say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
บท18 l “จีบอยู่... รู้เปล่า?”“เดี๋ยววันนี้ครูจะลองให้ทุกคนขึ้นโมเดลบ้านดูนะ หลังจากที่เราเรียนพื้นฐานโปรแกรมไปกันหมดแล้ว...” เสียงของอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องดังขึ้นเรียกความสนใจของเหล่านักศึกษาในห้องได้เป็นอย่างดี “ครูลงแบบแปลนเอาไว้ให้แล้วในเว็บไซต์ของวิชา ทุกคนสามารถเข้าไปโหลดแบบแปลนมาได้เลยนะครับ เอาแปลนที่ครูให้มาใช้ขึ้นโมเดลสามมิติกันนะ”
นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ต่างก็เร่งทำตามคำบอกของอาจารย์ทันที ทุกคนเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ของรายวิชาเพื่อไปโหลดแบบแปลนบ้านที่อาจารย์พูดมา “ใครโหลดมาแล้วก็อิมพอร์ทเข้าโปรแกรมตามที่ครูสอนไปเมื่อคาบที่แล้วเลยนะครับ”
อาจารย์ประจำวิชาทั้งหมดของวิชานี้เริ่มเดินดูนักศึกษาทำงานและคอยให้คำแนะนำ เพราะนักศึกษาในชั้นปีมีจำนวนไม่ใช่น้อยๆ อาจารย์ประจำวิชาเลยมีอยู่หลายคนเพื่อช่วยกันดูแลและให้คำแนะนำกับทุกๆ คน
เดียร์เองก็เริ่มลงมือทำงานตามคำสั่งของอาจารย์เช่นกัน เจ้าตัวอิมพอร์ทไฟล์ AutoCAD เข้ามาในโปรแกรม SketchUP ที่จะใช้สำหรับการขึ้นโมเดลบ้านสามมิติ
“อย่าลืมสร้าง Layers แยกด้วยนะครับจะได้สามารถเปิด – ปิด Layers เป็นส่วนๆ ได้ แล้วเมื่อขึ้นเสา ขึ้นผนังมาแล้วอย่าลืม Group กับทำเป็น Components ด้วยนะทุกคนเวลาแก้จะได้ไม่ต้องเข้าไปแก้ทีละอันนะครับ”
“ในคาบครูขอแค่ขึ้นโครงได้เป็นรูปเป็นร่างส่วนการตกแต่ง ใส่ประตู หน้าต่างสามารถเอากลับไปทำต่อแล้วก็เอ็กพอร์ทเป็นไฟล์รูปส่งทางเว็บไซต์เหมือนเดิมนะ”
“มึงจะรีบไปไหนเนี่ย” เดียร์หันไปถามหินผาที่ตอนนี้ทำนำหน้าเพื่อไปแล้ว เจ้าตัวกำลังขึ้นผนังบ้าน ในขณะที่เดียร์ยังอยู่กับการดึงความสูงของเสาอยู่เลย
“เชี่ย... เร็วไปไหม ไม่ต้องโชว์ว่าเก่ง กูรู้หรอก” ทัชที่ได้ยินก็หันมามองก่อนจะบ่น
ส่วนคนโดนเพื่อนบ่นก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่ได้เก่งแต่ว่าแค่ทำเร็วกว่าคนอื่นก็แค่นั้นเอง สุดท้ายก็เลยโดนเดียร์กับทัชแกล้งกดปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งสองคนหัวเราะชอบใจ หินผาทำเพียงแค่ส่ายหน้า โชคดีที่กดเซฟงานเอาไว้พอดีแถมงานก็ยังไม่ได้หายไปไหนด้วย
“มึง... กูต้องทำยังไงนะถ้าจะไม่ให้เสาต้นนี้มันสูงตามเสาต้นอื่นๆ อ่ะ” ทัชหันมาถามกับหินผาหลังจากที่ทำไม่ได้
“มึงลืมคลิกขวาแล้วเลือก Make Unique ด้วย ถ้าทำแบบนี้ก็เหมือนเป็นการทำ Component ใหม่แล้ว เสาต้นอื่นของมังก็จะไม่ขยับตามไปด้วยแล้วมึงก็ค่อยก็อปเสาต้นนี้ไปใหม่”
ทัชรวมถึงเดียร์ที่ก็ฟังอยู่ด้วยพยักหน้ารับกับคำพูดของเพื่อนก่อนที่พวกเขาจะเริ่มลงมือทำโมเดลบ้านต่อ ตรงไหนที่ติดขัดก็ถามหินผาผู้แสนรอบรู้เอา ใช้เวลาไม่นานทั้งสามคนก็ขึ้นตัวบ้านครบ มีทั้งเสา พื้นและผนังภายในภายนอกเรียบร้อย เหลือขึ้นหลังคา ใส่ประตูหน้าต่างรวมไปถึงตกแต่งหน้าตาของบ้านที่กำลังทำให้ดูสวย
แต่เพราะในคาบเรียนอาจารย์ขอแค่ขึ้นโมเดลเสร็จจนถึงแค่หลังคาเท่านั้น พวกเขาทั้งสามคนก็เลยส่งงานให้อาจารย์ดูว่าทำครบตามที่บอกก่อนจะพากันยกมือไหว้ลาอาจารย์ในคาบแล้วเดินสะพายกระเป๋าออกจากห้องเรียน เพราะส่วนที่เหลือสามารถกลับไปทำต่อแล้วค่อยส่งได้
ออกก่อนเวลามาชั่วโมงหนึ่งซึ่งพอหมดคาบนี้ก็เป็นพักกลางวันก่อนจะเริ่มเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในตอนบ่ายสอง พวกเขาเลยมีเวลาว่างสามชั่วโมงก่อนจะเรียนในตอนบ่าย ทั้งหมดจึงตัดสินใจจะไปหาอะไรกินกันที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ มหา’ลัย ขับรถไปคันเดียวจะได้ไม่ต้องวนหาที่จอดรถแล้วก็รอกัน
“กินบาร์บีก้อนกัน” เดียร์เสนอความคิดเห็นหลังจากอีกสองคนไม่เสนออะไรออกมาว่ากลางวันนี้พวกเขาจะกินอะไรดี
ในเมื่อมีคนเสนอขึ้นมาแล้ว ทั้งทัชแล้วก็หินผาก็เลยพยักหน้ารับเพราะก็ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีเหมือนกัน เมื่อตัดสินใจได้ทั้งสามคนก็เดินตามหาร้านที่ว่ากันทันที โชคดีที่โต๊ะไม่เต็มคงเพราะยังไม่ใช่ช่วงเวลาพักกลางวันของพนักงานบริษัท ในร้านเลยยังโล่งๆ อยู่
“อ้าว! น้องเดียร์ ไอ้ทัช ไอ้หิน” เสียงเรียกดังลั่นร้านจนคนอื่นๆ หันมามอง คนเรียกเลยได้แต่ก้มหน้าพูดขอโทษยกใหญ่
“พี่ๆ สวัสดีครับ” พวกเขาทั้งสามคนเดินเข้าไปหาก่อนจะยกมือไหว้
“ทำไมกับไอ้นี่พี่ถึงเรียกน้องอ่ะ ผมกับไอ้หินไม่เห็นเรียกน้องบ้างเลย” ทัชโวยวาย เขาสังเกตมาหลายรอบแล้ว รุ่นพี่กลุ่มอดีตพี่วินัยมักจะเรียกเดียร์ด้วยคำนำหน้าว่าน้อง แต่เวลาเรียกเขาหรือหินผาถ้าไม่เรียกชื่อสั้นๆ ห้วนๆ ก็จะมีคำนำหน้าที่ฟังแล้วไม่น่ารักมุ้งมิ้ง
“เรียกพวกมึงว่าน้องทัชน้องหิน กูขนลุกตายเลย หน้าตามึงไม่ได้มุ้งมิ้งแบบน้องเดียร์นี่” ป่าไม้ไว้พลางลูบแขนทำท่าขนลุกขนพอง แบบที่คนฟังก็นึกตามแล้วก็เผลอทำท่าแบบเดียวกันออกมา
“เออ... มาๆ นั่งก่อนค่อยว่ากัน” ไข่เจียวเอ่ยชวน กวักมือเรียกน้องทั้งสามคนให้นั่งร่วมโต๊ะ เจ้าตัวหันไปเรียกพนักงานเพื่อขอจาน ชามรวมถึงสั่งอาหารเพิ่ม เพราะโต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะใหญ่เลยไม่มีปัญหาที่มีคนมานั่งเพิ่มอีกสามคน
“แล้วพี่ใบบัวกับพี่ใยไหมละครับ” เดียร์ถามถึงรุ่นพี่สาวสวยทั้งสองคน
“สองสาวเขาสายสุขภาพ หนีไปกินอาหารญี่ปุ่นนู้นแล้ว” ไข่เจียวตอบ “กินเลยๆ เดี๋ยวสั่งเพิ่มไม่ต้องรอของใหม่ จัดการตรงนี้ได้เลยนะ”
“ขอบคุณนะพี่”
“ไอ้กันต์ มึงบริการเครื่องดื่มให้น้องๆ หน่อยดิ มึงนั่งใกล้สุดละ” ป่าไม้เรียกเพื่อนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา
“เอ้ย.. ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมจัดการเอง” เดียร์รีบร้องห้ามเมื่อเห็นกันต์หยิบที่คีบเตรียมจะคีบน้ำแข็งให้แก้วให้พวกเขา
“ไม่เป็นอะไร” กันต์ว่า เขาจัดการคีบน้ำแข็งใส่แก้วรวมถึงรินน้ำให้รุ่นน้องทั้งสามคน
“ขอบคุณนะครับ” เดียร์พูดขอบคุณ เข้าก้มลงดูดน้ำในแก้วพลางเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาด้วย
หลังจากวันนั้นที่บังเอิญเจอกันที่หน้าร้านขายไอศกรีมในห้าง เดียร์กับกันต์ก็ไม่ได้เจอกันเลยทั้งๆ ที่ห้องอยู่ข้างกันแท้ๆ คงเพราะเวลาเรียนไม่ตรงกันอีกทั้งปีสามก็คงจะมีงานเยอะ เขาเลยไม่เห็นรุ่นพี่คนนี้ และเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปขอให้ทำนู้นทำนี่ให้กินด้วย คงเพราะยังรู้สึกเขินกับคำพูดล่าสุดที่ได้ยิน...
‘จีบไม่ได้ หวง คนนี้ของพี่ค่ะ พี่จีบอยู่’นึกถึงทีไรก็ทำให้หน้าแดงใจเต้นแร็งอยู่เรื่อยไป...
เดียร์สะดุ้งนิดๆ ด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ก็มาวางลงบนจานของเขา รวมไปถึงผักต้มด้วย เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะเห็นมือขาวๆ ของคนที่นั่งตรงข้ามคีบอาหารมาให้เขา
“กินเสียสิ เดี๋ยวก็ไม่ทันพวกนั้นหรอก เอาแต่นั่งเหม่อ”
“อ่า... ขอบคุณนะครับ” เดียร์พูดขอบคุณ เขาคีบอาหารที่กันต์คีบให้ส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วเมื่ออาหารเข้าปากแล้วความคิดต่างๆ เรื่องราวนู้นนี่นั่นก็ถูกวางทิ้งเอาไว้ทันที เพราะคราวนี้ไม่ต้องรอให้กันต์คีบอาหารให้แล้ว เดียร์เป็นฝ่ายคีบอาหารใส่จาน ใส่ปากตัวเองแทน
กันต์มองคนตรงหน้ายิ้มๆ เดียร์ดูเป็นคนที่มีความสุขมากเวลามีของกินอยู่ตรงหน้า เจ้าตัวอมยิ้มระหว่างเคี้ยวจนแก้มตุ่ย เห็นทีไรก็อยากจะหยิกแก้มนั้นให้หายมันเขี้ยวทุกที แต่แล้วเวลาแห่งความสุขของกันต์ที่ใช้มองน้องตัวเล็กก็หมดลงเมื่อเพื่อนร่วมโต๊ะรับรู้ถึงบรรยากาศบางอย่างจนต้องเอ่ยออกมา
“มึงจะแดก หรือมึงจะนั่งมองน้องอย่างจะแดกน้องเข้าไป” ไข่เจียวเป็นผู้ทำลายบรรยากาศ
กันต์หันมองเพื่อนรักตาขวาง ส่วนอีกคนที่ถูกพาดพิงถึงก็ชะงักเงยหน้ามองด้วยหน้าตาเหลอหลามองไข่เจียวกับกันต์สลับไปมา แต่พอเห็นสายตาของคนที่เอ่ยปากว่ากำลังจีบเขาอยู่ก็ทำเอาหน้าแดงจนต้องคว้าน้ำมาดูดแทน
“มึงอยากแดก มึงก็แดกไปสิครับ จะมาสนใจกูทำไม” กันต์หันไปพูดกับเพื่อน
“อ้าว! ก็มึงกับกูนั่งเยื้องกัน แล้วกูเห็นมองมึงแต่น้อง กูสงสัยไงกูก็เลยถามว่ามึงจะแดกนี่ หรือแดกน้อง” ไข่เจียวยังคงถามต่อพลางชี้นิ้วไปที่กระทะก่อนจะเลื่อนไปยังเดียร์ที่นั่งถัดเขาไป
“กูจะแดกนี่ หรือแดกน้องก็เรื่องของกู ไม่ได้ไปแดกบนหัวมึง OK? Do you understand?”ไม่ใช่แค่ไข่เจียวอึ้งไปกับคำตอบของเพื่อนซี้ แต่ทุกคนบนโต๊ะก็ชะงักไปเหมือนกัน ส่วนคนที่โดนพาดพิงมากสุดนี่ตาโตอ้าปากค้างไปแล้ว แก้มขาวแดงจัดจนไม่แน่ใจว่าสีผิวเดิมคือสีอะไรกันแน่
“กินต่อสิ” กันต์ไม่ได้สนใจสายตาของทุกคนแต่หันกลับไปมองน้องตัวเล็กแทนพร้อมกับเอ่ยกระตุ้นให้เจ้าตัวกินต่อ แต่พอเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งอยู่ก็คีบเนื้อหมูป้อนเข้าปาก พร้อมกับช่วยดันคางให้ “เคี้ยวด้วยอย่าอมสิ”
เดียร์ได้แต่กระพริบตาปริบๆ พร้อมกับเคี้ยวเนื้อหมูในปากไปด้วย พอเห็นว่าน้องไม่อมอาหารแล้วกันต์ก็ยิ้มออกมา เลือกที่จะไม่สนใจสายตาของเพื่อนน้องและเพื่อนตัวเอง
“ผมว่าวันนี้บาร์บีก้อนคงทำน้ำตาลหกใส่เนื้อ ใส่ซุป ใส่ผัก ใส่น้ำแน่ๆ เลยอ่ะพี่ หวานชะมัดเลยเนี่ย” ทัชหันไปคุยกับพวกรุ่นพี่ที่เหลือ ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“จริงว่ะ กูก็ว่างั้น แม่งโคตรจะหวานเลย หวานไม่เกรงใจใครเลยด้วย” ป่าไม้ส่ายหน้า สายตายังไม่ได้ละไปจากเพื่อนของตัวเองแล้วก็รุ่นน้องตัวเล็ก
ดิวหัวเราะกับคำพูดของเพื่อน ก่อนจะปิดบทสนทนาให้แบบที่ตรงใจทุกคนมาก
“ทำยังไงได้... ก็พวกเราไม่ใช่น้องตัวเล็กนี่เนอะ”ป่าไม้กับไข่เจียวพยักหน้า “จริงของมึง ปล่อยแม่งไปเถอะ เพราะถ้าขืนกูยังมองต่อกูต้องแดกอะไรไม่ลงแน่ๆ เพราะเลี่ยน”
กันต์เหลือบตามองเพื่อนร่วมโต๊ะ ทำตาขวางใส่นิดหน่อยก่อนจะหันมายิ้มให้กับน้องตัวเล็กต่อ “เอาอะไรอีกไหม”
เดียร์พยักหน้าหงึกหงักใช้ตะเกียบชี้ไปที่เนื้อหมูสไลด์เพราะของกินยังเต็มปากเลยพูดไม่ได้ พอกันต์เห็นที่น้องชี้ก็คีบเนื้อหมูขึ้นไปปิ้งให้บนเตา ดูจนสุกพอดีกำลังน่ากินก็คีบใส่จานของน้องให้
จบของคาวก็ต่อด้วยของหวาน พวกเขาสั่งไอศกรีมมาคนละถ้วยก่อนจะจัดการจนเกลี้ยงภายในเวลาไม่นาน เดินลูบพุงลูบท้องออกจากร้านกันอย่างพร้อมเพียง อิ่มหนำสำราญใจกันถ้วนหน้า ตอนนี้ทั้งเจ็ดคนยืนหลบมุมอยู่เพื่อพูดคุยกันว่าจะไปไหนกันต่อดี
“พวกเรารีบกลับหรือเปล่า” ดิวถามรุ่นน้อง
“พวกเรามีเรียนอีกทีบ่ายสองครับ มีเวลาอีกแป๊บ” ป่าไม้ตอบหลังจากก้มดูเวลา พวกเขาใช้เวลาอยู่ในร้านอาหารก็เกือบจะหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
“อ้าวเหรอ งี้ก็ไปดูหนังกันไม่ได้สิเนี่ย พวกพี่ตั้งใจจะไปดูหนังกันนึกว่าว่างจะได้ชวนไปด้วย”
“น่าเสียดายครับ ไว้โอกาสหน้าดีกว่า คาบหน้าเป็นวิชาประวัติศาสตร์ด้วย” ทัชตอบ “แต่พวกผมว่าจะไปร้านหนังสือหน่อย พวกพี่ไปไหมครับ หรือจะแยกกันเลย”
“กูจะไปซื้อหนังสือ” ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดตอบรับหรือปฏิเสธ เสียงของกันต์ก็ดังขึ้นเสียก่อนจนต้องหันไปมองกันอย่างพร้อมเพียง “อะไร... มองหน้ากูทำไม ก็กูจะไปซื้อหนังสือ”
“คร้าบๆ พวกกูก็ยังไม่ได้ว่าอะไรท่านเลยครับ ท่านอยากจะไปร้านไหนดีรับ เรียนเชิญเลยครับท่าน” ไข่เจียวลากเสียงยาวอย่างตั้งใจจะกวนประสาทเพื่อนซี้เล่น พร้อมกับผายมือเชิญ
กันต์ส่ายหน้า ไม่ตอบคำถามเพื่อน แถมยังไม่ขยับไปไหนด้วย แต่เขากลับหันไปถามใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กันแทน “จะไปดูหนังสือร้านไหนล่ะ นำไปเลยสิ”
แล้วพวกเขาทั้งหมดก็ยกขบวนกันเดินตามน้องตัวเล็กของเพื่อนกันต์ไป เมื่อมาถึงทุกคนก็แยกย้ายกันไปคนละมุม เดียร์เดินไปดูหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตยกรรม ส่วนกันต์เดินไปดูหนังสือพวกเมนูขนมทั้งขนมไทยและขนมฝรั่ง แม้ว่าเขาจะทำเป็นหลายอย่างแต่ก็มักจะซื้อหนังสือประเภทนี้ไปอ่านเพื่อทดลองทำเมนูใหม่ๆ ขึ้นมาแล้วจึงค่อยนำไปลองให้ร้านของพ่อคินเอาทำขายดู
หลังจากที่ได้หนังสือตามที่ต้องการ กันต์ก็เดินตามหาใครอีกคนที่หายตัวไปหลังจากเข้ามาในร้านหนังสือ เดียร์กำลังก้มหน้าก้มตาดูหนังสือเกี่ยวกับแบบบ้านสไตล์รีสอร์ทอยู่
“เล่มนี้พี่มี... ถ้าอยากดูก็เอาของพี่ไปดูก็ได้” กันต์ขยับมายืนใกล้ๆ พร้อมกับพูด
“ตกใจหมดพี่...” เดียร์พูดเสียงเบาจนแทบจะดังอยู่ในลำคอ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกร็งเมื่ออยู่กับกันต์แค่สองคนแบบนี้
“ตัวเกร็ง” กันต์พูดอย่างหยอกล้อพลางจิ้มแขนของน้องตัวเล็กเบาๆ
เดียร์สะดุ้งนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้า “ฮื่อ... ก็พี่นั่นแหละ...”
“พี่ทำไม” กันต์เอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางใสซื่อเสียจนเดียร์เชื่อสนิทใจว่าอีกฝ่ายไม่รู้จริงๆ เชื่อแบบประชด...
น้องตัวเล็กทำหน้ามุ่ย หน้าบึ้งเมื่อโดนถามแบบนั้น จะให้เขาบอกเหรอว่าเพราะคำพูดของกันต์ในวันนั้นทำเอาเขาไม่เป็นตัวของตัวเองมาเป็นสัปดาห์น่ะ
กันต์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเดียร์ ยกมือขึ้นยีผมนุ่ม “พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้”
“ทำไมพี่ชอบแกล้ง”
“แล้วทำไมชอบน่ารัก”“หะ... หา...”
“ก็ชอบทำตัวน่ารัก... ก็เลยอยากแกล้ง ตามประสาผู้ชายที่ชอบแกล้งคนที่ชอบ”เดียร์อยากจะขอเวทมนต์ คาถา ผงฟู ไม้กายสิทธิ์ หรืออะไรก็ได้ที่สามารถช่วยให้เขาหายตัวไปจากตรงนี้ได้ง่ายๆ แบบหัวใจไม่ต้องเต้นแรงขนาดนี้
“ทำไมพี่ชอบพูดจาแบบนี้วะ...”
“เขินเหรอ” กันต์ถาม ที่จริงไม่ต้องถามก็พอรู้เพราะหน้าขาวๆ ของน้องตัวเล็กขึ้นสีระเรื่อจนเกือบจะทั้งใบหน้าแถมจะลามไปถึงลำคอแล้ว โดยเฉพาะใบหูทั้งสองข้างที่ขึ้นสีแดงอย่างชัดเจน
“พี่ไม่เขินหรือไง พูดจาอะไรแบบนี้อ่ะ”
“เอาจริงๆ ก็เขินนะ... แต่กลัวไม่รู้ว่าอ่อย ว่าจีบ เลยต้องพูดออกมาไง”
“ฮึ่ม! ใครบ้างจะไม่รู้” เดียร์ทำหน้ามุ่ยกว่าเดิม ส่งเสียงงอแงที่ฟังดูแล้วตลกปนๆ กับน่ารัก
“รู้แล้วเหรอ... ก็ดีแล้วล่ะ จะได้รู้ไงว่า... พี่จีบอยู่” กันต์ยิ้มขำเมื่อน้องตัวเล็กหันหลังแล้วเดินลิ่วๆ หนีเขาไป ท่าทางน่าเอ็นดูจนละสายตาไปไหนไม่ได้เลย
************************************************
ถ้าทุกคนจับนิยายตอนนี้ได้จะรู้เลยว่ามันร้อนมาก เพราะเพิ่งเผาเสร็จแบบสดๆ ร้อนๆ ยังไม่ได้ปล่อยพักให้มันเย็นเลยจ้า เผาเสร็จเอามาเสิร์ฟเลย ร้อนจี๋เลยจ้าาาา... งุ้ยๆ ประโยคพี่กันต์คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินพ่อคินพูดกับมัมพัทธ์ แหม... เชื้อพ่อคินนี่แรงจริงๆ ไม่ผิดกันเลยพ่อลูกคู่นี้ สงสารน้องตัวเล็กนะเนี่ย เจอคนขี้อ่อย ขี้หยอดแบบพี่กันต์ เขินตัวม้วนไปหมดแล้วจ้า
พี่เขาเริ่มรุกหนักแล้วนะเออ ก็อยากจะเตือนทั้งน้องตัวเล็กทั้งคนอ่านว่า ทำใจกันให้ดีๆ เน้ออออออ แล้วก็ไม่ต้องกลั้นยิ้มให้ปวดแก้มนะคะ ปล่อยมันออกมาเล้ยยยยย
ยังไงฟางฝากเจ้านุ้งกับพี่กันต์เอาไว้ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ ^^
ปอลอ. ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของฟางจ้า ขอบคุณนะคะ
ปล. เหตุการณ์รับน้อง การเรียนการสอน รวมไปถึงข้อมูลบางส่วนที่ใส่ในนิยาย บางส่วนฟางเอามาจากชีวิตจริงที่ฟางได้เจอมาตอนเรียน บางส่วนฟางแต่งเติมเสริมขึ้นมาเอง และได้รับการอนุญาตจากทาง รศ.ดร.นฤพนธ์ ไชยยศ คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้เผยแพร่แล้วค่ะ
เจอคำผิด บอกได้ค่า
ไม่อยากจะขออะไรมาก แต่ขออย่างเดียวอ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่กันต์น้อยใจแย่เลย รักพี่กันต์เมนต์ รักน้องเดียร์เมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ