┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==  (อ่าน 274809 ครั้ง)

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[1]==[P.1]== [01/05/60]
«ตอบ #30 เมื่อ02-05-2017 18:19:26 »

 o13

ออฟไลน์ kiszy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[1]==[P.1]== [01/05/60]
«ตอบ #31 เมื่อ03-05-2017 12:22:17 »

ตอนของชายเก้ามาแล้วววววววว ชอบอ่ะ ชอบลุคของเก้าตั้งแต่เรื่องก่อนล่ะ อิอิ

ออฟไลน์ Amikim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[1]==[P.1]== [01/05/60]
«ตอบ #32 เมื่อ03-05-2017 21:59:15 »

 :hao7: ตามมาจาก oxigen ชอบเก้ามาก รอตอนที่สองค่ะ #คุณภูชายเก้า

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[1]==[P.1]== [01/05/60]
«ตอบ #33 เมื่อ05-05-2017 21:04:42 »

55555555ชอบชายเก้าอ่ะ เจ๋งดี อยากให้เจ๋งไปตลอด

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[1]==[P.1]== [01/05/60]
«ตอบ #34 เมื่อ08-05-2017 11:24:21 »

ตามติดชีวิตหมาเก้า ชอบแบบนั้นสินะ55คุณภูอย่าโหดร้ายเดี๋ยวเก้าจะชอบกว่าเดิม ชอบคนเถื่อนก็ไม่บอกนะเก้า

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[1]==[P.1]== [01/05/60]
«ตอบ #35 เมื่อ09-05-2017 22:23:33 »

-2-

 

“อันนี้แผนงานคร่าวๆ ของเทอมนี้”

“ตารางแค่นี้ก็แน่นแล้วนะ ยังเรียกว่าคร่าวอีกเหรอวะ”

“ปีหนึ่งมีตัวเด็ดๆ เข้ามาบ้างไหม”

“กูว่า…”

ขนาดเปิดเสียงสุดแล้วยังเอาไม่อยู่…หนวกหูโคตร

“เก้า มึงว่าไง”

ผมขยับเรดให้เข้าที่กว่าเดิม พยายามทำให้เสียงจากหูฟังดังเข้าหูให้ได้มากที่สุด เพราะไม่อยากจะฟังคนคุยกันจ้อแจ้น่ารำคาญ ใจจริงอยากหลับหนีไปเลยด้วยซ้ำแต่ก็โดนไอ้คนข้างๆ ที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่สะกิดตลอดเหมือนจะกวนตีน

“เก้า…”

ถ้าไม่ใช่เพราะโดนดักอยู่หน้าห้องตอนเลิกเรียน อย่าฝันเลยว่าผมจะยอมมาร่วมประชุมง่ายๆ แบบนี้

“ไอ้เก้า!”

“อือ…” ผมตอบรับเสียงยานคาง ยอมดึงหูฟังออกแล้วขยับตัวนั่งแต่โดยดี ขี้เกียจลีลามากความ เพราะรู้ดีว่ายังไงก็ต้องโดนเรียกจนกว่าจะยอมฟังอยู่ดี

“กูถามว่ามึงคิดยังไง” พี่วินเท้าเอวมองผม แม้แต่คนอื่นๆ ก็มองเหมือนรอคอยคำตอบเช่นกัน

“ทำไมต้องถามผมเนี่ย” ผมบ่นแล้วยกขาขึ้นมานั่งกอดบนโซฟา ไม่ลืมขยับตัวไปนั่งพิงไหล่โซไว้เผื่อโดนพี่วินหมายหัว

“มึงเหนื่อยสุดนะไอ้เก้า ตรงไหนหนักไปกูจะได้พยายามช่วย” พอเห็นพี่วินดูเป็นการเป็นงานผมเลยได้แต่หยิบกระดาษแผนงานมานั่งดูโดยไม่เล่นตัว

“อันนี้คือยังไม่หมดใช่ไหม”

“ใช่...นี่เพิ่งเปิดเทอมก็ยาวขนาดนี้แล้ว ยังไม่นับงานเร่งอีก พวกนักดนตรีสบายหน่อยเพราะมีตัวเปลี่ยนพอควร แต่นักร้องตัวหลักจบไปปีก่อนสองคน ตอนนี้เลยเหลือมึงคนเดียวแล้ว”

“ผมไหว...แต่ยังไงพี่ก็ต้องหาคนเผื่อไว้ด้วย ไอ้พวกที่เรียนว้อยซ์อ่ะ ถึงจะไม่แข็งแต่ก็ต้องป้อนงานให้พวกมันบ้างแล้ว ไม่งั้นเมื่อไหร่จะเป็น บอกตรงๆ ว่าจะให้ผมร้องคนเดียวหมดมันเกินไป ทั้งแรง ทั้งเวลา ไม่ได้ใช้น้อยๆ เลย” ผมบอกพี่วินไปตามตรง เข้าใจดีว่าคนเรียนเอกว้อยซ์ไม่ได้ร้องเพราะกันทุกคน บางคนร้องได้แต่เอนเตอร์เทนไม่เก่ง บางคนตื่นเวที อะไรหลายๆ อย่างมันทำให้หลายๆ คนไม่พร้อม แต่เรียนมาทางนี้แล้วยังไงก็ต้องทำตัวให้ชิน ถึงคนเอกผมจะน้อยยังไงก็ยังถือว่ามีอยู่ จะให้ร้องคนเดียวทุกเวทีคงได้ตายเข้าสักวัน อีกอย่าง...

“กูเข้าใจ เดี๋ยวจะเทรนคนขึ้นเวทีด้วย ส่วนของมึงเดี๋ยวกูดูงานแล้วบอกอีกที”

“เคพี่”

ถ้าผมต้องขึ้นทุกเวทีและต้องใช้เวลาทั้งหมดไปกับการซ้อม แบบนั้นคงไม่มีเวลาเล่นเกมกันพอดี...ไหนจะต้องเจียดเวลาไปหาพี่ภูอีก แค่คิดก็บายแล้ว

“เกือบดูดีละ”

ลืมไปเลยว่ามีไอ้ตัวรู้ทันอยู่ข้างๆ อีกคน

“ใครจะไปเหมือนมึง ตัวเปลี่ยนก็เยอะ แถมยังไม่มีใครกล้าบังคับให้ขึ้นเวทีอีก” ผมหันไปกัดด้วยความหมั่นไส้แล้วทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดพิงมันไว้

ทั้งที่เป็นเดือนมหา’ลัยซึ่งน่าจะดึงดูดคนได้เยอะ อย่างน้อยถ้าลากไปขึ้นเวทีก็น่าจะมีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีใครกล้าบังคับมัน ซึ่งต่างกับผมที่โดนลากไปลากมาเป็นว่าเล่นโดยสิ้นเชิง โชคดีที่มือผมเกาะมันแน่นเป็นปลิง ผลก็คือ...มันโดนลากตามผมไปด้วยตลอด ถ้าไม่นับเวลาที่มันแอบหายหัวไปหาพี่กีล์แล้วทิ้งผมไว้ลำพังน่ะนะ

“ปีนี้มึงเตรียมตัวมาเผชิญชะตากรรมกับกูได้เลย ปีก่อนมึงมีพี่กีล์ ปีนี้กูมีพี่ภู ถ้ากูไม่ได้ไปหา มึงก็ต้องอยู่กับกู!” ผมพูดอย่างเด็ดขาดโดยพยายามลดเสียงลงเพราะไม่อยากให้พวกที่ประชุมอยู่ได้ยิน

“ความหมายของมึง…” โซเหลือบตามองผมแล้วยกยิ้มมุมปาก “จะให้ช่วยกันหาเรื่องโดดว่างั้น”

“หึหึ”

“หึหึ”

“น่ากลัวง่ะ” เสียงกระซิบจากพวกที่ประชุมอยู่ดังเข้าหูผ่านๆ ผมรีบกระแอมแล้วเก็บท่าทีอย่างรวดเร็ว กลัวจะโดนคนรู้ทันโดยเฉพาะไอ้พี่วิน

“แล้วนี่มึงยังไม่กลับไปหาพี่กีล์เหรอ” ผมหันไปถามเพื่อนด้วยความแปลกใจเพราะเห็นว่าค่ำแล้ว ปกติอะไรก็ฉุดมันไว้ไม่อยู่ แต่พอมองใบหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่ายักษ์ถึงได้เข้าใจ…

“กีตาร์เริ่มเรียนโทแล้ว กลับดึก”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้ตอแยมันต่อเพราะขี้เกียจฟังมันงอแง พอเริ่มไม่มีอะไรทำก็ได้แต่เอนตัวลงนอนแล้วหลับตาลง

สรุปว่าการมาประชุมครั้งนี้ไม่ได้อะไรเลยนอกจากได้นอน...เพื่ออะไรวะเนี่ย

 

“มันฝากบอกว่าจะไปรับใครสักคน ให้มึงกลับเอง”

ผมกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินคำพูดของพี่วินที่กำลังนั่งเกากีตาร์อยู่ เพราะตื่นขึ้นมาแทนที่จะเห็นหน้าเพื่อนเป็นคนแรก ดันเห็นแต่หน้ารุ่นพี่ที่กำลังคุยนั่นคุยนี่เฮฮากันอยู่ ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีที่ไม่ยอมปลุกก็หายหัวไปแล้วเรียบร้อย

โดนเทเฉย…

“ผมกลับละพี่”

“เออ เจอกัน”

หลังโบกมือหยอยๆ ให้พี่ๆ เรียบร้อยแล้วผมก็เดินตัวเปล่าออกมาจากห้องประชุม

ตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าแล้ว...ฟ้ามืดสนิท แม้แต่แสงดาวสักนิดก็ไม่มี ผมลากโอนิสึกะคู่โปรดไปตามทางช้าๆ รู้สึกดีที่ได้ดื่มด่ำบรรยากาศเย็นสบายยามค่ำคืน ไม่มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจเหมือนปกติ

ถึงจะเป็นช่วงกิจกรรมแต่ทางที่ผมใช้เดินกลับหอก็ค่อนข้างเงียบ น่าจะเพราะคนส่วนใหญ่มักจะทำงานกันใต้ตึกคณะตัวเอง ตอนนี้เลยไม่ค่อยเห็นคนมาเดินตามทางมากนัก

“อะไรวะ…”

ผมหยุดชะงักเท้าที่กำลังเดินกะทันหัน ถึงเสียงที่ดังขึ้นมาจะค่อนข้างเบาเหมือนบ่นกับตัวเองแต่ก็ไม่อาจเล็ดลอดจากหูผมไปได้ แล้วยิ่งเป็นเสียงคุ้นเคยที่อยากได้ยิน พลาดก็เหี้ยแล้ว

“พี่ภู!” ผมหันไปตามทางที่ได้ยินเสียง เห็นร่างสูงโปร่งของคนหน้าดุยืนอยู่ไม่ไกล พอได้ยินผมเรียกเขาก็ถอนหายใจแล้วหมุนตัวเดินไปอีกทาง “เดี๋ยวดิพี่!”

“...”

“พี่...ทำไมยังไม่กลับอ่ะ” ผมวิ่งเหยาะๆ ตามไปอยู่ข้างๆ แล้วเดินไปพร้อมๆ กับเขา พอสบโอกาสก็หาเรื่องชวนคุยทันที

“เรื่องของกู” พี่ภูตอบเสียงเย็น ตาดุๆ ปรายมองผมวูบหนึ่งจนอดรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไม่ได้

แม่ง...เกิดมาไม่เคยโดนใครมองแล้วตัวสั่นแบบนี้เลย

หัวใจเต้นแรงว่ะ…

“ชอบอ่ะ” ผมก้าวเท้ายาวๆ จนเกือบกลายเป็นวิ่งเพื่อให้เดินตามคนข้างๆ ทัน ปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปตามความรู้สึกโดยไม่คิดปกปิด

พี่ภูหยุดเดินกะทันหันจนผมต้องหยุดเท้าตามไปด้วย เขาหันมามองหน้าผมด้วยสายตาเป็นประกายแวววาวแหลมคมเหมือนอยากฆ่าให้ตาย มองไปมองมาแล้วก็เริ่มรู้สึกเหมือนเลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกาย ใจเต้นกระหน่ำรัวเร็วโดยไร้สาเหตุ

“มึง…”

“อื้อ” ผมตอบรับด้วยความกระตือรือร้นเมื่อเห็นพี่ภูหรี่ตามองขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง

“เป็นโรคเหรอ”

“อะไรนะ”

“มึงเป็นโรคเหรอ” พี่ภูย้ำคำถามด้วยใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ผมขมวดคิ้ว ก้มลงมองสภาพตัวเองเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า พอได้คำตอบแล้วก็ส่ายหัวให้เขา

“ผมไม่ได้เป็นไรนะ”

“...”

“จะเป็นก็ตอนมาอยู่ใกล้ๆ พี่นี่ล่ะ” เป็นมากด้วย

“อะไรของมึง”

“เป็นอะไรไม่รู้ แต่พอได้อยู่ใกล้แล้วใจเต้นแรงแบบแรงโคตรๆ...แบบนี้เรียกว่าเป็นโรคป่ะ”

ผมมองใบหน้าเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็งอย่างมีความสุข รู้สึกอารมณ์ดีแค่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้านั้น...ถึงจะเป็นไปในด้านลบแต่ก็เป็นนิมิตหมายอันดียิ่งของการเริ่มละลายน้ำแข็งก้อนนี้

“Shit…” เสียงสบถภาษาอังกฤษดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ พี่ภูละสายตาออกจากหน้าผมแล้วมองขึ้นไปบนฟ้า มือที่เคยล้วงกระเป๋ากางเกงยกขึ้นเสยผมด้วยท่าทางเท่ๆ ที่ทำให้ใจผมเต้นกระหน่ำกว่าเดิม

“พี่แม่งเท่ว่ะ” ผมพูดสิ่งที่คิดออกไปง่ายๆ จนพี่ภูชะงัก เขาก้มลงมองหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว ทำท่าทางเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา สุดท้ายก็หันหลังแล้วเดินต่อโดยไม่สนใจอะไรอีก ผมเลยก้าวเท้าเดินตามหลังไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจว่าเขาจะเดินไปไหน รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังกว้างที่มองมาตลอดทางก็พาผมเดินเข้ามาในร้านกาแฟของมหา’ลัยเสียแล้ว

ที่เดินมาเจอผมได้ก็เพราะจะมาที่ร้านนี้นี่เอง...

“สวัสดีครับ” พนักงานประจำร้านยิ้มแย้มต้อนรับอย่างเป็นมิตร พี่ภูเดินไปหน้าเคาน์เตอร์ กวาดตามองเมนูครู่เดียวแล้วก็สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ตามสไตล์

“เอสเปรสโซ”

“ไม่ทราบว่าจะรับ…” ยังไม่ทันพูดอะไรต่อคนสั่งก็วางเงินไว้บนเคาน์เตอร์แล้วหมุนตัวเดินไปนั่งโต๊ะด้านในสุดอย่างรวดเร็ว เล่นเอาพนักงานหน้าเสียไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็หันมายิ้มให้ผมที่ยังยืนอยู่ตามมารยาท

“ผมเอาชาเขียวเย็นอย่างเดียว” ผมบอกเมนูที่ต้องการแล้วยื่นเงินให้ หลังจากนั้นก็เดินตามไปที่โต๊ะของพี่ภู “ผมนั่งด้วยนะพี่”

นอกจากจะไม่มองแล้วยังไม่ตอบอีก…ผมนั่งลงโดยไม่สนใจอะไร ถือว่าไม่ตอบคือตกลงก็แล้วกัน

“เห็นว่าอาทิตย์หน้าบริหารจัดงาน...” ผมลอบสังเกตท่าทีของพี่ภูเงียบๆ พอเห็นว่าเขาละสายตามามองผมวูบหนึ่งก็ขยับยิ้มแล้วรีบพูดต่อ “ผมไม่รู้ว่างานอะไร แต่ดูตารางงานร้องเพลงแล้วเห็นชื่อคณะพี่ พี่จะอยู่ในงานด้วยป่ะ”

“ทำไม…”

“ก็ผมจะได้ตัดสินใจถูกไง”

ว่าจะไปร้องเองดีไหม…

“ทำไมต้องเสือก”

ผมเงียบไปครู่หนึ่งกับประโยคคำถามที่ได้รับ ไม่ใช่ว่าใจเสียหรืออะไร แค่กำลังนึกว่าควรจะตอบแบบไหนดี

“เป็นคำถามที่ตอบยากมาก” ผมขมวดคิ้วครุ่นคิด เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพอดี พอได้แก้วชาเขียวมาแล้วผมก็รีบยกขึ้นดูดอย่างรวดเร็ว หวังให้สิ่งที่ชอบช่วยทำให้คิดออกว่าควรตอบอะไร

ทำไมต้องเสือก…

จริงๆ แล้วที่อยากรู้ก็เพราะจะได้ตัดสินใจถูก ผมไม่แน่ใจว่าพี่วินจะให้ขึ้นเวทีนั้นหรือเปล่า ถ้าคำตอบของพี่ภูคือเขาจะอยู่ในงานวันนั้นผมจะได้ขอขึ้นเวที เหตุผลหลักๆ เลยก็คืออยากเจอพี่ภู ดังนั้นคำตอบที่ถูกก็น่าจะเป็น…

“ผมอยากเจอพี่...ก็เลยต้องเสือก”

อืม...นี่ล่ะถูกสุด

พี่ภูสบตาผมด้วยดวงตาดุๆ อ่านยากเหมือนเคย ผมออกจะหงุดหงิดอยู่เล็กน้อยที่ไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกอะไรจากเขาได้เลย แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกยินดีอยู่เหมือนกันเมื่อเจอเข้ากับความท้าทายและแปลกใหม่แบบนี้

ก็ถ้าเขาไม่ใช่คนแบบนี้ผมคงไม่ชอบหรอก

“กูจะอ่านหนังสือ” พี่ภูว่าเสียงเรียบ คราวนี้ผมมองออกชัดเจนว่าเขากำลังสื่อว่าให้หุบปาก เลยได้แต่พยักหน้าแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าโปรแกรมแชทเพื่อทักไปหาเพื่อนคนหนึ่งที่ค่อนข้างสนิท

เรื่องให้เงียบผมถนัดอยู่แล้ว แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็รู้สึกดีแบบที่ไม่เคยเป็น ดังนั้นต่อให้ไม่ต้องสื่อสารก็ไม่ใช่ปัญหา

ผมเสียบหูฟังข้างขวาข้างเดียวแล้วกดเปิดเพลงก่อนจะโยกหัวเบาๆ ไปตามจังหวะดนตรี ส่วนตาก็ยังจ้องคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนิ่งๆ พี่ภูกำลังอ่านเอกสารธุรกิจอะไรสักอย่างอยู่ ถึงผมจะมองไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกอะไรผ่านแววตา แต่คิ้วที่กำลังขมวดนิดๆ นั่นก็บ่งบอกอารมณ์ได้พอสมควร

ทำไมต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นด้วยนะ ทั้งที่ยังเรียนไม่จบแท้ๆ ขนาดไอ้โซพ่อมันยังไม่ให้ทำงานหนักเลย มีแค่ช่วงปิดเทอมหรือเวลาว่างจริงๆ ที่พ่อมันจะให้ทำงาน แต่ถึงยังไงมันก็ไม่เคยต้องขนอะไรมาอ่านถึงมหา’ลัยเลยสักครั้ง

พี่ภูหลับตาค้างไว้ประมาณสามวิ ถึงจะไม่ได้นานอะไรแต่ผมที่มองอยู่ตลอดก็สังเกตได้ไม่ยาก

เขากำลังเหนื่อย

“พี่น่าจะพักบ้างนะ” ผมดึงหูฟังที่เสียบอยู่ออก ไม่ได้สนใจสายตาดุๆ ที่เบือนมามองเป็นเชิงไม่พอใจ “ผมพูดด้วยความหวังดี เห็นแล้วรู้ว่าพี่กำลังล้า ฝืนไปก็มีแต่แย่”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง”

“เกี่ยวดิ” ผมตอบทันควัน มันจะไม่เกี่ยวได้ยังไง “ก็ผมชอบพี่ ผมห่วงก็ถูกแล้ว”

“กูรำคาญมึง” พี่ภูพูดแล้ววางปากกาลง ตาที่ดุอยู่แล้วดูดุกว่าเดิมหลายเท่า

“ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องรำคาญ แต่ผมก็ไม่ได้แคร์เท่าไหร่หรอก” ผมยักไหล่แล้วสบตาพี่ภูนิ่งงัน “ผมรู้ว่าจุดไหนมากจุดไหนน้อย ถ้าพี่รำคาญจริงๆ ตามปากว่าผมคงถอย…”

“งั้นก็ถอย…”

“ถอยไปให้ไกลกว่าเดิมนิดหน่อย”

“...”

“แต่ผมคิดว่าตอนนี้ตัวเองยังไม่ต้องถอยหรอก...เอาจริงๆ ผมยังไม่ได้ทำตัวน่ารำคาญเลยนะ” ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายเกาะแกะสักหน่อย แตะยังไม่แตะเลย “ที่พี่พูดก็แค่อยากหาเรื่องไล่ผมอ่ะดิ พี่ยังไม่ได้รำคาญผมขนาดนั้นหรอก”

“มึงจะมารู้สิ่งที่กูคิดได้ยังไง” พี่ภูหรี่ตาลงก่อนจะเอนตัวพิงพนักแล้วยกมือขึ้นกอดอก

“ผมไม่ได้เพิ่งเจอพี่ครั้งแรก ทุกครั้งที่เจอกันผมสังเกตพี่มาตลอด” ถึงจะอ่านสายตาไม่ออก แต่ท่าทางทุกอย่าง หรือการแสดงออกบนสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว “ผมมั่นใจว่าพี่ยังไม่ได้รู้สึกบวกหรือลบกับผมมากกว่าเดิม ผมพูดถูกไหม”

แวบหนึ่งผมรู้สึกเหมือนจะเห็นคิ้วเข้มของพี่ภูเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ แต่พอกะพริบตาทุกอย่างก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“มึงมันตัวน่ารำคาญ” พี่ภูพูดย้ำ ผมแอบกัดริมฝีปาก ขัดใจที่โดนว่าซ้ำทั้งที่อธิบายไปแล้ว

“แล้วสรุปว่าพี่จะร่วมงานวันนั้นเปล่าอ่ะ” ผมเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงอีกคนหัวเราะขึ้นจมูกทั้งที่หน้าตาไม่เปลี่ยนแปลงแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองแพ้

น่าหงุดหงิดชะมัด

“ทำไม…”

“ผมบอกเหตุผลพี่ไปแล้ว”

“แล้วทำไมกูต้องบอกมึง” คำถามใหม่ดังขึ้นพร้อมกับที่คนพูดลุกขึ้นยืน ผมขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจ หลังมองดูแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไรไว้ก็รีบวิ่งตามพี่ภูออกไปด้านนอก

“ทำไมพี่ชอบถามคำถามที่คำตอบมันซ้ำเดิมอ่ะ” ผมวิ่งตามไปเดินข้างๆ อดถามสิ่งที่สงสัยออกไปไม่ได้

ทำไมถึงไม่เข้าใจว่าคำตอบมันง่ายขนาดไหน จะถามเรื่องแบบนี้ยังไงคำตอบที่ได้มันก็เหมือนเดิมนั่นล่ะ

พี่ภูหยุดเท้าลงข้างรถออดี้คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลร้านกาแฟนัก ผมไม่แน่ใจว่ามันคือรุ่นไหนเพราะไม่เคยใส่ใจเรื่องพวกนี้ แต่แค่มองก็พอจะรู้ว่าคงมีราคาพอควร

“รถสวย” ผมพูดลอยๆ ทั้งอยากหาเรื่องคุยแล้วก็ชื่นชมจริงๆ ด้วย แต่นอกจากจะไม่ดีใจแล้วพี่ภูยังหยุดเท้าแล้วหันมาทำหน้าตึงใส่ผมอีกต่างหาก

“ถ้ากูไม่ตอบคำถามที่มึงสงสัย มึงก็จะไม่เลิกยุ่งกับกูใช่ไหม”

“ถ้าผมตอบว่าใช่พี่จะตอบคำถามของผมหรือเปล่า” ผมถามกลับง่ายๆ ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

“อย่ากวนตีน” พี่ภูหรี่ตา ซองบุหรี่ในมือถูกกำแน่นจนยับยู่ยี่

“ผมไม่ได้กวนตีน ก็แค่...อยากรู้จริงๆ ว่าพี่จะไปงานนั้นไหม”

“...”

“ถ้าพี่ตอบผมสัญญาว่าจะไม่ยุ่งแล้ว”

พี่ภูนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง ผ่านไปสักพักก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ผมแอบยิ้มเมื่อเห็นว่ามือที่กำซองบุหรี่ไว้แน่นคลายลงแล้ว

“ไป”

ตอบแค่นั้นคนหน้าดุก็หมุนตัวขึ้นรถไปโดยที่ผมไม่ได้ห้ามอะไรอีก

“ไว้เจอกันวันหลังนะพี่!” ผมโบกมือให้แล้วหันกายเดินจากมาก่อน ทันได้ยินเสียงพี่ภูสบถเบาๆ ดังตามมาก่อนจะปิดประตูรถพอดี

ผมบอกว่าจะไม่ยุ่งแล้วก็จริง แต่ไม่ได้บอกนี่หว่าว่าจะไม่ยุ่งนานแค่ไหน ก็แค่วันนี้จะยอมปล่อยไปง่ายๆ ก็เท่านั้น ส่วนไอ้เรื่องที่เขาบอกว่าถ้าไม่ยอมตอบคำถามแล้วผมจะไม่เลิกยุ่งใช่ไหม…จริงๆ แค่เดินมาถึงรถผมก็จะแยกตัวออกไปอยู่แล้ว ไม่ได้คิดจะตามติดจนกว่าจะได้คำตอบอะไรนั่นหรอก เอาเข้าจริงผมไม่คิดว่าจะได้คำตอบแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ ตอนอยู่ในร้านกาแฟเลยเพิ่มทางเลือกให้ตัวเองไปแล้ว

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมแชทสีเขียวที่คุยกับเพื่อนทิ้งไว้ มือพิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไปอย่างอารมณ์ดี

 

KAO: มึงไม่ต้องสืบให้กูแล้วนะ

 

ยังไม่ทันได้กดล็อคจอ แชทที่ผมทักไปก็ขึ้นว่าอ่านแล้วอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่ไอ้ทีตอบกลับมา

 

TT: ทำไมวะ

KAO: กูได้คำตอบแล้ว

TT: กูก็เพิ่งได้คำตอบจากรุ่นพี่มาเหมือนกัน กำลังจะทักบอกมึงพอดีเนี่ย

KAO: รุ่นพี่มึงว่าไง

TT: เขาบอกว่าต้องไปอยู่แล้ว เพราะงานนี้อาจารย์แกบังคับเข้าร่วมทุกคน มีเช็คชื่อก่อนเริ่มกับหลังเริ่มด้วย

 

ดูเหมือนผมจะรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ภูมากขึ้นอีกอย่าง...นอกจากจะเป็นคนที่รักษาคำพูดแล้ว เขายังเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากด้วย ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ไม่ได้โกหกผม แค่ยอมทำให้พูดออกมาได้ก็มั่นใจได้แล้วว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาจะต้องเป็นความจริงแน่นอน

ส่วนเรื่องรักษาคำพูด...ผมพอจะเดาออกว่าถ้าไม่ใช่เพราะพ่อซีขอไว้ มือที่กำซองบุหรี่จนแน่นของเขาคงเปลี่ยนมากระแทกหน้าผมแทนแน่ๆ…ยิ่งคิดเรื่องพี่ภูมากเท่าไหร่รอยยิ้มของผมก็ยิ่งกว้างมากขึ้นเท่านั้น ไม่เคยคิดเลยว่าการได้ชอบใครสักคนจะทำให้ชีวิตมีสีสันมากขนาดนี้

ผมก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ไอ้ทีพิมพ์ถามมาเสียยืดยาว ขี้เกียจตอบก็ขี้เกียจ แต่เพราะต้องให้มันช่วยอีกนานเลยได้แต่พิมพ์ตอบไปดีๆ

 

TT: มึงถามเรื่องพี่ภูทำไมวะ

TT: มีปัญหาไรเปล่า

TT: ไม่ใช่มีเรื่องไรกันนะเว้ย ถึงมึงจะเพื่อนแต่นั่นพี่คณะกูนะ อย่ามีปัญหานะไอ้เก้า!

KAO: มึงเห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย

 

ผมขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่านอกจากเป็นคนเก่งผิดมนุษย์แล้วตัวเองยังผิดอะไรอีก ทำไมเพื่อนทุกคนถึงชอบพูดเหมือนผมเป็นคนไม่ดียังไงก็ไม่รู้

 

TT: เป็นคนไม่ปกติ

KAO: .l.

TT: อย่ามาเนียน ตอบกูมาก่อนเก้า ไม่ได้มีปัญหาไรใช่ไหม กูบอกเลยว่าพี่ภูไม่ใช่คนที่มึงจะเล่นด้วยได้นะเว้ย ถึงกูจะเพิ่งรู้จักปีนี้ แต่ที่พวกรุ่นพี่เล่ามาแม่งโคตรไม่ธรรมดาอ่ะ

KAO: ยังไง

TT: ก็ปีก่อนเขาดรอปไปใช่มะ รุ่นพี่กูบอกว่าไม่รู้มีปัญหากับใครจนโดนพักการเรียนหรือเปล่า ตอนอยู่ปีสองก็เห็นว่ามีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นบ่อยๆเหมือนกัน

KAO: มึงทำเหมือนตัวเองไม่เคยต่อยตีกับใครเลยนะไอ้ที

TT: ไม่เหมือนกันเว้ย! ของพี่ภูนี่กูได้ข่าวว่ามีคนตายเลยนะไอ้เก้า ตั้งแต่กลับมานี่เขาก็อยู่คนเดียวตลอดเลย ไม่มีใครกล้ายุ่งสักคน

KAO: กูขอจดก่อน

TT: จดไรวะ

KAO: จดเรื่องพี่ภู

TT: ?

KAO: เอาเป็นว่ากูไม่ได้มีเรื่องกับเขา

TT: แล้วอยากรู้ทำไมวะเนี่ย

KAO: ก็กูชอบเขา

TT: …!

KAO: กูถึงหน้าหอพอดี บายนะมึง

 

ผมวิ่งขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว พอจัดของทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะจดบันทึกเรื่องราวของพี่ภูไว้ในโทรศัพท์ หลังจากนั้นก็เลื่อนอ่านข้อความในบันทึกของตัวเองด้วยความพอใจ

 

**สนิทแล้วค่อยถาม**

>เคยมีข่าวลือเรื่องชกต่อย มีเรื่องกับคนอื่นจนมีคนตาย ดรอปเพราะโดนพักการเรียน<

 

อืม…เหมือนขาดอะไรไป

 

**ตอนถามอย่าลืมบอกว่า ‘ไม่เชื่อ’ ด้วย**

 

ขึ้นชื่อว่าข่าวลือจะเชื่อได้สักแค่ไหนเชียว ยิ่งเล่าปากต่อปากยิ่งแล้วใหญ่ และเมื่อได้มาใกล้ชิดกับตัวจริง…ต่อให้ยังไม่นานผมก็รู้ว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น อีกอย่าง…คนระดับนั้นถ้าจะปิดข่าวคงง่ายนิดเดียว แต่เขากลับไม่แคร์เลยสักนิด หรือต้องบอกว่าไม่สนใจเลยมากกว่า

ถ้าเป็นคนไกลตัวแล้วเชื่อก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นคนใกล้ตัวนี่…

เชื่อก็ควายแล้ว

 

------------------

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 14:26:30 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #36 เมื่อ09-05-2017 22:45:31 »

ชอบความเก้า
รำคาญได้รำคาญไป เดี๋ยวพอได้หลงแล้วจะโงหัวไม่ขึ้น หึๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ sahatsawat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #37 เมื่อ09-05-2017 23:25:10 »

ยี่ห้อแบบเก้านี่ดีจิงๆ ทานทนทุกสถานการณ์  :pig4: :pig4:
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #38 เมื่อ10-05-2017 11:52:28 »

 :L1: :pig4:

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #39 เมื่อ10-05-2017 14:46:05 »

555555โคตรชอบเก้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
« ตอบ #39 เมื่อ: 10-05-2017 14:46:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SaKiNonZa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #40 เมื่อ10-05-2017 23:45:41 »

คือชอบเก้า  :mew1:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #41 เมื่อ11-05-2017 11:25:06 »

เก้าาาาา คือแบบดีงามอ่ะ :katai3:

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #42 เมื่อ11-05-2017 20:20:53 »

ชอบแบบเก้า ขอคนนึง555

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #43 เมื่อ12-05-2017 14:29:10 »

ลุยต่อไปป อย่าสนพี่แกจะพูดอะไร ฮ่าๆๆๆ    :laugh:

ออฟไลน์ pearlypear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #44 เมื่อ12-05-2017 16:17:25 »

ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ  ต่ออีกๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[2]==[P.2]== [09/05/60]
«ตอบ #45 เมื่อ13-05-2017 15:20:04 »

-3-

 

“ไอ้เก้า มึงเอางานช่วงเย็นไปนะ เดี๋ยวช่วงเช้ากูให้เด็กสับขึ้น”

“ซ้อมมาจะอาทิตย์แล้ว ทำไมตารางงานเพิ่งมาวะพี่” ผมมองกระดาษในมืออย่างเซ็งๆ

ปกติเวลาคณะไหนต้องการให้ดุริยางค์ไปเล่นให้ต้องมีการติดต่องานล่วงหน้า ที่สำคัญคือต้องบอกช่วงเวลาแล้วเอาตารางดำเนินงานมาให้ดูก่อน เราจะได้วางแผนงานของเราถูก แต่รอบนี้บริหารเล่นส่งแผนงานมาให้ก่อนวันจริงสองวัน และแผนที่ว่าดันผิดพลาดไปจากที่เคยคุยเกือบหมด พี่วินที่เป็นคนประสานงานเลยปวดหัวหนักกว่าใคร

“กูก็คิดว่าจะคุยกันเรียบร้อยแล้วเลยไม่ได้ว่าอะไร ที่ไหนได้...ผิดจากที่คุยไว้เกือบหมด” พี่วินถอนหายใจยาวแล้วนั่งกุมขมับ

ที่พวกผมคุยกันไว้ตอนซ้อมคือเราจะขึ้นเวทีช่วงเช้า เน้นโทนสบายๆ คลอไปกับการเดินชมบูธต่างๆ พอช่วงเที่ยงก็จะเลิกงานเพราะพวกนั้นจะขึ้นไปดูงานบนตึกแทน แต่กำหนดการที่ได้มาทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด สรุปคือฝั่งนั้นต้องการให้เราเล่นดนตรียาว มีเวลาพักเป็นช่วง แถมช่วงเย็นถึงค่ำจะเป็นการแสดงคล้ายคอนเสิร์ตด้วย

“กูเทงานดีไหมวะเนี่ย” พี่วินพูดเสียงหน่าย พวกคนที่อยู่ในห้องซ้อมเองก็เงียบกริบกันหมด

ถ้าพูดตามหลักความจริงแล้วก็น่าจะเทนั่นล่ะ ในเมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงเราก็ไม่ผิด แต่ที่ต้องคิดมากคงเพราะแกเห็นว่าทีมผมซ้อมกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว เพลงที่ซ้อมก็มีแต่เพลงเบาๆ ตามสไตล์งานทั้งนั้น แล้วพอหมดงานนี้กว่าจะถึงช่วงยุ่งยากอย่างงานรับน้องก็มีช่วงพักเป็นเดือน เพลงที่ซ้อมมาอาจจะเสียเปล่าก็ได้ เพราะคนขึ้นเวทีงานนั้นคงไม่เหมือนงานนี้ไปหมดทุกคน

“พวกผมไม่ได้ซีเรียสหรอก เราก็มีความสุขกับการเล่นดนตรีกันอยู่แล้ว ถึงไม่ได้เอาไปใช้งานจริงก็ไม่ได้มีปัญหา เก็บไว้ใช้งานหน้าก็ได้” ไอ้แซมที่เล่นกลองอยู่ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาพี่วิน คนอื่นๆ ที่กำลังซ้อมหรือนั่งอยู่รอบๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยกันทุกคน

“ถ้าเฮียอยากเทก็เทเลย พวกผมโอเคหมดอ่ะ ถึงไม่ใช้งานนี้ก็เอาไปใช้งานอื่นได้อยู่ดี”

“อย่าคิดมากดิวะเฮีย เอาไงก็เอาเลย”

“ตัดสินใจเลยเฮีย”

ผมยืนพิงผนังดูพวกเพื่อนคุยกับพี่วินเงียบๆ สมองกำลังประมวลผลอย่างหนักเพราะสิ่งที่พวกนั้นพูดกำลังขัดกับความต้องการของผมเต็มๆ

“เป็นอะไร” โซหันมาถามแล้วมองไปที่นิ้วของผมซึ่งกำลังเคาะกำแพงอยู่ มันคงรำคาญเลยยอมละสายตาจากโทรศัพท์มาสนใจผม

“กำลังพยายามอยู่”

“พยายาม?”

“พยายามแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”

“อะไรของมึง”

“ทำไมโง่อ่ะ” ผมเหยียดยิ้มมองเพื่อนเย้ยๆ พอเห็นมันทำหน้าเหมือนอยากเข้ามากระทืบแล้วก็อารมณ์ดีโดยไร้สาเหตุ

“เอาดีๆ”

“เหอะ…” ผมเบะปากก่อนจะหันกลับไปมองพวกที่คุยกันอยู่ “ที่กูเสนอตัวขึ้นเวทีนี้ก็เพราะพี่ภู”

“อืม”

“ถ้าไม่ใช่เพราะอยากเห็นเขาตอนอยู่ในคณะ กูคงเป็นคนแรกที่บอกให้พี่วินเท”

“อือ” โซมันพยักหน้า ส่งเสียงอืออาในลำคอเหมือนจะบอกว่าเข้าใจแล้ว “ทำงานไม่เป็นระบบแบบนี้ ใครก็อยากเททั้งนั้น”

“กูถึงบอกว่ากำลังแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวอยู่”

“แล้วแยกได้ไหม”

ผมตอบคำถามของมันด้วยการยันตัวออกจากผนังแล้วเดินเข้าไปหาพี่วิน โซมันหัวเราะในลำคอแล้วเดินตามมาโดยไม่ถามอะไรอีก คงรู้แล้วว่าคำตอบของผมคืออะไร

“พี่วิน”

แน่นอนว่าคำตอบของผม...

“ว่าไงมึง” พี่วินหันมาหาผม มือที่กำลังจะกดโทรศัพท์แคนเซิลงานหยุดชะงัก

“ไม่เทได้ไหม”

คือแยกไม่ได้เว้ย!

“ทำไมวะ” พี่วินทำหน้าเหวอ คนอื่นๆ เองก็ไม่ต่างกัน คงงงที่คนอย่างผมบอกจะไม่เทอยู่คนเดียว ทั้งที่ปกติคงเป็นคนแรกที่ขอบายเวลาเจอเรื่องยุ่งยากแบบนี้

“ผมมีเหตุผลที่ทำให้อยากไปเล่นให้บริหารอ่ะ” ไม่บอกตรงๆ น่าจะดีกว่า เดี๋ยวโดนบ่นหูชา “แต่ถ้าคนอื่นจะเทก็ไม่ว่าไร เดี๋ยวผมไปกับไอ้โซก็ได้”

“กูเกี่ยวไรวะ”

ผมเหยียบตีนเพื่อนไปหนึ่งทีข้อหาพูดมาก โซมันทำหน้าบูดก่อนจะถลึงตาใส่ผมแล้วหุบปากเงียบไม่พูดอะไรอีก

“ถ้าไอ้เก้าไปกูก็ไปอ่ะ” แซมยักไหล่แล้วพูดออกมาง่ายๆ ผมเลยหันไปยักคิ้วให้แล้วตบไหล่มันไปทีเป็นการขอบคุณ คราวนี้คนอื่นเลยเริ่มส่ายหัวหน่ายแล้วหันไปคุยกัน สุดท้ายก็หันมาด่าผมเป็นแถบ

“ถ้าไปก็ไปหมดอ่ะ กูยังไงก็ได้อยู่แล้ว ที่พูดเพราะคิดว่ามึงจะเทคนแรก จะไปก็ไม่บอกแต่แรก ให้พูดกันอยู่ได้ ไอ้ห่า”

“มีเหตุผลก็ไม่บอก ยืนหล่อกับไอ้โซอยู่ได้ ไอ้เวร”

“ไปก็ต้องไปกันหมดสิวะ พวกมึงไปกันสองคนก็ดังกันสองคนดิ”

“พวกเวร” ผมบ่นไม่จริงจังนักพร้อมกับชนหมัดกับพวกมันไปด้วย พอตกลงกันได้แล้วก็หันไปหาพี่วินที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

“กูก็ตามใจพวกมึง กูแค่ติดต่องานให้ แต่เวทีมันของพวกมึง จะเอาไงก็เอา” พี่วินเดินมาผลักหัวผมจนเซไปทั้งตัว ผมเกือบหันไปฟ้องไอ้โซแล้วถ้าเขาไม่ได้จับหัวผมโคลงไปโคลงมาเสียก่อน “มึงนี่มันศูนย์กลางจักรวาลจริงๆ”

“แน่ดิพี่”

“เดี๋ยวกูไปเทรนไอ้พวกที่จะสับกันขึ้นเวทีเช้าก่อน พวกมึงก็ไม่ต้องเปลี่ยนเพลงหมดหรอก แต่เพิ่มเพลงสนุกๆ เข้าไปหน่อยก็พอ”

“โอเคพี่”

แล้วการซ้อมเพลงชุดใหม่โดยมีเวลาแค่สองวันก็เริ่มขึ้น…

 

งานวันจริงวุ่นวายกว่าที่คิดพอสมควร ความวุ่นวายเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเช้าที่พวกคนจัดงานวิ่งไปวิ่งมากันหัวหมุนเพราะจัดบูธไม่ทัน พอใกล้จะเปิดงานแล้วเด็กบริหารดันบอกว่าพวกที่มาดูงานจะมาถึงช้ากว่ากำหนดการ หลังจากนั้นไม่ทันไรอยู่ๆ พี่วินก็ตะโกนบอกว่าเครื่องดนตรีไม่พร้อม…เรียกได้ว่าปวดหัวกันครบทุกฝ่าย ดีหน่อยที่ผมได้มาดูเด็กปีหนึ่งซึ่งจะขึ้นเวทีเป็นครั้งแรกอยู่ข้างหลังเลยไม่ต้องไปวิ่งแก้ปัญหากับใครเขา

 “พร้อมนะมึง” ผมตบไหล่เด็กปีหนึ่งที่นั่งตัวสั่นอยู่ข้างๆ มันสะดุ้งสุดตัว หน้าตาตื่นจนดูน่าหัวเราะ พอเห็นว่าเป็นผมก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วส่ายหัวไม่หยุด

“ไม่พร้อมอ่ะพี่”

“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม”

“ทำไมผมได้ขึ้นเวทีไวจังอ่ะพี่” ไอ้เปรมเบะปาก น้ำตาคลอจนดูน่าสงสารอยู่หน่อยๆ

“ปีที่แล้วกูได้ขึ้นเวทีตั้งแต่งานเปิดภาค” ผมผลักหัวมัน อยากจะบอกว่าตอนนั้นกูเกือบโดนลากไปซ้อมวงตั้งแต่วันรายงานตัวแล้วด้วยซ้ำ

“มันไม่เหมือนกันสักหน่อย”

“อะไรไม่เหมือน”

“ก็พี่มันไม่ปก…”

“หืม…”

“เอ่อ...ก็พี่มันไม่...ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อยู่แล้วนี่หว่า” มันว่าแล้วหลบสายตา ผมเกือบตบหัวมันที่บังอาจคิดจะด่า แต่พอนึกได้ว่ามันกำลังตื่นเวทีก็ได้แต่เก็บความหัวร้อนไว้ในใจแล้วมองข้ามไป

“เอาเป็นว่ามึงก็ทำให้เต็มที่ อะไรผิดพลาดก็เก็บไว้เป็นบทเรียน”

“พี่จะอยู่ดูผมตลอดใช่ไหมอ่ะ” เปรมเงยหน้ามองผมน้ำตาคลอ มือมันจับชายเสื้อผมไว้แน่นเหมือนกลัวโดนทิ้ง

“แน่นอนสิวะ…”

“พี่น่าระ…”

“...ว่าไม่อยู่”

“...”

“ไอ้เปรม! เตรียมขึ้นเวที….มึงร้องไห้ทำไมวะ!” พี่วินที่น่าจะเดินเข้ามาตามเปรมทำหน้าตาตื่นก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาหา มือลูบหัวลูบหลังปลอบมันเป็นการใหญ่ ผมได้แต่มองงงๆ เพราะไม่เข้าใจว่ามันจะร้องทำไม…สงสัยกลัวจัดเพราะใกล้ถึงเวลาแล้วมั้ง

“พี่วิน...ฮือ…”

“เก้า มึงทำอะไรมันวะ” พอถามไอ้เปรมไม่ได้พี่วินเลยหันมาเล่นผมแทน นี่คือยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ อยู่ๆ โดนกล่าวหาเฉย

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“พี่เก้า...บอกว่าจะไม่ดูผมอ่ะ” เปรมมันกระตุกเสื้อพี่วินฟ้องเป็นการใหญ่ ส่วนผมได้แต่มองบนเพราะงงว่าบอกความจริงแล้วกูผิดตรงไหนเนี่ย

“ไม่มีไอ้เก้าก็มีคนอื่นดูมึงเยอะแยะ” พี่วินอธิบาย มือใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำหูน้ำตาให้ไอ้เปรมไปด้วย “พูดเหมือนพวกดุริยางค์มีแค่ไอ้เก้าเลยนะมึง กูนี่อยู่กับมึงเยอะกว่ามันอีก”

“แต่…แต่ว่า…”

“กูถึงบอกว่ามึงมันศูนย์กลางจักรวาล” พี่วินหันมาบ่นผมที่ยืนกอดอกอยู่ เสร็จแล้วก็หันไปลูบหัวไอ้เปรมต่อ “มึงฟังกูนะไอ้เปรม…”

“ครับ”

“ถ้ามีรุ่นพี่ที่คอยดุคอยสอนจ้องมึงอยู่หน้าเวทีเพื่อคอยจับผิด มึงจะเกร็งไหม”

“เกร็งครับ”

“เออ…พวกกูถึงต้องแอบดูอยู่ข้างๆ ไม่ไปดูมึงหน้าเวที ยิ่งไอ้เก้ายิ่งแล้วใหญ่ มันเสียงดีสุด เก่งสุดเรื่องร้องเพลง ถ้ามันจ้องมากๆ มึงจะเป็นไง”

“ก็…”

“เข้าใจเหตุผลที่มันจะไม่อยู่ดูมึงยัง” พี่วินโยกหัวไอ้เปรมเป็นเด็กๆ พอมันพยักหน้าเข้าใจแล้วแกก็ยิ้ม “มึงเตรียมตัวได้แล้ว อีกสิบนาทีเริ่มงาน พิธีกรพูดเปิดงานจบมึงก็ขึ้นเวทีเลย”

“ครับ”

พี่วินเดินมาหาผมแล้วกอดคอให้เดินออกไปด้านนอกด้วยกัน พอพ้นสายตาไอ้เปรมแล้วพี่แกก็ถอนหายใจยาว

“ก็เข้าใจนะว่าพวกนักร้องมันมองมึงเป็นไอดอล แต่แม่งถึงกับต้องร้องไห้เลยเหรอวะเนี่ย”

“นั่นดิ” ผมหัวเราะขำๆ จริงๆ เปิดเทอมมายังไม่ได้ขึ้นเวทีเลยด้วยซ้ำ พวกมันก็ยังไม่เคยเห็นผมร้องเพลง แค่เข้าไปช่วยแนะนำนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง “ว่าแต่…”

“…”

“ที่พี่บอกมันเมื่อกี้…”

“เออ…” พี่วินยักไหล่แล้วยกยิ้มมุมปาก “ตอแหลแล้วมันสบายใจก็ตอแหลไปเหอะ”

“พี่นี่นะ…” ผมได้แต่ส่ายหน้าหน่าย จะว่ายังไงดี…คือไอ้ที่ผมไม่อยู่ดูมัน ไม่ใช่เพราะกลัวมันเกร็งแบบที่พี่วินว่าหรอก จริงๆ คือขี้เกียจอยู่เฉยๆ ต่างหาก เพราะนอกจากจะอยากเดินดูทั่วงานแล้ว…ผมยังต้องเดินหาคนด้วย

“สี่โมงมึงต้องกลับมาที่นี่นะไอ้เก้า” พี่วินหันมาย้ำผมอีกครั้ง

“โอเค”

ผมแยกกับพี่วินหน้าเวที หลังทักทายพวกที่ดูแลงานด้านหน้าแล้วก็เดินตรงไปด้านนอก ดูเหมือนงานของบริหารจะใหญ่กว่าที่คิด เพราะนอกจากจะมีดนตรีแล้วพวกนั้นยังตั้งบูธกันใหญ่โต ทั้งด้านวิชาการ ของกิน เล่นเกม ส่วนตัวบูธก็ทำจากเต็นท์สีขาวง่ายๆ ตั้งเรียงเป็นแถว ด้านหน้าสุดเป็นเวทีที่พวกผมใช้เล่นดนตรี แถมงานยังดูใหญ่โตกว่าเดิมเมื่อมีเด็กคณะอื่นมาเดินดูเป็นจำนวนมากด้วย

ตอนนี้พวกเด็กบริหารกำลังเข้าแถวเช็คชื่อกันอยู่ใต้ตึก ผมยืนหลบมุมอยู่ริมเสา เฝ้ามองคนที่เดินสับกันไปเช็คชื่อเงียบๆ ในบรรดาคนที่เข้าแถวกันอยู่เป็นทางยาวนั้นมีไม่กี่คนที่ดูโดดเด่นกว่าคนอื่น บางคนตัวสูง บางคนหน้าตาดี บางคนใส่ชุดประจำบูธที่ดูแตกต่าง แต่คนที่สามารถดึงดูดสายตาของผมได้มีแค่คนเดียว…

พี่ภูดูสูงกว่าใครเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางคนอื่นๆ ใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ของเขาขวางกั้นไม่ให้ใครเข้าใกล้ ถึงจะมีสายตาของผู้หญิงมองมากมายแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปคุยด้วยสักคน ยิ่งเมื่อดวงตาสีเทาแข็งกร้าวคู่นั้นหันไปมอง พวกที่จ้องมากๆ ก็แทบจะตัวสั่นแล้วหันหน้าหนีกันเป็นแถบ

ผมยืนมองเขาด้วยรอยยิ้ม ยิ่งเมื่อดวงตาคมตวัดมามองรอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้น ผมรีบโบกมือทักทาย แต่พี่ภูกลับทำสายตาเหนื่อยหน่ายแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง

ถือว่าเป็นเรื่องดีได้หรือเปล่านะ…ที่ท่าทีที่เขามีให้ผมดูแตกต่างจากคนอื่น ถึงจะเชิงลบก็เถอะ

“ไอ้เก้า!”

ผมหันหน้าไปตามเสียงเรียก เห็นไอ้ทีที่เป็นเพื่อนสมัยมัธยมซึ่งเรียนอยู่บริหารวิ่งมาหา

“ไง”

“มึงมาทำไรวะ” มันถามทั้งที่ยังหอบอยู่

“มาเล่นให้คณะมึงนั่นล่ะ แต่กูขึ้นรอบเย็น”

“แล้วทำไมมายืนแถวนี้วะ ไม่อยู่กับพวกดุริยางค์เหรอ”

“ไม่รู้จะอยู่ทำไมเลยมาเดินเล่นดีกว่า แถมยัง...ได้เจอคนที่อยากเจอด้วย” ผมมองไปทางพี่ภูอีกครั้ง ไอ้ทีเองก็หันไปมองตาม หน้าตามันดูตลกเมื่อรู้ว่าผมหมายถึงใคร

“ที่บอกกูในไลน์นั่นเรื่องจริงเหรอวะ”

“มึงคิดว่าไงล่ะ”

“กูคิดว่าพูดเล่น…แต่ดูจากสายตามึงตอนนี้คงจริงแล้วล่ะ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่สายตากำลังจับจ้องไปที่พี่ภูซึ่งกำลังเดินไปที่บูธปลอดคนไม่ไกลนัก

“ไอ้ที”

“ว่า”

“ทุกคนต้องทำบูธเหรอวะ”

เพราะถ้ามีทางเลือก...คนอย่างพี่ภูไม่น่ายอมทำอะไรแบบนี้

“ใช่...มันเป็นงานใหญ่ของคณะอ่ะมึง เขาให้รวมกลุ่มกันทำบูธ จะชั้นปีไหนก็ได้ ขอแค่เปิดบูธทำกิจกรรมก็พอ” ไอ้ทีอธิบายเป็นฉากๆ

“แล้วทำไมพี่ภูอยู่ในบูธนั้นคนเดียววะ” ผมชี้ไปที่บูธของพี่ภูซึ่งหันหน้ามาทางนี้พอดี ในนั้นมีแค่เขาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ได้มีคนเดินไปเดินมายั้วเยี้ยแบบบูธอื่น

“กูว่าพี่เขาน่าจะจัดคนเดียว” ไอ้ทีหันมาบอก “อาจารย์เขาไม่ได้กำหนดจำนวนขั้นต่ำ แค่บอกว่าสูงสุดกี่คน บางทีพี่เขาอาจจะทำคนเดียวก็ได้”

ไม่เหงาตายเหรอวะน่ะ…

ผมแยกกับทีเพราะเพื่อนมันมาตาม ได้ยินฝั่งนั้นพูดแว่วๆ ว่างานจะเริ่มแล้ว และมันก็เป็นเวลาเดียวกับที่มีพิธีกรเดินขึ้นไปบนเวทีพอดี ผมใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีในการตัดสินใจ สุดท้ายก็ก้าวเท้าออกจากข้างเสาแล้ววิ่งเหยาะๆ ไปยังจุดหมายที่มองไว้

บูธของพี่ภูเป็นบูธภาพวาดซึ่งมีภาพสีน้ำแขวนไว้โดยรอบ และที่น่าแปลกใจคือ...ตรงที่พี่ภูนั่งอยู่มีอุปกรณ์สำหรับการวาดภาพวางอยู่ด้วย

“พี่วาดภาพเป็นด้วยเหรอ” ผมเดินเข้าไปหาแล้วก้มมองภาพที่พี่ภูกำลังวาดอยู่ ดูเหมือนจะเป็นวิวของที่ไหนสักที่ “ทำไมในบูธมีเก้าอี้ตัวเดียว”

ดูเหมือนที่นี่จะเป็นเหมือนบูธที่ให้คนเข้ามาชมภาพเฉยๆ...น่าจะอยู่ในหมวดกิจกรรม แต่ทั้งที่เขาเรียนบริหาร...ไม่รู้ทำไมถึงทำบูธโชว์ภาพวาดแบบนี้

“กูไม่ได้อยากให้ใครเข้ามาอยู่ในนี้นานๆ” พี่ภูพูดลอยๆ โดยไม่ละสายตาจากภาพวาด “รวมถึงมึงด้วย”

“พี่ไม่เหงาเหรอ” สิ้นคำถามของผม พี่ภูเงยหน้าขึ้นมอง เราสบตากันโดยที่เขายังนั่งอยู่ ผมเองก็ไม่ได้หลบสายตา ถึงแม้จะรู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นดูดุกว่าเดิมหลายเท่าก็ตาม “ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนนะ”

“...”

“ผมเห็นใบประเมินวางอยู่หน้างาน พวกที่มาจากมหา’ลัยอื่นจะมาเดินให้คะแนนตามบูธใช่ไหม...” ผมยิ้มเมื่อเห็นว่าพี่ภูไม่ได้ตอบอะไร ดูก็รู้ว่าที่ผมพูดเป็นความจริง “ผมรู้ว่าพี่ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ ขอแค่พี่ยอมให้ผมอยู่ด้วย ผมสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ไม่ซน แล้วก็จะอยู่ช่วยพี่จนเก็บบูธเลย”

“แล้วถ้ากูบอกว่าไม่...”

“ผมก็จะวนเวียนอยู่ในบูธนี่ล่ะ...เพราะมันไม่ได้มีกำหนดว่าเราจะอยู่ในบูธหนึ่งได้กี่นาที ถูกไหมพี่”

 พี่ภูมองผมด้วยสายตาเรียบเฉยไร้อารมณ์ ดูเหมือนจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าคำตอบของผมน่าจะออกมาแนวๆ นี้

“เก้าอี้”

“ครับ?” ผมกะพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นคนหน้าดุขมวดคิ้วน้อยๆ เหมือนกำลังไม่พอใจผมก็ยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งไปหาเก้าอี้จากด้านนอกอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานนักผมก็วางเก้าอี้ที่ขโมยมาลงแล้วนั่งมองคนที่กำลังลงสีภาพเงียบๆ

ดูเหมือนงานจะเริ่มแล้ว พวกคนจากคณะอื่นเดินผ่านไปผ่านมาเต็มไปหมด มีบางคนมองเข้ามาในบูธ แต่พอเห็นว่าใครนั่งอยู่ก็เดินจากไปเฉยๆ ผมชักเริ่มสงสัยแล้วว่าจะกลัวอะไรขนาดนั้น มีผู้หญิงบางคนมองเข้ามาแล้วก็ซุบซิบกับเพื่อน แต่พอทำท่าจะเดินเข้ามาแล้วก็เปลี่ยนใจเดินจากไปซะงั้น

“ทำไมพี่ถึงเปิดบูธแสดงภาพอ่ะ นี่งานบริหารไม่ใช่เหรอ” ผมหันไปถามเมื่อเห็นว่าพี่ภูหยุดมือเพื่อเปลี่ยนสี อาศัยจังหวะพูดแค่ตอนที่ว่างเพื่อไม่ให้รบกวนสมาธิเขามากเกินไป

“ไปอ่านชื่องาน” พี่ภูพูดสั้นๆ ผมพยักหน้าเข้าใจ ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกจากบูธไปที่หน้าทางเข้า ถึงจะต้องมาขึ้นเวทีที่นี่แต่เอาจริงๆ ผมยังไม่ได้อ่านรายละเอียดอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าเป็นงานที่บริหารจัดและจะมีคนนอกเข้ามาร่วมเฉยๆ

ผมคว้าโบชัวร์ที่วางอยู่หน้าทางเข้าแล้วเดินกลับบูธ สายตากวาดอ่านรายละเอียดในมืออย่างรวดเร็ว

‘งานเปิดโลกกิจกรรมบริหาร’

‘เพราะเด็กบริหารทำได้มากกว่าที่คุณคิด’

อย่างนี้นี่เอง...ที่จริงงานนี้ไม่ได้เป็นงานวิชาการของบริหารแบบที่ผมคิด แต่เป็นการรวมกิจกรรมของเด็กบริหารทั้งหมดเอาไว้ คงเพราะเอาแต่สนใจพี่ภูผมถึงไม่ได้สังเกตเลยว่าบูธอื่นๆ มีอะไรมากกว่าที่คิด

ผมเดินกลับไปที่บูธ นั่งลงตรงที่เดิมข้างๆ พี่ภู รอเวลาให้เขาละมือออกจากภาพแล้วถึงเริ่มพูด

“พี่ชอบวาดภาพระบายสีอะไรพวกนี้เหรอ”

“แค่ว่าง”

“เหมือนงานอดิเรกที่ชอบอะไรพวกนี้ป่ะ”

“...”

“พี่ทำหน้าเหมือนจะปฏิเสธเลยอ่ะ” ผมพูดยิ้มๆ แล้วยื่นหน้าไปมองภาพวาดที่เขากำลังลงสีอยู่ “ที่สวยได้ก็เพราะตั้งใจทำ แถมยังมีตั้งหลายภาพ...แบบนี้คงเป็นสิ่งที่ชอบสินะ”

 “...”

“พวกข้างนอกนั่นมองๆ แล้วก็ไม่ยอมเข้ามาสักที ไม่รู้จะกลัวอะไรพี่นักหนา” ผมเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ไม่อยากพูดเหมือนรู้จักพี่ภูดีเกินไป กลัวว่าจากที่โดนหมั่นไส้อยู่แล้วจะกลายเป็นโดนเกลียดเอา

“หึ”

“พี่ภู...ถ้าพี่ยังน่ากลัวแบบนี้คนจะไม่กล้าเข้ามานะ เดี๋ยวตอนประเมินก็ได้คะแนนน้อยหรอก” ผมพยายามทำหน้าตาให้ดูจริงจังและจริงใจ ส่วนสมองก็พยายามคิดแผนการอย่างหนักหน่วง

พี่ภูวางพู่กันในมือลงแล้วหันมามองหน้าผม สายตาเฉียบคมหรี่ลงเหมือนกำลังประเมิน

“มึงจะทำอะไร”

รู้สึกเหมือนจะมีคนรู้ทันเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วล่ะมั้งเนี่ย

“ผมจะช่วยพี่ตามสัญญาไง”

“นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้มึงยังอยู่ตรงนี้ได้ไม่ใช่หรือไง”

ผมยิ้มเมื่อเข้าใจสิ่งที่พี่ภูจะสื่อ ดูเหมือนเขาจะแคร์เรื่องคะแนนอยู่เหมือนกันถึงได้ยอมให้ผมวอแวอยู่ที่นี่แต่โดยดี

“งั้นพี่ก็ต้องให้ความร่วมมือกับผมหน่อย”

“อย่าคิดว่ากูจะทำอะไรไร้สาระ” พี่ภูมองผมด้วยดวงตาแวววาว เหมือนพร้อมจะถีบส่งทุกเวลาที่ผมทำให้เขาไม่พอใจ แต่ไม่รู้ทำไม...พอมองหน้าเขาคู่กับพื้นหลังเป็นภาพสีที่เขาทำขึ้นมันถึงได้ดูไร้ซึ่งความน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

แตกต่างแต่ลงตัว…

ใครบ้างจะได้เห็นพี่ภูในด้านนี้ ใครบ้างจะรู้ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เขาชอบทำคืออะไร ทุกคนอาจเดินไปมาและมองผ่าน คิดว่าเขาเป็นคนน่ากลัวเลยไม่สนใจสิ่งที่เขาทำ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังดีใจอยู่หน่อยๆ ที่ได้เป็นคนเดียวที่เห็นเขาในด้านนี้ มันอาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่ผมจะไม่ยอมให้มันจบอยู่แค่นี้แน่นอน

ผมยื่นมือออกไปด้านหน้าโดยไม่รู้ตัว อีกแค่นิดเดียวก็จะได้สัมผัสใบหน้าของพี่ภู แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้นสมองก็สั่งให้หยุดทุกอย่างแล้วรีบดึงมือกลับมาก่อนอะไรๆ จะแย่ไปหมด

“ที่พี่ต้องทำ...ก็แค่นั่งอยู่เฉยๆ” ผมพูดแล้วนิ่งไป ผ่านไปสักพักพี่ภูก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่จ้องหน้าผมเงียบๆ…ไม่ตกลง ไม่ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น “ผมถือว่าพี่ยอมรับแล้วนะ ห้ามเตะผมด้วย”

ผมแตะนิ้วชี้ลงในถาดสีโดยเลือกใช้สีแดงที่มีเยอะที่สุดก่อนจะยื่นนิ้วออกไปด้านหน้า แต่แล้วก็ต้องหยุดนิ้วลงครู่หนึ่งเมื่อมันกำลังจะสัมผัสแก้มของคนที่นั่งนิ่งเป็นก้อนน้ำแข็ง ผมสูดหายใจเข้าก่อนจะกดปลายนิ้วลงไปเบาๆ สัมผัสแรกที่รับรู้คือความเย็นของผิวหนัง และต่อมามันก็อุ่นขึ้นในทุกวินาทีที่ลากผ่าน ผมวาดนิ้วเป็นเส้นตรงไปด้านข้างช้าๆ โดยพยายามบังคับมือไม่ให้สั่นทั้งที่ใจเต้นแรงจนเจ็บไปหมด

คนที่ไม่เคยกลัวอะไรมาก่อนในชีวิต...อยู่ๆ ก็ไม่กล้าสบตาคนที่ชอบ ทั้งที่เขาไม่ได้ว่า ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมาด้วยซ้ำ

อันตราย...อาการเหมือนจะแพ้ทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างนี่มันอะไรกันวะ

ผมวาดเส้นสามเส้นบนแก้มพี่ภู พอครบแล้วก็เปลี่ยนไปทำอีกข้างโดยพยายามไม่สบตาเขาแล้วเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่นิ้วเปื้อนสีของตัวเอง

“ชอบกูขนาดนั้น?” เสียงเรียบเรื่อยของพี่ภูทำให้ทุกการกระทำหยุดชะงัก ผมหันไปมองเขาเป็นเชิงถาม ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ ถึงพูดออกมา แต่แล้วพี่ภูก็ให้คำตอบด้วยการจับนิ้วสั่นๆ ของผมเอาไว้

ผมสูดหายใจเข้าเมื่อนิ้วที่เปื้อนสีดำของพี่ภูแตะลงบนใบหน้า สมองกำลังบังคับให้ร่างกายหยุดสั่นแต่ก็ดูจะยากเสียเหลือเกิน

พี่ภูกำลังทำสิ่งที่นอกเหนือไปจากการคาดการณ์ของผม และมันกำลังทำให้ผมลำบาก...มากๆ

“มึงกำลังทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์” นิ้วชี้ที่ถูกย้อมทับด้วยสีชมพูกดลงบนจมูกผมอย่างแรงเหมือนกลัวว่ามันจะไม่ติด

พอได้ยินประโยคเรียกสตินั้นแล้วผมก็เก็บอาการอย่างรวดเร็ว สายตาสบกับพี่ภูนิ่งงันโดยไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติอะไรออกไปอีก

“จะไร้ประโยชน์หรือเปล่าผมไม่รู้...แต่ถ้ายังไม่ได้พยายามให้เต็มที่ผมคงถอยไม่ได้หรอก”

“งั้นเหรอ” พี่ภูถอนนิ้วออกไปจากใบหน้าผม เราสบตากันด้วยระยะห่างไม่ถึงสองคืบ

“ไม่รักไม่ผิดเพราะพี่ไม่เคยให้ความหวังผม”

“...”

“แต่ผมจะทำให้พี่รักให้ได้ และถ้าวันไหนพี่รักผมขึ้นมา บอกไว้เลย…”

“จะเอาคืน?”

“บอกไว้เลยว่าผมไม่เล่นตัวแน่นอน!” ผมยิ้มให้พี่ภูด้วยท่าทางมั่นใจสุดขีดแล้วลุกขึ้นยืน “เพราะงั้นถ้าใจตรงกันแล้วรีบบอกผมนะ”

ก่อนจะต้องรู้สึกแพ้มากกว่านี้ รีบออกไปทำงานก่อนน่าจะดีกว่า

ผมเดินออกไปหน้าบูธ และแทบจะทันทีที่ออกมาก็ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างในทันที พวกเขาจ้องมองผมเหมือนมองตัวประหลาดก่อนจะหัวเราะคิกคักแล้วเดินเข้ามาใกล้

“เข้ามาชมก่อนได้นะครับ” ผมยิ้มการค้าแล้วผายมือเชิญให้คนเดินเข้ามาด้านใน ตอนแรกพวกนั้นก็ยอมเดินตามมาง่ายๆ แต่พอมองเข้าไปเห็นว่าใครนั่งอยู่ก็ชะงักไป

พี่ภูนี่ก็เป็นคนดังเหมือนกันนะเนี่ย…

ดีที่กลุ่มที่เข้ามาไม่ได้เดินออกไปเหมือนกลุ่มก่อนหน้า พวกเขาเดินดูภาพไปรอบบูธแล้วชี้ชวนกันดูนั่นนี่ พอเห็นแบบนั้นแล้วผมก็หันไปมองพี่ภูก่อนจะยักคิ้วให้เป็นเชิงอวด แต่เขาแค่มองกลับมานิ่งๆ แล้วมองผ่านไปราวกับไม่สนใจเลยสักนิดว่าจะมีคนเข้ามาหรือเปล่า

ถึงใบหน้านั้นจะเย็นชาแต่พอประกอบกับหนวดแมวสีแดงสามเส้นบนหน้าแล้วก็กลายเป็นสายแบ๊วไปเลย…และดูเหมือนหนวดแมวจะได้ผลมากกว่าที่คิดเสียด้วย

ผมอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนเดินออกมานอกบูธอีกครั้งแล้วมองซ้ายมองขวา เป็นไปตามคาด...พวกที่มาจากมหา’ลัยอื่นและถือใบประเมินเริ่มทยอยมากันแล้ว…ถึงเวลาเริ่มแผนเสียที

“พี่วิน”

[ว่าไง]

“ช่วยไรหน่อยดิ”

คนฉลาดย่อมต้องใช้วิธีของคนฉลาด…

[ช่วยไรวะ]

“ให้ไอ้พวกที่อยู่บนเวที…”

และเผอิญว่าผมดันฉลาดมากด้วยดิ

-----------------

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 14:26:52 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #46 เมื่อ13-05-2017 16:28:01 »

อิเก้านี่มันเก้าจริงๆ
โชคดียังไม่เคยเจอคนแบบนี้ในชีวิตจริง 55

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #47 เมื่อ13-05-2017 16:47:03 »

ภูเก้าดีงามที่สุดในจักรวาลเลยค่ะ :katai2-1: พอน้องเก้าจะรุกก็เจอพี่ภูรุกกลับ แหมใจสั่นแรง :-[

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #48 เมื่อ13-05-2017 18:14:16 »

เก้า ลุย  :bye2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #49 เมื่อ13-05-2017 20:41:23 »

 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
« ตอบ #49 เมื่อ: 13-05-2017 20:41:23 »





ออฟไลน์ GOLDMIND

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #50 เมื่อ13-05-2017 21:39:14 »

เก้าทำดีมากๆ เก้านี่มันลิมิเต็ดอิดิชั่นจริงๆ
พี่ภูคิดอะไรอยู่กันน้าาา

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #51 เมื่อ14-05-2017 08:14:26 »

 :pig4: :L1:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #52 เมื่อ14-05-2017 09:08:34 »

เห้ยยย แบบอ่านแล้วใจสั่นตามเก้าไปอีกกก :impress2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #53 เมื่อ14-05-2017 09:10:04 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #54 เมื่อ14-05-2017 09:12:17 »

ชอบบบบบ งืออออ เขินเเทนเก้ามากค่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #55 เมื่อ14-05-2017 10:34:55 »

มีความเป็นเก้าจริงๆ

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #56 เมื่อ14-05-2017 12:55:48 »

5555555โอ้ยยยยยย อ่านแล้วฟินนน

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #57 เมื่อ14-05-2017 15:18:00 »

พี่ภูสายแบ๊วเพราะเก้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #58 เมื่อ14-05-2017 19:52:42 »

ใจสั่นแรง น่ารักเชียว

ออฟไลน์ Matia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[3]==[P.2]== [13/05/60]
«ตอบ #59 เมื่อ14-05-2017 22:53:28 »

ชอบบบบ รอติดตามนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด