Rule #23 Let him pick your clothes.
“ขวัญ หายโกรธฉันแล้วจริงๆใช่มั้ย?”
“ถ้าคุณจอมทัพถามอีกครั้งผมจะโกรธแล้วนะครับ”
ขวัญข้าวกระซิบตอบคนที่สะกิดถามเขายิกๆตลอดการประชุมจนเขาแทบไม่ได้จดอะไร เขาแอบเห็นคนที่นั่งตรงข้ามส่ง
สายตาไม่พอใจมาที่พวกเขาสองสามครั้งแล้ว แถมคนที่พูดเสนอหัวข้อในที่ประชุมตอนนี้ยังเป็นอคิราห์ที่ดูจะสนใจเรื่องของพวกเขาเป็นพิเศษอีกต่างหาก
“คุณจอมทัพ มีอะไรจะเสริมเรื่องที่ผมพูดไปเมื่อกี้มั้ยครับ?”
“ผมคิดว่าท่านประธานน่าจะสนใจโปรเจ็คคอนโดที่ว่านะครับ...ถ้าหายโกรธแล้วคืนนี้เราไปดินเนอร์กันนะ ฉันจองร้านไว้แล้ว”
ประโยคหลังจอมทัพกระซิบใส่หูเลขาตัวน้อย โชคดีของจอมทัพที่ชายหนุ่มเป็นคนที่แยกประสาทได้ดี จึงไม่มีปัญหากับการง้องอนคนรักระหว่างฟังหัวข้อการประชุมสักนิด
“เหนื่อยหน่อยนะน้องข้าว ไอ้นายมันกวนทั้งคืนเลยสิ”
อคิราห์ทัก โอบไหล่ร่างเล็กขณะเดินออกมาจากห้องประชุมอย่างสนิทสนมจนเดือดร้อนคนขี้หวงที่ต้องดึงขวัญข้าวเข้าไปขังไว้ในอ้อมกอดแล้วแลกเขี้ยวขู่ไอ้เพื่อนเวร
“ไม่หรอกครับ เมื่อคืนหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายเลย”
ร่างเล็กยิ้มแห้ง ถึงแม้จะรู้สึกไม่ค่อยดีที่เกือบถูกอีกฝ่ายวางยา แต่เขาเป็นคนที่โกรธใครจริงจังได้ยากมาก แถมเขายังใช้พลังงานการโกรธไปกับคุณจอมทััพเมื่อคืนหมดแล้วด้วย
“เหรอๆ”อคิราห์พยักหน้าหงึกหงักด้วยรอยยิ้มรู้ทันที่บอกว่าไม่เชื่อซักคำที่ร่างล็กพูด “ไปกินข้าวเที่ยงกัน พวกไอ้โซ่มันไปรอที่ห้องอาหารแล้ว”
“เออ เมื่อเช้าไม่เห็นพวกมันมากินข้าวเลย”
จอมทัพเอ่ยขึ้น ความจริงและคนที่มีงานจริงๆมีเพียงแค่เขากับอคิราห์เท่านั้น ส่วนอีกสองคนที่ทำงานอยู่ที่สาขาเชียงรายอยู่แล้วแค่หาข้ออ้างมาเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ปกติอย่างน้อยชยกรก็จะมาทักทายพวกเขาตอนเช้าตามประสาเจ้าบ้านที่ดี
“คงโดนเมียมันงอแงไม่ยอมให้มาล่ะมั้ง”
อคิราห์หัวเราะ เมืื่อพวกเขามาถึงห้องอาหารที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้แขกที่เข้าประชุม ขวัญข้าวก็สังเกตเห็นคนทั้งสองที่โต๊ะริมหน้าต่าง ชยกรยกมือให้พวกเขา ส่วนรเมศก็นั่งคนข้าวต้มในถ้วยโดยไม่สนใจเพื่อนที่เดินมาหา
“เป็นอะไรวะไอ้เมศ ทำไมวันนี้ขรึมเชียว”
อคิราห์ตบไหล่เพื่อนดังป้าบอย่างหยอกล้อ ขวัญข้าวสังเกตว่ารเมศสะดุ้งเฮือก แสดงสีหน้าเจ็บปวดที่แค่เห็นขวัญข้าวก็รู้ดีว่าแรงตบเมื่อครู่สะเทือนไปถึงไหน
แต่...เมื่อคืนคุณรเมศกลับกับคุณชยกรนี่...โอ้...
ขวัญข้าวเบิกตากว้าง แต่เลือกที่จะหุบปากเงียบด้วยกลัวว่าข้อสันนิษฐานของตัวเองจะผิดพลาด
“เมศ..เอาอะไรอีกมั้ย”
ชยกรหันมาถามเพื่อนข้างๆ มือใหญ่เอื้อมไปแตะเบาๆที่ข้อศอกของเพื่อนเพื่อดึงความสนใจ แต่รเมศกลับชักแขนหนีราวกับถูกของร้อน
“ไม่ต้อง..กูอิ่ม”
ร่างบางตอบเบาๆ เสียงที่มักจะตะโกนโหวกเหวกดังลั่นแหบพร่า
“เมศ…ไหวมะ...”
“อือ”
คนถูกถามตัดบทด้วยสีหน้าอิดโรย ชยกรดูจะเป็นห่วงเพื่อนสนิทมากแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ขวัญข้าวมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงสาร แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่พื้นที่ของตัวเองที่จะไปอยากรู้อยากเห็น
“ขวัญ จะกินอะไร เดี๋ยวฉันไปตักให้”
ร่างเล็กหันไปหาคนรักที่แตะไหล่ตนเบาๆอย่างต้องการคำตอบ จอมทัพดูจะไม่ได้รับรู้ถึงอะไรก็ตามมที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ส่วนอคิราห์เดินร่อนไปตักอาหารเรียบร้อยแล้ว
“ผมไปด้วยดีกว่าครับ”
ขวัญข้าวลุกตามร่างสูง เขาขอออกไปจากบรรยากาศอึดอัดแถวนี้สักพักดีกว่า
จอมทัพโดนอคิราห์ลากตัวไปที่โต๊ะสนุ๊กเกอร์ตั้งแต่ข้าวคำสุดท้ายเข้าปากเรียบร้อยแล้ว ขวัญข้าวที่ได้เวลาเงียบสงบกลับมาอย่างที่ไม่ได้มีมาเนิ่นนานตัดสินใจใช้มันไปกับการเดินชมสวนสวยและภูเขาที่เป็นทิวทัศน์ที่เขามองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
“เจอกันอีกแล้วนะครับ คุณข้าว”
ขวัญข้าวหมุนตัวกลับไปเมื่อได้ยินเสียงของชยกรที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ชายหนุ่มร่างใหญ่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน แต่แววตาเศร้าหมองนั้นทำเอาขวัญข้าวอยากจะเขาไปกอดปลอบแล้วโยกโอ๋ไปมาราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กตัวเล็กๆ
“คุณโซ่ทานเสร็จแล้วเหรอครับ”
ชยกรเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังคงเรียกเขาว่าคุณข้าว ร่างสูงดูจะสนิทใจกับคำเรียกนั้นมากกว่าซึ่งขวัญข้าวก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ครับ ทานมากกว่านี้เดี๋ยวจะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นแพนด้าหลุดมาจากสวนสัตว์”
ร่างสูงตบที่หน้าท้องภายใต้ชุดสูทพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ อีกอย่าง แพนด้าก็น่ารักดีออกครับ”
ขวัญข้าวเอ่ยขึ้นอย่างกระอักกระอ่วนใจ เขายังไม่สนิทกับชายหนุ่ม จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น แต่ดูจากสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงนั้น เขาคงไม่ได้ทำให้ชยกรรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม
“คุณข้าวดูชอบธรรมชาติมากเลยนะครับ”
ร่างสูงหันไปมองตามวิวทิวทัศน์ของภูเขาเบื้องหน้าที่ขวัญข้าวกำลังชื่นชมก่อนหน้านี้
“ครับ ผมไม่ค่อยได้เที่ยวต่างจังหวัดเท่าไหร่” ขวัญข้าวสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด “ผมชอบความรู้สึกไม่เร่งรีบ ไม่วุ่นวายแบบนี้”
“เวลามีเรื่องไม่สบายใจ แค่ได้ยืนมองต้นไม้สีเขียวบนภูเขาพวกนั้น ก็รู้สึกว่าปัญหาทุกอย่างต้องมีทางออก” ชยกรเอ่ยขึ้น
ลอยๆ “ผมก็ไม่คิดเหมือนกันนะครับว่าจะตกหลุมรักเสน่ห์ของธรรมชาติได้แบบนี้”
“เรื่องที่ไม่สบายใจนี่...เรื่องคุณเมศเหรอครับ?”
ขวัญข้าวเผลอหลุดปากออกไป ชยกรชะงัก ถึงแม้สีหน้ายิ้มแย้มนั้นจะยังไม่จางหายไป
จนขวัญข้าวเริ่มสงสัยแล้วว่าอีกฝ่ายโกรธเป็นกับใครเขารึเปล่า?
“ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“ผมแค่เดาดูน่ะครับ”
ขวัญข้าวยิ้มเจื่อน ไม่กล้าถามอะไรต่อด้วยกลัวว่าจะดูเป็นการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย ชยกรยิ้มอย่างขอบคุณกับความเข้าใจ ก่อนจะหันไปทางที่พักที่อยู่ไม่ไกลจากที่ของเขา ดวงตาเรียวรีตามประสาหนุ่มตี๋เจือไปด้วยแววกังวล
“ผมขอตัวไปดูเมศก่อนแล้วกันครับ เห็นบ่นว่าปวดหัว”
“ครับ”
ขวัญข้าวพยักหน้า ปล่อยให้ชายหน่มเดินไปดูเพื่อนของตน ขวัญข้าวได้แต่หวังว่าคนทั้งคู่จะผ่านพ้นปัญหาอะไรก็ตามที่มีอยู่ในตอนนี้ไปด้วยดี
แต่ดูจากสายตาที่รเมศมองชยกรเวลาที่อีกฝ่ายไม่เห็น ขวัญข้าวคิดว่าชายหนุ่มร่างใหญ่มีโอกาสมากกว่าที่ตัวเองคิด
“ขวัญ...”
เสียงของคนรักของเขาดังขึ้นหลังจากที่ชยกรเดินจากไปได้ไม่นาน จอมทัพยังคงไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เขาอย่างแนบชิดสนิทกันเหมือนปกติ ราวกับกำลังสังเกตการณ์อยู่ว่าขวัญข้าวหายโกรธแล้วจริงๆหรือยัง
ขวัญข้าวหันไปหาคนรักพร้อมรอยยิ้มกว้าง เอื้อมมือไปจับมือใหญ่ไว้แล้วดึงเบาๆให้เดินตามมา
“ไปดูวิวทางนู้นกันดีกว่านะครับ”
“..อื้อ!”
ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงักด้วยดวงตาเป็นประกาย ทั้งสองเดินจูงมือลัดเลาะไปตามทางเดินหินที่มีเสาโค้งพันรอบด้วยเถาวัลย์อย่างสวยงาม สัมผัสธรรมชาติให้คุ้มกับที่ได้มาเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันเป็นครั้งแรก
ความรักของพวกเขาเรียบง่าย หวานละมุน และอบอุ่นอย่างที่น้อยคนนักจะได้ประสบพบเจอ
ขวัญข้าวตระหนักดีว่าเขาโชคดีแค่ไหน และเขาจะไม่ให้ความโกรธเล็กๆน้อยๆที่หายไปหมดแล้วในตอนนี้มาทำให้เขากับ
จอมทัพต้องมาผิดใจด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้
“ข้าว มานั่งด้วยกันมั้ยจ๊ะ”
เลขาสาวของผู้บริหารคนหนึ่งที่เข้าร่วมการประชุมในช่วงเช้าโบกมือให้เขาเมื่อเห็นว่าขวัญข้าวกำลังเดินหันซ้ายและขวาราวกับกำลังหาใครอยู่ในงานปาร์ตี้บาร์บีคิวในสวนนี้ ทั้งเหล่าผู้บริหารและเลขาที่เข้าร่วมงานยืนตักอาหารกันประปราย บ้างก็จับกลุ่มคุยกัน บ้างก็กำลังมองหาคนรู้จักอย่างที่ขวัญข้าวกำลังทำ
ขวัญข้าวตั้งท่าจะจะปฎิเสธ แต่เลขาหนุ่มของผู้บริหารอีกคนกลับบล็อคทางออกของเขาไว้เสียก่อน
“มาๆนั่งๆ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราเข้าประชุมกับคุณจอมทัพหลายครั้งแล้ว เพิ่งเคยเห็นเขาพาเลขามาด้วยครั้งแรกนะเนี่ย"
“เอ่อ...ขอบคุณครับ”
คนปฎิเสธคนอื่นไม่เป็นอย่างขวัญข้าวเมื่อเจอแบบนี้จึงต้องเลยตามเลย คุณจอมทัพโดนคุณอคิราห์ลากตัวไปอีกแล้วทันทีที่จบการประชุม คงอีกสักพักกว่าจะมา ถึงตอนนั้นเขาค่อยขอตัวก็คงไม่สาย
“น้องข้าวเป็นเลขาคุณจอมทัพมานานรึยัง?” หญิงสาวใส่แว่นสีแดงที่เป็นคนชวนเขามานั่งเปิดประเด็น
“ก็…ประมาณปีนึงแล้วครับ”ขวัญข้าวตอบ
“โห ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่เลยนะเนี่ยที่คุณจอมทัพไม่เคยพาน้องข้าวมา”
หญิงสาวร่างอวบอัดในชุดลำลองแสนวาบหวิวที่นั่งอยู่ข้างเขาเอ่ยอย่างประหลาดใจ
“ก็ดูเข้าสิ ตัวเล็กขนาดนี้คุณจอมทัพเขากลัวเฉามือตายรึเปล่า”
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่อีกข้างของเขาเอ่ยติดตลก ขวัญข้าวยิ้มเจื่อนอย่างไม่รู้จะโต้ตอบว่าอย่างไร
“ว่าแต่...อยู่กับคุณจอมทัพมาตั้งปีนึง พอจะรู้มั้ยจะว่าคุณจอมทัพเขามีใครรึยัง”
สาวอึ๋มกระแซะถามอย่างสนใจ แต่ก่อนที่ขวัญข้าวจะได้คิดคำตอบของคำถามที่ทำให้เข้ารู้สึกกระอักกระอ่วนนั้น หญิงสาว
แว่นแดงก็ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเสียก่อน
“เจ้านายของตัวเองเปย์ให้ไม่พอรึไงยะถึงต้องไปหาเกาะเจ้านายชาวบ้าน”
“แล้วหล่อนเกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ” สาวอึ๋มยิ้มเยาะ “ไม่มีอะไรให้เจ้านายสนใจก็อย่ามาเห่าชาวบ้านเขา”
“คนอย่างฉันทำงานใช้สมองย่ะ ไม่ได้ใช้เต้าไต่แบบเธอ จริงมั้ยน้องข้าว”
“อะ…เอ่อ...”
ขวัญข้าวเอ๋อไปอีกครั้งเมื่อถูกถามคำถามที่เขาไม่สะดวกใจที่จะตอบ ในเมื่อสถานการณ์ของเขากับคุณจอมทัพไม่สามารถเข้ามาประยุกต์ใช้กับคนอื่นได้
แต่เป็นอีกครั้งที่เขาถูกช่วยไว้ด้วยมือใหญ่ที่วางลงบนไหล่ ชยกรยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรเมื่อขวัญข้าวเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง
“คุณข้าว รีบกลับไปที่โต๊ะเถอะครับ เดี๋ยวถ้านายมันไม่เจอคุณจะอาละวาดเอา”
“คุณชยกรสวัสดีครับ/ค่ะ”
บรรดาเลขาที่นั่งล้อมโต๊ะกลมกล่าวทักทายผู้มีตำแหน่งสูงกว่าตามมารยาท ชยกรพยักหน้ารับ ก่อนจะหันกลับมาสนใจร่างเล็กอีกครั้ง
“รีบไปเถอะครับ”
ขวัญข้าวพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมเอ่ยขอตัวกับคนรอบข้าง ร่างเล็กเดินตามเพื่อนของคนรักไปยังโต๊ะอีกฟากที่ชายหนุ่มอีกสองคนที่ไม่ใช่คนรักของเขานั่งรออยู่
“คุณจอมทัพล่ะครับ?”เลขาตัวน้อยถาม
“เมื่อกี้พอเห็นซุ้มขนมไทยก็พุ่งเข้าไปเลย ยังไม่ออกมาเลยตอนนี้”
อคิราห์ตอบ รเมศที่ยังคงมีสีหน้าอ่อนเพลียพยักหน้าตามคำพูดของเพื่อน ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อชยกรนั่งลงข้างๆ ก่อนจะปรับสีหน้ากลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ขวัญ~ มาแล้วเหรอ ฉันตักของโปรดขวัญมาเยอะแยะเลยนะ”
จอมทัพที่เดินกลับมาพร้อมจานที่มีขนมพูนเต็มสองมือ ขวัญข้าวอ้าปากค้างกับปริมาณขนมที่คนรักตักมาให้ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ
“ผมจะทานหมดได้ยังไงครับ?”
“ไม่เป็นไร ขวัญกินไม่หมดก็มีพวกเราช่วยน่า ไอ้โซ่ไม่ปล่อยอาหารเหลืออยู่แล้ว”
จอมทัพแซวเพื่อนที่ยิ้มอ่อนอย่างไม่ถือสาเอาความ ร่างสูงเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นว่ารเมศไม่ลุกขึ้นมาตะแง้วๆปกป้องคนที่ไม่คิดจะสู้เช่นทุกครั้ง แต่ก็ตัดสินใจหันกลับไปสนใจคนรักของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงมือเล็กๆตีเพี๊ยะลงบนขาขาวเนียนนั้น
“ยุงกััดเหรอขวัญ”
“ครับ”
ขวัญข้าวขมวดคิ้วเมื่อยุงตัวที่สองบินมาเกาะบนขา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้ายุงพวกนี้ถึงได้ชื่นชอบเลือดของเขามากกว่าเลือดของคนอื่นนักนะ
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปกินที่ห้องดีกว่า โห ลายเต็มขาเลยขวัญ ลุกเลย ไปรอที่ห้อง เดี๋ยวฉันยกจานตามไป”
จอมทัพดึงคนรักให้ลุกขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่เปิดช่องว่างให้ขวัญข้าวได้ปฎิเสธ ร่างเล็กที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นกังวลไปมากกว่านี้กล่าวลาเพื่อนของจอมทัพทั้งที่เพิ่งนั่งลงมาเมื่อครู่ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเองโดยต้องก้มลงเกาขาเป็นระยะไปตลอดทาง
-----
กระดึ้บๆ