สาปรัก…ทัณฑ์เทวา
Writer : Tan-Yung0209
File : 08
ตึกสำนักหอสมุดของมหาวิทยาลัยเป็นตึกสูงสี่ชั้นขนาดใหญ่ ภายในตึกแต่ละชั้นมีหนังสือจำนวนมากถูกจัดวางเรียงเป็นระเบียบเป็นหมวดหมู่ตามเลขหมู่หนังสือ สามารถสืบค้นด้วยระบบการค้นหาที่ทันสมัย นักศึกษาต่างก็เลือกหยิบหนังสือที่สนใจมาอ่าน ทั้งงานวิชาการ หรือนวนิยาย นิตยสาร วรสารต่างประเทศทั้งใหม่และเก่า แถมยังมีหนังสืออ้างอิงจำนวนมากมายที่ให้นักศึกษาได้ใช้ค้นคว้าเป็นข้อมูลในการทำรายงาน… หรือจะเป็นวิทยานิพนธ์ของรุ่นพี่ ด้วยอากาศที่เย็นฉ่ำสบายจากเครื่องปรับอากาศนักศึกษาบางคนก็เข้ามานอนหลับหลบอากาศร้อนภายนอกในตู้อ่านหนังสือส่วนตัว
…วันนี้หนุ่มน้อยปีหนึ่งหน้าหวานทั้ง 2 ชลันธรและนาคินทร์ก็เข้ามาเตรียมทำรายงานอยู่ในสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยแห่งนี้เช่นกัน จะขาดแต่ก็เพื่อนชายสุดหล่อที่เพิ่งจะซิ่วย้ายสาขามาอย่างรพีพงศ์ที่ไม่รู้มัวแต่ทำอะไรอยู่ ยังชักช้าไม่มาตามเวลาที่นัดกันไว้
“รายงาน การบ้านเยอะขนาดนี้ กะว่าเสาร์อาทิตย์จะไม่ให้ได้พักเลยหรือไงเนี่ย?” ชลันธรบ่นอุบเพราะเขาต้องยกเลิกเดทกับนภนต์ไปเพราะรายงานพวกนี้ ทั้งๆ ที่ชลันธรอยากอยู่กับนภนต์ในช่วงวันหยุดมากกว่า ถึงจะบ่นอย่างไรก็ต้องทำงานอยู่ดี ชลันธรมองกองงานและหนังสือที่วางอยู่ตรงหน้าทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่ม เรียกได้ว่าชลันธรเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเริ่มงานชิ้นไหนก่อน
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลัน ไม่เอาน่า...เรารู้นะว่าวันหยุดนี้ลันอยากจะอยู่กับอาจารย์นภนต์ใช่ไหมล่ะ นี่เราก็ไม่คิดเลยว่าเพื่อนเราที่คงแก่เรียนอย่างลันจะติดแฟนเป็นเหมือนกัน ” นาคินทร์พูดเล่นแซวชลันธร แต่เริ่มมสายตาดุๆ ส่งมาให้กับนาคินทร์
“นี่...ไม่ต้องมาแซวเราเลย อย่าให้เรารู้นะว่าแฟนคินทร์เป็นใครเราจะล้อให้อายไปเลย”
“โหย…มีเอาคืนเราด้วย…? ขอบอกเลยนะ ว่าลันน่ะไม่มีทางได้ล้อเราแน่นอน ฮิฮิ” นาคินทร์ยิ้มกว้างยิ่งทำให้ชลันธรหมั่นไส้ยิ่งขึ้นไปอีก
“นี่คินทร์ก็ไม่ใช่ว่าหน้าตาไม่ดีซะที่ไหน ถ้าเราไม่เจอพี่นภนต์เราอาจจะจีบคินทร์ก็ได้นะ ฮิฮิ หรือว่าเราจะช่วยให้พีคบกับคินทร์ดีเอาไหม เราเห็นแอบมองกันบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ พีเขาเป็นหนุ่มฮอตนะ นี่ถ้าลงประกวดเดือนมหาลัย รับรองคนที่เป็นเดือนวิศวะปีนี้ไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยแน่ๆ”
“เฮ้ยนี่...ลันพูดอะไร...ไม่เอา...นะจะบ้าเหรอ...” นาคินทร์ตาโตพอได้ฟังความคิดจับคู่ของชลันธร
“ฮึ...แล้วก็อย่าคิดนะว่าเราจะไม่รู้ว่าคินทร์แอบซ่อนใครไว้ที่หออะ” ชลันธรยกยิ้มมุมปาก นาคินทร์ถึงกับหน้าซีดทำให้ยิ้มกว้างเมื่อครู่จางหายไปในทันที ...นี่หรือว่าความทรงจำของ ชลันธรจะกลับมาแล้วและมีอำนาจล่วงรู้ว่ากนธีมาหาตนทุกวัน...
“ลันพูดบ้าอะไรอีกแล้ว... เราไม่มีใครซ่อนไว้เสียหน่อย” นาคินทร์ยืนกระต่ายขาเดียว ถ้าเขาคิดไม่ยอมรับเสียอย่างชลันธรจะทำอะไรเขาได้
“ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนี้เลย เราแค่เดาเอาก็เท่านั้น ก็เราสังเกตเวลาเลิกเรียนคินทร์ชอบกลับหอทันทีไม่เห็นว่าแวะไปไหน? ก็เลยคิดว่าคินทร์แอบซุกแฟนไว้ที่หอน่ะสิ” ชลันธรเอ่ย นาคินทร์ก็โล่งใจขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เพราะเพียงสันนิฐานเอาก็เท่านั้นแต่มันดันตรงกลับความจริง
“ว่าแต่เรา...ลันเองก็ชอบกลับบ้านเร็วเหมือนกันนั่นแหละ หรือว่าย้ายไปอยู่กับอาจารย์นภนต์แล้ว” นาคินทร์ล้อชลันธรอีกครั้ง แต่คราวนี้ร่างบางกลับรีบลุกมาปิดปากของนาคินทร์อย่างรวดเร็ว
“คินทร์เบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน ทั้งเราทั้งอาจารย์นภนต์จะแย่เอานะ” ชลันธรพูดเสียงเบาๆ แต่ดุ นาคินทร์พยักหน้าเชิงเข้าใจในสิ่งที่พูด ชลันธรจึงละมืออกจากปากนิ่มของนาคน้อย
“นี่ก็คบกันมาได้สักพักแล้ว ลันมีอะไรกับอาจารย์นภนต์แล้วหรือยังอะ...” คำถามที่ไม่น่าถามเท่าไหร่หลุดออกมาหลังจากที่นาคินทร์ถูกเปิดปาก ทำเอาชลันธรต้องปิดปากเพื่อนรักอีกครั้ง
“นี่คินทร์...ถามอะไรแบบนี้...เราก็อายเป็นเหมือนกันนะ”
“ก็เห็นคบกันสักพักแล้ว ตอนไปแสมสารก็นอนด้วยกันทุกคืนแล้วตกลงมีอะไรกันหรือยังล่ะ” นาคินทร์ถามเสียงทะเล้น จนชลันธรหน้าแดงแจ๋
“ยังหรอก เราไม่ยอมพี่นภนต์ซะอย่างก็ทำอะไรเราไม่ได้...” ชลันธรพยายามตีหน้านิ่งตอบกลับไป ทั้งที่ความจริงทั้งสองก็ถึงขั้นสำเร็จความใคร่ภายนอก
“นี่แสดงว่าอาจารย์นภนต์พยายามเข้าพระเข้านางแล้วสิ แต่นางเอกของเรากลับไม่ยอม...” นาคินทร์ยกยิ้ม ชลันธรถึงกับชะงักไม่คิดว่าคำตอบของตัวเองเมื่อครู่จะกลับมาทำร้ายเขาเสียได้
“พอเลยเราไม่คุยกับนาคินทร์แล้ว...ไปหาหนังสือทำมารายงานดีกว่า...” ชลันธรเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้เพื่อจะไปหาหนังสือตามที่ตนได้จดเอาไว้
‘หมับ...’
“ใครอะ…เอามือออกเดี๋ยวนี้นะ” ชลันธรที่มัวคุยกับนาคินทร์และหยิบกระดาษเอกสารบนโต๊ะก็ไม่ทันระวังตัวเลยโดนมือหนาคู่หนึ่งปิดตาทั้งสองข้างจากด้านหลัง เจ้าของมือนั้นขยิบตาให้นาคินทร์เป็นการส่งสัญญาณว่าห้ามบอกชลันธร ซึ่งนาคินทร์ก็ยิ้มออกมาถึงแม้ในใจจะกลัวเพื่อนที่มาใหม่ก็ตาม จะพูดเสียงดังก็ไม่ได้เพราะนี้อยู่กันในห้องสมุดที่ต้องการความเงียบ
“คินทร์ช่วยเราหน่อยสิ” ชลันธรพูดอ้อนเพื่อนตัวเล็กให้ช่วย ไม่ว่าจะพยายามแกะมือปลาหมึก หรือหยิกแขนเจ้าของมือที่กลั่นแกล้งแต่ก็ไม่สำเร็จ มือนั้นยังคงปิดแน่น พร้อมกับอารมณ์สนุกสนานของคนที่ปิดดวงตาคู่สวย
“ขอโทษนะลัน เราช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ” นาคินทร์ตอบไปเพราะไม่สามารถช่วยอะไรได้จริงๆ ด้วยสายตาคมของคนที่กำลังแกล้งนั้นน่ากลัวเหมือนมีเปลวไฟซ่อนอยู่ภายใน ชลันธรหน้าบูดทันที มือบางที่คอยหยิกคอยแกะมือคนมาใหม่ก็ทิ้งลงข้างตัวแล้วเอามากอดอก
“ถ้านับหนึ่งถึงสามไม่ยอมเอามือออกละก็ ก็ปิดให้แน่นแล้วอย่าเอาออก ถ้าเอาออกโดนดีแน่” ชลันธรเอ่ยเสียงเรียบบ่งบอกว่าให้อีกคนรับรองว่าเริ่มไม่พอใจแล้ว
“หนึ่ง….สอง….สา..”
“ปล่อยแล้วๆ…”
รพีพงศ์รีบเอามือที่ปิดไว้ออกจากตาของชลันธร ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือตอนนี้ เวลาชลันธรไม่พอใจก็มักจะประชดประชันแบบนี้เสมอ จนรพีพงศ์อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผิดกับชลันธรที่หน้านิ่งๆ ปากขบเม้มบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังงอนนิดๆ ปกติถ้าไม่สนิทชลันธรจะไม่แสดงท่าทางว่ากำลังงอนให้ใครเห็นแต่กับรพีพงศ์ที่สนิทกันอย่างรวดเร็วนั้นชลันธรรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด
“มาสายแล้วยังขี้แกล้งอีก…” ชลันธรเอ่ย วันนี้เป็นวันที่ตนนัดทำงานกลุ่มสมาชิกก็มีเขา นาคินทร์และรพีพงศ์
“ขอโทษนะลัน ผมขอโทษ ไม่งอนนะครับ นี่ผมซื้อช็อกโกแลตมาฝากทั้ง 2 คนด้วยเห็นไหม...” รพีพงศ์กล่าวคำขอโทษเสียงทะเล้น ก่อนจะวางกระเป๋าและเลื่อนเก้าอี้นั่งลงระหว่างชลันธรและนาคินทร์ เขาหยิบขนามหวานนำเข้าจากต่างประเทศสุดแพงออกมาให้เพื่อนทั้ง 2
“แค่นี้ยังไม่หายงอนนะ ถ้าอยากให้หายงอน พีกับคินทร์ต้องไปหาหนังสือมาทำรายงานเลย เราจดหนังสือที่จะใช้ให้หมดแล้ว” สมกับเป็นเด็กเรียน ก่อนหน้านี้ระหว่างที่รอรพีพงศ์ ชลันธรก็จดหนังสือที่ใช้หาข้อมูลทำรายงานแต่ครั้งนี้เขาไม่ต้องออกไปหาเอง
“ทำไมเราต้องไปด้วยล่ะ?” นาคินทร์ถาม หัวใจก็เต้นแรงด้วยความกลัว…นาคินทร์กลัวที่จะต้องออกไปหาหนังสือกับรพีพงศ์
“โทษฐานร่วมมือกัน…ไปเลย” ชลันธรตอบมือก็กอดอกใบหน้าสวยหันไปทางอื่น ท่าทางไม่ต่างกับเด็กสามขวบแสนงอนที่กำลังต่อรองกับพ่อแม่
“ก็ได้ๆ ผมกับคินทร์เราสองคนจะไปหาหนังสือกัน แต่กินช็อกโกแลตของผมด้วยนะจะได้อารมณ์ดี...” รพีพงศ์เอ่ย มือหนึ่งก็คว้ากระดาษโน๊ตจากชลันธรอีกมือก็คว้าข้อมือของนาคินทร์เอาไว้แล้วลากออกไปโดยไม่ได้สนใจว่าคนที่ถูกลากนั้นจะเจ็บข้อมือหรือไม่
“พี ปล่อยข้อมือเราเถอะเราเดินเองได้” นาคินทร์บอกกับร่างสูงน้ำเสียงปกติทั้งที่รู้สึกร้อนผ่าวตรงข้อมือที่รพีพงศ์กำลังจับ อีกทั้งรพีพงศ์พานาคินทร์เดินไปยังชั้นวางหนังสือที่อยู่ด้านหลังสุดติดกับผนังด้านหนึ่งซึ่งจุดนั้นเป็นมุมอับซึ่งไร้ผู้คน
‘ไม่ปล่อย...’
นาคินทร์แทบไม่เชื่อตัวเอง ร่างบางหยุดนิ่งเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ เขาได้ยินเสียงที่รพีพงศ์เอื้อนเอ่ยผ่านกระแสจิตและที่น่าตกใจไปกว่านั้นเสียงนี้ก็เป็นเสียงเดียวที่มาเตือนนาคินทร์เรื่องชลันธร นี่ตกลงผู้ชายตรงหน้าที่ชื่อรพีพงศ์นั้นเป็นใครกัน? นาคินทร์รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามา หากนาคน้อยอยากจะสะบัดแขนหลบหนีก็ทำได้ยากเพราะมือหนาที่ร้อนราวกับเหล็กเผาไฟบีบจับแขนเรียวจนแทบไหม้ หรือหากโวยวายไปก็เป็นจุดสนใจต่อคนอื่นๆ สุดท้ายนาคินทร์ก็ต้องปล่อยให้รพีพงศ์ลากตัวเขาไป
‘อุก..’
รพีพงศ์เหวี่ยงร่างอีกคนจนเกิดเสียงกระแทกตัวของนาคินทร์กับผนังคอนกรีต แล้วใช้แขนทั้งสองข้างยันชั้นวางเอาไว้ไม่ให้นาคินทร์หนี ตอนนี้นาคินทร์ก็ถูกกักตัวไว้ไม่ว่าจะเป็นแขนหรือด้วยตัวของรพีพงศ์ที่อยู่ตรงหน้า…ทำไห้นาคน้อยหมดหนทางหนี
“พีจะทำอะไรเรา” นาคินทร์ถามเสียงสั่น รพีพงศ์จ้องหน้าสวยที่ตื่นตระหนกราวกับลูกกวางน้อยพลัดหลงกับแม่ ถ้าตัวเขานั้นไม่ได้ยินแผนร้ายของกนธีที่ร่วมมือนาคินทร์เพื่อปองร้ายชลันธร ชายหนุ่มคงจะเชื่อว่านาคน้อยที่หน้าตาน่ารักแสนใสซื่ออย่างนาคินทร์นั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจดี หาใช่เป็นนาคที่ชั่วร้ายกล้าทำร้ายคนที่เขารักได้ลงคอ
“ฮึ อย่าทำเป็นกลัวข้าเลยนาคินทร์ ข้ารู้ว่าเจ้าคือใคร เผ่าพันธุ์นาคาของเจ้านั้นช่างเลือดเย็นนัก ทำเพียงแค่นี้เจ้าคงมิกลัวข้าดอก” ทุกการกิริยาที่หวาดกลัวของนาคินทร์ที่เขาเห็นนั้น แม้แต่น้ำตาที่คลอเบ้าจนชุ่มขนตายาว รพีพงศ์กลับมองว่านี่คือการเสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น
“พีพูดอะไร เราไม่เข้าใจ” นาคินทร์ต้องการจะปิดสถานะตัวเองให้ถึงที่สุดจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในสิ่งที่รพีพงศ์พูดออกมา
“เจ้าเป็นพญานาคและเจ้ากำลังจะหาทางทำร้ายชลันธร” รพีพงศ์พูดเสียงเรียบก่อนจะเผยรัศมีสีแดงเพลิงออกมาชั่วขณะหนึ่ง นาคินทร์สะดุ้งตกตะลึงจนขณะหนึ่งผิวขาวเนียนแปรเปลี่ยนขึ้นเป็นเกล็ดเขียวแล้วก็จางหายไป เมื่อได้รู้ว่ารพีพงศ์นั้นเป็นเทพหาใช่มนุษย์ธรรมดาเพียงแต่ยังไม่รู้ว่ารพีพงศ์มาจากสายตระกูลของมหาเทพองค์ใดแต่ที่สำคัญไปกว่ารพีพงศ์เป็นเทพ นั่นก็คือรพีพงศ์รู้เรื่องที่เขาจ้องจะทำร้ายชลันธร
“ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นาคินทร์ จงหยุดการการกระทำชั่วร้ายของเจ้าเสีย ถ้าเจ้ายังรักตัวกลัวตายอยู่ล่ะก็ หากเจ้าไม่หยุดข้านี่แหละจะหยุดเจ้าเอง ข้าจะจับเจ้าฉีกร่างแล้วโยนให้เหล่าครุฑรุมทึ้งกินมันเจ้าเสีย..!!! ” รพีพงศ์เอ่ยด้วยเสียบเรียบๆ แต่แสนน่ากลัวยิ่งนัก ทั้งท่าทาง น้ำเสียง หน้าตา ล้วนแสดงถึงความดุดัน เอาจริงเอาจังของผู้พูด กายบางของนาคินทร์นั้นสั่นระริกด้วยความกลัวแม้ร่างที่อยู่ตรงหน้าจะแผ่อุณหภูมิร้อนออกมา และในภายใจของนาคน้อยกลับมีความหนาวเย็นจับทั่วขั้วหัวใจ ถ้าไม่นับกนธีนี่คือบุคคลแรกที่นาคินทร์หวาดกลัวมากที่สุด
รพีพงศ์พอเห็นว่านาคินทร์แสดงอาการหวาดกลัวออกมาก็ย่ามใจ อย่างน้อยนาคินทร์ก็คงไม่ลงมือในเวลานี้ รพีพงศ์ลดแขนลงแล้วเดินออกมาปล่อยให้นาคินทร์นั่งทรุดอยู่กับพื้น ความจริงบุตรแห่งพระอาทิตย์ต้องการจะสังหารนาคินทร์เสียเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องใจเย็นเพราะอยากที่จะสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่ายไปก่อน เพราะอย่างไรต้องสืบสาวหาผู้บงการคนขี้กลัวอย่างนาคินทร์นึกขึ้นแล้วก็เสียดายที่คืนนั้นที่แสมสารพระจันทร์ส่องสว่างให้เห็นเพียงใบหน้าของนาคินทร์เท่านั้น รพีพงศ์จึงไม่รู้ว่าใครคือคนที่คิดร้ายต่อชลันธร
“จะไปไหนก็ไปซะ ไปให้พ้นหน้าข้า ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า...” เอ่ยปากไล่นาคน้อยไปให้พ้นๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับชลันธร ไม่ต้องพูดอะไรต่อใบหน้าซีดเซียวนั้นถึงกับลนลานหนีหนุ่มหล่อด้วยความหวาดกลัว
...‘ข้าจะปกป้องเจ้า จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรไปอีกชลันธร’... รพีพงศ์สัญญากับตัวเองแล้วคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ตัดสินโทษของชลันธร
วิมานเทพพระอาทิตย์
“เจ้าจะไปไหนรพีพงศ์!!!”
“ท่านพ่อ…คือข้า..ข้าจะไปช่วยเทพชลันธร” รพีพงศ์ที่กำลังจะเดินทางไปยังที่ประชุมสภา
“นั้นไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า รพีพงศ์จงกลับไปยังวิมานของเจ้าเสีย” สุริยะเทพห้ามปรามรพีพงศ์ เทพแห่งพระอาทิตย์รู้ดีว่าบุตรชายของตนนั้นรักใคร่ด้วยเทพแห่งมหาสมุทร ซึ่งเดิมทีตนนั้นก็ไม่ค่อยที่จะชอบใจนัก ซ้ำมาเป็นแบบนี้อีกก็ยิ่งจะไม่พอใจ อีกทั้งด้วยข้อหาของชลันธรร้ายแรงยิ่งนัก สุริยะเทพเองด้วยห่วงบุตรคนโตเกรงว่ารพีพงศ์นั้นจะติดร่างแหทัณฑ์เทวานี้ไปด้วย
“ข้าไม่กลับ!!! ข้าจะไปช่วยชลันธร!!!” อารมณ์หนุ่มนั้นเลือดร้อนด้วยมีรัก มิต่างจากโคทึกที่กำลังคึกพิโรธ รพีพงศ์ยังดื้อรั้นและพยายามที่จะออกไปช่วยคนที่ตนรัก
“ในเมื่อเจ้าไม่ฟังพ่อ พ่อก็จำจะกักขังเจ้าไว้ในวิมานเพลิง!!!” สุริยะเทพก็ใช้โซ่อัคคีตวัดพันร่างของรพีพงศ์เอาไว้
“ท่านพ่อ ท่านจะทำกับข้าเยี่ยงนี้ไม่ได้ ได้โปรดเห็นใจข้าด้วย เทพมหาสมุทรไม่ผิดเขาถูกใส่ร้าย...!!!” รพีพงศ์ทั้งร้องขอและขัดขืด แต่ยิ่งดิ้นโซ่อัคคีก็ยิ่งรัดร่างแน่น เทพพระอาทิตย์ขยับโซ่อัคคีแล้วเหวี่ยงร่างของรพีพงศ์ขังไว้ในวิมานเพลิงซึ่งตั้งอยู่ที่ใจกลางพระอาทิตย์
รพีพงศ์ที่ถูกกักขังอยู่ในวิมานเพลิงจึงไม่สามารถไปช่วยคัดค้านให้กับชลันธรได้ และหลังจากที่ชลันธรถูกสาปให้ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ รพีพงศ์ก็ต้องมาทำหน้าที่เป็นพลขับราชรถพระอาทิตย์แทนอรุณเทพผู้เป็นน้องชายฝาแฝด ที่ไปบำเพ็ญศีล ณ ถ้ำผลึกโกเมนที่เชิงเขาไกรลาส รพีพงศ์ไม่สามารถที่จะไปไหนได้ จำต้องเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด เมื่อได้มองเห็นชะตาชีวิตของชลันธรในแต่ละชาติ จนกระทั่ง…
“ท่านพี่รพีพงศ์” อรุณเทพลักลอบเข้าวิมานเพลิงมาหาผู้เป็นพี่ชาย
“อรุณเทพน้องข้า นี่เจ้าครบกำหนดบำเพ็ญศีลแล้วหรือ?” รพีพงศ์แปลกใจที่เห็นอรุณเทพกลับมาก่อนกำหนด
“ที่น้องกลับมาเพราะน้องเบื่อที่จะต้องนั่งคุยกับพวกเทวาภายในถ้ำนั่นเหลือเกิน เลยหนีกลับมาก่อนโดยที่ท่านพ่อเองก็ยังไม่ทราบ อีกอย่างน้องเองก็เห็นใจพี่ชายนัก ด้วยท่านพี่กำลังมีรัก น้องจะช่วยท่านพี่ออกจากวิมานเพลิงสถานนี้ ทีนี้ท่านพี่ก็จะได้ลงไปหาเทพชลันธร น้องจะปลอมกายเป็นท่านพี่ แล้วท่านพี่ก็จงกินเมล็ดปทุมชาติทิพย์นี่เสีย มันจะเพิ่มกำลังกาย ให้ท่านพี่ลงไปยังโลกมนุษย์ให้เร็วที่สุด” คำพูดของอรุณเทพทำให้รพีพงศ์รู้สึกปิติยินดีดั่งมีหยาดน้ำฝนทิพย์ตกลงมายังวิมานเพลิงสถานที่ไม่เคยมีหยาดฝนตกลงมาก่อน
ถึงอย่างน้อยตนก็มีน้องที่คลานตามกันมาเข้าใจ ถึงแม้จะมาช้าไปเสียหน่อยก็ตาม ร่างสูงหยิบผอบที่บรรจุเมล็ดปทุมชาติทิพย์จากมือของอรุณเทพ
“พี่ขอบใจเจ้ามากน้องรัก พี่ขอลาเจ้าไปก่อนหากกลับมาพี่จะตอบแทนเจ้าทุกสิ่งตามแต่ใจเจ้าปรารถนา” รพีพงศ์เปิดผอบแล้วกินเมล็ดปทุมชาติทิพย์เข้าไป โดยพลันร่างกายของเขานั้นแปรเปลี่ยนเป็นลูกไฟสีแดงพุ่งผ่านชั้นฟ้าลงไปยังพื้นพิภพและทันทีที่กลับสู่ร่างเดิม รพีพงศ์ก็พบว่าตนอยู่ที่ชายหาดแห่งหนึ่งและได้เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งได้ยินบทสนทนาแผนชั่วระหว่างนาคินทร์และกนธี
ส่วนอรุณเทพผู้เป็นน้องนั้นก็ทำตามสัจจาที่ให้ไว้ ปลอมกายแทนพี่ชายตามพระประสงค์ของพระผู้สร้างที่เสด็จไปพบตนที่ถ้ำผลึกโกเมนและทรงวางแผน แถมยังทรงพระราชทานผอบบรรจุเมล็ดปทุมชาติทิพย์นำมาให้รพีพงศ์อีกด้วย
“ข้าขอให้ท่านพี่ปลอดภัยกลับมา…”
ณ ห้องสมุด รพีพงศ์หอบหนังสือหลายเล่มที่ชลันธรต้องการกลับมาที่โต๊ะ แต่ชายหนุ่มไม่เห็นแม้แต่เงาของนาคินทร์คาดว่าคงจะหนีกลับไปแล้วเพราะกลัวคำขู่ของตน รพีพงศ์จึงกวาดสายตาไปทั่วจนชลันธรสังเกตได้
“มองหาคินทร์เหรอพี?” ชลันธรถามรพีพงศ์ที่ตอนนี้นั่งลงข้างๆ
“อืม คินทร์ไปไหนเหรอ? หรือว่ายังไม่กลับมา?” รพีพงศ์แกล้งถามทั้งที่ใจจริงรู้อยู่แล้วว่านาคินทร์ไม่อยู่ในห้องสมุดแห่งนี้
“อยู่ๆ คินทร์ก็ไม่สบายหน้าซีดมากเลย เราเลยบอกให้คินทร์กลับไปก่อน” ชลันธรตอบ
“ก็อืมดี…ผมจะได้อยู่กับลันสองคนไง” พียิ้มกว้าง มือก็หยิกแก้มชลันธรเบาๆ
“พีอย่ามาแกล้งเรา” ชลันธรตีมืออีกคน รพีพงศ์ก็ยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะกลัวว่าชลันธรจะงอนตนอีกรอบ
“ก็ลันน่าแกล้งนี่ครับ” รพีพงศ์เอ่ย ชลันก็ทำหน้าบูดใส่ทันที
‘พรึบ’
“อ่ะ กระดาษรายงาน”
อยู่ๆ กระดาษที่กำลังจะเตรียมเขียนรายงานก็ตกลงไปบนพื้นระหว่างเก้าอี้ของรพีพงศ์และชลันธร ทั้งสองคนก้มลงเก็บกระดาษพร้อมกัน ชลันธรจับกระดาษได้ก่อนแต่มือของรพีพงศ์นั้นวางทับลงบนหลังมือขาว ชลันธรเงยหน้าขึ้นมาทำให้ปลายจมูกนั้นไปสัมผัสกับริมฝีปากของรพีพงศ์พอดิบพอดี
“ทำอะไรกัน!” เสียงเข้มที่ดังแทรกขึ้นมากลางห้องสมุดทำเอานักศึกษาคนอื่นๆ ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่นั้นหันมามองอาจารย์หนุ่มรูปหล่อที่กำลังเดินตรงไปยังโต๊ะของนักศึกษาชายคู่หนึ่ง นภนต์ที่เดินเข้ามาพอดีกับที่ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ เทพหนุ่มรู้สึกแค้นเคืองรพีพงศ์และหึงหวงชลันธรเป็นอย่างมาก
“ลันมากับพี่!!” ไม่รอคำตอบอะไร นภนต์ก็กระชากแขนชลันธรให้มาอยู่กับตนท่ามกลางสายตานักศึกษาที่มาใช้บริการห้องสมุดทุกคน
“อาจารย์ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ” รพีพงศ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนๆ แต่แววตานั้นมีประกายแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นมา แต่มันยิ่งทำให้นภนต์โมโหมากยิ่งขึ้น มันก็แค่แผนง่ายๆ ที่ทำให้คนที่โง่มาหลายร้อยชาติอย่างนภนต์นั้นติดกับดัก แต่รพีพงศ์นั้นลืมไปว่าวิธีการที่เขาใช้นั้นมันไม่ใช่วิธีการของสุภาพบุรุษ แถมไม่รู้ว่าชลันธรจะโดนนภนต์ทำอะไรบ้าง
“หุบปาก!!! ส่วนลันมากับพี่!!!” นภนต์ลากชลันธรออกจากห้องสมุด โดยที่เทพหนุ่มไม่ได้สนว่าใครจะมองตนกับชลันธรว่ายังไง ผิดกับชลันธรที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้าและคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ลันขึ้นรถ” พอมาถึงที่รถของนภนต์ ชายหนุ่มก็สั่งชลันธรให้เข้าไปนั่งด้านในแต่ชลันธรกลับนิ่งเฉยไม่ยอมเข้า
“พี่บอกว่าให้เข้าไปนั่งก็เข้าไปนั่งสิ!!” นภนต์หัวเสีย พอยิ่งเห็นชลันธรไม่เชื่อฟังนภนต์ก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปอีก
“ลันไม่นั่ง!!!” ชลันธรดื้อรั้นกลับไปไม่ยอมทำตามที่นภนต์ว่า
“พี่บอกให้เข้าไปนั่ง ก็ต้องนั่ง อ่อ..หรือว่าถ้าไม่ใช่ไอ้ผู้ชายคนนั้นพูดก็เลยไม่ยอมทำตาม”
“ผัวะ...” เสียงหมัดรุ่นๆ ตรงเข้าไปยังใบหน้าของนภนต์เข้าอย่างจังจนใบหน้านั้น จนหันไปตามแรง
“นี่พี่คิดอะไรของพี่ พี่ไม่ไว้ใจลัน ไม่เชื่อใจลันหรือไง !!! พี่คิดจะถามลันสักนิดไหม ทำไมพี่ถึงไม่ถาม ถ้าพี่ยังไม่มีเหตุผลอย่างนี้ลันก็จะไม่คุยกับพี่!!!” ตามด้วยคำพูดที่อยากจะให้คนรักได้รับรู้ว่าเขาเสียใจ น้อยใจขนาดไหนที่นภนต์ทำอะไรขาดสติแบบนั้น
นภนต์จับแก้มที่โดนชกของตัวเอง สายตาคมที่เริ่มได้สติจากไฟหึง มองมายังชลันธรที่ตอนนี้น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ไว้เราสองคนค่อยคุยกันนะครับ…อาจารย์นภนต์” ชลันธรก้าวขาออกไปพร้อมนำความรู้สึกน้อยใจไปด้วย ทิ้งให้นภนต์ยืนกำหมัดและสับสนในตัวเอง วันนี้นภนต์ตั้งใจจะมาดูแลชลันธรแต่กลับมาเจอกับภาพบาดตาที่มันทับซ้อนกันเหมือนเหตุการณ์ในอดีตย้อนมา เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดรักร้าวระหว่างเขาและชลันธร
“ไม่…ข้าไม่ได้รักชลันธรแล้ว ข้าจะหึงหวงไปทำไมกัน !!! จะไปทำระยำตำบอนอะไรกับไอ้รพีพงศ์บ้านั่นก็เรื่องของเขาสิ !!! แต่ข้าต้องทำตามเทวาราชโองการ ต้องตามดูแลชลันธร..โธ่เว๊ย!!!” พูดไปว่าไม่รัก พูดไปว่าไม่หึง แต่การกระทำของเทพแห่งท้องนภามันแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงที่ยังคงซ่อนลึกในจิตใจหากเจ้าตัวกลับปฏิเสธ ถึงเวลานี้นภนต์จะสับสนหรือโมโหเพียงใดอย่างไรเสียก็ต้องตามไปดูแลชลันธรไม่ให้คลาดสายตา
...ยังไงตามดูห่างๆ ก็คงได้...
ทางด้านนาคินทร์พอถูกรพีพงศ์ขู่เตือนก็รีบกลับหอพักทันที ร่างบางไม่สามารถทำภารกิจต่อได้หากยังคงมีรพีพงศ์ร่วมอยู่ด้วย สายตาที่เร่าร้อนกับคำพูดที่เย็นชานั้นก็แทบจะทำให้นาคินทร์หัวใจหยุดเต้นเสียแล้ว นี่มันอะไรกันทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ... หากไม่เป็นเพราะติดบ่วงรักของกนทีตนคงไม่ยอมทำอะไรแบบนี้เป็นแน่
‘ซ่า…’
เสียงน้ำดังมาจากในห้องน้ำ นาคินทร์ที่เพิ่งกลับมาถึงก็แปลกใจ เพราะเมื่อเช้าก่อนออกไปหาชลันธรตนก็ไม่ได้เปิดน้ำทิ้งเอาไว้ ร่างบางค่อยๆ เดินไปที่ห้องน้ำพร้อมกับลางสังหารแปลกๆ ว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ มือเรียวจับลูกบิดและดันประตูที่ไม่ได้ปิดสนิทให้เปิดออก ก็พบร่างกายกำยำของเทพพระสมุทรนอนหายใจโรยรินในอ่างอาบน้ำ แต่ริมฝีปากหนาและใบหน้าหล่อคมนั้นกลับซีดเผือด
“ท่านกนธี…!!!”
...................................
ตอนนี้ใสใสไม่มีอะไรมาก มีดราม่าเบาๆให้พอได้ตื่นเต้นนิดนึง ทั้งชลันธรกับนภนต์ที่แม่ยกของรพีพงศ์คงจะสะใจ ไหนจะกนธีที่อิดโรยจนนาคินทร์แทบจะขาดใจไปด้วย มาดูกันว่าตอนหน้าจะเป็นอย่างไร ท่านยุ่งขอให้ทุกคนติดตามด้วยนะคะ
สุดท้ายขอขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เม้น ติดตาม เป็นกำลังใจให้นะคะ อ่านคอมเม้นทีก็ดีใจมากๆค่ะที่ชื่นชอบและขอบคุณคอมเม้นที่แนะนำนะคะในการใช้คำต่างๆ ท่านยุ่งจะได้นำไปปรับใช้ในตอนต่อไป