[H.E.A.R.T.] A.Avert หัวใจซ่อนรัก
Part 9# Niza เป็นแฟนกันมั้ย?
“อื้อ!” ผมเบิกตากว้างพร้อมกับครางประท้วงในลำคอ ตอนนี้ผมตกใจจนคิดอะไรไม่ออก ส่วนสมองก็ขาวโพลนมีแต่ความว่างเปล่าอย่างเดียวเท่านั้น
นี่ผมกำลังฝันไปรึเปล่า?
ไอ้พฤกษ์มันกำลังจูบผมจริงๆ งั้นหรอ?
ถึงจะถามตัวเองแบบนั้น แต่ความรู้สึกอ่อนนุ่มของริมฝีปากและลมหายใจอุ่นๆ มันกลับสมจริงมาก ยิ่งจังหวะที่ไอ้พฤกษ์ขบเม้มริมฝีปากและออกแรงดูดเบาๆ มันก็ทำให้ผมถึงกับใจเต้นโครมคราม จนผมกลัวว่ามันจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
“ยะ...อึ่ก...อื้ม...” ผมพยายามรวบรวมแรงที่มีเหลืออยู่น้อยนิดดันที่แผ่นอกของไอ้พฤกษ์ออกไป แต่ว่ามันกลับไม่สะทกสะท้าน แถมยังล็อกที่แก้มของผมให้แน่นขึ้นแล้วใช้ลิ้นเลียริมฝีปากของผมอีกต่างหาก เท่านั้นยังไม่พอ มันยังสอดลิ้นเข้ามาข้างในโพรงปากของผมด้วย!
“อื้ออ!!” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจยิ่งกว่าเดิม แต่เรี่ยวแรงของผมกลับลดลงจนยืนแทบจะไม่ไหว สองมือจึงกำเสื้อตรงไหล่ของไอ้พฤกษ์เอาไว้ มันที่เห็นอย่างนั้นเลยได้ใจยิ่งจูบผมหนักหน่วงมากขึ้น
“อื้ม...อื้อ...อื้อ...อื้มม...” ตอนนี้ร่างกายของผมราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน มันรู้สึกชาวาบ แต่ก็เสียวซ่านจนอดที่จะครางในลำคอออกมาไม่ได้ ยิ่งจังหวะที่ไอ้พฤกษ์ตวัดปลายลิ้นเกี่ยวพันกับลิ้นของผมไปมา ร่างกายของผมก็ยิ่งเสียวมากขึ้นจนรู้สึกร้อนรุ่ม
แค่จูบมันส่งอิทธิพลต่อร่างกายของผมขนาดนี้เลยหรอ?
“หวาน...” ไอ้พฤกษ์พูดขึ้นด้วยเสียงแหบพร่าหลังจากถอนจูบออกมา มิหนำซ้ำมันยังเลียริมฝีปากของตัวเองช้าๆ เล่นเอาผมยิ่งใจเต้นโครมครามแถมยังหน้าร้อนวาบจนแทบจะไหม้อยู่แล้ว
“อะ...อะ...ไอ้...ไอ้บ้า...” ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักไอ้พฤกษ์ออกไป
ให้ตายสิ! คำด่าสารพัดเป็นร้อยเป็นพันที่นึกเอาไว้กลับไม่พูดออกมา ดั๊นไปด่าแบบหน่อมแน้มเป็นเด็กอนุบาลไปได้ เวรจริงๆ!
“ด่ากูทำไม กูทำไม่ถูกตรงไหน กินของหวานแก้เผ็ดก็ถูกต้องแล้วนี่” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ
“แต่ที่มึงทำมันใช่กินของหวานที่ไหน! เมื่อกี้นี้มึง...จะ...จะ...จูบ...กูเลยนะ...” ประโยคหลังผมพูดอย่างอ้อมแอ้มด้วยเสียงที่เบามาก แค่นึกถึงฉากเมื่อกี้ผมก็หน้าร้อนขึ้นมาและอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว
“เขินหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นจูบแรก?” ไอ้พฤกษ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าสีหน้าของมันดูดีใจยังไงก็ไม่รู้
“เออ! จูบแรก! พอใจแล้วใช่มั้ยที่แกล้งกูได้!” ผมดันไอ้พฤกษ์ออกไป จากนั้นก็จะเดินหนีไปที่อื่น แต่ไอ้พฤกษ์ก็คว้าที่ข้อมือของผมเอาไว้ซะก่อน
“ถ้ากูบอกว่าไม่ได้แกล้งมึงล่ะ”
“ถ้าไม่ได้แกล้งแล้วมันหมายความว่ายังไง”
“ชอบ...กูชอบมึง” คำตอบของไอ้พฤกษ์ทำเอาผมอึ้งจนเบิกตากว้าง จากเมื่อกี้ที่กำลังโมโหเพราะคิดว่าถูกแกล้ง แต่ตอนนี้ผมกลับเหวอจนทำอะไรไม่ถูก
“คะ...คนอย่างมึงเนี่ยนะจะมาชอบกู เลิกทำให้กูเข้าใจผิดสักที” ผมหันหลังกลับแล้วจะเดินหนี ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไปไอ้พฤกษ์ได้รู้พอดีว่าผมคิดยังไงกับมัน ถ้าเป็นอย่างนั้นผมได้เข้าหน้ามันไม่ติดแน่ๆ
แต่ไอ้พฤกษ์ก็ไม่ยอมให้ผมไปไหน เพราะมันได้ยื่นวงแขนมาโอบที่เอวของผมเอาไว้ แล้วออกแรงดึงจนแผ่นหลังของผมแนบชิดติดกับแผ่นอกของมัน มิหนำซ้ำยังเกยคางลงตรงไหล่ของผมอีกด้วย
“กูชอบมึง” เสียงทุ้มๆ ที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ผมถึงกับใจสั่น นี่ไอ้พฤกษ์มันรู้ว่าผมชอบใช่มั้ยถึงได้จงใจแกล้งแบบนี้
“พะ...เพื่อนกันเขาไม่บอกชอบกันหรอกนะ” พูดจบผมก็หันหน้าไปอีกทาง มันเลยยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วกดจมูกลงที่แก้มของผม
“ถ้ากูคิดกับมึงแค่เพื่อน แล้วกูจะทำแบบนี้กับมึงหรอซ่า”
“อะ...ไอ้พฤกษ์” ผมหันหน้ากลับไปหามัน กะจะถามให้แน่ใจว่าที่พูดหมายความว่ายังไง แต่ยังไม่ทันจะได้ถามผมก็ถูกมันจูบเข้าซะก่อน
จูบนี้ไม่ได้เป็นจูบที่เร่าร้อน แต่เป็นจูบที่อ่อนโยนจนผมแทบใจละลาย ถึงแม้ปลายลิ้นของผมจะไม่ได้สัมผัสกัน แต่เพียงแค่ไอ้พฤกษ์ขบเม้มและดูดดุนที่ริมฝีปากของผมเบาๆ เท่านั้น มันก็ทำให้ร่างกายผมแทบสั่นสะท้านยิ่งกว่าจูบแรกซะอีก
“กูไม่คิดจะจูบเพื่อนแบบนี้หรอกนะ ยิ่งอะไรที่มันมากกว่านั้นกูยิ่งไม่เคยคิด” ไอ้พฤกษ์พูดด้วยเสียงกระเส่าหลังจากถอนจูบออกมา จากนั้นก็เลื่อนมือข้างหนึ่งที่กอดเอวผมอยู่ลงไปด้านล่าง ส่วนอีกข้างก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาด้านบน
“จะ...จะทำอะไรน่ะไอ้พฤกษ์ ยะ...อย่านะเว่ย...” ผมพูดด้วยเสียงที่แทบจะเหมือนคราง ร่างกายตรงที่มือของไอ้พฤกษ์ลากผ่านร้อนวาบราวกับถูกไฟเผา
“ก็จะทำให้มึงเข้าใจไงว่ากูชอบมึงแบบไหน” ในขณะที่พูดจมูกและริมฝีปากของไอ้พฤกษ์ก็คลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของผม รสสัมผัสและลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดทำให้ผมเสียวสะท้าน ส่วนนั้นที่อยู่ภายใต้กางเกงจึงตื่นตัวขึ้นมา ผมที่ไม่อยากให้ไอ้พฤกษ์รู้เลยรีบจับมือของมันก่อนที่จะเลื่อนลงไปถึงอย่างฉิวเฉียด
“เข้าใจแล้ว! กะ...กูเข้าใจแล้วว่ามึงชอบกูแบบไหน” พอผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์เลยใช้สองมือจับที่ไหล่ของผมแล้วหมุนตัวกลับมาหา
“มึงเข้าใจว่า?”
“บะ...แบบคนรัก...ใช่มั้ย?” ผมก้มหน้างุด วุ้ย! ถามเองก็เขินเอง!
“ใช่ กูชอบมึงแบบนั้น แล้วมึงล่ะคิดยังไงกับกู” ไอ้พฤกษ์จ้องเข้ามาในดวงตาของผม แววตาของมันดูคาดหวังมากว่าผมจะรู้สึกอย่างเดียวกันกับมัน จริงอยู่ว่าผมรู้สึกแบบนั้น แต่ผมก็ยังลังเลที่จะพูดออกไป
“คุณชายแบบมึงจะมาชอบกูได้ยังไง ในเมื่อผู้หญิงรอบตัวมึงมีเป็นสิบเป็นร้อย แถมยังสวยๆ เก่งๆ ด้วยกันทั้งนั้น” ไอ้ผมมันก็เป็นผู้ชาย จนกรอบไม่พอแถมยังกากเกรียนอีกต่างหาก ถ้าบอกว่าเมื่อกี้มันแกล้งหยอกเล่นผมยังทำใจให้เชื่อได้มากกว่าเลย
“กูไม่ได้ชอบผู้หญิง”
“นั่นไง ในเมื่อกูเป็นผู้ชายแล้วมึงจะชอบ...เมื่อกี้มึงว่าไงนะ?” ผมฟังผิดไปรึเปล่าเนี่ย!
“กูบอกว่ากูไม่ได้ชอบผู้หญิง กู รวมทั้งทุกคนที่อยู่ในบ้านชอบผู้ชาย คราวนี้มึงจะเชื่อได้รึยังว่ากูชอบมึงจริงๆ” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมอึ้งและตกใจจนไปแทบไม่เป็น ใครจะไปคิดฝันว่าคุณชายแสนเพอร์เฟคอย่างมันจะชอบผู้ชายไม่ได้ชอบผู้หญิง
“มึงไม่ได้ล้อกูเล่นแน่นะ?”
“จะให้กูทำกับมึงตอนนี้เลยมั้ยล่ะ?” แล้วไอ้พฤกษ์ก็เดินเข้ามาใกล้ผม สายตาของมันตอนนี้วิบวับเจ้าเล่ห์จนผมต้องรีบถอยห่าง
ไอ้ ‘ทำ’ ที่ว่ามันหมายถึงทำอะไรพูดให้ชัดเจนหน่อยโว้ยยยยยยย!
“โอเคๆ กูเชื่อแล้วว่ามึงพูดจริง!” ผมรีบยกมือเบรกก่อนที่ไอ้พฤกษ์จะเข้ามาประชิดตัวผมได้
“ถ้าเชื่อแล้วคำตอบล่ะ”
“หา?”
“ก็ที่ถามว่ามึงคิดยังไงกับกูไง ได้ชอบกูอย่างที่กูชอบมึงรึเปล่า” คำถามนั้นทำเอาผมหน้าร้อนวาบและใจเต้นแรงขึ้นมา จึงได้เสหน้ามองไปทางอื่น
“ถ้าไม่ชอบกูคงไม่ยอมให้มึงทำแบบนี้หรอก” ผมตอบด้วยเสียงเบามากต่างจากปกติเป็น 10 เท่า
“แบบนี้ที่ว่านี่คือแบบไหน ใช่แบบนี้รึเปล่า” ว่าแล้วไอ้พฤกษ์ก็สอดสองมือเข้ามาใต้เสื้อของผม โดยข้างหนึ่งโอบที่แผ่นหลัง อีกข้างค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปยังแผ่นอก ส่วนใบหน้าของมันได้ก้มลงมาชิดกับผมจนจมูกกับปากแตะโดนกันแล้ว
“ยะ...อย่าน่า...” มือไวหน้าใกล้เกินไปแล้วนะไอ้คุณชาย!
“ไม่ชอบหรอ” พูดเสียงอ้อนเสียงหวานไม่พอ มันยังมีการงับและดูดเบาๆ ที่ริมฝีปากของผมอีกต่างหาก
“กะ...ก็เปล่า...” ผมตอบด้วยใบหน้าแดงซ่าน แต่ให้ตายสิ การที่พูดอย่างนี้ก็หมายความว่าผมชอบไม่ใช่รึไง
“หึหึ” ไอ้พฤกษ์หัวเราะในลำคอ พอได้ยินแบบนั้นผมเลยหน้าขึ้นมองกะจะต่อว่าแก้เขิน แต่พอเห็นสายตาหวานเยิ้มผมก็ลืมไปเลยว่าตัวเองจะพูดอะไร
“เป็นแฟนกันนะ” ประโยคนั้นทำให้ผมใจเต้นตึกตักจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา แถมผมยังตื่นเต้นมากจนตัวแข็งทื่อคล้ายกับวิญญาณได้ออกจากร่าง ไม่สิ...ไม่คล้ายล่ะ ตอนนี้วิญญาณของผมได้ออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว!
“เป็นอะไรไปซ่า อย่านิ่งแบบนี้สิกูใจคอไม่ดีนะ”
“อะ...เอ่อ...กูไม่ได้เป็นอะไร” แค่ช็อกเพราะไม่คิดว่ามึงกับกูจะใจตรงกันเท่านั้นเอง!
“ถ้างั้นคำตอบล่ะ เป็นแฟนกับกูได้มั้ย” โดยไม่ต้องคิดผมก็พยักหน้าแทนคำตอบด้วยความเขินอาย ไอ้พฤกษ์เลยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ จากนั้นก็ใช้สองแขนกอดรัดเอวของผมเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมาจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากของผมทันที
วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ในที่สุดผมก็ได้เสียจูบแรก และมีแฟนคนแรกสักที!
...................................................
................................
...............
“นี่...พอได้แล้วน่า ปากกูช้ำไปหมดแล้วมั้ง” ผมเบี่ยงหน้าหนีแล้วพยายามดันที่แผ่นอกของไอ้พฤกษ์ออกไป หลังจากที่จูบกันอย่างดูดดื่มไม่น้อยกว่า 5 นาที แต่ที่ผมห้ามไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบที่ถูกจูบ เพียงแค่ผมกำลังรู้สึกเขินต่างหาก
“พอดูดีๆ มันก็ช้ำนิดหน่อยจริงๆ นั่นแหละ” พอไอ้พฤกษ์พูดแบบนี้ผมก็คิดว่ามันจะหยุดจูบผมแล้ว แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดหลังจากที่ได้ยินประโยคต่อมาของมัน
“แต่ยิ่งช้ำมันก็ยิ่งน่าจูบ” พูดจบมันก็ทำท่าจะจูบผมอีกครั้ง แต่ผมก็ยกมือขึ้นมากันเอาไว้ได้ก่อน
“ตอนนี้ภาพลักษณ์คุณชายของมึงเปลี่ยนไปเป็นไอ้คนหื่นแล้วนะ มันน่ากลัวนะเว่ย อีกอย่างกูก็ชักหิวข้าวแล้วด้วย” พอได้ยินแบบนี้ไอ้พฤกษ์เลยต้องยอมคลายอ้อมกอดแล้วขยับถอยไปอย่างช่วยไม่ได้ ก็ยังดีที่มันห่วงปากท้องของผมมากกว่าความหื่นของตัวเอง
“ต้มยำน่ะ ทำให้เผ็ดน้อยกว่านี้ได้รึเปล่า” ไอ้พฤกษ์มองต้มยำไก่ที่อยู่ในหม้ออย่างแหยงๆ ท่าทางมันจะลิ้นผู้ดีกินเผ็ดไม่ค่อยได้จริงๆ นะเนี่ย ทีแรกผมก็คิดว่ามันแกล้งหาเรื่องจูบผมเฉยๆ
“เดี๋ยวกูจะใส่น้ำลงไปแล้วปรุงใหม่ น่าจะช่วยได้อยู่มั้ง”
“โอเค แล้วมีอะไรให้กูช่วยทำรึเปล่า”
“ไม่มี ถึงมีกูก็ไม่ให้ทำหรอก มึงจ่ายค่าจ้างกูมาตั้งเยอะ ขืนให้ช่วยมึงก็ขาดทุนพอดีน่ะสิ” ผมพูดในขณะที่กำลังเติมน้ำลงไปในหม้อ เลยไม่ทันได้เห็นว่าตอนนี้ไอ้พฤกษ์กำลังยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์สุดๆ
“เดี๋ยวมึงก็รู้ว่ากูจะเอากำไรจากตรงไหน” ไอ้พฤกษ์พูดพึมพำในลำคอก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้างุดด้วยอาการเขินอายเพราะได้ยินคำพูดนั้น
วันนี้นอกจากจะได้มีแฟน ผมยังเสียจูบแรก แถมยังจะเสียตัวอีกด้วยใช่มั้ยเนี่ย!
ให้ตายสิ! เรื่องน่าอายแบบนี้มึงจะเขินทำไมไอ้ซ่า! หาเรื่องชิ่งกลับบ้านกลับช่องไปสิวะ! ขืนอยู่ต่อมึงได้กลายเป็นเมียของไอ้พฤกษ์แน่นอนเลยนะเว่ย!
แต่ถึงจะตะโกนบอกตัวเองในใจแบบนั้น สิ่งที่ผมทำกลับเป็นการแก้รสชาติของต้มยำไก่ในหม้อที่เผ็ดเกินไป นี่ผมเป็นบ้าไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย!
“มึงลองชิมดูนะว่ายังเผ็ดอยู่รึเปล่า” ผมยื่นช้อนที่ตักน้ำต้มยำไปให้ไอ้พฤกษ์ หลังจากที่ตะโกนเรียกให้มันเข้ามาในครัวอีกครั้ง เมื่อผมแก้รสชาติจนมันไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่แล้ว
“โอเค กำลังดีเลย” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ้มออกมา
“งั้นมึงไปรอที่โต๊ะกินข้าวเลย กูตักต้มยำใส่ถ้วยแล้วจะตามออกไป”
“เดี๋ยวกูตักข้าวออกไปด้วยเลยแล้วกัน”
“เอางั้นก็ได้” แล้วไอ้พฤกษ์ก็เดินไปตักข้าวสวยใส่จาน ส่วนผมก็ตักต้มยำใส่ถ้วย แต่พอคิดว่าอาหารมื้อนี้มีน้อยอย่างเกินไปผมเลยทอดไข่เจียวเพิ่ม ซึ่งก็ใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วผมก็ยกทั้ง 2 อย่างออกไปยังโต๊ะกับข้าวที่ไอ้พฤกษ์นั่งรออยู่
พอตกลงคบกันเป็นแฟน บรรยากาศรอบตัวมันก็ดูแปลกไปยังไงไม่รู้ ถึงแม้จะประหม่าและทำตัวไม่ถูก แต่ผมก็มีความสุขโคตรๆ จนโลกแทบจะเป็นสีชมพูอยู่แล้ว
แต่อาการของผมมันก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะผมพึ่งจะมีแฟนเป็นคนแรก แต่ไอ้พฤกษ์นี่สิไม่รู้ยังไง ท่าทางมันก็ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยได้เหมือนผม แถมตลอดตอนกินข้าวก็เอาแต่มองหน้าผมแล้วยิ้มอยู่นั่น เล่นเอาผมยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่
ไม่ได้การ...ผมต้องทำอะไรสักอย่างก่อนจะเขินจนกินข้าวไม่รู้รสไปมากกว่านี้!
“กูทำต้มยำไก่ไม่ใช่ต้มใบกัญชานะไอ้พฤกษ์ มึงจะยิ้มแล้วก็ทำตาเยิ้มอีกนานมั้ย” พอได้ยินผมพูดแบบนี้ ไอ้พฤกษ์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ทันที
“เฮ้อออออ มึงก็ชอบพูดทำลายบรรยากาศอยู่เรื่อย”
“กูก็เป็นของกูอย่างนี้ ถ้ามึงไม่ชอบก็ไปคบคนใหม่แล้วกัน ไม่สิ...ต้องบอกว่าคนเก่าต่างหาก ชื่ออะไรนะ ตะวันใช่มั้ย” พอพูดถึงตรงนี้ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อกลางวันเกรี้ยวกราดใส่ไอ้พฤกษ์ขนาดไหน คิดแล้วก็อ้ายอาย ตอนนั้นผมกับมันยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงได้หึงเบอร์แรงขนาดนั้นก็ไม่รู้
“กูก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ได้คิดอะไรกับตะวันแล้ว” แววตาไอ้พฤกษ์ดูจริงใจเหมือนไม่ได้โกหกเลยสักนิด
“ก็ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วไอ้เพลิงมันจะถามว่ามึงลืมตะวันได้รึยังทำไม” ดูจากประโยคคำถามเหมือนว่าไอ้พฤกษ์จะแอบชอบคนคนนั้นนานมาก ความรู้สึกของคนเรามันไม่ใช่แค่กดปุ่มก็ลบได้เลยสักหน่อย
“นั่นไอ้เพลิงมันก็แค่จงใจปั่นเฉยๆ คำพูดของคนอย่างมันเชื่อถือไม่ได้หรอกซ่า เชื่อเถอะว่าตอนนี้กูชอบมึงแค่คนเดียว” สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมอดที่จะอมยิ้มด้วยอาการเขินจัดอย่างช่วยไม่ได้ พอไอ้พฤกษ์พูดอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมแบบนี้ ความรู้สึกที่เคยหึงหวงมันก็สลายหายวับไปเลย
ส่วนเรื่องของไอ้เพลิงน้องชายฝาแฝดของมัน นึกแล้วผมก็ยังโมโหไม่หาย ไอ้เวรนั่นมันใช้หน้าตาของไอ้พฤกษ์มาทำให้ผมหวั่นไหว ดีนะที่ผมเอะใจเลยจัดการมันซะก่อน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังโดนมันขโมยหอมแก้มอยู่ดี คิดแล้วก็เจ็บใจ!
มีโอกาสเมื่อไหร่ผมจะไปแกล้งจนชีวิตมันฉิบหายวายป่วงเลยคอยดูสิ!
“แล้ว...เอ่อ...มึงชอบกูตรงไหนหรอ” ไอ้ผมก็เขินรอ เพราะคิดว่าไอ้พฤกษ์มันจะตอบคำถามที่หวานเลี่ยนออกมา แต่แล้วมันกลับตอบผมมาว่า...
“ผ่าน คำถามยากไป”
“ไอ้สัส! มึงก็ทำกูหมดอารมณ์เหมือนกันนั่นแหละ!” ผมแยกเขี้ยวใส่ คำถามที่ผมถามไปมันยากตรงไหน ใจตัวเองแท้ๆ ทำไมถึงไม่รู้ล่ะปัดโธ่!
“ก็กูไม่รู้จริงๆ นี่นา รู้ตัวอีกทีกูก็ชอบมึงไปแล้ว” คำพูดของไอ้พฤกษ์อาจฟังดูเหมือนจะธรรมดา แต่กลับทำดาเมจรุนแรงจนผมใจเต้นตึกตัก นี่ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยเกรี้ยวกราดใส่มันเมื่อกี้
หลังจากที่มันบอกชอบผม มันก็บอกรัวๆ จนผมตั้งตัวไม่ทัน...เขินไปตามระเบียบเลยน่ะสิ!
“แล้วมึงจำได้รึเปล่าว่าเริ่มชอบดูตั้งแต่ตอนไหน” ถามเองก็เขินเอง ถ้าเอาความเขินไปแลกข้าวสารป่านนี้คงกองท่วมบ้านไปแล้วมั้ง
“อืม...อันนี้กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่กูจำได้ว่าแอบใจเต้นกับมึงก็ตอนที่เห็นมึงแต่งหญิงเต้นคุกกี้เสี่ยงทาย”
“มิน่า วันนั้นเห็นมึงหน้าแดงกูก็นึกว่าเป็นไข้ไม่ก็เมา” ส่วนเรื่องที่ว่าไอ้พฤกษ์มันใจเต้นเพราะเห็นผมใส่เสื้อเอวลอยกับกระโปรงสั้นแค่คืบ ถ้าเป็นผู้ชายปกติมันก็คงไม่คิดอะไร อย่างมากก็แซวกันอย่างสนุกปากแบบไอ้พวกเพื่อนผมเท่านั้น แต่สำหรับไอ้พฤกษ์ที่ชอบผู้ชายด้วยกัน พอเห็นผมแต่งตัวแบบนั้นจะรู้สึกใจเต้นก็ไม่แปลก
“นั่นแหละ แต่ถ้ารู้ตัวว่าชอบก็คงเป็นตอนที่ได้นอนกอดมึงมั้ง คืนนั้นเป็นคืนที่กูนอนแล้วมีความสุขที่สุดเลย” ไอ้พฤกษ์ยิ้มออกมาบางๆ ท่าทางคงจะนึกถึงความทรงจำในคืนนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมอมยิ้มออกมาด้วย
แต่เอ๊ะ ถ้าจำไม่ผิดพอตื่นเช้ามามันก็อ้างว่าเห็นผมเป็นหมอนข้าง มิหนำซ้ำมันยังเปลี่ยนเรื่องเป็นโบ้ยความผิดให้ผมที่แอบขึ้นไปนอนบนเตียงกับมันอีกนี่นา หนอย...
“สรุปแล้ววันนั้นมันเป็นแผนที่มึงวางเอาไว้ใช่มั้ยห้ะ! ไอ้คนเจ้าเล่ห์เอ๊ย!” ผมกอดอกอย่างฮึดฮัดแล้วจ้องมันตาขวาง ไอ้คุณชายนี่มันร้ายจริงๆ มันน่าต่อยให้แว่นแตกชะมัด
“เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนาน มึงจะโมโหย้อนหลังทำไมกันเล่า”
“แหม มึงไม่เป็นกูที่ถูกหลอกก็พูดได้นี่”
“ใครบอกให้มึงหลอกกูให้มาหาก่อนล่ะ”
“นั่นมัน...”
“เพราะงั้นในเมื่อมึงหลอกกูก่อน กูก็เลยต้องหาวิธีถอนทุนคืนน่ะสิ” ไอ้พฤกษ์พูดยิ้มๆ พอมันพูดแบบนี้ ผมก็เลยนึกถึงเรื่องที่มันพูดในครัวว่าจะเอากำไรคืนจากผมขึ้นมา เท่านั้นแหละผมก็หน้าร้อนวาบจนแทบจะอุ่นกับข้าวบนโต๊ะได้อยู่แล้ว
“เลิกพูดจาไร้สาระสักที รีบกินข้าวได้แล้วเดี๋ยวมันก็เย็นหมดหรอก” พูดจบผมก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว ส่วนไอ้พฤกษ์ก็หัวเราะในลำคอออกมา แต่ผมก็เลี่ยงที่จะมองหน้าเพราะกลัวอาการเขินจะกำเริบ
หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ไปล้างจานและmeความสะอาดครัว ส่วนไอ้พฤกษ์ที่ถูกห้ามไม่ให้ช่วยก็ยืนชวนคุยอยู่ข้างๆ จนกระทั่งไม่มีอะไรให้ทำมันเลยชวนผมขึ้นห้องทั้งที่เป็นเวลาแค่ 4 ทุ่มเท่านั้น
“กูว่ามึงเป็นคนนอนเร็วไปนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็เดินตามไอ้พฤกษ์ขึ้นห้องต้อยๆ โดยที่หัวใจก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อคิดว่าหลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
เขินโว้ยเขิน! เขินจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว!
“มึงจะอาบน้ำก่อนหรือว่าจะให้กูอาบก่อน” ไอ้พฤกษ์ถามขึ้นหลังจากที่เราสองคนเข้ามาในห้อง ดีนะที่มันไม่ชวนอาบพร้อมไม่งั้นผมได้ระเบิดตัวเองตายแน่ๆ
“มึงไปอาบก่อนเลย เดี๋ยวกูขอเก็บของก่อน”
“โอเค” ไอ้พฤกษ์พยักหน้า จากนั้นก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนผมก็เปิดกระเป๋าแล้วเริ่มรื้อของใช้กับเสื้อผ้าออกมา อะไรที่ยังไม่ใช้คืนนี้ผมก็มองหาที่เก็บไว้ แต่ขี้เกียจเดินไปไกลเลยกะจะเก็บไว้ในลิ้นชักของโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ข้างเตียง
แต่พอผมเปิดออกมาเท่านั้นแหละ...
“เชี่ย!” ผมก็ตกใจจนถึงกับสะดุ้ง เพราะผมเห็นถุงยางพร้อมกับเจลหล่อลื่นอยู่ในลิ้นชักน่ะสิ!
“เป็นอะไรไปซ่า” ไอ้พฤกษ์แง้มประตูแล้วโผล่หน้าออกมาถาม
“คะ...คือ...กูพึ่งนึกออกว่าลืมเอาของมาน่ะ” ผมตัดสินใจโกหกออกไป เพราะไม่อยากให้ไอ้พฤกษ์รู้ว่าผมเห็นของที่มันเตรียมเอาไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวจะทำตัวไม่ถูกไปอีกคน ดีจริงๆ ที่มุมนี้ตัวของผมบังลิ้นชักที่ถูกเปิดออกไว้ได้พอดีเลย
“ของสำคัญรึเปล่า จะให้กูพากลับไปเอามั้ย”
“ไม่เป็นไรก็แค่ของไร้สาระ มึงอาบน้ำต่อเถอะ” พอผมพูดแบบนี้ไอ้พฤกษ์ก็พยักหน้าแล้วกลับไปอาบน้ำต่อ ส่วนผมก็รีบปิดลิ้นชักแล้วหาที่เก็บของตรงอื่น ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานไอ้พฤกษ์ที่อาบน้ำเสร็จก็เปิดประตูเดินออกมา ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำเอาผมอ้าปากค้างจนแทบจะน้ำลายหก
หยดน้ำจากเส้นผมดำขลับที่เปียกชื้น หยดลงมาตามใบหน้าอันหล่อเหลาที่ไม่มีกรอบแว่นมาบดบัง แถมยังหยดลงมายังแผงอกกำยำรวมถึงกล้ามท้องที่เป็นลอนสวย นอกจากนี้พอมองต่ำลงไปก็จะพบกับผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พันรอบตัวอยู่อย่างหมิ่นเหม่อีกต่างหาก
โอ้แม่เจ้า! นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมมองเรือนร่างของผู้ชายแล้วเกิดอารมณ์!
“กะ...กะ...กะ...กูไปอาบน้ำก่อนนะ!” ด้วยความที่กลัวไอ้พฤกษ์จะสังเกตเห็น ผมเลยรีบคว้าผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างด่วนจี๋ ไอ้พฤกษ์ที่เห็นอย่างนั้นก็คงจะนึกสงสัย แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากผมก็เข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้อออออ” ผมถอนหายใจออกมา วันนี้เสี่ยงหัวใจวายตายห่ากี่รอบแล้วก็ไม่รู้
ผมยืนสงบสติอารมณ์อยู่สักพัก จากนั้นก็เริ่มต้นลงมืออาบน้ำ โดยวันนี้ผมพิถีพิถันเป็นพิเศษ ตั้งแต่หัวจรดเท้าผมทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม เพื่อให้พร้อมสำหรับ..............สำหรับอะไรก็รู้ๆ กันอยู่อย่าให้ผมพูดมากจะได้มั้ยเล่า!
แล้วก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมใส่ชุดนอนออกมาเรียบร้อยเพราะไม่ได้มั่นใจในหุ่นเก้งก้างผอมบางอย่างที่เป็นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าไอ้พฤกษ์มันจะคาดหวัง เพราะงั้นเมื่อเห็นผมใส่ชุดนอนออกมามันเลยอดที่จะทำหน้าเซ็งนิดหน่อยไม่ได้
“อะไรของมึง จู่ๆ ก็ทำหน้าเหมือนหมาหงอย” พอได้ยินผมแซวมันก็เลยหัวเราะน้อยๆ จากนั้นก็กวักมือเรียกผมให้เดินไปหา
“มานี่สิ เดี๋ยวกูเป่าผมให้” คำพูดนี้เหนือความคาดหมายของผมพอสมควร ไม่เคยคิดเลยนะเนี่ยว่าพอได้เป็นแฟนกันไอ้พฤกษ์มันจะอบอุ่นและช่างเอาใจขนาดนี้
ผมเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปนั่งที่ปลายเตียง ส่วนไอ้พฤกษ์ก็คุกเข่าอยู่ข้างหลังแล้วเป่าไดร์ให้ผม ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 นาทีมันทำอย่างอ่อนโยนแม้แต่ตอนสางผม เล่นเอาผมรู้สึกสบายจนแทบจะล่องลอยออกไปในอากาศได้เลย
“เสร็จแล้ว” ไอ้พฤกษ์พูดจบก็ปิดสวิตซ์ไดร์ แล้วก้มหน้าลงมาจุ๊บที่กระหม่อมของผมเบาๆ หนึ่งที จากนั้นก็ม้วนเก็บไดร์แล้ววางเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง
“ขอบใจนะ” ผมอมยิ้มอย่างเขินๆ
“นอนกันเถอะ กูเริ่มจะง่วงแล้ว” ไอ้พฤกษ์ปิดไฟ แล้วขยับขึ้นไปนอนหนุนหมอนพร้อมกับตบเบาๆ ที่พื้นข้างตัว ผมเลยค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปพลางคิดในใจว่า...ใกล้แล้วสินะ
“ฝันดีนะซ่า” ไอ้พฤกษ์พูดขึ้นพร้อมกับขยับตัวหันมาทางผม ผมเลยขยับหันหามันบ้าง
“ฝันดีเหมือนกัน” เราสองคนสบตากันสักพัก จากนั้นไอ้พฤกษ์ก็ค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผมช้าๆ จังหวะนั้นผมใจสั่นระรัวเมื่อรู้ว่ามันจะทำอะไร แต่ผมก็ไม่ได้ขยับไปไหน ทั้งยังปิดเปลือกตาลงและเผยอริมฝีปากน้อยๆ อีกต่างหาก
จุ๊บ
ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนนั้นผมก็ยิ้มออกมา แต่แล้วผมก็ต้องยิ้มค้างเมื่อรู้ตัวว่าไอ้พฤกษ์ไม่ได้จูบที่ริมฝีปากแต่จูบที่หน้าผากของผม มิหนำซ้ำหลังจากจูบเสร็จมันก็ทำเพียงแค่นอนกอดผมเอาไว้ ไม่ได้ทำอะไรที่มันมากกว่านั้นเลยสักนิด
แค่สักนิดก็ไม่มี!
เชี่ย...เอางี้จริงดิไอ้พฤกษ์ นี่มึงจะไม่ทำอะไรกูสักนิดเลยหรอวะ!
2BC
ฮัลโหลวววว สวัสดีค่ะออเจ้าทั้งหลาย Avert หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 9 ก็จบลงไปแล้วน้า ซึ่ง...หลังจากอ่านจบแล้วใครจะเงิบกว่ากันน้อระหว่างซ่าและคนอ่าน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เค้าอยู่ไม่ได้แล้ว เมื่อวานแอบเอาสปอยไปยั่วซะอย่างดี พอเป็นอย่างนี้ก็วิ่งสิคะรออัลไล
555555
ส่วนตอนหน้า ซึ่งก็เป็นตอนที่ขึ้นเลข 2 หลักแล้ว มาดูกันว่าความสัมพันธ์ของพฤกษ์และซ่าจะพัฒนาขึ้นมั้ย ไอ้ซ่ามันเต็มใจและพร้อมสุดๆแต่ทำไมพฤกษ์ยังเฉยอยู่ได้
แล้วตอนหน้าพฤกษ์ยังจะเฉยอีกมั้ย หรือว่าคู่นี้จะเป็นรักใสๆ ไม่มีอัลไลเกินเลย
มาลุ้นพร้อมกันวันอาทิตย์นะคะออเจ้า จุ๊บๆ
(8 มี.ค. 61)