say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
บท16 l “อุ่นไอรัก”* * * ต่อค่ะ 100% * * *
เดียร์ ทัช และหินผารู้สึกว่าตัวพวกเขากลายเป็นที่จับตามองมากขึ้น บางวันก็มีใครไม่รู้เดินเข้ามาทักทายเต็มไปหมด บางวันก็มีคนซื้อน้ำซื้อขนมมาฝาก คงเป็นผลพวงมาจากที่พวกเขาทั้งสามคนไปไลฟ์สดผ่านทางเพจ cute boy เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนเลยทำให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ดูท่าแล้วจะมีคนรู้จักพวกเขากันมากกว่าพวกดาวเดือนปีหนึ่งเสียอีก เพราะพวกเขาจับกลุ่มกับรุ่นพี่ปีสามที่มีหนุ่มหน้าตาดี ดีกรีรองเดือนมหา’ลัย เดือนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ แล้วไหนจะมีเหนือเดือนอีก
แล้วยังจะมีข่าวว่าเหนือเดือนแห่งคณะสถา’ปัตย์กำลังตามจีบเดียร์ รุ่นน้องปีหนึ่งในคณะที่สนิทสนมกัน เลยทำให้เดียร์ถูกจับตามองเป็นพิเศษ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หรือไม่ก็ไม่ได้คิดอะไรเลยเสียมากกว่า กลับชอบอกชอบใจเสียอีกเพราะบางวันก็ได้กินขนมฟรี แม้จะโดนทั้งเพื่อน ทั้งรุ่นพี่ และพี่ชายดุไปหลายรอบแล้วว่าอยากกินของจากคนแปลกหน้า
“นาย... เรียนเป็นยังไงบ้างอ่ะ” เดียร์ที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นหน้าโซฟาร้องถามคนเป็นพี่ชายฝาแฝด วันนี้เขาเลิกเรียนเร็วเลยแวะมาขลุกอยู่ในห้องของพี่ชาย “ยากไหม”
“ก็พอสมควร แต่ก็คงสบายกว่าของเรานั่นแหละ งานเยอะจริงแต่ก็แค่ทำรายงาน วิเคราะห์สรุป ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งตัดโมเดล วาดรูปลงสี” ฮาร์ทเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่มาตอบน้องชาย
“อือ แต่เราก็ชอบแบบนี้มากกว่าอ่ะ ให้นั่งอ่านหนังสือเขียนสรุปย่อบทความออกมาเป็นรายงาน คิดวิเคราะห์นู้นนี่นั่นแบบนายเราก็ไม่ไหวอ่ะ” เดียร์ส่ายหน้า นึกไปถึงตอนที่เห็นพี่ชายนั่งอ่านหนังสือเป็นตั้งๆ เพราะเอามาใช้ทำรายงานแค่หนึ่งบทแล้วสยอง
“เราชอบต่างกันไง”
เดียร์พยักหน้ารับ เขาชอบคิด จินตนาการ เพ้อฝันมากกว่า ชอบวาดรูป ออกแบบดีไซน์เขาถึงได้เลือกเรียนคณะนี้ ในขณะที่พี่ชายของเขานั้นจริงจัง วางแผนทุกอย่าง คิดวิเคราะห์เก่งเลยเลือกเรียนบริหาร เพราะเจ้าตัววางแผนชีวิตของตัวเองเอาไว้แล้วว่าจบไปจะเข้าไปฝึกงานที่บริษัทของที่บ้านและรับช่วงต่อจากที่บ้าน ส่วนเขา... รู้แค่ว่าไม่อยากเรียนบริหาร อยากเรียนออกแบบ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจบไปแล้วจะไปทำงานตรงไหน ทำอะไร
“คิดมากอะไรอีก” ฮาร์ทมองหน้าน้องชายที่นอนนิ่งไป
“ก็เปล่า... เราก็คิดอะไรไปเรื่อย คิดว่าเราจะทำอะไรให้แด๊ดๆ มัมๆ ผิดหวังหรือเปล่า เสียใจไหม เราไม่อยากทำให้มัมๆ ร้องไห้อีกแล้ว” เดียร์ คว้าหมอนมากอดเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เพ้อเจ้อ...” หยิบเอาเจลลี่ในถุงปาใส่น้องชายไปที คนโดนปาก็หันมามองเคืองๆ พลางหยิบเจลลี่ชิ้นนั้นเข้าปากเคี้ยว “ว่าแต่ว่า... กับรุ่นพี่คนนั้นนี่ยังไง”
“รุ่นพี่คนนั้น... หมายถึงพี่กันต์น่ะเหรอ”
“ใช่ คบกันแล้วอย่างนั้นเหรอ” ฮาร์ทถาม
“เฮ้ย! บ้า!” เดียร์สะดุ้ง ร้องลั่นออกมา “ไม่ได้คบกันสักหน่อย! คิดได้ยังไง”
“พี่คนนั้นแสดงออกเสียขนาดนั้นว่าจีบ แถมเราเองน่ะก็สนิทสนมกับพี่เขา ใครต่อใครก็คิดกันทั้งนั้นแหละว่าคบกัน ตอนไลฟ์สดที่งานอุ่นไอรักนั่นก็ด้วย เขามองเราไม่วางตาเลยนะ”
“ฮื่อ... อะไรของนาย...” เดียร์ทำหน้าตาประหลาดเพราะไม่รู้จะแสดงสีหน้าท่าทางอย่างไรดี
“ถามจริงๆ รู้ใช่ไหมว่าเขาจีบน่ะ”
“รู้... พี่เขาก็เคยบอก...” เดียร์ตอบเสียงเบา รู้สึกแก้มมันคันยุบยิบๆ ไปหมด
ฮาร์ทดึงแขนน้องชายให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองหน้าคนที่หน้าตาเหมือนตัวเอง “แล้วเดียร์คิดยังไงกับพี่เขา”
คนถูกถามชะงักไป เจ้าตัวกลอกตาไปมาทำหน้าตาตลกตอนที่ได้ยินคำถาม เงยหน้ามองพี่ชายฝาแฝดเหมือนต้องการสำรวจว่าสีหน้าและอารมณ์คนถามเป็นแบบไหน
“ก็... เป็นรุ่นพี่...”
“ไม่ใช่พี่วินัยหน้าโหด หน้าเหี้ยม ขี้เก๊ก นิสัยไม่ดีแล้วเหรอ”
“ง่า...” เดียร์พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ “ก็... ไม่ใช่แล้ว พี่เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น”
ยอมรับว่าตอนแรกเขาคิดกับกันต์แบบนั้นจริงๆ ทั้งไม่ชอบ ทั้งไม่อยากเจอรู้สึกว่าคนอะไรทั้งขี้เก๊ก นิสัยไม่ดี คิดว่าตัวเองเป็นพี่วินัยแล้วจะทำอะไรอย่างไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ นิดๆ หน่อยๆ ก็เสียงดัง สั่งทำโทษเหมือนสั่งให้กินข้าว เขาเลยไม่ชอบขี้หน้า แต่พอตอนหลังได้รู้จักมากขึ้นแม้จะไม่ได้รู้จักดีก็ตาม กันต์ไม่ได้เป็นแบบนั้น... แบบที่เขาคิด อีกฝ่ายไม่ใช่คนขี้เก๊ก แม้เวลาอยู่เฉยๆ เจ้าตัวจะชอบทำหน้านิ่งๆ ก็ตาม ไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีออกจะใจดีเสียด้วยซ้ำ ไหนจะช่วยติวบทเรียนให้ ช่วยดูงาน และที่สำคัญยังทำขนมอร่อยแล้วเอามาแบ่งเขาตลอดด้วย
ความรู้สึกตอนแรกก็เลยเปลี่ยนไป จากที่ไม่ชอบก็ไม่ใช่แล้ว แต่จะให้บอกว่าชอบก็บอกไม่ได้เพราะเขาต้องมาแยกความหมายของคำว่าชอบอีก ถ้าชอบในฐานนะที่เป็นพี่น้องเขาก็บอกได้ว่าใช่ แต่เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างเดียร์กับกันต์ไม่ใช่ชอบในฐานะพี่น้อง แต่เป็นในฐานะอื่น เดียร์เองก็ยังไม่สามารถจัดการกับความคิดและความรู้สึกของตัวเองได้ เลยบอกไม่ได้ว่า...
ชอบหรือเปล่า แต่ถ้าถามว่าเกลียดไหม ไม่ชอบไหม ก็บอกได้เลยว่า... ไม่ใช่“แล้วคิดว่าพี่เขาเป็นยังไง” ฮาร์ทถามพลางสังเกตุน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปด้วย
เดียร์มักจะคิดว่าตัวเองเก็บอาการ เก็บสีหน้าเก่ง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ยิ่งเจ้าตัวพยายามเก็บอาการมันก็ยิ่งแสดงออกอย่างชัดเจน และยิ่งกับเขาที่เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิต อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ในท้องมัมๆ จนคลอดออกมาอายุเกือบยี่สิบแบบนี้ย่อมดูออกได้ง่ายเข้าไปใหญ่
“พี่เขาก็...ดี ใจดี ช่วยเราหลายๆ อย่าง” ดวงตาของเดียร์กลอกไปมาเหมือนไม่รู้ว่าจะวางสายตาของตัวเองเอาไว้ตรงไหน
“เดียร์” ฮาร์ทเรียก “เราพูดในฐานะของคนคนหนึ่งนะ คนที่หวังดีและรู้ใจนายที่สุด ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน พี่ชาย หรือครอบครัว”
“อ อือ...”
ฮาร์ทวางมือบนผมของเดียร์แล้วลูบไปมา “เรารู้ว่านายมีคำตอบของคำถามอยู่แล้วในใจ แต่เพราะนายกลัวเลยพยายามไม่คิดแล้วก็ไม่สนใจใช่ไหม ในฐานะของคนคนหนึ่งเราอยากให้นายมองถึงความรู้สึกจริงๆ ว่าเป็นยังไงกันแน่ ถ้ามันไม่ใช่ก็รีบจบเพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด แต่ถ้าใช่นายอยากทำยังไง ลองเดินไปข้างหน้าไหมเพื่อความสุขของตัวเอง แล้วเราก็คิดว่าเขาก็ชอบนายจริงๆ แต่อย่างที่บอกเราพูดในฐานะคนคนหนึ่งเท่านั้น”
เดียร์ยิ้มกับคำพูดของพี่ชาย ก่อนจะถามกลับเสียงทะเล้น หน้าตาทะเล้น “แล้วถ้าในฐานะที่นายเป็นพี่ชายเราล่ะ”
สีหน้าอ่อนโยนของฮาร์ทเปลี่ยนไปทันที ติดจะหงุดหงิดเล็กๆ ตอนตอบคำถามของน้องชาย “เราไม่เชื่อเลยสักนิดว่าเขาคนนั้นจะชอบนายจริงๆ... เฮ้ย!”
ฮาร์ทร้องอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ น้องชายฝาแฝดก็โถมตัวใส่เขาเต็มรักพร้อมกับกอดเอาไว้แน่น “หวงเราสินะ เป็นพี่ชายขี้หวงจังน้า...”
“อะไรของนายเนี่ย ปล่อยเลยจะมากอดทำไม” ส่งเสียงหงุดหงิดใส่พร้อมกับดันอีกฝ่ายออก แต่ไม่รู้ว่ามือทากาวเอาไว้หรือเปล่าถึงได้เหนียวเสียขนาดนี้
“แหมๆ ไม่ต้องเขินนะ หวงเราก็บอก ทำมาเป็นปากแข็งนะเนี่ย” นอกจากจะไม่ยอมปล่อยแล้วยังกอดแน่นขึ้นแถมมีการเอานิ้วไปจิ้มปากพี่ชายอีกด้วย
“หวงอะไร ไม่หวงหรอกน้องชายแบบนี้น่ะ” ฮาร์ทว่าดันน้องชายออก คราวนี้เดียร์ยอมปล่อยให้ง่ายๆ เจ้าตัวเลยรีบลุกขึ้นเดินหนีเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้น้องชายนั่งหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
พี่ชายของเขาก็ปากแข็งไม่ใช่เล่น... ปากบอกไม่หวงๆ แต่ลึกๆ ก็ทั้งหวง ทั้งห่วงน้องชายไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
ประตูห้องพักในคอนโดเปิดออกก่อนที่เจ้าของห้องจะก้าวออกมาจัดการปิดล็อคห้องให้เรียบร้อย วันนี้เดียร์ไม่มีเรียนเขาเลยตั้งใจว่าจะไปหาซื้ออะไรมาตุนเอาไว้เสียหน่อยเพราะไม่อยากเข้าๆ ออกๆ หลายรอบ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหน ประตูห้องที่ถัดไปก็เปิดออก เดียร์เอ่ยทักทายคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง ซึ่งอีกฝ่ายที่ดูจะยังมึนๆ อยู่เล็กน้อยก็พยักหน้ารับ
“ไม่มีเรียนเหรอ” กันต์เอ่ยถามเมื่อเห็นลักษณะการแต่งตัวของเดียร์ แม้ว่าที่คณะของเขาจะอนุญาตให้ใส่ชุดไปรเวทได้ แต่ก็ต้องเป็นกางเกงขายาว และเรียบร้อย แต่คนตรงหน้าอยู่ในชุดที่คล้ายๆ กับชุดวอร์มออกกำลังกาย กางเกงสีเทาเข้ากันกับเสื้อแขนยาวสีเทา
“ครับ พี่ก็ด้วยเหรอ”
“โดด” กันต์ตอบ คำตอบทำเอาเดียร์ทำหน้าตาแบบไม่อยากจะเชื่อว่าคนตรงหน้าจะโดดเรียน อีกฝ่ายเลยอธิบายเพิ่มเติม “พอดีต้องไปช่วยงานที่ร้าน ว่าแต่... ว่างใช่ไหม”
“ครับ ก็ว่างครับ” แม้จะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายถามทำไม แต่เขาก็ตอบไปตามตรง
“อย่างนั้นดีเลย ป่ะ... ไปกัน”
พูดจบก็เอื้อมมาคว้าข้อมือของเดียร์ก่อนจะดึงอีกให้เดินตามเขาไปเข้างลิฟต์ จนขึ้นมานั่งบนรถและกันต์ก็ขับรถออกมาจากคอนโดแล้วเรียบร้อยแบบที่เดียร์ยังเรียบเรียงความคิดไม่เสร็จ
“เอ่อ... พี่กันต์ครับ” เดียร์เอ่ยเรียกคนที่กำลังขับรถอยู่ เมื่ออีกฝ่ายขานรับก็ถามต่อ “ผม... พี่กำลังพาผมไปไหนเหรอครับ พี่ลากผมมานี่...”
กันต์หันมามองคนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าโดนลากมาด้วยแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ “ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ ไม่ได้พาไปขายหรอกน่ะ”
“ผมก็ไม่ได้คิดแบบนั้นเสียหน่อย!”
“แต่พามาใช้แรงงาน”
“หา... อะไรนะครับ” เดียร์หันขวับไปมองคนขับทันที เห็นรอยยิ้มที่มุมปาก แต่ก็ไม่สามารถบอกได้เลยว่ารอยยิ้มนั้นเจ้าตัวกำลังนึกสนุกที่ได้แกล้งหยอกเขาเล่น หรือกำลังสนุกที่ได้แกล้งเขาจริงๆ กันแน่
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองนั่นแหละ” กันต์ไม่ได้ตอบหรืออธิบายอะไรให้เข้าใจมากขึ้นเลย อีกทั้งยังทำเป็นไม่สนใจเขาด้วยเอาแต่ตั้งอกตั้งใจขับรถ เดียร์ก็ไม่รู้ว่าจำเป็นจะต้องตั้งใจขนาดนี้เลยหรือเปล่า หรืออีกฝ่ายแค่อยากจะแกล้งยียวนเขาเล่นกันแน่
เดียร์เลยได้แต่นั่งฮึดฮัด จะให้โดดลงจากรถหรือก็บ้าแล้ว ถ้าเกิดล้มโดนรถเหยียบทับตายก็แย่น่ะสิ แด๊ดดี๊มัมมี๊เสียใจแย่ จะให้โวยวายลั่นรถตะโกนบอกจอดๆ ผมไม่ไปก็ไม่ใช่แนว เพราะเขาไม่ใช่นางเอกในละครที่เวลาโดนตัวร้ายหรือพระเอกจับยัดใส่รถมาแล้วจะร้องโวยวาย สุดท้ายเลยได้แต่นั่งทำหน้าขัดใจ ถือวิสาสะเอื้อมมือไปเปิดเพลงเองด้วย เปิดให้ดังลั่นภายในห้องโดยสารของรถเลย!
กันต์ไม่ได้เอื้อมมือมากดลดเสียงแต่เขากดลดเสียงตรงปุ่มสัมผัสที่พวงมาลัยให้คนข้างๆ หันมามอง เอื้อมไปเปิดเสียงอีกรอบแบบที่กันต์ก็ลดเสียงอีกรอบ วนแบบนั้นอยู้สองสามรอบ สุดท้ายกันต์ก็คว้าเข้าที่มือของเดียร์ตอนที่อีกฝ่ายจะเอื้อมไปเพิ่มเสียงอีก
คนโดนจับมือตาโต พยายามที่จะดึงมือออกแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะกันต์จับเอาไว้แน่นแถมยังเอามือเขาไปวางไว้บนหน้าขาของตัวเองอีกด้วย และมือก็ไม่ยอมปล่อยมือเขา ใช้มือข้างเดียวบังคับพวงมาลัยรถเอา
“ปล่อยเลย...” เสียงที่ควรจะดังโวยวายกลับออกมาเป็นเสียงเบาๆ เท่านั้น เดียร์พยายามที่จะดึงมือออก แต่มือของคนที่กำลังขับรถทำไมทั้งเหนียวทั้งแข็งแรงนักก็ไม่รู้ อีกอย่างเจ้าตัวก็ไม่กล้าออกแรงมาเพราะตำแหน่งที่มือของเขาวางอยู่นั้นเป็นขาของอีกฝ่าย ตำแหน่งก็ไม่ได้อันตรายเสียหน่อยแต่หัวใจเจ้ากรรมดันเต้นแรงขึ้นมาซะได้
“ไม่ปล่อย พี่กำลังลงโทษเด็กดื้อ” กันต์หันมามองพร้อมทำหน้าดุ แต่ดวงตาเป็นประกายขบขัน
“เด็กดื้อก็ตี นี่...” เดียร์ยื่นมืออีกข้างให้อีกฝ่ายตีลงโทษ
“การตีเด็กดื้อไม่ใช่นิสัยพี่ พี่มีวิธีลงโทษเด็กดื้อตามแบบของพี่และก็ขึ้นอยู่กับคน”
“ขับรถมือเดียวอันตราย”
“พี่เก่ง พี่สามารถ”
“ฮือออออ! ปล่อยมือผมเลยนะโว้ย”
“อยากจับมือว่าที่แฟน”เดียร์ชะงักคำพูดไป สมองประมวลผลแทบไม่ทันตากลมนั้นเบิกกว้างกว่าเก่า ริ้วแดงๆ ปรากฏอยู่บนแก้มทั้งสองข้าง นานหลายนาทีกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ
“บ้า! พี่แม่งมั่ว”
“พูดไม่เพราะ”
“ไม่เพราะก็ไม่เพราะสิ พี่บ้าจริงๆ นี่พูดอะไรก็ไม่รู้ มั่วมาก ปล่อยมือผมเลยนะโว้ย”
กันต์แกล้งยื้อเอาไว้อีกหน่อยก่อนจะยอมปล่อยเพราะตอนนี้เขามาถึงที่หมายแล้วแต่ดูเหมือนคนข้างๆ จะยังไม่รู้ตัวว่ารถจอดนิ่งสนิทแล้วเพราะเอาแต่บ่นอะไรไม่รู้เสียงเบากับตัวเอง ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อคนอายุมากกว่าชะโงกหน้าไปมอง
“อะไรของพี่เนี่ย”
“ก็เห็นบ่นอะไร เลยอยากฟังด้วย ว่าไง... บ่นอะไรล่ะ” ทำเป็นเอียงหน้าเข้าไปใกล้ รอยยิ้มจางๆ ประดับบนใบหน้าคมคายให้คนมองใจสั่น รู้สึกแก้มร้อนๆ ไปหมด
“ฮือออ ไม่มี ไม่ได้บ่น ถอยออกไปเลยนะ”
“ก็พี่อยากมองหน้าว่าที่แฟนชัดๆ นี่” กันต์ยังสนุกที่ได้แกล้งหยอกคนตัวเล็ก ยิ่งเห็นริ้วแดงๆ ที่แก้มก็ยิ่งชอบใจจนนึกอยากจะทำให้แดงไปทั้งหน้า
“พี่มั่วว่ะ!” เดียร์สะบัดหน้าหนี “ร้านขนม!!!”
น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นร่าเริงทันทีให้กันต์ที่กำลังนึกอยากจะแกล้งต่อต้องก้มหน้าลงอย่างพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเพราะอยู่ๆ ก็โดนตัดอารมณ์เสียอย่างนั้น
กันต์ถอยตัวออกมาที่เดิมก่อนจะดับเครื่องยนต์ “ถึงแล้ว ลงกันเถอะ”
เดียร์รีบก้าวลงจากรถด้วยความตื่นเต้น เจ้าตัวมองไปรอบๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา “ร้านคุณลุงหมีน้อย~! พี่กันต์รู้จักร้านนี้ด้วยเหรอ ร้านนี้ไงๆ ที่ผมเคยเล่าว่าชอบแพนเค้กคุณหมีน้อย มาจากร้านนี้นี่แหละ”
“จำได้”
“ว่าแต่ว่า... มาทำอะไรที่ร้านนี้เหรอครับ” เดียร์ถามระหว่างที่เดินเข้าไปในร้าน
“ก็บอกแล้วไงว่าพามาใช้แรงงานน่ะ” กันต์ตอบก่อนจะผลักประตูเข้าไป เจ้าตัวยิ้มก่อนจะทักทายพนักงานในร้านอย่างสนิทสนม
“น้องกันต์~! มาแล้ว พี่ล่ะดีใจจริงๆ เลยเชียว” คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ร้องออกมาเมื่อเห็น “ถ้าน้องกันต์ไม่มาพวกพี่ต้องแย่แน่ๆ เลย”
กันต์หัวเราะ เดินนำน้องตัวเล็กเข้าไปในร้าน “ผมมาช่วยแล้วครับ นี่... เดียร์ รุ่นน้องที่คณะผม เดี๋ยวเขาจะมาช่วยด้วย”
“หะ... หา... อะไรนะครับ” เดียร์หันไปถามทันที ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก
“วันนี้ที่ร้านคนขาด พี่เลยต้องมาช่วยงานหลังร้าน เราก็ช่วยรับออเดอร์ เสิร์ฟให้หน่อยแล้วกันนะ” กันต์ตอบ พร้อมกับดันหลังเดียร์ให้เข้าไปหลังร้าน
“แล้วทำไมผมต้องช่วยพี่ด้วยอ่ะ”
“เดี๋ยวตอนพักจะให้กินแพนเค้กคุณหมีน้อย” พอได้ยินแบบนั้นเดียร์ก็ตาวาวทันทีก่อนจะพยักหน้ารับ “แล้วเดี๋ยวให้กินอย่างอื่นด้วย อร่อยทุกอย่าง”
“ครับๆ”
“ขอบใจนะ ถือซะว่าช่วยว่าที่แฟนทำมาหากินแล้วกันนะ”
“ครับๆ ฮ เฮ้ย!!! ม ไม่ใช่สิ” เดียร์ที่เผลอพยักหน้าไปร้องลั่น ปฏิเสธไปก็หน้าแดงไป
“ขอบคุณนะครับ” แต่กันต์ไม่สนใจหรอก เขายิ้มด้วยรอยยิ้มอบอุ่นก่อนจะตอบเสียงนุ่ม
“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง ไม่ใช่ๆ น่ะ” แทบจะกระทืบเท้าตอนพูด ท่าทางเหมือนเด็กโดนขัดใจทำให้กันต์ยิ้มกว้างขึ้น
“ไปทำงานกันดีกว่า” กันต์ไม่สนใจท่าทางของอีกฝ่าย ดันหลังให้เดินออกมาหน้าร้าน แนะนำเดียร์ให้ทุกๆ คนรู้จัก ไม่นานน้องตัวเล็กก็เข้ากับทุกคนในร้านได้เป็นอย่างดี คงเพราะเป็นคนอัธยาศัยดี แล้วก็ร่าเริง สนุกสนาน
“อย่างนั้นผมฝากหน้าร้านด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปในครัว” กันต์พูดกับพนักงานหน้าร้าน “ฝากดูเดียร์ด้วยนะครับ”
“จ้า เข้าไปในครัวเถอะ ขอบใจมากนะกันต์ พี่สิดันมาป่วยวันนี้ด้วยเลยไม่มีคนทำขนมเลย คุณคิน คุณมอสกับพี่ใหม่ก็ไปคุยกับลูกค้า”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมต้องมาช่วยอยู่แล้วล่ะครับ” กันต์ตอบยิ้มๆ
เมื่อเช้าเขาได้รับโทรศัพท์จากพ่อคิน วานให้เขาช่วยเข้าไปดูร้านแล้วก็ทำหน้าที่เป็นปาติชิเย่หนึ่งวันเพราะไม่มีคนเลย พ่อคิส ลุงมอส... เพื่อนของพ่อคินที่เป็นเชฟขนมหวานอันดับต้นๆ ของประเทศที่เคยทำงานอยู่ในโรงแรมที่ฝรั่งเศส แต่อยากกลับมาอยู่ประเทศไทยและมีร้านเป็นของตัวเอง พ่อคินเลยชวนมาร่วมหุ้นกัน ตอนนี้ลุงมอสเลยกลายเป็นอีกหนึ่งหุ้นส่วนของร้าน แล้วก็พี่ใหม่ ต้องไปพบลูกค้าที่อยากจะให้ร้านของพ่อคินทำขนมไปในงานเลี้ยง
ที่ร้านถ้าไม่รวมพ่อคินก็มีปาติชิเย่ทั้งหมดสามคน ไปคุยกับลูกค้าสองคน เหลือคุมร้านหนึ่งคน ที่จริงก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพราะที่ร้านคนไม่ได้เยอะตลอดเวลา แต่บทจะงานเข้าก็เข้าจังๆ เมื่อน้าสิ... ปาติชิเย่อีกคนของร้านเกิดไม่สบายขึ้นมาจนไปทำงานไม่ไหว เลยไม่มีปาตอชิเย่เลยสักคน พ่อคินก็เลยโทรมาวานให้เขาเข้ามาดูให้
กันต์ช่วยจัดการในครัว เตรียมทำขนมต่างๆ เพื่อวางขายหน้าร้าน ทำทั้งขนมเค้กช็อคโกแลต เค้กชาไทย เค้กสตรอว์เบอร์รี่ เค้กเรดเวลเวท แล้วยังจะมีพวกมาการอง แพนเค้กอีก คงเพราะอยู่กับพ่อคินมาตั้งแต่เด็กๆ เขาเลยชอบการทำขนม ทำอาหารแล้วก็เรียนกับพ่อคินมาตลอดจนฝีมือดีไม่แพ้ปาติชิเย่ดังๆ เลย
กันต์จัดเรียงมาการองใส่กล่องเป็นกล่องสุดท้าย เตรียมจะไปล้างหน้าล้างมือแล้วออกไปช่วยหน้าร้าน แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไปไหน เสียงวิ่งตึงตังก็ดังขึ้นก่อนที่น้องตัวเล็กจะโผล่พรวดเข้ามาในครัว เจ้าตอบหอบน้อยๆ ระหว่างที่มองหน้าเขานิ่ง
“มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่...”
“หือ ว่าไง”
“พี่ตัวโต...”************************************************
มาแล้วจ้า~~ มาแล้ววววว จริงๆ แล้วชื่อตอน อุ่นไอรัก เนี่ย ไม่ได้หมายถึงงานอุ่นไอรักคลายความหนาวอย่างเดียวนะคะ แต่มันรวมไปถึง อุ่นไอของความรัก ระหว่างคนสองคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่น้อง คนรู้จัก คนในครอบครัวด้วย เหมือนที่พี่ฮาร์ทบอกว่าไม่หวงน้องๆๆ นั่นแหละค่ะ นี่ขนาดพี่บอกว่าไม่หวงนะ ถ้าเกิดพี่ฮาร์ทหวงน้องขึ้นมาจะเป็นยังไงละเนี่ย อิอิ
ได้พาน้องไปร้านของแพนเค้กคุณหมีน้อยแล้วว เอ็นดูเจ้านุ้งตอนอยู่บนรถ เถียงกับพี่งุ้งงิ้งๆ น่าเอ็นดูสุดๆ อะไรคือการเขินพี่อยู่ดีๆ แล้วหันไปเห็นร้านขนมก็ตาวาว ฮ่า พี่กันต์เหนื่อยหน่อยนะคะ ก็ ว่าที่แฟนพี่ น่ะ เห็นของกินสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้นเลย
ยังไงฟางฝากเจ้านุ้งกับพี่กันต์เอาไว้ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ ^^
ปอลอ. ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของฟางจ้า ขอบคุณนะคะ
ปล. เหตุการณ์รับน้อง การเรียนการสอน รวมไปถึงข้อมูลบางส่วนที่ใส่ในนิยาย บางส่วนฟางเอามาจากชีวิตจริงที่ฟางได้เจอมาตอนเรียน บางส่วนฟางแต่งเติมเสริมขึ้นมาเอง และได้รับการอนุญาตจากทาง รศ.ดร.นฤพนธ์ ไชยยศ คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้เผยแพร่แล้วค่ะ
เจอคำผิด บอกได้ค่า
ไม่อยากจะขออะไรมาก แต่ขออย่างเดียวอ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่กันต์น้อยใจแย่เลย รักพี่กันต์เมนต์ รักน้องเดียร์เมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ