Rule #13 Don’t make him jealous.
ขวัญข้าวยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางยามที่นั่งพนมมือฟังพระสวด เขาไม่เข้าใจว่าคุณจอมทัพจะพาเขามาในงานที่ควรจะมีแต่คนในครอบครัวแบบนี้ทำไม ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกสนิทใจกับเขามากแค่ไหนนี่ก็ยังดูไม่เหมาะสมเลยซักนิด
“ขวัญ แตะศอกฉันสิ”
ร่างสูงหันมากระซิบเขาที่หนังอยู่ข้างๆเมื่อถึงเวลากรวดน้ำ ซึ่งขวัญข้าวก็ทำตามแต่โดยดี หลังจากเสร็จการถวายปัจจัยให้พระภิกษุทั้งหลาย ทุกคนก็ตรงไปยังกำแพงวัดที่มีป้ายรูปของมารดาของน้องโชอยู่ ขวัญข้าวได้แต่เกาะจอมทัพแจเพราะไม่รู้ว่าใครจะไปไหนกัน น้องโชที่เห็นเขามีท่าทีประหม่าก็เอื้อมมือเล็กๆมาจับมือเขาไว้แน่น
“พี่ข้าวมากับน้องโชนะฮะ น้องโชอยากพาพี่ข้าวไปอวดหม่าม๊า”
“เอ่อ..ได้สิครับ”
ขวัญข้าวเดินตามแรงจูงของเด็กน้อยที่ก้าวฉับๆนำหน้าทุกคนไปหามารดาของตน จากรูปถ่าย ผู้หญิงตรงหน้าจัดว่าเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง เค้าโครงใบหน้าสวยหวานถูกถ่ายทอดมาให้ลูกชายจนหมด ทั้งเส้นผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตหยักเป็นคลื่นและดวงตากลมโตสีน้ำตาล ริมฝีปากรูปกระจับและผิวขาวเนียน เรียกได้ว่าน้องโชเป็นเหมือนสำเนาเอกสารถ่ายมาจากแม่พิมพ์เดียวกับมารดาเลย
จากวันที่ที่ถูกสลักไว้ หากขวัญข้าวเดาอายุของน้องโชไม่ผิด วันที่หญิงสาวเสียชีวิตคือวันเดียวกับที่เด็กชายลืมตาดูโลก
เด็กรับใช้ของบ้านและคนขับรถช่วยกันปูเสื่อลงบนพื้นแล้วจุดธูปส่งให้คุณหนูของบ้านอย่างรู้งาน น้องโชรับมาแล้วพนมมือไหว้มารดาของตน ก่อนจะปักที่กระถางอย่างระมัดระวังโดยมีทุกคนคอยจับตาดู
“หม่าม๊าสวัสดีฮะ วันนี้น้องโชจะเจ็ดขวบแล้วนะ จะโตเป็นเด็กเก่งแล้ว....”
เด็กชายนั่งจุ้มปุ๊กลงบนเสื่อ ก่อนจะเริ่มกล่าวทักทายและเล่าเรื่องราวต่างๆให้มารดาฟังราวกับอีกฝ่ายกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดอยู่ สิ่งที่น้องโชเล่ามีตั้งแต่เรื่องที่โรงเรียน เรื่องของที่บ้าน แม้กระทั่งการ์ตูนสนุกๆที่เด็กชายได้ดู น้ำเสียงร่าเริงแจ่มใสนั้นกลับทำให้ขวัญข้าวรู้ๆสึกจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก ร่างบางสังเกตว่าคุณแขไขที่ยืนอยู่ข้างสามียกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับที่หางตา เช่นดวงกับจอมทัพที่มองหลานชายที่เติบโตมาในโลกที่ไม่มีมารดาด้วยแววตาเจ็บปวดทรมานเสียจนขวัญข้าวอยากจะโอบกอดอีกฝ่ายไว้ให้แน่นที่สุกเท่าที่เขาจะจำได้ ในบริเวณนี้ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากเด็กชายที่ยังคงพูดคุยเสียงเจื้อยแจ้วกับป้ายที่ไม่มีวันตอบอะไรกลับมา
จักรภัทรทรุดตัวลงนั่งข้างๆลุกชาย ก่อนจะดึงเด็กชายขึ้นมนั่งบนตักแล้วกอดเอาไว้ ใบหน้าคมซุกลงบนไหล่เล็กๆของลูกชายขณะที่น้องโชยังคงเล่าเรื่องต่างๆที่เขาประสบพบเจอไปเรื่อยๆ ขวัญข้าวไม่รู้ว่าลูกชายคนโตของบ้านกำลังร้องไห้หรือไม่ แต่ที่เขารู้คือหางตาของเขาเริ่มรู้สึกร้อนๆแล้ว
หลังจากที่น้องโชหมดเรื่องจะเล่า จอมทัพก็ดึงธูปออกมาจากซองแล้วจุดบ้าง
“พี่หญิง วันนี้ผมพาคนมาแนะนำให้พี่รู้จักด้วยนะครับ”
ชายหนุ่มหันมาทางเขาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหันกลับไปพูดกับรูปของหญิงสาว
“ผมว่าพี่จะต้องชอบขวัญข้าวแน่ๆเลยครับ เสียดายที่พี่ไม่มีโอกาสได้เจอขวัญ”
ทั้งแววตาและน้ำเสียงของร่างสูงบ่งบอกว่าคิดถึงหญิงสาวในรูป ขวัญข้าวคิดว่าจอมทัพคงจะสนิทกับพี่สะใภ้ของตนพอดู
และนั่นยิ่งทำให้เขาอยากจะโอบกอดแผ่นหลังกว้างนั้นไว้ อยากปลอบประโลมชายหนุ่มให้รู้สึกดีขึ้นสักนิดก็ยังดี
แต่คนที่ดูจะได้รับผลกระทบจากการมาที่นี่มากที่สุดดูจะเป็นสามีของหญิงสาว จักรภัทรได้แต่นั่งกอดลูกชายอยู่อย่างนั้น ไหล่กว้างห่อลู่ลงอย่างหมดแรง แต่กลับไม่ยอมขยับลุกจากตรงนั้น กว่าที่จักรภัทรจะสงบสติอารมณ์ได้มากพอที่จะขยับลุกจากหน้าป้ายชื่อของภรรยาก็ผ่านไปหลายนาที แต่ทุกคนที่มาที่นี่ก็ยินดีที่จะรอ
“ป๊ะป๋าฮะ ถ้าน้องโชเป็นเด็กดี น้องโชจะได้เจอหม่าม๊ามั้ยฮะ”
ระหว่างทางที่นั่งรถกลับ จู่ๆเด็กชายตัวเล็กก็โพล่งขึ้นมาแบบนั้น จักรภัทรที่นั่งเหม่ออยู่ข้างๆลูกชายนิ่งไป เหมือนยังประมวลผลไม่ทันว่าควรตอบอะไรเด็กชายตัวน้อยที่กำลังจ้องเขาตาแป๋วอย่างคาดหวัง
“ได้เจอสิครับ”
ก่อนจะรู้ตัว คำพูดนั้นก็หลุดรอดริมฝีปากของขวัญข้าวไปแล้ว
"จริงเหรอฮะ?"
น้องโชหันกลับมาหาเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ขวัญข้าวยิ้มอย่างเอ็นดู
"ครับ คนที่ทำดีจะได้ขึ้นสวรรค์ ถ้าน้องโชเป็นเด็กดี วันนึงน้องโชจะได้เจอกับคุณแม่บนสวรรค์แน่นอนครับ แต่ตอนนี้ น้องโชเป็นเด็กน่ารักให้คุณแม่มองดูบนสวรรค์แบบนี้ต่อไปก่อนนะครับ"
"ครับ!"
ร่างเล็กตอบรับเสียงใส จอมทัพหันกลับมาหาเขา พยักหน้าน้อยๆอย่างขอบคุณ ขวัญข้าวรู้สึกถึงมืออุ่นของเจ้านายที่ขยับกุมมือเล็กๆของเขาไว้แล้วบีบเบาๆ จอมทัพเอนศีรษะลงซบกับไหล่มน
"ขอบคุณนะขวัญ"
เสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้างหูของคนตัวเล็ก ขวัญข้าวบีบมือตอบอีกฝ่าย เบือนหน้าหนีมองไปนอกกระจกรถเผื่อไม่ให้ร่างสูงเห็นว่าน้ำหนักบนไหล่และลมหายใจอุ่นที่ระต้นคอของเขาอยู่นั้นมีอิทธิพลต่อเขามากเพียงใด
"ป๊ะป๋าๆ เย็นนี้จะมีสัปปะรดมั้ยฮะ?"
น้องโชถามขึ้นอีกครั้งเมื่อพวกเขากลับมาถึงตัวบ้านที่การจัดเตรียมงานเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
"มีสิจ๊ะโช ย่าน่ะเหมามาทั้งสวนเลยนะ มีทั้งข้าวอบสัปปะรด สัปปะรดปั่น พายสัปปะรด แล้วก็เค้กสัปปะรด"
คนเป็นย่าช่วยตอบแทน ดูจะธีมงานที่ประดับประดาด้วยผลไม้เมืองร้อนจนเหมือนเทศกาลผลไม้มากกว่างานวันเกิด ขวัญข้าวเดาว่าเจ้าของวันเกิดคงจะชอบผลไม้พวกนี้น่าดู
"เย้!"
เด็กชายกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
"น้องโชไปเล่นที่ห้องของเล่นรอก็ได้จ้ะ เดี๋ยวงานเสร็จแล้วย่าจะมาเรียก"
"ครับ! พี่ข้าวฮะ ไปเล่นกับน้องโชหน่อยได้มั้ยฮะ"
เด็กชายกระตุกชายเสื้อของร่างเล็กเบาๆ ขวัญข้าวอึกอัก เขาไม่รู้ว่าจอมทัพจะเรียกใช้อะไรเขารึเปล่า
"ถ้าอย่างนั้นฉันฝากน้องโชด้วยนะจ๊ะข้าว ตาเอ็มก็ไปเล่นกับลูกไป" คุณแขไขหันไปหาลูกชายคนเล็ก
"นาย ไปช่วยแม่ซื้อของ"
"..ครับ"
จอมทัพอยากจะอยู่กับขวัญข้าว แต่ไม่อาจขัดคำสั่งมารดาได้ ขวัญข้าวเดินตามแรงจูงของเด็กชายโดยมีจักรภัทรเดินตามมาไม่ห่าง ห้องของเล่นของน้องโชมีขนาดประมาณชั้นล่างของบ้านขวัญข้าวทั้งหลัง นอกจากโทรทัศน์จอแบนขนาดยักษ์พร้อมระบบโฮมเธียร์เตอร์และกล่องของเล่นมากมายแล้ว ห้องนี้ยังประกอบด้วยชั้นหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยวรรณกรรมสำหรับเด็กหลายเล่มซึ่งเขาไม่คิดว่าน้องโชจะสามารถอ่านทั้งหมดนี้ได้ กลางห้องมีลังกระดาษขนาดใหญ่วางอยู่สามใบ ภายในมีของเล่นอยู่ในนั้นประมาณครึ่งกล่อง น้องโชเดินไปยังชั้นวางของเล่นแล้วหยิบเครื่องบินบังคับลำหนึ่งจากชั้นของของเล่นบังคับหลายสิบอันแล้วเอามาใส่ในกล่องใบกลาง
"น้องโชทำอะไรเหรอครับ?"
ขวัญข้าวชวนคุยอย่างสงสัย นั่งลงบนพื้นข้างๆกล่องกระดาษทั้งสาม
"ทุกวันเกิด น้องโชจะได้ของขวัญเยอะแยะเลยฮะ"
เด็กน้อยอธิบาย โน้มตัวลงจัดข้าวของในกล่องให้มีพื้นที่พอจะใส่ข้าวของลงไป โดยมีบิดาจับไว้ไม่ให้ร่างเล็กตกลงไปในกล่องนั้น
"มีลุงๆป้าๆที่น้องโชไม่รู้จักซื้ออะไรก็ไม่รู้ให้น้องโชเต็มเลย น้องโชเล่นไม่ทัน พอถึงวันเกิดน้องโชเลยเก็บของที่ไม่เล่น
แล้วไปให้เด็กที่เขาไม่มีของเล่น"
น้องโชอธิบายการแบ่งกล่องทั้งสามใบพร้อมรอยยิ้มกว้าง
"อันนี้ใส่ของเล่น อันนี้ใส่หนังสือ อันนี้ใส่การ์ตูนที่น้องโชไม่ดูแล้วฮะ พี่ข้าวมาช่วยน้องโชสิฮะ สนุกน้า"
ขวัญข้าวรู้สึกประทับใจความคิดความอ่านของเด็กน้อยคนนี้ เขาเชื่อว่าน้องโชจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีคนหนึ่ง เลขาตัวน้อยลงมือช่วยน้องโชรื้อข้าวของ โดยมีบิดาของเด็กชายคอยช่วยหยิบจับอะไรที่อยู่สูงๆให้คนตัวเล็กทั้งคู่
"เอ๊ะ น้องโชอ่านเรื่องนี้ด้วยเหรอครับ? พี่ชอบเรื่องนี้มากเลย"
ขวัญข้าวหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา มันคือวรรณกรรมสำหรับเยาวชนที่ชื่อ ผจญภัยในแดนเวทมนต์ ซึ่งเป็นหนังสือนิยายเล่มแรกๆที่ขวัญข้าวอ่าน มันเป็นหนังสือที่ทำให้ขวัญข้าวรักการอ่านในวัยเยาว์ และทำให้เขาเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้หากเราเชื่อมั่นในตัวเองมากพอ ปัจจุบันเขายังคงตามซื้อหนังสือชุดนี้ที่ออกมาสิบเล่มในช่วงสิบกว่าปีนี้ เขาจำได้ว่าเล่มสิบเอ็ดกำลังจะออกปลายปี ขวัญข้าวนึกอยากจะขอบคุณคนที่ทำให้วัยเด็กของเขามีช่วงเวลาดีๆถึงแม้สถานการณ์ที่บ้านจะเลวร้ายเพียงใด แต่ 'จักรพรรดิผู้ต้องสาป' นักเขียนชื่อดังคนนั้นไม่เคยมาแจกลายเซ็นหรือให้สัมภาษณ์ในงานมีทติ้งเลยสักครั้ง
"เปล่าฮะ น้องโชยังอ่านไม่ออก เล่มนั้นของป๊ะป๋า ป๊ะป๋าเป็นคนเขียน"น้องโชตอบ คำตอบนั้นทำให้ขวัญข้าวตัวแข็งเกร็ง ไม่กล้าหันไปมองไอดอลในดวงใจที่นั่งช่วยลูกชายแยกสีของเล่นด้วยสีหน้าขะมักเขม้น
"อะ..."
"ป๊ะป๋า...พี่ข้าวแข็งเป็นหินไปแล้วฮะ"
น้องโชเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนใหม่มีสีหน้าเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว จักรภัทรโบกมือไปมาผ่านหน้าเลขาของน้องชาย ก่อนจะหันไปขยับมือบอกลูกชาย
'พังแล้วล่ะ ให้พ่อเอาลงกล่องไหน?'
"ป๊ะป๋า!"
น้องโชงอแง ขวัญข้าวที่เพิ่งได้สติกลับคืนมาจ้องหน้าชายหนุ่มไม่วางตา เขาเคยค
จินตนาการอยู่หลายครั้งถึงใบหน้าของคนที่สามารถสร้างสรรค์โลกทั้งใบจากจินตนาการได้แบบนี้ หากให้สารภาพตามตรง อีกฝ่ายเป็นคนดังที่เขาแอบปิ๊งสมัยเด็กๆคนแรกด้วยซ้ำทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
"ขะ...ขะ..."
จักรภัทรเลิกคิ้วมองคนที่พยายามพูดอะไรบางอย่างกับเขา
"ขอบคุณมากเลยครับ!"
คำขอบคุณที่เคยคิดไว้ว่าซักวันอยากจะพูดกับอีกฝ่ายไหลพรั่งพรูออกมาจนลิ้นแทบพันกัน ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำ แต่เขาก็ดีใจที่ในที่สุดก็ได้พบกับนักเขียนที่เขานับถือสักที
"เค้กใหญ่เกินไปแล้วนะครับแม่ แบบนี้ใครจะไปกินหมด"
จอมทัพโอดครวญ แถมยังเป็นสปันจ์เค้กที่ใช้น้ำเชื่อมสัปปะรดเพิ่มรสชาติ เรียงหน้าด้วยสัปปะรดเชื่อมแถมยังเคลือบครีมบัตเตอร์สัปปะรดแทนครีมเนยสดธรรมดา เรียกได้ว่าจบงานนี้เขาคงไม่อยากกินสัปปะรดไปอีกนาน
เขาไม่เข้าใจความรักของหลานชายที่มีต่อผลไม้ชนิดนี้เลยสักนิด
"โวยวายอะไรตานาย ยังไม่ชินอีกเหรอ"
คุณหญิงแขไขว่า จอมทัพกำลังจะเถียงว่ายังไงเขาก็ไม่ชิน แต่คำพูดของเขาถูกขัดโดยเสียงหัวเราะหวานใส เสียงที่เขาจำได้ดีว่าเป็นของเลขาตัวเล็ก ร่างสูงเดินตามเสียงนั้นไปอย่างสงสัย ภาพที่เห็นคือพี่ชายของเขากับขวัญข้าวกำลังคุยกันอย่างถูกคอด้วยภาษามือ ขวัญข้าวมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เช่นเดียวกับพี่ชายของเขาที่ยิ้มอย่างเอ็นดูอีกฝ่ายอย่างที่เขาไม่เคยเห็นจักรภัทรยิ้มให้ใครแบบนี้นอกจากลูกชายของตัวเอง
"หนูขวัญข้าวเนี่ยน่ารักจริงเลยนะ" มารดาของเขาเอ่ยขึ้น
"ครับ..." จอมทัพตอบส่งๆ ขมวดคิ้วมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจที่เห็นขวัญข้าวกับพี่ชายของเขาเข้ากันได้ดี
...ดีจนเกินไป
"แม่ไม่เคยเห็นตาเอ็มอารมณ์ดีแบบนี้เลยตั้งแต่หญิงเสียไป น้องโชก็ชอบเขามาก"
คุณแขไขเอ่ยด้วยน้ำเสียงอิ่มเอมใจที่เห็นลูกชายคนโตกลับมามีความสุขอีกครั้ง
"นี่นาย คุยกับน้องข้าวให้แม่หน่อยได้มั้ย ถ้าน้องข้าวลาออกมาดูแลตาเอ็มกับน้องโช แม่จะจ่ายให้สองเท่า สวัสดิการทุก
อย่างมีเหมือนที่บริษัทหมด"
"อะไรนะครับ?!"
ร่างสูงเบิกตากว้างอย่างตกใจ มารดาของเขาเป็นคนที่คิดอะไรแล้วจะทำตามเป้าหมายให้ได้ แต่เขาไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจะออกมาเป็นแบบนี้
"ไม่รู้ล่ะ แม่จะให้หนูข้าวมาดูแลตาเอ็ม ถ้าแกคุยไม่ได้แม่จะคุยเอง" แขไขเอ่ยอย่างมุ่งมั่น "ดีไม่ดีอาจจะได้หนูข้าวมาเป็นพี่สะใภ้แกก็ได้นะ ดูสิ กระหนุงกระหนิงกันน่ารักเชียว"
"ไม่ครับ!"
จอมทัพเริ่มขึ้นเสียง คนเป็นแม่หันกลับมาอย่างไม่พอใจ
"เอ๊ะ ตานาย แม่รู้นะว่าเราเป็นคนขี้หวง แต่นี่พี่แท้ๆของแกนะ กับอีแค่เลขาคนเดียวมันจะอะไรกันนักกันหนา"
"ผมไม่ให้!"
"จอมทัพ! อย่าพูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้นะ! ไม่เห็นเหรอว่าพี่เราชอบน้องข้าวแค่ไหนน่ะ"
"แต่ผมชอบขวัญก่อน! ผมรักขวัญ! ขวัญเป็นของผมครับแม่! ผมจะไม่ยกขวัญให้ใครทั้งนั้น!"
เสียงทุ้มที่ตะโกนลั่นจากหน้าห้องทำให้คนในห้องชะงักค้าง ขวัญข้าวที่นั่งคุยเรื่องนิยายกับจักรภัทรอยู่ก่อนหน้านี้เบิกตากว้างอย่างสับสนกับเสียงของชายหนุ่มที่ดังลอดเข้ามา ร่างเล็กลุกขึ้นจากที่นั่ง ชะโงกหน้าออกมาจากห้องด้วยสีหน้าสับสน ทว่าเมื่อจอมทัพที่ตะโกนเสียงดังจนหายใจหอบเห็นหน้าเขา ร่างสูงก็หมุนตัวจ้ำอ้าวหนีไปทันที
"คุณจอมทัพครับ!"
ขวัญข้าวรีบตามไปถึงแม้จะรู้ว่าขาสั้นๆของตัวเองไม่มีทางตามอีกฝ่ายทันก็ตาม
"ชั้นสองห้องริมขวาสุดจ้ะ"
เสียงของคุณนายของบ้านดังตามเขามา ขวัญข้าวพยักหน้าขอบคุณแล้วรีบวิ่งตามเจ้านายของตนไปยังชั้นบนของบ้าน
---------------
เห็นมีคนสนใจเรื่องของคุณเอ็ม
จะบอกว่าเรื่องของคุณเอ็มนี่แหละ ที่รู้สึกว่าค่อนข้างแรง เลยพยายามแก้เนื้อหาอยู่
คุณเอ็มแซ่บเกินความใสๆของคนเขียน มีความต้องหาข้อมูลหนักมาก
บอกได้แค่ว่า....
คู่ของคุณเอ็ม...ชื่อคุณเอสค่ะ
//ทิ้งระเบิดแล้วจากไป