Rule #7 Having lunch with your boss can be a disaster.
ขวัญข้าวกลับมาถึงบ้านของตัวเองตอนหกโมงเช้า
ถึงเขาจะโทรบอกมารดาแล้วว่าอยู่ช่วยงานเจ้านาย อาจจะไม่กลับบ้าน แต่แม่ของเขาก็ยังคงเก็บสำรับห่อพลาสติกตั้งโต๊ะไว้ให้เขาในครัว ร่างเล็กยิ้มกับความใส่ใจของผู้หญิงที่ให้กำเนิดเขาออกมา แล้วเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเริ่มเช้าวันใหม่ เมื่อคืนจอมทัพผล็อยหลับไปทั้งที่ยังนอนทับมือของเขา ร่างเล็กไม่อยากให้เจ้านายตื่น จึงตัดสินใจนั่งลงกับพื้นแล้วฟุบหลับอยู่ข้างกายร่างสูงจนถึงเช้า ทำให้เขายังรู้สึเมื่อยเนื้อตัวไม่หายจากการนอนผิดท่า
“ข้าว กลับมาแล้วเหรอลูก”
มารดาของเขามักจะตื่นเช้าเสมอ ทั้งลงมาซักผ้าปัดกวาดทำความสะอาดและเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนก่อนออกไปทำงาน ถึงแม้ขวัญข้าวจะขอร้องให้อีกฝ่ายหยุดพักผ่อนบ้าง แต่มารดาของเขาไม่เคยยอมทำเสียที
“ครับแม่ แต่เดี๋ยวต้องออกไปทำงานแล้ว ขอโทษนะครับ”
ร่างเล็กที่ผูกเนคไทค์ของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ยิ้มให้มารดาอย่างอิดโรย ไม่ใช่แค่จากความเหนื่อยล้าทางร่างกายจากการดูแลจอมทัพ แต่ทั้งทางด้านจิตใจที่เขารู้ดีว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาเพลียแบบนี้
“ข้าว...ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะลูก”มารดาของเขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “พ่อกับแม่ต้องให้ลูกลำบากหาเลี้ยงพวกเรามาหลายปีแล้ว ถ้าหนูเหนื่อย อยากพัก...”
“ผมมีความสุขดีครับแม่” ขวัญข้าวยิ้มกว้างให้มารดา พยายามให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขายังไหว
“ข้าวอายุยี่สิบสามแล้วนะลูก...ไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัยเหรอ?”
คำถามนั้นกลับมาอีกครั้ง ขวัญข้าวรู้ว่ามารดาเป็นห่วงเรื่องความมั่นคงในอาชีพของเขา เพราะวุฒิการศึกษาของขวัญข้าวมีแค่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก และมีเด็กจบใหม่อีกมากที่มีความรู้มากกว่าเขา ศักยภาพมากกว่าเขา ซักวันนึงความจงรักภักดีที่มีต่อเจ้านายและองค์กรจะไม่พอที่จะยื้อตำแหน่งที่เขามีอยู่ตอนนี้อีกต่อไป
แต่จนกว่าจะถึงเวลานั้น เขายังไม่อยากไปจากข้างกายของร่างสูง
“ผมเรียนไม่ไหวหรอกครับแม่ อีกอย่าง ผมก็ยังไม่รู้ด้วยว่าอยากเรียนอะไร”ร่างเล็กเอ่ยยิ้มๆ รู้สึกผิดที่ทำให้มารดาต้องกังวลใจ “ไว้ค่อยคุยกันนะครับ ผมต้องไปแล้ว”
“จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะลูก”
หญิงสาวให้พร ยืนส่งลูกชายที่ตวัดขาคร่อมจักรยานยนต์สีชมพูคันโปรดไปจนลับตา ถึงแม้ว่าขวัญข้าวจะไม่เคยพูดอะไร แต่เธอก็พอจะมองออก ว่าลูกชายของเธอตกหลุมรักเจ้านายของตัวเองเข้าให้เต็มเปา แค่สังเกตจากดวงตาที่พราวระยับยามพูดถึงคุณจอมทัพ เธอก็รู้แล้ว
เธอได้แต่หวังว่าเจ้านายแสนดีที่ได้หัวใจของขวัญข้าวไปทั้งดวงจะไม่ทำให้ลูกชายของเธอต้องเสียใจมากไปกว่าที่ควรจะเป็น
“ขวัญ ทำไมถึงออกมาก่อนล่ะ เมื่อเช้าตื่นมาไม่เจอขวัญฉันตกใจแทบแย่เลยรู้มั้ย?!”
เสียงร้องงอแงที่ไม่เบานักของจอมทัพเรียกความสนใจของคนที่ผ่านไปมาได้เป็นอย่างดีด้วยคำพูดสองแง่สามง่ามนั้น ขวัญข้าวที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะรีบยกมือปิดปากเจ้านายอย่างตกใจ
“คุณจอมทัพครับ! พูดแบบนั้นเดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดหมดหรอกครับ!”
“อื้อ...”
คนโดนปิดปากส่งเสียงประท้วง ขวัญข้าวที่รู้สึกตัวรีบเอามืออกจากปากของชายหนุ่มด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ขะ..ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก...อีกอย่าง คนอื่นก็ไม่ได้เข้าใจผิดซักหน่อย” จอมทัพเอ่ยด้วยระดับความดังเสียงเท่าเดิม “เมื่อคืนขวัญไปค้างที่ห้องฉันจริงๆนี่”
“โธ่ คุณจอมทัพครับ...”
ร่างเล็กเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจ บางทีเจ้านายของเขาก็ขี้เล่นเกินไปจริงๆ
“ขวัญ วันนี้ฉันหล่อมั้ย?”
จอมทัพยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงโชว์ชุดสูทสีดำสนิทสุดเนี้ยบที่ดูดีเกินกว่าจะใส่มาทำงาน เขาจำได้ว่าตัวเองเลือกสูทนี้ให้จอมทัพตอนที่ร่างสูงไปงานปาร์ตี้สละโสดของเพื่อน ชายหนุ่มกลับมาบอกว่ามีแต่คนชม ซึ่งเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะตอนพาไปลองชุด เขากับพนักงานในห้องลองเทียบจะเกิดอาการหัวใจวายหมู่กันเป็นแถว
เมื่อกี้เขามัวแต่ตกใจกับเสียงของร่างสูงจนลืมมอง แต่ตอนนี้ฟีโรโมนของร่างสูงแผ่กระจายจนเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคนที่เดินผ่านไปมาถึงได้เหลียวมองหลังกันเป็นแถบแบบนี้
“หล่อครับ หล่อมากเลย” ร่างเล็กชมเสียงใส ชูนิ้วโป้งสองนิ้วให้ร่างสูงเป็นเครื่องการันตี วันนี้คุณจอมทัพของเขาหล่อมากจริงๆ
อ๊ะ...ไม่ได้สิ ไม่ใช่ของเขาซะหน่อย อย่าเผลอๆ
ร่างเล็กเตือนสติตัวเองอย่างหนักแน่น
“หล่อพอที่ขวัญจะยอมตกลงไปกินข้าวกับฉันรึยัง? หืม?”
จอมทัพโน้มเข้ามาใกล้ แววตาออดอ้อนในดวงตาสีรัติกาลทำให้คนขี้ใจอ่อนเผลอพยักหน้าตกลงหลังจากอุตส่าห์บ่ายเบี่ยงมาได้หลายครั้ง
และรางวัลที่เขาได้รับคือรอยยิ้มที่ถึงแม้จะไม่เจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ แต่ก็ยังคงอบอุ่นเหมือนวันแรกที่พวกเขาเจอกัน
แล้วขวัญข้าวที่พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากหลุมบ่อแห่งความรู้สึกผิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ก็ถูกรอยยิ้มของร่างสูงถีบตกลงไปอีกครั้ง
“คุณจอมทัพ...พาผมมาร้านแพงๆแบบนี้เนื่องในโอกาสอะไรเหรอครับ?”
ขวัญข้าวมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ เขาเคยจองภัตรคารหรูระดับนี้ให้จอมทัพกับลูกค้าไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขายังไม่เคยมาทานเองเลยสักครั้ง จอมทัพอมยิ้ม มองหน้าเลขาตัวน้อยที่ดูตื่นสถานที่มากๆ
“นานๆจะได้มาทานข้าวกับขวัญทั้งที ก็ต้องพิเศษหน่อยสิ”
สายตาของร่างสูงทำให้ขวัญข้าวรู้สึกประหม่า ร่างเล็กซ่อนใบหน้าที่เขินอายของตัวเองภายใต้เมนูอาหาร ซึ่งจอมทัพก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก้มลงดูเมนูของตัวเองอย่างมีความสุข
ขวัญยอมมากินข้าวกับเขาแล้ว...
ทางด้านขวัญข้าว ฟันเฟืองภายในสมองของร่างเล็กเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายพยายามชวนเขามาทานข้าวหลายวันแล้ว จอมทัพเป็นคนใจดีก็จริง แต่เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าร่างสูงมีเหตุผลอะไรแอบแฝงหรือไม่
เรื่องที่คุยกับมารดาเมื่อเช้าผุดเข้ามาในหัว ขวัญข้าวกัดริมฝีปาก อดคิดไม่ได้ว่าที่ชายหนุ่มพยายามชวนเขาออกมาทานข้าวด้วยกันตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ เพราะอยากเตรียมตัวให้เขาได้เผชิญหน้ากับข่าวร้ายอย่างนุ่มนวลที่สุดรึเปล่า
หากเป็นจอมทัพ เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเสียทีเดียว
“ขวัญ เป็นอะไรรึเปล่า...ทำไมจู่ๆถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
คนที่นั่งมองคนตรงหน้าเพลินๆถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นสีหน้ากังวลของเลขาตัวน้อย
ขวัญข้าวลังเลว่าควรจะทำอย่างไร แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถามอีกฝ่ายตรงๆ ตลอดหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกันมา อย่างน้อยเขาก็มีสิทธิ์จะได้รู้ความจริงอย่างตรงไปตรงมา
“คุณจอมทัพ...จะไล่ผมออกเหรอครับ?”
“ฮะ? อะไรนะ? ทำไมถึงคิดอย่างนั้น?”
จอมทัพแตกตื่น ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆร่างเล็กถึงคิดแบบนั้นไปได้
“ก็หมู่นี้คุณจอมทัพ..ดีกับผมกว่าปกติมาก ผมเลยคิดว่าคุณอาจจะรู้สึกผิดที่จะไล่ผมออก” ขวัญข้าวยอมรับ “ตะ..ฉต่ไม่จำเป็นหรอกนะครับ ผมเข้าใจว่าผมไม่ได้มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเลขาของคุณมาตั้งแต่ต้น...”
“ขวัญ...ขวัญ..หยุดก่อน...”
จอมทัพรีบหยุดคนตรงหน้าไว้ก่อนที่ร่างเล็กจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ นี่ทักษะการจีบคนของเขามันแย่ถึงขั้นขวัญคิดไปถึงนู่นเลยเหรอเนี่ย?
“ขวัญเป็นเลขาที่ดีที่สุดที่ฉันเคยมี และฉันจะไม่มีวันไล่ขวัญออก เข้าใจมั้ย?” ร่างสูงเอ่ยเสียงหนักแน่น ขวัญข้าวพยักหน้า รู้สึกโล่งกับคำยืนยันนั้นแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าที่เขามาในวันนี้เนื่องในโอกาสอะไรกันแน่
“ถ้าอย่างนั้น คุณจอมทัพพาผมมาที่นี่มีเรื่องอะไรกันแน่ครับ?”
“ขวัญ...เหตุผลที่ฉันจะพาใครซักคนมาที่แบบนี้กับฉันมีอยู่ไม่กี่ข้อหรอกนะ....” จอมทัพยิ้ม “แล้วขวัญคิดว่าฉันพาขวัญมาที่นี่เพราะอะไรล่ะ?”
“เอ่อ...”
“อ้าว คุณขวัญ บังเอิญจังเลยครับ”
แต่ก่อนที่ขวัญข้าวจะได้คิดอะไรกับประโยคที่ร่างสูงเอ่ยกับเขา เสียงทุ้มของคนที่เขาเพิ่งนัดเจอเมื่อวานดังขึ้น ขวัญข้าวหันไปทางต้นเสียงเช่นเดียวกับจอมทัพที่มีท่าทีหงุดหงิดทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“คุณดิน สวัสดีครับ บังเอิญจริงๆด้วยนะครับเนี่ย มากับใครเหรอครับ?”
ท่าทีของขวัญข้าวที่ชวนอีกฝ่ายคุยอย่างเป็นกันเองยิ่งทำให้จอมทัพรู้สึกหัวเสียมากขึ้น แต่เขารู้ว่าถ้าตัวเองหลุดทำอะไรออกไป จะเป็ฯการบวกแต้มคะแนนให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทันที
“มากับพี่ชายน่ะครับ พี่เขาเอารถไปรถ เดี๋ยวก็คงมา”
แดนดินตอบ จอมทัพรู้สึกประหลาดใจที่เห็นขวัญข้าวมีสีหน้าแปลกไปเมื่อได้ยินดังนั้น แต่ตอนนี้เขาสนใจเรื่องของไอ้เจ้าเด็กที่ชื่อแดนดินนี่มากกว่าพี่ชายที่เขาไม่เคยเห็นของอีกฝ่าย
“สวัสดีครับ คุณคงจะเป็นคุณจอมทัพสินะครับ” แดนดินหันมาหาเขาเพียงครู่เดียว ก่อนจเหลือบสายตามองขวัญข้าวพร้อมรอยยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ผมได้ยินเรื่องของคุณจากคุณขวัญเยอะเลย”
“แปลกนะ ผมไม่เคยได้ยินขวัญพูดถึงคุณเลย”จอมทัพเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงใสซื่อ “ความสำคัญมันคงต่างกัน”
“ดิน มายืนทำอะไรตรงนี้ โต๊ะเราอยูทางนั้นนะ...?”
เสียงหวานดังขึ้นจากด้านหลังของแดนดิน ขวัญข้าวพอจะสังเกตได้จากปฎิกิริยาของลูกค้าและบริกรบางคนที่เผลอหันตามร่างโปร่งที่เดินตรงมาทางพวกเขาเช่นเดียวกับตอนที่หลายคนเห็นจอมทัพในวันนี้ แต่พอได้เห็นมธุวันเต็มตา ร่างเล็กถึงกับมองตาค้างทั้งที่รู้ว่าเลขารุ่นพี่ของเขาไม่ชอบ
มธุวันอยู่ในชุดเสื้อคอกว้างสีเทาฟ้าอมเขียมเฉดเดียวกับดวงตาที่วันนี้โดดเด่นเป็นพิเศษจากการที่แว่นไร้กรอบที่ร่างโปร่งใส่ประจำขณะทำงานหายไป คอเสื้อเผยให้เห็นลำคอเรียวระหงส์และเนินกระดูกที่ทำให้ร่างโปร่งดูเซ็กซี่ทั้งที่ไม่ได้เปิดเผยอะไรมากมาย คลุมด้วยเสื้อนอกเขียวยาวสีดำพอดีตัวและกางเกงขายาวที่แม้จะไม่ได้รัดแต่ก็เน้นสัดส่วนให้คนส่เป็นอย่างดี ขวัญข้าวเป็นว่าที่คอของร่างโปร่งมีสร้อยคอเส้นเล็กละเอียดที่มีจี้รูปก้อนเมฆทำจากเงินแท้และฝังเพชรเม็ดเล็กหนึ่งเม็กที่ปลายจี้ เขาจำได้ว่าตอนที่เป็นเลขาฝึกหัดเข้าเคยเห็นสายสร้อยเส้นนี้โผล่ออกมาจากได้เสื้อสูทของร่างโปร่งบ้างเวลาที่มธุวันก้ม แต่เขานึกว่าเป็นสร้อยพระอะไรอย่างนั้นเสียอีก แต่สร้อยเส้นนั้นยิ่งขับเน้นให้ความสนใจของคนมองมาหยุดอยู่ที่ผิวนวลเนียนของร่างบางที่โผล่พ้นคอเสื้อ เรียกได้ว่าหากไม่รู้จักกัน เขาต้องคิดว่าคุณมธุวันเป็นดาราแน่ๆ
หากใครได้มาเห็นปีศาจน้ำแข็งตนนี้ลอกคราบในวันนี้ คงละลายลงไปกองกับพื้นในทันที ถึงแม้ขวัญข้าวจะมีความรู้สึกแตกตื่นกับสิ่งที่เห็นเหมือนตอนเป็นเด็กๆที่ได้เห็นอาจารย์ใส่ชุดลำลองมาเดินตลาดหลังเลิกเรียน แต่ร่างเล็กก็ต้องยอมรับว่าเขาเองก็รู้สึกถึงเสน่ห์ของร่างโปร่งที่แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทางโดยไม่ต้องพยายาม
สังเกตได้จากจอมทัพที่ตอนนี้ยังนั่งอึ้ง อ้าปากค้างเหมือนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
ขวัญข้าวรู้ว่าเขาไม่มีวันสู้คนอย่างคุณมธุวันได้ แต่ร่างเล็กก็อดน้อยใจในโชคชะตาที่ดูเหมือนพยายามจะเตือนเขาถึงเรื่องนี้ตลอดเวลาไม่ได้
“คุณมธุวัน สวัสดีครับ”
ขวัญข้าวเอ่ยทักทายเลขารุ่นพี่ มธุวันพยักหน้ารับ ถึงแม้จะไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ขวัญข้าวรับรู้ได้จากประสบการณ์ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่มาก ซึ่งขวัญข้าวค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะมาจากเรื่องที่ทุกคนในบริษัทพูดถึงกันเมื่อเช้าถึงการทะเลาะกันครั้งใหญ่ของร่างโปร่งกับธีรเชษฐ์ ถึงขวัญข้าวจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ได้ยินว่ามธุวันโกรธถึงขั้นเก็บข้าวของย้ายไปอยู่ห้องของคุณเมฆา รองประธานบริษัท จนคนลือกันว่าจะเกิดศึกสายเลือดชิงตัวเลขาคนเก่งหรือไม่
เจอศึกรอบด้านแบบนี้ คุณจอมทัพของเขาจะได้มีโอกาสกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย
“ผมแค่มาทักทายคุณขวัญน่ะครับพี่หมอก เมื่อวานขอบคุณนะครับ ผมสนุกมากเลย”
แดนดินหันกลับมาหาร่างเล็กพร้อมรอยยิ้มที่จอมทัพอยากจะต่อยให้หายไปสักหมัด
“จริงสิ เมื่อวานเหมือนขวัญบอกจะไปไหนซักที่นี่นา”จอมทัพเอ่ยขึ้นบ้าง “ขอบใจนะที่รีบมาคอยดูแลฉันจนถึงเช้าเลย...”
“คุณจอมทัพครับ!”
ร่างเล็กรู้สึกอ่อนใจ เมื่อไหร่คุณจอมทัพจะเลิกพูดแบบนั้นสักที ยิ่งอยู่ต่อหน้าคุณมธุวันด้วยแล้ว ยิ่งเสียคะแนนเข้าไปใหญ่
จริงสิ...พูดถึงทำคะแนน...
“คุณแดนดิน คุณมธุวัน นั่งด้วยกันมั้ยครับ?”
ขวัญข้าวรีบหันไปถามอีกฝ่ายท่ามกลางสีหน้าแปลกใจของทุกคน ร่างเล็กไม่ได้คิดอะไรนอกจากอยากให้มธุวันมาร่วมโต๊ะกับพวกเขา ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบในอกแทบจะในทันทีที่พูดออกไป แต่ขวัญข้าวเชื่อว่าหัวใจของตัวเองมีความทนทานมากพอกับแรงกระแทกในครั้งนี้
รึเปล่านะ?
ทางด้านจอมทัพ ร่างสูงยังคงรู้สึกช็อคกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากเชื่อว่าพี่ชายของไอ้ผู้ชายที่พยายามจะแย่งขวัญไปจากเขา คือผู้ชายที่มีแต่คนในบริษัทให้ความเคารพยำเกรงอย่าางมธุวัน
ถ้าคุณหมอกรู้ว่าเขากำลังแย่งขวัญข้าวกับน้องชายตัวเอง เขาจะโดนลุงเชษฐ์เด้งออกจากตำแหน่งมั้ยเนี่ย?
ไม่เป็นไร...ถ้าสุดท้ายเขาได้ขวัญมากเป็นของเขา แค่นั้นเขาถือว่าคุ้ม
“คุณแดนดิน คุณมธุวัน นั่งด้วยกันมั้ยครับ?”
แต่จู่ๆขวัญข้าวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขาก็พูดออกมาแบบนั้นเสียอย่างนั้น
ทำไม...
“ไม่เป็นไร ผมจองไว้...”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอนั่งด้วยคนนะครับ คนเยอะๆสนุกดีออก”
แดนดินขัดคำปฎิเสธของพี่ชายทันที รีบนั่งลงข้างร่างเล็กก่อนที่มธุวันจะได้ห้ามปรามอะไร สายตาของมธุวันในตอนนี้เหมือนแม่ที่กำลังมองลูกที่เล่นซน ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความระอาระคนเอ็นดู แววตาที่จอมทัพไม่เคยเห็นในดวงตาที่มักจะเย็นเยียบจนน่าขนลุกนั้น ก่อนที่มธุวันจะเดินอ้อมไปนั่งข้างเขาแต่โดยดี
“….”
ร่างสูงที่เล็งเห็นแล้วว่ามื้ออาหารสุดแสนโรแมนติกมื้อนี้น่าจะพังครืนอย่างไม่เป็นท่าก่อนที่เขาจะได้เริ่มเสียอีกส่งเมนูให้กับมธุวัน วันนี้ร่างโปร่งแต่งตัวได้น่าตื่นตะลึงมากก็จริง แต่หลังจากที่เขารู้ตัวว่าตัวเองชอบขวัญข้าว ต่อให้มธุวันไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ติดกายสักชิ้น ร่างสูงก็มั่นใจว่าตัวเองคงจะไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร
บริกรยกน้ำดื่มมาเสิร์ฟแขกที่มาใหม่ทั้งสอง มธุวันยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ขวัญข้าวมองตาม คนอะไรขนาดดื่มน้ำยังดูดี
“ว่าแต่...ทำไมวันนี้คุณหมอกหยุดล่ะครับ ลุงเชษฐ์อนุญาตเหรอ?” จอมทัพทักขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ ร้อยวันพันปีร่างโปร่งเคยหยุดในวันทำงานแบบนี้ที่ไหนกัน
ปึ่ก!
แก้วน้ำถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะด้วยแรงที่ไม่เบานัก แต่ก็สามารถทำให้ทุกคนบนโต๊ะสะดุ้ง มธุวันตวัดสายตาเหลือบมองจอมทัพที่ขนลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น
“ผมมีสิทธิ์ลาหยุดตามกฎหมายแรงงาน ทำไมต้องขออนุญาตคนพรรค์นั้นด้วย?”
ดูท่าข่าวเรื่องทะเลาะกันรุนแรงจะเป็นความจริงสินะ...
ขวัญข้าวยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์เพื่อลดบรรยากาศตึงเครียดบนโต๊ะ ร่างเล็กเลือกที่จะสั่งอาหารหลายอย่างที่เขาคิดว่ามธุวันน่าจะชอบโดยการจิ้มๆเมนูให้บริกรดู หลังจากที่พนักงานกลับไป ทั้งสี่ก็ตกอยู่ในความเงียบ ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองหน้าจอมทัพ ราวกับหวังว่าจะให้ชายหนุ่มเริ่มบทสนทนา แต่เจ้านายของเขาที่มักจะหาเริ่มคุยกับคุณมธุวันอยู่เสมอมาตลอดกลับเบือนหน้าหนีแล้วกอดอกเอนพิงพนักเก้าอี้ ดูเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่างอยู่มาก
คุณจอมทัพโกรธเขาเหรอ?
ร่างเล็กใจแป้ว เขาทำอะไรผิดงั้นเหรอ?
จังหวะนั้นเองที่ดวงตาสีเทาอมฟ้าเหลือบมองเขา ก่อนที่มธุวันจะโน้มตัวเข้าไปหาจอมทัพที่สะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ กระซิบ
อะไรบางอย่างที่ข้างหูของร่างสูง จอมทัพมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างกลับไปด้วยสีหน้าสับสน
มธุวันถอนหายใจ ก่อนจะวางมือลงบนต้นขาของร่างสูง โน้มตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนขวัญข้าวรู้สึกว่าความเจ็บปวดที่เคยทิ่มแทงแค่หัวใจลามไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้จอมทัพหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากเรียวได้รูปแทบจะเสียดสีกับใบหูที่ขึ้นสีของร่างสูง แล้วขยับกลับมานั่ง แม้จะมองไม่เห็นเนื่องขาโต๊ะบัง แต่ขวัญข้าวก็ดูออกว่ามือเรียวขาวเนียนยังคงไม่ละจากต้นขาของร่างสูง
“ผม..ผมไปห้องน้ำนะครับ”
ร่างเล็กรีบเอ่ยขอตัวก่อนที่เขาจะทนไม่ไหว รีบลุกจากที่นั่งแล้วรีบก้าวยาวๆไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของห้องอาหาร โดยมีสายตาของจอมทัพมองตามไปอย่างไม่วางตา
------
เกลียดตัวเองที่จะลาทีไรพิมพ์ลื่นปรื้ดดดด ทุกที
นุ้งข้าวหึงล้าวววว
ิ
ยังคงอยู่ช่วงจำศีลนะเออ
ปล. ขอสอบถามหน่อยได้มั้ยคะว่าถ้านิยายเนี่ย NCแบบไหนคือแรงจนลงในเล้าเป็ดไม่ได้เหรอ
คือไม่คิดว่าตัวเองจะแต่งได้แรงเยี่ยงนั้น แต่อยากรู้ไว้อ่ะฮะ เผื่อเวลาจะแต่งจะได้รู้ว่าแบบไหนคือไม่โอเค555555