Cr. Pic [Pinterest]
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ บทพิเศษ l “Happy New Year”* * * ต่อค่ะ 100% * * *
“วันนี้ลูกชายมัมตื่นแต่เช้าเลยนะ” มัมมี๊ส่งเสียงทักทายเมื่อเห็นเดียร์เดินเข้ามาในครัว
เดียร์แกล้งทำหน้ายุ่งเมื่อโดนแซวแบบนั้นก่อนจะเข้าไปกอดไปอ้อนมัมมี๊แทน “เดียร์จะตื่นเช้าบ้างไม่ได้เหรอครับ ตอนเรียนเดียร์ก็ตื่นเช้าบ่อยไป”
มัมมี๊ยกมือขึ้นบีบปลายจมูกลูกชายเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว “นั่นเพราะลูกมีเรียน แต่นี่เป็นวันหยุด ปกติวันหยุดแบบนี้ลูกชายแม่ตื่นเช้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือว่ามีคนคอยปลุกแล้วเลยตื่นเช้าจนชิน”
เดียร์ยิ้มแผล่ หอมแก้มมัมมี๊ฟอดใหญ่ไม่ยอมตอบคำถามของมัมมี๊แต่แค่นั้นก็รู้ได้แล้วว่าสิ่งที่มัมมี๊คิดคือเรื่องจริง กันต์ตื่นเช้าเป็นนิสัยยกเว้นว่าช่วงไหนที่อีกฝ่ายทำงานหนักนอนดึกจริง ๆ ถึงจะตื่นสาย แต่ถ้าปกติก็ตื่นแต่เช้าเป็นประจำ ถ้าหากไม่ได้แวะไปนอนค้างด้วยอีกฝ่ายก็จะโทรมาปลุกเพื่อให้เขาไปทานมื้อเช้าด้วยกัน เดียร์เลยติดการนอนตื่นเช้าไปด้วยเลย
“ว่าแต่พวกพี่เขาจะมากันตอนไหนล่ะครับ” มัมมี๊ยอมเปลี่ยนเรื่อง
วันนี้บ้านบริสตันจะมีเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีที่บ้าน ซึ่งก็ชวนครอบครัวของกันต์มาด้วย ที่จริงเดียร์ตั้งใจจะชวนเพื่อนของตัวเองแล้วก็เพื่อนของกันต์มาด้วยแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าวันหยุดยาวแถมปิดเทอมแบบนี้แต่ละคนก็แยกย้ายกลับบ้านไม่ก็ไปเที่ยวกับครอบครัวกันหมด ปาร์ตี้นี้เลยเป็นการเลี้ยงฉลองกันสองครอบครัว
“น่าจะบ่าย ๆ แหละครับ พี่กันต์บอกว่ามัมพัทธ์กับพ่อคินต้องไปทำบุญกันก่อนที่บริษัทครับ ส่วนพี่กันต์จะแวะไปไหว้พ่อกับแม่ก่อนแล้วค่อยมาครับ” เดียร์ตอบตามที่ได้คุยกับกันต์มา
“แล้วเดียร์ไม่ไปกับพี่เขาเหรอ”
“ไปครับ เดี๋ยวพี่กันต์แวะมารับแล้วค่อยไปด้วยกัน”
“แล้วน้องแพรล่ะครับ ไปด้วยกันหรือเปล่า”
“น้องแพรไปกับมัมพัทธ์ครับ มัมจะเอาอะไรจากข้างนอกไหม เดียร์จะได้แวะซื้อเข้ามาให้ด้วยเลย”
“เดียร์ก็คุยกับพี่กันต์เขาเลยก็ได้ว่าจะทำอะไรกินกันบ้าง ส่วนตอนนี้มาช่วยมัมยกข้าวต้มออกไปจัดโต๊ะก่อนเลย” มัมมี๊หันมาเรียกลูกชาย ถ้าไม่ติดอะไรมัมมี๊ของเดียร์จะลุกมาเข้าครัวเองและก็ทำทุกอย่างเอง
"คร้าบ" เจ้าตัวขานรับเสียงยาวก่อนจะเดินไปยกถาดที่ใส่ชามข้าวต้มออกมาวางที่โต๊ะอาหาร มีเมดเข้ามาช่วยจัดโต๊ะด้วย
ไม่นานหลังจากนั้นคนอื่น ๆ ในบ้านก็ทยอยกันลงมาที่ห้องอาหารเหมือนรู้เวลา เดียร์เดินเข้าไปกอดอ้อนคุณตาก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ แล้วมื้อเช้าของบ้านบริสตันก็เริ่มต้นขึ้นเคล้าเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะตลอดมื้อ
จนกระทั่งมื้อเช้าจบลงเจ้าตัวก็เดินขึ้นไปบนห้องเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นให้เดียร์รีบหยิบมากดรับพูดคุยกับปลายสายอยู่สองสามประโยคก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้มาสะพายแล้วเดินลงไปชั้นล่าง สมาชิกคนอื่น ๆ อยู่ในห้องนั่งเล่นกันหมด เดียร์เองก็เดินไปนั่งด้วย
“คุณกันต์มาค่ะ” เสียงของเมดดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนให้หันไปมองก่อนที่เจ้าของชื่อจะเดินเข้ามาในห้อง
กันต์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ในห้องทั้งสามคน “สวัสดีครับคุณตา แด๊ด มัม”
“ไงเรา... ไม่เจอกันนานเลย” คุณตาสินธรเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง “นี่มารับเจ้าเดียร์เหรอ”
“ครับ จะพาน้องไปไหว้พ่อกับแม่น่ะครับ แล้วเดี๋ยวกลับมาอีกทีตอนบ่าย” กันต์เดินมาทรุดตัวนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่ว่างอยู่ก่อนจะตอบ
“แล้วพ่อคินพ่อพัทธ์ล่ะ”
“มัมกับพ่อคินไปทำบุญที่บริษัทครับ เดี๋ยวจะตามมาตอนบ่าย”
“แพรก็ไปด้วยเหรอคะพี่กันต์” เลิฟถามเมื่อไม่เห็นเพื่อนสนิทเดินตามอีกฝ่ายเข้ามาด้วย “เลิฟนึกว่าแพรจะมาพร้อมพี่กันต์เสียอีก จะได้ชวนอยู่ด้วยกันที่นี่เลย”
“น้องแพรไปกับพวกมัมด้วยน่ะ”
“เอาไว้ตอนบ่ายค่อยมาคุยกันแล้วกัน พี่กันต์รีบไปไหว้พ่อกับแม่ก่อนเถอะ” มัมมี๊เป็นฝ่ายตัดบทสนทนาเมื่อเห็นว่าการพูดคุยน่าจะยืดยาวออกไป “ส่วนมื้อเย็นถ้าเราอยากทำอะไรก็ซื้อของเข้ามาเลยแล้วกันนะ”
“ได้ครับมัม ถ้าอย่างนั้นผมพาน้องไปก่อนนะครับ แล้วตอนบ่ายจะรีบกลับเข้ามา สวัสดีครับ” กันต์ยกมือไหว้ทุกคนอีกรอบ
“ขับรถดี ๆ ล่ะ” คนที่นั่งเงียบตลอดอย่างแด๊ดดี๊พูดขึ้น แม้จะยอมรับในตัวคนรักของลูกชายแล้วแต่ก็มีบ้างที่แด๊ดดี๊จะออกอาการหวงลูกชาย
“ครับแด๊ด” กันต์ยิ้มรับ ยืนรอให้น้องตัวเล็กกอดอ้อนแด๊ดดี๊เดินมาหา แล้วจึงพากันเดินไปที่รถของกันต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
กันต์ขับรถออกจากบ้านบริสตัน ระหว่างนั้นก็หันมามองน้องตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ท่าทางอีกฝ่ายดูเกร็งกว่าปกติจนเขานึกขำ “เป็นอะไร นั่งเกร็งเชียว”
“ก็... ตื่นเต้นนิดหน่อยครับ” เดียร์ตอบพลางหันมายิ้มให้ “เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมได้ไปหาพ่อกับแม่พี่น่ะ ผมควรเตรียมอะไรไปด้วยไหมครับ”
มือของกันต์ยื่นมาวางบนผมของเดียร์แล้วยีเล่น “ไม่ต้องกังวลหรอก พ่อกับแม่พี่ต้องชอบเราแน่นอน พี่เชื่อ...”
“ครับ...”
นี่เป็นครั้งแรกที่เดียร์จะได้ไปไหว้พ่อกับแม่แท้ ๆ ของกันต์ หลายครั้งแล้วที่กันต์ชวนไปแต่ก็เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ จนต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เดียร์ไม่มั่นใจเลยว่าพ่อกับแม่ของกันต์จะชอบตัวเองหรือเปล่าและยอมรับได้ไหม
“ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัว เชื่อพี่สิ” กันต์เปลี่ยนมาจับมือของน้องเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ อย่างต้องการให้กำลังใจ
ใช้เวลาขับรถไม่นานก็ถึงที่หมาย อาจจะเพราะเป็นวันหยุดยาวผู้คนต่างพากันกลับบ้านหรือไม่ก็ไปเที่ยวที่อื่นกันหมดทำให้รถในกรุงเทพฯ ไม่ติดเหมือนกับในทุก ๆ วัน รถคันสวยจอดนิ่งสนิทกันต์กับเดียร์ก้าวลงจากรถ เดียร์ยืนรออีกคนที่เปิดประตูด้านหลังแล้วหยิบของออกมา
“พวงมาลัยสำหรับไหว้พ่อกับแม่พี่น่ะ” กันต์ชูถุงในมือให้ดู ก่อนจะจับมือน้องพาเดินไปทางที่เก็บอัฐิของพ่อกับแม่
กันต์หยิบพวงมาลัยดอกมะลิพวงสวยส่งให้น้องสองพวง สำหรับตัวเองอีกสองพวงก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง ยกมือไหว้แล้วจึงวางพวงมาลัยลงตรงหน้ารูปของพ่อกับแม่ ซึ่งเดียร์เองเห็นแบบนั้นก็ทำตาม “พ่อครับ แม่ครับ... กันต์พาใครบางคนมาให้พ่อกับแม่รู้จักครับ ที่จริงกันต์อยากพามานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสสักที”
กันต์หันมามองน้องตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยื่นมือไปจับมือของเดียร์เอาไว้ “นี่เดียร์ครับ เดียร์เป็นคนรักของกันต์เองครับ กันต์รักน้องมาก น้องน่ารัก กันต์ว่าพ่อกับแม่เองก็จะต้องรักน้องเหมือนกันต์แน่ ๆ ครับ”
“สวัสดีครับ... ผมเดียร์ครับ” เดียร์ยกมือไหว้อีกรอบ ก่อนจะเหลือบตามองคนข้าง ๆ แล้วมองไปยังรูปของพ่อกับแม่ของกันต์ที่วางเคียงคู่กันเอาไว เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผ่อนลมออก “ผมเป็นแฟนกับพี่กันต์ครับ”
เดียร์เพียงแค่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันต์ นั่งฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พ่อกับแม่ฟัง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ตรงนี้เดียร์รู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ และยิ้มอยู่ตลอดเวลา อาจจะเป็นเพราะความรักของครอบครัวที่ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ นี้อบอุ่นและผ่อนคลาย
“เดี๋ยวกันต์จะต้องกลับแล้วล่ะครับ เอาไว้วันหลังกันต์จะพาเดียร์มาหาพ่อกับแม่อีกนะ” กันต์พูดขึ้นหลังจากที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้สักพักแล้ว “พ่อครับ แม่ครับ... อวยพรให้กับความรักของกันต์ด้วยนะครับ”
เดียร์เอื้อมมือไปจับมือของกันต์เอาไว้ ยิ้มให้เมื่ออีกฝ่ายหันมามอง “พ่อครับแม่ครับ... เดียร์เรียกแบบนี้ได้ใช่ไหมครับ เดียร์ไม่สัญญาว่าเดียร์จะไม่ดื้อไม่ซน ไม่ทำให้พี่กันต์ปวดหัว เพราะเดียร์คงทำไม่ได้”
กันต์หลุดหัวเราะเมื่อได้ยินน้องพูดแบบนั้นแต่เขาก็ฟังต่อว่าน้องจะพูดอะไร “แต่เดียร์สัญญาว่าเดียร์จะอยู่ข้าง ๆ พี่กันต์ในทุกช่วงเวลาต่าง ๆ นะครับ”
“นี่คือประโยคบอกรักหรอว่าจะรักแล้วก็อยู่กับพี่ตลอดไปน่ะ” กันต์แกล้งเอ่ยแซวให้คนข้าง ๆ หน้าแดง
“ผม... ไม่ได้หมายถึงอะไรแบบนั้นสักหน่อย” ปฏิเสธเสียงเบา พลางหันหน้าหลบไม่ยอมหันมามองสอบตา
“เห็นไหมครับ น้องน่ารักจะตายไป” กันต์ยิ้มขำ หันกลับไปพูดกับพ่อแม่ต่อ “อวยพรให้เราสองคนด้วยนะครับ”
ทั้งสองคนยกมือไหว้อีกรอบก่อนจะพากันเดินกลับมาที่รถ
“พ่อกับแม่พี่ชอบเดียร์นะ” กันต์พูดเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถและขับรถออกมาแล้วเรียบร้อย
“พี่รู้ได้ยังไงครับ”
“เพราะพี่รักเรา พ่อกับแม่พี่ก็ต้องรักเราเหมือนกัน”“ฮือ... ขับรถไปเถอะครับ ไม่ต้องพูดเลย” คนเขินหน้าแดงโวยวายลั่นรถ ยกมือตีแขนอีกฝ่ายเมื่อกันต์หัวเราะขำกับท่าทางของเขา
งานปาร์ตี้เริ่มแล้วหลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปได้ไม่นาน สนามหญ้าข้างบ้านระหว่างบ้านของแด๊ดดี๊มัมมี๊กับบ้านใหญ่คือสถานที่ที่พวกเขาจัดงานกัน เดียร์ตัดสินใจเลือกปาร์ตี้ปิ้งย่างสำหรับค่ำคืนนี้ ตอนที่กลับจากไปไหว้พ่อกับแม่ของกันต์ พวกเขาก็แวะซื้อของมาเรียบร้อย มีทั้งอาหารทะเลและเนื้อเต็มไปหมด
พอกลับมาถึงบ้านกันต์ก็เข้าครัวไปหมักหมู หมักไก่ทันที มีเดียร์และมัมมี๊ตามเข้าไปช่วย แต่มัมมี๊ก็อยู่ช่วยได้ไม่นานกันต์ก็ต้องขอให้มัมมี๊ออกไปนั่งรอ ไม่ใช่ว่าเพราะไม่อยากรบกวนแต่เพราะเป็นบรรยากาศที่แสนจะกดดันต่างหาก
กันต์แทบจะทำมีดหล่นใส่เท้าตัวเองเมื่อหันไปทางประตูครัวแล้วเจอกับแด๊ดดี๊ยืนกอดอกจ้องมาที่เขา นึกอยากจะถามออกไปว่าเขาทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า แต่พอหันซ้ายหันขวาเท่านั้นก็เป็นอันเข้าใจ ด้านซ้ายเป็นน้องตัวเล็กช่วยล้างผักอยู่ ส่วนด้านขวาเป็นมัมมี๊ช่วยปรุงซอสสำหรับใช้หมักหมูหมักไก่
‘พี่กันต์ มัมทำซอสเสร็จแล้วนะ ให้มัมช่วยหมักให้เลยไหม’ มัมมี๊หันมาถาม หยิบชามที่ใส่เนื้อหมูมาซึ่งตอนที่หยิบชามนั้นมามือของมัมมี๊ก็โดนมือของกันต์ด้วย
แล้วไหนจะน้องตัวเล็กที่เกาะแขนเกาะไหล่เขาเพื่อดูเขาทำซอสหมักอีก กันต์รู้สึกว่าอากาศในห้องครัวเย็นลงเรื่อย ๆ แต่ดูเหมือนว่าคนสองคนที่อยู่ข้าง ๆ จะไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย
‘พี่กันต์ทำอาหารเก่งจังเลยนะ เก่งกว่ามัมอีก สงสัยเข้าครัวบ่อยแน่เลยใช่ไหม’ มัมมี๊ยังคงเอ่ยชมไม่ขาดปาก
‘ก็... ไม่หรอกครับ อ่า... มัมครับ ผมว่ามัมออกไปนั่งพักข้างนอกก็ได้นะครับ เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง’ กันต์แทบจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
‘แต่ช่วยกันก็น่าจะเร็วกว่านะ’
‘ไม่... ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับมัม ผมจัดการได้’
‘จะดีเหรอ’
กันต์พยักหน้า ‘ครับมัม ถือว่า... ผมขอ... นะครับ’ พูดไปก็พยักหน้าไปทางประตูครัวให้มัมมี๊หันไปมอง
‘อ่อ... โอเค ๆ มัมตามใจพี่กันต์ อย่างนั้นมัมออกไปรอข้างนอกนะ ถ้ามีอะไรก็เรียกเด็ก ๆ มาช่วยได้เลยนะพี่กันต์’ มัมมี๊พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะเรียกลูกชายตัวเอง ‘เดียร์ครับ ช่วยพี่กันต์เขาด้วยนะอย่าเอาแต่เล่นล่ะ’
พอมัมมี๊เดินออกจากห้องครัวไป อากาศที่เย็นยะเยือกและอึดอัดก็มลายหายไปด้วยเช่นกันเพราะแด๊ดดี๊เดินตามมัมมี๊ออกไป นั่นแหละกันต์ถึงได้หายใจได้โล่งขึ้น
“พี่กันต์คะอันนี้เรียบร้อยแล้วแพรยกไปให้มัมก่อนนะคะ” แพรพูดพลางหยิบจานที่ใส่บาร์บีคิวมาถือเอาไว้ก่อนจะเดินเอาไปให้พวกมัมที่โต๊ะ
“นี่ค่ะ บาร์บีคิว มีหมูกับไก่นะคะแพรแยกจานให้แล้วค่ะ จานนี้หมู จานนี้ไก่ค่ะ เดี๋ยวมีเห็ดย่างด้วยกำลังทำอยู่เดี๋ยวแพรยกมาให้อีกทีนะคะ” แพรวางจานบาร์บีคิวลงบนโต๊ะของพวกมัม
“ขอบใจจ๊ะ” คุณหญิงมรกตยิ้มรับ มองหลานสาวคนใหม่อย่างเอ็นดู “ดูเอาเถอะหลานสาวของย่ามัวแต่ยืนกินอยู่นู้น ไม่สนใจกันเลย”
“เลิฟก็ช่วยย่างค่ะคุณย่า”
“แพรไม่ต้องคอยดูแลพวกพ่อมากก็ได้ลูก บอกพี่กันต์เขาด้วยแค่นี่ก็เต็มโต๊ะไปหมดแล้ว ไปสนุกกันตามประสาเถอะ” พ่อคินพูดเมื่อเห็นว่าลูกชายลูกชายเอาแต่คอยปิ้งย่างทั้งหมู ทั้งไก่ทั้งอาหารทะเลมาให้ที่โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่จนเต็มไปหมด
“ใช่จ๊ะ แค่นี้ก็กินกันจะไม่หมดแล้ว” คุณหญิงมรกตเองก็เห็นด้วยกับพ่อคิน
“ค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็เรียกแพรได้เลยนะคะ เดี๋ยวแพรไปดูทางเลิฟหน่อย” แพรพูด หันไปมองเพื่อนสนิทที่ส่งเสียงไม่หยุด ดูแล้วน่าจะมีปัญหากับเตาย่างอาหารทะเลที่ตัวเองรับผิดชอบ
“ตัวเล็กเล่นอะไรเนี่ย” ฮาร์ทที่เดินเข้ามาดูน้องสาวว่า พลางหยิบที่คีบจากมือของน้องสาวมาถือเอาไว้เอง “จะกินกุ้งไหม้ ๆ หรือยังไงกัน”
เลิฟย่นจมูกใส่พี่ชาย “ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ เลิฟกำลังจะกลับด้านอยู่นี่แหละ”
“พี่แค่ไปหยิบสลัดในบ้านแค่แปบเดียวออกมากุ้งก็เกือบจะไหม้แล้ว”
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ” แพรที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถาม
“เพื่อนเราจะทำกุ้งไหม้น่ะสิ” ฮาร์ทหันมาตอบพลางคีบกุ้งที่ด้านหนึ่งเริ่มจะเกรียมให้แพรดู ในขณะที่เลิฟก็หัวเราะแหะอย่างยอมรับผิด
แพรยิ้มออกมาอย่างขบขัน เพื่อนคนนี้ไม่ถูกกับการทำอาหารเลย ผิดจากพี่ชายทั้งสองคนที่ทำอาหารได้ “เดี๋ยวแพรกับพี่ฮาร์ทจัดการเอง เลิฟนั่งรอเฉย ๆ เลยจ๊ะ”
“จ้า ๆ ตามนั้นก็ได้จ้า”
“อะไรกัน เลิฟสร้างเรื่องเหรอ” เดียร์กับกันต์เดินเข้ามาหา ในมือถือจานใส่บาร์บีคิวมาด้วย “ได้ยินอยู่ว่าเลิฟทำพัง ๆ”
“เลิฟไม่ได้ทำพังสักหน่อยค่ะ พี่เดียร์ก็พูดเกินไป” น้องสาวคนเล็กหันมาส่งค้อนให้พี่ชายเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“กินกันก่อน เดี๋ยวค่อยปิ้งกันใหม่เดี๋ยวจะกินไม่หมด” กันต์หยิบไม้เสียบบาร์บีคิวส่งให้ทุกคน ที่เหลือวางเอาไว้บนโต๊ะสนาม
โต๊ะของพวกเขาอยู่ใกล้กับเตาปิ้งบาร์บีคิวแล้วก็เตาปิ้งอาหารทะเล ส่วนโต๊ะของพ่อกับแม่อยู่ถัดออกไปเพื่อไม่ให้ควันไปโดน รอบ ๆ เอาไฟมาติดเอาไว้เพื่อเพิ่มความสว่าง รวมถึงตกแต่งด้วยไฟคริสต์มาสมาติดตามต้นไม้เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้เข้ากับเทศกาล
“จานนี้ของน้องแพรค่ะ ไม่มีเห็ด” กันต์ส่งจานอีกใบให้กับน้องสาว “อย่าเผลอไปกินเบคอนพันเห็ดเข็มทองเข้าล่ะ เดี๋ยวอาการแพ้กำเริบนะคะ”
“ค่ะ แพรรู้แล้วค่ะ ไม่ลืมแน่นอน” แพรยิ้มหวานให้พี่ชาย เพราะตนเองนั้นแพ้เห็ดแทบจะทุกชนิด เลยต้องระวังเอาไว้
“อ้าว... แพรแพ้เห็ดเหรอ” เดียร์ถามเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ “แพ้หนักเลยไหม”
“ไม่หนักมากค่ะ จะมีผื่นขึ้นแล้วก็คัน แต่กับเห็ดฟางจะแพ้หนักถึงขั้นไม่สบายตัวร้อนเลยค่ะ”
“ไม่เห็นเหมือนพี่เลย”
“พี่เดียร์ก็แพ้อาหารเหรอคะ”
เดียร์ส่ายหน้า “ไม่แพ้อะไรเลย กินได้ทุกอย่าง”
ทุกคนหลุดขำกับคำพูดของเดียร์ กันต์ยกมือขึ้นยีผมน้องตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว “กินได้ทุกอย่างจริง ๆ กินมันทุกอย่างเลยเราน่ะ”
“อ่ะ ๆ แต่ผมก็มีแพ้อาหารนะ”
กันต์เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะขมวดคิ้วเพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าน้องตัวเล็กแพ้อาหาร แม้แต่โต๊ะผู้ใหญ่ก็ยังหันมามอง เพราะแม้จะนั่งถัดมาแต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าจะได้ยิน “แพ้อะไรบ้าง”
อีกฝ่ายทำหน้าจริงจังก่อนจะยิ้มกว้าง “แพ้อาหารพี่กันต์ อาหารมัม อาหารพ่อคิน กินแล้วกินไม่หยุด ยอมให้กับความอร่อยเลย”
“หึหึ จริง ๆ เลย เดี๋ยวจะกลายเป็นคุณหมูอุ๋งแล้วเนี่ย” กันต์ล่ะนึกอยากจะคว้าตัวน้องมากอดฟัด แต่ก็ทำไม่ได้เลยเปลี่ยนมาเป็นบีบแก้มนิ่ม ๆ ของน้องแทน ส่วนคนอื่น ๆ ได้ยินก็หัวเราะร่วนกับคำตอบของเดียร์
“ลูกชายมัม... ไม่ค่อยเห็นแก่กินเลยครับ” มัมมี๊พูดเสียงปนขำ คุณปู่คุณตานี่หัวเราะชอบใจยกใหญ่ไปแล้ว
“ก็เรื่องจริงนี่ครับ” ยิ้มกว้างยืนยันคำพูดตัวเองอีกรอบ
“กินเยอะแบบนี้ระวังพี่กันต์เลี้ยงไม่ไหวนะ” เลิฟเอ่ยแซวพี่ชาย
ให้คนโดนแซวหันมามองคนที่โดนพาดพิงถึง เดียร์หรี่ตามองพี่ตัวโตอย่างคาดคั้นในคำตอบ “พี่จะเลี้ยงผมไม่ไหวเหรอ”
“บอกไปเลยตากันต์ เลี้ยงไม่ไหวหรอก” คุณปู่โทมัสเอ่ยแซวมาอีกระลอก
กันต์ยิ้มขำ มองหน้ายู่ยี่ของน้องอย่างเอ็นดู บีบแก้มบีบจมูกรั้นอย่างมันเขี้ยว “เลี้ยงไหวอยู่แล้วครับ”
“ย่ายกหลานให้ฟรีเลยดีไหมกันต์ เพราะดูท่าแล้วรับไปน่าจะต้องเลี้ยงกันอีกเยอะนะ” คุณหญิงมรกตเองก็เอ่ยแซวหลานชายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะมีคนไม่มีอารมณ์แซวเล่นด้วยเพราะแด๊ดดี๊กระแอมพลางมองกันต์ตาเขม็ง คุณหญิงมรกตที่เห็นท่าทางหวงลูกของลูกชายตัวเองก็หัวเราะขำ “ท่าจะยกให้ฟรีไม่ได้แล้วล่ะตากันต์ พ่อคิน”
“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยว่ากันเถอะครับคุณแม่ ยังไงก็ยังอีกนาน”
พอเห็นคนหวงลูกชายออกอาการ มัมมี๊ก็เลยหาเรื่องอื่นมาคุยเพื่อเปลี่ยนประเด็นแทน แล้วบทสนทนาระหว่างงานปาร์ตี้ก็ถูกหยิบยกมาคุยเรื่อย ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะและบรรยากาศที่แสนจะอบอุ่น
งานปาร์ตี้สิ้นสุดลงแล้วเพราะผู้ใหญ่อยู่นับถอยหลังเข้าสู่วันใหม่กันไม่ไหว พวกเด็ก ๆ ก็เลยตัดสินใจเลิกและแยกย้ายกันแทน เพราะนั่งอยู่ไปก็ไม่รู้จะทำอะไร จะให้ทำอะไรทานกันอีกก็ไม่ไหวแล้ว แน่นท้องกันไปหมด ตอนนี้เลยช่วยกันเก็บล้างอยู่ในครัว ตอนแรกเมดที่ไม่ได้กลับบ้านในช่วงวันหยุดก็ตั้งใจจะเข้ามาช่วยแต่พวกเขาไม่อยากจะรบกวนเลยจัดการกันเอาเอง
“พี่กันต์ไม่ต้องช่วยก็ได้นะคะ พี่กันต์ทำตั้งเยอะแล้วเดี๋ยวงานเก็บล้างนี่เลิฟจัดการให้ค่ะ งานถนัด” เลิฟว่าพลางแย่งจานในมือของกันต์มาถือเอาไว้เอง ตอนนี้เลิฟกำลังช่วยกันล้างจานอยู่กับแพร
“พี่ช่วยได้นะ”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะพี่กันต์” เลิฟยังยืนยันคำเดิม
“แต่พี่ว่าเราน่ะไม่ต้องดีกว่า” ฮาร์ทที่เดินยกจานชามอีกชุดเข้ามาในครัวร้องบอกกับน้องสาวคนเล็ก “ล้างจานก็ทำจานลื่นหลุดมือแตกไปตั้งหลายใบ เราน่ะมานั่งมองเฉย ๆ เถอะเดี๋ยวพี่ช่วยแพรเอง”
“พี่ฮาร์ทอ่ะ”
“ไป ๆ ไปนั่งนู่น ไม่ก็ไปช่วยเดียร์เก็บของข้างนอกไป” ฮาร์ทยกมือดีดหน้าผากน้องสาวเบา ๆ ให้เลิฟทำหน้ายู่ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป
กันต์ลังเลว่าจะออกไปช่วยข้างนอกดีหรือว่าจะอยู่ในครัวนี้ดี แต่เพราะถ้าอยู่ในนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรเขาก็เลยตัดสินใจออกไปข้างนอกดีกว่า “เดี๋ยวพี่ไปช่วยข้างนอกเก็บของก่อน”
“ค่ะพี่กันต์” แพรหันมายิ้มหวานให้พี่ชาย
“ค่ะ...” กันต์มองน้องสาวสลับกับพี่ชายฝาแฝดของคนรัก ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องครัว
คืนนี้ครอบครัวของกันต์นอนค้างที่นี่ด้วย มัมพัทธ์กับพ่อคินไปค้างที่บ้านใหญ่เพราะว่ามีห้องว่าง ส่วนแพรนอนห้องเดียวกับเลิฟ และกันต์ก็ได้รับอนุญาตจากมัมมี๊ให้นอนห้องเดียวกับน้องตัวเล็กได้
ช่วยกันเก็บล้างจนเสร็จก็แยกย้ายกันเข้าห้อง กันต์ให้เดียร์เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ส่วนเขาค่อยจัดการตัวเองทีหลัง
“ง่วงหรือยัง” กันต์เอ่ยถามหลังจากที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว
เดียร์ที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาปลายเตียงหันมามอง “ยังครับ อาบน้ำมาเมื่อกี้เลยตาสว่างอีกหน่อย พี่กันต์ง่วงหรือยังครับ จะนอนก่อนไหม”
“พี่ก็ยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่เหมือนกัน” กันต์เดินมานั่งลงข้าง ๆ ยกมือกอดน้องตัวเล็กเอาไว้ “ว่าแต่เราให้ของขวัญกับทุกคนไปหรือยัง”
“ให้แล้วครับ จริง ๆ ให้ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วด้วย ทำเสร็จแล้วก็ให้เลย รีบครับอยากโชว์ของ” เดียร์พูดไปหัวเราะไป ของขวัญที่ตั้งใจจะทำให้ในวันปีใหม่ถูกมอบให้กับทุกคนไปก่อนแล้ว “ทุกคนชอบกันมาก ๆ เลยครับ เห็นคุณปู่คุณย่าเอากรอบรูปไปตั้งไว้ในตู้โชว์ด้วย คุณตาก็ชอบ”
“เห็นไหม ของขวัญที่ไม่ต้องมีราคาแพงแต่มันมีคุณค่าทางจิตใจน่ะมันดีกว่าอะไรเลย” กันต์ยกมือขึ้นลูบผมน้องตัวเล็กเบา ๆ
“จริงครับ อ่ะ... ผมมีของขวัญให้พี่กันต์ด้วย” เดียร์พูดอย่างนึกขึ้นได้ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปยังตู้เก็บของในโซนห้องแต่งตัวก่อนจะถือถุงกระดาษใบเล็กออกมา “จริง ๆ ผมตั้งใจจะทำของขวัญให้แต่พอดีไปเจออันนี้เข้าเลยซื้อมาให้พี่แทนครับ”
“หือ... ขอบคุณครับ พี่แกะดูได้เลยไหม” กันต์รับถุงกระดาษมาหยิบกล่องของขวัญขึ้นมา
“ได้ครับ”
กันต์เลยจัดการแกะกระดาษห่อของขวัญโดยมีน้องตัวเล็กนั่งมองอยู่ข้าง ๆ คนตัวสูงเงยหน้าขึ้นมองน้องก่อนจะหลุดยิ้มออกมา “ของพี่เหรอ”
เดียร์พยักหน้า “ใช่ครับ ของพี่เลย”
“ขอบคุณครับ พี่ชอบมากเลย แล้วก็...” กันต์ลุกไปหยิบของในกระเป๋าของตัวเองออกมาบ้างก่อนจะส่งให้กับน้องตัวเล็ก “ของเราครับ”
“ขอบคุณมากครับ” เดียร์รับมาเปิดดูก่อนจะหลุดหัวเราะแล้วหยิบของในถุงออกมาชู
ในมือของทั้งคู่มีพวงกุญแจตุ๊กตาหมีริลัคคุมะอยู่คนละอัน ต่างกันที่ตัวตุ๊กตาใส่ชุดกันคนละแบบแค่นั้น อันในมือของกันต์คือของขวัญที่น้องตัวเล็กซื้อให้ และที่อยู่ในมือของเดียร์คืออันที่พี่ตัวโตซื้อให้
“ทำไมถึงซื้อพวงกุญแจหมีให้พี่ล่ะ” กันต์ถาม มันก็ออกจะบังเอิญเหมือนกันที่พวกเขาต่างซื้อของขวัญแบบเดียวกันมาแบบนี้
“ตอนเด็ก ๆ พี่ตัวโตให้พวงกุญแจตุ๊กตาหมีกับผมมา ผมก็เลยอยากจะให้คืนบ้างน่ะครับ” เดียร์ยิ้มระหว่างที่ตอบคำถาม “แล้วพี่กันต์ล่ะครับ ทำไมถึงซื้อพวงกุญแจหมีมา”
“พี่เห็นว่าอันเก่าของเรามันนานแล้ว พี่ก็เลยอยากเปลี่ยนอันใหม่ให้น่ะ อีกอย่าง... ของขวัญชิ้นแรกที่พี่ให้เราก็คือพวงกุญแจอันนั้น พี่ก็เลยอยากให้อีกรอบน่ะ”
“ขอบคุณนะครับ ผมชอบมาก ๆ เลย”
“พี่ก็ชอบมาก ๆ เหมือนกันครับ” กันต์ยกมือขึ้นลูบผมน้องตัวเล็กเบา ๆ ก่อนจะยื่นหน้าไปจูบที่หน้าผากของน้อง
แสงสว่างวาบจากนอกหน้าต่างและเสียงของนาฬิกาในห้องที่ดังทุก ๆ ชั่วโมงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ได้ล่วงเข้าสู่วันใหม่ ปีใหม่แล้ว ริมฝีปากของกันต์เลื่อนจากหน้าผากเป็นบริเวณหางคิ้ว แก้มขาว ๆ ที่ตอนนี้เริ่มขึ้นสีระเรื่อ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของน้อง เขาทำเพียงแค่แนบริมฝีปากลงไป กดย้ำและผละออก ก่อนจะทำซ้ำ ๆ แบบนั้น
“สวัสดีปีใหม่ครับ ปีใหม่นี้พี่ขอให้เดียร์มีรอยยิ้มให้มาก ๆ นะครับ”
“เหมือนกันนะครับ...”
กันต์กดจูบที่ริมฝีปากน้องตัวเล็กอีกรอบ “และในปีต่อ ๆ ไปเราก็จะสวัสดีปีใหม่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ นะ”
“ทุกปีเลยครับ...”
Happy New Year…************************************************
ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ปี 2562 ค่ะทุกคน ต้อนรับปีใหม่นี้ฟางก็ขอให้คนอ่านของฟางทุกคนมีแต่ความสุขนะคะ มีแต่รอยยิ้มค่ะ สิ่งร้าย ๆ สิ่งไม่ดีในปีเก่าก็ขอให้กลายเป็นสิ่งดี ๆ เรื่องราวดี ๆ ในปี้ใหม่นี้นะคะ คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนากันทุกประการค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ^^
ปอลอ. ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของฟางจ้า ขอบคุณนะคะ