพี่ชายของวาก่อนนะ” พี่โซ่พูดกับผมในระหว่างที่ถูกผมกระชากลากถูให้ไปขึ้นแท็กซี่


“รีบกลับไปเลยครับผมไม่ให้เจอ! เอ้ารีบๆ ขึ้นไปสิครับ! จะให้คนขับรอไปถึงเมื่อไหร่!” เมื่อไม่มีทางเลือก เพราะมาขึ้นแท็กซี่ที่เข้ามารับในสนามบินโดยตรง พี่โซ่เลยต้องยอมเดินขึ้นรถไปอย่างช่วยไม่ได้


“แล้วเจอกันวันเลี้ยงส่งน้องฝึกงานนะครับ” พี่โซ่โบกมือลาผม ส่วนผมก็โบกตอบพอเป็นพิธี จากนั้นเมื่อรถแท็กซี่ขับออกไปแล้วผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา


เฮ้อออออ กว่าจะเคลียร์ปัญหาจบนี่โคตรจะเหนื่อยเลย


หลังจากนั้นไม่นานพี่ภูก็มาถึง ผมบอกเวลาที่มาถึงช้าไปพักหนึ่ง เพราะงั้นตอนที่พี่ภูมาถึงพี่โซ่เลยขึ้นแท็กซี่กลับไปนานแล้ว ซึ่งพอเจอหน้าพี่ภูปุ๊บผมก็ยิ้มร่าเริงแล้วเข้าไปออดอ้อนปั๊บ พอทำแบบนี้พี่ภูที่ทำหน้าเป็นกังวลเพราะกลัวว่าผมจะกลับมาไม่ครบ 32 ก็ค่อยเบาใจขึ้นมาได้


“เห็นมั้ยล่ะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นะ แล้วตอนนี้ผมก็แข็งแรงมากๆ เลยด้วย” เนี่ย ยกกระเป๋าลากใบใหญ่โชว์พี่ภูซะเลย


“โอเคๆ พี่เชื่อแล้วก็ได้ ไปเรา กลับบ้านกันเถอะ” แล้วพี่ภูก็ดึงกระเป๋าลากในมือของผมไปถือ จากนั้นก็เดินนำผมไปขึ้นรถ ไม่ถึงชั่วโมงเราสองคนก็เดินทางกลับมาถึงบ้าน ซึ่งที่นั่นผมก็เจอพี่ธาร พี่พฤกษ์ พี่เพลิง รวมทั้งพี่ตะวัน พี่หมอก พี่ซ่า พี่พาย อยู่กันพร้อมหน้าทุกคนเลย!


“ทะ...ทำไมพวกพี่ถึงอยู่ที่นี่กันทุกคนเลยล่ะครับ ไม่ต้องไปทำงานทำการกันหรอ” งงไปเลยสิผม นี่มันวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุดสักหน่อย อย่าบอกนะว่าโดนไล่ออกพร้อมกันทั้งบ้าน?


“ถ้าแกคิดว่าพวกพี่โดนไล่ออกล่ะก็หยุดเลยนะ พวกพี่พากันลาบ่ายเพื่อมาอยู่กับแกเลยนะเว่ย” คำพูดแบบนี้จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่พี่เพลิง แต่ถึงจะไม่ค่อยรื่นหู ผมกลับรู้สึกดีใจจนกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไหว


“นี่พวกพี่ทุกคนลางานเพื่อมาอยู่กับผมจริงๆ ใช่มั้ย ไม่ได้แวะกลับมาบ้านแค่ตอนเที่ยงจริงๆ นะครับ”


“ก็จริงน่ะสิ นี่พี่ซื้อขนมของโปรดวามารับขวัญเยอะแยะเลยนะ” คำพูดของพี่พฤกษ์ทำให้ผมถึงกับตาลุกวาว


“พวกพี่เป็นห่วงเรานะ มานี่มา มาให้พี่กอดที” คราวนี้พี่ธารเป็นคนพูดขึ้นบ้าง จากนั้นก็กางแขนทั้งสองข้างออกกว้าง ผมเลยรีบโผเข้าหาอย่างไม่มีลังเลทันที “ขวัญเอ๊ยขวัญมาน้องพี่ ดีแล้วนะที่กลับมาอย่างปลอดภัย”


อ้อมกอดของพี่ธารนั้นอบอุ่นมาก ผมคิดมาตลอดเลยล่ะว่าถ้าหากได้กอดแม่ก็คงจะรู้สึกแบบนี้ ส่วนพี่ภูที่เดินตรงเข้ามาลูบศีรษะของผมก็ให้อารมณ์เหมือนพ่อ พี่พฤกษ์ที่มองผมอย่างเอ็นดูพร้อมกับยิ้มบางๆ ก็เป็นพี่ชายที่แสนดี สำหรับพี่เพลิง...


“หิวโว้ยหิว! เลิกทำซึ้งกันสักที! ไปกินข้าวกันได้แล้วเฟ้ย!” ให้อารมณ์เหมือนเพื่อนชัดๆ!


แล้วหลังจากนั้นตลอดช่วงบ่ายพวกผมก็พากันกินข้าว กินขนม และคุยเล่นกันจนกระทั่งถึงค่ำ ปกติพวกเราจะใช้เวลาแบบนี้ร่วมกันทุกๆ วันอาทิตย์ แต่วันนี้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งก็เป็นวันพิเศษที่ผมรู้สึกมีความสุขมากๆ ตลอดชีวิตผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขาดความอบอุ่นหรือว่าความรักเลยนะ ก็พวกพี่ๆ พากันให้ผมมาจนท่วมท้นกันทุกคนเลยนี่นา


กว่าจะได้ขึ้นห้องมาเก็บของและอาบน้ำเวลาก็ล่วงเลยไปถึง 3 ทุ่มกว่าๆ พอทำอะไรเสร็จก็ปาไป 4 ทุ่มครึ่ง ตอนนั้นแหละที่ผมพึ่งจะได้จับโทรศัพท์ ซึ่งก็มีแจ้งเตือนทั้งไลน์ แมสเซนเจอร์ แล้วก็มิสคอล


ผมจัดการตอบแมสเซนเจอร์ที่เพื่อนส่งมาหาก่อน จากนั้นก็ตอบไลน์ของพี่โซ่ ข้อความที่ส่งมาก็ไม่มีอะไรมาก แค่ถามว่าเป็นยังไงบ้าง ถึงบ้านรึยัง ทำอะไรอยู่ก็แค่นั้น ผมใช้เวลาตอบไม่นานก็ตัดบทไปว่าเหนื่อย จะเข้านอนแล้ว แต่อันที่จริงผมตั้งใจจะโทรกลับหาใครอีกคนที่ผมไม่ได้รับสายมากกว่า...พี่ธาม


ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมกับพี่เขาค่อยๆ ห่างกัน ถึงจะคุยไลน์กันทุกวันแต่ก็สั้นๆ แค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น ส่วนเรื่องโทรคุยกันตลอด 4 – 5 วันนี้ไม่มีเลยสักครั้ง เพราะงั้นการที่วันนี้พี่เขาโทรมาหาผมเลยคิดว่าน่าจะมีธุระอะไรสักอย่าง หรือไม่บางทีพี่เขาอาจจะถามผมว่ากลับจากเชียงใหม่รึยังก็ได้ล่ะมั้ง


หลังจากที่ผมกดโทรหาไม่นานพี่ธามก็กดรับสาย


[“ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับวา”] ถึงแม้จะไม่ได้คุยกันหลายวัน แต่น้ำเสียงของพี่ธามก็ยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนกับผมเหมือนเดิม


“ขอโทษนะครับที่ก่อนหน้านี้ผมยุ่งมากจนไม่ได้โทรหาพี่เลย” การที่จะไปเชียงใหม่มันต้องเตรียมตัวหลายอย่าง ผมเลยต้องทุ่มเทกับงานจนแทบไม่มีเวลาให้พี่ธาม


[“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ ว่าแต่วากลับจากเชียงใหม่แล้วใช่มั้ยครับ”]


“ครับ ความจริงต้องกลับมาเมื่อวาน แต่มีปัญหานิดหน่อยผมเลยพึ่งกลับมาวันนี้ นี่ผอ.ก็อนุญาตให้ผมพักอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องเข้าออฟฟิศจนกว่าจะถึงวันเลี้ยงส่งน้องฝึกงานเลยล่ะครับ” ผมเลี่ยงที่จะไม่บอกว่าเพราะสาเหตุอะไร ถึงแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังแอบรู้สึกผิดอยู่ดี


[“เลี้ยงส่งน้องฝึกงาน? ถ้างั้นก็แสดงว่าใกล้จะจบแล้วสินะครับ”]


“ใช่ครับ อีกแค่ 2 วันผมก็ฝึกงานจบแล้ว”


[“เปล่าครับ พี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่พี่หมายถึงเรื่องของโซ่”]


!!!


[“หวังว่าวาคงจะจำได้นะครับ สัญญาที่ให้ไว้กับพี่...”]


2BC


 o14 สวัสดีค่าทุกคน จบไปแล้วสำหรับครึ่งแรก ระเบิดลูกเก่ายังไม่ทันได้บึ้มก็มีระเบิดลูกใหม่มาจ่อคิวรอบึ้มต่อซะแล้ว แผ่นดินยังไหวเพราะงั้นนักอ่านก็ต้องไหวกันนะค้าาาาา  o17
มาลุ้นกันต่อว่าครึ่งหลังจะเป็นยังไง พอน่ารักขึ้นมาก็ต้องทำใจอะเนอะที่มีหนุ่มๆมาติดพัน พี่ธามก็แสนดี (แต่จะดีจนสุดมั้ยน้า? หาเรื่องปั่นนักอ่านอีกแล้ววว 55555  :laugh:) ส่วนพี่โซ่ก็กร้าวใจ ถ้าชีวิตจริงเลือกได้อยากเลือกใครกันคะทุกคน  :give2:
แล้วเจอกันวันพฤหัสนะคะ กำพระมาให้แน่นๆด้วยล่ะ พูดเลยว่าห้ามพลาด เพราะ...#$^/%>*&(+*%#!<@#^&)-+$ ถ้าบอกก็ไม่ลุ้นสิเนอะ  :hao3: เอาเป็นว่ามาปูเสื่อรอกันได้เลยค่า!  :m1:
(12 พ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 12-11-2018 20:31:26
โอยยย พี่ธามมาทวงสัญญาแล้ว มาถึงขนาดนี้ยังไงมันก็ต้องพี่โซ่แหล่ะนะถึงพี่ธามจะแสนดีน่าเชียร์ก็เถอะ  :hao5:

ส่วนน้องวานี่วางแผนจะแก้แค้นพี่โซ่ยังไงกันนะ ให้พี่โซ่ขอเป็นแฟนแล้วน้องก็หักอกพี่มันต่อหน้าคนทั้งบ. งี้เหรอ แอบสงสารอิพี่โซ่หน่อยๆแฮะ :sad4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 12-11-2018 21:04:03
อ่านถึงตอนนี้ ก็แอบกังวล หวังว่าพี่ธามจะไม่ดีแตกนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-11-2018 22:15:36
พี่ธามทวงสัญญาแล้ว วาจะทำยังไงต่อ ต้องไปให้สุดแล้วหยุดที่เจ็บ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-11-2018 03:17:22
ทำไงล่ะวา โดนทวงสัญญาแล้วอ่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-11-2018 09:44:32
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 13-11-2018 14:33:19
แอบกังวลใจว่าวาจะแก้แค้นพี่โซ่แล้วตัวเองต้องมาเจ็บซะเองน่ะสิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-11-2018 16:21:20
สัญญา มาละ ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-11-2018 21:22:23
สงสารธาม น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วล่ะนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 14-11-2018 12:59:56
 :katai1: ต้องไปซื้อยาบำรุงตับแล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 15-11-2018 08:58:56
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ทวงสัญญา [12.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 15-11-2018 13:10:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 18-11-2018 21:18:04
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 12# Wayo ล้างแค้น


“พะ...พี่ธาม...” จู่ๆ ผมก็เกิดอาการชาวาบไปทั่วร่าง ลมหายใจเริ่มจะติดขัด ส่วนริมฝีปากก็แข็งค้างจนขยับแทบไม่ได้


เนิ่นนานหลายวินาที หรืออาจจะเป็นนาทีก็ไม่รู้ ผมจึงสามารถพูดออกไปได้อีกครั้ง


“จะ...จำได้สิครับ สัญญาที่ผมบอกว่าจะคบกับพี่” ผมจำได้ดีว่าวันนั้นพูดกับพี่ธามว่ายังไง เพียงแต่ว่า...แต่ว่า...ช่วงนี้ผมยุ่งมากจนเผลอลืมไป...ก็เท่านั้นเอง...


[“พอได้ยินแบบนี้พี่ก็สบายใจ ช่วงนี้เราสองคนห่างๆ กันไป พี่ก็คิดว่าวาอาจจะลืมหรือคิดจะผิดสัญญากับพี่ก็ได้”] ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าเหมือนพี่ธามตั้งใจพูดเพื่อหยั่งเชิงดูท่าทีผม


“ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ลืม แล้วก็ไม่ได้คิดจะผิดสัญญากับพี่จริงๆ” ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ในเมื่อผมเคยรับปากพี่ธามเอาไว้ผมก็ต้องทำตามที่พูดให้ได้ ตอนนี้ผมไม่ได้คบใคร ส่วนพี่ธามก็รักผมมาตลอด 3 ปี คนดีๆ แบบนี้ผมจะหาได้อีกจากที่ไหน แล้วผมจะยังลังเลอะไรอีก?


[“ขอบคุณนะครับวา”]


“ผมต่างหากล่ะครับที่ต้องขอบคุณพี่ที่รอผมมาตลอด แต่ว่าตอนนี้ผมชักง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ส่วนพี่ก็รีบนอนซะนะ ราตรีสวัสดิ์ครับ” ผมที่ไม่มีอะไรจะพูดกับพี่ธามแล้ว เลยรีบตัดบทแล้วกดวางสายไป


แต่แน่นอนว่าคืนนั้นผมนอนไม่หลับแทบตลอดทั้งคืน...


................................................

................................

................

ผมตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆ ของอีกวัน


วันนี้เป็นวันพุธก็จริงแต่ว่าผมไม่ต้องไปทำงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะว่างมากหรอกนะ ก็รูปเล่มรายงานการฝึกงานผมพึ่งแตะไปได้ไม่ถึงครึ่ง เพราะงั้นตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นผมเลยต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทำ ซึ่งก็รวมไปถึงตลอดทั้งวันของวันพฤหัสด้วย


และแล้วสองวันก็ผ่านไปไวอย่างกับโกหก ทั้งที่ผมเอาแต่ภาวนาว่าอย่าให้มาถึงวันนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้...วันที่ฝึกงานวันแรก ผมเอาแต่ภาวนาว่าขอให้วันสุดท้ายมาถึงโดยเร็วแท้ๆ แต่ทำไมกันนะ พอวันนี้มาถึงจริงๆ ผมถึงได้เกิดความลังเล


ผมไม่รู้ว่าตัวเองลังเลเรื่องที่ต้องเอาคืนพี่โซ่ หรือลังเลเรื่องที่จะต้องคบกับพี่ธาม...


“เฮ้ออออออ” ผมถอนหายใจออกมาในระหว่างที่กำลังนั่งรอพี่ธามมารับไปบริษัท พอเจอหน้ากันผมจะพูดอะไรแล้วก็ทำหน้าแบบไหนดีนะ ผมว่าผมคงต้องทำตัวให้เป็นปกติไม่ได้แน่เลย


“เหม่ออะไรอยู่น่ะวา ไม่ได้ยินหรอว่าธามมาถึงแล้ว” พี่ภูเดินมาหาผมตรงโซฟา ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าเหลอหลาแล้วรีบลุกขึ้นยืนทันที


“ขะ...ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย งั้นผมไปแล้วนะครับ” ผมยกมือไหว้พี่ภูแล้วรีบวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน แต่ก่อนจะเปิดประตูรถพี่ธาม มือของผมมันก็ดันชะงักไปเล็กน้อย


แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้อีกแล้วล่ะ!


“สวัสดีครับพี่ธาม” ผมเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พี่ธามที่แว้บแรกผมเห็นว่ากำลังทำหน้ากังวลนิดๆ เลยค่อยยิ้มบางๆ ออกมาได้


“สวัสดีครับวา พี่นึกว่าจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของวาแล้วซะอีก”


“อะไรกันครับพี่ธาม ทำไมถึงพูดแบบนั้นกันล่ะ”


“ไม่รู้สิครับ บางที...วาอาจจะลำบากใจเรื่องที่พี่ทวงสัญญาไปเมื่อวันก่อนก็ได้”


“โธ่...พี่ธามคิดมากไปแล้ว” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ผมก็รู้สึกอย่างที่พี่ธามคิดจริงๆ นั่นล่ะนะ “ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นนะครับ แต่ว่าก่อนที่ผมจะทำตามสัญญา ผมขอไปจัดการเรื่องบางเรื่องก่อนนะครับพี่ธาม”


“เรื่องที่ว่าใช่เรื่องของโซ่รึเปล่า” ผมเงียบไปแป๊บหนึ่งแล้วจึงพยักหน้าลง


“ครับ ผมจะจัดการให้มันจบลงวันนี้” ผมตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะไม่มีวันเปลี่ยนความตั้งใจของตัวเองโดยเด็ดขาด
ความแค้นเมื่อ 7 ปีที่แล้วมันต้องถูกชดใช้!


ผมจะต้องทำให้พี่โซ่รับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างที่ผมเคยเจอ!


ประมาณครึ่งชั่วโมงรถของพี่ธามก็มาจอดที่หน้าบริษัท วันนี้มีงานเลี้ยงผมเลยนัดให้พี่ธามมาเจอตอนค่ำๆ ก่อนจะลงจากรถผมเห็นว่าพี่ธามทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็เอาแต่ลังเลผมเลยทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินลงจากรถมาเลย


นี่ผมกลัวพี่ธามจะพูดอะไรกันนะ?


“อ้าว! นั่นน้องวาใช่มั้ย!” ซึ่งขณะที่กำลังจะคิดหาคำตอบ เสียงของพี่ฟลุคที่อยู่ไม่ไกลก็ดังขึ้นมา ก่อนที่พี่ฟลุคจะเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับอมยิ้มซะจนแก้มแทบแตก


“สวัสดีครับพี่ฟลุค ไปอารมณ์ดีอะไรมาครับเนี่ย หรือว่าทริปไปอเมริกาจะมีอะไรดีๆ เอ...หรือว่าคุณแม่ของพี่หาลูกสะใภ้ไว้ให้?” ผมลองแกล้งพูดแหย่ดู พี่ฟลุคเลยทำหน้าเซ็งๆ ออกมา


“ถ้ามันเป็นอย่างที่น้องวาพูดก็ดีน่ะสิ”


“อ้าว แล้วถ้างั้นพี่ฟลุคไปอารมณ์ดีอะไรมาล่ะครับ ผมเห็นพี่ทำหน้าเหมือนคนกำลังอินเลิฟ ก็เลยนึกว่าในที่สุดก็มีแฟนกับเขาสักที” จากที่ฟังคนนู้นคนนี้รวมถึงเจ้าตัวอย่างพี่ฟลุคพูดเอง ถ้าไม่นับความรักแบบเด็กๆ ตั้งแต่ม.ต้นที่คบกันแค่ 3 วัน พี่ฟลุคก็ยังไม่เคยมีแฟนอีกเลย (น่าสงสารเกินไปแล้ว)


“ฮ่าๆๆ เรื่องแฟนพี่ปลงแล้วล่ะ เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวแก้เหงาเอาก็ได้ ส่วนเรื่องที่วาทักถึงจะไม่ใช่มันก็ใกล้เคียงอยู่ล่ะนะ แต่คนที่จะมีแฟนน่ะไม่ใช่พี่หรอก” พูดถึงตรงนี้พี่ฟลุคก็ทำหน้ากรุ้มกริ่ม แถมยังมองมาที่ผมแปลกๆ อีกต่างหาก


“อะไรของพี่ครับเนี่ย ทำไมมองมาที่ผมแบบนั้น แล้วถ้าคนที่จะมีแฟนไม่ใช่พี่แล้วพี่จะยิ้มทำไม”


“ก็แหม...แบบว่าเพื่อนพี่...วุ้ย! คันปากแต่บอกไม่ได้เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์!” พี่ฟลุคทำท่าราวกับว่าจะลงแดงมันตรงนี้เสียให้ได้ แต่พอได้ฟังจากที่พี่แกพูดผมก็พอจะเดาออกแล้วล่ะ ที่งานเลี้ยงพี่โซ่คงจะทำเซอร์ไพรส์ขอผมเป็นแฟนจริงๆ สินะ


แปลบ...


อะไรกัน ทำไมพอลองคิดภาพตอนที่ได้หักอกพี่โซ่ต่อหน้าทุกคน หัวใจของผมมันถึงได้รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา ผมต้องรู้สึกสะใจ แล้วก็ยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขไม่ใช่หรอ?


“หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียวน้องวา เอาน่าไม่ต้องพยายามเดาหรอก เดี๋ยวก็รู้ตอนถึงงานเลี้ยงเองนั่นแหละ” พี่ฟลุคขยิบตาให้ผม ส่วนผมก็เออๆ ออๆ พยักหน้าไป แล้วเดินตามพี่ฟลุคเข้าไปในตึกสำนักงาน


พอขึ้นไปถึงแผนก พวกพี่ๆ แทบจะทุกคนต่างก็เข้ามารุมล้อมและถามไถ่ผมกันใหญ่ว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย ไม่เจอผมตั้งเกือบอาทิตย์คิดถึงมากอะไรประมาณนี้ ผมที่ถูกรุมล้อมก็ตอบคำถามนู่นนี่พักใหญ่เลยล่ะ กว่าจะหลุดออกจากวงมาได้ก็ตอนเกือบๆ 9 โมงที่ผอ.เรียกผมเข้าไปพบในห้อง


เรื่องที่เรียกไปพบก็ไม่มีอะไรมาก ผอ.แค่ต้องการขอโทษผมจากปากโดยตรงอีกครั้ง แล้วก็ยื่นใบสมัครงานที่มีตราประทับและลายเซ็นรับรองของผอ.กำกับที่ด้านล่าง หมายความว่าแค่ผมกรอกประวัติส่วนตัวและรายละเอียดต่างๆ หลังจากเรียนจบผมก็จะได้ทำงานเป็นพนักงานของที่นี่เลยสินะ


“ขอบคุณมากๆ เลยนะครับผอ. แต่ว่าผม...เอ่อ...” ตอนแรกผอ.แกก็ยิ้มอยู่หรอก แต่พอเห็นว่าผมอึกอักทำหน้าลำบากใจ ผอ.แกก็หน้าเสียลงไปนิดนึง


“หรือว่าวากลัวจะเกิดเหตุการณ์อย่างตอนที่ไปเชียงใหม่อีก ถ้าอย่างนั้นผมรับรองเลยนะว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด”


“เปล่าหรอกครับผอ. ผมไม่ได้กลัวเรื่องนั้นหรอกครับ แล้วผมก็ไม่คิดว่ามันเป็นความผิดของผอ.หรือว่าบริษัทด้วย”


 “ถ้าอย่างนั้นทำไมวาถึงได้ทำหน้าลังเลเหมือนไม่อยากทำงานที่นี่ล่ะ” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร แต่ความจริงต้องบอกว่าผมพูดออกไปไม่ได้มากกว่า ก็เพราะเรื่องที่ผมกำลังจะทำน่ะ มันคงทำให้ผมไม่มีหน้าทำงานอยู่ที่นี่ได้อีกหรอก


“เดี๋ยวตอนค่ำๆ ผอ.ก็จะรู้เหตุผลนั้นเองแหละครับ ยังไงผมก็ต้องขอบคุณจริงๆ นะครับที่ผอ.เมตตาเด็กฝึกงานอย่างผม” ผมยกมือไหว้ด้วยความซาบซึ้งจากใจจริง ผอ.ที่เห็นอย่างนั้นเลยพยักหน้าลงไม่รบเร้าอะไรอีก


เฮ้อออออ ก่อนหน้านี้ที่ผมพยายามแทบตายเพื่อให้ได้ทำงานที่นี่มันเพื่ออะไรกันนะ ดันเผลอลืมไปซะได้ว่าฝึกงานวันสุดท้ายผมตั้งใจจะหักหน้าพี่โซ่ คนเลวๆ แบบนั้นน่ะ ผมไม่เคยคิดว่าอยากทำงาน ด้วยจริงๆ สักหน่อย


ไม่เคย...จริงๆ นะ...


“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอกลับไปทำงานเลยนะครับผอ.” ผมยิ้มแล้วยกมือไหว้อีกครั้งก่อนที่จะเดินออกมา หวังว่าผอ.คงจะเข้าใจไม่คิดว่าผมเสียมารยาทหรอกนะ


“ไงเรา เห็นทำหน้าซึมๆ โดนผอ.ดุอะไรมางั้นหรอ” พี่โซ่พูดอย่างเป็นห่วงเมื่อผมเดินมาที่โต๊ะ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะและลูบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ


“เปล่าหรอกครับ ผมไม่ได้โดนดุสักหน่อย ผอ.ยื่นใบสมัครงานที่มีตราประทับกับลายเซ็นรับรองเข้าทำงานมาให้ผมต่างหากล่ะครับ”


“โอ้! ถ้าอย่างนั้นก็ข่าวดีเลยนี่ แล้ววาเขียนใบสมัครไปแล้วรึยัง”


“ยังครับ”


“หืม? ทำไมล่ะ? หรือว่าวาไม่อยากทำงานที่นี่?”


“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะครับ ทั้งฐานเงินเดือน ความมั่นคง แล้วก็สวัสดิการไม่มีที่ไหนดีกว่าที่นี่อีกแล้ว แต่ว่ามันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ผมคงไม่สามารถทำงานที่นี่ได้น่ะครับ”


“งั้นหรอ เอาเถอะ พี่จะไม่ถามแล้วกันว่าเหตุผลนั้นมันคืออะไร แต่พี่อยากให้วารู้เอาไว้นะครับว่าพี่ยอมรับการตัดสินใจของวาทุกอย่าง แล้วพี่ก็ไม่เคยคิดที่จะโกรธวาเลยสักนิด” พี่โซ่ยิ้มบางๆ พลางเอามือมาวางไว้บนศีรษะของผม วินาทีนั้นความอบอุ่นมันก็ถูกส่งผ่านมาจนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ดวงตาของผมไหวระริก ส่วนหัวใจมันก็สั่นสะท้าน


นี่ผมกำลังหวั่นไหวและลังเลที่จะแก้แค้นพี่โซ่ใช่มั้ย?


ไม่! ไม่!! ไม่!!! แกจะรู้สึกแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วนะวา! จำไม่ได้หรอว่า 7 ปีที่แล้วพี่โซ่ทำอะไรกับแกเอาไว้บ้าง! ธาตุแท้ของคนคนนั้นเลวแค่ไหนแล้วแกจะยังโง่ไปหวั่นไหวทำไมอีก!


“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับพี่โซ่ แต่ถึงพี่จะโกรธผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามพี่อยู่ดี อืม...นี่มันก็ 9 โมงกว่าแล้ว ผมว่าเราเริ่มทำงานกันเลยดีมั้ยครับ เพราะเดี๋ยวบ่ายๆ ก็ต้องไปช่วยกันจัดสถานที่ด้วย” พี่โซ่พยักหน้า จากนั้นพวกเรารวมทั้งทุกคนในแผนกก็รีบเร่งเคลียร์งานที่ต้องทำวันนี้ให้เสร็จภายในช่วงเช้า พอช่วงบ่ายก็ไปช่วยกันจัดสถานที่ที่จะเป็นงานเลี้ยงส่งน้องฝึกงาน


งานนี้ถูกจัดขึ้นที่ศูนย์อาหาร เป็นงานเลี้ยงภายในที่แม้จะใหญ่ไม่เท่างานเลี้ยงปีใหม่ แต่ก็มีพนักงานเกินครึ่งจากทุกแผนกเข้าร่วม เพราะนอกจากจะได้กินฟรีก็ยังมีกิจกรรมมากมาย แถมยังมีแจกของรางวัลให้อีกต่างหาก


หลังจากที่ช่วยกันจัดสถานที่จนเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึง 5 โมง แต่ละคนจึงพากันมานั่งที่โต๊ะซึ่งจะแยกตามแผนก แล้วไม่นานพิธีกรกิตติมศักดิ์ของงานที่ปีนี้รับหน้าที่โดยพี่ฟลุคก็ขึ้นเวทีไปทำหน้าที่


“กราบสวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆ ทุกท่านนะครับ ผมรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับเลือกให้เป็นพิธีกรในงานเลี้ยงส่งน้องฝึกงานวันนี้ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้พวกเราได้มารู้จักกันจนเกิดความผูกพัน ซึ่งนั่นมันก็คงจะทำให้ใครหลายๆ คนรู้สึกใจหาย ดังนั้นมาทำให้วันสุดท้ายที่พวกเราทุกคนในที่นี้จะได้อยู่ด้วยกัน เป็นวันที่มีแต่ความสุขและความประทับใจกันดีกว่า ใครที่เห็นด้วยกับผมบ้างขอเสียงปรบมือกันด้วยครับ!” แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างกึกก้อง เกือบทุกคนในห้องนี้พากันปรบมือเพราะเห็นด้วยกับพี่ฟลุค


ยกเว้นเพียงแค่ผมเท่านั้น...


ก็ผมจะกล้าปรบมือได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อสิ่งที่ผมกำลังจะทำมันห่างไกลจากคำว่าความสุขและความประทับใจอย่างลิบลับเลยนี่นา


แว้บหนึ่งในใจของผมมันแอบภาวนาว่าอย่าให้พี่โซ่ทำเซอร์ไพรส์ขอผมเป็นแฟนที่นี่เลย...


“เอาล่ะครับ ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมแรก ผมอยากให้ทุกท่านเขียนชื่อลงในใบที่มีคนกำลังเดินแจกให้ก่อนนะครับ เสร็จแล้วก็พับครึ่งแล้วใส่ลงในกล่องที่จะมีคนเดินรับหลังจากนี้ได้เลย” ใบที่ได้รับมาเป็นใบลงคะแนนเลือก ‘พี่เลี้ยงแห่งปี’ กับ ‘น้องฝึกงานดีเด่น’ ซึ่งพี่ฟลุคก็แจ้งว่าผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะมีของขวัญสุดพิเศษและเงินรางวัลมอบให้ด้วย


“มาลุ้นกันว่าน้องโซ่จะได้รางวัล ‘พี่เลี้ยงแห่งปี’ ติดต่อกันอีกเป็นปีที่ 3 รึเปล่า” พอได้ยินพี่หญิงพูดแบบนี้ ผมก็อดที่จะหันไปมองพี่โซ่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความทึ่งไม่ได้


“พี่นี่ดูเป็นที่รักของทุกคนจังเลยนะครับ”


“แต่ก็ไม่รู้ว่าคนที่พี่รักเขาจะรักพี่ตอบเหมือนกันรึเปล่านี่สิ” พี่โซ่แอบส่งสายตาหวานให้ผม แต่ผมก็ทำเป็นไม่รับรู้ แล้วหยิบใบลงคะแนนตรงหน้ามาเขียนชื่อลงไปซะเลย


‘น้องฝึกงานดีเด่น’ ผมเลือกเพื่อนคนหนึ่งที่ฝึกงานอยู่แผนกอื่น ส่วน ‘พี่เลี้ยงแห่งปี’ หลังจากที่ตัดสินใจอยู่พักใหญ่ผมก็เขียนชื่อพี่โซ่ลงไป แต่บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ได้เลือกเพราะความพิศวาส แต่ผมเลือกเพราะความขยันและมีน้ำใจที่เห็นมาตลอดต่างหาก


หลังจากที่ทุกคนเขียนชื่อในใบและใส่ลงกล่องเรียบร้อย หน่วยนับคะแนนก็เอาไปนับกันที่ข้างเวที ส่วนพี่ฟลุคก็เริ่มกิจกรรมแรก ซึ่งเป็นการถามคำถามน้องฝึกงานเพื่อชิงรางวัลว่ารู้จักบริษัทนี้ดีแค่ไหน ใครที่ตอบคำถามแต่ละข้อถูกก็จะได้รับรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ติดมือไป และหากตอบถูกมากที่สุดก็จะได้รับรางวัลใหญ่เป็นทอง 1 สลึงไปด้วยเลย


แค่กิจกรรมแรกก็สร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี แถมพี่ฟลุคยังเอนเตอร์เทนเก่งด้วย บรรยากาศงานเลี้ยงวันนี้เลยเป็นไปอย่างสนุกสนาน อาหารที่เป็นแบบบุฟเฟต์ให้เดินไปตักเองก็อร่อยมาก เพราะงั้นจนกระทั่งมาถึงช่วงท้ายของงานเวลามันเลยผ่านไปไวอย่างกับโกหก


“เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงช่วงสุดท้ายของงานเลี้ยงกันแล้วนะครับ เอาล่ะ ได้เวลาประกาศชื่อผู้ที่ได้รางวัล ‘พี่เลี้ยงแห่งปี’ กับ ‘น้องฝึกงานดีเด่น’ กันสักที ตอนนี้ชื่อของทั้งสองคนอยู่ในมือของผมเป็นที่เรียบร้อย มาลุ้นไปพร้อมกันนะครับว่าจะตรงกับชื่อที่ทุกท่านเขียนกันรึเปล่า ผมขอประกาศรางวัล ‘น้องฝึกงานดีเด่น’ ก่อนนะครับ ซึ่งนั่นก็คือ...” พี่ฟลุคเว้นช่วงไปนิดหนึ่งเพื่อให้ทุกคนในงานได้ลุ้น จากนั้นจึงได้พูดชื่อเจ้าของรางวัล ‘น้องฝึกงานดีเด่น’ คนนั้นออกมา


“ยินดีกับน้องน้ำหวานจากฝ่ายบัญชีด้วยคร้าบบบบ” แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้น ก่อนที่น้ำหวาน (ที่หน้าตาและนิสัยหวานสมชื่อ) จะเดินขึ้นเวทีไปรับรางวัลพร้อมกับกล่าวความรู้สึก


 “มาถึงรางวัล ‘พี่เลี้ยงแห่งปี’ ที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว บอกเลยครับว่าคนนี้คะแนนเสียงท่วมท้นมาก ‘ฉายา ‘หนุ่มดอกไม้ของบริษัท’ ไม่ได้เกินความจริงแต่อย่างใด...ใช่แล้วครับ ‘พี่เลี้ยงแห่งปี’ ที่ครองตำแหน่งติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ก็คือไอ้โซ่นั่นเองคร้าบบบบ” พอพี่ฟลุคพูดจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างเกรียวกราว แถมพวกพี่สาวทั้งหลาย (โดยเฉพาะที่โต๊ะผม) ยังพากันส่งเสียงกรี๊ดออกมาอีกด้วย


ฮอตปรอทแตกจริงจริ้งพ่อคู๊ณณณณณ


“ขอบคุณทุกๆ คนเลยนะครับที่โหวตให้ผมได้รางวัลนี้เป็นปีที่ 3 ผมสัญญาเลยครับว่าจะตั้งใจทำงานและจะช่วยเหลือทุกคนเป็นการตอบแทน แล้วก็...ผมขอมอบรางวัลนี้กลับคืนให้กับทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วยนะครับ” คำพูดสุดประทับใจของพี่โซ่ทำให้เสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง


การที่ทุกคนที่อยู่ที่นี่รักและชื่นชมพี่โซ่มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่านิสัยของพี่เขาเป็นยังไง ถ้าหากไม่อคติไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่น่าเสียดายที่ผมกลับมองไม่เห็น ไม่สิ...ต้องบอกว่าทำเป็นมองไม่เห็นสิถึงจะถูก


“เป็นคำพูดที่น่าประทับใจมาก นอกจากหน้าตาจะหล่อแล้ว จิตใจยังหล่อไม่แพ้กันเลยนะครับเพื่อนผมคนนี้ เอาล่ะครับ ในที่สุดก็มาถึงรางวัลสุดท้าย ซึ่งจะเป็นรางวัลสุดพิเศษเฉพาะปีนี้ ชื่อรางวัลยังไม่ได้คิดเพราะมันกะทันหัน แต่ของรางวัลได้คิดและจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อย ซึ่งนั่นก็คือ...” พี่ฟลุคเว้นช่วงไปเพื่อให้ทุกคนในงานได้ลุ้นกันอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบริบบิ้นสีแดงขนาดใหญ่มาผูกไว้ที่คอของพี่โซ่ ทำเอาทุกคนถึงกับงงจนคิ้วขมวดเป็นปม ผิดกับผมที่พอจะเดาอะไรได้เลยหัวใจเต้นแรงขึ้นมาเรื่อยๆ


ไม่นะ! ขอให้มันไม่ใช่อย่างที่คิด!


ดี! แผนที่วางเอาไว้มันใกล้จะสำเร็จแล้ว!


ตอนนี้เสียงในหัวข้างซ้ายกับขวามันกำลังตีกันจนผมรู้สึกสับสนไปหมด ผมไม่รู้แล้วว่าอย่างไหนคือสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าผมเกิดความรู้สึกที่ขัดแย้งกันแบบนี้ได้ยังไง ซึ่งในขณะนั้นเอง พี่ฟลุคก็เฉลยของรางวัลสุดพิเศษที่เป็นไปตามคาดอย่างที่ผมคิด


 “ใช่แล้วครับ! ของรางวัลสุดพิเศษจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากทั้งตัวและหัวใจหนุ่มดอกไม้ของบริษัทอย่างไอ้โซ่นั่นเอง!” เท่านั้นแหละเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอย่างท่วมท้น ไม่ใช่เฉพาะสาวโสด แต่สาวที่แต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตนยังหลงกรี๊ดจนผมนึกว่าลืมหน้าสามีไปแล้ว


“ถึงตอนนี้ทุกท่านคงจะอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยครับว่าผู้ที่โชคดีสุดๆ คนนั้นคือใคร เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมจะเฉลยให้ฟังเดี๋ยวนี้แหละครับ คนคนนั้นก็คือ...น้องวาจากแผนกการตลาดนั่นเอง!”


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด


เท่านั้นแหละเสียงกรี๊ดจากพวกพี่สาวที่ดังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ก็ดังขึ้น และนอกจากเสียงกรี๊ดก็ยังมีเสียงฮือฮาเกิดขึ้นด้วยอีกต่างหาก ประมาณว่านี่เป็นเรื่องโจ๊กหรือการอำกันเล่นแบบขำๆ รึเปล่า แต่พอพี่โซ่เดินลงจากเวทีแล้วถือช่อดอกไม้เดินตรงมาหาผม ทุกคนก็คงจะรู้กันแล้วล่ะว่านี่มันคือเรื่องจริง


พี่โซ่เดินตรงมาทางนี้ด้วยความมั่นคง ไม่แสดงอาการประหม่าหรือว่าหวาดหวั่นต่อสายตาของคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย จริงอยู่ที่สมัยนี้การที่คนเพศเดียวกันรักกันมันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าทุกคนจะยอมรับได้ แล้วทำไมพี่โซ่ถึงได้มั่นใจไม่มีทีท่าว่าจะกลัวสายตาของใครที่มองมาเลยสักนิด


นี่พี่รักผมขนาดนี้เลยหรอ?


“พี่โซ่...” ผมลุกขึ้นแล้วมองไปยังพี่โซ่ที่เดินมาหยุดตรงหน้าด้วยแววตาไหวระริก ตอนนี้ผมมีคำถามและคำพูดที่อยากจะพูดออกไปมากมาย แต่ผมกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจึงได้แต่มองไปที่ดวงตาพี่โซ่เท่านั้น


อย่าขอผมเป็นแฟนตรงนี้นะพี่! ขอร้องล่ะ! อย่าขอเด็ดขาดเชียวนะ!


แต่คำขอที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจผมมันกลับไม่เป็นจริง...


“พี่รักวานะครับ เป็นแฟนกับพี่ได้มั้ย” สายตาของพี่โซ่แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารักผมมากแค่ไหน คำว่ารักที่ถึงแม้จะเคยได้ยินมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่ามันก็ยังทำให้หัวใจของผมมันพองโตและเต้นแรงได้อีกอยู่ดี


ผมที่ยังลังเลและสับสนกับคำตอบจึงเอาแต่จ้องมองไปที่ดวงตาของพี่โซ่ คนที่อยู่รอบข้างจึงเริ่มส่งเสียงเชียร์ แน่นอนว่าต้นเสียงต้องเป็นพี่ฟลุค ตามด้วยพวกพี่ๆ ที่แผนกของผม ก่อนจะลามไปถึงโต๊ะข้างๆ แล้วก็กระจายไปทั่วทั้งงาน


พอเห็นทุกคนเตรียมยินดีให้กับผมและพี่โซ่แบบนี้ผมก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก...


“ว่ายังไงครับน้องวา จะยอมรับรักและเป็นแฟนเพื่อนพี่รึเปล่า พี่พูดเลยนะว่าถ้าน้องวาได้มันเป็นแฟน น้องวาจะต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก!” กองเชียร์อันดับหนึ่งอย่างพี่ฟลุคพูดขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้คนทั้งงานพากันอมยิ้ม ส่วนพี่โซ่ที่อยู่ตรงหน้าผมก็ทำหน้าเขินหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบ ยังคงยืนยิ้มโดยที่ไม่มีความกังวลเลยสักนิด


หึ! คงจะมั่นใจมากเลยสินะว่าผมจะตอบตกลง ท่าทางทั้งชีวิตคงจะไม่เคยพบกับความผิดหวังมาก่อน ถ้าอย่างนั้นผมก็จะเป็นคนสอนให้พี่รู้เอง


ผมจะทำให้ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มของพี่หายไป เหมือนกับที่พี่เคยทำกับผมเอาไว้เมื่อ 7 ปีก่อน!


“ขอบคุณนะครับพี่โซ่ ที่พี่มีความรู้สึกดีๆ ให้กับผม” ผมยิ้มหวาน แล้วยื่นมือไปรับช่อดอกไม้มาถือเอาไว้ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้พี่โซ่ทำหน้าดีใจแล้วยิ้มกว้างมากขึ้น นอกจากนี้เสียงกรี๊ดด้วยความอิจฉาจากพวกพี่สาวก็ยังดังขึ้นมาอีกหนึ่งระรอก


แต่ว่าเมื่อผมพูดคำว่า “แต่...” แล้ววางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะเท่านั้นแหละ เสียงหวีดและเสียงเชียร์จากทุกคนในห้องก็เงียบกริบราวกับอยู่ท่ามกลางป่าช้า ผมเหยียดยิ้มที่มุมปากออกมา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาทว่าคงจะบาดลึกไปถึงจิตใจของพี่โซ่


“ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ชอบพี่ เพราะงั้นผมคงเป็นแฟนกับพี่ไม่ได้” ความจริงผมก็อยากจะพูดอะไรที่มันเจ็บๆ กว่านี้ แล้วก็อยากจะปาช่อดอกไม้ทิ้งลงพื้นด้วยซ้ำ แต่มันก็ติดที่ไอ้ในใจลึกๆ มันสั่งไม่ให้ผมทำ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม


แต่ก็เอาเถอะ แค่โดนผมหักอกต่อหน้าคนแทบจะทั้งบริษัทแบบนี้ พี่โซ่ก็คงจะเสียหน้ามากจนแทบไม่กล้าสู้หน้าใครแล้ว ในที่สุดผมก็ได้ล้างแค้นให้ความเจ็บปวดเมื่อ 7 ปีที่แล้วสักที


แต่ทั้งที่ผมรอคอยวันนี้มาโดยตลอด ทำไมพอมาถึงจริงๆ ผมถึงไม่มีความสุขสักนิดเลยล่ะ?


ผมต้องยิ้มกับหัวเราะด้วยความสะใจไม่ใช่รึไงที่แก้แค้นพี่โซ่ได้ แล้วทำไมผมถึงน้ำตาคลอทำท่าจะร้องไห้ออกมาแบบนี้ ผิดกับพี่โซ่ที่ยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม เป็นรอยยิ้มราวกับแสงอาทิตย์ที่สว่างไสวและออกมาจากใจ ไม่มีท่าทางผิดหวัง อับอาย หรือว่าเกลียดชังผมเลยสักนิด แล้วถ้าผมมองไม่ผิดพี่โซ่ก็ทำหน้าเหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันจะต้องจบแบบนี้


แต่ทั้งที่รู้ทำไมพี่โซ่ถึงยังจงใจเดินตามเกมจนมาติดกับดักของผม!


ทำไม! ทำไม!! ทำไม!!!


2BC


  :o11: สวัสดีค่าทุกคน Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ก็ได้จบลงไปแล้วน้า ตอนนี้ก็น่าจะเป็นตอนที่หน่วง บีบหัวใจ แล้วก็ลุ้นระทึกสุดๆตอนนึง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำให้ทุกคนเกลียดน้องวาไปเลยรึเปล่า  :katai1: แต่ถ้าใครเคยเจอเหตุการณ์อย่างที่น้องเคยเจอก็คงจะเข้าใจน้องล่ะนะ  :hao5:
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันค่ะว่าเรื่องราวมันจะดำเนินต่อไปแบบไหน แล้วทำไมพี่โซ่ถึงยังคงยิ้มได้แบบนั้น มาฟังคำอธิบายจากการบรรยายของพี่แกเลยก็แล้วกัน บางทีทุกคนอาจจะกระจ่างในหลายๆเรื่องที่กำลังสงสัยอยู่ก็ได้นะคะ พี่แกนี่ก็เก็บความลับและทำตัวให้น่าสงสัยหลายเรื่องจริงจริ้งงงงง  o3
แล้วเจอกันตอนหน้าน้า บ๊ายบายยยยย ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้าาาาาา  :กอด1:
(18 พ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-11-2018 21:39:01
อีรุงตุงนังขั้นสุดค่า
เจ็บกันทั่วๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-11-2018 21:41:44
เดาว่าพี่โซ่มันรู้ทันน้องแน่ๆ
พี่ธามจะมีส่วนรู้เห็นด้วยรึเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น P.44 [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 18-11-2018 22:44:51
จริงๆต้องแรงกว่านี้อีก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น P.44 [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-11-2018 23:20:01
หรือว่าโซ่จำวาได้  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น P.44 [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 18-11-2018 23:38:25
กรี๊ด ตอนหน้าจะได้รู้ัสักที ว่าพี่โซ่มันคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น P.44 [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 19-11-2018 12:25:09
 :m15: อยากร้องไห้ พี่โซ่รักน้องวามากอ่า สงสาร
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น P.44 [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 20-11-2018 06:08:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น P.44 [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-11-2018 09:22:36
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น P.44 [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2018 13:55:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น P.44 [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-11-2018 18:34:35
ไม่มีอะไรดีขึ้น ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 12 ล้างแค้น P.44 [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-11-2018 22:47:00
น้องอยากแก้แค้นพี่ก็ยอมให้ทำตามใจแล้วเป็นไง เจ็บดีมั๊ย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [18.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 25-11-2018 18:25:06
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 13# Zo ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน


ผมรู้อยู่แล้ว...


รู้ทั้งเรื่องที่น้องแค้นและตั้งใจจะเอาคืนผม


แต่ทั้งๆ ที่รู้ทำไมผมถึงยอมให้น้องทำ?


เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะผมรู้สึกผิดและอยากไถ่โทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นคนทำเลยก็ตาม...


ตอนนั้นผมโดนพวกเพื่อนในห้องมันปั่น ตัวตั้งตัวตีก็เป็นแก๊งเกรียนหลังห้องที่ชอบแกล้งคนนู้นคนนี้ไปทั่ว พอหนึ่งในแก๊งนั้นแอบเห็นน้องเอาจดหมายมาไว้ใต้โต๊ะของผมก็เลยแอบอ่าน จากนั้นก็นึกสนุกจึงนัดแนะแผนการที่จะไปแกล้งน้อง เพราะพากันคิดว่าน้องไม่เจียมตัว ไม่เหมาะสมกับผม แถมยังคิดไปเองว่าผมคิดเหมือนกันแล้วก็ต้องปฏิเสธน้องแน่


แต่ผมจะปฏิเสธได้ยังไงในเมื่อผมก็รักน้อง!


อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมไม่เคยมองใครด้วยรูปลักษณ์ภายนอก แต่ผมจะมองลึกไปถึงนิสัยที่อยู่ข้างใน เพราะงั้นผมจึงได้ตกหลุมรักเด็กตัวอ้วนกลมที่มักจะยิ้มอย่างสดใส และมองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย สายตาที่น้องมองผมมันเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์และจริงใจ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ๆ ต่างกับคนอื่นที่ผมมักจะไว้ตัวและเว้นระยะห่าง


ผมคิดว่าผมก็ปฏิบัติต่อน้องอย่างชัดเจนว่าเป็นคนพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครเอะใจหรือนึกสงสัยเลยสักคน ขนาดตัวน้องเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นผมเลยกลับมาคิดทบทวนว่าผมทำอะไรพลาดไปตรงไหน หรือบางทีน้องอาจจะไม่ได้รักผม แต่แค่ปลื้มผมในฐานะรุ่นพี่คนหนึ่งเท่านั้น?


ผมพยายามหาคำตอบอยู่พักใหญ่แต่ก็ยังไม่แน่ใจ จนกระทั่งวันสุดท้ายผมเลยคิดว่ายังไงก็ต้องบอกความรู้สึกให้น้องรู้ให้ได้ แต่ผมก็ช้าไปเพราะน้องดันบอกความรู้สึกมาก่อน ซึ่งขณะที่ผมกำลังจะตอบรับและบอกว่าเราสองคนใจตรงกัน พวกเพื่อนในห้องที่ไม่รู้ว่าแอบตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ดันโผล่มา


‘เหยดดดดด ไอ้น้องอ้วนนี่แม่งเป็นเกย์ว่ะมึง’


‘ไม่เจียมสังขารเอาซะเล้ย สิวเต็มหน้าขาก็เบียดยังจะใฝ่สูงชอบเดือนโรงเรียนว่ะ’


‘เออ แม่งโคตรใจกล้าหน้าด้าน ตัวอย่างกับช้างหน้าตาก็ทุเรศแม่งใครมันจะไปเอา’


แล้วก็อีกสารพัดคำดูถูกและเหยียดหยาม ตอนนั้นผมรู้สึกโกรธมากจนอยากซัดหน้าพวกมันเรียงตัว แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนที่มักจะเก็บอารมณ์ แล้วก็มีนิสัยชอบยิ้มอยู่เสมอไม่ว่าจะเวลาไหนเลยยังไม่ได้ทำอะไรพวกนั้น แต่ถ้าหากมันเกินขีดจำกัด สิ่งที่ผมเก็บเอาไว้มันก็จะระเบิดออกมาตู้มเดียว


‘พวกมึงยังเป็นคนกันอยู่มั้ย! ทำไมถึงได้หัวเราะทั้งที่น้องเขาวิ่งร้องไห้ไปแบบนั้น!’ แต่ถึงผมจะตวาดดังลั่น พวกเพื่อนในห้องส่วนใหญ่ก็ยังไม่คิดจะรู้สึกผิดหรือว่าสำนึกเลยสักนิด


‘พวกกูก็แค่แกล้งขำๆ มึงจะโกรธจริงจังทำไมวะโซ่’ สีหน้าท่าทางที่ไม่ยี่หระในขณะที่พูด ทำให้ผมรู้สึกโกรธมากจนต้องกำหมัดแน่น


‘ก็ถ้ามึงจะพูดอย่างนั้น เกิดกูแกล้งพวกมึงแบบขำๆ บ้าง พวกมึงก็คงจะไม่ว่าแล้วก็จะไม่โกรธใช่มั้ย’


‘อะไรของมึงวะโซ่ แค่แกล้งไอ้เด็กอ้วนคนเดียวมึงจะอะไรกับพวกกูนักหนา หรือว่ามึงชอบมันถึงได้โกรธแทนมันขนาดนี้’ ไอ้พวกนี้ แทนที่จะสำนึกและรู้สึกผิดแต่กลับเปลี่ยนเรื่องไปเป็นอย่างอื่น


‘ถ้าชอบแล้วพวกมึงจะทำไม’


‘ก็ไม่ทำไม แต่พวกกูไม่คิดว่ามึงจะตาต่ำขนาดนี้’


‘กูว่ามึงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ การที่คนเราจะต่ำหรือสูงมันไม่ได้วัดกันที่รูปร่างหน้าตา แต่มันวัดกันที่สันดานต่างหาก เพราะงั้นถ้ามึงบอกว่าน้องเขาต่ำ กูว่ามึงก็คงจะจมอยู่ใต้ดินที่น้องเขาเหยียบอยู่มากกว่า’ พูดจบผมก็เดินออกมา ก่อนจะเริ่มออกตัววิ่งตามหาน้องที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ส่วนไอ้พวกเพื่อนก็พากันเงียบไม่มีใครพูดอะไรหรือว่าตามมา อาจเป็นเพราะว่าพึ่งเคยเห็นผมในโหมดนี้ครั้งแรกก็เป็นได้


ผมวิ่งวนตามหาน้องอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่เจอ ผมเลยคิดว่าน้องคงจะต้องกลับบ้านไปแล้วแน่ๆ ก็เลยต้องตัดใจเพราะผมไม่รู้ว่าบ้านน้องอยู่ที่ไหน จะโทรหาก็ไม่ได้เพราะกฎของโรงเรียนห้ามไม่ให้พกโทรศัพท์และน้องก็ไม่มีด้วย ดังนั้นที่ผมทำได้ตอนนี้ก็มีแค่กลับมาตรงหลังตึกเก่าที่น้องนัดเจอเท่านั้น


ที่นั่นไม่มีพวกเพื่อนในห้องของผมอีกแล้ว มีเพียงแค่โซ่หลากสีและเศษแก้วที่แตกกระจายเต็มพื้นเท่านั้น ของขวัญที่น้องอุตส่าห์ตั้งใจทำให้ แต่ไอ้พวกเพื่อนก็เข้ามาชนจนทำให้มันหลุดมือผมไป


ถึงจะแก้ตัวยังไง แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวผมนี่แหละที่เป็นคนทำมันพังเอง...


‘พี่ขอโทษนะโย’


แล้วผมก็ก้มลงเก็บโซ่และเศษแก้วที่แตกกระจายใส่กล่องที่อยู่ในกระเป๋า ถึงจะลำบากเอาเรื่องเพราะมันมีทั้งดินและหญ้า แต่ผมก็พยายามเก็บมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่สายตาจะมองเห็น แม้ว่ามือของผมจะเต็มไปด้วยแผลที่ถูกแก้วบาดจนเลือดอาบก็ตาม


วันนั้นหลังจากกลับบ้านผมก็รีบเอาโซ่และเศษแก้วไปล้าง เพราะมันทั้งเปื้อนดินและเปื้อนเลือดจากมือของผม พอล้างจนสะอาดและเป่าจนแห้งเรียบร้อย ผมก็เอาเศษแก้วมาต่อกันใหม่โดยใช้ทั้งกาวและสก็อตเทปใส ผมใช้เวลาทำทั้งคืนเพราะว่ามือเจ็บและแก้วมันเป็นชิ้นเล็กมาก แต่แล้วในที่สุดตอนที่ฟ้าสว่างความพยายามของผมมันก็ประสบความสำเร็จ


จริงอยู่ว่าขวดโหลมันไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยมันก็ยังกลับมาเชื่อมติดกัน ซึ่งผมก็แอบหวังว่าผมกับน้องจะเป็นแบบนั้น เพราะงั้นผมถึงได้พยายามทำให้ของขวัญชิ้นนี้กลับไปอยู่ในสภาพใกล้เคียงแบบเดิมมากที่สุด


ด้วยความที่โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง แถมยังอดนอนมาทั้งคืนผมเลยเผลอวูบหลับไป ดังนั้นจากที่ตั้งใจจะรีบไปหาน้องตั้งแต่เช้ามันก็เลยผิดพลาด ผมดันนอนหลับยาวจนถึงตอนเที่ยง กว่าจะไปถึงโรงเรียนเวลาก็ปาไปบ่ายโมงกว่าๆ ซึ่งในตอนนั้นเพื่อนในห้องของน้องบอกว่าน้องได้กลับบ้านไปแล้ว


‘โยกลับบ้านแล้ว? ทำไมล่ะ?’


‘ก็มันอายที่ถูกล้อไงพี่ เรื่องที่เมื่อวานมันใจกล้าหน้าด้านไปสารภาพรักกับพี่เขารู้กันทั้งโรงเรียนแล้วนะ แม่งโคตรไม่เจียมบอดี้เลยอะ เนอะพวกมึง ฮ่าๆๆๆ’


แล้วเพื่อนในห้องของน้องก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน ทั้งยังเหยียดน้องอีกสารพัดจนผมที่ได้ฟังถึงกับหน้าชา ผมรู้สึกโมโหจนอยากจะอาละวาดใส่ไอ้เด็กพวกนี้มาก แต่การทำอย่างนั้นมันไม่มีประโยชน์ผมเลยต้องอดทนข่มใจเอาไว้


‘สนุกมากมั้ยครับน้องๆ ที่ได้หัวเราะบนคราบน้ำตาของเพื่อน? พี่เชื่อว่าทุกคนก็น่าจะเคยโดนมาสักครั้งในชีวิตเหมือนกัน ตอนนั้นมันไม่ได้รู้สึกสนุกสักนิดเลยใช่มั้ย เพราะงั้นจำความรู้สึกตอนนั้นเอาไว้แล้วอย่าไปล้อใครอีกนะครับ’


แม้ว่าจะโมโหแค่ไหนแต่ผมก็ไม่ได้ขึ้นเสียงใส่ แถมผมยังคงยิ้มให้เด็กพวกนั้นด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นไม่ใช่เป็นการสร้างภาพ แต่ผมคิดว่าการจะสอนใครสักคนถ้าหากไม่ใช้อารมณ์มันน่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะเด็กพวกนั้นรู้สึกผิดจนหน้าจ๋อยกันหมดเลย


‘ถ้าโยกลับมาก็อย่าลืมไปขอโทษโยกันด้วยนะ’ ผมพูดจบก็เดินออกมา แต่ผมจะไม่รอให้น้องกลับมาแล้วค่อยขอโทษหรอกนะ ผมจะเป็นฝ่ายไปหาเอง เพราะผมอยากรีบขอโทษน้อง ปลอบโยนน้อง แล้วก็บอกความรู้สึกของตัวเอง 


ด้วยเหตุนี้ผมเลยรีบไปที่ฝ่ายทะเบียนแล้วค้นหาที่อยู่ของน้อง การเป็นประธานนักเรียนมันทำให้ผมเข้านอกออกในห้องนี้ได้อย่างสบาย พอได้ที่อยู่ของน้องผมก็รีบจดเอาไว้ จากนั้นก็เอาหลักฐานต่างๆ ที่ผมเคยรวบรวมเอาไว้ตลอด 3 ปี ทั้งจากที่มีคนมาแจ้งและพบเห็นด้วยตัวเองไปส่งที่ฝ่ายปกครอง
ถามว่าหลักฐานพวกนั้นคืออะไร?


ก็เป็นวีรกรรมของพวกเพื่อนโดยเฉพาะแก๊งเกรียนหลังห้อง ซึ่งก็มีทั้งที่เคยโดดเรียนไปมั่วสุมบ้าง ต่อยตีกันภายในโรงเรียนบ้าง หรือดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ในหอพักบ้าง นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่บางคนเคยลอกข้อสอบ ปลอมลายเซ็นผู้ปกครอง หรือแกล้งครูอาจารย์ในโรงเรียนแต่ยังจับตัวคนทำไม่ได้อีกด้วย


เรื่องพวกนี้ผมมีหลักฐานครบทุกอย่าง แต่ที่ไม่เคยเอาไปส่งฝ่ายปกครองก็เพราะเห็นแก่เพื่อน ผมจึงกล่าวตักเตือนแล้วก็ทำทัณฑ์บนเอาไว้ แต่ในเมื่อพวกนั้นไม่มีสำนึกของความเป็นคน ผมก็ต้องสั่งสอนให้รู้จักสำนึกซะบ้าง แล้วผมก็เชื่อว่าฝ่ายปกครองจะต้องมีมาตรการลงโทษพวกนั้นอย่างสาสมแน่นอน


พอส่งหลักฐานทั้งหมดเรียบร้อยแล้วผมก็รีบขับรถไปบ้านน้อง หลังจากที่กดออดสักพักก็มีผู้ชายสองคนเดินออกมา ถ้าจำไม่ผิดน้องเคยบอกว่าที่บ้านมีกัน 5 พี่คน ทำงานแล้ว 2 คน ยังเรียนมหา’ลัยอีก 2 คน เพราะงั้นสองคนนี้น่าจะเป็นพี่คนโตกับพี่คนรองสินะ


‘มาหาใคร’ พี่คนโตถามผมอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ดูจากท่าทางน่าจะกำลังกลุ้มหรือร้อนใจเรื่องอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็มั่นใจว่าต้องเป็นเรื่องของน้องแน่


‘สวัสดีครับ ผมเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนของโย คือผม...’


‘แกเองหรอคือไอ้รุ่นพี่คนนั้น!’ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบ พี่คนโตของบ้านก็เข้ามากระชากคอเสื้อของผมขึ้นซะก่อน นี่ถ้าหากว่าพี่คนรองไม่เข้ามาห้ามและจับแยก ผมอาจจะถูกซัดจนหน้าแหกไปแล้วก็ได้


‘ใจเย็นๆ สิพี่ภู หัวร้อนอย่างกับวัยรุ่นไปได้ มันก็ไม่แน่ว่าน้องคนนี้จะเป็นรุ่นพี่คนนั้นสักหน่อย’


‘เป็นผมเองนี่แหละครับ’ และทันใดนั้นเอง แรงปะทะจากฝ่ามือพี่คนรองก็กระทบมาที่ใบหน้าของผมอย่างจัง


เพียะ!


ใบหน้าของผมหันไปตามแรงกระทบ ก่อนที่สักพักความแสบร้อนจะก่อตัวขึ้นมา แต่ว่าผมก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะว่าจะต้องโดนแบบนี้ ความจริงผมสมควรจะโดนหนักกว่านี้ด้วยซ้ำ


‘กลับไปซะ แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก บ้านนี้ไม่ต้อนรับคนอย่างนาย’


‘แต่ผมอยากจะขอโทษโย แล้วผมก็อยากจะอธิบายเรื่องทุกอย่างให้โยฟัง โยกำลังเข้าใจผมผิด ความจริงผมก็รักโยเหมือนกันนะครับ’


‘คิดว่าฉันจะเชื่อคำโกหกแบบนั้นรึไง! ถ้ารักโยจริงทำไมแกถึงปกป้องโยไม่ได้! ทำไมแกถึงปล่อยให้โยต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้!’ พี่คนโตตวาดใส่ผมดังลั่น ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมถึงกับยืนนิ่ง สิ่งที่ได้ยินมันทำให้ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก


ผมปกป้องน้องไม่ได้จริงๆ...


‘ผมขอโทษครับ’


‘เก็บคำขอโทษของแกกลับคืนไป! แล้วก็ไสหัวออกไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้ด้วย!’


‘แต่ว่าผมอยากจะขอโทษโยจริงๆ ให้โอกาสผมด้วยเถอะนะครับ’ ผมอ้อนวอนพร้อมกับคุกเข่าลง ทั้งสองคนที่เห็นอย่างนั้นก็ดูจะอึ้งๆ ไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมให้ผมเจอน้องอยู่ดี


‘โอกาสมันไม่ได้มีให้ทุกคนเสมอไปหรอกนะ อีกอย่างตอนนี้โยก็ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่พร้อมจะพบใคร ถ้าหากนายรู้สึกผิดและรักโยจริงก็กลับไปซะ แล้ววันหนึ่งถ้าหากฟ้ารับรู้ความรู้สึกของนาย ก็อาจจะทำให้นายได้เจอกับโยอีกครั้งเอง’ พี่คนรองพูดจบก็ดึงมือพี่คนโตเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ผมนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้นโดยไม่สนใจผมอีกเลย


วันหนึ่งถ้าหากฟ้ารับรู้ความรู้สึกของนาย ก็อาจจะทำให้นายได้เจอกับโยอีกครั้งเอง


พอคิดถึงคำพูดนั้นของพี่คนรอง มันก็ทำให้ผมลุกขึ้นแล้วยอมถอยกลับไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเลิกรักหรือยอมตัดใจจากน้อง ผมจะเก็บน้องไว้ในใจ จะไม่มองใคร แล้วก็จะไม่มีวันรักใครอีกเด็ดขาด ผมจะรอ...รอจนกว่าจะได้พบน้องอีกครั้ง แล้วเมื่อถึงตอนนั้นผมจะไม่มีวันยอมถอยหรือปล่อยมือจากน้องอีกเด็ดขาด


นี่เป็นการลงโทษตัวเองที่ปกป้องน้องไม่ได้...


และแล้ว 7 ปีผ่านไป ฟ้าที่เห็นใจก็ดลบันดาลให้ผมได้พบกับน้องอีกครั้ง...


2BC


 :m18: สวัสดีค่าทุกคน ในที่สุดพี่โซ่ได้มีบทบรรยายสักที ตอนนี้ก็จะเฉลยความจริงของเรื่องเมื่อ 7 ปีก่อน แล้วจะก็ตอบข้อสงสัยในหลายๆเรื่องที่ค้างคาเนอะ ทั้งเรื่องที่ตลอด 7 ปีพี่โซ่หายไปไหน รู้จักพี่ภูได้ยังไง แล้วทำไมถึงยอมให้น้องแก้แค้น แต่ก็นะ...พี่โซ่แกความลับเยอะ ยังเก็บเรื่องนู้นเรื่องนี้ไว้อีกเพียบ ยังไงไว้รอมาฟังเฉลยกันอีกที่ครึ่งหลังน้าทุกคน  o18
ว่าแต่...อ่านตอนนี้จบแล้วเป็นยังไงบ้างคะ ทีมที่เคยเกลียดพี่โซ่พอจะให้อภัยได้รึยัง หรือทีมที่รักพี่โซ่อยู่แล้วจะรักมากขึ้นกว่าเดิมมั้ย หวังว่าคงไม่มีใครเกลียดไปมากกว่าเดิมหรอกนะคะ เท่านี้พี่โซ่ก็น่าสงสารจะแย่อยู่แล้ว  :m15:
ส่วนครึ่งหลังเค้ายังไม่แน่ว่าจะมาต่อให้ได้วันไหนนะคะ คือช่วงนี้งานรุมเร้ามาก  :katai4: ส่วนดวงตาของเค้าก็ยังกลับมาไม่เต็มร้อย เรื่องเจ็บหรือเลือดออกน่ะไม่มีแล้ว แต่เหมือนจะมีอาการแพ้แสงเข้ามาแทน เพราะจ้องจอคอมแล้วตามันพร่าแล้วก็ปวดนิดๆน่ะค่ะ ดังนั้นเค้าอาจจะมาลงต่อช้าหน่อย แต่รับรองไม่หายไปไหนแน่นอน ถ้าคิดถึงก็เข้ามาทักทายกันได้นะคะทุกคน  :กอด1:
(25 พ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 25-11-2018 18:51:39
รอฟังความจริงที่เหลือจากพี่โซ่ และขอให้ ไรท์เตอร์หายไวไวนะครับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-11-2018 18:56:28
รุ้ความจริงนี่มงลงพี่โซ่เลยค่ะ

ปล.พักผ่อนเยอะๆหายไวๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-11-2018 19:27:39
ความพยายามของโซ่นี่น้อยไปนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-11-2018 19:40:42
แต่ละคน...
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-11-2018 20:08:14
เจอน้องแล้วอย่าปล่อยมือจากน้องนะ :กอด1: ขอให้หายเร็วๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-11-2018 22:33:52
คือโซ่รักวาตั้งแต่ตอนนั้นจริงหรอ รักแต่ไม่เห็นจะทำอะไร
คือมันควรจะคิดปกป้องวา ตั้งแต่เพื่อนออกมาล้อวามั้ย
แถมเกิดเรื่องแล้ว ก็ไม่คิดจะแก้ปัญหา รอให้มาเจอเนี่ยนะ
รักวาตลอดไปนี่นะ โทษทีเถอะ ลืมคิดไปรึเปล่า
ถ้าไม่เคลียร์ วาก็อาจจะทุกข์ใจ และจมกะความรู้สึกนี้ไปตลอด
ยิ่งรู้เรื่อง ยิ่งคิดว่า พี่โซ่สมควรแล้วที่โดนแค้น  :m16:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-11-2018 23:32:43
ถึงจะมาตามแก้ตอนหลัง แต่ก็เทียบไม่ได้กับความทุกข์ที่น้องเก็บมา 7 ปีได้หรอกนะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-11-2018 09:33:51
รอๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 26-11-2018 18:39:40
พี่โซ่เป็นคนดีมากอ่า สงสาร รักวาขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ความจริงเมื่อ 7 ปีก่อน [25.11.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-11-2018 16:17:05
รอวันการให้อภัย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 04-12-2018 00:09:10
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 13# Zo ที่ปรึกษาหัวใจ


ตอนที่เห็นชื่อน้องอยู่ในใบรายชื่อนศ.ฝึกงาน วินาทีนั้นหัวใจของผมที่ราวกับว่าได้หยุดเต้นตั้งแต่ 7 ปีที่แล้วก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ถ้านี่เป็นความฝันผมก็อยากจะหลับอยู่แบบนี้ไม่ขอตื่นขึ้นมาอีกเลย


ผมนับถอยหลังรอวันที่จะได้เจอน้อง ในระหว่างนั้นก็แวะไปแอบดูน้องที่บ้านที่ผมทำมาตลอด 7 ปี ผมซื้อคอนโดอยู่ใกล้ๆ บ้านน้องก็เพราะเหตุนี้ ถึงแม้นานๆ ทีจะได้เจอเพราะเวลาไม่ค่อยตรงกัน จะจอดรถแถวนั้นนานๆ ก็ไม่ได้เดี๋ยวมีคนสงสัย แต่เคยได้ยินกันใช่มั้ยล่ะว่าถึงไม่เห็นหน้าขอแค่ได้เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี ประโยคนี้ผมรู้ซึ้งเลยจริงๆ


มีหลายครั้งเหมือนกันที่ผมอยากจะเข้าไปหาน้อง อยากจะเข้าไปกอด อยากจะเข้าไปขอโทษ แต่ผมก็ทำไม่ได้ ไม่สิ...ต้องบอกว่าผมไม่มีหน้าเข้าไปหาน้องมากกว่า ก็ตอนนี้น้องดูท่าทางมีความสุขมาก แถมน้องยังเปลี่ยนแปลงตัวเองจนดูดีซะขนาดนั้น ถึงแม้ผมจะชอบแบบที่มีเนื้อมีหนังมากกว่าก็เถอะ แต่ถ้าเข้าไปทักน้องตอนนี้ ผมก็กลัวน้องจะเข้าใจผมผิด อีกอย่างผมก็อยากให้น้องเป็นคนเจอผมด้วยตัวเองมากกว่า เพราะนั่นแสดงว่าฟ้ารับรู้ความรู้สึกของผม และยอมยกโทษในความผิดที่ผมไม่สามารถปกป้องน้องไว้ได้ให้แล้ว


7 ปีที่ยาวนานราวกับ 7 ทศวรรษ ในวันนั้น...วันที่ผมกำลังจะได้เจอน้องผมแทบนอนไม่หลับ เอาแต่เรียบเรียงเรื่องที่อยากจะพูด แล้วก็ซ้อมเป็นบ้าเป็นหลังอยู่หน้ากระจกไม่รู้กี่ชั่วโมง แต่พอได้พบกับน้องเรื่องที่อยากจะพูดผมก็พูดไม่ออก เพราะสายตาของน้องที่มองผมมันทั้งแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความแค้น ถึงแม้จะแค่แว้บเดียวแต่ผมก็มั่นใจว่าผมไม่ได้มองผิดแน่นอน


เพราะงั้นผมเลยทำเป็นจำน้องไม่ได้ซะ น้องจะได้ไม่ต้องลำบากใจในช่วง 3 เดือนที่ต้องฝึกงานที่นี่ แล้วผมก็คิดว่าน้องคงจะทำเป็นจำผมไม่ได้เหมือนกัน แถมคงจะพยายามอยู่ห่างๆ ไม่เข้าใกล้ผมด้วยมั้ง ซึ่งผมก็เตรียมใจเอาไว้แล้วล่ะ ดีแค่ไหนแล้วที่จะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆ น้องอีกครั้ง ถึงแม้มันจะเป็นช่วงสั้นๆ ผมก็พอใจแล้ว


แต่ก็ดูเหมือนว่าเรื่องราวมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด...


จริงอยู่ว่าน้องทำเป็นจำผมไม่ได้ แต่แทนที่จะตีตัวออกห่าง น้องกลับยิ้มหวานและพยายามทำตัวใกล้ชิดกับผม ผมที่รู้สึกงงๆ เลยพยายามพิสูจน์ว่าผมเข้าใจผิดไปรึเปล่า น้องยิ้มให้ผมจากใจมั้ย แต่ก็ปรากฏว่านั่นเป็นแค่การแสดงเท่านั้น


เพราะงั้นผมเลยพยายามคิดหาคำตอบว่าน้องทำแบบนี้ทำไม ก่อนที่จะได้คำตอบว่าน้องคงพยายามแก้แค้นผมโดยการหลอกให้รัก เพราะคงคิดว่าผมเคยทำแบบนั้นกับตัวเองเมื่อ 7 ปีก่อน ซึ่งพอได้ฟังจากพี่เชน มันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิดเลย


ถามว่าพี่เชนเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับผม?


พี่เชนเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าผม 1 ปี เป็นญาติทางฝั่งพ่อ ซึ่งพ่อของพี่เชนก็เป็นตำรวจเหมือนพ่อของผม ส่วนตระกูลทางแม่จะเป็นนักธุรกิจ ต่างจากแม่ของผมที่เป็นแม่บ้านธรรมดา


การที่พวกเรามีชื่อเล่นแบบนี้ คงเป็นอิทธิพลจากตระกูลทางพ่อที่จะเป็นตำรวจซะส่วนใหญ่ ลูกหลานเลยมีแต่ชื่อที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นโซ่ เชน กัน กัปตัน แทงค์ ไฟท์ ไนฟ์ บอม กองทัพ จอมทัพ อะไรประมาณนี้


ก่อนหน้านี้ผมกับพี่เชนก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ แค่เจอกันตอนงานรวมญาติ อย่างสงกรานต์หรือปีใหม่ปีละ 2 – 3 ครั้งเท่านั้น แต่วันนั้นจู่ๆ พี่เชนกลับโทรมาหา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เราสองคนคุยกันแทบจะนับครั้งได้ด้วยซ้ำ


[‘นายรู้จักเด็กที่ชื่อวาโยรึเปล่า รู้สึกว่าตอนม.4 จะเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับนาย’]


‘รู้จักครับ มีอะไรรึเปล่าครับพี่เชน’ ที่ผมมั่นใจว่าพี่เชนต้องหมายถึงน้อง ก็เป็นเพราะชื่อของน้องมันไม่ได้โหลจนพบได้ทั่วไปง่ายๆ ยิ่งตอนม.ปลายเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกันด้วยแบบนี้ วาโยที่พี่เชนถามถึงต้องเป็นน้องไม่ผิดแน่


[‘ถ้างั้นก็แสดงว่าโซ่ที่เด็กนั่นพูดถึงก็เป็นนายจริงๆ ด้วย’]


‘เอ่อ...นี่มันเรื่องอะไรกันครับพี่เชน’


[‘บอกความจริงเรื่อง 7 ปีที่แล้วมา แล้วพี่จะบอกเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กนั่นให้นายรู้’]


ถึงจะยังงงๆ และสงสัยว่าพี่เชนไปรู้จักกับน้องได้ยังไง แต่ผมก็ตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่เชนฟัง แม้น้ำเสียงของพี่เชนจะดูไม่ค่อยชอบน้องเท่าไหร่นัก แต่เท่าที่ฟังก็เหมือนจะไม่ได้คิดร้ายอะไร แค่อาจจะไม่พอใจเรื่องอะไรบางอย่างเท่านั้นล่ะมั้ง


[‘สรุปก็คือเด็กนั่นเข้าใจนายผิด?’]


‘ครับ’


[‘ก็แล้วทำไมนายไม่ไปบอกความจริง จะเก็บเงียบเอาไว้ทำไมตั้ง 7 ปี’]


‘ผมว่าบางทีพี่เชนก็น่าจะเคยนะครับ การที่อยากบอกอะไรใครสักคน แต่มันก็มีเหตุผลที่ทำให้เราบอกคนคนนั้นไม่ได้’ คำตอบของผมทำเอาพี่เชนถึงกับเงียบไป ก็ไม่รู้ว่ามันได้ไปแทงใจดำรึเปล่า


[‘พี่ชักจะเริ่มเข้าใจนายแล้วล่ะ สถานการณ์ที่พี่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็อาจจะคล้ายๆ กับนาย แต่ต่างตรงที่ไม่ใช่พี่บอกความรู้สึกไม่ได้ พี่แค่ยังไม่อยากบอกมากกว่า ก็ผลไม้น่ะกินตอนสุกงอมมันหอมแล้วก็หวานกว่าใช่มั้ยล่ะ หึหึ’]


เสียงหัวเราะในลำคอที่ได้ยิน มันทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือกยังไงก็ไม่รู้ แถมเรื่องที่พี่เชนพูดผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจด้วย เพราะงั้นผมถึงได้ไม่ตอบอะไร พี่เชนเลยพูดขึ้นมาอีกครั้ง


[‘แต่ถ้านายบอกความจริงกับเด็กนั่นไปตั้งแต่แรก เรื่องทุกอย่างมันก็คงจะไม่วุ่นวายขนาดนี้ คนของพี่จะได้ไม่หลงเดินผิดไทป์’]


‘หา? คนของพี่? เดินผิดไทป์?’


[‘ก็ถ้านายบอกว่าแอบไปดูเด็กนั่นที่บ้านบ่อยๆ นายก็น่าจะเคยเห็นนะ เจ้าของซีวิคสีขาวที่คอยรับส่งเด็กนั่นตลอด 3 – 4 ปีนี้’]


‘อ๋อ เคยสิครับ’ พูดถึงตรงนี้น้ำเสียงของผมก็หม่นหมองลง คนคนนั้นอาจจะเป็นคนรักของน้องล่ะมั้ง ใจหนึ่งผมก็รู้สึกดีใจนะที่น้องมีความสุข แต่อีกใจหนึ่งผมก็รู้สึกเจ็บ แม้ว่าคนอย่างผมจะไม่มีสิทธิ์รู้สึกแบบนั้นเลยก็ตาม


[‘ถ้านายคิดว่าธามเป็นแฟนเด็กนั่น พี่บอกไว้เลยนะว่าไม่ใช่ ธามเป็นแค่รุ่นพี่ที่ตามจีบเด็กนั่นเฉยๆ คงเป็นเพราะเด็กนั่นยังลืมนายไม่ได้ล่ะมั้งถึงไม่เคยเปิดใจให้ใครเลย’] ผมรู้ว่ามันผิดและไม่สมควร แต่ว่าผมกลับรู้สึกดีใจที่รู้ว่าน้องยังลืมผมไม่ได้ ผมมันเป็นคนที่แย่มากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ


‘แล้วทำไมพี่เชนถึงรู้เรื่องนั้นได้ล่ะครับ’


[‘ก็พี่เป็นเพื่อนสนิทธาม แถมยังพ่วงตำแหน่งที่ปรึกษาหัวใจด้วย’] นี่ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่า น้ำเสียงของพี่เชนเหมือนมีเลศนัยหรือแผนร้ายซ่อนอยู่ชอบกล


‘ผมว่ามันดูย้อนแย้งกันอยู่นะครับ พี่เชนชอบพี่ธามถูกต้องมั้ย แล้วทำไมถึงยังเป็นที่ปรึกษาหัวใจให้พี่ธามด้วยล่ะ’


คือพี่เชนก็ไม่ได้ดูเป็นคนดีขนาดนั้น ถ้าจะเอาตรงๆ ชัดๆ ก็เป็นคนอันตรายค่อนข้างไปทางร้าย เพราะงั้นผมเลยคิดว่าอย่างพี่เชนไม่น่าจะมีจุดประสงค์ดีสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่คิดว่าพี่เชนจะ...


[‘แล้วใครบอกล่ะว่าพี่แนะนำเรื่องที่จะทำให้ธามจีบเด็กนั่นติด ของมันแน่ว่าพี่ก็ต้องแนะนำแบบตรงกันข้าม แบบที่ธามจีบเด็กนั่นน่ะ มันคือวิธีการที่น่าเบื่อสุดๆ เลยล่ะรู้มั้ย’]


เรื่องที่ได้ยินจากพี่เชนมันทำให้ผมถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก นี่มันตัวร้ายในละคร...ไม่สิ บอสที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทุกอย่างชัดๆ
‘แบบนี้พี่ธามก็น่าสงสารมากเลยนะครับพี่เชน’


[‘น่าสงสาร? หึ! นายควรจะยินดีกับธามมากกว่า ก็ธามน่ะไทป์เดียวกันกับเด็กนั่น ถึงได้คบกันก็ไปไม่รอดอยู่ดี’]


‘พี่เชนจะบอกว่าพี่ธามเหมาะจะคบกับพี่?’


[‘แน่นอน เพราะงั้นเรามารีบทำให้เรื่องมันจบดีกว่า’]


แล้วพี่เชนก็บอกเรื่องที่น้องตั้งใจจะเอาคืนผมให้ผมฟัง จากนั้นก็สั่งให้ผมรีบบอกความจริงทุกอย่างกับน้องซะ แต่ผมไม่อยากทำแบบนั้น ผมอยากให้น้องได้เอาคืนผมอย่างที่ตั้งใจ หรือถ้าน้องจะเปลี่ยนใจผมก็อยากให้น้องเปลี่ยนด้วยตัวเอง


นอกจากนี้ผมก็อยากสู้แบบแฟร์ๆ และให้โอกาสพี่ธามด้วย เพราะผมรู้ว่าการอดทนรอคอยมันทรมานมากแค่ไหน 3 – 4 ปีที่พี่ธามทุ่มเททุกอย่างให้น้องมันไม่ใช่เวลาน้อยๆ เลย


[‘พี่ไม่ขัดข้องหรอกนะถ้านายจะเอาแบบนั้น พี่รอธามมาตั้งหลายปี รออีกแค่ 3 เดือนจะเป็นไรไป’] พูดจบพี่เชนก็หัวเราะในลำคอออกมา คงจะมั่นใจเอามากๆ ว่าพี่ธามเดินผิดไทป์


ในตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก แต่หลังจากนั้นพอได้ไปเดทกับน้อง แล้วเห็นพี่เชนแอบเนียนเดทกับพี่ธามที่ตามมาสอดแนม ผมก็เริ่มเห็นแล้วล่ะว่าพี่ธามคงจะเดินผิดไทป์เข้าจริงๆ


ส่วนเรื่องความรู้สึกของน้อง ยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเห็นความรู้สึกของน้องที่มีต่อผมผ่านทางแววตามากเท่านั้น ถึงแม้น้องจะปากแข็ง ผมก็ยังมั่นใจว่าน้องรักผมเหมือนกัน แต่มันอาจจะไม่มากพอเท่ากับความแค้นล่ะมั้ง เพราะวันสุดท้ายน้องก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธผม


‘ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ชอบพี่ เพราะงั้นผมคงเป็นแฟนกับพี่ไม่ได้’


ถามว่าเจ็บมั้ย? ถ้าบอกว่าไม่ก็คงจะเป็นการโกหก แต่ว่าผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธน้องเลยนะ กลับกันผมดันรู้สึกโล่งด้วยซ้ำที่ไม่มีอะไรติดค้างกับน้องแล้ว น้องได้แก้แค้นผมอย่างที่ตั้งใจ ส่วนผมก็ได้ไถ่โทษให้กับความผิดที่ปกป้องน้องไม่ได้ เพราะงั้นมันก็สมควรแล้วล่ะที่จะต้องโดนแบบนี้


บางทีนี่อาจเป็นจุดจบของเรื่องราวระหว่างผมกับน้อง...


2BC


 :m9: สวัสดีค่า Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ก็จบลงไปแล้วน้า ครึ่งหลังนี้ก็ยังคงเป็นพี่โซ่บรรยายเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีเรื่องของพี่เชนกับพี่ธามเข้ามาเอี่ยวด้วย! ใครที่ชิพคู่ #เชนธาม อยู่คงจะกรี๊ดกันเลยสินะ แต่ว่านะคะ...คนโฉดอย่างพี่เชนนี่จะเชียร์ให้ได้กับคนดีอย่างพี่ธามจริงๆหรออออออออ  :katai1:
แต่ก่อนจะลุ้นคู่นั้น มาลุ้นกับคู่โซ่ว่ากันตอนหน้าก่อนดีกว่า คราวนี้จะกลับไปตอนที่น้องวาบรรยายแล้ว เหตุการณ์ก็จะเป็นปัจจุบันต่อจากที่น้องสลัดรักพี่โซ่ที่งานเลี้ยงเลย เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง น้องจะหันหลังกลับไปหาพี่โซ่ หรือจะเดินหน้าไปต่อกับพี่ธาม ว่าแต่...เรื่องที่พี่เชนบอกว่าพี่ธามน่ะเดินผิดไทป์ มันจะจริงรึเปล่าน้อ?   :confuse: o3
ก่อนที่เค้าจะขอตัวไปนอน ก็ต้องขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่ติดตามคู่นี้รวมถึงคู่พี่ๆมาโดยตลอด  :pig4: ถึงตอนหลังๆมานี้เค้าจะอัพค่อนข้างช้าเพราะดวงตามีปัญหา แต่หลายๆคนก็ยังรอและไม่ทิ้งเค้าไปไหน ขอขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ ขอกอดทุกคนแน่นๆทีนะคะ ร้ากกกกกกก  :กอด1:
(4 ธ.ค. 61)

หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-12-2018 00:54:58
พี่เชนคือตัวร้ายที่แท้จริง พี่ธามไม่รอดแน่นอนค่ะ :laugh:

ว่าแต่ที่พี่เชนบอกว่าพี่ธามกับน้องวาไทป์เดียวกันนี่ หมายถึงว่าเป็นเคะเหมือนกันใช่มะ :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 04-12-2018 01:33:30
หายไวนะครับไรท์ ^^ อยากรู้แล้วสิว่าน้องวาจะทำยังไงต่อ แล้วพี่ๆของน้องวาจะยอมรับในตัวของพี่โซ่ของเราไหมน้า...
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-12-2018 02:33:57
ไปบอกให้วารู้เรื่องเร็ว ๆ ดีกว่านะ ลุ้นจนรากจะงอกแล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 04-12-2018 07:13:14
………


ผ่านมา3ตอนนี้เข้าใจตัวพี่ขึ้นเยอะเลย  มันมีที่มาที่ไปนะน้องวา

เรื่องพี่ธาม เดี๋ยวพี่เชนจัดการเองนะ

น้องก้อได้แก้แค้นสมใจละ. คราวนี้กลับมาทำในสิ่งที่อยากทำตามใจตัวเองได้แล้วหล่ะ

……

ไรท์หายไวๆน้าาาาา


 :katai3:   :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:


หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-12-2018 07:52:44
พี่เชนเป็นจอมบงการนี่เอง แล้วถ้าน้องวาเกิดตัดสินใจเป็นแฟนพี่ธามจริงๆ พี่เชนจะทำงัยอ่ะ


หายไวไวนะคะไรท์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 04-12-2018 09:02:45
ธามวาต่อไปเลย ไทด์เดียวกันก็อยู่กันได้ ปล่อยเชนโซ่ไปได้กันดีกว่าบอสร้ายกับชายขี้ขลาดไรงี้ โฮลยยยน่าเอ็นดูจะตาย 555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-12-2018 09:23:22
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-12-2018 17:12:44
หายกัน แล้วเริ่มต้นกันใหม่
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-12-2018 23:01:04
 :L1:  :mew1:  รักกันอย่าทำให้มันยาก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-12-2018 23:35:42
พี่เชนคือร้ายกาจ แต่ที่ทำแบบนี้ก็เพราะชอบพี่ธามจริงๆล่ะนะ พี่ธามจะรู้ตัวเมื่อไหร่แค่นั้นเอง
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 05-12-2018 20:24:12
ขออนุญาติหวีดพี่เชนได้มิ  :o8 เปิดเรื่องใหม่เลยไรท์
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2018 20:22:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 13 ที่ปรึกษาหัวใจ [4.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 19-12-2018 01:10:07
 :m16:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 19-12-2018 19:01:19
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 14# Wa เริ่มต้นใหม่


   “ผม...ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ” พูดจบผมก็รีบเดินออกมาจากงาน โดยที่ผมไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองข้างหลัง แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรและดีใจที่ได้แก้แค้น กลับกันผมดันปวดร้าวในใจจนน้ำตามันไหลออกมาต่างหาก


ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้?


ใครก็ได้ช่วยบอกผมที?


ทำไม ทำไม! ทำไม!!


ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาออกไปในขณะที่วิ่งออกมา ตอนแรกผมกะว่าจะโบกแท็กซี่ที่หน้าออฟฟิศ แล้วจะไปที่ไหนสักที่ที่มันเงียบๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน แต่พอเดินออกมาก็ปรากฏว่าพี่ธามได้มาจอดรถรออยู่แล้ว


“พะ...พี่ธาม ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ”


“พี่ก็มารอรับวากลับบ้านน่ะสิ”


“อย่าบอกนะครับว่าพี่รอผมอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เลิกงาน?” พี่ธามไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มน้อยๆ ให้ผมเท่านั้น แต่นั่นแหละคือคำตอบว่าพี่ธามรอผมอยู่ตรงนี้ตลอดจริงๆ


“ทำไมพี่ต้องดีขนาดนี้ ทำไมต้องทำอะไรเพื่อผมขนาดนี้ด้วยครับพี่ธาม” ในขณะที่ถาม น้ำตาของผมที่หยุดไหลไปแล้วก็ได้รื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่มันจะไหลรินลงมาเมื่อได้ยินคำตอบจากพี่ธาม


“นั่นก็เป็นเพราะว่าพี่รักวาไงครับ” พี่ธามส่งยิ้มอันอบอุ่นมาให้ แต่แทนที่จะดีใจผมกลับรู้สึกปวดใจจนน้ำตามันยิ่งไหลลงมา


ทำไมคนดีๆ แบบนี้ผมถึงไม่รัก ทั้งๆ ที่ผมก็พยายามแล้ว แต่กับคนเลวๆ ผมกลับยิ่งจำ ทั้งๆ ที่ผมพยายามลืมแต่ก็ลืมไม่ลงสักที


“ร้องไห้ทำไมกันครับวา ถ้าดีใจที่ได้ยินคำว่ารักจากพี่ขนาดนั้น ต่อจากนี้พี่จะพูดให้ฟังทุกวันเลยก็ได้” พี่ธามพูดยิ้มๆ แล้วเดินเข้ามากอดผมเอาไว้ แต่นั่นมันกลับทำให้ผมสะอื้นไห้จนตัวโยน คนอย่างผมมันไม่ดีพอที่จะให้คนอย่างพี่ธามมารักหรอก


คนที่นิสัยไม่ดีและแปดเปื้อนไปแล้วอย่างผม...


“อย่าพูดว่ารักผมอีกเลย ตัดใจจากผมเถอะนะครับพี่ธาม” พูดจบผมก็ดันแผงอกกว้างออกมา ผมไม่อาจมองหน้าของพี่ธามได้จึงเอาแต่ก้มหน้าอยู่แบบนั้น โดยที่น้ำตาของผมมันก็ยังไหลออกมาไม่หยุด


“ทำไมวาถึงพูดกับพี่แบบนั้นล่ะครับ” น้ำเสียงที่ได้ยินฟังดูเศร้า เจ็บปวด และผิดหวัง แต่ถึงอย่างนั้นพี่ธามก็ไม่ได้ใส่อารมณ์กับผมเลยแม้แต่น้อย


“ผมขอโทษครับพี่ธาม” ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดคำไหนนอกจากคำนี้ แต่ผมก็รู้ดีว่าคนอย่างผมไม่สมควรที่พี่ธามจะยกโทษให้ ผมมันคงจะเป็นคนที่ใจร้ายและเลวมากในสายตาของพี่ธาม


“วารักโซ่สินะ” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบเงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่จะส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความรวดเร็ว


“ไม่ใช่นะครับ! ผมน่ะหรอจะไปรักคนแบบนั้น!”


“ถ้าอย่างนั้นเหตุผมที่วาบอกให้พี่ตัดใจคืออะไรล่ะครับ”


“น่ะ...นั่นมัน...เพราะคนอย่างผมมันไม่คู่ควรกับพี่”


“พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมวาถึงได้พูดแบบนี้ วาเอาอะไรมาตัดสินว่าวาไม่คู่ควรกับพี่ แล้วถ้าหากวาจะบอกว่าพี่ดีเกินไป จะให้พี่ลองเปลี่ยนเป็นคนเลวบ้างดีมั้ย เผื่อว่าวาจะรักพี่ได้บ้าง” จากสีหน้าและน้ำเสียงของพี่ธามตอนนี้ ผมไม่รู้เลยว่ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นหรือตั้งใจจะทำอย่างที่พูดจริงๆ


“อย่านะครับพี่ธาม ผมไม่มีค่าพอที่จะให้พี่ทำแบบนั้น”


“ทำไมวาจะไม่มีค่า สำหรับพี่วามีค่า...”


“ผมมีอะไรกับคนอื่นไปแล้ว!” ผมพูดขัดขึ้นก่อนที่พี่ธามจะได้พูดจนจบ “เพราะงั้น…ผมไม่มีหน้าไปคบกับพี่ได้หรอกครับ”


การที่ผมตัดสินใจพูดออกไปแบบนี้ ก็เพราะพี่ธามจะได้เข้าใจสักทีว่าผมไม่ได้แสนดีและบริสุทธิ์อย่างที่คิด ผมมันก็แค่คนนิสัยไม่ดี และสกปรกเกินกว่าที่พี่ธามจะลดตัวลงมาคบด้วย


เนิ่นนานเกือบครึ่งนาที พี่ธามที่เอาแต่ยืนนิ่งถึงเค้นเสียงพูดออกมาได้


“ถ้าให้พี่เดา...กับโซ่...ใช่มั้ยวา” ผมเอาแต่ยืนนิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่นั่นแหละมันคือคำตอบที่ชัดเจน แน่นอนว่าพี่ธามเข้าใจ แต่ผมก็ไม่คิดเลยว่าพี่ธามจะพูดออกมาแบบนี้


“ถ้าพี่บอกว่าไม่ถือล่ะครับ”


“พะ...พี่ธาม!”


“คุณค่าของวามันไม่ได้ลดลงเพราะวาเป็นของใครหรอกนะครับ แต่ก็เอาเถอะ พี่ยอมแพ้แล้วล่ะ”


“ยอมแพ้?”


“ก็พี่สู้คนที่อยู่ในใจวาไม่ได้นี่นา” พี่ธามยิ้มอย่างขื่นๆ แต่สีหน้าและแววตาก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องลงเอยแบบนี้ พี่ธามคงจะคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าคงจะสู้คนที่อยู่ในใจของผมไม่ได้


แต่เดี๋ยวก่อน ผมมีใครในใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?


“ผมว่าพี่ธามน่าจะเข้าใจอะไรผิดแล้วนะครับ ผมไม่มีใครอยู่ในใจสักหน่อย” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ พี่ธามก็ทำสีหน้าระอาผมออกมา


“ทำไมจะไม่มีล่ะวา ก็โซ่ไงที่อยู่ในนั้น”


“จะ...จะเป็นไปได้ยังไงกันครับ!” ผมไม่คิดว่าพี่ธามจะพูดชื่อนี้ออกมา เลยทำให้ผมถึงกับเหวอแล้วรีบปฏิเสธเสียงแข็ง “ยังไงก็ไม่มีทาง! คนเลวๆ อย่างพี่โซ่น่ะ...”


“เมื่อก่อนวาไม่ได้เรียกโซ่แบบนี้”


“เอ๊ะ?”


“วาจะเรียกโซ่ว่า ‘ไอ้พี่โซ่’”


!!!


จริงด้วย! นี่ผมเปลี่ยนมาเรียกพี่โซ่โดยไม่เติม ‘ไอ้’ ตั้งแต่เมื่อไหร่!


“เมื่อ 7 ปีก่อนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นวาอาจจะเกลียดโซ่จริงๆ แต่ในส่วนลึกวาก็ยังรักโซ่อยู่ แล้วพอได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ความรู้สึกนั้นมันก็ปะทุออกมา”


“มะ...ไม่ใช่นะครับ”


“อย่าหลอกตัวเองเลยวา ก่อนหน้านี้พี่ก็หลอกตัวเองมาตลอดว่าคงจะทำให้วาลืมโซ่ได้ แต่ตอนนี้พี่ยอมรับความจริงแล้วล่ะ วาก็ยอมรับความจริงซะนะ จะได้มีความสุขกับคนที่ตัวเองรักสักที”


“คะ...คนที่รักอะไรกัน คนแบบนั้นน่ะผมเกลียดเข้าไส้เลยต่างหาก ไม่อย่างนั้นผมจะกล้าหักหน้าพี่มันกลางงานเลี้ยงหรอครับ ผมทำกับพี่มันอย่างที่เคยทำกับผม ในที่สุดผมก็แก้แค้นสำเร็จแล้ว ตอนนี้ผมสะใจสุดๆ เลยครับพี่ธาม ฮ่าๆๆๆ ผม...สะใจจริงๆ นะ...สะใจ...จริงๆ...” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา ถึงปากจะบอกว่าสะใจ แต่หัวใจของผมมันกลับรู้สึกตรงกันข้าม ตอนนี้มันกำลังปวดร้าวจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว


“วา...” พี่ธามลูบที่ศีรษะของผมอย่างแผ่วเบา ฝ่ามืออันอ่อนโยนที่ปลอบใจ รวมถึงสายตาที่แสดงออกว่าเข้าใจความรู้สึกของผมในตอนนี้ มันก็ทำให้ผมยอมรับและเลิกปากแข็งสักที


“ผมมันโง่มากเลยใช่มั้ยครับพี่ธาม ทั้งๆ ที่พี่โซ่ทำกับผมขนาดนั้น แต่ว่าผมก็ยัง...ก็ยัง...รักพี่โซ่อยู่ดี” จริงอย่างที่พี่ธามพูดนั่นแหละ ที่ผ่านมาผมหลอกตัวเองมาตลอด ก็ผมไม่อยากโง่เป็นครั้งที่สองนี่นา แต่ก็นะ...ผมดันโง่แบบนั้นอีกจนได้


ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าพี่โซ่เลวขนาดไหน แต่ทำไมหัวใจของผมถึงเลิกรักพี่โซ่ไม่ได้ก็ไม่รู้...


“ความรักมันไม่มีโง่หรือฉลาดหรอกนะวา มันมีแค่หัวใจ ทำตามเสียงของหัวใจแล้ววาจะมีความสุข เชื่อพี่นะครับ” พี่ธามยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ แต่ภายในแววตาผมก็สังเกตเห็นได้ว่ามีความเศร้าแอบแฝงอยู่


“แล้วพี่...”


“ไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่จะดีใจมากถ้าหากวามีความสุข”


“แต่ว่าผมคงจะมีความสุขไม่ได้หรอกครับ โดนผมทำซะขนาดนั้น พี่โซ่คงจะไม่ยอมยกโทษให้ผมหรอก” พูดถึงตรงนี้ผมก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเศร้าหมอง


“อย่ามัวแต่คิดเองเออเองเลย ถ้าอยากรู้ก็ไปถามเลยสิ”


“เอ๊ะ?” ผมเงยหน้าขึ้น แล้วก็หันไปทางด้านหลัง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมพบกับพี่โซ่ที่กำลังมองมา ตอนนี้สีหน้าของพี่โซ่นิ่งมากจนผมมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร แล้วผมก็ไม่กล้าจะสู้หน้าพี่โซ่ด้วย


“ไปสิครับ ไปถามให้รู้กันไปเลย” พี่ธามรุนหลังผมให้เดินเข้าไปหาพี่โซ่ ตอนแรกผมก็รู้สึกลังเลเพราะกลัวคำตอบที่จะได้ยิน แต่ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมต้องยอมรับผลจากการกระทำของตัวเอง ถ้าหากพี่โซ่จะไม่ยอมให้อภัย ผมก็จะไม่ตัดพ้อต่อว่าพี่โซ่เลย


เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ผมก็เดินเข้าไปหาแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองพี่โซ่ ผมตั้งใจจะพูดคำว่าขอโทษ แต่พี่โซ่ก็ดันพูดออกมาก่อนว่า...


“เท่านี้เราสองคนก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว มาเริ่มต้นกันใหม่นะครับวา”


คำพูดนั้นทำเอาผมถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ นี่มันหมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าพี่โซ่รู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร รวมถึงเรื่องที่ผมตั้งใจจะเอาคืนเรื่องเมื่อ 7 ปีที่แล้วด้วย?


แล้วก็เหมือนว่าจะอ่านใจของผมได้ หรือเพราะคำถามพวกนั้นมันแสดงออกทางสีหน้าหมดแล้วก็ไม่รู้ พี่โซ่จึงได้เฉลยคำตอบที่ผมสงสัยให้ฟังทั้งที่ผมยังไม่ได้ถาม


“พี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วครับว่าวาคือโย แล้วก็พอจะเดาออกด้วยว่าวาจะเอาคืนพี่ด้วยวิธีนี้”


“ถ้างั้นแล้วทำไม...”


“พี่อยากจะชดใช้ความผิดเมื่อ 7 ปีก่อน” แล้วพี่โซ่ก็เล่าเรื่องราวเมื่อ 7 ปีก่อนให้ผมฟัง แต่ทุกเรื่องมันกลับตาลปัตรไม่ได้เหมือนอย่างที่ผมคิด พอได้รู้ว่าผมเข้าใจพี่โซ่ผิดมาโดยตลอด มันก็ทำให้ผมถึงกับช็อกจนพูดอะไรไม่ออกไปเลย


“พี่ปกป้องวาไม่ได้ เพราะอย่างนี้พี่ถึงยอมให้วาเอาคืน”


“ไม่...เรื่องนี้พี่ไม่ได้เป็นคนผิดเลยนะครับ! คนที่ผิดคือเพื่อนในห้องของพี่มากกว่า พี่ไม่จำเป็นต้องแบกรับความผิดเอาไว้เลย” แค่คิดว่าตลอด 7 ปีที่ผ่านมาพี่โซ่ต้องใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกยังไง ผมก็สงสาร เห็นใจ รู้สึกผิด แล้วก็โกรธตัวเองที่วันนั้นไม่เปิดโอกาสให้พี่โซ่ได้แก้ตัวเลยสักนิดเดียว


“ผมเข้าใจแล้วล่ะครับว่าทำไมพี่ถึงบอกว่าผมชอบหนีปัญหา ขอโทษนะครับที่ผมทำตัวเหมือนเด็กๆ แล้วก็ขอโทษที่ผมไม่เชื่อใจพี่”


ตอนนี้ผมรู้สึกเกลียดตัวเองเอามากๆ แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นพี่โซ่กลับไม่ได้รู้สึกเกลียดผมเลย ในแววตาที่มองมานั้นมีแต่ความรักมอบให้ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเสียใจที่ตลอดเวลาไม่เคยเชื่อสายตาคู่นี้สักครั้ง


“พี่ก็ขอโทษเหมือนกันที่ตอนนั้นปกป้องวาไม่ได้ แต่จากนี้ไปพี่สัญญาเลยว่าจะรักและดูแลวาเป็นอย่างดี ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวนะครับ” คำพูดของพี่โซ่ทำให้น้ำตาของผมมันไหลทะลักลงมา ก่อนที่ผมจะรีบพยักหน้าแล้วโผเข้ากอดพี่โซ่ทันที


เวลา 7 ปีที่เสียไป ผมจะใช้เวลาในอนาคตทดแทนให้หมดเลย...


“ไม่เอาไม่ร้องนะเด็กดี พี่ชอบเห็นวายิ้มมากกว่า ยิ้มหวานๆ ให้พี่ดูหน่อยนะครับ” พี่โซ่ใช้มือทั้งสองประคองข้างแก้มของผมเอาไว้ จากนั้นก็ใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาของผมออกไปอย่างแผ่วเบา


“ครับ” ผมรับคำแล้วยิ้มให้หวานที่สุดเท่าที่จะหวานได้


“น่ารักมากๆ เลยครับ” พี่โซ่ใช้มือบีบที่แก้มของผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แต่เอาจริงๆ ตอนนี้ผมคงจะไม่ได้น่าดูสักเท่าไหร่ เพราะใบหน้ามันก็มีแต่คราบน้ำตา แถมเปลือกตาก็คงจะบวมและแดงก่ำด้วยอีกต่างหาก


“ไม่ต้องมาทำปากหวานแกล้งชมผมเลยครับ”


“พี่เปล่าสักหน่อย แต่ถึงจะแกล้งจริงๆ แล้วจะเป็นไรไป ชมแฟนตัวเองว่าน่ารักมันผิดด้วยรึไงครับ” คำพูดของพี่โซ่ทำเอาผมรู้สึกเขินจนหน้าร้อน ก่อนที่ผมจะอมยิ้มออกมาจนแก้มแทบจะแตกอยู่แล้ว


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบไปว่าอะไร ก็มีเสียงดังขึ้นอยู่ที่ด้านหลังของผมซะก่อน


“ท่าทางจะลงเอยกันได้ด้วยดีแล้วสินะ” เสียงนั้นมันคุ้นหูมากจนผมต้องหันหลังกลับไปมอง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เสียงพี่ธาม แต่มันฟังดูคล้ายเสียงของพี่เชน ซึ่งก็ใช่จริงๆ ด้วย


“เอ๊ะ! นี่พี่เชนมาได้ยังไง แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”


“ก็ขับรถมา มาถึงพร้อมๆ กับธามนั่นแหละ” คำตอบนี่ฟังดูกวนประสาทยังไงชอบกล แต่ก็เอาเถอะ พี่เชนก็ทำท่าไม่ค่อยจะชอบผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว


“เชนมันเป็นห่วงพี่น่ะเลยตามมาอยู่เป็นเพื่อน” พี่ธามขยายความให้ผมฟัง ผมว่านะ คนบนโลกนี้ที่พี่เชนดีด้วยต้องเป็นพี่ธามคนเดียวแน่ๆ แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นการหวังดีประสงค์ร้ายรึเปล่า


“เรากลับกันเลยมั้ย ปล่อยให้เด็ก 2 คนนั้นอยู่ด้วยกันดีกว่า” พี่เชนพูดกับพี่ธาม พี่ธามจึงพยักหน้าลง


“นั่นสินะ งั้นพี่กลับก่อนนะครับวา พี่ดีใจนะที่เห็นวามีความสุข” พี่ธามยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ แต่ก็เหมือนเดิม พี่ธามยังคงเก็บซ่อนความเจ็บปวดที่อยู่ในส่วนลึกไม่ได้ ผมที่เห็นแบบนั้นเลยรู้สึกจุกจนต้องกลับมาถามตัวเองใหม่ ผมสมควรแล้วหรอที่จะมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้?


“พี่...” ผมตั้งใจจะเดินไปหาพี่ธามที่หันหลังกลับไปแล้ว แต่พี่โซ่ก็คว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ซะก่อน ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่โซ่จะหึงเลยไม่อยากให้ผมไป แต่พอได้ยินสิ่งที่พี่โซ่กระซิบบอก...


“หน้าที่ปลอบพี่ธาม ปล่อยให้พี่เชนเป็นคนทำดีกว่า”


“หา?”


“นี่วาดูไม่ออกหรอ พี่เชนก็ออกจะชัดเจนขนาดนั้น” พี่โซ่ผมยิ้มนิดๆ ผมเลยลองคิดทบทวนเรื่องระหว่างพี่เชนกับพี่ธามที่ผ่านมา


“น่ะ...นี่อย่าบอกนะครับว่า...” ผมเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง พี่โซ่ที่เห็นอย่างนั้นเลยหัวเราะอย่างขำๆ จากนั้นก็พยักหน้าลง


“เป็นอย่างที่วาคิดนั่นแหละครับ”


“ละ...แล้วพี่โซ่ไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” แต่แทนที่จะรีบเฉลย พี่โซ่กลับทำหน้ามีเลศนัยแถมยังเล่นตัวไม่ยอมบอกผมซะงั้น


“นั่นสินะ พี่รู้ได้ยังไงกันน้า”


“บอกผมมาเดี๋ยวนี้เลยนะครับพี่โซ่!”


“โอเคๆ พี่ยอมบอกแล้วก็ได้ แต่...วามีเวลาฟังทั้งคืนมั้ยล่ะครับ” ประโยคสุดท้ายพี่โซ่ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูเสียงกระเส่า เล่นเอาอารมณ์อยากรู้ของผมถึงกับหยุดกึก ส่วนร่างกายก็แข็งทื่อผิดกับหัวใจที่อ่อนยวบยาบ ในขณะที่ใบหน้าก็แดงวาบและร้อนมากราวกับถูกไฟเผา


“ว่ายังไงครับ ยังอยากรู้อยู่รึเปล่า” พี่โซ่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ใจจริงผมก็อยากจะพยักหน้า แต่ว่ามันคงดูไม่งามเลยจัดการฟาดที่ไหล่หนาเพื่อแก้เขิน


“ผมไม่พูดกับพี่แล้ว!”


“โธ่...ดีกันนะครับ พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เดี๋ยวพี่จะเลี้ยงขนมอร่อยๆ ไถ่โทษเลยด้วย ที่ห้องพี่มีตุนไว้เพียบ แวะไปลองกินก่อนกลับบ้านสักหน่อยมั้ยครับ” เฮอะ! คิดว่าผมรู้ไม่ทันรึไงว่าถูกเอาของโปรดมาล่อให้ขึ้นห้อง


แต่ถึงจะรู้...


“ผมจะลองไปดูก็ได้ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะอร่อยอย่างที่โม้เอาไว้รึเปล่า” ผมยิ้มที่มุมปากท้าทาย พี่โซ่จึงทำหน้าประมาณว่า ‘เดี๋ยวรู้กัน’ จากนั้นก็รีบจูงมือผมพาเดินไปขึ้นรถทันที


2BC


 :m1: สวัสดีค่ะทุกคน เรากลับมาแล้วค่าหลังจากที่ห่างหายจากการอัพไปนานเลย ก่อนนี้ดวงตาแย่ลงจนจับคอมและอ่านตัวหนังสือแทบไม่ได้ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้รอกันนานขนาดนี้ แล้วก็ขอบคุณจริงๆค่ะที่ยังรอกัน  :pig4:
ตอนนี้ก็จะมีหลากหลายอารมณ์เนอะ แอบเศร้าๆตอนแรกแต่ก็แฮปปี้ตอนท้าย หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะคะ ตอนนี้พี่โซ่กับน้องวาก็ได้คบกันแล้ว (ยาวนานเหลือเกินกว่าจะได้คบกัน T :hao5:) ส่วนพี่เชนกับพี่ธาม...อืม...อันนี้ต้องไปคิดกันต่อแล้วล่ะค่ะว่าจะลงเอยกันยังไง พี่ธามจะเดินผิดไทป์จริงๆมั้ยน้า? อิอิ  :hao3:
ส่วนตอนหน้าเค้าจะพยายามรีบมาอัพให้เร็วที่สุดนะคะ อาจจะช้าไปบ้างแต่ก็อย่าพึ่งทิ้งเค้าไปไหนน้า กอดขาทุกคนเอาไว้แน่นมาก แล้วเจอกันค่ะ บ๊ายบายยยย  :bye2:
(19 พ.ย. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Fengfang ที่ 19-12-2018 19:44:41
ทีนี้ก็จะหวานกันแล้วสินะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 19-12-2018 20:39:39
กรี๊ดดดดดดดดด
เรือเชนธามแล่นฉิว ไม่ล่มแน่นอน เย่ๆๆๆๆ :mc4:

น้องวา พี่โซ่ ลงเอยกันได้ด้วยดี แต่จะเคลียร์กันทั้งคืนก็อย่าลืมบอกพี่ภูก่อนน้า เดี๋ยวบ้านแตก :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-12-2018 23:16:12
และแล้ว ก็ลงเอยกันด้วยดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-12-2018 07:29:51
ก็คงจะจบแบบเอ็นดิ้งล่ะนะ

ไรท์คะ ขอให้ดวงตาหายไวไวนะคะ มันเป็นอะไรที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตมาก รักษาสุขภาพด้วยจ้า.  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-12-2018 07:55:46
ขอให้สุขภาพดีไวๆ ไม่ป่วยข้ามปีนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-12-2018 18:47:02
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-12-2018 21:42:02
 เย้ๆๆๆ เข้าใจกันแล้ว คราวนี้ก็หวานๆยาวไปนะ ส่วนพี่ธามปล่อยให้พี่เชนปลอบไป  :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-12-2018 22:56:15
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-12-2018 13:27:42
กินขนมกันแล้ว ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 21-12-2018 19:45:01
โล่งอก ดีกันสักที ใจหายใจคว่ำอยู่นาน อิอิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 เริ่มต้นใหม่ [19.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 22-12-2018 10:40:43
กี๊ซซซซซเป็นแฟนกันแล้ว ดีใจๆ

ตอนหน้าncจะดีใจมาก
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 31-12-2018 16:27:27
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 14# Wa ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน?


“ขวดโหลนี่...พี่ไปเก็บมาจริงๆ ด้วย” ผมพูดในขณะที่กำลังมองขวดโหลแห่งความทรงจำที่อยู่ในมือ ซึ่งตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ในห้องนอนของพี่โซ่ ขวดโหลถูกวางเอาไว้บนโต๊ะข้างๆ เตียงเพราะพี่เขาอยากให้อยู่ใกล้ๆ ตัว


ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้คือมันตกลงไปที่พื้นจนแตกกระจายกลายเป็นเศษแก้ว แต่ตอนนี้เศษแก้วพวกนั้นได้กลับมาต่อกันเป็นรูปทรงเดิม ถึงแม้มันจะเต็มไปด้วยรอยกาวและรอยเทปก็เถอะ แต่ผมกลับรู้สึกชอบมันมากกว่าเมื่อก่อน อาจเพราะนั่นคือหลักฐานความพยายามของพี่โซ่ก็เป็นได้


“นี่เป็นของขวัญจากวา พี่ก็ต้องเก็บกลับมาอยู่แล้วสิครับ” คำพูดนั้นทำให้ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนที่ผมจะเขินอายเมื่อเผลอหันไปสบตาที่มีแต่คำว่ารักมอบมาให้อย่างท่วมท้น


“ขอบคุณนะครับพี่โซ่ ว่าแต่...ทั้งที่ขวดโหลพี่ก็เอามาประกอบกันใหม่แล้ว แถมเรื่องที่ผมถูกล้อพี่ก็ไม่ได้เป็นคนต้นคิด ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่ถึงไม่ยอมบอกความจริงกับผมล่ะครับ เห็นตอนนั้นพี่ก็บอกว่าแอบมามองผมที่บ้านบ่อยๆ ด้วย”


“ความจริงพี่เคยไปหาวาที่บ้านแล้วรอบนึงนะ แต่...” พี่โซ่พูดได้แค่นี้ก็หยุดเงียบไป สีหน้าของพี่เขาตอนนี้ดูลำบากใจที่จะพูดยังไงก็ไม่รู้


“แต่อะไรหรอครับ” ผมจัดการวางขวดโหลที่อยู่ในมือลงตรงที่เดิม เพื่อที่จะจับผิดสีหน้าของพี่โซ่ว่าจะพูดความจริงไม่หมดหรือว่าโกหกผมรึเปล่า


“คือ...พี่รู้สึกผิดจนไม่กล้าที่จะเจอหน้าวาน่ะ” ไม่สบตากับผมแบบนี้แสดงว่าไม่ได้พูดความจริงแน่นอน 100%


“ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้พี่โซ่พูดเหมือนว่าจะรู้จักกับพี่ภู แต่ตอนนั้นผมยังประติดประต่อเรื่องไม่ได้ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะใช่ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว พี่โซ่เคยมาหาผมแต่ถูกพี่ภูไล่กลับไปใช่มั้ยครับ”    พี่โซ่ไม่ตอบ แต่ก็ชะงักไปเล็กน้อยพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ


“เอ่อ...” พี่โซ่ทำหน้าลำบากใจ คงจะไม่อยากให้ผมผิดใจกับพี่ภูนั่นแหละ


“ถ้าคราวนี้ยังโกหก ผมจะถือว่าเรื่องที่ตกลงคบกับพี่เป็นโมฆะ จะเอาอย่างนั้นใช่มั้ยครับ” ผมกอดอกพร้อมกับทำตาดุพูดเสียงเข้ม พี่โซ่ที่เห็นอย่างนั้นเลยยกมือขึ้นยอมแพ้แล้วเข้ามากอดผมใหญ่


“โธ่เด็กดี อย่าพูดอย่างนี้กับพี่สิครับ พี่จะยอมเล่าความจริงทุกอย่างให้ฟังเดี๋ยวนี้แหละ”


หึ! ผมยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ ยังไม่ทันไรแววกลัวเมียก็ออกแล้ว พี่ธารเคยสอนเอาไว้ว่าผู้แบบนี้คือหลัวที่ดี เป็นผู้ที่ศรีภรรยาทั้งหลายต่างก็ต้องการ ส่วนผู้ที่ไม่ควรเอาทำพันธุ์น่ะพี่ธารบอกไม่ต้องมองไกล เพราะคนใกล้ตัวก็มีอยู่คนนึง ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...ก็พี่เพลิงไงจะใครล่ะ! (เพลิง : ฮัดชิ้ว! ใครนินทากูฟะ!)


แล้วหลังจากนั้นพี่โซ่ก็เล่าความจริงทุกอย่างให้ผมฟัง วันต่อมาหลังจากเกิดเรื่องพี่โซ่ได้มาหาผมที่บ้าน ซึ่งพี่เขาก็ตั้งใจจะมาขอโทษแล้วก็บอกว่ารักผมเหมือนกัน แต่ก็ดันถูกพี่ภูกับพี่ธารไล่ตะเพิดกลับไป แถมยังบอกว่าจากนี้ไปห้ามไม่ให้มาเจอผมอีกต่างหาก


“บ๊าเอ๊ย! พี่ภูกับพี่ธารไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย!” ผมสบถออกมาด้วยความโมโห ทำไมพี่ภูกับพี่ธารถึงได้ทำแบบนี้ แถมเรื่องที่น่าโกรธมากที่สุดก็คือการเก็บเงียบเรื่องนี้เอาไว้โดยที่ไม่ยอมบอกผมตลอด 7 ปีนี่แหละ!


“อย่าไปโกรธพวกพี่เขาเลย” พี่โซ่พยายามทำให้ผมใจเย็นลง แต่รู้แบบนี้ใครมันจะไปเย็นลงได้ กลับบ้านเมื่อไหร่ผมจะวีนให้บ้านแตกเลยคอยดูสิ!


“จะไม่ให้โกรธได้ยังไงล่ะครับ! ถ้าหากตอนนั้นพี่ภูกับพี่ธารบอกผม ป่านนี้เราสองคนคง...”


“ก็คงไม่ต่างจากตอนนี้หรอก” พี่โซ่พูดขัดขึ้นก่อนที่ผมจะได้พูดจนจบประโยค ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง


“ทำไมพี่โซ่ถึงพูดแบบนี้ล่ะครับ”


“จากนิสัยที่ชอบหนีปัญหาของวา ถึงพวกพี่เขาบอกว่าพี่มาหา แต่ว่าก็คงจะไม่ยอมออกมาหาพี่อยู่ดี” คำพูดของพี่โซ่ทำให้ผมถึงกับเถียงอะไรไม่ออก เพราะผมก็คงจะไม่ยอมออกมาเจอหน้าพี่โซ่จริงๆ นั่นแหละ ขนาดพวกพี่ๆ กว่าที่ผมจะยอมออกมาเจอหน้ายังผ่านไปตั้งหลายวันแล้วเลย


“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ภูกับพี่ธารน่าจะบอกเรื่องนี้ให้ผมรู้บ้าง” ผมพูดด้วยเสียงอ้อมแอ้ม ตอนนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกโมโหพี่ภูกับพี่ธารแล้ว แต่ผมก็แค่รู้สึกเสียดายเวลา 7 ปีที่ผ่านมาก็เท่านั้น


“พวกพี่เขาคงเป็นห่วงวานั่นแหละถึงไม่อยากให้เจอกับพี่อีก ก็คำพูดของพี่มันฟังแล้วเหมือนข้อแก้ตัว ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ อีกอย่างพี่ก็ปกป้องวาไม่ได้จริงๆ นี่นา” ประโยคสุดท้ายพี่โซ่หลุบตาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบา คงจะกำลังโทษตัวเองอีกแล้วล่ะมั้ง เพราะงั้นผมถึงได้ใช้สองมือจับที่แก้มของพี่โซ่ให้เงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็ยืดตัวขึ้นไปจุ๊บที่ริมฝีปากของพี่เขาหนึ่งที


“ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องในอดีต แล้วมาพูดเรื่องอนาคตกันดีกว่านะครับ” ผมยิ้มกว้างจนตาหยี พอเห็นผมร่าเริงแบบนี้พี่โซ่ถึงค่อยยิ้มออกมาได้


“วาหมายถึงเรื่องแต่งงานหรอครับ จะเอาสินสอดเท่าไหร่ดี?”


“นั่นมันก็ไกลไปแล้วพี่ ขยับเข้ามาใกล้กว่านี้หน่อยสิครับ” ผมแยกเขี้ยวใส่ แต่ถึงอย่างนั้นในใจผมก็แอบรู้สึกเขินๆ อยู่เหมือนกัน


“ที่สำคัญ ก่อนที่พี่จะคิดเรื่องแต่งงาน ผมว่าพี่ควรคิดเรื่องที่จะทำให้พวกพี่ๆ ของผมยอมรับในตัวพี่ก่อนนะครับ” ผมแทงหมดตัวเลยว่าพวกพี่ๆ ของผมต้องไม่มีใครเห็นด้วย เผลอๆ จะบังคับให้ผมเลิกกับพี่โซ่ด้วยซ้ำ แต่แน่นอนล่ะว่าผมไม่มีทางยอม


“นั่นสินะ ท่าทางจะงานหินเลยล่ะ”


“ถูก! เพราะงั้นช่วงนี้พี่ก็อย่าพึ่งไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนผมนะครับ แอบคบกันแบบเงียบๆ ไปก่อน ไว้รออีกสักเดือนสองเดือนแล้วค่อยเปิดตัว”


“แบบนั้นจะดีหรอวา พวกพี่เขาคือผู้ปกครองวานะ ยังไงสักวันพวกพี่เขาก็ต้องรู้”


“แต่ให้รู้แบบกะทันหันมันจะยิ่งแย่นะครับ เชื่อผมเถอะว่าหลังจากนี้สักพักใหญ่ๆ เราค่อยบอก แล้วผมจะได้พูดเป็นนัยๆ ให้พวกพี่ๆ เตรียมใจไว้ก่อนไงครับ”


“แต่พี่ว่า...”


“ไม่ต้องแต่ต้องว่าแล้วพี่ วันนี้พี่ชวนผมขึ้นมาบนห้องเพื่ออะไรจำไม่ได้แล้วหรอครับ” ผมยิ้มหวานแล้วใช้สองมือคล้องคอของพี่โซ่อย่างออดอ้อน


“จริงๆ เล้ย นี่พี่ก็ต้องยอมวาอีกแล้วใช่มั้ย” ผมพยักหน้าลงพร้อมกับหัวเราะคิกคัก


“ใช่แล้ว”


“โอเค วาว่าไงพี่ก็ตามนั้น ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ไปหยิบขนมมาให้แล้วกัน ส่วนใหญ่เป็นแบบนำเข้าทั้งนั้น พี่คิดว่าวาน่าจะชอบ” แล้วพี่โซ่ก็เดินออกไปจากห้อง พอผมมองตามก็เห็นว่าพี่โซ่เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วก็หยิบขนมสารพัดยี่ห้อออกมา จากนั้นก็หอบเอามาวางกองไว้ตรงหน้าผม


หืม? ขนม? นี่พี่โซ่ชวนผมมาที่ห้องเพื่อกินขนมพวกนี้จริงๆ เรอะ!


“แกะกินได้เลยไม่ต้องเกรงใจ พี่ซื้อมาให้วาทั้งหมดนั่นแหละ” พี่โซ่ยิ้มแฉ่ง ผิดกับผมที่ยิ้มแห้งๆ ก่อนที่จะยื่นมือไปหยิบช็อกโกแลตที่อยู่ใกล้ที่สุดมากินด้วยท่าทางอึนๆ งงๆ แล้วก็ติดจะเซ็งๆ


“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ ไม่อร่อยงั้นหรอ”


“ก็อร่อยดีครับ”


“แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ยังมีหน้ามาถามอีกนะ


“สรุปว่าพี่โซ่แค่จะพาผมขึ้นห้องมากินของหวานพวกนี้จริงๆ ใช่มั้ยครับ” ผมชักสีหน้า ตอนนี้ไม่สนแล้วว่ามันจะงามไม่งาม มนุษย์ทุกคนน่ะมีความต้องการ เซ็กส์มันคือเรื่องธรรมชาติ เพราะงั้นการที่ผมจะพูดแบบนี้กับแฟนตัวเองมันก็ไม่ผิด!


“วาเห็นว่าพี่เป็นพระอิฐพระปูน ขนาดที่มีแฟนอยู่ในห้องแล้วจะอดใจไหว ไม่ทำอะไรเลยงั้นหรอ”


“ถ้างั้นแล้วทำไม...”


“พี่ก็กะจะรอให้วากินของหวานอิ่ม แล้วพี่ค่อยจะกินของหวานของพี่ต่อไงครับ”


“ของหวานของพี่?”


“ทีงี้ล่ะหัวช้าเชียวนะ” พี่โซ่ส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ผมกำลังงงยื่นหน้าเข้ามาจูบที่ริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว!


“อื้อ!” ผมเบิกตากว้าง ส่วนร่างกายก็แข็งค้าง แต่หลังจากที่ตั้งตัวได้แล้วผมก็ใช้สองมือโอบรอบลำคอหนา ตามด้วยการจูบตอบอย่างเร่าร้อนไม่แพ้พี่โซ่ที่ส่งมาเลยสักนิด


ลิ้นร้อนของเราสองคนเกี่ยวกระหวัดพันกันไปมา ส่วนใบหน้าก็ปรับเปลี่ยนองศาให้ริมฝีปากแนบชิดกันได้ลึกซึ้ง ผมรู้สึกถึงความร้อนและความปรารถนาจากพี่โซ่ที่มีต่อผม แน่นอนว่าผมก็ด้วย


“ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากันครับพี่โซ่” ผมถามอย่างก๋ากั่นเมื่อพี่โซ่ถอนจูบออกไป โดยที่พี่เขาเลียช็อกโกแลตที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากของผมเป็นการทิ้งท้าย เล่นเอาผมเสียววาบและร้อนรุ่มไปทั้งร่างกายเลยล่ะ


“ก็ต้องเป็นวาสิครับที่หวานกว่า ปกติพี่ไม่ค่อยชอบกินของหวานเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นวาพี่กินได้ทั้งคืนเลย” แล้วพี่โซ่ก็รวบตัวผมให้ขึ้นมานั่งคร่อมที่ตัก จากนั้นก็กดริมฝีปากของผมลงมาจูบหนักๆ พร้อมทั้งใช้สองมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผมออกไป


ส่วนผมก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ นอกจากจูบตอบอย่างถึงใจผมก็ใช้สองมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าของพี่โซ่เช่นกัน ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีเราสองคนก็แนบชิดกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่าเป็นที่เรียบร้อย


“ผมก็อยากจะอยู่ให้พี่กินทั้งคืนอยู่หรอกนะ แต่ถ้าทำแบบนั้นพี่ภูได้ฆ่าพี่ทิ้งแน่ เพราะงั้นคืนนี้แค่รอบเดียวพอนะครับ” ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่โซ่จะทำหน้าเสียดาย เพราะตอนนี้ผมก็รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน แต่พี่โซ่กลับทำหน้ากรุ้มกริ่มออกมาซะงั้น ทำเอาผมรู้สึกงงไปเลยน่ะสิ


“รอบเดียวที่ว่านี่หมายถึงพี่หรือหมายถึงวา?”


“หา?” เจอคำถามนี้ไปผมก็ถึงกับสตั๊น แต่ก็แค่วิเดียวเท่านั้นแหละ พอเก็ทแล้วผมก็จัดการทุบที่ไหล่หนาเข้าให้ “ก็ต้องหมายถึงผมสิครับ! ถ้าหมายถึงพี่มีหวังคืนนี้ผมไม่ได้กลับบ้านกันพอดี!”


ผมยังจำความอึดของพี่โซ่ได้ดี แถมนอกจากอึดพี่โซ่ก็ยังดุอีกต่างหาก แต่ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบนะ คือก็ชอบแหละ (พูดแล้วก็เขิน) แต่ถ้าคืนนี้ผมโดนหนักแบบครั้งแรกมีหวังผมได้นอนเป็นผัก กลับบ้านไม่ไหวชัวร์!


“ว้า...ถ้าไม่ถามก่อนก็ดีหรอก” พี่โซ่แสร้งทำหน้าเสียดาย แสดงว่าเมื่อกี้แค่จะแกล้งผมเฉยๆ สินะ เล่นเอาตกอกตกใจหมดเลยสิน่า ผมเลยจัดการแยกเขี้ยวใส่ซะ


“เอาล่ะ เรามาต่อจากเมื่อกี้กันดีกว่า” แล้วพี่โซ่ก็กดศีรษะของผมลงมาจนริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกัน ความเร่าร้อนที่ส่งผ่านมาได้กระตุ้นไฟความต้องการของผมให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่มันจะมากขึ้นๆ เรื่อยๆ


“อือ...” ผมครางเสียงกระเส่าเมื่อถูกพี่โซ่ลูบไล้ตามสีข้างขึ้นมาช้าๆ จากนั้นสองมือหนาก็อ้อมมาข้างหน้าแล้วเคล้นคลึงที่แผ่นอกของผม โดยเอานิ้วหัวแม่มือบดขยี้ที่ส่วนยอดไปพร้อมๆ กัน ความเสียวกระสันทำให้เสียงครางของผมกระเส่ามากขึ้นเป็นทวีคูณ


“พี่โซ่...อา...” ตอนนี้ร่างกายของผมบิดเร่า ความต้องการที่ก่อตัวขึ้นทำเอาสะโพกของผมถึงกับสั่นระริกและส่ายไม่หยุด แถมยังบดเบียดกับท่อนเนื้ออันแข็งขึงของพี่โซ่ที่อยู่ตรงบั้นท้ายไปมาอีกต่างหาก


โดยไม่ต้องเอ่ยปากพี่โซ่ก็รับรู้ความต้องการนี้ เพราะพี่เขาก็กำลังต้องการผมไม่แพ้กัน ดังนั้นจึงได้รีบชโลมเจลหล่อลื่นลงที่นิ้วแล้วสอดมันเข้ามา วินาทีแรกผมเกิดความรู้สึกอึดอัดแปลกๆ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานความรู้สึกนั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน


“ซี้ดด...พี่โซ่...” ผมใช้สองมือขยุ้มที่เส้นผมดำขลับเมื่อถูกซุกไซ้ที่ซอกคอ ก่อนที่พี่โซ่จะลดระดับลงมาจนถึงยอดอก แล้วใช้ริมฝีปากดูดดุนพร้อมทั้งตวัดลิ้นไปมา ส่วนยอดอกอีกข้างก็ถูกบีบเค้นและขยี้ ในขณะที่ช่องทางด้านหลังก็ถูกนิ้วอันเรียวยาวขยับเข้าออก จนเมื่อคุ้นชินแล้วนิ้วที่สองก็ถูกสอดใส่เข้ามาเพิ่ม


การที่ถูกปลุกเร้าจากทั้ง 3 ทางทำให้ผมเสียวมากจนร้องครางแทบไม่เป็นภาษา ส่วนนั้นที่กำลังเสียดสีกับกล้ามท้องของพี่โซ่เลยมีน้ำใสๆ ไหลออกมา ช่องทางด้านหลังบีบและตอดรัดนิ้วมือของพี่โซ่อย่างถี่ยิบ


“พี่โซ่...อาา...ใส่เข้ามา...ผม...ผมอยากได้ของพี่...” ผมไม่สนใจแล้วว่าเรื่องที่พูดมันน่าอายแค่ไหน ตอนนี้ในสมองของผมมันอยากให้ท่อนเนื้อของพี่โซ่กระแทกเข้ามาเท่านั้น แล้วผมก็รู้ว่าพี่เขาก็กำลังต้องการไม่ต่างกัน ไม่อย่างนั้นท่อนเนื้อคงไม่ขยายใหญ่และแข็งปั๋งขนาดนี้


“ซี้ดด...อย่าซนสิวา...” พี่โซ่แทบจะคำรามออกมาเมื่อผมจับหมับที่ส่วนนั้น แต่แค่นั้นยังไม่พอ ผมยังรูดรั้งขึ้นลงให้เสียวเล่นจนพี่โซ่ถึงกับหลุดเสียงครางออกมาอีกรอบ


“อื้ม...ซนนักหรอ เดี๋ยวพี่ทำให้หมดแรงซนซะดีมั้ย” พี่โซ่มองผมอย่างดุๆ จากนั้นก็รีบหยิบถุงยางมาฉีกซองแล้วสวมมันเข้าไป การที่พี่เขาไม่คิดจะปล่อยข้างในเป็นเพราะมันทำความสะอาดยาก ผมต้องรีบกลับบ้านด้วยเลยไม่มีเวลาที่จะทำตรงนั้น


“พี่โซ่...พี่โซ่! อ๊า!” ผมหวีดร้องลั่น เมื่อพี่โซ่ยกสะโพกของผมขึ้นแล้วกดลงกลืนกินท่อนเนื้ออันใหญ่โต ตอนที่เข้ามาแรกๆ พี่เขาก็ยังยั้งไว้ แต่พอเข้าไปได้ครึ่งลำพี่เขากลับกดบั้นท้ายของผมลงมาอย่างแรง แถมยังกระแทกขึ้นสวนจนชนผนังด้านในอีกต่างหาก


“อ๊าาา!” วินาทีนั้นผมถึงได้สำนึกว่าตัวเองไม่น่าซนเลย...ว่าไปนั่น จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงกันเล่า ถูกพี่โซ่กระแทกเอาๆ แบบนี้ผมรู้สึกดีแล้วก็เสียวสุดๆ เลยต่างหาก!


“พี่โซ่! อ๊า...ดี...ลึกอีกครับพี่! อ๊า! ตรงนั้น!” ผมพูดแทบไม่เป็นภาษาเมื่อพี่โซ่กระแทกเข้ามาลึกๆ ตามคำขออย่างถึงใจ แถมการที่แก่นกายอันใหญ่โตได้เสียดสีกับผนังช่องทาง ซ้ำยังยาวมากจนกระแทกจุดเสียวที่อยู่ข้างใน มันก็ยิ่งทำให้ผมเสียวมากจนแทบบ้าอยู่แล้ว


“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า!” ผมร้องครางอย่างสุขสมพลางออกแรงขย่มลงที่ตักของพี่โซ่ ยิ่งผมเสียวมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเร่งความเร็วและขย่มลงอย่างหนักหน่วงมากเท่านั้น แก่นกายของพี่เขาถูกผมดูดกลืนและตอดรัด ก่อให้เกิดความเสียวกระสันจนเสียงครางกระเส่าเล็ดรอดออกมา


“ซี้ดด...วา...” เสียงที่ได้ยินยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์ สะโพกของผมเลยจัดการขย่มขึ้นลงอย่างเมามัน ส่วนพี่โซ่ก็กระแทกแก่นกายขึ้นสวนอย่างไม่ยั้ง ทั้งยังฟัดที่ยอดอกของผมและบีบเค้นอย่างรุนแรงอีกต่างหาก


“อ๊ะ...พี่โซ่...ผม...ผมจะเสร็จ! อ๊า...ผมเสียวจังพี่! ซี้ดด...อ๊า!” พอได้ยินแบบนั้น พี่โซ่เลยใช้มือข้างหนึ่งมาชักส่วนนั้นของผมขึ้นลง ส่วนริมฝีปากและปลายลิ้นก็ยังคงดูดเลียยอดอกของผมเช่นเดิม เพิ่มเติมคือออกแรงกดสะโพกของผมที่กำลังขย่มลงมาเน้นๆ แล้วกระแทกแก่นกายขึ้นสวนอย่างสุดแรง


“เสร็จพร้อมพี่นะครับ!”


“พี่โซ่...พี่โซ่! อ๊าาาาาา!” แล้วในที่สุดผมก็ทนต่อไปไม่ไหว สะโพกของผมเลยทิ้งตัวลงอย่างแรงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ปลดปล่อยความเสียวซ่านที่แทบทำให้ขาดใจออกมาจนหมดสิ้น


ทางด้านพี่โซ่ เมื่อถูกช่องทางของผมบีบรัดและกระตุกตอดอย่างถี่ยิบมีรึจะทนไหว แก่นกายอันใหญ่โตจึงได้กระแทกกระทั้นเข้ามาเป็นชุดสุดท้าย จนกระทั่งถึงขีดสุดแล้วจึงได้ฝังกายเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุด แล้วฉีดพ่นความเสียวซ่านเข้ามาข้างในตัวของผมโดยมีถุงบางๆ ขวางกั้น


“อา...” หลังจากที่ปลดปล่อยแล้วเราสองคนก็หอบหายใจออกมา ก่อนที่ผมจะทรุดตัวลงไปซบที่ไหล่ของพี่โซ่อย่างอ่อนแรง พี่โซ่ที่เห็นอย่างนั้นเลยลูบศีรษะของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันหน้ามาจูบที่ขมับของผมอย่างอ่อนโยนอีกหนึ่งที


“พี่รักวานะครับ” คำพูดนั้นทำเอาผมหัวใจพองโตจนอดที่จะยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ ผมเลยกอดพี่โซ่เอาไว้อย่างแนบแน่น เพื่อแสดงให้รู้ว่าผมก็รู้สึกเช่นเดียวกัน


“ผมก็รักพี่ครับ”


วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดเลย...


2BC


 :m18: สวัสดีค่าทุกคน จบไปแล้วน้ากับ Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 14 ซึ่งตอนนี้เราก็เอา NC ร้อนๆมาเสิร์ฟส่งท้ายปี ถึงจะมีแค่รอบเดียวก็เถอะ แต่ก็หวังว่าลีลาของพี่โซ่กับน้องวาจะแซ่บซี้ดถูกใจทุกคนนะค้าาาา  :impress2:
ส่วนตอนหน้าเจอกันปีหน้านู่นเลย (พูดเหมือนนาน 55555) แต่ว่าวันไหนเรายังไม่แน่ใจนะคะ ที่ไม่อยากนัดเพราะกลัวผิดนัดอะค่ะ อย่างที่ทุกคนรู้กันเนอะว่าดวงตาเค้ายังไม่ค่อยดี (แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆแล้วล่ะค่ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกคนมากๆเลยน้าที่ส่งกำลังใจมาให้อย่างล้นหลามเลย)  :pig4:
สุดท้ายนี้เค้าก็ขอ Happy new year 2019 ล่วงหน้านะคะ  :mc3: ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่ทุกคนมีแต่ความสุขกันน้า แล้วก็ขอฝากติดตามอ่านนิยายของเค้าไปเรื่อยๆด้วยเน่อ เลิฟฟฟฟฟ กอดทุกคนแน่นมากกกกก  :กอด1:
ปล.นิยายเรื่องนี้กับ box set ซีรีส์ H.E.A.R.T. เลื่อนปิดจองไปเป็นวันที่ 13 ม.ค. 62 นะคะใครที่ยังลังเลหรือยังไม่ได้จองก็ฝากรับเลี้ยงหนุ่มๆกันด้วยน้าาาา  :m1:
(31 ธ.ค. 61)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-12-2018 17:21:41
ร้อนแรงส่งท้ายปีมากค่ะ  :m25: :m25:
รอดูพี่โซ่รับมือกับบรรดาพี่ๆของน้องวานะคะ o18

ปล.คุณนักเขียนพักผ่อนเยอะๆ หายไวๆ นะคะ สวัสดีปีใหม่ค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-12-2018 17:25:20
HNY ค่ะ ขอให้แฮปปี้กันถ้วนหน้าเหมือนน้องวาและพี่โซ่นะคะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 31-12-2018 18:05:25
เขินแทนน้องวา อิ อิ พี่โซ่คือน่ารักอ่ะรักวาแค่คนเดียวมาตลอด 7 ปี เป็นคนอื่นคงมีแฟนใหม่ไปนานแล้ว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 31-12-2018 20:37:48
Happy New Year ..
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-01-2019 01:39:28
 :m25: อ่านจบ นอนกันยาว ๆ ไปเลย  :t3:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 01-01-2019 06:31:55
สุขสันต์วันปีใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_MN ที่ 02-01-2019 02:14:15
 :haun4: เปิดปีใหม่มาก็เสียเลือดเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-01-2019 09:58:12
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-01-2019 13:43:30
 :pig4: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 02-01-2019 23:34:51
ขอให้หายไวๆคัฟ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 03-01-2019 03:17:38
จบแล้วว อยากบอกว่าเป็นซี่รี่ย์ที่เราตามอ่านแล้วชอบทุกเรื่องเลย ขอบคุณนะคะ หายไวๆนะคะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 14# ขนมกับผมอะไรหวานกว่ากัน? NC [31.12.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-01-2019 12:43:22
 :z1: แซ่บจริงๆ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 09-01-2019 22:43:59
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก

Part 15# Wa พ่อบ้านแห่งปี


“ฝันดีนะครับเด็กดื้อ”


หลังจากที่ขับรถมาส่งผมที่หน้าบ้านพี่โซ่ก็พูดขึ้น จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาจุ๊บเบาๆ ที่หน้าผากของผม เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกเลยเนี่ยว่าจะมองค้อนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กดื้อ หรือจะเขินที่ถูกพี่เขาจุ๊บที่หน้าผากดี แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้ผมทั้งเหนื่อยและง่วงจนไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดเรื่องอะไรแล้ว


“พี่ก็ฝันดีเหมือนกันนะครับ ผมเข้าบ้านแล้วนะ บ๊ายบาย” ผมโบกมือให้พี่โซ่แล้วเปิดประตูลงจากรถ จริงๆ ในตอนนี้พี่โซ่จะขับรถออกไปเลยก็ได้ แต่พี่เขาก็ยังจอดรอจนแน่ใจว่าผมเข้าบ้านอย่างปลอดภัย


เป็นแฟนที่น่ารักชะมัดเลยอะ!


“ยิ้มหน้าระรื่นเชียวนะ กลับบ้านดึกขนาดนี้ไม่คิดจะตีหน้าสลดแอ๊บสำนึกผิดหน่อยรึไง” ตอนแรกผมก็ยิ้มหน้าระรื่นอย่างที่ว่านั่นแหละ แต่พอถูก (ไอ้) พี่เพลิงพูดใส่แบบนี้ ต่อให้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ผมก็คงจะยิ้มไม่ออก!


“ทีเวลาพี่ออกไปแรดข้างนอก ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องยังไม่เห็นสำนึกผิดเลย” ผมลอยหน้าลอยตาพูด แต่ยังไม่พอหรอก นี่แน่ะ แลบลิ้นใส่ด้วย


“ไอ้น้องเวร! พูดแบบนี้เกิดเมียกูเข้าใจผิดก็ฉิบหายพอดีสิวะ!” พี่เพลิงตีหน้ายักษ์พร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ผม ก่อนจะรีบมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวงว่าพี่พายจะมาได้ยินที่ผมพูดรึเปล่า ซึ่งก็โชคดีที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพี่พายจะอยู่ในห้อง คงจะนอนไปแล้วล่ะมั้งเพราะนี่ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ แล้ว


“เกือบบ้านแตกไปแล้วมั้ยกู” พี่เพลิงถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ตรงเข้ามาหาผมแล้วใช้นิ้วจิ้มๆๆ มาที่กบาลของผมใหญ่ “แกต้องระบุลงไปด้วยโว้ยว่านั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้พี่ว่านอนสอนง่ายอยู่ในโอวาทเมียจะตาย ทุกวันนี้พูดเลยว่าแทบจะกราบเมียก่อนนอนแทนกราบพระอยู่แล้ว”


“จ้าาาาา” ผมลากเสียงยาวพลางทำหน้าแบบนางเอกดังที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้ คือพี่เพลิงนี่พูดได้เวอร์มาก แทบจะอยากมอบโล่พ่อบ้านดีเด่นแห่งปีให้เลย (ประชด!)


“แล้วเมื่อกี้นี้ใครมาส่ง รถไม่คุ้น หรือว่าธามเปลี่ยนรถใหม่?” ผมชะงักเล็กน้อยที่ถูกพี่เพลิงถามแบบนี้ แต่ผมก็ตอบกลับอย่างเป็นปกติ เพราะคิดเอาไว้แล้วอาจจะว่าจะต้องถูกใครสักคนเห็น


“เปล่าหรอก คนที่มาส่งผมเป็นพี่เลี้ยงที่ฝึกงาน”


“หืม? แค่นั้นจริงดิ? ไม่ใช่ว่าแกแอบกิ๊กกับไอ้พี่เลี้ยงนั่นหรอกนะ?” พี่เพลิงหรี่ตามองผมด้วยความสงสัย คนอะไรเซนส์แรงชะมัด!


“กิ๊กบ้ากิ๊กบออะไรกันเล่า! ผมจะไปกิ๊กกับพี่เขาได้ยังไง! อย่ามั่วดิพี่เพลิง!” ผมทำเป็นโวยวายเล่นใหญ่ แต่ว่าผมก็ไม่ได้โกหกนะ ผมไม่ได้เป็นกิ๊กกับพี่โซ่สักหน่อย เป็นแฟนกันต่างหาก


“แหม แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นขึ้น ร้อนตัวปะเนี่ยแก” อย่ามาจับผิดนักเดะ! นี่ผมชักร้อนๆ หนาวๆ แล้วนะเฮ้ย!


“ผมไม่พูดกับพี่เพลิงแล้ว!” ผมแยกเขี้ยวใส่แล้วหาทางเปลี่ยนเรื่องซะ “ว่าแต่พี่ภูล่ะ อย่าบอกนะว่านอนแล้ว ปกติเห็นนอนเกือบเช้า”


“ก็วันนี้ปกติที่ไหนล่ะ พรุ่งนี้วันหยุดของตะวัน พอกินข้าวเสร็จก็พากันเข้าห้องตั้งแต่หัวค่ำ เช้านู่นแหละมั้งถึงจะพากันออกมา” พี่เพลิงยิ้มที่มุมปาก ส่วนผมก็พยักหน้าพร้อมกับอมยิ้มหน่อยๆ เป็นอันรู้กันว่าพี่ภูกับพี่ตะวันเข้าห้องไปทำอะไร


“ว่าแต่พี่เถอะ คืนนี้ไม่พาพี่พายไป ‘ทัวร์’ ที่ไหนหรอ”


คำว่า ‘ทัวร์’ ของผมไม่ได้หมายถึงพาไปเที่ยวที่ไหนนะ แต่หมายถึงพาไปทำตรงไหนในบ้านต่างหาก พูดเลยว่าช่วงแรกๆ ผมแทบไม่กล้าลงจากห้องตอนดึกๆ เลยนะ ถึงจะหิวข้าว อยากดื่มน้ำ หรือต้องการเอาของผมก็จะตัดใจไม่ลงมา เพราะถ้าลงมา 99.99% ได้เห็นพี่เพลิงกับพี่พายเล่นหนังสดให้ดูแน่นอน


แค่เห็นครั้งเดียวที่โซฟาภาพก็ยังติดตาจนถึงทุกวันนี้!


“ถามทำไม หรือจะจดเอาไว้ไปทำตาม?”


“รู้ได้ยังไง...เอ๊ย! เรื่องแบบนั้นใครจะเอาไปทำตามกันเล่า! ผมแค่แซวเล่นเฉยๆ ต่างหาก!”


“ถามจริงว่านี่เล่นมุกหรือว่าแกหลุด?” เออ นั่นน่ะสิ ผมก็ชักไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน


“มันก็ต้องเล่นมุกแน่นอนอยู่แล้ว!” รึเปล่านะ? “ผมว่าผมไปนอนดีกว่า ตาชักจะลืมไม่ขึ้นแล้วเนี่ย ฝันดีนะพี่เพลิง” ผมพูดจบก็แกล้งทำเป็นหาวแล้วเดินขึ้นห้องไปเลย ขึ้นอยู่นานกว่านี้มีหวังได้หลุดหรือเผลอพูดอะไรแน่ๆ ผมยังไม่อยากให้เรื่องที่คบกับพี่โซ่แดงขึ้นมาตอนนี้หรอกนะ


แต่ถึงจะหวังเอาไว้แบบนั้น วันหนึ่งหลังจากที่คบกันได้ 2 อาทิตย์พวกผมก็ถูกจับได้ซะแล้ว...


วันนั้นผมมีฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนที่ร้านหมูกระทะ หลังจากกินเสร็จผมก็โทรบอกให้พี่โซ่ไปรับ จริงๆ ผมก็กะจะแวะคอนโดพี่เขาก่อนนั่นแหละ แต่พวกเพื่อนของผมเมาท์สนั่นกันนานกว่าที่คิดก็เลยยิงยาวยันเกือบปิดร้าน


แล้วประเด็นคือตอนนั้นมันก็ 5 ทุ่มกว่าๆ พี่ภูย้ำว่าอย่ากลับดึกผมก็เลยไม่กล้าแวะที่ไหน พี่โซ่ก็เข้าใจไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมอยากสวีทกับพี่เขาสักหน่อยเลยมุ้งมิ้งกันอยู่ในรถ ซึ่งก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายหรอก แค่กอด หอม จุ๊บ นิดๆ หน่อยๆ คือคิดว่ามันมืดแล้วไงคงไม่มีใครเห็น แต่ว่ามันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะ (ไอ้) พี่เพลิงดันเห็นซะเต็มตา!


ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าพี่เพลิงมาทำลับๆ ล่อๆ อะไรที่รั้วบ้าน หรือจะมาหาโลเคชั่นพาพี่พายมา ‘ทัวร์’ ก็ไม่แน่ใจ แต่เรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับการที่พี่เพลิงแหกปากเรียกชื่อผมซะดังจนคนทั้งบ้านพากันรีบออกมา แถมยังเล่าเป็นฉากๆ อีกต่างหากว่าเห็นผมกับพี่โซ่ทำอะไรกันบ้าง


เรื่องนี้ผมควรจะโทษตัวเองที่ประมาท โทษพี่โซ่ที่ไม่รู้จักติดฟิล์มดำที่รถ หรือจะโทษพี่เพลิงที่ปากมากแฉผมซะหมดเปลือกดีเนี่ย!


“เรื่องที่เพลิงพูดเราทำจริงมั้ย” พี่ภูกอดอกถามผมด้วยเสียงเย็นเยียบ


“เอ่อ...คือ...” ผมอึกอักไม่กล้าตอบ แหงล่ะ ถูกคนตั้ง 8 คนรุมล้อมแถมยังจ้องเขม็งมามันก็ต้องทำตัวไม่ถูกเป็นธรรมดา


ซึ่งตอนแรกผมก็กะจะแถอยู่หรอกเผื่อว่าจะรอด เพราะคำพูดของพี่เพลิงมีความน่าเชื่อถือต่ำจะตาย แต่พี่โซ่ก็กุมมือผมเอาไว้ ความหนักแน่นและมั่นคงพร้อมเผชิญทุกอย่างที่สัมผัสได้ มันก็ทำให้ผมเปลี่ยนใจไม่อยากหนีอีกต่อไปแล้ว


เอาวะ! เป็นไงกัน! ความรักต้องชนะอุปสรรคทุกอย่างสิน่า!


“ผมขอโทษครับ” พี่โซ่พูดออกมาก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร พี่ภูเลยปรายตาไปมองพร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้า


“ใครถามความเห็นของแก” พี่โซ่ที่ได้ยินแบบนั้นก็แอบหน้าถอดสีไป แต่ถึงอย่างนั้นพี่โซ่ก็ยังยิ้มรับไม่ได้ตอบโต้แม้แต่น้อย เป็นผมเองต่างหากที่ทนอยู่เฉยไม่ได้


“ผมกับพี่โซ่เป็นแฟนกัน จะกอด จะหอม จะจูบกันมันผิดตรงไหน ทำไมพวกพี่ต้องไม่พอใจด้วยครับ” พี่ภูคงไม่คิดแหละว่าผมจะพูดแบบนี้เลยแทบอ้าปากค้าง


“ยังมีหน้ามาถามอีกนะ! ลืมแล้วหรอว่าเมื่อ 7 ปีที่แล้วมันทำอะไรกับเราไว้บ้าง!”


“แต่นั่นมันเรื่องเข้าใจผิด! ความจริงแล้วพี่โซ่ก็รักผม!”


“แล้วแกก็เชื่อว่างั้น?”


“ครับ! ผมเชื่อ! ถ้าพี่ตะวันพูดแบบนี้พี่ภูก็ต้องเชื่อเหมือนกันจริงมั้ยล่ะครับ!” แล้วพี่ภูก็ชะงัก ก่อนจะปิดปากเงียบ ไม่พูดไม่ตอบอะไรผมทั้งนั้น พี่ธารเลยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแทน


“ต้องโดนหลอกอีกกี่ครั้งแกถึงจะจำ คำพูดของคนแบบนั้นมันเชื่อถือได้ที่ไหน เลิกกันซะก่อนที่แกจะเสียใจอีกเป็นครั้งที่สอง”


“แต่ผมไม่ได้หลอกวานะครับ ผมรักวาจริงๆ” พี่โซ่รีบแย้งออกไปทันที แต่ก็โดนพี่เพลิงสวนกลับทันควันเช่นกัน


“นี่มันเรื่องในครอบครัว คนนอกอย่างมึงอย่าเสือก!”


“คนนอกที่ไหน! พี่โซ่เป็นแฟนผมก็ต้องถือเป็นคนในครอบครัวด้วยเหมือนกัน!”


“คนในครอบครัว? ถุ้ย! ใครจะยอมรับมันกันวะ!”


“ถ้างั้นผมก็ไม่ยอมรับพี่พายเหมือนกัน!” เท่านั้นแหละพี่เพลิงก็ถึงกับชะงัก ส่วนพี่พายก็เหวอหน่อยๆ ซึ่งพวกพี่คนอื่นๆ ก็ด้วย ผิดกับพี่ซ่าที่ดันหลุดขำออกมาอยู่คนเดียว


“อุปส์! เอาแล้วววว ชักมันส์ว่ะ น้องวาแม่งเจ๋ง” แต่พอเห็นพี่ภูทำหน้าดุใส่ พี่ซ่าก็รีบแอบไปหลบอยู่หลังพี่พฤกษ์ทันที แต่เอาจริงๆ ผมว่าพี่ซ่าก็ไม่ได้กลัวอะไรมากหรอก ไม่งั้นคงไม่แอบหัวเราะต่อจนไหล่สั่นขนาดนี้


“เอ่อ...ผมว่าทุกคนใจเย็นๆ กันก่อนดีมั้ย เถียงกันแบบนี้เรื่องมันมีแต่จะยิ่งบานปลายนะ” พี่พฤกษ์ที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น ถึงแม้ดูจากสีหน้าพี่พฤกษ์ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยโอเคกับพี่โซ่สักเท่าไหร่ แต่ยังไงพี่พฤกษ์ก็เหมือนเป็นเทวดามาโปรดสำหรับผมอยู่ดี


“นี่มึงเข้าข้างไอ้เวรนั่นหรอ!” พี่เพลิงตีหน้ายักษ์ใส่


“กูบอกตอนไหนว่ากูเข้าข้างโซ่” พี่พฤกษ์ทำหน้าเหนื่อยใจ


“ก็พูดอยู่เมื่อกี้นี้ไง! งั้นไปเลยพวกมึงสองคน ไปอยู่ฝั่งนู้นแล้วเป็นศัตรูกับพวกกู!” พี่เพลิงพูดจบก็ดันพี่พฤกษ์กับพี่ซ่ามาทางนี้ ซึ่งพี่พฤกษ์ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจมาเท่าไหร่ ถ้าหากพี่ซ่าไม่ดึงไว้คงจะเดินกลับไปที่เดิมแล้วล่ะ


“เชื่อกู ดูจากโหงวเฮ้งแล้วน้องคนนี้ท่าจะเป็นคนรวย...เอ๊ย! เป็นคนดี” คำพูดของพี่ซ่าทำเอาพี่พฤกษ์ต้องกลอกตามองบน


“เมื่อไหร่มึงจะเลิกบัญญัติในพจนานุกรมว่าคนรวยเท่ากับคนดีสักที”


“เอาน่า ทฤษฎีนี้ของกูก็ถูกอยู่คนนึงอย่างมึงนี่ไง” เจอไม้นี้เข้าไปมีรึพี่พฤกษ์จะไม่ยิ้ม


“เออๆ กูจะลองเชื่อมึงดูก็ได้” และแล้วในที่สุดผมก็ได้พรรคพวกมาแล้ว 2 คน พี่เพลิงที่เห็นว่าผมเริ่มมีความหวังขึ้นมาเลยรีบเผาให้วายวอดซะ


“อย่าพึ่งได้ใจไปไอ้วา ถึงไอ้พฤกษ์กับไอ้ซ่ามันจะอยู่ข้างแก แต่แล้วไง คนอื่นใช่ว่าจะเข้าข้างแกอยู่ดี”


“ผมก็ไม่ได้ขอให้เข้าข้างนี่! พี่โซ่คบกับผมไม่ได้คบกับพวกพี่สักหน่อย!”


“วา...” พี่โซ่ปรามเมื่อเห็นผมเริ่มเสียงดัง “เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา วาต้องให้เวลาพวกพี่เขา”


“ต่อให้ทั้งชีวิตกูก็ไม่ยอมรับมึงหรอก!”


“พี่เพลิง!” ให้ตายสิ! พี่ภูว่าหัวร้อนแล้ว แต่พี่เพลิงนี่ยิ่งกว่าซะอีก ซึ่งอันที่จริงผมก็ไม่ต่างหรอก แต่ร้อนเจอร้อนได้วายวอดกันพอดี


“เอางี้นะครับ ถ้าหากมีใครเข้าข้างผมอีก อย่างน้อยก็สักครึ่งนึง พวกพี่จะยอมให้ผมคบกับพี่โซ่ต่อไปมั้ย” ผมเริ่มต่อรอง แต่ถึงจะไม่ยอมผมก็ไม่คิดจะเลิกคบกับพี่โซ่หรอก แล้วผมก็มั่นใจด้วยว่าพวกพี่ๆ ต้องไม่โหดร้ายขนาดที่จะตัดพี่ตัดน้องกับผมแน่


“ท่าทางแกจะมั่นใจว่าจะดึงใครเป็นพวกได้สินะ” พี่ธารเหยียดยิ้ม ส่วนผมก็ยักไหล่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ในใจผมคิดว่ายังไงพี่ตะวัน พี่หมอก แล้วก็พี่พายต้องยอมใจอ่อนเป็นพวกผมได้แน่ แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะคำนวณพลาด


“ถ้าเราคิดว่าจะเอาตะวันเป็นพวกก็เสียใจด้วยนะ เพราะตะวันน่ะอยู่ข้างพี่” แล้วพี่ภูก็รวบเอวของพี่ตะวันให้เข้าไปประชิดตัว


“อ๊ะ! เดี๋ยวสิครับคุณภูผา ผมยังไม่...”


“หรือคืนนี้อยากโดนลงโทษ?” เท่านั้นแหละ จากที่กำลังจะพูดอะไรออกมา พี่ตะวันก็รีบรูดซิปปิดปากทันที


“ก็ตามนี้ล่ะนะ” พี่ภูยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ


หนอย...เจ็บใจโว้ยเจ็บใจ แต่ก็เอาเถอะ ถึงจะชวดไม่ได้พี่ตะวันมาเป็นพวก แต่ผมก็ยังเหลือพี่หมอกกับพี่พายอยู่นี่นา!


“เหมือนแกจะมั่นใจว่าจะดึงหมอกเป็นพวกได้ว่างั้น?” พี่ธารที่รู้ความคิดของผมเหยียดยิ้ม จากนั้นก็ดึงพี่หมอกที่กำลังทำหน้างงๆ เข้าไปใกล้ๆ เท่านั้นยังไม่พอ พี่ธารยังโอบรอบลำคอของพี่หมอกแล้วยืดตัวขึ้นไปใกล้จนจมูกแทบจะชนกันอีกต่างหาก


“นายจะอยู่ข้างฉันใช่มั้ย?”


“อ่า...ครับ” ซึ่งพอพี่หมอกตอบรับและพยักหน้าลง พี่ธารก็มอบจูบหวานๆ เป็นรางวัลให้ทันที ขี้โกงชะมัดเลย!


“หึ!” พี่ธารยกยิ้มที่มุมปากเย้ยผม ส่วนพี่หมอกก็มองมาที่ผมพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ซึ่งพี่ตะวันก็เช่นกัน


“หวายยยย ทีนี้จะเอายังไงล่ะแก” พี่เพลิงทำหน้าเย้ยผม จากนั้นก็วาดแขนไปกอดคอพี่พายเอาไว้ “พี่รู้นะว่าแกคิดอะไร จะเอาพายเป็นพวกใช่มั้ย งั้นก็ใสเจียเสียใจนาจา พายอยู่ข้างกูเว่ย! ฮ่าๆๆๆ” แล้วพี่เพลิงก็หัวเราะร่า ผมนี่เตรียมง้างปากใส่เลยครัช! แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรพี่พายก็ดันพูดขึ้นมาซะก่อน


“เราบอกตอนไหนว่าจะอยู่ข้างนาย” ไม่พูดเปล่า พี่พายยังแกะแขนของพี่เพลิงออกไปแล้วเดินมาทางผมอีกต่างหาก “พี่อยู่ข้างวานะ”


“อ้าวเชี่ยยยยย! แหกสิแหก! หน้ากูแหกหมดแล้วเนี่ยยยยย!” ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะต้องดีใจที่พี่พายมาอยู่ข้างผมดี หรือจะสมน้ำหน้าพี่เพลิงที่แหกปากโวยวายก็ไม่รู้


“แต่ถึงพายจะอยู่ข้างแก แกก็แพ้อยู่ดีเพราะมีคนอยู่ข้างแกไม่ถึงครึ่ง!” พี่เพลิงพูดขึ้นหลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้ จะว่าไปก็จริงนั่นแหละ ตอนนี้คะแนนเสียงอยู่ที่ 3 : 5 ถ้าผมได้มาอีกคนถึงจะเสมอ


แต่ว่าผมจะไปหาอีกคนมาจากไหนล่ะ?


“พี่ช่วยวาได้นะ” และทันใดนั้นเองก็มีเสียงสวรรค์ดังขึ้นอยู่ที่ข้างหูของผม


“จริงหรอครับพี่ซ่า!” ผมรีบหันไปถามด้วยดวงตาลุกวาว แต่ก็ดูเหมือนว่าคนที่ตาลุกวาวมากกว่าจะเป็นพี่ซ่านะเนี่ย


“พี่ซ่าจะเอาเท่าไหร่” ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้นิสัยบ้าเงินของพี่ซ่าก็ไม่หายสักที ขนาดว่าตอนนี้เงินเดือนตั้งหลายหมื่น แถมพี่พฤกษ์ยังยกกระเป๋าตังให้ถืออีกด้วยนะ


“กับน้องกับนุ่งพี่ไม่เอาเงินหรอกน่า แค่แบบว่า...พี่ยังหาบัตรคอนแบล็กพิงค์ไม่ได้ ถ้าหากน้องวาพอจะหาให้พี่ได้สักใบ...”


“ผมให้ 2 ใบเอาไปดูกับพี่พฤกษ์เลยครับ!”


“โอเคงั้นดีล!” พี่ซ่าดีดนิ้วดังเป๊าะ ส่วนเรื่องที่ผมบอกผมไม่ได้พูดไปส่งๆ หรอกนะ ผมสามารถหาบัตรคอนเสิร์ตให้พี่ซ่าได้จริงๆ เพราะมีเพื่อนคนนึงในเอกของผมมันแชร์หน้าฟี้ดว่าประกาศขายพอดี เห็นว่าติดธุระต้องไปต่างจังหวัดกะทันหัน


“พี่ซ่าจะช่วยผมยังไง จะดึงใครมาเป็นพวกผมหรอครับ” บอกตามตรงเลยว่าผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะยอมย้ายข้างมา อย่างพี่ตะวันกับพี่หมอกที่ผมตั้งความหวังเอาไว้ยังไม่สามารถขัดใจพี่ภูกับพี่ธารได้เลย


“หึหึ” พี่ซ่าไม่ยอมตอบอะไรแต่กลับไปกระซิบบางอย่างที่หูของพี่พาย ซึ่งตอนแรกพี่พายก็ดูจะงงๆ และตกใจนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็แอบอมยิ้มนิดๆ และหัวเราะคิกคักกับพี่ซ่า เล่นเอาผม พี่พฤกษ์ แล้วก็พี่โซ่หันมองหน้ากันอย่างงงๆ เพราะไม่รู้ว่าสองคนนั้นกำลังหัวเราะเรื่องอะไร


“เอาตามนี้เลยนะพาย”


“อืม อย่าลืมพาเราไปเลี้ยงข้าวด้วยล่ะ” พี่พายพูดยิ้มๆ จากนั้นก็หันไปหาพี่เพลิงที่ขมวดคิ้วจ้องมองมาทางนี้อยู่พักใหญ่แล้ว


“คืนนี้อยากนอนนอกห้องหรือว่าในห้อง”


“ห้ะ?” พี่เพลิงทำหน้างง


“ถ้าอยากนอนนอกห้องคนเดียวก็ยืนอยู่ตรงนั้น แต่ถ้าอยากนอนกอดเราก็มายืนตรงนี้ เราจะนับแค่ 1 ถึง 5”


“อ้าวเชี่ย! เดี๋ยวสิพาย! เรื่องของเรามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของสองคนนั้น!”


“...1...”


“นี่มึงได้ยินกูมั้ยยยยย”


“...2...”


“ที่ร้ากกกกก ใจเย็นๆ มาคุยกันก่อนนนนน” เสียงพี่เพลิงเริ่มจะโหยหวนขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสติก็เริ่มจะแตกเพราะไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี ส่วนพี่พายก็โนสนโนแคร์นับเลขต่อไป


“...3...”


“พายยยยยย” พี่เพลิงที่เห็นท่าไม่ดีเลยทำท่าจะรีบเดินมาทางนี้ แต่พี่ภูกับพี่ธารก็รีบเรียกชื่อพี่เพลิงเอาไว้ซะก่อน


“เพลิง!!” เรียกอย่างเดียวไม่พอ ยังจ้องซะน่ากลัวด้วยอีกต่างหาก


“โว้ยยยยยย! ข้างนั้นก็เมียข้างนึงก็พี่! เอายังไงกับชีวิตดีวะเนี่ยกู!” พูดเลยว่าถ้าผมเป็นพี่เพลิงก็คงจะประสาทกินเหมือนกัน ไอ้สงสารก็สงสารล่ะน่ะ แต่ตอนนี้คนที่น่าสงสารมากกว่ามันคือผมต่างหากเล่า


“...4...”


“โอเค! จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยพาย!” จู่ๆ พี่เพลิงที่ดูเหมือนว่าจะตัดสินใจได้แล้วก็โพล่งขึ้นมา หน้าของพี่เพลิงตอนนี้ดูขึงขังและจริงจังจนผมเริ่มจะหวั่นใจเลยล่ะ


“ประกาศให้ชัดๆ ไปเลยเพลิงว่าแกยืนอยู่ข้างไหน” พี่ธารพูดจบก็ยิ้มที่มุมปากด้วยความมั่นใจ


“ได้! คนอย่างผมน่ะมีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้ว!” พอได้ยินแบบนี้ผมกับพี่พายก็เริ่มเหงื่อตก ต่างจากพี่ภูกับพี่ธารที่มั่นใจสุดๆ ว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายชนะ
แต่ปรากฏว่า...


“ผมก็ต้องยืนข้างเมียสิครัช! พายที่ร้ากกกกก คืนนี้ต้องให้กูนอนในห้องด้วยน้าาาาา” ไม่พูดเปล่า พี่เพลิงยังรีบถลามากอดพี่พายเอาไว้อีกต่างหาก
หมดกัน ‘อัณฑะพาลจอมเกรี้ยวกราด’ ในอดีต พูดเลยว่าปัจจุบันพี่เพลิงนี่มันพ่อบ้านเกลียมัว (กลัวเมีย) ชัดๆ ผมว่าผมคงต้องทำโล่พ่อบ้านดีเด่นแห่งปีให้พี่เพลิงจริงๆ แล้วนะเนี่ย


“ตอนนี้เสียงของเราก็เท่ากันแล้วนะครับ หวังว่าพี่ภูกับพี่ธารจะยอมให้ผมคบกับพี่โซ่ได้แล้วนะ” ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับก็คือ...


2BC


 :oni2: สวัสดีค่าทุกคน Trap หัวใจพ่ายรัก ก็ได้จบลงไปอีกตอนแล้ว ตอนนี้ตัวละครก็จะเยอะหน่อย บทก็จะกระจายๆ กันไป ถ้าหากใครจำตัวละครจากเรื่องก่อนๆไม่ได้ หรืออ่านแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวคงได้งงกันแน่ๆ แต่สำหรับคนที่จำได้ก็หวังว่าจะรู้สึกสนุกและชื่นชอบตอนนี้กันน้า เนื้อหาสาระไม่ค่อยมี มีแต่พี่น้องตีกันเฉยๆจ้า 55555  :laugh:
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันค่ะว่าพี่ภูกับพี่ธารจะว่ายังไง จะยอมให้น้องวาคบกับพี่โซ่แล้วรึยัง แต่ตอนหน้าก็ตอนจบแล้วนะคะ ซึ่งเราคิดว่าอาจจะลงพร้อมกันกับบทส่งท้ายเลย เพราะงั้นหลายๆคนอาจจะคิดว่าพี่ภูกับพี่ธารต้องยอมแน่ๆ แต่จะเป็นอย่างนั้นจริงๆเร้อออออ? หึหึ  o3
แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ มาลุ้นกับบทสรุปความรักของน้องวากับพี่โซ่กัน อ้อ! ส่วนวันที่ 13 ม.ค. นี้หนังสือกับ Box จะปิดจองแล้วนะคะ ยังไงก็ฝากรับหนุ่มๆไปเลี้ยงกันด้วยน้า จุ๊บๆ  :จุ๊บๆ:
(9 ม.ค. 62)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 09-01-2019 23:25:13


555. ตอนนี้พี่น้องตีกัน พร้อมบทพี่เพลิง พ่อบ้านใจกล้าอยู่ในโอวาทเมีย

หมดกันเนอะพี่เพลิง เป็นตัวตั้งตัวตีไม่ยอมรับน้องเขย สุดท้ายเปลี่ยนข้างเกือบไม่ทันนับ5

พี่ๆ ให้โซ่ได้พูดได้บอกสักหน่อยเถอะนะ. แล้วจะได้เข้าใจมากขึ้น

ให้น้องวาได้สมรักสักที


 :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:



หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-01-2019 01:28:25
ชื่อตอนนี้คือสนับสนุนเพลิงหรอ มันน่าจะเป็นภูมากกว่านะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-01-2019 10:40:23
ตำแหน่งพ่อบ้านแห่งปี มงลงที่เพลิง  :laugh:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-01-2019 23:31:52
พี่เพลิงเป็นตัวตั้งตัวตีค้านเลยไม่ใช่หรา เจอเมียเข้าไปนี่หงอกลับตัวแทบไม่ทัน55555555
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-01-2019 10:12:29
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-01-2019 11:30:48
วันนี้น้องพายแจ่มมาก 555
หมั่นไส้พี่ๆ เจ็ดปีที่ผ่านมายังเด็กกันทุกคนนั่นแหละ อย่ามัวงี่เง่าเลย
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-01-2019 09:31:04
อิพี่เพลิงจอมโพนทะนา สุดท้ายก็กลัวเมีย เปลี่ยนข้างเฉย  ชริ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 12-01-2019 09:41:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-01-2019 15:48:58
555 .. ลงตัว
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-01-2019 22:40:45
ดีงาม
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ T. Trap หัวใจพ่ายรัก 15# พ่อบ้านแห่งปี [09.01.62]
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 13-01-2019 10:27:05
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 15# ทดสอบน้องเขย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 08-02-2019 21:34:38
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 15# Wa ทดสอบน้องเขย


“พี่บอกตอนไหนว่าจะให้เราคบกับมัน”


“พี่ภู!”


“เออ พี่ก็ไม่เคยบอกแกเหมือนกัน”


“พี่ธาร!”


ผมอยากจะบ้าตาย! แบบนี้ก็ได้หรอ! ถ้าไม่ยอมรับข้อตกลงทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรก! จะปล่อยให้ผมพยายามหาพวกแทบตายทำไมตั้งนาน!


“จะดีหรอครับคุณภูผา แบบนี้ก็สงสารน้องวาออก เป็นพี่แต่แกล้งน้องมันไม่ดีนะครับ” พี่ตะวันพูดขึ้น สีหน้าแอบดุพี่ภูหน่อยๆ พี่หมอกที่เห็นด้วยเลยพูดขึ้นบ้าง


“นั่นสิ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”


“อะไรเล่า นายพูดอย่างกับว่าฉันเป็นคนใจยักษ์ใจมาร” พี่ธารบ่นอุบพลางมองค้อนพี่หมอก “ฉันเป็นห่วงวาต่างหาก ไม่อยากให้โดนคนเลวๆ หลอกอีกเป็นครั้งที่สอง”


“ใช่ ตอนนั้นวาเกือบฆ่าตัวตายเลยนะ ถ้าหากวาโดนมันหลอกซ้ำจนต้องฆ่าตัวตายอีกจะทำยังไง” แล้วทุกคนก็เงียบ ไม่มีใครตอบอะไรพี่ภูทั้งนั้น แม้แต่ผมก็ยังพูดอะไรไม่ออก แต่นั่นไม่ใช่เพราะผมไม่เชื่อใจพี่โซ่ ผมเชื่อว่าพี่เขารักผมจริงๆ ไม่ได้หลอกผมแน่นอน แต่ที่ผมพูดอะไรไม่ออกก็เพราะผมพึ่งเข้าใจว่าทำไมพี่ภูกับพี่ธารถึงได้คัดค้านจนหัวชนฝาขนาดนี้


เพราะพวกพี่เขารักและเป็นห่วงผมมากยังไงล่ะ...


“ผมสาบานด้วยชีวิตเลยครับว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง” พี่โซ่ที่หน้าเศร้าลงไปเมื่อกี้พูดขึ้นอย่างหนักแน่น สายตาที่มองตรงไปที่พี่ภูมีแต่ความจริงใจ ส่วนมือที่กุมมือของผมเอาไว้ก็มีแต่ความมั่นคง แต่ถึงอย่างนั้นพี่ภูก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้อยู่ดี


“แค่คำพูด ใครมันก็พูดได้”


“ถ้าอย่างนั้นจะให้ผมพิสูจน์แบบไหนยังไงก็ได้ ผมพร้อมยอมทำทุกอย่าง”


“ให้โอกาสพี่โซ่เถอะนะครับพี่ภู” ผมพูดเสริมก่อนจะหันไปทำตาปริบๆ ให้พี่ซ่าและพี่พาย พวกพี่เขาทั้งสองคนเลยช่วยผมขอร้องพี่ภูอีกแรง


“นะครับพี่ภู” เท่านั้นไม่พอ พวกพี่เขายังมีการใช้ศอกกระทุ้งพี่พฤกษ์กับพี่เพลิงให้มาช่วยกันอีกต่างหาก ซึ่งพี่พฤกษ์ก็ยอมทำตามแต่โดยดี แต่พี่เพลิงเนี่ยก็แอบบ่นแอบสบถออกมาหน่อยๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ท้ายที่สุดก็ยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ (สมแล้วที่เป็นพ่อบ้านแห่งปี)


“ยอมๆ ไปเหอะพี่ภู ไว้ตอนที่มันออกลายพวกเราค่อยยำตีนสั่งสอนแม่งก็ได้ ส่วนไอ้วา เดี๋ยวผมนี่แหละจะเป็นแกนนำสมน้ำหน้ามันเอง” ให้ตาย! พูดแบบนี้นี่ผมควรจะขอบคุณไอ้พี่เพลิงดีมั้ยเนี่ย!


“การให้โอกาสคนเป็นสิ่งที่ดีนะครับ คุณภูผายังจำตอนที่ขอโอกาสจากผมได้รึเปล่า” พี่ตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น ถึงจะไม่ได้ทำหน้าดุอะไร แต่คนที่เคยทำผิดต่อพี่ตะวันอย่างพี่ภูก็มีจุกเหมือนกัน


“จำได้สิ” แหม...เสียงอ่อยเชียวนะ พี่ภูคนที่เสียงแข็งเมื่อกี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ถึงจะจุกที่โดนพี่ตะวันพูดแบบนั้นพี่ภูก็ยังไม่ยอมถอยง่ายๆ เพราะได้แอบส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากพี่ธาร


“เอางี้แล้วกัน ที่ตะวันพูดก็ถูก การให้โอกาสคนมันก็เป็นสิ่งที่ดี” ตอนแรกที่ได้ยินแบบนี้ผมก็ดีใจอยู่หรอก แต่พอเห็นรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย ผมก็ชักหวั่นๆ แล้วว่าพี่ธารจะต้องมีแผนร้ายหรือวางกับดักเอาไว้แน่ๆ


“แกจะให้โอกาสมันยังไง”


“หึหึ ก็ไม่มีอะไรมาก ถ้าโซ่สามารถผ่านการทดสอบจากพวกเราทั้ง 4 คนได้ ก็ถือว่าโซ่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเขยของบ้านหลังนี้”


แล้วพี่ธารก็อธิบายต่อว่า พี่โซ่จะต้องแข่งกับพวกพี่ๆ ของผมทั้ง 4 คนแบบ 1:1 กติกาการแข่งก็แล้วแต่เลยว่าพวกพี่ของผมจะตั้งอะไร พี่โซ่ไม่มีสิทธิ์เลือกและไม่มีสิทธิ์ออกเสียง แต่ต้องชนะให้ได้ทุกคน หากแพ้ให้พี่ผมคนใดคนหนึ่งก็จะถือว่าไม่ผ่านการทดสอบ


“โคตรโกง! โคตรไม่แฟร์! โคตรไม่ยุติธรรม! นี่มันให้โอกาสตรงไหน! แบบนี้พี่โซ่ก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่งน่ะสิครับ!” ยังไงพวกพี่ๆ ของผมก็ต้องแข่งเรื่องที่ตัวเองถนัดทั้งนั้น แถมยังต้องชนะทุกคนด้วยอีก แล้วอย่างนี้พี่โซ่จะเอาอะไรไปสู้กันเล่า!


“โกงหรอ? โกงตรงไหน? แข่งกัน 1:1 ยุติธรรมจะตาย แต่ถ้าแกคิดว่าโกงจะไม่รับโอกาสนี้ก็ได้นะ อ้อ แต่บอกไว้ก่อนว่านี่เป็นโอกาสครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย” พี่ธารยักไหล่พลางยิ้มที่มุมปาก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรพี่โซ่ก็ตอบรับข้อเสนอไปซะแล้ว


“ตกลงครับ ผมรับข้อเสนอ”


“พี่โซ่! แต่ผมว่า...”


“พี่จะทำทุกอย่าง แล้วก็จะพยายามสุดความสามารถ วาเชื่อในตัวพี่นะครับ” พี่โซ่กันมายิ้มให้ผมพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้แน่น คือผมก็เชื่อนะว่าพี่โซ่จะทำทุกอย่างและจะพยายามสุดความสามารถ แต่เรื่องที่จะเอาชนะพวกพี่ๆ ของผมทุกคนได้นั้นโอกาสมันน้อยซะยิ่งกว่าน้อยอีก


“โฮ่! ดูท่ามึงจะมั่นใจมากเลยนะ มาต่อยกับกูสักยกเป็นไง ใครนอนใต้ตีนก่อนแพ้!” ไอ้พี่เพลิงไม่รู้ผีเข้ารึไงจู่ๆ ถึงได้บ้าขึ้นมา แถมยังทำท่าจะพุ่งเข้าใส่พี่โซ่ด้วยนะ ดีที่พี่พายจับพี่เพลิงไว้ทันไม่งั้นนี่ไม่อยากคิดต่อเล้ยยยย


“เราชอบคนใช้สมองมากกว่ากำลังนะเพลิง” พอเห็นพี่พายกอดอกทำหน้าดุหูก็ลู่หางก็ตกอย่างไว ฮ่าๆๆๆ สาแก่ใจจริงๆ ทีนี้จะได้เลิกห้าวสักที แต่จะว่าไป พอเห็นพี่เพลิงอยู่ในโอวาทพี่พายแบบนี้ ผมก็ปิ๊งไอเดียที่จะช่วยพี่โซ่ได้ขึ้นมา


“เพื่อความยุติธรรม ผมขอเปลี่ยนกติกานิดนึง ทุกอย่างเหมือนเดิมยกเว้นคนที่พี่โซ่ต้องแข่งด้วย”


“แกหมายความว่าไง?” ไม่ใช่แค่พี่ธารที่สงสัย เพราะทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็สงสัยเหมือนกันทั้งนั้น ผมจึงยิ้มออกมาก่อนจะเฉลยให้ฟัง


“คนที่แข่งกับพี่โซ่ต้องเป็นพี่ตะวัน พี่หมอก พี่ซ่า แล้วก็พี่พาย นี่เป็นบททดสอบพี่โซ่ว่าเหมาะจะเป็นเขยของบ้านนี้มั้ย เพราะงั้นก็ต้องให้เขยกับสะใภ้ของบ้านเป็นคนทดสอบสิถูกมั้ยครับ” พอได้ยินแบบนั้นพี่ธารก็รีบแย้งขึ้นมาทันที


“ถ้าแข่งกับพวกนั้น...!”


“แล้วทำไมครับพี่ธาร? หรือแข่งกับพวกพี่ตะวันพี่โซ่จะมีโอกาสชนะมากกว่า? ถ้าอย่างนั้นพี่ธารก็ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่ากติกาที่พี่บอกตั้งแต่แรกน่ะมันโกง พี่โซ่โคตรจะเสียเปรียบเลย” พี่ธารที่โดนผมไล่ต้อนแบบนี้ก็ถึงกับไม่เป็น ได้แต่จิ๊ปากทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเดียวเท่านั้น


“ยอมน้องวาเถอะธาร อย่าโหดนักเลย ผมว่าพี่โซ่ก็ดูไม่ใช่คนเลวร้าย ไม่สิ...ผมว่าก็ดูเป็นคนดีแล้วก็รักน้องวาจริงๆ นะ” พี่หมอกที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น พี่ธารถึงค่อยใจอ่อนยอมลงให้ผมได้สักที


“โอเคๆ ฉันยอมก็ได้ แต่นายต้องรับปากนะว่าจะแข่งกับโซ่เต็มที่ ห้ามอ่อนข้อแกล้งแพ้ให้เด็ดขาด”


“ได้เลยครับผม” แล้วพี่หมอกก็จุ๊บที่ขมับของพี่ธารไปหนึ่งที ผมนี่อยากจะกลอกตาวน 360 องศาจริงๆ เวลาแบบนี้ยังมีอารมณ์หวานกันได้อีกนะ


“ตอนนี้พี่ธารยอมแล้ว พี่ภูคงไม่มีปัญหาใช่มั้ยครับ” พี่ภูไม่ตอบอะไรแต่ก็ทำหน้าประมาณว่าช่วยไม่ได้ ส่วนพี่พฤกษ์กับพี่เพลิงผมคงไม่ต้องถาม สองคนนั้นน่ะอยู่ข้างเมียแน่นอนอยู่แล้ว


พอไม่มีใครคัดค้านอะไร การแข่งขันเพื่อทดสอบพี่โซ่ก็เริ่มต้นขึ้นทันที ซึ่งอันที่จริงผมก็ไม่คิดหรอกว่าจะแข่งกันวันนี้และเดี๋ยวนี้ เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว ไม่คิดจะพักผ่อนนอนหลับกันบ้างรึไงก็ไม่รู้


ยกที่ 1 เป็นการแข่งขันระหว่างพี่โซ่กับพี่ตะวัน หัวข้อการแข่งขันก็คือทำอาหาร ซึ่งพี่ตะวันก็เลือกเมนูง่ายๆ อย่างไข่เจียว ส่วนผู้ตัดสินก็จะเป็นทุกคนที่เหลือยกเว้นผม ถึงพี่ภูจะอ้างว่าเพราะอยากให้คนตัดสินเป็นเลขคี่ เพื่อที่คะแนนออกมาจะได้ไม่ต้องมีเสมอ แต่เฮอะ! คิดว่าผมไม่รู้รึไงว่านั่นเป็นการจงใจตัดคะแนนของพี่โซ่!


“ตะวันนะตะวัน ทำไมไม่ยอมกำหนดเมนูยากๆ ก็ไม่รู้” พี่ธารบ่นอุบโดยมีพี่ภูพยักหน้าเห็นด้วย ผิดกับผมที่แอบพนมมือแล้วไหว้ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง


“นี่มันก็ดึกมากแล้ว ขืนผมกำหนดเมนูยากๆ ที่ต้องทำนานๆ กว่าโซ่จะแข่งกับทุกคนเสร็จคงได้โต้รุ่งกันพอดี”


“เข้าใจอ้างเหตุผลนะ” พี่ธารจิกตาใส่เบาๆ ส่วนพี่ตะวันก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่อมยิ้มหน่อยๆ แล้วก็พาพี่โซ่เข้าไปในครัว


“สู้ๆ นะครับ” ผมให้กำลังใจพี่โซ่ ก่อนจะเดินไปนั่งรวมกับพวกพี่ๆ ที่โซฟา เรื่องเข้าครัวทำอาหารผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่หรอก เพราะพี่โซ่ก็เข้าครัวบ่อยแถมฝีมือก็ใช้ได้อยู่ แต่ก็แน่นอนว่าคงสู้พี่ตะวันที่ฝีมือขั้นเทพไม่ได้ ถึงอย่างนั้นผมก็หวังว่าพี่ตะวันจะออมมือให้จนพี่โซ่ชนะล่ะนะ


เกือบ 10 นาทีหลังจากที่พี่ตะวันกับพี่โซ่เข้าครัว ทั้งสองคนก็ถือจานไข่เจียวที่ส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอมาวางไว้ที่โต๊ะอาหาร แต่ว่ามองจากที่ไกลๆ ไม่มีใครมองเห็นหรอกนะว่าใครถือจานไหน เมื่อทุกคนชิมและลงคะแนนเสร็จค่อยพลิกดูเฉลยที่ใต้จาน ซึ่งหลังจากที่ลองชิม...


ทุกคนต่างก็เทใจให้จานเดียวอย่างเป็นเอกฉันท์! ไม่มีเสียงแตกเลยแม้แต่หนึ่งเสียง!


ถามว่าจานนั้นมันอร่อยเวอร์วังจนต้องหลังน้ำตา?


เปล่า! รสชาติก็ธรรมดาทั่วไป แต่อีกจานนี่ไม่ไหวจะเคลียร์ เพราะมันหวานเลี่ยนจนผมคิดว่ารถขนน้ำตาลมาคว่ำใส่จาน!


“เอ๊ะ? แปลกจัง? หวานหรอ? หรือผมจะง่วงจนเบลอเลยมองกระปุกน้ำตาลเป็นกระปุกเกลือกันนะ?” พี่ตะวันพูดขึ้นด้วยท่าทางงงๆ อ๊องๆ เล่นเอาทุกคนถึงกับเหวอ เพราะไม่คิดว่าคนที่ทำไข่เจียวจานนี้จะเป็นพี่ตะวัน


“นี่นายจงใจช่วยมันใช่มั้ย!” พี่ภูขึ้นเสียง แต่พอเห็นพี่ตะวันทำหน้าหงอยๆ พลางส่ายหน้าไปมา แถมยังช้อนตาขึ้นมองปริบๆ น้ำเสียงที่แข็งๆ เมื่อกี้ก็อ่อนยวบลงไปเลย


“คุณภูผาไม่เชื่อที่ผมพูดหรอครับ”


“ปะ...เปล่า เชื่อสิเชื่อ”


“ถ้างั้นการที่พี่โซ่แข่งชนะพี่ตะวันครั้งนี้ พี่ภูก็ไม่มีอะไรคัดค้านใช่มั้ยครับ” ผมพูดแทรกขึ้นพร้อมกับอมยิ้มจนแก้มแทบแตก


“เออ!” พี่ภูพูดอย่างเซ็งๆ และไม่สบอารมณ์ “แต่อย่าพึ่งได้ใจไปล่ะ ยังเหลือหมอก ซ่า แล้วก็พาย เอาชนะทั้ง 3 คนให้ได้ก็แล้วกัน”


“คร้าบบบบบ” ผมตอบอย่างลั้นลา ขนาดพี่ตะวันที่ปกติจะว่านอนสอนง่ายอยู่ในโอวาทพี่ภูยังแอบก่อกบฏ แล้วพี่หมอก พี่ซ่า พี่พายจะเหลือหรอ ผมคิดว่ายังไงพวกพี่เขาก็ต้องช่วยผมแน่ๆ ซึ่งผมก็คิดถูก!


ยกที่ 2 เป็นการแข่งขันระหว่างพี่โซ่กับพี่หมอก หัวข้อการแข่งขันคือการงัดข้อ เพราะมันง่ายไม่ต้องเตรียมการให้ยุ่งยากวุ่นวาย ซึ่งเวลาที่ใช้ในการแข่งก็สั้นจนน่าใจหาย เพราะเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีก็ตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว!


“หมอก! ฉันจำไม่เห็นได้เลยว่านายแรงน้อยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”


“ก็คงตั้งแต่เมื่อคืนมั้งธาร ผมอุ้มคุณเกือบทั้งคืนเลยนะ จำไม่ได้หรอ” พอได้ยินพี่หมอกพูดแบบนั้นพี่ธารก็ถึงกับชะงัก จากนั้นแก้มขาวๆ ก็มีเลือดฝาดขึ้นมาจนแดงระเรื่อ แต่เชื่อมะ พี่ธารแค่นึกถึงฉากเลิฟซีนเมื่อคืน ไม่ได้เขินที่ถูกผมแซวหรอก


“อื้อหือ เล่นท่ายากไม่เบานะพี่” ประโยคนี้ผมไม่ได้เป็นคนพูดนะ คนที่พูดน่ะนู่นนนน พี่เพลิงเลย


“ก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นี่ ท่าทั่วไปใครๆ ก็ทำกัน” พี่ธารยักไหล่ ซึ่งก่อนที่ทั้งสองคนจะคุยกันไปไกลกว่านั้น ผมเลยพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่หน้าและหูจะร้อนไปมากกว่านี้


“อะแฮ่ม! เรื่องบนเตียงไว้ค่อยไปคุยกันนอกรอบเนอะ ส่วนการแข่งรอบนี้พี่โซ่ก็ชนะพี่หมอกไปนะคร้าบบบ” แล้วพี่ธารก็ทำหน้าเซ็งขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ว่าหรือแย้งอะไร เพราะงั้นการแข่งขันรอบต่อไปจึงได้เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


ยกที่ 3 เป็นการแข่งขันระหว่างพี่โซ่กับพี่ซ่า ซึ่งโจทย์การแข่งขันก็ง่ายแสนง่าย เพราะพี่ซ่าบอกว่าจะถามพี่โซ่แค่ 1 คำถามง่ายๆ แต่ให้ตอบได้ครั้งเดียว ถ้าตอบถูกก็ถือว่าชนะไปเลย


“คำถามก็คือ...อะไรคือสิ่งที่พี่ชอบมากที่สุด” โอ้โห! ถ้าจะถามคำถามแบบนี้ให้พี่โซ่ชนะไปเลยก็ได้ครับพี่ซ่า!


“มันไม่ง่ายไปหน่อยหรอสาดดดดด” พี่เพลิงออกปากประท้วง โดยมีพี่ภูกับพี่ธารพยักหน้าเห็นด้วย


“ใช่ พี่ว่ามันง่ายไปหน่อยนะ มองจากดวงจันทร์ลงมายังรู้เลยว่าซ่าชอบอะไร”


“นั่นสิ เรื่องแบบนี้มีใครไม่รู้ด้วยหรอ”


“แต่ผมว่าอาจจะมีนะครับ” พี่พฤกษ์ที่ยืนเงียบๆ เอาแต่ฟังอย่างเดียวมานานพูดขึ้น ซึ่งตอนแรกผมก็หัวเราะอยู่แหละว่าคนแบบนั้นมันจะมีได้ยังไง แต่พอหันไปมองข้างตัวแล้วเห็นพี่โซ่ทำหน้างงๆ พลางขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม ผมก็เริ่มเห็นลางหายนะปรากฏขึ้นมา


“จริงสิ! ไอ้โซ่มันไม่เคยสุงสิงกับไอ้ซ่านี่หว่า ฮ่าๆๆๆ ฉิบหายแล้วมึง” พี่เพลิงหัวเราะร่าอย่างสะใจใส่ผม ให้ตายสิ ไอ้พี่บ้านี่จะหมั่นไส้อะไรพี่โซ่นักหนาก็ไม่รู้


“พี่โซ่ครับ คือ...”


“หยุดเดี๋ยวนี้นะวา! ถ้าแกบอกคำตอบโซ่พี่จะปรับให้โซ่แพ้ทันที!” พี่ธารโพล่งเสียงดังแถมยังทำหน้าดุใส่ แล้วอย่างนี้ผมจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องรูดซิปปากให้สนิทเท่านั้นน่ะสิ


“พี่ให้เวลาคิด 1 นาที คิดดีๆ ก่อนตอบนะน้องโซ่” พี่ซ่าพูดขึ้น ดูจากสีหน้าก็รู้แหละว่าพยายามช่วยผมเต็มที่แล้ว แต่ก็คงจะลืมคิดไปว่าพี่โซ่ที่พึ่งเคยเจอกันครั้งแรกจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แล้วแบบนี้พี่โซ่จะตอบคำถามถูกมั้ยล่ะเนี่ย


“เหลืออีก 30 วิ” พี่ภูที่จ้องนาฬิกาจับเวลาพูดขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้พี่โซ่ทำหน้าคิดหนักและกดดันมากขึ้นไปอีก


“อีก 10 วินาทีสุดท้าย” ตอนที่พูดประโยคนี้พี่ภูนี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ตรงข้ามกับผมและพี่โซ่คนละขั้ว จนกระทั่ง 5 วินาทีสุดท้ายพี่ภูก็เริ่มนับถอยหลัง


“5...4...3...2...1...”


“พี่พฤกษ์”


“หืม?” พี่ซ่าทำหน้างง


“ที่พี่ซ่าชอบที่สุดก็ต้องเป็นพี่พฤกษ์ ผมพูดถูกมั้ยครับ”


“หา? อะ...เอ่อ...” พี่ซ่าถึงกับอ๊องไปชั่วขณะ ส่วนผมกับพวกพี่ๆ คนอื่นๆ ก็มีอาการไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ยกเว้นก็แค่พี่พฤกษ์คนเดียวเท่านั้น


“จะอึกอักทำไมล่ะ โซ่ก็ตอบถูกแล้วนี่ หรือว่ามีอะไรที่มึงชอบมากกว่ากู?” พี่พฤกษ์พูดพลางขมวดคิ้วหน่อยๆ พี่ซ่าที่เห็นแบบนั้นเลยหัวเราะออกมาแบบโคตรจะเฟคสุดๆ


“ฮ่าๆๆๆ มันจะไปมีได้ยังไง กูก็ต้องชอบมึงที่สุดอยู่แล้ว เพราะงั้นคำตอบข้อนี้น้องโซ่ก็ตอบถูกนาจา!” พี่ซ่ายิ้มหวานแล้วตรงเข้าไปกอดแขนพี่พฤกษ์ ผมและคนอื่นๆ จึงหัวเราะตามโดยไม่มีใครคัดค้านเพราะกลัวครอบครัวจะร้าวฉาน


 จะให้พี่พฤกษ์รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าพี่ซ่าตั้งใจจะเฉลยว่าเงิน!


“เอาล่ะ ต่อไปก็ตาพาย คิดเอาไว้แล้วใช่มั้ยว่าจะแข่งอะไร ถ้างั้นก็รีบบอกน้องโซ่ไปเลย” พี่ซ่าที่เหงื่อแตกพลั่กรีบโยนไม้ต่อไปให้พี่พาย


“เอ่อ...อื้ม เราคิดไว้แล้ว” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมฟันธงเลยว่าพี่พายยังไม่ได้คิดเอาไว้ชัวร์ เพราะงั้นหวยเลยออกที่การแข่งขันง่ายๆ อย่างการจ้องตา
กติกาก็ไม่มีอะไรมาก แค่ให้พี่โซ่กับพี่พายมานั่งตรงข้ามแล้วจ้องตากัน ใครกะพริบตาก่อนคนนั้นแพ้แค่นั้นเลย


“แน่ใจนะพายว่ามึงเซียนเกมนี้?” พี่เพลิงถามย้ำพลางขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยมั่นใจ


“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่นี่เป็นเกมเดียวที่เราเคยเล่นกับเพื่อนน่ะ” พี่พายตอบเสียงอ่อย ท่าทางเรื่องที่พี่พายเป็นคนมีเพื่อนน้อยคงจะจริงนะเนี่ย


“แล้วมึงเคยแพ้เกมนี้สักครั้งมั้ย”


“ก็...ไม่เคยนะ” พอได้ยินแบบนี้เท่านั้นแหละ ไฟในตัวของพี่เพลิงก็ลุกโชนขึ้นมาทันที (แต่พี่เพลิงหารู้ไม่ ที่พี่พายบอกว่าไม่เคยแข่งแพ้ เป็นเพราะว่าเคยแข่งจ้องตากับเพื่อนแค่ครั้งเดียวนั่นแหละ!)


“โอเคงั้นจัดไป! จ้องมันให้นานที่สุดนะที่รัก เอาให้มันแสบตากับออร่าความสวยของมึงไปเลย!” เอาแล้วไง จากที่ผมเคยคิดว่าแข่งครั้งนี้หมูๆ มันก็อาจจะไม่หมูซะแล้ว


“ไฟท์ติ้งนะครับพี่โซ่” ผมชูกำปั้นขึ้น ซึ่งก็ได้รอยยิ้มที่บ่งบอกว่าพร้อมสู้ไม่ถอยกลับมา ศึกครั้งนี้ก็ต้องมาลุ้นกันแล้วว่า ระหว่างพี่โซ่กับพี่พายใครจะเป็นฝ่ายชนะ!


“จะนับแล้วนะ 3...2...1...เริ่มได้!” พอพี่เพลิงให้สัญญาณ พี่โซ่กับพี่พายต่างก็จ้องตากันอย่างเอาจริงเอาจังทันที ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ชักใจคอไม่ดี กลัวว่าการแข่งครั้งนี้พี่โซ่จะแพ้เพราะพี่พายดูตั้งใจมาก แต่แล้วมันก็ผิดคาด เพราะทันทีที่พี่โซ่ยิ้ม...


“อ๊า!” พี่พายกลับร้องขึ้นมาแล้วหลับตาลงพร้อมกับหันหน้าหนี ทำเอาผมและพวกพี่ๆ พากันตกใจไปตามๆ กัน


“เป็นอะไรไปน่ะพาย!” พี่เพลิงรีบพุ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง แต่พอได้ยินคำตอบจากพี่พายเท่านั้นแหละ จากความเป็นห่วงก็เปลี่ยนไปกลายเป็นความโมโหจนไฟลุกท่วมตัว


“น้องโซ่หล่อเกินไป ยิ่งยิ้มให้แบบนี้เราก็ใจละลายน่ะสิเพลิง” พูดอย่างเดียวไม่พอ พี่พายยังทำท่าเขินสุดๆ อีกต่างหาก ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าใช่มุก พี่พายดูท่าทางจะเขินพี่โซ่จริงๆ นะเนี่ย


“พาย!” ส่วนพี่เพลิงก็ดูท่าทางจะโกรธพี่พายจริงๆเหมือนกัน เพราะหลังจากนั้นก็ฉุดพี่พายให้ลุกขึ้นแล้วลากไปบนห้องทันที


“ขอไปเคลียร์กับเมียแป๊บ!” ถึงจะพูดว่าแป๊บก็เถอะ แต่เชื่อเถอะว่ายาวววววววยันเช้าแน่ๆ


“เอ่อ...สรุปว่าเมื่อกี้พี่โซ่ก็ชนะพี่พายไปใช่มั้ยครับ” ผมถามความเห็นจากทุกคนหลังจากที่พากันนิ่งอยู่พักหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่ผมถามก็ยังพากันงงๆ อยู่เลย


“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นนั่นแหละน้องวา” พี่ซ่าตอบผมโดยมีพี่พฤกษ์ยืนพยักหน้าอยู่ข้างๆ ผมจึงหันไปหาพี่ธารว่าคิดเห็นยังไง


“ช่วยไม่ได้ ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่โซ่ก็ชนะพายจริงๆ ล่ะนะ”


“แล้วพี่ภูละครับ?” ผมหันไปถามพี่ภูต่อ โดยที่ลุ้นด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าจะได้รับคำตอบแบบไหน


ซึ่ง...


“เออ โซ่ชนะ สมใจแล้วล่ะสิ” พี่ภูพูดด้วยสีหน้าสุดเซ็ง ต่างจากผมที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจแล้วรีบพุ่งเข้าไปกอดพี่โซ่


“ไชโย!!” ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดี พี่โซ่สามารถฝ่าด่านสุดหินจากพวกพี่ๆ ของผมได้สำเร็จแล้ว!


“ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสผม ขอบคุณจริงๆ ครับ” พี่โซ่หันไปมองพี่ภูด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างท่วมท้น แน่นอนว่าพี่ภูกับทุกคนนั้นก็รับรู้ได้


“เออ แต่ถ้าวันไหนแกทำวาร้องไห้ วันนั้นก็จะเป็นวันตายของแก จำไว้!” แต่พี่ภูก็ยังเป็นพี่ภู ถึงแม้จะยอมรับพี่โซ่แล้ว (นิดนึง) แต่ก็ยังวางฟอร์มทำเป็นเข้มด้วยใบหน้าดุๆ เช่นเดิม ส่วนทางด้านพี่ธาร ก็กำลังทำหน้าไม่ต่างกับพี่ภูสักเท่าไหร่


แต่ก็เอาเถอะ ถึงแม้ตอนนี้พวกพี่ๆ ของผมอาจจะยังไม่ค่อยยอมรับในตัวของพี่โซ่ แต่ผมเชื่อว่าในอนาคตพวกพี่เขาต้องยอมรับอย่างหมดใจ แล้วก็ต้องรักคนดีๆ อย่างพี่โซ่เหมือนที่ผมรักอย่างแน่นอน


ผมขอเอาหัวใจเป็นประกันเลยเอ้า!


2BC


(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 08-02-2019 21:35:28
บทส่งท้าย


   “เฮ้อออออ เสร็จสักที!” ผมพูดจบก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน


ตอนนี้ผมทั้งเหนื่อยแล้วก็เมื่อยตัวสุดๆ เพราะตั้งแต่เช้าผมต้องขนของเข้าห้องแล้วก็จัดให้เข้าที่ กว่าจะเสร็จเรียบร้อยดีก็ปาเข้าไปเกือบหัวค่ำ


   “เมื่อยมั้ย ปวดตรงไหนรึเปล่า เดี๋ยวพี่นวดให้” ถึงจะบอกว่าเดี๋ยว แต่พี่โซ่ก็นั่งลงบนเตียงแล้วนวดที่ไหล่ของผมให้ซะแล้ว


“อื้ม...พี่โซ่...ดีจังครับ...” แรงบีบที่กำลังพอดีไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อของผมที่มันปวดเมื่อยดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “พี่นี่เก่งไปซะทุกเรื่องเลยนะครับ”


“วาก็พูดเกินไป เก่งทุกเรื่องที่ไหน ยังมีตั้งหลายเรื่องที่พี่ทำไม่ได้”


“แต่แค่เอาชนะใจพวกพี่ๆ ของผมได้ก็ถือว่าเก่งสุดยอดแล้วล่ะครับ”


การจะทำให้พวกพี่ๆ ของผมรู้สึกโอเคว่ายากแล้ว แต่การจะทำให้ชอบจากที่รู้สึกติดลบมันยากมากกว่าหลายเท่าเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นพี่โซ่ยังใช้เวลาแค่เพียง 3 เดือนเท่านั้นเอง พูดเลยว่าตอนนี้พวกพี่ๆ ของผมแทบจะรักพี่โซ่มากกว่าผมด้วยซ้ำแล้วเนี่ย แถมคนที่เป็นแกนนำคะยั้นคะยอให้พี่โซ่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านยังเป็นพี่ภูด้วยอีกต่างหาก


ใช่ครับ ทุกคนฟังไม่ผิดหรอก คนที่เป็นคนชวนให้พี่โซ่มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ก็คือพี่ภูที่เคยเกลียดพี่โซ่จนเข้าไส้นั่นแหละ!


“ว่าแต่พี่โซ่เมื่อยมั้ยครับ ของหนักๆ เอาไปยกคนเดียวเลยนี่นา มาครับมา เดี๋ยวผมนวดให้พี่โซ่บ้างดีกว่า” ผมพูดจบก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะนวดให้ แต่จังหวะที่ดันพี่เขาลงไป ผมกลับถูกกอดที่เอวเอาไว้จนต้องลงไปนอนด้วยกัน ตอนนี้ตัวของผมนั้นอยู่บนตัวของพี่โซ่อีกที


“เปลี่ยนจากนวดเป็นนาบดีกว่านะ” พี่โซ่ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วยื่นหน้ามาจุ๊บที่ริมฝีปากของผมเบาๆ ดูพูดแล้วก็ทำเข้า เขินไปตามระเบียบสิผม ถึงจะคบกันมานานเกือบปีแต่ถ้าถูกพี่โซ่พูดแบบนี้ผมก็เขินทุกรอบนั่นแหละ


“ทะลึ่งแล้วพี่”


“แล้วชอบมั้ยล่ะ”


“ไม่ชอบครับ แต่รักมากกกกกกกก” หลังจากที่ลากเสียงยาวเพื่อให้รู้ว่ารักแค่ไหน ผมก็ก้มหน้าลงไปจุ๊บที่ริมฝีปากของพี่โซ่ด้วย จูบมาจูบกลับไม่โกง


ซึ่งขณะที่กำลังมุ้งมิ้งกันอยู่นั้น ผมกับพี่โซ่หารู้ไม่ว่าได้มีใครคนหนึ่งกำลังยืนกอดอกพิงประตูห้องอยู่ด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ


“กับพี่นี่เสียงแข็งยังกะสาก แต่กับผัวนี่เสียงอ้อนเสียงหวานเชียวนะแก” แน่นอนว่าคำพูดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...


“พี่เพลิง! จะเข้าห้องผมทำไมไม่รู้จักเคาะประตู!” ผมแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับรีบลุกขึ้นจากตัวของพี่โซ่ ส่วนพี่โซ่ก็ลุกขึ้นตามด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ


“ก่อนจะแว้ดๆๆ แกช่วยแหกตาดูด้วยว่าได้ปิดประตูมั้ย แหม่! กูอยากดูตาย!” พอพี่เพลิงพูดแบบนี้ผมก็เลยนึกออกว่าไม่ได้ปิดประตูจริงๆ อายสิผมทีนี้ เปลี่ยนเรื่องพูดไปเลยแล้วกัน


“แล้วนี่พี่เพลิงขึ้นมาหาผมที่ห้องทำไม”


“ตะวันอยากได้ลูกมือช่วยทำอาหาร แกไปช่วยหน่อยไป”


“ถ้างั้นเดี๋ยวผมช่วยก็แล้วกัน” พี่โซ่อาสา


“ให้ไอ้วาไปนั่นแหละ ส่วนมึงน่ะตามกูมา บอสจะเกิดแล้วไปเป็นแทงค์ชนบอสให้หน่อย” แล้วพี่เพลิงก็กอดคอของพี่โซ่พาเดินลงไปข้างล่าง โดยไม่มองหรือสนใจผมที่อยู่ในห้องด้วยเลยสักนิด หลังๆ มานี้พี่เพลิงพูดกับพี่โซ่มากกว่าผมด้วยซ้ำล่ะมั้ง


ถามว่าสองคนนี้ไปซี้กันได้ยังไง?


เกมครับเกม เพราะเกมตัวเดียวเลยครับ!


คืองี้ มีวันนึงที่พี่โซ่มารับผมที่บ้านแต่ผมตื่นสาย พี่โซ่เลยเล่นเกมในมือถือเพื่อฆ่าเวลา จังหวะนั้นพี่เพลิงมาเห็นพอดี แถมตัวละครของพี่โซ่นั้นโคตรเทพก็เลยชวนเข้ากิลด์แล้วจัดปาร์ตี้ล่าบอสซะเลย ซึ่งในปาร์ตี้นอกจากจะมีพี่เพลิงก็ยังมีพี่หมอกกับพี่ซ่าด้วย ถ้า 4 คนนี้รวมตัวกันเมื่อไหร่พูดเลยว่าบ้านแทบแตก!


“แตกกูแตก! ชุบกูเร็วโว้ยหมอก!” ผมขอมอบตำแหน่งจอมโวยวายอันดับหนึ่งให้พี่เพลิงไปเลย


“บอสใบ้ผม! แป๊บครับพี่เพลิง!”


“เชี่ยๆๆ กูก็จะแตก! โซ่ดึงบอสไว้อย่าให้หลุดมาทางนี้นะเว่ย!” ส่วนพี่ซ่าผมขอยกให้เป็นจอมโวยวายอันดับสอง


“ผมดึงบอสไว้อยู่! น่าจะยืนได้อีกสักพัก!”


บทสนทนาของทั้ง 4 คนก็จะประมาณนี้วนไปจนกว่าจะแยกย้ายไปทำอย่างอื่น ซึ่งผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนักหรอก แต่เห็นพวกพี่เขาเข้ากับพี่โซ่ได้ดีผมก็ดีใจแล้ว คือเข้ากันได้ดีมากจนพี่เพลิงกับพี่ซ่าบอกให้พี่โซ่เลิกเรียกตัวเองว่าพี่เลยอะคิดดู ก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นยังทำตัวเป็นเด็กหรือพี่โซ่นั้นเป็นผู้ใหญ่ล่ะนะ


ส่วนถ้าถามว่าเรื่องอะไรที่ทำให้พี่โซ่เอาชนะใจพี่ภูกับพี่ธารได้ ก็คงจะเป็นความดี การดูแลเอาใจใส่ผมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แล้วก็ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถทำได้ล่ะมั้ง อย่างวันนั้นคอมพิวเตอร์ของพี่ภูมีปัญหาพี่โซ่ก็สามารถแก้ได้ อย่างพี่ธารก็มีวันนึงที่จู่ๆ รถก็สตาร์ทไม่ติด ต้องรีบออกไปทำธุระข้างนอกด้วย ก็ได้พี่โซ่นี่แหละที่ช่วยจัดการให้


นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่พี่โซ่ทำให้พวกพี่ๆ ของผมประทับใจ แต่ถ้าจะให้เล่าทั้งหมดก็คงไม่ไหว เพราะมันเยอะมากจนเล่าทั้งวันก็ไม่หมด พี่โซ่ของผมน่ะเป็นผู้ชายที่เฟอร์เฟคที่สุดในโลกเลย


“อ๊ะ! ลงมาแล้วหรอน้องวา มาช่วยพี่กับตะวันทำนี่หน่อยเร็ว” พี่พายที่สังเกตเห็นกวักมือเรียกผมไปหา ผมเลยเลิกสนใจแก๊ง 4 จตุรเทพแล้วเข้าไปช่วยงานในครัว ซึ่งก็จะมีพี่ตะวัน พี่พาย แล้วก็พี่ธารอยู่ในนั้น


ก่อนหน้านี้พี่ตะวันจะเป็นคนทำอาหารคนเดียว แต่หลังจากที่ครอบครัวเรามีสมาชิกมากขึ้นก็เลยต้องมีคนมาเป็นลูกมือพี่ตะวันด้วย แต่ก็ไม่ได้กำหนดหรอกว่าต้องเป็นใคร ขอแค่มาช่วยสักคนสองคนก็พอ นอกจากกรณีพิเศษแบบวันนี้ที่ต้องมาช่วยกันเยอะหน่อย


เกือบชั่วโมงที่พวกผมอยู่ในครัวในที่สุดอาหารกว่า 10 อย่างก็เสร็จเรียบร้อย ซึ่งแก๊ง 4 จตุรเทพก็ปราบบอสแทบจะล้างกระดานเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ผมเลยเรียกแก๊งนั้นเข้ามายกอาหาร แล้วให้เอาไปวางที่โต๊ะตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน ที่พี่ภูกับพี่พฤกษ์จัดสถานที่เตรียมเอาไว้รอแล้ว


“เอาล่ะเด็กๆ หิวกันแล้วรึยัง” พี่ภูที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเอ่ยปากถาม แน่นอนว่าที่ทุกคนยกตำแหน่งนี้ให้นอกจากจะเพราะแก่...เอ๊ย! อาวุโสที่สุดแล้ว ยังเป็นเพราะพี่ภูเป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกคนในวันนี้ด้วยครัช


“หิวมากกกกกกกกก” ผมพวกทุกคนพร้อมใจกันประสานเสียง อาหารที่หน้าตาน่ากินพร้อมกับกลิ่นหอมๆ ที่ลอยขึ้นมา มันก็ทำให้กระเพาะของพวกเราแทบจะคลั่งกันอยู่แล้ว


“ถ้างั้นก่อนที่จะกินเรามาชนแก้วให้สมาชิกใหม่ของครอบครัวกันก่อนดีกว่า” พอพี่ภูพูดแบบนี้พวกเราทุกคนก็ชูแก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้าขึ้น จากนั้นก็มองไปที่พี่โซ่พร้อมกับชนแก้วกระทบกันดังกริ๊ง


“ยินดีต้อนรับสู่บ้านหทัยภักดิ์!” บ้านที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น ซึ่งผมก็หวังว่าบ้านของทุกคนจะมีแต่ความสุขแบบบ้านของผมนะครับ!


จบบริบูรณ์


 :mc4: สวัสดีค่า ในที่สุดความรักของพี่โซ่กับน้องวาก็ดำเนินมาจนถึงบทส่งท้าย ถึงจะดีใจที่ในที่สุดทั้ง 2 คนก็ลงเอยกันด้วยดีหลังจากที่ลุ้นกันอยู่นาน แถมยังฝ่าดราม่าฝ่าด่านมากมาย แต่ก็แอบใจหายเหมือนกันเนอะเพราะนี่ก็เป็นเรื่องปิดท้ายของซีรีส์ H.E.A.R.T. แล้ว   :sad11:
แต่ยังไงก็ตามเราต้องขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้  :กอด1: อยู่ด้วยกันมาเป็นปีเลย นี่ผูกพันกับครอบครัวนี้จนแอบมโนว่าตัวเองเป็นคนในบ้านแล้วนะคะเนี่ย เป็นหนึ่งในพี่น้องไม่ได้ให้เป็นคนสวนก็เอา 55555  :laugh:
ส่วนคู่พี่เชนกับพี่ธามที่แอบลุ้นกัน อันนี้ต้องมาลุ้นตอนพิเศษในเล่มแล้วล่ะค่า แต่ก็มีแค่ตอนเดียวนะคะ ต่อยอดแรงได้จิ้นนิดนึง ส่วนถ้าถามถึงการจะเปิดเรื่องของคู่นี้คือไม่มีค่า แฮ่  :m17:
สุดท้ายนี้เราก็ขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะที่อยู่ด้วยกันมาตลอด  :pig4: ซึ่งพักหลังๆนี่เค้าลงช้ามากๆ หายไปเป็นอาทิตย์หรือหลายอาทิตย์ก็มี อย่างที่เคยบอกไปน่ะค่ะว่าดวงตาเค้ามีปัญหา รอบล่าสุดที่หายไปนานคือมีเลือดซึมออกมาน่ะค่ะเลยต้องพักยาวเลย หมอบอกไม่งั้นจะไม่หาย ยังไงก็ต้องขอโทษจริงๆนะคะที่ปล่อยให้รอกัน  :m5:
ส่วนโปรเจคเรื่องหน้าจะเป็นสายเกรียนสายฮานะคะ เมะชนเมะกันไป แต่เรากะจะพักสายตาต่อสักเดือน คงเป็นเดือนหน้านะคะถึงจะได้เริ่มลง ยังไงก็ขอฝากทุกคนติดตามกันด้วยน้า รักทุกคนมากๆเลยค่า จุ๊บบบบบ  :จุ๊บๆ:
(8 ก.พ. 62) 
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# ทดสอบน้องเขย+บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-02-2019 00:55:22
จบแล้ว สนุกมากจ้า~
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# ทดสอบน้องเขย+บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 09-02-2019 03:06:11
ตามอ่านจนจบครับ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# ทดสอบน้องเขย+บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-02-2019 05:41:14
จบแบบสุขี ๆ กันถ้วนหน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# ทดสอบน้องเขย+บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 09-02-2019 12:07:20
แฮปปี้กันทั่วหน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# ทดสอบน้องเขย+บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 09-02-2019 13:01:51
จะบอกว่าเป็นครอบครัวสุขสันต์รักกันตลอดเวย์ก็บอกได้ไม่เต็มปาก (เพราะมีช่วงเวลาทำร้ายกันเองด้วย) แต่ถ้าบอกว่าเป็นครอบครัวติงต๊องนี่ มั่นใจเต็มล้านเปอร์เลยจริงๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ   :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# ทดสอบน้องเขย+บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-02-2019 22:35:06
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# ทดสอบน้องเขย+บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-02-2019 00:12:34
ไม่คิดว่าพี่โซ่จะแต่งเข้าบ้านน้องวานะคะเนี่ย แถมยังเข้าขาอิตาอัณฑะพาลได้ด้วยแล้วเวลาสุมหัวเล่นเกมกันนี่ฮา  :laugh:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# ทดสอบน้องเขย+บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-02-2019 22:34:43
แฮปปี้เอ็นดิ้งกันไป ครอบครัวสุขสันต์มาก ขอบคุณค่ะ รอเรื่องต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# ทดสอบน้องเขย+บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-02-2019 07:11:54
ครบทุกคู่ กลายเป็นครอบครัวใหญ่ไปแระ

ขอบคุณมากค่ะ

ขอให้ดวงตาหายเป็นปกติไวไวนะคะ.  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-02-2019 12:11:30
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ อีก 1 เรื่อง ที่มีให้อ่าน
หัวข้อ: Re: [H.E.A.R.T] ❤ Trap หัวใจพ่ายรัก 16# บทส่งท้าย [08.02.62]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-03-2019 18:42:03
 :pig4: :pig4: สนุกมากกกก
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 21-05-2019 07:44:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 24-05-2019 10:44:44
 :pig4: สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 30-05-2019 18:10:12
อ่านจบครบทุกคู่  แซ่บทุกคู่เลยจริงๆ
แต่แซ่บสุดน่าจะเป็นพี่ธาร 55555+
แซ่บมากกกกก สนุกมากเลยค่ะ
รอติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 22-06-2019 15:41:24
 :-[
หัวข้อ: Re: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 26-06-2019 09:45:59
 :L1: :pig4: