Rule #16 Let the new chapter begin
“ฮืม....อือ...”
เสียงครางหวานในลำคอสลับกับเสียงของริมฝีปากชื้นแฉะที่กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในห้องของจอมทัพไปเสียแล้ว
“อือ…อือ....”
ขวัญข้าวที่นอนทับอยู่บนตัวของร่างสูงไม่สามารถถอนริมฝีปากออกได้ด้วยอีกฝ่ายใช้มือกดท้ายทอยของเขาไว้แน่น เลขาตัน้อยที่กำลังขาดอากาศหายใจจึงมีแค่สองทางเลือกคือยอมให้อีกฝ่ายตักตวงความหอมหวานจากโพรงปากอ่อนนุ่มจนพอใจหรือไม่ก็เบือนหน้าหนีให้อีกฝ่ายสลับมาซุกไซร้ซอกคอขาวเนียนเพื่อพักยกให้กับริมฝีปากนุ่มนิ่มที่บอบช้ำจากการโดนทารุณจนชาไปหมด
“คุณจะ...พี่นาย...พอแล้วครับ...”
ขวัญข้าวปรามคนรักเมื่อเห็นนาฬิกาบอกเวลาเกือบแปดโมงแล้ว จอมทัพส่งเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างขัดใจ แต่ก็ยอมปล่อย
ขวัญข้าวเป็นอิสระแต่โดยดี
กิจวัตรประจำวันของขวัญข้าวในตอนนี้นอกจากการเป็นขนมหวานให้จอมทัพไล้ลิ้มชิมรสแทบทุกเวลาที่มีโอกาสและทำอาหารง่ายๆให้ร่างสูงก็ไม่มีอะไรมาก จอมทัพไม่ยอมให้เขาทำอะไรทั้งนั้นด้วยกลัวว่านิ้วจะไม่หายดี หมอนัดเขาไปถอดเฝือกดามนิ้วเย็นนี้ หลังจากนั้นก็น่าจะไม่มีอะไรแล้ว
“พี่นายครับ”
ถึงแม้จะกระดากปากอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของคนรักเวลาได้ยินเขาเรียกชื่อขวัญข้าวก็ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายเสียใจ แต่ร่างเล็กอธิบายแล้วว่าถึงยังไงถ้าอยู่ในบริษัทเขาก็ยังจะเรียกอีกฝ่ายเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้พนักงานคนอื่นมองว่าไม่เหมาะสม ถึงแม้จะอยากเอาร่างเล็กขึ้นเสลี่ยงแห่โชว์รอบบริษัทเหมือนนางแมวให้ทุกคนรู้ว่าขวัญข้าวเป็นของเขา แต่
จอมทัพก็เห็นด้วยเรื่องการรักษาความเหมาะสม
“มีอะไรเหรอขวัญ”
คนถูกเรียกถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เขาจริงๆตั้งแต่กลับมาจากงานวันเกิดของน้องโช เขาก็ไม่เคยคนตรงหน้าหุบยิ้มเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าถอดเฝือกแล้ว ผมขอกลับบ้านเลยได้มั้ยครับ?”
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายมาหลายวันหุบลงทันทีที่ได้ยิน ถึงแม้จะคาดไว้แล้วแต่ขวัญข้าวก็อดรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อกับปฎิกิริยาของร่างสูงไม่ได้
“ทำไมล่ะขวัญ ขวัญไม่อยากอยู่กับฉันเหรอ”
เจ้าของห้องถามเสียงอ่อย หางลู่หูตกจนร่างเล็กแทบจะถลาไปลูบหูลูบหางอย่างสงสาร
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมแค่อยากกลับไปหาพ่อกับแม่ อีกอย่าง นิ้วผมหายดีแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่แล้วนี่ครับ”
ขวัญข้าวพยายามอธิบาย แต่เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นคำตอบที่ผิดเมื่อจอมทัพมีสีหน้าหมดอาลัยตายอยากมากกว่าเดิม
“ฉันไม่พอที่จะเป็นเหตุผลให้ขวัญอยู่ต่อสินะ”
ชายหนุ่มร่างสูงนั่งกอดเข่าใช้นิ้วชี้วาดวงกลมบนพื้นอยู่ในมุมห้อง ขวัญข้าวแทบจะรู้สึกถึงเมฆฝนครืนๆที่เทลงมาบนศีรษะของจอมทัพเป็นภาพประกอบ
ฮือ...ผมทำผิดอีกแล้วเหรอ
เจ้าหนูแฮมสเตอร์ตัวน้อยพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้คนรักอารมณ์ดีขึ้น สุดท้าย ร่างเล็กก็มาจบที่การถูกบดขยี้ริมฝีปากอยู่บนเตียงนุ่มของร่างสูงอีกครั้งจนพวกเขาไปทำงานสายทั้งคู่จนได้
“สวัสดีครับคุณแม่ ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วันคุณแม่สวยวันสวยคืนเลยนะครับ ผมซื้อครีมบำรุงมาฝากครับ เห็นขวัญบอกว่าใกล้หมดแล้ว”
“คุณพ่อครับ ผมซื้อปลากระพงผัดฉ่ามากฝาก เห็นขวัญบอกว่าคุณพ่อชอบ มีต้มแซ่บซี่โครงหมูด้วยนะครับ เปื่อยพิเศษสำหรับคุณพ่อโดยเฉพาะเลย”
“ผมซื้อผลไม้มาฝากด้วยนะครับ เห็นว่าที่บ้านชอบทานกัน ขวัญบอกว่าคุณพ่อปลูกสวนไว้หลังบ้านด้วยใช่มั้ยครับ สุดยอดเลยนะครับ”
ขวัญข้าวได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆมองพ่อกับแม่ของตัวเองตื่นเต้นดี๊ด๊าดีใจไปกับลูกชายคนใหม่ คนที่งอแงไม่ยอมให้เขากลับบ้านในตอนเช้าแทบจะสิงอยู่ในโซฟาบ้านเขาคุยจ้อกับบิดามารดาของร่างเล็กอย่างออกรส ร่างเล็กได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะลุกเอาข้าวของที่คนรักซื้อมาอย่างบ้าคลั่งไปเก็บในครัว
“…โอ๊ย เรื่องสินสอดทองหมั้นอะไรพ่อกับแม่ไม่สนใจหรอก แค่เจ้าข้าวมันมีความสุขพ่อก็พอใจแล้ว”
ขวัญข้าวที่กลับออกมาจากในครัวอ้าปากค้าง นี่เขาเข้าไปเก็บของแป๊บเดียว บทสนทนามันเบี่ยงไปทางนั้นได้ยังไง?!
“พ่อครับ แม่ครับ คุยอะไรกันน่ะครับ ไม่เอาๆ เปลี่ยนเรื่องๆ”
ขวัญข้าวรีบมุดตัวไปนั่งแทรกกลางระหว่างคนรักกับผู้ปกครองของตัวเองอย่างร้อนรน นี่พวกเขาเพิ่งคบกันได้ไม่กี่วันมาคุยเรื่องสินสอดทองหมั้น เดินหน้าคุณจอมทัพไม่ยกขันหมากมาขอเขาเลยเหรอ
“ถ้าเดือนหน้าผมจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอขวัญไว้...”
นั่นปะไร! ไม่ทันจะขาดคำ!
“คุณจอมทัพครับ! หยุดโมเมเอาเองเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
ร่างเล็กรีบเบรกเจ้านายของตัวเองไว้ก่อนที่จอมทัพจะวาดฝันปั้นวิมานเสร็จเรียบร้อยโดยไม่ถามอะไรเขา ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้บอกอะไรพ่อกับแม่เรื่องความสัมพันธ์ของพกเขา แต่ดูจากสายตารู้ทันของผู่ใหญ่ทั้งสองขวัญข้าวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พ่อกับแม่เขาแค่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็เท่านั้น
ถ้ารู้ว่าแฟนลูกชายคุยเรื่องสู่ขอตั้งแต่คบกันไม่ถึงสัปดาห์ แม่เขาไม่หัวใจวายเลยเรอะ
“ทำไมล่ะ? ขวัญไม่อยากอยู่กับฉันตลอดไปเหรอ?”
เอาอีกแล้ว สายตาพิฆาตนั่นอีกแล้ว จะมีครั้งไหนมั้ยที่จอมทัพไม่งัดเอาลูกไม้นี้ออกมาใช้เวลาไม่ได้ดั่งใจ
“คือ….”
ร่างเล็กส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางมารดาอย่างจนใจ หญิงวัยกลางคนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ใจเย็นๆกันก่อนดีกว่าจ้ะนาย ถึงลูกข้าวของแม่จะรักเรามาเป็นปี แต่นี่ก็เพิ่งคบกันมาไม่เท่าไหร่เองใช่มั้ยล่ะ ค่อยๆเรียนรู้กัน
ไปดีกว่า”
แทนที่เรื่องจะดีขึ้น คำพูดของมารดาของเขากลับทำให้ขวัญข้าวอายจนแทบจะมุดโซฟาหนี ฮือ ทำไมแม่ต้องแฉความลับที่เขาคิดจะปิดไปจนวันตายนั่นออกมาด้วยนะ
“เป็นปี...เหรอครับ?”
รอยยิ้มของจอมทัพแข็งค้าง ชายหนุ่มเอียงคออย่างไม่เข้าใจคำพูดของมารดาของคนรัก
“แม่ยังจำได้อยู่เลยนะ วันที่ข้าวไปสมัครตำแหน่งเลขาน่ะ ตอนกลับบ้านหอบกุหลาบช่อโตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับมา พอแม่ถามว่าใครให้ข้าวก็พูดถึงนายไม่หยุดเลย บอกว่าเหมือนเจ้าชายจากในนิยายเลย”
มารดาของขวัญข้าวยิ้ม เม้าท์ลูกชายคนเดียวที่หน้าแดงเป็นลูกตำลึงอย่างออกรส จอมทัพยังคงยิ้ม ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะลดลงทีละนิดทุกครั้งที่ได้ยินสิ่งที่หญิงวัยกลางคนพูดก็ตามที
“แม่ครับ คืนนี้ผมขอนอนที่นี่ได้มั้ยครับ”
“พี่นายครับ!”
ขวัญข้าวกระซิบเสียงตกใจ พวกเขาตกลงกันแล้วนี่นาว่าจอมทัพจะไม่ทำแบบนี้
“ได้จ้า คิดซะว่าเป็นบ้านของลูกเลยก็ได้จ้ะ” เจ้าของบ้านตัวจริงเอ่ยอย่างไม่ถือสา “แม่รู้นะว่าเราสองคนรู้ว่าอะไรเหมาะสม
โตๆกันแล้ว แม่ไม่ห้ามหรอก”
“ขอบคุณครับแม่”
จอมทัพยกมือไหว้ แทบจะลงไปกราบตักมารดาคนใหม่ของตน ขวัญข้าวถอนหายใจ รู้ว่าถึงจะอยากห้ามอีกฝ่ายเขาก็คงห้ามไม่ได้
เอาเถอะ คิดซะว่าดีกว่าสามคนนี้เข้ากันไม่ได้ก็แล้วกัน
“เตียงผมเป็นเตียงเดี่ยว เบียดหน่อยนะครับ”
ขวัญข้าวเปิดประตูเดินนำจอมทัพเข้ามาในห้องนอนขนาดจิ๋วของตัวเอง เรียกได้ว่าตู้เสื้อผ้าในห้องอนที่บ้านของจอมทัพยังใหญ่กว่าห้องของเขาเสียอีก ร่างเล็กได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่รังเกียจสภาพพที่ตัวเองจะต้องอยู่ในคืนี้ เพราะนี่คือตัวตนของเขา และขวัญข้าวไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนไปในเร็ววัน
กริ๊ก
เสียงล็อคประตูห้องทำให้เจ้าของห้องหันไปหาคนรักอย่างงุนงง จอมทัพนั่งลงบนเตียงเล็กๆของเขา กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งบนนั้นอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มตบที่พื้นที่ว่างข้างกายของเขาเบาๆ
“ขวัญ ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
น้ำเสียงจริงจังของคนรักทำให้ขวัญข้าวรู้สึกเครียดตามไปด้วย ขวัญข้าวนั่งลงข้างจอมทัพอย่างประหม่า
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“ขวัญ ที่คุณแม่พูดเมื่อกี๊เป็นความจริงเหรอ?”
จอมทัพขมวดคิ้วถามด้วยสีหน้าไม่สบายใจ ขวัญข้าวอยากจะปฎิเสธ อยากจะโกหกไปว่าเป็นเพียงความเข้าใจผิด เขาไม่อยากให้จอมทัพคิดว่าเขาเป็นพวกขี้แพ้ที่ได้แต่มองตามคนที่เขาไม่ได้สนใจ แต่ขวัญข้าวรู้ว่าอีกฝ่ายรู้คำตอบของคำถามนี้ดีอยู่แล้ว
“ครับ”
ร่างเล็กพยักหน้า รอปฎิกิริยาของร่างสูงต่อคำตอบนั้นอย่างใจหวาดกลัวลึกๆ
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่ขวัญช่วยฉันตามจีบคุณหมอก ที่ขวัญช่วยเลือกของขวัญ ช่วยส่งดอกไม้ ช่วยสืบข้อมูลของคุณหมอกให้ฉันว่าเขาชอบอะไร ขวัญชอบฉันมาตลอดเลยเหรอ?” จอมทัพถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
ขวัญข้าวพยักหน้า แต่รีบแก้ตัวทันทีด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดว่านั่นเป็นสาเหตุที่ตนจีบมธุวันไม่ติด
“แต่ผมทำเต็มที่จริงๆนะครับ ผมไม่เคยแกล้งให้คุณส่งอะไรผิดๆไปให้คุณมธุวันเลย ผมอยากให้คุณสมหวังกับคุณมธุวันจริงๆนะครับ...”
ร่างเล็กถูกรวบเข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มแน่นจนแทบหายใจไม่ออก จอมทัพซุกหน้าลงกับบ่าเล็กๆของคนรักอย่างหมดแรง แค่เขาเห็นขวัญข้าวกับไอ้สองหรือไอ้คุณขี้ดินอะไรนั่นเขาก็หึงจนแทบบ้า อยากจะจับขวัญมาม้วนๆๆใส่ผ้าห่มแล้วกอดไว้ไม่ให้ใครแย่งไป เขาไม่อยากจินตนาการเลยว่าขวัญข้าวที่ต้องทนเห็นเขาวิ่งไล่ตามมธุวันทุกวี่ทุกวันมาตลอดหนึ่งปี แถมยังเป็นคนช่วยเขาวางแผนทุกอย่าง จะรู้สึกเจ็บแค่ไหน
ทำไมเขาถึงทำให้คนที่รักเขามากขนาดนี้เสียใจอยู่ได้เป็นปีโดยไม่รู้ตัว ทำไมเขาถึงโง่แบบนี้ ให้ตายเถอะ!
“ทำไมขวัญถึงไม่เคยบอกฉันเลยล่ะ?”
“บอกไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมานี่ครับ มีแต่จะทำให้คุณลำบากใจเปล่าๆ”ขวัญข้าวตอบตามความเป็นจริง “ผมรู้ตัวเองดีว่าไม่มีอะไรสู้คนอย่างคุณมธุวันได้”
“เด็กโง่...ทำไมถึงชอบดูถูกตัวเองนักฮึ?”
จอมทัพลูบศีรษะของคนรักเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“ก็มันจริงนี่ครับ...”
ขวัญข้าวยังคงปักใจเชื่ออย่างนั้น ต่อให้เอาคนอื่นมาถามว่าคิดว่าใครมีเสน่ห์กว่า เขารู้ว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องตอบว่ามธุวัน ถึงจะเป็นจอมทัพก็ต้องยอมรับเรื่องนั้น เพราะไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงไม่หลงมธุวันจนหัวปักหัวปำในตอนแรกหรอก
“ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นหรอกขวัญ สำหรับฉัน ขวัญดีที่สุดอยู่แล้ว”
จอมทัพผละออกมาเล็กน้อยเพื่อที่จะได้จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่นั้น ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาหมายความตามนั้นทุกคำพูด
"เสน่ห์ของคนคนนึงมันไม่สารถเอามาแข่งกันได้หรอกนะ ของแบบนี้มันอยู่ที่ความรู้สึก ถ้าฉันจะชอบใคร ต่อให้มีซักกี่คนมาบอกฉันว่าคนคนนั้นด้อยกว่าคนอื่นทุกอย่าง ในสายตาของฉัน คนคนนั้นก็ยังเป็นที่สุดอยู่ดี”
ขวัญข้าวหลบสายตาอีกฝ่ายพยักหน้า ถึงแม้จะคิดว่านั่นเป็นเพียงคำปลอบใจของคนรักที่อยากให้เขารู้สึกดีกับตัวเองมากกว่านี้ก็ตาม
“ขวัญ ฟังฉันนะ”จอมทัพเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเคลือบแคลงใจของอีกฝ่าย ชายหนุ่มจับหัวไหล่มนทั้งสองข้างเพื่อบังคับให้คนรักหันมาที่เขา “ฉันเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีขวัญอยู่ข้างๆ ฉันไม่สนด้วยว่าใครจะคิดแบบไหน ฉันรู้แค่ว่าขวัญดีพอที่จะเลือกผู้ชายคนไหนในโลกก็ได้ แต่ขวัญเลือกฉัน”
ขวัญข้าวรู้สึกว่าสีเลือดฝาดบนใบหน้าของตัวเองแดงขึ้นแข่งกกับรอยยิม้ที่กว้างขึ้นเรื่อยๆบนใบหน้าของคนรัก
“เพราะฉะนั้น เลิกคิดว่าตัวเองมีอะไรที่ด้อยกว่าคนอื่นเถอะนะ”
“ขอบคุณนะครับคุณจอม...พี่นาย”
ยังไงก็ยังไม่ค่อยชินทุกทีสิน่า...
“ฉันอนุโลมให้เรียกเฉพาะเวลาที่ขวัญอยากเรียกก็ได้นะ” จอมทัพยิ้มหวานให้คนรัก “จริงๆจะเรียกแบบไหนฉันก็โอเคทั้งนั้นแหละถ้าขวัญเป็นคนเรียก”
ผู้ชายคนนี้จะฆ่าเขาให้ตายด้วยรอยยิ้มแบบนั้นสักกี่ครั้งถึงจะพอใจ
ถึงแม้จอมทัพจะสัญญาว่าจะกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองในคืนวันถัดไป แต่ยังไงคืนนี้พวกเขาสองคนก็ต้องนอนเบียดกันบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่งที่ขวัญข้าวใช้มาสิบกว่าปีโดยที่สปริงยังไม่เด้งออกมาแทงเขาตายอย่างปาฎิหาริย์
“ผมนอนบนพื้นดีกว่าครับ”
ขวัญข้าวว่า ต่อให้เขาตะแคงแค่ไหนยังไงก็ไม่สามารถยัดตัวเองกับจอมทัพบนเตียงของตัวเองได้
“นอนด้วยกันนี่แหละ”
จอมทัพยังคงดื้อแพ่ง ขวัญข้าวกำลังจะชี้ให้อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถนอนบนเตียงเดียวกันได้ด้วยขนาดอันเล็กจิ๋วของมัน แต่ร่างสูงดึงเขาขึ้นมาบนตักก่อนที่จะได้พูดอะไร จอมทัพโอบร่างเล็กแล้วเอนตัวลงนอนหงายบนเตียง โดยมีร่างของขวัยข้าวนอนทับอยู่ข้างบนอย่างช่วยตัวเองไม่ได้
“คุณจอมทัพ ทำอะไรครับเนี่ย”
ขวัญข้าวพยายามลุกขึ้นจากตัวของคนรัก แต่จอมทัพไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดจากอ้อมกอดโดยง่าย
“แบบนี้ก็นอนด้วยกันได้แล้ว”
“แต่แบบนี้ทั้งคืนคุณจะเมื่อยเอานะครับ”
ตัวขวัญข้าวน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่คนโดนทับที่ยังยิ้มร่าอยู่นี่ต่างหากที่น่าเป็นห่วงมากกว่า
“ไม่หรอก”ร่างสูงหัวเราะในลำคอ “ขวัญนอนอยู่บนตัวฉันตลอดทั้งคืนฟังดูเหมือนฝันมากกว่านะ”
“คุณจอมทัพ!”
ขวัญข้าวตีไหล่หนาเบาๆด้วยใบหน้าขึ้นสี เรียกเสียงหัวเราะจากจอมทัพได้อีกระลอก เลขาตัวน้อยซุกหน้าลงกับอกของคนรักเมื่อรู้ว่าจอมทัพไม่มีแผนจะปล่อยมือจากเอวของเขาโดยง่าย
ได้! ถ้าคุณจอมทัพอยากจะโดนเขาทับทั้งคืนแบบนี้ก็ตามสบายเลย เขาไม่สนหรอก
“ผมบอกแล้วไงครับว่าจะเมื่อยเอา”
ขวัญข้าวกดน้ำหนักมือลงบนแผ่นหลังตามแนวกล้ามเนื้อที่ระบมไปหมดจากการนอนท่าเดิมโดยมีน้ำหนักของคนทั้งคนกดทับเขาตลอดทั้งคืน
“โธ่ ก็ฉันอยากอยู่ใกล้ๆขวัญตลอดทั้งคืนนี่นา”
คนที่นอนถอดเสื้อคว่ำกับเตียงให้ร่างเล็กนวดให้โอดครวญ ถามว่าปวดหลังมั้ยมันก็ปวดแหละ แต่หากถามว่าเขาจะทำอีกมั้ย เขาสามารถตอบได้โดยไม่ครับเลยว่าทำอีกแน่นอน แค่ใบหน้าหวานนุ่มนิ่มที่คลอเคลียกับอกของเขาเหมือนลูกแมวเหมียวตลอดคืนก็ทำให้จอมทัพปลื้มปริ่มจนแทบสำลักความสุขตายอยู่แล้ว
“ถ้าเจ็บก็บอกนะครับ ผมจะได้เบามือลง”
หมอนวดจำเป็นทิ้งน้ำหนักตัวบางส่วนลงบนฝ่ามือของตัวเองเพื่อเพิ่มแรงกด เรียกเสียงครางอือในลำคออย่างสบายตัวจากคนรักได้เป็นอย่างดี
“ขวัญนวดเก่งที่สุดเลย”
“ไม่ต้องมาปากหวานเลยครับ แบบนี้จะไปทำงานได้มั้ยครับเนี่ย ให้ผมลาให้มั้ยครับ?”
ร่างเล็กถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“แค่เมื่อยตัวนิดหน่อยเองขวัญ อย่ากังวลเลย” จอมทัพตอบ ก่อนจะเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “แต่ถ้าได้วอร์มกล้ามเนื้อก่อนนอนฉันว่าฉันคงไม่เมื่อยง่ายแบบนี้แน่เลย”
“ถ้าไปทำงานได้ก็รีบไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวจะสายเอา”
ร่างเล็กทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่คนรักต้องการจะสื่อ จอมทัพขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ บิดไปมาด้วยท่าทีเมื่อยขบ ทำเอาตัวต้นเหตุรู้สึกผิดอีกรอบ
“ขอบใจนะขวัญ รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย”
“ถ้าอย่างนั้นผมไปช่วยแม่ทำอาหารเช้านะครับ”
“อื้อ เดี๋ยวฉันอาบน้ำเสร็จจะตามลงไป”ร่างสูงหาวหวอด
ขวัญข้าวเดินลงมาตามบันไดบ้าน ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถึงแม้การเริ่มต้นคบกันจะเปิดโอกาสให้ร่างสูงสัมผัสเขามากขึ้น หยอดคำหวานใส่เขาอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น แต่นอกเหนือไปจากนั้น ระหว่างเขากับจอมทัพก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่นัก เขายังคงปลุกอีกฝ่ายในตอนเช้า นวดให้อีกฝ่ายเวลาเมื่อย ทำอาหารเช้าให้อีกฝ่ายในตอนเช้า และเตรียมชุดทำงานให้ร่างสูงในแต่ละวัน เหมือนกับที่ทำเป็นปกติทุกเช้าตั้งแต่เป็นเลขาของจอมทัพมา ถึงแม้วันนี้พวกเขาจะต้องแวะกลับคอนโดให้จอมทัพไปเปลี่ยนชุดก็ตาม
ปกติเวลาคบกันเราจะต้องทำอะไรต่างไปจากเดิมบ้างนะ
คนไม่เคยมีแฟนอดนึกสงสัยไม่ได้
---------------
มีความน้ำตาลอีกแล้วคู่นี้
หมั่นไส้อีตาคุณจอมทัพ ชิๆๆๆๆ